พิมพ์หน้านี้ - ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ExecutioneR ที่ 05-01-2012 09:30:12

หัวข้อ: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-01-2012 09:30:12
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


สวัสดีครับ ผมเองก็เขียนนิยาย (หรือเรื่องสั้น) ในเล้ามาหลายเรื่องแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงจะเปลี่ยนแนวจากที่เคยๆ ไปบ้างเล็กน้อยตามสไตล์ผม ยังไงก็หวังว่าจะรักจะชอบตัวละครของผมกันนะครับ ถ้าหากมีอะไรไม่ดี อยากให้ปรับปรุง เสนอแนะอะไร ก็บอกได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ อยากครับ อยากได้อยากโดนคำติชมครับ ถึงขั้นกระสันกันเลยทีเดียว

ติดต่อและคอยติดตามความเคลื่อนไหวของไอ้นั่นไอ้นี่ของผมได้ทางแฟนเพจนะครับ http://www.facebook.com/ExecutionerNovel

ส่วนนี่คือนิยาย/เรื่องสั้น ล่าสุดของผมที่เพิ่งจบไป ใครเพิ่งรู้จักผมก็ตามไปอ่านกันได้เน้อ

|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8434.0)

:: series เรื่องสั้น :: |[ love is ... ]| >> ออกัสกับแพนด้า (รักคือ...) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27818.0)

:: series เรื่องสั้น :: |[ love is ... ]| >> กีตาร์กับอาร์ม (รักคือ...) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29807.0)

:3123: :3123: :3123:

ร่วมติดตามความรักและความซี๊ดดดดส์กันได้ที่นี่ทุกอาทิตย์นะครับ ^3^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-01-2012 09:36:07
SeeeDz ที่ 1

หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงสองสัปดาห์แรกของการเปิดเทอมหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัยไปแล้ว ผมก็เริ่มที่จะเคยชินกับการเรียน การใช้ชีวิตอยู่หอ การทำกิจกรรม และการรับน้องมากขึ้น โชคดีที่ก่อนจะเปิดเทอมผมต้องมาเรียนปรับพื้นฐานก่อนประมาณหนึ่งเดือนด้วย ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนๆ รุ่นพี่ และคณะของตัวเองดีกว่าเด็กอีกหลายๆ คนที่ไม่จำเป็นต้องเรียนปรับพื้นฐานในช่วงปิดเทอม
บางทีเกิดมาฉลาดน้อยกว่ามาตรฐานนิดหน่อยก็ทำให้เรามีข้อได้เปรียบอยู่เหมือนกันแฮะ

ที่จริงผมก็เป็นคนกรุงเทพฯ และมีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ผมจึงไม่จำเป็นต้องนอนหอด้วยซ้ำ แต่พ่อกับแม่ผมอยากให้ผมหัดดูแลตัวเอง จัดการชีวิตของตัวเอง และได้สัมผัสกับประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาอย่างเต็มที่ จึงยอมควักเงินจ่ายค่าหอให้ผมทุกเดือน โดยแลกกับการที่ผมจะไม่มีรถมาขับเวลาเดินทางไปไหนมาไหน ซึ่งผมก็โอเค ไม่ได้ซีเรียสมากมายอะไร จะให้ขึ้นรถตู้ โหนรถเมล์ ต่อบีทีเอส มุดลงใต้ดิน ลงเรือ หรือเดินทางแบบไหนผมก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ เพราะถึงยังไงตอนอยู่มัธยมผมก็เดินทางแบบนั้นประจำอยู่แล้ว ถึงจะเห็นผมหน้าตาดีแลดูคุณหนู แต่ผมก็ถูกเลี้ยงมาติดดินนะจะบอกให้

ครอบครัวของผมไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยอะไรมากมายนัก ก็แค่ฐานะปานกลาง มีให้กินให้ใช้ได้ไม่ลำบาก แต่ผมดันเป็นลูกคนกลางที่เกิดมามีบุญกว่าพี่น้องอีกสองคนเยอะหน่อยตรงที่ผมได้ผิวขาวจากแม่มาเต็มๆ ในขณะที่พี่ชายกับน้องสาวของผมจะผิวออกคล้ำและหน้าไทยๆ บ้านๆ มากกว่า

ตั้งแต่เด็ก ผมมักถูกชมว่า ‘น่ารัก’ มาตลอด เป็นส่วนน้อยที่คนจะบอกว่าผม ‘หล่อ’ เพราะผมเป็นคนผิวขาว หน้าตี๋ คิ้วบาง ปากบาง แก้มป่องๆ นิดหน่อย แถมยังเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย จึงมักจะมีแต่คนบอกว่าผมเป็นคนหน้าหวาน น่ารัก น่ากอด แต่ไม่ใช่คนหล่อ เท่ หรืออะไรแนวนั้น และเพราะเหตุนี้นั่นแหละ ผมถึงได้ชอบเล่นกีฬา ดื่มนมเยอะๆ และออกกำลังมาตั้งแต่มัธยมต้น โชคยังดีที่ผมค่อนข้างสูงและไม่ใช่คนผอมเก้งก้าง ความเจ้าเนื้อนิดๆ ในตอนเด็ก ทำให้ผมสามารถปั๊มกล้ามเนื้อได้เร็วและดีกว่าคนอื่นๆ บวกกับการที่ผมเล่นบาสเก็ตบอลเป็นประจำจนเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน ทำให้ผมมีร่างกายแบบพอที่จะชดเชยหน้าตาน่ารักของตัวเองไปได้บ้าง

อ้อ แล้วก็ตอนช่วงมัธยมปลายสักราวๆ ม.5 ม. 6 นี่แหละ ที่ผมเริ่มสูงขึ้นอีกนิด หน้าของผมเริ่มเรียวขึ้น และเริ่มมีคนชมด้วยว่าหน้าตาผมดู ‘กวนตีน’ มากกว่าตอนเด็กๆ เยอะ

ผมถือว่านี่คือคำชมนะ ผมชอบ

อาจจะเพราะใบหน้าและรูปร่างของผม ที่ทำให้ผมเป็นที่รู้จักในหมู่เด็กคณะของเราค่อนข้างเยอะ แล้วมันก็พลอยทำให้ผมต้องทำกิจกรรมเยอะมากขึ้นตามไปด้วย อย่างเช่นสำหรับในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ มหาวิทยาลัยของเรากำลังจะจัดงานกีฬาสีขึ้น ซึ่งทุกคณะต้องส่งเด็กปี 1 ลงแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ ร่วมกับรุ่นพี่ แต่จะเน้นให้พวกเราเฟรชชี่เป็นตัวยืนและให้รุ่นพี่เป็นแค่พี่เลี้ยงหรือตัวสำรองมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เสนอตัวลงแข่งขันบาสเก็ตบอลทันที เพราะมันเป็นกีฬาที่ผมรักและถนัดอยู่แล้ว หรือถ้าไม่อย่างนั้นผมก็อาจจะถูกจับให้ไปลงแข่งกีฬาชนิดอื่น หรือยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือถูกจับไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ก็เป็นได้

ด้วยการที่ทั้งต้องเรียน ต้องซ้อมร้องเพลงเชียร์ ซ้อมเดือน และซ้อมกีฬา จึงทำให้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมยุ่งมาก เวลาหลังเลิกเรียนของผมเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกมอบหมาย อย่างเช่นในวันนี้ หลังจากที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องเชียร์ช้ากว่าคนอื่นเพราะถูกสั่งซ่อมและลงโทษนิดหน่อย ผมก็รีบวิ่งไปที่โรงยิมของมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะซ้อมบาสเก็ตบอลต่อทันที
โชคดีที่ผมไม่ใช่แค่มาใช้โรงยิมสำหรับฝึกซ้อม แต่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัยอีกด้วย ทำให้ผมมีล็อคเกอร์เป็นของตัวเอง และสามารถใช้อุปกรณ์ในโรงยิมทุกอย่างได้ฟรี รวมถึงห้องอาบน้ำและห้องฟิตเนสก็ด้วยเช่นกัน

เมื่อผมวิ่งมาถึงที่สนามบาส ผมก็พบกับรุ่นพี่ที่คณะของตัวเองและเพื่อนรุ่นเดียวกันอีก 4-5 คนกำลังยืนคุยกันอยู่ใต้แป้นบาส ผมเดินเข้าไปทักทายพวกเขาแล้วก็ถูกสั่งให้รีบไปเปลี่ยนชุดเสีย ผมหันหลังกลับและรีบวิ่งเหยาะๆ ตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อ แต่ด้วยความที่ผมไม่ได้มองทางให้ดีและลืมระวังคนที่จะเดินสวนออกมา ผมจึงชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากข้างในห้องเข้าอย่างจัง

ผมว่าผมก็ไม่ใช่คนตัวเล็กแล้วนะ แต่คนที่ผมวิ่งไปชนนั้นกลับตัวสูงและใหญ่กว่าผมเสียอีก เขาทำให้ผมต้องเซถลาไปด้านหลัง 2-3 ก้าวก่อนจะตั้งหลักได้ทัน

“โทษทีๆ เป็นไรป่าว” ชายคนนั้นถามขึ้น แต่ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความรู้สึกขบขันอยู่จางๆ

“ไม่ๆ ไม่เป็นไร โทษที ผมไม่ได้มองทางเอง”

“โอเค ดีแล้ว” เขายิ้มพร้อมยักคิ้วข้างหนึ่งให้ผมก่อนจะเดินจากไป

ผมรีบเดินไปยังล็อคเกอร์ของตัวเองแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็กลับออกมาซ้อมกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่ต่อจนถึงหัวค่ำ หลังจากที่ซ้อมเสร็จ ผมก็เดินไปเก็บของที่ห้องล็อคเกอร์ และเดินออกจากมหาวิทยาลัยพร้อมกับเพื่อนๆ ผมปฏิเสธที่จะไปกินข้าวกับพวกมัน เพราะอยากจะรีบกลับไปอาบน้ำที่หอก่อนเป็นอย่างแรก

เมื่ออาบน้ำแต่งตัวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินลงจากหอออกไปหาอะไรกิน แต่หลังจากเดินไปเดินมาอยู่พักหนึ่ง ผมก็คิดไม่ออกสักทีว่าจะกินอะไรดี ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเดินเข้าเซเว่นฯ แล้วหยิบข้าวกล่องออกมาสองกล่อง พร้อมด้วยขนมขบเคี้ยว นม และน้ำผลไม้อีกจำนวนหนึ่ง ในตอนที่ผมจ่ายเงินเสร็จและกำลังจะเดินออกจากเซเว่นฯ นั้นเอง ผมก็ต้องผงะเล็กน้อย เมื่อผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินสวนเข้ามาข้างในพอดี

เมื่อเราสองคนมองหน้าของกันและกัน และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร เราต่างก็ยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยกันทั้งคู่

“จะชนอีกแล้ว วันนี้เราเจอกันแบบนี้ตลอดเลยแฮะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“ก็นั่นน่ะสิ”

เขาพยักหน้าให้ผมน้อยๆ พร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน ส่วนผมก็เดินออกจากเซเว่นฯ ตรงกลับหอไปแบบไม่ได้คิดอะไรอีก

เช้าวันต่อมา ผมเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า แต่ก่อนที่จะไปยังตึกคณะ ผมก็แวะที่โรงอาหารเพื่อกินข้าวเช้าเสียก่อน แล้วผมก็เจอกับผู้ชายคนเมื่อวานอีกครั้งเข้าจนได้ เขาเพิ่งรับจานข้าวมาจากแม่ค้าและกำลังจะเดินออกมาจากร้านที่ผมกำลังจะไปต่อแถวซื้อพอดี

“อ้าว หวัดดี” เขาทักผมก่อน “กินข้าวเช้าเหรอ”

“ใช่ๆ แต่โชคดีนะที่วันนี้เราไม่ได้จะเดินชนกันอีกน่ะ”

“ฮ่าๆๆ นั่นสิ เราว่าเราสองคนต้องเลิกเจอกันแบบจะเดินชนกันได้แล้วว่ะ แถมวันนี้ยังใส่ชุดนักศึกษาอีกด้วย ขืนเลอะไปล่ะเซ็งตายห่าเลย”

ด้วยชุดนักศึกษาและเนกไทของมหาวิทยาลัยที่เขาใส่อยู่ ทำให้ผมมั่นใจเลยว่าเขาเองก็ต้องเป็นเด็กปี 1เหมือนผมแน่ๆ

“ช่ายยย แต่วันนี้เรายังไม่ได้ชนนายนะเว้ย”

“รู้แล้วน่า ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“ฮ่าๆ เปล่าๆ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนกัน แค่ออกตัวไว้ก่อนเฉยๆ”

“แล้วนายมากับใครล่ะ มากับเพื่อนรึเปล่า”

“เหอะ มาคนเดียวอะ”

“งั้นซื้อข้าวแล้วไปนั่งกินด้วยกันมั้ย” เขาชวน

“ได้ๆ งั้นรอแป๊บนึงแล้วกัน”

หลังจากที่ผมซื้อข้าวเสร็จ ผมกับเขาก็เดินไปหาโต๊ะว่างแล้วนั่งลงกินข้าวด้วยกัน เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อ นะ เรียนอยู่คณะวิศวะ ส่วนผมก็บอกเขาไปว่าผมชื่อ ซี เรียนอยู่บริหารภาคอินเตอร์ฯ แต่โง่ภาษาอังกฤษมาก ดูท่าทางเขาจะชอบใจเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ตลอดเวลาที่เราคุยกัน ผมว่าเขาดูเป็นคนที่อารมณ์ดีและเป็นคนสุภาพคนหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าหน้าตา รูปร่าง และบุคลิกของเขาอาจจะดูขัดๆ กับสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่บ้างก็ตามที เพราะอย่างที่ผมบอกว่าเขาเป็นคนรูปร่างสูงกว่าผมเสียอีก น่าจะสูงถึง 185 ด้วยซ้ำ นอกจากนั้นเขายังมีร่างกายที่กำยำ และผิวสีแทนแบบคนเล่นกีฬา ซึ่งพอผมถามเขาว่าเขาเล่นกีฬาอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เขาก็บอกผมว่าเขาเคยเป็นนักกีฬารักบี้สมัยตอนเรียนมัธยม เราสองคนต่างก็ยอมรับว่าเราไม่ได้รู้จักกฎกติกาของกีฬาที่อีกฝ่ายเล่นดีนัก แต่นอกเหนือจากนั้นเราก็คุยกันอย่างถูกคอ ถูกคอเสียจนเราต่างก็แทบจะลืมเวลาไปเลย

“เฮ้ย เก้าโมงแล้วว่ะ เราต้องรีบไปแล้ว คาบแรกนี้อาจารย์เช็คชื่อเร็วด้วยดิ” ผมพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋า

“เออ เราก็เหมือนกันว่ะ ตึกวิดวะแม่งอยู่ไกลด้วย” เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบจานของผมไปวางซ้อนลงบนจานเปล่าของเขา

“เฮ้ย ไม่ต้องๆๆ เดี๋ยวเราเก็บเองได้”

“ไม่เป็นไร นายรีบไปเหอะ เดี๋ยวสาย”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า สายก็สายเหมือนๆ กัน เอามานี่” ผมหยิบจานของตัวเองออกมา แล้วจากนั้นเราสองคนก็เดินเอาจานไปเก็บตรงที่วางจานด้วยกัน

“โอเค ถ้างั้นเราไปแล้วนะเว้ย เอาไว้ค่อยเจอกันใหม่แล้วกัน” เขาพูดพลางดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

“โอเคๆ โชคดีๆ”

เราสองคนโบกมือลา แล้วเขาก็รีบหันหลังวิ่งไปทางตรงกันข้ามกับตึกของผม ส่วนผมเองก็ต้องรีบวิ่งเพื่อไปเรียนให้ทันด้วยเหมือนกัน

หลังจากที่เรียนครึ่งเช้าจบ ผมที่ไม่มีเรียนในตอนบ่าย ก็อาศัยเวลาเท่าที่มีอยู่ นั่งรถไปหาน้อย แฟนของผมที่ห้างแห่งหนึ่งตามที่เรานัดกันเอาไว้ น้อยเป็นแฟนคนล่าสุดของผมที่เราดูๆ กันมาได้สักพักแล้ว แต่เนื่องจากที่บ้านของเราอยู่ไกลกัน เราเรียนกันคนละมหาวิทยาลัย และช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ตารางเวลาของผมแน่นมาก ทำให้เราแทบจะไม่ค่อยได้เจอกันเลย แต่ถึงอย่างนั้น เราสองคนต่างก็มีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันและตัดสินใจจะคบกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับหาเวลามาเจอกันและกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผมเคยมีแฟนมาหลายคนนะ ถึงผมจะไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่คงด้วยหน้าตาของผมที่ทำให้ผมมีตัวเลือกเดินเข้ามาให้เลือกเยอะ แต่น่าเศร้าที่ตลอดเวลาที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่คบกับผมได้เกินปีเลยสักคน และสำหรับน้อยแล้ว ผมก็ยังไม่คิดว่าเราจะคบกันรอดเกินหนึ่งปีด้วยเช่นกัน ถึงผมจะชอบเขามาก แต่ทว่ามันก็ยังไม่มากพอที่ผมจะรู้สึกว่าเขาคือคนที่ใช่ และบางครั้งผมคิดว่าน้อยเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน เพียงแค่เราไม่ได้พูดมันออกมาเท่านั้นเอง เราต่างก็คงอยากจะมีความสุขกับช่วงเวลาที่มีกันและกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ มากกว่า

“นี่ ซีไม่อยากเปลี่ยนทรงผมมั่งเหรอ” น้อยถามผมขึ้นในขณะที่เรากำลังนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน “ซีไว้ผมทรงนี้ทรงเดียวมาตั้งแต่เรารู้จักกันแล้วนะ พอเข้ามหาลัยแล้วน้อยก็คิดว่าซีอยากจะไว้ผมยาวขึ้นอีกสักหน่อยซะอีก”

ผมยกมือขึ้นลูบหัวเกรียนๆ ของตัวเองเบาๆ “ม่ายเอาอะ ซีชอบผมทรงนี้มากกว่าน่ะ เวลาเล่นกีฬาก็ไม่น่ารำคาญด้วย แล้วซีก็เคยบอกน้อยแล้วไง ซีคิดว่าทรงนี้มันทำให้หน้าซีดูไม่หวานแล้วก็ไม่เด็กเกินไปด้วยอะ”

“ไอ้เรื่องทำให้หน้าดูแมนขึ้น ดูไม่หวานเนี่ย ก็พอเข้าใจอยู่หรอก แต่น้อยว่ายิ่งหัวเกรียนๆ แบบนี้ ซียิ่งดูหน้าเด็กลงกว่าเดิมอีกนะ แถมน้อยกว่าบางทีแววตาของซีก็ทำให้ซีดูกวนโอ๊ยอีกด้วย จะบอกให้”

“จริงอะ”

“อื้อ ก็จริงอะดิ นี่ถ้าซีไม่ใส่ชุดนักศึกษาหรือตัวไม่สูงใหญ่แบบนี้นะ น้อยว่าซีคงยังโดนทักว่าเป็นเด็กมัธยมอยู่เลยแน่ๆ”

“เฮ้ยยย แต่ซีก็ตัวประมาณนี้มาตั้งแต่ม. ปลายแล้วนะ”

“นั่นแหละๆ หน้าไม่ให้ แต่ตัวใหญ่ยังกะควายไง”

“เกินไปๆ ตัวเองนั่นแหละ หน้ามัธยมแต่นมปริญญาโท จะแบกมาทำไมเยอะแยะเนี่ย ขุดออกไปเก็บไว้ที่บ้านมั่งก็ได้”

“ทะลึ่ง!” น้อยหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะขึ้นปาใส่หน้าผม

“นี่ ตัวเอง... คืนนี้ไปนอนหอซีป่าวววว” ผมทำตาหวาน

“ไม่ได้อะ คืนนี้ไปไม่ได้ ป๊าอยู่บ้านอะ”

“โหหห อะไรวะ อีกแล้วเหรอเนี่ย ทำไมไม่บอกเค้าไปล่ะว่าไปค้างบ้านเพื่อน ทำงงทำงาน อะไรแบบเนี้ย”

“น้อยไม่อยากโกหกป๊ากับม้าบ่อยๆ นะ ซี เกิดพอถึงช่วงเวลาทำงานจริงๆ แล้วป๊าไม่ยอมให้น้อยออกจากบ้าน ไม่ยอมให้กลับดึกอะไรแบบนี้ แล้วน้อยจะทำไงล่ะ”

“รู้แล้วๆ ซีก็ไม่อยากให้น้อยโกหกป๊ากับม้าเหมือนกัน แต่ว่ามันก็นานแล้วนะที่เราไม่ได้....” ผมใช้นิ้วชี้เขี่ยหลังมือของน้อยเบาๆ

“ทะลึ่ง! เดี๋ยวใครก็เห็นหรอก!” น้อยชักมือกลับพร้อมรอยยิ้มอายๆ

“แคร์ทำไม ก็หน้าตาดีอะ คนหน้าตาดีทำอะไรก็ม่ายยผิดดดด” ผมทำหน้าทะเล้น

“จ้าาา พ่อคนหล่อ! อย่าให้จับได้นะว่าแอบไปกิ๊กกับสาวอื่นหรือแอบไปมีอะไรกับใครที่ไหนน่ะ ไม่อย่างนั้นน้อยฟันหลุดเลยจริงๆ ด้วย!”

“คร้าบบบบ ไม่ไปแอบกิ๊กกั๊กใครที่ไหนหรอกครับ ซีไม่ใช่คนเจ้าชู้และไม่เคยนอกใจใครอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็เจอแต่สาวๆ หักอกซี แอบซีไปมีกิ๊กทั้งนั้นแหละ” ผมเบะปาก

“สมน้ำหน้า!”

“โห ใจร้ายว่ะ อย่าบอกนะว่าตัวเองก็คิดจะทิ้งซีไปมีกิ๊กด้วยอีกคนน่ะ”

“ก็ถ้าซีเจ้าชู้ก่อนก็ไม่แน่!” น้อยแลบลิ้นใส่ผม

“ถ้างั้นก็ไม่มีวันหรอก!” ผมแลบลิ้นใส่คืน

เวลาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านพ้นไป ผมก็ยังคงไปซ้อมที่ยิมตามปกติ และผมก็เริ่มได้เจอกับนะบ่อยมากขึ้นด้วยเช่นกัน ถึงในช่วงกลางวันเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะตึกคณะเราอยู่กันคนละฝั่งของมหาวิทยาลัย และถึงแม้ในตอนเย็นเราจะไม่ได้เจอกันทุกเย็นที่โรงยิม แต่เราสองคนก็มีนัดกินข้าวเช้าด้วยกันเกือบทุกวันโดยที่เราไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากพูดหรือนัดกันอย่างเป็นทางการเลย

นะเล่าให้ผมฟังว่าตั้งแต่เขาเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็ไม่ได้เล่นรักบี้อีกเลย เขาจึงต้องมาเล่นกล้ามที่ฟิตเนสของมหาวิทยาลัยเป็นประจำเพื่อดูแลหุ่นและร่างกายของตัวเองอยู่เสมอ และเขาก็ยังบอกกับผมอีกว่าหลังจากนี้ เมื่อเขาเริ่มชินกับการเรียนและชีวิตมหาวิทยาลัยแล้ว เขาจะกลับไปเล่นรักบี้อีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่กับที่ชมรม ก็คงจะไปเล่นกับพวกเพื่อนเก่าของเขานอกมหาวิทยาลัย

“แล้วจะว่าไป ทำไมนายไม่ไปเล่นฟิตเนสที่อื่นอะ อย่างแบบฟิตเนสเฟิร์ส หรือแคลิฟอร์เนียฯ อะไรเงี้ย อุปกรณ์มันน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ อย่างเราเองก็เป็นสมาชิกที่ฟิตเนสเฟิร์สอยู่เหมือนกัน แต่พักหลังๆ นี้ก็ไม่ได้ไปเลยว่ะ ไม่มีเวลาเลย”

“เราไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอก เสียดายตังค์อะว่ะ และที่สำคัญ เล่นที่ ม. เรานี่ก็ได้ ถึงมันจะไม่ได้หรูหราเท่ากับที่แบบนั้น แต่ผลลัพธ์มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มซื่อๆ

“เออ มันก็จริงนะ”

“ใช่มั้ยล่ะ ยิ่งเรามาจากต่างจังหวัด เราก็ไม่ค่อยอยากจะขอเงินครอบครัวเยอะแยะอะนะ”

“นายมาจากต่างจังหวัดเหรอ มาจากที่ไหนอะ”

“เราเป็นคนโคราช นายล่ะ”

“เราคนกรุงเทพฯ ว่ะ แต่มานอนหอเพราะพ่อกับแม่ไม่รักอะ”

“เหออออ”

“ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ คือเค้าค่อนข้างปล่อยเราไง เพราะเค้ารู้ว่าเราจะทำกิจกรรมเยอะ แล้วก็อยากให้เราฝึกดูแลตัวเอง ไรเงี้ย เค้าก็เลยให้เรานอนหอน่ะ”

“อ๋อออ เออ ก็ดีนะ”

จากแรกๆ ที่เราคุยกันถึงแต่เรื่องมหาวิทยาลัย เรื่องรับน้อง งานกีฬาสีที่ใกล้จะมาถึง และเรื่องไกลตัวอื่นๆ ทั่วไป จนถึงตอนนี้ เราก็เริ่มที่จะคุยกันเรื่องส่วนตัวกันมากขึ้น เช่นเรื่องของครอบครัว ความชอบ นิสัย และอะไรอื่นๆ

“ว่าแต่นายเล่มกล้ามมานานยังวะ นะ” ผมถาม

“ก็ตั้งแต่ ม. 3 ล่ะมั้ง คือเราเป็นคนสูงมาตั้งแต่เด็กแล้ว และไม่อยากจะผอมจนดูเก้งก้างเกินไปน่ะ ก็เลยออกกำลังมาตลอด แต่พอ ม. 4 เริ่มเล่นรักบี้ ก็เลยยิ่งต้องปั๊มกล้ามเนื้อขึ้นไปอีกหน่อยน่ะ”

“อ๋อออ เออๆ คล้ายเราเลย เราก็เป็นคนสูงเแล้วก็ไม่อยากดูผอมเกินไปเหมือนกัน ก็เลยต้องออกกำลังสักหน่อย ว่าแต่นายสูงเท่าไหร่วะ ไม่สนใจเล่นบาสบ้างรึไง”

“เราสูง 183 ว่ะ แล้วเราก็เคยเล่นบาสนะ คือก็เล่นได้ เล่นเป็น แต่ไม่ได้เล่นจริงจังเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้กฎกติกาอะไรมากมายด้วย เราว่าเราชอบรักบี้มากกว่าอะว่ะ”

“อืมๆ เข้าใจๆ”

“เฮ้ย ถามจริง นายว่าเราดูตัวใหญ่เกินไปรึเปล่าวะ” เขาชะโงกหน้าเข้ามาหาผมแล้วพูดเสียงต่ำ

ผมเลื่อนสายตามองไปยังหัวไหล่และแขนทั้งสองข้างของเขา เมื่อนะเห็นว่าผมกำลังสำรวจร่างกายของเขาอยู่ เขาก็เอนหลังกลับไปเป็นนั่งหลังตรงทันที หน้าอกของเขาดันเสื้อนักศึกษาที่ขนาดพอดีตัวออกมาเป็นลูกเล็กน้อย

“ก็ไม่นะ เราว่าปกติว่ะ คือก็ดูล่ำอะ ดูก็รู้เลยว่าหุ่นดี แต่ก็ไม่มากเกินไปหรอก นายตัวสูงด้วยไง แล้วยังหน้าเข้มๆ อีก หุ่นประมาณนี้ก็กำลังดีแล้วว่ะ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่แน่”

“เออ นั่นดิ แฟนเรามันชอบเรียกเราว่า ‘ไอ้หมีควาย’ อยู่เรื่อยจนเราเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองแล้วเนี่ย”

“เฮ้ยย อย่าไปซีเรียสเด่ะ หุ่นดีๆ ก็ดีแล้วน่า แฟนนายตัวเล็กเองรึเปล่าเหอะ”

“เอ่ออ ก็ใช่อะ แฟนเราสูงแค่ 160 เอง”

“แล้วแฟนนายเรียนอยู่ที่คณะเดียวกันรึเปล่าวะ”

“เปล่าว่ะ เค้าอยู่ที่โคราชอะ”

“อ้อออ... สวยมะ” ผมยักคิ้วกวนๆ

“สวยเด่ะ โด่ ระดับนี้แล้วจะมีแฟนหน้าปลวกๆ ได้ไง” เขาหัวเราะ “ล้อเล่นๆ เราไม่ได้คบคนที่หน้าตาหรอก แต่มันก็น่ารักอะ เราชอบผู้หญิงตัวเล็กด้วยไง แล้วนายอะ มีแฟนยัง”

“มีแล้วเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่มหาลัยนี้ว่ะ ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก”

“อืมๆ แล้วสวยมะ”

“แน่นอนดิว่ะ โด่!”

“ฮ่าๆๆ กะแล้ว แต่จะว่าไปจะมีใครบอกว่าแฟนตัวเองไม่น่ารักเหรอวะ”

“เออ ก็นั่นน่ะสิ... เออ ใช่ๆ เราว่าหลังจากจบกีฬาสีนี้แล้วเราก็จะกลับไปเล่นฟิตเนสเหมือนกัน สนใจไปด้วยกันมั้ยล่ะ จะได้มีเพื่อนเล่นและคอยช่วยดูให้ด้วย”

“ที่ไหน ที่ๆ นายเล่นอยู่อะเหรอ ถ้าแบบนั้นคงไม่ได้หรอกว่ะ เราไม่ได้เป็นสมาชิกนี่”

“ก็เล่นที่นี่น่ะแหละ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนไง หรือจริงๆ ถ้านายอยากไปลองเล่นที่ฟิตเนสที่เดียวกับเราก็ไปได้นะเว้ย เราพาเกสท์เข้าไปได้อยู่แล้ว จำไม่ได้เหมือนกันว่ากี่ครั้ง แต่เอาไว้ลองไปดูหน่อยก็ไม่เสียหายนี่หว่า”

“โอเค ถ้าแบบนั้นก็คงได้แหละ” เขายิ้มกว้าง “ขอบใจนะเว้ย”

“ไม่เป็นไร เราเองจะได้ขอคำแนะนำจากนายด้วยไง นายดูเชี่ยวชาญกว่าเราเยอะว่ะ เราอยากเล่นแขนช่วงบนกับหัวไหล่เพิ่มอีกหน่อยอะ เวลาเข้าใต้แป้นจะได้สู้คนอื่นได้ แล้วก็อยากเพิ่มขากับเพิ่มสปีดตัวเองด้วย”

“เพิ่มขานี่เพิ่มไงวะ เพิ่มจากสองขาเป็นแปดขาเหรอ”

“ตลกมาก!” ผมดีดเศษข้าวที่หล่นอยู่บนโต๊ะใส่หน้าเขา เขาหลับตาปี๋ทันทีที่เม็ดข้าวกระเด็นไปโดนหัวคิ้วของเขา “ทุกวันนี้ก็ได้ชื่อว่า ‘ซีสามขา’ อยู่แล้ว จะเอามาอีกทำไมเยอะแยะ”

“ถุ๊ยยย! ฮ่าๆๆ!”

“เดี๊ยะๆ กวนตีนนะเราเนี่ย” ผมยกส้อมขึ้นชี้หน้าเขา

“แล้วจะเอาไงล่ะ จะเริ่มเมื่อไหร่ดี”

“อืมมมม” ผมคิด “ก็คงหลังงานเฟรชชี่จบอะมั้ง ซึ่งมันก็คง...”

“เฮ้ย ไอ้ซี!”

ผมหันไปตามเสียงเรียกแล้วก็เห็นเพื่อนของผมที่คณะสี่คนกำลังเดินตรงมาหาพวกเรา

“แดกข้าวเหรอวะ”

“เออ เสร็จแล้วเนี่ย นั่งคุยกับเพื่อนกูอยู่” ผมพูดกับพวกมัน แล้วจากนั้นก็หันไปหานะ “นะ นี่เพื่อนเรา ชื่อไอ้ก้อง ไมค์ โต แล้วก็ ไอ้รัน”

“ทำไมแค่ชื่อกูกับไอ้ก้องถึงต้องมีคำว่า ‘ไอ้’ นำหน้าด้วยวะ สาดแม่ง เลือกปฏิบัตินี่หว่า” ไอ้รันพูดขึ้น

“ครวย ทำเป็นน้อยใจ ไอ้จืด เดี๋ยวกูเตะกระเด็นเลย แล้วก็พวกมึง นี่เพื่อนใหม่กู ชื่อนะ เรียนอยู่วิดวะ”

“หวัดดีๆ” นะผงกหัวน้อยๆ ให้เพื่อนผมทุกคน

“งั้นเดี๋ยวพวกเราขอนั่งด้วยคนนะครับ จะมากินข้าวเหมือนกัน” ไอ้ก้องพูด

“ได้ๆ ตามสบายเลย แต่เดี๋ยวเราก็จะไปเรียนแล้วว่ะ ตึกแม่งไกล ไม่อยากวิ่งไปเหมือนครั้งก่อนอีก เหนื่อย” นะหัวเราะเบาๆ

“อ้าว จะไปแล้วเหรอ”

“ช่าย แล้วตกลงเรื่องที่คุยกันว่ายังไงดี เย็นนี้จะเจอกันมั้ยวะ”

“เออ นั่นดิ ทุกวันนี้ก็อาศัยบังเอิญเจอตลอด เอางี้ๆ เอาเบอร์มา เดี๋ยวเรายิงไปแล้วถ้าจะนัดเจอกันยังไงเดี๋ยวโทรไปอีกที เค๊”

“ได้ๆ” เขาบอกเบอร์ของเขาให้กับผม แล้วจากนั้นก็โบกมือลาพวกเราทุกคนพร้อมกับเดินออกจากโต๊ะไป

“ใครวะ ไอ้ซี เพื่อนมึงตอนมัธยมเหรอ ไม่ใช่ใช่มะ” ไอ้ก้องถาม

“เออ บังเอิญรู้จักกันอะว่ะ ก็รู้จักได้สักพักแล้วล่ะ เล่าแล้วยาว ทำไมวะ”

“เปล่า ไม่มีไร แค่ถามเฉยๆ” มันยักไหล่ “เห็นมึงเพิ่งขอเบอร์กันด้วย ไรเงี้ย”

“กูว่าแม่งล่ำว่ะ ล่ำกว่ามึงอีก แถมหน้าตาดีด้วย นายแบบรึเปล่าวะ” ไอ้โตถามขึ้นบ้าง

“มันเคยเป็นนักกีฬารักบี้น่ะ แต่เรื่องหน้าตา กูว่ากูหน้าตาดีกว่านะ” ผมพูดกวนๆ

“ถุย! ไอ้ตี๋เอ๊ยย!” ไอ้ก้องตบหัวผมเบาๆ

“แต่รู้มั้ยว่าการที่มึงสองคนนั่งอยู่ด้วยกันเมื่อกี้น่ะ พวกมึงแม่งโคตรเด่นเลยว่ะ พวกกูกวาดตามองเข้ามาในโรงอาหารแปร๊บเดียวก็เห็นมึงสองคนส่องประกายแว้บว้าบท่ามกลางไอ้พวกสามัญชนพวกนี้อย่างชัดเจนมากๆ อะ ไอ้ครวย มึงช่วยแบ่งความหล่อมาให้กูมั่งสิวะ สาดเอ๊ยยยย สวรรค์แม่งไม่ยุติธรรมเลยว่ะ!” ไอ้โตทำท่าทุบโต๊ะ

“ก็มึงมันไม่ใช่สวรรค์ส่งมาเกิดแต่เป็นนรกน่ะสิ ไอ้ควาย!”

“อ้าว ไอ้เชี่ยก้อง ไอ้ไข่กบ! ถ้ากูนรกส่งมาเกิด มึงก็เป็นผีพุ่งใต้แล้วล่ะ ไอ้เชี่ย!”

“อ้าวๆ ไอ้โตมันบอกว่ามึงชิงหมาเกิดอะ ไอ้ก้อง” ไอ้รันช่วยพูดเสริม

“เสือก!!”

“พอๆๆ พอได้แล้ววว พวกมึง! นี่ตกลงจะแดกข้าวกันรึเปล่า ถ้าจะแดกก็รีบๆ ลุกไปได้แล้ว กูจะเฝ้าของให้ นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะเว้ย!” ผมรีบเตือน

“เดี๋ยวเหอะมึง สักวันพวกมึงจะโดนกูเตะปาก” ไอ้ก้องยืนขึ้นแล้วชี้หน้าเพื่อนทั้งสามคน

“อ้าว เวร แล้วกูเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย...” ไอ้ไมค์พึมพำเบาๆ แล้วจากนั้นพวกมันสี่คนก็เดินออกไปซื้อข้าวด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-01-2012 09:36:58

จากตอนแรกที่ผมเคยรู้สึกเฉยๆ ก็กลายเป็นผมเริ่มที่จะรอคอยการได้มากินข้าวเช้ากับนะมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้รู้จักเขามากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกชอบเขามากขึ้นเท่านั้น เขาดูเป็นคนซื่อๆ จริงใจ และอารมณ์ดีมาก เวลาที่เราอยู่ด้วยกันก็ดูเหมือนเราจะมีเรื่องให้คุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง เรามีความสนใจและความเห็นคล้ายกันในหลายๆ อย่าง ผมคิดว่านั่นคงเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เราสนิทสนมกันไวมาก จนในที่สุดเขาก็เริ่มสนิทกับกลุ่มเพื่อนๆ ของผมมากขึ้นตามไปด้วย

ผมยังคงต้องไปซ้อมบาสเก็ตบอลในตอนเย็นแทบทุกวัน และบางเย็นผมยังต้องไปซ้อมการแสดงสำหรับประกวดดาวและเดือนของมหาวิทยาลัยจนต้องกลับดึกถึงเที่ยงคืนหรืออาจจะหลังจากนั้นอีกด้วย ทำให้ผมที่มีเรียนเช้าทุกวันเริ่มจะทรุดโทรมลงไปทุกทีๆ

“เฮ้ย นายโทรมมากเลยนะเนี่ย ไอ้ซี ไหวรึเปล่าวะ” นะพูดขึ้นในตอนที่เรากำลังนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน เขาคงเห็นว่าสภาพผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ล่ะมั้ง

“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละวะ ทนอีกอึดใจเดียว อาทิตย์หน้าก็จะจบแล้ว”

“คือหน้านายโทรมมากอะ ตอนนี้ โทรมกว่าในรูปโปสเตอร์ที่แปะอยู่เต็มมหาลัยเยอะเลยว่ะ”

“จริงดิ” ผมยกมือขึ้นจับใบหน้าของตัวเองทันที “โทรมขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“หน้ายังเนียนอยู่หรอก แต่ตาโบ๋ว่ะ แถมดูเพลียๆ เหนื่อยๆ อะไรเงี้ย”

“ก็เหนื่อยอะดิ แม่งงง ทั้งซ้อมบาส ซ้อมการแสดง ซ้อมร้องเพลง ห่าเหวไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดเลยอะ เหนื่อยยย! นี่ยังดีนะที่เราไม่ได้มีเรียนบ่ายทุกวัน เลยยังพอมีเวลาได้กลับไปนอนพักที่หอตอนบ่ายบ้าง แต่ก็แย่ตรงที่ดันมีเรียนคาบเช้าทุกวันด้วยนี่แหละ”

“เอาเว้ย สู้ๆ อีกแค่อึดใจเดียวอย่างที่นายบอกนั่นแหละ แล้วถ้าไงตอนแข่งบาสเดี๋ยวเราจะไปเชียร์ด้วย”

“หือออ จะมาเชียร์คณะเราเนี่ยนะ แล้วคณะตัวเองล่ะ”

“เอาเป็นว่าเข้ารอบมาเจอกับเด็กวิศวะให้ได้ก่อนเหอะ เด็กบริหารมันจะมาสู้วิศวะได้ยังไง” เขาหัวเราะ

“หืมมมม เดี๋ยวคอยดูเหอะ มึ๊งงง”

“เออ จะคอยดู แล้วก็จะคอยดูตอนนายไปยืนเต้นร้องเพลงแสดงความสามารถพิเศษบนเวทีด้วย”

“เฮ้ย! ไม่ต้องเลยยยย จริงๆ เราก็ไม่ได้อยากประกวดเลยนะเว้ย วุ่นวายจะตายห่าอะ เหนื่อยด้วย”

“แล้วจะประกวดไปทำไมวะ ก็ปฏิเสธเค้าไปตั้งแต่แรกดิ”

“ปฏิเสธไม่ได้อะดิ โดนขู่มาว่าถ้าไม่อย่างนั้นจะจับไปเป็นหลีดแทนอะ” ผมเบ้ปาก

“จริงเหรอวะ ฮ่าๆๆ อยากเห็นอะ”

“ไม่ต้องเลย ไม่ขำนะเว้ย และอีกอย่าง ประกวดเดือนก็ดีอะ ถือเป็นเกียรติดีออก เราหน้าตาดีก็ต้องภูมิใจและเต็มใจนำเสนอกันหน่อยดิ จริงมะ” ผมยักคิ้วรัวๆ ส่วนนะก็หัวเราะชอบใจใหญ่ “ว่าแต่นายเองเหอะ ทำไมไม่เป็นตัวแทนคณะตัวเองประกวดเดือนมั่งวะ บอกตรงๆ นะเว้ย เราเห็นหน้าเดือนคณะวิดวะแล้วแม่งเพลียว่ะ คือมันก็ไม่ได้ขี้เหร่นะเว้ย แต่แบบแม่งเซอร์ไปปะ เราว่านายหน้าตาดีกว่าเยอะเหอะ”

“ฮ่าๆๆ ไอ้โด่งใช่มะ แต่ไอ้โด่งมันนิสัยดีนะเว้ย ออกแนวบ้าๆ บอๆ อะ โคตรจะกล้าแสดงออก คนชอบมันเยอะแยะ เราเองก็เคยมีรุ่นพี่มาชวนมาตื๊ออยู่หลายรอบเหมือนกัน แต่เราไม่เอาว่ะ แบบนี้มันไม่ใช่แนว เราอาย แถมเพื่อนเราก็ไม่เยอะเท่าไอ้โด่งด้วย ให้มันไปประกวดน่ะ ดีแล้ว”

“เหรอออ นายเป็นคนขี้อายเหรอวะ” ผมยักคิ้ว

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย!” เขาเหวี่ยงแขนขึ้นทำท่าจะตบหัวผม “ว่าแต่วันเฟรชชี่แฟนนายจะมาให้กำลังใจด้วยรึเปล่าวะ”

“มาแหละมั้ง ก็ชวนไว้แล้วน่ะนะ ช่วงนี้เรายิ่งไม่ค่อยมีเวลาให้แฟนเราหนักกว่าเดิมอีกว่ะ เครียดเหมือนกัน” ผมถอนหายใจ

“เอาน่าๆ อย่าคิดมาก” เขาเหยียดแขนขึ้นตบบ่าผม “ช่วงนี้ก็สู้ๆ หน่อยแล้วกัน เค้าคงเข้าใจ แล้วก็ทนอีกนิดเดียว เดี๋ยวพอถึงวันเฟรชชี่เมื่อไหร่เราจะไปเชียร์ด้วยอีกคน สัญญาเว้ย กำลังใจมีให้เพียบ แล้วเราจะได้พาแฟนเรามาให้นายรู้จักด้วย”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 05-01-2012 09:37:16
มันยอดมากกก  มาจิ้มรออ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 05-01-2012 10:05:05
เย้ เย้ แล้วเค้าก้อมาจนได้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 05-01-2012 10:16:15
ความบังเอิญ ในความบไม่บังเอิญ การได้พบกันจนทำให้รู้จักกัน...จะทำให้เกิดอะไรต่อไป...จะรอคอยนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 05-01-2012 10:37:31
อิอิ

เข้ามาดัน กระทู้เจ้าข้า

เชียร์ๆๆ  รอตอนต่อไปด้วย

 :mc3: :mc4: :mc4: :mc2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 05-01-2012 10:40:47
เข้ามารอคนแต่งด้วยคนค่ะ มารอเพาะรัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 05-01-2012 10:57:41
 :mc4:  เพาะรักมาลงเล้าแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 05-01-2012 11:07:36
มารดน้ำใส่ปุ๋ยพรวนดิน ให้เมล็ดพันธุ์นี้ จะได้โตไวๆ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Huasia ที่ 05-01-2012 12:33:24
เป็นกำลังใจกับเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 05-01-2012 13:03:29
มารอค่ะ ^________^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-01-2012 13:30:12
เริ่มต้นด้วยมิตรภาพที่สวยงาม
เดี๋ยวกลับไปดูหน้าน้องซีอีกที จะได้จิ้นถูก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 05-01-2012 13:53:17
เด่นกันทั้งคู่เลยอ่ะ
รอคู่นี้เค้ารักกันนะคะ
>______<
พี่ต้นคะ
เอาอิมเมจ นะกับซี มาลงด้วยสิ
นะอย่างหล่ออ่ะ
ซีน่ารักมากกกกก~
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-01-2012 16:52:06
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 05-01-2012 17:50:37
เพาะกล้าม เพาะรัก : D
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-01-2012 19:29:14
ซี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
เพาะรักและและแอบมีเพาะกายด้วยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-01-2012 19:44:00
SeeeDz ที่ 2

เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันแข่งกีฬาสีของมหาวิทยาลัย หรือที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ‘เฟรชชี่เดย์ แอนด์ เฟรชชี่ไนท์’ ตามตารางเวลา ในตอนกลางวันผมต้องลงแข่งขันบาสเก็ตบอล เอาชนะเพื่อเข้ารอบต่อไปเรื่อยๆ ส่วนตอนเย็นจนถึงกลางคืนก็ต้องเข้าหอประชุมประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยต่ออีก แต่ด้วยตารางที่แน่นเอี๊ยดไปจนเกือบถึงเที่ยงคืนและความอ่อนล้าที่สะสมมาหลายวัน ทำให้ผมไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือกังวลกับทั้งการแข่งบาสและการประกวดในอีกหลายชั่วโมงข้างหน้าเลย สิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจมีเพียงแค่อยากจะให้วันนี้มันผ่านไปไวๆ สักทีเท่านั้น

“มึงนี่คิวแน่นยังกะดารานะ ไอ้ซี” ไอ้ก้องพูดกับผมในตอนเช้าก่อนที่มันจะต้องเตรียมตัวขึ้นสแตนด์เชียร์

“ก็นั่นน่ะสิวะ แม่งงงง ปกติเค้ามีใครที่เป็นทั้งนักกีฬาแถมยังต้องประกวดเดือนมหาลัยแบบกูอีกมั้ยวะ ดีนะที่กูไม่ต้องทำอย่างอื่นอีกน่ะ ไม่งั้นกูตายแหงๆ”

“เอาน่ะ อย่าบ่นน่ามึง สู้ๆ แล้วว่าแต่แฟนมึงอยู่ไหนวะ เห็นบอกว่าจะมาเชียร์มึงด้วยไม่ใช่เหรอ”

“น่าจะมาสายๆ อะว่ะ นี่มันเพิ่งหกโมงกว่าเองนะเว้ย เค้าจะรีบมาทำไมเล่า”

“เออว่ะ จริงด้วย ถ้างั้นกูไปก่อนแล้วกันนะเว้ย เดี๋ยวมึงต้องไปเดินพาเหรดด้วยไม่ใช่เหรอวะ”

“ฮะ! กูต้องเดินพาเหรดด้วยเหรอวะ!”

“อ้าว มึงยังไม่รู้เหรอ กูได้ยินพวกรุ่นพี่เค้าคุยๆ กันอะ”

“เหยดดดด!! คือจริงๆ เมื่อกี้พี่นกเค้าก็เพิ่งตามกูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเนี่ยแหละ แล้วก็บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับกูด้วย แต่กูไม่รู้เค้าหายไปไหนแล้วอะ กูเลยไม่รู้จะทำอะไรต่อที่ไหนเหมือนกัน”

“น้องซี!” เสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงที่บอกว่าจะพาผมไปแต่งตัวดังขึ้น “มาทางนี้ๆ เร็วๆ ขึ้นไปบนห้อง 403!”

“พูดถึงก็มาพอดี พี่นก เออๆ งั้นกูไปก่อนนะเว้ย ไอ้ก้อง แล้วเจอกัน”

“โชคดีเว้ย ไอ้ซี”

ผมวิ่งไปหาพี่นกที่ยืนรออยู่หน้าลิฟท์พร้อมถุงใส่พู่เชียร์ใบใหญ่ “มาพี่ ผมช่วยถือ แล้วว่าแต่นี่เอาขึ้นไปทำไมอะ”

“แต๊งกิ้วๆ แต่อันนี้มันไม่ใช้แล้ว พี่จะเอาไปเก็บ ส่วนเราจะต้องแต่งหน้าเตรียมตัวเดินขบวนนะ”

“ฮะ! แต่งหน้า! แต่งทำไมอะพี่! นี่ตกลงผมต้องเดินพาเหรดจริงๆ เหรอ แล้วเดี๋ยวผมต้องแข่งบาสตอนเก้าโมงด้วยนะครับ พี่จะให้ผมแต่งหน้าทั้งอย่างนั้นไปลงเล่นบาสรึไง”

“แหม ก็เกินไปย่ะ แค่แต่งหน้าบางๆ นิดเดียวเอง พอดีไอ้กั๊ต คนที่ต้องถือป้ายแม่งท้องเสียขี้แตกอะ เราเลยต้องถือแทนให้พี่หน่อย แค่ถือเฉยๆ เอง ถือป้าย แล้วก็ทำหน้าหล่อๆ เดินๆๆ ไม่ยากหรอก ซีทำได้อยู่แล้ว พี่รู้ นะๆ ช่วยพี่หน่อยนะค้าาาาา”

“อืออออ...” ผมนิ่วหน้าอย่างลำบากใจ “เอ้า! ก็ได้วะพี่!”

“กรี๊ดดดด! น่ารักมากกก!” พี่นกกระโดดเกาะแขนผมตอนที่ลิฟท์ลงมาถึงชั้นหนึ่งและประตูลิฟท์เปิดออกพอดี

“อ้าว อีนก! มึงจะทำอะไรน้องน่ะ!” คนที่อยู่ในลิท์พูดขึ้น

เราสองคนหันไปมองข้างในลิฟท์พร้อมกันทันที

“หวัดดีครับ พี่แบงค์” ผมยกมือไหว้พี่แบงค์ รุ่นพี่ปี 2อีกคนที่เป็นกะเทยตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ยกมือไหว้รุ่นพี่คนอื่นๆ ที่กำลังทยอยเดินออกมาจากในลิฟท์ด้วย

“เสือกค่ะ! รีบๆ ถอยไปเลย กูจะพาน้องซีขึ้นไปให้อีแนนแต่งหน้าให้”

ผมกังวลนิดหน่อยว่าการที่ผมต้องเดินถือป้ายแบบนี้ด้วยจะมีผลกระทบต่อการแข่งบาสเก็ตบอลของผมรึเปล่า แต่พี่นกก็บอกว่าพี่เขาไปคุยกับรุ่นพี่ผู้ชายคนอื่นๆ ในทีมให้ผมแล้ว และยังยืนยันอีกด้วยว่าผมจะต้องเดินเสร็จก่อนถึงเวลาลงแข่งแน่นอน

นี่สรุปคือทุกคนรู้เรื่องหมด ตกลงกันเองหมด โดยไม่ได้ถามความเห็นอะไรจากผมสักคำเลยใช่มั้ยเนี่ย

เวลาในช่วงเช้าระหว่างการเตรียมงานผ่านไปอย่างวุ่นวาย ทุกคนรอบข้างผมมีแต่คนที่ทั้งวิ่ง ทั้งเดิน ร้องตะโกน โหวกเหวก หัวเราะ มีความสุข หรือแม้แต่ร้องไห้ บรรยากาศทั้งหมดแลดูสับสนอลหม่านและวุ่นวายอย่างที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ จนเมื่อผมเดินถือป้ายของคณะบริหารอินเตอร์ฯ ของเราเสร็จ ผมที่เหนื่อยสะสมมาตลอดหลายวันแถมยังไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าก็แทบจะล้มทรุดลงทันทีที่ได้นั่งพักหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

“ไหวมั้ยคะ น้องซี” รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพัดให้ผม

“ไหวครับพี่ ไหว แค่หน้ามืดนิดหน่อยอะครับ แดดร้อนมาก ชุดก็แน่น หายใจไม่ค่อยออกอะครับ” ผมขยับคอเสื้อของตัวเองออก เพราะที่จริงแล้วเสื้อตัวนี้เป็นขนาดของไอ้กั๊ตที่ตัวเล็กกว่าผมพอสมควร “แล้วที่สำคัญผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยด้วยอะ”

“อ้าว แล้วทำไมไม่กินล่ะ!”

ผมหัวเราะแหะๆ แล้วคิดในใจว่าผมจะเอาเวลาที่ไหนไปกินได้(วะ)ครับ

“อีกบ!! มึงมาเทคแคร์น้องเทคมึงหน่อยซิ! อีกบไปไหนวะเนี่ย อีโก๊บบบบบบ!!” พี่เขาหันไปตะโกนเรียกหาเพื่อนของเขา ซึ่งก็คือพี่เทคของผมที่ชื่อว่าพี่กบนั่นแหละ

ผมดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็เห็นว่าตัวเองยังมีเหลืออยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่การแข่งขันบาสเก็ตบอลระหว่างคณะผมกับคณะวิทยาศาสตร์จะเริ่มต้นขึ้น อย่างน้อยๆ ผมก็ยังพอมีเวลาได้หายใจหายคออยู่บ้างล่ะน่ะ

“อะไรๆๆ ไหนๆ น้องซีของกูเป็นอะไร!” พี่กบ ซึ่งเป็นผู้หญิงร่างเล็กรีบวิ่งเข้ามาหาผม

“น้องเค้าหิวข้าว มึงไปหาอะไรมาให้น้องเค้ากินหน่อยซิ ข้าวกล่องอะ เอามาก่อนเลยกล่องนึง”

“ได้ๆ น้องซีรอพี่แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวพี่เอาข้าวเอาน้ำมาให้”

“ไม่เป็นไรครับพี่ อีกเดี๋ยวผมต้องไปแข่งบาสแล้ว กินตอนนี้เดี๋ยวจุกอะ” ผมยืนขึ้น “ผมว่าผมไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า อึดอัดมากเลย ตอนนี้”

“เอางั้นเหรอ โอเคๆ ค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวพี่พาไปนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่รบกวนพี่ดีกว่า ผมไปเองได้ แค่นี้เอง แล้วเดี๋ยวผมจะไปเข้าห้องน้ำด้วย”

“เอางั้นเหรอ ถ้างั้นก็ได้ค่ะ อะนี่ กระเป๋าที่น้องฝากพี่ไว้”

“ขอบคุณครับพี่” ผมรับกระเป๋าสะพายบ่าคืนมา แล้วจากนั้นก็เดินออกจากม้านั่งใต้แนวต้นไม้ตรงไปยังตึกคณะ

“ไง ไหวมั้ยวะเนี่ย เรา” เสียงคุ้นหูของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของผม

“ไหวสิวะ แค่นี้เอง ยังไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า” ผมหันไปยิ้มให้กับนะ

“เหงื่อไหลเป็นน้ำตกเลยนะ วันนี้แดดแม่งก็ร้อนหนักเลยซะด้วยดิ”

“ชุดแม่งอึดอัดอะ คือจริงๆ เสื้อแม่งไม่ใช่ของเราไง เป็นของคนอื่น แล้วพอดีแม่งเสือกขี้แตก ท้องเสีย เดินไม่ได้ เราเลยต้องมาใส่แทน กว่าจะยัดตัวเองลงไปได้ก็แย่เหมือนกัน”

“เอ้านี่” เขายื่นนมให้ผมกล่องนึง “ดื่มซะหน่อย จะได้มีแรง ยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่รึไงล่ะ เมื่อกี้ได้ยินอยู่พอดี”

“โหหห ขอบใจเว้ยยยย” ผมรับนมเย็นๆ มาจากเขาแล้วจากนั้นก็เจาะหลอดดูดทันที

“แล้วแฟนนายอะ มายัง”

“เออว่ะ! อยู่ไหนแล้ววะเนี่ย!”

“อยู่เนี่ยแหละ!”

ผมหันไปตามทิศของเสียงที่ได้ยินแล้วก็เห็นว่าน้อยกำลังเดินตรงเข้ามาหาเราอยู่พอดี “น้อย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วไปอยู่ไหนมา!”

น้อยเดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนัก “น้อยโทรหาซีตั้งหลายรอบนะ ทำไมไม่รับสายเลย น้อยนั่งรออยู่ใต้ตึกนี่มาเกือบจะชั่วโมงแล้วเนี่ย”

“พอดีซีต้องไปเดินถือป้ายอะ เลยฝากกระเป๋าไว้กับรุ่นพี่ ซีเองก็เพิ่งรู้ว่าต้องไปเดินพาเหรดกับเค้าเมื่อเช้านี้เอง เลยยังไม่ได้บอก ซีขอโทษ”

“แล้วน้อยก็นั่งรอไปสิเกือบชั่วโมง ทำไมก่อนจะฝากกระเป๋าพี่เค้าถึงไม่โทรมาบอกน้อยก่อน หรืออย่างน้อยๆ ส่งเมสเสจมาก็ยังดี”

“ซียุ่งน่ะ น้อย พอรู้ตัวว่าต้องแต่งหน้าซีก็ไม่ได้อยู่ใกล้กระเป๋าแล้วอะ และที่จริงซีโทรไปหาน้อยตั้งแต่เช้าแล้วด้วย แต่น้อยยังหลับอยู่เลยไม่รับสายซีอะ ใช่มั้ยล่ะ แล้วแบบนี้น้อยจะให้ซีทำไงล่ะเนี่ย”

น้อยตีหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ แต่ก็เถียงผมต่อไม่ถูก

“เออนี่ นี่เพื่อนซี ชื่อนะ เรียนอยู่วิดวะ คนที่ซีเคยเล่าให้ฟังไง” ผมฉวยโอกาสนี้นะแนะนะให้น้อยรู้จัก “นะ นี่น้อย แฟนเรา น่ารักมั้ยล่ะ”

“ฮ่าๆ หวัดดีครับ น่ารักกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย”

น้อยหน้าแดงยิ้มกว้างจนปากแทบถึงรูหูทีเดียว “บ้าเหรอ! นี่ซีคุยอะไรกับเพื่อนเรื่องน้อยบ้างเนี่ย!”

“แล้วว่าแต่แฟนนายอะ มายัง”

“มาแล้ว แต่เค้าไปหาเพื่อนที่คณะอักษรน่ะ เจอกันอีกทีก็เที่ยงนั่นแหละ ถ้าไงตอนเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันมั้ยล่ะ จะได้แนะนำให้รู้จักด้วยเลย”

“ได้ๆ ถ้าไงตอนเที่ยงเดี๋ยวเจอกัน เราขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนว่ะ ไม่ไหวแล้ว อึดอัด หายใจไม่ออก”

“เฮ้ยย เดี๋ยวยังไงเราก็เจอกันที่สนามบาสอยู่ดีนั่นแหละ แข่งเก้าโมงใช่มั้ยล่ะ บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวไปเชียร์”

“อ้าว จะไปจริงอะ แล้วว่าแต่นายไม่ต้องขึ้นสแตนด์หรือทำอะไรเลยรึไง”

“ไม่ต้องขึ้นว่ะ วิศวะเด็กมันเยอะ และที่สำคัญ เราต้องทำอย่างอื่นแทนด้วยน่ะ ก็เลยว่างหน่อย” เขาพูดยิ้มๆ

“ทำไรวะ”

“เอาเหอะน่ะ ถ้าไงเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ เราไปแล้วเว้ย แล้วเดี๋ยวเจอกัน” เขาโบกมือลาผมกับน้อย แล้วจากนั้นก็ออกวิ่งเหยาะๆ หายไป

โชคดีที่หลังจากนั้นน้อยก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้น เราจึงไม่มีปัญหาอะไรกันอีก แต่โชคไม่ดีที่ถึงแม้ทีมบาสเก็ตบอลของคณะบริหารอินเตอร์ฯ ของเราจะเอาชนะคณะวิทยาศาสตร์ไปได้ในรอบแรก แต่รอบต่อมาที่เราต้องแข่งกับคณะนิเทศฯ เรากลับแพ้ไปด้วยคะแนนที่ต่างกันไม่ถึงเลขสองหลักเท่านั้น

“ไม่เป็นไรนะ ซี ซีเล่นดีแล้วล่ะ” น้อยเดินมาให้กำลังใจผมหลังจากที่ผมเดินออกจากสนาม

“อืมมม ก็คงงั้นอะ ไม่ได้คิดไรมากมายหรอก” ผมตอบพร้อมเสียงหอบเบาๆ

“อ้ะ นี่ ผ้าขนหนู”

“แต๊งกิ้วครับ ที่รัก”

“แหม ทำปากหวาน จะอ้วก!” น้อยหัวเราะเบาๆ “หิวมั้ย จะกินอะไรรึเปล่า นี่มันก็บ่ายโมงแล้วนะ”

“นั่นสิ เดี๋ยวซีไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด แล้วเราก็ไปกินข้าวกันดีกว่า” ผมหันซ้ายหันขวา “แล้วไอ้นะล่ะ มันไม่ได้มาเหรอ”

“มา มาพร้อมแฟนเค้าน่ะแหละ แต่มาแป๊บเดียวก็ไปแล้วอะ บอกว่ามีเรื่องต้องไปทำที่คณะ แล้วก็ยังบอกอีกว่าถ้าซีแข่งจบแล้วให้โทรไปหาเค้าด้วย”

“เหรอๆ แล้วแฟนมันน่ารักมั้ย”

น้อยหลิ่วตา “อะไร สนใจแฟนคนอื่นด้วยหรือไง”

“เฮ้ยยย ป่าววว แค่สงสัยว่าแฟนไอ้นะจะเป็นคนยังไงเท่านั้นเอง เห็นมันบอกว่าแฟนมันเป็นคนตัวเล็กอะ เลยอยากรู้”

“ก็ตัวเล็กนะ เตี้ยกว่าน้อยอีก”

“เฮ้ย! เตี้ยกว่าน้อยอีกเหรอ คนแคระป่าววะเนี่ย!” ผมหัวเราะ

“ปากดี!” น้อยดึงผ้าขนหนูที่ผมพาดไว้บนบ่าออกแล้วฟาดมันเข้าที่ท้องของผมเสียงดัง ‘เพี๊ยะ!’

“โอ๊ย! ล้อเล่นๆๆ”

“ไปๆ รีบไปอาบน้ำเลย จะได้ไปกินข้าวกัน น้อยหิวแล้ว”

“คร้าบบบ” ผมชะโงกหน้าเข้าไปหอมแก้มน้อยเบาๆ ซึ่งก็สร้างเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ จากกลุ่มผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลขึ้นมาได้

“นี่ถ้าซีทำแบบนี้บ่อยๆ นะ น้อยว่าสักวันน้อยต้องโดนเด็กมหาลัยนี้ดักตบแน่ๆ เลยเนี่ย”

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผมก็โทรหานะแล้วนัดเจอเขากับแฟนที่โรงอาหาร ครั้งแรกที่ผมเห็นแฟนของเขา ผมก็นึกขำในใจขึ้นทันที ผมว่าน้อยที่สูงแค่ 160 ต้นๆ ก็ตัวเล็กแล้วนะ แต่แฟนของนะนี่ไม่น่าจะสูงถึง 160 ด้วยซ้ำ บวกกับเขาที่เป็นคนตัวสูงใหญ่อยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เวลาเขาสองคนเดินด้วยกันดูตลกปนน่ารักบอกไม่ถูก และที่สำคัญคือผมอดคิดไม่ได้ด้วยว่าเวลาที่เขามีอะไรกับแฟน เขาจะมีกันท่าไหนยังไงนะ ให้เมื่อขนาดร่างกายของพวกเขาต่างกันถึงขนาดนี้เนี่ย

แต่ก็อย่างว่าแหละ ความสูงในแนวตั้งไม่ใช่อุปสรรคในแนวราบอยู่แล้ว อย่างผมกับน้อยก็เหมือนกัน

“ซี นี่แฟนเรา ชื่อกิ๊ก กิ๊ก นี่ซีแล้วก็น้อย แฟนไอ้ซีมัน” นะแนะนำ

“หวัดดีค่ะ” กิ๊กยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือเบาๆ ให้เราสองคน

“อ๋ออ นี่เองที่เค้าลือกันว่าไอ้นะแม่งแอบมีกิ๊ก!”

“ครวยเถอะ!” นะหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวผม “อย่าเล่นมุกสองแง่สองง่ามดิวะ เดี๋ยวเราก็ซวยหรอก!”

“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ ไปๆ กินข้าวกันเหอะว่ะ หิวข้าวแล้วว่ะ”

ในระหว่างที่กินข้าวด้วยกันสี่คน พวกเราต่างก็พูดคุยหยอกล้อเล่นกัน ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน โดยที่น้อยดูจะเข้ากับทั้งนะและกิ๊กได้เป็นอย่างดี ที่จริงน้อยกับกิ๊กต่างก็ขอพินบีบีกันแล้วเรียบร้อยด้วยซ้ำ แถมน้อยยังดูจะโอเคกับนะมากอีกด้วย ทั้งๆ ที่ปกติแล้วน้อยเป็นคนที่ค่อนข้างจู้จี้เรื่องเพื่อนที่ผมคบพอสมควร ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะนิสัยของนะที่เป็นกันเองและการเป็นคนอารมณ์ดีมากๆ ของเขานี่แหละที่ทำให้น้อยรู้สึกประทับใจได้

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผู้หญิงทั้งสองคนก็ชวนกันเดินไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้เราผู้ชายอยู่กันตามลำพัง

“เป็นไงวะ บอกแล้วว่าเอาชนะผ่านมาถึงรอบแข่งกับวิศวะให้ได้ก่อน แล้วค่อยห่วงว่าเราจะเชียร์ใคร” นะพูดพร้อมรอยยิ้ม

“เออ สาดดดด ขอโทษเว้ยที่แพ้อะ แม่งงง แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่เหนื่อยและมีเวลาพักหน่อยด้วย”

“ใช่ แล้วอีกอย่าง เราจะได้ไม่ต้องลำบากใจมากด้วย”

“ลำบากใจอะไร” ผมนิ่วหน้า

นะยิ้มมุมปากน้อยๆ แล้วก้มไปเปิดซิปกระเป๋าเป้ของตัวเองออก เขาหยิบเสื้อบาสเก็ตบอลตัวหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วโชว์ให้ผมดู

“เฮ้ย!”

“ฮ่าๆๆ แค่ตัวสำรองน่ะ ไม่ต้องตกใจ แล้วเราคิดว่าเราคงไม่ต้องลงหรอก ทีมบาสวิศวะแม่งเก่งนะเว้ย ตัวจริงแม่เก่งๆ กันทั้งนั้น”

“แล้วทำไมไม่เห็นมึงเคยบอกกูเลยยย!” ผมชี้หน้าเขา “สาดดดด เก็บเงียบเลยนะมึง!”

“ฮ่าๆๆๆ ก็มึงไม่ได้ถามนี่ว่ากูลงเล่นบาสด้วยรึเปล่า”

“ไอ้เจ้าเล่ห์เอ๊ยยยย แม่งงง แล้วนี่ได้ซ้อมมั่งรึเปล่าน่ะ”

“ก็ซ้อมเหมือนกัน แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่หรอก แค่ลงๆ ชื่อไปสำรองให้มันครบๆ คนน่ะ กูก็เคยบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบเล่นบาสเท่าไหร่น่ะ ไม่ถนัด”

“อ้อ เรอะ”

เขามองหน้าผมแล้วยิ้มๆ

“อะไร ยิ้มอะไรอีก ขำอะไรนักวะ”

“เปล่า ก็แค่คิดว่าในที่สุดเราสองคนก็ขึ้นมึงขึ้นกูกันจนได้นะเนี่ย”

“เออว่ะเฮ้ย จริงด้วย ลืมตัวว่ะ ขอโทษที”

“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องขอโทษหรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว เป็นธรรมชาติดีออกว่ะ เพราะปกติกูก็ใช่ว่าจะเป็นคนพูดเพราะซะเมื่อไหร่”

“โอเค ว่าไงก็ว่ากัน” ผมหัวเราะเบาๆ “แล้วว่าแต่นี่ใช่มั้ยที่บอกว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำเลยไม่ต้องขึ้นสแตนด์น่ะ”

“ก็ช่าย แต่ก็ไม่เชิงว่ะ” เขายิ้มกวนๆ อีกครั้ง

“อ้าวเวร มีอะไรอีกวะ ยังเหลืออะไรที่ไม่ได้บอกกูอีกรึไง”

“ไม่มี๊ มีที่ไหน” เขายักไหล่ แต่สีหน้าของเขานั้นบอกอย่างชัดเจนเลยว่าเขากำลังโกหกและยั่วผมอยู่

ผมพยายามคาดคั้นจากเขาว่าเขาต้องทำอะไรอีกกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกผมสักทีจนผมต้องยอมแพ้ในที่สุด และเมื่อแฟนๆ ของพวกเรากลับมา เขาสองคนก็ขอตัวกลับไปที่คณะของตัวเอง ส่วนเราสองคนก็กลับไปที่ตึกของผมด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นในช่วงเย็น น้อยก็ขอตัวกลับบ้านก่อน เพราะว่าเขาไม่สามารถกลับบ้านดึกมากได้ และผมเองก็ไม่อยากให้น้อยนั่งเบื่อดูผมซ้อมบ้าๆ บอๆ ของการประกวดดาวเดือนในคืนนี้อีกต่อไปแล้วด้วยเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากที่น้อยกลับไป ผมกับหนิง ดาวจากคณะของเราก็ต้องอยู่กันตามลำพังโดยถูกตัดขาดจากเพื่อนคนอื่นๆ อย่างแทบจะสิ้นเชิง เพราะพวกเราตัวแทนจากคณะต่างๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากหอประชุมใหญ่ไปพบกับใครอีกเลยจนกว่าจะหมดคืน

กิจกรรมในช่วงหัวค่ำผ่านพ้นไปจนกระทั่งถึงช่วงไฮไลท์ของงาน ตัวแทนดาวและเดือนของคณะต่างๆ ต้องออกไปเดินโชว์ตัวพร้อมกันบนเวที ในระหว่างที่ถูกแนะนำตัวและเดินอยู่บนเวที ผมก็เห็นกลุ่มเพื่อนๆ และรุ่นพี่จากคณะของผมอยู่ท่ามกลางฝูงคนนับร้อย พวกเขาส่งเสียงกรี๊ดและเชียร์ผมอย่างเอาเป็นเอาตาย และผมก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่ผมยังได้รับเสียงกรี๊ดจากเด็กคณะอื่นด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่พวกตัวเองมาอวยกันเองอยู่แค่นั้น

เมื่อถึงการแสดงความสามารถพิเศษของตัวแทนจากแต่ละคณะ ผมกับหนิงก็ขึ้นไปร้องเพลงคู่ด้วยกัน ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่นักร้องที่ดีนัก แต่เราก็ผ่านพ้นมันไปได้แบบไม่มีอะไรผิดพลาดหรือน่าอายแต่อย่างใด เอาน่ะ ก็ผมมันเป็นนักกีฬานี่หว่า ไม่ใช่นักดนตรีหรือนักร้อง ถึงผมจะเล่นกีตาร์ได้ แต่ผมก็ไม่ได้ชอบหรือถนัดร้องเพลงสักหน่อย แค่ผมสามารถร้องจนจบเพลงไปได้แบบไม่โดนคนดูโห่ไล่ผมก็พอใจแล้ว

หลังจากที่การแสดงจากตัวแทนคณะสุดท้ายจบลงไป พิธีกรก็ประกาศว่าจะมีการแสดงดนตรีสดจากเฟรชชี่ที่เพิ่งเข้าชมรมดนตรีสากลเป็นการคั่นเวลาระหว่างรอรวบรวมคะแนนผลโหวตตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ได้ตำแหน่งดาวและเดือนของมหาวิทยาลัยไปครอง และเมื่อสิ้นเสียงแนะนำชื่อวงจากพิธีกร เสียงกลองก็กระหน่ำตี ตามมาด้วยเสียงกีตาร์และเสียงกรี๊ดจากคนดูที่ดังกระหึ่ม

ผมที่อยู่ด้านหลังเวทีไม่ค่อยได้ยินเสียงของนักร้องและดนตรีชัดเท่าไหร่นัก และผมก็ไม่ได้สนใจด้วย เพราะว่ามัวแต่ต้องวุ่นอยู่กับการฟังกำหนดการจากพวกพี่ๆ และการเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดนักศึกษาอีกครั้ง จนกระทั่งเมื่อเพลงแรกจบลงไป นักร้องนำก็เริ่มทักทายคนดูและแนะนำสมาชิกของวงทีละคน แต่ก็นั่นแหละ ถึงผมจะพอได้ยิน แต่ก็ไม่ได้สนใจฟังชื่อของคนพวกนั้นเลยสักนิดเดียว

“แกๆ! นักร้องนำหล่อมักม้ากกกกก!! ไปดูกันมั้ยแก๊!”

ผมได้ยินเสียงของพี่เก๋ รุ่นพี่ผู้หญิงที่เป็นคนดูแลการประกวดดังขึ้นแว่วๆ จากทางด้านหลัง

“เหรอๆ ใครวะๆ!”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ เค้ายังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย แต่เพื่อนกูบอกว่าอยู่คณะวิศวะอะ”

“จริงเหรอแก ไปๆๆ!”

พอได้ยินชื่อคณะวิศวะ ผมก็เริ่มสนใจขึ้นในทันที แว้บแรกผมก็คิดว่ามันจะเป็นนะหรือเปล่า แต่เมื่อมาคิดดูดีๆ แล้วก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าเขาเป็นคนบอกผมเองว่าเขาขี้อาย ดังนั้นการที่เขาจะไปยืนร้องเพลงอยู่หน้าเวทีนี้จึงไม่น่าเป็นไปได้เลย

“ส่วนผม นายชนะชัย ชื่อเล่นชื่อนะ เรียนอยู่วิศวะปี 1ครับ!”

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-01-2012 19:45:03
เมื่อสิ้นเสียงแนะนำตัวเองของนักร้องนำ เสียงกรี๊ดจากคนดูก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมๆ กับเสียงดนตรีเพลงถัดไปที่เริ่มบรรเลง ส่วนผมก็หันขวับคอแทบหลุดแถมยังรีบวิ่งออกจากหลังเวทีทั้งๆ ที่ยังใส่กางเกงไม่เสร็จเรียบร้อยดีด้วยซ้ำ

จากด้านข้างของเวที ผมเห็นไอ้เจ้านะ เพื่อนใหม่ของผมกำลังยืนถือไมค์ร้องเพลงร็อคอย่างเต็มที่และสุดพลัง ราวกับเขาเป็นคนละคนกับที่ผมรู้จักทีเดียว ปกติแล้วนะจะดูเป็นคนขี้อายนิดๆ แต่ยิ้มเก่ง อารมณ์ดี แต่เขาในตอนนี้กลับสวมวิญญาณนักร้อง ยืนร้องเพลงต่อหน้าคนดูหลายร้อยคน ไม่เหลือเค้าของนะคนที่เคยยิ้มเก่ง คนที่เคยบอกว่าอายการขึ้นประกวด หรือแม้แต่คนที่ผมเคยคิดว่าเป็นคนซื่อๆ เหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

จะว่ายังไงดีล่ะ เอาเป็นว่าเขาบนเวทีตอนนี้ดูขัดแย้งกับนะคนที่ผมเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะ ผมกลับรู้สึกชื่นชมเขามากกว่าที่เขามีความสามารถพิเศษแบบนี้ ร้องเพลงได้เพราะแบบนี้ เขาแค่ไม่เคยบอกผมเลย

ผมล่ะเจ็บใจตัวเองจริงๆ ที่ฟังไม่รู้ว่าเสียงนี้มันคือเสียงของเขาตั้งแต่ตอนแรก เพราะการอยู่หลังเวที เสียงที่พูดผ่านไมโครโฟนก็ทำให้ฟังดูแตกต่างออกไป และผมยังอคติเสียจนไม่คิดว่ามันจะเป็นเขาไปได้อีกด้วย

“ว้าย! น้องซี! ออกมาทำอะไรสภาพนี้เนี่ย!” พี่เก๋หันมาเห็นผมเข้า

ผมก้มลงเห็นว่าตัวเองยังไม่ทันได้รูดซิปและติดตะขอกางเกงให้เรียบร้อยเลย

“กลับไปๆๆ กลับไปหลังเวที! ออกมาทำไมกันคะ ออกมาทำมายย!”

ผมหันไปมองด้านหลังของตัวเองแล้วเห็นว่ายังมีบรรดาดาวและเดือนจากคณะต่างๆ อีก 4-5 คนยืนอออยู่ข้างหลังผมด้วย พวกเขาคงรู้สึกสนใจและวิ่งตามผมออกมาเมื่อครู่นี้แน่นอน

“ผมออกมาดูเพื่อนอะพี่! นั่นมันไอ้นะ เพื่อนผมๆ!” ผมชี้ไปบนเวที

“ค่าๆ เพื่อนค่ะเพื่อน! กลับไปหลังเวทีได้แล้ว ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย ทุกคนเลย เร็วๆๆ!”

พวกเราโดนต้อนให้เดินกลับไปหลังเวที แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินกลับไปอยู่นั้นผมก็ยังชะโงกชะแง้คอหันไปมองนะอยู่เรื่อยๆ เผื่อว่าเขาจะหันมาเห็นผมบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นผมเลย

หลังจากที่การแสดงดนตรีจบลง เสียงปรบมืและเสียงกรี๊ดก็ดังกึกก้องทั่วทั้งหอประชุม ผมว่านะคงได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นเยอะกว่าพวกผมที่เป็นเดือนคณะอีกมั้งเนี่ย จากนั้นพิธีกรก็ขึ้นเวทีแล้วประกาศรวบรวมผลโหวตจากนักศึกษาที่อยู่ในหอประชุมทั้งหมด พวกเราทุกคนถูกต้อนให้ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งเพื่อโชว์ตัวเป็นครั้งสุดท้าย และระหว่างกำลังเดินไปขึ้นเวที พวกเราต้องเดินสวนกับวงดนตรีที่เพิ่งลงมายืนอยู่ข้างๆ บันไดด้วย

“ไอ้นะ!” ผมกระซิบขณะกำลังจะเดินผ่านเขา

เขาหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มกว้าง “เซอร์ไพรส์มะ”

“เดี๋ยวเสร็จงานแล้วคุยกันนะมึง!” ผมชี้หน้าเขา จากนั้นก็เดินผ่านเขาและเพื่อนๆ ในวงของเขาไป

“สู้ๆ นะค้าบบบบ พี่ซี!” เขาตะโกนแซวไล่หลังผม

ผมล่ะอยากจะเดินลงจากบันไดไปเตะก้นเขาจริงๆ!

หลังจากที่เดินรอบเวที แนะนำชื่อแต่ละคน เรียกเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์จากคนที่มารอลุ้นเพื่อนๆ น้องๆ ของตัวเอง และไอ้นั่นไอ้นี่อีกประมาณหนึ่ง สุดท้ายก็มาถึงช่วงท้ายสุดและไฮไลท์จริงๆ ของงานสักที และผลที่ออกมาก็คือ ผมได้คะแนนเยอะเป็นอันดับสอง จึงได้รางวัลรองอันดับหนึ่งไปครอง ส่วนคนที่ได้อันดับหนึ่งนั้นมาจากคณะอักษรฯ แถมยังเป็นเกย์ (แอ๊บแมน) อีกด้วย ในขณะที่ดาวจากคณะมนุษฯ คว้าตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยไปครอง ซึ่งเขาก็สวยจริงๆ ผมยอมรับเลย แต่น่าเสียดายที่หนิงนั้นไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย

กว่าพิธีการมอบรางวัลเสร็จสิ้นลงเล่นเอาผมรู้สึกเหนื่อยและหมดแรงจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง แต่งานเฉลิมฉลองหลังจากนั้นก็จะยังคงมีต่อไปโดยนักดนตรีมืออาชีพ ของจริง ไม่ใช่วงของพวกนะอีกแล้ว และพวกเขาก็จะรับช่วงสร้างความบันเทิงให้แก่เหล่านักศึกษาต่อไปจนถึงเที่ยงคืน แต่ตัวผมเหนื่อยและเพลียจนไม่มีอารมณ์จะอยู่ร่วมสังสรรค์อะไรกับใครได้อีกต่อไป เพราะในช่วงบ่ายของวันผมก็ไม่ได้นอนพักหรือแม้แต่พักผ่อนเอาแรงสักเท่าไหร่เลย ดังนั้นผมจึงปฏิเสธคำเชิญให้อยู่ฉลองของพี่ๆ และเพื่อนๆ ที่ร่วมประกวดด้วยกัน แล้วตัดสินใจที่จะตรงดิ่งกลับไปที่หอแล้วนอนพักผ่อนเอาแรงทันที

“ว่าไง คนเก่ง จะกลับแล้วเหรอวะ” เสียงของนะดังขึ้นทางด้านหลังของผมในขณะที่ผมกำลังเก็บของเตรียมกลับหออยู่

“ก็ไม่เก่งเท่านักร้องบางคนแถวนี้หรอกว่ะ” ผมหันไปยิ้มกวนๆ ให้เขา “แหม เก็บเงียบเลยนะมึง สาดดด”

“ฮ่าๆๆ ก็บอกแล้วไงว่าเขิน ไม่กล้าบอกหรอก”

“เขินห่าอะไรไปยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีแบบนั้นได้วะ แหมเว้ย ทีให้เป็นเดือนเสือกบอกไม่เอา เขิน แต่ยืนร้องเพลงบนเวทีเดียวกันกลับไม่เขินซะงั้น”

“ก็มันไม่เหมือนกันนี่หว่า”

“ไม่เหมือนยังไง”

“โห เล่าแล้วยาวอะ อธิบายยากนะเนี่ย” เขาฉีกยิ้มกว้างพลางเกาหัวแกรกๆ

“แล้วทำไมต้องไม่กล้าบอกด้วยวะ หืออ ตกลงเมื่อกลางวันที่ไม่บอกนี่ไม่กล้า หรือว่าแค่จงใจกวนตีนกูกันแน่”

“ฮ่าๆๆ ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ”

“มึงนี่มันร้ายนักนะ!” ผมยกเท้าขึ้นเตะเขา

“แล้วตกลงนี่จะกลับเลยรึไง ไม่อยู่ดูคอนเสิร์ตต่อก่อนเหรอวะ”

“ม่ายอะว่ะ เหนื่อย อยากกลับไปนอน... เอ้อ แล้วแฟนมึงอะ ไปไหนแล้ว ไอ้นะ”

“กลับห้องไปนอนแล้ว มันเพิ่งเดินทางถึงเมื่อเช้าอะ ก็เหนื่อยๆ แล้วก็เลยอยากกลับไปพักผ่อนแล้วก็คุยเล่นกับเพื่อนๆ มันนู่น”

“เพื่อนเค้าเหรอ เหอ ที่หอมึงอะนะ” ผมนิ่วหน้าสงสัย

“เปล่าๆ มันไปนอนหอเพื่อนมันน่ะ”

“อ้าววว โหหห น่าสงสารว่ะ แฟนอุตส่าห์มาหา นานๆ ได้เจอกันที แต่กลับไม่ได้โด๊ะกันซะงั้น”

“ฮ่าๆๆๆ เอาไว้คืนพรุ่งนี้ก่อนก็ได้ กูไม่รีบ อย่าว่าแต่กูเลยเหอะ มึงเองก็ไม่ค่อยได้เจอแฟนเหมือนกันไม่ใช่รึไง”

“เออ ก็จริงเหมือนกัน” ผมกลอกตา “แต่เอาไว้คราวหลังดีกว่าว่ะ ต่อให้วันนี้น้อยไปนอนกะกูได้กูก็โด๊ะไม่ไหวเหมือนกัน เหนื่อยมากกกก เฮ้อออ ถ้าไงกูกลับก่อนแล้วกัน ไม่ไหวแล้วว่ะ ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง ทั้งหิว คอยดูนะ กูจะนอนจนตื่นแม่งสี่โมงเย็นของวันพรุ่งนี้เลย!”

“โอเค ไปๆ เดี๋ยวกูไปส่ง”

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ กูไปเองได้”

“แล้วไปยังไง เดินไปรึไง ไม่ต้องเกรงใจน่า เดี๋ยวมึงเป็นสก๊อยดงซ้อนท้ายกูไปก็ได้ กูมีรถเครื่อง แล้วกูจะพามึงไปกินข้าวด้วย หิวไม่ใช่รึไง กูเลี้ยงเอง ฉลองที่ได้รางวัลอันดับสองไง”

“แต่เสือกแข่งบาสตกรอบ”

“เออ ฉลองเรื่องนั้นด้วยก็ได้ เพราะวิศวะได้อันดับหนึ่ง ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะ

“เออๆ เอาวะ ไปก็ไป แต่ไม่ไปกินไกลนะเว้ย กูเหนื่อยจริงๆ”

“ก็กินแถวหอนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไปๆ เร็ว”

ผมกับเขาเดินออกมาจากหอประชุมทางประตูหลัง เพราะผมไม่อยากเจอเพื่อนๆ ของผมที่คณะเลย จากนั้นเขาก็เดินนำผมไปยังมอเตอร์ไซค์ฟีโน่ของเขาที่เขาเรียกว่า ‘รถเครื่อง’ เมื่อครู่ เขาบอกผมว่ารถคันนี้นับเป็นสมบัติสุดรักสุดหวงของเขาชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว เพราะว่าแม่ของเขาซื้อให้เป็นของขวัญที่เขาสอบเอ็นทรานซ์ติด ก่อนที่แม่เขาจะเสียไปหลังจากนั้นไม่นานด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

“เฮ้ย คือ... เราเสียใจด้วยนะเว้ย ไอ้นะ เราไม่...” ผมพูดออกไปทันทีที่เขาพูดจบ ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ

“โอ๊ยยย ไม่เป็นไรหรอกน่า เรื่องมันผ่านมาแล้ว ไม่ได้คิดอะไรแล้วว่ะ แล้วก็ที่สำคัญ...” เขายิ้ม “พูดมึงกูเหมือนเดิมก็ได้เว้ย ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอกน่า”

ผมอึ้งไปนิดหน่อย เพราะผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมสลับกลับไปใช้สรรพนามแบบนั้นกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

“มา! ขึ้นมาซ้อนท้ายพี่ได้เลยน้อง!” เขาหันมายิ้มกวนๆ ให้ผม “วันนี้แว้นซ์บอยจะพาสก๊อยดงไปกินข้าวเอง!”

“ไอ้เกรียนเอ๊ยยย!” ผมหัวเราะ

หลังจากนั้นนะก็พาผมไปร้านข้าวมันไก่เจ้าอร่อยที่ตั้งอยู่ประมาณครึ่งทางระหว่างหอของผมกับหอของเขาพอดี เขาถามผมถึงเรื่องความรู้สึกตอนประกวดว่าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีใจหรือเสียใจที่ได้ที่สองหรืออะไรแบบนี้มากมายหลายคำถาม แต่กลับไม่ยอมพูดถึงเรื่องของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

“เลิกพูดถึงแต่เรื่องของกูได้แล้ว ตกลงจะบอกกูได้รึยังว่ามันต่างกันยังไง”

“อะไรต่างกันยังไงวะ”

“ลืมเหรอ! นี่มึงลืมแล้วเหรอออ!” ผมชูส้อมขึ้นชี้หน้าเขา

เขารีบยกมือสองข้างขึ้นในท่ายอมแพ้ทันที “ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ ก็บอกแล้วไงว่าถ้าให้อธิบายแล้วมันยาวน่ะ ขืนเล่าตอนนี้มึงก็หลับไปก่อนพอดีน่ะสิ เหนื่อยไม่ใช่รึไง”

“กูว่ากูนอนไม่หลับแหง ถ้ายังคาใจแบบนี้น่ะ”

“ขนาดนั้นเลย อยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“อย่าๆ ไม่ต้องเลย กูว่าถ้ายิ่งกูอยากรู้มากมึงก็จะยิ่งไม่บอกกูใช่มั้ยล่ะ กูว่ากูพอเดานิสัยมึงออกแล้วล่ะ ไอ้ล่ำเอ๊ยยย... ไอ้ตูด!”

“ฮ่าๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ก็กูบอกแล้วไงว่าตอนนั้นกูเขินจริงๆ กูอาย เลยไม่รู้จะบอกมึงยังไงน่ะ คิดว่าให้มึงเห็นเองน่าจะดีกว่า”

“ก็แล้วมันเขินเพราะอะไรยังไงล่ะเว้ย”

“อืมมม...” เขาทำท่าครุ่นคิด “ถ้าเล่าแล้วยาวนะ”

“กูรู้แล้วค้าบบบบบ แต่กูอยากรู้ไง กูไม่หลับง่ายๆ หรอกน่ะ เล่ามาสักทีเหอะ”

“มันยาวนะเว้ย จะให้เล่าที่นี่ ร้านข้าวมันไก่ริมทางเนี่ยนะ”

“งั้นไปหอกูเลยไป จบ ไปเล่าให้กูฟังที่ห้องก็ได้ ถ้าแม่งยาวมากนักกูก็จะได้นอนฟังแล้วหลับบนเตียงแม่งไปเลย” ผมตัดปัญหา

“จริงอะ นี่คือมึงชวนกูไปนอนหอมึงใช่มะ”

“เออ จะไปมะล่ะ แฟนมึงก็ไม่อยู่ห้องไม่ใช่รึไง”

“โอเค จัดไป งั้นเดี๋ยวขอกูแวะเซเว่นซื้อแปรงสีฟันกับเบียร์สักสองกระป๋องก่อนนะ”

“จะเอาเบียร์ไปทำมะเฟืองอะไรวะ”

“เอ๊า ก็เอาไปฉลองที่มึงได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยรองอันดับหนึ่ง เพราะดันไปแพ้เดือนมหาวิทยาลัยที่เป็นเกย์ซะได้นี่ไง เฮ้ยยย ชายแท้ที่หล่อแพ้เกย์ หาไม่ได้ง่ายๆ นะเว้ยยย”

“ไอ้สาดดดดด! นี่ถ้ากูยังมีแรง กูสาบานว่ากูคงถีบมึงตกเก้าอี้ไปแล้วจริงๆ นะเนี่ย!”

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-01-2012 19:48:10
เด่นกันทั้งคู่เลยอ่ะ
รอคู่นี้เค้ารักกันนะคะ
>______<
พี่ต้นคะ
เอาอิมเมจ นะกับซี มาลงด้วยสิ
นะอย่างหล่ออ่ะ
ซีน่ารักมากกกกก~

ให้ไปดูในแฟนเพจเอาละกันนะคับ ฮ่าๆๆ เดี๋ยวผิดกฎเล้า เอิ๊กกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-01-2012 20:12:27
เขาทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้นๆทุกที
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 05-01-2012 20:44:14
กริ๊ดดดดดด แบบว่า...น่ารักทั้งคู่เรยนะ+ซี อีกนานไหมหนอจะรักกัน คิดแล้วต้องมีดราม่าแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 05-01-2012 21:06:32
อั้ยย่ะ....นิยายของพี่ต้น

ตามมาช่วยพรวนดิน  หว่านเมล็ดด้วยคน

หุ...หุ...นะเป็นคนโคราชเหมือนกันเลย :o8:

ดูท่าแล้วความสัมพันธ์ของสองคนนี้นี่น่าจะได้เพาะรักกันอีกนาน

เพราะตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน

 :L2:ให้ดอกไม้HNYอีกรอบเพราะเพิ่งให้ไปหลังจากที่อ่านเรื่องกระดานดำจบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 05-01-2012 21:47:11
ไม่ใช่เกย์ตั้งแต่แรก
มีแฟนแล้วทั้งคู่
ต้องลุ้นอีกนานไหมน้อ
กว่าจะรักกันได้
ค่อยๆซึมลึกแบบนั้นสินะ
ลุ้นอยู่นะคะ
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 05-01-2012 22:11:22
นึกว่าไม่ลงในเล้าซะแล้ววววววววว
ไปเซเว่นนี่ซื้อแค่นั้นจริงหรอคะ 55
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: hexagon1 ที่ 06-01-2012 01:57:40
ตามมาจากในเฟสเลย  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 06-01-2012 02:46:25
แหมชวนนอนด้วยซะเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 06-01-2012 05:20:28
น่ารักกันจริงงงง อ่ากกกก  :serius2:

อ่านตอน 2 แล้ว ชอบบุคลิกของนะมากมาย

ให้กำลังใจคุณต้นด้วยยครับ  :n1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 06-01-2012 08:16:42
อิอิ

ย่องเข้ามารอตอน 3

รอๆๆ   อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-01-2012 11:25:39
คืบหน้าแล้วเฮ้ย
ถึงกับไปนอนค้างที่ห้อง
เหมือนจะยังไม่มีอะไร แต่ก็อยากให้มีนิด ๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 06-01-2012 11:46:36
โว๊ะ ซี๊ดมาก แต่แอบสงสารพวกผู้หญิงนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 06-01-2012 21:15:05
 :L2: :L2:
เป็นกำลังใจให้ค้า
ดันๆเรื่องใหม่ หุหุ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 06-01-2012 21:56:49
:call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 06-01-2012 22:52:20
ความสัมพันธ์พัฒนาไวมากๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-01-2012 02:30:30
โอ้ชวนกันเข้าห้อง ท่าทางเรื่องจะเดินไวนะเนี่ยแต่ปมมันอยู่ตรงเรื่องความสับสน กับตัวแฟนๆด้วย
แล้วจะรออ่านต่อน๊า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-01-2012 15:12:06
 :3123:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 07-01-2012 17:11:23
ได้อ่านจากในเมลแล้วรู้สึกไม่ได้ฟิล เลยมาอ่านอีกที
..........................................
ไม่แปลกที่เริ่มจากมิตรภาพแล้วจะกลายมาเป็นความรัก
 :n1:
แต่อย่าให้กิ๊กกับน้อยเสียใจเยอะนะคะ ยังไงก็สงสารผญ.บ้าง :impress3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-01-2012 21:40:31
แล้ว กิ๊กกับน้อยละ

จะเสียใจแค่ไหน

ให้เค้ากิ๊ก กันด้วยสิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 07-01-2012 22:48:11
สองคนนี้น่ารักจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 07-01-2012 22:53:11
มารอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 08-01-2012 20:33:34
SeeeDz ที่ 3

เรามาถึงหอของผมในเวลาเกือบเที่ยงคืน เพราะกว่าที่นะจะพาผมมาถึงที่นี่ได้ เขาต้องกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อหยิบเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนคืนนี้กับพรุ่งนี้ติดมือมาก่อน ทั้งๆ ที่ผมบอกเขาแล้วว่าให้เขาใช้ของผมได้ แต่เขากลับบอกว่าเกรงใจและขอเสียเวลาแค่นิดเดียว และหลังจากนั้น แทนที่เราจะตรงมาที่ห้องของผมเลย เขายังจะมีอารมณ์พาผมไปขี่มอเตอร์ไซค์วนแถวมหาวิทยาลัยเล่นรอบหนึ่งก่อนอีกด้วย

“เป็นไง แว้นซ์รับลมตอนกลางคืน สดชื่นขึ้นมั่งรึยัง” เขาหันมายักคิ้วให้ผมหลังจากที่ผมลงจากรถของเขาแล้ว

“เออๆ สดชื่นก็สดชื่นวะ” ผมยิ้มน้อยๆ “ไป ขึ้นห้องกัน กูอยากอาบน้ำนอนเต็มแก่แล้วว่ะ”

“ได้ครับ พี่ซี!”

“เดี๊ยะๆ กวนตีน” ผมชี้หน้าเขา “เออ จะว่าไปแล้ว มึงไม่ต้องโทรบอกกิ๊กรึไง ว่าคืนนี้จะไม่กลับไปนอนหอน่ะ”

“ส่งเมสเสจไปบอกแล้ว แล้วมันก็ตอบกลับมาแล้วด้วย ไม่มีปัญหาว่ะ”

“เออ ง่ายดีเนอะ”

“ก็งี้แหละ คู่เราคบกันแบบให้อิสระแก่กันอะว่ะ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อาศัยความไว้วางใจกันเป็นหลักน่ะ”

ผมคิดตามที่เขาพูดแล้วก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันไปเปิดประตูหอออก แล้วจึงเดินนำเขาไปยังบันได

“ห้องอยู่ชั้นไหนวะ”

“ชั้นสองอะ ห้องริมสุด เดินตามกูมาเลย”

หลังจากที่เดินเงียบๆ กันอยู่ 2-3 นาที เราก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของผม ผมไขกุญแจแล้วเปิดประตูออก เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ผมก็ถอดรองเท้าออกแล้วโยนกระเป๋าลงไปบนเตียงทันที

“เอ้า เข้ามาๆ ตามสบาย นั่งบนเตียงก็ได้นะ” ผมชี้ไปที่เตียง แต่เขากลับยังคงยืนตัวแข็งอยู่หน้าห้อง “อ้าว ทำไมวะ เข้ามาดิเฮ้ย”

เขามองไปรอบห้อง ก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาข้างในแล้วจึงปิดประตูตามหลังลง “รู้สึกเกรงใจชอบกลวะ แหะๆ”

ผมหัวเราะแล้วส่ายหน้าเบาๆ นี่เขาคือนะคนเดียวกับคนที่เพิ่งยืนร้องเพลงบนเวทีต่อหน้าคนดูนับร้อยเมื่อกี้จริงๆ เหรอเนี่ย

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า ทำยังกับไม่เคยไปห้องเพื่อนมาก่อนเลยไปได้”

“ก็ไม่เคยอะดิ”

“เฮ้ย จริงอะ”

“เออ ก็จริงดิวะ จะโกหกทำไม บอกแล้วไง กูไม่ได้มีเพื่อนเยอะแยะมากมายอะไรหรอก คือก็มีเพื่อนนะเว้ย ไม่ใช่ว่ากูไม่มีคนคบ ที่สนิทมากๆ ก็มี แต่กูแค่ยังไม่เคยพาใครเข้าห้องแล้วก็ยังไม่เคยไปห้องใครแบบนี้เลยไง กูขี้เกรงใจว่ะ”

ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “หืมมมม...”

“ว่าแต่ห้องมึงสะอาดดีว่ะ เป็นระเบียบดี”

“ก็งี้แหละ กูต้องคอยเก็บห้องไว้เผื่อพ่อหรือแม่จะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้น่ะ” ผมปลดกระดุมเสื้อออก

“เพื่อนกูเคยบอกว่าไอ้พวกหน้าตาดีๆ อะ มักจะไม่เป็นระเบียบแล้วห้องมักจะรก งี้ทฤษฎีนี้ก็ไม่เป็นความจริงอะดิวะ”

“ทำไมวะ นี่มึงจะบอกว่ากูหน้าตาไม่ดีหรือยังไงกันแน่” ผมหัวเราะ “แล้วห้องมึงอะ เป็นไง รกโคตรเลยอะดิ”

ผมถามเขาแบบนี้ก็เพราะว่าตอนที่เขาไปเก็บเสื้อผ้าที่หอ เขาให้ผมยืนรออยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขา ไม่ได้ให้ผมขึ้นไปที่ห้องของเขาด้วย

“โคตรพ่อโคตรแม่เลยอะ ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะ “เมื่อกี้กูถึงไม่ให้มึงขึ้นห้องไง กูอาย”

“อายทำไมวะ เรื่องธรรมดาว่ะ กูว่าห้องผู้ชายเนี่ย ถ้ารกอะปกติ ถ้าสะอาดดิแปลก จริงมะ”

เขาพยักหน้าเห็นด้วย “จริงที่สุด”

“แต่คิดไปคิดมา มึงนี่ดูท่าทางจะเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงเหมือนกันนะเนี่ย ไอ้นะ”

“ก็มีบ้าง แต่ไม่ได้ถึงกับติสท์แตกอะไรขนาดนั้นหรอกว่ะ คงเป็นเพราะกูเป็นคนขี้เกรงใจคนมั้ง บางทีเลยเหมือนจะเป็นคนเก็บตัวๆ หน่อยน่ะ”

“เอาตรงๆ เลยนะ” ผมโยนเสื้อที่ถอดเสร็จแล้วลงตะกร้าผ้า “กูว่ามึงเป็นคนบุคลิกหลากหลายมากๆ เลยว่ะ มึงบอกว่ามึงขี้อาย แต่มึงเป็นนักร้อง มึงบอกว่ามึงเป็นคนขี้เกรงใจ แต่เล่นกีฬารักบี้ แถมตัวยังกะควาย แต่บางทีกลับดูเป็นคนใจอ่อน ใจเย็น อารมณ์ดีบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้อะ... อ้อ! แล้วบางทีก็ยังกวนตีนมากด้วย”

นะหัวเราะเขินๆ “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูดูเป็นคนซับซ้อนขนาดนั้นเลยเหรอ จริงๆ มันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรขนาดนั้นหรอกเว้ย”

“กินน้ำมั้ย” ผมเดินไปเปิดตู้เย็น “แม่งจะหมดแล้วว่ะ เหลืออยู่ขวดเดียว กูลืมซื้อขึ้นมาอะ”

“งั้นก็กินเบียร์ดีกว่า” เขายักคิ้วพร้อมกับหยิบกะป๋องเบียร์ออกมาจากถุงเซเว่นแล้วโยนมาให้ผมกระป๋องหนึ่ง “ฉลองที่มึงแพ้ตุ๊ดดดด”

“เดี๋ยวกูปากระป๋องเบียร์อัดหน้าเลย ไอ้ห่า! จะว่าไปมึงรู้ได้ไงวะว่าไอ้นั่นมันเป็นเกย์อะ กูว่ามันก็แอ๊บเนียนอยู่นา”

“อ้าว มึงลืมไปแล้วเหรอว่ากิ๊กมันมีเพื่อนอยู่คณะนั้นน่ะ”

“เออ จริงด้วยว่ะ”

ผมเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ เขา จากนั้นเราก็ชนกระป๋องเบียร์ นั่งดื่มนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเบียร์หมดกระป๋อง ผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน และเมื่อผมอาบเสร็จ นะก็ใช้ห้องน้ำต่อจากผม ส่วนผมที่อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จจนรู้สึกสบายตัวแล้วก็ตาเริ่มจะปิดทันที

“จะนอนแล้วเหรอวะ” นะถามขึ้นหลังจากที่เขาเปิดประตูห้องน้ำออกมา

“ยังว่ะ แค่เคลิ้มๆ เฉยๆ ฮ้าวววว..ว...ว” ผมวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงแล้วอ้าปากหาววอด

“งั้นนอนเหอะ เอาไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็แล้วกันเนอะ”

“สาดดดด ไม่ต้องมาหาเรื่องเลย กูจะนอนฟังมึงพูดเอง หลับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ พรุ่งนี้บ่ายๆ ค่อยตื่นมาฟังต่อ”

“โห กะตื่นบ่ายเลยเหรอวะ”

“เร็วไปเหรอ”

“ก็คงงั้นมั้ง” เขาหัวเราะเบาๆ แล้วเดินมานั่งลงบนเตียง “กูขอเปิดพัดลมเป่าหัวแป๊บนึงนะ”

“ตายสบายเลย” ผมอ้าปากหาวอีกรอบ

“ปกติมึงขี้เซารึเปล่าวะ ไอ้ซี” เขาพูดใส่พัดลม

“ไม่รู้ว่ะ ก็นอนได้เรื่อยๆ อะ ทำไมวะ”

“เปล่า ก็แค่ถามดูเฉยๆ เพราะกูคิดว่าพรุ่งนี้กูคงตื่นก่อนมึงแหง”

“เออ ก็คงอย่างนั้นอะว่ะ มึงตื่นเช้าเหรอ”

“ถ้าไม่มีเรียน ไม่ตั้งนาฬิกาปลุก เต็มที่ก็เก้าโมงหรือสิบโมงอะ”

“อืมมมม... แล้วสรุปว่ามึงเป็นคนยังไงกันแน่วะ ไอ้นะ กูอยากรู้จริงๆ นะเนี่ย ว่าตกลงที่กูรู้จักมึงมาได้ราวๆ เดือนนึงเนี่ย มึงแม่งเป็นคนแบบไหนกันแน่”

เขาหัวเราะชอบใจทันที “ก็เป็นอย่างที่มึงรู้จักนั่นแหละเว้ย คือจริงๆ กูเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออกหรอก กูค่อนข้างเก็บตัวนะ แล้วนอกจากนั้นก็เนี่ยแหละ อย่างที่มึงเห็นว่ากูเป็นคนสบายๆ ไม่เรื่องมากอะ”

“แล้วทำไมมึงถึงได้กล้าขึ้นเวทีไปร้องเพลงแบบนั้นได้วะ ไม่อายเหรอ”

“แรกๆ ก็มีบ้าง ตื่นเวที ไรเงี้ย แต่มันไม่เหมือนกับประกวดเดือนนะเว้ย ไอ้ซี กูไม่ได้คิดว่าตัวเองหน้าตาดีขนาดนั้น กูไม่ได้มั่นใจในหน้าตาของตัวเองที่จะให้ใครต่อใครมาโหวตกู แต่กูแค่ชอบร้องเพลง มันก็คล้ายๆ กับที่กูบอกว่ากูเล่นบาสได้ แต่ชอบรักบี้มากกว่านั่นแหละ กูคิดว่าเวลากูร้องเพลง หน้าตากูมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยอะ แต่มันเป็นที่เสียง เป็นที่การร้องของกูจริงๆ ที่จะทำให้คนฟังกู คือมึงเข้าใจปะว่า ณ ตรงนั้นแล้ว กูเหมือนได้ปลดปล่อยอะ ได้แสดงความเป็นกูอีกด้านออกมา โดยที่กูไม่ต้องเขินหรือกังวลอะไรเกี่ยวกับหน้าตารูปลักษณ์กูเลย”

ผมนอนฟังเขาเงียบๆ แต่ก็คิดอยู่ในใจว่าเขาไม่รู้ซะแล้วว่าที่จริงคนดูที่กรี๊ดเขาเยอะๆ นั่น ก็เป็นเพราะหน้าตาของเขาด้วยเหมือนกันนั่นแหละ

“แต่เมื่อกี้ตอนในหอประชุมกูยังไม่ค่อยได้ยินเวลามึงร้องเพลงจริงๆ จังๆ เลยว่ะ ไอ้นะ อยู่หลังเวที แล้วเสียงมันอู้ๆ ก้องๆ บอกไม่ถูกอะ เอาไว้มึงร้องให้กูฟังด้วยนะเว้ย”

“ไม่ต้องเลย ไอ้ห่า กูเขิน!”

ผมหัวเราะ “ไหนบอกว่าถ้าเป็นการร้องเพลงแล้วมึงจะไม่อายไง”

“ไม่รู้เว้ย ถ้าจู่ๆ ให้มาร้องแบบนี้กูอายว่ะ” เขาปิดพัดลมและยืนขึ้น จากนั้นก็เดินตรงไปหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป้ “นี่ กูจะให้มึงดูอะไร” เขายื่นรูปถ่ายใบเล็กๆ เก่าๆ ใบหนึ่งให้ผม

ผมรับรูปใบนั้นมาดูแล้วก็ต้องหันขวับกลับไปมองหน้าของเขาสลับกับรูปถ่ายในมืออยู่ถึง 2-3 ครั้งกว่าจะเข้าใจว่าเด็กประถมตัวดำๆ แกร็นๆ ที่อยู่ในรูปนี่คือเขานั่นเอง

“นี่มึงจริงๆ เหรอวะ!”

“ฮ่าๆๆ เออดิ ไม่เหมือนเลยใช่มั้ย” เขายื่นรูปถ่ายอีกใบให้ผม “ส่วนนี่รูปตอน ม. 1”

“เฮ้ยยยย! ยังกะคนละคนเลยอะ! คือไอ้เด็กสองคนนี้เนี่ย กูพอดูรู้ว่ามันคือคนๆ เดียวกันนะเว้ย แต่แบบ แม่งไม่ใช่มึงอะ!”

“ใช่มั้ยล่ะ ตอนเด็กๆ กูเป็นคนตัวเล็กนะเว้ย ขี้โรคด้วย พ่อก็เลยจับกูกินอาหารเสริมเยอะ บังคับให้กูกินนมเยอะๆ เล่นกีฬา เล่นดนตรี ทำนั่นทำนี่หลายอย่างเพื่อสร้างความมั่นใจให้กูไง และพอช่วงประถมปลายๆ จนถึงมัธยมต้น ช่วงนั้นกูก็เริ่มสูงขึ้นพรวดพราด แต่ตอน ม. 1 ในรูปนี่กูยังดูผอมแห้งเก้งก้างอยู่เลยใช่มั้ยล่ะ ขี้เหร่ด้วย แถมยังใส่แว่นหนาเตอะอีกต่างหาก” เขาหัวเราะ

“แล้วตอนนี้มึงไม่ได้ใส่แว่นแล้วเหรอ”

“กูใส่คอนเท็กเลนส์น่ะ เวลาเล่นกีฬามันสะดวกกว่าเยอะ อย่างตอนนี้ที่กูถอดคอนแท็กเลนส์ออกไปแล้ว กูก็มองเห็นหน้ามึงไม่ค่อยชัดหรอกนะเว้ย”

“สั้นมากมั้ยวะ”

“ถ้าสายตาก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าอย่างอื่นอะ ยาวพอสมควร”

“ครวยยย!” ผมถีบเขาเบาๆ “กูไม่ได้อยากรู้หรอก ไอ้สาดดด”

เขารับรูปทั้งสองใบจากผมเก็บใส่ลงกระเป๋าสตางค์เหมือนเดิม “ก็นั่นแหละ คือเหตุผลที่ทำไมกูถึงกล้าร้องเพลงบนเวที แต่ไม่กล้าประกวดเดือน และที่กูไม่กล้าบอกมึงว่ากูเป็นนักร้อง ก็เพราะกูเขินนี่แหละ กูไม่ได้อยากจะพรีเซนท์ตัวเองอะไรขนาดนั้น กูไม่เหมือนมึงนี่หว่า ที่มั่นใจว่าตัวเองหน้าตาดีเลยกล้าแสดงออกอะไรอย่างนั้นน่ะ”

“อ้าว ไอ้ห่า หันกลับมาว่าแดกกูอีก กูแค่รู้ตัวว่าตัวเองหน้าตาดีเว้ย แต่ไม่ได้หลงตัวเองหรือคิดว่าตัวเองดูดีกว่าใครๆ ในโลกนี้หรอก เพราะกูคิดว่าถ้ากูทำเป็นพูดว่า ‘เอ่อออ... ผมไม่หล่อหรอกครับ แค่หน้าตาพอดูได้’ กูว่ากูก็คงตอแหลอะว่ะ”

“ฮ่าๆๆ เออๆ กูเข้าใจ แล้วอย่างกูเนี่ยจะเรียกว่ากูตอแหลได้มั้ยวะ”

“มึงคิดว่ามึงไม่หล่อปะล่ะ”

“ไม่อะ กูคิดว่ากูดูดีกว่าตอนเด็กๆ เยอะ” เขาหัวเราะ “แต่กูก็ไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นไง”

“เออ งั้นมึงก็ไม่ตอแหล ระ หรอกก...ก... ฮ้าววว...ว...ว”

“หาวอีกแล้ว ไอ้ตี๋เอ๊ยยย ปิดไฟนอนเหอะว่ะ เอาไว้ค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้แล้วกัน”

“โอเคๆ งั้นมึงปิดไฟให้กูด้วยนะ กูจะนอนละ” ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว แล้วจากนั้นไฟในห้องก็ดับลง

ผมรู้สึกถึงร่างกายหนักๆ ของนะที่คืบคลานขึ้นมานอนลงบนเตียงข้างๆ ผม

“แล้วตกลงมึงคิดว่าพอจะรู้จักกูมากขึ้นรึยังวะ” เขาถาม

“ก็คงงั้นแหละ แต่กูว่ามึงยังไม่ได้มีอยู่แแค่นี้หรอกใช่มั้ยล่ะ”

“ก็อาจจะล่ะมั้ง ใครจะคบกับกูอะ ต้องอยู่กับกูไปนานๆ แล้วจะค่อยๆ เห็นเอง”

“เออ อันนี้กูเข้าใจ... แล้วมึงอะ คิดว่ารู้จักกูดีรึยัง”

เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “กูว่าข้างนอกมึงเป็นยังไง ข้างในมึงก็อย่างนั้นอะ”

“ถูกเผงงง”

“แต่กูบอกตรงๆ ว่ากูชอบนะเว้ย ที่มึงเป็นคนแบบนี้อะ กูว่าเราสนิทกันไวดีด้วยว่ะ”

“งืมมม ก็จริงของมึง...”

“จะว่าไป นี่งานเฟรชชี่ก็จบลงแล้ว มึงยังจะอยากให้กูช่วยเทรนมึงเล่นกล้ามอยู่ใช่มั้ย ยังอยากเพิ่มขาเป็นแปดขาอยู่ใช่ปะ”

“เออ ครวยย ไอ้สาดดด ตลกมากกก” ผมเริ่มงัวเงีย “ก็ตามนั้นแหละ แต่อาวไว้ห้ายกูหายเหนื่อยก่อนละกันน้า เมิงง... งืมมๆ”
เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ของเขาคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่จะหลับลงไป...

วันต่อมาผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงที่ว่างเปล่า ผมพลิกตัวหันซ้ายหันขวามองหานะแต่ก็ไม่เจอร่างของเขาแม้แต่เงา ผมควานหานาฬิกาข้อมือที่ถอดวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงมาดูก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งทั้งๆ ที่ยังคงมึนหัวอยู่นิดหน่อยแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะหยิบน้ำออกมาดื่ม ผมสังเกตเห็นว่านอกจากน้ำขวดเก่าที่เหลืออยู่ครึ่งขวดแล้ว ยังมีน้ำดื่มขวดใหญ่ที่ยังไม่ถูกเปิดออกใส่อยู่ในตู้เย็นอีกถึงสามขวด รวมทั้งนมกล่องใหญ่ และยังน้ำส้มอีกขวดหนึ่งด้วย

ผมหันไปมองที่ๆ นะเคยวางกระเป๋าเอาไว้เมื่อคืนก็พบว่ากระเป๋าของเขาหายไปแล้ว ผมจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะอ่านหนังสือ เมื่อผมเปิดเครื่องขึ้น ข้อความที่เด้งเข้ามาก็ทำให้ผมรู้ว่าน้อยโทรเข้ามาหาผมทั้งหมดห้าสาย และก็ยังมีเพื่อนที่คณะโทรมาหาผมอีกนิดหน่อย แต่ข้อความสุดท้ายที่ผมเปิดอ่านนั้นถูกส่งมาจากนะเมื่อเวลาประมาณ 11 โมง เขาส่งมาบอกผมว่า

‘กูซื้อข้าวกล่องมาให้มึงอยู่ในช่องฟรีซนะ แล้วก็น้ำ นม น้ำส้ม กูตุนไว้ให้แล้ว ตื่นมาก็แดกด้วยแล้วกัน โทษทีที่กลับออกไปก่อน พอดีมีนัดดูหนังและนัดโด๊ะกับแฟน คงเสร็จธุระค่ำๆ’

ผมอ่านข้อความแล้วก็นึกถึงเสียงหัวเราะของเขาขึ้นมาได้ทันที

ผมโทรกลับไปหาน้อยเพื่อรายงานตัวว่าตื่นแล้ว ที่จริงวันนี้เป็นวันเสาร์ และน้อยก็อยากจะชวนผมออกไปกินข้าวดูหนังด้วยกัน แต่กว่าผมจะแต่งตัวเสร็จ ทำอะไรต่ออะไรเสร็จก็คงจะเย็นจนเกินไป และค่ำวันนี้น้อยก็ต้องออกไปกินข้าวเย็นกับครอบครัวอีกด้วย ผมเลยถูกโวยวายเม้งใส่นิดหน่อยไปตามระเบียบ ว่ามันเป็นความผิดของผมที่ผมนอนปิดเครื่องแล้วยังตื่นสายจนเราไม่สามารถนัดทำอะไรกันได้ แต่ผมก็สัญญากับเขาไปว่าจะขอชดเชยให้กับเขาในวันพรุ่งนี้แทน

หลังวางสายจากน้อย ผมก็โทรกลับไปหาเพื่อนคนหนึ่งของผมที่โทรมาตั้งแต่เมื่อคืน มันบอกผมว่าเมื่อคืนหลังจากที่งานเลิก พวกมันมีไปต่อกันด้วย มันก็เลยโทรมาชวนผมเผื่อจะไปด้วยกัน ผมวางสายจากมัน โทรกลับไปหาเพื่อนอีกคนหนึ่งที่โทรมาเมื่อตอนสายๆ มันต่อว่าผมที่เมื่อคืนหายตัวไปโดยไม่บอกใครก่อน แล้วก็ชวนผมออกไปกินเหล้ากับพวกมันในคืนนี้ ผมบอกมันไปว่าผมยังไม่รับปากและจะโทรกลับไปหามันอีกครั้งตอนเย็น

ผมโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นอีกครั้ง นะไม่ได้ซื้อข้าวมาให้ผมแค่กล่องเดียว แต่ซื้อมาถึงสองกล่อง ผมล่ะไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนมีน้ำใจและเอาใจใส่คนอื่นมากถึงขนาดนี้ ผมหยิบข้าวกล่องออกมากล่องหนึ่ง เอาเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ แล้วก็จัดการกินจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะคลานกลับขึ้นไปนอนต่อบนเตียง

ผมถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ผมควานหาโทรศัพท์บนเตียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็สไลด์หน้าจอรับสายโดยไมได้ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามา

“ไง ตื่นยังวะ คนเก่ง”

“อืออออ...อ....อ ครายย...ยวะเนี่ยยย”

“เฮ้ยยย! ยังไม่ตื่นอีกเหรอวะ ห้าโมงเย็นแล้วนะเว้ย!”

“อืออ ไอ้นะเหรอวะ”

“เออ กูเอง นี่มึงยังไม่ตื่นจริงๆ เหรอเนี่ย นี่มึงนอนรึมึงตายวะ ไอ้ซี!”

“กูตื่นแล้ววว ไอ้ห่าาาา แต่กูนอนต่ออ มึงมีรายยย”

“ตื่นมาแล้วแดกข้าวแดกปลารึยัง”

“แดกแล้วค้าบบบ พ่อ ขอบคุณมากนะค้าบบบ”

“ฮ่าๆๆ เออๆ ก็ดีแล้ว นี่กูกลับมาถึงหอกันแล้ว ก็เลยลองโทรมาหามึงดูว่าเป็นไงบ้าง แค่นั้นแหละ”

“อ้าว มึงเสร็จ ‘ธุระ’ กับกิ๊กมึงแล้วเหรอวะ”

“กวนส้นตีนนะมึง แต่เออ เสร็จหมดแล้ว” เขาหัวเราะ “อีกเดี๋ยวกิ๊กมันจะออกไปกินข้าวกับเพื่อน กูก็จะไปกินข้าวกับเพื่อนๆ กูเหมือนกัน มึงจะไปด้วยกันมั้ยล่ะ”

“เพื่อนหนายวะ”

“เพื่อนที่วงกับเพื่อนที่ลงแข่งบาสของคณะบางคนอะ”

“หลายคนเหรอวะ”

“รวมกูด้วยก็แค่ 6-7 คนล่ะมั้ง”

“กี่โมงงง”

“สักทุ่มนึงอะ ถ้าจะไปก็บอก เดี๋ยวกูไปรับ”

“อืมมมม...” ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“จะให้กูวางสายก่อนมั้ย พ่อคุณ”

“เออๆ โอเคๆ ไปก็ได้วะ อึ๊ดดดด..!!” ผมบิดขี้เกียจ

“ดีมาก ถ้างั้นเดี๋ยวหกโมงกว่าๆ กูไปหาที่หอ รีบๆ ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว ไอ้ตี๋”

“ครับ พ่อ!”

เขาหัวเราะทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป

ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเกือบหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็โทรไปบอกเพื่อนว่าผมไปกับมันไม่ได้ แล้วจึงนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตรอเวลาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนะโทรมาบอกผมว่าเขารออยู่ใต้หอแล้ว ผมก็ลงไปรับเขาขึ้นมาบนห้อง

“แล้วนี่จะไปกินกันกี่โมง”

“นัดกันที่ร้านประมาณทุ่มครึ่งอะ”

“กินไรกันวะ” ผมเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำส้มที่เขาซื้อมาให้ผมรินใส่แก้วสองใบ

“หมูกะทะ กินได้มะ”

“เฮ้ย ได้สิวะ แถวไหนอะ”

“ร้านตรงซอยข้างๆ โลตัสอะ เคยไปยัง”

“ยังว่ะ”

“ดีมาก เดี๋ยวพาแว้นซ์ไป 15 นาทีก็ถึง”

“จริงๆ เย็นนี้เพื่อนกูก็นัดกูไปกินเหล้านะเนี่ย แต่กูปฏิเสธมันไปละ”

“อ้าว จริงดิ แล้วทำไมไม่ไปกับพวกมันอะ”

ผมยักไหล่ “ไม่รู้ว่ะ ไปกับพวกมันไปเมื่อไหร่ก็ได้อะ แถมมึงเองก็รู้จักเพื่อนกูหลายคนแล้ว กูก็อยากรู้จักเพื่อนๆ มึงด้วยไง”
“เออ ก็ดีๆ เพื่อนกูนิสัยดีเว้ย กูว่ามึงเข้ากับคนง่ายอยู่แล้วด้วย ยังไงเดี๋ยวก็ต้องสนิทกันแน่นอน”

ผมยื่นแก้วน้ำส้มให้กับเขาที่นั่งอยู่บนเตียง “ขอบใจนะเว้ย ที่ซื้อน้ำซื้อข้าวไว้ให้กูอะ เท่าไหร่วะ เดี๋ยวกูคืนเงินให้”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคืนเลย ถือซะว่ากูเลี้ยงที่มึงได้ตำแหน่งรองอันดับสอง แล้วก็ที่อุตส่าห์ชวนกูมานอนห้องไง”

“มึงนี่มันจะเป็นคนดีไปรึเปล่าวะ ไอ้นะ กูเพิ่งเคยเจอใครที่เทคแคร์คนอื่นดีอย่างมึงเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย” ผมนั่งลงข้างๆ เขา

“มึงจะบอกว่าปกติคนรอบข้างมึงแม่งมีแต่คนไม่ดีเหรอวะ”

“เปล่า กูแค่จะบอกว่ามึงมันเป็นคนดีมากๆ เลยเท่านั้นเอง”

เขาหัวเราะเบาๆ “กูไม่ใช่คนดีเด่อะไรนักหนาหรอก กูเองก็เคยทำเรื่องเหี้ยๆ มาเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นกูก็เข็ดอะว่ะ ที่สำคัญ... กูก็ไม่รู้มันเกี่ยวรึเปล่านะ แต่มันเคยมีเรื่องบางเรื่องที่ทำให้กูรู้จักระมัดระวังเวลาใช้ชีวิตให้มากขึ้นด้วย ไรเงี้ยว่ะ”
“เรื่องอะไรวะ” ผมหันไปมองหน้าเขา

“อย่างเช่นเมื่อตอน ม. 5 กูเคยเป็นหนี้พนันบอลหลายหมื่นอะ พอพ่อกับแม่จับได้ก็เป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่ที่กูเสียใจมากที่สุดคือพวกเค้าไม่ได้ด่าว่าหรือลงโทษอะไรกูเลยนะเว้ย เค้าร้องไห้ เสียใจ และพยายามหาเงินมาชดใช้แทนกู ทั้งๆ ที่ตอนนั้นบ้านกูเองก็กำลังลำบากอะ เพราะงั้นนับตั้งแต่นั้นมากูเลยเลิกเล่นพนันทุกชนิดแล้วก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำอะไรให้พ่อกับแม่เสียใจอีก ส่วนอีกเรื่องที่กูได้บทเรียนหนักๆ ก็คือ มีอยู่คืนนึงที่พ่อกูเค้าเมาแล้วขับรถโดยมีพวกกูนั่งกันอยู่ในรถครบเลย แล้วพ่อกูเค้าดันขับรถแหกโค้ง พวกกูรอดกันมาได้หมดก็จริง แต่ยกเว้นน้องสาวคนเล็กของกูอะว่ะ... ตอนนั้นกูยังแค่สิบขวบเอง ส่วนน้องกูก็เพิ่งแปดขวบอะ”

“งั้นแปลว่าตอนนี้ครอบครัวมึงก็เหลือแค่มึงกับพ่อสองคนเหรอวะ ไอ้นะ”

“เปล่าๆ มีพี่ชายอีกคนน่ะ ตอนนี้มันเรียนจบแต่งงานมีเมียไปแล้ว แต่ก็อยู่ที่โคราชกับพ่อนั่นแหละ”

“แล้ว... กูขอถามตรงๆ นะเว้ย มึงจะว่าอะไรรึเปล่าวะ”

“ไม่ว่าหรอก ถามมาเหอะ”

“คืออย่างเรื่องพนันบอลกูก็เข้าใจนะเว้ย แต่อย่างเรื่องพ่อมึงกินเหล้าเมาแล้วขับรถจนเกิดอุบัติเหตุเนี่ย มันทำให้มึงได้บทเรียนอะไรเหรอวะ คือมึงก็เลยสาบานว่าจะไม่กินเหล้าอะไรแบบนั้นปะ”

เขายิ้ม “เปล่าหรอก กูก็ยังกินเหล้าเหมือนคนอื่นๆ นี่แหละ กูยังไม่ใช่คนดีขนาดนั้น แต่ตอนนั้นกูเห็นพ่อกับแม่เสียใจมาก โดยเฉพาะพ่อที่หัวใจแตกสลายไปเลย เค้าโทษตัวเองและกูว่าตอนนี้ก็ยังไม่ยกโทษให้ตัวเองอยู่เลยด้วยซ้ำ มันทำให้กูโตมาแบบเห็นใจพ่อกับแม่อะ มึงเข้าใจปะ ยิ่งพอแม่เพิ่งมาจากกูไปอีกคน กูก็ยิ่งคิดว่าครอบครัวกูแม่งเหมือนถูกสาปยังไงไม่รู้ว่ะ กูเลยอยากจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด มีสติที่สุด อะไรเงี้ย”

ผมหันไปมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยความรู้สึกทึ่งๆ คงเป็นเพราะผมเติบโตมากับครอบครัวปกติ ธรรมดา ไม่เคยประสบเรื่องราวร้ายๆ ไม่เคยมีโศกนาฏกรรมอะไร จึงไม่เคยสำนึกถึงความสำคัญของครอบครัวและชีวิตมากเท่ากับเขา เขาทำให้ผมรู้สึกละอายตัวเองอยู่ลึกๆ เหมือนกันที่ถึงแม้ว่าเราจะอายุเท่ากัน แต่เขากลับมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าผมเยอะ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ช่วยผมย้ำเตือนถึงความสำคัญของเรื่องที่ผมมองข้ามไปตลอดด้วยเหมือนกัน

“แล้วมึงอะ ครอบครัวเป็นไงมั่งวะ มีพี่น้องปะ” เขาหันมาถามผม

“ก็มีพ่อ แม่ พี่ชาย แล้วก็น้องสาวอะว่ะ พี่กูเรียนอยู่ปี 3 ที่มหาลัยอื่น ส่วนน้องสาวอยู่ ม. 5 พ่อเป็นหมอฟัน แม่เป็นครู นอกนั้นก็ปกติดี ไม่มีอะไรเลย ไม่รู้จะเล่าไงเหมือนกันว่ะ”

“ก็ดีแล้วนี่หว่า มึงพูดเหมือนอยากให้ครอบครัวมึงเกิดเรื่องเหมือนของกูนะ” เขาหัวเราะเบาๆ

“เฮ้ย เปล่าๆ กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่กูว่าชีวิตกูมันก็ปกติสุข เรียบง่าย เรื่อยๆ อะ แค่นั้นแหละ”

“แล้วมึงเคยทำเรื่องอะไรให้พ่อแม่เสียใจมั่งมั้ยวะ”

“ไม่เคยว่ะ คือกูก็ไม่ใช่เด็กดีอะไรมากมายหรอกนะ ก็มีบ้างที่เคยเกเร สอบตก โดดเรียน อะไรแบบเนี้ย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะว่ะ พี่ชายกูดิ แม่งเที่ยวเก่ง เจ้าชู้ และกะล่อนมาก แม่กูเค้าก็เลยกลุ้มๆ เหมือนกัน แต่ก็ดีที่มันยังไม่เคยทำเรื่องอะไรเหี้ยๆ จนทำให้ที่บ้านมีปัญหาอะนะ”

“แหมเว้ย มึงนี่มันเป็นเด็กดีกว่าที่กูคิดเยอะเลยนะเนี่ย” เขาทำหน้ากวนๆ

“เดี๋ยวกูเตะเลย! คนอย่างกูมันดูเป็นเด็กไม่ดีตรงไหนวะ!”

“ทุกตรงอะ ตั้งแต่หัวจรดตีนเลย” เขาหัวเราะพร้อมกับรีบดีดตัวลุกออกจากเตียงหลบฝ่ามือของผมไปได้อย่างเฉียดฉิว

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-01-2012 21:07:34
ซีไม่ไปกับเพื่อนที่คณะ แต่เลือกไปกับนะแทน (นะก็เพื่อนนี่นา)
ต่อไปก็คงใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้น นานขึ้น
รอเมล็ดงอกเงย...
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-01-2012 21:12:21
คาดเดาไม่ได้ว่าต้นรักจะผลิบานแบบไหน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-01-2012 21:27:58
ได้รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยทุกวัน ต้นรักคงงอกเงยเร็วแน่นอน :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-01-2012 22:10:29
ซี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อไหร่ต้นรักมันจะโตหนอ  เตรียมมาค่อยเฝ้าจ้า กลัวจะมีหนอน มีแมลงมากัดกิน จะจับบี้ให้หมดเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 08-01-2012 22:35:17
เพาะรัก ตนนี้กำลังลงเม็ดพันธุ์เนาะ อีกหน่อยก็เป็นต้นกล้าล่ะ
รอดูต้นรักต้นนี้เจริญเติบโต
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 09-01-2012 00:51:00
อิ..อิ...ค่อยๆรดน้ำพรวนดินกันต่อไป

ความสัมพันธ์กำลังพัฒนาเรื่อยๆ.....ชอบค่ะแบบนี้

มันอ่านแล้วแบบว่า....ดูมีที่มาที่ไป....เพราะว่าทั้งคู่เป็นผู้ชาย

และการที่จะมารักกันเองเนี่ย...มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างหล่ะนะที่ทำให้ทั้งคู่ก้าวข้ามขอบเขตของคำว่าเพื่อนได้

แล้วจะเข้ามาช่วยรดน้ำพรวนดินบ่อยๆน้าคุณต้น :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 09-01-2012 03:47:58
เมล็ดรัก เห็นใบอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 10-01-2012 13:00:17
เมล็ดพันธุ์แห่งความรัก กำลังบ่มเพาะ... ไม่นานคงแตกหน่อ...

แต่คงต้องอาศัยสภาพแวดล้อมในการเติบโตไป

จะรอคอย ต้นรัก เติบโต...

การเทคแคร์อย่างดีของนะ ได้ตกไปในใจของซี...ทำให้ความสัมพันธ์ที่มียิ่งสนิทสนมขึ้นเรื่อยๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: thesilkmai ที่ 10-01-2012 21:16:00
ขอบคุณมากค่ะ คอยลุ้นเหมือนความเห็นอื่นว่าเมื่อไหร่ต้นรักต้นนี้จะโตสักที ชอบเรื่องนี้มากเลยล่ะ :)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: peppier ที่ 10-01-2012 22:12:45
พี่ต้นมาต่อแล้วววว
อิมเมจซีน่ารักมากกกกกกกกกกก !  :-[
ชอบอ่ะ นะก็หล่อ อยากได้หมดเลยย !  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 11-01-2012 08:44:28
SeeeDz ที่ 4

เราสองคนมาถึงที่ร้านเป็นกลุ่มสุดท้าย นะแนะนำให้ผมรู้จักเพื่อนในวงของเขาอีกสามคน กับเพื่อนที่คณะวิศวะอีกสี่คน เนื่องจากว่าพวกเราเป็นเด็กปี 1 เหมือนกันหมด และพวกเขาต่างก็อัธยาศัยดีกันทุกคน จึงทำให้ผมสามารถทำความรู้จักและพูดคุยกับพวกเขาได้อย่างเป็นกันเอง หลังจากที่เรานั่งกินข้าวและชนแก้วเบียร์ด้วยกันไปได้พักใหญ่ๆ ผมก็รู้สึกคุ้นเคยกับพวกเขาทุกคนราวกับเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน

หลังจากที่เรากินกันเสร็จและจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนในวงของนะก็ชวนพวกเราไปนั่งกินเหล้าด้วยกันต่อ แต่เพื่อนจากคณะของเขาสองคนที่ชื่อนนท์กับโจขอตัวกลับไปก่อน

“เพื่อนมึงสองคนนั้นดูสนิทกันดีว่ะ เท่าที่กูดูมันคุยๆ กัน เหมือนมันจะรู้จักกันมานานแล้วด้วยปะ” ผมหันไปถามนะ

“ช่าย มึงนี่ช่างสังเกตเหมือนกันนะ ไอ้นนท์กับไอ้โจมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว...” เขาพูดยิ้มๆ

“เหรอวะ อืมๆๆ”

มันยื่นหน้ามากระซิบลงที่หูของผม “ที่จริงมันสองคนเป็นแฟนกันด้วยว่ะ”

“เฮ้ยยย! จริงอะ!”

“เออ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ดูไม่เห็นออกเลย!”

“ดูไม่ออกว่ามันชอบผู้ชายน่ะ ใช่ แต่ถ้าถามว่าดูออกมั้ยว่าเป็นแฟนกัน พวกกูก็คิดๆ กันอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่ะ เพราะไอ้โจมันเป็นคนขี้หึงโคตรๆ น่ะ ก็เลยพอดูออกง่ายหน่อย แล้วหลังจากนั้นมันก็ยอมรับกันออกมาเองเลยว่าพวกมันเป็นแฟนกันจริงๆ”

“จริงดิ มันกล้าพูดกล้ายอมรับแบบนั้นเลยเหรอวะ”

“กูว่าไอ้โจมันอยากตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับไอ้นนท์น่ะว่ะ”

“เออ ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ” ผมพยักหน้าหงึกๆ

“สาวๆ คณะกูกรี๊ดเสียดายของกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”

“เออ ก็นั่นอะดิ แถมกูว่ามันสองคนก็ดูดีกว่าไอ้โด่งเยอะเลยด้วย ทำไมคนหน้าตาแบบพวกมันถึงไม่เป็นตัวแทนเดือนคณะมึงวะเนี่ย”

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้โจมันไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก และมันก็ไม่ยอมให้ไอ้นนท์ลงประกวดอะไรแบบนั้นด้วย แม่งโหดจะตาย คนที่จะกำราบแม่งได้ก็มีแค่ไอ้นนท์คนเดียวเท่านั้นแหละ”

“งั้นเลยเหรอวะ”

“ช่ายยย และอีกอย่าง ถ้าเกิดไอ้นนท์หรือไอ้โจเป็นตัวแทนคณะกูจริง ตำแหน่งของมึงก็คงเหลือแค่อันดับสามน่ะสิวะ ไอ้ซี”

“เออคร้าบ ไอ้สาดดดด ว่าแต่ไอ้นนท์มันเป็นนักบาสใช่มั้ยวะ”

“ช่ายยย แถมยังเก่งด้วยนะเว้ย”

ผมมองตามหลังนนท์กับโจที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถหน้าร้าน “แล้วพวกเพื่อนๆ มึงที่มากันวันนี้ก็รู้จักกันมานานแล้วใช่มั้ยวะ ดูเหมือนพวกสมาชิกจากวงมึงจะรู้จักเพื่อนที่คณะมึงกันมาตั้งนานแล้วทั้งนั้นเลยใช่ปะ เท่าที่กูลองสังเกตดูน่ะนะ”

“ช่ายแล้ว เพราะว่าเพื่อนที่วงกูมันไปป้วนเปี้ยนแถวคณะวิศวะบ่อยน่ะ แล้วพวกกูก็เคยไปกินข้าวกินเหล้าด้วยกันมาหลายรอบแล้วด้วย”

“อืมมม แล้วตกลงหลังจากนี้มันจะไปต่อไหนกัน”

“ก็คงร้านเหล้าหน้ามหาลัยแหละ มึงไปแน่ใช่ปะ”

“ก็ไปดิ กูสบายๆ อยู่แล้ว ว่าแต่มึงนั่นแหละ ไม่บอกกิ๊กของมึงก่อนรึไง”

“ยังจะเล่นไม่เลิกนะมึง มุกนี้น่ะ” เขาหัวเราะและตบหัวผมเบาๆ “กิ๊กมันไปนอนกับเพื่อน เพราะพรุ่งนี้มันก็กลับแล้ว เพราะงั้นไม่มีปัญหาเลย ว่าแต่มึงนั่นแหละ บอกแฟนมึงรึยัง”

“กูบอกน้อยไปแล้วว่าออกมากินข้าวกับมึง กลับดึก เพราะงั้นเอาไว้ให้มันโทรมาก่อนแล้วกัน ค่อยบอกอีกว่าจะกลับดึกแค่ไหน เพราะยังไงกูก็เดาว่ามึงจะไม่แดกจนเมาหรือจนดึกดื่นอะไรมากมายอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”

“ใช่แล้ววว” เขายิ้มน้อยๆ “แต่ถ้ามึงอยากอยู่ดึกก็อยู่ได้นะเว้ย ไม่ต้องเกรงใจกู กูอยู่ได้”

“ไม่อะว่ะ เพราะพรุ่งนี้กูต้องออกไปกินข้าวดูหนังกับน้อยอีก ไม่อยากกลับดึกมากเหมือนกัน”

“โอเค”

เมื่อเราทุกคนเคลียร์เงินค่าหมูกะทะกันเสร็จแล้ว เราต่างก็แยกย้ายกันขึ้นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนแต่ละคนไปยังร้านที่เรานัดหมายกันเอาไว้

ร้านที่เราไปนั่งต่อกันเป็นร้านขนาดเล็ก ไม่มีมีดนตรีสด และลูกค้าส่วนมากก็เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของเราทั้งนั้น เมื่อเราทุกคนไปถึงที่ร้าน เราก็ได้โต๊ะที่อยู่ติดกับโต๊ะของกลุ่มผู้หญิงวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนพวกเพื่อนๆ ของนะจะพอใจมากที่ได้โต๊ะทำเลดีแบบนี้ หลังจากที่เราเริ่มดื่มกันไปได้สักพัก พวกเราก็เริ่มชนแก้วกับสาวๆ โต๊ะข้างๆ เริ่มเต้นด้วยกัน และเริ่มถูกเนื้อต้องตัวกันพอเป็นธรรมเนียม

เมื่อเริ่มดึกมากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็สังเกตเห็นว่า นอกจากผมที่มีผู้หญิง 2-3 คนปรายตามาให้ หรือให้ท่าแสดงความสนใจในตัวของผมแล้ว นะเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเต้นและเกาะแกะอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลาด้วยเหมือนกัน ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของเขา ส่วนเขาก็ตอบบางอย่างกลับไป ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังมองหาใคร และเมื่อเขาเจอว่าผมยืนอยู่ตรงไหน เขาก็เดินตรงเข้ามาหาผมทันที เขาสะกิดเรียกผมให้ไปห้องน้ำด้วยกัน ผมจึงจำต้องทิ้งสาวๆ ที่กำลังยืนชนแก้วอยู่กับผมไปกับเขา

“มีอะไรวะ มึง” ผมถามเขาหลังจากที่เรายืนกันอยู่ในห้องน้ำแล้ว

“ไม่ไหวว่ะ ผู้หญิงคนนั้นแม่งไม่ปล่อยกูเลย ขนาดกูบอกว่ากูมีแฟนแล้วนะ แม่งก็ยังจะชวนกูกลับห้องด้วยให้ได้เลยอะ”

ผมหัวเราะชอบใจทันที “อ้าววว ไม่ดีรึไงวะ เสน่ห์แรงนะมึงเนี่ย”

“คงไม่เท่ามึงหรอก แม่งคนเดียวล่อสองคนเลยนะ นี่ถ้ากูไม่ลากมึงออกมาจะเป็นยังไงวะเนี่ย”

“ไม่เป็นเหี้ยไรหรอกกก! กูไม่นอกใจแฟนกูหรอกน่า ไม่อยากมีปัญหาว่ะ ตอนเค้าขอเบอร์กู กูก็บอกไปตรงๆ ว่ามีแฟนแล้ว แต่แม่งก็ยังไม่ยอมปล่อยกูไปสักทีเหมือนมึงนั่นแหละ กูก็เลยเอาวะ เลยตามเลย ชนแก้วไปเรื่อยๆ คุยไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน”

“ชนแก้วไปเรื่อยๆ แล้วมึงเมารึยัง”

“ยังว่ะ แค่กึ่มๆ นี่ก็เพิ่งห้าทุ่มกว่าเองนะมึง มึงเมาแล้วเหรอวะ”

“ไม่มีทางเหอะว่ะ กูก็ห่วงแต่มึงนั่นแหละ เกิดเมาแล้วเงี่ยนขึ้นมา เดี๋ยวจะพาลต้องเสียตัวให้ผู้หญิงพวกนั้นเอาน่ะสิว้าาา”

“โหหห กูไม่อ่อนขนาดนั้นหรอกน่า! มึงคิดว่ากูรอดพ้นเงื้อมมือผู้หญิงมากี่คนแล้ววะ!”

“หรือจะให้พูดง่ายๆ ก็คือมึง ‘เลือก’ ที่จะฟันผู้หญิงมากี่คนแล้วมากกว่า”

“ถูกต้องนะคร้าบบบ!”

เขาหัวเราะ “ฮ่าๆๆ เออๆ งั้นไปกินกันต่ออีกนิดเหอะ แล้วค่อยกลับ เอาเป็นว่า... สักเที่ยงคืนตรงเราค่อยกลับกัน โอเคมะ”

“ตามนั้น จัดไปเลย”

เราสองคนเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ดื่มต่ออีกนิดหน่อย แต่คราวนี้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยชนแก้วกับผมคงเริ่มจะเมามากแล้ว เขาถึงได้กล้าที่จะกอดแขนกอดเอวผมอย่างไม่รู้สึกเกรงใจเพื่อนๆ ของตัวเองหรือสายตาของใครเลย ถึงผมจะไม่ได้รังเกียจ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกชอบที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงลวนลามแบบนี้หรอกนะ นี่ถ้าหากว่าผมไม่ได้กำลังคบกับน้อยอยู่ ผมก็คงจะตอบรับการเชิญชวนของสาวคนนี้ไปนานแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ ผมมีแฟนแล้ว ผมไม่อยากจะทำตัวเป็นผู้ชายแบบนั้น... ผมว่าผมชักเข้าใจความรู้สึกของนะมากขึ้นอีกนิดแล้วสิ

ผมหันไปมองนะ แล้วจึงเห็นว่าเขาก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกันกับผมไม่มีผิด เขาสบตากับผมแล้วส่ายหน้าเบาๆ อย่างอ่อนใจ จากนั้นนะก็หันไปแกะแขนของผู้หญิงคนนั้นออกจากแขนของตัวเอง พร้อมกับก้มลงไปพูดบางอย่างกับเขา นะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมอีกครั้งแล้วพยักหน้าให้ผมครั้งหนึ่ง ผมคิดว่ามันคือสัญญาณว่าเราควรจะออกจากที่นี่กันได้แล้ว ผมจึงขอตัวจากคนที่เกาะแขนของผมอยู่ เดินไปบอกลาเพื่อนๆ ของนะ เคลียร์เงินส่วนของผม แล้วก็เดินตามหลังนะออกไปนอกร้านแบบติดๆ

“ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย แม่งเลื้อยแม่งพันกูจนกูเกือบทนไม่ไหวไปแล้วนะน่ะ” นะพูดอย่างไม่ค่อยพอใจในขณะที่เรากำลังเดินไปยังฟีโน่ของเขา

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมหัวเราะ

“ก็เออดิ กูเป็นคนหัวโบราณนะเว้ย มันรู้สึกแปลกๆ ว่ะที่ผู้หญิงแม่งจะมาทำอะไรขนาดนี้เนี่ย”

“แล้วถ้ามึงยังไม่มีแฟนอะ จะยังพูดแบบนั้นอยู่มั้ย”

“พูดสิวะ แต่ก็...” เขานิ่งไปพักหนึ่ง “คงต้องดูหน้าตา กิริยาท่าทางของอีกฝ่าย แล้วก็ความเงี่ยนของตัวเองอีกทีด้วยว่ะ ฮ่าๆๆ”

“ไอ้ทุยเอ๊ยยย! ฮ่าๆๆ”

“ว่าแต่มึงเองเหอะ ไอ้ซี นี่ถ้ามึงไม่มีแฟน มึงก็คงจัดไปหลายดอกแล้วสิ”

“ก็เออดิวะ แม่งงงง ถึงกูจะได้เจอน้อยอยู่บ้าง แต่เราก็ไม่ได้มีอะไรกันมาเกือบเดือนแล้วนะเว้ย กูแม่งเงี่ยนจนเขื่อนจะแตกอยู่แล้ว!”

