พิมพ์หน้านี้ - Hilight & Deep shade by HAKURO
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: wan_sugi ที่ 30-07-2010 13:09:57
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
...
เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็น 1 ในหลายๆ เรื่องที่HAKURO เป็นคนแต่งขึ้น เนื้อหาและใจความมาจากจินตนาการล้วนๆ
หากเพื่อนๆ ชอบใจในสำนวนที่ HAKURO เขียน ก็ช่วยเม้นท์กันหน่อยนะคะ จะได้เอาเรื่องสนุกๆ อื่นๆ มาให้อ่านกันอีกคะ
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
-
ท่ามกลางเสียงดนตรีดังสนั่นและเสียงพูดคุยเอะอะโวยวายของบรรดาหนุ่มสาวในงานปาร์ตี้ โอโนเสะ จุน หรือเจของเพื่อน ๆ...เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่และผมสีทองเหมือนเด็กเกเรนั่งจิบเครื่องดื่มในมืออย่างสบายอารมณ์ ทักทายคนนั้นคนนี้บ้างตามแต่ใครจะเดินเข้ามาคุยด้วย บรรยากาศในงานปาร์ตี้เป็นกันเองด้วยเป็นงานเลี้ยงของคณะซึ่งเช่าเหมาผับกึ่งร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่จัดเลี้ยง ผ่านมาค่อนคืนแล้ว ทุกคนในปาร์ตี้ก็เริ่มจะมึนเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดวดกันเข้าไปหลายขนานและยิ่งส่งเสียงเฮฮาโวยวายมากกว่าตอนเริ่มงานใหม่ ๆ มากนัก
แต่ท่ามกลางความสนุกสนานจนเกือบจะสับสนอลหม่านนั้น สายตาของชายหนุ่มกลับแวะไปจับที่จุดหนึ่งบ่อย ๆ
ที่มุมหนึ่งของร้าน ร่างร่างหนึ่งนั่งนิ่งอยู่กับพื้น ในมือมีแก้วเครื่องดื่มสีสวย แต่ดูเหมือนคนที่ถือมันไว้จะไม่ใส่ใจที่จะดื่มมันเท่าไรนัก ร่างเพรียวบางกอดเข่าพลางทอดสายตาเหม่อซึมมองพื้นคอนกรีตตรงหน้าราวกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจอยู่ตรงนั้น บรรยากาศรอบตัวชองร่างนั้นนิ่งเฉยซึมเซาราวกับว่า ณ ที่ตรงนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของงานเลี้ยง
อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ...คือชื่อของผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้น
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เจจำชื่อนั้นได้ ทั้งที่อิโนะอุเอะเป็นคนเงียบเฉยจนถึงขั้นเย็นชา ไม่สนใจคนรอบตัวใด ๆ ทั้งนั้น แม้ใบหน้าได้รูปจนออกหวานนั้นจะเป็นที่ต้องตาหญิงสาวทั้งในคณะและนอกคณะมากมาย แต่ความเฉยเมยถึงที่สุดนั้นทำให้สาว ๆ ทั้งหลายต่างก็ยอมแพ้ ถึงจะมีคนเคยตามตื๊ออยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกลาไปเอง...ไม่ใช่แค่กับผู้หญิงเท่านั้นหรอก มีข่าวลือว่าชายหนุ่มหลายคนก็ถูกใจและเคยตามตื๊ออิโนะอุเอะเหมือนกัน
เจส่ายหน้าเมื่อคิดว่าตัวเองจะถูกรวมเอาไว้ในกลุ่มผู้ชายพวกนั้นด้วย แต่ก็ไม่รู้สินะ...แม้อิโนะอุเอะจะพยายามทำตัวเหมือนอากาศธาตุ พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากสักเท่าใด...ความไร้ตัวตนนั้นกลับยิ่งดึงดูดให้เจสนใจมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็ไม่เคยเข้าไปคุยด้วย...ด้วยบรรยากาศรอบตัวอิโนะอุเอะนั้นเหมือนกับมีกำแพงกั้นอยู่ กั้นตัวเองออกจากทุกสิ่งรอบด้านทั้งมวล และเมื่อเจ้าตัวพอใจที่จะเป็นอย่างนั้น เจก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขาคนนั้นเหมือนที่คนอื่นเคยทำ
มีเพียงความสงสัยที่คาอยู่ในหัวใจ...ทำไมอิโนะอุเอะถึงได้ปิดกั้นตัวเองมากขนาดนั้น
นาฬิกาชี้บอกเวลาเลยตี 3 มานิดหน่อยแล้ว หนุ่มสาวในงานปาร์ตี้เริ่มบางตาลงด้วยหลายคนได้กลับบ้านไปบ้างแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ส่วนมากก็เป็นพวกคอแข็งหรือพวกที่กลับเองไม่ไหวและรอให้เพื่อนพากลับบ้าน
สุดท้าย งานเลี้ยงก็เลิกรา เจซึ่งอยู่ในข่ายพวกคอแข็งยังประคองสติตัวเองได้อยู่และพยายามปลุกเพื่อนหลายคนที่นั่งฟุบนอนฟุบอยู่ให้ลุกและเอาตัวเองกลับบ้าน พลันสายตาก็เหลือบไปพบร่างเพรียวบางนั่งหลบมุมอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าอิโนะอุเอะกลับบ้านไปนานแล้วเสียอีก
อิโนะอุเอะนั่งกอดเข่าฟุบหน้าอยู่อย่างนั้น แก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่ข้างตัวไม่ได้พร่องไปจากตอนที่เจสังเกตเห็นครั้งสุดท้ายมากนัก...เมาหลับอย่างนั้นหรือ...
มือใหญ่เอื้อมไปจับไหล่บางเขย่าเบา ๆ
“อิโนะอุเอะ ตื่นเหอะ งานเลิกแล้ว”
พูดเพียงแค่นั้น หากร่างเพรียวกลับผวาเฮือกขึ้นทั้งร่างเหมือนตกใจสุดขีด เล่นเอาคนปลุกตกใจไปด้วย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตที่จ้องมองคนตรงหน้าเต็มไปด้วยแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ...ขอโทษ ฉันแค่มาปลุกนายเพราะงานเลี้ยงเลิกแล้วน่ะ” เจบอกเบา ๆ...เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจขนาดนี้เสียหน่อย
อิโนะอุเอะกวาดตาไปรอบ ๆ มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าตัวเองเหมือนจะเรียกสติ ก่อนจะถอนใจเบา ๆ แล้วลุกขึ้น หากก็ซวนเซเหมือนจะล้ม ทำให้เจต้องรีบคว้าแขนไว้
“เฮ้ย ไหวมั้ย?”
อิโนะอุเอะสะบัดมือที่ยึดแขนเขาไว้แล้วกระชากตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นกอดตัวเองแน่นและดูเหมือนจะสั่นน้อย ๆ ด้วยซ้ำ
“เอ่อ...” เจอปฏิกิริยาแบบนี้เข้าไป เจก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมใคร ๆ ถึงได้ยอมถอยห่างออกจากหมอนี่
“ฉัน...ไม่เป็นไร ขอบใจ” เสียงแผ่วแทบจะไม่เกินกระซิบตอบมาเบา ๆ
“เมาเหรอ? ให้ไปส่งมั้ย?”
“มะ...ไม่ ฉันกลับละ” ขาดคำอิโนะอุเอะก็คว้ากระเป๋าที่กองอยู่ข้างตัวขึ้นมากอดแล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าเจจะเรียกไว้ทัน
...นี่มันยิ่งกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้เสียอีก ไม่ใช่แค่ปิดกั้นตัวเอง แต่ปฏิเสธทุกคนเลยต่างหาก...อะไร ที่ทำให้หมอนั่นเป็นได้ถึงขนาดนี้...เจได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ
...
อิโนะอุเอะ คิโยโนบุนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านตอนเกือบตีสี่ แม้จะเรียกว่าบ้าน แต่ก็หมายถึงห้องเช่าของแมนชั่นระดับกลาง ๆ แห่งนึ่ง มือเรียวหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าและพยายามไขมันเปิดห้อง...เขาไม่ได้เมา แต่มือของเขากลับสั่นอย่างช่วยไม่ได้
ที่อีกฟากหนึ่งของประตูนี้...มีใครคนนั้นอยู่...
แม้จะไม่อยากเข้าไป แต่เขาก็รู้ว่าเขาหนีไปไหนไม่ได้ และใครคนนั้นก็ไม่มีวันยอมให้เขาหนีไปไหนได้
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในห้องที่มืดมิด ยังไม่ทันได้เปิดไฟก็มีเสียงแหบทุ้มเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ไปไหนมา คิโยะ ทำไมถึงกลับมาป่านนี้?”
อิโนะอุเอะยืนนิ่งอยู่หน้าประตู กอดกระเป๋าเอาไว้แน่น
“ทำไมไม่ตอบ?”
“...ไปงานเลี้ยงของคณะมา” ชายหนุ่มเอ่ยออกไปในที่สุด
“งานเลี้ยง อีกแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าไปให้ใครกอดมาอีกแล้วเหรอ?” เสียงนั้นใกล้เข้ามา อิโนะอุเอะรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลผ่านกลางหลัง
“มะ...ไม่ใช่...แค่งานเลี้ยง” แม้ในห้องจะมืด แต่อิโนะอุเอะรู้ดีว่าใครคนนั้นกำลังเข้ามาใกล้เขามากขึ้นทุกที
“จะเชื่อก็ได้...แล้ว จะไม่เข้าห้องเหรอ? เข้ามาสิ คิโยะ”
ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ ร่างเพรียวก้าวเข้าไปในห้องช้า ๆ อย่างระมัดระวัง แล้วเทียนไขเล่มใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าวก็ถูกจุดขึ้น แสงสลัวสาดจับร่างร่างหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างโต๊ะ แสงเทียนสะท้อนดวงตาคมที่จ้องมาที่เขาเป็นประกายน่ากลัว...ร่างนั้น เหมือนกับเขาทุกกระเบียด ผิดกันก็แต่ดวงตาคู่นั้น...ดวงตาที่เหมือนจะกลืนกินและทำลายทุกอย่างคู่นั้น...
“มานี่สิ คิโยะ”
“ไม่...พี่...”
“วางกระเป๋า แล้วมานี่”
น้ำเสียงเรียบเย็น ริมฝีปากอิ่มยกนิด ๆ เกือบจะเป็นรอยยิ้มเสียด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้คนที่ได้ยินต้องรีบทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
“พี่...อย่า...ฉันไม่ได้...”
มือของอีกฝ่ายกระชากร่างเพรียวเข้าไปหา จมูกโด่งซุกเข้าที่ซอกคอขาวแล้วสูดกลิ่นเบา ๆ
“เหม็นเหล้า...”
“ก็...แค่ดื่มนิดหน่อยที่งานเลี้ยง”
“กลับมาเกือบเช้าแบบนี้ ยังบอกว่าดื่มนิดหน่อยอีกงั้นเหรอ?” ฟันเรียบขบลงบนเนื้อนวลแล้วกัดเน้นเบา ๆ หากผู้ถูกกระทำสะดุ้งวาบ
“ดื่มแค่นิดเดียว...แล้วเผลอหลับไป...”
“หลับ? เมาหลับ...หรือไปหลับอยู่บนอกใครมา?”
“พี่...ฉันไม่ได้ทำ เชื่อสิ ฉันแค่เผลอหลับไปเฉย ๆ” อิโนะอุเอะพยายามผลักฝ่ายตรงข้ามออกห่างตัว
“อย่ามาแก้ตัว...เด็กไม่ดี ดูเหมือนนายจะอยากให้ฉันทำโทษจริง ๆ สินะ” ดวงตาคมปลาบจ้องเข้าไปในดวงตาของร่างที่สั่นสะท้านราวกับงูสะกดเหยื่อ สองมือขยุ้มต้นแขนของร่างเพรียวเกร็งบีบแน่น
“พี่...อย่า...ฉันไม่ได้ทำ...ได้โปรด...”
คำอ้อนวอนไม่เป็นผล ชายหนุ่มถูกลากเข้าไปในห้องนอน คัตเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือถูกหยิบมายัดใส่มือของร่างเพรียว
“จะทำเอง หรือให้ฉันทำให้?” พร้อมกับคำถามนั้นคือรอยยิ้มเย็นน่าสะพรึงกลัว
“พี่...ฉันไม่ได้ไปกับใคร เชื่อสิ ไม่ได้ไปกับใครมาจริง ๆ” อิโนะอุเอะละล่ำละลักบอก
“ฉันเชื่อ ว่านายไม่ได้ไปกับใคร แต่ที่นายปล่อยให้ฉันรอนานขนาดนี้...ก็ผิดมากพอแล้ว”
“ขอโทษ...”
“ทำซะ เดี๋ยวนี้” คำสุดท้ายเน้นเสียงเหมือนจะสั่ง
“ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...พี่...” ชายหนุ่มเอาแต่ส่ายหน้าอยู่อย่างนั้น มือที่ถือคัตเตอร์สั่นระริก
“ได้...งั้นฉันจะทำให้”
คมมีดคัตเตอร์กรีดลงบนข้อมือขวาของอิโนะอุเอะอย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดไหลปรี่ออกมาจากบาดแผล...เสียงหวีดร้องก้องไปในความมืด...หากไม่มีใครได้ยิน...
...
-
:sad5: แนวไหนเนี่ย สงสาร "คิโยะ" จังเลย รออ่านต่อนะอยากรู้เพิ่ม
-
อุ๊ยว้าย~
ซาดิสต์
-
มีพี่เป็นโรคจิตเหรอ
-
Poes : ต้องตามอ่านคะ อย่าทิ้งไปกลางทางนะค่ะ
ohmpresto : ทั้ง 2 เรื่อง จะไม่มีการเผยแพร่ในเวปบอร์ดที่ไหนแล้วนะคะ ตอนนี้ฮะได้ทยอยเอาออกเกือบหมดแล้ว เพราะทั้งคู่ได้รับการตีพิมพ์รวมเล่ม คือ Kousoku พิมพ์ไปเมื่อเกือบ 3 ปี ส่วน Come Closer ก็กำลังเข้าโรงพิมพ์อยู่ วันนี้ก็รับจองวันสุดท้าย หลังวันที่ 8 ก็จะส่งหนังสือแล้ว เป็นความตั้งใจของคนเขียนกับผู้จัดทำที่ว่า งานเมื่อเป็นรูปเล่มก็จะมีการตรวจแก้ เพิ่มเติมให้สมบูรณ์ และเป็นการให้เกียรติต่อผู้ซื้อไป เลยจะไม่ทำการโพสท์ลงที่ไหนอีก HAKURO ฝากบอกมาว่าขอบคุณที่สนใจในงานของเขาคะ
Rinze : SM นิดๆ นะคะ
Roseen : เกือบถูกคะ ^^
x x x
ตอนที่ 2
เจเปิดประตูห้องเรียนเข้าไปแล้วกวาดสายไปมองไปรอบ ๆ นั่นไง...อยู่ตรงนั้นจริง ๆ ด้วย ร่างเพรียวบางนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวสุดท้ายของแถวหลังสุดด้านมุมห้อง นั่งกอดกระเป๋าเอาวอล์คแมนยัดหูทอดสายตามองพื้นเหม่อซึมเหมือนจะวิเคราะห์อะไรสักอย่างบนพื้นนั่น...เหมือนทุกครั้งที่เขาเคยเห็น
...ทำไมถึงเป็นแบบนั้นนะ...ทำไมถึงปฏิเสธโลกขนาดนั้นนะ...
สงสัย...อย่ากระนั้นเลย เขาไม่ใช่พวกที่ชอบเก็บความสงสัยอะไรไว้กับตัวนาน ๆ อยู่แล้ว ลองดูดีกว่า...เผื่อจะได้คำตอบ
ร่างสูงก้าวฉับ ๆ ไปโยนกระเป๋าโครมลงบนโต๊ะข้าง ๆ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ก่อนสะดุ้งสุดตัวแล้วหันมามองอย่างรวดเร็ว
“นั่งด้วยนะ” โดยไม่รอคำตอบ เจก็ลงนั่งเดี๋ยวนั้น
อิโนะอุเอะขยับตัวอย่างอึดอัด แล้วก็ลุกขึ้น หากถูกคว้าแขนไว้
“จะไปไหนล่ะ? นั่งตรงนี้แหละ ฉันไม่ทำอะไรหรอก”
“...ไม่...ผม...” อิโนะอุเอะพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่มือที่แข็งยังกับคีมเหล็กไม่ยอมปล่อย
“แค่ขอนั่งด้วย อย่าทำท่ารังเกียจกันแบบนั้นน่า มันเหมือนฉันรังแกนายเลยนะ” เจพูดพร้อมกับยิ้มให้
“...ปล่อย...”
