พิมพ์หน้านี้ - รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เดหลี ที่ 21-12-2011 20:10:55

หัวข้อ: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 21-12-2011 20:10:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทนำ] 21 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 21-12-2011 20:15:35
บทนำ

วันนี้ฟ้าร้องไห้...

ฝนตกมาตั้งแต่ย่ำรุ่งและยังไม่มีทีท่าจะขาดเม็ด คนกลุ่มเล็กๆ ที่รวมตัวในที่นั้นต่างพากันหลบอยู่ภายใต้กำบังของร่มหรือไม่ก็เต็นท์ในบริเวณพิธี ยกเว้นชายหนุ่มคนหนึ่ง

เขายืนอยู่ห่างๆ อย่างเดียวดาย สายฝนยังพร่างพรมลงมา กระทบเสื้อผ้าสีเข้ม หยาดหยดจากเรือนผมสู่ใบหน้า ทั้งร่างนิ่งงัน หากสายตาทอดจับอยู่เพียง...

ป้ายหินอ่อนสลักชื่อ... กฤตวัต วิรัชภาคย์

กระทั่งผู้คนส่วนใหญ่เริ่มทยอยเข้ากล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย เขาจึงได้เดินเข้าไป... บรรจงวางกุหลาบขาวดอกเดียวกับก้อนดินลงแผ่วเบา   

... คริสตชนเชื่อในชีวิตนิรันดร ผู้จากไปแล้วถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจในโลกเพื่อไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์

ยู... คงมีความสุขอยู่ข้างบน

ความตายไม่ใช่การพรากจากกันตลอดกาล

... สักวันหนึ่ง เราจะได้พบกันอีก


ผู้มาร่วมงานมองผ่านเขาไปเหมือนไม่มีตัวตน สำหรับบางคน จิรัฐคงเป็นเพียงคนแปลกหน้า แต่กับอีกหลายคนที่พอ... รู้มาบ้าง สายตาที่มองปกปิดความสงสัยเคลือบแคลงไว้ไม่มิด

คลับคล้ายได้ยินเสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา อาจหูแว่วไปเอง อาจเป็น... ลมฟ้าที่ยังไม่สงบก็ได้

"...ฆาตกร!"

คนยังยืนอยู่กลางฝนค้อมไหล่ลงราวยอมรับโดยดุษฎี

ในสวรรค์คงไม่มีที่สำหรับเขา

ใครจะบอกได้ว่าน้ำใสที่ไหลรินอยู่นั้นคือหยาดน้ำฝน หรือหยาดน้ำตา...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านอีกครั้งค่า แอบเอาบทนำมาหย่อนไว้ก่อน นี่ไม่ได้อยู่บ้านเน็ตก็ติดๆ หายๆ แต่ยังอยากจะลง 55 ยังไงฝากเรื่องนี้ด้วยนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทนำ] 21 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-12-2011 21:02:56
 :mc4: :mc4:

น่าสนุกดีครับ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทนำ] 21 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-12-2011 21:06:26
กลิ่นมาม่าโชยมาแต่ไกล 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 22-12-2011 20:13:06
คุณ PetitDragon ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า
คุณ yeyong มีบ้างไรบ้างค่า นิดหน่อย
คุณ theduchess ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ 1

ร่างสูงเพรียวก้าวลงจากเรือที่เพิ่งเข้าเทียบท่า เอ่ยคำขอบใจเบาๆ ก่อนเดินขึ้นทางลาดทอดสู่ฝั่ง หน้าแนวรั้วปูอิฐไว้เรียบงาม ลอดซุ้มเหล็กดัดเข้าไปจะเห็นสนามหญ้าเขียวขจี

ลมจากแม่น้ำพัดโชยมาเอื่อยๆ บรรยากาศสงบเงียบ แต่เขากลับไม่ยินดีไปกับความงามรอบข้างเหมือนทุกครั้ง จิรัฐเงยหน้าขึ้นมองตัวตึกแสนคุ้นเคยด้วยหัวใจหนักอึ้ง

ถ้าใครมาเห็นสถาปัตยกรรมแบบผสมจีน-ยุโรปริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันโอ่อ่าคงแทบไม่เชื่อว่ามันเคยอยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างหนักมาก่อน คุณทวดของเขาผู้รับราชการเป็นถึงพระยาสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ห้า จากนั้นคุณตาดูแลต่อมา จวบจนสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดลงพระนคร ครอบครัวเศรษฐสุทธ์จึงต้องอพยพไปอยู่บ้านเดิมของคุณยายที่หัวเมืองอื่น บ้านริมน้ำถูกทิ้งร้างขาดการดูแลย่อมปรักหักพังไปตามกาลเวลา
 
ถึงตอนนั้นแม่จะยังเล็ก... แต่ความทรงจำถึงบ้านเก่าหลังนี้ก็แจ่มชัดด้วยคุณตามักจะพูดถึงอยู่เสมอ จนแม่กลับมากรุงเทพฯ ได้พบกับพ่อ... สถาปนิกหนุ่มไฟแรง โครงการบูรณะบ้านและ... สานรัก จึงได้เริ่มต้นขึ้น

การซ่อมแซมบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พ่ออุตสาหะทุ่มเทเพื่อคงรายละเอียดทุกอย่างไว้ให้เหมือนเดิมมากที่สุด ดำเนินการต่อเนื่องมาเกือบยี่สิบปี เพื่อแม่ เพื่อลูกชาย... บ้านค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิต พร้อมกับที่พ่อล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็ง
 
แม่เร่งทำต่อจนแล้ว จับมือคู่ชีวิตกระซิบบอกข่าวดี... พ่อหลับตาลง ตอนนั้นจิรัฐเพิ่งอายุได้สิบสอง พ่อไม่ตื่นขึ้นมาอีก... ทั้งมือหนึ่งยังอยู่ในมือแม่ และอีกมือยังวางทาบศีรษะเขา คนเป็นลูกชายจำรอยยิ้มเป็นสุขติดริมฝีปากได้เด่นชัด ภารกิจชั่วชีวิตของพ่อ... สิ้นสุดสมบูรณ์   

หลังปรับปรุงบ้านเรียบร้อย แม่รวบรวมทุนรอนที่เหลืออยู่ ไต่ถามเพื่อนฝูงของพ่อรวมทั้งญาติมิตรฝั่งเศรษฐสุทธ์มาร่วมหุ้นกัน ใช้บ้านทำธุรกิจโรงแรมเล็กๆ ที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวและประวัติศาสตร์ แม่บอกงานของพ่อ สมควรให้คนที่เห็นค่า... ได้มีโอกาสชื่นชมด้วย ในบ้านยังจัดห้องหนึ่งไว้คล้ายพิพิธภัณฑ์บวกห้องสมุดย่อมๆ มีนิทรรศการ แสดงประวัติของบ้าน คุณตาทวด และการบูรณะ
 
บ้านพระยาเริ่มเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะในหมู่ชาวต่างประเทศที่ใฝ่หาบรรยากาศย้อนยุคไปเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว แม้จะไม่ใช่เรือนไทย ตกแต่งอย่างไทยล้วนๆ แต่ความเป็นตะวันตกที่ปนเข้ามากลับผสมผสานกันลงตัว ราวกับได้อยู่ใน ‘บ้านตึก’ ของขุนนางไทยที่ตามสมัยที่สุดในขณะนั้น

จะเข้ามาที่นี่ยังต้องเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก แต่ภายในก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แม่เริ่มทำโรงแรมบูติกตั้งแต่คำว่าบูติกยังไม่เฟื่องฟูมากเท่าในปัจจุบันด้วยซ้ำไป

ลูกชายคนเดียวโตมากับงานนี้ ซึมซับจนเข้าสายเลือด พอจบปริญญาตรีแม่วางมือจนเกือบหมดให้เขาดูแลต่อ บ้านและที่ดินเป็นของครอบครัวเขาก็จริง แต่อำนาจการบริหารกระจายไปตามผู้ถือหุ้น มีบ้างที่แนวทางการบริหารงานของเขาถูกตั้งคำถาม มีบ้างจิรัฐรู้สึกราวต่อสู้ตามลำพัง เพราะการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจต้องเข้าที่ประชุมเพื่อผ่านความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น

ที่ยังเห็นด้วยกับเขาก็มี แต่น้อยเหลือเกิน หุ้นส่วนในยุคแม่หลายคนไม่เสียไปก็เกษียณ หาทางขายหุ้นให้คนอื่นๆ ไปบ้าง จึงไม่มีบรรยากาศครอบครัวเหมือนแต่ก่อน
 
จิรัฐระวังจนตัวลีบ พยายามจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อยที่สุด พยายามให้ทุกคนพอใจที่สุด เพียงเพราะต้องการได้ดูแลบ้านพระยาต่อ

แต่คนเราย่อมทำทุกอย่างให้เป็นที่พอใจของทุกคนไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้น... ความพอใจของมนุษย์ก็คงไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่จะเรียกร้องต้องการยิ่งๆ ขึ้นไป

เขาหยุดยืนริมสระบัว ข้างหน้าเป็นบันไดทอดขึ้นตัวตึกจากสองฟากข้างบรรจบกันที่หน้ามุข สูดลมเข้าลึกราวรวบรวมกำลังใจ

“จี มาแล้วเหรอ”

จิรัฐยิ้มเพียงนิด คนส่งเสียงทักจากระเบียงเคยเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย มารู้ภายหลังว่าแม่ของทั้งสองเคยเป็นเพื่อนเล่นกันเมื่อครั้งยังอยู่บ้านคุณยาย สุดท้ายแม่เขาชักชวนให้มาทำงานด้วยกัน

“กินอะไรมาหรือยัง”

คนก้าวขึ้นบันไดช้าๆ ส่ายหน้า ธรรมนูญมองรุ่นน้อง ตั้งใจรั้งให้ทานอาหารเช้าก่อนแต่ดูท่าทางแล้วคงจะรับไม่ลง

“พวกเขี้ยวลากดินทั้งหลายมากันแต่เช้า ปิดประตูสุมหัวคุยกัน พี่จะเข้าไปในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง... ถึงแม้จะหุ้นเท่าขี้แมวก็เถอะ ดันบอกว่าหารือนอกรอบ ส่วนตัว ยังไม่เริ่มประชุม” ธรรมนูญบ่นอุบ “วางแผนเล่นงานคนลับหลัง ของถนัด... คราวนี้ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก”

“ก็คง... ถูกตำหนิ... เหมือนเคย แล้วก็เค้นเรื่องเงินปันผล แกล้งเพิ่มวาระปัจจุบันทันด่วน อย่างเดิมๆ แหละพี่อาร์ม” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงเนือย

ความจริงตอนแม่ยังอยู่ พวกนี้ก็ยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง อาจจะเป็นเพราะแม่สร้างทุกอย่างมากับมือ จนเมื่อโรงแรมเริ่มมีชื่อเสียง ทำกำไรได้มากขึ้น เขาเรียนจบแล้วเข้ามารับช่วงต่อ แม่มีอาการเริ่มต้นของโรคหัวใจ และหมอบอกให้ระวังความเครียด

จิรัฐจึงเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเสมอมา

“พี่อยู่ข้างจี” ธรรมนูญว่า พยายามทำน้ำเสียงให้ร่าเริงเมื่อเห็นสีหน้ารุ่นน้องหม่น

จิรัฐยิ้มฝืน ถึงธรรมนูญจะเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินและบุคคล แต่เทียบอำนาจการต่อรองตามจำนวนหุ้นที่ถือก็นับได้ว่าน้อยยิ่งกว่าน้อย

กระนั้น... มีคนให้กำลังใจบ้าง ก็ยังดี

เขาไม่รู้ รุ่นพี่มองแล้วลอบถอนใจ

ธรรมนูญรู้จักจิรัฐมาตั้งแต่อีกฝ่ายเพิ่งจะเข้าปีหนึ่ง ตอนนั้นตัวเขาเองอยู่ปีสาม... เป็นประธานฝ่ายพัฒน์ของมหาวิทยาลัย ออกต่างจังหวัดด้วยกันทีหลายคณะ คนที่ทำงานทรหดอดทน ไม่เสร็จไม่ยอมเลิกที่สุดในค่ายไม่พ้นจิรัฐกับ... กฤตวัต

ดูภายนอกทั้งสองคนนิสัยแตกต่างกันสุดขั้ว กฤตวัตนั้นทำอะไรก็เป็นจุดสนใจโดยไม่ต้องพยายาม รูปหล่อ พ่อรวย แต่นิสัยดี และติดดิน ไปที่ไหนก็เหมือนมีสปอตไลต์สาดส่อง ส่วนจิรัฐเงียบกว่า ช่างฟังมากกว่าพูด และเกลียดความเด่นดังที่สุด เหมือนหยินกับหยาง แต่พอกลับจากค่ายทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนรักต่างคณะกันไปแล้ว

ชมรมฝ่ายพัฒน์ถือเป็นกลุ่มคนที่จิรัฐคุ้นเคยด้วยในมหาวิทยาลัย แต่ทุกคนก็รู้ว่ากฤตวัตคือเพื่อนสนิท ‘ที่สุด’ เหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องในชมรมเคยได้รับเชิญมาเที่ยวบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตกตะลึงกับความงามกันไปตามเรื่อง ยิ่งทึ่งเมื่อรู้ว่าเป็นงานบูรณะจากฝีมือที่แทบจะเรียกได้ว่าของคนคนเดียว

มีแต่กฤตวัตที่ยกมือจับหัวใจแล้วคราง ‘โอย รู้สึกเหมือนจะตกหลุมรัก’

ทุกคนหัวเราะ แต่ไม่แปลกใจ เพราะเจ้าตัวเรียนสถาปัตยกรรม และเคยไปตกหลุมรักบ้านโน้นตึกนี้มาแล้วหลายหลัง

ระหว่างที่ทุกคนครื้นเครงกันอยู่ริมสระบัว กฤตวัตก็ลากเจ้าบ้านเดินว่อนทั่วตึก ธรรมนูญมองจากระยะไกลเห็นท่าทางแล้วคนจะเป็นสถาปนิกคงถามโน่นนี่ไม่หยุด พอกลับมานั่งแล้วกฤตวัตยังออกปากว่าบ้านแบบนี้ต้องได้รับการดูแลสม่ำเสมอ ยิ่งเปิดเป็นโรงแรมด้วยแล้ว อีกสักหน่อยหากจะปรับปรุงหรือตกแต่งเพิ่มขอให้บอก

‘พอดีเราจะเรียนจบ ถ้าจีไปให้คนอื่นทำ ไม่ยอมจริงด้วย’

กฤตวัตทำอย่างปากพูด ตั้งแต่เรียนปีสุดท้ายเขาแวะเวียนมาวางแบบเพิ่มเติม ออกความเห็นเรื่องสี วอลเปเปอร์ เปลี่ยนลายผ้าม่าน สรรหาเครื่องเรือนของเก่ามาซ่อมใหม่ ทำให้บ้านพระยางดงามสมบูรณ์ทั้งภายนอกและภายใน

ความจริงจิรัฐไม่เคยพูดเรื่องเงินทุนที่ต้องระดมเพิ่ม แต่คนอยากจะช่วยก็ไปรู้มาจนได้

กฤตวัตเสนอร่วมทุนด้วยอย่างไม่ลังเล

เหล่าผู้ถือหุ้นดูจะพอใจ จิรัฐได้รับคำชมเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มบริหารงานมา

แต่... เกิดอุบัติเหตุน่าเศร้าขึ้นเสียก่อน

รุ่นพี่รุ่นน้องชมรมฯ เพื่อนๆ ทุกคนที่รู้จักกฤตวัตต่างใจหาย สถาปนิกหนุ่มที่ดูยังไงก็มีอนาคตรุ่งโรจน์ ฐานะชาติตระกูลสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง ทั้งเก่งทั้งดี ใครๆ ก็รัก

... หรือพระเจ้าจะรักมากจนโปรดให้ไปอยู่ด้วยเร็วๆ ธรรมนูญเองก็เสียใจ เสียดาย... แต่รู้ว่าคงเทียบไม่ได้กับที่จิรัฐรู้สึก
 
ธรรมนูญเคยคิด... จิรัฐกับกฤตวัตสนิทกันได้เพราะเนื้อในแท้จริงแล้วทั้งคู่เป็นคนประเภทเดียวกัน จริงจัง ทุ่มเท ไม่ย่อท้อง่ายๆ
 
... เขาเพิ่งประจักษ์ คำพูดที่ว่าเพื่อนแท้ย่อมดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของกันและกันออกมาเป็นเรื่องจริงเมื่อเห็นรุ่นน้องหลังเพื่อนรักจากไป

ความกระตือรือร้นและ ‘มีไฟ’ ในการทำงานของกฤตวัตส่งผ่านมาถึงจิรัฐ ก่อนหน้านี้เขากล้าต่อกรกับผู้ถือหุ้นหัวโบราณ กล้าเสนอแนวทางแปลกแหวกแนวเพราะได้รับการกระตุ้นจากเพื่อนผู้มีทัศนคติ ‘ทุกอย่างเป็นไปได้’

หลังจากวันนั้นจิรัฐยังทำงานต่อ เพราะ ‘ต้อง’ เข้มแข็ง แต่จิตใจที่ถูกกัดกร่อนด้วยความรู้สึกผิดเหมือนเขื่อนที่ถูกน้ำเซาะ ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะพังทลายลง

ธรรมนูญไม่รู้ว่าจิรัฐรู้สึกผิดด้วยเรื่องอะไร ถึงอยากช่วยก็จนปัญญา ทำได้เพียงคอยดูรุ่นน้องอยู่ห่างๆ   

ชายหนุ่มไม่ยอมใช้เหล้ารินรดดับทุกข์แม้จะทุกข์มหาศาล ไม่หลีกลี้หนีหน้าไปให้พ้นวงสังคม จิรัฐเผชิญทุกอย่างด้วยสติสมบูรณ์ ยอมรับคำกล่าวหาต่างๆ นานาโดยไม่พยายามจะแก้ตัวใดๆ

ธรรมนูญพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายโทษตัวเอง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคลุมเครือ เมื่อเอ่ยถามเข้าน้องก็เพียงส่ายหน้าด้วยแววตาเจ็บปวด
 
เขาถึงกับเคยชวนตั้งวงเองเสียเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเห็นแววตาแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวาอีก หลังจากดื่มไปแล้ว จิรัฐที่เก็บอะไรไว้อาจพูดออกมา บรรเทาความทุกข์ในจิตใจลงบ้าง

แต่กลับได้รับคำปฏิเสธ เขาจำได้ดี รุ่นน้องตอบว่า

‘เมาแล้วได้อะไรพี่อาร์ม ให้ไม่มีสติ ให้ลืมไปชั่วคราวอย่างนั้นเหรอ ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงพอตื่นขึ้นมา ก็เปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ดี’

ธรรมนูญสะท้อนใจ คำตอบนั้นทำให้รู้ จิรัฐคิดว่าตัวเองไม่สมควรได้รับการบรรเทาแม้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม

เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลเพียงพอให้ทรมานตนอย่างนั้นหรือไม่ แต่ที่รู้แน่... กฤตวัตเป็นทายาทเครือธุรกิจร่ำรวยล้นฟ้าที่กำลังตกลงร่วมทุน กิจการกำลังจะเติบโตขึ้นอีก อาจเป็นโอกาสเดียวที่ผู้บริหารหน้าใหม่อย่างจิรัฐจะเพิ่มความไว้วางใจได้  แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน 

ในการทำธุรกิจ ไม่ได้มีแต่ปัจจัยเรื่องตัวเงิน ปัจจัยด้านจิตใจความรู้สึกสำคัญไม่แพ้กัน เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้น... เป็นชนวนอย่างดีที่ทำให้เกิดการประชุมวิสามัญขึ้นในวันนี้

บัดนี้ความเชื่อมั่น... ลดถอยลงไปมาก

... มากจนธรรมนูญไม่อยากจินตนาการ เข้าห้องไปจิรัฐจะโดนคณะกรรมการตั้งคำถามเชือดเฉือนอย่างไรอีก

เขายกข้อมือขึ้นดู สิบโมงตรง ได้เวลาที่นัดประชุมเป็นทางการแล้ว คนยืนมองสระบัวจากหน้ามุขเงียบๆ หันกลับมา

"พร้อมนะ" รุ่นพี่ถามด้วยสีหน้าหนักใจไม่แพ้กัน

จิรัฐพยักหน้า ถึงเวลานี้แล้วก็มีแต่ต้องเข้าไปทำงานให้ลุล่วง เขาก้าวตรงไป ผลักประตูไม้บานคู่เปิดออก
 
คนในห้องประชุมมองมาอย่างเฉยเมยจนธรรมนูญขนลุกแทน เขาเห็นจิรัฐลงนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ บอกเลขาฯ เก่าแก่ตั้งแต่สมัยแม่ให้ดูวาระก่อนจะเริ่มเปิดการประชุม

หากทุกอย่างก็ชะงักเพียงนั้นเมื่อผู้นั่งหัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามเอ่ยขัด

“วันนี้มีแต่เรื่องแจ้งให้ทราบ”

ถ้านี่เป็นการประชุมรัฐสภา คนพูดก็ถือได้ว่าเป็นแกนนำฝ่ายค้าน... เป็นมาตลอด และคราวนี้ธรรมนูญรู้สึกราวกับกำลังจะมีการเสนอญัตติไม่ไว้วางใจ จิรัฐไม่หลบตา เขาตอบว่า

“ผมเป็นประธานการประชุม เข้าใจว่าวาระแรกถ้าจะมีการแจ้งเพื่อทราบคงเป็นเรื่องที่ประธานต้องแจ้ง วาระอื่นหากจะเพิ่มต้องหลังจากเรื่องเพื่อพิจารณาสิ้นสุดไปแล้วก่อน”

“อาว่า... ตอนนี้คงไม่ต้องมีเรื่องเพื่อพิจารณาอีกแล้วล่ะ”

จิรัฐเม้มปาก ธรรมนูญเองก็มึนว่าคราวนี้ที่ประชุมถูกล็อบบี้ไปอีท่าไหนอีก

“คืออย่างนี้นะ หลานจี...” อีกฝ่ายทอดเสียงนุ่มนวล หากรอยยิ้มประดับริมฝีปากไม่ได้เผื่อแผ่ไปถึงนัยน์ตา “พวกอาขายหุ้นไปแล้ว จะว่ายังไงดี พอไม่มีการร่วมทุนเพิ่มอย่างที่เพิ่ง... เสียโอกาสไป ที่นี่มันก็หมดหวัง แต่คนซื้อเขาบอกยังเห็นศักยภาพอยู่ พวกอาก็ดีใจกับหลานจีด้วย ที่ไม่ต้องถึงกับปิดโรงแรมน่ะ”

“ม... หมายความว่า ท... เทคโอเวอร์” ธรรมนูญตะกุกตะกักโพล่งขึ้น ส่วนประธานที่ประชุมนิ่งเหมือนแข็งเป็นหินไปแล้ว เขาเห็นเพียงสองมือยึดขอบโต๊ะกำจนข้อนิ้วซีดขาว

“คุณอาร์มสมกับเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน เข้าใจอะไรได้เร็วดี อาถึงได้บอกไง ว่าไม่มีเรื่องให้พิจารณาอีก ยกเว้นแต่หลานจีจะ... พิจารณาตัวเอง” แว่วเสียงหัวเราะจากคนอื่นในห้อง

การเทคโอเวอร์หรือเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะเมื่อผู้ถือครองหุ้นอยู่เต็มใจรับความช่วยเหลือให้ธุรกิจของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แต่นี่มันคือการบังคับเทคโอเวอร์โดยไล่ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถึงจะเหมือนเกิดขึ้นชั่วข้ามคืนหากจิรัฐรู้

... ต้องมีการวางแผนกันไว้ก่อนแน่!

ธรรมนูญคำนวณรวดเร็ว ถ้าทุกคนในห้องประชุมนี้ขายหุ้นให้คนคนเดียวจนหมด ก็หมายความว่าหุ้นยี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ของจิรัฐไม่ใช่หุ้นใหญ่ที่สุดอีกต่อไป และอำนาจในการบริหารก็จะ...

... เปลี่ยนมือ

พวกเฒ่าอสรพิษ! เล่นงานกันทีเผลอจริงๆ นั่นแหละ

“พวกคุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเองโดยพลการ” จิรัฐขัด เขาจ้องคนแทนตัวเองว่าอาอย่างไม่กลัวเกรง

“ใช่ครับ... เรื่องสำคัญขนาดนี้” ตั้งสติได้ธรรมนูญก็รีบเสริม “การควบรวมกิจการหรือขายหุ้นให้คนอื่นจนทำให้มีอำนาจควบคุมต้องเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมด แล้วได้รับเสียงเห็นชอบไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์”

“แหม... โทษทีนะ พวกอาต่างคนต่างขายของตัวเองไปโดยไม่ได้ปรึกษาหารือกันล่วงหน้าเลย พอมาเจอกันเข้าวันนี้ถึงได้รู้”

ใครเชื่อก็ออกลูกเป็นปรสิตแล้ว! ผู้จัดการการเงินนึกก่นด่าตัวเองที่ไม่ทันเฉลียวใจ ไม่รู้ว่าพูดคุยตกลงกันลับหลังมากี่ครั้งผลถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้

“ผมขอดูเอกสารการซื้อขายหุ้น” จิรัฐบอก พยายามกดเสียงให้ราบเรียบที่สุด 

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถูกต้องทุกอย่าง เดี๋ยวผู้บริหารคนใหม่คงเอามาให้ดูเอง อีกอย่าง... ยังไงนับรวมทุกคนในที่นี้ก็เกินเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์อยู่ดี ถึงหลานจีรู้ก่อนแล้วจะทำยังไง” คนพูดเหยียดยิ้ม “มีเงินมาเพิ่มทุนจดทะเบียน กันไม่ให้เขาซื้อได้หรือ”

จิรัฐนิ่ง สมองหมุนจี๋ จริงที่ตอนนี้เขายังหาเงินมากองไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ถ้าเจรจากับคนที่ซื้อไป บางที... อาจยอมให้บริหารร่วม...

คนในห้องประชุมซุบซิบกันให้ได้ยิน

“... ถึงน้องจะมาตายไปก่อนได้ร่วมทุน แต่พี่มาขอซื้อหุ้นต่อก็ยังดีนะครับ”

“ถือไว้ก็ราคาตกเปล่าๆ สู้ขายไปให้พ้นๆ อีกฝ่ายก็ให้ราคาสูงเสียด้วย”

ธรรมนูญคิดว่าหน้ารุ่นน้องจะเผือดซีดยิ่งไปกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว แต่ปรากฎว่าเขาคิดผิด แววตาจิรัฐวูบไหวเมื่อเอ่ยถาม

“พวกคุณ... ขายให้ใครนะ”

“สิบโมงครึ่งแล้วคงมาถึงพอดี พวกอาก็ได้เวลากลับ... ผู้บริหารคนใหม่เขาฝากแจ้ง... เพื่อทราบ แค่นี้”

ธรรมนูญนั่งกุมขมับกับเลขาฯ รุ่นป้าที่จับต้นชนปลายไม่ถูกระหว่างคนอื่นๆ ทยอยกันออกจากห้องโดยไม่ไยดีอีก จิรัฐถอยเก้าอี้ลุกพรวดไปที่หน้าต่าง

... แล้วแทบผงะ มือเย็นเฉียบ

“พี่ว...” เกือบเรียกอย่างที่คุ้นชินเมื่อเห็นร่างที่ลอดผ่านซุ้มเหล็กดัดเข้ามาในบริเวณสนาม

ความหวังจะ ‘เจรจา’ หายวับ

เพราะภวิล วิรัชภาคย์ คงไม่ฟัง!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขียนเรื่องยาวนี่มันยากกว่าเรื่องสั้นเยอะเลยแฮะ ปมเยอะแยะ (เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้สิ 555) ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามามากนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-12-2011 21:29:38
ลุ้นจัง อยากรู้ปมเบื้องหลัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 22-12-2011 22:33:36
คลิกมาอ่านเพราะชื่อ เดหลี นะนี่ เรื่องนี้คนละแนวกับเรื่องที่ผ่านมาเลยนะ (พวกน้องแมวน่ะ)

 :mc4: ยินดีกับเรื่องใหม่นะคะ

อ่านบทนำ กับ ตอนที่ 1 แล้ว คงไม่ดราม่ามากหรอก (ใช่ไหม)

คาดว่า ภวิล คงจะเป็นพระเอกอย่างแน่นอน

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-12-2011 22:55:51
พระเอกมาแล้ว.... จะกลับมาแก้แค้นแทนน้องชายหรือเปล่าเนี่ย  :oo1:

เอาใจช่วยครับ สู้ๆ   o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-12-2011 23:02:51
อยากอ่านต่อ แต่ไม่อยากอ่านต่อแล้ว
ดราม่า ปวดใจแน่ๆ
เปิดเรื่องมาก็สนุก แต่เราไม่อยากเสียน้ำตา
ชื่อเรื่องไม่มาม่านี่นา ไม่อยากเศร้าอ่ะค่ะคนเขียน
 :m15:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 24-12-2011 19:55:33
อยากอ่านตอนใหม่จังคะ เดาโครงเรื่องไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 24-12-2011 19:56:01
อยากอ่านตอนใหม่จังคะ เดาโครงเรื่องไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 24-12-2011 23:13:43
ขออีกค่ะ สนุกจัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 25-12-2011 00:53:50
น่าสนุก...

ติดตามจ้าาา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-12-2011 18:18:12
รออ่านด้วยคน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 25-12-2011 19:27:54
อ่านเรื่องสั้นแล้วประทับใจมากๆ เลยขอมาตามเรื่องยาวต่อค่ะ
แค่ตอนแรกก็ชอบมากๆแล้ว ตื่นเต้นด้วย >.<
ชอบทั้งบรรยากาศ และตัวละครมากๆ
มาต่อบ่อยๆนะคะ อ่านตอนแรกก็ติดแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 1] 22 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-12-2011 22:11:24
นั่นไงถึงว่าชื่อคุ้นๆ
แต่งเรื่องน้องแมวนี่เอง
ปมเยอะจัง :m17:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 2] 27 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 27-12-2011 19:27:58
บทที่ 2

ภวิลเดินไปตามทางเดินปูหินทอดสู่บันไดหน้ามุขอย่างไม่รีบร้อน

... คนเรา... เวลาตัดสินใจทำอะไร ใครจะรู้ล่วงหน้าได้บ้างว่าคือสิ่งที่ดีที่สุดหรือไม่ ควรทำหรือไม่ แต่บางครั้ง บางเรื่อง ก็เป็นเรื่องที่ยังไงก็ต้องทำ

และเขา... ตัดสินใจแล้ว

ในฐานะลูกชายและหลานชายคนโต ภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลมีมากมาย ทั้งธุรกิจ ทั้งครอบครัว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้เครื่องมือทางธุรกิจเพื่อจัดการเรื่องในครอบครัว เขาสร้างเครื่องมือนั้นขึ้นมาเอง จึงไม่ต้องปรึกษาใคร

ธุรกิจของตระกูลวิรัชภาคย์ครอบคลุมหลายด้าน แบ่งแยกกันดูแลระหว่างพ่อของเขา อาผู้หญิง และญาติๆ คนอื่น ส่วนคุณย่ายังดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ แนะนำเรื่องสำคัญๆ ในตระกูล

ล่าสุดธุรกิจในเครือที่แตกแขนงออกมาทำกำไรให้สูงทั้งยังเติบโตเร็วคือวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ ภวิลใช้เวลาไม่นานทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ผลประกอบการสูงติดต่อกันทำให้มีข้ออ้างดีเยี่ยมที่จะขยายกิจการไปถึงธุรกิจโรงแรมด้วย

และตอนนี้วินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้เป็นเจ้าของหุ้นกิจการตรงหน้าอยู่ถึงเจ็ดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์
 
มากพอที่จะ... ทำอะไรก็ได้

หากจุดประสงค์มีเพียงขยายงานให้ใหญ่โตขึ้น โรงแรมบูติกเล็กๆ แบบนี้คงช่วยไม่ได้มาก จริงอยู่ ที่ดินผืนงามติดริมแม่น้ำเจ้าพระยามีมูลค่ามหาศาล แต่เขาเพียงซื้อหุ้นในกิจการ ไม่ได้เป็นเจ้าของโฉนด ได้เท่านี้... ไม่คุ้ม

จุดคุ้มทุนของแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน เขาเป็นนักธุรกิจ ลงทุนไปต้องได้อะไรกลับคืนมา ภวิลกวาดสายตาดูตัวตึกตรงหน้าอย่างใช้ความคิด

กรณีนี้... ก็ไม่ต่าง

ตอนเกิดเรื่อง เขาไม่อยู่ กำลังเจรจาแทนพ่อเรื่องร่วมทุนในกิจการอีกแขนงหนึ่ง แต่โทรศัพท์ด่วนจากเมืองไทยทำให้ต้องขอตัวจับเครื่องบินเที่ยวแรกกลับอย่างเร็วที่สุด

พอแตะพื้น รถของบ้านรอรับไปโรงพยาบาลทันที ก่อนหน้านี้พ่อไม่ยอมบอกรายละเอียดแม้เขาพยายามคาดคั้น พอถึงแล้วจึงได้รู้ว่าแท้จริงไม่มีใครตอบได้ เกิดอะไรขึ้นกับกฤตวัตกันแน่ เพียงแต่... สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือน้องชายเสียชีวิตแล้ว... จากไปก่อนที่เขาจะกลับมาทัน

ภวิลตั้งตัวไม่ติด ก่อนหน้าที่จะขึ้นเครื่องน้องยังโทรมา พูดจาเย้าแหย่ตามปกติแต่ลงท้ายด้วยอวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ เขาผ่านร้านหนังสือใกล้โรงแรม เห็นหนังสือออกแบบยังคิดถึง ซื้อมาฝาก ยังคิดว่าแบบนี้คงชอบ

เพื่อมารู้ว่ายูมันไม่มีทางตื่นขึ้นมาเห็น หัวเราะ หรือชื่นชมกับอะไรได้อีก

ภวิลเป็นลูกคนเดียวมาตลอดจนกระทั่งอาหญิงพาลูกกลับบ้านเดิมเมื่อสามีเสียชีวิต ตอนนั้นเขาเพิ่งขึ้นป. 6 น้องคนใหม่ที่ห่างกันสี่ปีตามเขาต้อยๆ ไม่มีพ่อแล้วเด็กชายกฤตวัตก็ติดเขาแจ ชื่นชมนับถือเขาเป็นทั้งพี่ชายและรุ่นพี่ในทุกเรื่องราว จากนั้นพอเจ้าตัวเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่นาน พ่อจึงรับหลานเป็นลูกบุญธรรมเสียเลย

แต่สถานะของอีกฝ่ายจะเป็นลูกพี่ลูกน้องหรือน้องบุญธรรมก็ไม่ได้แตกต่าง... ยังไง... ก็น้องอยู่ดี ภวิลสนิทสนมกับกฤตวัตราวคลานตามกันมา มีกระทบกระทั่งกันบ้าง... ก็เรื่องปกติของพี่น้อง ทุ่มเถียงแล้วก็ผ่านไป แต่ความรักความผูกพันเป็นของจริง
... แม้อีกฝ่ายจะไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว

เขาหน่วงหนักในใจเมื่อนึกถึงน้อง

คนในครอบครัวจากไปกะทันหันโดยไม่มีคำอธิบาย ที่ยังอยู่ข้างหลัง... ต่างต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกสูญเสีย อาหญิงนับถือคริสต์ ที่จัดพิธีศพน้องแบบนี้ก็ตามความต้องการคนเป็นแม่ หลังเกิดเรื่องเธอพร่ำบอกทุกคนว่าน้องกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้าแล้ว และมีชีวิตนิรันดรตลอดไป

แต่สำหรับเขา จะมองว่าขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับพระเจ้าหรืออยู่กับพรหมก็เปลี่ยนแปลงผลที่ว่ากฤตวัตยังไม่สมควรจากไปไม่ได้ และถ้านั่นคือผล อะไรคือเหตุ

ภวิลอยากอาละวาดเมื่อไม่มีใครบอกอะไรได้ เพราะเขาต้องการเข้าใจ 

... ทำไมเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น หลีกเลี่ยงได้ไหม มีทางช่วยได้ทันบ้างหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว... บางทีน้องอาจจะยังอยู่

คำถามแรกที่เขาถามหลังจากนิ่งไปนานเมื่อรู้ข่าว คือ “ตอนนั้นอยู่กับใคร”

... ยูตายตอนอยู่กับเพื่อนชื่อจิรัฐ ตายในรถของจิรัฐ

นอกเหนือจากนี้... ล้วนแล้วแต่คลุมเครือทั้งสิ้น

จากรูปการณ์ ก็อาจเชื่อได้ว่าจิรัฐเป็นเพียงคนนำส่งโรงพยาบาลเท่านั้น แต่น้องชายเขาเสียชีวิตก่อนจะทันถึงมือหมอ ไม่ใช่อุบัติเหตุทางรถยนต์ สืบดูเบื้องต้นแล้ว ในวันนั้นทั้งรถทั้งคนขับไม่มีรอยขีดข่วน ยูเอง... ก็ไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลที่เห็นได้ชัดจากภายนอกด้วยซ้ำ

แต่ภวิลยังมั่นใจ... มีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น

หลังเกิดเรื่องเป็นธรรมดาที่มีข่าวลือไปต่างๆ นานาในหมู่ญาติตลอดจนวงสังคมถึงสาเหตุการตายของกฤตวัต ยิ่งหาสาเหตุแน่ชัดไม่ได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้มีการคาดเดากันอย่างสนุกปากมากขึ้นเท่านั้น ต่อยอดจากคนที่น้องของเขาอยู่ด้วยตอนเสียชีวิต ทั้งจิรัฐขับรถโดยประมาทแล้วเอาเงินยัดตำรวจ บางเสียงก็อ้างไปว่ากฤตวัตขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลเรื่องชู้สาว จิรัฐรู้เข้าแต่กลัวโดนหางเลขตามไปด้วยเลยปล่อยเพื่อนตายโดยจับมือใครดมไม่ได้เสียอย่างนั้น

ภวิลปรามได้คุมได้เท่าที่ถึงหูเขาแต่ใครจะรู้ ลับหลังจะโหมกระพือกันไปอีกขนาดไหน

... มีแต่เรื่องเสียๆ หายๆ แต่เจ้าตัวคนที่น่าจะเสียหายที่สุดกลับไม่ออกมาชี้แจงอธิบายใดๆ ราวกับยินดีเป็นจำเลยสังคม 

คนปกติธรรมดาที่ไหนจะยอมบูชายัญตัวเองแบบนั้นถ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง ภวิลสัญญากับตัวเอง จนกว่าจะรู้ความจริงทั้งหมด เขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากเรื่องนี้เป็นอันขาด 


จิรัฐยังยืนอยู่ที่หน้าต่างด้วยความรู้สึกเหมือนรอคำพิพากษาที่ไม่มีทางอุทธรณ์

เห็นผู้มาเยือนก้าวเชื่องช้า พิจดูต้นไม้ใบหญ้าอาณาบริเวณราวกับเป็นเจ้าของแล้วจึงค่อยเบือนหน้ากลับ ทรุดนั่งลงที่โต๊ะประชุมดังเดิม คลึงนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ลงที่หว่างคิ้ว

... ปวดหัวตุบ

“จีรู้จักเขาหรือ” ธรรมนูญเอ่ยถาม สังเกตเห็นสีหน้าเปลี่ยนไปของรุ่นน้องตั้งแต่เมื่อครู่

“เคยเจอแค่... ครั้งสองครั้งน่ะครับ ตอนไปบ้านยู”

ตอนนั้นกฤตวัตยังไม่ได้ใช้นามสกุลวิรัชภาคย์ พอไปถึงบ้าน อันที่จริงควรจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า เห็นป้ายข้างหน้าแล้วถึงได้รู้ คนพาไปตื่นเต้นใหญ่โตเมื่อรู้ว่าตระกูลของแม่กับเพื่อนรักรู้จักกันมา คุณตาทวดของทั้งสองเคยคบหาสนิทสนม แม้ว่าคนหนึ่งจะเป็นขุนนาง และอีกคนจะเป็นพ่อค้า เลยมาจนถึงรุ่นลูก คุณตาก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อ แถมคุณยายยังเป็นญาติกันอีก   

‘เพราะฉะนั้นถูกที่สุดแล้วที่เราเป็นเพื่อนกันเนี่ย’ เขาจำได้ว่ากฤตวัตหัวเราะร่า

เข้าบ้านไปก็เจอคนเดินสวนออกมาพอดี เพื่อนแนะนำว่าเป็นพี่ จิรัฐรีบยกมือไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้ หยุดพูดกับน้องชายสองสามคำแล้วก็ออกไป

มันก็เท่านั้น... ความเกี่ยวข้องระหว่างเขากับภวิล

กฤตวัตพูดถึงพี่ชายด้วยความชื่นชมอยู่เสมอ พี่วินเก่งอย่างโน้นเก่งอย่างนี้ เก่งจนจิรัฐเคยเย้าว่าคงเป็นยอดมนุษย์ ขาดแต่เหาะไม่ได้เท่านั้น ‘พี่วิน’ ถูกเอ่ยถึงในวงสนทนาบ่อยจนจิรัฐก็ติดเรียกตามไปด้วย แม้ภายนอกจะดูเหมือนพี่น้องคู่นี้ชอบต่อปากต่อคำกัน แต่ในความไม่ลงรอยมีความผูกพันแท้จริง

หลังเกิดเรื่อง เขากับวิรัชภาคย์เข้าหน้าไม่ติด คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่เข้ามาเทคโอเวอร์ในคราวนี้จะเป็นพี่ชายของกฤตวัต ซึ่งน่าจะไม่อยากข้องแวะกันมากกว่า แต่จิรัฐบอกตัวเอง อีกฝ่ายจะไม่มีทางได้ไปมากกว่านี้... เขาจะปกป้องที่เหลือให้ถึงที่สุด

ธรรมนูญถอนใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อยากจะนับ เห็นหน้ารุ่นน้อง มองดูก็รู้ว่าจิรัฐพยายามคิดหาทางออกหัวแทบแตก ตอนนี้เขาเองมืดแปดด้านไม่ต่างกัน ได้แต่บอกให้เลขานุการออกไปรับ ‘แขก’ ที

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนใหม่มาแล้ว ยังไงคงต้องรับหน้ากันไปก่อน

เลขาฯ ออกจากห้องธรรมนูญก็พูด

“พี่ว่าจีลองไปคุยกับเขาดู บริษัทในมือมีมากขนาดนั้นคงไม่ว่างมานั่งบริหารโรงแรมเราเองอีกหรอก ถ้าจะจัดคณะกรรมการฯ เข้ามาใหม่เผื่อเราได้ช่วยสรรหาบ้าง...”

ไม่ใช่เขาไม่รู้ มันบังเอิญเกินไปที่คนกว้านซื้อหุ้นจะเป็นพี่ชายของกฤตวัต แน่ใจว่าจิรัฐคงคิดเช่นเดียวกัน แต่เหตุการณ์มาถึงขั้นนี้คงต้องตั้งรับให้มั่นแล้วค่อยดู อีกฝ่ายจะเดินหมากอย่างไรต่อ

จิรัฐพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ที่ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบุคคลพูดมาเป็นวิธีดึงอำนาจการบริหารมาส่วนหนึ่ง เพราะจะขอซื้อหุ้นคืนตอนนี้ยังยาก และเขาซื้อคืนไม่ได้ทั้งหมดแน่ๆ 

ผ่านไปครู่หนึ่งเลขาฯ ก็กลับเข้ามาในห้องประชุม “รออยู่ในห้องทำงานแล้วค่ะ”

“ห้องทำงานไหน ยังไม่ได้จัด” ธรรมนูญงง

“คุณ... เข้าไปรอในห้องทำงานคุณจีน่ะค่ะ”   

“งั้นไปกัน...” ธรรมนูญเหลียวหารุ่นน้อง

หากเลขานุการพูดเสียงเบา “... อยากพบคุณจีคนเดียวก่อน”

“เอ... พี่ไปด้วยดีกว่ามั้ย” ธรรมนูญยังเชื่อในทฤษฎีคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย

“ไม่เป็นไร พี่อาร์มรออยู่นี่แหละ” คำตอบไม่ลังเล

สิ่งสุดท้ายที่จิรัฐจะทำ คือยอมให้ฝ่ายนั้นคิดว่าเขากลัวจนถึงกับไปพบคนเดียวไม่ได้

เขาก้าวไปตามทางเดิน ตั้งสติให้มั่นคง นึกถึงคำที่พ่อเคยพูดบ่อยๆ ‘สติ... นะลูก เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา ถ้าเรามีสติอยู่ เราจะไม่แพ้ ทั้งตัวเอง ทั้งผู้อื่น’

เคาะประตูห้องทำงานแล้วจึงเปิดออก คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หันหลังให้ค่อยหมุนกลับมาเผชิญหน้าช้าๆ สายตาคมเย็นยะเยียบกวาดมองเขา... จากบนลงล่าง แล้วไล่ขึ้นมาใหม่

จิรัฐจำไม่ได้ว่าพี่วินของยูที่เขาเคยพบ ถึงจะแค่ไม่กี่ครั้ง จะมองคนด้วยสายตาแบบนี้ สายตาที่เหมือนประเมินค่าและราคาของ แต่ก็เหมือนจะเหยียดและกดให้จมดินไปพร้อมกัน เขาสะท้านในใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ภวิลคงสงวนสายตาแบบนี้ไว้มองคนที่... เกลียด

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็สะกดตัวเองจนสุดความสามารถ

ความโกรธความแค้นเหมือนเสือร้ายที่พล่านอยู่ในอก รอจะโลดออกไปขย้ำทำลายเหยื่อ เสือตัวนั้นย่อมหันมาแว้งกัดได้เช่นกันหากควบคุมไว้ไม่ดีพอ แต่ถ้าฝึกให้ดีแล้ว เสือจะ... ล่าตามคำสั่ง   

ภวิลรู้... จะพลาดไม่ได้

... ที่ลงทุนทุ่มเงินจำนวนไม่น้อยยึดสิทธิ์ในการจัดการบ้านหลังนี้ก็เพื่อให้เข้านอกออกในได้สะดวก เบาะแสอื่นที่เขาเคยตามสืบล้วนไร้ผล เหลือเพียงแต่ที่นี่

ความจริงเรื่องการตายของน้อง คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคนเดียวที่น่าจะรู้ดีที่สุด ดังนั้นต้องเข้าใกล้ หาวิธีที่จะทำให้พูด

เห็นท่ายืนหลังตรงเป๊ะ สีหน้านิ่งสนิทนั่นแล้วก็พอรู้ว่าน่าจะดื้อ... ปากแข็ง

เขาต้องเดินเกมอย่างระมัดระวัง ผิดตาเดียว ล้มทั้งกระดาน

ตั้งแต่เดินเข้ามา... บางแห่งคล้ายเห็นสไตล์ส่วนตัวของกฤตวัตชัดเจน น้องชายคงลงทุนลงแรงไปไม่น้อยเลย 

ยูเป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้ บ้านพักตากอากาศ คอนโดของครอบครัวกี่แห่งๆ ขอแต่งเรียบ ว่างๆ คิดแผนปรับปรุงออฟฟิศของบริษัทในเครือ แต่ภวิลรู้จักนิสัยน้องดี ถ้าไม่ ‘รัก’ ก็ไม่ทำ

ขนาดขอเบิกเงินจากคุณย่าส่วนที่เป็นของตัวเองมาร่วมทุนด้วย... คงไม่ได้รักบ้านอย่างเดียว คนน่าจะสำคัญไม่แพ้กัน ท่าทางไม่ใช่เพื่อนธรรมดา

สิ่งที่เขาคิดแต่แรกไม่เปลี่ยน และตอนนี้ยิ่งแน่ใจคือ...

ยู... รสนิยมดี

เมื่อไม่มีการเชิญให้นั่ง จิรัฐก็ไม่นั่ง ยืนอยู่อย่างนั้น คิดๆ ดูแล้วก็ตลก เมื่อวาน หรือแม้แต่เมื่อเช้า ห้องทำงานนี้ก็ยังเป็นของเขา แต่พอตกสายหน่อยกลับไม่มีที่นั่งในห้องตัวเองเสียแล้ว

ห้องเงียบจนน่าอึดอัด ภวิลเลื่อนปึกเอกสารส่งให้ช้าๆ แต่ก่อนอีกฝ่ายจะทันรับมันก็ตกจากโต๊ะร่วงสู่พื้น จิรัฐจำต้องก้มลงเก็บ เขาเม้มปากแน่น พอเงยหน้าขึ้นมาภวิลก็เฉยเสียจนมองไม่ออกว่าจงใจหรือไม่

เอกสารพวกนั้นตอกย้ำความกลัวของเขา และยืนยันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง บริษัทของภวิลซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมคิดรวมกันเป็นจำนวนมากกว่าที่เขาถืออยู่ถึงสามเท่าตัวเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการควบคุมกิจการ ถึงจะเตรียมใจมาไว้บ้างแล้วแต่จิรัฐยังรู้สึกเหมือนจะยืนไม่อยู่เมื่อคิดว่าการดูแลที่นี่จะไม่ใช่สิทธิ์ของตัวเองอีกต่อไป

“ตกใจหรือ? ใครๆ ก็ทำกัน เทคโอเวอร์มันเรื่องธรรมดา... ผมแค่เสนอทางเลือกให้ผู้ถือหุ้น ช่วยไม่ได้ เขายอมขายให้ผม คุณก็ต้องคิดนะว่าทำไมทุกคนถึงทิ้งทุ่นคุณกันหมด”

น้ำเสียงราบเรียบแต่ติดจะเยาะทำให้จิรัฐตวัดสายตามองคนพูดด้วยความเดือดดาล

... ก็ใช่ เขาตัวคนเดียว ถึงตอนนี้ก็เหลือแต่แม่เท่านั้น ไม่ได้มีญาติพี่น้องคอยสนับสนุนช่วยเหลือเรื่องแหล่งทุนหรือว่าเรื่องอื่นๆ เหมือนอย่างในวิรัชภาคย์

เสียงเรื่อยๆ นั้นยังเอ่ย

"ผมก็ไม่โทษเขาหรอก ใครจะอยากให้คนมีประวัติเคย... ประมาทเลินเล่อขนาดนั้นมาบริหารต่อ เดี๋ยวนี้นะคุณ ข่าวนิดๆ หน่อยๆ หุ้นก็ราคาตก ผมมาซื้อเขาก็ดีใจกันจะแย่ คงกลัวคุณบริหารโดยประมาทด้วยเหมือนกัน จะพากันลงเหวไปเสียหมด”

ถึงหลักฐานต่างๆ จะบ่งชี้แล้วว่าไม่ใช่อุบัติเหตุรถยนต์ แต่ภวิลก็ยังพูด... อยากดูปฏิกิริยา

เขามองจิรัฐกำมือแน่น

"ผมไม่ได้ประมาท!"

"พูดอะไรระวังหน่อย" ภวิลสวนขึ้นทันควัน "คนอื่นมาได้ยินคุณบอกว่าไม่ได้ประมาท จะคิดไปว่าคุณ... เจตนา"

“หมายความว่ายังไง คุณจะบอกว่าผมเจตนาเรื่องอะไร”

“ผมก็ไม่รู้... คุณเคยทำอะไรไว้ล่ะ”

ทั้งสองคนประสานสายตากัน ฝ่ายหนึ่งเฉยเมยเย็นชา ส่วนอีกฝ่ายพยายามสะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่านด้วยคำว่าสติ จิรัฐวางเอกสารคืนกลับลงบนโต๊ะก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้นิ่งที่สุด

“ผมไม่เห็นเหตุผล...”

“เทคโอเวอร์ ถ้าไม่ทำเพราะจะกำจัดคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ซึ่งในกรณีนี้ไม่ใช่ ก็ทำเพราะเมื่อขยายธุรกิจแล้วไม่ต้องมาตั้งต้นเริ่มใหม่หมด พัฒนาต่อยอดมันคุ้มกว่ากันเยอะ เผอิญว่าวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้อยากต่อยอดธุรกิจเป็นกิจการโรงแรมบูติก มันก็เท่านั้น"

มันไม่ใช่เท่านั้นแน่... จิรัฐถามต่อด้วยน้ำเสียงเดิม

“คุณภวิล คุณจะเอาของที่คุณไม่อยากได้ไปทำไม”

"คุณรู้ได้ยังไงว่าอะไรผมอยากได้ อะไรไม่อยาก... ได้"

จิรัฐสูดลมหายใจเข้าลึก ทุกครั้งเมื่อมีปัญหาให้แก้ ไม่ว่าผู้ถือหุ้นพูดไม่รู้เรื่อง การประชุมยืดเยื้อเกินจำเป็น ลูกค้าที่ดูจะไม่ยอมฟังเอาเสียเลยหรืออะไรก็ตาม เขาจะเริ่มนับเลขเพื่อให้ใจเย็นลง จำนวนขึ้นอยู่กับความยากในการรับมือ
 
... มากก็เพิ่มหลัก หนักเข้าจะนับถอยหลัง

และตอนนี้เขากำลังนับถอยหลังจากหลักพัน

"ตระกูลคุณไม่เคยสนใจธุรกิจโรงแรม ถึงแตกบริษัทใหม่มาพัฒนาอสังหาฯ ก็ทำแต่ศูนย์การค้าไม่ก็อาคารสำนักงานให้เช่าคุณไม่เคยทำคอนโดหรือบ้านด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ ก็คือ คุณไม่เคยบริหารอะไรที่มีคนจริงๆ เข้าไปใช้ชีวิตอยู่เลย"

"ไม่เคยทำถึงได้ซื้อมาทำนี่ยังไง เมื่อก่อนน้องชายผมก็เคย 'สนใจ' ตอนนี้ผมจะสนใจบ้างก็ไม่เห็นแปลก”

รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากของคนพูดเล็กน้อย มันคงน่ามองนักในยามปกติ เพียงแต่ตอนนี้จิรัฐพาลจะคิดไปว่าถ้าเสือยิ้มได้เวลาเห็นเหยื่อชิ้นงามเดินเข้ามาให้เชือดถึงที่ มันคงไม่ต่างกันมากนัก

สำหรับบริษัทอย่างวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ แค่แสดงความจำนงว่าอยากทำโรงแรมดูบ้างเท่านั้น ไม่แคล้วมีสัญญาเรียงแถวมาให้เลือกเป็นพรวน ทุ่มเงินซื้อหุ้นส่วนใหญ่มาเพื่อบริหารโรงแรมเล็กๆ แบบนี้ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

ถ้าไม่เข้ามาเพื่อจุดประสงค์อื่น

... ภวิลคงไม่แม้แต่จะชายตาแล

กระนั้นเขาก็ยังพูดออกไปทั้งๆ ที่แน่ใจว่าอีกฝ่ายคงจะรับฟังเท่าๆ กับที่ฟังเสียงนกเสียงกา

“ตอนนั้นจะ... ร่วมทุน ไม่ใช่ตกลงให้เทคโอเวอร์”

“น้องผมน่ะใจดี บางทีดีเกินไป” ภวิลบอก ไม่หลงเหลือรอยยิ้มอีก “ร่วมทุนกันทำให้เพิ่มทุนได้โดยไม่ต้องกู้ ไม่ต้องห่วงเรื่องดอกเบี้ย ทางนี้ก็สบาย... ผมไม่รู้คุณใช้วิธีอะไรจูงใจเขา แต่คงไม่มีประโยชน์กับผม ผมไม่ได้ชอบของ... สวยๆ งามๆ เหมือนเขา”

สายตาจับอ้อยอิ่งชวนให้คนฟังหน้าร้อนเมื่อนึกถึงนัยที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั้น กำลังจะขยับปากโต้ตอบหากอีกฝ่ายเอ่ยต่อไปเป็นเรื่องอื่น

“น้องผมชอบบ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือ บอกบ้านสวย เครื่องเรือนเก่างามนัก แต่ลำพังแค่สวย... มันก็เท่านั้นแหละถ้าทำกำไรไม่ได้ ที่จริงโรงแรมนี้ยังไม่ถึงกับหมดโอกาสเสียทีเดียว เปลี่ยนผู้บริหารที่มีอำนาจควบคุมเสียใหม่จะได้แก้ปัญหาที่เคยมีมา สงสัยจะต้องปรับโครงสร้างพนักงานกันยกใหญ่ด้วย แต่ไม่ต้องห่วง ถึงจะไม่ได้สิทธิ์ในการบริหารแล้ว คุณก็... ทำอย่างอื่นได้ ผมยังไม่ใจร้ายขนาดให้เพื่อนที่น้องชายผม... รักที่สุด... ต้องตกงานหรอก”

จิรัฐอดขัดหูกับคำว่า 'รักที่สุด' ไม่ได้ เขาโพล่งออกไปก่อนจะห้ามตัวเองทัน 

"ทำอะไรครับ ขุดลอกสระบัว ทำความสะอาด หรือว่าขับเรือรับส่งแขกดี แต่ขอบอกไว้ก่อนว่างานในครัวไม่ค่อยเก่ง ถ้าเสิร์ฟกับยกกระเป๋าละพอได้"

"อย่าเพิ่งใจร้อน แล้วก็รู้เอง” รอยยิ้มมุมปากแบบเดิมจุดขึ้นอีกครั้ง

จิรัฐเริ่มนับถอยหลังอีก กับคนคนนี้เขา ‘หลุด’ ได้ง่ายดาย ทางเดียวที่จะรับมือได้คือต้องควบคุมสติเข้าไว้

“คุณภวิล อำนาจในการบริหารของคุณอาจแค่ชั่วคราว ถ้ามีทาง ผมจะพยายามรวบรวมทุนมา...”

คำพูดนั้นถูกขัดโดยเสียงหัวเราะ ภวิลส่ายหัวน้อยๆ มองเขาอย่างสงสารแบบที่หมาป่าคงมองลูกแกะที่หาญมาต่อรองด้วยทั้งๆ กำลังจะถูกกินอยู่แล้ว 

“ผมนับถือความกล้าของคุณนะ แต่พูดก็พูดเถอะ ผมไม่เห็นทางเลยจริงๆ นอกจาก...กู้”

จิรัฐหน้าถอดสี เพราะเพิ่งนึกถึงผลของการเลือก ‘ทาง’ ที่ภวิลว่าขึ้นมาได้

ถ้ากู้เงิน เขาคงไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอะไรที่มีค่ามากพอสำหรับเงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นได้ยกเว้นแต่...

... โฉนดที่ดินกับบ้านหลังนี้

และถึงได้เงินมาซื้อหุ้นที่ไม่รู้ภวิลจะโก่งราคาไปอีกเท่าไหร่คืนมา ถ้าไม่เหลือเงินพอจะชำระหนี้ทัน ก็ไม่พ้น... ต้องขายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันอยู่ดี

“บ้านกับที่ดินนี้เป็นของแม่คุณ ถ้าเอาไปค้ำท่านก็ต้องรู้ว่าคุณไม่ได้ตกลงจะร่วมหุ้นเสริมทุนตามธรรมดา แต่บ้านพระยาเปลี่ยนมือผู้บริหารไปแล้ว” ภวิลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “ซึ่งผมคิดว่าคุณคงไม่เสี่ยง ได้ข่าวสุขภาพท่านไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก”

ภวิลปิดกั้นเขาไว้ทุกทาง กระทั่งเรื่องแม่ก็ยังรู้ จิรัฐรู้สึกราวผนังห้องบีบแคบเข้า เพดานที่เคยสูงโปร่งกลับลดต่ำลง

“หรือว่า... คุณจะถอยออกไปรับเงินปันผลสบายๆ ที่เหลือ... ผมจัดการเอง แต่คุณก็อาจจะต้องเข้ามาบ้าง แขกชอบที่เป็นธุรกิจของครอบครัว คิดไปว่าจะทำให้ใส่ใจกับรายละเอียดได้มากไม่เหมือนโรงแรมใหญ่ๆ ผมไม่อยากให้ภาพตรงนั้นมันเสีย หลายๆ ที่ก็ทำอย่างนี้แหละ ให้คนอื่นมาบริหารแต่ยังบอกว่าดำเนินกิจการโดยครอบครัวอยู่ บางทีก็เรียกว่าเจ้าของไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ...”

จิรัฐจ้องคนตรงหน้าเขม็ง

“ไม่เอาหรือ? ถ้าการที่ผมเป็นผู้บริหารสูงสุดของที่นี่ขัดใจคุณนัก มีอีกทาง... ขายหุ้นที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้ผม” คนนั่งไขว่ห้างอยู่เหลือบสบตา “ผมซื้อได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก”

จิรัฐสูดลมหายใจลึก... ให้เขาตายเสียดีกว่าจะยอมวางมือจากบ้านหลังนี้ บ้านที่คุณทวดสร้างเป็นเรือนหอให้คุณหญิงของท่าน คุณยายทวดของเขา... บ้านที่พ่อใช้ทั้งชีวิตทั้งชีวิตบูรณะขึ้นมาด้วยความรักที่มีให้แม่

เห็นสีหน้าอีกฝ่ายภวิลก็เอ่ยต่ออย่างไม่ยินดียินร้าย

"นั่นสิ... คุณไม่มีวันทิ้งที่นี่ได้ คุณต้องอยู่... เพราะคนที่เขารักคุณทุ่มเทให้กับบ้านหลังนี้มามากเกินไป ทั้งพ่อ ทั้งแม่คุณ ทั้ง... น้องผม แต่ที่พูดขึ้นมาก็เพราะอยากให้รู้ว่า คุณอยู่... ในสถานะที่ต่างจากเดิมแล้ว”

จิรัฐหน้าชา บทสนทนาเมื่อครู่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผู้บริหารคนใหม่เพียงจะแสดงให้เขาเห็น... ที่เคยคิดว่าพอมีทางนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่

ราวกับทำได้เพียงคอยดูบ้านพระยาเปลี่ยนแปลงไปตามแต่อีกฝ่ายจะใช้อำนาจสิทธิ์ขาดจัดการ   

จะตัดใจละไปก็ไม่ได้... สายโซ่ที่เรียกว่าความผูกพันดึงรั้งเขาไว้อย่างแน่นหนาเกินไป สำหรับจิรัฐแล้ว บ้านพระยาไม่ใช่แค่ตึกเก่าริมน้ำ หรือเป็นเพียงกิจการของครอบครัว เวลามองกลับมา เขาเห็นหยาดเหงื่อ รอยยิ้ม และความพยายาม... ของพ่อ ของแม่ ของยู เห็นแรงกายแรงใจของพนักงานทุกคนที่ทำให้ที่นี่เป็นบ้านของผู้ที่จากบ้านมา... แม้เพียงชั่วคราว

อิฐทุกก้อน หญ้าทุกต้น มีความหมายกับเขาในแบบที่คนมองแต่ผลกำไรขาดทุนแบบผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่ไม่มีทางเข้าใจ

ภวิลโบกมือ “เชิญ ตามระดับผู้จัดการทั้งหมดมาพบผมด้วย ส่วนคุณก็อย่าเพิ่งไปไหนไกลเผื่อมีธุระต้องเรียก” เขาหยุดเหมือนคิด แต่จิรัฐแน่ใจว่าคือการเย้ยชัด “แต่ก็คง... ไปไหนไม่ได้อยู่ดี”

จิรัฐเดินช้าๆ ไปที่ประตู ไม่ทันเห็นรอยยิ้มอีกแวบหนึ่งของผู้บริหารคนใหม่

... ที่พูดออกไปทุกอย่างภวิลคิดถี่ถ้วน ถ้าการเข้ามาซื้อหุ้นก้อนใหญ่ในครั้งนี้ส่งผลให้ ‘เป้าหมาย’ ลี้หนีหาย ก็ไม่บรรลุจุดประสงค์
 
ใจอยู่ที่ไหน กายมักจะทนห่างได้ไม่นาน เขานึกถึงทศกัณฐ์กับกล่องดวงใจ... แม้คนตรงหน้าจะไม่คล้ายยักษ์เลยสักนิด แต่ถ้าจิรัฐมีกล่องดวงใจ ใจคงถอดฝากไว้กับบ้านหลังนี้ บ้านที่อยู่ในมือเขาแล้ว

ใจที่ลดทอนความเข้มแข็งลงย่อมเค้นสิ่งที่ปิดบังซ่อนเร้นไว้ได้โดยง่าย

ภวิลมองร่างเพรียวหยุดอยู่ที่ประตู มือจับลูกบิด แต่แล้วก็หันกลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“บางอย่างในโลกนี้นะคุณภวิล คุณอาจจะมีโอกาสครอบครองได้ชั่วครู่ชั่วยาม แต่คุณไม่มีวันเป็นเจ้าของจริงๆ หรอก”

ประตูปิดลง... นุ่มนวลนัก ราวจะขัดกับแววตาเข้มแข็งเอาจริงที่มองสบเขานิ่งๆ ภวิลหัวเราะกับตัวเองโดยไม่มีความรื่นรมย์แม้เพียงนิด

... ใช่ว่าเขาปรารถนาจะข้องแวะกับที่นี่ไปตลอดกาลเสียเมื่อไร!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ theduchess มาแล้วน้า ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ yeyong อีกสักแป๊บได้รู้แน่นอน
คุณ dawnthesky ขอบคุณค่ะมาอ่านเรื่องนี้ด้วย ไม่ม่ามากหรอก จริงๆ นะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า
คุณ PetitDragon แก้แค้นหรือเปล่านะ เรียกว่ามาหาความจริงละกัน แต่ระหว่างนั้นก็...
คุณ iamnan โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวหรอกน้า มันไม่เยอะ (ในสายตาคนเขียน 55) อ่านต่อกันเต๊อะ ปล. ถ้าอยากได้แบบชิวๆ เลยลองหาสมาคมขนสั้นในห้องนิยายจบแล้วได้ (โฆษณาเรื่องเก่าซะงั้น)
คุณ parn11 มาแล้วนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาค่า
คุณ jeaby@_@ ขอบคุณที่แวะมาค่า
คุณ silverphoenix ขอบคุณมากค่า ฝากด้วยน้า
คุณ kun มาแล้วค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
คุณ bluebird ขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ จะพยายามมาต่อไม่ให้นานนัก ฝากด้วยนะคะ
คุณ bulldog17 ขอบคุณที่แวะมาอ่านเรื่องนี้ด้วยค่ะ เรื่องปมเราก็จะค่อยๆ แก้กันปายย

บทที่ 2 มาแล้ว ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากค่า 
แล้วพบกันใหม่นะจ๊ะ
  :กอด1:   
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 2] 27 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 27-12-2011 20:52:29
แค่อ่าน 2 ตอนแรกน้ำตาก็จะไหลแล้ว
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 2] 27 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-12-2011 21:03:37
มันบีบหัวใจเกินไป  :m15:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 2] 27 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-12-2011 22:01:39
ชอบบรรยากาศเรื่องนี้จังเลยค่ะ o13
อ่านไปสองตอน น่าติดตามมาก ตอนนี้ก็ทั้งลุ้นทั้งเชียร์จีให้อยู่รอดปลอดภัย พลิกมาชนะพี่วินมั่ง
ชอบค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 2] 27 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 28-12-2011 14:24:56
ชอบมากค่ะ รอนะ
พระเอกเท่จัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 2] 27 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 28-12-2011 17:31:44
รู้สึกเหมือนจะซับซ้อนนะ น่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 2] 27 ธ.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-12-2011 09:30:59
ว้าวววววววว ยิ่งอ่านยิ่งอยากรุ้ ยังไงๆๆๆ
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 03-01-2012 06:09:25
บทที่ 3

ธรรมนูญเดินทิ้งระยะจากสองคนข้างหน้าอยู่พอควร

รุ่นน้องกลับออกมาจากห้องประชุมท่าทางเหนื่อยราวกับกลับจากสนามรบ เขาไม่ทันมีเวลาถามไถ่อีกฝ่ายก็บอกว่าผู้บริหารคนใหม่เรียกระดับผู้จัดการทุกคนเข้าพบ เห็นสีหน้าแล้วธรรมนูญรู้ว่าไม่ควรจะเซ้าซี้ตอนนี้ ได้แต่ให้เลขาโทรแจ้งฝ่ายอื่นๆ

เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะกลัวผู้ชายด้วยกัน แต่เมื่อมายืนอยู่เบื้องหน้าคนที่บัดนี้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด ถึงจะยังไม่ยอมใช้คำว่ากลัว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน่า ‘เกรง’ อยู่ไม่น้อย เชื่อว่าเขาคงไม่ใช่คนเดียวในห้องที่รู้สึกแบบนี้

ภวิลเพียงแต่บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบถึงการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายเดิมให้วินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ ผู้จัดการคนอื่นๆ หันมองธรรมนูญเป็นตาเดียวด้วยผู้จัดการฝ่ายการเงินเป็นประหนึ่งมือขวาของจิรัฐมาโดยตลอด เขาได้แต่ยืนทำหน้าไม่ถูกเพราะตัวเองก็ยังไม่แน่ใจถึงสถานะที่เปลี่ยนไปของผู้บริหารคนเดิมเช่นเดียวกัน

ผู้บริหารที่มีอำนาจควบคุมคนใหม่ก็ไม่ขยายความ นอกจากพูดว่าขอให้แจ้งพนักงานในแต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบว่าให้ทำงานไปตามปกติ จนกว่าจะตรวจดูโรงแรมและการดำเนินการอย่างละเอียดเสร็จสิ้น เมื่อนั้นอาจมีการเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จากน้ำเสียงทุกคนก็รับรู้ได้ว่า... เป็นอันสิ้นสุดและไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม

ภวิลออกจากห้องมาพบรุ่นน้องเขา บอกให้พาดูโรงแรม ธรรมนูญก็เดินตามไปห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง และตอนนี้สองคนนั้นกำลังจะมุ่งไปทางครัว

ภัตตาคารของบ้านพระยามีชื่อเสียงด้านอาหารไทย โดยเฉพาะที่เป็นของหาทานยากที่อื่น ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้วคงค่อนข้างวุ่นวาย... แล้วก็เป็นอย่างที่คิด

เขาเห็นทักษ์มือเป็นระวิงอยู่หน้าเตา ปากก็สั่งการเชฟลูกมือคนอื่นๆ ภวิลไม่ขัดจังหวะ เพียงแต่กอดอกยืนมองการทำงานอยู่เงียบๆ จนดูเหมือนจะเริ่มซาลงบ้างจึงได้เอ่ยปากบอก “ให้เชฟมาพบผมหน่อย”

ธรรมนูญเดินไปเรียกทักษ์ผู้ยังก้มหน้าก้มตาจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนเพิ่มเข้ามาในครัวของตัวเองสามคนเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายสะดุ้งน้อยๆ พอเห็นว่าเป็นใครจึงยิ้มให้

ทักษ์อายุน้อยกว่าเขาไม่ถึงปี เข้ามาทำงานไล่เลี่ยกัน รู้ตัวอีกทีธรรมนูญก็กลายเป็นหนูทดลองเวลาเชฟไฟแรงอยากจะคิดค้นเมนูอะไรใหม่ๆ ไปเสียแล้ว ความคิดบรรเจิดของทักษ์บางทีก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง คิดเอาเองว่าน่าจะดีแต่บางทีก็กินไม่ได้เอาเลยบ้าง เป็นเหตุให้เขาเรียกหยิกแกมหยอกอย่างหมั่นไส้ว่า‘ไอ้ทึกทัก’ อีกฝ่ายเพียงหัวเราะไม่ถือสา ผ่านไปแป๊บเดียวก็มีของใหม่มาให้ชิมอีก

แต่ตอนนี้ธรรมนูญแค่นึกอยากมีเหตุผลเพียงพอจะยิ้มตอบรอยยิ้มกว้างขวางนั่นได้ เขารุนหลังเชฟไปอีกฝั่งของห้อง กระซิบเบาๆ “ผู้บริหารคนใหม่”

ทักษ์ทำหน้างง เพราะจิรัฐก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วย แต่ไม่มีเวลาได้งงนานเพราะถูกยิงคำถามใส่   

“เชฟบริหารไม่จำเป็นต้องปรุงทุกจานเอง ซูเชฟคุณไปไหน”

“เอ้อ... ผมเป็นซูเชฟครับ เชฟใหญ่ไม่อยู่”

ธรรมนูญตบหน้าผากตัวเองในใจ เรื่องหัวหน้าเชฟหรือที่ภวิลเรียกว่าเชฟบริหารตามภาษาอังกฤษคือเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟขาดบ่อยเป็นเรื่องที่เขาในฐานะดูแลฝ่ายบุคคลด้วยก็กำลังจะจัดการอยู่ เพียงแต่มีเรื่องด่วนอื่นๆ แทรกเข้ามาและทักษ์ก็ทำหน้าที่แทนได้ไม่ขาดตกบกพร่องมาตลอด

“ไม่อยู่?” ภวิลหันมาทางผู้จัดการที่กำลังนึกแช่งชักหักกระดูกหัวหน้าเชฟกับการเลือกวันหยุดได้ดีเหลือเกิน “จดหมายลาล่ะ”

“ยัง... ไม่ได้รับครับ” ธรรมนูญตอบ กำลังจะอธิบายว่าจดหมายลาอาจส่งตามมาทีหลังได้ แม้รู้ดีว่าไม่ใช่วิสัยของเชฟคนนี้ทั้งอาจเสี่ยงกับการถูกหาว่าเข้าข้างพนักงาน แต่เขาห่วงหน้าจิรัฐมากกว่า คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คิดไปเสียตั้งแต่วันแรกว่าการบริหารงานบุคคลมีปัญหา

แต่ภวิลไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดต่อ กลับถามซูเชฟ “ขาดมากี่วันแล้ว”

“เอ่อ...” ทักษ์เหลือบมองผู้จัดการฝ่ายการเงิน

หากคนยืนกอดอกตั้งคำถามบอก “คุณไม่จำเป็นต้องปกปิดให้เพื่อนร่วมงาน ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด ผมมีวิธีรู้ และถ้าผมรู้จากคนอื่น...”

ทักษ์ย่อมตระหนักดีว่าตอบผิดหมายถึงตกงาน “เฉพาะสัปดาห์นี้สามวันแล้วครับ... เมนูผมใช้ของเดิม”

“ของเดิมนั่นน่ะตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็เกือบ... สองเดือนได้”

ภวิลหันมาทางผู้จัดการ “ให้ออก”

“เชฟคนนี้เคยเป็นแชมป์อาหารไทย แล้วก็ทำงานที่นี่มานาน ผมว่าเรียกมาคุยตักเตือนก่อน...” จิรัฐเพิ่งมีโอกาสได้พูด

“หยุดโดยไม่มีเหตุสมควร ไม่คิดเมนูใหม่มาเกือบสองเดือน คนไม่จริงจังกับงานผมให้ออกหมดทุกคน” ภวิลว่า “หรือคุณก็ทำโรงแรมนี้เล่นๆ เหมือนกัน?”

จิรัฐเลยต้องเงียบ ผู้บริหารคนใหม่กวาดสายตามองป้ายชื่อที่หน้าอกเชฟแล้วบอก 

"เชฟทักษ์ ขอเมนูสัปดาห์ที่จะถึงนี่ให้ผมด้วย"

"อะ เอ่อ..." ธรรมนูญมองไอ้ทึกทักได้แต่ติดอ่าง "แล้วเฮดเชฟ..."

“คุณนี่ล่ะเฮดเชฟ ส่วนจะให้ใครเป็นซูเชฟก็เลือกผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ขึ้นมาสักคน”

คราวนี้ทักษ์ถึงกับอ้าปากค้างที่ได้เลื่อนตำแหน่งแบบปัจจุบันทันด่วน   

“อย่าบอกว่าเป็นเชฟแต่ไม่เคยมีความคิดสร้างสรรค์จะร่างเมนูเองเลย?"

... น้อยไปสิ ธรรมนูญอยากจะบอก เมนูเชฟทักษ์น่ะ แปลกไม่กลัว กลัวไม่แปลก!

"ครับ ได้ครับ..." เชฟอายุยังน้อยเริ่มลน "ม... เมื่อไหร่ดีครับ"

ภวิลมองเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่น่าต้องถาม จิรัฐรีบพูด

"เร็วที่สุดแล้วกัน"

แว่วเสียงอีกฝ่ายสั่งงานต่ออย่างไม่สนใจ 

“คุณธรรมนูญ ทำรายงานสรุปย้อนหลังหกเดือนของฝ่ายบุคคลรวมทั้งโครงสร้างเงินเดือน ผมต้องการเห็น หยุด ลา เท่าไหร่ พร้อมหลักฐาน...”

“ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว” จิรัฐขัด “โรงแรมก็ขายงานบริการ ไม่ใช่โรงงานผลิตของตามสายพานจะได้ตรวจวัดผลกันตามตัวเลขเป๊ะๆ”

“ครอบครัวหรือ” ภวิลเลิกคิ้ว “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคุณจ่ายเงินเดือนให้ไม่ได้ยังจะมีใครอยากนับญาติกับคุณอยู่อีกไหม อย่างน้อยๆ พวก ‘คุณลุงคุณอา’ ของคุณในห้องประชุมนั่นก็ไม่ลังเลสักนิดเดียวที่จะขายหุ้นทิ้ง ถ้ายังดื้อด้านใช้ระบบเครือญาติผมบอกได้เลยว่าเจ๊ง”

“บ้านคุณก็...”

“ธุรกิจในครอบครัวที่สนับสนุนกันไม่เหมือนระบบเครือญาติที่อุปถัมภ์พึ่งพิงจนเละไปหมดนะ แล้วธุรกิจบ้านผมทำท่าจะเจ๊งหรือเปล่า”

จิรัฐหน้าแดงแล้วกลับซีดสลับกัน จนคำพูดไปชั่วครู่ในขณะที่ภวิลหันมาไล่เบี้ยเอากับผู้จัดการ

"ไม่ไปทำงานล่ะ คุณธรรมนูญ?"

"คนเรายังไงก็ต้องกินข้าว" จิรัฐอดไม่ได้ "นี่มันเวลาพักเที่ยงแล้ว"

“จริงด้วย คุณพูดขึ้นมาผมเลยชักหิว” ภวิลบอกหน้าตาเฉย “เขาว่ากันว่า... สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง วันนี้เหลนพระยาเลี้ยงพ่อค้าหน่อยเป็นไร”

จิรัฐเม้มปาก รู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจประหวัดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเก่าก่อน ตอนที่คุณตาคุณยายพาแม่เขาลี้หนีระเบิดจากพระนคร ข้าวยากหมากแพง ลำบากก็ได้ฝั่งวิรัชภาคย์... คุณปู่ของคนตรงหน้านี้แหละช่วยเหลือเอาไว้ แม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังยังบอก ‘คุณตาพูดขำๆ... เลยกลายเป็นพ่อค้าเลี้ยงพระยาไปเสียแล้ว’

มันคงเป็นเรื่องที่เพื่อนเก่าสองคนสรวลเสเฮฮากันอย่างไม่คิดอะไร แต่หลานของท่านทำให้เป็นเรื่องขำไม่ออกเลยจริงๆ   

“ไม่จำเป็นมังครับ” เขาพูดช้าๆ “เชิญคุณตามสบาย”

“ไม่เลี้ยงก็ไม่เลี้ยง แต่ผมยังไม่เสร็จธุระดี คงต้องรบกวนอีกหน่อย” ภวิลพยักหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงให้อีกฝ่ายเดินไปก่อน จิรัฐจำต้องนำไปห้องอาหารทั้งๆ ที่อยากปลีกตัวเต็มทีเพราะไม่ต้องการต่อปากต่อคำกลางครัวให้พนักงานแตกตื่น

ธรรมนูญขยับจะเดินตามแต่ก็ชะงักด้วยผู้บริหารคนใหม่ขัดขึ้นเสียก่อน “งานที่สั่ง... สามโมงคงไหวนะ?”

เขาได้แต่ยืนมองสองคนลับหายเข้าไปในส่วนภัตตาคาร ภาวนาให้รุ่นน้องรับมือได้ตลอดรอดฝั่ง

“โหดว่ะ” เสียงทักษ์ดังขึ้นดึงเขาจากภวังค์

“อ้อ... อืม”

“ถ้าเปลี่ยนผู้บริหาร แล้ว... คุณจีล่ะ”

ธรรมนูญถอนใจพลางสั่นศีรษะ เขาเองก็ยังเดาหนทางข้างหน้าไม่ได้

“คุณจีไม่ไปไหนหรอก” ทักษ์ว่า “เนอะอาร์ม?”

ธรรมนูญยิ้มบางให้คนเป็นเชฟ จิรัฐไม่ไปไหนก็จริง แต่เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตำแหน่งแห่งที่ในภายหน้าของรุ่นน้องจะเป็นอย่างไร... นี่คงทรมานใจที่ถึงจะได้อยู่ใกล้ของรัก แต่ไม่มีสิทธิ์ดูแลจัดการอย่างเคย ยิ่งไปกว่านั้น ภวิลเป็นญาติสนิทของกฤตวัต เขาสลัดความกังวลออกไปจากใจไม่ได้ว่าภวิลเข้ามาเพราะเรื่องที่น้องเสียชีวิตอย่างคลุมเครือ 

และเขาไม่รู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีการใด

แต่ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ ธรรมนูญเพียงหวังว่าคนดีอย่างรุ่นน้อง คงมีเหตุผลที่ดีพอ ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม

ระหว่างนี้ เขาตกลงใจทำงานในหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด รวมถึงที่นายคนใหม่จะสั่งด้วย เพื่อกันไม่ให้มีผลกระทบไปถึงจิรัฐได้

“ไปล่ะ งานเยอะ” เขาบอกเชฟ “เราก็ตั้งใจทำงานดีๆ อุตส่าห์ได้เลื่อนเป็นเชฟใหญ่ทั้งที”

“ทุกขลาภ” หัวหน้าเชฟหมาดๆ ทำคอย่น “วันไหนไม่ถูกใจขึ้นมามีหวัง... โดนไล่ออกตรงนั้นเลย”

“โอกาสมีไว้ให้...”

“... ให้เราพิสูจน์ตัวเอง รู้แล้วน่ะ พูดบ่อยจนจำได้แล้ว” ทักษ์ว่า แล้วบอก “รอแป๊บ... ผัดข้าวใส่กล่องให้"

“ขอบใจ...”

“ไม่เป็นไร... ช่วยกัน” ทักษ์ยิ้มให้ก่อนจะผละไป ธรรมนูญอดยิ้มตอบไม่ได้

ถึงการเปลี่ยนผู้บริหารอาจนำพามาซึ่งความเปลี่ยนแปลงต่างๆ นานาอีกพะเรอเกวียน แต่ขอให้เขาได้อุ่นใจไว้สักหน่อยว่าเจ้าทักษ์... ยังเหมือนเดิม


จิรัฐรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ฝืดคอเต็มที

ห้องอาหารเพดานสูง พื้นไม้ขัดมันวับ หน้าต่างเปิดโล่งมองเห็นสวนกับสระบัว ตาข่ายหน้าช้างร้อยจากดอกไม้สดแขวนประดับช่องหน้าต่างไกวพลิ้วส่งกลิ่นกำจายตามแรงลม แขกที่มารับประทานอาหารพูดคุยกันเบาๆ ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาเป็นระยะ

ทุกอย่างดูปกติ... แต่ก่อนเกิดพายุใหญ่คลื่นลมมักสงบเสมอ...

อันที่จริงแล้วจิรัฐไม่ได้มีอะไรขัดข้องกับการเลื่อนตำแหน่งของทักษ์ แม้ว่าอาจจะยังมีประสบการณ์ไม่มาก แต่ความตั้งใจกับฝีมือเขาเชื่อว่าทักษ์ไม่แพ้ใคร เพียงแต่จิรัฐค่อนข้างแน่ใจว่าภวิลทำเพื่อพิสูจน์... ไม่มีอะไรที่เกินขอบเขตอำนาจ ไม่มีอะไรที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดจะทำไม่ได้

เขาสังหรณ์ว่าจะมีเรื่องอื่นตามมาอีก

ระหว่างที่จิรัฐก้มหน้าราวกับสนใจอาหารในจานเสียเต็มประดาบ้าง เสมองแขกคนอื่นๆ บ้าง ภวิลกลับมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา

บางทีเขานึกอยากคิดอะไรง่ายๆ อย่างจิรัฐเป็นต้นเหตุของความเลวร้ายทั้งหมดในครั้งนี้ เขาสมควรโกรธแค้น บ้าคลั่งอาละวาดเสียให้สาแก่ใจ เอาให้ทุกอย่างในชีวิตอีกฝ่ายพังพินาศ

แต่บางที... ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

ทั้งเหตุการณ์ที่ยังคลุมเครืออยู่ ทั้งน้องชายที่รักแสนรัก 'เพื่อน' คนนี้แม้จะลาจากโลกไปแล้ว ทั้งความที่สองตระกูลรู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด ทำให้ภวิลอิหลักอิเหลื่อ จะแค้นเคืองทำลายทั้งคนทั้งของเสียให้ย่อยยับก็ไม่รู้จะอาศัยเหตุอะไรที่แน่ชัด จะล้างมือไม่ยุ่งเกี่ยวกันไปเลยก็ยังค้างคาในใจ

จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าน้องจะเลือกเพื่อนผิด ไว้ใจคนผิดจนนำภัยมาสู่ตัวเอง กฤตวัตพูดถึงเพื่อนคนนี้ให้เขาฟังไม่น้อย... ในทางชื่นชมทั้งสิ้น ก็ไม่แปลก เพราะจิรัฐน่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของน้องชายเขา และลงกฤตวัตรักใครหรืออะไรแล้ว ก็ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ

... หรือความรักจะทำให้คนตาบอดได้จริงๆ 


หลังอาหารมื้อที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตของจิรัฐผ่านพ้น ภวิลก็เดินนำออกไปที่สนามซึ่งค่อนข้างปลอดคนเพราะแขกจำพวกนักท่องเที่ยวยังชมบ้านเมืองอยู่ข้างนอก ในขณะที่แขกที่มารับประทานอาหารก็ทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว แม้จะเพิ่งตกบ่ายแต่ไม่ค่อยร้อนเท่าใดด้วยร่มไม้ให้เงาครึ้ม

... จะเข้าใจจิรัฐ ก็ต้องเข้าใจบ้านหลังนี้ เขาไม่อาจเข้าถึงสิ่งที่อีกฝ่ายซุกซ่อนอยู่ในใจได้หากไม่ศึกษาทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นบ้านพระยา

เพราะนั่นคือตัวตนของคนตรงหน้าด้วยเช่นกัน

“ได้ยินมานานแล้วว่านอกจากตัวบ้าน สวนที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน ผมอยากดูรอบๆ หน่อย”

“เชิญครับ” จิรัฐว่าแล้วทำท่าจะหันกลับเข้าข้างในหากอีกฝ่ายบอก

“ผมพูดแล้วว่ายังไม่เสร็จธุระดี... อาจจะไม่ชัดเจนพอ ผมยังไม่เสร็จธุระ ‘กับคุณ’ ช่วยทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วย”

ปกติแล้วจิรัฐยินดีรับรองแขกพาชมทั้งบ้านทั้งสวนทุกซอกทุกมุม ภาคภูมิใจเหมือนคนมีเพชรน้ำเอกแต่ไม่อยากหวงแหนไว้คนเดียว ย่อมคิดแบ่งปันให้ผู้อื่นร่วมชื่นชมด้วย แต่ในคราวนี้รู้สึกเหมือนต้องเร่อวดบ้านเป็นสินค้าให้ถูกประเมินว่าจะทำเงินได้ดีที่สุดทางไหนอย่างไรชอบกล

“ถ้าอยากดูข้างนอกผมจะเรียกหัวหน้าคนสวนให้”

“ผมไม่คิดว่าคุณมีสิทธิ์เลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ” ภวิลว่าเรื่อยๆ “หรือพวกเศรษฐสุทธ์เป็นแบบนี้? ไม่อยากทำก็โบ้ยให้คนอื่น ง่ายดี”

จิรัฐจ้องคนตรงหน้าอย่างโมโห เอะอะก็เหมารวม นิสัยเสีย... แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือเขาเป็นตัวแทนของเศรษฐสุทธ์จริงๆ จำต้องออกเดินนำไปกันการถูกปรามาสแบบกินความทั้งตระกูลอีก

... กะจะไม่ต้องเสวนาอะไรกันให้มากความ เพียงแต่คนเดินตีคู่มาถามโน่นถามนี่อย่างกับจะเรียนพฤกษศาสตร์ทำให้เขาต้องไล่ชื่อไปเรื่อยๆ

“ดอกแก้วครับ... นั่นโมก... โน่นทรงบาดาล... พุทธรักษา...”

ทั้งหมดเป็นไม้มงคล นิยมปลูกเพื่อให้ร่มเย็นเป็นสุข ปกป้องคุ้มครองไม่ให้ภยันตรายมากล้ำกราย ซึ่งจิรัฐยังหวังให้เป็นแบบนั้นอยู่

“อันนี้เหมือนฟอร์เก็ตมีน็อต” ภวิลก้มดูดอกไม้ดอกเล็กๆ เกาะกันเป็นพุ่ม กลีบฟ้าอมม่วงเกสรเหลืองเสียชิด

จิรัฐถอนใจ “ร้อนขนาดนี้คงไม่บานให้เห็นหรอกครับ... นี่แก้วเจ้าจอม”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้ แล้วถามใหม่ “ต้นนี้ล่ะ”

“ราชาวดี...”

“ชื่อเพราะ... แปลก”

“ราชาวดีแปลว่าของสำหรับพระราชา” คราวนี้จิรัฐขยายความให้ “เราวางให้แขกที่หัวนอน... แขกเป็นเหมือนเพื่อนพิเศษที่มาเยี่ยมเยียนเรา และเรายินดีต้อนรับเขาอย่างพระราชา” 

“ฟังดูดี”

จะมีใครอีกไหมที่ขนาดออกปากชมยังต้องตีความว่าหมายความตามนั้นจริงหรือว่ากระทบ... จิรัฐสั่นศีรษะกับตัวเองในขณะที่อีกคนถามอีก “ต้นนี้คุ้นๆ ต้นอะไรนะ?”

"คุณภวิลรู้จักต้นไม้ดอกไม้ไทยอะไรบ้างไหมครับ" จิรัฐถามหน้าเฉยเสียงเฉยจนดูไม่ออกว่าประชดหรือเปล่า ภวิลตวัดสายตามองแล้วเลยผ่านไปข้างหน้า

"ทำโรงแรม มีคนถามแค่นี้ขี้เกียจตอบทีหลังก็เขียนป้ายแขวนไว้เสียเลย"

"เราตั้งใจให้บ้านพระยาเหมือนบ้าน สวนก็ควรจะเป็นสวนของบ้าน ไม่ใช่วนอุทยาน" จิรัฐว่า "จะได้มีเขียนป้าย บอกชื่อวงศ์ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญ..."

"ใครจะไปอยากรู้ละเอียดขนาดนั้น" ภวิลเสียงห้วน "แขกเขาไม่เคยมาเดินในสวนแล้วอยากรู้ว่าต้นไหนชื่ออะไรบ้างเลยหรือไง"

ถึงอยากรู้ก็แค่ต้นสองต้น ไม่มีใครอยากรู้ทั้งสวนแบบนี้หรอก... หากจิรัฐก็ได้แต่คิดเมื่อตอบว่า

"หัวหน้าคนสวนก็อยู่แถวนี้ บางทีแขกก็ไปคุยด้วย ไม่อย่างนั้นก็มาถามพนักงานเรา คนไหนก็ได้ คนทำงานที่นี่รู้จักทั้งบ้านทั้งสวนดี"

"อีกไม่นาน ผมคงได้ทำความรู้จักทุกอย่างจนทะลุปรุโปร่ง” ภวิลพูด ไม่สนใจคนฟังที่หน้าตึงขึ้นอีก “แต่ตอนนี้ถามคุณอยู่... สรุปมันต้นอะไร”

จิรัฐถอนใจเฮือก "ชมนาดครับ"

"กลิ่นไม่แรง คล้ายๆ ใบเตย... ปลูกเพิ่มก็ดี"

จิรัฐสงสัยว่านี่เป็นวิธีบอกว่าชอบอะไรหรือเปล่า... พอดีเหลือบเห็นร่างของชายที่เขานับถือเหมือนญาติสนิทอยู่ไม่ไกล อดออกปากเรียกไม่ได้

“... ลุงชง”

ภวิลแลตาม “ใคร”

“หัวหน้าคนสวนที่นี่ครับ” จิรัฐนึกอยากให้มีคำอื่นที่อธิบายสถานะของชงคมได้ดีกว่านี้ เพียงแต่อีกฝ่ายพอใจและภูมิใจในตำแหน่งนี้มาตลอด สำหรับจิรัฐแล้ว ชงคมไม่เคยเป็นเพียง ‘หัวหน้าคนสวน’ หากแต่คล้ายเพื่อนของครอบครัวที่ดูแลจัดสวนให้เป็นงานประจำมากกว่า

ลุงชงรู้จักกับพ่อและแม่ของเขามานาน จิรัฐไม่เคยรู้ว่ารู้จักได้เช่นไร ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นชงคมแล้ว และดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปจากวันที่เขาเคยเป็นเด็กตัวเล็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณบ้านเลยแม้แต่น้อย ลุงชงยังเดินหลังตรง ท่าทางแข็งแรง ไม่เคยมีใครเดาอายุถูก   

ถ้าเรียกได้ว่าพ่อดูตัวบ้านและภูมิสถาปัตย์โดยรวม ชงคมก็เป็นคนดูแลรายละเอียดของสวนที่แวดล้อมอยู่ ไม้ดอกไม้ประดับขนลงเรือข้ามมา บรรจงปลูกสร้างให้ส่งเสริมเชิดชูตัวบ้าน... ความรู้เรื่องพันธุ์พืชนับว่าหาตัวจับยาก ในยามที่แม่วางมือไปด้วยปัญหาสุขภาพและพ่อไม่อยู่แล้ว จิรัฐก็ยังอุ่นใจที่เห็นใบหน้าคร้ามแดดที่คุ้นเคยของชงคม

เพราะเขาแน่ใจว่า ลุงชงรักที่นี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่เขารัก...

“อ้อ เชิญพบหน่อย”

จิรัฐยืนฟังทั้งสองคนสนทนากันด้วยใจไม่สบายนัก เมื่อภวิลถามว่าอีกฝ่ายทำงานมานานเท่าไหร่และชงคมตอบว่าสามสิบปีอีกทั้งคงทำจนกว่าจะตายนั้น วูบหนึ่งที่เขานึกกลัวขึ้นมาว่าภวิลอาจจะหาเรื่องให้ชงคมออก ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลอะไรก็เพื่อให้เขาขาดคนเก่าคนแก่ไปอีกคนหนึ่ง แต่ปรากฎว่าภวิลเพียงแต่ซักถามเพิ่มเติมเล็กน้อยแล้วก็ผละจากมา บอกเขาสั้นๆ ว่า

“แกเก่งนะ”

... จนจิรัฐเกือบโล่งใจ แต่ความรู้สึกนั้นก็คงอยู่ได้ไม่นานเมื่ออีกฝ่ายเดินผ่านสระบัวและพูดหน้าตาเฉยว่า

"ตรงนี้ควรจะปรับเป็นสระว่ายน้ำ"

"อะไรนะครับ"

"สระว่ายน้ำ" ภวิลก็อุตส่าห์ย้ำให้ "โรงแรมไม่มีสระว่ายน้ำให้อย่างอื่นดียังไงก็ยังเป็นข้อให้ติได้อยู่ดี”

"ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปหน่อยเป็นสโมสรกีฬา ทำสัญญาไว้แล้วว่าให้แขกในโรงแรมใช้สระว่ายน้ำได้ฟรี ทางเราไปเช็คความสะอาดให้ตลอด คนก็ไม่พลุกพล่าน แขกแค่บอกว่าจะไปเราก็เอาเรือบริการส่งถึงที่..."

"ถ้าผมเป็นแขกผมจะคิดว่าทำไมต้องถ่อข้ามฟากไปด้วย มีฝั่งนี้จะสะดวกกว่ามาก อีกอย่าง ถ้าสร้างสระตรงนี้จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาชัด เพิ่มมูลค่าให้โรงแรมได้"

"ต... แต่ สระบัวนี่..." จิรัฐอึกอัก

ตั้งแต่รู้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ถูกขายไปเป็นต้นมาเขาก็พยายามทำใจไว้อยู่แล้วว่าคงจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย ยิ่งคนซื้อไม่มีความทรงจำอะไรที่เรียกได้ว่าดีกับบ้านหลังนี้นอกจากเป็นที่ที่น้องชายเคยมาทำงานด้วย

จิรัฐมองสระที่ดารดาษไปด้วยบัวหลวงแข่งกันออกดอกชมพูบ้างขาวบ้างอย่างใจหาย ภวิลอยากจะเปลี่ยนอะไรก็ได้ อยากให้ปลูกชมนาดเพิ่มอีกร้อยต้นพันต้นก็ไม่เป็นไร เพียงแต่สระบัวหน้ามุขนี้เท่านั้นที่เขาอยากจะรักษาเอาไว้ เพราะเป็นของที่แม่รัก และที่แม่รักก็เพราะพ่อทำให้... เพียงแค่แม่ออกปากว่าอยากเห็นสระปลูกแต่บัวหลวงที่คุณยายเคยเล่าให้ฟังว่าคุณตาทวดทำให้คุณยายทวด พ่อก็รีบรับเป็นธุระ และทุกครั้งที่จิรัฐเห็นสระบัว เขาก็จะนึกถึงพ่อ นึกถึงความรักของท่าน...

"ขุด... ตรงสวนหลังบ้านไม่ได้หรือครับ"

"คุณก็ดูท่าทางไม่น่าเข้าใจอะไรยาก หรือจะหัวช้ากว่าที่ผมคิดไว้ เพิ่งบอกอยู่เมื่อกี้ว่าจะให้เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาตอนลงสระ หลังบ้านมันจะไปเห็นอะไรนอกจากต้นไม้ใบหญ้า"

จิรัฐไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาเปลี่ยนใจคนตรงหน้า ไม่อยากเล่าเรื่องของพ่อกับแม่... มันเป็นเรื่องในครอบครัว และเขาคิดว่านรกคงต้องกลายเป็นน้ำแข็งเสียก่อนภวิลจึงจะรู้สึกซาบซึ้งกับประวัติสระบัวขึ้นมาได้

จะให้เอาเหตุผลทางด้านจิตใจมาพูดกับคนที่ดูจะไม่มีหัวจิตหัวใจเอาเสียเลยได้อย่างไรกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ Little Diamond โอ๋ๆ นิดหน่อยนะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านน้า
คุณ iamnan หัวใจทำงานหนักเลือดสูบฉีดดีนะ ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ pattybluet ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจค่ะ ขอบคุณที่เชียร์จีด้วย (ยังต้องเชียร์กันไปอีกสักพักนะนี่)
คุณ jeaby@_@ ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยค่ะ
คุณ dawnthesky ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า
คุณ kun รับรองว่าทุกอย่างนำไปสู่การคลี่คลายปมเนี่ยแหละ อีกไม่นานเกินรอ

บทที่ 3 มาแล้ว อาจจะช้านิด... ไม่มีคำแก้ตัวนอกจากว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเขียนยาก แต่จะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ ตอนนี้เปิดตัวผู้มีส่วนสำคัญกับเนื้อเรื่องอยู่มากอีกสองคน  :pig4:

ขอถือโอกาสขอสวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่านด้วย ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมานะค้า

ปล. ตาข่ายหน้าช้างคือเครื่องแขวนของไทยชนิดหนึ่งน่อ นิยมแขวนไว้ที่บานประตูหน้าต่าง จะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมแบบนี้ http://www.baanjomyut.com/library/offerings/index.html อันแรกเลย

แล้วพบกันตอนหน้า นะจ๊ะ
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 03-01-2012 07:56:01
ปวดหัวแทนจี ใครมันจะรักใครก่อนนะหละ รอคอยว่ามะไหร่จะถึงวันนั้น ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 03-01-2012 08:17:28
มาต่อช้าก็รอค่ะ
สนุุกมาก พระเอกเย็นชาจัง
สงสารนายเอก

แต่งดีมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 03-01-2012 08:22:46
คู่เอกคือภวิลกับจิรัฐ ใช่ไหมคะ

จิรัฐคงอัดอั้นตันใจน่าดู ทำอะไรไม่ได้นอกจากนับเลขในใจ
คนอ่านก็คับข้องใจเหมือนกัน ตามประสานิยายที่มีปมสืบสวนอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 03-01-2012 10:54:14
 :เฮ้อ: อ่านแล้วกดดันสุดๆ สงสารนายเอก? โคตรๆ
ไอ้พี่วินไม่รู้อะไรแล้วอย่าสร้างปัญหาได้ไหม (แล้วแกรู้เรื่องกับเค้าเรอะ)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 03-01-2012 12:27:35
ภวิลพยายามกดดันจิรัฐตลอดเลย ถ้าผมเป็นจิรัฐนะกลับบ้านไปต่อยหมอนข้างให้พลุนเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 03-01-2012 13:36:19
อีตาภวิลนี้จะกวนส้นทีนไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 03-01-2012 15:41:55
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 03-01-2012 17:37:34
เนื้อเรื่องน่าสนใจค่ะ... จะตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 03-01-2012 19:20:09
อ่านเรื่องนี้แล้วอึดอัดหัวใจหน่วงๆ

สงสารจีจัง ความจริงเป็นยังไงกันแน่ วินก็อย่าพึ่งไปตัดสินสิ ถ้าถามจีง่ายๆว่าน้องตายยังไงมันก็ได้นี่นา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 03-01-2012 19:54:23
ถึงจะยังงั้น ยังงี้ แต่พี่วินก็รับมือยากจริงๆนะ
ดูมีเหตุผลยังไงไม่รู้ ไอ้เราจะเกลียด ก็จะยังไงอยู่
เอาเป็นว่าขอเชียร์จีต่อไปดีกว่า... จีสู้ :a2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-01-2012 19:55:57
พ่อพระเอกใจร้าย ใจจืด ใจดำ :o12:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: benzaa602 ที่ 03-01-2012 20:43:38
สนุกมากเลยคะ มาต่อเร็วๆนะคะ

อิตาพี่ภวัลนี้ก็ไม่รู้เรื่องไรเลย เฮ้ออออ

ยังไม่รู้ดีเลยว่าน้องจีทำอะไรหรือเปล่า นิสัยไม่ดีๆๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 03-01-2012 21:20:16
ภวิลใจร้ายอ่ะ :o12: หึ

รอติดตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 3] 3 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 04-01-2012 00:31:59
มาตามอ่าน2ตอนรวดเลยค่า >.<
คุณวินนี่โหดจริงนะ หึหึ ตอนนี้เราเลยเห็นอกเห็นใจจิรัฐสุดๆ
เงื่อนงำเรื่องการตายของยูทำให้อ่านไปแล้วสงสัยไปด้วยเบาๆ
แอบอยากรู้ว่าภวิลจะใจอ่อนเมื่อไหร่ แต่คาดว่าอีกพักใหญ่ 55+
อ่านแล้วอยากไปพักที่บ้านนี้บ้างจริงๆเลยค่า บรรยากาศดีมาก
แต่มีผู้บริหารใหม่นี่แหละ มาทำเสียมู้ดไปหมด ฮึ่มๆ !!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 17-01-2012 07:16:19
บทที่ 4

เงาไม้ร่มครึ้มทั่วอาณาบริเวณ เสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้เห่ารับกันให้ขรม จิรัฐถอดรองเท้าเดินขึ้นบ้าน รู้สึกราวเรี่ยวแรงจะเหือดหายไปหมด
 
ที่จริงเขามีห้องพักในบ้านพระยาด้วย อยู่ติดกับห้องทำงาน แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเหลืออะไรที่ยังเป็นของตัวเองบ้าง จิรัฐเลือกจะกลับบ้านสวนเมืองนนท์ของพ่อ... กลับมาหาแม่

เมื่อตอนบ่าย หลังจากชมดูข้างนอกจนเป็นที่พอใจแล้วภวิลก็ขึ้นไปใช้ห้องทำงานเขาอ่านรายงานจนถึงเย็น และกลับไปโดยไม่พูดอะไร แต่ความเงียบอย่างนั้นไม่ได้ทำให้น่าวางใจเลยสักนิด ยังสายตาที่อ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่นั่นก็ด้วย... จิรัฐรู้สึกว่าถ้าเผลอหรือพลาดเมื่อใด อีกฝ่ายคงโดดเข้าตะปบแล้วฟัดจนจมเขี้ยวด้วยความปรีดา... เป็นมโนภาพที่ชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วนไม่น้อย

เขาแง้มประตูออกอย่างเบามือ เวลาค่ำเช่นนี้คุณบุณฑริกมักจะอยู่ในห้องนั่งเล่น อ่านหนังสือบ้าง เย็บผ้าบ้าง จิรัฐพยักหน้าให้เด็กในบ้านที่อยู่เป็นเพื่อนแม่ออกไปได้ก่อนทรุดนั่งลงที่พื้น

แม่ยิ้มรับเขาตั้งแต่ประตูแล้ว... จิรัฐเอียงศีรษะพิงตักแม่ มืออุ่นลูบลงอย่างปรานี “วันนี้เหนื่อยหรือลูก...”

วันนี้... ยิ่งกว่าเหนื่อยเสียอีก เพราะถึงแม้ผู้ถือหุ้นเดิมๆ ที่ห่วงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองจะออกไปแล้ว แต่คนเข้ามาแทนรับมือยากยิ่งกว่า... ที่สำคัญ เขาไม่ต้องการให้แม่รู้เรื่องที่ถูกช่วงชิงอำนาจบริหารไปเพราะกลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจ เพราะฉะนั้นที่พูดได้จึงมีแค่...

“ยุ่งนิดหน่อยครับ...”

เขานั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น แม่ยังลูบศีรษะลูกชายเบาๆ ผ่านไปพักหนึ่งจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“จีรู้ไหม เมื่อก่อนตอนพ่อไม่อยู่แล้วใหม่ๆ ก็ยุ่งน่าดูเหมือนกัน ทำงานกับดูแลบ้าน... ไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาที่เกิดจากคนนี่สิ ทำเอาแทบแย่ไปหลายครั้ง”

จิรัฐถอนใจเบาๆ เขาก็กำลังมี ‘ปัญหาที่เกิดจากคน’ เหมือนกัน ออกจะสาหัสเสียด้วย

“แล้วแม่ทำยังไง...”

“ก็... ตั้งสติก่อน แม่ใจไม่เย็นเท่าพ่อ พ่อเลยว่า ก่อนทำก่อนพูดอะไร นับถอยหลัง แล้วคิดก่อน...”

เป็นวิธีที่เขาใช้มาตลอดเช่นกัน... จิรัฐหลับตา ฟังแต่เสียงอ่อนโยนของแม่

“ถ้าเรามีเวลาคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน เราจะเห็นเหตุแห่งปัญหา เมื่อเห็นเหตุแล้วก็แก้ที่ต้นเหตุ ถ้ายังแก้ไม่ได้ตอนนี้ ก็ค่อยหาทางบรรเทาไป พ่อบอกแม่ แล้วแม่ก็กำลังบอกลูกอยู่ ว่าไม่มีปัญหาอะไรที่เกินความสามารถของมนุษย์ ขอแค่เราคิดดี ทำดี เป็นที่ตั้ง”

... แม่มักจะพูดให้เขาได้คิดเสมอ จิรัฐรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง เพื่อไม่ให้แม่นึกกังวลมากไปกว่านี้เลยว่า

“แล้วถ้าเป็นพ่อเองล่ะแม่...”

แม่ก้มมองเขาอย่างสงสัย ลูกชายยิ้มให้ “แม่ก็ต้องเคยเห็นไม่ตรงกันกับพ่อบ้างแหละ... ทำยังไงให้ใจเย็น นับเลขอีกหรือเปล่า”

“นับเหมือนกัน... แต่กับพ่อ แม่นับไปข้างหน้า นับว่ารักพ่อมากี่วันแล้ว...” แม่ยิ้มตอบเขา “ถ้าเป็นคนที่เรารัก หนักนิดเบาหน่อย ก็ให้อภัยกันได้ ความจริงพ่อนั่นแหละที่คอยรั้ง ประสาน... สมัยสาวๆ แม่ใจร้อนน่าดู ดีที่พ่อเขาเย็น...”

ทุกครั้งที่แม่พูดถึงพ่อ จิรัฐก็รู้สึกราวกับว่าพ่อไม่ได้ไปไหนไกลเลย ท่านยังมีชีวิตอยู่ในใจของแม่ ของเขา...
 
ถ้าเรารักใคร วันเวลาก็มีแต่จะเดินไปข้างหน้า และไม่หยุดลงเพียงเพราะกายแยกห่างเท่านั้น

ต่างกับคนบางคน ที่เขาได้แต่นับถอยหลัง ถอยหลังจนตัวเลขจะติดลบอยู่แล้ว!


ธรรมนูญนั่งเท้าคางหาวหวอดเพราะถูกพ่อครัวหัวป่าก์ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งมาหมาดๆ เมื่อวานโทรปลุกแต่เช้า อ้อนวอนแกมบังคับให้ช่วยมาดูเมนูให้ เขาไม่แปลกใจที่ทักษ์ทำเมนูสำหรับสัปดาห์หน้าที่ผู้บริหารคนใหม่สั่งเสร็จเร็ว เพราะไอ้ทึกทักบ้าพลังอยู่แล้วแถมยังเคยคิดรายการอาหารของตัวเองเผื่อไว้เป็นกระบุงแม้ไม่เคยได้ใช้ แต่แปลกใจที่ตัวเองถูกเลือกมาตรวจคุณภาพนี่แหละ
 
แล้วพอมาถึงทักษ์กลับอิดๆ ออดๆ ไม่เอาเมนูออกมาให้ดูเสียที จนธรรมนูญชักหงุดหงิด

“ไหนว่าเสร็จแล้ว”

“ก็เสร็จ... แต่... ไม่รู้ว่าดียัง”

“ถึงโทรปลุกตั้งแต่ไก่โห่ให้มาช่วยดูไม่ใช่หรือไง” ธรรมนูญว่า “เร็วๆ ไม่งั้นจะขึ้นไปทำงานละ”

ทักษ์จึงได้กระมิดกระเมี้ยนหยิบกระดาษแข็งเขียนด้วยลายมือตัวโตเอนหน้าเล็กน้อยที่ผู้จัดการฝ่ายการเงินเห็นทีไรก็นึกถึงลายมือเด็กประถมทุกทีออกมา เขาถอนใจ “ถ้าจะเสนอคุณภวิลละก็ต้องพิมพ์แล้วปรินท์มาใหม่ให้มันเรียบร้อยกว่านี้ไม่งั้น...”

“อาร์มช่วยหน่อย... ข้างล่างนี่ไม่มีทั้งคอมทั้งเครื่องปรินท์เลย นะ...”

ธรรมนูญถอนใจอีกเฮือก มองทักษ์ที่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมแล้วสั่นหัว “เออ เดี๋ยวเอาไปให้เลขาฯ ช่วยพิมพ์ข้างบน ตอนนี้ลองนำเสนอมาซิว่ามีอะไรบ้าง”

ทักษ์ก้มมองเมนูในมือตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา ธรรมนูญสำทับ “ก็ต้องพรีเซนต์คุณภวิลไม่ใช่เหรอ... ซ้อมก่อนสิ เอ้า”

รายการของคาวผ่านไปโดยธรรมนูญไม่มีข้อติอะไรมากนัก เป็นอาหารไทยที่ใช้เครื่องปรุงตามฤดูกาลเช่นหมูผัดกระท้อน แกงส้มมะรุม ผัดผักหวาน ประกอบไปกับอาหารจานเดียวและจานหลักอื่นๆ ที่มียืนพื้นอยู่แล้ว ส่วนพวกเรียกน้ำย่อยทักษ์สรรมาแต่ของยาก ซึ่งเขาก็ติงไปว่าให้ระวังเรื่องเวลาในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีลูกค้ามาก อาจจะไม่ต้องเอาขึ้นเมนูครั้งเดียวหมดแต่ให้เวียนเป็นรายการพิเศษของแต่ละวันไป

ปัญหามาเกิดตอนเมนูของหวาน ท่าทางเชฟคงกลัวว่าจะธรรมดาไป เลยหาชื่อวิลิศมาหรามา... จัดเต็ม

"ขนมดอกโสนน้อยเรือนงาม"

"โอ๊ย ดอกโสนก็ดอกโสนสิ" ธรรมนูญคว้ากระดาษมาเอาปากกาขีดปรื้ดไม่สนใจคนคิดที่มองตาละห้อย "แขกไปสั่งที่อื่นบอกจะกินโสนน้อยเรือนงาม ได้งงตายกันพอดี"

"ดอกโสนกินที่ไหนก็ได้ โสนน้อยเรือนงามได้ที่ครัวพระยาที่เดียว" เชฟอุบอิบ “เดี๋ยวติดเรือนไทยอันน้อยๆ ให้”

"ทักษ์ เรามั่นใจในฝีมือเรารึเปล่า" เขาถาม ถึงเชฟของหวานจะใช้อีกคนหนึ่งเมื่อลงมือทำจริงแต่ยังไงทักษ์ก็ต้องเป็นคนชิมทุกอย่างรวมทั้งช่วยปรับสูตรถ้ายังไม่ได้มาตรฐาน ไอเดียการนำเสนออาหารก็เป็นของคนตรงหน้านี้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นทุกจานที่ออกจากครัวไปก็เหมือนเป็นตัวแทนความคิดสร้างสรรค์และรสนิยมของหัวหน้าเชฟอยู่ดี

ทักษ์นิ่งไปนิดแล้วจึงพยักหน้า ธรรมนูญพูดต่อ “มั่นใจก็ไม่ต้องเอาอะไรรกรุงรังมาบังอาหารของเรา ชื่อหรูหรา แต่งจานสวย มันก็แค่องค์ประกอบ แขกมาสั่งของหวาน เขาก็อยากจะกินขนมอร่อย ไม่ได้อยากกินเรือนไทยของประดับ...”

“เอาล่ะ เอาล่ะ อาร์ม เทศน์ยาวเชียว” ทักษ์ว่าก่อนแย่งกระดาษกลับไปแก้รายการอื่นๆ ธรรมนูญก็ฟังโดยดีจนมาถึงรายการสุดท้ายที่เชฟพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

"กลกามเทพ"

"อะไรของแกเนี่ย"

"... ขนมชั้น"

"มันเกี่ยวกับคิวปิดด้วยเรอะ" เพื่อนร่วมงานออกเพลีย "ขนมชั้นรูปหัวใจ? เดือนนี้ก็ไม่ใช่เดือนกุมภาสักหน่อย"

"ก็แบบ... ชั้นร้าก... เธอ... ไง้"

ธรรมนูญแทบตากลับ ไม่ใช่อะไร กลัวแทนเชฟ ขืนส่งเมนูแบบนี้ให้ผู้บริหารคนใหม่มีหวังถูกไล่ออกเอาจริงๆ

"ที่พูดไปเมื่อกี้เข้าหัวบ้างหรือเปล่าเนี่ย”

“ก็แก้อันอื่นให้หมดแล้ว อุตส่าห์ภูมิใจนำเหนออันนี้... รับไว้หน่อยก็ไม่ได้”

“ถ้ายังอยากทำงานที่นี่ต่อละก็ แก้ เดี๋ยว นี้”

“ก็ได้ๆ” ทักษ์รับไปอย่างกระฟัดกระเฟียดแถมค้อนเขาจนตากลับ ธรรมนูญขมวดคิ้วใส่ ที่เตือนนี่ก็ด้วยความหวังดีล้วนๆ ไม่อยากให้ต้องตกงานทั้งๆ ที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งมาแค่วันเดียวแท้ๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขากดรับ “ครับ...”

เสียงร้อนรนของเลขาฯ ทำเอาต้องขมวดคิ้วอีกหน

“คุณอาร์ม ถึงหรือยังคะ”

ธรรมนูญยกข้อมือดูนาฬิกา หลังทักษ์ดูแลภาพรวมความเรียบร้อยของบุฟเฟต์อาหารเช้าเสร็จตั้งแต่หกโมงและปล่อยที่เหลือให้ซูเชฟทำ ทั้งคู่ก็นั่งแก้เมนู ไปๆ มาๆ จนตอนนี้เก้าโมงจะครึ่งโดยไม่รู้ตัว เขารีบพูด

“มาแล้ว... แต่อยู่ในครัว มีอะไรหรือเปล่า”

“คุณ... เอ้อ... คุณภวิลอยู่ในห้องทำงาน...”

ผู้จัดการฝ่ายการเงินแทบผุดลุกขึ้นยืน ไม่คิดว่าผู้บริหารคนใหม่ที่เขาเชื่อว่าธุรกิจอย่างอื่นคงรัดตัวจะกลับมาเร็วเพียงวันรุ่งขึ้นเท่านั้น “ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วจี...”

“มาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ส่วนคุณจี ยังไม่เห็น...”

“เขาเรียกจะเอาอะไรประหลาดๆ หรือเปล่า”

ธรรมนูญก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองหมายความถึงอะไรเมื่อพูดออกไปอย่างนั้น คิดแต่ว่าจะไม่ยอมผิดพลาดด้วยการประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำไปโดยเด็ดขาด บทเรียนตอนผู้ถือหุ้นรุ่นเดิมงุบงิบกันเทขายเสียหมดหน้าตักก็เกินพอแล้ว

“ก็... อยู่เงียบๆ ในห้องค่ะ แต่ว่า คุณอาร์ม ที่เราเคยคุยกันไว้น่ะ... เลยต้องโทรมากวนก็เพราะอย่างนี้แหละค่ะ...”

ธรรมนูญฉวยกระดาษมาจากทักษ์ บุ้ยใบ้ให้ทำงานต่อไม่ต้องสนใจในขณะที่ตัวเองออกเดินไปส่วนสำนักงาน โล่งใจนิดๆ เมื่อเห็นไกลๆ ว่าจิรัฐกำลังเดินตรงมาที่ตัวตึกเหมือนกัน เขากรอกเสียงลงโทรศัพท์

“เดี๋ยวผมจะพยายามพูดให้ ได้ความยังไงจะรีบบอก.... นี่จีมาแล้วพอดี ครับ... โอเค”

ธรรมนูญโบกมือให้รุ่นน้องเห็นพลางเดินแกมวิ่งไปหา จิรัฐเหลือบตามองชั้นบนแล้วมองเขาเป็นเชิงถาม ธรรมนูญพยักหน้า
“ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ...”

จิรัฐก้าวขึ้นบันไดช้าๆ แต่มั่นคง

บางที ความกล้าก็ไม่ใช่ความไม่กลัว เพียงแต่เขารู้ว่าสิ่งที่ตั้งใจจะปกป้องเอาไว้นั้น สำคัญกว่าตัวเอง...


ภวิลกวาดตามองรอบห้องทำงานที่ถือวิสาสะยึดมาตั้งแต่วันแรก

จิรัฐไม่ว่าอะไร ไม่แม้แต่จะย่างกรายเข้ามาอีกด้วยซ้ำ ตอนแรกเขาเชื่อว่าทำอย่างนี้ดีที่สุด เพราะอีกฝ่ายจะได้ไม่มีโอกาสตั้งตัวเก็บหลักฐานที่เกี่ยวกับน้องออกไปทัน พอขึ้นจากสวนเขาก็ปิดห้องอ้างว่าจะอ่านรายงานที่สั่งให้ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบุคคลทำ แต่ส่วนใหญ่แล้วค้นดูเอกสารอื่นๆ หาทุกอย่างที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องในวันนั้น จนถึงตอนนี้ แทบพูดได้ว่าไม่มีซอกมุมไหนในห้องหรือเอกสารใดในแฟ้มที่หลุดรอดสายตาไปได้ 

แต่เขาก็น่าจะรู้ ถ้ามีเบาะแสพรรค์อย่างนั้นที่นี่จริง จิรัฐคงวางเฉยอย่างที่เป็นอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่ประสาทเหล็กเต็มที ก็เพราะแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่จะโยงไปถึงความจริงในคืนนั้นหลงเหลืออยู่อีกแล้ว

... หรือเขาอาจจะแค่ยัง... มองหาไม่ละเอียดพอ

ภวิลปิดแฟ้มเข้าหากันอย่างแรงพร้อมกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาพูดเสียงห้วน “ไม่ได้เรียก...”

เสียงจิรัฐดังขึ้น “คุณภวิล...”

คนอยู่ในห้องเลิกคิ้วกับตัวเองน้อยๆ ไม่คิดว่าคนมาขอพบแต่เช้าจะเป็นคนที่ทำท่าราวแม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมองกันเมื่อวาน เขาเดินไปปลดกลอนประตูแล้วกลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้จัดการฝ่ายการเงินและบุคคลยืนอยู่ด้วย

ธรรมนูญรีบก้าวเข้ามาในห้อง “ผมมีเรื่องจะเรียนให้ทราบ...”

ภวิลเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ “แล้วอีกคนมีเรื่องอะไร”

“เรื่องเดียวกันแหละครับ” น้ำเสียงจิรัฐไม่แสดงอารมณ์ใด “ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะเข้ามาวันไหนบ้าง ถ้าจะใช้เลขาฯ จากที่บริษัทคุณมาช่วยที่นี่อาจจะทำให้สะดวกขึ้น”

“เมื่อก่อนคุณใช้ใคร ก็ใช้คนนั้นแหละ ไม่เห็นต้องยุ่งยาก”

“คือ... ไม่ไหวแล้วมังครับ เขามีแต่เกษียณก่อนกำหนด นี่ป้าก็หกสิบสองเข้าไปแล้ว" ธรรมนูญบอก "ยิ่งเปลี่ยนผู้บริหารใหม่แบบนี้ ป้าขอ... แกอยากไปเลี้ยงหลาน"

นี่เป็นเรื่องที่เคยพูดกันมานาน เพียงแต่มารดาของจิรัฐไว้ใจเลขาฯ เก่าคนนี้มากและแกเองก็รักจิรัฐเหมือนลูกเหมือนหลานจนทำงานต่อมาเรื่อยๆ รวมทั้งยังหาเลขาฯ ใหม่ที่เหมาะๆ ไม่ได้ด้วย จนเมื่อเปลี่ยนผู้บริหารจึงเป็นโอกาสที่จะเกษียณจริงๆ เสียที ผู้จัดการรีบเสริมต่อ

“ผมพอมีใบสมัครที่คนเคยส่งเข้ามาแล้วบ้าง ถ้าคุณภวิลจะดูเบื้องต้น...”

“ไม่ต้องหรอก ผมหาได้แล้ว”

“คนของคุณเองเหรอครับ” ธรรมนูญถาม

“ก็ไม่รู้เรียกว่าคนของผมได้หรือเปล่า นายเก่าคุณหลุดจากตำแหน่งเดิมแล้วยังว่างอยู่ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมเลยว่าจะให้...”

“ไม่ได้นะครับ” ธรรมนูญขัดอย่างลืมตัว “คุณจะเอาจี เอ่อ คุณจิรัฐมาเป็นเลขาฯ อย่างนั้นหรือ ผมว่าไม่...”

“เจ้าตัวเขายังไม่เห็นว่าอะไรเลยสักคำ” ภวิลบอก ธรรมนูญเหลือบมองรุ่นน้อง ไม่รู้ว่าที่ยังไม่พูดเพราะกำลังคิดหาทางอยู่หรือเพราะอึ้งจนพูดไม่ออก ที่จริงเขาก็หวังเพียงให้จิรัฐช่วยบอกกล่าวเรื่องการเกษียณของเลขาฯ คนเดิมและหาคนใหม่มาทำแทน ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปนี้

“ถ้าอย่างนั้นผมขอให้เลขาฯ คนเก่ากลับมาทำงานต่อก็ได้ครับ” ธรรมนูญว่า ถ้าขอร้องให้อยู่ช่วยต่ออีกสักปีสองปีจนหาเลขาฯ ใหม่ได้คงไม่เป็นไร

“ผมไม่ได้อยากได้เลขาฯ ช่วยงานเอกสารเฉยๆ แต่ต้องการผู้ช่วยที่รู้เรื่องอื่นดี... ด้วย”

ภวิลมองทายาทคนเดียวผู้เป็นเจ้าของบ้านนิ่งๆ ราวจะท้าให้กล้าปฏิเสธ แวบหนึ่งที่จิรัฐอยากจะพูดออกไปว่าให้เขาไปเป็นผู้ช่วยหัวหน้าคนสวนยังดีกว่าต้องมาเป็นผู้ช่วยของคนตรงหน้า แต่นึกถึงคำพูดเมื่อวานพร้อมสายตาดูแคลน ‘ไม่อยากทำก็โบ้ยให้คนอื่น’ จึงสบตาอีกฝ่ายตรงๆ

“ก็ได้ ผมทำเอง”

ธรรมนูญมองรุ่นน้องอย่างตกใจ ภวิลเพียงพยักหน้ารับรู้ราวเป็นเรื่องที่คาดไว้อยู่แล้ว
 
พอออกจากห้องธรรมนูญยังไม่ทันพูดอะไรจิรัฐก็ชิงเอ่ยเสียก่อนราวจะเดาใจได้ “ไม่เป็นไรหรอกพี่อาร์ม ไม่เป็นไรจริงๆ”

“แต่ถ้าคุณป้ารู้เข้า...”

“แม่จะไม่รู้เรื่องนี้” รุ่นน้องพูดอย่างหนักแน่น

ธรรมนูญถอนใจ ความจริงถึงตอนนี้ พนักงานก็รู้เพียงว่าหุ้นบางส่วนถูกขายให้กับบริษัทวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ และแม้ผู้จัดการแผนกอื่นๆ จะรู้จักภวิลในฐานะผู้บริหารคนใหม่ ก็ไม่จำเป็นจะต้องสรุปว่าอีกฝ่ายเป็นผู้บริหารเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องที่จิรัฐถูกลิดรอนอำนาจก็ไม่น่าจะถึงหูคุณบุณฑริกได้... อย่างน้อยก็จนกว่ารุ่นน้องจะค่อยหาทางบอกเอง

หลังจากฟังการพรีเซนต์เมนูใหม่ซึ่งผ่านไปอย่างราบรื่นจนธรรมนูญไม่อยากจะเชื่อแล้ว เจ้าของหุ้นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เข้ามาอีกหลายวัน... คงไปดูแลธุรกิจหลักของตัวเอง และกลับเป็นเรื่องดี เพราะจิรัฐได้ทำงานอย่างปกติเหมือนที่เคยทำ เรื่องรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ แบบที่ต้องตัดสินใจในการบริหารวันต่อวันภวิลก็ไม่ได้ยุ่ง จนเขาเกือบคิดว่าบางที เรื่องราวอาจจะยังไม่เลวร้ายนัก...

จนโทรศัพท์ดังขึ้นตอนที่จิรัฐกำลังขับรถกลับบ้านสวน เสียงละล่ำละลักของเด็กในบ้านรัวเร็วจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อบอกให้พูดช้าลงเขาก็ตัวเย็นเฉียบ

“คุณผู้หญิงเป็นลม... เข้าโรงพยาบาลค่ะ”

“โรงพยาบาลไหน แม่เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” จิรัฐหักรถจอดข้างทาง ขืนขับไปตอนนี้คงเสยต้นไม้หรืออะไรเข้าสักอย่างด้วยเขายังควบคุมสติไม่อยู่จริงๆ

เด็กบอกชื่อโรงพยาบาล แล้วจึงบอกสิ่งที่ทำให้เขาชาดิกไปถึงหัวใจ

“ตอนบ่ายมีแขกมาหาที่บ้าน เป็นผู้ชายตัวสูงๆ หน้าตาดี คุณผู้หญิงก็รู้จักเห็นเรียกหลาน... คุยกันแป๊บเดียวคุณผู้หญิงก็...”

จิรัฐกำมือแน่น เหงื่อเย็นเยียบไหลซึม

... ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย!


เขาพุ่งไปที่ห้องฉุกเฉินก่อน แต่ได้รับคำตอบว่าคนไข้ชื่อบุณฑริกออกจากห้องฉุกเฉินไปพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว จิรัฐเปิดประตูเข้าไป เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองมือสั่น อาจจะสั่นไปทั้งตัว เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน... แม่ยังหลับอยู่ สีหน้าดีกว่าที่นึกกลัวเอาไว้ เขาเดินไปที่ข้างเตียงช้าๆ เอ่ยปากเรียกแผ่วเบา “แม่...”

ตั้งแต่พ่อเสียไปจิรัฐก็มีแต่แม่เท่านั้น และนึกไม่ออกเอาจริงๆ ว่าถ้าไม่มีแล้วจะเป็นอย่างไร แม่เป็นความเข้มแข็งของเขา เป็นแรงใจ... ที่ทำให้ทำอย่างทุกวันนี้ได้ เขาค่อยๆ แตะนิ้วลงบนมือแม่

เสียงเปิดประตูทำให้สะดุ้งเหลียวไป และปะเข้ากับคนที่ไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในเวลานี้

“คุณมาทำไม!” จิรัฐไม่กล้าเสียงดังกลัวจะรบกวนแม่ ได้แต่เดินไปที่ประตูเอาตัวขวางไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาได้

“ผมก็แค่จะ...” ภวิลมองคนตรงหน้าที่ตาแดงก่ำ

“ผมทำตามที่คุณบอก ให้อยู่ตรงไหน ผมก็อยู่... บอกให้เป็นอะไร ผมก็เป็นตามนั้น... ผมต้องทำยังไงอีก คุณภวิล” ท้ายประโยคขาดหายราวคนพูดจุกแน่นอยู่ในอก ทั้งโกรธทั้งเสียใจ “แม่ผม ท่านไม่เกี่ยว...”

จิรัฐยกมือขึ้นกดกระบอกตาแล้วถูแรงๆ จนคนยังยืนอยู่นอกห้องเกือบเผลอรวบจับไว้ด้วยกลัวจะขยี้จนบอดไปเสียก่อน พอดีกับที่เสียงในห้องดังขึ้น

“จี...”

“แม่” เขารีบเดินกลับไปหา แม่จับมือเขาไว้ ยิ้มอ่อนบาง

“ทำไมทำหน้ายังงั้น แม่ไม่เป็นไรแล้ว” คุณบุณฑริกเหลือบเห็นชายหนุ่มอีกคนยังยืนอยู่หน้าห้องจึงพยักหน้าเรียก “วินเข้ามาสิลูก ขอบใจนะ... ไม่ได้วินคงแย่”

จิรัฐมองแม่กับคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องสลับกันอย่างงุนงง

“ครับ” ภวิลก็ตอบอย่างเรียบร้อย

“พี่เขาไปหาแม่ที่บ้าน คุยกันยังไม่ได้เท่าไหร่เลยแม่ดันลมจับ อาการเดิมกำเริบน่ะลูก... ตาแสงแกลาวันนี้พอดี” แม่หมายถึงคนดูแลสวนที่ทำหน้าที่ขับรถให้ด้วยในบางคราเวลาจะไปไหน “ในบ้านมีแต่ผู้หญิง พอดีได้พี่เขาช่วย”

จิรัฐแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากเป็น ‘พี่’ คงไม่อยากเป็นอะไรด้วยทั้งนั้น เขาเหลือบมองคนช่วยอย่างอดระแวงนิดๆ ไม่ได้ พอดีหมอและพยาบาลเข้ามาเช็คอาการ หลังจากสอบถามจนแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว จิรัฐจึงเลี่ยงออกมานอกห้องปล่อยให้นางพยาบาลเช็ดตัวแม่ 

ภวิลเดินตามออกมา สองคนยืนพิงผนังกันอยู่คนละฝั่งประตูเงียบๆ จนจิรัฐเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“คุณ... ไปบ้านผม”

ภวิลรู้ว่าคนพูดคงอยากถามว่าไปทำไม และเหตุผลที่แท้จริงนั้นบอกออกมาง่ายๆ ไม่ได้ ก็เหมือนกับที่เขาถามจิรัฐง่ายๆ ไม่ได้เรื่องน้องชาย จึงเพียงแต่พยักหน้า

จิรัฐเอ่ยเบาๆ

“คุณยังไม่ได้บอก...”

“เปล่า...”