“ฮ่าๆๆ ตรงไปตรงมาดี! เอ้า ขึ้นมาซ้อนท้ายพี่มา น้อง พี่จะพาน้องไปส่งที่หอให้อย่างปลอดภัยเอง รับรองไม่มีปล้ำ ไม่มีลวนลามให้น้องต้องไม่สบายใจแน่นอน”

ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วก็ขึ้นนั่งบนฟีโน่คันเก่งของเขา และอีกไม่กี่นาทีถัดมา เขาก็พาผมมาส่งถึงที่หน้าหอ

“วันนี้ขอบใจมึงมากนะเว้ย ไอ้นะ”

“ไม่เป็นไร มึงก็พักผ่อนซะ พรุ่งนี้จะได้ไปตะลอนๆ กับน้อยไหว”

“ไอ้เหี้ย เพิ่งเที่ยงคืนกว่าเอง แถมวันนี้กูก็นอนไปทั้งวันแล้วเหอะ”

“อ้าว พูดแบบนี้แปลว่าจะยังไม่นอนรึไงวะ”

“สนใจขึ้นไปแดกเบียร์บนห้องกูต่อหน่อยมั้ยล่ะ เมื่อกี้กูยังไม่สะใจเลย”

นะยิ้มกว้าง “จัดไปเลย!”

เราสองคนขี่มอเตอร์ไซค์วนออกมาซื้อเบียร์ที่เซเว่นหน้าปากซอยหอ แล้วจากนั้นก็ขึ้นไปดื่มกันต่อบนห้องของผม เรานั่งดูทีวีและนั่งคุยกันหลายเรื่อง แต่เมื่อมาถึงเบียร์กระป๋องสุดท้าย หัวข้อที่เราคุยกันก็ไม่พ้นเรื่องของเซ็กส์จนได้

“กูถามจริง ตอนมึงอยู่โคราช มึงมีไรกับแฟนบ่อยป่าววะ ไอ้นะ”

“กูไม่ได้เจอกันทุกวันอะนะ แต่ช่วงปิดเทอมก็อาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง แล้วแต่สะดวกว่ะ”

“แปลว่ามึงคบกันมานานแล้วเหรอวะ”

“ก็คบกันตั้งแต่ราวๆ เริ่ม ม. 6 เทอมปลายใหม่ๆ อะ นานมั้ยอะวะ”

“เฮ้ยย นานแล้วนะ ก็หลายเดือนอยู่นี่หว่า”

“แล้วมึงอะ”

“กูคบกันมาได้ 3-4 เดือนเอง แต่รู้จักกันมาก่อนหน้านั้นสักพักแล้ว”

“เหรอวะ แล้วที่มึงบอกว่ามึงไม่ค่อยได้มีอะไรกับแฟน งั้นปกติมึงทำไงวะ ไอ้ซี กูว่ามึงแม่งท่าทางจะขี้เงี่ยนด้วยดิ ถามจริง มึงเคยไปมีอะไรกับคนอื่นมั้ยวะ”

“เฮ้ยยย ไม่เคยเลยเว้ย เวลากูคบกับใคร กูไม่เคยนอกใจคนๆ นั้นไปมีอะไรกับคนอื่นเลยจริงๆ นะเว้ย กับน้อยก็เหมือนกัน อย่างช่วงหลังๆ นี้กูไม่ค่อยมีเวลาอะว่ะ มันก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าเกิดแม่งเงี่ยนไม่ไหวจริงๆ กูว่ากูก็คงระบายออกด้วยวิธีเดียวกับมึงนั่นแหละ” ผมชูมือขวาขึ้น

“ฮ่าๆๆ เออ กูว่าก็คงเหมือนๆ กันทุกคนนั่นแหละมั้ง”

“เบื่อเหมือนกันนะเว้ย มือตัวเองเนี่ย แต่แม่งทำไงได้วะ” ผมกระดกเบียร์อึกสุดท้ายลงคอ

“ถ้าเป็นมือคนอื่นจะไม่เบื่อรึไง”

“ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ว่ะ”

“ฮ่าๆๆ จะลองมั้ยล่ะ กูช่วยมึงเอง”

ผมหันขวับไปมองหน้าเขาทันที ซึ่งนะเองก็กำลังมองหน้าผมรออยู่แล้ว แก้มของเขาดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ และแววตาของเขาก็ดูใส่ซื่อและจริงใจเหมือนกับปกติ แต่แล้วจู่ๆ ริมฝีปากเรียวบางของเขาก็ค่อยๆ ขยับเล็กน้อย

“แม่ง! ไอ้ครวยเอ๊ยยยย!!!” ผมชกลงบนต้นแขนของเขาทันที “กูก็นึกว่ามึงพูดจริงซะอีก!!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!!” นะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจจนเขาลงไปนอนขำตัวงออยู่บนเตียง

“มึงนี่มันล้อเล่นหน้าตายมากเลยนะ ไอ้ส้นตีน!!” ผมตบหัวเขาให้อีกที

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!!”

“ขำมากเดี๋ยวกูเอาครวยยัดปากเลย! เช็ดแม่งงง!”

“อุ๊บบบ..บ...บ” เขายกมือขึ้นปิดปาก แต่ก็ยังคงหัวเราะเบาๆ อยู่ “หึๆๆๆ”

“กูก็ตกใจหมด ไอ้ห่า! นึกว่ามึงเป็นเกย์ไปอีกคนซะอีก!”

เขาชันตัวขึ้นนั่งอีกครั้ง “กูเนี่ยนะ เกย์ กูดูเหมือนเหรอวะ หึๆๆ”

“ไม่อะ ไม่เหมือน แต่ไอ้นนท์กะไอ้โจเพื่อนมึงก็ไม่เหมือนเกย์เหมือนกันนี่หว่า”

“ครวยเถอะ ถ้ากูเป็นเกย์กูจะคบกับกิ๊กมาตั้งนานเหรอวะ สาดดด”

“เออๆ กูรู้น่า เมื่อกี้กูแค่ตกใจไง”

“แล้วถ้ากูเป็นเกย์ขึ้นมาจริงๆ มึงจะรับกูไม่ได้เลยรึไง”

“ไม่ว่ะ กูคงเฉยๆ อะ ยังไงมึงก็เพื่อนกูนี่หว่า และที่สำคัญ คณะกูคนเป็นเกย์กะเทยแม่งก็เยอะเหอะ กูว่ากูชินอะ”

“กูก็เหมือนกัน” เขาพูดพร้อมกับกระดกเบียร์อึกสุดท้ายลงคอ “นอนกันดีกว่าว่ะ กูเริ่มง่วงแล้ว เริ่มตึงๆ นิดๆ แล้วด้วย”

“นั่นดิ งั้นกูไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ผมลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่า

“จะชักว่าวก่อนก็อย่าให้นานนักนะมึง” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ครวยยยย” ผมหันไปชมเขาหนึ่งคำแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป

“อย่าลืมนะครับ พี่ซี ถ้าพี่เบื่อมือตัวเองเมื่อไหร่ก็เรียกผมได้นะคร้าบบบ”

“จูบตูดกูก่อนเหอะมึง!” ผมถกกางเกงลงโชว์ก้นให้เขาดูครู่สั้นๆ ก่อนจะปิดประตูลง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 11-01-2012 08:46:55
ใครอยากให้ 2 คนที่โผล่มาแว้บๆ มีบท ก็เม้นเยอะๆ ขอดูซิว่าสมควรจะได้รับบทบาทเพิ่มจากแรงเชียร์แฟนๆ รึเปล่า 55555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Benze030 ที่ 11-01-2012 10:11:00
โอ้วววว โจนนท์คบกันยาวนานนนน^^ ดูท่าทางจะยังไม่เปลี่ยนไปกันเลยนะ อิอิ...อ่านแล้วยิ้มเลยอะพี่ต้น>< :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-01-2012 10:51:32
นะนี่ขยันพูดทีเล่นทีจริงกับซีซะจริงๆ มีไรแอบแฝงป้ะ
คิดถึงน้องนนท์กะน้องโจจังเลย
ทำไงน้าจะได้เจอน้องนานๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 11-01-2012 13:07:23
ตอนแรกคิดว่าซีจะเป็นคนที่มีปมซะอีก
แต่ดูเหมือนกว่านะจะกลายเป็นคนที่มีปม(ใช่มั๊ยเอ่ย เดาเล่นๆ) ^^
..........................................
โจกับนนท์ เนี่ยเห็นคอมเมนต์ข้างบนเอ่ยคิดถึงแสดงว่าต้องมาจากเรื่องไหนซักเรื่องใช่ม๊า
ต้องขอเวลาไปอ่านเรื่องเก่าๆของคนเขียนซะหน่อย จะได้ไม่ตกเทรน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 11-01-2012 13:09:26
ซีกล้ามากจ้า
มีโชว์ก้นให้นะดูด้วยเว้ยเฮ้ย
เดี๋ยวจะยุให้นะจับซะให้เข็ด
คึคึ~
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 11-01-2012 18:13:27
เอิ่ม คู่นี้จะเป็นไปยังไงกันนะ?

แต่ว่า นนท์ โจ  :o11: ถ้าจะเอา 2 คนนี้มา

กรุณาสงสารแฟนคลับนัทอย่างผมคนนี้ด้วยเหอะครับ

ให้นัทได้มีความสุขกับใครเค้าบ้าง  :m15:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 11-01-2012 20:48:43
เช็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อ่านเจอแค่ชื่อนนท์กับโจก็ขอมาเม้นก่อนนเลยยย
surprise มากกกก  :o8:

กลับไปอ่านต่อละคับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-01-2012 21:27:42
หัวข้อยังไม่เปลี่ยนเลยนึกว่ายังไม่ลง
มีแขกรับเชิญด้วย โจ-นนท์ แวะมาบ่อย ๆ นะป้าคิดถึง
นะเริ่มหมาหยอกไก่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 11-01-2012 23:28:01


 :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 11-01-2012 23:35:38
ลืมเปลี่ยนหัวเรื่องครับ อิอิ ขออำภัย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 11-01-2012 23:37:33
เริ่มเล่นกันถึงน้ำถึงเนื้อมากขึ้นแล้ว ว้าววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-01-2012 00:01:21
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกำลังมันส์เลย แบบว่าอ่านแล้ว แมนๆ จริงๆ ช้อบชอบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 12-01-2012 00:05:52
ตอนแรกคิดว่าซีจะเป็นคนที่มีปมซะอีก
แต่ดูเหมือนกว่านะจะกลายเป็นคนที่มีปม(ใช่มั๊ยเอ่ย เดาเล่นๆ) ^^
..........................................
โจกับนนท์ เนี่ยเห็นคอมเมนต์ข้างบนเอ่ยคิดถึงแสดงว่าต้องมาจากเรื่องไหนซักเรื่องใช่ม๊า
ต้องขอเวลาไปอ่านเรื่องเก่าๆของคนเขียนซะหน่อย จะได้ไม่ตกเทรน

นนท์กับโจ จากเรื่อง กระดานดำหลังรั้วโรงเรียนชายครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8434.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8434.0)
โฆษณาให้เสร็จสรรพ  :really2:
แนะนำให้อ่านนนเลยคร้าบบ

ชอบตอนที่นะซื้อเสบียงตุนไว้ให้ซีจัง  o13
ไว้จำไปทำบ้าง

ว่าแต่นนกับโจเรียนวิศวะหรือนี่

ขอบคุณคุณต้นครับบ  :pig4:
โดยเฉพาะนนท์กับโจ
คิดถึงพวกนี้จัง
นัท วายุ ป๊อป คริสและอื่นๆด้วย ป่านนี้จะเป็นยังไงไปอยู่ไหนกันบ้าง
รอติดตามตอนหน้านะะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 12-01-2012 00:20:56
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย

ขอกรี๊ดให้กับนนท์กะโจก่อนน้าาาาาาาาาาาาาาาาา

คิดถึงสองคนนี้มากๆเลย....เพื่อนๆคนอื่นก็ด้วย....พามาให้หายคิดถึงหน่อยนะคะคุณต้น :impress2:


เอาล่ะ...คราวนี้มาเรื่องของซีกะนะ

เริ่มสนิทกันมากขึ้นแล้วอ่ะดิ
เมล็ดที่เพาะไว้เริ่มขึ้นเริ่มแตกหน่อละ :z1:

เริ่มแซวกันแรงขึ้นแล้วนา :z2:

หุ...หุ...รอตอนต่อปายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 12-01-2012 00:48:57
นะกับซีก้อน่าลุ้นสุดๆ...!!!

น้องนนท์กับโจก้อคิดถึงมากกกกกกกกกกกกก

อยากรู้เรื่องของสองคู่นี้ไปพร้อมๆกันเลยอ่าาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-01-2012 08:18:34
 o13มีโชวมีชวนกันด้วย


ระวัง!!มีเฮเข้าสักวัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 12-01-2012 12:16:50
โจนนท์แอบแย่งซีนเบาๆ  555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 12-01-2012 22:11:42
มีนนท์กับโจ โฉบมาเบาเบา คิดถึงเหมือนกัน อยากเจอนัทด้วย.....

นะ-ซี มีเชิญชวนกับโชว์หวิวเบาเบาด้วย... ตอนนี้คงแค่ขำขำ แต่ถ้ารักกันคง...!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-01-2012 22:21:18
ซีกับนะ เริ่มคุยเรื่องใต้สะดือกันแล้วนะ สนิทกันมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 13-01-2012 22:16:18
SeeeDz ที่ 5

นอกจากนะจะช่วยผมในเรื่องการออกกำลังกายแล้ว พอช่วงของการสอบกลางภาคใกล้เข้ามา เขาก็ยังเป็นผู้ช่วยชีวิตของผมและเพื่อนๆ เอาไว้อีกด้วย เพราะถ้าหากไม่ได้เขาช่วยติววิชาคณิตศาสตร์ให้ ผมก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าอนาคตของผมกับพวกไอ้ก้องจะเป็นอย่างไร

“เดี๋ยวหลังจากสอบมิดเทอม พวกมึงน่าจะเจอยากกว่านี้อีก อันนี้แค่แคลเบื้องต้นเอง อย่าเพิ่งท้อนะเว้ย” นะพูดขึ้นพร้อมกับปิดหนังสือลง เป็นสัญญาณว่าการติวในวันนี้จบลงแล้ว

“เฮ้ออออออ!!” ไอ้ก้องเอนหลังแล้วบิดขี้เกียจ

“ขอบใจมากนะเว้ย ไอ้นะ ไม่ได้มึงพวกกูแม่งแย่แน่เลยว่ะ” ไอ้ไมค์พูด

“ครวยเหอะ พวกมึงพอรู้เรื่องแล้วก็พูดได้นี่หว่า ส่วนกูยังลูกผีลูกคนอยู่เลย!”

“ไม่ต้องคิดมากน่า ไอ้รัน อย่าพูดงั้นดิวะ” นะตบบ่าไอ้เพื่อนหน้าจืดของผมแรงๆ 2-3 ทีเป็นการให้กำลังใจ

“ช่ายย ไม่ต้องคิดมากหรอก ไอ้รัน เพราะยังไงมึงก็ตกอยู่แล้ว” ไอ้ก้องหัวเราะ

“ไอ้สัตว์!!”

“ฮ่าๆๆ มึงต้องทำโจทย์เยอะๆ เว้ย ฟังอย่างเดียวไม่ได้หรอก และถ้าเกิดมึงมีปัญหาเหี้ยไรอีกก็บอกกูได้เลย ถ้ากูว่างกูจะติวให้อีก”

“พอแล้วว่ะ ไอ้นะ กูพอแล้วววว” ไอ้รันยกมือท่ายอมแพ้

“ใช่ๆ และอีกอย่าง พวกกูให้มึงติวเลขให้มาสองวันแล้วนะเว้ย มึงไม่ต้องอ่านหนังสือของตัวเองมั่งรึไง” ผมพูด

“ไม่ต้องห่วงหรอก กูพอเอาตัวรอดได้ว่ะ พวกมึงนั่นแหละที่ท่าทางจะมีปัญหาน่ะ ยังไงก็ไม่ต้องเกรงใจกูแล้วกัน”

“เหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์ก็จะสอบแล้ว โชคยังดีที่เลขแม่งไม่ใช่วิชาแรกๆ นะ เพราะกูยังไม่ได้แตะมาโครฯ เลย ไอ้สาดดดด” ไอ้โตนอนแผ่หราลงบนพื้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมลงทุนไปซื้อโต๊ะญี่ปุ่นมาเพื่อสำหรับให้ตัวเองและเพื่อนๆ ได้มานั่งอ่านหนังสือที่ห้องกันโดยเฉพาะ และดูเหมือนว่าเงินที่ผมลงทุนไปแค่นิดหน่อยจะไม่เสียเปล่าเลยจริงๆ

“งั้นพวกกูกลับก่อนละกันเว้ย ไอ้ซี กูต้องไปปั่นการบ้านมาร์เก็ตฯ ต่อด้วย” ไอ้ก้องพูดพร้อมกับเริ่มเก็บ สมุด หนังสือ และกองชีทของมันลงกระเป๋า

“เออๆ รีบๆ กลับกันไปเหอะ ไอ้เหี้ย รบกวนไอ้นะมาตั้งแต่บ่ายจนนี่ตะวันจะตกดินอยู่แล้ว” ผมหัวเราะ

หลังจากที่ทั้งสี่คนเก็บของและบอกลานะเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินลงไปส่งพวกมันที่หน้าหอ ก่อนจะเดินกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง และเมื่อเปิดประตูห้องออก ผมก็เห็นนะกำลังนั่งเหยียดขา เอนหลังพิงขอบเตียงท่าทางเหนื่อยอ่อน

“ไหวมั้ยวะมึง ขอบใจมากจริงๆ นะเว้ย กูเกรงใจมึงจังเลยว่ะ” ผมปิดประตูห้องลง จากนั้นก็เดินตรงไปยังตู้เย็น

“ไม่เป็นไร เหนื่อยนิดหน่อย แต่ดีใจที่ได้ช่วยเหลือพวกมึงว่ะ” เขายิ้มให้ผม

“จะกินอะไรดีวะ น้ำเปล่า นม น้ำส้ม... หรือว่าโค้ก”

“โค้กก็ได้ แต๊งกิ้ว”

ผมหยิบโค้กออกมาจากตู้เย็นสองกระป๋องแล้วโยนให้เขากระป๋องหนึ่ง “กูถามจริงๆ เลย ไอ้นะ ตอบแบบตามความเป็นจริงเลยนะเว้ย ไม่ต้องเกรงใจกู”

“อะไรวะ”

“ตัวมึงเองน่ะจะไหวจริงๆ รึเปล่า กูหมายถึงเรื่องสอบเนี่ย”

เขาหัวเราะเบาๆ “ก็พอไหวว่ะ กูอ่านเก็บไปเรื่อยๆ น่ะ แล้วช่วงก่อนสอบก็ค่อยอดนอนอีกที ช่วงนี้กูเลยยังไม่อยากกดดันตัวเองมาก ไม่อยากอดนอนมากว่ะ เดี๋ยวตอนคับขันจริงๆ จะโต้รุ่งไม่ไหว”

“กูว่ากูทำไม่ได้แน่ๆ เลยว่ะ อดนอนเนี่ย ฮืออออ” ผมเบะปาก

“มึงอย่าทำหน้าเป็นลูกหมาหงอยแบบนั้นสิวะ ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะชอบใจใหญ่

“พอพ้นจากงานเฟรชชี่ กูก็คิดว่ากูจะได้มีเวลาว่างมากขึ้นแล้วนะ แต่สุดท้ายแม่งก็มาเจอไอ้สอบนรกนี่อีกเนี่ย” ผมวางกระป๋องโค้กลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปนอนบนเตียง

“เอาน่าๆ ทำใจดีๆ ไว้ก่อน เดี๋ยวพอหมดสอบมิดเทอมมึงก็ไปสบายแล้ว”

“ครวย! กูยังไม่ตาย!!” ผมหยิบหมอนขึ้นฟาดใส่หน้าเขา “และที่สำคัญนะ ตั้งแต่พ้นงานกีฬาสีมา กูก็ยังไม่ได้เจอน้อยอีกเลยด้วย”

“เอาน่า กูเองก็ใช่ว่าจะได้เจอกิ๊กบ่อยๆ เหมือนกัน หัวอกเดียวกันเว้ย แต่ยังไงตอนนี้โฟกัสกับเรื่องสอบก่อนเหอะว่ะ อย่างอื่นอย่าเพิ่งไปคิดเลย เค้าคงเข้าใจมึงน่ะ”

“อืมมม”

ตั้งแต่เราสองคนรู้จักกันมา ผมกับเขาก็กลายเป็นเพื่อนซี้ต่างคณะที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำ นอกจากเราจะไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหารด้วยกันทุกวันแล้ว ตอนเย็นเขาก็จะมารับผมที่หอเพื่อไปกินข้าวด้วยแทบตลอด นอกจากนั้นแล้ว เราต่างก็สนิทสนมกับเพื่อนๆ ของกันและกันมากขึ้นอีกด้วย ผมสามารถไปเที่ยวกับเขาและเพื่อนๆ ได้อย่างสนิทใจ ส่วนเขาก็ยังเคยไปเที่ยว หรือมานั่งเล่นที่คณะของผมบ่อยๆ ด้วยเหมือนกัน

เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วและไร้ความปราณีเสียจริงๆ หลายคืนก่อนผมจำต้องอดนอนหรือไม่ก็นอนดึกกว่าปกติ เพื่อทบทวนเนื้อหาที่จะสอบในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ จนบางครั้งผมก็หอบร่างมาเรียนด้วยสภาพสะโหลสะเล และวันนี้ก็เช่นกัน

“เออนี่ ไอ้ซี หลังจากสอบเสร็จ พวกกูว่าจะขับรถไปนอนเล่นพัทยากันสักสองวันหนึ่งคืนว่ะ มึงไปด้วยกันมั้ยวะ” นะถามผมในขณะที่เรานั่งกินข้าวเช้าด้วยกันอยู่

“หือออ” ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวมองหน้าเขา

เขานิ่วหน้า “เป็นไรของมึงวะ”

“เปล่าๆ กูแค่มึนๆ นิดหน่อย ช่วงนี้แม่งเครียดๆ ว่ะ วันจันทร์หน้าจะสอบแล้ว เหลือเวลาอีกแค่สองวันคือเสาร์กับอาทิตย์นี้ แต่กูยังไม่ได้อ่านวิชาของวันแรกเลยอะ เมื่อคืนเลยได้นอนซะเกือบตีสี่แน่ะ”

“มึงเคยบอกว่าจะกลับไปอ่านที่บ้านไม่ใช่เหรอวะ ยังมีเวลาเหลือเฟือน่า ไม่ต้องเครียดมากมายหรอก พักผ่อนบ้างเว้ย ไอ้ซี แบ่งเวลาดีๆ”

“กูจะพยายามก็แล้วกัน” ผมถอนหายใจ “เอ้อ แล้วเมื่อกี้มึงว่าไงนะ ไปทะเลใช่มั้ยวะ ถ้าไป กูชวนน้อยไปด้วยได้มั้ยอะ”

“ได้ดิ กูก็ชวนมึงทั้งสองคนนั่นแหละ”

“แล้วใครไปมั่งวะ เพื่อนที่คณะหรือคนที่วง”

“พวกที่คณะว่ะ พวกกูไปกันไม่ได้เยอะแยะหรอก คนเดิมๆ 5-6 คนที่มึงรู้จักอยู่แล้วนั่นแหละ เพราะกูเองก็ไม่ได้ชอบความวุ่นวายอะว่ะ นี่ถ้าไม่ใช่ไอ้พวกนี้หรือถ้าคนเยอะกว่านี้ กูก็คงไม่ไปเหมือนกัน”

“แล้วกิ๊กไปด้วยรึเปล่า”

“กูชวนมันแล้ว รอมันตอบก่อนอะว่ะ”

“อืมมม ถ้าไงเดี๋ยวกูขอลองถามน้อยดูก่อนแล้วกัน แล้วก็รอดูสภาพตัวเองหลังสอบด้วยว่ะ ไม่รู้แม่งจะไหวรึเปล่า” ผมส่ายหน้า

“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องห่วง ถ้าถึงเวลานั้นจริงกูจะแบกมึงไปเอง แต่กูดีใจนะเว้ย ไอ้ซี ที่เห็นมึงพยายามกับการสอบมากขนาดนี้น่ะ พวกไอ้เชี่ยโตแม่งยังดูชิวโคตรๆ อยู่เลย”

“เออ ก็พี่กูมันเตือนมาว่ากูต้องพยายามทำสอบมิดเทอมนี่ให้ดีๆ ไฟนอลจะได้ไม่ลำบากมากอะว่ะ และที่สำคัญ...” ผมมองหน้าเขา

“อะไรวะ”

“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมส่ายหน้า รู้สึกเขินๆ บอกไม่ถูก ที่เกือบจะหลุดสารภาพออกไปแล้วว่าผมมีความคิดที่จะใส่ใจเรียนมากขึ้นก็ตั้งแต่รู้จักเขา และได้เรียนรู้เรื่องความสำคัญของครอบครัวจากเขานี่แหละ

เมื่อสัปดาห์แห่งการสอบมาถึง ผมก็พยายามทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับการอ่านหนังสือในช่วงโค้งสุดท้ายนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งนะเองก็คงอยู่ในช่วงโหมอ่านหนังสือหนักเหมือนกัน เพราะวิชาที่เขาเรียนนั้นยากกว่าผมเยอะ เราจึงได้เจอและได้คุยกันน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังทำให้ผมรู้สึกประทับใจได้อีก เมื่อเย็นวันหนึ่งเขาโทรมาถามผมว่าผมพร้อมสำหรับการสอบเลขซึ่งเป็นวิชาที่ผมกังวลมากที่สุดหรือเปล่า

“ม่ายพร้อมมมม” ผมตอบไปตามตรง

“ฮ่าๆๆ แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ มั่นใจในตัวเองหน่อยสิเว้ย”

“จะเอาอะไรมามั่นวะ คือกูพอเข้าใจวิธีทำแล้วนะเว้ย แต่กูยังไม่ได้ตะลุยทำโจทย์อย่างที่มึงเคยบอกเลย ไม่มีเวลาอะว่ะ”

“มึงสอบเลขวันไหน”

“มะรืนเช้าอะ”

“พรุ่งนี้มึงสอบเช้าตัวเดียวแล้วตอนบ่ายมึงก็ว่างใช่มั้ย”

“ใช่”

“พรุ่งนี้กูไม่มีสอบ เดี๋ยวกูช่วยอ่านช่วยติวเป็นเพื่อนมึงเอง”

“เฮ้ย จะดีเหรอวะ แล้วมึงไม่ต้องอ่านหนังสือวิชาอื่นรึไง”

“อ่านเด่ะ แต่ไม่ซีเรียสว่ะ ไม่ใช่วิชายาก แค่ท่องๆ ไปเข้าห้องสอบอะ มาเหอะน่า กูเห็นมึงพยายามมากๆ แล้วกูก็ไม่อยากให้มึงตกว่ะ ไอ้ซี กูเป็นห่วงมึง พรุ่งนี้พอมึงสอบเสร็จแล้วมึงรีบกลับห้องไปเก็บของ แล้วก็โทรมาหากูเลยนะ กูจะไปรับมานอนห้องกู”

“ไปห้องมึงเหรอวะ จริงอะ! เหยดดดด นี่กูจะมีโอกาสได้เข้าห้องมึงเป็นครั้งแรกแล้วเหรอวะเนี่ย”

“ฮ่าๆๆ เออ จงภูมิใจซะ ไอ้ตี๋ กูจะเก็บห้องไว้เพื่อให้มึงขึ้นมานอนโดยเฉพาะเลย”

“ตอนแรกก็ว่าจะปฏิเสธอยู่หรอกนะ แต่แบบนี้เห็นทีต้องจัดไปซักทีแล้ววว งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวกูสอบเสร็จแล้วกูโทรไปว่ะ”

“เออ ดีมาก ว่าแต่วิชาอื่นๆ ที่ผ่านมา โอเคใช่มั้ยวะ”

“พอไหวว่ะ มั่นใจว่าไม่มีตัวไหนย่ำแย่หรืออย่างน้อยๆ ก็คิดว่าไม่น่าตกมีนแน่นอนอะ”

“เยี่ยมมาก เพื่อนกูมันต้องอย่างนี้สิวะ โอเคเว้ย มึงอ่านหนังสือไปก่อนเหอะ เอาไว้พรุ่งนี้เจอกัน”

วันถัดมา หลังจากสอบวิชาในคาบเช้าเสร็จ ผมก็รีบตรงดิ่งกลับไปที่หอเพื่อเก็บเสื้อผ้า ของใช้ และชุดนักศึกษาที่จะใส่วันพรุ่งนี้ลงกระเป๋า จากนั้นก็โทรให้นะมารับที่หอ ซึ่งเมื่อเขาเห็นหน้าผม เขาก็วิจารณ์สภาพกึ่งคนกึ่งศพของผมทันที อาจเป็นเพราะผมเป็นคนผิวขาวด้วย ทำให้เมื่อผมอดนอนเมื่อไหร่ ใต้ตาของผมจะเป็นรอยคล้ำดำอย่างเห็นได้ชัดเจน

“กูรู้น่า เดี๋ยวเอาไว้กูค่อยซื้อครีมทาใต้ตามาใช้ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาเว้ย” ผมบอกเขา หลังจากที่เขาทักผมเรื่องนี้

“มึงดูซูบลงด้วยเหอะ ไอ้ซี ไม่ใช่แค่ตาหมีแพนด้าอย่างเดียว”

“จริงเหรอวะ”

“เออ มึงไม่ค่อยได้แดกข้าวใช่มั้ย”

“ก็นิดหน่อยว่ะ เดี๋ยวนี้กูไม่ค่อยได้แดกข้าวเที่ยงเป็นเรื่องเป็นราวอะ แล้วบางทีเย็นก็ไม่ได้กิน แต่ไปกินตอนประมาณเที่ยงคืนทีเดียวเลย ไรเงี้ย”

นะส่ายหน้าเบาๆ “ไอ้บักหำเอ๊ยยย พอกูไม่ดูแลสักหน่อยแล้วก็เป็นซะอย่างเนี้ย ไปๆ เดี๋ยวกูพาไปแดกข้าวก่อน พอไปถึงห้องกูก็นอนสักงีบ แล้วเดี๋ยวกูค่อยปลุกมึงขึ้นมาอ่านหนังสือเอง”

“เออ ก็ดีเหมือนกันว่ะ ที่จริงตอนแรกกูว่ากูจะนอนก่อนสักงีบแล้วค่อยโทรตามมึงมาด้วยซ้ำนะเนี่ย”

“เออ พักผ่อนด้วยเว้ย มึงโหมอ่านไปทั้งๆ ที่สมองไม่รับก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก มา ขึ้นมาก๊อยกูได้แล้ว จะได้ไปกินข้าวกัน”

“แม่งงง... ทั้งๆ ที่สอบเหมือนกัน แถมมึงยังน่าจะหนักกว่ากูด้วย แต่ทำไมมึงถึงได้ดูปกติดีจังวะ ไอ้นะ” ผมซ้อนท้ายเขา

“กูก็หนักเหมือนกัน แต่กูชินและกูบริหารเวลาการอ่านหนังสือของกูดีน่ะ” เขาตอบ แล้วจากนั้นก็ออกรถ พาผมไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแถวหอของเขา

หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเสร็จ เขาก็พาผมขึ้นไปบนห้องของเขา และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ผมก็อดที่จะกวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้องรอบหนึ่งก่อนไม่ได้ แต่ว่าผมก็ไม่เจอและไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ เลย ของใช้ทุกอย่างถูกจัดเข้าที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นห้องก็ดูสะอาดดี แถมที่สำคัญยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำยาถูพื้นอีกด้วย

“กูเพิ่งถูห้องเสร็จก่อนมึงโทรมาได้ไม่กี่นาทีเอง” เขาพูดราวกับจะอ่านใจผมออก

“มิน่าล่ะ” ผมเดินเข้าไปในห้องแล้ววางกระเป๋าลงบนเตียง

ที่ฝาตู้เสื้อผ้าของเขามีโปสเตอร์ทีมอเมริกันฟุตบอล NFL แปะอยู่ใบหนึ่ง และที่มุมห้องมุมหนึ่งก็มีลูกรักบี้ (หรือลูกอเมริกันฟุตบอลวะ) วางอยู่

“รักบี้กับอเมริกันฟุตบอลนี่มันไม่เหมือนกันจริงๆ ใช่มั้ยวะ” ผมถาม

เขาหัวเราะทันที “อาจจะคล้าย แต่ไม่เหมือนเว้ย คนไทยชอบเข้าใจผิดกันเยอะ”

“แล้วมึงเล่นอเมริกันฟุตบอลด้วยเหรอวะ เห็นมีโปสเตอร์นั่นอะ”

“กูดูน่ะ แต่ไม่ได้เล่น”

“อืมๆ” ผมพยักหน้า “แต่รักบี้มันก็คล้ายๆ กับอเมริกันฟุตบอลตรงที่แม่งมีแท็คเกิล มีรวบตัวอะไรแบบนั้นด้วยใช่มั้ยล่ะ คนเลยคิดว่ามันคล้ายกัน ไรเงี้ย”

“ก็อย่างที่กูเคยบอกแหละว่ารักบี้อะ คนมักชอบคิดว่าเป็นกีฬาที่โหดและรุนแรง คนเล่นแม่งต้องโหด ต้องเถื่อนแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันคือกีฬาสุภาพบุรุษนะเว้ย คือเพราะตัวกีฬามันแรงจริงๆ ไง คนเล่นจึงต้องเป็นสุภาพบุรุษและรักษาวินัยอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหนักๆ ได้”

“เออ ใช่ๆ เหมือนมื่อตอนเราคุยกันวันแรกมึงก็เคยพูดๆ อะไรคล้ายๆ แบบนั้นอยู่เหมือนกัน”

“ช่ายย สรุปคือจุดนึงที่กีฬารักบี้ต่างจากอเมิริกันฟุตบอลแน่ๆ ก็คือวินัยและภาพจน์ของนักกีฬาน่ะ... นี่ไงๆ ถ้าไม่เชื่อมึงลองดูกูดิ”

ผมหันไปมองเขาที่กำลังยืนยิ้มกว้างอยู่ “ไหนวะ กูไม่เห็น ‘สุภาพบุรุษ’ เลยสักคนว่ะ เห็นแต่ ‘กอริล่าจิตหลุด’ อยู่ตัวเดียวเนี่ย”

“ปากดีนะมึง!” เขาพุ่งเข้ามารวบตัวของผมเอาไว้ ทำให้ผมล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นทันที

“ไอ้เหี้ยยย!! จะเอาเหรอวะ! มาาา!!”

เราสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งโดยที่ไม่มีใครยอมใคร นะได้เปรียบผมในเรื่องขนาดของร่างกายและความแข็งแรง แต่ผมก็ได้เปรียบในเรื่องของความว่องไวและความคล่องตัวที่ได้มาจากการเล่นบาส จึงสามารถดิ้นหลุดออกจากแขนของเขาได้ แถมยังสามารถจับเขากดคืนได้บ้างด้วย แต่ผมก็ทำแบบนั้นได้ไม่นานนัก เพราะเขามักจะสามารถสะบัดผมหลุดได้ในเวลาไม่นาน ทำให้เราผลักกันรุกผลัดกันรับ ผลัดกันกดล็อคอีกฝ่ายจนเหงื่อท่วมไปหมดทั้งตัว สุดท้ายเราจึงต่างก็ตัดสินใจสงบศึกและถือว่าศึกครั้งนี้เราเสมอกันไป

ทั้งๆ ที่กำลังนั่งหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ถ้าหากว่าผมไม่พยายามโกหกตัวเองแล้วล่ะก็ ผมต้องยอมรับว่าการที่เรากอดรัดกันเมื่อครู่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกเกิดอารมณ์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวกับเพื่อนสนิทแบบที่ผมไม่เคยเล่นกับใครมาก่อน รวมไปถึงการห่างหายจากการมีอะไรกับน้อยหรือแม้แต่การช่วยตัวเอง ก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ผมเองก็รู้สึกประหลาดใจกับความรู้สึกนี้ของตัวเองเหมือนกัน... ที่จริงต้องใช้คำว่า ประหลาดใจ ‘มาก’ เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 4)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 13-01-2012 22:17:48
ผมมองหน้าของนะ และเขาก็มองหน้าผม ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่เราต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมาก่อนนั้นให้ความรู้สึกยาวนานราวกับหลายนาที

“มึง... มึงช่วยตัวเองไปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะ ไอ้ซี” เขาถามผม

“เอ่อออ... กูก็ไม่รู้ว่ะ อาทิตย์ที่แล้วมั้ง ไม่ดิ น่าจะเกือบสองอาทิตย์แล้วว่ะ”

“กูก็เหมือนกัน”

คำถามของเขา ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาเองก็กำลังรู้สึกและคิดแบบเดียวกับผมอยู่ และยิ่งเมื่อรู้แบบนี้แล้ว มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก

“มึง... มึงยังจำเรื่องนั้นที่มึงเคยพูดกับกูได้ป่าววะ ไอ้นะ”

เขาก้มหน้าเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าออกมาเบาๆ

“นี่มึงกำลังคิดถึงเรื่องเดียวกับเรื่องที่กูกำลังพูดถึงอยู่แน่รึเปล่าเนี่ย” ผมถามเพื่อความแน่ใจ

“กูว่ากูแน่ใจนะ...” เขาตอบพลางเหลือบมองมายังเป้ากางเกงสแล็คของผมที่ถูกดันจนนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็พูดต่อด้วยเสียงที่แหบพร่า “มัน... มันจะไม่เป็นไรใช่มั้ยวะ มึง ถ้าแค่มือเฉยๆ อะ”

 “ก็แค่มือว่ะ ต่างคนต่างช่วยกัน แล้วจบ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย ใช่มะ เพราะกูเองก็เงี่ยนมาหลายวันจนเขื่อนจะแตกอยู่แล้วด้วย”

เราสองคนสบตากันอีกครั้ง และคราวนี้ทั้งผมและเขาต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

“อะไร มึงขำอะไรของมึง” ผมถามเขาทั้งๆ ยังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า

“เปล่า กูแค่เขินว่ะ เพราะกูเองก็เริ่มไม่ถูกเหมือนกัน แล้วมึงอะ ขำอะไร”

“กูก็เหมือนกันนั่นแหละ” ผมตอบ รู้สึกเขินๆ ชอบกล “เงี่ยนก็เงี่ยน เขินก็เขิน แต่ถ้าเป็นมึง... กูว่ากูโอเคนะเว้ย”

“เป็นเกียรติมากครับ คุณภัณฑบดี”

ผมหัวเราะ “งั้นแปลว่าเราสองคนโอเคกับเรื่องนี้ใช่มั้ยวะ แค่แบบว่า ช่วยๆ กันแค่นั้นน่ะ”

“กูโอเคนะ ตราบเท่าที่มันจะไม่กระทบความเป็นเพื่อนของเราอะว่ะ”

“กูคิดว่ามันเป็นอีกวิธีนึงของการที่เพื่อนช่วยเหลือเพื่อนอะว่ะ ที่ผ่านมาเราก็ช่วยไอ้นี่ไอ้นั่นกันมาเยอะแยะแล้ว มึงก็ช่วยกูมาเยอะ กูเลยถือซะว่านี่ก็แค่เป็นการที่เราช่วย ‘ระบายความเครียด’ กันอย่างนึงเท่านั้นเอง”

“ถ้ามึงคิดแบบนั้นกูก็โอเค...” เขาพยักหน้า “แต่เราควรจะเริ่มกันยังไงดีวะ”

“แล้วปกติมึงเริ่มกับแฟนมึงยังไงล่ะ”

“ปกติกูก็นอนกอดกัน มองตากัน จุ๊บแก้ม แล้วก็จูบปาก...”

“กูว่าเราข้ามขั้นตอนจูบปากไปเลยดีมั้ยวะ”

เขาพยักหน้า “กูก็ว่างั้นเหมือนกัน”

ผมเขยิบตัวขึ้นไปนั่งอยู่บนขอบเตียง และเขาก็เลื่อนตัวขึ้นมานั่งลงฝั่งซ้ายมือของผมด้วยเช่นกัน จากนั้นผมก็ไม่รู้แล้วว่าผมเริ่มทำสิ่งต่อไปได้อย่างไรหรือว่าในตอนนั้นผมกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเมื่อรู้สึกตัวอีกที มือของผมก็วางอยู่บนต้นขาของเขาเรียบร้อยแล้ว

ผมเลื่อนมือขึ้นลงเบาๆ นะตัวแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็วางมือลงบนต้นขาของผมและเริ่มต้นลูบเบาๆ ด้วยเหมือนกัน

เราสองคนมองหน้ากัน

“แค่แบบเพื่อนนะเว้ย”

“แค่แบบเพื่อนว่ะ” เขาพยักหน้า

ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะกำลังมานั่งทำอะไรแบบนี้ได้ แต่ในใจของผมก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านหรือรู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด ผมแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้นเอง

เราต่างก็ค่อยๆ เลื่อนมือจากต้นขาของกันและกันขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดเราก็เริ่มสัมผัสกับบริเวณเป้ากางเกงของอีกฝ่าย ทำให้ทั้งผมและนะต่างก็ถอนหายใจเบาๆ ทันที

ผมไม่คิดเลยว่าผมจะรู้สึกตื่นเต้นได้มากถึงขนาดนี้ และเมื่อผมมองหน้าของนะ ผมคิดว่าเขาเองก็คงกำลังรู้สึกแบบเดียวกับผมอยู่เช่นกัน

ผมรู้สึกถึงไอ้นั่นของนะที่ตอดอยู่ใต้ฝ่ามือของผมเบาๆ ผมยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ และคิดว่าผมคงต้องเป็นฝ่ายเริ่มนำเขาก่อน เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเราก็คงไปกันไม่ถึงไหนสักที และที่สำคัญคือถ้าผมไม่ได้ระบายน้ำออกวันนี้ล่ะก็ ผมคงจะไม่มีทางมีสมาธิอ่านหนังสือแน่ๆ

“กางเกงกูแม่งอึดอัดว่ะ แม่งรัดครวยกูจนแน่นไปหมดแล้ว” ผมพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ของมึงก็เหมือนกันรึเปล่าวะ”

“เออ ใช่ ของกูแม่งเป็นกางเกงยีนส์ด้วยดิ อึดอัดโคตรอะ”

“งั้นทำไงดี”

เขายิ้มเขินๆ ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาปลดหัวเข็มขัดนักศึกษาของผมออก ผมเขยิบสะโพกเล็กน้อยและช่วยเขาปลดตะขอกางเกง จากนั้นนะก็ดึงกางเกงของผมลงไปกองอยู่บนพื้น ผมใช้เท้าเขี่ยมันออกไป แล้วจึงหันไปช่วยถอดกางเกงยีนส์ของเขาออกด้วยเหมือนกัน

กางเกงบ็อกเซอร์ของนะถูกน้องชายของเขาดันจนชี้นูนขึ้นมาเป็นลำ ผมใช้มือลูบไปตามท่อนลำของเขาอย่างแผ่วเบา ในใจก็อดที่จะคิดเปรียบเทียบขนาดของผมกับเขาไปด้วยไม่ได้ ส่วนนะเองก็ใช้มือกำท่อนลำของผมที่อยู่ภายใต้กางเกงในเบาๆ เขาเลื่อนมือขึ้นลงไปมาตามความยาวของผม ทำให้ผมรู้สึกถึงกระแสไฟอ่อนๆ ที่แล่นไปทั่วร่างจนเจ้าน้องชายของผมมันตอดสู้มือเขา

นะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผมน้อยๆ “รู้สึกเป็นไงมั่งวะ”

“อึดอัด...”

เขานิ่วหน้าด้วยความสงสัย “อึดอัดเหรอวะ”

“ถอดกางเกงในออกเหอะ กูไม่ไหวแล้วอะ” เมื่อพูดจบ ผมก็ยกสะโพกขึ้นแล้วถอดกางเกงในของตัวเองออก โยนมันลงไปบนพื้นทันที “ตามึงแล้ว อย่าให้กูแก้ผ้าอยู่ฝ่ายเดียว”

นะมองมาที่น้องชายของผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดบ็อกเซอร์และเสื้อยืดของตัวเองออก

น้องชายของนะมีสีคล้ำกว่าผิวของเขาเล็กน้อย มันแข็งเป็นลำชี้ตรงไปข้างหน้า และส่วนหัวก็บานใหญ่ราวกับดอกเห็ด ในขณะที่น้องชายของผมจะโค้งงอชี้ขึ้นด้านบนนิดหน่อย ขนหัวหน่าวของเขาถูกตัดแต่งเสียเรียบเตียน ผมดูว่าเขาน่าจะยาวพอๆ กับผม แต่ดูเหมือนจะอวบกว่า

เพื่อเป็นการพิสูจน์ ผมจึงยื่นมือออกไปกำรอบท่อนลำของเขาเอาไว้ในมือ ร่างกายของนะกระตุกเบาๆ ทันทีที่มือของผมสัมผัสเข้ากับไอ้นั่นของเขา แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมจับเขาอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียว เขารวบมือรอบน้องชายของผมก่อนจะรูดขึ้นลงเบาๆ ทำให้ตัวของผมแข็งเกร็งขึ้นด้วยความเสียวทันที น้ำใสๆ ถูกขับออกมาจากส่วนปลายของผมหยดหนึ่ง

ผมซี้ดปากเบาๆ พร้อมกับเริ่มขยับมือขวาขึ้นลงไปด้วย นะแอ่นคอไปทางด้านหลังแล้วก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆ จากนั้นเขาก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

“เสื้อมึงไม่เกะกะเหรอวะ” เขาถามด้วยเสียงที่แหบพร่า

ผมไม่ตอบ แต่ปล่อยมือออกจากน้องชายของเขา แล้วรีบถอดเสื้อนักศึกษาของตัวเองโยนลงไปกองบนพื้นทันที

“น้ำมึงไหลเยิ้มแล้ว ไอ้ซี” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ปาดหยดน้ำใสๆ ที่กำลังไหลเยิ้มลงไปบนหน้าท้องของผมขึ้น แต่แค่นั้นไม่พอ เขายังใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ละเลงน้ำหล่อลื่นนั่นลงบนส่วนหัวของน้องชายผมอีกด้วย

“อ๊าา...า...า..!! ไอ้นะ กูเสียววว!” ผมรีบหยุดมือของเขาเอาไว้ “อย่าเล่นหัวครวยดิวะ มันเสียวนะเว้ย!”

“อ้าว ถ้าไม่เสียวแล้วจะทำทำไมวะ อยากเอาน้ำออกไม่ใช่รึไง”

ผมหอบเบาๆ “จะชักก็ชักเหอะ อย่าทรมานกูเลย กูไม่ได้เอาออกมาหลายวันแล้วนะเว้ย”

“กูก็เหมือนกันนั่นแหละว่ะ”

“แต่มึงยังได้เอาเมียมึงบ้างนี่หว่า กูนี่ดิที่แม่งไม่ได้โดนมือคนอื่นเลยนอกจากมือตัวเองน่ะ”

เขายิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วข้างหนึ่ง “ไม่ต้องบอกก็รู้ ดูซิเนี่ย ไอ้เหี้ย น้ำเยิ้มโคตรๆ เลยมึงน่ะ แบบนี้ไม่ต้องใช้เจลช่วยแล้วมั้ง”

“แล้วมึงล่ะ เป็นไง” ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้เขามากขึ้นแล้วจึงคว้าท่อนลำของเขาไว้ในมือ จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบี้วนส่วนหัวของเขาแบบเดียวกับที่เขาทำกับผม ทำให้นะเผลอซี้ดปากออกมาเบาๆ ทันที

ผมปล่อยมือออกมาแตะน้ำหล่อลื่นของตัวเองที่เลอะอยู่เต็มหน้าท้องไปป้ายลงบนท่อนลำของเขา จากนั้นก็รูดขึ้นรูดลงอย่างช้าๆ และบางครั้งก็ใช้นิ้วคลึงที่ส่วนปลายของเขาไปด้วย นะบิดตัวเบาๆ ด้วยความเสียว และเขาก็ทำแบบเดียวกับผมด้วยเช่นกัน
เราเอนหลังนอนลงบนเตียงและเริ่มเร่งสปีดมือของตัวเองให้เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงลมหายใจหนักๆ ของเราประสานเป็นจังหวะเดียวกัน ผมจับตามองมือของตัวเองบนท่อนลำของเขา และเขาเองก็มองท่อนลำของผมอย่างไม่วางตา ผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะถึงจุดสุดยอดในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว และนะเองก็คงจะเหมือนกัน เพราะเขาเองก็ดูเสียวและมีความสุขมากไม่แพ้ผมเลย

“กู... กูใกล้แล้วนะเว้ย ไอ้นะ”

“กูก็เหมือนกัน” เขาพูดเสียงกระเส่า

“กูแตก... แรงแน่ๆ นะมึง” ผมเตือนเขา

เขาไม่ตอบอะไรแต่แค่หันมายิ้มให้ผมน้อยๆ แล้วจากนั้นเขาก็หันกลับไปมองมือของตัวเองที่กำลังสาวน้องชายของผมอยู่อีกครั้ง

“กูจะแตกแล้ว ไอ้นะ! กูแตกแล้วว!!” ผมร้องพร้อมกับฉีดน้ำรักของตัวเองออกมาอย่างแรง “อั๊กกก!!”

“อาาา...า...า!!” เขาเองก็ร้องออกมาพร้อมๆ กัน และผมก็รู้สึกถึงน้องชายของเขาที่ตอดอยู่ในมือขวา พร้อมกับน้ำเหนียวๆ ที่เลอะลงบนมือของผม

ผมแหงนหน้าขึ้นพร้อมกับหลับตาลง รู้สึกถึงน้ำรักของตัวเองที่พุ่งไปทั่ว ไม่ว่าจะที่ปลายคาง ลำคอ หน้าอก และหน้าท้อง ก่อนที่มันจะค่อยๆ สงบลง แต่ทว่านะก็ยังคงไม่หยุดสาวมือของเขาอยู่ดี

“พ... พอ แล้ว! ไอ้นะ!” ผมพูดด้วยเสียงที่ขาดห้วง ร่างกายของผมกระตุกแรงๆ อีก 3-4 ที “ม... มันเสียว!!”

“มึงก็หยุดชักของกูก่อนสิวะ ไอ้ซี กูก็เสียวเหมือนกันนะเว้ย” เขาพูดพร้อมเสียงหอบเบาๆ

ผมลืมไปเลยว่าผมเองก็ยังคงรูดท่อนลำของเขาไม่หยุดมือ ทำให้นะต้องบิดตัวไปมาเพราะความเสียว

“โทษที...” ผมอ้าปากสูดเอาอากาศหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ “โทษทีว่ะ”

เราสองคนนอนแผ่หราหอบหายใจหนักราวกับเพิ่งวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาก็ไม่ปาน ผมหันไปมองร่างกายของนะ แล้วก็เห็นว่าหน้าท้องของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำรักจนทั่ว และน้องชายของเขาก็ยังคงแข็งเป็นลำ พาดไปบนหน้าท้องของเขาเกือบจะถึงสะดือที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่น

“มึงแม่งพุ่งแรงจริงๆ ว่ะ ไอ้ซี” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ล่อไปถึงคางเลยเหรอวะ”

ผมยกคอขึ้นเพื่อสำรวจร่างกายของตัวเอง แล้วจึงใช้มือซ้ายปาดน้ำเหนียวๆ ออกจากปลายคาง

“กูบอกมึงแล้วว่ากูแตกแรงแน่ๆ”

“ฮะๆ เหนื่อยเหมือนกันว่ะ... แม่งง”

“ตลอดเวลาหลายปีที่เคยถึงจุดสุดยอดมา กูว่าน้ำแตกครั้งนี้เป็นอะไรที่แรงที่สุด และเสียวที่สุดเท่าที่กูจำได้เลยว่ะ” ผมหัวเราะเบาๆ

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เขาหันมายิ้มให้ผม “ฝีมือกูดีขนาดนั้นเลยเหรอ”

ผมกระทุ้งศอกใส่สีข้างของเขา “เป็นเพราะกูอั้นมานานต่างหากเหอะ”

เราต่างก็นอนเงียบๆ กันอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเขาพูดขึ้นอีก

“รู้ไรปะ ไอ้ซี จริงๆ แล้วสมองกูมันบอกว่ากูควรจะรู้สึกแปลกๆ หรือรู้สึกผิดกับสิ่งที่เราเพิ่งทำลงไปกันนะ แต่ไม่รู้ทำไม... ใจกูมันกลับบอกว่า ‘นี่แหละ ดีแล้ว’ อะว่ะ”

“ก็เพราะเราเป็นเพื่อนรักกันไง ไม่เห็นมีอะไรต้องคิดมากเลย”

“ขอบใจนะเว้ย ไอ้ซี สำหรับคำว่า ‘มิตรภาพ’ ที่มึงมีให้กูอะ”

“กูต่างหากที่ต้องขอบใจมึง ไอ้นะ” ผมกระทุ้งศอกใส่เขาเบาๆ อีกครั้ง “อย่างน้อยๆ เราต่างก็ไม่ได้รู้สึกผิด แถมกูยังรู้สึกว่ามันทำให้เราสนิทกันมากขึ้นอีกด้วยซ้ำไปนะเว้ย กูคิดว่ามึงทำให้ความเป็นเพื่อนของเรามันลึกซึ้งขึ้นอะว่ะ”

“กูทำเหรอ กูทำคนเดียวเลยเหรอออ” เขาหันมาเลิกคิ้วและทำหน้ากวนตีนใส่ผม

“กวนโอ๊ยนักนะมึง!” ผมหัวเราะ “แล้วนี่ว่าแต่เราจะนอนแก้ผ้ากันอยู่อีกนานมั้ยวะเนี่ย”

“ฮ่าๆๆ เออ มึงไปอาบน้ำล้างตัวก่อนเหอะ กูเสียสละให้คนครวยเล็กกว่าได้ใช้ห้องน้ำก่อน”

“ไอ้เหี้ยยย!! ใหญ่กว่ากูแค่นิดเดียวอย่ามาทำข่มเหอะ ไอ้ล่ำ!”

“นอกจากใหญ่กว่าแล้วยังยาวกว่าด้วย” เขายิ้มเยาะ

“พูดมากเดี๋ยวกูดีดน้ำว่าวใส่ปากเลย!”

“เฮ้ยยย!!” เขารีบดีดตัวลุกออกจากเตียงทันที

น้องชายของเขาที่เริ่มสงบลงแล้วห้อยโตงเตงอยู่ตรงหว่างขาของเขา ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ทั้งหน้าตาดีและหุ่นดีมากจริงๆ

“มึงรีบๆ ไปอาบน้ำเลย ไอ้ซี เร็วๆ” เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดร่างกายก่อนที่น้ำของเขาจะไหลหยดลงบนพื้นห้อง
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ เขาก็รีบเข้าไปอาบน้ำต่อ แล้วจากนั้น ก่อนที่เราจะเริ่มต้นอ่านหนังสือด้วยกัน เขาก็แนะนำว่าเราสองคน (โดยเฉพาะผม) ควรจะนอนหลับพักผ่อนเอาแรงก่อนสักหน่อย เพื่อที่คืนนี้เราจะได้สามารถอยู่โต้รุ่งกันได้หากจำเป็น ซึ่งผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ของเขาอยู่แล้ว

“พอตื่นมาตอนเย็นๆ แล้วค่อยไปหาข้าวกินกันนะเว้ย” เขาพูดหลังจากที่ปิดไฟในห้องและเดินไปรูดผ้าม่านลงแล้ว

“ได้เลย”

“งั้นก็ฝันดีเว้ย นอนเหอะ ใช้พลังงานไปเยอะ” เขาพูดติดตลก ก่อนจะคลานขึ้นมานอนลงข้างๆ ผม

หลังจากนั้นเราต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมากันอีกจนผมคิดว่านะคงจะหลับไปแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าผมจะง่วงและเหนื่อยสะสมมาหลายวัน แต่ทว่าผมกลับไม่สามารถหลับลงได้ง่ายๆ เลย เพราะใจของผมมันเอาแต่จะกลับไปคิดถึงสิ่งที่เราเพิ่งจะทำกันลงไปอยู่ตลอดเวลา...
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 13-01-2012 22:29:59
จุดเปลี่ยนซินะ :oo1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 13-01-2012 22:33:50
เอ่อ!  เพื่อนกันๆๆ
ไม่มีอะไร :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 13-01-2012 23:22:51
 :z1: :z1: :z1: :z1:  แอร๊ยแบบนี้สิ แมนๆ ชอบมาก ตอนนี้ Hand to Hand  ต่อไป sword to sword  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 14-01-2012 00:27:32
 :give2: :give2: :give2:

 อร๊ายยยยยยยย มาแบบเบาๆ

 เขินอ่ะ ตัวเอง  ..><

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 14-01-2012 00:33:01
ได้น้ำได้เนื้อสุดๆ ไปเลย นี่สินะจุดเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 14-01-2012 00:33:09
เอาตรงๆเลยนะครับ ผมไม่เคยหื่นขนาดนี้หรอกนะ

แต่ขอ"เสียบ"เลยได้ป่ะ ช่วยกันไปช่วยกันมาแล้วมันอารมณ์เตลิด

อยากอ่านบทอัศจรรย์ของคู่นี้เร็วๆ ก็ในเมื่อเค้าไม่รู้สึกผิด

ก็...เลยครับ  :o8: (เขินตอนนี้ทันมั้ยครับ?)   :m20:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 14-01-2012 00:36:50
เอิ้กกกกกก !!!! คู่นี้เค้าเริ่มต้นกันแล้วววววววว เย้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: winamp ที่ 14-01-2012 00:46:51
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

เย่เยเ้ย้ ฮ่า ๆๆ เปลี่ยนแปลงตอนนี้นี่แหละ ว่ะฮ่า ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: WyJeen ที่ 14-01-2012 03:17:19
ไอยะ แค่เพื่อน แค่้เพื่อน ยังนั้นหราาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 14-01-2012 08:53:54
ชอบเรื่องนี้จังครับสนุกดี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 14-01-2012 09:15:11
อิอิ  ขั้นพื้นฐานมาแว้ว

แล้วขั้นแอดวาน เมื่อไรจะมาอ่ะ

เหมือน นะกับซี จะมีใจให้กันน่ะ

แล้วอย่างนี้ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่ง รักมากกว่าเพื่อนจะเป็นอย่างไงน่ะ

แล้วถ้า นะกับซี จะต้องสวีทกับแฟน จะมีหึงไหมอ่ะ





ปล.  ถ้ามีตอนพิเศษ โจนนท์ บ้างจะเป็นพระคุณมากๆๆ  เลยนะ  คิดถึงคู่นึ้มาก

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-01-2012 10:40:37
จากเพื่อนรัก จะกลายเป็นรักเพื่อนแล้วทีนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-01-2012 11:59:03
วันนี้ยังคิดตรงกันว่า "เพื่อน" ช่วยเพื่อน
แต่ถ้าวันนึงอีกคนคิดไปไกลกว่านั้น จะเป็นไง ยังจะไปต่ออีกหรือเปล่า ลุ้นค่ะลุ้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-01-2012 13:04:59
เริ่มแหละๆ ตอนนี้ คืบ ต่อไปก็ศอก ก็แขน ก็วา ตามลำดับ อิ อิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 14-01-2012 18:02:34
แอร็ยยยยยยยยยยยยย

ไม่ไหวจะเคลียร์กับเพื่อนรักทั้งสองคนนี้ :m25:

ทำอะรายยยยลงไปเนี่ย.........เริ่มรู้สึกแปลกๆกันแล้วใช่มะเนี่ย

ขอให้มิตรภาพมันเพิ่มขึ้นๆนะจ๊ะทั้งสองคน.... :impress2:

 :L2:สุขสันต์วันเด็กนะคะคุณต้น......ขอให้มีความเป็นเด็กในหัวใจตลอดปาย.....ให้มีเด็กอยู่ข้างๆกายสักคนก็คงดีเนอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 15-01-2012 10:28:12
อร๊ายยยยยย
สองคนอ่ะ ทำไรกันเหรอ
เค้าแอบดูอยู่ เขินนะ~
นึกว่าจะไม่มีแววง่ายๆ
แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 15-01-2012 16:38:54
ล่าสุดแ้ล้ว

เย้้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 15-01-2012 16:53:41
:call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: LAquila ที่ 15-01-2012 21:33:04
โอ้วววววว มันช่าง...ซิ๊ดดีจริงๆ
แต่ยืนยันคำเดิมนะ
ถ้ามากกว่านี้...มันจะต้องซิ๊ดหนักกว่านี้แน่ๆ : )
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: peppier ที่ 16-01-2012 00:13:38
เพิ่งเห็นว่ามีโจนนท์ด้วย น่ารักจัง
ตอนล่าสุดนี่ กำเดาแทบหยด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 16-01-2012 09:04:35
เพื่อนกันหรอ  :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-01-2012 21:54:50
มาต่อทีเถอะ สาธุ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 16-01-2012 23:30:57
ชอบ ชอบ ชอบ o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 5)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 18-01-2012 00:59:42

 :call: :call: :call: :call: :call:

 :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 3)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 18-01-2012 19:50:43
นนท์กับโจ จากเรื่อง กระดานดำหลังรั้วโรงเรียนชายครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8434.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8434.0)
โฆษณาให้เสร็จสรรพ  :really2:
แนะนำให้อ่านนนเลยคร้าบบ

ชอบตอนที่นะซื้อเสบียงตุนไว้ให้ซีจัง  o13
ไว้จำไปทำบ้าง

ว่าแต่นนกับโจเรียนวิศวะหรือนี่

ขอบคุณคุณต้นครับบ  :pig4:
โดยเฉพาะนนท์กับโจ
คิดถึงพวกนี้จัง
นัท วายุ ป๊อป คริสและอื่นๆด้วย ป่านนี้จะเป็นยังไงไปอยู่ไหนกันบ้าง
รอติดตามตอนหน้านะะ


ขอบคุณฮ้าบบบบบบบบ

........................................
ตกม้าตายทั้งคู่แล้ว กร๊ากกกกกกกกก
ความสนิทของเพื่อนคู่นี้จะพัฒนาขึ้นแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 18-01-2012 22:14:57
SeeeDz ที่ 6

หลังจากที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ผมก็รีบโทรไปบอกน้อยด้วยความดีใจและโล่งใจ แต่ทว่าสิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือการขอบอกเลิก น้อยบอกว่าเวลาของเราสองคนดูจะไม่เคยตรงกันเลย ก่อนหน้าที่เราจะตกลงคบกัน เราเคยอยู่ในสถานะของคำว่าเพื่อนมาก่อน และแบบนั้นมันอาจจะลงตัวสำหรับเราที่สุดแล้วก็เป็นได้ ผมรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงที่กลางอก ผมไม่รู้ว่าน้อยคิดเรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้ว ทุกอย่างมันดูกะทันหันเกินไปจนผมเกือบรับไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาบอกผมก็เป็นความจริงทุกอย่าง ที่ผ่านผมไม่ค่อยมีเวลาให้น้อยเลย ในเดือนหนึ่งเราได้เจอกันอยู่แค่ไม่กี่ครั้ง และถ้าหากผมถามความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา... ถึงจะเสียใจ แต่ผมก็ยอมรับว่าที่ผ่านมา ผมเองก็ใช่ว่าจะจริงจังกับน้อยเท่าไหร่นัก เราคงป็นแค่คนสองคนที่เคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขดี แต่ในเมื่อตอนนี้เราไม่ค่อยได้เจอกัน ความสุขมันก็ย่อมลดลงไปเป็นธรรมดา เหลือแค่เพียงช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นทุกทีๆ ดังนั้นผมจึงจำต้องยอมรับความจริงว่าการตัดสินใจเลิกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่เรายังมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ยังคงเป็นเพื่อนกันได้ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

เอาน่ะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บอกเลิกกับผมด้วยเหตุผลว่าเขามีคนใหม่แล้ว หรือผมจับได้ว่าเขากำลังแอบคุยแอบหรือคบกับใครอยู่เหมือนแฟนคนก่อนๆ ที่เคยทำกับผมมาก็พอ และผมเชื่อว่าหลังจากนี้ เราก็จะยังคงสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อย่างแน่นอน

ผมเล่าเรื่องนี้ให้นะฟังในระหว่างที่เรากำลังกินข้าวเย็นด้วยกันอยู่ และสิ่งที่เขาถามผมกลับมาเป็นประโยคแรกก็ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในความคิดของเขาทันที

“แล้วแบบนี้มันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีวะ”

พอได้ยินคำถามนี้ของเขาเข้าไปแล้ว ผมก็คิดขึ้นได้ว่าปกติ เวลาคนอื่นได้ยินว่าเพื่อนของตัวเองเพิ่งเลิกกับแฟน ก็คงจะทึกทักไปว่าเพื่อนต้องเศร้า ต้องเครียด มันคือเรื่องไม่ดีที่เพื่อนต้องเผชิญ แล้วก็คงจะใช้คำพูดปลอบใจประมาณว่า ‘เอาน่ามึง ใจเย็นๆ ไว้ก่อน มีอะไรค่อยคุยกันดีกว่ามั้ย’ หรือ ‘มึงแน่ใจแล้วเหรอวะ’ หรือไม่ก็ ‘ช่างแม่งเว้ย ผู้หญิงคนเดียว อย่าไปแคร์แม่งมากเลย’ แต่นี่นะกลับคำนึงถึงความรู้สึกจริงๆ ของผมมากกว่าที่จะคิดไปเองว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับผม ผมต้องรู้สึกแย่ หรืออะไรพวกนั้น

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง “กูว่ามันก็คงเป็นเรื่องดีนะ”

“แล้วมึงเสียใจมั้ย”

ผมต้องลองคิดดูอีกครั้ง “...ก็คงมีบ้างว่ะ แต่ก็ไม่มากนะ แค่รู้สึกช็อคๆ อะว่ะ คือกูก็รู้สึกดีกับน้อยจริงๆ เราเองก็คบกันได้ค่อนข้างดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมาเจอแบบนี้ มันก็เลยอึ้งๆ น่ะ”

“แล้วน้อยล่ะ เสียใจมั้ยวะ ร้องไห้หรืออะไรรึเปล่า”

“ไม่อะ ไม่เลย เราเลิกกันด้วยดีว่ะ นี่แหละมั้งที่ทำให้กูรู้สึกว่ากูไม่เสียใจมาก เพราะเราก็จะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม จะยังคุยกันต่อไป แต่ที่กูรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ คือกูไม่รู้เลยว่าเค้าคิดเรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้ว กูรู้สึกผิดที่กูทำให้เค้าต้องเหงา ต้องน้อยใจ ที่กูไม่มีเวลาให้มาตั้งนานอะว่ะ”

เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างเข้าใจ แม้แต่ดวงตาของเขาก็ยังดูอ่อนโยนกว่าปกติเลยด้วย

“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ ไอ้นะ” ผมถาม

“อ้าว กูต้องพูดอะไรด้วยเหรอวะ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ

“เปล่า ก็ถ้าเป็นคนอื่น ปกติแล้วแม่งก็คงจะถามรายละเอียดนั่นนี่ ต้องปลอบใจ หรือไม่ก็พูดอะไรประมาณว่า ‘ไม่เป็นไรนะมึง สู้ๆ น่า’ หรืออะไรพวกนั้นปะวะ”

“แต่มึงก็สู้ไหวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ กูดูเหมือนมึงก็โอเคกับการตัดสินใจครั้งนี้ดีนี่หว่า”

“ก็ใช่...”

“แล้วกูก็คงไม่จำเป็นต้องบอกเนอะ ว่ามึงยังมีกูอยู่ตรงนี้ทั้งคน เพราะถ้ามึงไม่คิดแบบนั้น ไม่รู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว มึงก็คงไม่โทรตามกูออกมากินข้าวด้วยแล้วเล่าเรื่องนี้ให้กูฟัง ใช่มั้ยล่ะ”

“ใช่...”

“ก็แค่นั้นแหละ” เขายกแขนขึ้นตบบ่าผมเบาๆ “กูเชื่อในตัวมึงเว้ย ถ้ามึงพูดว่าไหว กูก็เชื่อว่ามึงไหว ถ้ามึงพูดว่ามึงเสียใจ กูก็จะเป็นกำลังใจให้จนกว่ามึงจะผ่านมันไปได้ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ไม่ว่าเป็นยังไง หรือเกิดอะไรขึ้น มึงรู้ไว้เลยว่ากำลังใจที่กูมีให้มึงมาตลอดน่ะ มันอยู่ในใจของมึงเองนั่นแหละ”

ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ “ขอบใจว่ะ ไอ้นะ”

“ขอบใจทำไมวะ กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย กูมันไม่ใช่คนที่จะปลอบใจใครพร่ำเพรื่อ หรือให้กำลังใจแบบเข้าข้างเพื่อนจนไม่มองความเป็นจริงซะด้วยสิ และสำหรับเรื่องนี้ กูก็เห็นว่ามึงดูโอเคดีนี่หว่า กูคิดว่ามึงตัดสินใจได้ถูกแล้ว ไม่จำเป็นต้องบิวท์อารมณ์ซึ้ง เศร้า เหงา หรือเสียดายอะไรให้มันมากความ จริงมั้ย”

“เออ ก็จริงของมึง”

“แล้วกูก็คงไม่ต้องถามรายละเอียดอะไรอีกแล้วด้วย เพราะเท่าที่มึงพูดมามันก็พอแล้ว”

“ก็คงงั้นอะว่ะ”

“ที่สำคัญ มึงคงไม่อยากได้ยินกูกล่าวโทษน้อยหรือว่าอะไรน้อยที่เค้าบอกเลิกมึงหรอก ใช่ปะล่ะ กูรู้ว่ามึงไม่ใช่คนแบบนั้น กูเองก็ไม่ใช่คนแบบนั้น และที่สำคัญ เรื่องนี้ก็ไม่มีใครทำอะไรผิดถึงสมควรจะถูกต่อว่านี่หว่า มึงเองก็ไม่ผิดที่ไม่มีเวลา มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ ทุกอย่างมันก็แค่นั้นแหละ”

“ใช่ มึงพูดถูก” ผมพยักหน้า “ขอบใจว่ะ ไอ้นะ ขอบใจจริงๆ”

“พอๆๆ ไม่ต้องมาทำซึ้ง ไอ้ตี๋เล็ก ไอ้เถ้าแก่น้อย ไอ้ซิลิโกะ แดกๆ ข้าวเข้าไป มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”

“ค้าบบบ พ่อออ! ไอ้ล่ำ ไอ้ดำ ไอ้กล้ามโต!”

“ฮ่าๆๆ กูดำเหรอวะ”

“ไม่รู้อะ ใครดำกว่ากู กูมีสิทธิ์ด่ามันว่า ‘ไอ้ดำ’ หมด” ผมยกส้อมขึ้นชี้หน้าเขา จากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่เบาลงเล็กน้อย “และที่สำคัญ... ครวยมึงก็ดำด้วย”

นะหน้าแดงแป๊ดทันที นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นเขาเขินขนาดนี้

“ไอ้หน้าหำ!” เขาหยิบส้อมของตัวเองขึ้นปัดส้อมของผมออก “แดกๆ เข้าไปเลย ไอ้สัตว์! และที่สำคัญ มึงนี่ชอบเอาส้อมชี้หน้ากูจังนะ เดี๋ยวเหอะมึงงงง! ระวังเหอะ สักวันกูจะเอาตะเกียบแยงจมูกมึงให้ดู!”

“กลัวตายห่าแหละ!” ผมหัวเราะ

“ตกลงว่าพรุ่งนี้มึงยังจะไปทะเลด้วยกันอยู่มั้ย ไอ้ตี๋”

“ไปดิ แต่กูต้องไปคนเดียวแล้วนะ ไม่มีเมียให้หนีบไปนอนกกแล้ว” ผมเบะปาก

“ฮ่าๆๆ สงสัยมึงคงได้กลับมาใช้บริการแม่นางทั้งห้าไปอีกสักพักแล้วล่ะมั้ง”

“กูเบื่อออออ” ผมส่ายหน้าเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องที่เราเพิ่งทำด้วยกันเมื่อวันก่อนขึ้นมา ทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นเล็กน้อย และนะเองก็ดูจะรู้แล้วว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะว่าเขาเองก็มีท่าทีเขินๆ ด้วยเหมือนกัน เราสบตากันครู่สั้นๆ ก่อนจะต่างฝ่ายต่างหลบตาของกันและกัน

“มึง... มึงรู้สึกผิดหรือรู้สึกไม่ดีรึเปล่าวะ ไอ้ซี” เขาถามเสียงอ่อยๆ “กูหมายถึงเรื่องนั้นอะ”

“ไม่เว้ย กูเคยบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย มึงอย่าคิดมากน่า”

“กูไม่ได้คิดมากหรอก กูแค่... แค่เกรงใจมึง”

“เหอออ เกรงใจอะไรวะ”

“ไม่รู้ว่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกัน” เขาหัวเราะแหะๆ “ทีมึงเองยังจู่ๆ หน้าแดงขึ้นได้เลย แล้วทำไมกูจะคิดแบบนั้นไม่ได้วะ”

“ที่กูหน้าแดงมันไม่ใช่เพราะว่ากูเกรงใจเว้ย แต่กู...!” ผมชะงักไป

“มึงทำไม” เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“กู... กู...” ผมคิดว่าตัวเองคงจะหน้าแดงยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้อีกแน่ๆ “กูแค่เขินๆ มึงเว้ย! พอใจยัง!”

นะหัวเราะชอบใจทันที “ฮ่าๆๆๆ คนอย่างมึงเนี่ยนะรู้จักเขินเป็นกับเค้าด้วย!”

“ถ้ามึงไม่หยุดหัวเราะนะ กูเอาส้อมจิ้มตาแตกแน่!”

หลังจากมื้อเย็น นะก็กลับไปเก็บสัมภาระสำหรับไปเที่ยวทะเลที่หอ แล้วจากนั้นก็ไปนั่งดื่มเบียร์และดูหนังที่ห้องของผมต่อ คืนนั้นเขานอนค้างกับผม แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรกัน หลังจากที่เราปิดไฟเข้านอนแล้ว ผมเกิดคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นแล้วก็รู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมา แต่โชคดีที่เขาคงไม่ทันสังเกต เพราะว่าเรานอนอยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร

เช้าวันต่อมา นะปลุกผมขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเพื่อให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ส่วนเขาก็ขี่รถกลับไปที่หอเพื่อรอรับกิ๊กที่จะมาถึงในตอนเจ็ดโมงเช้า และพอแปดโมง พวกเราก็ไปรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยใต้ตึกคณะวิศวะ

เราขับรถไปกันทั้งหมดสองคัน ผม กิ๊ก และนะนั่งไปกับเพื่อนที่ชื่อต้อง ส่วนรถอีกคันมีเพื่อนของนะอีกสามคน ได้แก่ จ๊อบ หนู และเปรียว สรุปทริปนี้เราไปกันทั้งหมดเจ็ดคน เป็นผู้ชายเสียสี่คน และผู้หญิงสามคน ซึ่งผมต่างก็รู้จักพวกมันทุกคนดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะไอ้ต้องกับไอ้จ๊อบที่ผมเคยเจอตั้งแต่ไปกินหมูกะทะด้วยกันครั้งนั้น

ไอ้ต้องเล่าให้ผมฟังในขณะที่เราอยู่ระหว่างเดินทางว่าพ่อของมันเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ชะอำ ทำให้มันสามารถจองห้องพักได้ในราคาถูก ซึ่งมันจองห้องไว้สำหรับพวกเราถึงสี่ห้อง แบ่งเป็นห้องของผู้หญิงสองคน ห้องของมันกับไอ้จ๊อบ ห้องของนะกับกิ๊ก และก็ห้องของผมกับน้อย แต่ในเมื่อน้อยไม่ได้มากับเราด้วย ผมจึงได้สิทธิ์ใช้ห้องนั้นแต่เพียงผู้เดียว

“เผื่อมึงพาสาวไหนมานอนที่ห้องไง ไอ้ซี” ไอ้ต้องหัวเราะ

“แปลว่าคืนนี้มึงจะไปเที่ยวผับกันใช่มั้ยวะ” ผมถาม

“กูอะ อยากไปเว้ย แต่ไอ้จ๊อบกับพวกผู้หญิงแม่งเสือกอยากกินข้าวริมหาด นั่งชิวๆ เล่นกีตาร์ แล้วก็กลับมาเล่นไพ่บนห้องมากกว่าว่ะ แล้วพวกมึงอะว่าไง”

“กูยังไงก็ได้ว่ะ” นะตอบ

“กูก็เหมือนกัน”

“แล้วกิ๊กล่ะ อยากทำไร” ไอ้ต้องหันไปถามกิ๊กที่นั่งอยู่เบาะหน้า

“กิ๊กยังไงก็ได้เหมือนกันอะ”

“งั้นสงสัยจะไม่ได้ไปลุยผับชะอำซะแล้วมั้ง” ไอ้ต้องพูดเซ็งๆ

“มึงจะเหี้ยไรนักหนา ไอ้ต้อง ถ้าจะเที่ยวผับ มึงจะถ่อมาถึงทะเลทำไมวะ ไอ้ห่า มาทะเลก็เที่ยวทะเลสิวะ จริงมะ ไอ้ซี”

“ช่ายยยย” ผมพยักหน้า

“เออๆ ก็จริงของพวกมึง กูแพ้แล้ว กูยอม ไอ้สาดดด”

ผมหันไปหัวเราะกับนะเบาๆ แล้วจากนั้นพวกเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่นแทน

เมื่อพวกเราไปถึงที่ชะอำก็เป็นเวลากินข้าวเที่ยงพอดี หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จ เราก็เอาของไปเก็บที่โรงแรมและต่างคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง

หลังจากที่เข้าไปในห้อง ผมก็โยนกระเป๋าลงบนพื้นแล้วเอนตัวนอนลงบนเตียงทันที ใจของผมมันอดที่จะคิดถึงเรื่องของน้อยไม่ได้ นี่ถ้าหากว่าเขามากับผมด้วย เราจะมีความสุขกันแค่ไหนนะ และที่สำคัญ ป่านนี้เราก็คงได้ทำอะไรกันให้สมใจอยากกันไปแล้ว
ผมอ้าปากหาววอดแล้วก็นึกด่านะอยู่ในใจที่เขาปลุกให้ผมตื่นตั้งแต่เช้า ผมว่าป่านนี้เขาคงต้องกำลังมีความสุขกับกิ๊กอยู่แน่ๆ

พอผมนึกภาพว่าเขากำลังมีอะไรกับแฟนของตัวเองอยู่ ผมก็รู้สึกเกิดอารมณ์ขึ้นอย่างบอกไม่ถูกทันที

ผมใช้มือลูบไอ้น้องชายของตัวเองที่แข็งเป็นลำอยู่ใต้กางเกงขาสั้นอย่างเบามือ เมื่อคืนผมก็เกิดอารมณ์แบบนี้แต่กลับไม่สามารถระบายออกได้มาทีหนึ่งแล้ว ผมชันตัวขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อยืดออก จากนั้นก็เขยิบขึ้นไปนอนหนุนลงบนหมอนดีๆ ผมปลดตะขอกางเกงออก กางเกงในสีขาวของผมถูกดันจนนูนสูงขึ้น ไอ้น้องชายของผมที่แข็งเต็มที่แล้วโผล่พ้นขอบกางเกงในออกมาเล็กน้อย

ผมถอดกางเกงขาสั้นและกางเกงในออกด้วยการดึงพวกมันลงไปกองยู่ที่ตาตุ่มในทีเดียว แล้วเตะมันทั้งคู่หล่นลงไปจากเตียง จากนั้นก็รวบมือขวากำท่อนลำของตัวเองเอาไว้อย่างเบามือ ส่วนมือซ้ายก็ลูบไล้หน้าอกของตัวเองไปด้วย หัวนมของผมไวต่อความรู้สึกมาก ดังนั้นเวลาที่ช่วยตัวเอง ผมจึงมักจะคลึงหัวนมของตัวเองเล่นไปด้วยตลอด

ผมค่อยๆ รูดหนังหุ้มลงอย่างช้าๆ จนสุดโคน แล้วจากนั้นก็รูดมันกลับขึ้นมา ทำให้น้ำใสๆ ไหลออกหนึ่งหยด ผมใช้นิ้วชี้ละเลงน้ำหยดนั้นจนทั่วส่วนหัว ความเสียวที่ผมรู้สึกทำให้ผมต้องซี้ดปากเบาๆ ผมเลื่อนมือซ้ายลงไปคลึงไข่ทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา พร้อมกับเร่งจังหวะมือของตัวเองให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย พอก้มหน้าไปมองน้องชายของตัวเองก็เห็นว่ามันกำลังแข็งผงาดอย่างเต็มที่ ส่วนหัวก็แดงก่ำราวกับพร้อมจะระเบิดออกได้ตลอดเวลา

ผมลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปในห้องน้ำ ผมส่องกระจกสำรวจร่างกายของตัวเองพร้อมกับลูบไล้ส่วนต่างๆ ของร่างกายไปด้วย ไอ้น้องชายของผมแข็งเป็นลำและเชิดขึ้นเป็นมุมราว 45 องศากับหน้าท้อง ผมใช้มือขวากำส่วนโคนเอาไว้ในมือ ในขณะที่มือซ้ายก็ลูบไล้ขึ้นลงไปตามกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนจางๆ จากนั้นก็เริ่มขยับมือขวาขึ้นลงช้าๆ น้ำหล่อลื่นถูกหลั่งออกมามากมายจนทำให้มือขวาและท่อนลำของผมเปียกชุ่ม ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียวบริเวณส่วนหัวของน้องชายมากขึ้นเป็นทวีคูณ

ผมรีบเร่งจังหวะการสาวมือให้เร็วขึ้นไปอีก ส่วนมือซ้ายก็เลื่อนสูงขึ้นมาคลึงหัวนมของตัวเองไปด้วย ผมรู้สึกถึงจุดสุดยอดที่เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ และในตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น แต่ผมปล่อยให้มันดังต่อไปจนกระทั่งเงียบลงไปเอง จนกระทั่งในที่สุด อีกไม่กี่วินาทีถัดมา ร่างกายของผมก็กระตุกแรงๆ พร้อมกับน้ำรักที่ถูกฉีดออกมาจนพุ่งไปโดนกระจกตรงหน้า ผมยังคงกระตุกเบาๆ อีก 3-4 ครั้งพร้อมๆ กับน้ำรักที่ถูกฉีดออกมาเป็นระลอกๆ

ผมยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งเริ่มกลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองได้ จากนั้นก็รูดหนังหุ้มลงและปาดน้ำสีขาวขุ่นหยดสุดท้ายออกจากส่วนหัวของท่อนลำ เมื่อผมทำความสะอาดตัวเอง กระจก และพื้นห้องน้ำจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ล้มตัวนอนลงบนเตียง แล้วจากนั้นก็จึงผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

ผมหลับไปนานเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน แต่จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างหมอน และเมื่อตื่นขึ้นมา ผมถึงได้พบว่ามีคนกำลังเคาะประตูอยู่หน้าห้องผมด้วยเช่นเดียวกัน

ผมคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้น รีบสไลด์ปุ่มรับสาย แล้วกระโดดลุกออกจากเตียงทันที

“เออๆ ว่าไง ไอ้นะ”

“ไอ้ซี กูยืนอยู่หน้าห้องมึงเนี่ย มาเปิดประตูให้หน่อยดิ๊ เคาะอยู่สักพักแล้ว มึงไม่ได้ยินเลยรึไง”

“อ้าว คนที่เคาะประตูเมื่อกี้คือมึงเองเหรอวะ เออๆ กูกำลังเดินไปเปิดให้แล้ว แป๊บนึงๆ” ผมวางสาย จากนั้นก็เดินตรงไปยังประตูห้อง แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังแก้ผ้าอยู่ ผมจึงต้องรีบหมุนตัวกลับไปหยิบกางเกงขาสั้นที่กองอยู่บนพื้นห้องขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว

“ทำอะไรอยู่วะ หลับอยู่เรอะ” เขาถามขึ้นทันทีที่ผมเปิดประตูห้องออก

“เออออ... ก็มึงนั่นแหละ เสือกปลุกกูตั้งแต่เช้ามืดอะ ไอ้ห่า” ผมเกาหัวแกรกๆ

สายตาของเขาเลื่อนมองต่ำลงไปข้างล่าง ผมก้มหน้าลงมองตามสายตาของเขา แล้วก็พบว่าตัวเองยังใส่กางเกงไม่เรียบร้อยดีเลย เพราะเมื่อครู่นี้ผมแค่รูดซิปขึ้นแต่ลืมติดตะขอให้เรียบร้อย ทำให้ซิปมันไหลลงไปเกือบครึ่งทาง เผยให้เห็นกางเกงในและน้องชายของผมที่พาดขึ้นเป็นลำอยู่ด้านใน

ผมรีบรูดซิปขึ้นใหม่และติดตะขอกางเกงทันที

เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “นี่มึงนอนแก้ผ้าเหรอวะ ไอ้ซี”

“เอออออ! เรื่องของกูน่า ตกลงมึงมีอะไร”

“กูขอเข้าไปนั่งห้องมึงหน่อยจะได้มั้ยวะ”

“เออๆ โทษทีๆ เข้ามาๆ” ผมหลีกให้เขาเดินเข้ามาในห้อง แล้วจากนั้นก็ปิดประตูลง “มีไรวะ แล้วกิ๊กไปไหนซะล่ะ”

“อาบน้ำ...” เขาตอบเสียงค่อยๆ

ผมเพิ่งสังเกตว่าสีหน้าของเขาดูไม่สดใสเหมือนเคย นอกจากนั้นแววตาและน้ำเสียงของเขาก็ยังดูเศร้าๆ บอกไม่ถูก นับตั้งแต่รู้จักกับเขามา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาเป็นแบบนี้ เพราะปกตินะจะเป็นคนที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าแทบจะตลอดเวลา ที่ผ่านมาเขาอาจจะเคยเครียดหรือมีปัญหาอะไรบ้าง แต่ว่าก็ไม่มีครั้งไหนที่เหมือนครั้งนี้ ที่จริงผมคิดว่าเขาดูเหมือนคนกำลังช็อคหรือตกใจอะไรบางอย่างอยู่มากกว่าด้วยซ้ำ

“เฮ้ย มึงเป็นไรรึเปล่าวะ ไอ้นะ”

“เปล่า ไม่มีอะไร กูคงแค่เพลียๆ น่ะ”

“เพลียอะไรวะ... อ้อออ มึงเพิ่งมีอะไรกับกิ๊กมาล่ะสิ ไอ้ตูดดด แหมเว้ยยย”

เขาหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มน้อยๆ “อิจฉารึไง”

“ไม่จำเป็นว่ะ” ผมเดินไปเปิดทีวี แล้วจากนั้นก็เดินมานั่งลงข้างๆ เขาบนเตียง

“กูขอถามอะไรมึงหน่อยดิ ไอ้ซี แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวหน่อยนะเว้ย มึงจะโกรธกูมั้ยวะ”

“ที่ผ่านมากูเคยโกรธอะไรมึงสักครั้งรึยังล่ะ ไอ้กล้ามโต” ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วยิ้มมุมปากน้อยๆ “มีอะไรวะ พูดซะทางการเลย จะถามอะไรก็ถามมาเลยเว้ย กูตอบมึงได้หมดแหละน่า”

“คือ... กูก็รู้นะเว้ยว่าก่อนหน้าน้อย มึงก็เคยคบผู้หญิงมาหลายคนอะ แล้วมึงก็เคยบอกกูด้วยว่ามึงโดนผู้หญิงพวกนั้นหักอกหรือไม่ก็นอกใจมึงก่อนหมดเลย แต่มึงไม่เคยบอกกูอะ ว่ามึงรู้สึกยังไงมั่งวะ”

“อ้าว ก็เสียใจน่ะสิวะ ถามได้ แต่ตอนจับได้ก็โกรธนั่นแหละ อารมณ์แรกเลยคือโกรธมากอะ มันช็อคๆ อึ้งๆ ครั้งแรกที่กูจับได้ว่าแฟนกูนอกใจ ไปคุยกับผู้ชายคนอื่น กูเฮิร์ทมากกกก ไอ้เหี้ย นึกแล้วยังขำเลยว่ะ” ผมหัวเราะเบาๆ “ตอนนั้นกูโกรธมากนะเว้ย แต่แล้วก็เป็นกูเองนั่นแหละที่กลับไปอ้อนวอนแม่ง แทบจะกราบตีนขอให้มันเลิกยุ่งกับผู้ชายคนนั้น แล้วกลับมาหากู แม่งโคตรไร้สาระเลยเนอะ แต่ตอนนั้นกูก็แค่ ม. 3 เองอะ”

“แล้วคนอื่นหลังจากนั้นอะวะ”

“ก็ดีขึ้นว่ะ แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้นะ กูไม่ได้เคยมีแฟนมาเยอะแยะหลายคนขนาดนั้นนะเว้ย รวมน้อยด้วยก็ แค่ 4-5 คนเอง”

“ไอ้เหี้ย เยอะแล้วเหอะว่ะ” เขาหัวเราะ

“อ้าวเหรอๆ ฮ่าๆๆ เออๆ นั่นแหละ แต่มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้อยากมีแฟนหลายๆ คนหรอกนะเว้ย กูก็อยากได้ใครแค่คนใดคนหนึ่ง คนเดียวที่กูรักและรักกู แล้วก็คบกันไปนานๆ เหมือนกัน แต่คนอื่นๆ ที่ผ่านมาเข้ามา แม่งก็เหมือนแค่เข้ามาเล่นๆ กับกูอะ เลิกกันไปเพราะแม่งมีคนอื่นบ้าง ห่างกันไปเองบ้าง หรืออย่างกรณีล่าสุดกับน้อยนี่ก็เพราะกูไม่มีเวลาให้เค้าเอง...”

“แล้วมีอีกกี่ครั้งวะ ที่มึงจับได้ว่าแฟนเก่ามึงไปคุยกับคนอื่นอะ”

ผมนึก “อืมมม... ถ้าไม่นับครั้งแรก ก็อีกสองครั้งอะว่ะ แต่ว่ากูเริ่มโตขึ้นมั้ง แล้วก็เริ่มชินชามากขึ้นด้วย กูถือว่าใครแม่งไม่จริงใจกับกู ก็ตัดๆ แม่งออกไปจากชีวิตซะเลยดีกว่า คือก็เสียใจนะเว้ย ช็อค เหมือนเดิมเลย แต่ไม่โกรธ ไม่ฟูมฟายมากเท่าครั้งแรกแล้วอะว่ะ”

เขาพยักหน้าเบาๆ “กูกะแล้วว่ามึงต้องเป็นคนเข้มแข็งแบบนี้แหละ ไอ้ซี”

ผมยักไหล่ “ไม่รู้ดิ คงเป็นเพราะกูรู้ด้วยแหละว่าคนพวกนั้นยังไม่ใช่ตัวจริงของกูอะ แม้แต่กับน้อยที่กูรู้สึกดีด้วยมากๆ กูก็ยังรู้สึกลึกๆ เหมือนกันว่าเค้ายังไม่ใช่อะว่ะ มันยังไม่มีความผูกพัน ไม่มี....” ผมนึกเลือกคำที่จะใช้ “โฮ้ยยย! ไม่รู้ว่ะ กูก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน คือมันเหมือนยังมีบางอย่างที่ขาดๆ หายไปอะ เข้าใจป่าววะ”

“กูเคยบอกมึงรึเปล่าวะว่ากิ๊กเป็นแฟนคนแรกของกูเลยน่ะ”

“เหรอวะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น

“ใช่ คือถ้าไม่นับปั๊ปปี้เลิฟตอน ม. ต้น ที่แบบว่าโดนเพื่อนแซวให้คบกันอะไรแบบนั้นก็ไม่มีเลยว่ะ กิ๊กเป็นคนแรกเลย เพราะว่ากูต้องทั้งเรียน ทั้งเล่นกีฬา มันก็ไม่ค่อยมีเวลาจะไปสนใจใครว่ะ อันนี้มึงคงเข้าใจ แล้วอีกอย่างคือกูแม่งขี้อายด้วย ใครเข้ามาจีบกู กูก็หนีหมดทุกคนเลย ซึ่งอันนี้คงเพราะกูหัวโบราณด้วยมั้ง”

“แล้วมึงคบกับกิ๊กยังไงล่ะวะ คนอย่างมึงคงไม่ได้เป็นฝ่ายไปจีบเค้าก่อนอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”

“เออ กูไม่กล้าหรอก เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม. 4 น่ะ แล้วก็สนิทกันมาเรื่อยๆ จนเพิ่งมาตกลงคบกันตอน ม. 6 อย่างที่กูเคยบอก...” เขาเว้นช่วง “บางทีเราอาจจะตกลงคบเป็นแฟนกันเพราะกลัวว่าจะไม่มีโอกาสนี้อีกก็ได้ล่ะมั้ง”

ผมนิ่วหน้าด้วยความสงสัย นี่เขาต้องกำลังมีปัญหาอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ

เขาเหลือบมามองหน้าผมแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างรู้ทัน “ตอนแรกกูก็ไม่ได้อยากจะโกหกอะไรมึงหรอก กูคงแค่กำลังช็อคๆ อย่างที่มึงบอกน่ะ ไอ้ซี”

“หมายความว่าไงวะ”

“ก็อย่างที่บอกไงว่ากิ๊กเป็นแฟนคนแรกของกู ถึงกูจะเคยเห็น เคยปลอบเพื่อนของกูตอนที่พวกมันเลิกกับแฟนมาบ้าง แต่กูก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนั้นกับตัวเองเลยไง”

“แล้วที่จู่ๆ มึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเนี่ย” คิ้วของผมที่เคยขมวดเข้าหากันเริ่มคลายออกพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น “หรือว่า...”

“กูคิดว่า...” เขาชะงักไปก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ดิ ไม่คิดแล้ว... ไอ้ซี กูจับได้ว่ากิ๊กกำลังมีคนอื่นอยู่ว่ะ”

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 18-01-2012 22:22:44
^
^
^-

จิ้มคุณ ต๊น ต้น

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


 o13 ได้ฤกษ์เลิกกับแฟนทั้งสองคนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: peppier ที่ 18-01-2012 23:06:29
เลิกกันไปเลยยยย
ให้ผู้ชายได้กันเองดีกว่าา :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 18-01-2012 23:42:39
ดีใจจังเลิกกับแฟนหมดแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 18-01-2012 23:47:01
โอ๊ย พ่อกล้ามโตกำลังถูกนอกใจ...

น่าสงสารที่สุดเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-01-2012 23:53:38
น้องกิ๊กสวยเลือกได้เหรอจ๊ะ มีแฟนหล่อ ล่ำ กล้ามใหญ่ ยังกล้านอกใจ
ทีนี้หนุ่ม ๆ ของเราก็โสดแล้วสิ ต่อไปก็คงซี้ดได้อย่างสบายใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 19-01-2012 00:16:05
จะเกิดอะไรต่อไปเนี้ยยยยยยยยย.....
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 19-01-2012 00:29:54
การที่เรารู้สึกว่าเขิน นั่นแหละเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก ----->ทฤษฎีนี้มีมั๊ยอ่ะ 555+
....................................
โล่งอก ที่น้อยกับซีเลิกกันด้วยดี เพราะคนอ่านคนนี้ไม่อยากให้ผญ.เป็นฝ่ายเสียใจมากนัก
....................................
มีความรู้สึกว่านะไม่ได้ชอบผญ.มาตั้งแต่แรก เพียงแค่ว่ารู้สึกดีๆกับกิ๊กในฐานะเพื่อนเฉยๆ
พอลองคบกันมันก็เลยคิดว่าอาจจะใช่ความรักแบบแฟน
แต่พอมาเจอซี ก็เลยมารู้ใจตัวเอง
(ถ้านะรักกิ๊กจริงๆ มันน่าจะหึงมากๆ แต่นี่กลับมานั่งปรึกษาซี
นั่นแน่ มีซัมติงนะ)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 19-01-2012 02:01:44
น้องนะขา..............เลิกไปเลยค่ะ

นอกใจอย่างเนี้ยเลิกเลย :angry2:

แล้วก็มาให้เพื่อนอย่างซีคอยปลอบใจ :z1:

เอาแล้ว.....เดี๋ยวก็จะโสดกันทั้งคู่แล้วล่ะสิ

งานนี้ความสัมพันธ์คงจะคืบหน้าไปไกลเลยล่ะมั้ง

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 19-01-2012 02:34:53
ให้มันได้แบบนี้
ขอให้นะเลิกกับกิ๊กเร็วๆ
กลับไปโสดมันทั้งคู่
อะไรๆมันจะได้ชัดกว่านี้
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-01-2012 03:01:02
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 19-01-2012 03:50:03
เลิสสสสสสสสสสสสสสสสสสมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 19-01-2012 08:14:03
กรีส........

ช่วยกันดามใจเถอะ

คบกันๆ  นะซีๆๆ

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 19-01-2012 11:05:43
เพิ่งได้มาอ่าน
รู้สึกว่าต้นรักต้นนี้กำลังจะเบ่งบานแล้ว
นะกำลังจะเลิกกับแฟน
ส่วนซี เลิกแล้วค่ะ น้อยเลิกกับซีแล้วค่ะ  :laugh:
แถมซีกำลังสับสนกับใจตัวเอง ความรู้สึกตัวเอง
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปเนี่ย  :n1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-01-2012 11:52:50
นะกำลังจะเจอปัญหาแฟนนอกใจเหรอ นะ ถ้ามองให้เป็นเรื่องธรรมดา มันก็จะเสียใจไม่มากเท่าไรนะ
อะแฮ้ม..นะ-ซี ประสบปัญหาคล้ายกัน ต่างก็เป็นที่รับฟังเป็นที่ปรึกษาให้กันและกัน แล้วก็เห็นใจกัน
อะไรจะเกิดขึ้น คิดว่าเป็นอะไรที่ดีสำหรับคนทั้งสองแหละ :m4:ดีใจจัง อะไรๆกำลังจะเข้าที่เข้าทางล่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 19-01-2012 18:29:37
เอาอีก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 19-01-2012 18:36:00
หันมากินกันเองสักทีเหอะที่รัก ไม่ต้องไปสนใจคนไม่จริงใจแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 19-01-2012 18:58:21
แต่ดูซีจะหื่นกว่านะ  :laugh:

เลิกกับผู้หญิงเสียทีจะได้เพาะรักกันให้กระฉูด :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-01-2012 13:06:21
:call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 21-01-2012 13:19:15
มันซี้ดดดดดดดดดดดดสมชื่อเรื่องจริงๆ
หันมากินกันเองเถอะ หึหึหึหึ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 21-01-2012 16:01:16
ชอบตรงที่ ชะนีหายไปทีละตัว <3
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 22-01-2012 08:21:07
วันพุธอัพให้เน้ออ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-01-2012 08:33:58
คนหนึ่งเพิ่งเลิกกับแฟน อีกคนแฟนก็นอกใจ :เฮ้อ:
สองคนเลยเห็นอกเห็นใจ คบกันเองเลย ฮิ้ววว :m4:
แต่ว่าอัพวันพุธ...วันนี้เพิ่งวันอาทิตย์เองนะ o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 23-01-2012 20:07:11
พวกเธอจงคลิก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31389.new#new โดยพลัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 24-01-2012 06:11:01
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 24-01-2012 10:15:02
ตามทันแล้ว เย้ๆ
ทันปุ๊บก็ได้ฤกษ์เลิกกับแฟนสาวๆปั๊บเลย

ว่าแต่ตอนหกเนี่ย ให้สาวๆมาเขียน คงเขียนกันไม่ได้หรอก(มั้ง) เพราะไม่รู้จริง คริคริคริ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 6)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 25-01-2012 14:48:06
นะเลิกกะกิ๊กเลย
แล้วมาให้ซีปลอบแทน^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 25-01-2012 20:48:24
SeeeDz ที่ 7

“กูตกใจว่ะ กูอึ้ง กูไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับกู และยิ่งไม่คิดเลยด้วยว่าคนอย่างกิ๊กจะทำแบบนี้ได้ แต่จะว่าไปก็คงไม่แปลกหรอก เพราะเราอยู่ห่างกันตั้งขนาดนั้นนี่ ใช่มั้ยล่ะวะ ถ้ามันเจอผู้ชายคนอื่นที่ดีกว่า มันก็ย่อมต้องอยากจะลองคุยดูเผื่อเป็นตัวเลือกเป็นธรรมดา”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ไอ้นะ มึงใจเย็นๆ” ผมรีบห้ามเขา “ก่อนอื่นมึงบอกกูก่อนซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น มึงรู้ได้ไงว่ากิ๊กนอกใจมึง มึงชัวร์แล้วเหรอวะ”

เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ จากนั้นก็เล่าให้ผมฟังตั้งแต่ที่เขาสองคนเข้าไปในห้อง แล้วเขาเกิดอารมณ์อยากจะจู๋จี๋กับแฟน แต่กิ๊กกลับปฏิเสธ อ้างว่าเหนื่อย อยากพักผ่อน นะก็เลยน้อยใจ แต่แล้วกิ๊กก็หันกลับมาขอโทษแล้วเอาใจเขา พวกเขาก็เลยมีอะไรกันไปรอบหนึ่ง และในตอนที่กิ๊กเข้าไปอาบน้ำ นะก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นเบาๆ จากในกระเป๋าของกิ๊ก เขานึกสงสัย ก็เลยลองหยิบมันออกมาดู แล้วก็พบว่ากิ๊กปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ ซึ่งปกติกิ๊กไม่เคยทำแบบนั้นเลย เมื่อเขาเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาว่าเป็นชื่อผู้ชายที่เขาไม่รู้จัก ความอยากรู้อยากเห็นและความไม่สบายใจของเขา ทำให้เขาลองเปิดเช็คประวัติการโทรและข้อความที่รับเข้าส่งออกดู และสิ่งที่เขาเห็นก็ช่วยอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

“คงเป็นเพราะปกติพวกกูให้อิสระและไว้ใจกันมากน่ะ กูไม่เคยเช็คดูโทรศัพท์ กระเป๋าเงิน หรือของส่วนตัวอะไรของมันเลย มันเลยเผลอชะล่าใจไปมั้ง” เขาถอนหายใจเบาๆ

ผมสังเกตว่าร่างกายของเขาสั่นเทาน้อยๆ จึงเขยิบตัวเข้าไปวางมือลงบนบ่าของเขา “แล้วนี่กิ๊กรู้รึยังวะ ว่ามึงมาอยู่ห้องกูเนี่ย”

“ไม่รู้ กูเดินออกมาเลย ไม่ได้บอกมัน”

“อ้าว แล้วมันจะไม่งงเหรอวะว่าจู่ๆ มึงหายไปไหนน่ะ”

“ไม่รู้แม่ง แต่ป่านนี้มันคงรู้แล้วล่ะว่ากูเห็นโทรศัพท์มันน่ะ เพราะกูวางแม่งทิ้งไว้บนเตียงเลย”

ผมอึ้งๆ รู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกและไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี

“ไอ้นะ... มึงคงเสียใจมากใช่มั้ยวะ”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่... ก็คงใช่อะว่ะ หรือที่จริงกูคงรู้สึกผิดหวังมากกว่าล่ะมั้ง ผิดหวังที่แม่งทำแบบนี้กับกู ผิดหวังที่แม่งเป็นคนแบบนี้”

“อย่าเว้ย ไอ้นะ มึงอย่าไปคิดแบบนั้น” ผมบีบหัวไหล่ของเขาเบาๆ “ถ้ามึงคิดแบบนั้น จิตใจมึงแม่งจะเต็มไปด้วยความโกรธนะเว้ย เค้าจะทำยังไงก็เรื่องของเค้า มึงอย่าไปสนใจเลย อย่าไปหาเหตุผล อย่าไปคิดว่า ‘ทำไมมันถึงทำแบบนี้กับกู’ แต่มึงลองมองว่ามึงเข้าใจเค้าดิ เข้าใจที่เค้าอยู่ไกล เค้ามีตัวเลือก แต่เค้าก็ยังรักมึง ถึงได้ไม่บอกเลิกมึงไปก่อน เค้าอาจจะแค่กำลังสับสน ลังเล และหาจังหวะที่จะบอกมึงอยู่ก็ได้ไง และพอมึงคิดแบบนั้นแล้ว มึงก็น่าจะเข้าใจว่ากิ๊กเองก็คงอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ด้วยเหมือนกัน ใช่มั้ยล่ะ”

เขาก้มหน้าเงียบอยู่ตลอดเวลาที่ผมพูด แต่เมื่อผมพูดจบได้สักพัก เขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“ขอบใจว่ะ ไอ้ซี มึงนี่ก็พูดจาดีๆ เป็นกับเค้าเหมือนกันนะเนี่ย”

“อ้าว ไอ้เหี้ยนี่กัดกูซะงั้น” ผมตบหัวเขาเบาๆ

“แต่กูยังไม่อยากเจอหน้ากิ๊กเลยว่ะ”

“มึงหนีไม่ได้ตลอดหรอก และกูคิดว่าถึงยังไงมึงก็ต้องคุยกับเค้านะ มึงอยากจะเลิกกับเค้าเลยมั้ยล่ะ”

“ปัญหามันไม่ใช่ว่ากูอยากเลิกรึเปล่าหรอก แต่กูคิดว่ามันนั่นแหละที่เกิดความคิดแบบนั้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แล้ว และกูก็ไม่คิดว่าการทู่ซี้อยู่ต่อไปจะได้อะไรขึ้นมาว่ะ”

“งั้นถ้ามีโอกาส มึงก็ต้องคุยซะเลย ไม่ต้องห่วงน่ะ ถึงไงกูก็จะอยู่กับมึงตลอดเหมือนกัน เว้นแต่เมื่อไหร่ที่มึงอยากจะคุยกันตามลำพัง มึงก็แค่หาโอกาสซะหน่อย หรือจะส่งสัญญาณบอกกูก่อนก็ได้”

เขานั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “...โอเค กูคงต้องจัดการให้จบๆ ไปเลยทีเดียวว่ะ ยืดเยื้อก็คงจะไม่ดี”

“ดีมาก! เด็ดเดี่ยวแบบนี้นี่แหละ คือไอ้นะที่กูรู้จักล่ะ” ผมตบบ่าเขาแรงๆ 3-4 ที “ยืดเยื้อแม่งก็มีแต่เพิ่มระยะเวลาความเจ็บปวดว่ะ เชื่อกูเหอะ กูเคยเจอมาแล้ว”

“คืนนี้กูมานอนกับมึงได้มั้ยวะ”

“ได้เลย! กูเข้าใจเว้ย มาเหอะ ดีซะอีก กูจะได้เป็นเพื่อนคุยให้มึง มึงจะได้ไม่คิดมากไง และที่สำคัญ เราสองคนแม่งก็หัวอกเดียวกันว่ะ” ผมยิ้มกว้างเพื่อให้กำลังใจเขา และได้ผล เพราะว่าเขาเองก็ยิ้มตอบผมกลับมาเช่นกัน

“เออ นี่สุดท้ายเราก็เลิกกับแฟนเวลาใกล้ๆ กันแบบนี้เลยเหรอวะเนี่ย เมื่อวานกูปลอบมึง วันนี้มึงปลอบกู แถมสาเหตุยังเป็นเพราะเราต่างก็อยู่ไกลแฟนเหมือนกันอีกต่างหาก”

“ฮ่าๆๆ เออ จริงด้วย จะมองว่าเราต่างก็เลิกกับแฟนด้วยสาเหตุคล้ายๆ กันแบบนั้นก็ได้เนอะ สงสัยฟ้าแม่งลิขิตให้เราเป็นคู่กันว่ะ” ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิด และเมื่อผมเห็นสีหน้าของนะ ผมก็รู้สึกตัวว่าผมพูดผิดไปเสียแล้ว “เฮ้ยย!! กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! แต่กูหมายถึงว่าเป็นเพื่อนกัน เป็นคู่หูกัน อะไรแบบนั้นน่ะ!”

นะยังคงเลิกคิ้วและมองผมด้วยสายตาขบขันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น

“กิ๊กโทรมาว่ะ...” เขาถือโทรศัพท์ไว้ในมือ

“รับสิวะ”

“กูไม่แน่ใจเลย...”

“รับไปเลย มึงออกไปคุยที่ระเบียงก็ได้ หรือเดี๋ยวกูไปเดินเล่นก่อนก็ได้ มึงจะได้คุยแบบสบายๆ ใจ”

“เดี๋ยว ไม่ต้องลุก” เขารีบคว้าแขนของผมเอาไว้ “อยู่ที่นี่แหละ”

“จะดีเหรอวะ”

เขายกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปาก เป็นสัญญาณบอกให้ผมเงียบ แล้วจากนั้นก็รับสาย แต่ทว่าเขาไม่ได้แค่เพียงกดรับสายธรรมดาๆ แต่กลับกดเปิดสปี๊คเกอร์เพื่อให้ผมได้ยินเสียงของกิ๊กอีกด้วย

“ฮัลโหล นะ นะอยู่ไหนเนี่ย”

ผมตัวแข็งเกร็งขึ้นทันที ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะอยากให้ผมมีส่วนในเรื่องนี้ด้วยขนาดนี้

“มีอะไรเหรอ” เขาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เปล่า... กิ๊กแค่โทรหาเฉยๆ เพราะพอกิ๊กออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นนะอยู่ในห้องแล้วน่ะ ก็เลยเป็นห่วง”

“เป็นห่วง... เป็นห่วงนะเนี่ยนะ”

“นะ...”

“กิ๊กมีอะไรที่อยากจะบอกนะรึเปล่า”

กิ๊กเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงอึดอัดใจ “เมื่อกี้นะหยิบมือถือกิ๊กออกมาจากกระเป๋าเหรอ”

“ใช่” นะหลับตาลงแล้วถอนหายใจเบาๆ “แล้วมีอะไรอยากจะบอกนะมั้ย”

“นะอยู่ไหน เรากลับมาคุยกันดีๆ ก่อนเถอะนะ”

“ไม่ นะยังไม่อยากกลับ นะจะอยู่ไหนมันก็เรื่องของนะ ปกติกิ๊กเองก็ใช่ว่าจะใส่ใจนักหนาเลยว่านะจะไปไหนกับใคร นั่นเป็นเพราะว่ากิ๊กไว้ใจนะใช่มั้ยล่ะ ไว้ใจว่านะจะไม่ไปมีคนอื่น และนะเองก็ไว้ใจกิ๊ก... ไม่สิ ‘ตอนนั้น’ นะเองก็เคยเชื่อใจกิ๊กเหมือนกัน”

“กิ๊ก... กิ๊กขอโทษ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก นะรู้ว่ากิ๊กเองก็คงไม่สบายใจเหมือนกัน” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “กิ๊ก... นะขอโทษที่
เป็นแฟนที่ไม่ดี ไม่เพียงพอสำหรับกิ๊ก แล้วก็ขอโทษด้วยที่เข้าไปยุ่มย่ามกับโทรศัพท์กิ๊ก กิ๊กยกโทษให้นะได้มั้ยครับ”

ขนาดผมที่เป็นคนฟังยังรู้สึกเจ็บจี๊ดไปถึงข้างในอก ผมเจ็บเพราะผมรู้ว่านะไม่ได้กำลังประชดหรือจงใจพูดเพื่อให้กิ๊กรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะความจริงใจและความบริสุทธิ์ในคำพูดที่นะสื่อออกไปต่างหาก ถ้าหากว่ากิ๊กได้ยินนะพูดแบบนี้แล้วยังไม่รู้สึกอะไร ผมว่ากิ๊กก็คงจะเป็นผู้หญิงที่ใจยักษ์ใจมารเกินไปแล้วล่ะ

ผมหันไปมองหน้าของนะแล้วก็เห็นว่าเขาเริ่มมีน้ำตาคลออยู่ที่ขอบตาเล็กน้อย ผมจำต้องหันไปมองทางอื่นทันที

“นะ... กิ๊กขอโทษ... กิ๊กไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้...” เสียงของกิ๊กเริ่มสั่นเครือ

ผมเห็นด้วยหางตาว่าร่างกายของเพื่อนตัวใหญ่ของผมคนนี้กำลังสั่นเทา ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ตัดสินใจวางมือลงบนหลังของเขาแล้วลูบเบาๆ เพื่อให้เขารู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้

นะหันมามองหน้าผมด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยเสียงที่สั่นเครือไม่แพ้กัน “นะ... นะไม่อยากให้กิ๊กร้องไห้เลย... กิ๊กอย่าร้องไห้นะครับ นะขอร้อง”

แต่ทว่าช้าไปเสียแล้ว กิ๊กเริ่มร้องไห้และสะอื้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมไม่สามารถจับได้อีกว่าเขาพูดอะไรออกมาบ้าง ผมคิดว่าผมไม่ควรจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ดูท่าว่าเขาสองคนคงจะต้องคุยกันอีกยาว ดังนั้นผมจึงหยิบเสื้อที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาสวม แล้วหันไปส่งสัญญาณบอกนะว่าผมจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักพัก เขาหันมาพยักหน้าให้ผมเบาๆ จากนั้นผมจึงเดินออกจากห้องไป

ผมเดินเล่นอยู่รอบๆ โรงแรมได้ราว 15 นาที นะก็โทรมาหาผม ผมจึงเดินกลับไปยังโรงแรมพร้อมด้วยขนมที่ซื้อมาจากร้านค้าแถวนั้นห่อใหญ่ และเมื่อเขาเดินมาเปิดประตูห้องรับผม ผมก็เห็นว่าตาเขาดูแดงๆ ช้ำๆ เล็กน้อย

“วางสายไปแล้วเหรอวะ”

“อืม สักพักแล้ว” เขาตอบ

“มึงร้องไห้เหรอ”

เขายิ้มน้อยๆ “อดไม่ได้จริงๆ ว่ะ แต่กูไม่ได้ร้องตอนคุยกับมันหรอกนะ พอวางสายแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมานิดนึงอะ แต่แค่นิดเดียวจริงๆ น่าอายใช่มั้ยวะ”

“ไม่เอาน่าาา ร้องก็ร้องดิวะ ไม่เห็นเป็นไรเลย น่าอายตรงไหนวะ” ผมตบบ่าเขา “มึงไม่รู้หรอกว่าตอนกูเลิกกับแฟนคนแรก กูร้องไห้ขนาดไหน... ที่จริงตอนกูเลิกกับใครกูก็ร้องไห้แทบทุกคนอะ จะมากรึจะน้อยเท่านั้นเอง” ผมหัวเราะ “แล้วกิ๊กเป็นไงมั่ง”

“ก็ไม่เป็นไง กูบอกมันไปแล้วว่าเราคงต้องเลิกกันอะ แต่กูก็ไม่อยากทำให้คนอื่นๆ เสียบรรยากาศ ถ้าใครถามอะไร ก็คงตอบแค่ว่าเราทะเลาะกันอยู่ และกูบอกมันไปแล้วด้วยว่าเดี๋ยวคืนนี้กูจะมานอนกับมึง”

“อ้าว แล้วกิ๊กเค้ารู้มั้ยวะว่ากูรู้เรื่องนี้แล้วน่ะ”

เขาส่ายหน้า “ไม่รู้ว่ะ กูบอกมันไปว่ากูจะแค่บอกมึงว่าเราทะเลาะกันนิดหน่อยแค่นั้น”

“เหรอวะ แบบนั้นก็โอเค... ว่าแต่มึงไม่เป็นไรแล้วแน่นะ”

เขานิ่งไปพักหนึ่ง “กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องไม่เป็นไรว่ะ เพราะแบบนี้มันดีที่สุดสำหรับกูแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

ผมพยักหน้าเบาๆ “กูผ่านมาได้ มึงก็ต้องผ่านไปได้เหมือนกันเว้ย กูรู้ว่าอกหักครั้งแรกมันเจ็บปวด แต่มึงไม่ได้เจ็บคนเดียวนะ ไอ้นะ” ผมชี้มาที่หน้าอกของตัวเอง “มึงเจ็บ กูเจ็บว่ะ เคปะ ใจๆ เลย!”

เขายิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็ดึงตัวของผมเข้าไปกอดคอ

“มึงนี่มันหน้าตาท่าทางกวนตีนได้ตลอดเวลาจริงๆ ไอ้ซี!”

ถึงตอนที่เขาอยู่กับผม เขาจะดูอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว แต่สิ่งที่แย่จริงๆ ก็คือหลังจากนั้นต่างหาก เพราะพอพวกเราไปนั่งเล่นริมชายหาดด้วยกันในตอนบ่ายแก่ๆ บรรยากาศที่อึมครึมระหว่างนะกับกิ๊กก็ทำให้เพื่อนๆ ที่เหลือทุกคนต่างพากันทำตัวไม่ถูกไปตามๆ กัน

ผมกับคนอื่นๆ ลงไปเล่นน้ำด้วยกันพอให้หายอยาก ยกเว้นก็แต่กิ๊กคนเดียวที่อ้างว่าเป็นประจำเดือนและจะนั่งเฝ้าของให้พวกเรา ในระหว่างที่เราอยู่ในทะเล นะก็เล่าให้ฟังว่าเขากำลังทะเลาะกับกิ๊กอยู่ตามที่บอกกับผมเอาไว้ ผมก็ต้องทำเป็นเออออไม่รู้เรื่องมาก่อนไปกับเขาด้วย

หลังจากมื้อเย็นผ่านไป พวกเราก็ลงมานั่งจิบเบียร์ เล่นกีตาร์ และร้องเพลงกันอยู่ริมชายหาด ผมจึงได้มีโอกาสฟังเสียงของนะเวลาร้องเพลงจริงๆ หนนี้เป็นหนแรก แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก นักร้องคนเก่งของเรากลับเริ่มเน้นกินเบียร์มากกว่าร้องเพลงเสียอย่างนั้น แถมไอ้ต้องก็ยังยุให้กินเอาๆ ไม่หยุด นอกจากนั้นพอเบียร์หมด มันยังอุตส่าห์ไปหยิบเหล้าที่รถมาให้พวกเราอีกกลมหนึ่งด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปถึงประมาณสามทุ่ม กิ๊กที่นั่งหน้าตึงมาตลอดทั้งเย็นและล้มเลิกความคิดที่จะห้ามนะไม่ให้ดื่มหนักมากไปนานแล้ว ก็ขอตัวกลับขึ้นห้องก่อน พวกเรานั่งกันต่อไปอีกราวๆ สองชั่วโมง ก็เริ่มเก็บของและกลับขึ้นห้องกัน ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่าจะไปนั่งเล่นไพ่กันต่อที่ห้องของพวกไอ้ต้อง แต่สุดท้ายเราก็ต้องล้มเลิกแผนนั้นไป ซึ่งเหตุผลก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะกิ๊กที่คงไม่ไปกับพวกเราด้วยแหงอยู่แล้ว และยังไหนจะนะที่หมดสภาพไปแล้วนี่อีก ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจแยกย้ายกันขึ้นไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง และถ้าใครอยากกินเหล้ากันต่อก็ให้ไปต่อกันเอง ไอ้ต้องจึงดูเหมือนจะสบโอกาสที่จะได้ลากไอ้จ๊อบไปตะลุยผับกับมันจนได้ในที่สุด

ที่จริงนะก็ไม่ได้เมาถึงขนาดพูดไม่รู้เรื่องหรือเดินไม่ไหวจนเราต้องช่วยกันหามปีก แต่ด้วยความที่เขาตัวค่อนข้างใหญ่ ไอ้จ๊อบจึงต้องเดินมาส่งผมกับเขาที่ห้องด้วยเพื่อเป็นการกันเหนียวเอาไว้ก่อน

“มึงดูแลมันไหวป่าววะ ไอ้ซี” ไอ้จ๊อบถามผมหลังจากที่เรามาถึงห้องของผมแล้ว

“ไหวสิวะ มันเองก็ไม่ได้เมาอะไรมากมายหรอก ใช่มั้ย ไอ้ตูด” ผมหันไปพูดกับไอ้ตัวใหญ่ที่ยืนพิงผนังห้องอยู่ข้างๆ

“ค้าบบบ… ไม่เมาคับ! แค่มึนๆ นิดหน่อยแค่นั้นเองงงง”

“กูยังไม่เคยเห็นแม่งเมาขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย” ไอ้จ๊อบหัวเราะเบาๆ

“เออ กูก็เหมือนกัน”

“เอาเหอะ ถ้าไงกูกลับห้องก่อนนะ จะไปอาบน้ำแต่งตัวว่ะ ไอ้เชี่ยต้องแม่งก็เสี้ยนจะเที่ยวผับจริงๆ เว้ย กูว่าถ้าคืนนี้แม่งไม่ได้หิ้วสาวกลับมา แม่งไม่หายคันแน่ๆ” ไอ้จ๊อบส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

ผมปิดประตูลงแล้วก็หันมาหาไอ้นะที่กำลังยืนหลับตาเอาหัวพิงผนังห้องอยู่

“ไงล่ะมึง แล้วบอกว่าปกติไม่แดกเยอะ ไม่เมา เพราะเคยได้บทเรียนเรื่องพ่อไง”

“หืออ อะไรนะ” เขาลืมตาขึ้นแล้วหันมามองผม “มึงว่างายนะ ไอ้ซี”

“กูพูดว่าไหนมึงเคยบอกกูไง ว่าจะไม่แดกเหล้าเยอะ เพราะพ่อมึงเคยทำพลาดมาแล้ว มึงไม่อยากเป็นแบบนั้นอีก จำไม่ได้แล้วรึไง”

“จำได้เด่ะวะ” เขาพยักหน้าแรงๆ “แต่ตอนนี้กูมีมึงนี่หว่า กูไม่กลัวหรอก กูรู้ว่ามึงดูแลกูด้ายย”

คำพูดของเขาทำผมอึ้งไปเล็กน้อยทันที

“ไอ้นะ...”

“ไอ้ซี กูขอบใจมึงมากนะเว้ยยย กูขอบใจมึงจริงๆ กูเคยบอกมึงอ๊ะยังว่ากูรักมึงน่ะ” เขาเขยิบตัวเข้ามากอดผม “กูรักมึงจริงๆ นะเว้ย ขอบใจที่ช่วยดูแลกูและเข้าใจกูนะ...”

ผมยืนตัวแข็ง ไม่เคยชินกับการถูกผู้ชายกอดแบบนี้ แถมยิ่งถูกบอกรักแบบนี้ก็ยิ่งไม่เคยเข้าไปใหญ่ ที่ผ่านมา เพื่อนๆ ของผมมันก็แค่ตบๆ บ่า แล้วบอก ‘กูรักมึงนะเว้ย’ แค่นั้น แต่ไม่เคยมีใครที่ถึงกับสวมกอดผมแนบแน่นและยาวนานขนาดนี้

แต่ก็อย่างว่า คนมันกำลังเมาน่ะนะ คนเมาแต่ละคนก็คงมีอาการแตกต่างกันไปนั่นแหละ

“ไปอาบน้ำเหอะ ไอ้นะ จะได้สร่างหน่อย แล้วจะได้นอนสักทีด้วย” ผมตบหลังเขาเบาๆ 2-3 ที แล้วจึงดันตัวเขาออก “ตัวมึงแม่งหนักยังกะควาย ไอ้เหี้ย อาบน้ำเองไหวมั้ยวะ”

เขาพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไป

“อ้าวว ไอ้ตูด แล้วผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้ามึงล่ะวะ”

“เออ จริงด้วย กูลืม” เขาหัวเราะแหะๆ “แต่เดี๋ยวกูใช้ผ้าเช็ดตัวของโรงแรมก็ได้ ไม่เป็นรายมั้ง”

“เออๆ งั้นมึงเข้าไปเหอะ ไม่ต้องปิดประตูล่ะ เดี๋ยวกูเอาเสื้อผ้าเข้าไปให้ อยู่ในกระเป๋าใช่มั้ย”

“ค้าบบบ” เขาขานรับ

ผมเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่เขาเอามาวางไว้ที่ห้องผมตั้งแต่เมื่อตอนเย็น จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าสำหรับให้เขาใส่นอนออกมา ผมเดินกลับไปที่ห้องน้ำ แล้วก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า

นะกำลังยืนอยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยสภาพที่เปลือยเปล่า สายน้ำอุ่นที่ไหลออกมาจากฝักบัวตกกระทบลงบนร่างกายของเขา และกระเด็นลงบนพื้นห้องน้ำบ้างเล็กน้อย เขายืนหลับตา ก้มหน้า และใช้มือข้างหนึ่งยันผนังห้องน้ำเอาไว้เพื่อช่วยพยุงตัว ร่างกายของเขายังคงดูสมส่วนและมีกล้ามเนื้อแบบที่ผู้ชายหลายๆ คนได้แต่ฝันว่าอยากจะเป็น แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องผงะไปเมื่อตอนแรกนั้นคือไอ้น้องชายของเขาที่ห้อยหัวลงอยู่ในสภาพกึ่งๆ จะแข็งตัวต่างหาก

“อะไรของมึงวะ นี่ขนาดเมาอย่างนี้ มึงยังจะมีอารมณ์ได้อีกรึไง” ผมพูดขึ้น

เขาหันมายิ้มให้ผม “นิดหน่อยว่ะ”

ผมวางเสื้อผ้าไว้บนอ่างล้างหน้า “รู้สึกสร่างขึ้นมั่งรึยังล่ะ ไอ้ล่ำ”

“อืออออ... นิดนึง”

“อาบคนเดียวได้ใช่มั้ย กูจะได้ไม่ต้องช่วย”

“ได้ๆ แต่มึงเฝ้ากูไว้หน่อยก็ดี กูกลัวล้มเหมือนกันว่ะ”

“เออๆ ได้ ไม่มีปัญหา จะว่าไปคนตัวขนาดมึง ถ้าล้มลงไปนี่ทำอ่างอาบน้ำโรงแรมเค้าร้าวได้เลยนะเนี่ย”

เขายิ้มให้ผมน้อยๆ “เกินไปม้างงง มึง เกินไป”

ผมเดินไปปิดฝาชักโครกลงแล้วก็นั่งเฝ้าเขาอาบน้ำสระผมจนกระทั่งเสร็จ นี่ถ้าสาวๆ หรือเกย์ที่มหาวิทยาลัยของเราคนไหนรู้ว่าผมได้เห็นอะไรล่ะก็ ผมว่าคนพวกนั้นคงกรี๊ดจนคอแตกแล้วคงอิจฉาผมจนแทบตายไปเลยแน่ๆ

“ยิ้มอะไรของมึงวะ” นะหันมาถามผมพร้อมกับปิดน้ำลง

“เปล่า... ก็แค่รู้สึกตัวเองโชคดีมีบุญขนาดไหน ที่ได้มานั่งดูมึงแก้ผ้าอาบน้ำฟรีๆ แบบนี้น่ะสิ” ผมลุกออกจากชักโครกแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนราวยื่นให้กับเขา “แต่คงจะดีกว่านี้เยอะว่ะ ถ้ามึงไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นสาวสวยๆ อึ๋มๆ ขาวๆ สักคน”

เขาหัวเราะเบาๆ “ขอโทษทีที่ไม่สวย ไม่ขาว ไม่อึ๋มว่ะ”

“รู้สึกโอเคขึ้นมั้ยวะ”

“มึงหมายถึงเรื่องเมาหรือเรื่องกิ๊ก”

“ทุกเรื่อง”

เขาเริ่มเช็ดตัว “ก็คงดีขึ้นมั้ง...”

“มึงไม่หายเร็วขนาดนั้นหรอก ยิ่งเจ็บแรกด้วยแล้ว มึงไม่ต้องมาหลอกกูเลย”

เขาก้มหน้า “แต่กูไม่อยากจะเจ็บปวดหรืออาลัยอาวรณ์อยู่นานนี่หว่า... กูอยากจะเมาให้แม่งลืมๆ ไม่ต้องคิดอะไรอีกเลย”

“แต่พอมึงสร่างเมา มึงก็หนีความจริงไม่พ้นอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ” ผมถอนหายใจ “การที่มึงอาลัยอาวรณ์มากเท่าไหร่ มันก็แปลว่ามึงรักเค้ามากเท่านั้นไม่ใช่เหรอวะ งั้นมันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง”

“แล้วมึงทำใจเรื่องน้อยได้แล้วเหรอวะ ไอ้ซี”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ก็อย่างที่กูบอกอะว่ากูเองก็ไม่ได้จริงจังกับเค้าขนาดนั้นแต่แรกอยู่แล้ว และที่สำคัญ กูเจอมาจนชินแล้วว่ะ” ผมเดินไปตีก้นเขาเบาๆ และก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าแท้จริงแล้วก้นของเขานิ่มมากขนาดไหน “รีบๆ แต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

“มึงเมามั้ยวะ ไอ้ซี”

“ไม่ว่ะ แค่กึ่มๆ นิดหน่อย”

“สนใจกินต่อด้วยกันมั้ยวะ”

“ไม่ต้องเลย! ไอ้ตูด! เดี๋ยวกูดีดไข่หลุดเลย ไอ้หำน้อยเอ๊ยยยย!”

เขารีบใช้ผ้าเช็ดตัวปิดส่วนนั้นของเขาเอาไว้ทันที “ไม่น้อยสักหน่อย อย่างน้อยก็ใหญ่กว่าใครบางคนแถวนี้ละกัน...”

“ได้ทีล่ะเอาใหญ่เลยนะ! คิดจะข่มกูเรื่องนี้อีกนานมั้ย ฮะ!” ผมชี้หน้าเขา

“ไม่แล้วครับ ไม่พูดแล้วก็ได้ กลัวแล้ว” เขาทำตาปริบๆ

“ดี ทีนี้ก็แต่งตัวได้แล้ว กูจะได้อาบน้ำแล้วนอนสักที เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน” ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ถูกเขาเรียกเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยว ไอ้ซี”

ผมหันกลับมาหาเขา “อะไรอีกวะ”

เขายิ้มอีกครั้ง “ขอบใจนะเว้ย คือ... ขอบใจจริงๆ สำหรับทุกๆ อย่างเลยว่ะ”

เราสองคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะยักไหล่เบาๆ “ช่วยไม่ได้นี่หว่า ขาดกูไปสักคนมึงจะเป็นยังไงล่ะ”

“กูว่าคงเจ็บปวดกว่าที่กิ๊กทิ้งกูไปอีกอะ” เขาหัวเราะเบาๆ

“ไอ้เว่อร์! แต่งตัวได้แล้ว เร็วๆ กูอยากนอนแล้วนะเว้ย” ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 25-01-2012 20:50:39
 เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ต่อไปจะพัฒนาเป็นแฟน  :m20:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: hexagon1 ที่ 25-01-2012 21:14:16
 o13 o13 o13 น่ารักมากก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-01-2012 21:19:39
ซีเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากๆเลยอ่ะ ปลื้มจัง :o8:
แทนที่จะโทษคนอื่น กลับมองหาเหตุผลของอีกฝ่าย อยากทำอย่างนี้ได้บ้างจัง มีแต่แบบยังไงก็ขอโกรธไว้ก่อนอ่ะ :z3:
นะโชคดีนะนี่ที่ยังมีซีอยู่ข้างๆ ยังไงก็อยู่ด้วยกันตลอดไปนะจ๊ะ :กอด1:
กดบวกๆ คืนนี้เพื่อนซี้สองคนเค้าจะปลอบใจกันแบบพิเศษหรือเปล่า ก๊ากก :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 25-01-2012 21:49:32
คืนนี้จะมีอะไรในกอไผ่รึเปล่าซี-นะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 25-01-2012 21:51:14
เศร้าเต็มๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-01-2012 22:05:24
 :กอด1:เพื่อนดี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: winter_lovesong ที่ 25-01-2012 22:10:00
น่าสงสารนะ... มาช่วยกอดนะ ให้หายเศร้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 25-01-2012 22:18:55
SeeeDz ที่ 8

หลังกลับจากชะอำ นะกับกิ๊กก็เลิกกันอย่างสมบูรณ์ ถึงจะไม่ได้พูดออกมา แต่ผมก็รู้ว่าเขาคงเสียใจมากและคงทำใจไม่ได้ง่ายๆ เพราะเขามักจะมานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่หอของผมแทบทุกเย็นหลังเลิกเรียน และบางคืนก็ยังมานอนค้างกับผมด้วย ผมสงสารเขานะ ผมรู้ว่าเขาเหงา และกิ๊กก็ยังเป็นรักครั้งแรกของเขาอีกด้วย การจะทำใจจากการอกหักครั้งแรกมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ผมเข้าใจดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขายังมองอนาคตของตัวเองกับกิ๊กไว้ค่อนข้างไกลทีเดียว

นอกจากไปเรียน กินข้าวเช้า กินข้าวเย็น และไปเที่ยวด้วยกันแล้ว เราสองคนยังมีกิจกรรมที่ทำด้วยกันเป็นประจำอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือการออกกำลังที่ฟิตเนสนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่นะได้ทดลองใช้บริการที่ฟิตเนสเดียวกับผมมาสักพักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจยอมลงทุนควักเงินเป็นสมาชิกกับผมด้วยอีกคน เขาบอกผมว่าหลังจากที่เขาเลิกกับกิ๊กแล้ว เขาก็คงมีเงินเก็บจากการไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์โทรหากันบ่อยๆ ค่ากินค่าอยู่ที่เขาช่วยออกให้กิ๊กบ้างบางโอกาส และที่สำคัญคือเขายังได้เงินเก็บส่วนของเขาที่ฝากร่วมกับกิ๊กทุกเดือนมาตั้งเริ่มคบกันไม่นานคืนทั้งหมดอีกด้วย ถึงจะไม่ได้มากมายนัก แต่เขาก็ยินดีที่จะใช้มันเพื่อการออกกำลังกายเป็นประจำกับผม

เย็นวันหนึ่งในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ผมกับเขากำลังออกกำลังกายอยู่ที่ฟิตเนสด้วยกันตามปกติ ในขณะที่ผมกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งนั้น ผมหันไปเห็นว่านะกำลังยืนคุยอยู่กับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งผมจำได้ว่าผมเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นที่นี่มาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ทั้งสองคนยืนคุยและหัวเราะกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเดินจากไป

ผมลงจากลู่วิ่งและเดินไปหานะที่กำลังจะเริ่มยกดัมเบลต่อ

“ใครวะ เค้ามาจีบมึงเหรอ”

“เฮ้ย! เปล่า เค้าแค่มาคุยด้วยเฉยๆ บอกว่าเคยเห็นกูมา 2-3 ครั้งแล้ว และก็อยากรู้ว่ากูออกกำลังมานานรึยัง เค้าก็เลยขอคำแนะนำว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง อะไรแบบนั้นน่ะ”

“นั่นแหละที่เค้าเรียกว่ามาจีบน่ะ ไอ้ควาย”

“อ้าวเหรอ จริงดิ แต่ครั้งก่อนๆ ผู้ชายคนอื่นก็เคยเข้ามาชวนกูคุยแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะ”

“หนักเลยยยย ไอ้เหี้ย พวกมันจ้องจะแดกมึงอยู่อะดิ กูก็เคยโดนเหอะ แต่มึงแม่งยิ่งจะซื่อๆ อยู่ ยังไงก็ระวังตัวระวังตูดไว้ให้ดีๆ ล่ะมึง แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน”

“จริงอะ ไอ้ซี นี่มึงทำกูหลอนเลยนะเนี่ย”

ผมหัวเราะเบาๆ “มึงนี่มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยย”

“ไอ้เหี้ย ก็กูมันเด็กบ้านนอกนี่หว่า ใครจะไปเหมือนเด็กเมืองกรุงอย่างมึงล่ะ”

“โคราชเนี่ยนะ บ้านนอก เดี๋ยวกูตบคว่ำเลย”

“เอ่ออ... ขอโทษนะครับ น้อง” จู่ๆ เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้านหลังของผม

ผมกับนะหันไปมองยังที่มาของเสียงทันที ผู้ชายหน้าตาดีในเสื้อยืดสีขาวคนหนึ่งกำลังยืนมองเราสองคนสลับกันอยู่

“น้องสองคนมาที่นี่บ่อยมั้ยครับ”

ผมกลอกตาเซ็งๆ “ไม่ครับ”

“อ๋ออ ครับ แล้วน้องเป็นเพื่อนกันเหรอครับ เรียนด้วยกันหรือยังไง”

“เปล่า” ผมตอบ “เราเป็นแฟนกันน่ะพี่”

ผมเหลือบไปเห็นนะที่นั่งอยู่ข้างๆ มองผมด้วยสีหน้าตกใจ

“ทำไมเหรอครับ พี่มีปัญหาอะไรรึเปล่า” ผมพูดต่อ

“อ้าว... อ้าว เหรอครับ ม... ไม่มีอะไรครับ ขอโทษทีนะครับน้อง” เขาละล่ำละลักตอบ ก่อนจะเดินจากไป

“ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะ ไอ้ซี!” นะดึงชายเสื้อผม “กูอายเค้านะเว้ย!”

ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มน้อยๆ เขากำลังหน้าแดงจนถึงใบหูทีเดียว “อายทำไมวะ ไอ้เหี้ยนั่นดิที่ต้องอาย กูเคยเห็นผู้ชายคนเมื่อกี้มาหลายครั้งแล้ว และมันก็มองเราสองคนอยู่บ่อยๆ ด้วย แต่กูว่ามันน่าจะมองมึงมากกว่าว่ะ เพราะก่อนหน้าที่มึงจะมาเล่นกับกู กูก็ไม่เห็นมันจะเคยมาคุยอะไรกับกูเลย แม่งคงชอบมึงอะ มึงจะเอามันมั้ยล่ะ”

เขารีบส่ายหน้าทันที “ไม่ๆๆ ไม่เอาอะ”

ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ “ทำไมวะ มันหน้าตาไม่ดีเหรอ กูว่ามันก็หน้าตาโอเคนะเว้ย”

“ครวยเหอะ!” เขาชกลงบนท้องของผม

“เพราะแบบนี้แหละ กูถึงได้พามึงมาเล่นแบบไม่เจาะจงว่าต้องมาทุกวันนี้วันนั้นอะไรแบบนั้นไง เพื่อที่เราจะได้เลี่ยงๆ คนพวกนี้ไปได้บ้าง แต่ก่อนกูก็ทำแบบนี้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่กูอยู่มัธยมอะ กูเคยเล่นฟิตเนสประจำทุกวันจันทร์ วันพุธ อะไรแบบนี้ แล้วเจอคนแม่งแอบตาม คอยมอง อะไรแบบนี้ตลอดอะ กูรำคาญ”

“ก็มึงมันหล่อนี่ครับ ไอ้คุณภัณฑบดี”

“ก็แน่นอนสิคร้าบบบบ ไอ้คุณชนะชัย กูเคยเถียงมึงเรื่องนี้สักคำมั้ยล่ะ” ผมขยี้หัวเขาเบาๆ “ออกกำลังกันต่อเหอะว่ะ จะได้กลับหอ หาข้าวแดก แล้วอาบน้ำนอน นี่ก็ค่ำแล้ว”

ปกติเราสองคนจะใช้เวลาออกกำลังกายกันประมาณสามชั่วโมง ซึ่งหลังจากนั้นผมกับเขาจะรู้สึกหิวโซทุกครั้ง แต่ถ้าเรากินข้าวกันในห้างสรรพสินค้า เราจะกินกันเยอะมาก ซึ่งก็จะทำให้เราเปลืองเงินมากด้วย ดังนั้นเราจึงมักกลับไปกินอะไรง่ายๆ แถวหอแทน ก่อนที่จะกลับเข้าห้องไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอน ซึ่งวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อออกกำลังเสร็จ เราก็กลับมากินก๋วยเตี๋ยวร้านประจำคนละชาม แวะเช่าหนังมาหนึ่งเรื่อง ซื้อขนมและน้ำดื่มที่เซเว่นฯ นิดหน่อย แล้วจึงกลับเข้าหอของผมด้วยกัน

เมื่อกลับถึงห้อง ผมกับเขาก็นั่งดูหนังด้วยกัน หนังที่เราเลือกมาคือหนังใหม่ที่เพิ่งออกแผ่นมาไม่นาน แต่ตอนที่มันเข้าฉายนั้นผมกับเขาต่างก็ไม่ได้ดูด้วยกันทั้งคู่ และน่าตลกดีที่เหตุผลที่เราอดดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะแฟนของเราไม่อยากดูเหมือนกันเลย

หลังจากที่เรานั่งดูหนังกันไปได้ราวๆ ครึ่งเรื่อง และดื่มเบียร์ไปคนละสองกระป๋อง ผมก็เหลือบไปเห็นนะที่กำลังนั่งเหยียดขาอยู่ข้างผมบนเตียงใช้มือจัดตรงเป้ากางเกงที่นูนขึ้นกว่าตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด ผมมองเขาด้วยหางตา เขาจึงไม่น่าจะรู้ว่าผมเห็นการกระทำของเขาทุกอย่าง และเขาก็คงไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ผมเห็นด้วย เพราะอีกสักพัก เขาก็คว้าหมอนที่ใช้หนุนคออยู่มาปิดไว้ตรงกลางลำตัว

“เป็นไรวะ เงี่ยนรึไง” ผมพูดขึ้น “แค่เห็นพระเอกกับนางเอกนัวกันแค่นี้มึงก็แข็งซะแล้วเหรอวะ”

.
.
.

เอามายั่ว กรั่กๆๆๆ เจกันอีกทีอาทิตย์หน้าเคิฟฟ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-01-2012 22:22:33
คิดจะปลูกต้นรักสักกอ
เกรงว่าหน่อรักนั้นจะกลาย
ความรักเรายังไม่วาย
ระกำช้ำชอกอุรา

รักแต่ก่อนมาย้อนยอกเรา
ใจเราเศร้าเมื่อคิดขึ้นมา
ความรักเราเอ่ยเคยได้สัญญา
เจ้ากลับมาวนเวียนเปลี่ยนแปร


อ่านเรื่องนี้ทีไรอยากฟังเพลงนี้ทุกที
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-01-2012 22:25:48
 :laugh: :laugh:รู้ว่าเพื่อนอยาก ไม่คิดจะช่วยเพื่อนสักหน่อยเหรอ





 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: winter_lovesong ที่ 25-01-2012 22:48:49
ความรักนั้น เริ่มถูกฟักประคบประหงมรอวันเติบโต..

รดน้ำ ใส่ปุ๊ย ผ่านจะโผล่พ้นดิน...

มาให้กำลังใจรอสองใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 25-01-2012 22:49:20
 :L2: เมื่อไหร่จะได้กัน  o18
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 25-01-2012 22:53:12
ฮ่าฮ่า ค้างแบบไม่ให้เหลือเยื่อใย...

ว่าแต่จะเป็นไงต่อน๊า อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-01-2012 23:14:09
ความรักครั้งที่ 2 ของนะ ก่อตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 25-01-2012 23:58:21
ว้าวๆๆๆ สองตอนเลยยย ขออ่านก่อนนาาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-01-2012 00:10:31
ใกล้เข้ามาอีกนิดแล้ว....
ถ้าจะมาค้างด้วยกันแทบทุกคืน
น่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า ประหยัดค่าหอ
แล้วก็ไม่ต้องหาแฟนใหม่แล้ว ช่วยกันเองไปก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 26-01-2012 00:45:07
ไม่น่าอ่านตอน8เลย
55555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 26-01-2012 07:22:47
แอบค้างเบาๆ
นะกับซีนี่น่ารักเนอะอยากให้เป็นแฟนกันสักที
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 26-01-2012 07:48:05
 :z3: เจอกันอาทิตย์หน้าซะงั้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 26-01-2012 09:11:04
เพิ่งเข้ามาอ่่านค่ะ อยากบอกว่าชอบมาก :o8:
ลุ้นคู่นี้มากเลย รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 26-01-2012 13:50:25
:a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 26-01-2012 14:48:19
อยากบอกว่าตอนที่7เราเข้าใจนะมากๆ ตอนนี้เรากำลังเป็นอยู่เลย แต่ยังไม่รู้จะตัดสินใจยังไง เฮ้ออออออ คนเขียนทำให้เราร้องไห้อ่ะ T^T เจ็บปวดแทนนะ อยากมีเพื่อนแบบซีบ้างจัง จะเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ตามเถอะ
.................................
ตะ ตะ ตอนต่อไป ซี้ดอีกแล้วใช่ม๊า ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 26-01-2012 14:54:15
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-01-2012 17:08:34
โอ๊ยยย....ตัดจบตรงนี้.....ตายๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 26-01-2012 17:20:53
ง่า~รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 26-01-2012 18:56:11
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก...คุณต้น

มาตัดฉับตอนที่ 8 อย่างนี้ได้ยังไง :serius2:

มาค้างอ่า.............

ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าจิ้นต่อเอง :-[

รอตอนต่อไปนะคร้าาาาาาาาาาาาาาาา :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 26-01-2012 20:12:16
อ่านแล้วสงสารทุกคนจัง
สงสารนะที่โดนทรยศ
สงสารซีที่เห็นอะไรกรึ่มๆอยู่เรื่อยเลย

สงสารตัวเองที่อ่านตอนแปดแล้วต้องรอถึงอาทิตย์หน้าด้วย

คุณต้นใจร้าย ฮึ่ยๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 26-01-2012 20:55:43
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
อาทิหน้า
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 26-01-2012 21:04:19
ถ้าจะทำมาต่อไว แล้วทิ้งไว้ให้ค้างแบบนี้ล่ะก็  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-01-2012 21:35:05
นะความรู้สึกไวจริง
คราวหน้าจะมีการรักเพื่อนช่วยเพื่อนกันอีกเหรอเปล่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 26-01-2012 23:16:04
ใกล้จะถึงเวลารดน้ำพรวนดินรึยังน้อ
กลายเป็นหนุ่มโสดทั้งคู่แล้วนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 26-01-2012 23:54:49
เฝ้าคอยเธอต่อไป o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 27-01-2012 23:50:21
 :กอด1:คุณต้นอย่างอลเลยนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 28-01-2012 09:44:39
อยากว่าสงสาร นะ อ่ะ

ไม่ชอบตอนที่นะเล่าให้ซีฟังเลยอ่ะ

บาดใจงัยไม่รู้

แต่เข้าใจนะอ่ะ

ว่าแต่ใครจะทำสบู่หลุดมือก่อนอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 28-01-2012 09:57:19
มาช่วยดัน ฮึ้บๆๆ !!!