“ถ้าปล่อยแล้วนายจะนั่งตรงนี้มั้ย?”
ไม่มีคำตอบ หากคนถูกถามทำหน้าลำบากใจและยังไม่ละความพยายามที่จะดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ
“อาจารย์มาแล้ว นั่งนี่แหละ ไม่ต้องย้ายที่แล้ว” เจออกแรงกระตุกเบา ๆ คนที่เขายึดแขนไว้ก็ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมง่าย ๆ...นี่บอบบางและไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้เชียวหรือ...
อิโนะอุเอะทนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างจำยอม ไม่มีสมาธิพอที่จะฟังอาจารย์บรรยายได้รู้เรื่อง เขาไม่เคยนั่งใกล้ใครแบบนี้มาก่อน แถมคนตัวโตที่นั่งข้าง ๆ นี่ก็ยังคอยมองมาอยู่เรื่อย...อย่า...อย่ามองเขาแบบนั้น อย่าให้ความสนใจเขา...ปล่อยเขาไว้คนเดียวเถอะ...
“นี่...ไม่จดเหรอ ตรงนี้เรื่องสำคัญนะ” เจถามขึ้นเบา ๆ
มือเรียวที่ถือปากกาสั่นระริก...ไม่รู้...เรื่องสำคัญเหรอ...เขาไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ...
กระทั่งหมดชั่วโมง หน้าสมุดโน้ตของอิโนะอุเอะว่างเปล่า ไม่มีแม้ตัวหนังสือสักตัว เจได้แต่มองแล้วก็ถอนใจ...เพราะเขามานั่งตรงนี้สินะ...
“บ๊ะ...เดี๋ยวเอาโน้ตของฉันไปก็อปปี้แล้วกัน ป่ะ ไปด้วยกัน นายไม่ได้ลงเรียนคาบต่อไปใช่มั้ย?”
ดวงตากลมเหลือบมองร่างสูงแล้วรีบหลบตาอย่างรวดเร็ว “ไม่...ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรได้ไง เพราะฉันมานั่งตรงนี้ใช่มั้ย นายถึงได้ไม่มีสมาธิจะเรียนน่ะ โทษทีนะ มันเป็นความผิดของฉัน เพราะงั้น ไปด้วยกัน เดี๋ยวจะก็อปปี้โน้ตให้” เจพูดพร้อมกับคว้าสมุดโน้ตของอิโนะอุเอะยัดลงกระเป๋าตัวเองแล้วลุกขึ้น
“อ๊ะ”
“มีตัวประกันแล้ว ไปด้วยกันเสียดี ๆ อิโนะอุเอะ” ร่างสูงยิ้มกว้างเหมือนจะแยกเขี้ยวอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
แต่โดยที่ชายหนุ่มไม่คาดคิด อิโนะอุเอะลุกพรวดขึ้นแล้วรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว
“อิโนะอุเอะ! เฮ้ย! อิโนะ!!”
เจลุกขึ้นตามไป แต่ไม่ทัน...อิโนะอุเอะแทรกตัวหายไปในกลุ่มนักศึกษาที่เพิ่งทยอยออกจากห้องเรียนคลาดสายตาไปเสียแล้ว
ยังวันอยู่แท้ ๆ หากหน้าต่างของห้องเช่าในแมนชั่นขนาดกลางแห่งนี้กลับถูกรูดทึบด้วยผ้าม่านสีดำหนาจนแสงตะวันแทบจะแทรกผ่านเข้ามาไม่ได้ ในห้องสลัวรัวรางด้วยแสงจากเทียนไขเล่มใหญ่หลายเล่ม อุณหภูมิที่ถูกควบคุมด้วยเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำจนเกือบหนาว ซ้ำยังอวลไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของเมนทอล ทำให้บรรยากาศในห้องราวกับเป็นอีกมิติหนึ่งซึ่งต่างจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ในห้องอันมืดสลัวนั้น ร่างเพรียวบางของผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งขดอยู่กับพื้นข้างโต๊ะเขียนหนังสือ ในมือกำมีดคัตเตอร์สีเงินวาววับไว้แน่น
“โดดเรียนมาแบบนี้ไม่ดีเลยนะ คิโยะ” เสียงแหบทุ้มเอ่ยเรื่อย ๆ เหมือนจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า
“ขอโทษ...ฉันขอโทษ...” อิโนะอุเอะเอ่ยเสียงสั่น
“เด็กไม่ดี ต้องถูกลงโทษ...ใช่มั้ย?” ร่างที่เหมือนกับผู้ที่นั่งอยู่ทุกกระเบียดนิ้วก้าวมายืนตรงหน้า
“ขอโทษ...พี่...ไม่เอาแล้ว...” เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ้อนวอน หากสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือรอยยิ้มเย็นชา
“ทำสิ คิโยะ” ร่างนั้นค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งจนสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน “ถ้านายไม่อยากทำ ฉันจะทำให้”
“...ไม่เอา...”
“ใช่มั้ยล่ะ? เวลาที่ฉันทำให้มันเจ็บกว่าที่ทำเองใช่มั้ย งั้นก็ทำสิ ไม่ยากไม่ใช่เหรอ คิโยะของฉัน” มือเรียวเอื้อมมาจับมือที่ถือมีดเบา ๆ เลื่อนเปิดใบมีดแล้วนำไปจรดกับข้อมือขวาของอิโนะอุเอะ “เอาละ ลงโทษตัวเองซะ เด็กไม่ดี”
ไม่มีทางเลือก อิโนะอุเอะค่อย ๆ กดคมมีดลงไปบนผิวเนื้อ แผลที่ได้รับเมื่อคืนก่อนยังไม่หาย เมื่อโดนคมมีดกดกระตุ้นเข้าปากแผลก็เปิดจนเลือดซึมออกมา
“...เจ็บ ไม่เอาแล้ว...พี่...”
“คิโยะ...ทำ...”
คำสั่งนั้นหนักแน่น อิโนะอุเอะกลั้นใจปาดคมมีดอย่างรวดเร็ว...ได้ผล แผลใหม่ลากยาวผ่านข้อมือ เลือดสีแดงสดไหลปรี่...แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจดังขึ้นข้างหู
“ดีมาก...คิโยะของฉัน...แต่ยังไม่หมดใช่มั้ย ความผิดวันนี้ สมุดโน้ตของนายไปไหน?”
อิโนะอุเอะเม้มปากแน่น พี่ชายรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา และเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ใช่ความจริง
“...ถูกโอโนเสะซังเอาไป” ชายหนุ่มตอบแผ่ว ๆ
“โอโนเสะเป็นใคร?”
“เพื่อนที่คณะ”
“แล้วทำไมมันถึงเอาสมุดของนายไป?”
“มะ...ไม่รู้” ใช่...เขาไม่รู้ อยู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็มานั่งที่นั่งข้าง ๆ เขา แล้วก็ยึดเอาสมุดของเขาไปดื้อ ๆ...เขาไม่รู้เหตุผลเลยจริง ๆ
“คิดจะอ่อยผู้ชายอีกแล้วเหรอ คิโยะ?”
“มะ...ไม่ใช่นะ!”
“จำไม่ได้เหรอว่าผู้ชายคนก่อน ๆ ของนายเป็นยังไง...จำไม่ได้เหรอว่าคนที่แตะต้องนายเป็นยังไง?” ดวงตาคมเป็นประกายวาบ
“ไม่ใช่! โอโนเสะซังไม่ได้ทำแบบนั้น...ฉันไม่รู้ เราเพิ่งจะเคยพูดกันหนเดียว ฉันไม่รู้ ไม่ใช่แบบนั้นนะ พี่...ไม่ใช่!!”
“แต่เดี๋ยวมันก็เป็น!!” อีกฝ่ายตวาด “นาย...ไม่เคยจำเลย...ฉันบอกนายไม่รู้กี่ครั้ง นายไม่เคยจำเลย คิโยะ...นายเป็นของฉัน...ร่างกายนี้...ทั้งหมดนี้เป็นของฉัน ไม่ว่าใครก็แตะต้องมันไม่ได้!!”
มือเรียวกระชากเสื้อเชิ้ตของอิโนะอุเอะออก กรีดคมมีดลงบนแผ่นอกขาว ไม่สนใจเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด...หัวเราะด้วยความพึงพอใจกับโลหิตที่หลั่งริน
...
“อิโนะอุเอะ...นี่สมุดของนาย ก็อปปี้โน้ตด้วย” สมุดที่มีกระดาษหลายแผ่นแทรกอยู่ถูกวางลงตรงหน้าร่างเพรียวก่อนที่จะเริ่มคาบเรียนไม่นานนัก พอเหลือบตาขึ้นมองก็พบร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองยืนอยู่ข้างโต๊ะ ชายหนุ่มรีบหลบตาทันที
“ขอโทษนะ ที่ทึกทักเอาไปแบบนั้น” เจพูดต่อแม้อีกฝ่ายจะทำท่าเหมือนไม่ได้ฟังเขาอยู่ก็ตาม แล้วก็นั่งลงที่โต๊ะข้าง ๆ ที่ถัดไปอีกตัวหนึ่ง เว้นระยะห่างให้อิโนะอุเอะได้มีบรรยากาศส่วนตัวจะได้ไม่อึดอัดเกินไปนัก
ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียน เจอาศัยช่วงเวลานั้นนั่งงีบเล็กน้อย การตื่นเช้ามาเรียนเป็นเรื่องสาหัสสำหรับเขาพอดู พลันก็มีใครบางคนสะกิดไหล่เขาเบา ๆ ชายหนุ่มปรือตาขึ้นมองแล้วก็พบว่าอิโนะอุเอะกำลังมองมาด้วยสายตาออกจะหวาด ๆ เล็กน้อย
“อะไรเหรอ?”
“เอ่อ...ตรงนี้...อ่านว่าอะไร?” ร่างเพรียวชี้ไปที่โน้ตที่ได้รับมา
“หือ?...อ้อ บริบท” เจอ่านให้ฟัง อีกฝ่ายพยักหน้าน้อย ๆ แล้วรีบกลับไปเขียนลงในสมุดของตัวเอง “ลายมือฉันอ่านยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ไม่มีคำตอบนอกจากอาการพยักหน้ารับ เจส่ายหัวดุกดิก คว้าโน้ตในมืออิโนะอุเอะมาดู ทำเอาร่างเพรียวถึงกับสะดุ้ง แต่เจทำเป็นไม่สนใจอาการนั้น
“มา...จะอ่านให้ฟัง”
การบอกให้จดดำเนินไปได้แค่นิดหน่อย อาจารย์ก็เข้ามาสอน ตลอดคาบเรียน เจเหลือบมองอิโนะอุเอะเป็นระยะ ลอบสังเกตรายละเอียดต่าง ๆ ของฝ่ายนั้นอยู่เงียบ ๆ...เขารู้แล้วว่าทำไมใคร ๆ ถึงได้สนใจชายหนุ่มที่ปฏิเสธโลกคนนี้นัก...อิโนะอุเอะมีรูปหน้าสวยได้สัดส่วนติดจะหวานคล้ายผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ ดวงตากลมโตดูเหม่อซึมนิดหน่อยนั่นสำหรับสาว ๆ คงดูชวนฝันไม่น้อย ริมฝีปากอิ่มเป็นสีระเรื่อ และทั้งที่ปฏิเสธโลกขนาดนั้น แต่เจ้าตัวกลับทำผมเผ้าและดูแลเครื่องแต่งกายของตนเป็นอย่างดี แม้จะเรียบง่ายแต่ก็ไม่เรียกว่าเชยหรือรุ่มร่ามเลย...ลักษณะที่ขัดแย้งกันทั้งสองขั้วนี่เอง ที่ดึงดูดให้ใครต่อใครสนใจได้เสมอ...และเจเองก็รู้ตัวว่า เขาสนใจอิโนะอุเอะไม่น้อยเช่นกัน
หมดคาบ อิโนะอุเอะก็เก็บของลงกระเป๋าและเตรียมตัวออกจากห้องเรียนเหมือนเคย แต่ถูกรั้งด้วยมือแกร่งที่คว้าแขนเอาไว้
“นี่ ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย? เผื่อยังไงจะได้อธิบายโน้ตนั่นต่อให้” เจว่า
ร่างเพรียวรีบส่ายหน้าปฏิเสธพลางดึงแขนออกจากการเกาะกุม “ไม่เป็นไร”
“ถ้าอ่านไม่ออกตรงไหนอีกจะทำยังไง?”
“...แล้วจะมาถาม” ชายหนุ่มตอบเบา ๆ พลางกอดกระเป๋าแนบอกแน่นแล้วรีบเดินออกจากห้องไป
เจได้แต่มองตามพลางทอดถอนใจ...การ์ดแข็งยังกับกำแพงเมืองจีน แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาและโอกาสอีกเยอะ อย่างไรเสียพวกเขาก็เรียนคณะเดียวกันเอกเดียวกัน ได้เจอกันแทบทุกวันอยู่แล้ว ค่อย ๆ ตะล่อมไปก็ได้
ฐานะทางบ้านของเจทำให้เขามีเงินใช้จ่ายรายเดือนได้อย่างไม่เดือดร้อน แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังเลือกที่จะทำงานพิเศษเผื่อเงินไว้สำหรับซื้อของที่อยากได้หรือเดินทางท่องเที่ยวตามประสาคนหนุ่มบ้าง ที่ทำงานของเขาคือร้านเหล้าแห่งหนึ่ง งานที่ทำส่วนมากก็ช่วยยกของบ้าง เสิร์ฟบ้าง หรือบางครั้งก็พอจะชงเหล้าให้ลูกค้าได้ เวลาทำงานก็แค่อาทิตย์ละสามวัน นอกเสียจากที่ร้านจะขาดคนจริง ๆ ถึงจะมาเข้างานเพิ่มให้ และเพราะกว่าจะเลิกงานปิดร้านเรียบร้อยก็ปาเข้าไปตีสามของวันใหม่ เจจึงเลือกวันที่จะไม่มีเรียนต่อในตอนเช้าเพื่อจะได้ไม่มีปัญหากับการเรียน
วันนี้เจก็มาทำงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือลูกค้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะที่หลบมุมอยู่ด้านในสุดของร้าน มองแค่แวบเดียวเจก็จำได้...อิโนะอุเอะ
ร่างเพรียวเข้ามาในร้านตั้งแต่หัวค่ำ สั่งเหล้าคอกเทลอ่อน ๆ แก้วหนึ่งแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นจนกระทั่งค่อนคืนไปแล้ว แก้วเหล้านั้นว่างเปล่า แต่ชายหนุ่มยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้าน ดวงตากลมหลุบต่ำมองพื้นอย่างไม่สนใจบรรยากาศรอบข้างเหมือนอย่างเคย ที่หูยังเสียบวอล์คแมนเสียด้วยซ้ำทั้งที่ในร้านก็เปิดเพลงเบา ๆ คลออยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
เจนึกอยากจะเข้าไปทัก แต่ก็คิดว่าอิโนะอุเอะคงอยากจะอยู่คนเดียวเสียมากกว่าถึงได้เลือกที่นั่งตรงนั้น เขาจึงทำงานไปเรื่อย ๆ และคอยสังเกตเพื่อนร่วมคณะผู้มีนิสัยแปลกประหลาดคนนั้นเป็นระยะ
จนใกล้ถึงเวลาปิดร้าน ลูกค้าในร้านบางตาลงไปมาก ที่เหลืออยู่ก็เตรียมตัวจะกลับแล้ว แต่อิโนะอุเอะกลับยังนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนไม่รู้ว่าเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว กระทั่งลูกค้าคนสุดท้ายออกไป เจถึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปทัก
“อิโนะอุเอะ” มือใหญ่เคาะลงบนโต๊ะตรงหน้าเพราะเกรงว่าถ้าถึงเนื้อถึงตัวอีกอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจอีกได้ แต่ถึงอย่างนั้นร่างเพรียวก็ยังสะดุ้งน้อย ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“...โอโนเสะซัง?”