ระหว่างคุยกับคุณบุณฑริกเขาหวังว่าอาจจะได้เงื่อนงำอะไรบางอย่างบ้างในเมื่อคว้าน้ำเหลวจากห้องทำงานมาแล้ว แต่ยังไม่ทันจะถึงไหนเธอก็บ่นว่าหน้ามืด จะเป็นลม เขารู้ว่าคุณบุณฑริกมีอาการโรคหัวใจเลยรีบพาส่งโรงพยาบาล ความจริงภวิลไม่เห็นประโยชน์ที่จะบอกเรื่องซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบ้านพระยา เพราะรังแต่จะทำให้มารดาของจิรัฐรู้สึกไม่สนิทใจพอที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังเหมือนอย่างตอนนี้

ที่สำคัญ... เมื่อคำนึงถึงโรคประจำตัวของคุณบุณฑริกแล้ว ภวิลก็ไม่อยากจะทำร้ายผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง

ขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเขา... กับจิรัฐเท่านั้นก็พอ

“ขอโทษที่... เข้าใจผิด” คนยืนอยู่อีกฟากประตูพูดเบาๆ โดยไม่ได้หันมามอง “แล้วก็ขอบคุณที่... ช่วยแม่ผม”

ในสถานการณ์อื่นจิรัฐคงไม่คิดจะพูดคำนี้ แต่ตอนนี้เขาก็แค่โล่งใจ... ที่แม่ไม่เป็นอะไร และที่ไม่เป็นอะไร ก็เพราะภวิลไปอยู่ที่นั่น... ในเวลานั้น ไม่ว่าจะไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

ภวิลเพียงแต่พยักหน้าอีกครั้ง ถ้าเอาเรื่องที่เขาเคยพูดดักไว้มาผสมกับการที่เขาเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับแม่ของจิรัฐตอนเกิดเรื่อง ใครๆ ก็คงคิดอย่างนี้ ด่วนสรุป... อาจจะใช่ แต่ด้วยสถานการณ์แวดล้อมแล้วก็ไม่เอื้อให้เห็นเป็นอย่างอื่น

พลันนึกขึ้นได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันคล้ายคลึงกันอย่างประหลาด ต่างฝ่ายต่างเป็นคนส่งญาติสนิทของอีกฝ่ายไปโรงพยาบาล

... เพียงแต่น้องชายของเขา ไม่อาจฟื้นมายืนยันความบริสุทธิ์ของคนพามาส่งได้เหมือนแม่ของจิรัฐ

ภวิลทำทุกอย่างด้วยความมั่นใจเสมอมา ทุกอย่างคิดมาดีแล้ว ตรึกตรองมาอย่างรอบคอบแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจหรือเรื่องอื่นๆ ก็เหมือนกัน ที่เข้ามาครั้งนี้ก็เพราะแน่ใจว่าจิรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้อง เขาไม่เคยสงสัยการตัดสินใจของตัวเองมาก่อน

แต่ตอนนี้เขากำลังคิด... หรือตัวเองอาจ... ด่วนสรุปเช่นกัน?

ธรรมนูญสาวเท้าอย่างรีบเร่งมาตามทางเดินในโรงพยาบาล เห็นรุ่นน้องก็ตรงเข้าไปหา “คุณน้าเป็นไงบ้างจี”

จิรัฐพึมพำตอบว่าดีขึ้นแล้ว ธรรมนูญเพิ่งจะเห็นผู้บริหารคนใหม่ และชะงักไปอย่างประหลาดใจด้วยไม่คาดว่าจะเจอในที่นี้

... ภวิลหันหลังจากมาโดยไม่พูดอะไรอีก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ samsoon@doll ถูก คำถามนี้เลย ใครกันนะ อิอิ
คุณ jeaby@_@ ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามค่ะ ฝากต่อด้วยน้า คุณพระเอกก็คง... ไม่เย็นอย่างนี้ไปตลอดหรอก 55
คุณ yeyong แอร์ไทม์ เอ้ย ออกเยอะขนาดนี้ก็คงต้องเป็นคู่เอกแล้วล่ะค่ะสองคนนั้น ปมแรกจวนคลายแล้วค่ะ
คุณ Little Diamond เออบางทีเราก็อยากพูดคำนี้เหมือนกัน ถูกใจ 55 แต่เค้าก็ไม่รู้จริงๆ นี่ อีกไม่นานล่ะ...
คุณ BBChin JungBB ความรู้สึกเนี้ยแหละ ต่อยหมอนข้าง ประมาณนั้น
คุณ sang som เป็นบุคลิกนึงของเค้า... แต่ต้องรอดูกันต่อไป...
คุณ tarkung ขอบคุณมากค่ะ ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ
คุณ ratrirattikan ขอบคุณค่า ฝากด้วยนะคะ
คุณ berlyn สวัสดีค่า ความจริงจวนเปิด (จวนจริงๆ นะเดี๋ยวจะบอก พูดมาหลายตอนละ) ถ้าถามบางทีจีอาจจะไม่ตอบง่ายๆ เหอๆ ขนาดพี่อาร์มที่สนิทๆ กันยังไม่บอกเลย
คุณ pattybluet จริง เป็นคนรับมือยาก แกมีเหตุผลของตัวเอง (ที่คนเขียนคิดหัวแทบแตกเลย ฮา) อย่าเพิ่งเกลียดแกเลยค่ะ เชียร์จีต่อๆ
คุณ bulldog17 แอร๊ยยย สามบทแล้วมีแต่คนก่นด่าคุณพระเอก 555 ตอนสี่แกไม่ใจร้ายนะ หรือไง
คุณ benzaa602 จะพยายามอย่างยิ่งที่จะมาต่อให้เร็วนะคะ ก็คุณพระเอกแกไม่รู้เรื่องแกก็ต้องมาหาความจริงนี่แหละ 55
คุณ kisssky คุณภวิลโดนอีกแล้ว เหอๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
คุณ bluebird คุณภวิลเค้าไม่ได้โหดแบบ จำเลยรักอะไรอย่างนั้นนะแต่หลังจากนี้ไม่นานเงื่อนงำก็จะเฉลยแล้วค่ะ

แหะๆ มาต่อช้าอีกแล้ว เพราะคนเขียนงานเข้า (งานยุ่งนั่นเอง) แต่จะเขียนไปเรื่อยๆ ค่ะไม่ทิ้งแน่ๆ ยังไงฝากด้วยนะคะ
ปล. ใครแอบด่าคุณภวิลตอนแม่จีเข้าโรงพยาบาลไปแล้วบ้าง 555 
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ ค่ะ
  :กอด1:

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 17-01-2012 14:15:23
อ่านแล้ว มันซับซ้อนไปหมดทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 17-01-2012 15:24:03
ตกใจ นึกว่าวินจะใจร้าย แต่ก็ยังใจร้ายอยู่ดีนั้นหละ ก็เข้าใจว่าน้องตัวเองตายทั้งคน แต่ก็นะ ไม่มีวิธีอื่นที่จะสืบเรื่องให้รู้ที่มันดีกว่านี้หรือยังไง ใจร้ายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 17-01-2012 18:25:52
เขากำลังคิด... หรือตัวเองอาจ... ด่วนสรุปเช่นกัน?

         คนอ่านก็คิดแบบนี้แหละพี่วิน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-01-2012 19:44:02
เริ่มคิดได้แล้วใช่มั้ย....พ่อพระเอก :o10:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-01-2012 20:03:18
การด่วนสรุป เป็นความอัตโนมัติของมนุษย์ที่ไวกว่าแสง หุหุ
แต่ดูเหมือนเริ่มจะมีลางดีนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 17-01-2012 20:13:22
อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงบรรยายกาศที่อึมครึม อึดอัด และกดดันเลยค่ะ
การตายของยูและการไม่ยอมปริปากบอกอะไรเลยของจี เป็นปริศนาที่น่าสงสัย
แล้วความสัมพันธ์ของคุณภวิลกับจีจะดำเนินไปในรูปแบบไหน? น่าสนใจจริง ๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 17-01-2012 21:06:01
ปวดใจ  สงสารจิรัฐ  สาธุขอให่คุณวิลหูตาสว่างบ้างอะไรบ้าง
แต่เรื่องมันแค่ตอนแรกๆคนอ่านก็ด่วนสรุปไม่ได้เผื่อหักมุม
น่าติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 18-01-2012 18:43:24
ตกลงน้องของวินตายเพราะอะไรกันแน่ อยากรู้จัง
มาเฉลยไวๆ นะคะ ^___^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 21-01-2012 06:58:55
วิล...คุ้นๆแล้วใช่ไหมเหตุการณ์แบบนี้น่ะ จีไม่ใช่ฆาตกรหรอก ??

รอปมเฉลย เพราะคนอ่านก็อยากรู้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 21-01-2012 13:07:22
น่าติดตามมากครับ  ขอติดตามด้วยคนนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 05-02-2012 15:17:50
ตามมาจากเรื่องสมาคมขนสั้นค่ะ มาเจอเรื่องนี้คนละอารมณ์กันเลยอ่ะ  o22
อ่านแล้วสงสารจิรัฐมากมาย ก็พอเข้าใจอารมณ์ของภวิลนะ แต่มันก็ ..  :o12:
+1+เป็ดเป็นกำลังใจให้นะคะ รออ่านตอนต่อไปเน้อ  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 05-02-2012 16:42:31
อ่านแล้วลุ้น อยากรู้ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง มาต่อเร็วๆนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: atblueann ที่ 05-02-2012 17:52:27
พึ่งเข้้ามาอ่านสนุกดี เมื่อไรจะมาต่อน้า อยากอ่านต่อ อีกนานไหมกว่าปมจะคลาย อยากรู้มาก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-02-2012 09:00:42
เป็นนิยายดีๆ...ที่นานๆจะมีสักที ภาษาสวยมากเลยครับ เนื้อเรื่องก็สนุก...รอให้มาต่อเร็วๆ สนุกมากอ่า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-02-2012 09:03:40
เป็นนิยายดีๆ...ที่นานๆจะมีสักที ภาษาสวยมากเลยครับ เนื้อเรื่องก็สนุก...รอให้มาต่อเร็วๆ สนุกมากอ่า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 07-02-2012 01:18:31
สนุกชวนติดตามมากเลย  บีบหัวใจมาก ไม่รู้ว่าพี่วินจะมั่นใจความบริสุทธิ์ (ใช่มั้ย?) ของจีรึเปล่า 

จีเองก้โทษตัวเองเรื่องยู แถมยังกดดันเรื่องแม่และโรงแรมอีก เฮ้ออออ

สู้ๆนะจี 

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะค้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 09-02-2012 09:48:50
บทที่ 5

จากวันที่ภวิลได้รับโทรศัพท์ให้กลับด่วน... กลับมาพบกับข่าวร้ายที่รออยู่นั้นผ่านไปครบหนึ่งปีแล้ว
 
ญาติพี่น้องในวิรัชภาคย์พร้อมกันที่สุสานตามคำขอของคุณรงรองผู้เป็นมารดากฤตวัต ศาสนาที่แตกต่างไม่ใช่อุปสรรค ไม่มีใครปฏิเสธการมารวมกันเพื่อระลึกถึงน้องชายเขา หลังจากร่วมทำบุญที่วัดในช่วงเช้า

ภวิลฟังบทเทศน์ผ่านหู เขาเหลือบมองอาหญิง ใบหน้าเธอสงบ... พิธีมิสซาอุทิศให้ทั้งผู้ยังมีชีวิตอยู่และผู้จากไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าแท้จริงสองโลก... ไม่ได้ไกลกัน เขารู้ว่านี่เป็นเครื่องปลอบประโลมความรู้สึกของคนที่ยังอยู่ข้างหลัง คนที่เชื่อและศรัทธา ว่าวันหนึ่งทั้งสองโลกจะเป็นโลกเดียว คนตายจะกลับฟื้นคืน และเมื่อนั้น... ก็จะได้พบหน้าผู้เป็นที่รักอีกครั้ง

ภวิลถอนใจ เขาอยากเชื่ออะไร ศรัทธาใครเต็มหัวใจได้อย่างนั้นบ้าง บางที... อาจจะไม่ต้องวิ่งวนอยู่กับเป้าหมายที่ยังมองไม่เห็นทาง

‘เครื่องปลอบประโลมใจ’ ของเขา... ถ้าจะมี ภวิลก็ตั้งมั่นตลอดมาว่าต้องเป็นความจริง ถ้ารู้แน่ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น เขาคงทำใจยอมรับได้ในที่สุด แต่ที่เป็นอยู่... การตามล่าหาหลักฐานยึดโยงคนที่เขา ‘คิด’ ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องของน้องก็ดูจะไกลห่างจากความสำเร็จมากขึ้นทุกทีจนเขาอดถามตัวเองไม่ได้ว่าการทำแบบนี้ยังจะมีประโยชน์อยู่หรือเปล่า

... หรือประโยชน์นั้น จะต้องยกให้แก่จำเลยไป 

โพล้เพล้แล้ว สมาชิกในตระกูลพากันจุดเทียนวางและทยอยกลับ ภวิลเดินไปส่งคุณย่าที่รถ เขาเองเสียแม่แต่ยังเด็ก คุณย่าเป็นผู้หญิงเข้มแข็งที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก หลังเสียหลานชายคนเล็กท่านดูรับมือได้ดีกว่าใคร... มีแต่คนใกล้ชิดที่ดูออก ท่านสะเทือนใจมากขนาดไหน

เขาโน้มตัวพูดกับประมุขของตระกูลที่นั่งด้านหลังรถ “คุณย่าครับ... งานปีนี้...”

“งดไปเถอะลูก...” คุณย่าตอบ ท่านเอนตัวพิงพนักอย่างเหนื่อยๆ

ภวิลเหลือบมองพ่อที่สั่นศีรษะ ‘งาน’ ที่ว่าคืองานวันคล้ายวันเกิดของคุณย่าเอง ปีที่แล้วงดไปด้วยอุบัติเหตุของน้องที่ประจวบเหมาะกันพอดี ลำพังตัวเขาไม่มีแก่ใจจะจัดงานรื่นเริง คุณย่าก็คงรู้สึกเหมือนกัน แต่พ่อเพิ่งกำชับเรื่องนี้เมื่อไม่นาน งานวันเกิดประมุขของตระกูลวิรัชภาคย์ ไม่ใช่เพียงงานรวมญาติ ไม่ใช่เพียงตัดเค้กอวยพร หากแต่เป็นการขอบคุณลูกค้ารายสำคัญๆ ด้วย

ถ้าปีนี้... งดอีก คงไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าเท่าใด

“ผมว่า... ควรจัด... น่ะครับ คุณย่าครบเจ็ดรอบ แล้วเราก็มีคู่ค้ารายใหม่เพิ่มมามาก...” ยังไม่รวมถึงเรื่องที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเขาเพิ่งจะขยายไปพ่วงหุ้นโรงแรมริมแม่น้ำมาเกินครึ่งอีก

คุณย่านิ่ง ภวิลรู้ว่าท่านกำลังนึกถึงอะไร ก็ทุกปีคนเป็นโต้โผจัดงานวันเกิดให้คุณย่าคือกฤตวัต เวลานี้ของทุกปีควรเป็นเวลาแห่งการยินดี ทั้งบ้านมีชีวิตชีวาด้วยพลังล้นเหลือของน้อง เพียงแต่ว่าตอนนี้...

“ถึงยูไม่อยู่ แต่คงอยากเห็น...”

คุณย่ามองเขา ก่อนพยักหน้าน้อยๆ ราวตัดสินใจได้ “... แล้วแต่วินแล้วกัน”

“เดี๋ยวผมตามไปครับ...” เขาบอกพลางปิดประตูให้ ทันเห็นพ่อส่งยิ้มนิด เหมือนคิดไม่ผิดที่ให้เขาเป็นคนพูดเรื่องนี้กับคุณย่า

ภวิลเดินเรื่อยๆ กลับไปทางเดิม แต่ไม่ได้ขึ้นรถตัวเองทันที เมื่อครู่ผู้คนวุ่นวาย ตอนนี้พิธีเสร็จสิ้น ทั้งบาทหลวงก็ประพรมน้ำเสกหมดแล้ว คงมีเวลาอยู่สงบๆ กับน้องสักพัก

เขาหวนคิดถึงวันก่อนวันนี้ของปีที่แล้ว... ก่อนเดินทาง ภวิลไปเจอน้องอยู่ในห้องหนังสือกำลังรื้อค้นของให้วุ่น ถามได้ความว่าจะหาหนังสือสถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกสในสมัยรัชกาลที่ห้า... เห็นผ่านตาไปแต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน พูดเท่านี้ภวิลก็รู้ว่ากฤตวัตจะเอาไปทำไม หรือพูดให้ถูก จะเอาไปช่วยงานใคร

ลงเอยด้วยการที่เขาถูกดึงไปร่วมหาจนพบ เห็นน้องทิ้งตัวลงนั่งอมยิ้มมองหนังสือก็อดปากไม่ได้

‘ทำยังกับเจอสมบัติพระศุลี ถามจริงทำงานนี่ได้ตังค์หรือเปล่า’

‘พี่วินก็คิดถึงแต่เรื่องได้ตังค์ไม่ได้ตังค์’ น้องชายพูดเสียงยานคาง ‘อ้อ ว่าไม่ได้ ไม่งั้นก็ไม่ใช่นักธุรกิจหญ่าย... ไม่ต้องห่วงหรอก จีเขาให้ตามสมควร’

‘แล้วเรื่องจะเอาเงินไปลงทุนกับเขานี่อีก คิดดีแล้วเหรอ’

กฤตวัตมองเขายิ้มๆ พูดซ้ำ ‘พี่ไม่ต้องห่วง คิดดีที่สุดในชีวิต’

แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

‘ผมรู้พี่เป็นห่วง ห่วงมาตลอด... แต่ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้ผมมีความสุขมากจริงๆ’ กฤตวัตมองเขาตาใส ‘มีความสุขแบบ... ให้ตายตอนนี้เลยยังได้’

‘ถ้าคุณย่าได้ยินคงโดนสวดไปสามวันแปดวัน คนแก่เขาถือ พูดเรื่องตาย ไม่เป็นมงคล’ ภวิลเอ็ดไม่จริงจังนัก

น้องชายทำตาโตราวกลัวเสียเต็มประดา หันเคาะฝาไม้กระดานดังโป๊ก ก่อนเอ่ยพลางหัวเราะอีก
 
‘เคาะทิ้งไปละ ไม่เป็นไรละ ก็แค่... ผมรู้สึกว่าชีวิตตัวเองดีน่ะ... มีพี่ คุณแม่ คุณยาย คุณลุงที่รักผมเหมือนพ่ออีกคนหนึ่ง ได้ทำงานที่รักกับเพื่อนดีๆ จะมีสักกี่คนที่ได้หมดอย่างผม แบบถ้าตายก็ไม่มีอะไรจะเสียใจ อย่างนั้นล่ะ’

‘พูดว่าตายอีกแล้ว เอ้า เคาะทิ้งซะอีกที’ ภวิลจำได้ว่าบอกแล้วก็หัวเราะไปกับน้อง


... แต่ความเชื่อเก่าแก่นั่นก็ปกป้องคนพูดไว้ไม่ได้
 
ช่วงนั้น เช้าจรดเย็น กฤตวัตไปขลุกอยู่บ้านเพื่อนคนนี้ทั้งวัน ดูจากท่าทางแล้ว ให้ทำงานฟรี บุกน้ำลุยไฟอย่างไรก็คงเอา กฤตวัตเป็นคนรักเพื่อน ไม่แปลกที่จะทุ่มสุดตัวหากเพื่อนให้ช่วยอะไร แต่กับจิรัฐแล้วเรียกว่าทุ่มสุดตัวยังน้อยไป สู้ตายถวายชีวิตจะเหมาะกว่า

ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่คนที่มีส่วนทำให้น้อง ‘มีความสุข’ นอกจากครอบครัวและงานอย่างที่บอกแล้ว ก็คงเป็นเพื่อนคนนี้เอง
   
ขนาดที่ว่าถ้าตายก็ไม่มีอะไรจะเสียใจ

ปกติยูอาจจะชอบพูดเล่น แต่ตอนนั้น... ตอนที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือด้วยกัน ภวิลรู้สึกว่าน้องพูดจริงทุกคำ
 
คำอธิบายที่เขาหวังจะได้ ก็เหลือที่ยูจะรับรู้แล้ว มันคงเป็นความเห็นแก่ตัวของคนเป็นพี่ชายอย่างเขาเอง ที่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นมีเหตุผลเพียงพอจะทำความเข้าใจได้บ้าง สักนิดก็ยังดี
 
เขาเคยคิดว่าคนไว้ใจเพื่อนอย่างยู อาจจะถูก ‘ใช้’ ได้ง่ายๆ พยายามเตือนตัวเองว่าน้องไม่ใช่คนไม่เฉลียวอย่างนั้น ถ้า ‘ยอม’ ก็เพราะ... เต็มใจ
 
เมื่อเหตุการณ์ถึงขั้นนี้แล้ว เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า จะดีกว่าไหมถ้ายูไม่ต้องรู้จักเพื่อนคนนี้ มีความสุขน้อยลงอีกหน่อย แต่อาจจะ... ยังมีชีวิตอยู่ ได้แต่คิด เพราะภวิลรู้ว่าถ้าจะมีอย่างหนึ่งที่เขากับกฤตวัตเหมือนกัน ก็คือทุกเรื่อง... ต้องตัดสินใจเอง และยอมรับผลที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง
 
ภวิลถอนใจอีกครั้ง ลมเย็นพัดกรูเกรียวมาปะทะหน้า เขาสูดหายใจลึก แล้วชะงัก
 
แสงเทียนจับเสี้ยวหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงป้ายจารึกเป็นสีส้มนวลรางๆ ความจริงเขาไม่ควรจะประหลาดใจที่พบจิรัฐในที่นี้ ถ้าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนดีได้เพียงครึ่งหนึ่งของที่กฤตวัตชอบพูดถึง ก็ไม่ควรจะลืมวันครบรอบวันตายของเพื่อน ภวิลยืนมองเพื่อนรักของน้องวางดอกไม้ มือเรียวแตะลงนิดที่ป้ายราวหวังให้สื่อสารถึงคนข้างใน ไหล่สะท้านขึ้นน้อยๆ คล้ายจะถอนสะอื้น
 
จิรัฐยังไม่เห็นเขา ความจริงตรงนั้นไม่มีใครเลย

ไม่จำเป็นจะต้องแสร้งอาลัย ไม่จำเป็นจะต้องแกล้งทำเป็นเสียใจ
 
ทุกอย่าง... คงจะออกมาจากความรู้สึกข้างในจริงๆ
 
แวบหนึ่งที่ภวิลนึก... สงสาร คิดกลับกัน ถ้าเป็นตัวเขา เพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิดตายแต่แม้จะไปร่วมพิธีระลึกถึงก็ยังลำบาก ได้เพียงเอาดอกไม้ไปวางให้ตอนทุกคนกลับแล้ว หาเศษเทียนจุดต่อจากเทียนของคนอื่น... ในใจคงไม่รู้จะรู้สึกเช่นไร

เขาขยับตัว เสียงกิ่งไม้ที่เหยียบอยู่ดังกรอบแกรบขึ้น คนข้างหน้าสะดุ้งหันมองจนสบตากัน ภวิลตัดสินใจเดินเข้าไปช้าๆ เอ่ยถาม
 
“ไม่เข้าไปในพิธีด้วยล่ะ”

จิรัฐกระพริบตาอย่างงุนงง ที่เขาเคยไปร่วมพิธีฝังศพ ผลเป็นอย่างไรภวิลก็น่าจะรู้อยู่แล้ว

“คุณย่าท่านไม่ว่าหรอก”

คนก้าวเข้ามายืนเกือบเคียงกัน เยื้องหลังไปหน่อยเอามือไพล่หลัง จิรัฐไม่รู้สึกถึงการคุกคามอย่างเคย เขาผ่อนลมหายใจออกนิดหนึ่ง

“ญาติคนอื่นของคุณจะไม่สบายใจเอาน่ะสิ”

ภวิลมองเขาเหมือนกับจะบอก... สนใจอะไรคนอื่นมาก... จิรัฐพูดต่อ

“เขามาหายู มาระลึกถึงยู ก็ให้เขาคิดถึงแต่ความดีของยูเถอะ อย่าให้เห็นผมแล้วพาลต้องคิดถึงเรื่องที่จะพาให้ขุ่นข้องหมองใจเลย”

เงียบกันไปพักหนึ่ง มีแต่เสียงลมกระพือ เสียงใบไม้ไหว จนภวิลเอ่ยขึ้น

“คุณรู้ไหมเขาจุดเทียนกันทำไม”

จิรัฐเหลือบมองคนพูด ประเมินแล้วว่าอาจจะต้องการคำตอบจริงๆ เพราะไม่คิดว่าเป็นวิสัยที่อีกฝ่ายจะชวนคุยจึงได้ตอบ

“ก็เพื่อให้พบความสว่าง เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง...”

ภวิลยิ้มนิด “คุณก็หวังอย่างนี้หรือ”

จิรัฐย่อมรู้ว่า ‘อย่างนี้’ คืออย่างไหน เขาเอ่ยเบา

“ถึงผมไม่หวังจะได้เจอเขาอีก แต่ผมก็หวังให้เขามีความสุข มีความสุขไปตลอด...”

ภวิลหันมองคนข้างๆ แต่สายตาจิรัฐจับนิ่งที่ป้ายจารึก วินาทีนั้นเขาคิดจริงๆ ว่าจิรัฐหมายความอย่างที่พูด
 
“ไม่มีอะไรแน่นอนจีรังหรอก... ผมเคยบอกว่าคุณเข้าครอบครองได้ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ ความจริง... ผมก็เป็นเจ้าของตลอดไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน" จิรัฐเอ่ยเรื่อยๆ “แต่มีบางอย่างที่คงทนกว่านั้น ยืนยาวกว่านั้น บางอย่างที่ใช้คำว่าตลอดไปได้”

รอยยิ้มคลี่ระบายออกนุ่มนวล “เหมือนตอนที่ยูบอกผมว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป”

ตลอดไป... นิรันดร...

ภวิลพลันตระหนักว่าสิ่งสำคัญพอกับการค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น คือการรู้ว่าน้องได้มีความสุขจริงๆ ได้อยู่กับเพื่อน ‘ดีๆ’ แบบที่เคยบอก ได้ทำในสิ่งที่ชอบ จนถึงวันสุดท้าย... ก็ยังมีความสุข

และถ้าเขาจนวิธีที่จะตามหาความจริงของเรื่องในวันนั้นแล้ว จะด้วยทางตันหรือด้วยเบาะแสสุดท้ายอย่างจิรัฐไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย การรู้แน่ชัดว่าน้องมีความสุข... ก็จะเป็นเครื่องปลอบประโลมเขา เหมือนกับที่การเชื่อมั่นในศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคุณอาหญิงเหมือนกัน

“ถ้าผมถามคุณตรงๆ ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น คุณจะบอกผมได้ไหม"

ภวิลรู้สึกว่าอีกฝ่ายเกร็งขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบอย่างระมัดระวัง “ผมพายูไปส่งโรงพยาบาล... แต่สายไป ผมเสียใจ”

“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ... คุณเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับยู บอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลยหรือ”
 
จิรัฐเม้มปากสนิท แล้วค่อยเอ่ย “คุณภวิล... คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมเองก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่มากไปกว่าคุณ”

ถ้ายูเจ็บตัวมาก่อนขึ้นรถ อาจจะเป็นไปได้ว่าเกิดขึ้นตอนที่จิรัฐไม่เห็น... ไม่มีประโยชน์ที่จะคาดคั้นต่อในเมื่อเขาเองก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่จะกล่าวหาอีกฝ่ายให้มากไปกว่านี้ได้ ภวิลถอนใจก่อนพูดช้าๆ
 
“คุณรู้ไหม... น้องผมเขารักคุณมาก”

คำว่า ‘รักมาก’ ในครั้งนี้ไม่มีร่องรอยประชดอย่างครั้งแรกๆ ที่เจอกัน ภวิลคิดเรื่องนี้แล้ว... โดยปกติเขาก็ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของน้อง แต่ไม่ว่าจะรักแบบไหน กฤตวัตก็ยึดถือเพื่อนสนิทคนนี้เป็นคนสำคัญยิ่งยวดเสมอมา
 
จิรัฐพยักหน้า ยิ้มเศร้าราวจะนึกถึงคนที่จากไป “ยูเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม”

ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดว่า ‘รัก’ ออกจากปาก แต่ภวิลแน่ใจว่า... ใกล้เคียง
 
“ตอนแรกผมคิดว่าคุณรักบ้านคุณที่สุด อะไรคงไม่สำคัญไปกว่านี้แล้ว”

“คุณจะเอาของมาเทียบกับคนได้ยังไง” จิรัฐขมวดคิ้ว

“ก็ดี... คุณควรจะรักอะไรที่รักตอบคุณได้"

ภวิลพูดแค่นั้นแล้วก็บอก “จะให้ไปส่งไหม”

จิรัฐยืนอึ้งอยู่เกือบครึ่งนาที จนอีกฝ่ายถามซ้ำจึงได้ตอบ “ไม่เป็นไรครับ... ผมเอารถมา”

ภวิลพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินจากไปเงียบๆ จิรัฐบอกลาเพื่อนในใจอีกครั้ง แล้วออกเดินในทิศทางตรงกันข้าม คำถามสุดท้ายนั้นทำเอางงอยู่ไม่น้อย

เขาสตาร์ทรถ ในใจคิดถึงที่เคยคุยกับกฤตวัต น่าแปลกที่รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นาน

‘พี่วินเหมือนคุณยาย...’
 
‘เหมือนคุณย่าตัวเอง... ไม่แปลกนี่” จิรัฐคิดถึงลักษณะท่าทางภายนอก สง่า... น่าเกรง... เหมือนกัน แต่เพื่อนกลับบอก
 
‘อืม... ดูตอนแรกเหมือนดุนะ แต่จริงๆ ใจดี'


เขาไม่อาจตอบได้ว่าภวิล ‘ใจดี’ จริงๆ หรือเปล่า แต่เมื่อสักครู่ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรแอบแฝง พักนี้ภวิลไม่ค่อยเข้ามาที่บ้านพระยาสักเท่าไร เหมือนจะถอยกลับไปทบทวนเรื่องบางอย่าง หรือรอจังหวะทำอะไรต่อไป ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจเพียงแค่งานอื่นล้นมือเท่านั้นก็ได้

อีกเรื่องหนึ่งที่ปฏิเสธได้ยาก คือความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อีกฝ่ายสั่งในฐานะผู้บริหารจากการดูรายงานที่ธรรมนูญเตรียมให้นั้นก่อให้เกิดผลดีไม่มากก็น้อย จริงอยู่จิรัฐพยายามปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างไม่ให้หักหาญเกินไปเมื่อนำมาปฏิบัติ แต่ถ้ามองอย่างเป็นกลางแล้ว ก็ราวกับภวิลคอยเตือนตัวเองว่าบ้านนี้เป็นของที่น้องชายรักและร่วมลงทุนลงแรงมา ไม่ใช่ของที่จะทำลายให้สิ้นซากไปกับมือเพื่อความสะใจ แม้จะรู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นคงทำร้ายเขาได้มากกว่าอะไรทั้งหมด

ถ้าคิดเพียงเท่านี้... ก็อาจนับได้ว่า ‘ใจดี’ กระมัง...


ธรรมนูญยืนมองสองคนที่เดินอยู่ในสวนจากหน้าต่างห้องทำงาน บางคราจิรัฐก็จดลงสมุดที่ติดไปด้วย ส่วนคนเดินนำชี้โน่นนี่ สั่งงานไปเรื่อยๆ

ภวิลตกลงใจจะใช้บ้านพระยาเป็นที่จัดงานวันคล้ายวันเกิดของคุณหญิงไพจิตรผู้เป็นย่า ผนวกงานขอบคุณลูกค้าประจำปีของบริษัทในเครือ ไม่มีใครมีเหตุผลจะค้าน และตอนนี้จิรัฐก็ถูกลากลงไป ‘ทำหน้าที่ผู้ช่วย’ เพื่อเตรียมงานเรียบร้อย

ทักษ์โอดกับเขาตามปกติ เพราะนี่เป็นงานใหญ่งานแรกที่จะต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเชฟ แต่เขาไม่ค่อยห่วง ธรรมนูญมีความรู้สึกว่ารุ่นน้องน่าห่วงกว่า จนถึงตอนนี้เขาก็ยังอ่านภวิลไม่ค่อยจะออก เมื่อเจอกันเข้าที่โรงพยาบาลสองสัปดาห์ที่แล้วก่อนจิรัฐจะบอกว่าภวิลเป็นคนช่วยเหลือแม่นั้น เขาก็เกือบสรุปไปแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุการล้มหมอนนอนเสื่อครั้งนี้ของคุณบุณฑริก ได้แต่ขอบใจตัวเองที่ไม่ปากสว่างตอนเข้าไปเยี่ยมเพราะนึกว่ามารดาของจิรัฐรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
 
ได้แต่จับตามองเท่าที่ทำได้เผื่อเกิดอะไรขึ้นอีก
 
จิรัฐยกมือเช็ดเหงื่อที่ขมับ ถึงแดดจะไม่ร้อนเพราะต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเอาไว้แต่วันนี้อากาศอบอ้าวไม่น้อย เขาปวดหัวมาตั้งแต่เมื่อคืนและเรื่อยมาจนถึงเช้า เรื่องต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้นอนไม่ได้เต็มตาเลย

ก่อนหน้านี้ภวิลพูดกับเขาเรื่องสระ จิรัฐเตรียมใจเต็มที่ คิดว่าจะขอเวลาย้ายบัวบางส่วนไปไว้ในกระถาง... อย่างน้อยก็เป็นที่ระลึกถึงคุณตาทวดกับพ่อ แต่ภวิลกลับบอกให้เขาหาบริษัทที่ทำสระว่ายน้ำแบบธรรมชาติมาแทน

เห็นผู้ช่วยยังยืนงงภวิลก็ว่า

“คุณคงไม่คิดว่าผมจะให้ทำสระปูกระเบื้องฟ้าแปร๋นนะ ขัดตาตายอยู่หน้าบ้านเก่าแบบนี้”

“ก็ตอนแรกคุณบอกว่า...”

“ให้ทำสระว่ายน้ำ” ภวิลต่อ “ก็ปรับเป็นสระที่ว่ายน้ำได้ เมืองนอกกำลังนิยมมาก... ใช้พืชน้ำทำหน้าที่แทนคลอรีน ถูกกว่าสระปกติอีก ดูกลมกลืนไปกับสวนรอบข้างดีด้วย”

จิรัฐค่อนข้างแน่ใจว่าตอนแรกภวิลไม่ได้คิดจะทำสระแนวนี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่คิดจะให้ยังมีดอกบัวอยู่ในสระด้วย มาถึงบางอ้อเมื่ออีกฝ่ายพูด

“แม่คุณเล่าให้ฟัง... สระนี่คุณตาทวดคุณทำให้คุณยายทวด... ลูกค้าคงชอบ เรื่องโรแมนติกโบราณๆ มักจะขายดี ยิ่งลงไปว่ายได้ยิ่งได้บรรยากาศ ทำป้ายบอกประวัติย่อๆ เสียหน่อยเป็นอันเสร็จ”

จิรัฐยืนถือดินสอสมุดค้าง ดีใจนั้นดีใจอยู่หรอกที่ยังรักษาสระที่พ่อทำใหม่ให้แม่ไว้ได้ ถ้าภวิลให้เขาเป็นคนคุยกับบริษัทเอง ก็หมายความว่าบอกได้... ว่าให้กันบัวเอาไว้แค่ไหน ปลูกอย่างอื่นเพิ่มแค่ไหนให้สมดุล แต่ยังรู้สึกว่ามันทะแม่งไม่ใช่น้อยที่ความตั้งใจของคุณตาทวดกับพ่อกลายเป็น ‘เรื่องโรแมนติกโบราณๆ’ เอาไว้ ‘ขาย’

เอาเถอะ หวังให้ภวิลนึกถึงเหตุผลด้านอื่นนอกจากเรื่องเงินๆ ทองๆ อาจจะยาก ได้เท่านี้ก็ดีถมไป
 
“ผมว่าคงต้องปล่อยแบบนี้เอาไว้ก่อน งานคุณย่าคุณใกล้เข้ามามากแล้วเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทัน”

“ก็ตามใจคุณ” ภวิลตอบสั้นๆ

“ต้องแจ้งแขกที่มาพักว่าจะมีงานข้างนอก...”

“จัดการตามที่เห็นสมควรแล้วกัน”
 
จิรัฐบันทึกลงสมุด คิดว่าคราวนี้ง่ายและราบรื่นจนน่าประหลาดใจ งานที่ภวิลจะให้จัดเขาทำเต็มที่ เพราะอย่างไรจิรัฐก็นับถือคุณหญิงไพจิตรเป็นคุณยายไม่เปลี่ยน มีอะไรที่พอจะทำให้ได้ก็ยินดีทั้งนั้น เขากะดูทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วหลบออกไปเงียบๆ นึกรู้ว่างานนี้คงรวมคนในวงสังคมเอาไว้ไม่น้อย

ภวิลอาจจะใช้วันนั้นเพื่อย้ำเตือนถึงความยิ่งใหญ่ของวิรัชภาคย์... ไม่ว่าจะเกิดมรสุมอะไรขึ้น ก็ไม่อาจกระทบกระเทือนถึงสถานะผู้นำอันมั่นคงในแวดวงธุรกิจได้ มีข่าวลือเรื่องที่คนในตระกูลเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำพัวพันกับโรงแรมที่เคยทำงานด้วย... ก็เทคโอเวอร์กิจการนั้นเสียเลย ใครจะกล้าพูดอะไรให้เข้าหูอีก

พี่ชายของกฤตวัตเก่ง... ฉลาด... แต่ ‘ใจดี’ น่ะหรือ

ความใจดีคงไม่ใช่คุณสมบัติที่พึงประสงค์ของนักธุรกิจชั้นแนวหน้าเป็นแน่
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 09-02-2012 09:50:47
บทที่ 5 (ต่อ)

วันงานมาถึงโดยไม่มีอุปสรรคอะไร ภวิลยืนมองห่างจากบริเวณงานมานิด จิรัฐทำทุกอย่างได้เรียบร้อย แต่พอเริ่มงานก็ไม่รู้หายไปไหน ตอนเกิดเรื่องก็เห็นทนให้คนว่าแท้ๆ แต่กับงานที่พอจะได้หน้าบ้างด้วยอย่างไรก็ยังถือหุ้นร่วมกันกลับหลบไปเสียนี่ เขากวาดตาดูรอบงานครั้งหนึ่ง

รู้สึกว่ามีมือมาแตะที่แขนเบาๆ ภวิลเหลียวไปแล้วต้องชะงักด้วยความแปลกใจระคนดีใจ

“... หมัด กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าส่งยิ้มให้อย่างยินดีไม่แพ้กัน มทนาเป็นบุตรสาวเพื่อนกึ่งหุ้นส่วนทางธุรกิจของพ่อ รู้จักกับเขาตั้งแต่เด็กๆ โตมาแล้วก็ยังเจอกันบ่อยด้วยครอบครัวทั้งสองฝ่ายลงทุนร่วมกันหลายอย่าง ตระกูลของมทนาเป็นเจ้าของเครือโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ โชคดีที่เจ้าตัวไม่ใช่ประเภทคุณหนูเอาแต่ใจแต่งตัวสวยไปวันๆ ถึงยังคบกันมาได้

คนที่ดูจะไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากงานอย่างภวิลมีเพื่อนหญิงคนเดียวที่ไปไหนมาไหนด้วยบ่อยที่สุด ก็เป็นธรรมดาที่คนรอบข้างจะสรุปเอาว่าคงเป็น ‘คู่หมาย’ ความจริง... เขากับมทนาก็เกือบถึงขั้นนั้น แต่สุดท้ายก็ยั้งอยู่เพียงแค่ ‘เพื่อนสนิท’
 
ภวิลมีเพื่อนไม่มาก เห็นตรงกับมทนาว่าถ้าต้องแต่งงานกันโดยมีแต่ความเหมาะสมเป็นปัจจัยหลักก็รักษาความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไว้ดีกว่า เสียแต่ว่าพอญาติๆ เห็นเขากับมทนาด้วยกันเมื่อไร ก็ยังคิดจะจับคู่ให้อยู่ร่ำไป มาเพลาลงบ้างตอนอีกฝ่ายไปเรียนต่อที่อเมริกา

“หมัดเพิ่งกลับมาได้สองสามวันนี้เอง คุณพ่อบอกให้มางานคุณย่าด้วย” มทนาเรียกคุณหญิงไพจิตรว่าคุณย่าตามเขา “เข้ามาก็มองหาวินก่อน... ขี้เกียจให้คุณพ่อลากไปสวัสดีคนโน้นคนนี้ คนเดิมๆ นี่แหละ... สวัสดีกันมาทุกงาน“

“เจอเรา เราก็ลากไปสวัสดีคุณย่า” ภวิลว่า ยิ้มน้อยๆ
 
“ถ้าเป็นคุณย่าไม่ต้องลาก... หมัดยินดี” หญิงสาวหัวเราะ “แล้วนี่น้องยูอยู่ไหน... หมัดไม่เห็น”

รอยยิ้มของภวิลคลายลงจนมทนาสังเกตได้ เธอเอ่ยเบา “เกิดอะไรขึ้นหรือวิน”

เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวที่สุด ละส่วนที่เกี่ยวกับจิรัฐเกือบหมด เอ่ยถึงไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ในเมื่อเขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่สงสัยจะมีมูลหรือเปล่า

“หมัดไม่รู้เลย... ไม่มีใครบอก ถ้าอยู่คงได้ช่วยกันบ้าง งานศพน้องหมัดก็ไม่ได้ไป” มทนามีท่าทางเสียใจจริงๆ

ภวิลรู้ว่าคนเป็นหมออย่างมทนาคงเสียใจมากเป็นพิเศษที่ไม่ได้มีโอกาสพยายามช่วยชีวิตน้องชายของเพื่อนที่เธอเองก็รู้จักเป็นอย่างดี เขาได้แต่เอ่ยขอบคุณเท่านั้น

“วินไม่ได้ใช้โรงพยาบาลหมัดใช่ไหม...”
 
ภวิลส่ายหน้า คนนำส่งไม่ได้พาไปที่โรงพยาบาลในเครือที่ครอบครัวของมทนาเป็นเจ้าของ มทนาคงอยากจะดูประวัติหรือรายงานของห้องฉุกเฉิน ซึ่งเขาขอดูมาแล้ว... และไม่ได้ความกระจ่างมากขึ้นแต่อย่างใด
 
“หมอบอกกระทบกระเทือนทางศีรษะมา ถึงโรงพยาบาลก็... โคม่า แล้วก็ไป ไม่นาน” นี่เป็นครั้งแรกที่ภวิลพูดถึงสาเหตุการตายของน้องเท่าที่รู้ให้คนนอกครอบครัวฟัง สำหรับเขาแล้ว คำอธิบายเพียงเท่านี้มันไม่พอจริงๆ

“แล้วเรื่องชันสูตรล่ะ”

“คุณอาไม่เห็นด้วย” ภวิลว่า
 
ความจริงตอนนั้นมีเขาอยู่คนเดียวที่ยืนยันจะให้ชันสูตร แต่ใครเล่าจะค้านคนเป็นแม่ที่กำลังโศกเศร้าและไม่ต้องการให้ใครยุ่งกับร่างของลูกชายได้

“หมัดว่าไม่น่าใช่เพราะเรื่องศาสนา” มทนาบอก “ไม่ได้ห้ามเรื่องนี้ไว้เฉพาะเจาะจง... อาจจะเป็นความเชื่อส่วนตัวมากกว่า”

ภวิลพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พอดีกับที่มทนาเอ่ย
 
“ใครจะรู้... น้องยูอาจจะสบายกว่าพวกเราๆ เป็นไหนๆ น้องยูเป็นคนดี ต้องได้ไปที่ดีๆ แน่”

ทั้งคู่ต่างไม่มีใครพูดอะไรกันราวจะระลึกถึงน้องชายผู้จากไป... ผ่านไปครู่หนึ่งมทนาจึงขมวดคิ้วน้อยๆ “วินอย่าเพิ่งหันไปนะ แต่คุณป้าหมัดจ้องมาทางนี้เป๋งเลย ขืนอยู่ต่อโดนเม้าชัวร์ หมัดไปสวัสดีคุณย่าเลยดีกว่า”

ภวิลเลยเดินไปเป็นเพื่อนหญิงสาว เก้าอี้ข้างคุณย่าว่างพอดี เขาเรียนให้ท่านทราบ “หมัดครับคุณย่า”

มทนาก้มลงไหว้คุณหญิงไพจิตรอย่างนอบน้อม “ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยดลบันดาลให้คุณย่ามีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานไปนานๆ นะคะ”
 
“พ่อหนูบอกเหมือนกันว่าเพิ่งกลับมา... ขอบใจที่มางานคนแก่อย่างย่านะลูก” ท่านยิ้มรับ “จบหมอแล้วยังไปต่อเฉพาะทางอีก เก่งจริงๆ”

ภวิลฟังคุณย่าคุยกับเพื่อนผ่านๆ จนท่านพูดถึงที่จัดงาน แล้วก็เลยเอ่ยถึงจิรัฐ
   
คุณย่าก็ยังเป็นคุณย่า ท่านไม่โทษจิรัฐแม้สักนิด... สำหรับคุณย่าแล้ว จิรัฐคือเพื่อนคนสำคัญของหลานชายคนเล็กอยู่นั่นเอง เขานึกรู้ว่าคุณย่าคงอยากจะเจอ บางทีการได้คุยเรื่องเก่าๆ กับเพื่อนสนิทหลานอาจช่วยให้ท่านสบายใจขึ้นได้บ้าง
 
“ผมตามให้เองครับ” ภวิลลุกขึ้น ทิ้งมทนาไว้กับคุณย่า

เขาคิดว่าจิรัฐคงไม่อยู่ในที่ที่คนเยอะๆ แต่ก็คงอยู่ไม่ไกลมากนัก พอที่จะเห็นว่างานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีหรือไม่ ถ้าจะมีอะไรที่เขารู้เกี่ยวกับจิรัฐเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาตั้งแต่เข้าถือหุ้นใหญ่เป็นต้นมา ก็คือชายหนุ่มไม่ทิ้งงาน จิรัฐมีความรับผิดชอบมากกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก นี่ก็เป็นอย่างหนึ่งที่ตรงกันกับน้อง

ภวิลเห็นเงาตะคุ่มอยู่ตรงต้น... ต้นอะไรนะที่เขาเคยถามจิรัฐ... สายลมกลางคืนหอบเอากลิ่นหอมคล้ายใบเตยผสมข้าวใหม่มาเข้าจมูก

... ต้นชมนาด
 
เขาสืบเท้าเข้าใกล้ เอ่ยเรียก “...จิร...”

คนที่หันมากลับเป็นหัวหน้าคนสวนที่เขาเคยได้เจอเพียงไม่กี่ครั้ง ชงคมค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อย

ภวิลกำลังจะถามว่าอีกฝ่ายเห็นจิรัฐบ้างหรือไม่ แต่ต้องชะงักอย่างประหลาดใจเมื่อเงาร่างอีกหนึ่งก้าวออกจากมุมสลัวเข้ามาสู่แสงไฟจากสนามหญ้า

“คุณอา...”

“อาจะมาเข้าห้องน้ำแต่ไปไม่ถูก... พอดีปะคุณคนนี้เข้า” อาหญิงบอก “วินหาใครหรือ”

“หุ้นส่วนน่ะครับ” ภวิลตอบส่งๆ “ห้องน้ำอยู่ทางนี้ เชิญคุณอาตามสบาย”

เขาก้าวจากมาโดยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก


จิรัฐนั่งอยู่ในมุมริมสระบัวส่วนที่ไกลที่สุด ตรงนี้ไม่ได้ตั้งโต๊ะ มีเพียงแต่ม้านั่งไม้สลักลวดลายที่วางไว้ในสวนอยู่แล้ว

เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งของการที่ภวิลให้เขาจัดผัง เพราะจิรัฐย่อมรู้ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วจะหลบไปอยู่ตรงไหนให้ไกลสายตาผู้คน ชายหนุ่มชาชินเสียแล้วกับการที่จะมีคนซุบซิบตามหลัง เรื่องราวแล้วแต่จะปั้นแต่งตามจินตนาการขึ้นมา แต่มันคนละเรื่องกับการที่เขาต้องเสนอหน้าไปรับแขกเหมือนเป็นเจ้าภาพร่วมกันกับภวิล

เขายังปวดหัวอยู่แต่คิดว่าฝืนทนได้จนกว่างานจะจบ ธรรมนูญที่ลงคุมพนักงานเองแวะมาพยายามเอาของให้กิน เขาก็ชิมไปพอที่จะรู้ว่าทักษ์ทำหน้าที่พ่อครัวใหญ่ของงานจัดเลี้ยงแรกได้อย่างไม่มีที่ติ อารามปวดหัวทำให้กินอะไรไม่ค่อยลงนัก
 
ความจริงคนที่ยกหน้าที่หัวหน้าพ่อครัวให้ทักษ์ตั้งแต่ต้นก็คือภวิลอีกนั่นแหละ คิดดูแล้วถ้าตำแหน่งนี้ยังเป็นของหัวหน้าพ่อครัวคนเก่าธรรมนูญคงเป็นอีกคนที่มานั่งปวดหัวเป็นเพื่อนเขา เพราะมีโอกาสที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย หยุดงานโดยไม่บอกล่วงหน้า ต้องยอมรับว่าบางเรื่องภวิลก็ตัดสินใจได้เด็ดขาดกว่า
 
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วจิรัฐเลยนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อสักครู่เห็นยืนคุยอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง แม้จะไกลแต่ก็จำได้เนื่องจากกฤตวัตเคยชี้ให้ดูในงานที่เผอิญต้องไปร่วมกัน พูดทีเล่นทีจริง ‘ว่าที่พี่สะใภ้’

ดูแต่ภายนอกก็สมกันอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเพื่อนรับรองแสดงว่าน่าจะเป็นคนนิสัยดีใช้ได้ ไม่สิ... ยิ่งกว่าใช้ได้อีก

จิรัฐเท้าคางเหม่อดูบึงข้างหน้า คิดถึงพ่อกับแม่... เขาไม่เคยสงสัยในความรักของท่านทั้งสอง เพราะตั้งแต่จำความได้ก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด เหมือนพ่อกับแม่รักกันมาก่อนหน้านี้เนิ่นนาน และรักนั้นคงยืนยาวไปจนกว่าจะถึงกัลปาวสาน มีแค่ตอนนี้เท่านั้นที่เขาคิด... ความรักมีจุดกำเนิดมาจากไหน รักอย่างที่พ่อรักแม่ ไม่ใช่อย่างที่เขารักยู รักพนักงาน หรือว่ารักบ้าน...

ภวิลพบคนที่ตามหานั่งอยู่ลำพังห่างไกลผู้คนอย่างที่คาดไว้ ความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาจนตกใจคือเขาอยากร้องออกไปว่า ‘เจอแล้ว’ เหมือนตอนเล่นซ่อนหากับน้องเมื่อครั้งยังเด็ก เล่นกันทีไรกฤตวัตมักจะหาที่ซ่อนง่ายๆ แบบที่เขาหาเจอภายในเวลาไม่กี่นาที ไม่อย่างนั้นก็ยุกยิกจนเกิดเสียงแบบที่ภวิลเคยบ่นว่าเจอเร็วจนไม่สนุก แต่น้องกลับบอก

‘ก็อยากให้พี่มาเจอนี่... ซ่อนอยู่คนเดียวเงียบๆ เหงาออก’

เขาคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็คงเพราะ...  คนที่เห็นอยู่นั้นดูโดดเดี่ยวเหลือเกิน

ภวิลกระแอมกระไอจนอีกฝ่ายหันมา “คุณย่าให้หา... ท่านอยากพบ”

จิรัฐมีสีหน้าลังเล แต่เพราะเป็นคุณยายน้อยของตัวเอง ก็เลยยอมลุกขึ้นมาอย่างว่าง่าย “มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับการจัดงานหรือเปล่าครับ”

“ถ้าจะมีก็คงเป็นคำชมนั่นแหละ” ภวิลว่า “ความจริง งานนี้ก็เชิญคุณแม่คุณด้วย...”

“... หมอบอกให้พักผ่อนอยู่กับบ้านอีกสักหน่อยน่ะครับ”

“แล้วอาการทั่วไปล่ะ”

“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง...”

ภวิลสังเกตว่าอีกฝ่ายเดินเซเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว ก่อนเหลือบเห็นโต๊ะใกล้ๆ

“อ้าวตรงนั้นอาหารพร่องเยอะแล้วแน่ะ สงสัยพนักงานไม่ค่อยเดินมาถึง”

“ไหนครับ...”

จิรัฐเหลียวมาโดยเร็ว ความกะทันหันทำให้ปวดหัวจี๊ดขึ้นจนตาพร่า

ภวิลเดินอยู่ข้างที่ใกล้สระบัวมากกว่า เห็นจะเสียหลักก็จับแขนไว้โดยอัตโนมัติ แต่แรงปะทะมีไม่น้อยบวกกับดินลื่นตรงขอบสระทำให้ทรงตัวไม่อยู่ไถลลงน้ำกันไปทั้งคู่ เขารีบคว้าหัวไหล่คนตรงหน้าไว้กลัวจะจม จิรัฐสำลักกระอักกระไอ ยกมือลูบหน้าท่าทางตกใจ

เสียงน้ำแตกกระจายดังตูมใหญ่ทำให้แขกพากันเหลียวมอง ธรรมนูญวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตรงเข้าพยุงจิรัฐขึ้นจากสระโดยไม่ไยดีที่ตัวเองเปียกมะลอกมะแลกไปด้วย

“ปวดหัว...” ได้ยินอีกฝ่ายพูดเบาๆ
 
“จีไมเกรนขึ้นเหรอ...”

“นี่เป็นอะไรทำไมไม่บอก” ขึ้นมายืนบนบกได้ภวิลก็ควันออกหู แต่ไม่แน่ใจว่าจะลงที่ใครหรืออะไรดี

ธรรมนูญมองเขาราวจะกล่าวหาแต่ไม่พูดอะไร ได้แต่พาจิรัฐออกจากที่นั้น ภวิลเดินดุ่มๆ ขึ้นตึก ดูเหมือนผู้จัดการการเงินจะคิดว่าเขาใจไม้ไส้ระกำขนาดใช้คนจนตาย ส่วนอีกคนก็บ้าพอกัน เสียชีพดีกว่าเสียงาน ป่วยแต่ไม่รู้จักเจียมสังขาร นิสัยแบบนี้คล้ายยูจนน่าโมโห

เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องที่ติดกับห้องทำงานโดยใช้เสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่มาก่อนเปลี่ยนเป็นชุดไปร่วมงานที่นี่ เสร็จก็ลงไปมองหาคนป่วย สงสัยว่ารุ่นพี่คงโอ๋อยู่นั่นแหละ

ภวิลพบจิรัฐนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวในห้องหนังสือ เปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งแล้วแต่ไม่เห็นธรรมนูญ เขามองอีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่นแม้ในยามหลับ เหมือนยังมีเรื่องกังวลไม่คลาย

ภวิลนั่งลงที่เก้าอี้นวมใกล้ๆ เพ่งดูสีหน้าซีดเซียวนั้น ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิด... ถ้าเจอกันในสถานการณ์อื่น จะเป็นอย่างไร
ก่อนหน้านี้เขารู้จักจิรัฐเพียงผิวเผิน รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของน้อง รู้ว่าคุณยายจิรัฐเป็นญาติกับคุณย่าของเขา และรู้ว่าคุณตาจิรัฐเป็นเพื่อนกับคุณปู่ตัวเอง แต่ก็แค่นั้น เพราะถึงยูจะพาไปบ้านบ้าง ไปทานข้าวกับคุณย่าบ้าง แต่ภวิลมักยุ่งเกินกว่าที่จะร่วมโต๊ะด้วย ถ้าเขามีเวลา... ถ้ายูยังอยู่ ถ้าไม่มีเรื่องราวระหว่างกันเช่นนี้ จิรัฐจะเหมือนน้องของเขาอีกคนหนึ่งหรือเปล่านะ...

เสียงเปิดประตูดังขึ้น ภวิลถอนสายตาจากคนตรงหน้าแล้วลุกขึ้นยืน เห็นธรรมนูญถือชามใบเล็กควันกรุ่นเข้ามา ผู้จัดการขมวดคิ้วมองเขา เหมือนระแวงว่าจะกวนคนป่วย

“อะไรน่ะ” ภวิลเดินไปดูสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่าย

“ยาสมุนไพร... ทุกครั้งที่เป็นก็ตำรับนี้แหละครับ ได้ผลดี”

“แล้วยาแก้ไมเกรนทั่วไปล่ะ” ภวิลว่า “ผมมีเพื่อนเป็นหมออยู่ข้างนอก ให้เขามาดู...”

“ถ้าเป็นแบบนี้ต้องนอน” ธรรมนูญบอก “ปลุกมาตอนนี้มีแต่จะเป็นหนัก ยาแผนปัจจุบันเคยลองหมดแล้วไม่ได้ผลเท่า”

เขาวางชามลงโต๊ะเล็กข้างๆ “เดี๋ยวก็ตื่นมาทานเอง ปล่อยให้นอนไปสักพักคงดีขึ้น”

ภวิลพยักหน้ารับรู้ ความจริงเขาก็ไม่เคยใช้ยาแผนโบราณ คุณย่ารับอยู่บางครั้งแต่ไม่ได้ใช้เป็นยารักษาโรค เป็นพวกเสริมบำรุงมากกว่า ท่าจะต้องลองปรึกษามทนา แต่คนที่รู้จักจิรัฐมานานรับรองแข็งขันว่าคนปวดหัวหายด้วยยานี้ทุกครั้งก็คงเป็นเฉพาะบุคคลด้วย

อีกฝ่ายยังมองมาราวกับจิรัฐตกน้ำเพราะเขาจนภวิลโมโหกรุ่นขึ้นมาครามครัน “คุณธรรมนูญ คุณไม่มีอะไรจะไปทำหรือ งานข้างล่างตอนนี้ไม่มีคนดูนะ”

ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบุคคลมอง ‘นายใหม่’ สลับกับคนที่นอนอยู่อย่างลังเล

“ผมไม่ทำอะไรเขาหรอก” ภวิลบอกอย่างรำคาญเต็มที “เดี๋ยวก็ออกไปแล้ว รับรองเห็นผมข้างนอกภายในห้านาที มีแขกต้องไปดูเหมือนกัน แต่ตอนนี้ขออยู่สงบๆ แป๊บหนึ่งก่อน”

ธรรมนูญจึงได้ล่าถอยไปอย่างไม่เต็มใจนัก ภวิลเห็นจิรัฐยังนอนนิ่งอยู่ก็เดินดูหนังสือไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีหนังสือนำเที่ยวไทยอยู่บ้าง เขาสนใจอยู่เล่มหนึ่ง คิดว่าอาจจะคุยกับทักษ์ว่าจะจำลองบรรยากาศตลาดน้ำในห้องอาหารอย่างไร หรือจะให้เมนูมีแรงบันดาลใจมาจากอาหารที่ขายกันในเรือก็คงน่าสนใจดี... เลยหยิบมาดู

ภวิลย่นหัวคิ้วเมื่อหนังสือเล่มที่ต้องการนั้นติดกึกกักอยู่ข้างในราวกับมีอะไรขัดคาอยู่ เขาออกแรงดึงมากขึ้นจนหนังสือเรื่องตลาดน้ำหลุดออกมา ร่วงลงพื้นพร้อมกับหนังสือปกแข็งอีกเล่มหนึ่ง

... หน้าปกอาคารสถาปัตยกรรมผสมจีน-ยุโรปเด่นชัด หนังสือเล่มที่ยูเคยให้เขาช่วยหานั่นเอง คงเอามาไว้ในห้องหนังสือที่นี่เผื่อจะใช้อ้างอิงอีก อาจจะให้จิรัฐยืม หรือไม่... ก็อาจจะยกให้เพื่อนไปแล้วก็ได้

ภวิลหยิบมาพลิกดู ในใจก็นึกถึงน้อง... ความจริงกฤตวัตเอกสถาปัตยกรรมปกติ กับสนใจสถาปัตยกรรมภายในด้วยนิดหน่อย แต่พักหลังถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน ภวิลคงนึกว่าน้องเอกสถาปัตยกรรมไทย ไทยเฉพาะเจาะจงแค่แบบที่ผสมกับจีน-ยุโรปในสมัยรัชกาลที่ห้าด้วย

เขายิ้มขันแต่พลันชะงักค้าง กระดาษยับยู่แผ่นหนึ่งร่วงหล่นลงมาพร้อมรูปถ่าย เขียนหวัดด้วยลายมือที่เขาจำได้ว่าเป็นของจิรัฐ

‘นัดไปดูบ้านกับยู’

ต่อจากนั้นเป็นวันที่และเวลา... เขาก้มลงหยิบรูปถ่ายขึ้นจากพื้น เป็นรูปบ้านตึกแบบเก่าหลังหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

... ไม่เคยเห็น? เคยสิ เห็นที่ไหน ที่ไหนนะ...

‘หลักฐาน’ ที่เขาตามหา... แท้จริงแล้วก็ทนโท่อยู่ แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่ามันสำคัญอย่างไร ภวิลจำได้ว่ารูปบ้านหลังนี้มีสำเนาอยู่ในแฟ้มแฟ้มหนึ่งจากตู้เอกสารในห้องทำงานของจิรัฐ มีรายละเอียดและที่อยู่พร้อม

เมื่อแรกเห็นเขาคิดเพียงว่าคงเป็นหนึ่งในหลายหลังที่เคยอยู่ในรายชื่อที่อาจได้รับการลงทุนพัฒนา หรือถ้าจิรัฐคิดจะสร้างเรือนรับรองเล็กๆ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มจำนวนห้องที่ขายได้ก็คงไปตระเวนดูตัวอย่างเพื่อจำลองมา เป็นเรื่องปกติ คนที่อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์อย่างเขาย่อมเข้าใจ

แต่นี่... ไม่เหมือนกัน ภวิลถือกระดาษโน้ตแผ่นนั้นแน่น มือเขาสั่นนิดๆ

เขาไม่อยากเชื่อว่าจิรัฐทนทำเฉยอยู่ได้อย่างไร ทำเหมือนไม่มีอะไรจะพูด ทำเหมือนไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ทั้งๆ ที่เขาถามตรงๆ ถามต่อหน้าหลุมศพน้องด้วยซ้ำไป คิดว่าถ้าจิรัฐจะปิดบังเรื่องที่เขาควรรู้ในฐานะพี่ชาย อย่างน้อยคงไม่กล้าโกหกเมื่อเพิ่งจะวางดอกไม้ไว้อาลัยน้องเขาไปหยกๆ

เขาเกือบปล่อยเรื่องนี้ไป เกือบไว้ใจท่าทางซื่อๆ เกือบจะยอมเชื่อว่าจิรัฐเพียงส่งน้องเขาที่อาการเกินจะเยียวยาแล้วไปโรงพยาบาล

เกือบจะสงสารคนที่ไม่น่าสงสารเลย
 
เพราะเขาไม่รู้ว่าก่อนกฤตวัตจะขึ้นรถเพื่อนนั้น น้องไปอยู่ไหน ไปทำอะไรมา อาจจะเพิ่งแค่มาเจอจิรัฐทีหลังก็ได้

แต่ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว... ไม่ใช่

ภวิลก้มมองกระดาษแผ่นนั้นอีกครั้ง วันที่ลง... วันตายของยู

เวลาที่ ‘นัด’ เพียง... สามชั่วโมงก่อนหน้าที่เขาจะเสียน้องไปอย่างไม่มีวันได้คืน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 09-02-2012 09:53:04
คุณ chompoonut139 บทหน้าคลายแล้วค่ะ แหะๆ (แต่อาจมีปมต่อไป?)
คุณ samsoon@doll อ่านบทนี้แล้วต้องว่าใจร้ายอีกแล้วแน่เลย แต่จริงๆ บทนี้ใจดีนะ บทหน้า... ไม่แน่ 55 นี่เขาก็พยายามทุกวิถีทางแล้วนะ
คุณ Little Diamond บทนี้แล้วยังด่วนสรุปอยู่อีกมั้ยยย ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ
คุณ bulldog17 คิดได้... ว่าอะไรดี เอิ๊ก
คุณ yeyong จริงๆ ค่ะมนุษย์เรา "โดดเข้าสู่บทสรุป" (แปลตรงตัวมาจากสำนวนฝรั่ง 55) ได้ง่ายดายมาก จบบทนี้คงว่ามีลางร้ายอะ (สำหรับจี)
คุณ Cherry Red ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ คนเขียนจะพยายามให้มันสว่างกว่านี้ในเร็ววันค่ะ   
คุณ janamanza ขอบคุณที่อ่านค่า หักมุมเป็นไรดี...
คุณ fox จวนแล้วๆ ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ
คุณ berlyn คุ้นสิ 555 เดี๋ยวก็เฉลยแล้วค่า
คุณ j4c9y ขอบคุณค่ะ ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ @Iriz ขอบคุณที่อ่านพวกแมวๆ ด้วยค่า คนเขียนก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าอะไรทำให้บึ่งจาก romantic comedy มาเป็น romantic suspense (ที่ยังไม่ค่อยโรแมนติก) ขอบคุณสำหรับเป็ดและบวกนะคะ
คุณ G-NaF ต่อแล้วนะคะ ฝากต่อด้วยน้า ไม่กั๊กปมไว้นานค่ะ อิอิ
คุณ atblueann ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ ไม่นานเกินรอค่ะคลายแน่ ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ uknowvry ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ดีใจที่ชอบน้า ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ prettypearl จีบริสุทธิ์ไหม... คงต้องอ่านกันต่อไป เดี๋ยวก็รู้ ขอบคุณที่เชียร์จีค่า

ขอคุยยาวหน่อยเพราะหายไปนานกรี๊ด ขอโทษอย่างแรงๆ นี่คือผลเสียของการเขียนนิยายแบบไร้สต็อค... ตอนแรกกะมีสต็อคแต่ด้วยความยากของแนวนี้ทำให้เขียนได้ช้าอย่างยิ่ง... อีกอย่างนอกจากคนเขียนงานจะรุมแล้วยังย้ายที่อยู่อีกด้วย... ชีวิต ตอนนี้ของยังระเกะระกะอยู่แอบอัพนิยายก่อน 

ตอนต่อไปจีงานเข้าหนัก คนอ่านบอกมันเข้ามาทุกตอน... แต่ปมแรกของเราก็จะคลายในตอนหน้านี้แล้วนะจ๊ะ อย่าหาว่าเค้ากั๊กนะ มันต้องเป็นไปตามโครงเรื่องค่ะโครงเรื่อง... ถ้าข้ามขั้นมันจะกระทบพล็อตได้ เชียร์จีกันต่อเน้อ (แล้วไม่มีใครเห็นใจคุณพระเอกบ้างเหรอ... เหมือนความรู้สึกดีขึ้นแล้วแต่โดนกระชากให้ดิ่งลงเหวตอนจบบท)

ปล. หมอหมัดเธอสำคัญกับพล็อตนะ... คนเขียนเปล่าใส่มาเพื่อให้เธอชิงรักหักสวาทกับจี (ตกลงนี่มันยังเป็นนิยายรัก?) ว่าไปตัวละครทุกตัวก็สำคัญกับพล็อตหมดแหละ 55

ต้องขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆๆ เช่นเคยนะคะ การเข้ามาอ่านและเมนท์ของท่านทำให้มีกำลังใจมากๆ ถึงจะมาไม่ค่อยถี่แต่พยายามยาวให้ชดเชยแล้วน้า ไว้พบกันตอนหน้านะคะ ฝากด้วยค่า
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 09-02-2012 10:21:12
ดีขึ้นหน่อยที่พระเอกไม่ได้ทำอะไรเเม่คุณจี
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 09-02-2012 11:37:55
อ่านตอนจีไปไหว้หลุมศพยู เค้าสะเทือนใจอ่ะ :monkeysad:
ถึงยังไงก็ยังคิดว่าจีไม่ผิดอยู่ดี แต่พี่วินเริ่มจะเอิ่ม... ด่วนสรุปอีกแล้วนะ (เอ๊ะ รึว่าคนอ่านด่วนสรุปเอง)
รอตอนหน้าค่ะ ถือป้ายไฟเชียร์จี :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 09-02-2012 13:07:27
สนุกมากเลย รออ่าน่ะค่ะ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 09-02-2012 15:57:34
เห้อจะเป็นไงต่อไปน่ะ

เรื่องนี้ควรสงสารใครดี
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 09-02-2012 16:07:58
ค้างอ่ะ เรื่องมันดูวุ่นวายแต่น่าค้นหาอ่ะ
รูปลงวันที่และเวลาก่อนตายด้วยอ่ะ
อยากรู้ใจจะขาด
มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 11-02-2012 23:48:49
จีเหมือนจะงานเข้าทุกตอน ตอนหน้าสงสัยระเบิดคงลงจีแน่เลย สงสารจัง

ธรรมนูญ คิดไรกับจีเปล่าอ่ะ...
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 12-02-2012 01:00:43
ถึงว่า อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนคลื่นลมสงบ แต่เป็นความสงบก่อนพายุจะเข้านี่เอง !!!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 12-02-2012 14:22:27
อ่านแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะรักกันยังไง
มีปมให้คิดเยอะมากๆ   มาลงเร็วๆนะค่ะค้างๆคาๆใจ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-02-2012 16:55:01
เราแอบสงสัยอาหญิงกับนายชงเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 19-02-2012 15:21:48
โอ้ยยย  ตื่นเต้นๆๆ  อยากรู้ความจริง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 19-02-2012 20:46:03
คิดถึึงค้าบ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 20-02-2012 23:05:32
ใกล้จะได้รู้ความจริงแล้วสิ จีจะโดนอะไรอีกมั้ยเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 21-02-2012 00:06:40
ความจริงมันเป็นยังไงกันแน่อยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 21-02-2012 00:46:27
ฮือ มาตามอ่านช้าอีกแล้วค่ะ >.<
ภวิลนี่ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่านิสัยหล่อจังนะ 55+ ,,ถึงจะแอบทำเป็นโหดก็เถอะ
รู้สึกตากระตุกตอนตัวละครหญิง(ที่ไม่ใช่แม่และย่า)โผล่มา กร๊ากกก
รแอบคิดว่าเธอจะต้องมามีบทบาทอะไรแน่ๆ แล้วก็ท่าจะมีจริงๆด้วย
รออ่านตอนต่อไปค่ะ ^^ อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตแล้ว ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 23-02-2012 22:41:33
เริ่มมีปมมาให้คลายแล้ว...

จิยังนอนป่วยอยู่เลย 
ถ้าจะไปสืบหาความจริงก็รอไปพร้อมกันซะเลยสิคุณพระเอก   

ปลื้มเรื่องนี้จังเลย  +1 ให้ค่ะ 
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ  มาไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 26-02-2012 17:12:59
รอๆๆๆๆๆๆ
คิดถึงเรื่องนี้จังเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 26-02-2012 18:01:46
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ  o13
เขียนได้น่าติดตามมาก
พระเอกดูเหมือนจะมาแก้แค้นให้น้องชาย
แต่ก็เป็นคนที่มีเหตุผลและความสุขุมพอสมควร(มั้ง?)
และนายเอกที่น่ารักของเราเป็นคนที่ต้องทำตัวเข้มแข็ง
แต่ภายในดูเปราะบาง น่าสงสาร  :monkeysad:
ภวิลเจอหลักฐาน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปนะ และก็อย่ารุนแรงกับหนูจีนักหละ
+1 จ้ารอให้คนเขียนมาคลายปมอยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 03-03-2012 18:25:43
บทที่ 6

ภวิลเก็บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋ากางเกง แล้ววางหนังสือเข้าชั้นอย่างเดิม
 
เขาก็เป็นมนุษย์ปุถุชน... ปฏิเสธไม่ได้ว่าใจหนึ่งอยากจะกระชากตัวคนที่ยังนอนไม่รู้เรื่องอยู่ขึ้นมาเดี๋ยวนั้น แต่แขกเหรื่อเต็มบ้าน คุณย่าก็ยังอยู่ข้างนอก แถมเมื่อครู่ผู้จัดการการเงินท่าทางเป็นห่วงเป็นใย เดี๋ยวคงได้เข้ามาดูอีก

จิรัฐต้องตอบคำถามเขาแน่... แต่ไม่ใช่ที่นี่

ภวิลขึ้นไปห้องทำงาน ดึงแฟ้มออกจากตู้มาพลิกหาที่อยู่จดเก็บไว้ เทียบรูปในแฟ้มกับรูปที่อยู่ในมือ... บ้านไม้กึ่งตึกหลังเดียวกันแน่ชัด รูปถูกสอดไว้ในหนังสือเล่มนั้น แสดงว่าควรต้องสร้างในสมัยไล่เลี่ยกันกับบ้านหลังนี้

แต่สำหรับเขาแล้ว มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘ที่เกิดเหตุ’
 
เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้ความจริงเข้าไปทุกขณะ กุญแจสำคัญคือ ‘เพื่อน’ คนนั้นอย่างที่คิดไว้ เมื่อรู้ว่าจิรัฐจงใจปิดบัง เขาโกรธ... โกรธตัวเองที่เผลอใจอ่อน โกรธที่อีกนิดเดียว... คงโดน ‘หลอก’
 
ภวิล วิรัชภาคย์ ไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจชั้นแนวหน้าด้วยการจับสลากหรืออาศัยแต่วงศาคณาญาติ เกือบมาพลาดด้วยเรื่องแค่นี้ ไม่สมกับเป็นเขาเลย
 
แต่ที่โกรธนั้น... โกรธแทนน้องที่สุด เพราะเขารู้ว่ายูทุ่มเทแค่ไหน จริงจังขนาดไหนกับมิตรภาพต่อกัน พอคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีความจริงใจตอบกลับมาในขณะที่กฤตวัตไม่เคยเกี่ยงงอนใดๆ ทำให้ยากจะรับได้จริงๆ

แม้ภวิลแน่ใจว่าสนิทกับน้องพอจะไม่มีความลับต่อกัน แต่สมมติว่ายูมีเรื่องที่บอกพี่ชายไม่ได้ เขาก็จะไม่ผูกใจกับจิรัฐสักนิดหากการปิดบังนั้นเป็นไปเพราะเห็นแก่เพื่อน แต่ดูจากรูปการณ์แล้วก็ไม่เห็นจะให้ผลดีกับใครกระทั่งคนปิดบังเอง จิรัฐยินดีปล่อยให้เรื่องคลุมเครือทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองก็โดนหางเลขไปไม่ใช่น้อย ก็เหลือเหตุผลเดียวที่เขาพอจะคิดออก

คือความจริงนั้นยังร้ายแรงกว่าการคาดเดาทั้งหลายมากนัก

ภวิลสูดลมหายใจเข้าลึก ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขาเข้าไปในงานอีกครั้ง พบกับสายตาที่จ้องจับมาของธรรมนูญอย่างที่นึกเอาไว้ไม่มีผิด รุ่นพี่ของจิรัฐยังมองเลยไปข้างหลังราวจะให้ทะลุถึงห้องหนังสือแต่ก็ยังปลีกตัวไปในทันทีไม่ได้ ภวิลเดินลิ่วตรงไปหาคุณย่า ท่านยังคุยอยู่กับมทนาอย่างออกรส เงยหน้ามาเห็นเขาเข้าก็ว่า

“เมื่อกี้แขกในงานบอกวินลื่นลงสระบัวแล้วเลยขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ เรียบร้อยดีแล้วเหรอลูก ไปทำยังไงเข้าถึงได้ตกน้ำตกท่า ดีว่าสระมันก็ลึกเพียงอกเพียงเอวเท่านั้นเอง”

พอมานึกดูแล้วสระบัวก็ตื้นจริงๆ ภวิลขมวดคิ้วเมื่อจำได้ว่าเมื่อสักครู่เขาเพิ่งกลัวอีกคนที่ตกไปพร้อมกันจะจม ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ยิ่งตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะห่วงใยสวัสดิภาพของคนที่เห็นแก่ตัวเองขนาดนั้นสักนิด
 
ถ้าคุณย่าถามแบบนี้น่าจะนึกว่าเขาตกคนเดียว พวกเจ้ากรมข่าวลือทั้งหลายอาจไม่ทันสังเกตอีกคนหนึ่งที่ธรรมนูญพาออกไปแล้วโดยเร็ว เขาเพิ่งเห็นคุณประโยชน์ของผู้จัดการการเงินก็ตอนนี้ ภวิลรีบเอ่ย
 
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับคุณย่า ไม่มีอะไร เออ... จิรัฐ... ไม่สบาย”

“ให้เขาพักก่อนเถอะ เรื่องคุยกับย่า เมื่อไหร่ก็ได้” ท่านยิ้มอย่างไม่ติดใจอะไร ภวิลฝืนยิ้มตอบ
 
“หุ้นส่วนวินป่วยเหรอ ให้หมัดไปดูไหม” มทนาขันอาสา
 
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกวนหมัดหรอก เห็นว่าได้ยาแล้ว” ภวิลบอกปัด
 
เขาเอ่ยแกมแนะว่าคุณย่าอาจจะเหนื่อยเพราะชักดึก ท่านก็เห็นด้วย ตรงกับที่คาดไว้ พอเจ้าของงานกลับแขกเหรื่อก็พากันทยอยกลับตามรวมทั้งมทนากับครอบครัว ภวิลเรียกให้ธรรมนูญมาดูแลความเรียบร้อยต่อ อ้างว่าจะไปส่งคุณย่า เมื่อเรือเทียบ ท่านลงจนเรียบร้อยพร้อมกับผู้ติดตามแล้วตัวเองก็วกกลับเข้าข้างใน ตรงไปห้องหนังสือ

จิรัฐวางถ้วยยาลงพร้อมกับประตูเปิด เขาหันมอง ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่เข้ามา

เมื่อครู่ได้เช็ดหน้าตาเนื้อตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งที่ธรรมนูญเอามาให้ หัวหนักไปหมดแต่พอนอนไปแล้วก็ค่อยยังชั่ว ลุกมาอีกทีเห็นถ้วยยาวางอยู่ คงเป็นฝีมือรุ่นพี่อีกตามเคย เพราะหลังจากเสนอให้กินคราวแรกพอเขาบอกว่าดีขึ้นก็ได้ยานี้ทุกครั้งที่อาการกำเริบ

จำได้ว่าปวดหัวหนักจนเบลอ มองอะไรก็เป็นแสงวิ้งๆ ไปหมด ได้ยินเสียงน้ำแตกกระจายแล้วจึงรู้ว่าตัวเองคงตกลงไป แต่ยังรับรู้ถึงสัมผัสอบอุ่นที่จับต้นแขนและหัวไหล่ไว้อย่างมั่นคง

เมื่อลืมตาขึ้น ถึงจะยังพร่ามัวอยู่บ้าง แต่ก็แน่ใจว่าเป็นวงหน้าของคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา ตอนนั้นภวิลมองเขาอย่างตกใจนิดๆ ปนกังวล เป็นสีหน้าแบบที่จิรัฐไม่เคยเห็นมาก่อน

ถึงตอนนี้แล้ว เขาก็แน่ใจว่าเมื่อครู่คงตาฝาดไปจริงๆ
 
... ภวิลที่หลุมฝังศพน้องดูต่างกับเมื่อแรกเข้ากว้านซื้อหุ้นใหญ่... กลับคล้ายภาพพี่ชายที่กฤตวัตเคยเล่าให้ฟัง แต่ภวิลที่ยึดห้องทำงานของเขาคนนั้นก็ไม่เหมือนคนที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ และภวิลคนนี้... คงไม่แสดงสีหน้าอะไรแบบที่เขาได้เห็นผ่านตาไปที่สระบัวเป็นแน่
 
ภวิลเดินกลับไปเปิดประตู และเปิดค้างเอาไว้เหมือนจะให้อีกฝ่ายออกไปก่อน จิรัฐรีบลุก ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน อาการปวดหัวยังมีอยู่บ้างแต่ก็นับว่าดีขึ้น เจ้าภาพอย่างภวิลคงไม่พอใจที่เขาทิ้งงานทิ้งการมาอู้อยู่ในนี้ คลับคล้ายคลับคลาว่าคุณยายจะเรียกหาอีกด้วย แต่เมื่อเดินออกไปก็พบว่าแขกแทบจะกลับกันหมดแล้ว พนักงานก็เริ่มเก็บข้าวของ

เขาขยับจะขอโทษ แต่อีกฝ่ายนำลิ่วไปที่ท่าเรือ จิรัฐมองอย่างงงเต็มที “ผมต้องอยู่ดูทางนี้ต่อ ถ้าคุณภวิลจะกลับก็...”

“คุณกับผม... เรามีธุระต้องไปจัดการ” ภวิลบอกเสียงเรียบ สายตาบ่งชัดให้จิรัฐก้าวตามมา

“คุณยายให้ไปที่บ้านหรือครับ”

ภวิลไม่ตอบ ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องประหลาด และปกติเวลาอีกฝ่ายนิ่งก็เท่ากับไม่ปฏิเสธ ดังนั้นจิรัฐจึงลงไปในเรือ พยายามคิดว่าธุระเร่งร้อนอะไรที่คุณยายจะต้องการตัวเขาโดยด่วนขนาดให้ตามไปพบส่วนตัวที่บ้านในเวลานี้ จริงๆ แล้วก็รู้สึกชอบกลอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าให้นับตระกูลที่สมาชิกต่างดำรงความเป็นเอกลักษณ์อย่างที่คนภายนอกอาจจะมองว่า ‘แปลกอยู่สักหน่อย’ จิรัฐก็แน่ใจว่าวิรัชภาคย์ต้องติดอันดับ ยิ่งกับคนที่นั่งประจันหน้ากันเงียบๆ อยู่ในเรือนี่แล้วใหญ่ ใช้เหตุผลธรรมดาด้วยไม่ค่อยจะได้

นอกเหนือไปจากนี้... วันนี้เป็นวันเกิดของคุณยาย ท่านคงคิดถึงหลานคนเล็กที่เคยจัดงานให้ทุกปีๆ เมื่อก่อนเขาเองก็เคยคุยเป็นเพื่อนท่านจนดึกอยู่บ่อยๆ เวลายูชวนไปกินข้าว หลังเกิดเรื่องจึงถอยห่างออกมา ตอนนั้นเขาก็คิดแค่ว่าไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกระทบใจท่านอีก เพราะรู้ดีว่าคุณรงรองผู้เป็นมารดาของกฤตวัตไม่ต้องการจะเห็นหน้าเขาในบริเวณบ้านแน่ๆ

เมื่อคิดว่าคุณยายยังคงเมตตาเขาเป็นหลานคนหนึ่งอยู่เสมอ จิรัฐก็สะท้อนขึ้นในอก ต่อให้คุณยายเรียกให้ไปหาไกลถึงไหนเขาก็จะไม่อิดออดเลย

ภวิลมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย จิรัฐดูจะไม่ระวังตัวอะไร แค่เข้าใจว่าคุณหญิงไพจิตรให้ไปพบเท่านั้นก็ตามมา มีแวบหนึ่งเขายังเชื่อเสียด้วยว่าจิรัฐตั้งใจไปเพื่อคุณย่าของเขาจริงๆ ไปเพราะหวังจะให้ท่านสบายใจขึ้น บางทีก็ทำตัวเหมือนคนไร้เล่ห์เหลี่ยมไม่มีลับลมคมในเสียอย่างนั้น แต่เขารู้แน่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด จงใจไม่บอกด้วย เล่นละครเก่งจนน่าส่งชิงตุ๊กตาสังกะสี
 
‘... ผมก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่มากไปกว่าคุณ’ งั้นหรือ โกหกทั้งเพ
 
ภวิลชักโมโหตัวเองขึ้นมาอีกที่ปล่อยให้ความตั้งใจแต่ต้นสั่นคลอนเสียได้ พ้นจากเรือถึงลานจอดรถเขาก็กระชากประตูเปิดแถมปิดกระแทกจนจิรัฐขมวดคิ้ว

“คาดเข็มขัดด้วย” คนเข้าประจำที่นั่งคนขับบอกเสียงเย็น “ผมไม่อยากให้ตำรวจเรียกก่อนเราจะเสร็จธุระ”


ธรรมนูญดูจนพนักงานเก็บจานสุดท้าย พับผ้าปูโต๊ะเตรียมส่งซักแล้วจึงเดินกลับไปห้องหนังสือ เขาเห็นภวิลออกไปส่งคุณหญิงไพจิตรแล้วไม่ได้กลับเข้ามาอีกจึงเข้าใจว่าคงกลับไปพร้อมกัน ระหว่างทางเห็นทักษ์โผล่ออกมาจากครัว ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง

ธรรมนูญยิ้ม ยกมือขึ้นให้ไฮไฟฟ์ ทักษ์ก็ยกแขนมาแปะมือกับเขาเผียะก่อนครางอูย “เมื่อยไปหมดทั้งตัว ไม่ได้ทำเองหมดทุกจานก็จริง แต่วิ่งไปวิ่งมาไม่หยุดทุกสเตชั่น เชฟลูกมือพลาดก็ต้องแก้ เหนื่อยโคตรเลยว่ะ”

“ทุกอย่างออกมาดี แขกชอบ เจ้าของวันเกิดชอบ จีก็ชอบ” ธรรมนูญว่า “หายเหนื่อยได้แล้ว”

“แล้วอาร์มชอบหรือเปล่า” ทักษ์ถามเขา อมยิ้มแก้มตุ่ย

“เอาตามตรงนะ วิ่งไปวิ่งมาเหมือนกัน กินอะไรแทบไม่รู้รสหรอก” ธรรมนูญพูด ไม่ทันสังเกตสีหน้าสลดลงของเชฟ “นี่ชักหิวอีกแล้ว”

“แสดงว่าไม่ค่อยได้กินน่ะสิ เดี๋ยวหาให้...”

เดินคุยกันมาจนหยุดหน้าห้องหนังสือพอดี ธรรมนูญเปิดประตูเบาๆ ลดเสียงลง “จีปวดหัวมานอนในนี้ เผื่อตื่นแล้วจะหิวเหมือนกัน”
เขาชะงักค้าง เก้าอี้ยาวว่างเปล่า ในห้องไม่มีใครสักคน

ธรรมนูญหมุนตัวกลับมาโดยเร็วจนเกือบชนเชฟที่พยายามชะโงกหน้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พูดรัวเร็วด้วยความร้อนใจ

“จีไปไหน เห็นบ้างหรือเปล่า... แต่อยู่ในครัวตลอดคงไม่เห็น ไปไหนของเขา...”

ทักษ์ดึงแขนเพื่อนร่วมงานไว้ก่อนอีกฝ่ายจะผลุนผลันเดินไป “ตอนออกมาเข้าห้องน้ำเห็นแวบหนึ่ง แต่คิดว่าทั้งสองคนไม่ทันมองมาทางนี้ คงรีบ...”

“เห็นเหรอ” ธรรมนูญหยุด ก่อนทวน “สองคน สองคนอะไร จีอยู่กับใคร”

“ก็... คุณ... จีเดินตามคุณภวิลออกไปทางท่าน้ำ...”

ใจคนฟังหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ธรรมนูญตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเขากลัวอะไร แต่ก็ออกวิ่งตามไปทางทิศนั้นตั้งแต่ทักษ์ยังพูดไม่จบประโยค ทิ้งอีกคนยืนจับต้นชนปลายไม่ถูก

... อุตส่าห์ระวังแล้วแต่ก็ยังหลุดรอดสายตาไปจนได้ ที่นึกห่วงเอาไว้ก่อนนั้น ไม่ได้เกินความจริงเลยสักนิดเดียว!


จิรัฐเหลือบมองคนที่ขับรถไม่พูดไม่จาแวบหนึ่งแล้วจึงมองตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิม ภวิลคงแค่ขับไปส่งเขาให้พบคุณยายแล้วก็จบ ‘ธุระ’ กัน ขากลับสงสัยต้องเรียกแท็กซี่ รู้อย่างนี้เอารถตัวเองมาก็ดี แต่ท่าทางอีกฝ่ายดูจะไม่ยอม เพราะคุณยายมอบหมายละมัง

แต่บรรยากาศกดดันแบบที่เขาเผชิญมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ภวิลเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่รวมทั้งได้อำนาจบริหารจัดการเกือบหมดกำลังกลับมา จิรัฐเริ่มรู้สึกว่าเขาคงคิดไปเองเรื่องที่พักหลังเหมือนจะ... หายใจคล่องขึ้นอีกหน่อย เหมือนบางที เมฆหนาทึบก็อาจลอยสูงขึ้นอีกนิด

รถยนต์ทำหน้าที่ได้ดีสมกับยี่ห้อและราคา มันพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างไม่สั่นไหว ร่องรอยเดียวที่พอจะบ่งบอกได้ว่าคนขับเหยียบคันเร่งโดยไม่ออมแรงคือทัศนียภาพรอบข้างที่เลยลับไปโดยรวดเร็วขึ้นทุกทีจนให้ความรู้สึกคล้ายถูกแรงดึงมหาศาลฉุดกระชากผ่านภาพวาดสีน้ำ

... ลางเลือน... มืดทะมึน... ไร้จุดสิ้นสุด

“คุณภวิล ไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้มังครับ” ที่จิรัฐอยากพูดจริงๆ คือ เดี๋ยวจะไม่ถึงที่หมาย แต่พากันถึงฆาตก่อนทั้งคู่

“วันนั้นคุณขับเท่าไหร่... ร้อยยี่สิบ... ร้อยสี่สิบ... ร้อยหกสิบ...?”

จิรัฐมองเข็มวัดความเร็วที่กระดิกขึ้นตามคำพูดจนตอนนี้เกินร้อยแปดสิบไปแล้วอย่างตกใจ เขาพยายามตั้งสติ

“ผมไม่เคยชน...”

“ไม่ได้ถามว่าชนไหม ถามว่า ขับ เร็ว หรือ เปล่า”

“... เปล่า”

“... ใจเย็นจริง...” ยิ้มแบบที่เขาไม่อยากเห็นกลับมาอีกครั้ง แบบที่บอกว่าคนฟังไม่คิดว่าอะไรที่ได้ยินนั้นมีค่าควรเชื่อแม้แต่น้อย “ตอนพาน้องผมไปส่งโรงพยาบาล ก็ยังใจเย็นอยู่สิ คงไม่ต้องรีบ” 

จิรัฐนิ่ง ผ่านไปอีกห้านาที คนขับไม่มีท่าทางจะผ่อนความเร็ว ...ให้คาดเข็มขัดเพราะไม่อยากถูกตำรวจเรียก แต่ขับขนาดนี้ก็เสี่ยงด่านตรวจเหมือนกัน ไม่นับเรื่องความปลอดภัย ยิ่งเป็นเส้นออกนอกเมืองด้วยแล้ว

... ออกนอกเมือง?

“คุณภวิล คุณยายอยู่ไหน” จิรัฐพยายามทำใจดีสู้เสือ “ทางนี้ไม่ใช่ทางไปบ้านคุณนี่”

“ไปบ้านสิ...” อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากอีกนิดหนึ่ง “แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปบ้านผม”

เขารู้ว่าภวิลหมายถึง ‘บ้าน’ หลังไหนโดยไม่ต้องบอก จิรัฐรู้สึกเหมือนเลือดในกายจะกลายเป็นน้ำแข็ง ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกใกล้เคียงคือตอนที่...

“คุณอย่าทำอย่างนี้เลย มันไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีประโยชน์กับใครทั้งนั้น” เขาคิดว่าพยายามบังคับตัวเองให้พูดออกไปอย่างปกติ แต่เสียงที่หลุดรอดออกมากลับไม่ดังกว่าเสียงกระซิบ

“หยุดเสียทีเถอะ!” ภวิลเสียงดัง จับพวงมาลัยแน่น

จนถึงป่านนี้แล้วจิรัฐก็ยังจะดึงดันอยู่ได้ ทั้งๆ ที่เห็นว่าเรื่องโกหกปิดบังทั้งหลายแหล่กำลังพังทลายลงไปต่อหน้า

... สัญชาตญาณปกป้องตัวเองของมนุษย์คงแรงกล้านัก

“ให้เรื่องค้างคาอยู่แบบนี้ ให้น้องผมตายอย่างมีเงื่อนงำไปตลอดมีประโยชน์กว่างั้นหรือ”

ไม่มีคำตอบจากคนนั่งคู่กันอยู่ แต่ภวิลเห็นจากกระจกว่าจิรัฐมองเขาอย่างเสียใจ เสียใจแบบที่เขาเคยเห็นเมื่อครั้งเจอกันหน้าหลุมศพน้อง และเชื่อว่าเป็นความจริงทั้งหมดมาแล้ว ที่ผ่านมาเขาพยายามทำใจเป็นกลางแม้จะยากยิ่ง พยายามให้โอกาสอีกฝ่ายเพราะน้องคงไม่อยากให้เพื่อนรักที่สุดถูกพี่ชายปรักปรำ

... แต่บางที เสียใจกับละอายคงไม่ต่างกันมากนัก

“คนที่มีชนักติดหลังอยู่น่ะ... มันเจ็บ... แต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด เพราะความลับไม่มีในโลก จะช้าจะเร็วเรื่องก็ต้องแดงออกมา เพียงแต่เรื่องนี้... มันเร็วหน่อยเท่านั้นเอง”

เขาหักเลี้ยวเข้าถนนสายเล็กติดป้ายส่วนบุคคล แล้วจึงจอดพรืดลงที่สุดทางจนอีกฝ่ายหัวจะคะมำ ดีที่ได้เข็มขัดที่คนขับบอกให้คาดตั้งแต่ต้นทางนั่นแหละรั้งไว้ ภวิลปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงรถไปดึงประตูฝั่งผู้โดยสารเปิดออก จิรัฐยังนั่งนิ่งอยู่ พยายามคิดแต่คิดอะไรไม่ค่อยจะออกในเวลานี้... การนั่งรถที่ขับด้วยความเร็วแทบทะลุมาตรวัดมาอย่างอกสั่นขวัญแขวนก็ไม่ได้ช่วยเลยสักนิด
   
ข้างหน้าเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้แบบเก่า ดูเหมือนจะทิ้งร้างมานานเนื่องด้วยประตูหน้าต่างปิดทึบทั้งหมด ทอดเงาทะมึนผ่านส่วนที่เคยเป็นสนามแต่บัดนี้หญ้าขึ้นรกเรื้อ

ภวิลไม่ได้สั่งให้เขาลงมา แต่จิรัฐรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือกมากนัก เขาพยายามอีกเป็นครั้งสุดท้าย

“คุณภวิล... อย่าเข้าไปเลยนะ” 

ภวิลคว้าต้นแขนคนข้างหน้าขึ้นด้วยเริ่มจะหงุดหงิดเป็นกำลัง จิรัฐสะดุ้งขืนตัวไว้โดยอัตโนมัติ และเมื่อนั้นภวิลจึงสังเกตว่าคนที่จับไว้ตัวสั่นอยู่นิดๆ

ที่แปลกคือภวิลไม่คิดว่าเพราะจิรัฐกลัวเขาโดยตรง อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่สาเหตุแรกแน่ๆ ให้ตาย... เขาไม่คิดว่าเพราะกลัวเจ็บตัวด้วยซ้ำ

... กลัวอย่างอื่นมากกว่า

“ถ้าไม่บอกเรื่องทั้งหมดตรงนี้ ก็เข้าไป... ผมมีสิทธิ์จะเห็นไม่ใช่รึ ในเมื่อยูเป็นน้องผม... ‘ที่เกิดเหตุ’ น่ะ”

ภวิลจับแขนอีกฝ่ายไว้มั่นแล้วออกเดินไปทางตัวบ้าน จิรัฐพยายามดึงกลับเต็มที่ เขาก็ไม่ได้บอบบางขนาดกระชากแขนทีหนึ่งก็ปลิว แต่ภวิลไม่ยอมปล่อย

สัมผัสครั้งนี้แตกต่างกับที่สระบัวลิบลับ

ประตูไม่ได้ลั่นดาล เพียงแต่ปิดไว้เฉยๆ เจ้าของคงไม่มีของมีค่าหลงเหลืออยู่ในบ้านแล้ว ภวิลทิ้งประตูแง้มไว้พอให้แสงภายนอกลอดเข้ามาได้บ้างเพราะในบ้านมืดเกือบสนิท เขาคลำหาสวิตช์แต่ไฟไม่ติด คงไม่มีใครอยู่มานานแล้วจริงๆ

จิรัฐดึงแขนหลุดจากการเกาะกุมจนได้ก่อนสืบเท้าเข้าใกล้ประตู ภวิลหันมาแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้หนี ยังบอกเหมือนเดิม

“กลับออกไปกันเถอะ ผมหาทางกลับเองก็ได้ แต่คุณต้องกลับ...”

ภวิลอยากตีความว่าจิรัฐไม่อยากอยู่ในที่เกิดเรื่อง พาลจะทำให้นึกถึงอะไรที่ทำเป็นลืมไปได้แล้วขึ้นมา แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้น เขาก้าวเข้าไปหา พูดช้าๆ

“วันนั้นผมบินไปต่างประเทศ แต่ยูโทรหาก่อนเครื่องขึ้นแป๊บเดียว ผมเห็นเวลาที่นัดแล้ว พอคุยกับผมเสร็จ ต้องเจอคุณเลย แล้วมาที่บ้านหลังนี้ด้วยกัน เครื่องลงผมเข้าโรงแรมทำงานต่อ ได้โทรศัพท์... แจ้งข่าวหลังจากนั้นไม่นาน แสดงว่าน้องผมอยู่กับคุณมากสุด ไม่เกินสี่ชั่วโมง คุณพายูไปส่งโรงพยาบาล บอกว่าไม่ทัน... ถึงผมจะไม่แน่ใจว่าไปจากนี่เลยหรือเปล่า แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อย... เท่ากับว่า ‘เรื่อง’ ต้องเกิดภายในชั่วโมงที่สามที่ยูมาเจอคุณ”

จิรัฐฟังอีกฝ่ายเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยลำคอตีบตัน ภวิลพูดถูกทุกอย่าง แต่เพราะคนเป็นพี่ชายใคร่ครวญเรื่องนี้มานานขนาดไหน คงไม่มีวันใดหลังจากวันนั้นที่ไม่คิดถึงเลย แบบนี้... ทิ้งบาดแผลหนักหนาไว้ในใจของทุกคน จะเป็นคนที่รู้หรือว่าไม่รู้... ก็ทรมานไม่ต่างกัน

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...”

คราวนี้น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายชอบใช้ไม่สามารถปกปิดความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดเอาไว้ได้ ภวิลก้าวเข้าไปอีกก้าว และจิรัฐก็รู้สึกว่าคนที่บังคับพาเขาเข้ามาในบ้าน คนช่างประชดเปรียบเปรยในรถไม่หลงเหลืออยู่แล้ว มีแต่พี่ชายของเพื่อนที่รักน้อง คนที่รีบพาแม่เขาไปส่งโรงพยาบาลได้ทัน คนที่พยายามหาวิธีรับมือกับความตายกะทันหันของคนในครอบครัว เพื่อที่ตัวเองจะได้รับการปลดปล่อยเช่นกัน...

... พี่วิน...

เสียงเอี๊ยดลั่นดังมาจากข้างบน จิรัฐร้องเสียงหลง
 
“คุณภวิลระวัง...!”
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 03-03-2012 18:44:16
บทที่ 6 (ต่อ)

ถนนจากฝั่งตรงข้ามโรงแรมนั้นเป็นถนนให้รถวิ่งทางเดียว ธรรมนูญจึงไม่มีปัญหากับการขับตามมาเรื่อยๆ แต่เมื่อถึงทางแยกก็ชักลังเล เขาโทรเข้ามือถือจิรัฐไม่ได้ พยายามเหลียวซ้ายแลขวาหารถที่จะเป็นของรุ่นน้องหรืออีกคนก็ไม่เจอ
 
ธรรมนูญไม่คิดว่าตัวเองเป็นกระต่ายตื่นตูม เพราะถือคติกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก้ เขานึกไม่ออกว่าภวิลพาจิรัฐไปทำอะไรป่านนี้แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าคนอย่างภวิลคิดอะไรอยู่บ้าง อาจจะนึกอยากใช้งานรุ่นน้องให้คุ้มทุกบาททุกสตางค์ กระทั่งจะหาเรื่องแกล้งอย่างอื่นเขาก็คิดว่าคงไม่เกินความสามารถ แต่คงไม่ใช่พาไปขับรถกินลมเล่นยามดึกแน่

พอจะหาเรื่องปลอบใจตัวเองอยู่ได้บ้างอย่างเดียวคือการที่ทักษ์บอกว่าจิรัฐเดินตามไปด้วยเฉยๆ ก็แสดงว่าคงไม่น่าจะไปโดยไม่สมัครใจ รุ่นน้องเป็นคนฉลาดก็จริง... แต่ฉลาดแบบซื่อตรง แบบที่มองคนในแง่ดีไว้ก่อน แบบที่นึกว่าถ้าตัวเองเล่นตามกติกาแล้วคนอื่นก็คงเหมือนกัน แต่ในโลกนี้ คนที่เล่นทีเผลอแอบชกใต้เข็มขัด ใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาเปรียบกันมันมีมากกว่าเท่านั้นเอง

เขาตัดสินใจเสี่ยงลองเลี้ยวซ้ายดู ขับไปก็นึกอยากให้ตัวเองมีตารอบหัวเป็นสับปะรด จะได้มองได้ทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง แต่ไม่นานก็ต้องเหลียวจนคอแทบเคล็ด

ตอนนี้ค่อนข้างดึก รถแล่นผ่านไปมาน้อย แต่มีคันหนึ่งสวนไปด้วยความเร็วสูง ธรรมนูญค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นรถของภวิล
 
เขารีบกลับรถตามทันที


ภวิลลองเอี้ยวตัวดู นอกจากยอกเล็กน้อยที่หลังกับเจ็บแปลบๆ ตรงข้อศอกที่ไปกระแทกพื้นเข้าแล้วเขาก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอย่างอื่น ส่วนคนที่สลับไปขับรถก็ตั้งหน้าตั้งตาขับ ปากเม้มแน่น

ขากลับดูเหมือนทุกอย่างจะกลับตาลปัตรตามไปด้วย จิรัฐลากเขาออกมาจากบ้านด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ ยืนยันว่าต้องไปโรงพยาบาลให้จงได้ แน่นอนว่าเขาบอกไม่จำเป็น แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับคำปฏิเสธใดๆ

ก็แค่คานไม้ร่วงลงมา... ไม่โดนใครด้วยซ้ำ

เอาล่ะ ความจริงอาจจะโดนเขา แต่จิรัฐโถมเข้าใส่ทั้งตัวจนพ้นวิถี เอวกับข้อศอกที่เจ็บๆ อยู่นี่ก็เป็นผลตามมาด้วยเอาศอกลงก่อน... ศอกกระแทกพื้นก็ยังดีกว่าโดนคานไม้ฟาดหัวเอา

ตอนแรกภวิลไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนตัวเองหงายลงไปแล้วมีอีกคนทาบทับอยู่ ใกล้จนเห็นเพียงแพขนตา เสียงไม้ร่วงกระทบพื้นดังก้องไปทั้งบ้านเก่า ฝุ่นฟุ้งขึ้นกระจาย

จิรัฐรีบดึงเขาให้ลุกด้วยมือเย็นเฉียบ ในแสงสลัวยังเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าซีดเป็นกระดาษ ซีดกว่าตอนเพิ่งขึ้นจากสระเสียอีก

ใครๆ ก็ดูจะคิดว่าจิรัฐเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ บางทีเจ้าตัวก็อาจจะมองตัวเองอย่างนั้นเพราะทุกคนพากันบอก คนเราย่อมเห็นตัวเองผ่านคนอื่นด้วยทางหนึ่ง ที่ไม่อยากเข้ามาในบ้านก็เพราะจะทำให้คิดถึงตอนที่ไม่ใช่ ใครบ้างจะอยากได้สิ่งย้ำเตือนถึงตอนที่เราทำตัวเป็นคนดีได้น้อยกว่าภาพที่พยายามจะเป็น ใครบ้างจะอยากมองดูด้านที่ไม่โสภานักของตน

แต่ท่าทางไม่สบายใจตอนแรกนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสีหน้าตอนนี้ และภวิลก็นึกรู้ว่า ถ้าบ้านหลังนี้มีความทรงจำเลวร้าย ก็ตอนเมื่อกี้นั่นแหละที่ทำให้คิดถึง... ไม่ใช่แค่คิด จิรัฐทำหน้าราวเพิ่งได้ ‘เห็น’ เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นผ่านไปกับตา

เขายังงุนงงไม่หายจนได้แต่ปล่อยให้จิรัฐลากออกมาจากบ้าน เอ่ยถามแต่อีกฝ่ายก็เหมือนไม่ได้ยิน แม้จะสังเกตเห็นว่าจิรัฐเหลือบดูเขาผ่านกระจกเป็นระยะ

ภวิลมองเข็มวัดความเร็ว และพบว่าไม่ต่างจากที่เขาขับตอนขามามากนัก

‘... ถามว่าขับเร็วหรือเปล่า’

‘... เปล่า’


แต่ถ้านี่ไม่เร็วก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร จิรัฐขับราวมีชีวิตหนึ่งแขวนอยู่บนเส้นด้าย และทุกนาทีคือความเป็นความตาย

... ความเป็นความตายของใคร... เหมือนวันนั้น... ใช่หรือไม่...

ใจเขากระตุกเมื่อจิรัฐเอ่ยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ขับรถออกจากบ้านมา แต่น้ำเสียงนั้นจวนเจียนจะร้องไห้

“คุณพูดกับผมไปเรื่อยๆ นะ จะด่าจะว่าก็ได้ แต่อย่าเงียบนะ...”


ธรรมนูญสบถเบาๆ ภวิลจะขับเร็วไปถึงไหน รู้หรอกว่ารวย รถแรง อะไรก็ช่าง เพียงแต่เจ้ารถกระป๋องของเขาเหยียบเกินร้อยยี่สิบก็ชักแกว่งแล้ว ถ้าทิ้งระยะแบบนี้ต่อไปท่าจะตามไม่ทัน

โชคยังดีที่ดูเหมือนรถคันข้างหน้าจะชะลอความเร็วลงบ้างในที่สุด แต่ธรรมนูญต้องใจหายวูบอีกครั้งเมื่อเห็นว่าที่ชะลอนั้นเพื่อเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล

ความคิดแรกของเขาคือจิรัฐเป็นอะไรอีกหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งจะปวดหัวจนตกน้ำตกท่ามาหยกๆ ยังไม่ทันได้พักให้เต็มตาก็ต้องออกไปอีกแล้ว เขาเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลตาม และทันได้เห็นว่าคนที่ลงจากฝั่งคนขับไม่ใช่เจ้าของรถ แต่เป็นรุ่นน้อง จอดหน้าแผนกฉุกเฉินด้วย

ธรรมนูญรู้สึกผิดคาดไม่น้อย เขารีบหาที่จอดแล้ววิ่งเข้าไปในอาคาร จิรัฐอยู่สุดทางเดินหน้ายุ่ง ได้ยินเสียงแว่วๆ ธรรมนูญพยายามจะเดินไปหาแต่ติดทางเดินที่มีเตียงเข็นกันวุ่นวาย

“ผมยืนยันให้สแกนสมอง...”

“คนไข้รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการสับสนมึนงงอะไร ไม่เห็นภาพซ้อน ไม่อาเจียน ปกติเราจะไม่ทำซีที...”

ภวิลมองจิรัฐเถียงกับหมอ ความจริงโดยทั่วไปเขาก็รู้สึกปกติดีทุกอย่าง แต่ภาพเบื้องหน้าทำให้เริ่มสะกิดใจ ปะติดปะต่ออะไรบางอย่างได้รางๆ

“คุณหมอไม่เข้าใจ...” เสียงอีกฝ่ายแทบจะเป็นอ้อนวอน “ตอนแรก... เพื่อนผมก็... อย่างนี้ หมอเช็คเถอะ เช็คให้ละเอียด อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก...”

ในหัวพลันสว่างวาบ ภวิลค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านวันนี้คล้ายคลึงกับเมื่อวันนั้น และคนตรงหน้าพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ถึงเขาจะยังไม่รู้รายละเอียดนักก็ตาม

... จิรัฐอาจจะมองเขาอย่างกังวลใจ เป็นห่วง หรืออะไรก็ตามที่ใกล้เคียง แต่แท้จริง... คงนึกถึงเพื่อน นึกถึงเพื่อนที่จากไปแล้ว และตอนนี้เมื่อเห็นเขาที่เพิ่งประสบเหตุคล้ายกัน

... ก็เหมือนเห็นยู

“กรณีนี้ตรวจซ้ำชั่วโมงแรกแล้วค่อยอยู่ดูอาการต่ออีกยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ได้ ถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าไม่เป็นไร กลับบ้านได้”

“ความจริงตอนล้มไม่โดนหัวด้วยซ้ำ” ภวิลลุกขึ้น “ผมก็รู้สึกสบายดี กลับเลยแล้วกัน”

“คุณภวิล!” จิรัฐร้อง คว้าแขนเขาไว้อย่างลืมตัว “กลับตอนนี้ไม่ได้!”

ภวิลไม่เคยคิดว่าความเป็นตายของตัวเองจะมีผลอะไรกับจิตใจอีกฝ่าย ถึงจะเป็นแค่วันนี้... ถึงจะเพราะเห็นภาพซ้อนของเพื่อนในตัวเขาก็ยังอยากให้จิรัฐพูดเรื่องทั้งหมดออกมา แม้จะย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่คนที่ยังอยู่ก็ต้องมีชีวิตต่อไป และทั้งเขาและจิรัฐคงไม่มีใครเดินต่อจากตรงนี้ได้ถ้ายังไม่สะสางเรื่องให้เรียบร้อยเสียที

... ดังนั้นเขาจึงวางไพ่ใบสุดท้ายในมือ

“ขอเวลาแป๊บนะครับ” ภวิลบอกหมอแล้วหันหลังมาพูดเบาๆ กับจิรัฐที่รีบปล่อยแขนเขาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ผมมีข้อแลกเปลี่ยน... ถ้าจะให้ผมค้างดูอาการที่นี่ คุณต้องเล่าเรื่องทั้งหมด”

จิรัฐนิ่งอึ้ง ข้อแลกเปลี่ยนนี้มีราคาสูง... แต่สูงเท่าชีวิตคนคนหนึ่งที่อาจจะเสียไปเพราะไม่ถึงมือหมอ ไม่ได้ตรวจเช็คทุกอย่างให้ทันการณ์หรือไม่... ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเป็นครั้งที่สองอีก เขาคงไม่มีหน้าจะอยู่แล้วจริงๆ

ภวิลเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งก็ตัดใจทำท่าจะเดินออกมา ถ้าจิรัฐไม่คิดว่าชีวิตเขายังพอจะมีน้ำหนักมากกว่าการปิดบังเรื่องราวไว้อยู่บ้าง ก็ถือเสียว่าเขามองพลาด เดิมพันพลาดก็แล้วกัน

จิรัฐเอ่ยเบาตามหลัง “...ได้ แต่คุณต้องอยู่ให้ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ”

ธรรมนูญเพิ่งจะหาทางฝ่าความวุ่นวายมาถึงตัวรุ่นน้อง จิรัฐดูจะสภาพแย่กว่า ‘คนเจ็บ’ เสียอีก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

“พี่อาร์ม” จิรัฐแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นผู้จัดการในที่นี้ “มาได้ยังไง”

“ก็... เอ้อ ไม่เห็นในห้อง เลยลองขับรถออกมาดู” ธรรมนูญตอบแบบที่ตัวเองได้ยินยังคิดว่าฟังดูมั่ว แต่ช่างเถอะ

ภวิลกลอกตาก่อนหันไปบอกหมอ “ตกลงว่าผมอยู่ให้แน่ใจก็ได้ครับ”

“ถึงไม่ค้างยังไงหมอก็แนะนำให้อยู่รอตรวจซ้ำในอีกชั่วโมงอยู่แล้ว ถ้างั้นจะมีหมอเข้าไปดูภายในชั่วโมงแรกแล้วนางพยาบาลคงปลุกดูอาการตอบสนองเป็นระยะ แต่ระหว่างนั้นพักได้นะครับ...”

เมื่อนั้นแหละธรรมนูญจึงได้หันมาสนใจผู้บริหาร แต่ถึงถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบ จนกระทั่งเข้าห้องพักผู้ป่วยในเรียบร้อย หมอเฉพาะทางมาตรวจอีกครั้งและยืนยันว่าไม่ต้องส่งสแกนสมองจริงๆ จิรัฐจึงได้นั่งลง ธรรมนูญก็ตามเข้ามาด้วย ยังไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูออกว่าจิรัฐคงไม่กลับตอนนี้แน่ๆ

ภวิลมองคนที่นั่งไหล่ลู่ประสานมือไว้ที่หัวเข่า จิรัฐดูราวจะแบกน้ำหนักมหาศาลที่มองไม่เห็นเอาไว้ แบบที่เขาไม่แน่ใจว่าถึงให้ออกปากเล่าแล้วจะบรรเทาได้บ้างหรือเปล่า
 
เขาไม่ต้องเอ่ยเตือนอะไร จิรัฐก็เงยหน้าขึ้นบอกผู้จัดการ

“พี่อาร์มซื้อกาแฟให้หน่อยได้ไหม... ไม่ต้องรีบนะ พอดีผมกับคุณภวิลมีธุระคุยกันค้างอยู่”

ธรรมนูญยังมองเขาด้วยสายตาระแวงแบบเดิมแต่ภวิลคร้านจะสนใจ สุดท้ายคงตัดสินใจได้ว่าแม้จิรัฐจะออกไปด้วยกันแต่คนต้องเข้าโรงพยาบาลถูกล่ามสายน้ำเกลือกลับกลายเป็นเขาอยู่ดี ก็เลยยอมเดินออกไปตามคำขอของรุ่นน้อง

ในห้องยังมีแต่ความเงียบอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนภวิลตัดสินใจเริ่มขึ้นก่อน

“เรื่องวันนี้... มันเหมือนเมื่อวันนั้นใช่มั้ย”

จิรัฐนิ่งไปครู่แล้วจึงพยักหน้า

“เหมือนกันทุกอย่าง... ยกเว้นแต่ว่า ยูเป็นคนช่วยผม ผมก็ไม่ทันเห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแต่ไม้ร่วงลงมาใกล้... ไม่เห็นว่าโดนยูหรือเปล่า แต่ยูบอกไม่เป็นไร ออกมาจากบ้านแล้วก็ยังปกติ ความจริง มันคงดีเสียกว่าถ้าเราไม่เข้าไปที่นั่น...”

ภวิลนิ่งฟัง ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่าไปเรื่อยๆ โดยไม่ขัดจังหวะ

“ปกติถ้าไปดูที่เก่าจะต้องระวังเป็นพิเศษเพราะไม่รู้ไม้ผุตรงไหนบ้าง ต้องใส่หมวกนิรภัย หรือไม่ก็คุยกับเจ้าของ บางทีวางเงินดาวน์แล้วคุมช่างเข้าไปเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน แต่ยูตื่นเต้นกับบ้านหลังนี้มาก ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาเพราะเราก็เคยดูกันมาหลายที่”

นี่แหละยู บางทีเห็นอะไรถูกใจก็ไม่ค่อยจะคิดหน้าคิดหลัง ภวิลถอนใจเบาๆ

“พอเกิดอุบัติเหตุนั้นแล้วยูเร่งให้ออกมา บอกผมทีหลังว่าตอนเข้ามาครั้งแรกเคยโดนคนไล่มาแล้ว อาจจะเป็นญาติเจ้าของที่อยู่แถวนั้นก็ได้ เขาขู่จะแจ้งข้อหาบุกรุกถ้าเห็นยูอีก คานไม้หล่นลงมาเสียงไม่เบา ดีไม่ดีจะหาว่าเราทำลายทรัพย์สินเสียด้วย ผมก็ตกใจ นึกว่ายูคุยกับเจ้าของเรียบร้อยแล้วเขาถึงให้มาดู ยูยังบอก ถ้าพี่... เอ่อ คุณรู้เข้า ต้องโดนตำหนิแน่ๆ”

คงไม่ใช่เรื่องดีนักถ้าทายาทวิรัชภาคย์ถูกแจ้งข้อหา ไม่ว่าจะเป็นข้อหาอะไรก็ตาม จิรัฐพูดต่อด้วยเสียงที่เริ่มสั่นนิดๆ

“เราขึ้นรถ ผมเป็นคนขับ ยูว่าให้ไปหาอะไรกินกัน แล้วเขาก็บอก... เวียนๆ หัว คลื่นไส้นิดหน่อย อยากนอน ผมก็... ปล่อยให้นอน เพราะปกติยูชอบเมารถ ขึ้นรถก็หลับอยู่แล้ว”

เรื่องนี้เขาที่เป็นพี่ชายก็รู้ดี ลองไม่ได้ขับเอง กฤตวัตหลับในรถตลอดไม่ว่าจะใกล้ไกล บอกว่าถ้าไม่ได้เป็นคนขับก็พาลจะเวียนหัวเมารถเสียอย่างนั้น ไม่แปลกที่คนเป็นเพื่อนจะไม่ผิดสังเกต

“ตรงทางแยกใกล้ถึงร้าน ผมไม่แน่ใจทาง... เรียกยู เขาไม่ตื่น... ผม... เรียกแล้วเรียกอีก เขย่ายังไงก็ไม่...”

คนฟังอย่างเขายังเจ็บราวมีมีดมากรีดลงกลางใจเมื่อคิดถึงชั่วโมงสุดท้ายของน้อง... แล้วคนเล่าที่คล้ายต้องย้อนกลับไปวันนั้นใหม่ ขุดคุ้ยความทรงจำทั้งหมดขึ้นมา

... ไม่รู้จะเจ็บสักปานใด

“ผมผิดเองที่ไม่ทันเฉลียวใจสักนิด ยูช่วยผมมาไม่รู้กี่ครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ ถ้าไม่ได้ยู คนที่เจ็บตัว หรืออาจจะตายไปแล้วก็คงเป็นผม แต่ผมกลับ... ช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้เลย”

ภวิลมองจิรัฐตาแดงจมูกแดงไปหมด แต่ไม่ยอมปล่อยน้ำตาให้ไหลต่อหน้าเขา ความเงียบในรถที่ขับมุ่งไปโรงพยาบาลวันนั้นคงทรมานนัก อีกฝ่ายจึงได้บอกให้... อย่าเงียบ ถ้ายังพูดได้ ถามได้ ก็แปลว่า... ยังมีชีวิตอยู่

ที่จิรัฐพูดมาคือทุกอย่างเท่าที่รู้จากมุมมองตัวเอง ที่เคยบอกว่าอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่มากไปกว่าเขา ก็จริง... ภวิลคิดว่าอีกฝ่ายคงพยายามคิดหาคำตอบของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับเขามาตลอด แต่ยังยากจะระบุแน่ชัดได้ว่ายูจากไปเพราะอะไร

“เรื่องนี้... ที่จริงมันเป็นอุบัติเหตุ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย ไม่พูดให้คนอื่นฟังยังพอว่า แต่ไม่ยอมบอกผมที่เป็นพี่เขาแท้ๆ ทำไมกัน...”

จิรัฐนิ่งไปอีกก่อนว่า “ยูนับถือคุณมาก พูดว่าคุณเป็นวีรบุรุษสำหรับเขาก็คงไม่เกินความจริง”

ภวิลไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องนี้ทำไม จิรัฐพูดต่อ

“เราย่อมอยากเป็นคนดีที่สุดต่อหน้าวีรบุรุษของเรา เป็นคนที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องตลอดเวลา... ยูขอผมไว้ตอนขึ้นรถ ขอให้สัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องที่เขางัดบ้านคนอื่นเข้าไป ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะแน่ใจว่าไม่มีคนอยู่ และคิดว่าบ้านถูกทิ้งร้างไว้จริงๆ ก็ตาม โดยเฉพาะ... อย่าบอกคุณ”

ถึงไม่มีคนอยู่จริงในเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าเจ้าของจะกลับมาเมื่อไหร่ ถึงจะถูกทิ้งร้างแต่ก็อาจเป็นสมบัติส่วนตัวของใครสักคนหนึ่งอยู่ดี ไม่ใช่จู่ๆ จะเข้าไปโดยพลการได้ เขามุ่งแต่จะพาจิรัฐเข้าไปในที่เกิดเรื่องเพื่อถามเอาความจริง เข้าใจเอาเองว่าจิรัฐคงได้บ้านมาเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว เขามองอีกฝ่ายยิ้มเศร้าๆ

“ตอนนั้นผมยังคิดว่าแทบไม่ได้เจอได้พูดกับพี่ชายเขาเลย คงยากที่คุณจะรู้จากผม แต่ยูให้ผมสัญญา ผมก็สัญญา... แลกกับการที่เขาจะไม่ทำแบบนี้อีก”
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 03-03-2012 18:47:56
บทที่ 6 (ต่อ)

ภวิลเพิ่งตระหนักว่าทำไมจิรัฐจึงบอกว่าการตามล่าหาความจริงทั้งหมดเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ เพราะแท้จริงแล้วน้องชายของเขาเองนั่นแหละที่ไม่อยากให้รู้ ถ้ารู้รายละเอียดตรงนี้แล้ว การจะโยงไปถึงว่าแท้จริงบ้านหลังที่กฤตวัตเข้าไปกับเพื่อนยังมีเจ้าของอยู่ และได้รู้ว่าน้องชายเลือกใช้วิธีไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

ที่ประตูไม่ได้ลั่นกลอน ก็เพราะตอนกลับออกมาครั้งที่สองนั้นรีบจนลืม ไม่อยากให้ใครเข้ามาเจอเนื่องจากได้ยินเสียงโครมครามในบ้านนั่นเอง จิรัฐบอกเขาแต่ว่าอย่าเข้าไป ให้กลับ เพราะถ้าบอกว่าบุกรุกก็เท่ากับบอกว่าเมื่อครั้งที่กฤตวัตเข้าไป ก็ใช่เช่นเดียวกัน 

ในวิรัชภาคย์ไม่มีคนเคยพัวพันกับการทำผิดกฎหมายมาก่อนไม่ว่าจะเล็กน้อยสักปานใด มีเจ้าทุกข์หรือไม่ ถ้ามีเรื่องขึ้นแม้สักเล็กน้อยคงกระเทือนจิตใจคุณย่า จิรัฐเลือกให้ทุกอย่างจบลงที่ตัวเอง ยอมให้คนว่าทั้งๆ ที่โยนโทษใส่เพื่อนเสียก็จบ จริงอยู่ปากคนยาวกว่าปากกา ถึงไม่รู้ความจริงก็ใช่ว่ากฤตวัตจะรอดพ้นสมบูรณ์จากการคาดเดา แต่นินทาคนตายจะไปสนุกอะไรด้วยอีกฝ่ายไม่รับรู้แล้ว

ผลกระทบทั้งหมดจึงตกกับจิรัฐโดยตรง แต่ก็ยัง... รักษาสัญญา... ยิ่งเป็นสัญญาครั้งสุดท้าย และคงรักษาตลอดไปถ้าวันนี้เขาไม่เกือบเจ็บตัว และใช้มันมาต่อรอง

จิรัฐยอมผิดสัญญาในที่สุดเพราะไม่อยากให้เขาตามยูไปอีกคน

ภวิลอดรู้สึกผิดนิดๆ ไม่ได้ ด้วยออกจะแน่ใจว่าที่ตัวเองล้มนั้นไม่น่าจะกระเทือนทางสมองได้เลย ถ้าจิรัฐไม่ช่วย... อย่างที่น้องเคยช่วยเพื่อนเมื่อวันนั้นเสียอีก เขาอาจจะเจ็บหนักมากกว่านี้

เขาเอนหลังพิงหมอน ระบายลมหายใจยาว

“คุณเป็นลูกคนเดียว...”

จิรัฐมองเขาอย่างสงสัย “ใช่...”

“ความจริงผมก็เป็นลูกคนเดียว แต่ผมคิดว่ายูเป็นน้องแท้ๆ มาตลอด พี่น้องนะ สุดท้ายยังไงก็ตัดกันไม่ขาด ยังไง... เลือดก็ข้นกว่าน้ำ ผมไม่รู้คุณจะเชื่อหรือเปล่า แต่ผมไม่เคยผิดหวังในตัวยู... คงไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมผิดหวังในตัวเขาได้”   

“ผม... ขอโทษ ถ้าทำให้เข้าใจผิดว่าคุณไม่ใช่พี่ที่ดี ยูพูดบ่อยๆ ว่าคุณเป็นพี่ชายที่ดีที่สุด... ในโลก เขาแค่ไม่อยากให้คุณมองเขาไม่ดีเท่านั้นเอง”

“ก็เลยให้ผมมองคุณไม่ดีแทน”

“อะไรนะ...” จิรัฐฟังไม่ถนัด

“เปล่า... แค่คิดว่ายูก็มีเพื่อนดีเหมือนกัน”

จิรัฐมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ หลายครั้งแล้วที่ต้องตีความเอาว่านี่ใช่คำชมหรือเปล่า เขาพูดเบาๆ

“แต่เพราะช่วยผม ยูถึงได้...”

“ยูทำก็เพราะยูเป็นยู” ภวิลพูดช้าๆ “อาจจะไม่ทันคิดด้วยซ้ำ ปฏิกิริยาแบบนั้น ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง”

จิรัฐนิ่ง ภวิลถอนใจ ก็ถ้ายูเห็นเพื่อนอยู่ในอันตรายแล้วไม่ช่วยน่ะสิ เขาถึงจะรู้สึกว่าไม่รู้จักน้องแล้ว ความเป็นความตายห่างกันแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ แต่ในช่วงเวลานั้นแหละที่สร้างความแตกต่างขึ้น

... ถ้าเราห่วงใคร เราจะยื่นมือออกไป... 

เขาเคยคิดว่าถ้ายูไม่เจอเพื่อนคนนี้ ก็อาจจะไม่ต้องจากไปเร็วอย่างนี้ แต่ชีวิตเป็นของน้อง จะตัดสินใจทำอะไร ตัดสินใจคบใคร เขาไม่มีสิทธิจะบังคับได้ และถ้าให้อยู่ไปจนถึงร้อยปีโดยไม่มีเพื่อนรักที่ไว้วางใจได้สนิทเลยสักคน คงเป็นชีวิตที่ว่างเปล่าน่าดู
 
นางพยาบาลเคาะประตูเข้ามาวัดความดันและสัญญาณชีพอื่นๆ พร้อมทั้งบอกให้นอนพักบ้าง แต่ในระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมา เขาก็ยังเห็นจิรัฐ...

มารู้สึกตัวเต็มที่อีกทีเมื่อนางพยาบาลขอวัดไข้ตอนเช้า และได้ยินเสียงธรรมนูญดังแว่วๆ

“จีไม่ต้องรู้สึกรับผิดชอบขนาดนี้ก็ได้ คุณภวิลเขาไม่เป็นอะไรหรอกก็เห็นอยู่”

“พี่อาร์มเบาๆ ผมแค่อยากให้แน่ใจเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ต้องเฝ้าระวังอาการแล้ว”

“อีกตั้งนานเถอะ หมอก็บอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าพ้นชั่วโมงสองชั่วโมงไปแล้วอาการคงที่ตลอดก็ไม่เป็นไร จีดูตัวเองบ้าง จะเฝ้าเขาให้ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงแต่จีไม่ได้นอนมาทั้งคืนนะ ไม่ยิ่งปวดหัวใหญ่เหรอ”

“ก็... มีนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก”

ภวิลขยับตัวจะลุกแต่ติดสายน้ำเกลือ เขาเผลอดึงอย่างรำคาญจนเสาเลื่อนส่งเสียงดังแกรก

จิรัฐหันมา และภวิลจึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายท่าทางย่ำแย่อยู่ไม่น้อย สมควรที่จะต้องเป็นห่วง ความจริงเมื่อมาคิดดูแล้ว กลายเป็นว่าถ้าจิรัฐยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดง่ายๆ เพียงแค่เขาถามที่หลุมฝังศพน้อง คงเป็นเพื่อนที่เก็บความลับไม่ได้เอาเลย

“คุณกลับเถอะ” เขาว่า “ขอบคุณมาก...”

ธรรมนูญขมวดคิ้วกับคำขอบคุณแบบไม่เฉพาะเจาะจงว่าเรื่องอะไร แต่จิรัฐก็ดูจะเข้าใจดี ถึงจะอยากรู้แต่ธรรมนูญไม่คิดว่าใช่ที่ของตัวเองที่จะไปคาดคั้นรุ่นน้อง อยากเล่าคงเล่าเอง แค่จิรัฐไม่เป็นอะไรมากไปกว่าอดนอนก็ดีแล้ว

“หายเร็วๆ ครับ” ธรรมนูญว่าตามมารยาท ก่อนบอกคนข้างๆ “จีไม่ได้เอารถมาใช่มั้ย เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ผม... อยู่ต่ออีกหน่อยดีกว่า เผื่อมีอะไร...”

ภวิลมองคนพูดที่ท่าทางจะพับได้ทุกเมื่อ ต้องบอก “เดี๋ยวเพื่อนผมมา หมอมทนาน่ะ”

เขาพูดก็เพราะนึกขึ้นได้เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลที่ปลอกหมอนผ้าปูที่นอนชัด เผอิญคราวนี้จิรัฐพาเขามาโรงพยาบาลในเครือที่ครอบครัวมทนาบริหารอยู่พอดี ภวิลมีเรื่องอยากจะถามหมอ เรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเขาเองตอนนี้ และถ้าต้องเป็นอย่างนั้น ก็ขอคุยกับหมอที่เป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจ แถมรู้จักน้องดีกว่า ความจริงยังไม่ได้โทร แต่ไม่น่าจะมีปัญหา

จิรัฐชะงักไปนิด แล้วพูดเสียงเบา “อ้อ ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว”

ภวิลมองเพื่อนน้องเดินคู่ไปกับผู้จัดการก่อนลับหายออกจากห้องแล้วจึงถอนใจ

เขามาที่บ้านพระยาเพื่อค้นหาความจริง และตอนนี้ก็ได้รู้แล้ว เคยคิดว่าเมื่อรู้... คงดีขึ้นราวได้ยกภูเขาออกจากอก แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ตัดกันขาวดำเช่นนั้น สุภาษิตที่ว่าความจริงย่อมมีราคาของมันนั้นไม่ผิดหรอก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องกังวลเรื่องที่พี่จะคิดยังไงมองยังไงมากขนาดนี้ ที่ร่าเริง บางทีก็เพราะไม่อยากให้ห่วงใช่หรือเปล่า

แต่ภวิลก็ดีใจ... ที่อย่างน้อยกฤตวัตยังมีเพื่อนที่แน่ใจว่าจะไม่ตัดสินตัวเองและพร้อมจะรับฟังทุกอย่างอยู่ข้างๆ จนถึงวันสุดท้าย
 
เขาขอให้นางพยาบาลต่อสายถึงคุณหมอมทนา แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักลูกสาวของผู้บริหารใหญ่ ไม่นานมทนาก็มารับสาย น้ำเสียงออกจะตกอกตกใจ

“วิน เป็นไรหรือเปล่า ทำไมโทรมาจากโรงพยาบาล...”

“ไม่เป็นไรหรอก หมัดว่างแวะมาแถวนี้หน่อยได้มั้ย”

“วินนอนโรงพยาบาลเหรอ” มทนาพูด จากตกใจกลายเป็นแปลกใจ คงนึกได้ว่าถ้าเขายังพูดโทรศัพท์ได้คล่องขนาดนี้ก็ไม่น่ามีอะไรร้ายแรง “ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยป่วย”

“ก็ยังไม่ได้ป่วย” ภวิลว่า “ตกลงหมัดมานะ”

“เดี๋ยว วิน...”

“ไว้คุยกันตอนหมัดถึงแล้วละกัน” ตัดบทแล้วภวิลก็วางสายเลย ก่อนมทนามาถึงเขาอยากทบทวนรายละเอียดทุกอย่างให้ดี ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น

ไม่นานมทนาก็มาถึง บ่นกระปอดกระแปด “คุณพ่อจิกหมัดประชุมเรื่อย ไอ้เราก็อยากจะราวนด์คนไข้ เรียนมาไม่ต้องใช้มันละ รักษงรักษา... แล้วนี่วินเป็นอะไรเนี่ย”

“ก็... หกล้ม คนที่ทำงานเขาตกใจ เลยให้มาดูที่โรงพยาบาลให้แน่ใจ” ภวิลตอบเลี่ยง 

“แก่แล้วเหรอไง เดี๋ยวหกล้มเดี๋ยวเดินตกน้ำ อย่าใจลอยนักสิคะ”

“หมัดอย่าเริ่ม อายุเท่ากันนะ...”

มทนาหัวเราะ ก่อนคว้าชาร์ตไปดูแล้วว่า “พรุ่งนี้เช้าก็ออกจากโรงพยาบาลได้ ที่จริงจะออกค่ำๆ วันนี้เลยก็ได้ ไม่มีอะไรน่าห่วง ก่อนออกให้หมอดูเสียอีกที”

“ออกเที่ยงคืนนั่นแหละ” ภวิลว่าโดยไม่คิด ไม่ต้องให้หมอบอกเขาก็รู้ว่าไม่เป็นไร ที่อยู่โรงพยาบาลนี่ก็เพราะสัญญากับอีกคนไว้ว่าจะต้องให้ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน “ไม่ได้เชิญให้มาดูอาการหรอก เชิญมาคุยเรื่องอื่น”

“ก็ว่าอยู่แล้ว ตามตัวมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรล่ะ”

ภวิลเล่ารายละเอียดช่วงก่อนน้องจะถึงโรงพยาบาล พยายามไม่ให้ตกหล่นโดยบอกแค่ว่าเพิ่งได้คุยกับเพื่อนคนที่พาไปส่ง มทนานิ่งคิดแล้วว่า

“หมัดไม่ฟันธงนะเพราะไม่มีผลชันสูตร... แต่เท่าที่ฟังมา ใกล้เคียงกับทอล์คแอนด์ดายซินโดรมที่สุด”

“อะไรนะ”

ทอล์คแอนด์ดาย... พูดแล้วก็ตายอย่างนั้นหรือ ก่อนจะปลุกไม่ได้ จิรัฐก็เล่าว่ายูดูปกติ ยังคุยอยู่...

“มีกรณีที่กระทบกระเทือนทางศีรษะมา ไม่แสดงอาการอะไร แต่พอมีอาการ อย่างปวดหัว หมดสติ ก็ช่วยไม่ทันแล้ว...”

“เพราะอะไร...” ภวิลถามแทบจะกลั้นใจ แต่น้องหลับไปก่อน ก็คงไม่เจ็บ ขอให้ไม่เจ็บ...