หายงอนได้แล้วนาาาาาาาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-01-2012 16:23:28
ไร้ข้อผูกมัดทั้งคู่ ><
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 29-01-2012 02:05:58
ตับฉับบบบบบบบบบบบ


!!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 29-01-2012 09:14:00
เข้ามานั่งรอ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 30-01-2012 14:35:58
ปูเสื่อ กินส้มตำรอ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 31-01-2012 00:44:37
เมะเรื่องนี้ขี้อายจริง

ช่างแตกต่างจากโจยิ่งนัก  55555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 31-01-2012 22:00:59
SeeeDz ที่ 8

หลังกลับจากชะอำ นะกับกิ๊กก็เลิกกันอย่างสมบูรณ์ ถึงจะไม่ได้พูดออกมา แต่ผมก็รู้ว่าเขาคงเสียใจมากและคงทำใจไม่ได้ง่ายๆ เพราะเขามักจะมานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่หอของผมแทบทุกเย็นหลังเลิกเรียน และบางคืนก็ยังมานอนค้างกับผมด้วย ผมสงสารเขานะ ผมรู้ว่าเขาเหงา และกิ๊กก็ยังเป็นรักครั้งแรกของเขาอีกด้วย การจะทำใจจากการอกหักครั้งแรกมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ผมเข้าใจดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขายังมองอนาคตของตัวเองกับกิ๊กไว้ค่อนข้างไกลทีเดียว

นอกจากไปเรียน กินข้าวเช้า กินข้าวเย็น และไปเที่ยวด้วยกันแล้ว เราสองคนยังมีกิจกรรมที่ทำด้วยกันเป็นประจำอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือการออกกำลังที่ฟิตเนสนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่นะได้ทดลองใช้บริการที่ฟิตเนสเดียวกับผมมาสักพักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจยอมลงทุนควักเงินเป็นสมาชิกกับผมด้วยอีกคน เขาบอกผมว่าหลังจากที่เขาเลิกกับกิ๊กแล้ว เขาก็คงมีเงินเก็บจากการไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์โทรหากันบ่อยๆ ค่ากินค่าอยู่ที่เขาช่วยออกให้กิ๊กบ้างบางโอกาส และที่สำคัญคือเขายังได้เงินเก็บส่วนของเขาที่ฝากร่วมกับกิ๊กทุกเดือนมาตั้งเริ่มคบกันไม่นานคืนทั้งหมดอีกด้วย ถึงจะไม่ได้มากมายนัก แต่เขาก็ยินดีที่จะใช้มันเพื่อการออกกำลังกายเป็นประจำกับผม

เย็นวันหนึ่งในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ผมกับเขากำลังออกกำลังกายอยู่ที่ฟิตเนสด้วยกันตามปกติ ในขณะที่ผมกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งนั้น ผมหันไปเห็นว่านะกำลังยืนคุยอยู่กับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งผมจำได้ว่าผมเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นที่นี่มาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ทั้งสองคนยืนคุยและหัวเราะกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเดินจากไป

ผมลงจากลู่วิ่งและเดินไปหานะที่กำลังจะเริ่มยกดัมเบลต่อ

“ใครวะ เค้ามาจีบมึงเหรอ”

“เฮ้ย! เปล่า เค้าแค่มาคุยด้วยเฉยๆ บอกว่าเคยเห็นกูมา 2-3 ครั้งแล้ว และก็อยากรู้ว่ากูออกกำลังมานานรึยัง เค้าก็เลยขอคำแนะนำว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง อะไรแบบนั้นน่ะ”

“นั่นแหละที่เค้าเรียกว่ามาจีบน่ะ ไอ้ควาย”

“อ้าวเหรอ จริงดิ แต่ครั้งก่อนๆ ผู้ชายคนอื่นก็เคยเข้ามาชวนกูคุยแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะ”

“หนักเลยยยย ไอ้เหี้ย พวกมันจ้องจะแดกมึงอยู่อะดิ กูก็เคยโดนเหอะ แต่มึงแม่งยิ่งจะซื่อๆ อยู่ ยังไงก็ระวังตัวระวังตูดไว้ให้ดีๆ ล่ะมึง แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน”

“จริงอะ ไอ้ซี นี่มึงทำกูหลอนเลยนะเนี่ย”

ผมหัวเราะเบาๆ “มึงนี่มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยย”

“ไอ้เหี้ย ก็กูมันเด็กบ้านนอกนี่หว่า ใครจะไปเหมือนเด็กเมืองกรุงอย่างมึงล่ะ”

“โคราชเนี่ยนะ บ้านนอก เดี๋ยวกูตบคว่ำเลย”

“เอ่ออ... ขอโทษนะครับ น้อง” จู่ๆ เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้านหลังของผม

ผมกับนะหันไปมองยังที่มาของเสียงทันที ผู้ชายหน้าตาดีในเสื้อยืดสีขาวคนหนึ่งกำลังยืนมองเราสองคนสลับกันอยู่

“น้องสองคนมาที่นี่บ่อยมั้ยครับ”

ผมกลอกตาเซ็งๆ “ไม่ครับ”

“อ๋ออ ครับ แล้วน้องเป็นเพื่อนกันเหรอครับ เรียนด้วยกันหรือยังไง”

“เปล่า” ผมตอบ “เราเป็นแฟนกันน่ะพี่”

ผมเหลือบไปเห็นนะที่นั่งอยู่ข้างๆ มองผมด้วยสีหน้าตกใจ

“ทำไมเหรอครับ พี่มีปัญหาอะไรรึเปล่า” ผมพูดต่อ

“อ้าว... อ้าว เหรอครับ ม... ไม่มีอะไรครับ ขอโทษทีนะครับน้อง” เขาละล่ำละลักตอบ ก่อนจะเดินจากไป

“ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะ ไอ้ซี!” นะดึงชายเสื้อผม “กูอายเค้านะเว้ย!”

ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มน้อยๆ เขากำลังหน้าแดงจนถึงใบหูทีเดียว “อายทำไมวะ ไอ้เหี้ยนั่นดิที่ต้องอาย กูเคยเห็นผู้ชายคนเมื่อกี้มาหลายครั้งแล้ว และมันก็มองเราสองคนอยู่บ่อยๆ ด้วย แต่กูว่ามันน่าจะมองมึงมากกว่าว่ะ เพราะก่อนหน้าที่มึงจะมาเล่นกับกู กูก็ไม่เห็นมันจะเคยมาคุยอะไรกับกูเลย แม่งคงชอบมึงอะ มึงจะเอามันมั้ยล่ะ”

เขารีบส่ายหน้าทันที “ไม่ๆๆ ไม่เอาอะ”

ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ “ทำไมวะ มันหน้าตาไม่ดีเหรอ กูว่ามันก็หน้าตาโอเคนะเว้ย”

“ครวยเหอะ!” เขาชกลงบนท้องของผม

“เพราะแบบนี้แหละ กูถึงได้พามึงมาเล่นแบบไม่เจาะจงว่าต้องมาทุกวันนี้วันนั้นอะไรแบบนั้นไง เพื่อที่เราจะได้เลี่ยงๆ คนพวกนี้ไปได้บ้าง แต่ก่อนกูก็ทำแบบนี้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่กูอยู่มัธยมอะ กูเคยเล่นฟิตเนสประจำทุกวันจันทร์ วันพุธ อะไรแบบนี้ แล้วเจอคนแม่งแอบตาม คอยมอง อะไรแบบนี้ตลอดอะ กูรำคาญ”

“ก็มึงมันหล่อนี่ครับ ไอ้คุณภัณฑบดี”

“ก็แน่นอนสิคร้าบบบบ ไอ้คุณชนะชัย กูเคยเถียงมึงเรื่องนี้สักคำมั้ยล่ะ” ผมขยี้หัวเขาเบาๆ “ออกกำลังกันต่อเหอะว่ะ จะได้กลับหอ หาข้าวแดก แล้วอาบน้ำนอน นี่ก็ค่ำแล้ว”

ปกติเราสองคนจะใช้เวลาออกกำลังกายกันประมาณสามชั่วโมง ซึ่งหลังจากนั้นผมกับเขาจะรู้สึกหิวโซทุกครั้ง แต่ถ้าเรากินข้าวกันในห้างสรรพสินค้า เราจะกินกันเยอะมาก ซึ่งก็จะทำให้เราเปลืองเงินมากด้วย ดังนั้นเราจึงมักกลับไปกินอะไรง่ายๆ แถวหอแทน ก่อนที่จะกลับเข้าห้องไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอน ซึ่งวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อออกกำลังเสร็จ เราก็กลับมากินก๋วยเตี๋ยวร้านประจำคนละชาม แวะเช่าหนังมาหนึ่งเรื่อง ซื้อขนมและน้ำดื่มที่เซเว่นฯ นิดหน่อย แล้วจึงกลับเข้าหอของผมด้วยกัน

เมื่อกลับถึงห้อง ผมกับเขาก็นั่งดูหนังด้วยกัน หนังที่เราเลือกมาคือหนังใหม่ที่เพิ่งออกแผ่นมาไม่นาน แต่ตอนที่มันเข้าฉายนั้นผมกับเขาต่างก็ไม่ได้ดูด้วยกันทั้งคู่ และน่าตลกดีที่เหตุผลที่เราอดดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะแฟนของเราไม่อยากดูเหมือนกันเลย

หลังจากที่เรานั่งดูหนังกันไปได้ราวๆ ครึ่งเรื่อง และดื่มเบียร์ไปคนละสองกระป๋อง ผมก็เหลือบไปเห็นนะที่กำลังนั่งเหยียดขาอยู่ข้างผมบนเตียงใช้มือจัดตรงเป้ากางเกงที่นูนขึ้นกว่าตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด ผมมองเขาด้วยหางตา เขาจึงไม่น่าจะรู้ว่าผมเห็นการกระทำของเขาทุกอย่าง และเขาก็คงไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ผมเห็นด้วย เพราะอีกสักพัก เขาก็คว้าหมอนที่ใช้หนุนคออยู่มาปิดไว้ตรงกลางลำตัว

“เป็นไรวะ เงี่ยนรึไง” ผมพูดขึ้น “แค่เห็นพระเอกกับนางเอกนัวกันแค่นี้มึงก็แข็งซะแล้วเหรอวะ”

เขาหันมามองหน้าผมแล้วหัวเราะเบาๆ “แหะๆ นิดหน่อยว่ะ ก็กูไม่ได้เอาน้ำออกมานานแล้วอะ”

“นานนี่ขนาดไหนวะ”

“ก็ตั้งแต่วันที่กลับมาจากทะเลนั่นแหละ มีอะไรกับกิ๊กครั้งนั้นก็ครั้งสุดท้ายเลย”

“โหห มึงทนได้ไงวะเนี่ย”

“กูไม่ได้ทนหรอก มันแค่ไม่มีอารมณ์อะว่ะ ก่อนนี้แม่งก็เซ็งๆ เครียดๆ ไรเงี้ย”

“งั้นแบบนี้ก็แปลว่าตอนนี้มึงเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ น้องชายมึงก็เลยกลับมาแข็งขันได้อีกครั้งน่ะ”

“สงสัยว่าจะอย่างนั้นมั้ง” เขาฉีกยิ้มกว้าง “ว่าแต่มึงเหอะ ช่วยตัวเองไปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

“อาทิตย์ที่แล้วอะว่ะ” ผมตอบ

“ตอแหล กูไม่เชื่อหรอก ไอ้ขี้เงี่ยนอย่างมึงเนี่ยนะ จะอั้นไว้ได้ตั้งอาทิตย์นึง!”

“ครวยเหอะ! มึงว่าใครขี้เงี่ยน!” ผมใช้เท้าถีบเขา 2-3 ที “พอกูเลิกกับน้อยไป กูก็เซ็งๆ เหมือนกันนะเว้ย ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย ไหนยังจะการบ้านอีก รายงานอีก สารพัดเหอะ แล้วมึงก็มาขลุกอยู่กับกูแทบทุกวัน กูจะเอาเวลาที่ไหนทำวะ”

“พูดซะยังกะเป็นความผิดกูเลยนะ ไอ้ตี๋” เขาถีบผมคืน

“มึงกล้าหาเรื่องกูเหรอ! นี่ห้องกูนะเว้ย!” ผมหยิบหมอนขึ้นฟาดหน้าเขา

“ห้องมึง แต่ของกินทุกอย่างในห้องก็เงินกูทั้งนั้น ไอ้ตูดดดด!!”  เขายังคงใช้เท้าถีบผมอยู่

“ก็แล้วใครวะ ที่บอกว่าจะออกให้กูเองน่ะ ไอ้ควายยย!!” ผมถีบเขาอีก ตอนนี้เราเริ่มจะทะเลาะกันแบบเด็กเล็กๆ แล้ว

“อะไร! กล้าหือเหรอ ไอ้ตี๋! มึงลืมไปรึเปล่าว่ามึงตัวเล็กกว่ากูนะ!”

“กลัวตายห่าล่ะ ไอ้หมีควายเอ๊ยยย!” ผมพูดพร้อมกับหยิบหมอนขึ้นมากดหน้าเขา

เขารีบสะบัดหน้าหนีพร้อมกับพลิกตัวหลบทันที จากนั้นก็คว้าตัวของผมแล้วกดผมลงบนเตียงพร้อมๆ กับเหวี่ยงตัวเองขึ้นคร่อมเหนือร่างกายของผม ผมพยายามที่จะดิ้นหนีให้หลุดจากการยึดจับ จึงใช้ขาข้างหนึ่งยันไปที่หัวเข่าของเขา ทำให้เขาเสียการทรงตัว ผมรีบฉวยจังหวะนั้นรีบกระโดดลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่แคล้วโดนเขาพุ่งตัวเข้ามารวบเอวเอาไว้ได้เสียก่อน

ผมล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้นโดยที่มีนะกอดเอวเอาไว้อยู่ด้วย เขาค่อยๆ ไหลจากบนเตียงหล่นลงมากองอยู่บนพื้นกับผม แล้วจากนั้นเราสองคนก็ปล้ำกันต่อไปอีกพักหนึ่ง จนกระทั่งผมถูกเขาจับกดให้อยู่ใต้ร่างกายของเขาอีกครั้ง ผมพยายามขัดขืนเพื่อจะได้หลุดเป็นอิสระ และในตอนนั้นเองที่หน้าแข้งของผมไปถูโดนเป้ากางเกงของเขาเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งมันก็แข็งเป็นลำเลยทีเดียว

นะสะดุ้งเบาๆ พร้อมกับแอ่นสะโพกหลบขาของผมไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงยึดไหล่ทั้งสองข้างของผมเอาไว้เหมือนเดิม เราสองคนสบตากันครู่หนึ่ง ผมคิดว่าเขาเองก็ต้องกำลังคิดเหมือนผมอยู่แน่ๆ

“มึงไม่ได้เอาออกมาตั้งอาทิตย์นึงแล้วเนี่ย มึงไม่เงี่ยนมั่งเหรอวะ ไอ้ซี”

ที่จริงไอ้น้องชายของผมเองก็แข็งขึ้นมานิดๆ ตั้งแต่ดูฉากนั้นพร้อมๆ กับเขาแล้วด้วยเหมือนกัน แต่มันเพิ่งจะมาแข็งจนสุดก็ตอนที่เราเพิ่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อครู่นี้นั่นแหละ

“เฉยๆ ว่ะ”

“จริงเหรอวะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มตลกๆ “แต่เมื่อกี้ตอนกูปล้ำมึงอยู่ กูรู้สึกเหมือนโดนอะไรแข็งๆ ดันเข้าที่สะโพกกูชอบกลนะเว้ย” เขาพูดพร้อมกับเลื่อนมือลงจับเป้ากางเกงของผม

“ไอ้เชี่ยนะ!!” ผมสะดุ้งเฮือก แต่เขาก็รีบปล่อยมือออกพร้อมกับลุกขึ้นนั่งทันที

เมื่อหลุดเป็นอิสระแล้ว ผมก็ชันตัวขึ้นนั่งโดยเอนหลังพิงเตียงเอาไว้ เราสองคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกครู่สั้นๆ

“เอา... เอาออกด้วยกันมั้ยวะ” เขาถามขึ้นในที่สุด

“มึงอยากปะล่ะ”

เขาพยักหน้าเบาๆ ท่าทางเขินๆ ผมว่าคนตัวใหญ่แบบเขาเวลาทำหน้าเขินๆ แบบนี้แล้วก็ดูน่ารัก ตลกๆ ดีชอบกลแฮะ

“มึงยิ้มอะไรของมึง ไอ้ตี๋”

“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมตอบ และคิดว่าผมก็คงต้องเป็นฝ่ายเริ่มนำอีกเช่นเคย เพราะเขาคงไม่กล้าที่จะเป็นคนเริ่มก่อนแน่ๆ

ผมยืนขึ้นแล้วถอดเสื้อยืดของตัวเองออก จากนั้นก็เลื่อนตัวขึ้นไปนอนลงบนเตียง นะมองผมแล้วก็เริ่มทำแบบเดียวกัน เขาเดินมาเอนหลังนอนอยู่ข้างๆ ผม ตำแหน่งเดียวกับตอนที่เรานอนดูหนังด้วยกันในตอนแรก จากนั้นก็วางมือลงบนหน้าขาของผมก่อนจะลูบมือขึ้นลงเบาๆ

“มึงไม่ถอดกางเกงเหรอวะ” เขาถาม

“ถอดให้หน่อยดิ” ผมยักคิ้วข้างเดียว

เขามองหน้าผมแล้วยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันมาใช้ทั้งสองมือจับขอบกางเกงขาสั้นของผมเอาไว้ เมื่อผมยกสะโพกขึ้น เขาก็จัดการดึงทั้งกางกางและกางเกงในของผมลงไปพร้อมกันเลยทีเดียว ไอ้น้องชายของผมดีดผึงออกเป็นอิสระและพาดยาวขึ้นบนหน้าท้อง

ผมเอี้ยวตัวไปช่วยเขาถอดกางเกงออกด้วยเหมือนกัน เมื่อเราสองคนต่างคนก็ต่างอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ นะก็เริ่มทำสิ่งที่ค้างเอาไว้ตั้งแต่แรกต่อ เขาลูบไล้ต้นขาของผมเบาๆ และดูเหมือนว่าจะจงใจป่ายมือให้โดนน้องชายของผมเฉียดๆ หลายครั้งด้วย

“นี่มึงจะแกล้งกูอีกนานปะ ไอ้นะ ทำแบบนี้มันเสียวนะเว้ย”

“ทำอะไรวะ” เขาแกล้งตีหน้าเซ่อ

ผมจับมือของเขามาวางลงบนน้องชายของผม “ชักให้กูหน่อย กูเงี่ยน”

เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “กูนึกว่ามึงอยากจะปลุกอารมณ์สักหน่อยก่อนซะอีก”

“ปลุกโดยการลูบขาไปมาเนี่ยนะ ไม่ต้องแล้ว ถ้าอยากปลุกอารมณ์กูจริงๆ มันต้องทำแบบนี้” ผมเลื่อนมือจากต้นขาของเขาขึ้น ไล่ผ่านหน้าท้อง ไปจนถึงบริเวณหน้าอก แล้วจากนั้นก็วนนิ้วที่บริเวณหัวนมของเขาอย่างเบามือ ทำให้นะตัวแข็งเกร็งขึ้นและซี้ดปากออกมาเบาๆ ทันที

ดูท่าทางว่าหัวนมของเขาก็จะไวต่อความรู้สึกเหมือนกัน

ผมบี้ที่หัวนมของเขาแล้วจึงใช้เล็บสะกิดมันเบาๆ นะสะดุ้งแล้วบิดตัวเล็กน้อย ผมเหลือบไปเห็นว่าน้ำหล่อลื่นใสๆ ถูกขับออกมาจากน้องชายของเขาหนึ่งหยด

“เสียวเหรอวะ”

เขาซี้ดปากแทนคำตอบ ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าท่อนลำของผมเอาไว้แล้วรูดขึ้นลงช้าๆ โดยใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งคลึงบริเวณส่วนหัวไปด้วย เขาทำให้ผมต้องเกร็งตัวด้วยความเสียว และเผลอครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“อาา..า...ห์ ไอ้... นะ มึงอย่าเล่นหัวครวย... กู” ผมคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

“มึงนี่น้ำเยอะจริงๆ เลยนะ ไอ้ซี” เขายังคงวนปลายนิ้วละเลงน้ำหล่อลื่นลงบนปลายท่อนลำของผม และเมื่อนิ้วของเขาสะกิดโดนส่วนคอหยัก ผมก็ต้องถึงกับสะดุ้งเฮือก “อึ๊กก...ก...!! ไอ้... นะ!”

“เจ็บเหรอวะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เปล่า... กูเสียว...” ผมพูดเบาๆ

เขายิ้มน้อยๆ แล้วจึงชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น “กูเพิ่งจะสังเกตว่ะ ไอ้ซี ว่าเวลามึงเสียวแล้วหน้ามึงแดงมากๆ เลย คงเพราะมึงขาวด้วยมั้ง”

“แล้ว... ไงวะ” เสียงของผมแตกพร่า

“เปล่า...” เขาหลบตาผม “มึงว่ามันจะแปลกมั้ยวะ ถ้ากูจะยอมรับว่าเวลามึงเสียวแล้วมึงทำหน้าแบบเมื่อกี้ มันดูโคตรเอ็กซ์เลยอะว่ะ”

ผมยักไหล่ “ก็กูหล่ออะ หล่อ เอ็กซ์ เซ็กส์ อร่อย”

เขาหัวเราะทันที “ฮ่าๆๆๆ หล่อกูไม่เถียง เอ็กซ์มั้ย เซ็กส์มั้ย กูไม่ค่อยแน่ใจ แต่อร่อยเนี่ย กูไม่เชื่อว่ะ”

“จะชิมมั้ยล่ะ ไอ้สัตว์”

“ได้ปะล่ะ” เขาจ้องตาผม

ผมอึ้งๆ ไปเล็กน้อย “มึง... มึงจะทำอะไรวะ ไอ้นะ”

“กูอยากให้มึงเลียหัวนมกูอะ กูชอบ กูเลยจะทำให้มึงก่อน แบบนั้นได้มั้ยวะ” เขาถามแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก

“สรุปคือมึงจะทำให้กูก่อน แต่กูต้องทำคืนให้มึงด้วย เป็นการแลกกัน ว่างั้น”

เขาหน้าแดงแล้วพยักหน้าเบาๆ “แต่ถ้ามึงไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะเว้ย แค่ชักให้กันอย่างเดียวเหมือนเดิมก็ได้...”

“ก็เอาดิ” ผมตอบ “กูเองก็ชอบถูกเลียหัวนมเหมือนกัน”

เขายิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะเลื่อนตัวลงมาซุกที่ซอกคอของผม ทำเอาผมต้องสะดุ้งเฮือกออกมาอีกครั้ง เพราะผมไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะทำแบบนี้ แล้วจากนั้นเขาก็เลื่อนตัวต่ำลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าอกของผม เมื่อผมรู้สึกถึงลิ้นเย็นๆ ของเขาที่แตะลงบนหัวนม ผมก็ครางออกมาพร้อมกับบิดตัวด้วยความเสียวซ่านทันที

นะดูเหมือนจะได้ใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้ เพราะเขายิ่งใช้ลิ้นทั้งเลีย ตวัด ดุน และดูดหัวนมของผมทั้งสองข้างสลับกันไปมามากขึ้นอีก ตอนแรกเขาก็เริ่มต้นทำอย่างช้าๆ แต่แล้วก็ค่อยๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับใช้มือลูบไล้ร่างกายของผมไปด้วย ในที่สุดเขาก็คว้าท่อนลำของผมแล้วรูดขึ้นลงเบาๆ ในขณะที่ลิ้นก็ยังคงไม่หยุดทำงาน ผมเสียวมากจนต้องใช้มือจับหัวของเขาเอาไว้แน่น

“พ... พอก่อน ไอ้นะ เดี๋ยวกูแตก...” ผมพูดเสียงกระเส่า จากนั้นก็ดันหัวของเขาออก

เมื่อเราสองคนสบตากัน ผมก็มองเห็นความอยากที่สะท้อนอยู่ในแววตาของเขาอย่างชัดเจน ผมจับเขาพลิกตัวให้เป็นฝ่ายนอนอยู่ข้างล่างบ้าง แล้วจากนั้นก็เริ่มทำแบบเดียวกันกับที่เขาเพิ่งทำให้ผม โดยเริ่มจากจุ๊บลงบนซอกคอของเขาเบาๆ แล้วค่อยๆ ไล่ต่ำลงมาเรื่อยจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หัวนม ผมใช้ลิ้นวนเป็นวงตรงบริเวณฐานก่อน แล้วจึงค่อยๆ ไล่เข้ามาจนถึงตรงกลาง นะแอ่นตัวและซี้ดปากอย่างพึงพอใจ ผมเองก็ยิ่งได้ใจ จึงทำแบบเดียวกันนี้กับหัวนมอีกข้างสลับไปมา ส่วนมือที่ว่างอยู่ก็คอยชักท่อนลำให้เขาไปด้วย ปริมาณของน้ำหล่อลื่นที่ถูกหลั่งออกมาอย่างมหาศาลเป็นตัวบอกให้ผมรู้ว่าเขากำลังมีความสุขแค่ไหน

ผมเลียหัวนมของเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ไล่ลิ้นห่างออกมาลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงสะดือ นะยิ่งซี้ดปากและบิดตัวไปมามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ดูท่าทางว่าผมจะเจอจุดอ่อนของเขาอีกที่หนึ่งแล้ว

ผมใช้ลิ้นตวัดเลียรอบๆ สะดือของเขาพร้อมกับใช้มือคลึงไข่ของเขาไปด้วย จากนั้นก็ไล่นิ้วให้ต่ำลงไปจนกระทั่งไปสะกิดตรงบริเวณรอยต่อของถุงไข่แฝดกับรูก้นเข้า นะถึงกับสะดุ้งเฮือกและต้องผงกหัวขึ้นมองผมทันที

“ซี้ดด..ด...ด! ไอ้ซี กูเสียว! หยุดก่อนเว้ย!” เขาคว้าหัวไหล่ของผมเอาไว้

“แล้วไม่ดีเหรอวะ”

“ดีดิวะ ดีมากๆ ด้วย กิ๊กยังไม่เคยทำให้กูแบบนี้เลย”

“เพราะกูเป็นผู้ชายมั้ง กูเลยรู้ว่าตรงไหนมันรู้สึกดียังไงน่ะ”

“กูเพิ่งรู้นะว่าตรงนั้นมันเสียวขนาดนี้น่ะ!”

“ใช่มะ กูก็เพิ่งรู้เมื่อตอนมีอะไรกับน้อยนั่นแหละ เพราะมีครั้งนึงที่เล็บของน้อยมันดันสะกิดไปโดนตอนกำลังชักใช้ปากให้กูน่ะ แม่งทำเอากูเกือบแตกเลย”

“เมื่อกี้นี้กูก็เกือบแล้วเหมือนกัน นี่ถ้าเมื่อกี้มึงชักให้กูอยู่ด้วยนะ กูแตกไปแล้วจริงๆ เนี่ย”

น้องชายของเขาที่แข็งเป็นลำและกระตุกเบาๆ อยู่บนหน้าท้องแบนราบนั่นทำให้ผมเชื่อว่าเขาคงพูดความจริงแน่นอน

“มา กูทำให้มึงบ้าง” เขาเหวี่ยงตัวของผมลงบนเตียงแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมผมอีกครั้ง

จากนั้นนะก็เริ่มต้นใช้ลิ้นละเลงลงบนหัวนมของผมต่อจากที่เขาทำค้างเอาไว้ แต่คราวนี้มือข้างหนึ่งของเขากำลังคลึงไข่ทั้งสองข้างให้ผมไปด้วย และเมื่อเขาใช้นิ้วชี้ค่อยๆ เขี่ยตรงบริเวณใต้ถุงไข่ ไล่เลื่อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปสะกิดโดนรูก้นของผม ผมก็รู้สึกถึงกระแสไฟที่แล่นไปทั่วทั้งร่างทันที

ผมเลื่อนมือไปจับน้องชายของตัวเองแล้วรูดขึ้นลงเบาๆ แต่กลับถูกนะปัดมือออก เขามองหน้าผมทั้งๆ ที่ลิ้นก็ยังคงเลียหัวนมของผมอยู่ ผมพยายามจะชักของตัวเองอีกครั้ง แต่ก็ถูกเขาปัดมือออกอีกครั้ง

“กูอยากชักให้มึงเอง มึงห้าม ถ้ามึงจะชักเองแล้วเราจะมาทำแบบนี้กันอยู่ทำไมวะ” เขาพูดขึ้น

“แต่กู... เสียวนี่หว่า... อือออ...อ...” ผมคราง

“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” เขากลับลงไปใช้ลิ้นเลียวนที่หัวนมของผมต่อ จากนั้นก็ไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงที่หน้าท้องของผม ผมตัวแข็งเกร็งจนกล้ามท้องขึ้นเป็นลอนเลยทีเดียว

เขาจับไอ้น้องชายของผมให้ตั้งขึ้นพร้อมกับใช้ลิ้นแตะลงบนสะดือของผม ผมหงายหน้าขึ้นแล้วครางออกมาอีกครั้งด้วยความเสียวที่เกินจะบรรยาย

“ไอ้... นะ มึงชักให้กูทีเหอะ... กูขอร้องง...!”

เขาเขยิบตัวขึ้นมาซุกหน้าลงบนซอกคอของผมแล้วดูดเบาๆ ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะเขากลับจุ๊บลงบนแก้มของผมอีกทีด้วย ผมหันไปมองหน้าเขาทันที

อีกครั้งที่เราสองคนสบตากัน และผมมั่นใจว่าเราต่างก็มองเห็นความต้องการแบบเดียวกันสะท้อนอยู่ในดวงตาของทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว แต่มันคงเป็นเพราะสัญชาตญาณหรืออะไรบางอย่างล่ะมั้ง ที่ทำให้ผมโน้มเข้าไปจูบลงบนริมฝีปากเรียวบางของเขา

นะดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อยในตอนแรก แต่แล้วอีกอึดใจถัดมาเขาก็เปิดปากออกและเริ่มจูบผมตอบ

เมื่อลิ้นของเราสัมผัสกัน ผมก็รู้สึกราวกับสวิตช์อะไรบางอย่างในร่างกายมันถูกเปิดขึ้น เราต่างก็ควานหาลิ้นของอีกฝ่ายอย่างโหยหา ลมหายใจอันหนักหน่วงของเราประสานจังหวะกัน มือของเราต่างก็ป่ายไปตามร่างกายของอีกฝ่ายและคว้าเข้าที่ท่อนลำอันแข็งผงาดของฝ่ายตรงข้าม ทันทีที่เขาเริ่มชักต่อให้ผม ผมก็รู้สึกถึงความตึงเครียดที่ก่อตัวแน่นขึ้นและกำลังจะทะลักออกมาในอีกไม่ช้า

“ไอ้... ไอ้นะ... กูจะแตกแล้วว่ะ!” ผมถอนปากออกแล้วพูด

“กูก็เหมือนกัน... มึงอย่าหยุดมือนะ ไอ้ซี” เขาพูดเสียงแหบแห้ง แล้วจากนั้นก็ชะโงกหน้าเขามาจูบผมต่ออย่างหนักหน่วงและโหยหา

เราต่างก็ขยับมือขึ้นลงช่วยชักให้กันและกันต่ออีกแค่ไม่กี่วินาที ก่อนที่ผมจะต้องดันตัวออกแล้วพลิกตัวเป็นนอนหงายพร้อมๆ กับที่น้ำรักของตัวเองถูกฉีดออกมาอย่างแรง นอกจากนั้นผมยังรู้สึกถึงน้ำเหนียวๆ ของนะที่ถูกฉีดออกมาจนเลอะเต็มมือของผมในเวลาไล่เลี่ยกันอีกด้วย ผมครางและบิดตัวไปมาอย่างทรมาน พร้อมกับยังคงรูดน้องชายของเขาที่กระตุกอยู่ในกำมือของผมเบาๆ ต่ออีกหลายครั้ง

“พอแล้วว..วว..!!” เขาพูดเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับจับข้อมือของผมเอาไว้ “หมด...แล้วว..ว!!”

เราสองคนนอนแผ่อยู่บนเตียงหอบเอาอากาศเข้าปอดกันอย่างเหนื่อยอ่อนแต่ก็มีความสุข หลังจากที่เราทำความสะอาดร่างกายของตัวเองด้วยทิชชู่จนเสร็จ ผมก็ลุกขึ้นไปปิดหนังที่เปิดทิ้งเอาไว้ แล้วก็เดินเข้าไปอาบน้ำเป็นคนแรก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเริ่มฟอกสบู่ นะก็เคาะประตูเรียกให้ผมเปิดรับเขาเข้ามาอาบด้วยอีกคน เขาบอกว่าเขาหนาว และอยากจะอาบพร้อมกันไปเลยทีเดียว จะได้เสร็จไวๆ และจะได้รีบนอน

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เราต่างก็เข้านอนโดยไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นกันอีกเลย ผมนอนคิดอยู่พักใหญ่ๆ ว่าเมื่อครั้งแรก เราแค่ใช้มือให้แก่กัน แต่เมื่อครู่นี้เราได้ทำบางอย่างที่ข้ามไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว แต่ผมไม่รู้สึกแปลกประหลาดหรือรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ผมไม่คิดว่าความเป็นผู้ชายของผมน้อยลง ผมไม่คิดว่าผมจะเป็นเกย์ ผมยังคงคิดว่ามันเกิดมาจากความต้องการจะระบายความต้องการทางเพศออกล้วนๆ แต่สิ่งเดียวที่ผมกังวลก็คือความรู้สึกของนะต่างหาก พอหลังจากที่ความอยากและความต้องการมันจางลงไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ก็เป็นผมเองนั่นแหละที่ความอยากมันบังตาจนเผลอตัวไปจูบเขาก่อน

ผมถอนหายใจเบาๆ ตัดสินใจเลิกคิดเรื่องพวกนี้ แล้วรอดูกันอีกทีว่าตอนเช้าจะเป็นอย่างไรดีกว่า

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 31-01-2012 22:12:55
วิ๊ดวิ้ว มาแล้วววว

คิดถึงจัง แปะไว้แล้วไปอ่านด่วน  :L2:



โอ่ยยยยยย ทำไมทำไมทำไม น่ารักกันไปมั๊ย?

รู้ตัวรู้ใจกันสักทีเห๊อะ คนอ่านลุ้นตัวโก่งแล้ว


อ้าว ได้เป็นคนแรกกับเค้าด้วย ดีใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 31-01-2012 22:14:19
 :mc4:  คุณต้นมาต่อแล้ว

-------------------------------------

 :impress2:  จูจุ๊บกันแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 31-01-2012 22:39:45
เขยิบไปอีกขั้นนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 01-02-2012 00:17:58
แอร๊ยยยยยยยยยยยยย หื่นเกิ๊นนนนนนนนนนน รับม่ายด้ายยยยยยยยยยยยย
 :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 01-02-2012 01:33:38
ขอให้รักกันไวไวนะคะ คนอ่านลุ้นจนตัวโก่งแล้วอิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 01-02-2012 01:56:31
เค้าจูบกันแล้ว >,,<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 01-02-2012 08:01:45
 :o8: :-[ น่ารักอ่ะทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-02-2012 08:56:42
ว้าว....ล่อลวงกันง่ายงี้...คราวหน้ามีลุ้น...หุหุหุ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 01-02-2012 10:54:14
ตัดจบแบบนี้เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 01-02-2012 12:25:04
สองคนนี้ไปไกลอีกขั้นแล้ว... แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 01-02-2012 19:53:27
ชอบง่ะ ค่อยเป็นค่อยไป :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-02-2012 22:18:57
เพื่อนชายชักให้เพื่อนชาย
เพื่อนชายดูดนมเพื่อนชาย
เพื่อนชายจูบเพื่อนชาย
โอววววว ใกล้ความจริงแล้ววว :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 02-02-2012 02:04:20
 :jul1: มาฝากตัวอ่านเรื่องนี้ด้วยคนค่า
 :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-02-2012 06:01:12
เลิกเป็นเพื่อนกันได้แล้ววว  เป็นอย่างอื่นดีกว่า  :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 7)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 02-02-2012 08:45:33
จุ๊บปากกันแล้ววววววววว ต่อไปคงมากกว่าจุ๊บปาก ไปจุ๊บอย่างอื่นแน่ๆเลย
ชอบ ชอบ ที่นะเขิน   :-[

.......................................
คุณต้นลืมเปลี่ยนเลขตอนรึปล่าววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 02-02-2012 11:53:42
เพิ่งนึกได้พอดี เลยเพิ่งมาเปลี่ยน ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณที่เตือนนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 02-02-2012 12:06:59
 :z13: :z13:

จิ้มๆ ไว้ก่อน

เด๋วเลิกงานแล้วค่อยอ่าน

อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 02-02-2012 12:36:19
เหอ ๆ ๆ ตอนนี้ยังเป็นแค่ Sexfriend ใช่ปะ แต่อีกหน่อยก็จะพัฒนาไปเป็น
การแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อกันล่ะ อีกเดี๋ยวต้นรักต้นนี้ก็คงผลิดอกแตกช่องามสะพรั่ง
เพราะขณะนี้ทั้งสองต่างก็ไม่มีภาระผูกพันกับใครแล้ว
คงมีเวลารดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยต้นรักที่เริ่มต้นจากคำว่าเพื่อนแหละ เชียร์ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-02-2012 12:47:38
เป็นฉากที่อ่านแล้วรู้สึกอีโรติกมากกกกกกกก
คือมันอายมากเลย-////-

แต่ก็ชอบ
ปกติเราจะไม่ค่อยรู้สึกอะไร แบบว่าเนื้อหนังก็....
แต่อันนี้ไม่ใช่อ่านแล้วแบบ อยากกินผ้า จิกหมอน (แต่กริ๊ดไม่ได้นี่ที่ทำงาน)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-02-2012 13:13:04
ไม่รู้สึกแปลกเพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติมาก ๆ เลยใช่ไหมซี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 02-02-2012 16:40:05
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย...ไม่ไหวอ่า

นั่งอ่านในที่ทำงาน...แทบเก็บอาการเขินไม่อยู่อะ :-[

และแล้วเมล็ดมันก็เริ่มงอกเงยแล้วใช่ม้า

แหม...น้องซีจ๋าไม่ต้องกังวลหรอก...พวกหนูก็แค่...เป็น....ผู้ชายที่รักกันเองเนอะ :z1:

 :กอด1:คิดถึงคุณต้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 02-02-2012 19:39:10
ตอนนี้อ่านแล้วอยากกรี้ดมาก เขินแทนทั้งสองคนเลยอะ

คุณต้นเขียนได้ดีมากเลยค่ะ
 o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 02-02-2012 20:08:58
ถึงตอนล่าสุดแล้ว เย้ๆ

นะจะรู้สึกยังไงละเนี่ย
คงต้องรอดู
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-02-2012 20:11:56
เพื่อนกันมันส์ดี :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 02-02-2012 21:10:46
ใกล้ความจริงแล้ว  :o8:
ลุ้นดีจังวุ้ย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 02-02-2012 21:21:29
จูบกันแล้ว  เลิกเป็นเพื่อนกันได้แล้วสองหนุ่ม
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 02-02-2012 23:15:59
อั๊ยยะ มีจูบกันด้วยตอนนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 02-02-2012 23:33:40
สาวๆ อ่านแล้วเขินกันขนาดนั้นเลยเหรอครับ >__<

แล้วหนุ่มๆ อะ อ่านแล้วรู้สึกไงกันบ้าง

รอหน่อยนะ ตอนหลังจากนี้มีเขินกว่านี้แน่นอนอะ (คิดว่านะ)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: skysonata ที่ 02-02-2012 23:43:55
เขินจิกหมอน. แอร๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 03-02-2012 03:39:44
มีเขินกว่านี้อีกหรอ????    :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 03-02-2012 11:26:38
เมื่อไรจะแอดวานซ์ อ่ะ

รออยู่น่ะ 

อ่านแล้วรู้ยิ้มตลอดเลยอ่ะ 

 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 03-02-2012 12:06:52
แอร๊ยยยยยยยยยยยย~
ทำไมไม่ซั่มกันเลย
มาจนถึงขนาดนี้แล้ว
หนูป่าวหื่นนะคะพี่ต้น
แต่...ตอนหน้าซั่มกันเลยได้ไหม
ค้างๆคาๆแบบนี้  หนูลุ้นมากเลยค่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-02-2012 14:16:13
ก้าวหน้าไปอีกยกล่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-02-2012 15:51:45
เค้าแค่จูบกัน เราก็เลือดหมดตัว ถ้าจัดเต็มเมื่อไหร่นี่ตายแหงๆ :jul1:
นะเองก็คงคิดไม่ต่างไปจากซีหรอก อยากให้เป็นแฟนกันเร็วๆจัง เราอยากสลบคากองเลือด :m20:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 03-02-2012 19:09:47
ตอนใหม่จงมา ตอนใหม่จงมา ตอนใหม่จงมา ... ฮึบๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 03-02-2012 19:39:40
 :call: :call: :call:

ชาบู  ชาบู  ตอนใหม่  ตอนใหม่  ตอยใหม่  ชาบู  ชาบู 
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 03-02-2012 20:59:05
คนอ่านคนนี้ลุ้นสุดตัวค่ะ :z10:
รอตอนต่อไปค่ะ :z2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 03-02-2012 21:22:56
รอตอนใหม่คร๊าบบบ  :mc4:  :mc4:  :mc4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 03-02-2012 21:50:26
สาวๆ อ่านแล้วเขินกันขนาดนั้นเลยเหรอครับ >__<

แล้วหนุ่มๆ อะ อ่านแล้วรู้สึกไงกันบ้าง

รอหน่อยนะ ตอนหลังจากนี้มีเขินกว่านี้แน่นอนอะ (คิดว่านะ)

รู้สึกว่าอยากอ่านตอนต่อไปอ่าครับ  :laugh:

อยากเขินมากกว่านี้ด้วย แบบว่าอินมาก น่ารักๆ รอตอนต่อไปครับ :mc4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 04-02-2012 12:22:27
รออ่านต่ออออ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 04-02-2012 13:15:11
ขออนุญาติ
เข้ามานอนรอ :a12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 04-02-2012 15:10:33
ขอตอนใหม่ อ่านแล้วเป็นแบบนี้นะครับบ

 :jul1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 04-02-2012 15:59:55
เมื่อไหร่จะได้เขินมากกว่านี้ครับ                                       
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 8)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 04-02-2012 17:34:29
ลุ้นอยู่เหมือนกันครับ

 :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 04-02-2012 17:40:10
SeeeDz ที่ 9

“เฮ้ย ได้เวลาตื่นแล้ว ไอ้ซี”

“อืออออ...” ผมบิดตัวหลบแล้วหยิบหมอนมาอุดหูเอาไว้ “ขอนอนอีกนิดนึงน่าาา”

“ไม่ได้! ตื่นได้แล้ว ไอ้เชี่ยตี๋! เดี๋ยวไปเรียนสายนะเว้ย!” เขาดึงหมอนที่ผมหนุนอยู่ออกแล้วฟาดมันลงบนหัวของผม

“โอ๊ยยยย! ไอ้เหี้ยยยยย!!”

“ลุกเร็ว ไปอาบน้ำ หรือจะให้กูอาบให้”

“ไม่ต้องเลยยย กูอาบเองได้” ผมชันตัวขึ้นนั่งแล้วมองเขาตาขวาง

นะมองหน้าผมแล้วหัวเราะเบาๆ เขาวางมือลงบนหัวของผมแล้วจับหัวผมโยกไปมา “ผมยาวแล้วนะมึง เอาไว้ไปตัดผมด้วยกันมะ”
ผมที่ยังง่วงๆ อยู่มองหน้าเขาแล้วก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความกังวลที่ผมเคยมีก่อนหลับตานอนดูจะจางหายไปจนหมดเมื่อผมตื่นขึ้นมาพบว่าเขาก็ยังคงเป็นเขาคนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเลยแม้แต่นิดเดียว

“อะไร มองครวยไรวะ นั่งทำหน้าง่วงๆ แล้วยังมองหน้าหาเรื่องกูอีกรึไง”

ผมปัดมือเขาออก “ครวยไรล่ะ ไอ้หมีควาย นี่มึงอาบน้ำแล้วเหรอวะ”

“เออ อาบแล้ว มีแต่มึงนั่นแหละ ตัวเหม็นปากเหม็น จะอ้วกว่ะ” เขาบีบจมูกแล้วทำหน้าย่น

“ส้นตีน! เขยิบไปเลย กูจะไปอาบน้ำแล้ว!”

“ขัดให้สะอาดๆ ล่ะ ดูให้ดีๆ ว่ายังมีคราบเหลืออยู่รึเปล่า”

“ปากดีนะมึง!” ผมตบหัวเขาเบาๆ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วจากนั้นจึงออกไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับเขา

ชีวิตประจำวันของเราสองคนดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงก่อนสอบปลายภาคประมาณเกือบสองสัปดาห์ เราก็เริ่มจะห่างกันไปเล็กน้อย เพราะต่างคนก็ต่างต้องเคลียร์งานและเตรียมอ่านหนังสือสอบของตัวเอง แต่ก่อนหน้านั้น มีอยู่คืนหนึ่งที่เราไปเที่ยวกลางคืนด้วยกันกับเพื่อนๆ กลุ่มของผม และสุดท้ายเราก็กลับมาช่วยชักให้กันและกันเหมือนเดิม ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือว่าเป็นเพราะความกล้าที่มีมากขึ้นกันแน่ จึงทำให้เราสองคนจูบปากกันตั้งแต่ช่วงแรกๆ ไม่มีอาการเคอะเขินเหมือนเมื่อครั้งก่อน และที่สำคัญ เขายังเป็นฝ่ายเริ่มจูบผมก่อนอีกด้วย

ตอนแรกผมเหมือนจะคิดมากนะ แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบคิดอะไรจุกจิกขนาดนั้น ผมไม่เคยสงสัยความเป็นผู้ชายของตัวเอง ไม่เคยสงสัยในตัวของเขา และยิ่งไม่เคยสงสัยในมิตรภาพของเรา บวกกับการที่นะก็ยังคงเป็นเขาคนเดิมที่ร่าเริง ยิ้มเก่ง กวนตีน และดูแลใส่ใจเพื่อนๆ ทุกคนดี ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขาไม่เคยมีท่าทีที่เปลี่ยนไป และยังไม่เคยแสดงท่าทีที่จะคิดอะไรกับผมมากกว่าเพื่อนด้วย ผมจึงไม่รู้ว่าผมจะคิดมากไปเพื่ออะไร ผมแค่รู้ว่าความเป็นเพื่อนที่เราสองคนมีให้แก่กันนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษ เรามีมิตรภาพที่แน่นแฟ้น และมีความผูกพันเป็นสายใยที่เชื่อมเราไว้ด้วยกัน มันคือสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้แต่สามารถรับรู้ได้ทางความรู้สึก และสิ่งๆ นี้ก็คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่มีเขาเป็นเพื่อน และได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งผมคิดว่าแค่นั้นมันก็คงเพียงพอแล้ว

“ปิดเทอมแล้วมึงมีแพลนจะไปไหนมั้ยวะ ไอ้ซี” นะถามผมขึ้นในวันหนึ่งขณะที่เรานั่งอ่านหนังสือด้วยกันอยู่ที่ห้องของผม

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ... ว่าแต่นี่ยังไม่เริ่มสอบเลยนะ มึงถามถึงหลังสอบเสร็จแล้วเหรอวะ”

“อาทิตย์หน้าก็สอบแล้วเหอะ แล้วเดี๋ยวช่วงนั้นเราก็จะยิ่งไม่ค่อยได้เจอกันหนักกว่านี้อีกนี่หว่า กูก็เลยถามๆ ไว้ก่อนไง”

“มึงพูดเหมือนมึงจะชวนกูไปไหนเลยนะ”

“เออ กูมีบ้านญาติอยู่เชียงใหม่ว่ะ สนมั้ยวะ”

“อ้าว ญาติพี่น้องมึงไม่ได้อยู่โคราชกันหมดหรอกเหรอ”

“ญาติฝั่งพ่ออะ ใช่ แต่แม่กูเค้าเป็นคนเชียงใหม่น่ะ เห็นปะ จริงๆ แล้วกูเป็นลูกครึ่งนะเว้ย”

“เออ จริง ครึ่งคนครึ่งควายนะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วไงวะ จะไปนอนบ้านญาติมึงเรอะ”

“นอนโรงแรมก็ได้ กูก็ไม่ค่อยอยากรบกวนเค้าเหมือนกัน แถมบ้านเค้าก็ไม่ได้อยู่ในเมืองด้วย แต่เค้าให้เรายืมรถขับไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ได้น่ะ สนใจปะล่ะ”

“เออ ก็น่าสนนะ ไปพักผ่อนหลังสอบเสร็จก่อนจะรู้เกรดก็ดีเหมือนกัน แล้วใครไปมั่งวะ”

“กูก็เพิ่งชวนแค่มึงนี่แหละ แต่ไอ้นนท์กับไอ้โจก็อาจจะไปมั้ง เพราะจริงๆ แล้วไอ้นนท์มันก็คนเชียงใหม่เหมือนกัน”

“เหรอวะ เออก็ดีดิ แล้วแบบนี้ทำไมมึงไม่ขอนอนบ้านไอ้นนท์มันไปเลยล่ะวะ”

“ไอ้เหี้ย ไม่เอาหรอก กูเกรงใจมัน และบ้านมันก็ไม่ใช่บ้านมันจริงๆ ด้วย รู้สึกจะเป็นบ้านย่ารึบ้านยายมันมั้ง เพราะมันย้ายลงมาอยู่กรุงเทพฯ กับแม่ตั้งแต่เด็กแล้ว กูก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอก แต่กูเกรงใจมันว่ะ เกรงใจไอ้เชี่ยโจด้วย”

“มึงนี่เป็นโรคขี้เกรงใจรึไงวะ ไอ้นะ กูเห็นมึงเกรงใจแม่งทุกคน ยกเว้นกูเนี่ย”

เขายักไหล่พร้อมกับยิ้มน้อยๆ “ก็มึงมันไม่ค่อยน่าเกรงใจนี่หว่า”

“ไอ้หน้าส้นตีน! เออๆ เอาเป็นว่ากูรับคำชวนของมึงละกัน แต่เอาไว้ขอกูถามพ่อกับแม่ก่อนแล้วกันว่าเค้าจะให้รึเปล่าอะ”

“พรุ่งนี้วันเสาร์มึงกลับบ้านใช่มะ”

“ใช่ ก็คงกลับสายๆ อะ อาจจะสักแปดเก้าโมง จะได้มีเวลาอ่านหนังสือเยอะหน่อย สองวันสุดท้ายแล้วด้วย ทำไมวะ”

“งั้นกูไปเที่ยวบ้านมึงดีกว่า”

“หืออออ!!” ผมหันขวับไปมองหน้าเขาทันที “ไปทำไมวะ ใครเชิญมึง ไอ้ตูด”

“กูไง กูเชิญตัวเอง กูอยากไปไหว้พ่อแม่มึงที่บ้านบ้าง ตอนนั้นเค้าก็อุตส่าห์พากูไปกินข้าว หนนี้กูเลยอยากไปขอบคุณพ่อกับแม่มึงสักหน่อย”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ่อกับแม่มาส่งผมที่หอในเย็นวันอาทิตย์ ผมจึงแนะนำนะให้ทั้งสองคนรู้จักในฐานะเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าหมอนี่ก็ทำให้พ่อกับแม่ประทับใจได้แทบจะในทันที พวกเขาจึงชวนนะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วก็ด้วยนิสัยยิ้มเก่ง อ่อนน้อม และขี้เล่นของเขานั่นแหละ ที่ยิ่งทำให้แม่หลงรักเขามากขึ้นไปอีกจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนให้เขาไปเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ ด้วย

ที่จริงต้องบอกว่าแม่ ‘บังคับ’ ให้ผมพาเขาไปที่บ้านบ้างด้วยซ้ำ อย่างเช่นวันนี้เมื่อตอนเย็น แม่ก็ยังถามผมอยู่เลยว่าเสาร์อาทิตย์นี้นะจะไปเที่ยวที่บ้านหรือเปล่า

“นี่มึงทำยาเสน่ห์อะไรใส่แม่กูรึเปล่าวะเนี่ย” ผมถามเขา

เขายิ้มกวนๆ “เผอิญเป็นคนมีเสน่ห์ตามธรรมชาติว่ะ”

ผมดีดขี้ยางลบบนโต๊ะญี่ปุ่นใส่หน้าเขา “กูจะอ้วก! กูจำได้ว่าตอนแรกๆ มึงดูเป็นคนขี้อายกว่านี้นะ ไอ้ตูด ไม่ใช่หลงตัวเองแบบนี้”

“แล้วตอนนี้กูไม่ขี้อายตรงไหนวะ ออกจะขี้อ๊ายขี้อายยย ไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย แบบกูเนี่ย เค้าเรียกว่า ‘ยอมรับความจริงแบบถ่อมตัว’ เว้ย จำไว้”

“เออ กูจะจำไว้จนวันตายเลยยยยยย แม่งงง กวนตีนยังไงก็อย่างนั้นจริงๆ เออๆ พรุ่งนี้มึงไปบ้านกับกูก็ได้ แม่กูเค้าก็ถามหามึงอยู่เหมือนกันแหละ แล้วมึงก็ขอแม่กูเรื่องไปเชียงใหม่ซะเลยสิ อ้อนเค้าเข้าไปเยอะๆ เค้าจะได้อนุญาต”

“ฮ่าๆๆ แม่มึงเค้าถูกชะตากับกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูเพิ่งรู้”

“ก็เออดิ ยังกะรู้จักกับมึงมานานแสนนานอย่างนั้นแหละ”

“ฮ่าๆๆ เหรอวะ แบบนี้กูขอเป็นลูกเขยบ้านมึงเลยท่าจะดีเว้ย”

“ครวยเหอะ มึงเคยเห็นหน้าน้องสาวกูรึยัง มันไม่ได้ขาว หมวย สวย หน้าตาดีเหมือนกูหรอกนะเว้ย หึๆๆ”

“ใครบอกว่ากูจะขอน้องสาวมึง กูจะขอมึงมาทำเมียต่างหาก” และเมื่อพูดจบประโยค เขาก็กระโดดเข้ามากอดรัดผมทันที

“ไอ้เหี้ยยยย!! ปล่อยกูนะเว้ย ไอ้สาดดด!!”

“ปล่อยก็ได้” เขายอมผละออกไปอย่างว่าง่าย “งั้นวันนี้กูกลับห้องก่อนละนะ ปล่อยให้มึงตั้งใจอ่านหนังสือต่อไปดีกว่า”

ผมมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ “เหออ มึงจะกลับแล้วเหรอวะ ยังไม่มืดเลยเหอะ”

“ช่ายยย” เขายืนขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ก้มลงเก็บสมุดกับปากกาของตัวเองลงกระเป๋าสะพายข้าง

“อะไรวะ วันนี้มาแปลกนะมึงเนี่ย ปกติไม่ห้าทุ่มเที่ยงคืนไม่กลับแท้ๆ” ผมยืนขึ้นด้วยอีกคน

“ทำไมวะ” เขามองหน้าผมยิ้มๆ “หรือมึงกำลังคิดว่าเราจะต้องได้ทำอะไรกัน เพราะทุกทีที่เราปล้ำกันแบบนั้น มันมักจะต้องจบลงด้วยการ....” เขาเว้นช่วงพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ “ทุกครั้ง อะไรแบบนั้นเหรอวะ”

ผมเตะก้นเขาดังป้าบเบ้อเริ่ม “ครวย! ทะลึ่งแล้วมึง! กูไม่ได้คิดอะไรเลยเหอะ ไอ้ห่าาา!! เออๆ มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป กูจะได้อ่านหนังสือต่อ”

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย แล้วก็เปลี่ยนใจเป็นไม่พูดเสียเฉยๆ

“อะไร มึงจะพูดอะไร ไอ้นะ” ผมถาม

“เปล่า ไม่มีอะไรสักหน่อย” เขายิ้ม ดูหน้าตาเขินๆ ชอบกล ยิ่งทำให้ผมอยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าเมื่อกี้เขาตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่

“เฮ้ยย! บอกมาเลย เมื่อกี้มึงจะพูดอะไรวะเฮ้ย!”

“อะไรเล่า บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีดิ!” เขาแกล้งตีหน้าหงุดหงิดกลบเกลื่อน จากนั้นก็เดินไปคว้ากุญแจรถขึ้นจากโต๊ะวางทีวีแล้วเดินตรงไปยังประตู

“กวนตีนนะมึงเนี่ย ทำให้กูอยากรู้แล้วไม่เสือกบอก จำเอาไว้เลย ไอ้หมีควายเอ๊ยยยย”

เขาเปิดประตูห้องออกแล้วหันมามองหน้าผม “มึงนี่มันก็ขี้เสือก อยากรู้อะไรก็ต้องรู้ให้ได้ตลอดไม่เปลี่ยนเลยนะ ไอ้ตี๋”

“มึงว่าใครเสือกวะ ไอ้เชี่ยนี่!”

“ก็มึงนั่นแหละ! ไอ้ครวย!” เขาหัวเราะทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลง

หลังจากนั้นอีกไม่ถึงห้านาที เขาก็ส่งข้อความมาหาผมบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะเข้ามาหาผมตั้งแต่หกโมง ผมจึงรีบส่งข้อความตอบกลับไปทันทีว่าถึงเขามา ผมก็ไม่ตื่นไปเปิดประตูให้หรอก และเขาก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรกลับมาอีก แต่ผมรู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องมาปลุกผมแต่เช้าจริงๆ แน่ อาจจะไม่ใช่หกโมงตรง แต่ผมคิดว่ายังไงก็คงไม่เกินเจ็ดโมงแน่นอนล่ะ เพราะเขาเป็นคนแบบนี้แหละ ชอบเหลือเกินที่จะแกล้งให้ผมตื่นเช้าๆ แล้วก็จะมีความสุขกับการเห็นผมต้องทนง่วงและสะลึมสะลือไปอีกหลายชั่วโมง

วันรุ่งขึ้น ผมชิงตื่นก่อนที่นะจะโทรเข้าห้องมาปลุกผมได้ราวๆ สิบนาที หลังจากที่ผมรับเขาขึ้นมานั่งรอบนห้องแล้ว ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นเราก็ออกไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ก่อนจะขึ้นรถเมล์ไปยังบ้านของผม และแน่นอนว่าผมก็นั่งหลับแทบจะตลอดทาง โชคยังดีที่ผมตื่นขึ้นมาได้ทันก่อนจะถึงป้ายที่เราต้องลง หลังจากนั่งแท็กซี่เข้าซอยต่อไปอีกหน่อย เราก็มาถึงบ้านของผมกันตอน 11 โมงตรงพอดี

“เออลืม” ผมหันไปพูดกับเขาตอนกำลังเปิดประตูรั้วบ้าน “กูยังไม่ได้บอกแม่เลยนะว่ามึงมาด้วยน่ะ”

“อ้าวเหรอ เฮ้ย กูจะมารบกวนรึเปล่าวะเนี่ย”

ผมยกเท้าขึ้นถีบต้นขาของเขาเบาๆ “ส้นตีนเหอะ ทีอย่างนี้เพิ่งจะมาทำเป็นเกรงใจ ไอ้ถึกเอ๊ยยย ช้าไปแล้วมั้ยวะ เอ้า มาๆ เข้าบ้านมา”

“มึงเล่นไรเนี่ย! ไอ้เชี่ยซี กางเกงกูสกปรกหมด!” เขาก้มลงปัดกางเกงยีนส์ของตัวเอง “เดี๋ยวพ่อกับแม่มึงจะไม่ประทับใจนะเว้ย ไม่ได้ๆ และที่สำคัญ กูจะต้องทำให้น้องมึงประทับใจด้วย”

“ถุยยย! ฮ่าๆๆๆ ไอ้นะเอ๊ยยย! น้องกูมันไม่สนใจมึงหรอก! เอ้า เข้าบ้านมา รถจอดอยู่ทั้งสองคัน แปลว่าคงไม่มีใครออกไปไหนมั้ง”

หลังจากที่เขาเดินตามผมเข้ามาในลานจอดรถได้แค่ไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของสุนัขตัวหนึ่งเห่าเสียงดังและจู่โจมพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ยยยยย!!!” เขาร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับผงะไปอีกหลายก้าว

“เป๊ปซี่! ไม่เอาๆ มานี่ลูก มา!” ผมเรียกเจ้าตัวเก่งของผม

ไซบีเรียนฮัสกี้เพศผู้สีเทาเข้มตัวเกือบเท่าเอวหันขวับตามเสียงเรียก แล้วจากนั้นก็ควบฝีเท้าตรงเข้ามาหาผมทันที

“กว่าจะมองเห็นกูนะ ไอ้ตูดเอ๊ยยยย!!” ผมนั่งยองๆ แล้วกอดเจ้าตัวเก่งเอาไว้ในอ้อมแขน “เป็นไงมั่งลูก ฮึ”

“มึงเลี้ยงหมาด้วยเหรอวะ ไอ้ซี ไม่เห็นมึงเคยบอกกูเลย”

“อ้าว กูยังไม่เคยบอกมึงหรอกเหรอ” ผมหัวเราะเบาๆ

เจ้าเป๊ปซี่หันกลับไปสนใจแขกผู้มาเยือนอีกครั้ง มันกระดิกหางให้นะอย่างมีความสุข แล้วจากนั้นก็ผละจากผมตรงเข้าไปหาเหยื่อใหม่ตัวใหญ่ข้างหน้า มันกระโดดขึ้นเกาะนะหมายจะเลียหน้าของเขาให้ได้ ผมเห็นท่าทางตื่นกลัวของนะแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่ก็โทษเขาไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าเจ้าเป๊ปซี่ก็มีขนาดใหญ่โตกว่าหมาพันธุ์เดียวกันประมาณหนึ่งอยู่แล้ว แถมหน้ามันยังค่อนข้างน่ากลัวอีกด้วย แต่ที่จริงแล้วมันเป็นหมาที่เชื่อง อารมณ์ดี และรับแขกสุดๆ เลยต่างหาก และที่สำคัญมันยังรักเด็กมากอีกด้วย

“อ้าว นะ มาเที่ยวด้วยเหรอลูก ทำไมเจ้าซีไม่เห็นบอกแม่เลย!” เสียงของแม่ดังขึ้นจากหน้าระเบียงบ้าน

“แม่ หวัดดีครับ” นะยกมือไหว้แม่ของผมท่าทางทุลักทุเล เพราะกำลังโดนเจ้าเป๊ปซี่กระโดดเกาะอยู่

“ซี! ทำไมไม่จับเป๊ปซี่ไว้ล่ะ!”

“ทำไมอะครับ ปล่อยมันไว้แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ แถมไอ้นะมันก็ตัวใหญ่กว่าหมาตั้งเยอะ มันดูแลตัวเองได้น่า” ผมหัวเราะ

“ซี!!”

“ค้าบๆ โอเคๆ ซีล้อเล่นเฉยๆ น่า” ผมเดินเข้าไปหานะ จากนั้นก็ดึงปลอกคอของเป๊ปซี่เอาไว้ “มานี่มา ไอ้ตัวแสบ ไม่ต้องไปยุ่งกับพี่เค้า เดี๋ยวไม่ให้กินทาโร่นะเว้ย!”

พอเป๊ปซี่ได้ยินคำว่า ‘ทาโร่’ มันก็หูตั้งและหันขวับมามองผมทันที

“ดีมากกก เอ้า นั่งลง เร็ว จะกินทาโร่มั้ย ถ้าอยากกินก็นั่งลง อย่าดื้อ”

ไอ้ตัวเก่งรีบนั่งลงแล้วยกขาไหว้ผมปะหลกๆ พลางส่งเสียงคราง งี้ดๆ เบาๆ

“มึงนี่มันน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ ไอ้เป๊ปซี่เอ๊ยยยยย!!” ผมขยี้หัวของมัน จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วชี้ไปในบ้าน “เอ้า ไปนั่งรอในบ้านก่อน แล้วจะให้กิน ไป”

เป๊ปซี่ดีดตัวผึงแล้วรีบออกวิ่งผ่านแม่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

“มันชอบกินทาโร่เหรอวะ” นะถามผม

“เออ มันแทบจะกินแทนข้าวอยู่แล้วเนี่ย” ผมหัวเราะ “ว่าแต่เรามีทาโร่ให้มันกินมั้ยฮะ แม่”

“มีสิ เต็มตู้เลย แม่ว่าป่านนี้มันไปนั่งรออยู่ในครัวแล้วมั้ง” แม่ตอบ

“โอเคครับ ดีเลย งั้นเดี๋ยวซีไปป้อนมันเอง” ผมหันไปหานะ “เอ้า มา เข้าบ้านก่อนเว้ย”

ผมเดินนำเขาเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็พาเขาไปนั่งในห้องรับแขก แต่หลังจากที่เราสองคนวางกระเป๋าลงได้ไม่นาน เจ้าเป๊ปซี่ก็วิ่งออกมาต้อนรับเราอีกครั้ง ผมจึงต้องพามันเข้าไปในห้องครัวแล้วฉีกซองทาโร่ป้อนให้มันหนึ่งซอง มันถึงจะยอมสงบลงได้ และเมื่อผมเดินกลับออกมาที่ห้องรับแขก ผมก็เห็นว่านะกับแม่กำลังนั่งคุยกันอยู่พอดี

“แล้วนี่พ่อไม่อยู่เหรอครับ แม่” เขาถามแม่ของผม

“อยู่ข้างบนนั่นน่ะ สงสัยกำลังนั่งเล่นเกมอยู่มั้ง ซีไปตามพ่อลงมาหน่อยซิ ใกล้ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้วด้วยพอดี”

“โอ๊ยยย ไม่ต้องตามหรอกแม่ ปล่อยเค้าไปเหอะ ไว้จะกินข้าวแล้วค่อยเรียกลงมาก็ได้” ผมนั่งลงข้างๆ นะ “แล้วนี่ทรายกับพี่แซ็คอยู่รึเปล่าอะ”

“ทรายมันไปเรียนพิเศษไง ส่วนไอ้แซ็คอาทิตย์นี้ไม่กลับบ้านน่ะ มันขอไปนอนค้างบ้านเพื่อน”

ผมพยักหน้า “อืมๆๆ เออใช่ ไอ้ซีเองก็จะมานอนบ้านเราคืนนึงนะ แม่ ได้มั้ยอะครับ”

“ได้อยู่แล้วล่ะ เมื่อกี้นะเค้าบอกแม่แล้ว และเห็นบอกว่าจะชวนเราไปเชียงใหม่ด้วยไม่ใช่รึไง”

ผมหันไปมองหน้าเขา “นี่มึงขอแม่ให้กูแล้วเหรอเนี่ย โหหห ไวไปรึเปล่าวะ ไอ้นะ”

เขายักไหล่เบาๆ “ก็มึงบอกเองนี่หว่าว่าจะให้กูช่วยพูดให้อะ ไม่ใช่รึไง”

“ไอ้...!!”

“อะไร ซี อะไร” แม่มองผมตาเขียว “อยู่บ้านนะเรา จะพูดจะจาอะไรก็ระวังๆ หน่อย เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ให้ไปซะหรอก!”

“ใช่ๆ ระวังหน่อย อย่าพูดคำหยาบเยอะนะ ซี มันไม่ดี ไม่สุภาพ” เขาจุ๊ปากพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

ผมล่ะอยากจะถีบเขาให้ตกโซฟาจริงๆ!!

“เอ้อ ใช่ แม่ครับ ผมซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มาฝากแม่ด้วยนะครับ เป็นการขอบคุณที่พ่อกับแม่เลี้ยงข้าวผมเมื่อครั้งที่แล้วกับที่ผมมารบกวนวันนี้” นะหันไปเปิดซิปกระเป๋าเป้ของตัวเองออกแล้วหยิบกระเช้ารังนกสำเร็จรูปกระเช้าเล็กๆ ออกมายื่นให้กับแม่

“โอ๊ยยย ตายแล้ว ไม่เห็นต้องลำบากเลยลูก ขอบใจมากเลย น่ารักจริงๆ” แม่รับรังนกจากมือของนะแล้วก็วางลงบนโต๊ะ

“นี่มึงไปซื้อมาเมื่อไหร่วะเนี่ย ไอ้นะ” ผมถามเขา

“ก็เมื่อคืนหลังจากกลับจากห้องของมึงไง”

“อ้อออ มิน่าล่ะ...” ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงได้ขอตัวกลับออกจากห้องของผมเร็วกว่าปกติ แถมวันนี้ก็ยังเอากระเป๋าใบเบ้อเริ่มมาทั้งๆ ที่มานอนกับผมแค่คืนเดียว ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง

“ไปเถอะ ซี พานะเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องก่อนไป เดี๋ยวพอถึงเวลากินข้าวแล้วแม่จะให้คนขึ้นไปตาม”

“มา ตามมา” ผมคว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วยืนขึ้น จากนั้นก็เดินนำเขาขึ้นไปยังชั้นสอง

เมื่อเราสองคนเข้ามาอยู่ในห้องของผมแล้ว ผมก็เปิดแอร์ แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที ส่วนนะก็ยังคงยืนทำท่าเก้ๆ กังๆ อยู่ที่หน้าประตู พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องของผมอยู่

“เป็นอะไรเล่า นั่งลงก่อนสิเว้ย นั่งบนเก้าอี้หรือนั่งบนเตียงก็ได้”

เขายิ้มเขินๆ “ถ้ากูบอกว่ากูเกรงใจ มึงจะเชื่อกูปะวะ”

“ฮ่าๆๆ กูก็กะแล้วล่ะ แต่มึงไปหอกูมาตั้งกี่หนแล้ววะ ป่านนี้มึงยังจะมาเกรงใจอะไรกูอีก”

“ก็นั่นมันที่หอ แต่นี่มันที่บ้านนี่หว่า”

“ก็เหมือนกันแหละน่า มานั่งลงก่อน จะยืนอยู่ทำมะเขืออะไรวะ”

เขาเดินมานั่งลงบนเตียง จากนั้นก็ชี้ไปที่รูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ “นั่นน้องมึงกับพี่มึงเหรอวะ”

“ช่ายย ถ่ายเมื่อปีที่แล้วน่ะ”

“ในบรรดาสามพี่น้อง ทำไมมึงขาวอยู่คนเดียวเลยวะ ไอ้ซี”

“ฮ่าๆๆๆ ก็กูเคยบอกมึงแล้วว่ามันสองคนไม่ได้หน้าตาดีน่าแดกเหมือนกูหรอกนะ”

“ใครบอกว่ามึงน่าแดกวะ ยังไม่เคยมีใครพูดสักคน”

“เออ ไอ้ครวย” ผมถีบก้นเขาเบาๆ “แล้วใครวะ ที่บอกว่าหน้ากูเซ็กซี่อะ”

นะหน้าแดงทันที “ใครวะ ใครแม่งพูดวะเนี่ย สงสัยแม่งจะตาบอดว่ะเฮ้ยยย”

“เออ กูก็ว่างั้นแหละ” ผมหัวเราะ “ตาบอด แถมยังครวยดำอีกต่างหาก”

“มึงว่าใครครวยดำ ไอ้ตี๋!”

“อ้าว มึงยอมรับเหรอว่ามึงคือคนตาบอดที่ชมกูคนนั้นน่ะ”

หน้าของเขายิ่งแดงหนักกว่าเดิมเสียอีก “มึงนี่มันกะล่อนจริงๆ นะ ไอ้ตี๋! แบบนี้มันต้องโดนเตะสักทีมั้ง ถึงจะหายน่ะ!”

“อ๊ะๆ อย่านะมึง ที่นี่บ้านกูนะ มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอกนะเว้ย” ผมเตือน

“เดี๋ยวรอคืนนี้ก่อนเหอะมึง กูจะปล้ำมึง จับมึงทำเมีย คอยดูเหอะ!”

“ถุย! กลัวตายห่าล่ะ! และที่สำคัญ ถ้าใครจะตกเป็นเมียนะ คนๆ นั้นก็ต้องเป็นมึงนั่นแหละว่ะ ไอ้นะ ไม่ใช่กูแน่นอน” ผมพูดติดตลก

“ระวังตัวไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกันเหอะ มึง” เขาชี้หน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “ถ้ากูจะเอามึงจริงๆ ขึ้นมา มึงคิดเหรอว่าจะสู้กูไหวน่ะ”

“กูม่ายยยกลัวววว” ผมทำหน้าล้อเลียนเขา

หลังจากนั้นไม่นาน พ่อก็มาเคาะประตูห้องของผม เมื่อนะไหว้พ่อและคุยกับพ่อนิดหน่อยแล้ว เราสามคนก็ลงไปกินข้าวกลางวันพร้อมกับแม่ที่รออยู่ข้างล่าง จากนั้นเวลาในช่วงบ่ายจนถึงเย็น ผมกับเขาก็ขึ้นมาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบด้วยกันในห้องของผม นะเป็นคนที่หัวดีและหัวไวมาก ไม่เข้ากับบุคลิกนักกีฬาของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เวลาที่ผมอ่านตรงไหนหรือแปลประโยคไหนไม่เข้าใจ เขาจะใช้เวลาอ่านแค่เพียงนิดหน่อยแล้วก็สามารถอธิบายให้ผมฟังจนเข้าใจได้ ผมรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีเขาเป็นเพื่อน ถึงเราจะอยู่ต่างคณะกัน แต่เขาก็ช่วยเหลือผมได้แทบทุกอย่างและแทบจะตลอดเวลา จนบางครั้งผมยังอดรู้สึกแย่นิดๆ ไม่ได้ ที่ผมไม่สามารถช่วยเหลือเขาในเรื่องเรียนได้บ้างเลย

“มึงจะคิดอย่างนั้นไปทำไม ไอ้ซี กูเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมึงเยอะแยะสักหน่อย และมึงมันเรียนไม่เหมือนกูอยู่แล้ว มึงจะมาช่วยอะไรกูได้วะ จริงปะล่ะ” เขาบอกผม เมื่อผมพูดถึงเรื่องที่ผมคิดออกไป

“มันก็ใช่ แต่กูไม่อยากให้มึงรู้สึกเหมือนกูเอาแต่ขอความช่วยเหลือมึงอยู่ฝ่ายเดียวนี่หว่า กูก็อยากช่วยอะไรมึงได้บ้าง ไรเงี้ย”
เขายิ้ม “ไอ้ทุยเอ๊ยย มึงเองก็ช่วยกูมาตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่รึไงวะ”

“กูเคยช่วยอะไรมึงด้วยเหรอวะ” ผมสงสัย

“ทุกๆ วันที่มึงอยู่กับกูนี่แหละ คือน้ำใจและมิตรภาพที่ดีที่สุดยิ่งกว่าความช่วยเหลือไหนๆ แล้ว ไอ้ซี ยิ่งตอนกูเลิกกับกิ๊กอะนะ ถ้าไม่ได้มึง กูว่ากูคงหลงทางและคงประสาทเสียกว่าที่ผ่านมาเยอะเลยว่ะ”

“ตอนนั้นมึงประสาทเสียแล้วเหรอวะ ไอ้นะ กูว่ามึงดูทำใจได้ดีมากเลยนะเว้ย”

“ก็เพราะกูมีมึงอยู่เป็นเพื่อนไงเลยไม่เป็นอะไรมาก เวลาอยู่คณะ กูก็มีเพื่อนๆ ของกู แต่พอตอนเย็น นอกเวลาเรียน กูก็ได้มึงนี่แหละที่ช่วยให้กูไม่เหงาน่ะ ถึงตอนกูอยู่คนเดียว กูจะยังมีซึมเศร้าบ้างก็เหอะ แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นอะว่ะ”

“แล้วตอนนี้มึงโอเคดีแล้วใช่มั้ยวะ ยังมีเหงาๆ อยู่บ้างรึเปล่า”

“ไม่เหงาแล้ว ก็มันผ่านมาตั้งนานแล้วนี่หว่า คือกูยอมรับว่ามันก็มีคิดถึงกันบ้าง อารมณ์อยากโทรหา เป็นห่วง อะไรแบบเนี้ย แต่กูก็เชื่อมึงไงว่าไม่โทรไปจะดีที่สุด ถ้าจะตัดแล้วก็ตัดไปเลยดีกว่า รอจนกว่ากูจะหายดีจริงๆ มึงเคยบอกกูว่าเวลาที่กูคิดถึงกิ๊ก ก็ให้โทรหามึงแทน ใช่มั้ยล่ะ”

“เออ แล้วช่วงนั้นมึงก็เลยโทรหากูแม่งทุกวันเลย กูจำได้” ผมหัวเราะ

“น่ารำคาญเหรอวะ”

“เฮ้ยยย เปล่า ไอ้เหี้ย กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“เฮ้ย ไม่เอา ไอ้ซี กูถามตรงๆ กูรู้ตัวว่าตอนนั้นกูติดมึงมาก กูไปอยู่กับมึงบ่อยๆ โทรหามึงบ่อยๆ มึงรำคาญกูรึเปล่าวะ บอกกูมาตรงๆ เลย ถ้ามันเยอะเกินไป กูจะได้ระวังตัว”

“ไม่เลย ไอ้นะ มึงไม่ต้องคิดมากเว้ย มึงเองก็เพื่อนรักกู กูดีใจและก็มีความสุขที่ได้อยู่กับมึงเว้ย โอเคปะ” ผมตบบ่าเขา จากนั้นก็โอบไหล่เขาเอาไว้

เขาหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มน้อยๆ “ตาชั้นเดียวของมึงนี่มันดูกวนส้นตีนจริงๆ เลยว่ะ ไอ้เชี่ยซี”

“อ้าว ไอ้เหี้ยนี่!” ผมดันตัวเขาออก

“นี่ถ้ามึงเป็นผู้หญิง กูคงรักมึงตายเลยว่ะ ฮ่าๆๆ”

“เออ แต่กูไม่ใช่ผู้หญิงไง มึงเลยไม่รักกู ใช่ซี้... มึงก็แค่เหงาแล้วมาระบายความเหงาลงที่กูใช่มั้ยล่ะ” ผมแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจเล่นๆ

“กูไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย” เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม บังคับให้ผมต้องสบตากับเขา “กูรักมึงเว้ย รักมากกว่าเพื่อนคนอื่นทุกคนของกูเลยด้วย เข้าใจมั้ยวะ คือมึงเป็นเพื่อนสนิทกูไง กูไม่มีทางคิดอะไรไม่ดีกับมึงเด็ดขาด โอเค้”

ผมถึงกับสะอึกและรู้สึกเขินขึ้นมาทันที “เออๆ กูรู้แล้วๆ กูเชื่อ ตกลงจะอ่านหนังสือกันต่อได้รึยังวะเฮ้ย”

“อะไร มึงเขินเหรอวะ” เขายิ้มกวนๆ จากนั้นก็ขยี้หัวผมแรงๆ “มึงนี่มันน่ารักจริงๆ ไอ้ตี๋เอ๊ยยยย”

“กวนส้นตีนนะมึง!!” ผมปัดมือเขาออก รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเริ่มเต้นแรงขึ้น

ผมเหลือบไปมองหน้าเขาก็เห็นว่าเขากำลังมองหน้าผมรออยู่แล้ว และเมื่อสายตาของเราประสานกัน ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเราต้องกำลังคิดเหมือนกันอยู่แน่ๆ เพราะผมเคยเห็นแววตาแบบนี้ของเขามาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

เขาเขยิบเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจากนั้นก็จับคางของผมให้หันไปหาเขาตรงๆ เขาชะโงกหน้าเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ แล้วจากนั้นริมฝีปากของเราสองคนก็สัมผัสกัน...

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 04-02-2012 17:49:57
ทำไมทำอย่างนี้ ตัดฉึบ ตัดฉึบ กำลังสนุกเลย  :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-02-2012 17:58:58
ใกล้ชิดกันมันก็ต้องมีบ้างของแบบนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 04-02-2012 18:01:22
อะไรกานนน จบตอนแล้วเหรอ  เพื่อนผู้ชายที่ไหนเค้าสนิทกันขนาดนี้ล่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 04-02-2012 18:21:57
ซีพาลูกเขยมาไหว้พ่อแม่ถึงบ้านเลย 555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 04-02-2012 18:27:48
เท่าที่อ่าน comment ดู หลายๆ คนเหมือนจะฟันธงแล้วนะครับว่าใครเขย ใครสะใภ้ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 04-02-2012 18:32:54
ถ้าให้แจ่มต้องผลัดกันซิครับ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 04-02-2012 18:39:57
คุณต้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ค้างอีกแล้วอ่า :serius2:

โอ๊ยยยยยยยยย....น่ารักอะ....เป็นห่วงกันจังเลยสองคนนี้

ตอนนี้ห่วงกันแบบเพื่อน

แต่เดี๋ยวต่อไปคงจะมีหึงกันบ้างล่ะนะ :-[

รอเมล็ดต่อไปนะคะคุณต้น^^

ปล.ขอโจกะนนท์มาแจมบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-02-2012 18:54:23
จะเขยจะสะใภ้ก็ไม่ว่า อย่าเปลี่ยนคู่ก็พอแล้ว
ตัดจบได้ค้างมากค่ะ เครียดเลยว่าจะยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 04-02-2012 19:20:29
 :ped151: ตัดชับ ค้างเติ่งอยู่บนยอดเลยครับ  :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-02-2012 19:23:55

ยังไม่ถึงกลางคืนเลยนะ...ลงมือแล้วหรอ นะ?   :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 04-02-2012 19:32:05
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ค้าง  อย่างง แร๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: hexagon1 ที่ 04-02-2012 19:49:08
ค้างเลย ฮ่าๆ  o13 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 04-02-2012 19:54:16
ตัดแบบนี้มันค้างนะ :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 04-02-2012 19:56:52
ทำไมมาตัดฉับกันอย่างนี้ ไม่ยอมๆๆ มาต่อด่วนเลยครับ                                               
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 04-02-2012 19:58:20
นะ ขอมาด้วยเพราะงี้ใช่มั้ย   :impress2:

ไปขอพ่อแม่เขาก่อนนะ เดี๋ยวผิดผี :laugh:



 :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 04-02-2012 19:59:33
ลุ้นมันได้ทุกบันทัดจริงๆ ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-02-2012 20:09:46
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 04-02-2012 20:29:24
พาเข้าบ้านซะแล้ว
แถมน้องนะยังถูกใจแม่ซีอีกด้วย
ทางสะดวกเห็นๆ
เพื่อนที่สนิทที่สุดเหรอ
เราว่ามันเกินคำนั้นแล้ว
รักกันเร็วๆนะ
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 04-02-2012 21:07:40
ง่ะ  มันค้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 04-02-2012 21:10:14
ตัดเลยตัดเลยชับ ชับ ชับ T T
ตัดกันงี้เลย  o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-02-2012 21:29:23
จูบชักจะบ่อยเกินเพื่อนไปแล้วน๊า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 04-02-2012 21:43:31
คนแต่งใจร้ายจริง :sad4:ค้างอย่างแรง :serius2:มาต่อเร็วเลยนะค่ะ :m16:
 :pig4:จากจาก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-02-2012 21:52:29
อะแฮ้ม ..จะได้อ่านหนังสือกันซักกี่มากน้อยหนอ
ก็ตาสบตาทีไรความในใจมันเผยออกมาเป็นต้องจูบกันทุกทีนี่นา
แต่คนอ่าน(คิดว่าทุกคนนะ)ชอบบบบบแหละ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-02-2012 23:12:27
เหอ ๆ ยังจะเรียกว่าเพื่อนอีกหรือ สบตาทีไรใจสั่น เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวจูบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 05-02-2012 01:08:59
อืม~ค้างจริงอะไรจริง

มาลงตอนต่อไปเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 05-02-2012 01:51:39
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 05-02-2012 03:59:20
งานนี้มีได้เสียอ่ะ

ว่าแต่อิมเมจหาดูได้ที่ไหนอ่ะคะ

อยากได้ลิ้งงงง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-02-2012 08:33:52
งานนี้มีได้เสียอ่ะ

ว่าแต่อิมเมจหาดูได้ที่ไหนอ่ะคะ

อยากได้ลิ้งงงง

ในแฟนเพจครับ https://www.facebook.com/ExecutionerNovel ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 05-02-2012 11:02:09
อ่านแล้วเขินตามเลยทีเดียวเชียว....
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-02-2012 14:15:53
เขินได้อีก

อ่านไปยิ้มไปเลย o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 05-02-2012 14:57:26
 :-[น่ารัก แต่ึ้่ค้าง :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 05-02-2012 22:57:36
 ง่ะ :a5: โดนนะกับซีสต๊าฟไว้ ค้างอย่างแรง
...........................................
อั๊ยยะ ซีพาเขยเข้าบ้านแล้วววววว กิ๊บกิ้ววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 05-02-2012 23:02:26
เพื่อนสนิทที่ไหนเค้าสนิทกันขนาดนี้เล้าาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-02-2012 23:57:32
นะน่าจะรู้ตัวแล้วล่ะว่าคิดเกินเพื่อนกับซีไปเรียบร้อย
แต่ซีคงยังไม่รู้ตัวหรอก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 06-02-2012 11:12:48
สวัสดีครับ ตามมาติดตามเรื่องของคุณต้นเหมือนเดิมครับ
ยังเขียนได้สนุกไม่เปลี่ยนเลย โดยเฉพาะบรรยากาศระหว่างเพื่อนหรือมิตรภาพนี่เขียนได้ถึงดี

ความเห็นส่วนตัวนะครับ พอดีเป็นคนไม่ค่อยชอบบท NC เท่าไหร่(ไม่รู้แปลกมนุษย์ไปไหม)
แล้วผมก็รู้สึกว่ายิ่งเขียนยิ่งมีมากขึ้นเรื่องๆ (หมายถึงตั้งแต่เรื่องแรกๆที่คุณต้นเขียนมันจะคลีนกว่านี้)
ผมอ่านแล้วมันทำให้รู้สึกถึงความใคร่มากกว่าความรักและมิตรภาพ
มันทำให้เรื่องไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่อะครับ คือถึงแม้ความสัมพันธ์อย่างว่าของทั้งคู่จะเริ่มจากความใคร่จริงๆ
แต่บางทีก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องบรรยายให้มันเยอะหรือละเอียดจนมากลายเป็นส่วนหรือฉากสำคัญของเรื่องขนาดนี้

...ก็แค่ความเห็นส่วนตัวอะนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-02-2012 11:30:50
555+.....เพื่อนสนิท...แนบแน่น กริ๊ววว รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 06-02-2012 12:39:28
สวัสดีครับ ตามมาติดตามเรื่องของคุณต้นเหมือนเดิมครับ
ยังเขียนได้สนุกไม่เปลี่ยนเลย โดยเฉพาะบรรยากาศระหว่างเพื่อนหรือมิตรภาพนี่เขียนได้ถึงดี

ความเห็นส่วนตัวนะครับ พอดีเป็นคนไม่ค่อยชอบบท NC เท่าไหร่(ไม่รู้แปลกมนุษย์ไปไหม)
แล้วผมก็รู้สึกว่ายิ่งเขียนยิ่งมีมากขึ้นเรื่องๆ (หมายถึงตั้งแต่เรื่องแรกๆที่คุณต้นเขียนมันจะคลีนกว่านี้)
ผมอ่านแล้วมันทำให้รู้สึกถึงความใคร่มากกว่าความรักและมิตรภาพ
มันทำให้เรื่องไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่อะครับ คือถึงแม้ความสัมพันธ์อย่างว่าของทั้งคู่จะเริ่มจากความใคร่จริงๆ
แต่บางทีก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องบรรยายให้มันเยอะหรือละเอียดจนมากลายเป็นส่วนหรือฉากสำคัญของเรื่องขนาดนี้

...ก็แค่ความเห็นส่วนตัวอะนะครับ

ยินดีรับความคิดเห็นเสมอครับ ผมเองก็ใช่ว่าจะถนัดฉากอย่างว่าสักเท่าไหร่ แต่ก็อย่างที่บอกแต่แรกว่าเรื่องนี้จงใจใส่ฉากอย่างนั้นให้เยอะขึ้นจริงๆ (ตามชื่อเรื่อง) และด้วยเนื้อเรื่อง มันก็เลยจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตามสเต็ป แต่ผมก็จะพยายามระวังเรื่องของภาษา การถ่ายทอด และอะไรอื่นๆ อยู่ตลอด อยากให้เป็นเรื่องการท่ายทอดความรัก ความใกล้ชิด มากกว่าแค่เอาๆๆ กันแล้วจบเนอะ ยังไงจากนี้ก็จะพยายามระวังให้มากขึ้นครับ ขอบคุณครับ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 06-02-2012 12:53:40
นะชอบซีแล้วล่ะสิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 06-02-2012 18:13:52
ตั้งแต่ตามอ่านมาชอบเรื่องนี้ที่สุดเลยครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 9)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 06-02-2012 22:02:18
สบตาทีไรมีจูบทุกที ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 07-02-2012 09:36:18
SeeeDz ที่ 10

ทันทีที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ผมก็เผยอปากขึ้นรับลิ้นของเขาที่ตวัดเข้ามาโดยสัญชาตญาณทันที เขายกมือขึ้นลูบหัวของผมพร้อมกับดึงตัวของผมให้เข้าไปใกล้มากขึ้น ส่วนผมเองก็วางมือลงบนแก้มของเขาแล้วลูบไล้เบาๆ ไปด้วย จังหวะลมหายใจของเราสองคนเริ่มหนักหน่วงมากขึ้นพร้อมๆ กับการจูบที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นของเราต่างก็ตวัดเข้าหากันอย่างโหยหา ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะดันหัวของเขาออก

“เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อน ไอ้นะ”

เขามองหน้าของผมด้วยสายตาวิงวอน “ทำไมวะ...”

“มึงเงี่ยนเหรอวะ”

เขาหน้าแเดง “มึงไม่อยากเหรอวะ กูขอโทษที”

“เปล่า กูแค่สงสัยเฉยๆ และเดี๋ยวอีกแป๊บเดียวเราก็ต้องลงไปกินข้าวกันแล้วไง กูเลยต้องหยุดมึงเอาไว้ก่อน”

“กูขอโทษว่ะ... พอดีลืมตัวไปหน่อย กูก็ไม่รู้กูคิดอะไรอยู่เหมือนกัน”

“สรุปว่านี่มึงชักว่าวไปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะเนี่ย”

เขาก้มหน้าหลบสายตาของผม ส่วนแก้มของเขาก็แดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “ตั้งแต่กูเลิกกับกิ๊ก กูก็ไม่เคยเอาน้ำออกเองอีกเลยว่ะ นอกจาก... จะทำกับมึงนี่แหละ”

“เฮ้ย จริงอะ มึงพูดจริงเหรอวะ” ผมตกใจ

เขาพยักหน้าหงึกๆ

“ไอ้เหี้ยยย! มึงหัดช่วยตัวเองบ้างก็ได้นะเว้ย เดี๋ยวก็น้ำเงี่ยนท่วมปอดตายห่าหรอก” ผมหัวเราะเบาๆ “มึงยิ่งขี้เงี่ยนอยู่ด้วย”

“มึงว่าใครขี้เงี่ยน มึงนั่นแหละที่ขี้เงี่ยน ไอ้เชี่ยตี๋” เขาเถียง

“กูว่ามันก็พอกันนั่นแหละวะ” ผมตีหน้าผากเขาเบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู

“มึงจะไปไหนวะ”

“ลงไปถามแม่ว่าจะกินข้าวกี่โมงอะดิ กูเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน และกูว่ามึงเองก็คงหิวโซแล้วด้วยเหอะ จริงมั้ยล่ะ ไอ้ตัวแดกจุ ไอ้สี่กระเพาะ”

เขาหัวเราะแหะๆ พลางลูบท้องของตัวเองไปด้วย “มึงนี่รู้ใจจริงๆ”

“ก็แหงล่ะ ไอ้เหี้ย รอกูแป๊บนึง เดี๋ยวกูกลับมา” ผมเปิดประตูห้องออก แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง

“แล้วอย่าทำอะไรที่ทำให้ผ้าปูที่นอนของกูเลอะนะ ไอ้สาดดด”

“ครวยยยยยย! มึงรีบไปเลยไป ไอ้ส้นตีนนนน!”

ผมหัวเราะเบาๆ แล้วจึงเดินออกจากห้องลงไปถามแม่ว่าข้าวเย็นจะพร้อมกี่โมง แม่ตอบผมว่าทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เหลือแค่รอน้องสาวของผมกลับมาบ้านเท่านั้น ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินอีก 30 นาทีเท่านั้น ผมกลับขึ้นห้องมาบอกเขา เราจึงตัดสินใจเลิกอ่านหนังสือและนั่งดูทีวีคุยเล่นกันฆ่าเวลาแทน ซึ่งดูเหมือนว่าอารมณ์เมื่อครู่นี้ของเราทั้งสองคนต่างก็ดูเหมือนจะจางหายกันไปหมดแล้ว

ในมื้อเย็น นะก็ได้พบกับน้องสาวของผมเป็นครั้งแรก เขาดูจะตกใจนิดหน่อย ที่พบว่าน้องสาวของผมมันห้าวกว่าที่เขาคิด ผมเลยอดที่จะนึกขำอยู่ในใจไม่ได้ และแม้แต่ทรายเองก็ท่าทางจะถูกชะตากับเขาไม่น้อยด้วยเหมือนกัน เพราะว่าทรายมันก็เรียนสายวิทย์และอยากจะเรียนคณะวิศวะอยู่แล้ว นะจึงช่วยให้คำปรึกษาเรื่องการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบแก่น้องสาวของผมได้เป็นอย่างดี

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เขาก็อาสาช่วยแม่ของผมทำหน้าที่เก็บล้าง แต่แม่ปฏิเสธ เพราะว่าเรามีคนรับใช้ดูแลเรื่องนั้นให้อยู่แล้ว แถมแม่ยังไล่ให้เราสองคนขึ้นไปอ่านหนังสือกันต่ออีกด้วย เราสองคนจึงกลับขึ้นมาบนห้องเพื่อทบทวนบทเรียนที่อ่านค้างไว้กันอีกครั้ง เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงตอนห้าทุ่มกว่าๆ ผมก็เริ่มที่จะรู้สึกง่วงขึ้นมา จึงขอตัวไปอาบน้ำเพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้น และหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ เขาก็ไปอาบน้ำต่อจากผม เราเริ่มต้นอ่านหนังสือกันอีกครั้งจนถึงเกือบๆ ตีหนึ่ง ซึ่งทุกคนในบ้านต่างก็เข้านอนกันหมดแล้ว แต่ผมกับเขากลับรู้สึกหิวขึ้นมาอีก เราจึงลงไปชั้นล่างแล้วทำแซนด์วิชกินกันง่ายๆ เป็นการรองท้อง แต่เมื่อหนังท้องตึง หนังตาผมมันก็เริ่มหย่อนทันที ผมอ้าปากหาววอดพร้อมกับบิดขี้เกียจ และเหลือบไปเห็นว่านะกำลังมองหน้าผมอยู่แล้วส่ายหน้าเบาๆ

“อะไร ส่ายหน้าทำไมวะ ไอ้ล่ำ” ผมถามเขา “มีปัญหาอะไรไม่ทราบวะเฮ้ย”

“เปล่าสักหน่อย ใครจะกล้า” เขากัดแซนด์วิชคำสุดท้ายเข้าปาก

“ทำไมวะ กูแค่ง่วงเนี่ย มีปัญหารึไง ก็เมื่อเช้ากูตื่นเช้านี่หว่า มันก็ช่วยไม่ได้เหอะ”

เขาเลิกคิ้วขึ้น “กูยังไม่ทันได้ว่าอะไรมึงสักคำ”

“เดี๊ยะๆ กวนตีนนะมึง”

เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “มึงจะทำไมกูวะ หือออ”

“เดี๋ยวคืนนี้กูจะให้มึงนอนบนพื้น”

“ก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เขายักไหล่

ผมเงื้อมือไปตบหลังหัวของเขาเบาๆ “หมั่นไส้นัก ไอ้ตูดนี่ เอ้า เอาจานไปเก็บในครัว แล้วเก็บล้างให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”

“ครับ พ่อ” เขายิ้ม “ว่าแต่ถ้าผมเข้าไปคนเดียว ลูกชายพ่อที่นอนอยู่จะไม่กัดผมใช่มั้ยครับเนี่ย”

“หึๆๆ ถ้าไอ้เป๊ปซี่มันกัดมึงนะ กูจะยอมตกเป็นเมียมึงเลยเหอะ ไอ้เหี้ยนั่นมันกัดใครเป็นที่ไหนล่ะ แม่งมีแต่จะเล่นด้วยอะดิ”

“แน่ใจนะ”

“แน่ใจสิวะ ถ้ามันจะกัดมึงมันคงกัดตั้งแต่มึงเดินเข้ามาในบ้านเมื่อเช้าแล้วใช่มั้ยล่ะ ไม่เป็นไรหรอกน่า”

“เปล่า กูหมายถึงว่ามึงแน่ใจนะ ที่ว่าถ้ามันกัดกูแล้วมึงจะยอมเป็นเมียกูน่ะ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์

“ครวยยยย! แต่ยังไงมันก็ไม่มีทางกัดมึงแน่นอนเหอะ กูมั่นใจ เพราะงั้น มึงไม่มีทางได้กูเป็นเมียแน่นอน”

“งั้นกูจะเหยียบหางมันให้มันโกรธแล้วมันจะได้กัดกู”

“มึงจะลงทุนเกินไปปะ ไอ้หมีควาย รีบๆ ไปล้างจานเลย เร็วๆ จะได้ขึ้นไปนอนกัน กูง่วงแล้ว”

เขาหัวเราะ “ตกลงมึงจะนอนจริงๆ แล้วใช่มั้ยวะ ไม่อ่านหนังสือต่อแล้วเหรอ”

“ม่ายอ่านแล้วววว ขึ้นห้อง ล้างหน้า แปรงฟัน นอนเลย พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาอ่านต่อ”

“โอเคๆ” เขารับคำ จากนั้นก็เดินเข้าไปในครัว

ผมเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูครัวแล้วยืนมองดูเขาล้างจาน เจ้าเป๊ปซี่ที่หลับไปแล้วก็ลืมตาสะลึมสะลือเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเราสองคนสลับกันแล้วกระดิกหางให้เบาๆ เมื่อนะล้างจานเสร็จ เขาก็เดินไปลูบหัวเจ้าเป๊ปซี่เล่น ดูท่าทางว่าเขาคงไม่รู้ล่ะมั้งว่าผมกำลังยืนมองเขาอยู่

“อะแฮ่ม” ผมกระแอมในลำคอ “จะไปกันได้รึยังครับ คุณชนะชัย คุณภัณฑบดีง่วงมากแล้วนะครับ”

เขาหันมามองผมแล้วยิ้มๆ “หมามึงแม่งน่ารักว่ะ จริงๆ กูก็อยากเลี้ยงหมาเหมือนกันนะ อยากเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย”

“แล้วทำไมไม่เลี้ยงวะ”

“แม่กูเค้าไม่อนุญาตอะ เค้าไม่ชอบ แล้วยิ่งพอมาอยู่หอที่กรุงเทพฯ ก็ยิ่งแล้วใหญ่เลย ใช่ปะล่ะ” เขาพูดพลางเกาหูให้เป๊ปซี่ไปด้วย

“รอเรียนจบก่อนสิมึง”

“นั่นดิ กูอยากเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่ๆ แบบนี้แหละ ยิ่งมาเห็นไอ้เจ้านี่แล้วกูก็เลยอยากเลี้ยงไซบีเรียนขึ้นมามั่งเลย”

ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ “ไปเหอะมึง ไปนอนกัน กูง่วงแล้ว”

“คร้าบบบ ไปแล้วๆ เร่งจริงเว้ย” เขาขยี้หัวของเป๊ปซี่อีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม

“อยากได้เหรอวะ กูยกให้เอามะ”

“ไม่ต้องอะ เอาไปก็ไม่มีที่เลี้ยงอยู่ดี เอาไว้มาเล่นกับมันที่นี่บ่อยๆ ดีกว่า”

“นั่นไง”

“อะไร” เขามองหน้าผม

“เปล่า ไม่มีอะไร รีบๆ ขึ้นห้องเหอะ กูขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับมึงแล้ว”

เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นเราสองคนก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องของผม หลังจากที่เก็บหนังสือเรียนเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เราก็สลับกันไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วจากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอน

“ไหนอะ ฟูกที่จะให้กูปูนอน” เขาถาม

“นอนบนเตียงนี่แหละ เมื่อกี้กูพูดเล่นได้มั้ยเล่าเว้ย” ผมตบลงบนเตียงข้างๆ ตัว “ปิดไฟแล้วรีบๆ ขึ้นมานอนได้แล้ว เร็วๆ”
รอยยิ้มของเขาคือสิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนที่ไฟในห้องจะดับลง จากนั้นผมก็เห็นร่างของเขาเป็นเงาตะคุ่มๆ เดินมาที่เตียงอย่างช้าๆ

“ไอ้เหี้ย พอปิดไฟแล้วห้องมึงแม่งโคตรมืดเลยว่ะ ไอ้ซี”

“นี่แหละ นอนสบายดี ตอนเช้าแดดไม่แยงตาด้วย”

“แต่กูมองไม่เห็นเตียง”

“มึงก็ค่อยๆ เดินมาสิวะ เดี๋ยวก็เจอเองนั่นแหละ แต่ระวังอย่าเตะขอบเตียงเข้าก็แล้วกัน”

“ช่วยได้มากเลยว่ะ ขอบใจ”

ในที่สุดผมก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนเตียง นะกำลังใช้มือคลำพื้นที่ว่างบนเตียงอยู่ว่าเขาควรจะทิ้งตัวลงที่ไหน เขาค่อยๆ คลานขึ้นมานั่งลงข้างๆ ผม แล้วจากนั้นก็เอนตัวนอนลง แต่ว่าเขากลับนอนทับลงบนแขนของผม ทำให้ผมต้องร้องออกมา เขาจึงรีบดีดตัวขึ้นทันที

“เฮ้ยๆ ขอโทษทีว่ะ กูคิดว่ากูหาตำแหน่งดีแล้วนะเนี่ย”

“ไม่เป็นไร มึงนอนเถอะ”

เขาเอนตัวลงนอนอีกครั้ง จากนั้นก็หันมาหาผม “แอร์มึงไม่หนาวไปหน่อยเหรอวะ ไอ้ซี”

“ม่ายอะ มึงหนาวเหรอวะ”

“นิดหน่อยว่ะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูซุกใต้ผ้าห่มเอา”

“อืมมมม... แต่ถ้ามึงหนาวก็บอกแล้วกัน กูจะปรับให้ หรือถ้าไม่งั้นมึงก็ตื่นขึ้นไปปรับเองเลย แต่ห้ามสูงกว่า 25 องศานะเว้ย ไม่งั้นกูร้อนตับแตก”

“โอเคคร้าบบบ พี่ซี”

“กวนโอ๊ยไม่เลิกนะมึง กูนอนละนะ ฝันดี” ผมเตะเขาเบาๆ เป็นการทิ้งท้าย จากนั้นก็พลิกตัวเป็นนอนหันหลังให้กับเขา แล้วอีกนานไม่นานก็ผล็อยหลับลงไป

ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่เพราะรู้สึกถึงท่อนแขนหนักๆ ที่พาดอยู่บนร่างกาย แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นก็คือลมหายใจอุ่นๆ ที่รดอยู่บนต้นคอของผมนี่แหละ ผมผงกหัวขึ้นแล้วเอี้ยวตัวไปมองเห็นว่านะยังคงหลับสนิทอยู่ในท่าที่กำลังกอดผมจากทางด้านหลังเอาไว้ เขาขยับตัวเล็กน้อยพร้อมกับกำชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีก ผมที่ยังง่วงอยู่ตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย แล้วเอนหัวลงบนหมอนก่อนจะหลับลงไปอีกครั้ง

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือปลุกให้เราสองคนตื่นขึ้นพร้อมกันตอนเวลาแปดโมงตรง ผมรู้ว่าเขาเองก็ตื่นแล้ว เพราะเขาผงกหัวขึ้นจากหมอนและมองหาที่มาของเสียงเหมือนกับผม แต่ทว่าเราต่างก็ล้มตัวลงกลับไปนอนต่อด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกคนเป็นคนลุกไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่นลง

“มึงก็ลุกไปปิดดิวะ ไอ้เชี่ยน้าาาาา” ผมพูดเสียงงัวเงีย

“อือออออ ม่ายอาววว มึงดิไปปิด โทรศัพท์มึงนี่หว่าา” เขากระชับวงแขนเพื่อกอดผมให้แน่นขึ้นและซุกหน้าลงบนต้นคอของผมมากขึ้นอีก

“แล้วกูจะลุกไปได้ยังไงวะ มึงนั่นแหละ ลุก!” ผมแกะแขนของเขาออก

“อือออ!” เขาส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะลุกออกจากเตียงไปปิดเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วจากนั้นก็เดินกลับมานอนลงบนเตียงอีกครั้ง “ขอนอนอีก 15 นาทีนะ”

“ไม่ต้องขอ เพราะกูก็จะนอนต่ออยู่แล้ว”

เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของเราสองคนใหม่ดีๆ อีกครั้ง “หนาวว่ะ มึงไม่หนาวเหรอวะ ไอ้ซี”

“นิดหน่อย แต่กูว่าก็กำลังดีอะว่ะ อารมณ์แบบว่าซุกตัวอยู่ในผ้าห่มไม่อยากตื่นเลยยย” ผมขดตัว

“เมื่อคืนมึงละเมอมากอดกูด้วย” เขาพูด

ผมหันขวับไปมองหน้าเขาทันที “ใช่ที่ไหน มึงนั่นแหละ ที่กอดกู ไอ้นะ”

“กูกล้านอนกอดมึงก็เพราะมึงกอดกูก่อนต่างหากเหอะ แล้วมันก็หนาวด้วย เลยขอกอดหน่อยไม่ได้รึไง”

“ปกติผู้ชายเค้านอนกอดกันรึเปล่าวะ...”

“จริงๆ กูเคยนอนกอดเพื่อนกูนะ มึงไม่เคยเหรอวะ”

ผมนึก “...ก็เคยอะว่ะ ตอนเข้าค่ายลูกเสือสมัย ม. ต้นอะนะ”

“ก็ประมาณนั้นแหละ มันก็เหมือนๆ กันไม่ใช่รึไงวะ”

ก็นั่นน่ะสินะ จริงๆ มันก็ควรจะเหมือนๆ กัน ไม่น่าจะมีอะไรแปลกตรงไหนอย่างที่เขาบอก แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าความรู้สึกเวลาถูกเขากอดครั้งนี้มันถึงได้ดูแปลกๆ กว่าที่ผมเคยรู้สึกตอนที่นอนกอดกับเพื่อนสมัยมัธยมต้นชอบกล

“นอนต่อละนะ ง่วงว่ะ ยังไม่อยากตื่นเลยยย...” เขารวบตัวของผมเอาไว้อีกครั้ง

“มึงจะได้ใจไปปะวะ ไอ้นะ”

“เออ ได้ใจดิ ก่อนนี้กูนอนกับมึงมาตั้งหลายคืนยังไม่เคยได้กอดมึงเลย หนนี้มีโอกาสก็ขอหน่อยเหอะวะ” เขาตัวสั่นน้อยๆ “หนาวเว้ยๆๆ”

“งั้นเดี๋ยวกูไปเบาแอร์ให้ก็ได้วะ” ผมขยับตัว แต่เขากลับล็อคตัวผมเอาไว้เสียแน่น

“ไม่ต้อง ไม่ต้องลุกแล้ว นอนไปเหอะ แค่กอดมึงก็อุ่นแล้วว่ะ”

สุดท้ายเราสองคนก็หลับกันลงไปอีกครั้งในท่าที่เขากอดผมเอาไว้อย่างนั้น กว่าเราจะตื่นขึ้นอีกหนจริงๆ ก็เกือบสิบโมงเพราะถูกแม่เคาะประตูปลุก เราสะดุ้งและกระเด้งออกจากกันราวกับถูกไฟช็อตทีเดียว

“ครับแม่ ตื่นแล้วๆ” ผมชันตัวขึ้นนั่งแล้วตะโกนตอบกลับไป

“รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วลงไปกินข้าวกันได้แล้วนะลูก สายมากแล้ว”

“ครับๆ” ผมรับคำ

พอแม่เดินจากไปแล้ว เราก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา ผมสังเกตเห็นเป้ากางเกงของเขาชี้ขึ้นเป็นลำอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ดีว่าปกติเขาไม่ใส่กางเกงในนอนอยู่แล้ว แต่ปกติเราจะต่างคนต่างนอน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เรานอนกอดกันหรือใกล้ชิดกันขนาดนี้ ผมจึงไม่เคยคิดอะไร และไม่เคยแม้แต่สังเกตด้วยซ้ำว่าน้องชายของเขาแข็งแบบนี้ทุกเช้าหรือเปล่า เพราะก่อนนี้ผมก็ไม่เคยตื่นก่อนเขาเลยสักที

“ตอนเพิ่งตื่นแบบนี้มันก็มีกันบ้างล่ะน่าาาา” เขาพูดขึ้นราวกับอ่านใจผมออก พร้อมกับใช้มือขยำเป้าของตัวเองเบาๆ “มึงเองก็เหมือนกันนั่นแหละ ใช่มั้ยล่ะ”

ผมรีบดึงผ้าห่มมาปิดทันที “อะไร ไม่มี้ ของกูไม่แข็งสักหน่อย”

“ทำเป็นอายครวยไรวะ ทีปกติไม่เคยเห็นจะอาย” เขาหัวเราะ “เรื่องธรรมดาของผู้ชายน่า ใช่มะ ใครมันจะไม่แข็งตอนเช้ามั่งวะ”

“แต่กูไม่ได้แข็งทุกวันนะเว้ย”

“กูก็เหมือนกันแหละ”

“แล้วนี่เรามัวคุยเรื่องอะไรกันอยู่วะเนี่ย พอๆ กูไปอาบน้ำละนะ” ผมลุกออกจากเตียง

ในขณะที่ผมยืนหันหลังให้กับเขาอยู่นั้น จู่ๆ นะก็พุ่งตัวเข้ามาดึงกางเกงนอนของผมลง ทำให้ผมร้องเสียหลงออกมาทันที

“เฮ้ยยย!!” ผมรีบดึงกางเกงขึ้นอย่างรวดเร็ว “เล่นเหี้ยอะไรวะเนี่ย!”

“ฮ่าๆๆ เขินอะไรวะ ทำอย่างกับไม่เคยเห็นกันไปได้”

“เดี๋ยวกูเตะกระเด็นเลย ไอ้ถึกนี่!”

ยิ่งผมรวบกางเกงเอาไว้แน่นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นการเน้นเป้ากางเกงของผมที่กำลังพาดเป็นลำให้เห็นชัดมากขึ้นเท่านั้น และดูเหมือนว่าเขาเองก็จะสังเกตเห็นมันด้วยเหมือนกัน

“มึงไม่ต้องมองแบบนั้นเลย ไอ้นะ!” ผมรีบหันหลังให้กับเขา “กูไม่เล่นนะเว้ย!”

เขาหัวเราะพร้อมกับพุ่งตัวมาหมายจะดึงกางเกงของผมลงอีกครั้ง แต่เขาก็ทำได้แค่ดึงกางเกงของผมหลุดไปราวๆ ครึ่งก้นเพราะผมดึงกางเกงเอาไว้เป็นอย่างดี

“ตูดมึงขาวดีว่ะ ไอ้ซี กูเพิ่งเคยเห็นชัดๆ นะเนี่ย เพิ่งสังเกตว่ะ ฮ่าๆๆ”

“ไอ้เหี้ยนี่!!” ผมสะบัดตัวออกแล้วยื่นมือไปคว้ากางเกงของเขาเอาไว้บ้าง “มึงจะเอาใช่มั้ย ได้เลย!”

นะสะดุ้งแล้วรีบกำขอบกางเกงของตัวเองไว้แน่นทันที ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปจับเข้าที่ไอ้น้องชายของเขาที่แข็งเป็นลำอยู่เอาไว้เต็มกำมือ

เขาสะดุ้งเฮือกพร้อมหยุดยืนตัวแข็งทื่อ “ย... ยอมแล้วครับ พี่ซี...”

“ดี เพราะถ้ามึงยังไม่หยุดเล่นล่ะก็ กูบีบแน่!”

“ไม่เล่นครับ ไม่เล่นแล้วครับ... แหะๆ” เขาชูมือทั้งสองข้างขึ้น “แต่มึงปล่อยน้องกูเหอะนะ กูเสียว”

ผมไม่รู้ว่าเขาหมายความว่า ‘เสียว’ แบบไหนกันแน่ แต่ก็ตัดสินใจไม่ถาม และยอมปล่อยมือออกแต่โดยดี หลังจากนั้นผมก็ไปอาบน้ำ แล้วกลับมาแต่งตัวในห้องในขณะที่เขาผลัดไปเข้าห้องน้ำต่อ และเมื่อเราแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงไปกินข้าวเช้าด้วยกัน นั่งคุยกับพ่อและแม่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับขึ้นห้องมาอ่านหนังสือกันต่อ เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงตอนหัวค่ำ เมื่อเรากินข้าวเย็นเสร็จ พ่อกับแม่ก็ขับรถมาส่งพวกเราที่หอ โดยพ่อแวะไปส่งนะที่หอของเขาก่อน แล้วจากนั้นจึงค่อยมาส่งผมที่ห้อง

“ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะ ลูก ทำข้อสอบให้ดีๆ ทำให้เต็มที่ แล้วจะได้ไปเที่ยวได้อย่างสบายใจ” แม่ผมพูดทิ้งท้าย

“อ้าว ตกลงว่าแม่อนุญาตให้ซีไปเชียงใหม่ชัวร์แล้วเหรอครับ”

“แม่คุยกับพ่อแล้ว เราเห็นตรงกันว่าซีตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือ แม่ก็ไม่รู้จะห้ามซีไปทำไม และที่สำคัญนะเองก็ดูเป็นเด็กดีด้วย แม่ยังคิดสงสัยเลยว่าที่เราตั้งใจเรียนขึ้นแบบนี้ก็เพราะนะด้วยรึเปล่านะ”

ผมชะโงกหน้าเข้าไปหอมแก้มแม่เบาๆ พลางนึกในใจว่าแม่พูดถูกเผง ผมยอมรับว่ามันเป็นเพราะเขาจริงๆ นั่นแหละ ที่ทำให้ผมอยากเป็นลูกที่ดีขึ้นของพ่อกับแม่แบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ ผมว่าผมรอให้พ่อกับแม่เห็นเกรดแรกของการเรียนมหาวิทยาลัยของผมเองดีกว่า ดังนั้นช่วงสอบนี้ผมจะต้องพยายามให้มากขึ้นอีกเยอะๆ เพื่อที่ว่าผลลัพธ์มันจะได้ออกมาเป็นที่น่าภูมิใจและทำให้พ่อกับแม่ชื่นใจในตัวของผมให้ได้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 07-02-2012 09:39:43
^
^
^

จิ้มๆๆๆๆ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เพื่อนกันกอดกันธรรมดามาก  ผมยังไม่เคยกอดเพื่อนเลย  :laugh:




หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 07-02-2012 10:04:57
เมื่อไหร่จะรู้ใจกัน :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 07-02-2012 10:17:46
แปะๆๆ  ไว้ก่อน

เดี๋ยวเลิกงานแล้วค่อยงาน

อิอิ 

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 07-02-2012 10:41:04
กีสสสสสสสส
ตอน10 แล้วเหรอ
 o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 07-02-2012 11:30:58
+1+เป็ดค่ะพี่ต้น
ตูดน้องซีขาวใช่ใหมล่ะน้องนะ
เห็นแล้วหวิวป่ะล่ะ
5555555555555+
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 07-02-2012 11:53:24
อร๊ายยย  เขินนนนน

โจนนท์ไม่เห็นรุกกันแบบนี้บ้างเลย  5555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-02-2012 13:13:34
สองหนุ่มพยายามหาเหตุผลในสิ่งที่ทำอยู่
เรื่องของหัวใจบางทีมันก็ไม่มีเหตุผลหรอกนะ
ทำไปตามสัญชาตญาณเถอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 07-02-2012 14:05:55
เมื่อไหร่ถึงจะรู้ตัว รู้ใจกันเนี่ย ลุ้นตัวโก่งเลย   :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 07-02-2012 15:16:13
แอบหวาน ประมาณว่ากุ๊กกิ๊กกันไม่รู้ตัว อร๊ายยย ๆ>///<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 07-02-2012 17:22:13
 :z3:

อุตส่าห์ลุ้นให้เป๊ปซี่มากัด   :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-02-2012 17:42:41
เพื่อนกันกอดกันธรรมดา แล้วลองนึกภาพว่าตัวเองไปกอดกับเพื่อนคนอื่นแบบนี้บ้า้งดินะ สยึ๋มกึ๋ยมากอ่ะ :laugh:
มันค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆนะนเี่ย น่าลุ้นทุกตอนเลย :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 07-02-2012 17:44:23
 :impress2:เพื่อนผช.เค้าทำกันแบบนี้หรอ 555+
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-02-2012 17:48:42
เล่นกันงี้...ไม่เสียวสิแปลก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 07-02-2012 18:49:28
 :-[  กำลังเหมือนแฟนกันโดยไม่รู้ตัว
 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-02-2012 19:05:38
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-02-2012 19:23:59
เขาสองคนยังค่อยๆไต่ระดับความเป็นเพื่อนสนิท(แบบไหนหว่า)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-02-2012 19:33:03
จริงๆนะ การที่เรามีใครซักคนอยู่ใกล้ๆเรา
หรือแค่เรารู้สึกดีๆกับใครซักคน และเขาคนนั้นก็รู้สึกกับเราเช่นกัน
มันเหมือนมีพลังบวกในตัวเรานะ  มันทำให้เราเรียนหรือทำงานอย่างมีตวามสุขอ้ะ ไม่เหนื่อยไม่ท้อ
และผลการเรียน-ผลของงานมักจะออกมาดีถึงดีมากๆกว่าเวลาปกติ คิดว่าซีน่าจะเป็นแบบนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 07-02-2012 21:02:00
คู่นี้น่ารักจริงๆอ่านยังไงก็ไม่เบื่อเลย :กอด1:รอลุ้นต่อไปค่ะ o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 07-02-2012 22:27:24
อยากอ่านต่อแล้ว :sad4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 08-02-2012 00:48:03
เมื่อไหร่จะเลื่อนขั้นจากเพื่อนเป็นแฟนคะเนี๊ย

ท่าทางนะจะชอบซีก่อนแน่เลย

+เป็ดแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tim-Tam ที่ 08-02-2012 18:00:13
เมื่อไหร่จะรู้ใจกันซักทีนะ

ลุ้นจะแย่แล้วค่ะ แต่แบบนี้ก็ดีค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์จนสุกงอมพร้อมกิน  :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 08-02-2012 18:09:42
นะเริ่มลวนลามซีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 08-02-2012 19:11:04
ไปเที่ยวครั้งนี้คงรู้ใจตัวเองมากขึ้นทั้งสองคนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 08-02-2012 22:05:04
ไม่เห็นจะเคยได้กอดเพื่อนแบบนี้บ้างเลย...

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 08-02-2012 22:21:51
เค้าเป็นผู้หญิงนะ
นอนกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกันยังไม่กอดเลย
55555555

ซัมติงๆ ชอบนะกับซีมากๆ
มันเหมือนถูกดึงดูดจากกันและกันเรื่อยๆ
ชอบบบ ที่ดูเหมือนทั้งสองคนยังไม่รู้ตัวเอง
แต่ดูเหมือนนะ เริ่มที่จะรู้สึกอะไรๆแล้วนะ
เห็นอยากจับซีทำเมียซะจริง ฮ่าๆๆๆ

รออ่านอยู่นะคะ
วันนี้จะมาไหมเอ่ยย
+1 จ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 09-02-2012 09:47:26
น่ารักกันจัง อยากเจอคุณต้นอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 09-02-2012 10:47:13
เม้นบน มาเจอเลยครับ เซ็นลาด จ-ส เว้นวันพุธ 55555

ปล. เดี๋ยววันเสาร์มาต่อให้นะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 09-02-2012 18:09:16
^
^
^
 :z13:

จะรอครับ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 09-02-2012 22:17:35
หุๆๆๆ

แหม่ มันก็มีกันบ้างที่แอบเผลอคิดเรื่องลามกกับเพื่อน/เรอะ?!

เรื่องปกติกั๊กๆ นะกอดซีอีกก้อไม่แปลกร้อกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 10)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 11-02-2012 02:55:09
คิดถึงนะกะซีจัง พรุ่งนี้จะได้เจอมั้ยนาาาาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 11-02-2012 09:38:06
SeeeDz ที่ 11

หลังจากสอบปลายภาคเสร็จ ผมก็ขนของที่หอกลับบ้านในเย็นวันนั้นเลย และเมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็กินข้าว อาบน้ำ และนอนหลับยาวจนตื่นอีกทีก็เกือบสี่โมงย็นของวันถัดมา เมื่อผมเปิดโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องไปตั้งแต่สอบขึ้นดูก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากเพื่อนหลายคน รวมทั้งข้อความที่พวกมันส่งมาชวนผมไปกินเหล้าฉลองหลังสอบเสร็จด้วย แต่ผมคิดว่าผมคงไปกับพวกมันไม่ไหวหรอก เพราะต้องอดนอนอ่านหนังสือติดต่อกันมาหลายคืน แต่การที่พวกมันยังสามารถไปกินเหล้าโต้รุ่งกันอีกได้ก็เพราะว่ามันไม่เคยต้องอดนอนอ่านหนังสือเหมือนผมนั่นเอง

“แม่ค้าบบบ ซีหิวข้าววววว” ผมตะโกนหาแม่ขณะกำลังเดินลงจากบันได “มีไรกินม่างงงงง”

“หิวแล้วเหรอลูก แต่ตื่นสายขนาดนี้ แดกตีนก่อนดีมั้ยจ๊ะ”

“เฮ้ยยย!!” ผมตกใจกับคำตอบที่ได้รับกลับมาจนแทบจะลื่นตกบันได “เสียงนั่นมันไอ้นะนี่หว่า!! มึงมาทำอะไรที่บ้านกูวะ!”

ผมรีบวิ่งลงจากบันไดมาหยุดอยู่ที่ห้องรับแขก เห็นนะกำลังนอนเอนหลังดูทีวีอยู่บนโซฟาท่าทางสบายใจเฉิบ แถมเจ้าเป๊ปซี่ก็กำลังนอนเอาหัวหนุนตักของเขาอยู่อีกด้วย เมื่อมันได้ยินเสียงของผม มันก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม กระดิกหางเบาๆ แล้วก้มหัวลงกลับไปนอนต่อ

“กินหนมมั้ย” นะยื่นถุงเลย์ให้ผม

“ไอ้...!!” ผมเกาหัวแกรกๆ “นี่มึงมาบ้านกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ มึงมาทำอะไร แล้วพ่อกับแม่กูไปไหน”

“เฮ้ย ใจเย็นดิ ถามทีละอย่างสิเว้ย” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “พ่อกับแม่มึงออกไปซื้อของกับพี่มึง แล้วก็เลยไปรับน้องมึงที่เรียนพิเศษด้วย กว่าจะกลับก็คงค่ำๆ แหละมั้ง”

“อ้าว แล้วข้าวเย็นกูล่ะ”

“แม่เค้าบอกให้มึงหากินเองเลย เพราะงั้นเดี๋ยวกูทำให้กินเอง กูทำอาหารเก่งนะเว้ยยย” เขาฉีกยิ้มกว้าง

ผมถอนหายใจ “แล้วตกลงมึงมาทำอะไรที่บ้านกู ไอ้ตูด มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

“ก็กูโทรหามึงไม่ติด กูเป็นห่วง เลยโทรไปหาแม่มึงไง แล้วแม่เค้าก็ชวนกูมาที่บ้าน กูก็เลยมา แค่นั้นแหละ เพิ่งมาถึงได้สักชั่วโมงนี่เอง”

“เดี๋ยวนะๆ นี่มึงมีเบอร์แม่กูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ เขา

“ก็ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ ตอนที่กูรับสายเค้าแทนมึงเพราะมึงกำลังอาบน้ำอยู่นั่นแหละ แม่เค้าขอเบอร์กูไว้อะ กูก็เลยเมมเบอร์เค้าเอาไว้เลย”

“เมื่อวันจันทร์... วันสอบวันแรกอะนะ”

“ช่ายยยย ทำไมวะ จำวันจำเวลาไม่ได้ซะแล้วเหรอวะมึง”

“เออ กูมึนๆ ว่ะ เบลอๆ บอกไม่ถูก”

“นอนมากไปอะดิ แถมช่วงสอบมึงคงไม่ค่อยได้กินอะไรดีๆ อีกแล้วด้วยใช่มั้ยล่ะ”

“ก็ประมาณนั้นแหละ” ผมยอมรับ “แต่มึงมาตั้งนานแล้วทำไมไม่ขึ้นไปปลุกกูล่ะวะ”

“กูอยากให้มึงนอนพักผ่อนมากกว่าว่ะ ก็เลยมานั่งเล่นกับเป๊ปซี่แล้วก็ดูทีวีไปพลางๆ เนี่ยแหละ”

“ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย คราวหลังมึงปลุกกูก็ได้นะเว้ย”

“ยังจะมีคราวหลังอีกเหรอวะ นอนแดกฝั่งธนหายไปทั้งฝั่งแบบนี้แล้วเนี่ยนะ” เขาหัวเราะ

“ครวยเถอะ ไอ้สัตว์ แล้วตกลงมึงมาทำอะไรแน่ ถึงมึงจะบอกว่ามาเพราะแม่กูชวนก็เหอะ แต่ที่มึงถึงขั้นต้องโทรหาแม่กูเนี่ย แปลว่าต้องมีอะไรใช่มั้ยวะ”

“เปล่า ไม่มีอะไรสักหน่อย กูแค่คิดถึงมึงไม่ได้รึไง ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”

“กวนส้นตีน อย่ามาทำเล่นลิ้น บอกมาดีๆ” ผมตบหัวเขาเบาๆ

“ฮ่าๆๆ เออ กูล้อเล่นนิดหน่อยแค่นี้ทำโมโห ไอ้ห่า จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่พวกเพื่อนๆ มึงไม่มีใครติดต่อมึงได้เลยไง ก็มึงเล่นปิดโทรศัพท์ เฟซบุ๊คก็ไม่ตอบ เอ็มก็ไม่ออน สไกป์ก็หายหัว พวกมันก็เป็นห่วงอะดิ แม่งก็เลยโทรมาหากูกัน และกูก็บอกพวกมันไปแล้วนะว่ามึงคงกำลังนอนอยู่ แต่มึงก็เล่นนอนนานเกิ๊นนน สุดท้ายกูก็เลยต้องโทรหาแม่มึงไง” เขาตอบพลางเกาหูให้เป๊ปซี่ไปด้วย “หมามึงแม่งขี้เซาเหมือนมึงเลยว่ะ ไอ้ซี”

“กูก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พวกแม่งยังไม่ชินกันอีกเหรอวะ”

“แต่ครั้งก่อนๆ อย่างน้อยกูก็จะต้องรู้ด้วยนี่หว่าว่ามึงจะนอนหรือจะไปไหนน่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม “แต่หนนี้มึงเล่นกลับบ้านไม่บอกใคร ปิดเครื่องก็ไม่บอกกู จู่ๆ ก็หายตัวไปเลย พวกมันก็กังวลกันน่ะสิวะ...” เขาเว้นช่วง ก่อนจะก้มลงไปเล่นกับเป๊ปซี่ต่ออีกครั้ง “คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย ไอ้เหี้ย กูเองก็เป็นห่วงมึงเหอะ โทรหามึงตั้ง 3-4 รอบตั้งแต่เมื่อคืนยันตอนเที่ยงวันนี้ก็ไม่ติดสักที นึกว่าตายห่าไปแล้วซะอีก”

“โอเคๆ กูขอโทษว่ะ กูปิดเครื่องตั้งแต่ตอนสอบแล้วก็ปิดยาวไปเลยน่ะ กูผิดเองจริงๆ กูยอมรับ คราวหลังไม่ทำแล้ว”

“เออ ดี กูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมึงมากนัก”

“คร้าบบบ พ่ออออ” ผมยิ้มกว้าง

เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม “ดีมาก แล้วไง ตกลงหิวแล้วใช่มั้ย กูจะได้ทำอะไรให้กิน”

“ไม่ต้องอะ เกรงใจว่ะ ไอ้เหี้ย กูให้พี่ก้อยทำให้กินก็ได้”

พี่ก้อยคือคนดูแลบ้านของพวกเรา น่าจะอายุ 30 กว่าๆ ได้แล้วล่ะมั้ง เขาอยู่กับพวกเรามาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว และปกติในเวลาที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ พวกเราสามพี่น้องที่ทำอาหารไม่เป็นเลยสักคน ก็จะให้พี่เขานี่แหละช่วยทำนั่นทำนี่ให้กินมาตลอด

“นั่นไง มึงไม่เชื่อมือกูใช่มั้ยวะ ไอ้ตี๋”

ผมยักไหล่ “กูแค่เชื่อใจพี่ก้อยที่กูฝากท้องไว้กับเค้ามาตั้งนานแล้วมากกว่าว่ะ”

“อ๋อเหรอ ไอ้สาดดด” เขายืนขึ้น ไอ้เป๊ปซี่ที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ผงกหัวขึ้นด้วยเหมือนกันทันที “บอกมา อยากกินไร ทำอะไรง่ายๆ กินกันก็ได้ มึงไม่ตายหรอกน่า เชื่อกูเหอะ”

“มึงแน่ใจเหรอวะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น

“ไปดูกันดีกว่าว่าตู้เย็นบ้านมึงมีอะไรให้กูทำกินบ้าง”

ผมเดินตามเขาเข้าไปในครัว แล้วจากนั้นนะก็จัดแจงเปิดตู้เย็นเพื่อค้นดูว่าเขาพอจะทำอะไรให้เราสองคนกินกันเย็นนี้ได้ ในระหว่างนั้นพี่ก้อยก็เดินเข้ามาในครัวพอดี แต่พอนะบอกว่าเขาจะเป็นคนทำอาหารเอง พี่ก้อยก็เลยปล่อยให้เราได้ใช้ห้องครัวกันตามลำพัง

“ตกลงมึงจะทำอะไรวะ”

“ข้าวผัดมะ มีข้าวเย็นอยู่ มีเนื้อไก่อยู่ แล้วก็ทำผัดกะเพราด้วยเป็นไง กูเห็นใบกะเพรามันเริ่มจะเหี่ยวแล้ว มึงเองก็ชอบกินผัดกะเพราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“เออ ดีๆๆ แต่ทำให้อร่อยๆ นะมึง”

“เชื่อมือเหอะน่า” เขายักคิ้วให้ผม

จากนั้นนะก็เริ่มต้นการทำอาหารโดยมีผมเป็นลูกมือช่วยหยิบนั่น หยิบนี่ ช่วยล้างช่วยหั่นบ้างเท่าที่จะช่วยได้ ในขณะที่ผมมองดูเขากำลังง่วนอยู่นั้น ผมก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมเขาขึ้นมาอีกนิดไม่ได้ เพราะว่าเขาดูคล่องแคล่วกว่าที่ผมคิดเยอะเลยทีเดียว เมื่อผมถามเขาว่าเขาไปฝึกทำอาหารมาจากไหน เขาก็เล่าให้ผมฟังว่าแม่ของเขาเคยเปิดร้านอาหารเล็กๆ ตั้งแต่สมัยที่เขายังเด็ก เขาก็เลยพลอยได้วิชาติดตัวมาด้วย

“มึงนี่นอกจากจะหล่อแล้ว ยังเรียนดี เล่นกีฬาเก่ง ร้องเพลงก็เพราะ แถมยังทำอาหารเป็นอีกเหรอวะ”

เขาหัวเราะชอบใจทันที “นี่มึงชมกูเหรอวะเนี่ย อย่างมึงเนี่ยนะ ชมกูเป็นด้วยเหรอวะ”

“งั้นกูถอนคำพูดคืนก็ได้ ไอ้สาดดดด”

“ไม่ต้องถอนก็ได้ กูยอมรับ แต่ว่ากูไม่ได้ดูเพอร์เฟ็กต์อะไรขนาดนั้นหรอกนะเว้ย อย่างเรื่องหน้าตาดี ก็อย่างที่กูเคยบอกว่ากูยอมรับว่ากูไม่ได้ขี้เหร่ แต่คนหน้าตาแบบกูก็ใช่ว่าจะหล่อถูกใจไปหมดทุกคน จริงปะล่ะ กูแค่คิดว่าตัวเองหน้าตาพอดูได้ในระดับนึงแค่นั้นอะว่ะ แล้วถ้าถามว่ากูเรียนเก่งมั้ย กูก็คงตอบว่าไม่เก่งอะ กูแค่หัวกลางๆ แถมขี้ลืมอีก แต่อาศัยการที่เป็นคนเข้าใจอะไรเร็วเท่านั้นเอง ตอนมัธยมกูก็ได้เกรดแค่สามต้นๆ เองนะเว้ย ไม่ได้สูงอะไรนักหนาเลย” เขาปิดแก๊สและส่งสัญญาณให้ผมหยิบจานที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ใกล้ตัวไปให้เขา เขารับจานไปแล้วจากนั้นก็ตักผัดกะเพราออกจากกระทะและเริ่มพูดต่อ “เล่นกีฬาก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย ไม่เคยชนะได้ที่หนึ่งสักครั้ง แถมถนัดก็แค่อย่างเดียว ไม่ได้เล่นบอล เล่นบาส หรืออย่างอื่นเก่งไปด้วย ร้องเพลงเพราะมั้ย... กูว่าก็งั้นๆ คนอื่นร้องเพลงกันเพราะๆ มีออกถมถืดไป แต่จะยกเว้นก็แค่เรื่องทำอาหารนี่แหละ” เขาหันมายิ้มให้ผม “ที่กูค่อนข้างมั่นใจในฝีมือเลยล่ะ เพราะว่ากูเป็นลูกมือช่วยแม่มาตลอดไง แล้วแม่กูก็สอนกูมาเยอะด้วย”

“กูว่ากูอิจฉามึงว่ะ ไอ้นะ”

เขาเลิกคิ้วขึ้นสีหน้าประหลาดใจ “อิจฉากูเนี่ยนะ อิจฉาอะไรวะ”

“ไม่รู้ดิ กูรู้สึกว่ามึงแม่งทำอะไรก็เก่งเนอะ ไม่เหมือนกูเลย ทำห่าอะไรไม่เป็นสักอย่าง”

“มึงพูดจริงรึพูดเล่นเนี่ย ไอ้ซี” เขาหัวเราะ “กูว่ามึงมีข้อดีเยอะแยะไปเหอะ เวลากูมองมึง กูยังอิจฉามึงเลย”

“มึงเนี่ยนะ อิจฉากู เรื่องอะไรวะ”

“ช่างมันเหอะน่า เอาเป็นว่า มึงจำไว้เหอะว่ามึงจะรู้สึกชื่นชมอะไรคนอื่นบ้าง มันก็ไม่แปลกหรอก แต่อย่าลืมว่าในขณะเดียวกันก็อาจมีคนอื่นที่แอบชื่นชมมึงอยู่บ้างเหมือนกันก็ได้นะเว้ย คนเรามันมีดีกันคนละอย่างสองอย่างว่ะ อย่างมึงน่ะ หน้าตาดีขนาดนี้ สาวๆ ติดตรึม ไหนจะยังอัธยาศัยดี เล่นบาสก็เก่ง แล้วก็เป็นคนตั้งใจอะไรแล้วตั้งใจจริงด้วย ถึงหน้าตาจะกวนตีนไปสักหน่อยก็เถอะ” เขาหัวเราะปิดท้าย

“ตกลงคนที่มีปัญหาคือมึงใช่มะ ไม่ใช่กู ไอ้ห่าาาา ชมๆ กูอยู่ก็ลงท้ายด้วยการด่ากูซะงั้น”

“ไปเหอะ กินข้าวกัน มึงคงหิวแล้วสิ”

“หิวมานานแล้วด้วยเหอะ”

“งั้นตักแบ่งกันคนละจานเลยเนอะ แต่เดี๋ยวกูแบ่งไว้ให้พี่ก้อยก่อน”

เขาจัดการตักข้าวผัดและผัดกะเพราะราดข้าวทั้งหมดสามจาน และจากนั้นเราสองคนก็ยกจานของตัวเองออกมานั่งกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว

“มึงกับน้อยเป็นไงมั่งวะ” เขาถามขึ้น

“ก็เรื่อยๆ อะว่ะ ก็คุยกันน้อยลง ไม่เหมือนตอนเป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดอะไรกันน่ะนะ”

“แล้วมึงคิดถึงเค้ามั่งมั้ยวะ เคยมีความคิดอยากกลับไปคบกันมั้ย”

“ไม่เลยว่ะ กูหมายถึงไม่อยากกลับไปคบนะ กูเป็นประเภทตัดแล้วตัดเลยอะ แต่ถ้าถามว่ามีคิดถึงมั้ยก็มีบ้าง บางเวลาที่อยากจะเล่านั่นเล่านี่ให้ใครสักคนฟัง แต่มันไม่มีคนๆ นั้นแล้วอะ...” ผมเหลือบไปมองหน้าเขา “นอกจากมึงนี่แหละ ไอ้ตูด”

“ฮ่าๆๆๆ งั้นกูว่ามึงกับกูก็คงคล้ายๆ กันอะว่ะ”

“เออ สงสัยจะอย่างนั้นมั้ง”

“แล้ว... ข้าวเป็นไงบ้างวะ อร่อยมั้ย ถูกปากมึงรึเปล่า”

“อร่อยๆๆ มึงเก่งจริงว่ะกูยอมรับ รสชาติแบบนี้แหละที่กูชอบเลย”

เขายิ้มกว้าง “แต๊งกิ้วว่ะ ค่อยยังชั่วหน่อย”

“อ้าว ไหนบอกมั่นใจไง” ผมหัวเราะเบาๆ

“ก็มั่นใจอยู่ แต่ไม่รู้ดิ ทำให้มึงกินแล้วมันเกร็งๆ ว่ะ ฮ่าๆ แต่ละคนมันก็ชอบรสชาติไม่เหมือนกันใช่ปะล่ะ แต่อย่างมึงกูก็พอรู้ว่าชอบรสจัดๆ หน่อย ผัดกะเพราต้องเผ็ดและติดหวานนิดๆ ไรเงี้ย ก็พยายามทำให้ถูกปากมึงที่สุดแล้ว”

“อร่อยเว้ย อร่อย กูคอนเฟิร์มเลย”

“เออ มึงชอบกูก็ดีใจว่ะ”

เรานั่งกินข้าวและคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อทั้งผมและเขาต่างก็กินกันจนหมดเกลี้ยงแล้ว เราก็รินน้ำส้มมานั่งดื่มด้วยกันที่หน้าทีวี

“เอ้อ จริงด้วย กูลืมไปสนิทเลยว่ะ” เขาพูดขึ้น

“อะไรวะ”

“ที่จริงคืนนี้พวกเพื่อนๆ มึงมันจะไปกินเหล้ากันนะเว้ย มึงจะไปมั้ยวะ”

“ฮะ คืนนี้น่ะเหรอ กูนึกว่ามันไปกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วซะอีก”

“แม่งจะทำแฮททริกอะดิ” เขาหัวเราะ “คืนนี้มันก็จะไป พรุ่งนี้ด้วย ไอ้ก้องมันเพิ่งบอกกูเมื่อตอนบ่ายก่อนกูจะมาบ้านมึงเนี่ยอะ แล้วก็บอกว่าถ้ามึงยังมีชีวิตอยู่ก็ให้ชวนมึงไปด้วย”

“มันจะไปกันที่ไหนวะ”

“รัชดามั้ง เห็นว่า”

“แล้วมึงอะ อยากไปมะ”

เขายักไหล่ “ถ้ามึงไปกูก็ไปว่ะ กูยังไงก็ได้อยู่แล้ว มึงก็รู้นี่หว่า แต่เพิ่งจะสอบเสร็จมาแบบนี้ ไปปลดปล่อยบ้างก็ดีเหมือนกัน”

“งั้นแดกข้าวเสร็จแล้วก็ไปเตรียมอาบน้ำแต่งตัวกันได้เลย” ผมยักคิ้ว

สรุปว่าคืนนั้นเราสองคนก็ออกไปตะลุยผับย่านรัชดากับเพื่อนๆ ที่คณะของผม และก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่ทั้งเขาและผมต่างก็ดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงในผับได้จำนวนหนึ่ง แต่เราก็ไม่ได้ให้ความสนใจพวกเธอเหล่านั้นมากนัก ผมรู้ว่านะไม่ใช่คนที่ชอบคุยกับผู้หญิงในผับอยู่แล้ว ส่วนผมเองก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์อย่างนั้นสักเท่าไหร่ เพราะผมแค่อยากจะไปสนุกกับเพื่อนๆ มากกว่า ผมจึงแค่ชนแก้วกับบางคนที่มาขอชนด้วยตามมารยาทเท่านั้น แต่เมื่อเริ่มดึกมากขึ้นและเราทุกคนต่างก็ดื่มกันเยอะขึ้น ผมก็หันไปเห็นนะกำลังยืนคุยอยู่กับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอผมหันไปทางพวกเขาอีกครั้ง ผมกลับเห็นว่าเขากำลังแลกเบอร์โทรศัพท์กันแล้ว

“เฮ้ย! สงสัยไอ้นะแม่งได้แน่แล้วว่ะ ไอ้ซี!” ไอ้ก้องหันมาตะโกนใส่หูของผม “แล้วมึงอะวะ ไม่เอาสักคนรึไง กูเห็นคนสนใจมึงออกเยอะ! เอาแต่ชนแก้วไม่ได้ทำให้น้ำแตกนะเว้ย!”

“ไม่ต้องมาหวังดีกับกูเลย ไอ้ส้นตีน!” ผมตอบมันกลับไป จากนั้นก็หันไปมองนะที่กำลังหัวเราะกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ แล้วจึงกระดกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม

พอตีหนึ่งกว่า ผมก็เริ่มจะเมาได้ที่ ส่วนนะที่คงไม่ค่อยได้ดื่มก็เริ่มจะคอยยืนประกบติดผมแทบตลอดเวลา พอเขามาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ผมแบบนี้ ผมถึงเพิ่งสังเกตว่าผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะตัวเดิมอีกแล้ว

“เมาแล้วใช่มั้ย ไอ้ซี ไหวรึเปล่าวะ!” เขาตะโกนแข่งกับเสียงเพลง

“ไหวๆ ยังไม่ได้เมามากหรอก ว่าแต่แล้วผู้หญิงคนนั้นอะวะ ไปไหนแล้วล่ะ”

“กลับไปแล้ว”

“อ๋ออออ” ผมพยักหน้า “แล้วมึงจะไปต่อกะเค้าป่าววะ”

“ไปต่อเหี้ยไรวะ” เขาทำหน้าสงสัย “กูก็กลับบ้านกับมึงไง”

“เฮ้ยยย! มึงไม่ต้องห่วงกูนะเว้ย มึงไปกับเค้าก็ได้ ส่วนกูกลับเองได้ สบายมากเว้ยย!”

“มึงอย่ามาเลอะเทอะ ไอ้ซี กูจะไปไหนกับใครได้ไงวะ ยังไงวันนี้กูก็จะกลับบ้านกับมึงนี่แหละ!”