“อื้อ จะต้องปิดร้านแล้วหละ” เสียงห้าวบอกแค่นั้น
อิโนะอุเอะเหลียวไปมองรอบกาย เมื่อพบแต่ความว่างเปล่าก็ยกมือขึ้นลูบหน้า “เอ่อ...ขอโทษ”
“เมาเหรอ? กลับไหวมั้ย?” ถามไปแบบนั้นแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายสั่งเหล้าเพียงแก้วเดียวก็ตาม
อิโนะอุเอะส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นมากอดด้วยท่าทางที่เจเห็นจนเริ่มจะชินตา ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเจที่ยืนขวางอยู่แล้วเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
“คนรู้จักเหรอ เจ?” เพื่อนร่วมงานถามขึ้น
“เพื่อนที่คณะน่ะ”
“น่ารักดีนะ”
“ผู้ชาย” หน้าตาแบบนั้นจะถูกเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่แปลกอะไรนี่นะ
“รู้แล้วน่า แต่น่ารักก็คือน่ารักนั่นแหละ” เพื่อนร่วมงานว่าพลางหัวเราะเสียงดัง
เจยิ้มเหมือนจะแยกเขี้ยวใส่ “คนนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“เอ๋? มีคนจองแล้ว?”
“เออ อั๊วะเอง” เจพูดทีเล่นทีจริง
“ฮะ ๆ ๆ เออ ๆ ก็ได้ ๆ...เดี๋ยวจะไปบอกให้รู้ทั้งร้านเลยว่าไอ้เด็กพาร์ทไทม์มันมีรสนิยมชอบผู้ชาย ฮ่า ๆ ๆ” ฝ่ายนั้นหัวเราะลั่นแล้วเดินจากไป
เจได้แต่ส่งนิ้วกลางไล่หลังไปให้ แต่ก็อดหัวเราะไปด้วยไม่ได้ เขารู้ว่าเพื่อนคนนี้ปากไม่ดีแต่ไม่มีอะไรในใจ ที่พูด ๆ กันนี่ก็แค่สนุก ๆ เท่านั้น...เพียงแต่...อิโนะอุเอะที่นั่งอยู่จนถึงเวลาปิดร้านแบบนี้ หรือจะรอใครอยู่...มีคนจองแล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?...
...
-
:3123:
-
ดีใจจังที่ยังมีคนเปิดอ่านกันเรื่อยๆ ขอบคุณแทนฮะคุโร่ด้วยคะ :L2:
Ps>>>คนเขียนฝากบอกมาคะว่า...อยากอ่านคอมเม้นท์ จะได้รู้ว่าเรื่องที่เขียนเป็นไงบ้าง^^
ตอนที่ 3
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากวันนั้น อิโนะอุเอะต้องกลับมาถามเจเรื่องโน้ตเจ้าปัญหาที่อ่านไม่ออกนั่นอีกจนได้ แต่ถึงแม้จะได้พูดคุยกันหลายครั้ง หากท่าทีที่เหมือนกั้นกำแพงเอาไว้อย่างแน่นหนาของอิโนะอุเอะก็ไม่ได้ผ่อนปรนลงเลย เพียงแต่ดูไม่เกร็งกับเจมากเท่าตอนแรก ๆ เท่านั้น
เจเองก็ไม่ได้รีบร้อน ถึงเขาจะเป็นคนใจร้อนอยู่บ้าง แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็รู้ว่าจะต้องรับมืออย่างไรถึงจะได้ผลสำเร็จสูงสุด การเข้าใกล้สัตว์เล็ก ๆ ที่ตื่นกลัวมันต้องใจเย็น ต้องทำให้ฝ่ายนั้นวางใจให้ได้ และวิธีนี้ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อตอนนี้ที่เขาเขยิบไปนั่งโต๊ะตัวติดกันแล้วอิโนะอุเอะก็ไม่ได้มีอาการผวาเขาอีกต่อไป
แต่อิโนะอุเอะปฏิเสธเขาในทุกเรื่อง แม้แค่เรื่องไปกินข้าวด้วยกัน
“นี่ ถามจริง ๆ เถอะ แค่กินข้าวด้วยกันเนี่ย มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจถามทั้งที่ยังจับแขนอิโนะอุเอะไว้เบา ๆ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ หมอนี่จะต้องเลี่ยงหนีเขาไปอีกแน่
ร่างเพรียวกรอกตาอย่างลังเล แล้วในที่สุดก็พูดออกมาเบา ๆ
“...พี่ชายไม่ชอบ”
“อะไรนะ พี่ชาย?”
อิโนะอุเอะพยักหน้ารับ “พี่ชายไม่ชอบให้ไปกับคนอื่น”
ร่างสูงขมวดคิ้วนิด ๆ...มีพี่ชายขี้หวงอย่างนั้นหรือ โตจนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วเนี่ยนะ...แต่เอาเถอะ โลกนี้มีคนแปลก ๆ เยอะแยะไป คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ก็แปลกน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ เจตัดสินใจปล่อยมือ
“โอเค ไม่ชอบก็ไม่ชอบ แล้วเจอกันนะ”
ขาดคำของเจ ร่างเพรียวเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องเรียนไป
แต่...มันน่าสงสัย...เจเกิดความคิดนี้ขึ้นในใจเมื่อเขาพบอิโนะอุเอะที่ร้านทุกวันที่มาทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว ไหนบอกว่าพี่ชายไม่ชอบให้ไปไหนกับใคร แล้วมานั่งอยู่ที่นี่จนดึกดื่นแบบนี้จะไม่โดนว่าหรือไง
“แก้วนี้จากลูกค้าโต๊ะโน้นแน่ะ” เจบอกพลางวางแก้วเครื่องดื่มสีสวยลงบนโต๊ะที่ดูเหมือนอิโนอุเอะเลือกที่จะยึดเป็นที่ประจำไปเสียแล้ว ถึงจะห้ามเพื่อนร่วมงานไม่ให้มายุ่มย่ามได้ แต่ห้ามลูกค้าไม่ได้นี่นะ
ร่างเพรียวส่ายหน้า “ไม่เอาหรอก”
“ฉันปฏิเสธไม่ได้หรอก ฉันแค่รับฝากมา”
อิโนะอุเอะแค่ส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก เจเพียงแค่ถอนใจ เขาคงต้องทิ้งแก้วเหล้าไว้อย่างนั้นแล้วไปบอกคนที่ฝากมาละมั้งว่า ฝ่ายนั้นปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง...แต่ถึงไม่บอก ดูอาการก็น่าจะรู้ได้เองละนะ
ครู่ใหญ่ เจก็เห็นลูกค้าคนนั้นไปยืนอยู่ข้างโต๊ะของอิโนะอุเอะ ท่าทางเหมือนพยายามชวนคุยอะไรด้วย แต่อิโนอุเอะเอาแต่ก้มหน้านิ่งและขยับตัวอย่างอึดอัดเหมือนพยายามหาทางหนี แต่คนที่เข้ามาตีสนิทด้วยก็ไม่ยอมลดละ กระทั่งแวบหนึ่งที่เจเห็นอิโนะอุเอะเหลือบตาขึ้นมาสบตาเขา แววตานั้นเต็มไปด้วยแววอ้อนวอน เจจึงเดินเข้าไปหา
“ขอโทษนะครับ คุณลูกค้า หมอนี่แค่มารอผมเลิกงานเท่านั้นน่ะครับ อย่าไปยุ่งกับมันเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาไม่ใช่...หน้าตาท่าทางของเขาดูเป็นเด็กเกเรและน่ากลัวอยู่แล้ว จึงไม่ยากเลยที่จะทำให้อีกฝ่ายยอมกลับไปที่โต๊ะแต่โดยดี
ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ “กลับบ้านดีกว่ามั้ย อิโนะอุเอะ ไม่งั้นหมอนั่นคงมาตื๊ออีก”
ร่างเพรียวพยักหน้าแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมากอด “...ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง แล้วเจอกันนะ”
ร่างสูงเพียงแต่มองตามเพื่อนร่วมคณะที่เดินออกจากร้านไป...โดยไม่รู้เลยว่า คืนนั้น อิโนะอุเอะกลับไม่ถึงบ้าน
...
ในห้องที่มืดทึบด้วยผ้าม่านสีดำสลัวรัวรางด้วยแสงเทียนวอมแวม บรรยากาศที่หอมเย็นไปด้วยกลิ่นเมนทอลนิ่งสงัด มีเพียงเสียงสะอื้นฮักจากร่างที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น ในมือซ้ายคือมีดคัตเตอร์ที่ใบมีดเต็มไปด้วยเลือด ข้อมือขวามีบาดแผลถูกกรีดหลายรอยพร้อมทั้งเลือดที่ไหลริน...แผลนั่นไม่ลึก หากความเจ็บปวดกลับดูเหมือนไม่สิ้นสุด
“พอแล้ว...พี่...ฉันขอโทษ...” ร่างเพรียวพร่ำบอกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผู้รับฟังเพียงแต่ยกยิ้มที่มุมปาก “ถ้าฉันไปไม่ทัน จะเป็นยังไง คิดบ้างมั้ย?”
“แต่พี่ก็ไม่น่าฆ่าเขา”
“อ้อ...งั้นเรอะ” มือเรียวผลักอีกฝ่ายอย่างแรงจนล้มไปนอนอยู่กับพื้น “ไม่น่าฆ่ามันงั้นเรอะ? เพราะมันยังไม่ได้ใส่เข้าไปในตัวนายสินะ ฉันถึงไม่ควรจะฆ่ามัน”
“มะ...ไม่ใช่...” อิโนะอุเอะพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนพี่ชายจะไม่ยอมฟังอะไรอีก
“คิโยะ...ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว นายเป็นของฉัน ไม่ว่าใครก็แตะต้องไม่ได้” ดวงตาคมกริบเป็นประกายดุดัน “แต่นายกลับเอาตัวไปให้คนนั้นคนนี้ได้สัมผัส...คงเสี้ยนอยากเต็มทีสินะ”
“ไม่ใช่ ฉันไม่เคย...”
“เพราะไม่เคย ก็เลยอยากลองสักครั้ง” ว่าพลางก็หยิบคัตเตอร์จากมือของอิโนะอุเอะขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะบรรจงกรีดลงบนแผ่นอกขาวเป็นแนวยาว “เป็นเด็กไม่ดีจริง ๆ นะ กระสันอยากถึงขนาดนี้...”
“อย่า!! พี่!! ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว!!”
คำอ้อนวอนไม่เป็นผล คมมีดยังคงลากผ่านผิวเนื้อสร้างรอยแผลรอยแล้วรอยเล่า เสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจดังแทรกมากับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“คิโยะของฉัน...ฉันไม่ยอมให้นายเอาตัวไปให้ใครทั้งนั้น นายเป็นของฉัน...และเด็กไม่ดี ก็ควรแล้วที่จะถูกลงโทษ...มันที่พยายามแตะต้องนาย ก็สมควรแล้วที่จะต้องตาย...คิโยะของฉัน...นายเป็นของฉันคนเดียว...จำไว้...”
...
อิโนะอุเอะหยุดเรียนมาหลายวันแล้ว เจได้แต่นึกแปลกใจอยู่ว่าทำไม หรือหมอนั่นจะเป็นหวัด...แล้วจะมีใครดูแลไหมนะ แต่บอกว่ามีพี่ชายนี่นา คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ชายหนุ่มเดินเข้าห้องเรียนแล้วกวาดตาไปยังแถวหลังสุดของห้องด้วยความเคยชิน แล้วก็พบกับร่างเพรียวที่นั่งอยู่ตรงมุมประจำ...ในที่สุดก็มาเรียนได้แล้วสินะ ไม่ต้องเป็นห่วงจริง ๆ ด้วย
“ไม่สบายเหรอ อิโนะอุเอะ?” ชายหนุ่มเข้าไปเคาะเบา ๆ ที่โต๊ะพลางเอ่ยทักเหมือนที่มักจะทำเป็นประจำ และดูเหมือนว่าอิโนะอุเอะจะคุ้นเคยกับการทักทายแบบนี้แล้ว
แต่วันนี้อิโนะอุเอะกลับสะดุ้งเฮือก สายตาที่เหลือบมองเจเพียงชั่วแวบเต็มไปด้วยแววหวาดหวั่น ก่อนจะก้มหน้านิ่งโดยไม่มีคำตอบใด ๆ
เจนึกประหลาดใจ ก็อิโนะอุเอะเริ่มคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้วนี่นา แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ถึงได้กลับไปเป็นเหมือนตอนที่คุยกันครั้งแรกอีก ไม่สิ...ดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเก่าเสียด้วย เพราะในตอนนี้ร่างนั้นดูจะสั่นน้อย ๆ เสียด้วยซ้ำ
“นายหยุดเรียนไปหลายวัน ไม่สบายเหรอ?” เจทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะตัวข้าง ๆ
ไม่มีคำตอบจากผู้ถูกถามนอกจากการส่ายหน้าน้อย ๆ...แบบนี้มันแปลกไปจริง ๆ ด้วย แต่เจก็ไม่ได้ว่าอะไร
ทว่าตลอดชั่วโมงแรก เจสังเกตเห็นว่าอิโนะอุเอะไม่ได้จดอะไรลงในสมุดโน้ตเลย ซ้ำยังทำท่าเหมือนจะกระเถิบหนีเมื่อเขาขยับตัวทุกครั้ง จนอดรนทนไม่ได้...ในช่วงระหว่างพักสิบนาที เจก็ถามขึ้น
“อิโนะอุเอะ เป็นอะไรไป วันนี้ท่าทางนายแปลก ๆ”
อิโนะอุเอะส่ายหน้าเหมือนจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เอ่ยออกมาเบา ๆ “ช่วย...เขยิบไปนั่งโต๊ะตัวถัดไปได้ไหม?”
“เอ๋?”
“ขอร้อง”
เป็นคำขอร้องที่ดูประหลาด แต่เจคิดว่าเขาเข้าใจ...ไม่รู้ว่าระหว่างที่อิโนะอุเอะหยุดเรียนไปนั่นเกิดอะไรขึ้น แต่กิริยาท่าทางของหมอนั่นในตอนนี้เหมือนย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พวกเขาพูดคุยกันครั้งแรกจริง ๆ...เอาเถอะ ไว้เลิกเรียนแล้วค่อยถามก็ได้...เจยอมเปลี่ยนที่นั่งให้โดยดี
ทันทีที่อาจารย์กล่าวจบคาบ อิโนะอุเอะก็รีบรวบสมุดบนโต๊ะใส่กระเป๋าแล้วลุกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เร็วเกินไปกว่าคนที่เล็งเอาไว้อยู่แล้ว เจคว้าข้อมือร่างเพรียวไว้ได้ทันท่วงที แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย!!”
“อ๊ะ ขอโทษ” เจรีบปล่อยมือ
อิโนะอุเอะปล่อยกระเป๋าแล้วกุมข้อมือขวาของตัวเองไว้แน่น พร้อมกับมีสีหน้าเหมือนจะพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
“อิโนะอุเอะ เป็นอะไรไป?” แบบนี้ไม่ธรรมดาแล้ว...หรือว่าบาดเจ็บ
ร่างเพรียวไม่ตอบหากก้มลงหยิบกระเป๋าตัวเอง เจรีบกวาดข้าวของบนโต๊ะเรียนลงกระเป๋าโดยไม่สนใจจะเก็บให้เรียบร้อย เขารู้ว่าถ้าปล่อยไปอิโนะอุเอะจะหนีเขาไปอีก...เขาต้องรู้ให้ได้ว่าท่าทางแปลก ๆ ของหมอนี่กับที่ข้อมือนั่นมันเป็นอะไรกันแน่
เจคว้าแขนอิโนะอุเอะไว้อย่างรวดเร็วพลางจ้องหน้า อีกฝ่ายมองตอบเขาด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะรีบหลบตา...หมอนี่อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา แต่ไม่กล้าที่จะบอก...ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาถามเองก็ได้
ร่างสูงออกแรงดึงให้คนตัวเล็กกว่าต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก เขาพาอิโนะอุเอะไปที่บันไดหนีไฟเพราะรู้ว่าแถวนั้นจะไม่มีใครมากวนได้ ชายหนุ่มเท้าแขนคร่อมร่างเพรียวเอาไว้อย่างไม่เปิดทางให้หนี ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงต่ำ ๆ
“เกิดอะไรขึ้น อิโนะอุเอะ มือนายเป็นอะไรไป?”
อิโนะอุเอะเอาแต่กอดกระเป๋าแน่นพลางส่ายหน้า หากไม่ยอมตอบอะไร
“เป็นแผลเหรอ? ที่หยุดเรียนไปเพราะบาดเจ็บ?” เจพยายามถามซ้ำ
เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบ ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ จับมือขวาที่สวมผ้ารัดข้อมือของอิโนะอุเอะขึ้นมาดู ก่อนจะบรรจงถอดผ้ารัดข้อมือนั่นออก ร่างเพรียวพยายามขืนดึงมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ก็ไม่เป็นผล เจถอดผ้ารัดข้อมือของเขาออกจนได้
ร่างสูงตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏแก่สายตา...บนข้อมือขวาของอิโนะอุเอะปรากฏรอยแผลอันเกิดจากการถูกของมีคมกรีดนับสิบแผล!! ดูก็รู้ว่าไม่ใช่การพยายามฆ่าตัวตาย แต่เป็นการลงมีดซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง บาดแผลทั้งหมดแดงช้ำและดูเหมือนจะอักเสบพอสมควร อาจเพราะที่เขาคว้าเอาไว้เมื่อกี้ และตอนนี้ก็มีเลือดซึมออกมาจากปากแผลเหล่านั้นนิดหน่อย แผลพวกนี้ยังใหม่อยู่เลย...หรือว่าช่วงที่หยุดเรียนไปนั่น...
“นี่มันอะไรกัน อิโนะ?” น้ำเสียงที่เอ่ยถามแหบเหือดแทบจะไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ
อิโนะอุเอะยังคงเอาแต่ส่ายหน้า ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น มือที่อยู่ในอุ้งมือของเจสั่นน้อย ๆ
“นายจะฆ่าตัวตายเหรอ?”
“มะ...ไม่ใช่”
“แล้วทำทำไม?” แม้คำถามจะดูสั้นห้วน แต่น้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย
อิโนะอุเอะเงยหน้าขึ้นมองหน้าเจ แล้วก็พบกับสายตาที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว...ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย...สงสัย ไม่เข้าใจ และเป็นกังวล...ความอ่อนโยนที่ถ่ายทอดมาจากดวงตาคู่นั้นทำให้จิตใจของอิโนะอุเอะหวั่นไหวอย่างประหลาด
ถ้าเป็นคนคนนี้...กับคนคนนี้...เขาจะพูดออกไปได้ใช่ไหม...
“ฉัน...โดนพี่ชายทำโทษ” คำตอบแผ่วหวิวราวกับจะลอยหายไปกับสายลม หากบาดลึกลงไปในใจของผู้ฟัง
“หมายความว่าไง? โดนพี่ชายทำโทษ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ฉันทำตัวไม่ดี พี่ชายเลยทำโทษ”
คำตอบนั้นไม่ใช่คำตอบที่จะรับได้สำหรับเจ ชายหนุ่มจับไหล่บางไว้แน่น
“มันเรื่องอะไร เล่ามาซิ”
น้ำเสียงคาดคั้นทำให้อิโนะอุเอะตกใจอยู่บ้าง แต่สีหน้าและแววตาที่ร้อนรนเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ของเจทำให้เขาใจสั่น
แต่ไม่ได้หรอก...พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว...
“ไม่มีอะไร...”
“จะไม่มีอะไรได้ยังไง แผลขนาดนี้...ทำโทษบ้าอะไร? หมอนั่น...พี่ชายนายเป็นคนกรีดข้อมือนายงั้นเหรอ? มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
“ไม่ใช่...ฉัน...ทำเอง”
“บ้าไปใหญ่แล้ว นายทำเอง? หมายความว่ายังไง? นายบอกว่าโดนพี่ชายทำโทษ แล้วบอกว่านายกรีดข้อมือเอง แปลว่าอะไร? หมอนั่นบอกให้นายทำงั้นเหรอ?” เจขึ้นเสียงจนเกือบจะตะโกนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านจนสะกดไว้ไม่อยู่
อิโนะอุเอะก้มหน้านิ่ง เรียวปากอิ่มเม้มแน่น...เขาพูดมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว...แค่นี้ก็มากเกินไปแล้ว...
“พูดสิ อิโนะ!! หมอนั่นบอกให้นายทำงั้นเหรอ? แล้วนายก็ทำ!? ทำไม...มันเรื่องอะไรกัน นี่มันไม่ปกติแล้วนะ!!”
“...ขอโทษ...โอโนเสะซัง...”
“ขอโทษทำไม? อิโนะ ตอบฉันมาสิ พูดออกมา ไอ้หมอนั่นมันทำอะไรกับนาย? บอกฉันซิ อิโนะ!!”
แม้จะถูกตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดัน ร่างเพรียวก็แค่ดึงมือออกจากการจับยึดของเจเท่านั้น
“...ขอโทษ...”
น้ำเสียงแผ่วหวิวนั้นบีบคั้นหัวใจของเจเหลือเกิน แบบนี้...แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก เขาทำได้แค่ดูอย่างนั้นเหรอ...ชายหนุ่มปล่อยมือที่ยึดไหล่ของอิโนะอุเอะไว้ ทันทีที่เขาปล่อยมือ ร่างเพรียวก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง
“...ขอโทษ โอโนเสะซัง”
ดูเถอะ...จะขอโทษเขาเรื่องอะไร อิโนะอุเอะไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ตัวเองเป็นฝ่ายเสียหายแท้ ๆ และเขาต่างหากที่ผิด เพราะอยู่ ๆ ก็ตะคอกเอา ๆ ด้วยสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่...เจรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนใจเย็นมากนัก แต่กับเรื่องของอิโนะอุเอะเท่านั้นที่ดูเหมือนเขาจะใจเย็นได้อย่างเหลือเชื่อ ชายหนุ่มค่อย ๆ นั่งลงด้วย
“อิโนะ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ...ขอโทษนะ”
มือใหญ่ค่อย ๆ วางลงบนเรือนผมสีน้ำตาลของคนที่นั่งกอดเข่าก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นแล้วลูบช้า ๆ เจรู้สึกได้ถึงแรงสะท้านเฮือกจากร่างนั้นก่อนที่มันจะแปรเป็นเสียงสะอื้นเบา ๆ
“อย่าร้องไห้สิ...แบบนี้ มันเหมือนฉันรังแกนายเลยนะ”
...ไม่ได้หรอก...เจบอกกับตัวเอง เขาจะทนดูอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอก เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้การทำโทษบ้า ๆ นั่นมันเกิดจากอะไร แต่ที่รู้ตอนนี้คือเขาพอจะเข้าใจถึงสาเหตุที่อิโนะอุเอะเป็นคนแปลก ๆ แบบนี้แล้ว...ทั้งหมดนั้นต้องเป็นเพราะพี่ชายคนที่ว่านั่นแน่ ๆ
...โรคจิต...สรุปได้แค่นี้จริง ๆ ไอ้พี่ชายที่ว่านั่นมันต้องเป็นโรคจิตแน่ มันถึงได้ทำโทษน้องชายด้วยวิธีวิปริตแบบนี้...แม้จะยังไม่รู้ว่าทำไมอิโนะอุเอะถึงได้ยอมทำตามที่มันสั่ง แต่เขาจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้
“ฉันจะไปคุยกับพี่ชายนาย” เจโผล่งออกมาในที่สุด
อิโนะอุเอะรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาที่ยังชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นระคนตกใจเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ฉันจะไปคุยกับพี่ชายนายให้รู้เรื่อง ว่าทำไมถึงทำกับนายแบบนี้” เจพูดพลางลุกขึ้น
“อย่า!!” ร่างเพรียวคว้าเสื้อเจเอาไว้
“จะห้ามฉันทำไม แบบนี้มันไม่ได้แล้วนะ อิโนะ ถ้าถึงขนาดนี้ พี่ชายนายมันไม่ปกติแล้ว ฉันต้องคุยกับหมอนั่นให้รู้เรื่อง”
“อย่านะ! อย่าไปยุ่งกับพี่ ไม่ได้นะ! จะไปยุ่งกับพี่ไม่ได้นะ!!” อิโนะอุเอะร้อง นี่เป็นครั้งแรกที่เจได้ยินอิโนะอุเอะขึ้นเสียง
“แต่แบบนี้มัน...”
“ไม่ได้นะ! ไม่ได้!! อย่าไปยุ่งกับพี่ ไม่ได้นะ! ขอร้องหละ!! อย่า อย่าไปยุ่งกับพี่! จะแตะต้องพี่ไม่ได้นะ! อย่า ขอร้องหละ!” อิโนะอุเอะยึดเสื้อเจไว้แน่นพลางพร่ำซ้ำ ๆ เหมือนกับคนบ้า
ร่างสูงค่อนข้างตกใจกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้ามากทีเดียว แต่ก่อนที่จะนึกออกว่าควรจะต้องทำอย่างไร ร่างกายก็ขยับไปก่อนความคิด...เจกอดร่างเพรียวเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไร...อิโนะ ไม่เป็นไรแล้ว ฉันไม่ไปแล้ว จะไม่ไปยุ่งกับพี่ชายนายแล้ว”
เจไม่รู้ว่าตัวเองเอ่ยคำปลอบโยนอะไรไปบ้าง แต่สิ่งที่ติดแน่นอยู่ในความรู้สึกและความทรงจำ คือเสียงสะอื้นไห้และร่างอันสั่นเทาในอ้อมแขน
...
การจะหาที่อยู่ของนักศึกษาสักคนในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก ในที่สุดเจก็รู้ว่าอิโนะอุเอะอาศัยอยู่ที่ไหน เขาพาตัวเองมาจนถึงแมนชั่นระดับกลางแห่งหนึ่งในย่านชานเมือง หลังจากสอบถามจากผู้ดูแลแล้ว เจก็ขึ้นไปที่ชั้น 6
ห้องริมที่อยู่ห่างจากลิฟท์ที่สุดคือเป้าหมายของเขา ป้ายชื่อหน้าห้องบอกเอาไว้ชัดเจนว่าที่นี่คือห้องพักของอิโนะอุเอะ
...พี่ชายของหมอนั่นจะเป็นคนยังไงนะ...หน้าตาแบบไหน...แล้ว...
ความคิดหลากหลายประดังเข้ามาในหัว จนชายหนุ่มต้องสะบัดหัวไล่มันออกไป...คิดไปก็ไม่ได้เรื่องอะไรหรอก เจอหน้าก็รู้เองว่าจะต้องจัดการยังไง...
ร่างสูงกดกริ่งหน้าประตูห้องอย่างไม่ลังเล ทว่า...เงียบ...ไม่มีสัญญาณใด ๆ ตอบกลับมา
มันควรจะมีคนอยู่ห้องสิ เช้าวันหยุดแบบนี้...หรือสองพี่น้องนั่นจะพากันออกไปข้างนอกแต่วัน...ลองดูอีกทีดีกว่า
เจกดกริ่งซ้ำอีกครั้ง คราวนี้มีเสียงอันคุ้นเคยตอบมาจากอินเตอร์โฟน
“ใคร?”
“อิโนะอุเอะ นี่ฉันเอง โอโนเสะ” เจตอบกลับไป
“โอโนเสะ?”
“ใช่ ขอโทษที่มากวนแต่เช้านะ ให้เข้าไปได้มั้ย?”
อีกฝ่ายเงียบไปนาน จนเจต้องถามซ้ำ
“อิโนะอุเอะ? ได้มั้ย?”
“...เข้ามาสิ”
หลังคำตอบนั้น ประตูห้องก็ค่อย ๆ เปิดออกรับผู้มาเยือน
“รบกวนหน่อยนะ”
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง ร่างสูงก็ถึงกับชะงัก...ทั้งที่ยังวันอยู่แท้ ๆ แต่ในห้องพักค่อนข้างกว้างขวางนั้นมืดมิดจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรด้วยผ้าม่านสีดำหนาทึบที่แขวนกั้นทุกบานหน้าต่างเอาไว้ อากาศในห้องเย็นเยียบ อาจจะด้วยเครื่องปรับอากาศ แต่มันก็ต่ำกว่าอุณหภูมิข้างนอกมากเสียจนเจรู้สึกสะท้านเยือก ในความเย็นเยียบนั้นอวลไปด้วยกลิ่นอายหอมเย็นของสารระเหยจำพวกเมนทอล แทบจะกดอุณหภูมิเลือดในร่างกายให้ลดต่ำกว่าความเป็นจริง...อิโนะอุเอะอาศัยอยู่ในห้องแบบนี้อย่างนั้นหรือ
พลันก็มีแสงสว่างดวงหนึ่งถูกจุดวาบขึ้น มันคือแสงของเทียนไขเล่มใหญ่ที่ตั้งไว้บนโต๊ะกลางห้อง แสงสลัวของมันส่องให้เห็นสภาพในห้องและคนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ
“เข้ามาสิ” ผู้เป็นเจ้าของห้องพูดพลางก็เดินไปจุดเทียนไขเล่มอื่น ๆ ที่วางอยู่ตรงนั้นตรงนี้ของห้อง
เจถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปในบรรยากาศอันแปลกประหลาด หัวใจเต้นระทึกน้อย ๆ อยู่ในอก...เขารู้ว่าอิโนะอุเอะเป็นคนแปลก ๆ แต่ไม่คิดว่าจะแปลกมากถึงขนาดนี้...บรรยากาศในห้องนี้ไม่ธรรมดาเลย
“เพิ่งตื่นเหรอ อิโนะอุเอะ?” เจชวนคุยเพื่อลดความกดดันที่เกิดขึ้นจากสภาพรอบด้าน
“เปล่า ตื่นนานแล้ว” ร่างนั้นตอบโดยไม่หันมามอง ในมือประคองถ้วยใส่เทียนไขใบหนึ่งขึ้นจากพื้น
“แล้ว...กินข้าวหรือยัง?”
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
“เอ๊ะ?” เจแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง...เมื่อกี้อิโนะอุเอะพูดว่าอะไรนะ
“ฉันจะตื่นจะกินตอนไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย”
ร่างเพรียวหันมาเผชิญหน้ากับเจ แสงเทียนในมือส่องให้เห็นดวงหน้าหวานอันแสนคุ้นเคย หากอะไรบางอย่างแปลกไป เจรู้สึกได้...แม้ร่างนั้นและใบหน้านั้นจะเหมือนอิโนะอุเอะที่เขาเคยเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ดวงตาที่จ้องมาคู่นั้นและรอยยิ้มที่มุมปากนั่น บอกชัด...คนตรงหน้าเขาไม่ใช่อิโนะอุเอะ
“โอโนเสะ...ใช่มั้ย?” กระแสกร้าวบางอย่างแทรกมาในน้ำเสียง แม้คนพูดจะยิ้มอยู่ก็ตามที
“...นายคือ...”
“นายนี่เอง ที่มายุ่งกับคิโยะของฉัน”
“พี่ชายของอิโนะอุเอะงั้นเรอะ?” ถึงจะได้ยินมาว่าเป็นพี่ชาย แต่รูปร่างและใบหน้าที่เหมือนกันทุกกระเบียดแบบนี้...ฝาแฝดงั้นหรือ
ร่างนั้นไม่ตอบหากย้อนถาม “มาทำไม?”
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงกระแสกดดันบางอย่างจากร่างเพรียวเล็กนั้น ทั้งที่คนตรงหน้าเหมือนกับอิโนะอุเอะทุกประการ แต่บรรยากาศที่น่ากลัวนั่นคืออะไร...แววตาคู่นั้นสะท้อนแสงเทียนเป็นประกายประหลาด และแสงเทียนที่ถูกจุดไว้รอบตัวก็เคลื่อนไหวก่อให้เกิดเป็นเงาวูบวาบยิ่งทำให้ร่างนั้นราวกับภาพฝันหรือภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง
เพราะแบบนี้หรือ...อิโนะอุเอะถึงได้กลัวพี่ชายนัก
ใช่...เพราะผู้ชายคนนี้ทำให้อิโนะอุเอะกลัวถึงขนาดนั้น เพราะผู้ชายคนนี้ทำร้ายอิโนะอุเอะถึงขนาดนั้น เขาถึงได้มาที่นี่...มาเพื่อที่จะคุยกับคนตรงหน้านี่ให้รู้เรื่อง
“เจอตัวก็ดีแล้ว ฉันมีธุระจะคุยกับนาย” เจเอ่ยขึ้นในที่สุด
“กับฉัน?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “กับคนแปลกหน้าอย่างฉันนี่นะ?”
“ใช่ กับนายนั่นแหละ”
“หึ ๆ ๆ...ให้เดา...เรื่องคิโยะของฉันสินะ” ร่างเพรียวยังคงหัวเราะเรื่อย ๆ...เป็นเสียงหัวเราะที่เจรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันได้ยินจากอิโนะอุเอะเป็นอันขาด
“นายทำร้ายอิโนะอุเอะทำไม?” เจถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ทำร้าย? เปล่านี่”
“แล้วแผลที่ข้อมือของหมอนั่นคืออะไร!?” ร่างสูงปราดเข้าไปหา
“อย่าเข้ามานะ!!” ผู้เป็นเจ้าของห้องตวาดลั่นจนเจต้องชะงัก
“หมอนั่นบอกว่านายทำ แล้วยังจะบอกว่าเปล่าอีกงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ทำร้ายคิโยะ เด็กไม่ดีก็สมควรโดนลงโทษแล้ว” ดวงตาที่ปรายมองมาเป็นประกายดุดัน รอยยิ้มหายไปจากสีหน้า
“หมอนั่นทำผิดอะไร? แล้วลงโทษบ้าอะไรของนาย นั่นมันโรคจิตแล้ว”
“ไม่เกี่ยวกับแก” สรรพนามที่ใช้เรียกฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนไปทันที “ไสหัวกลับไปได้แล้ว”
“ฉันไม่กลับ จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”
“อย่ามายุ่งกับคิโยะของฉัน” น้ำเสียงแหบต่ำกดลงจนแทบจะเหลือเพียงเสียงกระซิบ หากเป็นเสียงกระซิบที่ทำให้คนฟังรู้สึกเย็นวาบไปถึงปลายนิ้ว “แกไม่เกี่ยวอะไรด้วย กลับไปได้แล้ว”
เจกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น รู้สึกถึงแรงกดดันจนหายใจลำบาก แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ “อิโนะอุเอะอยู่ไหน?”
“หมอนั่นจะไม่ออกมาพบแกหรอก ไสหัวไป” มือเรียวชี้ไปที่ประตูเป็นการไล่ส่ง
“บอกฉันก่อน...หมอนั่นทำผิดอะไร แกถึงได้ทำร้ายเขาแบบนั้น”
ร่างนั้นนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้...ใบหน้าหวานยื่นเข้ามาจนแทบจะประชิดใบหน้าของชายหนุ่ม
“เพราะคิโยะชอบไปยั่วผู้ชายอย่างแกไงล่ะ”
ขาดคำ เจก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อน้ำตาเทียนจากถ้วยเทียนในมือร่างเพรียวถูกราดรดลงมาบนแขนของเขา
“รู้แล้วก็ไสหัวไปให้พ้น แล้วไม่ต้องเสนอหน้ามาที่นี่อีก!!”
ประตูห้องถูกปิดใส่หน้าตามมาด้วยเสียงลั่นกุญแจ เจถูกผลักไสออกมาโดยไม่มีโอกาสได้เจอหน้าอิโนะอุเอะเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มก้มลงมองแขนของตัวเอง น้ำตาเทียนจับเป็นคราบเกรอะกรังอยู่ เขาไม่คิดว่าหมอนั่นจะกล้าทำอย่างนี้กับคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก แล้วยังสีหน้าและคำพูดนั่นอีกเล่า...เป็นโรคจิตสมบูรณ์แบบ
...อิโนะอุเอะอยู่ในห้องแบบนั้น...กับคนแบบนั้น...
นี่เขาจะทำอะไรเพื่ออิโนะอุเอะได้บ้างนี่!?
...
-
ช่วงเวลาดีๆ ของอิโนะอุเอะ ก่อนจะถึงบทสรุป
ตอนที่ 4
อิโนะอุเอะหยุดเรียนไปร่วมอาทิตย์จนเจรู้สึกเป็นกังวล เพราะเขาไปที่บ้าน อิโนะอุเอะก็เลยโดนพี่ชายโรคจิตนั่นเล่นงานเอาอีก...แบบนั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็เป็นความผิดของเขาเต็ม ๆ ที่เข้าไปยุ่งเสียจนเป็นเรื่องขึ้นมาอีก...ถ้าอิโนะอุเอะมาเรียน ต้องขอโทษเสียแล้ว...เจเหลือบมองที่นั่งข้าง ๆ ที่ว่างเปล่า วันนี้อิโนะอุเอะคงหยุดเรียนอีกตามเคย
แต่แล้วประตูห้องเรียนก็ถูกเปิดออก อิโนะอุเอะปรากฏตัวขึ้นที่นั่นด้วยสภาพร่างกายที่มีบาดแผลเต็มไปหมด เจถลันลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัว
ทันทีที่เห็นเจ คนที่หน้าประตูก็ผงะถอยแล้ววิ่งหนีไปทันที ร่างสูงไม่รอช้า เขารีบวิ่งตามออกไป อาจเพราะอาการบาดเจ็บทำให้อิโนะอุเอะวิ่งได้ไม่เร็วนัก และเพราะตอนนี้กำลังจะเริ่มคาบเรียนแล้วคนบนทางเดินจึงบางตากว่าตอนเลิกเรียน ทำให้อิโนะอุเอะไม่สามารถหนีพ้นสายตาของเจไปได้
ในที่สุดเจก็จับตัวอิโนะอุเอะไว้ได้ ตอนแรกร่างเพรียวพยายามดิ้นรนให้หลุด แต่เมื่อถูกเจรวบไปกอดไว้แนบอก ชายหนุ่มจึงหยุดขัดขืน
“ใจเย็น ๆ...อิโนะ ใจเย็น ๆ นะ” มือใหญ่ลูบลงบนเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มมือเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ร่างในอ้อมกอดสะท้านสั่นราวกับลูกนก
เจได้แต่กอดและปลอบโยนอยู่อย่างนั้นจนอิโนะอุเอะสงบลง
“อิโนะ...ไหวมั้ย?”
ไม่มีคำตอบนอกจากอาการพยักหน้ารับน้อย ๆ
“ไปพักสักหน่อยมั้ย? วันอากาศดี ๆ แบบนี้...ไปนั่งเล่นที่สวนกลางกันเถอะ”
สวนกลางคือสวนสาธารณะของมหาวิทยาลัย ที่ซึ่งเหล่านักศึกษาหรือคนนอกก็สามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ เจพาอิโนะอุเอะมานั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ตอนที่รู้สึกแย่ ก็ต้องที่ที่เห็นท้องฟ้ากว้าง ๆ นี่ละนะ” พูดแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นหญ้า “นอนลงมาสิ อิโนะ ฟ้าวันนี้สวยมากนะ”
“อืม...” อิโนะอุเอะค่อย ๆ ลงนอนตามคำชวน
เหนือเงาแมกไม้สูงขึ้นไปเบื้องบนคือท้องฟ้าสีครามเข้มแผ่กว้างไปไกลสุดตา สีฟ้ากระจ่างใสมีเพียงปุยเมฆบาง ๆ ล่องลอยติดลมบนอยู่ไม่กี่ปุย แสงแดดเป็นประกายระยับ โลกทั้งโลกสว่างเจิดจ้าเสียจนแทบทนมองไม่ได้
มือเรียวยกขึ้นปิดหน้า น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมาอย่างควบคุมไม่ได้...โลกนี้ช่างสว่างไสวเหลือเกิน ต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง...ราวกับว่าเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกใบนี้อย่างนั้นแหละ
พลันอุ้งมืออุ่นก็ค่อย ๆ กุมมือของอิโนะอุเอะเอาไว้แล้วค่อย ๆ ดึงออก ริมฝีปากอุ่นร้อนแนบลงมาจูบซับหยาดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้ อิโนะ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว” เสียงห้าวทุ้มกระซิบที่ข้างหู
อิโนะอุเอะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง คนตรงหน้ากำลังจ้องมาที่เขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและแสนอ่อนโยน...ทำไมถึงได้มองเขาด้วยสายตาอย่างนั้นนะ...คนที่อยู่ในเงามืดอย่างเขานี่...
“หยุดเรียนไปหลายวัน โดนพี่ชายเล่นงานเอาเหรอ?”
“อืม”
ที่จริง แม้จะไม่ต้องถาม สภาพร่างกายของอิโนะอุเอะก็บอกชัดอยู่แล้ว แขนทั้งสองข้างมีผ้าพันแผลพันไว้จนถึงฝ่ามือ ที่ใบหน้าก็มีแผลที่ถูกปิดทับไว้ด้วยผ้าก็อซแผ่นใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ข้อมือก็คงเต็มไปด้วยรอยกรีดแน่นอนอยู่แล้ว
“เพราะฉันไปที่บ้านนาย...ใช่มั้ย?”
ร่างเพรียวหลบตา เจถือเอาอาการนั้นเป็นการตอบรับ
“ขอโทษนะ”
“ไม่ใช่” อิโนะอุเอะรีบบอก “ไม่ใช่เพราะโอโนเสะซังหรอก เพราะฉันเถียงพี่...ฉันเถียงพี่เรื่องโนโนเสะซัง พี่ก็เลยโกรธ”
“ฟังยังไงมันก็เพราะฉันทั้งนั้นนี่”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น...” ร่างเพรียวปฏิเสธ “พี่ไม่ได้โกรธที่โอโนเสะซังไปที่บ้าน พี่แค่โกรธที่ฉันเถียง...ก็เลย...”
“รุนแรงกับนายมากเหรอ ถึงได้หยุดเรียนไปนานแบบนั้น”
“...พี่โกรธมาก ก็เลย...ลงมีดหนักกว่าปกติ...เลือดไหลไม่หยุด พอรู้สึกตัวอีกที ก็อยู่ที่โรงพยาบาล” หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินออกจากดวงตาคู่นั้นอีก “จำอะไรไม่ได้เลย...พี่คงโกรธฉันมากจริง ๆ...พี่คงอยากฆ่าฉันให้ตาย...”
เจรวบร่างตรงหน้ามากอดไว้แน่น “พอแล้ว อิโนะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
ร่างเล็ก ๆ ที่สั่นเทานี้...ไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตาอีกแล้ว...จะไม่ปล่อยไปไหนอีกแล้ว...
...
“เอ้า กาแฟร้อน ๆ ดื่มซะ จะได้รู้สึกดีขึ้น” เจวางถ้วยกาแฟหอมกรุ่นที่ส่งควันฉุยลงตรงหน้าอิโนะอุเอะ
“...ขอบคุณ” เอ่ยรับเบา ๆ แล้วกุมถ้วยกาแฟไว้ก่อนจะยกขึ้นจิบแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ ดวงตาทั้งสองแดงก่ำและยังชื้นไปด้วยน้ำตา
เมื่อสักพักใหญ่ที่ผ่านมานี่อิโนะอุเอะร้องไห้เสียเต็มที่ราวกับจะปลดปล่อยสิ่งที่เก็บกลั้นเอาไว้มาทั้งชีวิตออกมา เจได้แต่กอดเอาไว้อย่างนั้น จนคนในอ้อมกอดค่อยยังชั่วลงแล้วถึงได้พามาที่ห้องพักของตัวเอง
“ดื่มแล้วพักเสียหน่อยก็ได้นะ ที่นี่ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”
พอได้ยินเจบอกเช่นนั้น อิโนะอุเอะถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายของเจ เมื่อครู่เขาเอาแต่ร้องไห้เสียจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร...ทั้งความกลัวที่มีต่อพี่ชายและความอ่อนโยนที่เจมีให้เขา กระทบความรู้สึกของเขาอย่างรุนแรงเสียจนห้ามตัวเองไม่ได้...ที่บอกว่า “ปลอดภัย” เจคงหมายถึงปลอดภัยจากพี่ชายของเขาที่คงจะไม่มาที่นี่แน่นอน
“ขอบคุณ...แต่ฉันไม่เป็นไร” อิโนะอุเอะบอกเบา ๆ...เจไม่เข้าใจหรอกว่าเขาไม่มีวันหนีไปจากพี่ชายได้พ้น แม้จะอยู่ที่นี่พี่ชายก็ต้องตามหาเขาจนเจออยู่ดี
“ไม่เป็นไรได้ไง...” เจแย้ง “เอาเถอะ ยังไงก็พักเสียหน่อย วันนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้วก็ได้”
อิโนะอุเอะส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก ถ้าไม่ไปเรียนพี่ก็จะโกรธ”
ร่างสูงได้แต่ถอนใจ หมอนี่กลัวพี่ชายเข้ากระดูกจริง ๆ...แต่ก็นั่นแหละ ถ้าโดนแบบนั้นแทบทุกวันเป็นใครก็คงกลัวจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งนั้น แต่ที่เขาสงสัยก็คือ...ทำไมคนที่ได้ชื่อว่าเป็นฝาแฝดกันถึงได้ทำร้ายกันถึงขนาดนั้นได้...มือใหญ่เอื้อมไปจับไหล่ของอิโนะอุเอะบีบเบา ๆ
“นี่ อิโนะ วันนี้ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ นายเพิ่งออกจากโรงบาลมาใช่มั้ย พักสักนิดก็ได้ ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ให้พี่นายมาทำอะไรนายที่นี่หรอก...เข้าใจนะ”
น่าแปลกที่อิโนะอุเอะยอมเชื่อ อาจเพราะรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่ถ่ายทอดมากับมือนั้นก็เป็นได้ ตลอดวันนั้นทั้งวัน อิโนะอุเอะนอนหลับสนิทอยู่บนฟูกที่เจปูให้ เมื่อสังเกตใกล้ ๆ ก็จะเห็นว่าดวงหน้าหวานดูอ่อนล้าและมีริ้วรอยซีดเซียวอย่างคนปราศจากความสุข
...น่าสงสาร...เจบอกกับตัวเอง ถ้าทำได้เขาไม่อยากปล่อยให้อิโนะอุเอะไปไหนอีกแล้วจริง ๆ
ฉับพลัน ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
“...แล้วทำไม จะทำไม่ได้วะ”
แค่ขอให้อิโนะอุเอะอยู่ที่นี่มันยากตรงไหน การทำให้อิโนะอุเอะมีความสุขมันยากตรงไหน...ทำไมถึงจะทำไม่ได้
“เอ๋?”
“ไม่ต้องเอ๋ นายฟังไม่ผิดหรอก ฉันกำลังบอกให้นายอยู่ที่นี่กับฉัน”
เมื่อกี้เจได้บอกกับอิโนะอุเอะที่เพิ่งตื่นนอนได้ไม่นานแบบนั้น แต่เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเองเขาจึงย้ำอีกครั้ง
“มะ...ไม่ได้หรอก” อิโนะอุเอะรีบปฏิเสธทันที
“ได้สิน่า เสื้อผ้าก็มีให้ยืม เครื่องนอนก็มีให้พร้อม หรือถ้าอยากได้อาหารด้วยฉันก็ทำเป็นนะ”
“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้น” คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าแรง ๆ “โอโนะเสะซังก็รู้...”
“กลัวพี่ชายจะตามมาราวีฉันหรือไง?”
อิโนะอุเอะพยักหน้ารับ ตัวสั่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่าพี่ชาย
“หมอนั่นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เชื่อสิ ขนาดตัวก็ผิดกันเยอะแล้ว ถ้ามาจะตบให้คว่ำเลย” ที่พูดนั้นหมายความอย่างนั้นจริง ลึก ๆ แล้วเจยังแค้นที่โดนเอาน้ำตาเทียนราดแขนไม่หาย
“ไม่...อย่าพูดอย่างนั้น...พี่น่ะ...พี่น่ะ...” อิโนะอุเอะดึงแขนเสื้อของเจพลางละล่ำละลักบอก สีหน้าตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด
...ยังไงก็กลัวสินะ...เจคิด เขาดึงร่างที่สั่นระริกนั้นมากอดไว้กับอก
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไง ใช่มั้ย? เพราะงั้น ไม่เป็นไรหรอกนะ”
น่าแปลกที่คำปลอบโยนนั้นและอ้อมกอดของเจทำให้อิโนะอุเอะสงบใจลงได้ ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดของใคร แต่ทุกคนที่ผ่านมากอดเขาเพียงเพราะต้องการร่างกายของเขาเท่านั้น ไม่เคยมีใครเหมือนเจ แม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจถึงได้ห่วงใยและอ่อนโยนกับเขาถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ชอบเจที่เป็นแบบนั้น
ใช่...ชอบ...แม้จะรู้ว่ามันจะนำพาอันตรายมาสู่เจได้ก็ตาม
ในที่สุด คืนนั้นอิโนะอุเอะก็ไม่ได้กลับบ้าน เขาซุกหลับอยู่กับอกของเจใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เมื่อลืมตาขึ้นมาในตอนเช้า ก็พบคนที่นอนกกกอดเขาไว้ทั้งคืนตื่นก่อนแล้วและยิ้มให้เขา ทั้งที่ยังประหม่าและเขินอาย แต่อิโนะอุเอะก็ยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขามานานมากแล้ว
หลังจากนั้น เจและอิโนะอุเอะก็อยู่ในห้องด้วยกันตลอดหลายวันโดยที่ไม่ได้ไปเรียน แต่ละวันหมดไปโดยที่ต่างก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายนัก อิโนะอุเอะมักจะนอนหนุนตักหรือเกยอยู่บนตัวของเจและหลับสนิทราวกับไม่ได้นอนมาเลยทั้งชีวิต ระหว่างนั้นเจก็จะอ่านหนังสือบ้างหรือทำรายงานบ้างตามเรื่อง ชายหนุ่มลางานพิเศษและคอยดูแลคนที่เขาขอร้องแกมบังคับให้อยู่ร่วมห้องกับเขาเป็นอย่างดี บาดแผลของอิโนะอุเอะค่อย ๆ ดีขึ้นทีละน้อย และดูเหมือนว่าบาดแผลในหัวใจก็จะจางลงไปพร้อมกับรอยแผลที่ข้อมือด้วย
“อีกไม่นานก็คงหายแล้วละ ถึงจะทิ้งรอยไว้บ้างก็เถอะ” เจพูดพลางติดพลาสเตอร์ยาให้หลังจากทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว
“อืม” อิโนะอุเอะรับคำสั้น ๆ
“ถ้าหายแล้ว...ก็ต้องระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก” ร่างสูงพึมพำเหมือนจะพูดกับตัวเอง
คนตัวเล็กกว่าสลดวูบลง ถึงแผลจะหายสนิทดีก็เถอะ แต่ทันทีที่กลับบ้าน มันจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่...เขาไม่ได้กลับบ้านร่วมอาทิตย์แล้ว พี่ชายจะต้องโกรธจนไม่ฟังเสียงแน่...ที่จริงเขายังนึกแปลกใจด้วยซ้ำที่พี่ชายยังหาเขาไม่พบ...แต่ถ้าเมื่อไรที่คนคนนั้นหาที่นี่พบละก็...
เพียงแค่คิดถึงผู้เป็นพี่ชาย อิโนะอุเอะก็ตัวสั่น เจจับอาการนั้นได้จึงดึงร่างนั้นไปกอดไว้แน่น
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรแบบนั้นกับนายอีกแล้ว ต่อให้เป็นหมอนั่นก็เถอะ ถ้าโผล่มาละก็จะอัดให้คว่ำแล้วไล่ตะเพิดไปซะเลย ดีมั้ย?”
อิโนะอุเอะพยักหน้าน้อย ๆ แล้วซุกลงกับอกกว้าง กลิ่นอายของเจที่เริ่มจะคุ้นเคยทำให้เขาสงบลงได้อย่างประหลาดเสมอ ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ละก็ จะต้องปกป้องเขาได้แน่...ถ้าเป็นอ้อมแขนนี้ละก็ เขาคงจะสามารถหลับสนิทได้ตลอดไปแน่ ๆ...อิโนะอุเอะเชื่ออย่างนั้น
พลันปลายคางก็ถูกช้อนให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของอ้อมกอดที่มองมาด้วยสายตาแปลกไปกว่าเคย ดวงตาคมมีแววอ่อนซึ้งอยู่ในนั้น แม้จะประหม่าเขินอายแต่อิโนะอุเอะก็ไม่อาจหลบตาได้ จึงได้แต่หลับตาลงเมื่อริมฝีปากอุ่นโน้มเข้ามาใกล้และแนบสนิทลงกับเรียวปากอิ่มที่สะดุ้งไหวเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสนั้น
โดยไม่ต้องมีคำพูดใด อิโนะอุเอะก็รู้ได้ถึงความปรารถนาอันแสนหวานที่เจมีต่อเขา...และแน่นอน...เขาก็รู้สึกเช่นนั้นกับเจเช่นกัน
อิโนะอุเอะไม่ปฏิเสธอ้อมกอดของเจ ตอบรับความรู้สึกอันหอมหวานลึกล้ำด้วยร่างกายที่เปิดรับ และมอบความรู้สึกของตนผ่านการจุมพิตและสัมผัสให้ และเปลี่ยนความต้องการอันแสนเร่าร้อนและหวานล้ำดุจคอกเทลฤทธิ์แรงให้แก่กันและกันตลอดทั้งคืน กระทั่งผล็อยหลับไปอย่างเป็นสุขในอ้อมกอดที่เขาไว้วางใจ
...
-
บทสรุป ของแสงและเงาสำหรับฝาแฝดคู่นี้
ขอให้สนุกรับวันหยุดนี้นะค่ะ
...
END
แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดม่านหน้าต่างเข้ามากระทบใบหน้าของร่างเพรียวบางที่ยังขดหลับอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเป็นสุข อิโนะอุเอะปรือตาขึ้นแล้วก็เห็นเจกำลังแต่งตัวเหมือนเตรียมตัวออกไปข้างนอกอยู่
“...เจ...” ชายหนุ่มพึมพำเรียกเบา ๆ เจ้าของชื่อจึงหันกลับมามอง
“ตื่นแล้วเหรอ เห็นกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุกน่ะ” รอยยิ้มอบอุ่นที่มีให้เสมอมาดูอ่อนโยนยิ่งกว่าเก่า
“จะไปไหนเหรอ?”
“วันนี้ต้องส่งรายงานน่ะ ของนายเองก็เรียบร้อยแล้ว ฉันจัดการให้หมดแล้ว” เจชู USB drive อันเล็ก ๆ ให้ดู พอเห็นอิโนะอุเอะทำหน้างุนงงก็ปธิบายต่อ “ตอนที่นายไม่มาเรียน มีรายงานน่ะ ฉันก็เลยจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ก็ลอกของฉันไปนั่นแหละนะ ภาวนาเอาแล้วกันว่าอย่าให้อาจารย์จับได้”
ที่เห็นเจนั่งทำมาตลอดหลายวันนั่นคือรายงานสองเล่มงั้นหรือ...อิโนะอุเอะทำหน้าอย่างไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดี แม้จะรู้ความรู้สึกของเจ แต่เจก็ทำเพื่อเขามากเหลือเกิน
“เดี๋ยวไปเข้าเล่มส่งรายงานเสร็จแล้วจะรีบกลับนะ นายนอนต่อก่อนก็ได้” เจบอกพลางคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายบ่า “เดี๋ยวมานะ”
พูดแล้วร่างสูงก็ออกจากห้องไป
อิโนะอุเอะนอนจ้องมองประตูที่ปิดสนิทเมื่อผู้เป็นเจ้าของห้องออกไปเรียบร้อยแล้วอย่างว่างเปล่านิด ๆ หลายวันมานี้เขาอยู่กับเจมาตลอด ไม่เคยต้องอยู่คนเดียวเลย แม้เขาจะทำตัวตัดขาดจากคนอื่นอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยอยู่คนเดียวเลย...ไม่เคยเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวตามลำพังจริง ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเหมือนความฝัน แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ ทุกสัมผัสของเจยังติดตรึงอยู่บนเรือนร่างและในความรู้สึก...เสียงกระซิบที่ข้างหู กลิ่นอายที่เริ่มจะคุ้นเคย และความหยาบกร้านของมือที่ลูบไล้ไปตามผิวกาย...ทั้งหมดของเจตราตรึงอยู่ในตัวเขา เช่นเดียวกับที่เขาก็มอบทั้งหมดของเขาให้กับเจ
ถ้าได้อยู่กับเจตลอดไปก็ดีสิ...อิโนะอุเอะคิดพลางปิดเปลือกตาลงอย่างมีความสุข ถ้าได้อยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไปก็คงดี ได้อยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นที่จะคอยปกป้องเขาตลอดไป ไม่ต้องคอยหวาดผวากับความเจ็บปวดที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร ไม่ต้องคอยหวาดกลัว...พี่ชาย...
“คิโยโนบุ!!”
เสียงตวาดดังก้อง อิโนะอุเอะสะดุ้งสุดตัวและรีบลืมตาขึ้น...เป็นไปไม่ได้!...
ร่างที่คุ้นตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันราวกับภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงายืนอยู่ที่หน้าประตู
“...พี่...!?”
“ตกใจทำไม? นายก็รู้ดีนี่ว่านายไม่มีวันหนีจากฉันไปไหนได้” ร่างนั้นก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาเย็นชาเป็นประกายวาววับมีเพลิงโทสะเต้นระริกอยู่ในนั้น
ร่างนั้นนั่งลงตรงหน้า อิโนะอุเอะพยายามจะขยับตัวหนี แต่ก็ทำไม่ได้ สายตาที่จ้องมาราวกับตางูที่จ้องสะกดเหยื่อ พี่ชายที่มักจะยิ้มเรื่อย ๆ อยู่เสมอบัดนี้สีหน้านั้นนิ่งเย็นราวกับฉาบด้วยน้ำแข็ง มือเรียวเอื้อมมาหาแล้วกระชากผ้าห่มที่คลุมร่างของอิโนะอุเอะออกอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองสำรวจทั่วร่างของผู้เป็นน้องชาย ก่อนจะหรี่ลงด้วยความไม่พอใจ
“จนได้...ในที่สุดแกก็อ้าขาให้มัน” น้ำเสียงเยียบเย็นจนน่าขนลุก
“ปละ...เปล่า..ไม่ใช่...” อิโนะอุเอะพยายามปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าปกปิดไม่ได้
“อย่าแก้ตัว! เห็นอยู่ตำตาขนาดนี้ยังจะพูดแบบนั้นอีกเหรอ!? แกดูตัวเองซะก่อน นี่มันรอยอะไร!? มันทิ้งเอาไว้ใช่มั้ย? ใช่มั้ย!?” ตวาดลั่นพลางจิ้มลงไปตามรอยจูบสีเข้มที่เกลื่อนอยู่บนอกของผู้เป็นน้อง
“มะ...ไม่ใช่...นี่มัน...” ชายหนุ่มพยายามจะแก้ตัวหากจนด้วยคำพูด
“อ้าขาออก คิโยโนบุ”
“เอ๊ะ?”
“ให้ฉันรู้ว่ามันไม่ได้ทำกับแกมากไปกว่านี้...อ้าขาออก!” ไม่เพียงแต่ออกคำสั่งหากยังกดร่างของอิโนะอุเอะลงกับฟูกแล้วใช้สองมือแยกเข่าที่พยายามหุบแน่นออกจากกัน
แน่นอนว่าที่ซอกขาของอิโนะอุเอะยังคงมีคราบไคลจากการกระทำเมื่อคืนอยู่ แต่แค่นั้นยังไม่พอ นิ้วเรียวสอดเข้าไปในช่องทางเร้นลับอย่างไม่มีอารัมภบท อิโนะอุเอะสะดุ้งสุดตัว กรีดร้องลั่น หากอีกฝ่ายไม่ใส่ใจ เรียวนิ้วกวาดควานไปทั่วจนสาแก่ใจจึงได้ถอนออก
สิ่งที่เคยเป็นของเหลวที่ตอนนี้จับตัวเป็นก้อนสีขาวขุ่นคล้ายเจลลี่ติดออกมากับนิ้วนั้นไม่น้อย
ผู้ป็นพี่จ้องสิ่งที่อยู่ในมือนิ่ง เรียวปากอิ่มเม้มแน่นราวกับพยายามสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ ดวงตาสีเข้มสั่นพร่าอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นคุโชนด้วยไฟโทสะ ทั้งร่างสั่นเทิ้ม
อิโนะอุเอะหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก หมดถ้อยคำจะปฏิเสธหรือโต้แย้งได้
“ฉันจะไม่ให้แกได้เจอมันอีก...ไม่มีวัน...ฉันจะไม่ให้แกออกไปไหนได้อีก...ไม่ให้ออกไปยั่วผู้ชายที่ไหนได้อีก...จะไม่ให้ออกไปไหนอีก...ได้ยินมั้ย!! ฉันจะไม่มีวันให้แกออกไปไหน! ไม่มีวันให้แกได้เจอมันอีก!!!!”
...
ตอนที่เจกลับมาถึงห้องก็เหลือเพียงสภาพห้องที่ข้างของกระจัดกระจายราวกับมีไต้ฝุ่นพัดผ่านเข้ามา แต่ไม่มีร่างของอิโนะอุเอะที่ควรจะนอนพักอยู่...สภาพร่างกายแบบนั้นไม่ควรจะไปไหนได้นี่นา เมื่อเช้าอิโนะอุเอะเหมือนจะเป็นไข้เสียด้วยซ้ำ...แถมสภาพห้องนี่มันอะไรกัน...
“...หรือว่า...หมอนั่น!?”
คิดได้อย่างนั้นแล้วเจก็รีบผลุนผลันออกจากบ้าน ไม่ผิดแน่...พี่ชายของอิโนะอุเอะจะต้องตามมาเจอ และพาตัวกลับไปแล้ว...คงจะต้องทะเลาะกันใหญ่โตแน่ ๆ ห้องถึงได้เละเทะขนาดนั้น โดนพาตัวไปแบบนี้...ไม่รู้ว่าไอ้โรคจิตนั่นจะลงไม้ลงมือรุนแรงแค่ไหน ครั้งก่อนแค่เขาโผล่หน้าไปก็ยังเล่นงานเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วนี่...ถ้ามันรู้เรื่องระหว่างเขากับอิโนะอุเอะละก็...
เจภาวนาไปตลอดทางให้อิโนะอุเอะปลอดภัย
พอถึงหน้าห้องพักอันเป็นที่หมาย เจก็กดกริ่งหน้าห้องรัวไม่ยั้ง ทว่าก็ยังไม่มีเสียงตอบ ชายหนุ่มจึงทุบประตูและตะโกนเรียก
“อิโนะอุเอะ! อิโนะ!! ได้ยินมั้ย? นี่ฉันเอง เจไง เปิดประตูหน่อย! อิโนะอุเอะ!!”
ครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงลูกบิดประตูลั่นกริ๊ก แม้ประตูจะไม่เปิดออกแต่เจก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นเปิดล็อกให้เขาเข้าไป
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้าไปเต็มแรง อากาศในห้องเย็นเยียบและอวลด้วยกลิ่นหอมเย็นชวนสะอิดสะเอียนอย่างที่เจเคยได้สัมผัสเมื่อครั้งก่อน เทียนไขหลายเล่มที่วางไว้ตรงนั้นตรงนี้ส่องแสงวอมแวมจนทำให้เจรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง
ร่างของผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องและจ้องเขม็งมาที่ผู้มาเยือน แม้จะไม่เห็นหน้าชัดนัก แต่เจก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่อิโนะอุเอะที่เขาต้องการพบ
“มีธุระอะไร?” ดวงตาที่เหลือบมองมาแฝงแววอาฆาตมาดร้ายอย่างผิดปกติ
“อิโนะอุเอะอยู่ไหน?” ความเป็นห่วงคนรักอยู่เหนือความกลัว ทำให้เสียงที่ถามออกไปค่อนข้างจะแข็งกร้าว
“ฉันนี่ไง อิโนะอุเอะ” อีกฝ่ายตอบอย่างเย็นชา
“ฉันไม่ได้หมายถึงนาย ฉันหมายถึงอิโนะอุเอะของฉัน”
“ของแก!?” น้ำเสียงสงบนิ่งเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที ประโยคต่อมาตวาดลั่น “คิโยะของฉัน! ไม่ใช่ของแก!!”
“แกที่ทำร้ายเขาถึงขนาดนั้น ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาเป็นของแกอีกงั้นเหรอ!?” เจตะคอกตอบอย่างไม่กลัวเกรง
“คิโยะเป็นของฉัน! เป็นมาตั้งแต่แรก...และตลอดไป! คิโยะไม่มีวันเป็นของแก!!”
“...จากวันนี้ไป อิโนะอุเอะเป็นของฉัน และฉันจะไม่มีวันคืนให้แก” ร่างสูงตอบพลางเดินเข้าไปใกล้
ร่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาเป็นประกายวาบ แสงเทียนทำให้รอยยิ้มและตาคู่นั้นดูราวกับปีศาจร้ายที่จ้องจะขย้ำเหยื่อ
“ของแกงั้นเหรอ...? แกบอกว่าคิโยะเป็นของแกงั้นเหรอ? ฮะ...ฮะ ๆ ๆ ๆ จะขำตาย! แกคิดว่านอนกับคิโยะแค่ครั้งเดียวก็ทำให้คิโยะเป็นของแกได้งั้นเหรอ!? ไอ้หน้าโง่เอ๊ย!!” ร่างเพรียวระเบิดหัวเราะก้อง “คิโยะเป็นของฉัน! ของฉันคนเดียวเท่านั้น ไม่มีวันไปเป็นของคนอื่นได้หรอก!!”
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งช่างรบกวนจิตใจ เจตรงเข้าไปกระชากแขนของอีกฝ่ายดึงให้ลุกขึ้นยืน เค้นถามเสียงกร้าว
“อิโนะอุเอะอยู่ที่ไหน?”
ร่างเพรียวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเปลี่ยนเป็นเครียดขมึงด้วยความโกรธแค้น
“ฉันไม่ให้คิโยะได้เจอแกหรอก”
“ฉันถามว่าอิโนะอุเอะอยู่ที่ไหน!?” เจตะคอกถาม
แม้จะพยายามดึงแขนออกแต่ก็ไม่หลุด เจมีแรงมากกว่าเขาชนิดเทียบกันไม่ติด ชายหนุ่มจึงแสยะยิ้มให้
“หาเอาเองสิ”
เจจ้องตาอิโนะอุเอะผู้พี่ หากแววตาที่จ้องตอบมาเต็มไปด้วยความชิงชังและแววของการโกหก ชายหนุ่มสะบัดปล่อยแขนนั้นแล้วเดินไปเปิดประตูด้านในที่น่าจะเป็นห้องนอน...ถูกละ มันคือห้องนอน แต่ในห้องเล็ก ๆ นั่นไม่มีอิโนะอุเอะ
เจผละจากห้องนอนไปเปิดห้องน้ำและห้องอาบน้ำ แต่ที่ไหน ๆ ก็ไม่มีร่างของอิโนะอุเอะ
พลันก็แว่วเสียงหัวเราะดังมา ชายหนุ่มหันขวับไปดู แล้วก็เห็นผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังยืนหัวร่องอหายราวกับกำลังดูรายการตลกอยู่ก็ไม่ปาน
เจตรงเข้าไปคว้าไหล่บางไว้แน่น หมอนี่ต้องเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่แน่
“อิโนะอุเอะอยู่ไหน!?” ร่างสูงตวาด เขาไม่อยากทนกับคนตรงหน้านี่อีกแล้ว
ร่างเพรียวแย้มเยื้อนอย่างยั่วยุ “นั่นสิ...อยู่ที่ไหนน้า...”
เจนึกอยากตบเจ้าหมอนี่ให้สักเปรี้ยง แต่สู้อดกลั้นเอาไว้ เขายังหาอิโนะอุเอะไม่พบ ชายหนุ่มตะคอกถามพลางเขย่าร่างนั้นอย่างแรง
“ตอบมา!! แกเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน! อิโนะอุเอะไปไหน!?”
“อึ่ก...เจ็บ...เจ็บ!! ปล่อยนะ!!” ร่างเพรียวรวบรวมแรงสะบัดตบเจเต็มแรงแล้วกระชากตัวถอยออกมา ลมหายใจหอบถี่ แววตาแค้นเคืองเป็นประกายราวกับหมาบ้า
“อิโนะอุเอะอยู่ที่ไหน...?”
“หึ...อยู่ที่ไหนงั้นเหรอ...ไอ้หน้าโง่!! ก็อยู่ตรงหน้าแกมาตลอดนี่ไง! ไม่รู้งั้นเหรอ? ทั้งที่ขโมยคิโยะไปจากฉันตั้งหลายวัน แต่ไม่รู้เหรอว่าคิโยะก็อยู่ตรงหน้านายมาตลอดนี่แหละ!!”
“อะ...ไรนะ?” เจไม่เข้าใจคำพูดนั้นแม้แต่น้อย
ร่างเพรียวยกมือขึ้นทาบอกพลางสยายยิ้มกว้าง “คิโยโนบุอยู่ที่นี่...อยู่ข้างในนี้! อยู่ข้างในตัวฉันนี่!!”
“พูดบ้าอะไรของแก?” ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือไง
“หึ...ไม่เชื่อเหรอ?...ที่จริงฉันคิดว่าจะไม่ได้คิโยะได้เจอแกอีกเป็นครั้งที่สอง...” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินเกร่ไปที่โต๊ะกลางห้อง “แต่ในเมื่อแกไม่เชื่อ...ฉันจะให้เจอหน้ากันอีกสักครั้งก็ได้...”
เจมองตามร่างนั้นไปอย่างไม่เข้าใจ ร่างเล็กก้มหน้านิ่งนิดหนึ่งก่อนจะหันหน้ามาทางเขา
“เจ! หนีไป!! หนีไปเร็วเข้า! หนีไป!!”
สีหน้าและแววตาคู่นั้น ท่าทางนั้น...น้ำเสียงนั้น...เป็นไปไม่ได้!?
“อิโนะ...!?”
แล้วร่างนั้นก็ชะงักนิ่งไปกะทันหัน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะแผดก้อง
“ฮะ ๆ ๆ ๆ ดูทำหน้าเข้าเซ่! ตกใจมากหรือไง? ฮะ ๆ ๆ ๆ คิดไม่ถึงใช่มั้ย ว่าจะเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าคิโยะคือส่วนหนึ่งของฉันใช่มั้ย? ฮะ ๆ ๆ” ร่างเพรียวหัวเราะพลางเช็ดน้ำตาเหมือนกับกำลังดูรายการที่ตลกที่สุดในรอบปี
เจยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก...อิโนะอุเอะของเขาคือคนคนเดียวกับผู้ชายบ้าคลั่งตรงหน้านี้...นี่มันเรื่องอะไรกัน!?
“ฮะ ๆ ๆ ๆ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องใช่มั้ย? คิโยะคงไม่เคยบอกแกสินะ...ไม่แปลกหรอก เพราะคิโยะก็ไม่รู้เหมือนกัน” คนที่อิโนะอุเอะเรียกกว่าเป็นพี่มาตลอดเดินไปเปิดลิ้นชักเคาน์เตอร์ครัว “คิโยะน่ะเข้าใจว่าฉันเป็นพี่ชายฝาแฝดมาตลอด เพราะคิโยะจะเห็นฉันก็ตอนที่อยู่ในห้องนี้ตามลำพัง คิดว่าฉันเป็นพี่ชายที่ร่างกายอ่อนแอจนออกไปไหนไม่ได้มาตลอด...แต่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองนั่นแหละที่อยู่ในร่างของฉัน!”
“อยู่ในร่างของนาย?...หมายความว่าไง?” เจยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก
มือเรียวหยิบมีดทำครัวเล่มใหญ่ออกมากุมกระชับไว้ในมือแน่น เจมีท่าทีระวังตัวทันที
“ก็ไม่หมายความว่ายังไง ก็แค่ฉันใจดี ยกร่างนี้ให้คิโยะออกไปข้างนอก ไปเรียนหนังสือ ไปล่อผู้ชายโง่ ๆ มาให้ฉันเชือดเล่น...ก็แค่นั้น ตอนที่ยังหาเหยื่อไม่ได้ก็เชือดคิโยะเล่นไปพลาง ๆ ก่อน เสียงร้องของคิโยะน่ะเพราะออก จริงมั้ย...หึ...หึ ๆ ๆ...หึ...” เสียงหัวเราะขาดห้วงไป ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเบิกกว้าง ก่อนจะหันขวับมามองเจและยกมีดขึ้นชี้หน้าอย่างมาดร้าย “แต่ฉันไม่คิด...ไม่คิดว่าคิโยะจะบ้าไปอ้าขาให้แก!! แกเป็นใคร! กล้าดียังไงถึงมากอดคิโยะของฉัน!!...ไม่...ไม่สิ...คิโยะ...เพราะแก...เพราะแกคิโยะถึงได้เอาร่างของฉันไปยกให้แก!! ร่างนี้...ร่างของฉัน! คิโยะไม่มีสิทธิ์อะไรแท้ ๆ แต่กลับไปอ้าขาให้แก! ร่างของฉัน!!”
อิโนะอุเอะพุ่งเข้าหาเจพร้อมมีดในมือ แต่ชายหนุ่มที่ระวังตัวเตรียมไว้อยู่แล้วหมุนตัวหลบแล้วยึดข้อมือข้างที่ถือมีดไว้แน่น
“ปล่อย!! ไอ้สวะ! ฉันจะฆ่าแก! แกกล้าดียังไงมาแตะต้องฉัน!! ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะให้คิโยะเห็นแกตาย!! คิโยะจะต้องทรมานไปตลอดชาติ ให้สาสมกับความผิดที่ทำเอาไว้!!”
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง! อธิบายมาซะ นี่มันเรื่องอะไร? ที่ว่าอิโนะอุเอะอยู่ในตัวแกมันหมายความว่ายังไง?” เจถามทั้งยังจับยึดร่างนั้นไว้แน่น
“นี่มันร่างของฉัน คิโยโนบุเป็นแค่ผู้อาศัย!! คิโยะเป็นแค่น้องชายที่ไม่ได้เกิดมาของฉัน...น้องชายฝาแฝด...ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าคิโยะมีตัวตนอยู่ในตัวฉัน จนกระทั่งวันนึงที่คิโยะปรากฏตัวขึ้นมา...วันที่ฉันฆ่าคนเป็นครั้งแรก...หึ คิโยะร้องไห้ประสาทเสียจนคนรอบข้างคิดว่าฉันช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครคิดว่าเป็นความผิดของฉัน...ฉันก็เลยคิดอะไรสนุก ๆ ได้ ต่อให้ฆ่าคน...แต่ใครจะคิดว่าอย่างคิโยะจะฆ่าคนได้ เอาคิโยะไปเป็นเหยื่อล่อ...เอาคิโยะไว้เป็นของเล่น...แต่งตัวให้น่ารัก แล้วออกไปล่อเหยื่อมาให้ฉัน...ตลอดสิบกว่าปีมานี่สนุกจะตายไป! นึกภาพสิ...คิโยะที่พยายามทุกวิถีทางที่จะหนีให้พ้นจากฉันน่ะ เอาตัวเองไปไว้ในกลุ่มคน อยู่ข้างนอกจนดึกจนดื่น ไปกับคนนั้นคนนี้...แต่พอรู้สึกตัวอีกที ก็หนีฉันไม่พ้น! ต้องร้องไห้...ต้องถูกลงโทษ...ต้องเสียคู่ขา...เป็นของเล่น...เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ๆ ที่น่ารักจริง ๆ!!”
เจฟังถ้อยคำที่เหมือนจะพร่ำเพ้อแล้วก็สะท้านเยือกอยู่ในใจ จิตวิญญาณที่อยู่ในร่างของอิโนะอุเอะในตอนนี้เป็นโรคจิตสมบูรณ์แบบ...และฆาตกรโดยกำเนิด!! แต่ยังมีสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ...
“แก...ให้อิโนะกรีดข้อมือตัวเอง แล้วก็ทำร้ายเขา...แต่แกบอกว่าเป็นร่างของแก แล้วแกไม่เจ็บปวดหรือไง?”
“ไม่! ในเมื่อฉันไม่ได้ครองร่างนี้ทำไมฉันจะต้องเจ็บ? ตอนที่คิโยะกรีดมีดลงไปบนผิวน่ะ...มันให้ความรู้สึกดีจะตาย ความเจ็บปวดทางวิญญาณที่สะท้อนมาบาง ๆ น่ะ ทำให้เสียวซ่านไปหมดทั้งร่างเลยละ จะมีก็แค่วันนี้เท่านั้นละนะที่เจ็บ...แต่ไม่เป็นไร แผลพวกนี้กำลังจะหายอยู่แล้ว ฉันไม่เจ็บนานหรอก...ต้องขอบใจแกด้วยนะ ไอ้หน้าโง่ อุตส่าห์รักษาให้อย่างดีขนาดนี้ ฮะ ๆ ๆ”
นี่มันเรื่องอะไร...คนตรงหน้านี้คือคนคนเดียวกับคนรักของเขาจริง ๆ งั้นหรือ
“แต่จากนี้ไป...ไม่ต้องใช้คิโยะเป็นเหยื่อล่อก็ได้ จากนี้ไปฉันจะออกล่าเอง ให้คิโยะต้องทรมานกับการเห็นความตายครั้งแล้วครั้งเล่า โทษฐานที่ทำให้ร่างของฉันแปดเปื้อน!” ดวงตาเป็นประกายวาววับหันมาจ้องหน้าเจ “เริ่มที่แกคนแรก...ดูซิว่าคิโยะจะร้องยังไงตอนที่ฉันเชือดแก!!
ร่างเพรียวสะบัดมือที่ล็อกตัวเอาไว้ออกด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ จ้วงมีดเข้าใส่เจอย่างรวดเร็ว แต่เจก็ไวทายาด เขาปัดมือนั้นไปให้พ้นทางก่อนจะยึดไว้อีกครั้งและเงื้อมือขึ้นหมายจะต่อยสักเปรี้ยง
แต่แล้วก็ต้องชะงัก...คนตัวเล็กกว่าหลับตาแน่น เกร็งไปหมดทั้งตัวราวกับหวาดกลัวกำปั้นที่จะสวนเข้าหา เมื่อไม่โดนแรงปะทะใด ๆ ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วจ้องหน้าเจด้วยแววตากลัวเกรงระคนหวั่นไหว
“...เจ...” เสียงสั่นพร่ากระซิบเรียกชื่อคนตรงหน้า
“...อิโนะ...งั้นเหรอ?”
ไม่กี่อึดใจที่ชายหนุ่มชะงัก พลันก็ร้อนวาบที่ท้อง ครั้งแรกมันชา...แต่แล้วก็ตามมาด้วยความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าใส่ เจรู้สึกว่าสองขาหมดเรี่ยวแรงจนทรุดฮวบลงกับพื้น สองมือปล่อยร่างที่ยึดไว้มากุมที่ท้อง เลือดสีแดงอุ่นร้อนไหลทะลัก...เขาถูกแทง!
วูบหนึ่งในอนุสติ เจได้ยินเสียงอิโนะอุเอะหวีดร้อง
“ฮะ ๆ ๆ ๆ หน้าโง่!! แกมันโง่จริง ๆ! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันจะไม่ปล่อยให้คิโยะได้ออกมาเจอแกอีก! นี่ไง...แค่มารยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็หลอกควายอย่างแกได้แล้ว” ร่างเพรียวก้าวมายืนค้ำร่างที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น “คิโยะมันบ้า...บ้าที่เลือกคนอย่างแก! และจากนี้ก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดกาล...ถ้าไม่เลือกแก ถ้าไม่ปล่อยใจให้แก...ยอมเป็นของเล่นของฉันไปเรื่อย ๆ อย่างที่เป็นมา แกก็จะไม่ต้องตาย...แต่สายไปแล้ว คิโยะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว ฉันจะเชือดแกต่อหน้าคิโยะ...จะตัดหัวของแกเก็บไว้ด้วยดีมั้ย ให้คิโยะได้เห็นหน้าแกทุกวัน จะได้เจ็บปวดทรมานไปจนตาย ฮะ ๆ ๆ!!”
มีดคมกริบถูกเงื้อขึ้นสุดแขนและจ้วงลงมาเต็มแรง เจหลับตาแน่น...เขาจะต้องตายอย่างนี้งั้นเหรอ ทั้งที่ช่วยอิโนะอุเอะไม่ได้เลยนี่นะ...
แต่วาระสุดท้ายกลับมาไม่ถึง มีดนั้นไม่ได้ทิ้งลงมา เจรีบลืมตาขึ้นมอง...เขาเห็นร่างของอิโนะอุเอะค้างมือไว้เหนือร่างของเขาเพียงฉิวเฉียด
“อึ่ก...ปล่อยฉัน...คิโยะ!” เสียงกระซิบดุดัน มือเกร็งสั่นราวกับกำลังต่อสู่กับแรงอะไรบางอย่างที่รั้งมันเอาไว้
“ไม่” เสียงตอบออกมาจากริมฝีปากเดียวกัน หากฟังราวกับเป็นคนละคนกันโดยสิ้นเชิง “ฉันจะไม่ให้พี่ทำร้ายเจมากกว่านี้อีก”
“ฉันบอกให้ปล่อย! นี่มันร่างของฉัน แกไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น!!”
“ร่างของพี่ก็จริง แต่พี่ประมาทเองที่ให้ฉันครองร่างนี้มาเป็นสิบปี สายใยของฉันกับร่างนี้แข็งแกร่งกว่าพี่นะ”
“ไม่!! หายไปซะ! คิโยะ! กลับเข้าห้องไปซะ!!”
เจตะลึงมองการโต้เถียงกันของวิญญาณทั้งสองดวงอยู่เช่นนั้น...ในร่างนั้นมีวิญญาณสองดวงอยู่จริง และตอนนี้กำลังต่อสู้กันเพื่อชีวิตของเขา
“พี่...ฉันยอมพี่มาตลอด เพราะฉันกลัวพี่ ฉันถูกพี่กดเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว...นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้...เพื่อเจ”
“เพื่อมัน!? บ้าอะไรของแก แค่เอาร่างของฉันไปยกให้มันยังไม่พออีกงั้นเหรอ! เป็นบ้าอะไรของแก คิโยโนบุ!!”
“พี่ไม่เข้าใจหรอก...เพราะพี่ไม่เคยรักใคร พี่รักแค่ตัวเอง...พี่ฆ่าทุกคนที่เข้าใกล้ฉันเพื่อปกป้องตัวเอง ปกป้องร่างกายของตัวเอง แต่กลับไม่เคยคิดจะครองร่างนี้เพราะพี่เกลียดความเจ็บปวด...ใช่ ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันรู้สึกตัวขึ้นมา...พี่ก็หยุดความนึกคิดของพี่ไว้แค่ตอนนั้น ความคิดของเด็กที่โลกทั้งโลกหมุนรอบตัวเอง...”
“หุบปาก! แกไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้!!”
“และเพราะพี่เป็นเด็กแบบนั้น...ฉันถึงปล่อยพี่ไว้คนเดียวไม่ได้ แต่...ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ พี่ก็จะฆ่าเจ ซึ่งฉันก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้น...ฉันจะทำให้มันจบเอง”
อิโนะอุเอะค่อย ๆ ลุกขึ้น สายตาที่ทอดมองเจเต็มไปด้วยความอาลัยรัก
“นายจะไม่เป็นไร...ฉันจะปกป้องนายเอง...”
พูดจบอิโนะอุเอะก็เดินออกจากห้องไป
เจคิดว่าเขารู้ว่าอิโนะอุเอะคิดจะทำอะไร ชายหนุ่มพยายามยันกายขึ้น แผลที่ท้องไม่เล็กเลย แต่เขายังพอทนไหว ถ้าไม่รีบไปละก็...
สายลมแรงพัดวูบผ่านดาดฟ้า ร่างเพรียวบางปีนออกไปยืนอยู่นอกลูกกรง ในหัวเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องไม่ยินยอมกับการตัดสินใจของเขา
“พี่...พอเถอะ...เราไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันดีกว่า”
“ไม่!! ไม่เอา! ฉันไม่อยากตาย!!”
เสียงประตูดาดฟ้าเปิดออก ร่างอันชุ่มด้วยเลือดของชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองโผเผออกมายืนพิงกำแพงไว้อย่างอ่อนแรง
“อิโนะ...อย่านะ...”
ร่างเพรียวหันไปมองแล้วยิ้มให้
“นี่เป็นทางเดียวที่พี่จะฆ่านายไม่ได้...” น้ำตาไหลหยดจากดวงตากลมโตแล้วโดนลมพัดหายไป “ขอบคุณที่รักฉันนะ เจ...ฉัน...ก็รักนายเหมือนกันนะ”
ขาดคำ อิโนะอุเอะก็ทิ้งร่างลงไปในความว่างเปล่าเบื้องล่าง ในหูได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังก้อง
...ดีเหลือเกิน ที่เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงของคนที่เขารัก...
“พี่รู้มั้ย ฉันจะทิ้งทุกอย่างแล้วหลับลึกไปในความมืดเลยก็ได้ แต่ฉันไม่ทำ...เพราะฉันทิ้งพี่ไว้ไม่ได้...ฉันรักพี่นะ...”
...
ชายหนุ่มร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินหยาบ สองข้างทางเรียงรายด้วยป้ายหินหลุมศพ ผ่านไปหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่คืนที่คนรักของเขาฆ่าตัวตาย บาดแผลของเขาก็หายสนิทแล้ว
มือใหญ่กำช่อดอกไม้ไว้แน่น...ความจริง มันไม่ควรจบแบบนี้เลย เขาควรจะห้ามอิโนะอุเอะไว้ให้ได้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม...
แต่มันก็จบลงแล้ว...อิโนะอุเอะไม่อยู่แล้ว...
...และอิโนะอุเอะผู้พี่ก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน...
เจชะงักเท้า ที่หน้าหลุมศพมีใครบางคนยืนอยู่ก่อนแล้ว พอตั้งใจดูให้ดีก็พบว่าเป็นแม่ของอิโนะอุเอะที่ได้พบกันในงานศพ พอฝ่ายนั้นหันมาเห็นเขาก็เอ่ยทัก
“ไม่เจอกันนานนะจ๊ะ”
“ครับ นานทีเดียว”
“แผลเป็นยังไงบ้าง?”
“หายเรียบร้อยดีแล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอโทษนะจ๊ะ ที่คิโยโนบุเขา...” เธอยังดูเป็นกังวลมากเหลือเกิน
“ไม่หรอกครับ เรื่องมันผ่านมาแล้ว คุณแม่อย่าพูดแบบนั้นอีกเลย”
หลังจากเยี่ยมหลุมศพแล้ว เจก็เดินเคียงข้างแม่ของอิโนะอุเอะลงมาจากสุสาน แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวของลูกชายให้ฟัง
“คิโยโนบุน่ะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฉันหรอกจ้ะ แต่เป็นลูกของน้องสาว”
“อ้าว แล้วทำไม?”
“โชคไม่ดีน่ะจ้ะ ตอนที่คิโยโนบุยังแบเบาะ เธอโดนสามีฆ่าตาย แล้วผู้ชายคนนั้นก็ถูกตำรวจยิงตาย ฉันก็เลยรับเอาเด็กคนนั้นมาเป็นลูก” สายตาที่หรุบต่ำดูแสนเศร้า “คิโยโนบุน่ะเป็นเด็กที่น่ากลัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้วจ้ะ แต่กว่าฉันจะรู้ตัว พฤติกรรมโหดของเขาก็ชักจะเลยเถิดไปทุกที เขามักจะจับสัตว์เล็ก ๆ มาฆ่า แล้วก็เล่นสนุกอยู่คนเดียวในสวน...ยอมรับเลยว่าตอนนั้นฉันเองก็กลัวเขามากเหมือนกัน...เขาเหมือนกับพ่อของเขาไม่มีผิด”
นิสัยโหดร้ายนั่นมาจากสายเลือดฆาตกรงั้นรึ...
“แต่วันนึง...เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
“ทำไมเหรอครับ?”
“ตอนนั้นมีเด็กข้างบ้านคนนึงพยายามจะล่วงเกินเขา ไม่มีใครรู้หรอกจ้ะ จนค่ำแล้วคิโยโนบุกับเด็กคนนั้นยังไม่กลับบ้าน พวกผู้ใหญ่ก็ช่วยกันออกตามหา แล้วก็ไปเจอคิโยโนบุกับเขาอยู่ที่ศาลเจ้าเก่าบนเขา แต่เด็กคนนั้นนอนจมกองเลือดอยู่ กว่าพวกเราจะไปถึงเขาก็ตายเสียแล้ว ดูจากสภาพโดยรอบแล้ว ตำรวจก็คาดว่าคิโยโนบุเป็นคนเอาท่อนไม้ฟาดเขาจนตาย แต่เด็กคนนั้นกลับเอาแต่บอกว่า...พี่ชายเป็นคนทำ...”
เจสะดุ้งวาบอยู่ในใจ...นั่นคือวันนั้นที่อิโนะอุเอะคนพี่พูดถึงงั้นหรือ...
“แล้วหลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนไปเลย...กลายเป็นเด็กเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร แล้วก็มักจะทำร้ายตัวเอง...แต่ก็จะเอาแต่บอกว่าพี่ชายเป็นคนทำ ทั้งที่เป็นลูกคนเดียวแท้ ๆ...หมอบอกว่าอาจเป็นอาการช็อกจากเรื่องเมื่อตอนนั้นก็ได้ เราพยายามรักษาแต่ก็ไม่หาย คิโยโนบุยังคงเห็นภาพหลอนของพี่ชายมาตลอด”
...ไม่ใช่ภาพหลอนหรอก...เจอยากจะบอกอย่างนั้น แต่เรื่องแบบนั้นใครจะไปเชื่อได้
เจร่ำลาแม่ของอิโนะอุเอะที่หน้าวัด แม้จะสูญเสียลูกชายไป แต่อย่างไรซะเธอก็คงโล่งใจได้ว่าไม่ต้องคอยเป็นห่วงว่าลูกชายจะทำร้ายตัวเองอีกแล้ว จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของอิโนะอุเอะ ทำให้ตำรวจสรุปว่าเป็นการคุ้มคลั่งจนทำร้ายเจและฆ่าตัวตาย ผลการสืบค้นเพิ่มเติมพบกว่าอิโนะอุเอะเคยฆ่าคนมาหลายครั้งแต่ไม่มีหลักฐานสาวถึงตัวได้
เจยกมือขึ้นกุมบริเวณแผลที่โดนแทง บาดแผลหายแล้วก็จริง และสักวันรอยแผลเป็นอาจจะจางลงได้...แต่เขาไม่แน่ใจว่าความทรงจำเกี่ยวกับชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งอยู่ที่แถวหลังสุดของห้องและไม่ยอมเข้าใกล้ใครคนนั้น...และใครบางคนในห้องที่เต็มไปด้วยแสงเทียนนั้น...จะจางหายไปหรือไม่ บางที...ความลับของอิโนะอุเอะอาจจะคงอยู่และตายไปกับตัวเขา...
...แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น...ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ...
...อย่างน้อย...นั่นก็คืออิโนะอุเอะที่เขารัก...
“...ฉันก็รักนายเหมือนกันนะ เจ...”
30 กรกฎาคม 2553
HAKURO
-
จบเศร้าอะ รออ่านเรื่องต่อไปนะ :L2:
-
:เฮ้อ:จบซะแล้ว
-
ชอบอ่ะ!!
ดาร์กสะใจค่ะ
-
ไม่น่าหลงเข้ามาอ่านเลยอ่ะ
แซดจิตมากๆ
ฮ่าๆ
ล้อเล่นๆๆๆ
จบแบบนี้ จิงอ่ะ
ปล ดีนะที่ไม่อ่านตอนหลางคืน
ไม่งั้นคงเสียววาบ
เหอๆ
-
HAKURO ฝากขอบคุณมาครับที่เข้ามาอ่าน และฝากเม้นท์ไว้
โดยส่วนตัวเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นล่าสุดของฮะ แต่ความที่มันทั้งดาร์ก+ SM เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนักว่าจะมีคนอ่าน
แต่เมื่อมีเห็นคนเปิดเข้ามาดูก็มีกำลังใจขึ้นมาเลย แล้วจะทยอยเอาเรื่องต่อๆ ไปมาลงนะค่ะ
:m26:กระซิบนิดหนึ่ง เรื่องหน้าคงไม่ดาร์กเท่านี้ (มั้ง) ^-^
-
ฮืออออออออ :m15:
ไม่น่าเลยยยยยยยยย
-
โรแมนติก ทริลเลอร์มาก ๆ ค่ะ
-
จบเศร้า :impress3:
-
เห็นชื่อคุณฮะ ตอนแรก ตกใจ.....เหวออออออออ มาที่เล้าด้วยยยยย อะไรแบบนั้น
ดาร์คสมเป็นคุณฮะ แต่ในความดาร์ค อิโนะงามเสมอ...(เกี่ยวไหม)
เหมือนจะเดาได้ในตอนแรก แต่พออ่านไปก็เริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูกกับความคิดที่โดนหลอกล่อไปมา
แต่ชอบค่ะ อยากได้คัมโคลสเซอร์เหมือนกันนะคะ แต่ไม่ได้ลงชื่อสั่งเอาไว้ (ช่วงนั้นไม่มีเงินนี่นา)
-
เศร้าจัง แอบหวังว่าจะไม่เศร้านะเนี่ย
-
จบเศร้า T^T
-
จบเศร้าจัง แต่แนวนี้ไม่เคยอ่าน หนุกดีๆๆ
-
วิ่งมาดู เพราะ โอโนะเสะ จุน กับ อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้พิมพ์ชื่อนี้~~
คิดถึงจัง ขอบคุณ คุณฮะฯ นะคะ
-
เศร้าอ่ะ TT^TT
-
:sad11:
ทำไม มมมมม เห่อ อ
-
อ่านตอนสองเดาได้ว่าคิโยะกับพี่ใช้ร่างเดียวกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีวิญญาณสองดวงจริงๆ
สารภาพว่าครั้งแรกที่อ่านอ่านได้แค่ตอนแรกค่ะ แบบว่ากลัวเจจะตายเลยไม่กล้าอ่านต่อ
คราวนี้รวบรวมลมปราณเริ่มอ่านใหม่รวดเดียวเลย ขอบคุณมากนะคะ ^o^
-
ชอบบบ !! จบเศร้าไปหน่อยแต่ก้
SM & Dark
:impress2:
-
จบแบบเศร้าปนเหงาๆ
ตายไปสองวิญญาณหนึ่งร่าง อ่านมาตอนท้ายคิดว่าเจจะตายซะแล้ว
มีแอบเลื่อนแว๊ปมาอ่านข้างล่างก่อนนิดนึงด้วย ^^
-
เยี่ยม
-
--**--
เศร้าอ่ะ...แต่สนุกมากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
-
หักมุมโครตๆ สนุกมากครับ >< S สุดๆ
-
อ่านๆถึงกลางๆเรื่อง ก็นึกถึง Dr.Jekyll And Mr.Hyde
สยองปนน่าสงสาร แต่งได้มีสเน่ห์ ละสายตาไม่ได้จนจบเลยค่ะ
-
dark side มากมาย
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวนะฮ๊าฟฟฟฟ
-
เศร้าจังเลย :sad4:
-
อิโนะคนพี่จิตเข้าเส้น
-
เรื่องมันดาร์ก แต่เขียนดีมากจริง ๆ
-
เรื่องนี้ เศร้าอ่าาา
-
คิดไว้แล้วเชียวต้องเป็นงี้
พลาดนิดนึงที่คิดว่าเป็น2บุคคลิก
อันนี้2วิญญาณเลย
ขอบคุณนะคะที่เอามาลง
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน อึ้งไปเลย
-
เนื้อเรื่องมันชวนติดตามมากๆ แต่พอถึงตอนจบ โอ๊ยยยย ปวดจิต
ขอบคุณมากค่า นานๆจะอ่านดาร์คๆสักเรื่อง
-
:m15: เฮ้อ ........... เศร้า