“หลายสาเหตุนะ อาจจะมีเลือดออกระหว่างกะโหลกกับก้านสมอง ออกช้าๆ ไปเรื่อยๆ เลือดออกเหนือหรือใต้เยื่อหุ้มสมอง ก็ได้” มทนาค่อยๆ พูด คงเห็นสีหน้าเพื่อนไม่สู้ดีนัก “ไม่ก็... อาจจะมีการฉีกขาดข้างในผนังหลอดเลือดตรงลำคอ ทำให้มีลิ่มเลือดขึ้นและเกิดสโตรคได้ หมายถึงสมองขาดเลือดไปเลี้ยงเพราะการอุดตันในเส้นเลือด ถ้าเกิดสโตรคในก้านสมองก็จะไปเร็วมาก ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นได้เพราะการกระทบกระแทกที่ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”

“หมายความว่า... ตอนแรกจะดูปกติ”

“ถ้ามีอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนศีรษะ ถึงได้ต้องเฝ้าดูอาการกันอย่างน้อยยี่สิบสี่ชั่วโมงไง ถ้าหมอให้กลับบ้านได้ก่อนหน้านั้น ญาติก็ต้องคอยดูอาการผิดปกติไว้ ถ้าเริ่มมึนหรือว่าอาเจียน ก็ต้องรีบส่งสแกนแล้ว ยิ่งจำอะไรไม่ได้ หมดสตินี่อันตรายเลย”

ภวิลพยักหน้า แต่เพราะน้องหลับในรถอยู่แล้ว เลยสังเกตยาก คนไปส่งคงโทษตัวเองอยู่เสมอมาที่เพื่อนอาการหนักนั่งอยู่ข้างๆ แต่กลับไม่รู้ ปกติเขาไม่เชื่อในเรื่องสุดวิสัย แต่เรื่องนี้คง... เป็นข้อยกเว้น

“ถ้าเลือดออกในสมองช้าๆ แบบนี้ มักจะเสียชีวิตเพราะถึงมือหมอไม่ทัน นึกว่าไม่เป็นไร อย่าว่าแต่คนรอบข้าง เจ้าตัวมักจะไม่ยอมไปหาหมอเองด้วยซ้ำเพราะไม่ได้มีแผลเลือดออก อาจจะปวดหัวบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยืนยันว่าปกติดี นี่หมัดพูดจากกรณีศึกษาน่ะ...”

มทนาถอนใจเบาๆ

“ไม่รู้ว่าเรียกหมัดมาจะช่วยให้วินสบายใจขึ้นหรือตรงกันข้าม แต่ถึงแม้จะเกิดเลือดออกในสมองบ้าง ก็ไม่ใช่ต้องไปทุกคน... โดยเฉพาะถ้ายังอายุน้อย จะฟื้นตัวเร็ว แต่แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเลือดแข็งตัวเร็วกว่าปกติ ถ้าเกิดลิ่มเลือดก็แย่ บางคนเลือดหยุดไหลยากกว่าปกติ เลือดออกในสมองก็แย่ เป็นปัจจัยที่ทำให้อาการทรุดลงเร็วจนช่วยไม่ทันได้ ของน้องยู... เราอาจจะไม่มีทางรู้”

ภวิลเลิกถามคำถามประเภทที่ว่าทำไมคนอื่นที่เจอเรื่องคล้ายกันถึงได้หาย แต่น้องกลับต้องจากไปนานแล้ว เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร และที่สำคัญกับเขาก็ไม่ใช่เรื่องทางเทคนิคอย่างต้องรู้เฉพาะเจาะจงว่าน้องตายเพราะเลือดออกในสมองส่วนไหน บนหรือว่าใต้เยื่อหุ้มสมองกันแน่ เขาเพียงอยากแน่ใจ เรื่องที่เกิดกับน้องหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ช่วยไม่ทันจริงๆ ถ้าคำตอบคือใช่ บางที... เขาคงปล่อยน้องไปได้ในที่สุด
 
ภวิลเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นคลับคล้ายโดมิโน ยูถูกใจบ้านหลังนั้น ปักใจถึงขนาดเข้าไปโดยไม่รอขออนุญาตก่อน อยากให้เพื่อนได้เห็นด้วย ก็ลากไปดู โชคร้ายที่คานไม้หล่นลงมา น้องย่อมต้องช่วยเพื่อน แล้วยังคิดว่าตัวเองไม่เป็นไร ขึ้นรถหลับเหมือนเคย แต่ตอนนั้นเลือดคงเริ่มออกช้าๆ...

เขาเข้ามาในชีวิตเพื่อนคนที่ว่าเพราะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับน้อง ด้วยหวังว่าคงให้ความกระจ่างอะไรขึ้นได้บ้าง เกือบถอยห่างออกไปเพราะหาหลักฐานไม่ได้ จนมาเจอสิ่งที่ทำให้แน่ใจว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอดในวันที่เกิดเรื่องขึ้น แต่ถ้าคานไม้ไม่ร่วงหล่นลงมาเหมือนเมื่อวันนั้น เขาก็คงไม่สามารถทำให้จิรัฐเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาได้

คำพังเพยฝรั่งบอกว่าสายฟ้าย่อมไม่ฟาดลงที่เดิม... แต่อุบัติเหตุเหมือนเดิม เกิดขึ้นที่เดียวกัน ในเวลาที่คนคนหนึ่งไปอยู่ที่นั่นทั้งสองครั้ง

... จิรัฐ...

ภวิลเริ่มรู้สึกว่า เขาคงออกไปจากชีวิตเพื่อนของน้องคนนี้ไม่ได้ง่ายๆ เหมือนตอนเข้ามาเสียแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ *~ กอ.อู.~* คุณพระเอกก็เป็นคนมีเหตุผลบ้างไรบ้าง เหวี่ยงแต่พอประมาณ 55
คุณ pattybluet ฮีก็พยายามหักห้ามใจไม่ให้ด่วนสรุปอยู่นะ (เหรอ) แต่เจอของขนาดนั้นก็เสียศูนย์ไปบ้าง ขอบคุณที่เชียร์จีมาตลอดเช่นเคยค่า
คุณหัวแม่มือ ขอบคุณมากนะคะ บทที่ 6 มาแล้วน้า
คุณ chompoonut139 จริงๆ เลย เรื่องนี้น่าสงสารหลายคน แต่เขาจะเยียวยาจิตใจกันและกัน หวังว่าอย่างนั้นนะ
คุณ coon_all มาแล้วน้า ได้รู้แล้วนะ อิอิ ขอบคุณมากที่ติดตามค่ะ
คุณ berlyn ระเบิดลงไปย่อมๆ (มั้ง) แต่ก็ไม่ถึงกับทำลายล้างมาก แหะ ส่วนเรื่องคุณธรรมนูญนี่ก็ดูกันต่อไป ดูกันยาวๆ 55
คุณ Cherry Red คลื่นสงบเป็นช่วงคุณภวิลลังเล แต่แกก็เป็นคนไม่ยอมถอยอะไรง่ายๆ หรอกน่า
คุณ janamanza บางทีมันต้องเคลียร์เรื่องคาใจก่อนแล้วมันถึงจะไปสู่ขั้นต่อไปได้ 55 ก็ยังมีปมอยู่อีกหน่อยนั่นแหละ มาแล้วนะคะ
คุณ yeyong แต่อาหญิงเป็นแม่แท้ๆ ของยูนะ เอาไงดี...
คุณ j4c9y มาแล้วค่า
คุณ uknowvry มาแล้วนะค้า
คุณ @Iriz โดน... นิดหน่อย เพิ่งคิดได้ว่าจริงๆ แล้วเรื่องจำเลยรักก็น้องชายตายแหะ แต่เราไม่สนับสนุนการทรมานนายเอก (จนเกินจำเป็นนัก กร๊าก)
คุณ menano มาแล้วนะคะ ฝากด้วยค่า
คุณ bluebird ช่วยจินตนาการให้แกหน้าหล่อด้วยได้มั้ยคะนอกจากนิสัยหล่อแล้ว 555 ทุกคนมีบทที่สำคัญของตัวเองในเรื่องทั้งนั้นเลยค่า
คุณ silverphoenix ไม่ต้องห่วง คุณพระเอกลากไปพร้อมกันแน่นอน ไปคนเดียวก็ไม่มัน?สิ ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ silent_loner ขอบคุณมากเลยค่ะ ใช่เลยพระเอกนายเอกเราเป็นคนเช่นนั้นแล ไม่นะเราไม่สนับสนุนความรุนแรง (อีกและ) ฝากต่อด้วยนะคะ

มาแล้ว อย่างยาววว เคลียร์ทุกปมปัญหาคาใจ (เสียงใครบอกช้า และยังมีให้คาอยู่ หันซ้ายหันขวา 555) ต้องขอโทษด้วยถ้ารอนะคะ อย่างที่เคยบอกสำหรับคนเขียนเรื่องนี้เขียนยากอยู่ ถึงจะวางพล็อตและโครงไปแล้วแต่รายละเอียดจริงๆ เราก็รู้แทบพร้อมคนอ่านนี่แหละ เขียนไปค้นไป เหอ ขอบคุณมากๆๆ สำหรับการอ่านและการติดตาม และการเชื่อมั่นว่าจีของเราไม่ผิด เอิ๊ก ขอบคุณคนอ่านทุกท่านจริงๆ ค่ะ ไว้พบกันใหม่นะคะ  :กอด1:

ปล. talk and die syndrome ที่ดังๆ ก็ภรรยาของเลียม นีสัน ดาราดัง ไปเล่นสกีลื่นหกล้ม ยืนยันว่าไม่เป็นไร ยังพูดคุยได้เหมือนปกติ กลับโรงแรมไปพักหนึ่งบ่นปวดหัว พาบินเข้าไปที่โรงพยาบาลก็สมองไม่ทำงานแล้ว เศร้าเนอะคะ... แต่จริงๆ มันก็เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากนะ 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 5] 9 ก.พ. 55 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 03-03-2012 19:00:56
อ่านแล้วรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย ใจระรัว
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 03-03-2012 19:25:04
  ออกไปไม่ได้ก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเสียสิ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 03-03-2012 19:55:39
เห้อ ในที่สุดดูเหมือนวินจะเข้าใจอะไรบ้างอย่างแล้ว

=,.=
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-03-2012 20:23:29
กระจ่างแล้วสินะ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 03-03-2012 20:54:03
กระจ่างแจ้งทุกปมปัญหา แต่สงสัยว่าที่จีปวดหัวบ่อย ๆ จะเป็นเพราะอะไร?
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 04-03-2012 02:17:48
โอยย อ่านไปก็ลุ้นไป พอรู้ถึงสาเหตุที่ยูตายแล้วยิ่งสงสารจี..คงรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา   :เฮ้อ:
โชคดีที่ภวิลเป็นเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจอะไรง่าย ไม่งั้นจีต้องแย่กว่านี้แน่ๆเลย
ปล.มาช้าก็รอได้ค่ะ เพราะแต่ละตอนคุ้มกับการรอจริงๆ ขอแค่อย่าทิ้งเรื่องนี้ไปก็พอ อิอิ
+1+เป็ด เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-03-2012 03:47:46
เนื้อเรื่องน่าติดตบมมากค่ะ
พลาดมากที่เพิ่งจะมาอ่าน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 04-03-2012 11:16:04
ค่อยโล่งอกหน่อย
จิเป็นคนดีอ่ะ รักเพื่อนมากเลย ยูไม่น่าตายเลยเฮ้อๆๆๆ เสียดาย
รอตอนต่อไปนะคะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่จิกับวินจะลงเอยกันสักที
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: LUCKY STAR ที่ 04-03-2012 14:49:44

แม่ยูกับคนสวนยังน่าสงสัยอยู่นะ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 04-03-2012 17:07:59
ตอนนี้เคลียร์แล้ว แต่รอถึงตอนที่เขาจะรักกันน่ะนะคนเขียน 55+
ไหนๆก็รู้ความจริงหมดแล้ว  ก็จัดให้เขาหวานบ้างก็ดีเน้อ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 04-03-2012 19:31:16
ดีใจ ที่ในที่สุดภวิลจะได้เลิกคิดถึงจิรัฐในแง่ร้ายซะที
โอย แต่สงสารเจ้าตัวจังเลย ไปเจอเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำอีกรอบ
ฮึ่มๆๆ คุณพระเอกต้องรับผิดชอบค่ะ >.<
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-03-2012 20:31:35
ลุ้นโคตรๆ

สนุกมากครับ

 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 04-03-2012 21:43:56
โอ้มายก็อด...จากไปแบบนี้ นึกถึง  love mode เศร้าไปเลยครับผม   ㅠ ㅅ ㅠ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 11-03-2012 16:56:19
เป็นการจากลาที่ไม่คาดคิดจริงๆค่ะ

ไม่ยากหรอกนะถ้าวิน ต้องการออกจากชีวิตของจี ก็ออกเหมือนตอนเข้ามานั่นล่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 12-03-2012 21:10:33
รูิสึกเศร้ามากเลย
อิน สุดๆๆ  ชอบมากเลย
ไม่ผิดหวังจริงๆ

บางครั้ง เหตูการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเพราะยู อยากให้พี่เค้ารู้ก็ได้นะว่าจี บริสุทธฺ์  เอ๊ะ หรือเราคิดเยอะไป
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 12-03-2012 22:54:13
พลาดได้ไงเนี่ย เรื่องนี้ดีมากๆมีปมใช้ภาษาสวยด้วย ชอบบบ  :impress2:
ชอบพระเอกไม่โง่มาก? กำลังดีๆ อีกไม่นานก็จะหลงรักน้องจีละดิตัวเอง :laugh:
รอปมทั้งหลายผ่านพ้นไปเถอะ >,,<

 :pig4: นะคะ ฝากตัวอ่านด้วยคน  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 13-03-2012 00:35:06
เรื่องการตายของยู แรกอ่านคิดว่าจะต้องลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน แต่ไป ๆ มา ๆ กลับ Simple กว่าที่คาด
จะเรียกว่า ความประมาทและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของยู ก็ไม่ผิดนัก แต่พอช่วยไว้ไม่ทัน คนที่ซวยก็กลายเป็น จี ไปเต็ม ๆ
นอกจากเพื่อนสนิทตายไปทั้งคน ยังโดนหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแบบที่ปฎิเสธได้ไม่เต็มปาก บอกความจริงก็ไม่ได้
เราว่าการพิสูจน์ความจริงของคุณภวิลส่งผลดีกับจีมากกว่า แม้วิธีการของเฮียจะดูบีบคั้น โหดร้าย เลือดเย็นไปสักนิด
แต่สุดท้ายการได้สารภาพความจริงกับภวิล คงจะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ตรมในใจจีไปได้พอสมควร

เฮ้อ...ตอนนี้ปริศนาตกไปอยู่ที่บ้านเก่าหลังนั้นแทน น่าจะมีลับลมคมในมากกว่าเป็นบ้านผีเฮี้ยน วิญญาณหลอนธรรมดา ๆ   
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 6] 3 มี.ค. 55 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-03-2012 02:34:30
แม้จะคลี่คลายไปแล้วสำหรับสาเหตุ แต่ก็ยังเศร้าอยู่ดีสำหรับจี
และคงฝังอยู่ในใจตลอดไปที่ไม่สามารถช่วยเพื่อนได้ทันเวลา
พี่วินสำนึกได้และคงอยากเข้ามาช่วยเยียวยา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 17-03-2012 13:46:17
บทที่ 7

จิรัฐมองร่างสูงคุ้นตาก้าวผ่านซุ้มรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน เหมือนผ่านไปไม่นานที่เขาก็ยืนมองอีกฝ่ายแบบนี้ ครั้งนั้นเต็มไปด้วยความกังวล อึดอัดกดดันราวจะหายใจไม่ออก ด้วยเชื่อแน่ว่าภวิล วิรัชภาคย์เข้ามาเพื่อช่วงชิงทุกอย่างไปจากคนคนเดียวที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง... อาจจะถึงขั้นมีส่วนรับผิดชอบ... ต่อการตายของน้องชาย

เขาตั้งใจเผชิญหน้าไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรโดยไม่หลบเลี่ยง เพราะคิดว่านี่เป็นอย่างน้อยที่สุดที่จะทำให้เพื่อนได้ ถ้าภวิลต้องการโทษใคร คงสมควรเป็นเขา เรื่องในวันนั้นพรากยูไปจากครอบครัวอย่างกะทันหัน ไม่แปลกที่คนเป็นพี่ชายจะผูกใจไม่เลิกรา เขาเองไม่อาจบอกทุกอย่างได้ง่ายดายด้วยติดสัญญากับเพื่อนเช่นกัน ที่สำคัญกับจิรัฐมีแค่การปกป้องความลับของเพื่อนรวมทั้งบ้าน จะถูกเข้าใจผิดไปอย่างไรอีกเป็นเรื่องรอง
   
เพียงแต่... คนที่เข้ามายังไม่มืดบอดด้วยโทสะจนเกินไป ภวิลไม่ใช่คนโหดร้ายเย็นชาโดยนิสัย แม้คราแรกจิรัฐจะนึกภาพพี่ชายคนดีอย่างที่เพื่อนชื่นชมให้ฟังไม่ออก แต่ความจริงก็คือภวิลพยายามให้โอกาสเขาแก้ต่าง ทั้งๆ ที่ถ้าปรักปรำไปเลยคงง่ายกว่า
 
ที่พูดจาเชือดเฉือนก็เพราะความจริงแล้วเจ็บปวด... เป็นความเจ็บปวดแบบเดียวกัน
 
... เจ็บเพราะช่วยคนสำคัญเอาไว้ไม่ทัน
 
เพราะฉะนั้น ถึงไม่อาจพูดได้ว่าเข้าใจอีกฝ่ายสิ้นเชิง แต่ก็... เข้าใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาเองทำทุกอย่างด้วยเหตุผลของเพื่อนที่รักษาคำพูด ภวิลก็คงทำทุกอย่างด้วยเหตุผลของพี่ที่รักน้องเหมือนกัน และแม้ในตอนเริ่มแรกจะยืนอยู่คนละฝั่งอย่างช่วยไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วต่างก็ทำไปด้วยความหวังดีต่อคนคนเดียวกันเป็นที่ตั้ง

จิรัฐพบพี่ชายเพื่อนยืนอยู่หน้ามุข หลังกำหนดออกจากโรงพยาบาลภวิลก็ยังไม่ได้เข้ามาที่บ้านพระยาทันที เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองอีกครั้งว่าดูจะปกติดีจริงๆ ก็อดโล่งอกไม่ได้ เอ่ยถามให้แน่ใจ

“หมอว่าไม่เป็นไรแล้วนะครับ?”
 
ภวิลพยักหน้า ถึงจะไม่ใช่วันเกิดเรื่อง แต่จิรัฐก็ยังมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่โรงพยาบาล ที่ยังกังวลอยู่คงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นคล้ายคลึงกันจนเกินไป แถมยังมาเกิดกับคนใกล้ตัวเพื่อนรักอีก
 
“ผมอยู่จนครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วตาม...” ข้อแลกเปลี่ยนหรือ รู้สึกคล้ายสัญญามากกว่า เขาตัดสินใจไม่พูดเสียเลยโดยเอ่ยต่อ “เกินด้วยซ้ำ ความจริงคุณต่างหากที่ควรจะไปตรวจ ซีที เอ็มอาร์ไอเนี่ย ปวดหัวบ่อยไม่ใช่รึ”

จิรัฐนิ่งไปนิดแล้วว่า “ผมไม่ชอบที่แคบ...”

คนยืนข้างหลุดหัวเราะเล็กน้อย “เหตุผลอะไรเด็กจริงๆ”

จิรัฐเสมองไปอีกทาง ถ้าพูดเรื่องปวดหัวเขาก็เป็นไมเกรนมานานแล้วตั้งแต่สมัยยังอยู่มหาวิทยาลัย เรียกได้ว่าร้อนก็เป็นเครียดก็เป็น ประจำตัวเลยนั่นแหละ แล้วระยะหลังสาเหตุที่ทำให้เครียดก็มาวนเวียนไม่ห่างเสียด้วย

เพียงแต่เมื่อกี้นี้... พอคนยืนข้างกันหัวเราะ ก็คล้ายเค้ารางของคนที่เพื่อนเล่าให้ฟังจะปรากฎให้เห็น ทำให้เขานึกได้ว่าจริงๆ แล้วภวิลก็... ไม่ใช่ยักษ์มาร

จิรัฐตกลงกับตัวเองตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้าคิดรักษาสัญญาจนถึงที่สุด ไม่ว่าอีกฝ่ายมองมาอย่างไรจะไม่สนใจ แต่พอได้พูดจากันอย่างปกติโดยไร้การกระทบกระเทียบเช่นตอนแรกๆ ก็ต้องยอมรับว่าแบบนี้... ดีกว่ามาก

ต่างฝ่ายต่างทอดสายตาไปเบื้องหน้าโดยไม่มีใครพูดอะไรอยู่ครู่ บึงบัวส่วนหนึ่งกำลังเปลี่ยนเป็นสระว่ายน้ำแบบธรรมชาติ กอบัวถูกกันไปไว้ด้านข้างเพื่อแยกดินโคลน แต่ด้วยการออกแบบอย่างแยบยลทางภูมิสถาปัตย์ทำให้ดูราวจะลงไปแหวกว่ายในสระบัวจริงๆ ได้ เหลือเพียงปลูกพืชน้ำที่ทำหน้าที่แทนคลอรีนเท่านั้นก็เสร็จ แขกที่มาพักต่างยินดีที่ไม่ต้องข้ามฟากไปใช้สระสโมสรเมื่ออยากจะว่ายน้ำอีก และยอดจองก็เต็มยาวล่วงหน้าไปหลายเดือนอย่างที่ไม่เกิดขึ้นนานแล้ว

แรกเห็นยอดจองธรรมนูญพูดว่า “มันใกล้ไฮซีซั่น คนมาเที่ยวเยอะก็ขายห้องได้เร็ว” แต่จะให้ยุติธรรมจริงๆ สระเปิดโล่งเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาตรงคุ้งน้ำที่ถือว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งเป็นตัวเรียกแขกไม่น้อย ยิ่งมีประวัติว่า ‘ขุดมาตั้งแต่สมัยร. 5’ ถึงจะเพิ่งมาทำใหม่อีกเมื่อไม่นานก็ตามที

ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นเพื่อสิ่งที่ดีกว่า... ถ้าผสานกับรากเหง้าเดิมได้อย่างลงตัว จิรัฐนึกดีใจที่ไม่ใช่สระสมัยใหม่ เต็มไปด้วยกระเบื้องและสแตนเลสแข็งกระด้าง แม้จะถูกนำมาใช้เป็น ‘จุดขาย’ อย่างที่นักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มือทองคนต้นคิดต้องการ แต่หากมันจะดึงดูดให้คนมาร่วมชื่นชมสถาปัตยกรรมที่เป็นฉากหลังเพิ่มมากขึ้น จิรัฐก็คิดว่าไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว

คนยืนข้างกันเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“เรื่องยู...”

“... ผมบอกคุณหมดแล้วจริงๆ”
 
“ผมรู้” ภวิลพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะคิดว่าเขาไม่เชื่อหรือยังแคลงใจอีก “เมื่อวันก่อน... ปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอแล้ว เขาบอกตอนแรกถ้ามีเลือดออกข้างใน... อาจจะดูไม่ผิดปกติอะไร คนเป็นเองอาจจะบอกว่าสบายดี หลายกรณีก็เลย... รู้ตอนสายไป”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจจิรัฐมาตลอด เขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของยู ถ้ามีใครควรจะดูออก ก็ควรเป็นเขา ทำไมถึงได้ไม่สังเกตว่าที่หลับปกติกับ... ไม่ปกตินั้นแตกต่างกันอย่างไร ถ้าสังเกตได้ทันก่อน เพื่อนอาจจะยังอยู่

คำพูดของภวิลไม่สามารถทำให้เขาเลิกคิดเรื่องนี้ได้เหมือนปิดสวิตช์ก็จริง แต่... มันก็มีความหมาย เมื่อออกจากปากของคนเป็นพี่ชาย

จิรัฐเหลือบมองคนที่ยังทอดสายตาไปเบื้องหน้า

นี่อีกฝ่ายกำลังทำสิ่งที่ใกล้เคียงกับ... ปลอบ... อยู่หรือเปล่า เขาหลุดปากออกไป

“ผมพยายามแล้ว พยายาม... ที่สุดแล้ว”

“ผมรู้”

และคำตอบสั้นๆ เหมือนเดิมเพียงเท่านั้นก็พอที่จะทำให้ความกดดันหน่วงหนักในจิตใจของเขาบรรเทาลงได้บ้าง ก่อนหน้านี้จิรัฐก็ไม่เคยเชื่อ ตัวเองทำดีที่สุดจริงหรือ ดีที่สุดแล้วหรือยัง เพราะบอกใครไม่ได้ เมื่อบอกไม่ได้ ก็ไม่มีใครช่วยยืนยัน ไม่มีใครมาเชื่อกับเขา แต่ว่าตอนนี้...

จิรัฐพลันนึก... ไม่ได้ต้องนับถอยหลังอย่างเคยเวลาพูดจากัน

เหมือนเวลาเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้งตั้งแต่วันที่เขาบอกทุกอย่างกับภวิล ความจริงจิรัฐไม่ตั้งใจจะผิดสัญญา แต่ถ้ามีอะไรสำคัญกับเพื่อนมากกว่าการไม่อยากให้พี่รู้เรื่องผิดพลาดในอดีต ก็คือความปลอดภัยของพี่ชายเองนั่นแหละ เมื่อพูดแล้วยังรู้สึกผิดในใจถ้าผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าความทรงจำที่พี่มีต่อน้องต้องแปดเปื้อนทั้งๆ ที่กฤตวัตรักบูชาพี่ชายยิ่งกว่าใคร
 
เพียงแต่ยูขอให้สัญญาเพราะไม่รู้... พี่ชายไม่เคยแม้จะรู้สึกอะไรอย่างนั้น เขาเองก็ไม่คิดว่าคนที่ดูเหมือนไม่ยอมผ่อนปรนเอาเสียเลยอย่างภวิลจะรับทุกอย่างได้ง่ายดาย เพียงเพราะเป็นเรื่องของน้อง ทำเอาจิรัฐซึ่งเป็นลูกคนเดียวอดรู้สึกนับถือไม่ได้ พร้อมทั้งความรู้สึกว่าทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเพื่อน... ก็เบาบางลงไปด้วย

ภวิลเอ่ยต่อ

“แล้วบ้านหลังนั้นเป็นของใคร”

“ผมก็ไม่ทราบ...”

อย่าว่าแต่ตัวเขาเลย จิรัฐไม่คิดว่าคนพาไปดูเองจะรู้ด้วยซ้ำ เพื่อนไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อนเข้าไป และหลังจากนั้น... เขาก็ไม่มีโอกาสถามอีก

“คุณยังอยากได้อยู่ไหม”

จิรัฐเงยหน้ามองคนพูดอย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าบ้านนั้นคงมีแต่ความทรงจำเลวร้ายจนคนเป็นพี่ชายไม่อยากเห็นอีก ถึงยูจะไม่ได้จากไปทันทีที่นั่นแต่ก็เป็นที่เกิดเรื่อง เป็นต้นเหตุ...
 
“ผมคิดว่าเราอาจจะหาทางชะลอมาได้”

“หมายถึงรื้อแล้วเอามาปลูกใหม่น่ะเหรอครับ” จิรัฐยังงุนงง

“ผมเห็นที่ว่างข้างหลัง มุมทางขวา... ไม่ได้ใช้ประโยชน์ น่าจะพอลงตรงนั้นได้”

“ผมนึกว่า...” จิรัฐหยุด แต่อีกฝ่ายดูจะเข้าใจว่าเขากำลังจะพูดว่าอะไร

“ทำไมผมถึงอยากจะยุ่งเกี่ยวกับที่นั่นอีกใช่ไหม ปกติยูไม่ใช่คนไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างนี้ เขาจะเป็นแต่กับของที่ชอบมากๆ เท่านั้น เวลาเห็นบ้านผมจะคิดถึงเขาไหม... ต้องคิดอยู่แล้ว แต่ผมไม่อยากเกลียดของที่เขาชอบ และไม่อยากให้มันต้องไปอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลอย่างนั้น”

จิรัฐนิ่งฟังคนข้างกันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“เวลาไปไหนกับยู เห็นบ้านเก่าถูกทิ้งร้าง ปล่อยให้โทรมทีไร เขาชอบพูด... พี่เห็นไหม บ้านดูเศร้าจังนะ... ไม่มีคนรักคนดูแลเลย... ท่าทางยูอยากจะช่วยไปเสียทุกบ้าน แต่บ้านหลังนี้... เขาติดใจขนาดเสี่ยงทำเรื่องที่อาจจะมีผลกระทบถึงครอบครัวได้ ผมรู้เขาคงไม่ตั้งใจ ถ้ามีผลกระทบจริงคงพยายามไม่ให้เกี่ยวพันไปถึงคนอื่น แต่มันก็ทำให้เห็นว่าที่นั่นพิเศษกับเขาแค่ไหน นอกจาก... ที่นี่แล้ว ก็คงมีแต่บ้านหลังนั้นที่เขาผูกพันจริงๆ”

จิรัฐรู้มาเนิ่นนานว่าเพื่อนรักนับถือพี่ชายขนาดไหน มีบางครั้งเขาคิดว่าเป็นความชื่นชมบูชาอย่างเด็กๆ ที่ต้องการซูเปอร์ฮีโร่ เพราะเขาไม่รู้จักพี่ชายที่ว่าแบบคนในครอบครัวเดียวกันอย่างกฤตวัต ดูเท่ดูทำงานเก่ง ท่าทางภายนอกจะบอกอะไรได้ ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจ ภวิลไม่ได้ ‘แค่รักน้อง’ แต่ยังเห็นความสำคัญในเรื่องที่น้องสนใจจริงๆ สำหรับเพื่อน ภวิลก็คง ‘เป็นพี่ชายดีที่สุดในโลก’ อย่างที่บอกไม่ผิดเลย

“ถ้าปลูกใหม่ก็แก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย... ที่ผุก็เอาออก รื้อแล้วประกอบให้มั่นคง ปลูกในที่ที่เขารัก เสร็จแล้วนิมนต์พระ ทำบุญขึ้นบ้าน คุณจะใช้เป็นที่จัดงานต่อไปก็ได้ ยูคง... พอใจ”

ภวิลไม่ได้หมายความว่าวิญญาณน้องจะมาวนเวียนจริงๆ เพียงแค่... การจัดการแบบนี้น่าจะทำให้กฤตวัตมีความสุข ไม่ว่าจะยังอยู่ด้วยกันหรือไม่ และจิรัฐก็เข้าใจ

ภวิลยิ้มน้อยๆ “คุณคงว่าผมคิดอะไรประหลาดไม่เหมือนคนอื่น”

“ผม...”

“ขอโทษนะครับ คุณจี เชิญหน่อยครับ เรื่องสระ”

หัวหน้าคนสวนที่จิรัฐใช้คำแทนอย่างสนิทสนมว่าลุงเข้ามาเรียกอย่างเกรงใจ แกยืนอยู่ห่างๆ เกือบสุดระเบียงหน้ามุข จิรัฐเอ่ยขอตัว การปรับสระบัวถูกยกให้เป็นความรับผิดชอบของเขาตั้งแต่แรก ภวิลก็พยักหน้า

เขามองตามร่างที่ก้าวลงบันไดไปพร้อมชงคม ก่อนละสายตามาเบื้องหน้าอีกครั้ง

... จิรัฐอายุยังน้อยแต่ต้องรับผิดชอบดูแลทั้งบ้านและธุรกิจแบบที่เรียกได้ว่าแทบจะตัวคนเดียว ก่อนหน้าที่เขาเข้ามา จิรัฐต้องสู้รบปรบมือกับหุ้นส่วนที่รวมตัวกันเพื่อต่อรองผลประโยชน์เข้าตัว พอมาตอนนี้ก็คงอึดอัดใจไม่น้อยที่หุ้นส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของเขาคนเดียว แต่ยังพยายามอย่างดีที่สุดเสมอมา ถ้าไม่มีอคติใดมาบดบังอย่างในตอนแรกเขาน่าจะเห็นไปนานแล้ว

คนทำงานที่นี่รักจิรัฐกันทุกคน ไม่แปลกเพราะคงเป็นเจ้านายใจดี ทุกอย่างพูดได้บอกได้ คำว่าไล่ออกน่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดถึง เขาเคยนึกค่อนว่าใช้แต่พระคุณไม่มีพระเดช แต่...

ถ้าเชื่อตามที่น้องเคยบอก ก็คงเพราะธรรมชาติเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วเท่านั้นเอง

จิรัฐคุยกับตัวแทนบริษัทที่มาดูความเรียบร้อยในการทำสระ ตอบข้อข้องใจหมดทุกอย่างแล้วจึงผละมาหาหัวหน้าคนสวนที่ยังยืนอยู่ไม่ไกล

เขาชอบคุยเรื่องเก่าๆ กับชงคม หลังจากไม่มีพ่อ ไม่มียู และไม่อยากรบกวนจิตใจแม่หากชวนให้ท่านนึกถึงเรื่องเก่าก่อนที่ยังมีพ่อ ก็เหลือแต่ชงคมเพียงคนเดียวที่จะคุยเรื่องแบบนี้ด้วยได้
 
ชายหนุ่มนับถืออีกฝ่ายเหมือนญาติผู้ใหญ่ แม้ว่าชงคมจะปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพเฉกลูกน้องกับเจ้านาย แต่สำหรับจิรัฐแล้วชงคมเป็นคนบูรณะบ้านนี้ร่วมกันมากับพ่อ บ้านงามแต่หากขาดสวนสวยส่งเสริมก็เหมือนอัญมณีไม่มีเรือนช่วยเชิดชูค่า เขาไม่เคยลืมบุญคุณความดีของคน และยิ่งของชงคมที่รู้จักกับพ่อแม่มาแต่ก่อนยิ่งจดจำใส่ใจ

“ทำสระแบบนี้ดีเหมือนกันนะครับลุง จะได้ยังมีดอกบัวอยู่” เขาว่า ถอยมายืนใต้ร่มกัลปพฤกษ์คู่กันกับหัวหน้าคนสวน

ชงคมพยักหน้า “ความจริงเมื่อก่อนตอนทำบ้านเคยคิดกันว่าใช้ตรงนี้สร้างสวนหิน ไม่ก็สวนลาย แบบที่ปลูกดอกไม้สลับสีกันเป็นรูปร่างเพราะนิยมสมัยร. 5 เหมือนกัน แต่คุณบุณฑริกเคยทราบว่าตรงนี้เป็นสระบัวหลวงมาก่อน... เลยทำไว้ให้เหมือนเดิม”

ไม่ใช่ทำไว้ให้เหมือนเดิมแค่นั้นหรอก จิรัฐรู้ว่าพ่อตั้งใจทำให้แม่เพราะคุณตาทวดทำให้คุณยายทวด... และความรักยืนนานของท่านเป็นที่ประจักษ์ คุณยายบอกแม่ว่าคุณตาทวดไม่มีนางเล็กๆ อื่นเมื่อท่านมีคุณหญิงของท่านแล้ว ซึ่งผิดวิสัยสมัยนั้น ยิ่งคุณตาทวดเป็นถึงพระยา จะมีกี่คนก็ย่อมได้

“ลุงก็ทำสวนลายที่ด้านข้างแทน ลุงเก่งมาก... ขนาดไม่ได้เรียนภูมิทัศน์ยังทำได้ขนาดนี้” จิรัฐชมจากใจจริง

“สมัยก่อนจะมีเรียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวล่ะคุณจี... ครูพักลักจำกันทั้งนั้น” ชงคมหัวเราะเบาๆ

“ผมถึงว่าลุงเก่ง... ลุงคิดทั้งหมดนี่คนเดียวเลย พื้นที่ตั้งหลายไร่”

“ค่อยๆ ทำไปครับคุณ... สมัยยังเด็กคงจำได้ บางส่วนยังปุปะ เป็นดินอยู่เลย กว่าจะได้ขนาดนี้ หลายปี... มีแค่สระที่ลุงไม่ได้แตะ คุณพ่อคุณจีมาดูเองหมด”

“พ่อคงอยากให้แม่ได้เห็นเหมือนสมัยเด็กๆ แม่บอกคุณตาทวดทำให้คุณยายทวดตอนท่านแต่งเข้าบ้าน เพราะคุณยายทวดชอบดอกบัว... แต่ท่านรักบัวหลวงที่สุด ชื่อแม่ก็แปลว่าบัวหลวง” จิรัฐว่า มีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ “บุณฑริก... ดอกบัวหลวงสีขาว คุณยายท่านตั้งระลึกถึงคุณยายทวด”

“พระยาโชติฯ ท่านต้องรักคุณหญิงของท่านมาก” ชงคมบอก
 
“ผมก็คิดอย่างนั้น”

บัวชูช่อสล้างแซมกันกลางบึงน้ำเรียบใส บางส่วนที่ต้องเอาขึ้นก็ย้ายไปปลูกในกระถางไว้แต่งที่อื่นแล้ว ตั้งแต่สมัยพ่อทำใหม่จนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าล้มหายตายจาก ต้องหามาปลูกทดแทนมากเท่าไร อาจจะไม่มีเหง้าไหนที่เรียกได้ว่าเป็นของเดิมแล้วด้วยซ้ำ ก็อะไรจะอยู่ค้ำฟ้าได้

เพียงแต่สิ่งที่เตือนใจให้ระลึกถึงนั้นยืนยาวกว่า

“บ้านหลังนี้... โทรมไปนานนัก มีแต่คุณพ่อคุณจีที่ทำให้กลับมาคล้ายเดิมได้” ชงคมพูดก่อนจะย้ำ “ถ้าจะมีใครทำให้บ้านนี้กลับมาเหมือนเดิม คงเป็นคุณพ่อคุณจี”

พ่อเรียนสถาปัตยกรรมไทย ได้บูรณะบ้านเก่าให้กลับคืนคงสุขใจ แม้จะเป็นงานชั่วชีวิต แต่ท่านก็ได้ทิ้งมรดกไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมต่อ บางทีที่เขาสนิทคุ้นเคยกับยูได้รวดเร็วตั้งแต่ต้น ก็อาจเพราะหลายอย่างในตัวเพื่อนรักช่างคล้ายคลึง ทั้งที่เรียนสถาปัตย์ รักบ้านเก่า ไม่ย่อท้อต่ออะไรง่ายๆ... สุดท้ายก็ช่วยเขาสานงานนั้นต่อ

แต่... ต่างจากไปเร็วจนน่าใจหายทั้งคู่

“ลุงเคยเห็นบ้านพระยาตอนยังไม่ถูกทิ้งร้างด้วยเหรอครับ”

“... จากรูปถ่ายในหนังสือเก่าน่ะครับคุณจี”

“ลุงคงลำบากกับพ่อแม่ผมมานานกว่าบ้านจะเสร็จ... ขอบคุณมากนะครับ”

“ลุงยินดี... บ้านเสร็จ... งามสมบูรณ์ เป็นสิ่งที่ลุงฝันอยากเห็นมาตลอดเหมือนกัน”

จิรัฐยิ้มบาง ที่บ้านพระยายังอยู่ ก็เพราะมีคนเห็นค่า ถ้าขาดคนใส่ใจดูแลรักษาเสียแล้ว คงเป็นได้เพียงซากปรักหักพัง

... และชงคมเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ช่วยให้บ้านยังเป็นแบบทุกวันนี้ได้
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 17-03-2012 13:49:39
บทที่ 7 (ต่อ)

ตกเย็นมืดครึ้มเร็วกว่าปกติ เมฆที่ตั้งเค้ามาแต่บ่ายกลั่นลงเป็นน้ำฝน ตกหนักไม่ยอมหยุดราวฟ้ารั่ว

... พายุเข้า

สามทุ่มกว่าเลยเวลาเลิกงานไปแล้ว จิรัฐเพิ่งสางเรื่องวันนี้เสร็จ ความที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองงาน กินข้าวก็กินในห้องทำงาน ทำให้แทบไม่ทันสังเกตว่าฝนตกมืดฟ้ามัวดิน ออกมาอีกทีเขาก็ต้องประหลาดใจกับคลื่นลมปั่นป่วนรุนแรงในแม่น้ำเจ้าพระยา พอดีผู้จัดการฟรอนต์กะค่ำส่งเสียงเรียก

“คุณจี ยังไม่มีเรือกลับจากอีกฝั่งนะครับ ท่าจะฝ่ามายาก คลื่นแรงไม่น้อยเลย”

เคยมีข่าวเรือล่มกลางแม่น้ำเพราะฝืนบรรทุกคนกลางพายุมาแล้ว หน้านี้ระดับน้ำในแม่น้ำสูง น้ำก็เชี่ยวเป็นทุนเดิม ยิ่งมีฝนฟ้าคะนองเข้าอีก จิรัฐรีบถาม

“แขกเราล่ะ”

“แขกที่มาพักกลับถึงห้องหมดแล้วทุกคนครับ พนักงานเปลี่ยนกะเสร็จพายุถึงได้มา กะก่อนถึงฝั่งเรียบร้อย”

“ถ้าอย่างนั้น...” จิรัฐกำลังคิดก็พอดีภวิลเดินเข้ามาในล็อบบี้ เขาชะงักด้วยนึกว่าอีกฝ่ายกลับไปนานแล้ว ผู้จัดการฟรอนต์บอกผู้บริหารอีกคนเหมือนที่บอกเขา ภวิลขมวดคิ้วนิดๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
 
จิรัฐเหลือบมองเผื่อผู้ถือหุ้นใหญ่มีอะไรอยากจะสั่งเอง แต่ภวิลเฉยเขาเลยพูดต่อ บางเรื่องก็ต้องตัดสินใจให้ทันการ
 
“บอกพวกคนเรือว่ายังไม่ต้องข้ามกลับมา คลื่นแรงมากกลัวจะสู้ไม่ไหว”

“ให้ค้างฝั่งนั้นเลยนะครับ?”

จิรัฐพยักหน้า “คลื่นคงยังไม่ซาจนกว่าจะเช้า ช่วยแจ้งแขกอีกทีว่าคืนนี้ขอความกรุณาอย่าเพิ่งออกไปไหน ไม่มีเรือ เหตุผลด้านความปลอดภัย...”

“ครับๆ” ผู้จัดการฟรอนต์รีบไปทำตามคำสั่ง

จิรัฐหันมองคนข้างๆ แบบนี้แปลว่ากลับบ้านด้วยกันไม่ได้ทั้งคู่ ความจริงเขาก็เคยค้างที่นี่เวลางานยุ่งๆ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร เขาเอ่ยอย่างเกรงใจ

“ขอโทษครับที่ผมพูดไปก่อน กลัวจะไม่ปลอดภัยถ้าใช้เรือตอนนี้...”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ภวิลพูดเรียบๆ “ถ้าคุณจะให้ผมกลับไปตอนนี้สิผมคงคิดว่าคุณอยากฆาตกรรมผม...”

จิรัฐถอนใจ ที่พูดกันดีๆ เมื่อเช้านั้นคงฝันไป แต่ความจริงอีกฝ่ายก็ไม่ได้จะเสียดสีให้เขาเจ็บใจอย่างตอนแรก แค่กวนอารมณ์บ้างเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงตอบกลับ

“ถึงอยากทำอย่างนั้นยังไงผมก็ต้องห่วงชีวิตพนักงานบ้างแหละครับ...” เขาหันไปหาผู้จัดการฟรอนต์ที่หูแนบโทรศัพท์ “ช่วยเปิดห้องให้คุณภวิลด้วย”

“ลงบัญชีผมไว้นะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ความจริงคุณก็มีสิทธิอยู่แล้วในฐานะผู้บริหารที่ถือหุ้นใหญ่...”

“คุณเคยพูดว่าไงนะ... แขกเหมือนเพื่อนที่มาเยี่ยมและเรายินดีต้อนรับเขา” ภวิลพูดต่อคล้ายไม่ได้ยิน “คิดว่าผมเป็นแขกวันหนึ่งก็แล้วกัน”

ผ่านไปครู่ผู้จัดการฟรอนต์จึงวางหูโทรศัพท์แล้วหันมาดูหน้าจอที่แสดงห้องทั้งหมด ก่อนเงยหน้าขึ้นพูดเสียงอ่อย

“ห้องขายหมดแล้วครับคุณจี”

“อะไรนะ”

“ห้องเต็มหมดทุกห้องครับ”

“เอ๊ะ อ้าว...” จิรัฐยืนมึน จากที่ดูตอนเช้าเขายังเห็นว่างอยู่ห้องสองห้อง แสดงว่ามีวอล์กอินเข้ามาก่อนพายุวันนี้เองหรือนี่

ปกติถ้าเป็นโรงแรมอื่นอาจจะมีห้องสำรองไว้บ้าง แต่เพราะจำนวนห้องของโรงแรมบูติกเล็กๆ อย่างนี้มีไม่มากอยู่แล้ว ผู้จัดการคงดีใจปนแปลกใจที่มีแขกต้องการมากจึงขายห้องหมดเกลี้ยง จิรัฐนึกอยากให้มีเรือข้ามฟากได้เสียเดี๋ยวนั้น รถก็อยู่อีกฝั่ง
 
ห้องเดียวที่ใช้ได้ ก็คือห้องพักเก่าของเขาที่อยู่ติดห้องทำงานซึ่งตอนนี้กลายเป็นของผู้บริหารใหญ่แล้วนั่นเอง

“งั้นไม่เป็นไร...” เขาบอกผู้จัดการฟรอนต์แล้วหันมาหาภวิล “คุณใช้ห้องข้างห้องทำงานนะครับ”

“แล้วคุณล่ะ”

“ผมก็... ผม... อืม...” ห้องปัจจุบันของเขาซึ่งเป็นห้องเลขาฯ เก่านั้นมีแค่โต๊ะเก้าอี้แล้วก็ตู้เอกสาร โซฟาหรือที่นอนหมอนมุ้งอะไรก็ไม่มีสักอย่าง อันที่จริงห้องเล็กเกินกว่าจะปูที่นอนยาวได้ด้วยซ้ำ “ผมก็... อยู่ในออฟฟิศไม่ก็ไปนอนห้องหนังสือแหละครับ”

“คุณจี...” ผู้จัดการฟรอนต์ยังอุตส่าห์ได้ยิน “เก้าอี้ยาวในห้องหนังสือนั่นยกไปซ่อมนะครับ... พรมก็ส่งซัก แขกถามวันนี้ผมเลยโทรไปหาฝ่ายซ่อมบำรุงมา ฝ่ายนั้นเพิ่งทำรายงานคงถึงโต๊ะคุณพรุ่งนี้ ในห้องมีแต่เก้าอี้เดี่ยวๆ มีเท้าแขน”

ภวิลเดินห่างออกมาจากฟรอนต์ “ใช้ห้องเดียวกันไม่เป็นไรหรอก”

“คือ...” จิรัฐอุบอิบ “สมัยตอนไปค่าย นอนกลางดินกินกลางทรายยิ่งกว่านี้ ห้องหนังสือก็...”

“ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ค่าย” ภวิลขัด “ไม่รู้จะนอนพื้นไม้กระดานแข็งๆ ให้มันได้อะไร เจ็บหลังเปล่า”

“เอาผ้าห่มปูเข้า...”

อีกฝ่ายถอนใจเฮือก “ได้ข่าวว่าตอนนี้แขกไม่มีที่จะไป ไม่ใช่ทุกคนจะอยากอยู่ในห้อง ผมว่าตอนนี้คงอยู่ในห้องหนังสือส่วนหนึ่ง แขกหลายคนที่มาก็เพราะสนใจประวัติศาสตร์ แล้วคุณก็ตั้งใจให้ห้องหนังสือเข้าได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ใช่รึ ไม่ทราบจะไปปูที่นอนตอนไหน วันนี้มันไม่เหมือนวันงานคุณย่าที่กั้นข้างล่างไว้นะ”

จิรัฐเถียงไม่ขึ้น เขาโพล่ง “ห้องพักพนักงาน!”

ภวิลขมวดคิ้ว “พนักงานกะดึกเข้ามาใช้ห้องเห็นผู้บริหารปูที่นอนกับพื้นคงดูดีมาก น่าจะประทับใจไปอีกนาน”

“ก็ไม่เป็น...”

อีกฝ่ายยกมือ “ผมเหนื่อย รีบๆ นอนซะจะได้เช้าไวๆ”

ตัดบทแล้วก็เดินไปเลย จิรัฐซึ่งจนหนทางได้แต่ตามหลังไปช้าๆ ความจริงห้องนั้นมันก็ห้องเขา แต่จะให้อีกฝ่ายไปนอนที่อื่นก็...

“ผมนอนในห้องทำงานละกัน” เขาว่า นึกดีใจที่ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก “คุณใช้ห้องติดกันไปนะ ราตรีสวัสดิ์”

จิรัฐเปิดประตูแต่ไม่ออก เขาหันหาเจ้าของปัจจุบัน “เอ๊ะ คุณล็อกไว้เหรอ”

“เอ๊ะ” ภวิลร้องตาม คลำกระเป๋าซ้ายขวาให้วุ่นวาย “กุญแจอยู่ไหน”

จิรัฐไม่แน่ใจว่าหาไม่เจอจริงหรือเปล่า ทางเดียวที่จะรู้คือลงมือค้นตัวอีกฝ่ายซึ่งเขาไม่ได้เตรียมใจมาถึงขั้นนั้น ได้แต่เข้าไปในห้องติดกัน ค้นเสื้อเปลี่ยนให้โดยไม่พูดไม่จา

กฤตวัตเคยใช้ห้องนี้เหมือนกันตอนทำงานดึกและต้องต่อเช้า เสื้อที่เขายื่นให้ก็เสื้อเพื่อน คนน้องอาจจะตัวเล็กกว่าหน่อยแต่ไม่น่าห่างกันมากนัก พี่ชายก็ดูจะรู้เสียด้วย
 
“เห็นมั้ย คุณยังนอนกับยูได้...” ภวิลว่า “ผมก็เคยนอนกับยู เพราะงั้น...”

จิรัฐคร้านจะอธิบายว่านอกจากตอนไปค่ายซึ่งนอนเรียงกันเป็นตับแล้วก็ใช่ว่าเขาต้องนอนเตียงเดียวกับกฤตวัตอีก หลายหนที่เพื่อนมาค้างห้องนี้เขาก็นอนบ้านเพราะห่วงแม่แล้วรีบกลับมาตอนเช้าตรู่ ระยะทางที่กฤตวัตต้องขับรถกลับบ้านวิรัชภาคย์ไกลกว่าที่เขาจะขับรถกลับบ้านตัวเอง ยิ่งกว่านั้นเขารู้ว่าถ้าดึกแล้วขับรถแบบไม่มีคนคุยด้วย เพื่อนจะหลับเอาได้ง่ายๆ จิรัฐกลัวเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นจึงบอกให้ใช้ห้องไป

ประเด็นคือต่อให้เขาต้องนอนห้องเดียวกับเพื่อนจริงๆ เขาก็คุ้นเคยกับยูมาจะหกปีเต็ม แต่กับคนพี่...

จิรัฐเลี่ยงออกไประเบียงโทรบอกแม่ว่าต้องค้าง คุยโน่นคุยนี่อยู่พัก กลับเข้ามาอีกคนก็ออกจากห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว เขารีบทำธุระจนเสร็จแล้วยืนรีรออยู่ มองอีกฝ่ายสวดมนต์ไหว้พระสั้นๆ
 
แปลกเหมือนกันที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ ปกติภวิลแต่งตัวดี เสื้อผ้าเรียบกริบ แต่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนเก่าเปื่อยรุ่ยของน้อง ผมเผ้าชื้นแถมยุ่งนิดๆ นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ยิ่งดูเหมือนคนธรรมดาที่... ไม่น่ากลัวเข้าไปใหญ่

จิรัฐมองเพลินจนอีกฝ่ายสวดจบหันมาหาอย่างสงสัย จึงบอก

“ผมว่าจะปู... ที่นอนแถวพื้น” เขาขยับออกไปหามุมห้องส่วนห่างเตียงที่สุด ในตู้น่าจะมีหมอนผ้าห่มสำรองอยู่บ้าง

“นี่มันอะไรนัก” เสียงภวิลชักหงุดหงิด “ผมไม่ได้จะลุกขึ้นมาฆ่าแกงคุณตอนดึก เชื่อกันแค่นี้ก็ไม่ได้เลยรึ”

จิรัฐลังเลอยู่อีกนิดจึงค่อยๆ เดินเข้าไป เขาก็ไม่ได้อยากให้ภวิลคิดว่าเขาระแวงห่วงความปลอดภัยตัวเองโดยไม่มีมูลถึงขนาดนั้น... อีกฝ่ายลงนอนหลับตาแล้วเรียบร้อย

เขารีบสวดมนต์แล้วขยับตัวให้ชิดริมเตียงอีกด้าน ตื่นอยู่ได้ไม่นานก็เคลิ้มหลับไป ไม่รู้ว่าคนนอนข้างพลิกตัวตะแคงกลับมา มองนิ่งอยู่ครู่

ถึงจะบอกตัวเองไว้ว่าไม่เคยห่วงใยสวัสดิภาพของจิรัฐ ไม่ได้คิดจะเกี่ยวข้องนานเลย แต่ตอนนี้... เมื่อทุกอย่างกระจ่างขึ้น เมื่อเขาประจักษ์ถึงตัวตนของจิรัฐแจ่มชัด และนึกรู้ว่าอาจมีภยันตรายทั้งที่ยังไม่มีต้นสายปลายเหตุใดให้ตามสืบได้ ก็ไม่อาจทิ้งไปดื้อๆ ดูดายปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอะไร

นี่เป็นความรับผิดชอบของเขา... ในเมื่อดึงดันเข้ามา จะละไปอย่างไม่แยแสชีวิตอีกคนเพียงเพราะได้รู้เรื่องราวทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้วก็เกินไป

ภวิลไม่รู้ว่าเขายินดี ‘รับผิดชอบ’ ยินดีและเต็มใจ เกินกว่าที่ตัวเองจะคาดคิดมากนัก


ภวิลรู้สึกตัวขึ้นกลางดึกเพราะที่นอนกระเทือนจนมาถึงเขา ในห้องมืดสนิทด้วยม่านปิดทั้งยังเป็นคืนเดือนแรม นาฬิกาพรายน้ำที่ข้อมือบอกเวลาตีสามครึ่ง

อาการไหวสั่นรุนแรงยังดำเนินอยู่ ภวิลงุนงงด้วยเพิ่งตื่นเต็มตา ก่อนจะทันตั้งตัวท่อนแขนคนอยู่บนเตียงเดียวกันก็ฟาดเข้าที่ท้องน้อยเต็มแรงจนแทบจุก

... นอนดิ้นเหรอเนี่ย

เขาวาดมือโดนแขนชื้นเหงื่อจนซึมผ่านเสื้อนอน บางอย่างบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่แค่นอนดิ้นธรรมดา เพียงแตะอีกฝ่ายก็พลิกหนีจนตกเตียง

ภวิลตามลงไปคว้ากลัวจะฟาดโดนกับอะไรเข้าจนเจ็บตัว มือขวาคลำจนเจอสวิตช์โคมไฟหัวเตียง อีกฝ่ายยังปัดป่ายมั่วไปหมด เขารู้แล้วว่าจิรัฐเรี่ยวแรงไม่น้อยจากตอนลากกันออกมาจากบ้านเก่า แต่ครั้งนี้ยิ่งมากกว่าเพราะคนไม่รู้ตัวพยายามต่อต้านเขาทุกวิถีทาง ทั้งผลักทั้งสะบัด โดนเข้าก็หลาย ภวิลได้แต่พยายามจับให้อยู่นิ่งๆ ทั้งที่จิรัฐเบิกตากว้างแต่ดูจะมองไม่เห็นคนที่อยู่ตรงหน้า

เขานั่งคุกเข่าประจันกับจิรัฐอยู่บนพื้น สองมือจับต้นแขนเอาไว้มั่น พยายามเขย่าให้รู้สึกตัว ปากก็เรียกชื่อ พอเขาจับแขนอีกฝ่ายก็ผลักไสกลับมาเต็มแรงจนภวิลต้องเปลี่ยนเป็นรวบข้อมือสองข้างไว้ด้วยกัน และทางเดียวที่เหลืออยู่ตอนนั้นก็คือรั้งร่างตรงหน้าเข้ามากอดแนบอก พยายามกดไว้กับตัวให้หยุดดิ้น

ความจริงเขากอดน้องมาไม่รู้กี่ครั้ง การกอดเพื่อนน้องก็ควรจะให้ความรู้สึกคล้ายกัน แต่นี่ไม่เหมือน... และภวิลก็ไม่มีเวลาไตร่ตรองว่าไม่เหมือนอย่างไร
 
อีกฝ่ายดิ้นรนด้วยสีหน้าทรมาน เหงื่อไหลท่วม พึมพำอะไรไม่ได้ศัพท์ จนเขาคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากอยากจะช่วยให้พ้นสภาพนี้เท่านั้นเอง


จิรัฐรู้สึกว่ามีมือหลายสิบกลุ้มรุมลากตัวถอยหลัง หน้าครูดไปกับสนามหญ้า พยายามเอี้ยวตัวไปมองแต่ก็ไม่เห็นมือหรือใครทั้งนั้น รู้แต่ว่ายังเหมือนถูกลากไปข้างหลังด้วยความเร็วอยู่ จับคว้าอะไรไม่ได้ กำลังตรงไปหาสระน้ำ...

สระบัว... สระบัวหลวง เขาหล่นลงไปในน้ำ และยังดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ บึงบัวที่สวยงามเยียบเย็นนัก เขาพยายามยื่นมือขึ้นไป แต่แสงรำไรที่ผิวน้ำห่างไกลออกไปทุกที มีแต่ความมืดมิด มืด... เขาเริ่มหายใจไม่ออก ไม่มีใครช่วยได้เลย...

ท่ามกลางความมืดดำและเงียบงัน จิรัฐได้ยินเสียงเรียกดังแว่ว เหมือนมาจากที่ไกลโพ้น แต่ค่อยใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“... รัฐ... จิรัฐ... จี...!

จิรัฐสะดุ้งเฮือก แสงจากโคมไฟสาดเป็นเสี้ยวต้องแผ่นหลังของใครคนหนึ่ง ไม่ไกลนักคือผ้าห่มยับย่นที่แทบจะไหลกองกับพื้นหมดทั้งผืน

ภวิลคลายมือลงเมื่อรู้สึกว่าคนในอ้อมแขนหยุดดิ้น ดันตัวออกเล็กน้อยจนมองหน้าอีกฝ่ายได้ถนัด ใจชื้นที่อย่างน้อยดูเหมือนว่าจิรัฐจะมองเห็นเขาและกลับมาสู่ความเป็นจริงแล้ว มืออีกข้างยังลูบหลังไหล่อยู่โดยอัตโนมัติ

“มันเป็นแค่ฝันร้ายน่ะ... แค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง”

เมื่อก่อนตอนยูมาอยู่บ้านใหม่ๆ เพิ่งเสียพ่อทั้งยังแปลกที่ ก็ฝันร้าย... สะดุ้งตื่นมาร้องลั่น เขาเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไป ต้องเปิดไฟให้สว่าง ปลุกปลอบกันอยู่นานกว่าจะยอมนอน ไม่คิดว่ายังต้องมาปลอบเพื่อนน้องอีกในเวลาต่อมา

ภวิลดึงแขนคนตรงหน้าให้ลุกไปนั่งบนเตียง รินน้ำมายื่นให้ จิรัฐสูดลมหายใจสั่นสะท้านแล้วรับมาจิบ พึมพำขอบคุณเบาๆ

คนรับแก้วน้ำกลับไปวางเหลือบมอง เรื่องที่รุมเร้าสะสมเข้ามาให้แบกรับอยู่เนิ่นนานคงทำให้ฝันร้ายไม่หยุดหย่อน เขาสงสาร... และคราวนี้ไม่ใช่แค่... เกือบจะสงสาร... อีก

“คุณฝันร้ายบ่อยหรือ”

“เคย... บ้างครับ แต่ไม่ได้เป็นสักพักแล้ว”

จะว่าเพราะเครียด เพราะคิดมาก เพราะความรู้สึกผิดถ่วงหนักในใจอย่างตอนแรกก็ไม่น่าใช่ ตั้งแต่บอกทุกอย่างหมดสิ้นและการเผยความลับไม่ได้ทำให้คนเป็นพี่ชายรู้สึกทางลบกับน้องอย่างที่กลัว จิรัฐก็... สบายใจขึ้นบ้าง อาจจะนับได้ว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเพื่อน แล้วทำไมฝันร้ายถึงยังตามมาหลอนหลอกอยู่

ที่สำคัญ เขาไม่รู้สึกว่าเหมือนฝัน... จิรัฐคิดว่ารู้สึกตัวอยู่ แค่เหมือน... เห็น เหมือนได้ยินจริงๆ ได้ยินกระทั่งเสียงน้ำแตกกระจายตอนตัวเองตกลงไป นั่นแหละที่แปลก

“ผมไม่ได้หลับ” เขาพยายามบอก “เหมือนมันเกิดขึ้นจริงๆ”

“ฝันน่ะ...” อีกฝ่ายว่า “บางครั้งก็เหมือนจริง”

“แต่ผมเห็น...”

“คุณไม่ได้ออกจากห้องเลย” ภวิลพูด พยายามให้เบาใจ “ดูสิ ประตูยังล็อกอยู่”

จิรัฐลูบหน้าอย่างสับสน แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเมื่ออีกฝ่ายค่อยจับให้นอนลง มืออบอุ่นยังแตะอยู่ที่หัวไหล่ เลื่อนขึ้นลงเบาๆ ราวจะให้วางใจ

“นอนเถอะ... เดี๋ยวก็เช้าแล้ว”


... เสียงนกร้องอยู่ไม่ไกล ภวิลพลิกตัวตะแคงข้าง กลิ่นหอมเย็นรื่นลอยมาเข้าจมูกตั้งแต่ก่อนเปิดเปลือกตา

เขามองช่อดอกไม้สีขาวนวล กลีบเล็กบอบบาง เกสรแต้มจุดเหลืองอ่อน ยังหมาดชื้นจากหยาดน้ำฝนหรือไม่ก็น้ำค้างอย่างแปลกใจ
 
... ชมนาด

ดอกไม้... วางหัวนอนให้แขก

แต่ของ ‘แขก’ คนนี้ไม่ใช่ราชาวดี

ภวิลยิ้มนิดๆ ลุกขึ้นนั่ง หยิบช่อชมนาดขึ้นพิจารณา กลิ่นนุ่มนวลคล้ายใบเตยพาให้ใจสงบ เขาเดินไปเปิดบานหน้าต่างออกกว้าง ม่านขาวนวลแผ่วพลิ้วด้วยลมที่โชยมาเบาๆ พอพายุพัดผ่านไป ก็มีเพียงระลอกคลื่นไล่ตามกันอย่างอ่อนโยนบนผืนน้ำอาบด้วยแสงสีทองของยามเช้า

... ชมนาด ไม่ใช่ราชาวดี เพราะเขาเคยแสดงให้รู้ว่าชอบชมนาดมากกว่า...

ภวิลทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ นึกรู้ว่าคนร่วมเตียงเดียวกันเมื่อวานคงลุกไปแต่เช้ามืดแล้ว เขาผลักประตูห้องทำงานที่ติดกับห้องพักออก ต้องยิ้มขันอีกครั้งเมื่อกุญแจยังเสียบคาไว้ให้ที่ประตู

... อีกฝ่ายคงเพิ่งนึกได้เอาตอนเช้าว่าต้องหยิบกุญแจจากกางเกงที่เขาถอดไว้เมื่อวาน ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อต้องลงมือรื้อค้นเอากับเสื้อผ้าใส่แล้ว

เขาเอาชมนาดช่อนั้นสอดไว้ในสมุด แล้วย่นหัวคิ้วอย่างครุ่นคิด เดินกลับไปเปิดประตูก่อนจะปิดลงใหม่

จู่ๆ ภวิลก็ประหวัดนึกถึงเหตุการณ์ที่บ้านเก่าหลังนั้น เขาเคยคิดว่าเพราะยูรีบร้อนตอนออกมาเมื่อครั้งก่อนกับจิรัฐ จึงลืมล็อกประตู ทำให้เขาเข้าไปได้อีกโดยง่ายดาย

แต่ถ้ากลับกัน... ถ้าก่อนที่เขาจะถึงบ้านหลังนั้นพร้อมจิรัฐ มีคนเข้าไปก่อนแล้ว และตั้งใจไม่ลั่นดาล เพราะอยากให้เขากับจิรัฐเข้าไปในบ้านเพื่อจะได้เกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้นล่ะ...

... แต่เรื่องนี้เขาไม่มีหลักฐานเอาจริงๆ เรียกว่ามืดแปดด้านกว่าตอนตามสืบเรื่องน้องอีก ดีไม่ดีบางทีเหมือนคิดไปเองด้วยซ้ำ เพราะจะมีใครรู้ได้อย่างไรว่าเขากับจิรัฐเกิดอยากเข้าไปที่บ้านนั้น... วันนั้น ดูประจวบเหมาะจนเกินไป

ภวิลถอนใจ จะมีมูลหรือไม่ก็ตาม จะเป็นอุบัติเหตุ หรือเหตุจงใจก็ตาม เขาคิดว่าการชะลอบ้านมาปลูกใหม่ให้แข็งแรง ใกล้หูใกล้ตา น่าจะเป็นทางออกทางหนึ่ง เพียงแต่ก่อนจะเจรจาซื้อหรือทำอะไรต่อไป...

... ต้องรู้ก่อนว่าบ้านนั้นเป็นของใคร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ yeyong ขอบคุณค่า เขียนไปก็กลัวไม่ตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะนี่
คุณ naiin สงสัยคงต้องเป็นงั้น... แต่ต้องให้เวลาเขาหน่อยนะ...
คุณ chompoonut139 จริงด้วยค่ะ เข้าใจแล้วแหละ ก็ไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากจนเกินไปเนอะ...
คุณ bulldog17 กระจ่างว่าจีเป็นเพื่อนดีแน่แล้วค่า 55
คุณ AprilSnow ชอบคนอ่านเรื่องนี้มาก มีอะไรมาสงสัยได้ตลอด จีเป็นไมเกรนค่ะ (จริงๆ) แต่ว่า... หรือมันจะมีอะไรมากกว่านั้น...
คุณ @Iriz จีรู้สึกผิดจริงๆ แต่น่าจะดีขึ้นบ้างหลังจากบทนี้ คนเขียนชอบพระเอกที่พูดแล้วฟังอะ (ส่วนตัวมาก) ไม่ทิ้งค่ะ คนอ่านก็อย่าเพิ่งทิ้งเค้าเหมือนกันน้า ขอบคุณสำหรับบวกและเป็ดมากค่ะ
คุณ gupalz ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ coon_all เนอะๆ แต่ถ้ายูไม่ตาย มันจะเป็นรักสามเส้าพี่น้องละป่าว เรื่องลงเอยกันก็... โปรดติดตามต่อไปนะคะ
คุณ LUCKY STAR แต่แม่ยูก็เป็นแม่แท้ๆ ส่วนคนสวนเขาก็เป็นคนเก่าแก่รู้จักกับพ่อแม่จีเลยนะ ไม่น่าเกี่ยวอะไรกับยูเลยด้วย ยังไงดี พี่อาร์มกับเชฟ หรือหมอหมัดก็น่าสงสัยมั้ยน้า...
คุณ janamanza คนเขียนก็... อยากให้เขารักกันนะ 55 แต่ว่านิดนึงค่ะนิดนึง ค่อยๆ ไป จะได้รักนานๆ
คุณ bluebird ใช่ค่ะต่อจากนี้ความรู้สึกคงเป็นบวกบ้างแล้วแหละ ให้คุณพระเอกรับผิดชอบยังไงดี อิอิ
คุณ PetitDragon ขอบคุณมากๆ ค่า ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ uknowvry คนเขียนถึงกับต้องระลึกชาติหาเลิฟโมดว่าคู่ไหน แต่จากไปแบบนี้เศร้าจริงๆ แหละค่ะ
คุณ berlyn อร๊าย ถ้าเขาออกไปตอนนี้ใครจะช่วยจีไขปมต่อล่ะ... แล้วเขาก็แอบผูกพันแล้วด้วยนิดๆ 55
คุณ i-love-you ขอบคุณมากนะคะ ยูก็คงดีใจแหละที่พี่ไม่เข้าใจเพื่อนผิดๆ อีกน่ะ แต่ที่เกิดอุบัติเหตุสองครั้งซ้อนจริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไรก็... ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ (ตลอด)
คุณ Pupay ขอบคุณมากที่แวะเข้ามานะคะ ชอบคำว่าพระเอกโง่กำลังดีจังเลย 55 คือต่อไปเนี่ยฮีจะมีบทบาทในการไขปมพอสมควร แถมยังปูเรื่องเป็นนักธุรกิจเก่งอีก เพราะฉะนั้นถ้าฮีโง่มาเลยแต่แรกมันจะดูไม่น่าเชื่อได้ กร๊าก ฝากตอนต่อไปด้วยค่า
คุณ Cherry Red ใช่ค่ะ เพราะความประมาทและรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ ทั้งจีและยูก็ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะออกมาเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วพอคุณภวิลแกเข้าใจแกก็ไม่โหดนะ (หรือไง) เรื่องบ้านอีกหลังก็มีความสำคัญค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ติดตาม
คุณ malula ถูก... เพราะฉะนั้นก็ให้เขาเยียวยาจิตใจกันต่อไป... ฝากตอนหน้าด้วยนะค้า
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทนี้ยังไม่ค่อยอะไร (แต่กำลังจะนำไปสู่ความอะไรๆ ในอนาคต) ให้เวลาสองคนเขาปรับความรู้สึกกันนิดนึง หุหุ

ปล. คุณภวิล คลับคล้ายจะเป็นนักสืบแทนนักธุรกิจอยู่รอมร่อ แต่บทนี้ที่จริงแล้ว... เบาะแสเยอะอยู่นะ...

ต้องขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากๆ เช่นเคยค่า
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 17-03-2012 15:02:19
เรื่องราวซับซ้อนขึ้นนะคะ ตอนแรกคาดว่าจะไม่มีเรื่องราวอะไรแล้ว แต่จากที่อ่านเหมือนจะมีเรื่องอะไรที่ "ลึก" ไปกว่านี้อีก และคิดว่าคงเป็นที่มาของชื่อเรื่อง "รอยรัก จำหลักใจ" อย่างแน่นอน

ปล. ตอนที่กำลังอ่านเรื่องนี้ บังเอิญกำลังนั่งอยู่ในบ้านทรงไทยเก่า ๆ  ริมคลองได้บรรยากาศเหมือนบ้านเจ้าพระยาหรือเปล่าไม่รู้ แต่อนุมานว่าเหมือนกันก็แล้วกันนะ  (หุหุ.....บ้านเราเอง)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-03-2012 15:48:02
ภวิล กำลังกลายร่างเป็นโคนันแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-03-2012 15:49:32
งั้นคงเป็นวิญญาณแล้วล่ะ เพราะคนก็ไม่น่าจะรู้อะไรล่วงหน้าหรือชักจูงให้ทำอะไรได้
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงตัวอ้วน ที่ 17-03-2012 17:37:42
ภาษางามมากครับ อ่านลื่นไม่มีสะดุดเลย
มาต่อบ่อย ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 17-03-2012 21:38:44
เป็นบทที่ให้ความรู้สึกเรื่อยๆดีนะค่ะ  แคต่ก็ยังปริศนาให้ค้นหาอีกเยอะ
มาบ่อยๆหน่อยสิค่ะ  นานๆมาทีคิดถึงนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 17-03-2012 22:56:37
ตอนนี้เหมือนจะมาแบบเรียบๆเรื่อยๆ แต่แอบมีปมซ่อนไว้เต็มไปหมดเลย
ส่วนภวิล เริ่มรู้สึกดีๆกับจีแล้วใช่มั้ยล่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 17-03-2012 23:48:10
รู้สึกว่า เรื่องนี้จะมีสิ่งลึกลับ (?) รึเปล่าคะ กลัวอ่ะ

มาคิดๆดูแล้ว ที่คานหล่นลงมาบางทีนะบางที มันอาจไม่ใช่ความบังเอิญก็ได้ เพราะว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำกันสองครั้งในเวลาที่ต่างกัน ก็คงน้อย
แล้วทำไมต้องหล่นตอนมีคนเข้าไปด้วยล่ะ...เหมือนรู้เวลาเลยเนอะ
บวกกับที่จีฝัน แต่บอกว่าตัวเองไม่ได้หลับอีก อาจมีวิณญาณตามก็ได้อ่ะ (คิดไปนู่นนนน)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-03-2012 02:16:44
มีเงื่อนงำเยอะมาก  น่าติดตามทีเดียว


อยากเห็นตอนหวานๆ บ้างจัง


รอตอนต่อไปครับ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: luvsin ที่ 18-03-2012 02:32:41
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

ปล. คืนนี้อิฉันจะนอนหลับไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 18-03-2012 14:10:45
แม้ปมการเสียชีวิตของยูจะกระจ่างแล้ว ( เรื่องสาเหตุการตาย )
คุณภวิล และ หนูจี ก็เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นอีกหน่อย ( ทั้งตัวและใจ )
บรรยากาศความอึดอัด ตึงเครียดระหว่างตัวเอก เริ่มสลายตัว แต่ความสงสัยในหลาย ๆ ปมปริศนา กลับพุ่งสูงขึ้น
จะมองให้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติก็ได้ จะให้คิดว่าเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์มีเหตุผลมารองรับ ก็ได้อีกเช่นกัน
ที่สำคัญยังไม่มีตัวละครใด (ที่ปรากฎตัวแล้วในเรื่อง) เผยพิรุธอะไรออกมาให้เห็นเลยสิ... ยากจะคาดเดาจริง ๆ :serius2:





หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 18-03-2012 21:04:10
 :sad4:อ่านตอนที่แล้ว เรื่องยู เศร้ามากค่ะ
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆที่ยูไม่อยู่แล้ว
ส่วนตอนนี้ พี่วินมาทิ้งปมไว้ ทำให้เราอดสงสัยคุณลุงคนสวนไม่ได้(อาจไม่เกี่ยว แต่เราสงสัย ฮ่าๆๆ)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 18-03-2012 23:35:05
ขอสมัครติดตามด้วยอีกคนนะฮะะ :))
สนุกฮะะ
งั่มๆ ดูมีเงื่อนงำ เพิ่มมาเรื่อยๆ.
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 19-03-2012 01:35:12
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

อ่านแล้วลุ้นตลอดเลย ..ชอบๆๆ

สนุกดี.. รออ่านตอนใหม่จ้าา

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 23-03-2012 14:02:47
ว้ายยย มาอัพแล้ว >,,<
มาตามอ่านช้าเพราะงานยุ่ง เข้าเรื่องๆ
ตอนนี้เหมือนจะมีอะไรให้คิดโผล่มาค่อนข้างเยอะ ทั้งปมเรื่องการตายของยู
ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่นั้น แล้วก็ความฝันของจี ที่ให้ความรู้สึกแปลกๆว่ามันเหมือนมีอะไรสักอย่าง
รวมทั้งความรู้สึกของพี่วินรูปหล่อของเรา  :impress2: แอร๊ยยยยยย ที่กำลังพัฒนากระดึบๆไปในทางที่ดี
และสุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคนแต่งค่ะ  :กอด1: แรงๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 23-03-2012 18:03:35
มันมีสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติหรือเปล่าเนี่ย

สนุกมากๆ ชอบแนวนี้ที่สุด o13 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 24-03-2012 20:24:39
คุณภวิลครับ

มันมีอะไรมากกว่านั้นอย่างที่คิดป่าวอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-03-2012 19:22:12
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า ติดตามมาจากสมาคมขนสั้นน่ะค่ะ :-[
แต่เรื่องนี้คนละแนวเลย ทำไมอ่านๆไปเหมือนได้บรรยากาศสยองขวัญก็ไม่รู้ โดยเฉพาะตอนไปบ้านร้างกัน :a5:
เอาใจช่วยน้องจีกับพี่วิน ร่วมด้วยช่วยกันแก้ปริศนานะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-03-2012 20:41:24
ชอบคะ รออ่านนะคะ
คนแต่งอย่าหายน้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 7] 17 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 26-03-2012 09:49:05
เพิ่งได้มาอ่าน
บอกตรงๆว่าลึกซึ้งทีเดียว
สงสัยปม อย่าง คือแม่ของ ยู กับลุงชม?
มันอะไรยังไง
เรื่องราวจะทรับซ้อนแล้วนะเออ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 30-03-2012 12:50:10
บทที่ 8

ธรรมนูญเข้าที่ทำงานแต่เช้าตรู่เพราะใกล้ต้องปิดงบประจำปี งานรุมต่อเนื่อง ยอดจองห้องพักและจัดเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่เพิ่มสูงขึ้นมาก การปรับปรุงโครงสร้างบริหารบางอย่างรวมทั้งสระว่ายน้ำกลางกอบัวเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาคงเป็นหนึ่งในสาเหตุ ทั้งหมดมาจากดำริของผู้บริหารที่ยังถือหุ้นใหญ่อยู่นั่นแหละ

เขาจอดรถเสร็จก็ดิ่งไปท่าน้ำ แล้วจึงได้รู้ว่าตัวเองได้โดยสารเรือเที่ยวแรกของบ้านพระยา และที่เป็นเที่ยวแรกก็เพราะเมื่อคืนพายุฝนกระหน่ำจนไม่ปลอดภัยที่เรือเล็กจะข้ามฝั่ง

เขานึกห่วงรุ่นน้องขึ้นมา รู้ว่ามักออกจากที่ทำงานตอนค่ำมืดแล้ว แต่อาจจะกลับไปก่อนพายุเข้าก็ได้ เมื่อวานเขาเองก็มีประชุมข้างนอกตั้งแต่บ่าย เลยไม่ได้กลับมาโรงแรมอีก

ตอนกำลังจะก้าวขึ้นเรือก็มีเสียงตะโกนมาแต่ไกล

“รอก่อนคร้าบ... รอด้วย...”

ทักษ์วิ่งหน้าตั้งกระเป๋าสะพายปลิวตรงมาท่าเรือ ธรรมนูญรีบบอกคนขับว่าอย่าเพิ่งออก พอเห็นเขาเข้าเชฟก็ยิ้มแต้

“มอร์นิ่งอาร์ม”

“อืม” ธรรมนูญพยักหน้า ดูให้เพื่อนร่วมงานลงเรือเรียบร้อยแล้วก้าวตามไป “รู้รึเปล่าเมื่อวานพายุเข้าหนัก นี่เพิ่งจะมีเรือ”

“เห็นเมฆครึ้มตั้งแต่บ่ายแล้วล่ะ ไม่นึกว่าจะหนักขนาดนี้เหมือนกัน” ทักษ์ตอบ “กลับมาสวนกับกะค่ำที่ไปเปลี่ยน พอเรือมาถึงฝั่งนี้ครบทุกลำฝนตกหนัก คลื่นแรงมาก คุณจีเลยให้คนโทรมาบอกพี่ๆ คนขับเรือว่ายังไม่ต้องกลับไปจนกว่าจะสงบ”

“เขาสั่งเองหรือ” ธรรมนูญเลิกคิ้ว ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าจิรัฐต้องค้างอยู่อีกฝั่งจริงๆ “เออ จะเป็นไงบ้าง... ”

“อาร์มน่ะ อะไรๆ ก็...”

“หือ?”

“เปล่า”

แล้วทักษ์ก็ไม่พูดกับเขาอีกจนกระทั่งเรือเทียบท่า ธรรมนูญออกงง แต่คิดว่าอาจจมอยู่กับเมนูใหม่หรืออะไรสักอย่างเลยไม่ได้กวน เขาแยกกับเชฟใหญ่ที่เดินดุ่มๆ ไปทางเรือนครัวตรงท่าน้ำ ธรรมนูญแวะโถงหน้าก่อนเพราะมีเรื่องงานต้องคุยกับฟรอนต์

ผู้จัดการกะเมื่อคืนกำลังจะกลับพอดี เห็นเขาเข้าก็รีบบอก

“ห้องเมื่อคืนขายหมดเกลี้ยงนะครับ”

“ดีเลย” ธรรมนูญว่า “ถ้างั้น...”

“ไม่มีห้องจนผู้บริหารเราต้องใช้ห้องเดียวกัน” ฟรอนต์ครึ้มอกครึ้มใจ “ดีนะครับที่ท่านเป็นคนไม่เจ้ายศเจ้าอย่างทั้งคู่ ทั้งคุณภวิลแล้วก็คุณจี...”

“หา!” ธรรมนูญร้องลั่นล็อบบี้ ผู้จัดการฟรอนต์มองเขางงๆ

“พี่อาร์มเสียงดังอะไรแต่เช้า” คนต้นเหตุเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสีหน้าปกติ “นี่ดีว่ายังไม่ค่อยมีแขกแถวนี้...”

ธรรมนูญโปะแฟ้มลงบนเคาน์เตอร์ บอกว่าถ้าแคชเชียร์กับฟรอนต์กะต่อไปมีอะไรสงสัยให้โทรถาม แล้วเดินแกมวิ่งไปหารุ่นน้อง พูดในระดับได้ยินกันสองคน

“จีไม่ได้กลับบ้านเหรอเมื่อวาน”

“ออกมาคลื่นก็แรงมากแล้ว เลยบอกคนเรือว่า...”

“แล้วทำไมคุณภวิลยังอยู่อีกล่ะ” ธรรมนูญขัด “เย็นป่านนั้น มีงานอะไรให้ดูอีก ส่วนใหญ่เขาก็ให้จีทำไม่ใช่หรือ”

จิรัฐพยักหน้า เมื่อตอนต้องเป็น ‘ผู้ช่วย’ เขาเข้าใจว่าคงได้แตะเฉพาะงานธุรการ แต่ที่ผู้บริหารคนใหม่บอกว่าไม่อยากได้แค่เลขาฯ เป็นเรื่องจริง เขาก็เลยทำเกือบจะเหมือนเดิม มีบางเรื่องเท่านั้นที่ต้องรอการตัดสินใจ เมื่อก่อนก็อึดอัดอยู่บ้าง แต่ไม่รู้เมื่อไรเหมือนกันที่ค่อยบรรเทาเบาบางลง คงเพราะเริ่มแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการทำลายทุกสิ่งที่พ่อแม่ของเขาสร้างมากับมือ โดยเฉพาะเมื่องานระยะหลังถูกสานต่อโดยน้องชายของตัวเอง
 
“แล้วที่ต้องใช้ห้องเดียวกัน...”

จิรัฐเงยหน้าขึ้นอย่างฉงน และธรรมนูญก็จนปัญญาจะถามต่อ กลายเป็นว่าต้องเปลี่ยนเรื่องเอง

“โรงแรมเราไม่ใช่ธุรกิจหลักเขานะ ทำไมถึงได้สนใจมากขนาดนี้”

“ยังไงเขาก็ถือหุ้นใหญ่อยู่น่ะพี่อาร์ม” จิรัฐบอก “ยังมีสิทธิ”

ธรรมนูญสะดุดหูจนต้องก้มมอง ปกติทุกครั้งที่รุ่นน้องเอ่ยถึงเรื่องหุ้นส่วนใหญ่ที่ตกไปอยู่ในมือภวิลด้วยการบังคับเทคโอเวอร์ เขารับรู้ได้ถึงความกดดันเหมือนจะระเบิดเพราะหาทางออกไม่ได้ เหมือนถูกปิดกั้นไว้หมดทุกวิธี แต่ตอนนี้ร่องรอยคับข้องใจจางหายไปมาก

เขาไม่เชื่อว่าจิรัฐจะยอมงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามโชคชะตาเพียงเพราะผู้บริหารคนใหม่ทุ่มอำนาจเงินที่เหนือกว่าลงมากว้านซื้อหุ้น อย่างไรเขาก็ยังอยากให้จิรัฐได้สัดส่วนถือหุ้นมากที่สุดเหมือนเดิม
 
... คราวนี้ดูเหมือนรุ่นน้องจะพอเห็นวิธีบ้างแล้ว ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเขา

และธรรมนูญก็ไม่ลังเลที่จะเสนอเรื่องที่คิดหาทางเอาไว้ออกไป
 
“เมื่อวานที่พี่ไปประชุมมา มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติกับโรงแรมใหญ่สนใจเราอยู่พอสมควรนะ”

จิรัฐไม่ได้ตอบ แต่เดินนำไปห้องทำงาน เรื่องแบบนี้ไม่สมควรจะพูดกันอยู่ตรงล็อบบี้ที่ใครก็เดินผ่านไปผ่านมาได้ ลงนั่งเรียบร้อยธรรมนูญก็พูดต่อ

“แน่ใจว่าต้องมีสักสองสามเจ้าที่อยากได้ เกริ่นๆ กันมาบ้างแล้ว... ถ้าเขาเสนอราคาดี คุณภวิลอาจจะสนใจขายหุ้นออกบ้างก็ได้”

จิรัฐรู้ว่าผู้จัดการการเงินพยายามดึงสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่กลับมาให้เขา ที่ต้องหาบริษัทอย่างน้อยสามแห่งก็เพื่อคานอำนาจกัน ไม่อย่างนั้นผู้ถือหุ้นใหญ่อาจกลับกลายเป็นบริษัทอื่นแทน
 
“ผมขอบคุณที่พี่อาร์มคิดห่วงเรื่องนี้อยู่เสมอ” จิรัฐพูด สบตาอีกฝ่ายเพื่อบอกว่าหมายความตามนั้นจริงๆ “แต่วิธีที่ว่ามามีบางอย่างที่ผมยังไม่ค่อย... สะดวกใจ ตัดเรื่องที่คุณภวิลอาจจะไม่ยอมขาย หรือถ้าขายก็เรียกราคาที่ไม่มีใครสู้ได้แล้ว ผมก็ยังอยากให้บ้านพระยาบริหารโดยคนไทย อยู่ในมือคนไทยทั้งหมดอย่างที่พ่อกับแม่สร้างมา”

“แต่โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ พี่ว่าจีลองคิดดูดีๆ ชั่งน้ำหนักกันกับสิ่งที่จะได้”

“พี่อาร์มคิดว่าเขาสนใจเราเพราะอะไร เพราะเรากำไรสูง โตขึ้นแบบเรียกได้ว่าก้าวกระโดด แล้วที่ผลประกอบการดีขนาดนี้ก็เพราะ...”

ธรรมนูญทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ หลายครั้งหลายหนที่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าจรรยาบรรณทางธุรกิจคืออะไร โค้งงอได้แค่ไหนกันแน่ ในโลกแห่งการแข่งขันที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นฝ่ายชนะ คำว่า ‘มารยาททางธุรกิจ’ ดูจะไร้ความหมายไปเสียแล้ว

แต่เขารู้ว่าจิรัฐพูดความจริง และพูดด้วยความยุติธรรม ที่บ้านพระยาได้รับความสนใจอย่างที่เขายังคาดไม่ถึงเมื่อได้พบปะพูดคุยกับบริษัทต่างๆ นอกรอบประชุมเมื่อวาน ก็เพราะมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการบริหารของผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนใหม่นี่เอง จิรัฐพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
 
“ผมคิดว่าไม่สมควรที่จะพยายามหาวิธีบีบให้เขาออกไปหรือขายหุ้นตอนนี้ ในเมื่อทุกอย่างที่ทำให้มีบริษัทอื่นมาเสนอราคาหรือแสดงความสนใจในกิจการเรา มันก็มาจากเขา...”

“แล้วทีเขาทำเราล่ะ!” ธรรมนูญร้องอย่างอดไม่ได้ “ที่เขาบังคับเทคโอเวอร์ตอนแรก ตั้งใจไม่ให้ทันรู้ตัว ไม่ผิดมารยาทหรือ เขาทำเราก่อน... พี่ยอมรับก็ได้ว่าคุณภวิลบริหารเก่ง แต่เขาเองก็ได้ประโยชน์ไปไม่น้อยแล้วไม่ใช่หรือไง”

“การเอาคืนแบบนี้ไม่ได้ทำให้เราดีกว่าตรงไหนเลยพี่อาร์ม” จิรัฐพูดอย่างที่คู่สนทนารู้ได้ว่าตกลงใจเด็ดขาด ก่อนตบท้าย “พ่อแม่ผมไม่ได้สอนให้ทำธุรกิจอย่างนี้”

ธรรมนูญหลับตาคลึงขมับ คนนั่งตรงข้ามพูดเสียงอ่อนลง

“ผมรู้ พี่อาร์มหวังดี... ไม่ใช่ผมไม่เคยคิดเรื่องอำนาจบริหาร แต่ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือหาทางระดมทุนเพิ่มมากกว่า เพราะกิจการกำลังโต ที่ผมคิดเอาไว้ ก็คืออาจเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ ดีกว่าเสียดอกเบี้ยถ้าต้องกู้ เพราะผมไม่คิดว่าคุณภวิลจะใช้กำไรของวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้หนุนเราไว้ตลอดในเมื่อทางนั้นก็มีโครงการอีกสารพัด”

ธรรมนูญมองรุ่นน้องอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดว่าจิรัฐมีจุดประสงค์หลักต่างออกไปแล้ว จริงอยู่ทุกอย่างที่พูดมานั้นเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านพระยาเป็นสำคัญ แต่วิธีนี้หมายความว่า...

“มันอาจจะไม่กระทบสัดส่วนการถือหุ้นของคุณภวิลเลยนะ” ธรรมนูญพูดช้าๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจอีกฝ่ายถูกต้องแล้วหรือยัง “ถ้าเขาไม่กระจายหุ้นออก ซึ่งมีสิทธิทำได้ ก็เท่ากับสถานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย”

“เรื่องนั้น... ไม่สำคัญกับผมเท่าเห็นบ้านพระยาเติบโตต่อไปหรอกพี่อาร์ม อย่างน้อยวิธีนี้ก็จะทำให้เรามีแหล่งเงินทุนหมุนเวียนระยะยาวได้”

ธรรมนูญถอนใจอย่างจำนน ถ้ารุ่นน้องตัดสินใจอย่างนี้แล้วเขาก็ไม่มีอะไรจะค้าน หากเข้าตลาดหลักทรัพย์จริงๆ ไม่แน่ว่าภวิลอาจจะเลือกขายหุ้นออกบ้างก็ได้ “แต่เรื่องนี้ยังไงจีก็ต้องคุยกับเขา เขาไม่ยอมขึ้นมาก็... ยาก”

“ผมรู้... ไว้จะหาโอกาสลองดู”
 
เห็นรุ่นน้องพูดอย่างปกติแล้วธรรมนูญก็แปลกใจอีกรอบ เมื่อไม่นานมานี้จิรัฐยังมีสีหน้าไม่สบายใจและท่าทีอึดอัดทุกครั้งที่ต้องเข้าไปคุยกับภวิล แต่ตอนนี้ดูจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว หลังเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลครั้งหลังสุดนั่นละมัง เขายังไม่ทันถามอะไรก็มีเสียงเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามาเลย

ธรรมนูญเหลียวไปและพบว่าเป็นคนที่อยู่ในบทสนทนาเมื่อกี้ เพิ่งพูดถึงก็มาทีเดียว อีกฝ่ายเลิกคิ้วนิดเมื่อเห็นผู้จัดการการเงินอยู่ในห้องด้วย

จิรัฐลุกขึ้นอย่างเคยชิน นึกว่าคนยืนค้างอยู่ตรงประตูจะสั่งงานหรือให้ไปส่วนใดของโรงแรมด้วย แต่ทันทีที่สายตาสานสบภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ เขาบังคับตัวเองให้มองตรง เพราะดูไม่มีเหตุผลที่จะเกิดขัดเขินอะไรขึ้นมา

เมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝันร้าย... ปกติตื่นขึ้นมาแล้วก็จำรายละเอียดไม่ได้ มีเพียงความรู้สึกวูบโหวงลึกๆ อยู่บ้างและเมื่อบอกตัวเองว่าแค่ฝันเท่านั้นก็ไม่คิดอะไรอีก แต่เมื่อคืน... เป็นครั้งแรกที่รู้สึก... จริงยิ่งกว่าฝัน เขาจำได้ว่าเมื่อลูบหน้าตายังหวังจะมีเศษหญ้าดินโคลนติดมาด้วย แปลกใจที่ตัวไม่เปียกปอนเหมือนเมื่อครั้งงานวันเกิดคุณยาย

แต่ความรู้สึกที่จริงยิ่งกว่านั้น ก็คือรู้ว่าถูกกอดเอาไว้ ได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นอย่างชัดเจน ชัดจนเขารู้สึกว่าตัวเองมีหัวใจสองดวง และอีกดวงกำลังเต้นอยู่ที่หน้าอกข้างขวา

เมื่อภวิลผละตัวออกนิดแล้วก้มลงมองหน้าใกล้ๆ ใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน จิรัฐก็เห็นว่าแววตาคู่นั้นกลับไปคล้ายเมื่อตอนที่เขาตกน้ำใหม่ๆ...

ฝันร้ายช่างเหมือนจริงจนเขานึกดีใจที่ไม่ได้อยู่เพียงลำพังในห้อง และมีคนช่วยยืนยันว่าทั้งหมดเป็น ‘แค่ฝัน’ เท่านั้นเอง

ภวิลก็ชะงักเล็กน้อยเหมือนกัน ก่อนเอ่ย

“วันนี้ผมออกไปธุระ... อาจจะไม่ได้กลับเข้ามา” เขานิ่งไปนิดแล้วเสริม “คงไม่ได้เข้ามาอีกหลายวัน”

ธรรมนูญที่ลุกขึ้นตามจิรัฐเผลอหันมอง ปกติภวิลจะไปจะมาขึ้นอยู่กับความพอใจ เข้านอกออกในราวกับไม่ได้ซื้อแค่หุ้น แต่ซื้อไว้ทั้งบ้านแล้วก็ไม่ปาน เมื่อไรกันที่ต้องบอกด้วยว่าจะมาหรือไม่มาตอนไหน

เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้ผู้จัดการการเงินนึกสงสัยอยู่ได้นาน เพราะสั่งงานเขาต่อเป็นพรืดจนถ้าไม่รีบออกจากห้องจิรัฐไปจัดการเดี๋ยวนั้นคงได้ทำจนถึงชาติหน้า ธรรมนูญหวังว่ารุ่นน้องคงมีโอกาสพูดเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้เร็วๆ นี้ แล้วเลยนึกไปถึงทักษ์ เสร็จงานแวะไปหาท่าจะดี เขาเคยรู้ว่าทักษ์ก็อยากซื้อหุ้นของโรงแรมเอาไว้บ้างเหมือนกัน ถ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้จริงคงเป็นโอกาสที่พนักงานจะได้มีส่วนร่วมง่ายขึ้น

ผู้จัดการการเงินออกจากห้องไปแล้วภวิลก็ยังยืนอยู่ตรงปากประตูอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาวางบางอย่างไว้บนโต๊ะ
 
“... กุญแจห้องทำงาน”

จิรัฐมองเขาอย่างมีคำถาม จนคนพูดต้องขยายความ
 
“เผื่อต้องใช้อะไรในนั้น หรือจะ... ใช้ห้อง ความจริงมันก็ห้องคุณอยู่แล้ว”

จิรัฐนึกหาคำตอบไม่ทัน ได้แต่อึ้งมองอีกฝ่ายจนกระทั่งภวิลบอก “ก็... เท่านั้นละ อ้อ ขอบคุณสำหรับชมนาด”

“เดี๋ยวผมให้คนปั๊มกุญแจไว้ให้อีกชุดครับ” เขาโพล่ง ทันได้เห็นรอยยิ้มมุมปากนิดก่อนภวิลจะหันหลังเดินจากไป

จิรัฐนั่งลงมองลูกกุญแจ รอยยิ้มผุดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

... ก็แค่ของธรรมดา ธรรมดาเหมือนช่อชมนาดนั่นแหละ
 
แต่ไม่ต้องแย่งต้องชิง ต้องเรียกร้อง มีคนเต็มใจให้คืนกลับมาเอง ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ


ที่ว่า ‘ไม่ได้เข้าอีกหลายวัน’ นั้นกินเวลาจนถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ต่อมา ความจริงจิรัฐก็คาดการณ์ไว้อยู่บ้าง เพราะภวิลย่อมมีบริษัทของตัวเองรวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ของครอบครัวที่เขามีหุ้นอยู่ให้ไปดูแล แต่สาเหตุอีกประการที่มักแวบเข้ามาในความคิดตอนเผลอๆ คือ เมื่อได้รู้เรื่องที่ทำให้ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวตั้งแต่แรก คือเรื่องของน้องแล้ว ภวิลก็หมดความสนใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ไปโดยสิ้นเชิง

แบบนี้พูดเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์อาจจะง่ายขึ้น ถ้าภวิลอยากได้เงินทุนคืนโดยเร็วเพื่ออัดฉีดโครงการใหม่ๆ ของวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ การกระจายหุ้นออกก็เป็นวิธีหนึ่งเหมือนกัน น่าจะไม่มีปัญหาอะไร

ทั้งๆ ที่คิดแบบนั้น แต่เขาก็อดใจหายนิดๆ ไม่ได้ จิรัฐบอกตัวเองว่าคงเป็นเพราะมีจุดผูกพันร่วมกัน คือกฤตวัตกับคุณยายไพจิตรนั่นเอง

พอถึงวันศุกร์เขาจอดรถไว้ที่ประจำอีกฝั่งเหมือนทุกวัน กำลังจะเดินมุ่งหน้าไปท่าเรือก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรถคุ้นตาจอดอยู่พร้อมเจ้าของยืนข้างเหมือนรอมาสักพักแล้ว พอเห็นเขาภวิลก็ปลดล็อครถ

จิรัฐเดินเข้าไปใกล้อย่างไม่ค่อยจะแน่ใจ เพราะอีกฝ่ายไม่เรียกหรือแสดงท่าทีอะไรให้เขารู้ทั้งสิ้นว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเปล่า จนกระทั่งภวิลพยักหน้าไปทางประตูรถฝั่งผู้โดยสารเขาถึงได้ถาม

“ไปไหนหรือครับ”

“เดี๋ยวพูดให้ฟังในรถ”

“จากคราวที่แล้ว” จิรัฐเอ่ยช้าๆ “ผมคงต้องระวังตัวหน่อยถ้าจะขึ้นรถไปไหนมาไหนกับคุณ”

“ถ้าเป็นที่ที่เคยไปแล้วต้องระวังหรือเปล่า” ภวิลว่าก่อนจะยิ้มนิดเมื่อเห็นอาการเหลือบมองอย่างตกใจของว่าที่ผู้โดยสาร “ไม่ต้องห่วง ไม่ได้ชวนไปบุกรุก แค่จะไปใกล้ๆ น่ะ ผมลองมาเกือบหมดทุกทางแล้ว คงเหลือไปคุยกับคนแถวนั้นว่าทันรู้จักเจ้าของบ้างไหม”

จิรัฐเลยรู้ว่าที่อีกฝ่ายหายไปเพราะตามสืบเรื่องบ้านเก่าที่น้องติดใจนั่นเอง เขาเปิดประตูขึ้นไปนั่งเงียบๆ คำพูดเพื่อนดูจะหวนกลับมาให้นึกถึงอีกครั้ง

‘พี่วินไม่เคยพูดแล้วไม่ทำ... ถ้าพูดออกจากปากไปแล้ว ต้องทำให้ได้’

ภวิลสตาร์ทรถแล้วพูดต่อ “ตอนแรกนึกว่าไม่ยากเท่าไร... ที่บริษัทก็ทำกันอยู่ปกติ ดูที่ไม่มีโฉนด หรือไม่รู้เจ้าของเป็นใคร แต่งานนี้...”

“ตันหรือครับ...”

“อย่าเรียกว่าเจอทางตันเลย ทางขาดดีกว่า” คนขับถอนใจพลางส่ายหัว “ให้คนไปสำนักงานที่ดินก็แล้ว อำเภอก็แล้ว เช็คกับธนาคารก็แล้ว... บ้านร้างส่วนใหญ่เป็นหนี้ธนาคาร ธนาคารยังไม่ฟ้อง หรือฟ้องแล้วแต่ยังไม่ยึด กรณีนี้ง่ายสุดเพราะถ้ากำลังจะขายทอดตลาด เราซื้อมาก็จบ แต่บ้านนี้ไม่เข้าข่าย”

“ถ้าเทียบสมัยที่สร้าง น่าจะทันได้ทำโฉนดแล้วนะครับ”
 
“มีโฉนดอยู่จริงก็ยังดี บ้านนั้นไม่มีบ้านเลขที่ ต้องเอาโฉนดที่ดินข้างเคียงไปเทียบ แต่ที่ดินแถวนั้นไม่ใช่ของเราสักแปลง ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภคก็ไม่มีมาตั้งนาน ไม่มีโทรศัพท์ด้วย...” ภวิลว่า “ความจริงถ้าคนแถวนั้นยอมขายให้ จะได้เอาโฉนดที่ใกล้ๆ ไปดูระวางแผนที่ได้ อย่างน้อยก็อาจจะได้เลขที่ดินมา แล้วไปดูกันอีกทีว่าในสารบบที่ดินมีรายละเอียดกรรมสิทธิ์แค่ไหน”

จิรัฐเองก็ไม่ทันสังเกตว่าบ้านไม่มีเลขที่ ตอนขับรถไปนั้นเพื่อนช่วยบอกทาง ส่วนครั้งหลังสุด... เขาจำได้ว่าก่อนไปเจอกันกับเพื่อนก็ถ่ายสำเนาแผนที่ที่กฤตวัตแฟกซ์มาให้เก็บไว้ในแฟ้มเพื่ออ้างอิง ภวิลคงเห็นจากตรงนั้น

เขาหันไปมองคนข้างๆ แวบหนึ่ง ภวิลเต็มใจยอมซื้อที่ดินข้างเคียงเพียงเพื่อให้รู้กรรมสิทธิ์ของบ้านที่น้องอยากได้

... สำหรับคนที่รักแล้ว คงไม่มีอะไรที่ถือว่ามากเกินไปจริงๆ

ตอนเช้ายังไม่ค่อยมีรถ ใช้เวลาไม่นานก็ถึง ภวิลขับเลยซอยติดป้ายส่วนบุคคลที่จะนำไปสู่บ้านเก่าหลังนั้นแล้วจอดใกล้ๆ แทน เขาลงจากรถแล้วลุยฝ่าหญ้าขึ้นยาวไปบ้านหลังที่อยู่ใกล้ที่สุด จิรัฐเดินตามไปไม่ไกลนัก

ทำอย่างนี้โดยตีอ้อมรอบบ้านเก่าเป็นวงกลมจนเที่ยงแดดแผดร้อน ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการคว้าน้ำเหลว ไม่มีเจ้าของบ้านหลังใดเคยรู้จักคนที่อยู่บ้านเก่าหลังนั้น และไม่มีใครยินยอมขายหรือให้ดูโฉนด ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเมื่อเริ่มสร้างบ้านหรือย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็เห็นถูกทิ้งร้างมาชั่วนาตาปีแล้ว
 
ถ้าเทียบว่าบ้านหลังนั้นสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ห้า แต่ชุมชนรอบๆ เพิ่งจะเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่แปด แถมผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยกลางคน ที่เคยอยู่ดั้งเดิมก็ล้มหายตายจากไป จึงไม่น่าแปลกใจที่จะไม่มีใครทันรู้จักผู้ที่เคยอยู่ในบ้าน

ประเด็นที่ภวิลสงสัย และตรงกันกับจิรัฐคือ ถ้าไม่มีใครอยู่มานาน จะแขวนป้ายส่วนบุคคลไว้ทำไม ร้อยละร้อยของการแขวนป้ายแบบนี้ก็เพื่อกันไม่ให้มีคนหลงเข้าไปจนอาจรบกวนความสงบของเจ้าของบ้านได้ ป้ายนั้นเก่าผุพังก็จริง แต่ดูยังไงก็ไม่ได้เก่าถึงร้อยปี เพราะฉะนั้นต้องมีลูกหลานเจ้าของบ้านเดิมมาแขวนไว้ แต่ไม่ได้มาอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าตั้งใจจะทิ้งร้างจริงๆ ก็ไม่น่าลั่นดาลจนกฤตวัตต้องงัดเข้าไปในคราวแรกอีกด้วย

นอกจากนี้จิรัฐยังข้องใจอยู่อีกอย่าง คือคนที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าไล่เขาออกมาและขู่จะแจ้งข้อหาบุกรุกหากกลับเข้ามาอีกเป็นใครกันแน่ ถ้าไม่ได้อยู่แถวนี้อยู่แล้ว ก็ยากที่จะทันเห็นกฤตวัตในเวลานั้น แต่เท่าที่สังเกตไม่มีชายชราผมขาวหน้าตาดุๆ ในบ้านที่เข้าไปคุยมาแล้วเลย

“เหลือหลังสุดท้ายแล้วที่พอมีพื้นที่ติดกับบ้านนั้น” ภวิลยกมือปาดเหงื่อ “ถ้ายังไม่ได้เรื่องคงต้องไปไล่หาพวกหลักฐานก่อนทำโฉนด ซึ่งน่าจะยาก ไม่ก็...”

จิรัฐเงยหน้ามองคนยืนกระพือเสื้อให้ลมเข้าอย่างสงสัย จนอีกฝ่ายพูดหน้าตาเฉย “ครอบครองโดยปรปักษ์”

“คุณภวิล ลงทุนมากไปไหม” คนฟังต้องท้วง “หมายความว่าคุณจะย้ายมาอยู่ที่นี่ให้ครบสิบปีจนได้กรรมสิทธิ์เนี่ยนะ”

“เชื่อสิลองมีคนย้ายเข้ามาจริง... ตาลุงที่คุณเคยเล่าให้ฟังว่าไล่ยูมาแล้ว แกคงมาว้าก ไม่รอให้ถึงสิบวันด้วยซ้ำ” ภวิลว่า “พอแกมาเราก็ถามเลยว่าเจ้าของเป็นใคร”

“โอย” จิรัฐคราง “ให้มันเป็นวิธีสุดท้ายของสุดท้ายเถอะ ไม่ อย่าทำเลยดีกว่า คุณลืมแล้วเหรอว่ายูกลัวคุณจะรู้ว่าเขางัดบ้านคนอื่นเข้าไป แล้วคุณจะทำเสียเอง ชื่อเสียงครอบครัวคุณล่ะ”

“ไม่ได้งัด” ภวิลก็ยังว่าท่าทางเฉยๆ เหมือนเดิม “มันไม่ได้ล็อกอยู่แล้วนี่ อีกอย่าง ถึงตาลุงมาเจอ ก็ยังแจ้งข้อหาไม่ได้ เพราะมีแต่เจ้าของบ้านเท่านั้นที่จะแจ้งได้ พอตาลุงไปตามเจ้าของบ้านมาเราก็ยืนรอคุยกับเขาหน้าซอยเนี่ย ยังไม่ได้เข้าบ้านสักนิด”

“คุณภวิล!” จิรัฐยืนหน้าดำหน้าแดง ไม่รู้จะพูดยังไงดี จนอีกฝ่ายหัวเราะลงคอ

“ใจเย็น... ผมไม่ทำหรอก ก็เห็นคุณเครียดเลยลองเสนอให้ฟัง”

“พาเครียดกว่าเดิมสิไม่ว่า” คนเดินตามบ่นอุบ “ไหนยูบอกพี่พูดอะไรต้องทำให้ได้...”
 
“แต่ผมอยากคุยกับลุงคนนั้นจริงๆ น่าจะอยู่แถวนี้ แปลกที่ไม่เจอเลย” ภวิลว่า “ถ้าบ้านหลังสุดท้ายนี่ไม่มีอะไรคืบหน้า ผมคงให้คนมาคอยลองหาตัวดู เผื่อจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง”

จิรัฐถอนใจ ลำพังตัวเขาคงไม่มีปัญญาทำถึงขนาดนี้ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคนที่เชี่ยวชาญในแวดวงอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้วอย่างภวิล ได้แต่เตือนตัวเองว่าอย่าทำตัวให้ชินมากนัก เพราะสักวันหนึ่งอีกฝ่ายก็คงขายหุ้นที่ถือไว้เมื่อได้กำไรดี และเดินออกไปในที่สุด

เขายกมือไหว้เจ้าของบ้านแล้วทรุดตัวลงนั่งที่นอกชาน ค่อยคลายร้อนเมื่อได้น้ำเย็นใส่ใบเตยและลมที่พัดเอื่อยผ่านสวนมา แต่บทสนทนาที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้รู้อะไรเพิ่มเติมมากนัก
 
ภวิลขยับจะลาตอนที่จิรัฐเห็นร่างผอมเกร็งนุ่งแต่ผ้าขาวม้า ผมสีดอกเลาทั้งหัวเดินผ่านดงกล้วยไป เขาชะงักตัวแข็งนึกว่าตัวเองตาฝาด หลังจากที่เห็นความฝันคล้ายความจริงจนน่ากลัวอย่างที่ผ่านมาทำเอาเขาลังเลที่จะเชื่อสายตาตัวเองไปพอสมควร แต่เพราะเป็นชายชราคนเดียวที่พอจะมีลักษณะคล้ายกับที่ยูเคยเล่าให้ฟัง จึงเอ่ยถามเจ้าของบ้าน

“คุณ... คุณป้ารู้จัก เอ่อ... คุณตาที่เดินอยู่ตรงนั้นไหมครับ”
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 30-03-2012 12:58:25
บทที่ 8 (ต่อ)

อาการชะเง้อมองแต่คล้ายยังไม่เห็นทำเอาจิรัฐใจเสีย เขาพูดเสียงเบา “คุณป้าเห็น... คุณตาที่เดินอยู่ตรงสวนใช่ไหมครับ”

“ผมเห็น” ภวิลว่า แล้วหันมาพูดกับเจ้าของบ้าน “รบกวนขอคุยกับตาหน่อยได้ไหมครับ”

จิรัฐถอนใจอย่างโล่งอก ถ้าเขาเห็นอยู่คนเดียวท่าทางคงต้องไปพบจิตแพทย์ เจ้าของบ้านเขม้นมองอยู่อีกพักจึงร้องเสียงดัง “พ่อ พ่อ! แวะบ้านหน่อยจ้า”

ชายชราเหลียวไปมา แต่ก็เดินตรงมาทางบ้าน คนเป็นลูกสาวหันบอกแขก

“คุณจะคุยกับแกก็ทำใจเผื่อไว้หน่อยนะ แกหลงแล้ว คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง เรื่องเก่าๆ ละจำได้ แต่ก็จำได้เป็นพักๆ”

“ปล่อย... เอ่อ... ปล่อยให้เดินอย่างนี้ไม่เป็นไรหรือครับ” จิรัฐถาม

“โอ๊ย พ่อไม่ไปไหนไกลหรอก อยู่สวนรอบๆ นี้แหละ มีเลยไปบ้านเก่าโน้นบ้าง ถ้าเดินต่อไปอีกคนละแวกนี้เขาก็รู้จักพ่อกันทั้งนั้น แกมีไปกินข้าวบ้านโน้นบ้านนี้ด้วยนะ แต่ก็กลับบ้านหกโมงเย็นเป๊ะ มากินข้าวบ้าน” ป้าหัวเราะ

ชายชราเดินขึ้นเรือนมาลงนั่งปุบปับ ถามลูกสาว “เรียกกินข้าวเหรอ”

“จ้า กำลังจะกินข้าวกลางวันกัน” ป้าบอกก่อนหันมาชวนแขกอย่างมีน้ำใจ “เที่ยงกว่าแล้วคุณกินด้วยกันเลยซิ”

“ไม่กินกับคนแปลกหน้า ใครไม่รู้” บิดาว่าฉับ เมินหน้าเมื่อถูกท้วงเสียงอ่อย

“พ่อละก็... พวกคุณอย่าถือเลยนะคะ เดี๋ยวขอตัวไปดูกับข้าวก่อน”

ป้าลับไปทางครัวแล้วภวิลก็ขยับเข้าใกล้ บอกชายชรา “ตาครับ ผมไม่กวนข้าวบ้านตาหรอก แค่อยากคุยกับตานิด... เดียว”

“นิดเดียว?”

“ถามนิดเดียว” ชายหนุ่มยืนยัน “เดี๋ยวก็ไป ให้ตากินข้าว”

จิรัฐมองคนมาด้วยกันอย่างทึ่งกับลูกล่อลูกชนคนแก่ ที่เดินตระเวนบ้านโน้นบ้านนี้ในละแวกมา ถ้าเป็นคนหนุ่มคนสาวหน่อยภวิลก็ละให้เขาคุย ตัวเองนั่งเฉยเสียอย่างนั้น ตอนนี้เขาขอนั่งดูบ้างคงไม่ผิด

“เอ้า ว่ามา”

“ได้ยินว่าตาเดินไปโน่นไปนี่ บางทีก็เลยไปโน้น...” ภวิลพยักเพยิดไปทางบ้านเก่าที่เห็นหลังคาอยู่รำไร “บ้านโน้นมีอะไร มีคนไหม”

“ไม่มีคน... ไม่มีคนแล้ว”

ตาคงหมายความว่าเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ แต่จิรัฐอดขนลุกขึ้นมาไม่ได้

“ไม่มีคน แต่ตาเคยเจอผู้ชายหนุ่มๆ อายุประมาณนี้” คราวนี้ภวิลหันมองคนนั่งเคียงกัน “แล้วตาก็ไปไล่เขาด้วยใช่ไหม”

“เคยเจอ เคยเจอ ไอ้หนุ่ม... ลูกใครน้า”

“ตาไล่แทนใคร บ้านนั้นบ้านใครตา”

แต่ดูเหมือนชายชราจะไม่ได้ยินคำถามต่อมาของเขา เพราะมัวแต่คิดย้ำอยู่ “มันลูกใคร ลูกใคร...”

ภวิลก็ว่าไปเรื่อยๆ อย่างอดทน “ตาบอกว่าเขาบุกรุกด้วย... ตาไล่ให้ใคร”

“นึกออกแล้ว! เคยเจอไอ้หนุ่ม ต้องเรียกพี่มั้ย พี่... ลูกป้าบัว บ้านนั้น บ้านป้าบัว!” แกร้อง ก่อนย้ำอย่างมั่นอกมั่นใจ “บ้านป้าบัว บ้านป้าบัว”

จิรัฐนิ่งอึ้งไปทันที ภวิลขมวดคิ้วงงๆ ส่วนคุณตาก็ดูจะหลุดไปในโลกส่วนตัวของแกเสียแล้ว

ทั้งสองขอตัวกลับเมื่อคุณตาเรียกร้องจะกินข้าว หลังจากยืนยันเรื่องบ้านแล้วก็ถามอะไรไม่ได้ใจความอีก
 
“คุณว่าคุณตาคนนี้คือคนที่ไล่ยูออกมาหรือเปล่า” ภวิลเอ่ยถามเมื่อขึ้นรถเรียบร้อย

“อาจจะใช่ก็ได้ครับ เดินทั่วแล้วก็มีอยู่คนเดียว น่าจะไล่แทนเจ้าของเดิมซึ่งคงย้ายออกไปนานแล้ว แต่คุณตายังฝังใจว่าเป็นบ้านป้า... บัวของแก”

“น่าเสียดายที่คุณตาหลงๆ ลืมๆ ผมยังคิดว่าแกอาจจะเห็นยูแล้วคิดว่าเป็นลูกป้าบัว แต่ก็แปลก เพราะถ้าแกรู้จักพี่ลูกป้าบัวอย่างที่บอก แกจะไล่ลูกเขาออกจากบ้านแม่ทำไม ตีเสียว่าเรื่องเจ้าของบ้านชื่อบัวเป็นเรื่องจริง เพราะเป็นเรื่องที่ยังติดอยู่ในความทรงจำแม้จะผ่านไปนานหลายสิบปี เราก็แกะจากตรงนี้ก่อนแล้วกัน”

จิรัฐเม้มปากอย่างครุ่นคิด เงียบไปนานจนภวิลต้องถาม “มีอะไรหรือเปล่า”

“ผมไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม คุณหญิงยายทวดผมก็ชื่อบัว แต่... บ้านเดิมท่านไม่ได้อยู่แถวนี้ ไม่ใช่บ้านนี้แน่ๆ”

สมัยนั้นผู้หญิงแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย คุณตาทวดอายุมากกว่าคุณยายทวดพอสมควร พอคุณตาทวดได้บรรดาศักดิ์พระยาหลังจากนั้นไม่นานคนก็เรียกภรรยาท่านว่าคุณหญิงตามด้วยราชทินนามสามี คือคุณหญิงโชติการพาณิช น้อยคนจะรู้ว่าเดิมท่านชื่อบัวมาก่อน

“ชื่อซ้ำกันได้ละมัง” ภวิลว่า

“ถ้าบ้านนี้เกี่ยวข้องกับคุณยายทวดผม แม่ต้องพูดถึงบ้างแล้ว แต่นี่ไม่มี”

“ผมรู้ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเรื่องคงง่ายขึ้น แต่ก็ต้องเผื่อว่ามีโอกาสไม่ใช่ด้วยเหมือนกัน” ภวิลบอก ก่อนเอ่ย “ไว้เราลองเรียนถามคุณย่าดูก็ได้ คุณหญิงยายทวดคุณก็เป็นแม่สามีของลูกผู้พี่คุณย่าผมแท้ๆ ไม่แน่ท่านอาจจะพอทราบอะไรบ้าง”

จิรัฐยังนั่งเงียบๆ เหมือนอยู่ในภวังค์ความคิด จนภวิลเปรยขึ้น

“พอเจอตัวคนไล่แล้วเป็นแบบนี้ แถมบอกชื่อเจ้าของบ้านมาเองด้วย เลยไม่ต้องใช้แผนครอบครองปรปักษ์ของผมเลย”

ท่าทางคนพูดออกเสียดายจนจิรัฐขำ แต่พอหลุดหัวเราะก็ต้องกุมท้องร้องโอ๊ยเบาๆ

“เป็นอะไร” คนขับถามทันที จิรัฐนิ่วหน้าอย่างแปลกใจ ปกติเขาก็ไม่ค่อยจะมีอาการอะไรแบบนี้ ท่าทางตอบไม่ทันใจจนอีกคนเรียกราวจะเตือน “จิรัฐ เป็นอะไร”

“อ้อ คือ มันปวดท้องแปล๊บขึ้นมาครับ นิดเดียว ไม่เป็นไร” เขาว่า ลองนั่งตัวตรงๆ ดูก็ไม่รู้สึกเจ็บ

"ปวดท้อง" อีกฝ่ายทวน "หิวล่ะสิ รู้อย่างนี้กินข้าวบ้านนั้นเลยก็ดีไม่ต้องหิ้วท้องออกมา”

“อย่าเลยครับ เดี๋ยวตาแกจะไม่เจริญอาหาร” จิรัฐเอียงศีรษะพิงกระจกรถ “คุณภวิล ผมไขกระจกลงนิดได้ไหม”

“เมารถเหรอ ให้จอดมั้ย”

“ไม่ต้องหรอกครับ”

ถ้าเขารอดตอนอีกฝ่ายเหยียบร้อยแปดสิบมาได้ แค่นี้คงไม่ครณา จริงๆ แล้วถ้าภวิลขับด้วยอารมณ์ปกติอย่างวันนี้ก็นับว่าขับรถนิ่มนวลดี อาจจะเคยขับให้คุณยาย เขาหลับตา นี่ก็แปลกเหมือนกัน นั่งรถมาตลอดชีวิตเพิ่งเกิดจะพะอืดพะอม

“หิว” ภวิลสรุปเหมือนเดิม “บ่ายโมงกว่าแล้วผมก็หิว เดี๋ยวแวะกินอะไรข้างหน้าละกัน”

จิรัฐยังหลับตานิ่งๆ มาตลอดทางจนรถจอด พอลืมตาขึ้นเขาก็มองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ

... ทางเข้าตลาดน้ำ

หันไปมองคนมาด้วยก็พบว่ากำลังพับแขนเสื้อ เหวี่ยงเน็คไทออกไว้ในรถง่ายๆ พลางพูด

“คลื่นไส้ลงไปเดินมีอากาศถ่ายเทหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น แล้วก็... แนวตลาดน้ำนี่น่าสนใจถ้าห้องอาหารเราจะจัดสักเดือนเป็นเทศกาล ว่าจะหาโอกาสมาเดินดูอยู่พอดี”

จิรัฐส่ายหัว นักธุรกิจ... เวลาเป็นเงินเป็นทอง กินข้าวก็ต้องได้งาน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวตลอด แต่พอลงไปลมที่พัดค่อนข้างแรงก็ทำให้หัวโล่งขึ้นจริงๆ แม้จะหอบเอาอากาศอ้าวๆ มาด้วยบ้างก็ตาม คราวนี้จิรัฐเป็นฝ่ายเดินนำเพราะภวิลว่า ‘กินอะไรก็ได้’ ท่าทางหิวจริงจึงไม่เจาะจงจะเลือก เขาเลยเอาร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ใกล้สุด

พอสั่งน้ำร้านข้างกันภวิลก็บอกว่าสองเลย เขาต้องเอ่ย

“ผมสั่งโอเลี้ยงนะ คุณชอบเหรอ”

“ไม่มีปัญหา” ภวิลบอก ก่อนพูดเหมือนนึกขึ้นได้ “กาแฟเป็นของแสลงสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะกับไมเกรนไม่ใช่รึ”

“ผมกินแล้วหาย” คนรับแก้วมาตอบสั้นๆ

ความจริงตอนนี้เขาไม่ได้ไมเกรนขึ้นและไม่เคยเป็นโรคกระเพาะด้วย แต่บางทีที่เกิดปวดหัวหรือปวดท้องกินกาแฟกลับบรรเทาลงเสียอย่างนั้น

คนขายว่าให้จ่ายด้วยกันกับก๋วยเตี๋ยวตอนกินเสร็จ สงสัยจะเป็นกิจการในครัวเรือน จิรัฐถือแก้วโอเลี้ยงมาก็พบว่าอีกคนลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นไม้ริมน้ำอย่างไม่มีพิธีรีตองเรียบร้อยแล้ว วางชามก๋วยเตี๋ยวแยกให้เขาเสร็จสรรพ เหลือแต่พวงเครื่องปรุงที่จิรัฐหยิบมาเองจากอีกข้าง

สายน้ำไหลเอื่อยอยู่เบื้องหน้า วันนี้วันธรรมดาคนไม่มากเท่าใด ทำให้ได้บรรยากาศสงบเงียบอยู่พอควร จิรัฐกำลังคิดถึงห้องอาหารที่บ้านพระยากับบรรยากาศตลาดน้ำอย่างที่คนมาด้วยเกริ่นอยู่เพลินๆ ภวิลก็เอ่ยขึ้น 

"เป็นอะไร ต้องบอก คราวก่อนคุณลากเอาผมตกสระด้วยหนหนึ่งแล้ว ถ้าคราวนี้ตกแม่น้ำอีก ไม่ตามไปงมนะ"

จิรัฐก้มหน้าก้มตากินไม่อยากจะต่อปากคำ จนกระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แตะพวงเครื่องปรุงเลย

“นี่คุณกินก๋วยเตี๋ยวไม่ปรุงเหรอ”

ภวิลพยักหน้าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก “ก็กินแบบนี้มาตลอด”

“คือ...” จิรัฐไม่อยากจะยุ่ง แต่อดไม่ได้ “คือมันจะอร่อยกว่ามาก ถ้าปรุงสักหน่อย”

“อย่างนั้นเชียว” ภวิลมองพวงเครื่องปรุงอย่างไม่แน่ใจ

“ปกติคุณกินข้าวต้ม เกาเหลา ไม่ปรุงเหรอ ทำเหมือนกันแหละ”

ได้รับคำตอบเป็นการสั่นศีรษะ “มายังไงก็กินยังงั้น”

“งั้น... ลองดูนะ” จิรัฐว่า ก่อนถามย้ำ “ลองดูมั้ย”

พออีกฝ่ายเฉยแต่วางตะเกียบพร้อมถอยห่างจากชามนิดหนึ่งเขาก็ถือว่าไม่ปฏิเสธ จิรัฐขยับเข้าใกล้ “ชอบหนักรสไหนรึเปล่า หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ดๆ?”

“กลางๆ หมดได้มั้ย” คนจะได้กินก๋วยเตี๋ยวปรุงเป็นครั้งแรกบอก พออาสาสมัครปรุงก๋วยเตี๋ยวตั้งท่าจะใส่ก็ว่า "เบาๆ พอ"

อาการขมวดคิ้วมองชามก๋วยเตี๋ยวทำเอาจิรัฐอยากซัดพริกน้ำส้มลงให้เต็มเหนี่ยว แต่ยั้งไว้ทัน เมื่อกี้เขาปวดแปล๊บขึ้นมายังทรมานน่าดู ถ้าแสบท้องจริงจังแบบคนไม่เคยกินรสจัดคงแย่

พอเสร็จก็เลื่อนชามคืนให้ คนกินชิมแล้วว่า “อร่อย”

“ใส่ทุกอย่างอย่างละนิดแล้วลองชิมดูก็ได้ อยากให้รสไหนจัดขึ้นก็ใส่เพิ่ม”

“ไม่เห็นคุณต้องชิม”

“ผมทำบ่อย” จิรัฐตอบหน้าตาเฉย “รสนี้... แบบเดียวกับที่ปรุงให้แม่”

“อ้าว” คนถูกจัดให้กินรสคนแก่อุทาน แต่คนปรุงทันเห็นรอยยิ้มนิด

คำพังเพยว่าไว้... สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ก็คงจริง ถึงเราจะย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ แต่สายน้ำก็ยังต้องไหลต่อไป ในช่วงเวลาหนึ่งอาจจะปั่นป่วนด้วยคลื่นลมมรสุม แต่ลองมาดูอีกช่วง สายน้ำก็กลับสงบงามได้ใหม่ จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นสายน้ำเดียวกัน

ย้อนกลับไปไม่นานจิรัฐคงไม่มีทางคิดว่าเขาจะมีวันมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวกับภวิลสองคนริมแม่น้ำแบบนี้ ด้วยบรรยากาศใกล้เคียงกับความเป็นมิตรเสียด้วย

เสร็จแล้วสองคนก็เอาชามก๋วยเตี๋ยวไปคืนพร้อมกับจ่ายตังค์ แต่เมื่อภวิลหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาก็พบว่า... มีแต่... บัตร เรียงกันเป็นพรืดโดยปราศจาก... ธนบัตร เหรียญอะไรก็ไม่มีทั้งนั้นแหละ

"คุณ...!" จิรัฐทั้งฉิวทั้งขำ พอเห็นเจ้าของกระเป๋าทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยเปลี่ยนมาขำอย่างเดียว "ชวนผมแวะตลาดกินข้าว ไม่พกเงินสดสักบาท! ถ้าผมก็ไม่มีเหมือนกันจะทำไง"

"...ล้างจาน... มั้ย"

จิรัฐส่ายหน้า ควักเงินออกจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวของทั้งสองคน ออกเดินวนกลับอีกทางเพื่อให้ผ่านร้านรวงต่างไปบ้าง ภวิลยังเดินตามมาพูด

"ลงบัญชีค่าใช้จ่ายผมไว้ก็ได้"

"ก๋วยเตี๋ยวแค่นี้ ถือว่าเลี้ยงแล้วกันครับ”

"ไม่เป็นไรหรอก..."