“ก็ตามใจมึงละกันนน” ผมดื่มเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วรวดเดียวจนหมด

เมื่อถึงเวลาผับปิด ผมก็เมาจนแทบจะเดินไม่ตรงทาง แต่เท่าที่ดูคนอื่นๆ ก็สภาพไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ เว้นก็แต่นะแค่คนเดียวที่ดูปกติกว่าใครเพื่อน เราสองคนบอกลาคนอื่นแล้วจึงขึ้นแท็กซี่กลับไปยังบ้านของผมด้วยกัน

“มึงจะไหวมั้ยเนี่ย ไอ้ซี เมามากมั้ยวะ” เขาหันมาถามผม

“ประมาณนึงว่ะ แต่ยังไหวอยู่” ผมเอนหัวพิงเบาะรถ “มึงจำทางเข้าบ้านกูได้ใช่ป่าว ไอ้นะ”

“ได้ดิ”

“เออ งั้นมึงบอกทางพี่เค้าด้วยนะเว้ย เผื่อกูหลับอ่า”

“ได้ มึงพักไปเถอะ อย่าอ้วกก็แล้วกัน” เขาพูดติดตลก

“ไม่อ้วกหรอกน่ะ ถ้ากูจะอ้วกนะ กูจะอ้วกใส่หัวมึงเนี่ยแหละ”

“อ้าวววว ไอ้เหี้ยยย กูไปทำอะไรให้มึงวะ”

ผมหันไปทางเขา “กูแค่หมั่นไส้มึงเฉยๆ มีไรปะ”

“เอ๊า เวร แล้วมาหมั่นไส้อะไรกูล่ะวะ”

“เมื่อกี้มึงได้ผู้หญิงไปกี่คนแล้ววะ ไอ้นะ”

“เฮ้ยยย ได้เหี้ยอะไร ไม่ได้สักคนนั่นแหละ ไอ้ห่า”

“อย่ามาแหล ไอ้ตูด กูเห็นมึงแลกเบอร์กับผู้หญิงคนนั้นกันแล้วไม่ใช่เหรอวะ คนที่สวยๆ นั่นน่ะ ชื่ออะไรวะ”

“ไม่รู้ กูจำไม่ได้ และกูก็ไม่ได้ให้เบอร์กูไปด้วย กูแกล้งให้เบอร์ผิดไปต่างหาก”

“อ้าวเหรอวะ ไหงงั้นอะ”

“มึงก็รู้นี่หว่าว่ากูไม่ชอบผู้หญิงที่มาจีบกูก่อนน่ะ และที่สำคัญ กูก็ไม่กล้าคุยกับเค้าหรอก ตอนนี้กูยังไม่อยากคุยอะไรกับใครทั้งนั้นอะว่ะ”

“อ๋อ... เหรอวะ”

“ทำไมวะ มึงมีปัญหาอะไรรึไง รึว่ากลัวกูจะได้เมียใหม่ก่อนมึง หืออ ไอ้ตี๋” เขาใช้ศอกดันหัวของผมเบาๆ

ผมปัดแขนเขาออก “ครวยเหอะ กูไม่สนใจเรื่องของมึงขนาดนั้นหรอก”

“เออ หึๆ” เขาดีดหน้าผากผมเบาๆ “นอนไปเหอะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วกูปลุก”

หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างนั่งกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ส่วนผมน่ะนอนไม่หลับหรอก ถึงจะมึนหัวแค่ไหนแต่ก็หลับไม่ลงแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมดันนอนไปตั้งเยอะขนาดนั้นแล้วนี่นา จนเมื่อมาถึงบ้าน เขาก็จ่ายค่าแท็กซี่แล้วช่วยพาผมเดินเข้าบ้านและขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ทั้งๆ ที่ผมบอกแล้วว่าผมเดินเองได้ แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะช่วยประคองผมเดินตลอดทางจนถึงห้อง

เราสองคนผลัดกันไปอาบน้ำ โดยที่เขาเข้าไปอาบก่อน และเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ยิ่งเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องนอนและผิวกายสัมผัวเข้ากับแอร์เย็นๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกสร่างขึ้นไปอีก

“เอ้า น้ำ” เขายื่นแก้วที่ใส่น้ำอยู่เต็มให้ผม

“ขอบใจ...” ผมรับแก้วน้ำมาดื่ม แล้วจึงคืนแก้วเปล่าไปให้กับเขา “มึงลงไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”

“ก็ตอนมึงอาบน้ำเมื่อกี้นี้แหละ”

“อ่ออ เออเนอะ” ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าออกแล้วเลือกหาเสื้อกับกางเกงที่จะใส่นอน

“สร่างขึ้นบ้างแล้วใช่มะ”

“อือออ แต่ก็ยังมึนๆ อยู่อะว่ะ ยังอยากแดกต่ออยู่เลยยย”

“พอแล้วเหอะ ไอ้ห่า ถ้าต้องถึงขั้นให้กูหามมึงกลับบ้านก็ไม่ไหวนะเว้ย”

“ทำมายยย รังเกียจกูเหรอ สาดดด ใช่ซี้ กูมันไม่ใช่ผู้หญิง ไม่สวยไม่อึ๋มเหมือนคนนั้นนี่หว่าาา” ผมหัวเราะ

“กวนตีนแล้วมึง ถ้ามึงเป็นผู้หญิง ก็คงเป็นผู้หญิงที่ตัวสูงใหญ่และหน้าตากวนตีนมากอะ เพราะงั้นมึงเป็นตัวผู้แบบนี้แหละ ดีแล้ว”

“อะไรวะ ก่อนหน้านี้ยังเคยบอกอยู่เลยว่าถ้ากูเป็นผู้หญิงมึงคงจะรักกูตายอะ สาดดด กลับคำซะแล้ว”

“ใครกลับคำตรงไหน มึงเป็นผู้ชายแล้วกูรักมึงไม่ได้รึไง”

“เหรอๆ มึงเนี่ยนะ รักกูเหรอวะ ไอ้นะ”

“เออ กูก็เคยบอกมึงไปแล้วไงว่ามึงเป็นเพื่อนรักกูน่ะ แล้วมึงอะ ไม่รักกูเลยรึไง”

ผมอึ้งๆ ไปเล็กน้อย “ถ... ถามทำไมวะ”

“ไม่ทำไมอะ ก็แค่ถ้ามึงรักกู ก็ช่วยรีบๆ แต่งตัวแล้วมานอนได้แล้ว ไอ้ตี๋ เพราะกูหนาวและกูง่วงมากกกกกกก”

“คร้าบๆ นอนแล้วครับ” ผมสวมเสื้อยืดและใส่กางเกงบอล จากนั้นก็พาดผ้าเช็ดตัวไว้บนเก้าอี้ แล้วจึงเดินไปปิดสวิทช์ไฟ

ถึงห้องจะมืด แต่ผมก็อาศัยความเคยชินเดินกลับไปนอนที่เตียงได้อย่างไม่มีปัญหา

“มามะ มาให้ป๋ากอดที” เขาดึงตัวผมเข้าไปกอดทันทีที่ผมนอนลงข้างๆ เขา

“ครวยไรของมึง กูไม่ใช่ผู้หญิงในผับคนนั้นนะเว้ยยย” ผมแกะแขนของเขาออก

“มึงเป็นอะไรกับคนนั้นมากปะวะ ไอ้ซี ก็กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ชอบเค้าเลยนะเว้ย” เขาชันตัวขึ้น “ไม่ได้คิดอะไรด้วยเลยสักนิดจริงๆ”

“เปล่า กูไม่ได้เป็นไรทั้งนั้นแหละว่ะ แค่มึนๆ เมาๆ ไปตามประสาอะ อย่าสนใจกูเลย”

“จะไม่ให้สนใจได้ไงวะ ไอ้ตี๋เอ๊ยยยย” เขาดีดหูผม

“โอ๊ย!! ไอ้เหี้ยยย!!” ผมยกมือขึ้นจับหูแล้วหันขวับไปหาเขาทันที “เจ็บนะเว้ย!!”

“ก็เออดิ ไม่ดีดให้เจ็บแล้วจะดีดทำไมวะ” เขาตอบ “จำไว้นะเว้ยว่ากูแคร์มึง กูเป็นห่วงมึง กูเคยบอกแล้วไง กูไม่อยากเห็นคนที่กูรักหรือคนใกล้ชิดกูต้องเป็นอะไรไปเพราะการเมาเหล้าอีก และนั่นก็รวมถึงมึงด้วยเหมือนกัน เข้าใจรึเปล่า”

“เออๆๆ รู้แล้วล่ะน่า!” ผมนิ่วหน้า “ทีตอนไปทะเลมึงยังเมาได้เลย ไอ้ห่าาา”

“ก็ตอนนั้นมันแค่เมาอยู่หน้าโรงแรมนี่หว่า แถมกูรู้ว่ามึงจะดูแลกูได้ด้วยอะ”

“กูก็เหมือนกันนั่นแหละว่ะ เพราะกูรู้ไงว่ามึงจะพากูกลับบ้านได้”

“แล้วใครวะที่แม่งบอกให้กูไปต่อกับคนอื่นได้ ไม่ต้องห่วงมึงน่ะ ฮึ”

“กูพูดเหรอวะ...” ผมมองหน้าเขาในความมืด

“เออ ก็มึงนั่นแหละ”

“อ๋อเหรอ แหะๆ กูลืมว่ะ”

“เออๆ นอนกันเถอะ กูรู้สึกเหนื่อยๆ ชอบกลว่ะ” เขาล้มตัวลงหนุนหมอนเหมือนเดิม

เราสองคนต่างก็นอนกันเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง แต่ผมรู้ว่าเขายังไม่หลับหรอก

“ขอบใจนะเว้ย ไอ้นะ”

“อืมมม... ไม่เป็นไร กูเต็มใจ”

“การดูแลกูเนี่ย มันทำให้มึงเหนื่อยมากมั้ยวะ”

“เหนื่อยเด่ะ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “แต่ไม่มากหรอกว่ะ เพราะกูอยู่กับมึงแล้วสบายใจมากกว่าอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ น่ะ และกูก็ไม่คิดว่านี่เป็นการดูแลอะไรด้วย มึงโตเป็นควายขนาดนี้แล้ว กูยังจะต้องดูแลอะไรมึงอยู่อีกวะ”

“อ้าว ก็อย่างวันนี้ ไรเงี้ย...” ผมหันไปหาเขา

“กูไม่ได้ดูแลมึง แต่กูแค่เป็นห่วงมึงต่างหาก” เขาหันหน้ามาสบตากับผมด้วยเช่นเดียวกัน

“หึๆๆ จริงๆ กูมีเรื่องนึงอยากจะสารภาพกับมึงด้วยว่ะ ไอ้นะ กูไม่เคยคิดเลยนะว่ากูจะกล้าบอกมึงอะ แต่ถ้ากูจะพูด กูก็ต้องพูดตอนกูกำลังเมาๆ แบบนี้นี่แหละว่ะ”

“หืออ อะไรวะ”

“กูอะ ชื่นชมมึงนะเว้ย แล้วก็เป็นเพราะมึงนั่นแหละที่ทำให้กูอยากเป็นลูกที่ดีขึ้นของพ่อกับแม่ ทำให้กูตั้งใจเรียนมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นกูก็คงทำตัวเรื่อยเปื่อยไปวันๆ แบบพวกไอ้ไมค์ ไอ้ก้อง อะไรแบบนั้นอะ กูอยากขอบใจมึงว่ะ ไอ้นะ มึงแม่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูจริงๆ นะเว้ย”

เขาฉีกยิ้มกว้าง “ไอ้ห่า! กูเขินนะเว้ยยย!”

“เออ ใช่ๆ แล้วก็เวลามึงเขินอะ มึงแม่งน่ารักดีด้วย กูยังไม่เคยบอกมึงใช่ปะ ฮ่าๆๆ”

“ครวยเหอะ ไอ้เหี้ย!” เขายิ่งเขินหนักเข้าไปใหญ่ “พอตื่นขึ้นมาตอนเช้ามึงจะยังจำคำพูดตัวเองได้อยู่มั้ยวะเนี่ย”

“จำได้เด่ะ กูจำได้หมดทุกอย่างแหละ ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไรไปเวลาเมาน่ะ”

“เมื่อกี้มึงยังลืมคำพูดตัวเองตอนอยู่ในผับอยู่เลย ไอ้เชี่ยตี๋”

“อ๋อเหรอๆ ฮ่าๆๆ จริงๆ กูจำได้เว้ย แต่กูแกล้งลืมต่างหาก”

“ถุยเหอะ ไอ้กะล่อนเอ๊ยยย” เขาดีดหน้าผากผมเบาๆ “ไปๆ ตะแคงหันไปข้างนู้นไป กูจะได้กอดมึงได้ถนัดๆ”

“เหี้ยไรล่ะ กูไม่ใช่ของเล่นมึงนะเว้ย มึงนั่นแหละหันไป กูจะกอดมึงเอง กูก็หนาวเหมือนกันเหอะว่ะ ตีนกูเย็นเฉียบเลยเนี่ย” ผมยื่นเท้าไปแตะลงบนหน้าแข้งของเขา

“เฮ้ยย! เย็นเว้ย!” เขาสะดุ้ง

“เห็นมะ บอกแล้ว เพราะงั้นรีบๆ หันไป เร็วๆ”

เขาตะแคงตัวเป็นนอนหันหลังให้กับผม ผมจึงกอดเขาเอาไว้จากทางด้านหลังท่าเดียวกับที่เขาเคยกอดผม ความอบอุ่นที่ผมรู้สึกได้ช่างเป็นความคุ้นเคยแบบที่ผมไม่ได้รับจากใครคนอื่นมานานมากแล้วเหลือเกิน ถึงตอนนั้นเขาจะเป็นฝ่ายกอดผม แต่ความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนกับการที่ผมเป็นคนกอดเขาแบบนี้ และที่สำคัญผมว่าความรู้สึกและสัมผัสที่ได้มันยังต่างไปจากการกอดผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าผม และผิวกายนิ่มกว่านี้เยอะเลยอีกด้วยสิ

แต่จะว่าไปความอบอุ่นแบบนี้ สัมผัสแบบนี้ มันก็ไม่เลวเหมือนกัน...

“เฮ้ย ไอ้ซี...”

“หือออ” ผมส่งเสียงในลำคอตอบไปเบาๆ

“ครวยมึงแข็งเหรอวะ มันทิ่มๆ ก้นกูอยู่อะ”

“เอ๊อะ..!!” ผมรีบขยับสะโพกออกทันที “ขอโทษทีว่ะ กูก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ามันแข็งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่อะ สงสัยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์มั้ง แหะๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก มึงเงี่ยนเหรอวะ...”

“หึๆๆ ทุกวันอะ”

เขายกแขนของผมขึ้นแล้วพลิกตัวหันมาหาผม “กูก็เหมือนกันว่ะ...”

เราสองคนสบตากันและกัน แล้วจากนั้นเขาก็ชะโงกหน้าเข้ามาหาผมเล็กน้อย ก่อนจะหยุดลง ผมจึงเป็นฝ่ายที่โน้มตัวเข้าไปจูบปากของเขาแทน และเขาก็จูบผมตอบกลับในทันที เราสองคนแลกลิ้นกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออก

“ไอ้ซี...” เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “คราวนี้กูอยากลองใช้ปากให้มึงมั่งว่ะ”

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 11-02-2012 09:43:05
ใครอ่านอยู่แล้วยังไม่ได้ like fan page เข้าไป like ได้นะครับ อีกไม่กี่คน เลขาฯ จะต้องถ่ายรูปนู้ดมาโชว์แล้ว กร๊ากกกกกก

ล้อเล่นๆ ประเด็นคือว่าจะเล่นเกมแจกนิยายในแฟนเพจน่ะครับ ใครมีแล้วก็เล่นกดไ้นะ เพราะหนังสือเล่มนี้พิเศษตรงที่จะมีลายเซ็นต์และ... เก่า (ฮา)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 11-02-2012 10:03:51
ขอแฟนแบบนะซักคนได้มั้ยเคอะ
ตอนนี้ซีมีหึงไม่รู้ตัวนะนั่น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-02-2012 10:10:28
อึ่ย!!!!!!! :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 11-02-2012 10:11:12
ค่อย ๆ รักกันทีละน้อย ๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-02-2012 10:17:58
บรรทัดสุดท้าย ทำเอาคนอ่านระเบิดตัวเองเลย
มาขนาดนี้แล้ว ยังแยกความรู้สึกไม่ออกอีกเรอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 11-02-2012 10:27:51
เริ่มมีแอบหึงกันเล็กๆๆ...อยากจะกริ๊ดดดด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 11-02-2012 10:41:08
เห้ย...นะ แกอยากใช้ปากหรอ!!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 11-02-2012 11:37:03
หึงแบบไม่รู้ตัวเว๊ยเห๊ยคุณซี  :m12: :laugh:

ตอนต่อไป ปาก  :m10:

มาต่อเร็วๆนะครับ  :impress:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-02-2012 12:02:23
ก้าวหน้่าไปอีกยกล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 11-02-2012 12:12:41
 :a5:  มีการอยากจะใช้ปากด้วยอะ

แหม ซีแอบหึงนะโดยไม่รู้ตัวด้วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 11-02-2012 12:15:39
มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เมื่อไหร่จะมาต่ออีกนี้ พึ่งลงวันนี้แสดงว่าต้องลงแดงรอไปอีกหลายวันแน่
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 11-02-2012 12:25:55
เมื่อไหร่จะรู้ตัวว่ารักกันซะที ลุ้นอ่ะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-02-2012 12:39:49
ตอนหน้านะคงพูดว่า "จะทานแล้วนะครับ" สินะ
อ่านเรื่องหนุ่ม ๆ แล้วกระชุ่มกระชวย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 11-02-2012 13:41:32
ครบ 500แล้วต่อตอนใหม่ให้เลยป่าววววว > <
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 11-02-2012 13:44:28
เริ่ม advance ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว โย่ววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 11-02-2012 14:56:47
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :z1: นะอ่ะ !! เขิน  :o8:
 :pig4: นะค้า

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 11-02-2012 15:16:17
แปะ ไว้ก่อนอีกแล้ว

ไปเที่ยวก่อนแล้วเด๋วมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 11-02-2012 15:17:50
เง้อ......เหมือนมันค้างๆนะคุณต้น :z3:

นะ...ใจกล้ามากกกกกกกกขอกันอย่างนี้เลย :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-02-2012 17:34:57
มันค้างอิตรงบรรทัดสุดท้ายนี่แหละค่ะพี่ต้นนนน :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 11-02-2012 17:52:19
 :z1:อยากอ่านต่อจัง :z3:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 11-02-2012 18:48:52
ขออ่านด้วยคนน๊า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-02-2012 20:02:01
นะกับซีค่อยๆไต่ระดับเพดานไปเรื่อยๆ ซี๊ดดดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 11-02-2012 20:03:56
ค้าง~~อย่างแรงค่ะคุณต้น

ซีเริ่มออกอาการแล้วนะเนี๊ย คริคริ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 11-02-2012 21:21:24
มารอคราบ... :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 12-02-2012 03:34:13
ตัดฉับ!! ค้างงงงงงงง ตื่นเต้นอะ เดินหน้าแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 13-02-2012 00:11:33
นะ


เอ๊ะๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 13-02-2012 01:05:23
ตอนต่อไปคงจะไม่ธรรรมดา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 13-02-2012 05:43:09
เริ่มมีการพัฒนา....หุหุ :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 13-02-2012 15:07:14
เม้นบน มาเจอเลยครับ เซ็นลาด จ-ส เว้นวันพุธ 55555

ปล. เดี๋ยววันเสาร์มาต่อให้นะ
ตอนนี้ตัวอยู่ไกล ส่งใจไปหาก่อนครับ ไว้กลับไทยเมื่อไหร่จะไปเยี่ยมเยียน สู้ๆ นะคร้าบนักเขียนในดวงใจของผม
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-02-2012 15:17:41
ในความรู้สึกของคนอ่านรู้สึกเหมือนซีกับนะเป็นแบบนี้...
"ความรักที่สองเราร่วมบ่มเพาะ
ค่อยค่อยเกาะเกี่ยวพันกันแน่นเหนียว
ใจสองดวงเริ่มผสานเป็นดวงเดียว
ถักเป็นเกลียวทอเป็นผืนแผ่นรักเรา"
แล้วยังคาดหวังต่อไปอีกว่าต้นรักของซีกับนะ จะหยั่งรากลึกอย่างยั่งยืนด้วย(อินมากไปหรือเปล่าเรา)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 13-02-2012 15:25:14
^
^

ชอบอะครับ หวานมากกกก >//<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 13-02-2012 15:51:15
นั่งรอ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-02-2012 08:37:17
SeeeDz ที่ 12

เราสองคนมองหน้ากันนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาอีกไปชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของนะแดงระเรื่อ แต่แววตาของเขากลับเปลี่ยนไป จากที่เคยเต็มไปด้วยความต้องการกลายเป็นแลดูกล้าๆ กลัวๆ และไม่มั่นคง เมื่อเห็นดังนั้น ผมจึงรีบจับหัวไหล่ของเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมาอีก

“มึงใช้ปากให้กู แต่กูก็ต้องทำให้มึงทีหลังใช่มั้ยวะ” ผมถาม

“ถ... ถ้ามึงไม่อยากก็ไม่เป็นไรนะเว้ย กูว่ากูคงคิดอะไรแปลกๆ อะ เพราะกูเงี่ยนแล้วก็เมานิดๆ ด้วยอะว่ะ แต่คิดไปคิดมา กูไม่อยากให้เราต้...”

ผมรีบประกบริมฝีปากกับเขาทันทีเพื่อไม่ให้เขาพูดจบ ที่จริงแล้วผมว่าเวลาเขามีท่าทีเขินๆ ละล้าละลังแบบเมื่อครู่นี้มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ทั้งๆ ที่ตัวออกจะใหญ่ขนาดนี้และดูแมนขนาดนี้แท้ๆ แต่บางทีเขาก็มีมุมที่ดูเหมือนเด็กๆ ซื่อๆ ได้เหมือนกัน

ผมรู้ว่าผมเมา และกำลังมีอารมณ์มากด้วย ผมต้องการการระบายออก และนะก็เป็นคนๆ เดียวที่ช่วยเหลือผมมาตลอด นอกจากนั้นเขายังเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมกำลังรู้สึกอยากจะมีอะไรด้วยในตอนนี้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มันมากความไปกว่านั้นอีกแล้ว

เราสองคนแลกลิ้นกันอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อผมถอนริมฝีปากออก ผมก็จับเขาชันตัวขึ้นนั่งแล้วช่วยถอดเสื้อออก จากนั้นก็ดึงตัวของเขาเข้ามาหาแล้วเริ่มใช้ลิ้นเลียลงไปที่หัวนม เมื่อลิ้นเย็นๆ ของผมสัมผัสกับผิวหนังของเขา นะก็แอ่นตัวพร้อมกับครางในลำคอออกมาเบาๆ ทันที

ผมตวัดลิ้นขึ้นลงสลับระหว่างหัวนมทั้งสองข้างไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ไล่ลิ้นต่ำลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงสะดือ ผมเลียมันจนชุ่มแล้วจึงไล่กลับไปดุนและดูดที่หัวนมอีกครั้ง นะครางและบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน ผมจึงใช้มือข้างหนึ่งขยำเป้ากางเกงของเขาไปด้วย จากนั้นก็ผลักให้เขากลับไปนอนหงายลงเหมือนเดิม แล้วใช้ลิ้นเลียตั้งแต่หัวนมสลับกับการจูบเบาๆ ไล่เป็นทางลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าท้อง และสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงขาสั้นของเขา

เขาผงกหัวขึ้นมามองหน้าผมพร้อมกับยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย แต่ผมกลับประทับจูบลงบนน้องชายของเขาที่แข็งผงาดอยู่ใต้กางเกงทั้งอย่างนั้น ผมแลบลิ้นออกมาเลียบริเวณส่วนหัวของมัน ซึ่งดูเหมือนจะยิ่งทำให้ร่างกายของเขาต้องสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีก

“ซี้ดดด...ด...ด ไอ้ซี เสียวว่ะ มึงอย่าแกล้งกูแบบนี้สิวะ” เขาบิดตัวเบาๆ

“ทำไมวะ ก็ให้เวลากูทำใจนิดนึงก่อนไม่ได้รึไง”

“ทำใจอะไรวะ” เขาผงกหัวขึ้นมามองหน้าผมอีกครั้ง

ผมไม่ตอบ แต่ดึงกางเกงของเขาลง เผยให้เห็นไอ้น้องชายของเขาที่พาดเป็นลำไปบนหน้าท้อง ผมจับส่วนฐานให้มันตั้งขึ้น แล้วพินิจมองมันอยู่ครู่หนึ่ง นี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลยที่จะทำอะไรแบบนี้

ผมรูดมันขึ้นและลงช้าๆ ก่อนจะซุกหน้าลงตรงหว่างขาของเขา

“อ๊าา..า...า!! ซี้ดดดด...ดด...ดส์!! ไอ้ซี! กูเสียว!!” เขาดิ้นพล่านและรีบจับหัวของผมเอาไว้ทันที

“เสียวเหรอวะ”

“เออ! ปนจั๊กจี้นิดๆ ด้วย”

“เหรอ ตรงง่ามขาเนี่ยนะ” ผมใช้ลิ้นแตะลงบนผิวของเขา ซึ่งก็ยิ่งทำให้เขาบิดตัวแรงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

“โอ๊ยยย...ย! เช็ดแม่งงง! เสียวเว้ยย!! มึงหยุดเลย ไอ้ซี!”

“อะไรเล่า ก็กูบอกแล้วไงว่าให้เวลากูทำใจก่อนนิดนึงไม่ได้รึไง กูแค่ขอดมๆ เอาลิ้นแตะๆ ชิมมึงนิดนึงก่อนแค่เนี้ย ไม่ได้รึไงวะ”

“มึงจะขอทำใจเรื่องอะไรวะ หรือว่ามึง...”

ผมยิ้มให้เขา ก่อนที่จะเลียลงบนไข่ของเขา ทำให้เขาต้องแหงนหน้าไปข้างหลังพร้อมกับจิกมือลงบนหัวของผม

“ซี้ดดดด...ด...ดส์! ไอ้... ไอ้ซี...!!”

ตอนแรกผมก็คิดว่าบริเวณแถวๆ นี้จะมีกลิ่นอับมากกว่านี้เสียอีก แต่ว่านะคงทำความสะอาดและดูแลตัวเองดีมาก เพราะว่าขาหนีบและไข่ของเขาไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่เลยแม้แต่น้อย แถมนอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ติดอยู่อีกด้วย

ผมใช้ลิ้นเลียและดุนไข่ทั้งสองข้างของเขาสลับกันพร้อมกับใช้มือรูดท่อนลำของเขาไปด้วยอย่างช้าๆ แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ลิ้นขึ้นตามแนวท่อนเอ็นที่แข็งเกร็งไปเรื่อยๆ จนถึงตรงบริเวณหัวหยักที่เริ่มจะมีน้ำใสๆ ขับออกมาจนเป็นมัน

อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ บวกกับความไว้วางใจว่านี่คือเขา คนที่ผมไว้วางใจที่สุดคนหนึ่งล่ะมั้ง ที่ทำให้ผมอ้าปากออกและครอบลงท่อนลำของเขาอย่างไม่ลังเล

นะสะดุ้งเฮือกและซี้ดปากออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาพร่ำชื่อของผมเบาๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่ผมไม่ได้สนใจ เพราะกำลังพยายามตั้งสมาธิกับการทำให้เขามีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่ ผมค่อยๆ อมและใช้ลิ้นเลียส่วนหัวไปด้วยอย่างช้าๆ ระวังไม่ให้ฟันของผมไปครูดโดนเหมือนอย่างที่ผมเคยโดน เพราะผมรู้ดีเลยว่ามันเจ็บมากขนาดไหน

น้ำหล่อลื่นใสๆ ของเขามีรสชาติเค็มๆ หวานๆ ปะแล่มๆ บรรยายไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก และผมว่าการอมไอ้น้องชายของเขานี่ก็ไม่ได้ให้รสชาติหรือสัมผัสที่ต่างไปจากการดูดนิ้ว หรือการเลียหัวนมของเขาเท่าไหร่หรอกมั้ง เพราะมันก็ผิวหนังเหมือนๆ กันนี่หว่า

“อาาา...า..า ไอ้ซี...” เขาลูบหัวของผมพร้อมกับครางเบาๆ

ผมถอนปากออกแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา “เป็นไงมั่งวะ พอไหวมั้ยเนี่ย ดีเหมือนที่เมียเก่ามึงเคยทำให้มึงรึเปล่า”

เขาดึงตัวผมขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับเขา แล้วจากนั้นก็จูบปากผมอย่างดูดดื่มและร้อนแรง ถัดมาก็จับตัวผมพลิกเป็นนอนหงายให้อยู่ใต้ร่างกายของเขา ก่อนที่จะจูบผมอีกครั้ง

“ทำไมจูบเยอะนักวะ” ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ “มาแปลกนะมึง วันนี้น่ะ”

“เพื่อเป็นการบอกว่า ‘มึงแม่งสุดยอดแล้ว’ ไงล่ะ ไอ้ตี๋...” เขาจุ๊บลงบนปลายจมูกผม “มึงแม่งเก่งกว่ากิ๊กเยอะเลยเหอะว่ะ กิ๊กยังไม่เคยทำให้กูขนาดนั้นเลย”

“กูควรจะถือว่ามันเป็นคำชมใช่มั้ยวะเนี่ย”

“ชมสิวะ...” เขายิ้ม “แต่คราวนี้ตากูมั่งล่ะนะ”

เขาเริ่มต้นจากที่หัวนมของผม ทำให้ผมต้องบิดตัวพล่านและครางอยู่ในลำคอด้วยความเสียว จากนั้นเขาก็เลียนแบบสิ่งที่ผมเพิ่งทำให้กับเขาทุกอย่าง ผมเลยรู้ว่าความเสียวและความทรมานจนแทบคลั่งนั้นมันเป็นอย่างไร ผมพยายามบอกให้เขาหยุด แต่เขากลับยิ่งดูเหมือนจะได้ใจที่สามารถทำให้ผมต้องตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับเขาเมื่อครู่นี้ได้

“ไอ้นะ! กูบอกว่ากูเสียว!” ผมบิดตัวหนีลิ้นของเขาที่กำลังเลียอยู่ตรงซอกขาของผม “อึ๊กก...ก..!! อาา...าา... มึงจะทรมานกูอีกนานมั้ยวะ!”

“ก็เหมือนที่มึงทรมานกูเมื่อกี้ไง”

“กูไม่ได้ตั้งใจเว้ย! ไอ้ห่าาา...” ผมหอบเบาๆ จากนั้นก็เอนคอลงหนุนหมอนเหมือนเดิมอีกครั้ง

นะยังคงรูดน้องชายของผมขึ้นลงเบาๆ มาตลอดอย่างไม่หยุดมือ และเมื่อปล่อยมือออก เขาก็เปลี่ยนไปใช้ปากทำหน้าที่แทน ทำให้ผมต้องสะดุ้งเฮือกและแอ่นอกขึ้นทันที ผมคว้าหัวของเขาเอาไว้แล้วกดลงอย่างเป็นจังหวะ ยิ่งเขาดูดให้ผมเร็วขึ้นมากเท่าไหร่ อมของผมเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเสียวมากขึ้นเท่านั้น

“อื้อออ...ออ..อ” นะส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะฝืนดันตัวขึ้น “ไอ้ซี เดี๋ยวกูก็สำลักตายหรอกมึง ใจเย็นๆ สิวะ”

“แฮ่กก... แฮ่กกก... เหรอวะ... โทษทีว่ะ แม่งเสียวอะ”

“แล้วดีกว่าแฟนเก่ามึงมั้ยวะ” เขายิ้มมุมปากกวนๆ

“ปากดีอีกแล้วนะมึง!” ผมเขกหัวเขาเบาๆ

เขาก้มลงใช้ปากให้กับผมต่อ แต่คราวนี้เขาใช้นิ้วมือลูบไล้และคลึงไข่ทั้งสองข้างของผมไปด้วย ยิ่งทำให้ผมต้องบิดตัวพล่านด้วยความเสียวซ่านที่แสนจะทรมานขึ้นไปอีก

“ไอ้นะ... ไอ้นะ...” ผมครางชื่อของเขาเบาๆ “กู... กูจะแตกแล้วว่ะ...”

แต่แทนที่จะหยุด เขากลับยิ่งเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงต้องจับหัวของเขาเอาไว้แล้วพลิกตัวหนีเป็นชันตัวขึ้นนั่งแทน
ผมดึงเขาเข้ามาจูบ พร้อมกับเลื่อนมือลงไปจับท่อนลำของเขาที่ขับน้ำเมือกออกมาจนเปียกชุ่มไปแทบทั้งลำ จากนั้นเราสองคนก็ต่างคนต่างล้มตัวลงนอน แต่เราต่างหันหัวไปกันคนละทาง ผมจับเอาไอ้นั่นของเขาเข้าปากพร้อมๆ กับที่เขาอมของผมเข้าไปเกือบทั้งลำ ร่างกายของเราต่างก็กระตุกออกมาเบาๆ ทันทีที่สัมผัสถึงปากของกันและกัน

หลังจากที่เราต่างก็พยายามมอบความสุขให้อีกฝ่ายด้วยปากและลิ้นอย่างเต็มความสามารถได้เพียงไม่นาน ผมก็รู้สึกถึงความตึงเครียดที่เริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมใกล้จะถึงจุดสุดยอดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว ถ้าหากเขายังไม่รีบถอนปากออกไปล่ะก็ ผมจะต้องหลั่งใส่ปากของเขาแน่ๆ

“ไอ้นะ... ไอ้นะ...” ผมคายน้องชายของเขาออกเพื่อรีบเตือนเขา “กูจะแตกแล้ว... จะแตกแล้วว... มึงปล่อยกูก่อน!”

เขาอ้าปากออกแล้วตอบผมมาพร้อมเสียงหอบเบาๆ “แฮ่กก... แฮ่กกก... กูก็เหมือนกัน อาา..า...า ไอ้ซี แม่งงง โคตรเสียวเลยว่ะ...”

ผมครอบปากลงเฉพาะบริเวณส่วนหัวแล้วใช้มือชักให้เขาไปด้วย ส่วนลิ้นของผมก็ยังคงตวัดตรงคอหยักอย่างไม่หยุดพัก ซึ่งเขาก็ทำแบบเดียวกัน

ในที่สุดความอดทนของผมก็เริ่มหมดลง ผมคลายปากออกเพื่อร้องเตือนเขาว่าผมใกล้แล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมถอนปากออกสักที จนในที่สุด เราก็หลั่งออกมาพร้อมๆ กัน น้ำช็อตแรกของผมฉีดเข้าไปในปากของเขา ก่อนที่เขาจะรีบคายน้องชายของผมออก ส่วนน้ำของเขาก็ถูกฉีดออกมาเลอะคาง คอ และหน้าอกของผมเต็มไปหมด

ร่างกายของผมกระตุกเบาๆ ต่ออีกหลายครั้งหลังจากที่หลั่งน้ำรักออกไปจนหมดแล้ว แต่นะก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกสักที เขายังคงรูดมันขึ้นลงเบาๆ ซึ่งก็ยิ่งทำให้ผมเสียวจนแทบบ้า ผมครางออกมาเสียงดังพร้อมกับบิดตัวเร่าไปมาอย่างทรมาน

“ไอ้... ไอ้นะ! ปล่อ..ยย!! มันเสียยววว! แฮ่กก..ก แฮ่กก...ก..ก!!”

เขาปล่อยมือออก ก่อนจะพลิกตัวเป็นนอนหงาย เราสองคนต่างนอนแผ่หลาและหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างเหนื่อยอ่อน เส้นเลือดที่ขมับของผมเต้นตุบๆ จนผมรู้สึกทรมาน ถึงจะปวดหัว แต่ผมกลับรู้สึกมีความสุขอย่างที่สุด

“ไง ไหวป่าววะ...” นะชันตัวขึ้นนั่งแล้วมองหน้าผม

ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าน้ำของผมเลอะอยู่เต็มคางและหน้าอกของเขา เราสองคนจึงมีสภาพที่ไม่น่าจะแตกต่างกันสักเท่าไหร่

“เมื่อกี้น้ำกูมันเข้าปากมึงไปด้วยใช่มั้ยวะ ไอ้นะ กูขอโทษว่ะ แม่งกลั้นไม่อยู่จริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูเองก็ตั้งใจให้มันถึงที่สุดอยู่แล้วด้วยล่ะ แล้วเป็นไงล่ะ แตกในปาก เสียวมั้ยวะ”

“โคตรพ่อโคตรแม่เลย! ครั้งแรกของกูเลยนะเว้ย!”

“จริงเหรอวะ”

“เออดิ ปกติแฟนกูไม่ว่าคนไหนแม่งก็ไม่ค่อยใช้ปากให้กูหรอก และต่อให้อมให้ แต่พอจะแตกก็เปลี่ยนเป็นใช้มือชักต่อทั้งนั้นอะ”

“กิ๊กก็เหมือนกัน” เขาหัวเราะเบาๆ

“แล้ว... มันเป็นไงมั่งวะ รสชาติอะ...”

“ก็เค็มๆ หวานๆ ขมๆ นิดๆ ว่ะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรมั้ง กูว่า”

“จริงเหรอวะ”

“มึงก็ลองดูมั่งสิวะ” เขาใช้นิ้วชี้ป้ายน้ำของตัวเองบนหน้าอกของผมขึ้นมาเพื่อจะแตะลงบนริมฝีปากของผม

“อึ๋ยยยย! ไม่เอาอะ ไอ้เหี้ย กูยังทำใจไม่ได้ว่ะ!” ผมเบือนหน้าหนี

“มึงนี่เรื่องมากจริงเว้ย... งั้นถ้าแบบนี้ล่ะ” เขาใช้นิ้วอีกข้างแตะบนหน้าอกของตัวเองที่เลอะน้ำของผมอยู่ แล้วจากนั้นก็ดูดนิ้วข้างนั้น

ทั้งๆ ที่ผมก็เพิ่งจะเสร็จไปหยกๆ แต่พอเห็นเขาทำแบบนั้นแล้วผมกลับต้องรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ขึ้นอีกมาอีกรอบ

เมื่อดูดนิ้วของตัวเองเสร็จ เขาก็ชะโงกหน้าเขามาจูบลงบนริมฝีปากของผม ผมรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่วิ่งไปทั่วทั้งร่างทันทีที่ลิ้นของเราสัมผัสกัน ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวๆ ของน้ำรักของตัวเองที่ยังติดอยู่ที่ลิ้นและริมฝีปากของเขา นอกจากนั้นแล้วมันก็ยังมีรสหวานๆ เค็มๆ ปะแล่มๆ อย่างที่เขาบอกจริงๆ ด้วย

“เป็นไง...” เขาถามหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกไปแล้ว “รสชาติน้ำของตัวเอง”

“ก็... พอไหวมั้ง ขมๆ แต่ก็หวานมากกว่า แปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นอะว่ะ”

เขายิ้มกว้าง “ก็กูบอกแล้ว”

“กูนี่นอกจากหล่อแล้วยังน้ำหวานอีกนะเนี่ย”

“ถุยเหอะ ไอ้ตี๋เอ๊ย!” เขาดีดหน้าผากผมเบาๆ

“กูปวดหัวว่ะ อืออออ” ผมหลับตาแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน

“งั้นเช็ดตัวแล้วนอนกันเหอะ” เขาเปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วลุกออกจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กกับม้วนทิชชู่มาให้ผม

เราสองคนต่างก็ทำความสะอาดร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็ซุกตัวลงใต้ผ้าห่มทั้งๆ ที่ยังแก้ผ้ากันอยู่แบบนั้น เขาเอี้ยวตัวไปปิดโคมไฟลง ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน อีกไม่กี่นาทีถัดมา เราสองคนต่างก็หลับลงไปเพราะความเหนื่อยอ่อน

เช้าวัดถัดมา ผมตื่นขึ้นอย่างไม่รู้สึกสบายตัวเท่าไหร่นัก หัวก็ปวดตุบๆ แถมยังรู้สึกคลื่นไส้นิดๆ อีกด้วย เมื่อหันไปข้างกายก็เห็นว่านะยังคงนอนหลับสนิทอยู่ราวกับเด็กๆ ผมลุกออกจากเตียงแล้วใส่เสื้อผ้า ก่อนจะเดินลงไปขอยาพาราแม่มากินสองเม็ด แม่แปลกใจว่าทำไมผมถึงตื่นเองแต่เช้าได้ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเพิ่งไปเมากลับมาดึกดื่น แต่ผมไม่รู้จะตอบแม่ว่ายังไง เพราะผมก็ยังไม่รู้ตัวเองเลยเหมือนกัน

หลังจากที่กินยาแล้ว ผมก็นั่งจิบกาแฟที่โต๊ะกินข้าวอยู่ครู่หนึ่ง แม่บอกให้ผมกินอะไรรองท้องเสียเลยแต่ผมกินไม่ลงจริงๆ ผมได้แต่นั่งนึกถึงเรื่องของผมกับนะ และเรื่องที่เราเพิ่งทำกันลงไปเมื่อคืน ผมชักจะรู้สึกว่ามันมากเกินคำว่าเพื่อนไปเสียแล้ว เกินไปเยอะเลยด้วย

ยิ่งคิดมาก ผมก็ยิ่งปวดหัว ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงต้องคิดมากอะไรแบบนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ปกติผมไม่ใช่คนชอบคิดอะไรจุกจิกวุ่นวายเลยจริงๆ ความเป็นเพื่อนของเรามันก็ดีอยู่แล้ว ผมมีความสุขและสนุกที่ได้อยู่กับเขา เขาเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน แต่นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่เราทำกันลงไป มันกลับชักจะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกแย่กับสิ่งที่เราทำกันเลยแม้แต่น้อย แถมพอยิ่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ผมกลับยิ่งรู้สึกใจเต้นแรงมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ...

พอกันที! ผมไม่คิดแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะมัวคิดมากไปทำไม ในเมื่อที่จริงผมก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องคิดอะไรให้มันวุ่นวายเลยสักนิดนี่หว่า

ผมดื่มกาแฟที่เหลืออยู่รวดเดียวหมด จากนั้นก็เดินกลับขึ้นไปบนห้อง และเห็นว่านะยังคงนอนหลับอุตุอยู่เหมือนเดิม

“เฮ้ย! ตื่นเดี๋ยวนี้เลย ไอ้นะ ตื่นมาคุยกับกูหน่อยดิ๊” ผมนั่งลงบนเตียงแล้วปลุกเขา

“หืออออ อารายวะ” เขางัวเงีย

“กูบอกว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

เขาชันตัวขึ้นนั่งแล้วมองหน้าผมงงๆ แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าจริงจังของผม เขาก็หน้าถอดสีทันที

“ไอ้... ไอ้ซี...” แววตาของเขาดูตื่นกลัว

“กูคิดว่าเราต้องคุยกันเรื่องเมื่อคืนว่ะ แล้วก็เรื่องของเราทั้งหมดเลยด้วย”

“ไอ้ซี ก... กูขอโทษ! กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรามันพังลงนะเว้ย มึงเชื่อกูเหอะ กูขอโทษจริงๆ มึงอย่าบอกว่ามึงจะเลิกคบกูเลยนะ กูขอร้อง”

“อะไรของมึงวะ ไอ้ถึก! ไอ้ตูด! กูพูดแบบนั้นสักคำรึยัง” ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “กูจะเลิกคบกับมึงทำไมวะ ในเมื่อมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูมาตลอดขนาดนี้น่ะ และที่สำคัญ ไอ้ที่เราทำๆ กันลงไปทั้งหมด กูเองก็ยินยอมที่จะทำกับมึงทั้งนั้นเหอะ ใช่ว่ามึงบังคับกูซะเมื่อไหร่”

เขามองหน้าผมงงๆ ยิ่งทำให้เขาดูเหมือนเด็กน้อยมากขึ้นไปอีก

“มึงฟังกูนะเว้ย ไอ้คุณชนะชัย กูอะ ไม่ใช่คนชอบคิดอะไรเยอะแยะมากนะเว้ย มันปวดหัว แต่เรื่องระหว่างเราแม่งก็ทำให้กูอดคิดไม่ได้ว่ะ กูคิดว่าเราสองคนแม่งทำอะไรเกินเลยเกินคำว่าเพื่อนไปกันเยอะแล้ว และถึงตอนแรกๆ กูจะอ้างว่ามันเป็นเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนมาช่วยกู แต่น่าแปลกที่จนป่านนี้แล้วกูก็ยังไม่คิดอยากจะมีใครว่ะ เพราะเวลากูอยู่กับมึงกูก็มีความสุขดี ไม่ได้รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปอีก และการได้ทำอะไรๆ กับมึงแม่งก็ทำกูเสียวแทบตายห่าทุกครั้งด้วย แค่เนี้ย กูแฮปปี้แล้ว กูยอมรับ กูคิดว่ากูโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ว่ะ กูไม่อยากจะสับสนเหี้ยอะไรทั้งนั้นแล้ว แม่งเหนื่อยอะ”

เขายังคงมองหน้าผมด้วยสีหน้าแบบเดิม “มึงหมายความว่ายังไงวะ ไอ้ซี... กูงงๆ ว่ะ”

“ไอ้ควาย! กูหมายความว่ากูชอบมึงไง โอเคปะ!” ผมตบหัวเขาไปทีหนึ่ง

“ฮะ... มึ... มึงชอบกูเหรอวะ”

“แล้วมึงไม่ได้ชอบกูรึไง ไม่งั้นมึงจะทำแบบนั้นกับกูเหรอวะ หรือมึงจะบอกว่ามึงไม่ได้มีความสุขเวลาที่อยู่กับกูเลย”

เขารีบส่ายหน้า “ไม่ๆๆๆ กูมีความสุขที่อยู่กับมึงเว้ย!”

“งั้นมึงคิดไงกับกู เอาตรงๆ ไอ้นะ”

“กู... กูคิดว่า...” เขาหน้าแดง จากนั้นก็ก้มหน้าลงหลบสายตาผม

“คิดว่าอะไร พูดดีๆ นะมึง”

“กูคิดว่ากูก็ชอบมึงเหมือนกันว่ะ”

“ก็แค่เนี้ย! จบ!”

“ครวยเหอะ ไอ้เหี้ย! การจะบอกว่ารักใครชอบใครมันไม่ได้พูดง่ายๆ นะเว้ย! กูเองก็ยังงงๆ อยู่เลยว่านี่ตกลงกูชอบมึงแล้วจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”

“แล้วไง” ผมเลิกคิ้วขึ้น “แล้วคิดว่าใช่ปะล่ะ”

เขายักไหล่ “ก็คงใช่แหละ เพราะเวลากูอยู่กับใครก็ไม่มีความสุขเท่าอยู่กับมึงว่ะ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงหรือแคร์ใครเท่ากับมึงด้วย... เพราะงั้นมันก็คงเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง”

“แต่กูเองก็ยังไม่แน่ใจนะว่ากูคิดเหมือนมึงแบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์รึเปล่าน่ะ” ผมเบ้ปาก

“อ้าว”

“ม่ายช่าย กูแค่จะบอกว่ากูเองก็คิดคล้ายๆ มึงนั่นแหละ ต่างกันแค่ว่า สำหรับกูเนี่ย เวลาอยู่กับมึง แล้วมันมีความสบายใจมากกว่าตอนกูเคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนๆ อยู่ด้วยน่ะ... ไม่รู้ดิ กูว่ามึงคงจะเป็นทั้งเพื่อนที่ดีที่สุดของกู และก็คงเป็นคนรักที่ดีของกูได้พร้อมๆ กันล่ะมั้ง กูไม่อยากให้ความเป็นเพื่อนของเรามันหายไปด้วยว่ะ มึงเข้าใจปะ”

“เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้มึงใช้คำว่า ‘คนรัก’ เหรอวะ ไอ้ซี”

ผมยักคิ้วข้างขวาขึ้น “เออ ‘คนรัก’ ทำไมวะ”

“สรุปคือที่มึงปลุกกูขึ้นมาเนี่ย คือเพื่อขอกูเป็นแฟนเหรอวะ”

“เออ จะว่างั้นก็คงได้แหละมั้ง” ผมยิ้มกว้าง “แล้วมึงจะยอมเป็นให้กูปะล่ะ หรือจะปล่อยให้กูอกหักกลางอากาศแบบนี้”

เขาฉีกยิ้มกว้างจนปากแทบจะถึงหู ก่อนจะโผเข้ามาดึงตัวของผมเข้าไปจูบแทนคำตอบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-02-2012 08:39:51
จบภาคที่ 1

อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 14-02-2012 09:07:00
 :z13:


รอมาตั้งนานนนนน ได้เป็นแฟนกันแล้วววว  :กอด1:



รอภาคต่อไปครับ  o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 14-02-2012 09:10:37
(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/b9.gif) เป็นการขอเป็นแฟนที่กระทันหันมาก รู้ปุ๊บขอปั๊บ ไม่มีรีรอกันเลย
ชอบคือชอบ รักคือรัก ไม่ต้องอาศัยเหตุผลอะไรมากมาย(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/b8.gif)
รอภาค 2 หน้าจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 14-02-2012 09:20:29
กรี๊ด.....น่ารักเว่อร์
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 14-02-2012 09:39:17
 :m20:  ไวไฟกันจังนะคิดปุ๊บขอเป็นแฟนปั๊บ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 14-02-2012 10:10:46
อ่านแล้วดีใจอ่า เป็นของขวัญวาเลนไทน์ที่ดีมากครับ :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 14-02-2012 10:24:07
ซีเป็นคนไม่คิดอะไรมากจริงๆด้วย คิดจะขอเป็นปฟนก็ขอเลยนะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-02-2012 10:25:25
เริ่ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด รอภาคสอง อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 14-02-2012 10:50:34
โอ้ยยยยยยย เขินแทนนนนน

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 14-02-2012 14:22:30
 :haun4: กรี๊ดดดดดดดดดดดด
รู้ว่ารักแล้วบอกเลย ดีอ่ะ อยากทำได้มั่ง  :impress3:
รอภาค2ค่า  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: you13 ที่ 14-02-2012 14:51:32
ความรักของทั้ง ซี และน่ะ เกิดขึ้นช้าๆๆ แต่ว่ามั่นคง

จบภาคแรกแล้ว

รอภาคต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 14-02-2012 15:08:45
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว วู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:

ต่อไป เข้าหอจ้าาาาาาาาา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-02-2012 15:26:18
จริงๆ มันก็ไม่ใช่ภาค 2 อะไรใหญ่โตขนาดนั้นหรอกครับ เนื้อเรื่องมันก็ดำเนินต่อไปนี่แหละ เพียงแต่ตอนนี้ arc แรกจบไปละ ต่อไปจะไปเที่ยวกัน แล้วก็อาจจะมีปมอื่นๆ ตามมาต่อไป เนื้อเรื่องก็อาจจะซับซ้อนขึ้นหรือดราม่ามากขึ้น...

เอ๊ะ นี่สปอยล์รึเปล่าเนี่ย!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-02-2012 16:27:04
^
^

ชอบอะครับ หวานมากกกก >//<
ขอบคุณมากจ้ะที่ชอบ
เพราะอินจัดในเรื่องกระมัง ก็ขณะที่อ่าน
จู่ๆก็นึกสรุปเรื่องราวออกมาเป็นกลอนนี้ซะงั้น
ดีใจจัง สองคนตกลงเป็นแฟนกันแล้ว จะรอดูชีวิตคู่ของเขาทั้งสองต่อไปจ้ะ
 :L2:สุขสันต์วันสีชมูนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 14-02-2012 16:33:46
กริ๊ด.....เค้าเป็นแฟนกันแล้ว :mc4:

ฉลองเป็นแฟนกันรับวาเลนไทน์เลยนะคุณต้น

 :L1: :L2:อันนี้ให้คุณต้น

สุขสันต์วันแห่งความรัก :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 14-02-2012 17:08:01
เป็นแฟนกันแล้ว....เป็นแฟนกันแล้ว!!!

รอภาค 2 ค่ะ ชอบมากมาย o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 14-02-2012 17:26:49
อย่ามาม่าเยอะนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 14-02-2012 17:28:13
น่่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 14-02-2012 17:32:23
เริ่มไม่มั่นใครเป็นเคะเป็นเมะ



ไหงเจ้าซีมันแมนเยี่ยงนี้เล่า  555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-02-2012 17:39:09
ในที่สุดก็เป็นแฟนกัน อิอิ
ตะแรกคิดว่านะจะเป็นคนแรกที่สารภาพความในใจซะอีก

สุขสันต์วันแห่งความรัก :L1:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 14-02-2012 20:27:54
เย้............!!
เป็นแฟนกันแล้ว
แต่ว่าอะไรนะคะarcต่อไปดราม่าเหรอ
จัดมาค่ะพี่ต้น
แต่อย่าหนักมากนะคะ
อยากเป็นเบาหวานมากกว่าค่าาาา
เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-02-2012 20:44:28
แล้วทั้งคู่ก็เป็นแฟนกัน
ไม่อยากเชื่อเลยว่าภาค2 จะมีดราม่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-02-2012 21:17:57
เป็นแฟนกันวันวาเลนไทน์เลยอ่ะ กรี๊ดด  :o8:
กดบวกรอภาค 2 :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 14-02-2012 21:24:57
รอภาคต่อไปครับ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 14-02-2012 21:35:54
เป็นแฟนกันแล้ว  :laugh:



 ขอบคุณผู้แต่งครับ  o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-02-2012 21:46:05
ไม่หวานมากมาย


แต่ก็น่ารักไม่แพ้ใครๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 14-02-2012 22:25:38
 :-[ เป็นแฟนกันแล้ว รอภาคต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: watari_tj ที่ 14-02-2012 22:33:50
เป็นแฟนกันแล้ว
ตัดสินใจปุ๊บ เป็นแฟนปั๊ปเลย
รอภาค 2 นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 14-02-2012 22:49:15
 :-[น่ารักจัง :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-02-2012 23:10:39
ภาคเริ่มจีบจบแล้ววววววววว
ต้นรักงอกแล้วสินะ

รออ่านต่อค่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 14-02-2012 23:16:22
เป็นการขอเป็นแฟนที่ไม่มีคู่ไหนเหมือนเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 15-02-2012 01:45:51
รอภาคสองด้วยคนค่ะ

ชอบซี หลงนะ แต่ร้ากกกกคนเขียนค้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 15-02-2012 09:18:23
กริ๊ดดดด รู้ตัวปั๊บ ก็บอกชอบปุ๊ปเลยยย...

จะรอตอนต่อไปดร่าม่าแค่ไหน....
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 15-02-2012 10:52:14
วันนี้จะเริ่มเล่นเกมในแฟนเพจแล้วนะครับ ใครอยากได้หนังสือนิยายไปฟรีๆ ก็อย่าลืมไปตามกติกาในนั้นนะ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 15-02-2012 11:23:45
เปงแฟนกันแล้วววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 15-02-2012 19:42:54
สุดยอดดด เป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 17-02-2012 00:50:43
ไปเล่นมาแล้วเกมส์อ่ะ
ตกรอบแรก...เค้าแค่อยากนอกกรอบเอง :sad4:

แต่ไม่เป็นไร...บอกแล้วว่ายังดีหน่อยที่ถูกหวย :laugh3:

ส่วนคุณต้นอ่า...มัวแต่เล่นเกมส์

แต่งภาคสองมาให้อ่านซะดีๆ...เค้าคิดถึงนะกะซี :z1:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 19-02-2012 14:17:38
จำไม่ได้ว่าคอมเม้นท์ไปหรือยัง แต่ถึงเม้นท์ไปแล้วจะอีกซักรอบก็ไม่เสียหายเนอะ

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกมากๆๆๆ

แอบอยากรู้ความรู้สึกของนะ เหมือนผู้ชายคนนี้จะรุกก่อน แอบชอบซีตอนไหนนะ
ถ้าบอกว่าที่ทำไปตามความรู้สึกนี่ไม่รู้ตัวเลยก็ดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อ...

เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร...รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 19-02-2012 19:53:07
มารอภาค2เหมือนกันคับ

แต่อย่ามาม่าเยอะนะคับ

กินมาม่าเยอะเด๋วหัวจะล้านเอา > <

ซี๊ดให้สมชื่อเรื่องดีกว่า 555


 :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 19-02-2012 19:58:33
มารอ นะกับซี  :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 19-02-2012 20:11:18
มารอนะกับซีด้วย

แต่คิดฮอดโจ้กับนนท์หลายยยยยยยย(เกี่ยวกัน?)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: pepper_sweet ที่ 19-02-2012 20:13:38
ว้าวๆๆๆๆ.....

ในที่สุดก็เป็นแฟนกันแล้ว

รอตอนต่อไปครับ...

มาเร็วๆ นะ อิอิ คนอ่านอยากรู้เรื่องต่อ

ปล. ซีเป็นคนคิดไรง่ายๆ ดีอ่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 19-02-2012 20:19:22
แอบมารออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 12)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 19-02-2012 20:31:04
ตอนหน้าตอนที่ 13

เอาซื้๊ดๆเลยน้าให้สมกับ lucky number 555+


 :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 19-02-2012 20:36:23
SeeeDz ที่ 13

“สรุปขาไปเรานั่งรถทัวร์ แต่ขากลับขึ้นเครื่องนะ ไอ้ซี” นะพูดกับผมผ่านทางโทรศัพท์ เขาโทรมาสรุปเรื่องแผนการที่เราจะไปเชียงใหม่ด้วยกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ให้ฟังเป็นครั้งสุดท้าย “กูจองตั๋วเครื่องบินให้มึงแล้ว ส่วนตั๋วรถกูให้ไอ้โจจัดการ และไอ้นนท์ก็จัดการจองโรงแรมให้เราแล้วด้วย เพราะงั้นมึงไปแบบสบายๆ ชิวๆ เลย ไอ้คุณชาย”

“เออดี ฮ่าๆๆ แต่ไอ้คำว่า ‘จองโรงแรมให้เราแล้ว’ เนี่ย มันรวมถึงไอ้นนท์กับไอ้โจด้วยรึเปล่าวะ”

“คืนแรกคืนเดียวน่ะใช่ แต่หลังจากนั้นมันจะไปนอนที่บ้านญาติไอ้นนท์กันอะ... แต่ก็ยังไม่แน่นะ มันบอกว่ามันรอดูก่อนว่ะ เพราะไอ้นนท์มันพาพวกเราเที่ยวได้ มันก็เลยอยากจะอยู่ใกล้ๆ พวกเรา เพราะงั้นมันอาจจะนอนที่โรงแรมต่อก็ได้ ยังไงช่วงที่เราไปนี่มันก็ไม่ใช่ไฮซีซั่นอยู่แล้ว โรงแรมไม่เต็มหรอก จริงมะ”

“จริงๆ มันนอนบ้านญาติมันก็ไม่ต้องเสียตังค์แล้วแท้ๆ มันจะมาเสียค่าโรงแรมอีกทำไมวะ”

“มันก็ชวนพวกเราไปนอนกับมันเหมือนกันนั่นแหละ แต่กูเกรงใจไง และจริงๆ เราจะไปนอนบ้านญาติกูกันก็ได้ ไม่ต้องเสียตังค์ด้วย แต่กูก็กลัวมึงจะอึดอัดอะว่ะ ไอ้ซี แถมบ้านญาติกูแม่งก็ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองประมาณนึงด้วยอะ แล้วกูก็ไม่ค่อยได้ไปที่นั่นเท่าไหร่ ไม่ค่อยรู้ที่ไหนเป็นที่ไหนหรอก”

“โธ่เอ๊ยยย ไอ้นะ กูไม่ได้ซีเรียสนะเว้ยไอ้เรื่องจะนอนไหนที่น่ะ จะนอนบ้านญาติมึงก็ได้ นอนโรงแรมก็ดี กูอะยังไงก็ได้อยู่แล้ว ชิวๆ ว่ะ มึงก็รู้นิสัยกู เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากหรอกน่า”

“งั้นเราก็นอนโรงแรมกันแหละเนอะ จะได้เป็นส่วนตัวหน่อย... ดีมั้ยครับ ที่รัก” เขาปิดท้ายประโยคด้วยคำๆ นั้นและน้ำเสียงแบบนั้นอีกแล้ว

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้ควาย! อย่ามาทำเสียงออดอ้อนอย่างนั้น กูจะอ้วก”

“ใจร้ายยยย”

“เกรียนนะมึง ไอ้ทุย เดี๋ยวเหอะ ไปเชียงใหม่หนนี้กูจะจับทำเมียซะให้เข็ด!”

“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะโดน”

“พอๆ เลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้ว สรุปว่ามีแค่นี้ใช่มั้ยวะ ไอ้ล่ำ กูจะได้โอนตังค์ค่าตั๋วไปให้ไอ้นนท์มัน”

“ช่ายแล้ว งั้นมะรืนกูไปนอนบ้านมึงนะ แล้วตอนเช้าเราจะได้ตื่นออกไปพร้อมกัน”

“เออ ได้”

“.......”

“.......”

“.......”

“อะไรของมึงวะ จู่ๆ เงียบทำไม” ผมถาม

“เปล่า ไม่มีอะไร...”

“ไม่มีอะไรแล้วเงียบทำไม”

“กู... กูคิดถึงมึงอะว่ะ ไอ้ซี”

โชคดีที่เราแค่คุยโทรศัพท์กันอยู่นะ เพราะไม่อย่างนั้นเขาต้องเห็นว่าผมกำลังหน้าแดงมาก และมันก็จะต้องน่าอายโคตรแน่ๆ เลยด้วย!

“มึงประสาทดีรึเปล่า ไอ้นะ! นี่มึงเพิ่งกลับบ้านไปได้แค่สามวันเองนะเว้ย!”

“รู้หรอกน่า แต่กูคิดถึงมึงไม่ได้รึไงวะ แค่สามวันมันทำให้กูคิดถึงมึงไม่ได้รึไง” เขาพูดเสียงหงอยๆ

ผมอึ้งไปเลยทันที

“มึงรู้มั้ยว่าเมื่อวันนั้นหลังจากที่เราคุยกันแล้ว พอตอนเที่ยงๆ ที่กูต้องเดินออกจากบ้านมึงอะ กูแม่งใจหายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยนะเว้ย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ทำไมอะ”

“ไม่รู้ดิ คงเพราะ... เพราะกูเพิ่งจะดีใจไปหยกๆ มั้ง ว่าเราสองคนได้ เอ่อออ... ตกลงคบกัน อะไรประมาณนั้นไปอะว่ะ แล้วจู่ๆ กูก็ต้องแยกจากมึง แล้วก็กลับบ้านมาตั้งไกล ห่างจากมึงขนาดนี้ กูก็เลยคิดถึงมึงเป็นพิเศษอะ”

เฮ้ยย! ผมว่าผมเขินว่ะ! เขินหนักเลยด้วย!

“แล้วมึงไม่รู้สึกเหมือนกูมั่งเลยรึไง...” เขาพูดต่อ

“กู... กู...” ผมอยากจะบอกว่าที่จริงผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่หรอก แต่ก็พูดไม่ออก

“อ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้นี่แปลว่ามึงเองก็คิดถึงกูเหมือนกันใช่มั้ยวะ” น้ำเสียงของเขาดูร่าเริงขึ้นทันที

“เออออ! คิดถึงก็คิดถึงวะ แต่อีกเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วน่า เพิ่งจะห่างกันแค่ 2-3 วัน ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่เลย ไอ้ห่า”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะ ห่างกันไปเป็นอาทิตย์กูก็เฉยๆ เหอะว่ะ อาจจะแค่คิดถึงบ้างนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไรอะ นอกจากคิดถึงแล้วก็ยังรู้สึกโหยหา เหงาๆ โหวงๆ ในใจ บอกไม่ถูก แต่อย่างเดียวที่กูรู้แน่ๆ คือกู ‘โคตร’ จะอยากกอดมึงเลยแหละ ไอ้ตี๋ของกู”

ผมทั้งเขินทั้งอายจนต้องล้มตัวลงไปนอนกลิ้งอยู่บนเตียง “ไอ้เหี้ยยยย! กูขนลุกเว้ยย!! ฮ่าๆๆๆ”

“โอเค มึงพูดแบบนี้ก็แปลว่ามึงเขินจริง เพราะมึงก็คงรู้สึกเหมือนกู แต่แค่ปากแข็ง ใช่มั้ยล่ะ”

“อะไร ใครเขิน ใครคิดอะไรเหมือนมึง” ผมชันตัวขึ้นนั่งทันที “ครวยเหอะ กูไม่ได้เขินนะเว้ย!”

“โอเคๆ กูเข้าใจ และกูก็ดีใจด้วยเหมือนกัน กูก็รักมึงเหมือนกัน โอเคนะ ไอ้ตี๋ แค่นี้นะครับ ที่รัก”

“ไอ้...!!” แต่ก็ไม่ทัน เพราะว่าเขาวางสายไปก่อนเสียแล้ว

หลังจากที่เราสองคนเปิดอกคุยกันในเช้าวันนั้นแล้ว ผมก็ยอมรับล่ะว่าความรู้สึกลึกๆ ในใจของผมที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ไม่รู้สิ... ผมว่ามันเป็นความอบอุ่น ความสบายใจ ที่เหมือนกับได้ยกภูเขาออกจากอก ความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราที่เคยมีต่างก็หายไปจนหมดสิ้น สิ่งที่เหลือไว้ให้ผมกังวลก็คงมีแค่เพียงอย่างเดียว นั่นคือความสัมพันธ์และความรู้สึกที่เรามีต่อกันนี้จะยืนยาวได้นานเพียงใดเท่านั้นเอง

ถ้าถามว่าผมกังวลมั้ยกับการชอบผู้ชาย ผมก็ตอบได้ในทันทีว่าไม่เลย ผมเคยบอกแล้วว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบคิดอะไรให้มันวุ่นวายนัก ผมสบายใจที่จะรักใคร อยู่กับใครแล้วมีความสุข งั้นก็คนๆ นั้นแหละ คือคนที่ผมชอบ มันก็แค่นั้นเอง และที่สำคัญ เมื่อลองมานึกดูดีๆ แล้ว ผมก็ไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหนแล้วรู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองจริงๆ ได้เลยสักคน ผมรู้สึกมีความสุขเวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ ผู้ชายมากกว่า รู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองมากกว่า เพราะฉะนั้นเมื่ออะไรๆ ระหว่างผมกับนะมันออกมาในรูปแบบนี้ ผมว่าเขาก็คงเป็นคนที่ใช่สำหรับผมแล้วนั่นแหละ

เมื่อคิดย้อนกลับไปดูตั้งแต่แรกๆ ที่เรารู้จักกัน ผมถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าที่ผ่านมา เขาเองก็คงจะรู้สึกกับผมไม่ต่างจากผมในตอนนี้สักเท่าไหร่ และเมื่อผมลองถามเขาดู ก็ได้คำตอบกลับมาว่า...

“กูว่ากูก็รู้สึกเหมือนมึงนั่นแหละ แต่คงจะรู้สึกก่อนมึงหน่อย กูแค่ไม่กล้าบอกมึงตรงๆ และไม่ค่อยกล้าคิดเรื่องพวกนั้นมากนักอะ กูอาย กลัว แล้วกูก็ขี้กังวลด้วย... แต่ตอนนี้กูก็สบายใจแล้วอะว่ะ”

“งั้นก่อนหน้านี้ มึงเคย ‘จงใจ’ จีบกูมั้ยวะ ไอ้นะ” ผมถามอีก

“ไม่เลยเหอะ ไอ้เหี้ย”

“จริงเหรอวะ ไม่มีเลยเหรอ”

เขานิ่งไปพักหนึ่ง “...คือ จริงๆ ก็คงไม่ถึงขนาดว่าจะ ‘ไม่มีเลย’ หรอกมั้ง ก็แค่รู้สึกดีๆ ด้วย แล้วก็อยากจะดูแลเอาใจใส่มึงเยอะๆ ไรงี้อะว่ะ แต่กูก็ไม่กล้าทำอะไรมากมายหรอก กูกลัวโดนมึงเกลียดเอา กูก็เลยเฉยๆ และตัดสินใจจะรักมึงแบบเพื่อนสนิทอย่างเคยไปเรื่อยๆ มากกว่า”

“แล้วสรุปมันแปลว่ามึงชอบกู แต่ก็ไม่ได้จงใจแสดงออก อะไรงี้เหรอวะ”

“ก็คงอย่างนั้นอะวะ ทำไมวะ กูเคยทำให้มึงรู้สึกเหมือนกูจงใจจีบมึงเรอะ”

“ตอนนั้นกูก็ไม่คิดหรอก แต่เมื่อตอนกลางวันกูลองมาคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกสงสัยขึ้นมานิดหน่อยอะว่ะ”

“เหรอวะ แต่มึงก็คงรู้นะเว้ยว่านิสัยกูมันก็เป็นแบบนั้นแหละ เพื่อนๆ กูก็เคยบอกเหมือนกันว่ากูอะ มีคนมาชอบเยอะ ใครได้ใกล้ชิดแล้วก็จะชอบกูกันหลายคน เพราะกูเป็นคนเอาใจใส่ ไรเงี้ยมั้ง กูยังเคยโดนด่าว่าทำตัวให้ความหวังด้วยนะเว้ย ทั้งๆ ที่กูไม่ได้ตั้งใจแม้แต่นิดเดียวเหอะ หรืออย่างตอนเรื่องของกิ๊กก็เหมือนกัน เพราะว่าเราเริ่มต้นมาจากความเป็นเพื่อน ความผูกพัน ความใกล้ชิด อะไรแบบนี้แหละว่ะ แล้วมันก็มาชอบกู กูก็ชอบมัน เราถึงได้ตกลงคบกัน มันเองก็เคยบอกว่ามันชอบกูที่กูเทคแคร์ดีแล้วก็... แล้วก็เป็นอบอุ่นอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเขินๆ

“มึงเป็นคนอบอุ่นเหรอวะ! ใช่เหรอวะ ไอ้น้าาาา!!”

“ครวยเถอะ! กวนส้นตีนนะมึง กูนึกหน้ากวนตีนๆ ของมึงได้เลยนะเนี่ย ไอ้เชี่ยตี๋!”

“ฮ่าๆๆๆ จริงเหรอออคร้าบบบบ”

“ถ้าอยู่ใกล้ๆ นะ กูจะจับมึงฟัดซะให้เข็ด!”

“พอๆ คุยกันทีไรก็จะเข้าเรื่องนี้ทุกที ไอ้หื่นเอ๊ยยย”

“กูว่านั่นมันมึงมากกว่าปะวะ ชักว่าวไปกี่ทีแล้วล่ะ ตั้งแต่กูไม่อยู่เนี่ย”

“ครวยไรล่ะ ยังไม่ได้ชักซักทีเหอะว่ะ”

“เออ ดีแล้ว เก็บกระสุนไว้ไปทำด้วยกันที่เชียงใหม่นะครับ... ที่รัก”

นี่แหละ ไอ้คุณชนะชัยจอมกวนส้นตีนของผมล่ะ!

เมื่อถึงวันที่เราต้องออกเดินทาง ผมกับนะก็นัดเจอไอ้นนท์และไอ้โจที่ท่ารถในตอนหัวค่ำก่อนที่รถจะออกหนึ่งชั่วโมง แต่ว่าเราสองคนไปถึงช้ากว่าเวลาที่นัดนิดหน่อย พวกมันจึงกำลังรอเราอยู่ก่อนแล้ว

“มึงสองคนกินข้าวมากันรึยังวะ” ไอ้นนท์ถาม

“กินแล้วว่ะ กินก่อนออกจากบ้านไอ้ซีมาแล้ว แล้วพวกมึงอะ”

“กินแล้วเหมือนกัน งั้นก็นั่งรอเวลาไปก่อนแล้วกันนะ”

“พวกกูขอโทษทีว่ะที่มาสาย ไอ้เชี่ยซีแม่งเสือกลืมที่ชาร์จแบ็ตไอโฟน เลยต้องวนรถกลับไปเอาอะ” นะพูดพลางชำเลืองมองมาทางผม

“เออออ กูขอโทษษษษษ กูผิดเองกูยอมรับบบ”

“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรๆ พวกกูก็เพิ่งมาไม่นานเหมือนกัน ไม่ต้องซีเรียสน่า” ไอ้นนท์ตอบ

“เออนี่ แล้วถ้าเราไปกันตอนนี้ มันจะไปถึงประมาณกี่โมงวะ” ผมถาม

“เช้าว่ะ คงราวๆ เกือบหกโมงได้มั้ง” ไอ้โจตอบ

“อ๋อ โอเค งั้นกูจะได้หลับยาวเลยยย”

“อย่างมึงอะ ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็หลับยาวได้ตลอดนั่นแหละ ไอ้ซี”

“เออ กูไม่เถียงมึง ไอ้นะ แต่จำไว้ว่าอย่าให้ถึงคราวของกูมั่งก็แล้วกัน” ผมชี้หน้าเขา

ไอ้โจกับไอ้นนท์สบตากันแล้วหัวเราะเบาๆ จากนั้นพวกมันก็ขอตัวเดินไปซื้อขนมกับน้ำมากินเล่นก่อน

ที่จริงในบรรดาเพื่อนๆ ของนะ จะเรียกว่าผมค่อนข้างสนิทกับมันสองคนน้อยที่สุดแล้วก็คงได้ เพราะถึงเราจะเคยเจอกัน กินข้าวด้วยกัน และไปกินเหล้าด้วยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยเท่ากับคนอื่นๆ ซึ่งนะบอกว่าเป็นเพราะนิสัยของไอ้โจที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนอื่นมากนัก และเวลาอยู่ด้วยกันหลายๆ คน มันก็มักจะเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด ส่วนไอ้นนท์ก็มักจะเอาแต่ยิ้มไม่ก็หัวเราะ ไม่ได้พูดเก่งหรือทำตัวบ้าๆ บอๆ เกรียนแตกเหมือนพวกไอ้ต้องหรือไอ้จ๊อบด้วย

หลังจากที่ได้ขึ้นรถตอนสองทุ่มกว่าๆ ผมนั่งก็เสียบหูฟัง เตรียมตัวจะหลับยาวทันที แต่ว่าหลังจากที่รถออกไปได้แค่เพียงครู่หนึ่ง นะก็สะกิดมือผมใต้ผ้าห่ม ผมหันไปมองหน้าเขางงๆ พร้อมกับดึงหูฟังออก แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากยิ้มให้ผมน้อยๆ พร้อมกับจับมือของผมไปกุมเอาไว้ แล้วจากนั้นก็หันออกไปมองนอกหน้าต่างรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมอมยิ้มแล้วเสียบหูฟังกลับไปเหมือนเดิม การได้จับมือกับเขาแบบนี้มันก็อุ่นดีอยู่เหมือนกัน...

เราไปถึงเชียงใหม่กันตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางของวันถัดมา แล้วก็ตรงเข้าไปนอนพักผ่อนที่โรงแรมกันทันที แต่ผมกับนะก็ไม่ได้ทำอะไรกันหรอกนะเว้ย อย่าเพิ่งคิดกันไปไกลนัก เพราะว่าผมทั้งง่วงและเพลียแบบสุดๆ ดังนั้นพอรื้อของออกจากกระเป๋ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราต่างก็ซุกตัวลงใต้ผ้าห่มแล้วนอนกอดกันหลับไป

พวกเราสะดุ้งตื่นกันขึ้นมาตอนกี่โมงก็ไม่รู้เพราะเสียงโทรศัพท์ของโรงแรมที่ดังขึ้น ผมที่อยู่ใกล้โต๊ะหัวเตียงมากกว่างัวเงียยกหูโทรศัพท์ขึ้นด้วยความสงสัยว่าใครที่โทรเข้าห้องของเราตั้งแต่เช้า

“ฮาโหลค้าบบบ...บ...บ”

“ยังไม่ตื่นกันอีกเหรอวะ ตื่นได้แล้วเว้ย”

สมองของผมประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง “....โห! ไอ้เหี้ยยย กูก็นึกว่าใคร ไอ้เชี่ยโจ โทรมาทำเหี้ยไรแต่เช้าวะ”

“เช้าเหี้ยไร เก้าโมงจะครึ่งแล้ว รีบๆ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปกินข้าวได้แล้วเว้ย อีกครึ่งชั่วโมงเค้าจะเริ่มเก็บแล้ว”

“อ่ออ เราได้ฟรีมื้อเช้าด้วยเหรอวะ”

“เออ”

“แล้วมึงโทรมาห้องกูทำไมเนี่ย ทำไมไม่โทรเข้ามือถือ และนี่พวกมึงไปแดกกันมารึยัง”

“ยัง ก็รอพวกมึงนั่นแหละ ไอ้นนท์มันบอกกูว่าให้โทรเข้าห้อง มึงจะได้ตกใจตื่นมารับไง” มันหัวเราะเบาๆ “แล้วไง มึงตกใจมั้ยวะ”

“ครวย! เออๆ เดี๋ยวกูไปหาที่ห้องก็แล้วกัน ขอเวลา 15 นาที”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวไปเจอกันข้างล่างเลย และกูให้เวลามึงแค่สิบนาทีเท่านั้น” และเมื่อพูดจบเขาก็วางสายลงไปทันที

ผมหันไปหานะที่กำลังนอนยิ้มรอผมอยู่แล้ว “เพื่อนมึงนี่มันกวนตีนอย่างนี้ตลอดเลยเหรอวะ”

“ทำไมวะ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ

“กูขอ 15 นาที แม่งก็บอกให้แค่สิบนาทีแล้ววางสายไปเลย แม่งสัตว์หมามาก ไม่เห็นใจคนเพิ่งตื่นเลย ไอ้สาดดด”

“ฮ่าๆๆ ไอ้โจใช่มะ มันก็แบบนี้แหละ... ฮึบบ!” เขาดีดตัวขึ้นนั่ง “งั้นรีบไปล้างหน้าแปรงฟันกันก่อนเหอะ แล้วค่อยขึ้นมาอาบน้ำเนอะ”

ในขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้ารสชาติเห่ยๆ ของโรงแรมด้วยกันอยู่ พวกเราสี่คนก็คุยกันถึงแผนการเที่ยวว่าจะไปไหนและทำอะไรกันบ้าง นะบอกว่าหลังจากกินข้าวเสร็จ เขาจะโทรไปบอกญาติของเขาให้ขับรถมาให้ที่โรงแรม แล้วจากนั้นก็จะไปส่งไอ้นนท์กับไอ้โจที่บ้านยายไอ้นนท์

หลังจากที่ผมกับเขากลับขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ญาติของนะก็มาถึงที่โรงแรมพอดี เขาแนะนำให้พวกเราสามคนที่เหลือรู้จักกับน้าศักดิ์ น้าเขยของเขา จากนั้นเขาก็ขับรถไปส่งน้าศักดิ์ที่บ้าน พวกเราแวะไหว้และพูดคุยกับน้าหญิง น้องสาวแม่ของนะครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวกลับออกมา แล้วนะก็ขับรถไปส่งไอ้นนท์ที่บ้านของมัน ไอ้นนท์นัดเจอเราสองคนอีกครั้งในตอนเย็นที่นี่เพื่อกินข้าวเย็นด้วยกัน มันบอกว่ายายและป้าของมันจะทำอาหารไว้ให้ ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้องอะไร แต่ในระหว่างวันที่เราได้อยู่กันตามลำพังสองคนแบบนี้ ผมกับนะกลับไม่มีโปรแกรมท่องเที่ยวอะไรที่จะทำเป็นพิเศษนอกจากกลับไปนอนต่ออีกครั้งเท่านั้นเอง

“มึงง่วงจริงๆ เหรอวะ ไอ้ซี” เขาถามผมในขณะที่กำลังขับรถกลับโรงแรม

“เออ ก็นิดนึงอะว่ะ แต่กูว่ากูเพลียๆ มากกว่าง่วงน่ะ” ผมบิดขี้เกียจ

“มึงนี่มันขี้เซาไปรึเปล่าวะ ไอ้หำน้อย” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ครวยไรล่ะ ก็กูเหนื่อยอะ กูบอบบางนะเว้ย ไม่ได้ถึกเป็นควายเถื่อนเหมือนมึง”

“ควายแล้วรักปะล่ะ” เขาหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ผม

“ว่าแต่มึงนี่จำทางเก่งนะ ไอ้นะ กูจำได้ว่ามึงเคยบอกว่าไม่ค่อยแม่นเส้นทางในเชียงใหม่ไม่ใช่เหรอวะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“ก็ใช่ กูไม่ได้แม่นเส้นทางขนาดนั้นจริงๆ กูยอมรับ แต่ว่าแถวๆ โรงแรมเรากูก็พอจะคุ้นอยู่บ้างไง แล้วก็เออ กูว่ากูก็คงเป็นคนจำทางค่อนข้างเก่งด้วยแหละ”

“มิน่าล่ะ ถึงได้ไปบ้านกูครั้งเดียวก็จำได้เลย...” ผมพูดลอยๆ

“อันนั้นให้ใจพาไปว่ะ”

“น้ำเน่าว่ะ ไอ้ล่ำ! กูจะอ้วกอะ” ผมเบะปากใส่เขา

“ฮ่าๆๆ กูไม่ได้พูดอะไรแบบนี้กับใครมานานแล้วว่ะ เขินๆ เหมือนกัน”

“เออ และปกติกูก็จะเป็นคนพูดด้วย ไม่ใช่คนฟัง พอมาเป็นคนคอยถูกหยอดแบบนี้แล้วแม่งเขินๆ พิลึก!”

“แล้วมึง... อึดอัดมั้ยวะ” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นซีเรียสมากขึ้น

ผมยักไหล่ “ไม่ว่ะ... ก็เลือกจะรักไปแล้วนี่หว่า ทำไงได้ล่ะ” ผมเหลือบไปมองเขาด้วยหางตาแล้วก็เห็นว่าแก้มของเขาแดงแป๊ดเลยทีเดียว

“มึง... มึงรักกูจริงเหรอวะ ไอ้ซี”

“ถามทำไมวะ” ผมหันไปหาเขา

“เปล่า... กูก็แค่... ไม่รู้ดิ” เขายิ้มเขินๆ ทั้งๆ ที่สายตายังคงจับจ้องไปบนท้องถนนเบื้องหน้า “แค่รู้สึกดีที่ได้ยินอีกครั้งอะว่ะ”

เมื่อผมได้ยินดังนั้นและเห็นสีหน้าของเขาแบบนี้แล้วก็อดที่จะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยนะว่าจริงๆ แล้วเขาแม่งเป็นคนน่ารักตั้งขนาดนี้น่ะ

หลังจากกลับถึงโรงแรม ผมก็กระโดดขึ้นเตียงเตรียมตัวนอนทันที แต่นะกลับเดินไปเปิดทีวีแล้วหยิบรีโมทมาเอนหลังพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ ผม

“มึงไม่ง่วงเหรอวะ”

“ไม่อะ มึงนอนไปเถอะ กูจะเปิดเสียงเบาๆ ก็แล้วกัน”

“อืมมมม...” ผมนอนคว่ำแล้วหลับตาลง “เออ จริงสิ ที่แม่มึงเป็นคนเชียงใหม่เนี่ย มึงพูดภาษาเหนือได้มั่งรึเปล่าวะ ไอ้นะ”

“ไม่ได้ว่ะ รู้แค่บางคำ เพราะกูเกิดและโตที่โคราชน่ะ”

“อืมมม...”

“แต่ไอ้นนท์พูดได้นะ”

“อืมมม...”

“........”

“........”

“........”

“........”

“หลับแล้วเหรอวะ ไอ้ซี”

“ยางง..ง...”

“เออๆ”

“เออ... ใช่ กูสงสัยอะไรอย่างว่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปหาเขา

“อะไรวะ”

“กูก็ไม่รู้จะพูดไงว่ะ แต่แบบ... ไอ้นนท์กับไอ้โจเนี่ย ใครแม่งรับบทไหนวะ มึงรู้ปะ”

เขาหัวเราะเบาๆ ทันที “จะว่ารู้ก็รู้ ไม่รู้ก็ไม่รู้ว่ะ”

“หือออ ยังไงวะ”

“คือพวกมันก็ไม่เคยพูดหรอก และพวกกูก็ไม่ได้ถามด้วย แต่ก็อย่างว่า กูอยู่กับพวกมันทุกวันอะ ก็พอเดาๆ กันได้น่ะ”

“แล้วมึงเดาว่าไงวะ” ผมสงสัย

“มึงเดาว่าไงล่ะ”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ ไอ้เหี้ย กูไม่เห็นพวกแม่งจะสาว จะอะไรสักนิด กูจะเดายังไงล่ะวะ” ผมพลิกตัวเป็นนอนหงาย “แต่... ถ้าให้เดา กูว่าจากนิสัยและบุคลิกแล้ว ไอ้นนท์แม่งน่าจะเป็นฝ่ายโดนเอาว่ะ”

“ฮ่าๆๆ ก็คงงั้นแหละมั้ง”

“มึงก็คิดหมือนกันใช่มะ”

“ก็คงงั้น” เขายักไหล่ “แต่กูมีลางสังหรณ์ว่าไอ้โจเองก็น่าจะเคยรับให้ไอ้นนท์เหมือนกันนะ”

“จริงอะ!”

“กูแค่เดานะ”

“อืมมม...”

“แล้วทำไมจู่ๆ มึงถึงสงสัยเรื่องนี้วะ” เขามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “กำลังคิดถึงเรื่องของเราสองคนอยู่รึไง”

“ก็... ก็คงงั้นอะว่ะ”

“มึงอยากลองมั้ยล่ะ”

“ลองครวยไรวะ” ผมถามกลับอย่างไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่นัก

“เออ ก็นั่นน่ะแหละ”

“เฮอะ อะไรนะ” ผมนิ่วหน้า

“ก็ลองครวยกูอย่างที่มึงบอกไง”

ผมจ้องตาเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อพยายามจับผิดว่าเขากำลังล้อผมเล่นอยู่หรือเปล่า เพราะปกติเราสองคนก็พูดหยอกล้อ พูดทีเล่นทีจริงเรื่องนี้กันมาหลายหนแล้ว... แต่ดูเหมือนว่าหนนี้เขาจะไม่ได้พูดเล่นแฮะ

“ม... มึงพูดจริงเหรอวะ ไอ้นะ”

เขาพยักหน้าทั้งๆ ที่แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ

“มึงอยากลองมั้ย” เขาถามซ้ำอีกครั้ง

“เออะ... เอ่ออ...”

“ถ้ามึงไม่อยากลองก็ไม่เป็นไรเว้ย กูแค่คิดๆ ว่าเราสองคนควรจะลองทำอะไรอีกขั้นนึงดูได้รึยังเท่านั้นเอง”

“เท่าที่ผ่านๆ มา มึงว่ามันไม่พอเหรอวะ ไอ้นะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ผ่านมากูก็มีความสุขดีเว้ย แต่กูคิดถึงมึงนั่นแหละ ก็มึงมันขี้เงี่ยนจะตายห่า กูก็เลยคิดว่ามึงอยากจะลองทำอะไรที่มากกว่านั้นรึเปล่า เพราะที่ผ่านๆ มา การที่เราสองคนรู้สึกดีกับสิ่งที่ทำๆ กัน มันก็อาจจะเป็นเพราะความตื่นเต้นด้วยไง เพราะเราต่างก็ใหม่กับเรื่องพวกนี้กันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอวะ”

“ที่มึงพูดมามันก็ถูก แต่กูรู้สึกเหมือนมึงกำลังจะพูดว่าเพราะกูขี้เงี่ยนมาก แล้วมึงเลยอยากลอง... ลองมีอะไรแบบนั้นกับกู ซึ่งนั่นก็หมายความว่า... มึง... มึงจะยอมให้กูเอามึงงั้นเหรอวะ ไอ้นะ”

เขาหน้าแดงแป๊ด ยิ้มอายๆ แล้วก็พยักหน้าเบาๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-02-2012 20:45:41
ลองเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 19-02-2012 20:46:10
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นะทำไปได้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 19-02-2012 20:52:13
จะได้กันแล้ว  เขินน่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 19-02-2012 20:53:24
 :o8: :-[ :impress2:นะ หยอดซีได้น่ารักมากกกกกกกกกกก >///<
ว่าแต่ค้างอีกแล้ว เอร้ยๆ นะจะเป็นรับเหรอนี่
ขอบคุณนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: pepper_sweet ที่ 19-02-2012 20:58:14
อ้าาาาาาา.....

เขิลแทน.... :o8: :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Benze030 ที่ 19-02-2012 21:03:55
OMG!!!!  :m30:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 19-02-2012 21:15:29
ชอบมากเลย

นะทะลึ้ง!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 19-02-2012 21:16:47
ตัดฉับอีกแล้วววววว ค้างอย่างแรง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 19-02-2012 21:27:24
ลองเลยๆ แต่นึกว่าซีจะยอมนะซะอีก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 19-02-2012 21:32:21
โว๊ะ  ไวไฟกันจริง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 19-02-2012 21:39:24
กริ๊ดดดดดดดดดดด
อ่านสองบรรทัดสุดท้าย
เต้นสวอนเลค ฟินนาเล่ ออกจากกระทู้โดยพลัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 19-02-2012 21:41:38
แว๊กกกก  เขินอ่ะ   :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 19-02-2012 22:02:35
อั้ยยะ ตัดได้ลุ้นมั่ก :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-02-2012 22:16:17
ซี ลุก ๆ ๆ อย่าเพิ่งนอน ลุกมาลองขั้นต่อไปกันดีกว่าน้าาาาาา :oo1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 19-02-2012 23:03:59
เค้าหายไปหลายวัน เข้ามาอีก  :pighaun:

อยากบอกว่าตอนที่11เค้าเรียกว่า หึง  

พออ่านตอนที่12ปุ๊ป :haun4: อ๊ะ อ๊ะ เป็นแฟนกันแล้ว :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 20-02-2012 00:00:06
 :-[ ซี
.
.
.
.
.
 o13 นะ
.
.
.
.
.
 :pig4: คนเขียน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 20-02-2012 00:06:36
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด นะจยอมให้จิ้ม นะจะยอมให้จิ้ม :z13:

อร๊ายยยยยยยยยยยยย ทุ่มหมดตัวไปเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 20-02-2012 00:09:16
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ถ้าแปลความไม่ผิดนี่

นะจะยอมเป็นรับให้ซีชิมิ :z1:

ตอนนี้ชอบอ่า

เพราะว่ามีโจกะนนท์ด้วย....ขอพาร์ทของคู่นี้เยอะๆน้าคุณต้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 20-02-2012 00:22:22
ผิดคลาดอย่างแรงเป็นนะเหรอครับที่โดน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 20-02-2012 00:29:40
เขาหน้าแดงแป๊ด ยิ้มอายๆ แล้วก็พยักหน้าเบาๆ   " แต่ว่ามึงต้องให้กูเอามึงกลับด้วยนะไอ้ซี "  ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผลัดกันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเริ่ดๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 20-02-2012 00:33:21
 โอยๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ไหวแล้วววววววววว

คู่นี้เค้าสุดยอดจริงๆ

เหอๆๆๆๆ

 :-[ :-[ :-[

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 20-02-2012 00:35:53
รอตอนต่อไปค่ะ :z2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-02-2012 00:49:57
เห็นด้วยกับ Rep. ข้างบนครับว่า คู่นี้สลับกันชัวร์  :oo1:

อยากให้ลองมานานล่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 20-02-2012 01:12:10
ปรากฏว่าหมดสต๊อก
กีสสสสสสสสสสสส
 :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-02-2012 06:43:47
กรี๊ดดด นะยอมซีก่อน แล้วจะจัดหนักให้เหรอ :haun4:
แด่นะผู้เสียสละ :L2: ก๊ากก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 20-02-2012 07:10:04
ช้าๆ แต่ชัวร์
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 20-02-2012 07:41:40
ผิดคาดแฮะ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 20-02-2012 09:21:58
เขินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะน่ารักกันไปไหน :n1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 20-02-2012 09:27:11
ม่ายจริงงงงงงง~
นี่เราเดาผิดเหรอเนี้ย
นึกว่านะจะกดซี กลายเป็นซีกดนะ
โธ่......~
เอาว่ะ ยังไงก็ได้กันล่ะนะ
รอลุ้นตอนต่อไปค่าาาาาาา~
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: you13 ที่ 20-02-2012 09:47:53
555 
เขินๆๆๆ  ลองกันเลย :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 20-02-2012 13:31:40
นึกว่าซีจะโดนเอานะนี่

คิดผิดเลยเรา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-02-2012 13:45:56
พี่ล่ำพี่จะเป็นรับจริง ๆ นะเหรอ OMG!!!!
ในความเป็นจริงรุก-รับ คงไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา
แต่ในจินตนาการ ขอให้น้องซีเป็นรับเถอะนะ ขอร้องล่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: meaw ที่ 20-02-2012 15:23:44
ในที่สุดก็ถึงเวลา :m25:

ชอบๆๆๆๆ :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 22-02-2012 01:53:05
มารอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 22-02-2012 07:06:17
มารอด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-02-2012 13:36:17
เขินแทน

ตอนหน้าจะซี้ดดดดดขนาดไหนเจ้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 22-02-2012 16:21:45
หน้า14แล้วววว ... ขอซี้ดด14หน่อยค้าบบบบบ 555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 22-02-2012 16:25:56
อิอิ

นะจะให้ซีกดเหรอ
ไม่น่ะ :a5:


หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 22-02-2012 16:40:19
เค้าคลิกพลาดไปโดนแจ้งเตือน  :sad4:
แต่เค้ายกเลิกแล้ว
เค้าขอโทดดดดดดดดดด น่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 22-02-2012 17:41:16
รอตอนใหม่อยู่นะคะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 22-02-2012 23:51:38
เม้นแรกของเรื่องนี้นะคะ  ชอบในความเปิดเผยของทั้งคู่  ความรักที่ค่อยๆก่อตัวจากความเป็นเพื่อนนี่มันดีจริงๆ

จะซีนะหรือนะซีน้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 24-02-2012 10:36:33
อย่าหายไปนานนน๊าา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 24-02-2012 14:29:54
ซีจะกดนะ อืมมมม...
นนท์เคยกดโจ อืมมม หะ!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 13)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 24-02-2012 19:32:56
SeeeDz ที่ 14

เขาก้มหน้าหลบตาของผม “กูยอมมึงก่อนก็ได้ แล้วหลังจากนั้นถ้ามึงไม่ว่าอะไร กูก็อยาก... อยากจะทำมึงเหมือนกัน”

ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่กำลังรู้สึกเขินอยู่ในตอนนี้ เพราะว่าผมเองก็กำลังเขินจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน ผมคิดถึงคำพูดของเขาอย่างถี่ถ้วน แล้วก็ถามตัวเองดูว่าใจจริงของผมต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งไอ้การถามใจตัวเองน่ะอาจจะได้คำตอบยากหน่อย แต่ถ้าหากถามไอ้น้องชายของผมล่ะก็ มันกำลังพยักหน้าหงึกๆ ตอบแทนสมองของผมอยู่ใต้กางเกงนี่แหละ

แค่ความคิดที่ว่าผมจะได้ทำอะไรกับเขาก็ทำให้ไอ้น้องชายของผมแข็งขึ้นได้แทบจะในทันทีแล้ว

“กูขอนอนก่อนดีกว่าว่ะ เอาไว้คืนนี้เราค่อยว่ากันเถอะ” ผมดึงผ้าห่มขึ้นพร้อมกับตะแคงตัวหันหลังให้กับเขา

นะหัวเราะในลำคอตามสไตล์ของเขา จากนั้นก็จุ๊บลงบนกระหม่อมของผมเบาๆ พร้อมกับกระซิบคำๆ หนึ่งที่ทำให้ผมต้องรู้สึกร้อนผ่าวไปแทบจะทั้งตัว

“กูรักมึงนะ ไอ้ตี๋...”

ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อข่มตาให้หลับ เพราะเรื่องที่เราคุยกันมันชวนให้ผมตื่นเต้นจนใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางนับสิบชั่วโมง จึงทำให้ผมหลับลงไปได้ในที่สุด แต่ผมก็แค่หลับๆ ตื่นๆ และพอจะรู้สึกตัวอยู่บ้างว่านะยังคงนั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ ผมตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเขาโทรศัพท์คุยกับใครบางคนแค่ครู่สั้นๆ ผมเลยงัวเงียตื่นขึ้นมาถามว่าเขาคุยกับใคร ซึ่งเขาก็ตอบว่าไม่มีอะไร แค่เพื่อนคนหนึ่ง ก่อนจะไล่ให้ผมนอนต่อเหมือนเดิม

ผมตื่นขึ้นอย่างเต็มตาในตอนบ่ายโมงเพราะความหิว หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว นะก็พาผมออกไปหาอะไรกินที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ท เราสองคนลงไปกินข้าวซอยที่ชั้นล่าง แล้วจากนั้นก็เดินเล่นฆ่าเวลาอยู่ครู่หนึ่ง จนถึงประมาณสี่โมงกว่า ไอ้นนท์ก็โทรมาหานะเพื่อถามว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ และเมื่อเขาบอกมันไปว่าเรากำลังเดินเล่นอยู่ในเซ็นทรัล มันก็ต่อว่าเรายกใหญ่

“มันด่ามึงอะ ไอ้ซี เอาไปคุยไป” นะยื่นโทรศัพท์ให้ผม

“เฮ้ยย อะไร เกี่ยวอะไรกับกูวะ”

“เอาไปเลย เร็วๆ” เขาหัวเราะ

ผมรับโทรศัพท์มาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “เออ มีไรวะ ไอ้นนท์”

“ไอ้ซี ไอ้ควาย มึงมาถึงเชียงใหม่แล้วมึงเสือกไปกินข้าวในห้างเนี่ยนะ มึงบ้าป่าววะ ห๊าาาา”

“ไอ้สาดดดด แล้วมึงจะให้พวกกูทำไงอะ ก็กูไม่รู้จะแดกอะไรกันนี่หว่า ที่ทางก็ไม่ได้รู้จัก แต่เมื่อกี้พวกกูก็แดกข้าวซอยนะเว้ย ถือว่าเป็นอาหารเหนือแล้วไง ชดเชยกันไป”

“นี่ไง พอกูปล่อยพวกมึงไว้แล้วก็เป็นซะแบบนี้ ถ้างั้นคืนนี้กูไปนอนโรงแรมกับพวกมึงดีกว่า จะได้พามึงเที่ยวได้”

“เฮ้ย ไอ้เหี้ย กูรบกวนมึงไปรึเปล่าวะ เสียเงินเปล่าๆ น่ามึง”

“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า เพราะไอ้โจเองก็เริ่มจะงอแงอยากนอนโรงแรมอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน”

“อะไรๆ มึงมาโทษอะไรกู ไอ้นนท์” เสียงของไอ้โจดังเข้าโทรศัพท์มาแว่วๆ

“แล้วตกลงมึงจะไปนอนที๋โรงแรมรึเปล่าล่ะ” ไอ้นนท์หันไปถามแฟนของมัน

“ไปดิ รู้แล้วยังจะถาม” ไอ้โจตอบกลับมา

“เออ นั่นแหละ มึงได้ยินแล้วใช่มั้ย ไอ้ซี”

“เออๆ ได้ยินๆ”

“งั้นเดี๋ยวเราไปเจอกันที่โรงแรมก็แล้วกันนะเว้ย พวกกูไปนอนคืนนี้เลยก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงพวกมึงก็ต้องมากินข้าวที่บ้านยายกูนะ”

“เออ โอเค ไม่มีปัญหาหรอก กูไปแน่แหละน่า แดกฟรี ทำไมจะไม่ไปวะ” ผมหัวเราะ “แล้วเดี๋ยวพวกมึงจะมากันกี่โมง”

“คงอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงอะ พอไปถึงแล้วกูจะโทรหาอีกทีนะ”

“เออ ได้ๆ มึงจะคุยกับไอ้นะอีกรึเปล่า”

“ไม่ว่ะ ไม่เป็นไร ไว้เจอกันเลยก็แล้วกัน”

ผมวางสาย แล้วจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้นะ

“มันว่าไงมั่งวะ”

“เดี๋ยวมันจะไปเปิดห้องที่โรงแรมอะว่ะ มันบอกว่าปล่อยพวกเราไว้แล้วก็เป็นเงี้ย ไปไหนไม่เป็น ไม่รู้จะทำอะไร แล้วมันยังบอกอีกว่าไอ้โจเองก็ไม่อยากนอนบ้านยายมันแล้วด้วย ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“อ้าว เหรอ งั้นกูว่าเรากลับกันก่อนเถอะ มึงอยากแวะซื้อขนมอะไรก่อนมั้ยล่ะ”

“อยากแดกเหล้าอะว่ะ”

“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวคืนนี้ไปกินข้าวบ้านยายไอ้นนท์ไง มันคงมีให้แหละมั้ง อย่างน้อยๆ ก็มีเบียร์แน่ๆ ล่ะ กูว่า”

“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว กลับกันเลยก็ได้”

ในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินหาทางออกไปยังลานจอดรถอยู่นั้น ผมก็สังเกตเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาทางพวกเรามองผมกับนะแล้วก็หันไปยิ้มและกระซิบกระซาบบางอย่างกัน ผมจึงส่งยิ้มให้พวกเขาก่อนที่เราจะเดินสวนกัน คนหนึ่งในนั้นที่สบตากับผมถึงกับหน้าแดงเลยทีเดียว

นะที่คงเพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติรีบหันหลังกลับไปมองตามสาวๆ กลุ่มนั้น ก่อนที่จะหันมาหาผมด้วยสายตาแปลกใจ “อะไรวะ ผู้หญิงพวกนั้นเค้าเป็นอะไร”

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ผมยิ้มพร้อมกับยักไหล่

“เฮ้ย ยิ้มแบบนั้นแปลว่าอะไรวะ ฮึ ไอ้ตี๋” เขากระทุ้งศอกใส่สีข้างของผม

“เหี้ยไรเล่าาา ไม่มีอะไรหรอกน่ะ กูก็แค่ส่งยิ้มให้พวกเค้าไปเท่านั้นเอง”

“นั่นไง กูว่าแล้ว มึงโปรยเสน่ห์อีกแล้วเหรอวะ ไอ้ซี”

“โปรยเหี้ยไร กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ผมหัวเราะ

“มึงไม่ต้องมาหัวเราะเลย กูหึงนะเว้ย!” เขาเหวี่ยงแขนขึ้นมาโอบคอผมแล้วดึงตัวผมเข้าไปขยี้หัวแรงๆ

“โอ๊ยยย!! มึงจะมาหึงกูทำไมเล่า!” ผมดันตัวออก

“ทำไมวะ กูหึงมึงไม่ได้เหรอ” เขาทำหน้าเสียไปนิดหน่อย

“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่กูแค่จะบอกว่ากูไม่สนใจผู้หญิงพวกนั้นหรอกน่า สเป๊กกูก็ไม่ใช่ และที่สำคัญ ตอนนี้ชีวิตกูแฮปปี้ดีแล้ว ไม่อยากหาเรื่องใส่หัวแล้วว่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มกว้างออกมาได้ทันที “นี่ถ้าเราอยู่กันสองคน กูจับมึงหอมแก้มไปแล้วนะเนี่ย”

“ทำไมวะ หอมที่นี่ตอนนี้เลยไม่ได้รึไง” ผมแกล้งแหย่

“อย่าท้านะ ไอ้ตี๋ มึงกล้ารึไง”

“กูไม่ได้ท้าเว้ย มึงกล้าปะล่ะ ถ้ามึงกล้าก็ทำเลย กูเป็นคนถูกหอมอยู่แล้ว กูไม่แคร์หรอกว่ะ”

เขาหน้าแดงก่ำ “พอๆ!! ไปเลย! รีบๆ เดิน จะได้กลับกันสักที”

เมื่อเราสองคนเข้าไปนั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบชะโงกหน้าเข้ามาจุ๊บแก้มผมเบาๆ ในตอนที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

“เฮ้ย!”

“มัดจำเอาไว้ก่อน แล้วหลังจากนี้ค่อยว่ากัน” เขายิ้มกว้าง

“ไอ้กะล่อนเอ๊ยยย” ผมหัวเราะ

อีกไม่กี่นาทีถัดมา พวกเราก็กลับมาถึงที่โรงแรม และเมื่อไอ้นนท์กับไอ้โจมาถึง พวกเราก็ลงไปรับมันที่ล็อบบี้ หลังจากที่พวกมันได้ห้องและเอาของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เราสี่คนก็มานั่งเล่นที่ห้องของผมกันต่อ

“เออ ว่าแต่มึงมีปัญหาอะไรรึเปล่าวะ ไอ้โจ ถึงได้ไม่อยากนอนบ้านยายไอ้นนท์อะ” ผมถาม

“ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวอะว่ะ” มันตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“ยังไงวะ” ผมสงสัย “แล้วนี่มึงจะหน้าแดงทำไมวะ ไอ้นนท์”

“ใครหน้าแดง กูไม่ได้หน้าแดงเว้ย”

ไอ้โจหัวเราะเบาๆ “ไม่มีเหี้ยไรหรอก ยายมันก็ดีแหละ ป้ามันก็ด้วย แต่ห้องนอนยายกับห้องนอนไอ้นนท์มันอยู่ติดกันน่ะ แล้วผนังก็บางเกิน กูเลยอึดอัดว่ะ”

เท่านั้นแหละ ผมเลยถึงบางอ้อทันที “ไอ้เหี้ยยยย! ที่แท้มึงก็มาเปิดห้องที่โรงแรมเพื่อจะเอากันนี่เอง!!”

“ครวยยยย!!! ไอ้เชี่ยซี! ไม่ใช่แบบนั้นนะเว้ย!” ไอ้นนท์รีบออกตัว

“หึๆ อย่าว่าแต่พวกกูเลยเหอะ กูว่ามึงสองคนก็เหมือนกันนั่นแหละว่ะ” ไอ้โจยิ้มมุมปากพลางมองหน้าของผมสลับกับนะ

“มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้โจ” ผมเหลือบไปมองหน้าของนะแล้วเห็นว่าเขาก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน แต่เราก็พยายามเก็บอาการกันอย่างดีที่สุด

“พวกมึงไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งเซ่อหรอกน่ะ นี่มึงคิดว่าพวกกูดูกันไม่ออกจริงๆ รึไงวะ”

“เหี้ยอะไร ดูไม่ออกเรื่องอะไรวะ”

“โธ่เอ๊ยยยย ไอ้ซี” ไอ้นนท์หัวเราะ “มึงไม่คิดรึไงวะว่าทำไมกูถึงจองห้องเตียงใหญ่ให้พวกมึงแบบนี้น่ะ”

ผมกับนะมองหน้ากัน ต่างคนต่างไม่รู้จะทำตัวยังไงดี

ไอ้นนท์ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาตบบ่าผมเบาๆ “กูดีใจด้วยนะเว้ย ไอ้ซี ทีนี้มึงสองคนก็จะได้มีความสุขกันจริงๆ สักที”

ผมเขินจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“เออ... งั้นกูก็ขอบใจว่ะ ไอ้นนท์” นะที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมพูดขึ้น

ผมหันไปมองหน้าเขาทันที

เขายักไหล่ให้ผมเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปหาไอ้นนท์ “ต่อให้ตอนนี้โกหกไปก็คงไม่เนียนแล้วใช่มั้ยวะ...”

“เออ ไม่เนียนเลย และพวกมึงก็ไม่จำเป็นต้องโกหกกูด้วย”

“ว่าแต่พวกมึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“ที่จริงกูเคยคิดว่ามึงน่าจะชอบกันมาตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งมาแน่ใจว่ามึงน่าจะเป็นแฟนกันแล้วก็ตอนก่อนมานี่แหละ”

“แล้วมึง... มึงรู้กันได้ยังไงวะ” ผมถาม

“ถุยเหอะ พวกกูเห็นแววตาเวลาที่มึงสองคนมองกันก็รู้แล้วว่ะ” คราวนี้ไอ้โจเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง

“แล้วก็ท่าทาง คำพูดที่พวกมึงใช้กันอะไรแบบนั้นน่ะ” ไอ้นนท์พูดเสริม

“ไม่ๆๆ กูหมายถึงก่อนหน้าที่พวกกูจะคบกันอะ พวกมึงบอกว่าดูออกกันมานานแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“ก็สักพักแล้วว่ะ... โธ่ ไอ้ซี พวกมึงคิดว่ากูกับไอ้โจคบกันมากี่ปีแล้ววะ ทำไมเรื่องพวกนี้กูจะดูกันไม่ออก” ไอ้นนท์หัวเราะเบาๆ

“แต่มึงไม่ต้องตกใจหรอกนะเว้ย คนอื่นๆ มันคงยังไม่รู้หรอก น่าจะมีแค่พวกกูนี่แหละที่รู้น่ะ เพราะพวกมึงก็ไม่ได้แสดงออกอะไรกันชัดเจนขนาดนั้น”

“แน่ใจเหรอวะ...”

“เออ แน่ใจดิ สบายใจได้น่า”

“ทำไมมึงไม่บอกเรื่องนั้นมันไปวะ ไอ้นนท์” ไอ้โจหันไปถามแฟนของมัน

“เรื่องอะไรวะ” ผมกับนะถามขึ้นพร้อมกัน

ไอ้นนท์มีท่าทีลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อ “ไม่มีอะไรหรอกเว้ย ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร พวกมึงไม่ต้องคิดมากหรอก”

“ไม่มีอะไรเหี้ยไรล่ะ กูไม่เชื่อมึงแล้ว ไอ้นนท์ รีบๆ บอกมาเลย ไม่งั้นกูไม่สบายใจนะเว้ย”

“ใช่ ไอ้นนท์ มึงต้องเข้าใจนะว่านิสัยไอ้ซีอะ ถ้ามันอยากรู้อะไรแล้วไม่ได้รู้ล่ะก็ แม่งนอนไม่หลับไปสามวันแปดวันเลยนะเว้ย”

“เกินไป ไอ้ตูด เกินไป” ผมหันไปหานะ

“เออๆ แต่กูเองก็ไม่ชัวร์นะเว้ย เพราะงั้นกูขอไม่เอ่ยชื่อก็แล้วกัน”

“อะไรวะ” ผมยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิมเสียอีก

“คือบางครั้งเวลากูไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มึงอะ ไอ้ซี กูเคยรู้สึกว่าอาจจะมีเพื่อนมึงคนนึงมันชอบมึงอยู่อะว่ะ และกูก็ไม่แน่ใจด้วยว่ามันจะสงสัยเรื่องระหว่างมึงกับไอ้นะรึเปล่า... แต่กูก็แค่เดานะเว้ย แค่สังหรณ์เฉยๆ เพราะงั้นมึงไม่ต้องถามกูหรอกว่าใคร กูไม่อยากพูดไปมั่วๆ แล้วทำให้มึงไม่สบายใจเปล่าๆ ว่ะ”

“อ้าว ไอ้เหี้ย พูดมาแบบนี้แล้วกูคงจะสบายใจล่ะมั้ง! ใครวะ ไอ้นนท์ แล้วมึงรู้สึกได้ไง กูอยากรู้”

“ไม่เอา ไอ้ซี กูไม่อยากเอ่ยชื่อจริงๆ ถ้าเกิดกูแค่คิดไปเอง เข้าใจผิดไปเอง มันก็เหมือนกูใส่ร้ายเพื่อนมึงลอยๆ อะดิ”

ผมพยายามถามไอ้นนท์อีกหลายคำถามว่ามันหมายถึงใครและรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นมาแอบชอบผมอยู่ แต่มันก็ไม่ยอมบอกอะไรผมมากกว่านั้นเลย มันบอกแค่เพียงว่าให้ผมทำตัวปกติที่สุดเหมือนเดิมก็พอ เพราะมันอาจจะแค่คิดไปเองก็เป็นได้ ส่วนนะก็เห็นด้วยกับไอ้นนท์และบอกว่าเขาเองก็ไม่คิดมากเหมือนกัน ผมจึงยอมปล่อยเลยตามเลย

พอตกเย็น พวกเราก็ไปกินข้าวเย็นที่บ้านยายของไอ้นนท์กัน ยายของมันน่ารักมาก ยิ้มแย้ม อารมณ์ดี ผมรู้สึกว่าแกเป็นคนแก่ที่น่ารักและทำให้ผมรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ บอกไม่ถูก แถมที่สำคัญแกยังทำอาหารเก่งมากด้วย ส่วนป้าของมันก็นิสัยดี คุยเก่ง ถึงจะดูเป็นคนชอบถามอะไรซอกแซกไปเสียหน่อยก็เถอะ แต่โดยรวมผมก็มีความสุขและรู้สึกเอ็นจอยกับมื้อเย็นนี้มาก

หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จ ไอ้นนท์ก็พาพวกเราไปนั่งกินเบียร์ที่ร้านอาหารอีสานร้านหนึ่งซึ่งโฆษณาว่าเป็นสไตล์ลาวแท้จากเวียงจันทน์ ร้านนี้ตบแต่งดี บรรยากาศดี และเบียร์ลาวที่ขายก็รสชาติดีอีกด้วย ส่วนอาหารก็รสชาติดีใช้ได้ พวกเราสี่คนจึงนั่งกินกับแกล้มเล่นๆ คู่กับเบียร์ไปหลายขวดอยู่เหมือนกัน จนเมื่อฝนเริ่มตั้งเค้า พวกเราจึงตัดสินใจกลับโรงแรม และไปนั่งดื่มเบียร์ดูทีวีด้วยกันต่อที่ห้องของผม

เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงราวๆ ห้าทุ่ม ไอ้นนท์กับไอ้โจก็ขอตัวกลับห้องเพื่อไปพักผ่อน ไอ้นนท์ย้ำกับผมและนะอีกครั้งว่าพรุ่งนี้ให้เราตื่นขึ้นมาเตรียมตัวกันตั้งแต่หกโมง เพื่อที่จะได้ไปขึ้นดอยกันในตอนเช้า แล้วจากนั้นพวกมันก็กลับห้องไป

“เมื่อกี้ไอ้นนท์มันบอกจะขอตัวกลับไป ‘พักผ่อน’ เหรอวะ” ผมอมยิ้ม “ใช่เหรอวะ ไอ้คำว่า ‘พักผ่อน’ เนี่ย กูว่ามันจะไปปี้กันมากกว่าม้างงงง”

“นี่มึงเมาเหรอวะ ไอ้ซี” นะหันมามองผมแล้วยิ้มๆ

“ป่าววว แค่ตึงๆ นิดหน่อย ยังไม่เมาหรอก ว่าแต่มึงเหอะ หน้าแดงแล้วเหมือนกันนะ ไอ้ตูด”

“เออ กูยอมรับ เพราะกูเองก็มึนๆ แล้วเหมือนกันว่ะ... แต่ว่าเบียร์ยังเหลืออีกสองกระป๋องนะเว้ย”

“จะเหลือไว้ทำไมวะอีกแค่สองกระป๋อง เปิดเล้ยยย”

นะเดินไปหยิบเบียร์ออกมาจากตู้เย็นแล้วโยนให้ผมกระป๋องหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงข้างๆ ผม เราสองคนชนกระป๋องกันแล้วจากนั้นก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม

“นี่ ไอ้นะ...”

“หืออ”

“วันนี้เมื่อตอนกลางวันอะ มึงหึงกูจริงๆ เหรอวะ”

เขานึกอยู่ครู่หนึ่ง “...อ่ออ ตอนนั้นน่ะเหรอ เออ ก็หึงจริงๆ น่ะสิวะ”

“ทำไมมึงถึงหึงกูอะ กูอยากรู้”

เขามองหน้าผมเหมือนไม่อยากเชื่อว่าผมจะถามคำถามแบบนั้นออกไปได้ “มึงไม่รู้จริงๆ เหรอวะ ไอ้ซี ว่าทำไมอะ”

“หึ” ผมส่ายหน้า

“ก็เพราะกูรักมึง กูอยากให้มึงเป็นของกูคนเดียวไง โอเครึยัง”

ผมรู้สึกว่าตัวเองร้อนผ่าว แต่มันอาจจะร้อนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่แล้วก็เป็นได้ล่ะมั้ง

“มึงรักกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

เขาหน้าแดงทันที “กู... กูก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน แต่กูรู้สึกอบอุ่นว่ะ รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับมึง”

ผมก้มหน้าหลบสายตาของเขา กลัวว่าเขาจะเห็นว่าผมกำลังเขินมากแค่ไหน “แล้วมึงไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอวะ มารู้สึกแบบนั้นกับกูเนี่ย กูเป็นผู้ชายนะเว้ย”

เขาเขกหัวผมเบาๆ “มึงเพิ่งจะมาถามห่าอะไรเอาป่านนี้วะ ไอ้ตี๋ แต่ถ้ามึงอยากรู้ล่ะก็ กูจะบอกมึงตรงๆ ว่าบางทีกูอาจจะชอบผู้ชายอยู่แล้วก็ได้ล่ะมั้ง ตั้งแต่ก่อนจะคบกับกิ๊กอีก แต่กูแค่ไม่เคยรู้ตัวเองจนกระทั่งมาเจอมึงนี่แหละ เพราะว่ามึงทำให้กูรู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุดแล้ว”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาอีกครั้งทันที เพราะสิ่งที่เขาพูดก็คล้ายกับสิ่งที่ผมเคยคิดเกี่ยวกับตัวเองเลย

“กูรู้ว่าเวลามึงคบใครแล้วมึงมีคนๆ นั้นคนเดียว ไอ้ซี...” เขาพูดต่อ “แต่กูไม่ใช่ผู้หญิงนี่หว่า กูก็เลยกลัวๆ ล่ะมั้ง... กลัวว่าถ้ามึงเจอผู้หญิงที่มึงถูกใจ แล้วมึงจะเปลี่ยนไปชอบคนๆ นั้น แล้วสุดท้ายก็ทิ้งกูอะ”

“โธ่ ไอ้หมีควายเอ๊ยยยย” ผมตบหัวเขาเบาๆ “กูจะทำแบบนั้นกับมึงได้ยังไงวะ ไอ้นะ”

“อ้าว ก็กูไม่รู้นี่หว่า กูก็เป็นคนขี้กังวลของกูแบบนี้แหละ ผิดด้วยรึไง”

“ไม่ผิดหรอก แต่กูอยากให้มึงไว้ใจกูไง เหมือนที่มึงเคยไว้ใจกิ๊กนั่นแหละ เชื่อใจกัน มันจะได้อยู่กันได้อย่างสบายใจ โอเคมั้ยวะ”

“ไว้ใจกิ๊ก... แล้วแม่งก็หนีไปมีคนอื่นน่ะนะ” เขาพูดเสียงเจื่อนๆ

“มึงคิดว่ากูเป็นคนนิสัยแบบนั้นรึไง”

“เปล่าๆ ไม่คิดๆ” เขารีบส่ายหน้า “กูก็แค่นึกถึงที่มันหักหลังกูแล้วกูก็เจ็บๆ อะว่ะ”

ผมลูบหัวเขาเบาๆ “อย่าไปคิดน่า ไอ้ตูด ความรักที่แม่งจบไปแล้วในอดีต มันก็เป็นแค่เพียงเศษตะกอนความทรงจำ ปล่อยให้มันนอนก้นไปน่ะดีแล้ว มึงไม่จำเป็นต้องไปตีให้มันฟุ้งขึ้นมารบกวนหัวใจมึงอีกหรอก”

เขาหันมามองหน้าผม ดวงตาของเขาแลดูเป็นประกายกว่าที่เคย “มึงนี่แม่งเข้มแข็งจังว่ะ ไอ้ซี”

“กูเคยบอกแล้วไงว่ากูเจ็บมาเยอะ” ผมยักไหล่

“และกูก็ไม่อยากให้มึงเจ็บอีกแล้วด้วย”

“กูก็ไม่อยากเจ็บแล้วเหมือนกันนั่นแหละ แต่...”

“เพราะกูอยากจะเป็นคนสุดท้ายของมึง...” เขาพูดขัดขึ้น แล้วจึงโน้มตัวเข้ามาจูบปากผมทันที

ทันทีที่ริมฝีปากของผมกับเขาสัมผัสกัน ลิ้นของเราต่างก็ตวัดควานหาอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มทั้งๆ ที่มือก็ยังถือกระป๋องเบียร์เอาไว้อยู่ จนสุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกก่อน

“เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเบียร์หก” ผมปรามเขา

“เหลืออีกไม่ถึงครึ่งแล้ว กินให้หมดไปเลย”

ผมนั่งมองดูเขาดื่มเบียร์ที่เหลือจนหมด “กูอยากลองทำอะไรอย่างว่ะ...”

เขาวางกระป๋องเปล่าลงบนพื้น “อะไรวะ”

ผมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม แต่อมมันเอาไว้ในปาก ยังไม่กลืนมันลงไป ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปหาเขา นะที่ดูเหมือนจะเข้าใจได้ดีว่าผมต้องการจะทำอะไร รีบประกบปากกับผมทันที

เขาพยายามกลืนเบียร์จากปากของผมลงคอให้ได้มากที่สุด แต่ผมก็ยังรู้สึกถึงน้ำเย็นๆ ที่ไหลออกมาจากมุมปากของตัวเองได้อยู่ดี ดังนั้นผมจึงค่อยๆ เอนตัวของเขาลงบนเตียงแล้ว นอนคร่อมเขาไว้ทางด้านบน จากนั้นก็ค่อยๆ ดันเบียร์ที่เหลืออยู่ลงสู่ปากของเขาอย่างช้าๆ และเมื่อเขากลืนเบียร์ทุกหยดลงคอไปหมดแล้ว เราสองคนก็แลกลิ้นกันอยู่อีกครู่หนึ่ง

ผมใช้ลิ้นเลียที่มุมปากของเขา แล้วจึงค่อยๆ เลียทำความสะอาดเบียร์ที่เลอะอยู่ตรงแก้มและซอกคอของเขาออกจนสะอาด ร่างกายของเขาสั่นเทาน้อยๆ

“อาา.. า...า.. โคตรเสียวเลยว่ะ ไอ้ซี...”

ผมดันตัวขึ้นแล้วมองหน้าเขา “ชอบเหรอวะ”

เขาพยักหน้าเขินๆ “มึงไปจำมาจากไหนเนี่ย”

“ในหนังอะว่ะ ก็เลยอยากลองทำดูบ้าง แต่กูคงทำไม่เป็นอะ แม่งเลยไหลออกจากมุมปากมึงแบบนั้น”

“แบบนั้นแหละ เซ็กซี่แล้ว” เขาผงกหัวขึ้นจุ๊บริมฝีปากผมเบาๆ

“ปกติมึงชมผู้ชายว่าเซ็กซี่ด้วยเหรอวะ” ผมยิ้มน้อยๆ

“มึงคนเดียวและคนสุดท้ายว่ะ...”

“หึๆ ไปอาบน้ำกันเหอะ” ผมชันตัวขึ้นพร้อมกับดึงเขาให้ลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กัน

เราจูงมือกันเดินเข้าห้องน้ำ ช่วยกันถอดเสื้อผ้าออก แล้วก็เดินเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน ตอนแรกผมก็รู้สึกเขินๆ นิดหน่อยเพราะครั้งก่อนที่เราอาบน้ำพร้อมกัน เราก็ต่างคนต่างอาบ แถมความรู้สึกก็ต่างจากในตอนนี้ แต่ก็อย่างว่า ถ้าหากผมไม่เป็นฝ่ายนำ เขาก็คงไม่กล้าทำอะไรแน่ๆ ดังนั้นผมจึงพลิกตัวเขายืนหันหลังให้กับผม แล้วเริ่มฟอกสบู่ลงบนแผ่นหลังของเขา

นะยืนใช้มือทั้งสองข้างยันผนังห้องน้ำเอาไว้แล้วปล่อยให้ผมลูบไล้หลังของเขาตามสบาย กล้ามเนื้อของเขาแน่นและแลดูแข็งแกร่ง แต่ผิวของเขากลับเนียนนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ

“ผิวมึงแม่งเนียนดีว่ะ ไอ้นะ”

“เหรอ”

“อืออ...” ผมเลื่อนมือต่ำลงไปคลึงแก้มก้นทั้งสองข้างของเขา “แถมตูดยังนิ่มอีกด้วย”

“อืมมม...” เขาส่งเสียงในลำคอเบาๆ

ผมใช้นิ้วชี้กรีดไปตามร่องก้นของเขาแล้วไปหยุดอยู่ที่บริเวณปากทางเข้า เขาตัวแข็งเกร็งขึ้นทันที แต่สักพักก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ผมจึงใช้ปลายนิ้วชี้วนอยู่บริเวณนั้นเบาๆ รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น และไอ้น้องชายที่ตอดตุบๆ เพราะความตื่นเต้น
ตลอดเวลาที่ผมขยับมือและนิ้ววนเวียนอยู่แถวนั้น นะจะส่งเสียงครางอยู่ในลำคอเบาๆ ตลอด จนกระทั่งเขาเริ่มใช้มือข้างหนึ่งสาวน้องชายของตัวเองไปด้วย ผมจึงอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่ามันเสียวขนาดนั้นเลยเหรอ

“เสียวเหรอวะ...” ผมเขยิบตัวเข้าไปแนบชิดกับแผ่นหลังของเขาแล้วกระซิบลงที่หูของเขาเบาๆ ไอ้น้องชายของผมพาดแนบอยู่กับก้นของเขาพอดี

“อือออ” เขาพยักหน้าเบาๆ “กิ๊กแม่งไม่เคยทำอะไรแบบนั้นให้กูเลยว่ะ”

ผมงับลงบนติ่งหูของเขาพร้อมกับเลื่อนมือไปกำน้องชายของเขาเอาไว้ด้วย “...อย่าเอาไปกูไปเทียบกับแฟนเก่ามึงสิวะ”

“แต่กูไม่ได้เทียบในแง่ไม่ดีนะเว้ย” เขามองข้ามไหล่มาหาผม “กูแค่จะบอกว่ากูรู้สึกดีแค่ไหนที่คนที่ทำแบบนั้นให้กูเป็นมึงต่างหาก”

“รู้แล้วล่ะน่าาา” ผมขยับมือขึ้นลงช้าๆ “กูก็แค่จะบอกว่าแฟนเก่ามึง มันจะมาเก่งเท่ากูได้ไงแค่นั้นเหมือนกัน”

“อึ๊กก..ก..!!” นะบิดตัวและรีบคว้าข้อมือของผมเอาไว้ “ซี กูเสียว...!!”

“แล้วไม่ดีเหรอวะ” ผมใช้นิ้วคลึงที่ส่วนหัวไอ้น้องชายของเขา

“อ๊าา..า..ซ์ ซี้ดดดส์ส์!  อ... ไอ้ซี สบู่มันทำให้ ส... เสียว จนทรมานเลยนะเว้ย!” เขาบิดตัวไปมา

ยิ่งได้ยินเสียงของเขาครางกระเส่าแบบนี้ จิตใจของผมก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงมากขึ้นไปอีก ผมเริ่มขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ แต่แล้วนะก็ใช้หว่างขาหนีบไอ้น้องชายของผมเอาไว้ แล้วจากนั้นจึงเริ่มขยับตัวเบาๆ

“ซี้ดดดด....ดด...ดส์!!! ไอ้นะ! กูเสียวนะเว้ย!!” ผมรีบจับหัวไหล่ของเขาเอาไว้เพื่อให้เขาหยุดเคลื่อนไหว

“เห็นมั้ยล่ะ กูบอกแล้ว” เขาพลิกตัวหันมาหาผม “มา ให้กูฟอกสบู่ให้มึงบ้างเหอะ ไม่งั้นก็อาบน้ำกันไม่เสร็จสักที”

เราสองคนสลับตำแหน่งกัน แล้วจากนั้นเขาก็เริ่มต้นฟอกสบู่ลงบนหลังของผมแบบที่ผมเพิ่งทำให้เขาทุกอย่าง แต่ผมช่วยเขาโดยการฟอกส่วนหน้าด้วยตัวเอง แต่นะก็ไม่ยอมพลาดที่จะช่วยผมทำความสะอาดไอ้น้องชายของผมซ้ำอีกครั้งด้วย และเมื่อเขาทั้งจับ คลึง ชัก รูดขึ้นรูดลงจนเป็นที่แน่ใจว่ามันสะอาดดีแล้ว (ซึ่งก็ทำให้ผมเสียวจนแทบจะร้องไม่เป็นภาษาคนอยู่หลายที) เขาก็กลับมาคลึงและนวดที่แก้มก้นของผมต่อ

“ตูดมึงขาวมากเลยว่ะ ไอ้ซี”

“ก็กูขาวอะ”

“น่าแดกว่ะ...”

“เฮ้ยยย!”

“กูหมายถึงน่าลองกัดดูสักทีอะ” เขาหัวเราะ

“มึงจะบ้าเหรอวะ!”

“ทำไม ไม่ให้รึไง”

“มึงกัดตูดกู กูก็เจ็บสิวะเฮ้ย!”

“กูไม่กัดแรงหรอกน่า ก็แค่ขบๆ เหมือนที่มึงขบหูกู หรือเวลากูขบต้นคอมึง... แบบนี้ไง” เมื่อพูดจบ เขาก็ชะโงกหน้ามางับลงบนต้นคอของผมทันที

“อาาาห์” ผมเผลอครางออกมาโดยไม่รู้ตัว

“อืมมมม” เขาส่งเสียงอยู่ในลำคอพลางเลื่อนขึ้นมางับลงบนติ่งหูของผม

ผมบิดตัวเบาๆ ด้วยความเสียว ส่วนนะก็ใช้นิ้วชี้ของตัวเองเขี่ยบริเวณประตูหลังของผมไปด้วย คราวนี้แหละ ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อตอนที่ผมใช้นิ้วแหย่เขา มันทำให้เขาเสียวขนาดไหน

ผมที่รู้สึกว่าขาของตัวเองเริ่มอ่อนแรง จำเป็นต้องใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองเอาไว้กับผนังห้องน้ำ แต่นะก็ยังคงเลียหูของผมพร้อมกับใช้นิ้วแหย่ประตูหลังของผมเอาไว้ด้วยตลอดเวลา และแล้วในตอนที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นเอง จู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงนิ้วของเขาที่เริ่มรุกล้ำเข้ามาข้างใน

“อึ๊กก!!” ผมสะดุ้งเฮือก

“เจ็บเหรอ” เขาแช่นิ้วเอาไว้อย่างนั้น

“นิด... นิดหน่อยว่ะ” ผมหอบเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ “กูตกใจมากกว่า มึงเข้ามาเยอะมั้ยวะ”

“แค่ปลายนิ้วเอง”

“อ... เออ...” ผมหอบเบาๆ

“ถ้าเจ็บแล้วบอกกูนะ...”

“อืมมม” ผมหลับตาปี๋และกัดฟันแน่น

“ซีครับ...” เขาพูดเบาๆ

“หืมมม”

“อย่าเกร็งนะ... นะขอลองสำรวจของซีดูหน่อยนะครับ” เขาพูดพลางเริ่มดันนิ้วเข้าไปข้างในมากขึ้น

ผมอ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมา ผมหลับตาแน่นและพยายามประคองตัวให้ยืนอยู่บนขาของตัวเองให้ได้ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างเริ่มอ่อนแรงจนแทบจะพยุงร่างกายต่อไปไม่ไหวอยู่แล้ว

“เจ็บมั้ยครับ...”

ผมส่ายหน้า “ม... ไม่ครับ”

“แล้วรู้สึกยังไงบ้าง”

“มัน... แน่นๆ อะ”

“นะชอบตอนซีพูดเพราะๆ จังเลยอะ ซีน่ารักที่สุดเลย รู้ตัวรึเปล่าครับ” เขาจุ๊บใบหูของผมเบาๆ

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะนิ้ว หรือเป็นเพราะคำพูดของเขากันแน่ ที่ทำให้ผมเสียวจนไอ้น้องชายกระตุก หลั่งเอาน้ำใสๆ ไหลออกมาจนเยิ้มโดยที่ผมไม่ได้แตะของตัวเองเลยสักนิด

“แฮ่ก... แฮ่กก... นะ... กูไม่ไหวแล้วว่ะ” ผมก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ทำให้นิ้วของเขาหลุดออก จากนั้นก็หันไปเผชิญหน้ากับเขา

“เจ็บเหรอ กูขอโทษ เจ็บมากมั้ย” เขาหน้าเสีย

“เปล่า ไม่เจ็บ แต่รีบๆ ล้างตัวแล้วไปต่อกันบนเตียงเหอะว่ะ เพราะว่ามึงทำกูขาอ่อนจนจะยืนไม่ไหวแล้วเนี่ย”

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 24-02-2012 19:35:26
^
^
^

จิ้มๆเดี๋ยวๆไปอ่านก่อนนะค๊าบบบ

---------------------------------------------------------


 :m31: มาตัดจบอย่างนี้ฆ่ากันเลยดีกว่า



หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 24-02-2012 19:36:30
ตัดฉับกันเลย ลุ้นแทบแย่
ตอนหน้าคงไม่ตัดแบบนี้แล้วใช่ไหม(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/19.gif)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 24-02-2012 20:06:16
 :m25: :z3:
ค้างอีกแล้ว
นะกับซีน่ารักอ่า :กอด1:
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 24-02-2012 20:27:25
วุ้ย......~
กำลังลุ้นเลยอ่ะ
มาตัดจบยังงี้ มันค้างงงงง~
แอบดีใจนิดๆ อย่างน้อยนะก็อยากรุก
ไม่ใช่แค่อยากรับ
น้องซีก็ยั่วเกิ๊น
+ให้พี่ต้นค่ะ ทำเค้าค้างเหมือนนายแบบNEED คนนั้นเลยอ่ะ
 ขอบคุณค่าาาา~ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 24-02-2012 20:30:34
โอ้โห ดูเค้าตัดนิยายดิ :z3:

เอามีดมาจิ้มคนอ่านเลยเหอะครับ o18
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 24-02-2012 20:33:04
วุ้ย......~
กำลังลุ้นเลยอ่ะ
มาตัดจบยังงี้ มันค้างงงงง~
แอบดีใจนิดๆ อย่างน้อยนะก็อยากรุก
ไม่ใช่แค่อยากรับ
น้องซีก็ยั่วเกิ๊น
+ให้พี่ต้นค่ะ ทำเค้าค้างเหมือนนายแบบNEED คนนั้นเลยอ่ะ
 ขอบคุณค่าาาา~ รอตอนต่อไปนะคะ

คนไหนคร้าบบบบ!!!!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 24-02-2012 20:42:54
รอ รอ รอ ตอนต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยยย กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 24-02-2012 20:47:41
เฮ้ย!!! ค้างแบบนี้ได้งายยยยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-02-2012 20:49:02
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ฆ่ากันเห็นๆ  มาตัดทำไมตอนนี้ :z3:
มาถึงตอนนี้ก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่าใครจะถูกเบิกฤกษ์ก่อน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 24-02-2012 21:04:35
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: you13 ที่ 24-02-2012 21:23:06
ตัดอารมกันมากมาย

 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-02-2012 21:53:20
แค่ "ซีครับ" ก็ทำให้เกือบถึงสวรรค์แล้ว ระทวย....
พรุ่งนี้ขึ้นดอยแต่เช้า ไหวเหรอคะทั้งสองคู่ ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 24-02-2012 22:07:35
 :z3:
ตัดตอนกันแบบนี้ ตายไปเรยดีกว่าเรา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 24-02-2012 22:11:39
 :pighaun: :pighaun:
ค้างมาก :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 24-02-2012 23:23:12
สองคนนี้นี่มันแบบว่า........ซี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด

 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-02-2012 23:27:49
ขาอ่อน เลยจะไปลุยกันต่อบนเตียง ฮิ้วววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 25-02-2012 00:08:29
สนุกมาก บรรยายได้ละเอียดเห็นภาพเลย
รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 25-02-2012 00:09:42
รอตอนต่อไปครับ  รีบมานะอย่าปล่อยให้ค้างนาน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 25-02-2012 00:13:02
กรี๊ด กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 25-02-2012 01:00:58
ต้องการเลือดดเติมด่วน จะหมดตัวแบ๊วววว -///////////-
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-02-2012 04:23:46
เลือดพร้อมรอใช้ตอนหน้า   :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 25-02-2012 04:56:04
ตายไปเลยยยยยยยยยย :z1:

ตายแน่ๆ ใครจะโดน :z13: โอ๊ย โอ๊ย!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 25-02-2012 08:45:20
ค้างอยู่หน้าห้องน้ำรอแอบดูอยู่
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-02-2012 10:27:16

ค้างงงง คนแต่งอยู่ไหนเนี่ยะ
มาทำให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ได้ไง
มาต่อเลยจ้า  o18
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 25-02-2012 10:53:26
จะนะซี  หรือซีนะ  ล่ะเนี่ย...

จะผลัดกันจริงๆเหรอ  เอาจริงดิ  = ="
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 25-02-2012 14:54:05
พึ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกค่ะ สนุกมากและตอนนี้ลุ้นมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 25-02-2012 16:16:31
 :a5: :a5:


ค้างงงงงงง

อ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 25-02-2012 19:31:07
อูยยยยย...
คนเขียน ทำไมถึงทำแบบนี้ แกล้งกันหรือไร เอาไม้มาสอยลงเลยนะ
ชอบจึงเลย ที่ซีกับนะพูดกันเพราะๆตอนที่แสดงความต่อกันน่ะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 26-02-2012 08:33:42
อิตอนพูด ครับๆ กันเนี่ย ..... >////< อัยย่ะ!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 26-02-2012 13:11:03
ข้าวใหม่ปลามัน ได้กันทุกวัน 555
หวานดีครับ น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 26-02-2012 13:16:20
เลือดพร้อม กายพร้อมใจพร้อม
คนเขียนพร้อมรึยัง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 26-02-2012 18:40:16
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ค้างโคดๆ :serius2:
รีบๆมาต่อนะคะ  :impress2:
ปล.สนุกมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 27-02-2012 09:19:19
โซ.......ฮอต......อ่านไปหน้าก็ร้อนๆไป อร๊าก บทนี้บรรยายได้ดี!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 27-02-2012 16:33:30
อัย อัย รอ รอ อยากอ่านต่อแบ้ววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 27-02-2012 18:32:01
ซีโดนแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 28-02-2012 10:14:41
เข้ามาแอบส่องครับ  :o8:

มานั่งรอตอนต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-02-2012 15:08:11
 :t3: :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 28-02-2012 15:41:18
เข้ามาส่องทุกวันอย่างใจจดจ่อเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: moneza ที่ 28-02-2012 16:04:31
 :z3: :z3: ค้างงงงงง

สนุกมากเลยคะ อยากอ่านต่แล้ว รู้สึกว่าการเล่าเรื่องกับพล็อตเรื่องมีเสน่ห์มาก อ่านแล้วเห็นภาพตามตลอด  รอคอยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-02-2012 16:13:10
การี๊ดดด พี่ต้นนน มาตัดฉับกันแบบนี้ ขอนอนจมกองเลือดตายล่วงหน้าก่อนนะ :jul1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 28-02-2012 22:20:16
อยากอ่านต่อแล้วทำไงดีครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 28-02-2012 22:26:57
ไปยั่วไว้ในแฟนเพจครับ ฮ่าๆๆ เอาไว้อีกไม่เกินสองวันมาอัพให้ :P
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 28-02-2012 23:01:25
มันหน้า๑๕ แล้ว ควรต่อตอนตามเลขหน้านะ o18
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 29-02-2012 21:19:26
เฝ้ารอ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 29-02-2012 22:25:31
ก่อนอื่นเลย ต้องบอกว่า เราไปไหนมา ทำไมไม่เห็นเรื่องใหม่ของ ต่นต๊น  หือ.....
เรื่องนี้เรียกเลือดได้ไม่ใช่น้อย จากความรู้สึกลึก ๆ ที่ค่อย ๆ ขุดออกมา
มารอดูสองคนเรียนรู้วิธีการ แบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป กันดีกว่า :z2:
+ 1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ ต่นต๊น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 01-03-2012 01:30:26
สองวันแล้วนะคนเขียน แฮ่ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 01-03-2012 01:50:41
ค้างมากกกกกกกกกกกก

อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 14)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 01-03-2012 14:06:58
SeeeDz ที่ 15

“เจ็บมั้ย...”

ผมส่ายหน้า “ม... ไม่เจ็บ... แต่มันแน่นกว่าตอนใช้สบู่เมื่อกี้อีกวะ”

“ก็หนนี้กูใส่เข้าไปจนสุดนิ้วแล้วอะ”

“สุดเลยเหรอวะ”

“อื้อ” เขาตอบพลางขยับนิ้ววนไปมาเล็กน้อย ทำเอาผมต้องสะดุ้ง

“อ๊าา..า...า...” ผมหลับตาแน่น “แฮ่กก แฮ่กก...ก... อึ๊กก...!!”

“เจ็บเหรอ”

“ไม่ๆ ไม่เจ็บ แต่มันรู้สึกแปลกๆ ว่ะ”

เขาก้มลงจุ๊บบนริมฝีปากของผม “กูรักมึงนะ ไอ้ซี”

“กูก็รักมึงเหมือนกัน...”

เมื่อครู่นี้หลังจากที่เราออกมาจากห้องน้ำ ผมกับเขาก็เริ่มต้นกิจกรรมที่เราทำค้างไว้กันต่อบนเตียง และหลังจากเล้าโลมกันอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินไปหยิบถุงยางกับเจลหล่อลื่นออกมาจากกระเป๋า ทำให้ผมต้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ เขาหัวเราะเขินๆ แล้วบอกว่าเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่โคราชแล้ว ดูท่าทางว่าไอ้ล่ำขี้อายของผมคนนี้จะไม่ใช่คนขี้อายที่ไม่กล้าเริ่มทำอะไรโดยที่ผมไม่เป็นฝ่ายนำไปเสียทุกอย่างอีกต่อไปแล้วสิ

เขาเริ่มต้นด้วยการชะโลมเจลเย็นๆ ลงเต็มประตูหลังของผมแล้วใช้นิ้วชี้ค่อยๆ สอดเข้ามาอย่างช้าๆ นี่ขนาดแค่นิ้วชี้นิ้วเดียวยังทำให้ผมรู้สึกแน่นและวูบวาบบอกไม่ถูกขนาดนี้ ถ้าหากว่าเขาใส่ไอ้นั่นเข้ามาล่ะก็ ผมจะเป็นยังไงกันนะ

“งั้นกูเพิ่มอีกนิ้วนะ มึงอย่าเกร็งนะ ซี...”

ผมพยักหน้าเบาๆ “ค่อยๆ นะมึง”

เขาดึงนิ้วออกไปราวๆ ครึ่งหนึ่ง จากนั้นผมก็รู้สึกถึงนิ้วอีกนิ้วที่กำลังจะล่วงล้ำเข้ามาพร้อมๆ กับนิ้วชี้ที่แช่คาอยู่ และทันทีที่นิ้วที่สองทะลวงผ่านประตูหลังเข้ามาได้ ผมก็ต้องบิดตัวหนีด้วยความเจ็บปวดทันที

“ไหวมั้ยวะ กูเอาออกก็ได้นะ”

“ไม่ต้องๆ”

“แต่มึงเจ็บ...”

“นิดนึงว่ะ แต่ทนได้ มึงค่อยๆ สอดเข้ามานะเว้ย” ผมหอบ “มันแค่แน่นเฉยๆ”

นะค่อยๆ ใช้นิ้วทั้งสองขยายรูของผมให้พร้อมที่จะรองรับน้องชายของเขา พร้อมกับที่คอยเลียหัวนมสลับกับการจูบปากผมไปด้วย จนเมื่อผมเริ่มรู้สึกชินขึ้นมากแล้ว เขาก็ค่อยๆ ยัดนิ้วที่สามเข้ามา

ในตอนแรกผมก็คิดว่าแค่สองนิ้วคงจะเป็นขีดจำกัดของผมแล้ว แต่หลังจากที่ทนกับความเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่งจนร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว ไอ้น้องชายของผมที่เคยหดลงไปนิดหน่อยก็กลับมาแข็งผงาดอีกครั้ง เขาจึงคว้ามันเอาไว้แล้วเริ่มรูดขึ้นลงอย่างเบามือ พร้อมกับเลียหัวนมและขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ ไปด้วย

เขาทำเอาผมดิ้นพล่านและครางแทบไม่เป็นภาษาทีเดียว

นะที่ดูเหมือนจะยิ่งได้ใจใหญ่ ชักนิ้วเข้าออกให้เร็วขึ้น ลึกมากขึ้น แถมยังมีการหมุนควานนิ้วอีกด้วย จนกระทั่งจู่ๆ ปลายนิ้วของเขามันไปสะกิดโดนอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในร่างกายของผมเข้า

“อึ๊กก!! อ.. อะ ไอ้นะ! เมื่อกี้นิ้วมึงมันไปโดนอะไรกูวะ!” ผมร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงกระแสไฟที่แล่นไปทั่วร่างพร้อมกับรีบจับข้อมือของเขาเอาไว้ไม่ให้ชักต่อ

“ทำไมวะ เจ็บเหรอ กูขอโทษ”

“เปล่า ไม่ได้เจ็บ แต่มันเสียวแปลกๆ วูบๆ อะว่ะ แฮ่กก แฮ่กก... กูเกือบแตกแล้ว มึงอย่าเพิ่งชักนะ”

“หึๆ อย่าเพิ่งแตกสิครับ...” เขายิ้ม “พระเอกยังไม่ได้ออกโรงเลย หนังจะจบได้ยังไง”

“งั้นก็รีบๆ ยัดไอ้พระเอกของมึงเข้ามาได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวกูเปลี่ยนใจนะเว้ย”

เขาก้มลงจูบผมอย่างดูดดื่มอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ดึงนิ้วออก และเมื่อนิ้วทั้งสามนิ้วของเขาหลุดออกไปแล้ว ผมก็รู้สึกโหวงๆ ทันที
แต่ผมก็รู้สึกแบบนั้นได้แค่ครู่เดียว เพราะถัดมาเขาก็ยกขาทั้งสองข้างของผมขึ้น แล้วจับไอ้น้องชายของตัวเองจ่อเข้าที่ปากทางของผม จากนั้นก็ค่อยๆ ดันส่วนหัวเข้ามา ซึ่งเมื่อมันผ่านส่วนหูรูดเข้ามาได้แค่เพียงนิดเดียว ผมก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดและความคับแน่นแบบที่เทียบไม่ได้เลยกับนิ้วของเขาเมื่อครู่

“น... นี่ของมึงมันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย ไอ้นะ! ซี้ดดดด...ดด..ด... อย่าเพิ่งดันเข้ามานะเว้ย กูเจ็บ ขอกูปรับตัวแป๊บนึง”

“ได้ ไม่เป็นไร กูจะค่อยๆ นะ กูจะไม่ทำให้มึงเจ็บหรอก กูสัญญา” เขาค่อยๆ โน้มตัวลงมาจุ๊บปากผม

เราสองคนค้างกันอยู่ท่านั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะพยักหน้าให้สัญญาณเขาค่อยๆ ดันสะโพกเข้ามาต่อ และเมื่อส่วนหัวของเขาเข้าไปได้หมดแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ตามเข้าไปโดยที่ผมไม่รู้สึกเจ็บมากนัก แต่ผมก็ต้องคอยบอกให้เขาหยุดเป็นช่วงๆ เพราะรู้สึกว่ามันแน่นแบบสุดๆ แถมยังจุกนิดๆ อีกด้วย

“เจ็บมั้ย... ซีเจ็บมั้ยครับ” เขาถามเสียงกระเส่า ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

“ม... ไม่ครับ” ผมตอบด้วยเสียงที่แหบพร่า เมื่อเห็นสีหน้าของเขาแบบนี้แล้ว ไอ้น้องชายของผมก็กระตุกเบาๆ ทันที “นะเสียวมั้ย”

เขาพยักหน้า “เสียวครับ เสียวมาก ซีฟิตโคตรๆ เลย อาา..า”

“อย่าเพิ่งซอยนะ รอแป๊บนึง ยังแน่นๆ เจ็บๆ อยู่”

“เจ็บเหรอ... จะให้เอาออกมั้ย”

ผมจับสะโพกของเขาเอาไว้ทันที “ถ้าเอาออกกูเตะมึงตกเตียงแน่ กว่าจะเอาเข้าได้ ไอ้ห่า!”

“ฮ่าๆๆๆ โอเคๆๆ” เขาตอบพลางคว้าไอ้น้องชายของผมที่แข็งเป็นลำอยู่บนหน้าท้องขึ้นชักเบาๆ “แข็งโป๊กเลย เสียวเหรอวะ”

ผมหน้าแดง “เออ! อย่าทำให้กูเจ็บจนแม่งหดไปก็แล้วกัน”

เขาค่อยๆ ขยับสะโพกเบาๆ การเคลื่อนไหวแรกที่ผมรู้สึกอยู่ในช่องท้องทำให้ผมต้องนิ่วหน้าและพยายามทนความเจ็บแสบที่รู้สึกเอาไว้ แต่เมื่อเขาค่อยๆ ดันสะโพกเข้าออกมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ความเจ็บและความอึดอัดที่เคยรู้สึกในตอนแรกก็เริ่มหายไป เปลี่ยนไปเป็นความเสียวแบบแปลกๆ แทน

“อาา..า.. อา..า... แน่นมากเลย... ฟิตมากเลย แม่งง เสียวว่ะ...” เขาพึมพำเบาๆ

ผมเริ่มชักให้ตัวเองไปด้วยตามจังหวะที่เขาขยับเข้าออก และเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาจูบปากผมพร้อมกับเด้งสวนเข้ามา ไอ้น้องชายของเขาก็ไปทิ่มโดนอะไรบางอย่างในร่างกายของผมอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเผลอร้องออกมาในลำคอทั้งๆ ที่ปากของเราก็ยังคงประกบกันอยู่

“อื๊ออออ...ออ..อ!!”

เขารีบถอนปากออก “เป็นไร เจ็บเหรอ”

“เปล่าๆ เมื่อกี้กูเสียวโคตรเลยว่ะ! ตกลงไอ้ที่โดนเมื่อกี้มันอะไรวะ!”

เขามองหน้าผมงงๆ “ตอนที่กูสวนเข้าไปลึกๆ เมื่อกี้อะนะ”

“ใช่ๆ เอาเลย ไอ้นะ มึงซอยได้เลย กูไม่เจ็บแล้ว แต่เริ่มจากช้าๆ ก่อนนะเว้ย มึงยิ่งใหญ่ๆ อยู่”

เขาอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะจับขาทั้งสองข้างของผมขึ้นพาดบนบ่า แล้วจากนั้นก็เริ่มซอยเข้าออกอย่างช้าๆ เบาๆ ก่อนที่จะเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วมากขึ้น และลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกถึงขนหัวหน่าวของเขาทุกครั้งที่เขากระแทกเข้ามา นอกจากนั้นเวลาที่เขาแทงเข้ามาลึกๆ ผมก็จะรู้สึกถึงความเสียวแปลกๆ แล่นไปทั่วทั้งร่างแบบเมื่อครู่นี้ทุกครั้งด้วย ผมครางและส่ายหน้าหน้าไปมาด้วยความเสียวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต และในตอนที่ผมเริ่มจะรู้สึกถึงจุดสุดยอดที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ นั้นเอง จู่ๆ นะก็หยุดซอยแล้วจับขาของผมลง

ผมมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ

“เปลี่ยนท่ากันหน่อยนะ” เขาพูดพร้อมเสียงหอบเบาๆ แล้วจึงค่อยๆ ช้อนตัวของผมให้ลุกขึ้นอยู่ในท่านั่งโดยระวังไม่ให้น้องชายของเขาหลุดออก

“อึ๊กก.!!” ผมเผลอร้องออกมา

“เจ็บเหรอ”

“เปล่า แต่ท่านี้แม่งลึกกว่าท่านอนอีกว่ะ”

เขายิ้มและจูบปากผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมตวัดแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบคอของเขา แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ขยับตัวขึ้นลงช้าๆ แต่ละจังหวะที่ผมโยกตัวนั้น ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่างกาย และผมรู้ตัวเลยว่าไอ้น้องชายของผมมันต้องขับน้ำเมือกออกมาปริมาณมหาศาลแล้วแน่ๆ เมื่อเราสองคนถอนปากออก ผมก็ก้มลงมองดูไอ้ซีน้อยที่กำลังถูอยู่กับหน้าท้องของเขา จึงได้เห็นว่าน้ำเมือกของผมเลอะอยู่เต็มกล้ามท้องของเขาไปหมด

นะใช้นิ้วชี้ปาดน้ำใสๆ บนท้องของตัวเองขึ้นมาดูด ก่อนจะแตะนิ้วข้างเดิมลงบนริมฝีปากของผม ผมจึงอ้าปากรับนิ้วของเขาเข้ามาดูดอย่างเต็มใจ

“อา..า..า เสียวว่ะ ซี กูจะแตกแล้วเนี่ย”

“อื้ออออ” ผมส่งเสียงในลำคอตอบกลับไปทั้งๆ ที่ยังดูดนิ้วของเขาอยู่

เขาเอนตัวลงนอนอย่างช้าๆ ผมจึงต้องค่อยๆ ขยับตัวเพื่อประคองไม่ให้เราสองคนต้องหลุดออกจากกัน และเมื่อเขาเอนหลังลงบนเตียงเรียบร้อยดีแล้ว ผมก็เริ่มขยับตัวขึ้นลงต่อ ทุกครั้งที่ผมยกตัวขึ้น ผมจะยกขึ้นจนท่อนลำของเขาเกือบจะหลุดออกจากก้น แล้วจากนั้นก็นั่งกลับลงจนสุด และเวลาที่ผมทำแบบนี้ นะก็จะส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจทุกครั้งด้วย

“เสียวมั้ย... ไอ้นะ ฮึกก..ก.. ฮ่าาา... เสียวมั้ยวะ”

“เสียวสิ อาา เสียวมากเลย” เขาตอบพลางเลื่อนมือขึ้นเขี่ยหัวนมของผม

“อื๊ออ...ออ..อ กูเสียวว่ะ ไอ้นะ” ผมแหงนหน้าขึ้น

“อาา... อาาาา... กู... กูจะแตกแล้วว่ะ ไอ้ซี” เขาคว้าท่อนลำของผมเอาไว้แล้วจากนั้นก็เริ่มขยับมือขึ้นลง

“โอ๊ยย ไอ้นะ มึง...! กู... กูก็จะแตกแล้วเหมือนกัน!”

“งั้นหยุดก่อน อย่าเพิ่งแตก!” เขาปล่อยมือออกแล้วจับสะโพกของผมเอาไว้

“แฮ่กก... แฮ่กกก... ทำไมวะ...” ผมถาม

“กูยังไม่อยากแตกไวแบบนี้”

“ก็แล้วทำไมเล่า”

“กูแค่อยากทำแบบนี้กับมึงนานๆ อยากให้เป็นครั้งแรกที่ประทับใจที่สุด...”

ผมเขินจนเผลอยิ้มกว้างออกมา “ขอบใจนะเว้ย ไอ้นะ”

“กูเอาออกได้มั้ย”

“ไม่เอา อย่าเอาออกเลย กูกลัวตอนเอาเข้ามาแล้วเจ็บอีกว่ะ แม่งงงง... ทำไมอะ มึงจะเอาออกทำไม”

“เปล่า กูก็แค่กลัวมึงเจ็บน่ะ”

“อืมมม... แต่จะเอาออกก็ได้นะ แค่ถ้าเอาออกแล้ว เอาออกเลย แล้วกูก็จะเอามึงแทนนะเว้ย โอเคปะล่ะ”

เขายิ้มกริ่ม “ก็ได้ ถ้ามึงอยากเอากูอะนะ กูยอมอยู่แล้ว”

ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ “หึๆ ไม่เป็นไรหรอก คืนนี้กูหลวมตัวแล้วก็ให้เป็นตาของกูไปตลอดเลยแล้วกัน”

“หลวมอะไร ฟิตจะตายยยย” เขายิ้มกว้าง

“อึ๊กก..ก..!! มึงอย่ากระดกเจี๊ยวสิวะ มันแน่นนะเว้ย!”

“มึงก็อย่าขมิบตูดแน่นนักสิ มันก็เสียวเหมือนกันนะเฮ้ย”

“ย้อนเหรอวะ!” ผมแกล้งขมิบก้นให้แน่นขึ้นและถี่ขึ้น

ร่างกายของนะกระตุกเบาๆ ทันที “โอ๊ยๆๆ อ๊าา..าา...า..!! อ... ไอ้ซี มึงอย่าแกล้งกูดิ!”

ผมอมยิ้มน้อยๆ “...กูรักมึงนะเว้ย ไอ้นะ”

เขาค่อยๆ ดันตัวขึ้นนั่งโดยพยายามประคองร่างกายของผมเอาไว้ด้วย ที่จริงทุกครั้งเวลาที่เขาขยับตัวหรือเปลี่ยนท่า ผมจะรู้สึกเจ็บและจุกนิดๆ ตลอด แต่ผมก็พยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงออกไปทางสีหน้าเพราะไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ

“กูก็รักมึงเหมือนกัน...” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะจูบปากผม “รักนะครับ คนดีของนะ”

ผมเขินจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด และแทนที่จะตอบอะไรเขากลับไปด้วยคำพูด ผมก็ตัดสินใจจูบลงบนริมฝีปากเรียวบางของเขาแทน

ในขณะที่เรากำลังแลกลิ้นกันอยู่อย่างดูดดื่ม ผมก็ค่อยๆ เริ่มขยับสะโพกอย่างช้าๆ ทำให้นะส่งเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจ

“แฮ่กก.ก..ก! อื้มมม..ม...มม...” เขาคลายจูบออก หลับตาพริ้ม และเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย

“เสียวเหรอ” ผมถาม

“อืออ..อ คร... ครับ... เสียว... ม.. มาก...ก...” เขาหอบเบาๆ

“จะเปลี่ยนท่ามั้ย...”

“นะอยากเห็นหน้าซีชัดๆ แบบนี้อะ” เขาลืมตาขึ้นมองหน้าผม ดวงตาของเขาหวานหยาดเยิ้มเลยทีเดียว

“งั้นนอนหงายลงไปเหมือนเดิมก็ได้ ท่าเมื่อกี้ไม่ค่อยเจ็บด้วย”

“อื้อออ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย

และเมื่อเขานอนราบลงบนเตียงเหมือนเดิมแล้ว ผมก็ค่อยๆ เริ่มโยกตัวขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะอีกครั้ง ตอนแรกผมเริ่มจากช้าๆ ก่อน แล้วจึงค่อยเพิ่มจังหวะให้เร็วมากขึ้น จนในที่สุดผมก็สามารถนั่งทับลงมาจนสุดโคนท่อนลำของเขาได้เหมือนเดิม
นะส่งเสียงครางอย่างต่อเนื่อง แล้วเขาก็เริ่มใช้มือชักให้ผมไปพร้อมๆ กันอีกครั้ง

แค่ทันทีที่นิ้วทั้งห้าของเขากำรอบท่อนลำของผม ทำให้ผมต้องถึงกับตัวสั่นเกร็งและขับน้ำเมือกออกมาอีกหยดใหญ่ๆ ทันที

“กูจะแตกแล้วว่ะ ซี คราวนี้จะแตกแล้วจริงๆ” เขาพูดเสียงแหบพร่า

“กูก็ใกล้แล้วเหมือนกัน ถ... ถ้ามึงยังชักให้กูต่อแบบนี้ กูแตกแน่ๆ แล้วนะ... ซี้ดด..ด..ด”

“อีกนานมั้ยวะ กูจะไม่ไหวแล้วเนี่ย อาา..า..า มึงยกตัวขึ้นสูงๆ เลย แบบนั้นแหละ แม่งโคตรเสียวเลยว่ะ โอ๊ยย..ย..ย สุดยอดด”

คำพูดของเขาทำให้ใจของผมยิ่งเตลิดหนักเข้าไปใหญ่

“ไอ้นะ กูจะแตกแล้ว... จะแตกแล้วว!”

“งั้นแตกเลย แตกบนตัวกูนี่แหละ” เขาเร่งมือชักให้ผมเร็วขึ้นและเร็วขึ้น “แตกพร้อมๆ กูเลย”

อีกไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็ครางออกมาเสียงดังพร้อมกับฉีดน้ำสีขาวขุ่นออกไปหลายครั้ง มันพุ่งเลอะกระจายไปทั่วทั้งหน้าอกและหน้าท้องของนะ แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดชักให้ผม แถมยังครางออกมาเสียงดังอีกด้วย ผมรู้สึกว่าร่างกายและไอ้น้องชายของเขากระตุกเบาๆ เป็นสัญญาณว่าเขาก็คงจะเสร็จไปแล้วเหมือนกัน

ผมคว้าข้อมือของเขาที่เลอะไปด้วยน้ำรักของผมเอาไว้อย่างเหนื่อยอ่อน

“พอแล้ว หยุดชักได้แล้ว... อึ๊กก! ไอ้นะ...!! แฮ่กก... แฮ่กกก...”

“ฮ่าาา... ฮ่าาา...าา..า” เขาหอบ

“แตกแล้วใช่มั้ย”

“ใช่... แฮ่กก.. แฮ่กกก...” เขาพยักหน้าเบาๆ “แตกหลังมึงนิดนึงน่ะแหละ ตอนที่มึงแตกแล้วตูดมึงตอดกูอะ แม่งโคตรเสียวเลยว่ะ ไอ้ซี”

“เหรอวะ” ผมขยับตัวนิดหน่อย แต่แล้วก็รู้สึกถึงความเจ็บแสบที่พุ่งแปล๊บจนทำให้ต้องสะดุ้งและนิ่วหน้า

“เฮ้ย เป็นไร”

“กูเจ็บว่ะ เจ็บมาก” ผมซี้ดปาก

“งั้นแช่ไว้ก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องขยับตัว... แต่... แต่ ไอ้ซี มึงอย่าขมิบบ่อยนะเว้ย มันเสียวว่ะ!”

“กูไม่ได้อยากจะขมิบเว้ย โอ๊ยย! ต... แต่มันเป็นเอง... ก็มันเจ็บนี่หว่า!”

“ไหวมั้ย ทำไงดี” เขาถามสีหน้ากังวล

“ไม่เป็นไร แค่นี้ไหวอยู่แล้ว แต่ขอกูพักแป๊บนึง กูเจ็บและหมดแรง...”

“ผู้ชายคนนี้กำลังหมดแรงซะแล้ว” เขาหัวเราะ

ผมยิ้มน้อยๆ “แล้วนี่สุดท้ายมึงมาเป็นฝ่ายเอากูก่อนได้ไงวะเนี่ย ไอ้นะ”

“ฮ่าๆๆ ไม่รู้สิ มึงว่าเพราะอะไรล่ะ”

“ไม่รู้เว้ย แต่ที่แน่ๆ คือพรุ่งนี้มึงต้องให้กูเอามึงด้วย”

“สัญญาอะ เอ้า” เขาชูนิ้วก้อยขึ้น

ผมหัวเราะชอบใจ จากนั้นก็เกี่ยวก้อยกับเขา “ถ้าผิดสัญญา ต้องอมครวยกูนะ”

“แล้วถ้าไม่ผิดจะไม่ได้อมเหรอวะ”

“ก็ต้องอมอยู่ดี ฮ่าๆๆ เฮ้ย แล้วนี่เมื่อไหร่ครวยมึงจะหดสักทีวะเนี่ย กูจะได้เอาออก”

“ฮ่าๆ สงสัยจะอีกนานว่ะ ก็แค่มองหน้ามึงแบบนี้ เห็นมึงนั่งอยู่ท่านี้ กูก็รู้สึกว่าแม่งโคตรเซ็กซี่จนไม่รู้จะว่ายังไงดีแล้วนี่หว่า”

“ปากดีนะมึงเนี่ย แล้วว่าแต่ไปหัดทำแบบนี้มาจากไหนวะ ไหนตอนแรกๆ ยังทำไม่เป็นอยู่เลย”

“กูก็เสิร์ชๆ หาอ่านเอาจากในเว็บน่ะสิ” เขายิ้มเขินๆ

“ร้ายนะมึงเนี่ย” ผมตีแก้มเขาเบาๆ

เขาคว้ามือของผมเอาไว้แล้วจูบลงบนหลังมือของผม “ลุกไหวรึยัง จะได้ไปอาบน้ำกันนะ”

“อืมมม... อึ๊บบ!” ผมกลั้นใจ แล้วจากนั้นก็รีบยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “โอ๊ยย..ยย..! เจ็บว้อยยย!! ซี้ดดดด!!”

เมื่อผมหลุดออกเป็นอิสระแล้ว ผมก็รู้สึกโหวงๆ ที่ก้นทันที ไอ้น้องชายของนะที่ยังคงแข็งเป็นลำอยู่พาดลงไปบนหน้าท้องของเขา เขาเอี้ยวตัวหยิบทิชชู่มา แล้วก็จัดการถอดถุงยางอยู่โดยระวังไม่ให้น้ำของเขามันไหลออกมานอกถุง จากนั้นเราสองคนก็เดินจูงมือกันเข้าไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายด้วยกันอีกครั้ง แต่เมื่อเขาช่วยถูสบู่ที่ก้นของผม ผมก็รู้สึกแสบนิดๆ ทันที ดูท่าทางว่าผมจะเป็นแผลเข้าจนได้จริงๆ

“กูขอโทษนะเว้ย ไอ้ซี”

“ช่างมันเหอะน่า สงสัยจะแผลบาดแค่นิดเดียวว่ะ ของมึงก็ใช่จะอันเล็กๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ แต่ตอนเอามันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายนะเว้ย เสียวมากกว่าอะ”

“เสียวเหรอวะ จริงเหรอ”

“อ... เอออ ก็จริงอะดิ ทำไมวะ” ผมรู้สึกเขินๆ บอกไม่ถูก

“เปล่า กูแค่นึกว่ามึงจะเจ็บมากไง กลัวมึงจะเจ็บจนไม่มีความสุข แต่ถ้าเสียว... กูก็อยากจะลองดูสักทีเหมือนกัน” เขายิ้มอายๆ

“ไม่ต้องร้องๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจัดให้อีกทีแน่”

กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบตีสองแล้ว ถึงจะรู้สึกหิว แต่เราสองคนก็รีบตั้งนาฬิกาปลุก ปิดไฟ แล้วเข้านอนกันเลยทันที

ตอนหกโมงเช้า ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกพร้อมกับอาการครั่นเนื้อครั่นตัวและรู้สึกเจ็บคอนิดหน่อย จึงตัดสินใจที่จะนอนต่ออีกสักงีบ แต่ก็ถูกนะปลุกและชวนให้ไปอาบน้ำพร้อมกันเสียก่อน ผมงอแงและไล่ให้เขาไปอาบก่อนเพราะอยากจะนอนต่ออีกสักพัก เขาจึงยอมลุกออกจากเตียงไป และอีกสักพักใหญ่ๆ เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็มาปลุกผมให้ไปเข้าห้องน้ำ คราวนี้ผมจึงจำต้องลุกออกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจนัก

ตอนที่กำลังนั่งทำธุระอยู่ในห้องน้ำ ผมรู้สึกแสบๆ ที่ก้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เมื่อตอนกำลังจะกดชักโครก ผมถึงกับตกใจจนแทบจะสิ้นสติ เมื่อเห็นว่าในชักโครกนั้นมีแต่เลือดเต็มไปหมด ถึงเมื่อคืนผมจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าเลือดออก แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้

ผมพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ และคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย ผมไม่อยากให้นะไม่สบายใจและรู้สึกผิด ดังนั้นผมจึงรีบอาบน้ำ และตัดสินใจว่าวันนี้จะพยายามทำตัวให้เป็นปกติและไม่พูดถึงเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

“เป็นอะไรวะมึง ไอ้ซี ทำไมหน้าซีด” เขาถามผมทันทีที่เห็นผมเดินออกมาจากห้องน้ำ

“เปล่า ไม่มีอะไร สงสัยกูหนาวมั้ง กูว่าเมื่อคืนแอร์แม่งแรงไปว่ะ” ผมพยายามกลบเกลื่อน

“เหรอวะ แต่กูว่ามันก็ปกตินะ ไม่ได้มีใครไปปรับอะไรมันนี่หว่า” เขาเดินเข้ามาหาผม “มึงไม่สบายรึเปล่า”

“จะว่าไปก็รู้สึกเจ็บๆ คอนิดนึงอะว่ะ”

เขาแตะหลังมือลงบนหน้าผากของผม “มึงมีไข้นิดๆ ด้วย ไอ้ซี ถ้างั้นกินยาดักไว้ก่อนเลยนะ กูพกทิฟฟี่มาด้วยพอดี”

“ก็ได้”

เขาจัดแจงหายาให้ผมกิน แล้วจากนั้นไม่นาน ไอ้นนท์ก็โทรตามพวกเราลงให้ไปกินข้าวพร้อมกับพวกมัน เมื่อกินข้าวเสร็จมันก็ขับรถพาพวกเราไปสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย แล้วจึงต่อขึ้นไปบนดอยสุเทพ เรากลับลงมาจากดอยในตอนสายๆ ซึ่งที่จริงไอ้นนท์มันมีแผนจะพาเราไปที่อื่นกันต่อ แต่สภาพร่างกายของผมกลับเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าผมไข้ขึ้นสูงมาก แต่ผมก็พยายามที่จะฝืนเอาไว้ เพราะไม่อยากจะทำให้คนอื่นต้องเป็นกังวล จนกระทั่งเมื่อผมขอให้พวกมันแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มกลางทางแล้วพบว่าตัวเองยังคงถ่ายออกมาเป็นเลือดจำนวนมากอีกครั้ง แถมยังเริ่มแสบแผลข้างในมากขึ้นอีกด้วย ผมก็เริ่มจะใจไม่ดีเข้าไปทุกทีๆ

“เฮ้ย ไอ้ซี มึงดูแย่มากเลยนะเว้ย หน้ามึงซีดมากเลยจริงๆ มึงจะไหวเหรอวะ” ไอ้นนท์ถามขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินออกมาจากห้องน้ำ

“ไม่เป็นไรๆ กูยังไหวเว้ย...” ผมหันซ้ายหันขวา “แล้วนี่ไอ้นะไปไหนอะ”

“มันวิ่งไปซื้อยาที่มินิมาร์ทนั่นน่ะ... อ้าว กำลังวิ่งกลับมานั่นแล้วไง”

ผมมองตามไปยังที่ที่ไอ้นนท์ชี้แล้วก็เห็นว่านะกำลังวิ่งเหยาะๆ ตรงกลับมาหาพวกเรา

“เป็นไงมั่ง ไอ้ซี หน้ามึงซีดมากเลยนะเว้ย ไหวรึเปล่า เมื่อกี้เข้าห้องน้ำไปทำอะไรมา อ้วกด้วยมั้ยเนี่ย”

“มึงใจเย็นๆ ไอ้นะ กูไม่เป็นอะไรมากหรอก ไปกันต่อเถอะ” ผมเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งข้างใน

“กูว่ากูพามึงไปหาหมอดีกว่าว่ะ ไอ้ซี” ไอ้นนท์เดินอ้อมมายืนอยู่ตรงประตูฝั่งผม

“ไม่เอาๆ กูไม่อยากไป”

“เฮ้ยยย มึงนี่แม่งดื้อเหมือนไอ้โจไม่มีผิดเลยว่ะ” ไอ้นนท์นิ่วหน้าท่าทางไม่สบอารมณ์

นะเข้ามานั่งข้างๆ ผม “ไอ้ซี กูไปซื้อพารามาให้เพิ่มอีกแผงนึง แล้วก็เอาเจลลดไข้มาให้ด้วย กูว่ามึงตัวร้อนมากเลยนะ ไปหาหมอเถอะ”

“ไม่เอา กูไม่อยากไปหาหมอ”

“ทำไมมึงถึงไม่อยากไปหาหมอวะ ไอ้ซี” ไอ้โจถามขึ้นบ้าง

“กู... กู...” ผมอ้ำอึ้ง “กูไม่อยากทำให้พวกมึงเที่ยวไม่สนุกกัน แค่นั้นแหละ...”

“มึงเป็นแบบนี้แล้วไม่ยอมไปหาหมอ พวกกูก็ไม่มีใครสนุกแล้ว คิดมั่งรึเปล่า” ไอ้โจจ้องหน้าผมเขม็ง

“ใช่ และที่สำคัญ มึงคิดถึงไอ้นะมันด้วยเว้ย มันเป็นห่วงมึงจะตายห่าอยู่แล้วนะเนี่ย” ไอ้นนท์พูดเสริม

“ถ้าไม่อยากไปหาหมอ งั้นมึงกลับไปนอนพักที่โรงแรมก่อนก็ได้นะ ไอ้ซี ดีมั้ย...”

ผมมองหน้าคนรักของผมแล้วก็รู้สึกสงสารเขาจับใจเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดออกไปยังไงว่าที่ผมไม่สบายนี่ไม่ใช่แค่อาการเป็นไข้ แต่ยังมีอาการถ่ายเป็นเลือดเพราะกิจกรรมที่เราทำกันเมื่อคืนอีกด้วย

“ก็ได้ กลับไปนอนโรงแรมกันก่อนก็ได้ แล้วถ้าตอนบ่ายๆ กูยังไม่ดีขึ้น กูจะไปหาหมอก็แล้วกัน”

“ดีมาก” นะยิ้มอย่างโล่งอกก่อนที่จะลูบหัวผมเบาๆ

เมื่อไอ้นนท์เริ่มออกรถ ผมก็เอนหลังพิงเบาะแล้วก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 01-03-2012 14:31:06
ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้แหล่ะเดี๋ยวก็ชิน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-03-2012 14:48:06
ง่ะ เจ็บขนาดนี้ ซีจะขยาดไปเลยมั้ยนี่ แต่ถ้านะรู้คงไม่ทำอะไรซีอีกแน่
เพราะนะรักซีออกปานนี้ คงไม่อยากให้ซีเจ็บหรอก :sad4:
แต่ nc ทำเอาเลือด(กำเดา)ไหลโฮกกก :jul1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 01-03-2012 14:52:14
เลือดสาดจริงๆ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 01-03-2012 15:18:12
น่าสงสารซี... จะบอกว่าเป็นอะไรก็คงอายด้วย...

แล้วจะต้องไปหาหมอไหมเนี้ย...
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: ineverlove ที่ 01-03-2012 15:28:07
หึหึ  :haun4:สมแล้วที่อดตาหลับขับตานอนทั้งๆ ที่มีสอบแต่ก็ไม่อ่านหนังสือ 555 มาอ่านนิยายเรื่องนี้แทน

เหมือนนะ จะอยากเป็นรับมากเลยนะ  :oo1:ครุคริ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 01-03-2012 15:39:25
โทษใครไม่ได้นะซี เล่นกระแทกเองซะ >< นะ แทคแคร์ดีมาง่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 01-03-2012 15:51:16
เจ็บบ่อยๆ ค่อยๆชิน 55555+  :oo1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 01-03-2012 16:02:18
 :jul1: อ่านไปเขินไป  แต่สงสารซี เป็นหนักขนาดนี้บอกนะไปเถอะ หรือว่าอาย อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 01-03-2012 16:11:56
วันนี้เป็นซี พรุ่งนี้เป็นนะ
ซีต้องทำให้ตัวเองหายจากไข้ก่อนนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: moneza ที่ 01-03-2012 16:16:17
 :o8:o8:o8: นะดูแลดี๊ดี รักกันๆ เจ็บขนาดนี้ ไม่หาหมอก็น่าจะซื้อยามาใช้นะเด๋วแผลติดเชื้อ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 01-03-2012 16:35:23
ได้เลือดทั้งคนอ่านทั้งตัวละคร
ตัวละครได้เลือดเพราะครั้งแรกเหรอ รึเพราะนะเป็นมือใหม่หว่า
คนอ่าน  :m25: เพราะคนเขียนบรรยาย+พรรณนาได้เจ๋งแหละ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-03-2012 17:23:21
หาหมอด่วน ก่อนเลือดจะหมดตัว
นนท์ว่าไง ผู้มีประสบการณ์มาก่อน

จริง ๆ แล้วชอบตอนดูดนิ้ว แต่น้องซีมาป่วยซะก่อนเลยหมดอารมณ์
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 01-03-2012 17:35:44
หง่ะ....ซีเลือดออก

แต่ทางคนอ่านก็เลือดทะลักเหมือนกัน :jul1:

่ตอนนี้นี่ไม่มีอะไรจะเม้นท์มาก....เพราะหมดแรงงงงงงงงงงง

ไปเสริมธาตุเหล็กก่อนดีกว่า :z10:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-03-2012 18:20:56
เลือดไหลหมดตัว...บรรยายดีเว่อร์!!!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 01-03-2012 18:42:42
>//////<
ได้กันแล้วอ่ะ
--------------
แต่ สงสารซีจัง
เลือดออกมากเลยเหรอ ไม่สบายอีกต่างหาก
รีบๆหายมาเอาคืนนะเลย
แบบนี้มันยอมไม่ได้
>_________________<
ขอบคุณพี่ต้นค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 01-03-2012 18:49:44
nc บรรยายได้สุดๆอะ  o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 01-03-2012 20:23:18
เลือดหมดตัวเลยครับ
ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อให้นะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: you13 ที่ 01-03-2012 21:33:03
น้องซีไข้ขึ้นเลย :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 01-03-2012 21:34:21
เลือดไหลไปตามๆกัน

 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-03-2012 21:44:51
เป็นNC ที่เปลือยมั่กๆ มองเห็นภาพชัดเจน เอื๊อกกก :pighaun:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 01-03-2012 22:20:05
เป็น NC ที่อบอุ่นมากเลยนะ ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงความรู้สึกของอีกคน นะก้อใจเย็นมากอ่อนโอนกับซีสุดๆ แล้ว แต่ครั้งแรกก้อแบบนี้ละนะ

ซีไม่สบายก้ออย่าฝืนนะคะ กลับไปนอนพักดีกว่า แต่ที่จริงมีอาจารย์ดีอย่างนนท์กับโจก้อน่าจะแนะนำได้ว่าควรจะทำยังไง

อายครูบ่รู้วิชานะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 01-03-2012 22:47:19
เค้าได้กันแล้ววววว

เค้าได้กันแล้ววววววววววว

เค้าได้กันแล้ววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 01-03-2012 23:55:20
ในที่สุดนะก็ได้เปิดประตูก่อน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-03-2012 05:09:57
ไม่เป็นไรนะซี.....

....เดี๋ยวก็หายเจ็บและชินไปเอง....  :haun4:


 NC เห็นภาพมากๆ o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 02-03-2012 07:30:26
เล่นกันครั้งแรกก็เลือดสาด ก็แหมอารมณ์มันพาไป  :z1:
กิจกรรมครั้งต่อไป จะเป็นไงมั่งน้า..... ต่นต๊น
+1 ให้กับตอนนี้ ด้วยความ  :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-03-2012 07:57:36
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 02-03-2012 18:00:46
อ่านนิยายไปเรื่อยๆทำให้กลัวเซ็กส์กับครั้งแรก o22

สงสารซี นะถ้าโดนแล้วจะเป็นแบบี้มั๊ย? หรือว่าซีเล็กกว่า?  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 03-03-2012 00:51:00
เป็น NC ที่ธรรมชาติมากเลย รู้สึกไม่หวานเลี่ยน ดูห่วงหาอบอุ่น
และในขณะเดียวกันก็แซ่บส์ถึงพริกถึงขิงสุดๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 03-03-2012 00:58:38
เจอ aftermath เข้าไปซีถึงกับประสาทแดรก 555555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 03-03-2012 19:12:39
โอ๊ะโอ ตอนนี้ เกินบรรยาย

ครั้งแรกก็งี้... :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 05-03-2012 04:27:46
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:  เลือดหมดตัวกันพอดี  ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 05-03-2012 11:26:16
ตอนต่อไปเมื่อไหร่จะมาา รอออ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 06-03-2012 10:16:55
condo ยังไม่มีเน็ตนะครับ ยังมาต่อไม่ได้ _ _ll
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 06-03-2012 10:26:47
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 06-03-2012 15:03:18
ว้ากกกเลือดสาดจริงๆนะตอนนี้

สงสารซีอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 06-03-2012 15:33:59
มารอ นะกับซี :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 06-03-2012 16:23:01
เมื่อไหร่คอนโดจะมีเน็ท อยากอ่านนนน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 07-03-2012 04:03:10
เลือดสาดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 15)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 07-03-2012 07:01:55
เมื่อไหร่คอนโดจะมีเน็ท อยากอ่านนนน


หรือเราจะไปติดให้คนเขียนกันดี 555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 07-03-2012 10:18:11
SeeeDz ที่ 16

“...ซี ไอ้ซี”

“ห...หืออ...” ผมงัวเงียตื่นขึ้น

“ถึงโรงแรมแล้ว”

“อ้าว... เหรอ” ผมขยี้ตาแล้วบิดขี้เกียจ “กูหนาวจังว่ะ ไอ้นะ”

เขามองผมด้วยสีหน้าเครียดๆ “มึงตัวร้อนจี๋เลยนะ ไอ้ซี กูไม่สบายใจเลย”

“กูไม่เป็นไรหรอก แค่นอนพักดีๆ สักแป๊บก็คงหายแล้ว”

“ปล่อยมันไปเหอะ ร่างกายมัน มันย่อมต้องรู้ตัวดีที่สุด” ไอ้โจที่ยืนอยู่นอกรถพูดขึ้น “มันไม่อยากไปหาหมอ อยากนอน ก็ให้มันไปนอนซะ”

ผมก้าวลงจากรถ รู้สึกเคืองๆ กับคำพูดของมันนิดหน่อย แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก นะเดินเข้ามาประคองผมเดินเข้าโรงแรม ถึงผมจะไม่ได้แคร์สายตาคนอื่นสักเท่าไหร่ แค่รู้สึกเขินบ้างนิดๆ แต่ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าแสดงออกถึงความเป็นห่วงและความเป็นเจ้าของในตัวของผมมากขนาดนี้

ไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนจะมีส่วนด้วยหรือเปล่า

หลังจากกลับขึ้นมาถึงห้อง ผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ส่วนไอ้โจเดินไปปรับอุณหภูมิแอร์ฯ ให้สูงขึ้น ไอ้นนท์เอาของไปจัดวางให้เรียบร้อย และนะคอยมาดูแลห่มผ้าให้กับผม

“มึงพักผ่อนซะ ไอ้ซี นอนเยอะๆ แล้วถ้ายังไงก็โทรบอกกูด้วยนะเว้ย ไหวไม่ไหวยังไงก็ต้องบอก เข้าใจรึเปล่า” ไอ้นนท์พูด

“มึงก็ดูแลแฟนมึงให้ดีๆ ไอ้นะ แล้วก็ระวังอย่าให้ติดหวัดไปอีกคนล่ะ” ไอ้โจตบบ่านะเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เมื่อแฟนของมันเดินออกไปแล้ว ไอ้นนท์ก็เดินเข้ามาข้างเตียงแล้วพูดกับผมเบาๆ “เมื่อตอนอยู่ที่ลานจอดรถ กูขอโทษทีนะเว้ย ไอ้โจมันปากแบบนี้แหละ บางทีมันก็พูดจาแข็งๆ ไปบ้าง มึงอย่าไปถือสามันล่ะ ที่จริงมันก็เป็นห่วงมึงมากเหมือนกันนั่นแหละ แต่มันเป็นคนแสดงออกไม่ค่อยเป็น”

“เออๆ ไม่เป็นไร กูก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก”

“งั้นมึงนอนพักเหอะ ไอ้ซี กูไม่กวนพวกมึงละ”

“ขอบใจมากเว้ย ไอ้นนท์”

“ขอบใจว่ะ ไอ้นนท์ แล้วไงเดี๋ยวกูโทรไป” นะเดินตามไปปิดประตูห้อง จากนั้นก็เดินกลับมาหาผมที่เตียง “เป็นยังไงบ้าง ยังหนาวอยู่มั้ย”

ผมพยักหน้า “มาก...”

“แต่กินยาแก้ไข้ไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงดีขึ้นมั้ง... แล้วอาการอย่างอื่นล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง มึงเป็นอะไรอย่างอื่นอีกรึเปล่า ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัว ปวดตัวตรงไหนรึเปล่า”

ผมได้แต่คิดในใจเรื่องที่ผมถ่ายออกมาเป็นเลือดและยังรู้สึกเจ็บข้างในก้นอยู่ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าเขาจะดูออกว่าผมกำลังมีเรื่องปิดบังเขาอยู่

“มึงเป็นอะไรวะ ไอ้ซี...”

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว กูแค่เพลียๆ”

“กูไม่เชื่อมึงหรอก เมื่อกี้หน้าตามึงเหมือนกำลังคิดหรือกำลังลังเลอะไรบางอย่างอยู่ชัดๆ”

ผมพลิกตัวเป็นนอนหันหลังให้กับเขา “ขอกูนอนก่อนเหอะว่ะ กูเพลียจริงๆ มึงอย่าเพิ่งกวนอะไรกูเลย”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “...ได้ กูไม่กวนมึงก็ได้ แต่มึงรู้เอาไว้แล้วกันว่ากูไม่สบายใจและเป็นห่วงมึงมากที่เห็นมึงเป็นแบบนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “เวลามึงเห็นคนที่มึงรักกำลังแย่ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยน่ะ มันทรมานนะเว้ย”

เมื่อพูดจบ เขาก็ลุกออกจากเตียงไป ผมรีบหันไปมองเขาทันที

“มึงจะไปไหน”

“ไปเดินเล่นข้างนอก ปล่อยให้มึงนอนไปไง” เขาหยิบกุญแจห้องกับโทรศัพท์มือถือขึ้นจากโต๊ะ “กูไม่อยากกวนมึง มึงนอนพักไปเหอะ”

“ไอ้เชี่ยนะ มึงอย่าประชดกูนะเว้ย กูไม่มีแรงจะมาทะเลาะกับมึงนะ”

“กูไม่ได้ประชด” เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตู

“งั้นมึงจะไปข้างนอกทำไม”

“กูแค่ออกไปเดินเล่น เดี๋ยวกูกลับมา” เมื่อพูดจบ เขาก็เปิดประตูห้องออกแล้วเดินออกไปโดยไม่หันมามองผมเลย

“แม่งเอ๊ยย!!” ผมสบถกับตัวเองแล้วปัดหมอนที่อยู่ข้างตัวตกลงจากเตียงด้วยความขัดใจ

.
.
.

เอาไปแค่นี้ก่อน :P
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 07-03-2012 10:41:35
 :z3: ขออีกนิดไม่ได้หรอครับ  :m17:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 07-03-2012 10:45:04
ง่ะ สั้นได้อีก...

ซีเป็นไรก็บอกเขาไปซิ นะก็ด้วยไม่น่าทำแบบนี้น๊า...
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-03-2012 10:48:26
ก็เข้าในนะซีว่าเขินๆอายๆกับสิ่งที่ตัวเองเป็นน่ะ
แต่ตอนนี้ซีกับนะเหมือนเป็นคนคนเดียวกันแล้วนะ มีอะไรก็พูดก็บอกนะเหอะ
จะได้ช่วยกันคิดแก้ไข นะก็จะได้ไม่น้อยใจด้วยไง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 07-03-2012 10:50:34
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย มาต่อดิ่ มันค้างงงนะ+ซี :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-03-2012 10:55:38
มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกมาง่าย ๆ นี่หน่า น้องซีเขาแมนนะ ไม่ใช่คนช่างอ้อน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 07-03-2012 11:17:48
เย้ยหมดแล้วหรอ ค้างไปมั้ยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-03-2012 11:27:00
ผ่านไปยังไม่ถึงวัน มีปากเสียงกันแล้ว
นะเป็นห่วงซีมากๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 07-03-2012 11:48:49
 :z3: :z3: :z3: พี่ต้นนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 07-03-2012 12:02:03
เดี๋ยวเย็นี้มาต่อให้คับ เคลียร์งานก่อนนน เอามายั่วเฉยๆ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 07-03-2012 12:07:48
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 07-03-2012 19:10:10
มาได้แล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 07-03-2012 19:30:19
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย  ตอนชั้นถูกเปิดซิง ไม่เห็นเป็นงี้เลย หรือว่าเราถึกนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 07-03-2012 19:49:05
ก้อนะเค้าเป็นคนคิดมากอะ

คุณต้นคะ ฟ้ามืดแล้วมาต่อเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-03-2012 19:57:45
รออยู่นะเค๊อะ :t3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: ineverlove ที่ 07-03-2012 20:14:29
แง้ว...อยากรู้อะๆ ซีจะกล้าพูดออกมาไหม ขนาดสำหรับเรายังคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 07-03-2012 20:20:14
ทำไมมันช่างสั้นเหลือเกิน :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 07-03-2012 21:06:33
ชิชะ...คุณต้น

มายั่วให้อยากแล้วจากไป :a5:

กลับมาต่อเร็วๆน้าาาาาาาา

นะอย่าเพิ่งโกรธซีน้า....ก็ซีเค้าไม่กล้าบอกอ่า :sad4:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 07-03-2012 21:13:38
SeeeDz ที่ 16

“...ซี ไอ้ซี”

“ห...หืออ...” ผมงัวเงียตื่นขึ้น

“ถึงโรงแรมแล้ว”

“อ้าว... เหรอ” ผมขยี้ตาแล้วบิดขี้เกียจ “กูหนาวจังว่ะ ไอ้นะ”

เขามองผมด้วยสีหน้าเครียดๆ “มึงตัวร้อนจี๋เลยนะ ไอ้ซี กูไม่สบายใจเลย”

“กูไม่เป็นไรหรอก แค่นอนพักดีๆ สักแป๊บก็คงหายแล้ว”

“ปล่อยมันไปเหอะ ร่างกายมัน มันย่อมต้องรู้ตัวดีที่สุด” ไอ้โจที่ยืนอยู่นอกรถพูดขึ้น “มันไม่อยากไปหาหมอ อยากนอน ก็ให้มันไปนอนซะ”

ผมก้าวลงจากรถ รู้สึกเคืองๆ กับคำพูดของมันนิดหน่อย แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก นะเดินเข้ามาประคองผมเดินเข้าโรงแรม ถึงผมจะไม่ได้แคร์สายตาคนอื่นสักเท่าไหร่ แค่รู้สึกเขินบ้างนิดๆ แต่ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าแสดงออกถึงความเป็นห่วงและความเป็นเจ้าของในตัวของผมมากขนาดนี้

ไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนจะมีส่วนด้วยหรือเปล่า

หลังจากกลับขึ้นมาถึงห้อง ผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ส่วนไอ้โจเดินไปปรับอุณหภูมิแอร์ฯ ให้สูงขึ้น ไอ้นนท์เอาของไปจัดวางให้เรียบร้อย และนะคอยมาดูแลห่มผ้าให้กับผม

“มึงพักผ่อนซะ ไอ้ซี นอนเยอะๆ แล้วถ้ายังไงก็โทรบอกกูด้วยนะเว้ย ไหวไม่ไหวยังไงก็ต้องบอก เข้าใจรึเปล่า” ไอ้นนท์พูด

“มึงก็ดูแลแฟนมึงให้ดีๆ ไอ้นะ แล้วก็ระวังอย่าให้ติดหวัดไปอีกคนล่ะ” ไอ้โจตบบ่านะเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เมื่อแฟนของมันเดินออกไปแล้ว ไอ้นนท์ก็เดินเข้ามาข้างเตียงแล้วพูดกับผมเบาๆ “เมื่อตอนอยู่ที่ลานจอดรถ กูขอโทษทีนะเว้ย ไอ้โจมันปากแบบนี้แหละ บางทีมันก็พูดจาแข็งๆ ไปบ้าง มึงอย่าไปถือสามันล่ะ ที่จริงมันก็เป็นห่วงมึงมากเหมือนกันนั่นแหละ แต่มันเป็นคนแสดงออกไม่ค่อยเป็น”

“เออๆ ไม่เป็นไร กูก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก”

“งั้นมึงนอนพักเหอะ ไอ้ซี กูไม่กวนพวกมึงละ”

“ขอบใจมากเว้ย ไอ้นนท์”

“ขอบใจว่ะ ไอ้นนท์ แล้วไงเดี๋ยวกูโทรไป” นะเดินตามไปปิดประตูห้อง จากนั้นก็เดินกลับมาหาผมที่เตียง “เป็นยังไงบ้าง ยังหนาวอยู่มั้ย”

ผมพยักหน้า “มาก...”

“แต่กินยาแก้ไข้ไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงดีขึ้นมั้ง... แล้วอาการอย่างอื่นล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง มึงเป็นอะไรอย่างอื่นอีกรึเปล่า ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัว ปวดตัวตรงไหนรึเปล่า”

ผมได้แต่คิดในใจเรื่องที่ผมถ่ายออกมาเป็นเลือดและยังรู้สึกเจ็บข้างในก้นอยู่ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าเขาจะดูออกว่าผมกำลังมีเรื่องปิดบังเขาอยู่

“มึงเป็นอะไรวะ ไอ้ซี...”

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว กูแค่เพลียๆ”

“กูไม่เชื่อมึงหรอก เมื่อกี้หน้าตามึงเหมือนกำลังคิดหรือกำลังลังเลอะไรบางอย่างอยู่ชัดๆ”

ผมพลิกตัวเป็นนอนหันหลังให้กับเขา “ขอกูนอนก่อนเหอะว่ะ กูเพลียจริงๆ มึงอย่าเพิ่งกวนอะไรกูเลย”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “...ได้ กูไม่กวนมึงก็ได้ แต่มึงรู้เอาไว้แล้วกันว่ากูไม่สบายใจและเป็นห่วงมึงมากที่เห็นมึงเป็นแบบนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “เวลามึงเห็นคนที่มึงรักกำลังแย่ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยน่ะ มันทรมานนะเว้ย”

เมื่อพูดจบ เขาก็ลุกออกจากเตียงไป ผมรีบหันไปมองเขาทันที

“มึงจะไปไหน”

“ไปเดินเล่นข้างนอก ปล่อยให้มึงนอนไปไง” เขาหยิบกุญแจห้องกับโทรศัพท์มือถือขึ้นจากโต๊ะ “กูไม่อยากกวนมึง มึงนอนพักไปเหอะ”

“ไอ้เชี่ยนะ มึงอย่าประชดกูนะเว้ย กูไม่มีแรงจะมาทะเลาะกับมึงนะ”

“กูไม่ได้ประชด” เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตู

“งั้นมึงจะไปข้างนอกทำไม”

“กูแค่ออกไปเดินเล่น เดี๋ยวกูกลับมา” เมื่อพูดจบ เขาก็เปิดประตูห้องออกแล้วเดินออกไปโดยไม่หันมามองผมเลย

“แม่งเอ๊ยย!!” ผมสบถกับตัวเองแล้วปัดหมอนที่อยู่ข้างตัวตกลงจากเตียงด้วยความขัดใจ

ผมรู้ว่าผมอาจจะเป็นคนเอาแต่ใจบ้าง แต่ในขณะที่ผมกำลังไม่สบายอยู่แบบนี้ มันใช่เวลาที่เขาจะมาทำตัวน้อยใจอะไรแบบนั้นมั้ย แทนที่จะคุยกันให้รู้เรื่อง พูดจากันดีๆ และอยู่เป็นเพื่อนผม กลับมาทำเป็นน้อยใจและปล่อยผมเอาไว้คนเดียวอย่างนี้ นี่มันแปลว่าเขาเป็นห่วงผมจริงอย่างนั้นเหรอ

ผมนอนหงุดหงิดอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มรู้สึกสะลึมสะลือ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะพิษไข้ แต่สุดท้ายผมก็หลับไปในที่สุด

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องถูกไขเข้ามา ผมพยายามที่จะลืมตา แต่ก็ลืมไม่ไหว ผมเห็นเงาลางๆ ของนะเดินมาที่เตียง แล้วจากนั้นก็รู้สึกถึงฝ่ามือเย็นๆ ของเขาบนหน้าผาก

“นอนไปเถอะ ไอ้ซี ไม่ต้องฝืนหรอก” เขาพูดเบาๆ “มึงยังไข้สูงอยู่เลย”

“มึง... ไปไหน... มา...”

“กูไปซื้อเจลลดไข้มาให้มึงน่ะ เดี๋ยวกูทำให้นะ”

“อืมมม....” ผมหลับตาลง จากนั้นก็รู้สึกถึงแผ่นลดไข้เย็นๆ หนักๆ ที่ถูกวางลงบนหน้าผาก

“นอนไปเถอะ กูจะคอยดูแลมึงอยู่ข้างๆ เอง” เขากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของผม และไม่นานผมก็จมดิ่งลงสู่ความฝัน

ในฝันของผม ทุกอย่างแลดูสับสนวุ่นวายจนผมไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังพักผ่อนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่หลับไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวเพราะเหงื่อที่ไหลออกมาจนตัวเปียกชุ่ม ผมบิดตัวไปมาและเตะผ้าห่มออก แต่ก็รู้สึกว่ามันกลับมาทับอยู่บนตัวของผมอีก ผมจึงเตะมันออกไปอีกครั้ง เมื่อไม่มีอะไรมาห่อรัดร่างกายของผมเอาไว้ ผมจึงเริ่มรู้สึกสบายตัวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นไม่นาน ผมรู้สึกถึงผ้าเปียกๆ เย็นๆ ที่กำลังเช็ดไปตามใบหน้า ซอกคอ และหน้าอกของผมเบาๆ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็เห็นว่านะกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดตัวให้ผมอยู่

“รู้สึกเป็นไงบ้างวะ ดีขึ้นรึยัง” เขาถาม

ผมพยักหน้าเบาๆ “อืมมม แต่กูร้อนอะ...”

“เหงื่อมึงออกเต็มเลย ยาคงออกฤทธิ์แล้วน่ะ แต่ก็ดีแล้ว จะได้หายไวๆ ไข้มึงก็ลดลงเยอะแล้วด้วย”

ผมจับมือของเขาเอาไว้ “เมื่อกี้กูขอโทษนะเว้ย กูปวดหัว ไม่ค่อยสบายตัว ก็เลยหงุดหงิดแล้วพาลไปลงที่มึง...”

“ไม่เป็นไร กูผิดเองแหละ”

“มึงโกรธกูจริงๆ เหรอวะ ไอ้นะ”

“เปล่า กูไม่ได้โกรธ กูแค่เซ็งๆ น้อยใจมึงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก”

“แล้วมึงออกไปไหนมา”

“กูออกไปซื้อแผ่นเจลลดไข้มาให้มึง กูตั้งใจจะออกไปซื้อตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตรงๆ ล่ะวะ กูไม่สบายใจนะเว้ย”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “...กูบอกแล้วว่ากูผิดเอง ที่จริงกูน่าจะบอกมึง และกูก็ไม่ควรใช้อารมณ์แบบนั้นด้วย กูขอโทษ”

“ไอ้นะ ที่จริงแล้ว...” ผมหยุด ไม่รู้ว่าจะเลือกใช้คำพูดไหนดี

“มีอะไรวะ”

“คือ... กู... ที่จริงแล้วที่กูเป็นไข้เนี่ย บางที... มันอาจจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนก็ได้นะเว้ย” ผมพูดอายๆ รู้สึกกระดากชอบกล

“เรื่องเมื่อคืน... เรื่องเมื่อคืนทำไมวะ” เขาถามซ้ำด้วยน้ำเสียงตื่นๆ

“เปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก กูแค่จะบอกว่าเมื่อเช้านี้กู... กูเลือดออกอะว่ะ”

“มึงเลือดออกเหรอ!”

“อืออ”

“เยอะมั้ย”

ผมพยักหน้า “ก็... เยอะเหมือนกัน สองครั้งด้วย ตอนแวะที่ปั๊มก็ยังออกอยู่ แต่ไม่เยอะเท่าครั้งแรก”

“แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่เมื่อเช้า!”

“กูไม่อยากทำให้มึงรู้สึกแย่ กูไม่อยากทำให้มึงไม่สบายใจว่ะ กูขอโทษ”

เขาส่ายหน้าก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากผมเบาๆ “มึงเป็นแบบนี้กูยิ่งไม่สบายใจมากกว่าอีก จำเอาไว้นะเว้ย กูเป็นห่วงมึงมาก คราวหน้าคราวหลังถ้ามีอะไรให้รีบบอกกู เข้าใจรึเปล่า”

“เออๆ กูขอโทษ”

“แล้วตอนนี้ยังเจ็บอยู่มั้ย”

“แสบๆ นิดหน่อย แต่ไม่มากแล้ว”

“แล้วเมื่อกี้มึงบอกว่าการที่มึงไข้ขึ้นเนี่ย น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยเหรอวะ”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน กูแค่เดาอะ เพราะตอนเช้ากูเจ็บคอกับครั่นเนื้อครั่นตัวแค่นิดเดียว และพอกินข้าวเช้าเสร็จก็หายแล้ว แต่มีแค่อาการไข้เนี่ยแหละที่ยังอยู่ กูก็เลยเดาเอา ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกันรึเปล่าเหมือนกันว่ะ”

“ถ้าไงตอนนี้มึงนอนพักไปก่อนเถอะ มึงไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องกังวลนะ” เขาลูบหัวผมเบาๆ

“กูไม่อยากไปหาหมอว่ะ ไอ้นะ...”

“กูรู้แล้ว กูเข้าใจ มึงไม่ถึงขั้นต้องไปหาหมอหรอก เชื่อกูดิ นี่ไง ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นเยอะแล้วไม่ใช่เหรอวะ” เขายิ้มให้ผม ถึงจะรู้ว่ามันเป็นแค่การปลอบใจ แต่ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นจริงๆ

เมื่อก่อนตอนคบกับผู้หญิง ผมไม่เคยรู้สึกปลอดภัยและถูกห่วงใยอย่างนี้มาก่อนเลย ผมเคยเป็นแต่ฝ่ายที่คอยดูแลและเอาใจคนอื่นมาตลอด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับการปกป้อง มีคนที่พร้อมจะดูแลผมในยามที่ผมต้องการ ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันก็เป็นอะไรที่ไม่เลวเลยเหมือนกัน...

ไอ้โจกับไอ้นนท์มาเยี่ยมผมที่ห้องในช่วงเย็น พวกมันซื้อขนมมาให้เราสองคน และซื้อยามาให้ผมอีกนิดหน่อย ผมที่ไม่ค่อยรู้อะไรมากก็กินยาทุกอย่างตามที่ไอ้โจบอก จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น และผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เราสี่คนจึงตัดสินใจออกไปหาอะไรกินกันแถวไนท์บาซาร์ และในขณะที่เรากำลังเดินเล่นกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนเรียกไอ้นนท์กับไอ้โจดังขึ้นจากทางด้านหลังของพวกเรา

“ไอ้นนท์! ไอ้โจ!”

พวกเราทั้งสี่คนหยุดเดินและหันไปยังที่มาของเสียงทันที

“เฮ้ยยย!! มาได้ไงวะเนี่ย พวกมึง!” ไอ้นนท์ตอบกลับไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ไหนบอกว่าจะมามะรืนไง!”

ผู้ชายหน้าตาดีสามคนเดินฝ่าฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่เข้ามาหาพวกเรา

“ตอนแรกก็คิดว่างั้นแหละว่ะ แต่ไอ้เชี่ยแป้นเนี่ยดิ เสือกต้องเลื่อนวันกลับให้เร็วขึ้น พวกกูก็เลยเลื่อนตั๋วบินมากันวันนี้เลย” ผู้ชาย
คนตัวใหญ่สุดพูด

“อ้าว ก็เพราะพี่มึงนั่นแหละ ดันเสือกจะเลื่อนวันไปทะเลขึ้นมาอีก กูก็เลยต้องรีบกลับอะ”

“แล้วทำไมพวกมึงไม่โทรมาบอกกูก่อนล่ะวะ จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”

“ตอนแรกก็ว่าจะบอกแหละ แต่ไอ้นัทเนี่ยดิ เสือกบอกว่าให้มาถึงก่อนแล้วค่อยบอกก็ได้” คนตัวใหญ่พูดขึ้นอีกครั้ง “กูก็เลยกะจะโทรพรุ่งนี้”

“อ้าววว ไหงงั้นวะ นัท ทำไมไม่บอกนนท์ก่อนล่ะเนี่ย”

ผมสังเกตว่าสรรพนามที่ไอ้นนท์ใช้แทนตัวกับเพื่อนคนนี้มันเปลี่ยนไปแฮะ

“ก็แค่จะเซอร์ไพรส์เฉยๆ ตอนแรกว่าจะไปหาที่โรงแรมเลยด้วยซ้ำ แต่ดันมาบังเอิญเจอกันที่นี่ก่อนเนี่ยแหละ” คนที่ชื่อนัทหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็หันไปหาไอ้โจ “เป็นไงมั่งวะ ไอ้โจ”

“ก็ดีว่ะ” ไอ้โจตอบกลับพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า

“เออ พวกมึง กูลืมแนะนำว่ะ โทษทีๆ ไอ้ซี ไอ้นะ นี่เพื่อนๆ กูตั้งแต่มัธยม ไอ้เจย์ ไอ้เคน แล้วก็นัท”

“หวัดดี” ผมยกมือขึ้นเล็กน้อย

“กูว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนดีกว่าว่ะ ยืนตรงนี้แม่งก็เกะกะคนเค้าเกินไปมั้ง” เจย์เสนอขึ้น

“เออ โดยเฉพาะมึงอะ ตัวยังกะควายป่า หลุดออกมาจากไนท์ซาฟารีรึเปล่าวะเนี่ย”

“เดี๋ยวกูเตะโด่งไปถึงงานพืชสวนฯ เลย ไอ้แป้น!”

“มึงสองคนนี่กัดกันยังกะผัวเมียไม่เปลี่ยนเลยนะ” ไอ้โจพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากน้อยๆ

ผมกับนะมองหน้ากัน แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จากนั้นเราก็เดินตามพวกเขาไปนั่งที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง ไอ้นนท์เริ่มแนะนำเพื่อนๆ ของมันให้เรารู้จักอย่างละเอียดอีกครั้ง และในตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ว่านัทเคยเป็นแฟนคนแรกของไอ้นนท์ก่อนที่มันจะมาคบไอ้โจ และทั้งเจย์กับเคนต่างก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันด้วย

ตอนแรกผมก็ตกใจและอึ้งๆ นิดหน่อย เพราะพวกเขาทุกคนก็ดูไม่เหมือนคนที่จะชอบผู้ชายได้เลยสักนิด แต่เมื่อลองคิดไปคิดมาดีๆ แล้ว ไอ้นนท์กับไอ้โจก็ใช่ว่าจะเหมือน และที่จริงผมกับไอ้นะเองก็คงจะไม่ต่างกัน เมื่อคิดได้อย่างนี้จึงทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นอีกนิด

จากบทสนทนาของพวกเขาทุกคนทำให้ผมเข้าใจได้ว่าสามคนที่เพิ่งมาถึงวันนี้มีแพลนที่จะมาเที่ยวเชียงใหม่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาพร้อมหรือมาเจอกับพวกไอ้นนท์ตั้งแต่แรก แค่เคยคุยกันไว้ว่าอาจจะนัดเจอกันเพื่อกินข้าวสักมื้อก่อนที่พวกเราจะกลับเท่านั้น

“แล้วนัทไม่มีแฟนกับเค้าบ้างเหรอวะ” ผมถามขึ้น

นัทหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มน้อยๆ “ไม่มีว่ะ เรียนหนัก ยังไม่มีเวลาสนใจใครเลย”

“ว่าแต่พวกมึ... เอ้ย พวกนายเรียนอะไรกันมั่งวะเนี่ย”

“ใช้มึงกูก็ได้เว้ย พวกกูไม่ถือ” เจย์หัวเราะ “กูเรียนรัฐศาสตร์อินเตอร์ว่ะ ไอ้แป้นนี่มันเรียนสถาปัตย์ ส่วนไอ้นัทเรียนเภสัชฯ”

“แล้วคิดไงถึงมาเที่ยวกันสามคนได้วะ” ผมถามต่อ “เมื่อกี้เท่าที่ฟังดู เหมือนจริงๆ แล้วกลุ่มพวกมึงตอนมัธยมจะมีมากกว่านี้ไม่ใช่เรอะ”

“ช่ายยย แต่คนอื่นมันมาไม่ได้ไง ติดนั่นติดนี่กันอะว่ะ พวกกูเลยมากันแค่สามคนก่อน” เจย์ตอบ ก่อนจะมองหน้าผมกับนะสลับกันแล้วยิ้มๆ “ว่าแต่พวกมึงสองคนเป็นแฟนกันใช่มั้ยวะเนี่ย ไอ้นะ ไอ้ซี”

“เฮ้ยย!!!” ผมสะดุ้งและรีบหันไปหาไอ้นนท์ทันที “มึงบอกเพื่อนมึงเหรอวะ!”

“เฮ้ยๆๆ อย่าใส่ร้ายกันนะเว้ย กูเพิ่งจะได้คุยเรื่องนี้กับพวกมึงเมื่อวาน แล้วกูจะไปบอกพวกมันตอนไหนเล่า”

“ไอ้เชี่ยเจย์แม่งก็อย่างนี้แหละ ต่อมเสือกมันแรงดี มันเลยพอดูออกล่ะมั้ง”

“ครวยเหอะ! ไอ้เชี่ยโจ! มึงนี่กวนส้นตีนกูไม่เลิกนะ เดี๋ยวกูเอาตีนยัดปากแม่ง!!”

“พอแล้วๆ ไอ้หมี มึงสองคนนี่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน ยังจะกัดกันได้อยู่อีกเหรอวะ” เคนรีบปราม

“สบายใจเหอะ ไอ้ซี มึงสองคนไม่ได้ดูออกง่ายอย่างนั้นหรอก” นัทพูดขึ้นราวกับอ่านใจผมออก “เพียงแต่ไอ้เจย์มันช่างสังเกตน่ะ และปกติมันก็ชอบทักให้คนนั้นคนนี้เป็นแฟนกันอยู่แล้วด้วย อย่าคิดมากเลย”

“อ้าว นี่สรุปมึงก็พูดเหมือนไอ้โจเหรอวะ ไอ้เชี่ยนัท” เจย์รีบหันขวับ

“เปล่าสักหน่อย”

ผมรู้สึกว่านัทดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในหมู่พวกเราเลยแฮะ เขาดูเป็นคนสุภาพ แต่ก็ยังเป็นกันเอง และยังดูเป็นคนใจเย็นมากอีกด้วย

“แล้วนี่พวกมึงไปเที่ยวไหนกันมามั่งแล้ววะ” เคนถามขึ้น

“ยังไม่ได้ไปไหนเลยว่ะ พอดีไอ้ซีมันไม่ค่อยสบายน่ะ เมื่อกลางวันก็เลยต้องกลับโรงแรมพามันไปนอนพักสักหน่อยก่อน”

“อ้าว แล้วนี่หายดีแล้วรึไง มาเดินร่อนไปร่อนมากันเนี่ย”

“ดีขึ้นมากแล้วว่ะ ไอ้เจย์ แต๊งกิ้วเว้ย” ผมตอบ

“แล้วมึงเป็นไรวะ ไปหาหมอรึยัง” นัทถามขึ้นบ้าง

“ไม่ได้ไปอะ ก็แค่เป็นไข้อะว่ะ แล้วก็...” ผมชะงักไป

“แล้วอะไรวะ” ไอ้โจหันมาถามผม

“อ่ออ... เอออ คือ มันก็เป็นไข้สูง ปวดหัวนิดหน่อย แล้วก็เจ็บคอ อะไรเงี้ยว่ะ ก็หวัดธรรมดาแหละมั้ง” นะรีบตอบแทนผม

“แค่นั้นแน่เหรอวะ” ไอ้โจเลิกคิ้วขึ้น “ถ้าแค่นั้นจริงก็ดี”

“เออ ก็แค่นั้นแหละ แล้วตอนนี้กูก็ดีขึ้นเยอะแล้วด้วย” ผมพูด

“แต่จะว่าไป... พวกมึงสองคนก็ให้ความรู้สึกคล้ายๆ สมัยที่ไอ้นนท์กับไอ้นัทมันคบกันเหมือนกันนะเนี่ย ไอ้นะ ไอ้ซี” เจย์พูดยิ้มๆ

“เฮ้ยๆๆ ไอ้เจย์!” ไอ้นนท์รีบออกตัว “พอเลยมึง พอเลย สงสารไอ้นะกับไอ้ซีมันเว้ย พวกมันไม่ได้หน้าหนาเหมือนมึงนะ ไอ้ห่า!”

“เออๆ กูรู้แล้วล่ะน่า แค่เห็นท่าทางพวกมันกูก็พอจะเดาได้แล้วว่าแม่งคงจะเป็นพวกรู้ตัวช้าเหมือนกันล่ะสิ โดยเฉพาะอย่างไอ้ซีเนี่ย ถ้าให้กูเดานะ ก่อนนี้แม่งต้องเคยมีแฟนมาแล้วหลายคนแน่ๆ ส่วนไอ้นะ... ไม่รู้ว่ะ ถึงจะหน้าตาดี แต่คนเงียบๆ ขี้อายๆ อย่างมึง อาจจะเคยมีหรือไม่มีแฟนมาก่อนก็ได้ล่ะมั้ง ถ้ามีก็น่าจะคบกันนานอยู่”

โห... เพื่อนไอ้นนท์คนนี้มันเป็นร่างทรงหรืออะไรรึเปล่าวะเนี่ย ทำไมแม่งทายแม่นขนาดนี้วะ!

“ไอ้นะมันไม่ได้เงียบหรือขี้อายขนาดนั้นหรอกนะเว้ย หึๆ” ไอ้โจหัวเราะในลำคอเบาๆ

“อ้าวเหรอวะ เออๆ กูก็ไม่รู้หรอก แค่เดาๆ ไปตามเท่าที่เห็นว่ะ” เจย์ยักไหล่

เรานั่งคุยกันต่อสักพักก่อนที่จะนัดเจอกันอีกครั้งในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้นที่ถนนคนเดิน ถึงจะเพิ่งรู้จักและได้คุยกับเพื่อนใหม่ทั้งสามคนไม่นาน แต่ผมก็รู้สึกชอบพวกเขานะ ผมรู้สึกได้เลยว่าคนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนจริงใจ รักเพื่อน และเป็นกันเองมาก... มากจนตอนแรกผมยังรู้สึกตกใจเลยด้วยซ้ำ

“โดยเฉพาะไอ้เจย์นี่ตัวดีเลยว่ะ” ผมพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ เมื่ออยู่กับนะตามลำพังที่โรงแรมแล้ว

“เออ นั่นดิ ตอนแรกกูแม่งสะดุ้งเลยนะเว้ย ไม่คิดว่าแม่งจะพูดอะไรตรงๆ โผงผางขนาดนั้น แถมยังเสือกเดาแม่นซะด้วยดิ”

“นี่กูชักจะไม่แน่ใจแล้วนะเนี่ย ว่าตกลงเราสองคนดูออกว่าเป็นแฟนกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ถ้าเชื่อที่ไอ้โจ ไอ้นนท์ หรือไอ้นัทพูด กูว่าก็คงไม่ล่ะมั้ง... มึงกังวลเหรอวะ ไอ้ตี๋”

“ก็ไม่เชิงว่ะ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน จริงๆ กูก็ไม่ได้แคร์เหี้ยอะไรมากมายหรอกนะ แต่กูก็ไม่อยากให้คนอื่นดูออกง่ายๆ แล้วตกเป็นขี้ปากให้แม่งนินทากัน อะไรอย่างนั้นอะ”

“กูเข้าใจ แบบนั้นกูก็ไม่ชอบเหมือนกัน...” เขาเดินเข้ามากอดผมจากทางด้านหลัง “แล้วเป็นไงบ้าง ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่มั้ย”

“ดีขึ้นมากแล้ว รู้สึกหนาวๆ นิดหน่อยแค่นั้นเอง”

“มึงยังมีไข้รุมๆ อยู่นะ” เขาแตะมือลงบนคอของผม “แล้ว... ยังเจ็บก้นอยู่รึเปล่า”

“ตอนเดินก็ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วว่ะ คงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง แต่ก็ต้องรอดูพรุ่งนี้เช้าอีกทีอะ กูว่า”

“อืมมม... ที่จริงตอนนั่งกินกาแฟเมื่อกี้ กูเปิดเน็ตในมือถือเสิร์ชอ่านนู่นอ่านนี่ดู กูเจออะไรน่าตกใจด้วยว่ะ”

“อะไรวะ” ผมเดินไปนั่งลงบนเตียง

“กูอ่านเจอว่าคนบางคนถ้าเพิ่งโดนเอามาแล้วเป็นแผลฉีก อาจจะอักเสบแล้วไข้ขึ้นได้ด้วยเหมือนกันอะว่ะ มึงว่ามึงเข้าข่ายมั้ยวะ ไอ้ซี”

“ถ้าไอ้ที่มึงอ่านเจอมันเป็นเรื่องจริง กูก็อาจจะเข้าข่ายมั้ง หรือไม่ก็แค่หวัดธรรมดาอย่างที่มึงบอกจริงๆ นั่นแหละ” ผมยักไหล่

“แต่ยาที่ไอ้โจมันเพิ่งซื้อมาให้มึงเมื่อกลางวันอะ คือยาแก้อักเสบนะเว้ย”

“เหรอ แล้วไงวะ”

“อ้าว จะแล้วไงอะไรล่ะ แบบนี้ก็แปลว่าไอ้โจเองแม่งอาจจะรู้อยู่แล้วน่ะสิวะว่ามึง... เป็นอะไร เพราะเราทำอะไรกันอะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็นึกถึงสีหน้าและน้ำเสียงของไอ้โจเมื่อตอนอยู่ร้านกาแฟขึ้นมาได้ทันที

“ไอ้เหี้ยยยยย!! แล้วแม่งรู้ได้ไงวะ!!”

“มันคงสังเกตอาการมึง ไม่ก็ท่าเดินมึง หรืออะไรอย่างนี้มั้ง กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“กูออกอาการขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมเริ่มรู้สึกแย่ๆ

“กูว่าก็ไม่ใช่อะ ไม่งั้นกูก็ต้องดูออกตั้งแต่แรกแล้วสิ ใช่ปะ หรือไม่งั้นมันกับไอ้นนท์ก็คงเคยเกิดเหตุการณ์อะไรคล้ายๆ กันแบบนี้ล่ะมั้ง กูคิดได้อย่างเดียวแล้วว่ะ”

“เฮ้ย!! จริงเหรอวะ!”

“กูจะไปรู้ได้ไงล่ะวะ กูเดา”

“แม่งเอ๊ยยยย! น่าอายชิบหายเลยว่ะ! พอพูดขึ้นมาแล้วกูก็ชักจะปวดหัวขึ้นมาตงิดๆ เลยเนี่ย” ผมกุมขมับ

“โอ๋ๆๆ อย่าคิดมากเลยนะค้าบบ ไปเถอะๆ ไปอาบน้ำกัน จะได้รีบเข้านอนนะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาอีก” เขาหอมแก้มผม

“เออๆ แต่ท่าทางคืนนี้กูจะเอามึงไม่ไหวแล้วนะ ไอ้นะ”

เขาหัวเราะ “ฮ่าๆๆ แล้วยังไงต่อวะ”

“ไม่ไงอะ แต่ครั้งหน้ากูขอเบิ้ลสองนะเว้ย”

“ฮ่าๆๆๆ เอางั้นเลยเหรอวะ แต่นี่ขนาดมึงโดนเข้าไปทีเดียวยังไข้ขึ้นขนาดนี้ แล้วถ้ากูโดนสองที กูจะไม่ตายเหรอวะ ไอ้ซี”

“อ้าววว ไอ้ตูด มึงจะเบี้ยวกูเหรอวะ!”

“โห่ ไม่หรอกน่า ไม่กล้าหรอก ใครจะกล้าวะ และที่สำคัญ พอลองคิดดูดีๆ ยังไงกูก็คงไม่ไข้ขึ้นถึงขนาดมึงหรอกมั้ง เนอะ”

“ทำไม” ผมหรี่ตา

“ก็ของมึงมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆ”

“ไอ้...!!!” ผมเงื้อมือออกหมายจะฟาดหัวเขาสักที แต่เขาก็ไหวตัวทันรีบกระโดดหลบไปเสียก่อน “กวนตีนนักนะมึง! ถ้าโดนกูเอาขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วอย่าร้องให้ได้ยินก็แล้วกัน!”

“ไม่ลองก็ไม่รู้นี่หว่า” เขาทำหน้าทะเล้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 07-03-2012 21:16:50
  :serius2: กำลังอินเลย
มาตัดกันแบบนี้ เอากรรไกรมาแทงข้าพเจ้่าให้ตายไปส่ะเถอะ
 :z6:  :a5: :z3: o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 07-03-2012 21:21:52
อ้าวพึ่งมาต่อหรือนี้
แอบโวยวายไปเสียแล้ว
แบบอ่านเสร็จปุบเม้นเลย
แล้วพึ่งเห็น. แหะๆๆๆ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 07-03-2012 21:31:17
ขอให้ซีได้กดนะจริงๆ เถอะ
แต่ดูท่าทางแล้ว จะโดนกดตลอดไปซะมากกว่า
คงต้องติดตามต่อไปว่าจะได้ "กด" หรือ "ไ่ม่กด"  :laugh:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 07-03-2012 21:39:54
อ่านไปเรื่อยๆ จบตอนแล้วเหรอ!! อยากอ่านอีก มาต่ออีกไวๆน้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 07-03-2012 21:52:12
ตอนนี้แก้งกระดานดำบุกมาหลายคนเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 07-03-2012 22:21:07
เย้ๆๆๆๆ นะกะซีควรรู้จักเพื่อนๆนนท์ไว้ทุกคนเลยนาาาา

คิดถึงทุกคนเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 07-03-2012 22:24:04
คิดถึงนัทมากมาย~

อ่านเพลินเลยตอนนี้ นะกับซีก้อรักกันไดัอีก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-03-2012 22:31:59
 :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 07-03-2012 23:09:13
น่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 07-03-2012 23:11:59
น่ารักอ่ะ  :-[

 :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 08-03-2012 00:27:33
ขอบคุณที่มาลงให้นะครับ
รอตอนต่อไปจะไปทวงบ่อยๆนะครับ
อ่านแล้วอยากอ่านอีก สนุกครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 08-03-2012 01:25:44
โจนี่เชี่ยวนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 08-03-2012 02:29:08
ทะลึ่งทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-03-2012 02:37:57
ตัวละครพาเหรดกันมา เวลาอ่านแล้วมีตัวละครจากเรื่องอื่นมาแจมนิดแจมหน่อย สนุกดีค่ะ
ทำให้เรานึกถึงเรื่องที่ผ่านๆมากด้วย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-03-2012 08:12:38
อะไร...ซีจะเบิ้ลเลยหรอ ?  :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: ineverlove ที่ 08-03-2012 11:28:47
 :haun4: หุหุ นะไข้ขึ้นแน่เพราะดูท่าแล้ว ไอ้ซีดูช้ำชองเรื่องพวกนี้มากเป็นพิเศษ :oo1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 08-03-2012 12:13:41
ตัวละครจากเรื่องอื่น ชะแว๊บมาให้เห็นทำให้คิดถึงเรื่องเก่า อิอิ

555 ซีจะเบิ้ลด้วยหรอเนี้ย ไม่ได้วันนี้มีไปทบวันอื่นด้วย ....
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 08-03-2012 14:44:48
ซีจ๋า คิดจะเบิ้ลเลยเหรอ
แล้วไม่กลัวนะเป็นแบบตัวเองเลยเหรอ
ชอบที่คอยดูแลกัน เวลาไม่สบายนี่แหละ
มีแฟนแล้ว ดีแบบนี้นี่เอง
เนอะซีเนอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 08-03-2012 18:42:42
โอ๊ะโอ นัทคิดถึงงงงง :กอด1:
 
เคนไม่เอาแฟนมาด้วยอ่ะคิดถึงเหมือนกัน :o8:

นะต่อไปเจอดีแน่ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 09-03-2012 00:10:12
เพื่อนนนท์แสบๆ ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 09-03-2012 02:55:29
ก้อแค่บอกกันว่ามีปัญหาอะไรก้อจบแระ  ขอให้เที่ยวสนุกนะคะ นะซี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 10-03-2012 12:23:44
มาต่อตอนไหนเีนี่ย :angry2:

ถ้าไม่แว่บเข้ามาดูอีกรอบก็ไม่รู้นะเนี่ย

คิดถึงกลุ่มเพื่อนของนนท์จัง :impress2:

นัทก็ยังดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดเหมือนเดิม....แต่ไหงยังไม่มีคู่กะเค้าล่ะเนี่ย

คุณต้น....พาคุณเพื่อนๆมาออกงานบ่อยๆน้า...คิดถึง :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 11-03-2012 04:32:56
นะดูแลซีดีง่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 11-03-2012 07:15:01
รออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 11-03-2012 09:51:45
“ไม่ลองก็ไม่รู้นี่หว่า”

ใช่แล้วนะ ไม่ลองไม่รู้เนอะ  o18
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 11-03-2012 10:37:15
ฮาตอนหลัง ทะเลาะกันเรื่อง...เนี่ยนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-03-2012 11:02:36
เข้ามารอ :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 11-03-2012 21:32:04
 :z1:

ไปแอบอยู่ที่ไหนมาาาา ทำไมเราพึ่งได้เข้ามาอ่านนนน ..... (ไปโทษคนเขียนอีก..--")


เรื่องสนุกมากกกกกกก   o13 o13

 :z13:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 16)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 12-03-2012 11:06:49
เมื่อไหร่จะมาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 12-03-2012 11:22:21
SeeeDz ที่ 17

เช้าวันถัดมาอาการป่วยของผมก็ดีขึ้นมากจนแทบจะหายสนิท ถึงเลือดจะยังออกอยู่ แต่ก็น้อยลงมาก นอกจากนั้นก็มีแค่ไข้ต่ำๆ เท่านั้น ดังนั้นพวกเราจึงขึ้นไปไหว้พระที่ดอยอินทนนท์อย่างที่วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรก แล้วจึงกลับมากินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองซึ่งไอ้นนท์เป็นคนแนะนำ และแวะซื้อของฝากที่ตลาด กว่าที่เราจะกลับถึงโรงแรมในตอนเย็น ผมก็ใช้พลังงานไปจนแทบจะหมดร่างทีเดียว

“เดี๋ยวพวกมึงขึ้นไปพักผ่อนกันซะก่อน จะอาบน้ำหรืออะไรก็ทำซะ แล้วพอสักสองทุ่มเราค่อยออกไปถนนคนเดินกัน” ไอ้โจบอกพวกเราเมื่ออยู่ในล็อบบี้โรงแรม

“โอเค ตามนั้น” ผมรับคำ

“แล้วพวกมึงอะ จะขึ้นห้องเลยรึเปล่า” นะถาม

“เดี๋ยวกูจะไปซื้อของที่เซเว่นหน่อยว่ะ”

“ไปซื้ออะไรวะ เดี๋ยวก็จะไปเดินถนนคนเดินอยู่แล้ว” ผมสงสัย

“ถนนคนเดินไม่ได้ขายถุงยางนี่หว่า” ไอ้โจตอบพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

“ไอ้เหี้ยยย!!” ไอ้นนท์ชกลงบนต้นแขนแฟนของมัน ใบหน้าของมันแดงก่ำ

“อ้าว ทำไมวะ ก็กูพูดเรื่องจริง”

“มึงจะไปซื้อนมมาแดกคืนนี้กับพรุ่งนี้เช้าก็บอกมันไปดีๆ ไอ้โจ อย่าทะลึ่ง!”

“เออ กูไปซื้อนม แต่ถุงยางเราก็หมดจริงๆ นี่หว่า กูพูดผิดตรงไหนล่ะ”

“พอๆ! พอแล้ว ไอ้เหี้ย กูไม่อยากรู้มากกว่านี้ละ” ผมรีบยกมือขึ้นปรามมันสองคน “พวกมึงจะไปไหนก็ไปเหอะ แล้วเดี๋ยวสองทุ่มลงมาเจอกันที่นี่ก็แล้วกัน”

“เออ มึงก็พักผ่อนเอาแรงไว้ด้วย ไอ้ซี เดี๋ยวจะเดินไม่ไหวเอา อย่าเพิ่งปี้กันล่ะ แผลยังไม่หายดี...”

“ไอ้โจ!!!” ไอ้นนท์รีบกระชากแขนของไอ้โจแล้วเดินจากไปทันที

“ไอ้หน้าเหี้ยยย!” ผมตะโกนไล่หลังพวกมันไป รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวไปหมด ส่วนนะก็ได้แต่ยืนหัวเราะเขินๆ อยู่ข้างๆ “ขำอะไรนักวะ! เพื่อนมึงนี่มันกวนตีนจริงๆ นะ ไอ้ล่ำ! แม่งพูดเรื่องแบบนั้นได้หน้าตาเฉยมาก แถมนี่ตกลงแปลว่ามันรู้เรื่องของเราจริงๆ ใช่มั้ยวะเนี่ย!”

“ใจเย็นๆ ไอ้ซี มึงกลัวพนักงานกับแขกคนอื่นไม่ได้ยินเหรอวะ” เขายังคงหัวเราะอยู่

“กูไม่ได้เสียงดังสักหน่อย!”

“แต่คำว่า ‘ไอ้เหี้ย’ เมื่อกี้ของมึงก็ไม่ใช่ค่อยๆ เลยนะ”

“จะต่อปากต่อคำกับกูเหรอวะ อยากมีเรื่องรึไง!!”

“ไม่ต่อครับ ไม่ต่อ ไม่อยากมีเรื่องด้วย ผมยอมแล้วครับ พ่อ” เขาชูมือทั้งสองข้างขึ้นในท่ายอมแพ้

“ดี!” ผมชี้หน้าเขา

ผมรู้ว่าไอ้โจไม่ได้มีเจตนาไม่ดี มันก็เป็นคนพูดจาตรงๆ ขวานผ่าซากอย่างนี้อยู่แล้ว แถมผมก็ไม่ได้โกรธมันหรือแม้แต่โกรธนะจริงจังอะไรหรอก ผมก็แค่เขินจนไม่รู้จะระบายยังไงเท่านั้นเอง และผมคิดว่านะเองก็คงจะเข้าใจดีอยู่แล้วด้วยเช่นกัน เขาถึงได้ยังคงอารมณ์ดีและพยายามพูดหยอกผมด้วยรอยยิ้มและความขี้เล่นของเขาเพื่อให้ผมหายโกรธ

เมื่อถึงเวลานัด เราสองคนก็ลงไปเจอกับไอ้สองคนนั้นที่ล็อบบี้ แล้วจากนั้นเราทั้งสี่คนเดินไปที่ถนนคนเดินด้วยกัน ซึ่งก็ใช้เวลาเดินจากโรงแรมแค่ราวๆ 15 นาทีเท่านั้น

เมื่อเจอกับเพื่อนๆ ของไอ้นนท์ทั้งสามคน พวกเราก็เดินลุยฝูงคนดูของฝากด้วยกัน แต่เนื่องจากเราไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทำให้เราเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ค่อนข้างช้า กว่าที่เราจะเดินไปกันเกือบสุดถนนก็ปาไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว ผมที่ร่างกายไม่ได้สมบูรณ์เหมือนคนอื่นๆ ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวขึ้นอีกจนได้ และเมื่อผมกระซิบบอกนะ เขาก็รีบหันไปบอกทุกคนว่าจะพาผมกลับก่อนทันที

“แล้วมึงจะกลับกันยังไงวะ” เจย์ถาม

“เดี๋ยวกูเดินลัดๆ ไปที่ถนนแล้วคงเรียกรถกลับอะว่ะ เพราะจะให้เดินกลับไปทางเดิมหรือเดินไปถึงโรงแรม ไอ้ซีมันก็คงไม่ไหว” นะตอบ

“เฮ้ย กูยังเดินไหวนะเว้ย ยังไม่กลับก็ได้”

“อย่าฝืนเลย กูรู้ว่าคนอย่างมึงน่ะ ถ้ายังไหวจริงๆ ก็คงไม่บอกกูเมื่อกี้หรอก ใช่มั้ยล่ะ กูว่ากลับน่ะดีแล้ว เพราะกูเองก็เริ่มเพลียๆ แล้วด้วยเหมือนกัน และที่สำคัญ” เขาหันไปหาคนที่เหลือ “กูรู้ว่าพวกมึงที่ไม่ค่อยได้เจอกันคงมีเรื่องอยากคุยกันยาว ยังไงก็เดินเล่นกันไปก่อนก็ได้เว้ย ไม่ต้องรีบ จะไปกินข้าวกินเบียร์ที่ไหนต่อก็จะได้ไม่ต้องกังวลพวกกูสองคนไง”

“จะเอางั้นเหรอวะ ไอ้นะ จริงๆ พวกกูก็อยากให้มึงไปกับพวกกูต่อนะเว้ย” ไอ้นนท์พูด

“พวกกูก็อยากไปเว้ย ไอ้นนท์ แต่กูว่าถ้าไอ้ตี๋มันไม่กลับไปพักผ่อนเอาแรง หลังจากนี้ มันคงไม่ไหวแน่ๆ เลยว่ะ”

“เออ งั้นพวกมึงก็กลับไปพักผ่อนเหอะ” ไอ้โจพูด

ผมกับนะโบกมือบอกลาทุกคน แล้วจึงเดินแยกไปอีกทางเพื่อออกไปยังถนนใหญ่ที่ใกล้ที่สุด จากนั้นก็โบกรถแดงกลับไปโรงแรม ซึ่งปรากฏว่าใช้เวลาเยอะกว่าตอนที่เราเดินมาที่ถนนคนเดินเสียอีก แต่เมื่อแลกกับความสบายแล้วผมก็ถือว่าคุ้มล่ะนะ เพราะพอขึ้นไปถึงที่ห้องผมก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรงทันที

“เป็นไง ไหวมั้ย”

“ไหว แต่เมื่อยว่ะ คนเยอะมากกก เดินเยอะมากกก แล้วกูก็เพลียๆ อยู่แล้วด้วย ปวดขาไปหมดเลยเนี่ย ไอ้ห่า เฮ้อออ...”

“มานี่ กูนวดให้” เขาเดินตรงเข้ามาถอดถุงเท้าของผมออก

ผมรีบชักเท้าหลบทันที “เฮ้ยย! ไม่ต้องๆ ตีนกูเหม็นนะเว้ย กูถอดเองได้”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูไม่ถือ” เขาจัดแจงดึงถุงเท้าทั้งสองข้างออก “ไม่เห็นจะเหม็นเลย”

“จริงเหรอวะ”

“จริงสิวะ... ไปๆ ไปล้างเท้า เปลี่ยนชุด กินยา แล้วก็กลับมานอนใหม่ดีๆ เดี๋ยวกูนวดให้”

ผมทำตามที่เขาบอก แล้วก็กลับมานอนคว่ำลงลนเตียงอีกครั้ง ซึ่งนะเองก็เปลี่ยนชุดเป็นใส่เสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์แล้วด้วยเหมือนกัน

เขาค่อยๆ บีบและนวดขาของผม ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงสะโพก แผ่นหลัง แล้วจึงวกกลับไปยังจุดเริ่มต้นเหมือนเดิม และเมื่อผมบอกเขาว่าผมรู้สึกเมื่อยขามากว่าส่วนอื่น เขาก็เน้นบีบ และจับบริเวณน่องและขาอ่อนมากเป็นพิเศษ

ในขณะที่กำลังนวดให้ผมอยู่ เขาก็อธิบายว่าเขาพอจะรู้วิธีการนวดมาจากการที่เป็นนักกีฬาและก็เคยปฐมพยาบาลให้เพื่อนที่เคยบาดเจ็บมาบ้าง แต่หลังจากที่ผมฟังเขาพูดอยู่ได้ไม่นาน ผมที่รู้สึกสบายตัวแบบสุดๆ ก็เริ่มเผลอเคลิ้ม และผล็อยหลับไป

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนกลางคืน ทุกสิ่งรอบกายของผมมืดสนิท แขนหนักๆ ของนะที่กอดผมเอาไว้อยู่ช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว แม้แต่เสียงลมหายใจหนักๆ ของเขายังทำให้ผมยิ้มออกมาน้อยๆ ได้เลย ผมตะแคงตัวไปหอมแก้มเขาเบาๆ แล้วจากนั้นก็หลับลงไปอีกครั้ง

ในตอนเช้า ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ข้างเตียง และเมื่อผมหันไปมอง ก็เห็นว่านะกำลังหยิบรีโมทขึ้นเพื่อเปิดทีวีอยู่พอดี

“งืมมม..ม...ม...”

เขาหันมาหาผม “อ้าว ตื่นแล้วเหรอวะ”

ผมขยี้ตา “มึงอาบน้ำแล้วเหรอวะ ไอ้นะ”

“ช่ายยย อีกสักพักกูก็ว่าจะปลุกมึงพอดีเหมือนกัน เพราะนี่ก็หกโมงกว่าแล้ว เป็นไงมั่งวะ รู้สึกยังไงมั่ง”

“อือออ ก็ดีอะ” ผมพยักหน้า “แล้วทำไมต้องตื่นตั้งแต่เช้าด้วยวะ เพิ่งหกโมงเองไม่ใช่เหรอ งืมม..ม...”

“ก็วันนี้เราจะขึ้นดอยอินทนนท์กันไง พวกไอ้นนท์บอกกูเมื่อคืนตอนมึงหลับไปแล้วว่าถ้ามึงไปไหว ก็ให้ไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไร จะนอนพักไปก็ได้”

“เออๆ ให้มันไปกันสองคนเหอะ กูขี้เกียจว่ะ”

“เปล่า ถ้ามึงไม่ไป มันก็จะไม่ไปเหมือนกันต่างหาก”

“อ้าว ไหงงั้นอะวะ” ผมผงกหัวขึ้นจากหมอนทันที “เฮ้ย แบบนี้กูก็เกรงใจมันนะเว้ย”

“กูก็บอกมันแล้วเหมือนกัน แต่มันไม่ยอมว่ะ มันบอกว่ามาก็มาด้วยกัน เพราะงั้นจะไปเที่ยวไหนก็ไปด้วยกันนี่แหละ”

“เออๆ งั้นกูไปอาบน้ำเลยแล้วกัน” ผมลุกออกจากเตีบง “กูเกรงใจพวกมันว่ะ กูเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วด้วย และที่สำคัญ กูก็อยากให้มึงได้ไปเที่ยวไหนๆ ด้วยเหมือนกัน ไอ้นะ เอาแต่เฝ้าไข้กูแบบนี้ น่าเบื่อตายห่า”

“กูไม่เบื่อหรอกน่า ไม่ต้องคิดมาก เพราะถึงไงกูก็อยากเห็นมึงสบายดี เที่ยวอย่างมีความสุขมากกว่าอย่างอื่นอยู่แล้ว”

“คร้าบบบ พ่อพระเอกกก” ผมหัวเราะเบาๆ “เออๆ รอแป๊บนึง เดี๋ยวกูรีบอาบน้ำ ไม่เกิน 15 นาที”

หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เราก็ลงไปเจอกับพวกไอ้นนท์ที่ห้องอาหาร และเมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันกลับขึ้นห้องเพื่อเก็บสัมภาระสำหรับเตรียมตัวเช็คเอาท์ หลังจากที่จัดการธุระต่างๆ เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว นะก็เป็นคนขับรถพาพวกเราไปไร่องุ่นและสตรอเบอร์รี่ที่ม่อนแจ่ม แวะถ่ายรูปที่พระตำหนักเจ้าดารารัศมี แล้วจึงแวะกินข้าวเที่ยงและเสียเงินโคตรแพงเพื่อถ่ายรูปกับเสือที่คุ้มเสือ ถึงแม้ผมจะบ่นเรื่องราคาที่แม่งโคตรไม่คุ้มกับเวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ผมก็รู้สึกสนุกและได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยมาก่อนกลับมาล่ะนะ

พอตกบ่าย พวกเราก็ไปนั่งเล่นฆ่าเวลาที่โรงแรมของพวกนัทแถวๆ ไนท์บาซาร์ และเมื่อตกเย็น เราก็บอกลาทุกคนโดยไม่ลืมที่จะนัดเจอกันอีกครั้งหลังจากที่เรากลับกรุงเทพฯ กันไปแล้วด้วย ผมรู้สึกดีนะที่ได้เจอเพื่อนใหม่อีกสามคนนี้ เพราะพวกเขาทั้งอัธยาศัยดี เป็นกันเอง แถมยังกวนตีนมากอีกด้วย พวกเราจึงสนิทกันได้ในเวลาไม่นานอย่างนี้

เมื่อนนท์ขับรถพาเราไปถึงที่สนามบิน อาของนะก็ไปรออยู่ที่นั่นเพื่อขับรถกลับบ้านอยู่แล้ว พวกเราขอบคุณเขายกใหญ่ที่ให้เรายืมรถมาใช้ตลอดเวลาสามวันแบบนี้ และในขณะที่เรากำลังรอไฟลท์ออกอยู่นั้น ผมก็ตัดสินใจลองถามไอ้โจออกไปว่ามันรู้เรื่องของผมกับนะได้อย่างไรกันแน่

“มึงพูดแบบนี้ก็แปลว่ามึงยอมรับแล้วจริงๆ ใช่มั้ยวะ ไอ้ซี” มันหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากสุดกวนโอ๊ย

“เออ!” ล่ะผมอยากจะเตะแม่งจริงๆ! “กูยอมรับก็ได้ แต่มึงจะบอกกูได้รึยังว่ามึงรู้ได้ยังไง!”

“ใจเย็นๆ ไอ้ซี ไอ้โจมันก็กวนตีนไปงั้นเองแหละ” ไอ้นนท์รีบปราม “มันไม่ได้รู้ดีอะไรนักหนาหรอกเว้ย มันก็แค่เดา เพราะว่า... เพราะกูเองก็เคยมีอาการแบบมึงน่ะ” มันจบท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงเขินๆ

“ก็ตามนั้นแหละ พอใจยัง” ไอ้โจยักคิ้ว

“เออๆ พอแล้วก็ได้วะ แต่พวกมึงห้ามเอาไปบอกใครนะเว้ย!”

“ไม่บอกหรอกน่า เรื่องส่วนตัวของพวกมึง กูจะเอาไปพูดทำไม”

“แล้วมึงไม่เคยเป็นไข้แบบนั้นมั่งเลยเหรอวะ ไอ้โจ” นะถามออกไปพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ไอ้โจดูอึ้งๆ ไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะตั้งหลักได้ทัน “ไม่เคยเว้ย!!”

“ไม่เคยเจ็บหรือไม่เคยโดนวะ” ผมได้ที

ไอ้โจหน้าแดงฉ่าเลยทีเดียว “พวกมึง...!!”

“พอๆๆ! พวกมึงคุยเรื่องเหี้ยอะไรกันเนี่ย! อายคนเดินผ่านไปผ่านมามั่งมั้ยวะ!” ไอ้นนท์รับหน้าที่เป็นกรรมการห้ามมวยอีกแล้ว

“กวนตีนทั้งคู่เลยนะ พวกมึงเนี่ย” ไอ้โจชี้หน้าเราสองคน

“ไม่เท่ามึงหรอกว่ะ” ผมสวนกลับ “ไอ้หน้าหำ”

ไอ้นนท์กลอกตาเซ็งๆ “เออนี่ แล้วหลังจากนี้มึงจะทำอะไรกันต่อวะ ไอ้นะ ไอ้ซี”

“หมายถึงหลังจากไหนวะ” ผมสงสัย

“หลังจากกลับไปกรุงเทพฯ เนี่ย”

“อ๋อออ กูก็ไม่รู้ว่ะ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษอะ” ผมยักไหล่

“ส่วนกูก็กลับบ้านที่โคราชอะว่ะ ไม่ได้ทำอะไรเหมือนกัน ทำไมวะ”

“เปล่า กูก็แค่ถามเฉยๆ”

“แล้วพวกมึงอะ จะทำอะไรกันวะ” ผมถามบ้าง

“ก็คงไม่ได้ทำอะไรเหมือนกันว่ะ นั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านมั้ง” ไอ้นนท์ตอบ

“กูอยากเปิดเทอมไวๆ ว่ะ ปิดเทอมแล้วแม่งต้องเบื่อแน่ๆ แล้วก็อยากรู้เกรดไวๆ ด้วยเหมือนกัน”

“จริงของมึง ไอ้โจ กูว่าพอกูได้มาเชียงใหม่ครั้งนี้กับพวกมึงแล้ว หลังจากนี้กูก็คงไม่ได้ไปไหนอีกจนกว่าจะปิดเทอมแน่ๆ เลยว่ะ” ผมถอนหายใจ

“แต่มึงแม่งก็โคตรซวยเลยนะ ไอ้ซี อุตส่าห์มาถึงนี่แล้วดันมาป่วยซะอย่างนั้นน่ะ” ไอ้โจพูด

“ไม่หรอกว่ะ กูไม่ซีเรียสหรอก แค่นี้กูก็มีความสุขดีแล้ว แต่กูเกรงใจพวกมึงมากกว่าที่พลอยทำให้ไม่ค่อยได้ไปไหนน่ะ”

“อย่าคิดมากเลย ไอ้ซี กูมาเชียงใหม่กันทุกปี ปีละอย่างน้อยก็ 3-4 หนอยู่แล้ว มึงไม่ต้องคิดมากหรอกน่า”

“พวกมึงมาบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไอ้นนท์” นะถาม “กูเพิ่งรู้นะเนี่ย”

“ไอ้นนท์น่ะใช่ แต่ไม่ใช่กูหรอก กูมาแค่ปีละครั้งไม่ก็สองครั้งเท่านั้นแหละ และก็เพิ่งเคยไปบ้านยายมันครั้งแรกด้วย”

“อ้าว แต่พวกมึงก็คบกันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอวะ ไอ้โจ แล้วทำไมมึงไม่เคยไปบ้านยายไอ้นนท์เลยล่ะ แถมยังมาเชียงใหม่ไม่บ่อยอีกด้วยเรอะ” ผมสงสัย

“กูคบกับมันมาตั้งนานแล้วก็ใช่อยู่ แต่กว่าที่พวกกูจะลงเอยกันได้อย่างทุกวันนี้ ก็ต้องผ่านอะไรมามากเหมือนกันนะเว้ย” มันตอบพลางจับจ้องมาที่ผมด้วยสายตาทะลุทะลวง “มึงก็เหมือนกัน ไอ้ซี กูว่าอีกเดี๋ยวมึงก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ...”

คำพูดทิ้งท้ายของไอ้โจค้างอยู่ในใจของผมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งเรากลับมาถึงกรุงเทพฯ และเวลาผ่านไปอีกหลายวันแล้วผมก็ยังคงลืมมันไม่ลง นอกจากนั้น เรื่องที่ไอ้นนท์เคยบอกว่ามันกำลังสงสัยว่าเพื่อนของผมคนหนึ่งแอบชอบผมอยู่ก็ยังคงวนเวียนรบกวนใจของผมอยู่เรื่อยมาด้วยเหมือนกัน เวลาที่ผมไปตะเบอล เล่นบาส หรือไปกินเหล้ากับเพื่อนๆ ที่คณะ ผมก็อดที่จะสังเกตปนรู้สึกระแวงหน่อยๆ อยู่ตลอดไม่ได้ จนเมื่อผมเล่าให้นะที่อยู่บ้านที่โคราชฟัง เขาก็เลยต้องคอยเตือนและปรามผมเอาไว้ตลอดเวลาว่าไม่ให้คิดมากเกินไป

ก่อนเปิดเทอมประมาณสองสัปดาห์ เกรดเทอมแรกก็ออกมาจนครบ และผลที่ออกมาคือผมได้เกรดสูงถึง 3.34 และก็เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ได้เกรดเกิน 3.00 ด้วย ซึ่งถึงมันจะไม่ได้สูงมากมายจนน่าอวดใครต่อใคร แต่สำหรับผมและพ่อกับแม่แล้ว มันก็เป็นคะแนนที่น่าภูมิใจที่เกิดขึ้นจากความพยายามของผมจริงๆ และเมื่อผมเล่าให้นะฟัง เขาก็ยินดีกับผมด้วยยกใหญ่ ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะได้เกรดสูงถึง 3.72 เลยก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าเขายินดีกับผมจากใจ และเห็นคุณค่าของเกรดครั้งนี้ที่เกิดมาจากความพยายามของผมมากจริงๆ

“มึงแม่งจะได้คะแนนเกินหน้าเกินตาพวกกูไปแล้วนะ ไอ้ซี” ไอ้ก้องพูดกับผมเมื่อเราเจอหน้ากันที่สนามบอลวันถัดจากวันที่เกรดออก “มึงแดกยาฆ่าหญ้ายี่ห้อไหนเข้าไปวะ ไอ้เช็ดครก ถึงได้ขนาดนั้นน่ะ”

“กวนส้นตีนแล้วมึง”ผมหัวเราะ “นี่แหละ คือความสามารถที่แท้จริงของกู พวกมึงควรจะสำนึกและชาบูกูเอาไว้ให้มากๆ ฮ่าๆๆ”

“เหลิงมาก ไอ้หัวขวด! เดี๋ยวกูเตะให้หายหล่อเลย! ไอ้นรก!!” ไอ้ไมค์พูดพลางยกขาขึ้น

“งั้นมึงคงต้องเตะกูหลายหนหน่อยนะ ไอ้ไมค์ เพราะว่ากูหล่อมากกกกกกก!! ฮ่าๆๆๆ”

“ถุยยย!! ไอ้หลงตัวเอง!!”

“ครวยไร ไอ้เชี่ยรัน อิจฉากูล่ะสิ ไอ้คนไม่หล่อ!”

“โห มึงพูดงี้มึงไม่เอาส้นตีนมาแนบหน้ากูเลยล่ะคร้าบบบ ไอ้เชี่ยซี”

“เออ แล้วแฟนมึงเป็นไงมั่งวะ ไอ้ซี” ไอ้โตถามขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งโหยงเบาๆ

“แฟนเหี้ยอะไร กูเลิกกับน้อยไปแล้ว มึงจำไม่ได้รึไง”

“กูหมายถึงไอ้นะต่างหากล่ะเว้ยยยย ไอ้สาดดด ฮ่าๆๆ”

“พ่องงงเหอะ!! ไอ้เหี้ย!!”

“อ้าว ก็กูเห็นพวกมึงสนิทกัน แถมยังเพิ่งไปเที่ยวเชียงใหม่มาด้วยกันอีก กูก็นึกว่ามึงได้กันไปแล้วเรียบร้อยนะเนี่ย”

“ไอ้เหี้ย!!” ผมหยิบรองเท้าบนพื้นขึ้นปาใส่มัน “ขืนมึงพูดหมาๆ อีกที คราวนี้ตีนกูจะลอยไปบนหน้ามึงจริงๆ ไอ้เหี้ยโต!”

“ฮ่าๆๆๆ กูล้อเล่นน่าาา ไอ้สาดดด ทำจริงจังไปได้ แล้วว่าแต่เกรดมันเป็นไงมั่งวะ แล้วนี่มันยังไม่กลับมาอีกรึไง”

“เออ ยังอยู่ที่โคราชอยู่เลย ส่วนเกรดแม่งได้ตั้ง 3.7 กว่าๆ นั่นแหละ ถามทำไมวะ”

“ป๊าวว ก็แค่ถามดูเฉยๆ” มันยักไหล่

ผมมองมันที่กำลังควักบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วก็นึกถึงคำพูดของไอ้นนท์ขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่าไอ้โตจะเป็นคนที่แอบชอบผมอยู่อย่างที่มันเคยพูดเอาไว้วะ

“แล้วว่าแต่ไอ้เชี่ยนะมันมีเมียใหม่ไปยังวะ ไอ้ซี” ไอ้ก้องถามขึ้นบ้าง

“ไม่อะ กูก็ไม่เห็นว่ามันจะคุยกับใครอยู่นะ”

“หรือว่าแม่งจะเป็นเกย์วะ กูเคยได้ยินว่าคนเป็นเกย์แม่งจะบ้ากล้าม เข้าฟิตเนส อะไรแบบนั้นด้วยดิ”

“ครวยเหอะ ไอ้เหี้ย คนเข้าฟิตเนสต้องเป็นเกย์ทุกคนเลยรึไงวะ กูเองก็เข้านะเว้ย” ผมแย้ง “แถมไอ้นะมันก็ไม่ได้ล่ำบ้าบอคอแตกอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”

“อ้าว แต่ไอ้นะมันก็ดูเนี้ยบๆ นะเว้ย มึงว่าไม่มีสิทธิ์เหรอวะ”

“ช่ายยย ไอ้ก้องพูดเถิกต้อง!” ไอ้โตพยักหน้าเห็นด้วย “กูว่าแม่งต้องแอบชอบมึงอยู่แน่เลยว่ะ ไอ้ซี” มันหัวเราะปิดท้าย

ผมรู้ได้จากน้ำเสียงและสีหน้าของพวกมันว่ามันกำลังล้อเล่นอยู่ จึงไม่ได้โวยวายอะไรกลับไป แต่แค่หัวเราะแล้วชูนิ้วกลางให้มันเฉยๆ

“กูว่าถ้าคนอย่างไอ้นะแม่งเป็นเกย์ ไอ้แห้งหน้าจืดอย่างไอ้เชี่ยรันก็คงเป็นนางสาวไปแล้วอะว่ะ ฮ่าๆๆ” ไอ้ไมค์พูดขึ้น

“อ้าว! ไอ้เหี้ย! เกี่ยวอะไรกับกูวะ!!”

“ก็มึงแม่งผอมบางเก้งก้างขนาดนี้น่ะสิวะ ไอ้เชี่ยรัน ดูอ้อนแอ้นเหมาะจะเป็นกะเทยสุดๆ” ไอ้ก้องหัวเราะ

“ไอ้พวกเหี้ยนี่ เดี๋ยวกูแก้ผ้าชักว่าวใส่หน้าแม่งให้นี่ จะได้เลิกปากดีกันสักที!”

ผมยืนมองพวกมันพูดคุยและด่าทอกันไปมา เนื้อหาและคำพูดที่ใช้ก็ไม่ได้เลยสะดือขึ้นมาสักเท่าไหร่ตามประสาของพวกมัน ยิ่งผมลองสังเกตดู ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกมันทุกคนไม่น่าจะมีใครที่คิดอะไรมากไปกว่าคำว่าเพื่อนกับผมได้เลยสักคน ผมจึงเริ่มมั่นใจแล้วว่าไอ้นนท์มันคงจะแค่คิดไปเองมากกว่า

“เฮ้ย เย็นนี้เตะบอลเสร็จแล้วไปแดกเหล้ากันมั้ยวะ กูเลี้ยงเอง เนื่องในโอกาสเกรดออกมาดีเหมือนหน้าตากู” ผมพูดขึ้น

“เหยดดดด พี่ซีแม่งใจหล่อมากกกก” ไอ้ก้องหัวเราะ

“งั้นกูยอมยกให้มึงหล่อกว่ากูวันนึงก็แล้วกันวะ ไอ้ซี” ไอ้ไมค์พยักหน้า

“ตกลงไปนะ พวกมึง” ผมถามย้ำ

“ไปสิวะ!!” พวกมันทุกคนตอบพร้อมกันทันที
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorserer ที่ 12-03-2012 12:02:09
ดังนั้นพวกเราจึงขึ้นไปไหว้พระที่ดอยอินทนนท์อย่างที่วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรก

ผมว่า น่าจะเป็นไหว้พระที่พระธาตุดออยสุเทพ มากกวว่าที่ดอยอินทนนท์ นะครับ
ถ้าเข้าใจผิดขออภัยด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 12-03-2012 12:35:39
ซีหายไวๆจะได้กดนะกลับ หึหึ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 12-03-2012 12:42:47
นะ ดูแลดีมากง่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-03-2012 12:59:59
เพื่อน ๆ แซวยังกะตาเห็น คงปิดได้ไม่นาน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-03-2012 13:05:38
ดังนั้นพวกเราจึงขึ้นไปไหว้พระที่ดอยอินทนนท์อย่างที่วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรก

ผมว่า น่าจะเป็นไหว้พระที่พระธาตุดออยสุเทพ มากกวว่าที่ดอยอินทนนท์ นะครับ
ถ้าเข้าใจผิดขออภัยด้วยนะครับ
ขออนุญาตนะจ๊ะ คิดว่าถูกต้องตามที่ผู้เขียนนำเสนอแล้วจ้ะ
คือที่ดอยอินทนนท์น่ะ มีพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมีพระพุทธรูปบูชาประดิษฐานอยู่ด้วยจ้ะ
และพระมหาธาตุทั้งสององค์นี้ กองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ
ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา เมื่อปีพุทธศักราช 2530
และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2535 จ้ะ

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: ineverlove ที่ 12-03-2012 13:10:56
เหมือนยังมาไม่ครบ..ใช่ไหม
ซีจะปิดบังไปได้นานแค่ไหนนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-03-2012 14:14:31
ซีหายดีแล้ว
เมื่อไหร่นะจะป่วยบ้าง หุหุ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 12-03-2012 15:27:40
นะกับซีน่ารักมาก รักกันแบบอาศัยความเข้าใจกันดี แถมเอาใจใส่สุดๆ ถ้าจะมีแฟนก็ขอแบบนี้แหละ
อิจฉาหน่อยๆนะเนี่

ยกำลังอ่านสนุกๆเลย อยากรู้ว่าต่อไปจะมีอะไรมาทดสอบความรักของทั้งสอง
ต่อด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 12-03-2012 15:46:39
ใครคือคนที่แอบรักซีนะ
เดาไม่ออกเลยอ่ะ
ที่พี่ต้นบอกดราม่ากำลังจะมา
สาธุ ขอให้ดราม่าไปเที่ยวรอบโลกที่เถอะ
กอดดดดดดดพี่ต้นค่ะ
+1+เป็ดให้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 12-03-2012 16:29:59
โอ้วววววว... ยังบอกไม่ได้ว่าใครชอบ...แต่ไม่นานคงจะได้รู้

โอ้... ดร่าม่าเอ้ย จงทำให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นเถิด...
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 12-03-2012 16:47:36
เหมือนสั้นๆป่ะคุณต้น

เพราะยังอยากอ่านต่ออยู่เลยอะ

ใครน้อที่แอบชอบซีอยู่ :serius2:

ดูท่าว่่าชีวิตรักคงต้องมีอุปสรรคบ้างล่ะนะ

แต่อย่าให้มันมาม่ามากเกินไปนะคะ....กลัว :sad4:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 12-03-2012 17:20:46
โต แน่นอน(มั่ว)555555555555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 12-03-2012 17:52:25
อ่านแล้วใจหวิว

กลัวอนาคตจังครับ  o22


รออ่านตอนต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 12-03-2012 18:01:12
ใครจะแอบชอบนะกันน้าาาาาาา

ปล เดี๋ยวนี้ที่บ้านโจเป็นไงบ้างแล้วอ่ะ เค้าดีกะพ่อรึยัง ???
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 12-03-2012 18:17:24

ปล เดี๋ยวนี้ที่บ้านโจเป็นไงบ้างแล้วอ่ะ เค้าดีกะพ่อรึยัง ???

แวะมาบอกว่าขานั้นคงไม่มีทางดีกันได้ครับ ^_^"
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 12-03-2012 18:19:56
อยากอ่านโจ+นนท์ featuring
หื่นไปไหมเนี่ย 55555555555 :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 12-03-2012 18:29:43
มันต้องมีอะไรแน่ๆ แอบได้กลิ่นมาม่าโชยมาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 12-03-2012 19:53:54
แอบได้กลิ่นมาม่ามาแต่ไกล
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-03-2012 20:41:12
ไปดื่มเหล้าจะถูกใครมอมป่าวซี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 12-03-2012 22:43:30
ซีกับนะเกรดดีมาก ไปเลี้ยงฉลองจะมีอะไรมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 13-03-2012 02:01:45
ใครชอบซีอยู่ อยากรู้ :z3:

นะเป็นแฟนที่ดีมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 13-03-2012 05:14:40
นั่นสิ ใครแอบชอบซีอ่ะ ดูทุกคนปกติมากๆ  :m28:

แอบได้กลิ่นมาม่าเหมือนกัน  :sad3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 13-03-2012 07:05:06
ผ่านไปด้วยดีกับทริปเที่ยวเชียงใหม่ แต่..... ไอ้คุณล่ำ ยังได้ดุลอยู่นะ กลับจากโคราชคงต้อง  :haun4:
การเมาครั้งนี้ของผองเพื่อน อาจได้เป็นอะไรดี ๆ ที่เพื่อนที่คิดมากกว่าเพื่อน แพลมออกมาก็ได้
เค้าลางของบททดสอบของความรัก กำลังจะเริ่มต้นขึ้น   :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ ต่นต๊น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 14-03-2012 19:03:59
ดันๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 14-03-2012 19:51:32
ชอบตอนซีแอบหอมแก้มนะ น่ารักมากๆ
ว่าแต่ใครแอบชอบซีกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 14-03-2012 20:58:45
 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 14-03-2012 21:56:18
  :m4: ในเท่สวดก็อ่านตามทันแว้ว
 :เฮ้อ: ว่าแต่อนาคตของ2คนนี้จะเป็นไงต่อไปหว่า :confuse:
มาต่อไวๆนะคร๊า  เป็นกำลังใจให้คร๊า  :amen: :amen: :amen:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 15-03-2012 10:58:38
เข้ามารอต่อคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 16-03-2012 08:43:38
แวะเข้ามาดูสองหนุ่ม สามหนุ่ม สี่หนุ่ม....น่ารักมากมาย
อ่านแล้วนึกถึงกระดานดำ...แล้วก็พลอยคิดถึงเมฆกันซัน...แล้วก็...หมดแล้วนี่หว่า
เหะๆๆ คุณต้นมีนิยายเรื่องแอบไปแต่งไว้แล้วยังไม่ได้ผ่านตาผมป่าวน้อ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-03-2012 11:31:04
มารอ SeeeDz 18 อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: keang ที่ 17-03-2012 08:23:40
ตามอ่านมานานในที่สุดนัทก็โผล่มา :m11:

อ่านกระด.อดำ เอ้ย กระดานดำ ยังละอ่อนกันอยู่ มาเรื่องนี้โตๆกันละ

ขอncแรงๆของชาวกระดานดำให้หายคิดถึงหน่อยนะ :m13:

ชอบเรื่องนี้ขอหลายๆepisodeนะ รู้สึกว่าความรักมันค่อยๆ เพาะ ไปตามชื่อเรื่อง

อ่านแล้วรักเป็นstepๆ เหมือนเรื่องจริงยังไงไม่รู้ดูไม่fakeดีชอบๆ

ปล.อย่าดราม่ามากนะยังอยากเสียเลือดมากกว่าน้ำตา

ขอมากไปไหม  :m17:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 18-03-2012 23:53:41
นะกับซีหายไปไหน คิดถึงๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 19-03-2012 00:48:10
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 19-03-2012 00:57:56
หน้ายี่สิบแล้วนะคร้าบ คิดถึงพี่ล่ำกับไอ้ตี๋แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 20-03-2012 09:55:27
ส่งกำลังใจไปถึงนักเขียนนะครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 20-03-2012 23:03:47
นะกับซี ไวไฟนะนี่ 555++
ว่าแต่ชักอยากรู้ซะแล้วสิค่ะ ว่ามีเพื่อนแอบชอบซีจริงหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 20-03-2012 23:26:48
รอเลขาตรวจทานแป๊บนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 20-03-2012 23:59:28
อร๊ายยยยยยยยยยย รอ รอ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 21-03-2012 00:44:07
ตอน 18 จงมาๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 21-03-2012 16:02:28
งวดนี้หายไปนานเลย เข้ามารอทุกวัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 21-03-2012 16:03:29
 :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 21-03-2012 16:23:40
หายไปนานเลยยยยยยยยยย

คิดถึงนะกับซีแล้วนะๆๆๆๆๆ

มาให้หายคิดถึงหน่อยนะค้าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 17)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 21-03-2012 23:01:55
SeeeDz ที่ 18

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวอย่างรุนแรง รู้สึกราวกับว่ากะโหลกมันร้าวไปหมด กว่าที่ผมจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไปกินเหล้ากับพวกไอ้ก้องมาแล้วเมาเสียเละเทะจนต้องกลับมานอนที่หอของไอ้โตก็ตอนที่หันไปทางซ้ายแล้วเห็นไอ้เจ้าของห้องมันนอนอยู่ข้างๆ นี่แหละ

ผมยกมือขึ้นบีบขมับแล้วหมุนตัวควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่แล้วก็ต้องวางมันกลับลงไปบนหัวเตียงเหมือนเดิมเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแบ็ตฯ หมดเกลี้ยงไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมค่อยๆ ชันตัวขึ้นนั่ง ไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวเร็วๆ ได้เพราะรู้สึกปวดหัวมาก แต่เมื่อผ้าห่มที่เคยคลุมตัวอยู่ถูกเตะออกไป ผมจึงเห็นว่าตะขอกางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่นั้นหลุดออก และซิปก็ไหลลงไปนิดหน่อยด้วย

ในตอนแรกผมก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งเมื่อผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ควักน้องชายออกมาฉี่ จึงสังเกตเห็นว่าตรงง่ามขาและกางเกงในของตัวเองมีรอยคราบน้ำไอ้นั่นติดอยู่นิดหน่อยนั่นแหละ ผมถึงได้ตื่นขึ้นเต็มตา

“เฮ้ยยย!! ไอ้เหี้ยย!!” ผมสบถพร้อมกับรีบถอดกางเกงในออกมาดู จากนั้นก็ลองใช้นิ้วชี้ขูดคราบขาวๆ ที่แห้งจนเป็นขุยออก หัวใจของผมเต้นแรง และสิ่งที่ไอ้นนท์เคยเตือนเอาไว้ก็ย้อนกลับมากระแทกผมเข้าอย่างจัง

ผมรีบเดินออกจากห้องน้ำตรงไปที่เตียงทันที

“ไอ้โต! ไอ้เหี้ยโต!!” ผมตะโกนปลุกมัน แต่มันก็ยังไม่ตื่น “ไอ้เหี้ยโต! ตื่นสิเว้ย!!”

ผมกระชากผ้าห่มที่คลุมตัวมันอยู่ออก และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมต้องผงะไปทันที เพราะมันกำลังนอนอยู่ในสภาพใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวกระโจ๊วเผี่ยวออกมาชมโลกภายนอกท้าทายสายตาคนดู

ผมเริ่มรู้สึกเวียนหัวจนอยากจะอ้วก เพราะผมจำได้ว่าเมื่อคืนตอนเราเข้านอนกัน เสื้อผ้ามันก็ยังอยู่ครบชัดๆ

เสียงดังก๊อกแก๊กเบาๆ ของลูกบิดประตูทำให้ผมหันไปมองยังที่มาของเสียง ไอ้ก้องที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาต้องชะงักหยุดอยู่กับที่เมื่อมันเห็นสภาพของผมกับไอ้โต

“มึงทำอะไรกันอยู่วะเนี่ย ทำไมมึงไม่ติดกระดุมรูดซิปกางเกงให้มันดีๆ ไอ้ซี และที่สำคัญ ทำไมไอ้โตมันนอนแก้ผ้าสภาพนั้นวะเนี่ย”

“กูจะไปรู้แม่งเหรอวะ!” ผมเหวี่ยงผ้าห่มในมือลงบนเตียง จากนั้นก็ติดตะขอและรูดซิปกางเกงขึ้นให้เรียบร้อย “แล้วนี่มึงมาที่นี่ได้ไงวะ”

“อ้าว ไอ้เหี้ย ก็กูมานอนกับพวกมึตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว จำไม่ได้รึไง มึงเมาขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไอ้สัตว์”

ผมพยายามคิดตามสิ่งที่มันพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยพยุงผมขึ้นห้องมาด้วยเหมือนกัน... หรือไม่ก็อะไรประมาณนั้นแหละ

“เออ... เออว่ะ ใช่ กูลืมไป โทษที” ผมส่ายหน้าเบาๆ “แล้วนี่มึงไปไหนมา”

“กูตื่นมาแล้วกูหิว ก็เลยออกไปหาอะไรมาแดก” มันตอบพร้อมกับชูถุงเซเว่นในมือขึ้น “บ่ายโมงแล้วนะเว้ย กูหิวอะ ผิดด้วยเหรอวะ ไอ้สาดดด”

“กูยังไม่ได้ว่าเหี้ยอะไรมึงสักคำ”

“แล้วนี่มึงหงุดหงิดเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้ซี” ไอ้ก้องปิดประตูลงและเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ “เมื่อคืนกูยังเห็นมึงนอนกอดกับไอ้โตกันกลมดูมีความสุขอยู่เลย” มันพูดพลางหัวเราะเบาๆ

ผมรู้สึกว่าเลือดในกายยิ่งเดือดพล่านขึ้นไปอีก

“ใครกอดใคร!”

“อ้าว ก็มึงสองคนไง เมื่อคืนกูละเมอๆ ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นไอ้โตมันนอนกอดมึง ล้วงมึง ควักมึง พลอดรักกันอย่างมีความสุข มึงไม่รู้สึกอะไรสักนิดเลยรึไงวะ ไอ้ซี แหมๆ หรือว่าแกล้งทำเป็นจำไม่ได้วะ” มันหัวเราะ

“ไอ้เหี้ย! แล้วทำไมมึงไม่ปลุกกู!!”

รอยยิ้มของไอ้ก้องจางหายไปทันทีเมื่อมันเห็นว่าผมไม่ได้รู้สึกตลกไปกับมันด้วย “เฮ้ยๆ ไอ้ซี มึงใจเย็นๆ ก่อนเว้ย...”

“โว้ยยยย!! ไอ้เช็ดเหี้ยย!! เสียงดังเอะอะส้นตีนอะไรวะ! คนจะนอนนะเว้ย!!” ไอ้โตตื่นขึ้นมาโวยวายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ยังมีหน้ามานอนอีก ไอ้เหี้ยโต! มึงตื่นขึ้นมาคุยกับกูเลย!!” ผมกระชากแขนของไอ้โต

“เฮ้ยๆๆ ไอ้ซี มึงใจเย็นๆ ก่อนเว้ย” ไอ้ก้องรีบลุกจากเก้าอี้มาปรามผม

“มึงเป็นส้นตีนอะไรของมึงเนี่ย ไอ้ซี!” ไอ้โตสะบัดแขนออก

ผมรู้สึกว่าเส้นเลือดที่ขมับมันเต้นตุบๆ หัวของผมปวดจนแทบจะระเบิด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมแฮงค์หรือเพราะความโกรธกันแน่

“เมื่อคืนมึงทำอะไรกู! ไอ้โต! มึงพูดมาให้ดีๆ นะเว้ย!”

“ทำเหี้ยไร ใครจะไปอยากทำอะไรมึง! กูก็นอนของกูน่ะสิวะ ไอ้เช็ดเป็ด!”

“มึงจะไม่ได้ทำได้ไง! ก็ในเมื่อ...!!”

“เดี๋ยวๆ ไอ้ซี มึงใจเย็นๆ ก่อน” ไอ้ก้องพูดแทรกขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบ “มึงอย่าเพิ่งโวยวายสิวะ เรื่องเมื่อกี้กูแค่พูดเล่นนะเว้ย”

ผมหันขวับไปหาไอ้ก้องทันที “มึงว่าไงนะ!”

“กูบอกว่ากูพูดเล่น กูแค่แซวเล่นเฉยๆ ทำไมมึงจริงจังจังนักวะ ปกติมึงไม่เป็นแบบนี้นะเว้ยเฮ้ย ไอ้ซี”

ผมอ้าปากออกจะเถียงกลับไป แต่ก็พูดไม่ออก ผมไม่รู้จะพูดถึงเรื่องกางเกงกับกางเกงในของผมออกไปได้อย่างไร

“อะไรของพวกมึงสองคนวะเนี่ยยยย!!” ไอ้โตเกาหัวแกรกๆ “กูง่วงนะเว้ย กูนอนต่อก่อนละนะ! ครวย!!!” และเมื่อพูดจบ มันก็ล้มตัวลงนอนทันที “แล้วก็ปิดม่านให้สนิทๆ ด้วย ไอ้พวกส้นตีน! ถ้าอยากจะกลับเมื่อไหร่ก็กลับไปเลย ปล่อยให้กูนอนเหอะ”

ผมยืนหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปคว้าเสื้อของตัวเองมาใส่ หยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียง จากนั้นก็เดินตรงไปที่ประตู

“เฮ้ยๆ มึงจะกลับแล้วเหรอวะ” ไอ้ก้องทักขึ้น

“เออ”

“มึงเป็นอะไรของมึงวะเนี่ย หงุดหงิดเหี้ยไรก็บอกกูได้นะเว้ย”

ผมมองหน้ามัน เมื่อคืนนี้ ในห้องนี้ มีแค่ผมกับเพื่อนอีกสองคนเท่านั้น และการที่ ‘บริเวณนั้น’ ของผมมีรอยคราบน้ำกามที่เช็ดออกไม่หมดเลอะอยู่ มันจะหมายความว่ายังไงได้ เพราะถ้าหากผมแค่ฝันเปียกไปเอง คราบน้ำมันก็ต้องเยอะกว่านี้แน่นอน

“ไม่มีอะไร ช่างแม่งเหอะ!” ผมตอบแบบส่งๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที

ระหว่างที่อยู่บนรถแท็กซี่ ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเมื่อคืนผมถึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าคราบน้ำที่ผมเห็นมันเป็นของผมเองหรือของคนอื่นกันแน่ ถ้าหากว่าผมถูกใครคนหนึ่งในพวกมันชักว่าวจนน้ำแตกออกมาจริงๆ ผมจะไม่รู้ตัวถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ ก็จริงที่ผมเป็นคนขี้เซาและหลับลึก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี่มันจะไม่ทำให้ผมตื่นได้เลยรึไง หรือถ้าไม่อย่างนั้น ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือใครสักคนจะต้องมาพยายามลักหลับผม แต่ไม่กล้าทำอะไรผมมาก เลยชักว่าวรดลงบนตัวของผม จากนั้นก็รีบทำความสะอาด แต่โชคไม่ดีที่มันดันเช็ดออกไม่หมด

ความคิดที่ว่าร่างกายของผมเลอะน้ำไอ้นั่นของเพื่อนตัวเองมันทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้จนแทบจะอ้วกออกมา

“เฮ้ยๆ น้อง เป็นอะไร” คนขับแท็กซี่ที่มองผมผ่านกระจกมองหลังถามขึ้น

“เปล่าพี่” ผมตอบทั้งๆ ที่ใช้มือปิดปากเอาไว้

“อย่ามาอ้วกบนรถพี่นะเว้ย จะให้จอดที่ไหนรึเปล่า”

ผมโบกมือ “ไม่ต้องๆ ผมไม่เป็นไรหรอก พี่ขับไปเหอะ เมื่อกี้แค่ดันไปคิดถึงอะไรที่ไม่ควรคิดขึ้นมาเฉยๆ น่ะ”

พี่คนขับมองหน้าผมอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก เขาพูดอะไรต่ออีก 2-3 ประโยค เหมือนจะบ่นๆ อะไรบางอย่างแต่ผมไม่ได้สนใจฟังแม้แต่นิดเดียว

เมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็รีบตรงขึ้นไปอาบน้ำและขัดถูทุกส่วนของร่างกายจนมั่นใจว่าสะอาดดีแล้วทุกซอกทุกมุม ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่คิดถึงเรื่องที่ ‘น่าจะ’ เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่มันก็ทำได้ยากจริงๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมจัดการกินยาแก้เมารถไปหนึ่งเม็ด หวังว่ามันจะช่วยให้ผมนอนหลับลงไปอีกและเผื่อว่าเมื่อตื่นมาอีกครั้ง เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นแค่ฝันไป แต่ในตอนที่ผมกำลังเคลิ้มๆ ใกล้จะหลับนั้น โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ซึ่งคนที่โทรมาก็คือไอ้ก้องนั่นเอง

“เอออ... มีอะไรวะ ไอ้ก้อง” ผมรับสาย

“อยู่บ้านยังวะ ไอ้ซี”

“เออ กูอยู่บ้านแล้ว จะนอนอีกรอบแล้วด้วย ไอ้เหี้ย”

“นอนอีกแล้วเหรอวะ”

“เออออ...!! มึงมีธุระเหี้ยอะไรก็รีบๆ พูดมา กูแดกยาเข้าไปแล้วกูง่วง”

“อ้าว มึงเป็นส้นตีนอะไรอีกวะ แดกยาทำไม”

ด้วยความรำคาญ ผมจึงตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์ลงข้างตัว แต่แล้วก็คิดขึ้นได้ว่าผมยังไม่ได้โทรบอกนะเลยว่าผมกลับถึงบ้านแล้ว เมื่อคืนตอนอยู่ที่ร้านและก่อนที่แบ็ตฯ โทรศัพท์จะหมด ผมก็แค่บอกเขาว่าจะไปนอนที่ห้องของไอ้โตเท่านั้น

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่ก็ทำได้เพียงถือค้างอยู่ในมืออย่างนั้น ผมไม่กล้าที่จะโทรไปหาเขา เพราะไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไรดี ความรู้สึกผิด กลัว กังวล และสับสน ต่างรุมเร้าเข้ามาจนผมรู้สึกไม่รู้ว่าจะทำตัวให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร

ผมตัดสินใจกดปุ่มปิดเครื่องและวางโทรศัพท์กลับลงข้างกายเหมือนเดิม

กว่าที่ผมจะตื่นขึ้นอีกครั้งก็เย็นมากแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากตัดสินใจลุกออกจากเตียงคือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง และเมื่อเครื่องบู๊ทเสร็จ ข้อความบอกสายที่ไม่ได้รับก็เด้งขึ้นทันที เป็นสายไม่ได้รับจากนะสองสายและจากไอ้โตอีกหนึ่งสาย

ผมตัดสินใจโทรกลับไปหานะก่อนเป็นอันดับแรก

“เป็นไง ไอ้ตี๋ นอนเพิ่งตื่นเหรอวะ” เขารับสายอย่างอารมณ์ดี

“เออ...”

“ล้างหน้าล้างตารึยังเนี่ย”

“ยางงงง กูเพิ่งตื่นแล้วก็โทรหามึงเลยเนี่ย โทษทีนะเว้ยที่ปิดเครื่องแล้วไม่บอกอะ”

“เออๆ ไม่เป็นไรหรอก กูเริ่มรู้นิสัยนี้มึงแล้ว” เมื่อเขาพูดแบบนี้ ผมก็พอจะจับความรู้สึกเขาได้ทันทีว่าที่จริงเขาก็ไม่ได้ชอบที่ผมทำแบบนั้นเท่าไหร่หรอก แต่เขากำลังพยายามจะทำตัวให้เคยชินและยอมรับมันให้ได้มากกว่า

“กูขอโทษก็แล้วกัน คราวหลังกูจะไม่ปิดเครื่องตอนนอนแล้วก็ได้...”

“หือออ... เฮ้ย มึงเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย มึงจะมาขอโทษกูทำไมวะ กูเข้าใจน่า ก็มึงไปกินเหล้ามา เวลาเมาเวลาแฮงค์ ใครมันก็อยากจะนอนสบายๆ ทั้งนั้นแหละ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รู้สึกว่าอาการปวดหัวเริ่มกลับมาเล่นงานอีกครั้ง

“เฮ้ย เงียบทำไมวะ ไอ้ตี๋ เป็นอะไร” เขาถาม

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร กูแค่ยังมึนๆ อยู่น่ะ”

“เออๆ งั้นมึงไปล้างหน้าล้างตาซะก่อนเหอะไป แล้วอย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ วันนี้ตั้งแต่เช้าได้กินอะไรรึยังเนี่ย”

“ยัง... กูตื่นมาก็เที่ยงแล้ว พอกลับถึงบ้านก็นอนเลย”

“นั่นไง กูว่าแล้ว ไปๆ มึงไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวกูก็จะอาบน้ำแล้วเหมือนกัน คืนนี้กูว่ากูจะไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อนหน่อยนะเว้ย ไม่ไกลจากบ้านกูเท่าไหร่หรอก”

“เออๆ ไปเหอะ”

“โอเค งั้นเอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกันนะครับ... ที่รัก”

ผมอดที่จะยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่ได้ “รีบๆ ไปเลย ไอ้ตูดเอ๊ยยย”

“งั้นเดี๋ยวเอาไว้คุยกันเว้ย ก่อนออกจากบ้านกูจะโทรบอกอีกที”

หลังจากที่เขาวางสายไป ผมก็นั่งมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ความคิดที่ว่าจะโทรกลับไปหาไอ้โตไม่เหลืออยู่ในหัวอีกต่อไป ผมไม่รู้สึกอยากจะคุยกับมันเลยจริงๆ ถึงแม้ผมจะยังไม่รู้ว่ามันมีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่าก็ตาม

เวลาผ่านไปอีกสามวัน และผมก็ยังไม่ได้คุยกับนะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นเลยสักครั้ง ที่จริงผมเกือบจะหลอกตัวเองสำเร็จแล้วด้วยซ้ำว่ามันไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากว่าไอ้โตมันไม่โทรมาเพื่อคุยเรื่องนั้นกับผมเสียก่อน

“มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ ไอ้ซี ทำไมพักหลังๆ นี้มึงถึงเลี่ยงจะคุยกับพวกกูนัก” มันพูดขึ้นทันทีที่ผมรับสาย น้ำเสียงของมันแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

“แล้วไอ้ก้องมันบอกมึงว่ายังไง”

“บอกเหี้ยอะไรวะ มันก็งงเหมือนกันนั่นแหละ แถมมันยังเป็นคนที่ไม่สบายใจยิ่งกว่ากูอีก มึงรู้เอาไว้ด้วย”

ผมถอนหายใจ “แล้วมันจะไม่สบายใจเรื่องเหี้ยอะไรวะ”

“อ้าว ไอ้ส้นตีน! นี่พวกกูเป็นเพื่อนมึงรึเปล่าวะ ไอ้ซี กูถามจริง มึงมีปัญหาเหี้ยอะไรก็เคลียร์กับพวกกูตรงๆ สิวะ คุยกันแบบลูกผู้ชายไปเลย ทำได้มั้ยวะ!”

คำพูดของมันทำให้ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย “ลูกผู้ชายงั้นเหรอ... มึงใช้คำว่า ‘ลูกผู้ชาย’ งั้นเหรอวะ ไอ้โต น้ำหน้าอย่างมึงกล้าใช้คำนั้นกับกูด้วยเหรอวะ”

“มึงพูดงี้หมายความว่าไงวะ!”

“มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่เลย ไอ้เหี้ย! จนป่านนี้แล้วมึงยังคิดว่ากูไม่รู้อยู่อีกรึไงว่าคืนนั้นมึงทำเหี้ยอะไรเอาไว้น่ะ!”

มันดูอึ้งๆ ไปเล็กน้อย “นี่มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้ซี”

“มึงถามใจตัวเองเหอะ ไอ้สัตว์! ถ้าหากว่ามึงเห็นกูเป็นเพื่อนของมึงจริง มึงต้องกล้ายอมรับว่ามึงทำเหี้ยอะไรลงไป!” ผมตัดสายทิ้งและเหวี่ยงโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างหัวเสีย

อีกไม่ถึง 15 นาทีถัดมา โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้คนที่โทรเข้ามาคือไอ้ก้อง

“อะไรอีกวะ คราวนี้มึงมีอะไร”

“เมื่อกี้กูคุยกับไอ้โต กูอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับมึง ไอ้ซี” มันถามด้วยน้ำเสียงเกรงๆ ต่างจากไอ้โตลิบลับ

“กูไม่รู้เว้ย!! กูเมา! กูจำไม่ได้!!”

“เอ้า อะไรของมึงวะเนี่ย ไอ้ซี กูงง มึงพูดกับกูดีๆ สิเว้ย อย่าเพิ่งใช้อารมณ์”

ผมเงียบไป พยายามสูดลมหายใจเข้ายาวๆ ช้าๆ

“ใจเย็นๆ ก่อนดิ ไอ้เหี้ย มึงจะโมโหอะไรยังไงก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดเราก็คุยกันไม่รู้เรื่องสักทีนะเว้ย” มันพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น

ผมฟังที่มันพูดแล้วก็ยิ่งรู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่ ทำไมทั้งไอ้โต ทั้งไอ้ก้อง ถึงได้ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ สักคน ทำไมมันถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้แนบเนียนขนาดนี้... หรือว่าผมจะคิดมากไปเองจริงๆ

เมื่อเริ่มใจเย็นลง ผมจึงคิดได้ว่าจริงๆ ผมก็สนิทกับไอ้ก้องมากที่สุดในกลุ่มอยู่แล้ว เวลาผมมีอะไรไม่สบายใจ มันก็มักจะเป็นคนแรกที่ผมเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังอยู่เสมอๆ ผมนึกไม่ออกเลยว่าผมกับมันเคยมีเรื่องผิดใจหรือมีเรื่องปิดบังอะไรกันมาก่อนบ้างหรือเปล่า

“ไอ้ก้อง ที่มึงเคยบอกกูว่ามึงเห็นไอ้โตมันนอนกอดกูอะ เรื่องจริงรึเปล่าวะ”

“ทำไมจู่ๆ มึงถึงถามเรื่องนั้นล่ะวะ” มันตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก “มันเกี่ยวกับเรื่องที่มึงไม่สบายใจอยู่ยังไงวะ ไอ้ซี”

“มึงตอบกูมาแค่ว่าจริงหรือไม่จริงก็พอ”

มันอ้ำอึ้ง “ก็... ก็จริงอะว่ะ แต่ว่า แต่มึงอย่าเอาไปบอกไอ้โตมันนะเว้ย”

“ทำไมวะ ทำไมกูจะพูดเรื่องนี้กับมันไม่ได้”

“กูก็ไม่รู้ ไอ้เหี้ย แต่กูเดาเอาว่ามึงคงเคืองๆ ไอ้โตมันเพราะเรื่องนี้อยู่ใช่มั้ยล่ะ เพราะตอนที่กูบอกมึงไปเมื่อตอนอยู่หอมัน มึงก็ดูไม่ค่อยพอใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว กูก็เลยไม่อยากให้มึงไปคุยกับมันเรื่องนี้อีก ไอ้เหี้ยโตมันก็แค่เมาแล้วไปละเมอกอดมึงเฉยๆ นั่นแหละ มึงอย่าไปคิดอะไรจริงจังนักสิวะ ไอ้ซีเอ๊ยยย กูอุตส่าห์ไม่คิดว่ามึงจะหงุดหงิดเรื่องนี้มาตั้งนานนะเนี่ย”

“ถ้าแค่มันละเมอมากอดกู กูก็จะไม่โมโหแม่งขนาดนั้นหรอกเว้ย”

“อ้าว แล้วมันมีอะไรอีกล่ะวะ”

ผมกำลังอ้าปากจะพูด แต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้ได้ทัน ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆ “ช่างแม่งเหอะ กูไม่อยากคิดเหี้ยอะไรแล้ว เอาเป็นว่ากูจะไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกก็แล้วกัน แต่บอกไว้ก่อนว่ากูจะไม่มีวันไปขอโทษไอ้โตมันหรอกนะเว้ย ถ้ามันมาคุยกับกูเป็นปกติ กูก็จะคุยกับมันปกติเหมือนกัน แต่ถ้าไม่... ก็เรื่องของแม่งเหอะ กูไม่อยากแคร์ ไม่อยากจะคิดเหี้ยอะไรอีกต่อไปแล้ว กูรำคาญ”

“เออๆ งั้นกูไม่ถามอะไรมึงให้มากมายแล้วก็ได้ แต่มึงอย่าลืมนะว่ายังไงกูก็อยู่ข้างมึง ยังไงพวกกูก็เพื่อนมึง โดยเฉพาะไอ้โตน่ะ เห็นมันบ้าๆ บอๆ อารมณ์ร้อนๆ แบบนั้นก็เหอะ แต่ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น มันก็เพื่อนมึง อะไรที่ไม่ถือสามันได้ก็อย่าไปถือมันเลยนะเว้ย”

“เออ”

ผมวางสายไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่า ผมจะทำเหมือนเรื่องคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แม้ผมจะค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้โตจะต้องแอบทำอะไรขณะที่ผมหลับอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อพวกมันต่างก็ดูจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยขนาดนั้น ผมก็จะถือเสียว่าผมแค่คิดไปเองก็แล้วกัน

ไม่กี่วันถัดมาก็เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ผมกับนะไปนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันที่โรงอาหารเหมือนปกติ เขากลับมาอยู่ที่หอตั้งแต่ 2-3 วันก่อนเปิดเทอมแล้ว แต่ผมก็ไม่สามารถออกไปเจอเขาได้เลยเพราะติดธุระต้องออกไปต่างจังหวัดกับไปงานแต่งงานของคนรู้จักตลอด

ในขณะที่เรากำลังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่นั้น ผมเห็นพวกไอ้ก้อง ไอ้รัน และไอ้โต เดินเข้ามาในโรงอาหาร และพวกมันก็สังเกตเห็นพวกผมเข้าพอดี จึงพากันเดินตรงมาหาเราสองคน

“เฮ้ย เป็นไงวะ ไอ้นะ ไม่เจอตั้งนานเลยนะมึง” ไอ้รันเป็นคนแรกที่เอ่ยปากทักทาย

“เออ กูก็เรื่อยๆ อะว่ะ แล้วพวกมึงอะ”

“ไม่ค่อยสบายว่ะ แดกเหล้าแม่งแทบทุกวัน ปิดเทอมแม่งเบื่อชิบหายยย” ไอ้รันหัวเราะ

“แดกกับใครวะ”

“จะใครล่ะ ก็ไอ้พวกนี้อะดิ” ไอ้รันชี้ไปที่ไอ้ก้องและไอ้โต

“อย่ามาชี้กู ไอ้เชี่ยแห้ง กูไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มตั้งวงหรือแม้แต่เคยออกปากชวนนะเว้ย” ไอ้โตตบหัวไอ้รัน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม

“กูว่าก็พอกันทุกคนนั่นแหละวะ” ไอ้ก้องหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งลงข้างๆ นะ “ผลัดกันชวน ผลัดกันเป็นเจ้ามือ แต่กูก็ไม่เห็นหมาตัวไหนแม่งจะปฏิเสธสักคน”

“กูไม่เกี่ยวนะเว้ย กูไปแดกเหล้าวันนั้นกับพวกมึงเป็นหนสุดท้ายเหอะ” ผมออกตัว แต่แล้วคำพูดของผมก็ดูเหมือนจะทำให้ทั้งไอ้ก้องและไอ้โตที่ทำตัวเป็นปกติทุกอย่างแล้วมีปฏิกิริยาขึ้นนิดๆ จนได้

“วันที่มึงเมาเป็นหมาเลยน่ะนะ ไอ้ซี เหยดดดด ไอ้นะรู้เรื่องรึยังวะเนี่ยว่าไอ้ซีแม่งเมาขนาดไหนน่ะ” ไอ้รันหัวเราะ

นะหรี่ตาลงแล้วลอบมองมองผมด้วยหางตาอยู่แวบหนึ่ง “ยังว่ะ มันเมายังไงวะ ไหนมึงเล่าให้กูฟังซิ ไอ้รัน”

“มึงไม่ต้องเริ่มเลย ไอ้รัน” ผมห้าม

“ทำไมวะ รับความจริงไม่ได้รึไง ก็ไม่ได้เมาเท่าไหร่หรอก แค่พวกกูต้องช่วยกันหามช่วยกันหิ้วปีกแม่งไปนอนที่ห้องไอ้โตกันเท่านั้นเอง”

“เฮ้ย ไอ้รัน ไอ้โต มึงจะแดกข้าวกันป่าววะ ถ้าจะแดกก็รีบไปซื้อมาแดกกันเหอะ กูหิวจะตายห่าอยู่แล้ว” ไอ้ก้องพูดขึ้น

“อะไรวะ ไอ้ก้อง กูยังเล่าให้ไอ้นะฟังไม่จบเลย สาดดด”

“พอได้แล้ว ไอ้เชี่ยรัน ไม่งั้นกูเคืองจริงๆ นะเว้ย” ผมชี้หน้ามันเป็นการเตือน

“เออๆ แหม ทำเป็นหน้าบาง ไอ้เหี้ย ทีตอนนั้นเมาอย่างกับหมาไม่เห็นจะอายเหี้ยอะไรเลย” มันหัวเราะส่งท้ายก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ แล้วพวกมันทั้งสามคนก็ลุกออกไปซื้อข้าวมากิน

“อะไรวะ ทำไมมึงต้องทำหน้าหงุดหงิดขนาดนั้นด้วย ไอ้ซี” นะถาม “ปกติมึงจะเมายังไงแค่ไหนกูก็ไม่ว่าอะไรมึงหรอกน่า กูให้อิสระมึงจะตาย มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอวะ”

ผมอึ้งๆ ไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอย่างไรดี “เออๆ กูแค่อายๆ มึงน่ะ ไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ”

“ช่างมันเหอะน่า กูไม่คิดมากหรอก” เขายิ้มให้ผมเป็นการยืนยันคำพูดของตัวเอง “กูเป็นห่วงมึงก็จริง แต่กูเชื่อใจมึง โอเคมั้ยวะ”

ภาพสภาพร่างกายตัวเองที่ผมเห็นในตอนนั้นกับความรู้สึกอึดอัดในใจมันย้อนกลับมาเล่นงานผมอีกครั้ง คำพูดที่เขาบอกว่าเชื่อใจผมบีบอัดหัวใจผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก นี่ผมจะทนเก็บความลับและความรู้สึกแย่ๆ อย่างนี้ไว้ได้นานขนาดไหนกันนะ...