จิรัฐหยุดซื้อขนม "ก็เห็นทวงตั้งแต่วันแรก จะให้ 'พระยา' เลี้ยง"

"จำแม่น...” ภวิลมองคนเลี้ยงซื้อของร้านโน้นร้านนี้ “แล้วนี่คุณจะซื้อไปให้ทักษ์เป็นตัวอย่างหรือไง เยอะแยะไปหมด”

“ซื้อฝากพนักงานต่างหากล่ะครับ” จิรัฐว่าก่อนพึมพำ “พี่อาร์มชอบขนมต้มแดงหรือต้มขาว สองอย่างเลยละกัน”

“คุณดูสนิทกับผู้จัดการการเงินดีนะ”

“รุ่นพี่ผมที่มหาวิทยาลัย รุ่นพี่ชมรมด้วยนี่ครับ ความจริงเพราะพี่อาร์มผมถึงได้รู้จักย...” จิรัฐหยุดแล้วถอนใจ ตลาดน้ำเป็นอีกหนึ่งสถานที่โปรดปรานของกฤตวัต ไม่รู้พี่ชายนึกเหมือนกันหรือเปล่าเลยวางธีมห้องอาหารเดือนหน้าให้เป็นแบบนี้

ภวิลนิ่งไปนิดก่อนจะว่า “ถ้าเป็นเรื่องยู ผมก็อยากให้คุณพูดถึงเขาได้เต็มที่ โดยเฉพาะต่อหน้าผม ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องระวัง ยูเขาไว้ใจคุณที่สุด ผมที่เป็นพี่ก็คงไม่มีสิทธิ์อะไรนอกจากเคารพการตัดสินใจของเขา”

จิรัฐพยักหน้าเงียบๆ แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณก็บ่งบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร ถึงธรรมนูญหรือคนอื่นๆ จะรู้จักกฤตวัต แต่ก็ไม่มากเท่าที่เขารู้จัก และไม่มากเท่าที่คนเป็นพี่ชายรู้จักอย่างแน่นอน บางคนอาจจะคิดว่าการพูดถึงคิดถึงคนที่ไม่อยู่แล้วบ่อยๆ เป็นการฉุดรั้งทั้งตัวเองทั้งอีกฝ่าย แต่ยิ่งบังคับให้ไม่พูดถึง ไม่คิดถึง ทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา กลับเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติยิ่งกว่า

ถ้าได้พูดถึงบ้าง กับคนที่รู้จักเขาดีเช่นกัน กลับทำให้จิตใจสบายขึ้น สงบขึ้น

กว่าจะถึงรถจิรัฐก็หิ้วของพะรุงพะรังจนคนไปด้วยต้องเอามาช่วยถือ ท่าทางคงตั้งใจฝากให้หมดทุกคน

“สรุปว่าคราวนี้... ต่างคนต่างเลี้ยงนะ คุณเลี้ยงผม ผมก็เลี้ยงคุณ” ภวิลเปิดประตูรถ “เอาส่วนของคุณมาลงบัญชีผมไว้แล้วกัน”

“แล้วมันไม่เหมือนต่างคนต่างมากินตรงไหนล่ะครับ” จิรัฐว่า ก๋วยเตี๋ยวบวกโอเลี้ยงราคาเท่ากัน เขาจะจ่ายของตัวเองหรืออีกฝ่ายจะจ่ายที่กินไปก็ไม่ต่าง

ภวิลเอาของไว้เบาะหลังก่อนจะขึ้นประจำที่นั่งคนขับ “ถ้าผมมากินเองก็... ได้กินจืดเหมือนเดิมน่ะสิ”

จิรัฐพึมพำอะไรสักอย่างกลับไปที่เขาก็ยังไม่แน่ใจ ส่วนอีกฝ่ายเพียงแต่อมยิ้มนิดๆ เท่านั้น

ขากลับทั้งคู่คุยกันเรื่องเทศกาลตลาดน้ำที่บ้านพระยา อันที่จริงจิรัฐก็คิดถึงเรื่องการนำโรงแรมเข้าตลาดหลักทรัพย์อยู่เหมือนกัน แต่ตัดสินใจว่าเขาต้องการเวลาศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ละเอียดก่อนจะคุยเรื่องนี้กับภวิล อีกฝ่ายถามอะไรมาเขาต้องตอบได้ ถ้ายังไม่มั่นใจถึงขั้นนั้น ก็คงยังไม่เอาเรื่องนี้ไปเสนอ

ภวิลจอดส่งเขาที่ท่าน้ำ บอกว่าจะเลยไปจัดการเรื่องที่บริษัทอสังหาฯ ของตัวเองซึ่งก็คงมีเรื่องเจ้าบ้านชื่อว่าบัวรวมอยู่เป็นสำคัญ คนขับเรือของโรงแรมมาช่วยจิรัฐถือถุงขนม และได้รับส่วนของตัวเองไปด้วย หน้าบานกันถ้วนหน้า

ภวิลกำลังจะออกรถ แต่พอดีสังเกตเห็นว่ายังเหลือถุงขนมอีกถุงอยู่ที่เบาะหลัง

เขาลดกระจกลงขยับจะบอก คนที่ยังไม่เดินไปขึ้นเรือก็เอ่ยยิ้มๆ “ถุงนั้น... ของคุณนะครับ ให้พระยาเลี้ยงทั้งที ก็ต้องทั้งคาวหวานถึงจะครบ”

พูดแค่นั้นก็เดินมุ่งไปท่าน้ำ ภวิลไม่รู้ว่าเขาทำหน้าอย่างไรจนเหลือบมองกระจกโดยไม่ตั้งใจ และพบว่าตัวเองกำลังยิ้ม... อยู่

หากสีหน้านั้นก็คลายลงเมื่อถอยรถออกสู่ถนนใหญ่ ขากลับเขาสังเกตคนนั่งข้างกันอยู่บ้าง พอได้กินกลางวันกินกาแฟอย่างที่อยากแล้วก็ดูสบายดีเป็นปกติ ไม่ได้มีท่าทางพะอืดพะอมหรือว่าปวดท้องอีก สรุปว่าคงเพราะหิวจริงๆ

คนรอบข้างที่จิรัฐข้องแวะเป็นประจำมีไม่มาก ดูท่าเจ้าตัวจะไว้ใจทุกคนดีเสียด้วย เขาเชื่อว่าถ้าให้จิรัฐนั่งคิดว่าใครบ้างมีเหตุผลพอจะอยากทำร้ายตัวเอง ให้ตายก็คิดไม่ออก

แต่มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากที่สุด มีแรงจูงใจสลับซับซ้อนที่สุด

เขาชักจะคิดไปไกล... ภวิลถอนใจพลางเคาะนิ้วลงกับพวงมาลัย ถ้าคิดอย่างคนไม่ระแวงระวังอะไร จนตอนนี้ก็ยังไม่มีมูลใดให้เชื่อมโยงว่าอุบัติเหตุสองครั้งซ้อนที่บ้านหลังนั้นเป็นมากกว่าเหตุบังเอิญ เขาแค่ยัง... สลัดความกังวลใจออกไปไม่ได้

ภวิลไม่เชื่อเรื่องลางสังหรณ์ ไม่เชื่อเรื่องลางบอกเหตุ แต่เขาเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง

อันที่จริง... นอกจากสัญชาตญาณจะเตือนให้เราระวังภัยเพื่อการอยู่รอดแล้ว ยังเตือนให้ปกป้องสิ่งที่คิดว่าสำคัญ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ AprilSnow ยังมีอีกปมที่ทั้งสองคนต้องช่วยกันไขน่ะค่ะ อิจฉาจังบ้านคงบรรยากาศดีมากเลยเนอะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ yeyong ถูก พอลงแนวมีปริศนาปั๊บไม่พระเอกก็นายเอกจะต้องรับอีกบทพ่วงไปด้วยคือเป็นนักสืบ 55
คุณ malula อันนี้ก็... ฝากติดตามต่อด้วยแล้วกันนะคะ เหะๆ
คุณลูกลิงตัวอ้วน ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาค่ะ พยายามปั่นอยู่ค่า
คุณ janamanza ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามค่ะ ยังมีเบาะแสสำคัญอยู่อีกนิดหน่อยแล้วปริศนาคงสมบูรณ์มากขึ้น จะพยายามปั่นนะคะ
คุณ @Iriz ถ้าไม่พยายามพัฒนาความรู้สึกกันไปเรื่อยๆ เริ่มจากตอนนี้คนเขียนกลัวมันจะยังไม่รักกัน 555 ลำบากนะไม่ได้เขียนเรื่องที่ใจความหลักเป็นรักเลยเนี่ย
คุณ berlyn ไม่ต้องกลัวนะคะอ่านต่อได้สบายค่า ไม่น่ากลัว ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ PetitDragon ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ไม่รู้มันจะหวานกันได้แค่ไหนสิเนอะดูอุปนิสัยแล้วเนี่ย 55 คนเขียนจะพยายามค่ะ
คุณ luvsin โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวค่ะ อ่านแล้วนอนได้สบายเล้ย
คุณ Cherry Red ความจริงเรื่องยูเราต้องเคลียร์กันอีกทีตอนหลัง ว่าอุบัติเหตุจริง หรือมีเงื่อนงำอย่างอื่นอีก ส่วนสองตัวเอกก็... พัฒนาความสัมพันธ์กันพร้อมเบาะแสที่เพิ่มขึ้นต่อไป...
คุณ pattybluet จริงๆ ค่ะ แต่ขอพูดอีกทีว่า คนเขียนกลัวจริงว่าถ้ายูยังอยู่ มันจะกลายเป็นรักสามเส้าพี่น้องโดยจีเป็นคนกลาง กร๊าก มีแต่คนสงสัยลุงชงนะเนี่ย คนอื่นก็น่าสงสัยน้า
คุณ Mookkun ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ ฝากตอนต่อด้วยนะคะ
คุณ mellowshroom ขอบคุณมากที่ชอบค่า ฝากตามต่อด้วยนะคะ
คุณ Pupay งานยุ่งไม่เป็นไร เห็นเมนต์ก็ดีใจ 555 ความฝันของจี มี 'อะไร' จริงๆ แหละค่ะ ต้องฝากอ่านต่อไป... ขอบคุณที่จิ้นว่าพี่วินหล่อ เพราะเรื่องนี้คนเขียนบรรยายรูปร่างหน้าตาน้อยถึงน้อยมาก 55 อยากปล่อยให้จิ้น กอดตอบค่า
คุณ myd3ar อันนี้ก็ต้องฝากตามต่อไป อิอิ ขอบคุณที่อ่านนะคะ
คุณ j4c9y คุณภวิลแกว่ามี... ต้องปล่อยแกตามเรื่องต่อไป...
คุณ BeeRY ขอบคุณที่แวะไปอ่านพวกขนสั้นด้วยค่ะ เรื่องนี้ดราม่ากว่า แหะๆ สยองขวัญเลยเหรอ กรี๊ด ไม่ขนาดนั้นน้า ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้สองคนค่า
คุณ namngern ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ คือคนเขียนไม่ทิ้งไว้แน่นอนค่า แต่ว่าอาจจะมาไม่ถี่มากๆๆ น้า แต่จะพยายามไม่ให้สั้น และจะพยายามปั่นให้เร็วค่ะ
คุณ Ipatza ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ จริงๆ แล้วก็มีคนน่าสงสัยหลายคนนะเรื่องนี้ ฝากตามต่อด้วยนะคะ

โอ้ยทักษ์ บทน้อยนิด (แต่จำเป็นมหาศาล) ส่วนสองคนนั่นเขาก็ได้เบาะแสเพิ่มเติมกันไปอีกขั้น บทนี้เบาๆ (มั้ย) เพราะอาจมีเรื่องหนักรออยู่ในอนาคต (อ้าว)

ปล. คุณผู้อ่านที่รัก... ถึงเรื่องนี้มันจะออกลึกลับอยู่ประมาณนึง แต่มันไม่ใช่แนวน่ากลัวหรอกนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าได้กลัวไป เอิ๊ก

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านเช่นเคยค่า
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงตัวอ้วน ที่ 30-03-2012 15:25:57
มาแล้ว ๆ
ยังไม่ได้อ่านเลย ขอมาแสดงตัวก่อนครับ

- อ่านแล้ว -

บ้านหลังนี้มีอะไรกันแน่นะ น่าสนใจครับ

อยากให้มาต่อเสียทุกวัน นิยาย ดี ๆ ภาษางาม ๆ เนื้อเรื่องเป็นเหตุเป็นผล
อ่านแล้วคล้อยตาม เดี๋ยวนี้หาอ่านได้ยากจริง ๆ ครับ
มาช้าไม่ว่ากันครับ แต่อย่าหายไปนานก็พอครับ คิดถึง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-03-2012 15:43:33
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้  สนุกค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 30-03-2012 17:39:06
แอบสวีทนะตอนนี้ :give2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-03-2012 17:48:39
แค่ปรุงก๋วยเตี๋ยวให้กันมันก็ไม่ธรรมดาแล้ว กันเอ๊งกันเอง จริง ๆ นะ
อย่าบอกนะว่ามีผู้ร้ายแอบแฝงอยู่ในบ้านพระยา ใคร???
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-03-2012 18:30:12
แบบว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกำลังพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
อคติลดลงฮวบฮาบ จะแปรเปลี่ยนเป็นความรักเมื่อไหร่ จะติดตามต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 30-03-2012 19:19:01
โอ๊ย.....อยากไปอัมพวาขึ้นมาซะอย่างงั้น!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 30-03-2012 21:46:30

จ้าาา แค่คนแต่งไม่หายไปไหน
ก็ดีใจแล้วละคะ (:
ว่าแต่ .. เรื่องนี้มันลึกลับซะจริง.
เล่นเอาเดาไม่ค่อยถูกเลยว่าจะไปทางไหน
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
+ เป็ดให้น้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 30-03-2012 22:54:08
 :L2:อืมอ่านตามทันแล้วดีใจจังอิอิ :mc4: :mc4:

แล้วจะรอตอนต่อไปนะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 30-03-2012 23:28:27
มาแล้ววว  :mc4:
เม้นก่อนแล้วไปอ่าน มัวจับแมลงก้นกระดก  :sad4:
พี่วินต้องหล่ออยู่ละค่ะ ส่วนน้องจิเนี่ยจินตนาการว่าหน้าสวยๆตัวบางๆไปเรียบร้อยละ  :laugh:

 :pig4: ที่มาอัพนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 31-03-2012 07:44:55
เงื่อนงำเริ่มมีมาให้สืบหาความจริงเพิ่มมากขึ้น ท่าทางภวิลจะปวารณาตัวเองเป็นนักสืบในชุดสูทของนักธุรกิจเสียแล้ว กลิ่นอายความรักกรุ่นกระจายไปทั้งเรื่อง ชวนให้ติดตามเช่นเดิม
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 31-03-2012 11:54:50
ช่างเป็นบ้านที่ลึกลับมาก

สนิทกันมากขึ้นไปอีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Sherbet:)* ที่ 01-04-2012 20:12:33
อ่านไปอ่านมาเริ่มเหมือนเรื่องสยองขวัญ 5555
รู้สึกปมเริ่มเยอะ โดยเฉพาะตอนฝัน
ผีมาชัวร์ 55555
แต่พาร์ทล่าสุดมีโมเม้นอบอุ่นดีแฮะ
ตอนแรกนึกว่าจะหาอารมณ์แบบนี้ไม่ได้เสียแล้ว

รอตอนต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้เสมอ
: ))

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-04-2012 05:22:09
คู่นี้ ถ้าจะเรียกว่า 'ค่อยๆ รัก' จะได้มั๊ย? หวานได้ทีละนิดๆ

สู้ๆนะครับ ยังคงรอคอยตอนหวานๆ อยู่น้าาา  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 02-04-2012 07:25:52
ทักออกตัวแรงมากเลย
สงสัยไม่แคล้วคุ่กับพี่อาร์มสะละ
แล้วเรื่องนี้จะเป้นยังไงต่อไป
มีเงือนงำอะไรกันแน่นะ เกี่ยวกับบ้านหลังนั้น
ตั้งแต่เราอ่านมาเรายังไม่เอีะใจอะไรเลย
จนพระเอกเรา สงสัยเรื่องอุบัติเหตุอะ
เราก้ยังคิดตามไม่ออกว่ามันจะมีคนร้ายหรอ555+
แต่ก็นะ
ไหนๆพระเอกเราก็คิดว่ามีคนร้ายมันก็ต้องมี
งั้นก็คิดๆเพื่อไปละกัน อะหิอะหิ
ไงก็มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 02-04-2012 20:31:33
อ่านเรื่องนี้ตอนหลังชักชอบเก็บมานั่งคิดเล็กคิดน้อย เดาไปต่างๆนาๆ



ตอนนี้ ..มีเบาะแสแล้วก็กลิ่นไอความหวานโชยมาแผ่วเบา ถึงมันจะยังไม่มากก็เหอะนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 02-04-2012 21:09:56
หืม? เรื่องของยูยังไม่เคลียร์อีกเหรอค่ะ ? ช่างลึกลับ ซับซ้อน ไม่ปล่อยผ่านง่าย ๆ เลยเนอะ 
แต่เราคงไม่พยายามคิดตามแล้วล่ะ ซ่อนเงื่อนเหลือเกิน ขอรอลุ้นปริศนาฆาตกรรม(?)นี้อย่างเดียวดีกว่า  :m23:
ส่วนที่ไม่ต้องลุ้น(เหรอ?) มีแต่จะดีวัน ดีคืน ก็ความสัมพันธ์ของคุณภวิล-น้องจี
ตอนนี้มีไปเที่ยวตลาดน้ำ นั่งกินก๋วยเตี๋ยว เดินซื้อข้าวซื้อของด้วยกัน นี่มัน "เดท"ชัด ๆ ( แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่แรกก็ตามที )
พอเรื่องไม่เข้าใจผ่านพ้นไป คู่นี้ก็ปรากฏเคมีที่แสนจะลงตัว ค่อย ๆ ซึมซับตัวตนของกันและกันที่ละเล็ก ที่ละน้อย  :oni1:   
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 02-04-2012 22:44:56
ดีจัง ได้เบาะแสเพิ่มมาอีกนิดดดนึงละ แถมทั้งสองคนก็หวาน(?)ขึ้นมาอีกนิดดดนึงเหมือนกัน  :o8:
ปล.ถึงนิยายแนวนี้จะเขียนลำบาก แต่คุณเดหลีเขียนออกมาดีมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 02-04-2012 22:56:35
กะให้อ่านแล้วเชอร์ล็อค โฮมส์หรอค่ะปริศนาหยั่งงี้
อ่านพาร์ทแล้วรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคน 2 คน
พัฒนาไปอีกขั้นถึงจะนิดหน่อยแต่มันก็น่ารักดีนะค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-04-2012 06:27:34
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 8] 30 มี.ค. 55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 03-04-2012 14:37:13
แอบกุ๊กกิ๊กเล็กๆ อิอิ แหม... อยากให้พี่วินหัวปักหัวปำจัง :laugh:
ตอนนี้ชักจะสงสัยเรื่องบ้านจริงๆซะแล้ว ดูโยงใยพัวพันกันยังไงอยู่
รอติดตามนะคะ แล้วก็บวกจ้าาา :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 14-04-2012 23:25:44
บทที่ 9

หมอกขาวลอยอวลอยู่รอบกาย ชายหนุ่มสืบเท้าก้าวช้าๆ ราวมีจุดมุ่งหมายทั้งๆ ที่มองอะไรแทบไม่เห็น พื้นหญ้าฉ่ำชื้นด้วยน้ำค้าง บอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศ หรือเพราะความเย็นเยือกเกาะกุมจิตใจที่พาให้รู้สึกหนาวจนเข้ากระดูก

เขาลองยกแขนเมื่อพบว่าเคลื่อนไหวได้ช้าลงทั้งยังอึดอัดแปลกๆ แต่กลับมีแรงต้านเกิดขึ้น บรรยากาศแปรเปลี่ยน พลิ้วไหวลางเลือนเหมือน... มองผ่านม่านน้ำ
 
ที่เท้าเหยียบอยู่ไม่ใช่หญ้านุ่มเย็นอีกต่อไป กลับเป็นโคลนดำเหนียวหนืดฉุดรั้งจนก้าวเท้าไม่ขึ้น เขาเหลียวไปรอบๆ ใจดิ่งวูบเมื่อพลันระลึก...
 
... แท้จริงแล้วคือก้นบึง...


จิรัฐลุกพรวดขึ้นทั้งที่ยังจับภาพรอบข้างไม่ค่อยได้ แขนกวาดไปโดนกองแฟ้มกับเอกสารบนโต๊ะร่วงลงกระจายเต็มพื้น เสียงดังโครมครามจากของหล่นบวกความเจ็บแปลบที่ข้อมือกระแทกโดนขอบโต๊ะทำให้คืนสติเต็มที่ สายตาปะเข้ากับตู้ไม้คุ้นตาด้านข้างทำให้แน่ใจ... ตอนนี้อยู่ในห้องทำงาน

... ก็ไม่ควรจะเป็นที่อื่นอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เข้ามาเมื่อเช้า เขาก็ยังไม่ได้ออกจากห้องเลย แล้วทำไมเมื่อครู่...

เสียงเคาะประตูดังขึ้น จิรัฐพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ “...เชิญครับ”

ธรรมนูญถือแฟ้มงานเข้ามา ความจริงให้ใครในแผนกเอามาก็ได้ แต่บางแฟ้มเกี่ยวข้องกับการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่จิรัฐอาจอยากถามให้กระจ่างเลย

เห็นรุ่นน้องค่อยๆ นั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ท่าทางเหนื่อยๆ ก็เห็นใจ จิรัฐทำงานหนักมาตลอด แต่อันที่จริงเพิ่งมีระยะหลังที่ออกอาการอิดโรยให้เห็น ขัดกับคำพูดท่าทางสบายๆ ไม่ว่าจะกำลังคุยกับผู้ถือหุ้นที่เคยบังคับเทคโอเวอร์หรือแค่พูดถึงคนคนนั้นก็ตามที ทำให้ธรรมนูญรู้สึกเชื่อยากชอบกลว่าความเครียดความกดดันค่อยบรรเทาไปแล้วจริงๆ หรือว่ารุ่นน้องเพียงกำลังบังคับตัวเองให้เป็นอย่างนั้นเพื่อจะได้ทุ่มเทความสนใจให้กับงานได้เต็มร้อยกันแน่

เขาตัดสินใจเอ่ยถึงคนที่โทษว่าเป็นต้นเหตุแห่งความเครียดของรุ่นน้องให้น้อยที่สุด ยกเว้นแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

“เหงื่อแตกเชียว ร้อนเหรอ” ธรรมนูญวางแฟ้มที่ถือมาลงบนโต๊ะก่อนก้มเก็บเอกสารบนพื้นขึ้นให้เรียบร้อย “หน้าต่างก็เปิด... แต่พักนี้มันก็ร้อนขึ้นจริงๆ นั่นแหละ”

จิรัฐเหลียวมองข้างหลังเล็กน้อย แดดยามบ่ายลอดผ่านม่านบางเข้ามาเป็นลำ ภายนอกสว่างจ้าจนแทบต้องป้องตาถ้ามองออกไปตรงๆ

... ไม่มีวี่แววของหมอกขาวที่เขาเห็นสักนิด

เห็น... ใช่ เขาคิดว่าเห็น ความรู้สึกเมื่อครู่ไม่เหมือนฝัน แต่ถ้าไม่ใช่ฝัน จะเป็นอะไรเล่า... ในเมื่อเสื้อผ้าแห้งสนิท และยังนั่งอยู่ในห้องทำงานจนถึงเดี๋ยวนี้

แวบหนึ่งที่จิรัฐคิดถึงน้ำเสียงราบเรียบที่กลับอบอุ่นได้อย่างเหลือเชื่อยามปลอบโยน
 
“... แค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง”

เขานึกอยากได้คำยืนยันอีกสักครั้ง...

“ฝันน่ะ... บางครั้งก็เหมือนจริง”

จิรัฐถอนใจ รวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับแฟ้มงานที่ผู้จัดการการเงินเอามาให้ จนอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น

“เออ... เคาะประตูตั้งนาน เกือบจะนึกว่าจีแอบหลับไปเสียแล้ว ว่าไม่ได้ บ่ายๆ อย่างนี้พี่ก็ง่วง เดี๋ยวต้องไปกินกาแฟเสียหน่อย”

“พอพี่อาร์มเคาะ ผมก็บอกให้เข้ามาเลยนี่”

“ใช่ที่ไหน...” ธรรมนูญว่า นึกขำหน้าตาตื่นๆ ของรุ่นน้อง “ทำงานเพลินหรือหลับเพลินจนไม่ได้ยินกันแน่”

“... ขอโทษครับ” อาการยกสองมือลูบหน้ายิ่งทำให้คนมองลงข้อสรุปว่าเพิ่งตื่นแน่ชัด

“กลางวันกินเยอะล่ะสิ” ธรรมนูญหัวเราะ หลังเหตุการณ์ที่ทำให้เสียเพื่อนไปแล้วจิรัฐก็ยิ้มยากเหลือเกิน เขานึกถึงรอยยิ้มสว่างอย่างเมื่อตอนยังอยู่มหาวิทยาลัย “ฝีมือเชฟเรามันก็ดีวันดีคืน...”

รุ่นน้องเงียบไปนานจนธรรมนูญเอะใจ “นี่อย่าบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว บ่ายแล้วนะ”

จิรัฐยังงงๆ ปนตกใจไม่หาย ไม่น่าเชื่อว่าตอนที่ ‘ฝัน’ นั้นถึงกับไม่ได้ยินเสียงจากความ ‘จริง’ เขาเป็นคนรู้สึกตัวไวมาตลอด นิดหน่อยก็ตื่นแล้ว แต่เมื่อครั้งต้องใช้ห้องเดียวกับภวิลและ ‘ฝัน’ อีกฝ่ายก็ทำท่าเหมือนปลุกเขายากเย็นเช่นกัน ทั้งที่ปกติแค่เรียกหรือแตะตัวก็พอ

เมื่อเช้าเขาเข้ามาทำงาน อ่านเซ็นเอกสารและร่างแผนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเตรียมเสนอผู้บริหารใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นหรือ สำหรับคนอื่นมองมาอาจไม่ใช่เรื่องแปลกกับแค่งีบนิดงีบหน่อยช่วงสายแล้วตื่นมาทำงานต่อด้วยสมองปลอดโปรงขึ้น แต่จิรัฐรู้ตัวดี เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน

... มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่...

“พักนี้กินไม่ค่อยลงพี่อาร์ม ปวดๆ ท้องไงไม่รู้”

“ก็เพราะไม่กินสิถึงปวด” ธรรมนูญพับแฟ้มงานเก็บ “ไปคุยต่อที่ห้องอาหารแล้วกัน...”

จิรัฐเดินตามไป คิ้วขมวดมุ่น ตอนบิดข้อมือหมุนกุญแจล็อกห้องเจ็บตรงที่กระแทกถูกขอบโต๊ะเมื่อสักครู่ขึ้นมาอีก แต่เขากลับนึกถึงคนที่เพิ่งตื่นแล้วต้องหยิกตัวเองให้แน่ใจ

อย่างน้อย ก็รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่ในความจริง...


ภวิลก้าวเข้าบ้านพระยาก็มองหาตัว ‘เจ้ามือ’ เมื่อวานก่อน เหมือนจะติดเป็นนิสัยไปเสียแล้วเวลาเข้ามาที่นี่ บ่ายอย่างนี้ปกติต้องอยู่ที่ห้องทำงาน แต่ห้องทำงานเล็กล็อกกุญแจ ห้องใหญ่ก็ว่างเปล่า เขาเดินผ่านโถงหน้าทะลุผ่านห้องอาหาร หมายใจว่าอาจจะอยู่ในห้องสมุด

แต่ก็เจอก่อนหน้านั้น... ห้องอาหารค่อนข้างโล่งด้วยความจริงตอนนี้เป็นเวลาน้ำชา แขกที่มาใช้บริการในช่วงนี้นั่งอยู่โซนใกล้สระบัวกันหมด บางส่วนโดยเฉพาะชาวต่างชาติก็เขยิบออกไปนั่งรับแดดภายนอกเสียเลย พอเดินเข้าไปจึงเห็นคนสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งขวาของประตูได้ถนัด

คนหนึ่งเพิ่งกำลังจะกินข้าว ส่วนอีกคนดูยังไงก็กินกาแฟยืดเวลาชัดๆ

ภวิลเดินตรงไปหา และไม่ต้องรอให้มีใครออกปากเชิญก็นั่งลงแล้ว

ธรรมนูญชะงักค้างกึ่งกลางประโยค สายตายังจับรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงข้าม เรื่องภวิลทำตามใจ อยากนั่งก็นั่งนั้นไม่แปลก แต่จิรัฐดูจะไม่ว่าอะไรนี่สิ เขาคาดหวังวี่แววไม่พอใจบ้างกับการถือวิสาสะแบบนี้ ดูอย่างวันแรกที่ต้องร่วมโต๊ะกับผู้บริหารคนใหม่รุ่นน้องยังพยายามเลี่ยงทั้งทำท่าเต็มกลืน ตอนนี้เขาเลยพาลคิดไปว่าที่เฉยๆ อยู่เพราะเก็บความรู้สึกฝืนใจได้เงียบเชียบ และห่วงว่ายิ่งกดไว้จะยิ่งเครียดไปกันใหญ่

แต่อย่างน้อยถ้าภวิลยินยอมเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในอนาคตเรื่องที่จะกระจายหุ้นออกก็มีทางเป็นไปได้

ธรรมนูญไม่คิดว่านักธุรกิจอย่างภวิลจะดึงดันถือหุ้นไว้เพียงเพื่อควบคุมที่นี่ในเมื่อถ้าขายอาจจะได้กำไรมากกว่า ถึงจิรัฐจะเคยพัวพันกับเรื่องของน้องชาย แต่เขาก็อนุมานเอาว่าภวิลไม่มีอะไรที่จะยึดโยงว่าจิรัฐต้องรับผิดชอบ... ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งบังเหียนเอาไว้ในเมื่อโครงการที่ทำเงินได้มากกว่าโรงแรมบูติกแบบนี้ตั้งหลายเท่ายังรอให้ไปบริหารอยู่มากมาย

และเมื่อรุ่นน้องขอให้ออกจากห้องก่อนที่โรงพยาบาล ธรรมนูญยังรู้สึกว่าอะไรที่ต้องรู้ ภวิลคงหาทางรู้จนหมดแล้ว

... ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไปใหญ่...

เขาเห็นภวิลหันหาคนยังกินข้าว กวาดตาขึ้นลงรวดเร็ว... เร็วเกินคนถูกมองจะทันสังเกต และเร็วจนเขาไม่คิดว่าคนทำจะรู้ตัวเองเสียด้วยซ้ำ

ธรรมนูญขมวดคิ้ว เพราะถ้าเป็นคนอื่น เป็นเพื่อนหรือญาติ เขาคงคิดว่ามองด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงตอนนี้สีหน้าจิรัฐก็ยังไม่ค่อยสบายและออกจะซีดอยู่มาก

ไม่ทันได้นึกอะไรต่อภวิลก็หันมาคุยเรื่องงานกับเขา และคุยต่อเนื่องชนิดที่ธรรมนูญไม่สามารถแบ่งแยกสมาธิคิดเรื่องอื่นได้อีกจนกระทั่งจิรัฐกินข้าวเสร็จ แต่ดูจากที่มองมาผู้จัดการการเงินก็นึกรู้ในใจว่าอีกฝ่ายคงอยากให้เขาไปเต็มที
 
ธรรมนูญเอ่ยขอตัวหลังจากนั้นไม่นานเพราะเข้าใจว่าคงง่ายกว่าหากจิรัฐจะคุยกับผู้บริหารใหญ่เรื่องสำคัญสำหรับอนาคตเบื้องหน้าของบริษัทอย่างเข้าตลาดหลักทรัพย์ตามลำพังก่อนโดยไม่มีพนักงานคนใดอยู่ด้วย เขามองรุ่นน้องแล้วแลเลยไปยังแฟ้มที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ

ในความคิดเขา เรื่องนี้ทำเร็วเท่าไรยิ่งดี

ประโยคแรกจากปากภวิลเมื่อผู้จัดการการเงินเดินออกไปแล้วคือ “ทำไมเพิ่งกินข้าวป่านนี้”

“... ผมลืมเวลา” เป็นคำตอบปลอดภัยที่สุดที่จิรัฐจะให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องพูดว่า ‘หลับจนไม่รู้ว่าพักกลางวันแล้ว’ หรือไม่ก็ ‘ฝันว่าลงไปอยู่ก้นบึงกว่าจะตื่นก็บ่าย’ ซึ่งรู้นิสัยอีกคนต้องซัก และเขาก็ไม่มีคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลเสียด้วย

“พูดเองตั้งแต่วันแรก... คนเรายังไงก็ต้องกินข้าว”

“... จำแม่น” จิรัฐเลียนคำพูดอีกฝ่ายที่ตลาดน้ำไม่มีผิดเพี้ยน ส่งผลให้คนเชิญตัวเองมานั่งด้วยแต่แรกหัวเราะนิด แต่ประโยคถัดไปยังจริงจังตามวิสัย

“เห็นสีหน้าไม่ค่อยดี ปวดหัวอีกหรือ”

“เปล่าครับ” จิรัฐตอบ ก่อนจะถามขึ้นเพื่อให้พ้นจากเรื่องนี้เสีย “เรื่องที่คุณตา... บอกว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นชื่อเหมือนคุณหญิงยายทวดผม เราควรจะเอารูปท่านให้ดูหรือเปล่า จะได้แน่ใจว่าไม่ใช่คนเดียวกันจริงๆ”

“ผมทำแล้ว... ให้คนไปบ้านนั้นแต่เช้า”

จิรัฐหันมองอย่างประหลาดใจ เขาไม่ได้แปลกใจที่ภวิลคิดถึงเรื่องนี้ก่อน และไม่ได้แปลกใจที่บ้านวิรัชภาคย์มีรูปคุณหญิงโชติการพาณิช แต่ไม่นึกว่าจะจัดการทุกอย่างรวดเร็วเพียงนี้ นี่คงเป็นสิ่งที่ภวิลอยากทำเป็นอย่างสุดท้ายให้น้อง เพื่อที่ว่าหากขายหุ้นออกแล้วจะได้เดินจากไปอย่างไม่มีเรื่องค้างคาอะไรต่อกัน

“ลูกน้องผมก็บอก... คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอก ได้ความอยู่อย่างเดียว ตาบอกว่าป้าบัวของแกน่ะสวยกว่าในรูปนี่อีก... แต่มาคิดๆ ดู ก็ระบุอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะรูปถ่ายทั้งเก่าทั้งซีด เห็นหน้าคุณยายทวดคุณไม่ค่อยชัด ถ่ายตอนท่านเริ่มมีอายุแล้วด้วย... เป็นไปได้ว่าแกเคยเจอตัวจริงสมัยสาวๆ และฝังใจว่าสวยกว่าที่เห็นในรูป”

“คุณยายทวดผมถือว่างามหาตัวจับยากแล้ว” จิรัฐบอก จากที่เคยได้ยินมา เขาสงสัยว่าในหมู่สตรีทรงโฉมจนโจษจันในสมัยนั้น จะมีใครเทียมคุณหญิงโชติการพาณิชได้

ภวิลมองแล้วว่า “ผมเชื่อ”

“ครับ?”

“ก็ดูจากคุณ... แม่คุณ ท่านยังงามสมวัยอยู่มาก”

จิรัฐถอนใจ “เลยไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมเท่าไหร่”

“ผมว่าจะเชิญคุณย่ามาทานข้าวที่นี่เร็วๆ นี้ จะได้คุยกับท่านพร้อมกันไปเลย”

จิรัฐพยักหน้า เขาไม่แน่ใจว่าภวิลจงใจเลี่ยงเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญกับคุณรงรองมารดาน้องชายรวมทั้งบิดาของตัวเองถ้าไปบ้านวิรัชภาคย์หรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ต้องการจะเป็นผู้กวนตะกอนในจิตใจของพวกท่านให้ขุ่นขึ้นมาโดยไม่จำเป็นเช่นเดียวกัน

ภวิลเหลือบมองแฟ้มบนโต๊ะ ถามเรื่อยๆ “คุณเอางานมาอ่านตอนกินข้าวด้วยหรือ นี่เรื่องอะไร”

จิรัฐรู้สึกว่าเวลาที่ต้องพูดเรื่องนี้มาถึงเร็วกว่าที่คิด ความจริงเขาก็เตรียมตัวศึกษาหาข้อมูลมาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าต้องคุยตอนนี้ก็คง... ไม่เป็นไร

“คือ... มันน่าจะดีสำหรับบ้านพระยาในหลายด้าน ถ้าเราลองคิดถึงการเข้าตลาดหลักทรัพย์ไว้บ้าง”

พูดไปแล้วเขาแทบกลั้นใจ ภวิลยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่เต็มสมบูรณ์ มติของ ‘ที่ประชุมผู้ถือหุ้น’ ตอนนี้ แท้จริงก็คือมติของคนตรงหน้านี่เอง

ถ้าไม่เห็นด้วย... ทุกอย่างก็ดำเนินการต่อไม่ได้จริงๆ

ภวิลนิ่งไปนาน ก่อนจะพูดเสียงเรียบจนเดาอารมณ์ไม่ออก “เรื่องนี้เองที่คุณคิดอยู่กับผู้จัดการ”

“ผมเป็นต้นคิด” จิรัฐบอกตามตรง เพราะที่ผู้จัดการการเงินเคยเสนอนั้นคือจะให้บริษัทอื่นเข้ามาขอซื้อหุ้นไปจากผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อคานอำนาจดื้อๆ เลยต่างหาก

“คุณคงอยากให้ผมออกไปมาก”

อีกครั้งที่น้ำเสียงราบเรียบจนติดจะเฉยชาไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่คล้ายคนพูดเพียงบ่งบอกความรู้สึกออกมา และจิรัฐก็รีบแก้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาคงไม่สนใจ

“เปล่า! คุณก็รู้นี่ว่าถึงจะทำแบบนั้นมันก็ไม่กระทบสัดส่วนการถือหุ้นถ้าคุณไม่ขาย ผมก็... ไม่ได้บอกว่าคุณต้องขาย” เขานิ่งไปนิดก่อนเสริมเสียงเบา “... ทันที”

ที่พูดอย่างนั้นก็เพราะแน่ใจ ภวิลไม่อยู่นาน ต้องมีสักวันที่ไป โดยที่ความ ‘อยาก’ หรือ ‘ไม่อยาก’ ของเขาไม่มีบทบาทเลยสักนิดเดียว ถ้ามีวันหนึ่งที่ภวิลเลือกจะขายหุ้นให้ใคร เงินทุนมาจากประชาชนที่ซื้อ ก็ยังดีกว่าไปกระจุกอยู่ในมือบริษัทข้ามชาติเพียงสองสามแห่ง ลำพังเขาไม่มีเงินทุนหนาพอจะซื้อคืนมาเองได้อยู่แล้ว
 
“จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ขั้นแรกต้องทำอะไร”

จิรัฐรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถามทดสอบความรู้เขาแน่ แต่ก็ยังตอบ “แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน...”

“ใช่ ต้องจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ คุณไม่ว่าอะไรหรือที่คนภายนอกจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ ‘ธุรกิจในครอบครัว’ คุณมากขนาดนี้”

จิรัฐมองคนพูด เขาไม่คิดว่าภวิลต้องเดือดร้อน ในเมื่อจริงๆ แล้ววินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ก็ไม่เสียประโยชน์ทางธุรกิจ จริงอยู่ในอนาคตสัดส่วนการถือหุ้นอาจจะลดลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่กระทบสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดหากต้องการจะคงไว้จริงๆ และถ้าไม่ต้องการจะถือครองไว้แล้วยิ่งง่าย

“ผมก็คิดไว้ในระยะยาว... ถ้าจะระดมทุนเพิ่มแล้ว... คุณอยากออกไปสักวัน จะได้ไม่ลำบาก ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา พูดตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะขายหุ้นในตลาดได้พรุ่งนี้เลยนี่ครับ ก็แค่... เตรียมไว้ก่อนเท่านั้นเอง”

ภวิลรู้ดีว่าอีกฝ่าย ‘เตรียม’ อะไร ก็วันแรกที่เข้ามาเขายังคิดเลยไม่ใช่หรือว่าไม่ได้ตั้งใจจะเกี่ยวข้องอยู่นาน ถ้าพูดกันในเชิงธุรกิจแล้วเขาไม่มีเหตุผลจะค้าน และไม่แปลกด้วยที่จิรัฐจะหาแหล่งเงินทุนระยะยาวเสริมเอาไว้

เขาเข้าใจทุกอย่าง เพียงแต่ตอนนี้... ‘จุดคุ้มทุน’ ของเขาคงต่างไปแล้วจริงๆ

“ผมว่าเรายัง... ไม่พร้อม”

“เหตุผลครับ”

จิรัฐดูไม่แปลกใจเท่าใดที่เขายังไม่ยอม แต่แน่นอนว่าเขาต้องมีเหตุผลที่ดีพอ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงเสียความเชื่อถือที่ภวิลรู้สึกว่าเพิ่งจะได้มาในระยะหลังไปโข เขาเค้นสมองคิด ธุรกิจของเศรษฐสุทธ์ไม่เหมือนฝั่งเขา เครือของวิรัชภาคย์นั้นไม่จำเป็นต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะไม่มีความเร่งด่วนในการระดมทุน ทายาทรุ่นต่อมาทั้งพ่อทั้งเขามั่นใจพอว่าจะพาทุกอย่างไปรอดโดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง ‘ผู้ทรงคุณวุฒิ’ จากภายนอก แถมยังมีญาติคนอื่นหนุนไว้อีก

แต่อย่างจิรัฐว่าไปแล้วก็เหลือตัวคนเดียว เขารู้ว่าจิรัฐต้องคิดถึงการรักษาบ้านพระยาเอาไว้เป็นสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นข้อด้อยอื่นๆ ของการเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อย่างต้องเปิดเผยผลการดำเนินงานหรือว่ายินยอมให้มีการตรวจสอบต่างๆ เป็นเรื่องรองลงไป

ภวิลรีบพูด “หุ้นกระจายออกง่ายมาก เผื่อมีคนอื่นมากว้านซื้อไปล่ะ”

จิรัฐขมวดคิ้วมองเขา และภวิลก็เพิ่งรู้ว่าที่พูดไปน่ะมันเข้าตัวชัดๆ ตอนแรกเขาก็ทำแบบนี้แม้จะยังไม่ได้เข้าตลาดเลยไม่ใช่หรือไง
 
“กำหนดสัดส่วนก่อนได้นี่ครับว่าจะกระจายออกเท่าไหร่”

เป็นอันตกไป... ภวิลนึกขึ้นได้อีกอย่าง ถ้าอันนี้ยังไม่ได้เขาก็เริ่มคิดไม่ออกแล้ว

“ระยะนี้ตลาดกับเศรษฐกิจผันผวนมาก กลายเป็นว่ามูลค่าธุรกิจคุณมันจะไปผูกติดอยู่กับตลาด โดยที่ไม่เกี่ยวกับความเป็นจริงของธุรกิจเลยก็ได้”

จิรัฐนิ่งไปนิด ก่อนจะยอมรับว่าจุดนี้เขาคงต้องไปศึกษาเพิ่มเพื่อหาช่วงเวลาเหมาะสมที่ควรดำเนินการ ภวิลลอบถอนใจ แต่อีกฝ่ายก็ว่า

“ยังไงคุณก็อย่าเพิ่งโยนเรื่องนี้ลงถังขยะนะครับ ไว้ถ้าอีกหน่อย... จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ให้เป็นหนึ่งในทางเลือกก็แล้วกัน”

ภวิลรู้ว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’ ที่จิรัฐพูดถึงคือการที่เขาถอนหุ้นออก หรือคิดจะขายนั่นเอง เขาพยักหน้า

ทั้งที่ในใจก็รู้ ที่ว่ายังไม่พร้อมนั้นไม่ใช่เพียงบริษัท แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก เขาไม่อาจยอมให้กระบวนการแปรสภาพเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้างและต้องยุ่งเกี่ยวกับคนอีกมากมายเกิดขึ้นตอนนี้ ในเมื่อต้องการแน่ใจว่าเหตุการณ์ที่บ้านหลังนั้นไม่มีความเชื่อมโยงกัน เป็นเพียงอุบัติเหตุอันหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลยกับคนรอบข้างจิรัฐ เพราะถ้าไม่ใช่ นั่นหมายความว่าอาจเกิดเรื่องซ้ำเดิมขึ้นอีก

... และจะให้แน่ใจได้ เขาก็ต้องจำกัดวงทุกอย่างลงให้แคบและควบคุมตัวแปรแวดล้อมให้ยังคงสภาพเดิมมากที่สุด การเข้าตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้รังแต่จะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น

นี่คือเหตุผลที่ภวิลบอกตัวเอง แต่อีกอย่างที่ไม่มีเหตุผลเลยก็คือ เมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายไล่ เขาน้อยใจวูบ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นถ้าเรื่องนี้เป็นเพียงความรับผิดชอบอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้ลุล่วง

ภวิลสั่นศีรษะ เรื่องบางเรื่องก็อธิบายได้ยากจริงๆ


ธรรมนูญเดินมุ่งหน้ากลับห้องทำงานตัวเอง หลังลุกจากโต๊ะแล้วเขาก็แวะไปคุยกับแผนกอื่นเรื่องงานนิดหน่อย แต่ก่อนถึงห้องตัวเองก็ต้องชะงัก

รุ่นน้องโผเผออกมาจากห้องน้ำ อาการยกมือปิดปากกับหยดน้ำที่ยังเกาะพราวบนใบหน้าทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น เขายืนนิ่ง รู้ดีว่าจิรัฐไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น มองอีกฝ่ายขยับจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินลงบันไดไปช้าๆ คงตัดสินใจกลับเร็วสักวัน

ธรรมนูญเปลี่ยนจุดหมายมาเคาะห้องทำงาน ‘ต้นเหตุ’ แทน เปิดเข้าไปทันทีเมื่อได้ยินเสียง “เชิญ”

ภวิลเงยหน้าขึ้นจากรายงานที่กำลังอ่าน ขมวดคิ้วนิดเมื่อเห็นเป็นผู้จัดการการเงิน ธรรมนูญก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง โพล่งขึ้น

“คุณไม่สงสารเขาบ้างหรือ”

คนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะทำงานค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ธรรมนูญสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมสติ
 
“ถ้าเดาไม่ผิด คุณคงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้เอาโรงแรมเข้าตลาดหลักทรัพย์”

“คุณไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดเรื่องนี้กับผมนะ คุณธรรมนูญ” ภวิลพูดเสียงเย็น และในเวลาอื่นธรรมนูญก็คงจะเกรงอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธเสียแล้ว จึงไม่ทันเห็นด้วยว่าถ้าภวิลคัดค้านข้อเสนอนี้แบบปิดประตูตาย ก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งอ่านแฟ้มรายงานที่จิรัฐทำหรอก

“ผมก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน ถึงมันจะแค่กระผีกเดียวเมื่อเทียบกับของคุณก็เถอะ คุณก็รู้ว่าจิรัฐทำงานหนัก ทำทุกอย่างเพื่อบ้านหลังนี้ที่เขารัก จะต้องให้ป่วยให้ตายไปก่อนหรือคุณถึงจะนึกเห็นใจบ้าง แค่นี้เขาก็เครียดจนอาเจียนแล้ว”

“อะไรนะ”

“ตอนนี้คงกลับไปพักที่บ้าน แต่ดีขึ้นมันก็ชั่วครั้งชั่วคราว ผมถึงถามว่าคุณไม่สงสารเขาบ้างหรือ... จิรัฐต้องปวดหัวปวดท้อง อาเจียนอยู่อย่างนี้ ไม่หายหรอก เพราะสาเหตุยังไม่ไปไหน”

ภวิลนิ่งอึ้ง นึกถึงตอนที่จิรัฐปวดหัวจนเดินตกสระ ปวดท้องก่อนไปตลาดน้ำ ฝันร้าย... ทั้งหมดเพราะเครียด และที่เครียดก็เพราะ... เขา

ใจหนึ่งอยากปฏิเสธไม่เชื่อเรื่องนี้ เท่ากับว่าความพยายามที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า ที่เขายืนยันจะอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์แบบที่บ้านหลังนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกมันไร้ประโยชน์ทั้งนั้น เพราะตัวเขาเองนี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอันตรายต่อคนที่คิดว่าต้องรับผิดชอบปกป้องความปลอดภัย

แต่อีกใจหนึ่งก็รู้... ตลอดเวลาที่ธรรมนูญดูไม่มีปากเสียงนั้นเพราะไม่อยากให้กระทบถึงจิรัฐ นี่คงอดรนทนเไม่ไหวแล้วถึงได้พูดออกมา ลักษณะไม่ได้กลัวตัวเองจะถูกไล่ออกเลยสักนิดเดียว

และลองไม่ห่วงตัวเองเสียแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหกเลย

ธรรมนูญเห็นสีหน้าคนยืนตรงข้าม และนึกรู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่สังเกตว่าจิรัฐเริ่มป่วยไข้และเป็นมากขึ้นในระยะหลัง เขาโทษภวิล เพราะลำพังงานหนักไม่เป็นปัญหาสำหรับจิรัฐ ถ้าเป็นงานที่รักแล้วรุ่นน้องทำทุกอย่างด้วยความสุข อายุก็เพิ่งยี่สิบสี่เท่านั้นเอง ถึงเหนื่อยก็เหนื่อยธรรมดา ไม่ได้ออกอาการเพลียเหมือนจะพับได้อย่างบางวันในตอนนี้ สรุปได้อย่างเดียวว่าเป็นสาเหตุทางด้านจิตใจ

“จิรัฐจะบอกผมเอง” ภวิลพูด พยายามบังคับเสียงให้ราบเรียบที่สุด “เขาพูดกับผมได้”

“คุณจะให้จีไล่คุณหรือไง ให้พูดหรือว่ายิ่งคุณอยู่เขาก็ยิ่งไม่สบายใจ... เชื่อผมเถอะ จีเขามารยาทดีเกินกว่าจะทำอย่างนั้น ที่คุณเข้ามาบริหารน่ะมันทำให้แขกมากขึ้นจริง กำไรดี โบนัสให้พนักงานก็ดี จีเป็นคนแบบนี้ ใครทำประโยชน์ให้บ้านเขาก็ถือเป็นบุญคุณหมด เพราะฉะนั้นถึงอยากให้คุณไปเขาคงไม่ออกปากหรอก”

ภวิลนิ่งเป็นคำรบสอง จนธรรมนูญทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“อย่างน้อย... เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีของน้องชายคุณมาโดยตลอด ถ้าไม่เห็นแก่เขา ก็เห็นแก่น้องคุณบ้างก็ได้”

ภวิลเม้มปากแน่น ธรรมนูญออกจากห้องไปแล้วเขาก็ยังยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนยกหูโทรศัพท์ขึ้น

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 14-04-2012 23:35:15
บทที่ 9 (ต่อ)

วันรุ่งขึ้นจิรัฐจอดรถที่ประจำก่อนออกเดินมุ่งไปท่าน้ำ หลังนอนยาวไปตื่นเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก เรียกว่าอาการเมื่อวานแทบจะเป็นปลิดทิ้ง จนเหลือบเห็นรถคันดำเจ้ากรรมอีกครั้ง

คราวนี้ภวิลมองมาราวกลัวเขาจะเดินเลย แถมยังพูด “ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาใช่มั้ย”

จิรัฐพยักหน้า เขาแทบกินสามมื้อที่ทำงาน และภวิลก็น่าจะรู้ว่าปกติมื้อเช้าเขาก็กินที่บ้านพระยานั่นแหละ อีกฝ่ายผงกศีรษะนิดอย่างพอใจในคำตอบพลางปลดล็อกรถ

“นี่เราจะไปไหนกันครับ”

“โรงพยาบาล”

“ใครเป็นอะไรหรือเปล่า” จิรัฐออกตกใจ แวบหนึ่งเขานึกถึงคุณยาย เพราะเป็นคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับทั้งเขาและภวิล

“ยัง... แค่จะไปเช็คให้แน่ว่าคุณไม่เป็นอะไร”

มือที่กำลังจะเปิดประตูขึ้นนั่งชะงัก “ผมไม่เป็นไร”

“ก็บอกว่าเช็คเฉยๆ”

“ก็เห็นนี่ว่าสบายดี”

“ถ้าคุณไม่ไปผมก็จะ...”

“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกล่ะ”

“ไม่มีหรอก... ก็แค่จะบอกว่า ถ้ายังอยากอยู่กับบ้านกับคนที่คุณรักไปนานๆ น่ะก็ใส่ใจสุขภาพตัวเองเสียบ้าง เริ่มต้นด้วยการไปตรวจกับผมวันนี้แหละ”

เงียบกันไปนิด ก่อนจิรัฐจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งโดยไม่พูดอะไรอีก ภวิลมองอีกฝ่ายอย่างสังเกตสังกา แต่เขาไม่คิดว่าจิรัฐโกรธ ไม่พอใจ หรืออะไรก็ตามที่จะเป็นสาเหตุแห่งความเครียดที่ต้องนั่งรถไปกับเขา

ขับไปได้หน่อยภวิลก็พูดอย่างระมัดระวัง “ผมคิดว่าถ้าบ้านพระยาค่อยๆ โตในอัตราขนาดนี้ ยังไม่ต้องเร่งระดมทุนเพิ่ม”

“ครับ” จิรัฐก็รับคำท่าทางปกติ

“ผมหมายถึง... คุณยังไม่ต้องเครียด... ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทุนหรอก ปีนี้กำไรดี เรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แค่รอไปอีกหน่อยเท่านั้นเอง”

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ” จิรัฐบอกแล้วยังยิ้มให้อีกนิดด้วย ก่อนเอนหลังพิงเบาะมองตรงไปข้างหน้า ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่เครียดจนลงกระเพาะเลย

อันที่จริงเมื่อวานที่เขาเห็นกับตาชัดๆ ก็เพียงแต่หน้าซีดไปหน่อย อาจจะเหนื่อย ร้อน หิว คืนก่อนนอนไม่พอ สารพัดเหตุผล ซึ่งว่าไปก็ไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร แต่ภวิลก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผู้จัดการการเงินจะกุเรื่องรุ่นน้องคลื่นไส้อาเจียนแม้เพียงเพื่อให้เขาออกไปพ้นจากชีวิตจิรัฐก็ตามที


จิรัฐก้าวเข้าไปในส่วนต้อนรับผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียงอย่างไม่ค่อยจะสบายใจ เขาไม่เคยชอบโรงพยาบาล หลายคนอาจจะได้มารับน้องใหม่หรือญาติที่หายแล้วกลับบ้าน ซึ่งล้วนเป็นความทรงจำที่มีความสุข แต่แม้จะตกแต่งไว้งดงามเพียงใด กลิ่นยาและแอลกอฮอล์เจือจางก็ยังผสานแทรกมาเป็นระยะ ว่ากันว่ากลิ่นเป็นตัวกระตุ้นความทรงจำที่ดีที่สุด ตอนที่เขาพาเพื่อนไปห้องฉุกเฉิน กลิ่นแบบนี้ก็...

ภวิลหันมาเห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีของคนพามาก็รีบบอก

“ไม่ต้องห่วง คนนี้ผมไว้ใจ เขาเก่ง”

จิรัฐมองป้าย อักษรสีดำเด่นชัดบนพื้นขาวสะอาดตา... แพทย์หญิงมทนา ไกรสารสรพงศ์

ความจริงเขาไม่ควรจะแปลกใจที่ภวิลเลือกพามาหาคุณหมอคู่หมั้น จะมีใครที่ ‘ไว้ใจ’ ได้ยิ่งไปกว่าคนที่กำลังจะแต่งงานกัน

เขาถอนใจเบาๆ เมื่อพนักงานต้อนรับยกมือไหว้ภวิลอย่างนอบน้อมและ... เคยคุ้นด้วยคงมาบ่อย ก่อนนางพยาบาลจะเชิญวัดความดัน

เจาะเลือดความจริงให้นางพยาบาลเจาะต่อเลยก็ได้ แต่ภวิลเจ้ากี้เจ้าการจะให้หมอเจาะ ก็เลยต้องอพยพกันเข้ามาในห้องหมอทั้งหมด มทนาทักทายคนพามาอย่างสนิทสนม ก่อนจะเผื่อแผ่รอยยิ้มที่ทำให้จิรัฐต้องยิ้มตอบออกไปมาด้วย

หมอชวนคุยโน่นคุยนี่ แต่จิรัฐรู้ว่าเป็นการซักประวัติกลายๆ เขาก็ตอบทุกอย่าง ภวิลนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนมทนาจะเตรียมเจาะเลือด

“ไม่กลัวเข็มนะคะ...” เธอว่า ยิ้มอีกราวจะบอกให้สบายใจ

จิรัฐส่ายหน้า เพียงครู่เดียวก็เสร็จ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” คุณหมอบอก เหลือบมอง ‘เจ้าของไข้’ นิดหนึ่ง

“ให้หมัดเจาะน่ะดีแล้ว ไม่ค่อยเจ็บ” ภวิลเอ่ยคล้ายจะอธิบาย เหตุก็คงมาจากน้องอีกตามเคย เพราะกฤตวัตเกลียดเข็มอย่างกับอะไร

“จ้า...” มทนากดสำลีลงที่แผลเบาๆ ก่อนปิดทับด้วยสก็อตเทปที่ใช้กับผ้าพันแผลก่อนตรวจเบื้องต้นตามปกติ หลังจากนั้นจิรัฐก็ต้องเข้าห้องโน้นออกแล็บนี้จนเหลือจะจำว่าตรวจอะไรไปแล้วบ้าง ก่อนผลทั้งหมดจะกลับมาที่ห้องหมอ เขาเดินผ่านก็เห็นภวิลออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์กินกาแฟข้างนอกเฉยในขณะที่หมอทำงานอยู่ในห้องไป จิรัฐกระซิบถามพยาบาล

“ทำไมตรวจเยอะนักล่ะครับ”

“คุณหมอสั่งทุกอย่างเลยนี่คะ” เธอตอบ

จิรัฐพอจะรู้อยู่บ้างว่าตรวจร่างกายธรรมดาไม่มีทางที่หมอจะต้องระบุขนาดนี้ แต่อาจเป็นแบบตรวจละเอียดเป็นพิเศษของโรงพยาบาลก็ได้

พอฟังผลก็ได้ยินแต่คำว่า “ปกติ” กับ “อยู่ในเกณฑ์ดี” กางฟิล์มเอ็กซเรย์ออกก็ “ปกติดี” จนเขาอยากจะย้ำกับคนพามาว่านี่มันผลของคนสุขภาพดีชัดๆ มีแต่ผลเลือดเท่านั้นที่มทนาบอกว่า

“เม็ดเลือดขาวสูงนิด... เดียว อาจจะเป็นเพราะเครียดก็ได้ ส่วนที่ปวดหัวนี่ดูเหมือนจะไม่ได้ถึงขนาดรบกวนชีวิตประจำวัน ก็รับยาอย่างที่เคยทานอยู่ไม่มีปัญหา ปวดท้องน่าจะโรคกระเพาะเบื้องต้น เดี๋ยวพี่สั่งยาให้” เธอแทนตัวเองอย่างเป็นกันเอง คงเพราะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของน้องชายคู่หมาย แล้วก็ทำงานอยู่กับคู่หมายที่ว่าด้วย “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็อย่าเครียด กินอาหารให้ตรงเวลา พักผ่อนให้พอ ทั่วๆ ไปแหละค่ะ”

“... อย่าเครียด” จิรัฐพึมพำ

แปลกที่มทนาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ความจริงเขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเครียดอะไรเป็นพิเศษมาสักพักแล้ว ปวดหัวเรื่องธรรมดา ปวดท้องมีบ้างก็เพราะกินข้าวสายไปหน่อยแค่ไม่กี่วัน ไม่น่าจะมีอะไรจนกระทั่งเขาอาเจียนเมื่อวาน แต่หมอว่าคลื่นไส้แบบนี้ก็โรคกระเพาะเหมือนกัน กินยากันก่อนอาหารก็ไม่ควรเป็นอีก

“... มีเรื่องให้เครียดเหรอคะ”

“ก็... บ้างครับ”       

“หุ้นส่วนพาเครียดหรือเปล่า”

“หมัด...” ภวิลส่งเสียงปราม มทนาหัวเราะ

“เอาอย่างนี้ ต้องเจาะเลือดคนไข้ของพี่คงยังไม่ได้ทานของเช้ามา หิวแย่แล้ว ไปรับยาแล้วไปทานข้าวด้วยกันดีกว่าค่ะ”

จิรัฐปฏิเสธไม่ทัน ส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าสองคนควรจะได้ไปทานกันตามลำพัง แต่ภวิลลิ่วไปจ่ายค่ายาก่อนแล้วนำไปที่จอดรถ เขาจะปลีกตัวไปก็ไม่มีโอกาส จนกระทั่งออกจากลิฟต์แล้วภวิลชะลอฝีเท้าลงไปเดินคู่กับคุณหมอ เขาก็จงใจทิ้งห่างคิดว่าคงมีเรื่องอยากคุย

ไม่รู้เลยว่ามีแต่เรื่องตัวเองล้วนๆ

“... วินก็เห็นผลออกมาปกติดี วินจะเอาละเอียด... หมัดก็ให้ทำทุกอย่าง นี่ตรวจทุกชิ้นส่วนที่ตรวจได้ในร่างกายมนุษย์เลยนะ”

“แล้วมันเพราะเครียดแค่นั้น? คนทำงานก็ต้องมีเรื่องเครียดเป็นธรรมดา เอาเลือดหมัดเลือดเราไปตรวจผลอาจจะออกมาไม่ต่างกันเท่าไหร่”

“มันก็ใช่... แต่เริ่มแสดงอาการทางร่างกายนี่แสดงว่าสะสมมาระยะหนึ่งแล้ว นอนไม่สนิทด้วย... ที่หมัดบอกว่าอย่าเครียดเพราะทุกอาการที่เป็นอยู่นี่ถ้าเครียดก็แย่ลงอีกได้ทั้งนั้นแหละ”

ภวิลนิ่งไป สรุปแล้วก็เพราะว่าเครียดจริงๆ สรุปแล้วก็เป็นเพราะ...

... การที่เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวใช่หรือเปล่า

“วินก็ให้ไปพักร้อนบ้าง... ใช้งานเขาหนักล่ะสิ” มทนาว่า

จิรัฐอดชำเลืองมองไปข้างหลังไม่ได้ ขนาดคุยกับคู่หมั้นคู่หมายชายหนุ่มยังแทบไม่ยิ้ม แต่คุณหมอก็ดูจะชินเสียแล้ว เขาหยุดยืนรอ ว่าจะขอตัวกลับเองก่อน

“ไปรถหมัดนะ มีสติกเกอร์จอด” มทนาว่า 

“ขับให้” ภวิลว่า มทนาก็ล้วงกระเป๋าส่งกุญแจให้โดยดี

จิรัฐรีบพูด “ผมว่าจะ...”

“เชิญเลยค่ะ” มทนาเปิดประตูรถตัวเองให้เขาก่อนจะขึ้นไปนั่งหน้าคู่คนขับ และจิรัฐก็เกรงใจเกินกว่าจะบอกปัดอีกครั้ง เลยลงเอยด้วยการต้องนั่งติดไปด้วยข้างหลัง

เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้โดยสารกับคนขับจะคุยกันได้สะดวกกว่า ส่วนใหญ่คุณหมอเป็นคนพูด ในขณะที่คนขับอือออราวพะวงเรื่องอื่นในใจ มทนาหันมาชวนเขาคุยเป็นระยะเช่นกันตามวิสัยคนอัธยาศัยดี

พอถึงก็เข้าร้านได้ทันทีเพราะมีบริการจอดรถให้ เป็นร้านอาหารฝรั่ง ต่างคนต่างสั่งของตัวเองไป ไม่ทันไรมทนาก็เอ่ยชื่นชมบ้านพระยา แล้วยังว่า

“เห็นกลางคืนตอนที่ไปงานวันเกิดคุณย่า พี่ชอบมาก... ถ้าแต่งงานนะยังนึกอยากจัดงานที่นั่นคงดี ได้ไหมคะ”

จิรัฐยิ้ม พยักหน้า และตอบว่ายินดี ทั้งที่รู้สึกประหลาดชอบกล แต่จะคิดอะไรมาก บ้านของเขาก็ใช้เป็นที่จัดงานมงคลออกบ่อยไป
 
“วินว่าไง” มทนาถามเพื่อนขำๆ เพราะในความเข้าใจของเธอภวิลร่วมบริหารจัดการที่นั่นอยู่ ก็เท่ากับดูแลสถานที่อยู่เหมือนกัน ท่าทางคงไม่วางมือเร็วๆ นี้แน่

“ตามใจสิ” เป็นคำตอบสั้นๆ ก่อนจะว่า “เจ้าบ่าวอยู่ไหนล่ะ”

มทนาหัวเราะ และช่วยไม่ได้ที่จะดูเหมือนการหยอกล้อระหว่างคู่ที่คบกันมานานและรู้จักกันดี ในเมื่อใครๆ ก็รับรู้ว่าแพทย์สาวคนเก่งทายาทเครือโรงพยาบาลกับชายหนุ่มเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีธุรกิจของครอบครัวอยู่ในมืออีกเป็นกระบุงเป็นคู่หมายกันตั้งแต่ไหนแต่ไร เจ้าบ่าวของมทนา ไกรสารสรพงศ์คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้

จิรัฐก้มมองจานพยายามจดจ่อกับอาหาร ในขณะรู้สึกเป็นส่วนเกินนิดๆ แต่แล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องธุรกิจ และกลายเป็นเรื่องนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างไรไม่รู้ มทนาหันไปตื่นเต้นกับรถของหวานที่เต็มไปด้วยขนมกับเค้กต่างๆ นานานิดหนึ่งก่อนจะเลือกมาชิ้น และกลับมาต่อบทสนทนาได้ไม่มีพลาด

“อย่างเครือโรงพยาบาลบ้านพี่ก็มีแผนจะกระจายหุ้นให้ประชาชนแล้วจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เหมือนกันนะ ได้เงินมาซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ พัฒนาโรงพยาบาลได้อีกเยอะ...”

“หมัดพูดอย่างกับกระจายหมด พนันกันไหมว่าคุณลุงยอมให้อยู่ในตลาดได้กี่หุ้น” แน่นอนว่าภวิลต้องขัด

“หมัดก็แค่จะบอกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจครอบครัวเท่านั้นเอง เข้าตลาดหลักทรัพย์มันกึ่งกลางระหว่างขายกิจการเอาตังค์เลยกับให้ในครอบครัวถือหุ้นอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เงินหนาอย่างวิรัชภาคย์นี่จ๊ะ”

“บ้านพระยาก็คง... ต้องเข้าสักวัน” ภวิลพูดเบาๆ สบตากับคนที่นั่งตรงข้ามกันแวบหนึ่งก่อนจิรัฐจะก้มหน้าลง

ถ้าพูดแบบนี้แล้ว ก้าวแรกที่จะนำไปสู่การปล่อยมือจากเรื่องทั้งหมดก็ใกล้เข้ามาทุกที

จิรัฐรู้ว่าครอบครัวของมทนามีโครงการลงทุนสร้างศูนย์วิจัยกับโรงพยาบาลใหม่อีก และรู้ว่าบิดาของมทนาและภวิลเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่มีอะไรเหมาะเกินกว่าใช้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของลูกชายหากโครงการนี้เกิดขึ้น และภวิลก็คงไม่มีเวลาเหลือพอให้โรงแรมบูติกเล็กๆ ที่เขาเคยซื้อไว้อีก

ทานเสร็จจิรัฐยังคิดว่าจะเอ่ยลาคุณหมอและให้ภวิลกลับไปส่งคู่หมั้นที่โรงพยาบาล แต่มทนาเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาเลยต้องรออยู่ข้างหน้าก่อน

ภวิลมองอีกฝ่ายหันไปรับถุงพูดจากับพนักงาน ต้องถาม “นี่ซื้อขนมฝากใครอีก”

จิรัฐส่งถุงใส่กล่องเค้กชิ้นน้อยหน้าตาจุ๋มจิ๋มให้ คนถามมองอย่างประหลาดใจ “... ผมไม่ค่อย...”

“ให้คุณให้คุณหมอ” จิรัฐว่า “ตอนรถของหวานมาเห็นชอบสองอย่างนี้แต่ก็เลือกไปอันหนึ่ง ชิ้นนี้เผื่อไว้ทานตอนบ่าย”

ภวิลย่นหัวคิ้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเกิดจะอยากทำหน้าที่คล้ายเลขาฯ อะไรขึ้นมาตอนนี้ในเมื่อมื้อที่ผ่านไปก็ไม่ใช่นัดเจรจาทางธุรกิจที่ต้องเอาใจภรรยาคู่ค้าเสียหน่อย ยังไม่ทันพูดอะไรผู้ช่วยตัวอย่างก็ว่า

“ไม่ต้องห่วง อันนี้ผมลงบัญชีคุณแน่”

“ไปไหน” ภวิลต้องเรียกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินไปดื้อๆ “เดี๋ยวไปส่งหมัดแล้วกลับด้วยกั...”

“ผมกลับเองจากที่นี่ดีกว่า” จิรัฐบอก คิดว่าคนเป็นคู่หมายกันทั่วโลกก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัวทั้งนั้น

“ไปด้วยกันนี่แหละ”

จิรัฐยังนิ่ง เขาต้องงัดไม้ตาย “ผมนัดคุณย่าไว้จะขับไปรับท่าน ไปด้วยกัน”

ในที่สุดอีกฝ่ายก็พยักหน้านิด พอดีกับมทนาเดินมาใกล้

ภวิลยื่นถุงขนมส่ง หมอก็รับงงๆ “ขอบใจวิน รู้ได้ไงอยากกินอันนี้ด้วย”

“โน่น คนโน้น เห็นหมัดดูไว้สองอย่าง” เขาว่า สายตายังจับอยู่ที่แผ่นหลังคนเดินลิ่วไปบอกพนักงานให้ถอยรถมาเทียบแล้ว

เสียงเพื่อนชื่นชมความช่างสังเกตละเอียดอ่อนและแสนจะมีน้ำใจของจิรัฐ ภวิลถอนใจ ตอนนี้งานอย่างสุดท้ายของเขา ก็มีเพียงพยายามติดต่อหาตัวเจ้าของบ้านเพื่อย้ายมาปลูกในที่บ้านพระยา โดยหวังว่าคุณย่าอาจจะให้ความกระจ่างในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณหญิงยายทวดบัวของจิรัฐได้บ้าง

เพราะสิ่งที่เขาติดใจสงสัยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เหมือนกันที่บ้านหลังเดียวกันในเวลาที่จิรัฐไปอยู่ที่นั่นทั้งสองครั้ง จนกลายเป็นห่วงไปถึงว่าแท้จริงจิรัฐกำลังไม่ปลอดภัยหรือไม่ ป่านนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสใดที่ชัดเจนอีก

ตอนแรกภวิลยึดโยงกับน้องเป็นที่ตั้ง บอกตัวเองว่าเพราะน้องรักเพื่อนคนนี้มาก อย่างน้อยเขาไม่สมควรปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอันตรายทั้งๆ ที่ช่วยได้ ต่อมาก็บอกตัวเองว่าเพราะอาจมีคนไม่หวังดี เพราะการบริหารบางอย่างยังไม่เข้าที่ เขาจึงต้องยังอยู่

แต่ที่เมื่อวานโทรนัดหมอ วันนี้ที่มารอแต่เช้า ที่กำชับให้ตรวจจนละเอียด ทำไมถึงยังยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ที่แท้ก็... ห่วงนั่นแหละ ห่วงเจ้าตัวเอง ห่วงโดยไม่ต้องอ้างใคร หรือสถานการณ์ใดๆ มาประกอบทั้งสิ้น

แต่ถ้าเขาเป็นสาเหตุ หรือแม้แต่หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้จิรัฐต้องป่วยอย่างทุกวันนี้ ก็คงไม่สามารถใช้เหตุผลใดแม้แต่ความห่วงใยเพื่ออยู่ต่อได้อีก

เขาไม่เกี่ยงว่าต้องไป แค่... ขอให้แน่ใจว่าในระยะเวลาที่ยังมีอยู่น้อยนิด ได้ทำทุกอย่างจนสุดความสามารถแล้วก็พอ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณลูกลิงตัวอ้วน ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ จะพยายามปั่นสุดความสามารถค่า
คุณ patee ขอบคุณมากค่า ฝากตอนต่อด้วยน้า
คุณ bulldog17 นิดดดนึง แต่เรื่องนี้คนเขียนเองยังรู้สึกเลยว่าของหวานหายาก บุคลิกอิคุณพระเอกล็อกมือไว้ (โทษเขาไปทั่ว)
คุณ malula ก็สนิทกันมากขึ้นบ้างไรบ้าง นั่นสิ มีผู้ร้ายในบ้านพระยาหรือเปล่า แล้วเขาคือใคร??? เด๋วก็รู้ :)
คุณ yeyong มาถึงบทที่เก้าก็ต้องก้าวหน้าสิเนอะ (ใช่เปล่าเนี่ย)
คุณ uknowvry 55 ตลาดน้ำเลยนะ
คุณ namngern มาแล้วนะคะ ขอบคุณมากสำหรับการติดตามและบวกค่า
คุณ ormn ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ฝากตอนต่อด้วยน้า
คุณ Pupay ขอบคุณมากสำหรับการติดตามค่า จริงๆ แล้วคนเขียนก็คิดว่าจีผอมนะ แต่เป็นพวกผอมแล้วแรงเยอะประมาณนั้น 55
คุณ AprilSnow เงื่อนมาอีกหน่อยแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะคะ
คุณ myd3ar บ้านนั้นลึกลับจริงๆ แหละ ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ Sherbet:)* สยองขวัญเลยนะ 55 (ดูตอนต้นบทที่ 9 ซะก่อน) แต่จริงๆ มันไม่เชิงผีหรอก ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ PetitDragon ค่อยๆ รักแต่รักแล้วรักเลยค่ะ กร๊าก อยากให้มันหวานๆ เหมือนกัน (ไม่ค่อยเลย) จะพยายามค่ะ ขอผ่านมรสุมลูกนี้ไปก่อน
คุณ Ipatza เรื่องทักษ์นี้ต้องดูกันต่อนิดนึงนะ ฮีออกจะเป็นตัวละครลับ อาจจะแบบ... เป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน (มั้ง อาจจะไม่ 55) พระเอกฮีก็ขี้สงสัย แค่คิดว่าอะไรมันจะประจวบเหมาะไม้ร่วงสองครั้งติด ต้องมีคนในบ้านด้วย และคนนั้นเผอิญเป็นนายเอกของเราด้วย แต่ไม่มีหลักฐานก็ชักนึกว่าตัวเองคิดไปเองละ (คิดไปเองจริงรึเปล่านั้นเด๋วก็รู้)
คุณ berlyn ยินดีค่ะ ลองเดาดู อิอิ (แล้วทำไมเรื่องนี้มันไม่ค่อยหวานเลยเนี่ย)
คุณ Cherry Red ความสัมพันธ์คู่นี้มันดีวันดีคืนจริงรึเปล่า กร๊าก คนเขียนก็ว่าเหมือนเดทนะตอนนั้น แต่เป็นเดทที่นายเอกออกตังค์เองเกือบหมดเลยนะ 55
คุณ @Iriz บทนี้ก็เบาะแสมาอีกหน่อยเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจนะคะ ปล. แอบเห็นแนะนำที่ทู้แนะนำนิยายด้วย ขอบคุณมากค่ะ ดีใจมากเลย
คุณ janamanza ไม่รู้จะถึงขั้นโฮล์มส์หรือเปล่าสินะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับการติดตาม
คุณ cavalli ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า
คุณ pattybluet เริ่มหัวปักหัวปำรึยางงง 555 ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามและบวกด้วยค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอาล่ะ... ใบ้คุณภวิล คุณตาพูดจริงนะ บทนี้จีดูป่วย แต่... บางทีก็ไม่ป่วย (อะไรเนี่ย)

สำหรับคนอ่าน มันยังไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติน้า ทุกอย่างมีเหตุผลอธิบายได้ แค่มีเรื่องในอดีตมาเกี่ยวพัน (บ้าง) เท่านั้นเองงง และเรื่องนี้ไม่ยาวมากค่ะ (แต่คนเขียนรู้สึกว่าตัวเองเขียนบทหนึ่งๆ ยาวเท่านั้นเอง กร๊าก) ทุกอย่างก็เริ่มงวดเข้ามาแล้วแหละ

ขอบคุณคนอ่านทุกๆ ท่านมากเลยค่า
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 14-04-2012 23:55:05
 :z13: จิ้มเบาๆ
พี่วินแอบคลุมเครืออ่ะ จิก็เครียดสิ  :laugh:
พี่วินอย่าเพิ่งไปเลยนะคะ จิยังไม่เคลียกะหลายปัญหาอยู่ดูแลกันก่อน
เชื่อว่าพี่วินไม่ใช่สาเหตุแน่ๆ เรื่องราวต่างๆในอดีตยังน่าติดตามตอนต่อไป  :กอด1:

 :pig4: นะคะ >,,<
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 15-04-2012 01:21:11
อร๊าก... อ่านแล้วบีบหัวใจ...เศร้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 15-04-2012 01:38:57
อืม
ยังคงไม่รุ็ใจตัวเองกันสินะ
ว่าเริ่มมีความผูกพันธ์กันแล้วอะ
รอไห้เกิดอะไรขึ้นมากว่านี้หน่อยละกัน
ลุ้นๆว่าจะเป้นยังไงเรื่องของ บ้านหลังนั้น
มาต่อเร็วๆเน้อ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 15-04-2012 03:50:23
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมักมาก o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-04-2012 04:13:17
ตอนนี้อ่านแล้วเครียดจัง  :z3:

กว่าจะได้รักกันคงอีกนานเลยหรือเปล่า?

เรารอได้ อิอิ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 15-04-2012 10:15:24
เดาตามความเข้าใจของตัวเองนะ เรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับคุณทวดของจีแน่นอน และคงมีใครสักคนอยู่ในบึงบัวนั้น

ปล.เดาเอานะจ๊ะ อย่าคิดมาก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2012 03:17:30
 :impress2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-04-2012 10:29:31
ต่างคนก็เหมือนจะเป็นห่วงอีกฝ่าย โดยไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ลึกๆลงไปคืออะไร
อ่านทีก็ถอนหายใจที
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 16-04-2012 14:42:19
 :กอด1:จี อ่านบทนี้แล้วแอบเครียด รู้สึกสงสารจียังไงก็ไม่รู้
ไหนจะฝันร้าย ไหนจะไม่สบาย ไหนจะต้องไปอยู่เป็นส่วนเกินของภวิลกับคุณหมออีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 16-04-2012 16:18:17
พี่ภวิลติดใจคนในบ้านพระยาใช่มั้ยล่ะ อิอิ

อย่างนั้นก็ดูแลดีๆ นะ เอาใจใส่เยอะๆ 555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-04-2012 18:00:51
ภวิลไม่อยากไปจากบ้านพระยาหรือไม่อยากไปจากเจ้าของบ้านกันแน่ อิอิ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kh02052537 ที่ 16-04-2012 19:32:53
พึ่งจะเข้ามาอ่านค่ะ น่าติดตามมากค่ะ หวังว่าจะไม่เป็นไรมากกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-04-2012 19:34:26
ตามมาจากที่นิยายแนะนำ   ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ตอนนี้เดาว่าจีโดนวางยา  และคนในครอบครัวของพระเอกคนหนึ่งน่าสงสัยมาก
ซึ่งน่าจะต้องมีคนในของจีร่วมด้วย  แต่จะเพราะอะไร  ไม่รู้อ่ะ 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 16-04-2012 22:45:43
รอปมค่อยๆคลายยย

หลายปมจนปวดหัวว 555
รอพระเอกนายเอกรักกันด้วย!!!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-04-2012 16:06:10
ขอบคุณจ้า
เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ 
ภวิลสู้ๆ  นะ  ไปหาคุณย่าน่าจะได้เบาะแสเพิ่มขึ้นอีก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 18-04-2012 02:53:45
ไม่เอาน้า วินอย่าพึ่งไปสิ ต่างคนก็ต่างมีความรู้สึกดีๆให้กัน แต่ก็ยังไม่รู้ใจตัวเอง จีเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว

ใต้สระบัวอาจมีอะไรที่จะนำไปสู่ความจริงก็ได้นะ เพราะจีฝันถึงสองครั้ง เขาอาจไม่พอใจที่ไปเปลี่ยนแปลงสภาพเดิม  ?
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 18-04-2012 05:26:57
เป็นเรื่องที่มีบรรยากาศสีเทาได้หม่นสุดๆ อ่านแล้วก็นั่งถอนหายใจไปพลางๆบอกตัวเองว่าเดี๋ยวก็คงรู้เรื่องเองละ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 18-04-2012 23:29:56
ตามมาจากห้องนิยายแนะนำค่ะ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ สนุกมากกกกกกกกกกกก  o13
หมดปมแรก ต่อปมที่สอง อ่านไปก็ลุ้นไป เหนื่อย  :เฮ้อ:
ปล. เราสงสัย........ เอ่อ ไม่อยากทาย เดี๋ยวผิด กร๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: UnLucky ที่ 19-04-2012 05:04:41
สนุกมากๆเลยค่ะ *ยิ้มหวาน*

อยากจะตบตัวเองจริงๆ ที่เพิ่งมาอ่านเอาวันนี้

แต่เราชอบที่เริ่มพัฒนาความรู้สึก ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บอยู่ๆก็รักกันเลย

พี่วินฉลาดมากเลยค่ะ แล้วก็เป็นคนมีเหตุผลดีมาก

ตอนแรกแอบนึกว่าจะเหมือนจำเลยรัก *หัวเราะ* แต่แบบนี้ก็สนุกมากๆเลยค่ะ

ตื่นมาตอนตีสอง อะไรไม่รู้ดลใจให้มาอ่าน แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการนั่งถ่างตาอ่าน

ลืมพูดถึงจี ชอบชื่อ 'จิรัฐ' มากเลย โดยส่วนตัวคิดว่ามันเพราะดี

เรารู้สึกเหมือนเรื่องนี้ย๊าวยาว ทั้งๆที่เพิ่งแค่เก้าตอน

สู้ๆค่ะ! *ชูสองนิ้ว*

ป.ล.พูดมากไปหน่อยคงไม่ว่ากันนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 19-04-2012 10:48:59
                    เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ เดาไม่ค่อยถูกเลยว่าเรื่องจะดำเนินไปในทางไหน แล้วภาษาที่เขียนก็ดีมาก อ่านแล้วชอบไปหมดเลย :-[ ความสัมพันธ์ยังเรื่อยๆแต่ก็ทำให้ลุ้้นได้ตลอดเลยนะคะ จากตอนแรกที่มาแบบไม่เป็นมิตร มาถึงตอนนี้ก็สนิทกันซะแล้ว แล้วก็เสียดายยูมากๆเลยค่ะ ไม่น่าตายไวเลย  เพื่อนที่ดีแบบนี้ใช่จะหากันได้ง่ายๆ เศร้าแทนจีจริงๆ  :sad11:
                    ตอนแรกนึกว่าเรื่องจะออกมาแนว แก้แค้น ดราม่า อะไรแบบนั้น แต่ไม่ใช่เลย ชอบที่พระเอกเป็นคนมีเหตุผล ฉลาด ทั้งยังใจดี อ่อนโยนแบบนี้ที่สุดเลยล่ะค่ะ  จีเองก็น่ารักมากๆเลยด้วย เข้าใจความรู้สึกของพระเอกที่อยากจะปกป้องจีเลย :กอด1: จริงๆคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าการที่พระเอกเข้ามาบริหารงานในบริษัทของจี ทั้งที่เหมือนจะมีเจตนาไม่ดีแต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นส่งผลดีต่อบริษัทซะอีก คุณพี่เก่งมากๆเลยค่ะ  o13
                    ส่วนปมต่อไปของเรื่อง ทั้งความฝันของจี ทั้งบ้านหลังนั้น มันต้องมีเรื่องอะไรเกี่ยวกันแน่ๆเลย ตอนเด็กๆจีโดนผลักตกน้ำรึเปล่านะ อิอิ เดาน่ะค่ะ ไม่รู้ถูกมั๊ย เรื่องนี้เดาทางไม่ค่อยออก น่าลุ้นมากๆ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคะขอติดตามเป็นแฟนเรื่องนี้อีกคน ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ :pig4:
                    ป.ล. ชอบคู่คุณเชฟกับคุณรุ่นพี่ด้วยค่ะ แต่ดูพี่แกจะทึ่มไปนิด..ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าคุณเชฟแอบรู้สึกอะไรอยู่(แอบน้อยใจอยู่นะ><)
                    ป.ล.2 ชอบฉากในห้องนอนมากค่ะ><///(ฮ่ะๆๆๆ :o8:)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 19-04-2012 14:25:22
เหตุใด...คุณคนเขียนจึงไม่มาต่อเรื่องนี้น้าาาาา

คนเขียนจ๋าาาา  รออยู่เน่อ!!

=======edit==========
เอ่อ...อะแฮ่มๆๆ  แหะๆๆๆ 
ผิดตอนจ้ะ  ขอโต้ดดดดดดด 
แบบว่าเซฟเพจไว้นานนนนนนแว้วววว 
อ่านอีกรอบแล้วคิดว่ายังไม่มาต่ออ่าาาา
  อิอิ  เขินจัง  ปล่อยไก่ตัวบักเอ้ก

ยังไงก็...มาบ่อยๆน้าาา
คิดถึงงง
 =======Edit=======
เหมือนเรื่องจะคลี่คลายไปได้นิดนึงแล้วนะ

น้องจิดูน่าสงสารขึ้นเป็นกองงง
รอดูฉากหวานแหววของคู่นี้จ้าาา(จะมีมั้ยอ้ะ? 555)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 19-04-2012 15:15:37
ฮิ้วววววว อยากแซวพี่วิน ฮ่าๆๆๆ หาเหตุผลนั่น นี่ นู่น ใหญ่เลยนะ :impress2:
แต่มาอ่านตอนท้ายๆ แหม พี่แกเหมือนแบบแอบๆน้อยใจ(?) แต่ดูๆไปนี่ คือแกคิดเอง เออเอง ตัดสินใจเองทั้งนั้นเลยนี่นา
 ปอลอ ชอบคำใบ้พี่วิน ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 9] 14 เม.ย. 55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 23-04-2012 03:50:17
ไม่มีอะไรน่าประหวั่นพรั่นพรึงได้เท่ากับความฝันที่เสมือนจริงของจีเลยจริง ๆ ( อ่านแล้วยังหนาวแทน  o21 )
ฝันที่เหมือนจริง = ภวังค์ = นิมิตร เหมือนจะเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติอีกแล้ว  :sad3:

ความสัมพันธ์ของ คุณภวิล-น้องจี ไม่ได้ก้าวหน้าอะไรเป็นพิเศษ ( ฉากรักแสนสวีท คงรออีกนาน  :m23:)
หากเป็นสายใยความผูกพันบาง ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นช้า ๆ แบบไม่รู้ตัว 
แม้ไม่อาจรู้สึกได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้เบาบางจนสามารถเพิกเฉย
แค่นี้คุณภวิลก็ไม่อยากจะปล่อยจีไปไหนแล้วล่ะ... :m1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 26-04-2012 10:33:20
บทที่ 10

ภวิลจอดรถที่เดิมแล้วดึงกุญแจคืนให้คุณหมอ ก่อนลงมทนายังขอบคุณเรื่องขนมจนจิรัฐตอบรับแทบไม่ทัน หญิงสาวเดินไปแล้วเขาหันมองคนที่ยืนอยู่ด้วย ภวิลยังว่าจะใครให้ก็เหมือนกัน จิรัฐได้แต่กลับไปขึ้นรถคันดำอย่างออกจะงงเล็กน้อยกับคำตอบ

นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้กลับไปที่บ้านวิรัชภาคย์หลังเกิดเรื่อง ถึงแม้ว่าคงไปเพียงรั้วบ้าน แต่จิรัฐก็อดประหม่าไม่ได้ เขามองออกนอกกระจกหน้าต่าง เส้นทางที่เคยคุ้นด้วยเมื่อก่อนไปบ่อย ต่างก็แค่... คนขับให้

ช่วงบ่ายแบบนี้รถไม่ค่อยมีภวิลจึงขับเร็วหน่อย แต่ก็ไม่ได้เร็วจนน่าอกสั่นขวัญแขวนอย่างเมื่อครั้งแรกที่เขาเป็นผู้โดยสาร ท้องฟ้าเป็นสีเทาบ้างน้ำเงินจัดบ้างเป็นหย่อมๆ ราวตกลงใจไม่ได้ว่าจะปล่อยแดดลอดลงมาหรือจะยอมให้เมฆกลั่นตัวเป็นหยดน้ำฝนเสียให้รู้แล้วรู้รอด

คนเป็นผู้โดยสารทอดสายตาไปไกลไม่ได้มองอะไรเป็นพิเศษ จนได้ยินเสียงเรียกแว่วๆ

“ครับ?” เขาขาน หันไปมองคนขับรอว่าจะพูดอะไร

“หืม?” ภวิลว่าทั้งตายังจับอยู่ที่ถนน

“ก็... เมื่อกี้เรียก”

“เปล่านี่”

จิรัฐนิ่งอึ้ง หันไปอีกทางไม่อยากให้ผิดสังเกต ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะถูกเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพอดีดึงความสนใจ ภวิลใส่หูฟังแล้วรับสาย 

“... คุณย่าออกมาแล้วหรือครับ... จะไปทำธุระก่อน? ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่นั่นเลยก็ได้ครับ”

จิรัฐนั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่างกัดริมฝีปาก นี่ทั้งตาทั้งหูเขานัดกันเพี้ยนหรือยังไง จู่ๆ ก็แว่วได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง เขาระบุไม่ได้แน่ชัดว่าเสียงใคร คล้ายใคร แต่เพราะในรถนี่มันมีแค่เขากับภวิลเท่านั้นก็เลย...

... ก่อนจะต้องหันมาเพราะเสียงพูดโทรศัพท์ที่แน่ใจว่าคราวนี้ ไม่ได้หูแว่วเองแน่นอน

“น้อง... ครับ อยู่ด้วยกันแล้ว จากนี่ก็น่าจะสัก... ครึ่งชั่วโมง... แล้วพบกันครับคุณย่า”

ภวิลวางหูโทรศัพท์แล้วหันมาเห็นคนนั่งข้างจ้องอยู่ก็เลิกคิ้วนิดหนึ่งเหมือนจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า จิรัฐรีบหันกลับไปอย่างเดิม

คุณยายคงถามถึงเขา ใช้คำแทนแบบนั้น... แต่หลานชายคนโตก็รับเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา

... คงเพราะเขาเป็นเพื่อนน้อง ก็เลยเป็นน้องตามไปด้วย

ภวิลเลี้ยวรถกลับทางเดิม ไม่ลืมอธิบายเหตุที่เปลี่ยนแผน ความจริงจากบทสนทนาทางโทรศัพท์จิรัฐก็พอจะเดาได้

คนขับหันมองผู้โดยสารที่ดูจะหลุดเข้าไปในภวังค์ส่วนตัวอีกแล้ว ทั้งที่ขาไปโรงพยาบาลก็ดูสบายใจกว่านี้ เขาลองพูด

“... ฟังวิทยุมั้ย”
 
จิรัฐเห็นแผงเครื่องเสียงหน้าตาซับซ้อนแล้วไม่อยากจะแตะโดยพลการ คนเสนอเลยจัดการเปิดแล้วหมุนหาคลื่นให้เสียเอง

“ปกติฟังอะไรล่ะ”

ภวิลละมือไปจับพวงมาลัยแต่วิทยุยังค้างอยู่ที่โฆษณา เพื่อไม่ให้เสียศรัทธาจิรัฐเลยเอื้อมไปขยับปุ่มต่อเบาๆ

เสียงจากลำโพงเปลี่ยนเป็นข่าวบ้างเพลงบ้างหลากหลายประเภท เสียงดีเจพูดสลับกับเสียงแขกรับเชิญ แต่ระหว่างเปลี่ยนสถานีนอกจากเสียงรบกวนตามปกติแล้วเขากลับได้ยินสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่น

... คล้ายคลื่นแทรก

แต่มันจะแทรกเป็นชื่อเขาได้ยังไง

จิรัฐสะดุ้งชักมือกลับ ภวิลคงนึกว่าหมุนถึงสถานีสุดท้ายแล้วเลยย้อนแต่แรกให้ คราวนี้ผู้โดยสารตะครุบลงบนนิ้วเจ้าของรถเข้าเต็มๆ อย่างไม่ทันระวัง ก่อนจะรีบพูด

“ไม่... ต้องเปิดก็ได้ครับ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

จิรัฐนั่งไม่เป็นสุขไปตลอดทาง โชคดีเหลือเกินที่นอกจากภวิลจะถามอะไรสัพเพเหระนิดหน่อยแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นอีกจนกระทั่งถึงบ้าน


ถัดจากห้องอาหารก่อนถึงห้องหนังสือเป็นห้องเล็กๆ จองไว้จัดเลี้ยงส่วนตัวได้ แต่วันนี้กันไว้ใช้รับรองคุณหญิงไพจิตรในมื้อบ่าย ไม่นานท่านก็มาถึง จิรัฐประหลาดใจไม่น้อยเมื่อพบว่าแม่มาด้วย

คุณยายรับไหว้เขาอย่างใจดีเช่นเคยก่อนบอกเป็นเชิงอธิบาย

“ยายแวะไปรับแม่เขาก่อน... เห็นว่าอยู่กับบ้านนานหลังออกจากโรงพยาบาล กลัวจะเบื่อ”

แม่ออกตัวแทนเขาว่าพักนี้งานคงยุ่งแต่ก็ยังกลับบ้านไปคุยด้วยทุกวัน แม่เองไม่อยากกวนเพราะเห็นท่าทางเหนื่อย จนคุณหญิงไพจิตรแวะไปหาถึงบ้าน จิรัฐได้แต่ขอบพระคุณท่านที่ยังนึกถึงทางฝั่งนี้อยู่เสมอ

นั่งกันเรียบร้อยแล้วคุณบุณฑริกก็ว่ายิ้มๆ “ไม่รู้จะบอกแม่เมื่อไหร่”

“ครับ?”

“ก็เรื่องที่พี่เขามีหุ้นอยู่ที่นี่ไงลูก ถ้าไม่ได้คุณน้าท่านแม่คงไม่รู้”

จิรัฐมองคุณหญิงไพจิตรอย่างออกจะตกใจ เมื่อท่านยิ้มน้อยๆ เปี่ยมความเมตตาให้เหมือนเดิมทั้งแม่ยังมีท่าทีปกติ เลยค่อยคลายกังวล ท่านคงบอกเพียงหลานชายคนโตซื้อหุ้น แต่ไม่ได้เอ่ยขนาดว่าอำนาจบริหารก็เปลี่ยนมือไปหาวิรัชภาคย์แล้ว

อันที่จริงเขานึกห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเพราะไม่แน่ว่าแม่อาจอยากเข้ามาที่บ้านและคุยกับพนักงานอย่างที่เคยทำแต่ก่อน แม่รู้จากคุณยายก็ยังดีกว่า ไว้หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อย แล้ว... ภวิลตกลงใจขายหุ้นออกจริงๆ เขาคงคุยกับแม่อีกที

คุณยายลูบแขนเขาเบาๆ อย่างอาทร

“จีเป็นไงบ้างลูก... ไม่ได้เห็นนานผอมลงตั้งเยอะ”

จิรัฐยิ้มบางแล้วบอกว่าสบายดี ไม่ทันเห็นว่าท่านเหลือบมองหลานชายคนโตนิดหนึ่ง

ภวิลกระแอม เขาซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบ้านพระยาไว้โดยไม่ได้บอกที่บ้านก็จริง แต่ไม่แปลกที่คุณย่าจะทราบ หูตาท่านกว้างไกล ทุกเรื่องในแวดวงธุรกิจก็อาบน้ำร้อนมาก่อนทั้งนั้น เรื่องที่เขารู้และใช้ทำงานอยู่ทุกวันนี้มาจากการสอนสั่งของท่านเกินครึ่ง

ความหมายของสายตาเมื่อครู่เขาเข้าใจดี คุณย่าย่อมดูออกว่าหลานไม่ได้ซื้อหุ้นที่นี่เพราะโอกาสในการทำกำไรอย่างเดียว ถ้าคิดว่าท่านสอนเขามากับมือแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ ศิษย์เอกจะตัดสินใจแบบนี้ แม้เป็นเงินบริษัทเขาเองและไม่เกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวโดยรวมก็ตาม

คุณย่ามองเขาราวจะเตือน... ทุกอย่างมีผลของมัน 

ที่เขาทำไปไม่เหมือนตอนน้องจะเอาเงินมาร่วมทุนที่นี่ เพราะครั้งนั้นคุณย่าทราบว่าหลานชายคนเล็กตั้งใจจริงที่จะช่วยเพื่อน ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นหลานอีกคนหนึ่งของท่าน ความคุ้มหรือไม่คุ้มไม่มีน้ำหนักกับกฤตวัตเท่าการต่อทุนให้งานของบ้านและเพื่อนที่รักยังดำเนินต่อไปได้

ที่คุณย่าไม่ทราบ... ก็คือตอนนี้เหตุผลของหลานชายคนโตอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วเช่นเดียวกัน

ของว่างที่เทียบเป็นแบบไทยๆ ทั้งช่อม่วงไส้ไก่สีสวยจากน้ำดอกอัญชัน ม้าฮ่อวางบนส้มโอ ขนมจีบ รวมทั้งของหวานต่างๆ เสียงคุณย่าชื่นชมว่าจีบตัวนกแบบนี้ไม่ได้เห็นตั้งนานแล้ว ภวิลมองจิรัฐยิ้มกับแม่กับคุณย่า ตักใส่จานแบ่งให้ท่านแล้วก็คลายใจที่ดูจะสบายดีอย่างที่บอกจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าควรจะเอ่ยเรื่องคุณยายทวดของจิรัฐอย่างไรในเมื่อหลานยายแท้ๆ ของท่านก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย

ยังไม่ทันจะนึกอะไรต่อเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ภวิลเอ่ยขอโทษแล้วออกไปคุยข้างนอก แต่เสียงยังลอดมาให้คนในห้องได้ยินก่อนประตูปิด

“... หมัดเหรอ ว่าไง...”

คุณบุณฑริกมองตามพลางอมยิ้ม “... เห็นหนุ่มสาวเขารักกันดีคนแก่อย่างเราก็พลอยกระชุ่มกระชวยไปด้วย...”

“แม่บุณฑริกแก่แล้วอย่างน้าจะเรียกอะไรล่ะ” คุณหญิงไพจิตรว่าแกมหัวเราะ หันมาถามชายหนุ่มคนเดียวในห้อง “ว่าแต่ จีมีแฟนแล้วเหรอลูก”

จิรัฐปฏิเสธ ส่วนแม่ก็จับต้นแขนเขาอย่างรักใคร่ก่อนบอก

“รายนี้ทำแต่งาน จะมีเวลาไปเจอใครที่ไหน... หลานวินกับคุณหมอน่ะค่ะ เห็นคบกันมานาน”

“เรื่องนี้ต้องถือคติ ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่... เราไม่ใช่คนที่จะอยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่า เขาอยากอยู่กับใคร ก็ต้องเลือกเอง” คุณยายพูดเนิบๆ ตามวิสัยท่าน

แม่พยักหน้า ยิ้มอย่างเห็นพ้อง
 
โบราณช่างเปรียบ เลือกคู่เหมือนเลือกอยู่บ้าน ก็เพราะต้องฝากทั้งตัวทั้งใจไว้พักพิงนานแสนนาน คนอื่นเลือกให้เห็นว่าดีอย่างไร จะเหมาะเหมือนเจ้าตัวดูเองเป็นไม่มี

คุณยายยังว่าอย่างหลานชายคนโต... ใครบังคับอะไรได้ที่ไหน จิรัฐได้แต่ฟังเงียบๆ

คนแบบนั้น ถ้าเลือกแล้วก็คง... ไม่เปลี่ยนใจ

ภวิลกลับเข้ามาในห้อง เรื่องของเรื่องคือหลังมื้อกลางวันที่เพิ่งจบไปมทนาก็โดนพ่อตัวเองเร่งให้โทรมาคุยเรื่องศูนย์วิจัยทางการแพทย์ที่กำลังจะสร้างใหม่ และมีข้อสงสัยด่วนเรื่องการขออนุญาตตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ เขาจึงตอบประเด็นนั้นไปก่อนแล้วว่าให้นัดกันอีกทีทั้งพ่อของเพื่อนด้วย

เขาลงนั่งตามเดิม ดูจากบรรยากาศแล้วคุณบุณฑริกกับคุณย่าก็กำลังพูดจากันถูกคอ อยู่ในอารมณ์ดีทั้งคู่ น่าจะลองถามเรื่องครั้งเก่าได้ไม่ยาก มีแต่เจ้าตัวต้นเรื่องที่ก้มหน้าดูขนมจีบรูปนกปากสีส้มในจานอย่างกับจะอธิษฐานให้มันบินได้ ภวิลกำลังคิดว่าจะเลียบเคียงเรื่องนี้อย่างไรก็พอดีคุณหญิงไพจิตรเอ่ยขึ้น
 
“ย่าเห็นทำสระใหม่ ด้านข้างเป็นสระว่ายน้ำด้วยหรือ นี่ถ้าไม่สังเกตก็ดูไม่ออก กลมกลืนดี”

ภวิลรีบรับ แล้วยังบอกว่าจิรัฐเป็นคนดูเรื่องนี้ เริ่มทำหลังงานวันเกิดของคุณย่า

“ว่าจะให้ทำป้ายขยายความไว้หน่อย... แขกไปใครมาจะได้รู้ สระบัวนี่เจ้าคุณโชติการฯ ทำให้คุณหญิงของท่านตั้งแต่ใช้บ้านนี้เป็นเรือนหอเพราะชื่อพ้องกัน เป็นของรักของท่านเลยไม่ใช่หรือครับ”

“จะว่าเป็นของรักก็ถูก...” ภวิลเห็นคุณย่าเหลือบมองไปทางมารดาของจิรัฐอย่างออกจะไม่สบายใจนัก แต่คุณบุณฑริกก็ยิ้มน้อยๆ คล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนเอ่ยต่อ

“หลานพูดไม่ผิดหรอกค่ะ ท่านรักของท่านจริงๆ ถึงแม้ว่า... ที่ท่านเสียตั้งแต่อายุยังไม่มาก เพียงสี่สิบต้นๆ เท่านั้นส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะของรักชิ้นนี้ด้วยก็ตาม”

“ท่าน... เสียเพราะจมน้ำหรือครับ” คนถามคือจิรัฐ ถึงจะพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติแต่ภวิลก็ยังสังเกตเห็นว่าตกใจอยู่ไม่น้อย เขาเองไม่ทันนึกว่าจิรัฐไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

“ไม่ใช่หรอกลูก แต่หลังเหตุการณ์นั้นท่านก็ล้มป่วย ปอดบวม... สมัยนั้นถือว่าหนักทีเดียว ท่านเสียไปในเวลาไม่นาน” คุณบุณฑริกบีบมือลูกชายเบาๆ “ความจริงแล้วพอเกิดเรื่อง เจ้าคุณปู่เกือบจะถมสระแต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง คุณตาของลูกเล่าว่า... ตอนคุณย่าบัวป่วย ถ้าได้สติบ้างท่านยังมองดอกบัวจากหน้าต่าง... เจ้าคุณปู่ท่านรู้ว่าสระบัวหน้ามุขนี่ทำให้คุณหญิงของท่านมีความสุข ท่านก็หักใจทำลายไม่ได้”

แม่กุมมือเขาไว้หลวมๆ เพราะอย่างนี้เอง... แม่ถึงได้อยากเห็น และพ่อถึงได้ตั้งใจทำให้ เพราะไม่ว่าจะตอนนี้ หรือเมื่อครั้งนั้น ก็ทำขึ้นด้วยความรักเพื่อให้เป็น ‘ของแทนใจ’ จริงๆ

“เคยมาหาคุณพี่ที่บ้านนี้...” คุณหญิงไพจิตรหมายถึงญาติผู้พี่ของตน “ตอนนั้นคุณหญิงท่านเสียแล้ว แต่เจ้าคุณโชติการฯ ยังให้คนดูแลสระไว้อย่างดี เจ้าคุณฯ ไม่แต่งงานใหม่ ไม่เคยเชิดชูใครเป็นภรรยาอีก...”

ทุกครั้งที่เห็นบัวชูช่อสล้าง ก็ต้องหวนคิดถึงคนที่นามพ้องกัน... คงเป็นความทรงจำที่สุขปนเศร้า
 
แต่เมื่อได้รักแล้ว... รักนั้นก็จะจำหลักไว้ในใจไม่รู้คลาย
 
ภวิลเอ่ยถามเรื่องบ้านเดิมของคุณหญิงบัวต่อ และได้คำตอบยืนยันอย่างที่จิรัฐรู้อยู่แล้วว่าท่านไม่เคยมีรกรากแถบบ้านเก่าหลังนั้นมาก่อน ทั้งคุณยายไพจิตรทั้งแม่ไม่รู้จักหรือเคยได้ยินว่ามีสตรีงามที่ชื่อบัวเหมือนกันอีก
 
รับประทานของว่างเสร็จแล้วคุณยายเสนอไปส่งแม่ของเขาที่บ้าน แต่จิรัฐรู้ว่าแม่คงอยากใช้เวลาที่บ้านหลังนี้อีกนิด อาจจะคุยกับพนักงานอีกหน่อย จึงบอกว่า

“เดี๋ยวผมให้รถที่นี่ไปส่งแม่เองครับ คุณยายจะได้ไม่ต้องย้อนกลับไป”

“เอางั้นหรือ... ก็ได้จ้ะ จีดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะลูก อย่าโหมงานหนักมากนัก” ท่านบอก จับมือที่พนมก่อนจะกอดคนไหว้เอาไว้นิดหนึ่ง

ภวิลมองภาพนั้น รอยยิ้มจุดขึ้นโดยไม่รู้ตัว คุณย่ารักเอ็นดูจิรัฐแต่ไหนแต่ไร ถ้าไม่นับแม่แล้วจิรัฐก็เหลือญาติผู้ใหญ่เพียงคุณหญิงไพจิตรเท่านั้นเอง เมื่อก่อน... น้องเขาจึงพาไปหาบ่อยๆ

คุณย่าบอกให้จิรัฐดูแม่ต่อ ส่งเพียงประตูเท่านั้นก็พอ ภวิลจึงเดินเป็นเพื่อนท่านไปจนถึงท่าน้ำ

“... วินตั้งใจจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไร”

คุณย่าพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมาเสมอ เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เขายังเด็ก น้ำเสียงท่านไม่ได้กล่าวหา ไม่ได้ดุว่า เพียงแต่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงทั้งเขาและหลานอีกคนหนึ่ง

ภวิลสบตาท่าน เป็นครั้งแรกที่คุณย่าถามแล้วเขายังไม่มีคำตอบให้ แต่คุณย่าก็ดูจะเข้าใจ ท่านลูบมือเขาที่ช่วยจับประคองไว้เบาๆ

“วินฟังย่านะลูก... ถ้าอยู่ ก็อยู่ช่วยน้อง”

ท่านพูดสั้นๆ เพียงเท่านั้น คุณย่าไม่ได้บอกให้เขาทำเพื่อจิรัฐแทนยู แม้จะทราบว่าหลานชายคนเล็กตั้งใจทำงานสนับสนุนเพื่อนมาโดยตลอด แต่ให้ทำ... ในฐานะที่ภวิล วิรัชภาคย์ จะทำได้
 
“ครับ” เขารับคำท่าน จริงจังยิ่ง

อีกนัยหนึ่ง... ถ้าการ ‘อยู่’ ของเขาไม่ได้ ‘ช่วย’ แล้ว หลานชายของท่านย่อมควรพิจารณาตัวเองหากสุดท้ายแล้วการจากไป... จะช่วยได้มากกว่า

ภวิลกลับเข้าตึกหลังจากส่งคุณย่าขึ้นรถอีกฝั่งเรียบร้อยแล้ว จิรัฐคงยังอยู่เป็นเพื่อนแม่ไปคุยกับแผนกโน้นแผนกนี้ เขารู้ว่าคุณบุณฑริกเคยเป็นเสาหลักของที่นี่มาเนิ่นนานจนต้องเกษียณเพราะปัญหาสุขภาพ พนักงานที่บ้านเกินครึ่งเคยทำงานให้มารดาของจิรัฐมาก่อน และยังมีความเคารพรักอยู่มาก
 
เขายิ้มนิดเมื่อหวนนึกถึงคำพูดของใครคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้

‘... คุณอาจจะมีโอกาสครอบครองได้ชั่วครู่ชั่วยาม แต่คุณไม่มีวันเป็นเจ้าของจริงๆ หรอก...’

เขารู้แล้ว... เพราะวิธีเดียวที่จะเป็น ‘เจ้าของจริงๆ’ ได้ คือครองใจคน


หลังจากนั้นไม่นานจิรัฐก็ออกไปส่งแม่ และข้ามฝั่งกลับมา ภวิลมองชายหนุ่มเดินช้าๆ ผ่านสนามหญ้าแล้วไม่ได้ตรงเข้าบ้าน กลับเลี้ยวไปทางซ้าย

เขาตามลงไป พบจิรัฐนั่งอยู่คนเดียวที่เดิมเมื่อครั้งเคยตามตัวตอนงานวันเกิดคุณย่า เหม่อมองบึงบัวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ใจลอยไปถึงไหน” ภวิลถามเบาๆ ก่อนลงนั่งข้างๆ

อันที่จริงอีกฝ่ายดูจิตใจไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวมาตั้งแต่ขึ้นรถกลับแล้ว พอมาได้ยินเรื่องเมื่อบ่ายก็ยิ่งเหมือนมีเรื่องหนักอก
 
ตอนนี้จวนพลบค่ำ โคมในสวนที่ตามไว้กลมกลืนกับแนวไม้ส่องแสงเหลืองนวลรับไฟจากตัวบ้าน สะท้อนลงสระบัวเกิดเงาระยิบขยับพลิ้วตามระลอกคลื่นน้อยๆ จากสายลมโชยแผ่ว

... น่าเสียดายที่ไม่มีใครมีแก่ใจจะชื่นชมความงดงามนี้นัก

จิรัฐถอนใจยาว

“... ผมไม่เคยรู้เลย... คุณยายทวดเสียเพราะตกน้ำในสระนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ท่านรักมันมากแท้ๆ ผมเคยคิดว่าใครเห็นสระนี้ก็คงนึกถึงแต่เรื่องที่มีความสุข ที่จริงตอนนั้น... คุณตาทวดคงทุกข์ใจไม่น้อย”

ภวิลนิ่งฟัง ทั้งๆ ที่รักมาก แต่ก็ต้องประสบเคราะห์กรรมเพราะของที่รักอย่างนั้นน่ะหรือ

... ใจเขาประหวัดถึงน้องอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆ ที่ติดใจ ชื่นชมบ้านหลังนั้น แต่ที่นั่นเองก็เป็นที่ที่...

“... ระยะหลังมานี่ที่ผมเห็น เอ้อ ฝัน... ต้องเกี่ยวกับสระบัวตลอด ไม่แน่ว่าจะ...”

จิรัฐถอนใจอีกครั้ง เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังนั่งระบายอะไรๆ ให้คนที่อาจจะไม่อยากข้องเกี่ยวมากมายขนาดนั้นฟัง เขาตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเรื่องที่น่าจะ ‘เกี่ยว’ มากกว่า

“...ความจริงงานเลี้ยงข้างนอกก็เหมาะ... เมื่อไรล่ะครับ”

ภวิลขมวดคิ้วกับการเปลี่ยนหัวข้อแบบปัจจุบันทันด่วน แต่ก็ถาม

“อะไรเมื่อไหร่”

“งานแต่งงาน” จิรัฐพูดรวดเดียว “ผมจะได้ไปเช็คกับฝ่ายจัดเลี้ยงเดี๋ยวว่างไม่พอดีฤกษ์”

“งานใคร?”

จิรัฐเกือบจะคิดแล้วว่าคนนั่งข้างเกิดอยากกวนอารมณ์เขาขึ้นมาอีก แต่สีหน้าสงสัยแท้จริงไม่เหมือนแกล้งกันเลยว่า

“ก็คุณหมอบอก อยากจัดงานที่นี่...”

“ไม่รู้เหมือนกันสิ... ต้องถามเจ้าตัวเขา”

“คุณหมอหาฤกษ์เองหรือครับ” จิรัฐออกงง

“อืม... อาจจะขอให้คุณย่าช่วยก็ได้” ภวิลว่า มทนากับบิดาเคารพนับถือคุณหญิงไพจิตรเหมือนญาติผู้ใหญ่ ถ้ามีงานจริงคุณย่าคงต้องเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย

“ปกติก็ต้องปรึกษากันทั้งสองครอบครัวอยู่แล้วนี่ครับ” จิรัฐพูดเบาๆ

ภวิลหันไปมองอีกฝ่าย จิรัฐอยากจะคุยเรื่องงานเขาก็ตามใจ เพราะรู้ว่าไม่ใช่ตัวงานเองที่ทำให้เครียด ถ้าไม่ได้ทำงานสิอาจจะเครียดมากกว่า เพิ่งมารู้สึกแปลกหูเอาตอนนี้

“... นี่คุณคงไม่คิดว่าผมเป็นฝ่ายเจ้าบ่าวหรอกนะ”

“อ้าว” สีหน้าสีตาจิรัฐบอกชัดถึงความผิดคาด คนถูกเข้าใจว่าจะเป็นเจ้าบ่าวในเร็ววันว่า

“เอามาจากไหนก็ไม่รู้”

“คุณหมอมีแฟนแล้วเหรอครับ”

“คนโสดสองคนคบกันเป็นเพื่อนไม่ได้?”

“ก็ใครๆ เขาว่า...”

“ไปฟัง ‘ใครๆ’ ทำไมล่ะ” ภวิลว่า “ฟังผมนี่”

เงียบกันไปครู่โดยที่จิรัฐพยายามประมวลความคิด ก่อนภวิลจะบอก

“เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ โตมาก็ยังเป็นเพื่อนกัน เพื่อนเหมือนคุณกับยู...”

จิรัฐยังนิ่ง อีกฝ่ายว่า

“ไม่เหมือนหรือ”

“ผมกับยูก็เป็นเพื่อน สนิท... ก็... เพื่อนกัน”

ความจริงจิรัฐไม่ค่อยแน่ใจว่าไม่เหมือนของอีกฝ่ายคือยังไง แต่ที่แน่ใจคือมิตรภาพระหว่างกฤตวัตกับตัวเอง เลยพูดไปก่อน

“... นั่นแหละ เหมือนกัน”

เงียบกันไปอีกหน่อยภวิลจึงเอ่ย

“เมื่อกี้... ที่บอกว่าเคยฝันเกี่ยวกับสระ ฝันร้ายใช่ไหม วันนั้นก็ด้วย...”

‘วันนั้น’ คือวันที่ต้องค้างคืนห้องเดียวกัน ความจริงที่เคยฝันไม่ได้เกี่ยวกับสระเสมอไป เมื่อตื่นก็ลืมไม่ติดใจอะไรอีก มีเพียงสองครั้งหลังที่แจ่มชัดราวเกิดขึ้นจริง แต่จิรัฐไม่อยากจะย้ำว่าไม่ใช่ฝัน ในเมื่อเขาไม่ได้เฉียดไปใกล้สระจริงแม้แต่น้อย และยิ่งไม่อยากเอ่ยถึงเสียงแว่วที่เพิ่งได้ยินในวันนี้

ขอให้เป็นเพียงหูฝาดไปเฉยๆ ก็แล้วกัน

“คุณเองก็เคยตกสระ... แถมระยะหลังคิดถึงแต่เรื่องนี้ เพราะต้องคุยกับบริษัทเรื่องปรับให้ลงว่ายน้ำได้ ไม่แปลกหรอกที่จะยังติดอยู่ในจิตใต้สำนึกจนเก็บเอาไปฝัน”

ภวิลว่าเรื่อยๆ คนฟังก็ฟังอย่างขอบคุณ เพราะกำลังต้องการคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์อยู่พอดี

“อย่าคิดมากเลย”

“ห้ามไม่ให้คิด... ยากนะครับ” จิรัฐว่า “... ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรดี”

ภวิลยิ้มนิดๆ ตั้งแต่ที่เขายื่นข้อแลกเปลี่ยนที่โรงพยาบาลอีกฝ่ายก็มักจะหาโอกาสย้อนศรเรื่องนี้อยู่เรื่อย แต่เขามองออกว่าไม่ใช่เพราะผูกใจอะไร ดูจากรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าอยู่เช่นกัน เขาพูดช้าๆ

“ไม่มีอะไรจะแลก... ก็แค่สัญญาเท่านั้นเอง”

“จะ... พยายามครับ”

จิรัฐตอบแล้วสบตาเขา เท่านั้นภวิลก็พอใจ

อันที่จริง... คำพูดของธรรมนูญสั่นคลอนจิตใจเขาไม่น้อย แต่อย่างที่คุณย่าเตือนไว้ เขาต้องสนใจคนที่มีความสำคัญกับเรื่องราวทั้งหมดที่สุดก่อน ตามธรรมดาแล้วคนเราหากไม่ชอบใจใครมากๆ แม้จะพยายามกดเก็บไว้แค่ไหน ก็อาจมีปฏิกิริยาให้เห็นได้อยู่ดี ไม่ใช่เขาไม่สังเกต แต่จนนั่งบนม้านั่งตัวเดียวกัน จิรัฐก็ไม่ได้ขยับถอยห่างออกไปมากกว่าเดิม

ดังนั้นแม้จะแค่ตอนนี้... ก็ขอมีเหตุผลที่จะเชื่อสักหน่อยเถิดว่า การที่เขาอยู่ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง

“คุณติดมือถือมารึเปล่า”

จิรัฐหยิบจากกระเป๋ากางเกงส่งให้ นึกว่าอีกฝ่ายอาจจะลืมไว้ในห้องเมื่อกี้แล้วต้องใช้

คนรับไปกดโน่นนี่อยู่แป๊บหนึ่งก่อนส่งคืนมาให้โดยไม่ได้โทรออก

จิรัฐมองหน้าจอแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนนั่งข้างกัน ทั้งๆ ที่คิดว่ารู้แต่ยังอดถามไม่ได้ “อะไรครับ”

“รหัสลับ” ภวิลพูดหน้าตาย

จิรัฐหัวเราะน้อยๆ “เข้าเซฟได้หมดรึเปล่า”

เขารู้เบอร์มือถือของภวิลเพราะเป็น ‘ผู้ช่วย’ แต่เป็นอีกเบอร์ที่ใช้ติดต่องาน บางทีหากเข้าประชุมหรือพ้นเวลางานไปนานอย่างดึกแล้วก็มีปิดบ้าง แต่เบอร์นี้เพิ่งเคยเห็น

“ที่เคยบอก... ไม่ต้องเกรงใจหรือว่าระวัง ไม่ใช่แต่เรื่องยู เรื่องอะไรก็พูดได้”

น้ำเสียงเรียบเรื่อยยังเอ่ยต่อ

“...จะได้ไม่ลืม... ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว”

ว่าเท่านั้นก็ลุกขึ้นบอกถ้ายังนั่งนิ่งกันอยู่ตรงนี้ต่อจะล่อยุงเสียเปล่าๆ จิรัฐลุกตาม สังเกตว่าอีกฝ่ายเพียงกดหมายเลขไว้ให้ยังไม่ได้บันทึก

ปกติเขาก็บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ในมือถือเป็นภาษาอังกฤษเพราะพิมพ์ถนัดกว่าไม่ต้องมีวรรณยุกต์สระให้วุ่นวาย จิรัฐขยับจะตั้งชื่อภาษาอังกฤษตามความเคยชิน

P... a...

เขาชะงัก ก่อนจะลบไปตัวหนึ่ง พิมพ์แค่ Pwin

อ่านเป็นชื่ออีกฝ่ายได้เหมือนกัน มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้น ที่รู้ว่า ‘นับญาติ’ กันไปแล้ว
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 26-04-2012 10:36:14
คุณ Pupay โอ๊ะ โดนจิ้ม ที่จริงเรื่องไปไม่ไปนี่แกก็รีรออยู่หลายอย่าง แต่หวังว่าบทนี้แกจะไม่คลุมเครือละนะคะ 55

คุณ uknowvry บทนี้ไม่เศร้าละน้า (บทหน้าล่ะ...)

คุณ Ipatza ก็ผูกพันกันต่อไป... ต่อจากนี้มันจะเข้าสู่การคลี่และคลายทุกอย่างตามลำดับเน้อ

คุณ ~ยำโซดาเผา~ อีกนิดหนึ่งค่ะ... แต่ความจริงคนเขียนต้องนึกย้อนกลับอยู่ตลอดเลยเดี๋ยวคลี่ไม่หมดละยุ่ง 55

คุณ PetitDragon เอร๊ยมันเครียดขนาดนั้นเลยรึ จริงๆ ก็อาจจะไม่นานมาก ฮา วี่แววมันก็มาเรื่อยๆ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ

คุณ AprilSnow เกี่ยวค่า แต่ว่าจะอย่างที่คาดไว้หรือเปล่านี่ก็... ขอฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ

คุณ cavalli ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า

คุณ yeyong ความรู้สึกช้าอะเนอะ (แต่ชัวร์ รึเปล่า 55)

คุณ @Iriz แม่ยกจีตัวยงอยู่นี่เอง แต่บทนี้พระเอกฮีก็เคลียร์เรื่องคุณหมอแล้วน้า อิอิ

คุณ myd3ar ประมาณน้าน แต่ไม่รู้ฮีรู้ตัวแค่ไหนถึงป่านนี้แล้ว...

คุณ malula น่าคิด... ควรจะเป็นอย่างหลังนะ 55

คุณ kh02052537 ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ขอฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ

คุณ iforgive ขอบคุณมากค่ะที่แวะเข้ามาอ่านและร่วมเดากัน ความจริงน่าสงสัยหลายคนนะ (พูดมาหลายตอนละ 55)

คุณ Mookkun คือจริงๆ แล้วตั้งแต่ต้นมาเนี่ย มันเป็นปมเดียวกันรวด... แต่ค่อยๆ คลายละก็มีเบาะแสเพิ่มมาเรื่อยๆ แหะๆ... ฝากตอนต่อไปด้วยนะค้า

คุณ warin ได้เบาะแสเพิ่มจริงค่า จวนแล้วจวนแล้ว

คุณ berlyn นั่นไปทางสยองอีกแล้วนะนั่น... น่าคิดอยู่เหมือนกัน ว่าแต่ตอนนี้จีไม่เข้าใจผิดละนะ (เฉพาะเรื่องคุณหมอ...)

คุณ BʊẑẐỹ@TἀӛṀ® มันพอจะเทาอมชมพูมั่งแล้วยังอะคะ... ฮาๆ เดี๋ยวอีกไม่กี่บทก็ต้องคลายหมดทุกอย่างแล้วละ

คุณ luckyzaaa ขอบคุณมากค่า จริงๆ ปมสองที่ว่ามันเกี่ยวกับปมแรก ถ้าไม่มีปมแรกก็ไม่มีปมสองหรอก (คนเขียนแกล้ง พูดให้งง แต่จริงนะ) ฝากตอนต่อไปด้วยนะค้า

คุณ UnLucky ขอบคุณมากๆ ค่ะ เรื่องพัฒนาความรู้สึกคนเขียนก็พยายามอยู่ค่ะอาจจะดูช้าไปบ้าง 55 เรื่องนี้คล้ายจำเลยรักตรงน้องชายตาย แต่พระเอกฮีนิสัยไม่ใช่อย่างนายหัวมันเลยเป็นอีกอย่างฉะนี้แล ขอบคุณที่ชอบชื่อจีด้วยค่ะ ยาวจริงค่ะแต่ละบทพอย้อนกลับไปแล้วจริงๆ อาจจะแบ่งได้เป็นสองสามบท เหอๆ แต่เขียนไปแล้วอะเนอะ ขอฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ

คุณ Jeyibee ขอบคุณมากๆ ค่ะที่ชอบ ถ้ายูไม่ตายนี่ (ขอโทษนะยู) เรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดและพระเอกอาจจะไม่ได้มาทำความคุ้นเคยกับนายเอกแบบนี้เลยก็ได้... แต่ยูเป็นเพื่อนที่ดีจริงค่ะ (จีก็ด้วย) ขอบคุณนะคะที่มาร่วมเดากัน ป.ล. คู่คุณเชฟกับคุณรุ่นพี่ จืดจางมาก 55 เพราะบทน้อย แต่จำเป็นกับเนื้อเรื่อง ต้องขอบคุณที่อุตส่าห์เห็นคู่นี้นะเนี่ย ป.ล. 2 ฉากถึงเนื้อถึงตัวอันหายาก กร๊าก

คุณ silverphoenix ยังไงก็ต้องขอบคุณมากอยู่ดีค่ะที่ยังติดตามอยู่ถึงแม้คนเขียนจะไม่สามารถปั่นมาถี่มากได้ (แต่พยายามอยู่น้า) จากจุดนี้ก็จะค่อยๆ คลี่คลายไปเรื่อยๆ แล้วค่ะ ฉากหวานแหวว... นั่นสินะ... ฮุฮุ

คุณ pattybluet แกเป็นคนต้องหาเหตุผลรองรับการกระทำตัวเองตลอดเวลา ไม่ได้ทำจะนอนไม่หลับ 55 แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่มีเหตุผลนะเอาจริงๆ แล้ว กร๊าก

คุณ Cherry Red มันยังจะ... หลอนอยู่อีกหน่อยนึง แต่จวนคลี่ทั้งหมดแล้วล่ะค่ะ ใช่ๆ 'สายใยความผูกพันบางๆ' ประมาณนั้นเลย อีกหน่อยก็คงรู้ตัวเองละ   

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อีกนิดนึงค่ะคุณภวิล จวนแล้ว! (ใกล้ปะติดปะต่อทุกอย่างได้หมดแล้วนะเนี่ย)

บทนี้ลำดับญาติหวังว่าคนอ่านจะไม่มึนเพราะคนเขียนก็เกือบมึนเหมือนกัน 55 คือถ้าในมุมมองจีคุณหญิงไพจิตรก็เป็นคุณยาย (น้อย) และเป็นคุณยาย (แท้) ของยู แต่ถ้าเป็นของพระเอกก็ต้องเป็นคุณย่า คุณแม่จีเรียกท่านว่าคุณน้าเพราะเป็นลูกผู้น้องของแม่ตัวเอง (คือคุณยายแท้ๆ ของจี ซึ่งเสียแล้ว) ประมาณนั้น...

ปล. ลิงค์สอนทำจีบตัวนก... น่ารักเน้อ http://www.youtube.com/watch?v=Ov9lzvAfSTc
ส่วนนี่ลิงค์ม้าฮ่อเผื่อใครอยากเห็นว่ามันเป็นไง http://www.youtube.com/watch?v=Q-IrO9IBfDg
ความจริงครัวแล้วแต่คริตของชาคริตก็เคยสอนทำด้วยนะ http://www.youtube.com/watch?v=ZoHX7IZvUwo

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ เช่นเคยนะคะ 
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-04-2012 12:18:51
อืม  เหมือนเป็นพวกลางสังหรณ์อะไรทำนองนั้นนะ
เรื่องพวกนี้ไม่ควรงมงาย  แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-04-2012 16:09:42
หรือว่าจีคือคุณยายบัวกลับชาติมาเกิด ถึงได้ฝันเรื่องสระบัว ตกน้ำอยู่บ่อย ๆ

ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องขนมไทย ได้ความรู้แต่ยากเกินจะทำตาม
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 26-04-2012 19:20:56
อ๋อ ... รอยรัก จำหลักใจ อารมณ์ประมาณนี้นี่เอง o13
อ่านตอนนี้แอบยิ้มออกมานิดนึงค่ะ ตอนที่พี่วินเคลียร์ตัวเองเรื่องคู่หมั้น อิอิ ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าพี่วินจะมีโอกาสได้พูดเรื่องนี้มั้ย ฮ่าๆๆ
ในที่สุด จีก็รู้แล้วเนอะ ว่าพี่วินอ่ะ โสด
รอลุ้นตอนหน้าค่ะ บวกให้นะคะ ถูกใจ :impress2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-04-2012 21:09:04
โสดๆอยู่ทางนี้ 555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 26-04-2012 21:53:16
พี่วินยังโสดนะจ๊ะจี อยากรู้เรื่องสมัยก่อนจัง
มีแบบย้อนให้อ่านไหมคะ?  :laugh:
วันนี้มาจิ้มไม่ทัน มัวหนีเที่ยว ไว้ตอนหน้าตามมาจิ้มค่า
 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 26-04-2012 22:14:25
อั๊ยย่ะ  ภวิลโสดในความคิดหนูจิแว้ววววว

คิดอะไรกับน้องอ๊ะป่าวน้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: UnLucky ที่ 26-04-2012 22:17:05
รู้สึกไปเองหรือเปล่าเนี่ยว่าตอนหลังๆบรรยากาศมันดูมีสีชมพูๆยังไงไม่รู้ (แอบ)หวานซะ มีการให้เบอร์พิเศษกันด้วย แหมๆ *เขิน*

ว่าแต่ว่าพอคลายปมเก่าๆก็จะมีปมใหม่ผุดมาอีกใช่มั้ยคะ (พูดไว้ก่อน)

แล้วเสียงใครหนอที่เรียกจี? รู้สึกหลอนนิดๆ พอดีอ่านตอนกลางคืนซะด้วย

แวะไปอ่านสมาคมขนสั้นมาแล้วนะคะ น่ารักมากมาย อ่านแล้วอยากเลี้ยงน้องแมวจริงๆ ชอบทุกเรื่องเลยล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-04-2012 22:24:59
เก๋... Pawin ...Pwin ....สองนัย อ่านเหมือนกัน แต่ความหมายกินนัยได้เยอะเหลือเกิน...ชอบอ่า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 26-04-2012 23:49:55
พี่วินเอาให้แน่สิครับ? อยากอยู่ เพราะธุรกิจ หรืออยากอยู่เพราะ 'น้อง' ?

 :impress2:

บวกเป็ดให้รหัสลับ Pwin นะครับ   :o8:

ปล จีบนกน่ากินมาก ส่วนม้าฮ่อนี่โบราณจริง เคยผ่านตามาบ้างเวลาอ่านนิยายสมัยก่อน แต่ยังไม่เคยได้กินเลยครับ ปัจจุบันนี้คงหากินยากแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 27-04-2012 01:08:22
อยากรู้ว่ามีปมอดีตอะไรกันมา แต่รู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งเสียวสันหลังคิดไปถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ 555  :sad4:

ทั้งที่คนเขียนบอกแล้วว่าไม่ใช่ (? หรือเปล่า =''=)
เป็นกำลังใจให้กับนิยายดีๆอีกเรื่องหนึ่งค่ะ  :กอด1:

ปล  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงตัวอ้วน ที่ 27-04-2012 01:11:41
ลงชื่อว่าตามอ่านอยู่ครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 27-04-2012 07:57:35
จะรักกันเมื่อไหร่เน้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: appletokki ที่ 28-04-2012 08:58:41
มาตามอ่านด้วยคนค่า :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 28-04-2012 10:16:56
 o13 o13 o13

เพิ่งได้เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ ตอนนี้กลายเป็นอีกเรื่องที่คอยตามลุ้นไปแล้ว

ถึงแม้เนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่ก็ชวนให้ติดตามได้เรื่อยๆ แอบมีปมเล็กๆ ให้ได้ลุ้นกัน

ถึงแม้จะไม้ได้โจ่งแจ้ง หรืออกตัวแรง แต่ก็มีคำพูด การกระทำที่ชวนให้เคลิ้มได้เหมือนกัน

ชอบตรงที่ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม้ต้องรักกันแบบทันที แต่ค่อยๆ ซึมลึกไปทีละน้อย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 28-04-2012 11:01:33
โล่งใจไปกับภวิล เคลียร์ตัวเองเรื่องเป็นเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ก้าวหน้ากันไปอีกเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Giniz ที่ 28-04-2012 14:50:49
"ไปฟังมาจากไหน ฟังผมนี่" <<< เค้าเขินประโยคนี้อ่ะ
ประกาศความโสดกันชัดเจนเลยพี่วิน  :-[
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 28-04-2012 15:14:45
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครับ  สนุกมาก
ชอบบรรยากาศและการใช้ภาษาแบบนี้
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 28-04-2012 19:19:45
รหัสลับไว้ครองใจ :-[ :-[ :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 28-04-2012 20:05:58
ตอนนี้น่ารักเชียว ให้เบอร์ลับเฉพาะกันด้วยวุ้ย  :-[
แต่แหม ตอนหูแว่วเนี่ย เล่นเอาเสียวสันหลังแว๊บบบบบ มันไม่มีอะไรจริงๆ ใช่ไม๊คะเนี่ย  :m29:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 29-04-2012 06:19:58
หายไปหลายวันเลย
คิดถึง
แต่อ่านตอนนี้
บอกตรงๆว่าขนลุกเลยนะ
มันรุ้สึกไปกับเรื่องอะ
ไม่แน่ใจว่าผู้แต่งต้องการสื่อถึงอะไร
แต่คือเสียงนั้นความรุ้สึกของ จี มันคือ วิณญาณ ชิมิ?
มันแปลกๆ แต่ตื่นเต้น
เราเขจ้าถึงอารมณ์ของเรื่องแบบสุดๆละ 555+
ไปละสมงสมอง55+
ไงก็มาต่อเร็วๆนะ
อีกนานกว่าจะได้กลับมาอ่าน บายจ้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 29-04-2012 13:19:34
รออ่านตอนต่อไป
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องแบบไม่หวือหวามากนัก แต่เรียบเรื่อยและให้ความรูสึกสบายใจ ความรักที่ลึกซึ้งที่แต่ละมีให้แก่กัน ซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งประกอบด้วยความโรแมนติก ไปจนถึงความขลัง อ่านไปขนลุกไปตอนที่จิรัฐได้ยินเสียงแว่ว ท่าทางจะมีเรื่องผีๆสางๆมาเกี่ยวข้อง

รอลุ้นให้วินและจีพัฒนาความสัมพันธ์เกินกว่าการนับญาติพี่น้องค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 30-04-2012 03:21:06
ที่วิลให้เบอร์พิเศษ เพราะอยากให้จีกลายมาเป็นคนพิเศษด้วยรึเปล่า 55^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: tiktik9102 ที่ 01-05-2012 18:11:32
ตามมาจากกระทู้เเนะนำ.    สนุกมากคะ. ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 01-05-2012 21:21:33
เจาะไข่รีบน  :impress2:
---------------------------
ได้รู้ข้อมูลของสระบัวเพิ่มขึ้นแล้ว มันจะเกี่ยวกับเรื่องประหลาดๆทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับจีรึเปล่าคะเนี่ย
ส่วนพี่วินเล่นเคลียร์ตัวเองชัดเจนขนาดนี้แล้วค่อยน่าสบายใจหน่อย จีจะได้ไม่เข้าใจผิดอีก
แถมเล่นให้เบอร์ส่วนตัวกับจีแบบนี้ .. คืบหน้าไปอีกขั้นแล้วสินะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 02-05-2012 19:56:43
อ่านไปอ่านมา แอบหลอนเหมือนกันอ่า หรือว่าจีจะเป็นคุณยายทวดกลับชาติมาเกิด แล้วมาระลึกชาติได้ -,-
บ้านหลังนั้นอาจจะเป็นของลุงชมลุงคนสวนรึเปล่า (มั่วสุดๆ)
แล้วลุงชมรู้จักน้าของภวิลด้วยเหรอ มีตอนนึงที่ไปจัดงานเลี้ยงที่รร.แล้วสองคนนี้เหมือนจะคุยไรกันแต่ภวิลมาซะก่อน

ปล.ลุ้นดีเหมือนกัน ตอนอ่านเนี่ยเหมือนเราเป็นนักสืบเลยอ่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 03-05-2012 19:14:54
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านเรื่องนี็(แล้วไปมุดหัวอยู่ไหนมาเนี่ย :angry2:)

เนื้อเรื่องการบรรยายดูเรียบๆ...เรื่อยๆ

แต่ก็ทำให้อ่านได้เรื่อยๆ....มีปมเข้ามาให้คาดเดา

เหมือนจะแนวฆาตกรฆาตรกรรมหน่อยๆ...แล้วก็แอบมีกลิ่นอายวิญญาณนิดๆ

ทำให้เรื่องดูน่าติดตามมากขึ้น

โดยส่วนตัวชอบเนื้อเรื่องแนวๆนี้ค่ะ....เหมือนตัวเองเป็นโคนัน :z1:

แล้วอีกอย่างที่ชอบก็คือ...ความสัมพันธ์ของตัวละครค่ะ...ที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ไม่ใช่ว่าเจอปุ๊บรักปั๊บ...แต่เป็นแบบเริ่มจากความระแวงสงสัยไม่ชอบหน้าเล็กๆ

เมื่อเคลียร์ความระแวงสงสัยนั้นไปได้...ก็กลายเป็นความห่วงหาโดยไม่รู้ตัว

 :-[บอกได้แค่ว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ

 :L2:รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 03-05-2012 22:58:20
"แต่เมื่อได้รักแล้ว... รักนั้นก็จะจำหลักไว้ในใจไม่รู้คลาย"
พอจะเข้าใจความหมายของชื่อเรื่องแล้ว ลึกซึ้งจริง ๆ ค่ะ  :m1:

ความสัมพันธ์ของตัวเอกก็กระชับใกล้ชิดขึ้นอีกพอสมควรนะ
จากการเริ่มต้นที่บีบคั้น กดดัน หมายจะต้อนให้จนมุมในช่วงแรก
กลายมาเป็นพี่วินที่น้องจีนับเป็นพี่ชายในวันนี้ ถือว่ามีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ  :oni1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 05-05-2012 21:02:13
ติดเรื่องนี้มากกกกกกกกกกก เมื่อไหร่จะมา  :z3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 07-05-2012 00:58:20
สนุกมากเลย ชอบๆๆ เรื่องนี้
แบบว่าแอบหลอนนิดๆ นะ ยังมีปมซ่อนอยู่อีก
รออ่านอยู่นะค๊า  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 10] 26 เม.ย. 55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 08-05-2012 01:04:51
แรกๆไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า รู้สึกว่ามันหลอนๆยังไงชอบกล o22
เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในรถด้วยนอกจากภวิลกับจี อร๊ากกก :serius2:
เงื่อนเริ่มขยับละ ที่จีฝันเกี่ยวกับน้ำอาจจะโยงไปเกี่ยวกันกับการตายของคุณยายทวดก็ได้ เดาๆๆ  o18
ที่พี่วินพูดว่า “...จะได้ไม่ลืม... ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว” อบอุ่นดีจังค่ะ จีมีพี่วินนะ :กอด1:
หลังๆแอบหวาน จีเมมเบอร์ว่าพี่วินด้วยยย(นับญาติแล้ว ต่อไปต้องนับแฟน 555+) :-[
ขอบคุณที่อัพค่า จะรอตอนต่อไปจ้า :pig4:
ป.ล.ม้าฮ่อน่ากินมากค่ะ เห็นแล้วหิว555+  :L1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 19-05-2012 09:50:14
บทที่ 11

จิรัฐเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังเดินตรงมา ร่างนั้นเห็นเพียงตะคุ่มๆ แทบกลืนไปกับความมืดรอบบริเวณ ครั้นพ้นเงาสลัวออกมาแล้วจึงชัดเจนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน

หลังจากวันที่พบคุณยายแล้วภวิลก็ยังเข้ามาที่บ้านทุกวัน เขาเลยพลอยได้เจอบ่อยจนแทบไม่ต้องติดต่อกันทางอื่นอีก ความที่พบหน้ากันอยู่ตลอดรู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้คุยกันแต่เรื่องงานอย่างเดียวแล้ว จากเรื่องกฤตวัต เป็นเรื่องทางบ้าน ขยายต่อไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ ภวิลยังเคยเล่าเรื่องตอนตัวเองไปเรียนต่อให้เขาฟัง และจิรัฐก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เล่าเรื่องได้สนุกถ้าเจ้าตัวนึกอยากจะทำ
 
เขาเอ่ยทักออกไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ จิรัฐพยายามเพ่งมอง ปกติ ระเบียงหน้ามุขไม่มืดขนาดนี้ ถึงจะเป็นตอนกลางคืนก็ต้องเปิดไฟผนังตามทางเดินเอาไว้รวมทั้งยังได้แสงไฟที่ลอดจากหน้าต่างห้องข้างใน จู่ๆ จะไฟขาดพร้อมกันหมดก็ไม่น่าใช่
 
ท่วงท่าการเดิน ลักษณะรูปร่างบ่งชี้ว่าเป็นคนที่เขาคิด แต่มีอะไรบางอย่างแปลกออกไป บางอย่างในแววตา หรืออาจจะเป็นริมฝีปากที่คลี่รอยยิ้มประหลาด บางอย่างที่บอกเขาว่า ถึงจะคล้าย แต่ไม่ใช่ จิรัฐหยุด รู้สึกเหมือนขยับไม่ได้ขึ้นมาดื้อๆ มีเพียงสองมือที่กำเข้าหากันแน่น แน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ
 
... ฝันอยู่หรือ อาจจะฝันก็ได้
 
เขาใจหายเมื่อค่อยเจ็บกลางฝ่ามือทั้งสองข้างจากรอยเล็บฝังลง
 
ถ้าฝันก็ไม่น่าเจ็บตัว นี่เขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่กันแน่...