“เออ โอเค...”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 21-03-2012 23:25:12
ว๊อท แฮพเพ่นนนนน ???? ตี๋น้อยอาจจะคิดไปเองน๊า
ใจเยนๆสิ มันคงไม่ใช่หรอก :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-03-2012 23:29:52
เพราะน้ำเมาแท้ๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 21-03-2012 23:56:30
อย่างนี้ต้องหาคนกำราบพี่ดตซะคนนึง!! พี่ซีจะได้มั่นใจ 555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: Tim-Tam ที่ 22-03-2012 00:12:23
โอ๊ยยยย ลุ้น อะไรยังไงล่ะเนี่ย

โตทำไรซีป่าว อยากรู้ๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 22-03-2012 00:37:40
เราว่าไม่ใช่โตง่ะ ต้องเป็นก้องแน่เลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-03-2012 00:39:05
ใช่โตแน่เหรอ  เป็นก้องหรือเปล่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 22-03-2012 00:40:48
ตัดจบแบบค้างคาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับซีกันแน่

ถ้าคนเขียนไม่ว่าอะไร คนอ่านอย่างเราอยากจะเรียกร้องให้มาต่อตอนต่อไปไวๆนะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-03-2012 00:52:33
นายก้องน่าสงสัยที่สุด พยายามโบ้ยว่านายโตทำ
น้องซีเครียดเลยงานนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 22-03-2012 01:08:30
ไม่ใช่โตหรอก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 22-03-2012 01:18:13
ใครทำใคร ใครโดนทำ โอ๊ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 22-03-2012 01:26:43
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ปวดหัวแทนซี .. :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 22-03-2012 02:12:57
ไปปรึกษากับนนท์เลย เพราะเราคิดถึงนนท์(เกี่ยว?)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 22-03-2012 03:40:19
มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ (มั้ง)  :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 22-03-2012 04:21:11
น้ำนี้มาจากไหน ?
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 22-03-2012 05:17:11
เราเดาเอาอ่ะนะ
มันไม่น่าจะใช่พี่โต
จากประสบการฌ์ที่อ่านวายมา
เช้าๆมันก็..ทุกคนไม่ใช่เหรอ
ที่แปลกสุดก็คือก้อง
มันแบบเกรงใจแปลกๆ
มีพิรุจมากกกกกกก~
ไม่อยากให้ซีเก็บไว้คนเดียว
บอกนะไปเลยดีกว่า
ซีไม่ได้เต็มใจซะหน่อยเนอะ
จะได้หาทางแก้ไขด้วยกันไง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-03-2012 07:09:33
ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็คงจะดีกว่านี้นะ :z3:
สมมติว่าโตไม่ได้ทำอะไรซีจริงๆ แล้วมารู้ว่าซีระแวงเพื่อนแบบนี้ก็คงเสียใจ
แต่ถ้าโตหรือก้องเกิดทำอะไรซีขึ้นมาจริงๆ ซีก็คงเซ็งได้เล่นหนังเพื่อนกูรักมึงว่ะภาค 2 ทันที :เฮ้อ:
แล้วถ้านะรู้ก็คงเป็นห่วงซีมาก สรุปไอ้ตี๋แกไม่ระวังตัวเองเลยวุ้ย :angry2:
ขอให้เคลียร์กันได้เร็วๆ ยังไงงานนี้อาจมีเสียเพื่นกันไปข้างอ่ะ ถ้ามันเป็นอย่างที่ซีคิด :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-03-2012 08:20:49
ที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องคิดมาก เพราะมันได้เกิดจากความร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย
ไม่เหมือนคืนนั้นที่เชียงใหม่ :z1:
+1 ให้กับบททดสอบบทนี้ ครับ ต่นต๊น  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 22-03-2012 08:41:28
เราเดาเอาอ่ะนะ
มันไม่น่าจะใช่พี่โต
จากประสบการฌ์ที่อ่านวายมา
เช้าๆมันก็..ทุกคนไม่ใช่เหรอ
ที่แปลกสุดก็คือก้อง
มันแบบเกรงใจแปลกๆ
มีพิรุจมากกกกกกก~
ไม่อยากให้ซีเก็บไว้คนเดียว
บอกนะไปเลยดีกว่า
ซีไม่ได้เต็มใจซะหน่อยเนอะ
จะได้หาทางแก้ไขด้วยกันไง

ขอแก้ความเข้าใจผิดนะครับ สงสัยวายที่อ่านมาอาจจะผู้หญิงแต่งมั้งครับ อิอิ
เพราะเช้าๆ ผู้ชายเจี๊ยวแข็งเนี่ย ไม่แปลกครับ แต่น้ำแตกเนี่ย แปลกแน่ๆๆๆ ส่วนมากถ้าหากผู้ชายฝันเปียกเอง (นั่นคือถึงขั้นหลั่ง)
พอหลั่งเสร็จ มักจะรู้สึกตัวและตื่นขึ้นครับ

สนับสนุนให้สาววาย (และหนุ่มเกย์ฝึกหัด) ทุกคน เข้าใจธรรมชาติของชายรักชายอย่างเถิกต้องครับ งิงิงิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: keang ที่ 22-03-2012 08:59:03
ไม่ได้มีแค่ก้องกับโตนะ

ยังมีนาย ไมค์ และนาย รัน อีก2คน

คงคิดว่าจะมอมนายซีแล้ว.....
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 22-03-2012 09:31:34
เรื่องนี้จะทำให้เพื่อนแตกแยกซะแล้ว และที่สำคัญจะทำให้นะกับซีผิดใจกันอีกด้วย
ซีก็บอกนะไปเถอะเก็บไว้ทำไม คิดมากเปล่าๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 22-03-2012 10:10:53
จากประสบการณ์สอนว่าอย่าเดา เดี๊ยวเจ็บปวดจากการเดาพลาด

ซีเอ๊ย บอก บอกนะไปเต๊อะ  :m26:


 :L2: ดีใจที่มาต่อนะครับ จะรอตอนต่อไปครับ :3123:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 22-03-2012 12:24:50
เราว่าไม่ใช่โตง่ะ ต้องเป็นก้องแน่เลย

ใช่  คิดเหมือนกันเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 22-03-2012 13:27:43
ไม่อยากเดาว่าเป็นน้ำของใคร แต่ทุกเรื่องส่วนใหญ่ถ้าเมาไหนกันส่วนมากจะมีเรื่อง มีปัญหาตามมาตลอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฉะนั้นทีหลังก็อย่าไปดื่มมันเลยเหล้าเนี้ย ไม่เห็นเรื่องไหนดื่มแล้วได้ดีสักคน 55+
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 22-03-2012 13:48:26
ซีเข้าใจอะไรผิดไปอ๊ะเปล่าเนี่ย :serius2:

ไม่ใช่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่รันกำลังจะเล่าเหรอ

อย่ามัวแต่คิดมาก....เดี๋ยวนะเป็นห่วงน้า

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 22-03-2012 14:06:55
เขาเป็นใครหนอ เขามาจากไหน
ซีก็เอาซักอย่างเหอะครับ ถ้าไม่อยากจะคิดก็ต้องไม่คิด
แต่ถ้าคิดว่าเอาออกไปจากหัวไม่ได้ก็คุยให้มันเคลียร์ๆจบๆกันไป

แต่เรื่องอย่างนี้ก็คุยยากเน้อ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 22-03-2012 15:07:55
แอร้ยยยย

ตามล่าหาคนกระทำชำเราน้องซี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 22-03-2012 15:24:30
โตมันอยากกินวิตามิน ซี หรอ หวังว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 22-03-2012 15:47:57
 :a5: เกิดอะไรขึ้นนนนน
มันอาจจะไม่มีไรก็ได้นะซี อย่าเพิ่งคิดมาก  เด๋วนะคิดมากด้วย  :sad4:
 :pig4:นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 22-03-2012 21:39:48
ซีโดนลักหลับจริงๆเหรอ หรือว่าเข้าใจผิดไปเอง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 23-03-2012 03:09:45
ซีโดนลักหลับ o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-03-2012 08:02:01
ซีเมาแล้วเผลอทำเองรึเปล่า?  :laugh3:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 23-03-2012 11:18:30
ใครกันที่เป็นคนทำ... บางทีไม่ใช่โตก็ได้นะ ดูแล้วเหมือนก้องจะมีอะไรแน่ๆ...
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 24-03-2012 16:35:15
สรุปซีละเมอลุกขึ้นมาทำเอง 5555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 26-03-2012 11:12:06
คิดถึงแล้วนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 26-03-2012 11:47:24
มารอซีกะนะด้วยคนค้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 26-03-2012 13:00:48
อยากรู้ว่าเพื่อนๆกลุ่มนี้จะเป็นไงต่อไป
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 18)
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 26-03-2012 19:38:49
ใครนะ อย่างนี้ต้องเรียกโคนันมาพิสูจน์

ติดตามๆ

จากกองพิสูจน์หลักฐาน จากหลักฐานที่รวบรวมได้
ผู้ที่เข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยที่มีพิรุจมากที่สุด
ได้แก่ "นายก้อง"
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 26-03-2012 23:23:59
SeeeDz ที่ 19

ผมกับเพื่อนๆ ในกลุ่มก็หลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องเมื่อคืนนั้นไปได้เกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ช่วงนั้น ไอ้โตกับไอ้ก้องก็ทำตัวเป็นปกติเกือบทุกอย่าง แม้บางครั้งไอ้ก้องจะดูเกร็งๆ เวลาอยู่กับผมบ้าง และถึงแม้ผมจะรู้สึกว่าไอ้โตไม่ได้เล่นหัวใกล้ชิดกับผมมากเหมือนเมื่อก่อนก็ตามที แต่ผมก็ไม่ได้แคร์พวกมันมากมายนักหรอก เพราะผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมคือผู้ที่เสียหาย ไม่ใช่พวกมัน

ในขณะเดียวกัน ความลำบากใจที่ผมต้องปิดบังเรื่องนั้นกับนะก็ดูเหมือนจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เมื่ออะไรหลายๆ อย่างในกลุ่มของพวกเราดูจะไปได้ด้วยดีจนผมคิดว่า หากเราต่างก็แกล้งทำเป็นว่าเมื่อคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างนี้ไปตลอด ทุกอย่างก็คงไม่มีปัญหา และสักวันผมก็คงลืมมันไปได้เอง แต่สุดท้ายแล้วผมก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เมื่อ...

“ไอ้ซี วันศุกร์นี้วันเกิดไอ้แบงค์นะเว้ย มึงรู้ยังวะ” ไอ้ไมค์พูดกับผมในขณะที่เรากำลังเดินกลับจากไปส่งงานอาจารย์ด้วยกัน

ไอ้แบงค์คือเพื่อนของพวกเราคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับผม แต่เราก็สนิทกันพอสมควร

“เฮ้ย จริงดิ วันศุกร์นี้เนี่ยนะ”

“ช่ายยย มันชวนพวกเราไปงานมันด้วยนะเว้ย”

“เหยดเข้ แม่งจะจัดงานวันเกิดเลยเหรอวะ ที่ไหน ร้านอะไร”

“ร้านเหล้าหน้ามอนี่แหละ” ไอ้ไมค์หัวเรา

“ฮ่าๆๆ ไอ้เหี้ย กูก็นึกว่าจะไปวิป ไปรู้ท สุดท้ายก็จบที่เพิงหน้ามอ”

“เออ นั่นแหละ แล้วมึงจะไปมั้ยล่ะ”

“ก็ไปดิวะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ว่าแต่คนอื่นล่ะ พวกมันรู้กันรึยัง”

“กูก็ไม่แน่ใจว่ะ ยังไม่ได้คุยกับพวกมันเลยเหมือนกัน แต่ก็น่าจะรู้ล่ะมั้ง...” มันมองหน้าผมแล้วยิ้มๆ

“ยิ้มเหี้ยอะไรของมึงวะ”

“ป๊าวว ไอ้เหี้ย กูก็แค่นึกขึ้นมาได้ว่าคืนนั้นที่มึงเลี้ยงเหล้าพวกกูอะ มึงแม่งเมาเหี้ยๆ ขนาดไหน หนนี้อย่าเมาขนาดนั้นอีกนะเว้ย ฮ่าๆๆ ขี้เกียจแบกว่ะ”

“ครวยเหอะ! กูไม่ได้เมาขนาดนั้นบ่อยๆ สักหน่อย!”

“วันนั้นกูกับไอ้ก้องต้องช่วยกันแบกมึงขึ้นห้องไอ้เชี่ยโตเลยนะเว้ย”

“อ้าว มึงน่ะเหรอ เฮ้ย... เดี๋ยวนะ คนที่แบกกูขึ้นห้องไอ้โตเนี่ย ไม่ใช่ตัวมันเองเหรอวะ”

“เปล่าๆ มึงจำผิดแล้ว ไอ้หอยแหลม คืนนั้นอะ ไอ้โตแม่งไม่ได้ช่วยแบกมึงเลยแม้แต่นิดเดียวเหอะ แม่งแค่ช่วยหามพามึงออกจากร้านกับลากมึงขึ้นรถเฉยๆ แต่ตอนลงจากรถอะ กูกับไอ้ก้องต่างหากที่ช่วยกันดูแลพามึงไปจนถึงเตียงแม่งได้ แล้วจากนั้นพวกกูก็ออกไปแดกเบียร์แล้วก็กินข้าวต้มกันต่อ ปล่อยพวกมึงนอนกันไปนั่นแหละ”

ผมไม่เคยรู้เรื่องนั้นมาก่อนเลย!

“ไอ้คำว่า ‘พวกมึง’ กับ ‘พวกกู’ ของมึงเนี่ย ใครมั่งวะ”

“อ้าว ไอ้เหี้ย ‘พวกกู’ ก็กู ไอ้รัน แล้วก็ไอ้โต ส่วน ‘พวกมึง’ ก็มีมึงกับไอ้ก้องแค่สองคนอะดิ ไอ้เชี่ยโตแม่งไม่ได้เมาขนาดจะนอนเลยสักหน่อย ปกติแม่งแดกเหล้ายังกะน้ำ มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอวะ” มันหัวเราะเบาๆ “แต่จริงๆ แล้วไอ้สองคนนั้นมันก็บอกกูว่าไม่ต้องพูดให้มึงรู้อะนะ โดยเฉพาะไอ้ก้องมันบอกกูว่ามึงอาจจะไม่ค่อยพอใจถ้าได้ยินว่าตอนนั้นมึงเมามากแค่ไหน อะไรเงี้ย จริงรึเปล่าวะ”

ผมชะงักฝีเท้าลงทันที รู้สึกราวกับถูกใครบางคนตบเข้าที่หน้าอย่างจัง

“เป็นอะไรวะ ไอ้ซี หยุดเดินทำไม” ไอ้ไมค์หันมามองผมงงๆ “อย่าบอกนะว่ามึงไม่ชอบเวลากูพูดเรื่องคืนนั้นจริงๆ น่ะ เฮ้ยย ไม่เอาน่า ไอ้ห่า กูไม่ได้คิดอะไรหรอกนะเว้ย พวกกูทุกคนนั่นแหละ แค่เมานิดๆ หน่อยๆ สักหนสองหน ไม่เห็นมันจะปละ...”

“ล... แล้วคืนนั้น ไอ้โตมันกลับห้องไปอีกครั้งพร้อมกับพวกมึงรึเปล่าวะ” ผมถามขึ้นก่อนที่มันจะพูดจบ “กี่โมง”

“เออ ก็กลับดิ แต่กับกูคนเดียวนะ เพราะไอ้รันมันกลับบ้านไปแล้ว แล้วกูก็เป็นคนเดินไปส่งไอ้โตมันที่ห้องเองด้วย จำได้ว่าตอนนั้นก็ราวๆ ตีห้าได้แล้วอะนะ แล้วแม่งก็เมาด้วย แม่งงงง มึงคิดดูดิ กว่าแม่งจะเมาได้ก็เกือบสว่างอะ เชี่ยแม่งโคตรเป็นไอ้ตัวแดกเหล้าเปลืองเลย”

“มึงได้เข้าไปในห้องรึเปล่า”

“ก็เข้าอะ กูแวะเข้าไปเยี่ยวก่อนกลับหอตัวเอง... ทำไมวะ”

“และ... แล้วตอนนั้นกูก็กำลังนอนอยู่กับไอ้ก้องใช่มั้ยวะ”

“ก็เออดิ อะไรของมึงวะเนี่ย ไอ้ซี มึงเป็นเหี้ยอะไร ทำไมทำหน้างั้นวะ”

“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร... เดี๋ยวมึงจะกลับบ้านเลยใช่ปะ ไอ้ไมค์”

“เออ ก็คงงั้นอะว่ะ วันนี้กูมีนัดต่อ” มันตอบผมด้วยสีหน้างงๆ

“งั้นแยกกันตรงนี้เลยแล้วกันนะเว้ย กูขอไปธุระก่อนว่ะ พอดีเพิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้” ผมตบบ่ามันเบาๆ จากนั้นก็เดินแยกไปอีกทาง

ผมดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง... สี่โมงครึ่งแล้ว มันน่าจะกลับถึงห้องได้แล้วล่ะมั้ง เพราะมันบอกผมเองว่ามันต้องกลับห้องไปเคลียร์รายงานกลุ่มที่ยังไม่เสร็จ

ผมขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้ามหาวิทยาลัยไปยังหอของมันซึ่งตั้งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไปอีกหน่อย และเมื่อไปถึงแล้ว ผมก็โทรไปตามให้มันลงมาเปิดประตูหอให้ ซึ่งผมต้องใช้ความอดทนอย่างมากี่จะไม่โพล่งเรื่องที่กำลังอัดอั้นอยู่ในใจออกไปตั้งแต่มันลงมาหาที่หน้าหอ

“ตกลงมึงมีอะไรวะ ไอ้ซี จะมาทำไมไม่บอกกูก่อน” ไอ้ก้องพูดพลางเปิดประตูห้องออก

ผมดันมันเข้าไปในห้อง “กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง”

“เฮ้ยๆๆ เรื่องอะไรวะ”

ผมดึงคอเสื้อของมันเข้ามาหาพร้อมกับใช้เท้าเตะปิดประตูห้องลง

“คืนนั้นมึงทำอะไรกู!”

แววตาของไอ้ก้องเบิกโพลงด้วยความตกใจ “เฮ้ย อะไรของมึงวะเนี่ย!”

“มึงอย่ามาทำไก๋ ไอ้ก้อง กูรู้ความจริงหมดแล้วนะเว้ย!”

เราสองคนจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะปัดมือผมออก “มึงรู้ความจริงเหี้ยอะไรวะ มึงพูดเหี้ยอะไรของมึง ถ้ามึงมีอะไรอยากจะพูด กูว่ามึงพูดออกมาให้ชัดๆ ตอนนี้เลยดีกว่า ไอ้ซี”

“ไอ้ไมค์มันบอกกูหมดแล้ว!”

“บอกอะไรมึง”

“มันบอกว่ากว่าที่พวกมันรวมทั้งไอ้โตจะกลับมาถึงห้องก็ปาไปเกือบสว่างแล้ว เพราะงั้น...” ผมชะงักไป เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “คืนนั้นจึงมีแค่กูกับมึงเท่านั้นแหละ ที่นอนกันอยู่สองคนเกือบตลอดน่ะ ไอ้ก้อง”

“แล้วยังไงวะ”

ผมอ้าปากเกือบจะหลุดด่าไอ้ความดื้อดึงสุดจะทนนี้ของมันออกไปแล้ว แต่ก็ยังตัวเองเอาไว้ได้ทัน “ก็ได้... กูจะพูดกับมึงตรงๆ ก็ได้!”

มันจ้องตาผมไม่กะพริบ ถึงแววตาของมันจะแลดูแข็งกร้าว แต่ผมก็ยังแอบเห็นความหวั่นไหวลึกๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้อยู่เหมือนกัน

หรือผมแค่คิดไปเอง...?

“แต่กูขอถามหน่อยว่าทำไมมึงต้องกำชับคนอื่นไม่ให้บอกอะไรกูเรื่องคืนนั้นด้วย”

“อ้าว ไอ้เหี้ย ก็กูเห็นมึงท่าทางไม่พอใจ กูก็ไม่อยากให้คนอื่นไปสะกิดอะไรมึงอีกน่ะสิวะ”

จริงๆ เหตุผลนี้มันก็พอฟังขึ้นอยู่หรอก...

“คืนนั้นมึงบอกกูว่ามึงเห็นไอ้โตมันนอนกอดกูแล้วทำอะไรกู...”

มันดูอึ้งๆ ไปเล็กน้อย “อันนั้นกูพูดเล่น กูก็เคยบอกไปแล้วไงว่ากูพูดเล่น”

“แล้วมึงล่ะ”

“อ... อะไรวะ”

“แล้วมึงล่ะ ได้ทำอะไรกูรึเปล่า”

ไอ้ก้องหน้าแดงขึ้นทันที “มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ!!”

“กูก็พูดอย่างที่มึงได้ยินนั่นแหละ!”

“มึงไปไกลๆ ตีนกูเลย ไอ้ซี!!” มันผลักอกผม จากนั้นก็เดินหลบออกไป

“มึงตอบคำถามกูสิวะ ไอ้สัตว์! หรือมึงจะให้กูไปถามไอ้โตแบบนี้ด้วยอีกคน!”

มันหันกลับมามองหน้าผมทันที คิ้วของมันขมวดเข้าหากัน ใบหน้าแดงก่ำและสีหน้าแลดูโกรธเกรี้ยว

“มึงกลับไปเลย ไอ้ซี! กูไม่อยากจะทะเลาะกับมึงจนเสียเพื่อนนะเว้ย!!”

“ถ้ามึงไม่คุยกับกูให้รู้เรื่องวันนี้ตอนนี้ มึงก็จะเสียกูไปเหมือนกัน!!”

อีกครั้งที่มันผงะไปเพราะคำพูดของผม ไอ้ก้องมองหน้าผมด้วยแววตาที่เริ่มสะท้อนความลังเลใจออกมา แต่ผมก็สังเกตเห็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่มันจะหันหน้าหลบไปทางอื่น

เราต่างเงียบกันไปหลายนาที

“ไอ้ก้อง...”

“กูก็อยากจะขอถามอะไรมึงด้วยเหมือนกัน ไอ้ซี” มันพูดขัดขึ้นเสียก่อน

“อะไร”

“เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน จริงมั้ยวะ”

“เออ จริง”

“งั้นมึงตอบอะไรกูมาตามตรงอย่างนึง”

อะไรของมันวะ ตอนแรกมันบอกว่าขอถามอะไรผมหนึ่งอย่าง แล้วตอนนี้มันยังจะให้ผมตอบอะไรมันอีก แบบนี้ไม่เท่ากับว่ามันถามผมสองคำถามแล้วรึไง

“เออ ก็ถามมา”

“มึงกับไอ้นะเป็นมากกว่าเพื่อนกันใช่มั้ยวะ”

เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป ผมก็ถึงกับต้องสะอึก

“มึงตอบกูมาตามความเป็นจริง ไอ้ซี แล้วหลังจากนี้กูก็จะพูดความจริงกับมึงทุกอย่างเหมือนกัน” มันรีบพูดดักผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะทันได้ปฏิเสธ

“แล... แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะ!”

“เกี่ยว”

“ไอ้เหี้ย! อยู่ดีๆ ทำไมมึงถึงคิดว่ากูกับไอ้นะต้องเป็นแฟนกันด้วยล่ะวะ!”

“มึงอย่ามาโยกโย้ ไอ้ซี รีบๆ ตอบคำถามของกูมาได้แล้ว ถ้าใช่ก็ตอบว่าใช่ ถ้าไม่ก็แค่ปฏิเสธ ไม่เห็นแม่งจะยากตรงไหน”

“ไอ้...!!” ผมอ้าปากค้าง สีหน้าและแววตาของไอ้ก้องทำเอาผมพูดไม่ออก

“ตอบมา”

“อ... คือ... ไอ้ซีกับกูมะ...” ผมอำอึ้ง “ฮึ่ยยย!! เออ! กูกับมันเป็นแฟนกัน! พอใจมึงรึยัง! แล้วสุดท้ายมึงจะบอกได้รึยังว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับที่กูถามมึงว่าคืนนั้นมึงทำอะไรกูยังไง!!” ผมใช้นิ้วชี้จิ้มลงบนหน้าอกของมัน

“คืนนั้นกูไม่ได้ทำอะไรมึงทั้งนั้นแหละ”

“ไอ้เวรเอ๊ยยยย! ป่านนี้แล้วมึงยังจะปฏิเสธอีกเหรอวะ!” ผมเริ่มหัวเสียอีกครั้ง

“กูต้องปฏิเสธสิวะ ก็กูไม่ได้ทำเหี้ยอะไรมึงจริงๆ!”

“ไอ้เหี้ยก้อง! นี่กูเห็นมึงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกู แล้วกูก็ยอมบอกความจริงเรื่องของกูกับไอ้นะให้มึงฟังไปแล้ว แต่สุดท้ายมึงก็ยังจะปฏิเสธ นี่มึงอยากจะเสียกูไปจริงๆ ใช่มั้ยวะ!”

“ถ้ามึงเห็นกูเป็นเพื่อนสนิทมึงจริง มึงก็หัดฟังกูบ้างสิเว้ย!” มันคว้าคอเสื้อของผม “กูไม่ได้ทำเหี้ยอะไรมึงทั้งนั้นแหละ! กูไม่ได้เป็นเกย์ และกูก็ไม่เคยคิดอะไรกับมึงเลยด้วย!”

“ไอ้...!!”

“แต่ไอ้โตมันคิด!” ไอ้ก้องพูดแทรกขึ้นก่อนที่ผมจะพูดชื่อมันจบ “เพราะมันชอบมึงมาตั้งนานแล้ว!!”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 26-03-2012 23:30:54
หง่ะ :a5:

ไอ้โตคือคนๆนั้นหรือนี่

แล้วไงต่ออ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

คุณต้น.....มันค้างนะเนี่ย :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-03-2012 23:31:34
ตัวการเป็นก้องเหรอเนี่ย
ซีคงเสียความรู้สึกน่าดู โดยเฉพาะเรื่องที่โกหกซ้ำแล้วซ้ำอีก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 26-03-2012 23:36:31
ตกลงใครกัน ทั้งสองคนเลยป่ะเนี่ย แต่ก้องน่าสงสัย โยนไปให้โตป่าว
ตอนนี้ไม่มีนะโผล่มาเลยอ่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 26-03-2012 23:41:39
มันค้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 26-03-2012 23:43:12
อ่าว เอาแล้วจุ้ย หมดสต๊อกแล้วด้วย  :sad4:

แล้วน้ำ...นั่น ของใครหง่ะ? โต? ก้อง? ใคร?

มันผุดออกมาจากผิวหนัง? ไม่ใช่หรอก เอ๊ะยังไง?


รอตอนต่อไปครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-03-2012 23:46:26
ยังไม่เคลียร์ ค้างงงง ใครเป็นคนทำกันแน่
ที่จริงก็อยากรู้นะถ้าซีไปบอกนะ นะจะว่ายังไง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-03-2012 23:50:19
เหอ เหอ ผู้ร้ายยังลอยนวล
ผู้ต้องสงสัยให้การปฏิเสธ
ต้องตามไอ้โตมาสอบอีกคน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 26-03-2012 23:53:50
ตัดจบซะงั้น

มาต่อไวๆนะคะคุณต้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 27-03-2012 00:10:40
เริ่มงง ใครทำกันแน่ โตกับก้อง  :really2:
โยนกันไปโยนกันมา ปวดหัวแทนซี
 

:pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 27-03-2012 00:21:03
บอกเรื่องนี้กับนะ สักนิดก้ได้   

แล้วมันคือใคร
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 27-03-2012 00:22:18
ค้างอะ ตกลงไงกันแน่
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 27-03-2012 00:27:36


อ่านแล้วค้างหนักกว่าเดิมอีกอ่ะ อ้าาาาาาาา~~~~~~

             :serius2:                :serius2:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 27-03-2012 00:29:23
พี่ล่ำเปิดตัวได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 27-03-2012 01:18:22
ตกลงจะยังไงว้า
บอกไม่ได้ทำแต่พูดว่าคนอื่นมันคิด
เอ้อนะ จะให้คิดไง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-03-2012 06:27:23
เอ่อ โตคิด แล้วใครทำ...โตงั้นเหรอ แต่เค้าก็มีพยานบุคคลว่ากลับตอนตีห้านินา
หรือว่าทำหลังจากนั้น อ๊ะ อะไรยังไง อยากรู้ o9
แต่ก็โล่งใจที่ก้องไม่ได้ทำนะ แล้วที่ว่าซีกับนะเป็นแฟนกันมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเกี่ยวยังไงอ่า
เย้ย ทำไมมีแต่คำถามเต็มไปหมด พี่ต้นมาต่ออีกน้า :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 27-03-2012 06:55:15
ความจริงเริ่มออกมาแล้ว แต่ยังไม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะ ต่นต๊น เพียงคนเดียว ที่ยังไม่ยอมลงหมด  :z1:
+1 ให้กับความ..... ของต่นต๊น  :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-03-2012 06:58:53
แล้วคราบสีขาวนั่นตกลงเป็นของใครเนี่ย?

 :a6:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 27-03-2012 11:04:03
ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-03-2012 12:07:17
ตกลงยังไงว๊าาาา :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 27-03-2012 12:35:15
แล้วตกลงใคร...ซี

โตชอบซีตั้งนานแล้วด้วย

โอ๊ย ซ้ำซ้อน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 27-03-2012 13:43:47
ตกลงใครเป็นคนทำ.....อะไรซีเนี่ย
เริ่มลังเลอ่ะ
ใครโกหก ก้องหรือว่าโต
-.,-
พี่ต้นคะ คือหนูเข้าใจผิด
อร๊ายยยยยย
ขอโทษค่าาาาาาาา~
งั้นจิ้มบวกให้ซะเลย
>//////<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 27-03-2012 14:29:41
แต่ความรู้สึกว่าน่าจะเป็น ก้อง นะ :z3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 27-03-2012 16:51:03
พลิกไปพลิกมา  งงแฮะ  555

นะจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ยยยยย  หรือที่จริงนะเป็นคนทำ  555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 28-03-2012 14:20:34
แล้วเรื่องเป็นไงต่อเนี้ย....ใครทำกันแน่ ก้องพูดจริงไหม...ต้องการเชอล็อก โฮม มาช่วยไขคดีเร็วววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 28-03-2012 15:29:39
. แล้วใครทำน้องซี :really2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 28-03-2012 18:46:03
โอ๊ย...ค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 28-03-2012 19:25:48
โอ๊ยยย...ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก
บุคคลปริศนาคนนั้นคือใคร??????
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 29-03-2012 00:18:53
เรียกโตมาคุย

สามคน จบๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 29-03-2012 21:53:00
แหล่ว แหล่ว แหล่ว แล้วววววววว เป็นผู้ใด
คนอ่านสับสนเป็นลมดมยาดม10กล่องก็ไม่หาย :really2:
ก้องไม่ใช่ โตหรอก็ไม่รู้ เอาไงดีเนี่ยซีเอ๊ยยยยยยย กลุ้มแทน
....................................
ตัดฉับได้ดีกค่าคุณต้น  o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 29-03-2012 22:31:21
ไล่กันไม่จน วนกลับมาที่เดิม  ตกลงมันใครกันแน่ที่ลักหลับซี โตก้อง ก้องโต
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 30-03-2012 19:55:26
อ่านโจนนท์จบได้สักพักแล้ว คิดว่าจะอ่านเรื่องนี้ต่อ  แปะไว้ก่อนดีกว่า รอให้เยอะกว่านี้ก่อน มี19ตอน  ถ้าเริ่มอ่านเลย ไม่ช้าคืนนี้ก็จบ ยังไม่อยากรู้สึกค้าง ง ง 
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: CHoMe ที่ 31-03-2012 16:38:20
ตกลงใครกันแน่ อะไรยังไง งง  o2

ซีรีบคุยกับนะเถอะ น่าจะดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 01-04-2012 21:36:52
อย่าหายไปนานนะคร๊าบบ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 02-04-2012 22:28:11
อยากรู้ๆๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 03-04-2012 00:12:36
พี่นะมาช่วยน้องซีได้แล้วววว!~~
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 19)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 03-04-2012 18:04:47
อย่ามาม่านานนะค๊าบบบ  :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 04-04-2012 18:02:00
SeeeDz ที่ 20

ผมยืนนิ่ง รู้สึกราวกับถูกต่อยที่หน้าเข้าอย่างแรงทั้งๆ ที่ไอ้ก้องไม่ได้ทำอะไรผมเลย แค่คำพูดประโยคสั้นๆ ของมันก็ทำให้หน้าผมชาได้ถึงขนาดนี้

“เออ! ไอ้โตมันชอบมึง! มึงไม่ได้ฟังผิดไปหรอก!” ไอ้ก้องพูดย้ำอีกครั้ง “และกูก็ไม่ได้คิดเหี้ยอะไรกับมึงเลยยย!!”

“อ... ไอ้โต... ไอ้โตมันชอบกูเหรอวะ ล... แล้วแปลว่าคืนนั้นมัน... ทำอะไรกูจริงๆ งั้นเหรอวะ”

“กูก็ไม่รู้หรอกว่ามันทำอะไรมึงรึเปล่า...” น้ำเสียงของไอ้ก้องอ่อนลงเล็กน้อย “มึงคิดว่ามันทำอะไรมึงจริงๆ เหรอวะ แล้วแม่งทำอะไร”

“กู... กูก็ไม่รู้หรอกว่าแม่งทำอะไรกูน่ะ ไอ้เหี้ย!” ผมรู้สึกอายจนหน้าร้อนผ่าว “มึงไม่ต้องถามกูเรื่องนั้นได้มั้ยวะ!”

“แล้วมึงแน่ใจรึไงว่ามันทำอะไรมึงน่ะ”

“เอาเป็นว่ากูมั่นใจก็แล้วกัน แต่มึงนั่นแหละ รู้ได้ยังไงว่ามันชอบกู”

“กูเคยไปกินเหล้ากับมันแล้วมันหลุดปากพูดกับกูเอง

“กู... กูไม่เห็นเคยรู้เลย”

“มึงจะรู้ได้ไงล่ะวะ ก็มึงเอาแต่ไปไหนมาไหนกับไอ้นะ ส่วนไอ้โตแม่งก็ไม่เคยกล้าใกล้ชิดอะไรกับมึงจริงๆ จังๆ สักทีนี่หว่า” ไอ้ก้องถอนหายใจ “แต่มึงอย่าเอาไปบอกมันนะเว้ยว่ากูเล่าให้มึงฟังน่ะ เพราะมันตั้งใจจะตัดใจจากมึงมาตั้งนานแล้ว ยิ่งมันเห็นมึงสนิทกับไอ้นะ มันก็ยิ่งพยายามทำใจมาตลอดว่ะ”

ผมพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ไอ้ก้องพูดในหัว พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน นึกถึงตลอดเวลาที่เคยอยู่กับไอ้โตในกลุ่ม คำพูดของมัน ความใกล้ชิดที่เราเคยมีให้กัน แต่ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่ามันแอบชอบผมอยู่ได้ยังไง ถ้าหากเป็นจริงอย่างที่ไอ้ก้องพูด นั่นแปลว่ามันต้องเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ได้ดีมากๆ

“บุคลิกของมันอาจจะไม่เหมือน แต่มึงเชื่อกูเหอะว่ามันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ” ไอ้ก้องพูดขึ้นราวกับจะอ่านสีหน้าแคลงใจของผมออก “หลังจากคืนนั้นที่มันเมาแล้วหลุดพูดกับกู วันรุ่งขึ้นแม่งก็ยังปฏิเสธกับกูเลยว่ามันไม่ได้คิดอะไรกับมึง มันแค่พูดเล่น แต่พอมันเห็นว่ากูไม่เชื่อ มันก็เลยยอมสารภาพและคุยเรื่องนี้กับกูจริงๆ จังๆ แต่ว่าก็ไม่ได้บ่อยนักหรอกนะเว้ย เพราะแม่งเป็นคนที่มีอะไรก็มักเก็บไว้ในใจจริงๆ อะว่ะ”

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “...ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“มึงหมายถึงที่มันชอบมึงหรือที่กูรู้เรื่องนี้”

“ทั้งสองอย่าง”

“กูรู้เรื่องนี้ก็ปลายๆ เทอมแล้ว ส่วนมันน่าจะชอบมึงมาตั้งแต่แรกๆ แล้วล่ะว่ะ... เฮ้ย นี่ ไอ้ซี ตกลงว่าไอ้โตมันทำอะไรมึงจริงๆ เหรอวะ”

“ก็แล้วตกลงมึงเห็นว่ามันนอนกอดกู ล้วงควักอะไรกูจริงรึเปล่าล่ะ”

“อะ... เอ่ออ...” มันอึกอัก “ก็เห็นแวบๆ ว่ามีพาดแขนอะนะ แต่ล้วงควักอะไรกูก็ไม่เห็นหรอก กูแค่พูดเล่นอะว่ะ”

“แต่มึงเห็นมันนอนกอดกูจริงๆ ใช่มั้ยวะ”

“ก็ประมาณนั้น” มันพยักหน้า “แล้วมึงไม่รู้สึกตัวอะไรเลยเหรอวะ... กูหมายถึงตอนนั้นที่แม่งทำอะไรมึงน่ะ”

“ไม่รู้เว้ย! กูมารู้ตัวว่าแม่งผิดปกติก็ตอนกูตื่นมาเข้าห้องน้ำแล้ว...” ผมชะงักไป เพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังพูดมากไปเสียแล้ว

“เข้าห้องน้ำแล้วทำไมวะ”

“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้เหี้ย กูบอกแล้วไงว่ากูไม่อยากพูดถึง”

เราสองคนเงียบกันลงไปอีกครั้ง

“นี่ ไอ้ซี แล้วมึงโกรธหรือเกลียดไอ้โตมันมั้ยวะ”

นี่คือคำถามที่ผมก็กำลังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน

“กูไม่ได้โกรธหรือเกลียดมันที่มันชอบกูหรอก แต่กูไม่พอใจที่มันฉวยโอกาสทำแบบนั้นกับกูตอนกูหลับ ตอนกูเมา กูว่าแม่งทุเรศเกินไปหน่อยว่ะ”

“เหรอวะ...” ไอ้ก้องถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆ “กูเสียใจว่ะ กูไม่อยากให้เรื่องแบบนี้แม่งเกิดขึ้นกับเพื่อนเลย”

“อะไรที่แม่งเกิดไปแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วว่ะ”

“ก็คงจริงของมึง...”

“แล้วทำไมมึงถึงไม่ยอมบอกกู ไอ้ก้อง มึงรู้มั้ยว่าที่ผ่านมากูไม่สบายใจขนาดไหนน่ะ”

“อ้าว แล้วมึงจะให้กูบอกอะไรมึงวะ ไอ้โตแม่งก็เพื่อนกู และกูก็ไม่รู้ด้วยว่ามึงจะสงสัยว่ากูหรือมันลักหลับหรือครวยอะไรมึงน่ะ”

เออ ที่มันพูดก็ถูกอีก

ไอ้ก้องถอนหายใจ “แล้วมึงจะทำยังไงต่อไปวะ... มึงจะไปคุยกับมันเรื่องนี้รึเปล่า”

“ถ้ากูคุยแล้วจะเป็นยังไงวะ”

“กูว่ามึงอย่าพูดเลย ไอ้เหี้ย ถือซะว่าอโหสิไปเหอะว่ะ แค่ตอนนี้มันก็รู้สึกแย่จะตายห่าอยู่แล้ว เกิดมึงพูดอะไรไปอีก แม่งจะยิ่งมีแต่เสียกับเสียนะเว้ย เอาเป็นว่าถ้ามึงมีอะไรอยากจะระบายก็ให้มาคุยกับกูแทนได้มั้ยวะ กูขอเป็นคนรับฟังแทนเอง กูไม่อยากให้พวกเรามีปัญหากันเลยว่ะ ไอ้ซี”

ผมนิ่งไปพักหนึ่ง “กูยังไม่รับปากมึงก็แล้วกัน ไอ้ก้อง แต่กูจะลองเอาไปคิดดู...”

หลังจากนั้นอีก 2-3 วัน ผมก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับไอ้ก้องอีกเลย และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมแทบจะไม่ได้คุยกับไอ้โตด้วย ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถมองหน้ามันได้เหมือนอย่างเคย ผมไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ซึ่งดูเหมือนว่าไอ้โตเองก็คงจะพอจับความรู้สึกของผมได้เช่นกัน เพราะมันเองดูพยายามหลีกเลี่ยงที่จะคุยกับผมหรืออยู่กับผมสองคนตามลำพังเสมอ

เรื่องที่ผมรู้มาจากไอ้ก้องทำให้ผมไม่สบายใจเลย ผมพยายามแล้วที่จะไม่คิดมาก แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดต่อนะ และยังทำตัวไม่ค่อยถูกเวลาที่มีไอ้โตโอยู่ใกล้ๆ ความไม่สบายใจที่ผมมีเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนคืนหนึ่งขณะที่ผมกับนะกำลังนอนดูหนังอยู่ในห้องของเขา เขาก็ทักเรื่องนี้ขึ้นจนได้

“ช่วงนี้มึงมีปัญหาอะไรรบกวนใจอยู่รึเปล่าวะ ไอ้ซี ดูมึงไม่ค่อยสดใส ไม่ค่อยกวนตีนเหมือนแต่ก่อนเลยนะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมหันไปหาเขา

“ก็ประมาณนั้นแหละ... กูทำอะไรไม่ดีรึเปล่าวะ หรือถ้ามึงรู้สึกไม่ดีเวลาอยู่กับกู มึงก็บอกกูได้นะเว้ย” สีหน้าเขาดูเป็นกังวล

“เฮ้ยยย กูจะไปรู้สึกแบบนั้นกับมึงได้ยังไง” ผมจับหัวเขาโยกไปมาเบาๆ “กูไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า มึงคิดมากไปรึเปล่า ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนั้นขึ้นมาวะ”

“ก็กูบอกแล้วไงว่าพักนี้มึงดูเครียดๆ ชอบกล ไม่เหมือนมึงเวลาปกติเลย กูก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกูรึเปล่า...”

“ไม่เว้ยๆ มึงอย่าคิดมากดิ ถ้ากูไม่อยากอยู่กับมึง คืนนี้กูจะมานอนที่หอมึงทำไมวะ จริงปะ”

“ไม่รู้นี่หว่า กูคิดว่ามึงอาจจะมาเพราะเห็นว่ากูชวนอะไรแบบนั้นรึเปล่าน่ะ แล้วอีกอย่าง...”

“อีกอย่างอะไรวะ” ผมสงสัย

“อีกอย่าง... มึงไม่ได้สังเกตเลยเหรอวะ” เขาก้มหน้าหลบสายตาของผม “ว่าตั้งแต่กูกลับมา กทม. เนี่ย เราแทบไม่ได้มีอะไรกันเลยนะเว้ย แค่ชักว่าวด้วยกันหนเดียวเมื่อตอนเปิดเทอมแรกๆ แล้วหลังจากนั้นมึงก็... ไม่รู้ดิ ดูไม่อยากอะ ดูเฉยๆ ไปยังไงไม่รู้”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็อึ้งไปเหมือนกัน บางทีอาจเป็นเพราะผมยังไม่เคยชินกับการมีแฟนเป็นผู้ชายที่กล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาตรงๆ ก็ได้ แต่ว่าสิ่งที่เขาพูดมาก็เป็นความจริงทุกอย่าง ช่วงสัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมา เราสองคนมีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังที่ห้องของเขาแบบนี้หรือแม้แต่ที่บ้านของผม 2-3 ครั้ง แต่เรากลับไม่ได้ทำอะไรกันเลย

“มึงเงี่ยนเหรอวะ ไอ้ตูด หืออ” ผมชะโงกหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ

“เงี่ยนไม่เงี่ยนมันก็อีกเรื่องนึงเว้ย แต่กูไม่ค่อยสบายใจที่เห็นมึงเป็นแบบนี้มากกว่า มึงมีอะไรก็บอกกูมาตรงๆ สิวะ ไอ้ตี๋”

ผมถอนหายใจเบาๆ “เออๆ กูขอโทษ กูบอกก็ได้... จริงๆ แล้วกูว่ากูกำลังมีปัญหากับเพื่อนกูอยู่ว่ะ”

“เพื่อนในกลุ่มมึงน่ะเหรอวะ”

“ก็ประมาณนั้น”

“มิน่า พักหลังๆ นี้กูถึงไม่ค่อยเห็นมึงไปอยู่กับพวกมันเลย มีปัญหาอะไรกันวะ ปกติมึงก็ไม่ใช่คนที่จะทะเลาะกับใครง่ายๆ นี่หว่า”

“กูไม่ได้ทะเลาะกับใครหรอก...”

“อ้าว แล้วมีปัญหาอะไรวะ ลองเล่าให้กูฟังดูซิ เผื่อกูจะช่วยได้”

ผมจ้องมองไปยังดวงตาดำขลับคู่นั้นของเขา แววตาของเขาสะท้อนแต่ความห่วงใยและความอบอุ่นออกมาจนทำให้ผมรู้สึกเจ็บแน่นในอกข้างซ้าย

“ไอ้นะ... ถ้าเกิดมีคนมาชอบกูอะ มึงจะโกรธกูรึเปล่าวะ”

“จะโกรธทำไม คนมาชอบมึงมันจะแปลกตรงไหนวะ ไอ้ซี ก็มึงแม่งหล่อออกขนาดนี้อะ”

“มึงประชดกูรึเปล่าเนี่ย”

“กูไม่ได้ประชดสักหน่อย ไอ้ห่า” เขาหัวเราะเบาๆ “แล้วไงวะ มีสาวคนไหนมาชอบมึงรึไง ถ้าให้กูเดานะ เพื่อนในกลุ่มมึงคนนึงกำลังจีบผู้หญิงอยู่ แต่ผู้หญิงคนนั้นดันมาชอบมึง... อะไรแบบนั้นรึเปล่าวะ”

“เปล่าเลยเหอะ ไอ้เหี้ย”

“อ้าว ไม่ใช่เหรอวะ” เขาเลิกคิ้วขึ้น “โอววว์ ดราม่าเอยจงซับซ้อนยิ่งขึ้น”

ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ไอ้ห่า! กวนตีนนะมึง!!”

“แต่ก็ทำให้มึงยิ้มได้นี่” เขาฉีกยิ้มกว้าง

รอยยิ้มของเขาทำให้ผมทั้งรู้สึกสบายใจขึ้นและเจ็บปวดในใจพร้อมๆ กัน

ผมยกมือขึ้นลูบแก้มของเขาเบาๆ “นี่ ถ้าหากว่าแฟนมึงคนนี้โดนลักหลับ มึงจะโกรธมั้ยวะ ไอ้นะ...”

“เฮ้ย! ลักหลับเหรอวะ! ใครมันจะมาลักหลับมึง กูว่าถ้าแม่งเกิดขึ้นจริงก็คงตลกดีอะว่ะ ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะชอบใจ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของผมและเริ่มรู้แล้วว่าผมไม่ได้แค่ยกตัวอย่างขึ้นมาเล่นๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “เฮ้ย ไอ้ซี...”

ผมถอนหายใจ “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”

“เมื่อไหร่วะ! ที่ไหน! ใครแม่งมาทำอะไรเหี้ยๆ แบบนี้ มึงบอกกู กูจะไปต่อยแม่ง!!” เขาชันตัวขึ้นพร้อมกับโวยวายเสียงดัง

“มึงอย่าเสียงดัง ไอ้นะ! นั่งลงดีๆ ก่อน!” ผมคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

“ใครมันทำอะไรมึง! เมื่อไหร่!!”

“กูก็ไม่รู้หรอกว่ามันทำอะไรกู ที่จริงมันอาจจะไม่ได้ทำอะไรกูเลยก็ได้ด้วยซ้ำ”

“แล้วนี่มึงหมายถึงเมื่อไหร่ ตอนที่มึงไปกินเหล้ากับพวกไอ้ไมค์ใช่มั้ย ทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่ตอนนั้นวะ!”

“โธ่เว้ย!! มึงใจเย็นๆ ก่อนสิวะ ไอ้นะ!” ผมตะคอกออกไปเพราะความโมโห “มึงคิดว่าเรื่องนี้มันพูดออกไปได้ง่ายๆ รึไง! มึงคิดว่าที่ผ่านมากูสบายใจกับเรื่องเหี้ยๆ พวกนี้นักรึไงวะ!!”

เขาผงะไป ท่าทางตกใจที่จู่ๆ ผมก็ตวาดใส่เขา

“กูเองก็ไม่สบายใจมาตลอดนั่นแหละเว้ย! ไม่รู้ว่าใครแม่งทำอะไรกู! แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าแม่งทำเหี้ยอะไร!! กูก็เพิ่งจะมารู้อะไรๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน กูยังช็อคและยังทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วมึงจะมาโวยวายเอาอะไรจากกูนักหนาวะ!!”

เราสองคนเงียบกันไปพักหนึ่ง ก่อนที่นะจะจับแขนของผมเบาๆ เขาดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงตัวของผมเข้าไปกอด

“กูขอโทษ... ไอ้ซี กูขอโทษ กูไม่ได้ว่าอะไรมึงเลย กูแค่หวงมึงเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง กูขอโทษนะเว้ย มึงอย่าโกรธกูเลยนะ”

ผมดันตัวเองออกช้าๆ “เออๆ กูไม่ได้โกรธมึงหรอก กูแค่เครียดๆ ว่ะ ขอโทษที่ขึ้นเสียงใส่มึง กูไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร ถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจ มึงอยากจะตะโกน จะด่า จะว่าอะไรกูก็ได้เว้ย กูยอมรับฟังทั้งนั้นแหละ เพราะกูรู้ว่ายังไงมึงก็รักกูอยู่ดี”

ประโยคนี้ของเขาทำให้ผมรู้สึกชาไปทั้งหน้า และน้ำตาของผมมันก็เริ่มไหลออกมาทันที

“เฮ้ย ไอ้ซี มึงเป็นอะไร!” เขาตกใจ

“กู... กูรักมึงว่ะ ไอ้เหี้ยล่ำเอ๊ยย แม่งงง! ฮึก...!!” ผมพยายามกลั้นน้ำตา “ทำไมมึงแม่งโคตรดีขนาดนี้วะ แล้วทำไมเรื่องเหี้ยๆ แบบนั้นแม่งต้องเกิดขึ้นกับกูด้วย!”

เขาใช้นิ้วโป้งปาดหยดน้ำตาออกจากแก้มของผม และดึงตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง

“กูเข้าใจมึงแล้ว ไอ้ซี กูรู้แล้วว่ามึงอัดอั้นขนาดไหน... กูขอโทษ กูรักมึงนะเว้ย”

ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรวบตัวของเขาไว้แน่น น้ำตาของผมไหลออกมาอีกนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะพยายามรวบรวมสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วคลายวงแขนออก

“กูไม่เป็นไรแล้ว โทษทีว่ะ” ผมใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา "คงเป็นเพราะกูเครียดมานานมั้ง แม่งก็เลย..."

“ไอ้ซี กูขอถามอะไรมึงอย่างนึงนะ มึงใจเย็นๆ ก่อนนะเว้ย”

ผมพยักหน้า “เออ อะไร”

“ที่มึงคิดว่ามึงโดนเพื่อนลักหลับเนี่ย... มึง... เอ่ออ... คิดว่ามัน ‘ทำ’ มึงขนาดไหนวะ ถึงขนาด... สอดใส่เลยรึเปล่า”

“เฮ้ยย!! ไม่ใช่เว้ย! ไม่ถึงขนาดนั้น!” ผมรีบปฏิเสธ แต่คำพูดของเขาก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา “...ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นหรอก เพราะตอนตื่นมากูก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บก้นอะว่ะ”

“โอเคๆ กูแค่กังวลอะว่ะ เพราะถ้าแม่งทำถึงขนาดนั้น กูคงไม่มีวันให้อภัยไอ้เหี้ยนั่นได้แน่”

“ขอบใจเว้ย แต่กูไม่ไคิดว่าจะโดนขนาดนั้นหรอก...” ผมปาดน้ำตา

“ไปล้างหน้าเถอะ” เขาจับมือผมแล้วก็จูงผมลุกจากเตียง

เราสองคนเดินเข้าไปในห้องน้ำ หยุดยืนอยู่หน้ากระจก จากนั้นนะก็เขยิบตัวเข้ามายืนประกบผมอยู่ทางด้านหลัง เขาดันร่างกายเข้ามาแนบชิดกับผม แล้วจึงเปิดก๊อกน้ำ

“ไม่ต้อง” เขารีบพูดห้ามขึ้นเมื่อผมยื่นมือออกไปตั้งใจจะวักน้ำขึ้นล้างหน้า “และไม่ต้องก้มลงด้วย...”

“ทำไมวะ”

เขาไม่ตอบแต่ยื่นมือทั้งสองข้างเข้าไปรองน้ำที่ไหลออกจากก๊อก  สะบัดเบาๆ และยกขึ้นช้าๆ

“หลับตาซะ...” เขาพูดลงที่หูของผม

ผมทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย สิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกคือนิ้วมือเปียกๆ เย็นๆ สองนิ้ว ที่ค่อยๆ วางลงบนเปลือกตาทั้งสองข้าง จากนั้นก็เลื่อนต่ำลงเล็กน้อยไปที่ขอบตา เขาปาดนิ้วเบาๆ เพื่อเช็ดคราบน้ำตาออก แล้วจึงเปลี่ยนเป็นใช้ทั้งฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าและลำคอของผมอย่างเบามือ มือข้างซ้ายของเขาไล่ต่ำลงไปที่ซอกคอ ในขณะที่มือขวาไล่ขึ้นไปเช็ดที่ใบหู

ผมถึงกับต้องเผยอริมฝีปากและครางในลำคอออกมาเบาๆ ความรู้สึกในตอนนี้มันช่างสรรหาคำพูดมาบรรยายไม่ได้จริงๆ

“รู้สึกดีขึ้นมั้ย” เขาซุกลงที่ซอกคอของผมพร้อมกับละมือออกไปรองน้ำที่ก๊อกอีกครั้ง

“อืมมม...”

เขาจุ๊บลงที่ซอกคอของผมเบาๆ ก่อนจะใช้มือที่เปียกน้ำทั้งสองข้างค่อยๆ ลูบไล้ใบหน้าและลำคอของผมอีกครั้ง

ผมรู้สึกเจ็บไอ้น้องชายที่แข็งเกร็งและกำลังถูกดันเข้ากับขอบอ่างล่างหน้า จึงขยับสะโพกเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่ใช่คนเดียวที่กำลังรู้สึกแบบนั้น เพราะว่าไอ้น้องชายของนะก็กำลังดันและตอดก้นผมกลับมาอยู่เหมือนกัน

“มึงเงี่ยนเหรอ” ผมถามเขา

“เปล่า...”

“หืออ”

“แต่กูแค่ ‘รัก’ มึง” เขาจุ๊บลงบนต้นคอของผม ทำเอาผมขาอ่อนเลยทีเดียว

“ไอ้นะ...” ผมหมุนตัวไปหาเขา

“หืมมม”

ผมยืนจ้องตาเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนใช้มือดึงหัวของเขาเข้ามาหาแล้วบรรจงประทับริมฝีปากลงบนปากของเขา

เราสองคนยืนแลกลิ้นกันอยู่ครู่หนึ่ง มือของเราลูบไล้ร่างกายกันและกันไปมา  สุดท้ายเราก็ผละออกพร้อมๆ กัน และช่วยกันถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันให้มากความ

เมื่อเราปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกหมดจนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผมกับเขาก็พุ่งตัวเข้าหากันแล้วจูบปากกันต่อ ผมรู้สึกไม่อยากจะแยกห่างจากเขาแม้แต่นาทีเดียวด้วยซ้ำ ความต้องการในร่างกายที่เคยถูกความเครียดกดดันเอาไว้จนผมแทบจะลืมไปแล้ว กลับพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง

เขายังคงมีร่างกายที่สมส่วนและแลดูบึกบึนแบบที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็คงต้องรู้สึกอิจฉาอยู่เหมือนเคย ความเข้มแข็งและอ่อนโยนของเขาเป็นดั่งเชื้อเพลิงที่กระตุ้นให้ผมรู้สึกโหยหา แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่คิดเลยว่าเขาจะทำให้ผมรู้สึกเติมเต็ม รวมทั้งรู้สึกประหลาดใจในความรักและความอบอุ่นที่เขามีให้ผมได้มากถึงขนาดนี้

เราสองคนเดินไปที่เตียงทั้งที่ก็ยังคงจูบกันอยู่ ผมผลักเขาให้ล้มลงไปนอนบนเตียง แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งคร่อมเขาเอาไว้ ผมซุกหน้าลงไปที่ซอกคอของเขา และค่อยๆ ไล่ลิ้นต่ำลงเรื่อยๆ จนไปถึงหน้าอก ทันทีที่ลิ้นของผมแตะลงบนหัวนม นะก็แอ่นอกขึ้นพร้อมจับหัวของผมเอาไว้ทันที

“ซี้ดดดส์... เสียวครับ ซี... อืมมม..มม..ม”

ผมใช้มือซ้ายจับไอ้น้องชายของเขาให้ตั้งขึ้นและรูดมันขึ้นลงเบาๆ พร้อมกับใช้ลิ้นตวัดสลับระหว่างหัวนมทั้งสองข้างไปด้วย

“อาา... อา.. า ซี... กูเสียว” เขาชันตัวขึ้นแล้วดึงมือของผมออก “เดี๋ยวกูก็แตกหรอก แฮ่กก... แฮ่กก...”

“แค่นี้ก็จะแตกซะแล้วเหรอวะ ไวไปป่าว”

เขาชะโงกหน้าเข้ามาจุ๊บปากผมเบาๆ “กูเก็บไว้นานขนาดไหน มึงไม่รู้รึไง...”

“โห พูดซะกูรู้สึกผิดเลยนะเนี่ย”

“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก” เขาส่ายหน้า จากนั้นก็คว้ามือของผมไปกุมไว้ “จำเอาไว้นะเว้ย ซี ไม่ว่าใครจะคิดยังไงกับซี ไม่ว่าใครจะทำอะไรซี มันก็เป็นเหมือนการตบมือข้างเดียว ไม่มีทางที่จะเกิดเสียงดังอะไรขึ้นได้หรอก เพราะนะรู้ดีที่สุดว่าหัวใจของซีอะ... อยู่ที่นะแล้ว”

ผมเขินจนรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“จะอ้วก!” ผมผลักหน้าอกของเขา

“เอ๊า! อะไรวะ” เขาหัวเราะ “อุตส่าห์พูดหวานๆ ด้วยนะเนี่ย ไอ้ตี๋เอ๊ย!!”

“ไม่ต้องหวานมากได้ปะ ไอ้ล่ำ กูจะอ้วกเว้ย”

“เหรอออ แต่กูว่ามึงแค่เขินมากกว่ามั้ง”

“ปากดีนักนะ! ไอ้ตูดดดดด!!” ผมบิดหูทั้งสองข้างของเขา

“โอ๊ยยย!! โอ๊ยๆๆๆ! ยอมแล้วๆๆ!!”

ผมปล่อยมือออก แล้วนั่งมองเขาที่ใช้มือจับหูตัวเองเบาๆ อยู่ครู่หนึ่ง

“...มึงรักกูมากเลยเหรอวะ นะ”

เขามองหน้าผมด้วยแววตาตลกๆ “ไม่มากเท่าไหร่หรอกมั้ง แค่ยอมตายแทนได้เท่านั้นเองแหละว่ะ”

ผมยิ้มกว้าง “มึงก็รู้ใช่ปะว่ากูรักมึงอะ”

“รู้ แต่รักมากแค่ไหนล่ะ”

“มากจนที่ผ่านมากูเครียดโคตรๆ แทบไม่เป็นอันกินอันนอนอะ มึงคิดดูว่าคนอย่างกูรู้สึกเครียดอะ มึงว่ามากมั้ยล่ะ”

“กูรู้...” เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ “เพราะงั้นกูถึงได้บอกไงว่ามึงไม่ต้องคิดมากหรอก กูอาจจะโกรธคนที่ทำแบบนั้นกับมึง แต่กูไม่โกรธมึงแน่นอน กูรู้ว่ามึงรักกูและกูเชื่อใจมึง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว... นะครับ”

“ครับๆ” ผมหอมแก้มเขาคืน

“ดูดิ พูดเรื่องซึ้งๆ จนหดหมดแล้วเนี่ย”

ผมก้มลงดูไอ้น้องชายในมือของเขาที่หดลงไปเกือบครึ่ง

“ปลุกมันขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นคืนนี้อดนะเว้ย”

“อดเลยเหรอ โหหห งั้นช่วยปลุกหน่อยดิ”

ถึงเขาจะพูดอย่างนั้น แต่แค่ผมปัดมือของเขาออกและใช้ปลายนิ้วสะกิดโดนตรงส่วนหัวที่โผล่พ้นหนังหุ้มแค่นิดเดียว ท่อนลำของเขาก็กลับมาแข็งผงาดเหมือนเดิมแล้ว

“ฟิตจริงๆ” ผมหัวเราะเบาๆ

“อมให้หน่อยดิ”

“หือออ นี่กูถูกขอให้อมครวยผู้ชายเหรอวะเนี่ย โคตรเสียเหลี่ยมเลยว่ะ”

“จะอมหรือไม่อม ถ้ามึงไม่อม กูอมให้มึงเองนะ”

“อยากเหรอ”

“กวนโอ๊ยนักนะ!” เขาดันตัวผมให้ล้มนอนหงายลงบนเตียง โดยที่เขาเป็นฝ่ายทับอยู่ทางด้านบน จากนั้นก็ใช้ลิ้นตวัดเลียตามส่วนต่างๆ บนร่างกายของผม สุดท้ายก็ไปหยุดที่บริเวณง่ามขาเมื่อลิ้นของเขาแตะลงที่ตรงขาหนีบผมก็ถึงกับดิ้นพล่านทันที

“อื๊อออ..อ...!! เสียวว่ะ!”

“เสียวเหรอ งั้น...” เขาตวัดลิ้นและไล่ต่ำลงเรื่อยๆ

“ซี้ดดดส์...!!”

นะใช้ลิ้นไล่เลียตรงง่ามขาของผมไปจนถึงบริเวณถุงไข่แฝด ซึ่งตอนนี้มันหดตัวเพราะความเสียวจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว เขาจับท่อนลำของผมตั้งขึ้นในขณะที่ใช้ลิ้นตวัดเลียไข่ของผมเบาๆ ไปด้วย ส่วนผมก็ได้แต่กำผ้าปูที่นอนไว้แน่นพร้อมกับบิดตัวไปมาอย่างทุรนทุราย

เขาเหลือบตาขึ้นมองหน้าผม ทำให้สายตาของเราประสานกัน ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าแม่งโคตรเซ็กซี่แบบสุดๆ จนทำให้ไอ้น้องชายของผมกระตุกเบาๆ พร้อมกับขับน้ำเมือกใสๆ ออกมาหนึ่งหยดใหญ่ๆ

เมื่อนะเห็น เขาก็รีบใช้ปลายนิ้วชี้ปาดน้ำเหนียวๆ หยดนั้นแล้วละเลงลงบนส่วนหัวของท่อนลำจนชุ่มทันที

ผมบิดตัวพล่านไปมาด้วยความเสียวจนแทบจะกลายเป็นความทรมาน

“อ๊าา...า..าซ์ ไอ้นะ... ไอ้นะ.. กูเสียววว..ว”

“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาใช้ลิ้นไล่จากโคนขึ้นไปจนถึงปลายยอด จากนั้นก็ครอบปากลงไปจนเกือบมิดด้าม

“อึ๊กก...กก! อาา..า...ห์”

“อืมมมม” เขาครางในลำคอเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังคงอมให้ผมอยู่

“นะ... ไอ้นะ...”

เขาถอนปากออกและเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม “อะไรครับ ที่รัก”

“มาให้กูทำให้มึงบ้าง”

เขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงโดยหันขามาทางผมทำให้ตอนนี้เราอยู่กันในท่า 69 และเมื่อไอ้น้องชายของเขามาจ่ออยู่ตรงหน้า ผมก็จับเข้าไปในปากแทบจะทันที

“อื๊อออ!!” นะร้องออกมาในลำคอทั้งๆ ที่ยังคงอมของผมอยู่

เราใช้ปากให้กันในท่านั้นครู่หนึ่งจนผมเริ่มรู้สึกว่าจุดสุดยอดมันเริ่มก่อตัวและใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ผมจึงรีบถอนปากออกจากไอ้น้องชายของเขาและร้องเตือน

“นะ... ไอ้นะ..! กูจะแตกแล้วนะ!”

เขาเองก็ถอนปากออกจากน้องชายของผมทันทีด้วยเหมือนกัน จากนั้นก็เขยิบขึ้นมานอนอยู่ข้างๆ เขาจูบปากผมเบาๆ พร้อมกับใช้นิ้วมือเขี่ยที่หัวนมของผมไปด้วย

“อย่าเพิ่งแตกสิ... ยังไม่อยากให้แตกตอนนี้เลย...”

“ทำไม มึงอยากเอากูอีกเหรอไง”

“กูจะทวงสัญญาที่เราเคยคุยกันตั้งแต่อยู่เชียงใหม่ต่างหาก”

ผมยิ้มกว้างทันที “มึงจะยอมให้กูเอามึงแล้วเหรอวะ”

“เออ กูอยากลองดู กูอยากทำให้มึงมีความสุขบ้าง” เขายิ้มอายๆ

“ทุกวันนี้กูก็มีความสุขมากแล้ว ไอ้ล่ำเอ๊ยยย” ผมหอมแก้มเขา

“งั้นกูพูดใหม่ว่ากูอยากลองโดนมึงเอามั่งอะ โอเคปะ”

“ฮ่าๆๆๆ ขอมาก็จัดให้อยู่แล้ว” ผมเหยียดแขนออกไปบีบก้นเขาเบาๆ

“มึงต้องทำให้กูเสียวนะเว้ย ไอ้ตี๋ ไม่งั้นมีเคืองแน่”

“หึๆ แล้วเดี๋ยวมึงจะรู้เองว่าทำไมแฟนคนก่อนๆ ของกูมันถึงติดใจลีลากูกันนัก”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 04-04-2012 18:23:27
What?? ค้างอีกแล้วนะคะ :serius2:
แต่ตอนนี้ซึ้งมากๆเลยกับคำพูดนะ :monkeysad:

ทำไมไม่มีคนพูดกับเราแบบนี้บ้าง
/วิ่งไปร้องไห้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 04-04-2012 18:34:56
นะเป็นแฟนที่ดีมากเลย เข้าใจซีแบบสุดๆ

ว่าแต่มาตัดจบแบบนี้ได้ไงคะ กำลังอินเลยงะ
 :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 04-04-2012 18:40:23
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-04-2012 18:49:05
พี่ล่ำพี่เป็นสุดยอดแฟนจริง ๆ
ใส่ใจ เข้าใจ เป็นห่วงเป็นใย อบอุ่น อ่อนโยน มีหมดเลย
ชอบเวลาอะจึ๋ย ๆ แล้วเขาพูดกันเพราะ ๆ ฟินค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 04-04-2012 18:54:12
ตอนนี้เด็ดอ่ะ รักนะมากมาย แบบนี้ขอสักคนได้ป่ะ?

รอตอนต่อไปครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 04-04-2012 19:11:32
ชามมาม่าโดนพี่ลำเตะคว่ำไปแล้ว แต่ตอนนี้ลุ้นกว่าเดิมมมม  :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-04-2012 19:12:30
ในที่สุดความลับหนักอกก็สลายไปเพราะความรักของทั้งคู่
คู่นี้ต้องผลัดกันทดลองดูก่อน จะได้รู้จริตของตนเองเป็นรุกหรือรับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 04-04-2012 19:25:40
เขินอ่ะ~
อยากมีแบบนี้บ้างไรบ้าง
ให้มันได้อย่างงี้สิ
อิจฉาคนมีความรักว้อย~
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 04-04-2012 19:48:14
อยากได้  ผช  แบบนะสักคน

อิจฉาซีที่สุด ด  ชอบที่นะบอกว่าไม่รัก แต่ยอมตายแทนได้  ฟิน,,,,

 
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: Tim-Tam ที่ 04-04-2012 20:10:22
บอกได้คำเดียวว่า ค้างงงง อร้ายยย ยังไงล่ะเนี่ย

นะ น่ารักอ่ะ แถมยังนิสัยดี หุ่นดีแบบนี้ อยากเป็นซีมั่ง

เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-04-2012 20:36:28
ซี :เฮ้อ:โล่งอกแล้วเนาะ ดังนั้นเมื่อไม่มีอะไรค้างคาใจ บทรักที่จะดำเนินต่อไปต้องสุดยอดแน่ๆ
แต่.......
หวายยยย...ทำไมหยุดกระทันหันแบบนี้เล่า :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-04-2012 20:38:16
น่ารักกันจริงๆคู่นี้ :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 04-04-2012 20:53:54
 :jul1:เลือดกำลังจะฟุ่งพอดี
แต่ดันตัดชับส่ะนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 04-04-2012 22:02:01
อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตาย ค้างอีกแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 04-04-2012 22:07:47
และแล้วฉากที่รอคอย ก้อกำลังจะมา ฮิ้ววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 04-04-2012 22:28:35
 :z3: ผลัดกันคนละทีเนอะนะเนอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 04-04-2012 22:34:25

ชอบนะคะ มัน"เพาะ" จริงๆ สมชื่อ  :L2:
แต่หวั่นกับดราม่ามากๆ   :angry2:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 04-04-2012 23:01:44
"............หัวใจของซีอะ... อยู่ที่นะแล้ว....."  :impress2:



69 หวยงวดที่ผ่านมา คุณต้นเลยจัดให้เลยใช่ม๊า  o13



จะผลัดกันจริงๆหรอ :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 04-04-2012 23:26:41
เราว่า ก้อง แปลกๆๆ นะ

อ๊าก :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-04-2012 23:38:15
แรกๆ ก็เครียดนะ...พอมากลางๆ ซึ้งมาก...

พอตอนท้าย.....ค้างโคตรๆๆๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 04-04-2012 23:40:44


แอบอิจฉาตี๋เบา ๆ >/////////////<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 04-04-2012 23:51:09
มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 04-04-2012 23:57:12
โอยยย ค้างอย่างแรง =////=
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-04-2012 00:13:12
อ้าว นึกว่าจะเป็นลีลาซีซะอีก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 05-04-2012 00:43:24
ม่ายยยยยยยยยยยยยนะ

คุณต้น....มันค้างอีกแล้ว :o12:

นะกับซี...เชื่อใจกันดีจริงๆ o13

รักกันนานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 05-04-2012 00:49:42
ถ้ิาจะตัดจบแบบนี้

ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 05-04-2012 14:52:35
 :-[ น่ารักกันจั้งงงงง  :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 05-04-2012 16:33:19
555+....เอ๊า คนอ่านก็รออยู่อย่างใจจดใจจ่อ...เทคนิคจะล้ำขนาดไหน...จัดมาอย่าให้เสีย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 05-04-2012 16:46:47
ผมชอบการแต่งเรื่อง การรว่างเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้การงานเขียนของผู้เขียนผู้นี้ น่าติดตามทุกเรื่อง และอีกเรื่องที่ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นสำหรับผมเองนะ การว่างัวละครพระเองและนายเอก ที่เป็นผู้ชายที่สมเป็นผู้ชายคือ มีบุคคลิกแบบผู้ชาย อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 05-04-2012 20:08:20
ตัดอารมณ์ได้ขาดมากมาย :z3: :z3: :z3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 06-04-2012 00:59:57
รอดูลีลาอันสุดๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 06-04-2012 01:36:25
 :a5:

แว๊กกกก เขิน  :o8:

 :man1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-04-2012 01:46:06
หึย!!! ค้างแบบนี้ได้หงายยยยยย :z3:

ชอบได้อีก ตอนแรกเครียดแต่ทำไมตอนหลังหื่นได้ล่ะเนี่ย หึหึ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-04-2012 09:05:58
ช่วงแรกๆน้ำตาแตก แต่ช่วงหลังๆนี่น้ำอะไรไม่รู้จะแตก แว้กๆๆๆ พิมพ์อะไรออกไป :serius2:
หายเครียดและสบายตัวเป็นของแถมเลยใช่มะซี :haun4:
แอร๊ยย ปกติอ่านเอ็นซีก็ไม่ค่อยเขินนะ แต่ไม่รู้เป็นอะไรอ่านเรื่องนี้แล้วเขิ๊นเขิน :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 06-04-2012 12:03:24
มาต่อเร็วนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 07-04-2012 09:09:58
เข้ามารอตอนต่อไป,,,,,,
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 08-04-2012 09:18:24
มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: tamekung ที่ 08-04-2012 09:29:48
เข้ามาติดตามด้วยคนค๊า :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 08-04-2012 10:07:13
ปลอบกันไปปลอบกันมา ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปซะได้ละเนี่ย
สู้ๆนะนะซี (สู้เรื่องอะไรน้า)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 09-04-2012 14:33:32
มารอแล้วน้า... :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: keang ที่ 11-04-2012 07:33:48
หวังว่าตอนหน้าจะต่อนะ  :m5:

คงไม่ตัดมาเช้านะเซง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 11-04-2012 14:05:46
 :serius2: เล่นตัดกันแบบนี้เลยหรอ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 11-04-2012 14:22:14
เข้ามารอตอนต่อไป,,,,
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: gonna.be ที่ 11-04-2012 15:02:04
มาปูเสื่อรออออออออออออออออ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 12-04-2012 23:27:22
มารอจ้าาาา  :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 17-04-2012 18:16:56
หายไปนานมากเลย ผ่านสงกรานต์แล้ว มาต่อหน่อยจ้าาาา แฟนๆรอ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 20)
เริ่มหัวข้อโดย: Liszamy ที่ 17-04-2012 18:23:01
รอรอรอรอรอ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 18-04-2012 21:17:20
SeeeDz ที่ 21

“มึงอยากทำท่าไหน...”

“ท่าไหนก็ได้ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” นะตอบด้วยแววตาหวั่นๆ เล็กน้อย

เฮ้ยย... แม่งน่ารักว่ะ!

“นั่งมั้ยล่ะ เพราะถ้ามึงนั่ง มึงจะคุมได้เอง เจ็บก็หยุด ไรงี้”

“อืมม... แต่กูอยากให้มึงทำกูอะ” เขายิ้มเขินๆ

“ไอ้นะ มึงรู้ตัวปะว่าบางทีมึงก็โคตรน่ารักเลยว่ะ” ผมชะโงกหน้าเข้าไปจุ๊บปากเขา

“กูก็น่ารักตลอดแหละว่ะ แค่ไม่ค่อยแสดงออกเฉยๆ” เขายิ้มแฉ่ง

“ฮึ้ยยย! หมั่นเขี้ยวเว้ย!!” ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมเขาเอาไว้แล้วซุกหน้าลงกัดที่ซอกคอเขาเบาๆ

“โอ๊ยย! อึ๊กก.. ก...!!”

“เจ็บเหรอ”

“เสียวเว้ย! ค่อยๆ หน่อยดิ ตกใจหมด”

“หืมมม ขวัญอ่อนเหรอครับที่รัก หน้ากับหุ่นไม่ให้เลยนะ”

“ตกลงจะทำมั้ย พูดมากเดี๋ยวเปลี่ยนใจนะเว้ย”

ผมไม่ตอบแต่ก้มลงเลียหัวนมของเขาสลับไปมาทั้งสองข้าง เขาบิดตัวพร้อมกับส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ ผมไล่ลิ้นลงต่ำเรื่อยๆ จนไปถึงไอ้น้องชายของเขา ผมดูดท่อนลำที่แข็งตรงนั้นอยู่สักพัก ก่อนจะเลื่อนตัวต่ำลงไปอีก แล้วจึงยกขาทั้งสองข้างของเขาขึ้นเพื่อเลียสลับกับขบที่แก้มก้นทั้งสองข้างเบาๆ ทำเอาเขาครางแทบไม่เป็นภาษา

“อย่าดิ้นเยอะสิ ไอ้นะ ขามึงหนักนะเว้ย เดี๋ยวก็หล่นใส่หัวกูหรอก”

“ก็มันเสียวนี่หว่า... แฮกก... แฮกก...ก... มึงอะ อย่าแกล้งกูอย่างนี้ดิวะ ซี” เขาพูดเสียงอ่อนพลางใช้แขนทั้งสองข้างประคองขาเอาไว้

“กูไม่ได้แกล้งสักหน่อย” ผมยิ้มน้อยๆ

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังนึกสนุกอะไรอยู่ถึงได้ซุกหน้าลงไปที่เดิมและแลบลิ้นออกมาแตะลงบนปากประตูหลังของเขา

“ซี้ดดดดดดส์!!” นะสะดุ้งเฮือกพร้อมกับปล่อยมือที่จับขาเอาไว้ออก ทำให้มันฟาดลงบนหัวผมทันที

“โอ๊ยยย!! เวร!!” ผมยกมือขึ้นลูบหัว

“เฮ้ยย กูขอโทษ เจ็บรึเปล่า” เขารีบดีดตัวขึ้นนั่ง มองหน้าผมเลิ่กลั่ก

“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บมากหรอก แต่มึงจะปล่อยมือทำไมเนี่ย”

“กูไม่ได้เจตนาจะปล่อยมือ แต่มันหลุดมือเว้ย ก็มันเสียวอะ กูขอโทษ”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง แต่... มันเสียวขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“สุดๆ อะ มึงจะลองดูมั่งมั้ยล่ะ” เขายักคิ้ว และยังไม่ทันที่ผมจะตอบ เขาก็เหวี่ยงตัวจับผมให้นอนหงาย แล้วช้อนขาของผมให้ลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขาไม่รอช้า แต่รีบใช้ลิ้นเลียลงบริเวณปากหูรูดของผมทันที พอผมรู้สึกถึงลิ้นเย็นๆ ของเขาแล้ว ผมก็ต้องเผลอสะดุ้งพร้อมกับครางออกมาเพราะความเสียวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

“ซี๊ดดดดส์... ไอ้นะ! เสียวว่ะ! อึ๊กก... อาาา...า....”

“อืมมมม” เขาครางในลำคอเบาๆ โดยที่ลิ้นก็ยังคงตวัดไปมา

“อื๊ออ...ออ...อ..!! ไอ้นะ... ไอ้นะ... กูเสียว แฮกก แฮกกก... อาา..าา..”

ดูเหมือนว่ายิ่งผมครางเสียงดังมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อประตูหลังของผมเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายแล้ว เขาก็ค่อยๆ ใช้นิ้วชี้เขี่ยเบาๆ พร้อมกับเลียที่ไข่ทั้งสองข้างของผมไปด้วย

“เฮ้ยๆๆ พอๆ” ผมรีบขยับตัวหนีนิ้วของเขา “เดี๋ยวมึงก็ติดใจแล้วเอากูก่อนอีกอะ ครั้งก่อนก็หนนึงแล้วนะเว้ย”

“แหะๆ รู้ทันซะแล้ว”

“ไม่ต้องมากวนโอ๊ยเลย เดี๋ยวมึงจะโดน มานี่! คราวนี้ตากูมั่ง!” ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมเขาบ้าง

นะเหวี่ยงขาขึ้นรัดผมเอาไว้ เราสองคนจูบปากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม จากนั้นผมก็เริ่มเลื่อนตัวต่ำลงเรื่อยๆ และไปหยุดอยู่ที่ประตูหลังของเขา ผมใช้ลิ้นแตะลงตรงรอยต่อระหว่างหลังไข่กับรูก้นแบบเดียวกับที่เขาเพิ่งทำให้กับผม เขาก็ใช้เล็บมือจิกหัวของผมเอาไว้ด้วยความเสียว

ผมตวัดลิ้นไปมาเบาๆ อยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออกแล้วจับเขาพลิกตัวให้อยู่ในท่านอนคว่ำ นะที่คงรู้ว่าผมต้องการอะไรงอตัวและใช้ข้อศอกยันตัวขึ้นอยู่ในท่าคลาน ผมใช้สองมือแหวกแก้มก้นของเขาออกและลงลิ้นต่อจากที่ทำค้างไว้เมื่อครู่ นะสะดุ้งเฮือกพร้อมกับก้มหัวซุกหน้าลงบนหมอนทันที ยิ่งผมเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกได้ใจและใช้ลิ้นให้กับเขามากขึ้นไปอีก

นะรักษาความสะอาดและดูแลตัวเองดีมาก ผมไม่ได้กลิ่นอับและไม่เห็นคราบสกปรกหรือของเสียอะไรติดอยู่ที่ปากทางเข้าของเขาเลย แถมกลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่ยังติดร่างกายอยู่จากการอาบน้ำเมื่อไม่นานนี้ก็ยิ่งทำให้ผมเพลิดเพลินกับการเลียประตูหลังของเขาเข้าไปใหญ่

“ส... เสียวว่ะ ซี... ก... กูเสียว” นะพูดเสียงสั่น

ผมเงยหน้าขึ้น “แล้วไม่ดีเหรอวะ”

เขามองหน้าผมด้วยดวงตาที่หวานเยิ้มและใบหน้าที่แดงก่ำ “มันก็ดี ต... แต่กูเสียวจนจะทรมานตายอยู่แล้วนะเว้ย...”

“ก็น่าอยู่หรอก” ผมยิ้มและคว้าหมับเข้าที่ท่อนลำของเขา

“อึ๊กก!!” นะสะดุ้งพร้อมกับท่อนลำที่กระตุกเบาๆ และขับน้ำเมือกใสๆ ออกมาอีกหยดใหญ่ๆ

“น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ ว่ะ!” ผมขยับมือขึ้นลงเบาๆ

“ตกลงมึงจะเอากูมั้ยเนี่ย เดี๋ยวกูก็แตกก่อนหรอก!” เขารีบจับข้อมือของผมเอาไว้

“ไรวะ ใจร้อนจริงๆ”

“ถ้ามึงไม่เอากู กูจะเอามึงเองแล้วนะ”

“ไม่ต้องเลย! ไอ้ตูด! สัญญาไม่เป็นสัญญานะมึง”

“งั้นก็รีบลุกเลย เจลกับถุงยางอยู่ในตู้เสื้อผ้า”

“เตรียมพร้อมดีไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ ไอ้ตูด”

เขายิ้มอายๆ “รีบๆ ไปหยิบมาเดี๋ยวนี้ ไอ้เชี่ยตี๋”

ผมลุกออกจากเตียง เดินไปเปิดลิ้นชักตู้เสื้อผ้าตามที่เขาบอก แล้วจึงหยิบเอากระบอกเจลหล่อลื่นพร้อมกับถุงยางออกมา
นะชันตัวขึ้นนั่งที่ขอบเตียงและกวักมือเรียกให้ผมเดินไปหาเขา เขารับถุงยางไปจากผม จัดแจงฉีกซองออก แล้วสวมมันลงที่ไอ้น้องชายของผมอย่างเบามือ

“พร้อมยัง” เขาพูดพร้อมกับกดไอ้น้องชายของผมลงแล้วปล่อยมือ ทำให้มันดีดขึ้นตีหน้าท้องของผมเบาๆ

ผมไม่ตอบแต่โน้มตัวเข้าไปจูบปากเขาอย่างดูดดื่ม เมื่อเราผละออกจากกัน ผมก็ชะโลมเจลเย็นๆ ลงบนไอ้น้องชายแล้วจึงใช้นิ้วที่เปียกชุ่มสะกิดที่รูก้นของเขาเบาๆ

นะที่นอนหงายอยู่สะดุ้งเฮือก กล้ามเนื้อของเขาแทบทุกส่วนแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย ผมบอกเขาให้ผ่อนคลายลง ใจเย็นๆ แล้วจึงเริ่มใช้นิ้วชี้ดันเข้าไปอย่างช้าๆ

เขาเม้มปากและนิ่วหน้าเล็กน้อย ท่าทางจะเจ็บไม่เบา ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะรูของเขามันฟิตมากจริงๆ

“ก้นมึงฟิตมากเลยว่ะ ไอ้นะ แม่งตอดนิ้วกูตุบๆ เลยเนี่ย”

“ก็แหงล่ะ ไอ้หำ ก็กูไม่เคยนี่หว่า แต่ของมึงก็ฟิตเหมือนกันเหอะ”

“เจ็บมั้ย”

“ไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่มันแน่นๆ แล้วก็รู้สึกแปลกๆ มากกว่าว่ะ”

“งั้นกูเพิ่มนิ้วนะ”

“จ... จะเพิ่มแล้วเหรอ”

“อือ จะได้ขยายก่อนไง”

“อืมม... เบาๆ นะมึง

“ครับ ที่รัก” ผมยิ้มแล้วค่อยๆ สอดนิ้วกลางเพิ่มเข้าไปทีละน้อย เมื่อเขาเริ่มชินมากขึ้นผมจึงสอดนิ้วนางเข้าไปอีกนิ้ว นะตัวเกร็งและเริ่มขยับตัวทันที ท่าทางจะอึดอัดไม่เบา เพราะขนาดผมที่เป็นคนใส่นิ้วเข้าไปยังรู้สึกเลยว่ามันแน่นมากแค่ไหน แน่นจนนิ้วทั้งสามของผมถูกกล้ามเนื้อหูรูดของเขาบีบรัดจนมันแทบจะถูกดันหลุดออกมาตั้งหลายครั้ง

“ก... กูเจ็บว่ะ ซี...” เขากัดฟันพูดเบาๆ “มันแน่นอะ”

ผมใช้มืออีกข้างจับน้องชายของเขาที่อ่อนตัวลงนิดหน่อยขึ้นมาจับรูดขึ้นลง หวังว่ามันอาจจะทำให้เขารู้สึกเสียวขึ้นมาได้อีกครั้ง

“เจ็บมากมั้ย เจ็บมากกูไม่เอาก็ได้นะเว้ย” ผมถาม

“ไม่ๆ เอากูเหอะ กูอยากรักษาสัญญา และกูอยากให้มึงเป็นคนแรกและคนเดียวของกูด้วย”

“คนเดียวเหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้น

“อือ คนเดียว”

“สัญญานะ”

“สาบานเลย”

ผมดึงนิ้วออกแล้วโน้มตัวไปจูบปากเขา ในขณะเดียวกันก็จัดแจงนำหัวของไอ้น้องชายจ่อที่ปากทางเข้าของเขาไปด้วย เมื่อผมเริ่มดันสะโพกเข้าช้าๆ จนส่วนหัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดส่วนแรกเข้าไปได้นิดหน่อยแล้วก็จำต้องหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างเพราะผมรู้ดีว่านะกำลังเจ็บมากขนาดไหน

“โอ๊ยยย!!” เขาร้องเบาๆ

“ไหวมั้ย แรกๆ มันจะเจ็บแบบนี้แหละ นะทนไหวมั้ยครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า เพราะประตูหลังของเขามันทั้งแน่นและตอดไอ้น้องชายของผมตุบๆ จนแทบทนไม่ไหว

“ไหว... ยังไหวอยู่ แต่มึงค่อยๆ ทำนะ” เขาพูดพลางหอบเบาๆ

ผมรู้ดีว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร เพราะผมเองก็เพิ่งจะเคยเจ็บแบบเดียวกันเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นผมจึงค่อยๆ แสดงความรักที่มีต่อเขาอย่างนุ่มนวลและทะนุถนอมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อีกหลายนาทีผ่านไป ไอ้น้องชายของนะที่เคยหดลงไปก็กลับมาแข็งผงาดอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดเริ่มหายไป เขายังคงหลับตาแน่น กัดฟัน และร้องโอ๊ยเบาๆ ออกมาบ้างบางครั้งที่ผมสวนเข้าไปลึกๆ หรือขยับตัว แต่เมื่อผมถามเขาว่าเจ็บหรือเปล่า เขาก็จะส่ายหน้าและตอบกลับมาว่า ‘ทนได้’ ทุกครั้ง

แต่ผมไม่ได้อยากให้เขาต้องมาทนความเจ็บปวดแบบนี้สักหน่อย

“นี่ ไอ้นะ” ผมหยุดการเคลื่อนไหวลง “กูถามจริงๆ มึงเสียวมั่งรึเปล่า”

เขายิ้มเหนื่อยๆ “ถ้าที่ก้นอะ ไม่เสียวหรอก แต่มึงชักให้กูไปด้วยมันก็เสียวจู๋อะว่ะ”

“จริงเหรอวะ” ผมเริ่มรู้สึกแย่

เขายื่นมือมาแตะที่หน้าอกของผม “ไม่เป็นไร ทำต่อเถอะ อีกนิดกูก็แตกแล้ว มึงใกล้รึยังล่ะ”

ผมส่ายหน้า “ยังอะ”

“ยังอีกเหรอวะ” เขาตกใจ

“เออ ปกติกูก็อึดอยู่แล้วด้วยอะ”

“เหรอวะ...” เขาดูอึ้งๆ

“ถ้ามึงไม่เสียว กูเอาออกดีกว่าว่ะ”

“เฮ้ยยย ไม่เป็นไร ซี อย่าเอาออกเลย กูไม่เจ็บแล้วนะเว้ย”

“แต่มึงไม่เสียวนี่หว่า กูรู้ว่ามึงกำลังทนเพื่อกูใช่มั้ยล่ะ”

“มันก็เสียวเว้ย ไม่ใช่ไม่เสียวเลย แค่เห็นหน้ามึงตอนทำกูก็เสียวแล้ว” เขายิ้มน้อยๆ

“แต่ทำไมมึงไม่เสียวเหมือนตอนที่กูเคยรู้สึกวะ”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่ละคนมันคงไม่เหมือนกันมั้ง อย่างเจี๊ยวมึงแม่งก็งอขึ้นด้วย บางทีเวลามึงขยับตัว มันก็เลยเจ็บๆ อะว่ะ”

“ถ้างั้นกูเอาออกก่อนนะ กูไม่อยากให้มึงทน กูสงสารมึง...”

“เฮ้ย เดี๋ย...!!” เขากำลังจะร้องห้าม แต่ช้าไปเสียแล้ว

ผมรู้ดีว่าตอนกำลังจะเอาออกนั้นมันเจ็บแค่ไหน และผมไม่อยากให้เขาต้องทนเจ็บแบบเดียวกัน ดังนั้นผมจึงถอนไอ้น้องชายออกแบบรวดเดียวหมดทั้งลำ

“โอ๊ยย!!” เขาสะดุ้งพร้อมกับร้องเบาๆ

“เจ็บมากมั้ย”

“ซี้ดด..ด...ส์ น... นิดนึงว่ะ แฮก... แฮกก...”

“กูไม่อยากทำให้มึงเจ็บว่ะ นะ พอเห็นสีหน้าของมึง เห็นมึงเจ็บมากๆ กูก็จะหมดอารมณ์อยู่แล้ว”

“หมดอะไร เจี๊ยวยังแข็งเด่อยู่เนี่ย” เขายิ้มเหนื่อยๆ พลางยื่นมือมาจับไอ้น้องชายของผม

“มันไม่เหมือนกันเว้ย” ผมจับมือเขาออกแล้วจัดการถอดถุงยางออก “แข็งน่ะใช่ แต่ไม่มีอารมณ์อยากทำแล้ว... มันก็เหมือนกับตอนที่กูเจ็บแล้วมึงไม่อยากทำต่อตอนนั้นนั่นแหละ”

“กูขอโทษนะ ไอ้ซี...”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกเว้ย” ผมล้มตัวลงนอนหงายข้างๆ เขา “บางทีมึงอาจจะไม่เหมาะกับเป็นรับก็ได้ไง”

เขาพลิกตัวมาหาผม “แต่กูก็รับให้มึงได้นะ ไอ้ซี บอกแล้วไงว่าของมึงมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรนักหนา กูรับได้”

“เดี๋ยวมึงจะโดน!” ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมเขา “แล้วใครวะที่โดนกูเอาแล้วครางอืออาๆ เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวจุก!”

“กูนี่ไง” เขาหัวเราะ

“แล้วจะยังไงต่อล่ะเนี่ย ฮึ” ผมจับไอ้น้องชายของเขา

“จริงๆ ตอนมึงเอากู กูก็ใกล้จะแตกหลายรอบแล้วนะ”

“แล้ว... ยังไงต่อดี จะเอาออกมั้ย”

“เอาออกดิ ไม่งั้นกูต้องตายแน่ๆ”

“แล้วจะเอาออกยังไง”

เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “มึง ‘อยาก’ มะ”

ผมหน้าแดงทันที “กูว่ามึงนั่นแหละที่อยากน่ะ! ไอ้ตูด!”

“อื้อออ... น่าาา ขอสักนิดได้มั้ยครับ นะๆ คนดีของไอ้ตูด นะ” เขาใช้นิ้วเขี่ยหัวนมของผมเบาๆ แถมไอ้น้องชายของเขาก็กลับมาแข็งเต็มที่คามือของผมอีกครั้ง

“เออๆ ไปหยิบถุงยางมา” ผมลุกออกจากตัวของเขาแล้วล้มลงนอนหงาย ส่วนนะก็รีบดีดตัวออกจากเตียงและไปเปิดลิ้นชักหยิบถุงยางออกมาทันที

“คราวนี้นะจะค่อยๆ ทำนะครับ ไม่เจ็บแล้ว รับรอง” เขาโน้มตัวลงมาหอมแก้มผม

“ขอให้มันจริงก็แล้วกัน”

เขาจูบปากผมพร้อมกับใช้มือที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นชะโลมลงบนประตูหลังของผม จากนั้นก็สอดนิ้วเข้ามาหนึ่งนิ้ว สองนิ้ว จนกระทั่งสามนิ้ว พร้อมกับขยับไปมาเพื่อช่วยเปิดทาง ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ถึงจะเจ็บ แต่มันก็ไม่ได้เจ็บมากเท่ากับครั้งแรก

“พอแล้ว ไม่ต้องขยายแล้ว อึดอัดว่ะ มันคับ มึงใส่ๆ เข้ามาเถอะ” ผมบอกเขา

“ใจร้อนแบบนี้ นะชอบบบ” เขาหัวเราะเบาๆ พร้อมจับไอ้น้องชายของเขาจ่อปากทางเข้าแล้วจึงค่อยๆ ดันมันเข้ามา

ความรู้สึกแรกที่ถูกส่วนหัวของท่อนลำแทรกผ่านเข้ามาก็ยังคงเจ็บปวดจนรู้สึกราวกับร่างกายกำลังถูกฉีกออกเหมือนอย่างเคย แต่ครั้งนี้นะค่อยๆ ดันร่างกายของเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับผมได้ง่ายกว่าที่เคย ถึงจะยังจุกและเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายจนเกินคาดคิดหรือเกินที่จะทนไหว

“เจ็บมั้ยครับ... เจ็บรึเปล่า...” เขาถามผมซ้ำไปซ้ำมาด้วยเสียงที่แหบพร่า

ผมส่ายหน้า “ไม่เท่าไหร่หรอก กูทนได้ มึงซอยเลย แต่ค่อยๆ ก่อนนะ”

เขาเริ่มขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ แล้วจึงค่อยเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น สักพักความเจ็บแสบที่เคยรู้สึกตอนแรกก็ค่อยๆ หายไป ผมเริ่มรู้สึกถึงความเสียวแปล๊บราวกับกระแสไฟอ่อนๆ ที่วิ่งไปทั่วร่างเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วอีกครั้ง

“อ๊าาา..า.. อ๊าา..าา...า อึ๊กก...ก ไอ้นะ กูเสียวว่ะ มึง...”

“เสียวเหรอครับ... ซีเสียวเหรอ...ฮ่าา... ฮ่า..า...” เขาจับไอ้น้องชายของผมแล้วรูดขึ้นลงตามจังหวะสะโพกที่กระแทกเข้าออก

“โอ๊ยยย อื๊อออ... มึงอย่าเพิ่งชัก เดี๋ยวกูแตก”

“จ... จะแตกแล้วเหรอ ซี้ดดด...ดด...ส์ ของมึงฟิตมากเลย ซี แน่นมากเลยว่ะ”

“มึงใกล้แล้วเหรอ”

“ยัง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับจะแกล้งผมคืน “หนนี้กูไม่แตกง่ายๆ หรอก”

“ไอ้...!!”

เขาหยุดซอยแล้วจับผมเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำโดยพยายามไม่ให้ร่างกายของเราหลุดออกจากกัน หลังจากทุลักทุเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เริ่มขยับสะโพกต่อ จากนั้นกิจกรรมของเราก็ดำเนินต่อไปอีกหลายนาที หลังจากที่ลองเปลี่ยนท่าอยู่ 2-3 ท่า ซึ่งบางครั้งผมก็เจ็บและจุกจนทนไม่ไหว สุดท้ายเราเลยมาจบอยู่ที่ผมนอนหงายอยู่ข้างล่างเหมือนเดิมโดยที่ผมคอยใช้มือชักให้ตัวเองไปด้วย ในขณะที่เขาจับขาของผมทั้งสองข้างชูขึ้นและขยับเอวเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ

“ใกล้ยัง” เขาถามเสียงกระเส่า

“อ... อืออ...” ผมพยักหน้า

“กูก็จะแตกแล้วเหมือนกัน งั้นแตกพร้อมกันนะ”

“อืออ... อือออ...” ผมเร่งชักน้องชายของตัวเองให้เร็วขึ้น

“กู จะ... แตกแล้วว!!” เขาซอยสะโพกเร็วขึ้นและแรงขึ้น

“อ... อ๊าาา!” ผมหลั่งน้ำรักสีขาวขุ่นออกมาอย่างแรงพร้อมๆ กับการกระแทกสะโพกครั้งสุดท้ายของนะ

ร่างกายของเขากระตุกแรงๆ หลายครั้ง ส่วนไอ้น้องชายของผมก็พ่นน้ำออกมาอีกหลายหน เขาคำรามเบาๆ ในลำคอก่อนจะถอนไอ้น้องชายออกแล้วฟุบทับลงมาบนร่างกายของผมพร้อมด้วยลมหายใจที่หนักหน่วง เรานอนกันอยู่ท่านั้นครู่หนึ่ง ต่างคนต่างหอบอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่สามารถพูดอะไรกันออกมาได้ไปพักใหญ่ๆ

“เลอะหมดแล้ว...” ผมพูดขึ้นเบาๆ

“เลอะก็ล้างดิ”

ผมหอมแก้มเขา ส่วนเขาก็จุ๊บปากผมคืน

“ไปอาบน้ำกันมะ”

“อื้ออ...” เขายิ้ม “กูรักมึงนะ ไอ้ตี๋ รู้ใช่มั้ย”

“อื้ออ กูก็รักมึงเหมือนกัน ไอ้ตูด”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 18-04-2012 21:20:12
^
^
^
 :z13:  :กอด1: คิดถึง


โอ๊ะโอ คู่นี้แน่ชัดแล้วแหล่ะว่าใครจะรับใครจะรุก

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-04-2012 21:24:48
หน้ามืด เป็นลม
แปลกดี คู่นี้NCทีไรอ่านแล้วเขินอ่ะ
ทั้งนะและซีเวลาฟิทเจอริ่งกัน
พูดออกมากันตรงๆ เลยนะเนี่ย ไม่มีอ้อมค้อม
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 18-04-2012 21:35:21
มาแล้ววววววววววววววววววววววว

สุดท้ายซีได้เสียบแต่ไม่เสร็จ :m20:

รอรับอย่างเดียวละกันเนอะซีเนอะ :oo1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 18-04-2012 21:39:33
 :pighaun: :pighaun:

สรุปสุดท้ายซีก็เป็นรับ  :laugh:
 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-04-2012 21:58:37
ทีนี้ก็ชัดเจนแล้วเนาะว่าใครมีหน้าที่อะไร
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 18-04-2012 22:16:36
ค่อยๆรักกัน ...เบาๆ~
เขินว้อยยยยยยย~
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 18-04-2012 22:50:21
ตอนนี้ก็รู้ชัดแล้วสินะเนี่ยใครรุกใครรับ
คู่นี้น่ารักตลอดอ่ะ ชอบจัง 555  :o8:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-04-2012 23:10:48
ขอเลือด!!

 :jul1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-04-2012 23:39:30
ซีเป็นรับไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 19-04-2012 00:45:38
ซีน่ารักนะเนี๊ย ใส่ใจแฟนมากๆอะ รู้ใช่ป่ะว่าครั้งแรกมันสาหัส อิอิ

เลยยอมเป็นรับให้ซะเอง

+1 ให้คนเขียนค้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 19-04-2012 01:04:18
ชอบสรรพนามที่เรียกจัง...ไอ้ตี๋...ไอ้ตูด...ฮา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 19-04-2012 07:16:31
สถานภาพชัดเจนแล้ว  :pighaun:
+1 ให้ต่นต๊น คราวนี้ไม่มีค้าง ไม่มีตัดเข้าผ้าม่าน  :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 19-04-2012 07:19:50
นะไม่เหมาะเป็นรับ งั้นซีก็คงร้องเป็นร่อไป 555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 19-04-2012 14:39:40
 :m25: :z1: เสียดายแทนซีอ่ะ
สองคนนี้หวานนนนนนเชียะ :man1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 19-04-2012 14:53:00
คู่นี้เค้าใส่ใจความรู้สึกกันมากเลยค่ะ น่ารักมากๆ
คุณต้นอ่ะ ...เค้ารักนะเข้าซะแล้ว ทำไงดี~~ >///3///<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: blackyoyo ที่ 19-04-2012 16:45:16
ชัดเจน !!!
แบบนี่มันชัดเจนแล้วนะจ๊ะ น้องซี อิอิ
อิปร้าชอบ หุหุหุ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-04-2012 18:12:56
ขอเลือดกรุ๊ปวายด่วน! :jul1:
เหมือนจะไม่ต้องลุ้นเหนื่อยแล้วว่าใครจะอะไรยังไง  :laugh:
รักกันมากและร้อนแรงมากเหมือนเดิม o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 19-04-2012 18:31:04
 :jul1: :jul1:

นะยังไม่เหมาะเป็นรับสินะ
งั้นซีก็รับอย่างเดียวล่ะกัน
เพื่นคนที่เรารัก :impress2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 19-04-2012 23:53:28
 :jul1: :haun4: เลือดหมดตัวแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 19-04-2012 23:59:58
เลือดหมดตัวครับงานนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 20-04-2012 01:12:37
นึกว่าจะผลัดกันเหมือนซันกะเมฆ 555 แต่กลับรู้สถานะที่แน่ชัดแล้ว 

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ineverlove ที่ 20-04-2012 01:38:51
หุหุ ชัดเจน >.,<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 20-04-2012 01:54:31
ชัดเจน!!!

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 20-04-2012 15:07:03
เขินง่ะ

nc ของไอ่ตูด กะ ไอ่ตี๋ พาเลือดกระฉูด ด ด ด   
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 20-04-2012 15:23:52
สุดท้ายแล้ว มันจะเปลี่ยนตำแหน่งกันทำไม
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าใครรุกใครรับ :impress3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 20-04-2012 15:48:50


..หึหึ สุดท้ายก็รับอยู่ดี

   :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 21-04-2012 01:14:09
อย่างน้อยก็ได้เข้าไปสำรวจพี่ล่ำแล้วนะ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 21-04-2012 22:37:51
กริ๊ด ว่าเเล้วซีต้องรับ เหอะๆ ไม่เหมาะกับรุกหรอก

นะน่ะเหมาะเเล้ว

คู่นี้เป้นการเริ่มต้นจากเพื่อนเเล้วพัฒนาขึ้นมาเลื่อยเเบบไม่รู้ตัว คือต่างคนเริ่มจากนับ1หมด

น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 23-04-2012 00:52:19
ว่าแล้ว

สถานการณ์พลิกจนได้

ในที่สุดซีก็ต้องเป็นรับอะนะ :m20:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 23-04-2012 23:47:37
เป็นการรักกันอย่างธรรมชาติที่สุด นะกับซีน่ารักทั้งคู่ที่ไม่คิดถึงแต่ความต้องการของตัวเองและช่วยกันทำให้อีกฝ่ายมีความสุขเท่าที่จะทำได้ นี่แหละการทำรักที่แท้จริง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 24-04-2012 20:10:17
ฮาๆๆๆๆ มหาลัยเราก้อมี freshy day&night เหมือนกัน แถมตรงแถวๆนั้นมีร้านข้าวมันไก่ในตำนานซะด้วย ฮาๆๆๆ
นอกเรื่องๆๆ มาอ่านตอนแรกๆไป สนุกมากเลยจ้า เด่วจะอ่านไปเรื่อยๆนะคะ (:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 25-04-2012 02:37:41
อ่านจนทันแล้วจ้าาา
เลือดตะหมดตัวอยู่แล้วด้วย ฮาๆๆๆๆๆๆ  o13
กับสถานะชัดเจนกันไปเลยทีเดียว
มาต่อไวๆนะค๊าาา (:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttawut ที่ 25-04-2012 19:04:54
สนุกมากเลยอ่ะ o13 o13 o13



อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นแค่ผู้ชายที่มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
 :-[ :-[ :-[


เลยชอบมาก   รออ่านตอนต่อไปนะคับ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 27-04-2012 22:53:53
นิยายตกกก แต่ยังไม่ได้มาต่อ ล่อคนอ่านให้เข้ามาดูเฉยๆ :P

ใจเย็นๆ ครับ งานเยอะอะ ขอโทษจริงๆ รอก่อนเน้ออ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 27-04-2012 23:17:40
มาช่วยดันค่า  :z13:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 29-04-2012 02:11:47
มาต่อเร็วนะครับ. เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 30-04-2012 20:32:56
มานั่งรอจ๋า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 01-05-2012 02:43:58
ดันๆรอแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 01-05-2012 03:04:23


 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 02-05-2012 04:13:25
 :z13: มาต่อไวๆนะฮะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: romeno ที่ 02-05-2012 19:03:56
จัดหนักกกกกกก  :really2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 02-05-2012 20:20:47
รออยู่นะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 05-05-2012 02:22:16
ดันๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-05-2012 23:15:13
SeeeDz ที่ 22


ปกติผมกับนะมักมีเรื่องให้คุยกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัย เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน หนัง เพลง ละคร ข่าว ครอบครัว ชีวิต อดีต อนาคต ความฝัน มากมายเต็มไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเรานอนคุยกันจนกว่าจะหลับก็ปาไปเกือบตีหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนี้ ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันอยู่ เราก็ยังมีเรื่องให้คุยกันต่ออีก เขาทำให้ผมรู้สึกว่าเรามีเรื่องให้เรียนรู้กันและกันได้อย่างไม่รู้จบ เรามีทัศนคติ ความคิด ความชอบ และสิ่งที่ไม่ชอบคล้ายคลึงกัน ซึ่งผมว่านี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นกันยิ่งกว่าคนรัก แต่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นเหมือนกับพี่ชาย (หรือบางทีก็น้องชาย) ของผมอีกด้วย

ผมนั่งมองหน้าเขาแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้รู้สึกรัก รู้สึกผูกพัน มีความสุขกับการเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ... มีความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่กับใครสักคนมากถึงขนาดนี้

“ยิ้มอะไรวะ ไอ้ตี๋” เขามองหน้าผมยิ้มๆ ดูเหมือนว่าเขาเองก็จะพอรู้ล่ะว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

“ป๊าววว ไม่มีอะไรสักหน่อย”

เขายิ้มกว้าง “กูว่ามึงต้องกำลังคิดเหมือนกูแน่ๆ”

“เหรอวะ งั้นบอกมาดิ๊ว่ามึงคิดอะไร”

“ป๊าววว ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” เขาย้อน

“กวนตีนนักนะมึง” ผมเตะขาของเขาที่อยู่ใต้โต๊ะ

“โอ๊ยย! เดี๋ยวเหอะมึง กลับขึ้นห้องไปจะจัดให้หนัก!”

“มึงทำลงเหรอวะ ไอ้ตูด กูยังเจ็บอยู่เลยนะ ใจคอมึงยังคิดจะ ‘ทำร้าย’ กูอีกเหรอ” ผมแกล้งเน้นคำ

“อ้าว มึงเจ็บอยู่จริงๆ เหรอวะ เจ็บมากมั้ย” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที

เขานี่แม่งโคตรซื่อจริงๆ ผมเลยตัดสินใจเล่นตามน้ำต่อไปอีกหน่อย “อือ ก็เจ็บอะว่ะ จริงๆ กูก็ไม่อยากบอกมึงหรอก กลัวมึงจะเป็นห่วงอีก แต่เมื่อเช้าตอนเข้าห้องน้ำ กู...”

“อะไรวะ นี่มึง มึง...” เขาลดเสียงลง สีหน้าเป็นกังวล “มึงอึออกมาเป็นเลือดอีกแล้วเหรอ”

“อือออ...” ผมก้มหน้า “จริงๆ เมื่อคืนกูก็เจ็บแหละ แต่ไม่อยากบอกมึง กลัวว่ามึงจะอารมณ์ค้าง”

“โธ่ ไอ้ซี...!!” คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากัน “ทำไมมึงต้องทนแบบนี้ด้วย กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย!”

“โถๆๆ ดูทำหน้าซิเนี่ย ไอ้ตูดหมึกของพี่” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบาๆ

นะมองหน้าผมงงๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเพิ่งโดนผมอำ “ไอ้เหี้ย! นี่ตกลงมึงเจ็บจริงรึเปล่าเนี่ย!!”

“ชู่วววว!” ผมจุ๊ปาก “กลัวคนอื่นไม่ได้ยินรึไง!” ผมปรามเขา ถึงแม้จะรู้ดีว่าในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลยนอกจากเราสองคนก็ตาม

“นี่ตกลงมึงเจ็บจริงรึเปล่า ไอ้ตี๋ กูเป็นห่วงมึงจริงๆ นะเว้ย”

“เอออ กูเจ็บจริงๆ กูยอมรับก็ได้ แต่ไม่เยอะหรอก มึงไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อกี้กูแค่หยอกมึงเล่นเฉยๆ”

“แน่ใจนะ” เขายังคงมีสีหน้าแคลงใจ

“เออ จริงๆ เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่าาา เรียกป้าเค้าเก็บเงินเหอะ จะได้กลับไปนอนดูทีวีบนห้องกัน”

ระหว่างที่เดินกลับหอจนกระทั่งขึ้นขึ้นไปถึงในห้อง นะก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลยจนผมเริ่มไม่สบายใจซะแล้วว่าเขาจะโกรธผมเรื่องที่ผมแหย่เขาเมื่อครู่นี้หรือเปล่า

“เฮ้ยยย” ผมเดินเข้าไปโอบบ่าของเขา “เป็นอะไรวะมึง โกรธกูเหรอ จู่ๆ ก็เงียบไป”

“เปล่า ไม่ได้โกรธหรอก กูแค่คิดอะไรนิดหน่อยว่ะ จริงๆ ก็คิดมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะ”

“คิดไรวะ”

เขาหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มยิงเขี้ยว ก่อนจะโหมตัวดันผมจนเราทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียง

“เฮ้ยย!!”

“ร้องทำไม! เมื่อกี้กูบอกแล้วไงว่ารอขึ้นห้องเหอะกูจะเล่นงานให้...!!”

“อะไรของมึงเนี่ย! กูก็นึกว่ามึงงอนอะไรกูซะอีก!” ผมหยิบหมอนขึ้นมาฟาดหน้าเขา

“โอ๊ยย! ไม่ใช่เว้ย กูล้อเล่น เมื่อกี้กูกำลังคิดอะไรอยู่จริงๆ”

“งั้นอะไร บอกมา”

“ก็...” น้ำเสียงของเขาเริ่มจริงจังขึ้น “คิดเรื่องที่มึงเล่าให้กูฟังเมื่อคืนอะ”

“เรื่องไอ้ก้องกับไอ้โตน่ะนะ”

“ใช่” เขากลิ้งตัวลงนอนหงาย

“ทำไมวะ”

“กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ นะ”

ผมรอฟัง

“มึงอยากฟังเหรอ...” เขามองหน้าผมด้วยแววตาไม่มั่นใจ “แต่ถ้ากูเล่าแล้วมึงห้ามใจร้อนอีกนะเว้ย”

“เออ ลองพูดมาดูดิ กูไม่อยากคิดอะไรมากแล้วว่ะ ปวดหัวเปล่าๆ”

“โอเค อย่างแรกเลยคือ... จากที่มึงเล่าอะนะ กูสงสัยว่าทำไมไอ้ก้องมันต้องย้ำกับมึงตั้งหลายหนว่าไม่ให้ไปบอกไอ้โต ไม่ให้ไปบอกคนอื่น แถมถ้ามึงมีอะไรก็ยังให้มึงไปคุยกับมันเองตรงๆ มันจะรับฟังเอง อะไรอย่างนั้นด้วยวะ”

“ก็ไม่แปลกมั้ง เพราะมันคงไม่อยากให้กูกับไอ้โตทะเลาะกันอีกนี่หว่า”

“ตอนแรกกูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ซึ่งกูว่ามันก็อาจจะมีส่วนจริงแหละ แต่...”

“แต่อะไร” ผมพลิกเป็นนอนตะแคงหันไปหาเขา

“ไม่รู้ดิ ถ้าแบบนั้นก็เท่ากับว่าเรื่องของมึงจะมาจบอยู่ที่มันคนเดียวเลยน่ะสิ คนอื่นไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ ส่วนมึงก็จะไม่รู้ว่าไอ้โตและคนอื่นคิดยังไงเหมือนกัน กูแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้ก้องมันถึงต้องเป็นภาระแบกรับอะไรขนาดนั้นด้วยอะว่ะ มีอะไรทำไมไม่พูดกันให้มันเคลียร์ๆ ไปด้วยกันทุกฝ่ายวะ”

ที่นะพูดมันก็จริง พอเขาพูดออกมาแบบนี้แล้วจึงทำให้ผมคิดได้ว่าการกระทำอย่างนี้ของไอ้ก้องมันก็แปลกไปจากที่เคยจริงๆ ด้วย เพราะปกติแล้วเวลาพวกเราในกลุ่มมีปัญหาบาดหมางอะไรก็จะเคลียร์กันตรงๆ ทุกครั้ง หรืออย่างน้อยก็จะต้องมีคนรับรู้มากกว่าคนแค่เพียงคนเดียวแน่นอน โดยเฉพาะตัวไอ้ก้องเองจะเป็นคนที่พูดอยู่เสมอว่ามีอะไรให้พูดกันตรงๆ เคลียร์กันให้รู้เรื่อง ไม่ใช่ไปคุยอะไรกันลับหลังอย่างที่มันกำลังทำอยู่ในตอนนี้

“อีกอย่าง กูก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันจะถามมึงว่าเราเป็นแฟนกันรึเปล่าทำไม มันได้อะไรจากเรื่องนี้วะ เพราะถึงไงมันก็คงไม่ได้ไปบอกไอ้โตเรื่องที่เราคบกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ยิ่งการที่มันย้ำนักย้ำหนาว่ามันจะเป็นคนรับฟังมึงแต่ฝ่ายเดียวแบบนั้น ก็ยิ่งแปลว่ามันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้โตด้วยแน่ๆ เพราะมันไม่อยากทำร้ายเพื่อนมัน ไม่อยากให้ไอ้โตที่กำลังทำใจอยู่คิดมากเข้าไปอีก ถูกมั้ย”

ผมนั่งฟังสิ่งที่นะพูดพร้อมกับคิดตามไปด้วย แล้วผมก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นข้างในทีละน้อยด้วยเหมือนกัน

“ไม่รู้ดิ กูอาจจะแค่คิดมากไปเองก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือคืนนั้นอะ สุดท้ายแล้วคนที่นอนอยู่กับมึงก็คือไอ้ก้อง ไม่ใช่ไอ้โตอยู่ดีไม่ใช่เหรอวะ ถึงจะลองคิดว่าไอ้โตมันแอบทำอะไรมึงตอนรุ่งสางก็เหอะ แต่มันจะไม่เสี่ยงสำหรับไอ้โตไปหน่อยหรือไง อีกอย่าง กูว่าคนแม่งเมาและกลับเช้าขนาดนั้นอะ ยังไงก็น่าจะอยากนอนมากกว่าทำอย่างอื่นนะ”

ผมลุกขึ้นนั่งทันที “มึงจะบอกกูว่าจริงๆ แล้วคนที่แอบชอบกูอยู่และทำอะไรกูคืนนั้นคือ... ไอ้ก้องใช่มั้ย”

เขาลุกขึ้นนั่งตามผม จากนั้นก็จับมือผมเอาไว้ “มึงโกรธเพื่อนมึงรึเปล่าวะ ไอ้ซี ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นไอ้ก้องหรือไอ้โตก็ตามน่ะ”

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง “กูคงโกรธพวกมันมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วว่ะ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”ผมถอนหายใจเบาๆ “แต่สิ่งที่กูรู้แน่ๆ อยู่อย่างหนึ่งก็คือถ้าหากว่าพวกมันพูดความจริงกับกู กูก็คงจะไม่เอาเรื่องอะไรพวกมันหรอก”

“ดีแล้ว”

“แล้วมึงล่ะ”

เขายักไหล่ “กูไม่โกรธแล้วว่ะ กูรักมึงอะ แล้วกูก็เห็นมึงเครียดมาพอแล้ว อะไรที่ผ่านแล้วก็ผ่านไป ช่างแม่ง เพราะถึงไงกูก็รู้ดีว่ามึงรักกูมากแค่ไหน จริงมะ” เขาปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มกว้าง ผมจึงชะโงกหน้าเข้าไปจูบปากเขาทันที และเมื่อเราถอนริมฝีปากออกจากกัน เขาก็จับหัวของผมไว้ แล้วแตะหน้าผากของเขาลงบนหน้าผากของผม ทำให้ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น “กูก็แค่คิดว่ามึงควรจะไปคุยกับไอ้โตกูก่อนว่ะ ไอ้ซี ถ้าหากว่ามึงอยากจะรู้เรื่องนี้ให้แน่ชัดจริงๆ น่ะนะ แต่กูอยากให้มึงรู้เอาไว้ว่าคนอื่นมันจะคิดยังไงก็ไม่สำคัญหรอก ตราบเท่าที่เรายังรักกันและเชื่อใจกันแบบนี้ จริงมั้ย...”

เช้าวันจันทร์ ผมตัดสินใจที่จะทำอย่างที่นะแนะนำ เพราะผมคิดว่าการกระทำของไอ้ก้องมันก็พิลึกจริงๆ ดังนั้นหลังจากเรียนคาบแรกเสร็จและทุกคนกำลังเก็บของเพื่อแยกย้ายกันไปกินข้าวกลางวันอยู่นั้น ผมจึงหันกลับไปหาไอ้โตที่นั่งอยู่ด้านหลังของผม

“ไอ้โต กูมีเรื่องอยากคุยกับมึงหน่อยว่ะ ว่างปะวะ”

เพื่อนคนอื่นของเราที่นั่งอยู่ตรงนั้นหันไปมองหน้ากันทันที เพราะพวกมันต่างก็รู้ว่าผมกับไอ้โตตึงๆ ใส่กันมาสักพักแล้ว แต่โชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่วันนี้ไอ้ก้องไม่ได้มาเรียนเพราะไม่สบาย ทำให้ผมสามารถดึงตัวไอ้โตออกมาจากกลุ่มได้อย่างไม่มีปัญหามากนัก

มันเดินตามผมออกจากตึกไปยังบริเวณลานจอดรถที่คนไม่พลุกพล่าน เราตรงไปยังโต๊ะหินอ่อนที่ว่างอยู่แล้วนั่งลงพร้อมกัน แต่พอนั่งได้ไม่นาน ยังไม่ทันที่ผมจะเริ่มพูดอะไร ไอ้โตก็ยืนขึ้นอีก มันล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบแล้วก็ยืนอยู่อย่างนั้น

“มีไรวะ” มันถาม

ผมตัดสินใจที่จะพูดตรงๆ ไม่มัวอ้อมค้อมอีกต่อไป “มึงชอบกูรึเปล่าวะ”

ไอ้โตผงะไปทันที “มึงถามเหี้ยอะไรนะ”

“กูถามว่ามึงคิดอะไรกับกูรึเปล่า เปิดอกคุยกันอย่างลูกผู้ชายเลย มีอะไรคุยกันตรงๆ”

“ถุยเหอะ ไอ้เหี้ย!” มันหัวเราะเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกผิดคาดกับปฏิกิริยาของมัน “กูก็รู้นะว่ามึงแม่งหล่อและหลงตัวเอง แต่นี่มึงหลงตัวเองได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอ้เชี่ยซี” มันนั่งลงแล้วจ้องหน้าผม “เอาดีๆ ไอ้ส้นตีน อย่ามาพูดเล่นอยู่ เข้าเรื่องได้แล้ว”

“หน้ากูเหมือนพูดเล่นเหรอวะ”

มันจ้องตาผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหายไป มันดูดบุหรี่เข้าเต็มปอดอีกครั้งก่อนจะดีดทิ้งลงบนพื้น

“เปล่า กูไม่ได้ชอบมึง กูไม่ได้เป็นเกย์ มึงเห็นกูเหมือนคนเป็นเกย์รึไง”

“ไม่เหมือน แล้วมึงคิดว่ากูเหมือนมั้ยล่ะ”

“เฮอะ ถ้าไอ้เพลย์บอยอย่างมึงเป็นเกย์ กูว่าแม่งก็ไม่มีใครแมนแล้ว ไอ้เหี้ย” มันเอนตัวไปด้านหลังทำท่าบิดขี้เกียจ

“กูไม่ได้เพลย์บอยเว้ย และอีกอย่าง กูก็ไม่อยากจะพูดว่ากูเป็นเกย์หรอกนะ แต่กูมีแฟนเป็นผู้ชาย”

ไอ้โตดีดตัวกลับทันที “มึงว่าไงนะ”

“เออ แฟนกูเป็นผู้ชาย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นว่ะ ตอนนี้กูมีเรื่องสำคัญกว่าอยากจะคุยกับมึง มึงอยากจะฟังกูรึเปล่า”

มันตีหน้าแคลงใจ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าและบอกให้ผมเล่าให้มันฟังโดยไม่ได้แย้งหรือถามอะไรออกมาอีก
ข้อดีของมันก็อยู่ตรงที่เป็นคนเปิดเผย และเข้าใจอะไรง่ายแบบนี้นี่แหละ

ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังโดยตัดข้อมูลเกี่ยวกับสภาพของผมในตอนเช้าวันนั้นออกไป แต่เน้นในเรื่องที่ผมคุยกับไอ้ก้องและสิ่งที่ไอ้ก้องเล่าให้ผมฟัง ซึ่งพอไอ้โตได้ยินว่าไอ้ก้องบอกว่ามันชอบผม มันก็แสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็บอกให้ผมเล่าต่อไปจนจบโดยไม่ได้พูดอะไรแทรกเลย

“เรื่องมันก็แบบนั้นแหละ เพราะงั้นมึงเข้าใจรึยังว่าทำไมกูถึงได้ไม่พอใจมึงสองคนช่วงหลังๆ นี้ กูไม่ได้จะโทษมึงนะเว้ย แต่กูไม่รู้จะเชื่อใครดีจริงๆ จนเพิ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่แหละที่ไอ้ก้องมันบอกแบบนั้นกับกู ซึ่งกูก็ยังข้องใจอยู่ดี เลยอยากจะคุยกับมึงให้แม่งชัดๆ ไปเลย”

“ไอ้เหี้ย!” ไอ้โตสบถออกมาพร้อมกับคว้ากระเป๋าแล้วยืนขึ้น

“มึงจะไปไหนวะเฮ้ย”

“ไปหอไอ้เชี่ยก้อง ไปคุยกับแม่งให้รู้เรื่อง ถ้าแม่งอยากจะเป็นเพื่อนกูและมึงอยู่ แม่งต้องเลิกตอแหลแล้วโยนเรื่องเหี้ยๆ แบบนั้นมาให้คนอื่นได้แล้ว!”

ผมหยิบสมุดหนังสือของตัวเองขึ้นจากโต๊ะแล้วรีบออกเดินตามมันไป

“นี่แปลว่ามึงไม่ได้ทำอะไรกูและก็ไม่ได้คิดอะไรกับกูจริงๆ ใช่มั้ยวะ ไอ้โต”

มันหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “กูไม่ได้คิดเหี้ยอะไรกับมึงเลยเว้ย! กูเป็นผู้ชายนะ ไอ้ซี มึงห้ามมาสงสัยอะไรเหี้ยๆ แบบนั้นกับกูอีก จำไว้เลย”

“เออๆ กูขอโทษก็ได้วะ แต่กูจะไปรู้ได้ไงเล่า...” ผมพูดพลางสังเกตว่ามันเหลือบมองผมด้วยหางตาอยู่ “อะไร”

“มึงชอบผู้ชายจริงๆ เหรอวะ ไอ้ซี ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าถามว่ากูมีแฟนเป็นผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็... เทอมที่แล้วว่ะ”

“ใครวะ”

“มึงคิดว่าใครล่ะ”

ไอ้โตอ้าปากทำท่าจะถามอะไรบางอย่างออกมาอีก แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ มันคิดอยู่พักหนึ่ง “...ไอ้นะเหรอวะ”

“เออ”

มันถอนหายใจเบาๆ “ไอ้ห่าเอ๊ยยยย กูไม่เห็นเคยรู้เลยวะเนี่ย”

“มึงจะรู้ได้ไง ก็กูไม่ได้บอกใครสักคน... นอกจากไอ้ก้องเมื่อวันก่อนเนี่ย”

ไอ้โตส่ายหน้า

“เหี้ยไร ส่ายหน้าทำไมวะ มึงรับไม่ได้รึไง” ผมหยุดเดิน

มันที่เดินล้ำหน้าผมไปนิดหน่อยหยุดลงแล้วหันกลับมาหาผม “ไม่ใช่เว้ย ไอ้เหี้ย กูแค่ตกใจแล้วงงๆ นิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องที่ไอ้ก้องพูดน่ะ”

ผมเลิกคิ้วขึ้น ส่วนมันก็เดินกลับมากอดคอผมแล้วลากให้ผมเดินต่อไปพร้อมๆ กับมัน

“กูไม่ได้โกรธมึง ไม่ได้เกลียดมึง และไม่ได้มองมึงในแง่ลบอะไรทั้งนั้นด้วย โอเคปะ มึงเพื่อนกูเว้ย กูรักมึง ง่ายๆ แค่นั้นแหละ จบ”

“แล้วกับไอ้ก้องล่ะ” ผมถาม

ไอ้โตคิดอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเราเดินมาถึงที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย มันก็ยกแขนลงพร้อมกับโบกแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาหาพวกเรา

“หึ... อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับคำตอบของมันวันนี้ว่ะ” มันพูดพลางเปิดประตูรถออก

เราสองคนนั่งรถแท็กซี่ไปลงที่หน้าหอของไอ้ก้อง โชคดีที่มีคนกำลังจะเดินเข้าหอพอดี พวกเราจึงเข้าไปพร้อมกับเขาโดยไม่ต้องโทรตามให้ไอ้ก้องลงมาเปิดประตูให้ และเมื่อออกจากลิฟท์ ไอ้โตก็เดินนำผมไปรัวกำปั้นลงบนประตูห้องของไอ้ก้องทันที

“ไอ้ก้อง! อยู่ป่าววะ!!” ไอ้โตถามเสียงดัง

“เฮ้ยๆ อะไรของมึงวะ” เสียงของไอ้เจ้าของห้องดังแว่วมาจากข้างใน

อีกไม่กี่อึดใจต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออก และเมื่อไอ้ก้องเห็นว่าคนที่มาพร้อมกับไอ้โตคือผม มันก็ผงะไปทันที มันมองเราสองคนด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอกที่ต้องรู้สึกแบบนั้น เพราะผมเองก็กำลังรู้สึกแปลกใจที่เห็นสภาพโทรมสุดๆ ของมันแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

ไอ้โตผลักประตูห้องให้เปิดกว้างจากนั้นก็ดันตัวไอ้ก้องเข้าไปในห้อง “โห ไอ้เหี้ย! นี่มึงอาบน้ำมั่งมั้ยวะเนี่ย สารรูปดูไม่ได้เลยนะมึง แถมยังเหม็นอีกต่างหาก!”

“พวกมึงมีอะไร มาที่ห้องกูทำไม”

“นี่ตกลงมึงป่วยหรือว่าเมาค้างกันแน่วะ ไอ้เชี่ยก้อง” ไอ้โตพูดพลางทำจมูกฟุดฟิดๆ

“เรื่องของกูน่า! สรุปพวกมึงมาที่นี่ทำไม!” ไอ้โตปัดมือของไอ้ก้องที่จับแขนเสื้อของมันอยู่ออก

“มึงเคยคุยอะไรกับไอ้ซีเอาไว้” ไอ้โตพูดตรงเข้าประเด็น

ไอ้ก้องมองหน้าของไอ้โตกับผมสลับกันด้วยแววตาหวั่นๆ ใบหน้าของมันแดงก่ำแถมยังดูมอมแมม ผมมองไปรอบห้องแล้วก็เห็นด้วยกับไอ้โตที่ว่าไอ้ก้องมันหยุดเรียนวันนี้น่าจะเป็นเพราะมันเมาค้างหรือไม่ก็เมาจนไปเรียนไม่ไหวมากกว่า เพราะทั้งบนพื้นห้อง บนหัวเตียง และปลายเตียง ต่างก็มีกระป๋องเบียร์วางกระจัดกระจายอยู่มากจนผมไม่คิดว่าจะเพิ่งเริ่มดื่มมาตั้งแต่เช้าวันนี้หรือแม้แต่เมื่อวานแน่ๆ เพราะเมื่อดูจากจำนวนกระป๋องเปล่าเหล่านี้ ผมคิดว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะดื่มเบียร์อยู่แบบนี้มาไม่ต่ำกว่าสองหรือสามวันแล้วล่ะ

เมื่อผมเงยหน้ากลับไปสบตากับไอ้ก้อง มันก็รีบหลบสายตาของผมทันที

“เอ้า มึงมีอะไรจะพูดก็พูดมา พวกกูรอฟังอยู่”

พวกเราสามคนเงียบกันลงไปอึดใจหนึ่ง แต่แล้วทั้งผมและไอ้โตต่างก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ไอ้ก้องก็ร้องไห้ออกมา

“ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย!!” มันสบถพร้อมกับคว้าคอเสื้อของไอ้โตทั้งๆ ที่น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม “เอาสิวะ! มึงจะเกลียดกู! จะต่อยกู จะทำเหี้ยอะไรกับกูก็เอาเลย!!”

“เฮ้ย! มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย ไอ้ก้อง!!” ไอ้โตคว้าข้อมือของเพื่อนมันเอาไว้

ไอ้ก้องสะบัดมือออก จากนั้นก็หันมามองหน้าผมแล้วจึงเดินตรงเข้ามาคว้าข้อมือของผมขึ้น “เอาสิวะ!! มึงก็ด้วยเหมือนกัน! ไหนๆ มึงก็คงเกลียดกูไปแล้วนี่! งั้นมึงต่อยกูเลย!! เผื่อมันจะทำให้กูตาสว่างมากขึ้น!!”

กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นเปรี้ยวที่โชยออกมาจากปากของมันทำให้ผมต้องย่นจมูกและเบือนหน้าหนีเล็กน้อย

“มึงใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ยวะ ไอ้ก้อง! มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!” ผมสะบัดมือออก

“ไอ้ก้อง!!” ไอ้โตเดินมาจับหัวไหล่ของไอ้ก้องแล้วกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับมัน และแล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ไอ้โตก็เหวี่ยงหมัดเข้าใส่หน้าของไอ้ก้องอย่างเต็มรัก ผมได้ยินเสียงดัง ‘พลั่ก’ ของกระดูกข้อมือที่กระแทกเข้าสู่แก้มซ้ายและกรามของไอ้ก้องอย่างชัดเจน ร่างของมันหมุนไปตามแรงหมัดของไอ้โต มันเซเล็กน้อยก่อนจะตั้งหลักได้ทัน แต่แล้วผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อจู่ๆ ไอ้ก้องที่ดูเหมือนจะตั้งหลักได้แล้วกลับล้มทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้นเสียเฉยๆ

“เฮ้ยยย จู่ๆ มึงไปต่อยมันทำไมวะ!” ผมเดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้าของไอ้ก้อง คั่นกลางระหว่างมันสองคน

“ก็มันขอเองนี่หว่า แล้วกูก็ไม่ได้ต่อยแม่งแรงขนาดนั้นหรอกน่ะ แค่จะเรียกสติมันเฉยๆ”

ผมส่ายหน้าเบาๆ พลางสำรวจใบหน้าของไอ้ก้องไปด้วย “แล้วแบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยวะเนี่ย”

“แม่งเมาขนาดนี้คุยยังไงก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละว่ะ”

“มันเมาแน่เหรอวะ มึงถามมันแล้วรึไง” ผมหันกลับไปมองไอ้โต

มันอ้าปากจะเถียงผมต่อ แต่สุดท้ายก็ถูกเสียงของไอ้ก้องที่ชิงพูดขึ้นก่อนกลบไป

“กูไม่ได้เมา...”

“แล้วทำไมกลิ่นตัวมึงแม่งถึงได้เหม็นกลิ่นเหล้ากลิ่นเบียร์ขนาดนี้วะ ไอ้ควาย” ไอ้โตถาม

ไอ้ก้องไม่ตอบ แต่กลับนั่งชันเข่าก้มหน้าอยู่อย่างนั้น เราสามคนจึงตกลงสู่ความเงียบอันน่าอึดอัดอีกคร้ง แต่ว่าหนนี้นานกว่าเมื่อครั้งที่แล้วมาก มากจนไอ้โตหมดความอดทนอีกจนได้

“โว้ยยยยย!! เมื่อไหร่จะได้คุยกันวะ! มึงจะเอายังไงก็รีบๆ พูดมาได้มั้ย ไอ้ก้อง!!”

“กูขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึง” ไอ้ก้องตอบเบาๆ พลางชันตัวขึ้นยืน

ผมกับไอ้โตมองหน้ากันงงๆ ในขณะที่ไอ้ก้องเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเลื่อนตัวขึ้นไปนั่งบนเตียง ส่วนไอ้โตก็ลากเก้าอี้เขียนหนังสือมานั่งอยู่ไม่ไกลจากผม เราได้ยินเสียงน้ำก๊อกที่อ่างล้างหน้าไหล ตามมาด้วยเสียงวักน้ำ และเมื่อเสียงเงียบลงไป ทั้งผมและไอ้โตต่างก็หันไปมองที่ประตูห้องน้ำเป็นตาเดียวกัน

ไอ้ก้องเดินออกมายืนพิงผนังห้องไว้ มันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อน

“กูกำลังจะซิ่ว...”

“ฮะ! ว่าไงนะ!” ไอ้โตถามซ้ำ

“และ... ใช่ กูเองแหละ ที่แอบชอบมึงอยู่ ไอ้ซี” ไอ้ก้องพูดต่อโดยไม่สนใจคำถามของไอ้โต

“สรุปคือมึงยอมรับ...” ผมพูดขึ้นบ้าง

“ใช่ กูยอมรับ กูขอโทษ เรื่องทั้งหมดกูทำเอง กูโกหกพวกมึงทั้งสองคน แต่ที่เหี้ยคือกูโกหกตัวเอง เพราะกูไม่อยากให้มึงโกรธและเกลียดกู ไอ้ซี ไหนๆ กูก็จะลาออกแล้ว กูอยากจะ...” มันกลืนน้ำลาย “อยากจะ ‘รัก’ มึง อยากจะให้มึงรักกูบ้าง ถึงแม้ว่ามึงจะคิดกับกูแค่เพื่อนก็ตามเหอะ” น้ำเสียงของมันเริ่มสั่นเครือ “แต่สุดท้ายกูก็ทำพังหมดทุกอย่าง! กูขอโทษ กูไม่ได้อยากให้เราเป็นแบบนี้เลย!”

“เดี๋ยวนะๆ นี่มึงจะซิ่วจริงๆ เหรอวะ ไอ้ก้อง มึงจะออกเมื่อไหร่ ปลายเทอมนี้ใช่มั้ย” ไอ้โตถาม

“ก็คงงั้น...”

“โอ๊ยยยย!! มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย!” ไอ้โตลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มันคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วเดินตรงไปยังประตูห้อง “พวกมึงเคลียร์กันให้เรียบร้อยแล้วกัน กูเหนื่อยแล้วว่ะ”

“อ้าว จู่ๆ มึงจะไปไหนวะ ไอ้เหี้ย” ผมถาม

“หาอะไรแดกอะดิ กูหิว และกูก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วด้วย ไหนๆ ไอ้ก้องมันก็ยอมรับแล้ว งั้นมึงก็คุยกันต่อเองแล้วกัน”

“เออ” ผมรับคำ ถึงแม้จะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักว่าผมจะยังมีเรื่องอะไรเหลือให้ต้อง ‘เคลียร์’ กับไอ้ก้องอีกหรือเปล่า

“ไอ้ก้อง มึงมองหน้ากู” ไอ้โตพูด “กูบอกให้มึงมองหน้ากูไง”

ไอ้ก้องเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วสบตากับไอ้โต

“กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย และมึงก็ยังเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด กูให้อภัยมึง” ไอ้โตพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกจากห้อง

เมื่อประตูถูกปิดลง ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมเราสองคนทันที และหนนี้มันยิ่งน่าอึดอัดกว่าเมื่อสองครั้งแรกเสียอีก

ไอ้ก้องยืนพิงผนังอยู่หน้าห้องน้ำ ส่วนผมก็นั่งอยู่บนเตียง เราต่างก็ไม่พูดอะไรออกมาเลยเป็นเวลาหลายนาที จนในที่สุดไอ้ก้องก็ยอมเอ่ยคำๆ แรกออกมาจนได้

“แล้วไอ้นะล่ะ...”

ผมปรี๊ดขึ้นทันที “มึงจะทำไมวะ แฟนกูมันทำไม เกี่ยวอะไรกับมึงหรือเรื่องนี้!”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร กูขอโทษๆ” น้ำเสียงของไอ้ก้องบาดลึกเข้าไปในหัวใจของผมจนผมรู้สึกผิดที่เผลอใช้น้ำเสียงเมื่อครู่ออกไป

ผมถอนหายใจ “งั้นกูถามตรงๆ เลย ไอ้ก้อง คืนนั้นมึงทำอะไรกู”

“กู... กู...” มันอึกอัก

“บอกมาตรงๆ เถอะว่ะ ก่อนที่กูจะโกรธมึงอีก”

“กูใช้มือให้มึง...” มันพูดเสียงค่อยจนแทบจะเป็นกระซิบ

“แค่มืองั้นเหรอ”

“ใช่...”

“ถ้าแค่นั้นแล้วทำไมมึงไม่สบตากู”

มันเหลือบมองผมด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนจะหลุบตาลงต่ำไปอีกหน “ก... ก็ใช้ปากนิดหน่อย... แต่แค่นิดเดียวนะเว้ย” มันรีบพูดประโยคหลัง “ล... แล้วก็ชักให้มึงจนมึงแตก และพอมึงแตกแล้วกูก็ทำความสะอาดให้ แค่นั้นแหละ” มันเล่าด้วยเสียงที่แทบไม่ต่างจากกระซิบ

“แล้วมึงล่ะ”

“ก... กูทำไม”

“มึงได้ช่วยตัวเองรึเปล่า”

มันดูประหลาดใจกับคำถามของผม “ทำไมมึงถามอย่างนั้นวะ”

“ตอบกูมาเหอะ ตอบกูมาตามตรง”

มันหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “กูชักว่าวเองหลังจากทำความสะอาดให้มึงเสร็จแล้ว”

“ที่ไหน”

“หมายความว่าไงวะ ที่ไหนอะ”

“กูก็หมายความตามนั้นแหละ มึงไปชักว่าวที่ไหน”

“ก็ต้องในห้องน้ำสิวะ”

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“กูขอโทษ... ไอ้ซี”

“ช่างเหอะ กูไม่อยากคิดอะไรแล้วว่ะ” ผมส่ายหน้า “กูเดาว่าเรื่องทั้งหมด ความรู้สึกของมึงทั้งหมดที่มีต่อกู ก็คงเป็นอย่างที่มึงเคยเล่าให้กูฟังเมื่อตอนนั้น แต่แค่เปลี่ยนจากชื่อของไอ้โตเป็นมึง ใช่มั้ยวะ”

มันไม่ตอบ แต่ผมถือว่านั่นคือคำตอบว่า ‘ใช่’

“เพราะฉะนั้นกูก็รับรู้แล้วว่ามึงเจ็บปวดขนาดไหน แค่นั้นก็น่าจะเป็นการลงโทษมึงที่เพียงพอแล้ว” ผมบอกมัน ซึ่งที่จริงผมก็ไม่ได้คิดหรือทำใจได้ขนาดที่ปากพูดหรอก แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นนะ เขาก็คงจะคิดอย่างนี้แน่ๆ “แล้วว่าแต่ทำไมมึงถึงจะซิ่ววะ ไอ้ก้อง... อย่าบอกนะว่าเพราะกูน่ะ”

“เปล่า เพราะพ่อกูเค้าอยากให้กูเรียนที่อื่นคณะอื่นน่ะ”

“แล้วทำไมมึงไม่บอกพวกกู”

“กูจะบอกได้ยังไงวะ ในเมื่อบรรยากาศระหว่างพวกเรากำลังเป็นกันอยู่แบบนี้ และในเมื่อกูทำทุกอย่างให้แม่งพังไปหมดแล้วแบบนี้น่ะ” มันพูดอย่างขมขื่น ร่างกายของมันสั่นเทาน้อยๆ ราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ทุกเมื่อ

ผมส่ายหน้า “ไม่พังหรอก อาจจะมีรอยร้าวบ้าง แต่ไม่พังแน่นอน” ผมลุกขึ้นจากเตียง “วันนี้คุยกันแค่นี้ก่อนเหอะว่ะ ถ้ามึงอยากจะระบายอะไรอีก ก็บอกมา กูจะรับฟังมึงเอง ยังไงกูกับมึงก็เพื่อนกัน แต่วันนี้มึงไปพักผ่อนเหอะ อาบน้ำอาบท่า แดกข้าวปลาให้เรียบร้อย เลิกแดกเหล้าเบียร์เหี้ยอะไรพวกนี้ได้แล้ว เพราะแม่งไม่ได้ช่วยให้มึงแก้ปัญหาอะไรสักอย่างหรอก และจากนี้ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยโทรมาหากู”

ไอ้ก้องไม่ตอบอะไร มันยังคงยืนก้มหน้าอยู่อย่างนั้น มันในตอนนี้ดูแตกต่างจากไอ้ก้องคนที่ผมเคยรู้จักตั้งแต่ตอนเรียนปรับพื้นฐานด้วยกันราวกับเป็นคนละคน และยิ่งผมคิดแบบนี้เท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจมันมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันคงต้องเก็บซ่อนความอึดอัด ความขมขื่นทุกอย่างเอาไว้ในใจเพียงลำพังอยู่คนเดีวอย่างทรมานมานานแล้วจริงๆ

ผมเดินตรงเข้าไปหามัน

“ไอ้ก้อง”

มันเงยหน้าขึ้นมาหาผม

“กูให้ความรักแบบนั้นแก่มึงไม่ได้ แต่กูให้สิ่งนี้มึงได้นะเว้ย”

มันมองหน้าผมงงๆ ผมจึงดึงตัวของผมเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น กอดแบบที่เพื่อนผู้ชายกอดกัน ผมตบหลังมันแรงๆ 2-3 ทีแล้วจึงคลายวงแขนออก

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่มหาลัย” ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินไปคว้าสมุดหนังสือขึ้นแล้วออกจากห้องไป
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 05-05-2012 23:17:08
 :z13: :z13:

ตบเข่าฉาด!!! ว่าละต้องเป็นก้อง(หรอยะ)
ปมคลายซะที เพื่อนจะได้มองหน้ากันติด
นะกับซีนี่รักกันดีจังเลย จะมีอุปสรรคอะไรต่อจากนี้เนี่ย ขอให้มันผ่านไป  :กอด1:

 :pig4:นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-05-2012 00:09:10
เคลียร์กันอย่างแมนๆ

ชอบจัง...มิตรภาพผู้ชายเนี่ย

 :m4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 06-05-2012 00:20:36


ซี ..นายแมนมากอ่ะ ><!!

ก้อง นายก็สู้ๆ .. :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 06-05-2012 01:19:22
เรื่องทุกอย่างเคลียร์แล้ว

หายเครียดสักทีน้าไอ่ตี๋ของไอ่ตูด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 06-05-2012 01:43:54
ได้คุยกันแบบเปิดอกซะที

แอบสงสารก้องนิดๆที่ต้องเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-05-2012 03:02:59
โต...โหดไปมั๊ย?

 :o

ความรักแบบเพื่อนยืนยาวเสมอ  o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 06-05-2012 03:09:53
โต-ก้อง เลออออ ฮิฮิ =///= เราทะโหล่ไปป่ะ?? 5555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 06-05-2012 05:01:43
 o13 เพื่อนกันดีแล้วแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: romeno ที่ 06-05-2012 05:27:23
โต ♥ ก้อง  :really2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-05-2012 08:16:33
จับโจรลักหลับได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 06-05-2012 09:29:42
เธอๆ มีไรจะกระซิบบอก.... แต่ไปอ่านในแฟนเพจนะ (ฮา)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 06-05-2012 10:08:41
ยังไม่อยากให้จบเลยยยยยย :sad4:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-05-2012 10:22:27
ตอนนี้สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพความ จริงใจต่อกัน รักกันแบบไม่มีข้อแม้อะไรเลยจริงๆ
ระหว่างคนรักกับคนรัก เพื่อนกับเพื่อน
ชอบจัง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 06-05-2012 10:26:39
นี่ดิลูกผู้ชายตัวจริง ต้องกล้ายอมรับแบบแมนๆไปเล้ย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 06-05-2012 12:13:55
ก้องเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
ส่วนแฟน ชายนะเค้าจองไว้นานแล้ว
น้องซีไม่ว่างแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 06-05-2012 16:47:22
นับถือในความเป็นเพื่อนของ ซี นะ และ โต มาก
 o13 o13 o13 o13 o13 o13
ก้องสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 07-05-2012 03:09:44
ดีใจมาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 07-05-2012 15:15:54
มิตรภาพของเพื่อน... o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: neo1of9 ที่ 08-05-2012 12:58:05
หาอ่านอยู่นานเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: nong2074120741 ที่ 09-05-2012 03:06:21
เป็นเรื่องที่เข้าใจกันดีจริง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 11-05-2012 23:03:39
SeeeDz ที่ 23


ผมคิดไว้ว่าอะไรๆ มันน่าจะดีขึ้น เมื่อไอ้ก้องพร้อม เราจะได้กลับมาคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง เพราะไอ้โตก็พูดไว้แล้วว่ามันไม่ติดใจและไม่คิดจะเอาเรื่องอะไร ส่วนผมเองก็เช่นกัน แต่อะไรๆ มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อไอ้ก้องแทบไม่เข้าเรียนอีกเลย และเมื่อเราเจอกัน มันก็ไม่คุยกับผมและคนอื่นๆ เหมือนอย่างเคย มันปลีกตัวอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร มันบอกเพื่อนๆ ว่าเป็นเพราะมันกำลังมีปัญหากับที่บ้าน แต่ผมกับไอ้โตรู้ดีกว่านั้น จนในที่สุดมันก็ทำเรื่องลาออกไปตั้งแต่ยังไม่ทันสอบกลางภาคเสียอีก

“คนแต่ละคนก็มีวิธีในการทำใจต่างกันไปว่ะ มึงอย่าคิดมากเลย ไอ้ตี๋” นะพูดกับผม

“กูก็ไม่ได้คิดมากหรอก แต่กูแค่งงๆ ว่ะ กูไม่ค่อยชอบใจหรอกที่มันทำแบบนี้น่ะ ทำไมแม่งต้องทำตัวห่างเหินหรือหนีปัญหาอะไรอย่างนี้ด้วยวะ ยังไงก็เพื่อนกันไม่ใช่รึไง”

“นั่นแหละ มึงอย่าไปใส่ใจ อย่าไปโกรธอะไรมันมากเลย คนเราแต่ละคนก็เข้มแข็งไม่เท่ากัน รับมือกับปัญหาไม่เหมือนกัน ตอนนี้มันอาจจะเลือกเดินออกไปแบบนั้น แต่ในอนาคต พอมันทำใจได้แล้ว มันก็อาจจะกลับมาคุยกับมึงเหมือนเดิมก็ได้นะเว้ย”

“มึงคิดงั้นเหรอวะ”

เขาพยักหน้า “ยังไงมันก็รักมึงไม่ใช่เหรอ และมึงก็เป็นคนดี กูว่าอย่างน้อยมึงก็คงไม่ยอมปล่อยให้ความเป็นเพื่อนระหว่างมึงกับมันต้องหายไปง่ายๆ หรอก จริงมั้ยล่ะ”

“แล้วกูต้องทำตัวยังไงล่ะวะ กูไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะเว้ย”

เขายิ้มให้ผม “ก็แค่ทำตัวปกติ เป็นอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ ไม่ต้องพยายามอะไรมากมายหรอก”

“แบบที่กูเป็นเหรอวะ” ผมสงสัย

“ใช่ ตามสบายๆ อย่างที่มึงเป็นนี่แหละ ไม่คิดอะไรมาก ไม่กังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้มาก ปล่อยๆ มันไป”

“แล้วแบบนั้นมันจะดีกว่าแน่เหรอวะ กูฟังดูมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ” ผมหัวเราะ

“ก็ดีกว่ามึงพยายามมากเกินไปจนไม่ใช่ตัวมึงนั่นแหละ” เขาตีหน้าผากผมดังเพี๊ยะ “ไอ้เหม่งเอ๊ยยย!”

“อะไรเล่า! ก็กูไม่ใช่มึงนี่หว่า กูไม่ได้ใจกว้างปานแม่น้ำเหมือนมึงนะ ไอ้ตูด!” ผมดีดหน้าผากเขาคืน

“ฮ่าๆ กูไม่ได้ ใจกว้างขนาดนั้นหรอก” เขาลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ “เพราะบอกตรงๆ แม้แต่ตอนนี้กูก็ยังลืมสิ่งที่กิ๊กทำไว้กับกูไม่ได้ และยังไม่คิดว่าตัวเองจะยกโทษให้มันได้เลย”

“มึงไม่เห็นเคยบอกกูเลยวะว่ามึงรู้สึกแบบนี้อยู่น่ะ”

เขายักไหล่ “ก็มึงไม่เคยถามนี่หว่า และที่สำคัญ กูอยู่กับมึงแบบนี้กูก็สบายใจดีแล้ว ไม่รู้จะไปนึกถึงเรื่องไม่ดีๆ ทำไมว่ะ แต่ถึงกูจะยังยกโทษให้กิ๊กไม่ได้ ยังรู้สึกเสียใจถ้าหากนึกถึงว่าตอนนี้แม่งจะกำลังมีความสุขกับแฟนใหม่ขนาดไหน แต่กูก็ไม่ได้เกลียดมันว่ะ เพราะถ้ามันไม่ทำแบบนั้น กูก็คงไม่ได้คบกับมึงและมีความสุขแบบนี้ จริงมะ”

ผมเขินจนตีหน้าไม่ถูก ยังไงๆ ก็ไม่เคยชินกับการพูดจาแบบนี้ของเขาสักที ไอ้ล่ำนี่แม่งเป็นบุคลิกคนเจ้าชู้โดยสันดานจริงๆ นะเนี่ย!

“ไอ้เหี้ย! ฟังแล้วจั๊กจี้บอกไม่ถูกว่ะ! อึ๋ยยย!!”

“มึงนี่ไม่รู้จักคำว่าหวานกับเค้าเลยนะ ไอ้ตี๋”

“กูไม่หวานแล้วมึงรักกูปะล่ะ”

“รักตรงที่มึงเป็นมึงแบบนี้นี่แหละ หวานมากเดี๋ยวเลี่ยนว่ะ อีกอย่าง ถ้ากูอยากได้แฟนที่มัน ‘เยอะ’ กูก็คงหาแฟนที่กูเอาประตูหน้าได้ ไม่ใช่ประตูหลังแบบมึงไปแล้วล่ะ” เขาจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“เดี๋ยวกูเตะคว่ำเลย!!” ผมพูดพร้อมกับยกเท้าขึ้น

“โอ๊ย อย่าๆๆ ฮ่าๆๆ” เขายกมือขึ้นห้าม “พอๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ กูจะพูดจริงๆ จังๆ มั่งละนะ”

“เรื่องอะไรอีก”

“เรื่องพ่อแม่มึงอะ”

“พ่อแม่กูทำไมวะ”

“ก็ที่กูไปบ้านมึงบ่อยๆ หรือมึงมานอนกับกูบ่อยๆ เนี่ย มึงว่าเค้าจะสงสัยอะไรรึเปล่าวะ”

ผมยักไหล่ “กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่คิดว่าคงไม่หรอก เพราะแต่ก่อนนี้กูก็มีแฟนผู้หญิงมาตลอด และมึงก็ไม่ได้เดินตูดบิดตูดเบี้ยวกรีดไม้กรีดมืออะไรให้เค้าเห็นนี่หว่า”

เขาตบหัวผมเบาๆ “ปากดีใช่ย่อยนะมึงเนี่ย”

“อะไรเล่า ก็กูพูดเรื่องจริง ว่าแต่มึงเหอะ ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่า กูก็แค่ถามเฉยๆ แล้วมึงคิดว่าพ่อแม่มึงเค้ารับเรื่องนี้ได้มั้ยวะ”

“ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่ะ แต่อาจจะได้แหละมั้ง เพราะพ่อแม่กูเค้าหัวสมัยใหม่ว่ะ โดยเฉพาะแม่กูยิ่งแล้วใหญ่”

“เหรอวะ...” เขาก้มหน้า

“ทำไมวะ มีปัญหาอะไร”

“เปล่า ไม่มีปัญหาหรอก... ยังไม่มี กูแค่คิดว่าบ้านกูไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยว่ะ คือกูหมายถึงพ่อกูอะนะ แต่ก็นะ มึงเองก็ไม่ได้เดินตูดบิด หรีดไม้กรีดมือ พูดคะขา หรือเขียนคิ้วกรีดตาให้พ่อกูเห็นสักหน่อย จริงมะ”

ผมหัวเราะ “กูว่ามึงนี่แหละ ไอ้ตัวกวนตีนและปากดีน่ะ แต่กูยังไม่เคยเจอพ่อมึงสักหน่อยนี่หว่า มึงจะกังวลไปทำไม”

“ก็นี่ไง มึงยังไม่เคยเจอพ่อกู แต่กูกำลังคิดจะชวนมึงไปเที่ยวที่บ้านกูตอนปิดเทอมอยู่นี่แหละ อยากไปมั้ย”

“ถ้ากูตอบว่าไม่อยากล่ะ”

“กูก็จะจับมึงมัดแล้วยัดใส่กระเป๋ากลับบ้านแม่งเลยไง!” เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมผมแล้วจากนั้นเราสองคนก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะต่างคนต่างเหนื่อยจนหอบ เลยต้องยอมสงบศึกกันแต่โดยดี

น่าแปลกที่เมื่อไม่มีไอ้ก้อง ชีวิตของพวกเราทุกคนกลับไม่ได้ดูต่างไปจากที่เคยมากนัก ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนกระทั่งปิดเทอม เราต่างก็ยุ่งกับเรื่องรายงานและการเตรียมสอบ ผมจึงไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องของไอ้ก้องมากนัก ก็มีบ้างที่เราคุยถึงเรื่องของมัน บ่นถึงมัน แต่ก็เพียงแค่นั้น คิดๆ แล้วก็น่าใจหายเหมือนกันนะ ที่พวกเราปรับตัวให้เคยชินกับการจากไปของเพื่อนคนหนึ่งกันได้ไวถึงขนาดนี้ และในขณะที่คนอื่นๆ ยังได้คุยกับไอ้ก้องผ่านทางเฟซบุ๊คหรือช่องทางอื่นอยู่บ้างเรื่อยๆ ผมกลับเป็นคนเดียวที่ไม่เคยได้คุยกับมันอีกเลย แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังด้วยเหมือนกัน

ส่วนทางฝั่งของนะ นอกจากเรื่องเรียนที่ยากขึ้นแล้วก็ยังมีวงดนตรีที่ต้องหมั่นฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ เราจึงได้เจอกันน้อยลง แต่ผมก็ไม่รู้สึกเหงาสักเท่าไหร่ เพราะว่ามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาพยายามอ่านหนังสือสอบ เพื่อที่จะได้ทำเกรดดีๆ ส่งท้ายปีหนึ่งให้ได้ เพราะนะให้สัญญากับผมไว้ว่าถ้าหากผมทำเกรดออกมาได้ดีกว่าเมื่อเทอมแรกแล้วล่ะก็ เขาจะให้ของขวัญที่พิเศษสุดๆ กับผม ดังนั้นผมจึงพยายามอย่างเต็มที่

หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงอ่านหนังสืออันแสนทรมานและการสอบวันสุดท้ายไปแล้ว ผมก็กลับบ้านแล้วนอนหลับสนิทข้ามวันเหมือนอย่างเคย แต่ครั้งนี้ผมไม่ลืมที่จะบอกนะเอาไว้ก่อนด้วย เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาจะต้องเป็นห่วงผมมากแน่ๆ

เมื่อผมตื่นขึ้นและเดินออกจากห้องนอนลงไปยังห้องนั่งเล่นในสภาพที่ยังงัวเงียอยู่ ผมก็พบว่าเขากำลังนั่งรออยู่บนโซฟาเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วไม่มีผิด แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่รู้สึกตกใจเหมือนเมื่อตอนจบเทอมหนึ่งสักนิด

เขาที่กำลังนั่งเล่นกับไอ้เป๊ปซี่อยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“ช่วยบอกเหตุผลดีๆ สักข้อให้กูฟังซิว่าทำไมกูถึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เห็นมึงนั่งอยู่ตรงนี้เนี่ย” ผมยืนกอดอกพิงผนังห้อง

“อืมมม... เพราะกูหล่อมั้ง”

“ถุย! กูจะอ้วก!!” ผมหัวเราะ

“อ้าว ซี ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของแม่ดังข้นจากหน้าประตูครัว “นะมารอตั้งนานแล้วเนี่ย”

“ตื่นแล้วครับ หิวอะแม่ มีอะไรให้กินป่าว”

“ไม่มีย่ะ รอมื้อเย็นทีเดียวเลย สมน้ำหน้า นอนกินบ้านกินเมืองขนาดนี้ก็น่าจะหิวอยู่หรอก”

“อะไรเล่า ก็ซีเหนื่อยอะ อดหลับอดนอนตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อทำเกรดดีๆ ให้พ่อกับแม่ภูมิใจเลยนะเนี่ย”

“ไม่ต้องมาทำปากหวานเลย พาเพื่อนขึ้นไปนั่งเล่นบนห้องไป เดี๋ยวข้าวเย็นพร้อมแล้วแม่จะเรียกลงมากินข้าวเอง”

“คร้าบบบ แล้วพี่แซ็คกับทรายล่ะ”

“แซ็คมันไปดูหนังกับเพื่อน ส่วนทรายยังไม่กลับจากเรียนพิเศษ”

“อ๋อๆ โอเค มาได้แล้ว ไอ้ตูด ขึ้นห้อง” ผมพยักหน้าเรียกนะที่นั่งเกาหูไอ้เป๊ปซี่อยู่

เขายักคิ้วกวนๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้ามาหาผม

“นี่มึงมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

“สักสองชั่วโมงได้แล้ว ก็นั่งคุยกับพี่แซ็คแป๊บนึงก่อนพี่เค้าจะออกไปข้างนอกอะว่ะ”

“อ้าว เหรอวะ แล้วทำไมมึงไม่ขึ้นไปปลุกกู”

“ก็กูอยากให้มึงนอนพักผ่อนไปนั่นแหละ แถมคุยกับพี่มึงก็สนุกดีออก กูรอได้ ไม่เป็นไร”

“แล้วนี่มาอ้อนอะไรแม่กูถึงบ้านอีกล่ะ ไอ้ตูด”

“กูไม่ได้มาอ้อนอะไรแม่มึงสักหน่อย” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงกระซิบ “แค่คิดถึงเมีย เลยมาหา ไม่ได้รึไง”

“ไอ้เหี้ย! เดี๋ยวแม่ก็ได้ยินหรอก!” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่เขา

“จะไปได้ยินได้ไง แม่มึงอยู่ข้างล่าง ส่วนพ่อก็อยู่ในสวนนู่น” เขาจับก้นผม

“เฮ้ยย! ไอ้...!!” ผมสะดุ้งโหยง “พอเลย! รีบๆ เข้าห้องมาเลย ไอ้เชี่ยล่ำนี่!”

เขาเดินตามผมเข้ามาในห้อง ผมเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นจากหัวเตียงแล้วกดปุ่มเปิดมันอีกครั้ง

“กูคิดถึงมึงว่ะ” เขาพูดเบาๆ พลางสวมกอดผมจากทางด้านหลัง

“อะไรวะ เพิ่งเจอกันเมื่อ 2-3 วันก่อนนี่เอง”

“สำหรับกูแล้วมันคือ ‘ไม่ได้เจอตั้ง 2-3 วันต่างหาก’ ว่ะ” เขาซุกหน้าลงซอกคอของผม

“อย่าเพิ่งทะลึ่ง กูเพิ่งตื่นนะเว้ย” ผมดันตัวเขาออกและหันไปหาเขา

นะทำหน้าบึ้ง “เพิ่งตื่นแล้วเกี่ยวไรวะ”

ผมแบมือ “มา”

เขานิ่วหน้า “อะไรวะ”

“เอามาาา”

“เอาอะไร”

“ของขวัญที่มึงเคยบอกจะให้กูไง”

“ฮ่าๆๆ กูบอกว่าจะให้มึงถ้าทำเกรดออกมาดีๆ ต่างหาก” เขาปัดมือผมออก

“เออ แล้วกูจะคอยดู มึงเตรียมตัวเสียเงินเอาไว้ได้เลย!”

เขายิ้มกริ่ม “เออ รอเกรดออกก่อนเหอะ แต่ตอนนี้เอารางวัลแรกตอบแทนความพยายามของมึงไปก่อนมะ”

“อะไร มึงจะมาลูกไม้อะไรกับกูอีก”

“ไม่ได้ลูกไม้เว้ย” เขาจับมือผม “แต่... มึงไปเที่ยวบ้านกูนะ กูขอพ่อกับแม่มึงให้แล้ว”

“แล้วพ่อว่าไง”

“เค้าก็อนุญาตสิ กูออกจะไว้ใจได้ขนาดนี้”

“ไม่ใช่เว้ย กูไม่ได้หมายถึงพ่อกู แต่เป็นพ่อมึงต่างหาก”

“อ๋อออ กูบอกเค้าแล้วว่ากลับบ้านหนนี้จะพาเพื่อนไปเที่ยวด้วย เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร สบายหายห่วงน่า”

“เออๆ โอเค แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้”

“ฮะ!! พรุ่งนี้เนี่ยนะ!!!”

“ช่ายยยย” เขาเดินไปหยิบกระเป๋าของเขาขึ้นจากพื้น “มึงไม่สังเกตเลยเหรอว่าทำไมกระเป๋ากูถึงได้ใบขนาดนี้น่ะ”

“อะ... เออ... จริงด้วย กูเพิ่งสังเกต” ผมส่ายหน้าเบาๆ “นี่กูเมาขี้ตาขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย”

“มึงก็เป็นงั้นตลอดแหละ” เขาหัวเราะ “ไปๆ เก็บของเตรียมไว้เลย กูจะช่วยด้วย”

“มึงนี่มันจริงๆ เล้ยยยย ไอ้ตูดดดด!!” ผมเดินไปเตะก้นเขาเบาๆ แล้วจากนั้นเราก็ช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของผมลงกระเป๋า

วันถัดมา ผมกับเขาก็ออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้า โชคดีที่แม่ใจดีให้ผมเอารถไปขับได้ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าแม่ไปถูกใจถูกชะตาไอ้ตูดของผมที่ตรงไหนขนาดนี้ ถึงได้ทั้งรักทั้งเอ็นดูเขาเสียเหลือเกิน

ระหว่างที่ผมขับรถให้เขาอยู่นั้น เราก็คุยกันไปด้วยตลอดทาง และในที่สุดเขาก็ถามถึงเรื่องๆ หนึ่งที่เขาดูพยายามเลี่ยงที่จะพูดมาตลอดจนได้

“นี่... มึงได้คุยกับไอ้ก้องมั่งรึเปล่าวะ”

“ไม่ว่ะ มันยังไม่ติดต่อกูเลย”

“เฟซบุ๊คมันก็ยังไม่แอดกลับมาเหรอวะ”

ผมส่ายหน้า “มันเพิ่งลบกูไปไม่กี่อาทิตย์ก่อนเองนะ กูว่ามันคงไม่รีบแอดกูกลับมาหรอกมั้ง”

“แล้วเพื่อนๆ มึงว่าไง”

“มันก็รู้แหละว่ากูกับมันไม่คุยกัน แต่พวกมันก็ไม่ได้มาไล่บี้ถามอะไรกูน่ะนะ พอกูเฉยๆ ไป มันก็ไม่ถามอะไรแล้วว่ะ และไอ้โตก็ช่วยพูดช่วยกันๆ ให้ด้วยเหมือนกัน”

“แล้วไอ้โตกับไอ้ก้องมันคุยกันปกติมั้ยวะ”

“คุย แต่ไม่ปกติ”

“อืมมม...” เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วจึงวางมือลงบนหน้าขาของผม “ยังเสียใจอยู่มั้ยวะ”

“ไม่ว่ะ” ผมส่ายหน้า “แต่ในขณะเดียวกันพอคิดๆ ดูแล้ว เรื่องนี้แม่งก็ทำให้กูรู้สึกเสียใจอยู่หน่อยเหมือนกันนะ”

“เรื่องอะไรวะ”

“เรื่องที่ทำไมกูถึงไม่ได้รู้สึกแคร์อะไรมันเท่าที่กูเคยคิดว่ากูจะเป็นน่ะสิ”

“กูว่าการที่มึงไม่เสียใจ ไม่ได้หมายความว่ามึงไม่แคร์ไอ้ก้องหรือแคร์มันน้อยหรอก ไอ้ซี แต่น่าจะเป็นเพราะมึงเคยชินกับความรู้สึกนี้แล้วและยังให้อภัยมันหมดแล้วทุกอย่างมากกว่าว่ะ”

ให้อภัยงั้นเหรอ... ก็คงจะจริงอย่างที่เขาว่าล่ะมั้ง

“ว่าแต่พ่อมึงเหอะ กูจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านตั้ง 3-4 วันแบบนี้ เค้าจะไม่ว่าอะไรเหรอวะ พ่อมึงเค้าดุรึเปล่าเนี่ย กูก็กลัวๆ นะเว้ย”

“หืมม คนอย่างมึงกลัวอะไรด้วยเหรอวะ”

“อ้าวว ไอ้หมา กูก็เกรงใจเหมือนกันนะเว้ยเฮ้ย”

“หืมมมมม คนอย่างมึงนี่เกรงใจอะไรเป็นด้วยเหรอวะ” เขาหัวเราะ

“ไอ้...!!”

“โอ๋ๆ กูล้อเล่นน่า มึงไม่ต้องห่วงหรอก พ่อกูเค้าเป็นคนนิ่งๆ แต่ไม่ดุ ไม่ว่าอะไรแน่นอน ถ้าเค้าทำท่าจะว่าอะไร กูจะชวนมึงมาทำไมตั้งแต่แรกล่ะ”

“แล้วมึงชวนกูมาทำไมล่ะ”

“ก็กูอยากพามึงมาไหว้พ่อผั... เอ๊ย มาไหว้พ่อกูกับมาแนะนำให้พี่กูรู้จักน่ะสิ”

“แล้วเค้าจะไม่ชอบกูกันรึเปล่าวะ”

“ทำไมเค้าจะต้องไม่ชอบมึงกันด้วยล่ะวะ อย่าคิดมากน่า ไอ้ตี๋ กูยังรักมึงเลย แล้วครอบครัวกูเค้าจะไม่รักมึงเหมือนกูได้ยังไง” เขาหันมายิ้มให้ผม

“มึงคิดงั้นเหรอวะ...” ผมเลิกคิ้วขึ้น “แต่หลายๆ คนเค้าว่ากูเป็นคนหน้าตากวนตีนนะ แถมกูยังเข้าหาผู้ใหญ่ไม่เก่งเหมือนมึงด้วยอะ กูกลัวทำตัวไม่ถูกว่ะ”

“เอาน่า อย่าคิดมากสิมึง ก็จริงอยู่ที่มึงอาจจะเป็นคนหน้าตากวนตีน พูดจาห้วนๆ ไม่ค่อยมีสัมมาคารวะ เข้าหาคนไม่เก่ง หลงตัวเอง...”

“เฮ้ยๆๆ”

“แต่มึงเป็นคนจริงใจ มีเสน่ห์ ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรักมึงกันทุกคนนะเว้ย”

“ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า ไอ้ตูด”

“ฮ่าๆๆ เปล่าสักหน่อย กูแค่จะบอกว่าให้มึงทำตัวสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีแล้ว กูแน่ใจว่ายังไงๆ พ่อกูก็ต้องรักมึงเหมือนลูกแท้ๆ อีกคนด้วยแน่นอนอะว่ะ”

“แต่นั่นคือเค้าต้องไม่รู้ว่าเราเป็นแฟนกันเท่านั้นใช่มะ”

“อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ขอกูแนะนำมึงแค่ในฐานะเพื่อนไปก่อนเถอะ” เขาหัวเราะเบาๆ ผมรู้สึกถึงความกังวลที่เจืออยู่ในเสียงหัวเราะนั้นได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

หลังจากนั้นเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยจนกระทั่งเริ่มเข้าถึงตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา

“หิวรึยัง” เขาถาม

“นิดหน่อยว่ะ กี่โมงแล้ววะ”

“จะเที่ยงแล้ว แต่รอไปกินข้าวบ้านกูเลยก็แล้วกันนะ อีกนิดก็จะถึงแล้ว”

ผมขับรถไปตามทางที่เขาบอก ถนนที่เคยใหญ่ก็เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเราก็เลี้ยวเข้าซอยหนึ่งที่อยู่ห่างจากตลาดชุมชนไม่ไกลเท่าไหร่ และหลังจากที่เลี้ยวเข้าซอยไปได้ไม่กี่นาที เขาก็บอกให้ผมจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง

“นี่บ้านมึงเหรอ หลังนี้เหรอวะ”

“ช่ายย เดี๋ยวกูไปเปิดรั้วให้ รอแป๊บ” เขาพูดพร้อมกับเปิดประตูรถออก

เมื่อเขาเดินลงจากรถไปแล้ว ผมก็ชะโงกมองสำรวจบ้านของเขา บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นขนาดไม่ได้ใหญ่โตเท่าใดนัก แต่มีเนื้อที่สวนกว้างขวาง ต้นไม้ร่มรื่น หน้าบ้านมีรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่สองคัน รถกระบะอีกหนึ่งคัน แปลว่าพ่อของเขาน่าจะอยู่บ้านแน่ๆ

นะโบกมือเรียกให้ผมเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน และเมื่อผมจอดรถดับเครื่องเรียบร้อยแล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านข้างของตัวบ้าน

“เอ้า มาๆ มาไหว้พ่อกูก่อน” เขาเดินเข้ามารับผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แวบแรกผมเผลอคิดไปว่าเขาจะจูงมือผมไปหาพ่อของเขาแล้วด้วยซ้ำ

“มาถึงกันแล้วเหรอ นะ” พ่อของเขาทักขึ้นก่อน

“พ่อฮะ นี่ไอ้ซี เพื่อนนะที่เคยเล่าให้ฟัง”

เขาไปเคยเล่าอะไรเกี่ยวกับผมให้พ่อเขาฟังวะเนี่ย

“หวัดดีครับ พ่อ” ผมยกมือไหว้ชายร่างกายกำยำสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เขาทำให้ผมนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อตอนเด็กๆ นะจะตัวเล็ก อ่อนแอ และขี้โรคอย่างที่เคยเล่าได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของเขาดูแข็งแรงขนาดนี้

พ่อของนะมีโครงหน้าที่คมสันไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือแววตาที่แลดูแข็งกร้าว ซึ่งในขณะเดียวกันก็สะท้อนความเศร้าสร้อยลึกๆ ที่คงฝังอยู่ข้างในเอาไว้อยู่ด้วยเช่นกัน สิ่งที่ผมนึกขึ้นได้ทันทีเมื่อสบตากับผู้ชายคนนี้คือโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้เมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง

“เหนื่อยมั้ยล่ะ ขึ้นบ้านไปนั่งพักกันก่อนไป เดี๋ยวพ่อเก็บของตรงนั้นเสร็จแล้วจะตามเข้าไป”

“ครับพ่อ” นะรับคำ จากนั้นก็พาผมเดินไปที่รถและหยิบกระเป๋าของเราสองคนลงมา

เขาพาผมเดินเข้าไปในบ้านและขึ้นไปยังห้องนอนของเขา ห้องของเขาที่นี่ก็ดูไม่ค่อยต่างจากหอที่กรุงเทพฯ มากนัก ไม่ว่าจะโปสเตอร์นักกีฬารักบี้ อเมริกันฟุตบอล หนังสือนิตยสารกีฬาต่างๆ อุปกรณ์กีฬาสารพัดชนิดไม่ว่าจะเป็นไม้แบดมินตัน ไม้เทนนิส ลูกฟุตบอล ลูกรักบี้ หรือแม้แต่รองเท้าสเก็ตช์ที่วางอยู่ทั่วทั้งห้อง เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ถุงพลาสติก กล่องขนม และยังอะไรอย่างอื่นที่ผมไม่สามารถเอ่ยชื่อได้หมดอีก

“โหหห ห้องมึงแม่งส่งกลิ่นสาปผู้ชายหึ่งเลยว่ะ”

“เกินไป ไอ้ตี๋ เกินไป” เขาวางกระเป๋าลงบนพื้น “ส่งกระเป๋ามานี่”

“ห้องมึงแม่งรกได้อีกนะ ไอ้ตูด” ผมยื่นกระเป๋าให้เขา “มึงเก็บห้องครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะเนี่ย”

“ก็... กลับบ้านครั้งที่แล้วไม่ได้เก็บอะไรมาก แค่ปัดกวาดเช็ดถูนิดหน่อย เพราะงั้นก็คงราวๆ ครึ่งปีได้แล้วมั้ง ฮ่าๆๆ”

“โหหห! ไอ้ตัวซกมก!”

“แล้วนอนได้มั้ยล่ะ”

“ถ้ากูนอนไม่ได้จะให้ทำไง ไปนอนวัดเหรอวะ”

“เออออ ความคิดเข้าท่านะมึงเนี่ย ส่งมึงไปเป็นหมาวัดดูสัก 3-4 คืนก็คงไม่เลวเหมือนกัน”

ผมชูนิ้วกลางให้เขา “ค...ย”

“ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นๆ ถ้างั้นมึงลงไปนั่งข้างล่างก่อนก็ได้ ขอกูเก็บกวาดห้องแป๊บนึง โอเคมั้ย”

“ไม่โอเค” ผมตอบทันควัน “ไปเอาอุปกรณ์มา แล้วเดี๋ยวกูช่วยมึงเอง”

“เฮ้ย จะดีเหรอวะ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูทำเอง กูเกรงใจ”

“ป่านนี้แล้วยังจะมาเกรงใจอะไรกันอีกวะ กูช่วยมึงเก็บหอมากี่หนแล้ว หรือว่ามึงมีอะไรที่กูเห็นไม่ได้รึไง”

“เฮ้ย ไม่มีๆ”

“ถ้างั้นก็ไปเลย เร็ว เริ่มทำความสะอาดกันดีกว่า จะได้เสร็จไวๆ” ผมตีก้นเขาให้ออกเดิน

อีกไม่กี่นาทีถัดมา ผมกับเขาก็อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น พร้อมหน้ากากกันฝุ่นปิดปาก แล้วเริ่มลงมือจัดระเบียบห้องของเขาใหม่ โชคยังดีที่ถึงห้องของเขาจะรก แต่ก็ไม่สกปรก เราจึงแค่จัดวางของให้เข้าที่ รวบรวมของที่ไม่ใช้แล้วใส่ถุงขยะ และปัดกวาดเช็ดถูไม่นาน ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย

“เดี๋ยวเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ก็เสร็จแล้ว” เขาพูด “ขอบใจนะเว้ย ไอ้ซี”

“เออๆ ไม่เป็นไร” ผมถอดหน้ากากออก รู้สึกหายใจโล่งขึ้นเยอะ “เสียเวลาแป๊บเดียวเอง เห็นมะ คราวหลังก็หัดเก็บกวาดห้องตัวเองบ่อยๆ หน่อยสิวะ ไอ้ตูด”

“ก็นั่นน่ะสิ” เสียงพ่อของนะดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ทำเอาผมสะดุ้งเบาๆ

ผมรีบหันกลับไปยังที่มาของเสียงทันที ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินคำว่า ‘ไอ้ตูด’ ที่ผมเพิ่งใช้เรียกลูกชายของเขาหรือเปล่า แต่ดูท่าทางแล้วผมว่าน่าจะได้ยินแน่ๆ

“เพื่อนเพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ แต่กลับต้องมาช่วยแกเก็บกวาดห้องเหรอวะเนี่ย ไอ้นะ”

“อ้าว ก็...” นะอ้าปากจะเถียง แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของพ่อแล้วก็จำต้องก้มหน้าลงทันที “ขอโทษครับ...”

“ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ ผมเต็มใจ” ผมออกตัว

“ไม่ได้หรอก ไอ้หมอนี่มันขี้เกียจแถมไม่เคยเป็นระเบียบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตามใจมันมากไม่ดี”

ผมฟังออกว่าที่จริงพ่อเองก็ไม่ได้กำลังดุหรือด่าว่าอะไรนะจริงจัง แต่ความที่เขาเป็นคนมีน้ำเสียงค่อนข้างทรงพลังและแววตาที่แข็งกร้าวอย่างนั้น จึงทำให้ผมอดรู้สึกหวั่นๆ นิดๆ ไม่ได้

“โห่ พ่ออะ ก็นะไม่อยู่บ้าน จะให้ทำไงล่ะ แถมนะก็บอกไอ้ซีมันแล้วว่าไม่ต้องช่วยหรอก มันยืนยันจะช่วยเองด้วยนี่น่า แล้วก็นี่ไง เสร็จไวขึ้นตั้งเยอะ ไม่ดีเหรอครับ” นะเถียงกลับ แต่ด้วยน้ำเสียงเกรงๆ เล็กน้อย

“ไม่ต้องมาอ้างเพื่อนเลย ไป พาเพื่อนลงไปกินข้าวก่อนเถอะ พ่อเตรียมไว้ให้แล้ว หิวรึยังล่ะ ยังไม่ได้กินอะไรมากันเลยใช่มั้ย”

“ขอบคุณครับ” ผมกับนะตอบพร้อมกัน

หลังจากที่พ่อของเขาเดินจากไป ผมก็หันไปหานะทันที “มึงแน่ใจเหรอวะว่าพ่อมึงไม่ดุน่ะ ไอ้นะ”

เขาหัวเราะเบาๆ “เค้าก็เป็นของเค้าแบบนี้แหละ คือเค้าไม่ใช่คนดุไร้สาระน่ะ แค่หน้าตาโหด เสียงเข้ม ก็เลยเหมือนคนดุไปหน่อยเท่านั้นเอง เดี๋ยวมึงก็ชิน”

“ใช้คำว่า ‘ชิน’ เลยเหรอวะ”

“ฮ่าๆๆ ไปเหอะ ไปข้างล่างกัน” เขาตบบ่าผมเบาๆ จากนั้นก็เดินนำผมออกจากห้อง

ตอนแรกผมก็นึกแปลกใจว่าทำไมเขาไม่กอดคอผมแล้วเดินไปด้วยกันเหมือนอย่างเคย แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเรากำลังอยู่ที่ไหนและต้องวางตัวอย่างไร ผมเองก็ต้องหัดระวังตัวและคำพูดมากขึ้นเหมือนกัน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเราคงต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ

“ไอ้นะ แป๊บนึงดิ๊”

“หืออ” เขาหันมามองผม

“ปกติแล้วพ่อของมึงเค้ารับพวกเรื่องเกย์ กะเทย อะไรอย่างนี้ได้มากน้อยแค่ไหนวะ”

เขาหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกถึงอารมณ์ขันเลยแม้แต่นิดเดียว “เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่ควรเป็นหัวข้อคุยกับพ่อกูตลอดกาลเลยก็แล้วกัน”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 11-05-2012 23:14:41
สองคนนี้น่ารักสุดๆ
แต่ปัญหาพ่อแม่ไม่ยอมรับนี่ปัญหาสุดคลาสสิคเลย จะผ่านไปได้ยังไง - -
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 11-05-2012 23:20:22
อุปสรรคชิ้นโตเลยหล่ะ

เรื่องครอบครัว พ่อแม่ไม่ยอมรับ

เป็น 1 ในดราม่าที่ไม่อยากเจอที่สุด รองลงมาก็เรื่อง ผญ

เป็นกำลังใจให้2คน เรื่องร้ายอย่าได้เข้ามา  เพี้ยง!!!!!  >3<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 11-05-2012 23:35:18
พาซีมาเปิดตัวหรอนะ ?

 :laugh3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 11-05-2012 23:49:37
พ่อนะ น่าเป็นห่วง คงไม่กัดกันคนรักกันหรอกนะคะ พ่อ T_T
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 11-05-2012 23:53:33
ประโยคสุดท้ายเป็นประโยคที่น่ากลัวมากๆเลยนะครับ :m29:

คุณต้นอย่าน้อยใจที่คนเม้นน้อยเลยนะครับ

อย่างน้อยผมคนนึงก็ตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องนี้อยู่ตลอดละคนนึง

รอตอนต่อไปครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-05-2012 23:59:53
นับวันความสัมพันธ์ของซี-นะยิ่งแนบแน่น เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
ถึงวันที่อยากแนะนำให้รู้จักกับครอบครัว แต่บ้านนะคงไม่ง่ายเหมือนบ้านซี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 12-05-2012 00:56:17
ตุย แต่ ไม่ปกติ ??
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 12-05-2012 01:01:36
โห...........ปัญหาพ่อของนะอีกนะนะเนี่ย :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 12-05-2012 02:15:05
น่าแปลกที่เมื่อไม่มีไอ้ก้อง ชีวิตของพวกเราทุกคนกลับไม่ได้ดูต่างไปจากที่เคยมากนัก

ผมว่าผมเข้าใจก้องมากมากมากมากเลยนะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 12-05-2012 02:15:39
มาต่ออล้วเย้ๆๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-05-2012 08:39:56
เรื่องการยอมรับจากครอบครัวเป็นอุปสรรคใหญ่
สงสัยคนอ่านจะได้กินมาม่าชามโต
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 12-05-2012 11:26:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-05-2012 11:54:18
ดูท่าทางพ่อของนะแล้ว ตอนนี้อย่าเผลอหลุดอะไรออกมาเชียวนะซี เดี๋ยวงานเข้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-05-2012 16:13:53
เปิดตัวแบบลับๆสินะ :-[
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: gonna.be ที่ 12-05-2012 20:29:12
ประโยคจบน่ากลัวชริงๆ   :a5:
จะได้ซดมาม่าชามโตเร็วๆนี้รึเปล่าน้อ o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 12-05-2012 21:00:01
หวังว่าพ่อของนะ จะยอมรับและเข้าใจได้ในเร็ววัน
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 12-05-2012 22:33:23
เริ่มพัฒนาไปสู่..ครอบครัว ^^ ไม่ว่าจะเกิดอะไร..เชื่อว่า นะกับซี จะคอยอยู่ข้างๆกัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-05-2012 22:57:02
โอ๊ะ!!! เจอด่านยาก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 12-05-2012 23:03:15
มีเค้าลางดราม่ามาจากพ่อตานะนี่ล่ะน้า  o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 13-05-2012 04:21:58
ถ้าคุยแล้วพ่อจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ล้อเล่น

สรุปพ่อแอนตี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 13-05-2012 06:11:49
เริ่มพัฒนาไปสู่..ครอบครัว ^^ ไม่ว่าจะเกิดอะไร..เชื่อว่า นะกับซี จะคอยอยู่ข้างๆกัน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 13-05-2012 19:50:17
ถือว่าเป็นด่านที่ยากด่านหนึ่งเลยหรือเปล่า
สู้ๆ ละกันนะ ทั้งสองคน
ต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-05-2012 21:54:47
มันอาจจะผ่านไปด้วยความยากลำบาก แต่มันต้องผ่านไปได้แน่ๆ
สู้ๆ เอาใจช่วยเต็มที่เลย :man1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 13-05-2012 22:36:21
เห็นปัญหาแล้วเพลีย
ถ้ารับไม่ได้ก็อย่าให้เค้ารู้ซะก็เท่านั้น
ในเมื่อสร้างกรอบมาก ก็แสดงไปตามกรอบที่เค้าวางไว้ให้เค้าพอใจ

ไม่ได้ส่งเสริมให้โกหก แต่ถ้ารับความจริงไม่ได้ก็ไม่ต้องรู้ละกันความจริงน่ะ
.
.
.
เหวี่ยงไปมะ -_-?
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 16-05-2012 19:22:11
เตรียมท้องรอมาม่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 16-05-2012 22:11:05
เตรียมท้องรอมาม่า

สงสารตัวละคร เจองานหนักแน่ๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 16-05-2012 23:01:17
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 18-05-2012 20:18:46
SeeeDz ที่ 24


ในตอนเย็น พี่ชายของนะที่ชื่อว่าพี่นาย กับพี่แอร์แฟนของเขาก็แวะมากินข้าวเย็นด้วยที่บ้าน บุคลิกของพี่นายนั้นแตกต่างกับเขามาก แถมทั้งหน้าตาและหุ่นก็ยังคนละเรื่องเลยอีกด้วย เพราะถึงพี่นายจะเป็นคนตัวสูงใหญ่ แต่ก็เป็นคนอ้วนอารมณ์ดี พูดเก่ง ทะลึ่งนิดๆ ดูไม่ใช่คนขี้อายแบบน้องชายของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนพี่แอร์ก็เป็นคนอารมณ์ดีเช่นกัน ทั้งสองคนเป็นกันเองมาก จึงทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจก็คือ พี่แอร์นั้นเป็นญาติของกิ๊กแถมยังบ้านอยู่ใกล้กันอีกต่างหาก ช่วงแรกๆ ที่เรานั่งคุยกัน พี่แอร์จึงพูดถึงเรื่องที่นะกับกิ๊กเลิกกันบ่อยมาก แต่เมื่อพี่เขาเห็นว่านะไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นเท่าไหร่ เขาก็เปลี่ยนเรื่องและไม่พูดถึงมันอีกเลย

“ไม่เห็นมึงเคยบอกกูเลยว่าแฟนพี่มึงกับกิ๊กเป็นญาติกันอะ” ผมกระซิบกับเขาในขณะที่เราเดินไปตักอาหารเพิ่มในครัว

“อ้าว กูไม่เคยบอกเหรอ นึกว่าเคยเล่าแล้วซะอีก”

“มึงเคยบอกแต่ว่าเค้าสนิทกันเฉยๆ รึเปล่าวะ ไอ้นะ ไม่ได้บอกว่าเป็นญาติกันอะ”

“เอออ... ก็คงงั้นมั้ง ขอโทษทีว่ะ กูเองก็ไม่ได้ใส่ใจน่ะ”

“เออๆ ไม่เป็นไรหรอก กูก็ไม่ได้ว่าอะไรมึงเหมือนกัน แค่พูดขึ้นมาเฉยๆ”

“พรุ่งนี้กูกะว่าจะพามึงออกไปจ่ายตลาดตอนเช้า กลับมาทำกับข้าว แล้วบ่ายๆ เย็นๆ จะพานั่งรถเที่ยวนะ ไอ้ซี” เขาหันมายิ้มให้ผม

“โอเค กูยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไปไหนก็ไป”

“ดีมาก เพราะกูอยากพามึงไปโรงเรียนเก่ากู แล้วก็ไปเจอเพื่อนๆ กูด้วย” เขายิ้มให้ผม

เรากลับมานั่งกินข้าวและคุยด้วยกันต่อ ยิ่งเราเริ่มคุ้นเคยกันมากเท่าใด ผมก็ยิ่งรู้สึกสบายใจกับครอบครัวของนะมากขึ้นเท่านั้น พ่อของเขาถึงจะเป็นคนพูดน้อยและดูดุ แต่ก็ยิ้มและหัวเราะบ่อยๆ เมื่อได้ยินเรื่องตลกจากพี่นาย เขาถามผมถึงเรื่องครอบครัวและการเรียนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถามซอกแซกมากมายเหมือนตอนที่แม่ของผมเจอนะแรกๆ

พอตกดึก พี่นายกับพี่แอร์ก็ขอตัวกลับบ้านไป และหลังจากนั้นไม่นาน พ่อของนะก็ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง เราสองคนนั่งดูทีวีกันอยู่ข้างล่างอีกพักใหญ่ๆ จนเข็มนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ผมก็ชวนเขาขึ้นห้องไปนอนพักผ่อนด้วยเหมือนกัน

ห้องของนะกับห้องของพ่อเขาอยู่ติดกัน แถมฝาบ้านที่กั้นอยู่ก็ยังบางมากอีกด้วย นะจึงเตือนผมว่าถ้าหากเราคุยหรือทำอะไรกันเสียงดังขึ้นมาล่ะก็ พ่ออาจจะได้ยินเข้าก็ได้

“แล้วไอ้ทำอะไรของมึงน่ะ มึงหมายถึงทำอะไรวะ”

เขายักไหล่ “กูก็พูดลอยๆ เฉยๆ ไม่ได้เจาะจงว่าทำอะไรสักหน่อย”

“เดี๋ยวก็เจอหมัดลอยหรอก ไอ้ตูด!”

“ชู่ววว” เขาจุ๊ปาก จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ

“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง” ผมพูดผ่านไรฟัน

เขายิ้มกว้าง เดินเข้ามากอดผม แล้วกระซิบลงที่หูของผม “ดูท่าทางว่าพ่อกับพี่กูเค้าก็จะชอบมึงนะ ไอ้ตี๋...”

“เออ กูก็โล่งใจ”

“กูบอกแล้วว่ายังไงพวกเค้าก็ต้องรักมึง และยังไงๆ พวกเค้าก็ไม่มีทางรู้ด้วยว่าเราเป็นอะไรกันน่ะ จริงมั้ย ไม่มีอะไรต้องคิดมากเลย” เขาหอมแก้มผมหนึ่งที “นอนกันเถอะ กูง่วงแล้วว่ะ”

คืนนั้นเรานอนกอดกันแทบจะทั้งคืน หากว่าผมรู้สึกตัวขึ้นกลางดึกแล้วพบว่าเขาไม่ได้กอดผมอยู่ ผมก็จะเป็นฝ่ายหันไปกอดเขาเอาไว้เอง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะผมรู้สึกแปลกที่หรืออะไร แต่ถ้าหากเราไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันแล้วล่ะก็ ผมจะรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก และบางทีเขาก็อาจจะรู้สึกแบบเดียวกันก็ได้ เพราะเมื่อผมตื่นขึ้นในตอนเช้าก็พบว่าเขายังคงกอดผมเอาไว้จากทางด้านหลังท่าเดียวกับครั้งสุดท้ายที่ผมรู้สึกตัวเมื่อกลางดึกไม่มีผิด

ผมหลับตาลงและตัดสินใจจะนอนต่ออีกสักพัก แต่แล้วจู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นแถวหน้าประตูห้อง ผมรีบสะบัดผ้าห่มกับแขนของนะออกแล้วลุกออกจากเตียงทันที

“อ... อะไรวะ!” เขาตกใจตื่นขึ้น

“มึงล็อคห้องรึเปล่า!” ผมหันไปถามเขาเบาๆ

“ล็อคแล้ววววว” เขาล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม “เมื่อกี้คงเป็นเสียงพ่อกูเค้าเดินผ่านหน้าห้องน่ะ ไม่ต้องตกใจไปหรอกน่า เค้าไม่จู่ๆ ไขกุญแจห้องเข้ามาดูเรานอนหรอก”

ผมยังคงนั่งจ้องมองดูประตูห้องอย่างไม่รู้สึกปลอดภัยเท่าไหร่นัก

“มานอนต่อเหอะน่าาา” เขาดึงแขนผม “นี่เพิ่งเจ็ดโมงกว่าเองงง”

“แต่ไหนมึงบอกว่าจะพากูออกไปซื้อกับข้าวไม่ใช่เหรอวะ ไอ้ล่ำ ปกติเค้าไม่ต้องไปกันซื้อตั้งแต่เช้าหรอกเหรอ”

เขารีบชันตัวขึ้นนั่งทันที “ชิบหาย...!!”

“นั่นไง” ผมหัวเราะเบาๆ

“รีบไปล้างหน้าแปรงฟันเลย เร็ว!”

เราผลัดกันไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วจากนั้นก็ลงไปข้างล่าง เมื่อพ่อของนะที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงของเราสองคน เขาก็ตะโกนออกมาราวกับรู้จุดประสงค์ของนะอยู่แล้วตั้งแต่แรก

“พ่อไปซื้อของมาทำกับข้าวตั้งแต่หกโมงแล้ว ไม่ต้องออกไปแล้ว ไอ้หมา”

เขาหันมามองหน้าผมแล้วหัวเราะแหะๆ จากนั้นก็หันไปที่ครัว “พ่อจะทำอะไรมั่งอะครับ”

“อย่าตะโกนคุย เดินมาคุยกันดีๆ”

“ขอโทษครับ” เขาเดินนำผมไปที่ครัว “พ่อทำอะไรกินอะครับ”

“ข้าวต้ม เพื่อนแกกินได้มั้ยล่ะ”

“ได้ครับพ่อ ผมชอบเลยล่ะ” ผมรีบตอบ

“เออดีแล้ว กินง่ายดี”

“เอ้อ พ่อ เดี๋ยวเที่ยงๆ นะจะพาไอ้ซีมันออกไปเจอเพื่อนนะ แล้วก็คงกลับมาเย็นๆ เลย ยังไงเดี๋ยวนะค่อยโทรบอกอีกทีว่าจะกลับมากินข้าวเย็นรึเปล่านะครับ วันนี้พ่อไปไหนรึเปล่า”

“เดี๋ยวสายๆ ก็คงออกไปอู่รถพี่แกนั่นแหละ ช่วงนี้ที่นั่นยุ่งๆ ปัญหาเยอะ พ่อเลยต้องเข้าไปดูแลเองบ่อยหน่อย”

พี่นายเปิดอู่ซ่อมรถอยู่อำเถอข้างๆ ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากที่บ้านมากนัก โดยมีพ่อของเขาเป็นคนออกเงินทุนให้ตั้งแต่แรก และพ่อก็เป็นคนที่คอยเข้าไปดูแลด้วยเป็นบางครั้ง แต่จากที่นะเล่า ส่วนมากแล้วพ่อจะมอบหมายให้พี่นายเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวมาโดยตลอด การที่พ่อต้องเข้าไปที่นั่นบ่อยๆ คงหมายถึงว่าตอนนี้กิจการอาจจะกำลังมีปัญหาอย่างที่นะเคยเล่าให้ผมฟังเมื่อไม่นานมานี้จริงๆ ก็เป็นได้

“ที่อู่มีปัญหาเหรอครับ” นะถาม “เรื่องเงินรึเปล่า”

“เปล่า ไม่ใช่หรอก” พ่อส่ายหน้า “แต่เรื่องคนงานน่ะ แล้วพี่ชายแกบางทีมันก็ใจดีเกินไป เด็กมันเลยไม่ค่อยกลัว และที่หนักที่สุดเลยคือไอ้เด็กผู้หญิงที่ทำบัญชีมันเสือกท้องกับเด็กในอู่ แล้วพวกพ่อคิดว่ามันน่าจะยักยอกเงินในบริษัทไปพอสมควร”

“อ้าว แล้วทำไมพ่อไม่ห็นเคยเล่าเรื่องนี้ให้นะฟังเลย”

“ก็แกอยู่ไกล พ่อกับพี่แกก็ไม่อยากให้แกต้องเป็นห่วง เลยไม่ได้เล่าให้ฟัง และเรื่องมันก็ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้นหรอก แค่เรื่องน่ารำคาญเฉยๆ น่ะ อีกนิดเดียวก็เรียบร้อยแล้ว”

“แล้วพ่อจะทำอะไรมันน่ะ”

“ก็ไล่มันออกน่ะสิ ถามได้ แล้วก็จัดระเบียบพวกมันซะใหม่ ตอนนี้กำลังดำเนินคดีกับตำรวจอยู่ พ่อเลยต้องเข้าไปดูแลเองบ้างไง” พ่อปิดเตาแก๊สและหันมาหาพวกเราสองคน “เอ้า ยืนอยู่ทำไม ไปจัดเตรียมหาถ้วยชามกันสิ เดี๋ยวพ่อขึ้นไปอาบน้ำแป๊บนึงแล้วจะลงมากินข้าวด้วย”

“ครับ” เรารับคำพร้อมกัน

หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จ พ่อก็ฝากนะให้ปิดล็อคบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นก็ขับรถออกไป ที่จริงผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ใกล้ๆ กับเขาเท่าไหร่หรอกนะ แต่พอเรามีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังแค่สองคนแล้ว ผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“อะไรวะ ถอนหายใจอะไร เวลาอยู่กับพ่อกูแล้วมึงเกร็งขนาดนั้นเลยรึไง” เขาเดินเข้ามาตบบ่าผม

“กูก็ไม่รู้ว่ะ พ่อมึงเค้าก็ดีนะ แต่มันก็อดรู้สึกเกร็งๆ ไม่ได้ว่ะ กูคงกลัวไปเองแหละมั้ง”

“ฮ่าๆ กูบอกแล้วไงทำตัวสบายๆ เถอะมึง เวลาเราอยู่ด้วยกันก็ทำตัวให้เป็นปกติ แค่นี้ก็ไม่มีทางที่ใครจะจับเราได้แล้ว”

“มึงมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ แม้แต่กับคนในครอบครัวที่รู้จักมึงดีที่สุดอย่างพ่อมึงอะนะ”

“แน่นอน”

“แต่ตอนนั้นพวกไอ้นนท์กับไอ้โจยังดูออกแทบจะในทันทีเลยนะ ลืมแล้วรึไง”

“อ้าว แต่มันก็ยืนยันว่าถ้าเป็นคนอื่นคงดูไม่ออกแน่ๆ ไม่ใช่เหรอวะ มึงอย่าคิดมากดิ ไอ้ซี ไอ้สองตัวนั้นมันเป็นกรณีพิเศษนะเว้ย”

“ถ้ามึงคิดว่างั้นก็โอเค” ผมยักไหล่

“เดี๋ยวตอนบ่ายๆ เราออกไปเจอเพื่อนๆ กูกันแล้วมึงก็ลองสังเกตดูดิว่าพวกมันจะรู้รึเปล่าว่าเราเป็นแฟนกัน แต่เชื่อกูเถอะว่าพวกมันไม่รู้หรอก” เขายิ้มให้ผม “ปกติมึงไม่ใช่คนคิดมากนี่หว่า ไอ้ตี๋ ทำไมหนนี้เป็นซะอย่างนี้ล่ะวะ”

“กับเรื่องของกูเองน่ะ กูไม่ค่อยคิดมากหรอก แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของพ่อมึง ครอบครัวมึง และเรื่องของเราสองคนนี่หว่า รึมึงจะบอกว่ามึงไม่เคยกังวลว่าที่บ้านกูเค้าจะรู้เรื่องของเราขึ้นมาเลยรึไง”

“เอาน่าๆ กูเข้าใจมึงแหละ แต่เอาเป็นว่ากูมั่นใจว่าเรื่องของเราจะต้องไม่มีปํญหาอะไรเกิดขึ้นแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ กูเอาหัวเป็นประกันเลย”

“ถ้าเป็นงั้นจริงก็ดี...”

ในตอนบ่ายแก่ๆ นะก็โทรนัดกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งว่าจะไปเจอกันที่โรงเรียนมัธยมของพวกเขา ผมซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เขาไปยังสถานที่นัดหมาย นะแนะนำเพื่อนๆ ของเขาทุกคนให้ผมรู้จัก ผมใช้เวลานิดหน่อยกว่าจะจำชื่อได้หมดและเริ่มคุ้นเคยกับพวกเขา นะบอกว่าพวกเพื่อนๆ กลุ่มนี้คือเพื่อนที่เคยอยู่ในทีมรักบี้ด้วยกันและยังเคยไปแข่งขันระดับจังหวัดด้วยกันมาแล้วด้วย แต่น่าเสียดายที่พวกเขามากันไม่ครบทุกคน เพราะบางคนก็ไปเรียนอยู่ที่จังหวัดอื่นและยังไม่ได้กลับมาบ้านในช่วงนี้

“แล้วยังไง ตกลงจะเล่นกันกี่โมงวะเนี่ย” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น

“แหมๆ ไอ้เหี้ยโบ๊ท เสี้ยนเหรอวะ ทำเป็นรีบนะมึง”

“ก็เออดิว่ะ ตั้งแต่กูไปเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ กูก็ไม่ได้แตะลูกรักบี้อีกเลยนะเว้ย”

“กูก็เหมือนกัน” เพื่อนอีกหลายคนพยักหน้าและพึมพำเห็นด้วย รวมถึงนะที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมด้วยเหมือนกัน

ผมมองหน้าเขางงๆ และเมื่อเขาเหลือบมาเห็นสีหน้าสงสัยของผมแล้วจึงได้ให้คำตอบกับผม “วันนี้พวกกูนัดมาเล่นรักบี้ด้วยกันน่ะ”

“อ้าว มึงไม่เห็นบอกกูเลย”

“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์ดิ มึงเคยบอกว่าอยากเห็นกูเล่นรักบี้จริงๆ สักครั้งไม่ใช่เหรอวะ มึงบอกมึงไม่เคยดูคนเล่นกีฬานี้จริงๆ เลยไม่ใช่รึไง”

“ก็ใช่ แต่พวกมึงมีกันแค่ 13 คนแบบนี้จะเล่นได้เหรอวะ”

“ได้ดิ ไอ้นนท์” เพื่อนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เราและคงได้ยินที่เราคุยกันพูดขึ้น “ก็แบ่งกันทีมละหกคนไง อีกคนเป็นกรรมการกึ่งตัวสำรอง เล่นเท่าที่มีอะว่ะ เป็นมินิเกมไป อะไรเงี้ย แล้วก็ไม่มีการแท็คเกิล แต่จะใช้การรวบตัวเอาเฉยๆ”

ผมฟังแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าไอ้การแท็คเกิลกับการรวบตัวกันเฉยๆ มันจะต่างกันตรงไหน

“งั้นไปลงที่สนามกันเลยเหอะว่ะ กูขออาจารย์เอาไว้ให้แล้ว”

ผมเดินตามพวกเขาเคลื่อนย้ายพลไปยังสนามฝึกซ้อมรักบี้ที่อยู่บริเวณด้านหลังของโรงเรียน ติดกับถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง แต่ก็ไม่ไกลจากจุดที่เรานั่งคุยกันเมื่อตอนแรกมากนัก ตรงมุมสนามด้านหนึ่งมีห้องน้ำและห้องแต่งตัวเล็กๆ ตั้งอยู่ ส่วนอีกฟากหนึ่งของสนามก็ติดอยู่กับสนามฟุตบอล และพอมองเลยไปอีกนิดก็เห็นสนามบาสเก็ตบอลได้อย่างชัดเจน ซึ่งทั้งสองสนามนั้นก็มีเด็กวัยรุ่นจำนวนหนึ่งกำลังเล่นกีฬาอยู่

เมื่อเราต่างก็วางกระเป๋าลงแล้ว นะก็หยิบเสื้อยืดตัวหนึ่งออกมาแล้วถอดเสื้อเปลี่ยนตรงนั้นเลย ซึ่งคนอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาจัดการแบ่งทีมกันอย่างเรียบร้อยและมีการโยนเหรียญหัวก้อยว่าใครจะอยู่ทีมรุกหรือทีมรับก่อน ซึ่งผลออกมาว่านะจะเป็นฝ่ายได้รุกก่อน

จะแปลกใจดีมั้ยเนี่ย

“ไอ้นะ! ถึงพวกมึงได้รุกก่อนแต่ก็อย่าเพิ่งติดใจซะล่ะ เพราะเดี๋ยวเกมหน้าพวกกูก็จะได้รุกพวกมึงมั่งแล้ว เตรียมตูดไว้ให้ดีๆ ล่ะมึง!” เพื่อนของเขาตะโกนแซว

นะเหลือบมามองผมแล้วยิ้มๆ จากนั้นก็หันไปหาเพื่อนคนนั้นของเขา “มึงนั่นแหละที่ต้องเตรียมตูดเอาไว้ดีๆ ไอ้อู๊ด!”

ผมลอบส่ายหน้าเบาๆ พลางนึกขำอยู่ในใจ

หลังจากนั้นไม่นานการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น ผมที่ไม่เข้าใจกติกาของกีฬาชนิดนี้นักก็นั่งดูพวกเขาแข่งกันอย่างสนุกสนาน ถึงแม้เขาจะบอกว่าไม่มีการแท็คเกิล แต่เวลาผมเห็นพวกเขาปะทะกันหรือรวบตัวกันทีไรก็รู้สึกเสียวสันหลังทุกที ทั้งๆ ที่ผมเคยคิดว่าบาสเก็ตบอลก็เป็นกีฬาที่กระทบกระทั่งกันแรงแล้วนะ แต่มันยังเทียบกับรักบี้ไม่ได้เลยจริงๆ

เมื่อเวลาผ่านไปได้ราว 10 นาที ผมก็เริ่มเข้าใจภาพรวมของกติกามากขึ้น แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจทุกอย่างของผมไปจนแทบหมดกลับไม่ใช่เสน่ห์หรือวิธีการเล่นของกีฬาชนิดนี้ แต่เป็นความโดดเด่นในสนามของนะ ไอ้เรื่องที่ว่าเขาหน้าตาดีที่สุดในสนามแห่งนี้มันก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะตามากกว่าคนอื่นๆ ก็คือความคล่องแคล่วรวดเร็ว ลีลาพริ้วไหวของเขาที่สามารถวิ่งบิดตัวหลบฝ่ายตรงข้ามที่หมายจะเข้ามารวบตัวได้แทบทุกครั้ง เขามีรอยยิ้มอยู่บนหน้าแทบจะตลอดเวลา และที่สำคัญ เขายังมีสิ่งๆ หนึ่งอันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของนักกีฬาพึงมี ซึ่งมันคือ ‘ความรักในกีฬาที่ตัวเองเลือก’ นั่นเอง ผมพนันได้เลยว่าไม่ว่าใครก็ตามหากได้มานั่งมองดูเขาเล่นรักบี้แบบที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้จะต้องคิดเหมือนผมแน่นอน

ผมเคยเห็นเขามีความสุขเวลาร้องเพลงอยู่บนเวทีมาแล้ว ผมเคยเห็นเขาหัวเราะมาก็หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มและความเป็นตัวของตัวเองที่สุดครั้งหนึ่งของเขาในเวลาที่เขาเล่นกีฬาที่เคยบอกว่ารักมากที่สุด

ผมยังนึกไม่ออกเลยนะว่าผมจะสามารถรักการเล่นบาสเก็ตบอลได้เท่ากับที่เขารักการเล่นรักบี้ได้ขนาดนี้หรือเปล่า

“ซี... นั่นซีเหรอ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของผม

ผมหันไปยังที่มาของเสียงทันที “กิ๊ก”

“ซีมาที่นี่ได้ไงอะ” กิ๊กที่ซ้อนอยู่หลังรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนลงจากรถแล้วเดินตรงมาหาผม จากนั้นก็มองเลยไปที่สนาม “อ่ออ มากับนะเหรอ”

“ใช่ เพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง” ผมตอบ

“มาเที่ยวเหรอ”

“ใช่” ผมพยักหน้าเบาๆ

ผมว่ากิ๊กดูเปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ได้ดูสวยขึ้น แต่ก็ไม่ได้ดูแย่ลง อาจจะเป็นเพราะทรงผมที่ซอยสั้น อาจจะเพราะการแต่งหน้า หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้วก็เป็นได้

“แล้ว... จะอยู่กี่วันล่ะ”

“ก็อีก 2-3 วันน่ะ”

“เหรอ...” พอหมดเรื่องที่จะถาม กิ๊กก็ดูอึกอักทันที “เอ่ออ คือเพื่อนเรารออยู่อะ เราไปก่อนนะ”

“อื้อ”

กิ๊กพยักหน้าให้ผมเบาๆ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปหาเพื่อนของเธอยังรถที่จอดรออยู่ แล้วทั้งคู่ก็จากไป

หลังจากนั้นผมก็นั่งดูนะวิ่งกับเพื่อนๆ อยู่ในสนามด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าผมคิดมากเรื่องที่จบไปแล้วของนะกับกิ๊กหรือเรื่องที่กลัวกิ๊กจะรู้ว่าผมกับนะเป็นแฟนกัน แต่ผมกังวลว่าถ้าหากนะเจอกิ๊กแล้วเขาจะเป็นอย่างไรมากกว่า

ผมนั่งเหม่ออยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งเมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นพวกเขาที่เคยวิ่งอยู่ในสนามเดินกลับขึ้นมาตรงม้านั่งที่ผมนั่งอยู่แล้ว

“อ้าว เลิกแล้วเหรอวะ” ผมถาม

“เปล่า พักครึ่งว่ะ”

“ทำไมมึงไม่ลงไปเล่นด้วยวะ ไอ้ซี ลองสักหน่อยมั้ยล่ะ”

“โห ไม่ล่ะว่ะ กูไม่รู้กติกาเลย ไปเล่นก็ทำทีมแพ้เปล่าๆ น่ะสิวะ” ผมปฏิเสธ

“เอาน่า เล่นขำๆ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องแพ้ชนะสักหน่อย จริงมั้ยวะ ไอ้นะ”

“เหรอวะ ไอ้อู๊ด แล้วทีตอนนี้ทีมมึงคะแนนตามกูอยู่เนี่ย ทำไมมึงดูซีเรียสจังวะ” นะหัวเราะ

“ก็เพราะมึงมันหล่อไง กูหมั่นไส้มึง พอใจปะ ไอ้สาดดด”

“เออ ไอ้หล่อเลือกได้ ได้ข่าวว่ามึงเลิกกับกิ๊กแล้วนี่หว่า หาเมียใหม่ได้ยังวะ”

“ยังว่ะ กูยังไม่อยากมีใคร” เขายักไหล่

“เหรอวะ สาดดด หมั่นไส้จริงว้อยยย”

“แล้วมึงอะ ไอ้ซี มีแฟนยังวะ”

“กูก็ยังไม่มีเหมือนกัน” ผมคอบ “จริงๆ แล้วกูก็เลิกกับแฟนกูก่อนที่ไอ้นะจะเลิกกับกิ๊กไม่นานเหมือนกัน สุดท้ายก็เลยต้องร่วมหัวจมท้ายเป็นคู่หูคู่โสดกับแม่งเนี่ยไปสักพักอะว่ะ”

คำตอบของผมเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ของนะได้ประมาณหนึ่ง ดูท่าทางว่าคงไม่มีใครสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของเราหรอกนะ

เมื่อหมดเวลาพัก พวกเขาก็ลงกลับไปเล่นกันต่อ และเมื่อจบเกม ทีมของนะก็เป็นฝ่ายชนะไปอย่างขาดลอย พวกเรานั่งคุยกันต่ออีกพักหนึ่งแล้วจึงไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารไม่ไกลจากแถวนั้นมากนัก จนเมื่อฟ้าเริ่มมืดและเบียร์หมดไปหลายขวด ผมก็สะกิดนะและกระซิบชวนเขากลับบ้าน เพราะผมไม่อยากกลับดึกมากนักเนื่องจากรู้สึกเกรงใจพ่อของเขา ซึ่งเขาก็เข้าใจ ดังนั้นเราจึงบอกลาเพื่อนๆ ของเขาทุกคนและเป็นสองคนแรกที่ขอตัวกลับก่อน แต่เราก็ไม่ลืมที่จะนัดเจอกันอีกครั้งก่อนที่ผมกับนะจะกลับกรุงเทพฯ

“จริงๆ แล้วเมื่อเย็นกูเจอกิ๊กด้วยว่ะ” ผมพูดกับเขาขณะที่กำลังซ้อนท้ายเขากลับบ้าน

“ตอนไหนวะ”

“หลังจากที่มึงลงสนามกับเพื่อนมึงได้สักพักน่ะ”

“แล้วเจอได้ไง”

“มันขับรถผ่านว่ะ แล้วจำกูได้ก็เลยจอดรถแล้วเดินมาทักกู มันมากับเพื่อนน่ะ”

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ผู้หญิง”

“เหรอวะ...”

“ทำไมวะ มึงจะทำใจไม่ได้ถ้าหากว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ชายรึไง”

“เฮ้ย เปล่า กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ก็แค่ถามเฉยๆ” เขารีบตอบ “กูขอโทษ”

“คิดมากนะมึงเนี่ย” ผมเขกหลังหัวเขาเบาๆ “กูยังไม่ได้ว่าอะไรมึงสักคำ...” ผมเว้นช่วง “และถ้าหากว่ามึงจะยังรู้สึกอะไรอยู่บ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่หว่า กูไม่โทษอะไรมึงหรอก เรื่องธรรมดา”

เขาชะลอรถลงแล้วจอดหน้าเซเว่นอีเลเว่นแห่งหนึ่ง

“อ้าว จอดทำไมวะ จะซื้ออะไรรึไง”

“มึงอยากกินอะไรมั้ยล่ะ”

“ไม่อะ เพิ่งจะแดกข้าวมา ยังจะให้กูหิวอยากแดกอะไรอีกเหรอวะ”

“ก็นั่นน่ะสิ” เขาลงจากรถ

“อ้าว แล้วมึงจอดทำไม”

“กูแค่อยากคุยกับมึงให้เป็นเรื่องเป็นราว”

“คุยอะไรวะ” ผมนิ่วหน้า

“ก็เรื่องที่มึงพูดมาเมื่อกี้น่ะ”

“เรื่องมึงกับกิ๊กน่ะนะ โอ๊ยยย ไอ้นะ กูบอกแล้วไงว่ากูไม่คิดอะไรหร...”

“กูหมายถึงเรื่องของกูกับมึง” เขาพูดขัดขึ้น

“เหออ อะไรวะ” ผมยิ่งมองหน้าเขางงขึ้นไปอีก

“กูแค่อยากจะบอกว่า... กูโคตรโชคดีเลยว่ะ ที่ได้มึงเป็นแฟนน่ะ ไอ้ซี กู... กูรักมึงนะเว้ย และกูจะไม่มีวันทำให้มึงต้องเสียใจเด็ดขาด กูสัญญา”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-05-2012 20:44:30
ความรักอย่างเดียวไม่พอ ต้องเข้าใจกันด้วย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 18-05-2012 20:55:42
 :L1:นะนี่เป็นแฟนที่เพอร์เฟ็คจังวุ้ย อยากได้แบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 18-05-2012 21:01:09
รักนะ&ซี  :กอด1:

 :pig4:นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 18-05-2012 21:06:59
 :z13:

+1 กับ +เป็ด ไว้ก่อน

เดี๋ยวดึกค่อยเข้ามาอ่าน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-05-2012 21:17:44
 :m1:

นึกว่าแวะเซเว่นจะไปซื้อถุงยาง ฮ่าๆๆ (หื่นมาก) ที่แท้ก็มาบอกรักซีนี่เอง  :กอด1:

ช่วงนี้ลุ้นนิดนึง ทั้งพ่อของนะ ทั้งกิ๊ก ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 18-05-2012 21:18:01
นะ+ซี :กอด1:น่ารัก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-05-2012 22:04:31
เรื่องเหมือนพร้อมหย่อนลงมาม่าตลอดตอนใจหายใจคว่ำวุ้ย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-05-2012 00:22:15
พี่ล่ำอบอุ่นและพึ่งพาได้เสมอ
แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 19-05-2012 03:45:49
ตอนนี้ เหมือนท้องร้องที่พร้อมจะต้มมาม่าได้ทุกเมื่อ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 19-05-2012 04:52:20
มาต่อเร็วๆนะครับ เป็นคู่ perfect guy มากน่าอิดฉา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 19-05-2012 06:30:34
ล้นว่าความขะแตกหรือเปล่าหน่ะสิ เฮ้อ.............. :เฮ้อ:รักนะ+ซี :L1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-05-2012 06:48:12
ดูรักและห่วงใยกันขนาดนี้ ไม่มีอะไรมาแทรกได้ง่ายๆหรอกเนอะ เป็นกำลังใจให้นะสองหนุ่ม :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 19-05-2012 11:42:48
คู่เค้ารักกัน เข้าใจกัน โคตรน่ารักเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 19-05-2012 12:29:33
ชอบประโยคสุดท้าย

อยากมีโอกาศได้ฟังและพูดประโยคนี้ก็ใครสักคนจัง

รอตอนต่อไปครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 19-05-2012 17:29:16
นะกับซี น่ารักสุดใจค่ะ
ชอบ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 19-05-2012 23:42:07
ซีเป็นคนแฟร์ๆ อิจฉานะ ><
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 21-05-2012 00:27:24
อิจฉาาาจังงง  :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 21-05-2012 20:26:55
พ่อนะ เข้มมากอ่ะ
เรื่องครอบครัวนี่ ปัญหาใหญ่เลยเนอะ
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
ไหนจะเรื่องกิ๊กแฟนเก่านะอีก  เฮ้ออออ
กอดดดพี่ต้นค่ะ ขอให้หายป่วยเร็วๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 23-05-2012 11:45:40
เป็นคู่ที่น่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 24-05-2012 18:53:04
จอดรถเคลียร์กันเลยทีเดียว
สู้ๆ ทั้งสองคน

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 24-05-2012 23:59:59
อ่านไปก้อลุ้นไปเรื่องพ่อของนะ

สองคนนี้จะพลาดเมื่อไหร่ละเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 24)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 26-05-2012 12:32:58
เข้ามาทวงตอนต่อไปคร้าาา

ยังตามอ่านอยู่เสมอน้าา

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 27-05-2012 20:04:53
SeeeDz ที่ 25


เมื่อเราตื่นขึ้นในวันถัดมา พ่อของนะก็ทำอาหารเช้ารอเราสองคนเอาไว้อยู่แล้ว ระหว่างที่กินข้าวด้วยกันอยู่นั้น เขาก็เล่าเรื่องของที่อู่ให้นะฟังเพิ่มเติม ซึ่งดูเหมือนว่าปัญหาต่างๆ น่าจะเริ่มคลี่คลายไปได้มากแล้ว แต่พ่อบอกว่าวันนี้จะต้องออกไปที่อู่อีก และคงจะกลับมาเย็นๆ ถ้าหากว่าผมกับนะไม่ไปไหนหรือยังไงก็ให้หาข้าวเย็นกินกันเองได้เลย

“แล้วเราจะไปไหนกันรึเปล่าวะ วันนี้อะ” ผมถามเขาในขณะที่เรากำลังเก็บล้างด้วยกันอยู่ในครัว

“อาจจะไม่ว่ะ กูว่าจะปล่อยให้มึงนอนพักไปน่ะ ตื่นเช้ามาสองวันแล้วนี่ เอาไว้ตอนเย็นเราค่อยออกไปกินข้าวกัน ดีมั้ย”

“แหมเว้ย กูรักมึงก็ตรงนี้แหละ รู้ใจกูซะจริงๆ” ผมหัวเราะ

เขายิ้มกว้าง เหลือบมองไปยังห้องกินข้าว แล้วจึงกระซิบเบาๆ “กูอยากจะฟัดมึงซะจริงๆ ไอ้ตี๋เอ๊ยยย!”

“ฝันไปเหอะ ไอ้ตูด!”

“นะ!” เสียงพ่อของเขาดังขึ้นจากในบ้าน

เราสองคนสะดุ้งเฮือก

“ค... ครับพ่อ!”

“พ่อไปก่อนนะ ถ้าจะออกไปไหนก็อย่าลืมปิดบ้านดีๆ ล่ะ!”

“ครับ!”

สักพักผมก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตูบ้าน ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถ กว่าที่ผมจะแน่ใจได้ว่าพ่อขับรถออกไปแล้วจริงๆ ก็ทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว

“ตกใจหมดเลย ไอ้เหี้ย!” ผมต่อยแขนเขาแรงๆ “เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ตูด! เสือกพูดอะไรไม่คิด เกิดพ่อมึงได้ยินขึ้นมาจะทำไงวะ!”

“ทำไงล่ะ ก็ซวยอะดิ ถามได้ ฮ่าๆๆ”

“ยังจะมาหัวเราะอีกเว้ย!”

“เอาน่าๆ แต่พ่อก็ไม่ได้ยินสักหน่อยไม่ใช่รึไง” เขารวบตัวของผมเข้าไปกอด

“ล้างจานต่อให้เสร็จเลย ไอ้ตูด กูจะไปนอนดูทีวีรอ” ผมแกะแขนของเขาออก เขาเบะปากแบบเด็กๆ แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร “ดีมาก มันต้องว่าง่ายๆ แบบนี้สิวะ”

ผมเดินออกจากห้องครัวไปนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น อีกไม่กี่นาทีถัดมา นะก็เดินตามออกมานั่งอยู่ข้างๆ ผม เราสองคนนั่งเอนอิงดูทีวีด้วยกันอยู่พักใหญ่ๆ จนกระทั่งไม่มีรายการอะไรน่าสนใจให้ดูแล้วผมก็เริ่มอ้าปากหาววอด และในที่สุดก็เผลอผล็อยหลับลงไป

เมื่อผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของนะ ในขณะที่เขากำลังนั่งกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ อยู่

“งืมมม กี่โมงแล้ววะ...” ผมบิดขี้เกียจ

เขาก้มลงมายิ้มให้ผม “ยังไม่เที่ยงเลย มึงเพิ่งหลับไปไม่ถึงชั่วโมงเอง ไอ้ตี๋”

“แล้วมึงอะ ไม่เมื่อยเหรอวะ กูนอนหนุนตักอยู่แบบเนี้ย” ผมดันตัวจะลุกขึ้นนั่ง

“ไม่ต้อง” เขากดหน้าอกผมเอาไว้ “นอนไปเถอะ กูไม่เมื่อยหรอก”

“หือออ” ผมเลิกคิ้วขึ้น

“กูอยากอยู่แบบนี้สักพักว่ะ สบายใจดี” เขาลูบหัวผมเบาๆ

ผมยิ้มกว้างแล้วหลับตาลง ปล่อยให้เขาลูบหัวผมต่อไปแบบนั้น สัมผัสจากนิ้วมือของเขาที่ไล่ผ่านเส้นผมและหนังศีรษะของผมนั้นทำให้รู้สึกเพลินจนแทบจะหลับลงไปอีกครั้ง...

ที่จริงผมก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่เสียงของรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเข้ามาในบ้านก็ทำให้เราสองคนต้องผละออกจากกันราวกับถูกไฟช็อตทันที

“ใครมาวะ” นะลุกขึ้นยืนและเดินไปยังหน้าประตูบ้าน เขามองออกไปข้างนอกแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง

เสียงของรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นดับลงไปแล้ว

“ใครวะ ไอ้นะ”

เขาไม่ตอบ ซึ่งเขาก็ไม่จำเป็นต้องตอบด้วยเหมือนกัน เพราะอีกไม่กี่วินาทีถัดมาผมก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น

“นะ อยู่รึเปล่า”

“นั่นเสียงกิ๊กนี่หว่า กิ๊กมาเหรอวะ” ผมถามขึ้นอีกครั้งทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องถามเลย

เขาหันมามองหน้าผมครู่หนึ่งเหมือนเป็นการขออนุญาต และเมื่อผมพยักหน้าให้เขา เขาก็เปิดประตูบ้านแล้วเดินออกไป
ผมนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเขาจะพากิ๊กมานั่งในบ้าน แต่สุดท้ายก็ดูไม่เหมือนว่าใครจะเดินเข้ามาสักที ผมจึงลุกออกจากโซฟาและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตู จากตรงนั้นผมเห็นว่าเขาสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ตรงลานจอดรถ ดูท่าทางพวกขาจะคุยกันเรื่องเครียดไม่เบา เพราะสีหน้าของกิ๊กจากที่ผมเห็นไกลๆ นี้ดูไม่สู้ดีเลย... ที่จริงผมคิดว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ด้วยซ้ำ

ใช่แล้ว กิ๊กกำลังร้องไห้อยู่จริงๆ

ผมรอดูว่านะจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งผมคิดไว้ในใจอยู่แล้วว่าเขาคงจะต้องดึงตัวของกิ๊กเข้ามากอดเพื่อปลอบใจแน่ๆ แต่ว่าเขากลับไม่ทำอย่างนั้น ผมยืนดูพวกเขาคุยกันต่ออีกสักพักก็ไม่เห็นวี่แววว่านะจะกอดหรือแม้แต่สัมผัสร่างกายของกิ๊กเลย เขาที่ยืนหันหลังให้ผมดูสงบนิ่งจนผมรู้สึกแปลกใจ แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้เห็นสีหน้าของเขาอยู่แล้วน่ะนะ และในตอนที่ผมกำลังคิดจะหันหลังกลับไปนั่งดูทีวีต่อบนโซฟา เขาก็หันกลับมามองยังที่ๆ ผมกำลังยืนอยู่พอดี

เขาดูไม่แปลกใจที่เห็นผมยืนอยู่ตรงนี้ แต่แค่ส่ายหน้าให้ผมเบาๆ ก่อนจะหันกลับไป

ผมเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟา รู้สึกตัวเองดูงี่เง่าชอบกลที่ไปยืนดูแฟนตัวเองยืนคุยกับแฟนเก่าแบบนั้น ถึงใจผมจะไม่ได้คิดอะไรและเชื่อใจนะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับรู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องเห็นว่ากิ๊กกำลังร้องไห้และอาจจะทำให้นะใจอ่อนแบบนั้น ผมคงเชื่อใจเขาได้สินะ เขาคงจะไม่มีทางกลับไปคืนดีกับกิ๊กเพียงเพราะแค่เห็นน้ำตาของคนที่เคยรักกันมานานหรอกใช่มั้ย

ไม่สิ เขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน เขารักผม เขาสัญญากับผมแล้วด้วยซ้ำว่าจะไม่ทำให้ผมเสียใจ และที่สำคัญเขายังเคยบอกผมด้วยว่าเขายังไม่สามารถให้อภัยกิ๊กได้เลย แล้วเขาจะไปใจอ่อนง่ายๆ แบบนั้นได้อย่างไร

และในตอนที่ผมกำลังนั่งกดปุ่มรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจภาพที่ฉาบแวบไปมาบนจอทีวีเลยแม้แต่นิดอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินกลับขึ้นมาบนบ้าน ตามมาด้วยเสียงของล้อรถมอเตอร์ไซค์บดถนนที่วิ่งจากไป

“ไร้สาระว่ะ” นะพูดพร้อมกับถอนหายใจและส่ายหน้า

“ทำไมวะ”

“ไม่มีอะไรหรอก แม่งก็แค่ไปกับแฟนใหม่มันไม่ได้ดีเหมือนที่คิดไว้ แล้วก็เลยคิดถึงกู ที่จริงมันไม่เคยอยากเลิกกับกูเลยสักนิด อะไรแบบนั้นน่ะ”

ผมอดที่จะยิ้มประชดประชันออกมาน้อยๆ ไม่ได้ “คุ้นๆ มั้ยวะ ประโยคพวกนั้น”

“เออดิ เหมือนที่มึงกับเพื่อนๆ กูเคยบอกเอาไว้ไม่มีผิดเลย”

“บางทีชีวิตแม่งก็ไม่ต่างจากละครหรือนิยายเท่าไหร่หรอกว่ะ” ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ “แล้วไงวะ สรุปกิ๊กมันเลยมาขอมึงคืนดีเหรอ”

“เปล่า ไม่ได้มาขอคืนดีหรอก มันบอกว่าแค่อยากมาเจอ อยากมาเล่าให้ฟังเท่านั้นแหละ แล้วก็บอกว่าก่อนกูกลับไปกรุงเทพฯ ก็อยากจะชวนกูไปกินข้าวด้วยกันบ้าง ไรเงี้ย”

“แล้วมึงว่าไง”

“ก็ไม่ว่าไงหรอก คือเรื่องกินข้าวเย็นกูก็ไม่ได้บอกไปว่า ‘ไม่ได้’ อะนะ แค่บอกไปว่าขอดูก่อน ตอบๆ ไปแบบแบ่งรับแบ่งสู้อะว่ะ” เขาเดินมานั่งลงข้างๆ ผม

“ใจอ่อนเหรอวะ”

“กูเปล่าใจอ่อนนะเว้ย กูแค่สงสารมัน จะให้ปฏิเสธเลยก็ทำไม่ลงอะว่ะ แต่กูไม่ได้อยากจะไปไหนกับมันอีกแล้วนะเว้ย ยิ่งไปเป็นแฟนกับมันอะ ยิ่งไม่มีทางเลย มึงไม่เชื่อกูเหรอ”

“เชื่อออ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรมึง แต่ก็ดีแล้วล่ะที่มึงไม่อยากไป กูจะได้ไม่ต้องเตือน”

“เตือนอะไรวะ”

“เตือนว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่มันกำลังทำอยู่นี่แหละ คือการขอคืนดีชัดๆ ว่ะ แต่แค่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แล้วก็การที่มันอยากจะไปกินข้าวเย็นกับมึงสองคนเนี่ย บางทีมันอาจจะอยากใช้โอกาสนี้ในการมอมมึงแล้วจับมึงอีกครั้งก็ได้นะเว้ย”

“มึงพูดเล่นใช่มั้ยเนี่ย ไอ้ซี” เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

“มึงหมายถึงเรื่องไหน”

“ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ”

“งั้นกูบอกเลยว่ากูไม่ได้พูดเล่น มึงมันอ่อนต่อโลกไป ไอ้นะ และที่สำคัญ กูเองก็เคยเจอแบบนี้มาก่อนด้วย” ผมตบบ่าเขาเบาๆ “กูขึ้นห้องก่อนนะ ง่วงว่ะ อยากนอนสักงีบแล้วพอตื่นมาค่อยหาอะไรแดก มึงจะขึ้นไปด้วยกันมั้ย”

เขายิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้า “ไปสิวะ แต่คราวนี้กูขอนอนกอดมึงบ้างล่ะนะ”

“ถ้าอยากกอดก็เล่าให้กูฟังด้วยว่าเมื่อกี้มึงคุยอะไรกันมั่ง เอาละเอียดๆ เลย กูอยากรู้”

“สุดท้ายมึงก็หึงกูจนได้สินะ” เขาหัวเราะเบาๆ

ผมลุกออกจากโซฟาและมองเขาด้วยหางตา “จะไปได้รึยัง”

“คร้าบบ ไปๆๆ” เขารีบปิดทีวี

เราสองคนเดินขึ้นไปบนห้องของเขา นอนลงบนเตียงโดยที่เขากอดผมเอาไว้จากทางด้านหลัง จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องเมื่อสักครู่ให้ผมฟังทุกอย่างตั้งแต่ประโยคแรกที่กิ๊กพูดกับเขาจนถึงประโยคสุดท้ายที่เขาบอกลากัน ผมเองก็ได้แต่นอนฟังเงียบๆ ไม่ได้พูดหรือถามอะไรแทรก น่าแปลกดีเหมือนกันที่พอได้ฟังเรื่องทุกอย่างออกจากปากของเขาแบบนี้ เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันอ่อนโยนของเขา ความไม่สบายใจและไม่มั่นใจทั้งหมดที่เคยมีก็พลันหายไปในทันที

ผมว่าเขานี่แหละ คือความรักที่ผมตามหามาตลอดจริงๆ ในเวลาปกติ เขาดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว แต่ในบางเวลาอย่างเช่นตอนนี้ เขากลับแลดูอ่อนโยน เปราะบาง ผมจึงสามารถเป็นทั้งผู้ที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ และสามารถเป็นผู้ที่คอยปกป้องทะนุถนอมเขาได้ในเวลาเดียวกัน เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผม เราไม่เคยเรียกร้องอะไรจากกัน เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ ความเชื่อใจ และความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ของเรา ผมไม่เคยรักใครแล้วรู้สึกมีอิสระแต่ก็ยังผูกพันกับคนๆ นั้นมากเท่านี้มาก่อนเลย

แม่ง... ถ้าหากรู้ว่ามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วชีวิตจะดีขึ้นขนาดนี้ล่ะก็ ผมคงมีไปตั้งนานแล้วล่ะว่ะ

“เฮ้ย มึงยังฟังกูอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“อืออออ... ฟังอยู่” ผมพยักหน้าทั้งๆ ที่หลับตา

“ฟังอะไร มึงหลับแล้วชัดๆ ไอ้ตี๋”

“ไม่ได้หลับเว้ย แค่พักตาเฉยๆ”

“แล้วเมื่อกี้มึงยิ้มอะไร”

ผมลืมตาขึ้นแล้วพลิกตัวเป็นนอนหงาย “หืออ เมื่อกี้กูยิ้มเหรอ”

“เออ มึงนอนหลับตาพริ้มแล้วยิ้มอะไรก็ไม่รู้ เมื่อกี้กูชะโงกไปดูอยู่ กูเห็นนะ”

ผมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “ก็แค่คิดเรื่องของมึงเฉยๆ อะว่ะ”

“เรื่องของกูกับกิ๊กที่เพิ่งเล่าจบเนี่ยนะ” เขาทำหน้างง

“เออๆ ก็ประมาณนั้นแหละ อย่าถามมากน่า นอนเหอะ กูง่วงว่ะ” ผมพลิกตัวหันหลังให้เขาอีกครั้ง

“นั่นไง แล้วเมื่อกี้บอกว่าแค่พักตา” เขาหัวเราะเบาๆ

“จะนอนรึไม่นอนวะ เฮอะ ไอ้ตูด พูดมาก เดี๋ยวกูถีบตกเตียงเลย”

“โอเคครับ นอนก็นอน ผมขอโทษครับ พ่อ” เขาชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมเร็วๆ แล้วจากนั้นก็ซุกตัวลงใต้ผ้าห่มและกอดผมเอาไว้จากทางด้านหลังในท่าเดิม “เมียกูแม่งดุชิบ...”

“อะไรนะ”

“เปล่าจ้า ที่รัก นอนเถอะนะ คนดีของพี่” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกระชับวงแขนที่กอดผมให้แน่นขึ้นอีก

แอร์เย็นๆ และความอบอุ่นจากร่างกายของนะที่ถ่ายทอดมาถึงผม ทำให้ผมหลับลงไปอย่างอันรวดเร็ว ซึ่งในฝันของผมนั้น ผมเห็นเราสองคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่พร้อมกับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย และหนึ่งในคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราก็มีไอ้ก้องอยู่ด้วย จากนั้นภาพก็เปลี่ยนไปเป็นผมกับครอบครัวที่ชายทะเล แต่มันดันแปลกตรงที่มีไอ้ล่ำอยู่กับพวกเราด้วยเนี่ยสิ ดูท่าทางว่ามันจะอยู่กับผมมากจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของผมไปแล้วล่ะมั้ง

ผมเห็นภาพของเราสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ริมหาด ในขณะที่ไอ้เป๊ปซี่กำลังวิ่งไล่จับปูลมอยู่ไม่ไกล บรรยากาศรอบข้างเราช่างเงียบสงบ ลมเย็นๆ ที่พัดเข้าสู่ฝั่งทำให้เสื้อของผมโบกสะบัด และ...

ปึง!!!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับนะ เราสองคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ในตอนแรกผมก็ยังไม่รู้ว่าเสียงดังเมื่อครู่นี้มันเกิดจากอะไรและมาจากที่ไหน แต่ผมมั่นใจว่ามันต้องเกิดขึ้นใกล้ตัวเรามากๆ ในชั่วเสี้ยววินาทีที่ผมยังงุนงงอยู่นั้น สีหน้าของนะกลับเริ่มซีดเผือดไปทุกที เขาที่ดูเหมือนจะคิดอะไรออกก่อนผมสบถเบาๆ กระโดดลุกออกจากเตียง แล้วจากนั้นก็พุ่งตัวไปที่หน้าต่าง เขากวาดสายตามองภายในอยู่เพียงแค่ครู่สั้นๆ เท่านั้น

“ชิบ...!!” ใบหน้าของเขายิ่งซีดลงกว่าเดิมเสียอีก

“อะไรวะ ไอ้นะ!” ผมรีบคว้าแขนของเขาเอาไว้ก่อนที่จะทันวิ่งไปยังประตูห้อง “เมื่อกี้เสียงอะไรวะ แล้วมึงเห็นอะไร!”

“พ่อกลับมาแล้ว!! แล้วเมื่อกี้ก็...”

“ไอ้นะ!!!”


เราสองคนสะดุ้งเฮือกขึ้นพร้อมๆ กัน ตอนนี้ผมเองก็เริ่มหน้าถอดสีและเหงื่อเริ่มไหลออกมาทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องนอนนั้นเย็นเฉียบแล้วด้วยอีกคน

เสียงตะโกน... ไม่สิ เสียงตะคอกของพ่อของเขาดังกึกก้องไปทั่วทั้งบ้าน และมันก็ทำให้เลือดในกายของผมเย็นเฉียบ

นะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ต่างอะไรกับเสียงกระซิบ เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย “...แล้วเมื่อกี้พ่อคงเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นเรานอนอยู่ด้วยกันน่ะ”

ผมหลับตาลง รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนราวกับว่ามันแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก

“กูไปก่อนนะ” เขาพูดขึ้น

“เดี๋ยว...” ผมรั้งเขาไว้ แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี ผมอยากจะห้ามเขา ไม่อยากให้เขาเดินออกจากห้องนี้ไป แต่ก็ทำไม่ได้ แม้แต่คำพูดจะให้กำลังใจผมยังไม่สามารถพูดออกไปได้เลย

นะมองหน้าผม เขาพยักหน้าเบาๆ อาจจะเพื่อเป็นการให้กำลังใจผม เพื่อบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร หรืออาจจะแค่บอกว่าเขาเข้าใจว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ก็ได้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยอมปล่อยมือออก แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 27-05-2012 20:05:36
โอ๊ะ โอ งานเข้าอย่างแรง คุณพ่อเข้าใจลูกก้วยนะค่่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 27-05-2012 20:09:40
เย้ๆๆๆ   :sad4: :sad4: :sad4: คุณต้นมาต่อแล้ววว

เดี๊ยว +1 ไว้ก่อนนะ

ค่อยเข้ามาอ่าน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หนึ่งในอุปสรรคของคู่วาย กำลังเริ่มแล้ว ว ว ขอร้องอย่าดราม่า ขอให้ตอนหน้า ทุกอย่างเคลียหมด พ่อเข้าใจ แฮปปี้ๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 27-05-2012 20:13:21
กรรมของเวร  o22
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-05-2012 20:24:24
ชามโตซะด้วย.... :z3:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 27-05-2012 20:32:12
ความลับไม่มีในโลก
สักวันคุณพ่อก็ต้องรู้อยู่ดี
ให้รู้จากเรา ดีกว่ารู้จากคนอื่นนะ สู้ๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: moneza ที่ 27-05-2012 20:36:18
ง่าาาาา พ่อดุขนาดนี้ พ่อคงไม่น่าจะยอมรับได้

แต่ถ้าโกหกว่าหลับแล้วพลิกมากอดกันเอง ก็โกหก&พ่อคงไม่ค่อยเชื่อ  โอ๊ยยยยออางัยดีเครียดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: comics_boy ที่ 27-05-2012 20:43:42
เย้ มาแล้วววว ขออ่านก่อนนะๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-05-2012 20:49:00
 o22 o22 o22 o22 o22 o22

มัน-มา-แว้ว!!!!

ตอนแรกต๊กกะใจนึกว่าเสียงปืน 5555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 27-05-2012 20:49:56
โอยยยย.....หัวใจจะวาย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 27-05-2012 21:31:53
 :z3: ตายๆๆๆๆ เกิดอะไรขึ้น

ใจคอไม่ดีเลย กลัว  :sad4:


รอตอนต่อไปครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 27-05-2012 22:05:20
เว้ยยยยยย!!!!
พ่อสามีอย่างดุอ่ะ เล่นดุขนาดนี้กองเชียร์เริ่มหวั่นแล้วนะ
เอาใจช่วยนะ สู้ๆจ่ะ
ส่วนเรื่องกิ๊ก เราเห็นด้วยกับซีเลย แผนคืนดีชัดๆ
รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 27-05-2012 22:21:00
มาม่า  :sad4: :sad4:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-05-2012 23:44:57
โอ้ เล่นเอาอกสั่นขวัญผวาเชียวคุณพ่อ
ขอเป็นโทษสถานเบาเถอะนะคะ
แค่เสียงตะคอกก็กลัวกันหัวหดแล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 28-05-2012 00:57:56
เริ่มแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 28-05-2012 12:34:11
โอ๊ะ วาระแห่งชาติ พ่อนะจิรู้เรื่องแล้ว

เป็นกำลังใจให้ทั้งนะและซีค่ะ

+เป็ดที่หกให้คุณต้นค่ะ มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 28-05-2012 16:01:34
มาม่ามันมาแล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 28-05-2012 17:56:02
นะจะทำยังไงล่ะนั่น นะสู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-05-2012 19:28:17
มาม่ามาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเลยทีเดียว :a5:
คุณพ่อดูจะโกรธมากด้วย แต่ทั้งสองคนห้ามเลิกกันนะ :o12: 
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 28-05-2012 21:27:11
 :เฮ้อ: พ่อนะนี่ดูดุได้อยู่เลยนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 28-05-2012 22:14:10
เอาพอกรุบกริบนะ มาม่าอย่ารสจัดมาก เดี๋ยวปวดท้อง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 29-05-2012 06:50:29
ว่าแล้ว...พ่อนะ ต้องรู้เรื่องวันนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 29-05-2012 06:59:18
แค่เสียงตะคอกก็กลัวกันแทบสิ้นสติกันแล้วนะครับคุณพ่อ -...-
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 31-05-2012 19:39:33
พ่อนะรู้แล้ว!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 01-06-2012 10:21:50
ก็บอกพ่อไป เมื่อกี้หลับไม่รู้ตัว นึกว่าหมอนข้าง อะไรก็ได้ เนียนๆให้พ่อเชื่อ
ถามไปเลย พ่อคิดว่านะเป็นคนแบบนั้นเหรอ ทำไมพ่อไม่เชื่อใจนะ
สร้างเรื่องดราม่าปิดบังไป

ล้อเล่นนะครับ ถ้าพูดความจริงได้ก็คงดี...พ่อเค้าก็คงทำใจไม่ได้เป็นปกติ...แต่อย่างที่เคยพูด คนที่ไม่ยอมรับความจริงก็ไม่ต้องให้ความจริงเค้าไป

สู้ๆ ละกัน นะ ซี ต้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 01-06-2012 10:38:17
ขอให้ทั้งสองคนผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดี

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 02-06-2012 11:31:42
ดันเฉยๆ :P

พรุ่งนี้มาลงให้จ้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 25)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 02-06-2012 12:19:44
พ่อนะ คงไม่ว่าอะไรมั้ง ท่าทางดุแต่น่าจะใจดี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 02-06-2012 22:13:50
SeeeDz ที่ 26


ผมนั่งอยู่บนเตียงด้วยใจกระวนกระวาย รู้สึกร้อนรนจนเหงื่อไหลท่วม มือของผมที่ประสานกันสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงราวกับมันย้ายมาอยู่ที่ใบหู เส้นเลือดที่ขมับทั้งสองข้างก็เต้นตุบๆ ผมไม่สามารถที่จะนั่งรออยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นผมจึงลุกออกจากเตียง เดินไปที่ประตู จับลูกบิด แต่แล้วก็ปล่อยมือออก เดินกลับมานั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง แล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ผมเปิดผ้าม่านและมองลงไปเห็นรถกระบะของพ่อของนะจอดอยู่

‘ทำไมกูถึงเหี้ยอย่างนี้วะ!’ ผมอดที่จะด่าตัวเองไม่ได้ นี่ถ้าหากแค่ว่าผมรู้จักระมัดระวังมากกว่านี้ เรื่องก็คงไม่ต้องออกมาเป็นอย่างนี้แล้ว

ผมเดินไปมารอบห้องอย่างร้อนรน สุดท้ายก็ไปหยุดยืนอยู่ที่ประตูอีกครั้ง ผมรวบรวมสมาธิไว้ที่โสตประสาทและพยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกเขาสองพ่อลูก แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย ดังนั้นผมจึงค่อยๆ จับลูกบิดประตูและบิดมันออกอย่างเบามือที่สุด และทันทีที่ประตูห้องแง้มออก ผมก็เริ่มได้ยินเสียงของคนกำลังคุยกันแว่วขึ้นมาทันที

ผมเดินออกจากห้องและไปหยุดอยู่ตรงบันได บทสนทนาของพวกเขาเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผมพยายามเงี่ยหูฟังและจับใจความของสิ่งทีได้ยินอย่างเต็มที่...

“แกต้องเลือก!”

ถึงจะไม่ชัดเจนนัก แต่น้ำเสียงของพ่อก็ฟังดูหนักแน่น

“สำนึกสิ่งที่แกเป็นแล้วคิดดูว่าแกยังมีสิทธิ์ที่จะยืนคุยกับพ่อแบบนี้อยู่มั้ย! คำตอบคือไม่!! แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อปากต่อคำกับพ่อแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แกทรยศพ่อ ทรยศพี่ ถ้าแม่ของแกรู้ เค้าจะเสียใจแค่ไหน เคยคิดบ้างรึเปล่า!”

“แต่นะเป็นลูกพ่อนะครับ” เสียงของนะเบาและฟังดูอ่อนแรง “ทำไมพ่อต้องพูดขนาดนั้นด้วย นะไม่ได้ไปฆ่าใครหรือทำอะไรผิดสักหน่อย พ่อใจเย็นๆ แล้...”

“ไม่ได้ทำผิดเหรอ! นี่แกยังกล้าคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างนั้นอยู่อีกรึไง!! นี่ถ้าแม่แกยังอยู่...”

“แต่แม่ไม่อยู่แล้ว!” จู่ๆ นะก็โพล่งขึ้น “พ่อเลิกพูดถึงแม่สั...!”

ยังไม่ทันที่นะจะพูดจบประโยค ผมก็ได้ยินเสียงของฝ่ามือที่กระทบเข้ากับผิวหน้าอย่างแรง ผมเข่าอ่อนเลยทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น มือของผมกำราวบันไดแน่น และหัวใจยิ่งเต้นแรงกว่าเดิมเสียอีก ผมต้องพยายามห้ามตัวเองอย่างมากที่จะไม่พุ่งลงบนไดไปหาพวกเขาที่อยู่หลังบ้าน

“แก ห้าม พูด อย่าง นั้น กับ ฉัน เด็ด ขาด!!!”

ผมสะดุ้งแทบสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงตะคอกนั่น จากนั้นประตูหลังบ้านก็ถูกเปิดออกตามมาด้วยเสียงกระแทกปิดอย่างแรง พ่อของนะเดินกระทืบเท้าผ่านบันได ห้องนั่งเล่น และกระแทกประตูหน้าบ้านปิดตามหลังตัวเองลงอย่างแรงอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไป
เมื่อผมแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว ผมก็รีบวิ่งลงบันไดและตรงไปยังห้องครัวทันที

“นะ! เป็นอะไรรึเปล่า!”

นะที่นั่งก้มหน้าชันเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาของเขาดูปวดร้าวจนทำให้ผมรู้สึกแน่นข้างในอก

ผมเดินตรงเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าของเขาจากนั้นก็เชยคางของเขาขึ้นเบาๆ

เขาจับข้อมือของผมเอาไว้ “มึงได้ยินเหรอ...”

ผมพยักหน้า “แค่นิดเดียว ก่อนที่พ่อมึงจะกระแทกประตูแล้วเดินออกไปเมื่อกี้น่ะ...” แก้มขวาของเขามีรอยแดงจนแทบจะเห็นเป็นรูปฝ่ามือประทับไว้ “กูขอโทษ ไอ้นะ กูแม่งไม่น่ามาเลยตั้งแต่แรก...”

“จะช้าจะเร็ว วันนี้ก็ต้องมาถึงว่ะ มึงอย่าพูดแบบนั้นเลย” เขาก้มหน้า

“กูว่าวันนี้กูกลับบ้านดีกว่าว่ะ กูคงอยู่ไม่ได้แล้วล่ะ”

“ไม่ได้” เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งทันที “กูไม่ยอมให้มึงทิ้งกูไปไหนเด็ดขาด ไอ้ซี มึงจะทิ้งกูไปเหรอวะ”

“เปล่าเว้ย กูไม่ได้จะทิ้งมึง” ทำไมน้ำเสียงของเขาถึงได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้กันนะ “แต่มึงจะให้กูอยู่ต่อได้ยังไง ในเมื่อพ่อมึงเค้าโกรธขนาดนั้น ยิ่งเค้าเห็นกูอยู่กับมึงมันจะไม่ยิ่งแย่ไปใหญ่เหรอวะ”

“มึงจะบอกให้กูกลับไปพร้อมมึงเหรอ”

“แล้วมึงไม่อยากกลับไปกรุงเทพฯ กับกูก่อนรึไง”

“ถ้ามึงกับกูกลับกันไปด้วยตอนนี้ ทั้งๆ ที่เค้ายังไม่เข้าใจอยู่แบบนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นนะเว้ย มึงไม่คิดว่ามันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงอีกเหรอ แล้วกูก็ยังต้องขอเงินเค้าเรียนอีก”

“แต่ว่า...”

“กูไม่อยากหนีปัญหาอีกแล้ว ไอ้ซี... ไม่อีกแล้ว!” เขาบีบข้อมือผมแน่น

“โอเคๆ แต่มึงปล่อยมือกูก่อน กูเจ็บ”

เขาคลายมือออก “ขอโทษ...”

“ไม่เป็นไร...”

เราสองคนนั่งกันเงียบๆ อยู่แบบนั้นอีกครู่หนึ่ง ตอนนี้ผมจำเป็นต้องรับปากเขาแบบนั้นไปก่อน แต่ใจของผมน่ะ ไม่คิดหรอกว่าผมจะยังสามารถอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปได้ เพราะเมื่อดูจากปฏิกิริยาของพ่อของเขาที่มีเมื่อครู่แล้ว ต่อให้ผมหน้าทนนอนอยู่ในบ้านของเขาต่อ ก็คงไม่แคล้วที่จะต้องโดนเขาเอ่ยปากไล่ออกไปแน่ๆ และผมก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาไล่เหมือนหมูเหมือนหมาด้วยเช่นกัน

“ไปนั่งข้างนอกกันเหอะ” ผมยืนขึ้นและยื่นมือให้เขาจับ

เราสองคนเดินออกมานั่งกันอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น แต่คราวนี้เราต่างไม่มีใครมีอารมณ์ที่จะเปิดทีวีขึ้นเลยสักคน ทั้งผมและเขาต่างก็อยู่กันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาก่อน เขาเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกบ้านที่ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ

“นี่กี่โมงแล้ววะเนี่ย ฟ้าก็ครึ้มเชียว” ผมถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเราทั้งคู่ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลย และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าเราตื่นกันมาตั้งแต่กี่โมง

“สี่โมงกว่า...”

“เฮ้ย แค่สี่โมงแล้วมันมืดขนาดนี้เลยเหรอวะ”

“คงเพราะเมฆฝนน่ะ”

“มึงหิวรึยัง ไอ้นะ เมื่อกลางวันเราก็ยังไม่ได้กินข้าวกันเลย”

“ไม่อะ” เขาส่ายหน้า “มึงหิวเหรอ งั้นเดี๋ยวกูออกไปซื้ออะไรมาให้กิน” เขาทำท่าจะลุกขึ้น

“ไม่ต้องๆ กูไม่หิวหรอก หรือต่อให้หิวกูก็กินอะไรไม่ลงด้วย” ผมจับแขนของเขาเอาไว้ “มึงไม่ต้องไปไหนหรอก”

เขามองหน้าผม ทิ้งตัวลงบนโซฟา แล้วก็ดึงตัวของผมเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น “ไอ้ซี กู...!!”

ผมถอนหายใจและกอดเขาตอบ “ไม่เป็นไร กูเข้าใจ...”

ร่างกายของเขากระตุกเบาๆ “ทำไม... ทำไมพ่อต้องพูดถึงแต่เรื่องของแม่ด้วยวะ ฮึกก... แม่งง...!! มันเจ็บปวดนะเว้ย เค้าจะเข้าใจบ้างมั้ย!”

การที่รู้ว่าคนรักของผมกำลังร้องไห้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าที่ผมคิดไม่รู้กี่เท่า การได้เห็นน้ำตาของเขาครั้งนี้มันแตกต่างจากเมื่อตอนที่เขาเลิกกับกิ๊กอย่างเทียบกันไม่ได้เลย

“กูว่าเค้าเข้าใจ เค้าเองก็คงเจ็บปวดเหมือนกันนั่นแหละ...”

“แต่กูแค่รักมึงนะ ไอ้ซี... ทำไมวะ แค่กูรักมึงนี่มันผิดมากขนาดนี้เลยเหรอ...!!” เสียงของเขาสั่นและแตกพร่า

คำถามนี้ของเขาบาดลึกเข้าไปในใจของผมและผมก็ไม่สามารถตอบเขาได้ มันทำให้ผมเจ็บปวดยิ่งกว่าการเห็นน้ำตาของเขาเสียอีก

ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีจึงได้แต่ลูบหัวเขาเบาๆ และปล่อยให้เขาร้องไห้ลงบนบ่าของผมจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้นเอง แต่ในขณะที่เรากำลังนั่งกอดกันอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่บนห้องก็ดังแว่วขึ้น

“เสียงโทรศัพท์มึงรึเปล่า” ผมถาม

“ใช่...”

“ไม่รับเหรอวะ”

“ช่างมันเหอะ...”

“อาจจะเป็นพ่อมึงก็ได้นะเว้ย”

“ยิ่งต้องช่างมันเข้าไปใหญ่...”

“เฮ้ย นี่ ไอ้นะ...”

เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะผละตัวออก จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ ตรงไปยังบันไดและขึ้นไปชั้นสอง เขาหายไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับลงมาทั้งๆ ที่ยังถือโทรศัพท์แนบหู

“เออ... กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงไม่มีอะไรหรอก มึงรอสักพักก่อนก็แล้วกัน แค่นี้ก่อนนะเว้ย” เขาวางสายลงตอนเดินมาถึงที่ห้องนั่งเล่นพอดี

“มีอะไรวะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ผมถาม “ใครโทรมา”

“ไอ้นายโทรมา มันโทรมาถามว่าพ่อออกจากบ้านรึยัง”

“อ้าว แต่พ่อมึงเค้า...”

“ใช่ พ่อออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว” เขาตีหน้าเครียดพลางมองออกไปข้างนอก “ฝนตกแล้ว...”

ผมหันไปมองหน้าบ้าน “เออ จริงด้วย”

“ลมแรงน่าดู”

“ก็จริงของมึง”

“ทำไมพ่อยังไปไม่ถึงที่อู่อีกวะ”

“เดี๋ยวนะ ไอ้นะ แล้วนี่พี่มึงรู้เรื่อง... เรื่องเมื่อกี้รึเปล่า” ผมสงสัย

เขาส่ายหน้า “ยังว่ะ เหมือนมันจะไม่รู้อะไรนะ”

“เมื่อกี้พี่มึงเค้าพูดอะไรมั่งวะ เล่าให้กูฟังดีๆ หน่อยดิ๊”

เขาเดินมานั่งลงข้างๆ ผม “ก็ไม่มีอะไรหรอก พอกูรับสาย มันก็ถามเลยว่าพ่อออกจากบ้านรึยัง พอกูถามว่าทำไม มีอะไร คือ... กูก็จะหยั่งๆ เชิงมันน่ะ ว่ามันรู้เรื่องแล้วรึยัง พ่อได้บอกอะไรมันไปรึเปล่า แต่เหมือนมันจะยังไม่รู้น่ะนะ”

“แล้วไงต่อ”

“มันบอกว่ามันโทรหาพ่อไม่ติด พ่อบอกมันว่าจะกลับบ้านมาเอากระเป๋าตังค์เพราะพ่อลืมกระเป๋าไว้ที่นี่ แล้วก็หายไปเลย มันโทรไปก็ไม่ติด พ่อปิดเครื่อง”

“อ้าว แล้วนี่ตอนนี้พ่อก็ยังไปไม่ถึงที่อู่อีกน่ะนะ”

“ใช่ กูก็เลยบอกมันไปว่าพ่อเพิ่งออกไปไม่นาน อาจจะอยู่ระหว่างทาง แบ็ตฯ โทรศัพท์อาจจะหมด อะไรแบบนี้น่ะ” เขามองไปนอกบ้านอีกครั้ง “ฝนเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่ะ”

“เฮ้ย ไอ้นะ กูว่ามึงนั่นแหละที่ต้องใจเย็นๆ มากกว่าคนอื่นเลยน่ะ มึงกำลังคิดอะไรที่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่อยู่ใช่มั้ยวะ”

“กูว่า...” เขาลุกขึ้น “กูออกไปตามหาพ่อก่อนดีกว่าว่ะ เค้าอาจจะรถเสียหรืออะไรอยู่ระหว่างทางก็ได้”

“นั่นไง กูว่าแล้วว่ามึงต้องคิดแบบนี้”

“แต่มันก็จริงนี่หว่า ฝนแม่งก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วย”

“แต่พ่อมึงเค้าออกไปตั้งแต่ฝนยังไม่ตกนะ” ผมมองในแง่ดี

“เค้าอาจจะติดฝนหรือรถเสียอยู่ที่ไหนก็ได้ กูต้องไปว่ะ ไอ้ซี”

“มึงดูซิ ไอ้นะ ฝนตกหนักแบบนี้มึงจะไปได้ยังไง”

“ไปได้ไม่ได้กูก็ต้องไป ยิ่งฝนตกกูถึงยิ่งจำเป็นต้องไป จริงมั้ย” เขาเถียง

ผมถอนหายใจแล้วยืนขึ้น “โอเคๆ ไปก็ไป งั้นมึงไปเตรียมตัวปิดบ้าน เดี๋ยวกูไปหยิบกุญแจรถก่อน”

“กุญแจรถอะไร”

“อ้าว ก็เราจะไปตามหาพ่อมึงกันไง”

“ไม่ใช่ มึงน่ะเฝ้าบ้านอยู่นี่แหละ กูจะออกไปเองคนเดียว”

“อะไรของมึงวะ ไอ้นะ มึงจะบ้ารึไง อย่าบอกนะว่ามึงจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปน่ะ แบบนั้นกูยิ่งให้มึงไปไม่ได้เข้าไปใหญ่เลยว่ะ ไม่มีทาง”

“กูไม่เป็นไรหรอก มึงคิดว่าชีวิตกูขี่รถตากฝนมากี่หนแล้ว”

“แต่ก่อนหน้านี้มึงไม่มีกูแบบนี้นี่ หนนี้กูไม่ยอมเด็ดขาด ถ้ามึงจะไปคนเดียวก็ให้เอารถกูไป กูจะขึ้นไปเอากุญแจให้ แต่กูไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงจะออกไปด้วยกันไม่ได้”

“กูอยากให้มึงอยู่บ้าน เพราะถ้าเกิดเราเจอพ่อขึ้นมาจริงๆ กูก็ยังไม่อยากให้เค้าเห็นเราอยู่ด้วยกันอะไรแบบนั้นน่ะ และกูอยากให้มีคนอยู่บ้านเผื่อเค้ากลับมาด้วย”

“โหหห ยิ่งหนักเลย ไอ้เหี้ย ถ้าเกิดสมมติเค้ากลับมาแล้วเห็นกูนั่งอยู่ในบ้านเค้าล่ะ”

“มึงก็รีบโทรบอกกู กูจะรีบกลับมา และระหว่างนั้น มึงก็คงมีเรื่องให้คุยกับเค้าไปก่อน...”

“ไอ้นะ กูไม่พร้อมนะเว้ย”

“เราจะไม่หนีไม่ใช่เหรอ ไอ้ซี ถ้าเค้ารับได้มันก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง เราก็จะถอยกันไปก่อน แต่อย่างน้อยๆ ก็ขอให้เราได้ลองดูกันก่อนเถอะ”

“งั้นถ้าแบบนั้นกูขอกลับบ้านก่อนเลยไม่ดีกว่าเหรอวะ ถ้าเกิดว่าเค้ายังไม่อยากเจอหน้ากูอะไรเงี้ยอะ กูจะทำยังไง คือกูไม่ได้หนีนะเว้ย แค่ขอตั้งหลักก่อนเฉยๆ เอง”

“ใครไม่อยากเจอมึงกูไม่รู้ แต่กูอยากให้มึงอยู่ตรงนี้กับกู แค่นี้ไม่พอเหรอวะ”

แววตาของเขากำลังทำให้ผมรู้สึกเจ็บอีกแล้ว

“ก็ได้... กูจะทำอย่างที่มึงบอกก็ได้วะ แต่มึงต้องบอกกูมาก่อนว่าทำไมมึงถึงไม่ยอมขับรถของกูไป”

“ก็กูไม่ชินนี่หว่า มอเตอร์ไซค์มันไวกว่า สะดวกกว่า เผื่อกูเข้าซอยลัดนั่นนี่ และที่สำคัญ กูเกรงใจมึง เกรงใจพ่อแม่มึงด้วย กูไม่อยากถึงขนาดขอยืมรถทั้งคันไปขับหรอก กูขอโทษ แต่มึงต้องเข้าใจกูนะว่ากูเป็นคนแบบนี้”

“เออๆ กูยอมแพ้ก็ได้วะ” ผมถอนหายใจ “แต่มึงต้องรับปากกูนะว่าจะระวังให้มากๆ หาเสื้ออะไรใส่คลุมไปด้วย”

“อือ กูมีเสื้อกันฝน”

“งั้นก็เอาเหอะ ให้รู้ไว้เสมอแล้วกันว่ามีกูนั่งเป็นห่วงมึงอยู่ด้วยเหมือนกันตรงนี้น่ะ”

“อื้อ กูมีมึงอยู่ทั้งคน จะไม่ระวังตัวได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย” เขาหอมแก้มผมเบาๆ

หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และเดินกลับลงมาข้างล่าง เราพูดคุยกันอีกสั้นๆ จากนั้นเขาก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ฝ่าลมฝนและพายุออกไปโดยมีผมยืนมองอยู่จนกระทั่งเขาหายไปลับตา

ผมถอนหายใจกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินกลับมานั่งลงบนโซฟา เมื่อความเครียดและความตื่นเต้นทั้งหมดเริ่มจางหายไป ความรู้สึกหิวก็เริ่มเล่นงานผมเข้าจนได้ ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาว่าพอจะมีอะไรให้ผมรองท้องได้บ้างหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากขนมปังแค่สามแผ่นที่อยู่ในตู้เย็น ดังนั้นผมจึงหยิบมันมากินกับแยมที่เหลืออยู่ติดกระป๋อง ซึ่งก็พอทาได้แค่สองแผ่นเท่านั้น

ผมเดินกลับมานั่งอยู่บนโซฟาอีกครั้ง นึกขึ้นได้ว่านอกจากมื้อเช้าแล้ว นะเองก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลยเหมือนกัน ส่วนฝนที่เทกระหน่ำอยู่ข้างนอกก็ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเลยสักนิด แต่ถ้าเขาบอกให้เชื่อใจเขา ผมก็คงต้องเชื่อ

หลังจากนั่งรอนะอย่างกระวนกระวายได้อยู่ครึ่งชั่วโมง ซึ่งนับว่าเป็นครึ่งชั่วโมงที่สมองของผมทำงานอย่างไม่มีหยุดเลยจริงๆ ผมทั้งเป็นห่วงเขา ทั้งคิดถึงเรื่องของเขากับพ่อ แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องคิดหนักที่สุดก็คือการตัดสินใจว่าผมจะยังอยู่ที่นี่ต่อหรือจะกลับบ้านดีนั่นแหละ

ผมรู้ว่าผมรับปากนะไปแล้ว และเขาก็ไม่อยากให้ผมกลับไปวันนี้ เขาอยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อนเขา แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ตลอดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มันคือเรื่องภายในครอบครัวของเขา แถมยังเป็นเรื่องภายในครอบครัวที่มีผมเป็นต้นเหตุอีกต่างหาก แล้วตัวก่อเรื่องอย่างผมจะอยู่สร้างความไม่สบายใจให้พ่อของเขาอยู่ทำไม

ก่อนที่นะจะออกจากบ้าน เขาบอกผมว่าปกติแล้วถ้าขี่รถจากบ้านไปที่อู่จะใช้เวลาไม่น่าเกินราวๆ 20 นาที แต่ฝนตกแบบนี้อาจจะทำให้เขาเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งนี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เขาควรจะไปถึงอู่ของพี่นายได้แล้ว แต่ทำไมเขายังไม่โทรมาหาผมสักที
ผมตัดสินใจลองโทรไปหาเขาดู แต่รอจนสายตัดแล้วเขาก็ไม่รับสาย ดังนั้นผมจึงนั่งครุ่นคิดเรื่องที่คิดค้างไว้เมื่อครู่นี้อีกสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินขึ้นห้องไปเก็บเสื้อผ้าสัมภาระใส่กระเป๋าเผื่อเอาไว้เลยดีกว่า

ผมยัดเสื้อผ้าที่นะเป็นคนเอาออกมาจัดเข้าตู้กลับลงกระเป๋าอย่างลวกๆ และเมื่อเสร็จเรียบร้อยก็หันไปมองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ที่มีลมพายุและสายฝนพัดโหมกระหน่ำนั้นแลดูชวนให้รู้สึกหดหู่มากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด และเมื่อผมคิดถึงนะขึ้นมา หัวใจของผมก็กระตุกวูบด้วยความกลัวว่าเขาจะเกิดอันตราย ผมพยายามสะบัดความคิดนั้นออกไปและหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเบอร์ของเขา แต่ยังไม่ทันที่ผมจะกดโทรออก โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นพร้อมกับโชว์ชื่อของเขาอยู่บนหน้าจอ

ผมรีบรับสายทันที

“ฮัลโหล เออ เปนไงมั่งวะ มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย”

“กูอยู่ที่อู่แล้ว แต่กูไม่เจอพ่อว่ะ”

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เขาปลอดภัยดี “แล้วมึงเปียกมากมั้ยวะ”

“เปียก แต่ไม่มากว่ะ ตอนนี้กำลังเช็ดหัวให้แห้งอยู่ หนาวชิบหายเลย แต่เรื่องนั้นช่างมันเหอะ กูเป็นห่วงพ่อว่ะ ซี ไม่รู้ว่าเค้าไปไหนเหมือนกัน นี่ไอ้นายก็เริ่มถามแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น กูเองก็ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงยังไงแล้วเหมือนกันว่ะ กูต้องทำยังไงดีวะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล

“กูว่ามึงบอกพี่นายไปก่อนก็ได้มั้งว่าพ่อเค้าทะเลาะกับมึง ผิดใจกันนิดหน่อย เรื่องเรียน เรื่องเหี้ยอะไรก็ได้ แต่มึงยังไม่อยากพูดตอนนี้”

“แบบนั้นมันจะดีเหรอวะ”

“ไม่ดีหรอกว่ะ เออ... จริงๆ แล้วก็ไม่ดีหรอกว่ะ มึงอย่าพูดแบบนั้นเลย”

“กู... มันเป็นความผิดของกูแท้ๆ เลย ไอ้ซี กูทำให้พ่อต้องเสียใจและจู่ๆ หายไปแบบนี้ แล้วนี่ก็มาทำให้ไอ้นายไม่สบายใจอีก กูแม่ง...”

“มึงห้ามคิดแบบนั้นนะเว้ย” ผมรีบพูดขัดเขา “มึงกำลังจะบอกว่าการที่มึงรักกูคือ ‘ความผิด’ เหรอวะ ถ้ามึงคิดแบบนั้นแล้วการที่กูมาที่บ้านมึงเนี่ยไม่ใช่ความผิดของกูรึไง ถ้ากูพูดแบบนั้นบ้างมึงจะสบายใจมั้ย ไอ้ตูด”

เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง “กูขอโทษว่ะ...”

“พอเหอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเถียงกันด้วยเรื่องแบบนี้ว่ะ” ผมถอนหายใจ “แต่มึงกับพี่มึงอย่าเพิ่งคิดมากเลย เรื่องพ่อน่ะ เค้าอาจจะไปบ้านเพื่อน ไปกินข้าว กินเหล้าอะไรของเค้าก็ได้มั้ง มึงอย่าเพิ่งคิดมากหรือตีโพยตีพายจนเกินไปเลย กูว่าตอนนี้มึงกำลังคิดถึงเรื่องที่ทะเลาะกับพ่อมากเกินไปจนทำให้มึงต้องกังวลจนเกินเหตุแบบนี้มั้ง”

“ก็อาจจะจริงของมึง... ที่จริงไอ้นายมันก็ไม่ได้สงสัยหรือคิดเหี้ยอะไรมากมายหรอก คิดไปคิดมาก็คงมีแค่กูคนเดียวนี่แหละมั้งที่เป็นห่วงพ่อจนดูเหมือนจะวิตกจริตแล้วน่ะ”

“ใจเย็นๆ เถอะ ไอ้นะ ตอนนี้มึงก็นั่งอยู่กับพี่มึงที่อู่ไปก่อนก็ได้ เอาไว้ฝนซาแล้วค่อยกลั...” ผมได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังแว่วขึ้นจากชั้นล่าง “แป๊บนะมึง”

“อะไรวะ” เขาถาม

ผมลุกออกจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูห้อง เมื่อครู่นี้ผมคิดว่าผมได้ยินเสียงคนเปิดและปิดประตูบ้านนะ อาจจะเป็นโจร เป็นเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็...

โห ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ ล่ะก็ แม่งน่ากลัวกว่าโจรขึ้นบ้านอีกนะ

เพื่อยืนยันความกลัวของตัวเอง ผมจึงหันหลังกลับแล้วรีบพุ่งตัวไปที่หน้าต่างเพื่อมองออกไปข้างล่าง ในลานจอดรถที่แทบจะมืดสนิทนั้น มีรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ในที่ของมันเหมือนที่ผมเคยเห็นเมื่อตอนมาถึงใหม่ๆ

ผมใจหายวาบและหัวใจเต้นแรงขึ้นทันที

“เฮ้ย ไอ้ซี มีอะไรวะ” เขาถามย้ำด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ไอ้นะ...” ใจของผมเต้นรัว

“อะไรๆ มีอะไร”

“พ่อมึงกลับมาแล้วว่ะ”
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 02-06-2012 22:31:30
พ่อใจเย็นๆนะคะ อย่าทำไรรุนแรงน้า ยังไงก็ลูกพ่อน้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 02-06-2012 22:47:54
ทำไมรู้สึกขนลุก บรรยากาศกลายเป็นนิยายสยองขวัญไปเลย ตั้งแต่เจอพ่อของนะ :z3:
หวังว่ามันจะไม่แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่หรอกนะคะ คุณพ่ออย่าทำอะไรซีนะ :monkeysad:
แล้วนะก็รีบมาเร็วๆเน้อ  :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-06-2012 23:11:54
ทำไมรู้สึกขนลุก บรรยากาศกลายเป็นนิยายสยองขวัญไปเลย ตั้งแต่เจอพ่อของนะ :z3:
หวังว่ามันจะไม่แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่หรอกนะคะ คุณพ่ออย่าทำอะไรซีนะ :monkeysad:
แล้วนะก็รีบมาเร็วๆเน้อ  :o12:


รู้สึกเหมือนกันเลยค่ะ  กลัวพ่อจะกลายร่างเป็นเฟรดดี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 02-06-2012 23:23:34
พ่อคงอยากคุยกับซีเป็นการส่วนตัวใช่มั้ยค่ะ
ถึงได้ทำแบบนี้ (แอบกลัวแทนซี)
ซีอย่าทิ้งนะ นะค่ะ  :n1: จับมือกันไว้
สู้ไปด้วยกัน เอาใจช่วยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-06-2012 23:37:35
เอาใจช่วยซี พลอยตื่นเต้นไปด้วย
พ่อคงไม่ทำร้ายลูกชาวบ้านมั้ง
อาจไปทำให้ใจเย็นลงแล้วค่อยกลับมาคุยใหม่
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 02-06-2012 23:43:52
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-06-2012 23:47:08
ทำไมมันตื่นเต้นอย่างนี้  :sad5:

นี่เป็นแผนล่อนะออกจากบ้านป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 02-06-2012 23:48:51
 :sad4: กลัวอ่ะ พ่อจะทำไรซีมั๊ย?

เรื่องแบบนี้มันก็ยากจะเข้าใจ  :เฮ้อ:


รอตอนต่อไปครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 02-06-2012 23:53:06
เป็นห่วงซีง่ะ

พ่ออย่าใจร้ายเกินนะ ToT
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 03-06-2012 00:26:19
เป็นกำลังใจให้นะและซีค่ะ

คุณพ่ออย่าโหดกะลูกสะใภ้ เอ้ย!! ซีเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 03-06-2012 00:42:18
มาต่อเร็วๆนะครับ อ่านก่อนนอน ทำให้นอนไม่หลับได้นะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 03-06-2012 01:15:45
ระทึกขวัญมาก   :o
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 03-06-2012 01:17:16
คุณพ่ออย่าตีหัวลูกสะใภ้นะ =.=
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 03-06-2012 06:39:35
โอ้วเป็นห่วงนะมากว่ากลัวว่าจะรับกลับมาหาซีแล้วเป็นไรไปนะซิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 03-06-2012 06:41:11
คุณพ่อ ...อย่าทำอะไรซีนะคะ
น้องซีน่ารักจะตาย หล่อ เท่ห์ นิสัยดีสุดๆ
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ลูกชายพ่อรักซีนะคะ
ขออย่าให้คุณพ่อโหดร้ายเลย
อึก ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2012 07:14:50
รอตอนต่อไปจ้า :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 03-06-2012 14:06:49
ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า "ระทึก"
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 03-06-2012 15:01:49
โอ๊ย ลุ้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 03-06-2012 15:58:41
ใครอยากช่วยผมแต่งนิยาย อยากลองเป็นตัวเอกในเรื่องนี้ดูสักครั้ง ลองสมมติว่าตัวเองเป็นซี แล้วคลิกแฟนเพจ https://www.facebook.com/ExecutionerNovel เข้าไป vote กันเยอะๆ ดูซิครับว่าถ้าเราเป็นซีจะทำยังไง แล้วจะแต่งให้ตามนั้นเลย :)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2012 10:45:48
รีบๆมาต่อนะ รอจ้าๆ :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 04-06-2012 13:44:58


พ่อจะทำอะไรนะ .. :เฮ้อ: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 05-06-2012 15:56:00
คุณพ่อใจเย็นๆนะคะ

ออกไปเล่นน้ำฝนมา คงใจเย็นขึ้นเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 06-06-2012 09:20:00
พ่อแม่บางคนก็ลืมไปว่าหน้าที่ของตัวเองคือปกป้องดูแลลูก
ไม่ใช่ได้รับอำนาจมาเพื่อบังคับลูกให้เป็นไปตามใจ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 26)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 06-06-2012 09:47:41
กดดันแท้ สงสารนะซี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 08-06-2012 23:07:13
SeeeDz ที่ 27


“เดี๋ยวกูจะรีบกลับไป!”

“ไม่ต้อง!” ผมรีบห้ามเขา “มึงไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุ กูไม่เป็นไรหรอก”

“แต่...”

“เอาเป็นว่ามึงออกมาจากที่นั่นเถอะ แต่ไม่ต้องรีบ ขี่รถระวังๆ ก็พอ กูขอแค่นี้” ผมรู้ว่าคำพูดของผมมันฟังดูขัดๆ กันเองชอบกล แต่ผมก็คิดอย่างนั้นจริงๆ

“งั้นมึงรอกูหน่อยนะ กูจะรีบไป”

“ก็กูบอกแล้วไงว่าไม่ต้องรีบนักหรอก กูไม่เป็นไร”

“เออๆ กูรู้แล้ว กูจะไม่ซิ่ง กูจะระวัง แต่กูก็จะไปให้เร็วที่สุดเหมือนกัน โอเคมั้ย”

“โอเค เดี๋ยวเจอกัน”

หลังจากที่วางสายลง ผมก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนมันออกมายาวๆ ช้าๆ หัวใจของผมเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ มันเป็นความรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต พ่อกับแม่ของผมก็แทบไม่เคยดุด่าว่าอะไรผมแรงๆ สักที ทั้งสองคนค่อนข้างหัวสมัยใหม่และมักคุยกับลูกๆ ด้วยเหตุผลเสมอ ดังนั้นผมจึงไม่คุ้นเคยกับอารมณ์ของพ่อของนะในตอนนี้สักเท่าไหร่ และผมก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไรด้วย

ถึงเมื่อครู่นี้ผมจะบอกนะว่าผมไม่เป็นไร แต่ความจริงแล้วผมว่าผมกำลังกังวลโคตรๆ เลยล่ะ ถึงผมจะบอกเขาว่าไม่ต้องรีบกลับมา แต่ใจจริงผมโคตรอยากจะให้เขาหายตัวมาอยู่ที่นี่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

ผมยืนชั่งใจว่าจะลงไปเผชิญหน้ากับพ่อของนะหรือว่าจะนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องแบบนี้ต่อไปดี ถ้าหากผมหมกตัวอยู่ในนี้ ก็คงจะยืดเวลารอจนกว่านะจะกลับมาได้ แต่ถ้าหากผมทำอย่างนั้น พ่อของนะที่คงรู้อยู่แล้วว่าผมอยู่ที่นี่ก็อาจจะไม่พอใจมากขึ้น

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะลงไปข้างล่าง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ยังไงก็เคลียร์กันให้รู้เรื่องไปเลยคงจะดีกว่า ยังไงผมก็ไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานของเขาที่เขาจะมาดุด่าได้ง่ายๆ แต่เมื่อคิดถึงตอนที่นะถูกตบหน้าอย่างแรงจนขนาดผมที่อยู่บนชั้นสองยังได้ยินแล้วผมก็อดหวั่นใจไม่ได้อยู่ดี

“เอาไงดีวะๆๆๆ!! แม่งเอ๊ยยยย!!” ผมพูดกับตัวเอง

และเมื่อจู่ๆ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ กำลังเดินขึ้นบันไดมา ผมก็สะดุ้งเฮือกและรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาทันที ร่างกายของผมแข็งเกร็งขึ้นเพราะความเครียด ผมยืนจ้องมองประตูห้องอย่างตาไม่กะพริบ รอว่าเมื่อไหร่เสียงเคาะประตูห้องหรือเสียงคำรามด้วยความโกรธจะดังขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่มี เว้นแต่เสียงฝีเท้าที่เดินเลยหน้าห้องไป แล้วตามมาด้วยเสียงเปิดและปิดประตูห้องข้างๆ ดังปึง

ผมยืนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วอีกไม่กี่นาทีถัดมา ประตูห้องนอนของพ่อก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เขาเดินเลยหน้าห้องของเราและลงบันไดไป

ความสับสนและความหงุดหงิดใจทั้งหมดเริ่มเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมอึดอัด มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภูเขาไฟที่จะระเบิดออกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากว่ายังเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ผมคงเป็นบ้าและไม่มีทางสงบจิตใจลงได้แน่นอน และผมว่าพ่อเองก็น่าจะรู้ดีว่าผมอยู่ที่นี่ อยู่ในห้องของนะ แต่กลับหดหัวหลบเลี่ยงเขาราวกับคนขี้ขลาด ผมไม่อยากให้เขาตราหน้าผมว่าเป็นอย่างนั้น และผมก็อยากจะพิสูจน์ให้เขารู้ด้วยว่าผมเองก็เป็นลูกผู้ชายพอเหมือนกัน

ผมตัดสินใจรีบเปิดประตูออกไปทันที “พ่อครับ!”

พ่อของนะหยุดเดินอยู่กลางบันได แต่ไม่ได้หันกลับขึ้นมามองผม

“ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยครับ...” หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก “พ่อพอมีเวลามั้ยครับ”

พ่อไม่ตอบ แต่ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะออกเดินต่อ ผมจึงรีบเดินลงบันไดตามหลังเขาไปทันที แต่เมื่อพ่อเดินลงไปถึงชั้นล่างแล้ว เขาก็หันกลับมามองหน้าผมด้วยแววตาที่ทะลุทะลวง สีหน้าของเขาเย็นชา แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์โกรธที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ข้างใน ความรู้สึกไม่เป็นมิตรแผ่ออกมาจนผมรู้สึกได้อย่างชัดเจน

ผมจับราวบันไดแน่น เตรียมรอพบกับสิ่งที่กำลังจะตามมา

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “ยังอยู่ที่นี่อีกเรอะ”

ประโยคสั้นๆ ที่เพิ่งหลุดออกมาจากปากของเขากรีดแทงเข้าไปถึงขั้วหัวใจของผม ทำเอาผมแทบจะทรงตัวให้ยืนตรงอยู่ไม่ได้ ความโกรธที่พวยพุ่งขึ้นมาแทนความกลัวในตอนแรกกำลังทำให้ร่างกายผมสั่นเทา ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้แน่นราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งอารมณ์ของผมเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็กำแน่น

สายตาของเขาเหลือบมองมายังมือข้างที่กำหมัดอยู่ข้างกายของผมแวบหนึ่ง

“พอกันทั้งสองคน” เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยสีหน้ารังเกียจ “ทีนี้ฉันก็รู้แล้วว่าไอ้นะมันติดนิสัยจองหองปากกล้าแบบนั้นมาจากไหน”

ผมอ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกไป ร่างกายของผมสั่นเทา รู้สึกโกรธจนแทบอยากจะร้องไห้ นี่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ผมคงด่าหรือไม่ก็เดินไปต่อยปากสักทีแล้ว แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเป็นพ่อของนะอย่างนี้ ผมกลับทำได้แค่เก็บความโกรธและความอับอายเอาไว้ ผมรู้สึกราวกับตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ รู้สึกหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนตัวสั่นจ้องหน้าเขา และรอฟังคำพูดดูถูกเหยียดหยามจากเขาแค่เพียงฝ่ายเดียว

ลมพายุที่พัดโหมกระหน่ำอยู่นอกบ้านส่งเสียงครวญราวกับเสียงร้องของปิศาจที่มองไม่เห็นกาย และจู่ๆ ท้องฟ้าภายนอกก็ส่องแสงวาบจนทำให้แม้แต่ในบ้านยังสว่างขึ้นเสี้ยววินาทีหนึ่ง แล้วจากนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังเปรี้ยงขึ้น

“ไปซะ...” พ่อพูดขึ้นอีกครั้ง “กลับบ้านของตัวเองไป แล้วไม่ต้องติดต่อกับไอ้นะอีก ครอบครัวของฉันสูญเสียมามากพอแล้ว อย่าทำให้เราต้องเจอกับอะไรแย่ๆ แบบนั้นอีก”

ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้นเอง ผมมองเห็นความเจ็บปวดที่ฉายสะท้อนอยู่ในดวงตาทั้งสองข้างของเขา ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมตาฝาดหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เพราะเมื่อเขาพูดจบแล้ว เขาก็หันหลังให้กับผม

“รีบไปซะก่อนที่ไอ้นะมันจะกลับมา อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำซาก!”

เท่านั้นแหละ ผมหันหลังกลับเดินขึ้นไปบนห้องทันที ผมคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าที่เก็บเตรียมไว้ขึ้นจากพื้น จากนั้นก็เดินกลับลงมาที่ชั้นล่าง พ่อของนะไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว แต่ผมไม่สนใจ เพราะผมก็ไม่มีความคิดที่จะบอกลาเขาก่อนกลับเหลืออยู่ในหัวอยู่แล้ว

ผมขับรถออกจากบ้านท่ามกลางสายฝนผ่านซอยที่มืดมิดออกไปยังถนนใหญ่ ความคิดทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวมันสับสนปนเปไปหมด ผมทั้งรู้สึกโกรธ เสียใจ และอับอาย ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยถูกใครดูถูกเหยียดหยามมากขนาดนี้มาก่อน แต่เมื่อผมนึกถึงนะขึ้นมา ผมก็ต้องรู้สึกเสียใจและเจ็บปวด ผมรู้สึกว่าตัวเองคือต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมีปัญหากับที่พ่อ และถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกโกรธพ่อของเขามากแค่ไหน ในขณะเดียวกันผมก็ยังพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขาได้อยู่บ้าง ทว่าท้ายที่สุดแล้ว คนที่ผมรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกมากที่สุดกลับไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นนะที่คงกำลังขี่รถกลับบ้านด้วยใจร้อนรนอยู่ในตอนนี้ต่างหาก

น่าแปลกดีที่ในเวลาแบบนี้ผมกลับนึกถึงใบหน้าของเขาที่มีแต่รอยยิ้มขึ้นมาได้ ผมนึกถึงเวลาที่เขากอดผม ปลอบโยนผม และคอยเป็นกำลังใจให้แก่ผมมาตลอด แต่ตัวผมเองกลับทำลายสิ่งเหล่านั้นลง นี่ถ้าหากว่าเมื่อกครู่นี้ผมไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องเดินออกจากห้องไปคุยกับพ่อตั้งแต่แรก ผมก็คงไม่ต้องขับรถฝ่าสายฝนออกมาอย่างไร้จุดหมายอย่างนี้ และนะก็คงไม่ต้องเจ็บปวดมากกว่าเดิมที่ไม่เห็นผมรอเขาอยู่ที่บ้านอย่างที่รับปากเขาเอาไว้

ผมเปิดไฟฉุกเฉินและจอดรถเทียบข้างทาง เม็ดฝนที่ตกกระทบหน้าต่างรถส่งเสียงดังและรุนแรงราวกับเสียงปืนกลที่ยิงรัวเข้าหาผม ผมกำพวงมาลัยแน่นและห่อตัวเล็กลงราวกับกำลังพยายามจะหลบกระสุนที่สาดเข้ามาเหล่านั้น น้ำที่หยดลงบนหน้าขาของผม ทำให้ผมคิดไปว่าหลังคารถคงรั่วหรือผมปิดหน้าต่างไม่สนิท แต่เมื่อผมยกหลังมือขึ้นแตะที่แก้มของตัวเอง ผมถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าแท้ที่จริงแล้วผมกำลังร้องไห้

“แม่งเอ๊ยยยยยย!!!!” ผมทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัย จากนั้นก็ร้องตะโกนออกมาแข่งกับเสียงของสายฝนที่พัดโหมกระหน่ำ

ผมเหยียบคันเร่งและกระชากรถออกจากที่ๆ จอดอยู่ จากนั้นก็เปิดเพลงจากซีดีให้ดังกระหึ่มเพราะหวังว่ามันจะทำให้ผมไม่ต้องได้ยินเสียงความคิดของตัวเอง ผมขับรถไปตามป้ายที่ชี้ทางไปกรุงเทพฯ และอาศัยความทรงจำลางๆ จากที่ขับผ่านมาเมื่อวันก่อนเป็นตัวบอกทาง มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกลังเลและอยากจะวกรถกลับไปหานะ แต่ผมก็มั่นใจว่าถ้าทำอย่างนั้น ผมก็คงยิ่งดูเป็นตัวตลกและน่าทุเรศในสายตาของพ่อของเขาเข้าไปใหญ่ ดังนั้นผมจึงได้แต่กลั้นน้ำตาและกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงไป แล้วจึงขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน ที่ๆ จะไม่มีใครมาดูถูกผมแบบนั้นได้อีก และถ้าหากหลังจากนั้นผมกับนะยังจะมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งก็ค่อยว่ากัน

ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ... นี่ผมกำลังคิดอะไรของผมอยู่กันแน่เนี่ย!

เสียงของเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั้งรถและสมาธิที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงของโทรศัพท์มือถือที่ดังและสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงเลย เมื่อผมรู้สึกตัวว่าโทรศัพท์กำลังสั่นอยู่ ผมก็รีบเบาเสียงเพลงและควักมันออกมาจากกระเป๋า แต่ด้วยความรีบร้อน ทำให้ผมเผลอทำมันหลุดมือและหล่นลงไปใต้เบาะ

“แม่งเอ๊ย!!” ผมสบถพลางก้มลงหยิบโดยไม่ได้ปล่อยมืออีกข้างออกจากพวงมาลัย และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาอีกที ผมก็ต้องรีบเหยียบเบรคเพื่อชะลอความเร็วลงเมื่อพบว่ารถเริ่มจะเบียดเข้าหาฟุตบาทมากขึ้นทุกทีๆ

สุดท้ายผมก็ต้องจอดรถข้างทางอีกครั้ง และโทรศัพท์ที่เคยส่งเสียงและสั่นอยู่ในมือก็ดับลง ผมกดดูชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาแล้วก็รู้สึกแน่นหน้าอก ชื่อของนะที่แสดงอยู่บนหน้าจอทำให้ท้องไส้ของผมปั่นป่วนอีกครั้ง ตอนแรกผมก็คิดว่าอาการนี้อาจจะเกิดจากการคิดไปเองเพราะความเครียด แต่สุดท้ายผมก็ต้องรีบเปิดประตูรถออกแล้วอ้วกลงบนพื้นถนน สายฝนเย็นๆ สาดเข้ามาในรถและทำให้ร่างกายส่วนบนของผมเปียกชุ่ม แต่ผมก็ไม่แคร์ ผมขย้อนเอาขนมปังที่กินไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ ที่ยังย่อยไม่หมดออกมา จากนั้นก็หันกลับไปหยิบขวดน้ำในรถมากลั้วคอ แล้วจึงปิดประตูลง

โทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นอีกครั้ง และชื่อของคนที่โทรเข้ามาก็ยังคงเป็นเขาคนเดิม ผมดึงทิชชู่ออกมาจากกล่องหลายแผ่นและเช็ดมือกับหน้าตาให้แห้งก่อนจะรับสาย

“ไอ้ซี! มึงอยู่ไหน!!” เขาตะโกนถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเทา

“........”

“ไอ้ซี!!”

“กูขับรถออกมาแล้ว...” ผมตอบออกไป

“ทำไมวะ! มึงออกไปทำไม!! มึงอยู่ที่ไหนแล้ว!” เสียงของเขาดูเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ มันทำให้ผมเจ็บปวดจนต้องเขกหัวลงกับพวงมาลัยรถ

“ไอ้นะ... กู...”

“มึงกลับมาเถอะนะ ไอ้ซี กูขอร้อง!” เขาตะโกนอ้อนว้อนแข่งกับเสียงของลมและสายฝนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

“นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย ไอ้นะ” ผมถามด้วยความสงสัย

“กูออกมานอกบ้านแล้ว! กูจะขี่รถตามมึงไปกรุงเทพฯ!!”

“มึงห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาดนะเว้ย!”

“แล้วมึงกลับไปทำไม!!” เขาตะคอกใส่ผม จากน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นในตอนแรกกลับกลายเป็นความโกรธ เขาไม่เคยโมโหและพูดจาใส่ผมแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เราสองคนเงียบกันไปอึดใจหนึ่ง

“มึงกลับไปทำไม ไอ้ซี มึงกลับไปทำไม...” เสียงของเขาอ่อนลงและผมก็เริ่มได้ยินเสียงสะอื้น

“ไอ้นะ... กู... กูขอโทษ” ผมกำหมัดแน่น “แต่กูอยู่ไม่ได้จริงๆ พ่อมึงเค้าไม่รับฟังอะไรกูเลย เค้าไล่กูออกมา แล้วกูจะด้านหน้าอยู่ที่นั่นต่อไปได้ยังไง”

“แต่มึงน่าจะรอกูก่อน ไอ้ซี ทำไมมึงไม่รอกู”

“กูรอไม่ได้ มึงไม่เข้าใจรึไง ไอ้นะ” คิ้วของผมขมวดเข้าหากันจนผมปวดหัวคิ้วตุบๆ

“กูคิดถึงมึง ไอ้ซี กูอยากให้มึงอยู่กับกู กูอยากอยู่กับมึง” เขาพูดทั้งๆ ที่ร้องไห้ไปด้วย

ผมหลับตาแน่น ภาพของเขาที่กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวดตามลำพังกำลังทำร้ายผมและทำให้ผมหวั่นไหว “เอาไว้หลังจากนี้เราค่อยเจอกันใหม่ก็แล้วกัน ไอ้นะ มึงต้องคุยกับพ่อให้รู้เรื่องก่อน”

“มึง... มึงกลับมาหากูนะ ไอ้ซี ฮึก...กูขอร้อง กูไม่เหลือใครแล้วจริงๆ”

“ไม่ได้หรอกเว้ย ไอ้นะ” ผมส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่ตอนนี้ แต่...”

“ถ้ามึงไม่มาหากู กูก็จะไปหามึงเอง!”

“มึงจะบ้ารึไง!” ผมเป็นฝ่ายขึ้นเสียงบ้าง

“ทำไมกูจะไปไม่ได้! ในเมื่อบ้านหลังนี้กูก็ยังอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วมึงจะให้กูไปอยู่ที่ไหน! มึงเองก็จะไม่ต้อนรับกู จะผลักไสกูไปอีกคนรึไง ไอ้ซี! มึงไม่รักกูแล้วรึไงวะ!!”

ผมรู้สึกราวกับถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง คำพูดของเขาเมื่อครู่ทำให้ผมต้องนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง

“ม... เมื่อกี้มึงพูดว่ายังไงนะ พ่อเค้าพูดเหี้ยอะไรกับมึง”

ผมได้ยินเสียงนะสูดจมูก เขาหายใจแรงๆ อยู่ 2-3 ครั้งก่อนจะผ่อนลมหายใจออกยาวๆ แต่ทว่าเสียงของเขาที่พูดขึ้นกลับสั่นเครือ

“ทำไมวะ ไอ้ซี... ทำไมกูถึงจะรักคนสองคนพร้อมๆ กันไม่ได้ คนหนึ่งกูรักด้วยชีวิต กูสามารถสละชีวิตให้ได้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ส่วนอีกคนกูรักด้วยหัวใจและมอบหัวใจให้เค้าไปแล้วทั้งดวง  ชีวิตกูคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำไมจู่ๆ กูต้องเลือกใครแค่คนเดียวแบบนี้ด้วย... ทำไมพ่อกูเค้าต้องให้กูเลือกด้วยวะ... ทำไม...!!” เขาพูดอย่างเจ็บปวด

น้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้ง...