ร่างตรงหน้ายังขยับเข้ามา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จิรัฐพยายามจะพูด แต่เสียงกลับกลืนหายเข้าไปในลำคอ

พลันทุกอย่างก็มลายสิ้น ราวกับสลายไปกับความมืด เขาคว้าราวระเบียงเย็นเฉียบยึดไว้ ทั้งทางเดินว่างเปล่า ไม่มีใครเหลืออยู่ หรืออาจจะไม่เคยมีตั้งแต่ต้น

ไฟติดขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้ จิรัฐเอนตัวพิงเสา ตอนนี้ยิ่งแน่ใจว่าไม่ใช่ฝันแน่ และไม่ได้ละเมอเดินออกมาเองด้วย เพราะเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้จะลงไปตรวจดูความเรียบร้อยแถวโถงล่างสำหรับกะเย็น แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่านอกห้องมืดกว่าที่คิด สองจิตสองใจว่าจะเข้าห้องไปเอาไฟฉายแล้วโทรบอกฝ่ายช่างให้มาดูก่อนหรือไม่ก็พอดี...

เขาเหลือบมองไปทางซ้ายอีกครั้ง ระเบียงยังสว่างและไร้ผู้คนเหมือนเดิม แต่แล้วร่างหนึ่งก็เลี้ยวหัวมุมมา จิรัฐถอยไปก้าวหนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว

... ถ้าที่เห็นอยู่นี้คือภวิลจริงๆ แล้วเมื่อสักครู่เขาเห็นใคร เห็นโดยที่ยังมีสติครบถ้วน และชัดเจนด้วยสองตาตัวเอง ไม่ได้เป็นเพียงภาพฝันแม้สักนิด

ภวิลออกแปลกใจที่คนเป็นหุ้นส่วนยืนนิ่งจ้องเขาด้วยสีหน้าอธิบายยาก ปนกันระหว่างความอึ้ง งง สับสน ระแวง... บอกไม่ถูก แต่เขาไม่อยากจะเห็น และไม่คิดว่าจะเห็นท่าทางแบบนี้จากจิรัฐอีก

ภวิลก้าวเข้าหา อีกฝ่ายกลับถอยกรูดจนเขาต้องหยุด ยังไม่ทันเอ่ยถามให้หายข้องใจจิรัฐก็หันหลังเดินไปเลย

เขาขยับตามอยากจะคุยให้รู้เรื่องแต่จิรัฐเดินลิ่ว เห็นแบบนี้แล้วถึงเรียกก็ไม่เป็นผล ภวิลเลยคว้าแขนเอาไว้ ไม่ได้ดึงหรือกระชาก แค่จับไว้เฉยๆ

อีกฝ่ายหยุดจริง แต่พูดเบาโดยไม่หันมามอง

“ผมอยากอยู่คนเดียว”

ภวิลจำต้องปล่อย เขาไม่คิดจะบังคับฝืนใจคนตรงหน้าอีก ได้แต่มองจิรัฐเดินไปเงียบๆ

เขาไม่เคยลืม... ตัวเองพูดอะไรเอาไว้ ไม่อยากให้คนที่มองว่าเคยเป็นเพียงเพื่อนของน้องต้องรู้สึกว่าอยู่โดดเดี่ยวลำพัง จิรัฐลงโทษตัวเองมามากแล้ว เรื่องที่พูดกับคนอื่นไม่ได้ เขาก็อยากให้บอกเขาได้

แต่บางที อีกฝ่ายอาจลืมไปแล้วกระมัง 

ภวิลลงบันไดไปจนเกือบสุด ถอนใจหนักๆ รู้ว่าอาจจะดีกว่าหากกลับไปก่อนตอนนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังอยากหาเหตุผลเบื้องหลังท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างนั้น เลยลงไปเดินวนอยู่ในสวน เจ้าดอกชมนาดกลิ่นหอมเย็นไม่ทำให้ใจเย็นอย่างเคย

ผ่านไปสักพักจึงกลับเดินขึ้นตึกใหม่ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นผู้จัดการการเงินกำลังเคาะประตู คนในห้องเดินมาเปิดเอง

ภวิลนิ่งมองบานประตูปิดลง ที่ว่า ‘อยากอยู่คนเดียว’ อาจจะมีข้อยกเว้น

... แค่เป็นข้อยกเว้นที่ไม่ได้รวมเขาเข้าไว้ด้วย

อะไรไม่รู้ดลใจให้เดินเข้าไปใกล้หน้าห้องทำงานเล็กนั้น ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยปกติที่จะฟังคนอื่นคุยกัน

คงเพราะเรื่องนี้... เป็นข้อยกเว้นสำหรับเขาด้วยเหมือนกัน

ภายใน ธรรมนูญวางแฟ้มลงบนโต๊ะ จิรัฐเอ่ยขอบคุณเบาๆ เขาเป็นคนบอกเองก่อนหน้า ว่าให้เอางานขึ้นมาให้ ระบุเวลาชัดเจน บอกด้วยว่าให้เคาะประตูแค่สามครั้ง กำหนดขนาดนี้ เขาจะได้ไม่ต้องสงสัยให้ฟุ้งซ่านไปว่ากำลังเห็นรุ่นพี่จริงๆ อยู่หรือเปล่าอีก ตอนนี้ก็มีแต่งานเท่านั้นที่ช่วยให้เขารวบรวมสมาธิ คุมใจให้นิ่งลงได้

คุยกันเรื่องยอดจองห้องอยู่พักธรรมนูญก็เอ่ยถามขึ้น

“เรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์มีความคืบหน้าบ้างมั้ย”

จิรัฐรู้ว่าคำถามที่แท้จริงแล้วคือ ‘ผู้บริหารใหญ่ยอมหรือยัง’ เขาตอบว่า

“ก็ดูๆ สถานการณ์ตลาดไปอีกสักหน่อยก่อน”

“ตอนนี้พี่ว่าก็ค่อนข้างโอเคแล้วนะ ลองเพิ่มข้อมูลล่าสุดเข้าไปในรายงานแล้วเสนออีกสักที”

“พี่อาร์ม...”

“ทำไมล่ะ จีก็ไม่ได้สบายใจที่เขาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

คนยืนฟังอยู่ข้างนอกเม้มปาก รอคำตอบ จิรัฐนิ่งไปนิด แล้วว่า

“ก็ใช่...”

ภวิลยืนตัวชา ที่ธรรมนูญพูดเมื่อวันนั้นดูราวจะก้องขึ้นมาให้ได้ยินอีก

‘ถึงอยากให้คุณไปเขาคงไม่ออกปาก...’

‘... จีเขามารยาทดีเกินกว่าจะทำอย่างนั้น’


ถ้า... เป็นตามนี้จริงๆ ก็หมายความว่าหลายๆ อย่าง และหลายต่อหลายวันที่ผ่านมาจิรัฐฝืนใจไม่น้อยเลย ที่เขายังดื้อดึงจะอยู่ต่อ ก็เพราะหลายสิ่งหลายอย่างอีกเช่นกันที่เห็นจากตาตัวเองไม่ได้บ่งไปในทางนั้น เพียงแต่... ถ้าเจ้าตัวพูดออกมาเองแล้ว คงถึงเวลาเสียที

ภวิลหันหลังกลับ ในห้องเงียบอยู่แต่เขาไม่ได้สนใจ ในหัวมีแต่บทสนทนาเมื่อครู่เล่นย้อนซ้ำไปซ้ำมา และเดินลงบันไดไปโดยไม่ทันได้ยินอะไรอีก

เพราะคนตอบเว้นไปนานก่อนบอก “... แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้...”

จิรัฐหยุด ตอนนี้เป็นยังไงเขาก็ยังไม่แน่ใจ แต่เขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองมีปัญหาในการแยกโลกแห่งความจริงออกจากโลกฝัน ไม่ใช่เวลานี้... เขาเผชิญหน้ากับภวิลตรงๆ ไม่ได้ เพราะพักหลังมีอะไรก็แทบจะบอกหมดสิ้นอยู่แล้ว มีเพียงแต่เรื่องนี้ที่ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าภวิลจะมองมาเช่นไร

... เพ้อเจ้อ คิดไปเอง ประสาทเสีย

เมื่อสักครู่ ภวิลก็คงไม่เข้าใจที่เขาแสดงอาการออกไปแบบนั้น... แต่... จะมีทางใดที่เขาจะไม่ต้องกลายเป็นคนอ่อนแอไร้ความสามารถถึงขนาดนั้นต่อหน้าอีกฝ่าย เพราะจิรัฐรู้ เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่ฟังขึ้นเลย นอกจากขอให้เชื่อถือคำพูดกันแต่เพียงอย่างเดียว

“ที่จีไม่เข้ามาตอนเช้าแต่กลับมากับคุณภวิลเมื่อวันนั้นมีอะไรหรือเปล่า” ธรรมนูญถามอย่างระมัดระวัง “อย่าหาว่าพี่ยุ่งเลย แต่พักนี้จีดูไม่ค่อยสบาย”

“เขาพาไปหาหมอตรวจร่างกาย ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไร แล้วก็ไม่เป็นไรจริงๆ”

“ก็ยังดี ถือว่ายังฟังกันบ้าง” ธรรมนูญว่า เขาเองก็คิดจะบอกให้จิรัฐไปตรวจร่างกายเหมือนกัน อดแปลกใจไม่ได้ที่ภวิลถึงกับต้องพาไปเอง และพาไปแทบจะทันที แต่คนแบบนั้นทำอะไรก็ต้องการผลแน่นอนชัดเจน ให้รู้กันไปเลยละมัง

“หมายความว่ายังไง พี่อาร์มไปพูดอะไรกับเขา”

“พี่ก็แค่... บอกว่าจีไม่สบาย อาจจะเพราะเครียดมานานตั้งแต่เขาเข้ามายุ่งกับที่นี่ ถ้ารู้แล้วเขาอาจจะเห็นใจที่จีเคยเป็นเพื่อนกับน้องเขามา เรื่องให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงขายหุ้นออกไปบ้างคงง่ายขึ้น”

“อ้อ... อย่างนี้เอง” จิรัฐพึมพำ

ที่อีกฝ่ายดักรอ พาเขาไปโรงพยาบาล พูดกับเขาดีกับเขามากขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ทำให้น้องต้องจากไปโดยเจตนาแล้ว คงเพราะสงสารนึกว่าเขาป่วย อีกทางหนึ่งพอตรวจร่างกายเรียบร้อย เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไร ก็ยิ่งดี ถ้าจะไปก็ไปได้โดยไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกันอีก

เพียงแต่ตอนนี้ที่จิรัฐรู้ตัวว่าผิดปกติ ไม่ใช่ร่างกายแล้ว แต่เป็นจิตใจต่างหาก


บ่ายวันต่อมาธรรมนูญลงนั่งที่โต๊ะเหล็กดัดทาสีขาวหน้าเรือนครัว เชฟใหญ่ผู้มีเวลาพักน้อยนิดก่อนคุมมื้อเย็นขอร้องแกมบังคับอยากจะให้ชิมเมนูใหม่อีกแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงจำเพาะว่าเขาต้องเป็นหนูทดลองอยู่ร่ำไป หลังจากหมดสัปดาห์ตลาดน้ำผู้บริหารใหญ่น่าจะให้ทักษ์เสนอความคิดสำหรับครั้งหน้าเอง เลยเป็นที่มาของการโหมทำทั้งคาวหวานเยอะขนาดนี้ เพราะทักษ์ถือคติหลากหลายไว้ก่อนแล้วค่อยเลือกที่เข้าท่าสุด ดีกว่าทำมาน้อยแล้วลงเอยด้วยการไม่มีอะไรให้เลือก

แต่พอเห็นของที่เรียงรายตรงหน้าธรรมนูญก็อดประหลาดใจแกมทึ่งไม่ได้ ถ้าดูไม่ผิดทั้งหมดนี่...

“เป็นไง” พ่อครัวเอกยืนเท้าสะเอวยิ้มกริ่ม “สระที่ทำใหม่เพิ่งเสร็จเปิดให้ใช้ได้ไม่นาน เราก็ฉลองเสียเลย เป็นเทศกาลบัวหลวง วานอาร์มบอกประชาสัมพันธ์ช่วยคิดชื่อที่มันดึงดูดลูกค้าเสนอข้างบนหน่อยละกัน”

ธรรมนูญต้องยอมรับว่าความคิดใช้ส่วนต่างๆ ของบัวมาเป็นวัตถุดิบหลักในจานเข้าทีอยู่ไม่น้อย ทักษ์เริ่มร่ายเมนู ท่าทางภูมิใจ

“นี่แกงส้มรากบัว... แต่ความจริงรากเอาทำแกงอย่างอื่นได้อีกเยอะก็ว่าจะเวียนๆ กันไป ทั้งเขียวหวาน แกงเหลือง แต่ว่าอาร์มชอบแกงส้มเลยทำก่อน อันนี้แกงจืดใบบัวอ่อน ยำสายบัว ข้าวห่อใบบัว เมี่ยงบัวหลวงนี่สาวๆ น่าจะสั่งกันเยอะ แคลอรีต่ำ ของหวานทำเม็ดบัวเชื่อมกับหม้อแกงมาก่อน ยังเหลือฝัก เหง้า ไหล...”

“พอๆ เท่านี้ก็กินไม่หวาดไม่ไหวแล้ว เยอะขนาดนี้ไม่ให้คนอื่นมาช่วยกินด้วยล่ะ”

“ซูเชฟกับสเตชั่นน่ะได้ชิมไปบ้างตั้งแต่ยังอยู่ในครัว แต่นี่แยกมาต่างหากนะ อยากให้อาร์มกิน”

ธรรมนูญมองเมี่ยงบัวหลวง เครื่องคล้ายเมี่ยงคำวางบนกลีบบัวชมพูสด สวยเสียจนไม่อยากแตะ แต่เห็นหน้าตากระตือรือร้นของเชฟก็เลยต้องชิมไปทีละอย่าง ท่าทางวันนี้จะไม่ต้องพึ่งมื้อเย็น ว่าไปแล้ว บัวนี่เอามาใช้ได้ทุกส่วนจริงๆ

ทักษ์ดูจะรู้ว่าเขาคิดอะไร เพราะบอกว่า

“สระบัวหน้ามุขเหมือนของคู่บ้านเลยเนอะ คุณหญิงบัวท่านคงพอใจไม่น้อย ที่ของรักของท่านยังอยู่ในสภาพดีแม้จะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว และยังเกิดประโยชน์ต่อมาด้วย เสียดายที่ตอนบั้นปลายท่านรับรู้เรื่องราวอะไรได้ไม่ครบถ้วน”

“หมายความว่ายังไง” ธรรมนูญผิดหู เรื่องที่สระถูกสร้างตั้งแต่แรกเพราะอะไร ให้ใคร เป็นเรื่องที่พนักงานทุกคนในบ้านหลังนี้รู้กันดีอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ทักษ์พูดขึ้นเขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“ก็...” คนนั่งตรงข้ามทำท่าราวนึกหาคำที่เหมาะสมไม่ออก “ก็สติท่าน... ท่านไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่”

“นี่จะบอกว่า...” ธรรมนูญเองก็ไม่อยากพูดออกมาเหมือนกัน วิปลาส... อย่างนั้นน่ะหรือ เขารีบถาม “ไปรู้มาจากไหน”

“เมื่อก่อนคนเก่าคนแก่ที่เคยทำงานในบ้านตั้งแต่สมัยคุณยายคุณจีพอรู้ว่าคุณบุณฑริกกลับมาก็มาขอทำงานอีก... เกษียณลาไปลูกหลานมาทำ ก็ได้ยินต่อๆ กันมา ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น”

เป็นคำตอบที่ออกจะคลุมเครืออยู่ไม่น้อย แต่ธรรมนูญรู้ว่าจะสืบสาวราวเรื่องตอนนี้ก็คงไม่ได้ความชัดเจนไปกว่าเก่า เรื่องแบบนี้เล่ากันปากต่อปาก จริงเท็จแค่ไหน เพิ่มเติมสีสันเข้าไปอย่างไรก็ไม่ทราบได้   

“เอาอะไรมาพูด” เขาเอ็ดเสียงไม่เบา ทักษ์หน้าเจื่อนแต่ยังว่า

“อาร์มนั่นแหละทำไมไม่เคยได้ยิน กระทั่งคุณจีเองก็ต้องรู้ คุณยายทวดตัวเองทั้งคน คุณบุณฑริกคงเล่าให้ฟังบ้างแล้วล่ะ”

ธรรมนูญนิ่ง เขาไม่แน่ใจว่าจิรัฐรู้หรือเปล่า อาจจะรู้จริงๆ อย่างทักษ์ว่า เพราะเป็นเรื่องในครอบครัวเศรษฐสุทธ์ แต่ที่แน่ก็คือรุ่นน้องคงไม่สบายใจหากพนักงานพูดกันสนุกปาก ถึงเขาจะเคยอบรมเรื่องความเป็นส่วนตัวของแขกซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจในงานบริการ แต่อาจต้องสำทับซ้ำว่าความเป็นส่วนตัวของผู้บริหารก็สำคัญไม่แพ้กัน เขานึกไม่พอใจตัวเองอยู่ครามครันที่หูตาไม่กว้างไกลสมกับที่ทำงานฝ่ายบุคคล

แต่จะว่าไป ก็ด้วยตำแหน่งนี้บวกกับความที่สนิทกับจิรัฐมาก่อนนั่นแหละ อาจทำให้พนักงานระวังไม่กล้าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าให้เข้าหู มีแต่ทักษ์ที่คุ้นเคยกันพอ แม้กระนั้นก็เอ่ยขึ้นเพราะนึกว่าเขารู้แล้ว

ธรรมนูญถอนใจ บรรดาของคาวหวานประดามีจากบัวหลวงทำท่าจะเป็นม่ายเอาดื้อๆ ส่วนเชฟหน้าจ๋อยสนิท
 

ภวิลก้าวเท้าจากเรือขึ้นฝั่งหน้าบ้านที่คุ้นเคยอีกครั้ง   

จริงๆ แล้วก็ออกหงุดหงิดตัวเองอยู่ไม่น้อย... เหมือนคนหน้าด้านหน้าทน ไล่แล้วก็ยังไม่ยอมไป

ปกติเขาหาเหตุผลรองรับการกระทำได้เสมอ มีแต่เรื่องนี้ที่ท้าเหตุท้าผล ท้าตรรกะธรรมดาทุกอย่างหมดนั่นแหละ

เขาเดินอยู่ข้างล่างยังไม่ขึ้นไปบนตึกเพราะไม่อยากจะเสี่ยงไปปะหน้าให้อีกฝ่ายต้องไม่สบายใจอีก ที่สำคัญ ภวิลไม่รู้ว่าตัวเองจะพร้อมรับมือกับอาการถอยหนีพูดจาไม่มองหน้ากันอย่างนั้นได้แค่ไหน ถ้านั่นคือความจริงแล้ว ปฏิกิริยาที่นับว่า ‘ดีขึ้น’ เขาก็คงคิดไปฝ่ายเดียว

ภวิลเดินเรื่อยไปจนใกล้เรือนครัว ความจริงก็ไม่ได้คิดจะเดินมาถึงตรงนี้ กำลังจะเดินกลับก็พอดีเห็นเจ้าของบ้านยืนหันหลังอยู่ เขาชะงักนิด แต่แล้วก็เดินเข้าไปหา ความตั้งใจแต่แรกที่จะไม่ ‘ไปปะหน้า’ หายไปไหนไม่รู้เมื่อเห็นตัวจริงเข้า

จิรัฐไม่สังเกตเห็นเขา ท่าทางจดจ่ออยู่กับเรื่องบางอย่าง ภวิลเดินเข้าไปใกล้ แล้วจึงรู้ว่าอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้นทำไม ถึงจะได้ยินแค่ปลายๆ ก็พอปะติดปะต่อได้

จิรัฐเหลียวกลับมา สะดุ้งเกือบสุดตัวเมื่อเห็นเขาก่อนจะรีบสาวเท้าจากไป แต่สีหน้าที่ภวิลได้เห็นเพียงแวบเดียวนั้นทำเอาเขาใจโหวงวูบ

ถึงทักษ์จะบอกว่าคุณบุณฑริกคงเล่าให้ลูกชายฟังแล้ว แต่ภวิลแน่ใจว่าจิรัฐเพิ่งรู้วันนี้ อันที่จริงคนเป็นแม่ไม่เล่าก็ไม่แปลก เพราะไม่ใช่เรื่องควรขยาย รังแต่จะสร้างความไม่สบายใจเสียเปล่าๆ คุณย่าไพจิตรยิ่งไม่รื้อฟื้น เพราะคงเป็นการเสียมารยาทไม่น้อย

เขาเกือบเดินตาม แต่แล้วก็ถอยห่างออกมาเงียบๆ โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของสองคนที่โต๊ะเหล็กดัด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา


ธรรมนูญมองหน้าหงอยๆ ของเพื่อนร่วมงานแล้วอดสงสารไม่ได้ ความจริงตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันเขาก็ไม่เคยเห็นทักษ์เข้ากลุ่มซุบซิบนินทา หรือว่าปากยาวสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่ยังย้ำ
 
“อย่าพูดไปแล้วกัน เพิ่งรับพนักงานใหม่มาอีก... ยังมีคนที่ไม่รู้ก็ไม่ต้องแพร่ข่าว”

“เห็นเป็นโทรโข่งหรือไง ได้ยินก็ได้ยินมา ไม่เคยเอาไปพูดต่อสักนิดหนึ่ง ครั้งแรกก็กับอาร์มนี่แหละ”

“เอาล่ะ โอเค โอเค... เออ เม็ดบัวเชื่อมนี่อร่อย ผ่าน ใส่ในเมนูเตรียมเสนอผู้บริหารได้เลย” เขาชมเอาใจ แต่ก็อร่อยจริงๆ เห็นสีหน้าคนนั่งตรงข้ามยังไม่ค่อยจะดีขึ้นก็ตักกินเพิ่ม

“เชื่อแล้วว่าไม่พูด จะหน้านิ่วคิ้วขมวดทำไมเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก” เขาว่า รู้ว่าทักษ์จะโวยหากยกประเด็นนี้ขึ้นมา

แต่อีกฝ่ายไม่ยักว่าอะไร กลับถอนใจเฮือก “บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีเลย”

“อะไรกัน... คนไม่ดีที่ไหนจะรสมือดีขนาดนี้” ธรรมนูญบอก ครั้งแรกที่ทักษ์พูดเรื่องนี้เขาหัวเราะแล้วว่าไม่เกี่ยว ก็เจ้าตัวว่าทำอาหารทำด้วยใจ ใจดี... กับข้าวก็ดีตาม
 
“แบบ... บางทีก็อิจฉาคนที่ไม่ควรอิจฉา”

คราวนี้ธรรมนูญไม่รู้เรื่องเอาจริงๆ ตอบไม่ถูกว่าควรจะไปทางไหน ทักษ์มองเขาอยู่ครู่แล้วว่า

“ช่างเหอะ เอาเป็นว่าถ้าทำอะไร... อาร์มอย่าโกรธนะ อย่างน้อยก็ขอให้เป็นเพื่อนกัน”

คนถูกเรียกให้มาชิมยังงง แต่พ่อครัวยิ้มแล้วเลื่อนจานขนมหม้อแกงให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ภวิลไม่ได้โทรศัพท์หาใครอื่น เป็นเพื่อนที่อุปโลกน์ให้เป็นที่ปรึกษาทางการแพทย์กลายๆ นั่นเอง เขามีข้อสงสัย... อาจจะเป็นแบบเดียวกับที่จิรัฐมีอยู่ในใจเมื่อได้เห็นสีหน้าเมื่อครู่ แต่เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องคิดแบบนั้นเลยจริงๆ

“หมัด ว่างนะ”

“คุยได้จ้ะ มีอะไรรึเปล่าเสียงไม่ค่อยดี”

ผู้หญิง ความรู้สึกไว... ถึงภวิลจะไม่รู้ว่าเสียงเขาเป็นยังไง แต่ความกังวลที่มีอยู่คงสื่อออกไปไม่น้อย

“มีเรื่องอยากถาม คือ... เพื่อน... คนหนึ่ง เขาเห็นโน่นเห็นนี่ ประมาณว่า... บางทีคิดว่าตัวเองไปที่อื่นแต่จริงๆ ไม่ได้ออกจากห้องเลย แล้วก็... มีได้ยินเสียงแว่วบ้าง แต่ทั่วไปก็ดูปกติดี”

“ไม่ได้ติดยาติดเหล้านะ”

“เรื่องนั้นตัดออกไปได้”

“หมัดก็ไม่ได้จบทางนี้มา แต่ถึงจะคล้ายอาการทางจิตเภทก็ต้องตรวจให้ละเอียด ดูสภาพแวดล้อมอะไรด้วยหลายอย่าง รวมไปถึงประวัติทางครอบครัว ว่าเคยมีใครมีอาการแบบนี้บ้างไหม”

“ทางฝั่งทวดเขา... อาจจะเป็น”

“อืม... พันธุกรรมก็มีส่วนมาก... เท่าที่เห็นจากสถิติถ้าเคยมีประวัติก็มีความเป็นไปได้สูงขึ้นในชั้นลูกหลาน ตอนแรกการสับสนหรือว่าหลงผิดจะเกิดขึ้นช้าๆ แล้วก็ไม่มาก คนที่เป็นก็จะพยายามทำตัวปกติ และนึกว่าคิดไปเอง แต่ต่อไปก็จะเครียดมากขึ้นเพราะรู้สึกว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ แต่เจ้าตัวไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร”

ภวิลนิ่ง คนเป็นหมอยังพูดต่อเรื่อยๆ 

“ส่วนใหญ่ก็รักษาด้วยการให้ยา ปรับขนาดยาแล้วดูอาการกันไป... แต่มันจะช่วยได้มากกว่าถ้ารู้สาเหตุลึกๆ ในจิตใจ ยิ่งถ้าเมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็น แต่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตแล้วเริ่มเป็นหลังจากนั้น แก้ที่ต้นเหตุได้ก็จะดี... กันการกลับไปเป็นอีก”

มทนาคงไม่รู้ว่าเพื่อนทรุดตัวลงนั่งกับม้านั่งแถวนั้นแล้วยกมือคลึงหว่างคิ้ว การเปลี่ยนแปลงในชีวิตน่ะหรือ... ถูกเทคโอเวอร์กิจการของครอบครัวที่รักแสนรักไปโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ไม่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วจะเรียกว่าอะไร

เพราะภวิลสังเกตอีกฝ่ายอยู่เสมอ เมื่อคิดย้อนไปแล้ว ทุกอย่างก็... ลงรอย ทั้งที่ ‘เห็น’ อะไรๆ แล้วยังครั้งหลังสุดเขาจำได้ ตอนนั้นรถเงียบแต่จิรัฐกลับหันมาถามว่าเขาเรียกหรือเปล่า

ภวิลไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่แล้ว ตอนนั้นจึงปักใจเสียว่าฝันร้าย มาเริ่มเอะใจตรงหูแว่วแต่ก็พยายามคิดว่าคงเกิดขึ้นได้บ้าง ความเป็นไปได้อีกอย่างไม่เคยเฉียดเข้าใกล้สมองเขาเลยจนกระทั่งได้ยินเรื่องในวันนี้

ความเป็นไปได้ที่ว่า... อาจเป็นอาการทางประสาท อาการเริ่มแรก สับสน หลงผิด ประสาทหลอน

แต่ถ้าตัด ‘ต้นเหตุ’ ออกไปจากชีวิตแล้วก็จะดีขึ้น จะหายใช่หรือเปล่า

“หมัด... สมมติว่าเราพอจะรู้ว่าใครทำให้เขาต้องเจอเรื่องกดดัน เรื่อง... เปลี่ยนแปลงในชีวิตนั่นน่ะ ไม่มีแล้วก็น่าจะกลับเป็นปกติได้เร็วขึ้นใช่ไหม”

“ก็มีส่วนช่วยบ้าง ถ้าได้ออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ แต่ยังไงหมัดว่าต้องมาตรวจนะ วินพามาเลยหรือเปล่า หมัดจะได้เตรียมส่งต่อให้เฉพาะทาง”

ภวิลเอ่ยตอบไปทั้งใจวูบ

“คง... ไม่ใช่หน้าที่เราแล้ว”

มทนาพยายามถามเขาอยู่อีกสองสามประโยค ภวิลก็ตอบโดยไม่ระบุอะไรเจาะจงก่อนจะวางหู นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น

เขาพยายามทำทุกอย่างเท่าที่อยู่ในอำนาจตัวเองจะทำได้ แต่บางเรื่องก็ต้องยอมรับ ว่าใจคนไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับฝืนกัน จิรัฐไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ควรต้องเผชิญเรื่องแบบนี้ ถ้าต่อไปจิรัฐได้ทำงานอย่างมีความสุข อยู่กับบ้านที่รัก ก็เป็นเรื่องที่เขาควรจะพอใจได้แล้ว

ภวิลลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจลึก แล้วออกเดินมุ่งไปยังตึก แต่จิรัฐไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน และไม่ได้อยู่ในตัวบ้าน เขากลับออกมา เดินไปทางสระบัว แต่ก็ไม่มี

ภวิลเดินต่อไปอีก ถึงยังไม่เจอตัวแต่เขามั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าต้องหาเจอ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร หากเขา ‘รู้’ ว่าต้องหาจิรัฐเจอ

จนเกือบสุดเขตบ้านจึงเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงท่าน้ำ ท่านี้ไม่ใช่ท่าหลักที่ใช้รับส่งแขกไปใครมาอย่างหน้าบ้าน จึงเล็กกว่าและปลอดคน จิรัฐนั่งนิ่งๆ สายตาทอดจับผืนน้ำเบื้องหน้า ดูจะจมอยู่ในห้วงความคิด

ภวิลเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง อีกฝ่ายเพียงหันมามองเฉย แต่แววตาคล้ายทอดอาลัยทำเขาใจหายเป็นครั้งสอง ภวิลลงนั่ง ห่างพอสมควร

จิรัฐมองคนที่นั่งข้างกันนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะละสายตากลับไปหาแม่น้ำเหมือนเดิม ภาพเมื่อกี้เลือนลาง... พร่ามัว แต่จะเป็นภาพฝันหรือภาพจริง เขาก็ยังคงพูดออกไป

ถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีก

“... ผม... เห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ได้ยินเสียงใครก็ไม่รู้”

ภวิลนิ่ง เสียงเศร้าๆ นั้นเสียดลึกลงในใจอย่างบอกไม่ถูก จิรัฐยังพูดต่อ เขาจะ... บอกจนสิ้นความ

บอกหมดทุกอย่าง เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

“ตอนแรกผมก็นึกว่าคิดไปเอง แต่ไม่ใช่หรอก...” เขาพูดเบาๆ “ผม... อาจจะกำลังเป็นอย่างคุณยายทวด”

“มันอาจจะเป็นแค่ข่าวลือ...” ภวิลว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายปักใจไปกว่าครึ่ง กระทั่งเขาเองก็ด้วย
 
จิรัฐคงกำลังคิดว่าเรื่องที่คุณหญิงบัวป่วยไข้ถึงแก่ชีวิตนั้น เป็นเพราะท่านหลงลืม วิปลาสไปก่อนแล้วถึงได้เดินตกสระ ที่คุณบุณฑริกเคยบอกว่า ‘ตอนป่วย ถ้ายังได้สติบ้างท่านยังชอบมองดอกบัวจากหน้าต่าง...’ เขาเองก็นึกไปว่ามีสติขึ้นจากที่ป่วยนอนแซ่วอยู่ ไม่ใช่รู้ตัวเมื่ออาการสับสนประสาทหลอนบรรเทา

เมื่อคิดดูแล้ว... ทั้งหมดก็... มีเหตุผลสอดรับกันดี

จิรัฐสั่นศีรษะ ภวิลขยับจะค้านอีก แต่ต้องเงียบเมื่อจิรัฐเหลือบมองเขาแวบ คำปลอบใจไร้ความหมายไม่อาจช่วยอะไรได้ในเวลานี้ ที่เขารู้คือผลสุดท้ายมันไม่จำเป็นต้องลงเอยแบบนั้น
 
ถึงได้ต้องกันไว้... ด้วยการแยกตัวออกไปก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้

“จะใช่หรือไม่ใช่ ก็ควรจะไปเช็คให้ละเอียดอีกที” เขาอดย้ำไม่ได้ อีกฝ่ายเฉย แม้จะอยากได้คำรับปาก แต่ภวิลก็ไม่ต้องการคาดคั้น เอาเป็นว่าต่อไป... ถ้าไม่มีเขามายุ่งเกี่ยวอีก จิรัฐคงสบายใจขึ้น

“คุณมีเรื่องจะพูดกับผมใช่ไหม” จิรัฐถามหลังจากนิ่งไปอีกพักหนึ่ง ภวิลพยักหน้า ถึงจะยากเย็นก็ต้องทำให้สำเร็จ เขาเอ่ยช้าๆ

“ที่คุณเคยบอกก็ถูก... มาคิดดู ถึงลงทุนที่นี่ต่อก็ไม่คุ้มกับบริษัทหลักผมเท่าไร เพราะฉะนั้นเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ ขายหุ้นส่วนของวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ออกไป...”

จิรัฐไม่ยอมมองเขา ยังจ้องแต่สายน้ำเบื้องหน้าอยู่เหมือนเดิม ก็ดีแล้ว อาจจะทำให้พูดเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น

เพราะคนที่ไม่ใช่เจ้าของ เข้ามาได้ก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราว สักวัน... ต้องคืนกลับไปให้เจ้าของที่แท้จริงอยู่ดี

เขาพูดต่อสั้นๆ “ผมยอม”

จิรัฐจะได้บอกแม่ได้ ไม่มีเรื่องบิดเบือนอีก บอกว่าวิรัชภาคย์ที่เคยถือหุ้นจำนวนหนึ่งตกลงใจจะขายส่วนของตัวเองในตลาดหลักทรัพย์ ภวิลรู้ ถ้าเขากระจายหุ้นในมือออกได้หมด อำนาจการบริหารจะเปลี่ยนไปเป็นของคนที่ยังถือหุ้นอยู่มากที่สุด... นั่นคือ ยี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ของจิรัฐ ต่อไปก็ตั้งคณะกรรมการบริหารที่มีความชำนาญมาช่วย เขาเชื่อ... บ้านพระยาจะไปได้ดี

“เรื่องบ้านหลังนั้น... ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะพยายามหาต่อและซื้อมาไว้กับทางนี้ให้ได้ อย่างน้อยก็เป็นความต้องการครั้งสุดท้ายของยู”

จิรัฐก็ยังไม่ยอมหันมา ภวิลได้แต่มองเสี้ยวหน้าด้านข้างราวจะจำหลักลงไว้ในความทรงจำ

ความผูกพันที่แน่นเหนียวเหมือนใยบัวร้อยรัดใจเอาไว้ จะสะบั้นให้ขาดลงคงยากยิ่ง

คนนั่งข้างกันเอ่ยเบา

“เท่านั้น... หรือครับ”

“... เท่านั้น” คนจะไปหัวเราะขื่น “อ้อ อีกอย่าง... เข้าตลาดหลักทรัพย์มีประโยชน์เรื่องภาษี ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยดี”

ตัวคนพูดย่อมรู้... จริงแค่ไหน ‘เท่านั้น’ เพียงนั้น ใช่หรือไม่ แต่ให้เข้าใจแบบนี้... คงดีที่สุดแล้ว

“ทั้งหมดนี่ต้องใช้เวลา... แต่ไม่นานหรอก”

ภวิลลุกขึ้นเสียก่อนจะมีเหตุอันใดมาทำให้ความตั้งใจสั่นคลอน เมื่อเดินห่างออกมาได้ระยะหนึ่งจึงเหลียวมองคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เอ่ยเบาราวจะฝากลมไป

“ขอโทษ... สำหรับทุกอย่าง”


จิรัฐมองเงาร่างเคยคุ้นลับสุมทุมพุ่มไม้ไป ภาพตรงหน้ายังพร่าเลือน แต่เขารู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร

ทั้งๆ ที่เล่าหมดสิ้นทุกอย่าง แบบที่ภวิลเคยว่า ‘... เรื่องอะไรก็พูดได้’ แต่อีกฝ่ายเพียงจะมาบอกเขาว่าถึงเวลาต้องไปแล้วเท่านั้น
 
จิรัฐซบหน้าลงกับหัวเข่า อีกมือเลื่อนลงไป กำโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงเอาไว้เหมือนจะยึดเป็นที่พึ่งสุดท้าย แม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์แล้ว

ตอนภวิลเข้ามา เขาไม่มีสิทธิคัดค้านอะไร ตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายต้องการจะไป ก็คงไม่มีสิทธิใดจะทัดทานเช่นกัน

‘... ต้องใช้เวลา... แต่ไม่นานหรอก’

... ไม่นาน... ไม่นาน... ก็จะกลับไปเป็นคนไม่รู้จักกันเหมือนอย่างที่แล้วมา

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 19-05-2012 09:52:31
คุณ iforgive ต้องระวังตัวจริงๆ แหละค่ะ ขอบคุณสำหรับการอ่านค่า
คุณ malula มันน่าคิดมากเลยนะเรื่องกลับชาติมาเกิดเนี่ย แต่เผอิญมันก็ไม่ใช่แนวเหนือธรรมชาติข้ามชาติภพยังงี้ล่ะสิ ขอบคุณมากนะคะ
คุณ pattybluet ในบทนี้คนเขียนจะต้องถูกถล่มจากแม่ยกจีชัวร์ๆ ถึงจะไม่มีอุปสรรค์เรื่องคู่หมั้น แต่ว่าอุปสรรคของสองคนนี้ก็ยังมีอยู่อีกจิ๊ด... นึงเนอะ แหะ ฝากตอนหน้าด้วยนะค้า
คุณ bulldog17 เป็นเพลงมาเลยนะ 55
คุณ Pupay เรื่องในอดีตของพี่แกคงมีไม่ค่อยมากอะค่ะ แนวลูกชายคนโตเรียนทำงาน ไปเรื่อย คบหมอหมัดอยู่คนเดียวก็เป็นเพื่อนกันไปแล้ว กร๊าก
คุณ silverphoenix คิด... แต่ไม่รู้มันจะเป็นจริงเมื่อไหร่ ฮา
คุณ UnLucky มันมีขึ้นมีลงปนกันไปค่ะ เหอๆ เทาบ้างชมพูบ้าง ปมที่เหลืออยู่นี่เดี๋ยวรวดเดียวแล้วค่ะ มันคือปมเดียวกันตลอดแหละที่จริง ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านเจ้าพวกขนสั้นนะคะ 
คุณ uknowvry จีเขาเลือกเมมยังงั้นเสียดายที่เจ้าของเบอร์ไม่เห็นนะนั่น
คุณ PetitDragon ที่ฮีจะอยู่จะไปก็เพราะเจ้าของบ้านตลอดแหละพักหลังมาเนี่ย ปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยมีใครทำจีบนกกับม้าฮ่อแล้วค่ะ แต่จริงๆ ม้าฮ่อทำไม่นานเท่าไหร่นะ
คุณ suck_love ไม่เสียวน้า ไม่น่ากลัว ปมในอดีตเราจะเคลียร์กันในอีกไม่กี่บทเนี่ยแหละ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่า
คุณลูกลิงตัวอ้วน ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามค่ะ
คุณ Little Diamond สักวันหนึ่งเนี่ยแหละ จริงๆ นะ ขอฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ appletokki ขอบคุณมากค่า
คุณ vanny ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเนอะ 55
คุณ yeyong ขอบคุณมากค่ะสำหรับการอ่าน เคลียร์เรื่องนี้แล้วก็ยังมีให้เคลียร์อยู่อีกเล็กน้อย...
คุณ Giniz แต่บทนี้มัน... ค่อนข้างจะไม่มีอะไรให้เขินเนี่ยสิ ถึงจะโสดแล้วก็ยังมีเรื่องให้สะสางกันต่อไป...
คุณ ordkrub ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาค่า ดีใจที่ชอบ ขอฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ  ์ำNeFuji คนให้จะไปไหนซะแล้วละนั่น...
คุณ luckyzaaa มันไม่เสียวอย่างผีสางมะคะ แต่อาจจะเสียวแบบอื่น (เอ๊า) ปล. มาแล้วน้า แอบช้าบ้างไรบ้างอย่าเพิ่งทิ้งกันน้า
คุณ Ipatza คราวนี้ก็กลับมาหลังจากหายไปหลายวันอีกแล้ว ตอนแรกจีอาจจะนึกว่าเป็นวิญญาณ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่นะ อินไปกับจี 55 ยังไงก็ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ cheyp ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านค่ะ ก็ค่อยๆ ดูกันไปเนอะ แต่ใกล้เผยทุกอย่างหมดแล้วล่ะค่ะ
คุณ berlyn พิเศษพอมั้ยล่ะนี่ พี่แกจะไปไหนไม่รู้แล้ว ใครเขาจะกล้าใช้ เนอะ
คุณ tiktik9102 ขอบคุณมากนะคะ ได้เม้นแรกทีเดียวเชียว ขอฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ @Iriz ตอนนี้ก็ได้ข้อมูลเรื่องคุณยายทวดเพิ่มอีกหน่อยแล้วด้วยค่ะ คงเป็นปริศนาชิ้นสุดท้ายแล้วล่ะ (ว่าแต่พ่อนักสืบ จะไปไหน) ความสัมพันธ์อะเนอะ มีคืบบ้างถอยบ้าง จนกว่าจะเคลียร์ความรู้สึกได้หมดจริงๆ
คุณ gohong เรื่องระลึกชาตินี่เป็นพล็อตได้อีกอย่างเลย แต่เผอิญเรื่องนี้มันไม่ใช่แบบนั้นสิ คนอ่านหลอนไปตามจี 55 มาตามสืบด้วยกันค่า
คุณ londoneye ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาค่า มีปมแล้วและมันก็ดำเนินมาถึงการใกล้คลายปมแล้ว 55 คนอ่านมาช่วยคุณพระเอกสืบ คู่นี้รักกันช้าจริงค่ะ (แต่จะรักไปนานๆ นะ รึเปล่า) ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ Cherry Red ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า ถ้ากระชับความสัมพันธ์แนบแน่นขึ้นจริงแล้ว ถึงจะมีเรื่องอะไรขึ้นสายใยอย่างนั้นก็ยังคงอยู่เนอะ
คุณ GAZESL ขอบคุณมากค่ะสำหรับการอ่าน เดี๋ยวก็คลายปมแล้วค่า ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ Jeyibee คนอ่านมาหลอนเป็นเพื่อนจี 55 ความจริงมันก็ไม่ใช่วิญญาณหรืออะไรหรอกค่ะ (อาจจะเป็นอย่างอื่น?) กลายเป็นว่าเงื่อนที่เพิ่มมาทำเอาคุณพระเอกหลุดไปไหนแล้วเนี่ย อร๊าย ชอบค่ะ นับญาติแล้วต้องนับแฟน (เมื่อไหร่ล่ะ) ขอบคุณมากสำหรับการติดตามค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มาแล้ว... กราฟดิ่งกันถ้วนหน้าทุกคนเลยเซ่ แต่ว่า... มันจำเป็นนะตัวเอง มีลงก็ต้องมีขึ้นเนาะ 

ปล. คุณภวิล! ไปจริงอ้ะ ไปแล้วเข้าทางแน่ๆ (ทางใครล่ะ)

ปล 2. รายการอาหารคุณเชฟเครดิตตำรับอาหารจากบัวของราชภัฎนครสวรรค์ เมี่ยงบัวหลวงนี่อาจารย์จากเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีท่านเป็นเจ้าตำรับ แต่เห็นอยู่หลายสูตรเหมือนกัน http://www.youtube.com/watch?v=qzmdazuGKQs

ตอนนี้ช้านิดนึง แหะๆ (... ไม่นิดเหรอ) ขอโทษด้วยน้า คนเขียนงานทับตัวตายจริงจัง กว่าจะเข็นตอนนี้เสร็จ ต้องขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ จากใจเลยค่า 
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 19-05-2012 10:42:09
ไหงงี้อ่ะ

หงอยกันทั่วหน้า :z3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 19-05-2012 10:55:57
อ่านตอนนี้แล้ว เป็นพล็อตเรื่องที่น่าสนใจมากเลยค่ะ
โยงเข้ากับอาการทางจิตเวชได้ แม้จะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 19-05-2012 11:03:08
ง่าาา ตัดฉับ ค้างคา :sad4:
พี่วินจะรีบไปไหน จียังไม่ทันได้พูดไรเลย :เฮ้อ:
แต่ว่าจีจะเป็นโรคอย่างคุณย่าทวดจริงๆหรอเนี่ย  :monkeysad:

 :pig4:นะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 19-05-2012 11:12:44
ดราม่าขนาด
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Giniz ที่ 19-05-2012 13:03:26
อ่านแล้วจุกอ่ะ สงสารทั้งน้องจีและพี่วินเลย  :m15:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 19-05-2012 13:39:39
เริ่มมาก็หลอนเลย o22 แต่เป็นผีก็ยังดีกว่าให้จีเป็นบ้านะ :serius2:
ไม่อยากให้กลายเป็นว่าจีหลอนไปเองเป็นโรคประสาทหรืออะไร เป็นแบบนั้นให้ผีมาจริงๆเลยดีกว่า :sad4:
ส่วนคุณอาร์มก็ช่างไม่รู้สึกอะไรเอาซะเลย คนเค้าพูดขนาดนั้นแล้วนะ :seng2ped:
สงสารคุณเชฟเลยแหะ น่าจะให้คุณเชฟจับปล้ำซะเลย o18
แต่ตอนนี้กราฟดิ่งจริงๆเลยค่ะ เข้าใจผิดกันไปคนละทางเลย  จีรีบๆง้อพี่วินหน่อย คนแก่เค้างอน+คิดมากไปนู่นแล้ววว :laugh:
ว่าแต่ใครรอเสียบล่ะคะ คุณอาร์มเหรอ ไม่ยอมๆๆๆ :z6:(ถีบคุณอาร์มไปให้คุณเชฟ)
รอตอนต่อไปและขอบคุณที่อัพค่ะ :pig4:

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 19-05-2012 14:21:12

อะไรอะ คิดเองเออเองกันอีกแล้ว
หงุดหงิดอะ  จิรัฐอุตส่าห์พยายามเล่าแล้ว
แล้วนี่ก็คิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุ
แทนที่จะพยายามเป็นที่ปรึกษาคอยดูแล
นี่กลับจะทำตัวหายไปอีก
สงสารจิรัฐ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 19-05-2012 14:32:16
เง้อ......อ เศร้า อึน....รออ่านต่อ 555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 19-05-2012 14:39:59
เง้อ......อ เศร้า อึน....รออ่านต่อ 555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-05-2012 14:43:43
ทำไมถึงไม่เปิดใจคุยกันนะ  ทำแบบนี้เจ็บทั้งคู่
แล้วจริง ๆ แล้วเราว่าไม่น่าจะเป็นอาการทางประสาท
เหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 19-05-2012 15:13:42
ต่างคนต่างคิดไปเอง ทั้งที่ก็อยากอยู่กับอีกฝ่าย

อึมครึมมากๆ แต่อาการของจีนี่ซิ หนักกว่า

ไอ้ภาพหลอนนี่มันยังไง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 19-05-2012 15:16:19
รออ่านเรื่อยๆอยู่นะ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-05-2012 17:58:28
เศร้าจัง....

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-05-2012 19:18:10
พี่วิลจะไปจริงเหรอ จีอาการไม่ดีเลย
คงเพราะกดดันหลายอย่าง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-05-2012 20:12:23
เศร้าจัง!!!!!!!
สงสารทั้งสองคนเลย
เมื่อไหร่จะได้เวลาเปิดใจกันหนอ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 19-05-2012 23:33:28
กราฟดิ่งลงเหวจริงๆค่ะตอนนี้ ทั้งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทั้งอาการของจี
พี่วินอย่างพึ่งโทษตัวเองแล้วหนีไปสิ อยู่ดูแลน้องก่อน :monkeysad:

edit - เจอคำผิดแต่ลืมแปะ พึ่งนึกขึ้นได้ 55
“... แต่นั่นมันเหมือนก่อน ตอนนี้...” > ต้องเป็น 'เมื่อก่อน' รึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 19-05-2012 23:42:33
ง่า น่าสงสารจิรัฐ เป็นอะไรกันแน่อ่ะ
ภวิลอยู่ช่วยจีก่อน :dont2: อย่าเพิ่งปายยย 
ซูเชฟนี่แอบชอบพี่อาร์มแน่เลยใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 20-05-2012 00:31:35
แอบกดเปลี่ยนแท็บไปกรี๊ดส์ตอนคุณภวิลได้ยินไม่ครบด้วยแหละ 5555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 20-05-2012 02:06:49
เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว  วินไม่ลองถามจีก่อนอ่ะ ว่าอยากให้จากไปจริงๆรึเปล่า เหมือนเข้ามาตอนแรกความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี พอเริ่มจะดีขึ้น วินก็มาจากไป  ทิ้งจีทำไมๆๆๆ? แล้วก็ไม่รอฟังให้จบ ครึ่งๆกลางๆก็ได้ไม่เต็มประโยค คิดเองเออเอง

จีอาจเป็นโรคเหมือนคุณทวดก็ได้นะ ปล่อยให้เราหลอนตั้งนาน เดาว่าสาเหตุมาจากยู การศูญเสียเพื่อนครั้งนั้น ทำให้จีเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 20-05-2012 23:50:41
เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
หวานกันได้ไม่เท่าไหร่เลย
ยังไม่คืบหน้าซะด้วยซ้ำ

เฮ้อออออออ   
รอตอนต่อไปจ้ะ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: tiktik9102 ที่ 21-05-2012 12:05:19
 :sad11:  เศร้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Morethan ที่ 21-05-2012 14:48:44
ชอบนิยายแนวนี้มากเลยค่ะ >-< รู้สึกแบบมันละมุนละไมดี แต่ตอนนี้ยังอ่านไม่จบเท่าที่ลงไว้นะคะ 555+ แต่อยากมาเม้นท์ให้ก่อน เพิ่งอ่านไปถึงตอนที่พี่วินกับจีเริ่มจะดีๆ กัน ไปกินก๊วยเตี๋ยวด้วยกันหลังจากตามหาเจ้าของบ้าน

อ่านตอนแรกๆ ก็รู้สึกเศร้าๆ บรรยากาศหม่นๆ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับยูกันแน่ พอรู้สึกแล้วก็เหมือนปมคลายไปเปลาะหนึ่ง (แต่ยังค้างอีกเป็นปมใหญ่ๆ ฮา) อ่านไปก็รู้สึกอบอุ่นหวานๆ ความสัมพันธ์ค่อยพัฒนาไปช้าๆ แต่ก็แอบหลอนนิดนึง 555 บอกไม่ถูกสิคะ มันแบบเกี่ยวอะไรกับฝันของจีด้วยรึเปล่าง่ะ

ไว้เดี๋ยวไปอ่านต่อดีกว่าค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ภาษาสวยๆ นะคะ >_<


___________________________________________


มาเพิ่มเติมแบบว่าอ่านจบถึงตอนล่าสุดแล้วค่ะ
ตาแฉะกันไปข้าง (ความจริงต้องตาแห้งมากกว่าสินะ)
T^T อ่านไปก็ตบเข่าฉาด ว่าแล้วเชียวว่าพี่วินต้องฟังที่จีพูดไม่ครบชัวร์ๆ
จีก็เข้าใจเจตนาพี่วินไปอีกอย่าง แต่อย่างว่าแหละนะ
อารมณ์ความรู้สึกมันซับซ้อน ก็หวังว่าทั้งสองคนจะเข้าใจกันมากขึ้นว่ารู้สึก 'อย่างไร' ต่อกันละกันกันแน่ >w<

ส่วนอีกเรื่องคือปมของจี บ้านหลังนั้นที่ไปพร้อมกับยู เสียงแว่ว ดอกบัว คุณยายทวด 555
อ่านไปก็หลอนไปเป็นพักๆ ยิ่งตอนที่เห็นเงาตะคุ่มๆ ไฟดับมืดไปหมดนั่นอีก orz

สุดท้ายแล้ว หรือว่าเชฟจะชอบพี่อาร์ม ดูท่าเชฟก็น่าสงสัย 555 (หรือเราคิดไปเอง)
อีกคนที่อดคิดถึงไม่ได้ก็คือแม่ยู แต่รายนั้นคงไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยล่ะมั้ง

>_< มาต่อไวๆ นะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-05-2012 01:04:04
พี่วินอย่าเพิ่งทิ้งน้องจีไปนะ
ตอนนี้น้องจีกำลังต้องการกำลังใจจากพี่วินอยู่นะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 24-05-2012 05:14:01
อาการหลอนของจีได้มาจากคุณยายบัว ?
ภวิลอย่าทิ้งจีไปนะ อยากให้สองคนนี้คุยกันมากกว่าการคิดไปเองของแต่ละฝ่าย
ทั้งๆที่เริ่มมีใจให้กันแล้วแท้ๆ TT

ปล.ชอบรายการอาหารของทักษ์มากกกก อ่านไปหิวไป
     อ้อ ยังสงสัยเรื่องแม่ของยู กับ บ้านหลังนั้นอยู่ อีกไม่นานก็จะคลายปมแล้วใช่มั้ยค่ะ คุณเดหลี ??
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 11] 19 พ.ค. 55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 27-05-2012 09:42:09
โอ๊ยยย ไม่น้าาาาา ภวินอย่าไปเลย ไม่อยากให้เป็นแบบนี้อ่ะ
ถ้าเป็นเรื่องทางจิตใจ เดี๋ยวจีก็อาการแย่ลงหรอก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 29-05-2012 15:19:53
บทที่ 12

ห้องทำงานกรุกระจกใสมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไกลลิบๆ เมื่อก่อนแค่เปิดหน้าต่างหรือเดินออกไปที่ระเบียงก็ได้ลมแม่น้ำแล้ว แต่ตอนนี้มีเพียงไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่กระจายในห้อง คนยืนเอามือไพล่หลังทอดสายตาออกนอกหน้าต่างด้วยสีหน้ายุ่งยากถอนใจหนักๆ

... ถึงจะออกมาแต่ภวิลไม่ได้หมดความสนใจ แค่จะรู้ว่าเจ้าของบ้านยังเข้าทำงานสม่ำเสมอหรือเปล่าท่าทางเป็นอย่างไรบ้างไม่เกินความสามารถเขา กระบวนการแปรสภาพให้เป็นบริษัทมหาชนก็เริ่มขึ้นแล้ว ขั้นแรกต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อลงมติ เมสเซนเจอร์เอาเอกสารมาให้เซ็นตั้งแต่วันก่อนแต่ทั้งหมดชะงักอยู่เพียงนั้นเพราะผู้บริหารอีกคนลาพักผ่อน

ประเด็นคือ คนจริงจังกับงานอย่างจิรัฐไม่น่าจะอยากพักร้อนตอนบริษัทกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญแบบนี้ ตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่าเป็นการลาป่วยแต่ไม่อยากให้พนักงานรู้หรือเปล่า ปรากฎว่าจิรัฐก็ลาไปอยู่กับบ้านเฉยๆ ภวิลลงทุนตะล่อมคุณย่าพอรู้ว่าท่านโทรไปหาคุณอาบุณฑริกถามสารทุกข์สุขดิบ เป็นธรรมดาว่าต้องถามหาหลานอีกคนด้วย เลยแน่ใจ จิรัฐไม่ได้ไม่สบาย
 
นั่นแหละที่ทำให้กังวล ผิดวิสัย... เพราะเขารู้ว่าบ้านที่เป็นเรือนใจไม่ใช่บ้านเมืองนนท์ แต่เป็นบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา มารดาก็อาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องหยุดงานติดต่อกันเพื่อดูแลเลย

แล้วทำไมถึงเก็บตัวเงียบราวตัดขาดจากทุกสิ่ง

หนึ่งวัน... สองวัน... สามวัน... ผ่านไปสี่วันแล้วก็ยังไม่ไปทำงาน

ความจริงยังนึกไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอื่นใดที่ทำให้จิรัฐไม่อยากเข้าไปที่บ้าน ตอนนี้เมื่อไม่มีเขา... คนเป็นเจ้าของควรจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างปลอดโปร่งสบายใจ ที่วางมือ เดินออกมา ก็ด้วยเหตุนี้

แต่ผิดคาด เรื่องกลับตาลปัตรไปหมด

พอล่วงเข้าวันที่ห้าภวิลก็หมดความอดทน ถ้าเขาตัดสินใจพลาดก็ขอให้รู้กันไป รีรออยู่แบบนี้คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
 

จิรัฐวางช้อนลง แม่เลื่อนถ้วยกาแฟให้อย่างเอาใจ ปกติจิรัฐออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ แทบใช้ชีวิตที่ทำงาน อยู่บ้านทานข้าวกับแม่บ้างก็ดี... ถึงแม่ทำท่าเหมือนมีเรื่องจะถาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ว่าอะไรที่จู่ๆ ลูกชายบอกว่าอยากหยุดพัก

เสียงหมาเห่ากันให้ขรมข้างล่าง คุณบุณฑริกลุกขึ้นชะโงกดูที่หน้าต่าง จิรัฐก็แปลกใจกับแขกที่มาเยือนแต่เช้า

“ใครมาครับ”

คำตอบมีให้เห็นหลังจากนั้นไม่ถึงสองนาทีเมื่อแขกโผล่พ้นบันไดบ้านขึ้นมา จิรัฐชะงัก ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก ภวิลไหว้คุณบุณฑริกด้วยท่าทางปกติ เหมือนเคยมาอยู่แล้วเป็นประจำก็ไม่ปาน แม่เขาก็ไม่แพ้กัน เอ่ยชวนทานของเช้าด้วยอย่างสนิทสนม

ภวิลเหลือบมองเจ้าบ้านอีกคนเห็นทานเสร็จเรียบร้อยจึงบอกว่าไม่เป็นไร ขอบคุณแล้วก็เอ่ยต่อ

“พอดีผมผ่านมาแถวนี้...” เขาเริ่มแล้วก็หยุด ไม่รู้จะเกริ่นไปทำไมในเมื่อบ้านเขากับนนทบุรีมันไม่ได้ใกล้กันสักนิด แล้วจะมาทำธุระอะไรเช้าขนาดนี้ก็ไม่มีเหตุผลอีกเหมือนกัน เลยพูดตรงๆ “เห็นไม่ไปทำงานหลายวัน... ไม่แน่ใจว่า...”

เขาแลเลยไปหาคนที่ค่อยๆ วางถ้วยกาแฟลงกับจานรอง นึกคำพูดต่อไม่ออกเอาดื้อๆ ไม่แน่ใจ... อะไร? เท่าที่เห็นอีกฝ่ายก็ดูสบายดีจริงๆ อย่างที่เคยได้ข่าว อาจจะสบายดีกว่าเมื่อสี่ห้าวันก่อนตอนพบกันเป็นครั้งสุดท้ายที่บ้านด้วยซ้ำ

“จีลาไม่บอกพี่เขาหรือเนี่ย อะไรกัน” คุณบุณฑริกว่า ก่อนหันมาบอก “อยู่ๆ ก็บอกอยากหยุด... อายังว่าแปลก ปกติหายใจเข้าออกเป็นบ้านหลังนั้น แต่ก็เอา... ตามใจ”

“ผมไม่เคยได้ใช้วันหยุดเลย...” ลูกชายประท้วงเสียงเบา

“ใครไปว่าอะไร แม่อยากให้จีพักสมองบ้างจะตาย... แต่ใช้วันหยุดมาอยู่กับบ้านเฉยๆ อย่างนี้แม่ยังเบื่อแทน” คนเป็นแม่พูดยิ้มๆ “แม่ก็รอดูอยู่ว่าจะหยุดได้กี่วัน นี่จีก็โทรบอกอาร์มแล้วไม่ใช่หรือลูกว่าวันนี้จะเข้าไป”

ภวิลเม้มปาก ได้ยินอย่างนั้นเลยชักคิดว่าตัวเองกำลังยุ่งไม่เข้าเรื่องอยู่อีกหรือเปล่า ในเมื่อจิรัฐก็ตั้งใจจะเข้าไปอยู่แล้ว ทำงานต่อ เปลี่ยนผ่าน... เริ่มสิ่งใหม่ๆ แต่ตัวเขาเองนี่แหละที่เพิ่งรู้ จะปล่อยมือ... ทำยากกว่าพูดมากนัก

จิรัฐถอนใจ เขาบอกรุ่นพี่ไว้ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พอต้องไปจริงๆ กลับลังเล

ตอนแรกที่หยุดมาเพราะไม่แน่ใจตัวเอง กลัวจะตัดสินใจเรื่องต่างๆ ผิดพลาดไป ถ้าเขายังเห็นยังได้ยินอะไรแปลกๆ ก็ไม่แน่ว่าบ้านพระยาสมควรอยู่ในมือผู้บริหารอย่างเขาหรือเปล่า ที่บ้านนี้... เขาไม่เป็น ไม่เห็นภาพหลอน ไม่ได้ยินเสียงแว่ว

บ้านสวนสงบเงียบก็จริง แต่จิรัฐคิดถึงงาน

คนเคยทำงานทุกวันอยู่ๆ หยุดไปเฉยๆ ก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ เหมือนในอกมันว่างเปล่าลงไป... นิดหนึ่ง

คล้ายกับที่... เคยเห็นใครเกือบทุกวันแล้วไม่เห็น 

“โทรบอกว่าหยุดอีกสักวันก็ได้มังครับ”

คราวนี้ภวิลชักจะผิดสังเกตขึ้นมาจริงๆ เพราะเขาไม่คิดว่าจะมีวันที่จิรัฐผลัดการเข้าไปที่บ้าน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตอนอำนาจบริหารทั้งหมดเปลี่ยนมือ น่าจะอึดอัดขัดข้องกว่านี้โขก็ยังไปทุกวัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่

“หยุดต่อแล้วไปเดินใจลอยอยู่ในสวนไม่ก็นั่งมองหมาน่ะเหรอ” คุณบุณฑริกหัวเราะ “พอดีเลย... ลูกบอกว่าไม่ค่อยอยากขับรถนี่จ๊ะ”

ตอนแรกพูดกับแม่ไว้ว่าอย่างนั้นก็เพราะไม่ไว้ใจทั้งหูทั้งตาของตัวเองแล้ว หรืออาจจะระบบประสาททั้งหมดเลยก็ได้ แต่ถ้าต้องกวนอีกฝ่ายเขายอมไปพรุ่งนี้ไม่ก็ขับเองดีกว่า

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” จิรัฐบอกแม่ “เอารถไปเองดีแล้ว ไม่งั้นขากลับต้องเรียกแท็กซี่อีก”

“รับแล้วก็ต้องส่งสิครับ” ภวิลว่า ตอบคุณบุณฑริกแต่ตามองอีกคน

มารดายิ้มอย่างไม่ติดใจ จิรัฐยังพยายามจะเลี่ยงแต่สองคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เห็นดีเห็นงามจนเขาหมดข้ออ้าง ต้องยอมไปขึ้นรถคันดำในที่สุด

ภวิลมองคนข้างๆ จิรัฐนั่งเฉยมองตรงไปข้างหน้า เขาเอ่ยถามเรื่องสำคัญที่สุดก่อน

“คุณ... เป็นอีกหรือเปล่า”

“เปล่าครับ”

“แน่ใจนะ”

จิรัฐขยับตัวนิดแล้วเหลือบมองเขาแวบ ท่าทางเหมือนจะบอกว่าทำไมต้องโกหกด้วย

คนถามถอนใจเบาๆ โล่งอกที่อาการแบบนั้นหายไป แต่ก็คิดไว้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาทั้งบอกจะขายหุ้นออกและไม่ได้เจอหน้ากันเลย แสดงว่าจิรัฐอาจจะสบายใจกว่าจริงๆ

“ผมเซ็นเอกสารแล้ว อีกสองอาทิตย์ก็เรียกประชุมลงมติพิเศษได้”

“ครับ” อีกฝ่ายตอบแค่นั้น

ภวิลทำใจไว้แล้วว่าถามคำตอบคำอย่างนี้อาจจะเป็นไปจนถึงโรงแรม แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่เขาอยากรู้

“ที่ไม่เข้าไปหลายวัน... ไม่ได้มีเรื่องอื่นใช่มั้ย”

จิรัฐนิ่ง ไม่นึกว่าภวิลจะสนใจอะไรกับเรื่องนี้ ในเมื่ออีกไม่นานก็คงขายหุ้นออกในตลาด เขาจะไปทำงานหรือไม่ไป เป็นอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก ได้ยินคำถามย้ำ

“ผมออกมาแล้ว... ทำไมคุณถึงไม่ไปทำงาน”

“มันเกี่ยวอะไรกันล่ะครับ”

ภวิลมองคนตอบ หน้าตาเฉยเมยราวจะถามว่า ‘มันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะครับ’ มากกว่า เขากำพวงมาลัยแน่นขึ้น ไม่นับตอนเจอกันใหม่ๆ ก็ไม่เห็นท่าทางอย่างนี้มานานมากแล้ว ทุกอย่างดูจะย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น แต่ความรู้สึกของคนที่ได้มีโอกาสคุ้นเคยกันมาย้อนกลับได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือเปล่า

พอถึงทางแยกเข้าเมืองกับไปทางโรงแรมคนถูกฝากให้นั่งมาด้วยก็ว่า

“จอดตรงนี้ก็ได้ ผมไปต่อเอง”

ภวิลเหนื่อยเกินจะยกเรื่องหุ้นที่มีอยู่และยังไม่ได้ขายขึ้นมาเป็นข้ออ้าง เขาพูดเรียบๆ “รู้แล้วว่าไม่อยากให้เข้าไป”

คราวนี้ผู้โดยสารหันมามองเต็มที่ ภวิลเห็นสายตานั้นเหมือนกัน เขาชะงัก

... เพราะได้ยินจิรัฐบอกรุ่นพี่กับหูมาจริงๆ แต่อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนไม่เคยพูด ถ้าไม่รู้มาก่อน เขาจะคิดว่าจิรัฐไม่เคยนึกอย่างนั้น อย่างน้อยก็ไม่ใช่ระยะหลัง

ภวิลหักพวงมาลัยจอดข้างทาง จิรัฐขยับจะเปิดประตูแต่คนขับไม่ปลดล็อก       

เขาก็ไม่รู้ว่าภวิลพูดแบบนั้นเพราะอะไร คนพูดต่างหากที่อยากมาก็มา อยากไปก็ไป นี่เห็นกับตาว่าเขาไม่เป็นไรแล้วจะได้ไม่ต้องรู้สึกรับผิดชอบอีก แม่ฝากมาก็จริงแต่เขาไม่หวังให้ต้องไปส่งถึงที่ ภวิลจะได้เข้าบริษัทตัวเองไปทำงาน

“คุณภวิล ประตู...”

“ไม่ได้จอดให้ลง ขับไปพูดไปมันมองไม่เห็นหน้า” เขาหันมา จิรัฐยังนิ่งแต่สีหน้าสับสน ภวิลแตะแขนซ้ายก่อนจับไหล่เบาๆ รั้งให้เผชิญหน้า

“ถ้าไม่ใช่เพราะมีหุ้น เพราะคุณย่า หรือว่าเพราะยู จะไม่ต้อนรับกันจริงๆ?”   

“ในเมื่อคุณตั้งใจจะให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว ก็แสดงว่าขายหุ้นทิ้งดีกว่าถือไว้ แล้วบ้านหลังนั้นยังมีอะไรสำคัญอีกหรือครับ” จิรัฐถามออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ “มันมีอะไรสำคัญถึงกับต้องกลับไปอีก”

ภวิลสบตาคนตรงหน้านิ่ง แววตาที่เต้นระริกอยู่นั่น... สงสัย ไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ... แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงความเกลียดกลัวต้องการจะผลักไส เขาค่อยบอก

“... มี”

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จิรัฐสะดุ้งน้อยๆ ภวิลถอนใจแล้วปล่อยมือ ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องรับ คงเป็นเรื่องงาน แล้วก็ใช่จริงๆ

แต่จิรัฐขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทุกขณะ ท่าทางเป็นกังวลจนเขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงแรมหรือเปล่า

“ตั้งแต่เมื่อไหร่... ตอนนี้ใครดูอยู่ โอเค จะเข้าไปเดี๋ยวนี้”

ไม่รอจนอีกฝ่ายวางหูภวิลก็ออกรถมุ่งตรงไปบ้านพระยา

รู้ว่าจิรัฐคงอยากไปที่นั่นให้เร็วที่สุด


ธรรมนูญเดินแทบจะเป็นวิ่งผ่านห้องอาหาร ถ้าไม่เกรงใจแขกเขาก็คงวิ่งแล้วจริงๆ

เพิ่งจะถึงที่ทำงานก็ได้เรื่อง ทางครัวโทรมาบอก เกิดเหตุวุ่นวาย... เบื้องหลังเสียงดังจนฟังไม่ได้ศัพท์แต่มันไม่เหมือนความอึกทึกที่เกิดขึ้นในครัวโดยทั่วไป เสียงทักษ์ตะโกนสั่งงานร่าเริงตามปกติก็ไม่มี

เขาผลักประตูเปิดออกโดยแรง แล้วก็ได้คำตอบ

หัวหน้าเชฟคนก่อนกำลังอาละวาด และมาเพื่อทำอย่างนั้นโดยเฉพาะ ไม่ได้เน้นทำลายข้าวของให้เสียหาย... แต่ก่นด่าทุกคน ทุกอย่างที่นี่ว่าเป็นเหตุให้ชีวิตพังพินาศในความคิด ธรรมนูญรีบบอกลูกมือในครัวคนหนึ่งที่ยังยืนอึ้งอยู่ข้างประตูให้ไปเรียกยาม เผื่อไว้... เพราะนอกจากด่าหยาบคายแล้วก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ทำอะไร แต่ยังไงคงต้องแยกออกมา หาไม่ในครัวจะทำงานไม่ได้กันหมด

อันที่จริงเขาก็พอเข้าใจว่าทำไมจึงไม่มีคนไปดึงรั้งจัดการ ในงานครัวหัวหน้าเชฟก็เหมือนแม่ทัพถือสิทธิขาด ทุกคนที่ทำงานตรงนี้เคยอยู่ใต้อาณัติมาก่อนทั้งสิ้น ไม่แปลกที่จะยังกลัวเกรงกันอยู่ ยิ่ง ‘แม่ทัพ’ คนใหม่ก็ยืนหน้าเผือดอยู่นั่น

แวบหนึ่งที่ธรรมนูญนึกประหวัดไปถึงเรื่องที่เขายังติดใจสงสัยตั้งแต่คุยกันครั้งที่แล้วกับทักษ์ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายบุคคลและรุ่นพี่ของจิรัฐ เขาคิดว่าปล่อยผ่านเรื่องนี้โดยนิ่งนอนใจไม่ได้ เรื่องจะมีมูลหรือไม่แต่พูดกันไปก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ เขาไม่อยากให้พนักงานไม่ว่าจะใหม่หรือเก่าเกิดระแวงในการตัดสินใจของผู้บริหารขึ้นมา ด้วยเหตุที่ว่าเคยมีญาติสติวิปลาสในบั้นปลาย

การถามไถ่หาข้อมูลอย่างระวังไม่ให้คนถูกถามรู้ตัวนั้นยาก... แต่ธรรมนูญก็ทำสำเร็จ เขาไล่คุยกับคนเก่าคนแก่ แบบที่พ่อแม่เคยทำงานให้กับครอบครัวของจิรัฐมาตั้งแต่สมัยก่อนต้องย้ายออกไป ไม่มีใครเคยได้ยินข่าวลือนี้ จะคิดไปว่าเหล่าลุงๆ ป้าๆ ระวังไม่พูดให้เขารู้ก็ไม่น่าใช่ เพราะธรรมนูญถึงขนาดไปหาตัวคนที่เกษียณไปตั้งแต่ตอนเขายังไม่ทำงานที่นี่ ซึ่งไม่มีทางรู้ว่าเขาเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล ก็พูดตรงกันกับคนที่ยังทำงานอยู่

แล้วทักษ์ไปเอาเรื่องคุณยายทวดจิรัฐวิปลาสมาจากไหน

... แต่เคลียร์เรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยถามเรื่องนั้นแล้วกัน

เขาจับข้อศอกทักษ์ดึงให้มายืนข้าง แขกไม่ได้รับเชิญยังใช้คำผรุสวาทยาวเหยียดไม่ซ้ำจนธรรมนูญหาช่องแทรกไม่ได้ น่าสงสารคนโดนไปเต็มๆ ก่อนอย่างทักษ์ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดเจ้าตัวเลยที่ได้เลื่อนตำแหน่ง เห็นปกติชอบต่อปากต่อคำกับเขาแต่ให้ด่าแข่งกับอดีตหัวหน้ายังไงก็ไม่ไหว คำบางคำเขายังไม่เคยได้ยินเลย

ความจริงเรื่องเชฟคนเก่าเขานึกว่าจัดการเรียบร้อยไปแล้ว หลังจากผู้บริหารใหญ่ให้ออกธรรมนูญก็ทำหนังสือแจ้งเป็นทางการ ยังให้เข้ามาพบเพื่อรับเงินเดือนเดือนสุดท้าย ถึงจะไม่ใช่เงินชดเชยเพราะสัญญาจ้างสิ้นสุดลงโดยที่อีกฝ่ายก็ผิดข้อหาขาดงานติดต่อกันหลายครั้ง แต่จิรัฐยังบอกให้จ่ายเพิ่มไปอีกครึ่งเดือนด้วยซ้ำ ตอนนั้นอดีตลูกจ้างก็ดูพอใจดี ยังโอ่ว่าได้สัญญาใหม่จะย้ายไปทำร้านอาหารดังในโรงแรมห้าดาวที่มาเลเซีย

ปรากฎว่าผ่านไปไม่นานที่ทำงานใหม่ต้องการจดหมายรับรอง ธรรมนูญเห็นว่าไม่สมควรจะเขียนให้ เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลดูเรื่องนี้โดยตรง ขืนรับรองก็พูดเท็จเปล่าๆ ยังไม่เลิกนิสัยเดิมจะพลอยเสียหายกันไปหมด รู้ว่าอดีตหัวหน้าเชฟคงเคืองอยู่ไม่น้อยแต่ก็เงียบไป

โรงแรมนั้นคงเข้มงวดไม่เบา เพราะจากที่จับใจความได้เมื่อไม่มีจดหมายรับรอง อดีตเชฟใหญ่เลยชวดงานนั้น กลับมาขุดคุ้ยด่าที่ทำงานเก่าอยู่นี่อย่างไร

พอผู้จัดการบุคคลมาถึง เป้าหมายจึงเปลี่ยนเป็นเขา ธรรมนูญพยายามใช้เหตุผลแต่คงไม่มีประโยชน์สำหรับคนกำลังโมโหหน้ามืด เขาเหลียวหายาม ไม่รู้พนักงานคนนั้นไปตามถึงไหน ถ้ายังพูดไม่ฟังกันในตอนนี้ก็เห็นทีต้องขอให้ออกไปสงบจิตใจนอกเขตรั้วโรงแรมก่อน

ประตูเปิดออก แต่คนก้าวเข้ามากลับเป็นจิรัฐ ส่วนคนยังยืนเยื้องอยู่เบื้องหลังเป็นคนที่ธรรมนูญไม่นึกว่าจะเห็น แต่สถานการณ์ฉุกเฉินเขาไม่มีเวลาจะมาข้องใจว่าภวิลเข้ามาที่นี่อีกทำไม เพราะอดีตหัวหน้าเชฟสาวเท้ามุ่งตรงไปยังจิรัฐ

ธรรมนูญใจหายวาบ คนมาหาเรื่องคงไม่รู้จักภวิล ไม่รู้ว่าความจริงแล้วคนที่ไล่ตัวเองออกคือผู้บริหารคนใหม่ ไม่ใช่จิรัฐ ตอนแรกยังไม่ใช้กำลัง แต่ตอนนี้เห็นวี่แววความบ้าเลือดแล้ว...

ภวิลก้าวออกมาบัง แต่อดีตเชฟยังไม่ทันถึงตัวทั้งคู่ก็คู้ตัวลงจนคุกเข่ากับพื้น หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

พวกพนักงานที่ยืนออกันเสียงแซ่ดด้วยความประหลาดใจ อดีตหัวหน้าครวญคราง “ปวดท้อง... โอ๊ย...”

อาการเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน จิรัฐขยับจะเข้าหาแต่ภวิลยื่นมือกันไว้ก่อน เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเล่ห์กลอะไรหรือไม่

อดีตเชฟใหญ่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าความกร่างแล้ว ทำท่าพะอืดพะอมก่อนจะอาเจียนออกมา

“เฮ้ย... เป็นจริงเหรอเนี่ย”

“เมื่อก่อนเอะอะอะไรอ้างลาป่วย ไม่นึกว่าจะป่วยจริงๆ”

เสียงพนักงานซุบซิบกัน จิรัฐรีบบอกให้เรียกรถพยาบาล ภวิลเองก็แปลกใจ เขาว่า

“ถ้าต้องไปโรงพยาบาลเอารถโรงแรมออกเลยดีกว่า ตอนนี้รีบพาไปท่าน้ำก่อน ใครโทรบอกคนขับรถอีกฝั่งด้วย”

เหล่าพนักงานที่พอเห็นใจหัวหน้าเก่าอยู่บ้างพากันมาช่วยพยุงอดีตเชฟใหญ่ซึ่งตอนนี้ท่าทางสะโหลสะเหลหน้ามืดไปลงเรือ ภวิลเดินตามไปบอกให้พาไปโรงพยาบาลของมทนาซึ่งอยู่ไม่ไกล ก่อนเสียงร้องโวยวายและอาการดิ้นพล่านของเชฟจะทำให้ชะงัก

“โอ๊ย ทำไมมันมืดอย่างนี้ นั่นใคร ใคร... อย่า... อย่า กลัวแล้ว...”

ภวิลขมวดคิ้ว อาหารเป็นพิษเฉียบพลัน ปวดท้องอาเจียน เป็นลม ไม่แปลก แต่ไม่น่าจะส่งผลให้มีอาการแบบนี้แน่ๆ

อดีตหัวหน้าเชฟท่าทางลนลานเหมือนกลัวใครจะมาทำร้าย ดีที่แรงไม่ค่อยจะมีนักจากการอาเจียนอย่างหนักเมื่อครู่ทำให้ไม่ดิ้นจนตกเรือไปเสียก่อน เขายืนมองเรือออกจากท่า ยังสงสัยไม่คลาย


คนตั้งใจมาอาละวาดถูกหามส่งโรงพยาบาลกะทันหัน ในครัวทำความสะอาดเสร็จก็ทำงานกันได้เหมือนเดิม ผ่านไปพักใหญ่ๆ มทนาก็โทรศัพท์มาหาเขา

“หมัดดูคนไข้ที่วินส่งมาแล้วนะ แปลกมาก ไม่นึกว่าจะเจอ...”

ภวิลเหลียวหาจิรัฐ เห็นยืนคุยอยู่กับทักษ์ เลยเดินเลี่ยงออกมานิดแต่ยังอยู่ในระยะที่มองเห็นได้

“ตอนนี้เป็นไงบ้าง”

“ได้สติละ ก่อนหน้านั้นแทบต้องจับมัด นึกว่าจะส่งวอร์ดจิตเวช พอดีหมัดเอะใจให้เจาะเลือดดูเพิ่มอีก พอพูดกันรู้เรื่องก็ถามเขา บอกไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แข็งแรงดีทุกอย่าง ท่าทางตกใจน่าดู... ก็ควรอยู่หรอก”

คลื่นไส้... ปวดท้อง ดูเหมือนอาการทั่วๆ ไป เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ก่อนหน้านี้เชฟคนเก่าก็ไม่เคยเป็น ตอนทำงานอยู่ไม่เป็น ออกไปแล้วก็ไม่เป็น จำเพาะมาเป็นหนักตอนกลับไปที่บ้านพระยาอีกครั้ง กับจิรัฐที่อยู่กับบ้านหลังนั้นมาตลอดตั้งแต่ต้น อาการเหมือนกัน... ถึงจะดูไม่หนักหนาเท่าก็จริง แต่ทำไมคนอื่นไม่เป็นไปด้วย

... พอพ่วงกับการเห็นภาพหลอนแล้ว... เรื่องนี้...

ตอนนั้นเองที่คนในครัวเอ่ยอะไรขึ้นบางอย่างที่จุดความสนใจเขา

“เดี๋ยวนะหมัด แป๊บนึง”

ภวิลแนบโทรศัพท์ไว้เหมือนเดิมแต่เงี่ยหูฟัง ระบายลมหายใจยาว

... อย่างนี้เอง

เขาบอกมทนาอย่างที่ได้ยิน “... ดีที่หมัดตรวจเลือดอีกไม่งั้นคงไม่รู้”

“ถ้าเป็นเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง วินลืมแล้วเหรอ หมัดจบเฉพาะทางอะไรมา”

ภวิลพยักหน้ากับโทรศัพท์ เขาลืมจริงๆ ว่ามทนาไปเรียนต่ออะไร และเก่งถึงกับเป็นที่หนึ่งของชั้น จะว่าไปก็ประจวบเหมาะ

... ยังมีโชคดีอยู่ในโชคร้ายบ้าง

จิรัฐคุยกับหัวหน้าเชฟคนปัจจุบันเสร็จหันหลังจะกลับขึ้นห้องทำงาน ปรากฎว่าคนมาส่งยังรออยู่ปากประตู บอก

“ไปด้วยกัน”

“อะไรครับ... ยังไม่ได้ขึ้นไปดูงานเลย” จิรัฐว่า เขาหยุดไปสี่ห้าวันคงมีเรื่องให้ต้องจัดการอยู่มาก

“ไว้ก่อน เรื่องนี้สำคัญกว่า”

เพราะสีหน้าภวิลเคร่งเครียดร้อนใจ ถึงจิรัฐจะยังไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ทุกครั้ง... ถ้าจะพอมีเวลาสังเกตตัวเองก็คงรู้ เขาปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้มานานแล้ว

แต่รถคันดำกลับเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลที่เขาจำได้ว่าภวิลเคยพามาหาหมอมทนา จิรัฐหันมองหน้าคนขับ ทั้งไม่เข้าใจและออกจะเสียใจ นี่เขาคงกลายเป็นคนไม่เต็มในสายตาภวิลไปแล้ว

“คุณพาผมมาโรงพยาบาลทำไม ต้องตรวจอะไรกันอีก กลัวผมจะเป็นประสาทอีกหรือ” จิรัฐถาม เสียงสั่นน้อยๆ อย่างห้ามไม่อยู่ “... ก็บอกแล้วว่า...”

“ไม่ว่าเรื่องคุณยายทวดบัวจะจริงหรือเปล่า” ภวิลพูดช้าๆ “แต่ที่หลานของท่านเป็น... ทั้งหมดที่เกิดขึ้น... ไม่เกี่ยวกัน”

จิรัฐชะงัก ภวิลพูดด้วยความมั่นใจ และทำให้ความระแวงสงสัยทั้งหมดสงบลงได้อย่างประหลาด ก่อนหน้านี้เขาแคลงใจในตัวเอง หมดความมั่นใจไม่อยากจะทำงาน แต่ตอนนี้สายตาอีกฝ่ายกำลังบอกเขาว่า... อย่ากลัว

“จะไม่เป็นอีกแล้ว... พี่สัญญา”
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 29-05-2012 15:22:55

คุณ mild-dy ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ

คุณ bulldog17 กราฟขึ้นมาละนิดนึง 55

คุณ yeyong ขอบคุณนะคะ สรุปว่ามันก็ไม่เชิงใช่ ฝากตอนต่อไปด้วยน้า

คุณ Pupay มาแล้วๆ อีกนิดเดียวนะ เรื่องนี้ใกล้จบละ ถ้าใกล้จบมันจะมีค้างไปบ้างก็ เพื่อพล็อตค่ะ อิอิ ฮีรีบไปก็รีบกลับมาแล้วล่ะ

คุณ chompoonut139 นิดนึงค่ะ แหะๆ

คุณ Giniz เค้าก็ต้องผจญดราม่ามาก่อนลงเอยกันบ้างไรบ้าง เนอะ

คุณ Jeyibee สรุปแล้วมัน... ไม่ผีละก็ไม่บ้าด้วยแหละ 55 พี่อาร์มเป็นพวกความรู้สึกช้า (ความจริงก็ช้ากันเกือบหมดเรื่องอะ เหอ) 55 คนแก่ คิดมาก ขอบคุณมากสำหรับการติดตามนะคะ

คุณ namngern ความคิดเองเออเองมันมาจากเพราะอารมณ์ความรู้สึกมันลงไปแล้วอะเนอะ คราวนี้คุณพระเอกไม่หายละค่ะ

คุณ uknowvry มาแล้วค่ะ ฝากตอนต่อไปด้วยน้า (เศร้าบ้างพอเป็นกระษัย)

คุณ iforgive บางทีมนุษย์ก็เป็นแบบนี้ เข้าใจไปเองแล้วก็ไม่พูดกัน... แต่ว่าเซนส์ถูกเดาถูกมาตั้งแต่ต้นเลยนะเนี่ย มีอาการ แต่ไม่ใช่จากทางจิตน่ะ

คุณ myd3ar จีน่าจะโอละ (น่าจะ?) คุณพระเอกก็มาละ 55

คุณ Guill ขอบคุณมากค่ะ

คุณ PetitDragon นิดนึงนะ แหะๆ ฝากตอนต่อไปด้วยค่า

คุณ malula ฮีแพ้ใจตัวเอง ละก็กลับมาเอง 55 จีกดดันจริง แต่ยังไม่ถึงกับจะบ้าหรอก...

คุณ ordkrub หวังว่าหลังจากนี้มันจะไม่เศร้าแบบนี้แล้วค่ะ เขยิบๆ กันไป

คุณ @Iriz แล้วกราฟก็จะขึ้นค่ะ (ขึ้นๆ ลงๆ 55) คุณพระเอกกลับมาแล้วและคงไม่ไปไหนแล้วละ ขอบคุณมากสำหรับคำผิด แก้แล้วนะคะ ตาลาย กร๊าก

คุณ GAZESL คุณภวิลกลับมาแล้ววว 55 ส่วนอีกคู่ก็ต้องฝากด้วย รักคนที่เขาไม่รู้ตัวนี่มันช่าง...

คุณ Mookkun จู่ๆ ก็อยากใช้มุขนี้ขึ้นมา กร๊าก 

คุณ berlyn อย่างนี้แหละนะคนเรา ยิ่งพระเอกเป็นพวกเชื่อมั่นในตัวเองสูง ก็จะคิดว่าตัวเองคิดถูกตามไปด้วย แต่ตอนนี้ฮีก็มา และถามแล้วด้วย (แต่จียังไม่ทันตอบ 55)

คุณ silverphoenix ขอบคุณมากนะคะ กลับมาพัฒนากันต่อละ ขอฝากตอนต่อไปด้วยค่า

คุณ tiktik9102 นิดนึงน้า ไม่เศร้านานหรอกน้า

คุณ Morethan ขอบคุณมากเลยค่ะที่แวะเข้ามาอ่าน ความจริงมันเป็นปมเดียวกันค่ะ เรื่องยู ยาวรวดมาตอนนี้ แต่ว่าแค่คุณพระเอกเคลียร์ว่าน้องตายยังไงก่อน แหะๆ อ่านยาวรวดเดียวเลย ขอบคุณมากนะคะ สองคนก็ค่อยเข้าใจกันไปช้าๆ เรื่องหลอนของจีเคลียร์แล้ว (และจะเคลียร์สุด ในบทหน้า) บ้านก็กำลังจะเคลียร์ค่ะ 55 มีคนน่าสงสัยหลายคนจริงๆ นะเรื่องนี้

คุณ bun ฮีกลับมาแล้วค่ะ ฝากตอนต่อไปด้วยน้า

คุณ gohong ฮีไม่คิดจะทิ้งจริงๆ หรอก แค่คิดว่าถ้าไปแล้วจีหายป่วยก็จะไป แต่ตอนนี้ถ้าไม่เกี่ยวฮีก็พร้อมกลับมา 55 ความจริงอิจฉาอาร์ม ถูกเรียกไปกินของอยู่เรื่อยเลย บ้านหลังนั้นจะคลายในบทต่อๆ ไปค่ะ ไม่ลืม อิอิ

คุณ cheyp ฮีกลับมาแล้วด้วยความรวดเร็ว ถ้ารู้ว่าอยู่แล้วดีกว่าใครจะไม่อยากอยู่เนอะ 55

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อยากขำคุณพระเอกมาก ไปแป๊บเดียวแจ้นกลับมาละ อะไรกั๊น

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ เช่นเคยนะคะ การเข้ามาอ่านและเมนต์ของพวกท่านเป็นกำลังใจกับการเขียนได้อย่างมากจริงๆ เลยค่ะ
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 29-05-2012 15:45:42
ดีใจที่ได้อ่านต่อ555+
เรื่องคงเร่ิมคลี่คลายแล้ว
ว่าแต่คนทำทำเพราะเหตุอะไรเนอะ
ลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-05-2012 17:18:48
จำไม่ได้ว่าหมอหมัดเชี่ยวชาญด้านไหน
แต่โรคที่ว่านี่ตรวจเลือดก็เจอ เป็นพิษแบบไหนหนอ
โดนวางยา หรือสูดดมสารพิษจากดอกไม้ มั่วค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 29-05-2012 18:34:50
แฮ่ๆพึ่งเข้ามาอ่าน
อ่านเพลินดีหลอนๆด้วยอ่า
เรื่องนี้มีผีปล่าวเนี่ย :a5:!!!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 29-05-2012 20:01:08
ค้าง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 29-05-2012 20:36:38
ชักจะลึกลับซับซ้อนเข้าไปเรื่อยๆ  o22
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 29-05-2012 21:26:22
ตอนหน้าจะคลายปมแล้วสินะ พอได้อ่านตอนนี้ก็พอเริ่มเข้าใจเรื่องปมต่างๆขึ้นมาบ้าง 55555
อ่านเรื่องนี้ แล้วนึกถึงซีรีย์House ที่จะคลายปมปัญหาต่างๆ ด้วยความรู้ทางแพทย์ ชอบๆ

ปล.เมื่อกี้นั่งอ่านใหม่อีกรอบนึง(แบบว่าสงสัยว่าอ่านไรพลาดไปป่าว) จึงมีความคิดขึ้นมาว่า ทักษ์เป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดรึเปล่า เพราะว่าจากอาการของเชฟเก่าและจีแล้ว มันจะเกิดเวลาหลังกินอะไรไปซักอย่าง อาจจะเปนอาหารผสมยาหลอน?? แล้วก็เรื่องที่ทักษ์บอกอาร์มว่าคุณยายบัววิปลาศ มันอาจจะไม่จิงก็ได้ และสงสัยเพิ่มอย่างว่าทักษ์อาจจะเคยชอบยูและคิดว่าจีเปนฆาตกรฆ่ายู เลยจะกลับมาแก้แค้น? เพราะทักษ์เข้ามาทำงานในเวลาไล่เลี่ยกับเวลาที่ยูเสียไปพอดี(จุดนี้เดาเอาเพราะคุณเดหลีเขียนคลุมเครือชวนให้สงสัย555555 อยู่ในช่วงตอนแรกๆ)
ปลล.อยากรู้เพิ่มจังเลยว่าภวิลได้ยินคนในครัวเค้าพูดอะไรกัน เพราะถ้ารู้ตรงนี้อาจจะคลายข้อสงสัยไปได้อีกเยอะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 29-05-2012 22:08:40
อัยยะห์.....ไมมันลุ้นงี้คับเนี่ย......ทำไม อะไร ยังไง ตื่นเต้นวุ้ย!!!!!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: PsychicLine ที่ 29-05-2012 23:37:02
อ้ากกกกกกกกกกก................  ทำไมจบตรงนี้ อยากรู้รู้รู้รู้รู้รู้...............

อ่าห์  ระบายอารมณ์ผสมความมึน
ชอบอ่านเรื่องนี้มาก มีเคสแปลกๆ ให้ลุ้นตลอด หลอนเล็กๆ
แต่เสียดายเพื่อนยู นี่ขนาดเหลือแต่ชื่อยังน่ารักขนาดนี้
แต่งเรื่องผีเลยได้ไหม แล้วให้ยูโผล่ออกมา   บรึ๋ย ...คิดเองหลอนเอง
พูดเล่นนะ อย่าดีกว่า ถึงจะน่ารัก แต่แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้วง่ะ

เหอๆ มาต่อเร็วๆนะ ^_^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 30-05-2012 13:45:06
จีโดยวางยาหรือเปล่า
เกี่ยวกับยาสมุนไพรที่กินเข้าไปไหม
พี่วินอย่าเพิ่งทิ้งน้องจีไปนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 30-05-2012 16:53:46
เริ่มสงสัยทักษ์ล่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: tiktik9102 ที่ 30-05-2012 18:53:05
เรื่องราวจะคลี่คลายแบบไหนนะ   ลุ้นลุ้น
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 30-05-2012 20:13:55
เกิดอะไรขึ้นล่ะน่ะ
ใครอยู่เบื้องหลังกันแน่หว่า
ชักไม่มั่นใจ 

คุณภวิลคะ  เป็นห่วงน้องจิอ่ะดิ้  อิอิ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: chartbook ที่ 30-05-2012 21:27:02
ชอบเรื่องนี้มาก ทำเหมือนจะไม่มีอะไรแต่จริงๆมีให้ลุ้นตลอด ชอบพี่ภวิลมากสมเป็นพระเอก ฉลาด สุขุม พึ่งพาได้ไม่งี่เง่า       เป็นผู้ชายเย็นๆที่อบอุ่น ส่วนจีก็ดูเป็นนายเอกที่ไม่ไร้สติ น่ารัก ชอบคำใบ้ของพี่ภวิลเมื่อตอนก่อนหน้านี้จัง ที่จีพูดถึงคุณย่าบัวว่างามหาใครเทียบได้ยาก แล้วพี่ภวิลก็พูดประมาณว่ารู้แล้ว(พูดตอนที่มีจีอยู่ตรงหน้าตัวเอง) คนอ่านตีความว่าพี่ภวิลก็เห็นว่า         จีงามใช่ไหมค่ะ ฮ่าฮ่า ก็ตอนแรกที่พี่ภวิลยังเคืองจีอยู่พี่ภวิลบอกว่าตัวเองไม่ชอบของสวยงาม สรุปตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหมเอ๋ย น่ารักค่ะคู่นี้ ชมผู้แต่งว่าแต่งเก่งจังค่ะเรื่องโรเเมนติกแบบไม่บุ๋มบ่ามอารมณ์ประมาณได้กลิ่นดอกชมนาด
คือหอมเย็นๆ แต่ในขณะเดียวกันอ่านไปก็กัดหมอนไปด้วยเพราะลุ้นปมของเรื่องค่ะ ขอบคุณค่ะกับการสร้างนิยายดีๆ แบบนี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 30-05-2012 21:51:48
ง่า ค้างงงง ความจริงใกล้เปิดเผยแล้ว ตื่นเต้นแทนจี55 จะได้รู้กันว่าใครเป็นต้นเหตุ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Morethan ที่ 30-05-2012 22:00:28
>w< ดีใจจังค่ะ เรื่องนี้มาต่อแล้วววววววววววววววววววว
นึกว่าจะมาช้ากว่านี้ 555 แต่ดีแล้วที่มาต่อ ฮา
ต้องขอบคุณคนเขียนที่เขียนนิยายสนุกๆ ให้อ่านค่ะ  :กอด1:
เหมือนปมจะเริ่มคลายแล้วสินะ แต่ก็ยังไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่
สงสัยต้องรอตอนต่อไป แต่เท่าที่อ่าน เชฟดูจะเกี่ยวข้องจัง

ส่วนพี่วิน ฮั่นแน่ ถอยตัวออกห่างได้ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว ชอบค่ะ 555 ที่พี่แกทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ(?)รุกให้หนักๆ เลยนะคะ  :-[

"ถ้าจะพอมีเวลาสังเกตตัวเองก็คงรู้ เขาปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้มานานแล้ว" ชอบประโยคนี้จังเลยค่ะ มันแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของจีกับพี่วินว่าเป็นยังไงๆ ส่วนอีกอันก็ “จะไม่เป็นอีกแล้ว... พี่สัญญา”

ดาเมจกระจุยกระจาย  :o8:

รอตอนต่อไปนะคะ  :z2:

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-05-2012 22:24:03
โดนวางยาแน่นอน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 31-05-2012 02:12:20
'พี่สัญญา'

มีมาให้กระชุ่มกระชวยบ้างก็ยังดี   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 31-05-2012 21:15:58
ตอนนี้ทักษ์กลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งเลยแหละ  ง่ะ แต่ไม่อยากให้เป็นทักษ์เลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 03-06-2012 23:43:05
กำลังอ่านอยู่ดีๆ พออ่านจบปุ๊บ :a5:  ค้าง ค้าง ค้าง ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกก :serius2:
ตกลงทักษ์รู้มาจากไหน อาการที่เกิด เกิดจากอะไร แล้วเมื่อไหร่พี่วินกับจีจะเข้าใจกัน :z3:
มีแต่เรื่องให้ลุ้นตลอดเลย ฮืออออ อารมณ์สะดุดค่ะ :o12:
รีบกลับมาไวๆนะคะ จะรออ่านค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 17-06-2012 09:26:09
รออยู่จ้าา :D
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 17-06-2012 13:59:12
เหมือนจะซับซ้อน แต่อาการที่จีเป็น ต้องมีคนชักใยอยู่ไม่ไกลจากตัว ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้

ประโยคสุดท้ายนี่มัน ^^ อะไรค่ะพี่วิล
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: UnLucky ที่ 26-06-2012 20:24:21
รู้สึกว่าทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้จะรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา 555

คล้ายกับเราดูหนัง แล้วมันมีปมในตอนท้ายเรื่อง เราก็จะรู้สึกอยากอ่านต่อ แบบว่ามันลุ้นอ่ะ ไม่แน่มันอาจเป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้ก็ได้

ชอบเวลาภวิลแทนตัวเองว่าพี่ มันดูน่ารักยังไงไม่รู้

สงสัยมากมายว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นยังไง ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 29-06-2012 16:23:44
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่ะครับ 

ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 29-06-2012 21:24:01
เพิ่งมาตามอ่าน หนุกมาก  o13 ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมาย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-06-2012 21:52:57
อยากรู้ความจริงใจจะขาดดดด
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-06-2012 08:31:02
รอตอนต่อไปจ้า :z2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: mujika_keita ที่ 30-06-2012 11:47:15
ลุ้นมาก น่าติดตาม 
อ่านตอนแรกๆหมั่นไส้ภวิน อารมณ์เสีย จะเข้มงวดอะไรนักหนา เครียดไปป่ะเรื่องงานน่ะ (แบบว่าอินจัด ชีวิตจริงเราก็เจอหัวหน้าแบบนี้)
อ่านไปเสียวไป จะมีผีโผล่มารึเปล่าวะประมาณนี้ แต่คนแต่งสามารถเอาหลักวิทยาศาสตร์มาจับได้หมดเลย เจ๋งอ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 30-06-2012 12:01:27
โอ๊ะ มาอ่านช้าเป็นเดือนเลย อิอิ >,,<
อิตาพ่อครัวมันเป็นจริงหรือแกล้งฟ่ะ เรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกแน่ๆ
พี่วินก็อย่าเพิ่งทิ้งน้องจิไปไหนนะ น้องเขาไม่มีใครแล้ววว  :impress2:

 :pig4:นะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 12] 29 พ.ค. 55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-06-2012 17:36:51
จะได้รู้ความจริงแล้ว ใช่หรือเปล่าค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 02-07-2012 13:32:12
บทที่ 13

จิรัฐก้าวเข้าไปในโรงพยาบาลช้าๆ เมื่อคนขับพามาที่นี่ คงไม่แคล้วเพื่อพบหมอคนเดิม ต่างแต่ครั้งนี้ภวิลไม่ได้เดินนำ กลับเดินเคียงกัน จิรัฐยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหลือบมามองเป็นระยะแต่ไม่แน่ใจว่าด้วยสาเหตุใด

มีแต่คนพามาที่รู้ ถึงตอนนี้จิรัฐจะดูปกติดีแต่เขายังไม่วางใจ ถ้าเรื่องที่ได้ยินมาเป็นความจริงนี่ก็เหมือนระเบิดเวลา... แต่เขาจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นเป็นอันขาด

มทนาเปิดประตูห้องทำงานออกมาโดยไม่รอให้เจ้าหน้าที่ข้างหน้าโทรเข้าไปบอก ยิ้มรับทั้งคู่แต่จิรัฐดูออกว่าแฝงไปด้วยความกังวลไม่ต่างจากคนที่ยืนข้างกันอยู่นี้เลย

หมอคุยกับเขา มีบางจังหวะที่จิรัฐเห็นมทนาสบตากับอีกคนในห้องที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เขาสงสัย แต่ไม่มีโอกาสเอ่ยถาม ตรวจแล้วมทนาก็เจาะเลือดเขาอย่างเบามือเหมือนเคย ก่อนเดินออกมาส่งที่ประตูให้พยาบาลที่รออยู่แล้ว จิรัฐเหลียวกลับไปมอง แต่หมอเดินกลับเข้าไปพร้อมปิดประตูตามหลังเบาๆ เมื่อพยาบาลพาเขาเดินผ่านมาอีกครั้ง ภวิลก็ไม่ได้นั่งอยู่ข้างนอกเช่นคราวก่อน
เขาเม้มปาก อดไม่สบายใจไม่ได้ที่ภวิลทำท่าราวมีความลับอีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น จิรัฐสังหรณ์ว่ายังเกี่ยวกับตัวเองโดยตรงด้วย


ทันทีที่ประตูปิดสนิทลง ภวิลก็เอ่ยขึ้นโดยไม่รอช้า

“ตกลงว่าหมัดเจอสารพิษในเลือดคนป่วยใช่ไหม”

‘คนป่วย’ ที่ว่าก็คือหัวหน้าเชฟคนเก่าที่อาการคล้ายกันกับจิรัฐอย่างประหลาดนั่นเอง แต่เป็นแบบ... เฉียบพลัน

“จะว่าสารพิษก็ไม่เชิง คือคนที่วินให้พามาส่งมีคาร์ดิแอคไกลโคไซด์ในเลือดสูงมาก ตามปกติแล้วเราใช้รักษาโรคหัวใจบางประเภท เช่นหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่คนไข้คนนี้ไม่มีประวัติโรคหัวใจ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ควรจะมีสารนี้ในร่างกาย”

“ถ้าเป็นยาโรคหัวใจ แล้วทำไม...”

“มันช่วยเรื่องการบีบตัวของหัวใจก็จริง แต่มีช่วงการรักษาแคบมาก ปริมาณที่จะเกิดคุณกับโทษน่ะห่างกันนิดเดียวเท่านั้นเอง เลยต้องระวังเวลาใช้ ถ้าระดับยาในเลือดสูงเกินไปจะเกิดเป็นพิษขึ้น ถ้าเข้มข้นมากอาจอันตรายถึงตาย” มทนาบอก

“ความจริงตอนแรกซักประวัติคนไข้แล้วได้ความว่ากินยาไมเกรนอยู่ หมัดยังคิดว่าที่แกร้องโวยวายเป็นผลจากอันนี้ เพราะยาไมเกรนบางตัวทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางประสาท พอมาเห็นมีคาร์ดิแอคไกลโคไซด์เลยสรุปได้ว่าเป็นพิษเข้าให้แล้ว อาการทุกอย่างตรงกับภาวะเป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นอาเจียน ปวดท้อง เวียนหัวคลื่นไส้ รวมทั้งภาพหลอนด้วย”

จิรัฐก็เป็นไมเกรน แต่ไม่ได้กินยาแผนปัจจุบันที่จะมีผลข้างเคียงอย่างนั้น ซึ่งหมายความว่า...

“คาร์ดิแอคไกลโคไซด์เป็นสารที่มีอยู่ในพืชด้วยเหมือนกัน เกิดขึ้นตามธรรมชาติ... พอคุยโทรศัพท์กับวินหมัดเลยยิ่งแน่ใจ เพราะเชฟคนนั้นกินยาที่คุณจีกินโดยบังเอิญ”

มทนาจบพิษวิทยาโดยตรง ภวิลไว้ใจความรู้ความสามารถของหญิงสาวพอที่จะไม่ถามย้ำอีก แต่สิ่งที่ได้ยินก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกถ่วงหนักในอกบรรเทาลงไป มทนาเอ่ยต่อ

“ครึ่งชีวิตที่ยาจะถูกกำจัดออกไปจากร่างกายอยู่ที่ประมาณวันครึ่ง หมายความว่าเพื่อรักษาระดับยาเอาไว้ ก็ต้อง...”

“กินทุกวัน” ภวิลพูดเบา

จะว่าไปเขาก็เห็นถ้วยยานั้นอยู่บนโต๊ะจิรัฐเสมอ จิรัฐไม่ได้ปวดหัวทุกวัน แต่กินเพราะคิดว่าเป็น ‘ยาบำรุงหัวใจ’ ที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ยิ่งถ้าปวดก็คงกินบ่อยกว่าวันละครั้ง

ทุกครั้งที่ระดับยาสูงขึ้นจิรัฐก็จะ... ป่วย ปวดท้องบ้าง หัวบ้าง คลื่นไส้บ้าง พอบรรเทาลงด้วยร่างกายเริ่มขับออกไปแล้วก็กินใหม่
โดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นการเพิ่มพิษทีละน้อย
 
หลังจากนั้นแทบไม่มีใครเอ่ยอะไรอีก ภวิลนั่งเงียบราวจมอยู่ในห้วงความคิดจนมทนาไม่อยากกวนเพราะเธอเองก็รออยู่ด้วยความกังวลไม่แพ้กัน ผลเลือดกับคลื่นหัวใจมาถึงก่อนเพราะมทนาสั่งไว้ว่าขอด่วน และขอก่อนแล็บอื่นๆ จิรัฐยังไม่กลับมา และใจหนึ่งภวิลก็อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะถ้ามีอะไร เขาก็อยากจะหาวิธีให้กระทบอีกฝ่ายน้อยที่สุด

ภวิลใจชื้นเมื่อคนเป็นหมอดูผลด้วยสีหน้าโล่งอก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นยิ้มกับเขา

“โชคดี... เพราะหยุดยาไปหลายวันด้วยเลยมีส่วนช่วย หัวใจก็ปกติ ไม่ต้องแอดมิต เดี๋ยวขอดูผลไต แต่ไม่น่ามีอะไรต้องห่วง เท่าที่ถามยังมีคลื่นไส้เวียนหัวอยู่บ้าง หมัดขอใช้ผงถ่านให้แน่ใจ...”

มทนาอธิบายต่อว่าปกติก็คงให้หลังเพิ่งได้ยาเกินขนาดมาใหม่ๆ อย่างเชฟคนนั้น แต่เพราะคาร์ดิแอคไกลโคไซด์อาจจะมีการหมุนเวียนจากตับกลับมาที่ลำไส้จนทำให้ระดับยาสูงขึ้นอีกได้จึงควรต้องใช้ผงถ่านอยู่ เห็นเพื่อนยังมีสีหน้ายุ่งยากไม่น้อยก็นึกรู้กลายๆ... ภวิลไม่คิดจะบอกหุ้นส่วน

จากที่รู้จักกันมา ถ้าเป็นคนที่ ‘สำคัญ’ พอ ภวิลพร้อมจะกันออกไปก่อนขณะรับมือเสียเอง รอจนสถานการณ์ปลอดภัยหรืออย่างน้อยก็กระทบกระเทือนอีกฝ่ายน้อยที่สุดจึงค่อยยอมให้กลับมาเผชิญ แต่เรื่องนี้มทนาไม่แน่ใจว่า... ควร... หรือไม่   

“วินคงไม่คิดว่าคุณจีจะยอมดื่มน้ำละลายผงถ่านดำปี๋เข้าไปแก้วเบ้อเร่อโดยไม่ถามอะไรหรอกนะ”

“ทียานั่นเขายังกินโดยไม่ถามได้เลย” ภวิลว่า รู้สึกตัวว่ากำลังพาลหน่อยๆ นิสัยไว้ใจคนรอบตัวของจิรัฐไม่ต่างจากน้องชาย ตอนยูยังอยู่นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาห่วงไม่หยุดหย่อน แม้จะรู้ว่ามาจากเนื้อแท้ดีงามในจิตใจ แต่จากประสบการณ์ของเขาแล้ว ระวังตัวไว้ก่อนก็ยังดีกว่าจริงๆ

“คุณจีเป็นคนไข้หมัด... หมัดต้องรักษาสิทธิ์เขา เชฟคนนั้นก็เหมือนกัน” มทนาบอกนุ่มนวล “อันที่จริงหมอมีหน้าที่รักษาความลับคนไข้ แต่เพราะข้อมูลตรงนี้อาจจะช่วยชีวิตคนอีกคนได้ โดยที่วินเป็นส่วนสำคัญ หมัดถึงได้ขอให้เขายอมเปิดเผย ยอมให้หมัดบอกวิน คุณจีเองยิ่งมีสิทธิ์รู้”

“เราไม่ได้ขอให้หมัดปิดบัง” ภวิลพูดราบเรียบ “ในเมื่อผลออกมาอย่างนี้ หมัดจะบอกอะไรเขานอกจากข่าวดี จิรัฐก็จะได้รู้ว่าตัวเองปกติทุกอย่าง”

“แต่คุณจีก็ควรได้รู้สาเหตุที่ทำให้ไม่สบายก่อนหน้านี้” มทนาว่า “ตอนแรกอาจจะได้ทีละน้อยๆ แต่คงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนที่มากินทีหลังถึงได้แสดงอาการชัดแบบนั้น... บางอย่างที่คุณจีเป็นอย่างไม่อยากกินอะไร น้ำหนักลด... ก็มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ได้รับยามานานมากกว่า”

ภวิลถอนใจยาวก่อนยกมือขึ้นลูบหน้า ใช่... ตอนนี้จิรัฐไม่เป็นไรอย่างที่เขาอยากให้หมอยืนยันกับเจ้าตัว แต่ความจริงแล้วเป็นตัวเขาเองที่ ‘ต้อง’ รู้เช่นนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีเรี่ยวแรงจะไปจัดการเรื่องอื่น

... เขาเกือบเดินออกมาจริงๆ เกือบทิ้งอีกฝ่ายให้ทุกข์ทรมานเพียงลำพัง ถ้าจิรัฐไม่ตัดสินใจหยุดอยู่บ้านซึ่งทำให้ไม่ได้ยาเพิ่มโดยปริยาย ก็ไม่รู้ว่าจะอาการแย่ลงมากแค่ไหน

แต่จะไม่เป็นอีก... เขาจะทำให้ได้อย่างที่สัญญา

มทนามองเพื่อนด้วยไม่เคยเห็นท่าทางอย่างนี้มาก่อน ภวิลพูดเบาๆ

“เราก็แค่อยาก... ให้ปลอดภัย อยากให้แน่ใจว่าไม่เป็นไร เท่านั้นเอง”

มทนาพยักหน้า ยังไม่ทันเอ่ยตอบภวิลก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานอย่างเก่า

“เขามีสิทธิ์จะรู้ทุกอย่างจริงๆ แต่ที่ต้องป่วยก็เพราะคนที่ไว้ใจ คนใกล้ตัว จนกว่าเรื่องจะเรียบร้อย บอกอะไรไปตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ รังแต่รบกวนจิตใจเปล่าๆ”

“วินรู้แล้วหรือว่าเป็นใคร” มทนาถามอย่างประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นแจ้งตำรวจ...”

“คิดว่ารู้” เป็นคำตอบ เขาคิดว่ารู้ ยังจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย แต่ข้อมูลทุกอย่างก็บ่งชี้ไปที่คนคนหนึ่ง

ถ้าหัวหน้าเชฟคนเก่าไม่เข้ามา เขาก็คงไม่มีทางปะติดปะต่อเรื่องนี้ได้เหมือนกัน ภวิลย้อนนึกถึงคำพูดของพนักงานในครัวอีกครั้ง

‘ถ้วยยาคุณจี... คุณอาร์มให้ทำตั้งแต่เช้า เชฟแกเห็นเข้ายกกินเฉยเลย... แถมยังบอกว่าไม่อร่อย มีหวังแขกกระเดือกไม่ลง’

หัวหน้าเชฟเก่าคงไม่สำเหนียกว่านี่เป็นรายการนอกเมนู ธรรมนูญสั่ง ‘ยา’ ไว้ก็เพราะจิรัฐโทรบอกว่าจะเข้าทำงานวันนี้หลังจากหยุดพักผ่อนไป คนที่จัดยาให้ทุกครั้งคือผู้จัดการการเงิน เป็นคนดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ทุกครั้งที่จิรัฐปวดหัวคงได้ยานี่แหละบรรเทาอาการลงบ้าง แต่กลับมีผลข้างเคียงอย่างอื่น

ซึ่งถ้า ‘ผลข้างเคียง’ นั้นเกิดขึ้นโดยเจตนา...

ภวิลนึกถึงแรงจูงใจที่ธรรมนูญจะอยากทำร้ายจิรัฐ แต่ยังนึกไม่ออก เท่าที่เห็นจิรัฐก็ดูนับถือรุ่นพี่ ให้เกียรติอยู่ไม่น้อย ธรรมนูญเองก็พยายามช่วยเหลือจิรัฐตลอดมา ถึงขนาดไม่กลัวเสียงานเสียตำแหน่งมาแล้ว

... หรือทุกอย่างจะเป็นเพียงฉากบังหน้า เป็นไปได้หรือไม่ที่ธรรมนูญอยากให้เขาออกไปจากบ้านพระยา ออกไปจากชีวิตของจิรัฐเพราะมีจุดประสงค์อื่นซ่อนเร้นแอบแฝง เพราะถ้าไม่มีเขาคานอยู่แล้ว ธรรมนูญก็จะจัดการทุกอย่างได้ดังใจ

รุ่นน้อง... เป็นอุปสรรคสุดท้ายที่กั้นกลางใช่หรือไม่

ประตูเปิดออก คนที่ก้าวเข้ามานั่งที่เดิมทำให้เขาหลุดจากภวังค์ ภวิลหันมองคนข้างๆ แต่จิรัฐมองคุณหมออย่างตั้งใจ อาจเพราะเห็นว่าผลบางส่วนมาถึงแล้ว มทนายิ้ม และบอกว่าผลที่ได้ไม่มีอะไรน่าห่วง เพียงแต่...

“หมอบอกว่าในร่างกายยังมีสารพิษตกค้างอยู่... บ้าง” ภวิลขัดขึ้นก่อนมทนาจะทันพูดจบ “...คนเราสมัยนี้ กินอะไรเข้าไปก็ไม่รู้”

“ผมกินปกติ...” จิรัฐตั้งท่าจะค้านแต่ภวิลพูดต่อ “หมอเลยแนะให้กินผงถ่าน ดูดซับออก ตอนแรกกินเยอะหน่อย แต่ก็แค่นั้นแหละไม่มีอะไร นะหมัด?”

ภวิลสบตาคนเป็นหมอ มทนาเหลือบมองเพดาน เธอน่าจะรู้ว่าภวิลมีวิธีทำให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้ อย่าว่าแต่ที่พูดก็ไม่ได้บิดเบือนความจริง... มากนัก ถ้าจิรัฐยอมกินยา จะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม อย่างน้อยก็นับว่าเธอยังทำตามหน้าที่ในการรักษาได้อยู่

“คนทั่วไปที่เขามาตรวจก็ต้องกินเหรอครับ” จิรัฐพอรู้เลาๆ ว่าผงถ่านหรือแอคทิเวเท็ด ชาร์โคลใช้ดูดซับสารพิษจริง แต่ไม่น่าจะใช่กับกรณีอย่างนี้ เพราะเขาก็ไม่ได้กินอะไรแปลกปลอมที่ไหน จะว่าเป็นยาฆ่าแมลงตกค้างก็ไม่เห็นเคยได้ยินว่าต้องถึงกับกินถ่านกัน

ภวิลตอบแทนอีก “ก็แล้วแต่... นี่ว่าจะกินด้วยเหมือนกัน”

“คุณหมอตรวจคุณแล้วเหรอ”

ภวิลไม่รับและไม่ปฏิเสธ เฉยเสียกับท่าทางไม่ค่อยอยากจะเชื่อของคนนั่งข้าง มทนาต้องยิ้มกลบเกลื่อน บอกว่าเป็นสิ่งที่หมออยากให้ทำจริงๆ จนจิรัฐพยักหน้า

มทนายกหูโทรศัพท์จะขอให้เอายามาที่ห้อง แต่พอดีพยาบาลเคาะประตูเอาผลตรวจมาส่งเพิ่ม เลยเดินไปบอกเอง ภวิลลุกตาม พูดเบาๆ

“ขอบใจนะหมัด”

“ยังไงหมัดก็ต้องบอกคุณจีอย่างละเอียด” มทนาพูด ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

“ได้” ภวิลว่า “เมื่อเราจัดการเรื่องคนที่ทำเรียบร้อย หลักการแรกของหมอคือไม่ทำอันตรายคนไข้ รับรอง ถ้าหมัดบอกเขาตอนนี้หมัดได้ผิดหลักการแน่”

มทนาถอนใจแล้วหันไปบอกขนาดยากับพยาบาล แต่ต้องหันกลับมาเมื่อภวิลบอก

“... ของเราด้วย”

มทนาส่ายหัว ถอนใจอีกเฮือก ภวิลพูดต่อ

“ยังไงถ่านมันก็ไม่ได้อันตรายอยู่แล้ว ถ้าต้องกินอยู่คนเดียวเดี๋ยวเขาจะคิดว่าตัวเองผิดปกติอะไรร้ายแรง กังวลเปล่า”

มทนากำลังจะบอกว่ามันก็ร้ายแรงจริงๆ โชคดีแค่ไหนที่ปริมาณยาลดลงมากแล้วและไม่มีผลกับการทำงานของหัวใจ เพียงแต่เพื่อนเดินกลับมานั่งที่เดิมแล้วอย่างไม่เปิดโอกาสให้ได้พูดต่ออีก

จิรัฐรีบมองไปข้างหน้าอย่างเดิม ภวิลอาจจะตีหน้าตายได้ในการเจรจาทางธุรกิจ เรียบเฉยแบบที่คู่สนทนาอ่านอะไรไม่ออก แต่ถ้าคิดว่าเขาไม่เฉลียวใจว่ามีเรื่องบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้คำบอกเล่าแสนธรรมดาเกี่ยวกับ ‘สารพิษตกค้าง’ นั้นก็ออกจะง่ายดายเกินไปหน่อย

เขานั่งมองสารละลายดำๆ ตรงหน้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจ แต่คนเสนอว่า ‘จะกินด้วย’ ก็ยกดื่มไปแล้ว เขากินตาม อดเบ้หน้ากับรสชาติสุดแสนจะบรรยายไม่ได้ ภวิลก็ทำหน้าพิลึก กระนั้นยังกินจนหมด

มทนาเดินออกไปส่งทั้งคู่จนถึงข้างหน้า จิรัฐเดินนำไปนิดๆ ภวิลเลยถือโอกาสถาม

“... ขำอะไร”

“เปล๊า หมัดนับถือวิน” มทนาอมยิ้ม “แค่กำลังคิดว่า... อาจจะมีคนท้องผูกหลังจากนี้”

ต้องหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของเพื่อน เมื่อก่อนน้องชายเคยป่วยเข้าโรงพยาบาลสมัยอยู่มัธยม และกินยายากที่สุด... คนเป็นพี่เคยบึ่งรถมากินเป็นเพื่อนด้วยทุกมื้อมาแล้ว ถึงตอนนั้นจะเป็นแค่วิตามินก็เถอะ

เพียงแต่จิรัฐไม่ใช่คนกินยายาก และนี่ก็เป็นยาจริงๆ

คนที่ภวิลยินยอม ‘ยกเอาไว้ให้’ ทั้งหมดทั้งมวลมีอยู่ไม่กี่คนเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 02-07-2012 13:34:21
บทที่ 9 (ต่อ)

ภวิลตรงไปบ้านสวน แม้จิรัฐจะบอกว่านี่เพิ่งบ่ายและเขายังอยากเข้าไปดูงานต่อที่บ้านพระยาอยู่ อีกฝ่ายเพียงแต่ตัดบทว่าวันนี้สมควรจะกลับไปพักที่บ้าน อ้างคำพูดหมอว่ายาที่กินเข้าไปจะทำงานได้ดีกว่า ซึ่งข้อนี้จิรัฐก็ยังสงสัยว่ามาจากหมอมทนา หรือว่าหมอที่ขับรถอยู่นี่กันแน่

ภวิลไม่ต้องการให้คนที่พามาส่งกลับบ้านพระยาตอนนี้ ในเมื่อเขายังมีเรื่องต้องไปจัดการ และแน่ใจว่าจิรัฐคงปลอดภัยที่บ้านสวนนนท์มากกว่า หลายครั้งหลายหนที่จิรัฐเหลือบมองมา ทำท่าราวอยากจะถามอะไร แต่ก็เงียบ ภวิลเองก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำใดให้อีกฝ่ายคลายใจลงบ้าง เพราะถ้าเรื่องที่สงสัยเป็นความจริง จิรัฐคงสะเทือนใจหนักที่คนใกล้ตัว คนที่รักเหมือนญาติ ไว้เนื้อเชื่อใจกันมาตลอดกลับคิดปองร้าย

ใจหนึ่งภวิลยังอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เป็นเรื่องที่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ เพื่อให้มันทำร้ายจิตใจคนตรงหน้าน้อยที่สุด
 
เขาจอดรถลงหน้าบ้าน ดับเครื่อง และจิรัฐก็ยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

ภวิลค่อยเอื้อมปลดเข็มขัดให้ “เข้าบ้านเถอะ... แล้วอย่าเพิ่งออกไปไหน”

“ผมควรจะเชื่อคนที่ยังมีเรื่องปิดบังกันอยู่หรือเปล่า” จิรัฐพูดเสียงเบา ไม่อยากให้ฟังเหมือนตัดพ้อ เพียงแต่บางที... ก็อยากได้คำอธิบายบ้าง อยากให้ภวิลพูดกับเขา อย่างที่อีกฝ่ายเคยบอกให้เล่า ‘ทุกอย่าง’ กับตนมาแล้ว

ภวิลสบตาเขานิ่ง และจิรัฐก็แทบจะคิดจริงๆ ว่าอะไรก็ตามที่อีกฝ่ายทำไป... ต้องมีเหตุผล ที่ยังไม่บอก ก็ต้องมีเหตุผล

แต่เขามีเรื่องไม่เข้าใจอยู่มากมาย ภวิลกลับเข้ามาอีกหลังทำท่าจะวางมือสิ้นเชิง... จู่ๆ ก็พาไปโรงพยาบาลจนลงเอยด้วยการกินยาทั้งที่เขาแน่ใจว่าไม่ใช่กระบวนการปกติ แล้วยัง... บอกว่ามีสิ่งสำคัญมากกว่ากำไรที่จะได้ มากกว่าภาษีที่จะไม่ต้องเสียหากขายหุ้นในตลาด มีคำถามมากเกินไป จนเขาอดสับสนไม่ได้ แต่ที่แน่ใจคือภวิลมีเรื่องที่รู้แต่ไม่ยอมบอกออกมา

“... ไม่เชื่อเรื่องอื่นก็ไม่เป็นไร” ภวิลตอบหลังจากเงียบไปครู่ “แต่ขอให้เชื่อ... ว่าไม่ได้หวังร้าย เชื่อเท่านี้ได้ไหม”

จิรัฐรู้สึกถึงปลายนิ้วอุ่นที่แตะข้อศอกลงแผ่วเบา ก่อนเลื่อนไปจับท่อนแขนเอาไว้ ภวิลยังมองนิ่งตรงมา และเขาก็...

เสียงบานประตูรั้วเลื่อนเปิดออกพร้อมตาแสงคนเก่าคนแก่ของแม่ออกมาด้อมๆ มองๆ ทำให้จิรัฐนึกขึ้นได้ว่าควรจะลงจากรถเสียที ท่าทางภวิลเหมือนมีธุระต้องไปจัดการต่อ เขารู้ว่านิสัยอย่างอีกฝ่าย ถ้าลองตั้งใจไม่ปริปากแล้วก็คงยากที่จะหาวิธีคาดคั้นเอาให้ได้

อันที่จริง... ภวิลก็คงรู้สึกเช่นนี้ตอนที่เขาบอกเรื่องของน้องทั้งหมดไม่ได้ด้วยติดสัญญา ด้วยอยากจะรักษาภาพของยูให้ยังสวยงามเสมอในสายตาพี่ชาย เพียงแต่ที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อจะปกป้องเพื่อน

... ไม่รู้ภวิลอยากจะปกป้องใคร

จิรัฐยืนมองรถคันดำค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากหน้าบ้านจนลับสายตา รถติดฟิลม์มืด จึงแทบมองคนในรถไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนขับก็มองกระจกหลังอยู่ มองจนเลี้ยวโค้งไป และมองไม่เห็นอีก

เขาถอนใจ หันหลังกลับเข้าบ้าน ตาแสงบอก

“คุณบุณฑริกไม่อยู่... แต่มีคนมาหาคุณจี...”

จิรัฐขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าใครกันที่มีเรื่องร้อนมาถึงบ้านในเวลานี้


ภวิลแทบไม่ต้องหาตัวต้นเหตุ เพราะดูเหมือนธรรมนูญเป็นฝ่ายรอเขาอยู่ และก้าวเข้าเผชิญหน้าทันทีที่พบ

ภวิลเดินนำเข้าไปในห้องทำงานเงียบๆ ความโกรธคุกรุ่นอยู่ภายใน เขาเองทำธุรกิจมาระยะหนึ่ง เจอคนมาก็หลากหลาย คนโลภ เห็นแก่ได้ ไม่รู้จักพอ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งมียิ่งๆ ขึ้นไป แต่ไม่รู้ว่าความร่ำรวยที่ได้มาด้วยวิธีแบบนี้ว่างเปล่าไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครให้แบ่งปัน ร่วมชื่นชมยินดีอย่างจริงใจเลยสักคน และในจำพวกที่ว่ามา เขาชังคนหน้าไหว้หลังหลอกที่สุด

เมื่อหันกลับมาประจันกัน ผู้จัดการการเงินเป็นฝ่ายชะงัก ถ้าสายตาฆ่าคนได้ เขาคงไม่เหลือชีวิตจะมาพูด ธรรมนูญสูดลมหายใจลึก ถามออกไปเสียงแข็ง

“คนบอกจีออกไปกับคุณ นี่พาเขาไปไหนอีก”

“ไปที่ที่ปลอดภัย” ภวิลตอบราบเรียบแต่ดวงตาคุโชน

“เขาจะไม่ปลอดภัยก็เพราะไปกับคุณ” ธรรมนูญโต้ ไม่เชื่อสักวินาทีเดียวว่าคนที่ยืนมือไพล่หลังอยู่หน้าโต๊ะตัวใหญ่จะหมายความตามที่พูด

“ที่ที่เขาคิดว่าปลอดภัย บางทีกลับอันตรายที่สุด เหมือนคนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ แต่กลับเลือกจะทรยศทำร้ายกัน”

“คุณพูดเรื่องอะไร” ธรรมนูญถามอย่างโมโหปนงุนงง ภวิลพูดราวกับบ้านพระยาไม่ปลอดภัยสำหรับจิรัฐ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน

“ก็เรื่องคุณตั้งใจวางยาจิรัฐทีละน้อย พอค่อยๆ ป่วยหนักขึ้น ก็บอกว่าเป็นเพราะเครียด... เครียดที่วินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ยังถือหุ้นอยู่ไม่ยอมปล่อย แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะยาที่คุณให้เขากินต่างหาก”

ธรรมนูญมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกใจจนเกือบคล้ายช็อค ไม่ใช่จากความตระหนกเหมือนคนถูกจับได้ แต่เป็นความโกรธที่ถูกกล่าวหาในสิ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะคิด เขาโพล่ง “อะ... ไร ผมไม่เข้าใจ”

“คุณใช้ความเป็นรุ่นพี่ที่เขาสนิททำให้วางใจ แต่ที่ได้ที่มีอยู่ทุกวันนี้คงไม่พอใจ” ภวิลพูดต่อ ช้า ชัด “จำที่หัวหน้าเชฟเก่าล้มลงไป ทั้งปวดท้องทั้งอาเจียน แทบจะชัก... ได้ไหม เพราะเขากินยาที่คุณตั้งใจจะให้จิรัฐกิน ยาที่คุณให้เขากินมานานแล้ว”

ธรรมนูญอ้าปากค้าง ขยับจะพูดแต่พูดไม่ออก ในที่สุดก็เค้นเสียงออกมา ฟังคล้ายสำลัก “หมายถึง... ยาสมุนไพร ที่ปวดหัว?”

“หมอยืนยันแล้วว่าหัวหน้าเชฟเก่าเกิดอาการเป็นพิษจากสารในยาที่กินเข้าไป ความจริงถ้าใช้น้อยๆ ก็ไม่เป็นอันตราย แต่นี่คง... เพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกที” ภวิลพูด แทบไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงเยียบเย็นที่ใช้ในตอนแรกมีความผิดหวังเจืออยู่ไม่น้อย เขาผิดหวังแทนจิรัฐ เจ็บปวดเมื่อคิดว่าคนที่แทบไม่เหลือใครนอกจากแม่ที่สุขภาพไม่ค่อยดีเพียงคนเดียวยังถูกหักหลังอีก

“แล้วไม่เป็นไรใช่มั้ย” สุ้มเสียงปิดความกังวลไว้ไม่มิด

ภวิลขมวดคิ้วกับคำถามที่ไม่น่าออกจากปากคนที่ควรจะดีใจหากจิรัฐ ‘เป็นไร’ ไปต่างหาก “ผมบอกแล้วว่าเขาอยู่ในที่ปลอดภัย”

“ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง...” ธรรมนูญเอ่ยเบาคล้ายพูดกับตัวเอง มึนงงสับสนไปหมด แต่ภวิลย่อมไม่ล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ เขาพูดออกไป ลืมเรื่องควรจะแก้ตัวเสียสิ้น “แบบนี้เอง คุณถึงกลับเข้ามาอีก”

ภวิลนิ่ง ก่อนว่า “หุ้นผมก็ยังไม่ได้ขาย บ้านรวมทั้ง... คนที่นี่ยังอยู่ในความดูแลของผม ผมคงไม่ใจดีเหมือนจิรัฐ แต่ก่อนจะแจ้งตำรวจ...”