“กูว่า...” ผมพยายามกลั้นน้ำตาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุด “ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนเราทุกคนก็คือ ‘ครอบครัว’ ว่ะ”

นะนิ่งไปไม่ตอบอะไรผมกลับมา

“กูรักมึงนะ ไอ้นะ...” ผมกลืนน้ำลาย ก่อนจะพยายามพูดประโยคต่อไปออกมาด้วยความยากลำบาก “แต่ความเป็นจริงคือเราคงตอบอะไรไม่ได้ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง เราจะยังรักกันดีอยู่แบบนี้รึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่มีใครรู้ แต่คนที่จะรักมึงมากไม่มีวันเปลี่ยน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนก็คือพ่อของมึงนะเว้ย...”

“มึงกำลังจะบอกเลิกกับกูใช่มั้ย ไอ้ซี...”

“ไม่ใช่เว้ย! ไม่ใช่เลย มึงอย่าเข้าใจผิดสิวะ!” ผมรีบปฏิเสธก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ “กูแค่จะบอกว่าให้มึงไปคุยกับพ่อให้ดีๆ เถอะ กูอยากให้มึงเคลียร์กับพ่อ เข้าใจพ่อ แก้ปัญหาในครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก อย่าเพิ่งเอากูมาเป็นเรื่องหลักเลย มึงเป็นคนรักครอบครัวมากแค่ไหน กูรู้ดี เพราะฉะนั้นมึงดูแลพ่อมึงก่อนเถอะ แล้วหลังจากนั้นเราค่อยคิดเรื่องของเรากัน แบบนั้นดีกว่ามั้ยวะ”

“มึงไม่เข้าใจเหรอวะ ไอ้ซี มึงไม่เข้าใจเหรอว่าตอนนี้กูไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว...” เขาเว้นช่วง “พ่อเค้าไม่ได้รักกูขนาดนั้นหรอก เค้ารักครอบครัวของเค้า เค้ารัก ‘ภาพ’ ของครอบครัวที่เคยเสียไป ทุกวันนี้เค้ามีชีวิตอยู่กับการคิดถึงแต่เรื่องที่มันควรจะเป็น แต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงๆ เค้าคิดถึงแต่แม่ของกูกับน้องสาวกู แต่ไม่เคยมองเห็นกูหรือไอ้นายที่อยู่กับเค้าทุกวันหรอก และในตอนนี้เมื่อภาพความฝันดีๆ ที่เค้าเคยมีมันหายไปเพราะกู เค้าก็พูดถึงแต่แม่ พูดถึงแต่น้องที่ไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ ถ้าเค้ารักกู เค้าคงไม่ไล่กูออกจากบ้าน เค้าคงไม่บอกให้กูเลือก เค้าคงไม่บอกว่าถ้าน้องกูยังอยู่คงจะทำตัวให้เค้าภูมิใจได้มากกว่านี้หรอก!!”

สิ่งที่ผมได้ยินทำให้ผมต้องอึ้งไป ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา ผมไม่เคยรู้เลยว่าเขาต้องเก็บความรู้สึกแบบนั้นเอาไว้ในใจมาโดยตลอด เขาไม่เคยพูดเรื่องพวกนั้นกับผมเลย ถึงเขาจะเคยต้องสูญเสียแม่กับน้องสาวไป แต่ผมก็เข้าใจอยู่เสมอว่าเขาเองก็รักและมีความสุขกับครอบครัวที่เหลืออยู่ของเขาดี

“ไอ้นะ กู...”

“กูรักมึงนะ ไอ้ซี รักมาก มากเหี้ยๆ เลย... ฮึก...” เขาเริ่มสะอื้นอีกครั้ง “ม... มึงคือสิ่งดีๆ เพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นกับชีวิตกูนับตั้งแต่กูเสียแม่กับน้.. น้องไป เพราะงั้น... เพราะงั้น มึง...”

“กูก็รักมึง ไอ้นะ มึงอย่าร้องไห้สิวะ ไอ้เหี้ยเอ๊ยย..!!” ผมพยายามกลั้นน้ำตา

“กูไม่รู้หรอกว่าอนาคตสำหรับมึงจะเป็นยังไง ฮึกก... มึงจะไม่รักกูแล้วก็เรื่องของมึง กูไม่แคร์ แต่กูจะรักมึงไปจนวันตายของกู มึงจำเอาไว้ให้ดีนะ ไอ้ซี... จำเอาไว้...” เสียงของเขาค่อยๆ จางหายไป

“ไอ้นะ...”

“กู... กูอยากกอดมึงว่ะ ไอ้ซี กูอยากกอดมึง กูอยากให้มึงกอดกูแล้วบอกกูว่าทุกอย่างจะต้องไม่เป็นอะไร”

“ตอนนี้กูกอดมึงไม่ได้ แต่กูบอกมึงได้นะว่าทุกอย่างจะต้องโอเค มึงเชื่อกูนะเว้ย”

“กูอยากไปหามึง มึงรอกูอยู่ตรงนั้นนะ ไอ้ซี กูจะไปหามึงเดี๋ยวนี้แหละ”

“ไม่ได้! อย่ามานะ ไอ้นะ ถ้ามึงขี่รถออกมาหากู กูจะโกรธจริงๆ นะเว้ย!”

“มึงไม่เข้าใจเหรอว่ากูไม่มีที่ไปแล้ว ไอ้ซี พ่อเค้าไล่กูออกจากบ้านแล้ว!”

“แล้วบ้านพี่นายล่ะ มึงก็ไปนอนกับพี่นายก่อนสิ”

“นอนเหี้ยอะไรล่ะ มันก็อยู่ที่บ้านกับพ่อกูนั่นแหละ มันเองก็ไม่พอใจกูเหมือนกัน กูไม่เหลือใครแล้วจริงๆ” เขาพูดประโยคสุดท้ายด้วยเสียงอู้อี้เหมือนกับกำลังป้องปากตัวเองเอาไว้อยู่

“ถ้ามึงรักกูจริง มึงต้องไม่ขี่รถกลางฝนออกมาหากู ไอ้นะ เดินกลับเข้าไปในบ้านซะ”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “...กูไม่ได้อยู่บ้าน”

“อ้าว!”

“กูขี่รถออกมาจากบ้านแล้ว ตอนนี้กูจอดอยู่ข้างทาง”

“มึงว่าไงนะ!” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“กูบอกว่ากูขี่รถออกมาจากบ้านแล้ว กูออกมาตั้งแต่พ่อเค้าไล่กูออกมานั่นแหละ และเมื่อกี้กูจอดรถและเข้าไปหลบฝนในร้านขายของ แต่เค้ากำลังจะปิด กูเลยเดินออกมานั่งคุยอยู่ข้างนอก”

“ไอ้นะเอ๊ยยย!!” ผมเริ่มหงุดหงิดกับการกระทำของเขา แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงดัง ‘ติ๊ด’ เบาๆ จากโทรศัพท์ของเขา “เสียงอะไรวะ”

“แบ็ตฯ โทรศัพท์กูจะหมดแล้วน่ะ มันเตือนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว... มึงกลับบ้านไปเถอะ ไอ้ซี แล้วเดี๋ยวกูจะไปหามึงที่บ้านนะ”

“เฮ้ยยย! เดี๋ยว ไอ้นะ!!”

“กูรักมึงนะ ไอ้ซี ถ้าหากว่...”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค สายก็ถูกตัดไป ผมพยายามโทรกลับไปหาเขาทันทีแต่ก็ไม่ติด ดูท่าทางว่าแบ็ตฯ โทรศัพท์ของเขาจะหมดจริงๆ

“แม่งเอ๊ยยยยย!!” ผมสบถแล้วโยนมือถือไปที่เบาะฝั่งคนนั่ง

ผมนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มขับรถต่อ ผมคิดว่าผมควรจะต้องรีบกลับบ้านแล้วล่ะ เพราะถ้าเดาจากนิสัยของนะแล้วล่ะก็ ดูท่าทางว่ายังไงคืนนี้เขาก็คงจะต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาไปหาผมที่บ้านที่กรุงเทพฯ จริงๆ แน่นอน และมันก็คงมีปัญหาอีกแน่ๆ ถ้าหากว่าเขาไปถึงที่บ้านก่อนผม

ในระหว่างที่ขับรถกลับกรุงเทพฯ อยู่นั้น ผมก็พยายามทำใจให้สบายและมองในแง่ดีว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็จะได้นอนกอดเขาและได้ช่วยกันปลอบโยนซึ่งกันและกันจากบาดแผลที่เกิดขึ้นในวันอันแสนยาวนานวันนี้แล้ว ผมได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าเขาจะกลับไปถึงบ้านของผมโดยปลอดภัย และเรื่องราวทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปได้ด้วยดีในที่สุด...

แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด เพราะผมไม่รู้ตัวเลยว่าแท้ที่จริงแล้ววันอันยาวนานของเรานั้นยังไม่จบลง และฝันร้ายที่สุดก็ยังเพียงแค่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 08-06-2012 23:09:37
 :z13: ขอจิ้มทีนึงนะครับ

............................................

หืม บรรทัดสุดท้าย ไปไม่เป็นแล้วครับผม


รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 08-06-2012 23:17:38
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 08-06-2012 23:26:17
ค้างอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 08-06-2012 23:27:51
เรื่องนี้มันไม่เศร้าไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมน้ำตาเราไหลอ่ะ
 :monkeysad: สงสารนะ+ซี คุณพ่อใจร้าย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: gonna.be ที่ 08-06-2012 23:41:41
เราให้เป็ดตัวนึง มันจี๊ดมาก  :sad4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 08-06-2012 23:44:49
ดราม่า ดราม่า ดราม่า

แอร๊กกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-06-2012 23:46:34
 :a5:

เศร้าโคตร

 :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 08-06-2012 23:46:49
สงสารนะมาก เหมือนเก็บความรู้สึกไว้เยอะอ่ะ กริ๊ดดดด น้ำตาซึม :sad4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: tamahomae ที่ 08-06-2012 23:56:24
ฝะ ฝะ ฝันร้ายอะไร ไม่เอานะ  :sad4:
นะภายนอกดูเข้มแข็งแต่จิตใจนายอ่อนแอมาก
ซี นายต้องช่วยนะด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-06-2012 00:21:53
มรสุมเข้า :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-06-2012 01:14:49
สงสารนะกับซี เวลาที่แย่ ๆ อย่างนี้น่าจะอยู่ด้วยกัน
แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ปลอบใจกันเองก็ยังดี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-06-2012 01:22:37
พายุเข้า เล่นเอาคนอ่านอ่วม
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 09-06-2012 03:31:29
ดูจะหนักหน่วงยิ่งนักกับ ปัญหานี้ ยิ่งข้างหน้าไม่รู้จะต้องเจออะไรอีก

ดราม่าเอ่ย จงซับซ้อนยิ่งขึ้น... แฮ้ :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 09-06-2012 17:55:35
ปัญหาพ่อแม่ไม่ยอมรับ พบได้ทั่วไป น้อยนักที่จะรับได้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 09-06-2012 22:08:49
ต้องเศร้าแน่เลย :sad11:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 09-06-2012 22:18:08
ปวดใจที่สุด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2012 23:27:22
รอตอนต่อไปจ้า :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 10-06-2012 20:22:40
T^T ถ้าจะเศร้าขนาดนี้
บีบคั้นสุดๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 10-06-2012 23:27:54
รักเพราะเกิดมาเป็นผู้ชาย หรือรักเพราะเป็นลูก ความรักเนี่ยมันซับซ้อนจริงๆ เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 11-06-2012 01:39:09
โอ๊ยคุณต้นขา บีบจิตมากๆเลยค่ะ
แง น้องทั้งสองจงเข้มแข็งนะจ๊ะ เดี๋ยวมันจะผ่านพ้นไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 11-06-2012 03:01:10
โอ๊ยยยย นะน่าสงสารอ่า

เดี๋ยวตองได้มีใครเกิดอุบัติเหตุแหง๋มๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 11-06-2012 03:48:45
จะจบแบบไหนเนีย กลัวจัง มันจะใีอะไรที่หักมุมกว่านี้อีกหรอเนีย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 11-06-2012 04:59:32
ดราม่าจริงๆด้วย
แค่มีความรัก มันทำให้อะไรๆเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ
พ่อนะ ทำไมไม่เข้าใจฟระ!!!!
นะกับซีสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 11-06-2012 19:39:44
ฝนตกๆๆ แล้วคิดถึง นะกะซี แล้วจะเป็นไงต่อน๊า มารอๆละ :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: toomztamz ที่ 12-06-2012 01:29:45
ดราม่ามันจี๊ดดดมาก เรียลสุดๆ เขียนจากเรื่องจริงหรือป่าวนิพี่ต้น
ทำได้แต่ถอดหายใจแรงๆ บอกตรงๆใครไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ไม่มีวันรู้หรอกว่ามันบีบคั้นหัวใจแค่ไหน :o12:
( :laugh:พูดเหมือนตัวเองเคย)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 12-06-2012 19:58:30
 :z3: แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย เกริ่นดราม่ามา แล้วค้าง โอ้ยยยย มาต่อไวๆนะจ้า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-06-2012 09:24:05
รอจ้ารอๆ :call:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 13-06-2012 11:38:58
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 13-06-2012 14:19:44
ใครอยากอ่านตอนต่อไปของนะกับซีจนถึงตอนจบแบบรวดเดียวเลย ขอคนที่ยังไม่เม้น แสดงพลังเม้นถึงหน้า 32 แล้วจะแปะให้ :P

แบร่ๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 13-06-2012 14:27:36
อยากอ่านต่อแล้วค้าบ ลุ้นว่าจะจบแบบ happy ending รึป่าว

ปล. log in เข้ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ 555
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 13-06-2012 14:54:26
(อ่าว เรานึกว่าเราเม้นแล้วนะเนี่ย 555 เบลอเลย) เห้ย...เหมือนเรื่องจริงเลย พ่อแบบเนี่ยมีอยู่จริง สงสารนะกับซีมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: hexagon1 ที่ 13-06-2012 15:16:03
รอตอนต่อไป กำลังสนุกเลย!!  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 13-06-2012 15:23:25
มารอๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 13-06-2012 17:37:36
เอาแล้ว นะกับซีจะจบลงแบบไหน

คุณพ่อก้อแรงเหลือเกิน เฮ้อ~

โชคดีที่แม่เราเค้าเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 13-06-2012 18:08:18
บรรทัดสุดท้ายทำเราเม้นไม่ออก

.............................................
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 13-06-2012 21:33:46
มาม่าจนหัวจะล้านแล้วคร๊าบบบบบ

 :z3:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 14-06-2012 10:51:24
กำลังถึงจุดที่เป็นปัญหาที่สุด "ครอบครัว" กับ "คนรัก"

หวังว่านะกับซีจะเดินทางปลอดภัยทั้งคู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 14-06-2012 11:29:59
ถ้าจะให้คอมเมนท์จากใจจริงคงไม่วายด่าพ่อนะอีก
เอาเหอะ ต่างคนต่างใจต่างความคิด (เข้าเพลง...)
ยังไงก็เอาใจช่วยซีกับนะนะครับ หวังว่าคงไม่เกิดอุบัติเหตุ
ถ้าเกิดก็ขอให้ไม่ตาย ไม่พิการ ไม่ความจำเสื่อม เอาแค่ถลอกหนังกำพร้าหลุดพอ
ขอให้ที่บ้านซีเข้าใจแล้วก็รับนะไปอยู่เป็นลูกด้วยเลย
ช่วยกันเยียวยารักษาหัวใจกันหน่อย

(แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุพ่อนะต้องโทษซีแน่เลย...เฮ้อ)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 14-06-2012 14:47:49
 :m15:  เหมือนแทงใจดำตัวเองจริงๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 14-06-2012 18:51:14
ถึงจะไม่ชอบอะไรที่ดราม่ามาก แต่มันเป็นเรื่อง Realจริงๆครับ

ร้อยละ90 คนเป็นพ่อเป็นแม่ ยังไงก็รับเรื่องนี้ยาก

 :เฮ้อ:

แต่อย่ามาม่ามากนะครับ

 :serius2:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-06-2012 19:00:34
SeeeDz ที่ 28


ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านตอนห้าทุ่มจนถึงตีหนึ่งกว่าๆ ผมก็นั่งรอนะอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะง่วงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาใช้เวลานานเกินไปหน่อยแล้ว ผมพยายามโทรหาเขาตลอดแต่ก็ไม่ติดเลยสักครั้ง ไอ้ครั้นจะคิดว่าเขาหลงทางก็ไม่น่าใช่ คิดว่าเกิดอุบัติเหตุก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหน่อย จนกระทั่งเมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาตอนตีสองตรง ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จักเบอร์หนึ่ง

“ฮัลโหล ครับ” ผมรับสายงงๆ รู้สึกสงสัยว่าใครกันที่จะโทรมาในเวลานี้

“นั่นซีรึเปล่า”

ผมนิ่วหน้า “ใช่ครับ นั่นใครครับเนี่ย”

“นี่พี่นายพูดนะ”

“พี่นายเหรอครับ” หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นทันที นี่เขาจะโทรมาต่อว่าผมอีกคนด้วยหรือไง

“ใช่ พี่เอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่ดีเลย “ซี...”

“ครับ...”

“พี่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ”

ผมหลับตาลง “ครับ นะบอกผมแล้ว”

“ไอ้นะมันบอกเราแล้วเหรอ” จู่ๆ เสียงของเขาก็แหบพร่าลง “ไม่สิ เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างมันก่อนเถอะ พี่จะบอกว่าพี่ตกใจนะ แล้วก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นด้วย แต่พี่ไม่เหมือนพ่อหรอก พี่น่ะ...” เขาเว้นช่วงหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ผมรอฟังเงียบๆ ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “ซี... ฟังพี่ดีๆ นะ ไอ้นะถูกรถกระบะชน ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่”

ผมรู้สึกราวกับเลือดในร่างกายถูกสูบจนเหือดหายไปหมด สมองของผมราวกับจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ หัวใจกระตุกวูบ มือเริ่มสั่น และริมฝีปากก็แห้งเผือด ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะโทรมาเพราะเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

“อ... อะไรนะครับ”

“ตำรวจบอกว่าอีกฝ่ายขับรถฝ่าไฟแดงมาเสยรถของไอ้นะเขาอย่างจัง คนที่ขับรถผ่านแล้วเห็นเหตุการณ์เป็นคนโทรแจ้งตำรวจ แต่คนขับแม่งเสือกหนีไปได้ ตอนนี้ไอ้นะยังไม่ได้สติ หมอบอกว่ากระดูกหักและร้าวหลายท่อน ซี่โครงหักทิ่มปอด สมองได้รับการกระทบกระเทือนและมีเลือดออกในสมองด้วย หมอบอกว่า...” เขาเว้นช่วง “หมอบอกว่าอาจจะรอดคืนนี้ไปได้ยาก เราอาจจะต้องทำใจเอาไว้ก่อน แต่ถ้าพ้นการผ่าตัดไปได้ก็ยัง 50-50...”

ผมถือโทรศัพท์มือถือในมือนิ่ง หูของผมแทบจะไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว คำพูดสุดท้ายของพี่นายที่ผมได้ยินคือโอกาสรอดชีวิต 50-50 หลังจากนั้นเสียงของเขาก็ฟังดูไม่ต่างจากเสียงลมที่ครางหึ่งๆ เบาๆ จากเครื่องปรับอากาศในห้องนอนเลย ภาพรอยยิ้มของนะผุดขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง และผมนึกถึงคำพูดที่เขาเพิ่งบอกกับผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้ขึ้นมาได้

“กูไม่รู้หรอกว่าอนาคตสำหรับมึงจะเป็นยังไง... มึงจะไม่รักกูแล้วก็เรื่องของมึง กูไม่แคร์ แต่กูจะรักมึงไปจนวันตายของกู มึงจำเอาไว้ให้ดีนะ ไอ้ซี จำเอาไว้...”


‘วันตาย’

คำๆ นี้ฟังดูคล้ายความจริงมากยิ่งกว่าการเปรียบเปรยขึ้นทันที

น้ำตาของผมเริ่มไหลรินออกมาช้าๆ

“ซี... ฮัลโหล ฟังอยู่รึเปล่า...”

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” ผมเหวี่ยงโทรศัพท์ลงบนเตียง กระชากสายชาร์จที่เสียบเอาไว้หลุดออก ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและทุบกำปั้นลงบนเตียงหลายครั้ง

“ทำไมวะ!! ทำไม! ไอ้นะ!! ฮืออออออ...อ...ออ...อ!!” ผมร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

นี่ถ้าหากผมไม่เป็นฝ่ายเดินออกไปคุยกับพ่อของเขาตั้งแต่แรกก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นี่ถ้าหากว่าผมไม่ลังเลที่จะวกรถกลับไปหาเขาที่บ้าน เขาก็คงไม่เป็นแบบนี้ ทำไมผมถึงได้เป็นตัวซวยที่ทำให้เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่ตลอดเลยวะ!

“ซี! เป็นอะไรไปลูก!” เสียงของแม่ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง “เปิดประตูซิ ซี!”

ผมพยายามกลั้นน้ำตาและเดินไปเปิดประตูห้องนอนออก พ่อกับแม่ยืนรอผมอยู่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

“เป็นอะไร ร้องตะโกนเสียงดังเชียว” พ่อถาม

“ซี! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม!” แม่ถามด้วยดวงตาที่เบิกโพลง

ผมคว้าตัวของแม่เข้ามากอด “แม่ครับ!! ฮึกก..ก..!”

“เกิดอะไรขึ้น ซี มีอะไรก็บอกแม่สิลูก!” แม่ลูบหัวผมเบาๆ

ประตูห้องของพี่แซ็คกับทรายก็เปิดออกแทบจะพร้อมๆ กัน ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องหน้าตาง่วงนอนและแลดูงงๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า

ผมดันตัวของแม่ออกและใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา “ซี... ซีต้องออกไปข้างนอกอีกครั้งนะครับ”

“ไปไหน” ทั้งพ่อและแม่ถามขึ้นพร้อมกัน

“ในเวลานี้เนี่ยนะ” พ่อถามต่อ

ผมเล่าเรื่องที่นะเกิดอุบัติเหตุให้ทุกคนฟัง และผมก็ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อจะพูดประโยคที่ว่าเขาอาจจะไม่รอดออกไป ทั้งสี่คนมีสีหน้าตกใจและพยายามพูดปลอบใจผม บอกผมว่าให้ใจเย็นๆ แต่ผมยืนยันว่าไม่ว่าอย่างไรผมก็จะต้องกลับไปที่นั่นเพื่อไปเฝ้าเขาจนกว่าเขาจะออกจากห้องผ่าตัดและจนกว่าจะฟื้นขึ้นให้ได้

“งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถไปให้เอง” พี่แซ็คเสนอ

“เออ แบบนั้นดีกว่า ตอนนี้น้องมันกำลังสภาพจิตใจไม่ดีอยู่ด้วย เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุไปอีกคนซะเปล่าๆ” พ่อพูดเสริม

“แต่ว่า...” ผมลังเล

“ไม่มีแต่” แม่รีบขัดขึ้น “ตอนนี้แซ็คกับซีไปกันก่อน แล้วเดี๋ยวตอนเช้าพ่อกับแม่จะตามไปอีกทีก็แล้วกัน นะมันก็เหมือนคนในครอบครัวเรานั่นแหละ แม่ก็เป็นห่วงมันมากเหมือนกัน เฮ้อออ ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยจริงๆ” แม่พูดพร้อมกับบีบมือผมแน่น

“แล้วว่าแต่มันอยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ” พ่อถาม

นั่นสินะ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันได้ยินรายละเอียดเรื่องพวกนี้จากพี่นายเลยด้วยซ้ำ เขาอาจจะยังไม่ได้บอกผมหรืออาจจะบอกมาแล้วแต่ผมไม่ได้ยินเองก็เป็นได้ ผมปล่อยมือของแม่ เดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจาเตียง พี่นายยังคงรออยู่ในสาย

“ฮัลโหล พี่นายครับ ผมขอโทษครับ คือเมื่อกี้...”

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ” พี่นายตอบ จากนั้นเขาก็บอกชื่อโรงพยาบาลกับที่อยู่ให้ผมฟัง ผมบอกเขาว่าจะรีบไป แล้วจากนั้นก็วางสายลง

“โรงพยาบาลที่สระบุรีครับ” ผมหันไปบอกทุกคน

“เออ ก็ไม่ไกลเท่าไหร่นี่” พ่อพูด

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปแต่งตัวก่อน แป๊บนึง” พี่แซ็คพูดก่อนจะหันกลับและเดินไปยังห้องของตัวเอง

“ไปล้างหน้าล้างตาซะ เตรียมของใช้หรือเสื้อผ้าที่จำเป็นไปนิดหน่อย เผื่อจะต้องค้างคืนที่นั่นนะ” แม่บอกผม

“ครับ” ผมพยักหน้า

“พี่ซี”

ผมหันไปหาทราย “ว่าไง”

ทรายมีสีหน้ายุ่งยากใจ “พี่... พี่นะจะเป็นอะไรมากมั้ยอะ”

ผมลืมไปเสียสนิทเลยว่าทรายมันสนิทกับนะมากขนาดไหน แบบนี้มันเองก็คงจะตกใจไม่น้อยเหมือนกัน

“ถ้าพี่นะเป็นยังไงก็โทรมาบอกทรายด้วยนะ แล้วเดี๋ยวทรายจะตามไปเยี่ยมพร้อมพ่อกับแม่”

ผมวางมือลงบนหัวไหล่ของมัน “โอเค แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะโทรบอกอีกที ไปนอนเถอะ ไม่ต้องกังวล”

ทรายนิ่วหน้า “พี่ซีนั่นแหละที่ไม่ต้องกังวล”

ผมอึ้งๆ ไปนิดหน่อย จากนั้นทรายก็หันหลังเดินกลับห้องของตัวเองไป

“ไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปรอข้างล่าง”

ผมพยักหน้าให้กับแม่ แล้วจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ผมยัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่เพิ่งรื้อออกมากลับลงไปในกระเป๋าใบเดิมอีกครั้ง จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่าง พ่อกับแม่กำลังนั่งรอผมอยู่ที่โซฟา ทั้งคู่มองหน้าผมและพยักหน้าส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไปหาพวกเขา

เมื่อผมนั่งลงแล้ว แม่ก็รวบตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้งทันที

“ไม่เป็นไรนะ ซี ทำใจให้สบายๆ นะเป็นเด็กดี เพราะฉะนั้นพระจะต้องคุ้มครองคนดีแน่นอน” แม่พูดเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมออก

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันอ่อนโยนของแม่แล้ว ผมก็รู้สึกเชื่อว่านะจะต้องไม่เป็นอะไรขึ้นจริงๆ ความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมกอดของแม่ช่วยมอบความหวังให้แก่ผมอีกครั้ง

“ไปที่นั่นแล้วก็ส่งข่าวด้วยล่ะ พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะรีบตามไป”

“ครับ พ่อ”

เมื่อพี่แซ็คเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่ก็หันไปมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ถ้างั้นพ่อกับแม่ขึ้นห้องก่อนนะ ขับรถระวังๆ ล่ะ แซ็ค”

“ครับ พ่อไม่ต้องห่วง พาแม่ขึ้นไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวแซ็คดูแลไอ้ซีเอง” พี่แซ็คหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้าเบาๆ “ไปกันเถอะ”

หลังจากเราออกจากบ้านได้ไม่นาน ผมก็โทรบอกพี่นายว่าผมกำลังเดินทางไปโรงพยาบาล ผมถามอาการของนะ แล้วคำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างจากเดิม นั่นคือเขากำลังรับการผ่าตัดอยู่ ซึ่งหมอหรือพยาบาลก็ยังตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ แต่คาดว่าการผ่าตัดน่าจะเสร็จในช่วงรุ่งเช้า ผมมองดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาตีสองครึ่งแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

“ใจเย็นๆ ไอ้นะมันต้องไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อแบบนั้นเอาไว้สิวะ” พี่แซ็คพูดขึ้น

“ซีรู้ แต่เมื่อกี้พี่นายบอกว่าอาการมันยังน่าเป็นห่วงอยู่เลย มันก็อดกังวลไม่ได้อะว่ะ”

“แต่กังวลไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาใช่มั้ยล่ะ นะมันอยู่กับหมอแล้ว เราก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอไป”

“เรื่องนั้นมันก็จริง...”

ผมเห็นด้วยหางตาว่าพี่แซ็คเหลือบมามองหน้าผมแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมจึงหันไปหามัน “มีอะไร”

มันยักไหล่เบาๆ “ไม่รู้ดิ พี่แค่เป็นห่วงแกว่ะ ไอ้ซี พี่รู้ว่าแกสนิทกับมันมาก รักมันมาก...”

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำๆ นั้นออกจากปากของมัน

“แต่พี่ก็ไม่อยากเห็นแกต้องเป็นทุกข์มากขนาดนั้น กำลังใจมันเป็นสิ่งสำคัญนะเว้ย” พี่แซ็คพูดจนจบ
ผมส่ายหน้า “พี่แซ็คไม่เข้าใจหรอก”

“พี่ว่าพี่เข้าใจว่ะ”

ผมนึกถึงคำพูดของนะประโยคนั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมไม่อยากให้เขาจากไปทั้งๆ ที่ยังคิดว่าผมเป็นฝ่ายเดินจากเขามาก่อนแบบนั้นเลย

“ไม่...” ผมหลับตาลงและเอนหัวพิงเบาะรถ “พี่แซ็คไม่เข้าใจ ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านี้ ซีก็คงไม่เครียดมากเท่าตอนนี้หรอก”

“ไอ้ซี...” พี่แซ็ควางมือลงบนไหล่ของผม “พี่เข้าใจจริงๆ เว้ย” เขาย้ำ

บางอย่างในน้ำเสียงที่ได้ยินทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นและหันไปมองหน้ามัน

แววตาของพี่แซ็คตอบทุกคำถามที่ผมไม่จำเป็นต้องพูดออกไป “ใช่ พี่รู้ ยัยทรายก็รู้... รวมทั้งพ่อกับแม่ก็ด้วยเหมือนกัน”

ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องรีบหันหน้าหนีและก้มหน้าหลบตาของมัน

มันตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะละมือออกไปจับพวงมาลัยไว้เหมือนเดิม “พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนที่แกไปบ้านไอ้นะมาแล้วเกิดปัญหาอะไรหรือไปทะเลาะอะไรกันมา แต่พี่รู้ว่าแกรักมันมากแค่ไหนว่ะ ไอ้ซี”

ผมหลับตาแน่น น้ำตาหนึ่งหยดค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตา ผมรีบยกมือขึ้นปาดมันออกเพราะไม่อยากให้พี่แซ็คเห็นว่าผมกำลังจะร้องไห้

“อย่าคิดมากเลยเว้ย พ่อกับแม่รับได้ พี่เองก็รับได้ ไอ้นะมันก็เป็นเด็กดี ดูแลแกมาตั้งเยอะ ทำให้คนเหลวไหลอย่างแกตั้งใจเรียนขึ้นได้ขนาดนี้ พวกเราจะไม่รักมันกันได้ยังไงวะ จริงมั้ย”

คำพูดของพี่แซ็คยิ่งทำให้ผมอยากร้องไห้มากขึ้นไปอีก ร่างกายของผมกระตุกเบาๆ และน้ำตาก็เริ่มไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จนผมไม่สามารถห้ามมันไว้ได้อีกต่อไป

ถ้าหากว่าพ่อและพี่ชายของนะเข้าใจเราได้เท่ากับครอบครัวของผม ถ้าหากว่าพวกเขายอมรับในตัวของผมได้เหมือนกับที่พ่อและแม่ยอมรับในตัวของนะแล้วล่ะก็ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

ผมเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เองว่าอานุภาพความรักของครอบครัวที่มีให้แก่กันนั้นแท้จริงแล้วมันยิ่งใหญ่มากขนาดไหน

ผมไม่ถามด้วยซ้ำว่าพวกเขาทุกคนรู้เรื่องของผมกับนะตั้งแต่เมื่อไหร่และรู้ได้อย่างไร แต่ผมเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านของนะให้พี่แซ็คฟัง เมื่อผมเล่าจนจบ เราสองคนก็นั่งเงียบๆ กันอยู่พักหนึ่ง จนสุดท้ายมันก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน

“เราสองคนโชคดีนะ ที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่น่ะ...”

“อืมมม...”

“น่าเสียดายและน่าสงสารไอ้นะมันเนอะ”

ผมไม่ตอบ ทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆ

“แต่พี่เชื่อว่ามันจะต้องไม่เป็นอะไรว่ะ ไอ้ซี นี่ไม่ได้แค่พูดให้กำลังใจเล่นๆ นะเว้ย แต่พี่คิดจริงๆ ไอ้นะมันแข็งแรงจะตาย พี่ว่ามันต้องรอดแน่ๆ”

ผมหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วได้แต่หวังว่าสิ่งที่พี่แซ็คพูดจะเป็นความจริง ถึงแม้ลึกๆ แล้วจะรู้ว่ามันแค่กำลังปลอบใจผม เพราะความแข็งแรงของร่างกาย ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรเลยถ้าหากคุณถูกรถชนจนกระเด็นไปไกลเกือบสิบเมตรแบบนะ

ความคิดเมื่อครู่ทำให้ผมรู้สึกหนาวสั่นขึ้นเล็กน้อย ผมจึงหลับตาลงและพยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้คิดมาก ทุกอย่างจะต้องโอเค ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร ถ้าหากว่าเราสองคนเกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ เราจะต้องผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้ ผมจะต้องได้บอกเขาอีกครั้งว่าผมรักเขาไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคตอีกนานแค่ไหนก็ตาม เขาจะต้องฟื้นขึ้นมา และเราก็จะต้องแก้ปัญหาเรื่องพ่อของเขาไปให้ได้ด้วยกัน

เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาล พี่แซ็คก็บอกให้ผมรีบเข้าไปในโรงพยาบาลก่อนในระหว่างที่มันจะเอารถไปวนหาที่จอด และเมื่อผมขึ้นไปถึงที่ห้องผ่าตัดแล้วก็เห็นพี่นายและพ่อของนะกำลังนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้า แต่เมื่อพ่อของนะเห็นหน้าผม เขาก็รีบลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาผมทันที

“แกมาที่นี่ทำไม!” เขาชี้หน้าผม

“นายเป็นคนโทรบอกน้องมันเอง” พี่นายรีบลุกเดินตรงเข้ามาด้วยอีกคน

พ่อของนะรีบหันกลับไปหาลูกชายของเขาทันที “เพื่ออะไร!! ไม่ใช่เพราะมันรึไง น้องชายแกถึงต้องนอนอยู่ในห้องผ่าตัดแบบนี้น่ะ!!” เขาชี้ไปที่ประตูห้องผ่าตัด

ตอนนี้พยาบาลที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์เริ่มหันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียวกันแล้ว

“นายว่าพ่อใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ อย่าโทษน้องมันเลย น้องมันไม่ผิดสักหน่อย คนผิดคือไอ้คนที่ขับรถชนไอ้นะไม่ใช่รึไง” พี่นายพยายามปกป้องผม

“ไม่ผิดเหรอ! นี่แกพูดแบบนั้นออกมาได้ยัง นาย!”

“ก็มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ พ่อ”

“ใช่ เรื่องจริง!” พ่อของนะหันกลับมามองหน้าผม “การที่มันทำให้ไอ้นะต้องเจอกับอุบัติเหตุแบบนั้นไง ที่เรียกว่าเรื่องจริง! แบบนี้แล้วแกจะยังโทรตามไอ้ตัวปัญหาอย่างไอ้เด็กคนนี้มาที่นี่อีกทำไม!!”

“เรื่องที่เกิดขึ้นกับไอ้นะมันเป็นอุบัติเหตุ และเราก็จำเป็นต้องบอกให้เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของมันรู้ไว้ด้วยเหมือนกันไม่ใช่รึไงครับ”

“แล้วคนอื่นไม่มีรึไง ทำไมถึงต้องเป็นมัน!” เขาชี้หน้าผมอีกแล้ว “แกลืมไปแล้วรึไงว่าที่ไอ้นะต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะมันคนเดียว!!”

ผมยืนกำหมัดแน่น คำพูดแต่ละคำของเขายิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ผมได้แต่ยืนถามตัวเองว่าถ้าหากตอนนั้นผมวกรถกลับไปหาเขาที่บ้าน มันจะยังเกิดเหตุการณ์แบนนี้ขึ้นมั้ย ถ้าหากตอนนั้นผมไม่เป็นฝ่ายเปิดประตูห้องออกไป หรือถ้าผมไม่ได้ไปที่บ้านของเขาตั้งแต่แรกล่ะ...

ผมพยายามสะบัดความคิดเหล่านั้นออกไปและมองหน้าชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่เป็นคนไล่นะออกจากบ้าน จึงทำให้เขาต้องขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนและพายุออกไปแบบนั้น เขานั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของปัญหา เป็นเพราะเขาที่ไม่ยอมรับในตัวของลูกชาย เป็นเพราะเขาที่ขับไล่ไสส่งเราทั้งสองคน และเป็นเพราะเขาที่...

“พอได้แล้วครับ!”

เราทั้งสามคนหันไปมองยังที่มาของเสียงพร้อมกันทันที พี่แซ็คกำลังเดินตรงเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ผมขอโทษนะครับ แต่ลิกโทษน้องชายของผมแบบนั้นสักทีเถอะ ทำแบบนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้นะฟื้นขึ้นมาหรอก จริงมั้ยครับ และที่นี่ก็โรงพยาบาลด้วย ผมว่าคุณอาไม่ควรส่งเสียงดังแบบนั้นนะครับ” พี่แซ็คเดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆ ผม

“แกเป็นใคร”

“ผมเป็นพี่ของซีครับ และเป็นคนที่พามันมาที่นี่คืนนี้ด้วย”

“อ้อ แล้วแกรู้มั้ยว่าน้องชายของแกมันทำอะไรกับลูกชายฉันไว้บ้าง!”

“เท่าที่ผมรู้มาก็มีแต่เรื่องดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ ทั้งสองคนดูแลกัน ช่วยกันเรียน ช่วยกันอ่านหนังสือสอบ ไม่เห็นจะมีอะไรไม่ดีตรงไหนนี่”

พ่อของนะมองหน้าพี่แซ็คราวกับเพิ่งโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง

“ขอโทษนะคะ” พยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเราท่าทางกล้าๆ กลัวๆ  “ถ้ายังไงรบกวนลดเสียงนิดนึงได้มั้ยคะ รบกวนคนไข้ท่านอื่นน่ะค่ะ รวมทั้งหมอและพยาบาลที่กำลังปฎิบัติงานอยู่ด้วย”

พ่อของนะดูท่าทางหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก แต่สุดท้ายเขาก็เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม

พี่แซ็คโน้มตัวเข้ามากระซิบที่หูของผม “พี่พอรู้แล้วว่ะว่าแกเจอกับอะไรมาบ้าง คนเหี้ยอะไรใจแคบชิบหาย...”

“แต๊งกิ้วว่ะ พี่แซ็ค”

มันยักไหล่ “พี่แค่พูดเรื่องจริงว่ะ”

เราสองคนเดินไปนั่งกันอยู่ที่เก้าอี้อีกฟากหนึ่งของห้อง นางพยาบาลมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาตักเตือนพวกเราอีกครั้งเรื่องการส่งเสียงดัง พ่อของนะชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ่านพวกเราออกไป

พี่นายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมองผมสลับกับพี่แซ็ค

“พี่ชายของซีเหรอ”

“ครับ” พี่แซ็คยกมือขึ้นไหว้เขา “หวัดดีครับ”

พี่นายยกมือขึ้นรับไหว้ “เรียนจบรึยัง”

“ยังครับ”

เขาพยักหน้า “...พี่ขอโทษแทนพ่อด้วยนะ พ่อเค้าก็เป็นคนอารมณ์ร้ายแบบนี้แหละ เค้ากำลังเสียใจน่ะ แต่เวลาปกติเค้าใจดีมากนะ”

ผมถอนหายใจเบาๆ “ผมรู้ครับ พี่นาย... ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจดี” ผมดูนาฬิกาข้อมือจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองไฟเหนือห้องผ่าตัด

“น่าจะอีกราวๆ สองชั่วโมงน่ะ กว่าจะเสร็จ” พี่นายพูดขึ้นราวกับอ่านใจผมออก “ก่อนซีจะมาถึงพี่ถามพยาบาลที่เดินออกมา เค้าบอกว่าอาการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โชคดีที่นะมันใส่หมวกกันน็อค แต่แม่งแย่ตรงมันได้รับการกระทบกระเทือนค่อนข้างแรง แล้วก็เสียเลือดมากด้วย” พี่นายพูดพลางกำมือทั้งสองข้างที่ประสานกันอยู่แน่น

ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมบีบแน่นจนแทบทนไม่ได้ ผมหลับตาลงและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“แล้วคนขับรถคนนั้นล่ะครับ” พี่แซ็คถามขึ้น

“ตำรวจบอกว่าจับได้แล้ว มันหนีไปได้ไม่ไกลจากแถวนั้นเท่าไหร่หรอก สรุปคือแม่งเมาน่ะ เดี๋ยวพอนะออกจากห้องผ่าตัดแล้วพี่กับพ่อก็ต้องไปที่โรงพักเหมือนกัน”

อีกไม่นานถัดมา พ่อก็เดินกลับมานั่งลงข้างๆ พี่นายอีกครั้ง เขาสองคนพูดคุยบางอย่างกันเบาๆ แล้วหลังจากที่เวลาผ่านไปได้ราวๆ สิบนาที พวกเขาก็ลุกออกไปคุยกันที่อื่นต่อ แต่ผมไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเขาจะคุยอะไรกัน ไม่สนด้วยว่ามันจะเกี่ยวกับผมหรือเปล่า เพราะสิ่งเดียวที่ผมกำลังเป็นห่วงอยู่มากที่สุดในตอนนี้คือคนที่ผมรักที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องผ่าตัดต่างหาก

หลังจากที่พ่อของนะกับพี่นายกลับมา พวกเราสี่คนก็ไม่ได้พูดอะไรกันออกมาอีกเลย ความเหนื่อยอ่อนกับความตึงเครียดตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งวันทั้งคืนเริ่มทำให้ประสาทของผมอ่อนล้า ผมอยากจะหลับตาลงและพักสมองสักหน่อยแต่ก็ทำไม่ได้ พี่แซ็คที่เห็นว่าสภาพของผมคงไม่ไหวแล้วจริงๆ ลุกเดินออกไปซื้อกาแฟกระป๋องมาให้ มันหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง และเมื่อกลับมา ป้ายไฟเหนือประตูก็ดับลงพร้อมๆ กับประตูห้องผ่าตัดที่ถูกเปิดออก

ผมรีบเดินตาหลังพ่อกับพี่นายไปที่หน้าห้องด้วยความกังวล นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังสีขาวของโรงพยายาลบอกว่ายังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่การผ่าตัดควรจะสิ้นสุดลง

การที่การผ่าตัดเสร็จเร็วกว่ากำหนดนี่มันหมายความว่ายังไงกัน

“ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ เค้าปลอดภัยใช่มั้ย”

หมอหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีเขียวส่ายหน้าและถอนหายใจ

ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และร่วงหล่นลงสู่พื้นทันที ใบหน้าของพี่นายซีดเผือด ส่วนพ่อของเขาเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ พี่แซ็คยกแขนขึ้นโอบบ่าผมเอาไว้จึงทำให้ช่วยประคองตัวผมเอาไว้ได้พอดี ผมรู้สึกราวกับตัวเองกำลังจะทรุดลงและพร้อมที่จะร้องไห้ออกมาได้ทุกมื่อ

“หมอมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายครับ” หมอพูดต่อ ผมจึงรีบเงยหน้าขึ้นไปมองเขาและตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด “ข่าวดีคือตอนนี้ลูกชายของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว เรายื้อชีวิตเขาไว้ได้ครับ”

พ่อของนะทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นและร้องไห้ออกมาเบาๆ “ขอบคุณครับ... ขอบคุณ... ขอบคุณจริงๆ...”

พี่นายย่อตัวลงช่วยพยุงพ่อของเขาให้กลับลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง

“แต่หมอเสียใจที่ต้องบอกว่า สมองของคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนที่จุดสำคัญ คนไข้มีอาการสมองบวมและมีเลือดออกมาก ถึงเขาจะรอดชีวิต แต่ก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอด หรือถ้าเขาฟื้นขึ้นมา ก็มีความป็นไปได้สูงมากที่อาจจะเสียความทรงจำไป... หมอเสียใจด้วยจริงๆ ครับ”

ผมรู้สึกราวกับถูกมีดด้ามใหญ่แทงเข้ากลางลำตัว หัวใจแทบจะหยุดเต้น ลมหายใจติดขัด ใบหน้าของผมชาวาบ มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ และขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะพยุงร่างกายอีกต่อไป
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-06-2012 19:06:39
SeeeDz ที่ 29

“จริงๆ ก็ไม่ใช่อาการ ‘เจ้าชายนิทรา’ หรอกครับ เพราะแกนสมองเค้าได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรง ซึ่งเค้าอาจจะหลับอยู่อย่างนี้ไปตลอด ไม่ใช่เจ้าชายนิทราหรือภาวะผักที่ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวบ้าง กะพริบตาได้ หาวได้ แต่กรณีนี้คือเค้าจะไม่รู้สึกตัวเลยและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอด”

ความหวังที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่ถูกทำลายลงไปอีกครั้งราวกับถูกค้อนขนาดยักษ์ทุบจนแหลกละเอียด ผมยืนมองหน้าหมอที่พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้นิ่งเฉยราวกับกำลังบอกว่าเขาอยากกินอะไรเป็นมื้อเช้า สีหน้าของหมอไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเศร้าหรือความเห็นใจอยู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมานั้นกำลังทำลายความสุขและความหวังแทบทุกอย่างที่เหลืออยู่ของเราไปจนหมดสิ้น

“ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้นนะครับ เพราะเราก็ไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้บ่อยมากนัก แต่หมอต้องเรียนตรงๆ ว่าก่อนหน้าที่เขาจะรับการผ่าตัด โอกาสรอดชีวิตก็เรียกได้ว่าต่ำมากแล้ว เราพยายามช่วยเขาเอาไว้ได้ก็จริง แต่อย่างที่บอกว่าหลังจากนี้ เปอร์เซ็นต์ที่เขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยก็เป็นไปได้สูงมากถึง 80% เราคงต้องดูอาการเขาอย่างใกล้ชิดไปเรื่อยๆ ล่ะครับ ถ้าสัญญาณทุกอย่างดีขึ้น ก็อาจจะยังพอมีความหวังอยู่บ้าง”

“ผ... ผมจะไม่ได้ลูกชายคนเดิมกลับคืนมาอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ หมอ” พ่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูห่างไกล

หมอไม่ตอบแต่แค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนออกมาอีกครั้ง “ผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะพาคนไข้ไปห้องไอซียูให้ รายละเอียดอื่นๆ ก็รอคุยกับพยาบาลแล้วกันนะครับ”

เมื่อหมอเดินจากไป พ่อก็หันมาหาผม ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยน้ำตา และดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววอาฆาตมุ่งร้ายมาที่ผมอย่างเต็มเปี่ยม

“แก!!!” เขาตะคอกพร้อมกับคว้าคอเสื้อของผมขึ้น “เป็นเพราะแกคนเดียว!! ฉันจะต้องเสียลูกชายไปอีกคนเพราะ แก คน เดียว!!

ผมมองเห็นหมัดที่ถูกเหวี่ยงขึ้นด้วยหางตา แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่สามารถหลบได้ทัน สิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกก็คือความเจ็บปวดบนแก้มซ้ายเพราะกำปั้นที่กระทบเข้าสู่ใบหน้าของผมอย่างแรง หัวของผมหันสะบัดไปตามแรงกระแทกจนเข่าแทบทรุด

“เฮ้ย!!” พี่แซ็ครีบพุ่งตัวเข้ามาขวางระหว่างพ่อของนะกับผมทันที ส่วนพี่นายก็รีบคว้าตัวพ่อของเขาเอาไว้

“พอได้แล้ว พ่อ! น้องมันไม่ผิดสักหน่อย!!”

“นาย! แกปล่อยพ่อ! เรื่องทั้งหมดนี่เป็นเพราะไอ้เด็กเวรนี่คนเดียว! ถ้าไม่มีมัน เราก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้!!”

“ไม่ใช่!!” พี่นายตะคอก “เรื่องทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะพ่อต่างหาก!!”

พ่อของนะชะงักไป เขาหันไปมองหน้าลูกชายของตัวเองราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

“แกว่าไงนะ”

“พ่อ ยอมรับความจริงสักทีเถอะว่าเรามันก็ผิดทั้งคู่นั่นแหละที่ไล่นะออกจากบ้านไป เราผิดที่ไม่เข้าใจมัน ไม่ให้โอกาสมัน สุดท้ายมันเลยเลือกที่จะไปหาคนที่รักและเข้าใจมันที่สุด” พี่นายพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “นายรู้ว่าครอบครัวเราสูญเสียกันมาเยอะแล้ว แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เสียนะไปนะครับ พ่อจะให้โอกาสมันและให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้งได้มั้ยล่ะ!”

เพี๊ยะ!!

ใบหน้าของพี่นายสะบัดไปตามแรงตบจากพ่อของเขา ทั้งสองคนยืนนิ่งกันอยู่อึดใจหนึ่ง พวกเขาต่างก็มีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ผมยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยหัวใจที่ปวดร้าว และตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าเราต่างก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยพยาบาลและเจ้าหน้าที่ของพยาบาล 4-5 คนที่มามุงดู

ถ้าหากว่านี่เป็นในละคร พ่อของนะก็คงจะโดนคนเหล่านั้นเข้ามาแยกและล็อคตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

“แก...!!” พ่อชี้หน้าพี่นาย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ สีหน้าโกรธขึ้งของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเบิกโพลงขึ้น คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน เขาลดมือที่ใช้ชี้หน้าลูกชายตัวเองลงจับที่หน้าอกพร้อมกับทรุดตัวลงกับพื้น

“พ่อ!!” พี่นายร้องขึ้นด้วยความตกใจ

พยาบาลและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เคยยืนดูอยู่ห่างๆ วิ่งกรูกันเข้ามาประคองตัวพ่อเอาไว้ พวกเขาเริ่มส่งเสียงโหวกเหวกเรียกขอหมอ ขอเตียง และเริ่มตรวจดูอาการของเขาอย่างวุ่นวาย สุดท้ายเขาก็ถูกพาขึ้นเตียงเข็นไปยังห้องฉุกเฉินโดยมีเราสามคนวิ่งตามไปด้วย และเมื่อได้คุยกับหมอ เราถึงได้รู้ว่าที่พ่อทรุดลงไปนั้นเป็นเพราะความดันที่ขึ้นสูงประกอบกับความเครียดจัด

เมื่อบุรุษพยาบาลพาพ่อออกจากห้องฉุกเฉินเข้ามานอนรักษาตัวในห้องผู้ป่วยเดี่ยวเรียบร้อยแล้วก็เป็นเวลาหลังหกโมงเช้านิดหน่อย หลังจากที่ความวุ่นวายทั้งหมดจบลง พี่แซ็คก็แนะนำให้ผมไปพักผ่อนที่โรงแรมใกล้ๆ นี้ก่อน มันบอกว่ามันโทรจองห้องเอาไว้ให้แล้ว แต่ผมไม่อยากทิ้งนะไปนานๆ และก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะสามารถหลับลงด้วย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะแค่ไปอาบน้ำแปรงฟันที่โรงแรม แล้วจึงรีบกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

พี่นายยืนรอรับผมอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลในเวลารุ่งสางด้วยสภาพอิดโรย ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาดูแตกต่างจากคนที่เคยอารมณ์ดีและมีเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลาราวกับเป็นคนละคน

“จริงๆ นะต้องอยู่ห้องไอซียูอีกอย่างน้อย 2-3 คืน” พี่นายบอกผม

“แต่...”

“แต่ว่าห้องเต็ม หมอเลยต้องอนุญาตให้มาอยู่ในห้องเดี่ยวได้เลย”

ตอนแรกผมก็รู้สึกดีใจอยู่เหมือนกันที่จะได้เห็นหน้าและดูแลเขาอย่างใกล้ชิด อย่างน้อยๆ ผมจะได้จับมือหรือสัมผัสร่างกายเขาได้บ้าง แต่ผมก็ยังรู้สึกกังวลนิดหน่อยอยู่ดีว่าแบบนี้มันจะปลอดภัยสำหรับเขาแน่หรือเปล่า

“หมอบอกว่าไม่เป็นไรน่ะ เพราะยังไงนะมันก็จะแค่หลับอยู่แบบนั้นอยู่แล้ว...” พี่นายพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เจ็บปวด “แต่ถึงไงก็จะมีพยาบาลคอยเดินเข้าเดินออกและคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษแทบจะตลอดเวลาน่ะนะ”

“แล้วพ่อพี่ล่ะครับ”

“หมอให้ยาไปก็เลยยังหลับอยู่ คงยังจะหลับไปอีกพักใหญ่ๆ เลยล่ะ พี่ก็เลยปลีกตัวออกมาได้ ส่วนตอนนี้แฟนพี่กำลังมา คงใกล้จะถึงแล้วล่ะ เดี๋ยวเค้าจะมาช่วยดูแลพ่อให้เราอีกแรง...” เขาถอนหายใจ ทำให้ดูแก่ลงไปอีกหลายปีทีเดียว

“ไปกันเถอะ พี่จะพาไปหานะ”

“ครับ”

ในระหว่างที่กำลังเดินไปที่ลิฟท์และขึ้นไปยังห้องที่นะนอนอยู่นั้น เราก็คุยกันถึงเรื่องพานะย้ายออกจากโรงพยาบาลที่นี่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เราพูดกันถึงเรื่องการพยายามตามหาหมอที่เก่งที่สุดที่น่าจะช่วยให้นะกลับมาเป็นปกติให้ได้ ความคิดนี้เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเราที่ทำให้เราเชื่อว่าเราจะได้เขากลับคืนมา แต่สุดท้ายแล้วเราก็เห็นพ้องตรงกันว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นะคงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ไปอีกพักใหญ่ๆ จนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวดีพอที่จะเคลื่อนย้ายได้

พี่นายพาผมเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องของนะ แต่ก่อนที่เราจะเปิดประตูเข้าไป เขาก็หันมามองหน้าผมตรงๆ อีกครั้งก่อน

“ซี... พี่มีเรื่องนึงที่อยากจะบอกให้เรารู้ไว้ก่อนว่ะ”

“เรื่องอะไรครับ”

“พี่... พี่ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เมื่อก่อนนี้พี่ก็ขอโทษไปทีนึงแล้ว”

“ไม่ใช่ ครั้งที่แล้วพี่ขอโทษแทนพ่อพี่ แต่หนนี้พี่ขอโทษสำหรับตัวพี่เอง พี่ขอโทษจริงๆ ตอนนั้นที่พี่รู้ความจริง พ่อพี่เค้าก็กำลังเสียใจมาก พี่เองก็ตกใจ พี่ไม่เคยเห็นไอ้นะทะเลาะกับพ่อแบบนั้นมาก่อนเลย พี่ก็เลยพลั้งปากบอกให้มันออกจากบ้านไปก่อน แต่จริงๆ พี่ไม่ได้มีเจตนาจะไล่มันออกจากบ้านเพราะเรื่องที่มัน... ที่มันกับเราเป็นแฟนกันหรอกนะ ซีต้องเชื่อพี่นะเว้ย พี่ไม่เคยคิดจะโกรธหรือรังเกียจน้องคนเดียวที่พี่เหลืออยู่เลยจริงๆ” เขาพูดด้วยเสียงที่แตกพร่าและเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่” ผมส่ายหน้า “ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ที่เราจะมานั่งโทษตัวเองหรือโทษใครแล้วล่ะครับ ใช่มั้ย”

“ก็จริง...” เขาถอนหายใจ “พร้อมจะเจอนะรึยัง”

ผมนิ่วหน้างงๆ

พี่นายมีสีหน้าค่อนข้างลำบากใจที่จะพูด “เอาเถอะ ยังไงก็ทำใจไว้หน่อยก็แล้วกัน...” เขาหันไปเคาะประตูเบาๆ 3-4 ครั้ง ก่อนจะเปิดมันออก

ผมเดินตามเขาเข้าไปในห้อง พยาบาลที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงหันมามองเราสองคนก่อนจะก้มหน้ากลับลงไปจดอะไรบางอย่างลงบนบอร์ดที่ถืออยู่ในมือเหมือนเดิม และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ถึงที่เตียงจนเริ่มเห็นสภาพของชายเพียงคนเดียวที่ผมเคยเรียกว่า ‘คนรัก’ ที่กำลังนอนหลับอยู่แล้ว ผมก็แทบจะหมดแรงก้าวขาต่อเลยทันที

ถ้าหากผมไม่รู้มาก่อนว่าคนที่กำลังนอนอยู่นี้คือนะแล้วล่ะก็ ผมคงไม่มีทางบอกได้แน่ๆ ว่านี่เขาคือเขาจริงๆ ร่างกายของเขาถูกพันระโยงระยางไปด้วยสายน้ำเกลือและสายไฟ ศีรษะของเขามีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบ บนใบหน้ามีแต่รอยบวมและฟกช้ำจนไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิมของคนที่ผมรู้จักดีและเคยเห็นแทบทุกวันอยู่เลย เขาจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และยังมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบแขนทั้งสองข้าง มีเฝือกที่ข้อมือขวากับขาซ้าย และผิวหนังส่วนที่ผมสามารถมองเห็นได้ก็มีแต่รอยฟกช้ำหรือไม่ก็ผ้าก็อตแปะแผลอยู่เต็มไปหมด

ใบหน้าหล่อๆ และรอยยิ้มขี้เล่นของเขากลายเป็นแค่เพียงความทรงจำที่แลดูเลือนลางไปโดยปริยาย ผมเดินเข้าไปจับราวเหล็กข้างเตียงแล้วน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมา ผมอยากให้เขาลืมตาขึ้น หันมายิ้มให้ผม และพูดว่า ‘กูไม่เป็นไรสักหน่อย ไอ้ตี๋’ ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยกำลังใจเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ดวงตาฟกช้ำทั้งสองข้างของเขาปิดสนิท ลมหายใจก็แลดูแผ่วเบาจนแทบไม่เห็นหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างช้าๆ ริมฝีปากเรียวบางคู่นั้นแลดูซีดเซียว รอยยิ้มของเขาที่อยู่ในความทรงจำของผมกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก ผมยื่นมือออกไปหมายจะสัมผัสที่แก้มของเขาเบาๆ แต่สุดท้ายก็ต้องชักมือกลับ มือของผมสั่นเทา และสุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

“ไอ้นะ..” ผมพยายามกลั้นน้ำตา แต่ก็อดที่จะสะอื้นเบาๆ ออกมาไม่ได้

ผมนึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำคนนี้มีเสน่ห์และรอยยิ้มที่ทำให้ผมจดจำเขาได้ในทันที และเมื่อเราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มและความเป็นกันเองที่เขามีก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากขึ้นไปอีก เขาเป็นคนดี เป็นคนซื่อ แลดูบริสุทธิ์ราวกับเด็กๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเข้มแข็ง อ่อนโยน และความเป็นผู้นำที่แฝงอยู่ก็สามารถเอาชนะใจผมไปได้ในที่สุด เขาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาคอยปกป้อง ดูแล และเติมเต็มผมได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้แก่ผมมาก่อน
เขาเคยบอกกับผมว่าความรักของเรามันก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่งดงาม เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ค่อยๆ เติบโต เรามีความใกล้ชิดเป็นเมล็ด มันถูกปลูกลงในกระถางที่ชื่อว่าหัวใจ เรามีมิตรภาพเป็นสารอาหาร มีความเชื่อใจเป็นดั่งแสงอาทิตย์อันอบอุ่น เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป เมล็ดพันธุ์เมล็ดนั้นก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น ลำต้นที่เติบใหญ่ขึ้นเปรียบเป็นดั่งความสัมพันธ์ของสองเรา และในที่สุดหน่ออ่อนเล็กๆ ที่ชื่อว่าความรักและความผูกพันก็เริ่มออกดอกงดงาม แต่ดูเหมือนว่าเราสองคนจะมีโอกาสได้ชื่นชมความงามของมันอยู่ได้เพียงไม่นานเท่านั้น เพราะในตอนนี้ต้นรักของเราสองคนกำลังจะเหี่ยวเฉาตายไปเพียงเพราะว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ...

ไม่ ผมจะยังไม่ยอมทิ้งความหวังที่ว่าเขาจะฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งเป็นอันขาด และต่อให้เขาฟื้นขึ้นมาแล้วจำผมหรือจำเรื่องระหว่างเราไม่ได้ ผมก็จะสร้างความทรงจำใหม่ๆ ให้แก่เขาเอง ผมจะยืนอยู่เคียงข้างเขาและไม่มีวันยอมทิ้งเข้าไปเด็ดขาด ผมจะรอจนกว่าวันที่ผมได้ยินเสียงของเขาพูดคำว่า ‘รัก’ กับผมอีกครั้ง

แต่การพยายามมองความหวังอันแสนริบหรี่และยึดเหนี่ยวมันเอาไว้ในขณะที่ความเป็นจริงมันช่างแสนโหดร้ายแบบนี้ก็ช่างทำได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน

“กูรักมึงนะเว้ย ไอ้นะ กูขอโทษ... กูขอโทษ...” ผมก้มหน้าลง น้ำตาไหลจากแก้มหยดลงบนหลังมือของผม ผมหันหลังให้กับเตียง เดินผ่านพี่นายที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วจากนั้นก็สาวเท้าไวๆ เดินออกจากห้องไป

ผมมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นก็ขังตัวเองอยู่ในนั้น ผมยืนเอาหลังพิงประตูห้องน้ำและปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาโดยไม่พยายามฝืนอีกต่อไป ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าใครที่เดินเข้ามาในห้องน้ำจะได้ยินเสียงของผมหรือเปล่า ผมไม่สนใจว่าผมร้องไห้เสียงดังขนาดไหน ผมกำหมัดแน่นและทุบลงบนประตูหลายครั้งราวกับคนบ้า ความเป็นจริงที่ว่าเขาอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้วมันเจ็บปวดและทรมานเกินกว่าที่ผมจะทนได้ ถึงผมจะบอกพี่นายว่าเราไม่ควรจะโทษตัวเองอีกแล้ว แต่ผมกลับไม่สามารถห้ามความคิดนั้นได้เสียเอง ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง คำถามว่า ‘ทำไม’ นับสิบนับร้อยคำถามผุดขึ้นในหัวของผมอย่างไม่รู้จบ

ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

ทำไมผมถึงหาเรื่องไปคุยกับพ่อของเขาก่อน

ทำไมผมถึงได้ขับรถออกมาจากบ้าน

ทำไมคืนนั้นผมไม่กลับไปหาเขา

ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเรา ความรักของเรามันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ

ทำไมพระเจ้าหรือเทวดาไม่เห็นใจเราบ้าง

ทำไมต้องเป็นเขา ทำไมไม่ใช่ผม

ทำไมหมอถึงช่วยเขาไว้ไม่ได้

ทำไมพ่อของเขาถึงยอมรับเราไม่ได้

ทำไม... ทำไม... ทำไม... ผมควรจะเดินข้างหน้าต่อไปอย่างไรดี

ผมหลับตาลง นึกถึงภาพที่เขาส่งยิ้มให้ผม เวลาที่เรากอดรัดเล่นกันแบบเด็กๆ ผมนึกถึงครั้งแรกที่ผมเห็นเขาแก้ผ้าอาบน้ำ ครั้งแรกที่เราได้สัมผัสร่างกายของกันและ ครั้งแรกที่เราจูบกัน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขา เสียงหัวเราะ ความสุข ความทรงจำ ภาพทุกอย่างมันพังทลายไปจนหมดสิ้นเมื่อภาพใบหน้าฟกช้ำของนะที่ผมเห็นเมื่อครู่เข้ามาแทนที่ เสียงของหมอที่บอกว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้วดังก้องขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง และมันก็ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอีกรอบ

เขาคือส่วนเติมเต็มในชีวิตของผมที่ผมตามหามาโดยตลอด เขาคือคนที่ทำให้ผมมีความสุขอย่างแท้จริง เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองและได้รู้จักกับคำว่า ‘ความรัก’ และ ‘ความผูกพัน’ ในมุมมองที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่นับจากนี้ไป ผมจะไม่มีเขาเดินอยู่ข้างกายผม ไม่มีเขาคอยให้กำลังใจ ไม่มีเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความอบอุ่น ไม่มีคนที่จะรับฟังและให้คำปรึกษา ไม่มีอะไรอีกแล้ว ไม่มีอีกเลย...

แล้วผมจะเดินต่อไปได้อย่างไร

ตลอดเวลาที่ผมขังตัวเองร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านไปมาก็หลายครั้ง แต่แล้วจู่ๆ เสียงฝีเท้าหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำที่ผมนั่งอยู่ เขาเคาะประตูเบาๆ และเรียกชื่อผม

“ซี...”

ผมรีบลุกขึ้นจากพื้นและใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาออกจากหน้าอย่างรวดเร็ว “พ่อ”

“เปิดประตูซิลูก”

ผมหันไปดึงทิชชู่ออกมาเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วจากนั้นก็เปิดประตูห้องน้ำออก พ่อที่ยืนรอผมอยู่มองหน้าผมด้วยดวงตาที่อ่อนโยนและแลดูปวดร้าว

“พ... พ่อมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วพ่อรู้ได้ไงว่าซีอยู่ในนี้” ผมสูดจมูกพลางใช้ทิชชู่ซับน้ำมูกที่คอยแต่จะไหลออกมา

“พ่อเพิ่งมาถึง แซ็คมันบอกพ่อว่าเราอยู่ในนี้เพราะมันได้ยินเสียงของเรานั่นแหละ” พ่อตอบก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “พ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ...”

“ครับ...” ผมก้มหน้า

“ซี...” พ่อใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของผมให้เงยขึ้นสบตากับเขา “เข้มแข็งไว้นะลูก จำไว้ว่าอย่าละทิ้งความหวัง และอย่าละทิ้งความรักที่มี ถ้าหากว่านะเป็นคนสำคัญกับเราจริงๆ เราต้องเข้มแข็งและห้ามทิ้งมันไปเด็ดขาด”

น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอีก

“คร... ครับ พ่อ...” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ

“พ่ออาจจะไม่ได้พูดแบบนี้กับซีบ่อยมากนัก แต่พ่อรักลูกนะ รักมาก และพ่อก็รักคนที่ลูกรักด้วยเหมือนกัน”

ผมดึงตัวของพ่อเข้ามากอดและร้องไห้ลงบนบ่าของเขา พ่อลูบหลังผมเบาๆ ในชั่วเวลานั้นเองที่ผมรู้สึกราวกับตัวเองกลับไปเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้ง ผมไม่ได้กอดพ่อแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ โดยเฉพาะการที่ได้ร้องไห้ต่อหน้าพ่อแบบนี้แล้วยิ่งนานมากกว่า ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าผมช่างเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ และยิ่งอดคิดไม่ได้เข้าไปอีกว่าถ้าหากนะได้เกิดมาในครอบครัวที่เข้าใจเขามากกว่านี้ล่ะก็ เราทั้งคู่ก็คงจะ...

“ไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกไปข้างนอกกันเถอะ แม่เค้าเป็นห่วง” พ่อดันตัวผมออกแล้วตีแก้มผมเบาๆ 2-3 ที

เมื่อผมกับพ่อเดินออกมาจากห้องน้ำ แม่ที่ยืนรออยู่ก็ดึงผมเข้าไปกอดทันที ถึงผมจะคุ้นเคยกับการกอดแม่มากกว่าพ่อ แต่ทุกๆ ครั้ง อ้อมกอดของแม่ก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

น่าแปลกเหมือนกันนะ การที่ผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเป็นชั่วโมงๆ ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจเท่ากับการได้กอดพ่อกับแม่อีกครั้งแบบนี้เลย

“ไปเถอะ พาแม่กับพ่อไปหานะหน่อย” แม่จับมือผม

ผมเดินนำพ่อ แม่ ทราย และพี่แซ็คไปที่ห้องของนะ เมื่อผมเปิดประตูห้องเข้าไป พยาบาลก็มองมาที่พวกเราด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ เธอบอกพวกเราว่าคนไข้ยังอยู่ในสภาพที่ต้องการการดูแลจากหมอและพยาบาลอย่างใกล้ชิด จึงควรจะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่และไม่ควรถูกรบกวนบ่อยมากนัก ผมจึงสวนกลับไปทันทีว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่คือคนที่รักและห่วงนะ และจากประสบการณ์ของผม การที่พยาบาลเข้ามาคอยวุ่นวายตรวจวัดนั่นวัดนี่คนไข้บ่อยๆ นั่นแหละ ที่เรียกว่า ‘การรบกวน’
นางพยาบาลมองหน้าผมอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกจากห้องไป

ผมหันไปหาแม่ที่ยืนหน้าหงิกอยู่

“ก็มันเรื่องจริงไม่ใช่เหรอครับ”

“ย่ะ” แม่ตีแขนผมเบาๆ

พี่นายเดินเข้ามาไหว้พ่อกับแม่และกล่าวขอโทษที่ต้องรบกวนพวกเขา จากนั้นพ่อกับแม่ก็เดินเข้าไปดูอาการนะใกล้ๆ ในขณะที่ทรายยืนตัวแข็งอยู่ที่ปลายเตียง เมื่อแม่เห็นสภาพของนะแล้วก็ร้องไห้ออกมาเบาๆ พ่อจึงต้องโอบไหล่แม่แล้วพาเดินไปนั่งลงบนโซฟาในขณะที่พี่นายเล่าเหตุการณ์และสิ่งที่หมอบอกให้พวกเขาฟังอีกครั้ง ส่วนผมก็เดินเข้าไปโอบบ่าน้องสาวของผมเอาไว้

“พี่นะจะไม่เป็นไรใช่มั้ย พี่ซี” เสียงของยัยทรายเองก็สั่นเครือน้อยๆ

“อืออ...” ผมตอบได้แค่นี้จริงๆ

ผมอยากให้นะตื่นขึ้นมารับรู้จริงๆ ว่าครอบครัวของผม... ครอบครัวของ ‘เรา’ ทุกคนเป็นห่วงเขามากขนาดไหน

“เดี๋ยวผมขอตัวแป๊บนึงนะครับ” จู่ๆ พี่นายก็พูดขึ้น ผมจึงหันไปหาเขางงๆ พี่นายที่กำลังยืนขึ้นพร้อมกับถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือหันมาหาผม “ตำรวจโทรมาน่ะ พี่ขอตัวออกไปคุยข้างนอกก่อนนะ”

“ครับ” ผมพยักหน้า

เมื่อพี่นายเดินออกจากห้องไปสักพัก พ่อก็พูดขึ้นว่าจะต้องหาทางช่วยเหลือนะให้ได้ พ่อจะถามเพื่อนๆ ที่เป็นหมอ อาจารย์ที่รู้จัก ใช้เส้นสายทุกเส้นที่มี และจะพยายามทุกวิถีทางที่จะพานะไปรักษาตัวในกรุงเทพฯ ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดกับหมอที่เก่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม่เองก็เห็นด้วยและยังถึงขั้นเอ่ยปากว่าถ้าหากครอบครัวของนะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แม่เองก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้เลยด้วยซ้ำ

“เฮ้ออ... พ่อว่าพวกเราออกไปกินข้าวกันก่อนดีกว่ามั้ย เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่อีกครั้ง”

“นั่นน่ะสิ เดี๋ยวพอกลับมาแล้วจะได้แวะไปเยี่ยมพ่อของนะด้วยเลย” แม่เห็นด้วย

“ซีไม่ไปอะครับ พ่อกับแม่ไปเถอะ ซีอยากอยู่ที่นี่”

“แต่แกจะไม่กินอะไรเลยไม่ได้นะเว้ย ไอ้ซี” พี่แซ็คพูด

“นั่นน่ะสิลูก ยังไงก็ไปหาอะไรรองท้องหน่อยเถอะ”

ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับแม่ พ่อกับแม่แล้วก็ทรายไปกินข้าวกับพี่แซ็คเถอะ เดี๋ยวซื้อนมหรืออะไรนิดหน่อยติดมือมาให้ซีรองท้องก็พอ ซีกินไม่ลงครับ”

“แต่ว่า...” แม่ทำท่าจะประท้วง แต่พ่อกลับเป็นฝ่ายห้ามเอาไว้ก่อน

“เอาเถอะๆ ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อซื้ออะไรขึ้นมาฝากก็แล้วกัน ไปกันเถอะแม่ แซ็ค ทราย”

“ขอบคุณนะครับพ่อ”

ผมยืนมองพวกเขาที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป แต่แล้วก็รีบวิ่งไปจับประตูเอาไว้แล้วดึงตัวแม่มากอดอีกครั้ง แม่ดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็กอดผมกลับเหมือนทุกทีราวกับเป็นสัญชาติญาณของคนเป็นแม่

“ขอบคุณนะครับแม่ ซีรักแม่มากนะครับ”

“แม่ก็รักลูกจ้ะ”

ผมดันตัวเองออกและหันไปกอดพ่ออีกคน “ซีรักพ่อนะครับ ขอบคุณครับ ซีขอบคุณแทนไอ้นะด้วย ขอบคุณจริงๆ”

พ่อลูบหัวผมเบาๆ “ไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่รักลูกหรอก จำไว้” เขาดันตัวผมออกและจูบลงบนหน้าผากของผมเบาๆ เหมือนเมื่อตอนผมเป็นเด็ก “ไปเถอะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ขึ้นมาใหม่”

“ครับ” ผมปิดประตูห้องลง จากนั้นก็เดินกลับมายืนอยู่ข้างๆ เตียงของนะอีกครั้ง

ผมลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ เขาแล้วก็ใช้ปลายนิ้วลูบบนหลังมือของเขาอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ

“ไอ้นะ...” ผมพูดขึ้น  “มึงจะได้ยินกูมั้ยวะ กูไม่รู้ว่ามึงจะได้ยินเสียงของกูรึเปล่านะ แต่ว่า...” ผมเว้นช่วงก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ “หึๆ นึกๆ แล้วก็ตลกว่ะ ทั้งๆ ที่กูกำลังพูดอยู่กับมึง แต่ก็เหมือนกูพูดอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะ กูเองก็ไม่รู้ว่าเสียงของกูจะไปถึงมึงมั้ย แต่กูอยากบอกมึงจริงๆ ว่า กูรักมึงมากนะเว้ย รักมากกว่าใครๆ กูอยากให้มึงรู้ไว้... ไม่ว่าจะตอนมึงหลับหรือตื่น กูก็อยากจะให้มึงรู้เอาไว้ว่ากูจะอยู่เคียงข้างมึงเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม กู... กูสัญญา...” ผมก้มหน้าลงและกำหมัดแน่น น้ำใสๆ เริ่มไหลมาคลออยู่ที่ริมขอบตา “นับจากนี้กูจะบอกรักมึงทุกวัน กูจะรักมึงให้มากขึ้นยิ่งกว่าที่เคย... กูจะไม่มีวันมีคนอื่นมาแทนที่มึงเด็ดขาด กูจะเป็นคนที่ดีขึ้น จะตั้งใจเรียนแทนในส่วนของมึง และจะทำทุกๆ อย่างเพื่อให้มึงกลับมา กู... กูจะรอจนกว่าที่เราจะได้เจอกันอีกครั้งนะเว้ย เพราะฉะนั้น... เพราะฉะนั้นมึงต้องกลับมาหากูนะ ไอ้เชี่ยตูด มึงได้ยินกูมั้ย... ได้ยินกูมั้ย มึงต้องกลับมานะ... รับปากกับกูสิ ไอ้เหี้ย... ฮึกก...ก...”

ผมก้มหน้าลงฟุบกับขอบเตียง พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้ากลับขึ้นมองใบหน้าของชายที่ผมรักอีกครั้ง เขายังคงหลับสนิทและไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดของผมเลยแม้แต่นิดเดียว

สิ่งที่เรียกว่า ‘ความหวัง’ มันช่างเจ็บปวดเกินทนจริงๆ

ในขณะที่ผมกำลังนั่งมองหน้าของเขาอยู่นั้น จู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมจึงรีบใช้นิ้วชี้ปาดน้ำตาออกทันที บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเข็นรถเข็นพาพ่อของนะเข้ามาในห้อง สีหน้าของพ่อแลดูซีดเซียว และเมื่อเขาเห็นว่าผมอยู่ในห้องคนเดียว เขาก็ถอนหายใจเบาๆ

“ส่งผมแค่นี้ก็ได้ ผมเดินไหว” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ให้ผมช่วยนะครับ”

“ไม่ต้อง ผมไม่เป็นไร คุณออกไปเถอะ ผมอยากอยู่กับลูกชายผมตามลำพัง”

บุรุษพยาบาลพยักหน้ารับและเข็นรถเข็นกลับออกไป และเพราะประโยคที่ผมได้ยินเมื่อครู่ ผมจึงตัดสินใจที่จะเดินออกจากห้องตามเขาไปด้วยอีกคน

“ไม่ต้อง อยู่ที่นี่แหละ...” พ่อพูดขึ้น

ผมหันไปมองเขางงๆ ในขณะที่เขายืนอยู่ข้างเตียงและจับราวกั้นเตียงเอาไว้แน่น สายตาของเขาไล่ตั้งแต่ใบหน้าของลูกชาย ไปยังสายน้ำเกลือและสายไฟที่ระโยงระยาง ร่างกาย แขน ขา แล้วจึงย้อนกลับขึ้นมาที่ใบหน้าอีกครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหัวของนะอย่างเบามือ ผมมองเห็นร่างกายของเขากระตุกน้อยๆ แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ

“นะ... ลูกพ่อ... พ่อขอโทษ นะกลับมาหาพ่อเถอะ พ่อขอร้อง พ่อไม่อยากสูญเสียลูกหรือใครไปอีกแล้ว...” เขาพูดเพียงสั้นๆ ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งและก้มลงจูบลงบนหน้าผากของนะอย่างแผ่วเบา “ให้อภัยพ่อด้วยนะ ชนะชัย ลูกรักของพ่อ... พ่อรักลูกมากนะ”

ผมนึกถึงคำพูดที่พ่อเพิ่งบอกผมเมื่อกี้ขึ้นมาทันที “ไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่รักลูกหรอก...”

“ซี” พ่อของนะเหยียดตัวขึ้นตรง แต่ยังคงไม่ได้หันมาหาผม

“ครับ...”

“รักนะมากแค่ไหน”

“รักมากครับ” ผมตอบอย่างไม่ลังเล “มากพอที่จะไม่มีวันทิ้งเค้าไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

“งั้นเหรอ...” พ่อหันมามองหน้าผมด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า เขาแลดูแก่ชราและเหนื่อยอ่อนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมาเสียอีก “แล้วพ่อจะคอยดู”

ผมสังเกตว่าสรรพนามแทนตัวเองที่เขาใช้กับผมเปลี่ยนไปอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกเล็กน้อย

“ครับ” ผมรับคำด้วยความมั่นใจ

.
.
.
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-06-2012 19:08:29
อีกสองสัปดาห์ถัดมา ผมก็ยังคงพักอยู่ที่โรงแรมไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่นะรักษาตัวอยู่ ข่าวดีคือหมอประจำตัวของนะและทางโรงพยาบาลยินยอมที่จะให้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปรักษาตัวต่อที่กรุงเทพฯ ได้ แต่ยังต้องรอจนกว่าสภาพร่างกายของนะจะดีขึ้นอีกสักพักหนึ่ง อีกเรื่องคือเพื่อนๆ ของพวกเราที่มหาวิทยาลัยต่างก็รู้ข่าวเรื่องของนะกันหมดแล้ว รวมทั้งยังรู้ด้วยว่าผมกับนะเป็นแฟนกัน จากเรื่องในครั้งนี้ทำให้แม้แต่ไอ้ก้องที่เคยหายหัวไปยังโทรมาถามไถ่และขอโทษผมสำหรับเรื่องทั้งหมดที่มันเคยทำลงไปด้วยเลย เพื่อนบางคนก็อุตส่าห์ขับรถมาเยี่ยมพร้อมกับให้กำลังใจผมว่านะจะต้องฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่น่าแปลกที่สำหรับผมในตอนนี้ คำพูดเหล่านั้นมันกลับแลดูว่างเปล่าและไร้ความหมายอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ บางครั้งผมก็รู้สึกเชื่อว่านะจะต้องฟื้นขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมเหมือนเดิม แต่ก็มีบางครั้งที่ผมนอนไม่หลับและต้องแอบร้องไห้เงียบๆ อยู่คนเดียว ในบางคืน ความฝันที่ผมฝันถึงเขามันช่างสวยงามและอบอุ่นจนทำให้ผมต้องเจ็บปวดและเสียน้ำตาในยามตื่นนอน แต่โดยรวมแล้ว ผมก็รู้สึกว่าผมเริ่มทำใจได้ดีขึ้น ความหวังว่าเขาจะต้องกลับมายังคงไม่ลดลง แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เริ่มเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความจริงที่ว่าผมอาจจะทำได้แค่นั่งจับมือเขา และมองดูใบหน้ายามหลับของเขาแบบนี้ไปตลอดด้วยเช่นเดียวกัน

“วันนี้หมอมาตรวจและบอกพี่ว่าภายในหนึ่งเดือนนะ...” พี่นายพูดกับผมหลังจากที่ผมเพิ่งเดินเข้าไปในห้อง “หมอบอกว่ารายงานจากคลื่นสมองและอื่นๆ แสดงว่านะยังอาการทรงตัว แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นทีละน้อยๆ เพราะฉะนั้นหมอเลยคิดว่า นะอาจจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ภายในหนึ่งเดือนนับจากนี้น่ะ”

เรื่องที่ผมได้ยินนับเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมาเลยทีเดียว แต่ทว่าสีหน้าของพี่นายกลับไม่มีวี่แว่วของความสุขอย่างที่ควรจะเป็นอยู่เลย ดังนั้นผมจึงรอให้เขาพูดต่อก่อนที่จะเผลอรู้สึกดีใจออกไป

“แต่... เปอร์เซ็นต์ก็ยังคงต่ำกว่า 20 หรือ 30% อยู่ดีว่ะ ดังนั้นเราจึงยังไม่ควรจะหวังอะไรมากนัก เพราะโอกาสที่นะจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยก็ยังมีอยู่สูงมากกว่า 70% โดยเฉพาะถ้าผ่านพ้นสองเดือนไปแล้วล่ะก็โอกาสมันก็คงจะยิ่ง...”

ผมคิดว่าหมอคนนี้นี่แม่งโคตรเก่งในเรื่องการทำลายความหวังของคนอื่นจริงๆ นั่นแหละ

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่นาย ผมเข้าใจและผมรับได้...” ผมหันไปมองใบหน้าหลับสนิทของนะ “ถึงจะยังไม่ยอมแพ้ แต่เราก็ต้องหัดยอมรับความเป็นจริงและเผื่อใจไว้บ้าง จริงมั้ยล่ะครับ”

“นั่นสินะ...” เขาหันไปมองน้องชายเพียงคนเดียวของตัวเองก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งและลุกขึ้นยืน “ถ้างั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเย็นๆ พี่จะพาพ่อมาเยี่ยมเหมือนเดิม”

“ครับ”

“ซี” เขาวางมือลงบนไหล่ของผม “พี่ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ”

ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้เขา เขายิ้มจางๆ ตอบกลับมาแล้วจึงเดินออกจากห้องไป

ผมลุกออกจากเก้าอี้ เดินไปเปิดผ้าม่านออกให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งลงที่หัวเตียงใกล้ๆ เขา
รอยฟกช้ำบนใบหน้าของเขาเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย อาการบวมลดน้อยลง ริมฝีปากก็ดูมีเลือดฝาดมากขึ้นกว่าเมื่อในวันแรก ผมใช้หลังมือลูบแก้มเขาเบาๆ แล้วจึงหันไปหยิบกระถางต้นไม้เล็กๆ ที่มีโฮย่าหัวใจปักเอาไว้อยู่ขึ้นมาดูก่อนจะวางมันกลับลงไปที่เดิมอีกครั้ง

“เฮ้อออ... อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเปิดเทอมแล้วว่ะ มึงต้องรีบๆ หายดีแล้วไปเรียนกับกูนะเว้ย ไอ้นะ ไม่งั้นกูคงเหงาแย่...” ผมกุมมือเขาเอาไว้ “เอ้อ เมื่อเช้ากิ๊กมันโทรมาหากูด้วยนะ บอกว่าจะมาเยี่ยมมึงแต่ยังไม่มีเวลาเลย กูว่ามันคงรู้แล้วล่ะว่าเราเป็นแฟนกันน่ะ แม่งเลยทำตัวไม่ค่อยถูกมั้ง ไม่รู้ดิ” ผมยักไหล่

ผมนั่งมองใบหน้าของเขาที่หลับอย่างสงบอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาเปิดออก หนังสือเล่มนี้คือวรรณกรรมแปลเกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องพัดพรากจากพ่อ แม่ และน้องสาวของตัวเอง และต้องพบกับการผจญภัยมากมายในการตามหาครอบครัวอันเป็นที่รักของเขา ผมเจอหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งเมื่อสี่วันก่อน และผมก็อ่านมันให้เขาฟังมาตลอดนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

“โอเค มา เดี๋ยวกูจะอ่านต่อจากที่อ่านค้างไว้เมื่อคืนให้มึงฟังล่ะนะ” ผมหันไปยิ้มให้กับเขา “ตั้งใจฟังด้วยล่ะ ไอ้ตูด ถ้าแอบหลับแล้วปล่อยให้กูพูดอยู่คนเดียวล่ะ โดนแน่นะมึง”

บางครั้งผมก็รู้สึกนะว่าโชคชะตานี้ช่างเล่นตลกและโหดร้ายกับผมเสียเหลือเกินที่ทำให้ผมกับคนที่ผมรักต้องเป็นแบบนี้ แต่พอมาลองคิดดูอีกที ผมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เกิดมารักคนๆ หนึ่งที่ทำให้ผมสมบูรณ์แบบที่สุดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เขาคือชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายที่ผมตามหา ผมรักเขา และเขาก็รักผม ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน เราก็ยังคงเป็นคนรักที่รักกันมากที่สุด นั่นคือสิ่งสำคัญที่ผมจะลืมไม่ได้เด็ดขาด และในอนาคตนับจากนี้ ผมก็จะรักเขาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผมจะไม่มีวันทิ้งเขาไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะกลับมาหาผมหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะผมรู้ดีว่าเรายังคงมีกันและกัน และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานเท่านานจนกว่าลมหายใจของเราจะหมดลง

เขาเปรียบเป็นดั่งดวงใจของผมที่ยังคงเต้นอยู่ตามทุกจังหวะของลมหายใจ ไม่มีอะไรที่จะมาทำลายความรักของเราลงได้ และไม่มีใครที่จะมาแทนที่เขาได้ด้วยเช่นกัน เพราะหัวใจของเราสองคนคือดวงเดียวกันมาตั้งนานแล้วนี่นา

หลังจากที่อ่านหนังสือไปได้หลายหย้าผมก็อ้าปากหาวและปิดหนังสือลงก่อนจะเหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ

“กูเริ่มง่วงแล้วว่ะ ขอนอนพักสักงีบแล้วกันนะเว้ย...” ผมวางหนังสือกลับลงไปที่เดิมและชะโงกตัวเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ อย่างทะนุถนอม “กูรักมึงนะ ชนะชัย... แล้วก็ขอบใจที่มึงเองก็รักกูเหมือนกัน ขอบใจจริงๆ”


.....................................................จบ .....................................................

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 14-06-2012 19:29:43
 o22 ...
!!!!!!!!!!
what the hell !!!?
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: netkung ที่ 14-06-2012 19:38:16
หักมุมมากกกกกกกกกกกกกก  สแลกโค้งเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2012 19:55:26
รอจ้ารอ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 14-06-2012 20:01:38
จบ!!?!

ไม่ได้จบจริงๆใช่มั้ย? แค่จบตอนเนอะ o.O
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-06-2012 20:21:08
จบจ้ะ จบแล้ว ^___^

ก่อนหน้านี้มีโจทย์ว่า "อยากได้นิยายที่มีครบหลายอารมณ์ แต่ไม่ยาว" + "ตอนจบที่ประทับใจ แต่ไม่ตาย เศร้า แต่ไม่พรากจากกัน ยังรักกันอยู่"

เลยออกมาแบบนี้ครับ หวังว่าคงจะเกลียดขี้หน้าไอ้ต้นไปตามๆ กัน 55555

ปล. ตอนพิเศษขอสำรองไว้สำหรับตอนรวมเล่มนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 14-06-2012 21:14:23
จบแล้วจริงๆหรอ ใจหายอ่ะ แบบเศร้าสุดๆ (ปล.พี่ต้นไม่ไหวอ่ะค้างเกิน..ไม่ได้ค้างที่พี่เขียนนะ พี่ต้นเขียนจบซึ้งมาก เคลียร์ทุกอย่าง แต่ที่ค้างคือความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว ว่านะฝืนมาจะจำซีได้ไหมและเค้า2คนจะเป็นไง ถ้ามีภาคต่อก็ดีนะ ^^)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-06-2012 21:22:14
อยากร้องเพลงนี้ให้กับคุณต้น



"ทำไมถึงทำกับฉันได้" :sad4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 14-06-2012 21:31:01
บอกได้คำเดียวว่า"สุดยอด" ประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ
เห็นตอนที่บอกว่า28-29ก็เอะใจนิดๆว่าทำไมลง2ตอน
พร้อมกันเลย ค่อยๆอ่านช้าๆที่ละบรรทัดกลัวพลาด
เนื้อหาสำคัญไป จนถึงประโยคสุดท้าย "จบ"
เล่นเอาอึ้งไปพักนึง เฮ้ย จบจริงดิ 555
แต่จบแบบนี้ก็โอเคนะ สุขๆเศร้าๆเคล้าน้ำตา
เรื่องนี้คงเป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจตอนจบมาก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-06-2012 21:43:45
กรีดร้อง คลุ้มคลั่งมากมาย :z3:
เศร้าอะเศร้า มากๆ :monkeysad:
การรอคอยแบบนี้ คนรอมันทรมานนะคะ เป็นกำลังใจให้ซี เข้มแข็งเพื่อนะนะ :กอด1:
ไม่มีอะไรจะพูด...นอกจากพี่ต้นใจร้ายที่สุด :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 14-06-2012 22:06:22
 :m15: ดูเค้าจบดิ!

ตอนพิเศษที่ว่าอยู๋ในเล่มนั่น นะคงจะฟื้น

ไม่แน่ใจว่าจะได้ซื้อหรือเปล่านะครับ

แต่... :เฮ้อ: ตอนนี้นอยด์จัง

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องดีๆนี้นะครับ

ผมดีใจที่ได้ตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกๆ

แม้ว่าตอนจบจะไม่ได้สมหวัง

ผมก็ดีใจที่ได้อ่าน

ขอบคุณมากนะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-06-2012 22:10:09
:m15: ดูเค้าจบดิ!

ตอนพิเศษที่ว่าอยู๋ในเล่มนั่น นะคงจะฟื้น

ไม่แน่ใจว่าจะได้ซื้อหรือเปล่านะครับ

แต่... :เฮ้อ: ตอนนี้นอยด์จัง

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องดีๆนี้นะครับ

ผมดีใจที่ได้ตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกๆ

แม้ว่าตอนจบจะไม่ได้สมหวัง

ผมก็ดีใจที่ได้อ่าน

ขอบคุณมากนะครับ  :pig4:

ไม่คิดว่าในตอนพิเศษก็จะโดนหักมุมอีกเหรอ (~ ~,)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 14-06-2012 22:28:32

ติดตามมาตลอด
ชอบนะคะ สนุกมาก อ่านแล้วมีลุ้นตลอด
 :L2: :L2:

แต่เค้าไม่ชอบตอนจบ เพราะมันเศร้าเกิน
คนทุกข์ใจคือทุกคนจริงๆ

แอบกลัวอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้
แล้วมันก้อจริง ...
 :monkeysad: :sad11:

รีบจัดตอนพิเศษมาเถอะค่ะ
ยังไงก้อต้องรับให้ได้ แง แง แง

ได้แต่หวัง...

ขอบคุณค่ะ
 :z3:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-06-2012 22:44:27
อ้าว..เฮ้ย.. จบแบบนี้เลยเหรอ
เศร้าง่ะ :m15: :monkeysad: :sad11: เศร้ามากๆเลย
ไม่อยากคาดหวังอะไรอีกแล้วหละ ทำใจซะเหอะเรา
แต่ก็ขอบคุณมากๆเลยนะจ๊ะ  :pig4: สำหรับเรื่องราวที่ดีๆและสนุกๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 14-06-2012 23:07:14
จบแบบนี้จริงๆเหรอคะคุณต้น!!!!

สงสารนะที่ไม่มีบทเลย นอนอย่างเดียว เหอะๆ

ก้อดีนะคะที่จบแบบนี้ แสดงออกถึงความรักที่บริสุทธิ์ของเด็กสองคนที่แค่อยากจะรักกัน

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวอันอบอุ่น และตัวละครที่น่ารักสองตัวที่คุณต้นได้สร้างขึ้นค่ะ

รัก~เป็นกำลังใจให้นะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 14-06-2012 23:18:58
ขอบคุรนะค่ะ สำหรับเรื่องดีๆ ถึงแม้จะจบแบบเจ็บๆ
แต่ก็พอจะคลำทางได้ว่านะต้องหายแน่ไม่ว่าวันใดวันนึง
รึอาจจะไม่หายจริงๆ แต่ความรักของซีกับนะก็เป็นเรื่องน่าประทับใจค่ะ

 :pig4: จากใจค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-06-2012 23:27:26
 o22
จบงี้เลยเร๊อะ!
อนาคตไม่รู้จะเศร้าหรือจะสุข
อย่างน้อยก็ยังมีหวัง :กอด1:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ
 :L2:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-06-2012 23:31:40
เง้อ...เราก็ต้องมารอลุ้นไปกะซีว่านะจะฟื้นเมื่อไหร่
ตราบเท่าที่ยังมีความรักความหวังและกำลังใจ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 14-06-2012 23:47:49
คุนค่ะ ^^ สำหรับนิยายดีๆ
อ่านแล้วซึ้งอ่ะ ที่ทุกอย่างลงตัวเหลือแค่นะตื่นมาก็พอ
แต่...กลัวแบบจิ้นต่อแล้วนะจะลืมซีอารายแบบนี้
อยากให้มีตอนพิเศษจัง ><!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 15-06-2012 00:17:16
จบจริงๆเหรอ???

แงๆๆ  จบแบบนี้ไม่เอานะ T_T

เอาจบแบบที่นะฟื้นขึ้นมาแล้วหายเป็นปกติง่ะ
 
เศร้า!!!!  สงสารซี
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-06-2012 07:25:06
' จริงดิ!! '  :a5:


กะไว้แล้วว่านะต้องเจออะไรแน่ แต่ไม่คิดว่าจะหลับไปทั้งอย่างนี้


เศร้าแทนซีเลย  :dont2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 15-06-2012 10:14:47
นี่ถ้าจะให้โวยวายต่อก็คงจะบอกว่า
มายอมรับเอาตอนไม่เหลืออะไรแล้วสิ รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ในสภาพนี้แล้ว
ถ้าไม่ให้ซีดูแลแล้วใครมันจะดูแล

เอาเถอะ ระงับอารมณ์ มองโลกในแง่ดี
พ่อเค้าคงสำนึกได้แล้วว่าทำอะไรลงไป...ถึงจะช้าไปหน่อยก็ยังดีกว่าคิดไม่ได้

ส่วนตอนจบที่อยู่ดีๆก็จบลงเสียอย่างนั้น มันก็สมบูรณ์ดีนะ
ชีวิตจริงมันก็ไม่ได้จบแฮปปี้เอนดิ้งไปซะทุกเรื่องเหมือนนิยายหรอก
อย่างน้อย นี่ก็ถือว่าจบแบบมีความสุขแบบหนึ่ง สุขแบบเจ็บๆหน่อย ทุกอย่างยังต้องดำเนินต่อไป

จากที่ตามอ่านนิยายของต้นมา เหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยมั้ง
ที่จบแบบนี้ คือจบแบบ sad ending ชัดเจนที่สุด ถ้าไม่รวมพวกเรื่องสั้น
(เรายังไม่ตีความว่ามันจบเศร้าจริงเพราะมันก็ยังดูปลายเปิด แต่ก็ถือว่าเศร้ากว่าเรื่องอื่น)
ก็ถือเป็นแนวใหม่ แปลกตาขึ้นอีกนิด

โดยรวมยังมีจุดเด่นเรื่องมิตรภาพ ความเข้าอกเข้าใจ การดูแลเอาใจใส่กันได้อย่างสวยงามเหมือนเดิม
ถ้าจำได้เคยคอมเมนท์จุดนี้ไปทีนึงว่า บางทีมันก็ดูเหมือนเยอะไป
หรือบางทีมันก็เหมือนไม่ค่อยแปลกใหม่
แต่ว่ากันสุดท้ายเราก็ติดใจเสน่ห์การเขียนแบบนี้ของต้นแหละ
คือไม่ได้ทำให้อารมณ์ฟูฟ่าเหมือนตอนแรกที่อ่านเมฆกับซัน
แต่ก็ยังทำให้รู้สึกดีและตามอ่านได้อยู่เรื่อยๆ

ยังไงก็จะรอเรื่องต่อไปนะครับ มาเมื่อไหร่ก็บอกด้วย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 15-06-2012 10:22:18
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 15-06-2012 13:49:26
24 วันถัดมา...

“เฮ้ย ไอ้ซี จะกลับบ้านแล้วเหรอวะ” ไอ้โตตะโกนถามผม

“เออ ขอบใจพวกมึงสำหรับของขวัญด้วยนะเว้ย” ผมตอบกลับไปพร้อมกับชูถุงใส่ของขวัญที่ถืออยู่ในมือขึ้น

“อะไรว้าาา วันนี้วันเกิดมึงทั้งทีนะเว้ย จะไม่อยู่นั่งคุยกันก่อนเหรอวะ” ไอ้รันพูดขึ้นพร้อมกับเสียงตอบรับเห็นด้วยจากเพื่อนๆ คนอื่น

“ไม่อะว่ะ วันนี้กูต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านน่ะ”

“โห่ๆๆ ไอ้คนเห็นครอบครัวดีกว่าเพื่อน!” ไอ้ไมค์แซว ตอบด้วยเสียงโห่ร้องเห็นด้วยและเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ และรุ่นน้องอีกเกือบสิบคน

ผมยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “แล้วกูก็อยากรีบกลับไปหาไอ้นะด้วยว่ะ”

เสียงโห่ร้องเงียบลงทันที เลยทำให้ผมต้องนึกขำอยู่ในใจ

“เออๆ งั้นมึงไปเหอะ ฝากบอกมันด้วยนะเว้ยว่าพวกกูคิดถึง”

“โอเค แล้วเจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ผมโบกมือลาเพื่อนๆ แล้วก็เดินไปที่รถของตัวเอง


.
.
.
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 15-06-2012 14:10:14
ตอนแรกเหมือนจบแต่อารมณ์ไม่จบอ่ะค่ะ เห็นว่ามีต่ออีกนิด อิอิ อยากอ่านตอนนะฟื้น ชอบความสัมพันธ์ระหว่างนะกับซีมากๆ เหมือนเพื่อนสนิทและคนรักในเวลาเดียวกัน คิดว่าเป็นความรักที่เพอร์เฟ็คดีนะ อยากมีแบบนี้บ้าง แต่เราคงไม่มีทางคิดกะเพื่อน(ญ)ของเราแบบนี้แน่ๆฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: toomztamz ที่ 15-06-2012 15:16:36
ประทับใจจริงๆ..

แต่มันเศร้าอ่ะ ดูแล้วธีมเดียวกับ
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ หรือเปล่า?
เป็นแบบนี้เจ็บปวดกว่าตายจากกันอีกนะ
 อารรมณ์มันบอกไม่ถูก แต่ชอบมากที่สุด ประทับใจที่สุด
และช็อคสุดที่บอกว่า ตอนพิเศษในเล่มอาจจะหักมุม
ผูกคอตายก่อนเลยถ้าเป็นอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 15-06-2012 15:18:38
แล้วไงต่อ!!?!

อ๊ากกกกกกกกกกกก มาให้อยากแล้วจากไป T^T
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 15-06-2012 15:36:44
จบ  o22 o22

กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไม่จริ๊งงงงงงงงง

หนังจบแต่อารมณืไม่จบ :serius2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-06-2012 15:49:55
24 วันถัดมา...

“เฮ้ย ไอ้ซี จะกลับบ้านแล้วเหรอวะ” ไอ้โตตะโกนถามผม

“เออ ขอบใจพวกมึงสำหรับของขวัญด้วยนะเว้ย” ผมตอบกลับไปพร้อมกับชูถุงใส่ของขวัญที่ถืออยู่ในมือขึ้น

“อะไรว้าาา วันนี้วันเกิดมึงทั้งทีนะเว้ย จะไม่อยู่นั่งคุยกันก่อนเหรอวะ” ไอ้รันพูดขึ้นพร้อมกับเสียงตอบรับเห็นด้วยจากเพื่อนๆ คนอื่น

“ไม่อะว่ะ วันนี้กูต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านน่ะ”

“โห่ๆๆ ไอ้คนเห็นครอบครัวดีกว่าเพื่อน!” ไอ้ไมค์แซว ตอบด้วยเสียงโห่ร้องเห็นด้วยและเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ และรุ่นน้องอีกเกือบสิบคน

ผมยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “แล้วกูก็อยากรีบกลับไปหาไอ้นะด้วยว่ะ”

เสียงโห่ร้องเงียบลงทันที เลยทำให้ผมต้องนึกขำอยู่ในใจ

“เออๆ งั้นมึงไปเหอะ ฝากบอกมันด้วยนะเว้ยว่าพวกกูคิดถึง”

“โอเค แล้วเจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ผมโบกมือลาเพื่อนๆ แล้วก็เดินไปที่รถของตัวเอง


.
.
.

ยะฮู้...เข้าเล้ามา เจอคุณต้นจะมาต่ออีก ดีใจมากกกกกก...
ขอสารภาพว่า เมื่อคืนนี้ หลังจากเอ่านแล้ว เม้นท์แล้ว
นั่งดูชื่อเรื่องนี้แบบหน่วงๆในใจ และคิดต่อไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกตั้งนาน กว่าจะไปทำอย่างอื่นได้น่ะ
ก็เมื่อคืนนี้เราว่าเราโดน โดนคุณต้นวางยาาาาา.... จ้ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-06-2012 16:19:21
มีอีกนิดด้วยอ่ะ :impress:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 15-06-2012 16:19:48

"ผมยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “แล้วกูก็อยากรีบกลับไปหาไอ้นะด้วยว่ะ”

เสียงโห่ร้องเงียบลงทันที
เลยทำให้ผมต้องนึกขำอยู่ในใจ

“เออๆ งั้นมึงไปเหอะ ฝากบอกมันด้วยนะเว้ยว่าพวกกูคิดถึง”

“โอเค แล้วเจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ผมโบกมือลาเพื่อนๆ แล้วก็เดินไปที่รถของตัวเอง
"



แบบนี้ก้อคงยังไม่ฟื้น!!!  :z3:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 15-06-2012 17:40:05
 :a5: ห๊ะ!!!! จะ จะจบ แล้ววววว??? แบบนี้อ่ะนะ? ค้างสุดๆเลยจ้าาาา  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 15-06-2012 18:36:40
ตามเข้ามาดูเพราะเห็นว่าคุณต้นมาต่ออีก

แต่ตอนนี้....ค้างอย่างแรงอะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 15-06-2012 20:00:26
ค้างเติ่งอยู่บนยอดไม้

ฮือ

เฮียทำน้องอึน!!!!
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 15-06-2012 20:37:43
24 วันถัดมา...

“เฮ้ย ไอ้ซี จะกลับบ้านแล้วเหรอวะ” ไอ้โตตะโกนถามผม

“เออ ขอบใจพวกมึงสำหรับของขวัญด้วยนะเว้ย” ผมตอบกลับไปพร้อมกับชูถุงใส่ของขวัญที่ถืออยู่ในมือขึ้น

“อะไรว้าาา วันนี้วันเกิดมึงทั้งทีนะเว้ย จะไม่อยู่นั่งคุยกันก่อนเหรอวะ” ไอ้รันพูดขึ้นพร้อมกับเสียงตอบรับเห็นด้วยจากเพื่อนๆ คนอื่น

“ไม่อะว่ะ วันนี้กูต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านน่ะ”

“โห่ๆๆ ไอ้คนเห็นครอบครัวดีกว่าเพื่อน!” ไอ้ไมค์แซว ตอบด้วยเสียงโห่ร้องเห็นด้วยและเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ และรุ่นน้องอีกเกือบสิบคน

ผมยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “แล้วกูก็อยากรีบกลับไปหาไอ้นะด้วยว่ะ”

เสียงโห่ร้องเงียบลงทันที เลยทำให้ผมต้องนึกขำอยู่ในใจ

“เออๆ งั้นมึงไปเหอะ ฝากบอกมันด้วยนะเว้ยว่าพวกกูคิดถึง”

“โอเค แล้วเจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ผมโบกมือลาเพื่อนๆ แล้วก็เดินไปที่รถของตัวเอง

วันนี้เป็นวันเกิดของผม เมื่อเช้าผมตื่นมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเพื่อใส่บาตรกับครอบครัว ของขวัญชิ้นแรกที่ผมได้รับคือนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่จากแม่ พ่อซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ให้ ส่วนพี่แซ็คกับทรายก็ให้ของขวัญมากันคนละกล่องแต่ผมยังไม่ได้เปิดดู และเมื่อมาถึงที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้รับคำอวยพรจากเพื่อน รุ่นพี่ และรุ่นน้องอีกหลายคน ได้ของขวัญอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงเค้กวันเกิดในตอนพักกลางวันด้วย

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าการเป็นที่รักของคนอื่นเนี่ย มันทำให้เรารู้สึกมีความสุขจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นผมในสมัยก่อนแล้วล่ะก็ ผมคงไม่ได้สนใจที่จะผูกมิตรกับใครมากมาย หรือสนว่าจะมีคนจำวันเกิดของผมได้หรือไม่สักเท่าไหร่ แต่ผมในตอนนี้กลับรู้สึกมีความสุขแบบสุดๆ ที่หลายๆ คนไม่ใช่แค่จำได้และอวยพรแค่บนเฟซบุ๊ค แต่ยังอุตส่าห์ซื้อของขวัญและซื้อเค้กมาเซอร์ไพรส์ให้แก่ผม

นะเป็นคนที่สอนให้ผมผูกมิตรกับคนรอบข้างให้มากขึ้นอย่างง่ายๆ ด้วยเพียงรอยยิ้ม เขาสอนให้ผมหัดเปิดใจมากขึ้นเพื่อที่จะเชื่อใจคนอื่นที่ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทไม่กี่คน และที่สำคัญที่สุด เขายังเป็นคนที่สอนให้ผมเห็นคุณค่าของคำว่ามิตรภาพมากขึ้นอีกด้วย

นับตั้งแต่วันที่นะประสบอุบัติเหตุครั้งนั้นจนถึงวันนี้ ผมก็พยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขามาโดยตลอด ผมเคยสัญญาว่าผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น ตั้งใจเรียนมากขึ้น จะบอกรักเขาทุกวัน และจะไม่มีวันปล่อยให้ใครเข้ามาแทนที่เขาได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งผมก็คิดว่าผมทำแบบนั้นได้จริงๆ เพราะนับตั้งแต่เรื่องที่ผมกับนะเป็นแฟนกันและเรื่องอาการป่วยของเขาแพร่กระจายออกไป ก็มีรุ่นพี่เข้ามาทำท่าจะจีบผมอยู่ 2-3 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรุ่นน้องปีหนึ่งเข้ามาและรู้ว่าผมชอบผู้ชาย ชีวิตของผมก็วุ่นวายขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว แต่นี่ก็นับว่าเป็นแค่หนึ่งในอุปสรรคเล็กๆ ที่ช่วยพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าความรักของผมที่มีให้แก่นะมั่นคงและยิ่งใหญ่ขนาดไหนล่ะนะ

เมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็เอาสัมภาระไปเก็บในห้องนอน เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรีบขับรถออกไปที่โรงพยาบาลทันที ผมทักทายพยาบาลทุกคนบนวอร์ดอย่างเป็นกันเอง เพราะปกติผมก็มาที่นี่แทบจะทุกวันอยู่แล้ว

“กูมาแล้วนะ ไอ้ตูด” ผมทักทายเขาหลังจากที่เดินเข้าไปในห้อง “วันนี้วันเกิดกูนะเว้ย จำได้รึเปล่า”

นะที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงพร้อมเครื่องช่วยหายใจไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ซึ่งก็แน่อยู่แล้วล่ะนะ

ผมลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ เขาและบีบมือเขาเบาๆ มือของเขาก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม “คืนนี้กูจะออกไปกินข้าวกับพ่อแม่นะ พวกเค้าจะไปรับยัยทรายที่มันเรียนพิเศษตอนเย็นๆ ค่ำๆ แล้วเราก็ไปเจอกันที่ร้านเลยว่ะ แต่อีกสักพักพี่แซ็คมันจะแวะเข้ามาหากูที่นี่ก่อนแล้วค่อยออกไปพร้อมกัน” ผมดูนาฬิกาข้อมือ “อีกไม่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงมันก็น่าจะมาถึงแล้วมั้ง”

นะย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ราวๆ ครึ่งเดือนแล้ว และอีกไม่กี่วันก็จะครบหนึ่งเดือนซึ่งเป็นเส้นตายที่หมอคนแรกบอกเราว่าเขาควรจะฟื้น หรือไม่อย่างนั้นก็จะหลับอยู่อย่างนี้ไปตลอด

ผมใช้หลังมือลูบแก้มเขาเบาๆ ผมไม่ยอมแพ้ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เรียกว่าความหวังมันเจ็บปวดจนเกินจะทนจริงๆ ผมไม่อยากจะคาดหวังแต่สุดท้ายกลับต้องเจ็บปวดเพราะสัญญาณหลอกๆ ว่าเขาจะกลับมาอีก

ครั้งล่าสุดที่หมอให้ความหวังเราก็คือเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะสัญญาณชีพจรของเขาเต้นแรงขึ้นและคลื่นสมองก็ดูดีขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่อีกหนึ่งสัญญาณที่บอกเราว่าเขาน่าจะพอได้ยินและรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวรอบตัวของเขาบ้างเท่านั้น ผมจึงยิ่งไม่ยอมแพ้และพยายามพูดคุยกับเขา จับมือเขา และเรียกเขาให้กลับมาหาผมทุกๆ วัน ซึ่งพ่อของเขา พี่นาย ครอบครัวของผม และเพื่อนๆ ของเขาเองก็ตื่นเต้นและต่างก็ทำแบบเดียวกันทุกครั้งที่มาเยี่ยม เราปฏิบัติกับเขาเหมือนว่าเขาไม่ได้นอนหลับอยู่แทบทุกอย่าง และถึงแม้บางครั้งมันจะดูว่างเปล่าและน่าเศร้า แต่ความหวังที่ยังเหลืออยู่ก็เป็นแรงผลักดันที่ดีที่สุดที่บอกให้เราไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้

ในขณะที่ผมกำลังนั่งกดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ อยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พี่แซ็คเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลที่เข้ามาตรวจดูอาการของนะตามปกติ

“อ้าว ทำไมมาไวจังวะ พี่แซ็ค”

“กูโดดคาบบ่ายไปดูหนังมาว่ะ ก็เลยมาเร็ว แต่อย่าบอกพ่อกับแม่ล่ะ” มันหัวเราะ

“เออๆ ไม่บอกหรอก” ผมกรอกตา “ขืนซีต้องบอกพ่อกับแม่ทุกครั้งที่พี่แซ็คโดดเรียน ซีคงไม่ต้องทำอย่างอื่นแล้วอะว่ะ”

“แหมเว้ย ไอ้น้องรัก พอได้ของขวัญไปแล้วก็กล้าทำปากใส่พี่มันได้เชียวนะ” เขาเดินมาเขกหัวผมเบาๆ ก่อนจะเดินไปหานะที่เตียง “พี่มาเยี่ยมแล้วนะ ไอ้นะ วันนี้วันเกิดไอ้ซีมันนะเว้ย ลืมไปแล้วรึเปล่า ตื่นขึ้นมาอวยพรให้มันหน่อยสิ”

ผมถอนหายใจเบาๆ “อย่าพูดเล่นแบบนั้นสิวะ ไม่ขำนะเว้ย”

“แล้วใครบอกว่าพี่พูดเล่นวะ พี่ก็อยากจะให้มันรู้สึกตัวไวๆ จริงๆ เมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้ก็ยิ่งดี”

“เออๆ”

“ยังไงเราก็คงไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่ามันจะฟื้นขึ้นมาไหร่หรอก ใช่มั้ยล่ะ ไม่แน่ มันอาจจะฟื้นขึ้นวันนี้จริงๆ ก็ได้นี่หว่า เราถึงต้องเรียกมันทุกวันไง”

ผมหันไปมองหน้าของนะแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ถ้าหากว่านะตื่นขึ้นมาในวันนี้จริง มันก็คงจะเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดและปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมเลยล่ะ

“ทุกอย่างเรียบร้อยนะคะ” นางพยาบาลที่จดอะไรบางอย่างลงกระดาษเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมาบอกพวกเราสองคน เรากล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วพี่เขาก็เดินออกจากห้องไป

“เดี๋ยวเราจะไปกันเลยมั้ยเนี่ย” ผมหันไปถามพี่แซ็ค

“ยังอะว่ะ ยังมีเวลาเหลือเฟือนี่หว่า ตอนนี้ไอ้ทรายมันยังไม่เลิกเรียนเลยมั้ง”

“อืมม จะไปเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”

“คืนนี้แกก็จะนอนที่นี่อีกรึเปล่า”

“นอนดิ”

“งั้นแปลว่าเดี๋ยวเราเอารถพี่ไปแล้วให้พี่กลับมาส่งแกที่นี่ใช่มะ”

“ใช่แล้ว” ผมจับมือนะแล้วบีบเบาๆ “วันนี้วันเกิดซี ซีก็เลยอยากอยู่กับนะว่ะ... พี่แซ็คว่าพ่อกับแม่จะว่าอะไรมั้ยอะ”

“โอ๊ยยย ไม่ว่าหรอก แกมาอยู่เป็นเพื่อนไอ้นะที่นี่แหละ ดีแล้ว พ่อกับแม่เค้าไม่มีทางที่จะว...” พี่แซ็คชะงักไป เขายืนมองหน้านะด้วยแววตาประหลาดใจ

“อะไร”

มันนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมตอบคำถามของผม

“อะไรเล่าเฮ้ย” ผมยืนขึ้นและก้มลงมองใบหน้าของนะด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ ผมก็หันไปหาพี่แซ็คเหมือนเดิม “พี่แซ็ค มีอะไรเว้ย เป็นอะไร ทำไมไม่พูด”

มันเอียงคอเล็กน้อย “เปล่าว่ะ... แต่พี่คิดว่าเมื่อกี้พี่เห็นเปลือกตาของนะขยับนิดๆ อะ”

ผมรีบก้มลงมองตาของเขาทันที รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ถึงจะมีสัญญาณการเต้นของชีพจรกับคลื่นสมองที่รุนแรงขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกายเกิดขึ้นมาก่อนเลยสักครั้งเดียว

“พี่แซ็คพูดเล่นรึเปล่าเนี่ย” ผมถาม พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นมากที่สุด

“ไม่ได้พูดเล่นเว้ย แต่... พี่อาจจะแค่คิดไปเองก็ได้มั้ง สงสัยจะตาฝาด”

“พี่แซ็ค...” ผมถอนหายใจอีกครั้ง รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาเสียดื้อๆ “มันทรมานนะเว้ย สิ่งที่เรียกว่า ‘ความหวังลมๆ แล้งๆ’ น่ะ และวันนี้ก็วันเกิดซีด้วย พูดตรงๆ เลยว่าซีเองก็อยากให้มันฟื้นขึ้นมาเหมือนกัน อยากให้มีปาฏิหาริย์เหี้ยอะไรก็ได้ แต่ถ้าได้แค่หวังแล้วต้องเจ็บปวดอยู่เรื่อยๆ แบบนี้แม่งก็ไม่ไหวเหมือนกัน...” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“แกจะยอมแพ้แล้วเหรอ ไอ้ซี...”

“ไม่ใช่! ซีไม่ได้จะยอมแพ้ แต่บางครั้งซีก็แค่ท้อ และไอ้การที่ท้อมันก็เป็นเพราะว่าซีหวังอยู่ทุกวันว่านะมันจะได้ยินเสียงของซี รู้ว่าซียังรักและรอมันอยู่เสมอ แล้วก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งต่างหาก นะคิดถึงมันนะเว้ย พี่แซ็ค คิดถึงมากด้วย แต่พี่แซ็คต้องเข้าใจนะว่าเวลาเราตื่นเต้นดีใจหรือหวังอะไรแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นหลายๆ ครั้ง ซ้ำๆ ซากๆ มันก็ทรมานโคตรๆ จริงๆ” เสียงของผมเริ่มสั่นเครือ

“ไม่เอาน่า อย่าดราม่าสิวะ วันนี้วันเกิดแกนะเว้ย ไอ้ซี” พี่แซ็คเดินอ้อมเตียงมาตบบ่าผมเบาๆ “เดี๋ยวพ่อแม่เห็นหน้าแกเป็นตูดแบบนี้ พวกเค้าก็ไม่สบายใจหรอก และไม่ใช่แค่พ่อกับแม่ด้วย...” มันก้มลงมองนะ “ถ้าไอ้นะมันได้ยินแกพูดแบบนี้ มันก็จะไม่สบายใจนะเว้ย”

“เออๆ ซีก็บ่นๆ ไปงั้นแหละ แต่ถ้าพี่แซ็คไม่ตาฝาดบ้าๆ บอๆ แบบเมื่อกี้ อารมณ์ซีก็คงไม่จี๊ดขึ้นมาแบบนี้หรอก สาดดด” ผมชกลงบนต้นแขนของมัน

“โอ๊ยๆ เออออ ขอโทษเว้ย ก็ตอนแรกพี่ว่าพี่เห็นแบบนั้นจริงๆ นี่หว่า พี่เองก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องพวกนี้มาพูดเล่นสัก...” มันชะงักไปอีกครั้ง

“คราวนี้อะไรอีก!” ผมยืนขึ้นและหันไปมองหน้าของนะบนเตียง และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมต้องตัวแข็งทื่อทันที

น้ำตาหยดเล็กๆ กำลังไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิททั้งสองข้างของนะ

“ตามหมอเร็ว! พยาบาลก็ได้! กดปุ่มเรียกเลย!” ผมรีบบอกพี่แซ็ค จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปจับมือของนะเอาไว้ ผมชะโงกหน้าเขาไปใกล้เขาจนปลายจมูกของเราแทบจะชนกัน จากนั้นก็ใช้นิ้วมือขวาปาดหยดน้ำตาออกจากแก้มของเขาเบาๆ “นะ มึงได้ยินกูเหรอ มึงได้ยินกูใช่มั้ย”

การเคลื่อนไหวบริเวณปลายนิ้วของเขาที่ผมรู้สึกได้ทำให้ผมต้องรีบปล่อยมือออก ผมก้มลงมองที่ปลายนิ้วของเขาอย่างตั้งใจแล้วก็เห็นว่าเขากำลังกระดิกนิ้วเบาๆ อยู่จริงๆ

“ไอ้นะ!” น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาด้วยความดีใจ “พี่แซ็ค! นะกระดิกนิ้วแล้ว นะได้ยินที่พวกเราคุยกันจริงๆ ด้วย!”

หลังจากนั้นประตูห้องของเราก็ถูกเปิดออก นางพยาบาลสองคนรีบเดินเข้ามาในห้องเพื่อตรวจดูสัญญาณชีพพื้นฐานจากเขา เราสองคนอธิบายสิ่งที่เราเห็นให้พวกเขาฟัง แล้วจากนั้นอีกไม่กี่นาทีถัดมาหมอก็มาถึง เราเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้หมอฟังซ้ำอีกครั้ง หมอเริ่มตรวจดูม่านตาของเขา บีบนิ้ว จับแขนขา พูดคุยกับเขาอยู่สักพัก แล้วจากนั้นก็หันมาหาเราสองคนพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ยินดีด้วยนะครับ หมอคิดว่าปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงแล้ว”

.
.
.

จบจริงๆ แล้วจ้า


******************


หลังจากปล่อยให้ใจหายใจคว่ำกันไป ตอนนี้ขอบอกว่าจบจริงๆ แล้วนะ ^__^

อย่างที่บอกในแฟนเพจว่าตั้งใจจะให้จบแบบนี้อยู่แล้ว แต่เห็นอึนกันเยอะเหลื๊อออเกิน อิอิ เลยเอาตอนพิเศษมาแถมให้ น่าจะถูกใจกันไม่มากก็น้อยนะครับ หวังว่าคงทำให้สบายใจกันขึ้นได้บ้าง แต่เรื่องราวหลังจากนี้ ผมอยากให้ทุกๆ คนมีส่วนร่วมในการสรรสร้างกันขึ้นมาเองนะครับ ขอให้ทั้งนะและซี มีชีวิต มีความสุขกับชีวิตคู่ ฟันฝ่ากับอุปสรรคต่างๆ กันต่อไปในจิตนาการของทุกคนเน้อออ

^3^

หลังจากนี้ก็ฝากติดตามนิยายเรื่องใหม่ของผม (ที่ยังไม่ได้แต่งสักกะติ๊ด) ต่อไปด้วยนะครับ ส่วนมากนิยายผมจะอบอวลด้วยความรัก รักกันโลกสวยเหลือเกิน เรื่องหน้าคงต้องพลิกล็อคกันบ้างละสิ ฮ่าๆๆ แต่ระหว่างนั้น จะพยายามเข็น love is ออกมาให้อ่านกันพลางๆ ก่อนนะครับ

แล้วเจอกันเร็วๆ นี้  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 15-06-2012 20:46:13
ขออีกจิ๊ดได้ม้ายยยย เอร้ยยย นะฟื้นแล้วเป็นไงต่อเนี่ย จะจำซีได้มั้ย
จบแล้วจริงๆอ่ะคะ อ่ะจิ้นต่อเองก็ได้อิอิ
รอเรื่องใหม่ต่อนะคะ o13
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 15-06-2012 20:48:24
มีต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 15-06-2012 20:48:38
แหมมม นะมันได้ยินที่ซีพูดแล้วน้ำตาไหลน้าาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 15-06-2012 21:16:23
เมื่อมีรักก็มีหวัง :mc4:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ครับ o13


รอเรื่องต่อไปนะครับ :bye2:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 15-06-2012 21:43:03
จบแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า "ขอบคุณและรักคุณต้นมากมายค้า"
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-06-2012 22:06:05
ฟื้นแล้ว

 :a2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: berito ที่ 15-06-2012 22:08:06
ซึ้งง :sad4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 15-06-2012 22:09:10
น่ารักจริงเลยคุณต้น.
จบแบบนี้คนอ่านยิ้มได้แล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-06-2012 22:26:31
คืนนี้อ่านแล้วไม่อึน ไม่หน่วงใจ คืนนี้อ่านแล้วยิ้มและเป็นสุข ปาฏิหาริย์ย่อมมีย่อมเกืดได้เนาะ
อ่านลงมาถึงตอนที่คุณต้นพูดแล้วหัวเราะเลย  :laugh: จ้ะ..แบบนี้แหละถูกใจเลื้อออ..เกินนนน.. จ้ะ
วันนี้จินตนาการต่อได้อย่าง smooth และมีสีสันสดใสด้วยล่ะ
ขอบคุณนะจ๊ะ สำหรับตอนพิเศษนี้ เป็นของแถมที่ถูกใจมากๆเลยจ้า :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-06-2012 23:02:07
ขนาดเหมือนจะฟื้น ยังอ่านไปน้ำตาไหลไป ^^"
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 16-06-2012 00:51:57
 :จุ๊บๆ: นักเขียนครับ (อย่าปาดคราบน้ำลายด้วยความรังเกียจงั้นเดะ!  :m12:)

นะและซีในจินตนากาลของผมโลดเล่นอย่ามีความสุขมากๆครับ :กอด1:

ขอบคุณที่กลับมาอีกครับนะครับ :pig4:

แล้วที่บอกว่าเรื่องต่อไปจะพลิกล็อค อยากถามว่าแค่นี้ยังไม่พลิกอีกหรอครับ :a5:

เอาเป็นว่าอย่าทำร้ายกันเยอะเลยนะครับ ยังไงผมจะตามไปนะครับ

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 16-06-2012 01:04:22
ดีใจมากๆที่นะรู้สึกตัว จบแบบตอนแรกมันเศร้าไปค่ะ

ขอบคุณเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ นะกับซีเป็นคู่ที่รักที่เป็นธรรมชาติมากๆ ขอให้รักกันตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-06-2012 11:54:49
ความรักทำให้เกิดปาฏิหาริย์จริง ๆ
ขอบคุณฟ้า ขอบคุณคนเขียนที่ไม่ใจร้ายกับสองหนุ่มของเรา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ineverlove ที่ 16-06-2012 12:47:28
หน่วงๆ รัก ซี นะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 16-06-2012 12:58:02
ตอนจบก่อนหน้าตอนพิเศษ ยังไม่ได้เม้นเลยอ่ะ
มัวปาดน้ำตาอยู่ ตอนพิเศษมาค่อยปลื้มหน่อย
ดีใจที่ยังมีสัญญาณว่านะจะฟื้น
อย่างน้อยซีกับคนอ่านก็มีความหวังอยู่
เป็นกำลังใจให้พี่ต้น
รอนิยายเรื่องต่อไปอยู่นะคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 16-06-2012 13:39:49
เย่ นะฟื้นแล้วววววววววววววววววววววววววววว

หายวันหายคืนน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 16-06-2012 13:44:48
อารมณ์แบบยิ้มทั้งน้ำตาอ่ะ แอร้ก เมนต์อะไรไม่ค่อยจะถูกเลย มันตึงๆ แน่นๆในอกยังไม่รู้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 16-06-2012 16:20:01
ใครจะใจร้ายกับคนอ่านได้ลงคอ ^3^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 16-06-2012 19:13:18
ดีใจมากกกกกกกกกกกกก  :mc4:
ตอนก่อนนั้นเป็นเรปเเรกเลยเกิดอาการช๊อคสุดๆ
ตัดจบกันได้ใจร้ายมากตอนที่แล้ว
แต่ก็มีตอนสุดท้ายมาให้ดีใจจริงๆ  :m11:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคุณต้น  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 17-06-2012 12:24:15
 :pig4:    :pig4:    :pig4:

ขอบคุณค่ะ สนุกจริงๆๆ

ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ  :sad4:

ตอนสุดท้ายลุ้นจริงๆว่าจะฟื้นรึเปล่า

อ่านจบแล้วยิ้มเลย .. :o8: :กอด1:

อยากอ่านอีกนิสสสสสส จริงๆนะ .. :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 17-06-2012 22:48:40
โอ๊ย..ดีใจด้วยนะซี นะฟื้นแล้ว คนอ่านเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย ว่าแต่พี่ต้นจะรวมเล่มเมื่อไรค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 17-06-2012 22:49:47
โอ๊ย..ดีใจด้วยนะซี นะฟื้นแล้ว คนอ่านเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย ว่าแต่พี่ต้นจะรวมเล่มเมื่อไรค่ะ

เร็วๆ นี้แล้วครับ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: toomztamz ที่ 18-06-2012 02:03:24
น้ำตามาแบบไม่รู้ตัวจริงๆ
ยิ้มคนเดียวหน้าคอม
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 22-06-2012 03:12:46
แหม อยากจะขอปาฏิหาริย์อีกสักนิด
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-06-2012 05:51:12
กระโดดกอดพี่ต้น น่ารักที่สุด :กอด1:
ขอบคุณที่ทำให้นะฟื้น ฮือออ ดีใจนน้ำตาไหล :monkeysad:
ของขวัญวันเกิดสุดพิเศษสำหรับซีเลยนะเนี่ย ดีใจด้วยนะซี ฮืออ ร้องอีกรอบ :sad11:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 22-06-2012 14:44:02
อ่านตอนจบแล้วยิ้มทั้งน้ำตาเลยครับ
ขอบคุณคนแต่งจริงๆ ที่ไม่ทำให้คนอ่านผิดหวัง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 24-06-2012 21:48:51
ดีใจน้า นะฟื้นแล้ว นึกว่าจะจบแบบเศร้าซะอีก
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 24-06-2012 22:20:50
แค่อ่านแล้วรู้ว่านะเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ
อ่านไป น้ำตาซึมไป พออ่านตอนพิเศษก็ยิ้มทั้งน้ำตาเลย ดีใจกับซี
อ่านแล้วอินจริงๆ จะรอตอนรวมเล่มค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 26-06-2012 16:51:16
ขอบคุณมากนะครับสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 27-06-2012 16:56:06
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 30-06-2012 14:02:37
แอบเศร้านิดๆ คู่นี้เค้ารักกันดี
อยากให้มีภาคสองจัง
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 02-07-2012 18:56:54
เรื่องนี้พระเอกเป็นพระเอ๊กพระเอก

เป็นพระเอกในอุดมคติเลยทีเดียว

สุภาพบุรุษที่สุดใน 3 โลก  :m1:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 02-07-2012 22:37:08
จบเหมือนไม่จบ

แง๊วววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 04-07-2012 23:08:59


สนุมมาก....แต่จบแบบค้างสุด ๆ ไปเลย

 o22 o13 o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 06-07-2012 21:53:09
อ่านเรื่องนี้แล้วอารมณ์สับสนปนเปกันไปหมด หนุกมากจ้า  :n1: :n1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 19-08-2012 11:25:07
โอ้ยยยย นึกว่าจบแบบนั้นจริง ๆ ดีนะมีมาต่อ
ขอบคุณคะ
^ ^ 
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 19-08-2012 20:59:06
ง่าาาาาาา อยากให้ต่ออีกนิดนึง >.<
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 21-08-2012 19:15:46
สุดยอด.....................................


                                             ขอต่ออีกนะครับ..................จะได้ไหม
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: netsu ที่ 21-08-2012 20:22:19
อยากให้มีต่อจัง
เอาแบบว่านะฟื้นแล้วอ่ะ
เอาแบบมีความสุขมากๆเลยยิ่งดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 22-08-2012 21:59:09
ชอบจุดเริ่มต้นของความรักจัง  มาทีละนิดๆ เพิ่มทีละหน่อยๆ ก้าวไปทีละขั้นๆ  :impress2:

 o13  o13  o13
ปล. อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่มจัง  :m13:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: infinitez123 ที่ 26-08-2012 20:37:23
ขอบคุณมากจ้า จบแบบนี้ล่ะดีแล้วมีพล๊อตแตกต่างไปดี
แถมเรื่องยังให้ข้อคิดที่ดีอีกด้วย ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: HoMophobia ที่ 27-08-2012 04:28:05
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
ค้าง ค้าง และก็ค้างอย่างแรง สงสัยต้องตามที่ฉบับรวมเล่มซะแล้วหล่ะสิ อิอิ
          ขอบคุณนะครับที่ผู้แต่ง แต่งเรื่อง LOVE SEEEDZ มาให้ผู้อ่านได้อ่านกัน สนุกมากครับ เป็นเรื่องที่แสดงถึงความผูกพันธ์ระหว่างเพื่อนจนพัฒนากลายมาเป็นความรัก เป็นความรักที่ปรถนาดีต่อกัน มั่นคงและเกื้อหนุนกัน
          เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะครับ หวังว่าคงได้ติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ อีกนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 27-08-2012 20:07:37
จบแล้ว สนุกมากครับถึงแม้ว่าตอนต้นๆจะดูเนือยๆไปบ้าง

แต่สุดท้ายก็ยังสนุกเหมือนเดิมเลย รออ่านตอนพิเศษอีกน่ะครับ

ขอบคุณนักเขียนที่สร้างนิยายดีๆให้พวกเราได้อ่านกันครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 28-08-2012 15:41:57
อ่านเรื่องนี้แล้วลุ้นมาก..^_^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 29-08-2012 02:52:23
แง่ง พี่ต้นจบเรื่องแบบนี้ ค้างๆๆๆ สุดๆอะ เอาให้มันจบจริงๆๆได้มั้ยอะ -*-
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 01-09-2012 23:10:16
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทำให้รู้ร้อนฉ่า และหนาวนะเยือกได้ในคราวเดียว
สุดยอดมากเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 02-09-2012 11:38:46

ถ้าจบแบบนี้ก้อฆ่ากันเถอะ..... :z3: :z3: :z3:

 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: nookik ที่ 02-09-2012 14:55:26
 o9 เค้าจะเอาตอนเพิ่มอีกอ๊าา

จบแบบนี้ไม่เอาน๊าาาาา แง๊  o9

แพนชอบเรื่องนี้มากอ่ะ ดูแบบ อร๊ายยย บอกไม่ถูก >//<

แต่อยากได้ตอนพิเศษอ่ะ

จงเพิ่ม :amen:  จงเพิ่ม :amen:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 22-09-2012 20:30:06
นะฟื้นแล้ว ดีมาก ๆ เลย ดีจังเลยนะซี สงสัยพ่อแม่ซีต้องพากันมาฉลองวันเกิดซีที่โรงพยาบาลแทนแล้วมั้ง นะจะได้มีส่วนร่วมด้วยนะ พ่อนะใจร้ายมาก  ๆ ทำร้ายจิตใจนะตั้งเท่าไรแล้ว ยังดีที่หลัง ๆ คิดได้ แต่ถ้านายไม่พูดก็ไม่รู้ว่าจะคิดได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: HoAo ที่ 21-10-2012 20:04:09
ไม่เม้นละ นอยย์ :m16:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 27-10-2012 13:03:57
เรื่องนี้ เสียเลือด(กำเดา)มาทั้งเรื่อง
ตอนจบมาเสียน้ำตาได้
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: gustova ที่ 27-10-2012 22:04:33
เอิ๊กๆ.....น้ำตาซึม  :m15:

.................................................................
...........................................................
...................................................
.............................................
........................................
...................................
............................
.......................
...................
...............
..........
.......
....
..
.
ขอบคุณมากๆครับ  o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 30-10-2012 06:31:30
 :pig4: ใจหายจริงๆ แต่ก็ฟื้นจนได้ :เฮ้อ:

ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ  รักคนเขียน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: seacow ที่ 30-10-2012 13:48:07
ตอนคุณต้นจบครั้งแระที่นะยังไม่ฝื้นเหมือนหัวใจหลุดออกจากร่างเลย

แต่แม้จะจบแบบนี้ แล้วนะจะจำซีได้ไหม :serius2:

 แม้ว่าจะอย่างไรสุดท้ายก็ชอบอยู่ดี :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 30-10-2012 17:30:25
ปวดใจกับปวตับวะจบแบบนี้เศร้า :m15:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 03-11-2012 19:21:17
ขอให้เรื่องราวคำว่า "เพาะรัก"นั้นได้บ่งบอกถึงความหมายอย่าได้ค้างคา
ขอให้นะกับซีฟัรฝ่าอุปสรรคไปได้ ขอให้นะกลับหวนคืนมา รออ่านตอนพิเศษนะครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ppanudet ที่ 08-11-2012 01:32:34
ชอบอ่านเรื่องแนวนี้มากครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ผู้เขียนเขียนได้ดีมากผมชอบทุกตอนเลยครัย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 08-11-2012 23:40:01
เริ่มเรื่องแบบหื่นๆ แต่จบแบบน้ำตาไหลเลยทีเดียว  :m15:.....
ลุ้นสุดๆ ว่าจะฟื้นมั้ย...
อ่านไปก็ลุ้นไป ถ้าไม่ฟื้นสงสัยได้จิตตกนอนไม่หลับไปหลายวันแน่ๆ..
ขอบคุณผู้แต่งมากเลยค่ะ
สนุกมากๆ..
 o13
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 11-11-2012 01:11:30
เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกอิ่มมากช่วงแรกๆ ส่วนตอนหลักน้ำตาแตกเลย... แต่ถือว่าจบแฮปปี้ล่ะมั้ง สนุกมากค่า
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 18-03-2013 07:47:43
ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณคนแต่งนะคะที่แต่งนิยายดีๆ แบบนี้มาให้อ่านมีคบทุกรสจริงๆ

นะเป็นคนดีอะชอบมากอยากได้แบบนี้ซักคนแต่ไม่เอาแบบตอนจบนะ
ซีก็รักนะนะก็รักซีโอ๊ยยยมั่นคงมาก

ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 31-03-2013 07:13:42
ชอบมากกกกกก นะช่างเป็นผชที่เกินบรรยาย หาเปรียบมิได้จริงๆ

มาตอนจบนี่เกือบทนไม่ไหว

แต่ยังดีคนแต่งมาต่อให้^^

ไม่งั้นเศร้าหนักเบยยยย


ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 11-05-2013 06:19:16
เกิ๋วๆ เงิบๆ การโดนคุณต้นแกล้ง ในการตัดจบครั้งแรก สนุกดี...ที่ได้ช็อค และสบถมากมาย เล่นกันแรงอย่างนี้เลยหรือคนเรา ฮ่าฮ่าฮ่า และขอบคุณมากกับการจบครั้งที่สอง สภาพคนอ่านดีขึ้นเยอะ / สนุกมาก ชอบมาก ได้เห็นการเติบโต+การเรียนรู้รักของคนทั้งสองที่เป็นไปอย่างงดงาม ทั้งทางใจและทางกาย...ซึ่งอันหลังเจาะพัฒนาการให้อ่านแบบเคลียร์ละเอียดทุกเม็ดอย่างดี / ชอบบรรยากาศความเสียว...สยอง รอบๆตัวพ่อของนะ สัมผัสความมาคุได้ชัดเจน / ชอบความพีคของการโทรศัพท์คุยกันก่อนเกิดอุบัติเหตุมาก / ชอบการเข้าหากันของสองตัวหลัก ประทับใจความสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัว / แอบ...ชอบ...โต...ล่ะ เท่ห์โดนใจ
//และขอปิดท้ายว่า รักโจจังเลย อิอิ (ยังรู้สึกดีใจอยู่ที่เป็น โจ-นนท์ แถมมาโผล่เรื่องนี้ด้วย...มหาฟิน)  :heaven

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) สั่งซื้อหนังสือในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: B_O_M ที่ 13-05-2013 15:53:50
สนุกมากจริงๆครับ ประทับใจ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 13-10-2013 01:49:19
นิยายของคุณต้นไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่เรื่องเดียวจริงๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: maxiyorka ที่ 01-12-2013 12:25:13
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 31-03-2014 20:31:00
จบแบบนี้ก็...  :ling1:

 :z3:

สนุกมาก อินเวอร์
ชอบการบรรยายมากเลย อ่านแล้วลื่นไหล
เรื่องนี้ เราไม่เคยข้ามเลย เรื่องอื่นเราสารภาพเลยว่า มีข้ามๆ ตลอด  :mew1:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 30-01-2015 15:31:51
มาอ่านอีกรอบบบ อิอิ
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 04-03-2015 03:49:34
ไม่คิดจะต่อตอนพิเศษตอนนะกลับมาเป็นปกติบ้างหรอคร๊าบบบบบบ อยากอ่านอ่าาาา~
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 05-03-2015 09:20:57
อ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกในเล้า
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม
ชอบมากค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆเช่นนี้เสมอ


+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Sasima ที่ 28-04-2015 12:58:11
เกลียดความไม่ชัดเจนที่สุด จบแบบจิตนาการเป็นสิ่งที่เราโคตรเเขยง มันไม่เหมือนกับจบแบบที่นักเขียนเขียนอ่ะ สงสารตัวเอง :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 17-07-2015 02:07:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 10-08-2015 07:46:44

น้ำตาไหลเลยอ่ะะะะ  :o12: เริ่มต้นก็เรียกเลือดอยู่ดีๆ เพลินๆอยู่ดีๆ ไหงสุดท้ายเรียกน้ำตางี้ล่ะคะะะ ซี~ สู้นะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-08-2015 17:21:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: bawos153 ที่ 15-08-2015 10:14:13
นิยายของคุณเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ เเต่ตอนจบของคุณมันทำให้ความนิยมชมชอบนั้นติดลบไป
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 15-08-2015 22:54:53
ซึ้งง่าาาาาาาาาาาาาาา สงสารนะกับซี นะตื่นมาแล้วก็สู้ๆน้าาาาาา น้องซีเขารออยู่  :hao5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 10-09-2015 23:49:47
คำว่าร้องไห้หนักมากใช้ได้กับเรื่องนี้เลย  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 11-09-2015 11:56:22
ร่างกายต้องการตอนพิเศษ!!!!  :katai5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 11-10-2015 05:28:00
อร๊ายยยย จบเเล้ว มีครบทุกรสจริงๆ  o13


เเล้วก็เนียนทวงตอนพิเศษอย่างหน้าด้านๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 25-11-2015 15:56:08
เป็นนิยายดีๆอีกเรื่องในเล้าเป็ดแห่งนี้ ที่อ่านจบแล้วรู้สึกอิ่มใจกับมิตรภาพและความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างงดงามค่ะ แม้ช่วงท้ายๆจะใจหาย ใจคว่ำ มีเสียน้ำหูน้ำตาบ้างเล็กน้อย  แต่ตอนพิเศษที่เพิ่มเติมเข้ามา ก็ทำให้นิยายจบได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว

ขอบคุณผู้เขียนสำหรับนิยายดีๆนะคะ รู้สึกประทับใจกับสำนวนการเขียนและการบรรยายหลายๆช่วง (ไม่เกี่ยวกับส่วนที่เป็น nc) อ่านแล้วรู้สึกถึงความสามารถในการใช้ภาษาค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 25-01-2016 15:56:03
อย่างน้อยตอนจบก็ยังมีปาฏิหาริย์
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueWizard ที่ 28-06-2016 23:15:34
มานั่งไล่อ่านเรื่องเก่าๆของคุณต้น

.... ขอบคุณมากนะครับสำหรับเรื่องราวดีๆสนุกๆ. ชอบทุกเรื่องเลย. รอเรื่องใหม่อยู่นะครับ ;-)
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ปๅงลีลๅ ที่ 13-07-2016 11:19:05
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 18-07-2016 06:42:56
สงสัยจริงๆ ทำไมถึงปล่อยให้แฟนขับรถมอเตอร์ไซค์ข้ามจังหวัดตอนฝนตกง่ะ?? เฮ้อ เลยได้บทเรียนราคาแพง  :heaven  ซีก็ควรห่วงความปลอดภัยของนะ นะก็ควรห่วงความปลอดภัยของตัวเอง จะดราม่าอะไร ทีหลังไปรับและพากันไปให้ถึงที่พักก่อนน้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-07-2016 06:23:50
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ แล้วตะลุยอ่านไม่หยุด
ติด นะ กับ ซี เต็มๆเลย
ลุ้น มากๆ ให้นะ ฟื้น แล้วปกติ หายไวๆ
ก็คิดว่า อุบัติเหตุมันเกิดได้จริงๆ
ไม่เกิดกับนะ ก็เกิดกับซี ในภาวะการณ์ และสภาวะอากาศแบบนั้น
แต่ก็อดคิดไปว่า ถ้าซี ให้นะรอ แล้วขับรถกลับไปหา ก็คงไม่เกิด......
ถ้า...... ฯลฯ หลังเกิดอะไรร้ายๆ (ทุกคนชอบคิดแบบนี้กันทั้งนั้น)
ถ้าถามว่าใครผิด  คำตอบคือพ่อนะ ผิด เพราะไล่ลูกออกจากบ้าน
หวนไห้กับอดีต เอาแต่ความต้องการของตัวเอง
ไร้ท เขียนได้สนุกมากกก  สนุกทุกเรื่องเลย แต่ชอบเรื่องนี้สุดๆ
อยากอ่านตอนต่อไปอีก เป็นภาค 3 มากกกกกกกก
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 21-07-2016 11:17:12
จบแฮปปี้อ่ะ แต่ไม่สุด แต่ชอบทั้งเรื่องเรานะ อบอุ่นมากเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 30-07-2016 21:02:31
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 12-12-2016 14:54:54
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ สนุกจิงๆเรยยย
แต่ตอนจบก็ฮ้วนเกิ๊นน
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 17-12-2016 21:51:53
ชอบเรื่องนี้มากนะ รู้สึกถึงมิตรภาพเลย แต่ตอนจบ ทรมานหัวใจเราเกินไป :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: sm37an2j2 ที่ 18-12-2016 20:14:47
เรื่องแรกที่ร้องไห้ในชีวิต :mew6:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 28-12-2016 08:36:07
 :katai1: ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 12-05-2017 20:30:53
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-07-2020 13:18:26
แมนๆคุยกัน จากมิตรภาพเพื่อนมาเป็นคนรัก แต่บับเจออุปสรรค แต่ยังไงก็มีปาฎิหารย์ละนะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 28-05-2021 00:24:29
 :hao5: สนุกมากค่ะ
ชอบที่ค่อยๆ ดำเนินเรื่องไป
แต่ตอนสุดท้ายเศร้าไปนิดค่ะ
ฮือออออ  :o12:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-06-2021 17:50:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmiku ที่ 21-07-2021 18:57:13
สนุกค่ะ ดูเหมือนเรียบๆ เรื่อยๆ แต่เราได้ซึมซับความคิด ความผูกพันธ์ของตัวละคร ตอนจบเหมือนจะใจร้ายกับคนอ่านไปนิด แต่ก็ยังดีที่ใาแถมตอนพิเศษให้ แต่ด้วยเรื่องที่ปูมา เราว่ามันต้องจบดีมากแน่ๆ