คำพูดภวิลบ่งชัด อีกฝ่ายควรสารภาพออกมาให้หมด แม้ยอมความกันไม่ได้แต่ยังมีโอกาสยังสะสางเรื่องเงียบๆ อยู่บ้าง เพราะธรรมนูญเองก็มีแม่ มีญาติพี่น้องเหมือนกัน

คนเป็นผู้จัดการยังพูด “จีถึงบอกว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนใช่ แต่ตอนนี้... ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว”

ภวิลอดแปลกใจไม่ได้ ท่าทางเหมือนเพิ่งรู้เรื่องทั้งหมดเอาวันนี้ไม่คล้ายเสแสร้งแต่อย่างใด เขาถาม “เมื่อก่อนทำไม”

“ก็ถ้าที่เขาป่วยไม่ได้มาจากเครียดที่คุณยังยุ่งกับบ้าน... จีบอกผม ไม่สบายใจที่คุณอยู่” ธรรมนูญบอก คนฟังต้องสูดลมหายใจเข้า เพียงเพื่อผ่อนออกเมื่อได้ยินประโยคถัดไป “... แต่เป็นแค่เมื่อก่อน ตอนนั้นผมยังไม่เชื่อ”

เขาหยุด ภวิลคงไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าอะไรออกไป ธรรมนูญเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่อกี้... เขาแน่ใจ
   
"คุณ... ทำทุกอย่างตอนนี้เพราะอะไร ถ้าคิดว่าจีเป็นคนที่ทำงานให้คุณคนหนึ่ง แม้แต่เป็นเพื่อนน้อง ผมไม่คิดว่าต้องทำขนาดนี้"

เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเข้าโรงพยาบาลเมื่อเสร็จงานคุณหญิงไพจิตรเป็นต้นมา อีกฝ่ายมีเรื่องอะไรก็ออกหน้าก่อน เป็นเดือดเป็นร้อนแทนรุ่นน้องเสมอ กระทั่งในเวลานี้ เพราะภวิลคิดว่าเขาประสงค์ร้ายต่อจิรัฐ จึงมีท่าทีราวจะให้ชดใช้ถึงที่สุด

"มันไม่ใช่ประเด็นและไม่ใช่เรื่องของคุณ" ภวิลตอบเสียงเฉียบขาด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาหรือสถานที่ที่จะมาใคร่ครวญเรื่องแบบนั้นในเมื่อกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานกันอยู่

ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าธรรมนูญพูดถึงอะไร ความรู้สึกที่อาจจะก่อเกิดขึ้นโดยเงียบเชียบ คืบคลานเข้ามาช้าๆ แต่มั่นคงนัก

เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ก๋วยเตี๋ยวอร่อยขึ้นเมื่อได้ใครคนนั้นปรุงเพิ่มเติมลงให้ หรือแบบเดียวกับที่ได้เห็นรอยยิ้มตอนพูดคุยกันหรือเปล่า แบบเดียวกับที่รู้จักชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเพียงคิดว่า ‘ก็บ้านเก่า’

หรือแบบที่ต้องหยุดเมื่อได้กลิ่นดอกชมนาด

... เพราะนึกถึงช่อที่วางบนหมอนเมื่อเช้าวันนั้น

เขาพยายามรวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับเรื่องด่วนนี้ก่อน ธรรมนูญจ้องอีกฝ่ายแน่วแน่ และหวังว่าคำตอบจากใจจริงจะทำให้ภวิลเชื่อได้บ้าง

“ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายเขาเลยสักนิดหนึ่ง แม่จีเคยช่วยแม่ผมมา ที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้ท่านก็กรุณาให้โอกาส”

ภวิลนิ่งฟัง คนที่ทำผิด ถึงจะยังไม่มีใครรู้ ก็ไม่อาจพูดจาด้วยความสงบได้อย่างนี้ ยิ่งเมื่อถูกจับได้ ความลนลานย่อมแสดงออกมาบ้าง ความมั่นใจที่ธรรมนูญมี เป็นความมั่นใจของคนที่รู้ตัวว่าไม่ได้ทำ

“จีก็มีบุญคุณกับผม ถึงเขาจะไม่เคยคิดอย่างนั้น ตอนผู้ถือหุ้นรายเก่าๆ เริ่มหายหน้าหายตาไป มีแต่คนที่เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองเข้ามา หลายหนที่ผมเกือบจะถูกลงมติให้ออก จากคนที่คุณไปกว้านซื้อหุ้นมานั่นแหละ พวกนั้นอยากได้คนของตัวเองมาแทน จีเขาช่วยผมยิ่งกว่าผมมีโอกาสได้ช่วยเขาเสียอีก ไม่ว่าจะด้วยถูกกลั่นแกล้ง หรือพวกผู้ถือหุ้นเก่าพยายามกล่าวหาผมว่าทำงานผิดพลาด เขาก็อดหลับอดนอน หาหลักฐานรายงานมายัน จนพวกนั้นต้องถอยไป“ ธรรมนูญพูดช้าๆ

“ผมไม่มีวันจะหักหลังเขา เพราะผมรักเขาเหมือนน้อง ไม่ใช่เพราะเขาช่วยผมมา แต่เพราะนิสัยเขา ตัวตนของเขา ซึ่งตอนนี้ คุณก็น่าจะรู้แล้ว... ถ้าคุณเข้ามาด้วยเรื่องของยู ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่มีทางทำร้ายน้องคุณโดยเจตนา คุณห่วงน้องคุณยังไง ผมก็รู้สึกกับเขาแบบนั้น คุณไม่มีวันจะทรยศน้องคุณยังไง ผมก็ไม่มีวันจะทำแบบนั้นได้”
             
มีแต่ความเงียบปกคลุมห้อง ก่อนที่ภวิลจะเอ่ย “เรื่องยู... ผมไม่โทษเขาหรือคิดว่าเขามีส่วนต้องรับผิดชอบมานานแล้ว”

ธรรมนูญพยักหน้า อีกฝ่ายพูดต่อ “คุณ... เพียงแต่ถือเอายามาให้จิรัฐ โดยไม่มีส่วนรู้เห็นว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง อย่างนั้นหรือ”

ธรรมนูญพยักหน้าอีกครั้ง “ผมรู้ว่าเป็นยาเข้าสมุนไพร จีกินแล้วไมเกรนก็บรรเทาลงจริงๆ...”

ภวิลนิ่งคิด นอกจากคาร์ดิแอคไกลโคไซด์ ในยาอาจจะมีส่วนผสมอื่นที่ช่วยเรื่องการปวดหัวเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ธรรมนูญไม่ได้ใช้ครัวต้มยาเอง หัวหน้าเชฟเก่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ด้วยเพราะเล่นยกถ้วยซด ถ้าเคยทำก็น่าจะจับสีจับกลิ่นได้บ้าง อย่าว่าแต่จิรัฐเริ่มออกอาการไม่สบายเอาหลังเขาไล่เชฟเก่าออก แต่ยานั่นออกมาจากครัวของบ้านพระยาแน่ๆ คนในครัวจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไม่มากก็น้อย

เขาเงยหน้าขึ้นทันเห็นสีหน้าเผือดสีไปของผู้จัดการการเงิน ชะรอยธรรมนูญจะคิดคล้ายเขา ภวิลเอ่ย

“คุณคงไม่รู้ว่าก่อนจะหยุดพัก ผมผ่านไปพอดี จิรัฐเผอิญได้ยิน... เลยเกือบคิดว่าตัวเองจะเป็นบ้าตามคุณยายทวด แต่ก็เป็นผลข้างเคียงจากยาอีก คนที่บอกว่าคุณยายทวดเขาสติวิปลาส คนที่ทำยามาให้คุณเอาให้จิรัฐ...”

ธรรมนูญเอ่ยแผ่วเบา

“... ทักษ์”

... ทักษ์คนที่ขนาดพวกหนูหรือแมลงที่จะมากวนในครัวยังคิดหาวิธีสารพัดเพื่อไล่เพื่อกันโดยไม่ให้มันตาย ทักษ์คนนี้เลือดเย็นจนวางแผนฆ่าคนทีละน้อยได้เชียวหรือ

ธรรมนูญถอยไปจนหลังชนเข้ากับประตู มือคว้าลูกบิดเอาไว้ช่วยทรงตัว ทักษ์เป็นเพื่อนร่วมงานที่เขาสนิทที่สุดตั้งแต่แรก นอกเวลางานธรรมนูญก็คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนเพื่อน ไว้ใจได้ทุกอย่าง

... เขานึกอยากให้ตัวเองมีหลักฐานพอจะเถียงกลับไปได้ เถียงแทนทักษ์ แต่ข้อมูลทุกอย่างก็ยังบ่งชี้ไปที่หัวหน้าพ่อครัวคนปัจจุบัน

“คุณภวิล ผมพูดกับเขาเอง” ธรรมนูญพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุด “เรื่องนี้ผมขอ... ถามเขาเอง”

ภวิลนิ่งไปนิดก่อนจะพยักหน้า เขาพอรู้ว่าผู้จัดการกับหัวหน้าเชฟที่ตนแต่งตั้งเป็นเพื่อนกันมาก่อน คงทำใจลำบากที่การณ์กลายเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเป็นเขา ถ้าเพื่อนสนิททำเรื่องเลวร้าย เขาก็อยากถามเหตุผลด้วยตัวเอง

ถึงเหตุผลของการทำเรื่องแบบนี้จะไม่มีทางกลับผิดเป็นถูกได้ แต่เพียงเพราะเคยรู้จักแง่มุมที่เคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมา ก็คงอยากฟังเหตุผลนั้นด้วยตัวเองสักครั้ง

ภวิลกำชับผู้จัดการให้โทรบอกเขาทันทีที่ซักเรื่องกระจ่าง จะอย่างไรตอนนี้จิรัฐก็อยู่ห่างออกไป และปลอดภัยดี ทักษ์คงไม่ทันรู้ว่าเรื่องนี้มีคนระแคะระคายแล้ว ที่ภวิลไม่ได้เอ่ยออกมา คือระหว่างธรรมนูญถามเรื่องนี้กับทักษ์ เขาคิดจะย้อนกลับไปดูจิรัฐอีกที

ธรรมนูญรับคำแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สมองยังคิดวนเวียนอยู่

ทักษ์หลอกใช้เขามาทำร้ายจิรัฐ... อย่างนั้นหรือ

‘... รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี... อิจฉาคนที่ไม่ควรอิจฉา... ถ้าทำอะไร อย่าโกรธ...’ มีความหมายอย่างนี้เองหรือ

แต่จิรัฐไม่เคยทำอะไรให้ทักษ์เจ็บช้ำน้ำใจเลยจนอย่างเดียว ไม่ใช่แต่ทักษ์ กับพนักงานทุกคนจิรัฐก็ปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดี เขาที่เป็นผู้จัดการบุคคลย่อมรู้ว่าพนักงานรักชื่นชมจิรัฐไม่น้อย ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีหนึ่งในนั้น... แสร้งทำ

ไม่สิ เขาไม่เคยคิดว่าทักษ์จะ ‘แสร้ง’ อะไรเป็นด้วยซ้ำ สำหรับเขา ทักษ์ไม่มีเล่ห์กล ยิ่งไม่ใช่คนขี้อิจฉา ช่างยุแหย่ นินทาว่าร้ายคนอื่น ธรรมนูญจึงยังคบด้วยอย่างสนิทใจ และถ้าทำเรื่องร้ายแรงแบบนี้ลงไปจริงๆ จะบอกไม่ให้โกรธได้อย่างไรกัน

เรื่องเลื่อนตำแหน่งถึงภวิลจะสั่ง แต่เขารู้ว่าจิรัฐยินดี จะว่าทักษ์ผูกใจเรื่องจิรัฐไม่จัดการเรื่องหัวหน้าพ่อครัวคนเก่าที่ขาดบ่อยและโบ้ยงาน ธรรมนูญก็ไม่อยากเชื่อว่าทักษ์ปดเมื่อบอกเขาว่าไม่เคยคิดเรื่องจะเป็นเชฟบริหารก่อนสี่สิบหรือหลังจากนั้นด้วยซ้ำ บอกแต่ว่าตัวเองยังไม่เก่ง ยังต้องมีประสบการณ์อีกมาก
 
ธรรมนูญไม่เคยรู้สึกว่าการเดินไปเรือนครัวยากลำบากเช่นนี้มาก่อน

เขายังหวัง... แม้จะรู้ว่าใกล้ความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะการบอกว่าผู้ปรุงยาไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้นและไม่รู้ว่าส่วนผสมจะทำให้เกิดอะไรได้บ้างมันฟังแทบไม่ขึ้น

เพียงแต่ตอนนี้ เขายังไม่พร้อมจะเชื่อว่าตัวเอง... ไม่เคยรู้จักทักษ์จริงๆ เลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 02-07-2012 13:37:37
คุณ ordkrub ขอบคุณค่า ยังต่ออยู่น้า แหะ อีกไม่เกินสองตอนก็รู้หมดแล้วละ

คุณ malula คนเขียนก็ไม่เคยบอกว่าชีเชี่ยวชาญด้านไหน 55 ลืมๆ กันไปพร้อมคุณพระเอก เพิ่งจะมาบอกบทนี้เนี่ยแหละ วางยาจริงค่ะ

คุณ Lovecartoon1996 อ่านถึงตอนนี้ยัง... เรื่องนี้ไม่ใช่แนวผีสางเน่อ คนทำเนี่ยแหละ (ร้ายกว่าผีอีก)

คุณ chompoonut139 แหะ อาจจะยังค้างอยู่ แต่มันใกล้เฉลยตู้มละนะ

คุณ bulldog17 อีกนิดดดนึงค่ะ มันจวนจบแล้วนี่นะต้องขมวดๆๆ มันเข้าไป

คุณ gohong น่าคิดมาก แต่ถ้าทักษ์ชอบยูแล้วพี่อาร์มล่ะ แกล้งชอบพี่อาร์มเหรอ ร้ายนะ แล้วอาจจะเคยวางยาเชฟเก่าให้ป่วยจะได้ขาดงานบ่อยๆ ตัวเองจะได้เลื่อนเป็นหัวหน้าเชฟแทนมั้ย เค้าชอบที่คนอ่านร่วมกันทายอะ 55 ขอบคุณนะคะ พล็อตนึงมันมีทางออกได้หลายทางจริงๆ ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามารอด้วยค่ะ

คุณ uknowvry อีกไม่กี่บทจะรู้หมดจริงๆ ค่า (เพราะมันจะจบแล้ว เอิ๊ก)

คุณ PsychicLine ชื่อช่างเหมาะกับเรื่องแนวเหนือธรรมชาติจริงเลย ถ้าจีเป็นไซคิกก็ดี เห็นวิญญาณ 55 (เป็นเรื่องอีกแนวไป) คนเขียนก็ชอบยูมากเหมือนกันนน

คุณ bun แน่ะ ทายถูก เห็นป่ะล่ะ

คุณ sukie_moo ทักษ์งานเข้าจริงๆ ตอนหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็... อย่าเพิ่งฟันธงไป

คุณ tiktik9102 จวนแล้วน้า ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ

คุณ silverphoenix ลองดู แต่อย่าเพิ่งฟันธง ส่วนคุณภวิลเค้าห่วงของเค้ามาตั้งนานแล้วละ

คุณ chartbook ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอบคุณที่ชอบพระเอกนายเอกด้วย 55 ประมาณน้านนะ ขอฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ

คุณ GAZESL ใกล้แล้วใกล้แล้ว ตอนนี้จีอยู่บ้านแต่ไม่รู้มีใครไปหา เหอๆ

คุณ Morethan ขอบคุณมากค่า แหะ แต่บทนี้แอบช้า ปมจะคลายไปเรื่อยๆ ในสองบทหน้าค่ะ คู่นี้มันหวานกันได้ยากยิ่งจริงๆ นะเนี่ย

คุณ iforgive เนี่ย ทายถูกแต่ต้นเลย วู้ว เยี่ยม เดี๋ยวมาดูว่าใครทำแน่และเพราะอะไร

คุณ PetitDragon ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามค่า นิดหน่อยเนอะ 55

คุณ luckyzaaa คุณได้สิทธิ์เชียร์เชฟต่อ เดี๋ยวนี้ครับ 555 ไม่ค่อยมีกองเชียร์เชฟเล้ย ต้นทุนมันน้อยจริงๆ อิอิ

คุณ Jeyibee ตอนนี้ก็ค้างอีกหรือเปล่า เค้าขอโทษน้า เพราะมันใกล้จบแล้วน่ะเลยขมวดๆๆ ปมอยู่ (เพื่อคลาย) ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามค่ะ

คุณ berlyn คนใกล้ตัวจริงๆ ค่ะ แต่ใครนะ

คุณ UnLucky แหะ ขอบคุณค่ะที่ลุ้น ลุ้นต่ออีกหน่อยนะ ใกล้ละ

คุณ j4c9y มาแล้วค่ะ ขอบคุณมากสำหรับการติดตามนะคะ

คุณ Acacha ขอบคุณค่ะ ฝากตอนต่อไปด้วยนะค้า

คุณ yeyong ความจริงมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่ใครทำ? ทำเพราะอะไร? บทหน้าน้า

คุณ mild-dy ขอบคุณค่ะ

คุณ mujika_keita แกก็เป็นงี้ล่ะ ตอนนั้นยังไม่รู้จักนายเอกของเราดี 55 ไม่มีผีนะฮ้า มีแต่คน เรื่องนี้ อิอิ

คุณ Pupay ไปเที่ยวไหนมาจ๊ะ อิอิ ขอบคุณมากที่อ่านค่า เชฟเก่าเป็นจริงนะ แต่มีเบื้องลึกก็จริงเหมือนกัน คุณพี่วินฮีคงไม่ไปไหนแล้วล่ะตอนนี้

คุณ fay 13 ใกล้แล้วค่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณภวิลก็ต้องสงสัยพี่อาร์มก่อนละนะด่านแรกเพราะคนถือไปให้จีกินมันพี่อาร์มตลอดเลยนี่นา ส่วนทักษ์... งานเข้าเต็มๆ (แต่ว่าแน่รึเปล่า...)

ปล. ยาแผนปัจจุบันที่มีคาร์ดิแอคไกลโคไซด์เป็นส่วนประกอบหลักอย่างดิจ็อกซิน (digoxin) ก็ยังใช้กันอยู่แต่ต้องระวังมากในเรื่องของปริมาณ คนไข้ที่กินนานๆ อาจเกิดเป็นพิษเรื้อรังได้เหมือนกัน   

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากเลยนะคะ ทุกเมนต์ทุกบวกทุกเป็ด เป็ดคืน ตอนนี้เขียนอยู่นานมาก ช้ามากเลย มียังไม่ได้อย่างใจก็แก้เพราะมันจะโยงไปหาตอนต่อไปจนถึงจบด้วย ถ้าตกหล่นต้องซ่อมกันอาน 55 แต่ยังขอบคุณเสมอสำหรับการติดตามค่า
  :กอด1: 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-07-2012 14:04:07
แล้วจะรอนะ ตัวเอง :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-07-2012 14:19:00
ว่าแต่ใครไปหาจีที่บ้าน
แล้วจะเกิดอะไรกับจีอีกหรือเปล่า
:เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-07-2012 15:15:53
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-07-2012 15:31:49
คนที่ไปหาจีที่บ้านคงไม่ใช่ทักษ์หรอกนะ
คือมีความรู้สึกว่าเรื่องจีโดนวางยามันพัวพันกับเรื่องบ้านเก่าที่ถล่มสองครั้งนั้นด้วย
เหมือนกับการเคลื่อนไหวของจีอยู่ในสายตาของใครบางคนตลอดเวลา
รู้ว่าจีจะไปไหนทำอะไรกับใคร  คิดว่าคงไม่ใช่ทักษ์คนเดียวที่ลงมือ
น่าจะมีคนที่ใกล้ตัวมาก ๆ มากกว่านี้แบบชนิดคาดไม่ถึงอีกแน่
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 02-07-2012 17:23:25
โอ้ววว เรื่องชักจะเดาไม่ถูกขึ้นทุกที  :really2:
พี่วินช่วยจีให้ได้นะคะ  :monkeysad:
แล้วเมื่อไรจะหวานกันบ้างเนี่ยยย  :serius2: มีแต่เรื่องงงง
พอดีติดงานรับน้องน่ะค่ะ เป็นพี่กับเขาแล้วเหนื่อยกว่าน้องอีก  :เฮ้อ:
จะรอตอนต่อไปค่ะ +2 อันเลย  :กอด1:

 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-07-2012 17:25:45
เป็นพระเอกที่ไม่เคยกลัวนายเอกงอนจริงๆ  :laugh:

หวานหลบในรึเปล่าเนี่ยพี่วิน ?

รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-07-2012 19:26:43
รอจ้ารอๆ :z2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-07-2012 22:57:42
สนุกจริงๆ อ่านแล้วต้องกลั้นหายใจเพราะลุ้นตาม
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 02-07-2012 23:46:52
หรือว่าลุงชมคนสวนจะเป็นคนหายามาให้ทักษ์ต้ม ?แถมยังมีปมเรื่องบ้านอีก(อยากรุเรื่องนี้มากเพราะเดาไม่ออกเลยว่าใครเป็นเจ้าของจริงๆ)
ใกล้จบแล้วอ๋อ รู้สึกว่าเร็วจังเลย
เป็นกำลังใจให้เน้อ :)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 03-07-2012 09:39:12
เดาต่อถ้าไม่ใช่ทักษ์ ก็สงสัยลุงคนสวนค่ะ  ท่าทางมีลับลมคมในอยู่ไม่น้อย และเป็นคนที่รู้เรื่องต้นไม้และสมุนไพรดีมากๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 03-07-2012 16:28:35
เดาทางไม่เคยถูกจริงๆเรื่องนี้ ขออย่างเดียว อย่าให้ทักษ์รู้เห็นด้วยเลยนะคะ
ว่าแต่ ใครไปหาจีที่บ้านล่ะเนี่ย  โอยย มีแต่เรื่องให้ลุ้นอีกแล้วว
+1 +เป็ด เป็นกำลังใจให้ค่า  :L2:
ปล.อย่าเพิ่งรีบจบนะคะ พี่วินกับจียังหวาน(?)กันได้ไม่เท่าไหร่เองง่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 03-07-2012 19:41:11
เรื่องนี้ซับซ้อนดีครับ อ่านแล้วงงเลยบางครั้ง แต่ชอบครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 03-07-2012 21:47:46
ตัวคนร้ายยังคลุมเคลือ

แต่ความห่วงใยของคุณพี่นี่ไม่ปิดบังเลยจริงๆ  ฮิ้ววววว
น้องจิจะรู้ตัวมั้ยน้าาา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-07-2012 14:02:17
กำลังเข้มข้นเลยค่ะ แต่แบบ...จะเป็นทักษ์จริงๆหรอ แบบ... ยังอยากสงสัยลุงคนสวนอยู่ดี  :m26:
แอบขัดใจพี่วินเล็กน้อย อันที่จริงเราลุ้นให้พี่วินพูดแสดงความห่วงใยไปตรงๆ มากกว่ามาทำลับๆล่อๆแบบนี้
ก็นะ อยากเห็นโมเมนต์หวานๆหลังจากที่(เหมือนจะ)เข้าใจผิดกันนี่นา
บวกจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-07-2012 18:51:58
ไม่อยากเชื่อว่าเป็นทักษ์เหมือนกัน แต่จะเป็นใคร แล้วมีเหตุจูงใจอะไร รอเฉลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-07-2012 19:57:02
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 07-07-2012 23:15:30
ใครมาหาจีที่บ้านอะ พี่วินรีบกลับไปดูน้องอย่างด่วนเลย

ขอให้ไ่ม่ใช่ทักษ์ ขอให้ไ่ม่ใช่ทักษ์ ขอให้ไ่ม่ใช่ทักษ์ ขอให้ไ่ม่ใช่ทักษ์  :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 08-07-2012 13:41:09
ความรู้สึกของพี่วิลก็บ่งบอกมาหลายตอนแบบที่ชัดมากๆ ว่าเป็นห่วงเป็นใยจีซะเหลือเกินแล้วนะ

ทักษ์อาจมีส่วนร่วมรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการวางยาจีแต่ไม่ทั้งหมด หรือเป็นลุงคนสวนที่อยู่มานานจนจีไว้ใจ แล้วก็ปล่อยข่าวเรื่องคุณทวต สติไม่ดี 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 25-07-2012 20:48:50
ทำไมยังไม่มาาาาาาาา  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 25-07-2012 22:01:56
ลุ้นๆ ความจริงใกล้เปิดเผยแล้ว แต่ใช่ทักษ์จริงๆ หรอ ยังไม่อยากเชื่อเลย
ภวิลดูแลจีดีๆ นะ เค้าเป็นห่วงงงง  :-[ 555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 27-07-2012 18:30:09
เข้ามารอลุ้น ว่าใครมาหาจีที่บ้าน อยากรู้แล้วอ่ะ

ยังไม่มาเฉลยอีกเหรอ

 :z13:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 05-08-2012 22:38:44
เข้ามาดัน

 :z2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 07-08-2012 10:36:49
 :m22:  แวบเข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 08-08-2012 03:07:02
มาบอกว่าคิดถึงพี่วินกับน้องจีแล้ว  :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 09-08-2012 17:26:08
บทที่ 14

ธรรมนูญเข้าไปในครัวแล้วก็ยืนอยู่เงียบๆ ไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขา เพราะเป็นเวลาที่แขกเริ่มทยอยมารับประทานอาหารเย็นกันแล้ว ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับหน้าที่ในสถานีตัวเอง

เขามองหัวหน้าเชฟก้มชิมก่อนชูสองนิ้วให้ลูกมือ สีหน้ายิ้มแย้มจริงใจอย่างที่เห็นจนชินตา ทักษ์ตอนนี้ ทักษ์คนเมื่อเช้า กับทักษ์ที่เขาเป็นคนสัมภาษณ์เข้าทำงานเองเมื่อไม่กี่ปีก่อนมีอะไรแตกต่างกันบ้าง... ธรรมนูญยังเห็นพ่อครัวไฟแรงขยันทำงานคนเก่า คนที่เขาเชื่อตลอดมาว่า... จิตใจดี

ธรรมนูญก้าวไปหา ในอกหนักอึ้ง ยิ่งทักษ์ยิ้มให้อย่างสนิทสนมเหมือนเคย เขาพูดไม่ออก... แต่รู้ว่าต้องทำ เขาเป็นคนขอร้องภวิลมาถามความเรื่องนี้เอง อย่างน้อยถ้ามันจะพอมีคำอธิบายอะไรบ้าง ก็ขอให้เขาได้ฟังจากปากก่อน

เขาบอกทักษ์ว่ามีเรื่องต้องคุยด้วย หัวหน้าเชฟก็ยังสาละวนกับงานจนเขาต้องลากแขนเข้าส่วนที่เป็นออฟฟิศแล้วปิดประตู ทักษ์มองงงๆ บอก

“อาร์มพูดไปขอทำงานไปด้วยได้มั้ย เมื่อกี้ยัง...”

“ช่างมันก่อน” ธรรมนูญยืนอยู่หน้าประตู

“แต่ไม่ได้เช็คความเรียบร้อยตรง...”

“ช่างมัน!” เขาเสียงดัง ก่อนต้องระบายลมหายใจยาวเมื่อเห็นท่าทางชะงักไปอย่างตกใจของอีกฝ่าย

... นี่จะเริ่มยังไงดี...

ธรรมนูญเอ่ยช้าๆ “... เรื่องยา ของจี...”

ทักษ์หน้าชื่นขึ้น เหมือนเข้าใจว่าเขาเรียกตัวออกมาพูดทั้งๆ ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงวุ่นวายที่สุดของงานในครัวเพราะอะไร

“อ๋อ ความจริงทำแล้วเมื่อเช้าอาร์มก็เห็น แต่เชฟเก่ามากินไปซะก่อน แกนึกว่าเตรียมจะเสิร์ฟแขก... ใครจะบ้าเอายาให้แขกกิน”

ธรรมนูญนิ่ง ทักษ์ไม่เคยพลาดสับสนจนสลับกับน้ำที่แขกสั่งอยู่แล้ว แยกกันเด็ดขาดเสมอมา ซึ่งเขาเคยนึกชมว่าหัวหน้าพ่อครัวละเอียดรอบคอบ หรือไม่...

... ก็เพราะถ้าแขกกินจนป่วยไป อาจจะคิดว่าด้วยอาหารเป็นพิษ แต่ก็ต้องสืบสวน อาจถึงขั้นฟ้องร้อง และเรื่องจะ... แดงออกมาก่อนเวลาอันสมควร ถ้าเป็นอย่างนั้นการปองร้ายต่อจิรัฐจะล้มเหลวกลางคันด้วยเช่นกัน

ทักษ์พูดต่อ “แต่อาร์มไม่ต้องห่วง เราทำไว้ใหม่แล้ว คุณจียังไม่กลับใช่มั้ย”

ธรรมนูญมองอีกฝ่ายถามหน้าซื่อตาใสเหมือนไม่ได้กำลังจะเอายาพิษให้คนอื่นกิน เขาจุกในอก

“เชฟเก่า... แกประนามหยามเหยียดใหญ่ บอกเราคิดสูตรไม่ได้เรื่อง” ทักษ์ว่าแล้วหัวเราะขำ ธรรมนูญคิดว่าจริงๆ แล้วขำเพราะมัน ‘ได้เรื่อง’ ต่างหาก ได้... จนดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายยังพูดต่อ

“ก่อนหน้านี้ไปกินอะไรผิดสำแดงมาก็ไม่รู้ล่ะ ไม่งั้นคงมีแรงด่าต่อ ไม่ยอมกลับไปง่ายๆ”

ธรรมนูญรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก “ทำ... ได้ยังไง...”


ภวิลเคาะนิ้วลงกับพวงมาลัย รถติดอย่างไม่น่าเชื่อตลอดเส้นไปบ้านเมืองนนท์ของจิรัฐ เขามองถนนเลนตรงข้ามที่โล่งผิดกันอย่างไม่สบอารมณ์

โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเสียงโทรศัพท์เครื่องส่วนตัว ภวิลกดรับก่อนชะงักเมื่อได้ยินเสียงพ่อดังมาตามสาย

“ใกล้ถึงหรือยัง...”

ภวิลขมวดคิ้ว อาศัยที่รถยังติดดูโทรศัพท์อีกเครื่องก่อนถอนใจเฮือกเมื่อเห็นว่าบริษัทพยายามติดต่อเขาเพราะประชุมด่วน คู่ค้าต่างชาติรายสำคัญมีเวลาอยู่ในกรุงเทพฯ แค่คืนเดียวก่อนบินกลับ ความจริงเกี่ยวข้องกับส่วนที่พ่อดูมากกว่า... แต่อีกฝ่ายเริ่มสนใจทางอสังหาฯ พ่อคงต้องการให้เขาไปคุยข้อตกลงทางธุรกิจให้เป็นรูปเป็นร่างก่อนลูกค้าจะกลับไปและเกิดต้องตาบริษัทอื่นแทน

เขาปิดโทรศัพท์เครื่องงานไว้เพราะไม่อยากให้มีอะไรมารบกวนตอนคุยกันกับหมอเรื่องอาการของจิรัฐ เป็นผลให้พ่อเอ่ยต่ออย่างออกจะหงุดหงิดนิดๆ

“เลขาฯ โทรไปเข้าฝากข้อความหมด มันเป็นยังไง วินก็รู้ว่าพ่อไม่โทรเข้าเครื่องนี้นอกจากเป็นเรื่องด่วนในครอบครัว แต่ติดต่อเราไม่ได้ก็เลย...”

“ผมติดธุระจริงๆ” ภวิลกำลังจะบอกให้เลื่อนหรือให้หาทางคุยไปก่อน ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำอย่างนั้นความเป็นไปได้ที่จะเจรจาตกลงกันสำเร็จคงเหลือน้อย

วงการธุรกิจเวลาเป็นเงินเป็นทอง ขณะที่พ่อรับรองลูกค้าอยู่ อาจจะมีคนมาเสนอดีลอื่นให้แล้วด้วยซ้ำ และในฐานะที่บริษัทเขาเองจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ให้พ่อคุยก็ไม่มีผลสร้างความเชื่อใจได้เท่าคนที่ต้องร่วมงานกันต่อโดยตรง แต่... เขาแค่มีเรื่อง ‘สำคัญกว่า’ ที่คิดว่าต้องดูแล

พ่อขัดขึ้นก่อนเขาจะทันพูดอะไรต่อ สำทับให้รีบกลับ เมื่อเห็นปลายสายนิ่งไปก็ว่า

“เรื่องนี้ต้องมาช่วยพ่อดู นี่รอแต่เราคนเดียว... ต่อไประวังมันจะกระเทือนถึงข้อตกลงอื่น”

ภวิลถอนใจอีก พ่อหมายถึงข้อตกลงที่มีกับบริษัทในเครือของวิรัชภาคย์ที่อาจได้รับผลกระทบ ตามปกติเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเวลาทางบริษัทพ่อตามตัวด้วยนัดด่วน เพียงแต่ว่าตอนนี้มันมีเรื่องด่วนกว่า การบอกว่าไม่รู้ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้นสำหรับพ่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่รู้เพราะเขาไม่สนใจจะดูโทรศัพท์เอง

ตั้งแต่เช้าไปหาจิรัฐที่บ้านสวนรับมาด้วยกัน เจอพ่อครัวเก่ามาก่อเรื่อง จนลงเอยต้องพาตัวเจ้าของบ้านไปโรงพยาบาลนั้น เขาก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลยนอกจาก...

ภวิลได้ยินเสียงคุณย่าแว่วๆ คล้ายอยากพูดสายด้วย พ่อส่งโทรศัพท์ให้หลังจากบอกเขาเสียอีกทีว่าทุกคนกำลังรออยู่ เมื่อแน่ใจว่าคุณย่าอยู่ปลายสายแล้วเขาก็รีบพูด

“คุณย่าครับ เรื่องลูกค้าผมจะกลับไปจัดการให้เร็วที่สุด แต่ว่าตอนนี้...”

“... วิน” คุณหญิงไพจิตรเอ่ยเบาๆ “คู่ค้าคนนี้กำลังสนใจลงทุนอสังหาฯ จริง แต่ไม่ใช่ที่ไหนก็ได้ อยากได้เป็นตึกเก่า แบบจีนยุโรป เพราะไปซื้อไว้แล้วที่ภูเก็ต ยังวางแผนจะซื้ออีกหลายที่ เขาจะทำเป็นเชน ในแบรนด์ตัวเอง...”

“คุณย่าหมายความว่า...” ภวิลใจหายวูบ

ตึกเก่า สถาปัตยกรรมจีนยุโรป ไม่ได้มีแค่บ้านพระยาของจิรัฐ แต่ผู้ลงทุนรายนี้เจาะจงติดต่อวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ที่นั่น และกำลังมีข่าวจะแปรเป็นมหาชน ลำพังอย่างนั้นไม่ได้ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปลี่ยน แต่...

“ย่าว่าเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไรเขาคงพยายามจะซื้อ ตอนนี้เขาไม่มีทางรู้ว่าจะกระจายหุ้นออกเท่าไหร่”

“ก็เลยอยากคุยก่อน...” ภวิลพึมพำ ก่อนถามอย่างนึกขึ้นได้ “นี่พ่อคงยังไม่ไปรับคำอะไรไว้นะครับ”

“พ่อเขายังไม่ตกลงใจ ยังไงเจ้าของหุ้นก็บริษัทวิน ถ้าหาดีลที่ดีพอๆ กันได้ คงไม่ค้าน... ย่าจะช่วยอีกแรง แต่วินต้องมา” คุณหญิงไพจิตรบอก “วินช่วยน้องนะลูก”

นอกจากคุณย่าจะหมายถึงจิรัฐซึ่งนับได้ว่าเป็นน้องตามฝั่งเศรษฐสุทธ์ที่เกี่ยวดองกันมาแล้ว ยูรักบ้านหลังนั้นแค่ไหนเป็นเรื่องที่ทั้งเขาและคุณย่ารู้ดี จิรัฐเองส่วนหนึ่งสู้ทนกับผู้ถือหุ้นรายเก่าๆ ก็เพราะพยายามจะรักษาโครงสร้างเดิมเอาไว้จนเขามาซื้อหุ้นไปเกือบหมด คุณย่าไม่ต้องบอกให้ช่วยเขาก็ยินดีรักษาเอาไว้ให้

... ไม่เพียงเป็นความทรงจำถึงน้องชายที่จากไป แต่เขารู้ว่าบ้านพระยาสำคัญกับจิรัฐแค่ไหน

ภวิลตัดสินใจบอกตามตรง “ความจริงผมกำลังจะไปหาเขา เมื่อเช้าเพิ่งพาไปโรงพยาบาลมา แต่คุณย่าไม่ต้องห่ว...”

“เอ๊ะ...” ท่านขัดขึ้นอย่างประหลาดใจ “เมื่อกี้ย่าเพิ่งจะโทรไปบ้านนั้นว่าจะคุยถามไถ่แม่บุณฑริกว่าเป็นยังไงบ้าง น้องเป็นคนรับสายเองนี่ลูก สุ้มเสียงก็ดูสบายดี”

“ก็... ดีแล้วครับที่ไม่เป็นไร” ภวิลว่า ก่อนบอก “หมัดก็ว่าทุกอย่างปกติ ถ้าเขาคุยโทรศัพท์กับคุณย่าแล้ว...”

“น้องว่าสบายดี...” คุณหญิงไพจิตรย้ำ “ยังไงวินมาช่วยทางนี้ก่อนนะลูก เกิดพลาดอะไรไปกระทบถึงบ้านนั้น... คราวนี้แหละย่าว่าน้องจะไม่สบาย”

ภวิลเอ่ยรับคำในที่สุด เขาต่อโทรศัพท์ถึงบ้านสวน ยังไม่ได้ไปเห็นได้ยินเสียงให้แน่ใจก็ยังดี โทรศัพท์ดังอยู่นานก่อนเด็กในบ้านจะมารับ เขาเอ่ยขอพูดสายกับจิรัฐ หายไปอีกพักปลายสายจึงตอบกลับมา

“คุณจีน่าจะนอนอยู่ในห้อง ปิดประตูเงียบเชียวค่ะ คุณมีเรื่องด่วนขนาดต้องปลุกไหมคะ”

ภวิลตอบว่าไม่ต้อง ถ้าจิรัฐหลับเขาก็อยากให้พัก ก่อนตัดสินใจเลี้ยวรถกลับ


ในห้องมีแต่ความเงียบขณะที่ทักษ์จ้องอีกฝ่ายอย่างงงยิ่งกว่าเก่า “... ทำอะไร”

ธรรมนูญสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติ หวังคำสารภาพทันทีคงไม่ได้ ถ้าทักษ์อยากเล่นบทไม่รู้เรื่องก่อนเขาก็จะย้อนกลับมาถามจนกว่าจะกระจ่างกันไป

“ยาของจีน่ะ... คนทำมีคนเดียว”

ทักษ์พยักหน้า ธรรมนูญเอ่ยต่อ นึกอยากเตะตัวเองเมื่อหวังรำไรว่าก่อนทักษ์ส่งยาให้เขา อาจจะมีคนอื่นเข้าไปยุ่ง เข้าไปใส่อะไร และหัวหน้าพ่อครัวอาจจะไม่รู้เรื่องมาโดยตลอด ถ้าทักษ์จะผิด ขอให้ผิดเพราะเลินเล่อ ไม่ได้ผิดเพราะพยายามฆ่า...

“ทำเสร็จแล้วก่อนใส่ถ้วย ก่อนเรียกมาเอาไปข้างบน... ละไปทำอย่างอื่นบ้างหรือเปล่า”

ทักษ์มองเขาอย่างงงไม่หาย ก่อนพูด “อาร์มจะถามว่าเราดูยาอยู่ตลอดหรือเปล่าน่ะเหรอ ทำแล้วก็ตักใส่ถ้วย โทรบอกอาร์มทันทีทุกครั้งน่ะแหละ ไม่ได้ไปไหนไกลเลย... ถ้าเสร็จแล้วในครัวเริ่มยุ่งก็จะแยกเก็บใส่ตู้ไว้ก่อน ปกติพอใช้ถ้วยนี้เขาก็รู้กันว่าของคุณจี แค่กลัวชุลมุนแล้วใครหยิบผิดไป”

“ทำไมต้องกลัวใครหยิบผิด”

ทักษ์ขมวดคิ้ว “ไม่อยากทำใหม่น่ะสิ... แล้วถ้าเอาไปให้แขกกินแย่แน่ คงโดนคอมเพลนอ่วม”

ธรรมนูญนิ่งก่อนพูด “คิดว่าทำไมเขาถึงต้องคอมเพลนด้วย”

“ก็มันเป็นยา ดูส่วนผสมแล้วไม่น่าจะอร่อย เสียชื่อโรงแรม” ทักษ์เริ่มชะเง้อข้ามไหล่เขา “ถ้าอาร์มแค่อยากรู้ว่าเราปล่อยปละละเลยยาคุณจีหรือเปล่าขอให้วางใจได้ ถ้าจะเอายาก็ในครัว เราจะได้ไปทำงานต่อ...”

“แค่ไม่อร่อย ไม่ใช่กลัวว่าแขกกินแล้วจะแสดงอาการอะไรหรือ” ธรรมนูญถาม

เขาเกลียดความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอัยการกำลังซักจำเลย ยิ่งเป็นคนที่ถือว่าเป็นเพื่อน... แต่ที่ถามมาทำให้แน่ใจ ข้อแรก ยาผ่านมือทักษ์คนเดียว ข้อสอง ทักษ์รู้ว่าอะไรอยู่ในนั้นบ้าง

ทั้งสองข้อไม่ได้ช่วยให้เขาย้ายฝ่ายเป็นทนายแก้ต่างแทนอย่างที่นึกอยากทำได้เลย

“อาการอะไร” ทักษ์ถาม คิ้วผูกกันเป็นปมอีกอย่างที่ปกติเขาคงล้อไปแล้ว

ธรรมนูญข่มใจก่อนระเบิดอย่างอดรนทนไม่ไหว “ขอร้อง พูดความจริงได้ไหม หลักฐานอยู่ข้างนอกแล้ว ถ้าเอาไปพิสูจน์ก็มัดตัว รู้ทั้งรู้ว่าใส่อะไรลงไปบ้าง”

ตั้งแต่แรกที่เคยบอกอีกฝ่ายว่ารุ่นน้องปวดหัวแต่ไม่อยากใช้ยาไมเกรนสมัยใหม่เป็นประจำ ทักษ์ก็เป็นคนแนะว่ามียาอยู่ตำรับหนึ่งน่าจะช่วยได้ ยืนยันว่าไม่เป็นอันตราย ธรรมนูญยังจะให้กินด้วยเสียเลยแต่ทักษ์ว่าไม่ชอบกินยา พอมาคิดดูหลังจากนั้นก็เก็บใส่ตู้แยกไว้ต่างหากตลอด

“มีอะไรไม่พูดกันก่อน ไม่ต้องทำขนาดนี้” ธรรมนูญว่า

เขาเสียใจจริงๆ ที่ไม่รู้ก่อนเรื่องจะล่วงเลย เพราะปกติทักษ์มีอะไรก็มาปรึกษาอยู่แล้ว จึงไม่ทันได้เห็นว่าอีกฝ่ายยังมีปัญหาใดซ่อนเร้นอีก 

“ดีว่าไม่เป็นไร ไม่งั้น...”

ธรรมนูญไม่อยากจะคิด ถ้าจิรัฐเป็นอะไรไปเรื่องคงเลวร้ายเกินจะแก้ได้ รวมถึงสำหรับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วย ตลอดเวลาเขามุ่งเป้าไปที่ภวิลว่าไม่เคยหวังดีกับรุ่นน้อง ไม่เคยนึกฝัน... ที่หวังร้ายจะเป็นคนในเสียเอง ยิ่งไม่เคยนึกว่าทักษ์จะคิดอะไรที่เฉียดใกล้คุกตะราง

... ไม่เคยนึกว่าจะคิดทำอันตรายคนอื่นได้

 “มันมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำ ทักษ์” เขาเอ่ยต่อ เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยยิ่งกว่าไปวิ่งมาสักร้อยกิโลเสียอีก “มีเหตุผลอะไรที่ใจร้ายขนาดนี้ ถึงได้ถาม... ว่าทำได้ยังไง”

ตลอดเวลาทักษ์ยืนนิ่งจ้องไปข้างหน้า แล้วจึงค่อยเงยขึ้นมองเขา ธรรมนูญอดใจหายไม่ได้เมื่อเห็นว่าตาคู่นั้นมีน้ำตาคลอเอ่ออยู่เต็ม ทักษ์ทวนที่เขาพูดด้วยเสียงสั่นสะท้าน

“... ทำได้ยังไง... ทำได้ยังไง”

“...ทักษ์...” ธรรมนูญคราง รู้สึกเหมือนจะหมดแรงไปดื้อๆ

ถึงทุกอย่างจะบ่งชี้มาทางนี้แต่เขาก็ยังหวังอยู่... ถ้าทักษ์ปฏิเสธมาตรงๆ ถ้าพยายามอธิบายสักหน่อย แต่นี่... เขากำลังจะได้ฟังการยอมรับใช่ไหม เขากำลังจะได้ฟังในสิ่งที่ไม่อยากได้ยินเลย

“ถ้าทำ... ถ้าทำ... แล้ว...”

ธรรมนูญชะงักเมื่ออีกฝ่ายปล่อยโฮ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 09-08-2012 17:36:23
บทที่ 14 (ต่อ)

ภวิลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางผ่อนลมหายใจ เมื่อครู่นับได้ว่าเป็นการเจรจาตกลงที่ตึงเครียดอยู่ไม่น้อย ธุรกิจของวิรัชภาคย์เกี่ยวข้องกับคู่ค้ารายใหญ่นี้มากพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าเกิดไม่พอใจถึงขั้นยกเลิกข้อตกลงกัน แม้แค่บางส่วนก็ถือว่าส่งผลกระทบโดยรวม ไม่ใช่กับเพียงบริษัทของเขาเท่านั้น

ตอนแรกภวิลหนักใจเพราะอีกฝ่ายแสดงความประสงค์ชัดเจน แต่ฝั่งเขาก็มีสิ่งที่ยอมเสียไปไม่ได้ชัดเจนเหมือนกัน เพียรเสนอทางเลือกอื่นให้ จนนึกขึ้นได้ว่า ‘แบรนด์’ ของผู้ลงทุนรายนี้จุดขายอย่างหนึ่งคือสุขภาวะ... ครบวงจร และวิธีที่จะส่งเสริมให้จุดขายนั้นแข็งแกร่งขึ้นคือลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพิ่มด้วย เขาคิดถึงศูนย์การแพทย์ใหม่ของเครือครอบครัวมทนา ที่ยังไงวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ต้องดูแลอยู่แล้ว หลังจากนั้นเรื่องก็ง่าย

ต้องขอบคุณพ่อที่ยังไว้ใจเขาพอจะไม่ขัด เพียงแต่เสริมบ้างเมื่อรู้สึกว่าจะเสียเปรียบเกินไป ซึ่งพูดกันตามตรงตอนนั้นภวิลไม่ได้จดจ่อกับข้อนี้มาก เพราะพอกันบ้านพระยาออกไปพ้นมืออีกฝ่ายได้สำเร็จเขาก็อยากจะปิดดีลให้เรียบร้อยไปเลย พ่อต้องเตือนว่าควรให้ทีมนักกฎหมายของบริษัทตรวจดูอีกทีก่อน

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ใจเขาไม่ค่อยสบาย... เขานึกอยากโทรหาจิรัฐหรือไม่... ก็กลับไปที่บ้านสวนอีกครั้ง ภวิลลุกขึ้น

พ่อส่งสายตาปรามมา ถ้าเป็นตามปกติภวิลก็รู้ว่าเขาควรอยู่ทานข้าวเย็นต่อด้วยกับคู่ค้า การคุยกันนอกรอบสำคัญพอๆ กับในโต๊ะเจรจาหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ยามนี้เป็นยาม ‘ไม่ปกติ’ เขาเลยทำเป็นไม่เห็นเสียอย่างนั้น

ภวิลรวบสมุดแผนงานเอกสารใส่แฟ้มลวกๆ ขยับจะเดินออกจากห้องประชุม แต่รูปใบหนึ่งร่วงหล่นลงพื้นจึงก้มเก็บ เขาเองก็เกือบลืมว่าสอดรูปบ้านเก่าเอาไว้ในนี้ เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับจิรัฐทำเอาการหาตัวเจ้าของบ้านสำคัญรองลงไปโดยปริยาย

เขายืดตัวตรงแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของมารดาน้องชาย คุณรงรองจ้องรูปที่ยังอยู่ในมือเขาอย่างตกตะลึง ภวิลขมวดคิ้ว สีหน้านั้นราวกับ... เคยเห็นมาก่อน แต่เมื่อไร อย่างไร เพราะคุณรงรองไม่น่ามีธุระเกี่ยวข้องได้

เขารู้ว่าน้องไม่คุยเรื่องนี้กับแม่ หรือกระทั่งพ่อบุญธรรมตัวเองด้วยซ้ำ เรื่องจู่ๆ จะเอารูปให้ดูไม่น่าเกิดขึ้น อย่าว่าแต่คุณรงรองไม่เคยสนใจสถาปัตยกรรมเหมือนลูกชาย ภวิลไม่คิดว่าจะติดใจบ้านเก่าที่ดูไม่มีอะไรผิดธรรมดานอกจากเพราะ... จำได้

ทางวิรัชภาคย์ส่วนใหญ่ยกเว้นคุณย่าเห็นตรงกันว่ากฤตวัตควรจะ ‘ทำอะไรสักอย่าง’ ในเครือธุรกิจอันไพศาลของครอบครัว และการทำอะไรสักอย่างนั้นไม่รวมไปถึงเรื่องตระเวนดูสถาปัตยกรรมเก่าหรือทุ่มเทชีวิตจิตใจบูรณะบ้านเพื่อน ซึ่งในสายตาสมาชิกในตระกูลมองว่า ‘ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน’

พ่อปล่อยน้องทำในสิ่งที่อยากทำก็จริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันหนึ่งคงหวังให้กลับมา หรืออย่างน้อยก็ใช้ความรู้ต่อยอดขยายอาณาจักรวิรัชภาคย์ออกไป กฤตวัตช่วยเรื่องธุรกิจฝั่งนี้เท่าที่ทำได้ แต่เขาเป็นพี่ย่อมรู้ ใจน้องอยู่ไหน
 
ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าพูดตรงๆ เพราะเกรงใจคุณหญิงไพจิตรและคนเป็นพี่ชายด้วยส่วนหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเรื่องก็ยิ่งทำให้ง่ายที่จะโทษจิรัฐ เพื่อนคนเดียวที่ลากยูไปทำอะไรนอกลู่นอกทาง คุณรงรองคิดเช่นนี้ด้วยหรือเปล่า

ภวิลไม่เคยคิดว่าควานหาเจ้าของบ้านหลังสุดท้ายที่ยูไปดูมาตั้งนาน จะได้เรื่องตรงแม่เจ้าตัวนี่เอง

“คุณอาทราบหรือครับ ว่าบ้านนี้เป็นของใคร”

คุณรงรองสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเขา เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจเหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์ สั่นศีรษะ แต่สีหน้าแววตาทำให้ภวิลแน่ใจ ต้องรู้มากกว่าที่ยอมรับ

“คุณอา เรื่องนี้สำคัญนะครับ” เขาค่อยๆ พูด คาดคั้นตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้ไม่ยอมเอ่ยปาก

เมื่อเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับลูกชายคนเดียว โดยทั่วไปคนเป็นแม่อาจจะอยากรู้รายละเอียดทุกอย่าง ที่ไหน อย่างไร... แม้จะทำให้ใจสลายหนัก แต่บางทีรู้... ยังดีกว่าไม่รู้ คุณรงรองไม่ใช่อย่างนั้น ภวิลไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ เพราะที่สำคัญที่สุดคือน้องจากไปแล้ว ถ้าแบบนี้ทำให้คุณอารับความสูญเสียได้ดีกว่า เขาก็พร้อมจะเคารพความต้องการ ไม่เคยนึกว่าจะมีอะไรมากกว่านั้น แต่ตอนนี้จำเป็นต้องพูด

ภวิลเหลือบมองพ่อที่ยังคุยอยู่กับแขกและผู้บริหารคนอื่นๆ เขาจับแขนคุณรงรอง พาไปนั่งที่หมู่เก้าอี้ห่างออกไป วางรูปลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า

“... ยู... เสียที่นี่” เขาพูดช้าๆ “แต่ผมไม่อยากให้คุณอาห่วง เพราะน้องคงไปอย่างไม่ห่วงเหมือนกัน น้องชอบที่นี่มาก เคยดูเอาไว้ ผมยังอยากทำให้เขาอยู่ แต่ยังทำไม่ได้จนกว่าจะรู้ว่าเจ้าของบ้านเป็นใคร”

เขานึกถึงน้อง และนึกถึงจิรัฐ แม้ร่างกายจะปกติดีแล้ว แต่ก็อยากให้สบายใจด้วย ถ้าได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านให้ช่วยบูรณะ กระทั่งขอซื้อเพื่อย้ายมาปลูกที่ใหม่ จิรัฐคงพอใจที่ความต้องการของเพื่อนได้บรรลุสมประสงค์

ภวิลปล่อยให้คุณรงรองหยิบรูปขึ้นดู แต่ต้องขมวดคิ้วอีกเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยเบา

“ทำไม... เป็นที่นี่...”

“คุณอารู้จักเจ้าของบ้าน” ภวิลพูด “เรื่องนี้มันเกี่ยวกับ...”

เขาผุดลุกขึ้นทั้งยังไม่ทันจบประโยค พอจะปะติดปะต่อเค้าเงื่อนทุกอย่างได้รางๆ


ธรรมนูญทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยเห็นทักษ์ร้องไห้มาก่อน พูดให้ถูกคือไม่เคยเห็นใครร้องหนักขนาดนี้ รู้สึกว่าควรจะปลอบแต่ยังเก้กังอยู่ อีกฝ่ายน้ำตาไหลเหมือนทำนบแตก เหมือนมีเรื่องอัดอั้นไว้ในใจ พอได้ร้องแล้วก็ไม่หยุดง่ายๆ เขาขยับเข้าไปใกล้ จะแตะแขนแต่พอดีทักษ์พูดขึ้นเสียก่อน

“ถ้าทำแล้ว... ถ้าทำอะไรสักนิดหนึ่ง อาร์มคงไม่ให้อภัยเลย อาร์มจะมองด้วยสายตาผิดหวังอย่างนี้... เราไม่อยากเห็น” ทักษ์จ้องเขาด้วยตาแดงช้ำ “คุณจีไม่เป็นไรน่ะดีแล้ว ดีที่สุด... เราไม่เคยคิดอยากให้คุณจีเป็นอะไร ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นคนที่อาร์มช... ห่วงอยู่ คุณจีแย่ อาร์มก็แย่ด้วย”

ธรรมนูญอยากจะบอกว่าก็ห่วงหมดนั่นแหละ ทั้งรุ่นน้อง ทั้งเพื่อนร่วมงานที่ยืนน้ำตาพรากอยู่ตรงหน้า และที่เขาแย่อยู่ตอนนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ทักษ์ดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ่น แต่ถ้าบอกว่าไม่รู้ แล้วจะอธิบายเรื่องยาที่ตัวเองเป็นคนทำขึ้นมายังไง แม้กระนั้นประโยคที่หลุดออกไปก็ยังเป็น

“... ใจเย็นๆ หยุดร้องก่อน... นะ...”

“ไม่ได้อยาก... ร้อง!” ทักษ์ตะเบ็งเสียงใส่เขา เอามือปาดน้ำตาแรงๆ แต่เลอะยิ่งกว่าเก่า ธรรมนูญควักผ้าเช็ดหน้าส่งให้เงียบๆ อีกฝ่ายสั่งน้ำมูกพรืด พูดเสียงอู้อี้ “ไม่ได้อยากร้อง แต่โดนกล่าวหาแบบนี้มัน... เสียใจ อาร์มพูดเหมือนไม่รู้จักเรา ไม่รู้ว่าเราเป็นคนยังไง เรื่องยา ถ้าคิดว่าตั้งใจใส่อะไรลงไปเพิ่ม กินให้ดูเลยก็ได้”

“จะบ้าหรือไง อยากตายเรอะ” ธรรมนูญเอ็ดอย่างลืมตัว ทักษ์ใช้ไม้นี้ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ยอมให้ทำหรือเปล่า

แต่ทำไมพูดว่าใส่ ‘เพิ่ม’?

... แสดงว่าอีกฝ่ายคิดว่าที่ทำตามปกติธรรมดาไม่เป็นอันตราย...

ทักษ์ชะงักค้างอย่างตกใจ “... ตาย? แล้วหัวหน้าเชฟ...”

ธรรมนูญมองคนตรงหน้า เหมือนทักษ์เข้าใจว่าข้อกล่าวหาเป็นเพียงตั้งใจแกล้งจิรัฐให้กินอะไรประหลาดจนอาจจะอาหารเป็นพิษคล้ายหัวหน้าเชฟคนเก่าที่ฉวยไปกินแทนเมื่อเช้า ดูจะไม่รู้เอาจริงๆ ว่าเรื่องราวร้ายแรงขนาดไหน

“หมอช่วยทัน... เกือบไปเหมือนกัน แต่ยานี่มันต้องได้ต่อเนื่อง”

ก่อนแยกกันภวิลบอกเรื่องนี้กับเขา ดีที่จิรัฐตัดสินใจหยุดงานไปหลายวันจนยาขาดช่วงไป ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องนอนโรงพยาบาลเหมือนหัวหน้าเชฟคนเก่า หรือไม่... ถ้าหมอหาสาเหตุไม่ทันการ ถ้าปริมาณพิษเข้มข้นเกินไป... ธรรมนูญสั่นศีรษะ ไล่ความนั้นออกไปเสีย

ทักษ์พึมพำหน้าเผือด “มีคนอยากทำร้ายคุณจีขนาดนั้น คุณจีไปทำอะไรให้ใคร... ยาเราก็ระวังตลอด”

“ก็เพราะรู้ว่ามันผ่านมือคนเดียวน่ะสิถึงได้คิด... ตอนหลังท่าทางแปลกๆ แล้วยังที่บอกถ้าทำอะไรอย่าโกรธอีก ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่เคยโกรธนอกจากมันต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ”

“เลยคิดว่าเราจะไปฆ่าคน” ทักษ์ต่อด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก

“ก็จะทำอะไรล่ะถึงบอกว่าอย่าโกรธ”

อีกฝ่ายนิ่งไปแล้วว่า “ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายผิดศีลธรรมก็แล้วกัน”

“แล้ว...” ธรรมนูญคิดถึงยาที่วางเงียบเชียบอยู่ในตู้

ทักษ์ทำยาจริง แต่ถ้าไม่ใช่เป็นคนวางยาจิรัฐ ก็แสดงว่า...

“เราทำตามสูตร ถ้าเป็นอย่างอื่นไปดูวัตถุดิบเอง แต่นี่เป็นยา เจ้าของสูตรเขาหามาให้ ส่วนขั้นตอนก็เหมือนกันกับตอนแรก เขาไม่ยอมให้เราจด บอกให้จำเอา”

“นี่ไม่ใช่...” ธรรมนูญเข้าใจมาตลอดว่าทักษ์ค้นคว้าจากตำราเก่า เพราะอีกฝ่ายก็ทำแบบนี้อยู่แล้วเมื่อจะหาแรงบันดาลใจให้สูตรอาหาร หาไปหามาคงเจอสูตรยานี้เข้า และจิรัฐก็เคยดีขึ้นจริงๆ แต่มาคิดดูแล้วเขาไม่เคยถามว่ามาจากไหน ทักษ์ก็ไม่เคยบอก

“แค่อยากให้อาร์มคิดว่าเราช่วยได้ เป็นประโยชน์ได้บ้าง ลุงชงก็บอกว่าไม่เป็นไรตามสบาย...” ทักษ์เงยหน้าขึ้น และเมื่อสบตากันธรรมนูญก็เห็นว่าอีกฝ่ายทั้งช็อคทั้งงงปนคาดไม่ถึง เหมือนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้เมื่อความจริงคืบคลานเข้ามา

ชงคมรู้เรื่องพืชพันธุ์ต้นไม้ดีที่สุด ย่อมต้องรู้ว่าแต่ละอย่างมีสรรพคุณหรือโทษอย่างไรด้วย ชงคมรู้ว่าทักษ์อยากได้ชื่อว่าช่วยเขา จึงทำเป็นยินยอมให้ใช้สูตรโดยเต็มใจ แต่เป็นคนกำกับส่วนผสมอยู่เบื้องหลัง

และถ้าไม่มีเรื่องนี้กับแค่สูตรมาจากไหนจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ และไม่มีเหตุผลที่ทักษ์จะไม่เชื่อชงคม เพราะย่อมไม่มีใครคิดว่าคนเก่าคนแก่ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากับพ่อของจิรัฐ คนที่จิรัฐเองก็นับถือเสมือนญาติผู้ใหญ่ ชงคมที่เก็บเนื้อเก็บตัว ดูซื่อสัตย์และภักดีจะปองร้ายลูกชายเพื่อนตัวเองได้

ธรรมนูญวิ่งออกไปข้างนอกมีทักษ์ตามมาติดๆ ถึงจะคิดไม่ออกว่าหัวหน้าคนสวนทำแบบนี้ทำไม แต่ตอนนี้ต้องหาตัวชงคมให้พบ จากที่ภวิลบอกเรื่องวางยาไม่ได้เกิดขึ้นปุบปับ แต่เป็นมาระยะหนึ่งแล้ว เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่ที่จิรัฐกินยาถ้วยแรกเลยหรือเปล่า พิสูจน์ไม่ได้ว่าปริมาณยาที่เข้มข้นพอจนก่อให้เกิดเป็นพิษขึ้นนั้นเริ่มเมื่อไร แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องนี้ต้องมีการวางแผนมาก่อน 

ไม่ใช่การทำร้ายอย่างหุนหันพลันแล่น แต่คำนวณไว้แล้วอย่างใจเย็น...

ชงคมไม่ใช้มือถือ เรื่องติดต่อนัดให้มาโดยระวังไม่ให้หัวหน้าคนสวนสงสัยก่อนว่ามีคนรู้ระแคะระคายแล้วเป็นอันตกไป เขาพยายามมองหา ไม่กล้าร้อนรนถามพนักงานทุกคนที่เจอเพราะกลัวว่าเรื่องจะถึงหูชงคมและอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงความผิดปกติ

ธรรมนูญยืนละล้าละลัง เกือบโทรศัพท์หาตำรวจ แต่จะว่าไปเรื่องนี้มีหลักฐานแค่แวดล้อม และเหลือยาที่ทักษ์ทำไว้ถ้วยสุดท้ายถ้วยเดียว ในเมื่อชงคมไม่เคยให้ทักษ์จด และคงแทบไม่มีใครรู้ว่าทักษ์ได้สูตรและส่วนผสมมาจากชงคม ทั้งหมดนี้เพียงแต่พิสูจน์ได้ว่าจิรัฐถูกมุ่งร้าย แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นชงคม อันที่จริงทุกอย่างจะมัดตัวทักษ์ต่างหาก

เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องจัดการ แต่ต้องให้รอบคอบรัดกุม เขาถอนใจเมื่อคิดว่ารุ่นน้องคงเสียใจหนักถ้ารู้ว่าใครเป็นคนตั้งใจทำร้ายตัว
 
“เรื่องคุณหญิงบัว... ยายทวดคุณจี ลุงชงบอกว่าใครๆ ก็รู้... แต่เขาไม่พูดกัน ยิ่งอาร์มนี้ยิ่งรู้ดี เราไม่ได้พูดกับใคร แค่บอกอาร์ม”

ธรรมนูญเม้มปากด้วยความหนักใจ ชงคมรู้นิสัยพ่อครัวว่าถ้าเป็นคนนับถือกันแล้วก็เชื่อไม่ระแวง และยังรู้ว่ามีอะไรทักษ์จะคุยกับเขาก่อน ชงคมคงอยากให้ถึงหูจิรัฐ เพราะเห็นว่าเขาสนิทกับรุ่นน้อง แต่คาดผิดเพราะเขาตัดสินใจไม่บอก

ถ้าไม่ได้ยินจากเขา จิรัฐอาจได้ยินจากคนอื่น แต่เรื่องนี้ชงคมก็คาดผิดอีกเหมือนกันเพราะทักษ์บอกเขาแค่คนเดียว ไม่รู้ว่าเพราะเห็นทักษ์ดูเป็นคนร่าเริงช่างคุย เลยน่าจะชอบพูดเรื่องคนอื่นสนุกปากด้วยหรือเปล่าถึงหวังจะยืมมือพ่อครัวช่วยกระจายข่าว ถ้าพนักงานระแวงแคลงใจคนที่ได้รับผลกระทบก็คือจิรัฐอีก แต่ในกรณีนี้กลายเป็นตอนแรกเขานึกว่าทักษ์เป็นคนสร้างเรื่องเสียเอง
จะอย่างไรก็ตาม แผนยังดำเนินไปได้อยู่เพราะจิรัฐมาได้ยินเข้าพอดี

เขาขนลุกเมื่อคิดว่าแผนนี้เกือบประสบความสำเร็จ จากที่ภวิลบอกยานี้ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางประสาทด้วย ถ้ายังได้ยาต่อไปไม่ช้าไม่นานจิรัฐคงคิดว่าตัวเองบ้าตามคุณยายทวด และเมื่อนั้น... ก็ไม่ต้องยืมมือใครกระจายข่าวอีกแล้ว เพราะข่าวลือจะกลายเป็นเรื่องจริง พร้อมกับสุขภาพร่างกายที่ถดถอยลงพร้อมกัน

ทักษ์ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้แล้วออกวิ่งไปทางท่าน้ำ คราวนี้ธรรมนูญเป็นฝ่ายวิ่งตาม เขาดูเรื่องบุคคลด้วยแท้ๆ แต่กลับไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ ตามปกติก่อนขึ้นเรือกลับออกไปฝั่งตรงข้ามจะมีใบเซ็นชื่อพนักงานอยู่ ชงคมคงไม่ทำอะไรให้เป็นที่ผิดสังเกตโดยไม่ยอมเซ็นชื่อออก เขาคิดว่าอาจต้องตามไปถึงบ้าน

เป็นอย่างที่คาด ชงคมออกจากบ้านพระยาไปแล้ว ธรรมนูญกดโทรศัพท์หาภวิล

... เขาสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก


“คุณจียังนอนอยู่เลยค่ะ...”

“ไปดู” ภวิลพูดสั้นทั้งใจร้อนเป็นไฟ เขาเร่งความเร็วแซงคันข้างหน้า ไม่เคยรู้สึกว่าเมืองนนท์ไกลขนาดนี้มาก่อน

เด็กสาวหายไปสักพักจึงกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ไม่... ไม่อยู่ในห้องค่ะ ในบ้านก็ไม่มี มืดขนาดนี้ไม่น่าลงไปเดินในสวนแล้ว หรือว่าออกไปข้างนอกอีก... แต่หนูไม่เห็นเลยนะคะ”

ภวิลกำพวงมาลัยแน่น เขาเคยเชื่อว่าตัวเองจะหาจิรัฐเจอไม่ว่าที่ไหน ตอนนี้... แม้มืดแปดด้านเขาก็ปฎิเสธที่จะเลิกหวัง

“คุณผู้หญิงกลับมาแล้ว ทำยังไงดีคะคุณ” ปลายสายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ภวิลเองก็รู้ว่าอาการของคุณบุณฑริกยังต้องระวังกันอยู่ ความเครียดความกังวลย่อมทำให้แย่ลงอีกได้ เขาพูด

“เรียนท่านว่าเขาอยู่กับผม” ในใจบอกตัวเอง ต้องทำให้เป็นอย่างนั้นให้ได้

“ค่ะคุณภวิล” อีกฝั่งรับคำอย่างโล่งอกขึ้น ราวเข้าใจว่าจิรัฐออกมาจะเจอเขา แต่คลาดกันเฉยๆ

... ถ้าใช่คงดี...

ภวิลเลี้ยวไปอีกทาง ในที่สุดคุณรงรองก็บอกชื่อเจ้าของบ้านกับเขา และถ้าเดาไม่ผิดความเกี่ยวข้องกันกับเรื่องนี้...

โทรศัพท์ดังขึ้นอีกแทบจะทันที ธรรมนูญละล่ำละลักมาด้วยความร้อนใจ บอกในสิ่งคล้ายคลึงกับที่เขาคิดไว้ เพียงแต่ตอนแรกภวิลยังนึกว่าทักษ์ร่วมมือกับชงคมด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ธรรมนูญยืนยันว่าอีกฝ่ายถูกใช้โดยไม่รู้เรื่องราว

ไม่ว่าอย่างไรชงคมก็อยู่เบื้องหลัง จะด้วยความวิปริตบิดเบี้ยวอะไรในจิตใจมนุษย์ภวิลก็เหลือจะเดา มันไม่สำคัญเท่าการหาตัวจิรัฐให้เจอ แม้เขาจะรู้สึกว่ามีชิ้นส่วนหนึ่งในปริศนานี้ที่ยังไม่ลงรอย...

บ้านเก่าที่ยูติดใจเป็นของชงคมก็จริง แต่เรื่องเจ้าของบ้านเดิมที่ชื่อบัว คุณยายทวดของจิรัฐมาเกี่ยวพันอย่างไรกันแน่

“ผมจะพยายามหาตัวทางนี้ต่อ คุณไปดูจี...”

ภวิลเล่าทุกอย่างคร่าวๆ ธรรมนูญนิ่งไปอย่างตกใจแต่ก็รับปากว่าจะทำตาม โทรศัพท์ดังขึ้นอีก

ภวิลเหยียบคันเร่ง ถ้าพ่อขืนยังใช้โทรศัพท์เบอร์ส่วนตัวเขามาเรียกกลับไปทำงานอีกละก็...

เขาชะงักค้างเมื่อได้ยินเสียงปลายสาย ก้องสะท้อนบางช่วงก็ขาดหาย เพราะคนโทรย่อมยกมาคุยเปิดเผยไม่ได้ จิรัฐคงพยายามถ่วงเวลาเอาไว้ และกดโทรหาเขาโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ เขาไม่อาจเห็นกับตาตอนนี้ได้ว่าจิรัฐเป็นอย่างไรบ้าง ได้แต่ทุ่มสมาธิจับใจความบทสนทนาจนรู้ว่าอยู่ที่ไหน

เป็นที่เดียวกับที่เขาคิดไว้ตั้งแต่ต้น

ถึงจิรัฐจะไปกับชงคมโดยไม่ขัดขืนในตอนแรกก็ไม่แปลก เพราะอันที่จริงแล้วเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนมุ่งร้ายอยู่ ไม่รู้ว่ายาที่กินเป็นประจำเป็นสาเหตุ ยิ่งไม่ระแวงหัวหน้าคนสวนที่รู้จักคุ้นเคยกันมาแต่เล็กแต่น้อย ภวิลได้แต่ก่นด่าตัวเองที่ไม่เฉลียวใจให้เร็วกว่านี้

รถพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า ถึงกรอกเสียงลงไปไม่ได้แต่แต่ภวิลภาวนาจากส่วนลึกสุดของหัวใจ

.... อีกนิดเดียว... รอก่อน!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 09-08-2012 17:40:40

คุณ fay 13 ขอบคุณมากค่า ขอโทษด้วยน้าคราวนี้รอนาน

คุณ bun ตัวการนั่นแหละไปหาจีที่บ้าน 55 ตอนนี้ก็ตกอยู่ในอันตรายยย

คุณ bulldog17 ม่ะ อ่านต่อๆ

คุณ iforgive ทักษ์โดนพี่อาร์มซักอยู่ยังไม่ได้ไปไหน เกี่ยวกันค่ะเกี่ยวกันหมด บทหน้าน้า

คุณ Pupay ขอบคุณที่คิดถึงกันน้า ฮีกำลังบึ่งไปช่วยแล้ว มีแต่เรื่องจริงๆ แหละ เออ เสร็จงานรับน้องแล้วเปล่าผ่านไปพักนึงแล้ว แหะๆ

คุณ PetitDragon 55 ขอบคุณมากนะคะ

คุณ mild-dy ขอบคุณค่ะ

คุณ yeyong ม่ะลุ้นต่อ ถึงบทหน้า 55

คุณ gohong ทริกประมาณนี้เลย บ้านก็ของลุง แต่มันไม่เท่านั้นสิ ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจนะคะ

คุณ sukie_moo ทุกคนมุ่งเป้าไปที่ลุงคนสวน จริงค่ะเพราะทางนี้ทางถนัดเลย แต่ใช้ไปวางยาคนอื่นมันก็นะ

คุณ @Iriz ทักษ์บริสุทธิ์ค่ะ ความจริงเรื่องนี้คนที่มีลับลมคมนัยมีคนเดียว และเก็บไว้ได้ลึกดีด้วย ขอบคุณมากๆๆๆ สำหรับกำลังใจและการดันน้า

คุณ four4 ขอบคุณค่ะ อย่าลืมมาอ่านต่อน้า

คุณ silverphoenix บางทีเรื่องนี้มันก็แสดงออกกันแบบห้ามไม่ได้ 555

คุณ pattybluet อ่านตอนนี้อาจจะสงสารทักษ์ได้ เหอๆ ความสงสัยก็ถูกเสียด้วย คุณพระเอกแกปากหนักบวกไม่มีเวลาทำความเข้าใจความรู้สึกตัวเองค่ะ รอแป๊บนึง เหะๆ ขอบคุณมากนะคะ

คุณ malula ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวทักษ์ค่ะ เหตุจูงใจบทหน้าน้า เปล่ากั๊กน้า แค่ตามโครงเรื่อง อิอิ

คุณ cavalli มา อ่านต่อดีกว่า

คุณ luckyzaaa ไปแล้วแต่ไม่ทัน ตอนนี้กำลังบึ่งตามไป ท่านคงสมหวังแล้ว ไม่ใช่ทักษ์จริง 55 ความจริงทักษ์เป็นคนดีนะ

คุณ berlyn ใช่ป่ะล่ะ แต่แกก็แบบรู้ตัวบ้างไม่รู้บ้าง ถูกแล้วเป็นลุงจริงด้วยยย

คุณ GAZESL ความจริงใกล้เปิดเผยแล้ว และเผยตอนนี้ก่อนว่าใครทำ จีเป็นนายเอกนิยายแนวนี้จะลำบากหน่อยเกิดเรื่องตลอดเวลา 555

คุณ tsuyu มาแล้วนะค้า ขอบคุณที่อ่านค่ะ

คุณ mentholss ขอบคุณค่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ประเด็นคือ คนเขียนป่วย แต่ไม่สามารถหยุดทำงานได้ จึงไม่หายซักที หมดแรง กว่าจะฟื้นมาเขียนต่อได้ก็นะ... ล่วงเข้าเดือนใหม่ ต้องขอบคุณทุกคนมากๆๆๆ ค่ะที่ยังอ่านกันอยู่ อย่าเพิ่งไปไหนน้า เราเข้าโค้งสุดท้ายของสุดท้ายแล้ว

เคลียร์ความบริสุทธิ์ทักษ์หลังจากโดนปรักปรำกันไป (และในที่สุดจีก็ได้ใช้เบอร์นี้ซะที เอิ๊ก) ผู้ที่เดาว่าเป็นลุงคนสวน ถูกต้อง ว่าแต่ มีใครรู้เห็นด้วยอีกเปล่า บทหน้าเฉลยตู้มถึงเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล 555

ขอบคุณคนอ่านมากค่า
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 13] 2 ก.ค. 55 หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 09-08-2012 17:42:38
 :z13: แรงๆ กอดๆ  :กอด1:

------------------------
อ้ายยยย ค้างอ่า พี่วินไปช่วยน้องให้ได้นะ  :sad4:
ลุงชมนี่เหนือความคาดหมายมากๆ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าทักษ์ไม่น่าใช่คนร้าย
อะไรจะเป็นเหตุจูงใจเนี่ย ลุ้นนน  :serius2: เรื่องคุณย่าทวดของจีหรือป่าวน้า

ปล. รับน้องเสร็จก็งานงอกหลายต่อค่ะ เข้าแปปๆ ส่วนใหญ่ออนในโทรศัพท์ ช่วงนี้สอบก็ไม่ค่อยเจียมซะด้วย  :laugh:

 :pig4: นะคะ รอตอนเฉลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-08-2012 18:02:01
ชงคม + รงรอง  และอาจมีคนอื่นอีก   คิดว่าเป็นเรื่องเก่าแก่แน่เลย
แก้แค้นแบบรุ่นต่อรุ่น  อารมณ์ประมาณ ประหารชีวิต 7 ชั่วโครตแบบนั้น
แต่เพราะอะไรกันแน่  เดาไม่ออกอ่ะ 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-08-2012 18:36:42
ตื่นเต้น เครียด
แม่ยูใช้ลุงชงคมมาแก้แค้นจีที่ทำให้ยูตาย เดาล้วน ๆ อิอิ
ดีใจที่ทักษ์ไม่ใช่ผู้ร้าย
ด้วยแรงแห่งรักพี่วินต้องช่วยน้องจีทัน สาธุ

คนเขียนหายเร็ว ๆ นะ take care
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-08-2012 18:58:23
เหมือนอ่านโคนันเลย

ซับซ้อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Morethan ที่ 09-08-2012 19:26:51
ถึงจะมาช้ากว่าเดิมไปนิดก็ดีกว่าไม่มาค่ะ 55555
ขอบคุณนะคะที่มาอัพต่อให้ได้อ่าน :D

อยากบอกว่ามันลึกลับซ่อนเงื่อนมาก
 
รู้สึกแบบทุกบรรทัดเลยจริงๆ พยายามอ่านช้าๆ เพราะไม่อยากให้จบไวเพราะเปิดเผยออกมาว่าเป็นลุงคนสวนก็รู้สึกดีใจ (ทักษ์พ้นข้อกล่าวหา) 555 แล้วก็ทำให้นึกถึงตอนนึงสักตอน ที่วันนั้นจัดงาน แล้วที่ว่าพี่วินเห็นแม่ของยูคุยกับลุงคนสวน จะว่าไปมันก็บอกเป็นนัยๆ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วรึเปล่าหว่า(?)

ถึงจะแปลกใจแต่ก็ไม่ติดใจอะไรในตอนนั้น >w< แอร๊ยๆ กับฉากแลกเบอร์(?)ของพี่วินกับจีมากกว่า ใกล้จบแล้วสินะ.... ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากให้พี่วินกับจีหวานกันสักหน่อย  :กอด1: (ปกติไม่ค่อยรู้สึกอย่างงี้กับนิยายเรื่องไหนนะ ฮา)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-08-2012 19:44:07
อ่านไปใจเต้นตึกตักไป ลุ้นจนเหนื่อย
เขียนได้เร้าใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 09-08-2012 19:46:05
ลุ้นอ่ะ อยากอ่านบทต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 09-08-2012 20:36:40
ลุงชมมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำร้ายจี? หรือว่ามีความขัดแย้งมาตั้งแต่รุ่พ่อ แต่ทำอะไรตอนนั้นไม่ได้เลยมาลงที่ลูกแทน
แล้วคุณเดหลียังบอกว่ามีคนสมรู้ร่วมคิดอีก โอ๊ย นึกไม่ออกเลยจ้าว่าเป็นใคร แต่ถ้าให้เดา เอาแบบหักมุมนะ อาจจะเป็นคุณย่าภวิลที่มีส่วนรู้เห็นด้วย(เดาล้วนๆ 555)
เรื่องนี้ยังคงกลิ่นอายความลึกลับ ซับซ้อนเอาไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เลย ขอชมคุณเดหลีที่แต่งเก่งมากๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-08-2012 21:29:44
หวา...ลุงชมเองหรือนี่???

เดาไม่ออกเลย o22

ปล.ขอให้หายป่วยไวไวนะ :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 09-08-2012 22:03:30
ซับซ้อนมากๆ

นึกไม่ถึงเลยจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-08-2012 22:40:09
 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 09-08-2012 22:48:06
กรี๊ดดดดด แทบไม่เชื่อสายตาว่าจะเจอตอนใหม่ กะแค่แวะมาดูเฉยๆ
ทักษ์ไม่ใช่คนร้ายจริงๆ ด้วย ดีใจเป็นที่สุด ชอบตอนทักษ์ร้องไห้มากเลย มันดูน่าเอ็นดูดี อิ อิ (โรคจิต)
กอดคนเขียน  :man1: หายป่วยเร็วๆ นะค้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-08-2012 09:16:53
อ๋อย.... คุณผู้แต่ง รวมเล่มเถอะครับ นี่มันนิยายชั้นยอดเลยนา.... ลุ้นมาก กับตอนนี้....สุดยอด!!!!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 10-08-2012 10:25:33
อ่านยังลุ้นตามเลยอะ :L2: :L2: :L2:

รออ่านจ้า :call: :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 11-08-2012 00:27:27
ลุงชงทำไปทำไมอ่า? แล้วจะเกี่ยวกับเรื่องของยูมั้ยเนี่ย ชักจะคิดมาก 55 ลุ้นๆๆ ต่อไป
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-08-2012 19:23:44
แล้วทำไมลุงชงคมถึงทำกับจีอย่างนี้ละ
หรือว่าแอบชอบคุณยายบัว แต่ไม่สมหวังก็เลยโกรธ
แล้วมาทำกับจีแทน และจับจีไปขังไว้ที่บ้านล้างใช่ไหม
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 14-08-2012 00:40:00
โอยย อ่านตอนนี้แล้วลุ้นสุดๆ ตื่นเต้น 55
ดีใจที่ทักษ์ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย แต่สงสารทักษ์อ่ะ คงเสียใจน่าดูที่ถูกอาร์มเข้าใจผิดแบบนี้
ว่าแต่ลุงชมแค้นอะไรจีนักหนาคะเนี่ย ถึงได้ทำกันขนาดนี้ .. พี่วิลรีบตามไปช่วยน้องให้ทันนะ
ปล.ถ้ารวมเล่ม เราซื้อเก็บแน่นอนค่า ><
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-08-2012 13:07:41
หายไวๆนะครับ เป็นห่วง

ว่าแต่ตอนนี้  ลุ้นได้ใจเลยครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: chartbook ที่ 15-08-2012 00:39:06
พี่วิลไปช่วยน้องจีให้ได้นะ ปลื้มทั้งคู่ ถ้ารวมเล่มขอจองด้วยคนนะคะ ชอบเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-08-2012 01:34:33
แหะๆ  แอบงงนิดๆตอนสลับบทไปมา  เปลี่ยนสีสักนิดก็ดีนะคะ  อิอิ

น้องจิตกอยู่ในอันตรายอยุหรือเปล่านิ
รีบๆไปช่วยนะคุณพี่
คนอ่านลุ้นอยู่  สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 16-08-2012 10:38:18
อ่านจนจบรวดเดียวเลยชอบมากๆๆ สนุกมีปนให้ลุ้นให้ตามอ่านชอบนิยายแบบนี้นะมีเนื้อเรื่องน่าติดตามตัวละครมีเหตุผลและที่สำคัญสำนวนภาษาที่เขียนขอบอก

ว่าดีมากในความคิดเราชอบนิยายภาษาสวยคืออ่านแล้วเหมือนเราอ่านนิยายจริงที่ไม่ใช่มีพระเอกนายเอกออกมาแล้วก็ไม่มีอะไรเลยมีแต่ได้กันอย่างเดียว

คือยังไงดีล่ะไม่ใช่ว่าเราไม่ลุ้นนะทีี่จะเห็นทั้งสองคนมีพัฒนาการมากกว่านี้และไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะฉากnc ชอบแต่อยากให้มันมีเรื่องราว

ไม่ใช่เอะอะลากขึ้นเตียง เรื่องนี้เราชอบเพราะมีเรื่องราวให้ตัวละครได้เดินมารู้จักกันแล้วก็ทำให้เราลุ้นนะว่าแล้วจะเดินต่อไปแบบไหน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอื่นๆที่เข้ามาเป็นปมให้เราตื่นเต้นว่าใครทำอะไรแล้วแล้วจะเฉลยเหมือนที่เราคิดไว้รึเปล่า

ยาวไปไหมแต่ก็อยากบอกคนเขียนเนอะว่าเรารู้สึกยังไง5555 นานๆจะเจอนิยายถูกใจเรา

รอตอนต่อไปอยู่นะคะแล้วก็ตอนนี้ติดนิยายเรื่องนี้แล้วแน่ๆ เดี๋ยวอ่านใหม่อีกรอบรอตอนหน้าดีกว่า

อย่าทิ้งกันไปไหนนะคะ ฝากกำลังใจให้คนเขียนแล้วกันนะจะได้มีแรงสร้างผลงานดีๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ :L2: :L2:


ปล.เราไม่ได้หวังผลอะไรนะแค่คิดว่าจะมีนิยายจากคนเขียนให้อ่านต่อไปและอีกหลายๆเรื่องเท่านั้นเอง55555 o13


หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: sundaysundae ที่ 02-09-2012 18:51:28
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ลุ้นมากๆ สงสัยลุงชงแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: caramel toffee ที่ 03-09-2012 23:04:08
ได้มาอ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุด ชอบมากๆเลยค่ะ 
ที่จริงคำว่าชอบก็ยังไม่พอ ต้องบอกว่าหลงรักเลยต่างหาก
ทั้งสำนวนภาษาที่ดีมากๆ แล้วยังเนื้อเรื่องที่เน้นปมให้ชวนติดตาม โดยมีเรื่องความรักของตัวเอกให้ลุ้นไปควบคู่กัน
เหมือนไม่ได้อ่านนิยายวาย แต่มันก็เป็นนิยายวายน่ะค่ะ งงมั้ย คือมันให้ความรู้สึกเหมือนหยิบนิยาย Thriller ที่อยู่ใน shelf ปกติขึ้นมาอ่าน แล้วพบว่ามันสนุกมากแถมยังเจอแจ๊คพอตว่าเรื่องนี้ไม่มีนางเอก แต่เป็นพระเอกกับพระเอก เลยได้กรี๊ดถูกใจเป็นสองเท่าอะไรประมาณนี้ หานิยายวายไทยๆ แบบนี้มานานจริงๆค่ะ ตั้งแต่เข้าโหมดวายมา เคยเจอนิยายแบบนี้ก็แต่ที่เป็น gay romance ของทางฝั่งตะวันตกแค่ไม่กี่เรื่อง ดีใจจริงๆที่ได้มาอ่านเรื่องนี้

ว่ากันถึงเนื้อเรื่องบ้าง ขออวดว่าเราก็ทายถูกนะว่าทักษ์ไม่ใช่คนร้าย แล้วคนร้ายก็น่าจะเป็นลุงคนสวน แต่จะด้วยเหตุอันใด แล้วมันจะต่อเนื่องกับเรื่องของยูรึเปล่าหนอ พอมีคุณอาหญิงเข้ามาเกี่ยวเลยแอบมีจิตอกุศลคิดเดาไปว่าอาจมี love affair เกิดขึ้นในรุ่นพ่อแม่ หวังว่าคนเขียนจะไม่เคืองนะคะ ตอนนี้ลุ้นสุดๆ เลย อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาด

ขอปักหลักนั่งรออยู่แถวนี้นะค๊า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 06-09-2012 00:05:55
ไม่อยากจะบอกว่าประทับใจตั้งแต่ต้นเรื่องเลย นั่งอ่านมายาวมาก
ชอบสำนวน การผูกปม อ่านแล้วคิดตามทุกตอนเลย สงสัยไปทุกตรง
เกิดอะไรขึ้นกับคนรุ่นก่อน นี่ก็เป็นสิ่งที่สงสัยอยู่ข้างในลึกๆ
โดยส่วนตัวแล้วชอบคนมีเหตุผลแบบภวิลมากๆ เลยค่ะ
ตอนแรกเหมือนจะมาข่มๆ เพราะยูอยู่กับจีเป็นคนสุดท้ายก่อนตาย
แต่พอรู้ความจริงแล้วก็เปลี่ยนไป ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลมากๆ
โดยรวมแล้วชอบทุกคนในเรื่องเลย ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งลุงชม
ที่เหมือนจะเป็นตัวร้าย เราว่าตัวละครตัวนี้มันกลมดีค่ะ
มีทั้งด้านดีด้านร้าย วางแผนมาทุกอย่างโดยรอบครอบ ซึ่งมีจริงๆ ในปัจจุบัน
อยากจะพิมคำว่าชอบบบบบบบบบบบบ จนเต็มหน้าเลยจริงๆ
เพราะชอบมาก!!!

ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ : )
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ✿PIERRE ที่ 06-09-2012 14:08:45
 o13 o13

สุดยอดค่ะ วางแผนการดำเนินเรื่องได้ดีมากกก ชอบบบบบบ
หลงรักจีกับภวิล

มาต่อนะคะ หายไป1เดือนก็ยังรอได้คะ

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมาให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 07-09-2012 02:47:57
รอ รอ รอ จะครบเดือนแล้วว วว  :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-09-2012 08:43:05
มารอ...คิดถึง....มาก....
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: different ที่ 08-09-2012 00:17:33
อ๊ากกกก ค้างขนาดหนัก
โอ๊ยย กระเพาะกำเริบเหมือนกัน
เครียดตามนิยาย อิินนนน >///<
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 14] 9 ส.ค. 55 หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-09-2012 22:53:01
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน แต่ดูท่าว่าใกล้จะจบแล้ว

ชอบมากค่ะ ชอบสไตล์การเล่าเรื่อง คาแร็กเตอร์ตัวละคร ชอบหมดเลยค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ คนเขียนสู้ๆ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 10-09-2012 07:14:39
บทที่ 15

บ้านเก่าทึบทะมึน ทาบตัดกับฟ้าดำมืดราวถูกชโลมด้วยน้ำหมึก

ภวิลจอดรถไว้ปากทาง พยายามเข้าใกล้ตัวบ้านอย่างเงียบที่สุด ประตูหน้าต่างปิดสนิทเหมือนเดิมก็จริง แต่ยังอดรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตาทุกฝีก้าวไม่ได้ ถึงคืนนี้ไม่มีจันทร์ ก็ไม่แน่ว่าข้างในจะมองลอดออกมาไม่เห็น

ประสาทเขม็งตึงจนเครียดไปหมด แต่ภวิลปฏิเสธจะใช้คำว่ากลัว แม้จะไม่ได้กลัวเพื่อตัวเองก็ตาม

ใจเขามุ่งอยู่ที่คนคนเดียว...

แล้วต้องชะงักเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในบ้าน 

"มาแล้วก็เชิญ"

เสียงนั้นสงบ แต่เป็นความสงบที่น่าขนลุก พอใกล้ถึงบ้านโทรศัพท์ถูกตัดไปทำให้เขาใจไม่ดี ตอนนี้ก็รู้แล้ว... เสียเปรียบ แต่มาถึงขั้นนี้ ต่อให้เป็นถ้ำเสือวังมังกรภวิลก็ยังคงเดินเข้าไป

เขาผลักประตู บานไม้เก่าส่งเสียงประท้วงก่อนจะเปิดออกช้าๆ ในบ้านมืดกว่าภายนอก จนมองอะไรไม่เห็นไปครู่ระหว่างพยายามปรับสายตาให้คุ้นชิน

ประกายไฟสว่างวาบ ก่อนตะเกียงจะค่อยๆ ลุกเรืองขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือปากกระบอกปืนดำมะเมื่อมสะท้อนแสงวูบไหวราวเงาพราย ตัวคนถือยังคงอยู่ในความมืด ภวิลขยับตัวอย่างระวัง มือสองข้างว่างเปล่า... อีกฝ่ายควรรู้ว่าเขาปราศจากอาวุธ เพราะเรื่องคงเลวร้ายหากหัวหน้าคนสวนตัดสินใจยิงเสียให้สิ้นเรื่องก่อนเขาจะทันช่วยหรือเห็นด้วยซ้ำว่าจิรัฐเป็นอย่างไรบ้าง

ปกติแล้ว คนถูกจ้องด้วยปืนคงยากจะละไปมองอย่างอื่นได้ เพียงแต่ภวิลมีสิ่งอื่นในใจที่สำคัญกว่านั้น แสงสว่างจากตะเกียงจำกัดนัก เขาพยายามเพ่งสายตาไปรอบๆ ก่อนชะงัก ใจหล่นวูบ

ซากโทรศัพท์ของจิรัฐ แตกกระจายอยู่กับพื้น

... คนเล่า

เสียงครางเบาจากมุมห้องดังขึ้นราวจะตอบคำถามเขา เท่านั้นภวิลก็ลืมสิ้นถึงปากกระบอกปืนที่หันตรงมา ปราดรวดเดียวถึงตัว ประคองร่างสั่นสะท้านไว้ในอ้อมแขน พยายามเรียกชื่อด้วยอีกฝ่ายเหมือนเหลือสติอยู่น้อยเต็มที ใจระลึกขึ้นรางเลือนว่าเคยทำอย่างนี้มาแล้ว เพียงแต่คราวนี้... ไม่ใช่ฝันร้ายที่เขาพอจะปัดเป่าได้ด้วยการปลุกให้ตื่นเท่านั้น

ปลายนิ้วเขาสัมผัสได้ถึงชีพจร และกุมไว้อย่างนั้น ... เบา... ไม่สม่ำเสมอ แต่ยังเต้นอยู่ ตอนนี้... เท่านี้ก็พอ

เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ ชงคมก้าวพ้นจากเงามืด แต่ตะเกียงยังวางไว้ที่เดิม ทำให้เงาร่างทอดยาวออกอย่างประหลาด ภวิลเงยหน้าขึ้น กระชากเสียง

“ทำอะไรเขา”

ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ จิรัฐมีแต่เหงื่อเย็นเยียบไหลซึม และภวิลก็เดาได้ในทันทีว่าต้องเป็นยา ตัวเดิม ตัวที่ทำร้ายอีกฝ่ายมาตลอด จะแปลกอะไรที่จิรัฐจะกินของจากคนที่ไว้ใจ คนที่คิดว่าเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

... เขาไม่ควรปล่อยให้คลาดสายตาเลย

"คิดจะรอดจากเรื่องนี้ไปได้หรือ ถ้า..." ภวิลข่มอารมณ์ ยั่วยุให้คนถือปืนโกรธก็เหมือนหาเรื่อง แม้ชงคมจะดูเหมือนอยากนั่งรอให้จิรัฐไปอย่างช้าๆ ด้วยยา แต่เขาไม่เอาชีวิตคนในอ้อมแขนไปเสี่ยงแน่ จึงพยายามพูดใหม่ “คิดดูดีๆ ถ้ายอมให้พาเขาออกไป พาไปโรงพยาบาล เรื่องนี้มันจะได้ไม่ต้องถึงกับ...”

ภวิลต้องหยุดเมื่อเสียงหัวเราะอย่างเดิมดังขึ้นอีก คนยืนอยู่ผินหน้าหันเข้าหาแสงไฟเล็กน้อย สะท้อนเอาประกายบางอย่างในแววตาออกมาให้เห็น และภวิลก็รู้ว่าเหตุผลตามปกติอาจจะใช้ไม่ได้

... เพราะเขาไม่ได้กำลังรับมืออยู่กับคนปกติ

ชงคมไม่ได้หวังจะรอดพ้นอีกแล้ว เมื่อทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด ขอเพียงบรรลุเป้าหมาย ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้คิดถึงตัวเองอีก
ปกติเวลาต่อรอง แต่ละฝั่งย่อมพยายามปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง แลกเปลี่ยนกันในสิ่งที่ต้องการ แต่นั่นก็ทำให้สามารถหาจุดร่วม เจรจาต่อไปได้

จะทำอย่างไรกับคนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวคือต้องการชีวิตของจิรัฐ

... ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่เขาไม่ยอมแลก

มุมตรงนี้ไกลประตูที่สุด ภวิลกวาดสายตารอบห้องด้วยเริ่มคุ้นกับความมืดขึ้นบ้าง และค้นพบด้วยใจดิ่งวูบว่ามีทางออกเดียว

... เอาตัวบังวิถีกระสุนไว้ พยายามพาจิรัฐพุ่งไปหาประตู ทั้งหมดนี้ภวิลคิดในเสี้ยววินาที และเห็นความเสี่ยงแล้วอย่างน้อยสองประการ หนึ่ง ไม่มีอะไรรับรองว่ากระสุนจะไม่ถูกที่สำคัญจนเขาเองเสียเลือดตายก่อนจะช่วยจิรัฐออกไปสำเร็จ สอง มีความเป็นไปได้ที่กระสุนจะโดนจิรัฐหรือไม่ชงคมก็ตัดสินใจจบเรื่องโดยยิงคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขานี้เสียเลย

การเข้าแย่งปืนแบบประชิดตัวก็มีปัญหาอย่างเดียวกัน แต่อาจคุ้มที่จะลอง แม้เขารู้ว่าจะประมาทเพียงเพราะอีกฝ่ายสูงวัยกว่าไม่ได้เลยสักนิดเดียว

ถ้าเขาหาวิธีล้มตะเกียงก่อนได้ บ้านมืด โอกาสยิงถูกจะ... น้อยลงมาก

เพียงแต่ตะเกียงอยู่ไกลเกินไป มันต้องมีช่องโหว่ ต้องมีจุดอ่อน ต้องมีอะไรสักอย่างที่เขาจะใช้ได้...

ชงคมเดินกลับไป ภวิลเห็นเสี้ยวหน้าที่ไฟตะเกียงส่องวูบหนึ่งก่อนจะลับหายเข้าในเงามืดเหมือนเดิม เขาชะงัก

... เพราะมันไม่ใช่สีหน้าของฆาตกรเลือดเย็นอย่างที่เขาพร้อมจะคิด สีหน้านั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความเกลียดชังหรือโกรธแค้นอย่างลุแก่โทสะ มีบ้าง... คงมีแน่ แต่ที่ท่วมท้นอยู่ ที่เขาเห็นอย่างชัดเจน คือความโศกเศร้าเสียใจ

... ชงคมเสียใจที่ ‘ต้อง’ ทำร้ายจิรัฐหรือ อาจจะไม่ อาจจะใช่ อาจด้วยเรื่องอื่น

โลภะ โมหะ โทสะ แรงอาฆาตพยาบาท เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมมานักต่อนัก มากเสียจนเราลืมไปว่ามีโอกาสเท่าเทียมกันที่ความเศร้าโศกถึงขีดสุดจะสามารถผลักดันให้มนุษย์ทำอะไรได้อย่างคาดไม่ถึง


จิรัฐพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างยากลำบาก ทุกอย่างดูหนักไปหมดราวถูกถ่วงไว้ด้วยตะกั่ว ยังไม่ถึงกับหมดสติสิ้นเชิง แต่ก็ใกล้เต็มที เขาพยายาม... เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม จากที่ถูกกึ่งๆ ลากเข้ามาโดยแทบไม่รู้ตัว และทิ้งไว้มุมห้องราวเป็นตุ๊กตาเก่าตัวหนึ่ง

เขายังพยายามจะทำความเข้าใจ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่ ในสมองที่มึนงง ในหน้าอกและช่องท้องที่ปั่นป่วน ยังรับรู้ได้ถึงมืออบอุ่นที่จับมือเขาเอาไว้ไม่ปล่อย และน้ำเสียงคุ้นเคยที่พร่ำเรียกชื่อ บอกให้เขาอดทนหน่อย... ทนอีกนิด นิดเดียวเท่านั้น

จิรัฐลืมตาขึ้นจนสำเร็จ และพบว่าภาพที่เห็นพร่ามัวไปหมด แต่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ดีใจจนอยากร้องไห้ เพราะท่ามกลางความสับสนทั้งหมด อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าภวิลคือเรื่องจริง

พลันรู้สึกว่าอ้อมแขนนั้นกระชับเข้ามาแน่น พร้อมกับที่อีกเสียงดังขึ้น

“อย่า... จะดีกว่า”

ลุงชงหรือ...

ภาพก่อนหน้านี้สลับเข้ามาแทนในความทรงจำ ชงคมไปหาเขาที่บ้าน ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ และคุยเรื่องงานด้วย เพราะเขาเองก็ไม่ได้เข้าไปหลายวัน ระหว่างนั้นคุณยายโทรมา จิรัฐบอกให้ท่านวางใจว่าตัวเองสบายดี พอวางหู ชงคมก็เปรยถึงบ้านเก่าหลังหนึ่งที่กำลังจะถูกรื้อถอนลง ยังเอารูปให้ดู ปรึกษาว่าจะอยากทำอะไรหรือไม่ ด้วยตัวเองก็เสียดายหากจะถูกรื้อทิ้งเพียงเพราะต้องการที่ดินเปล่า

ทันทีที่เห็นรูป จิรัฐก็แน่ใจว่าเป็นบ้านหลังเดียวกันกับที่กฤตวัตเคยปักใจพาไปดู ยังนึกว่าช่างบังเอิญจริง ชงคมมาหาเขาโดยเพียงแต่บอกว่าเป็นบ้านของคนรู้จักเท่านั้น จิรัฐนึกถึงเพื่อน และนึกถึงภวิล ถ้ารู้ตัวเจ้าของ จะได้ขอซื้อมาไว้เสีย อย่างไรก็ตั้งใจจะรื้ออยู่แล้ว

ชงคมบอกว่าเจ้าของบ้านจะกลับต่างจังหวัดในคืนนี้ จึงต้องรีบไปพบ เขาตามไปขึ้นรถที่จอดอยู่ในสวนข้างหลัง ขับไปได้สักพักชงคมก็ยื่นกระติกน้ำให้ เพราะทางไกล แต่พอดื่มได้ไม่ทันไรก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล อาการทุกอย่างที่เคยเป็น และหายไปแล้วทั้งหมดกลับมาในชั่วพริบตา เขาพยายามประคองสติกดโทรศัพท์หาภวิล และปล่อยให้สายค้างอยู่อย่างนั้น เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะรู้ จะมา...

ความทรงจำสุดท้ายคือรถจอดลงหน้าบ้านเก่านี้จริงๆ หลังจากนั้นเขาก็แทบไม่รู้อะไรอีก   

“ตื่นอีกแล้วหรือ ไม่ยอมนอนง่ายๆ เลยนะ คุณหนู...” ชายชราพูดเบาๆ อ่อนโยนเหมือนพูดกับเด็กเล็กๆ แต่พออยู่ผิดที่ผิดทางแบบนี้แล้วยิ่งทำให้รู้สึกถึงความไม่ปกติ “แต่ก่อนหลับ... ลุงจะเล่านิทานให้ฟัง”

และจิรัฐก็จำได้ ว่าเมื่อก่อนตอนยังเด็ก ชงคมเคยเรียกเขาอย่างนี้ ก่อนที่เขาจะโต ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็เป็น ‘คุณหนู’ ของลุงชงที่เล่าเรื่องต่างๆ นานาได้สนุกที่สุด

ภวิลใจชื้นขึ้นนิดหนึ่งที่จิรัฐดูจะได้สติพอสมควร เขายังไม่ละมือจากข้อมืออีกฝ่าย ในสมองคิด... ชงคมหลุดไปไกลแค่ไหน มีโอกาสใดบ้างที่จะพลิกสถานการณ์กลับมา ถ้าปล่อยให้พูดไปเรื่อยๆ จะเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้หาทางออกได้ หรือเพียงเป็นการพร่ำเพ้อของคนที่ไม่อยู่ในความเป็นจริงแล้วกันแน่

“ว่าแต่... ชื่อปรงนี่เพราะไหม ปรงน่ะที่แห้งก็ขึ้นได้ อยู่ไหนก็อยู่ได้ บางทีขึ้นตามหน้าผา สูงจนคนปีนไม่ถึง” ชายชราว่าไปเรื่อยๆ “ถ้ามีลูก จะให้ชื่อนี้ คุณหนูว่าดีไหม”

ภวิลเริ่มขยับเข้าไปหาประตูทีละนิด อีกมือก็ประคองจิรัฐไปด้วย ชงคมดูจะอยู่ในโลกของตัวเอง เขาหยุดเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา ภาวนาให้มองไม่ออกว่าระยะห่างกับประตูใกล้เข้ามาอีกหน่อยแล้ว

“แต่ลุงก็มีนี่นา... ลูก... ลูกชาย”

ภวิลเริ่มแน่ใจว่าชงคมน่าจะหลุดไปแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอันตรายน้อยลง ยิ่งไม่รู้ว่าให้จิรัฐกินอะไรเข้าไปบ้าง เขาแค่อยากพาออกไปให้พ้นจากเรื่องร้ายๆ เท่านั้น แต่ชายชราตวาดเสียงดัง

“หยุด! ไม่อย่างนั้นจะเป่าให้ดิ้นเสียทั้งคู่ ความจริงคุณหนูควรจะลาโลกไปด้วยปรง เมล็ด ผล ยอด ทั้งหมดน่ะแหละ เมื่อก่อนใช้ใบยี่โถตามเดิมก็เกือบจะได้ผลอยู่แล้ว แต่ปรง... ปรง... สมควรกว่าเยอะ”

ภวิลฟังไม่ค่อยได้ความ พร้อมจะจัดว่านี่เป็นการพล่ามของคนบ้า และไม่อยากให้จิรัฐได้ยินเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ ดูจากสีหน้าของคนที่เขาพยุงอยู่แล้วยิ่งไม่สบายใจ จิรัฐเป็นพวกมองคนในแง่ดีที่สุดก่อน ก็เหมือนยู...

แม้รู้ตัวขนาดโทรศัพท์หาเขา แต่อาจยังหวังว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่อยากคิดว่าลุงชงที่สนิทสนมมาแต่เล็กแต่น้อยจะถึงกับอยากให้ตัวเองตาย

“ลูก... เขาเกิดมาเหมือนจะพร้อม ญาติฝั่งแม่เขารวย แต่เขาไม่เคยได้รู้ว่าสิ่งที่ควรจะเป็นของเขาจริงๆ คืออะไร ทรัพย์สินเงินทองของฝั่งแม่เขาตั้งมากมาย เขาไม่เคยอยากได้หรอก แต่คนเป็นพ่อรู้ว่าเขาชอบอะไร อยากได้อะไรจริงๆ เรื่องนี้คนเป็นพี่ก็รู้ ใช่ไหม” เมื่อมองตรงมายังภวิล คนพูดไม่เหลือเค้าความเพ้อฝันอีก “ใช่ไหม พี่ชายของปรง”

ภวิลสูดลมหายใจลึก เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เรื่องนี้เขาไม่อยากซักอาหญิงให้ลำบากใจ เขาบอกว่ายูเสียที่นั่นทั้งที่จริงๆ น้องจากไปภายหลังเพื่อให้คุณอาบอกเรื่องเจ้าของบ้าน แต่ตอนนี้ก็รู้ชัดแล้ว คุณอารงรองกับ... เมื่อก่อน ความสัมพันธ์หนุ่มสาว อาจจะชั่วข้ามคืนเท่านั้น คุณรงรองตั้งครรภ์กับทางนี้ก่อนเลิกราไปคบกับคนใหม่แล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับสามี จนกลับมาพร้อมลูกเมื่อสามีเสียชีวิต

"ไม่ได้อยากจะทำอะไรพี่ชายที่ลูกรักนักหนาหรอกนะ อย่าบังคับให้ทำจะดีกว่า"

จิรัฐพยายามขยับตัวเงยหน้าขึ้น ภวิลพูดเบาๆ “ปรง... เขาหมายถึงยู”

“ตอนแม่เขาไปเมืองนอก ไม่รู้เลยว่ามีลูกติดท้องด้วย จนกลับมา เพราะสุดท้าย เขาก็อยากให้ลูกเขาใช้นามสกุลเจ้าสัว” หางเสียงชายชราขมขื่น “เจอกันเขายังว่า อย่าบอก...”

ภวิลจำได้ว่าเมื่อครั้งงานวันเกิดคุณย่า ตอนไปตามจิรัฐยังผ่านซุ้มชมนาด เห็นคุณอาหญิงอยู่กับชงคม บอกว่ามาถามหาห้องน้ำ ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร...

... แต่ทำไมชงคมถึงเข้าใจว่าจิรัฐเป็นสาเหตุที่ทำให้ยูไม่ได้บ้าน ในเมื่อถ้าชงคมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อยู่แล้วเรื่องก็ง่าย ความจริงชงคมไม่น่ารู้ว่ายูชอบบ้านหลังเก่านี้ด้วยซ้ำ หรือว่า...

ราวอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาคิดอะไร “ไม่ใช่ ไม่ใช่! ใครจะอยากยกบ้านสับปะรังเคนี่เป็นมรดกตกทอด ต้องบ้านริมน้ำเจ้าพระยาซิ”

ภวิลอยากจะคิดว่านี่ก็เป็นการนึกฝันเอาเองของคนไม่เต็ม แต่ท่าทางชายชราพูดด้วยสติแจ่มใสเกินกว่าจะเป็นการหลงหรือเพ้อคลั่ง เขารีบพูด ใจมาเมื่อรู้สึกว่าชีพจรในมือที่กุมอยู่เต้นสม่ำเสมอขึ้น และจิรัฐก็ไม่ได้ดูหายใจลำบากอย่างเมื่อครู่

“ยูไม่ได้มีสิทธิในบ้านพระยา ถึงเอาเงินมาจะเพิ่มทุนด้วยตอนแรกก็ไม่ได้ทำให้เป็นเจ้าของ เรื่องนี้เขาเองก็รู้ดี เขา...”

“นี่ไง ผิด ผิดแล้ว...” ชงคมสั่นหัว “ทำไมทุกคนคิดอย่างนี้”

“จิรัฐเป็นเพื่อนยู... ปรง” ภวิลพยายามหาทางใหม่ “เขาไม่อยากให้เพื่อนเป็นอะไรแน่ ถ้าเป็น ก็ต้องอยากให้ไปโรงพยาบาล เพราะเพื่อนคนนี้เขารั...”
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 10-09-2012 07:17:09
บทที่ 15 (ต่อ)

“ฟังนิทานก่อนนอนนะ คุณหนู” ชงคมหันไปพูดกับจิรัฐ คล้ายไม่ได้ฟังเอาเลย ดูเหมือนจะเลิกสนใจเขาแต่เพียงนั้น

ถ้าชงคมเป็นพ่อโดยกำเนิดของยู บอกว่าที่จริงแล้วบ้านพระยาเป็นของลูกชาย แสดงว่าตัวชงคมเองก็ต้อง...

ภวิลเหลือบมองประตูอีก ถึงอาการจิรัฐจะดูคงที่แต่เขาวางใจไม่ได้ สิ่งสำคัญตอนนี้คือพาอีกฝ่ายไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง แต่เสียงปืนที่ดังลั่นเฉียดใกล้ทำเอาชะงักค้างไปครู่

“ครั้งหน้ามันจะเข้าไปอยู่ในสมองแทน!”

“อย่ายิง...” จิรัฐบอกเบาๆ “ผมไม่ไปไหนหรอก อย่ายิงพี่ของลูกลุงเลย”

ภวิลก้มมองอย่างเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้มบางกลับมาให้ บีบมือเขาด้วยมือสั่นๆ ของตัวเอง ขยับปากเป็นคำพูด “... ยังไหว”

และชงคมก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเนิบช้า

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ลูกชายขุนนางสูงศักดิ์รักกับสาวชาวบ้าน สัญญาว่ารับราชการมียศมีตำแหน่งแล้ว จะเลี้ยงดูไม่ให้น้อยหน้าใคร ก้าวหน้าในการงานเป็นลำดับจนถึงชั้นพระก็มีเมียออกหน้า แต่ไม่ใช่สาวชาวบ้านคนเดิม กลับเป็นลูกสาวขุนน้ำขุนนางเหมือนกัน...

“สาวชาวบ้านจะทำอย่างไร ไร้พรรคไร้พวก ไร้ศักดิ์... มีแต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน มาอยู่บ้านสับปะรังเค เลี้ยงลูกติดท้องคนเดียว เพราะขุนนางพ่อตารักลูกสาวนัก ไม่อยากให้มีเรื่องเคืองใจแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่พ่อตาเป็นผู้บังคับบัญชาในกรมของลูกเขยโดยตรง ไม่นานคุณพระท่านก็ได้เป็นพระยา... พระยาโชติการพาณิช”

ภวิลกระชับอ้อมแขนเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายตัวสั่นสะท้านขึ้นอีก เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา หรือเพราะความจริงในอดีตที่เพิ่งเปิดเผยออกมา

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร เขาก็อยากให้จิรัฐรู้ว่าเขายังอยู่

ที่บอกว่า ‘สับปะรังเค’ ความจริงแล้วชงคมไม่ได้หมายถึงสภาพทรุดโทรมของบ้านในตอนนี้เพียงอย่างเดียว ความจริงในครั้งนั้นคงเป็นบ้านงามหลังหนึ่งด้วยซ้ำ แต่หมายความว่าเป็นบ้านที่ย้ำเตือนถึงการถูกทิ้งขว้าง บ้านที่เจ้าคุณสร้างให้เมียแรกเพื่อทดแทนการผิดสัญญา ในเมื่อเจ้าบ้านต่อๆ มาไม่สนใจใยดีจะดูแลรักษาด้วยเหตุดังกล่าว

... บ้านหลังนี้จะเป็นอะไรได้นอกจากสับปะรังเค 

“แน่นอนว่าเมียออกหน้าของเจ้าคุณได้เป็นคุณหญิง และทุกคนก็ต้องเรียกตามราชทินนาม แต่เวลาอยู่ในที่รโหฐาน เวลาเจ้าคุณเรียกหาแม่บัว ท่านนึกถึงใคร...”

“คุณตาทวดต้องไม่ตั้งใจทอดทิ้งทางนี้ ท่านไม่...” จิรัฐพูดเสียงขาดเป็นห้วง เขาสงสารทั้งสองคน สองคนที่ชื่อพ้องกัน

... คุณยายทวด คุณหญิงบัวที่ใครๆ ก็อิจฉาว่าไม่เคยต้องแบ่งความรักของสามีกับผู้ใด... แต่แท้จริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่

... คุณบัวที่อาจเป็นเจ้าของรักแรกอันฝังใจ แต่ไม่มีทางได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันอีกเลย

เขายังอยากเชื่อว่าเจ้าคุณตาทวดรักคุณยายทวด คงรัก... ต้องรักบ้าง ไม่อย่างนั้นคงน่าเศร้าเกินไป แต่ที่ท่านไม่เคย ‘เลี้ยงดู’ ใครอีกเลยแม้แต่เมื่อคุณหญิงเสียไปแล้ว เพื่อถนอมน้ำใจใคร... เพราะรู้สึกผิดกับใคร

สระบัวหน้ามุข ‘อนุสรณ์ความรัก’ นั้นเล่า ทำให้ผู้ใดแน่

... หรืออาจจะทั้งสองคน

ชงคมช่วยบูรณะบ้านให้กลับคืนเดิมก็เพราะตั้งใจจะรักษาไว้ให้ลูก... ใช่หรือไม่

เพราะเคยบอกกับเขา... มีแต่พ่อของเขาเท่านั้นที่อดทนพอ พยายามพอ รักมากพอที่จะเก็บโกยซากปรักหักพัง เสริมแต่งขึ้นมาใหม่จนงามสมบูรณ์

“ไม่หรอก คุณหนู” ชงคมตอบ มองเขาเศร้าๆ “แต่ย่าจะทำอย่างไรได้”

บ้าน... เงินค่าใช้จ่าย... แม้แต่คนช่วยงาน เทียบไม่ได้กับความเอาใจใส่ เทียบไม่ได้กับคำว่าพ่อที่บิดาของชงคมไม่มีโอกาสได้เรียก

เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าคุณโชติการพาณิชมีลูกชายคนเดียว คือคุณตาของเขา

... ชงคมคิดว่าบ้านพระยาเป็นสิทธิชอบธรรมของทางนี้ ในเมื่อคุณบัวมาก่อน เป็นเมียแรกของพระยาโชติการพาณิช มีลูกชายให้เหมือนกัน แต่สุดท้ายคนที่ได้ออกหน้าออกตา เป็นคุณหญิงของเจ้าคุณกลับเป็นคุณยายทวดของจิรัฐทั้งๆ มาทีหลัง

สมัยนั้นยังไม่มีการจดทะเบียนสมรสแพร่หลาย ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติว่าต้องมีภรรยาคนเดียว ผู้เป็นสามีมีสิทธิจะยกย่องใครเป็นภรรยาเอกก็ได้

จิรัฐไม่เคยรู้ว่าที่ชงคมเคยบอก เคยเล่า เคยเห็นด้วยกับเขา ว่าเจ้าคุณโชติการพาณิชต้องรักคุณหญิงของท่านมากนั้น อีกฝ่ายพูดด้วยความรู้สึกเช่นใด

... ขมขื่นแทนคุณย่าของตัวเอง คุณย่าบัวที่ชื่อพ้องกันกับคุณหญิงยายทวดบัวของเขา และมาก่อน แต่ไม่มีสิทธิอะไรเลย

... เจ็บแค้นแทนบิดา ที่จริงๆ แล้วคือบุตรชายคนโตของเจ้าคุณ หาใช่คุณตาของเขาไม่ แต่กลับกลายเป็นลูกไม่มีพ่อ ไม่มีใครยอมรับ

ในขณะที่คุณตาเติบโตขึ้นมาอย่างพรั่งพร้อม ได้ไปเรียนหนังสือถึงปีนัง อาจจะไปไกลกว่านั้นอีกหากคุณหญิงมารดาไม่ป่วยกระเสาะกระแสะและไม่อยากให้บุตรชายข้ามน้ำข้ามทะเลจนกลับบ้านไม่ได้บ่อยครั้งเท่าที่ควร แล้วฝั่งทางนี้เล่า...

ชงคมเคยทำให้เขารู้สึกว่าได้เห็นบ้านพระยาเมื่อครั้งยังไม่ทรุดโทรม แต่บอกว่าเห็นจากหนังสือเก่า แท้จริงแล้วคงเคยมาดูกับพ่อของตัวเอง ดูสิ่งที่ ‘ควรจะเป็นของเรา’ หรือเปล่า

“... ผม... ขอโทษ... ผมไม่เคย... รู้เลย”

ภวิลถอนใจ ถ้าเพียงแต่ชงคมจะเคยใกล้ชิดกับลูกชาย และรู้ว่าที่จริงแล้วจิรัฐเหมือนยูขนาดไหน บางที... อาจจะไม่คิดทำเรื่องแบบนี้

เพราะในโลกนี้ เท่าที่เขารู้ คงมีแต่จิรัฐกับกฤตวัตเท่านั้นที่เต็มใจขอโทษคนที่ตั้งใจจะทำร้ายตัวเอง

ชงคมก็ชะงักไปเหมือนกัน ราวไม่คาดหวังปฏิกิริยานี้จากทายาทของ ‘อีกฝั่ง’ แต่แล้วก็คลี่ยิ้มบาง

“ไม่ต้องหรอก เพราะว่าเดี๋ยวคุณหนูก็จะเจอลูกของลุงแล้ว ไม่ต้อง... เพราะทางนี้ก็พยายามจะเอาคืนไปแล้ว พอย่าตาย พ่อก็เข้าไปเป็นคนสวนบ้านนั้น เจ้าคุณท่านไม่รู้... บ่าวไพร่ตั้งมากมาย ใครจะสนใจคนสวนแค่คนเดียว แต่คุณยายทวดคุณหนูยังเคยกินยาที่พ่อของลุงทำเลย”

ภวิลขนลุกซู่ เขาก้มมองเมื่อรู้สึกได้ว่าไหล่ของคนในอ้อมแขนเกร็งขึ้นอย่างตกใจ หวนนึกถึงตอนที่รู้ว่าคุณหญิงบัวเคยมีอาการทางประสาทจนคิดว่าตกทอดมาถึงหลานทวดอย่างจิรัฐ ที่แท้ตำรับยาที่ชงคมใช้ไม่ได้มาจากไหนไกล ตกทอดมาจากบิดานั่นเอง ไม่มีจดจารไว้ก็ไม่แปลก

... การจัดสวนไม่ใช่อย่างเดียวที่ชงคมใช้วิธี ‘ครูพักลักจำ’

“... พ่อใจอ่อน... ใจอ่อน ไม่ได้ทำจนถึงที่สุด แต่ก็เหมือนกัน คุณหญิงป่วยตายเสียก่อน ปอดบวมน่ะไม่ได้เกี่ยวกับพ่อลุงหรอกนะ” ชงคมพูดเบาๆ “พอคุณหญิงตกน้ำ จะด้วยพลาด หรือด้วยยาที่เคยกิน พ่อก็หยุด มาบอกตอนใกล้ตายแล้ว บอกว่าเก็บไว้ ใบยี่โถนี่ใช้น้อยเป็นคุณ ใช้มากก็...”

ฟ้าร้องจากที่ไกลๆ ก่อนใกล้เข้ามา ฝนเริ่มตก หนักเม็ดขึ้นเรื่อยๆ ลมกระพือเข้าจนบานหน้าต่างไม้ที่ปิดอยู่พยับเพยิบ ชงคมพูดต่อเรื่อยๆ

“คุณหนูพาลูกลุงมาบ้านสับปะรังเคนี้ทำไม... ไม่อย่างนั้น อาจจะไม่ต้องเป็นแบบนี้ก็ได้ แต่มันก็สายไปแล้ว...

“ลุงเข้ามาดูบ้านนี้ วันนั้น วันนั้นแหละ... เจออาชัช... คุณหนูคงไม่รู้จักหรอก แต่แกเคยอยู่ใกล้ๆ เคยมาวิ่งเล่นกับพ่อ กินขนมบ้านย่า... โตขึ้นย้ายไปจังหวัดอื่น แก่ยังกลับมาอยู่ที่เดิมกับลูกหลาน ลุงเจอเข้าบ่อยๆ ถ้าผ่านมาแถวนี้ ความจริงก็เริ่มหลง... แต่วันนั้นแกพูดรู้เรื่องนะ

“แกบอก... มีคนมาอีกแล้ว หนุ่มทั้งคู่ คนหนึ่งเคยมา คนหนึ่งแกเคยไล่ไปแล้ว คราวนี้มากันสองคน พักหนึ่งมีเสียงดังโครมใหญ่จากในบ้าน แล้วเขาก็รีบออกไปกัน ลุงเข้าไปดู คุณหนูคิดว่าลุงเห็นอะไร ไม้ไง ไม้ชิ้นเบ้อเร่อ หล่นมาอยู่บนพื้น ก็บ้านนี้มันจะพังอยู่แล้ว...

“พอกลับไปถึงบ้านริมน้ำ ไม่นานเลยก็รู้ ลูกลุงตายแล้ว คุณหนูก็ออกไปกับลูกลุง ความจริงถ้าเขายังอยู่... ลุงก็จะไปหาคุณบุณฑริก ให้เธอรู้ทุกอย่าง คุณบุณฑริกเธอยุติธรรม ไม่เหมือนเจ้าคุณปู่เธอ... แต่เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ลูกลุงเขาไม่มีวันได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ในสิ่งที่เขาเองก็ควรเป็นเจ้าของอีก”

เรื่องราวปะติดปะต่อกันรวดเร็ว คุณตาที่บ้านข้างๆ ต้องเคยรู้จักพ่อของชงคมเพราะรุ่นราวคราวเดียวกัน คงอ่อนกว่าไม่มาก เห็นชงคมเข้าในยามเริ่มหลงลืมแล้วก็ยังนึกว่าเป็นคนพ่อ ถึงได้บอกว่าจำลูก ‘ป้าบัว’ ได้ ชงคมอาจจะล่อหลอกให้ช่วยไล่คน แต่ชงคมเข้าใจว่าคนที่เคยมาครั้งแรกเป็นจิรัฐ

ภวิลไม่อยากคิดว่าคุณอาหญิงเองก็มีส่วนกับการวางแผนทำร้ายในคราวนี้ด้วย พอดีชงคมพูดต่อ

“แม่เขาไม่เกี่ยวอะไร ลุงก็ไม่ได้บอกอะไรเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก แค่รู้ว่าปรงเป็นลูกลุงก็พอแล้ว มีแต่ลุงที่คิด ถ้าคุณหนูไป เขาก็จะไม่เหงาใช่ไหม ลูกลุง... ก็ต้องเป็นอย่างนั้น สมควรแล้ว เพราะคุณหนูเป็นคนทำให้เขาตาย ที่ผ่านมาใช้ยี่โถอย่างเดียว แต่ครั้งสุดท้าย... ครั้งสุดท้ายตอนนี้ มีปรงด้วย ดีไหม คุณหนูทำให้ปรงตาย คุณหนูก็ตามไปเพราะปรง”

ถึงจะไม่น่าเชื่อแต่ไม้ขื่อที่ร่วงลงมาครั้งที่สองจนจิรัฐต้องช่วยเขานั้นก็เป็นอุบัติเหตุเหมือนครั้งแรก ถ้าไม่เกิดขึ้น เขาเองคงยังเข้าใจเหมือนชงคม เข้าใจว่าจิรัฐทำให้ยูตาย หลังเกิดเรื่องกับลูกชงคมต้องพยายามวางยามาตลอดโดยผ่านทางทักษ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย

ฟ้าร้องครืนใหญ่ สายฟ้าแลบปลาบจนสาดเข้ามาทางร่องระหว่างบานหน้าต่าง ส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าของคนที่ยังยืนอยู่ ถ้าไม่เกิดเรื่องกับยู ชงคมก็คงไม่คิดทำร้ายจิรัฐ ถ้ายูยังอยู่ เขาคงไม่คิดเข้ามาในชีวิตของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่ฟันเฟืองทุกอย่างมันหมุนเกลียวจนมาจนถึงจุดนี้แล้ว

... และยังมีเรื่องสุดท้ายที่ชงคมเข้าใจผิด

“คุณหนู นอนเสียนะ” ชายชราว่า แล้วเริ่มฮัมเป็นทำนอง อาจจะเคยทำเมื่อครั้งจิรัฐยังเด็กก็ได้

ภวิลใจหายเมื่อรู้สึกว่าชีพจรที่เหมือนจะเต้นดีขึ้นกลับอ่อนลงไปอีก จิรัฐยึดมือเขาไว้แน่น ลมหายใจถี่เบา

ภวิลพลิกฝ่ามือกลับไปรับ ปล่อยให้กดนิ้วลงมาเต็มที่ เจ็บ... แต่เขาทนได้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงทรมานกว่าหลายเท่า ถ้ายังมีแรงจับมือเขาไว้อย่างนี้ ก็แสดงว่ายังมีสติ ยังรู้ตัว ยังไม่...

"ไม่เป็นไร" เขากระซิบ "พี่ไม่ยอมให้เป็นอะไร"

ตรรกะปกติอย่าง ‘ถึงทำร้ายจิรัฐไป ยูก็ไม่ฟื้น' คงใช้ไม่ได้ เขาตะโกนแข่งเสียงฝน “เขาไม่ได้เป็นคนพายูมา!”

ชายชรายังฮัมเพลงอยู่เบาๆ แต่ภวิลรู้ว่าต้องทำให้อีกฝ่ายรับรู้ให้ได้ นี่อาจเป็นโอกาสเดียว

"คุณคิดว่าจิรัฐพาลูกคุณมาเจอเรื่องนี้ แต่จริงๆ ยูเป็นฝ่ายอยากไป และชวนเพื่อนไปด้วย คนที่ตาคนนั้นไล่ ก็เป็นยูตั้งแต่แรก เขาผูกพันกับบ้านหลังนี้ โดยไม่รู้ว่าเพราะอะไรด้วยซ้ำ วันนั้นเกิดอุบัติเหตุ ไม้บนหลังคาร่วงลงมาจริง แต่ยูเป็นคนช่วยจิรัฐ ถึงได้...”

ชงคมหยุด หันมามองเขาด้วยตาแดงก่ำ “ไม่ต้องแล้ว! จะยังไงก็เหมือนกัน ยิ่งถ้าต้องช่วย ยิ่งเป็นต้นเหตุ!” 

"ไม่ใช่! ทั้งหมดเป็นเพราะเขารักจิรัฐมากต่างหาก ลูกคุณรักเพื่อนคนนี้มาก ถึงได้ยอมช่วยอย่างไม่คิดถึงตัวเอง” ภวิลพูด ชีพจรในมือเขาเต้นอ่อนแรงลงทุกที เขาไม่เคยเชื่อเรื่องอีกโลกหนึ่ง แต่ตอนนี้ในใจภาวนาโดยไม่รู้ตัว

... ยูช่วยเพื่อนด้วย .... คราวนี้ก็ต้องช่วย...

... ช่วยจีด้วย


“คุณจะทำลายชีวิตของคนที่ลูกคุณใช้ชีวิตตัวเองปกป้องได้หรือ คุณคิดว่ายูจะมีความสุขอย่างนั้นหรือที่พ่อเขาทำอย่างนี้" ภวิลพูดต่อ เสียงดังแข่งกับลมฝน “... ผมอยู่กับเขา เป็นพี่เขามาเกือบทั้งชีวิต ผมต้องไม่อยากเสียเขาไปแน่ แต่ถึงตอนนั้นเขาจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความจริงก็คือยูยอมตายได้เพื่อให้จิรัฐอยู่!”

ชงคมผุดลุกขึ้น ภวิลกอดร่างในอ้อมแขนแน่น เพิ่งรู้ว่าตัวเองมือสั่นเหมือนกัน เขาบีบมืออีกฝ่าย หวังได้การกระชับตอบกลับมา

... อยู่ก่อน... อยู่ก่อน... อย่าเพิ่ง ต้องไม่ใช่แบบนี้

ชายชราเตะเก้าอี้ไม้เก่าโดยแรงจนล้มกลิ้ง “ชอบทำไม มาทำไม ไอ้บ้านสับปะรังเค!”

จิรัฐพยายามต่อสู้กับสติที่รางเลือน เขายังได้ยินทุกอย่าง แต่เหมือนมีม่านหมอกมาห้อมล้อมบดบัง กับสายตาที่พร่ามัวลงทุกขณะ เขารู้สึกว่าต้องพูด ต้องบอกบางสิ่งออกมา อย่างน้อย... พ่อของเพื่อนก็ต้องได้รู้

“...มีแต่... ยู... ที่เห็นว่าที่จริงแล้วบ้านนี้เคย... งาม ถึงจะเป็นยังไง เขาก็รัก ยูรัก...”

เพราะมองทุกอย่างในแง่ดีที่สุดที่จะเป็นได้เสมอมา กฤตวัตจึงเห็นความงดงามในความทรุดโทรม เห็นว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรได้บ้างโดยไม่ใส่ใจกับอดีตที่บ้านเคยถูกละเลย เหมือนกันกับที่จิรัฐยังมองเห็นความดีงามที่เคยมีในจิตใจที่บิดเบี้ยวไปด้วยความทุกข์โศกแสนสาหัส

ภวิลได้แต่หวังว่าชายชราจะเข้าใจสิ่งที่จิรัฐพยายามจะบอก ... ถึงจะเป็นยังไง ยูก็รัก... เหมือนที่ถ้าชงคมให้โอกาสตัวเอง ให้โอกาสลูกชายได้รู้จักพ่อผู้ให้กำเนิดก่อนหน้านี้

... หัวใจกว้างขวางของน้องก็จะมองข้ามความขัดสนภายนอกหรือฐานะอันด้อยกว่าที่ชงคมพยายามบอกตัวเอง และรัก...

เพราะรักต้องสร้าง... สร้างเหมือนที่พระยาโชติการฯ สร้างบ้านพระยาและสระบัว สร้างเหมือนที่พ่อของจิรัฐบูรณะทุกอย่างขึ้นมาใหม่ สร้างเหมือนที่ยูกลับมาช่วยเพื่อน สร้างเหมือนที่ชงคมเองก็เคยช่วยพ่อของจิรัฐ

ทั้งหมดเกิดขึ้นได้ด้วยยังรักใครบางคนอยู่ภายในใจทั้งสิ้น

เพราะรักต้องสร้าง... ไม่ใช่ทำลาย

ภวิลขยับตัวคุกเข่าขึ้นพร้อมร่างในอ้อมแขน ชงคมต้องรู้แน่ว่าเขาตั้งใจจะลุก จะออกไปจากที่นี่ พาจิรัฐไปสู่ความปลอดภัย
ชงคมยังยืนนิ่ง ลมกรรโชกแรงจนบานหน้าต่างถูกกระชากเปิดออก ฟ้าแลบแปลบอีกครั้ง คราวนี้ภวิลเห็นหยาดน้ำตาไหลลงช้าๆ ชายชราวางปืนลง

เสียงรถตำรวจดังมาแต่ไกล ภวิลระบายลมหายใจเบาๆ ในที่สุดธรรมนูญก็เอาตำรวจมาจนได้ ก่อนวางหูจากอีกฝ่ายเขาบอกให้ทำ เพราะเชื่อแน่ว่าชงคมต้องพาจิรัฐมาที่นี่ หลังจากนั้นจิรัฐก็กดโทรศัพท์หาเขา ยืนยันสิ่งที่คิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้เวลา
 
ประตูเปิดออกโดยแรง ตำรวจกรูกันเข้ามา ภวิลยันตัวลุกขึ้นเรียกหารถพยาบาล เขาเหลียวกลับไป ชงคมไม่มีท่าทีขัดขืน

ภวิลก้มมองคนที่ประคองอยู่ กำลังจะเอ่ยบอกว่าไม่เป็นไร... ไม่เป็นไรแล้ว แต่ต้องชะงัก ใจหล่นวูบเมื่อเสียงอ่อนแรงเอ่ยขึ้นก่อน

“พี่... วิน... มองไม่เห็น”

... พร้อมๆ กับมือที่จับเขาอยู่เลื่อนหลุดลง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 10-09-2012 07:22:00
คุณ Pupay มาจิ้มอย่างไวตลอด กอดๆ ด้วยค่า เกี่ยวกับคุณทวดของจีจริงๆ แหละค่ะ ขอบคุณมากที่อ่านน้า

คุณ iforgive ที่จริงลุงชงคิดคนเดียวทำคนเดียวแหละค่ะ คนเขียนหลอกคนอ่าน (กับพระเอก) ให้เขวนิดหน่อย แหะๆ เป็นเรื่องมาจากรุ่นก่อนจริงๆ

คุณ malula ขอบคุณนะคะที่อ่านและร่วมทายผล (ราวกับผลบอล 55) มาโดยตลอด ชอบอะ แรงแห่งรัก ขอบคุณมากจ้า

คุณ PetitDragon จริงๆ มันเป็นแนว suspense มากกว่า mystery นะ (คนเขียนคิดเอาเอง 55) ขอบคุณที่อ่านนะคะ

คุณ Morethan ขอโทษน้าคราวนี้เลยนานเลยแหละ ไว้อ่านบทนี้แล้วถ้าว่างคิดย้อนดูเล่นๆ ก็ได้ 55 คนเขียนก็พยายามเก็บปมที่ทิ้งไว้กระจัดกระจายตลอดเรื่องสุดชีวิต รู้สึกว่าอยากให้หวานนี่ไม่แปลกค่ะเพราะสองคนนี่ยังไม่เคยหวานอย่างเป็นทางการเลย กร๊าก

คุณ yeyong ขอบคุณมากๆ เลยนะคะสำหรับการอ่าน ลุ้นกันต่อนะคะ

คุณ  ์ำNeFuji แหะ บทต่อไปมาแล้วค่ะ

คุณ gohong ขอบคุณมากๆ ที่รอน้า มีปมกันมาแต่เก่าก่อนจริงๆ แต่ที่ทำ ก็เพราะยูตายแหละค่ะก่อนหน้านั้นก็เป็นเรื่องของรุ่นนั้น แต่ลุงชงไม่ได้คิดจะทำอะไรจี เดาว่าคุณย่ารู้เห็นด้วยนี่ดาร์กมากเลย จะเป็นอีกแนวไป ฮา แต่ก็หักมุมดีนะ

คุณ bulldog17 ขอบคุณมากๆ นะคะ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ

คุณ myd3ar ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านค่า

คุณ fay 13 ฝากบทต่อไปด้วยนะคะ

คุณ luckyzaaa มาแล้วค่ะ ขอโทษสำหรับความช้า ขอบคุณที่เชียร์ทักษ์ค่ะ ความจริงทักษ์เป็นคนละสปีชีส์กับจีเลยนะในคาแรกเตอร์ 555 กอดค่ะ

คุณ uknowvry ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ดีใจมากเลยที่ชอบ

คุณ ormn ขอบคุณมากค่ะ ฝากบทต่อไปด้วยน้า

คุณ GAZESL ขอบคุณสำหรับการอ่านนะคะ เกี่ยวกับยูจริงๆ (โยงกันมาแต่ต้น)

คุณ bun รู้เหตุผลแล้วเนอะ ยายทวดบัวนี่คนละรุ่นเลยนะ 55 จะแบบว่าชอบคนแก่มากไป ขอบคุณสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ @Iriz ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ทักษ์ก็ต้องนอยแน่ๆ ล่ะโดนคนที่ชอบกล่าวหาซะ พี่วินแกต้องทำหน้าที่พระเอกหน่อยค่ะตอนนี้ 55

คุณ ordkrub ขอบคุณนะคะ ฝากบทต่อไปด้วยน้า

คุณ chartbook ดีใจมากๆ เลยค่ะที่ชอบ ปลื้มจริงๆ ตอนนี้พี่วินทำหน้าที่พระเอกบ้างไรบ้าง

คุณ silverphoenix ขอบคุณค่า ไว้จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นเพื่อกันการงงนะ ขอบคุณสำหรับการอ่านมากค่ะ

คุณ moon ดีใจมากๆ ด้วยค่ะที่ชอบ ตอนแรกมันมีแนวจะไปจำเลยรักมาก 55 แต่พอดีคาแรกเตอร์พระเอกมันไม่ใช่แนวนั้นสิ ขอบคุณนะคะ เรื่องนี้เขียนนานมากเลยแต่ละบท เพราะอยากให้ออกมาดีที่สุด ถึงช้าก็จะรับผิดชอบจนจบค่ะ ไฟท์ กร๊าก ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

คุณ sundaysundae ขอบคุณมากๆ ค่ะ ฝากบทต่อไปด้วยน้า เป็นลุงชงจริงๆ

คุณ caramel toffee ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาอ่านค่ะ ดีใจมากๆ ที่ชอบและรักเรื่องนี้ มันไม่เหมือนนิยายวายเพราะมันไม่ค่อยรักกันรักกันหวานหน่อยป่ะคะ (พยายามอยู่นะ แต่พล็อตกับบุคลิกตัวเอกทั้งสองมัน... นะ 55) เดาถูกนาเพราะสุดท้ายชงคมกับรงรองก็เคยมีซัมติงแล้วก็ออกมาเป็นยูเนี่ยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

คุณ BONE ขอบคุณมากค่า นั่งอ่านมายาวเพราะคนเขียนรู้สึกว่าบางทีก็แบ่งบทยาวไป๊ กร๊าก แต่วางเนื้อเรื่องในบทมาแบบนี้แล้วก็ไฟท์เขียนต่อไป บทนี้ก็บอกหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในรุ่นก่อนๆ นะคะ คนเขียนก็ชอบพระเอกแบบมีเหตุผลหน่อยอะไรงิ ตอนแรกแกยังไม่เข้าใจแกก็ซีเรียสกะจีค่ะ แล้วก็มีพัฒนาการบ้างไรบ้าง หวังว่าจะชอบลุงชงในบทนี้ด้วยนะคะ ความจริงแกน่าสงสารนะคนเขียนว่า

คุณ pierre ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านค่ะ แหะ ขอโทษที่หายไปนานค่ะ คือว่ามันยังไม่เสร็จจริงๆ แต่ก็จะต้องรับผิดชอบจนจบแน่ค่ะ (ที่จริงมันก็ใกล้มากแล้วแหละ แหะ) ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ different หายไวๆ ค่ะ คนเขียนก็เคยเป็นเลยรู้ว่ามันไม่หนุกเลยโรคกระเพาะเนี่ย ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ

คุณ  ○TeaCafé○ ขอบคุณมากๆ นะคะที่เข้ามาอ่าน ใกล้จบแล้วจริงๆ ค่ะ ดีใจที่ชอบ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทนี้นี่แบบ... เขียนนาน (อีกแล้ว) อยากลงให้เร็วแต่ต้องเก็บขมวดปมให้เรียบร้อย ทุกอย่าง (ทำตัวเอง เพราะทิ้งปมกระจัดกระจายมันทั้งเรื่อง) ... ก็มันเป็น 'บทเฉลย' นี่เนอะ

ความจริงคนเขียนคิดว่าลุงชงน่าสงสาร เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่งเลยล่ะ อยากพยายามเขียนให้ดี (คีย์เวิร์ดอยู่ที่คำว่าพยายาม ฮา ไม่รู้ได้ขนาดไหน) เพราะการคิดทำให้คนคนหนึ่งถึงตายมันก็เรื่องใหญ่นะ

ปล. จีเอ๋ย... เป็นนายเอกเรื่องแนวนี้มันช่างเหนื่อยจริงๆ แต่จะหมดเคราะห์แล้วจ้ะ (แน่สิ จะจบแล้วนี่)

ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ยังรอ และยังอ่านอยู่นะคะ ขอบคุณมากจริงๆ
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: caramel toffee ที่ 10-09-2012 08:49:14
โอย อ่านไปลุ้นไป ถึงจะเดาความสัมพันธ์ลุงชงคมกับคุณรงรองไว้น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่นึกว่าเรื่องมันจะซับซ้อน ลึกไปถึงชั้นคุณทวดเลยนะเนี่ย สงสารลุงชงคมนะคะ เพราะคงโตมากับเรื่องความช้ำใจและความอยุติธรรมที่ได้รับของบรรพบุรุษ ที่จริงเนื้อแท้ก็คงไม่คิดร้ายกับจีขนาดนั้น แต่พอมีการตายของลูกชาย ก็เลยกลายเป็นจุดชนวนไป

อ่านตอนใกล้จบตอนใจหายว่าจีจะเป็นอะไรมากรึเปล่า แต่คุณเดหลีบอกว่าจะหมดเคราะห์แล้วก็ค่อยวางใจหน่อย เป็นนายเอกที่กว่าจะจบก็สะบักสะบอมจริงๆ พี่วินต้องดูแลน้องหน่อยนะ^^ สองคนนี้ถึงไม่หวานใส่กันแต่ก็น่ารักค่ะ แสดงออกพอเหมาะกับวัยและสถานะอย่างนี้ยิ่งทำให้รู้สึกเป็นจริงกว่า พอจบแล้ว ขอเชียร์ให้รวมเล่มนะคะ อยากเก็บไว้อ่านอีกบ่อยๆค่ะ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-09-2012 09:29:03
น้ำตาจิไหล  โหยยย  ซับซ้อนเอาเรื่อง  นึกว่าได้ดูละครย้อนยุคทีเหอะ

+1
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-09-2012 10:01:18
โอ๊ย....มันเศร้านะ... อ่านทีไร นึกอยากให้ยูไม่ตาย แล้วเป็นพระเอกตลอดเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ladyzakura ที่ 10-09-2012 10:17:16
จะขาดใจ จะอ่านต่ออ่ะ TT^TT
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-09-2012 11:04:05
อยากรู้ตอนต่อไปแล้ว อย่าหายไปนานอีกนะ  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-09-2012 11:25:27
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 10-09-2012 11:55:37
ลุงคมน่าสงสาร เพราะแบกรับความชอกช้ำในอดีต และ เก็บความทุกข์ทรมานจากการเสียลูกชายอันเป็นที่รักไปอีก

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 10-09-2012 14:48:57
อ่านตอนนี้แล้วปวดใจจัง อดีตและที่มาของตำนานรักมันช่าง...  :monkeysad:
แล้วน้องจีอีก โอยย วิ่งไปซับน้ำตา  :o12:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-09-2012 15:25:27
โคตรซับซ้อนอ่ะ ไม่นึกว่าชงคมจะเป็นพ่อของยู และก็ไม่นึกด้วยว่าจะเป็นลูกของคุณตาทวดของจี



จีอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ!!  :dont2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-09-2012 18:26:27
หลายซับหลายซ้อน ย้อนไปไกลโข
ลุงชงคมไม่ได้เอ็นดูจีเลยเหรอ เห็นมาแต่เล็กแต่น้อย
ยังกล้าทำร้ายให้ตายอย่างช้า ๆ ได้ลงคอ
สงสารยูด้วย คงเพราะความผูกพันทางสายเลือดทำให้ติดใจบ้านเก่าเจ้าปัญหานี่
จีต้องรอดสิ อยู่ในมือพี่วินแล้ว
ลุ้นระทึกได้ทุกตอนสิน่า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 10-09-2012 18:28:09
เข้มข้น อ่านลุ้นระทึกจริงๆค่ะ
หวังว่าจีคงไม่เป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 10-09-2012 19:31:29
เฮ้อออออ  ความพยาบาท อาฆาต ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปหมด
สงสารทุกๆคนจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 10-09-2012 20:30:46
เรื่องช่างซับซ้อน อ่านแล้วสงสารลุงชงมากเลยค่ะ

แต่พออ่านจบตอนแทบกรีดร้อง จีอย่าเป็นอะไรน้า เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด โดนทำร้าย โดนกล่าวหาตลอดเลย

ยูช่วยจีอีกครั้งนะ ช่วยจีนะ

ปล.อยากให้ยูยังอยู่จังค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 10-09-2012 23:32:10
อุ้ย คราวนี้มาจิ้มไม่ทันเพราะเน็ตหอเพิ่งซ่อมเสร็จ  :z10:
ตอนนี้แบบว่าเฉลยแล้วทุกอย่าง จะว่าไปลุงชงคมก็น่าสงสารเหมือนกัน
แต่สิ่งที่ทำนั้นมันผิดตั้งแต่รุ่นพ่อเลยทีเดียว ถึงท่านเจ้าพระยาจะไม่ได้มาให้ความรัก
แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลย  :เฮ้อ: ก็พยายามเข้าใจ เราไม่เคยถูกทิ้งนิ
ขอให้จีเข้าแข็งไว้น้า เด๋วจะถึงมือหมอละ  :monkeysad:

 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-09-2012 00:12:40
รู้สึกเรื่องจะซับซ้อนมากนะ
ส่วนนึงก็สงสารลุงแกเหมือนกัน เจอมาในหลาย ๆ เรื่อง
ไม่ว่าจะเรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ ซึ่งเศร้าไม่แพ้กัน
แต่ตอนนี้สงสารจีมากกว่านะ ไม่รู้จะเป็นอะไรมากไหม
แต่พี่วินคงช่วยไว้ได้ทันนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 11-09-2012 00:48:12
เพิ่งตามอ่านทัน ขอบอกว่าสนุกมากๆเลยอะค่ะ
ชอบมากกกกกกกกกกก ฮือออออ

นอนอ่าน นั่งอ่าน ลุ้นๆๆๆ จิกเล็บๆ เหงื่อออก โหยยอาการตอนอ่านแบบ
เหมือนนั่งดูหนังฆาตรกรรมสืบสวนสอบสวนเลยอะค่ะ T^T
คือชอบไปหมดทุกอย่างเลยอะ ทุกองค์ประกอบทุกส่วนของเรื่องเลย
อยากบอกคนเขียนว่า สุดยอดมากๆ!!!!!!

อ่านถึงตอนล่าสุดนี่แบบ คือลุ้นอยู่ว่าเมื่อไรจีจะเรียกพระเอกว่า พี่วิน สักที
แล้วปรากฏว่าในที่สุดก็เรียกซึ่ง...ตอนใกล้จะหมดสติ โอยยยย
พีคคคคคคเว่อออออออออออ น้ำตาจะไหล
T____________T

ทำใจไม่ได้ที่เรื่องใกล้จะจบแล้ว ฮืออออ

 :o12:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: mr_longza ที่ 11-09-2012 04:23:32
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 11-09-2012 13:30:02
เพิ่งได้เข้ามา อ่านรวดเดียวเลย  สนุกมากๆๆๆๆครับ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 11-09-2012 22:16:01
อ่านจบแล้วก็ต้องอุทาน "อ้าว เฮ้ย!!"
จีอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ กำลังจะหมดเคราะห์หมดโศกแล้ว

"เพราะรักต้องสร้าง... ไม่ใช่ทำลาย"

ชอบประโยคนี้ของคนเขียนมากเลยค่ะ
มันเป็นภาพมาก แบบ ต้องทนุถนอมนะความรักนะ
เพราะกว่ามันจะมาเป็นความรักได้ ก็ต้องผ่านอะไรมามากเหมือนกัน
อย่าทำลายมันเลย...

ลุงชงน่าสงสารจริงๆ แหละ
ก็เพราะความรักอย่างที่ว่าไว้... ให้ทุกอย่าง
ยกเว้นแต่ความรัก มันก็ไม่ต่างจากการวางยาให้ตายช้าๆ
แบบที่ลุงชงกับพ่อของลุงชงทำหรอก เฮ้อ~
เรื่องมันเศร้า.. แล้วยูก็ไม่น่าจากไปเร็วเลย
แต่ก็อย่างว่าละนะ คนดีๆ มีความคิดดีๆ มักจะจากไปไวเสมอ...
แต่ตอนนี้ ขอให้จีอย่าเป็นอะไรนะ ตื่นมาคุยกับพี่วินก่อน...

ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปอยู่น้า

ปล. ยกให้ภวิลเป็นพระเอกแห่งปี(สำหรับเรา)
ชอบผช.แบบนี้มาจริงๆ >///<
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 12-09-2012 08:54:47
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำเรื่องน่าอ่าน
แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เนื้อเรื่องดีมาก ตามอ่านรวดเดียวจบใน 1 วันเลย สนุกจนวางไม่ลงจริงๆ 
เป็นนิยายที่ให้ความรู้สึกเป็นนิยายจริงๆ ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ มีปมให้คิดตามตลอดตั้งแต่ในตอนแรก

ขอบคุณผู้เขียนที่เขียนเรื่องสนุกๆ แบบนี้ให้อ่านค่ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-09-2012 09:24:54
อย่าเป็นอะไรไปนะจี...

เรื่องซับซ้อนมาก (แอบเดาว่าต้องเป็นลุงชงแน่ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นประเด็นนี้)

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: piggie ที่ 12-09-2012 11:18:34
เรื่องนี้ได้ใจไปเลยค่า...  สนุกมากเรื่องผูกแก้ปมได้เหมือนอ่านนิยายจริงๆจังๆเลยค่า....
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 12-09-2012 12:03:39
ตามเข้ามาจากกระทู้แนะนำ
โอ้! วางไม่ลง
ภาษาสวยมาก
และวางเรื่องได้น่าติดตามสุดๆ
แง่มๆ แต่จะจบแล่ว T^T
     ขอบคุณมาก
กดบวกปล่อยเป็ดชื่นชม+รอลุ้นน้องจีปลอดภัย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 12-09-2012 13:06:57
มาอ่านตอนแรกแล้วก็ตอนล่าสุด หวังว่าจิรัฐคงไม่ตายนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: mulli ที่ 12-09-2012 13:53:27
แต่งดีจริง  o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 12-09-2012 16:08:07
เราอ่านรวดเดียว 15 ตอนจนสว่างคาตา
ชอบภาษา การบรรยายละเมียดละไมมากกก
เนื้อหาสนุกมีให้ลุ้นกันทุกตอน
ชอบแคแรคเตอร์ของพี่วินกับน้องจี
เหมือนคนธรรมดาที่เราพบเห็นอยู่ทุกวัน
และทั้งสองคนมีอะไรที่เหมือนกันอยู่อย่าง
คือเป็นคนรักและผูกพันคนในครอบครัวมาก

ชอบบรรยากาศบ้านเก่าริมน้ำ
ตอนแรก ๆ ที่อ่าน เราคิดว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง
อ่านไปหลอนไป
แต่คลี่คลายตอนหลัง ๆ นี่เองว่าไม่ใช่
คนเขียนเก่งมาก ๆ ค่ะ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sundaysundae ที่ 12-09-2012 17:36:36
ลุ้นมากๆเลยค่ะ อ่านไปอ่านมาสงสารลุงแกซะงั้น แบบน้ำตาไหล
แล้วจีเป็นยังไงหล่ะเนี่ย อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 12-09-2012 22:52:46
อ่านรวดเดียว 15 ตอน สุดยอดจริงๆ ค่ะเรื่องนี้ ไม่รู้จะพูดคำไหน อย่างที่คนแต่งบอกเลยว่าทุกตัวละครมีความหมายจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 13-09-2012 01:17:19
ซับซ้อนมากกก ไม่คิดว่าชงคมจะเป็นพ่อของยูเลยค่ะ
สงสารชงคมก็สงสารนะ แกก็คงเหมือนคนอื่นๆที่เข้าใจผิดว่ายูตายเพราะจี  :เฮ้อ:
แต่อดเคืองไม่ได้อ่ะ เล่นวางยาจีซะจนเป็นขนาดนี้ คุณหมอหมัดช่วยจีด้วยนะ  :monkeysad: 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-09-2012 01:38:35
ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบุคคลมอง ‘เจ้านาย’ สลับกับคนที่นอนอยู่อย่างลังเล

อย่าใช้คำว่าเจ้านายเลย  กลากจะขึ้นหัว  เอาเป็น 'นายใหม่'  ก็เข้าทีดีไม่หยอกนะ

ตามนั้น  แล้วถ้าพบอะไรก็จะมาบอกอีก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-09-2012 01:41:18
ภวิลกระแอมกระไอจนอีกฝ่ายหันมา “คุณย่าเชิญ... ท่านอยากพบ”

ประโยคนี้แปลกๆ  ผู้ใหญ่เรียกเด็ก

ท่านว่า "ให้หา"  ไม่ใช่ "เชิญ" เน้อ

ตามนั้นเนอะ  ไว้เจอแล้วจะทักมาอีก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 13-09-2012 16:34:15
ตามทันแล้วสดๆร้อนๆ

สนุกมากกกกอ่านรวดเดียวทั้งวันเลย

ถ้าเป็นหนังสือนี่แบบ วางไม่ลง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 13-09-2012 21:28:38
รู้สึกว่าตัวเองพลาดมากๆ ค่ะที่เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ (แต่บางทีอาจจะเป็นเรื่องดีมากกว่าที่ไม่ต้องค้างนาน ><)
หลังจากที่มีคนแนะนำมา วันนี้อ่านเรื่องนี้รวดเดียวตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนสุดท้าย
จากที่คิดจะไม่อ่านจนกว่าจะลงจนจบเพราะกลัวค้าง ตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ ค้างมากๆ มากถึงมากที่สุดเลย
นานๆ จะเจอนิยายถูกใจทั้งที พออ่านแล้วก็ติดงอมแงมจากที่อ่านในโทรศัพท์ ก็ต้องรีบมาเปิดคอมอ่านต่อเมื่อเลิกเรียน
พออ่านจบถึงตอนที่ 15 ก็ทนไม่ไหวแล้วค่ะ ต้อง(ล็อกอินเข้าเล้าหลังจากไม่เข้ามานานเพื่อ)เม้นต์!

อ่านแล้วก็หยุดไม่อยู่ เพราะชอบทั้งการบรรยาย ปมของเรื่องที่ผูกไว้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยรวมไปถึงข้อมูลทุกอย่างที่ประกอบกัน
เกิดอาการเคลิ้มไปกับเนื้อเรื่องเหมือนเข้าไปอยู่ในฝัน
ถึงความสัมพันธ์ของตัวละครจะไม่หวือหวาแต่ทว่าการที่ค่อยๆ สานให้ค่อยไปเป็นค่อยไป
มันทำให้คนอ่านอย่างเรารู้สึกผูกพันและลุ้นขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่รู้ตัว
ตอนแรกที่อ่านก็คิดว่าเรื่องนี้คงจะเป็นแนวแก้แค้นเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่พออ่านไปได้สักพักก็จ้องเปลี่ยนความคิดใหม่
ตัวละครในเรื่องมีเหตุผลมากพอที่จะไม่ทำตามอารมณ์จนเกินไป มันแหวกแนวมากค่ะ หาได้ยากจากเรื่องอื่นๆ เลย
และยิ่งกับตัวละครอย่างพี่วิน ตอนแรกนี่ก็รู้สึกเกลียดๆ นะ แต่เกลียดมากไม่ลงเพราะพี่ท่านมีเหตุผลมาก
เราชอบผู้ชายแบบนี้ มีความเป็นผู้นำ มีเหตุผลสูง และที่สำคัญปรามนายเอกของเราได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ
รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากตัวละครตัวนี้เลยค่ะ แม้ภายนอกจะดูหยิ่งๆ ดุๆ ก็เถอะนะ
แต่ตัวละครที่ชอบมากที่สุดคงเป็นนายเอกของเรื่องนี่แหละค่ะ
ดูเหมือนจะเป็นคนดีเกินไป แต่สำหรับเรา เราไม่คิดอย่างนั้นนะ มันมีอยู่จริงๆ นะคนแบบจีเนี่ย
จิตใจดี เป็นคนที่แคร์คนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่ก็ไม่อ่อนแอจนน่าหมั่นไส้ มีความเข้มแข็งอยู่
เป็นคนที่อยากดึงมากกอดแรงๆ สักที แล้วอยากให้พบรักกับพี่วินไวๆ ฮ่าๆ
ส่วนเชฟทักษ์ก็น่ารักไม่น้อยเลยค่ะ จินตนาการภาพผู้ชายทำครัวก็รู้แล้วว่าเป็นคนอบอุ่น
แล้วนิสัยแบบกระตือรือร้นเหมือนเด็กๆ ที่ทำทุกอย่างให้คนที่ตัวเองชอบเนี่ย โอ๊ยยยย ขอหยิกแก้มสักทีเถอะ โมเอ้มาก ><
แอบลุ้นคู่ HR กับคุณเชฟมาตั้งแต่ต้นเรื่องล่ะ
แอบเสียใจหน่อยๆ ที่คิดว่าคุณเชฟจะเป็นคนร้าย ยังดีที่ไม่ใช่นะ ไม่งั้นเราจะแอบงอนคนเขียน

วกกลับเข้ามาที่เนื้อเรื่อง...เนื้อเรื่องค่อนข้างชวนคิดไปเรื่อยมากค่ะในตอนแรกๆ
เราแอบกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องผีหรือเปล่า (ไม่กลัวเพราะผีนะคะ แต่รู้สึกหลอนแทนน้องจี XD)
เห็นที่คุณเดหลีเม้นต์ตอบว่าไม่ใช่เรื่องผีก็พยายามไม่คิดนะ แต่อ่านทีไรอดคิดไม่ได้ทุกที
จนมาถึงตอนบทสรปุนี่แหละค่ะ ปมทุกอย่างมันคลายออกมาได้หมดจดงดงามจริงๆ
(แม้เราจะสับสนมึนงงกับการลำดับญาติของพี่วิน น้องยู และน้องจีอยู่ก็เถอะ แต่ก็ยังเข้าใจอยู่นะคะ)
เรื่องทุกอย่างมีที่มาที่ไป ความรักก็เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่เห็นก่อนค่อยขยายตัวออกไป
เวลาพี่วินห่วงใยน้องจีมันเป็นช่วงเวลาละมุนละไมที่สุดของเรื่องเลยค่ะ
อ่านแล้วไม่อยากให้หยุด อยากให้หวานกันต่อไปเรื่อยๆ อย่างฉากตลอดน้ำนั้น แอบกรี๊ดเบาๆ

ตอนนี้มานั่งลุ้นตัวเกร็งว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง น้องจีจะรอดหรือไม่ พี่วินจะใจสลายหรือเปล่า
และที่สำคัญที่สุด ฉันจะค้างนานไหม ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ไม่เป็นไรค่ะรอได้

สุดท้ายนี้อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้และคุณเดหลีเก่งมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 13-09-2012 22:41:20
เพิ่งมาอ่านค่ะ สนุกมากเลยค่ะตอนนี้ลุ้นด้วย จีอย่าเป็นอะไรน้าาาา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 13-09-2012 22:50:02
คิดว่าจีไม่น่าเป็นอารัยนะ เพราะเพิ่งกินผงถ่านมาจาก รพ. :monkeysad:

ขอให้จีปลอดภัยเถอะ :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 13-09-2012 23:10:08
เม้นไว้ เป็นหลักฐาน ว่าได้เข้ามาเยือนเรื่องนี้ (พอดีขี้ลืมโคตร...เดี๋ยววันเวลาผ่านไปจะลืมตามอ่าน-*-)

เพิ่งอ่านหน้าแรกจบ

สนุกมากค่ะ น่าติดตาม ฮิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-09-2012 00:02:07
ตามคำแนะนำมาค่ะ  เห็นว่าสนุกมาก  ต้องลองซะแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 14-09-2012 03:39:00
จีจะเป็นไรมั๊ย  ขอให้ปลอดภัย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 14-09-2012 04:19:06



    เพิ่งเข้ามาอ่านงับ ดูลึกลับซับซ้อนดีนะ
    ภาษาดีมากๆด้วย อ่านแล้วให้ความรู้สึกเนิบๆ ลึกซึ้ง อ่อนหวานดีน่ะ




หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 15-09-2012 08:07:51



     โย่ว อ่านตามทันแล้วงับ
     กว่าจะตามทันก็เสียน้ำตาไปหลายปี๊บ T T




หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 15-09-2012 12:50:03
ชงคมเป็นพ่อของยูได้ไงนิ :confuse: เรื่องราวสลับซับซ้อนมากกก :a5:
อยากบอกว่าอ่านตอนนี้แล้วงงมากๆ เลยอ่า :sad4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 15-09-2012 14:40:52
สนุกมากๆๆๆๆๆคะ เขียนดีจริงๆๆ ขอบคุณมากนะคะ  :L2:

รอลุ้นอย่างใจจดจ่อ และรอช๊อตหวานๆๆพี่วิน น้องจีด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: luvY ที่ 15-09-2012 15:00:17
เข้ามาตามกระทู้แนะนำ  ไม่ผิดหวังจริงๆเลยค่ะ  :pig4:
สนุก ลุ้นทุกตอน
ตอนนี้เป็นห่วงน้องจีค่า อาการไม่ดีแล้ว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sunwars ที่ 15-09-2012 18:22:35
มาใหม่ค่ะ อ่านรวดเดียวเลยมึนว่าต้องเมนท์ไรบ้าง
แต่ก่อนอื่น

ขอแท็กตัวกระโดดกอดคนเขียน หมับ!!
รักอ่ะ ในที่สุดเราก็หากันจนเจอ ฮาๆ

สนุกมากเลยอ่ะคะ
อ๊ายๆๆๆ :o8:
พระเอกนายเอกน่ารักมาก
เนื้อเรื่องก็หนุกมาก เก็บจะคิดว่ากลับชาติมาเกิด
ไม่นายเอกก็โดนผีหลอกแล้วคะ
แค่โดนวางยาหรอกหรอ แป่ว  :really2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 15-09-2012 22:50:25
เป็นคนที่ชอบนิยายแนวนี้มากเลยค่ะ แต่หาอ่านได้ยากมากๆ ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆให้ได้อ่านกัน
ชอบมากเลยค่ะ ทั้งเนื้อหา การผูกเรื่องและภาษา อ่านแล้วรู้สึกว่าคนแต่งทุ่มเทในการแต่งมาก
น้อยคนจริงๆค่ะที่จะแต่งนิยายแนวนี้ ชอบมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ในการแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 16-09-2012 03:14:34
อ่านรวดเดียว ลุ้นมาก ตื่นเต้นสุดๆ
ดีนะเรามาอ่านจนถึงตอนนี้แล้ว ถ้าหยุดตอนใดตอนหนึ่งก่อนหน้านี้
เราต้องอกแตกตายแน่ๆ  :z3:

คดีพลิกได้ตลอด เขียนเก่งมากค่ะ
เรื่องราวมันย้อนอดีตไปหลายทอดได้อีก - -"
สุดท้ายก็ลุงชมนี่เอง ดีนะที่คิดได้ ยังไม่สายเกินแก้นะลุง

ขอให้น้องจีปลอดภัย อยู่กับพี่วินเถอะ
ยูเขายังไม่เหงาหรอก  :sad4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 18-09-2012 19:39:09
เอิ่ม สนุกมาก จะว่าไงดี ติดเลยอ่ะ อ่านจบในวันเดียวจนถึงล่าสุด
กะแล้วว่าต้องเป็นลุงชง มีปม ให้พอลุ้นและเดาได้
เป็นเรื่องที่น้ำเน่ามากกกกกกก แต่...ไม่สามารถหยุดอ่านได้ เรามันพวกเสพติดน้ำเน่า 55++
ดูจากความถี่ในการอัพแล้ว สงสัยจิไม่พ้นเดือนหน้า T T 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: theWinDy ที่ 18-09-2012 21:20:07
ตามมาจากกระทู้แนะนำ นิยายสนุกมากค่ะอ่านแล้วลุ้นตลอด
แรกรู้สึกหลอนหน่อยๆ ยิ่งอ่านตอนกลางคืนนี้โหยไม่อยากจะพูด
แต่พอได้อ่านเม้นคนเขียนว่าไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติก็ค่อยยังชั่วหน่อย

เลยร่วมเป็นนักสืบไปกับพี่วินด้วยซะเลย เรียกว่าทั้งสืบความรู้สึกของตัวเอง
กะคอยสืบดูแลความปลอดภัยให้น้องจีตามสัญชาตญาณ
ถึงตอนท้ายนี่น้องจีคงจะปลอดภัยแม้จะโดนไปหนักเหมือนกัน

ขอบคุณคนเขียนกับนิยายน่าอ่านเรื่องนี้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 18-09-2012 22:52:28
สนุกจังคะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ คุณนักเขียน ^ ^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 19-09-2012 23:46:34
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ค่ะ สนุกมากจริงๆ
โอ้ยยย อ่านไปลุ้นไป ภาษาสวยมาก ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจขึ้นเยอะเลย ฮ่าาาา (เผอิญกำลังเรียนด้านนี้อยู่พอดีเลยค่ะ)
พระเอกเรื่องนี้ช่างเป็นนักธุรกิจเต็มตัว
ชอบหนูจีง่าา TT//////TT
ขอให้จีไม่เป็นอะไรนะคะ ปลอดภัยๆๆ ขวัญเอ้ยขวัญมา หมดเคราะห์หมดโศกซักทีเถอะ น่าสงสารเหลือเกิน 555555555

คุณคนเขียนรีบกลับมานะคะ รออยู่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-09-2012 23:48:46
คราวนี้หายหน้าไปนานเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: gohong ที่ 20-09-2012 19:51:33
ช่วงนี้ยุ่งมากเลย เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
ปกติไม่พลาดที่จะมาเม้นเป็นคนแรกๆ แต่สำหรับตอนนี้ได้มาอ่านช้าไปหน่อย 5555+
ในที่สุดปมต่างๆก็คลี่คลาย ตลกตัวเองในเม้นก่อน เดาไปได้ว่าคุณหญิงย่ามีส่วนรู้เห็นด้วย ถ้าเป็ยหยั่งงั้นจริง เรื่องคงหักมุมและก็ดาร์กอย่างที่คนเขียนว่าแน่ๆ 5555
แต่ตอนต่อไปก็ลุ้นกันอีกว่าทำไมจีถึงบอกว่ามองไม่เห็น? เป็นเพราะฤทธิ์ยาของลุงชง?

ปล.เป็นกำลังใจให้คุณเดหลีเสมอนะ :)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-09-2012 20:16:54
คิดถึงจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 21-09-2012 01:33:28
อ่านจบซะทีหลังจากดองมานอน
โอ๊ยยยเรื่องนี้มันอบอุ่นมากค่ะ
แต่คราวนี้เหมือนคนเขียนจะหายไปนาน
จริงๆเรื่องจจบแล้ว แต่อยากให้มีต่อจัง ฮ่าๆๆๆ
เพราะชอบรักอบอุ่นของพี่วินกับน้องจีค่ะ
ไม่ต้องบอกว่ารักแต่เรารู้สึกได้จากการกระทำ
มัน โอ๊ยยยยยย น่าารักมากกกกกกกกกกก
รออยู่นะค่ะ ส่วนตัวก็คิดว่าลุงชมน่าสงสารมาก
อ่านไปตอนนี้รู้สึกกลัวนิดๆฮ่าๆๆ เพราะนึกถึงบ้านบรรยากาศเก่าๆแบบนี้
แลดูวังเวงเน๊าะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
จบภาคลุงชงก็อยากให้มีภาคพี่วินน้องจีต่อจัง*0*
แต่ตามใจคนเขียนค่าาาคนอ่านอย่างไงก็ได้ ><
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: hades ที่ 22-09-2012 01:20:49
มาต่อเร็วๆนะคะะะะ อ่านรวดเดียวจบเลย 55555
ติดมากกกก หยุดอ่านไม่ได้ เราชอบภาษามากเลยค่ะ ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามมากๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ :)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 22-09-2012 18:52:23
โอ้...ปริศนาของเรื่องกระจ่างแล้ว  o22
มูลเหตุจูงใจแบบนี้ ให้เดายังไง ก็ไม่ถูกแน่ เพราะ เป็นเรื่องของภูมิหลังครั้งเก่าก่อน
ชีวิตลุงชงคมและสายตระกูลสาขานี้ ช่างอาภัพนัก เป็นความน้อยเนื้อต่ำใจที่สั่งสมมารุ่นต่อรุ่น
ยิ่งมีกรณีการตายของยูพ่วงเข้าไปอีก ไม่แปลกที่ลุงจะมีอาการทางประสาทแบบนี้  :เฮ้อ:
แต่ที่น่าสงสารที่สุด คงเป็นจี อะไร ๆ ก็มาลงที่จี ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนอะไรกับเรื่องในอดีตสักนิด
เสียเพื่อนสนิทไปทั้งคน โดนกล่าวหา โดนวางยา โดนทรยศ เรียกว่า ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง
จะมีเรื่องดีในสารพัดเรื่องร้าย คงเป็นการได้เจอคุณภวิลนั่นแหละ ( แม้แรก ๆ จะโดนพี่ท่านข่มเหงน่าดูก็เถอะนะ  :m23: )
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Miimiah ที่ 22-09-2012 19:40:22
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำค่ะ ไม่ผิดหวังจริงๆ
ขอบอกว่าเรื่องนี้สนุกมากกกกก
คนเขียนสุดยอด o13 o13 o13
ชอบอ่านนิยายแนวนี้ พลอตไม่ซ้ำซาก มีปมมีเงื่อนงำน่าติดตาม
บางช่วงหลอนมากเลยนะคะ เราอ่านตอนกลางคืน ตี 2-3 นั่งคนเดียว ขนลุกมาก
นอนไม่หลับจริงๆค่ะ อินมาก สุดท้ายก็...
อ่านเรื่องนี้แล้วได้รับความรู้เพิ่มเติมมากมาย ตั้งแต่กฎหมาย ธุรกิจ รายละเอียดต่างๆ คนเขียนเก่งจริงๆ
อยากอ่านตอนหน้าแล้ว ><
ยังไม่อยากให้จบเลย เรายังรู้จักพี่วินกับน้องจีไม่ดีพอ ยื้อ~
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: chaaom ที่ 28-09-2012 16:22:41
เพิ่งได้เข้าอ่านครั้งแรกค่ะ ลากยาวเลย อ่านตั้งแต่บทแรกจนถึงตอนนี้
เราไมเคยอ่านนิยายวายที่เป็นแนวสืบสวนจัดๆแบบบเรื่องนี้มาก่อน
ขอสารภาพว่าพอเห็นชื่อเรื่องตอนแรกคิดว่าออกแนวจำเลยรักซะอีก
ตัวละครไม่เยอะ แต่ความสัมพันธ์ในเรื่องซับซ้อนจริงๆ บางทีก็งงกับลำดับญาติของทั้งสองฝ่าย
เป็นเรื่องที้ฉากหวานน้อยมากเลย เบาหวานมาก คือถ้าไม่คิดอะไรเลยจะคิดว่าเป็นนิยายสืบสวนเฉยๆไม่ใช่ boy's love ยังได้
แต่ก็รฺ้นะคะว่าพี่วินเป็นห่วงจีมาก
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบยูจัง ทำให้นึกถึงเพื่อนที่กำลังเรียนสถาปัตย์อยู่ นิสัยคล้ายๆยูเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 28-09-2012 19:16:53
โอยยย ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากค่าาาา
ไม่น่าเชื่อ อ่านมาถึงตอนล่าสุด
อย่าเพิ่งเปนอะไรไปนะ
ทั้งเรื่องลุง เรื่องบ้านเจ้าพระยาอีก
พี่วิน อยู่ข้างๆน้องนะ
อย่าเพิ่งทิ้งไป
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 02-10-2012 13:45:31
คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ♥♥

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ คนเขียนสู้ๆ ^O^'

 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 02-10-2012 20:20:43
แวะเข้ามาทันค่ะ อยากอ่านต่อออ TT^TT
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: hades ที่ 03-10-2012 18:10:24
คิดถึงเรื่องนี้จัง  :sad4:

สอบเสร็จแล้วรีบกดเข้ามาดูเลยค่ะ 55555  :laugh:

ยังไงก็สู้ๆนะคะ จะรอจ้าาา :')

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Artown ที่ 04-10-2012 03:07:03
มาต่อเถิดดดดดดดด  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 04-10-2012 08:43:21
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกก
คุณเดหลีมาต่อตอนต่อไปเร็วๆ ด้วยเถิดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 04-10-2012 13:25:05
โอยยยยยยยย ใจจะขาด ยูช่วยจีด้วยนะ ช่วยจีด้วย
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล สงสารทุกคนเลย
เป็นเนื้อเรื่องที่สนุกและเข้มข้นมาก
แต่ยูไม่น่าตายเลย คนดีๆทำไมถึงอายุสั้นนะ
ชอบประโยคนี้มากเลย ไม่ว่ายังไงก็รัก เพราะรักถึงอยากจะสร้าง ไม่ใช่ทำลาย
ฮืออออออออออ รีบๆมาต่อนะคะ อยากอ่านต่อมาก
เอาใจช่วยจี ยูต้องช่วยจีนะ ได้โปรด....
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: runma ที่ 06-10-2012 22:22:21
ได้ตามอ่านเรื่องนี้จากคำแนะนำ แล้วก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ
เนื้อเรื่องให้คอยคิดตามตลอด มีปมหลายอย่างซ่อนไว้ให้คนอ่านค้นหา
พี่ภวิลน้องจิรัฐก็เป็นความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ผูกพันธ์กันเอง
โดยไม่รู้ตัว เลยมีอะไรๆ ให้ลุ้นดีว่าเมื่อไหร่ หรือใครจะแสดงความรู้สึกออกมาก่อน
และชอบภาษาของเรื่องนี้นะครับ คุณคนเขียนเขียนได้สวย อ่านเพลินดี  :m4:

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆ เรื่องนี้ครับผม  :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 06-10-2012 22:41:56
คิดถึงจังเลยค่ะ

อยากอ่านต่อมากมาย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: tiktok ที่ 07-10-2012 09:17:38
ชอบค่ะ...เหมือนอ่านนิยายดีๆเล่มหนึ่งเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 09-10-2012 01:36:54
เรื่องมันซับซ้อนตั้งแต่วิธีแนวคิดของลุงชม แล้วคือเราเดาไม่ถูกเลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป(ผิดตลอด555+)
จี อย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Artown ที่ 09-10-2012 04:08:55
ต่อเถอะนะคร้าบบบบบบบ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 10-10-2012 20:55:52
หายไปนานเลยเนาะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 12-10-2012 16:49:43
ค่อยๆ ละเมียดละไมอ่านไปทีละนิด เหมือนกับจิบไวน์ ค่อยๆ ละเลียดรสชาติกับปลายลิ้น อืม...รสชาติกลมกล่อมเหลือเกิน ชอบมากเลยค่ะ ตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 7 แล้ว ไม่อยากให้ถึงตอนที่ 15 เพราะถ้าถึงตอนนั้นแล้วมันจะค้าง  :laugh: ก็เลยอ่านทีละน้อยไงคะ แต่ยอมรับว่าภาษาดีมากๆ เลยค่ะ ยกจอกให้เลยค่ะ ภาษาหวาน แต่ละคำเต็มไปด้วยอารมณ์ เป็นภาษาที่สวย ไม่ปรุงแต่ง ซื่อตรงแต่งามราวกับนางหงษ์

มาต่อเร็วๆ นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 15] 10 ก.ย. 55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 12-10-2012 16:51:04
มานั่งรอพี่วิลกับน้องจีจ้า~
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 13-10-2012 13:12:40
บทที่ 16   

วันและคืนไม่ต่างกันเท่าใดสำหรับคนที่ยังไม่รู้สึกตัวสมบูรณ์ ลืมตาขึ้นก็พบแต่ภาพพร่าเลือน คิดว่าได้ยินเสียงแม่... เสียง... คนที่เขายึดมือไว้เป็นหลักในยามสติใกล้ดับวูบ แต่ทั้งภาพและเสียงก็ขาดหายเหมือนจอโทรทัศน์สัญญาณไม่ดี สับสนปนเปกันไปอย่างนี้จนจมดิ่งลงสู่ความมืดเงียบสงัดอีกครั้ง

สิ่งต่อมาที่เขาเห็นคือสีขาวจ้าจนต้องหลับตา จิรัฐหันหน้าไปอีกทาง พยายามเพ่งแต่ก็ไม่เห็นชัดขึ้นกว่าเก่า ที่รู้ว่าเป็นใครคงเพราะสัญชาตญาณล้วนๆ เขาเรียกเสียงแผ่ว “... แม่”

คุณบุณฑริกรีบกดปุ่มเรียกพยาบาลให้ตามหมอ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปรวดเร็ว เขารู้สึกถึงส่วนของหูฟังเย็นๆ ทาบหน้าอก รู้สึกว่าเตียงถูกไขขึ้น จับใจความได้ว่าไม่มีอะไรน่าห่วง เหลือแต่ที่ตามัวจะค่อยๆ หายไปเอง ได้โทรบอกหมอเจ้าของไข้คือหมอมทนาแล้วคงเข้ามาดูพรุ่งนี้เช้า

เขารู้ว่าหมอกับพยาบาลออกไปแล้วจากเสียงประตูปิด จิรัฐเอนหลังพิงหมอนพยายามรวบรวมความคิด แม่ขยับจะไขเตียงลงให้แต่เขาห้ามไว้ก่อนเพราะยังไม่อยากนอนอีก

“จีตื่นมาหลายทีแต่แป๊บเดียว... หมอบอกว่าไม่เป็นไร จนรู้สึกตัวเต็มที่อย่างนี้แม่ค่อยโล่งใจ” คุณบุณฑริกลูบไหล่ลูกชาย “หิวไหมลูก”

“ตอนนี้ยังหรอกครับ” เขาตอบก่อนถามสิ่งที่อยู่ในใจมาตั้งแต่พอจะได้สติ "พี่... วิน เป็นยังไงบ้าง"

"ปลอดภัยดี" เจ้าตัวโผล่เข้ามาเหมือนรู้คิว จิรัฐจำเป็นต้องเชื่อเพราะเท่าที่พยายามเพ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทางบาดเจ็บ ผ้าพันแผล เฝือก หรืออย่างอื่นก็ไม่ปรากฎ แต่ที่มองไม่เห็นคือสีหน้าเคร่งเครียดปิดความห่วงใยเอาไว้ไม่มิด คุณบุณฑริกรีบบอกว่ามีหมอเข้ามาดูเรียบร้อยรวมทั้งแจ้งหมอมทนาแล้วด้วยเพราะคนเพิ่งมาถึงทำท่าจะโทรศัพท์ตามเพื่อนเดี๋ยวนั้น

ภวิลอยากจะเฝ้าคนป่วยเสียเองตั้งแต่คืนแรกแต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เป็นเช่นนั้น เขาไม่ยอมไปไหนจนมทนารับรองว่าจิรัฐพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ต้องให้ปากคำกับตำรวจ ยังมีเรื่องต่างๆ นานาตามมาอีกเป็นพะเรอจากคดีอาญา รวมทั้งเพิ่งเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเมื่อคืนซึ่งเขาคิดว่าจิรัฐยังไม่พร้อมจะรับรู้ ธรรมนูญช่วยได้บ้างแต่หลายเรื่องเขาต้องจัดการเอง เลยได้แต่ไปๆ มาๆ และโทรศัพท์หาคุณบุณฑริกเป็นระยะเพราะมารดาจิรัฐไม่ใช้พยาบาลพิเศษ ยืนยันจะเฝ้าไข้ลูกชายด้วยตัวเอง

แต่ที่ไม่อยู่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ห่วง เพิ่งคุยกับตำรวจเสร็จรอบที่เท่าไรก็เหลือจะนับ บึ่งรถกลับมาโรงพยาบาล ถึงหน้าห้องทันได้ยินเสียงถามประโยคสุดท้าย เท่านั้นสามวันสามคืนที่ผ่านมา ก็ไม่ได้เหนื่อยเลยสักนิด

คุณบุณฑริกเอ่ยขึ้น “วินคงวุ่นมาก... อาไม่รู้จะขอบใจยังไงที่เป็นธุระจัดการเรื่องยุ่งๆ ทั้งหลายนี่”

ก่อนภวิลจะทันตอบ คนบนเตียงก็พูดขึ้นเสียก่อน

“แม่... รู้ทั้งหมดนี่แล้ว แม่...”

“ไม่ต้องห่วง แม่ไม่เป็นไรหรอก... แม่สิห่วงจีมากกว่า ที่จริงตอนแรกก็ทั้งโกรธ ตกใจ เสียใจ มันปนกันไปหมดแหละลูก แต่พอจีไม่เป็นไรแล้วอย่างนี้มานึกๆ ดูแม่ก็สงสาร... เขาอยู่กับเรามาตั้งนานนะ แต่เราพอใจจะเชื่อทุกอย่างที่เขาแสดงเพียงเพราะมันง่ายกว่าการมองให้ลึกลงไปว่าในใจเขายังเก็บซ่อนอะไรเอาไว้อยู่บ้าง อะไรที่เราพอช่วยเขาได้บ้างก่อนเรื่องมันจะเกิด... แน่นอนว่าเทียบกันไม่ได้หรอกกับการที่เขาทำลูก เรื่องนั้นก็ให้กระบวนการทางกฎหมายจัดการต่อแล้วกัน”

จิรัฐจับมือแม่ ได้รับการบีบเบาๆ ตอบกลับมา เขาเข้าใจว่าทำไมแม่ถึงพูดอย่างนี้ เพราะแม่ก็เห็นเหมือนกับที่เขาเห็น นั่นคือชงคมก็เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ปีศาจ

เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ตัดสินใจพลาดเพราะความเข้าใจผิดและสูญเสีย เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่เคยให้โอกาสตัวเอง

... ไม่เคยให้โอกาสลูกชายได้ทำความรู้จักและเรียกว่าพ่อ น่าเศร้าที่ไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้รับความรักแบบนั้น

ชงคมเคยย้ำกับเขาว่าถึงบริเวณนอกบ้านทั้งหมดจะเป็นความรับผิดชอบของตน แต่เพียงสระที่พ่อทำ... คนเดียว แท้จริงแล้วที่ไม่อยากแตะสระบัวเพราะเข้าใจว่าเจ้าคุณตาทวดทำให้คุณหญิง แต่จริงๆ ไม่มีใครรู้... เจ้าคุณฯ อาจยังนึกถึงอีกฝั่ง อาจปรารถนาให้อยู่ร่วม... แม้เป็นเพียงในสัญลักษณ์

ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไปจิรัฐได้ยินเสียงรถตำรวจ ตอนนี้เดาเอาว่าทั้งเรื่องทั้งคนคงอยู่ในกระบวนการเรียบร้อยแล้ว

อันที่จริงชงคมก็ตั้งใจจะบอกเรื่องทุกอย่างกับคุณบุณฑริก เพียงแต่เกิดเรื่องกับยูขึ้นเสียก่อน

... และเหตุการณ์นั้นก็นำพาภวิลเข้ามาในชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน

จิรัฐขยับจะเอ่ยถามถึงคดีความแต่ยังไม่ทันเริ่มก็รู้สึกว่าเตียงถูกปรับให้เอนลงอีกครั้งหนึ่ง

“... พักก่อนเถอะ” ภวิลว่าแล้วหันไปบอกเบาๆ “คุณอาก็เหมือนกันนะครับ ทางนี้ผมดูเอง”

คุณบุณฑริกเฝ้าลูกชายมาตั้งแต่คืนแรก ควรจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านให้เต็มตาสักคืน มารดาจิรัฐสบตาเขาก่อนพยักหน้าคล้ายวางใจ ก้มลงจูบหน้าผากคนบนเตียงแผ่วเบา

“พรุ่งนี้แม่มาใหม่”

จิรัฐไม่ตั้งใจจะหลับ แต่ดูเหมือนไร้สิทธิ์เสียงในเรื่องนี้ จะด้วยฤทธิ์ยาที่หรือความเพลียก็ตาม คลับคล้ายคลับคลาว่าถูกปลุกมาทานข้าว ตรวจโน่นวัดนี่ อาจจะเคลิ้มไปอีกจนสะดุ้งตื่นมามือเย็นเฉียบ คิดว่ากลางดึกเพราะห้องมืด ไฟเปิดอยู่ดวงเดียวแต่ด้วยอาการที่ตาเขาก็ยังมองไม่ค่อยจะเห็นอยู่ดี

จิรัฐจำไม่ได้ว่าฝันอะไร รู้แต่ว่าตกใจ พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน จำได้เพียงเสียงที่ตอบกลับมา เพราะมองไม่เห็น ก็เลยไม่เห็นว่าคนที่ยึดเอาโซฟาข้างเตียงเป็นที่ทำงานวางแล็ปท็อปแล้วถึงตัวภายในเสี้ยววินาที และไม่เห็นสายตาคนพูด... สายตาที่บ่งบอกออกมาหมดสิ้นว่ารู้สึกเช่นไร

"... พี่ไม่ไปไหนหรอก... ไม่ไปไหนแล้ว"

จิรัฐหลับตาลง และคิดว่า... ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะฝันร้าย


รุ่งขึ้นมทนามาแต่เช้าจริงๆ ตอนนั้นภวิลไม่อยู่ในห้อง มีแต่แม่ เหตุการณ์เมื่อคืนคล้ายฝันไป แต่ก็คงเป็นฝันดี... จิรัฐได้คุยกับหมอยาว ซึ่งถ้าจะมีใครตอบข้อสงสัยต่างๆ ได้ครบถ้วนกระบวนความที่สุดก็ไม่พ้นแพทย์เจ้าของไข้ที่พ่วงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาเข้าไว้ด้วย ที่จริงภวิลกับมทนารู้เรื่องยาในตัวตั้งแต่ที่มาตรวจครั้งล่าสุด แต่เพราะผลที่ออกมาตอนนั้นยังปกติดีจึงตัดสินใจจะบอกหลังได้หลักฐานแน่ชัดเพื่อไม่ให้เป็นการกล่าวหาคนที่รู้ว่าสำคัญกับเขาอย่างลอยๆ

แต่พอคาดคะเนผิดไป มทนาก็จำต้องยอมรับว่าไม่เคยเห็นเพื่อนมีท่าทางอย่างนั้นมาก่อน

ตกบ่ายกว่าเขาจะเห็นภวิล มาแล้วก็พูดจาเบาๆ กับคุณบุณฑริกอยู่ตรงประตู ไม่นานแม่ก็บอกว่าจะออกไปทำธุระข้างนอกสักครู่ ส่วนคนเข้ามา ‘ผลัดเวร’ ก็กางแล็ปท็อปเฉย ทั้งที่จิรัฐดูออกว่ามีเรื่องต้องพูดกันแน่ชัด แต่อีกฝ่ายยังไม่เอ่ยปากเขาก็ยังไม่ถามแม้จะอยากรู้เรื่องคดีและชงคม กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยใจกับการใช้โทรทัศน์เป็นวิทยุรวมทั้งรายการภาคบ่ายที่อึกทึกเหลือเกินเลยปิด

“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น หมอบอกแล้ว” อีกฝ่ายแปลเจตนาเขาไปว่ารำคาญกับการมองไม่ชัด ซึ่งก็อาจมีส่วน เพราะจิรัฐไม่ชอบอยู่เฉยๆ แต่ตากับสภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยแบบนี้ก็เลยจำเป็น

ภวิลจำได้ว่าเมื่อตอนโทรตามมทนาด่วนให้มาที่โรงพยาบาลเมื่อแรกเกิดเรื่อง พอหมอเห็นหน้าเขาก็พูดประโยคแรกออกมาเหมือนกันไม่มีผิด แต่ตอนนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่า... หญิงสาวต้องพูดย้ำอยู่หลายครั้งก่อนจะหายเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

“เหมือนเห็นอะไรได้ไม่ไกลเกินฟุตเลย” คนบนเตียงบ่น ก่อนจะต้องขยับถอยหลังเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าอีกฝ่ายชัดขึ้นอย่างกะทันหัน

“แบบนี้เห็นรึยัง” แล้วยังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

จิรัฐรีบพูด “ใกล้ไปก็มองไม่เห็นเหมือนกัน เอาพอดีๆ”

แว่วเสียงหัวเราะหึก่อนภวิลจะถอยกลับไปเหมือนเดิม แต่ก็ลากเก้าอี้เข้ามาใกล้เตียงอีกหน่อย

“เรื่องนั้น... ไว้ก่อนไหม ตายังไม่หาย”

“แต่หูยังปกติดีนี่ครับ”

ภวิลถอนใจ ความจริงหลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาก็ไม่ตั้งใจจะปิดบังอะไรจิรัฐอีก และเรื่องนี้... ถึงจะผลัดไปก็เท่านั้น เขาก็ประวิงเวลาจนถึงที่สุด เพราะอยากคุยกับเจ้าตัวก่อนตำรวจ

“ผมก็แค่อยากรู้ว่าเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้วเท่านั้นเอง”

“... คงไม่ถึงไหนแล้วล่ะ”

คนฟังจับได้จากน้ำเสียงว่าอีกฝ่ายหยุดยิ้มไปแล้ว บ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แน่ เขาเตรียมใจแต่ก็ยังนิ่งอึ้งไปหลายนาทีพอได้ยินเข้าจริงๆ

“ชงคมเสียชีวิตแล้ว”

จิรัฐยังพูดไม่ออกจนอีกฝ่ายต้องถาม “เป็นอะไรรึเปล่า...”

“มัน... เกิดขึ้นได้ยังไงครับ...”

“ตำรวจก็ยังไม่แน่ใจ... เหมือนหัวใจล้มเหลว เพิ่งจะส่งชันสูตร” 

ที่ภวิลไม่ได้พูดออกไปคืออาจมียาบางประเภทที่ทำให้ดูเหมือนเป็นเช่นนั้นได้ แบบที่จนชันสูตรแล้วก็ยังไม่เจอ แบบที่... อาจอยู่ในความตั้งใจตั้งแต่เริ่มต้น ‘แผน’ จะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ชงคมอาจไม่คิดอยู่ต่อ

“ผมนึกไม่ถึง โธ่...”

ถึงอีกฝ่ายจะหลงผิดถึงขนาดทำร้ายตัวเองมาแล้ว แต่ด้วยนิสัยไม่ลืมความดีคนจิรัฐยังเสียใจจริงๆ คนเล่าก็รู้ ขนาดว่าถ้าให้ประกันตัวเขาจะไม่ค้านด้วยซ้ำ สีหน้าท่าทางของชายชราตอนวางปืนยังติดตา... ภวิลไม่คิดว่าหลังจากรู้ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น รู้ว่าน้องทำไปด้วยสาเหตุใด ชงคมจะทำอะไรจิรัฐได้ลงอีก

แต่สุดท้ายก็เลือกทางนี้...

เขารออยู่ครู่แล้วจึงเอ่ยต่อ

"... ตำรวจพบพินัยกรรม เงินทองที่มีอยู่บ้างยกให้การกุศล ส่วนบ้านหลังนั้นกับที่ดิน... ยกให้คุณอารงรอง”

จิรัฐนิ่งไปอย่างประหลาดใจ ก่อนจะบอก “ผมเข้าใจว่าลุงแกเกลียดบ้านหลังนั้นมากเสียอีก ทำไมยังนึกถึงในพินัยกรรม”

“ความสัมพันธ์ระหว่างชงคมกับบ้าน... ไม่ว่าจะเป็นบ้านไหน ก็คงเหมือนกับความรู้สึกที่มีต่อคนในชีวิตนั่นแหละ ทั้งรัก ทั้งชัง... ถ้าจะมีที่รักล้วนๆ ก็คงเป็นยู ยังไงคุณอาก็เป็นแม่ของลูกชาย ไม่อยากได้บ้าน ที่ดินผืนนั้นก็พอจะมีมูลค่าอยู่บ้าง”

“ลุงไม่ได้ยกเงินให้อีกเพราะรู้ว่าคุณอาเธอมีมากอยู่แล้ว ที่ดินมีราคาก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าคุณอาไม่มีทรัพย์สินของตัวเอง... ที่จริง ลุงเพียงแต่นึกถึงคุณอาต่างหาก” จิรัฐพูดเบาๆ

นอกจากลูกชายแล้ว คนที่นับได้ว่าสำคัญพอให้คิดถึงก็คงมีแต่รงรองเท่านั้น แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันก็ตาม

"คุณอารงรองให้สิทธิ ‘เรา’ จัดการต่อตามแต่จะเห็นสมควร คุณอาบอกว่าเรา... รู้จัก รู้ใจยูดีที่สุด ถ้ายูชอบบ้านหลังนั้น คงมีวิธีที่จะทำให้ลงตัวได้”

จิรัฐระบายลมหายใจ แต่แรกเริ่มคิดจะย้ายตัวเรือนมาปลูกในที่ของบ้านพระยา ของสองอย่างที่กฤตวัตรัก... อยู่ด้วยกัน ในที่สุดก็เกิดขึ้น แต่เขาไม่เคยคิดว่าเจ้าของบ้านจะเป็นชงคม ไม่เคยคิดว่าต้องแลกด้วยการสูญเสียคนเก่าแก่ไปอีกคน

เขาชดเชยความอยุติธรรมที่สายนั้นได้รับไม่ได้ แต่ที่ทำได้ คือดูแลบ้านพระยาต่อไปให้ดีที่สุด

จิรัฐใช้ความคิดอยู่อีกพัก คนเฝ้าไข้ก็ไม่ได้กวนจนเขาถามเมื่อย่ำค่ำเต็มที “คุณภวิล แม่ว่าจะกลับกี่โมงครับ”

อีกฝ่ายตอบเสร็จแล้วก็ดูท่าจะกลับไปจดจ่อกับงาน จิรัฐคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ต่อจนได้ยินเสียงถามลอยๆ

“... ไม่เรียกแล้วหรือ”

“เรียกอะไร...”

“ก็... เรียกแบบที่เรียกตอนเพิ่งตื่น”

คนถามไม่ยอมเงยหน้า ดังนั้นจึงไม่เห็นว่าคนตอบอมยิ้ม “เพิ่งตื่น ก็แปลว่ายังงงๆ เบลอๆ อยู่ อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง”

“งั้นเรียกเหมือน... ตอนฝันร้ายเมื่อคืน”

“นั่นก็เพิ่งตื่นเหมือนกัน”

เว้นไปพักหนึ่งจนจิรัฐชักกลั้นขำไม่ไหว ถึงยังไม่ชัดร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ภวิลนั่งใกล้พอที่เขาจะเห็นสีหน้าคนฟังที่จ้องแล็ปท็อปอย่างเอาเป็นเอาตาย เลยต้องเฉลย

“... ล้อเล่น” เขาค่อยพูด “ถ้าอยากให้เรียก... ก็จะเรียก”

... คราวนี้อีกฝ่าย... ยิ้มกับหน้าจอ

คืนนั้นจิรัฐสวดมนต์แผ่เมตตาตามปกติ แต่ท้ายสุด อุทิศให้ชงคม และเมื่อเขาคิดถึงชงคม เขาก็คิดถึงลุงชงคนที่เล่านิทานให้เขาฟัง คนที่ตอบคำถามข้อแล้วข้อเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คนที่ช่วยครอบครัวเขาดูแลบ้านมาตลอด

ขอให้ต่อจากนี้... ได้พบความสงบสุขแท้จริง

... อเวรา โหนฺตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย...
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 13-10-2012 13:20:29
บทที่ 16 (ต่อ)

รุ่งเช้าธรรมนูญแวะมา ขนอาหารประดามี ฝีมือเชฟทักษ์ฝากเยี่ยมไข้มาด้วย

จิรัฐออกจะดีใจเพราะอยากรู้เต็มแก่ว่าที่ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ผู้จัดการก็เล่าแต่เท่าที่ฟังทุกอย่างดูราบรื่นดี เพราะ...

“... ถ้าบอกว่าคุณภวิลแยกร่างได้จะไม่แปลกใจ เดี๋ยวจัดการงานบริษัทตัวเอง เดี๋ยวไปโรงแรมเรา เดี๋ยวคุยกับตำรวจ เดี๋ยวติดต่อเรื่องถอดรื้อบ้านมาปลูกใหม่ เดี๋ยวมาโรงพยาบาล...” 

“พี่วินเขาเก่ง” รุ่นน้องตอบสบายๆ ดูของกินแล้วว่าให้ฝากขอบคุณเชฟ น่าอร่อยกว่าอาหารโรงพยาบาลเป็นไหนๆ

ธรรมนูญสะดุดหูแต่ไม่ถาม เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยผ่านไป... และในกรณีนี้จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นด้วยเพราะผู้บริหารเดินเข้าประตูมาแล้ว พูดคุยไต่ถามกันอยู่พักหนึ่งผู้จัดการก็ขอตัวไปทำงาน

ตั้งแต่หมดข้อกล่าวหาเรื่องปองร้ายจิรัฐ ภวิลก็พบว่าเขาไว้ใจธรรมนูญมากขึ้น โดยเฉพาะในยามที่ต้องจัดการหลายเรื่องไปพร้อมกันอย่างนี้ แต่พอเห็นของกินวางแผ่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

จิรัฐกำลังสนใจกาแฟเย็นในกระติก พอดีถูกขัดด้วยน้ำเสียงกึ่งระแวง

"กินได้เหรอ"

คนไข้เริ่มรู้สึกเหมือนมีนักโภชนาการส่วนตัว ไม่รู้ว่าที่เขาเคยป่วยไปก็เพราะของที่กินหรือเปล่าภวิลถึงได้ยังกังวลไม่เลิกรา
 
"มันก็แค่กาแฟ..."

เสียงเคาะประตูดังขึ้น คุณหมอโผล่เข้ามาเหมือนระฆังห้ามยก มทนายิ้มแจ่มใส ส่วนคนไข้ยกกาแฟให้ดูโดยไม่ต้องถาม เพราะพักหลังทั้งแม่ทั้งภวิลก็ผลัดกันโทรหาหมอก่อนเขาจะได้กินอะไรแต่ละที จนจิรัฐว่าให้ทำรายการไว้ อะไรที่ถามไปแล้วจะได้ไม่ต้องถามซ้ำ

"...อ๋อ กินได้ค่ะ" หมอว่า “ไม่เข้มเกินไปจนระคายเคืองกระเพาะก็ไม่มีปัญหานะ”

“อันนี้ไม่...” ยังไม่ทันจบประโยคคนยืนอยู่อีกฝั่งเตียงก็คว้าหลอดมาจิ้มหน้าตาเฉยก่อนว่า

“อืม ก็พอได้”

“ให้น้ำแข็งละลายให้หมดเลยมั้ยล่ะครับจะได้ไม่เข้มสมใจ” คนถูกแย่งชักมีน้ำโห และได้คำตอบที่น่าจะเดาออกอยู่แล้ว

“ดีเลย งั้นตั้งไว้ตรงนี้ก่อน”

“ยังงั้นก็ไม่เรียกกาแฟแล้ว” จิรัฐว่า

"คุณจีทานเถอะค่ะไม่เป็นไรหรอก กาแฟนี่จริงๆ แล้วมีฤทธิ์ต้านพิษจากยี่โถด้วยนะ ความจริงต้องชมวินมีสติ จำมาบอกได้หมดเลยว่าในยาที่เขาใช้ใส่อะไรบ้าง เลยตรงจุด”

ภวิลจำได้ว่าตอนไปบ้านเก่าด้วยกันครั้งแรกวันงานคุณย่าจิรัฐกินยาไปก่อน แต่ที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นไม่นานก็ให้ธรรมนูญซื้อกาแฟเพื่อจะได้คุยกับเขาเรื่องน้องตามลำพัง ขากลับจากบ้านเก่าครั้งที่สองตอนไปถามไถ่คนอาศัยอยู่รอบๆ เรื่องเจ้าของบ้านก็แสดงอาการ แต่พอได้กาแฟที่ตลาดน้ำก็ดีขึ้น ตอนนั้นยังคิดว่าเป็นเพราะหิวและได้ทานมื้อกลางวัน

... เพิ่งมารู้ว่าดีขึ้นเพราะกาแฟไปช่วยคานยาเอาไว้ และตอนนั้นชงคมก็ใช้แต่ยี่โถเป็นหลักเสียด้วย
 
มทนาลงมือตรวจโน่นนี่ ดูชาร์ต บอกว่าจริงๆ ก็แทบไม่มีหลงเหลืออยู่ในระบบร่างกายแล้ว ตอนสายจิรัฐมีนัดตรวจตากับหมอเฉพาะทาง แต่น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะวันนี้ก็มองเห็นเกือบจะสมบูรณ์

"ที่พี่เคยบอกคุณจีเมื่อวันก่อนว่าในปรงมีเมทานอลเลยทำให้ตามัวได้ แต่นี่ก็ไม่ปวดหัวคลื่นไส้แล้ว อาการอื่นๆ ก็ดี อีกไม่นานก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ"

จิรัฐขอบคุณหมอ ภวิลว่าจะไปส่งแต่มทนาบอกไม่เป็นไรเพราะยังมีงานอื่นต้องไปดูในโรงพยาบาลสาขานี้อีก คนใกล้ได้กลับบ้านลงจากเตียงมานั่งกินกาแฟเฉยแต่รู้ว่าอีกฝ่ายยังมองอย่างเป็นห่วงอยู่ เขาพูดโดยไม่ต้องรอให้ถาม

“...หมอบอกแล้วนี่ครับว่าไม่เป็นไร”

“หมอบอกมันก็ไม่เท่า...”

“อ้าวก็ดูสิ กินอะไรก็ไม่อยากจะคายของเก่าออก นี่ก็ดี...” จิรัฐว่า มองคนนั่งตรงข้าม “เห็นหน้าชัดขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะ”

เขากินกาแฟต่อ ลามไปถึงของว่างอื่น เชฟก็บรรจงจัดมาเสียสวย พยายามจะชวนให้อีกคนที่ยังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดทานด้วยแต่ยังไม่สำเร็จ

“เป็นไรล่ะครับตอนนี้” 

“ตอนนี้ไม่เป็น ตอนนั้นน่ะเป็น”   

เพราะภวิลไม่ใช่คนพูดหวาน แต่คนฟังยิ่งเชื่อว่าทุกอย่างที่พูดเป็นความรู้สึกจริงๆ และเขาก็รู้ว่า ‘ตอนนั้น’ คือตอนที่เขายัง ‘เป็นไร’ อยู่นั่นแหละ

“ยังนึกว่าถ้ายิงมาก็...”

จิรัฐไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจนจบ อาจเป็นเพราะไม่อยากได้ยิน ไม่อยากนึกถึง เลยไม่อยากฟัง เขาขัดขึ้น

"ไม่..."

ตอนนั้นภวิลไม่ยอมปล่อยมือ และไม่ได้ห่วงตัวเอง เขาไม่อยากคิดว่าคนที่ไม่ห่วงตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง

"ไม่...?”

“... ไม่เป็นไรหรอก”

จิรัฐพูดต่อ “ยูบอกตั้งแต่รู้จักกัน พี่ชายเขาเก่งที่สุด เก่งทุกอย่าง ก็เลยว่า... เก่งขนาดนี้ไม่ใช่คนแล้ว เป็นยอดมนุษย์... ยอดมนุษย์ถูกยิงก็ไม่เป็นไร”

“ยอดมนุษย์เหรอ... พอรักใครสักคนเข้าก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง”

“... ก็เลยบอกว่าอย่าเป็นไร ห้ามเป็นอะไร เพราะถ้า... พี่วินเป็นอะไร... ทางนี้ก็เป็นเหมือนกัน”


คุณหญิงไพจิตรมาเยี่ยมหลังจากจิรัฐตรวจตาเสร็จแล้ว ภวิลเลยออกไปข้างนอกปล่อยให้จิรัฐได้คุยกับคุณยายและแม่ เขาหาที่คุยโทรศัพท์เรื่องงาน พอพ้นบริเวณต้อนรับก็พอดีปะเข้ากับมทนาอีกครั้ง ท่าทางคราวนี้คงจะกลับแล้ว

ภวิลเดินไปกับหญิงสาวจนถึงลิฟต์ มทนาเอ่ยขึ้น

“หมัดดูออกนะว่าวินไม่ค่อยได้นอน แต่ไม่รู้ทำไมยังอารมณ์ดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ท้าวเวสสุวรรณลงประทับแล้ว”

“เกินไป... หน้ายักษ์ขนาดนั้นเชียว” เขากดลิฟต์ให้ มทนายังมองเพื่อนอยู่

“วินไม่เห็นตัวเองน่ะสิ บอกเคล็ดลับหน่อย... เวลาหมัดยุ่งๆ เหนื่อยๆ จะได้ไม่กลายเป็นผีเสื้อสมุทรไปด้วย”

“อยากรู้รึ” ภวิลหัวเราะหึๆ แล้วว่า “เอ้า ลิฟต์มาแล้ว”

มทนาก้าวเข้าไป คนยังยืนอยู่หน้าลิฟต์พูดขณะบานประตูเริ่มเลื่อนปิด “หมัดก็หาคนดีๆ น่ารักๆ สักคนเป็น...”

ไม่ใช่เพราะบานประตูปิดลงสนิทตัดขาดคำพูด แต่ภวิลหยุดก่อน มีเพียงรอยยิ้มนิดๆ ส่งไปให้เท่านั้น

เขาหันกลับ แต่เห็นพ่อเดินพ้นมุมตึกตัดตรงมา ภวิลชะงัก ไม่คิดว่าจะเจอ เพราะถ้าคุยเรื่องโครงการใหม่กับบิดาของมทนาก็มักจะไปพบกันที่โรงพยาบาลสาขาใหญ่มากกว่า

“พ่อเห็นหนูหมัดแวบๆ ไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันหรอกรึ”

“พ่อมาประชุมที่นี่แทนเหรอครับ” ลูกชายตอบไปคนละทาง คนเป็นพ่อถอนใจเบาๆ แต่ก็ยอมตอบ

“พอพ่อเขารู้ว่าลูกสาวมาที่นี่ตอนเช้าแทบทุกวัน นึกว่ามีเรื่องบริหารอะไรภายในน่าเป็นห่วงเลยมาดูเองน่ะสิ ใครจะนึกว่ามาตรวจคนไข้พิเศษ”

“คุณย่าก็มา เยี่ยมอยู่”

“เพื่อนยูคนนั้นน่ะนะ”

“เขาชื่อจิรัฐ”

พ่อออกเดิน ทำทีให้ตามมาด้วย ภวิลรู้ว่าเสร็จธุระทางนี้แล้วพ่อต้องรีบกลับไปจัดการงานที่บริษัทใหญ่ต่อ แต่เลือกลงบันไดเลื่อนแทนลิฟต์เพราะจะได้มีเวลาคุยกับเขานานขึ้น

“พ่อต้องรู้ว่าเขาไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดกับน้อง จริงๆ... ก็เกี่ยวข้อง... บ้าง แต่ไม่ใช่อย่างที่พ่อเข้าใจ”

พ่อหยุดเดิน มองหน้าเขา “แล้วพ่อเข้าใจว่าไง”

“ก็ถ้าพ่อคิดว่าเพราะความปล่อยปละละเลย เห็นแก่ตัวเอาตัวรอดเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องตายตอนอยู่กับเขา... ไม่ใช่ ยูได้เพื่อนดีมาก”

“พ่อจะเข้าใจเพื่อนคนนี้ของยูยังไงมันสำคัญกับวินขนาดนี้เลยรึ”

ลูกชายไม่ตอบ แต่ไม่หลบตา คนเป็นพ่อถอนใจ ออกเดินต่อ “เอาเป็นว่าพ่อรับฟัง... เมื่อกี้ตอนไปคุยกับคุณทรงพล ก็เปรยเรื่องลูกกับหนูหมัดมา มันยังไงหือวินจนฝ่ายหญิงต้อง...”

“ผมไม่เคยทำให้เขาเข้าใจอย่างนั้น”

“เราว่าหนูหมัดคิดไปเองหรือ”

“เปล่า ผมหมายถึงพ่อของหมัด... ผมรู้จักเพื่อนผม หมัดเขาเป็นผู้หญิงฉลาด ไม่คิดไปเองหรอก” ภวิลว่า “ที่สำคัญ... ผมแน่ใจว่าเขาไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รักเขา"

พ่อหยุดเดินอีก แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปาก

"เรารู้จักกันมานานพ่อก็รู้ สนิท... แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรัก" ภวิลพูดต่อเรื่อยๆ "จนถึงเดี๋ยวนี้หมัดก็ยังเป็นเพื่อนดีที่สุดคนหนึ่งของผม... แต่งงานกันเพราะแค่เรื่องความเหมาะสม ฐานะทางสังคม ธุรกิจเงินทอง... ของพวกนั้นมีได้ก็หมดได้ และพอหมดแล้ว มันจะไม่เหลืออะไรเลย เรื่องนี้... พ่อน่าจะเข้าใจ"

พ่อกับแม่ของเขารักกันมาตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัย แต่คุณปู่คัดค้านหัวชนฝา ก็เด็กสาว บ้านขายดอกไม้อยู่ตลาดสด ไม่คู่ควรกับลูกชายเจ้าสัวเท่าทายาทเจ้าของกิจการค้าส่งออกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ

ตอนนั้นด้วยสถานการณ์บางอย่างทำให้พ่อเข้าใจไปว่าแม่ตัดไมตรี เรียนจบก็ยอมแต่งงานกับคู่ที่คุณปู่เลือกให้ ไม่ใช่คุณย่าเขาไม่ทัดทาน พยายามบอกให้คิดดีๆ พ่อเพียงยืนยันว่าเป็นการตัดสินใจของตัวเอง

แต่กลับเป็นการแต่งงานที่ไร้สุขและแสนสั้น ด้วยปีนั้นธุรกิจของวิรัชภาคย์ประสบมรสุมขนาดหนัก ภรรยาคนแรกของพ่อขอหย่าทั้งที่เพิ่งแต่งได้ปีกว่าเท่านั้น ทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกัน

รถ บ้าน ทรัพย์สินต่างๆ แทบไม่เหลือ ไม่มีเงินนั่งรถจ้างพ่อก็เดิน จนต้องนั่งลงพักเมื่อใกล้หมดวัน

ตอนนั้นเองก็มีดอกไม้ดอกหนึ่งยื่นมา ก่อนคนให้จะทรุดนั่งลงเคียงกัน พ่อจึงเพิ่งรู้ว่าแม่เรียนจบทำงานเป็นเลขานุการ แต่ยังเอาดอกไม้จากที่บ้านไปส่งที่ทำงานตามแต่ใครจะสั่ง... และพ่อก็ได้รู้ว่าไมตรี... มิตรภาพ ความรักที่เคยมี ยังสวยงามเฉกเดียวกับดอกไม้ดอกนั้น

ได้แม่เป็นกำลังใจสำคัญ พ่อจึงฮึดสู้ช่วยที่บ้านนำพากิจการของวิรัชภาคย์กลับมาได้อีกครั้ง จนคุณปู่เสียหลังจากนั้นไม่นานพ่อถึงได้แต่งงานกับแม่

แม่จากไปตอนวิรัชภาคย์รุ่งเรืองถึงขีดสุด ตอนที่ลูกชายคนเดียวยังเล็ก แต่พ่อก็ไม่เคยมีใครอีก พอใจจะให้คุณย่าเป็นคนเลี้ยงเขา

... เพราะพ่อย่อมไม่ลืมว่า ดอกไม้ดอกนั้นแลกมาด้วยอะไร... และได้มายากเย็นเพียงไร

ภวิลเดินเคียงกับพ่อเงียบๆ ไปจนถึงรถที่จอดเทียบหน้าตึก จนพ่อเอ่ยขึ้น

“เอาเถอะ เรื่องหนูหมัด วินคิดแล้วก็... ตามใจ” นิ่งไปนิดจึงบอก “คราวหน้าไว้พ่อจะมาเยี่ยมกับคุณย่า”     

“แล้วเรื่อง...”

“... เหมือนกัน”

ภวิลไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอบคุณ พ่อกลับยิ้มนิดๆ ก่อนขึ้นรถยังว่า

“พ่อเคยบังคับใครได้ด้วยหรือ ทั้งยู ทั้งวิน...”

ลูกชายปิดประตูรถให้พร้อมรอยยิ้มบางเช่นกันแล้วบอก

“พ่อทำได้... แต่พ่อไม่ทำต่างหาก”
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 13-10-2012 13:26:13
คุณ caramel toffee เป็นปมที่คนเขียนเก็บเอาไว้เฉลยในตอนนี้นี่เอง... สงสารลุงชงด้วยค่ะ อย่างที่ว่าไว้เป๊ะเลย ขอบคุณมากนะคะ จริง จีลำบากลำบนมากเจอเรื่องตลอด หลังจากนี้ก็จะสบายแล้ว (สบายก็จะจบเลย ฮา)

คุณ iforgive นางทาสอะไรงั้นเนอะ แต่เรื่องนี้ต้องแยกบ้านกันจริงๆ ขอบคุณสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ uknowvry คนเขียนก็ชอบยูนะ แต่ถ้ายูไม่ตายนี่พล็อตคนเขียนลงเหวเลยนะ เนื่องจากทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นเพราะยูตายนี่แหละ ขอบคุณที่อ่านนะคะ

คุณ ladyzakura มาแล้วจ้า อ่านต่อน้า

คุณ fay 13 มันนานมั้ยอะ นานอีกแล้วใช่มั้ย (วิ่งร้องไห้เหมือนอีโมติค่อน) ยังไงก็จะจบแล้วอย่าเพิ่งทิ้งกันนะ

คุณ cavalli ขอบคุณที่เข้ามาค่า

คุณ sukie_moo ใช่มะมันสืบเนื่องต่อมาถึงปัจจุบัน อ่านตอนที่ 16 ก็ยังต้องสงสารอีกแน่เลย

คุณ pattybluet จีเป็นนายเอก และเป็นนายเอกของ romantic suspense เพราะฉะนั้นน้องต้องอดทน และไม่ตายง่ายๆ ฮา ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ PetitDragon ขอบคุณที่อ่านกันเสมอมานะคะ คนเขียนซ่อนปมไว้มาตู้มในบทนี้น่ะเพื่อช็อคแฟคเตอร์ ไม่รู้ได้ผลป่าว

คุณ malula มันเป็นความรู้สึกที่ปนๆ กันไปนะ ถ้ายูไม่ตาย และเข้าใจว่าเป็นเพราะจีก็คงไม่คิดทำอะไรถึงขนาดนี้ ยูเธอก็ช่างชอบบ้านได้เฉพาะเจาะจงมาก ใกล้จบแล้วคงไม่ระทึกละค่ะ 55 พักบ้างไรบ้าง

คุณ yeyong ขอบคุณมากที่อ่านค่ะ คนเขียนเชื่อในแฮปปี้เอ็นดิ้งเพราะฉะนั้นนายเอกไม่ตายค่ะ 55

คุณ ordkrub ขอบคุณที่อ่านนะคะ เป็นดังนั้นเลย

คุณ ○TeaCafé○ ขอบคุณสำหรับการอ่าน และการทวงถามนะคะ ใช่มะลุงแกน่าสงสารเนอะ จีเป็นนายเอกที่เจอมรสุมพอควร แต่มันก็จะผ่านไปนะ ปล. คนเขียนก็ชอบยูมากเลยค่ะ

คุณ Pupay มันคงสะสมกันมานะ แล้วก็มีเรื่องลูกตายอีก ขอบคุณมากสำหรับการอ่านน้า ใช่จีรอดเพราะถึงมือหมอเร็วเนี่ยล่ะ ฮ่าๆ

คุณ bun ลุงแกน่าสงสาร จีก็น่าสงสารเพราะเป็นนายเอกของคนเขียนซึ่งโยนระเบิดใส่แกบ่อยๆ เอิ๊ก แต่หลังจากนี้ก็จะสบายแล้ว เป็นบ้างแต่ไม่มากค่ะกลับมาเป็นปกติได้ๆ

คุณ afewn ขอบคุณมากๆ นะคะที่ชอบ และลุ้น ดีใจมากเลยที่ชอบ อยากให้จีเรียกพี่ใช่มะ บทนี้สมใจแล้วล่ะ ใกล้จบแล้วเราก็เจอกันในเรื่องใหม่ นะจ๊ะ

คุณ mr_longza ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาค่า

คุณ MeepadA ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านค่า

คุณ BONE ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ คือความรักมันก่อให้เกิดอะไรดีๆ งามๆ ขึ้นได้หลายอย่าง แต่บางคนที่ทำเรื่องเห็นแก่ตัวหรือว่าร้ายกาจลงไปโดยอ้างว่าเป็นเพราะความรักนี่มันไม่ใช่ความรักหรอก เพราะมันทำลายคนอื่นน่ะ ชอบมากเลยที่บอกว่า ให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยได้ความรักไงเนอะ ถึงได้เป็นแบบนี้ นี่ทุกคนเสียดายยูกันมากเลยนะเนี่ย ยูเป็นขวัญใจจริงๆ ปล. ขอบคุณนะคะที่ชอบพระเอกด้วย คือไทป์นี้มันไม่ค่อยน่ากรี๊ดนะ (นี่ขนาดเขียนเองนะ 55) แต่ฮีก็มีข้อดีของฮีอยู่... 

คุณ pim_onelove ขอบคุณมากๆ ค่ะที่อ่าน เขียนเรื่องแบบนี้เหนื่อยหัวมากเพราะปมที่นอกจากมัดตัวละครแล้วยังมัดคนเขียนด้วย ฮา แต่คนอ่านชอบคนเขียนก็ปลื้มใจค่ะ

คุณ BAKA จีรอดล่ะค่ะ (จะได้มาแฮปปี้เอ็นดิ้งได้) ขอบคุณสำหรับการอ่านมากนะคะ

คุณ piggie ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ ฝากบทต่อไปด้วยน้า

คุณ puppyluv ขอบคุณมากค่าที่ชอบ ใกล้จบแล้วเนื่องจากสุดพล็อตแล้ว เอิ๊ก ฝากบทต่อไปด้วยน้า

คุณ nongrak ขอบคุณที่เข้ามาค่ะ ว่างๆ แวะอ่านบทอื่นมั่งน้า 55

คุณ mulli ขอบคุณมากค่า

คุณ BitterSweet~ ขอบคุณมากเลยค่า ดีใจที่ชอบตัวละครนะ อยากให้ถึงมันจะเป็นนิยายแต่คนอ่านก็จินตนาการถึงได้ 55 ตอนแรกตั้งใจให้นึกถึงอีกความเป็นไปได้ค่ะ (ให้คนอ่านเสียวๆ เล่นๆ 55) แต่เรื่องนี้มันก็คือการกระทำและการตัดสินใจของคนทั้งหมดน่ะแหละ ขอบคุณมากนะคะ

คุณ sundaysundae มาเขียนบท 16 นี่คนเขียนก็ยังสงสารอยู่เลย แบบว่าเสียดายแทนหลายอย่าง จีรอดแล้วค่ะ

คุณ NannY ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ ขอบคุณที่ชอบ สร้างตัวละครมาน้อยต้องใช้ให้คุ้มค่าค่ะ 55

คุณ @Iriz ความเข้าใจผิดเป็นบ่อเกิดของเรื่องราวหลายๆ อย่าง แต่แต่ละคนมีวิธีแก้ปัญหาต่างกันไปตามลักษณะนิสัย พื้นเพอารมณ์และการเลี้ยงดูน่ะค่ะ ถูกเผงว่าพระเอกต้องตามเพื่อนหมอมาแน่นอน

คุณ oaw_eang เจ้สองขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับคำท้วงติง ได้กลับไปแก้ไขแล้วค่ะ

คุณ Millet ขอบคุณมากจ้าที่ชอบ มาแล้วน้า

คุณบัวน้อย ไร่แตงโม แหะ คนเขียนเขียนนานจริงๆ ค่ะ มันต้องสับรางกับภารกิจอย่างอื่นในชีวิตเนื่องจากเรื่องนี้คิดเยอะมาก ขอบคุณมากๆๆๆ เลยนะคะที่ชอบ ดีใจมาก อันที่จริงด้วยพล็อตที่วางทำให้หาช่องแทรกความหวานเข้าไปได้ยาก (คือมันจะดีถ้าอย่างน้อยรู้จักกันมาก่อน สมมติพระเอกนายเอกเป็นแฟนเก่ากันไรงิ 55 ง่ายหน่อย) แต่ก็ท้าทายคนเขียนดี คือคาแรกเตอร์ตัวละครที่วางแต่ต้น พอเขียนไปๆ มันจะบอกคนเขียนเลยนะว่า ทำแบบนี้ไม่ได้หรอกมัน OOC (out of character) 55 ถ้าพระเอกมาแนวนายหัว จำเลยรักมันก็จะแก้แค้นอีกแบบได้ ขอบคุณนะคะที่ชอบพระเอกแบบนี้ เพราะจริงๆ นายเอกเราถึงจะเป็นคนดีก็ไม่เชิงหัวอ่อน ถ้าไม่มีเหตุผลแกก็ไม่ฟัง พอเห็นคำว่าโมเอ้ก็เลย เออไม่เคยคิดถึงทักษ์ในแบบนี้ แต่จริงๆ มันคงใช่ กร๊าก ขอฝากบทต่อไปด้วยนะคะ มันจะจบแล้วละ

คุณ MaNaSsAwEe ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ จีเป็นนายเอกแนวนี้เธอต้องไม่ตายง่ายๆ ค่ะ ฝากบทต่อไปด้วยน้า

คุณ route rover ชอบเหตุผลมาก เป็นนักสืบได้ตามพี่วินไป ฮา แต่คราวนี้ลุงแกใช้ยาอย่างอื่นบวกเข้าไปด้วยน่ะสิ ขอบคุณมากนะคะ

คุณ BExBOY อย่าลืมกลับมาอ่านนะคะ ฮา ฝากด้วยค่ะ

คุณ aa_mm ขอบคุณค่า ลองแล้วเป็นไงมั่ง

คุณ konnarak ถ้าเป็นไรมันก็จะไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งแล้วมันก็จะหดหู่เกินล่ะสิเนอะ

คุณ sunshadow ขอบคุณมากค่า ฝากด้วยน้า เอ๊ะเรื่องนี้มันเศร้าหรา ไม่ได้ตั้งใจ เอิ๊ก

คุณ GAZESL โอ๋ ไม่งงนะ คือว่าเจ้าคุณตาทวดของจีมีภรรยาอยู่ก่อนแล้วก่อนมาแต่งกับคุณหญิงยายทวดของจีค่ะ ซึ่งเรื่องนี้จีก็ไม่รู้ แต่ทีนี้ภรรยาเก่าของเจ้าคุณตาทวดที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็มีลูกชายด้วย ซึ่งก็คือพ่อของชงคม ส่วนชงคมเคยมีซัมติงสั้นๆ กับอาพระเอกคุณรงรอง แล้วคุณรงรองค่อยไปแต่งงานกับคนอื่น ลูกที่ออกมาก็คือยู (ติดท้องไปก่อนแต่งงาน) นั่นเองล่ะค่ะ

คุณ michiko_love ขอบคุณมากเลยค่ะที่ชอบ กรี๊ด ช็อตหวาน (ของยาก) มันมายัง มายัง 55

คุณ luvY ขอบคุณมากค่า จีโอเคล่ะค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นก็แย่อยู่พอควร...

คุณ sunwars ขอบคุณมากค่าที่อ่าน กอดตอบๆ ขอบคุณที่ชอบนะจ๊ะ ตอนแรกมันก็คิดไปได้หลายแนว 55 (ตั้งใจ) แต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นจากการกระทำของคนนี่แหละจ้ะ

คุณ lazat.mchub ขอบคุณมากนะคะสำหรับการอ่าน ขอบคุณที่ชอบและเห็นถึงความเหนื่อยยาก ฮา เรื่องนี้คนเขียนคิดเยอะมากเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยสำหรับกำลังใจ

คุณ MIkz_hotaru ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า มันซับซ้อนคนเขียนก็คิดจนเหนื่อยเหมือนกันค่ะ ลุงคิดได้แต่ลุงก็ไม่ให้โอกาสตัวเองอีกแล้ว เฮ้อ ยูย่อมอยากให้คนที่เขารักอยู่ไปนานๆ ค่ะ 55

คุณ IIMisssoMII ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า มันเน่าขนาดนั้นเลยรึ กร๊าก มาแล้วน้าตอนนี้ ฝากอ่านด้วยนะคะ

คุณ theWinDy ขอบคุณสำหรับการอ่านค่า เป็นนักสืบไปกับคุณพระเอกเลย ฮา ตอนแรกกะให้คนอ่านหลอนเล่นๆ ไปงั้นอะค่ะ 55 แต่สุดท้ายก็มาจากคนนี่เอง จีก็ปลอดภัยมาแฮปปี้เอ็นดิ้งได้ค่ะ

คุณ akichan ขอบคุณนะคะ มาแล้วน้า ฝากด้วยค่า

คุณ Rukki ขอบคุณที่ชอบค่า ที่จริงหลายเรื่องคนเขียนก็ค้นเอาค่ะ ถามคนบ้างไรบ้าง ก็หวังว่าจะไม่เขียนอะไรออกไปผิด 55 ท้วงติงได้ค่ะ จีนี่ก็เจอแต่เรื่องแต่เธอต้องรอด! ฝากอ่านต่อด้วยนะคะ

คุณ gohong ขอบคุณน้า อ่านช้าไม่เป็นไรค่ะขอให้ยังอ่านอยู่ 555 จีมองไม่เห็นเพราะยาจริงๆ มันทำให้ตามัวได้ แต่ก็จะดีขึ้นๆๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้มาเสมอเหมือนกันจ้า

คุณ chisarachi ขอบคุณสำหรับการอ่านค่า ขอบคุณที่ชอบสองคนนี้น้า จริงๆ ก็แสดงออกกันน้อยน่ะแหละ ลุงชงน่าสงสารจริงๆ ด้วยค่า ฝากอ่านต่อด้วยน้า

คุณ hades มาแล้วค่ะ ขอบคุณที่ชอบนะ ฝากต่อด้วยน้า ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่ะ

คุณ Cherry Red คิดถึงนะคะ อิอิ มันมาจากปมครั้งเก่าก่อนและสะสมมานานจริงๆ พอยูตายเลยเหมือนฟางเส้นสุดท้ายเลย จีซวยเพราะเธอเป็นจุดศูนย์กลางเรื่อง (สังเกตว่าเรื่องเกิดรอบตัวเอกตัวนี้น่ะแหละ) ตอนแรกที่เจอคุณภวิลจีคงไม่คิดว่าตัวเองโชคดีเหมือนกันน่ะค่ะ 55 แต่สุดท้ายก็ดีเนอะ

คุณ Miimiah ขอบคุณมากค่า แผนแกล้งคนอ่านให้หลอนสำเร็จ 55 ขอบคุณที่ชอบน้า ฝากอ่านต่อด้วยค่า

คุณ chaaom ขอบคุณสำหรับการอ่านมากค่ะ พล็อตแบบนี้มีศักยภาพสูงที่จะเป็นจำเลยรักได้ แต่คนเขียนแบบไม่ชอบให้พระเอกทรมานนายเอกมากเท่าไหร่ เอาเข้าใจผิดประมาณนึง เรื่องหวานคนเขียนพยายามแล้วค่ะ แต่บางทีมันรู้สึก (เอง) ว่ายังไม่เข้าก็เลยยังไม่ใส่ คนเขียนก็ชอบยูเหมือนกันค่า มีคนเรียนถาปัดนิสัยประมาณนี้เหรอคะ แหมดี 55

คุณ sulsul ขอบคุณที่อ่านค่า ถ้าเป็นมันจะหดหู่แบดเอ็นดิ้งมากมายอะนะ ตอนนี้พระเอกฮีไม่ไปไหนแล้วค่า

คุณมะมะมะหมิว ขอบคุณมากค่ะ ตอนต่อไปมาแล้วน้า

คุณ Artown ใจเย็นๆ (พูดแบบคุณหมอและพี่วิน) มาแล้วมาแล้ว

คุณ Ball เนอะสงสารทุกคนเลย ขอบคุณที่เห็นว่าสนุกนะคะ ตอนต่อไปมาแล้วน้า ฝากด้วยค่า ยูเขาก็ต้องอยากให้เพื่อนอยู่ไปนานๆ เนอะ

คุณ runma ขอบคุณมากค่า มันค่อยเป็นค่อยไปแบบเนิบมากเลยแหละจริงๆ แล้ว ฮา รู้ตัวอีกทีก็นะ... ขอบคุณที่ชอบค่า

คุณ tiktok ขอบคุณค่ะที่ชอบ ฝากตอนต่อไปด้วยน้า

คุณ berlyn ลุงชงเป็นคนที่มีความคิดซับซ้อน ฮา ความจริงมนุษย์ทุกคนแหละคิดซับซ้อน ขอบคุณที่อ่านและเอาใจช่วยจีนะจ๊ะ

คุณ Wordslinger ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เข้ามาอ่าน ค่อยๆ อ่านก็ได้ค่า ขอบคุณที่ชอบค่ะ คอมเมนต์คนอ่านก็เขียนได้งามมากเหมือนกันค่ะ ฝากอ่านต่อด้วยน้า

คุณ milkteabeige มาแล้วจ้า อ่านต่อน้า\

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มาแล้วค่ะ ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ยังรอและยังอ่านอยู่น้า (ขอบคุณทุกครั้งที่ลงแหละ ก็เค้าซึ้งจริงๆ) เรื่องนี้คนเขียนแบบว่าต้องใช้เวลามากในทุกตอน - -" เลยต้องเคลียร์ภารกิจอื่นหน่อยค่ะจะได้ตั้งใจเขียนมีสมาธิได้ดีๆ

ใครจำได้มั่งว่าจีชอบกินกาแฟ? กินอยู่เรื่อยๆ ในหลายบท 555 นับว่าโชคดี ไม่งั้นอาการแย่เร็วกว่านี้ไปละ อ้อบทนี้จีดูชิลๆ นะ แต่จริงๆ ก็เป็นคนประมาณนี้ถ้าไม่มีเรื่องให้เครียดหรือต้องระวังตัว 55 

บทหน้า มาส่งท้ายกันนะคะ

ปล. ขอบคุณสำหรับการแนะนำในทู้แนะนำ และการโหวตเซ็งเป็ดอวอร์ดด้วยค่า ดีใจมากมายเลย
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 13-10-2012 13:49:31
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดีใจมากเลยค่าที่คุณเดหลีมาต่อแล้ว
อ่านตอนนี้แล้วโล่งค่ะ ดีใจที่จีไม่ได้เป็นอะไรมาก
และจากคุณภวิลก็ได้กลายเป็นพี่วินซะแล้วว คืบหน้าอะ? ฮ่าๆ
อุปสรรคอะไรก็คงไม่มีแล้วเนาะ ทางดูโล่งขนาดนั้น
ยังไงจะรอติดตามต่อไปนะคะ
คุณเดหลีอย่าหายไปนานเน้ออออออ สู้ๆค่า :)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 13-10-2012 14:16:26
ดีใจมากคะวันนี้ได้อ่านต่อแล้ว
สนุกจริงๆๆ ตอนนี้พี่วิน น้องจี น่ารักจังคะ

ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายแล้วหรือคะ
อยากให้ต่ออีกหลายๆๆตอน ชอบมากๆๆ
ขอบคุณมากๆๆคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: 【focus_kung】 ที่ 13-10-2012 14:24:20
ดีใจที่จีปลอดภัยแล้ว เรียกพี่วินด้วยอ่า เขินๆๆๆๆ ><

ต่อจากนี้ขออย่าให้มีอุปสรรคเลยนะคะ

ที่เหลือขอฉากสวีทๆ ทั้งสองคู่เลยได้ม้า 555555555

สู้ๆ ต่อไปค่ะ ติดตามอยู่

คนเขียนน่ารักที่สุดเลย  :-[
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 13-10-2012 14:30:56
คุณพ่อน่ารักค่ะ ทำได้แต่ไม่ทำ
คุยกันด้วยเหตุผล และพยายามเข้าใจ

เหตุการณ์คลี่คลายแล้ว แอบสงสารลุงชม
แต่ก็เข้าใจในความรักส่วนหนึ่งของลุงเหมือนกัน

น้องจีกับพี่วินก็แอบมีมุมเล็กๆ ที่น่ารัก (ต้องพยายามๆหา)


ตอนหน้าบทสรุปแล้วหรอคะ  :z3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 13-10-2012 14:31:10
ดีใจมากที่มาต่อแล้วว
จีพ้นทุกข์พ้นโศกแล้วเนอะ
ต่อไปก็คงมีแต่เรื่องหัวใจแหละ ^^

สงสารลุงชงคม
คิดว่าที่หัวใจวาย คงเป็นผลจากอะไรสักอย่างที่ลุงทำกับตัวเอง
ความโกรธ เกลียด อาฆาต
ไม่มีอะไรดีเลยจริง ๆ  :เฮ้อ:

พี่วิน
ถึงเวลาทำตามหัวใจได้แล้วนะ
พี่วินสู้ ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-10-2012 14:47:33
ชอบแบบนี้แหละ  บทที่พระเอกนางเอกรู้ใจตัวเองแล้ว  ไม่หวานล้ำ  แสดงออกโอเวอร์จนคนรอบข้างรู้กันไปหมด
แบบบนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ อบอุ่น  และเหมือนพร้อมที่จะดูแลกันไปตลอดตราบนานเท่านาน  จบแล้วอย่าลืมรวมเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 13-10-2012 14:54:45
เย้ๆๆๆ ได้อ่านต่อแล้ว

ตอนนี้เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็แอบมีบทหวานๆ แทรกมาเป็นระยะๆ ตลอด คนอ่านชอบบบบบบบ
ตอนหน้าตอนส่งท้ายขอหวานให้สุดๆ ไปเลยนะคะ เอาให้มดขึ้นไปเลย ฮิ้วววววววววววววว  :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 13-10-2012 15:04:13
น้องจีปลอดภัยแล้ววววว

ลุงชงแกก็ไปดีของแกนะ หมดเวรหมดกรรม


 พ่อพี่ภวิลน่ารักกกกกกก
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 13-10-2012 15:23:01
อยากจะถามว่า...วิรัชภาคย์ยังมีลูกหรือหลานชายเหลืออยู่มั้ย??
อยากจะแต่งงานด้วยเหลือเกิน ฮา~
เป็นครอบครัวที่เลี้ยงดูแบบให้คิดเองจริงๆ ไม่มีการบังคับ
ชอบพ่อของภวิล... พ่อบังคับได้นะ แต่ไม่ทำ
ชอบบบบบบ บ~

แอบเขินกับประโยคที่จีกับพี่วินคุยกัน
ถ้าพี่วินเป็นอะไรไป คนทางนี้ก็เป็นเหมือนกัน...
จะบ้า~~~ ไม่ใช่แค่ทางนั้นหรอกค่ะ
ทางนี้ก็จะเป็น ฮ่าๆๆๆๆ

ขอบคุณนะคะ
ปล. รอส่งท้ายความสุขของเรื่องอยู่เน้อ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 13-10-2012 15:24:54
ชอบให้เรียก'พี่วิน' หรอ?  :-[


ตอนที่จีบอกว่ามองไม่เห็น น่าจะยื่นหน้าไปจูบเลยนะ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 13-10-2012 15:25:33

     ผ่านด่านคุณพ่อพี่วินมาได้แล้ว 1 ด่าน ยังเหลืออีกหลายด่านไหมนะ
     ส่วนพี่วินก็มาตามเฝ้าน้องจีแถมออกอาการหวงซะ ><"



หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 13-10-2012 16:19:03
ตอนหน้าจะจบแล้ว ช่วยกระซิบบอกพี่วินให้หวานซักตอนนะคะ  o18
เรื่องราวต่างๆได้จบลงแล้วดูคุณพ่อท่านน่าจะเข้าใจพี่วิน
แสดงความยินดีกับน้องจีล่วงหน้าค่ะ  :L2:

ขอบคุรคนแต่งสำหรับนิยายดีๆค่า  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: sunwars ที่ 13-10-2012 17:11:04
อ๊า มาต่อแล้ว (น้ำตาจะไหล)
น้องจีปลอดภัยได้ก็หายห่วงแล้วคะ ^^
น้องจีกะพี่วินน่ารักขึ้นเรื่อยๆเลยอ่ะ
อ่านแล้วเขินพี่วิน ฮา

เราสังเกตนะว่าน้องชอบกินกาแฟ แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไร
โอ้ว เป็นยาถอนพิษที่เก๋มากๆ

คุณพ่อน่ารักมากเลยอ่ะคะ
รอดูตอนเลิฟๆของคู่นี้
มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-10-2012 17:14:01
จีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ดีใจจัง พี่วินดูแลมากเลยนะ
อยากให้จีเรียกพี่วินว่าพี่วินบ่อย ๆ น่ารักดี กาแฟช่วยจีได้เนอะ  o13
คุณพระเอกเค้าก็เก็บรายละเอียดเก่งดี
ลุงชงคมชิงตายไปแล้ว เฮ้อๆๆ
รอติดตามตอนหน้านะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: chartbook ที่ 13-10-2012 17:25:47
ชอบมากๆเรื่องนี้ ตอนนี้ทำเราอมยิ้มอีกแล้วพี่วินน่ารักมากค่ะยื่นหน้าไปใกล้ทดสอบระยะการมองเห็นนี้เรียกว่าเนียนได้ไหมเนี้ย
น้องจีนี้เรียกว่าดื้อเงียบใช่หรือเปล่า แต่ไม่เป็นไรดูท่าพี่วินจะกำหราบได้อยู่ คุณพ่อน่ารักมากๆค่ะ พระ-นายของเราไม่หวาน       ไม่เป็นไรค่ะค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้มันได้อารมณ์ความนุ่มนวลอบอุ่นดีแท้   :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-10-2012 18:00:34
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 13-10-2012 18:03:24
ตอนนี้แอบหวานเบาๆ แต่ดูจากนิสัยของทั้งสองแล้วคู่นี้คงจะหวานไปกว่านี้ได้ยาก แต่ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็มีความสุข  :o8:
ปล.ชอบตอนที่จีแกล้งมึน ไม่ยอมเรียกภวิลว่าพี่วินอ่ะ น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 13-10-2012 18:43:27
มาต่อแล้ววว
นึกว่าจะหายไปซะอีกกก
ภาษาสวย เหมือน อ่านนิยายสมัยก่อน
แต่มันปนกันกับภาษาสมัยใหม่ เลยแปลกๆนิดนึง
แต่สนุกคะ
จะรอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: UnLucky ที่ 13-10-2012 18:54:33
ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนาน ขอโทษด้วยนะคะช่วงก่อนหน้านี้ยุ่งๆนิดหน่อย

เฮ้อ นั่งลุ้นแทบตาย แบบ...ต้องรีบๆอ่านกันเลยทีเดียว

จะว่าไปสำหรับตอนนี้ อันที่จริงมันก้ไม่ได้หวานมากมาย แต่อ่านแล้วนั่งบิดหน้าจอคอมอ่ะ

แบบว่า...เขิน...แทน แอร๊ยยย :-[ :-[

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 13-10-2012 18:59:10
อันดับแรกขอคารวะคนแต่งก่อน
ขมวดปมเชือกเส้นเดียวไปกี่รอบครับเนี่ยะ ขมวดแล้วขมวดอีก
จนคนอ่านนี่เกร็ง ลุ้นไปด้วยตลอด ตั้งแต่รเื่องยูละ พอมาเรื่องของลุงชม
อันนี้น่าทึ่งมาก มันโยงมาตั้งแต่เรื่องบ้าน เรื่องสระบัว เรื่องชื่อ "บัว" ของท่านทั้งสองคนด้วย
เก๋กู๊ดสกู๊ตเตอร์พี่เจ เจตรินมาก ๆ

เราชอบตั้งแต่ตอนที่จีตกสระน้ำ โอโห ตอนนั้นเราเริ่มคิดละว่ามีอะไรแน่ ๆ เพราะคุณหญิงบัวท่านก็ตกเหมือนกัน
อีคนอ่านนี่ตั้งเป้าเลย วิญญาณคุณหญิงบัวต้องการจะสื่ออะไรแน่ ๆ พอจีตกสระเลยทำให้เชื่อมอะไรกันได้บางอย่าง
พออ่านมาเจอว่าเป็นเรื่องวางยา ขอชมเชยว่ามีความรู้เรื่องยาดีมากครับ จนทำให้ที่เพ้อไปบรรทัดก่อนนั่นแลดุโง่ไปเลย 555
แต่ประทับใจเรื่องสระบัวมาก ไม่รู้ว่าคนแต่งตั้งใจให้ท่านพระยาท่านสร้างสระบัวไว้ให้ภรรยาท่านไหน
แต่อยากเป็นภรรยาทั้งสอง ถ้าเป็นภรรยาแรก ก็อดสงสารภรรยาสองไม่ได้ อยู่ด้วยกัน แต่ใจยังปักอย่ที่คนอื่น

สนุกมากครับ สนุกจริง ๆ เสียดายจังครับ ไม่รู้ว่าคนแต่งแต่งไว้ที่ไหนอีกรึเปล่า หรือมีเวอร์ชันที่ไม่ใช่ ชายชาย มั้ย
อยากให้คนอื่นในวงกว่้างกว่านี้ได้อ่าน สนุกจริง ๆ ครับ ชอบมาก

ไม่รู้ว่าตอนหน้าจะมาเมื่อไหร่ แต่อยากให้มาเร็ว ๆ ไม่งั้นคนอ่านจะหนีไปกินใบยี่โถละนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 13-10-2012 19:20:36
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 13-10-2012 19:22:09
เริ่มเห็นหนทางทั้งคู่สว่างรำไร ^ ^
ชอบประโยคนี้เลย
“... ก็เลยบอกว่าอย่าเป็นไร ห้ามเป็นอะไร เพราะถ้า... พี่วินเป็นอะไร... ทางนี้ก็เป็นเหมือนกัน”
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 13-10-2012 20:13:49
ดีใจที่ในที่สุดก็มาต่อค่ะ ดีใจมากกกกกกกกกกกกกก
ตอนนี้ไม่ได้มีประโยคอะไรซึ้งๆเลย แต่มันโครตน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ้างถึง
“... ไม่เรียกแล้วหรือ”
แค่ประโยคเดียวค่ะ แต่นั่งบิดคนเดียวเป็นนานสองนาน ไม่ได้หวานอะไรตรงไหน
แต่เขินอย่างบอกไม่ถูก
ยังไม่อยากให้จบเลย ก๊ากกกกกกกกก อยากอ่านความน่ารักของทั้งคู่><
งั้นขอสเปสักร้อยตอนนะค่ะ (เว่อร์ไป)
ชอบมากคะ^^ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 13-10-2012 23:18:03
ในที่สุดนิยายดีๆเรื่องนี้ก็มาอัพแล้ว ดีใจจังค่ะ
พี่วินไม่เป็นอะไร อีกเดี๋ยวจีก็คงหายเนาะ ^w^
เรื่องกำลังจะแฮปปี้แล้ว ตอนหน้าจะจบแล้วจริงๆเหรอคะ
อย่าเพิ่งจบเลยยยยยย อยากอ่านตอนหวานๆของพี่วินกับจีต่อง่ะ
เสียดายนิยายดีๆ ฮือออออออ ทำไมตัวเองจะจบแล้วล่ะะะ TT3TT
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 13-10-2012 23:58:53
ใกล้จบแล้วเหรอ ตอนนี้น่ารักมาก
อ่านไปแอบยิ้มไป ขนาดคุณพ่อยังยอมรับเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-10-2012 00:16:57
 :impress2:

อ่านไป ยิ้มไป
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 14-10-2012 00:24:00
แอบมีหวานให้คนอ่านตะกรุยจอคอมนะคะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 14-10-2012 04:18:59
เคยเป็นไหม
อ่านนิยายแล้วลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง
ค่อยๆเลื่อนทีละบรรทัดเพราะกลัวว่า เนื้อเรื่องจะตกใจ แล้วหดสั้นไปอีก

เศร้ามานาน พอจะหวาน ขอจัดเต็มนะจ้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: UNAT ที่ 14-10-2012 05:02:43
อ่านรวดเดียวเลยทันซะ พี่วินสู้ๆต่อจากนี้คงหวานสินะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 14-10-2012 07:50:06
อร๊ายยย น่ารักจัง :m4:  แบบนี้คุณพ่อก็เปิดทางให้แล้วใช่มิคะ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 14-10-2012 09:41:37
โอ๊ย!... ชีวิตคุณพ่อแอบเรียกน้ำตาได้เล็กๆ!!! คุณใช้คำบรรยายเก่งจังคับ!!!! รวมเล่มเมื่อไหร่ ผมซื้อ!!!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 14-10-2012 11:25:09
อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงยู ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว จบลงได้ด้วยดี
ตอนหน้าเอาหวานนนนๆ เลยนะ :impress2: เต็มที่ 555
ยกนิ้วให้คนแต่งค่ะ สุดยอดมากกกก  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: tvemmyxq ที่ 14-10-2012 11:33:12
หมายถึง คุณพ่อไฟเขียวแล้วจินะ ครุคริ

ๆม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากให้มีเรื่องราวของพี่วินกับจีต่ออีกกก นิดนุงก็ยังดีน้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-10-2012 14:31:49
เมฆหมอกผ่านไป
ฟ้ากลับมาสดใสเสียที
พ่อวินน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 15-10-2012 04:12:54
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก


ชอบมากเลยยยยยยยยยยยยย


รอตอนต่อไปนะคะ    :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-10-2012 14:12:52
ชีวิตลุงคมช่างน่าสงสารเหลือเกิน
พี่วินเป็นยอดมนุษย์จริง ๆ
หมดเรื่องร้ายคงจะมีแต่เรื่องรักหละทีนี้
ขอบคุณคุณพ่อที่เข้าใจและไม่เคยบังคับลูก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 16-10-2012 14:35:47
เย้ๆ ว่าจะแอบมาเยี่ยม ก็ดีใจมากๆที่ตอนใหม่แล้ว จีโดนพิษของยี่โถนี่เอง เคยอ่านเรื่องสั้นเกี่ยวกับพิษของยี่โถมาก่อนร้ายแรงไม่ใช่เล่น ทั้งที่ดอกสีสวย ดีที่จีไม่เป็นอะไรมาก กับพี่วิลก็มีกลิ่นหวานอ่อนๆ ให้พอได้ยิ้มอีกครั้ง ชอบเรื่องนี้มากจริงๆเพราะเป็นคอนิยายสืบสวนอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยได้อ่านวายแนวนี้ แต่งได้ดีมากค่ะ สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Morethan ที่ 16-10-2012 17:37:09
ได้อ่านรวดสองตอนเลยค่ะ ในที่สุดปริศนาของเรื่องนี้ก็คลายแล้ว
เป็นเพราะฤทธิ์ของยาสินะ อยากบอกว่าตอนแรกทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้จะมี
'เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ' เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไหม
ถ้าเป็นนั้นก็คงต้องอ่านไปเสียวไป ฮา

เรื่องลุงชมนี่น่าเศร้านะ ถ้าบอกให้ยูได้รู้ อย่างน้อยก็น่าจะมีความสุขกว่านี้

ส่วนพี่วินกับน้องจี  :-[ ถึงฉากหวานของสองคนนี้จะไม่มีอะไรไปมากกว่าการจับมือ(และคำพูด)
แต่ความรู้สึกที่ได้มันต่างจากนิยายส่วนมากที่เคยอ่านเลยค่ะ >_<
รู้สึกว่า มันอบอุ่น หวานละมุนๆ แบบน่ารักกิ๊บก๊าวใจกำลังดี
แต่ถ้ามากกว่านี้ก็โอเคนะคะ  :กอด1: บทพูดของสองคนนี้นี่มันแอร๊ยมาก

“ยอดมนุษย์เหรอ... พอรักใครสักคนเข้าก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง”
“... ก็เลยบอกว่าอย่าเป็นไร ห้ามเป็นอะไร เพราะถ้า... พี่วินเป็นอะไร... ทางนี้ก็เป็นเหมือนกัน”

อ่านจบแล้วมันฟินมากกกกกกกกกกกกกกค่ะ  :-[ :-[

ยังไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลยล่ะค่ะ แต่ก็คงใกล้แล้วล่ะเนอะ
อยากให้มีรวมเล่มจังเลยค่ะ ถ้ามีจะเก็บแน่ๆ เรื่องนี้  :กอด1: :กอด1:

_______________________

เมื่อวานนั่งเล่น youtube ไปก็เจอไปเพลงนี้เข้าค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=ejiv_bDuD6Q แอบนึกถึงตอนที่พี่วินพูดกับจีเลย
(เสียงพี่ก้องนุ่มมากกกกกกกก  :-[)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Artown ที่ 17-10-2012 02:23:33
รักเรื่องนี้จัง  :L1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 17-10-2012 12:35:19
หลังจากอ่านตอนนั้นจบไป
เราก็ทำใจรอไม่เข้ามาส่องอีกค่ะ
จนวันนี้เกิดนึกอะไรไม่รู้เข้ามาส่อง ฮรือ... ได้อ่านเลยอ่ะ ดีใจมาก

ตอนนี้เรื่องคลี่คลายแบบขีดสุดแล้วจริงๆ สินะคะ
คุณพ่อของพี่วินก็ยอมรับน้องจีแล้ว รอลุ้นต่อไปว่าพี่วินจะบอกรักน้องจียังไง ฮี่ๆ
แบบ...ตอนนี้หวานกลมกล่อมกำลังดีค่ะ
น้องมีดื้อบ้างนิดๆ ส่วนพี่ก็เข้มหน่อยๆ รสชาติเป็นกาแฟกำลังดี
แล้วตอนที่เฝ้าไข้เนี่ย น้องฝันร้ายปุ๊บก็มาหาปั๊บ
หูยยยยยยยยย...จะหวานกันไปไหน รักมากอ่ะ หมั่นไส้ได้ไหมคะ
ห่วงเว่อร์ หวงเว่อร์ พี่วินไม่มีอะไรพอดีเลย แต่แค่รักน้องจีก็ดีพอ ฮ่าๆ

 :-[

ตอนหน้าก็จะจบแล้วใช่ไหมค่ะ
แอบใจหายเบาๆ เพราะงั้นช่วยจัดเต็มให้มดขึ้นหน้าจอคอมทีนะคะ
เพราะมันหาได้ยากเหลือเกินจากเรื่องนี้ ><
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: runma ที่ 17-10-2012 13:52:00
ค่อยโล่งอก ตอนแรกคิดว่าจิรัฐจะเป็นอะไรมากกว่านี้
พอตื่นมาก็ตามัวมองไม่ชัดซะอีก พอชีวิตตกอยู่ในอันตราย
ความรู้สึกที่เก็บกดกันไว้ก็แสดงออกมาซะหวานกันทั้งคู่เลยครับ

ผมชอบที่จิรัฐคุยกับพี่วิน พี่ชายของเพื่อนรักอย่างยูที่ยกให้เป็นฮี่โร่
ตลอดกาล จนจิรัฐมองเหมือนภวิลเป็นยอดมนุษย์ แล้วยอดมนุษย์
ที่รักใครสักคนเข้าก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา
“ก็เลยบอกว่าอย่าเป็นไร ห้ามเป็นอะไร เพราะถ้าพี่วินเป็นอะไรทางนี้ก็เป็นเหมือนกัน"
คำพูดง่ายๆ ที่บอกว่าอีกคนมีความสำคัญกับชีวิตของตัวเองมากขนาดไหน
ถ้ามีใครมาพูดแบบนี้กับผม คงปลื้มนะครับ   :m23:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 18-10-2012 13:58:04
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ รวดเดียวเลย น่ารักมากๆ
แล้วก็เข้ามาตอนจะจบแล้ว เสียดายมากๆค่ะ
เป็นนิยายที่อุ่นๆ ค่ะ แอบเครียด แต่มีมุมให้พักสบายๆ
ตอนอ่านๆไป ก็คิดว่าจะเป็นทักษ์ แต่สุดท้ายไม่ใช่ก็ดีใจ
ตอนนี้ทุกอย่างกำลังลงตัวแล้ว อ่านก็ยิ้มได้คะ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Kanyanat ที่ 18-10-2012 21:28:16
อยากเห็นฉากหวานๆแล้วง่า :impress2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: carmel ที่ 19-10-2012 17:03:52
ตามมากจากคำแนะนำและไม่ผิดฟวังเลยจริงๆ
การบ่มเพาะความรู้สึกให้มันค่อยๆเติบโต
ความรักก็จะมั่นคง
ขอให้เป็นรักที่มั่นคง ไม่มีข้อผิดพลาดเหมือนรุ่นก่อนๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 20-10-2012 01:56:42
...เป็นนิยายที่สนุกมากกกกกกกกกกครับ ผมอ่านรวดเดียว 1-16 เลย หยุดไม่ได้จริงๆ ถ้ามีต่ออีกก็คงได้อ่านโต้รุ่งแน่ๆ สำนวนเขียนดีมาก ไหลลื่น เห็นภาพ ปมต่างๆของตัวละคร ซ่อนเงื่อนมากๆ คนอ่านเดาทางผิดเดาทางถูก แรกเลย เดาว่าคงเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับแน่ๆ เพราะจี ฝันแปลกๆหลายครั้ง แต่ก็ผิด ต่อมา คิดว่าคงโดนทักษ์ ทำร้ายในรูปแบบของคุณไสย แต่ก็ผิดอีก ต่อมา เริ่มจับประเด็นได้เรื่องยาพิษ แต่ก็ยังปักใจว่าเป็นทักษ์ จนที่สุด สรุปว่าปมจะมาคลี่คลายที่ชงคม สุดยอดมากๆ แล้วการกระทำของชงคม ก็มีเหตุผลรองรับ ผูกเรื่องผูกราวได้เยี่ยมมากๆครับ

 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-10-2012 20:19:28
ตอนนี้แอบมีหวานๆ เป็นตอนที่สบายๆมากอ่ะ อ่านแล้วรู้สึกดี ไม่เครียด ฮ่าๆๆๆ

พี่วินตอนนี้คุณพ่อก็ผ่านแล้ว เต็มที่เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: luv_khun ที่ 21-10-2012 14:21:44
เพิ่งมาเริ่ม 2วัน ถึงตามทัน  เครียดกับการอ่านมาก  แรกๆคิดว่าเป็นเรื่องประเภทมีวิญญาณซะอีก 

เขียนให้เรื่องมีปมให้น่าติดตาม  สนุกค่ะ  คนเขียนเหมาะจะไปแต่งนิยายประลึกลับซับซ้อนนะ  เขียนได้ดีจริงๆค่ะ

นี่เพิ่งมาอ่านตอนเรื่องคลี่คลายแล้วนะ  ถ้าอ่านตามแรกๆคงใจระทึกน่าดู    ตอนแรกก็เข้าใจว่าธรรมนูญ เป็นคนคิดร้ายเหมือนกัน

ไม่คิดว่าจะเป็นคนทำสวนไปได้   

ภวิลมีใจให้จีแล้ว แล้วจิรัฐ ล่ะ รู้สึกอย่างไรกับภวิลบ้าง

รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 21-10-2012 15:13:02
ตามมาจากกระทู้แนะนำค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ สมราคาคุย ไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ o13

ช่วงแรก อ่านไปบรื๋อออออไป แอบกลัวนะคะกับสิ่งที่บรรยายในความฝันและความรู้สึกของน้องจี แถมอ่านตอนกลางคืนด้วยนะ 555

พี่วิน... ตอนแรกแอบลุ้นว่าพี่จะมาแบบจำเลยรักรึเปล่า แต่คนแนะนำนิยายเค้าเฉลยไว้แล้วว่าพี่วินดีกว่านั้นเยอะ แล้วพี่วินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เป็นผู้ชายดีแห่งปีเลยน้าาา   น้องจีก็น่ารัก เป็นคนเข้มแข็งไม่โวยวายและมีจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนจริงๆ ชอบมากเลยค่ะนายเอกสไตล์นี้

ส่วนเรื่องที่ผูกไว้ คลายปมได้สุดยอดมากค่ะ แอบลุ้นคู่เชพกับผู้จัดการนะ อยากให้เชพสมหวังอ่ะค่ะ  :o8:

สรุปแล้วสนุกมากค่ะ ได้อรรถรสในการอ่านครบถ้วนจริงๆ ภาษาสวยมากอย่างที่หาเจอได้ยาก โชคดีที่อ่านจบก่อนที่การโหวตรอบแรกจะหมดเขต เลยมีนิยายในดวงใจไปประชันในเวทีกับเค้าด้วย อิอิ

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: gang ที่ 03-11-2012 22:13:21
มารออ่าน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 03-11-2012 22:57:13
ยังไม่มาเนาะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 16] 13 ต.ค. 55 หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 03-11-2012 23:06:21
...เงียบหายยยย  :z3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 06-11-2012 14:48:06
บทที่ 17

"มีอะไรกินมั่ง หิว..."

ธรรมนูญโผล่หน้าเข้าไปในครัว เขารู้ว่าตอนบ่ายแบบนี้ทักษ์ไม่ค่อยยุ่ง อีกฝั่งห้องซูเชฟดูของว่างกันอยู่ส่วนคนถูกทักขีดเขียนอะไรง่วนคล้ายไม่ได้ยิน ข้างตัวยังมีหม้อนึ่งขึ้นควันฉุย อีกพักถึงวางปากกาหันมาถามเสียงขึ้นจมูก

"ไม่กลัวโดนวางยา?"

"ปัดโธ่..." ธรรมนูญเสียงอ่อย "ก็ขอโทษไปแล้วไงเล่า ผิดไปแล้ว ขอโทษ...”

ทักษ์ยังเฉย ผู้จัดการพยายามใหม่

“ไม่มีอะไรให้ชิมจริงน่ะ ปกติต้อง...”

ท้องเขาร้องขึ้นได้จังหวะ ธรรมนูญจึงผสมโรงทำท่าหิวโซเสียเต็มประดา ทักษ์เหลือบมอง เม้มปาก ก่อนยกของในหม้อออกมาเดินนำไปที่โต๊ะเหล็กดัดทาสีขาวด้านนอก

“ไปโรงพยาบาลแต่เช้ากลับเข้ามายังไม่ได้กินอะไรเลยล่ะสิ” เว้นไปนิดก็ว่า “คุณจี... เป็นไงบ้าง”

ธรรมนูญว่าอาการดีมากแล้ว หมอกำลังจะให้กลับบ้าน อีกไม่นานคงเข้ามาทำงานเหมือนเดิม ยังฝากขอบคุณของเยี่ยมไข้ด้วย คนฟังก็ฟังเงียบๆ ด้วยสีหน้าโล่งใจ ก่อนคนเล่าจะเสริม

"... ก็ห่วงเขาเหมือนน้อง... จีไม่ค่อยมีใคร เพื่อนสนิทๆ ที่สุดอย่างยูก็... แต่ตอนนี้ดี มีคุณภวิล”

ทักษ์มองหน้าเขา "อาร์มหมายความว่าคุณภวิลกับคุณจี..."

"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ" ธรรมนูญคิดว่าตัวเองดูไม่ผิด

พ่อครัวดูจะอารมณ์ดีขึ้น ส่งช้อนส้อมให้พลางว่า

"กำลังคิดว่าจะเสนอใส่ในเมนูเดือนหน้า”

“มะเขือเทศสอดไส้...” คนกำลังจะเป็นหนูทดลองด้วยความเต็มใจก้มลงมองจาน ความจริงก็ไม่ใช่ของใหม่ แต่ถ้าเป็นทักษ์คิดไม่น่าจะธรรมดา

“...แบบเซอร์ไพรส์” นั่นไง “แขกสั่งไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง... เป็นเชฟส์สเปเชียล"

"จะดีเหรอ" ธรรมนูญมองอย่างชั่งใจ ถ้าเขาเข้าร้านอาหาร สั่งของมากินก็อยากจะรู้ส่วนประกอบหน่อยหรือเปล่า

"ไม่ไว้ใจก็ไม่ต้องกินถ้างั้นน่ะ" เชฟลุกพรวด ตั้งท่าจะยกคืน

"โอ๊ย" ธรรมนูญรีบคว้ากลับ "ถ้าพ่อครัวคนนี้ทำนะ สอดไส้ขี้หมามายังอร่อยเลย ยอมกินหมดแหละ"

"เว่อร์แล้ว" อีกฝ่ายบ่นแต่ก็ยอมลงนั่ง “ถ้าได้อยู่ในเมนูจริงไม่ต้องห่วง ใครสั่งรายการนี้จะบอกบริกรเราไว้ก่อน ให้แจ้งด้วยว่าแพ้อะไรหรือเปล่า ปรับกันได้”

“ก็ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก” ธรรมนูญว่า เขารู้อยู่แล้วว่าทักษ์รอบคอบ ยิ่งเพิ่งเกิดเรื่องอย่างที่ผ่านมาด้วยแล้ว... ถึงจะไม่ใช่ความผิดโดยตรง และเขาก็ไม่อยากให้ทักษ์คิดโทษตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่อีกฝ่ายยังถือว่าอะไรที่ผ่านมือพ่อครัวไปต้องเป็นคุณไม่ใช่เป็นโทษกับคนกิน แน่นอนว่ายิ่งระวังขึ้นกว่าเดิม 

“แล้วห่วงอะไรล่ะ” เชฟถามสีหน้าจริงจัง ธรรมนูญอมยิ้ม ตั้งแต่แรก ทักษ์ไม่เคยลืมว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทุกครั้งถ้าต้องรีบออกไปประชุมข้างนอก หรือเพิ่งกลับเข้ามา ก็ไม่เคยต้องหิ้วท้องเลยสักครั้ง ยังมีอีกหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ที่แสดงให้เห็นว่า... ห่วงใย ใส่ใจ ให้ความสำคัญ 

... เป็นอย่างนี้มาตลอด

“ห่วง... น้ำหนักตัวเอง ขึ้นเอาๆ”

“อ้าว... ก็มาขอเขากินเอง” ทักษ์ว่า “ไม่อ้วนหรอกน่า แล้วทำแต่ละอย่างมีประโยชน์ทั้งนั้นแหละ อย่างมะเขือเทศนี่มีสารช่วยลดการเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้"

ธรรมนูญสะอึกเบาๆ ก่อนพึมพำ “... มีประโยชน์มาก”

เขาเห็นหนังสือเป็นตั้งในห้องพักหัวหน้าเชฟ ความจริงทักษ์ก็ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่แล้ว แต่หลังจากเหตุการณ์นี้คงยิ่งทำ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้น

"... คราวก่อนเพราะเราไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ได้สนใจของที่ปกติไม่ได้ใช้ทำกับข้าว... ของที่เหมือนจะดูไม่มีพิษภัยแต่ถ้าใช้ถึงขนาดก็อันตรายได้เหมือนกัน ถึงได้มีส่วนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ต่อไปรับรอง จะพยายามให้ดีกว่าเดิม”

ธรรมนูญวางส้อมลง ตอนนั้น... แม้เมื่อถามออกไปแล้วด้วยทุกอย่างบ่งชี้เต็มทีแต่ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเขาว่าในใจแท้ๆ ก็ยังไม่เชื่ออยู่จนถึงนาทีสุดท้าย ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะคิดทำร้ายคนอื่นได้ และเขาก็บอกเชฟอย่างนั้น

ทักษ์ยิ้ม สบตาคนนั่งตรงข้าม “... ไม่อยากเห็นอาร์มโกรธอีก”

ธรรมนูญยิ้มตอบ นึกสงสัยว่าชาตินี้คงไม่มีวัน ทุกอย่างที่ทักษ์ทำเขารู้ว่า... หวังดีล้วนๆ แต่กลับทำให้นึกถึงอีกเรื่องที่เจ้าตัวเป็นคนพูดเองขึ้นได้

"ก็... ยังคิดจะทำอะไรให้โกรธอยู่รึเปล่าล่ะ"

ทักษ์ก้มหน้า ขยุกขยิกอยู่กับขอบโต๊ะที่สีขาวเริ่มลอกเหมือนเป็นสิ่งน่าสนใจที่สุดในโลก ก่อนพูดเบา

"อาร์มจะรู้ให้ได้ใช่ไหมเรื่องนี้"

คนถามเท้าคาง "... ก็ไม่ใช่จะทำอยู่แล้วเหรอ ถึงได้มาถาม"

"เออ..." ทักษ์เขี่ยขอบโต๊ะไม่เลิก "เดี๋ยว เตรียมใจแป๊บนึง"

ธรรมนูญกลับไปจัดการมะเขือเทศต่อ ให้เวลาคนตอบ ‘เตรียมใจ’ จนจะหมดจานแล้วพ่อครัวก็ยังก้มอยู่นั่น เขาแกล้งพูด

“เอ มีงานรออยู่พอสมควรเลย ขอบคุณอุตส่าห์ให้กิน อร่อยมาก...”

ทักษ์เงยหน้าขึ้นเหมือนกลัวเขาจะลุก รีบพูด "เดี๊ยวๆ คือ... มันเป็นเรื่องที่ไม่เคย... น่ะ"

“ทุกอย่างก็ต้องมีครั้งแรกทั้งนั้นแหละ” ผู้จัดการว่า กลั้นหัวเราะ “หรือไม่บอกก็ได้นะ ตามใจ”

ส่งผลให้อีกฝ่ายตบโต๊ะลงสองมือ “ไม่! จะพูด ต้องพูดแล้วแหละ”

ธรรมนูญก็รอ ผ่านไปอีกห้านาทียังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อครัวก้มแทบจะมุดเข้าใต้โต๊ะ เขาว่าลอยๆ

“พ่อครัวหัวป่าก์นี่ยังมีอะไรที่ไม่เคยทำด้วยเรอะ...”

“มีสิมี” เสียงตอบอู้อี้มา

“อะไรน้อ...”

ทักษ์ก้มหน้าก้มตาพูดจนธรรมนูญจับใจความไม่ได้ "ก็แบบ... ส... ร... ภ..."

"ฮะ?" เขาฟังไม่ถนัดจริงๆ ปกติอีกฝ่ายเป็นคนพูดเสียงดังฟังชัด ซึ่งก็แน่ไม่อย่างนั้นสั่งงานลูกมือช่วงโกลาหลไม่มีใครได้ยินพอดี

“... ร...”

“อะไรนะ”

“ก็สารภาพรักไง!” คนแทบจะตะโกนใส่อยู่แล้วยืดตัวขึ้นกะทันหันเลยชนขอบโต๊ะเข้า ส่งผลให้ร้องโอ๊ยยกมือกดหน้าผาก ธรรมนูญก็ยื่นมือออกไปด้วยความตกใจเหมือนกัน ทาบอยู่กับมือเชฟ สบตากันในท่านั้นอยู่หลายอึดใจจนทักษ์เอ่ย

“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ”

“... เอาน้ำแข็งประคบมั้ย”

“อาร์ม!”

“หัวโนหมดแล้ว”

“ไม่ต้อง! ไม่เป็นไร” เชฟว่า เขาเลยลดมือลง ได้ยินเสียงถามค่อย “พูดแล้ว... โกรธไหมล่ะ”

ธรรมนูญส่ายหน้า อยากหัวเราะแต่กลัวจะถูกโวยอีก เลยได้แต่ยิ้มกว้าง "... ไม่เคยทำจริงน่ะ"

"อืม เคยแต่เป็นฝ่ายถูกสารภาพ" คำตอบทำเอาหัวคิ้วคนนั่งตรงข้ามกระตุกเล็กน้อยแต่คนพูดดูจะไม่ทันสังเกตเพราะก้มหน้ามองโต๊ะอีก ถึงจะไม่ลงไปต่ำเท่าก่อนหน้านี้ เอ่ยเสียงเบา

"แล้ว... ไงต่อ"

"ปกติเขาทำอะไรกันล่ะ" ธรรมนูญแกล้งไปอย่างนั้นเอง เขาเคยแหย่ทักษ์ประจำ เพิ่งมารู้เอาจริงๆ ว่าทำไปทำไม

"ก็ถ้าไม่..." ทักษ์จิ้มนิ้วมาหาตัวเองก่อนชี้ไปทางเขา ธรรมนูญต้องกลั้นหัวเราะอีก "ก็ปฏิเสธมา"

"ไอ้อย่างนี้” เขาเลียนมือไม้เชฟ “มันอะไร..."

"แบบ... คบกันเงี้ย" เป็นคำตอบเร็วปรื๋อ
 
"นี่ไม่ได้คบกันอยู่แล้วเหรอ"

ชะรอยทักษ์จะเริ่มรู้ว่าเขาแหย่ "อาร์มก็รู้ว่าเราหมายความว่ายังไง"

ธรรมนูญอมยิ้ม ไม่อยากเชื่อว่าต้องใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะมองเห็น ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่รู้ แต่... ตอนนี้ทุกอย่างคล้ายกระจ่างชัดขึ้น ทั้งความรู้สึกตัวเอง และของคนตรงหน้า... ทำให้ไม่ลังเลเลยสักนิดเดียวเมื่อตอบไปว่า

"เอาสิ"

"ถ้าต้องใช้เวลาคิดก็ไม่เป็นไรนะ” ไม่รู้เชฟได้ยินคำตอบเมื่อกี้ของเขาหรือเปล่า ธรรมนูญนิ่งไปนิดแล้วว่า

"คิดเสร็จละ"

"อาร์ม!"

"... ที่ผ่านมา ต้องโทษเราเองที่รู้ตัวช้า... ไปหน่อย”

“ไม่หน่อย ช้ามาก!”

“โอเค ช้ามากๆ” เขายอม “พอถึงตอนนี้เลยไม่อยากจะรอแล้วไง”

ทักษ์ยิ้มแก้มปริ อีกแป๊บก็เข้าไปเอาของกินออกมาเพิ่ม ธรรมนูญหัวเราะเมื่อได้ยินการนำเสนออย่างภาคภูมิใจ

“... นี่ก็สเปเชียล โน่นก็สเปเชียล ที่เสนอใส่ในเมนูจะให้เป็นเชฟส์สเปเชียลทุกอย่างได้ไงกัน”

“ทุกจานที่ทำให้อาร์มก็สเปเชียลหมดแหละ” พ่อครัวตอบอย่างไม่เคอะเขินก่อนผายมือ “เชฟส์สเปเชียล... เพื่อคนสเปเชียลของเชฟ”

คราวนี้ธรรมนูญหัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่ คนมุ่งหาความซึ้งแต่ได้ความฮามาแทนชักหน้าง้ำหน่อยๆ ก่อนจะยิ้มออกเมื่ออีกฝ่ายยื่นบางอย่างไปให้

"ที่ระลึก... 'คบกัน' วันแรก"

ธรรมนูญรู้ใจ ทักษ์ไม่สวมหมวกเชฟทรงสูงเพราะความรู้สึกไม่ถนัดส่วนตัวแต่ชอบใช้ผ้าโพกไว้มากกว่า พอชื่นชมอยู่ครู่ก็เงยหน้าขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้ "แล้วอาร์มรู้ล่วงหน้าได้ไงว่า... วันนี้"

เขาตอบกลั้วหัวเราะ "ก็แค่ตั้งใจจะมาบอกเหมือนกัน"

"แล้วหลอกให้พูดก่อนเหรอ ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ" อีกฝ่ายตั้งท่าจะโวยแต่คล้ายเปลี่ยนใจ กลับว่า “เอ้า งั้นก็ตาอาร์มบ้างล่ะ”

“เรื่อง?”

ทักษ์ไม่ยอมแพ้ “ตาอาร์มสารภาพ”

“สารภาพอะไร ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

“โอ๊ยอาร์ม เอาอีกแล้ว!”

ธรรมนูญยิ้ม เขาคงไม่เบื่อที่จะแกล้งแหย่คนตรงหน้านี้จริงๆ “รักคนนี้เนี่ย ไม่ผิดหรอก”

ผู้จัดการหัวเราะ มองเชฟหน้าแดงแข่งกับมะเขือเทศในจาน

... เห็นความสุขอยู่ตรงหน้าก็ต้องรีบคว้าไว้

เพราะชีวิตนี้... สั้นนัก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 06-11-2012 14:55:54
บทที่ 17 (ต่อ)

หลายวันต่อมาธรรมนูญเดินขึ้นตึก ผ่านเรือนหลังเล็กที่ปลูกสร้างใหม่จวนแล้วเสร็จ ส่วนใดเก่าผุก็แทนที่ เสริมเติมจนแข็งแรง อีกไม่ช้าคงงดงามสมบูรณ์ดังแต่ก่อน ทั้งภวิลและจิรัฐคงตั้งใจดูแลให้ลุล่วงไปอย่างดีที่สุด เป็นความร่วมมือ ร่วมแรง
และ... ร่วมใจ

เขาเคาะประตูห้องทำงานเดิมของจิรัฐ ได้ยินเสียงตอบจึงเปิดเข้าไป แต่พบว่ายังพูดโทรศัพท์ไม่เสร็จ กับใครก็เดาได้ไม่ยาก

จิรัฐอาจจะไม่รู้ตัวว่าทำสีหน้าแบบไหน ยิ้มอย่างไรอยู่ แต่ธรรมนูญเห็นชัด เมื่อเงยหน้าขึ้นทำมือให้รอก่อน รอยยิ้มสว่างยังระบายอยู่เผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย คนเป็นรุ่นพี่ยิ้มตอบ

ธรรมนูญคิดถึงงานแนะนำชมรมเมื่อครั้งยังอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นเขาอยู่ปีสี่แล้ว แต่ได้รับเลือกให้เป็นประธานฝ่ายพัฒน์อีกสมัย ส่วนกฤตวัตกับจิรัฐขึ้นปีสอง ผ่านค่ายกันมาสองสามครั้ง เป็นสมาชิกเต็มตัว

กฤตวัตยืนพูดน้ำไหลไฟดับ เรียกคนอยู่ข้างหน้า ส่วนจิรัฐก็แจกแผ่นพับ พานักศึกษาใหม่ที่เพื่อนเชื้อเชิญเข้ามาได้ดูนิทรรศการกิจกรรมค่ายที่เคยทำไปแล้วไม่ขาดตกบกพร่อง ธรรมนูญเดินออกไปข้างหน้าก็พอดีกฤตวัตเอนตัวมาพูดด้วย

‘พี่อาร์มไปบอกจียิ้มที อย่าลืมยิ้ม ให้ยิ้มเยอะๆ’

เขาอาจจะทำหน้าสงสัยหรืออะไรออกไปก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่กฤตวัตบอกว่า

‘เชื่อเหอะ คนเข้าชมรมอีกตรึม’

ยูพูดไม่ผิด...

แต่พอเพื่อนสนิทจากไป ไม่รู้อนาคต... ทุกอย่างที่พ่อแม่สร้างขึ้นจะเป็นเช่นไร ตอนนั้นเขายังคิด จะได้เห็นรุ่นน้องยิ้มอีกหรือเปล่า ยิ้มอย่างที่ไม่มีอะไรถ่วงในใจให้กังวล อย่างที่ไม่มีความกดดันหน่วงหนักใดจริงๆ

แต่ตอนนี้เขาโล่งใจ... เพราะในที่สุด จิรัฐก็ได้รอยยิ้มแบบนั้นกลับคืนมา

คนหลังโต๊ะตัวใหญ่วางสายลงแล้ว ธรรมนูญดึงตัวเองจากอดีต ยื่นแฟ้มให้แล้วบอกว่า

“เมื่อวานสัมภาษณ์คนจัดสวนใหม่ เลือกไว้ให้ดูแล้วสามสี่คนนะ... แล้วแต่จีจะว่างสัมภาษณ์รอบสองอีกวันไหน”

รุ่นน้องเงียบไปอย่างครุ่นคิด ธรรมนูญรู้ว่าเพราะเหตุใด เขาค่อยพูด

“ที่คัดมา... อาจจะเทียบยังไม่ได้ แต่ตอนคุยกันก็ไม่ได้ใช้... คนเดิมเป็นมาตรฐาน ดูเอาในปัจจุบัน”

จิรัฐพยักหน้า ขอบคุณผู้จัดการ

อดีต... เป็นบทเรียน แต่ไม่จำเป็นต้องยึดติด ทุกวันจึงควรค่าแก่การทำให้ดีที่สุด

เพราะอนาคต... กำหนดได้ด้วยปัจจุบันนี่เอง

“เรื่องเชฟเก่าก็จัดการแล้วอย่างจีบอก ดีที่เพื่อนคุณน้าบุณฑริกที่เมืองจันท์ยอมให้ไปทำงานอยู่ด้วย คราวนี้ต้องรับผิดชอบตัวเอง ถ้าปรับปรุงตัว ไม่หยุดถี่ ไม่หายไปโดยไม่ลา เขาคงออกจดหมายรับรองให้ อยากจะไปทำที่อื่นต่อก็ค่อยไป แต่ก่อนนั้นคงต้องใช้เวลาพิสูจน์อยู่พอสมควร”

จิรัฐบอกเขาว่าทุกคนสมควรได้โอกาสเริ่มต้นใหม่

หวังว่าอดีตหัวหน้าเชฟจะใช้โอกาสนี้แก้ไขสิ่งที่เคยพลาดผิดไป และกำหนดอนาคตใหม่ด้วยตัวเอง

ธรรมนูญคุยเรื่องงานที่จำเป็นอยู่อีกครู่ก่อนจะเอ่ย

“เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว เรียบร้อยดี... จีไปเถอะ เดี๋ยวคนที่นัดไว้จะคอยนาน”

... และเขาก็ได้รอยยิ้มอย่างเดิมตอบกลับมาอีกครั้ง


ภวิลยืนมือไพล่หลังมองเรือนหลังเล็กกว่าที่อยู่เยื้องออกไปด้านขวา เหลือเพียงตกแต่งภายในก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

เรื่องของชงคมผ่านไปเรียบร้อย จิรัฐทันออกจากโรงพยาบาล ได้ร่วมงานด้วยช่วงท้ายๆ แต่เช้ามายังบอกว่ามีที่อยากจะไป เขาอาสาขับรถให้ ระหว่างทางแวะซื้อของ

ภวิลจึงเพิ่งรู้ จิรัฐทำบุญให้น้องที่วัดทุกเดือน

ถ้าตามสิ่งที่แม่นับถือ มิสซาก็ขออุทิศสม่ำเสมออยู่แล้ว เพื่อนน้องยังใส่ใจในส่วนของทางนี้ด้วย

ตอนถวายสังฆทานจิรัฐเขียนชื่อนามสกุลเพื่อน ถัดจากนั้นเป็นชงคม

ภวิลตกลงใจ... จะมาด้วยกันทุกครั้ง ยังนึกบอกน้อง

... ต่อจากนี้ไม่ต้องห่วง เพราะเขาจะดูแลให้ดีที่สุด

ถอนสายตาจากเรือนเล็กกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ คนที่รออยู่เดินลงมา และภวิลก็รู้สึกว่าหัวใจโลดแรงขึ้นนิดหนึ่ง

แค่ได้เห็นหน้าเท่านั้นเอง...

ทั้งสองคนเดินเคียงกันไปริมน้ำ จิรัฐว่าแม่มาเห็นเรือนที่ทำไว้แล้ว ทราบเรื่องครั้งเก่าก่อนยังออกปากว่าแท้จริงเจ้าคุณปู่คงตั้งใจจะชดเชยให้ทุกทางที่ทำได้ เรือนหลังนี้ใช้ฝีมือประณีตนัก เพียงแต่สิ่งที่อีกสายต้องการหาใช่ข้าวของเงินทองไม่

เมื่อนึกถึงคุณบุณฑริก ภวิลจำได้ว่าตอนนั้นลังเลที่จะแจ้งข่าวไป คุณบุณฑริกเข้าใจว่าจิรัฐอยู่กับเขา โรคประจำตัวทางด้านหัวใจถึงแม้จะดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่ควรมีอะไรกระทบกระเทือน แต่ครั้นจะปิดไว้อีกก็... ยังดีที่พออธิบายเรื่องแล้ว หมอออกมาบอกว่าพ้นขีดอันตรายได้ทันการ แม้จะทั้งตกใจทั้งกังวล แต่มารดาของจิรัฐก็ยังควบคุมอารมณ์ ซักถามอาการของลูกชายกับหมอจนกระจ่าง

เป็นเขาเสียอีกที่เหมือนสติจะหลุด ด้วยใจแล่นไปหาคนที่นอนอยู่เสียแล้ว

... เพราะสุดท้าย... หัวใจคนเป็นแม่ย่อมเข้มแข็งที่สุดในเรื่องของลูก ภวิลหวังว่าวันหนึ่ง คุณรงรองจะเป็นเช่นนั้นได้

“แล้วก็... คุณยายบอก มีนักลงทุนต่างชาติสนใจ"

“อ้อ... ถึงอยากได้ก็ไม่ได้ไปหรอก” ภวิลว่าเสียงเฉยๆ

จิรัฐอมยิ้ม อีกฝ่ายพูดเหมือนแทบไม่ได้ทำอะไร แต่ที่จริงเขารู้จากคุณหญิงไพจิตรละเอียดว่าภวิลปกป้องทุกอย่างให้จนสุดกำลัง ทั้งที่ทางง่ายคือขายหุ้นส่วนของตัวเองเสีย ไม่ต้องทั้งหมด ก็คงได้กำไรบวกกับสายสัมพันธ์แข็งแกร่งขึ้นให้กับธุรกิจฝั่งตัวเอง แต่ภวิลก็เลือกที่จะไม่ทำ

“ขอบคุณครับ”

ภวิลมองเขาอย่างจะบอก... ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำนั้นด้วยซ้ำ จิรัฐเลิกคิ้ว ถามกลับด้วยสายตา อีกฝ่ายนิ่งไปนิดก่อนเอ่ยช้า ชัด

“ของนั้นเป็นของสำคัญ ของคนสำคัญ... คนที่รัก รู้ไว้เถอะว่า อะไรที่สำคัญกับจี ก็สำคัญกับพี่ด้วย”

จิรัฐยิ้ม ยื่นมือออกไป สอดนิ้วประสานเข้ากับอุ้งมืออบอุ่น มือที่ไม่ปล่อยมือเขาแม้ในยามอันตรายคับขัน และคงไม่มีเรื่องใดมาทำให้ละจากกันอีก

“เรือนหลังนั้นกำหนดเสร็จอีกสองสัปดาห์ ค่อยหาฤกษ์นิมนต์พระมา ทำบุญขึ้นบ้านใหม่กัน” ภวิลบอก “หลังจากนั้นก็...”

“ก็...?”

“... ก็ต้องแล้วแต่เจ้าของบ้าน ว่าเขาอยากให้อยู่ต่ออีกไหม ถ้า... อนุญาต... เขาก็คงรู้... ว่าแขกคนนี้ขออยู่ยาว ไม่ไปไหนง่ายๆ” ปรากฎรอยยิ้มขึ้นนิดหนึ่ง “... พี่จะทำตัวเป็นแขกที่ดี”

“แล้วถ้าเจ้าบ้านบอกว่าไม่อยากให้อยู่...”

แววตาอีกฝ่ายหม่นแสง ปลายนิ้วคลายลงนิดราวหมดเรี่ยวแรงไปเสียเฉยๆ แต่จิรัฐรีบยึดไว้ก่อน บอกว่า “... ไม่อยากให้อยู่ในฐานะแขกแล้ว”
 
ภวิลสบตาคนที่จับมือเขาเอาไว้ จิรัฐพูดช้าๆ

“เพราะว่า ’แขก’ ยังมีวันจะกลับบ้านตัวเองได้ แต่ถ้าที่นี่เป็น ‘บ้าน’ ไม่ว่าภายหน้าต้องเผอิญไปที่ไหน... ก็จะ... ยังกลับมาทุกครั้ง เพราะฉะนั้นขอให้อยู่... โดยถือว่าเป็นบ้าน”

เพราะ ‘อยู่’ มีความหมายมากกว่านั้น และคำว่า ‘รัก’ บางทีก็ไม่ต้องอธิบาย

ภวิลยิ้ม แล้วบอกว่าไม่ต้องห่วง

... เพราะเขาย่อมหาทางกลับบ้านจนเจอ และที่ใดที่มีคนตรงหน้า

ก็คือเรือนใจ

สองคนเดินเลียบแม่น้ำกันไปช้าๆ จิรัฐชวนคุยถึงเรื่องที่ยังอยู่ในกระบวนการแปรสภาพเป็นมหาชน เพราะเริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องราวล่าสุดนี้ ส่วนภวิลว่า

"เป็นมหาชนก็เป็นไป ยังไม่ต้องรีบเข้าตลาดก็ได้”

“อ้าว แล้วเรื่องเพิ่มทุน...”

"ก็... ไม่ต้องระดม”

“ได้เหรอครับ” จิรัฐคิดถึงรายงานที่เพิ่งอ่าน

“ก็มีพี่”

จิรัฐส่ายหน้า ยิ้มขำ ส่งผลให้อีกฝ่ายว่า

"... ทำไม... ก็กระเป๋าเดียวกัน”

"อ้อ... นี่อยู่ในธุรกิจเครือญาติกันไปแล้ว" จิรัฐพยักหน้า

"มากกว่านั้น... เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน" คือคำตอบกลับมา

ภวิลคิดถึงเรื่องอย่างสุดท้ายที่ติดอยู่ในใจ เสียงลือเสียงเล่าอ้างยังแว่วมาให้เข้าหูบ้าง กล่าวหาจิรัฐเกี่ยวกับยู ความจริงเบาบางลงไปมากแล้ว และมีแนวโน้มจะเป็นดังนั้นต่อไป แต่เขาก็ยังห่วง เอ่ยขึ้นด้วยไม่อยากให้ใครพูดถึงจิรัฐในทางไม่ดีเลยสักนิดเดียว

แต่คนเคยเป็นเป้ากลับบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ
 
“ไม่เห็นเป็นไรเลย คนที่ผมรัก ต้องห่วง ต้องสนใจความรู้สึก เขาก็เข้าใจถูกกันหมดแล้ว”

เงียบไปนิดก่อนภวิลจะถามขึ้น "... ใคร... บ้าง"

เขายืนฟังจิรัฐไล่ตั้งแต่แม่ คุณยาย คนทำงานที่ไว้ใจได้ ผู้จัดการ พ่อครัว จนจบลงที่ “... แล้วก็พี่วิน”

ทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน ใกล้พลบค่ำแล้ว ท้องฟ้ากลายเป็นสีชมพูอมม่วง ไม่นานคงมืดลงสนิท กลายเป็นฉากหลังให้ดวงดาวระยิบ

แต่มืดแล้วก็จะสว่าง เมื่อยามรุ่งอรุณมาถึง ก็ยังมีเช้าวันใหม่เสมอ

"... ทำไม... พี่เป็นคนสุดท้าย"

จิรัฐยิ้ม “ให้เป็นคนสุดท้าย... ไม่ดีเหรอ”

ภวิลนิ่งไปก่อนรอยยิ้มจะคลี่ระบายออกช้าๆ เช่นกัน เขาไล่สายตาจากบ้านพระยาหลังสระบัว ไปสู่เรือนหลังเล็ก สถานที่ที่เกิดเรื่องราวมากมายในอดีต 

แต่รอยรักในครั้งนั้นก็กลับมาจำหลักไว้ในปัจจุบัน

ปัจจุบัน... ที่จะนำไปสู่อนาคต... ยืนยาว 

แสงสุดท้ายของวันอาบไล้เสี้ยวหน้าของคนข้างๆ ภวิลหันมอง ยังยิ้มอยู่ เนื่องด้วยนึกถึงอะไรขึ้นมา

เพราะจิรัฐเคยพูด... บางอย่างใช้คำว่าตลอดไปได้

เขาบอกคนยืนข้างกัน รู้ว่าจะได้คำตอบกลับมาเช่นไร

“จำแม่น” จิรัฐหัวเราะ

และเพียงนัยน์ตาแลสบ เพียงปลายนิ้วที่เกาะเกี่ยวกัน

... เขาก็รู้สึกราวจะได้สัมผัสถึงนิรันดร.
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 06-11-2012 15:01:58
คุณ Ball เรื่องนี้จบลงแล้วแต่คู่นี้เขาก็เพิ่งจะเริ่มต้นนะเอาจริงๆ 55 ก็คงไม่มีเรื่องราวอุปสรรคอะไรมาขัดขวางอีกแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจนะคะ ฝากอ่านบทสุดท้ายด้วยนะ

คุณ michiko_love ขอบคุณมากเช่นกันนะคะที่อ่านและชอบ หวังว่าจะชอบตอนนี้ด้วยเหมือนกันนะ

คุณ Fire_Fay ไม่มีแล้วค่ะทางสะดวกแล้ว อิอิ ได้ทั้งสองคู่สมใจนะสวีทเท่าที่คาแรกเตอร์สามารถ 55 ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการติดตามมากค่ะ คนอ่านก็น่ารักเหมือนกันค่ะ

คุณ milkteabeige บ้านนี้ก็เลี้ยงกันมาอย่างนี้ล่ะค่ะ เอิ๊ก บทนี้ก็ต้องพยายามหามุมนั้นต่อไป แต่เขารู้กันก็ดีแล้วละเนอะ ฝากอ่านบทสุดท้ายด้วยนะคะ

คุณ  BitterSweet~ หมดเคราะห์แล้วค่ะ อิอิ เรื่องของลุง อาจจะทำตัวเอง อาจจะไม่อยากอยู่แล้วจริงๆ เป็นอย่างที่ว่าไว้แหละค่ะ ความโกรธเกลียดอย่างนั้นก็ทำร้ายตัวเองอะเนอะ

คุณ iforgive ขอบคุณมากนะคะสำหรับการอ่าน ขอบคุณที่ชอบค่า

คุณ pim_onelove กรี๊ด ไม่รู้ว่ามันหวานไหมค่ะ แบบว่า หวานไว้ข้างในอะไรงี้ค่ะ 55 แต่เขาก็เข้าใจกันน้า

คุณ Millet ขอบคุณมากนะคะสำหรับการติดตาม ทุกคนก็หมดเวรหมดกรรม หมดเรื่อง กันซะที ฝากบทสุดท้ายด้วยนะคะ

คุณ BONE ฮา น่าจะมีค่ะแต่ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาโดยคุณย่าหรือคุณพ่อนี้ล่ะสิ ก็จะรับรองความประพฤติไม่ได้ ฮาๆ ทางนี้หมดแค่นี้แล้วอะ ขอบคุณเช่นกันสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ PetitDragon ก็นะกว่าจะเรียกได้ เอร๊ยยย ทำอย่างนั้นอาจจะมีการตกกะใจได้ 555

คุณ sunshadow ไม่มีเรื่องละค่ะ 55 เคลียร์ เขาก็ต้องเฝ้าล่ะนะก็เขาห่วงของเขา อิอิ

คุณ Pupay คนเขียนอยากมากค่ะ ฮา แต่แกเป็นคนแบบนี้ล่ะเฮ้อ แต่ก็พูดตรงๆ นะ รึเปล่า ขอบคุณเช่นกันสำหรับการอ่านค่า

คุณ sunwars หายดีละค่ะ อิอิ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ ่patsaporn แกเป็นคนช่างสังเกตอะค่ะ "จำแม่น" อย่างจีว่า 55 ขอบคุณมากสำหรับการติดตามนะคะ

คุณ chartbook ขอบคุณมากๆ นะคะที่ชอบ เขาก็เป็นไปแบบนี้กันค่ะแต่ก็เข้าใจกันดีนะ อิอิ

คุณ fay 13 ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า

คุณ @Iriz แหะ เบาๆ แต่ยืนยงน้า กร๊าก ขอบคุณมากๆ เลยค่ะสำหรับการอ่านมาตลอด ฝากต่อไปด้วยนะคะ

คุณ sulsul คนเขียนประมาณแบบว่า ถ้าเป็นเรื่องเล่าๆ ในอดีตนิดนึงก็จะเป็นเหมือนภาษาไม่สมัยใหม่หน่อย กลับมาพูดในปัจจุบันก็ค่อยมาเป็นแบบเดิมค่ะ แต่ยังไงในอนาคตจะปรับปรุงการเขียนให้ดีขึ้นนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

คุณ UnLucky ไม่เป็นไรค่า ยังอ่านอยู่ก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะคะ (ที่เขิน) 55 และขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า

คุณ bobby_bear ตอนคิดพล็อตนี่ก็ยังนึกอยู่ว่างานหนักแน่ตอนแก้ค่ะ 55 แต่ก็พยายามเขียนไปแบบ ท้าตัวเองด้วยว่าห้ามกลับไปแก้โครงเรื่องจะมีอะไรก็ เดินหน้าเขียนบทต่อไป อิอิ เรื่องยาอะไรต่างๆ นี่ก็ค้นเอาค่ะ เรื่องสระ อาจจะทั้งสองคนนั่นแหละ (แต่ใครจะรู้แน่ล่ะเนอะ) ส่วนตัวคนเขียนก็คิดว่าท่านก็ไม่ได้อยู่แบบละเลยภรรยาสองหรอกค่ะ แต่ภรรยาแรกก็นะ มีเหตุให้ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ เขียนไว้เป็นนิยายยาวเรื่องแรก ลงที่นี่ที่เดียว มีเวอร์ชั่นเดียวค่ะ 55 อย่าเพิ่งไปกินใบยี่โถน้า

คุณ ao16 ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า

คุณ IIMisssoMII ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ ฝากอ่านบทสุดท้ายด้วยน้า

คุณ chisarachi อิอิ ขอบคุณที่ชอบค่ะ คู่นี้ก็เป็นงี้แหละเรื่อยๆ ไป (แต่นานๆ 55) ขอบคุณสำหรับการอ่านมากนะคะ

คุณ Rukki ขอบคุณนะคะที่รออ่าน จีหายดีจริงๆ ค่ะ เรื่องนี้จบลงด้วยความรักที่เริ่มต้นขึ้นนะจะว่าไปแล้ว อิอิ ไม่เป็นไรน้า ถึงจบแล้วเราก็ไปเจอกันในเรื่องใหม่ได้จ้า

คุณ bun ขอบคุณมากค่า ฝากตอนสุดท้ายด้วยน้า

คุณ cavalli ขอบคุณค่า หวังว่าตอนสุดท้ายจะทำให้ยิ้มได้บ้างเหมือนกันนะ

คุณ route rover นิดนึงค่ะ อิอิ ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ zombi ขอบคุณมากค่า 55 เนื้อเรื่องตกใจ ใช้คำได้น่ารักจังค่ะ ไม่รู้จะหวานถูกใจรึเปล่านะ

คุณ UNAT ขอบคุณมากค่ะสำหรับการอ่าน และกำลังใจสำหรับพระเอก 55 ฝากอ่านตอนสุดท้ายด้วยนะคะ

คุณดาวโจร500 ขอบคุณสำหรับการอ่านค่า ความจริงบ้านพระเอกแบบไม่บังคับอะไรอยู่แล้วล่ะ แกถึงเป็นคนแบบนี้ 55

คุณ uknowry คุณพ่อถึงได้เข้าใจพี่วินไงคะ อิอิ ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ ฝากอ่านบทสุดท้ายด้วยน้า

คุณ GAZESL คนเขียนก็คิดถึงยูน้า 55 จบลงด้วยดีค่ะ แฮปปี้เอ็นดิ้ง ขอบคุณมากนะคะสำหรับการอ่าน

คุณ tvemmyxq คุณพ่อก็เคยมีอดีตแต่งกับคนที่ไม่ได้รักจริงๆ เลยเข้าใจค่ะ คิดว่าเรื่องราวก็สิ้นสุดลงสมบูรณ์แล้วละนะ ยังไงขอฝากบทสุดท้ายด้วยนะคะ

คุณ ordkrub แฮปปี้เอ็นดิ้งค่า ขอบคุณมากสำหรับการอ่านนะคะ

คุณ Bowbonk ขอบคุณที่ชอบค่า ฝากบทสุดท้ายด้วยน้า

คุณ malula ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านและกำลังใจที่มีให้มาตลอดนะคะ ฝากบทสุดท้ายด้วยค่า

คุณ raluf ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า เนอะๆ พิษร้ายทีเดียว จีไม่เป็นอะไรมากค่ะแฮปปี้เอ็นดิ้ง คอนิยายสืบสวนเหมือนกันเลยค่า ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ

คุณ Morethan ขอบคุณค่ะ ตอนแรกก็หลอกคนอ่านให้เขวเบาๆ ค่ะ แหะๆ ลุงชงควรจะบอกยูจริงๆ นั่นแหละเพราะว่ายูน่ะเป็นคนใจกว้างแล้วก็น่ารักนิสัยดีมาก แต่ลุงก็ไม่เคยได้รู้จักลูกชายตัวเองจริงๆ เลย ฉากหวาน แหะ มันก็ยังจับมือกันต่อไป (ฮา) แต่ก็ขอบคุณมากเลยนะคะที่ชอบ ดีใจที่รู้สึกแบบนั้น ฝากบทสุดท้ายด้วยแล้วกันนะคะ ส่วนเพลง เอร๊ยย โดนมากค่ะ อ้อแล้วก็คนเขียนดูเพลงเสน่หา ใน เดอะวอยซ์ โอยจิ้นเข้ากับเรื่องสมัยเจ้าคุณตาทวดของจีได้ดีเลยล่ะค่ะ

คุณ Artown ขอบคุณนะคะ ดีใจจังค่ะ ฝากบทสุดท้ายด้วยน้า

คุณบัวน้อย ไร่แตงโม คลี่คลายสุด แฮปปี้เอ็นดิ้งแล้วค่ะ หวังว่าจะชอบบทสุดท้ายด้วยน้า บอกแล้วก็ดูไม่แปลกใจ เพราะคนเขียนว่าทั้งสองฝ่ายดูรู้ตัวกันอยู่แล้วล่ะ 55 ไม่รู้มดขึ้นมั้ยแต่ว่าก็ฝากอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า

คุณ runma มันต้องจบแฮปปี้หน่อยค่ะ ก็ไม่เป็นอะไรมากนะ ขอบคุณมากเลยนะคะที่ชอบ ฝากบทสุดท้ายด้วยน้า

คุณ sanfran ขอบคุณค่า เดี๋ยวถ้าเครียดตลอดนี่จะพาคนอ่านเครียดแบบไม่มีทางลงละจะเหนื่อยเปล่าๆ ค่ะ ขอบคุณที่คิดว่าทักษ์ไม่ใช่นะคะ อิอิ ฝากบทสุดท้ายด้วยค่า

คุณ Kanyanat ขอบคุณสำหรับการอ่านจ้า ฝากอ่านบทสุดท้ายด้วยน้า

คุณ carmel ขอบคุณมากค่า เป็นดังนั้นเลย คงไม่เกิดเรื่องราวอย่างรุ่นก่อนขึ้นอีกแล้ว ฝากบทสุดท้ายด้วยนะคะ

คุณ vascular ขอบคุณสำหรับการอ่านและการทวงถามด้วยค่า ดีใจที่ชอบน้า ตอนเขียนก็คิดพล็อตหัวบวมเหมือนกันค่ะ แหะ ฝากบทสุดท้ายด้วยค่า

คุณ ○TeaCafé○ มันลุ้นๆ กับปมมานานพอคลี่แล้วก็ต้องลงมาสบายๆ หน่อยค่ะ 55 ขอบคุณมากนะคะสำหรับการอ่าน ฝากบทสุดท้ายด้วยน้า

คุณ luv_khun ขอบคุณนะคะสำหรับการอ่าน ดีใจมากค่าที่รู้สึกสนุก สองคนนั่นก็ใจตรงกันค่ะ 55 ฝากบทสุดท้ายด้วยนะคะ

คุณ sunshine538 ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่ะ 55 อ่านตอนกลางคืน ตอนจีเป็นจีก็หลอนค่ะ กร๊าก ส่วนพระเอกนี่แบบว่าคนเขียนไม่ได้สร้างแกมาแนวตบจูบแต่แรกแล้วล่ะ (แม้โครงเรื่องจะดูเอื้อ กร๊าก) คู่เชฟผู้จัดการ จัดให้เลยตั้งแต่ต้นบท 55 หวังว่าคงจะชอบนะคะ ดีใจมากค่ะที่คนอ่านรู้สึกสนุก และอุตส่าห์โหวตให้ด้วย ฝากบทสุดท้ายด้วยนะคะ

คุณ gang มาแล้วค่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วู้วววว จบแล้ว อยากจิกรี๊ด เขียนนิยายเรื่องยาวเรื่องแรกจบแล้ว! (อาจจะไม่ยาวมาก แต่ก็ดีใจมากค่า) จะว่าจบลงด้วยความรักที่เริ่มต้นขึ้นก็ไม่ผิดนะ อิอิ ถ้าว่าด้วยชื่อตัวละคร ภวิลแปลว่าตลอดกาล ส่วนจิรัฐก็แปลว่าผู้ยั่งยืน ก็สมควรอยู่ด้วยกันแล้วละนะ ส่วนกฤตวัตแปลว่าผู้ทำหน้าที่ให้สำเร็จ ซึ่งความจริงคนเขียนก็รักยูอยู่ ออกตลอดแม้จะเป็นความทรงจำก็ตาม

ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านจากใจจริง สำหรับการอ่าน การสนับสนุน คอมเมนต์ บวก เป็ด กำลังใจที่ได้รับมาโดยตลอดนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับการโหวตในเซ็งเป็ดอวอร์ดทั้งสองรอบเลยนะคะ ดีใจมากค่ะ

แล้วเราเจอกันเรื่องหน้า นะจ๊ะ  :กอด1:

(... ซึ่งคงไม่ลึกลับสืบสวนต่อกัน เบาๆ บ้างดีมั้ย อิอิ)

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 06-11-2012 15:05:53
โชคดีจังที่ได้อ่านนิยายดีๆ แบบนี้

อาร์มกับทักษ์ น่ารักกกกกกกกกกกกก


ส่วนพี่ภวิลกับจี อบอุ่นที่สุดดดดด

จบเร็วไป เสียใจ รอรวมเล่มนะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน

รอติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-11-2012 15:35:48
เซอไพรส์คู่เชฟมากอ่ะ  :กอด1:


พี่วินกับจีก็น่ารัก  :m1:


 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-11-2012 15:48:23
รวมเล่ม  ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 06-11-2012 15:48:59
ขอบคุณคะ ติดตามมาตลอดเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NiTRoGeN14 ที่ 06-11-2012 15:51:54
มีลางสังหรณ์อะไรไม่รู้ แต่กดเข้ามาปุ๊บเจอเรื่องนี้ลงตอนจบพอดี
#มีความสุขมากค่ะ TAT

คู่เชฟกับคุณผจก. นั้น หวานน่ารักมากกกกกกก
น่ารักที่สุด อ่านแล้วเขินแทน
เชฟทักษ์อ่ะ โมเอ้จริงๆ นั่นแหละค่ะ
บทจะพูดจะจาก็น่ารัก เอาใจใส่คนสำคัญอีก
อยากลักพาตัวมาไว้ที่บ้านจริงๆ
พอผ่านพ้นคู่นั้นมาถึงคู่หลัก...
อันนี้อาจจะไม่หวานมาก แต่ละมุนเว่อร์
ชอบที่บ้านว่าให้เป็นบ้าน เพราะจะได้กลับมาเสมอนี่แบบ...
ซึ้งมากค่ะ มันใช่อ่ะ ความรักแบบนี้
ต่อไปนี้ก็จะมีแต่ความสุขกันด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับที่ทุกคนได้เริ่มต้นใหม่

แล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะคะ ^^

 :-[
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mulli ที่ 06-11-2012 16:08:17
luv luv เรื่องนี้  o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Tuna Omega ที่ 06-11-2012 16:20:53
จบแล้วอย่างงดงาม
เรื่องนี้สนุกมาก ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ
  :pig4:

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 06-11-2012 16:51:54
จบได้แบบหมดจดงดงามมากค่ะ
เรื่องราวของน้องจีกับพี่วิน
ผ่านเรื่องร้าย ๆ มาด้วยกัน
ต่อไปก็จะได้มีความสุขกันเสียที
คู่ของเชฟก็น่ารักมาก ๆ ค่ะ

ขอบคุณคุณเดหลีสำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้
อ่านแล้วอิ่มใจมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-11-2012 16:55:55
อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มในความงามของภาษา
ขอบคุณมากครับ
จะรอพบกันอีกครับ
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 06-11-2012 17:04:16


    จบแบบหวานเชียวนะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ^ ^


หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-11-2012 17:18:29
ขอขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ขอตอนพิเศษด้วยก็ดีนะค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 06-11-2012 17:20:30

บวกเป็ดก่อนอันดับแรก
จบแล้วอ่า :o12: ใจหายนิดหน่อย
คนแต่ง แต่งดีมากๆเลยนะ ภาษาสวยมาก เป็นคนแต่งที่มีคุณภาพคนนึงเลย เป็นกำลังใจให้คนแต่งมีผลงานดีๆมาให้พวกเราคนอ่าน อ่าน กันอีกนะ o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 06-11-2012 18:03:35
สนุกมาก ภาษาสวยมากๆๆคะ
รอรวมเล่มนะคะ ^^

ขอบคุณมากคะสำหรับนิยายดีๆๆ  :L2:

แอบอยากให้มีตอนพิเศษทั้งสองคู่เลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pannipa ที่ 06-11-2012 18:07:33
จบแล้ว สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-11-2012 18:10:24
ขอให้ความรักพี่วิน-น้องจี ยั่งยืนตลอดกาล
พี่อาร์มกับเชฟทักษ์ก็ไม่น้อยหน้าเลย
เห็นทีต้องกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น
คิดถึงยูเหมือนกันนะ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 06-11-2012 18:43:04
ตอนจบหวานซึ้งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

พี่ภวิล กับจี เป็นคู่ที่อบอุ่นมากเลย ชอบอ่ะ ชอบมากๆ


รอผลงานเรื่องต่อไปของคุณเดหลีนะคะ ขอบคุณมากๆ ที่เขียนเรื่องสนุกๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 06-11-2012 18:58:59
จบแล้ว ขอตอนพิเศษหน่อย รุ้สึก อารมณืค้างๆ อยากได้หวานๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 06-11-2012 19:08:53
ขอบคุณที่แต่งจนจบค่ะ

เรื่องราวน่ารักมากๆเลยค่ะ น่ารักทั้งสองคู่เลย  o13
ว่าแล้วก็ขอตอนพิเศษด้วยคนค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-11-2012 19:14:55
ซื้อ!!!! โปรดรวมเล่ม ขอตอนพิเศษหวานๆ ครบคู่ ขอตอนยูยังไม่ตายด้วยคับ ขอตอนคุณพ่อคุณแม่ด้วย 555 ... คู่สุดท้ายนี่เรียกน้ำตาได้อีกกะบุงโกย... ชอบเรื่องนี้มาก คุณสุดยอกมากครับ นี่มันนิยายชั่นดีเลยอ่ะ!!!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 06-11-2012 19:15:08
จบแล้วหรอเนี่ย อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากกกกกกก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 06-11-2012 19:20:50
คู่คุณเชฟกับพี่อาร์มเค้าก็น่ารักเนอะลงเอยกันซักที
ส่วนน้องจีกับพี่วิน แค่น้องจียิ้มได้อย่างมีความสุขคนอ่านก็สุขแล้ว
ชอบคำว่ากระเป๋าเดียวกันจริงจิ๊ง น่ารักอ่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-11-2012 19:25:34
จบได้อบอุ่นมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ListeL ที่ 06-11-2012 19:36:09
เริ่ดอ่า ><
ชอบจังใสๆดีแบบว่าละมุนๆแอบครึ้มฟ้าครึ้มฝน(?) 55  แต่ชอบนะแบบดูเป็นเรื่องเป็นราวดี

จะรอเรื่องต่อไปนะคะ :)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 06-11-2012 19:50:55
จบดีจังเลยค่ะ ยังอยากอ่านต่ออยู่เลยยย

 :sad4:

เป็นนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจมากๆเลย  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 06-11-2012 19:56:12
จบแบบอบอุ่นชอบจัง
จริง ๆ ก็อยากให้หวานกว่านี้ แต่มันน่าจะโดดจากเรื่องแน่ ๆ เลย เพราะทั้งเร่องที่ปูมา
สองคนนี่น่าจะหวานได้แค่นี้แหละ ดูจากนิสัย 5555+

มีเรื่องต่อไปเมื่อไหร่ ก็จะติดตามไม่เปลี่ยนแน่นอนจ้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 06-11-2012 19:57:42
อาร์มกับทักษ์ก็หวานกันเบาๆๆ แม้ว่าจะไม่รู้สเตตัสก็เหอะ
แอบชอบนิสัยทักษ์นะ น่ารักดี

ส่วนพี่วินกะน้องจี ขอบอกว่าชอบมากกกกก
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ทั้งสำนวน ภาษาแล้วก็เรื่องราว

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ แล้วจะติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 06-11-2012 19:58:01
จบซะแล้วแอบใจหายเล็กๆ ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ อยากบอกว่าชอบทุกตอนเลยจริงๆ
ยิ่งตอนจบยิ่งน่ารักมากๆ ค่ะ :L2: รอเรื่องหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 06-11-2012 20:29:39
แอบน้อยใจ เรื่องสระบัว นิดหน่อย แต่ อย่างว่าอตีดมันผ่านไปแล้ว ต่อไปข้างหน้า

บ้านหลังน้อยมีที่วิน กับน้องจี ก็พอ แถมคู่ ข้างบ้านอย่างอาร์มกับทักษ์ด้วย น่ารักจัง

เรื่องหลักจบไปแล้ว จะมีตอนพิเศษแบบมะเขือเทศยัดใส้มั้ยน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงตัวอ้วน ที่ 06-11-2012 20:34:38
ขอบคุณครับ
จบซะแล้ว ตามอ่านมานานครับ
ภาษาสวยมาก อ่านลื่นดีครับ
จริง ๆ อยากอ่านต่อ ถ้ามีเรื่องใหม่จะติดตามอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 06-11-2012 20:50:21
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 06-11-2012 23:13:49
คือเรื่องนี้ไม่อยากให้จบ
อยากเห็นบทหวานๆของทั้งคู่อีก
เวลาเขาอยู่ด้วยกันมันน่ารักมากกกกกกกกกกกกก
เหมือนไม่หวานแต่ก็เขิน><
ขอบคุณสำหรับนิยายนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: โซวีญง ที่ 07-11-2012 00:37:18
ดีใจที่ได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ ...
ดีใจที่ได้มีโอกาสรู้จักคุณภวิล จิรัฐ กฤตวัต ธรรมนูญ ทักษ์ แล้วก็ใครอีกหลายๆคนในเรื่อง

ขอบคุณ คุณเดหลี ที่สร้างจินตนาการมาให้เราได้เอาไปคิดต่อ การกระทำหลายๆอย่างของทุกคนในเรื่องนั้นล้วนแฝงอะไรเอาไว้ให้ได้คิด
เป็นนิยายที่เรามาได้อ่านล่าช้า หากแต่พอได้อ่านแล้วกลับถอนตัวออกไม่ได้
เราไม่ใช่คนที่อ่านนิยายได้เร็วนัก เพราะเป็นคนชอบละเลียดเอารสนิยายให้ได้มากที่สุด อ่านซ้ำๆย้ำๆอยูู่กลับประโยคที่ชอบ
ส่วนไหนอ่านแล้วยิ้มก็จะวนซ้ำกลับขึ้นไปอ่านใหม่ ส่วนไหนเน้นอารมณ์จะจะค่อยๆอ่านไปทีละตัวอักษร
อาจจะเป็นคนที่มีพฤติกรรมการอ่านแปลกไปสักหน่อย แต่มันทำให้เราสามารถได้รับอรรถรสที่แท้จริงของเรื่องได้จริงๆนะคะ

นิยายของคุณเดหลี เรื่องนี้ .. เราใช้เวลาอ่านร่วมสัปดาห์หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย
การละเลียดอ่านของเรา มันทำให้เรารู้สึกผูกพันกับทุกคนในเรื่อง บางครั้งยังเผลอคิดไปว่า จะลองไปแถวริมเจ้าพระยาดูดีไหม
นี่คิดว่าถ้าวันไหนว่างพอได้ไปแถวฝั่งนั้น คงจะหาเวลาไปนั่งร้านอาหารสักร้าน มองสถานที่ๆน่าจะใกล้เคียงกับในเรื่องนี้มากที่สุด
คงจะทำให้เรารู้สึกสัมผัสคุณภวิลและจิรัฐ รวมถึงคนอื่นๆได้มากขึ้น

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
บอกกันตรงนี้ว่าเราเป็นคนเรื่องมากด้านการหานิยายอ่านมาก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ตรึงเราเอาไว้ได้
พบกันเรื่องหน้านะคะ ... จะตามไปให้กำลังใจ และละเลียดชิมนิยายรสดีแบบนี้ต่อไป


โซวีญง


 

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 07-11-2012 00:53:34
จบแล้ววว ยังอยากอ่านต่ออีกจังเลยค่าาาาา มีตอนพิเศษไหมเอ่ยย เรื่องหลังจากนี้จะเป็นไง พี่วินกับจี อิอิ o13 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-11-2012 00:57:14
 :3123:


จบลงด้วยรอยยิ้ม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 07-11-2012 01:00:10
จบแล้ว น่ารักมาก  :impress3:

ขอบคุณผู้แต่ง ที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่านกันนะคะ  :กอด1: :L2:

ไม่รู้จะมีตอนพิเศษหวานๆ มาให้อ่านบ้างมั้ย  :impress2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Artown ที่ 07-11-2012 01:40:12
แง๊ จบแล้วหรอ :z3:

เข้ามาเช็คทุกวัน คงจะคิดถึงคนเขียนมากกกกกกกกก

ไว้เจอกันเรื่องหน้าน้า ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะ 

 :bye2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 07-11-2012 02:03:31
 o13 o13 o13 o13 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :L2: :L2: :L2: :L2: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 07-11-2012 10:30:06
อ่านจบในเวลาอันรวดเร็ว (รึเปล่า)

สนุกขอรับ แต่ว่ามันจบแล้วเหรอ

ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย กั่กๆๆ

ขอตอนพิเศษได้ไหมขอรับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 07-11-2012 12:44:28
อ่าจบซะแล้ว o13
เขียนได้ดีจริงๆ
ยังอยากอ่านอยู่เลย
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 07-11-2012 12:50:00
จบแล้ว แฮ๊ปปี้ๆๆๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-11-2012 13:00:12
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ ชอบทั้งภาษาและวิธีเล่าเรื่อง จะติดตามผลงานเรื่องต่อๆๆๆๆไปนะคะ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 07-11-2012 13:03:06
และแล้วเรื่องราวก็จบลงด้วยรอยยิ้ม
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ สำหรับนิยายดีๆ
รอยรักจำหลักใจ จะเป็นอีกเรื่อง
ที่อยู่ในความทรงจำและความประทับใจของเรา

ประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

ปล. จะรวมเล่มมั้ยคะ? อยากได้มาเก็บไว้จัง >///<
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 07-11-2012 20:55:08
จบแล้ว  พระ-นาย เค้าได้หวานกันแค่เนี้ย  :a5:
แต่ถึงยังไงก็สมบูรณ์แบบและซาบซึ้งใจเหลือเิกินค่ะ
บอกตรงๆ ว่านิยายเรื่องอื่นๆ ที่เคยอ่านมา ถ้าแบบขาดช่วงไปสักหน่อยก็มักจะลืมเช็ค ลืมตาม และสุดท้ายก็เลิกอ่านไปซะอย่างนั้น
แต่สำหรับเรื่องนี้มัน "สเปเชียล" (ทำเสียงทักษ์) จริงๆ ค่ะ

แหมๆ ภูมิใจในตัวเองจริงๆ ที่ติดตามเรื่องนี้จนจบ ทีนี้ก็รอเรื่องต่อไปล่ะค่ะ ^_^  :pig4:
ปล. อาร์ม - ทักษ์ น่ารักมากกกกกกก


หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: 【focus_kung】 ที่ 07-11-2012 22:16:56
อ๊ายยยยยย น่ารักมากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องดีๆ อย่างนี้มาให้อ่่าน
ทั้งคู่คุณเชฟที่น่ารักคอตๆ ปิดท้าย
ทั้งคู่หลักที่หวานนิดหน่อย พอหล่อเลี้ยงหัวใจดวงน้อยๆ ของคนอ่าน .////.
ถ้ามีโปรเจคเรื่องต่อไปล่ะก็... เดี๋ยวไปจ่อรอเลยค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 07-11-2012 22:46:08
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ ชอบเรื่องนี้มากกก นานๆจะเจอแนวนี้สักที
คู่พี่อาร์มกับทักษ์น่ารักมากเลย แต่มาหวานกันเอาตอนสุดท้าย เสียดายอ่ะ เขียนตอนพิเศษคู่นี้ด้วยเถอะนะคะ (จริงๆอยากได้ทุกคู่เลย รวมทั้งจีกับยูด้วย) :impress:
ส่วนพี่วินกับจี คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วดูอบอุ่นมาก ดีใจที่ในที่สุดจีก็กลับมายิ้มได้เหมือนเดิมแล้ว :กอด1:

ปล.สนับสนุนให้รวมเล่มด้วยคนค่า
ปลล.+1+เป็ด ขอบคุณคุณเดหลีที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: breath ที่ 08-11-2012 01:59:33
อ่านรวดเดียวจบ เอาจริงๆนะ
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก!!!!!
ภาษาสวย กระชับ แต่ก็ลื่นไหล สวยงาม
พี่วินแม่งอบอุ่นเนอะ > < งื้ออออออออออออออออ
ชอบอะ ไม่มีแม้แต่หอมแก้มอะเอาจริงๆ
แต่ความรู้สึกรักมันล้นออกมาจนสัมผัสได้ ฮืออออออออออออออออออออออออ
ชอบมากจริงๆค่ะ คุณนักเขียนเยี่ยมยอด
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 08-11-2012 06:22:21
บอกตรงๆ อ่านไปกลางๆ เรื่องยังคิดอยู่เลยว่าจะเป็นเรื่องผีหรือเปล่า นึกถึงอีกเรื่องในบอร์ดที่เกี่ยวกับวิญญาณในบ้านเรือนไทย
ผูกเรื่องได้เก่งมาก ตัวละครมีที่มาที่ไป การใช้ภาษาก็เยี่ยม ทำให้คล้อยตามกับเรื่อง สงสารก็แค่ความจริงทำร้ายจิตใจคนไม่น้อย
หรืออาจเพราะยึดมั่นถือมั่นมากเกินไปเลยทำให้เศร้าเป็นทุกข์ก็ไม่รู้ แต่ยังไงเรื่องนี้ก็เยี่ยมมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 08-11-2012 14:13:15
พึ่งได้เข้ามาอ่าน +1 ให้คนเขียนค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 08-11-2012 17:24:47
จบได้น่ารักและอบอุ่นมากค่ะ

น่ารัก... เชพกับคุณผู้จัดการ (ซึ่งปกติไม่เคยแกล้งใคร แต่ไหงแกล้งแต่เชพทักษ์คนเดียวนะ ...555  ขอบคุณคนเขียนที่จัดให้นะคะ สบายใจแระ แอบสมน้ำหน้าคุณผู้จัดการนิดๆ ที่ตอนแรกเชพเมิน หุหุ o18)

อบอุ่น ... พี่วินกับน้องจี (เขินมากถึงมากที่สุดกับการสนทนาในตอนนี้ แม้ว่าจะไม่มีอะไรหวือหวาเลย แต่มันกินใจจังค่ะ  :o8:)

ดีใจมากที่ได้เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆ อีกเรื่องหนึ่งในเล้าเป็ดค่ะ

รออ่านผลงานต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 08-11-2012 20:25:49
ได้เข้ามาอ่านแล้วชอบมากสนุกมาก  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 08-11-2012 21:35:10
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:จบแล้ว :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 08-11-2012 22:10:15
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 09-11-2012 13:07:00
ตามอ่านแบบรวดเดียวจบ
สนุกมากค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นแนวจำเลยรัก (ไม่ใช่เพราะตบจูบนะคะ แต่เหมือนตรงแก้แค้นที่น้องตาย)
แต่อ่านๆไปสนุกจนหยุดอ่านไม่ได้เลย แถมทำเราอึ้งหลายชอร์ต
โดยเฉพาะตอนที่เหมือนว่าทักษ์จะเป็นคนวางแผน
ทำเอาอึ้งเลยเพราะชอบเวลาทักษ์อยู่กับอาร์มมาก (อยากอ่านตอนพิเศษคู่นี้อีกจังชอบบบ อิอิ)
ภาษาดี เนื้อเรื่องเยี่ยม แถมยังมีหักมุมให้ทายผิดด้วย ทั้งๆที่ตอนแรกก็เอะใจนิดๆแล้วแต่ดันปล่อยผ่านไป
สุดท้ายก็เป็นคนที่คิดไว้ตอนแรกจริงๆ ทายผิดไปมา ชอบบบตรงนี้ ฮี่ฮี่
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ
รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้อ่านตอนกำลังลงสดๆ ไม่งั้นคงลุ้นมากกว่านี้อีก ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: KIRA_kung ที่ 09-11-2012 16:36:51
สุดยอดมากๆเลยครับ ว่าแต่มีตอนพิเศษป่าวหว่า

อยากติดตาม หุหุ :laugh: สู้ๆต่อไปนะครับ น้องคิมเปงกะลังใจให้งับผม  ^^ o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 09-11-2012 22:58:14
เรื่องน่าติดตาม อ่านแล้วเดาไม่ออก
ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: gang ที่ 09-11-2012 23:40:14
มาสมัครเป็นแฟนคลับเรื่องต่อไป o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 09-11-2012 23:50:23
จบแล้วเหรอ
แล้วจะมีตอนพิเศษที่หวาน ๆ บ้างหรือเปล่าอะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 10-11-2012 01:26:40
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากค่ะ
น้องจีน่ารัก พี่วินก็อบอุ่นมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 10-11-2012 16:04:33
อยากอ่านตอนพิเศษทุกคู่เลยยยยยยยยย

น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 10-11-2012 21:19:11
ในหน้าแนะนำนิยายเห็นเค้าแนะนำและรับประกันความสนุกหลายคนเลยเข้ามาอ่าน
อ่านแรกๆ อึดอัดขัดข้องใจ มันอึนในอก สักพักความอึดอัดเริ่มคลาย อ้าววว น้ำตาไหล
พอน้ำตาแห้งเหือดก็ เอ๊ะๆ ขนลุก เสียวสันหลังวาบๆ จนต้องไปเปิดไฟเพราะแสงที่ลอดผ่านม่านไม่อาจทำให้เราอุ่นใจได้
เรื่องนี้ลุ้นระทึก เครียด หวาน เศร้า
สลับซับซ้อน มีปมให้ต้องคิดว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น หรือเรื่องจะดำเนินไปทางไหน แล้วมันจะคลีคลายได้ยังไง

มีความละมุนและกลมกล่อม ไม่หวานเกิน ไม่ขมเกิน
รักนิยายเรื่องนี้แล้วค่ะ
ขอบคุณผู้แต่งจากใจจริงค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 10-11-2012 21:41:10
เป็นการจบแบบไม่มีคำว่ารักจริงๆด้วย มีแต่ความเข้าใจ อร๊ากกกก
พี่วินกะจีน่ารักมากเลยอ่ะ เขิลและซึ้งตามสไตล์รอยรักจำหลัก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 11-11-2012 00:49:31
ขอบคุณ ที่แต่งนิยายน่าอ่านมากๆออกมาให้ได้อ่าน
เนื้อเรื่องสืบสวนก็อ่านแล้วแบบลุ้นไปด้วยเลยว่า ตกลงจี มีส่วนฆ่าเพื่อนหรือเปล่า หรือ เออ ใครวางยา
ภาษาที่เขียนก็ชอบอ่ะ อ่านเพลินๆ
เรื่องการวางยา พิษยา อาการทางจิต หรือเลือดออกในสมอง ก็มีข้อมูลแน่นดีอ่ะ
อิอิ หลงรักพี่วินกับน้องจี ณ บ้านเจ้าพระยา ซะแล้ว...

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 11-11-2012 02:46:56
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้ค่ะ
เป็นอีกเรื่องที่เราจะจัดอันดับไว้ในลำดับต้นๆ ของความประทับ
ด้วยความพอเหมาะในทุกๆ เรื่อง และน่าติดตามทุกตัวอักษร
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 11-11-2012 02:47:47
จบแบบอบอุ่นมากกก
ต้องขอบคุณคนเขียนมากนะค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกรักบ้านขึ้นมามากอีกเป็นเท่าเลยหละ

รักและขอบคุณ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: noknofly ที่ 11-11-2012 18:41:17
 o13 o13 o13 o13 o13
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก รู้สึกถึงความอบอุ่น ไม่ใช่แค่นักแบบผิวเผินอ่ะไรท์เตอร์
หลงรักอย่างแรง มีตอนพิเศษมั้ยอ่ะ :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: sweet_sweet ที่ 12-11-2012 05:46:06
อ่านจบแล้วชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย เป็นนิยายที่เป็นนิยายจริงๆรู้สึกอินไปกับตัวละครมาก
ขอบคุณที่แต่งนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณมากจริงๆ ^ ^    :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: prosperous ที่ 12-11-2012 13:00:23
อบอุ่นดีค่ะ สนุกด้วย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 12-11-2012 14:23:44
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ นิยายสนุกมาก ลุ้นตลอดว่าจะคลายปมยังไง ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: anawas ที่ 12-11-2012 16:45:40
:pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 12-11-2012 16:53:15
สนุกจริงๆค่ะ น่ารักมากๆ ลุ้นตล๊อดๆ

อยากอ่านตอนพิเศษบ้างจัง หวานๆง่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: chartbook ที่ 12-11-2012 20:52:05
จบแล้วรักนิยายเรื่องนี้มากค่ะ  ปลาบปลื้มกับถ้อยคำ ภาษาที่ใช้และโครงเรื่อง เป็นนิยายที่สะอาดจริงๆ พี่วิลกับน้องจียังคงสร้างความรู้สึกอุ่นๆกับเราจนกระทั้งถึงตอนจบ  ขอบคุณค่ะสำหรับงานเขียนดีๆแบบนี้ จะติดตามงานเขียนของคุณต่อไปนะคะ 
ถ้ารวมเล่มช่วยประกาศแจ้งด้วยนะคะ สุดท้าย  :pig4: มากที่สุดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Lolita ที่ 13-11-2012 16:16:14
รักเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ดีใจที่ได้อ่าน ถ้าพลาดไปต้องเสียดายมากแน่ๆ
คุณคนเขียนผูกเรื่องเก่งมาก ภาษางาม และเราไม่รุ้สึกสะดุดอะไรในนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ
บรรยากาศเองก้อสวย ถ้า้ปรียบเป็นรสชาติอาหารก้อต้องบอกว่ากลมกล่อมมาก
รักตัวละครทุกตัวที่คุณสรรขึ้นมา

แม้ว่ายูจะเสียชีวิตตั้งไปต้นเรื่องแต่คุณก้อดึงความเป็นคนดีออกมาให้เรารุ้สึกรักและเอ็นดูได้เทียบเคียงกับตัวละครอื่นที่มีชีวิตไม่ว่าจะเปนคุณวินหรือคุณจีเลยค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนยูไม่ได้ตาย ยูยังอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ทั้งคำพูดคำจาของคุณยูมันชวนให้เอ็นดูทั้งสิ้น ไม่แปลกใจเลยถ้าจะเป็นที่รักของคนทั้งเรื่องขนาดนั้น
เป็นเรื่องที่กรุ่นกลิ่นไออบอุ่นมากค่ะ อวลไปด้วยความรักจริงๆแม้จะมีปริศนาหรือปมต่างๆแทรกมา แต่ก้อถือว่าทำได้อย่างลงตัวมาก
ประทับใจตั้งทุกคำพูดของตัวละคร โดยเฉพาะตอนที่แม่ของคุณจีบอกว่า สำหรับพ่อแล้ว แม่ไม่เคยนับถอยหลัง มีแต่นับไปข้างหน้า...ว่าแม่รักพ่อมานานแค่ไหนแล้ว<<เราน้ำตาคลอเลยจริงๆ ทุกคำพูดมันอวลไปด้วยไอความรักนะคะ
เราเข้าใจว่าคนที่จะสร้างงานแบบนี้ขึ้นมาได้ก้อจะต้องมีความรักให้กับงานชิ้นนี้มากแน่ๆ คุณคนเขียนต้องเขียนด้วยความรุ้สึกรักที่มีให้ทุกตัวละครอย่างล้นใจแน่นอนเลยใช่ไหมคะ=))
นี่เปนผลงานของคุณเรื่องแรกที่เราอ่าน และพออ่านจบก้อรุ้สึกชื่นชมจากใจจริงๆค่ะ ขอบคุณมากๆสำหรับงานเขียนดีดีเช่นนี้และหวังว่าจะได้มีโอกาสอ่านเรื่องดีดีมีคุณภาพเช่นนี้ต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ=))

ปล.หลงรักคุณวินคุณจีและคุณยูมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 17-11-2012 12:48:36
สนุกมากๆ  o13 แล้วจะติดตามผลงานต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 18-11-2012 00:04:59
ชอบอ่ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Morethan ที่ 18-11-2012 18:19:30
อ่า...เดาถูกจริงๆ ด้วยแฮะว่าตอนนี้คงจบแล้ว ใจนึงก็ดีใจที่จบแล้ว แต่อีกใจก็เสียดายว่าแบบ จบแล้วเหรอเนี่ย ยังไม่อยากให้จบเลย ._.

ไล่ไปทีละคู่ละกันนะคะ >w<

สำหรับเราแล้วค่อนข้างเฉยๆ กับพี่อาร์มค่ะ 555555 ก็แหม พี่วินเป็นที่หนึ่งในใจ (เบอร์ดี้หนึ่งในใจคุณ?) นี่นา แต่มาตอนนี้พี่อาร์มก็ทำคะแนนไปได้ไม่น้อยเลยนะ ขี้แกล้งจริงๆ คนนี้ ...ส่วนเชฟทักษ์ เชฟน่ารักมากกกกก  :-[ ต้องขอโทษเชฟด้วยนะที่แอบสงสัย ก็แบบว่าอดคิดไม่ได้ว่าเชฟจะ ห สระอึ ง พี่อาร์มกับจี แต่ความจริงของเรื่องมันซับซ้อนกว่านั้นนี่นะ แถมเชฟยังโดนหลอกใช้อีก :O

ส่วนพี่วินกับจี สองคนนี้นี่ไม่มีอะไรจะพูดถึงแล้ว (เหรอ?) ชอบบทพูดของสองคนนี้มากเลยค่ะ 5555 ตอนแรกก็กะจะโควทมา แต่สงสัยถ้าทำงั้น คงได้มาแทบทุกประโยคที่สองคนนี้คุยกันแน่  ...ไม่ใช่แค่ 'แขก' แต่เป็นคนที่จะอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ไม่ใช่แค่ญาติแต่เป็นคนในครอบครัว หวานใส่กันทั้งคู่เลยนะ  :กอด1: แม้จะไม่ได้พูดกันตรงๆ อ้อมกันไปสักหน่อยแต่ก็น่ารักมากกกกกกกกกกกกก เลยค่ะ ก ไก่แปดล้านตัว 5555+

... เพราะเขาย่อมหาทางกลับบ้านจนเจอ และที่ใดที่มีคนตรงหน้าก็คือเรือนใจ

พี่วินหวานเลี่ยนน้ำตาลหกเรี่ยราดมดไต่มดตอมเลยนะคะ 5555 บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ตอนแรก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพี่วินจะหน้ามืดตามัว มาเป็นแบบนายหัวจากจำเลยรักไหม แบบนายทำให้น้องฉันต้องตาย! แต่...ผิดคาดค่ะ >w< พี่วินเป็นพระเอกที่อบอุ่นและสุภาพบุรุษมาก  :-[ 

ชอบการบรรยายของเรื่องนี้ค่ะ แม้จะมีบางจุดที่เรามึนๆ ไปนิดนึงเพราะคิดตามไม่ทัน แต่มันละมุนๆ อบอุ่นบอกไม่ถูก ชอบตอนบรรยายลักษณะจีอย่างอ้อมๆ ด้วยแหละ >_< แล้วอีกหนึ่งตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้ (แม้จะลืมไปนิด แหะๆ) นั่นก็คือยูค่ะ แม้ยูจะ...ตายไปแล้วตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ยูก็เป็นตัวละครหลักตัวนึง แม้จะได้เห็นผ่านความทรงจำ ความนึกคิดของคนอื่นๆ แต่ยูก็ดูเป็นคนที่ร่าเริง มีความสุข และเป็นที่รักของทุกคนจริงๆ

อ่า...รู้สึกคอมเม้นยาวมากเลย ยังไงก็ตามขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ แบบนี้นะคะ เป็นเรื่องนึงที่เก็บเข้าลิสต์ในใจไปเลย  :L2:

ปล. อีกสักนิด ชอบที่บอกว่าเรื่องนี้จบลงแต่คู่นี้เพิ่งเริ่มต้นค่ะ 55555
ปลล. อยากให้มีตอนพิเศษของพี่วินกับจีจังเลยค่ะ >w<
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Angel.JS~ ที่ 05-12-2012 00:53:21
เข้ามาเป็นอีก ๑ เสียงที่ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ
เป็นนิยายที่เป็นนิยายจริงๆ
อ่านแล้วมีความสุขมากๆๆๆเลยค่ะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ถ้ารวมเล่มจะซื้อนะค่ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 10-12-2012 20:13:42
อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความสนุกที่หามานาน
ซึ่งเดี๋ยวนี้คนเขียนแบบนี้ได้น้อยมากสวยงามน่าอ่านทำเอาคนอ่านจินตนาการภาพตามได้เลย
ขอบคุณมากนะคะจะรอติดตามผลงานอื่นๆคะ
ขอ+ 1 ให้เลยคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 12-12-2012 20:35:47
จบน่ารัก แฮปปี้ทั้ง 2 คู่

คู่เชฟนี่เค้าบอกรักกันได้น่ารักสุดๆ

มีของกินมาเอาใจด้วย 555
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: charapin ที่ 29-12-2012 02:47:06
เสียดายมากกกกกกกก ที่มาอ่านช้าไป  แต่ก็ได้อ่านในที่สุด

สนุกมากๆเลยค่ะ  เขียนได้ดีมากจริงๆแล้วเนื้อหาก็ชวนติดตาม

การใช้คำก็อ่านแล้วลื่นไหลดีมากเลยค่ะ

โชคดีจริงๆที่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 30-12-2012 03:34:45
ชอบคู่ของธรรมนูญกับทักษ์จัง
คู่นี้เค้าหวานกันมาตลอด
อยากอ่านตอนพิเศษของคู่นี้อ่ะ
และก็อยากอ่านฉากกุ๊กกิ๊กของพี่วินกับน้องจีบ้างจัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 31-12-2012 17:47:51
ลึกลับ ซับซ้อน ตื่นเต้น ลุ้นระทึก
มิตรภาพของเพื่อนน้องยูและน้องจีก็งดงามมากๆ

พี่วินดูแลน้องจีตลอดไม่ทอดทิ้งเลยน่ารักจัง
สนุกมากคร๊าบบ อยากอ่านตอนหวานๆแบบผู้ใหญ่ๆของทั้งคู่บ้างจ้า

ขอบคุณนักเขียนนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 12-01-2013 16:11:59
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ เราอ่านรวดเดียวจบเลย
ผูกเรื่องดี มีปมให้น่าติดตาม
อ่านไปก็ลุ้นไป
ตอนจบก็นุ่มนวล อบอุ่น สวยงาม เป็นบรรยากาศดีๆ
เราชอบคำพูดที่พี่วินกับจีคุยกันตอนจบมาก
อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ สวยดี ชอบ

ขอบคุณคุณเดหลีที่เขียนเรื่องสนุกๆ ภาษาสวย พลอตเรื่องดีแบบนี้มาให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re:บุพเพวายร้าย-พิเศษ3/3.1...............................................หน้า672
เริ่มหัวข้อโดย: tongdbsk ที่ 15-01-2013 23:29:17
ขอบคุณสำหรับนิยาย ดี ๆ แบบนี้นะครับ ภาษาสละสลวยมาก อ่านแล้วไม่ติดขัดเลย การดำเนินเรื่อง สามาถทำให้เห็นภาพ เป็นฉาก ๆ หายใจ ไม่ทั่วท้องไปตาม ๆ กัน

ขอบคุณอีกครั้งครับ แล้วจะติดตามผลงานเรื่องอื่น ๆ เรื่อย ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 16-01-2013 03:07:38
สนุกมากก ภาษาดีเวอร์

ชอบตอนที่แอบงอนกัน น่ารักดี

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 17-01-2013 06:19:04
สนุกอ่ะ ชอบ พี่วินเท่ห์ จีน่ารัก
ปล.ชอบบุคลิกทักษ์
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 17-01-2013 07:32:15
ชอบเรื่องการใช้ภาาาและการดำเนินเรื่องค่ะ สนุกมากกกกกกกก อบอุ่น สบายๆ และลุ้นน่าดู o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 18-01-2013 18:07:36
เพิ่งเข้ามาอ่าน
เรื่องนี้ภาษาดูเรียบๆเรื่อยๆ แต่น่าอ่าน
หลงรักตัวละครทุกตัว
แต่ยูเอาใจไปเลยยยย
โผล่มาแว๊บเดียวจากความทรงจำของคนอื่น ยังทำให้หลงรักได้  :กอด1:
ไม่น่าจากไปเร็วเลย  :เฮ้อ: แต่ทุกตัวละครก็มีเหตุผลของมัน

อยากตอนพิเศษของยู ตอนสมัยมหาลัยก็ยังดี  :z2:

ขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 05-02-2013 04:48:24
ไม่ค่อยว่างก็เลยต้องละเลียดทีละน้อย อาศัยจิ้มอ่านกับโทรศัพท์ก่อนอน ใช้เวลาหลายคืนทีเดียว
แต่คืนนี้ไม่ไหว แบบว่าติดพัน เลยอ่านซะโต้รุ่งเลยค่า
สนุกมากเลย ซับซ้อนซ่อนเงื่อนได้อีก
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Regina_1 ที่ 23-02-2013 18:32:01
เพิ่งได้จิ้มมาอ่าน และเพิ่งอ่านจบ
สนุกมากๆเลย เรื่องราวผูกกันหลายปมกันมาก
แต่สุดท้ายปมทั้งหมดก้อคลายออกมาได้ดี
ชอบความสัมพันธ์ที่เริ่มผูกกันไว้ของทั้งสองคน
ถ้าไม่มียู ทั้งสองคนก้อคงจะไม่ได้เดินเข้ามาหากัน
แต่น่าเสียดาย...ที่ต้องเริ่มต้นจากการสูญเสียใครบางคนไป
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 25-02-2013 17:53:57
จบอย่างงดงาม ขอบคุณสำหรบเรื่องราวดีดีนะคะ
สนุกมากๆๆๆ จะติดตามเรื่องอื่นๆต่อไปนะ ^^งจ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-03-2013 00:22:35
สนุกมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย อยากให้มีตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-03-2013 22:12:13
อ่านไปก็น้ำตาไหลไป
แต่ชอบคู่ทักษ์กะอาร์มก็น่ารัก

ชอบจังเรื่องนี้ :")
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Sherbet:)* ที่ 15-03-2013 19:01:44
ตามอ่านมาตั้งกะยังไม่จบ แต่ไหงวุ่นๆเรื่องเรียนแปปเดียว จบซะแล้ว 55
เรื่องนี้ใช้ภาษาได้สวยงามมาก อ่านแล้วไหลลื่นสุดๆ
ตัวละครแต่ละตัวก้อดูดี  แต่สารภาพว่าตอนแรกๆคิดว่ามีผีอยู่ในเรื่อง 555
แต่กลายเป็นลุงชมซะงั้น
จะตามอ่านเรื่องอื่นต่อนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
: ))

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: meew ที่ 18-03-2013 19:16:36
คือผูกเรื่องดีมาก น่าติดตามตลอด
อ่านแล้วอุ่นมากบอกไม่ถูก อุ่นทั้งตัวละคร อุ่นทั้งบรรยากาศ
อ่านแล้วรักเลย <3
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 20-03-2013 14:50:31
เรื่องค่อยๆไขไปทีละปม
ฮือออออ
สนุกมาก ชอบมาก แฮปปี้มาก
ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายดีดี
^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 25-03-2013 16:57:25
เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก
แต่สนุก และ น่าติดตาม ทำให้อยากอ่านทอยากรู้ว่าความจริงเป็นยังไง
สนุกดีค่ะ ชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 30-03-2013 17:28:55
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ

เป็นเรื่องราวที่สนุกมาก มีเงื่อนเงาซับซ้อนน่าอ่าน น่าลุ้นอยู่ตลอด

ความรักที่เกิดขึ้นก็เป้นความสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น

ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 02-04-2013 01:02:46
ขอบคุณมากครับ

เพิ่งอ่านจบ

สนุกมากๆ เนื้อเรื่องดี ภาษาสวย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: love2you ที่ 09-04-2013 00:50:25
ชอบมากค่ะ เนื้อเรื่อง ภาษา ตัวละคร ละเมียดละไมและอบอุ่นมากๆ ขอบคุณนะคะ

(อยากเม้นท์ยาวกว่านี้แต่เมื่อกี้เม้นท์ไม่ติด เสียดายมากเพราะพิมพ์อย่างยาว เฮ้อ...)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 21-04-2013 15:38:25
เป็นเรื่องที่ประทับใจอีกเรื่องนึงค่ะ อ่านแล้วยิ้มตามได้ตลอด

คิดถึงยู ซึ่งป่านนี้คงมีความสุขเมื่อมองลงมาแล้วพบว่าคนที่รักที่สุดสองคนได้มาดูแลกันและกัน

อยากให้ยูกลับมาอวยพรจีกับพี่วิน ^^

ขอตอนพิเศษเพิ่มหน่อยสิค่ะ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: fgwma ที่ 29-04-2013 09:08:37
เป็นนิยาย Y ที่ประทับใจมากๆค่ะ อ่านแล้ววางไม่ลงเลย ทำให้เราทั้งสุข เศร้า ร้องไห้ ยิ้ม หัวเราะ ตื่นเต้น ลุ้นระทึก เหมือนคนบ้า มีทุกอารมณ์อารมณ์เลย ภาษาที่ใช้สละสลวย เรียบเรียงดี อ่านง่าย เข้าใจง่าย   มีข้อเสียตามความรู้สึกของเราอย่างเดียวคือ จบไวไปนิ๊ดดดด น้องจีเพิ่งจะมีความสุข เพิ่งเข้าใจและใจตรงกันกับพี่วิน น่าจะมีตอนหวาน ยืดออกไปอีกสักตอนสองตอน หรือตอนพิเศษก็ได้ จะทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์สุดๆเลยค่ะ   ไว้ผู้เขียนมีเรื่องใหม่อีกส่งข่าวด้วยนะคะ จะตามไปอ่านและให้กำลังใจค่ะ อยากอ่านแนวนี้อีกจังเลย ขอบคุณมากค่ะที่หาสิ่งดีๆ มาให้  o22
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 30-04-2013 20:06:33
ชอบเรื่องนี้จัง
ตอนแรกก็ลุ้นว่าคนร้ายเป็นใคร
สุดท้ายก็เป็นคนที่เราคาดไม่ถึง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 03-05-2013 23:54:34
เรื่องนี้มันมิได้หวานอย่างต้องหยีตา หรือหวานอย่างเลี่ยนจนแทบทนอ่านไม่ได้ แต่หวานอย่างนุ่มลิ้น เหมือนได้จิบเครื่องดื่มร้อนๆ ในยามเช้าที่นกส่งเสียงไพเราะอยู่เหนือคาคบไม้, หวานอย่างละมุนและอุ่นในอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง. ความรักของภวิลและจิรัฐก็เช่นกัน ไม่เป็นรักที่หวือหวา, ไม่เป็นรักที่ต้องป่าวประกาศให้คนรู้ แค่เราและเรารู้ก็เพียงพอแล้ว. รู้สึกเหมือนอ่านงานของนักเขียนสมัยก่อนที่ตัวพระกับตัวนางจะไม่สัมผัสกันเกิดความจำเป็น ไม่ค่อยได้เป็นเท่าไร ที่อ่านถึงตอนแค่พระเอกจับมือนางเอกแล้วจะกรี๊ดอยู่ในใจไม่หยุด ไม่ได้ล่วงเกินกันเกินงาม แต่ก็น่ารักและประทับใจสุดๆ ไปเลยค่ะ.

ต้องเรียกว่าหวานวาบหวามอยู่ในใจ.

ขอบคุณเดหลีมากค่ะ

ปล. กำลังตามอ่าน บริษัทบำบัด "โสด" ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 01-06-2013 23:26:43


เรื่องนี้สนุกมาก ๆ ลุ้นทุกตอน....

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 27-07-2013 08:29:54
 :z2: อ่านจบแล้ว ภาษาสวย

เนื้อเรื่องน่าติดตามลุ้นมาก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 27-07-2013 23:03:05
ตอนแรก, แอบหมั่นไส้พระเอก ใจร้ายใจดำ

แต่ตอนหลัง...น่ารักขนาดนี้ ยอมยกจีให้ก็แล้วกันนะ
 :mew1:
ชอบส่วนที่ปมของเรื่องขมวดไว้ได้ดีมากเลยค่ะ
มาทีละเล็กละน้อย อยู่ในรายละเอียด จนแทบไม่เอะใจซักนิด
ชอบมากกกกกกกกกกกกก ค่ะ!
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Sadaharu ที่ 28-07-2013 04:35:25
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีดีให้อ่านกันนะครับ อ่านรวดเดียวจบ นอนตีสี่ครึ่งเลย ขอบคุณคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 30-07-2013 22:39:18
สงสารจีสุด พี่วินนี้น่าหมั่นไส้มากๆ จิ๊

เรื่องนี้มีปมที่น่าติดตามมาก เเต่เสียดาย จบไว้มาก ิอิ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 01-08-2013 06:08:49
จำไม่ได้ว่าเคยคอมเมนต์ไปหรือยัง แต่สำหรับนิยายเรื่องนี้กลับมาอ่านกี่รอบๆ ก็ไม่เบื่อรู้สึกสนุกและตื่นเต้นประทับใจไปกับทุกตัวละครทุกครั้ง ถ้าถามว่ารักใครมากที่สุดในเรื่อง คงจะตอบไม่ได้ แต่ถ้าแอบเทใจไปหมดคงเป็นยู เพราะเป็นตัวละครที่ไม่มีชีวิตอยู่ก็จริง แต่จีสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของยู อยู่ตลอดเวลาเลยรู้สึกว่าคนที่น่าสงสารน่าจะเป็นพี่วิลมากกว่านะเนี้ย เพราะหายใจเขาออกก็เป็นยู หมดเลย ทุกตัวละครมีแง่คิดและปมแต่ละคนให้เราได้คิดตาม อ่านตั้งแต่ต้นจนจบยังจิตรนาการบุคลิกลักษณะพี่วิลไม่ได้เลย แต่สำหรับยูมโน ได้เป็นฉากๆ เลยว่าต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น ถ้าจะเป็นเอามาก รักคนเขียนที่สุดที่เขียนเรื่องราวดี ข้อคิดดีๆ มาให้อ่านครับ ถ้ามีผลงานงานออกมาอีกก็จะขอติดตามไปทุกเรื่องเลยนะ ครับ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 12-08-2013 15:34:11
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: i_lost in.. ที่ 16-08-2013 16:04:09
อ่านแล้วรู้สึกหวานและอบอุ่น

ถึงแม้จะมีปมมากมาย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: zzz ที่ 16-08-2013 17:52:56
อ่านจบแล้วจ้า สนุกมากๆ เลย (อ่านไปลุ้นไป อิอิ)  o18
ขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องราวดีๆ นะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 02-09-2013 00:21:50
ขอชมจากใจครับ ภาษาดี สวยมาก โวหาร สำนวนอ่านแล้วลื่นไหล
การวางโครงเรื่องดี การผูกเรื่องดี มีความสมเหตุสมผล ทุกการกระทำ ทุกเหตุการณ์มีการรองรับเนื้อหาไว้หมดแล้ว
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากนักเขียนหรือผู้หัดเขียนหลายท่านยังทำได้ไม่ดีพอ อ่านแล้วยังขาดความสมจริง แต่ของคุณสมบูรณ์
อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆครับ ยิ่งตอนคลายปม ต้องนับถือที่ผูกเรื่องไว้ซับซ้อน

รออ่านผลงานต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: kinly ที่ 14-09-2013 20:25:44
ขอบคุณครับ เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามตลอดเลยทั้งเรื่องนะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 12-10-2013 23:37:52
อ่านรวดเดียว ลุ้นมาก สนุกมาก o13

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: miyuujung ที่ 03-11-2013 15:36:12
...จบดีมากค่ะ ซึ้งมากก ดีอย่างที่อ่านตอนที่ลงจบแล้ว ถ้าอ่านไป แล้วต้องนั่งรอตอนต่อไป คง...ค้างง เติ่ง เครียดยาวตลอดเวลาที่รอตอนต่อ แหงม มันอ่านแล้วขาดตอนไม่ได้เลยอ่ะ ต้องอ่านต่อ ถ้าหยุดนี่ ค้างง่ะ เครียดเลยแหละ
ต้องขอชมว่าใช้คำใช้ ภาษาได้สละสลวยมากค่ะ
เนื้อเรื่องซับซ้อน คาดไม่ถึงจริงๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อย่างแรกที่นึกถึงคงเป็น ยู ยู เป็นตัวละครที่ แทบจะไม่มีบทเลย เพราะจากไปตั้งแต่เริ่มเรื่อง แต่ตัวละครตัวนี้กลับเป็นจุดเริ่มหมุนของฟันเฟืองทุกอย่าง และยังเป็นตัวละครที่ เราอยากให้เขาได้มีบทมากกว่านี้ อยากให้เค้าไม่จากไปจริงๆ และมีชีวิตอยู่
แต่ก็นะ เมื่อนึกถึง ยู ทีไร ก็หน่วงๆในใจ ชอบกล
 ตอนอ่านเรื่องนี้ มันจะเศร้า ก็เศร้าไม่สุด มันซาบซึ้งปนๆกะทึ่ง ๆ หลายความรู้สึก มัน blueๆ เทาๆ สรุปคืออินมากกกเกิน แหะๆๆ T__T โอยย ยู...
คุณ เดหลี แต่งได้ดีมากจริงๆค่ะ ต้องขอขอบคุณ สำหรับนิยายดีๆๆแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: qbbgey ที่ 05-11-2013 20:11:47
นี่แหละนิยายที่ตามหา...
ได้หัวเราะ ได้ยิ้ม และได้ร้องไห้...

เรื่องนี้ภาษาสวย อ่านแล้วลื่นไหล ไม่ขัดหูขัดตา
เนื้อเรื่องมีการวางปม ดำเนินไปอย่างที่จุดหมายปลายทาง
ตัวละครมีมิติและมีพัฒนาการ

ชอบมากๆ ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยอ่านในเล้า
ถ้ารวมเล่มเมื่อไหร่ก็คงได้ติดต่อไปนะคะ : )

ปล. ความรู้สึกหลังอ่านจบคือ "อุ่น"... อบอุ่นหัวใจมากๆ เลยค่ะ
ความสัมพันธ์ของพี่วินกับน้องจีในที่สุดก็ค่อยๆ แตกหน่อออกจากเมล็ดพันธุ์ เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้ขึ้นเป็นลำต้น ออกดอก ผลิใบงดงามแน่นอนค่ะ

หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 07-11-2013 00:26:14
อ่านไปก็ลุ้นแสนลุ้นถึงกับวางไม่ลง
สนุกมาก ภาษาก็สวย ประทับใจมาก
ขอชื่นชมนักเขียนมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 07-11-2013 22:06:21
ค่อยๆอ่านทีละตอนจนจบ
อารมณ์เหมือนกำลังดูละครช่องในทีวีเลยอะ
แบบดีมาก อารมณ์ผูกปม ไม่ยืดเยื้อ  :katai2-1:
แล้วก็มีความรักเข้ามาพัวพันกับทุกๆคนเลย
ชอบมาก โมเม้นท์อบอุ่นของพี่วินกะจี
โอ้ยยยย ซึ้งง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-12-2013 03:34:10
ตอนแรกที่อ่านกลัวจะเศร้าแต่ก็อยากจะรู้ปมของเรื่องเลยอ่านมาเรื่อยๆ
ชอบมากค่ะ ถึงแม้จะมีเรื่องให้เศร้า แต่ก็ยังมีมุมที่ทำให้ซาบซึ้งใจได้อยู่ดี
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pookkee_popy ที่ 09-12-2013 11:30:54
 :z3: :z3: งื้ิิิิิิออออออ  ไม่อยากให้จบเลยอ่า า
บอกตามตรงว่าหานิยายอ่านมามากแล้วก็แบบละเลยเรื่องนี้
คือเป็นคนชอบอ่าน แนวพระเอกนายเอกพูดคำหยาบอ่ะ 5555
แบบมันตลกดี พออ่านเรื่องนี้ตอนแรกก็แบบ โหยพูดทางการไปป่าววะ ไรงี้
แต่พออ่่านไปเรื่อยๆเท่านั้นแหละ  หยุดไม่ได้เ>///////<
คือแบบลุ้นมากกก  กกแล้วภาษาของท่านคนเขียนแบบ
เหมือนดูละครอยู่อ่ะจริงๆ

นึกภาพตามได้เเลยอ่ะ ยิ่งตอนที่เรื่องเริ่มกระจ่างนี่แบบ อ๊ากก กก ลุ้นๆๆ
แบบผูกเรื่องดีมากกก ก คิดไม่ถึงเลยอ่ะ แบบทุกๆตอนมันเอามาเชื่อมกันหมด
สุโค้ยยย ย ย

อยากบอกอีกทีว่ารักเรื่องนี้อ่ะ ชอบมากก >..<
ว่าแต่ ไม่มีตอนพิเศษจริงอ๋อ งื้ออออ อ คู่นยี้ยังไม่ค่อยหวานเลยน๊า าาา อีกซักหน่อยจิ  :mew2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 22-12-2013 03:43:33
พอบริษัทบำบัดโสด จบ ก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เลยมาอ่านซ้ำ
อยากให้มีตอนพิเศษจังค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 24-12-2013 05:32:26
สนุกมากกกกกกกกก ซับซ้อนซ่อนเงื่อน สุดมันส์ ทั้งผูกปม ทั้งมีตัวหลอก เป็นพล็อตที่โดดเด่นมากค่ะ
ชอบตัวพระxตัวนายที่สุด อ่านแล้วรู้สึกรักตัวเอกทั้งสอง ตั้งแต่ต้นจนจบ, ชอบกลวิธีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วย
มีปัญหาเรื่องการลำดับญาตินิดหน่อย ...จริงๆไม่หน่อยเท่าไหร่ เพราะถึงกับต้องเขียนโยงในกระดาษ 555 (สนุกตรงนี้แหละ)
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ จะลองตามอ่านอีก 2 เรื่องของคุณเดหลีนะคะ <3
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 26-12-2013 20:24:12
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จบเมื่อคืน จะบอกว่าสนุกมากกกกกกค่ะ ยิ่งตอนหลังนี่ลุ้นมากกกกก สนุกมากค่ะ ชอบบบบ  o13  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 31-01-2014 21:01:34
อ่านไปลุ้นไส้บิด
ตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้ายกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 13-02-2014 19:08:33
โห สุดยอดอะ o13

เรื่องพลิกไป พลิกมา ตลอด ตัวละครแต่ละตัวมีความโดเด่นในตัวเอง

และดูมีมูล มีเหตุจูงใจ ให้คิดว่าคนนี้น่าจะใช่นะ แต่พอคนนี้ไม่ใช่ อีกคนก็เข้าข่ายอีกเช่นกัน

แต่คนร้ายตัวจริงนั้น กลับเป็นคนที่ไม่ค่อยมีบทบาทส่วนร่วมในเนื้อเรื่องสักเท่าไร สรุปคือ คนอ่าน โดนคนเขียน สับขาหลอก  :m16:

จริงๆ ตอนแรก คิดว่า พี่วิน จะมาแก้แค้นแนว จำเลยรัก ไรงี้

แต่ที่ไหนได้ กลายมาเป็น ยอดมนุษย์ ผู้พิทักษ์ น้องจี อิอิ :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 19-02-2014 20:25:08
โอ๊ยยยยย อยากไปบ้านพระยา อยากเจอจิรัฐ อยากเจอภวิล

อยากไปลองแหวกว่ายในสระบัว อยากได้ชมนาดสักกำ

ขอบคุณที่ผลิตผลงานดีๆมาให้อ่าน ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Shin Heeyoo ที่ 20-02-2014 09:52:19
นับถือคนเขียนมาก ข้อมูลแน่น รายละเอียดเยอะมาก

อ่านผลงานมาครบ 3 เรื่องแล้ว ทุกเรื่องมีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครแบบถี่ยิบ

อยากอ่านผลงานต่อไปเร็วๆนะคะ จะติดตามไปเรื่อยๆ ชอบที่อ่านแล้วไม่มีคำผิด

ภาษาสวย สำนวนดี ข้อมูลเป๊ะมาก ขอบคุณที่เขียนผลงานดีๆมาให้อ่าน เป็นกำลังใจให้ค่ะ




 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 21-03-2014 17:54:18
เพิ่งมาเจอ อ่านรวดเดียวจบเลยสนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 21-03-2014 21:44:44
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกเลยค่ะ


บ้านพระยานี่ทำให้เมศนึกถึง Praya Palazzo เลยค่ะ

คุณเดหลีเขียนน่าติดตามมาก ดีทั้งการใช้ภาษา การดำเนินเรื่อง การให้รายละเอียด อ่านจนฟ้าเหลืองงานการเเทบไม่ได้ทำกันเลยทีเดียว เนื้อเรื่องหลังจากอ่านจบให้ความรู้สึกอิ่มเอม สงบสุขเหมือนตื่นเช้ามานั่งจิบกาเเฟกลมกล่อมฟังเสียงนกร้องที่ในสวนน่าประทับใจมาก

ขอเป็นกำลังใจให้มีผลงานใหม่ออกมาอีกเรื่อยๆนะคะ เมศขอสมัครเป็นเเฟนคลับคุณเดหลีค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: JJBoss ที่ 23-03-2014 13:02:42
นึกถึง  โรงแรม อามันรีสอร์ท กรุงเทพ เลย
อ่านรวดเดียวจบ  เป็นเรื่องที่น่าติดตามมากกก  หยุดอ่านไม่ได้ 555
ตอนแรกๆ อ่านไปก็นั่งกลัวไป  เหมือนหนังผีชอบกล  ฮ่าๆ
เนื้อเรื่อง และสำนวนการเขียนไหลลื่นดี  อ่านแล้วไม่สะดุด
ชอบมากจริง ๆ เลยค่ะเรื่องนี้

ปล. อยากให้มีตอนพิเศษ คู่ของอาร์มกับทักษ์บ้าง ><
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: YJism ที่ 26-03-2014 13:41:27
อ่านจบภายในสองวัน ขอบคุณมาก ๆ สำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้นะคะ
คนแต่งเก่งมากเลยค่ะ นิยายภาษาดีมาก สื่ออารมณ์ได้ดีสุด ๆ
อ่านไปก็ลุ้นไป แต่สุดท้ายก็จบแบบ Happy Ending ดีมาก ๆ เลยค่ะ
 :hao5:

อยากอ่าน Special part ค่ะ ฮาฮ่า ๆ  :heaven

รักนิยายเรื่องนี้
 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 27-03-2014 07:37:09
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 20-05-2014 01:49:33
สนุกมากๆ จินตนาการฟุ้งจริงๆเรื่องนี้มีทุกอารมณ์ ไม่เคยหลงไหลกับคู่หลักเรื่องไหรมากเท่าเรื่องนี้ ช้าๆแต่มั่นคง ไม่มากไม่น้อยไป ไม่ปุบปับมีพัฒนาการที่ดีทั้งคู่ อ่านจบแล้วแฮปปี้มากๆ หืม เห็นเรื่องนี้หลายครั้งแล้วค่ะแต่ว่าจะอ่านๆแต่ข้ามตลอด จะติดตามอีกทุกเรื่องเลยนะคะ เยี่ยมยอดที่สุดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 23-05-2014 01:50:39
อ่านเพลินดีครับ เนื้อหาไม่เน้นความหวานแบบวัยรุ่น แต่เล่าออกมาได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป  ชอบมากๆครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Shin Heeyoo ที่ 10-06-2014 18:28:21
กลับมาอ่านรอบสอง
คราวนี้อ่านไปด้วย เปิด google ไปด้วย
คือนับถืออ่ะ คารวะเลย สาระมากมาย ความรู้ทั้งนั้น
มันไม่ใช่นิยายที่อ่านคลายเครียดธรรมดา
ไม่ใช่อ่านเพื่อเสพความบันเทิงอย่างเดียวอ่ะ
มันได้สาระ ซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมากกกกกก
นี่มันต้นไม้ที่ไม่ได้หายากอะไรเลย มีให้เห็นอยู่ทั่วไป
แต่ใครจะรู้คุณรู้โทษ คือมาอ่านนิยายเรื่องนี้แล้ว
แอบกลัวใบยี่โถกับต้นปรงเลยนะ ไม่กล้าเข้าใกล้
แล้วอ่านรอบแรกก็มัวแต่ลุ้นกับเนื้อเรื่องเนาะ
มาอ่านรอบสองนี่เลยอ่านแบบละเอียดมากขึ้น
คือคุณเดหลีเขียนดีอ่ะ ทุกเรื่องมีคำตอบ มีรายละเอียดที่พลาดไม่ได้
บางบทบางตอนอ่านทวนซ้ำตั้งหลายรอบ ชอบมากค่ะ
ขอบคุณนะคะ ที่เขียนนิยายสาระเพียบมาให้อ่าน
จะติดตามต่อไปเรื่อยๆเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 12-06-2014 11:11:57
ดีใจที่หลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ มันเลยทำให้เราหลง(รัก)เรื่องนี้เข้าเต็มเปาเลยทีเดียว เคยเห็นเรื่องนี้ผ่านๆ ตาบ้างแต่ยังไม่กล้าเปิดอ่าน ยอมรับว่ากลัว (ไม่รู้กลัวอะไร 55+) ไม่รู้อะไรดลใจให้ลองเปิดอ่านดูเหมือนกัน อ่านไปเรื่อยๆ ก็ไม่อะไร ไม่หวือหวาแต่มีปมให้คิดตามเลยยิ่งเลิกอ่านกลางคันไม่ได้ อยากรู้ว่าที่เราคิดนั้นเหมือนกับคนเขียนหรือเปล่า ถูกบ้างผิดบ้างเป็นสิ่งลุ้นดีค่ะ พอจบเลยใจหาย เอ๊ะ! อย่าเพิ่งสิ คู่พระ-นายยังไม่อิ๊งอ๊าง (หมายถึงดำเนินเรื่องในแบบคู่รัก) กันเลยนะ แค่จับมือ มองตา ผ่านเรื่องร้ายๆ และฝ่าฟันแก้ปัญหา...กันเอง เอ่อะ!! แลดูเยอะและข้ามไปหลายขั้นแหะ เอาเถอะในเมื่อคุณพ่อไม่ว่าอะไรแถมแล้วแต่ความสุขของลูก ต่อไปคงไม่มีเรื่องให้ต้องซีเครียดและล่ะ (แต่ก็ยังเสียดายค่ะ 55+)

ขอบคุณคุณเดหลีมากๆ ชอบเรื่องนี้จังค่ะ ส่วนตัวชอบอ่านแนวแบบนี้อยู่แล้วซึ่งมีให้เราอ่านน้อย(หรือเราไม่เห็นเอง) มันไม่มีบทหวือหวาแต่แฝงอะไรเยอะแยะดี ชอบทุกตัวละครแม้กระทั่งลุงชม แต่ชอบที่สุุดเห็นจะเป็นพ่อคินดะอิวินนี่แหละ พ่อหลักแหลม พ่อเก่งกาจ เป็นอย่างที่จีว่า "ยอดมนุษย์" แท้ๆ พ่อคุณ!!

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด.....ขอตอนพิเศษได้ไหมค่ะ (สายเกินไปไหมหนอ 555+)

ขอบคุณค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 16-07-2014 12:42:00
เรื่องสนุก อ่านเพลินมาก แถมต้องลุ้นตามไปตลอดเรื่อง ขอบคุณสำหรับเรื่องค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 16-07-2014 22:55:11
 o13 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: c-nat ที่ 09-08-2014 22:30:16
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ภาษาสวยอ่านง่ายไม่สะดุดและให้แง่คิด
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 24-08-2014 06:01:43
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆๆ  ขอบคุณที่เขียนนิยายเรื่องนี้

สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 24-08-2014 09:56:46
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pp_psj ที่ 04-09-2014 22:46:18
ดีใจที่ได้อ่านนิยายดีๆที่นับได้ว่ามีคุณค่าจริงๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ขอบคุณเดหลีนะคะที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่าน

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้แม้จะช้าไปสักหน่อย

อยากให้เดหลีได้เข้ามาอ่านเม้นบ้างนะ

เรื่องนี้จะอยู่ในความทรงจำอีกเรื่องที่ประทับใจมากๆแน่นอนค่ะ

ขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 10-10-2014 16:33:04
 :o8:ตามมาจากรีวิว ในเล้า จะเริ่มอ่านละนะคะ แล้วเดี๋ยวจิกลับมาเมนท์จ้า o18
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 22-10-2014 19:58:04
เป็นเรื่องที่อ่านซ้ำ ปกติไม่อ่านซ้ำแต่เรื่องนี้อ่านจบไปนานแล้วแต่ก็คิดถึงจึงมาอ่านอีก

บรรยายสวย ภาษาดี พระนายมีเหตุผล ไม่งี่เง่า

อยากรู้ว่าคุณเดหลีมีแฟนเพจมั้ยคะ ถ้ามีบอกหน่อยน้าาา อยากติดตามมากๆ

อยากให้มีรวมเล่ม อยากเก็บ อยากอ่านตอนพิเศษค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 28-10-2014 00:32:50
ชอบเรื่องนี้ตรงที่วางตัวละครได้ฉลาดมากกกกก ตัวร้ายเป็นตัวที่นึกไม่ถึงจริงๆ โดนสับขาหลอกตั้งหลายตลบ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 30-10-2014 14:54:21
สนุกมากๆนะครับ เรื่องนี้
แต่ต้องยอมรับเลย ลุ้นแบบว่าเครียดลงกระเพาะเลยจร้า
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 31-10-2014 21:43:29
จบหวานมากๆ เขิน

ช่วงแรกๆหน่วงๆ อ่านเเล้วปวดใจ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-11-2014 22:29:14
เรื่องนี้เป็นนิยายอีกเรื่องที่ต้องบอกว่าสร้างความประทับใจให้มากๆเลยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการผูกปมของเรื่องที่คนเขียนต้องทำการบ้านมาอย่างดี เพราะแต่ละประเด็นนั้นสามารถคลายออกมาได้อย่างเป็นระบบ ช่วยให้คนอ่านจัดลำดับความคิดได้เป็นอย่างดี
หรือการสร้างตัวละครแต่ละตัวให้ออกมามีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อีกทั้งการความสัมพันธ์ของตัวละครหลักที่ไม่ได้เป็นไปอย่างก้าวกระโดดแต่ค่อยๆซึมซับเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน
จนตกหลุมรักกันในที่สุด
ชอบประโยคสนทนาของตัวละครในเรื่อง ที่ไม่ต้องเยิ่นเย้อแต่ก็ถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจนและได้ใจความ อีกทั้งยังสามารถสื่อความรู้สึกออกมาได้ครบถ้วน
และที่ต้องชื่นชมจริงๆคือการหาข้อมูลประกอบการเขียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหุ้นส่วนบริษัท เรื่องการแพทย์ เรื่องของพิษ ไม่เว้นแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ยังมีอีกมากในเรื่อง ต้องขอชมจริงๆค่ะว่าสามารถผูกเรื่องได้เก่งมาก

ขอบคุณคนเขียนมากๆนะคะที่นำเรื่องราวอบอุ่นๆแบบนี้มาถ่ายทอดให้ได้อ่านกัน
ขอบคุณจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 19-11-2014 01:43:02
คิดถึงเรื่องนี้ เลยมาอ่านอีก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 25-11-2014 23:01:11
ขอตอบทุกครั้งหลังอ่านจบ เพราะหลงรักยู
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 11-12-2014 00:21:15
คงเสียใจแย่ถ้าไม่ได้มาอ่านเรื่องนี้
เขียนได้ดีมากๆๆๆ ต้องอ่านรวดเดียว หยุดไม่ได้เลยค่ะ
เป็นเรื่องสืบสวนที่จริงๆไม่หลอน แต่ก็ทำเราหลอนไปมากอยู่ และปมที่ซับซ้อนสุดๆ เหมือนจะเดาถูก แต่สุดท้ายก็ไม่ 555+
ตามมาอ่านเรื่องนี้ เพราะอ่านเรื่องล่าสุดของคุณเดหลี เรื่องของหมอๆเค้า พบสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกันคือ คุณเดหลีทำให้เราหลงรักตัวละครจริงๆ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 20-01-2015 21:25:09
  ลุ้นๆ แล้วก็จบอย่างสวยงาม o13 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: KaniSui ที่ 04-02-2015 22:24:24
ภาษาดีมากค่ะ ชอบบบบบบบบบบบ
ชอบตัวละครทุกตัวเลย โดยเฉพาะยู แม้จะไม่อยู่แล้ว แต่ความดีก็ยังคงอยู่ในใจทุกคน
ทั้งๆที่แค่ได้สัมผัสจากความคิดถึงและคำบอกเล่าของตัวละครอื่นๆ แต่กลับชอบมากๆ ชอบมากกว่าตัวเอกซะอีก ฮาา
..อย่างเวลาตัวละครอื่นๆพูดถึงยู น้ำตาก็ไหลออกมาเลย

คนแต่งดำเนินเรื่องได้ดีมาก ตอนหวานก็หวานเขินจนเอามือปิดหน้าตัว
ตอนตื่นเต้นก็กลัวขึ้นมาจริงๆ หวาดระแวงไปหมดทุกอย่างเลยค่ะ อ่านไปมือสั่นไป
บางทีก็มีหลากหลายอารมณ์ปังเข้ามาทีเดียว รู้สึกเหมือนตัวเองจะกลายเป็นโรคจิต ฮ่าๆๆ

อยากให้มีตอนพิเศษมากเลยค่ะ อยากรู้ว่าทั้งสองคน พระนายอยู่ด้วยกันบรรยากาศเป็นยังไงบ้าง
อยากรับรู้ความเป็นไปของตัวละครทุกตัวเลย

อยากเม้นหลายอย่างมากเลยก่อนหน้านี้ แต่ตอนจะเม้นจริงๆก็ตื้น แหะๆๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ..อยากให้แต่งแนวๆนี้อีกจังเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 11-02-2015 15:45:54
เป็นอีกเรื่องของนักเขียนในดวงใจของนักเขียนในดวงใจผมอีกที

ซึ่งแน่นอนว่ามันเจ๋งมากครับ เปิดเรื่องมาด้วยปม ด้วยความกังขา

ปิดด้วยความอบอุ่นของแสงสีชมพูอมม่วงของแม่น้ำเจ้าพระยา

คืออ่านแล้วโลภเลยครับ อยากอ่านตอนเค้ารักกันต่ออีก

ขอโทษที่ไม่ค่อยได้ตามนิยายนะครับ แต่เรื่องนี้ถ้าตามตั้งแต่ตอนแรกๆ

ผมคงจิกหัวผมร่วงหมดแน่เลย ขนาดมาทีหลังยังตามอ่านจน สว่างคาตากันเลยทีเดียว

ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากจริงๆ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 05-03-2015 04:55:44
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมากวางไม่ลงเลยจริงๆ ภาษาก็สวย เรียบเรียงเรื่องราวได้น่าต้ดตามทุกตอนเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 06-03-2015 23:31:16
...ว้าว ประทับใจมากเลยนะเนี่ย. กำลังอยู่ในช่วงอิ่มตัว ไม่อยากอ่านนิยายเลย เเต่ว่าพอได้อ่านแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Theodore ที่ 19-03-2015 20:38:32
เยี่ยมมากคับ ผมประทับใจเรื่องนี้มากๆๆๆๆ
เป็นนิยายที่ทรงคุณค่ามากๆสำหรับผม
ดีกว่านิยายวัยรุ่นเยๆกันซะอีก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 01-04-2015 01:16:43
ขอบคุครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 17-04-2015 16:34:55
เป็นนิยายที่ดีมาก คู่ควรแก่การเอาไปสร้างเป็นละคร(เวอร์ๆ) ขอบคุณมากๆที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ เนื้อหาสนุกน่าติดตามตื่นเต้นไปหมด คือโดยรวมแล้วดีมากๆ ขอบคุณอีกครั้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 18-04-2015 00:15:01
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆ อ่านไปลุ้นไป ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: comai0618 ที่ 19-04-2015 11:42:30
อ่านกี่รอบก็สนุกเหมือนเดิมค่ะ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 19-04-2015 21:30:11
ละมุนมาก ไม่ต้องพูดว่ารักก็เข้าใจได้ ฟิน  :heaven
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 01-05-2015 03:44:27
จบได้อุ่นมากเลยค่ะ ชอบมาก ๆ

เสียดายนิดหน่อยที่ยูไม่อยู่แล้ว ไม่งั้นเราว่าครอบครัวคงมีสีสันครึกครื้นกว่านี้เยอะเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 10-05-2015 13:24:38
นิยายสนุกมากๆครับ

ขอบคุณเรื่องสนุกดีๆที่แต่งให้อ่านน่ะครับผม

เป็นกำลังใจให้ในการแต่งนิยายออกมาให้พวกเราได้อ่านกันอีกครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 14-05-2015 10:30:53
กลับมาอ่านซ้ำอีกครั้ง ก็ยังชอบเหมือนเดิม

ยังชอบความสัมพันธ์ของตัวละครเหมือนเดิม

ยังชอบเรื่องราวที่คุณเดหลีสื่อออกมาเหมือนเดิม

และเรื่องนี้ยังเป็นหนึ่งเรื่องที่ประทับใจเหมือนที่ได้เข้ามาอ่านในครั้งแรกๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 15-05-2015 16:56:20
ไม่ได้อ่านนิยายในเล้ามานานมากกก จำได้ลางๆว่ามีน้องชวนมาอ่านเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ว่างๆๆตลอด
จนพอมีเวลาก็แอบมาอ่านซะหน่อย
อ่านไปก็นะ เออ ...มันใช่ มันสนุก มันซับซ้อนซ่อนเงื่อน (สารภาพว่าอ่านไปก็มึนๆว่าใครเป็นแม่เป็นพ่อ เป็นทวดเป็นหลาน) แต่ก็ยังสนุกน่าติดตาม
สรุปว่าสนุกดีค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 01-06-2015 07:47:13
 :o8: เป็นนเรื่องที่สนุกมากๆเลย วางโครงเรื่องได้ยอดเยี่ยม มีให้ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง ชั่งบีบหัวใจเสียจริง ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 22-06-2015 22:16:40
ภาษาสวย เนื้อเรื่องน่าคิดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 22-07-2015 05:57:06
ขอบคุณครับ ชอบตอนผูกเรื่องเขียนได้รื่นมากเลยครับ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Chi~Tao ♥ ที่ 22-07-2015 22:06:25
หลงรักนอยายเรื่องนี้ หลงรักตัวละครในเรื่อง หลงรักเนื้อเรื่อง หลงรักภาษา การดำเนินเรื่อง รักทุกอย่างของนิยายเรื่องนี้ รักที่ค่อยเป็นค่อยไป อ่านเรื่อยๆก็รักมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนที่ตัวละครแต่ละตัวค่อยๆสร้างความรักขึ้นมา
:กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 27-07-2015 15:02:56
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 28-08-2015 19:39:44
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
เราเดาตอนจบแทบไม่ออกเลย คือแบบว่าสกิดใจเรื่องที่เจอคุณอากะลุงคนสวนอยู่ด้วยกันอะนะคะ
แต่ไม่รู้ถึงความเชื่อมต่อ
พอมาเฉลยแบบนี้ แบบว่า สุดยอดอะ
ถือเป็นนิยายที่น่าอ่านอีกเรื่องเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 06-10-2015 14:07:57
จบแล้ว เป็นเรื่องที่อ่อนหวาน ละมุน อบอุ่น สืบสวน ปมปริศนา หลากหลายอารมณ์ดีครับ
ภาษาสวยมาก อาจจะอ่านยากในบางที
แต่เป็นเรื่องที่สนุก สมควรอ่านจริงๆครับ

ขอบคุณผู้แต่งมากครับสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 10-10-2015 13:38:31
จบอีกหนึ่งรอบ คิดถึงยูเหมือนเดิม ส่วนพี่วิลนะหรอไม่เห็นมีบทบาทเท่ายูเลย.
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Chi~Tao ♥ ที่ 25-11-2015 18:29:35
อ่านจบไปอีกรอบแล้วค่ะ สนุกมากเหมือนเดิม ชอบมากเหมือนเดิม และอยากได้เป็นหนังสือมากๆๆๆๆๆๆ เหมือนเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: minyjae ที่ 26-11-2015 21:30:29
เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน สนุกมากกกก วางไม่ได้เลย ต้องอ่านให้จบ
นับถือคนแต่งมาก แต่งได้เยี่ยมมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 01-01-2016 22:28:49
ปีใหม่หยุดเลยอ่านนี้อีกรอบ

ไม่รู้จะชมอะไรแล้วทุกคนชมไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่จะบอกคือถึงตอนนี้
เรื่องนี้ก็ยังเป็นนิยายอันดับ 1 ในใจของเราเสมอ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: jennyha ที่ 06-02-2016 00:48:51
นิยายสนุกมากคะๆ อ่านตอนช่วงแรกๆ นี้แอบหลอนนะคะ แล้วก็ชอบแนวนี้สุดๆ สืบสวนหาความจิงเนี้ย สุด เลยคะ ขอบคุณมากนะคะ ที่แต่งนิยาย สนุกขนาดนี้มาให้อ่าน
ยกให้เป็นนิยายหนึ่งในดวงใจเลยคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-02-2016 10:02:19
หลากหลายอารมณ์มาก
จีเป็นคนดนจิตใจดี
สมควรเจอแต่คนดี

แต่ยังแอบหน่วงกับอดีตรุ่นทวด
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 25-02-2016 02:29:01
แวะมาอ่านอึกแล้ว
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 10-04-2016 16:26:26
สนุกมาก เขียนได้ดีจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 16-04-2016 09:53:59
สนุกมากเลยค่ะ มีปมให้ติดตามตลอด
ชอบมากขอบคุณมากนะคะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: monkeytwin ที่ 18-04-2016 22:01:14
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 12-05-2016 01:04:11
เป็นเรื่องที่ดีมากๆๆๆๆๆๆเนื่องนึงเลย เคยหลงมาอ่านเมื่อนานมาแล้วแต่กลัวจะดราม่าเลยปิดไป วันนี้ว่างๆเลยลองอ่านอีกที มีนดีมากสนุกมากลุ้นตื่นเต้น คือเป็นเรื่องโปรดเรื่องนึงไปเลย คนเขียนเก่งมากๆนี่นับถือเลยข้อมูลทุกอย่างปมการดำเนินเรื่อง ประทับใจ ชอบมาก ฮืออออออออ เก่งจังเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: B2daEE ที่ 13-05-2016 16:48:00
ทำไมจะสั้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากได้ยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ #โดนพี่วินตบ  :hao5:

ฮือๆๆๆๆ คือดีงามค่ะ เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน ไม่รู้ว่าตัวเองไปอยู่หลุมไหนมา

ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ภาษาสวยงาม อ่านง่าย อ่านละมุนที่สุดของที่สุด

ชอบบทของแต่ละคน การโต้ตอบกัน แต่ละคำ แต่ละประโยคมีความหมาย

คือเหมือนต้องแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ แต่ไม่ได้เข้าใจยากเลย เป็นการใช้ภาษาไทยได้ดีงาม

เสียดายแต่ "ยู" อยากให้ยูยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้ายังอยู่ พี่วินก็ไม่ได้ออกโรงสิเนาะ คึๆๆๆ  :katai2-1:

แม้ยูจะเสียชีวิตตั้งแต่บทแรก แต่มีตัวตนยันบทสุดท้ายนะฮะ ...

ขอบคุณมากนะคะ ที่เขียนเรื่องดีๆ แปลกๆ แหวกแนวแบบนี้มาให้ได้อ่าน  :mew1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 16-05-2016 17:16:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 22-05-2016 22:30:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-05-2016 04:18:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 02-07-2016 10:58:49
ตื่นมาเจอคนแนะนำเรื่องนี้ตอนตี2 เลยลองกดเข้ามาอ่าน จนถึงตี5 ไม่ได้นอนเลย แต่ยังไม่จบ ตื่นมาอ่านตอนเช้าต่อ  หลอนมากเลยตอนอ่านช่วงตีสาม ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลย
แต่ปมเยอะไง บางทีก็เหมือนมีสิ่งลี้ลับมาเกี่ยวข้องด้วย แต่ไม่มี 55555
คนเขียน เขียนดีมากๆเลย อธิบายทุกอย่างไว้ชัดเจน
คู่เอกก็หวานได้เท่านี้ แต่คู่รองน่ารักมากๆ
อยากอ่านเรื่องราวหลังจากนี้จังเลยค่ะ  ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้นะ o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Byunpcy ที่ 01-10-2016 21:15:31
พึ่งเข้ามาอ่านเรืีองตอนแรกเจอในกระทู้แนะนำเเล้วก็เกือบจะเลื่อนผ่านไปแต่มันเหมือนมีอะไรดลใจให้เราเข้ามาอ่าน และตอนนี้ก็คิดไม่ผิดเลยที่ได้อ่านเรื่องนี้รู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครมาก และเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เราจะจำหลักไว้ในใจตลอดไป ขอบคุณคนเขียนมากค่ะที่แต่งนิยายดีๆให้เราได้อ่านและสุดท้ายก็สู้ๆนะคะ :mew6: :mew2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Kerberossss ที่ 31-10-2016 00:51:32
วันอาทิตย์ที่นอนเฉาๆอยู่ห้อง

กดเข้ามาอ่าน....ตามกระทู้แนะนำ
ชื่อเรื่องดึงดูดมาก ว่ากันตามจริง มาตอนแรกนี่คิดว่าจะแก้แค้น ตบจูบ.....
แนวที่ชอบเลยให้ตาย

อ่านมาตอนสอง เห้ย พระเอกเป็นคนมีเหตุผลสอดคล้องกับบทบาทตัวเองมาก
เป็นไปได้ไงแก้แค้นเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ หายากกกกก
หลังๆเริ่มออกนอกกรอบที่คิดแล้ว
ไม่ใช่ตบจูบเป็นนิยายที่มีเหตุผลมารองรับทุกการกระทำ

ชอบบรรยากาศเรื่อง ชอบตัวละครทุกตัว ชอบอย่างบอกไม่ถูก.....
เราไม่ค่อยอ่านนิยายแนวพีเรียด แต่มีเรื่องนี้ ที่อ่านแล้วหยุดไม่ได้
มันลื่นไหล....จนอดชมสำนวนงานเขียนไม่ได้

สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณนิยายดีๆ อ่านรวดเดียวจบ ....วันอาทิตย์พิเศษจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 31-10-2016 05:51:13
ชอบมากกกก คือ มีครบทุกอารมณ์เลยอ่ะ เเค้น ความรักเพื่อน มีเหตุผล แล้วก็อ่านไปมีช่วงเสียวๆขนลุกอารมณ์หลอนใจเต้นด้วยยย เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ตั้งแต่ตี1ถึง6โมงเช้าไม่ได้นอน 55555 วางไม่บงลง ปล. คนแต่งทำงานโรงแรมมั้ยคะ ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายสนุกๆมีความรู้แทรก และสอนตลอดเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 22-11-2016 22:23:13
เป็นเรื่องแรกที่เดาไม่ถูกจริงๆว่าจะไปในแนวทางไหน ทีแรกหน่วงสุดๆ พอเริ่มเข้าใจกันยิ่งอบอุ่นมาก อยากอ่านต่อตอนเค้าหวานกันอีกสักนิดจัง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 09-12-2016 16:45:49
ไม่เคยเดาทางอะไรเรื่องนี้ได้เลยซักอย่าง!
แต่ดี!ชอบค่ะ!ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 14-12-2016 17:12:20
อ้ายย สนุก ภาษาสวย อ่านซ้ำรอบ2ก็ยังสนุก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: yok_devil ที่ 15-12-2016 01:23:15
ขอยกให้เป็นนิยายคุณภาพดี ที่เลิศมากๆๆๆค่ะ
และขอสลักเรื่องนี้ไว้ในใจอีกเรื่องหนึ่งค่ะ
ชอบมากๆๆๆ  ภาษาดี บรรยายดี ตัวละครดี
มีเหตุมีผล และเป็นนิยายสอนคน ชอบมากๆๆค่ะ
และบอกเลยว่า รักยูมากๆๆค่ะ :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: namminzz ที่ 15-12-2016 17:42:45
ชอบภาษามากค่ะ สวยมากกกก
เนื้อเรื่องดี สนุกมากค่ะ แต่แอบรู้สึกอยากให้มีต่อ ยังไม่ค่อยมีฉากหวานเลยย :o12:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Faiia ที่ 16-12-2016 17:42:23
สนุกมากๆเลยค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 29-01-2017 12:16:50
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 14-03-2017 16:47:21
กล้าพูดเลยค่ะว่าเป็นนิยายวายไม่กี่เรื่องที่เรารู้สึกว่าสนุกด้วยตัวของเนื้อเรื่องปมในเรื่องโดยไม่ต้องหวือหวาอะไรมาก
ภาษาและเกร็ดในเรื่องก็น่าสนใจชวนติดตามมากจริงๆ ประทับใจมากๆค่ะ ชอบมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: yakkaru ที่ 15-03-2017 06:32:52
สนุกมาก อ่านไปอ่านมานี่ลุ้น นึกว่าจะพลิกเป็นแนว horror supernatural ไรเทือกนี้
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 20-04-2017 12:09:04
อ่านรวดเดียวจบเลนค่ะ สนุกมาก ภาษาดี เนื้อเรื่องมีให้ลุ้นตามตลอด  มีความละมุนเบาๆสบายๆ ชอบมากเลยคะ
 อยากให้มีตอนพิเศษ อยากเห็นความละมุนของพี่วินน้องจี  อยากให้มีรวมเล่ม ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน จะติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 22-04-2017 19:50:21
สนุกมว๊ากกกกกกกกกก ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 29-04-2017 21:55:09
เป็นอีกครั้งที่หลงเข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่อง 5555
#ฟินอีกรอบ #อ่านรอบสอง  :z2: :katai3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 05-06-2017 07:46:40
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ice-cream ที่ 14-06-2017 00:40:32
อ่านจบแล้ว สนุกมากๆๆๆๆ แต่งดี ภาษาดี ไม่เวิ้นเว้อเกินไป สนุกกำลังดี
เรื่องนี้เห็นรีวิวบ่อยแต่ก็เลื่อนผ่าน รู้สึกพลาดมากที่มาอ่านช้าไป :sad4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 17-06-2017 01:56:28
กลับมาอ่านอีกครั้งค่ะ เคยอ่านนานมากแล้ว
พออ่านบทที่หนึ่งก็อดใจต่อบทที่สองไม่ได้
คือจะหานิยายที่ภาษาดี ปมเลิศยากจริงๆ
คิดถึงเรื่องนี้จริงๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 18-06-2017 12:11:33
รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ารักนิยายเรื่องนี้มาก นักเขียนเคยทำหนังสือหรือเปล่าครับ หรือเคยทำแล้วใครมีอยากขายช่วยบอกด้วยนะครับ อยากได้หนังสือเรื่องนี้มากกกกก
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 29-06-2017 17:39:26
เดาว่า.   พ่อครัวทักษ์นี่ละ.  ที่ทำเรื่องทั้งหมด. วางยา  สาเหตุน่าจะมาจากอาร์มประการหนึ่งและมีผู้อยุ่เบื้องหลังอีก.  เดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับอาของภวิล. และคนสวนของจื.  ไม่รุ้ถูกปะค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ss.suttida ที่ 01-07-2017 17:35:20
เสียดาย อยากเจอยู อยากให้ยูมีบท อยากรู้ความรู้สึกความคิดของเขา เรื่องน่าจะซึ้งใจไปอีกโขเลย แต่ถึงไม่มีบทก็รักไปแล้วแหละ  :give2:  :impress2:  :impress2:  :impress2:  :impress2:  :impress2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 04-07-2017 18:10:32
มาอ่านอีกรอบแล้วครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 09-07-2017 10:39:01
อ่านรวดเดียวจบเลนค่ะ สนุกมาก ภาษาดี เนื้อเรื่องมีให้ลุ้นตามตลอด  มีความละมุนเบาๆสบายๆ ชอบมากเลยคะ
 อยากให้มีตอนพิเศษ อยากเห็นความละมุนของพี่วินน้องจี  อยากให้มีรวมเล่ม ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน จะติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ 
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: FiRMMiE ที่ 17-09-2017 08:01:20
ดีใจมากที่ๆด้อ่านนิยายดี ๆ แบบนี่ รักปมเรื่องมากก
เขียนดีมากเลยค่ะ เป็นนิยายทรงคุณค่าอีกเรื่องของเรา
ตอนแรกไอเราก็คิดว่าจะมีใครตายในสระบัวซะอีก
ตอนแรกคิดว่าเป็นเมียน้อยคุณตาทวด ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
เห็นคนเขียน เขียนย้ำเรื่องคุณตาทวดรักคุณยายทวดคนเดียวตลอด ฮ่า ๆ เลยคิดไปนู้น คุณยายทวดฆ่าเมียน้อยหมกสระบัวไปอีก
แอบสยอง ขนลุกนิด ๆ แต่สุดท้ายก็ใกล้เคียงนิด ๆ
ตรงคุณตาทวดมีอีกคนนึงจริง ๆ รู้สึกดีใจที่เดาถูก
แต่สุดท้ายทุกเหตุผลไม่เหตุและผลที่สอดรับกันดีมาก จนเราไม่คิดถึงว่าจะซับซ้อนขนาดนี้ ไอเราก็คิดอะไรน่ากลัวไปก่อน ฮ่า ๆ ๆ ๆ
แล้วก็คิดว่าน้องจีต้องโดนของแน่ ๆ อยู่ ๆ ปวดท้องเห็นภาพหลอน ไขปริศนาสนุกมากเลย
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเป็นโคนันไปด้วย ชอบมาก

รักเรื่องนี้ ขอบคุณที่แต่งนิยายดี ๆ เรื่องนี้มาคนอ่านได้อ่านนะคะ  :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Gottomon ที่ 08-10-2017 14:22:28
เพิงได้มาอ่านและรู้จักนิยายเรื่องนี้ นิยายดีมากกกกค่ะ ภาษาแบบดีสุดจิตสุดใจ อ่านมาแทบไม่เจอคำผิด
บรรยายดีงาม>< น่าติดตามมาก นิยายสืบสวนดราม่า ที่ชอบมากเวอฝ่อร์ค่ะ ดูมีเส่นห์มากๆทั้งตัวละคร ทั้งบ้านพระยา
ชอบมากก โอ้ยย ไม่รุ้นะพูดยังไง ตะลุยอ่าน 1 วัน 1 คืน คุ้มจัง
ชอบพระเอกมากๆ พี่วินแบบมีเหตุผลมากค่ะ รู้จักคิดวิเคราะห์ ไม่ลากจีไปกระทืบแล้วค่อยสืบสวน
ส่วนที่คิดว่าติดใจเล็กๆคือ ยู ยูรักจีแบบนั้นใช่มั้ย แต่จีรักยูแบบเพื่อน แต่สรุปคือรักกัน ก็ดีแล้วแหละเนอะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ถึงจะทาอ่านเลทไปนิด (#คนเลท2017)
 :3123:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Perfumez ที่ 11-10-2017 01:29:49
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สมชื่อกับที่หลายคนแนะนำให้อ่านมากๆ เป็นนิยายที่ภาษาดีแต่ก็ต้องขอสารภาพว่าแรกๆรู้สึกเอื่อยบ้าง เฉพาะช่วงที่ปูข้อมูลเกริ่นเนื้อเรื่องนิดเดียวเท่านั้นหละค่ะ พอถึงช่วงคลายปมการตายของยู ถ้าเราถอดใจไปตั้งแต่ตอนแรกๆ เราคงจะพลาดนิยายดีๆแบบนี้แน่ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็เรียกได้ว่าวางไม่ลงเลยค่ะ เริ่มอ่านตอนเที่ยงคืนลากยาวกันจนไก่โห่เลยทีเดียว 555555

ต้องชมคนเขียนมากๆที่วางพล็อตและปมเรื่องไว้ค่อนข้างดีเลยหละ เป็นปมใหญ่ๆที่ค่อยๆคลายออกทีละนิด พอให้คนอ่านคิดและลุ้นตามไปได้ แถมปมยังมีความสมเหตุสมผล มีข้อมูลประกอบ อ่านแล้วไม่รู้สึกติดใจอะไร

ต้นๆเรื่องด่าพี่วินไว้เยอะมาก อายเลยค่ะ พี่วินที่เคยด่าไว้ดันเป็นคนที่อยู่ข้างๆและพร้อมช่วยจีเสมอซะนี่ ส่วนช่วงที่จีหลอน นี่ก็หลอนตามค่ะ ยิ่งนั่งอ่านดึกๆอยู่ด้วย แอบคิดด้วยซ้ำว่าอาจจะมีญาติของจีตายใต้บ่อน้ำ เลยทำให้จีฝันถึงแล้วประสาทหลอน(แนวสยองขวัญไปอีก55555) พอเรื่องออกมาชี้ไปที่อาร์ม หรือทักษ์ ตอนนั้นทายว่าทักษ์ค่ะ จนหวยมาออกที่ลุงชง ตอนแรกก็ระแคะระคายบ้าง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าลุงเขาจะลงมือทำอะไรถึงขั้นนี้ โอย...ลุ้นตามจนตัวโก่ง

เผลอพิมพ์ซะยาวเลย 55555 สุดท้ายนี้ขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้นะคะ :)
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 12-10-2017 03:52:53
เนื้อเรื่องน่าตื่นเต้น ลุ้นตามทุกตอนเลยค่ะ สนุกมาก
ขอบคุณมากค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 25-11-2017 13:40:42
เนื้อเรื่องชวนให้ติดตามตลอด ภาษาก็ดี เป็นเหตุเป็นผล
คนเขียนเก็บรายละเอียดได้หมด ชอบมาก อ่านไม่หลับไม่นอน
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 05-12-2017 09:01:24
 :-[  :o8: มันดี อ่านเถอะ ไม่ต้องคิดมาก o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-12-2017 10:37:18
ชอบแนวนี้มากๆ เลย  o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 30-01-2018 22:25:04
เป็นนิยายดีๆอีกเรื่องที่กลับมรอ่านอีกรอบ ก็ยังรู้สึกดี อยากให้มีรูปเล่มมากๆเลยค่ะ กลับมาอ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลย
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 04-02-2018 23:14:20
เป็นนิยายที่ดีมากเลยค่ะ ลุ้นตามทุกบทเลย ภาษาดีมากเลย ชอบมากๆค่ะ

ขอบคุณนักเขียนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: huoan ที่ 24-11-2018 08:45:16
กลับมาอ่านใหม่อีกรอบ สนุกๆ ชอบมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 26-11-2018 21:05:01
จบแบบ เริ่มต้นความรักของพระเอกกะนายเอก :katai3:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-12-2018 22:50:10
ภาษาดีมากๆเลยค่ะ มีปมน่าสนใจให้ติดตาม กว่าจะได้รักกันแทบแย่ ผ่านมาได้ก็หายเหนื่อยนะคะ
ป.ล.เราชอบทักมากเลยค่ะ อ่านทีไรก็อมยิ้มกับบุคลิกเขาตลอด เป็นคนน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 29-12-2018 10:08:06
โง้ยยยยาษาดีมากกก สวยมาก ใช้คำหลากหลาย มีเสน่ห์มาก ทำไมถึงจะมาเจอละเนี่ย ชอบบบ ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 07-01-2019 01:39:17
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
เราชอบทั้งเนื้อเรื่อง การผูกและคลายปมได้กระจ่าง
รวมไปถึงลักษณะนิสัยตัวละครทุกตัวเลยค่ะ
ที่สำคัญคือภาษาที่เรียงร้อยกันได้ไหลลื่นสละสลวย
มากจริงๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 08-01-2019 02:38:56
มันดีทุกอย่างยกเว้นจบเร็วไป 5555555 โอ๊ยยยยภาษาดี ตัวละครดี คือดีไปหมด นักเขียนคือที่สุด นิยายสุดมากกกกกก  :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 08-01-2019 11:23:53
อ่านจบแล้วประทับใจมากค่ะ พระเอกอย่างพี่วินฉลาดมาก เก่งมากจริงๆ นายเอกอย่างจีก็น่าสงสาร

ยูเป็นตัวละครที่ถูกพูดถึงจากบุคคลอื่นๆ แต่เราก็รู้สึกว่าเค้าต้องเป็นคนที่สนใส ใจดี และน่าสนใจมากๆ

พี่วินอบอุ๊น อบอุ่น
สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: namminzz ที่ 12-01-2019 22:02:08
สนุกมากค่ะ ชอบมากกกกก
พี่วินกับน้องจีคือละมุนมากๆ ชอบความสัมพันธ์ที่ไม่พูดอะไรมากแต่ทำทุกอย่างเพื่ออีกคน แงงง
ปมเรื่องก็ลุ้นค่ะ เดาไม่ถูกเลย55555
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely_ket ที่ 14-03-2019 09:47:35
ชอบมาก ไม่มีการบรรยายบุคลิกตัวละครให้มากความ สูง ขาว ผมยาว บลาๆๆ
ไม่มีคำบอกรัก แต่ทุกอย่างที่ทำไปแสดงให้เห็นว่ารักมาก

ชื่นชมด้วยใจจริง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-06-2019 17:05:01
ตามค่าาา
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 25-06-2019 22:49:26
กลับมาอ่านรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ อิ่มอกอิ่มใจเหมือนเดิมมม
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 28-06-2019 09:56:28
ซึ้งๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 02-07-2019 08:57:50
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: weapons_space ที่ 06-07-2019 08:27:41
 :hao5: นิยายสนุกมาก ความละมุนที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับปมต่างๆ ที่ทำให้ลุ้นระทึกได้ตลอด และดึงผู้อ่านให้ติดต่มต่อได้ไม่ยาก ยกให้เป็น The best อีกเรื่องเลยครับ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 06-07-2019 22:50:18
อ่านรวดเดียวจบ แต่ก็กินเวลา2-3 วันเลยทีเดียวครับ  เป็นอีกเรื่องทีสะกิดต่อมอยากอ่าน ตอนหานิยายใหม่ๆ ซึ่งกำลังอยากอ่านนิยายแนวข้ามพพข้ามชาติ มาอดีต  ตอนแรกนึกว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนั้น  อ่านๆจนเฉลยเรื่องของยู ก็นึกว่าหรือจะมีผีวะเนี่ย  แต่ก็ดูจากจำนวนตอนที่เหลือ ผีมาหลอกหรือชวนย้อนอดีต ไม่น่าพอกับตอนจบ  เพราะแฟนๆรอคอมเม้นท์คนเขียนเยอะดีครับ แต่สุดแท้มาแนววางยาแทนผีหลอก 555 สนุกดีครับ  ติดตามอ่านชน ดวางไม่ลงเลยครับ  เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 11-08-2019 22:08:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 24-11-2019 16:34:08
 :mew2:
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 22-12-2019 20:08:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-12-2019 09:18:58
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 4] 17 ม.ค. 55
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 26-12-2020 05:53:31

“ถ้าเรามีเวลาคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน เราจะเห็นเหตุแห่งปัญหา เมื่อเห็นเหตุแล้วก็แก้ที่ต้นเหตุ
ต้นเหตุก็คือคนตายทั้งคนแต่ปิดปากเงียบไม่บอกสาเหตุ พ่อแม่พี่น้องของคนตายคงทุกข์ขนาดหนัก ถ้าเราเป็นวิน เราจัดหนักกว่านี่ เอาให้พินาศย่อยยับไม่มีที่ซุกหัวนอน เอาให้แม่หัวใจวายตาย จะได้รู้สึกถึงความสูญเสียคนในครอบครัวบ้าง หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 26-12-2020 16:04:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 03-01-2021 05:46:03
สนุกมาก
พลิกล็อคไปมา ตื่นเต้นสุดๆค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-01-2021 22:36:02
เพิ่งเข้ามาอ่าน
สนุกมาก ซับซ้อนซ่อนเงื่อนให้ลุ้น
หัวข้อ: Re: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: okinawa ที่ 07-01-2021 03:27:35
 o13 :pig4: