พิมพ์หน้านี้ - I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่28 : : เนปคิม // [27/01/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Cencer ที่ 28-04-2016 16:46:50

หัวข้อ: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่28 : : เนปคิม // [27/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 28-04-2016 16:46:50
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





______________________________________________________________________________________


บทนำ

“อึก อืออ อ๊า”

“อ่ะ อ่า อา”

“อืมม ซี๊ดดด”

“อ่ะ อ่ะ อ่า อ่า”

“พั่บๆๆๆๆ”

เสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงครางหวานดังไปทั่วทั้งห้องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เวลาล่วงเลยไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้ รู้เพียงว่าร่างทั้งสองร่างต่างรวมกันเป็นหนึ่ง
 
“อ่ะ พะ พี่อัล อื้ออ”ชายหนุ่มที่มีนามว่า “อัล” ที่ถูกครางออกมาจากปากของคนตัวเล็กที่อยู่ใต้ร่างหนาก็ยกยิ้มพอใจที่ทำให้…

“ซี๊ดดดโย…อย่าตอดพี่ซิครับ”ร่างเล็กที่มีนามว่า “โย”ซึ่งเป็นคนที่อยู่ใต้ร่างหนาก็ได้แต่บิดตัวไปมาอย่างเสียวสะท้านเมื่อร่างหนากระแทกเข้ามาโดนจุดเสียวของตน

“อ่ะ อ่ะ อ๊า”

“อืมม ซี๊ดดดด”ยังคงมีแต่เสียงครางที่ดังระงมต่อมาเรื่อยๆ

“อ่ะ พี่อัล ผมไม่ไหว ละ แล้ว”ร่างเล็กที่พูดขึ้นหลังจากที่ตัวเองไปถึงจุดๆนั้นเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยเมื่อ…ร่างหนาใช้นิ้วปิดที่ส่วนหัวเอาไว้ไม่ให้ร่างเล็กได้ปลดปล่อยแต่ก็ยังคงขยับช้าๆเนิบๆให้ร่างเล็กอึดอัดเล่น

“อื้อออ พะ พี่อัล ผมไม่ไหวแล้ว ยะ อย่าแกล้งผมสิครับ”ร่างเล็กบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“พี่ไม่ได้แกล้งโยนะครับ”บอกจบก็ก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากบาง “รู้ไหมว่า…เราควรพูดกับพี่ยังไง”ร่างหนาก็ยังคงแกล้งร่างเล็กที่ตอนนี้หน้าไม่ไหวจริงๆ

“พะพี่อัลผมขอ…”ร่างเล็กได้แต่อ้อนวอนร่างหนา

“หึ ก็ได้ครับ พี่ยอมเราคนเดียวเท่านั้นนะ”ร่างหนาจึงจัดการกระแทกถี่ๆและปลดมือที่ปิดส่วนหัวของร่างเล็กออกจนร่างเล็กได้ปลดปล่อยออกมาในที่สุด!!ร่างหนาเห็นว่าร่างเล็กไปถึงฝันแล้วจึงกระแทกไปอีกสองสามครั้งก็ปลดปล่อยออกมาจนเต็มช่องทางรักนั้น

“พั่บๆๆ”

“อ๊า อ๊า”

ร่างทั้งสองเหนื่อยหอบ กอบกุมอากาศเข้าไปในปอด ร่างหนาล้มตัวนอนข้างๆร่างเล็ก เขาไม่เคยรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้มาก่อน เวลาที่เขามีเซ็กกับใครไม่เคยทำให้เขาเหนื่อยขนาดนี้ เขามองไปที่ร่างเล็กที่กำลังจะหลับ

“พี่อัลฟารักโยชินะ”ร่างหนาจูบที่หน้าผากของร่างเล็กเบาๆ

“ครับ ผมก็รักพี่”ร่างหนาดึงร่างเล็กมากอดไว้ในอ้อมอกก่อนที่ร่างเล็กจะหลับไป ร่างหนายังคงลืมตาตื่นมองหน้าร่างเล็กก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย!โดยที่ร่างเล็กไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มที่เขาเคยได้รับกับคำบอกรักของผู้ชายที่ชื่อ “อัลฟา”นั่นเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้น เมื่อตื่นเช้ามาทุกอย่างที่เป็นมันกำลังจะเปลี่ยนไป…!!!

 

To be con..............



===================================================================
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


[Pre-order] - I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ!

เปิดโอนตั้งแต่ วันนี้ - 23 กุมภาพันธ์ 2561

รายละเอียดทั้งหมดตามภาพที่แนบ...

*ตัวอย่างเช่น สั่งซื้อ 2 ชุด คือ 600 + 600 = 1200 บาท.

*โอนเสร็จเรียบร้อยแล้วสามารถแจ้งหลักฐานการโอนได้ที่เมลล์  หรือหากไม่สะดวกสามารถแจ้งโอนหลักฐานได้ที่กล่องข้อความแฟนเพจ Cencer 


ปอลิง. หากสั่งซื้อไม่ถึง 10 ชุด  ขอไม่ทำเล่มนะค่ะ โปรดเก็บสลิปหลักฐานการโอนไว้ให้ดี


หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ :: 28/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 28-04-2016 16:57:21
เธอมันเลว ทำงี้ได้ไง อัลฟาา  :angry2:  :fire:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ :: 28/4/2559
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-04-2016 21:06:04
อะไรน่ะ เช้ามาแล้วจะเกิดเหตุ เอาล่ะซิ ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::บทนำ [28/4/2559]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-04-2016 22:53:54
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::บทนำ [28/4/2559]
เริ่มหัวข้อโดย: farafang ที่ 28-04-2016 23:02:45
 :katai2-1:  เช้าแล้วจะเป็นยังไงหยออออออ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่1 : เพราะอะไร?
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 28-04-2016 23:04:51
ตอนที่1 : เพราะอะไร?


-โยชิ-


“อื้ออ โอ๊ยย!”ผมสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บจากช่องทางด้านหลัง มันเจ็บจนลุกแทบไม่ไหว ผมค่อยๆพยุงตัวเองที่ร่างกายเหมือนซอมบี้ขึ้นพิงกับหัวเตียงก่อนที่จะใช้สายตาสอดส่องหาร่างสูงที่อยู่กับผมเมื่อคืน….ใช่ครับ!เมื่อคืนเราสองคนเอ่อ..แบบว่า…ได้เสียกันแล้ว(เขินจัง-///-)เรื่องแบบนี้มันน่าเล่ากันที่ไหนละครับ จริงม่ะ? เข้าเรื่องดีกว่า ผมมองไปรอบๆห้องก็ไม่มีวี่แววของร่างสูงเลย

“ไปไหนของพี่นะ”ผมพึ่มพัมกับตัวเองเบาๆก่อนที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างทุลักทุเล…

“อ่ะ โอ๊ย”แต่ละก้าวที่ผมเดินมันต้องใช้ความพยายามอย่างสูงยิ่ง เฮ้ออ เจ็บสุดๆอ่ะครับ พอผมจัดการชำระล้างร่างกายและแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้อง

“พี่อัล พี่อัลครับ”หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…ผมเรียกพี่อัลอยู่หลายรอบเดินดูทุกที่ในห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่นหรือแม้แต่ระเบียงผมก็หาแล้วไม่เจอ พี่เค้าไปไหนนะ ไม่บอกกันสักนิดเลยหรือไง คอยดูนะถ้าเจอแล้วผมจะงอนไม่พูดด้วยเลย ฮึ่ย!

‘เอ่อ หวัดดีฮะ ผมลืมแนะนำตัวไปซินะ…ผมชื่อ “โยชิ”ครับ ตอนนี้ผมกำลังศึกษาอยู่ชั้นม.5 ส่วนพี่อัลแฟนผมหรอ อยู่ม.6แล้วครับ เราเจอกันที่โรงเรียนตอนที่ผมไปดูเพื่อนแข่งบอล อยากบอกว่าตอนพี่เค้าลงสนามเท่มากครับ แอร๊ยย!!แฟนผมเองครับ>< เอ่ะ!ผมต้องแนะนำตัวเองซิจะพูดถึงแฟนตัวเองทำไมละเนอะ คิคิคิ’พอแล้วครับประวัติผมไม่ค่อยมีอะไรเท่าไรเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า

“…หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งคะ…”ผมกดโทรหาพี่อัลอยู่หลายรอบผลที่ได้คือสัญญาณการตอบกลับเป็นแบบเดียวกันหมด

“นี่พี่หายไปไหนนะ…หรือว่า..”ผมนั่งกดโทรศัพท์โทรหาเค้าอีกครั้ง ผลก็ออกมาเป็นเหมือนเดิมน้ำตาผมเริ่มคลอเมื่อผมรู้สึกว่า…มันเหมือนมีบ้างอย่างที่ผมไม่คาดคิดจะเปลี่ยนไป ผมไม่ได้คิดมากนะ!แค่เพราะความรู้สึกในใจตอนนี้มันคิดแบบนี้ คิดว่า…

“พี่กำลังจะทิ้งผมไปใช่ไหม”ผมพูดกับตัวเองน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ตอนแรกก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ฮึก..ทำไม?”คำถามที่ไม่มีคำตอบ ผมพูดอยู่แค่ว่าทำไม แค่ผมหาเค้าไม่เจอกลับทำให้ผมร้องไห้ได้ขนาดนี้เลยหรือไงกันนะ

“ไม่!มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้”ผมคิดทบทวนอีกทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด เค้าอาจจะไปซื้อของหรือติดธุระด่วนจึงไม่ได้บอกผมก่อนและที่ผมโทรหาเค้าไม่ติดเพราะแบตโทรศัพท์เค้าอาจหมดก็ได้

“ต้องใช่แบบนี้แน่ๆ”



-อัลฟา-


“อื้มม”ผมตื่นข้นมาก็ยังเห็นร่างบางนอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดผม ผมคลายมืออกแล้วลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองไปยังร่างเล็กที่ผมได้ทำอะไรเมื่อคืน…ใช่ครับ!ผมคอยเวลานี้มานานแล้ว กว่าที่ผมจะได้ก็นานพอควรนะ มันเล่นตัวเกินไป…แต่เมื่อคืนมันเสร็จผมแล้ว งั้นสรุปคือ…ผมไม่เสียพนันให้เพื่อนเลยครับ หึหึหึ

‘หวัดดดีครับ ผมชื่อ “อัลฟา” ตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้น ม.6แล้วครับ อีกไม่นานผมก็จะเข้ามหา’ลัยแล้ว ผมมีประวัติแค่นี้แหละครับอ่านๆไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็เพิ่มมาเอง555เข้าเรื่องครับเดี๋ยวไรท์มันว่าไม่ช่วยทำหากิน (ไรท์ : นายคิดแบบนี้ได้ก็ดีอัลฟา!)ครับก็อย่างที่ไรท์มันบอก เข้าเรื่องเลย’

ผมมองไปยังร่างบางที่ยังคงหลับตาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลย ใจจริงผมก็ไม่อยากทำร้ายมันหรอกนะ แต่ว่ามันเสือกเป็นคนที่เพื่อนผมเลือกให้ผมเอง ช่วยไม่ได้ ใครอยากให้มันมานั่งโปรยเสน่ห์ปล่อยฟีโรโมนให้ชาวบ้านเค้าอยากเองทำไมล่ะ ผมยิ้มเยาะให้กับมัน เก็บความซิงไว้นานเป็นไงล่ะเล่นตัวดีนัก เจอแบบนี้ก็…อย่าว่ากันนะ “โย”

“RrrrrrRrrrrr”เสียงโทรศัพท์ของผมเข้าผมกดรับไม่มองหน้าจอ

“ครับ”

“เออ เรียบร้อยดี”ผมบอกกับปลายสายไปแล้วหันมามองร่างบาง

“อืม”

“เออ แล้วเจอกัน”ผมกดตัดสายเมื่อคุยธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาเพื่อนตามที่นัดกันไว้เมื่อครู่ ผมเดินออกจากห้องมาก็ยังคงเห็นมันนอนหลับอยู่ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมัน

“จะโทษกูไม่ได้นะ…เพราะมึงเสือกโง่เอง หึ”ผมมองหน้าเนียนขาวชมพูนั้นก่อนที่จะก้มหน้าลงไปหอมเบาๆและผละออกมา

“นี่กูเป็นเชี้ยไรว่ะ ใจแม่งเต้นแรงไปป่ะว่ะ”ผมบ่นอยู่คนเดียว ก็ทุกครั้งที่ผมได้ครอบครองร่างกายอีกฝ่ายไปผมจะไม่เคยแยแสหรืออะไรทั้งนั้นพอได้ผมก็ทิ้ง แต่ทำไมความรู้สึกของผมตอนนี้มัน...แปลกๆ

“ไม่ใช่หรอกมั้ง ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันไม่เคยมีกับใครเลยนะ นอกจาก…”ความรู้สึกแบบนี้ผมไม่เคยรับรู้มันมานานแล้วสิ ใจเต้นรัวเพราะใครบางคน ผมชินและชากับความรู้สึกนี้มานานแล้วนะ แต่ทำไมวันนี้มันกลับกลับมาอีกครั้งได้ ทำไมกัน…


22:45
@คลับXXX

“เฮ้ยๆๆๆคุณชายเคมีของเรามาแล้วว่ะ”เสียงเพื่อนในกลุ่มของผมดังขึ้น ผมโบกมือเชฮายพวกมันก่อนที่จะนั่งลง

“เออ”

“เป็นไงบ้างว่ะ”

“กูสบายดี ไม่เจ็บ ไม่ป่วยไร”ผมตอบพร้อมกับยกแก้วเหล้าที่เพื่อนในกลุ่มรินให้

“ไอ้สัส อย่ามากวนตีนกู มึงก็รู้ว่ากูถามมึงเรื่องอะไร”มันโวยที่ผมกวนตีนมัน ผมรู้ว่ามันถามผมเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องโยชิ

“แล้วมึงคิดยังไงล่ะ”ผมไม่ตอบคำถามมันกับถามมันกลับอย่างกวนๆ

“ไอ้นี่แม่ง!เออกูว่าระดับมึงแล้วก็น่าจะ…”

“จะ?”ผมเลิกคิ้วถามมัน

“จะเรียบร้อยโรงเรียนอนุบาลแล้วซิ ใช่ไหม555”มันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

“เออ งั้นตามที่สัญญากันไว้…จ่ายกูมาซะดีๆเหอะมึง”ผมแบมือไปตรงหน้ามัน มันเบ้ปากใส่ผมก่อนที่จะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าให้ผม แต่…

“อะไรของมึงอีกว่ะ ในเมื่อกูก็ทำสำเร็จแล้วก็จ่ายมาซะดีๆหรือมึงจะตุกติกว่ะ”ผมมองมันที่ดึงเงินที่มันจะให้ผมกลับไปคืน

“ป่าว!กูแค่…”

“แค่…ไรของมึงว่ะไอ้เดฟ”

“แค่…ช่างเถอะ!แล้วกูจะแน่ใจได้ไงว่ะว่ามึงทำสำเร็จแล้ว มึงจะไม่โกงกูใช่ไหม”มันถามผมเหมือนไม่เชื่อใจผม ก็แหม่…ผมต้องทำภารกิจที่ได้ห้ามเกิน1เดือนแต่นี่ผมทำเกินไปเกือบ3เดือนมันก็คงไม่เชื่อว่าผมจะทำไม่ได้สินะ

“มึงเห็นกูเป็นคนแบบนั้นหรือไงว่ะ”

“ไม่เคยว่ะ555”

“เออ งั้นก็ส่งเงินมาให้กูซะทีเถอะ”ผมบอกมันอีกครั้งมันจึงยื่นเงินมาให้ผม ผมรับแล้วเปิดดูจำนวนเงินที่พนันกันไว้ แต่ก็เพราะผมใช้เวลานานเกินไปเงินเลยลดลงนิดหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ!บังเอิญผมรวย หึหึ

“แล้วมึงจะเอาไงกับน้องมันต่อว่ะ”ไอ้เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆไอ้เดฟถามผม

“ก็ไม่ไงทำเหมือนคนก่อนๆนั่นแหละ”ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ มันพยักหน้ารับรู้แล้วก็หันไปพูดคุยกับเพื่อนในโต๊ะต่อ ครับ!ก็อย่างที่ผมบอกเพื่อนผมไป พอผมได้ผมก็ทิ้ง ผมไม่แคร์หรอกว่าใครจะรู้สึกยังไง จะดีจะร้าย จะเจ็บจะปวดหรือจะตาย ผมก็ไม่สนในเมื่อมันก็เป็นแค่หมากที่ผมใช้เล่นเกมกับเพื่อนๆของผมเท่านั้นเอง…นั่งดื่มมาได้สักพักสียงไอ้เดฟก็หันมาคุยกับผมอีกรอบหลังจากที่มันแดกเหล้าอย่างเดียวครับ

“ไอ้เคมี…”พวกคุณคงสงสัยละซิ ทำไมมันถึงเรียกผมแบบนี้ เพราะชื่อของผมไงล่ะ “อัลฟา” เพื่อนๆในกลุ่มผมเลยพากันเรียกแบบนี้หมด ชื่อดีๆมีให้เรียกกลับไม่เรียก

“ว่า?”

“ดูสาวๆโต๊ะนั้นดิว่ะ จ้องมึงตาเป็นมันเลย”ผมมองไปยังโต๊ะที่มีสาวๆกลุ่มที่มันพูดบอกผม ผมส่งยิ้มบางๆไปให้สาวๆกลุ่มนั้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาหาไอ้เดฟอีกรอบ

“แล้ว…”
แล้วเชี้ยไร!ไม่คิดจะไปทักทายหน่อยหรอว่ะ”มันบอกพรางยิ้มเจ้าเลห์มองสาวๆกลุ่มนั้น

“มึงจะไม่ให้กูได้พักสักนิดเลยหรือไงกัน”

“มึงจะพักทำไม…”

“หึ เออ!งั้นมึงก็เตรียมเงินรอจ่ายกูพรุ่งนี้เลยแล้วกัน คืนนี้ก็จบแล้ว”ผมบอกมันแล้วลุกยืนไปยังโต๊ะที่มีสาวๆที่ผมกับไอเดฟสนทนากันไว้

“เออ”มันตะโกนไล่หลังผมมา
ผมเดินเข้ามายังกลุ่มสาวๆผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆที่ผมคิดว่าเธอน่าจะสนใจผมที่สุดในกลุ่มเพื่อนของเทอ

“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”ผมยิ้มให้เทอ เทอเองก็ยิ้มตอบผม

“ตามสบายเลยคะ”

“ขอบคุณครับ…ว่าแต่คุณคนสวยชื่ออะไรหรอครับ”ผมถาม

“ฉันชื่อ…มิกิค่ะ แล้วคุณล่ะค่ะ”เทอตอบผมแล้วยิ้มหวานส่งให้

“ผมหรอ…อัลฟาครับ”ผมยิ้มให้เทอพร้อมกับเอาโอบที่เอวเทอไว้ ดูเทอเองก็ไม่ได้ขัดขืนที่ผมทำรุมร่ามกับเทอ แค่คืนนี้ก็เสร็จแล้ว

“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”เทอยกมือขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้แล้วบอกคำยินดีที่ได้รู้จักกัน

“ครับ ยินดีเช่นกัน”



-โยชิ-

“…หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ,,,”เหมือนเดิม เหมือนเดิมทุกอย่าง ผมนั่งจมปลักอยู่ในห้องนอนของตัวเองไม่ออกไปไหน อ่อ!ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านแล้วครับหลังจากที่ผมนั่งรอพี่อัลอยู่นานแต่ก็ไม่มีวี่แววของพี่เค้าเลย ผมจึงลากสังขารที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรกลับมาอยู่ที่บ้านและก็กดโทรหาพี่เค้าอยู่แบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว…

“ตอนนี้พี่กำลังทำอะไรอยู่…ผมอยากเจอพี่”ผมเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงไฟจากรอบๆคอยให้แสงสว่างยามค่ำคืน

“ทำไมพี่ไม่มาหาผม…ผมคิดถึงพี่จัง พี่อัล”อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ กะอีกแค่ติดต่อพี่เค้าไม่ได้ แค่พี่เค้าไม่มาหาผม แค่นี้ทำไมผมต้องร้องไห้ด้วยนะ

“ฮึก พะ พี่อัล”ผมก้มหน้าลงกับเข่าตัวเองที่ชันขึ้น ความรู้สึกของผมตอนนี้มันบอกไม่ถูก ผมแค่รู้สึกกลัว กลัวว่าจะมีอะไรที่ผมไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบที่เพื่อนของผมเคยเตือนไว้


ย้อนกลับไปตอน1เดือนก่อน

“นี่มึง…คบกับไอ้อัลฟาอะไรนั้นใช่ไหม”พาสต้าเพื่อนร่วมชั้นเรียนของผมละเป็นเพื่อนข้างบ้านของผมทักขึ้น

“อืม..”ผมตอบมัน

“ไอ้เชี้ย!มึงแกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่ว่ะ”มันด่าผมครับ

“กูไม่ได้โง่”ผมจ้องหน้ามันเขม็งกล้าดียังไงมาว่าผมโง่

“ถ้ามึงไม่ได้โง่มึงก็ต้องรู้สิว่ะว่ามันเป็นคนยังไง”ใช่!ผมรู้ ผมรู้ว่าพี่อัลเป็นคนยังไง…เค้าเป็นคนที่ไม่ค่อยจริงจังอะไรกับใคร อันนี้ผมรู้ดี เค้าคบใครได้ไม่เกิน1อาทิตย์ หลายๆคนกล่าวกันว่า เค้าเป็นพวกที่ได้แล้วทิ้งอย่างไม่ไยดีเลยล่ะ

“แต่กูว่าพี่เค้าอาจจะจริงจังกับกูก็ได้นะ…”ผมบอกมันไปตามตรง ก็จริงเพราะผมกับพี่เค้าคบกันมาได้1เดือนแล้ว แต่ก็ไม่เห็นพี่เค้าจะเป็นแบบที่คนอื่นเค้าพูดกันเลย ผมยอมรับตามตรงนะผมโครตจะรักพี่เค้าเลยว่ะ

“เออ ถ้าถึงวันนั้นที่มันทิ้งมึงเมื่อไร กูจะสมน้ำหน้าแม่ง! ปึ่ก!”มันทุบโต๊ะเรียนของผมแล้วก็เดินออกจากห้องไป ผมมองตามแผ่นหลังของมัน


ก๊อก ก๊อก ก็อก!

“อื้ออออ”

“โย…”ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา นี่ผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหนกันนะ

“ครับม๊า”ผมคานรับม๊าของผม

“พาสต้ามาหาโยจ้ะ รีบๆลงไปข้างล่างนะ”ม๊าบอก

“ครับ”ผมลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ สภาพผมตอนนี้มันดูไม่ได้เลย ตาบวมแดง แถมหน้ายังโทรมอีกด้วย

“เฮ้ออ คงได้โดนไอ้พาสบ่นตายเลย”ผมถอนหายใจก่อนจะออกไปหาไอ้พาสต้าที่คอยผมอยู่ข้างล่าง


“ไงมึง…มาแต่เช้าเลยนะ”ผมทักไอ้พาสที่นั่งคอยผมอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“เช้าสัสๆมึงสิ นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนะเว้ย…ว่าแต่ทำไมแม่งตาบวมงี้ว่ะ”มันลุกเดินเข้ามาหาผมจบหน้าผมหันส่ายหันขวา ถ้ามึงจะหันขนาดนี้นะ กูปวดคอเว้ย

“เฮ้ยๆๆพอๆๆจะหันอีกนานไหม กูปวด”ผมให้มันหยุดจับหน้าผมส่ายไปส่ายมาสักที

“เออๆๆว่าแต่มึงร้องไห้ใช่ไหม”มันหยุดเล่นหน้าผมแล้วครับ มันจึงถามผมอย่างจริงจังแหละ

“ป่าว”ผมตอบเสียงเรียบ

“ป่าวเชี้ยมึงสิ บวมขนาดนี้แม่งไม่ร้องไห้ก็ไปดูหมาเอากันแหละ สัส!”คิดได้นะมึงนะ ดูหมาเอากันนะ -.-

“ก็เออ ถ้ามึงคิดแบบนี้แล้วจะถามหาพ่องมึงไง”

“สัสเล่นพ่อเลย เดี๋ยวปะจับทำเมียเลยมึง”

“เมียพ่อมึงไง ห่า”

“เมียกูนี่แหละไม่ใช่เมียพ่อกู พ่อกูมีเมียแล้วนั่นคือแม่กู!!”เออ เอาเข้าไปไอ้นี่ก็จริงจังจริง

“กู ประ ชด มึง โว๊ยยยยยย!!!”ผมเน้นทุกคำขี้เกียจเถียงกับมันแหละเดินหนีดีกว่าคนยิ่งเครียดๆอยู่

“เฮ้ยๆๆไปไหน นี่กูอุสามาหามึงเลยนะไอ้โย”

“ใครขอให้มึงมาหาล่ะ สัส”

“โถ่ๆๆก็กูคิดถึงมึงนิ สองวันไม่ได้เจอมึงแล้วกูเหงา”

“เหงาพ่อง”อย่างมันนี่นะหรอจะเหงา…ได้ข่าวว่ามึงเที่ยวทุกคืน มั่วไปทั่วไม่ใช่ไง

“เออ..กูจริงจังแหละ”ผมหันกลับมามองหน้ามันนิ่งๆ

“ว่า…”

“ถ้ากูบอกมึงไป…มึงจะเชื่อกูป่ะ”ผมขมวดคิ้วมุ่นมองหน้ามันที่ทำหน้าจริงจังสุดๆไม่เหมือนตอนแรกที่ทีเล่นทีจริงเมื่อกี้ แสดงว่ามันต้องมีเรื่องอะไรที่สำคัญจะบอกผมจริงๆสินะ

“เรื่องไรว่ะ ถ้าเป็นเรื่องที่น่าเชื่อกูก็จะเชื่อมึง”มันที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นยิ่งเครียดไปใหญ่ มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือไง

“คะ คือ…เมื่อคืนกูไปเที่ยวคลับมา”

“ก็แค่เที่ยวคลับมึงทำซะพ่องมึงตาย”

“เออยิ่งกว่าพ่อกูตายเยอะเลย! หุบปากแล้วฟังกูดีๆนะ กูไม่อยากพูดหลายรอบ”มันผลักหัวผมเล็กน้อยก่อนที่มันจะจริงจังอีกรอบ

“เมื่อคืนที่คลับกูเห็น…”มันเว้นวรรคไว้แล้วจ้องหน้าผมนิ่งๆ

“เห็น?”ผมถามมันที่ยังไม่เอ่ยปากต่อคำ

“กูเห็นไอ้เหี้ยอัล เอิ่ม..นัวเนียอยู่กับผู้หญิง!”

“ปึ้ก!โอ้ย!มึงเป็นเชี้ยไรของมึงเนี้ย ผลักกูทำห่าไรว่ะ”ครับ ใช่ ผมผลักมันเอง ผลักมันจนล้มไปกองที่พื้นเลยล่ะ มันจึงโวยวาย

“แล้วมึงพูดเหี้ยไรของมึงว่ะ พี่อัลเค้าไม่ทำแบบนั้นกับกูหรอก!!!”ผมตะคอกใส่มันอย่างเหลืออดที่มันมาว่าพี่อัล

“เพราะแบบนี้ไง!กูถึงไม่อยากบอกมึง เพราะมึงไม่เชื่อกูเลย”มันบอกอย่างตัดพ้อที่เห็นผมไม่เชื่อมัน

“มึงจะไปไหนก็ไปเลยนะ อย่ามาใส่ร้ายพี่อัลของกู”ผมบอกมันเสียงเรียบและเดินออกมาจะขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านแต่ก็ต้อง
ชะงักหันกลับไปมองผู้เป็นเพื่อน

“ถ้าคำพูดของกูมันทำให้มึงเชื่อไม่ได้ก็คงต้อง…ไปเห็นกับตาตัวเอง”มันบอกเสียงเรียบแล้วจ้องที่ตาผม ผมเองก็จ้องที่ตามันอย่างไม่เกรงกลัว

“ก็ได้…ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบที่มึงเห็น กูกับมึงเลิกเป็นเพื่อนกัน!”

“หึ!รับรองได้ว่ามึงคงจะมีกูเป็นเพื่อนไปอีกนานเลยล่ะ”ผมเริ่มจะกลัวว่าสิ่งที่มันเฝ้าเตือนผมตลอดเวลามันจะเป็นจริง ผมกลัว กลัว กลัวจนไม่กล้าที่จะรับความจริงทั้งๆที่ใจผมตอนนี้80%ผมเชื่อมันจริงๆไปแล้ว แต่ถ้าผมต้องการให้ครบ100%ผมต้องเห็นกับตาตัวเองสินะ แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่พาสต้าบอกผมจริงๆผมจะทำใจยอมรับมันได้ไหม ผมไม่อยากคิดเลย แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่คิดผมก็จะโกรธพาสต้าจริงๆ

“งั้น…คืนนี้กูจะมารับมึงตอนสี่ทุ่มตรง”มันบอกเสร็จก็เดินออกไปจากบ้าน ผมมองตามหลังมันจนหายลับไป

“เฮ้อออ อย่าเป็นอย่างที่คิดเลยนะ”



22:00

“ปี้ด ปี๊ด”เสียงแตรรถดังอยู่หน้าบ้าน มันคงมารับผมแล้วสินะ ผมเดินไปเปิดประตูก็เห็นมันยืนพิงรถเก็กท่าหล่ออยู่

“ออกมาได้สักทีนะมึง คิดว่ากลัวรับความจริงไม่ได้เลยคิดว่าจะไม่ปซะอีก”

“พูดมากน่า ไปกันยัง”ผมตอบมันเสียงห้วน

“หึ เออขึ้นรถดิ”มันบอกก่อนที่มันจะไปยังที่ของมัน

“เออ!!”
ตอนนี้รถก็เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆผมมองนอกหน้าต่างตั้งแต่ขึ้นรถมา ตั้งแต่ที่ผมออกมาจากบ้านผมก็เงียบ ไอ้พาสเองก็เงียบ ผมแค่
ไม่อยากคุยกับมัน ยิ่งถ้าผมคุยกับมันผมก็จะยิ่งกลัว กลัวว่ามันจะเป็นความจริงที่ผมไม่อาจรับฟังได้อีกต่อไป ผมจึงเงียบรอเวลาที่ผมจะเห็นว่ามันไม่ได้หลอกผมเพื่อให้ผมกับพี่อัลมีปัญหากันก็ได้

“มึง…ไอ้โย เฮ้ย!”ผมสะดุ้งที่ไอ้พาสมันตะโกนใส่หูผมเสียงดัง หูจะหนวกไหมเนี้ย

“อะ เออ ไรว่ะบอกเบาๆก็ได้ไม่เห็นต้องตะโกนเลย”ผมหันกลับไปหามันที่ทำหน้าเอือมๆส่งมาให้

“มึงนั่นแหละกูเรียกตั้งนานแล้วก็ไม่หัน ถ้าไม่ตะโกนคงไม่ต้องเข้าคลับหรอก”

“ถึงแล้วหรอ”ผมถามมันด้วยน้ำเสียงที่ปกติ

“เออ…เข้าไปข้างในได้แล้ว”มันบอกกับผมแล้วลงจากรถไปผมจึงเปิดประตูรถออกไปตามมัน

“โย…”ผมหันไปหาพาสต้า

“อืม”มันฉุดมือผมไปจับไว้

“กูอยากบอกกับมึงว่า…ถ้ามึงเห็นแล้วมึงอย่าคิดว่ามึงไม่เหลือใคร อย่างน้อยมึงยังมีกูนะ!”มันตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ผมจ้องเข้าไปในดวงตามันที่จ้องตาผมอยู่เหมือนกัน

“พาส..กะ กูกลัว”ผมตัดสินใจบอกความคิดในใจที่ผมคิดไว้ตลอดการเดินทางมาที่นี่กับมันอย่างไม่ปิดบังความกลัวของตัวเอง

“มึงไม่ต้องกลัว…ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ถ้าหากว่ามึงไม่รู้ตอนนี้สักวันหนึ่งมึงก็คงรู้อยู่ดี จริงไหม”มันกุมมือผมไว้แน่นมากขึ้น

“อืม…”ผมพยักหน้ารับ

“เข้าไปกันเถอะ”มันดึงมือผมให้เดินตามมันไป ผมเดินตามมันไปเงียบๆและภาวนาว่าอย่าเป็นอย่างที่ผมคิดมาตลอดสองสามวันที่ผมไม่สามารถติดต่อพี่อัลได้เลย

“สวัสดีครับ..มากันกี่คนครับ”

“2คน”ไอ้พาสมันตอบกลับอย่างขอไปที

“งั้นเชิญทางด้านนี้ครับ”ไอ้พาสพาผมเดินไปตามพนักงานจนมาถึงโต๊ะที่เราจะต้องนั่ง

“มุมนี้แหละดีเลย”มันบอกหลังจากที่มันสอดส่องมุมที่คาดว่าน่าจะเป็นมุมดี

“รับอะไรดีครับ”

“เอ่ออ…”

“เอาอะไรก็ได้ขอแบบแรงๆสุดๆเลยนะ ไปๆได้แล้วกูรำคาญ”ดูมันสั่ง สั่งได้ลวกมากก ผมจึงพยักหน้าให้กับพนักงานรับออเดอร์ เค้าก้มหัวให้แล้วเดินออกไป

“ไหนว่ะ ความจริงของมึงที่จะให้กูเห็น”

“เดี๋ยวดิว่ะ…อ่ะนั้น นั้นไงมึงพวกมันมาแล้ว ตรงเวลาที่กูคาดไว้เป๊ะๆ”มันตบโต๊ะเสียงดังก่อนที่มันจะชี้นิ้วไปทางที่มันเห็นบุคคลที่ผมอยากเจอมากที่สุด ผมมองหน้ามันก่อนที่จะเบนสายตาไปตามทางที่มันชี้

“O.O”ผมตาโตมองไปยังผู้ชายที่ผมไม่ได้เจอสองสามวันได้แล้ว เค้ามากลับเพื่อนๆในกลุ่มซึ่งผมเองก็รู้จักดี แต่ที่ทำให้ผมอึ้งนั้น ข้างกายของเค้ามี…หญิงสาวที่สวยมากอยู่ด้วย เค้าโอบเอวเทอไว้แน่น เดินขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน ผมมองตามหลังสองคนนั้นไปจนลับตา

“ไอ้โยๆๆๆ”

“อะ เออ”ผมคานรับมัน

“มึง..โอเคนะ”ผมพยักหน้า

“อืม..กู ฮึก โอเค”ผมตอบมันกลับไปไม่เต็มเสียงนัก

“กูว่ามึงไม่โอเคหรอกว่ะ ทีนี้มึงเชื่อกูแล้วใช่ไหม”ผมหันไปมองหน้ามัน ถึงแม้ว่าม่านน้ำตาจะทำให้ผมเห็นมันไม่ชัดแต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามันเป็นห่วงผม ผมเชื่อ100เลยล่ะ เห็นกับตาจะๆแบบนี้แล้ว

“ฮึก พาสต้า ฮืออ”ไม่บ่อยนักที่ผมจะเรียกชื่อเล่นเต็มๆของพาสต้า มันดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวผม

“ร้องออกมาให้หมดนะมึงและจงจำไว้ว่ามึงจะเสียน้ำให้กับมันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”

“พาส…มึง ฮึก ชะ ช่วยพากูไปหาเค้าได้ไหมว่ะ”ผมเงยหน้ามองมัน มันขมวดคิ้วเข้าหากันที่เห็นผมยังอยากจะเจอมันอีกหรอ

“มึงยังจะยะ…”

“กูแค่อยากรู้ว่าเค้าทำแบบนี้กับกูทำไม”มันมองหน้าผมอย่างชั่งใจก่อนที่จะพยักหน้า

“เออ..”

ตอนนี้ผมกับไอ้พาสต้ากำลังเดินขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน ผมแค่อยากรู้ว่า เค้าเคยรักผมบ้างไหมตลอดเวลาที่เราคบกันเคยมีความรู้สึกดีๆจริงๆให้กันหรือป่าว แล้วทุกอย่างที่เค้าทำกับผมมันเป็นความจริงใจไหมหรือแค่หลอกลวง ผมเดินมาจนถึงชั้นสองผมกวาดสายตามองไปทั่วตาก็ไปสะดุดกับผู้ชายน่าตาดีหลายคนที่ผมเพิ่งเจอที่ชั้นล่าง ผมเดินเข้าไปยังโต๊ะนั้นทันที

“พะ พี่อัลครับ”เมื่อผมเดินมาถึงที่หมายผมก็ทักพี่อัลซึ่งข้างกายนั้นมีหญิงสาวอยู่ เค้าไม่แม้แต่จะหันมามองผมเลย

“ไอ้เคมี…เมียมึงมาว่ะ555”เพื่อนในกลุ่มของพี่เค้าพูดขึ้น

“กูเคยมีเมียด้วยหรอว่ะ”เค้าตอบเพื่อนกลับอย่างไม่สะทกสะท้านหันมามองผมเล็กน้อยแล้วก็หันกลับไปนัวเนียกับสาวข้างกายต่อ

“อุ้ย!แรงครับ!555”เพื่อนในกลุ่มของเค้าอีกคนพูดจบต่างก็พากันหัวเราะเฮฮาทั้งโต๊ะ ผมกำมือแน่น นี่ผมกำลังเป็นตัวตลกของพวกเค้าสินะ

“พี่อัล…พี่ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง!”ผมเดินเข้าไปกระชากตัวพี่อัลให้หยุดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเค้าออก

“อั๊ก!โอ๊ย”ผมถูกผลักให้ล้มกองกับพื้นโดยน้ำมือของคนที่ผมรัก

“มึงอย่ามางี่เง่าปัญญาอ่อนได้ไหมว่ะ น่ารำคาญ!!”พี่อัลตะคอกใส่ผม

“ฮึก ทะ ทำไมพี่ถึงทำกับผมแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เคยรักผมบ้างไหม”ผมถามออกไปตรงๆแบบไม่อ้อมค้อม

“หึ!งั้นมึงฟังกูดีๆนะ กู ไม่ เคย รัก มึง เลย”พี่อัลตอบแบบเน้นย้ำคำว่าไม่รักกับผม

“อึก ละ แล้วที่ผ่านมา..ทะ ที่พี่ทำดีกับผมล่ะ ที่เราคบกันล่ะมันหมายความว่าไง”

“มันก็เป็นแค่…เกมส์สนุกๆที่กูกับเพื่อนพนันกันเล่นว่ะ”พี่อัลยิ้มเยาะที่เห็นผมอึ้งกับคำพูดของเค้า “แต่เพราะว่ามึงเล่นตัวนานไปหน่อยทำให้กูต้องคบกับมึงนานเกินคาดจนเมื่อไม่นานมึงก็ยอมให้กูเอา… รู้ไหมตลอดเวลาที่กูคบกับมึงมันน่าสะอิดสะเอียดขนาดไหน” พี่อัลยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “มึงมันก็แค่ของเล่นที่กูเล่นแก้เบื่อเท่านั้นแหละว่ะ  หึ”ผมยกมือปิดหูส่ายหน้าไปมาไม่อยากรับรู้เรื่องราวต่างๆแล้ว

“เฮ้ย!ทำไรเพื่อนกูว่ะ”เสียงของพี่เดฟดังขึ้น ผมเงยหน้ามองก็เห็นพี่อัลโดนไอ้พาสต้าอัดพี่อัลอยู่ ผมรีบลุกขึ้นไปจับไอ้พาสต้าไว้ไม่ให้มันทำรุนแรงกับพี่อัล

“มึงยังจะเป็นห่วงมันอีกหรอ ปล่อยกู กูจะกระทืบแม่งให้ตายห่าคาตีนกู”ไอ้พาสสะบัดตัวห้ผมปล่อยมัน ผมมองไปยังข้างหน้าก็เห็นพี่อัลหน้าแดงจัด คงโกรธสินะ

“มึงกล้ามากนะที่ต่อยกูไอ้เด็กน้อย”พี่อัลเดินเข้ามากระชากตัวไอ้พาสออกจากตัวผม

“สิ่งที่มึงทำกับเพื่อนกูมันก็สมควรที่กูจะทำกับมึงแบบนี้แล้วไม่ใช่หรือไงว่ะ เพราะอะไรทำไมมึงถึงทำกับเพื่อนกูแบบนี้!!!”ไอ้พาสตะคอกใส่พี่อัลอย่างเหลืออด

“หึ เพราะเพื่อนมึงเสือกโง่เองนะ”ตอบไอ้พาสต้าแต่หันมามองผมอย่างสมเพช นั่นสินะผมโง่เอง ผมโง่เอง!!

“มึง!”

“เออ!!กูโง่เอง ฮึก กูโง่เอง!!!”ผมตะโกนออกไปด้วยเสียงที่ดัง ทุกอย่างหยุดชะงักไอ้พาสที่ผลักพี่อัลออกก็ตรงที่จะเข้าไปซัดพี่อัลอีกรอบก็หยุดชะงักหันมามองหน้าผม

“เพราะกูโง่เองแหละพาสต้า…เรากลับกันเถอะ กูไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน กูไม่อยากติดเสนียดจากพวกสวะที่เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นของเล่น”ผมบอกเสียงเรียบและจ้องหน้าผู้ชายที่ผมรัก ไม่สิ ก็แค่คนที่ผมเคยรัก “กูจะโง่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอ!”





To be con......
จงแสดงความคิดเห็นให้กับพระเอกเรื่องนี้... :katai5:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่ 1 เพราะอะไร?
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 29-04-2016 15:55:44
เลว.....
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่2 :คลิป…
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 29-04-2016 18:32:04
ตอนที่2 :คลิป…


-โยชิ-


“ฮึก ฮืออๆๆ”
หลังจากที่ผมดึงพาสต้าออกมาจากคลับตลอดทางที่นั่งรถกลับบ้านผมเอาแต่ร้องไห้ ผมเจ็บ เจ็บจนไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในใจได้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ผมไม่อยากคิด ไม่อยากจำ เค้าคนนั้นคนที่ผมรักที่สุดกลับทำร้ายความเชื่อใจของผมจนหมดสิ้นไม่เหลือชิ้นดี ผมกัดปากตัวเองระงับเสียงสะอื้นที่ยังคงดังเรื่อยๆตลอดทาง ทำไมกันทำไมทุกอย่างมันถึงเป็นแบบนี้ ทำไม…

“ไอ้โย…”พาสต้าที่เงียบอยู่นานแอบเหล่มองเพื่อนตัวเองที่ร้องไห้ไม่หยุดเป็นพักๆก็เอ่ยทักขึ้น

“ฮึก อืม”ผมขานรับพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“มึงไปอยู่บ้านกูก่อนไหม สภาพมึงตอนนี้ม๊ามึงเห็นคงตกใจน่าดู”พาสต้าถามผม นั่นสินะ ถ้าผมกลับบ้านตัวเองตอนนี้ม๊าคงถามแน่ว่าผมเป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ ซึ่งผมเองไม่พร้อมที่จะตอบด้วย

“อืม ยังไงก็ได้”ผมบอกอย่างเหนื่อยล้า ผมไม่มีแรงที่จะทำอะไรแล้วตอนนี้ สมองผมก็คิดแต่เรื่องของผู้ชายคนนั้น…




“โย..โยชิ”ผมหันไปมองยังเสียงที่เรียกชื่อของผม พาสต้ามันเอามือมันมากวักไปมาอยู่หน้าผม ผมจึงหันไปมองหน้ามัน “ถึงแล้ว นอนบ้านกูก่อนแล้วกันพรุ่งนี้คอยลุกกลับบ้านมึง”

“อืม”ผมตอบมันแค่นั้นก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปบ้านไปพร้อมกับมัน คืนนี้ผมขอนอนบ้านมันก่อนแล้วกัน ถึงแม้ว่าบ้านเราสองคนจะอยู่ติดกันแต่ผมก็ยังไม่อยากกลับไปบ้านตัวเองตอนนี้ ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ผมอยากอยู่กับมันมากกว่า ผมไม่อยากรู้สึกโดดเดี่ยว อย่างน้อยๆขอแค่ผมยังมีคนอยู่ข้างๆบ้าง

“มึงโอเคแล้วใช่ไหม”มันถามผมอีกครั้งหลังจากที่มาถึงห้องของมัน

“อือ กูโอเค”ผมหันไปยิ้มให้มันบางๆ มันถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งลงข้างๆผม

“กูรู้ว่าเรื่องนี้มันทำใจยอมรับยาก แต่กูอยากให้มึงปล่อยวาง อย่าคิดมาก เข้าใจที่กูพูดไหม”ผมพยักหน้ารับรู้ น้ำเสียงที่มันบอกผม ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงผมมาก คอยเตือนผมมาตลอด แต่ผมกลับไม่เคยเชื่อมันเลย

“พาส…กูขอโทษที่กูไม่เคยเชื่อมึงเลย ฮึก”น้ำตาที่ผมพยายามห้ามไม่ให้ไหลกลับไหลออกมาอีกรอบ “ฮึก กะ กูขอโทษ พาส พาสต้ากูขอโทษ ฮึก”มันดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน

“ไม่ ไม่ต้องขอโทษกูหรอก มึงไม่ผิดอะไร”

“พาสต้า ฮึก กูขอโทษ…”ผมกอดมันแน่น ผมรู้สึกผิดมากผมด่าว่ามันสารพัด แต่มันกลับไม่เคยโกรธผมเลยสักครั้ง มันทำให้ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม พาสต้าเองก็กอดผมไว้แน่น

“ไม่เอานา มึงอย่าร้องดิว่ะ กูไม่โกรธมึงหรอก”มันกอดผมแล้วโยกตัวไปมาเหมือนกับการปลอบเด็กที่อยากได้ขนมแต่กลับไม่ได้จึงเอาแต่ร้องไห้ ผมรู้สึกผิดกับมันจริงๆผมพูดได้เพียงแค่ขอโทษมันคำเดียวเท่านั้น

“กูขอโทษจริงๆนะ”

“อืม หยุดร้องซะ ถ้ามึงไม่หยุดกูจะโกรธมึงจริงๆนะ”มันบอกเสียงจริงจัง ผมจึงกลั้นน้ำตาไม่ให้มันเอ่อออกมา เก็บเสียงสะอื้นตัวเองไว้ไม่ให้เล็ดลอด

“โย…”

“อะไร”ผมผละออกมาจากอ้อมกอดของพาสต้าแล้วมองหน้ามัน มันจ้องเข้ามาในตาของผม ผมเองก็จ้องเหมือนกัน

“ปะ ป่าวไม่มีไร มึงนอนเถอะ”ผมมองมันที่บอกว่าป่าว มันต้องมีอะไรสิ มันหลบสายตาผมก่อนที่มันจะบอกให้ผมนอน

“มึงมีไรมึงก็พูดสิว่ะ”ผมยังคงถามมัน

“กูบอกว่าป่าวไง นอนซะตื่นมาพรุ่งนี้เตรียมตอบคำถามม๊ามึงด้วย”มันพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมมองตามหลังมันไปจนมันปิดประตู

“อะไรของมันว่ะ”ผมทิ้งตัวลงนอนกับเตียงของมัน คิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝันถ้าผมตื่นมาพรุ่งนี้มันจะเป็นแค่ฝันร้ายหรือป่าวนะ



-พาสต้า-


เฮ้ออ!เกือบไปแล้วไหมล่ะ…

สวัสดีครับผมชื่อ”พาสต้า”ผมเรียนอยู่ชั้นม.5 เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันกับโยชิและเป็นเพื่อนบ้านกันอีกด้วย
พอผมปลีกตัวมาจากโยชิได้ผมก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เลย ผมกับโยชิเราเป็นเพื่อนกันมาแต่เล็กๆเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับผมรู้ว่ามันเป็นคนยังไง มันเป็นคนที่ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆเด็ดขาด สิ่งที่ผมพามันไปเจอทำให้ผมรู้สึกผิดเหมือนกันที่เห็นสภาพมันเป็นแบบนี้ ผมเห็นสภาพมันตอนนี้บอกเลยว่ามันน่าสงสารมากแค่ไหน ผมคอยเตือนมันอยู่หลายรอบแต่มันก็ไม่เคยเชื่อเพื่อนอย่างผมเลย ผมรู้ว่ามันรักไอ้อัลฟามาก แต่ผมก็ไม่อยากให้มันโง่ ผมจึงตัดสินใจไปบอกมันและพามันไปให้เห็นกับตาตัวเอง…ผลสุดท้ายมันก็เอาแต่ร้องไห้และโทษตัวเองที่ไม่เชื่อผม ผมยอมรับว่าผมรู้สึกโกรธไอ้สารเลวนั้นแทนมัน มันทำให้โยชิเสียใจ ร้องไห้แทบเป็นแทบตายอยู่ตรงหน้าผม ผมรู้สึกเจ็บที่เห็นน้ำตาของมัน ทำไมมันถึงได้รักไอ้บ้านั้นมากขนาดนี้นะ!!

“โยชิ…มึงอย่าทำให้กูต้องเจ็บปวดได้ไหม แค่นี้กูก็จะแย่แล้วนะ”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ถ้ามึงหันกลับมามองคนที่อยู่ข้างมึงอย่างกูบ้างก็คงดีสิว่ะ”ผมพูดตัดพ้อให้กับความคิดของตัวเอง เอ่อ..เฮ้ออ ถ้าผมบอกว่าผมชอบโยชิมันผิดไหมครับทุกคน ผมเฝ้ามองมันตลอดเวลาที่คบกันมาจนโต ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ผมอยากที่จะปกป้องมัน อยากดูแลมัน แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะบอกมัน จนผมมารู้ว่ามันคบกับไอ้เชี้ยอัลฟา ผมจึงได้แต่เตือนมันอยู่ไกลๆ ผมเจ็บเวลาที่เห็นมันยิ้มให้กับไอ้คนรักของมัน แต่อย่างน้อยๆผมก็ได้เห็นมันยิ้มและมีความสุขแบบนี้ผมก็ดีใจแล้ว ปากบอกว่าชอบมันไปมันจะว่าอะไรผมไหม จะโกรธผมหรือป่าวนะ…เฮ้ออยิ่งคิดยิ่งปวดหัวแหะ!อาบน้ำนอนดีกว่า
.
.
.
.
.
.
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นโยชินอนหลับอยู่ นี่มึงจะไม่อาบน้ำเลยหรอว่ะ ผมเดินมาหยุดมองใบหน้าหวาน ดวงตาที่กลมโตปิดสนิทบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัดรู้ได้เลยว่าร้องไห้หนักขนาดไหน ผมจัดท่าให้ร่างบางได้นอนท่าที่สบายที่สุดก่อนที่จะห่มผ้าให้แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ ผมเอื้อมมือปัดผมที่ปรกลงมาปิดหน้าให้มันกลัวว่ามันจะรำคาญ

“ฝันดีนะโยชิ…”ผมกระซิบข้างๆหูมันก่อนที่จะจุมพิษที่หน้าผากของมันอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะหลับไปตามร่างบาง



-อัลฟา-

“อึก ละ แล้วที่ผ่านมา..ทะ ที่พี่ทำดีกับผมล่ะ ที่เราคบกันล่ะมันหมายความว่าไง”

“เออ!!กูโง่เอง ฮึก กูโง่เอง!!!”

“กูจะโง่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอ!”
โถ่เว้ย!!อะไรกันหนักกันหนาว่ะ กะอีกแค่น้ำตาของเด็กบ้านั่นแล้วผมจะเอามานั่งเครียดทำไมและไอ้คำที่มันพูดออกมานั้นมันก็วนเวียนอยู่ในหัวผมเรื่อยๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่วยออกไปจากสมองกูได้ไหม!!!

“เฮ้ยๆๆเป็นไรๆๆมึงทำหน้าอย่างกะใครไปแอบกินเมียมึงงั้นแหละ”ไอ้เดฟมันเข้ามาตอนไหนว่ะ นี่มันห้องผมนะทำไมอยากเข้าก็เข้าออกก็ออกว่ะ แล้วมันเข้ามาได้ไง?เก็บความสงสัยไว้ก่อน ตอนนี้เครียดอยู่ผมพยายามไล่ไอ้ความคิดบ้าๆนี่ออกจากหัวผมอยู่

“เฮ้อออ”

“เชี้ยไรว่ะถอนหายใจซะดังเชียวนะมึงหรือที่กูพูดเป็นความจริง”ผมคงถอนหายใจดังจริงๆสินะมันถึงได้บ่นซะ

“กู ไม่ มี เมีย !!”ผมเน้นคำว่าเมียชัดแจ้งแจ่มเลยครับ ก็ผมไม่มีจริงๆอ่ะ จบป่ะ

“อ่อ..แต่เมื่อคืนกูเห็นเมียมึงไปตามมึงที่คลับนะ อิอิ”อ้าวไอ้เวรเดฟปากหาเรื่องเว้ย“โป้ก!โอ๊ย!เจ็บๆ”โดนเต็มๆผมจัดการทุบหัวมัน(ขอใช้คำว่าทุบ)มันร้องลั่นห้องผมเลยครับยกมือกุมกะบาลตัวเองไว้ สม!พูดอะไรปัญญาอ่อน

“หรือมึงจะเอาอีกที เอาม่ะ!เดี๋ยวกูจัดให้”ผมบอกกับไอ้เดฟ มันเบ้ปากใส่ผมก่อนที่มันจะตอบ

“ไม่เอาเว้ย!มือหนักชิบหาย หัวกูมีเลือดป่ะเนี้ย”มันเอามือลูบๆหัวตัวเองเอามาดู เวอร์ไปแหละครับแค่นี้เองถึงกับเลือดเลย ปัญญาอ่อนจริงๆ

“ว่าแต่มึงเข้าห้องกูได้ไงว่ะ เสียมารยาทชิบ”

“กูเคาะประตูห้องมึงจนมือนี่แทบอักเสบ ห่าเคาะตั้งนานไม่มาเปิด กูเลยเปิดเองประตูเสือกไม่ล็อกด้วย กูก็เลยเดินเข้ามาเห็นหมาบ้าตัวหนึ่งกำลังนั่งสบัดหัวตัวเองอยู่ที่โซฟาอย่างสนุก555”ขำมากป่ะมึง ว่ากูเป็นหมาอ่ะ เดี๋ยวปั๊ด!

“เอออออ กูหูไม่ดีเองว่าแต่มึงมาหากูทำไมว่ะ”ผมถามมัน มันยักคิ้วให้ผมอย่างกวนๆไรของมันทำหน้ากวนส้น สัส!

“ก็เรื่องนี้ไง”มันหยิบกล้องวีดีโอออกมาจากกระเป๋าเป้ที่มันใส่มาด้วย

“กล้อง?”ผมเลิกคิ้วสงสัยมันเอากล้องมาทำไม

“ก็แค่อยากเล่นอะไรสนุกๆนิดหน่อยว่ะ”มันตอบแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“อะไร?”ผมถามมัน มันจึงเปิดกล้องแล้วเอามาให้ผมดู

“ก็แค่หนังสดที่มึงเล่นกับโยชิเด็กมึงไง”

“ห่ะ!!”สัส!เอ้ย อย่าบอกนะว่ามันแอบถ่ายผมนะ มิน่าละมันถึงจัดการเรื่องสถานที่ให้ผม ที่แท้ก็มันก็มีจุดประสงค์ลับๆนี่เอง มึงเป็นเพื่อนกูได้ไงสัส!เลวชิบ (ไรท์ : รู้สึกว่าแกสองคนจะเลวเหมือนกันนะ)

“มึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น!ทำอย่างกะไม่เคยนะมึง”เชี้ยยย

“แต่นี่มึงแอบถ่ายนี่หว่า ใครบ้างจะไม่ตกใจสัส!”

“ฮ่าๆๆๆโทษทีว่ะ กูแค่ลืมบอกมึง”ลืมพ่องมึงสัส บอกกูก่อนกูจะไม่ว่าไรเท่านี้เลย แอบถ่ายแม่งเหี้ยว่ะผมมองมันอย่างเคืองๆ

“เอาน่าๆๆยังไงก็ก็แอบถ่ายมาแหละ ไหนๆกูขอดูลีลามึงหน่อยดิ”มันเอากล้องไปต่อเข้ากลับโน้ตบุ๊คของผม เอ่อคือว่ามันไปเอามาตอนไหนว่ะ ไอ้นี่มือเร็วจริง…มันติดตั้งทุกอย่างเสร็จก็เปิดดูไฟล์วีดีโอที่มันอัดไว้


“อึก อืออ อ๊า”

“อ่ะ อ่า อา”

“อืมม ซี๊ดดด”

“อ่ะ อ่ะ อ่า อ่า”

“อ่ะ พะ พี่อัล อื้ออ”

 “ซี๊ดดดโย…อย่าตอดพี่ซิครับ”

“อ่ะ อ่ะ อ๊า”

“อืมม ซี๊ดดดด”
เออทั้งภาพทั้งเสียงชัดโครตๆผมมองดูภาพเบื้องหน้าที่ผมกับเด็กคนนั้นมีอะไรกัน มันเป็นภาพที่เร้าร้อนและร้อนแรงสุดๆผมไม่เคยมีเซ็กกับใครแล้วรู้สึกดีเท่าโยชิ!เฮ้ย!ผมคิดไรว่ะเนี้ย!แล้วไอ้ใจบ้าๆนี่ก็เต้นแรงทำเพื่อ?

“ไอ้เชี้ย!แม่งเงี่ยนสัส!”มันดูจบก็หันมาพูดกับผม

“เงี่ยนพ่อแม่มึงสิ”

“โครตร้อนแรงสัสๆอ่ะมึงไอ้เคมี…หึหึหึ”หัวเราะแบบนี้หมายความว่าไงว่ะ แล้วนั้นมึงจะทำอะไร?ผมมองการกระทำของมัน มันต่อWifiแล้วเข้าเน็ตเปิดเว๊บของโรงเรียนเฮ้ย!!เว๊บของโรงเรียนมึงเข้าไปทำไหม

“มึงกำลังจะทำอะไรไอ้เดฟ”ผมถามมันอย่างสงสัยมันคิดจะทำไร

“ก็แค่อยากแบ่งความสุขให้คนอื่นๆได้ดูกัน”มันตอบผมแต่ไม่ยอมมองหน้ายังงวนอยู่กับการเล่นเว็บของโรงเรียน

“แบ่งอะไร?”ผมถาม

“ก็นี่ไง…”มันเอียวตัวให้ผมเห็นหน้าจอได้ชัดเจน…

“ไอ้เหี้ย!”

“สัส!นี่กูหวังดีนะเนี้ย กูจะอัพแล้วนะ”มันบอกแล้วกดตกลงอัพวีดีโอลงเว็บของโรงเรียนเรียบร้อยแล้วก่อนที่ผมจะทันได้ห้ามมัน

“เหี้ย!มึงนี่มัน!”

“มันอะไรว่ะ เจ๋งใช่ป่ะ555”เออมึงเจ๋งมากกสาสสส

“เออ!!โครตเจ๋งเลย”ผมบอกกับมันก่อนที่จะมองหน้าจอคอมที่ขึ้นวีดีโอที่อัพเมื่อไม่นาน…เปิดเรียนไปพรุ่งนี้คงได้มีข่าวที่ฮอตที่สุดคือเรื่องนี้แน่!!
.
.
.
.

วันถัดมา…

-โยชิ-


“สายแล้วๆๆๆ”ตอนนี้ผมมาอยู่ที่หน้าโรงเรียนแล้วครับ เกือบไม่ทันประตูโรงเรียนปิด เฮ้ออเหนื่อยเป็นบ้าเลยครับ!!ผมเดินเข้าในโรงเรียนก็ต้องแปลกใจ ผมไม่ใช่คนที่จะฮอตอะไรขนาดจนที่คนทั้งโรงเรียนจะต้องหันมาสนใจกันเป็นแถบขนาดนี้ ตลอดแนวทางที่ผมเดินย่างก้าวเข้ามาในโรงเรียนเตรียมที่จะเข้าห้องเรียนนั้น มีสายตานับไม่ถ้วนมองผมแล้วก็ซุบซิบกัน…นี่มันอะไรกัน?สายตาของแต่ละคนที่มองผมมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเป็นบ้า!!

“มองอะไรนักหนาว่ะ”ผมบ่นกับตัวเองเบาๆรีบจ้ำอ้าวไปที่ห้องเรียนเพราะจะเข้าคลาสแล้ว

“เชี้ย!”พอผมมาถึงห้องเรียนก็ต้องตกใจเมื่อเสียงเพื่อนสนิทของผมมันตะโกนออกมาซะลั่นห้องเลย ผมเลยเดินเข้าไปหามัน เป็นไรของมันว่ะ

“แหกปากไรแต่เช้าว่ะไอ้พาส”ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามัน มันหันกลับมามองผมเล็กน้อยก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เลย

“เฮ้อออออ!!”มึงเป็นอะไรว่ะเนี้ย!ผมเห็นมันนั่งลงผมก็เลยนั่งตาม

“มึงเป็นไร”ผมถามมันดูจากสีหน้ามันตอนนี้มันดูจะเครียดมากกก!!

“ป่าว”มันตอบแบบขอไปทีแล้วหันหน้าไปอีกฝั่งหนึ่ง

“ก็เห็นมึงตะโกนซะลั่นกูก็คิดว่าเป็นอะไร”ผมไม่สนใจมันแหละเป็นไรช่างมันเถอะ ผมยักไหล่แล้วเตรียมสมุดหนังสือวิชาที่ต้องใช้เรียนขึ้นมาเตรียมไว้

“มึงไม่รู้สึกผิดปกติบ้างหรอว่ะ”ไอ้พาสมันเงียบอยู่นานจู่ๆก็พูดขึ้นทำให้ผมต้องหันกลับไปมองมันอีกครั้ง มันไม่ได้หันมามองผมหรอกครับมันยังคงทอดสายตามองทางเดิมอยู่

“ก็มีบ้างว่ะ…ตลอดทางเดินที่กูเดินเข้ามามีแต่คนมองกูแปลกๆ”ผมบอกออกไปตามตรง มันจริงนิ!

“ถ้าไม่มองนี่ซิแปลก…”มันหันกลับมามองหน้าผมแล้วครับ ผมมองมันอย่างสงสัย

“ทำไม?มีอะไรหรือป่าวว่ะ”ผมถามออกไปเพราะผมอยากรู้ว่ามันรู้อะไรมาแล้วทำไมถึงมีแต่คนมองผมแปลกรวมถึงคนในห้องของผมด้วย ผมกวาดสายตามองไปรอบห้องก็มีแต่คนจ้องมาที่ผม พอผมหันไปมองเค้าก็ทำเป็นคุยกัน บ้างก็เล่นเกมส์ บ้างก็ทำเป็นอ่านหนังสือ แต่หารู้ไม่ว่าที่มึงอ่านอ่ะกลับหัว สัส!

“มีแน่!เรื่องใหญ่ด้วยมึง”มันจ้องหน้าผมนิ่ง คิ้วมันนี่ขมวดจนมันเป็นปมแล้ว มันเครียดขนาดนั้นเลยหรอว่ะ

“เรื่อง?”ผมจ้องหน้ามันนิ่ง

“ก็ระ..”

“ติ๊ด!”หืม!ผมที่กำลังรอคอยให้ไอ้พาสมันเล่าให้ฟังก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงข้อความของผมดังขึ้น

“แปบนะ!”ผมบอกกับมันก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความ “เอ๋…ข้อความจากเว็บโรงเรียนว่ะ”ผมหยิบขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นข้อความของเว็บโรงเรียน ผมจึงจะเปิดดูข้อความเผื่อมีไรอัพเดตใหม่ๆแต่พอผมจะเปิดก็ถูกไอ้พาสมันฉกเอาโทรศัพท์ผมไปก่อนซะงั้น

“ไรของมึงเนี้ย เอาโทรศัพท์กูมา”ผมโวยเมื่อจู่ๆมันก็เอาโทรศัพท์ของผมไปเฉยเลย เสียมารยาทว่ะ

“กูขอยืมหน่อยนะ พอดีแบตโทรศัพท์กูหมดว่ะ”อะไรว่ะแม่ง!บอกกันก่อนก็ได้ไม่เห็นต้องฉกไปเลย!

“เออ!”พอผมตอบมันแบบนั้นมันก็ลุกเดินออกไปจากห้องเลย “เดี๋ยวๆมึงจะไปไหน”ผมถามมัน

“กูจะไปคุยโทรศัพท์”มันตอบแล้วก็เดินไปเลย อะไรของมันว่ะ -.-

“ตึ้ง ตึ่ง ตึง”เสียงปลายสายของรงเรียนผมเองครับ “ขอให้นายโยธิวา ...มาพบครูฝ่ายปกครองในเวลานี้ด้วยครับ” ชื่อนี้มันคุ้นๆว่ะ
“ประกาศอีกครั้งขอให้นายโยธิว่า…มาพบครูฝ่ายปกครองในเวลานี้ด้วยครับ” ชะ ชัดเจนเลย นี่มันชื่อผมนี่หว่า?เอ้าเฮ้ย!แล้วผมไปทำไรไม่ดีไว้หรอ ทำไมครูฝ่ายปกครองถึงเรียกผมให้ไปพบอ่ะ ก่อนที่จะโวยวายผมว่าผมรีบไปห้องฝ่ายปกครองก่อนดีกว่า


ห้องปกครอง

ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบอาจารย์นั่งรออยู่แล้ว ผมจึงยกมือไหว้ตามมารยาทที่เรียนๆมา

“สวัสดีครับ”

“เชิญนั่ง”อู่ใจเต้นแรงชิบ!อาจารย์บอกเสียงเรียบ ผมจึงทำตามที่อาจารย์บอก ผมนั่งนิ่งไม่กล้าขยับตัว บอกตรงๆผมไม่เคยเข้าห้องปกครอง ผมเป็นเด็กดีจะตาย แต่ครั้งนี้ครั้งแรก

“เธอรู้ไหมว่าครูเรียกเธอมาทำไม”อาจารย์ถาม

“มะ ไม่รู้ครับ”จะสั่นทำไมว่ะกู

“เธอทำอะไรไว้ไม่รู้เลยหรือไง”

“ไม่ครับ”ผมตอบ ผมไม่เคยทำไรจริงๆอ่ะ ทำไมอาจารย์มองผมหน้างั้นT^T

“งั้นเธอดูนี่ซะ!”อาจารย์บอกกอ่นที่จะหันหน้าโน๊ตบุ๊คของอารย์เลื่อนมาให้ตรงหน้าผม ผมอึ้ง! นะ นี่มัน…ผมเงยหน้าไปมองอาจารย์ที่ตอนนี้หน้าโหดกว่าเก่า

“เธอทำอะไรไว้ รู้ไหมแบบนี้มันผิดนะ เธอจะไปมีอะไรกับใครผมไม่ว่า แต่ทำไมมันถึงมาอยู่ในเว็บของโรงเรียนแบบนี้ได้ รู้ไหมว่ามันน่าเกลียดแค่ไหน!!!”

“……………………….”ผมช็อก!ภาพมันชัดมากและที่รู้ๆภาพนี้เห็นเพียงหน้าผมคนเดียว แต่อีกฝ่ายไม่…ทำไม!!

“เธอจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง ฮ่ะ!!”

“ผะ ผม…”ผมอ้ำๆอึ้งๆที่จะตอบ ผมจะทำไงดี ตอนนี้สติผมกระเจิงแล้ว โอ๊ยยเครียด!!มิน่าล่ะทำไมถึงมีแต่คนมองหน้าผมแปลกๆ

“เธอจะทำยังไงกับเรื่องนี้หรือต้องให้ครูบอกกับผู้ปกครองเธอ”ผมเงยหน้ามองอาจารย์ก่อนที่จะตอบ

“ ยะ อย่านะครับ”

“งั้นเธอจะทำยังไง”

“ผะ ผมไม่รู้”

“เธอจะไม่รู้ได้ไงในเมื่อภาพนี้มันเป็นเธอชัดๆอย่าทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนต้องป่นปี้กับเด็กแค่คนเดียวอย่างเธอ”

“ผม ฮึก ขอโทษครับอาจารย์”ผมได้แต่ฟังคำดุด่าว่ากล่าวของอาจารย์ ยิ่งอาจารย์พูดน้ำตาผมก็ยิ่งไหล

“รีบไปลบไอ้คลิปทุเรศๆนี้ซะ!ไม่งั้นเธอคงรู้นะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

“ครับ”ผมไหว้ลาอาจารย์ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง

“ฮึก ทำไม…ถึงทำกับผมแบบนี้”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ

ตึก ตึก ตึก

“ไอ้โย!!”ผมหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นไอ้พาส มันวิ่งตรงมาทางผม “อาจารย์เรียกมึงมาพบเรื่องอะไรว่ะ” มันหอบหายใจก่อนที่จะถามผม

“…………”ผมได้แต่เงียบมองหน้ามัน มันจ้องหน้าผมก่อนที่จะถอนหายใจ

“เฮ้ออ รู้เรื่องแล้วซินะ”หมายความว่าไง

“แสดงว่าไอ้ข้อความที่ส่งมาให้กูมันเป็นคลิปบ้านั้นใช่ไหม!!”ผมตะคอกใส่มัน “ทำไมๆๆมึงถึง ฮึก ไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้”ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายแม่งแล้ว ไอ้เรื่องคลิปบ้านั้นคนทั้งโรงเรียนก็เห็นกันหมดแล้ว กะอีแค่ร้องไห้ตะโกนเหมือนคนบ้าจะอายทำไม “ทำไมว่ะพาสต้า ทำไม ฮึก ฮือ ทำไมมึงไม่บอกกูมึงจะปิดบังกูทำไม”ผมจ้องไปในดวงตาของมัน มันกลับเบือนหน้าหนี

“ฮึก ทำไม ทำไม ทำไมถึงทำกับกูแบบนี้ ทำไมกัน”ผมทรุดลงไปร้องไห้ที่พื้น ตอนนี้ผมไม่มีแรงแล้ว

“โย….”มันนั่งลงข้างๆผมเกลี่ยน้ำตาที่หน้าให้ “กูขอโทษที่ไม่บอกมึงกูไม่อยากให้มึงต้องร้องไห้ กูไม่อยากให้มึงคิดมาก”

“แต่ถ้ามึงบอกกูสักนิด กูจะได้รับมือไหว แต่นี่…ฮึก”ผมร้องไห้สะอื้น

“อย่าร้องนะมึง หยุดร้องเลย”มันกอดปลอบผม

“ฮึก พาส ทำไมพวกเค้าถึงทำกับกูแบบนี้”

“เรื่องนี้เดี๋ยวกูจะจัดการให้มึงเองไม่ต้องห่วงนะ”ผมลูบผมผมเบาๆ

“ฮึก!พาสกูอยากกลับบ้าน”ผมไม่มีแรงที่จะเรียนแล้ว

“อืม เดี๋ยวกูไปส่ง”มันบอกก่อนที่จะช่วยพยุงตัวผมที่หมดแรงไปยังรถของมัน

“ขอบคุณมึงมากนะ”หลังจากที่มันพาผมมาส่งถึงบ้าน ผมจึงขอบใจมัน มันยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนที่จะยื้อโทรศัพท์มือถือของผมให้คืน

“อ่ะของมึงอยู่คนเดียวได้นะมึง อย่าคิดสั้นล่ะ”ผมนิ่งคิด คิดสั้นหรอ ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวผมเลยนะแต่พอมันพูดแบบนี้แล้ว…มันก็น่าลองไม่ใช่หรอ

“ไม่หรอก…”ผมตอบมันเสียวแผ่ว

“เออ…อย่าคิดมากนะ กูไปเรียนแล้วเดี๋ยวตอนเย็นมาหา”

“อืม”ผมยิ้มให้มัน มันจึงขับรถออกไป ผมมองที่มือถือของตัวเองก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน ตอนนี้ม๊าไม่อยู่บ้านเพราะม๊าทำงานผมจึงต้องอยู่บ้านคนเดียว ผมเดินตรงไปยังชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นห้องนอนของผม เมื่อถึงห้องผมจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปยังข้อความแต่ปรากฏว่าโดนลบแล้ว…ผมจึงวางมันลงข้างๆตัว ตุถึงผมไม่ได้เห็นในโทรศัพท์ตัวเองแต่ก็เห็นตอนที่อาจารย์ฝ่ายปกครองเอาให้ดูแล้ว แค่คิดน้ำตาผมก็ไหลอีกรอบ

“ฮึก! ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับผมด้วย ผมไปทำอะไรให้พวกเค้าขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้”ผมได้แต่เอ่ยเสียงแหบพร่า ม่านน้ำตาก็บดบังภาพตรงหน้าไว้ ผมลุกขึ้นนั่งเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนที่จะหันไปเจอ…คัตเตอร์!!ผมจ้องมันก่อนที่จะมีเสียงของพาสต้าดังขึ้นในหัว

“อย่าคิดสั้นนะมึง”มันดังวนอยู่แบบนี้เรื่อยๆ

“ถ้าปลายมีดของมันโดนที่ข้อมือจะเจ็บไหมนะ”ผมพูดออกมาอย่างเลื่อนลอย

“มันจะรู้สึกเจ็บเหมือนที่ถูกทิ้งไหมนะ”

“แล้วเลือดจะออกเยอะไหมนะ”

“แล้วถ้ากรีดไปแล้ว…เราจะตายไหมนะ!”
ผมได้แต่คิดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนสุดท้ายผมก็เดินเข้าไปหยิบมีดคัตเตอร์ขึ้นมาจับไว้ก่อนที่จะเลื่อนปลายมีดที่ถูกเก็บไว้ด้านในขึ้นมาแต่พอดี…

“แบบนี้มันคงจะดีใช่ไหม”ผมมองมีดในมือที่กำลังสั่นเทาอยู่

“ฮึก!ผมขอโทษนะครับม๊า ฮึก ฮื่ออ”






To be con.......
พระเอกเรื่องนี้มันน่าตบ :beat:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่2 คลิป...
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 29-04-2016 19:25:16
รู้เลยว่าหลังจากนี้ งานสะใจมาเต็มแน่ๆ ตอนที่โยชิ เอาคืน
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่2 คลิป...
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 30-04-2016 22:06:08
สารเลวมันยังน้อยเกินไป แม่งโคตรเหี้ย อีกไม่นานหรอกอัลฟานายต้องทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่2 คลิป...
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 30-04-2016 22:36:50
สู้ๆนะๆๆ สงสารโยชิจัง
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่2 คลิป...
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-05-2016 10:34:10
พระเอกเรื่องนี้เลวจริงๆๆๆ โยต้องจัดการเอาคืนให้สาสมเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่2 คลิป...
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 01-05-2016 10:39:55
สารเลว!!!!
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่3 ย้าย…
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 04-05-2016 23:02:17
ตอนที่3 ย้าย…



-โยชิ-
 

“ฮึก!ผมขอโทษนะครับม๊า ฮึก ฮื่ออ”ผมค่อยๆเลื่อนมีดคัตเตอร์เข้ามาที่ข้อมือก่อนที่ผมจะทันได้กรีดมันลงไปก็ได้ยินเสียงของคนที่ผมไม่เคยเจอมาเกือบสองปี…

“โยชิ!!”ผมหันไปตามเสียงเรียก

“ปะ ป๊า!!!!!” ผมหันกลับไปก็ต้องตกใจปล่อยมีดคัตเตอร์ที่อยู่ในมือหล่นไปที่พื้นเมื่อคนที่เข้ามาเป็นใคร

“แกกำลังจะทำอะไรห่ะ!!!”ป๊าเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับจับที่ไหล่ของผมแล้วบีบ

“ผะ ผม ฮึก ป๊า…”ผมรู้สึกสับสนมากในตอนนี้ น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลไม่หยุดอีก ป๊ามองผมนิ่ง นิ่งจนผมไม่กล้าที่เอ่ยอะไรหรือแม้แต่ขยับตัว

“แกเป็นบ้าอะไร ห่ะ!คิดจะทำร้ายตัวเองหรอ!!”ป๊าตะคอกใส่หน้าผมพร้อมกับเขย่าตัวผม

“ปะ ป๊า ฮึก ผมไม่ดะ”ผมยังพูดไม่จบป๊าก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น

“แกเป็นอะไร แกบอกฉันมาสิ อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้”ป๊าเอ่ยน้ำเสียงเบาลง ทำให้ผมร้องหนักกกว่าเก่า

“ป๊า ฮึก ป๊า ฮืออ”ผมได้แต่กอดตอบและปล่อยโฮออกไป ป๊าเองก็กระชับกอดแน่น ผมรู้สึกดียังไงไม่รู้ ผมไม่เคยได้กอดป๊าตัวเองนานสองปีแล้ว

“บอกป๊าได้ไหม…ใครทำอะไรแก”ป๊าดันผมออกแล้วจ้องตาผม ผมจึงก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบสายตาผู้เป็นพ่อเลย

“ป๊า…”

“บอกป๊ามาเถอะ…แกไม่เคยเป็นแบบนี้นะโย…”ป๊ายกมือลูบหัวผมเบาๆเป็นการปลอบโยน

“ผะ ผม…”ผมไม่กล้าบอก ถ้าผมบอกไปป๊าจะด่าว่าอะไรผมหรือป่าว ผมกลัว ผมกลัวจริงๆนะ ผมจึงดึงป๊ามากอดอีกครั้ง ป๊าเองก็ได้แต่ลูบหัวผมเพื่อให้ผมดีขึ้น

“ป๊าจะรอจนแกพร้อมเล่าให้ป๊าฟังนะโย”

“ฮึก คะ ครับป๊า”ผมซบลงที่ไหล่หน้าของป๊าแบบนั้นอยู่นาน จนป๊าขอตัวออกไปจัดการงานที่ต้องทำให้กลับมาที่ไทย



“เฮ้อออ”ผมถอนหายใจออกมาอย่างดัง ผมรู้สึกผิดที่คิดจะทำอะไรแบบนั้นออกไป ถ้าป๊ามาไม่ทันผมจะเป็นยังไงนะ ผมไม่อยากคิดเลยว่าสภาพของผมมันจะเป็นยังไง ผมเห็นแก่ตัวจนเกินไปเกือบทำให้คนที่รักผมต้องมาเสียใจกับผม ผมมันเป็นคนนิสัยไม่ดีเลย…

“ผมขอโทษนะครับป๊า”ผมทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อย ขอผมพักผ่อนสักนิดนะครับ ผมเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน



-พาสต้า-


“ไอ้เหี้ยอัล!!”หลังจากที่ผมไปส่งโยชิ ผมก็ตรงดิ่งกลับมาที่โรงเรียนและมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียนที่พวกมันเรียน พอผมเดินเข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นห้องไหน(?)เออเก็บมันไว้ก่อนไม่ต้องอยากรู้หรอก พอผมเห็นหน้าไอ้ตัวต้นเหตุที่ว่านั้นก็ตรงดิ่งเข้าไปหามันในทันที!!

“เชี้ยไรว่ะ!”พอมันเห็นผมที่เดินตรงดิ่งเข้าไปหามันและด่ามันเสียงดังมันก็เลยหันกลับมาด่าผม
พลั่ก พลัก!

“มึงทำห่าไรของมึงห่ะ!มึงมัน…!!”ผมไม่อยากบอกเลยว่ามันเลว และเหี้ยขนาดไหน คนอย่างมันหาคำด่าได้เป็นแสนๆล้านๆความเลวของมันทำให้ผมต้องแก้แค้น มันทำกับคนอื่นผมไม่ว่าแต่นี่มันทำกับโยชิผมรับไม่ได้!!

“สารเลวอย่างมึงต้องโดนแบบนี้”ผมปล่อยหมัดใส่มันไม่ยั้ง มันยกมือมาปัดป่ายเพื่อป้องกันตัวเอง

“ไอ้เหี้ย!มึง อั๊ก!”ผมโดนมันถีบจนล้มลงไปกองกับพื้นมันตั้งหลักได้ก็ปล่อยหมัดใส่ผมไม่ยั้งเช่นกัน

“ไอ้เด็กเหี้ย มึงกล้าต่อยกูใช่ไหม”
พลั๊ก อั๊ก อึก

“เฮ้ย!!มีไรกันว่ะ”เสียงที่ดังมายังอีกฟากของประตูดังขึ้นทำให้มันหันกลับไปมอง ผมได้จังหวะเลยจัดการถีบทีท้องมัน

“โอ๊ย!ไอ้เหี้ย!”มันด่าผมครับ ผมจึงตรงไปคร่อมมันและยกหมัดง้างขึ้นจะอัดไปที่หน้าเหี้ยๆของมัน แต่เพื่อนมันกลับมาผลักผมลงจากตัวมัน

“มึงจะทำไรเพื่อนกูห่ะ!”แล้วไอ้เพื่อนมันก็ตรงเข้ามาหาผมอีกทีหนึ่งแต่ผมหลบทันเลยจัดการต่อยเข้าไปที่ท้องมันอย่างจัง

“แล้วเพื่อนมึงทำอะไรกับเพื่อนกูไว้ล่ะ!”ผมหันไปมองเพื่อนมันก่อนที่จะหันกลับไปมองไอ้ตัวต้นเหตุอีกครั้ง

“กูไม่ได้ทำอะไรเพื่อนมึง”มันตอบออกมาอย่างไม่คิดอะไร ไม่ได้ทำงั้นหรอ ที่ไอ้โยมันจะเป็นจะตายก็เพราะมันแล้วถ้ามันบอกว่าไม่ทำอะไรแล้วคลิปเวรนั้นมันจะเป็นใครทำถ้าไม่ใช่มัน!!

“ไอ้สัสเอ้ย!มึงมันเหี้ย!เหี้ยสุดๆ”ผมดึงคอเสื้อมันเข้ามาหาแล้วตะคอกใส่มันอย่างเหลืออด “ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร ห่ะ!จะเป็นใคร หมามันทำได้หรือไงถ้าไม่ใช่มึง!”ผมกำคอเสื้อมันแน่นจ้องตามันอย่างแค้นเคือง มันเองก็จ้องตาผมเช่นกัน

“แล้วกูจะไปรู้หรือไง”มันตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน”

“ไอ้เหี้ย!ถ้าไม่ใช่มึงแล้วคลิปที่มันเอากับมึงจะหลุดออกมาได้ไงห่ะ!”ผมไม่ไหวแล้ว

“หึ!อ่อกูเข้าใจแล้ว…”เข้าใจเชี้ยไรของมันว่ะ

“เข้าใจก็ดีแล้ว มึงใช่ไหมที่เป็นคนปล่อยคลิป”ผมถามมันอย่างจริงจัง

“ใช่!กูเป็นคนปล่อยเอง ทำไม คงเห็นแล้วใช่ไหม เร่าร้อนใช่ไหมว่ะ”ไอ้ชั่ว!ผมกำมือแน่น

“มึงยังเป็นคนอยู่หรือป่าวว่ะ! ห่ะ! มึงกล้าทำเรื่องชั่วๆแบบนี้ได้ไง”

“ทำไมล่ะ ก็แค่สนุกๆเดี๋ยวคนเค้าก็ลืมเองแหละ”ไอ้เหี้ยมึงไม่ใช่คนแล้ว ไอ้สัส

“สนุกแต่มึง!แต่กับเพื่อนกูไม่!!มึงทิ้งมันกูไม่ว่าแต่นี้มึงเล่นแรงจนถึงขนาดปล่อยคลิปนั้นออกมา มึงแม่งเลวโครตๆ”

“หึ ทำไมหรอ มึงคงรักมันมากสินะ”ผมอึ้ง ไอ้นี่มันรู้ด้วยหรอว่าผมแอบชอบไอ้โย

“มะ มึงพูดบ้าไรของมึง”

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ แค่เห็นสายตาเวลาที่มึงมองมันกูก็รู้แล้วว่ามึงคิดยังไง”ผมนิ่งฟังมันพูด มันดูผมออกด้วยหรอ ผมว่าผมเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งแล้วนะ

“แล้วยังไง มันเรื่องของกู อย่าเสือก”ผมด่ามัน

“ใครกันแน่ว่ะที่เสือก”

“มึง..”ผมที่กำลังจะตรงชกมัน แต่เพื่อนมันอีกคนก็เข้ามากระชากตัวผมให้ออกจากตัวเพื่อนมัน

“เรื่องนี้มันยังไม่จบหรอกนะเว้ย! หึ เอามันออกไปไกลๆตีนกูทีดิไอ้เดฟ”มันพูดกับผมจบก็หันไปบอกกับเพื่อนมันที่ชื่อเดฟ

“จัดให้ว่ะเพื่อน หึ คนอย่างมึงกูต้องจัดการเองไอ้เด็กน้อย”

“เด็กน้อยพ่องมึงสัส ปล่อยกูจะพากูไปไหนเชี้ย! ปล่อย!”

“อยู่เฉยๆดิว่ะ จะดิ้นหาพ่อมึงไง”ไอ้เดฟไอ้เหี้ยปล่อยกู ผมดิ้นๆอยู่แบบนั้น แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย

“ปล่อย!”ผมจับไว้ที่ขอบประตูของห้องเรียน มันเองก็พยายามดึงผมให้ออกไปจากห้อง กูไม่ไปหรอกเว้ย

“มึงนี่มัน…ดื้อชิบหายเลย”เชี้ยยย!มันกระชากตัวผมไปแรงมากจนทำให้ผมหลุดออกมาจากขอบประตูได้ เจ็บนิ้วว่ะ



-อัลฟา-


เชี้ยไรว่ะเนี้ย!ผมอุสานั่งอยู่ในห้องอย่างสงบแล้ว ก็แม่งมีมารมาผจญอีกเวรสุดๆ แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว ผมยกมือเช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเองก่อนที่จะมองที่ประตูที่ตอนนี้ไอ้เดฟมันได้พาไอ้ตัวที่มันเข้ามาหาเรื่องผมออกไปแล้ว หึ!ผมก็เข้าใจนะ ก็คนมันรักมาก มันก็ต้องอยากที่จะปกป้องคนที่รัก ดูจากอาการมันที่เข้ามาหาผม มันคงจะเกลียดผมเข้าไส้เลยล่ะ ผมคิดแล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้…กะอีแค่ไอ้เดฟมันปล่อยคลิปลงเว็บโรงเรียนมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง ผมว่าธรรมดาว่ะ555

“ไอ้อัล!”ผมหันไปมองยังเสียงที่เรียกมันเป็นเพื่อนในห้องผมเองครับ

“ว่า?”ผมเลิกคิ้วถามมัน

“คนในคลิปนั้นเป็นมึงหรอว่ะ”

“เออ เป็นกูเองแล้วมึงจะทำไม”ผมตอบมันเสียงเรียบ

“ปะ ป่าวกูแค่สงสารน้องมันว่ะ”ผมขมวดคิ้วมุ่น สงสารหรอ ทำไมต้องสงสารว่ะ

“สงสาร?”

“เออ ดูคอมเม้นที่ด่าน้องมันแล้วกูอดสงสารแม่งไม่ได้”

“ไหนเอามาดูดิ!”ผมดึงโทรศัพท์จากมันเพื่อที่จะดูคอมเม้นใต้คลิป ผมเลื่อนดูเรื่อยๆก็ต้องตกใจ นะ นี่มัน…

“แรดนักนะ แหวะอี้!”

“ทำตัวแบบนี้ไม่สงสารพ่อแม่บ้างหรือไง เลวจริงๆ”

“จะเอากันทำไมต้องโพสให้คนอื่นเค้าเห็นด้วย เหอะแรดจริง”

“ทุเรสที่สุด!”

“เห็นที่โรงเรียนทำเป็นใสซื่อ แต่ที่ไหนได้ แรด ร่าน”

“โห้ เล่นเอากูเงี่ยนเลยสัส”

“เกิดมารกโลกจริงๆทำตัวแบบนี้ จะไปตายที่ไหนก็ไป!!”

“คนแบบนี้ทำให้โรงเรียนเสื่อมเสีย!ตายๆๆไปซะ”

“โรงเรียนจะปนเปื้อนก็เพราะคนแบบนี้แหละ ทำตัวทุเรส!”

“บลาๆๆๆ”


อึ้ง!ข้อความนับ100ต่างพากันด่าว่าร่างเล็กไม่ยั้ง!ผมเลื่อนอ่านเรื่อยๆ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมอยู่ๆใจผมก็กระตุกวูบแบบนี้ล่ะ หรือว่า…ผมเล่นแรงเกินไป แล้วถ้าร่างเล็กได้เห็นข้อความนี้มันจะรู้สึกยังไงนะ ทำไมผมถึงรู้สึกผิดแบบนี้ จู่ๆภาพมันที่ร้องไห้ในคืนวันที่มันเดินเข้าไปหาผมฉายชัดเจนในตาของผม มันร้องไห้แทบเป็นแทบตาย แต่ผมกลับไม่สนใจมัน กลับตอบคำถามที่ทำร้ายมันสุดๆและอีกอย่างผมกลับทำให้มันช้ำอีกรอบก็เพราะคลิปนี้…มันจะเป็นยังไงบ้างนะ เฮ้ย!แล้วผมจะไปสนใจมันทำไมว่ะ ผมสะบัดหัวไล่ความคิดที่มันเป็นเหมือนความรู้สึกเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นให้ออก ก่อนที่ผมจะยื้อโทรศัพท์ให้เพื่อนในห้องของผมไป

“ไปไกลๆความคิดกูได้ไหม!”ผมพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา “มึงจะเป็นอะไรก็เรื่องของมึง หยุดร้องไห้สิเว้ย”ผมกุมขมับตัวเองก่อนที่
จะทุบที่หัวไล่ความคิดบ้าๆและภาพที่มันร้องไห้ไม่หยุดออกไป

“โถ่เว้ย!!”กูแม่งไม่ไหวแล้ว ผมทุบโต๊ะดังปึ้ง!แล้วเดินออกจากห้องไป…

“กูเป็นเชี้ยไรของกูว่ะเนี้ย โว้ยยยยย!!”ผมตะโกนออกมาอย่างไม่อายใคร มันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมัน ในเมื่อมันเป็นแค่ของเล่นเท่านั้น แต่ทำไมไอ้ความรู้สึกนี้มันถึงมีที่ใจผมได้ แล้วทำไมผมต้องเป็นห่วงมันหลังจากที่ผมได้อ่านคอมเม้นที่ด่าสาดมันอย่างไม่ให้ผลุดได้เกิดเลย

“มึงจะเป็นยังไงบ้างว่ะ ไอ้ตัวเล็ก…”




-โยชิ-


“เฮ้อออ”ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนอนของตัวเอง ผมลุกขึ้นมานั่งมองนาฬิกาที่หัวเป็นเวลา16:35แล้ว ผมจึงลุกไปล้างหน้าให้ตัวเองรู้สึกสบายหน่อยพอล้างหน้าเสร็จผมก็กลับมานั่งโต๊ะเปิดคอมเล่น ผมต่อเน็ตเข้าไปที่เว็บที่นิยมกัน”Facebook”พอเข้ามาผมก็ไลค์นู๊นนี่นั่นไปเรื่อยๆจู่ๆเว็บที่ผมไม่ได้คิดจะสนใจก็เด้งขึ้น นั่นคืออ…เว็บเพจโรงเรียน มันเป็นรูปภาพของผมก่อนที่จะมีคอมเม้นมากมายด่าสาดผมอยู่ ผมค่อยๆเลื่อนลงอ่านคอมเม้นทั้งหมด!!

“ทำตัวแบบนี้ไม่สงสารพ่อแม่บ้างหรือไง เลวจริงๆ”

“ทุเรสที่สุด!”

“คนแบบนี้ทำให้โรงเรียนเสื่อมเสีย!ตายๆๆไปซะ”

ผมเลื่อนอ่านไปเรื่อยๆจนหมด นี่มัน!!ทำไมทุกคนถึงพากันด่าว่าผมแรงขนาดนี้นะ

“ทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!!ทำไม ฮึก!”ผมรีบปิดคอมในทันที ผมไม่อยากรับรู้แค่นี้ผมก็แย่อยู่แล้ว ทำไมทุกคนถึงด่าแต่ผม ทำไม?
.
.
.
.

“เฮ้อออ”ผมนั่งจมอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของตัวเองอยู่นาน กว่าจะลงมาข้างล่าง ผมคิดว่าผมมีเรื่องอยากจะขอป๊าของผมสักหน่อย ผมตัดสินใจแล้วและผมก็คิดดีแล้ว ผมจึงลงมาหาป๊าที่ทำงานอยู่ด้านล่างของบ้าน

“ก็อก ก๊อก ก๊อก”ผมเคาะประตูก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน

“เอ้าว่าไงโย…”ป๊าเงยหน้าจากกองแล้วทักผม ผมเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับป๊า

“ป๊า คะ คือผมมีเรื่องขอป๊าหน่อยได้ไหมครับ”ผมถามป๊าที่จ้องหน้าผม

“หือ ว่ามาสิ โยต้องการอะไรล่ะ”ป๊าตอบกลับผมพร้อมยิ้มบางๆส่งมาให้

“ป๊าฮะ ผมอยากย้ายโรงเรียน”ผมตัดสินใจพูดออกไปตามที่ใจผมคิดไว้ ป๊ามองผมอย่างแปลกใจ

“ทำไมล่ะโย…โรงเรียนที่เรียนอยู่ไม่ดีหรอลูก”

“ปะ ป่าวครับเพียงแค่ผมไม่อยากเรียนที่นั่นแล้ว”ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตากับป๊า

“เพราะเหตุนี้ใช่ไหมที่ทำให้เราคิดที่จะกรีดมือตัวเองหรือป่าว”ผมเงยหน้ากลับไปสบตากับป๊าอีกครั้ง

“ป๊า”ผมได้แต่เรียกป๊าเสียงเบาเท่านั้น

“โยพอจะบอกเหตุผลป๊าได้ไหมว่าทำไม ทำไมโยถึงคิดที่จะย้ายโรงเรียน ทำไมเราถึงคิดที่จะทำร้ายตัวเอง”ป๊าถามผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“คะ คือ ถะ ถ้าผมบอกป๊าไปป๊าจะโกรธผมหรือป๊า”

“แล้วมันอะไรล่ะ ลองบอกป๊ามาสิ”

“คะ คือ…ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย”ผมตัดสินใจเอ่ยออกไปในที่สุด ผมหลับตาแน่นไม่กล้าที่จะสบตากับป๊า

“แล้วยังไงล่ะ ลูกจะคบใครป๊าไม่ว่าหรอกขอให้แต่เค้าเป็นคนดีและรักแค่ลูกไม่ทำให้ลูกเสียใจเป็นพอ”ผมลืมตาขึ้นหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น

“ป๊า…ฮึก ผม..”เฮ้ออ วันนี้ผมร้องไห้กี่รอบแล้วนะ ป๊าเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมแผ่วเบา

“ร้องไห้ทำไมโย”พ่อยิ้มอ่อนโยนมาให้ ทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ป๊า ฮึก ผมขอโทษ…ผมขอโทษ”ผมเดินเข้าไปกอดป๊าไว้แน่น

“ขอโทษป๊าเรื่องอะไร หื้มม”ป๊าลูบหัวผมเป็นการปลอบโยน

“คือผมทำเรื่องที่มันผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ฮึก ผมขอโทษ”

“บอกป๊าได้ไหมว่าเรื่องอะไร”ผมควรจะบอกป๊าดีไหมหรือควรที่จะเก็บไว้แบบนี้ แต่ด้วยความที่ผมเชื่อใจป๊าและไว้ใจป๊าที่สุดผมควรจะบอกใช่ไหม

“ผะ ผมมีอะไรกับเค้าแล้ว…”ผมเว้นช่องว่างไว้แล้วคิดอีกทีว่าจะบอกดีหรือป่าวจนป๊าเอ่ยปากถาม

“แล้ว…ยังไง”

“ฮึก จริงๆแล้วเค้าไม่ได้รักผม เค้าไม่เคยมีใจให้ผม เค้าทิ้งผมไปแล้ว เค้าโกหกผม เค้าหลอกลวงผม เค้า ฮึก ฮือ เค้า..”ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจผมออกมาให้ป๊าได้รับรู้ ผมแค่อยากระบายเท่านั้น

“เค้า?ทำไม?”ตัวผมเริ่มสั่นหนักกว่าเก่าจนป๊ากำชับกอดไว้ให้แน่นขึ้น

“เค้า…ถ่ายคลิปที่มีอะไรกับผมแล้ว ฮึก ปล่อยออกมาผ่าน ฮึก ฮือ เว็บของโรงเรียนครับป๊า ฮือออ”ผมระบายออกมาหมดก็ร้องไห้
โฮกอดป๊าแน่นเอาหน้าซุกลงที่อกของผู้เป็นพ่อ

“โย…”ป๊าเอ่ยชื่อผมออกมาแผ่วเบา ผมสัมผัสได้ว่ามือที่กำลังลูบหัวผมอยู่มันกำลังสั่น สั่นอย่างไม่สามารถบังคับมันได้

“ผมขอโทษครับป๊า”ผมยังคงพร่ำบอกขอโทษอยู่แบบนั้น

“มะ ไม่เป็นไรลูก โยไม่ผิด พ่อเข้าใจแล้ว”ขอบคุณครับป๊า ขอบคุณที่เข้าใจผม ขอบคุณที่ป๊ากลับมาหาผมก่อนที่ผมจะทำอะไรที่เลวร้ายออกไป ขอบคุณครับ

“ขอบคุณครับป๊า”

“อืม ว่าแต่โยหิวหรือยังนี่เย็นมากแล้วนะ”ป๊าผละออกจากผมแล้วมองไปยังนาฬิกาบอกเวลาเป็น18:45แล้ว ผมจึงพยักหน้ารับ

“งั้นเดี๋ยวเราคอยม๊าสักแปบนะแล้วเราจะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน”ป๊ายิ้มบางๆผมจึงพยักหน้า

“ครับ”

“งั้นโยขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยนะ ถ้าม๊ามาเดี๋ยวป๊าให้คนไปตามแล้วเราคอยคุยกันเรื่องที่จะย้ายโรงเรียนให้โยอีกที…งั้นพ่อขอทำงานต่อนะ”ป๊าบอกกับผมก่อนที่จะจูบหน้าผากผมเล็กน้อย ผมยิ้มให้ท่านก่อนที่จะเดินออกจากห้องทำงานมา

“ครับป๊า”
ผมเดินขึ้นมาข้างบนด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป๊าฟัง พอผมได้ระบายมัน ทำให้ผมโล่งอก ทีแรกผมคิดอยู่นานว่าจะบอกป๊าดีหรือป่าว ถ้าบอกไปป๊าจะโกธรผมหรือป่าว แต่จริงๆแล้วไม่เลย ป๊าเข้าใจและยังเป็นผู้ฟังที่ดีกับผม ป๊าไม่ดุหรือว่าอะไรผมเลย ทำให้ผมรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมคิดจะทำ..



“ก๊อก ก๊อก ก๊อก คุณหนูค่ะคุณท่านให้มาตามไปทานข้าวค่ะ”เสียงของป้าแม่บ้านบอกกับผม ผมจึงลุกจาเตียงที่นอนเล่นเกมส์คอยเวลา

“ครับป้า^^”ผมเปิดประตูออกไปก็พบว่าป้าแม่บ้านยังยืนอยู่ผมเลยยิ้มให้แล้วเดินลงไป

“เจ้าตัวแสบลงมาแล้วหรอ”ม๊าที่เพิ่งมาจากทำงานนอกบ้านเดินตรงมาหาผมที่เดินลงมากอดที่จะสวมกอดผม ผมกับม๊าเราทำแบบนี้เป็นประจำครับ ทุกครั้งที่ม๊าออกไปทำงานข้างนอกพอกลับมาก็จะกอดกับผมแบบนี้ บอกเลยว่าครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก จึงทำให้ผมไม่เคยขาดความอบอุ่นจากครอบครัวเหมือนกับหลายครอบครัวที่ทิ้งให้ลูกตัวเองอยู่เพียงลำพัง เลี้ยงลูกด้วยการใช้แต่เงิน แต่ครอบครัวผมไม่ใช่ ถึงแม้ป๊าจะทำงานอยู่ต่างประเทศแต่ป๊าก็จะคอยโทรมาหาเราตลอดเวลาที่ว่าง ม๊าเองก็ดูแลผมอย่างดี ผมจึงไม่ค่อยมีปัญหาด้านครอบครัวเท่าไร แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมคิดมากอยู่ตอนนี้คือเรื่องที่ผมเริ่มคบกับอัลฟา ผู้ชายสารเลวนั้น!! แต่ม๊าก็ไม่ว่าอะไรผม ม๊าก็ยังเอ็นดูอัลฟาเหมือนลูกอีกคนตอนที่ผมพามาแนะนำ แต่ถ้ามารู้ว่าตอนนี้ผมกับเค้าเลิกกันแล้ว และเหตุผลทุกอย่างที่ผมบอกกับป๊าไปม๊าจะรับได้ไหม

“ไปทานข้าวกันดีกว่านะลูก”ม๊ายิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู

“ครับม๊า…วันนี้เหนื่อยหรือป่าว”

“ไม่จ้ะ”ม๊ายิ้มให้ผม ผมและม๊าเดินมาถึงโต๊ะอาหารที่มีป๊านั่งคอยอยู่แล้ว

“คุณกลับมาทำไมไม่บอกฉันก่อนนะ”ม๊พูดดุป๊าที่ไม่ยอมบอกกล่าวว่าจะกลับมา

“ฮ่ะๆๆก็ผมอยากกลับมาเซอร์ไพร์ทคุณนิ”ป๊าหัวเราะที่เห็นม๊าทำหน้าบูดบึ้งใส่

“คุณนี่…”ผมมองป๊ากับม๊าที่ยิ้มและหัวเราะกันอย่างมีความสุขพลอยให้ผมมีความสุขไปด้วย

“ว่าแต่..ไหนคุณบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูกับฉันหรอค่ะ”ม๊าพูดหลังจากที่เราเริ่มทานอาหารกันได้สักพักแล้ว

“คือ ผมคิดว่าผมจะพาโยไปอยู่ที่นั้นด้วย คุณคิดว่าไง”

“ทะ ทำไมล่ะค่ะ”ม๊าขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไมผมต้องไปอยู่กับป๊าที่นั้น

“ผมอยากให้โยได้ไปเรียนรู้งานที่ผมทำด้วย เผื่อโยจะช่วยบริหารงานของครอบครัวต่อไป”ป๊ายังคงหาเหตุผลบอกม๊าไปเรื่อยๆ ม๊าเองจึงหันมาหาผม

“แล้วลูกอยากไปอยู่กับป๊าหรือป่าว”ม๊าถาม

“ครับม๊า ผมอยากไปอยู่กับป๊า”ผมบอกกับม๊าไป

“งั้นก็ได้…แล้วลูกจะย้ายไปอยู่กับป๊า บอกกับพี่เค้าหรือยัง” อึก ทำไมมันรู้สึกจุกและเจ็บที่อกแบบนี้นะ ผมส่ายหน้าและตอบม๊าออกไปเสียงแผ่วเบา

“ผมกับเค้าเลิกกันแล้วครับ”

“ห่ะ!จะ จริงหรอลูก แล้วทำไมถึงเลิกกันได้ล่ะ มีปัญหากันทำไมไม่คุยกันดีๆลูก”

“คะ คือ เอ่อ..”ผมอ้ำอึ้งที่จะตอบ จะให้ผมตอบออกไปยังไง ให้ผมบอกม๊าไปว่าผมมีคลิปหลุดออกมางั้นหรอ ผมไม่อยากให้ม๊าเครียด

“นี่คุณก็..อย่าไปถามลูกเลย เรื่องความรักก็แบบนี้แหละ รักๆเลิกๆ”ขอบคุณครับป๊าที่ช่วยผม

“แต่ก็นะ ม๊าชอบพี่เค้านิ ไม่น่าเลิกกันเลย”

“คุณ!!”

“อะไรเล่า!ทำไมต้องรียกซะเสียงดังเลยตกใจหมด!”ม๊าหันไปแวดใส่ป๊า

“ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เอาแล้วไม่ต้องไปพูดถึงบุคคลภายนอกแล้ว…โยอิ่มแล้วหรอ”ป๊าคงเห็นว่าผมวางช้อนแล้วก็ดื่มน้ำแสดงว่าผมอิ่มแล้ว

“ครับ ผมขอออกไปเดินเล่นในสวนหน้าบ้านนะครับ”

“อืม”ป๊าพยักหน้ารับผมจึงลุกออกมาจากโต๊ะอาหาร เฮ้ออถ้าผมอยู่ตรงนั้นต่อไปมีหวังม๊าพูดถึงแต่เค้าแน่!!
ผมออกมาเดินเล่นอยู่ที่สวนหน้าบ้าน นี่ผมกำลังจะได้ย้ายโรงเรียนแล้วสินะ หลังจากที่ป๊าเคลียร์งานที่นี่เสร็จผมก็จะได้ไปอยู่กับ
ป๊าที่ต่างประเทศ ผมไม่ต้องอยู่กับสิ่งเลวร้ายที่ผมพบเจอแล้วสินะ ผมยิ้มให้กับตัวเองก่อนที่ผมจะคิดอะไรได้

“ไอ้พาส…”ผมมองไปยังบ้านข้างๆที่อยู่ติดกัน จริงสิมันบอกว่าตอนเย็นจะมาหาผมแต่ป่านนี้แล้วมันยังไม่มาเลย ไอ้นี่แม่ง!!เชื่อไม่ได้จริงๆ

“มันจะกลับมาจากโรงเรียนยังนะ”ผมพูดกับตัวเองก่อนที่จะสาวเท้าออกไปจากบ้านและไปบ้านของมันทันที


ปิงป่อง!! ผมกดกริ่งที่อยู่ตรงประตูหน้าบ้านมัน

“อ้าว หนูโยมาหาพาสหรอลูก”แม่ของพาสต้าออกมาเปิดประตูให้ผม

“ครับ”ผมยิ้มให้ท่านก่อนที่ท่านจะเชิญผมเข้าไป

“พาสต้ายังไม่กลับเลยลูก ไม่รู้ไปเที่ยวเตร่แถวไหนไม่ยอมกลับบ้านหรือป่าว”

“งั้นหรอครับ”

“จ้ะ ว่าแต่โยมีอะไรหรอลูก”

“ป่าวครับ ผมแค่จะมาดูมันว่ากลับบ้านยังเท่านั้นเอง”

“อ่อจ้ะ ลูกน้าเนี้ยไม่ได้เรื่องจริงๆเลย”

“ไม่หรอกครับ^^งั้นผมไม่รบกวนคุณน้าแล้วนะครับ”ผมบอก

“ไม่เป็นไรหรอกจ้า ถ้าเจ้าลูกตัวดีของน้ามาเดี๋ยวน้าบอกว่าโยมาหานะ”

“ครับ ฝันดีครับคุณน้า”ผมบอกฝันดีคุณน้าแล้วเดินออกจากบ้านพาสต้ากลับบ้านตัวเอง

“หายหัวไปไหนของมึงว่ะ กูมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วยเนี้ย!”ผมบ่นกับตัวเอง คาดโทษไอ้พาสต้าไว้เพราะมันบอกว่าจะมาหาผม ฮึ่ย!ไอ้เพื่อนบ้า

“โย…”ผมเข้ามาในบ้านได้ไม่กี่ก้าวป๊าที่นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก็เอ่ยทักขึ้น

“ครับป๊า”

“มานั่งนี้หน่อยสิ”ผมมองป๊าอย่างงุนงง ป๊ามีอะไรหรือป่าว หรือว่า…

“อีกสองวันป๊าจะพาเราไปอยู่ด้วยนะ เตรียมของไว้ให้พร้อมละ”ป๊าบอก

“ทำไมมันเร็วจังครับ ป๊าเพิ่งมาไม่ใช่หรอ”

“แต่ว่า ถ้าเราไปเร็วมันจะเป็นผลดีต่อลูกไม่ใช่หรอและอีกอย่างป๊าเคลียร์งานเกือบเสร็จแล้วเลยจะจองตั่วเครื่องบินเลย ลูกโอเคนะ”ครับผมโอเค!!แต่ว่าแล้วม๊าจะอยู่ยังไงถ้าผมไปแล้ว

“แล้วม๊าละครับ”ผมถามป๊า

“ม๊าก็จะไปกับโยด้วยไงจ้ะ”ไม่รู้ว่าม๊าเดินมาตอนไหนเหมือนกัน

“จริงหรอครับม๊า”ผมถามพรางกอดม๊าไว้หลังจากที่ม๊านั่งลงข้างๆผม

“จริงจ้ะ ม๊าไม่ทิ้งโยให้อยู่คนเดียวหรอก อีกอย่างม๊าก็เหงาด้วยถ้าไม่มีลูกชายตัวแสบคนนี้อยู่ด้วย”ม๊าบีบจมูกผมอย่างหมั่นเขี้ยว ทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้

“ฮ่าๆๆแม่ลูกคู่นี้นี่จริงๆเลย”ป๊าหัวเราะออกมที่เห็นผมกับม๊าแกล้งกันเหมือนเด็กๆ

“ส่วนเรื่องเรียน เดี๋ยวป๊าจะให้คนของป๊าจัดการย้ายโรงเรียนลูก”ป๊าบอกผมพยักหน้าเข้าใจ

“ครับ”
งั้น…อีกแค่สองวันผมก็จะได้ไปจากที่นี้แล้วสินะ!!แค่สองวันเท่านั้น…!!!






To be con......





หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่3 ย้าย…
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 05-05-2016 23:49:57
อัลฟา นายมันเลวเกินไปแล้ว คอยดูเหอะ นายจะต้องเสียใจ ต้องทรมานเจียนตายกับเรื่องที่นายทำ
ไปเถอะโย เริ่มต้นใหม่ ยังมีสิ่งดีๆรออยู่เสมอแหละ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่3 ย้าย…
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 06-05-2016 13:15:00
น่าสงสาร :mew2:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่4 เหตุก่อนจาก…
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 08-05-2016 20:41:30
ตอนที่4 เหตุก่อนจาก…


-โยชิ-

“ซ่า”ผมกำลังล้างหน้าอยู่ครับ หลังจากที่คุยกับป๊าเสร็จผมก็ขอตัวขึ้นมานอน ไม่รู้ผมเป็นอะไรนอนไม่ค่อยหลับผมก็เลยลุกมาล้างหน้าซะเลย

“แปะ แปะ แปะ”ตบหน้าตัวเองให้รู้ว่าเต้งตึง!เอิ่มม ไม่ใช่ครับ
ผมเดินออกจากห้องน้ำมาล้มตัวนอนที่เตียงอีกรอบ มองไปรอบๆห้องไม่รู้ว่าผมจะมองไปทำไม ก็ไม่รู้สิครับแค่ผมนอนไม่หลับ ไม่มีอะไรทำ จะปิดเฟสก็กระไรอยู่ กลัวรับไม่ได้…

“เฮ้อออ น่าเบื่อเป็นบ้าเลย…ไอ้พาสต้าไอ้เพื่อนบ้าไหนบอกว่าจะมาหาว่ะ กูงอนมึงแล้วนะ!”ผมหยิบโทรศัพท์ที่ตอนนี้เป็นภาพหน้าจอของผมกับมัน..เพราะอะไรนะหรอทำไมผมถึงใส่รูปผมกับมัน เพราะผมอยากใส่ไง!!55555(ไรท์ : รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้นายเอกแม่งมีกวน) ผมลบรูปที่ผมเคยถ่ายกับเค้า?ทิ้งหมดแล้วและไม่รู้จะใส่รูปใครเลยเอารูปที่ผมเพิ่งถ่ายกับมันนี่แหละใส่แม่งเลย!!

“เฮ้อออ น่าเบื่อ!!”

-เดฟ-


“ปล่อยกู!!ไอ้เชี้ยกูบอกให้ปล่อยไง!!”

“หยุดดิ้นได้ไหมว่ะ!หนักโว้ยย!!”รำคาญเสียงมันจริงๆเลยครับ แม่งแรงเยอะยังกะควาย ไอ้ผมนี่ก็จะหมดแรงแล้ว กว่าที่จะลากมันออกมาจากรงเรียนได้ก็แทบสลบคา…ตีนมัน!!

“มึงก็ปล่อยกูดิว่ะ เชี้ยเอ้ย!”มันทุบตีที่แผ่นหลังผม พวกคุณคงสงสัยใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวผมจะบอกให้ คือตอนนี้ผมแบกมันขึ้นบ่ามา ก็เพราะมันไม่ยอมผมอ่ะดิ พูดถึงแล้วแค้น คุณรู้ไหมว่ามันทำอะไรกับผมหลังจากที่ผมลากมันมาจากโรงเรียน มันเอ่อ…ถีบที่น้องชายของผม เล่นเอาจุกเลย!!แต่มีหรือที่ผมจะยอมให้มันทำฟรีๆแบบนี้มันต้อง…ลงโทษ!!! หึหึหึ
อ่า..ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนดีกว่า เผื่อว่าทุกคนจะไม่รู้จักผม ประวัติผมมีไม่มาก แต่ถ้าน้ำในตัวนี้เหลือล้น555 (หื่นตลอด)ผมชื่อ “เดฟ” รูปหล่อ พ่อรวย หญิงเยอะ ชายก็เยอะ อันนี้ผมพูดจริง ผมเอาได้ทั้งชายทั้งหญิง!! ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ม.6แล้วครับ อีกเดี๋ยวก็เข้ามหาลัยแล้ว และอีกไม่นานผมก็จะได้เมียแล้ว… (ไรท์ : รอยยิ้มแกชั่วร้ายมาก ฉันกลัว!T^T) ก็ไอ้คนที่มันอยู่บนบ่าผมไงครับ หึหึ จะล่อแม่งลุกไม่ขึ้นเลย ซ่าดีนักนะมึง!! เก่งให้ได้ตลอดแล้วกัน

“เชี้ย!เอ้ยกูบอกให้ปล่อยไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องไงว่ะหรือต้องให้พูดภาษาควาย!!!”มันยังคงดิ้นและทำร้ายผมอยู่

“โอ๊ย!!กัดหูกูทำไม!!”ดูมันครับทุบตีผมไม่พอยังกัดหูผม ขาดไหมเนี้ย!!

“กูบอกให้มึงปล่อยกูหูหนวกไงว่ะ!!”มันตะคอกใส่หูผม

“กูจะปล่อยมึงก็ต่อเมื่อมึงอยู่ใต้ร่างกูเท่านั้น!”ผมตอบมันเสียงแข็งพร้อมกับสาวเท้าไปขึ้นลิฟท์ ที่นี่เป็นคอนโดของผมเองครับ

“ไอ้สัส!ไอ้ชั่ว!ไอ้เลว!ไอ้เหี้ย!ปล่อยกู!!”

“ไม่โว้ยย!!”กูเริ่มเอื่อมกับมึงแล้วนะไอ้เด็กเวร!! อย่าให้ถึงห้องนะมึงจะเล่นไม่เลี้ยงเลย!!

ตุบ ตุบ แปะ !!

 “อ๊ากกก!!นิ่งๆๆได้ไหมมึง!!”

“อั๊ก!”ผมปล่อยมันลงในที่สุด ก็มันไม่นิ่งอ่ะ แต่ไม่เป็นไรเพราะเราสองคนยังอยู่ในลิฟท์มันไม่มีทางหนีผมไปได้หรอก!!

“ไอ้เชี้ย!จะปล่อยไม่บอกกูก่อน ห่าเอ้ย!”ดูมันครับ บอกให้ปล่อยผมก็ปล่อยแล้วมันจะเอาอะไรอีก ไอ้เด็กไม่มีความคิด!!!

“เดี๋ยวกูล่อแม่งตรงนี้เลยสัส!ปากดีนักนะมึง!”ผมส่งสายตาคาดโทษมันพรางลูบที่หูตัวเองที่มันกัดเต็มๆจนผมต้องปล่อยมันเพราะทนไม่ไหว!!

“ไอ้เชี้ย!กูจะฆ่ามึง!”มันลุกมาแล้วตรงมาทางผมพร้อมกับง้างหมัดขึ้น! แต่บังเอิญว่าผมมันไม่กระจอกซะด้วยสิ พอมันคิดที่จะปล่อยหมัดใส่ผมผมก็จับข้อมือมันไว้ก่อนที่จะถึงหน้าผม

“อย่างมึง!!ทำอะไรกูไม่ได้หรอกไอ้เด็กน้อย!”ผมแสยะยิ้มใส่มัน

“เด็กน้อยพ่องง”

“เด็กไม่เด็กเดี๋ยวกูก็รู้เองแหละ”

ตึ่ง!เสียงสัญญาณลิฟท์ดังขึ้นบ่งบอกว่าถึงที่หมายแล้ว

“เตรียมตัวเตรียมใจได้เลยไอ้เด็กน้อย กูจะกระแทกมึงไม่ยั้งเลย หึ!”

“ไอ้สาสสสส!!”ผมลากมันออกมาจากลิฟท์ มันก็พยายามดิ้นๆๆทั้งๆที่มันก็สู้แรงผมไม่ได้หรอก ก็ดูสิครับ ตัวมันเล็กกว่าผมเยอะเลย ผมสูง185 แต่มันน่าจะประมาณ 173-174มั้งน่าจะได้ ผมลากมันมาจนหยุดอยู่ที่ห้องของผมเอง เอาคีย์การ์ดแนบกับประตูแปบเดียวประตูสวรรค์ก็เปิดออก เสร็จกูละมึง ผมไม่รอช้าลากแม่งเข้าห้องนอนเลย

“เชี้ย!ปล่อยกูเลย มึงคิดจะทำอะไร”แหม่..ทีเรื่องนี้มึงไร้เดียงสานะ

“ก็อย่างที่กูบอกมึงตอนแรกๆนั้นแหละ กูจะเอามึง”

“ไม่ให้เอาโว้ย!”นั่งไงมันโวยวายอีกแล้ว

“คิดจะหนีกูรอดหรอเด็กน้อย…”ผมยิ้มเย็นใส่มัน มันดูจะผงะเล็กน้อยก่อนที่จะปรับหน้าตาให้เป็นเหมือนเดิม

“มึงนี่มันเลวเหมือนกับเพื่อนมึงเลยนะ”แล้วยังไง ถ้าผมกับไอ้อัลไม่เลวพอๆกันคงคบกันไม่ได้หรอก จริงม่ะ?

“หึ!แล้วมึงอยากรู้หรือป่าวล่ะ ว่ากูเลวได้ยิ่งกว่าที่มึงคิดเยอะ!”พูดจบผมก็เหวี่ยงมันลงไปที่เตียงนอนคิงไซต์ของผมทันที กูจะล่อจนมึงไม่กล้าปากดีเลย ผมจัดการขึ้นคร่อมไอ้เด็กน้อยนี้ทันที มันนี่ก็ดิ้นจัง

“ออกไปจากตัวกูเลยนะสัส!ออกไป!!”

“ในเมื่อกูอยากได้กูก็ต้องได้ว่ะ โทษที!!”ผมยึดมือทั้งสองข้างของมันไปมัดไว้กับหัวเตียง

“เชี้ย!ปล่อยโว๊ยยย!”มึงนี่ก็แรงเยอะจริงเว้ย

“หุบปาก!!แล้วเก็บเสียงมึงไว้ครางเหอะไอ้หนู!! หึหึ”

“ไอ้เชี้ย ไอ้ห่า ไอ้ หะ…”แหกปากอยู่ได้ผมจึงจัดการปิดปากมันด้วยปากของผมนี่แหละ ผมบดจูบกับริมฝีปากมันอย่างรุนแรงและป่าเถื่อน ผมยอมรับนะ ผมมันเป็นพวกซาดิส  ชอบใช้ความรุนแรง แต่กับมันผมจะเบาๆให้หน่อยแล้วกันสงสารเด็ก…

“โอ๊ย!!”มันกัดปากผมครับ ไอ้เด็กเวร มึงอย่าอยู่เลย!! ผมชกเข้าที่หน้าของมันทำให้ปากมันแตกเห็นเลือดไหลซึมออกมาด้วยครับ แต่ผมไม่แคร์หรอก ดูมันสิกัดปากผมมาได้ อุสาว่าจะไม่รุนแรงแล้วนะ!!
ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวก็นอนให้กูเอานิ่งๆเข้าใจไหม”ผมบีบที่แก้มของมัน มันบ่นอะไรไม่รู้อู้อี้อู้อี่

“อ่อย อู อะ ไอ เอี้ย!”

“หึ!อย่าหวังเหอะมึง!”ผมก้มลงไปจูบมันอีกรอบ มันเม้มปากไม่ให้ผมได้เข้าไปสอดส่องโพรงปากของมัน ทำให้ผมต้องกัดปากมันให้เผยอออก

“อ่ะ!”มันเปิดปากแล้ว ผมจึงสอดลิ้นของผมเข้าไปสำรวจโพรงปากของมันและไล่ต้อนลิ้นของมันที่หดหนี แต่หนีไม่พ้นหรอก ผมตวัดลิ้นดูดกับลิ้นเล็กของมันอย่างช่ำชอง หวานชิบ ผมค่อยๆเลื่อนมือมาที่เสื้อของมันและปลดกระดุมออกโดยที่ปากของผมยังติดอยู่กับปากของมัน

“อื้มมม”หึ!มันคงเริ่มมีอารมณ์กับผมแล้วล่ะครับ ผมลูบไล้ไปตามผิวกายของมัน ก่อนที่ผมจะถอดเสื้อมันออก และก็ลูบลงมาที่กลางลำตัว ผมเห็นมันเริ่มพองๆแล้วล่ะ เสร็จกูล่ะ!
ผมจูบมันเพียงแผ่วเบาก่อนจะเลื่อนหน้าลงมาซุกไซร้ตามลำคอขาวของมัน ดูด เม้มจนมันเกิดเป็นรอยแดง ผมเงยหน้ามองมันก็เห็นตามันปรือมองผมอย่างยั่วยวน โอ๊ย!!กูไม่ไหวแล้ว ผมจัดการถอดผ้าตัวเองออกจนหมดและไม่ลืมที่จะถอดกางเกงมันเหมือนกัน ตอนนี้เราทั้งคู่เปลื่อยเปล่า ผมไม่ไหวแล้วครับ แม่งยั่วกูสัส!ผมก้มลงไปดูดเม้มยอดอกของมันและเลียวนจนเกิดเสียงครางหวานออกมาจากปากมัน

“อื้อออ อ๊า”อารมณ์พุ่งเลยเว้ยที่นี่

“ของจริงกำลังจะเกิดต่อจากนี้เตรียมใจไว้รอนะมึง”ผมกระซิบบอกมันเสียงพร่าก่อนที่จะจับมันพลิกคว่ำ

“อ่ะ!”มันดูจะตกใจเล็กน้อย ผมจับสะโพกของมันยกขึ้นระดับที่ผมสามารถเอามันได้ ผมเอื้อมมือไปหยิบเจลล่อลื่นมาเปิดออกและแต้มเข้าไปยังช่องทางรักสีสวยนั้น ผมสอดนิ้วเข้าไปก่อนหนึ่งนิ้ว

“อ่ะ!กูเจ็บ ไอ้เหี้ย”มันถดสะโพกหนีแต่ผมก็รั้งมันกลับมาที่เดิมก่อนจะสอดนิ้วที่สองเข้าไปเพิ่ม

“แม่งตอดรับกูดีจัง นี่แค่นิ้วนะมึง!!”ผมขยับนิ้วชักเข้าชักออก

“อ๊า อะ ไอ้เหี้ย! ยะ หยุด เว้ย!”มันด่าผมแต่ก็ยังมีเสียงครางออกมา ตอนนี้ใครหยุดก็โง่แล้ว ผมสอดนิ้วที่สามเข้าไปชักเข้าชักออกจนมันเกิดเป็นรูกว้างขนาดใหญ่พอดีกับของของผมจะสามารถสอดเข้าไปได้

“สวบ!”

“อ๊ะ อ๊ากไอ้เหี้ยเอาออกไปเลยนะ!”เห้ยๆๆมันยังเข้าไม่สุดเลย ไอ้นี่ก็ร้องแม่งนะ กูเข้าได้ยังไม่ถึงครึ่งลำเลยสัส

“มะ มึงอย่าตอดกูดิว่ะ กูเข้ายังไม่สุดเลยสัส!มันจะแตกแล้วเว้ย!”ผมที่เข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งก็เหมือนจะแตกก็แม่งตอดกูดีซะ!

“อ๊ะ!ไอ้ สะ สัส อื้ออ”ในที่สุดผมก็เข้ามาจนสุดครับ หึหึหึ เล่นกับใครไม่เล่นเล่นกับกูเด็กน้อย!! ผมค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆเนิบๆก่อน

“อ๊า อ่ะ อื้ออ”มันครางออกมายิ่งทำให้ผมชอบใจใหญ่ ผมเลยจัดการส่งแรงกระแทกไม่ยั้ง

“อ๊า ซี๊ดด อ่ะ อ่ะ”ผมครางออกมาอย่างแสนสุขสม!เชี้ยเอ้ย  แม่งรู้สึกดีเป็นบ้าเลย ผมกระแทกเข้าๆออกๆ ตัวมันเองก็สั่นตามแรงที่ผมส่งไปให้

“อ๊า ซี๊ดดด”เสียงครางของเราทั้งคู่ดังระงมในห้อง ดีหน่อยที่คอนโดผมมันเก็บเสียงได้ดี นี่ถ้าเก็บไม่ได้คงมีคนเอาขรุถังกระมั้งมาปาใส่แล้วล่ะครับ


“อ๊ะ อ่ะ อ๊า”
พรั่บๆๆเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไม่ขาดสายผมเองก็ไม่หยุดที่จะกระแทกมันเน้นๆย้ำๆเมื่อรู้จุดที่ทำให้มันเสียวสะท้านไปทั้งกาย

“อ๊า ซี๊ดด มึงแม่ง สะ สุดยอดเลย”ผมซูดปากอย่างถูกใจที่มันกระแทกสะโพกตัวเองลงมาโดยไม่รู้ตัว ผมเข้าใจนะมันก็คนเหมือนกันถึงจะไม่สมยอมเท่าไรแต่เวลาแบบนี้ใครแม่งจะอดใจไว้

“อะ อ๊า มะ ไม่ไหว แล้ว อ๊า”เชี้ย!มันปล่อยก่อนผมอ่า แบบนี้ผมไม่ยอม

“ไปไม่คอยกูเลยนะมึง!”ผมกัดฟันพูดกับมัน จากนั้นก็กระแทกไม่ยั้ง จนในที่สุดผมก็ปล่อยในตัวมัน

“อ๊า อ๊า”ผมเชิดหน้าขึ้นยกสะโพกมันนิดหน่อยแล้วปล่อยออกมาเต็มที่ หลังจากนั้นผมก็ล้มลงไปทับร่างที่อยู่ข้างล่างผมโดยที่ผมยังไม่ถอดน้องชายของผมออกจากตัวมันนะ เสียงหอบหายใจของคนด้านล่างทำให้ผมยกยิ้มขึ้นมา ไอ้นี้แม่งก็น่ารักนะ ผมชักจะชอบมันซะแล้วล่ะ ผมซุกหน้าลงที่ซอกคอของมันสูดดมกลิ่นหอมจากตัวมัน

“ตัวมึงแม่งหอมว่ะ”

ฟอดด ฟอดด

เอาไปสักสองฟอดใหญ่ๆเลยมึง แม่งน่ารักชิบหาย  โอ๊ะ!มันมาอีกแล้วครับท่าน ผมรู้สึกว่ามันเริ่มพองตัวอีกแล้ว ผมจึงเอื้อมมือไปแกะเชือกที่มัดไอ้เด็กน้อยไว้ให้มันเป็นอิสระก่อนที่จะจับมันหันมาหาผมแล้วจูบมันลงไปที่ริมฝีปากซีดนั้นแผ่วเบาก่อนผละออก

“ออนท็อป ทำเป็นป่ะ ทำให้กูหน่อยดิ”ผมกระซิบบอกมันเสียงแหบพร่าก่อนที่จะพลิกจากบนลงล่างให้มันขึ้นมาอยู่บนแทน

“ไอ้ ชะ”กูรู้ว่ามึงจะด่ากูสัส ผมเลยจัดการดึงมันให้มาจูบกับผมซะ ปิดปากหมาๆของมัน

“มึงจะทำไหม ถ้าไม่มึง…”

“เชี้ย!!”มันสบทออกมาซะดังเลย เชี้ยเต็มหน้าผมเลยครับ

“เร็ว!”ผมเร่งมัน มันกัดฟันมองผมอย่างแค้นเคืองแต่ก็ยอมทำตามที่ผมบอก

“อ๊า ซี๊ด ดีมาก แบบนั้นแหละ”ผมจับเอวคอดของมันแน่นมันเองก็กำลังทำตามที่ผมบอกเป็นอย่างดีเลย

“หะ เหี้ย อ๊ะ ถ้ากู มะ ไม่ มะมีอารมณ์กูไม่ทำหรอก สัส!”ฮ่าๆๆดีแล้วล่ะที่มึงมีอารมณ์ ถ้ามึงไม่มีนี่กูคงจะอดใช่ไหม ผมจึงจัดการกระแทกสวนแม่ง เล่นครางซะกูตกใจเลย

“อะ อ๊ะ อะ ไอเหี้ย!”ด่ากูว่าเหี้ยอีกแล้วนะมึง!!ผมว่าถ้าผมคอยมันผมคงไม่เสร็จแน่!!ผมจับมันพลิกให้มาอยู่ด้านล่างเหมือนเคย ก่อนที่จะกระแทกไม่ยั้ง เพราะตอนนี้แม่งอยากปล่อยน้ำครับ

“อ๊ะ อ๊า อ่ะ”ครางอีกครางอีก ผมได้แต่มองใบหน้าที่หวานแต่ก็ไม่มากที่ตอนนี้กัดปากล่างตัวเอง โอ๊ยอารมณ์กูไปหมดแล้ว ไม่ไหวๆๆ

“พะ พาสต้า”ผมเอ่ยเสียงแหบ

“อื้มมมม”โอ๊ยย!!ยั่วกูสัส!

“เรียกชื่อกู เร็วเรียกชื่อกู!”ผมบอกให้มันเรียกชื่อผม

“มะ ไม่ อ๊ะ”มึงจะดื้ออะไรตอนนี้

“เรียก!!”ผมสั่งมันที่ตอนนี้รู้สึกว่ามันกำลังจะปลดปล่อยแล้ว แต่…ผมกลับหยุด ทำให้มันรู้สึกปวดหนึบต้องการปลดปล่อย

“เร็ว!”ผมเร่งมันอีกครั้ง

“อะ เออ ดะ เดฟ ช่วยกูหน่อย”

“หึ”แค่นี้ก็สิ้นเรื่องหลังจากที่มันเรียกชื่อผมตามที่บอกผมก็จัดการช่วยเหลือมันแบบถึงใจอีกครั้ง

“อ๊ะ อ่ะ อ๊า”ในที่สุดมันก็ปล่อยออกมา ผมจึงกระแทกเข้าออกสองสามครั้งก้ปล่อยออกมาอีกรอบ

“สุดยอดเลยว่ะ!”หลังจากที่ปล่อยออกมาหมดผมก็ล้มตัวลงบนที่นอนข้างๆมัน มันหอบหายใจเอาอากาศเข้าแทบไม่ทัน ก่อนที่มันจะหลับไปเพราะความเพลีย

“เชี้ย!หลับเร็วไปป่ะว่ะ กูกะว่าจะต่อสักรอยสองรอบ เฮ้ออ”ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่จะหยิบผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดร่างกายมันให้จะได้สบายตัว ผมมองดูร่างกายมันที่เต็มไปด้วยรอยรักที่ผมฝากไว้เต็มไปหมด ยกยิ้มพอใจ ผมดึงผ้าห่มมาห่มตัวให้มันจะได้ไม่หนาวแล้วก็ล้มตัวนอนข้างๆกอดมันไว้แน่น

“ตอนนี้มึงเป็นของกูแล้วนะเด็กน้อย”ผมหอมแก้มมันเบาๆเอาหัวเกยไว้ที่ไหล่มันแล้วก็หลับไปเพราะความเพลียจากกิจกรรมที่ทำ เสียพลังงานไปเยอะเลยแหะ !!



-พาสต้า-


จุ๊บ จุ๊บ จุ้บ จุ๊บ!
โวยไรว่ะ ผมยกมือดันสิ่งที่มันกวนอารมณ์ในการพักผ่อนของผมชิบหายเลยครับ

“โว๊ย!กูรำคาญเว้ย!”ผมเลยยกสองมือผลักไอ้ตัวประหลาดที่ยุ่งอยู่กับหน้าผมให้ออกไป

“เชี้ย!”

พรึ่บ!

“โอ๊ยยยย!!”ผมร้องออกมาลั่นเมื่อรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลัง ผมลุกเร็วไปหน่อยเพราะผมฝันร้าย!เมื่อกี้มีตัวอะไรไม่รู้มายุ่งกับผมพอผมผลักมันออก ผมก้ได้ยินเสียงมันพูดว่าเหี้ย! เอ่ะ ! เชี้ย! เออ เชี้ย! ผมตกใจมาก ทำให้ผมลุกพรึ่บเร็วไปหน่อย

“ไอ้เด็กเห้ย!มึงผลักกูทำไม” เอ่ะ!เสียงใคร มันเหมือนเสียงตัวประหลาดในฝันผมเลย ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอ…จนมันลุกพุ่งเข้ามาหาผมถึงรู้ว่ามันเป็นใคร

“เฮ้ย!!”ตกใจหมดไอ้เหี้ย มันมองผมตาขวาง ทำให้ผมอดที่จะถามมันไม่ได้

“มะ มึงเป็นไร”จะสั่นห่าพ่อมึงไงเหี้ยเอ้ย!ดูมันสิ ทำหน้าซะดุเลย

“ถามได้นะมึง!มึงผลักกูจนตกเตียงเนี้ย!!”

“แล้วกูไปผลักมึงได้ยังไงในเมื่อกูนอนอยู่”ผมถามมันพรางหรี่ตาจับผิด มันทำหน้าเลิกลักก่อนที่จะปรับให้มันเป็นเหมือนเดิม

“ก็แค่จะจูบเมียตอนเช้าผิดตรงไหนว่ะ!” ห่ะ! จะ จูบ หรอ สัสเอ้ย!นี่ขนาดกูหลับแม่งยังจะกล้าลักหลับกูอีกนะมึงไอ้ฟายย!!!!

พลั่ก! อั๊ก!

“โอ๊ยยยย!ไอ้เด็กเวรมึงถีบกูทำไมอีกเนี้ย!!”ฮ่าๆๆก็อย่างที่ได้ยินนะครับ ผมเป็นถีบมันเองมีอย่างที่ไหนมาลักหลับลูกชาวบ้านเค้า อีกอย่างผมไม่ยอมหรอก!!!

“มึงทำระยำกับกูนิ”ผมตอบหน้าตาย มันนี่ลุกขึ้นจับสะโพกตัวเองแล้วเดินมานั่งที่เตียงอีกครั้ง

“ผิดตรงไหนว่ะ กูจะจูบเมียตัวเองเนี้ยต้องขออนุญาตก่อนหรือไง ตอนแรกที่กูตื่นมากะว่าจะซั่มมึงอีกรอบแล้วก็ได้!”โอ้…ความคิดมึง!!!มันน่าถีบอีกรอบดีไหมนะ

“สัส!เอ้ยไปไกลๆให้พ้นหน้ากูไป!!”ผมบอกมัน มันเลิกคิ้วทำเป็นสงสัย “มองไร”

“ป๊าวว!!มึงบอกให้กูไปไกลๆได้ไง ในเมื่อนี้ห้องกู”เอิ่มม..กูลืม สัสเอ้ย!

“เออกูลืม”ผมทำท่าจะลุกแต่มันกลับรั้งไว้!!ผมมองหน้ามันอย่างสงสัย

“มึงจะไปไหน”มันถาม

“กูก็จะกลับบ้านกูไง ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่บ้านกู”ผมทำท่าจะลุกอีกครั้ง

“กูไม่ให้กลับ!!!”เอ้าไอ้นี่ !! จะเอาอะไรกับกูอีกว่ะ

“กูจะกลับโว๊ยยย!ชีวิตกู กูจะทำอะไรก็ได้ เข้าใจ๋?”ผมบอกกับมันแล้วลุกพรวด โอ๊ย!กูลืมว่ากูเจ็บสะโพกอยู่ลุกเร็วไม่ได้ทำให้ต้องกลับมานั่งลงที่เดิม

“ปากเก่งนักนะมึง!เดี๋ยวกูไปส่งก็ได้ แต่งตัวด้วย เห็นแล้วกูอยาก!!”เออ รีบๆๆออกไปเลย เหม็นขี้หน้ามึงว่ะ พอมันเดินออกไปนอกห้องผมก็หยิบเสื้อผ้าที่อยู่ล่างเตียงเดินตรงไปยังห้องน้ำ…แต่งตัวเสร็จก็เดินออกไปหามันข้างนอก ดูมันทำหน้าเข้า สงสัยแม่งขี้ไม่ออกมั้งครับ!

“ถ้ามึงไม่เต็มใจไปส่งกูก็ไม่ต้องก็ได้กูกลับเองได้”ผมบอกมันไปไอ้เราไม่ได้อยากให้ไปส่งอยู่แล้ว

“ใครว่ากูไม่เต็มใจ!!!”แล้วมึงจะตะโกนทำห่าไรว่ะ

“แล้วมึงจะตะโกนทำไมว่ะ!”ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ ไอ้นี่แม่ง!!

“ก็มึงขัดใจกู!!”

“ขัดใจเชี้ยไรมึง! ห่ะ! กูจะทำไรก็เรื่องของกูนะเว้ย”

“แต่กูเป็นผัวมึงนะ!”

“เหี้ยเหอะมึง!ได้กูแค่ครั้งเดียวอย่ามาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกู สัส!”

“ไอ้พาสต้า!!!”โว๊ยยยจะเรียกชื่อห่าไรว่ะ แม่ง!!!

“เออ!!”

“กูพูดจริงนะ!!”

“พูดเรื่อง?”ผมเลิกคิ้วถามมันอย่างกวนๆ มันงี้หน้าหงิกเลย

“กูจริงจังด้วย กูเป็นผัวมึง เข้าใจ”

“เฮ้ออ ไอ้เดฟมึงฝันอยู่หรือป่าวว่ะ! กูว่ามึงตื่นจากฝันเหอะว่ะ”ผมถอนหายใจมองหน้ามัน ยิ่งผมพูดแบบนี้ยิ่งหน้าหงิกเข้าไปใหญ่ อะไรว่ะ มึงจะมาจริงจังกับคนอย่างกูเนี้ยนะ ปัญญาอ่อน ผมได้เพียงคิดในใจ

“กูจริงจังนะเว้ย!”

“มึงอย่ามาปัญญาอ่อนได้ไหมไอ้เดฟ แค่มึงเอากับกูครั้งเดียวนี่มึงคิดไปไกลเลยหรอว่ะ ทีมึงไปเอาคนอื่นทุกวันแม่งไม่คิดว่ะ”ผมถามมันออกไปตรงๆ

“ก็มึงเอาแล้วรู้สึกดึกว่าคนอื่นนิ”ดูมันครับทำหน้าหื่นใส่อีกไอ้เวร

“ปัญญาอ่อนสัส!”

“มึงด่ากูทำไม กูผัวมึงนะ”น้านน มีงอนครับมีงอน (ไรท์ : สรุปใครรับใครรุกว่ะ?กูงง? -_-^)

“เฮ้ออ มึงไม่เคยจริงจังกับใครหรอก!กูรู้…”

“แต่กับมึงไม่ใช่!!!”รู้สึกว่ามันจะพูดไม่รู้เรื่องนะ

“กูว่ากูคงไม่ได้กลับบ้านแล้วแหละ เพราะมัวยืนเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องกับมึงเนี้ย!”ผมบอกมันอย่างเอือมระอายิ่งนัก

“ก็ไม่ต้องกลับ!!”เออ เอาเข้าไป ยิ่งคุยยิ่งไม่รู้เรื่อง

“แต่ กู จะ กลับ !”ผมเน้นทุกคำที่พูดออกมา มันเบะปากใส่ก่อนที่จะเดินนำออกไป เฮ้ออ ไรว่ะ ได้กูครั้งเดียวนี่มึงจริงจังกับกูขนาดนั้นเลยหรือไง!!กูเริ่มจะเครียดซะแล้วซิ!!!




หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่4 เหตุก่อนจาก…
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 08-05-2016 20:45:03
-โยชิ-

“หาวววว วู้!”ผมหาวนอนหวอดๆ เฮ้ออ ก็เมื่อคืนผมนอนดึกนิ ผมเดินออกไปยืนอยู่นอกระเบียง แสงแดดอ่อนๆทำให้ผมรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่สดใสที่สุด^^

“รู้สึกดีจัง”ผมยิ้มรับกับเช้าวันใหม่พร้อมกับเอาแขนไปพาดไว้ริมระเบียงมองบรรยากาศรอบบ้านไปเรื่อยๆแต่แล้วสายตาผมก็ไปเจอะกับ…พาสต้า!! แล้วนั่นรถใครว่ะ?ผมมองภาพตรงหน้าอยู่ที่ริมระเบียงห้องของตัวเองด้วยความสงสัย มันเพิ่งกลับบ้านหรอ? ผมคิดแค่นั้นก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้องจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ไปหามัน เพระเมื่อวานไปหาแม่งเสือกไม่อยู่บ้านซะงั้น และผมเองมีเรื่องสำคัญจะบอกกับมันด้วย


“ปิงป่อง ปิงป่อง”ผมกดกริ่งอยู่หน้าบ้านไอ้พาสครับ คุณน้าเดินมาเปิดประตูให้ผมพร้อมกับยิ้มให้

“มาหาพาสต้าใช่ไหมลูก”

“ครับคุณน้า”ผมยิ้มตอบกลับไป

“พาสต้าอยู่บนห้องจ้ะ เชิญจ้ะ”

“ครับ”
ผมเดินตามหลังคุณน้าเข้าไปแล้วก็ตรงไปยังห้องของพาสต้าที่อยู่ชั้นสองของบ้าน เคาะประตูพอเป็นพิธีหน่อยแหละกัน

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก แอ๊ดดด”ผมเคาะแล้วครับ ก่อนที่จะเปิดเข้าไปในห้องมันก่อนที่จะปิดประตูลง ผมเดินเข้าไปหามันที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง

“พาสต้า..”ไร้เสียงตอบรับ ผมจึงนั่งลงข้างๆมันก่อนที่จะก้มหน้าลงไปกระซิบข้างๆหูมัน

“พาส…พาสต้า”ยังคงนอนนิ่ง

“พาสต้า!!!”ที่นี่ล่ะถ้าไม่ตื่นให้มันรู้ไป ก้ผมเล่นตะโกนใส่หูมันเต็มๆนี่ครับ

“โว๊ยยย!จะตะโกนหาพ่อมึงไง”ไอ้นี่เล่นพ่อก่อนที่มันจะลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าผม

“อะไร!!!”ดูมันครับ พอโดนปลุกนี้ก็โหดจัง

“ป่าว..”เสียงอ่อนเลยกู ผมก้มหน้าไม่กล้าสบสายตามันที่มองจ้องอย่างคาดโทษ

“แล้วปลุกเพื่อ?กูจะนอน!”

“อย่าเพิ่งนอนดิมึง!”ผมฉุดมันที่กำลังล้มตัวนอนให้กลับมานั่งอีกครั้ง

“ไรของมึงอีกว่ะ!!”

“ทำไมมึงถึงเพิ่งกลับบ้าน”ผมถามมัน

“ถามไม”ยังมีหน้ามาถามอีกนะมึง ก็มึงบอกว่าจะไปหากูอ่ะ

“ก็เมื่อวานมึงบอกว่าจะไปหากูที่บ้านอ่ะ แต่มึงไม่ไป”ผมจ้องหน้ามันที่ตอนนี้ปรับมาเป็นปกติแล้วหลังจากที่มันทำหน้าหงุดหงิดตะกี้

“อ่อเออโทษกูลืม”

“อ่อ งั้นหรอ”ผมตอบกลับมันเสียงอ่อน “งั้นกูไม่กวนมึงแล้วนอนต่อเถอะ”ผมบอกกับมันก่อนที่จะลุกออกจากเตียงเตรียมจะออกไป แต่มันกลับรั้งไว้ก่อน

“นี่มึงงอนกูหรอ”เออ!สัส!แม่งบอกจะมาหากูไม่มา ไอ้เพื่อนเหี้ย!

“ป่าว!!วันนี้ที่กูมาหามึงกูแค่อยากบอกมึงว่า…มะรืนกูจะไปเมืองนอกนะ”ผมหักลับไปพูดกับมัน

“มะ เมืองนอกหรอ?”มันทำตาโตก่อนที่จะถาม

“อืม…กูมาบอกมึงแค่นี้นะ เชิญมึงนอนต่อไปเถอะ”ผมบอกมันเสร็จก็เดินออกมา รู้สึกว่ามันจะดูหงุดหงิดผมก็เลยไม่อยากกวนมัน เฮ้ออมีเพื่อนก็แม่งไม่เข้าใจกูเลย

“จะกลับแล้วหรอลูก”คุณน้าเดินออกมาจากห้องครัวทักขึ้น

“ครับ พอดีผมไม่อยากกวนเวลานอนของมันครับ ผมไปก่อนนะครับคุณน้า”ผมยิ้มแล้วยกมือไหว้ท่าน

“จ้ะ^^”


“แม่!!ไอ้โยล่ะ?”ผมเดินออกมาจากตัวบ้านของมันแต่ก็ไม่ไกลเท่าไรทำให้ได้ยินเสียงที่มันตะโกนถามแม่มัน

“เพิ่งออกไปเมื่อกี้”แม่มันบอก

“ไอ้โย!!!”มันตะโกนเรียกผมทำให้ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองมัน

“ว่า?”เมื่อมันมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมจึงถามมัน

“มึงพูดเรื่องจริงหรอที่มึงจะไปนอกอ่ะ”

“เออ!!”

“แล้วมึงไม่เรียนหรอ?”

“เรียนดิ แต่กูให้ป๊าทำเรื่องย้ายแล้ว กูทนเรียนที่นี่ไม่ไหวหรอกว่ะมันเกินไปจริงๆกูไม่มีหน้าไปเรียนแล้ว มึงเข้าใจกูป่ะ มะรืนก็ต้อง
เดินทางแล้ว กูเลยอยากมาบอกมึงแค่นี้แหละ”ผมมองหน้าผมนิ่งไม่ตอบกลับอะไรมาเลย

“ท ทำไมมึงต้องไปด้วยว่ะ”มันตอบเสียงสั่นเป็นไรของมันว่ะเนี้ย

“กูบอกมึงไปแล้ว มึงก็รู้สาเหตุนิ กูไม่น่าด้านพอไปเรียนให้คนอื่นเค้าด่าว่ากูหรอก กูมีความรู้สึก”ผมจับมือมันมาจับไว้

“มึงจะทิ้งให้กูอยู่ที่นี่คนเดียวหรอว่ะ”

“กูไม่ได้ทิ้งมึงสักหน่อย ยังไงซะกูก็จะติดต่อมึงอยู่แล้ว”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่หรอกเว้ย!พาสต้างั้นวันนี้เราไปเลี้ยงกันดีกว่าก่อนที่กูจะเดินทาง เคป่ะ”ผมบอกมัน มันจึงพยักหน้า ผมเลยยิ้มได้

“อืม!งั้นวันนี้สามทุ่มเจอกันหน้าบ้านนะ เดี๋ยววันนี้กูเลี้ยงเอง”ผมยิ้มให้มันก่อนที่จะเดินออกมา


สามทุ่ม!!
ผมอาบน้ำแต่งตัวลงมาจากชั้นสองของบ้าน

“จะไปไหนหรอลูก”ม๊าผมทักขึ้นเมื่อเห็นผมแต่งตัววะหล่อเลย คึคึ

“อ่อ ผมว่าจะไปเลี้ยงกันกะไอ้พาสหน่อยครับ”ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆม๊าแล้วกอดท่านไว้

“จ้ะ แล้วจะกลับดึกหรือป่าว”ม๊าลูบหัวผมแล้วถามกลับ

“ไม่รู้ครับ ผมไปแล้วนะครับ จุ๊บ”ผมหอมแก้มม๊าเบาๆแล้วก็เดินออกไปยังหน้าบ้านที่มีไอ้พาสต้ามันนำรถมาจอดรอรับอยู่แล้ว

“มาตรงเวลาเป๊ะๆเลยนะมึง”ผมทักมันที่ยืนพิงรถด้วยท่าทางเท่ๆ

“เออ!ไปยังกูอยากแดกเหล้า”เออครับไปก็ไป ผมเปิดประตูขึ้นรถไปกับมัน เราขับรถมาเรื่อยๆผมกับมันก็เงียบตลอดทางไม่รู้จะคุยไรกันดีจนมันขับรถมาถึงคลับแห่งหนึ่ง

ผมกับมันเดินเบียดเสียดกับคนในคลับมาจนถึงโต๊ะที่มีที่ว่างอยู่ เฮ้ออกว่าจะฝ่ามาได้นี่ก็เปลื้องตัวเป็นบ้าเลย ผมก็ไม่รู้ว่าใครนะ มันแอบจับแก้มผมด้วย ผมรู้สึก แต่ผมไม่รู้ว่าใคร บางคนก็เดินชนไหล่ผม เกือบปราสาทกินแน่ะ =[]=

“ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับ”พนักงานมารับออเดอร์ถามขึ้น

“เอ่อ…เอาไรดีว่ะ”ผมหันไปถามไอ้พาสที่ตอนนี้แม่งนั่งเหม่อครับ เป็นเชี้ยไรว่ะ

“อืม เอาไรก็ได้ขอแบบแรงๆ”มันหันไปตอบกับพนักงาน

“มึงเป็นไรว่ะ เห็นเหม่อๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

“ป่าวหรอก…”ป่าวเชี้ยไร!ตอบเปล่าแต่แม่งคิ้วผูกกันเป็นโบว์แล้วนั้น

“มึงแน่ใจนะ”

“อืม..วันนี้ถ้ากูเมาพากูกลับบ้านด้วยนะ”เห…วันนี้มาแปลกเว้ย ปกติมันจะเป็นคนลากผมกลับมากกว่าไม่ใช่หรอ แสดงว่ามันต้องมีเรื่องเครียดสินะ งั้นก็ต้อง…มอมเหล้าเอาความจริงดิ!

“เออ ดื่มให้เต็มที่วันนี้กูเลี้ยง”ผมยิ้มให้มัน มันพยักหน้า และพนักงานก็ยกเครื่องดื่มสีอำพันมาวางไว้ตรงหน้าพวกเรา จากนั้นเราสองคนก็พากันเริ่มดื่ม ผมจ้องมองบรรดาผีเสื้อราตรีกำลังวาดลวดลายเต้นอย่างสนุกสนาน แต่..ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าผมมันนี่แดกเหล้าอย่างเดียวครับไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย…

“มึงไม่เครียดจริงๆหรอว่ะเนี้ย!”ผมพึมพำกับตัวเองพรางยกเหล้าขึ้นมาจิบมองมันที่กระดกเอากระดกเอาอย่างกะดื่มน้ำเปล่า



-อัลฟา-



“เฮ้ยๆๆ”ผมเรียกเพื่อนตัวเองนั่นคือไอ้เดฟครับ ไม่รู้วันนี้มันเป็นไร มันโทรมาหาผมว่าจะพาผมมาแดกเหล้าแต่ดูเหมือนผมจะไม่ได้แดกเท่าไร ก็ดูมันดิพอผมจะยกแดกเสือกมาดึงออกไปกระดกเองซะงั้น!

“เชี้ย!ทำไมว่ะ!!ทำไมมันถึงไม่รักกูว่ะ ทำไม!!”เชี้ยไรของมันเนี้ย!พอเมาแล้วเพ้อเลยครับงานนี้ ผมมองมันที่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างกะน้ำเปล่า

“มะ มึง!!เชื่อไหม!”

“เชื่อเชี้ยไรของมึงว่ะสัส!”อะไรว่ะแม่งอยู่ๆก็มาบอกว่าเชื่อไม่เชื่อกูละเซ็งกับมึงจริงๆ

“กูเองก็ม่ายเข้าจายยย!!”มันตบที่อกตัวเองแล้วยื้อมือมาชี้หน้าผม “ทำไมคนอย่างกูต้องรู้สึก เอิ๊ก ดี กะ อึก ไอ้เด็กนั้นด้วย!”เด็ก?เด็กไหนว่ะ?

“เด็ก?ใครว่ะ?”ผมวางแก้วกระแทกกับโต๊ะจนเกิดเสียงดังก่อนที่จะเอ่ยออกมา

“ก็ อึก ไอ้ ดะ เด็กเวรนั้น พะ เพื่อนเมียมึงอ่ะ”มันตอบ

“ใครว่ะ?”ผมยังคงสงสัย

“ไอ้โง่!!!!ก็ไอ้พะ พาสต้า เพื่อนเด็กมึงไง!!!!”มันตะโกนตอบผม

“ห่ะ!!!!”ทำกูตาโตเท่าไข่หานเลยมึง นี่อย่าบอกนะว่ามันชอบไอ้เด็กเหี้ยนั่นอ่ะ

“มึงชอบมันหรอ”

“กูม่ายรู้ เอิ๊ก แค่กูเอากับมันแค่ครั้งเดียวทำไมกูถึงอยากจะครอบครองมันและอยากให้มันเป็นของกูคนเดียว”

“มึงยังสติดีอยู่หรือป่าวว่ะ?”ผมถามมัน ก็ปกติแม่งฝันไม่เลี้ยง แต่พอมาเจอไอ้เด็กเวรนั่นแล้วมันเป็นแบบนี้แสดงว่ามันก็จะเริ่มจริงจังกับใครสักคนแล้วสิ ผมมองเพื่อนตัวเองที่ยังคงกรอกเหล้าเข้าปาก นี่มันจริงจังกะเด็กนั่นจริงๆหรอ

อีกด้านหนึ่ง…

“สวัสดีครับ…”โยชิหันกลับไปมองผู้ชายสองคนที่ไม่รู้จักชื่อ

“ครับ?”โยชิเอ่ยถาม

“ผมสองคนขอนั่งด้วยคนได้ไหม”ผู้ชายอีกคนที่มาด้วยถามก่อนที่จะหันไปหาพาสต้า พาสต้าเงยหน้ามองเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้า

“อืม”

“ขอบคุณครับ ผมชื่อเอก ส่วนเพื่อนผมชื่อนัท”

“อ่อครับ”โยชิตอบอย่างขอไปที เพราะเค้าสังเกตเห็นสายตาเจ้าเลห์ของคนที่ชื่อนัทมองไปยังพาสต้าด้วยสายตาโลมเลีย ส่วนเอกเองก็จ้องใบหน้าหวานของโยชิอย่างไม่วางตาเช่นกัน

“ว่าแต่ชื่ออะไรกันหรอครับ”นัทหันไปถามพาสต้าที่ตอนนี้ตัวโงนเงนเพราะแอลกฮอล์ที่ดื่มเข้าไป

“พาสต้า”มันตอบเสียงเรียบ

“แล้วนายล่ะ”ไอ้คนที่ชื่อเอกหันมาถามผม

“โยชิ!”

“ชื่อน่ารักจังครับ^^ว่าแต่..น่ารักแบบนี้มีแฟนยังครับ”

“เอ่อ..มะ”

ผลั้ว!
เกิดเสียงบางสิ่งกระทบลงตรงหน้าไอ้คนที่ชื่อเอกอย่างจังนั้นคือ…หมัดหนักๆของอัลฟานั้นเอง

“ยุ่งไรกับเมียชาวบ้านเค้าว่ะ!!!”เสียงตะโกนของอัลฟาทำให้ดนตรีที่บรรเลงอยู่เงียบลง



-โยชิ-

ผลั้ว!

ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมมันได้ลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่พื้นคลับ ผมหันกลับไปมองคนที่ปล่อยหมัดใส่คนที่ชื่อเอกก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อประโยคที่หลุดออกมาจากปากเค้า

“ยุ่งไรกับเมียชาวบ้านเค้าว่ะ!!!”เสียงตะโกนของคนตรงหน้าทำให้เพลงที่เปิดอยู่ดับลง

“ส่วนมึง!!ไอ้เหี้ย!กล้าดียังงายมายุ่งกับเมียกู!!!”มีเสียงหนึ่งที่กำลังจะทำร้ายคนที่ชื่อนัทอยู่ดังขึ้น

“คะ ใครเมียมึงไอ้เหี้ย!เดฟ!”ไอ้พาสมันเริ่มโวยแล้วครับ!!เฮ้ย!อย่าบอกนะว่า…

“มึง!!หุบปากไปเลยไอ้พาสต้า!”มันหันมาชี้หน้าพาสต้าก่อนที่จะง้างหมัดชกเข้าไปเต็มๆหน้าไอ้คนชื่อนัทนั้น

“โอ๊ยย!!”ผมร้องลั่นเมื่อแขนผมถูกมือร่างสูงตรงหน้าบีบแน่น

“เด็กคนนี้เป็นของกู!!อย่ามายุ่ง…ส่วนมึงมากับกู!”จู่ๆมันก็ลากผมออกมาจากในคลับตรงไปยังที่จอดรถ!

“ปล่อยผมนะ!บอกให้ปล่อยไง จะพาผมไปไหน”หลังจากที่มาถึงรถเค้าก็ดันให้ผมขึ้นรถไปเลย

“ผมถามว่าจะพาผมไปไหน!!!”ผมตะคอกใส่ร่างสูงที่ประจำอยู่ที่นั่งคนขับ เค้าหันมามองผมเล็กน้อยแล้วก็กระชากตัวรถออกไปอย่างรวดเร็ว!!

“เฮ้ย!!”ผมตกใจมากไม่คิดว่าเค้าจะออกตัวแรงขนาดนี้ กูจะตายไหมเนี้ย ใจเย็นๆๆผมเอามือมาลูบที่อกข้างซ้ายของตัวเองแบบปลอบประโลมไม่ให้มันเตลิด

“หึ”เสียงที่ดังของคนที่นั่งอยู่ข้างกายผมดังขึ้น ขำมากไงว่ะ! 

“เน่!!!พี่จะพาผมไปไหน!! ห่ะ!!”ผมเริ่มโวยวายขึ้นมา

“หุบปากมึงไปเลย กล้ามากนะที่ไปอ่อยคนอื่นเค้านะ!”

“มันเรื่องของกู!!!”กูไม่สนแม่งแล้ว พี่เพงอะไรกุไม่เรียกแม่งแล้ว สัส!

“มึงนั่งนิ่งๆไปซะ!ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”มันหันมาส่งสายตาดุใส่ผม คิดว่ากูหรือไง เหอะ!

“มึงไม่ใช่พ่อกูไม่มีสิทธิมาสั่งกู!!!!”ผมตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด คนเหี้ยๆอย่างมันไม่สมควรได้คำเพราะๆจากผมอีกแล้ว

“นะ นี่มึงกล้าขึ้น…กูมึงกับกูหรอ!!!”เออ ทำไมว่ะ กูจะไม่ทนแล้ว แม่ง!!!

“ไอ้เหี้ย!!!ปล่อยกู!!!”ผมบอกอย่างเหลืออดแล้ว ตอนนี้กูไม่กลัวอะไรแล้วเว้ย

“มะ มึง!”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
เสียงล้อบดขยี้อยู่กับถนนทำให้เกิดเสียงดังลั่น!!หัวผมนี่ชนเข้าไปกับคอนโซนรถเต็มๆหัวจะแตกไหมอ่าT^T

“มึงกล้ามากนะที่ด่าว่ากูเหี้ย!”มันหันมาตวาดผมซะดังลั่นเลย

“แล้วมึงจะทำไม!คนเลวแบบมึงก็เหมาะกับคำเหี้ยๆแล้วนิ”ผมเองไม่ยอมแพ้โต้ตอบทันใด

“มึง!!”เค้ากัดฟันตัวเอง สายตาที่จ้องผมเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย หึ แล้วไง?

“ได้!!ถ้ามึงคิดว่ากูเลว กูก็จะเลวกับมึงให้ถึงที่สุด!!!”

“มะ หมายความว่าไง?”

“…………………”เค้าไม่ตอบผมกลับออกตัวรถไปด้วยความเร็ว ตอนนี้ผมรู้สึกหวั่นๆแล้วซิ ทำไงดี มันจะทำอะไรผมหรือป่าว มัยจะฆ่าผมไหม เฮ้ย!กูปราสาทจะแดกแล้วเนี้ย ผมได้แต่นั่งนิ่งคิดหาทางเอาตัวรอด กูจะทำยังไงดีว่ะเนี้ย จนรถจอดนิ่งสนิทผมถึงเงยหน้าขึ้นมามองสิ่งรอบข้าง ที่นี่ที่ไหน?

“ที่นี่ที่ไหน”ผมหันกลับไปถามมัน มันเพียงแค่แสยะยิ้มส่งมาให้ก่อนที่จะเดินลงจากรถแล้วเปิดประตูกระชากตัวผมให้เดินตามมันไป

“เชี้ย!ทำไรว่ะ”ผมรั้งตัวเองไม่ให้เดินตามมันไป ผมเริ่มรู้ถึงลางร้ายแล้วล่ะ

“ก็ทำอย่างในคลิปนั้นไง!”มันตอบเสียงเรียบ

“วะ ว่าไงนะ!”สตั้นไปสามวิ O.O

“หึ!”มันลากผมไปยังลิฟท์ก่อนที่จะกดไปยังชั้นที่มันต้องการ ผมได้แต่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของมัน

“ไอ้เหี้ย!มึงมัน!กูไม่น่าหลงคบกับมึงเลย!”

“เหรอ..ช่วยไม่ได้เองนะมึงเสือกโง่เอง!!”

“ปล่อยกู!!กูจะกลับบ้าน!!”ผมไม่ยอมหรอก แค่ตอนนั้นผมหลงไปกับคำพูดหลอกลวงของมันก็เกินพอแล้ว

“ฮ่ะๆๆตลกว่ะไอ้ตัวเล็ก”มันหัวเราะเยาะผมที่ผมไม่สามารถขัดขืนมันได้ โถ่เว้ย!เกิดมาตัวเล็กกว่ามันนิดเดียวเอง(หรอ)
พอประตูลิฟท์เปิดมันก็พาร่างอันบอบบางของผมไป

ปัง!
เสียงประตูที่มันเพิ่งเปิดและปิดด้วยแรงมหาศาล ผมสะดุ้งตกใจ!มองมันอย่างหวาดๆเพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันคิดจะทำอะไร ก็ในเมื่อที่นี่มีเตียงไงล่ะ!!!ผมก้าวถอยหลังหนีมัน มันเองก็ก้าวเข้ามาหาผมเรื่อยๆ

“ทำไมกลัวหรอ?ที่เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”มันแสยะยิ้ม

“ตะ ตอนนั้นกับตอนนี้ มะ มันไม่ใช่”ผมตอบมันกลับไปสั่นๆ

“หึ!ไม่เหมือนกันยังไงหรอ…”มันยังคงก้าวมาเรื่อยๆ

“กะ ก็.อื้อออออ”ผมที่มัวแต่ถอยหลังก็ลืมดูมันไม่รู้ว่ามันจู่โจมเข้าหาผมตอนไหนแต่ที่รู้ๆคือมันกำลังปิดปากผมไว้ด้วยปากของมัน

“โอ๊ย!ไอ้เหี้ย!”ผมกัดปากของมันทำให้มีเลือดไหลซึมออกมานิดๆ มันจ้องมองผมอย่างแค้นใจและที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่านั้นเมื่อมัน…

เพียะ!เพียะ!
ตบหน้าผมสองครั้งเลยครับ ผมเบิกตากว้าง ผมไม่คิดว่ามันจะกล้าทำผมถึงขนาดนี้ น้ำตาผมเริ่มคลอเบ้าอีกครั้ง

“มึงทำตัวมึงเองนะไอ้ตัวเล็ก หึ มึงชอบแบบนี้ใช่ไหม ได้!เดี๋ยวกูจัดให้!!”มันพูดจบก็จัดการเหวี่ยงผมลงไปที่เตียง

“โอ๊ย!จะ เจ็บ ฮึก”ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้น่าผมก็เจ็บเพราะถูกตบ มันเกินไปจริงๆ ฮึก ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้

“อย่ามาร้องไห้ปัญญาอ่อน น้ำตามึงไม่ช่วยอะไรหรอก”มันถอดเสื้อตัวเองแล้วโยนทิ้งก่อนที่จะขึ้นคร่อมบนตัวผม จับคางผมบีบแน่น น้ำตาผมก็ดันไหลออกมามากกว่าเดิม

“ฮึก ปะ ปล่อยกูนะ กะ กูเจ็บ”ร้องไห้ให้ตายยังไงมันก็ไม่สงสารผมหรอกผมเชื่อ!!

“ร้องไห้ทำไมครับคนดีของพี่…”มันเอามือมาไล้เช็ดหน้าผมเบาๆก่อนที่จะบีบแก้มผมบริเวณที่ถูกตบแล้วโดนบีบซ้ำมันทำให้ความเจ็บผมเพิ่มมากขึ้น “มึงทำให้กูไม่มีทางเลือก”

แควก!!เสื้อผ้าผมถูกฉีกขาดอย่างไม่มีชิ้นดี

“ฮึก ฮือ ทะ ทำไมมึงถึงทำกับกูแบบนี้”

“กูจะต้องตอบมึงแบบไหนดีล่ะ”มันเงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอของผมก่อนจะตอบ “อืมม..เพราะกูอยากเล่นของเล่นชิ้นนี้อยู่ละมั้ง”

“อื้ออ ฮึก”มันเข้ามาจูบผมอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่ทุบตีหลังมัน “ฮึก!ปล่อย!”หลังจากที่ปากผมได้รับอิสระผมก็ร้องขอบอกให้มันปล่อย แต่จนแล้วจนเล่ามันก็ไม่เห็นสนใจอะไรเลยสักนิด มันลูบไล้ร่างกายเปลื่อยเปล่าของผม และตอนนี้มันกำลังเล่นกับยอดอกของผม

“โอ๊ย!อย่ากัด!”มันกัดที่ยอดอกของผม ผมใช้มือผลักัวมันออกให้ห่าง พอห่างผมจึงจัดการถีบมันจนตกเตียง

“โอ๊ย!นี่มึงกล้าถีบกูหรอ!!ได้!!ดีๆแม่งไม่ชอบ ชอบให้กูใช้ความรุนแรงนะมึง”ผมที่กำลังก้าวขาลงจากเตียงเตรียมวิ่งไปยังประตูแล้ว แต่ก็ถูกกรชากกลับลงไปที่เตียงอีกรอบก่อนที่มันจะขึ้นมาคร่อมพร้อมกับยัดอะไรไม่รู้เข้ามาในปากผมปิดไว้ไม่ให้ผมคายมันออก

“อื้ออ อื้อ อื้อ”ผมใช้มือตัวเองแกะมือมันที่ปิดปากผมไว้

“หึ กลืนมันลงไปซะ!”ผมจำใจต้องกลืนเพราะผมเริ่มหายใจไม่ออก

“แค่ก แค่ก แคก”ผมมองมันที่ลุกออกไปจากตัวผมแล้วอย่างไม่เข้าใจว่ามันจะมาไม้ไหนว่ะ

“ถ้าทนไม่ไหวเรียกกูให้ดังๆนะเดี๋ยวกูจะอยู่คอยมึงข้างนอก”มันแสยะยิ้มใส่ผมแล้วก็เดินออกไป
เฮ้ย!ทำไมอยู่ๆผมถึงรู้สึกร้อนๆในตัวยังไงก็ไม่รู้ นะ นี่มันอะไรกัน ทำไมมันถึงร้อนแบบนี้นะ แต่ในเมื่อมันปล่อยให้ผมเป็นอิสระแล้วอย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องร้อนไม่ร้อนเลย ผมหยิบเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดในตอนแรกขึ้นมาใส่อย่างลวกๆ พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทำไมมันถึงรู้สึกไม่เป็นตัวเองแบบนี้ว่ะ มันร้อนรุมในกาย มันเหมือนต้องการ…แล้วที่ต้องการนี่ ผมต้องการอะไร

ตุ๊บ!ผมล้มลงไปกองบนพื้นห้อง ทำไงดี ทำไมมันถึงร้อนแบบนี้ผมกัดปากตัวเองลุกขึ้นลากสังขารที่แย่ของตัวเองเปิดประตูออกไปนอกห้อง

“กูบอกให้มึงเรียกกูไม่ใช่หรอ ทำไมหรือทนเรียกให้กูไปหาไม่ได้ถึงออกมาหากูเอง”มันนั่งอยู่ที่โซฟายกบียร์ขึ้นจิบเล็กน้อย ผมไม่สนใจมัน ที่ผมคิดได้คือออกไปจากที่นี้ เชี้ยเอ้ย!ทำไมผมถึงรู้สึกต้องการการปลดปล่อยแบบนี้ว่ะ

“ว้าวว!นี่มึงทนฤทธิ์ยาได้ขนาดนี้เลยหรอว่ะ!”มันพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดและตรงเข้ามาหาผม

“ย ยา ยาไร!!”ผมตะคอกใส่มัน

“ช่างแม่งเถอะ!แค่กูเล้าโลมมึงนิดเดียวอารมณ์มึงก็เกิดแล้ว”เชี้ย!อีกแล้ว มันลากผมกลับไปยังห้องเดิมและผลักผมลงไปที่เตียง

“มึงทนได้มึงทนไปแต่…ตอนนี้กูทนไม่ไหวแล้ว!!”พูดจบก็จูบผมและมือไม้ที่อยู่ไม่สุขก็เหมือนเดิมเสื้อผ้าที่ใส่หลุดไปอย่างง่ายดาย มันดูดเม้นตามซอกคอผม มือก็เลื่อนลงไปตามผิวของผม ทำให้ผมรู้สึกเสียวไม่น้อย แต่ทำไมมันถึงรู้สึกดีแบบนี้นะ รู้สึก
ดี!งั้นหรอ บ้าไปแล้ว ทำไมผมถึงไม่ผลักมันออกจากตัวผมล่ะ มือเจ้ากรรมก็เลื่อนไปโอบรอบคอของร่างสูงอย่างไม่เต็มใจ นี่ผมเป็นอะไร

“มึงต้องการกู ใช่ไหม?”มันกระซิบที่ข้างหูผมพร้อมกับเลียที่หูผม

“อ๊า”ทำให้ผมครางเสียงน่าเกลียดนั้นออกมา ทำไมผมถึงรู้สึกต้องการคนตรงหน้าขนาดนี้กัน ผมไม่ตอบแต่กับพยักหน้า เชี้ย!ผมควรปฎิเสธแต่ทำไมร่างกายมันไม่เป็นดังใจเลยว่ะ

“หึ!” ไม่มีอะไรออกมาอีกนอกจากการกระทำในตอนนี้ ร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าผมจัดการจับผมให้นอนคว่ำหน้าเข้าหาหมอนมันจับสะโพกผมให้ตั้งขึ้น ตอนนี้ผมไม่มีแรงที่จะขัดขืนแล้วครับคือมันต้องการ…ร่างสูงจัดการสอดนิ้วเข้าไปเพื่อเปิดทางไม่ให้ผมได้เจ็บมาก

“อ่ะ อืม จะ เจ็บ”แต่ที่ไหนได้โครตเจ็บเลย ผมถอยห่างจากนิ้วที่ถูกส่งมาเพียงนิ้วเดียวเท่านั้นแต่ร่างสูงก็จับผมกลับมาที่เดิมและเริ่มสอดนิ้วที่สองและสามเข้าไป ชักเข้าชักออก

“อ่ะ อ๊า”เสียงครางของผมเองครับ

“เชี้ย!แค่นิ้วนะมึงขมิบรับจนกูอยากสอดของกูเข้าไปแล้ว สัส!”เสียงของร่างสูงที่ยังคงชักนิ้วตัวเองเข้าออกกับช่องทางหลังของผมอยู่ดังขึ้น

“กูไม่ไหวแล้ว”เออตามนั้นและร่างสูงก็ปลดกางเกงที่ตัวเองใส่เหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ใยดีเท่าไรก่อนที่จะรูดของตัวเองสองสามครั้งแล้วก็จ่อลงมาที่ช่องทางหลังของผม

“กูจะช่วยมึงเอง”ผมไม่ตอบออะไรพยักหน้าอย่างเดียว ตอนนี้ผมทรมานสุดๆแค่ผมได้ปลดปล่อยสินะ ร่างสูงสอดใส่ความเป็นชายของตัวเองเข้ามาในตัวผมจนมิดด้าม

“อ่ะ อ๊า จะ เจ็บฮึก”ร่างสูงที่ได้ยินดังนั้นจึงก้มลงไปจูบปากเล็กๆของคนตรงหน้า กระซิบเสียงแหบพร่า

“มึงกูอย่าเกร็งดิ”ผมจึงผ่อนแรงลง “ดีมาก”จากนั้นร่างสูงก็ค่อยๆขยับโยกตัวเข้าออกจากช้าเป็นเร็ว มันทั้งเจ็บและเสียวในเวลาเดียวกัน

“อ่ะ อ๊า อื้มม”

“ซี๊ดด อ๊า”เสียงครางทั้งผมและมันดังระงมไปทั่วห้องจนในที่สุดเราสองคนก็ปล่อยออกมาพร้อมกัน

“อ่ะ อ๊า อ๊า”ผมฟุบหน้าลงกับหมอนอย่างเหนื่อยแต่รู้สึกว่าตัวผมยังคงร้อนอยู่

“ช่วยกูอีกรอบได้ไหม”ผมไม่คิดเลยว่าผมจะเอ่ยคำนั้นออกไปในเมื่อร่างกายของผมต้องการ ผมก็ต้องยอมมันใช่ไหม ร่างสูงไม่เอ่ยอะไรกับทำตามที่ผมบอก

เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครางของเราสองคน ที่เสียงที่ดังเพราะแรงโยกมหาศาลดังไม่ขาดสาย ผมที่อยู่เบื้องล่างก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้แต่เอ่ยเสียงครางน่าเกลียดของตัวเองออกมาอย่างช่วยไม่ได้  ปล่อยให้ร่างกายที่ต้องการมันตามน้ำไป…เมื่อถึงวันพรุ่งนี้เมื่อไร ผมจะเดินออกไปจากห้องนี้และผู้ชายคนนี้โดยที่ผมจะไม่หันกลับมามองเค้าอีกเลย เพราะ…ผมเกลียดมัน!อัลฟาผู้ชายที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้!!!




To be con.............

หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่4 เหตุก่อนจาก…
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 09-05-2016 00:16:50
ทำไมเราคุ้นๆเหมือนเคยอ่านมาแล้วเลยนะ เคยลงที่อื่นหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่4 เหตุก่อนจาก…
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 09-05-2016 22:35:28
มารู้ตัวในวันที่สายไปสินะ หึ เลวว่ะ เดฟมันยังไม่เลวขนาดนี้เลย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่4 เหตุก่อนจาก…
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 12-05-2016 08:45:42
มาเร็วๆน่ะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่5 เดินทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-05-2016 18:54:30
ตอนที่5 เดินทาง


-โยชิ-

“อื้ออ”ผมครางเสียงอู้อี้ออกมาเมื่อตื่นจากนอน ผมค่อยๆลืมตาตื่นมารับกับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ทำไมมันถึงรู้สึกหนักๆแถวเอวว่ะ ผมก้มลงไปมองมือที่พาดอยู่กับเอวผมและทำให้ผมต้องหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆที่ตอนนี้หลับตาพริ้มไม่รู้สึกอะไรเลย ผมจ้องมองใบหน้าหล่อคมคายของคนตรงหน้า โครงหน้าจัดได้ว่าสวย  ตาคมที่ชอบมองดุ ตอนนี้ได้ปิดสนิท จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากหนาคล่ำเล็กน้อยเพราะเกิดจาการสูบบุหรี่ ทุกอย่างมันดูสมบูรณ์ไปหมดเรียกได้ว่าเพอร์เฟคสุดๆแต่ติดอย่างเดียวตรงนิสัยที่ดูจะดุร้ายและเป็นคนเจ้าเลห์ ผมควรที่จะออกจากที่นี่แล้วสิคิดได้ดังนั้นผมก็ยกมือของร่างสูงให้ออกจากตัวอย่างเบามือที่สุด

“อ่ะ!”ผมเผลออุทานขึ้นเมื่อร่างสูงเหมือนจะรู้สึกตัว ผมเห็นเค้าขยับเล็กน้อย ก่อนที่เค้าจะนอนนิ่งเหมือนเดิม ผมจึงค่อยๆยกมือของเค้าออกอีกครั้งแล้วเอามือเค้าวางไว้ข้างตัว ผมค่อยๆเขยิบลงจากเตียงอย่างยากลำบาก เพราะช่องทางด้านหลังของผมมันรู้สึกเจ็บแต่ถึงจะเจ็บมากแค่ไหนผมจำเป็นที่จะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่เค้าจะตื่น…

“ฟู่!”ผมพ่นลมหายใจตัวเองออกมาได้แล้วก่อนที่จะมองหาเสื้อผ้าตัวเองที่หล่นอยู่แถวๆนั้นมาใส่อย่างลวกๆส่เสร็จผมจึงเดินไปที่ประตูและค่อยๆเปิดมันให้เบาที่สุด ผมหันกลับไปมองร่างสูงที่ยังคงนอนหลับอยู่

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน…ลาก่อนพี่อัลฟา”ผมพูดเพียงแผ่วเบาไม่ให้เสียงดังเพราะเกรงว่าร่างสูงจะตื่น ผมเดินเข้าลิฟท์กดลงไปยังชั้นล่างสุด เดินมาหยุดอยู่ด้านล่างของคอนโดก็ไม่รู้จะทำไงดี

“แล้วกูจะกลับยังไงว่ะเนี้ย”ผมไม่รู้ว่าคอนโดแห่งนี้มันอยู่ส่วนไหนกันแน่ “งั้นก็ต้องหาแท็กซี่แล้วกัน”ผมบอกกับตัวเองแล้วเดินออกไปมองดูเผื่อมีแท็กซี่ผ่านบ้าง

RrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
จริงสิ!ผมลืมเลยว่ามีโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นทำให้ผมหยอบมันออกมาจากกางเกงและดูเบอร์ที่โทรเข้ามา

“ไอ้พาส…”เมื่อเห็นว่าเป็นใครผมจึงกดรับสาย

“เออ”ผมกรอกสายตอบมัน

[มึงอยู่ไหนไอ้โย เหี้ยนั้นมันทำไรมึงหรือป่าว ตอบกูมาสิ]จะให้กูตอบมึงไงดีว่ะ

“กูอยู่ไหนกูไม่รู้แต่ที่รู้กูอยู่คอนโดมัน”ผมตอบกลับ

[……………………]แล้วมันก็เงียบไปเหมือนใช้ความคิดแต่เงียบนานไปป่ะมึงเดี๋ยวไอ้ตัวข้างบนมันตื่นมากูจะซวย [ไอ้เหี้ยเดฟ!ไอ้เดฟ!]เสียงตวาดจากปลายสายทำให้ผมต้องตั้งใจฟังดีๆ เดี๋ยวนะเดฟหรอ ทำไมมันไปอยู่กับไอ้เดฟได้

[เชี้ยไรของมึงว่ะกูจะนอนไอ้เด็กเวร!!]เสียงจากปลายสายยังคงทะเลาะกันไปเรื่อยๆ

“ไอ้พาส..กูว่ามึงไปเคลียร์กับมันก่อนเถอะ”ผมบอกมัน ไม่รู้ว่ามันจะฟังผมอยู่หรือป่าว แต่รู้สึกว่าจะไม่นะ

[อ๊ากกก!!ไอ้เด้กเหี้ย!ปล่อยหัวกู]เฮ้อออกูละเหนื่อย[ไม่เว้ย!บอกมาว่าคอนโดเพื่อนมึงอยู่ที่ไหน เร็ว]อ่อคำถามนี่ค่อยน่าสนใจหน่อย[เออๆๆบอกแล้ว อยู่ที่…][ไอ้โยมึงคอยกูก่อนนะเดี๋ยวกูไปรับ แค่นี้นะ]

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
เออ!ให้มันได้งี้ดิว่ะ กูยังไม่ได้พูดเลยสัส!แต่ก็ดีแล้วละขี้เกียจพูด หานั่งคอยมันก่อนแล้วกัน แต่ผมก็ยังหวั่นๆนะถ้าคนที่นอนอยู่ข้างบนไม่เห็นผมอยู่ด้วย มันจะตามมมาหรือป่าว ผมไม่อยากคิดเลยถ้ามันตามลงมาตอนนี้แล้วเห็นผม ผมกลัวว่ามันจะทำรุนแรงกับผม

บรืนนนน
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเสียงรถก้เห็นว่าเป็นรถของไอ้พาสต้าผมจึงลุกยืนพอให้มันเห็นว่าผมอยู่ตรงนี้

“ช้าไปไหมมึง”ผมบ่นเมื่อขึ้นรถมันมาแล้ว

“โทษทีพอดีกูหลง…ทางก็แม่งงงชิบหาย!”มันบ่นเหมือนกันครับ

“ว่าแต่มึงอ่ะ…”ผมหันกลับไปถามมัน

“ไรว่ะ”ผมขมวดคิ้วมองผม

“บอกกูได้ไหมว่ามึงกับไอ้เดฟเป็นไรกัน”ผมถามมันเพราะผมอยากรู้ก็เมื่อคืนผมเห็นไอ้เดฟมันตะดกนบอกกับไอ้นัทว่าไอ้พาสเป็นเมียมัน

“ปะ ป่าวนี่ มึงจะถามทำไม”ทำไมต้องสั่นด้วย ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด

“แน่ใจหรอ…อีกอย่างตอนคุยโทรศัพท์กับกูมึงก็อยู่กับมันนะ”มันทำหน้าเลิกลัก

“อะไรของมึงเนี้ย!อย่ามาซักไซ้อะไรปัญญาอ่อน!!”แหม่…มีขึ้นเสียงครับ ผมจึงไม่ซักมันต่อถ้ายิ่งถามเดี๋ยวมันไล่ผมลงจากรถนี่ซวยนะ

“ว่าแต่…มันทำอะไรมึงหรือป่าว”เมื่อเห็นผมเงียบมันจึงถาม

“แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ”ผมตอบแต่ไม่หันไปมองหน้ามัน แต่ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจดังมากครับ

“แล้วมึง…จะออกเดินทางตอนไหน”คำถามนี้ทำให้ผมต้องหันไปมองหน้ามัน

“พรุ่งนี้…หกโมงเช้า”ผมบอกมัน

“เครื่องออกเช้าจังว่ะ เออไงก็คอยกูด้วยเดี๋ยวกูจะไปส่งมึง”

“อือ ขอบใจนะเว้ย”ผมยิ้มให้มัน

“แล้ว..”

“อืมว่า?”

“มันรู้เรื่องนี้หรือป่าว”

“ไม่รู้หรอก!!ที่กูไปก็เพราะมัน แล้วเรื่องอะไรที่กูจะต้องบอกมันล่ะ อีกอย่างถึงมันรู้ก็ไม่สนใจหรอก”
เกิดความเงียบเกิดขึ้นหลังจากที่ผมตอบมันไปแบบนั้น

“กูขอโทษนะที่ช่วยอะไรมึงไม่ได้เลย”มันตอบเสียงเบา

“ไม่เป็นไรหรอก แค่มึงอยู่ข้างๆกูก็พอแล้ว”ผมยิ้มให้มัน

“อืม”



“เข้าบ้านไปพักผ่อนเหอะมึง”พอมาถึงบ้านมันก็ไล่ผมให้กลับบ้านทันที เพราะผมดื้อที่จะอยู่กับมันที่บ้านของมัน

“ไม่เอาอ่ะ กูจะไปพรุ่งนี้แล้วขออยู่กับมึงก่อนดิ”

“อย่ามา!กูจะพักผ่อนเหมือนกัน”มันผลักหัวผมเบาๆ

“เออ!”ผมกระแทกเสียงใส่มันแล้วเดินออกมา ทำท่าเป็นงอนมัน เดี๋ยวคอยดูดิ เดี๋ยวมันก็ต้องง้อผม แต่ว่าพอผมทำท่าเดินหนีมันมา มันไม่เห็นสนใจเลย นี่ขนาดเดินช้าแล้วนะ ผมจึงหันไปมองทางมันเล็กน้อย

“ไอ้เหี้ย!!พาสต้ากูเกลียดมึง!!!!”ผิดคาดผมคิดว่ามันจะง้อผมที่ไหนได้เดินเข้าบ้านมันแล้วครับ ผมจึงตะโกนด่ามัน ง้อกุหน่อยก็ไม่ได้!!!



“โย!”ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงป๊า ตอนนี้ผมเข้ามาในบ้านแล้วครับ

“คะ ครับป๊า”ผมยิ้มให้ป๊าแหยๆ

“ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับ”ถามซะเสียงดุเลย

“อ่อ!เมื่อคืนผมไปฉลองกับไอ้พาสไงครับ ผมบอกป๊าแล้วนะ”

“แล้วทำไมถึงเพิ่งกลับ”

“คืนเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยอ่ะป๊า ผมเลยนอนบ้านมัน แหะๆ”ผมตอบป๊าไปแบบไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก “ผมขอตัวไปพักผ่อนหน่อยนะป๊า ง่วงอ่ะ”ผมเดินเข้าไปจุ๊บแก้มป๊าเบาๆก่อนเดินไปยังชั้นสอง

“ฟู่!!”เกือบไปแล้ว โกหกป๊าเต็มๆเลยกูจะบาปป่ะว่ะเนี้ย


-อัลฟา-

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

“อื้ออ”เสียงนกร้องทำให้ผมตื่นทั้งๆที่ยังไม่อยากตื่นเลย เพิ่งนอนไปได้ไม่นานเอง ผมลากมือบนที่นอนเพื่อจะหาคนข้างกาย แต่ปรากฏว่าไม่เจอ ผมจึงลืมตาตื่น

“ไปไหนว่ะ”ผมขยี้หัวตัวเอง “โดนขนาดนั้นไม่น่าจะลุกไหวนะหรือเข้าห้องว่ะ”ผมคิดแบบนี้จึงเดินเข้าไปดู

แอ๊ดด!!

“ไม่มีนิ”ไปไหนว่ะไอ้ตัวเล็ก ตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ หรือว่ามันจะอยู่นอกห้อง ผมเดินออกไปดูห้องนั่งเล่นก็ไม่เจอ ห้องครัวไม่เห็น ระเบียงไม่มี

“เชี้ย!!!หายหัวไปไหนว่ะไอ้ตัวเล็ก!!!”ผมเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับล้มตัวลงนั่งโซฟาก่อนที่จะกุมขมับตัวเอง นี่มึงกล้าหนีกูไปหรอไอ้ตัวเล็ก

RrrrrrrrrrRrrrrrrrrrrrrrr

ผมนั่งคิดอะไรได้สักพักเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมจึงคว้ามันมาดูคนโทรเข้ามา ไอ้เดฟครับ

“ว่า!!”ผมกรอกสายไปอย่างหงุดหงิด

“แหม่!ไอ้นี่ ทำเสียงหงุดหงิดนะมึงกูจะโทรหาไม่ได้ไงว่ะ”

“เออ มีไรว่ามาอารมณ์ไม่ดีอยู่มึงอย่าให้กูขึ้น!!”

“อะ เออๆๆกูจะถามมึงว่าเห็นเมียกูไปรับเมียมึงไหม”ห่ะ!ไรนะ เมียมันมารับเมียผมหรอ สัส!

“สัส!!”

“อ้าว!ไอ้เหี้ยกูพูดกับมึงดีๆนะ ด่ากูไม”ถ้ามึงอยู่ตรงนี้กูคงได้กระทืบมึงแล้วแหละ มีอย่างที่ไหนให้เมียมันมาลักพาตัวเมียผมไป

“แค่นี้นะ!”

“ดะ..”ผมไม่รอให้มันด่าอะไรผมอีก กดวางสายซะ รำคาญมันมาก!!

“เฮ้อออ!!ไปแม่งไม่บอกกูเลย อย่าให้เจอนะมึง”ผมได้แต่กัดฟันด่ามัน


-โยชิ-

06 : 00
@สนามบิน

ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินแล้วครับ วันนี้เป็นวันศุกร์ของสัปดาห์ ผม ป๊า ม๊า และลูกน้องของป๊าอีกสองสามคนอยู่ที่นี้แล้ว

“คุณโยของป้าจะไปจริงๆหรอค่ะ”ป้าแม่บ้านของบ้านผมเอ่ยทักผมแล้วกอดผมไว้

“ครับ ผมจำเป็นต้องไป”ผมยิ้มและกอดตอบท่าน

“แล้วใครจะเป็นตัวป่วนคอยกวนป้าเวลาทำงานบ้านเนี้ย”ฮ่าๆๆผมเป็นตัวป่วนขนาดนั้นเลยหรอ

“ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับป้า”ผมคลายกอดจากป้าแม่บ้านที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ผมไม่อยู่แล้วป้าก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ”

“แล้วคุณโยของป้าจะกลับมาเมื่อไรค่ะ”อันนี้ผมเองก็ตอบไม่ได้ด้วยสิ ผมจะกลับมาไหม ผมยังไม่รู้เลย อาจจะต่อที่นั้น หางานทำที่นั้น อาจจะไม่กลับมาตลอดชีวิตก็ได้ ผมเองก็ยังไม่รู้ ผมจึงได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้ส่งไปให้ท่าน

“เฮ้ออยังไงก็มาเยี่ยมป้าบ้างนะค่ะ”ผมยิ้มกอดป้าแกอีกรอบ

“ครับ”

“ไอ้โย..”พอผมพูดคุยกับป้าแม่บ้านเสร็จก็มีเสียงที่เงียบอยู่นานดังขึ้น คือมันมาพร้อมกับผมเนี้ยแหละแต่มันไม่ยอมพูดอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้ มันเพิ่งจะพูด

“อืมว่าไง”ผมเดินเข้าไปหามัน

“เฮ้ออ ป่าวไม่มีไร”มัถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เลยครับ

“ไรของมึงว่ะ กูจะไปแล้วนะ มึงมีไรก็บอกกูมาเถอะ”ผมจ้องตามันอย่างจริงจัง

“ไม่มีไรหรอกแค่กูไม่อยากให้มึงไป…”

“แต่ว่า..มึงก็รู้ว่าเพราะอะไรทำไมกูต้องไป”

“กูรู้…”มันจับไหล่ผมเบาๆ “แต่กูเหงาไม่มีคนเถียงด้วยเข้าใจป่ะ”ผมยิ้ม มันน่ารักจริงๆ ผมเองก็เหงาเหมือนกันถ้าขาดมันไป เพราะมันชอบชวนผมไปนู้นนี่นั่น

“เอาน่าเดี๋ยวกูจะโทรหามึงทุกวันเลย เคป่ะ ถึงแม้ค่าโทรมันจะแพงก็เถอะ”

“เออ ถ้ามึงไม่โทรมานะ กูจะเผาบ้านมึงเลย”

“ทำแบบนั้นไม่ได้นะค่ะ”ป้าแม่บ้านที่ฟังบทสนทนาของผมกับไอ้พาสเอ่ยดักมาก่อน

“โห้ป้าครับ!ผมแค่พูดเล่นๆเองนะ”พาสต้ามันหันไปบอกป้าแม่บ้าน

“อ้าวหรอค่ะ ป้าคิดว่าคุณพาสต้าจะทำจริงๆ”ป้าแกทำหน้าเอ๋อใส่ไอ้พาสครับ ฮ่าๆๆ

“ฮ่าๆๆ”ผมหัวเราะออกมา ก็ขำอ่ะ “มึงไม่ต้องกลัวเหงาหรอกไปเล่นกับป้าแม่บ้านบ้านกูก็ได้”ฮ่าๆๆๆ

“โป้ก!” อู้ยยเจ็บหัวครับ ตีมาได้ ผมจึงยกมือลูบหัวตัวเอง

“ทะลึ่งนักนะมึง!ป้าเค้าไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะ”

“เออกูรู้แล้ว”ชิๆๆมันมองค้อนผมเล็กน้อย “มา มากอดก่อนจากได้ป่ะ”ผมบอกมันพร้อมอ้าแขน มันจึงเดินเข้ามากิดผมเช่นกัน

“ดูแลตัวเองด้วยนะมึง มีอะไรก็โทรหากู เข้าใจป่ะ”มันบอก

“อืม เข้าใจ มึงเหมือนกันนะ อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วย”ผมพยักหน้ารับรู้และเอ่ยตอบมัน

“อืม…กูรักมึงนะเว้ยไอ้โย”

“เออกูก็รักมึงไอ้พาสต้า”ผมกับมันยิ้มให้กันก่อนจะคลายกอดออก

“เครื่องจะออกแล้วลูก”ม๊าเดินเข้ามาสะกิดแขนผมและบอก

“ครับม๊า”ผมตอบกลับมาไป ม๊าเดินนำไปก่อนผมจึงหันมามองไอ้พาสต้าที่ทำหน้าหมองลง “กูต้องไปแล้ว…ไว้จะโทรหานะ
บาย”ผมยิ้มและส่งมือบายให้มัน มันพยักหน้ารับรู้ ผมจึงเดินออกมา

“เดินทางปลอดภัยนะโยชิ”ผมหันกลับไปมองมัน มันยิ้มและโบกมือบ๊ายบายผม ผมจึงยิ้มตอบมัน
ความรู้สึกผมตอนนี้หรอ..อืม มันเป็นยังไงนะ รู้สึกดีใจที่ได้ไปอยู่กับป๊าม๊า รู้สึกโล่งใจที่ผมจะไม่ได้ผมผู้ชายที่ทำให้ผมต้องไปจากที่นี้ รู้สึกว่าผมจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่…บางที่ผมรู้สึกว่าใจหายเหมือนกันที่ต้องไป ไม่ใช่ว่าผมเสียใจที่จากกับพาสต้า แต่ผมเสียใจที่จะไม่ได้เจอเค้าอีก ถึงแม้เค้าจะทำร้ายผมก็ตาม เฮ้ออ ใจผมเป็นไรเนี้ย บังคับตัวเองให้เกลียดเค้าไม่ได้เลย!! ช่างเถอะ!!!ผมคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อยู่แล้ว หรือบางครั้งถ้าผมกลับมาบางทีอาจจะไม่เจอเค้าก็ได้ แผ่นดินนี้ใหญ่จะตายไปเนอะ ถึงงั้นก็เถอะไม่มีอะไรแน่นอน..ผมว่าผมจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นดีกว่า!!


-เดฟ-


“ทางไหนว่ะ…กูคงไม่หลงนะ!”ตอนนี้ผมกำลังหาทางไปบ้านเมียผมครับ หลังจากเมื่อวานที่มันถามที่อยู่คอนโดของไอ้อัลเพื่อนผม ผมก็ไม่ได้เจอมันเลย แค่วันเดียวผมก็คิดถึงมันแล้วเลยต้องมาหามันถึงบ้าน แต่ไม่รู้ว่าทำไม ผมได้แต่วนรถกลับมาที่เดิม บ้านมัยอยู่ตรงไหน ผมหาไม่เจอ…เอาวะเมื่อกี้เลี้ยวซ้ายตอนนี้เลี้ยวขวาแล้วกัน ผมตัดสินใจเลี้ยวไปทางด้านขวาและขับตรงมาเรื่อยๆ เดี๋ยวนะ บ้านมันเลขที่อะไรว่ะ ผมหยิบกระดาษแผ่นที่เขียนที่อยู่ของไอ้เด็กน้อยออกมา

“ทำไมบ้านมึงแม่งหายากนักว่ะ”ผมรู้สึกหงุดหงิดจริงๆไอ้เราก็อุสาตื่นเช้ามาก พวกคุณอาจจะว่าผมบ้าก็ได้ คือผมตื่นตี5ตื่นมาทำไมผมไม่รู้สิ นอนไม่หลับมั้ง ทนคิดถึงไอ้เด็กน้อยไม่ไหว ผมจึงให้ลูกน้อง(ที่เรียนห้องเดียวกับเด็กผม)บอกที่อยู่มันมา จนตอนนี้ผมก็ขับหาบ้านมันยังไม่เจอเลยครับ นี่มันก็ชั่วโมงได้แล้วนะที่ผมขับรถหาบ้านมันเนี้ย!! สอดส่องๆอ่ะๆๆเดี๋ยวนะครับเหมือนสายตาผมจะไปสะดุดกับตัวเลขที่มันคุ้นๆ ฮ่ะๆในที่สุดก็เจอจนได้ ผมขับรถเข้าไปเทียบข้างๆกำแพงบ้านก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ลงไปหยุดยืนอยู่ประตูหน้าบ้าน บ้านมันก็ใหญ่เหมือนกันนะครับเนี้ย  ผมกดกริ่งบ้านมันรอเผื่อว่ามีใครมาเปิดให้ และคนที่ผมหวังนั้นจะต้องเป็นมัน!! หึหึหึ

ปิงป่อง ปิงป่อง
ตื่นเต้นเว้ย!ไม่เคยต้องมาตามใครแบบนี้เลย ไม่รู้สิครับแค่ผมมีอะไรกับมันครั้งเดียวผมกลับเผลอใจให้ไอ้เด็กปากหมานั้นได้ไง ทั้งๆที่ก่อนผมจะเจอมัน ฟันแล้วทิ้ง ไม่แคร์ ไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น เห็นความรู้สึกเป็นของเล่นแต่พอผมได้มารู้จักกับมันกลับทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมอยากลองจริงใจกับใครสักคน…และต้องเป็นมันแค่คนเดียวเท่านั้น

“สวัสดีครับ”เมื่อประตูที่ผมรอคอยได้เปิดตัวขึ้น ผมหวังไว้ว่าเป็นมันแต่ใช่ เป็นหญิงสาววัยกลางคนแต่ยังสวยและสาวอยู่ผมจึงเอ่ยทักไป

“สวัสดีค่ะ^^ไม่ทราบว่ามาหาใครค่ะ”

“เอ่อ..ผมมาหาอะ..เอิ่ม..พาสต้าครับ”เกือบพูดไม่เพราะแล้วสิกู

“อ่อเป็นเพื่อนเจ้าพาสต้าหรอลูก พอดีเจ้าพาสไม่อยู่จ้า”น้ำเสียงใจดีเอ่ยตอบ

“ว่าแต่..พาสต้าไปไหนหรอครับ”

“เจ้าพาสไปส่งเพื่อนที่สนามบินจ้า…จะเข้าบ้านก่อนไหม เดี๋ยวแม่จะโทรตามให้”ห่ะ!แม่มันหรอ แม่มันสวยขนาดนี้เลย มิน่าละทำไมหน้าตามันหวานเหมือนผู้หญิงได้แม่นี่เอง แต่ก็ไม่มากละว่ะ“ว่าแต่เราชื่ออะไรหรอลูก”

“ผมชื่อเดฟครับคุณแม่”เนียนๆเรียกแม่เลยล่ะกัน

“อ่อจ้า พอดีว่าเจ้าพาสไปส่งหนูโยขึ้นเครื่องอาจจะต้องคอยหน่อยนะ”เฮ้!!ส่งใครขึ้นเครื่องนะ

“ส่งใครนะครับ”ผมถามกลับไปเพื่อความชัดเจน

“หนูโยจ้า พอดีเขาย้ายโรงเรียนไปเรียนต่างประเทศจ้ะ”คุณแม่เมียผมบอก

“แล้วทราบหรือป่าวครับว่าเครื่องออกกี่โมง”

“น่าจะประมาณเกือบๆเจ็ดโมงจ้า”ซวยแล้วไอ้อัลเมียมึงกำลังจะไป ผมมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ตอนนี้หกโมงยี่สิบห้าแล้ว น่าจะทันนะ

“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้เดี๋ยวผมจะมาใหม่ สวัสดีครับแม่”ผมยกมือบอกลาท่านเสร็จสับ ก็รีบขึ้นรถหยิบโทรศัพท์กดหาเบอร์เพื่อนตัวเอง

ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด
คอยสัญญาณเพียงไม่นานมันก็กดรับ

“เออมีไรโทรมาแต่เช้าว่ะ”

“มีแน่!!มึงรู้ไหมว่าตอนนี้โยชิอยู่ที่ไหน”ผมลองถามมันดู

“ก็ต้องอยู่บ้านมันดิว่ะ…ทำไม”

“ป่าว..แล้วมึงรู้ข่าวหรือป่าวว่า..”ผมเว้นวรรคไว้เผื่อมันอยากรู้

“ว่า…”

“โยชิย้ายโรงเรียนมึงรู้ป่ะ ตอนนี้มันกำลังอยู่ที่สนามบินกำลังจะขึ้นเครื่องแล้ว”ผมบอกกับมัน

“…”มันเงียบไม่ตอบผม เหมือนกับว่ามันกำลังใช้ความคิดอยู่

“มึง..ไอ้อัล..เฮ้ย!ยังอยู่ป่ะ”ผมรอมันตอบกลับแต่มันไม่ตอบเลย เชี้ย!เอ้ย แม่งรู้งี้ไม่บอกหรอกเห็นเมียมึงจะจากไปแล้วเหอะ

“ไอ้อัล!!!”ไม่ไหวแล้ว

“เออ!!กูรู้แล้วกำลังไป เครื่องออกกี่โมงว่ะ”

“เกือบๆเจ็ดโมง”

“หรอ..โถ่เว้ย!แม่งเชี้ย!”

“เฮ้ยๆๆเย็นๆๆๆ”

“เย็นเชี้ยไรของมึงว่ะ ทำไมเพิ่งมาบอกกูแล้วนี่มันจะไปทันไหม”ผมรู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์มันแม่งเดือดแล้วครับ

“ไอ้ห่า!กูก็เพิ่งรู้จากแม่เมียกูมะกี้ สัส!”รู้งี้ไม่บอกหรอก สัส!

“เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะมึงกูรีบ!”

ตู๊ดดดดดดด
สายถูกตัดไปเพราะไอ้เพื่อนของผมมันกำลังรีบ

“ขอให้ทันด้วยเถอะ”ผมได้แต่ภาวนาให้มันไปให้ทันเครื่องออก…


-อัลฟา-

“โถ่เว้ย!!”ผมวางสายจากไอ้เดฟผมก็รีบบึ้งรถไปที่สนามบินเลยครับ ผมหวังว่าผมจะทันมันขึ้นเครื่องนะ ความรู้สึกปะดังปะเดเขามาที่ผมหมดแล้วตอนนี้ ผมกลัว กลัวว่ามันจะไปแล้วไม่กลับมา ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ผมไม่เคยรู้ว่ามันจะย้ายโรงเรียน ผมก็น่าจะเอ่ะใจทำไมมันถึงไม่มาโรงเรียน หรือว่าผมไม่ได้สนใจอะไรมันขนาดนั้น แล้วทำไมมันต้องจากผมไปด้วยล่ะ  ผมอยากที่จะขอโทษมัน ผมรู้ว่าผมทำผิดกับมันตั้งแต่วันนั้นที่ผมได้ไปคลับแล้วไปเจอมันคุยอยู่กับคนอื่น ผมรู้สึกโกธรมันมาก ผมหวง ผมห่วง ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับของของผม และผมก็ไม่อยากให้มันไปยุ่งกับใครด้วยเช่นกัน ผมรู้ว่าผมมันเป็นคนเห็นแก่ตัว และเลวมากแค่ไหนที่เคยทำร้ายมัน แต่ตอนนี้ผมอยากขอโทษมัน เมื่อผมรู้ว่ามันจะไปจากผม ทำให้ผมรู้สึกจุกและเจ็บที่หัวใจ ผมกลัวถ้าผมปล่อยมันไปมันจะไม่กลับมาหาผมอีก ผมต้องไปให้ทัน ใช่!ผมต้องไปให้ทันมัน!!!



ย้อนกลับไปก่อนวันเกิดเหตุ…
@คลับ

“เฮ้ยๆๆ”ผมเรียกเพื่อนตัวเองนั่นคือไอ้เดฟครับ ไม่รู้วันนี้มันเป็นไร มันโทรมาหาผมว่าจะพาผมมาแดกเหล้าแต่ดูเหมือนผมจะไม่ได้แดกเท่าไร ก็ดูมันดิพอผมจะยกแดกเสือกมาดึงออกไปกระดกเองซะงั้น!

“เชี้ย!ทำไมว่ะ!!ทำไมมันถึงไม่รักกูว่ะ ทำไม!!”เชี้ยไรของมันเนี้ย!พอเมาแล้วเพ้อเลยครับงานนี้ ผมมองมันที่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างกะน้ำเปล่า

“มะ มึง!!เชื่อไหม!”

“เชื่อเชี้ยไรของมึงว่ะสัส!”อะไรว่ะแม่งอยู่ๆก็มาบอกว่าเชื่อไม่เชื่อกูละเซ็งกับมึงจริงๆ

“กูเองก็ม่ายเข้าจายยย!!”มันตบที่อกตัวเองแล้วยื้อมือมาชี้หน้าผม “ทำไมคนอย่างกูต้องรู้สึก เอิ๊ก ดี กะ อึก ไอ้เด็กนั้นด้วย!”เด็ก?เด็กไหนว่ะ?

“เด็ก?ใครว่ะ?”ผมวางแก้วกระแทกกับโต๊ะจนเกิดเสียงดังก่อนที่จะเอ่ยออกมา

“ก็ อึก ไอ้ ดะ เด็กเวรนั้น พะ เพื่อนเมียมึงอ่ะ”มันตอบ

“ใครว่ะ?”ผมยังคงสงสัย

“ไอ้โง่!!!!ก็ไอ้พะ พาสต้า เพื่อนเด็กมึงไง!!!!”มันตะโกนตอบผม

“ห่ะ!!!!”ทำกูตาโตเท่าไข่หานเลยมึง นี่อย่าบอกนะว่ามันชอบไอ้เด็กเหี้ยนั่นอ่ะ

“มึงชอบมันหรอ”

“กูม่ายรู้ เอิ๊ก แค่กูเอากับมันแค่ครั้งเดียวทำไมกูถึงอยากจะครอบครองมันและอยากให้มันเป็นของกูคนเดียว”

“มึงยังสติดีอยู่หรือป่าวว่ะ?”ผมถามมัน ก็ปกติแม่งฝันไม่เลี้ยง แต่พอมาเจอไอ้เด็กเวรนั่นแล้วมันเป็นแบบนี้แสดงว่ามันก็จะเริ่ม
จริงจังกับใครสักคนแล้วสิ ผมมองเพื่อนตัวเองที่ยังคงกรอกเหล้าเข้าปาก นี่มันจริงจังกะเด็กนั่นจริงๆหรอ

“เออ สติกูดีทุกอย่างเว้ย!”มันเถียง

“ไอ้เดฟ..”

“เออไร”มันตอบแล้วกระดกเหล้าเข้าปากก่อนจะหันมามองหน้าผม

“มึงลบคลิปตามที่กูขอหรือยัง”ผมถามมันน้ำเสียงจริงจัง

“อ่อ..กูลบแล้วมึงไม่ต้องเป็นห่วง”

“อืม ขอบใจมึงนะ”ผมบอกมันแล้วยกแก้วเหล้าดื่มบ้าง

“ไอ้อัล…กูไม่เคยเห็นมึงจะแคร์อะไรยังไงเลย กะอีแค่คลิปนี้ทำไมมึงเพิ่งมาสนหรอว่ะ”

“กูไม่รู้ว่ะ กูแค่เป็นห่วงมัน ทุกอย่างที่กูทำมันทำลายชีวิตของมันเลยนะ กูไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้”ผมระบายสิ่งที่ผมคิดออกไปให้มันรู้

“มึงรักเด็กนั้นใช่ไหม” อึก!ไม่หรอก ผมไม่ได้รักมันหรอก แค่ความสงสารเท่านั้น ผมเล่นแรงไปหน่อย ก็แค่รู้สึกผิด ไม่หรอก

“ไม่หรอก..มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้รักใครง่ายๆ”ผมเอ่ยตอบเสียงเบา

“มันก็ไม่แน่นะเว้ย!ใจมึงมึงรู้ดี…ถ้ามึงคิดว่าไม่กูก็ไม่รู้จะถามไปทำไม แต่ถ้าเกิดว่าสายเกินไปอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ”เฮ้ออ มึงจะ
ทำให้กูเครียดทำไมว่ะไอ้เพื่อนเชี้ย กูไม่ได้รักมันหรอก!! ใช่ไหมนะ




“เชี้ย!เอ้ยจะทันไหมว่ะ!!”ผมสบดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยจะเจ็ดโมงแล้ว ผมขับเร็วสุดเท่าที่จะเร็วได้จนตอนนี้ผมมาหยุดอยู่ที่สนามบินแล้วครับ ผมหาที่จอดรถเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปข้างใน ผมสอดสายตาหาตัวมัน

“ไอ้ตัวเล็กมึงอย่าไปนะ”ผมพูดกับตัวเองเบาๆ

“อย่าเพิ่งไปนะ มึงต้องฟังคำขอโทษจากกูก่อน”ผมวิ่งไปเรื่อยๆไม่รู้จุดหมายว่าจะไปไหน ยังไงผมต้องหามันให้เจอกอ่นขึ้นเครื่อง

“ผู้โดยสารโปรดทราบ…ขณะนี้เครื่องบินที่จะบินไปประเทศอเมริกากำลังจะออกแล้ว….”เสียงประชาสัมพันธ์ทำให้ผมถึงกับหยุดชะงัก มันกำลังจะไป…ถึงแม้ว่าผมไม่รู้ว่ามันจะไปที่ไหน แต่ความรู้สึกผมตอนนี้คือ มันกำลังจะไปแล้ว

“ไอ้อัลทางนี้โว้ย!!!”เสียงไอ้เดฟนิ ผมหันไปตามเสียงเรียกของมัน มันชี้ไปทางที่มันอยู่ “กูเห็นโยแล้ว ทางนี้”พอผมได้ยินชื่อของคนที่ผมอยากพบผมก็รีบวิ่งไปหามันทันที มันชี้นิ้วไปทางที่มันพบโย ผมจึงรีบวิ่งไปก่อนที่มันจะขึ้นเครื่อง

“อย่าเพิ่งไป กูขอร้องอย่าเพิ่งไป”ผมได้แต่คิดในใจและวิ่งไปให้ทันให้ได้ ตอนนี้โยอยู่ไม่ไกลผมเท่าไร แต่ทว่า…มันกำลังยื้อตรวจเอกสารและเดินเข้าไปแล้ว

“โยชิ!!!”ผมตะโกนเรียกชื่อมันที่ตอนนี้ได้เข้าไปด้านในแล้ว “ ยะ อย่าเพิ่งไป แฮกๆๆ”ผมหอบหายใจอย่างเหนื่อย ไอ้เดฟรีบวิ่งมาหาผม

“ไม่ทันหรอว่ะไอ้อัล”มันถามผมพร้อมกับพยุงร่างผมไว้ ผมได้แต่ส่ายหน้าส่งให้มัน

“ไอ้โย..กูรักมึง!!”ผมเอ่ยออกไปเสียงแผ่วเบา ยังไงมันก็ไม่มีวันได้ยินอยู่แล้ว…zผมมองไปยังทางที่มันเพิ่งเข้าไปด้วยใจที่เจ็บปวด ไอ้ตัวเล็กกูขอโทษ กูรักมึง!!!





To be con....


เรื่องนี้อัพที่ธัญวลัยอีกที่หนึ่งค่ะ
เป็นไงก็เม้นบอกได้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่5 เดินทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 29-05-2016 04:09:37
สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่5 เดินทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 29-05-2016 04:11:45
อยากให้มาลงทุกๆวันได้ไหมค่ะ ... ไม่อยากรอนาน.
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่5 เดินทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 29-05-2016 04:17:20
อย่าให้ได้เจอกันอีกเลย.. อยากให้น้องโยได้เจอคนดีๆที่อาเมลีกา... อยู่ที่โน้นไม่ต้องกลับมาจากเมืองไทย ... อยากให้อัฟได้รับกำสี่งที่ตัวเองได้ทำกลับน้องไว้. 
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่5 เดินทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 30-05-2016 01:02:40
สมน้ำหน้า ต้องให้เสียเค้าไปก่อนสินะถึงจะคิดได้
มันไม่สายไปหน่อยหรอ?? กับสิ่งที่นายทำไว้
รักหรอ?? มาพูดตอนนี้มันก็ไม่มีค่าแล้วล่ะ ถ้ารักกันจริงก็ตามไปสิ ไปพิสูจน์
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่6วันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 30-05-2016 16:10:56

ตอนที่6วันวาน


-โยชิ-

“สวัสดีครับท่าน”ลูกน้องของป๊าสินะ ผมมองบุคคลหลายคนที่มาตอนรับครอบครัวของผม

“อืม..”ป๊ารับคำก่อนที่จะมีคนมาเข็นกระเป๋าเราไปยังรถที่จอดรอรับอยู่หน้าสนามบิน ตอนนี้ผมมาถึงอเมริกาแล้วครับ ว๊าวว!ที่นี่อากาศหนาวจัง ผมชอบนะอากาศแบบนี้ไม่ร้อนเหมือนไทย

นึกถึงไทย…ตอนที่ผมกำลังเดินเข้าไปเตรียมที่จะขึ้นเครื่อง ผมว่าผมไม่ได้หูแว่วหรอก ผมได้ยินมันชัดเจนเลยล่ะเสียงตะโกนเรียกชื่อผมมันดังมาก ดังพอที่จะทำให้ผมกลับไปมอง แต่ผมเลือกที่จะไม่หัน ถ้าผมหันกลับไปผมเกรงว่าผมจะทำใจไม่ได้ ผมจึงเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าแบบไม่หันหลังกลับ!!!

“โย..โยชิ!”ผมสะดุ้งตัวเมื่อเสียงป๊าเรียกชื่อผมดัง

“คะ ครับ”ผมหันไปหาป๊า

“เป็นไร เหม่ออะไรอยู่ลูก”ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ท่าน ตอนนี้เรานั่งอยู่ในรถมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของป๊าที่นี่ ผมมองบรรยากาศด้านนอกของรถ สวยดีจัง

“ม๊าเก็บของเสร็จเราไปเที่ยวกันนะ”ผมหันมาคุยกับม๊า

“เอาสิ ตามแต่ใจลูกเลย”ม๊าลูกหัวผมแล้วยิ้มให้ ผมรู้สึกมีความสุขจัง
.
.
.
.
เรานั่งรถมาได้สักพักก็ถึงที่หมาย รถที่เรานั่งมาก็ขับเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่อย่างกับวัง พอรถจอดผม ม๊า ป๊า ลงจากรถ ผมมองดูรอบๆบ้าน หน้าบ้านเป็นสวนขนาดใหญ่ ตกแต่งไปด้วยดอกไม้นาๆชนิด

“เข้าบ้านกันข้างนอกอากาศหนาวนะลูก”

“ครับม๊า”ผมเดินกอดม๊าเข้าบ้านไป ก็มีบรรดาสาวใช้เต็มไปหมด แต่เอ่ะ!ทำไมที่ไทยไม่เห็นมีเยอะขนาดนี้เลย มีแค่ป้าแม่บ้านกับหลานสาว2คนเอง แต่นี่อะไรเป็น10 ไหนจะคนที่ไปรับผมที่สนามบินอีก ผมรู้สึกว่าผมเป็นลูกมาเฟียเลยเฮ้ย!(มโนตามซะนะ!)

“สวัสดีค่ะคุณพี่”หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นซึ่งผมก็ไม่รู้จักซะด้วยสิ

“สวัสดีจ้ะน้องสาวของพี่”ม๊าผมเอ่ยตอบและเดินเข้าไปกอดกัน พี่น้องกันหรอ ผมไม่ยักกะรู้จักแหะ -3-

“ว่าแต่…นี่ใช่หนูโยของน้องหรือป่าวคะคุณพี่”ท่านคลายกอดจากม๊าแล้วเหลือบมามองเห็นผมจึงถาม

“ใช่จ้ะ โยมาหวัดดีคุณอาหน่อยเร็ว”

“สวัสดีครับคุณอา”ผมยกมือสวัสดีท่าน ก่อนที่ท่านจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ยกมือทาบกับหน้าผมแล้วหันซ้ายหันขวาเหมือนพิจารณาอะไรซักอย่าง เอ่อ..กูปวดหัวครับ

“น่าตาน่ารักเหมือนผู้หญิงเลยนะคะคุณพี่”หลังจากที่ท่านเล่นกับหน้าผมจนพอใจก็หันไปพูดกับม๊า

“ฮ่าๆๆก็ได้ม๊ามาเยอะนิ ใช่ไหมโย”ป๊าเป็นคนพูด

“เอ่อ..คงงั้นมั้งป๊า”ผมยิ้มแห้งๆให้คุณอาคนสวยก่อนที่จะหันไปตอบป๊า

“งั้นไปพักผ่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆเดี๋ยวป๊าขอเคลียร์เอกสารเรื่องโรงเรียนแกก่อนเดี๋ยวป๊าจะให้คนไปตามมานะ”

“ครับ”ผมตอบรับคำ ก็มีสาวใช้พาผมเดินขึ้นไปยังชั้น2ของบ้านเพื่อที่จะให้ผมพักผ่อน ที่นี่สะดวกสบายใช่น้อย พอมาถึงห้องผมก็ล้มตัวลงนอนทันที รู้สึกเพลียๆยังไงไม่รู้ เฮ้ออซักงีบแล้วกัน

“Z z z Z z z z”



-อัลฟา-

ไม่ทัน!ไม่ทัน!ไม่ทัน!

ผมได้แต่คิดอยากย้อนเวลากลับไป อีกแค่นิดเดียวนิดเดียวเท่านั้นผมจะทันมัน ทำไม ทำไมมันไม่คอยผมก่อน ทำไม…

“เฮ้ย!ค่อยๆแดกเหอะมึง!!”เสียงไอ้เดฟที่นั่งอยู่ข้างๆผมดังขึ้นเรียกสติผมที่เหม่อลอยอยู่คนเดียว

“น้อง!เอาอีก!”ผมไม่สนมันที่ห้ามผมผมสั่งบาร์เทนเดอร์ให้นำเหล้ามาอีก ผมเครียด!ผมแค่อยากดื่ม ดื่มให้มันลืม ก็เท่านั้น

“เฮ้ย!กูบอกมึงให้ค่อยๆแดกไง!”มันก็ยังคงเห่าหอนให้ผมได้ยินอีก

“เงียบไปเถอะ!!กูอยากอยู่เงียบๆคนเดียว!๐ผมบอกมันหย่างหงุดหงิด

“สภาพแบบนี้ปล่อยไว้คนเดียวมีหวังมีเรื่องดิสัส!”

“เรื่องกูน่า!จะไปไหนก็ไปเหอะไป!”นี่กูไล่มึงแล้วนะ ไปให้พ้นๆหน้ากูเลยไป

“ไม่!!กูเป็นเพื่อนที่ดีกับมึงนะเว้ย!”เออ!จะอยู่ก็อยู่ไปขี้เกียจเถียงกับแม่งแล้ว!!ผมกรอกเหล้าเข้าปากไม่รู้กี่แก้วต่อกี่แก้ว จนตอนนี้
ผมรู้สึกปวดหัว ตุบๆ ผมใช้มือทุบที่หน้าผากตัวเอง

“น้องอีกแก้ว!”แต่ผมก็ยังไม่หยุดที่จะดื่ม

“อีกแก้ว!”

“อีกแก้ว!”ผมรู้ว่าผมสั่งไปเท่าไรแล้ว จนตอนนี้ผมรู้สึกหนักอึ้งที่หัว แต่ความคิดบ้าๆที่ผมพยายามจะลืมว่ามันจากผมไปแล้ว ภาพที่มันเดินเข้าไปยังคงวนเวียนอย่ในสมองผมตอนนี้

“เอ่อ..ขอนั่งด้วยคนได้ไหมค่ะ”เสียงใครสักคนดังขึ้นข้างๆผม ผมหันไปมองซ้าย มองขวาก็ไม่เห็นมีใคร คงพูดกับผมสินะ ผมจึงพยักหน้าให้ แต่ว่า…ไอ้เชี้ยเดฟหายไปไหนว่ะ!!

“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอค่ะ…ฉันชื่ออายนะคะ^^”เธอถามผมก่อนที่จะแนะนำตัวเองให้ผมรู้จัก ซึ่งผมไม่ได้อยากรู้จักเลย

“อัลฟา”ผมตอบแบบไม่มองหน้าเทอ “น้องอีกแก้ว”ผมยังคงสั่งเหล้าดื่มต่อ

“ดื่มเยอะขนาดนี้มันไม่ดีนะคะ”เธอบอกพร้อมกับเสียมารยาทมาดึงแก้วเหล้าในมือผมออกไป ผมหันกลับไปมองหน้าเธอ

“เรื่องของผม”ผมตอบแล้วดึงแก้วกลับมาคืนแล้วกรอกเข้าปากรวดเดียวจบ

“คุณคงมีเรื่องเครียดมากสินะ”ไม่วายเธอยังเอามือมาลูบที่แขนผมเหมือนยั่วยวน หึ!แต่ขอโทษนะตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์เล่นด้วย
ผมปัดมือเธอออกจากแขนผม

“อย่ามายุ่งกับกู!ไปร่านที่อื่นเหอะ!”ผมกระซิบบอกที่หูเธอและลุกขึ้นยืนเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่สนใจเสียงกรี๊ดของเทอเลย!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!”
มันรู้สึกเหมือนทรงตัวไม่ได้แต่ผมก็ยังพอควบคุมตัวเองไหว ผมค่อยๆนำร่างกายอันโงนเงนของตัวเองเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ทางด้านหลังของร้าน ล้างหน้าล้างตาซักหน่อยแล้วกัน

“ซ่า”ผมเปิดน้ำแล้วก้มหน้าลงไปกับอ่างมือก็รองน้ำแล้วสาดเข้าหน้าให้ตัวเองยังพอมีสติหลงเหลือบ้าง ผมมองใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเอง คงเป็นฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเยอะไปสินะ ผมยื่นตัวเต็มความสูง ผมที่กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับใครไม่รู้

“ปึ้ก ตุบ!”ชนเข้าเต็มแรง จนทำให้ผมเซเล็กน้อยแต่กับอีกคนไม่ใช่ มันล้มลงไปกองกับพื้นเลยครับ ผมไม่สนที่จะขอโทษ ผมเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ก็ชะงักเมื่อมีคนมาดึงผมให้หันกลับไป

“ชนคนอื่นเค้าล้มแล้วไม่ขอโทษเลยนะมึง!!”ผมเงยหน้ามองคนพูด หึ!ผมแสยะยิ้มให้มันก่อนที่จะปัดมือมันออกจากแขนผม

“ไอ้เหี้ย!!มึงอยากตายใช่ไหม!!!”เท่านั้นแหละครับเกิดการตลุมบอนกันขึ้น มันชกเข้าที่หน้าผมเต็มๆ คิดว่าผมจะยอมหันทำฝ่ายเดียวหรือไง ผมจัดการส่งหมัดไปให้มันเช่นเดียวกัน ผมเห็นมันเซเล็กน้อย

“มะ มึง!!!”มันตรงเข้ามาหาผมอีกรอบ ร่างกายผมก็โงนเงนล้มแล่มิล้วแล่ แต่ก็ยังคงควบคุมรับหมัดมันได้แล้วสวนกลับอีกครั้ง เล่นกับใครไม่เล่นเล่นกับผมที่ตอนนี้ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรด้วย มีเรื่องแบบนี้ก็ดีจะได้ระบายความอึดอัดหน่อย

“เฮ้ย!!ทำไรเพื่อนกูว่ะ!!”รู้สึกว่ามันจะมีพวก แต่ก็นะถึงมีพวกเยอะแค่ไหนผมก็ไม่กลัวหรอก เข้ามาสิ!

“กูต่อยเพื่อนมึงอยู่ไง เห็นกูเล่นขายของอยู่หรือไงอ้โง่!!”ผมด่าพวกมัน

“มึงว่ากูโง่หรอ!!อย่าอยู่เลย!!”จากนั้นพวกมันสี่ห้าคนก็เข้ามารุมผม

“อั๊ก!”มันถีบเข้าที่ท้องผมเต็มๆทำให้ผมล้มลงไปกองกับพื้นด้วยสภาพที่ผมยืนแทบไม่ไหวจากการดื่มหนักอยู่แล้ว

“หึ!กระจอกนะมึง!”ผมยังคงท้าพวกมัน พวกมันนี่โกธรเป็นฝืนเป็นไฟเลยครับ ไม่มีใครยอมให้คนอื่นเค้าดูถูกหรอก จริงไหม

“มึง!!เฮ้ยรุม!”เสียงสั่งให้รุมผมดังขึ้น ผมพยุงตัวเองได้ก็หลบหมัดไอ้พวกเวรนี่ก่อนจะสวนหมัดเข้าไปที่ท้องของไอ้คนที่จู่โจมผม

“อั๊ก!ตุบ”ลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย โอ้ย!แม่งเวียนหัวว่ะ ผมสะบัดหัวตัวเองสองสามทีก่อนที่จะหลบหมัดไอ้คนที่สองที่เข้ามาหาผม ผมจึงส่งลูกถีบไปให้

“เก่งนักนะมึง!!”ไอ้คนที่ยืนดูอยู่ พอเห็นพวกลูกน้องมันล้มกันไปแล้วก็พูดขึ้น มันตรงเข้ามาถีบท้องผม ทำให้ตัวผมล้มลงไปอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้น…

“ย่ำมันให้เละ!!”จบคำนั้นพวกมันที่โดนผมจัดการเมื่อกี้ก็กระทืบที่ตัวของผมเต็มแรง ผมต้องนิ้วหน้าเพราะความเจ็บที่บริเวรท้อง มันทั้งเจ็บทั้งจุก!ผมง้อตัวเองเพราะความเจ็บ ผมรู้ว่าสภาพผมตอนนี้ดูไม่ได้เลย เลือดไหลที่มุมปาก แขนและขาก็คงช้ำ ผมนอนนิ่งให้มันย่ำผมจนพอใจ ผมได้แต่คิดถึงภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เวลาผมมีเรื่องมันมักจะต่อว่าผมเวลาที่มีเรื่องตลอดเวลา



ทำไมพี่ถึงชอบทำให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ”โยชิวางอุปกรณ์ทำแผลไว้ข้างๆตัวเองก่อนที่จะหันมามองหน้าของอัลฟาที่เป็นคนรักของเค้า

“ก็มันหยาบศักดิ์ศรีพี่นิ”อัลฟาเอื้อมมือขยี้ผมของโยชิเบาๆแล้วยิ้มให้

ศักดิ์ศรีมันกินได้หรือไงกัน!”จับมืออัลฟาออกจากหัวแล้วเบะปากทำเป็นงอน

ถึงมันจะกินไม่ได้…แต่มันก็!เฮ้ออช่างมันเถอะ ทำแผลให้พี่ดิ”อัลฟายื่นหน้าไปตรงหน้าของโยชิ

“พี่นี่จริงๆเลยนะ”โยชิหันไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมา ก่อนที่จะจับหน้าอัลฟาให้อยู่นิ่งๆแล้วก็จรดสำลีที่ใส่แอลกอฮอล์ล้างแผลแตะไปที่ใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำ

โอ๊ย!เบาๆหน่อยสิพี่เจ็บนะ”อัลฟาจับมือโยชิไว้ให้หยุด

ผมก็ทำเบาที่สุดแล้วนะ!ทีแบบนี้มาเจ็บ ทีตอนมีเรื่องไม่เห็นเจ็บเลย”โยชิต่อว่าอัลฟาแล้วยู่ปากอย่างงอนๆมันทำให้คนถูกว่ากลับยิ้มออกมา

“ก็ตอนนั้นมันคงชาไม่รู้สึกอะไรหรอก”อัลฟาตอบแล้วยื้อมือบีบจมูกเล็กๆของโยชิเบาๆ

อ้ะ!ผมเจ็บนะ บีบมาได้”

เจ็บหรอ..”อัลฟาก็เลยบีบเข้าที่แก้มนุ่มของโยชิไปมา

“ปะ ปล่อยเลยนะ พี่อัลผมเจ็บ”ตีเข้าที่มือของอัลฟาเบาๆให้ปล่อย
อัลฟายอมปล่อยแต่โดยดี

“ทำแผลให้พี่ต่อเถอะเดี๋ยวจะไม่หายกันพอดี”

“สมน้ำหน้า แบร่! :P ”

ภาพในวันวานที่ผมกับโยชิเคยพูดคุยกัน มันแวบเข้ามาในสมองของผมตอนนี้ จนผมลืมไปว่าตอนนี้ผมโดนกระทืบปางตายอยู่แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย อยู่ๆน้ำตาของผมก็ไหลลงมา…

“กูคิดถึงมึงไอ้ตัวเล็ก..”ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“เฮ้ย!!พอแล้ว!!พวกมันได้รับคำสั่งจากหัวหน้ามันจึงหยุด

“อย่ามาทำเป็นเก่งกับพวกกูอีกไม่งั้นกูเอามึงตายแน่!!นี่แค่สั่งสอน !! ไปเว้ย”ก่อนไปมันยังฝากหมัดเข้าที่หน้าผมหนึ่งหมัด ผมนอนิ่งไม่ขยับไปไหน ตอนนี้ผมไม่มีแรง ผมเจ็บ แต่เจ็บที่ใจไม่ได้เจ็บที่กาย ผมมีเรื่องอีกแล้ว ผมทำให้มันเป็นห่วงอีกแล้ว แต่มันจะ
รู้สึกเป็นห่วงผมไหม ผมไม่รู้ ในเมื่อคนที่ผมคิดถึงกลับไม่อยู่ที่นี่แล้ว…ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ ผมทำมันพลาดเอง!!!

“กูควรจะทำยังไง?ทำยังไงให้มึงกลับมาหากูโยชิ…”



กุกกัก กุกกัก

“อื้อ โอ๊ยย!!”ผมตื่นเพราะได้ยินเสียงดังรบกวนการนอนของผม

“ตื่นแล้วหรอว่ะ”ไอ้เดฟนั่นเองครับ

“อืม…”

“มึงแม่ง!ทีแรกกูคิดว่ามึงจะตายห่าไปแล้วซะอีกนอนจมกองเลือดซะขนาดนั้น มึงโครตอึดเลยว่ะไอ้อัล”มันละจากที่ทำอะไรไม่รู้สักอย่างเดินเข้ามาหาผม แต่เดี๋ยวนะ นี้มันห้องผมไม่ใช่หรอแล้วไอ้ที่มันทำเสียงดังรบกวนผมเนี้ยมันทำอะไร

“เออ!!ไอ้เดฟเมื่อกี้มึงทำไรเสียงดังว่ะ”

“อ่อ!!กูหาไอ้นี่อยู่นะ”มันบอกพร้อมยกขึ้นให้ดูตรงหน้าผม

“เอาไปทำไหม”ผมถามมันเมื่อสิ่งที่อยู่ในมือมันเป็นอุปกรณ์ที่ตำรวจไว้จำผู้ร้าย ใช่ครับ!มันคือกุญแจมือ…

“ก็เอาไปจับเมียไงแม่ง!!พูดแล้วขึ้น”มันทำหน้าจริงจังมากครับ

“ทำไม มันไม่ยอมมึงว่างั้น”

“ก็เออดิว่ะ พอกูไปหามันที่บ้านแม่งเสือกไล่กูอย่างกับหมูกับหมา”

“เออ..ทำไรก็ระวังๆด้วยล่ะ”ผมบอกมันก่อนที่จะล้มตัวนอนเหมือนเดิม

“รู้แล้วน่า!!”เออให้มันรู้จริงเถอะครับ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบผม คิดแล้วก็เจ็บ!!

“เฮ้อออออ”ผมถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“เป็นไรว่ะ ถอนหายใจซะกับเป็นเฮือกสุดท้ายที่มึงจะมีชีวิตอยู่”อืมปากมึงนะ ถ้ากูตายจะไปหลอกมึงคนแรกไอ้เพื่อนเชี้ย ผมมองมันเล็กน้อยก่อนที่จะพลิกหันไปอีกทาง ขี้เกียจคุยกับมัน

“เออ กูรู้สึกว่ามึงจะเริ่มรำคาญกูแล้ว งั้นกูกลับแล้วนะ บาย”มันลาจบก็เดินออกไป ผมพลิกกลับมานอนท่าเดิมอีกครั้งก่อนที่จะลุกและเดินไปที่ห้องน้ำ

“เฮ้ออ เล่นซะปากกูแตก หน้ากูบวมเลยหรอว่ะ”ก็แหง่แหละครับ พวกมันรุมกระทืบผมนิ คิดแล้วแค้น ผมลูบตามรอยแผลที่มีอยู่บนใบหน้าของตัวเอง ทำให้ผมย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันวานที่ผมยังมีไอ้ตัวเล็กอยู่ข้างกาย ถึงจะคบกันไม่นานนัก แต่ผมก็คบกับมันนานมากกว่าคนอื่น ทำให้ผมรู้นิสัยมันดี เด็กผู้ชายที่ชอบโวยวาย ด่าว่าผมตอนมีเรื่อง แต่นั่นก็เพราะมันเป็นห่วงผม

อ๊อดดดด!!

เสียงอ๊อดดังขึ้นมันเป็นอ๊อดหน้าห้องผมเองครับ ผมจึงสบัดหัวไล่ความคิดในตอนนี้ออกไปแล้วเดินออกไปหาบุคคลที่ยืนรออยู่ด้านนอกประตูห้องของผม ผมส่องตาแมวดูก็พบว่าเป็นพนักงานของคอนโดที่ผมอยู่ ผมจึงเปิดประตูออกไป

“สวัสดีครับ…นี่เป็นอาหารที่เพื่อนคุณสั่งให้ผมนำมาให้ ไม่ทราบว่าจะให้วางไว้ตรงไหนครับ”บนหัวกูนี่ ไอ้นี่ก็ถามมาได้ว่าวางไว้ตรงไหน

“บนโต๊ะ…ตรงโซฟา”

“เรียบร้อยแล้วครับ สวัสดีครับ”พอมันวางอาหารเสร็จมันก็เดินออกไปจากห้อง ผมเดินมานั่งที่โซฟา ผมมองอาหารที่เพื่อนผม(น่าจะไอ้เดฟ)สั่งให้ มันคือข้าวต้มอุ่นๆนั้นเอง มันเป็นข้าวต้มกุ้งครับ ทำให้ผมนึกไปถึงไอ้ตัวเล็ก



“ทำอะไรอ่ะพี่อัล”โยชิเดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆอัลฟาที่กำลังทำอาหารอยู่

“ข้าวต้มกุ้งนะ”อัลฟาตอบ

“จริงหรอฮะ !! ว๊าวว ผมอยากกินจังคงอร่อยน่าดูเนอะ”โยชิบอกด้วยน้ำเสียงใส

“แน่นอนว่าต้องอร่อยเพราะมันเป็นฝีมือพี่นิ”

“ฮ่าๆๆรู้สึกว่าพี่จะมั่นใจในฝีมือตัวเองไปนะครับ”

“นี่ !! จะกินไหม”อัลฟาหรี่ตามองโยชิก่อนที่จะถามออกไป

“กินครับกิน”โยชิบอกยิ้มๆ

“งั้นก็ไปนั่งคอยที่โต๊ะไป”

“ครับผม!”โยชิเดินมานั่งที่โต๊ะคอยให้อัลฟานำมาเสริฟ

“อ่ะ ! ลองชิมดูสิ”อัลฟาตักข้าวต้มที่เพิ่งทำเสร็จร้อนๆมาไว้ตรงหน้าโยชิ โยชิก้มหน้าไปดมๆชามข้าวต้ม

“หอมจังฮะ”โยชิตอบพรางเงยหน้าขึ้นมามองอัลฟาที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนลายน่ารัก

“งั้นก็ลองชิมดูดิว่าอร่อยหรือป่าว”อัลฟาขยั้นขยอให้โยชิกิน

“อ่า..ผมจะกินแล้วนะ”

“อือ” อัลฟามองโยชิที่กำลังยกช้อนขึ้นมามองหน้าเค้าแล้วก็เริ่มเป่าเอาไอร้อนของข้าวต้มให้หายไปแล้วจึงนำมันเข้าปาก โยชิเคี้ยวข้าวแล้วขมวดคิ้ว

“เป็นไง?ทำไมทำหน้าแบบนั้นไม่อร่อยหรอ”อัลฟาถามโยชิที่ทำหน้าขมวดคิ้วให้เค้าเห็น

“คือว่า…”

“หืม..ไม่อร่อยจริงๆสินะ”อัลฟาก้มหน้าถอนหายใจออกมา โยชิมองการกระทำของอัลฟาก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมาที่เค้าแกล้งอัลฟาได้

“ฮ่ะๆฮ่าๆๆๆ”อัลฟาที่ได้ยินเสียงหัวเราะจากโยชิจึงเงยขึ้นมองโยชิ

“ขำไรไอ้ตัวเล็ก”

“ป่าวครับ”

“ป่าวอะไรเห็นๆอยู่ว่าหัวเราะพี่”อัลฟาขมวดคิ้ว

“ผมแค่แกล้งพี่นิดหน่อยเอง ทำหน้าเครียดไปได้”โยชิลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาอัลฟาที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

“มันน่าน้อยใจไหมล่ะคนเค้าอุสาทำเต็มที่แต่โดนแกล้งแบบนี้”อัลฟาทำหน้างอ

“โอ๋ๆๆผมแค่ล้อเล่น จริงๆแล้วอร่อยมากเลย”โยชิเกาะแขนอัลฟาแล้วเอาหัวถูๆที่แขนอัลฟาเหมือนอ้อน

“อร่อยจริงนะ ถ้างั้นไปกินต่อเถอะ”อัลฟาดันหันโยชิออกเบาๆแล้วขยี้เล่น

“ครับผม!จะกินให้หมดหม้อเลย^^”





“เฮ้อออ”เสียงถอนหายใจออกมาจากผมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว ผมนั่งมองข้าวต้มกุ้งก่อนที่จะลงมือกิน ผมไม่รู้ว่าช่วงนี้ผมเป็นอะไร ทุกอย่างที่ผมเห็นมันมักจะเป็นสิ่งที่ผมเคยทำกับไอ้ตัวเล็ก และทำให้ผมคิดถึงมันขึ้นทุกๆครั้งที่นึกถึง…



-โยชิ-

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณหนูค่ะ”

“อื้ออ”ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูและตามมาด้วยเสียงของคนรับใช้ที่นี้

“ครับ”ผมเดินมาเปิดประตูก็เห็นสาวใช้อยู่ที่หน้าประตู

“คุณท่านให้มาตามคุณหนูลงไปทานข้าวค่ะ”เทอบอก

“อ่อครับเดี๋ยวผมจะตามลงไป”ผมตอบเทอไปและปิดประตูเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำเพื่อให้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง

“เฮ้ย!ทำไมตาบวมงี้ว่ะ”ผมมองหน้าตัวเองผ่านกระจกก็พบว่าตาบวมมาก ผมร้องไห้หนักจนตาบวมเลยหรือไง

“เฮ้ออ ช่างเถอะเดี๋ยวมันก็หายบวมเองล่ะมั้ง”
ผมเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านก็พบว่ามีป๊า ม๊า คุณอา และใครอีก2คนที่ผมไม่รู้จักนั่งอยู่ด้วย

“โยนั่งข้างม๊ามา”ม๊าเรียกให้ผมไปนั่งใกล้ๆท่าน

“ครับ”

“ทำไมตาบวมแบบนี้ละโยชิของอา”คุณอาที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับม๊าเอ่ยขึ้น ทำให้คนทั้งโต๊ะหันมามองที่ผม โดยเฉพาะ2คนที่ผมไม่รู้จักก็จ้องหน้าผมเช่นกัน ผมรู้สึกประหม่ายังไงไม่รู้แฮะ

“เอ่ออ คือ…อ่อ!สงสัยเพราะผมไม่ชินกับอากาศมั้งครับทำให้ผมตาบวม”ผมยิ้มแห้งๆให้คุณอา

“หึ!เหมือนคงร้องไห้มากกว่าว่ะ”ไอ้คนที่นั่งตรงข้ามกับผมพูด ผมจึงหันไปมองมัน หน้าเรียว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีสด ผมบอกได้เลยว่ามันหล่อมากกกก!!!

“มึง!อย่าไปเสือกเรื่องคนอื่นได้ไหมไอ้เนปจูน”คนที่นั่งข้างๆของคนที่ชื่อเนปจูนพูดพร้อมกับเขกหัวไปที่หัวมันด้วย

“โอ๊ย!เฮีย!หรือไม่จริงอ่ะ เห็นๆอยู่ร้องไห้มาชัวร์!”มันหันไปพูดกับเฮียของมันแล้วจึงบุ้ยปากมาทางผม

“เออ!ก็ช่างประไร มึงอย่าเสือกเรื่องเค้าสิ!”คนที่มีนามว่าเฮีย(หรือป่าว)ตอบกลับไอ้คนที่ชื่อเนปจูน

“เงียบๆๆได้แล้วพวกแกเนี้ย เห็นไหมผู้ใหญ่เค้านั่งอยู่ทนโท่เห็นบ้างไหม มีมารยาทหน่อยสิ”คุณอาท่านหันไปดุเฮียและคนที่ชื่อเนปจูน

“เฮียคนเดียวเห็นไหมโดนม๊าดุเลย”ไอ้เนปจูนมันยังคงไม่หยุด

“เงียบได้แล้วเจ้าเนป!!”คุณอาขึ้นเสียงใส่เนปจูนจนคนที่โดนว่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา แม่ง!!ตุ๊ดป่าวว่ะ ผมมองคนตรงหน้าก่อนที่จะขำเล็กๆซึ่งถ้าไม่ตั้งใจฟังจะไม่ได้ยินนะครับ

“ขำเชี้ยไรว่ะไอ้เตี้ย!!!”ห้ะ!!มันว่าผมใช่ไหม มันว่าผมเตี้ยหรอ!!

“ใครเตี้ย!!สูงตายแหละ”ผมไม่ยอมให้มาว่าผมฝ่ายเดียวหรอก ชิ สูงตายแหละ แต่มันก็สูงจริงๆแหละครับ

“กูสูงกว่ามึงแน่นอน!!”มันยังคงเถียงผม ไอ้นี่แม่งไม่เคยได้พูดสินะ พูดมากจริง

“พอๆๆนี่เจ้าเนปนั้นลูกชายของลุงเองชื่อโยชิ  ส่วนคนที่นั่งข้างๆเจ้าเนปชื่ออาทิตย์ ส่วนนี้นะส่วนเจ้าเนปป๊าไม่ต้องแนะนำก็ได้
เนอะ น่าจะรู้จักแล้ว อายุเท่าๆกันดีเลยลูกจะได้ไม่เหงา”ป๊าแนะนำผมให้เนปจูน แล้วหันไปแนะนำพี่อาทิตย์ให้ผมรู้จัก ส่วนไอ้เนปไรนั้นไม่ต้องแนะนำอ่ะดีแล้ว ผมไม่อยากเถียงกับมัน

“หวัดดีน้องชาย เรียกฉันว่าเฮียแบบไอ้เนปก็ได้ง่ายดี”เฮียแกบอกแบบนี้ผมก็จัดให้ครับ

“ครับเฮีย”ผมก้มหัวแล้วยิ้มให้เฮียแกเล็กน้อย

“ชิ!ไอ้เตี้ย!!”มันยังว่าผมเตี้ยอยู่อีกครับ

“เออ!!ไอ้สูง!!”ผมจึงประชดมันไปเลย เห็นมันยิ้มด้วยนะครับ สงสัยมันจะชอบให้คนเรียกมันว่าสูง

“เจ้าเนปลุงฝากดูแลโยชิลูกชายลุงด้วยนะ”

“ทำไมครับ”มันถามป๊าผมอย่างสงสัย

“คือโยเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่และไม่ค่อยมีเพื่อนลุงเลยให้โยอยู่ห้องเดียวกันกับเราที่โรงเรียน”อ่ออ…ให้ผมเรียนห้องเดียวกับมัน เฮ้ย!!ได้ทะเลาะตายดิ

“อ่อครับ!!ผมจะดูแลมันเป็นอย่างดีเลยล่ะครับคุณลุง หึหึหึ”มันตอบพ่อผมโดยที่สายตามันจ้องที่ผมอย่างเจ้าเลห์…สรุป!!คือกูจะต้องอยู่กับมันใช่ไหมเนี้ย!!ถ้าไม่ติดว่าผมไม่ค่อยจะชินกับที่นี่เท่าไรนะ ผมไม่มีวันยอมให้ใครมาดูแลผมหรอก!!!






To be con...
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่6วันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 31-05-2016 02:33:58
ขอให้น้องได้เจอแต่คนดีๆเถอะค่ะ. อย่าไปหยึดติดกับไอ้อัฟนั้นเลย


ให้มัน เจ็บมากๆๆๆๆกลับสิ่งที่มันเคียทำ ... สะใจที่สุดที่น้องโยไม่กันกลังกลับไป ...  เดินไปต่อข้างหน้าเถอะหนูโย


หวังว่าไอ้เนปจูนจะ ดูแลน้องโยเป็นอย่างดีนะ...


พี่อาทิตย์ นี้ยังไง ...ไม่คิดชอบโยใช่ไหม ....



มาต่อเร็วๆนะค่ะ ...
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่6วันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 31-05-2016 04:16:41
มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่6วันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 31-05-2016 07:08:07
ขอให้หนูโยเจอแต่คนดีๆเถอะ อัลฟาถ้าอยากได้เค้าคืนก็ตามมาพิสูจน์ตัวเองสิ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่7 : กลับมาพร้อม…ไอ้สูง !!!
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 31-05-2016 14:37:05

ตอนที่7 : กลับมาพร้อม…ไอ้สูง !!!


1ปีต่อมา…

-โยชิ-

ตึก ตึก ตึก

เสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นของสนามบินดังเป็นจังหวะการเดิน อ่า…สวัสดีครับ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วล่ะ?ใจจริงผมก็ไม่ได้อยากกลับมาหรอกนะ แต่ก็เพราะ…

“เตี้ย!!!!!!!!”อ่าห้ะ!อย่างที่ทุกคนได้ยินครับ !! คือแบบมันจะตะโกนทำไม อายเค้าบ้างหรือป่าว มันก็รู้ว่าเราอยู่ในสนามบินกันและคนก็เยอะด้วยซิ โอ๊ยย!!ตั้งแต่ที่ผมรู้จักกันมากับมันก็นี่คือแบบ !! เอื่อมครับ ผมหันไปมองยังเสียงที่ตะโกนเรียกผม

“อะไรเล่า !! เบาๆไม่เป็นหรือไง !”ผมหยุดคอยมันให้มันเดินเข้ามาหาผม

“ก็เตี้ยเดินเร็วไม่คอยเค้าอ่ะ !”คือแบบ!!มันบอกด้วยน้ำเสียงเง้างอน

“มึงเสือกเดินช้าเองนะไอ้สูง!!”ผมตบหัวมันไปทีหนึ่งหมั่นไส้อ่ะ มาทำเสียงเง้างอนอย่างกะผู้หญิง กะแดะมากครับ

“มึงแหละ สัส!เตี้ย!เดินไม่คอยกู”มันเชิดหน้าใส่ผมแล้วเดินนำไปทันที คือมึงเมนไม่มาป่าวว่ะ

“ไอ้สูง !! คอยกูด้วยดิ ทีตอนนี้เดินเร็วนะมึง”ผมรีบวิ่งไปให้ทันมัน ไอ้นี้ก็ขายาวก็สาวได้สาวเอา ผมสิขาสั้นตามมันจะไม่ทัน

“ทีมึงยังไม่คอยกูเลยเตี้ย!”มันหยุดเดินทำให้ผมที่เดินตามหลังมันมาชนเข้ากับหลังมันเต็มๆ

“หยุดเดินไมไม่บอกสูง!!”ผมผละออกจากแผ่นหลังของมันก็ต้องขมวดคิ้วมองมันที่อยู่ๆก็หยุดเดิน

“เอ้า !! ไอ้เตี้ย!เตี้ยแล้วเสือกโง่อีกนะมึง!!”

“อะ ไอ้สูง!!มึงว่ากูโง่หรอ?ไอ้เหี้ยสูง!!กูโป้งมึงแล้ว!!!”เชอะ!อยู่ๆมาว่าผมโง่ งอนครับงอน

“เชี้ยยยยย!!อย่ามางอนกูสัส!ก็มึงบอกให้กูคอยมึงไง”มันดึงแก้มผมที่พองลมทำงอนมัน ดึงแก้มผมซะยืดเลย

“งื้อออ เอ็บ!!”(เจ็บ)ผมจับข้อมือมันออก มันก็ยังไม่หยุดเล่นกับแก้มผมซะที บอกว่าเจ็บ ไอ้นี่แม่ง!!! ผมจึงเอื้อมมือไปดึงแก้มมันบ้าง

“นะ นี่ จะเอาคืนหรอ!!ไม่ง่ายนะครับที่รัก ฮ่าๆๆ”มันหัวเราะร่าเมื่อผมทำท่าจะดึงแก้มมันอีกรอบ คือต้องเข้าใจนะครับผมเตี้ยกว่ามันไงแต่
เอื้อมมือไปดึงมันก็ถึงอยู่หรอกนะแต่นี่มันขืนตัวไง พอผมจะดึงมันก็เอียงหน้าหนี คือกูแพ้ราบคาบครับ !!

“พอๆๆเลิกเล่นได้แล้ว”หืมม?งงสิครับ ผมยังไม่ได้เล่นเลยนะ มันแหละที่เล่น มันหยุดดึงแก้มผมแล้วครับ
ทุกคนยังคง งง กับสาเหตุที่ผมกลับมาหรือป่าว?ผมคิดว่าทุกคนคงอยากรู้…ที่ผมกลับมาเพราะ!ไอ้สูง!หรือไอ้เนปจูนคู่กัดของผมเองครับ คู่กัดหรอ?ไม่ใช่มั้ง ฮ่าๆๆคือตอนแรกที่ผมกับมันเพิ่งรู้จักกันอ่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ !! คือตอนนี้เราเป็นเพื่อนรักกันและสนิทกันมากด้วย ไม่รู้สิครับ ตอนแรกก็ตีกันเกือบตายแต่พอๆไปๆมาๆสนิทกันและเราก็ดูจะเข้าใจกันทุกอย่าง…อ้อ!!ยิ่งแต่กับเฮียอาทิตย์แล้วผมก็สนิทนะ^^พูดแล้วก็คิดถึงเฮียแก หลังจากที่ผมไปอยู่ที่นั้นได้ไม่นานและเริ่มสนิทกับเฮียแก แกก็บินมาที่ไทยเลยครับ เพราะเฮียแกจะมาดูธุรกิจพันล้านที่นี่ นั้นก็คือ สนามแข่งรถและผับที่หลายแห่งที่เฮียแกเป็นเจ้าของ(รวยเวอร์อ่ะ) เนปจูนหรือไอ้สูง จู่ๆมันก็คิดอยากจะมาเรียนต่อ ป.ตรี ที่ไทย ทำให้ผมต้องมากับมัน เพราะมันไม่ค่อยจะชำนาญทางเท่าไร ทีแรกผมปฏิเสธหัวชนฝาเลยนะครับ แต่ก็นะ!!เจอลูกอ้อนมันนิเดียวผมก็ต้องมาจนได้…

“เออ!”ผมพูดกระแทกเสียงใส่มัน

“ป่ะ มึงนำเลยเตี้ยกูไม่รู้ทาง”มันโอบที่ไหล่ผมแล้วเดินไปด้วยกัน ผมพามันเดินออกจากสนามบินหารถแท็กซี่ พอได้รถแท็กซี่ผมกับมันก็กระโดดขึ้นรถทันทีเลยครับ คือตอนนี้ผมอยากกลับบ้านมากครับ

“ไปไหนน้อง”โชว์เฟอร์หันมาถามพวกผม

“ไปบ้าน…ครับ”โชว์เฟอร์พยักหน้ารับแสดงว่าเข้าใจแล้ว  แต่ไอ้คนที่ไม่เข้าใจน่าจะเป็นไอ้ตัวที่นั่งข้างผมนะครับ

“มึงจะไปบ้านมึงทำไม?” ไอ้นี่ก็ถามแปลกนะครับ ผมไปบ้านผมมันผิดตรงไหน ดูมันทำหน้าเข้าสิ !!

“ผิดตรงไหนว่ะที่กูจะกลับบ้านตัวเอง มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรอที่เราต้องไปอยู่บ้านอ่ะ?”

“มันก็ใช่ไง!แต่ทำไมต้องอยู่บ้านมึงด้วยว่ะ!”เออ เอาเข้าไป ถ้าผมไม่อยู่บ้านตัวเองแล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหนครับ จริงม่ะ?ไอ้นี่ก็แปลก

“…”แดกจุดสิมึง ผมได้แต่เงียบจ้องหน้ามันนิ่งๆอย่างสงสัย

“อะไร?มึงจะทำให้มีเครื่องคำถามหาพระแสงวิมานมึงไง!เตี้ย!”ก็ผมสงสัยผิดไงที่จะทำหน้าให้มีเครื่องหมายคำถาม

“…”ยังคงสงสัยครับ

“เฮ้ออ!!เตี้ยเอ้ย!”

“อะไรของมึงห้ะ! ห้ะ ห้ะ! ทำไมถ้ามึงไม่อยู่บ้านมึงจะนอนข้างถนนหรอว่ะ สัส! อีกอย่างนะ กูก็คิดถึงบ้านมากด้วย”ผมพูดน้ำไหลไฟแลบ
เลยครับ

“เออ!!รู้แล้ว!!”

“รู้แล้วมึงจะยังจะอะไรอีก”

“กูจะบอกว่าไม่อยู่บ้านมึงนะ!”เอ่ะ!กูเริ่มจะ งง?

“ทำไม?”เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นอีกหลายตัวบนหน้าผม

“กูจะอยู่คอนโด”มันตอบ

“คอนโด? แล้วมึงจะไม่ไปอยู่บ้านกูว่างั้น?”มันพยักหน้า ผมเลยถึงบางอ้อ!แค่บอกว่าจะไม่ไปอยู่บ้านผมแล้วไปอยู่คอนโดแค่นี้จบ!ชอบทำอะไรให้มันเข้าใจยากไอ้นี่แม่ง

“และมึง!ต้องไปอยู่กับกูด้วยเตี้ย!!”

“ห้ะ!!!”ผมตะโกนออกมาอย่างดังครับ เหมือนพี่โชว์เฟอร์แกจะสดุ้งเสียงผมนะ “ละ แล้วทำไมกูต้องไปอยู่คอนโดกับมึงด้วยว่ะสูง”ผมยู่หน้า มันจึงบีบจมูกผมเบาๆ

“กูอยากอยู่คนเดียวอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” ผมจ้องหน้ามันนิ่งใช้ความคิดแปบ

“แต่กูมีบ้านอยู่นะสูง ? มึงก็อยู่คนเดียวไปอ่ะดีแล้วกูอยากอยู่บ้าน”ผมตอบมันพรางดึงมือมันออกจากจมูกผมด้วย

“ไม่ !!! มึงต้องอยู่กับกูเตี้ย!”คือมึงกำลังจะเล่นเกมส์ประสาทอะไรกับกูใช่ไหมเนี้ย

“ไม่เอาหรอกกูอยากอยู่บ้านมากกว่า”ผมยังคงคำตอบเดิม

“เตี้ย!!แต่ยังไงมึงก็ต้องไปอยู่กับกูนะ กูไม่อยากอยู่บ้าน อยู่คอนโดอ่ะดีสุด นะๆๆๆนะเตี้ยคนดีของสูง!!”มามุกนี้อีกแล้วครับ ถ้าผมไม่ตามใจมันมันก็อ้อนผมแบบนี้ มันกอดคอผมไว้แล้วเอาจมูกมาถูๆกับจมูกผม

“เฮ้ออ เออๆๆกูไปอยู่กับมึงก็ได้ แต่!!!”ผมยังมีข้อแม้นะครับ

“แต่ไรบอกมาได้เลย แค่มึงไปอยู่กับกูก็โอเคแล้ว”มันดี๊ด๊ามากเลยครับที่เห็นตอบตกลงมันเนี้ย!

“หลังจากที่เราสองคนสอบเข้ามหาลัยเสร็จเท่านั้นนะเว้ยแล้วคอยย้ายออกไป  แต่ตอนนี้อยู่บ้านก่อน เคป่ะ?”มันทำท่าจะเถียงครับ ผมขอดักมันก่อนแล้วกัน “ถ้ามึงไม่ยอมกูจะไม่ไปอยู่กับมึงนะไอ้สูง!!!”ผมพูดอย่างเด็ดขาดจ้องหน้ามันอย่างจริงจัง มันงี้หน้าหงิกเลย

“อือ!!”ฮ่าๆๆโถ่!มันแม่งขี้งอนมากครับ ผู้ชายไรว่ะ555



“นี่ครับเงินไม่ต้องถอนนะครับพี่”ผมยื้อเงินถอนให้กับพี่โชว์เฟอร์ที่มาส่งผมถึงที่หมายนั้นคือบ้านผม…

“สูง!ตื่นเว้ย!ถึงแล้ว”คือมันจะหลับ หลับได้ผมไม่ว่านะ แต่นี่คือมันกอดผมไว้ซะแน่นเลย คือมึงมีกระดูกป่ะว่ะ ผมเขย่าแขนมันให้พอรู้ตัว

“อื้ออออ เตี้ย!อย่ากวนจะนอน!!”มันบอกเสียงงัวเงีย เออมึงควรจะรู้นะว่ามึงนอนบนรถแท็กซี่อยู่อ่า กูอยากลงแล้วเว้ย!!

“ไอ้สูง!!ถ้ามึงไม่ตื่นกูทิ้งมึงบนรถแท็กซี่นะ!!”ผมตะโกนใส่หูมันดังๆถ้าไม่ตื่นให้มันรู้ไป และได้ผลครับมันสดุ้ง!ฮ่าๆๆหน่าเอ๋อได้อีก

“ขำไรว่ะเตี้ย!”มันบอกอย่างหงุดหงิด ผมยักไหล่ให้มันก่อนจะลงจากรถและมันเองก็ลงมาตาม ผมกับมันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน

กรี๊งงงงงง!!กรี๊งงงงงง!!

ผมกดกริ่งเพื่อให้คนในบ้านมาเปิดประตูให้… เมื่อไรออกมาว่ะ ไอ้นี่ก็จริงๆเลยคือมันมีกระดูกป่ะ รู้ไหมครับมันเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังผมแล้วก็เอามือมาคล้องคอผมไว้แล้วฟุบหน้าลงที่ไหล่ผม คือมึงจะหาที่นอนให้ได้ใช่ไหม

“ไอ้สูง!มึงอย่าเพิ่งหลับได้ไหม เดี๋ยวก็เข้าบ้านแล้ว จะมายืนหลับตรงนี้มันอุบาทว่ะ”

“อิ้อออ”

เฮ้ออผมเหนื่อยใจกับมันจริงๆตอนยังไม่สนิทแม่งนิสัยไม่ใช่แบบนี้เลยครับ มันนะเป็นพวกปากหมา ชอบหาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว…แต่พอสนิทกันเท่านั้นแหละ ไอ้นิสัยง้องแง้ง เด็กๆนี่คือมึงมาจากไหน!!

ปึก!

ผมหันไปมองยังเสียงดังขึ้นเมื่อกี้ เสียงมันมาจากทางบ้านไอ้พาสต้านี่นา ผมหันไปก็ต้องชะงักเมื่อคนที่ผมเจอคือ…

“โยชิ!”ผมถึงกับหวอเลยครับ คนที่ผมเจอไม่ใช่พาสต้าอย่างที่ผมคิดแต่เป็น…

“พะ พี่เดฟ!!!”
คือตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกแล้วครับ ผมจ้องไปทางพี่แก ถึงจะยังสงสัยอยู่บ้างว่าพี่แกออกมาจากไอ้พาสต้าได้ไง แต่ว่าไอ้ตัวข้างหลังนี่สิ พี่แกเล่นจ้องใหญ่เลย !!

กึก!
เสียงสวรรค์ครับ มีคนมาเปิดประตูให้ผมแล้วครับหลังจากที่คอยมานานนับปี…ผมจึงพยุงไอ้ตัวข้างหลังที่มันเกาะติดหนึบเกินไปรีบเข้าไปในบ้านให้เร็วที่สุด พอพ้นประตูและพ้นสายตาพี่เดฟที่จ้องอย่างจริงจังก็ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เลยครับ

“มึงเป็นเชี้ยไรเตี้ย!ถอนหายใจซะกูตื่นเลย!”อ่าห้ะ!นี่คือผมทำมันตื่นว่างั้น…คือมึงจะไม่สงสารกูไงว่ะ กูแบกมึงเข้าบ้านนะสำนึกไหมบุญคุณเนี้ย!!!

“ช่างแม่งกูเถอะ!ถ้าจะนอนไปนอนในบ้านไม่ใช่บนหลังกู!”ถึงมันจะตื่นแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมออกจากหลังผมมันยังคงซบหน้าอยู่ที่ไหล่ผมอยู่เลย

“เออๆๆแค่นี้ทำเป็นช่วยกูไม่ได้ กูเหนื่อยจากการเดินทางนะเว้ย!!”แหม่…เหมือนมึงเหนื่อยเป็นคนเดียวนะสัส!ผมทำตาขวางใส่มันเหมือนรำคาญ ผมจึงเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนมัน มันเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งตามผมมา

“ใครมาหรอสายใจ”คุณป้าแม่ป้าส่งเสียงถามสาวใช้ที่เทอเพิ่งไปเปิดประตูให้ผมมาเอ่ยขึ้น

“คะ คือคุณ…”

“ผมเองครับป้า!”ก่อนที่สาวใช้คนนั้นจะได้ตอบผมกลับพูดแทรกออกไป

“คะ คุณหนูโยของป้า”พอท่านเห็นเป็นผมท่านก็วิ่งมากอดผมทันที ผมเองก็กอดตอบท่าน ไม่ได้เจอท่านตั้ง1ปีท่านดูจะโทรมไปบ้างนะ

“ทำไมมาไม่โทรบอกป้าก่อนค่ะป้าจะได้เตรียมห้องให้”ท่านคลายกอดจากผมก่อนที่จะเอ่ยถาม

“ก็ผมอยากมาเซอร์ไพร์ทป้าไงครับ”ผมยิ้มหวานส่งให้ท่าน

“คุณหนูก็..ตัวไม่เห็นต่างจากเมื่อก่อนเลยนะคะคุณหนูของป้า”แง่วว!!หมายความว่าไงครับ ป้าเค้าว่าผมเตี้ยป่ะ?

“มันก็ยังเตี้ยเหมือนเดิมใช่ไหมครับป้า”เสียงไอ้สูงเองแหละครับ “สวัสดีครับ ผมชื่อเนปจูนเป็นลูกของน้องสาวแม่มันครับและผมก็เป็นเพื่อนมันด้วย^^”มันยกมือไหว้ป้าแม่บ้านและเอ่ยบอกว่ามันเป็นใครให้ป้ารู้

“อ่อ…ลูกสาวคุณนุดีเองหรอค่ะ ยินดีต้อนรับนะค่ะคุณหนูเนปจูน”

“เรียกผมว่าเนปเฉยๆก็ได้ครับ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องเรียกคุณหนูถูกแล้ว”ป้าแกยังคงเถียง

“อ่าๆครับยังไงก็แล้วแต่เลย”มันยิ้มแห้งๆให้ป้าแก แล้วหันมามองผมกระซิบบอกผมว่า

“คือมึง!!แบบแปลกๆป่ะว่ะ555”

“แปลกอะไร?”ผมถามมัน

“ก็แบบเรียกคุณหนูมันหญิงไปป่ะ กูขนลุกว่ะ”

โป๊ก!

“ช่างเหอะน่า เดี๋ยวก็ชิน”ผมเขกหัวมันไปทีหนึ่งเบื่อมันพูดมาก ผมพามันขึ้นมายังชั้นสองของบ้านซึ่งมีห้องจำนวนไม่น้อย ผมเดินไปยังห้องของตัวเองที่ไม่ได้เข้ามา1ปี คิดถึงห้องตัวเองยังไงไม่รู้

“ห้องใครว่ะ ห้องมึงหรอ?”ไอ้สูงที่เดินตามมาเงียบๆพอเข้ามาในห้องผมมันก็ถามทันที

“เออ คงไม่ใช่ห้องกูหรอก ห้องหมามั้ง!”ผมประชดมันไปครับ

“เหี้ย!ห้องหมาบ้านมึงนี่สุดยอดว่ะ มีทีวี มีตู้ มีเตียง มีห้องน้ำ เจ๋งว่ะ อย่างกะห้องคนเลยเตี้ย!”คือ…มึงเข้าใจไหมว่ากูประชด!!

“สูง!คือมึงว่าแต่กูโง่!มึงอ่ะโง่กว่ากูอีก!กูแค่ประชด ใจป่ะสูง!”

“เอ้า!หรอ!คิดว่าห้องหมาจริงๆ คึคึคึ”โอ๊ย!กูปวดหัวที่จะคุยกับคนอย่างมึงแหละไอ้สูงเอ้ย!

“เห็นมึงง่วงมึงนอนพักเถอะ”

“ที่ไหน?อย่าบอกนะว่ามึงจะให้กูนอนห้องนี้อ่ะ นี่มันห้องหมานะมึง!”อ๊ากกอย่างจะกรี๊ดจริงๆครับ

“ห้อง! กู! เอง! เว้ย!”ผมเน้นทุกคำที่บอกมัน มันนี่ทำหน้าขำเลยครับ มันแกล้งผมอ่ะY^Yงอนนน

“ฮ่าๆๆหยอกเล่น งั้นกูนอนแหละฝันดี”

“อืม..”ผมตอบมันแค่นั้นก่อนที่จะเดินไปยังประตูห้อง

“เดี๋ยว!!”ผมหันไปมองไอ้สูงอีกครั้ง

“ว่า?”

“มึงจะไปไหนไม่นอนด้วยกันอ่ะ”มันตบที่นอนข้างๆกัน

“กูจะไปหาเพื่อนอ่ะ ไม่ได้เจอกันนานคิดถึงมัน กูไปล่ะ”ผมโบกมือให้มันก่อนเดินออกจากห้อง

“เพื่อนจริงๆนะมึง อย่านอกใจกูนะเตี้ย!!”ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทมันก็ตะโกนออกมา
จริงๆเลยไอ้สูงเอ้ย!แม่งเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆผมไม่ถือสาหรอกที่มันจะเรียกผมว่าที่รัก ทำตัวแบบแฟนกันอ่ะ ไม่รู้สิ มันทำแบบนี้กับผมจนชินแล้วล่ะ คือเราแค่เล่นๆนะครับ อีกอย่างมันเป็นญาติกับผมด้วย เราไม่มีทางที่จะเกินเลยป่ะ คือสนิทกันมากไงเลยเล่นแบบนี้ได้เหมือนผมกับ…ไอ้พาสต้า!!



-พาสต้า-

“แม่ครับ มีอะไรให้ผมกินบ้างอ่า ผมหิวๆๆๆ”ผมเดินเข้าไปกอดแม่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเย็นอยู่

“อย่าเพิ่งมายุ่งได้ไหมพาสต้าแม่กำลังยุ่งอยู่จะมากอดทำไมตอนนี้มันทำอาหารไม่ถนัด”แม่ตีที่แขนผมเบาๆให้ปล่อยผมจึงปล่อย “ว่าแต่
พี่เค้ากลับไปแล้วหรอลูกวันนี้ไม่เห็นอยู่ทานข้าวกับแม่เลย”ผมส่ายยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้

“ไม่รู้ครับ จะไปไหนก็ช่างมันเถอะแม่ อย่าไปพูดถึงมันเลย”

“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ หึ”

“ป่าวซะหน่อย!”

“เฮ้ออ มีอะไรก็คุยกันดีๆสิพาสต้าไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์”

“แม่ !! พอเลยนะไม่ต้องไปพูดถึงมันแล้ว!!”

“แกก็เป็นซะแบบนี้!!พี่เค้าถึงหนีแกไปมีกิ๊กไง”ดูแม่ผมซิครับ คือจะไม่เข้าข้างลูกตัวเองเลยว่างั้น

“แม่ !!”

“พอๆๆไปคอยข้างนอกไป เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวเสร็จเดี๋ยวเรียก”ชิ ! ไปก็ได้
ผมเดินออกมาจากห้องครัวหลังจากที่ยืนเถียงอยู่กับแม่ ผมเดินไปนั่งโซฟาเปิดทีวีคอยแม่เรียกกินข้าว เปิดเปลี่ยนช่องไปมา อ่า..ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมที่ผมกับแม่ทะเลาะกันเมื่อกี้ ก็แบบว่า….เออ !! ผมกับไอ้เดฟคือเราแบบว่า แบบคบกันแล้ว เออแบบนั้นแหละครับ เออคือว่ามันก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างอ่ะเนอะ !! แฮะๆ ก็มันเล่นตามตื้อผมทุกวันๆจนสุดท้ายผมก็ยอมคบกับมันเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ตอนนี้ก็น่าจะคบกันได้สองเดือนแล้วมั้งนะ? เออนั้นแหละครับ แม่ผมเองก็รู้ว่าคบอยู่กับมัน แม่ไม่รังเกียจที่ผมเป็นแบบนี้ แม่บอกว่าถ้าผมรักใครแม่รักด้วย คือแม่ผมน่ารักใช่ม่ะ? แต่อย่างว่าแหละครับ !! ถึงแม้ว่าผมจะคบกับมัน แต่มันก็ยังไม่ยอมเลิกนิสัยเจ้าชู้เลย ทำให้ผมกับมันทะเลาะกันบ่อยๆเพราะเรื่องแบบนี้ ก็อย่างว่าอะนะผู้ชายเจ้าชู้อย่างมันจะขาดเด็กๆของมันได้ไง ใช่ไหม? ยิ่งคิดยิ่งแค้นมัน ผมคิดผิดหรือป่าวที่คิดคบกับไอ้เหี้ยเดฟ!!!

ปิงป่อง ! ปิงป่อง !

“ใครมาว่ะ คงไม่ใช่ไอ้เดฟกลับมาหรอกนะ แม่งจะตบกะบานให้หายแค้นเลย!!”ผมลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน คิดไปพรางๆถ้าเป็นไอ้เดฟผมจะตบมันจริงๆนะ แต่…

“ไอ้พาสต้า !!!!!”

“ไอ้โยชิ !!”ผมตกใจนิ่งครับ ไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ตรงหน้าผมได้ ก็ตั้งแต่ที่มันไป…เราก็ไม่ค่อยจะได้ติดต่อกันเท่าไร ยิ่งพักหลังๆมานี่แทบไม่ได้ติดต่อเลยด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามันจะลืมผมแล้ว

“คิดถึงมึงว่ะไอ้พาส คิดถึงมากกกกกกก”มันกางแขนแล้วเดินเข้ามากอดผม

“มะ มึงมาได้ไงว่ะ”ผมดันตัวมันออกแล้วจ้องหน้ามัน “ทำไมไม่เห็นบอกกูเลยว่าจะมา กูจะได้ไปรับที่สนามบิน”

“ก็กูอยากมาเซอร์ไพร์ทมึงอ่ะ”มันบอกกับผมพร้อมยิ้มกว้างง

“เออเซอร์ไพร์ทมาก !!”ผมตอบมันพร้อมกับโยกหัวมันไปมา ตัวยังเท่าเดิมเลย

“มึงจะไม่คิดชวนกูเข้าบ้านหรือไงว่ะหรือมึงจะยืนคุยกับกูตรงนี้”

“เออเข้ามาๆๆแม่กูกำลังทำกับข้าวอยู่ อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะมึง”

“แน่นอนอยู่แล้ว กูก็คิดถึงฝีมือแม่มึงเหมือนกัน อาหารไทยอร่อยๆกูไม่ได้กินมาตั้งปีหนึ่งแน่ะ โครตคิดถึงอ่ะ”มันร่ายยาวมากครับ

“ฮ่าๆๆๆมึงก็นะ แต่ก็จริงอาหารไหนก็ไม่อร่อยเท่าอาหารไทยหรอก”ผมเดินกอดคอคุยกันกับมันเข้าบ้าน เดินคุยกันสัมพะเหระไปทั่ว

“ใครมาหรอลูก..”แม่ผมเดินออกจากครัวพร้อมกับอาหาร

“ผมเองครับแม่ จ้ะเอ๋ !”ดูมันครับ มันแอบอยู่หลังผม พอแม่ผมถามมันก็จ้ะองจ้ะเอ๋เป็นเด็กน้อยไปได้

“หนูโย!!”แม่ผมแกตกใจเวอร์มากครับ แกเกือบทำจานกับข้าวที่ทำมาเกือบหลุดมือดีนะที่ผมหยิบออกจากมือท่านทันก่อนที่จะหล่น มิเช่นนั้นอดกิน แล้วแม่ผมแกก็เดินตรงไปกอดไอ้โยทันทีครับ คือกับข้าวนี้ไม่สนช่ไหม ผมจึงนำมันไปวางไว้บนโต๊ะอาหารแทน

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไรลูกทำไมไม่เห็นบอกแม่เลย…ว่าไงลูก”แม่ผมกอดมันและพรางถามมันไปด้วย

“ผมเพิ่งกับมาถึงเมื่อไม่นานมานี้ครับ นี่ก็เลยแวะมาทักทายเพราะคิดถึงแม่ละไอ้พาสมัน”มันอ้อนแม่ผมครับ

“โตขึ้นป่ะเนี้ยลูก”แม่ผมผละออกจากมันแล้วจับมันหันซ้ายหันขวา นี่แม่ผมสายตาไม่ดีป่ะ คือมองไงว่ามันโตขึ้น ผมว่ามันยังเตี้ยเหมือนเดิมนะ

“แม่!แม่มองไงมันโตขึ้น ผมว่ามันเตี้ยเหมือนเดิมนะ ฮ่าๆๆๆ”ผมหัวเราะกับประโยคที่พูดไป ดูหน้าไอ้คนที่ถูกผมว่าสิ น่าขำมากก มันเบ้ปากใส่ผม น่าหมั่นไส้จริง

“แกนี่ก็นะ!”

“โอ๊ย!แม่ผมเจ็บนะ”แม่เดินมาหยิกแขนผมและก็ตีๆๆ

“สมควรแล้วไปว่าเพื่อนแบบนั้นได้ไง!”

“ก็มันเตี้ยจริงอ่ะ555”

“ไอ้พาสถ้ามึงยังไม่หยุดขำนะมึงได้กินตีนกูแทนข้าวแน่!!”มีคงมีขู่ โถ่!ผมควรกลัวมันป่ะ?ฮ่าๆๆ

“อย่าไปสนใจเจ้าพาสมันเลย วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นกับแม่นะลูก”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ นี่เป็นจุดประสงค์ของผมเลยครับแม่ฮ่าๆๆ”
หลังจากนั้นเราก็มานั่งกินข้าวคุยเล่นถึงเรื่องหนึ่งปีที่ผ่านมาว่าเป็นไงมั้ง แต่ผมไม่ได้เล่าเรื่องที่ผมกับไอ้เดฟคบกันให้มันฟังนะครับ ผมไม่อยากให้มันนึกถึงไอ้อัลฟานั้นอ่ะ

“หนูโยไปอยู่ที่นั้นสนุกไหมลูก”แม่ผมถามมัน

“ก็สนุกครับ แต่ตอนแรกๆไม่ค่อยมีเพื่อนเลยเงียบๆแต่ตอนนี้ก็โอเคแล้วครับ”มันตอบ

“เออว่าแต่มึงเหอะทำไมถึงมาได้ว่ะ”ผมถามมัน

“ก็นั่งเครื่องบินมามันจะยากอะไร”เอิ่ม…กวนตีนชิหายเลยเว้ย!

“กูรู้แล้ว !! ว่าแต่ที่มึงกลับมานี่เพราะอะไร จะมาเรียนต่อนี่หรอ?”ผมถามมันเพราะอยากรู้จริงๆ

“อืม…”คำตอบมันสั้นมาก

“คิดไงอยากกลับมาเรียนนี่ว่ะ ทีแรกคิดว่ามึงจะเรียนต่อที่นั้นเลยแล้วไม่กลับมา”

“โดนบังคับมา…”มันตอบ

“บังคับ?”ผมขมวดคิ้วมองมัน มันพยักหน้าหงึกหงัก

“อืม บังคับ !”

“ใครมัน ปะ”ผมยังพูดไม่จบก็มีเสียงใครคนหนึ่งแทรกเข้ามา

“เตี้ย !!!!!”
เหอะๆๆใครว่ะ ผมหันไปมองบุคคลที่บุกรุกเข้ามาในบ้านผมโดนไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่นิดเดียว บุกรุกไม่พอแหกปากอีก มารยาทมันมีไหมครับ!!!



-เนปจูน-


“เตี้ย!!!!”ผมตะโกนเรียกไอ้เตี้ยเมื่อเดินเข้ามาถึงในบ้านหลังนี้ เห็นป้าแม่บ้านบอกว่ามันอยู่ที่นี่ ผมจึงลากสังขารจากการเพิ่งตื่นนอนมา

“ไอ้สัส ! มึงเป็นใครว่ะ มาแหกปากบ้านคนอื่นเค้ามารยาทมึงมีไหม บุกรุกบ้านคนอื่นกูเรียกตำรวจจับมึงได้นะเว้ย!!เหี้ย! ออกไปเลยนะมึง ไอ้คนแปลกหน้า !!!”แล้วมึงล่ะเป็นใครมาด่ากู สัส! ผมมองหน้ามันที่อยู่ๆก็ด่าผม มันก็สมควรป่ะ?แต่ผมว่าไม่สมควรนะ ผมยังไม่ได้ด่ามัน
เลย มันแหละอยู่ๆมาด่าผม!!!

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้กูออกไป ห้ะ !!!”ผมเดินเข้ามานั่งในโต๊ะอาหารด้วย (ไรท์ : คือมารยาทเนปจูนมันมีไหม?)ผมนั่งจ้องหน้าไอ้คนที่มันด่าผม คือเรานั่งคนละฝั่งกันนะครับ ผมนั่งใกล้ไอ้เตี้ยส่วนมันนั่งตรงข้ามอยู่กับผู้หญิงวัยกลางคน “สวัสดีครับ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”ผมยกมือไหว้ท่านและเอ่ยขอโทษก่อนที่จะเบนสายตามาหามันต่อ

“สิทธิ์กูมีเต็มๆเลย เพราะบ้านนี้บ้านกู!!!”มันจ้องหน้าผม ผมเองก็จ้องหน้ามันไม่มีใครยอมใครครับ

“อ๋อหรอออออ”ผมลากเสียงยาวอย่างกวนๆ

“ไอ้สูง!!อย่ามาเสียมารยาทนะมึง”ไอ้เตี้ยมันกระซิบบอกผม “แม่ครับผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ^^ว่าแต่ชื่ออะไรหรอลูก”

“แม่ไม่ต้องไปอยากรู้จักคนไม่มีมารยาทแบบนั้นหรอก!”

“แกนี่จริงๆเลยนะ!นั่งเงียบๆไปเลย”ฮ่าๆๆสมน้ำหน้า แม่มันดุเหมือนกันนะเนี้ย

“ขำไรไอ้คนแปลกหน้า!!”พอมันโดนแม่มันดุเพราะผม มันเลยหันมาหาเรื่องผมอีกรอบ “โอ๊ยๆๆๆแม่อย่าหยิก มันเจ็บ!”ที่นี่ล่ะผมขำออกใหญ่เลย

“ฮ่าๆๆๆๆ”พอผมขำเท่านั้นแหละครับ ไอ้ตัวที่นั่งข้างๆผมนี่…

“อยู่นิ่งๆไม่เป็น ปากหาเรื่อง มารยาทมึงเคยมีไหม เห็นผู้ใหญ่เค้าอยู่ด้วยหรือป่าว อย่าทำตัวเหมือนอยู่ที่นั้นนะ!!!!”แล้วมันก็ทุบตีผมใหญ่เลย

“โอ๊ยๆๆเตี้ยๆๆกูเจ็บ หยุดตีๆๆ โอ๊ยยอย่าหยิกๆๆอ๊ากกก!!ไอ้เตี้ย!!”มันทุบตีผมเต็มที่ครับ ทั้งหยิก ทั้งทุบ ทั้งข่วน ไอ้เตี้ย!!เดี๋ยวมึงโดน

“กูไม่หยุด!!ทำตัวเหี้ยๆแบบนี้แล้วยังจะให้กูหยุดอีก สัสเอ้ย!!ถ้าจะมาแล้วเป็นแบบนี้กลับไปรอที่บ้านไป!!!”กว่ามันจะหยุดตีผมได้ แล้วไอ้ประโยคที่ไล่ผมเนี้ย คิดหรอว่าผมจะทำตาม

“ฮ่าๆๆๆสมน้ำหน้าเจอไอ้โยเทศให้ฟังละมึงจะหนาวว ฮ่าๆๆ”

“มึงด้วย!!ไอ้เหี้ยพาส!!”ไอ้โยชี้หน้าคาดโทษมัน คือไอ้โยมันโหดจังว่ะครับ ผมเริ่มกลัวๆมันแล้วซิ

“เอาล่ะๆหยุดทะเลาะกันได้แล้วเด็กๆว่าแต่เราชื่ออะไรหรอพ่อหนุ่ม”

“ผมหรอครับ…ผมชื่อเนปจูนครับ เป็นเพื่อนกับไอ้เตี้ย!เอ่อ..โยชิครับ^^”ผมตอบท่านด้วยรอยยิ้มกว้าง ท่านเองก็ยิ้มตอบมา สวยอ่า

“จ้ะ ส่วนเจ้านี้ลูกชายแม่ชื่อพาสต้านะ”

“ครับ”ผมตอบท่านแต่ตามองไอ้คนที่ชื่อพาสต้า หน้าตามันก็จัดว่าดีอยู่ครับ ผมว่ามันเป็นคนสูงนะ แต่ก็เตี้ยกว่าผมอยู่ดี ใบหน้ามันจัดว่าไม่หวานมาจนเกินไป ริมฝีปากแดงสดน่าสัมผัส แถมผิวยังขาวอีก ผมสำรวจมองทั่วใบหน้ามันจนมันจ้องผมเขม็งเลย

“มองเหี้ยไรนักหนาว่ะ”

“ก็อยากมองมีไรป่ะ?”ผมยักคิ้วให้มันกวนๆ

“เชี้ย!”ปากดีนักนะเดี๋ยวปั๊ดปิดด้วยปากเลย ผมคิดในใจ

แปะ!

“ตบหัวกูไมเนี้ยเตี้ย!”ครับ ไอ้เตี้ยมันตบหัวผม

“เลิกเล่นได้แล้ว วุ่นวายนักนะมึงอ่ะ!” เชอะ!ใช่สิ ผมไม่ใช่คนสำคัญของมันเหมือนไอ้พาสตรงพาสต้าอะไรนี้นิ

“แม่ว่าเรากินข้าวกันดีกว่านะ กินข้าวด้วยกันนะลูก”

“ครับแม่”
แล้วการกินข้าวก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ถึงจะมีเสียงเห่าหอนจากไอ้คนนั่งฝั่งตรงข้ามเป็นระยะๆบ้างก็เถอะ แต่อาหารที่แม่มันทำยอมรับว่าอร่อยมากเลยครับ เราสามคนเลยมานั่งเล่นอยู่ที่สวนหลังบ้านของไอ้พาสต้า โดยเป็นความคิดของไอ้เตี้ยของผมเอง เราก็เลยระเห็จกันมาอยู่ที่นี้ บรรยากาศเย็นดีครับ น่านอนจริงๆเลย(จะนอนในสวนเนี้ยนะ)

“ไอ้พาสมึงจะเรียนต่อไหนว่ะ”ไอ้เตี้ยมันถามไอ้พาสต้า

“มหาลัยยังไม่แน่ แต่กูคิดแล้วว่าจะเรียนอะไร”

“แล้วมึงจะเรียนไรล่ะ?”ไอ้เตี้ยมันถามต่อ

“วิศวะว่ะ แล้วมึงอ่าไอ้โยเรียนไร”มันถามไอ้เตี้ยต่อ

“กูก็ว่าจะเรียนวิศวะเหมือนกัน งั้นเราลงเรียนที่เดียวกันเนอะ^^”ไอ้เตี้ยมันดี๊ด๊าใหญ่ที่มีคนเรียนเหมือนมัน

“แล้วมึงล่ะไอ้ เอ่ออ ไรนะ”คือแค่นี้มึงลืมชื่อกู ไอ้เหี้ย!กูยังจำชื่อมึงได้เลย

“เนปจูน”ผมตอบมันเสียงเรียบ

“อ่อเออ นั่นแหละมึงจะเรียนไรหรอ”

“บริหาร”ผมตอบ

“ห้ะ!!ปากอย่างมึงเรียกบริหารเนี้ยนะ ไม่ใช่ไปเถียงกับชาวบ้านเค้าตายหรอ กูว่าถ้ามึงบริหารธุรกิจอะไรนะ กูว่าล้มละลายว่ะ!!555”คือมึงดูถูกกู!!ไอ้พาสต้า

“สัส!อย่ามาดูถูกกู!!ถึงกูจะเป็นแบบนั้นแต่กูก็รับผิดชอบงานเว้ย!!”

“อ๋อหรออออ”ดูมันกวนผมสิครับ

“หยุดตีกันได้แล้วพวกมึงอ่ะ”ไอ้เตี้ยมันบอกก่อนที่มันจะหันไปหาไอ้พาสต้า “ไอ้พาส…กูมีเรื่องจะถามมึง”ไอ้เตี้ยของผมมันเริ่มทำหน้าจริงจังแล้วครับ เรื่องไรว่ะผมอยากรู้

“เรื่อง?”ไอ้พาสต้ามันเลิกคิ้วถาม

“พี่เดฟ!”เท่านั้นแหละครับ น้ำที่มันเพิ่งยกดื่มไปพุ่งมาที่ผมเต็มๆ

“แค่กๆๆโทษทีนะมึง”มันบอกขอโทษผม ผมควรยกโทษให้มันไหม แม่งเหนียวแน่นอน “ทะ ทำไมมึงถึงถามถึงมันว่ะ”มันตอบตะกุกตะกัก

“ก็กูเห็นพี่เค้าออกมาจากบ้านมึงเมื่อตอนที่กูมาถึงนี่”ผมมองสองคนสลับไปมา คือผมไม่รู้เรื่องอะไรกับพวกมันไง แล้วไอ้คนชื่อดงชื่อเดฟนี่ใครว่ะ?

“ก็ไม่มีไรหรอก!”มันหลุบสายตาไม่มองไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ยดูเหมือนจะพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ

“กูเพื่อนมึงไหม มีไรไม่บอกกูนะมึง ใช่สิ!กูมันไม่สำคัญนิ”คือมึง เตี้ย!ครับ มึงจะไปสำคัญอะไรกับคนอื่นเค้าล่ะ

“โถ่…โยชิที่รัก มันไม่มีอะไรจริงๆ”มันดึงมือไอ้เตี้ยผมไปกุมไว้แล้วเอาหน้าถูๆกับมือไอ้เตี้ย

“ไม่ต้องเลย ถ้ามึงเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ เล่ามาให้หมด!!!”เตี้ยผมยื้ดคำขาดครับ มันจ้องเขม็งเลย ไอ้นี่เริ่มจะโหดขึ้นเรื่อยๆแหละ

“เออๆๆบอกก็ได้!!”แล้วมันก็ยอมเล่าให้ไอ้เตี้ยผมฟัง เห็นสีหน้าไอ้เตี้ยมันขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม มันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วไอ้คนที่ชื่ออัลฟงอัลฟาเนี้ยใครอีกว่ะ? คือผมนั่งฟังไอ้พาสต้าเล่าแต่ผมก็ต้องหันไปดูสีหน้าไอ้เตี้ยผมอีกเมื่อไอ้พาสต้ามันพูดถึงผู้ชายที่ชื่ออัลฟา ผม
ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร เกี่ยวไรกะสองคนนี้ ทั้งไอ้เดฟและ…ไอ้อัลฟา !!!






To be con....
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่7 : กลับมาพร้อม…ไอ้สูง !!!
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 31-05-2016 16:15:49
โหยอยากอ่านต่อจังเลย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่7 : กลับมาพร้อม…ไอ้สูง !!!
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 31-05-2016 21:24:14
หวังว่าเจออัลแล้วจะไม่อภัยให้ง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่7 : กลับมาพร้อม…ไอ้สูง !!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-05-2016 21:55:53
 โย พาสต้า คงไปเจอ อัลฟา ที่คณะเดียวกัน มอเดียวกันแน่เลย
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่7 : กลับมาพร้อม…ไอ้สูง !!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 01-06-2016 09:38:25
เรื่องวุ่นๆกำลังจะเกิดขึ้นสินะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่8 : เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป…
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 01-06-2016 22:29:59
ตอนที่8 : เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป…

-โยชิ-

“เว็บนี้ๆๆกดนี้สิไอ้พาส!!มึงอย่าโง่ เออนั้นแหละๆๆ”ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมว่าพวกรากำลังทำอะไร คือตอนนี้ ผม ไอ้พาส และไอ้สูง กำลังเข้าเว็บเพื่อดูการประกาศผลสอบของทางมหาลัย และซึ่งเหตุนี้เสียงไอ้สูงมันก็ด่าไอ้พาสตลอดๆเพราะไอ้พาสต้ามันเข้ารหัสผิดจึงโดนไอ้สูงที่มันพอรู่เรื่องแต่มันกลับไม่ทำว่าครับ ...ผมเบื่อพวกมันทะเลาะกันได้ทุกวันตั้งแต่วันแรกที่เจอจนถึงตอนนี้

“เชี้ยไรไอ้เนปถ้ามึงรู้เรื่องทำไมมึงไม่ทำเองว่ะ”ใช่ ! ผมเห็นด้วย

“ขี้เกียจไง”มึงตรงไปนะ

“งั้นมึงก็ช่วยหุบปากอันมีหมาของมึงด้วย เข้าใจ๋?”ฮ่าๆๆชอบคำนี้จัง

“ขำไรไอ้เตี้ย!!//ขำไรไอ้โย!!”ประสานเสียงเชียวนะ !!

“ป่าววว เข้าได้ยังอยากรู้แล้ว ตื่นเต้นๆๆ”ผมทำท่าดี๊ด๊ากลบเกลื่อน

“เออๆๆได้แล้วๆๆ”

“เปิดเลยๆๆ”ไอ้พาสมันกดเข้าไปที่ลิงค์ประกาศผมสอบของคณะวิศวะก่อนครับ

“ทำไมไม่ดูกูก่อน!!”แล้วไอ้สูงมันก็อารมณ์ขึ้นครับ คือเปิดอันไหนก่อนมันก็เหมือนกันป่ะ?

“ดูอันนี้ก่อนไม่เป็นไรหรอกนาไอ้สูง!”ผมบอกมัน แล้วพยักหน้าให้ไอ้พาสเลื่อนดูรายชื่อ มันเลื่อนมาเรื่อยๆ

“เฮ้ยๆๆนะ นี่มันชื่อกูเว้ย !!ติดแล้วๆๆเย้ !!”ไอ้พาสมันดีใจที่มีชื่อมัน แล้วชื่อผมล่ะมีไหม?ถ้าไม่นี่ กูร้องนะ

“แล้วกูอ่ะๆๆ”ผมเขย่าแขนมัน

“เออๆๆแป๊บๆๆดูอยู่ๆ”มันเลื่อนรายชื่อลงมาเรื่อยๆเฮ้ยๆๆมันเริ่มจะหมดแล้วนะนั่น มันจะหมดจำนวนคนที่รับแล้วนะ ผมลุ้นนะเนี้ย

“ไหนว่ะ ไม่เห็นเลย”ไอ้พาสมันบ่นแล้วเลื่อนลงเรื่อยๆ

“ไม่มีใช่ไหมมึงงงงงง”ผมลากเสียงยาววว ฟุบหน้าอยู่กับไหล่ไอ้สูง

“ไม่เป็นไรนะมึง ไม่เป็นไร”ไอ้สูงมันโอ๋ผม มันเอามือมาลูบๆหัวผมเหมือนปลอบใจ

“อ่ะ !! สัสเอ้ย !!”อะไร ใครสัส! คือมันตะโกนซะดังเลย

“ไรว่ะไอ้พาส มึงด่าใคร?”ไอ้สูงมันถาม

“กูไม่ได้ด่าใคร แค่อุทานเฉยๆ”อุทานมึงหรอสัสอ่ะ อยากถีบมันจัง

“ปัญญาอ่อน!!”

“ไอ้เหี้ย!เนปเดี๋ยวกูตบ!”เฮ้ออผมเหนื่อยจังที่มีพวกมันเป็นเพื่อนเนี้ย

“ว่าแต่มึงอุทานไรล่ะ”ผมถามไอ้พาสที่กำลังจะลงไม้ลงมือกับไอ้สูงแล้ว

“เออใช่ ! กูเห็นชื่อมึงแล้ว!”จริงป่ะ!!!

“ไหนๆๆๆ”ผมยื้ดหน้าเข้าไปดู “ไหนว่ะ?”ผมขมวดคิ้วจ้องไอ้พาส

“นี่ๆๆๆๆแหกตาดู!!!”มันชี้ไปที่…ลำดับสุดท้าย!! เชี้ยเหอะ!!เกือบแล้วๆเกือบหล่นแล้ว แต่ก็ยังดี แสดงว่า…

“กูติดแล้วโว้ยยยยย!!”ผมลุกกระโดดด้วยความดีใจอย่างสุดขีด

“ยินดีด้วยเตี้ย!มึงทำได้ดีมาก มาม่ะๆๆเดี๋ยวกูให้รางวัล”ไอ้สูงมันกวักมือเรียกให้ผมไปนั่งลงข้างๆมันก่อนเอ่ยออกมาว่าจะให้รางวัล

“รางวัลไร?”ผมถาม

“ก็…จุ๊บ”มันไม่บอกว่าเป็นอะไรแต่มันทำเลยรับ มันดึงผมไปจุ๊บปากเบาๆ “นี่คือรางวัลที่กูให้มึงเตี้ย!!”

“แหวะ!!ขนลุกว่ะ”ไอ้พาสมันลูบขนแขนตัวเอง

“ไอ้เหี้ย!ถึงตากูแล้ว เปิดไปดูดิ”ไอ้สูงมันถีบไปที่หลังไอ้พาสเบาๆก่อนจะบอกมันให้เปิดเข้าไปดูของมันบ้าง

“มึงก็หยุดเอาขาเขี่ยหลังกูดิ เดี๋ยวกูก็ไม่เปิดให้หรอก”

“เออ!!หยุดแล้วเปิดเลย”ไอ้สูงมันหยุดเขี่ยหลังไอ้พาสแล้วครับ ไอ้พาสเลยเข้าไปดูของคณะบริหารให้ มันเลื่อนๆลงเรื่อยๆ

“กูว่ามึงไม่ติดหรอกไอ้เนป อย่าดูเลยเนอะ!”

“มึงก็ดูไปก่อนมันจะตายไงว่ะไอ้สัสนี่!!”

“กูหวังดีกับมึงนะกลัวมึงเสียใจ”ไอ้พาสทำหน้าเศร้า แต่อีกนัยหนึ่งมันน่าถีบมาก

“ดูไปก่อนเหอะน่า!!!!”ไอ้สูงตะคอกกลับครับ ไอ้พาสเลยเงียบปากแล้วเลื่อนดู

“นี่ใช่ชื่อมึงป่ะ!!!”มันถาม

“ไหน…เออชื่อกูเอง!”ไอ้สูงตอบ มันไม่ดีใจหรอสอบติดแล้วนะ “เฮ้ย!!!”แล้วมันก็เสียงดัง

“เป็นอะไร”ผมถามมัน

“กูติดอ่ะ กูสอบติดอ่ะ!!สอบติดแล้วเว้ยเฮ้ย!!”คือมึงเพิ่งรู้สึกใช่ป่ะ?

“เออ!!!”ผมตอบมัน

“งี้ต้องฉลองงงงงงง!!!!”

“โอ้เย้!ความคิดดี งั้นวันนี้เราฉลองกัน!!”ทีแบบนี้มึงสามัคคีกันนะ ผมมองพวกมันที่กระโดดเต้นๆใส่กันไปมา เหอะๆๆ -0-


เพราะเหตุนี้ทำให้ผมต้องออกมาซื้อของไปฉลองกันที่บ้าน เนื่องจากผมขี้เกียจไปผับถึงแม้ว่าผับที่ไอ้สูงมันจะพาไปเป็นผับเฮียอาทิตย์ก็เถอะ แต่ผมขี้เกียจไง เลยต้องมาเดินซื้อของที่นี้ ตอนนี้ กับ ไอ้สูง !! ส่วนไอ้พาสนะหรอ คอยจัดสถานที่อยู่บ้านครับ เหตุผลของมันคือ…ขี้เกียจเดิน !!

“ไอ้สูงๆๆหยุดก่อน”หลังจากที่เราเดินซื้อของกันมาสักพักแล้ว ผมที่บังเอิญเจอ…ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ตัวหนึ่งน่ารักมาก มันถูกตั้งโชว์อยู่ในตู้กระจก ผมหยุดดูมัน ก่อนที่จะเรียกไอ้สูงให้มาดูกับผม

“อะไร!!รีบไปซื้อของเถอะ เดี๋ยวไม่ทันนะ”ไอ้สูงมันเดินย้อนกลับมาหาผมแล้วก็พูด

“เดี๋ยวดิ กูอยากได้อ่ะ มันน่ารักดี ซื้อให้กูหน่อยนะๆๆๆ”ผมอ้อนมันด้วยการถูๆหัวกับไหล่มันไปมาหลายรอบ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมซื้อให้ผมนะ

“มึงไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเตี้ย!ไปกันได้แล้ว”เท่านั้นแหละครับมันก็คล้องคอผมเดินออกไปทันที อยากได้อ่า มันน่ารักจะตายT^T โป้งไอ้สูง งอนนน !!!


-อัลฟา-

โว๊ยย!!ง่วงก็ง่วง!! คิดดูสิครับ ผมเพิ่งจะได้นอนไปกี่ชั่วโมงเอง ไอ้เดฟมันก็ลากตัวผมให้มาซื้อของเป็นเพื่อนมัน นี่ถ้าไม่ใช่มันผมไม่ยอมมาหรอก มันบอกว่าจะมาหาซื้อของไปง้อเมียมัน ทุกคนคงรู้แล้วใช่ไหมว่าเป็นใคร?นั้นแหละครับ ไอ้เด็กปากหมา ไอ้พาสต้านั้นเอง แต่ถึงมันจะคบกับไอ้พาสต้าจริงจังแต่นิสัยเจ้าชู้ตัวพ่ออย่างมันยังคงไม่จาง มันเที่ยวทุกคืนครับ มีหญิงชายข้างกายตลอด และเพราะเหตุนี่ไงครับที่มันต้องทะเลาะกับไอ้พาสต้าและต้องซื้อของไปง้อแทบทุกครั้ง…

“ไอ้อัลมึงว่าอันนี้หรือว่าอันนี้ดีว่ะ”ไอ้เดฟมันยกตุ๊กตาหมีแพนด้ากับตุ๊กตาหมีคุมะให้ผมดู

“มึงคิดว่ามันชอบตุ๊กตาหรอว่ะ คนอย่างไอ้พาสต้าเนี้ยนะ มันเด็กไปป่ะว่ะ”ผมถามมัน

“มันไม่สวยหรอว่ะ ก็ปกติเห็นเวลาคนอื่นไปง้อแฟนมีแต่ของแบบนี้”มันมองตุ๊กตาสองตัวในมือสลับกันไปมา ผมส่ายหน้าระอากับความคิดมัน มันก็จริงถ้าซื้อของไปง้อแฟนเอาตุ๊กตาก็ได้ แต่มันลืมไปหรือป่าวว่าแฟนมันเป็น…ผู้ชาย!ไม่ใช่ผู้หญิง! เฮ้ออเหนื่อยใจจริงเว้ย มีเพื่อนโง่ก็งี้ครับ

“แล้วแต่มึงแล้วกัน เดี๋ยวกูเดินไปดุทางนั้นให้”ผมบอกมันแล้วก็เดินไปอีกทางของร้าน ผมมองบรรดาตุ๊กตาหลายสิบตัวถูกเรียงกันเป็นแนว มีทั้งใหญ่ทั้งเล็กคละกันอยู่  แต่แล้ว…

“โยชิ?”ผมมองไปยังบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหน้าผม “จะใช่หรอ…”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆแต่สายตาก็ไม่ได้ล่ะจากคนคนนั้นเลยแม้แต่น้อย“ต้องใช่แน่ !!”ผมยิ้มให้กับตัวเองเมื่อได้คำตอบ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจออกไปนอกร้านเพื่อไปหาไอ้ตัวเล็กของผม ผมกลับต้องหยุด

“แล้วผู้ชายคนนั้นใครว่ะ?”ผมจ้องไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆไอ้ตัวเล็กของผม ผมไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน แต่ว่าทำไมไอ้ตัวเล็กของผมถึงได้เอาหน้าไปถูๆกับไหล่ของมันและส่งสายตาเหมือนเด็กอ้อนอยากได้ขนมแบบนั้น !!

“นะ นี่มันอะไรกันว่ะ”ผมยังคงจ้องสองคนนั้นอยู่ “เป็นแฟนกันหรอ?”ตอนนี้สองคนนั้นไปแล้วครับ ผมตัวแข็งทื่อกับภาพที่เห็นเมื่อสักครู่…

“ไอ้อัล..”ผมหันไปมองทางไอ้เดฟที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆผมแล้วยกมือบีบไหล่ผมเบาๆ

“มึงเห็นอย่างที่กูเห็นป่าวว่ะ”ผมถามมันแผ่วเบา

“อืมเห็น…กูเห็นตั้งนานแล้วว่ะ โทษทีที่ไม่ได้บอก”

“มะ หมายความว่าไงว่ะ?”ผมหันกลับมาจ้องหน้ามัน

“วันนั้นที่กูทะเลาะกับเมียกู กูเดินออกมาจากบ้านเมียกูใช่ป่ะพอออกมาก็เห็นโยชิกับไอ้คนเมื่อกี้ยืนกอดกันอยู่หน้าบ้าน กูเองก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นโยชิ แต่ที่ตกใจกว่าคือ…ไอ้ผู้ชายที่กอดอยู่กับโยชิอ่ะเป็นใคร”

“คงเป็นแฟนกันมั้ง…ทำไม เฮ้ออ ได้ของยังว่ะ”ผมเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า รู้สึกโหวงๆในใจยังไงไม่รู้ เจ็บเป็นบ้าเลย ผมรอมันกลับมาหาผม แต่ก็นะ !!เฮ้ออ ผมทำกับมันไว้เยอะนิ!!



“เฮ้อออออออออออ”ผมขอถอนหายใจหนักๆหน่อยนะครับ !! ผมแค่รู้สึกเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้สิ…

“เฮ้ยๆๆอย่าเป็นแบบนี้ดิมึง!!”ไอ้เดฟที่พึ่งเอาของที่ไปซื้อมาไปวางไว้บนเคาเตอร์บาร์ในห้อง คือตอนนี้ผมกับมันย้ายคอนโดแล้วครับ หลังจากที่เราเข้าเรียนมหาลัยเราก็ย้ายคอนโดกัน เราย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกันแต่อยู่คนละห้องนะครับเพื่อการเป็นส่วนตัว ไอ้เดฟมันอยู่ห้องนี้ ส่วนผมอยู่ห้องถัดไปจากมันครับ

“กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เออเอาเบียร์มาแดกคลายเครียดหน่อยดิ”ผมบอกไอ้เดฟ ไอ้เดฟมันพยักหน้าและเดินเข้าไปยังครัว มันเอาเบียร์ใส่ตะกร้าขนาดพอเหมาะมาเต็มเลยครับ คือมันกะจะให้เมาเลยใช่ป่ะ?

“มึงเอามาประชดกูใช่ไหมไอ้เดฟ”

“เชี้ยไรของมึง!กูเอามาเท่านี้ก็เหมาะสมแล้วสัส !! ดูจากอาการมึงไม่เมาก็คงไม่ลืมหรอก เอ้า !! แดกๆไปซะ!!”ผมรับเบียร์กระป๋องที่ไอ้เดฟมันโยนมาให้เปิดดื่มรวดเดียวหมดกระป๋อง !

“แล้วมึงจะเอาไงต่อถ้า…สองคนนั้นเป็นแฟนกัน”ไอ้เดฟที่เงียบอยู่สักพักมองผมยกดื่มไปแล้วหลายกระป๋อง

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เฮ้ออกูเหนื่อยว่ะไอ้เดฟ”ไอ้เดฟมันบีบไหล่ผมเบาๆ

“เอานาค่อยๆคิดนะมึง อย่าเครียดๆเอ้า!แดกๆๆ”ไอ้เดฟเปิดกระป๋องใหม่แล้วยื่นมาให้ผม

“อืม…”

ภาพคนสองคนที่กำลังยืนอยู่ข้างกันกำลังยืนมองตุ๊กตาที่อยู่หน้าร้านภาพที่ผมเห็นไอ้ตัวเล็กกำลังอ้อนให้อีกคนเหมือนอยากได้ของสิ่งนั้นแต่อีกคนกลับไม่สนใจที่จะซื้อให้ได้แต่ลากออกไป

“เฮ้อออออ”

“นี่มึงจะถอนหายใจไปถึงเมื่อไรว่ะ!!”

“ไม่รู้ว่ะ !! โว้ยยยยยยยยยยยยย!!ไอ้ภาพพวกนี้ทำไมไม่ออกจากหัวกูสักทีว่ะ!!”

“เฮ้ยๆๆใจเย็นๆๆมึง!อย่าโวยวาย”ไอ้เดฟรีบจับตัวผมไว้ก่อนที่ผมจะเริ่มอาละวาด

“แล้วไอ้เวรนั้นมันใครว่ะ!!แล้วทำไมมันได้ถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้น!!”ยิ่งดื่มผมว่าผมยิ่งเมาและเริ่มจะโวยวายเรื่อยๆ

“ไอ้อัล…”

“ไอ้เดฟกูจะทำไงดีว่ะ กูดีใจที่ได้เจอกับโยชิ แต่กูเสียใจที่คนที่จะยืนอยู่ข้างๆมันไม่ใช่กูแต่เป็นใครไม่รู้!!”

“เออๆค่อยๆคิดแล้วกันมึง!!”ไอ้เดฟมันบอกแล้วลุกออกไป ตอนนี้เหลือผมนั่งอยู่คนเดียว ผมควรจะทำไงดีครับ ผมอยากแก้ตัว
ผมอยากไปอยู่ข้างๆมัน ผิดหรอที่ผมอาจรู้สึกตัวช้าไปเมื่อสาย…แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมรักโยชิและจะรักมันตลอด
ไป…



หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่8 : เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป…
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 01-06-2016 22:30:43


-โยชิ-

อ่า…กว่าจะเดินซื้อของที่ต้องการครบเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี้ย ผมเอาของทั้งหมดที่ซื้อมาไปให้ไอ้พาสที่คอยจัดสถานที่เลี้ยงฉลองของเราสามคน ย้ำ!แค่สามคนนะครับ!! แต่ก็ยังดีหน่อยที่แม่ไอ้พาสช่วยเตรียมอาหารให้…พวกเราเลือกจัดฉลองกันที่สวนหลังบ้านไอ้พาสครับ เห็นมันเป็นบริเวณที่โล่งและน่าจะสะดวกพอควร

“เฮ้ย!กูขอกลับไปอาบน้ำก่อนนะเหม็นตัวเองอ่ะ”ผมบอกกับมันทั้งสองคน ไอ้พาสพยักหน้าโอเคผมจึงเดินออกมา แต่!!

“เตี้ย!ไปด้วย..”นี่แหละ!ตัวปัญหา คือมันติดผมเกินไปป่ะ อย่างตอนไปซื้อของไอ้พาสมันให้ผมไปคนเดียวไอ้สูงมันก็เสือกตามไปด้วย มันเลยจะวิ่งมาตามผม

“มึง!!ไม่ต้องไปเลย!!อยู่ช่วยกูก่อน”ไอ้พาสมันจับที่คอเสื้อไอ้สูงยึดไว้ไม่ให้ไปไหน

“ปล่อยกูสัส!กูจะไปอาบน้ำพร้อมที่รักกู”เอิ่มมคือมึงยังจะเล่นอีกนะ!!

“เดี๋ยวมึงคอยไปอาบที่หลังก็ได้ มาช่วยกูก่อนเดี๋ยวไม่ได้ฉลองกันพอดี”

“ม่ายยอ่าววววว !!จะไปอาบน้ำกับเตี้ย!!”มันยังคงไม่ยอม ผมมองมันอย่างเอื่อมๆนี่มันอายุเท่าไรแล้วครับ ทำตัวเป็นเด็กไปได้

“งั้นกูยังไม่อาบก็ได้อยู่ช่วยมึงก่อน ส่วนสูง!มึงอยากอาบน้ำนักใช่ไหม ไปอาบก่อนไปเดี๋ยวกูอยู่ช่วยไอ้พาสเอง”ผมบอกกับพวกมันสองคน

“ไม่เอา!!ถ้าเตี้ยยังไม่ไปสูงก็ไม่ไป”มันฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้แล้วก็เดินไปหยิบโน้น นี่ นั่น ตกแต่งไปทั่ว

“อะไรของมันว่ะ”ไอ้พาสมันเดินเข้ามากระซิบข้างๆหูผม ผมส่ายหน้า

“ไม่รู้มันว่ะ สงสัยเมาแดด คึคึคึ”ผมตอบพรางขำไอ้พาสเองก็เหมือนกัน

“กูก็ว่างั้นแหละ!ฮ่าๆๆ”

“ยืนกระซิบเชี้ยไรกันว่ะ!!ไอ้พาสมึงออกห่างไอ้เตี้ยกูเลยนะ ยืนใกล้ขนาดนั้นทำไมไม่รวมร่างกันเลยล่ะ!!”มันต่อว่าไอ้พาสยืดยาวววว

“เอาได้หรอ…แบบนี้สินะที่เรียกว่ารวมร่างอ่ะ”ไอ้พาสมันเดินเข้ากอดผมและกระชับแน่นขึ้นจนหน้าผมฝังอยู่ที่ซอกคอของมัน อ่านะผมเตี้ยไงหน้าผมถึงอยู่แค่ตรงนั้น

“อ๊ายยย!!ไอ้พาสต้า!!ออกห่างไอ้เตี้ย!กูเลยนะ!!”คือแบบไอ้สูงมันทิ้งของททุกอย่างในมือมันแล้ววิ่งดิ่งตรงมาทางผมกับไอ้พาส ถึงตัวเท่านั้นแหละครับจับผมกับไอ้พาสแยกออกจากกัน ไอ้พาสไม่ยอมปล่อยผมมันยิ่งแต่กอดแน่นขึ้น

“ฮ่าๆๆแน่จริงมึงแยกออกให้ได้ดิไอ้เนป555”ไอ้พาสยังคงยั่วไอ้สูงมัน ไอ้สูงก็พยายามแงะออกสุดชีวิต

“ไอ้พาสต้าปล่อยไอเตี้ยกูนะ!!”

“ไม่เว้ย!!ฮ่าๆๆ”ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดแล้วสิ

“เฮ้ยๆๆกูเจ็บๆๆปล่อยๆๆ”ผมโวยวายขึ้นบ้าง

“เห็นไหมเตี้ยกูเจ็บอ่ะ ! ปล่อยเลยนะ ปล่อยๆๆ”

“เออๆๆปล่อยแล้ว โทษทีว่ะ เจ็บตรงไหนว่ะ”ไอ้พาสมันปล่อยผมแล้วจับหน้าผมหันไปมา

“มึงอ่ะทำมันเจ็บสัส ไหนเตี้ย!มาดูดิ”ไอ้สูงมันผลักไอ้พาสออกไปแล้วจับหน้าผมไปดูบ้าง

“กูไม่เป็นไรหรอกน่า เลิกเล่นกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ฉลองกันพอดี”ไอ้สูงพยักหน้ารับเหมือนมันจะเข้าใจแต่…ไม่เลย!!!

“เจ็บตรงไหนอีกไหมเตี้ย!มาจุ๊บที!จุ๊บ”เออเว้ย!อยากทำไรก็ทำเว้ยเฮ้ย!มันจุ๊บปากผมจริงๆครับ ผมส่ายหน้าให้กับกิริยาของมัน

“คือกูสงสัยมานานแล้ว ถามหน่อยได้ป่าวว่ะ”ไอ้พาสมันยืนกอดอกจ้องผมสองคน ไอ้สูงมันเลิกคิ้วมองอย่างกวนๆส่วนผมนี่ขมวดคิ้วจ้องมัน

“ถามไรว่ะ”ผมถามไอ้พาส

“ก็ไอ้ที่พวกมึงจุ๊บๆกันนี่ เค้าเรียกว่าเพื่อนหรอว่ะ”ไอ้พาสมันหรี่ตาลงเล็กน้อย

“ก็เพื่อนไง เพื่อนกันทำแบบนี้ไม่เห็นแปลกเลยเนอะเตี้ยเนอะ จุ๊บ!”ครับไอ้สูงมันป็นคนตอบและหันมาจุ๊บแก้มผมเบาๆ

“แต่กูว่าไม่ใช่เพื่อนนะ!!”ไอ้พาสยังคงไม่ยอม

“ผิดตรงไหนที่เพื่อนเค้าจะทำแบบนี้ว่ะ!!”ไอ้สูงมันยืนเท้าสะเอวเตรียมจะมีเรื่องแล้วครับ

“เฮ้อออ”ผมถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เอาจริงๆนะ ผมกับไอ้สูงก็เป็นเพื่อนกันแหละครับ แต่เราจะแสดงไม่เหมือนกันกับเพื่อนคนอื่นๆมากกว่า…ผมเคยห้ามมันแล้ว!!ห้ามเท่าไรมันก็เหมือนเดิมจนผมชินแล้วครับ ใครจะมองว่าเราเป็นแฟน
กันผมก็ไม่ว่า^^แล้วแต่คนจะมองแล้วกันครับ ผมไม่ถือ !!

“พวกมึงสองคนไม่ได้มีซัมธิงรองกันใช่ป่ะ!”

“ไม่เว้ย!!เพื่อนอ่ะเพื่อนหรือว่ากูจะต้องทำกับมึงด้วยดีว่ะ”ไอ้สูงมันยกมือขึ้นลูบที่ปลายคางตัวเองอย่างความคิด…

“ไม่จำเป็นเว้ย!!”ไอ้พาสมันทำหน้าตาตื่นเล็กน้อยเมื่อเห็นไอ้สูงพูดแบบนั้น

“แต่กูว่าจำเป็นว่ะ!มาม่ะมาจุ๊บที!!”จากนั้นมันก็วิ่งไล่ไอ้พาสที่วิ่งหนีมันครับ

“มึงจะหนีไปไหนมาให้กูจุ๊บมาๆๆ”ผมมองพวกมันที่วิ่งไล่จับกันแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้

“ฮ่าๆๆๆ”




“เอ้า!!ชนๆๆ”

“ฮิ้วววว!”
แหม่…ผมอยากบอกจังว่า…ตอนนี้ไอ้สองตัวมันเมาแล้วครับ มันแดกแล้วก็แดกแล้วก็แดกอยู่แบบนี้ !! ก็นะครับ ผมอ่ะมันแผนกรินให้พวกมัน ส่วนสองตัวนี้ก็ซัดเต็มที่ พอเหล้าหมดไอ้พาสมันก็โทรให้ลูกชายเจ้าของร้านหน้าปากซอยเอามาส่งถึงที่ คือบริการเดลิเวอรี่เลยครับ

“เตี้ย!! เทเหล้า”ไอ้สูงมันยื่นแก้วเหล้าเปล่ามาให้ผม ผมจึงจำใจเทให้มันตามที่ขอ

“กูด้วยยยยยยย”ไอ้พาสก็ยื่นมาตรงหน้าผมเหมือนกัน

“ไอ้พาสๆๆชนๆๆๆ เฮ้ !”นั่นแหละครับผมเทให้เสร็จก็หันไปชนแก้วกันเอง ส่วนผมนะหรอ น้ำอัดลมก็พอครับ ผมไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไร

“ไอ้พาสเมิง เอิ๊ก เชื่อ กูป๊าวว เอิ๊กๆ กูอยากที่จะมีชีวิตในมหาลัยนานแล้ว อึก สาวๆแม่งแจ่มทู๊กกค๊นนน!! ฮ่าๆๆๆ”ไอ้สูงมันยกแก้วเหล้าจ่อที่ปากแล้วพูด คือมึงจะแดกก่อนก็ได้นะ แล้วมันก็บ่นยืดยาวว…แต่เอ่ะ !! คือรู้สึกเหมือนมันจะลืมผมป่ะ ก็เห็นมันคุยอยู่แต่กับไอ้พาสเลยอ่ะ ตั้งแต่เหล้าเข้าปากมันสองตัว ผมเหมือนไม่อยู่ในวงสนทนาพวกมันเลย เชื่อป่ะผมอยู่แค่ตอนรินเหล้าให้แดกเท่านั้น !!

“เออว่ะ ! กู ก็เอิ๊กว่าง้านนและเมิงง เอิ๊กๆๆฮ่าๆๆ”

แปะ ! มันตบมือเข้าหากันเหมือนพูดถูกใจกัน เออ!เอาเข้าไปครับ…

RrrrrrrrrrrrrRrrrrrrrrrrrr

“แม่ง !! ครายย เอิ๊ก โทรมากวนเวลากูแดกว่ะ สาดด!!”ไอ้พาสมันหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างลำตัวยกขึ้นระดับตา จ้องมองว่าบุคคลที่โทรมาคือใคร?มันกดรับไม่พอมันยังกดสปีคเกอร์โฟนให้ผมและไอ้สูงได้ยินอีกครับ

“โหลลลลลล เอากี่โหลล ฮิฮิ”เอิ่มม !!ถ้าจะแดกแล้วเล่นเกลื่อนแบบนี้นะมึง

(เอาแปดโหลมั้งสัส !!  มึงทำเชี้ยไรอยู่ห้ะ !! เสียงแบบนี้แม่งเมาชัวร์!! มึงอยู่ไหนไอ้พาสต้า!!!)

“อ่าววว!!ไอ้เดฟเองหรอว่ะ กูก็คิดว่าครายยยย” ห้ะ !พี่เดฟหรอ? เอ่อลืมไปว่าคนเป็นแฟนกันโทรหากันก็ไม่ผิดเนอะ

(สัส !! มึงอยู่ไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะโว้ย!!)พี่เดฟแต่คงจะของขึ้นอ่ะนะครับ

“กูม่ายบอก กูม่ายยบอก คิคิคิ ตัวเองงงป้อนนี้เค้าหน่อยจิ”ไอ้พาสมันหันไปบอกไอ้สูงครับ มันชี้ไปที่ขนมในจาน

“อันนี้อ่ออ?ด้ายจิตัวเองงงง!”คือแบบ!!มันสองตัวเข้ากันได้ดีมากในเวลาเมา แต่ !! คนที่อยู่ในสายเนี้ยสิปัญหา คือพวกมึงจะมากระแดะเล่นไรกันตอนนี้

(อะ ไอเหี้ย!!พาสต้า !! มึงอยู่ไหน อยู่กับใคร แล้วเสียงผู้ชายเมื่อกี้ใคร !!บอกกูมาเดี๋ยวนี้ !!!)

“อำๆอร่อยจุงเบยย เอาอีกๆๆ”ไอ้พาสมันทำท่าระริกรี้ไม่สนใจปลายสายที่กำลังฟังอยู่เลย รู้สึกว่าพี่เดฟแกจะระเบิดลงหลายลูกแล้วนะครับ

(ไอ้พาสต้า!!ฟังกูอยู่ไหม กูถามว่ามึงอยู่ไหน!!)

“มาๆๆเดี๋ยวเค้าป้อนเตงบ้างนะ มุ้งมิ้ง!”

(อ๊ากก!!ไอ้เหี้ย!!กูไม่ทนแล้วนะเว้ย!!)เฮ้ย!!พี่เดฟแกไม่ไหวแล้วเว้ยเฮ้ย!!เอาไงดีว่ะ ไอ้ห่าสองตัวก็ดันเสือกมาสวีตห่ารากอะไรตอนนี้ไม่รู้…

“พะ พี่เดฟครับ !! คือผมโยชินะ”เอาว่ะ บอกว่าไอ้พาสอยู่กับผมพี่แกคงไม่อะไรหรอกมั้ง

(ยะ โยชิหรอ?)

“ครับผมเอง เอ่อคือ ไอ้พาสมันอยู่กับผมครับไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”ผมบอก

(อ่อไอ้พาสมันอยู่กับโยหรอ…)

“อ่ะครับคือเราฉลองกันนิดหน่อยอ่ะครับ”ผมตอบ

“ไอ้เหี้ยโย!!มึงไม่ต้องไปคุยกับมันหรอก !!”ไอ้พาสมันแย่งโทรศัพท์ไปจากผม

“ไอ้เหี้ยเดฟแค่นี้นะมึง!! ติ๊ด”ครับมันวางสายไปแล้ว ผมรู้สึกสงสารพี่เดฟยังไงก็ไม่รู้สิ

“มาๆๆแดกต่อนะเตงงง”ไอ้สูงมันยื่นแก้วเหล้าไปให้ไอ้พาส ไอ้พาสรับแก้วก่อนกรอกใส่ปากในทันที

“แดกๆๆโอเย่!!”เฮ้ออ ผมเริ่มปวดหัวกับพวกมันแล้วครับ สัญญาว่าจะไม่ฉลองอีกแล้ว !!!T^T



-เดฟ-


“เชี้ยย!!!!!!!!!!!”ผมสบทออกมาอย่างเหลืออดเมื่อไอ้เมียตัวแสบมันเสือกวางสายใส่ผม !! ผมจะไม่โกรธมันเลยถ้ามันบอกว่ามัน
อยู่ไหนกับใคร !! แต่นี่อะไรว่ะ เสียงผู้ชาย แล้วไหนจะไอ้เสียงยานจากการดื่มจนเมานั้นอีก !! เมียกูมันเมาเว้ยเฮ้ย ! เมาอยู่กับผู้ชายคนอื่น อ้อนกันซะหวานเชียวว

“หึ่มมมม!!”

“เป็นเชี้ยไรของมึงไอ้เดฟ”ไอ้อัลมันมองหน้าผมแล้วลดต่ำลงมาคือผมกำมือแน่นเลยครับ !! เมียแม่งไปเที่ยวกับชายอื่นนี่แม่ง…อยากฆ่าคนเว้ย!! แต่อย่างน้อย….ก็มีโยชิอยู่ด้วย คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“เมียกูมีชู้!”ผมบอกมัน มัยเลิกคิ้วมอง

“มีชู้?มึงหรือมันว่ะ?”อ้าวไอ้นี่!! เดี๋ยวปั๊ด!

“สัส!เออ เมื่อกี้กูได้คุยกับโยชิด้วย”ผมบอกมันไปตามตรง มันทำตาโต

“จะ จริงหรอว่ะ ไมมึงไม่บอกกูว่ะ กูอยากคุยกับมัน”

“เอ่อ กูไม่รู้โทษทีว่ะและบังเอิญเมียกูมันก็แย่งโทรศัพท์ไปและวางสายใส่เลย!!”ผมบอกมัน ยิ่งคิดยิ่งแค้นเว้ย แม่งเมียเมิน !!

“งั้น !! มึงโทรไปหามันใหม่ได้ไหม?”ไอ้อัลมันจ้องหน้าผมและเอ่ยออกมา จะดีหรอน้องมันจะยอมคุยด้วยป่ะ

“แล้วถ้าน้องมันไม่คุยล่ะว่ะ”ผมถาม

“คอยว่ากันอีกที…แต่ตอนนี้มึงช่วยกูหน่อยนะ!”เห็นแล้วก็สงสาร เคๆผมยอมทำก็ได้

“แปบนะ!”ผมจึงต่อสายไปหาไอ้เมียตัวแสบอีกรอบ

ตู๊ดด ตู๊ดด เสียงสัญญาณดังสักพักก็มีคนกดรับ

(ครับพี่เดฟ)ไม่ใช่เสียงเมียผมครับ เมียผมไม่มีวันเรียกผมเพราะแบบนี้แน่

“โยชิใช่ไหม”ผมถามเพื่อความแน่ใจ

(ครับ คือตอนนี้ไอ้พาสมันหลับไปแล้วครับ)

“อ่อ แล้วตอนนี้เราอยู่ไหนอ่ะ”ผมถาม

(บ้านไอ้พาสครับคือพี่เดฟแค่นี้ก่อนนะฮะ ผมต้องแบกพวกมันสองตัวไปนอนที่ห้องก่อน)สองตัว? สองตัวนี่ใครบ้างว่ะ เมียกูคนหนึ่ง แล้ว…อีกคนอ่ะใคร!!!

“ดะ เดี๋ยวสิ!”กผมร้องห้ามก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดสายไป

(คะ ครับ!?!)

“เอ่อ…”ผมจึงยื่นโทรศัพท์ไปให้ไอ้อัลที่มันรอคุยอยู่

“ยะ โยชิ….”ไอ้อัลมันเอ่ยออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

(ตู๊ดๆๆๆๆ)ผมเห็นมันเอาโทรศัพท์ยื่นคืนให้ผม หน้ามันสลดลงมากเลยครับ มันยกมือกุมขมับตัวเอง

“ปะ เป็นไรว่ะ”ผมถามมัน “น้องมันว่าไงบ้าง”มันเงยหน้ามามองผม

“มันตัดสายทิ้งหลังจากที่กูเอ่ยชื่อมัน”มันพูดเสียงเศร้า

“เอออออ น้องมันคงตกใจ มันเลยวางสายไป อย่าเครียดนะมึง”ผมบีบไหล่มันเพื่อให้กำลังใจ มันก้มหน้าเอามือปิดหน้าตัวเองไว้  ตัวมันสั่นๆด้วยสิ อย่าบอกนะ !!

“มึงร้องไห้อีกแล้วหรอว่ะ”ผมถามมัน มันได้แต่ส่ายหน้า เฮ้ออ

“กูขอโทษที่ทำให้มึงต้องเป็นแบบนี้ กูขอโทษที่เป็นคนทำให้มึงต้องดูผิดในสายตาโยชิ เพราะกูเอง…ที่เป็นคนทำให้มึงเป็นแบบนี้”กูขอโทษนะไอ้อัล ถ้าวันนั้นกูไม่ปล่อยคลิปนั้นเรื่องมันอาจไม่ร้ายแรงขนาดนี้ กูขอโทษว่ะ

“ช่างเถอะ ! มันไม่ใช่ความผิดมึงคนเดียวหรอก ! กูกลับห้องก่อนนะ”มันพูดจบก็เดินออกไปจากห้องผมเลย ผมได้แต่มองตามหลังมันอย่างเป็นห่วง เฮ้ออ แล้วมันจะสมหวังป่าวว่ะเนี้ย ยิ่งคนที่อยู่ข้างๆโยชิแล้ว มันจะสู้ยังไงว่ะ แต่ว่า…ตอนนี้ผมต้องไปเคลียร์กับเมียผมก่อนสินะ !! เมื่อกี้โยชิบอกว่าอยู่บ้าน…หึหึ เสร็จกูแน่!!ไอ้เมียตัวแสบ !!!



ปิงป่อง ! ปิงป่อง!

กึ๊ก!

“เจ้าเดฟ!”ไม่ต้องสงสัยไปนะครับ คือตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าบ้านมันแล้วและคนที่เปิดประตูให้ผมก็เป็นแม่เมียผมเอง

“สวัสดีครับแม่”

“จ้ะ มาง้อน้องหรอลูกแต่ตอนนี้น้องนอนแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรครับ…พาสต้านอนอยู่ข้างบนใช่ไหมครับแม่”ผมถาม

“จ้ะ หนูโยเพิ่งเอาไปนอนเมื่อกี้”ทานตอบ

“งั้นคืนนี้..ผมขอค้างที่นี่นะครับแม่”ท่านไม่ตอบอะไรได้แค่ยิ้มและพยักหน้าส่งมาให้ ท่านเลี่ยงให้ผมได้เดินเข้าไป ไม่อยากจะบอกเลยว่าแม่เมียผมสวยมาก อีกอย่างท่านก็ใจดีมากด้วย

“แม่ไปนอนเถอะครับ ดึกแล้วเดี๋ยวผมปิดบ้านให้เอง^^”ผมบอกกับท่าน ท่านจึงเดินเข้าไปในบ้านก่อนส่วนผมหรอ พอล็อกประตูหน้าบ้านเสร็จก็เดินเข้าไปเหมือนบ้านตัวเองเลยอ่ะ อีกไม่นานก็ใช่แหละ อิอิ



“เมียจ๋าๆๆมึงเสร็จกูแน่ !!”ผมเดินขึ้นบันไดเพื่อจะไปห้องของไอ้เมียตัวแสบ ป่านี้หลับสบายแล้วมั้งพอถึงห้องมันผมจึงเปิดประ
เปิด “ไม่ได้ล็อก!”เยี่ยมเลย แต่ถ้ามันล็อกผมก็จะไปเรียกแม่มันให้มาเปิดให้อยู่ดี ผมเปิดประตูเดินเข้าไปและตรงดิ่งไปที่เตียง เห็นมันนอนคลุมผ้าอยู่ ผมจึงกระตุกผ้าห่มให้ออกมา แต่ว่า…

“เชี้ย !!! ไอ้สัสเอ้ย !!”

พลั่ก! ตุ๊บ!

ผมจัดการให้พวกมันแยกออกจากกัน ก็จะไม่ให้ผมแยกได้ไง อีกเดี๋ยวแม่งก็รวมร่างกันแล้ว ผมดึงไอ้มัยแสบนี้มากอดส่วนไอ้อีกคน?ผมไม่รู้จัก ถีบมันแม่งตกเตียงเลย !!

“โอ๊ยย !! เชี้ยพาสสเมิงงถีบกูไมว๊ะ?”เออมันเมาเสียงงี้ยานเลย ผมมองไม่ค่อยเห็นหน้ามันแต่รู้ว่าเป็นผู้ชาย เออ!ผู้ชายเสียงมันคุ้นๆไหม?เหมือนไอ้คนที่ผมได้ยินจากในโทรศัพท์เลย ต้องใช้แน่ๆ

“เหี้ย!มึงมีชู้ใช่ไหมไอ้พาสต้า!!”ผมจับตัวมันเขย่า มันปรือตามามองผม

“เดฟอ่อ?มุ้งมิ้ง”คือกูรู้ว่ามึงเมา แต่จะมามุ้งมิ้งตอนกูอารมณ์ไม่ดีนี่สิ ! เมียกู!!

“มึงนอนไปก่อนเลย กูจะไปเคลียร์กับชู้มึง!”ผมผลักมันให้นอนลงที่เตียงดังเดิม เรื่องต่อไปเคลียร์ชู้มันแปบ!

“มึง!”ผมชี้หน้าไอ้ชู้ที่มาจูบกับเมียผมเมื่อกี้ กล้ามากนะมึง กูจะกระทืบให้จมเลย แต่รู้สึกว่ามันจะไปนอนแอ่งแม้งบนพื้นแล้วครับ คงเมามากแต่ก็ช่างอย่างน้อยๆผมขอกระทืบมันหน่อยเถอะ !! แต่ติดเมียเนี้ยสิ กอดอยู่ได้

“ม่ายอ่าวว เตงนอนกับเค้า นะๆ”มันมีอ้อนครับ ถ้ามึงเมาแล้วเป็นแบบนี้ตอนกูอารมณ์ดีกูจะไม่ว่าเลย

“น๊าๆๆเตงนะ นอนๆๆกับเค้าน่ะ”

“เออนอนก็นอน!”ผมจึงล้มเลิกความคิดที่จะกระทืบชู้?มัน แล้วหันกลับมานอนลงข้างๆมันดึงมันแม่งมากอดเดี๋ยวแม่งหาย !!

“เดฟ…”มันยกมือกอดผมตอบ มันบอกว่าให้นอนแต่มันไม่หลับตาว่ะ

“อะไร”ผมก้มลงไปถามมันที่เงยหน้ามองผม

“จูบเค้าหน่อยจิ”มีอ้อน มันทำตาปริบๆ เออไอ้เราจะใจร้ายเกินไปก็ไม่ดีอ่ะเนอะ ทำตามใจมันบ้างแล้วกัน

“เออ”ผมจึงโน้มหน้าลงไปจูบมัน แต่ว่า…

ตุ๊บ ! ไอ้เสียงที่มันดังอยู่ข้างผมเนี้ยมันอะไร  ผมละใบหน้าออกจากเมียผมและหันกลับไปมองที่นอนข้างๆก็เห็นไอ้ชู้?มันมานอนข้างๆ คือแบบ !! มึงมาทามมายยยยย??? กูจะสวีทกับเมียกู !! จะถีบมันลงดีไหมว่ะ เออ!ควรถีบ!
ปึ่ก!ไอ้เหี้ย ! คือมึงจะกอดกูทำไม นั่นๆๆมีเบียดด้วยเว้ย !! ผมจึงดิ้นๆ ผมรำคาญอะ แม่งมือเหนียวสัส !! ผมจึงยกมือมันที่กอดเอวผมออก

“เฮ้ออ”ผมถอนหายใจออกมาเมื่อยกมือมันออกได้ ผมจึงหันไปมองเมียผมในตอนนี้แม่งหลับไปแล้วครับ ผมจึงรั้งมันเข้ามาใกล้ผมอีกต้องกอดไว้แน่นๆเดี๋ยวไอ้ตัวข้างผมมันมายุ่ง ! แต่รู้สึกตอนนี้สองข้างผมมันจะนิ่งๆกันแล้ว

“คอยเคลียร์พรุ่งนี้แล้วกัน”ผมพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้เริ่มง่วงแล้วสิ เหนื่อยก็เหนื่อยไหนจะเรื่องไอ้อัลไหนจะเรื่องเมียมีชู้? เฮ้อออ  นี่ผมมีเรื่องให้เครียดเยอะขนาดนี้เลยหรอว่ะ !!

“ฝันดีไอ้แสบ!”ผมจูบหน้าผากมันเบาๆก่อนที่จะหลับตาลงและไปสู่ห้วงนิทราแบบที่สองตัวนี้มันเป็น !![/size]



To be con.....
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่8 : เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป…
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 02-06-2016 02:17:55
เป็นไงล่ะไอ้อัฟ.  5555สะใจโว้ย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่8 : เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป…
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-06-2016 03:09:34
สมน้ำหน้ามันนัก
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่8 : เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป…
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-06-2016 08:22:22
สูง ที่นายจุ๊บปากโยชิ บ่อยๆ มันแค่เพื่อนจริงๆ ใช่ป่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่9 : ห้องตรงข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 03-06-2016 10:21:11

ตอนที่9 : ห้องตรงข้าม


-โยชิ-

“อรุณสวัสครับแม่…”อ่า ตอนนี้ผมอยู่บ้านไอ้พาสต้าครับ ผมยกมือสวัสดีแม่ของไอ้พาสมัน คือผมจะมาเอาไอ้สูงกลับไปนอนที่บ้านครับ ป่านี้ยังไม่เห็นมันโผล่ไปเลย ตอนนี้ก็สิบโมงเข้าไปแล้ว

“จ้ะ เชิญเข้าไปนั่งในบ้านก่อนลูก”

“ครับแม่..แล้วสองตัวนั้นยังไม่ตื่นอีกหรอครับ”ผมเดินคู่ไปในบ้านพร้อมกับท่าน ท่านส่ายหน้ายิ้มๆ

“คงจะยังหรอกจ้า เมื่อคืนก็ดื่มกันดึกไม่ใช่หรอจ้ะ”ฮ่ะๆๆมันก็จริงอ่ะน่ะครับ พวกเรานั่งฉลองกันดึกมาก !!

“อ่าครับ”ผมยิ้มแห้งๆส่งให้ท่าน

“เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำกับขนมมาให้นะ^^”

“ครับ”

ตอนนี้ท่านเดินออกไปแล้วครับ ผมจึงนั่งรอที่โซฟาไปพรางๆหยิบนู้น นี่ นั่น เล่นไปทั่ว จนได้ยินเสียงเหมือนมีคนทะเลาะกันอยู่ด้านบนบ้าน ผมจึงลุกขึ้นและเดินขึ้นไปข้างบนทันที ก็จะให้ไม่รีบได้ไงครับ ทั้งไอ้พาสและไอ้สูงมันชอบกัดกันอยู่ด้วย ถ้าผมไม่รีบไปมีหวัง…ได้เลือดกันแน่ !!

“เกิดอะไรขึ้นหรอลูก แม่ได้ยินเสียงเอะอะดังเชียว”ก่อนที่ผมจะได้เดินขึ้นบันได แม่ของไอ้พาสก็เดินเข้ามาถามผม

“ผมเองก็ไม่รู้ครับกำลังจะขึ้นไปดู”

“อ่อจ้ะ แม่ฝากดูหน่อยนะลูก แม่ต้องเข้าครัวก่อน”

“ครับ”ผมตอบรับท่านและผมก็เดินขึ้นบันไดเดินไปยังห้องของไอ้พาสที่เกิดเสียง ผมจับลูกบิดประตู ประตูไม่ได้ล็อก ผมจึงเปิดเข้าไปก็พบ !!!

“ไอ้สูง !!!!”ผมเรียกมันที่ตอนนี้นั่งคร่อมตัวพี่เดฟอยู่ แถมๆๆมันยังง้างหมัดจะชกพี่เดฟอีกด้วย ด้วยเสียงที่ผมเรียกมันมันจึงชะงักแล้วหันหน้ามาหาผม ทำให้จังหวะนั้นพี่เดฟผลักตัวมันออกและชกเข้าไปที่หน้ามันเต็มๆ เล่นเลือดไหลซึมออกมาที่มุมปากเลย

“ไอ้เชี้ยเดฟ ! มึงเหี้ยไรของมึงห้ะ !! หยุดนะว้ย !!”ไอ้พาสเห็นพี่เดฟจะตรงไปชกไอ้สูงอีกครั้งก็รีบมารั้งตัวไว้ ผมจึงรีบไปดูไอ้สูงที่นั่งอยู่ที่พื้นยกหลังมือเช็ดปากมองไปยังพี่เดฟอย่างแค้นเคือง

“เป็นไรหรือป่าว ไหนดูดิ”ผมถามมันแล้วจับหน้ามันหันมาหาผม มันจึงละสายตาจากพี่เดฟมาสนใจผมแทน

“ไม่เป็นไรหรอก สบายมาก”มันจับมือผมที่ลูบหน้ามันออกและพยุงตัวลุกขึ้นโดยดึงให้ผมลุกตามมันด้วย

“หยุดเลยนะไอ้เดฟ!”ไอ้พาสก็ยังคงห้ามพี่เดฟที่จะเข้ามาชกไอ้สูงอย่างเดียวเลย

“มึง!เข้าข้างมันหรอ มันเป็นชู้มึงใช่ไหม!!”พี่เดฟตะคอกใส่หน้าไอ้พาสเสียงดัง ผมนี่สดุ้งเลย

“ชู้บ้านพ่องมึงไง สัสเอ้ย !! ฟังนะ กูกับมันเป็นเพื่อนกันเว้ย”ไอ้พาสมันอธิบายให้พี่เดฟฟัง แต่ดูพี่แกจะไม่ฟังเท่าไรนะ

“มึงโกหก!!เพื่อนกันเหี้ยไรว่ะ ? เมื่อคืนพวกมึงสองคนแทบจะรวมร่างกันแล้ว ถ้ากูไม่เข้ามาเห็นไม่ใช่มึง ! โว๊ยย !! กูจะต้องเอาเลือดมึงออกให้หมดตัวให้ได้!!!”พี่เดฟพูดถึงเรื่องเมื่อคืน..อะไรรวมร่าง?ผมหันไปที่ไอ้สูงเพื่อขอคำตอบผลที่ได้คือมันยักไหล่ไปมา บอกว่ากูก็ไม่รู้ เห้ย!นี่มันบ้าจริงๆนะ รู้งี้ผมไม่ปล่อยให้ไอ้สูงนอนอยู่นี่หรอกเอามันกลับบ้านด้วยก็ดี !! ดูพี่เดฟแกโวยวายจะเอาเลือดไอ้สูงออกให้ได้อย่างเดียวเลย

“มึง !! ฟังบ้างดิว่ะ อย่ามาทำตัวงี่เง่าปัญญาอ่อนแถวนี้นะเว้ย!!”ผมว่าไอ้พาสมันก็เริ่มจะมีอารมณ์บ้างแล้ว ดูจากสีหน้าและท่าทางมัน

“มึงว่ากูหรอ!!”

“เออ!!กูว่ามึงปัญญาอ่อน !!”

“มึง !! ได้ !! อย่าอยู่เลยมึง!!ไอ้เหี้ย!!”พี่เดฟแกพุ่งตรงมาหาไอ้สูงที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนหมัดหนักกระแทกหน้าอีกครั้ง มันเซเลยครับ

“ไอ้เดฟ!!//ไอ้สูง!!”ผมกับไอ้พาสเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน ตอนนี้สองคนนั่นกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเลยครับ ผมกับพาสที่เข้าไปห้ามก็ถูกผลักจนล้มกันอยู่หลายรอบ

“เกิดอะไรขึ้นลูก!”ไม่รู้ว่าแม่ไอ้พาสมาตอนไหน แต่ช่างมันก่อนตอนนี้ผมว่าให้ท่านไปบอกพวกมันให้หยุดตีกันก่อนดีกว่า

“แม่ครับช่วยไปห้ามหน่อยนะครับ ผมกับไอ้พาสห้ามแล้วไม่หยุดสักที แม่ช่วยหน่อยนะครับ”ผมบอกท่าน ท่านจึงพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปที่สองคนนั้น

“หยุดได้แล้วลูก!!”ขนาดท่านบอกพวกมันยังไม่หยุดเลยครับ

“ขนาดแม่กูห้ามไม่หยุดใช่ไหม ได้ !!”ไอ้พาสมันคิดจะทำอะไรผมไม่รู้ เห็นมันจะเดินจากไปผมจึงรั้งมันไว้ก่อน

“มึงจะไปไหน”ผมถาม

“ในเมื่อห้ามดีๆแม่งไม่หยุดก็ต้องใช้ตัวช่วย”แล้วไอ้พาสก็เดินจากไป ตัวช่วย? แล้วมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ มันถือกะละมังอันเล็กพร้อมน้ำในนั้น

“ในเมื่อห้ามดีๆพวกมึงไม่หยุดก็ต้องสาดให้มันหายบ้าเลย!!”
ซ่า !!!!! ไอ้พาสมันสาดใส่สองคนนั้นที่แลกหมัดกันอยู่ พอโดนสาดเข้าไปถึงกับ

“แค่กๆๆไอ้เหี้ย!มึงทำไรเนี้ย!”ไอ้สูงมันโวยวายน้ำคงเข้าตาเข้าปากเข้าจมูกเต็มๆสินะ

“ไอ้เหี้ยพาส!!มึงสาดน้ำมาทำเชี้ยไร ห้ะ !!”พี่เดฟเองก็หันมาต่อว่าไอ้พาส

“หยุดบ้ากันสักทีนะพวกมึงอ่ะ !!!ห้องนอนกูไม่ใช่ที่จะให้พวกมึงกัดกัน !! อ่อ ! อีกอย่างแม่กูยืนหัวโด่อยู่เนี้ยพวกมึงสนใจบ้างไหม ห้ะ !!!!!”แล้วไอ้พาสมันก็ตะคอกใส่ทั้งพี่เดฟและไอ้สูง

“เฮ้ยๆๆใจเย็น”ผมรีบไปดึงตัวมันไว้ก่อนที่มันจะได้ไปข่วนหน้าสองคนนี้

“ขอโทษครับแม่…กูขอโทษนะไอ้พาส”ไอ้สูงมันยกมือไหว้ขอโทษแม่ไอ้พาสแล้วหันมาขอโทษไอ้พาสที่มีผมจับตัวมันไว้อยู่ และมันก็เดินออกไปจากห้อง ผมคิดว่าผมต้องไปตามมัน

“มึงจะไปไหนห้ะ!วันนี้ไม่กูก็มึงก็ต้องมีคนตายละว่ะ!!”พี่เดฟคิดที่จะตามไปเล่นงานไอ้สูงอีกรอบ

“มึงหยุดบ้าสักทีเหอะเดฟ!! มีไรคุยกันดีๆอย่าใช้อารมณ์!!”ไอ้พาสมันเปลี่ยนจากเสียงตะคอกเป็นนิ่งเรียบจนผมไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกไปเลย มันไม่ค่อยเป็นแบบนี้เท่าไรครับ… “ไอ้โยพาแม่กูออกไปก่อน กูขอเคลียร์กับไอ้เหี้ยนี่ก่อน!”ไอ้พาสมันหันมาบ
อกผม

“แม่ครับไปครับ”ผมบอกท่าน ท่านยังคงมองไอ้พาสกับพี่เดฟอยู่

“คุยกันดีๆนะลูก ค่อยๆคุยอย่าใช้อารมณ์”ท่านบอกก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้องกับผม แต่ด้วยประโยคที่ทำให้ไอ้พาสกับพี่เดฟทะเลาะกันเพราะไอ้สูงมันทำให้ผมรู้สึกผิด จนผมต้องโผล่เสียงออกไปตอบคำถามแทนไปไอ้พาสมัน

“มึงเล่นชู้กับมันแล้วยังจะบอกว่าเป็นเพื่อนอีกหรอว่ะ!! กูไม่เชื่อ เมื่อคืนถ้ากูไม่เข้ามาก่อนจะเป็นยังไงมึงกับมันก็ได้กันไปแล้ว!ถ้าไม่ใช่ชู้มึงแล้วมันจะเป็นใคร !!”

“มันเป็นแฟนผมเองครับ!!!”ผมหันไปตอบพี่เดฟ พี่เดฟแกหันมามองทางผม

“วะ ว่าไงนะ?”คงไม่ชัดพอสินะ

“มัน เป็น แฟน ผม เอง ครับ !!”พี่เดฟทำตาโตเลยทีเดียว สงสัยพี่แกคงจะลืมละมั้งหรือว่าอาจจะเห็นหน้าไอ้สูงชัด “วันนั้นที่ผมกลับมา หน้าบ้านพี่ก็น่าจะเห็นว่าผมกับไอ้สูง เอ่อเนปจูนยืนอยู่ด้วยกันหน้าบ้านนะครับ”ผมบอกพี่เดฟ พี่เดฟใช้ความคิด คงจะลืม
สินะ “พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไอ้พาสต้ากับเนปจูนเป็นเพื่อนกันแน่นอน…เพราะยังไงซะเนปจูนมันก็เป็นแฟนผมและไอ้พาสเป็นเพื่อนผม มันคงไม่หักหลังผมหรอกจริงไหม?”ผมพูดจบก็ยิ้มให้พี่เดฟน้อยๆแล้วเดินออกไปนอกห้อง ให้สองคนนั้นเคลียร์กันเองแล้วกัน ในเมื่อผมก็ช่วยให้เรื่องมันไม่ใหญ่มากกว่านี้แล้ว…

“อ่ะ ! เอาไป”มันหนักนะเฮ้ย !! ก็ไอ้สูงนะสิครับมันให้ผมยกกระเป๋ามันและของผมด้วย…คือตอนนี้เราย้ายมาอยู่กันที่คอนโดแล้วครับ !! ตามที่ผมสัญญากับไอ้สูงไว้ ถ้าไม่มามันเอาผมเละแน่!! แต่ว่าแค่นี้ผมก็ไม่ไหวแล้วล่ะ เล่นให้ยกกระเป๋าเดินตามมันเข้าไปแบบนี้

“มึงจะไม่ช่วยถือกูหน่อยหรอว่ะ?”ผมถามมันเมื่อเดินมาหยุดคอยลิฟท์

“มันไม่ได้หนักอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง”แต่สุดท้ายมันก็ช่วยผมครับ วู๊ โล่งหน่อย

“ค่อยยังชั่ว”ผมหันไปยิ้มให้มันที่ถือกระเป๋าของตัวเอง

“แล้วมึงมีเวลามาหาซื้อคอนโดตอนไหนว่ะ ดูท่าว่าจะแพงด้วย”ผมถามมันเมื่อเราสองคนอยู่ในลิฟท์

“ให้เฮียมันหาให้ แล้วก็ให้เฮียมันจ่ายให้ด้วย”มันหันมาตอบผมพร้อมรอยยิ้มอันภาคภูมิใจที่มันไม่เสียตังค์เองอ่ะนะ เหอะๆ

ตึ่ง ! สัญญาณลิฟท์ดังแต่ครับ ถึงที่หมายแล้วครับ ผมกับไอ้สูงเดินออกมาจากลิฟท์และเดินไปเรื่อยๆตามหมายเลขห้อง…

“ห้องนี้”ไอ้สูงมันหยุดยืนอยู่หน้าห้องแล้วมันก็ใส่เสียบคีย์การ์ดประตูก็เปิดออก ทำให้ผมเห็นภายในห้อง มันดึงผมให้เดินเข้ามา

“สวยดีว่ะ!”ผมมองไปรอบๆห้อง มีห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่กลางห้อง ห้องครัว ห้องนอน แต่เด่วนะ ! มีห้องนอนห้องเดียวหรอ

“ห้องนอนมีกี่ห้อง”ผมถาม

“ห้องเดียว”

“ห้ะ!!”

“มึงจะทำหน้าตกใจเชี้ยไรขนาดนั้นว่ะ!”มันเดินไปนั่งลงที่โซฟาผมจึงไปนั่งด้วย

“แต่ว่าเรามาสองคนมันก็ต้องสองห้องดิว่ะ ไมมีห้องเดียว อีกอย่างแพงขนาดนี้มันก็น่าจะมีสองห้องป่ะ?”

“เอาเหอะน่านอนห้องเดียวกันนั่นแหละดีแล้ว ทำอย่างกะไม่เคยนอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน”มันยู่ปาก

“เออๆๆแต่ว่ากูก็อยากได้ความเป็นส่วนตัวนะเว้ย!”ผมยังคงไม่ยอม ผมอยากนอนคนเดียวนิ อีกอย่างนะผมรำคาญมันเวลาคุยโทรศัพท์ด้วยไม่รู้จะคุยไรนักหนา มันรบกวนเวลานอนผมสุดๆอ่ะ ผมถึงไม่อยากนอนกับมันไง

RrrrrrrrrrRrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ไอ้สูงดังขึ้น มันหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ครับเฮีย”เฮียหรอ?เออคงงั้นแหละครับ ผมว่าผมเอากระเป๋าไปเก็บก่อนดีกว่า ให้มันคุยกับเฮียไปนั่นแหละ … พอผมจัดของทั้งของผมและของมันเสร็จ ย้ำ!ของมันด้วยครับ เสร็จผมก็ออกมาหามันที่นอนเล่นอยู่ตรงโซฟาสบายใจ

“เสร็จแล้วหรอ”มันถาม

“อืม..เฮียโทรมาไมว่ะ”

“อ่อ!”แล้วมันก็ลุกขึ้นนั่งมองมาที่ผม “เฮียมันบอกให้ไปหามันที่ผับคืนนี้ ไปป่ะ?”เฮียสั่งมาผมก็ต้องไปใช่ป่ะ?เออต้องไป..

“ไปสิ เฮียบอกให้ไปหาใช่ไหม”

“อืม”แล้วมันก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม

“ไอ้สูงกูจะลงไปซื้อของข้างล่างเอาไรป่ะ”ผมถามมันที่นอนกดโทรศัพท์ยิกๆ

“อะไรก็ได้…”

“อืม”
ผมพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปที่ประตูเพื่อที่จะลงไปข้างล่างซื้อของที่ต้องการ แต่พอผมเปิดประตูออกไปผมก็ต้องชะงักค้างประตูที่เปิดอ้าออก…ทำไมเค้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?หรือจริงๆแล้วเค้าอยู่ที่นี่นานแล้ว ผมมองไปยังห้องฝังตรงข้ามที่มีผู้ชายที่ผมไม่คิดจะเจอละไม่ต้องการเจอด้วยยืนอยู่ เค้าเองก็เหมือนจะอึ้งที่เห็นผมมาอยู่ตรงนี้ตรงหน้าเค้า

“โยชิ!”เอาไงดีว่ะ แม่งขาเสือกขยับไม่ได้อีก โอ๊ยย!! อย่าเป็นแบบนี้ดิว่ะ ดูเหมือนว่าเค้าจะกำลังเดินมาหาผมนะ เอาไงดีว่ะ? คิดๆๆ

ปึ่ก!!

ผมตัดสินใจปิดประตูก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเดินมาถึงตัวผม ผมหันหลังพิงประตูเอามือทาบที่หัวใจตัวเองที่เต้นแรงไม่เป็นส่ำแบบนี้…ผ่านมา1ปีแล้วทำไมเค้ายังดูดีเหมือนเดิมเลยนะ

“เอ้า !! ไหนบอกว่าจะไปซื้อของไงทำไมมึงยังอยู่อีกว่ะ”ไอ้สูงมันคงได้ยินเสียงประตูที่ผมปิดหรือจะอะไรก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ผมหมดอารมณ์ที่จะไปแล้ว

“ไม่ไปแล้ว !!”ผมเดินมาหามันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆที่มันนอน มันจึงยกหัวมันมาหนุนตักผมไว้

“ทำไมว่ะ มีไรหรือป่าว”มันถามผมแต่ตามันมองแต่โทรศัพท์

“ไม่มีไรหรอก…เฮ้ออ”

“ไม่เป็นไรแล้วทำไมมึงถึงถอนหายใจขนาดนี้ว่ะ”มันหยุดเล่นโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามามองผม ผมเองก็ก้มหน้ามองมันเหมือนกัน

“ช่างกูเถอะน่า…”
ถ้าหากว่าห้องตรงข้ามผมเป็นห้องของเค้าจริงๆผมคงต้องเจอกับเค้าทุกวันสินะ !! แล้วที่นี้ผมจะทำยังไงดี ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอเค้า อีกอย่างผมรู้สึกกลัว…กลัวใจตัวเองที่จะเผลอไปหวั่นไหวให้กับเค้าอีกครั้ง !!

“เฮ้อออออ”ยังไม่วายผมก็ต้องถอนหายใจอีกรอบกับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ผมกลัวมันจะเป็นอย่างที่ผมคิดนี่นา

“เลิกถอนหายใจได้แล้วนา..หรือมึงเครียดเรื่องที่กูไม่แยกห้องนอนว่ะ”ผมส่ายหน้าให้มัน ไอ้ที่ผมเครียดอะ คือห้องตรงข้ามนั่นต่างหากผมไม่ได้เครียดเรื่องแยกห้องนอนไหมหรอก !!

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกน่า”

“แล้วมันเรื่องไรล่ะ?บอกกูมาดิ”

“ไม่มีไรก็ไม่มีสิ!”ผมขึ้นเสียงใส่มันก่อนที่จะลุกขึ้นยืนทำให้มันที่นอนหนุนตักผมเกือบหล่นโซฟา

“จะลุกไมไม่บอกก่อนว่ะเตี้ย!!!”มันลุกขึ้นมาโวยวายครับทีนี่

“เออโทษๆๆกูไปนอนในห้องนะ”ผมตัดปัญหาด้วยการบอกว่าไปนอนในห้อง ผมไม่อยากให้มันต้องมาคอยเป็นห่วงผม ถ้าเรื่องอื่นผมจะเล่าให้มันฟังแน่ !! แต่เรื่องนี้ผมขอบาย ผมไม่อยากบอกใครจริงๆ ผมเดินไปที่ห้องนอนปิดประตูลงและเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียง

“เฮ้อออ นี่มันบ้าสุดๆเลย!!!”ผมควรทำไงดี ไอ้ภาพของผู้ชายคนนั้นก็มาวนเวียนอยู่ในหัวผมเนี้ย สายตาที่มองมายังผมเหมือนดีใจที่ได้พบ..แต่อีกนัยหนึ่งเหมือนดวงตาคู่นั้นมันมีความเศร้าอยู่ภายใน

“นี่กูเป็นอะไรว่ะเนี้ย!!!”ผมสะบัดหัวตัวเองไล่ภาพเมื่อครู่ออกจากสมองให้หมด แต่ทำยังไงมันก็ไม่หายไป มันกรอกลับไปมาซ้ำๆ เมื่อไหร่กันเมื่อไรที่ผู้ชายคนนี้จะออกไปจากชีวิตของผม สมองของผม และ…หัวใจของผมสักที !! ทำไมกัน !!


22:00

@ผับเฮียทิตย์
ผมกับไอ้สูงมาถึงผมแล้วครับ ผับเฮียทิตย์ใหญ่มาก ผมกับไอ้สูงเดินเข้ามาด้านในผับ เพลงดังบีตอัดหัวใจให้เต้นแรงแบบสุดๆครับ ไอ้สูงพาผมเดินตรงไปยังบันไดชั้นสองของร้านซึ่งน่าจะเป็นชั้นระดับวีไอพี

“นั่งตรงนี้คอยเฮียมันก่อนแล้วกัน”พอเราขึ้นมายังชั้นสองแล้วไอ้สูงก็หาโต๊ะนั่งคอยเฮีย สั่งเครื่องดื่มมาดื่มรอ

“ผับเฮียใหญ่ว่ะ”ผมบอกไอ้สูงพรางสอดสายตามองไปรอบๆร้านทั้งชั้นบนและล่าง ผมมองไปยังชั้นล่างที่ตอนนี้เหล่าผีเสื้อราตรีกำลังวาดลวดหลายแข่งกันอย่างเมามันส์ ดีเจก็เปิดเพลงได้ถูกใจ ผมมองภาพเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ยิ้มไรมึง”ไอ้สูงมันสะกิดแขนผม

“ก็ยิ้มที่เห็นคนอื่นเค้าสนุกไง”

“หึ ! มึงไม่อยากสนุกบ้างหรอออ”มันลากเสียงยาว

“อยากดิ”ผมตอบมันแบบไม่ต้องคิดเลย”

“เดี๋ยวคุยกับเฮียเสร็จกูพาไปสนุก”มันบอกแล้วขยี้หัวผมเล่น

“อืม”ผมพยักหน้ายิ้มให้มัน



“เฮ้ ! หวัดดีไอ้น้องชายทั้งสองของเฮีย”ผมกับไอ้สูงนั่งคุยกันได้สักพักก็ได้ยินเสียงทักจากเฮียของเรา ผม ไอ้สูงหันนไปมองยังเสียง

“เฮีย !!”ผมเองครับ ผมลุกขึ้นไปกอดเฮียด้วยความคิดถึง ก็ผมคิดถึงเฮียมันจริงๆนิ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน

“กอดซะแน่นเลยนะมึง”เฮียมันเองก็กอดตอบผม

“ก็คนมันคิดถึงไงเฮีย”

“เออๆๆว่าแต่มึงไม่อยากกอดกูบ้างไงว่ะไอ้เนป”

“ไม่ว่ะเฮีย”มันยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วกระดกลงคอต่อ

“เฮ้อจริงๆเลย”

“ว่าแต่เฮียเรียกพวกผมมาหาทำไมอ่ะ”ผมเป็นคนถามเฮีย เนื่องด้วยไอ้สูงมันกระดกเหล้าอย่างเดียว

“เฮียมีของจะให้นะ อ่ะนี่ของโยชิ”เฮียบอกพรางหยิบของออกมาจากถุงที่มีขนาดใหญ่พอควรยื่นมาให้ผม

“อะไรว่ะเฮีย”ผมรับมาแล้วมองถุงสลับกับเฮีย

“เปิดดูดิ”เฮียบอก

“อืม”ผมจึงเปิดดูว่าของที่เฮียให้คือไร “เฮีย !!”เมื่อผมเห็นว่าของข้างในคือไรก็ร้องเรียกชื่อเฮียเสียงดัง

“ชอบไหม”เฮียถามยิ้มๆ ผมพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มออกมา

“ชอบมากเฮีย ขอบคุณครับ”ของที่เฮียให้ผมคือไอแพดครับ ผมอยากได้มานานแล้วล่ะ

“อะไร?ไหนเอามาดูดิ”ไอ้สูงมันดึงมือจากผมไปแล้วเปิดดู

“เฮียแล้วของผมล่ะ?ทำไมให้แต่ไอ้เตี้ยมัน”มันเห็นของข้างในว่าเป็นอะไรก็โวยวายขึ้นมา

“มึงไม่ได้รักกูแบบโยนิ กูจำเป็นต้องให้มึงไหม หึ”ฮ่าๆๆผมอยากจะขำออกมาให้ได้ยินเสียงแต่กลัวไอ้สูงมันจะโกรธ

“แต่ผมน้องเฮียนะเว้ย”

“โยชิกูน้องกูว่ะ”

“ใจร้ายว่ะ !”มันทำหน้างอสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ผมส่ายหน้ากับกิริยามัน

“ฮ่าๆๆกูก็มีให้มึง ไอ้น้องชาย เอ้า !”เฮียแก่คงแกล้งมันเล่นครับ เฮียโยนของอะไรสักอย่างให้มัน เป็นกล่องเล็กๆ ไอ้สูงรับมาก่อน
ที่จะหันไปมองเฮีย

“ทำไมมันเล็กจังว่ะ”มันถามทำหน้ามุ้ย

“กล่องอาจจะเล็ก แต่ของข้างในมันไม่เล็กนะเว้ย”

“เปิดดูดิมึง”ผมบอกให้มันเปิดเพราะอยากรู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน มันเปิดกล่องก็พบว่า…

“เฮีย !!!”นั่นแหละครับ มันตะโกนออกมาซะดังเลย เฮียแก่ก็เก็กท่าหล่อซะ

“ว่า?”

“ขอบคุณว่ะ”มันหยิบของในกล่องออกมา มันเป็นกุญแจรถครับ

“กูเคยได้ยินมึงอยากได้เลยหาซื้อให้ แลมโบกีนี่ มึงคงจะถูกใจ หึหึ”

“ไอ้เฮียกูโครตรักมึงเลย”มันลุกขึ้นแล้วเอือมมือไปดึงเฮียเข้ามากอด

“เออรักกูให้นานๆแล้วกัน”เฮียมันยิ้มที่มุมปาก

“ครับๆๆพี่…กูได้ของดีกว่ามึงว่ะ ฮ่าๆๆๆ”นั้นแหละครับมันเย้ยผม !

“เฮีย…ดูมันดิ”ผมต้องฟ้องเฮียครับ

“ไอ้เนป!ถ้ามึงแกล้งโยกูจะยึดของคืน”ฮ่าๆๆเยี่ยมเลยเฮียผม … ไอ้สูงนี่หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมเลย
.
.
.
.
“วู๊ ! สุดๆๆไปเลย”
หลังจากที่ไอ้สูงกับผมคุยกันกับเฮียเสร็จ ไอ้สูงก็พาผมลงมายังชั้นล่างที่ตอนนี้ยังคงคึกคักกันอยู่ …

“โยกดิๆๆมึง”ไอ้สูงมันจับผมแล้วก็เขย่าตัวผมไปมา

“เออๆๆ”ผมจึงเต้นข้างๆมัน

“หนุกหน่อยๆๆ”เออเอาว่ะ หนุกก็หนุกระบายความเครียดหน่อยแล้วกัน จากนั้นผมกับไอ้สูงก็เต้นกันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่มีใคร
ยอมใคร และแน่นอนเครื่องดื่มผมเองก็จัดหนักครับวันนี้ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผับเฮียทั้งทีขอกินฟรีแล้วกัน หึ!



-อัลฟา-

“เฮ้ยใจเย็นๆ”

“ไอ้เดฟไอ้อัลมันเป็นไรว่ะ”

“เออนั่นดิ”
บทสนทนาต่างๆคุยกันเกี่ยวกับผมที่ตอนนี้นั่งดื่มแบบไม่คุยกับใคร ไม่สนใจใครแม้แต่น้อย แม้แต่เพื่อนที่ผมลากมันมาด้วยถึง4คนซึ่งก็มีผม ไอ้เดฟ ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท ไอ้คิม ซึ่งพวกมันก็ยอมมาโดยดี

“ไอ้เดฟบอกกูหน่อยกูอยากรู้”ไอเอยังคงถามหาคำตอบจากไอ้เดฟที่นั่งอยู่ข้างๆมัน ไอ้เดฟหันมามองผมเล็กน้อยก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“เฮ้ออออ มันอกหักว่ะ”มันหันไปบอกไอ้เอ

“ห้ะ !!”เสียงไอ้โบ๊ทครับ

“อย่างไอ้อัลเนี้ยนะจะอกหัก กูเห็นวันๆมันก็คั่วไปทั่ว ยังไม่เห็นมันจะคบใครจริงจังเลย”ไอ้โบ๊ทร่ายยาวเลยครับ มันก็จริงที่ผมคั่วไปทั่ว ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ผมไม่เคยจริงจังกับใคร พวกมันเองก็คงไม่คิดว่าผมจะรักใครจริง แต่ที่ผมทำแบบนั้นก็เพราะอยากที่จะลืม แต่มันกลับลืมไม่ได้ ยิ่งได้พบกันซึ่งซึ่งหน้าแบบนี้แล้ว ผมไม่มีวันลืมแน่

“เออกูก็เห็นด้วยกับไอ้โบ๊ทว่ะ”ไอ้เอมันเห็นด้วยกับสิ่งที่ไอ้โบ๊ทพูด

“แล้วสรุปแม่งใครทำมันอกหักว่ะ”

“มึงก็ลองถามมันเองดิ กูจะตอบแทนมันได้หรอว่ะ”ไอ้เดฟมันบุ้ยหน้ามาทางผม ทำห้พวกมันสองคนหันมาจ้องผม

“อะไร”ผมถามเสียงห้วน

“ไม่อะไรหรอก บอกกูมาใครหักอกมึงว่ะ”ไอ้เอถาม

“เสือก!”

“ไอ้เชี้ย ! กูถามดีๆนะมึง บอกกูหน่อยไม่ได้หรอ ใครบังอาจทำให้เพื่อนกูเป็นแบบนี้”

“เออ บอกมาเถอะเผื่อพวกกูจะช่วยไรมึงได้”

“ไม่มีใครช่วยไรกูได้หรอก …”ใช่ ไม่มีใครช่วยผมได้เลย ผมยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำยังไงดีเวลาเจอไอ้ตัวเล็กอีก มันเหมือนพยายามที่จะหลบหน้าผม

“ไม่แน่นะเว้ย บอกกูมาเถอะ”มันยังคงเซ้าซี้อยู่ ผมไม่ตอบหันมากระดกเหล้าเข้าปากต่อ

“พวกมึงก็อยากรู้กันจังนะ ถ้ามันอยากเล่าเดี๋ยวมันก็เล่าให้ฟังเองแหละ”ไอ้เดฟมันคงสังเกตว่าผมไม่อยากพูดถึง ผมเล่าให้มันฟังเองว่าวันนี้ผมได้เจอโยชิอยู่ที่ห้องตรงข้ามกับผมมันเองก็ดูตกใจเหมือนกัน มันเองคงไม่คิดมั้งว่าโยชิจะอยู่ใกล้ผมขนาดนี้

“แต่ว่าๆๆ”ไอ้เอยังคงไม่ลดละความพยายามที่อยากจะรู้

“เฮ้ยๆๆปล่อยมันไปก่อนก็ได้ ไอ้เอกูว่าเราไปดิ้นดีกว่าว่ะ”ไอ้โบ๊ทมันดึงไอ้เอให้ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปเต้นกับมุน

“ไม่เอาขี้เกียจ”

“ไปเหอะน่า ตื้ดๆหน่อย”และแล้วไอ้โบ๊ทก็ลากไอ้เอไปเหลือผมอยู่กับไอ้เดฟแค่สองคน

“เฮ้ออออออ”ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“เอาน่าอย่าเครียด”ไอ้เดฟตบไหล่ผมเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

“จะไม่ให้กูเครียดได้ไง มันไม่อยากเห็นหน้ากูนะ”

“เอาน่ากูว่าเราไปปลดปล่อยหน่อยดีไหม ไอ้สองตัวนั้นมันสนุกอยู่ ไปกัน”ไอ้เดฟบอกพร้อมกับดึงแขนผมให้ลุกตามมันไป มันพาผมเดินไปยังกลางฟอร์ลเต้น

“ไอ้เดฟๆๆทางนี้เว้ย”ไอ้เอมันกวักมือเรียกให้ผมสองคนเดินไปหามันที่เต้นเหมือนโดนผีเข้าสิงอยู่ ไอ้เดฟเลยลากผมไปหามัน
สองคน

“เอ้ามาหนุกๆๆกันหน่อยระบายความเครียดมึง”ไอ้เอมันจับไหล่ผมแล้วเขย่าๆๆไปมา

“เออๆๆ”ผมจึงโยกไปตามจังหวะเพลง

“เฮ้ยๆๆมึงๆดูนั้นดิ แม่งจะเล่นหนังสดกันไงว่ะ มึงดู”ไอ้โบ๊ทมันเอ่ยขึ้นมาแล้วชี้นิ้วไปทางที่มันเห็น ผม ไอ้เดฟ ไอ้เอจึงมองตาม …

“ไอ้อัล!นั่นมัน”ไอ้เดฟมันหันมาพูดกับผมพรางเขย่าแขนเบาๆ

“เชี้ย !”ภาพนั้นทำให้ผมสบดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“อะ ไอ้อัลมึงเป็นไร”ไอ้เอเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก

“ป่าวๆๆ”ผมบอกมันไปงั้นแหละครับ

“กูว่านะ แม่งน่าถ่ายคลิปไว้ว่ะ กูว่ารับแม่งน่ารักว่ะ มึงว่าป่ะ คิคิ”

“หยุดคิดเลยไอ้โบ๊ท !”ไอ้เดฟมันบอกไอ้โบ๊ท

“ไมว่ะ”มันยู่ปากใส่ไอ้เดฟทำงอนๆ

“กูกลับไปที่โต๊ะนะ!”ผมบอกกับพวกมันก่อนที่จะเดินมานั่งโต๊ะเหมือนเดิม
ภาพเมื่อกี้มันไม่จริงใช่ไหม… ทำไมผมถึงเห็นว่าคนที่จูบกันนั้นเป็นโยชิ มันไม่จริงใช่ไหม ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บที่อกแบบนี้ ทำไม
กัน … ภาพคนสองคนยืนจูบกันอย่างดูดดื่มไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างแม้แต่น้อย โยชิคงลืมผมไปแล้วสินะ หึ ก็ผมทำกับเค้าไว้เยอะนิ

“เหอะๆๆกูยังจะหวังให้มึงกลับมาหากูอีกหรอว่ะ … ไอ้ตัวเล็ก!”
[/size]






To be con.....
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่9 : ห้องตรงข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 03-06-2016 13:55:42
ไอ้หน้าด้านยังกล้าคาดหวังอะไรอีกตอนทำไม่รู้จักคิด เขาไมเอาเลือดหัวมึงออกก็ดีถมเถแล้ว
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่9 : ห้องตรงข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 04-06-2016 00:34:00
สมแล้วล่ะ ที่โยชิไม่ให้อภัย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่9 : ห้องตรงข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 04-06-2016 08:44:04
มันต้องแบบนี้ ให้อัลเจ็บหนักๆก่อน
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่9 : ห้องตรงข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: killerofcao ที่ 04-06-2016 14:30:06
สรุปยังไงคู่เนปxพาส เอาไง สามพี่ไหมค่ะ เดฟxเนปxพาส
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่9 : ห้องตรงข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 04-06-2016 20:03:23
จะเป็นยังไงต่อไปน้าาา :mew2:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่10 :รับน้องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 05-06-2016 19:34:58

ตอนที่10 :รับน้องใหม่



-โยชิ-


10

9

8

7

6

5

4

3

2

1


ปี๊ดดด !!

“ขอแสดงความยินดีกับน้องๆที่มาสายนะครับ หึๆ”เสียงรุ่นพี่ที่คาดว่าน่าจะเป็นพี่ประธานของคณะผม นั้นก็คือคณะวิศวะนั้นเอง…

“รุ่นพี่ที่ทำหน้าที่กะคนมาทำกิจกรรมของเราสายพาน้องๆมาด้านหน้าด้วยครับ”

“เชิญครับผม”พี่ที่ทำหน้าที่กะคนมาทำกิจกรรมสายบอกกับผมและไอ้พาสต้าให้เดินไปด้านหน้า ใช่ครับ ! คนที่มาสายคือผมกับ
ไอ้พาสต้าเองครับ TT’ เพราะไอ้สูงคนเดียวแท้ๆเลย ก็มันนะสิครับทำไรชักช้า กว่าที่ผมจะปลุกมันตื่นได้ก็ปาไปเกือบชั่วโมง แล้วผมยังต้องลากมันไปห้องน้ำอีก เฮ้ออ ผมละเหนื่อยใจกับมันจริงๆ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นทำไมคนที่มาสายมีแค่ผมกับไอ้พาสต้าว่ะ คนอื่นไปไหนหมด

“จะยืนนิ่งกันอีกนานไหมครับ เชิญ”บางทีรุ่นพี่ก็โหดไปนะ แค่มาสายแปบเดียวเอง ผมกับไอ้พาสหันมามองหน้ากันเล็กน้อย มันพยักหน้าพอเข้าใจกันสองคน ผมกับมันจึงเดินไปโชว์ตัวด้านหน้าให้ประชากรทั้งหลายที่นั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เพียบ ผมกับไอ้พาสเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ผมสองคน ทำให้ผมต้องก้มหน้างุด

“หึๆไงครับน้องมาสาย”คือนี้ชื่อกู?เสียงพี่ประธานเอ่ยทักเราสองคน ผมกับไอ้พาสจึงหันไปมอง เห็นอยู่ไกลๆว่าหล่อแล้ว มาอยู่ใกล้ๆนี่หล่อกว่าอีก ผมคงจ้องพี่เค้านานไปหน่อยทำให้พี่เค้ายื่นหน้ามาใกล้ผมตอนไหนไม่รู้

“จ้องพี่ขนาดนี้ระวังจะท้องนะครับ”

“…”แดกจุดเลยครับ ผมจึงหันหน้าหนีมาเผชิญหน้ากับทุกคนที่นั่งมองอยู่

“หึๆ”หัวเราะได้น่ากลัวจริงๆ

“เอาล่ะครับน้องๆทุกคน เราควรทำยังไงกับคนที่มาสายกันดีนะ”
เงียบครับ… ทุกคนในที่นี้เงียบกันจริงๆกูเริ่มกลัวแล้วสิ

“หึๆงั้นพวกพี่จะเป็นคนลงโทษน้องสองคนเองนะครับ”ผมได้แต่ก้มหน้างุดอย่างเดียว เหล่ไปมองไอ้พาสแปบมันไม่เห็นจะรู้สึกไรเลย มันยังคงยืนหน้าสล่อนไม่คิดกลัวรุ่นพี่เลย อีกอย่างยังทำหน้ากวนตีนส่งไปให้พี่ประธานเค้าอีก

“ไอ้พาสๆ”ผมสะกิดมันเบาๆมันหันมามองผม

“ว่า?”

“กูกลัว”

“กลัวไร?”มันขมวดคิ้วมองผม

“ก็รุ่นพี่ไงมึง”

“กลัวทำไม…ก็แค่รุ่นพี่!”มันพูดกับผมประโยคด้านหน้าแต่ประโยคหลังนั้นมันพูดกับพี่ประธานครับ

“หึ ! ปากเก่งจริงๆมิน่าละไอ้เดฟมันถึงได้ติดใจ”

“ก็คนมันมีดีว่ะ”มันยักคิ้วให้พี่เค้ากวนๆแสดงว่าสองคนนี้รู้จักกันสินะ อีกอย่างพูดถึงพี่เดฟด้วย แต่เดี๋ยวนะ ?

“มึงๆๆ”ผมสะกิดไอ้พาสเบาๆมันหันมามอง

“ไรอีก?”

“มึงรู้จักกับรุ่นพี่เค้าหรอว่ะ”

“อืม รู้สิก็มันเป็นเพื่อนไอ้เดฟแล้วก็…”

“เฮ้ย ! กว่าจะมาได้นะครับคุณเดฟ คุณเคมี”ไอ้พาสยังพูดไม่จบก็มีเสียงรุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนเสียงซะดังตัดบทเลย - - ทำให้ไอ้พาสชะงักแล้วหันไปมองตามบุคคลที่ถูกเรียกจะใครที่ไหนก็พี่เดฟไงครับ แต่เดี๋ยวนะเคมีนี่ใคร?

“โทษทีเมื่อคืนจัดหนักไปหน่อยว่ะ”ชัดเลย ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เมื่อคนที่ได้นามว่าเคมี?ตอบกลับมา ยะ อย่าบอกนะว่าเค้าเรียนอยู่คณะเดียวกับผม เหมือนจะรู้สึก…ทำให้เค้าหันมามองผมที่ยืนอยู่ด้านหน้าประชากรทั้งหลาย ก้มหน้าละกันกูTT’

“ว่าแต่พวกมึงทำไรกันแล้วน้องสองคนนั้น?”

“อ่อ…น้องมันมาสายว่ะเลยจะทำโทษกันสักหน่อย หึๆ”ไอ้พี่ประธานที่อยู่ใกล้พวกผมตอบ

“งั้นหรอ”รู้สึกเหมือนถูกจ้องเว้ย ผมเหล่มองไปทางนั้นเล็กน้อยก่อนเห็นว่าเค้ามองมาที่ผมอยู่ กรี๊ดดด(?)เอิ่มมเสียงใคร?

“เมียมึงก็โดนว่ะไอ้เดฟ ฮ่าๆๆ”

“หุบปากไปเลยไอ้โบ๊ทเดี๋ยวกูเตะ”

“จายร้ายยยยT^T”

“เอาล่ะ พี่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงกับน้องสองคนนี้ดี หึๆ”ลางสังหรณ์เริ่มไม่ดี มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่…

“เบาๆนะมึง อย่าให้เมียกูเลือดตกยางออกเชียวนะ”เสียงพี่เดฟเป็นคนพูดกับพี่ประธาน

“ไม่ต้องห่วงหรอก หึๆ”พี่ประธานพูดขึ้นลอยๆก่อนที่จะหันมามองพวกผมสองคน “มานี่…”แล้วก็กวักมือเรียกใครก็ไม่รู้เพราะผม
เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับ …

“อะไร?”เสียงห้วนๆที่ผมคุ้นเคยตอบกลับ ใช่ครับเสียงของ เอ่อ…เค้าคนที่ผมไม่อยากเจอนั้นแหละครับ

“มานี่ พวกมึงก็มาสายเหมือนกัน เป็นพี่ก็ต้องรู้จักรักษาเวลาบ้าง ทำโทษพี่ด้วยเป็นตัวอย่างดีๆให้น้องกันหน่อยมาๆพวกมึงสอง
ตัว เร็ว!!”

“@#9^&%$!@+_*&&^…”คำด่าสารพัดของพี่เดฟออกมายาวเยียดส่งไปให้พี่ประธาน ผมรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตมาหยุดอยู่ข้างๆกายผม ผมไม่กล้าเงยหน้าไปมองคนที่ยืนข้างผมตอนนี้เลย

“เอาละ น้องๆที่มาสายทั้งสองคนกับพี่ที่มาสายอีกสองคนจะต้องเจอลงโทษนะครับ พี่จะให้ไปวิ่งรอบสนามบอลของทางมหา’ลัย10รอบ โอเคไหมครับ…ถ้าเงียบแปลว่าโอเคนะครับ งั้นปฏิบัติเดี๋ยวนี้และตอนนี้ครับ”อะไรกัน10รอบ สนามบอลมหา’ลัยได้ข่าวว่าใหญ่มากเลยนะ แล้วแบบนี้ไม่ใช่ผมวิ่งรอบเดียวก็ตายแล้วหรอ

“ไปได้แล้วครับ วิ่งเสร็จแล้วมารวมตัวกันที่เดิมนะครับ!”สิ้นเสียงประกาศิษจากพี่ประธานผมก็สะกิดไอ้พาสแล้วเตรียมจะวิ่งออกไปแต่ก็มีมือใครสักคนรั้งไว้

“รู้จักทางหรือไง…”ทุกคนรู้ใช่ไหมว่าเป็นใคร?ใช่ครับ...อัลฟา

“รู้!!”ผมตอบกลับเสียงห้วนพร้อมสะบัดแขนออกจากมือเค้า “ไปเหอะมึง”ผมบอกกับไอ้พาส มันก็พยักหน้าเบาๆผมจึงเดินแยกออกมาจากคนอื่นๆเพื่อไปยังสนามบอล

“หึ!รู้บ้าอะไรละ สนามบอลไม่ได้อยู่ทางนั้นนะน้อง”เสียงอัลฟาตะโกนให้หลังผมมา ผมหยุดกึกอยู่กับที่ สนามบอลไม่ได้ไปทางนี้หรอ ผมหันกลับไปมองที่เค้า เค้าชี้ไปทางตรงกันข้ามกับที่ผมเดินออกมา

“เอาไงละมึงผิดทาง”

“ก็ไปทางที่ถูกสิว่ะ!”พูดจบผมก็ลากมันไปทางนั้น เฮ้ออ วันแรกกูก็ซวยแล้วเหรอเนี้ย T^T



-อัลฟา-


ผ่านไป30นาที

“ อะ ไอ้อัล กูไม่ไหวล่ะ พักแปบนะเว้ย!”ไอ้เดฟมันหอบหลังจากที่วิ่งมาได้แค่30นาทีเองครับ เอาจริงมันวิ่งยังไม่ถึง5รอบด้วยซ้ำ

“เออๆๆแล้วแต่มึง ถ้ากูวิ่งเสร็จก่อนกูไม่รอมึงนะเว้ย”ผมบอกกับมันแล้วออกตัววิ่งต่อไปเพื่อจะไปหาเด็กคนหนึ่งที่วิ่งนำหน้าผมอยู่ ท่าทางคงจะเหนื่อยแล้วด้วย หึๆ

“ไง?”ผมทักขึ้นเมื่อถึงตัว ไอ้ตัวเล็กหันมามองผมเล็กน้อยแล้วก็วิ่งนำหน้าต่อไป “นี่!!!รุ่นพี่เค้าคุยด้วยก็ช่วยตอบหน่อยสิ!”ผมไม่ยอมแพ้หรอกในเมื่อมันมาอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อมมือเท่านั้น

“นี่!!!”

“ปล่อยนะ!!!”ผมจับเข้าที่ไหล่ของไอ้ตัวเล็กทำให้มันชะงัก พอตั้งตัวได้ก็สะบัดตัวให้มือที่ผมจับหลุดออก

“ทำไม กูจับไม่ได้หรือไง”

“ไม่ได้!”มันตอบเสียงห้วนและก็วิ่งต่อไป ผมจึงวิ่งไปดักหน้า

“ทำไม?”

“เรื่องของกู อย่ามายุ่ง ถอยไป!”

“ไม่!”

“บอกให้ถอยไปไงเว้ย!!”มันผลักผมล้มแล้วเดินออกจากสนามทันที ผมได้แต่มองตามหลังที่ค่อยๆเดินจากออกไป

“นี่มึงเกลียดกูขนาดนี้เลยหรอว่ะ เหอะ!”



“วิ่งเสร็จกันแล้วหรอครับ รุ่นพี่รุ่นน้อง มาๆๆยืนโชว์ตัวอีกสักรอบครับ”ไอ้คิมซึ่งเป็นประธานของคณะเรามันพูดขึ้น

“พวกมึงมั่นใจไหมว่าวิ่งครบไม่ใช่โกงนะมึง”ไอ้โบ๊ทมันพูด

“มึงลองไปวิ่งเองไหม สัส!! มึงไปวิ่งเองสิแล้วจะรู้สึก”ไอ้เดฟตอกกลับ

“พอๆๆพวกมึงก็เถียงกันอยู่ได้เห็นน้องๆไหม อายบ้าง”ไอ้คิมมันบอก

“เอาละ น้องสองคนเข้าที่ได้ครับ ส่วนพี่อีกสองคนเชิญมาทางนี้ด้วย”ไอ้คิมบอกกับผม ไอ้เดฟ แฟนไอ้เดฟ และก็เด็กผม(?)ให้เข้าที่ของตัวเอง “โอเคครับ พี่จะบอกกฎสักหน่อยนะครับ กฎของเรามีไม่มาก 1.รุ่นพี่ถูกเสมอ 2.รุ่นพี่ถูกเสมอ 3.รุ่นพี่ถูกเสมอ
4.ถ้ามีไรข้องใจให้กลับไปอ่านข้อที่1-3ใหม่ กฎของเรามีแค่นี้ขอให้ทุกคนเข้าใจนะครับ”

“นี่!!!รุ่นพี่ครับมันยุติธรรมแล้วหรอว่ะ กฎรุ่นพี่ถูกเสมออะไรของพวกมึงว่ะ”เมียไอ้เดฟมันเป็นคนท่วงขึ้น

“หุบปากมึงไปเลยนะไอ้พาส มึงอย่าเถียงสิว่ะ”ไอ้เดฟบอกเมียมัน

“มึงสิหุบปาก!!”

“ครับบ”อ้าวเฮ้ย!ถูกเมียตะคอกกลับแค่นี้ถึงกลับเงียบเลย เฮ้ออเก่งได้ไม่นานจริงๆ

“มึงๆๆพวกมึงเห็นน้องคนนั้นที่นั่งใกล้เมียไอ้เดฟป่ะ?กูว่าหน้าคุ้นๆว่ะ”ไอ้เอมันบอกแล้วชี้นิ้วไปทางที่ไอ้ตัวเล็กของผมนั่งอยู่

“นั่นสิ กูก็คุ้นว่ะ”ไอ้โบ๊ทมันก็สมทบ

“พวกมึงจำคนผิดหรือเปล่าวะ”ผมบอก ผมไม่อยากให้มันจำไอ้ตัวเล็กของผมคนที่ไปยืนจูบดูดดื่มกับผู้ชายคนอื่นได้

“แต่กูว่ากูจำไม่ผิดนะ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก”มันทำท่าคิด

“คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดสิว่ะ!”ผมผลักหัวมันเล็กน้อย “นู๊น…ไปช่วยงานไอ้คิมไป”ผมไล่มัน

“ไม่อาววว  กูอยู่เฉยๆดีกว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่มันอ่ะดีแล้ว”

“เออ งั้นก็เงียบๆอย่าส่งเสียงดังกูรำคาญ”ผมบอก

“งื้อออ เชอะ!!”เฮ้อออ เหนื่อยกับมันจริงๆผมมองไปยังไอ้ตัวเล็กที่ตอนนี้ตั้งใจฟังไอ้คิมที่มันบอกถึงสถานที่ต่างๆของมหา’ลัย บอกกิจกรรมที่รุ่นน้องจะต้องเข้าร่วม

“ทำยังไงมึงถึงจะคุยกับกูเหมือนเดิมได้ว่ะไอ้ตัวเล็ก”



2อาทิตย์ต่อมา


-โยชิ-

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับน้องแล้วนะครับ  และวันนี้ก็จะเป็นวันที่จะได้รู้ว่าใครคือพี่รหัส  น้องรหัสใคร  พี่เชื่อว่าทั้งพี่และน้องต่างก็ลุ้นกัน  มีพี่คนไหนไว้ในใจก็ขอให้สมหวังนะครับ  ตอนนี้พี่จะปล่อยให้น้องๆไปพักรับประทานอาหารกัน...เลิกแถวครับ” สิ้นเสียงพี่ประธานพวกเราทุกคนต่างก็พากันแยกย้ายไปพักผ่อน

“ไอ้พาสกินข้าวกันกูหิวววว”ผมลากเสียงยาวพร้อมคล้องแขนมันเดินไปยังโรงอาหารของมหา’ลัย  วันนี้เป็นสุดท้ายของการรับน้องเป็นอะไรที่ผมดีใจมาก  ตลอดระยะเวลาของการรับน้องที่ผ่านมาผมต้องทนอึดอัด  เพราะผู้ชายที่มีนามว่า “อัลฟา” คอยก่อกวนผมตลอดเวลา  แรกๆเขาไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ผมซักเท่าไร  แต่เพราะพี่เดฟและพี่ๆคนอื่นๆชอบให้ผมกับเขาจับกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน  จนเขาเริ่มที่จะเข้าใกล้ผมมากขึ้น  มากขึ้นเรื่อยๆ  บางครั้งผมก็เผลอใจให้ไปหวั่นไหวกับเขาอีกครั้ง ซึ่งผมไม่ชอบใจตัวเองเลย  หงุดหงิดัวเองทุกครั้งที่ตัวเองเป็นแบบนี้

“มึง..”

“.........”

“ไอ้โย...โยชิ !”

“อ่ะ..” 

“จะแดกไหมข้าวอ่ะ” 

“กินสิๆ ไปๆ” ผมทำเพียงแค่มองหน้ามันชั่วครู่จากนั้นก็ลากมันตรงไปยังร้านข้าว

“คิดไรอยู่ว่ะ  เห็นเหม่อบ่อยนะช่วงนี้”

“ไม่ได้คิดไรนิ” ผมรับข้าวจากป้าคนขายแล้วหันมาตอบมัน

“........”

“งั้นกูไปหาโต๊ะนั่งก่อนนะ  รีบตามไปนะเว้ย”  จากนั้นผมจึงเดินแยกออกมาเพื่อมองหาโต๊ะว่าง

“วันนี้คนในโรงอาหารเยอะกว่าทุกวันแหะ” ผมพึมพำกับตัวเองสายตาก็กวาดมองหาโต๊ะที่ว่างๆ ไม่นานผมก็เจอโต๊ะที่ว่างพอดี  ชักช้าอยู่ใย ผมรีบก้าวเท้าไปยังเป้าหมายที่พบในทันทีก่อนที่จะมีคนอื่นมาแย่งไป  เพราะตอนนี้ก็หิวข้าวมากๆด้วย

“ได้ที่นั่งซักที” ผมยิ้มดีใจอยู่คนเดียวที่มาทันโต๊ะที่จ้องไว้  ดีนะที่ยังไม่มีคนมาแย่ง
พึ่บ ! ดีใจได้ไม่นานก็มีคนมานั่งโต๊ะเดียวกับผมแต่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ผมจึงเงยหน้ามองบุคคลที่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนตัวเอง  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ไอ้พาสที่ไม่รู้ตอนนี้หายไปไหนทั้งๆที่ควรจะมาได้แล้ว

“...........” ผมถึงกับวางช้อนทันที อิ่มครับ อิ่มเลย...

“ทำไมถึงไม่กินต่อละ”

“อิ่มแล้ว” ผมว่าเสียงเรียบ

“เห็นหน้ากูแล้วถึงกับอี่มเลย  กูเพิ่งรู้นะเนี้ยว่ากูสามารถทำให้คนอิ่มได้โดยไม่ต้องกินข้าว หึ”

“แล้วแต่จะคิด” พูดจบผมก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแต่ทว่ามีมือหนึ่งฉุดผมไว้

“นี่มึงเกลียดกูขนาดนั้นเลยหรอว่ะ”

“....” ผมทำได้แค่มองได้เขานิ่งๆ

“เกลียดกันจริงๆนะหรอ” ไม่เจอแบบผมไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน  คำว่าเกลียดยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนๆนี้ แล้วเขาจะเอาอะไรกับผมอีก?

“ใช่ ! กูเกลียดมึง  ปล่อยแขนกูได้แล้ว!” ผมพูดกระแทกเสียงแบบไม่พอใจเสียงดัง  ทำให้คนแถวนั้นหันมามองจุดที่เรายืนดันเป็นตาเดียว  แล้วไง? ใครสน ช่างแม่ง

“เหอะ!” เขาปล่อยแขนที่จับผมหลังจากได้ยินคำพูดของผม

“...”

“ไม่ว่าจะยังไงกูจะทำให้มึงกลับมารักกูให้ได้  และไม่ว่ามึงจะเกลียดกูแค่ไหนกูก็ยิ่งยิ่งทำให้มึงรักกูให้ได้  ต่อให้กูต้องกลับมาใช้วิธีเลวๆกับมึงอีกครั้งก็เถอะ…คอยดู!!!”เขาตะโกนใส่หน้าผมเสียงดังพร้อมกับหน้าที่จริงจังว่าเขาทำจริงๆแน่

“กูจะรอดูวันนั้น...แต่กูว่าคงไม่มีทางหรอก หึ”

“!!!!”
ผมเคยง่ายมาแล้ว  เมื่อก่อนผมอาจจะอ่อนต่อโลกเกินไป  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่มันแตกต่างจากเมื่อตอนนั้น  ผมจะไม่ง่ายให้กับมันอีกและคงจะไม่มีวันนั้นด้วย เขาคิดได้ไงเขาทำกับผมถึงขนาดนั้นแล้วยังจะมาขอให้ผมเห็นใจหรือให้โอกาสกับคนอย่างเขาเนี้ยนะ เหอะ กลับไปนอนฝนกลางวันเอาไป!!!

“มันคงไม่มีวันนั้นหรอก  อย่างหวังเลยต่างคนต่างอยู่เถอะ!” พูดจบผมก็เดินออกจากตรงนั้นทันที

“อ้าว  ไปไหนว่ะ?”

“มึงไปซื้อข้าวถึงดาวอังคารหรือไงว่ะ  ช้าชิบ!!”ผมตะคอกใส่มันจนมันเหวอไป5วิ

“โว๊ย!! มึงก็แหกตาดูคนในโรงอาหารดิสัด”

“ช่างแม่งเหอะ  กูไปคอยใต้ตึกนะ” ผมพูดจบก็เดินออกมา ปล่อยให้มันทำหน้า งง ไปงั้นแหละ  อารมณ์เสียเว้ย  ให้ตายสิใครเข้ามาทักผมตอนนี้ ผมพาลหมด

“อะไรของมันว่ะ  สงสัยเมนไม่มา” ผมได้ยินเสียงพึมพรัมจากมันแต่ไม่ได้หันไปมอง  ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะไปเล่นกับมันจริงๆ

“ตอนนี้ก็ไปสงบจิตสงบใจก่อนแล้วกันเรา”





To be con.....

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่10 :รับน้องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 05-06-2016 20:42:09
สนุกดี
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่10 :รับน้องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 06-06-2016 21:58:05
ไอ้สูงไปไหนล่ะ ทำไมไม่มาตอนนี้
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่10 :รับน้องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 07-06-2016 12:45:10
แบบนี้กำลังดี ยากๆเข้าไว้
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่10 :รับน้องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 08-06-2016 12:21:26
ยิ่งเกลียดก็ยิ่งเจอนะ ไปๆมาๆกลับเป็นพี่รหัสน้องรหัสกันด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่11 : พี่รหัสที่คุ้นเคย
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 09-06-2016 20:13:13
ตอนที่11 : พี่รหัสที่คุ้นเคย

-โยชิ-

 

“พี่จะนับ1-10ถ้าเพื่อนในแถวยังมาไม่ครบจะโดนลงโทษนะครับ นับ1,2,3,4,5,…10 ครบยังครับ!!”

 

“ครับ/ค่ะ”

เสียงคานรับของรุ่นน้องทุกคนตอบพร้อมเพรียงกัน เมื่อประธานเรียกรวมและแน่นอนว่าพวกเราไม่มีใครต้องการโดนลงโทษ

 

“ถ้ามากันครบแล้วก็ดีครับ…น้องๆก็คงจะทราบกันดีว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับน้องและวันนี้ก็จะได้รู้ถึงพี่รหัสของตัวเองว่าเป็นใคร?น้องๆคงมีใครในใจที่อยากได้เป็นพี่รหัสใช่ไหมครับ”

 

“ครับ/ค่ะ”

 

“เอาละที่ผ่านมาน้องๆก็เหนื่อยกันมากที่เข้าร่วมกิจกรรมตลอดมา…วันนี้พวกพี่จะให้น้องๆนั่งเฉยๆแล้วพวกพี่ทุกคนจะจัดการเอง  แต่ว่าตอนนี้ขอให้น้องๆขยายแถวด้วยครับ ห่างกันหนึ่งช่วงตัวครับ ปฏิบัติ !!”

สิ้นเสียงพี่ประธานนักศึกษาทุกคนต่างพากันขยายแถวตามที่พี่เขาบอก

 

“นี่หรอว่ะบอกให้กูอยู่นิ่งๆ นิ่งพ่องดิ!แล้วจะให้เราขยายแถวทำไม แม่ง!”มันก็ถูกที่ไอ้พาสพูดนะครับในเมื่อพี่เขาบอกให้เรานั่งนิ่งๆเฉยๆแต่ทำไมกลับสั่งให้พวกเราขยายแถวกันละ

 

“เออทำๆไปเถอะ อย่าบ่น”

 

“มึงนี่!”ไอ้พาสใช้สายตามองจิกผม เฮ้!ผมผิดอะไรTT’

 

“โอเคครับ  ขอให้พี่ๆแจกผ้าปิดตาให้น้องๆทุกคนด้วย”หลังจากที่พี่ประธานสั่งพี่ๆคนอื่นๆก็เดินแจกผ้าปิดตาให้กับพวกเราทุกคน

 

“เชี้ยแม่ง ! ปิดตาพ่องมึงไงว่ะไหนบอกให้พวกกูนั่งนิ่งๆไง”ไอ้พาสมันโวยออกมาเสียงดังพรางใช้สายตาจ้องไปที่พี่ประธาน

 

“ไอ้เดฟจัดการเมียมึงทีดิรู้สึกจะปัญหาเยอะว่ะ”

 

“เมียมึงช่วยร่วมมือหน่อยได้ไหมว่ะ แค่แปบเดียวอ่ะ”พี่เดฟเดินมาหยุดแล้วนั่งลงตรงหน้าพาสต้า

 

“ก็พวกมึงเล่นห่าไรกันปัญญาอ่อน กูง่วงโว๊ยย!!!”พาสต้าจับไหล่พี่เดฟแล้วเขย่า ตัวพี่เดฟสั่นไหวไปตามการเขย่าของคนรักตัวเอง

 

“เชี้ย!หยุดๆๆกูเวียนหัว”พี่เดฟยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้“อีกแค่กิจกรรมเดียวแล้วก็จะปล่อย เคนะมึงอย่าดื้อ…รักนะ จุ๊บ -3-‘’

 

“ไอ้เหี้ย!”

ผมได้แต่ส่ายหน้ามองมันอย่างนึกขำ คนอะไรด่าเขาแต่หน้านี่แดงเป็นมะเขือเทศแล้ว

 

“เอาละ…เรามาต่อกันดีกว่าได้ผ้าปิดตากันทุกคนแล้วใช่ไหมครับ  ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วขอให้น้องๆปิดตาด้วยผ้าที่แจกไปด้วยครับ ห้ามแอบดูนะครับถ้าพี่รู้จะทำโทษทันที”

 

ตอนนี้ทุกคนต่างเริ่มปิดตากันแล้วผมเองก็เช่นกัน มันมืดดีนะครับ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้รุ่นพี่ทุกคนกำลังทำอะไรกันแต่รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวรอบตัว  รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันใครกันจะเป็นพี่รหัสของผม  ขออย่างเดียอย่าเป็นเขาเลย…

 

“ตอนนี้พี่รหัสน้องๆได้นั่งอยู่ข้างหน้าน้องๆทุกคนแล้วนะครับ  แต่ว่าพี่ยังไม่ให้เปิดตานะครับ”ตื่นเต้นชะมัดอยากรู้แล้วว่าใคร

 

“ลีลา”ผมได้ยินเสียงของคนที่นั่งถัดจากผมไป มีอยู่คนเดียวที่บ่น

 

“พี่รหัสทุกคนครับ…ฟังกูพูดนะ ตอนนี้พวกคุณนั่งอยู่หน้าน้องรหัสแล้ว  อยากพูดอยากทำอะไรให้กับน้องรหัสตรงหน้าของตัวเองบ้างครับ  ตอนนี้จะเป็นพี่ทำเพื่อน้องบ้างนะครับ ผมให้เวลาแค่1นาที … เริ่ม !!”

 

ตื่นเต้นเป็นบ้าแล้วพี่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ละเขาจะพูดอะไรหรือทำสิ่งใดให้ผมกันนะ  ผมนั่งนิ่งรอคอยว่าคนตรงหน้าผมจะทำอะไร หลังจากที่ได้ยินสัญญาณ เริ่ม..

 

“อื้ออ..”ผมครางออกมา  อยู่ๆก็มีริมฝีปากทาบทับลงมาบนปากผมสัมผัสที่แผ่วเบาของคนที่กำลังฉวยโอกาสผมแบบไม่ได้ตั้งตัวทำให้ผมตกใจมาก  แต่สัมผัสแบบนี้ทำไหมมันคุ้นๆอยู่ๆใบหน้าของใครคนนั้นถึงลอยเข้ามาในความคิดผมนะ  ไม่หรอกนา อะไรจะซวยขนาดนั้น

 

“ดีใจด้วยนะมึงได้กูเป็นพี่รหัส…โยชิ”เขากระซิบบอกผมหลังจากที่ผละออกไปแล้ว  เสียงนี่มัน…ผมเปิดผ้าปิดตาออกทันทีที่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือใคร

 

“มึง!!!”

 

“หมดเวลาแล้วนะครับ…เปิดผ้าปิดตาได้”เสียงของพี่ประธานประกาศบอกให้รุ่นน้องทุกคนเปิดผ้าปิดตาออก  แต่หารู้ไม่ว่าผมเปิดตั้งแต่รู้ว่าไอคนที่กระซิบข้างหูผมมันเป็นใครแล้ว  ผมจ้องคนตรงหน้าที่ตอนนี้ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆส่งมาให้

 

“เหอะ !”ผมนี่อยากจะบ้าตาย  จะซวยอะไรหนักหนาแค่ต้องมาเรียนอยู่คณะเดียวกัยผมก็แทบอยากตายอยู่แล้ว แล้วนี่อะไร?พี่รหัสหรอ?ผมไม่ต้องการ

 

“ไอ้ห่า !! ใครให้มึงเป็นพี่รหัสกู !!”ผมหันไปมองตามเสียงของคนข้างๆที่โวยวายขึ้น

 

“ทำไมๆได้กูเป็นพี่รหัสมึงไม่ได้ใจหรอเมีย”

 

“ดีใจกับผีดิ  ให้กูมีควายเป็นพี่รหัสยังดีกว่ามึงเลยไอ้เดฟ”

 

“นี่มึงกล้าเอากูไปเทียบกับควายหรอ”

 

“เออ!!!”

ผมได้แต่มองการกระทำของเขาทั้งคู่  ไม่สิ ทุกคนในนี้ต่างหากผมได้แต่คิดว่า(พวกมึงจะอายบ้างไหมมาเถียงกันแบบนี้)

 

“เชอะ !!”พี่เดฟสะบัดหน้าหนีพาสต้าแบบงอนๆเหอะๆเพื่อนผมนี่ก็อะไร ทำไมมันถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ ผมละรู้สึกสงสารพี่เดฟขึ้นมาทันใด

 

“อย่าสนใจคนอื่น…พี่รหัสมึงนั่งอยู่นี่”เสียง(พี่รหัส)ผมพูดขึ้นทำให้ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง

 

“…”ผมไม่ตอบได้แต่มองหน้าคนตรงหน้านิ่ง

 

“อะๆๆฟังทางนี้…อย่าไปสนใจคู่ผัวเมียมันง้องแง้งกัน”พี่ประธานพูดขึ้นเรียกความสนใจไปที่เขาพอดี

 

“ง้องแง้งพ่องง!!”น้านน รู้สึกมันจะไม่หยุด

 

“มึงก็นะ เงียบๆบ้างก็ได้”ผมบอกมัน

 

“ก็ดูแม่งพูดดิว่ะ”

 

“สาสส!!มึงก็ช่วยปิดปากเงียบๆตัวเอง  ปากมึงนี่มีหมากี่ตัวว่ะ”ผมใช้มือสองข้างไปง้างปากมันขึ้นส่องดูเพื่อจะหาหมาในปากมัน เห่าดีจริง

 

“Kเหอะ เดี๋ยวแม่งปล่อยกัด”

 

“555”

 

“พอๆช่วยสนใจกันหน่อยน้องคนนั้นกับเมียเพื่อนกู  เอาละมีใครติดใจอะไรหรืออยากถามอะไรอีกไหม?”

 

“ผมครับ!”ผมยกมือขึ้นพุ่งสายตาไปที่พี่ประธาน

 

“ครับ..ว่า?”

 

“ผมเปลี่ยนพี่รหัสได้ไหมครับ”ผมบอกตามที่ผมคิด  คนที่เป็นพี่รหัสผมถึงกับขึงตาดุใส่ผม ผมไม่สนยังไงซะผมต้องเปลี่ยนพี่รหัสให้ได้ ให้ตายยังไงก็จะต้องเปลี่ยน

 

“ไม่ได้ครับ…กฎของเรามันเป็นแบบนี้เราไม่สามารถเปลี่ยนได้  เข้าใจนะครับ”

 

“…”เหี้ย!!ตอนนี้ไอคนตรงหน้ามันเหยียดยิ้มมองมาที่ผม

 

“มึงหนีกูไม่พ้นหรอกเด็กน้อย”

 

“olo”ผมทำได้แค่ยกนิ้วกลางให้เขาอย่างหงุดหงิด  โถ่ !! ชีวิต ทำไมโชคชะตาฟ้าฝนถึงได้กลั่นแกล้งให้ผมได้เจอกับคนที่ทำร้ายผมทั้งกายและใจได้แบบนี้

 

 

-เนปจูน-

 

ปิ๊ด !

 

ผมบีบแตรเรียกคนร่างเล็กที่นั่งอยู่หน้าตึกคณะของมัน ให้รู้ว่าผมมารับแล้ว ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดเทอมมาจนถึงตอนนี้มีกิจกรรมมากมายที่ผมต้องทำจนไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไร บางครั้งผมก็ให้มันกลับเอง  ขนาดอยู่ห้องเดียวกันยังไม่ค่อยได้คุยกันเลยครับเพราะผมก็เหนื่อยมันเองก็เหนื่อย…ร่างเล็กที่เห็นว่าเป็นรถผมจึงเดินตรงมาหา  วันนี้หมดกิจกรรมรับน้องแล้วผมจึงโทรบอกมันว่าจะมารับกลับพร้อมกัน

 

“รอนานไหม?”ผมลดกระจกถามมัน

 

“สักพัก!”มันตอบเสียงห้วน อ้าววเป็นไรละเนี้ยผมมารับมันช้าจนมันโมโหเลยหรอ

 

“โทษทีคณะเพิ่งปล่อยอย่าโกรธกูนะ”ผมบอกมันอ้อนๆ

 

“ช่างเถอะ!”

 

“อื้อ..ขึ้นรถ”ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก็จะให้มันขึ้นรถ

ตลอดทางมันนั่งเงียบไม่หันมามองผมที่นั่งขับรถอยู่ข้างๆมันเลย  มันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนคิดอะไรคนเดียว

 

“เตี้ย..”

 

“…”เงียบครับ

 

“เตี้ยย”

 

“…”ผมลากเสียงเรียกมันอีกรอบ  ไม่มีสัญญาณตอบรับ  มันโกรธผมขนาดนั้นเลย

 

“เตี้ย…อย่าเงียบดิกูขอโทษที่กูไปรับมึงช้า”ผมบอกกับมันออกไปในตอนนี้ผมคิดว่ามันคงโกรธผมมากแน่ๆผมไปรับช้าขนาดที่ไม่ยอมพูดกับผมเลยหรอ

 

“…”มันยังคงเงียบ

 

“…”

 

“เฮ้ออ”จู่ๆมันก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังผมหันไปมองมันแปบเดียวก็หันไปมองถนนต่อ

 

“กูขอโทษ..ไม่คิดว่าไปช้าแล้ว..”

 

“เลิกขอโทษได้แล้วน๊า”

ผมที่ยังพูดไม่จบจู่ๆมันก็แทรกขึ้นมาเหมือนรำคาญผม  นี่ผมผิดขนาดนั้นเลยหรอออT^T

 

 

 

 

“นอนเลยนะวันนี้ไม่อาบน้ำ”

พอเรามาถึงคอนโดปุ๊บเข้าห้องปั๊บมันก็เดินไปล้มลงบนเตียงทันที   ผมมองไอ้เตี้ยที่คงเหนื่อยมาทั้งวันแล้วก็ส่ายหน้า  หลังจากที่มันบอกให้ผมเลิกขอโทษมันผมก็เลิกพูดกลัวมันรำคาญเลยอยู่เงียบๆจนมาถึงห้อง

 

“อืม..แล้วแต่”ผมบอกกับมันก่อนที่จะพาตัวเองเข้าห้องน้ำอาบน้ำให้ร่างกายได้สดชื่นดีกว่านอนเน่าแบบไอ้เตี้ย  ปกติมันก็เป็นคนสะอาดนะแต่ติดที่มันขี้เกียจมากกว่า  หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนข้างๆมันดึงผ้าห่มมาคลุมผมกับมัน

 

“สูง…”มันที่นอนคว่ำหน้าซุกหมอนเรียกผมแผ่วเบา

 

“อืม” ผมคานรับ

 

“กูถามไรหน่อยดิ”มันว่าพรางขยับนอนตะแคงข้างหันมาหาผม  ผมเองก็หันหน้าเข้าหามันอยู่

 

“อืม”

 

“สมมุติว่ามึงเจอคนรักเก่าแล้วเขาเคยทำร้ายเราอย่างแสนสาหัดจนทำให้เราต้องหนีไปอยู่ที่ที่ไกล…แต่พอกลับมาเขากลับมาวนเวียนในชีวิตมึงจนทำให้สับสน  ทั้งๆที่เราเกลียดเขาไปแล้ว..”ผมมองมันที่พูดออกมายาวเหยียดด  มันเล่าออกมาด้วยสายตาเหม่อลอย

 

“แต่บางครั้งก็รู้สึกหวั่นไหว..มึงคิดว่าควรทำไงดี”มันพูดจบก็หันมาสบตากับผม

 

“เรื่องที่มึงเล่ามาแน่ใจว่าเรื่องสมมุต”ผมจ้องตามันเหมือนกันค้นหาความจริง  มันปิดบังอะไรผมไม่ได้หรอก

 

“…”มันเงียบ

 

“จะยังไงดีละ?กูก็ไม่รู้จะบอกมึงยังไงเหมือนกัน”

 

“อื้อ…มันก็แค่เรื่องสมมุติ”

อ้าวว  ผมที่กำลังจะพูดต่อก็ต้องหยุดพูดทันที  เฮ้ออให้มันได้แบบนี้สิมันหันไปอีกข้างทั้งๆที่ผมยังพูดไม่จบ เออกูไม่พูดต่อก็ได้ว่ะ ผมได้แต่คิดในใจมองแผ่นหลังอีกคน

 

“ที่กูจะบอกมึง..ถ้าเขาทำร้ายจนมึงเกลียดเขาไปแล้วแต่พอกลับมาเจอกันความเกลียดที่มึงมีอาจจะไม่เปลี่ยนแปลง…”

 

“…”

 

“แต่ถ้ามึงเจอเขาแล้วยังรู้สึกว่าหวั่นไหวกับเขา…มึงมั่นใจแล้วหรอว่ามึงเกลียดเขาจริงๆ”

ผมบอกออกไปตามความรู้สึกที่ผมคิดแบบนั้น  ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากคนข้างกายผม

 

“เตี้ย..ฟังอยู่ไหม”ผมเขย่ามัน

 

“…”

 

“เตี้ย”ผมดึงมันให้หันมาทางผม สรุป…หลับ

 

“อ้าว!ไอ้ที่กูพูดเมื่อกี้ไม่ได้ฟัง? กูจะพูดเพื่อ?”

 

ให้ตายเหอะให้ผมพูดคนเดียวตั้งนาน เตี้ยนะเตี้ย!

 

 

 

 


หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่11 : พี่รหัสที่คุ้นเคย
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 09-06-2016 20:15:01
-โยชิ-

 

แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านม่านเข้ามาแยงตาของผมทำให้ผมต้องเปิดเปลือกตาและก็ต้องปิดลงเพื่อปรับสายตาให้ปกติ  ผมพลิกตัวหันไปมองคนข้างๆที่นอนกอดผมอยู่   ก่อนจะพบว่าสภาพของผมยังอยู่ในชุดเดิมของเมื่อวาน  เน่าครับ  แต่ก็นะครับ  มันเหนื่อยจนไม่มีแรงจะอาบน้ำเลย หัวถึงหมอนก็สลบกันเลยทีเดียว คิดได้ดังนั้นผมไปอาบน้ำดีกว่า รู้สึกเหม็นเน่าตัวเองขึ้นซะงั้น  ผมจับแขนของไอ้สูงออกจากเอว  มันทำแค่ขยับตัวเล็กน้อย ผมจึงลุกจากเตียงหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้สบายตัวแล้วค่อยออกไปหาอะไรกิน  รู้สึกหิวเป็นบ้าเลย

 

 

โครก ครากก

 

“รู้แล้วๆกำลังจะไปหาอาหารให้รับประทานอยู่เนี้ย”  ผมเดินบ่นคนเดียวตามทางที่เดินไปร้านอาหารที่ผมเห็นอยู่ข้างๆคอนโดที่ผมอาศัยอยู่  รู้ว่าหิวแต่ไม่จำเป็นต้องร้องดังเหมือนฟ้าร้องขนาดนี้ก็ได้  เดินมาเรื่อยๆก็เห็นร้าน  เป็นร้านอาหารตามสั่งครับ  รู้สึกลูกค้าจะเยอะด้วยสิ  แต่ไม่เป็นไร ผมสั่งไปกินบนห้อง ป่านนี้ไอ้สูงคงตื่นแล้วแหละ  ผมจึงจัดการสั่งข้าวไป2กล่อง สั่งเสร็จก็นั่งเก้าอี้รอของที่สั่งไป  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่นฆ่าเวลา  เช็คข้อความ เช็คไลน์ เฟส อินตาแกรม ทวิต (ผมเล่นทุกอย่างครับ555)

 

ตื้อ ดึ้ง !

 

“หือ...” เสียงข้อความไลน์เตือนขึ้นมาทำให้ผมต้องเปิดเข้าไปดูก็เป็นใครไม่รู้  ไม่มีชื่อเป็นแค่(?) ใครว่ะ รูปก็ไม่ใส่  แต่ผมก็เลือกกดรับเพื่อนไลน์  จากนั้นเสียงข้อความก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง 

 

(?) :  สวัสดีครับคุณน้องรหัส...ที่รัก

 

พอผมเปิดเข้ามาก็พบกับข้อความของคนที่ผมเพิ่งกดเพิ่มเพื่อนเมื่อไม่นาน  ไอคำว่าน้องรหัสนี่มาทำให้ผมรู้เลยว่าเป็นใคร  จะใครซะอีกละถ้าไม่ใช่ไอ้เหี้ยตัวมื่อวานที่ขโมยจูบผม  พูดแล้วขึ้น  แล้วไอคำว่าที่รักเนี้ย ทำไมกล้าใช้  เหอะๆ

 

Yoshi : ที่รักพ่อง!!

 

Alpha : หึ พูดไม่เพราะเลยนะ

 

ไหนใครพูด  ผมพูดไม่เพราะต้องไหนว่ะ ?  (เออตอนนี้มันเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนรูปตัวเองแล้ว)

 

Yoshi : วอทพูด? ประสาทแดกรึไง  กูพิมพ์ ไม่ได้พูด…แล้วไปเอาไลน์กูมาจากไหน?

 

Alpha : ไม่ยากหรอกที่จะหามาได้  มีทั้งเบอร์  ทั้งเฟส ทั้งทวิต ทั้งอินตาแกรม กูมีหมดไม่ยาก หึๆ

 

Yoshi : โรคจิต!

 

Alpha : โรคจิตยังไงก็ผัวน้องโยนะครับ

 

Yoshi : ผัวพ่อง  ไปตายซะไอ้เหี้ย !!!!

 

ผมแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเมื่อบทสนทนาของอีกฝ่ายตอบกลับมา  คนเหี้ยไรไม่รู้กวนประสาทชิบ  ฮึ่ย ! หงุดหงิดๆๆ  ไม่อยากอาหารแล้วเว้ย !!!  ถึงบ่นแบบนั้นก็เถอะแต่ก็ต้องกินเพราะเมื่อคืนก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

 

 

 

“หายไปไหนมา”  พอผมเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบร่างสูงที่มีสภาพผ้าขนหนูพันรอบเอวครึ่งตัวเดินขยี้ผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำอออกมาจากห้องนอน    ถ้าสาวๆได้มาเห็นมันในสภาพแบบนี้นะบอกเลยกำเดาไหล  แผ่นอกแกร่งที่มีน้ำเกาะเป็นเม็ดเล็กๆ ไหนจะหน้าท้องที่เป็นหกแพคที่น่าลูบไล้นั้น  ซึ่งผมไม่มี?  ไหนจะแขนที่แกร่งที่กำลังทำหน้าที่ขยี้หัวตัวเอง ถ้าถูกโอบกอดด้วยแขนนี้คงอบอุ่นน่าดู   บอกเลยทุกอย่างบนตัวมันเซ็กซี่มาก -.,-  แต่กับผมคงไม่เกิดอารมณ์ไรหรอกมันชินตาแล้วครับ  เรียกได้ว่าตายด้าน  ต่อให้เห็นมากกว่านี้ก็ไม่รู้สึก

 

“คิดว่าตายแล้วซะอีก” ผมแขวะมันที่นอนตื่นสาย

 

“เตี้ย  ทำไมชอบแช่งแฟนตัวเอง”

 

“แฟนพ่องสิ...จะแดกไหมข้าว”  ที่จริงผมก็ชินกับคำว่าแฟน  คำว่าที่รักของมันแล้ว  แต่ก็อดที่จะด่ามันไม่ได้

 

“แดกครับแดก”ว่าจบมันก็เดินมานั่งข้างล่างตรงกลางหวางขาผมที่นั่งอยู่บนโซฟา

 

“จะแดกแล้วทำไมไม่ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนว่ะสูง”

 

“ก็มันหิวอ่ะ  ไปหยิบจานเลยไปๆ หิวจนไส้กิ้วแล้วเนี้ย” มันบอกพร้อมทำท่ากุมท้องประกอบ ให้ตายสิ คิดว่ามันดูดีรึไง ไอ้สภาพผ้าขนหนูพันเอวนั่งขัดสมาทเนี้ย  ผมเลยผลักหัวมันไปที ก่อนจะเดินเข้าครัวไปหยิบจานมาใส่ข้าวกล่องที่ซื้อขึ้นมา

 

“นี่  จะกินทั้งสภาพนี้จริงอ่ะ”

 

“จะสภาพไหนก็กินได้หมดแหละนา  คนมันหล่อทำไรก็ดูดีไปหมด”

 

“ดูดีไปหมดจนไม่เหลือให้ดีนะสิ” มันทำแก้มอมลม  เอออยากทำไรทำไป  คิดว่าดีก็ทำ ไม่อยากขัดมันละ  กินข้าวดีกว่า   พอมาอยู่กับมันแบบนี้ทำให้ผมคลายความหงุดหงิดที่เพิ่งเกิดจากไอข้อความไลน์จากคนที่สนทนาด้วยเมื่อกี้หายไปเลย  ผมกับมันนั่งกินข้าวกันคุยกับไปเรื่อยๆ  เหมือนไม่ได้คุยกันเป็นชาติ

 

“เออ..วันนี้หยุดไปเที่ยวกันดีกว่าเตี้ย”

 

“เที่ยวไหน?”ถามกลับไปพรางตักข้าวกินไปด้วย

 

“อืม อยากดูหนังว่ะ  ไปดูหนังกัน นะๆๆ” มันว่าเสียงอ้อน ก็ดีเหมือนกันไม่ดูหนังที่นี่นานแล้ว  ว่างแล้วก็ไปดีกว่า ผมก็พยักหน้าตอบกลับไป  ดื่มน้ำปิดท้ายหลังจากกินข้าวเสร็จ  เก็บจานทั้งของผมและมันไปล้าง  ส่วนไอ้สูงนั้นก็โดนผมไล่ไปแต่งตัวเรียบร้อย

 .

 .

.

.

“เออเตี้ย  เมื่อคืนอ่ะ”

 

“หืม  เมื่อคืนไรหรอ?”  ผมเงยหน้าจากจอโทรศัพท์มองหน้ามัน  แต่งตัวเสร็จแล้วสินะ  ชุดไปรเวทเกงยีนขาดตรงเข่า  ไม่เข้าใจทำไมต้องทำออกมาให้ขาดแบบนี้ด้วย  สงสัยผ้าจะไม่พอ  คงต้องเอาเศษผ้ามาเย็บแปะตรงส่วนที่ขาดให้มันแล้ว  เห็นแล้วรำคาญลูกตา  ถึงมันจะเป็นแฟชั่นห่าไรก็เถอะ  เกงไม่เท่าไร  เสื้อเนี้ยสิ มึงจะวีลึกไปให้เห็นสะดือรึไง  เห็นแล้วขัดตาจริง  ถึงมันจะใส่แล้วดูดีก็เถอะ  ถ้าลองให้ผมใส่แบบนี้นะ หึๆไม่อยากจะคิดสภาพเลย  คงอุจาดตาน่าดู  กลับมาปัจจุบันครับ

 

“เมื่อคืนไรหรอ” เมื่อคืนไร  กูละเมอหรอ  กูตด กูทำอะไรไว้? ไม่รู้ตัวงั้นหรอ

 

“ที่มึงถามกูอ่ะ  แล้วมึงหลับไปก่อน”

 

“ถาม?  อะไร?”ผมตีมึนใส่มัน  กูถามไรว่ะ ลืม...ครับ

 

“เฮ้อเตี้ย  กูไม่คิดเลยว่าความจำมึงจะสั้นขนาดนี้”  เดี๋ยวกูโบกกซะหรอก

 

“.....”ยังคงทำหน้ามึนต่อไป

 

“ก็ที่มึงถามกูว่าถ้ามึงเจอคนรักเก่าแล้วเขาเคยทำร้ายเราอย่างแสนสาหัดจนทำให้เราต้องหนีไปอยู่ที่ที่ไกล…แต่พอกลับมาเขากลับมาวนเวียนในชีวิตมึงจนทำให้สับสน  ทั้งๆที่เราเกลียดเขาไปแล้ว...แต่บางครั้งก็รู้สึกหวั่นไหว”

 

“....”เงียบครับ  จำได้แล้ว  แต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปในเมื่อผมบอกไปแล้วว่าเป็นแค่เรื่องสมมุติ  แต่ไม่คิดว่ามันจะหยิบขึ้นมาถามอีกครั้ง

 

“กูจะบอกให้นะ... มึงเกลียดเขาจริงๆหรอ? ทั้งๆที่มึงหวั่นไหวให้กับเขา มึงมั่นใจกี่เปอร์เซ็นกันที่บอกว่าเกลียด?”

 

“....”

 

“ลองถามใจตัวเองดูดีๆสิ  ว่าจริงๆเกลียดหรือรัก หือ”มันพูดจบก็โยกหัวผมเล่นเผยอรอยยิ้มที่ผมมองดูว่ามันอบอุ่นส่งมาให้ผม ผมนั่งเงียบคิดตามคำพูดของมัน  รักหรอ? ไม่หรอกผมไม่ได้รู้สึกรักอะไรคนพันธุ์นั้นอีกแล้ว  แต่จะบอกว่าเกลียดมากเลยก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดถึงขนาดนั้น  โอ๊ยย ไรของกูว่ะเนี้ย !!!

 

“เครียดไรหนักหนาว่ะ  ไหนบอกว่าเป็นแค่เรื่องสมมุติไง”พูดจบก็เอานิ้วจิ้มๆตรงหว่างคิ้วผมที่ขมวดกันอยู่ให้คลายออก

 

“ก็เออไงแค่เรื่องสมมุติ  แต่มึงสิกูลืมแล้วยังจะหยิบมาถามทำซากไรว่ะสูง”  ไอ้อารมณ์ดีๆที่เคยมีอยู่ หายวับเลย  มีเพียงความหงุดหงิดของตัวเอง  ที่กำลังใช้ความคิดตามที่ไอ้สูงมนบอก  เฮ้ออ ให้ตายสิ เครียดจริงเว้ย!

 

“มีไรก็บอกกูแล้วกัน  ไปๆไปดูหนังกันดีกว่า”ว่าจบก็ลุกจากโซฟาแล้วดึงตัวผมให้ลุกตามมันไป  ก็ดีดูหนังดีกว่า  อย่าเอาเรื่องไรสาระมาคิด  ปล่อยๆไป  ไปเที่ยวให้สนุกดีกว่า

 

“ว่าแต่  ช่วงนี้มีหนังไรดูว่ะ”  ผมถามคนข้างๆที่หยุดยืนรอลิฟท์อยู่

 

“ไม่รู้ว่ะ  ไปถึงค่อยไปเลือกเอาว่าอยากดูอะไร”

 

“อืมๆ” ผมพยักหน้ายิ้มให้กับร่างสูงของคนข้างกายที่โอบไหล่ผมไว้เดินเข้าลิฟท์ไปด้วยกัน

 

 

 

-อัลฟา-

 

แสงที่ลอดผ่านม่านเข้ามาบ่งบอกว่าเป็นเวลาของวันใหม่  ผมพลิกตัวหนีแสงที่รบกวนเวลานอนขอผม  ต่อให้เช้าผมก็ไม่อยากลุกเลย  วันนี้เป็นวันเสาร์  เป็นวันหยุดที่ผมจะได้ทำตัวขี้เกียจ  ไม่ต้องตื่นเช้า  ไม่ต้องไปทำกิจกรรมที่มหาลัย  ดีหน่อยที่กิจกรรมเสร็จสิ้นไปเมื่อวาน  นึกถึงเมื่อวานแล้วก็ยังหงุดหงิดไม่หาย  ผมไม่คิดว่าไอ้ตัวเล็กมันจะเกลียดผมจริงๆ  ความรู้สึกผมมันบอกแบบนั้นว่ามันไม่มีทางเกลียดผมแน่  แต่บางทีความรู้สึกผมอาจจะผิดก็ได้  ไปทำกับมันไว้ซะขนาดนั้น  เป็นผมผมก็เกลียด เฮ้ออ  ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด  มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้คนตัวเล็กที่ผมเฝ้าคิดถึงตลอดเวลาที่มันหายไปอยู่ต่างประเทศ  จู่ๆก็โผล่มาให้เห็นโดยที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะเจอกันอีก   ให้กลับมารักผมเหมือนเดิมได้...

 

RRRRRRRRR

 

 “ใครมันโทรมาแต่เช้าว่ะ”ผมที่กำลังคิดเรื่องของไอ้ตัวเล็กอยู่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของตัวเอง  ผมเอือมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงที่อยู่ไม่ไกลนัก เมื่อเห็นว่าสายที่เรียกเข้าเป็นใครจึงกดรับแล้วกรอกเสียงตอบปลายสายไปอย่างหงุดหงิด

 

“เออ  มีไรว่ะคนจะหลับจะนอนโทรมาทำซากไรแต่เช้าว่ะไอเหี้ยเดฟ!”

 

(ห่า  มึงลุกตื่นมาดูว่ากี่โมงกี่ยามแล้ว  นี่มันจะปาเข้าไปเที่ยงวันแล้วเว้ย  นอนเป็นศพอยู่อะไรหนักหนาว่ะ)

 

“เรื่องของกู”

 

(เออสัด  งั้นกูไม่กวนมึงแล้วไอเหี้ย!)   อะไรของแม่งว่ะ  คิดจะโทรเข้ามากวนประสาทกันรึไง

 

“ไอ้เดฟ เอาดีๆโทรมามีไร”

 

(เปล่า..กูแค่โทรมาบอกมึงว่าข้อมูลที่มึงให้กูหาเกี่ยวไอ้เด็กที่ไปรับโยชิเมื่อวานได้แล้วนะ)

 

“งั้นหรอ  ว่ามามันเป็นใคร แล้วเป็นอะไรกับเด็กกู”  ใช่ครับเมื่อวานหลังจากเลิกกิจกรรมรับน้องผมเห็นโยชินั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าตึกของคณะคนเดียวจึงคิดที่จะเข้าไปทัก  แต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อมีรถแลมโบกินี่คันหนึ่งจอดหน้าตึกและบีบแตรส่งสัญญาณให้คนที่นั่งรออยู่ให้รู้  ผมมองร่างบางที่ลุกเดินออกไปยังรถที่มาจอดรออยู่  ผมเพ่งสายตามองว่าใครที่เป็นคนมารับมันเพราะคนในรถลดกระจกลงทำให้ผมเห็นหน้ามันชัดๆ   ใช่คนเดียวกับที่ผมเจอตอนไปซื้อของกับไอ้เดฟและก็ที่ผับเมื่อไม่นาน  สองคนนี้เป็นแฟนกันจริงๆสินะ  แต่ถึงจะเป็นหรือไม่ผมก็ไม่สนหรอกในเมื่อผมคิดจะแย่งให้มันกลับมาหาผมให้ได้  ต่อให้ต้องใช้วิธีอะไรก็ตาม ผมต้องแย่งมันกลับมาเป็นของผมให้ได้!!!

 

(เออกูยังไม่ได้บอกมึงสินะว่ากูเคยเจอไอ้เด็กนี่จังๆทีหนึ่ง  มันชื่อเนปจูน  ตอนนั้นที่กูทะเลาะกับมันที่บ้านเมียกูเห็นเมียมึงบอกกับกูว่าไอ้เด็กเนปจูนนั้นเป็นแฟนกัน..)

 

“แล้วทำไมมึงเพิ่งจะมาบอกกู ห้ะ!!” ผมตะคอกใส่ปลายสายที่มันเพิ่งจะบอกผมเอาป่านนี้

 

(เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งโวยสิว่ะ   กูแค่ลืมเอง...)

 

“ช่างแม่งเหอะ  แล้วข้อมูลที่มึงหาได้มีแค่นี้?”ผมถามกลับด้วยเสียงเซ็งๆสุดขีด เมื่อข้อมูลที่มันมีมีแค่ชื่อเท่านั้น

 

(ใจเย็นนา  ถ้ามีแค่นั้นจะโทรหามึงทำซากไรว่ะ  หัดฟังกูให้จบบ้างอย่างเอาแต่โวยสิว่ะ)

 

“....”  ผมเงียบฟังไอ้เดฟที่มันพล่ามว่าผม

 

(...ก็เออ  มันชื่อเนปจูน  เรียนปี1  บริหาร  ว่าที่เดือนคณะเลยนะเว้ย  กระล่อนใช่ย่อย เจ้าชู้ตัวพ่อเลยมั้งนั่น ไปเรียนแค่ไม่นานเห็นว่ามีสาวแท้สาวเทียมกรี๊ดมันตรึ่มเลย  ละ..)

 

“เอาที่มันสาระๆหน่อยได้ไหม” ผมพูดขัดมันที่เอาแต่พล่ามสรรพคุณของไอ้เด็กนั่นอยู่ได้ รำคาญ  สาระก็มีแค่น้อยนิด

 

(ไอ้ควาย มึงก็อย่าขัดกูได้ไหม ห้ะ )

 

“เออเร็วๆรีบพูดมา”

 

(เออๆๆ  อันนี้ประเด็นสำคัญเลยนะเว้ย)

 

“...”

 

(คือ..กูรู้มาแค่นี้ว่ะ)

 

“ไอ้เหี้ย!!”

 

(ก็กูหามาได้แค่นี้จริงๆว่ะ  แหะๆ โทษที ก็คิดนะเว้ยคนห่าไรว่ะสืบตัวถึงยากชิบหาย   ที่หาได้ก็แค่นี้แหละ แต่ถ้ามีไรเพิ่มเติมกูจะรีบบอกมึงก็แล้วกัน)

 

“อืม”  ผมกดตอบแค่นั้นก็กดวางสายไอ้เดฟเลย  ที่ให้ไปสืบข้อมูลมาก็ไม่เห็นจะได้เรื่องเลยสักนิด ผมแค่อยากรู้ข้อมูลคู่แข่งที่ผมจะต้องเผชิญในอนาคตนี้  แต่แม่งไม่ได้เรื่อง  แต่ก็มีบางคำที่มันทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อย  ก็ที่ไอ้เดฟมันบอก ไอ้เด็กนั่นมันหล่อถึงขั้นเป็นว่าที่เดือนคณะเชียว  เอออันนี้ไม่เถียงเพราะผมก็เคยเห็นมัน  แต่ที่ทำให้ผมหงุดหงิดที่สุดก็ตรงที่ไอ้นิสัยกระล่อนเจ้าชู้นั่นของมันที่ทำให้ไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่  ถ้าหากมันนอกใจโยชิและทำให้โยชิและทำให้โยชิต้องร้องไห้กับคนเจ้าชู้กระล่อนอย่างมันขึ้นมา ผมนี่แหละจะเอามันให้ตายเลย  แต่ก่อนที่มันจะได้ทำร้ายโยชิ ผมเองนี่แหละจะเป็นคนแย่งโยชิกลับมาหาผมก่อนที่มันจะได้ทำร้ายโยชิ

 

ติ๊ด …

เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น  ผมก้มมองดูรายชื่อที่ส่งข้อความมาก็เป็นไอ้เดฟเพื่อนผมนั่นเอง ผมกดอ่านข้อความที่มันส่งมาให้เป็นข้อมูล ไอดีไลน์  เฟส  ทวิต ไอจี บลาๆๆ ของไอ้ตัวเล็กของผม

 

ติ๊ด .. และอีกข้อความส่งท้ายของมัน

 

[เดฟ]

(ไถ่โทษที่หาข้อมูลไอ้เด็กนั้นมาไม่ได้  แต่ข้อมูลเล็กๆน้อยๆของเมียมึงคงไถ่โทษกูได้นะ  หึๆ)

 

“เอออภัยให้” ผมเหยียดยิ้มกับข้อความสุดท้ายของไอ้เดฟ   ผมกดเข้าในโปรแกรมไลน์ที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยเท่าไร  คือผมมีไว้ประดับเครื่องให้มันรกๆ  ไม่ค่อยใส่ใจเล่นเท่าไร  แต่ใช่ว่าผมจะเล่นไม่เป็นนะครับ  ผมเล่นเป็นหมดแต่ไม่บ่อย  พอเข้าโปรแกรมก็กดเข้าค้นหาเพื่อนจากไอดี  กรอกไอดีที่ไอ้เดฟให้มา  กดค้นหาก็ขึ้นภาพของเด็กผู้ชายใบหน้าหวานยิ้มกว้างกอดตุ๊กตาหมาตัวเล็กๆสีดำ กดเพิ่มเพื่อน  ไม่นานฝั่งนั้นก็กดรับผมจึงทักไป อ่ะๆ  ผมไม่ใส่รูปนะครับ แถมชื่อก็ไม่บอกว่าเป็นใคร  หึๆ  ลองถ้าผมใส่รูปตัวเองไปมีหวังมันไม่กดรับเฟรนผมหรอก

 

(?) :  สวัสดีครับคุณน้องรหัส...ที่รัก

ข้อความที่ผมส่งไปถูกเปิดอ่านแล้วครับ  ผมรอว่าคนฝั่งนั้นจะตอบว่าไง  แต่คำตอบที่ได้มาทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา  ไม่รู้สิครับต่อให้มันจะเป็นคำพ่วงด่ามาแต่ผมก็ไม่คิดโกรธ  ผมมีความสุขมากกว่าที่ได้แกล้งมัน

 

Yoshi : ที่รักพ่อง!!

 

Alpha : หึ พูดไม่เพราะเลยนะ

 

Yoshi : วอทพูด? ประสาทแดกรึไง  กูพิมพ์ ไม่ได้พูด…แล้วไปเอาไลน์กูมาจากไหน?

 

“หึๆ  น่ารักจริงๆ” ผมมองข้อความที่ตอบกลับมาอย่างกวนๆของอีกคนก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้  ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับเมื่ออีกฝ่ายถามกลับมา

 

Alpha : ไม่ยากหรอกที่จะหามาได้  มีทั้งเบอร์  ทั้งเฟส ทั้งทวิต ทั้งอินตาแกรม กูมีหมดไม่ยาก หึๆ

 

Yoshi : โรคจิต!

 

Alpha : โรคจิตยังไงก็ผัวน้องโยนะครับ

 

Yoshi : ผัวพ่อง  ไปตายซะไอ้เหี้ย !!!!

 

“หึๆ”  ผมนั่งมองบทสนทนาที่เพิ่งจบไปของผมกับมันก็อดที่จะยิ้มคนเดียวไม่ได้ ผมไม่คิดที่จะตอบกลับไป ถึงให้ตอบกลับไปเชื่อเลยมันคงไม่ตอบกลับแน่  ดูจากการตอบกลับมาแล้ว   ผมอยากจะเห็นหน้าตอนที่มันตอบข้อความผมจริงๆ  อยากรู้ว่าจะทำหน้ายังไง

 

“วันนี้แกล้งแค่นี้พอแล้วกันนะ...ไอ้ตัวเล็ก”

 
To be con..
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่11 : พี่รหัสที่คุ้นเคย
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 11-06-2016 00:24:08
มันก็สมควรหรอก ทำกับเค้าไว้ซะขนาดนั้น
แต่ถ้าสำนึกผิดจริงๆและพร้อมจะรักและทุ่มเทให้โยก็พยายามเข้าล่ะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่11 : พี่รหัสที่คุ้นเคย
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 12-06-2016 07:24:28
สตรองเข้าไว้โยชิ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่11 : พี่รหัสที่คุ้นเคย
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 12-06-2016 08:49:21
ก็ยังรู้สึกว่าอัลฟ่าเลวเกินไปอยู่ดี
ต่อให้ตอนนี้รักน้องโยจริงมันก็ไม่น่าพอนะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่11 : พี่รหัสที่คุ้นเคย
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-06-2016 10:06:23
ไม่มีใครทนรักแกได้หรอกเลวซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่12 : ปะทะ
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 18-06-2016 14:24:40
ตอนที่12  ปะทะ


-เดฟ-

 

“เมีย!!!!!!”

 

“จะแหกปากทำไมห้ะไอเหี้ย!”

 

“หนัก..”

 

“อย่าบ่น  มึงเป็นคนอยากมาเอง  หุบปากแล้วถือของไปซะ”

ครับ.. อย่างที่คุณภรรยาคนดี๊ดีของผมบอก  มันใช้ผมถือของที่  ผมบ่นนิดบ่นหน่อยก็ไม่ได้จ้องจะด่าผมอย่างเดียวเลย  เกิดเป็นไอเดฟนี่แสนจะลำบาก  บ่นว่าหนักก็ไม่ได้  ทำได้เพียงเดินถือของหลายถุงตามคุณภรรยาไปอย่างเงียบๆ

 

“แล้วนี่จะซื้ออะไรเยอะแยะว่ะ  ไม่เคยได้ซื้อรึไง”

 

“เรื่องของกู”

 

จบ...ครับ

 

 

 

-เนปจูน-

 

ผู้คนที่เดินสวนกันไปมาหน้าโรงหนังมากหน้าหลายตาเต็มไปหมด  ผมที่ตอนนี้กำลังนั่งปลอบไอคนข้างๆที่ยังคงตกใจไม่หายกับสิ่งที่เพิ่งดูจบไปในโรงหนัง

 

“ไอ้เหี้ยสูง ไอ้บ้า ใครให้มึงเลือกหนังผี ห้ะบอกไปแล้วนะว่าไม่เอาหนังผี ไอ้บ้าๆๆๆ” หลังจากที่ปลอบมันจนหายจากฉากเลือดสาดเสียงโหยหวน และหน้าเละๆ  มันก็หันมาแหวใส่ผมทันที  รู้งี้ไม่น่าปลอบเลยครับ  แต่ก็ต้องทำเพราะผมเองเป็นแกล้งมันนิเนอะ ฮ่าๆๆ  นั่นไงละเริ่มงอนละ  ต้องรีบง้อ 5555

 

“โอ๋ๆๆไม่เอาไม่งอนครับตัวเอง”

 

“เชอะ!”

 

“ไม่งอนนะครับคนดี  ง้อๆนะ  เค้าขอโต๊ดดดดด”

 

“หึ!”

 

นั่นมีกอดอกหันหน้าหนีอีก  นี่งอนจริงจังหรอเนี้ย  เอาไงดีผมต้องหาวิธีง้อมันให้ได้   ไม่งั้นคงต้องนั่งตรงนี้นานแน่  ผู้คนแถวนี้ก็เหมือนจะหันมามองผมสองคนเป็นระยะๆด้วย  ก็นะคนมันหล่อ  หรือจริงๆแล้วเขาอาจจะคิดว่าคนบ้าทะเลาะกันอยู่ก็ได้  ฮา

 

“ตัวเองงง  เค้าผิดไปแล้วดีกันนะๆๆ”  มันเหล่สายตามามองผมเล็กน้อยแล้วก็เชิดหน้าขึ้น

 

“ไม่!”  ตอบเสียงดังฟังชัดเลยครับ

 

“น่าเตี้ยนะ  งั้น…” ในเมื่อง้อด้วยคำพูดไม่ได้ก็ต้องเอาของมาล่อละว่ะงานนี้

 

“อะไร?” ถามทั้งๆที่ยังคงเชิดหน้าอยู่อย่างงั้น  ไม่เมื่อยรึไง

 

“ถ้าหายงอนกูเลี้ยงติม”

 

“คิดจะเอาของกินมาล่อกูหรอ  ไม่ได้ผลหรอก”

 

“งั้นเอางี้มึงจะให้กูทำอะไรกูทำให้มึงหมดเลย หายงอนกูนะเตี้ยนะ”  ผมเห็นมันยิ้มมุมปากด้วยแหละ  มันหันมาหาผมแล้วครับ  แต่ไอ้รอยยิ้มมุมปากนี่อะไรว่ะ  มึงไปหันหัดยิ้มแบบนี้มาจากหนายยยยยยยย

 

“มึงพูดแล้วนะ  อย่ากลับคำละ...ไปกินไอติมกันดีกว่า คิคิ”

 

“ห้ะ !”  มึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปไหมเตี้ย  กูตามไม่ทัน

 

“กินติมไง มึงเลี้ยงกูด้วย โอเค” ว่าจบก็ลุกเดินออกไปไม่รอผมเลยครับ  ทำให้ผมต้องรีบตามมันไป

 

 

ร้านไอติม

 

“ไหนว่าเอาของกินมาล่อไม่ได้ผลไง”

 

ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่ในร้านไอติม  หลังจากที่มันสั่งเสร็จ  สั่งชนิดที่กินได้หลายคนเลยครับ  จะเกรงใจมันไม่มีเลย  เงินที่จ่ายอ่ะเงินผมครับ  ก็พลั้งปากบอกมันไปว่าจะให้ทำอะไรก็ยอมนิเนอะ เฮ้ออ

 

“ก็จะกิน มีปัญหา?”

 

“ครับๆ ไม่มีปัญหาครับ  เชิญคุณชายสั่งได้ตามสะดวกเลย จะเหมาไอติมหมดร้านเลย  กระผมก็ไม่ว่าครับ  เอาที่คุณชายประสงค์เลย”

 

“อย่าประชดกูนะสูง”

 

“ไม่ครับ ผมไม่ได้ประชด”

 

“กูไม่คุยกับมึงละ  กินดีกว่า”  พอไอติมที่สั่งมาเสริฟ ไอเตี้ยแต่ตัวแต่กระเพาะเบิกบานก็สวาปามเข้าปากแบบไม่รีรอ  เวลามีของกินอยู่ตรงหน้าทีไรจะกินเงียบไม่พูดไม่จากับใครเลย  สนใจกูบ้างครับเตี้ยยยย  คนจ่ายเงินให้มึงอยู่ตรงนี้

 

“กินดีๆ  โตแล้วนะยังกินเลอะอีก” ผมยื่นมือไปเช็ดมุมปากให้ไอ้เตี้ย มันทำปากขมุบขมิบแล้วก็กินต่อ

 

“#@^%4(*W”

 

“บ่นไรเตี้ย”

 

“เปล๊า”

 

“เดี๋ยวเถอะ อย่าให้รู้ว่าด่ากู”  มันเบะปากใส่  ผมหมั่นไส้จึงดึงปากมันซะเลย  เกลียดนักทำปากแบบนี้ คิดว่าน่ารักรึไง มันก็น่ารักจริงๆครับ ว่าไปนั้น...

.

.

.

หลังจากพาลูกชายตัวเตี้ยๆของผมกินไอติมไปหลายถ้วยเลย   ที่เรียกมันว่าลูกนี้ไม่ใช่อะไรนะครับ  งอแงเหมือนเด็กจริงๆ  มันกินไอติมยังไม่สาแก่ใจที่ผลาญเงินผมไป  มันยังจะให้ผมพาไปซื้อของที่มันต้องการอีก  พอผมบอกไม่ซื้อให้มันก็เริ่มงอแง เหมือนเด็กๆ  ในมือผมตอนนี้เต็มไปด้วยถุงต่างขนาดกันหลายถุง

 

“สูงร้านนี้ๆๆ”

 

“เตี้ยที่มึงซื้อตอนนี้กูว่าเยอะแล้วนะ พอได้แล้ว”

 

“ไม่!” มันว่าเสียงแข็งจ้องตาเขม็ง เออกูทำไรไม่ได้เลย ไอ้เตี้ยไอ้สั้นเอ้ย  สุดท้ายผมก็ต้องยอมมันไปตามระเบียบ

 

 

“เอาทั้งหมดนี้ครับ...สูงจ่ายด้วยนะไปรอนอกร้าน” อ้าวไอ้(เชี้ย)เตี้ย  รู้สึกวันนี้มึงผลาญกูไปเยอะเลยนะ  เงินไม่ได้หามาง่ายๆนะเฮ้ย

 

“เท่าไรครับ?”  ผมถามพนักงานร้านขาย

 

“ทั้งหมดเป็นเงินสองหมื่นสามพันแปดร้อยค่ะ”

 

“ครับ”

ผมรับบัตรคืนจากที่พนักงานหอบถุงเสื้อผ้าอีกถุงเดินออกไปหาไอ้คุณชายที่ยืนรออยู่นอกร้าน

 

“ใครว่ะ”

 

 

 

-อัลฟา-

 

“เออถึงแล้วๆ  อยู่ตรงไหนว่ะ”

 

(ร้านนั่งเล่นชั้นสองอ่ะมึง รีบมาๆๆพวกแม่งมาหมดแล้วเหลือมึงเนี้ย)

 

“เออๆ” ผมวางสายของไอ้โบ๊ท  ผมกะว่าวันนี้จะพักผ่อนซักหน่อยจากที่ทำกิจกรรมของมหาลัยตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา  แต่ก็ไม่ได้พักเพราะเชี่ยโบ๊ทโทรบอกให้มาหาที่ห้างบอกว่านัดเพื่อนมาเลี้ยงฉลองรับน้องเสร็จสิ้น  จริงๆไม่จำเป็นจะต้องมาฉลองแบบนี้ก็ได้  ในเมื่อคืนนี้พวกมันเองก็นัดจะไปฉลองแดกเหล้ากันที่ผับอยู่แล้ว  ผมขึ้นบันไดเลื่อนมุ่งหน้าไปยังร้านที่ไอโบ๊ทบอก  เดินผ่านร้านแบรนดังๆมากมาย   ตาผมก็ไปสะดุดกับร่างเล็กๆของคนที่คุ้นเคย  กำลังยืนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าร้านเสื้อผ้าแบรนดัง  แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าแบรนอะไร ผมสนใจคนตรงนั้นมากกว่า

 

“ไม่คิดว่าจะเจอแหะ หึๆ” ผมไม่รอช้าก้าวสามขุมไปหาทันที

 

“อ่ะ!” มันสะดุ้งตกใจที่อยู่ๆก็มีคนมากอดมัน ใช่ครับฝีมือผมเอง  ก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์ไม่สนอะไรได้จังหวะผมเลยกอดมัน  ผอมชิบ  มีแต่กระดูกรึไงว่ะ  ข้าวเนี้ยเคยแดกบ้างไหมว่ะ  กอดทีกระดูกแทบแทงตัวผมตาย เหอๆ

 

“มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่กลัวโดนทำมิดีมิร้ายรึไง หืม” ผมแกล้งกระซิบพูดข้างหูของคนที่ผมกำลังกอดอยู่  มันหันขวับมามองเหมือนจะตกใจหนักกว่าเก่า

 

“ไอ้เหี้ย!! ปล่อยกู” มันออกแรงดิ้น  คิดหรอว่าผมจะปล่อยง่ายๆ ผมรัดร่างที่เล็กกว่าแรงกว่าเดิม

 

“ปล่อยก็โง่ดิ หึ”

 

“ไอ้เวร ปล่อยนะเว้ย”

 

“ไม่”

 

“ไม่ปล่อยใช่ไหม  ได้!” มันหยุดดิ้นแล้วครับ  มันหันมามองผมเล็กน้อยก่อนที่จะ..

 

“โอ๊ยยย!!! เชี้ย”

เต็มๆครับ  เต็มตีนกูเลย  เหยียบมาซะตีนแทบแบนไปกับพื้นของห้าง  ใช่ครับมันเหยียบตีนผมเต็มๆและแรงด้วย ผมไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้  ผมร้องลั่นบอกตรงๆโคตรเจ็บเลย  ผมนั่งลงกุมเท้าตัวเองมองไปยังคนที่กล้าทำร้ายเท้าผม มันกอดอกมองผมนิ่ง

 

“กูไม่ขอโทษนะ  มึงทำตัวเอง”มันไหวไหล่เหมือนเป็นเรื่องของมึง มึงทำตัวเองกูไม่ผิด

 

“คิดว่ากูจะให้มึงทำอยู่ฝ่ายเดียวรึไง” ตอนนี้เท้าผมคลายอาการเจ็บบ้างแล้ว ผมยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเดินเข้าไปหาร่างบาง  มันค่อยๆถอยหลังหนี  มองผมอย่างตื่นกลัว

 

“....”

 

“หึหึ”

 

“อะ..ไอ้เหี้ยอย่าเข้ามานะ”

 

“กลัวหรอ?”ผมขว้าแขนมันดึงเข้ามาหาตัว กอดเอวบางไม่ให้ดิ้นหนี

 

“คะ..ใครกลัว คนแบบมึงไม่มีไรต้องกลัว!”

 

“เห  แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นละหืม” ผมยื่นหน้าเข้าไปหามันหวังจะชงชวยริมฝีปากชมพูๆนั้น  แต่ก็เหมือนมีแรงมากระชากตัวผมออกพร้อมหมัดหนักๆมากระทบใบหน้าจนผมหน้าหันเซถอยหลังไปสองสามก้าว  มึนครับ ใครต่อยกูว่ะ  ผมตั้งสติได้ก็หันไปมอง

 

“มึงทำอะไรโยชิ!” มันเข้ามากระชากคอเสื้อผม  ดวงตาวาวโรจณ์นั้นจ้องผมอย่างโกรธแค้น  หึ  คิดว่าใครที่แท้ก็ไอ้คนที่ไปรับโยชิเมื่อวานนี่เอง ผมจ้องหน้ามันกลับแบบไม่เกรงกลัว

 

“ทำอะไรแล้วเกี่ยวอะไรกับมึงไม่ทราบ”

 

“เกี่ยวแน่..” มันกัดฟันพูดพร้อมขย้ำคอเสื้อผมแรงกว่าเดิม  หึๆ  แกล้งยั่วโมโหคนเล่นก็สนุกดีนะครับ

 

“หึๆ”

 

“ขำเชี้ยไรของมึง ห้ะ!!!” มันตวาดเสียงลั่น  คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็หยุดมองกัน

 

“ขำไม่ได้?”ผมเลิกคิ้วถามกลับอย่างกวนๆ

 

“ไอ้..”

 

“สูงหยุด”มันง้างหมัดขึ้นเตรียมที่จะฟาดลงบนใบหน้าผมอีกรอบ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อคนตัวเล็กเข้ามาห้ามไว้  มันสะบัดมือที่จับคอเสื้อผมออกให้เป็นอิสระ  แหม  เชื่อฟังกันดีจริงนะ  ผมมองบุคคลทั้งสองตรงหน้านิ่งๆ

 

“เตี้ย มึงบอกกูมาว่าไอเชี่ยนี่มันทำไรมึง”

 

“เปล่า ไม่ได้ทำไร”

 

“...” ไอตัวเล็กมันหันมามองหน้าผมแปบเดียวแล้วก็หันไปตอบแฟนของมัน  แต่เหมือนอีกคนจะไม่เชื่อ

 

“กูไม่เชื่อ  บอกมานะเตี้ย”

 

“อายบ้างเถอะ อย่ามีเรื่องกันดีกว่า  ”

 

“มึงก็บอกมาดิว่ามันทำไรมึง เตี้ย!”

 

“ก็บอกมันไปดิว่ากูจูบมึง  กูลวนลามมึง” ผมที่เงียบฟังพวกมันคุยกันสักพักก็โพล่งเสียงออกไป

 

“ว่าไงนะ!?!”

 

“ก็อย่างที่บอกไป  คนมันเคยๆกัน”

 

“ไอ้เหี้ย!!” ผลั๊ว ! เสียงหมัดกระแทกมาที่หน้าผมอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมให้มันทำผมฝ่ายเดียวหรอก  ผมเองก็สวนหมัดไปกระแทกหน้ามันเช่นกัน  เราชกต่อยกันแบบไม่มีใครยอมใคร  แม้ว่าร่างบางจะเข้ามาห้าม  ตะโกนบอกให้หยุด พวกผมก็ยังไม่หยุด

 

“หยุดนะ..กูบอกให้หยุดไง!”

 

“กล้าดียังไงมายุ่งกับไอ้เตี้ยกูห้ะ ไอ้เวรเอ้ย”

 

“มันเรื่องของกู  มึงอย่าเสือกไอ้สัด!”

 

“บอกให้หยุดไงว่ะ  โอ๊ย!!!!”

จู่ๆก็มีคนมาขว้างทางผมกับไอเชี่ยนั้นตอนที่หมัดผมกำลังตรงไปหามัน  แต่แล้วก็พลาด  ไม่เรียกว่าพลาดดิโดนจังๆเลย โดนหน้าของไอ้ตัวเล็กเต็มๆ มันล้มลงไปนั่งกองที่พื้น โอดโอยเสียงดังพรางยกมือกุมแก้มตัวเองข้างที่ถูกผมชก  ทุกอย่างหยุดนิ่ง  ผู้คนที่พบเห็นเหตุการณ์ก็เงียบเสียงเหมือนกัน  ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากมุมปากของอีกคน

 

“เตี้ย!!!”  และคนที่คิดว่าจะมีสติดีกว่าผมก็เข้าไปประคองอีกคนขึ้นมา

 

“พอใจกันหรือยัง ถ้ากูไม่เข้าไปขวางไว้จะหยุดไหม ห้ะ!!!” มันตวาดคนที่ช่วยประคองขึ้นมา  สายตาที่มองมาบอกให้รู้ว่ามันโกรธมากแค่ไหน  มันผลักคนที่ประคองมันออกเดินเข้ามาหาผม  พร้อมกับฟาดมือลงมาบนหน้าด้านซ้ายของผมเต็มแรง

 

“ ส่วนมึง..จะอะไรกับกูนักหนาว่ะ!”

 

“...”

ผมได้แต่เงียบมองคนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่  บอกตามตรงผมรู้สึกผิดนะที่ทำมันเจ็บจนเลือดออก  ผมรู้ครับว่าผมเลว ชั่ว  ไม่มีอะไรดี  แต่ผมก็มีจิตสำนึกเล็กๆของคำว่ารู้สึกผิดแบบเต็มๆ

 

“เงียบทำไม  กูถามก็ตอบซิว่ะ!”

 

“...”  เมื่อเห็นว่าผมยังคงเงียบมันก็เขามาทุบตีผม ตุบ ๆ ไม่หยุด  ผมได้แต่ยืนให้มันตีผมเงียบๆ

 

“ทีเมื่อกี้ยังปากเก่งอยู่เลย  ตอนนี้ปากมึงไปไว้ไหนแล้วห้ะไอ้เหี้ย!!”

 

“...”

 

“เมื่อไรกัน  เมื่อไรที่มึงจะเลิกยุ่งกับกูซักที !!”

 

“ขอโทษ..เจ็บมั้ย?”

 

 

 

 -โยชิ-

 

“ขอโทษ..เจ็บมั้ย?”

 

“...” ผมชะงักมือที่กำลังทำร้ายเขาอยู่  ผมมองสบตากับคนตรงหน้าที่เอือมมือมาเช็ดเลือดที่มุมปากของผมอย่างเบามือแล้วเอ่ยคำขอโทษออกมา  ทั้งสายตา น้ำเสียง  บ่งบอกว่าเขารู้สึกผิด  แต่คนๆนี้จะรู้สึกแบบนั้นได้งั้นหรอ

 

“เก็บคำขอโทษมึงไว้ตรงนั้นเถอะ” ผมปัดมือของเขาออก  ถอยห่างจากเขาสองก้าว  เขามองผมอยู่เงียบๆไม่เอ่ยอะไรต่อ

 

“...”

 

“...ไปกันเถอะสูง”

 

“อืม”

 

ผมเลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วหันไปเอ่ยชวนคนที่มาด้วยให้ไปจากตรงนี้  ผมเดินเข้าไปหาไอ้สูงพร้อมกับช่วยมันเก็บของหลายถุงที่ระเกะระกะตามพื้นจากฝีมือของมันเองที่ไม่รู้โยนของทิ้งตอนไหน  ของผมมมม !!!  เละหมดแล้วว  น้ำหอมคงไม่แตกไปแล้วนะ  เสียดายของ T^T

.

.

.

 

“เตี้ย..”

 

“...”

 

“เตี้ยครับ”

 

“...”

 

“โยชิ!”

 

“อ่ะ .. อืมมีไร”

 

“...”

 

“ตกใจหมดเลย  ถ้าช็อคมาจะทำไงว่ะ”

 

“คิดไรอยู่ เห็นเหม่ออยู่นานละนะ”

 

ตอนนี้เราสองคนออกจากห้างมาได้ซักพักแล้วครับ  ผมเองก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ารถที่นั่งมาหยุดนิ่งอยู่ใต้คอนโดที่ผมพักอาศัยอยู่  ถึงแล้วสินะ  ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อยรึเปล่าขนาดที่ไม่ได้สนใจคนที่นั่งข้างๆด้วยกันมาตลอดทางเลยหรอ  จนมันทักขึ้นมาผมถึงได้รู้สึกตัว  ให้ตายเถอะนี่ผมเป็นบ้าอะไรเนี้ย  มัวแต่คิดถึงประโยคที่ผู้ชายคนนั้นพูดได้ไง

 

“ขอโทษ..เจ็บมั้ย?”

 

ผมสลัดความคิดฟุ้งนั่นทิ้ง  แต่สัมผัสที่แตะบริเวณมุมปากนั้นยังคงอยู่  ทำไมผมรู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสและน้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมานานตั้งแต่...

 

“ถึงแล้วหรอ  ปะขึ้นห้องกัน”  ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามของอีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปรอด้านในของคอนโด  รออีกคนที่เดินหอบของของผมตามมา   ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์มาด้วยกันระหว่างเราสองคนต่างคนต่างเงียบ  ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกัน  แต่ก็ดีแล้วครับที่มันไม่เซ้าซี้  เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงได้หลุดอะไรออกไปให้มันรู้แน่  คนๆนี้ไม่ใช่ง่ายๆ  อะไรที่อยากรู้ก็ต้องรู้ให้ได้

 

“ไปอาบน้ำไปเตี้ยเดี๋ยวกูทำแผลให้”

 

“อือ” มันดันหลังผมให้เดินเข้าห้องน้ำหลังจากถึงห้อง  ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำตามที่มันบอก   ดีเหมือนกันอาบน้ำซักหน่อยจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้นบ้าง  รู้สึกว่าแผลที่มุมปากนี้จะเริ่มออกฤทธิ์ซะแล้วสิ  รู้สึกเจ็บๆขึ้นมา

 

 

“มานั่งนี่มา”  ผมเดินไปนั่งโซฟาข้างๆมัน  บนโต๊ะมีกล่องยาชุดเล็กๆวางอยู่

 

“อะ..” ผมสะดุ้งเมื่อมีอะไรเย็นๆมาแตะบริเวณมุมปากเบาๆ  มันเป็นยานี่เอง  คนที่กำลังทายาให้ผมอยู่ก็ตกใจที่ได้ยินเสียงผม

 

“เจ็บหรอ  โทษๆ”  มันลูบเบาๆแล้วเบาที่แผลตรงมุมปากของผม  ผมจึงแกล้งมัน

 

“อี๋  เหม็นปาก”

 

“ไอ้เตี้ยเดี๋ยวกูโบก” มันผลักหัวผมออก  แล้วทำท่าจะตบหัวผมซะงั้น  ผมก็หัวเราะลั่นที่แกล้งมันได้  มันจึงบีบแก้มผมกลับซะคืน

 

“โอ๊ยๆ เอ็บ!”

 

“อะไรๆนะอยากกินเห็บ?”

 

“ไอ้อ้า!! อ่อย”

 

“ห้ะๆใครอ่อย  มึงหรอเตี้ย ฮ่าๆๆ”

ไอ้เหี้ย  ผมได้แต่ด่ามันในใจไม่ได้เอ่ยออกไปให้มันได้ยิน ผมตีแขนมันแรงๆบอกให้ปล่อย  แล้วอีกอย่างใครไปอ่อยมัน  ประสาทหูชักจะเพี้ยนไอ้นี่  สงสัยต้องพาไปตรวจเช็ค  แล้วนี่เมื่อไรจะปล่อยกูครับ  บอกว่าเจ็บๆก็อะไรว่ะเห็บๆ  แล้วใครหิวว ฟายเอ้ย  คนบ้าไรแดกเห็บว่ะ  ชักจะเลอะ

 

“...”

 

“ฮ่าๆๆเตี้ย  หน้ามึงแม่งโคตรฮาว่ะ”

 

“ไอ้ห่า!!! ฮาพ่องดิ ฟาย”

 

“ฮ่าๆๆ”

ใครมันไปทำหน้าตลกว่ะ  แล้วผมทำหน้ายังไงไปละเนี้ย  อ้านี่ก็จะขำไรหนักหนาว่ะ เส้นตื้นเชียวว

 

“หยุดขำเลยไอบ้า”

 

“ฮ่าๆๆๆ  กูละอยากให้มึงเห็นหน้าตามึงตอนถูกกูบีบแก้ม หน้านิ้วคิ้วขมวด แม่งสยองสัด ฮา” นั่นยังขำอยู่อีก  ไปแดกไรตอนกูอาบน้ำอยู่ว่ะเนี้ย เฮ้ยๆๆ  แล้วว่าใครสยองกูไม่ใช่ผีครับไอสูง  ผมเลยจิกหัวมันซะเลยว่ากูใช่ไหมมึงง

 

“อ๊ากก ไอเตี้ยๆ เจ็บโว๊ยย ปล่อยหัวกูวววว”  มันร้องเสียงโหยหวนขอร้องให้ผมปล่อย  ฝันไปเถอะมาว่ากูสยองใช่ไหม  ผมจัดการเขย่าผมมันแรงๆ  หัวมันสั่นตามแรงเขย่าของผม  หน้ามันแม่งฮากว่าผมอีก  คิดว่านะ ฮาๆๆ

 

“หึๆ”

 

“ทำเชี้ยไรของมึงเนี้ย เจ็บนะ” มันยู่ปากลูบหัวตัวเองปอยๆหลังจากที่หลุดพ้นจากเงื้อมมือของผม หุหุ

 

“กูก็เจ็บ  มึงทำกูก่อน เจากัน” ผมไหวไหล่ไม่สนใจ  กูไม่ง้อโว๊ยย งอนไปเลย

 

“ชิ”

 

“ไอ้ตุ๊ดเอ้ย!5555”

 

“ไอเหี้ยเตี้ย!!!!”

ผมด่ามันจบก็รีบวิ่งเข้าห้องทันที  ใครจะอยู่ให้มันทำร้ายผมต่อละ  ไม่มีวันซะละ หนีมานอนก่อนดีกว่าถึงจะเพิ่งเย็นๆเอง  นอนตอนนี้ถึงจะปวดหัวเมื่อตื่นก็เถอะแต่ผมง่วงอ่ะ  การนอนเป็นปัจจัยสำคัญนะครับ  สำคัญมากสำหรับผม  การนอนขี้เกียจสันหลังยาวเป็นอะไรที่ผมมีความสุขมาก ฮ่าๆๆๆ

 

 

21 : 45 น.

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนสามทุ่มเกือบจะสี่ทุ่มด้วยซ้ำ  ผมยังคงนอนคิดเรื่องที่ฝันอยู่เมื่อครู่  ฝันถึง..ผู้ชายคนนั้นกับวันที่เคยมีกันและกัน

 

“ทำอะไรอ่ะพี่อัล”

 

“ข้าวต้มกุ้งนะ”

 

“จริงหรอฮะ !! ว๊าวว ผมอยากกินจังคงอร่อยน่าดูเนอะ”

 

“แน่นอนว่าต้องอร่อยเพราะมันเป็นฝีมือพี่นิ”

 

“ฮ่าๆๆรู้สึกว่าพี่จะมั่นใจในฝีมือตัวเองไปนะครับ”

 

“นี่ !! จะกินไหม”

 

“กินครับกิน”

 

“งั้นก็ไปนั่งคอยที่โต๊ะไป”

 

“ครับผม!”


 

ผมจำได้ดีว่าตอนนั้นผมแกล้งเขาเรื่องอาหารที่เขาทำให้ผมกิน  ตอนนั้นผมมีความสุขมากที่ได้แกล้งเขา  รอยยิ้ม  เสียงหัวเราะ  เวลาที่อยู่ด้วยกันนั้น  มันทั้งอบอุ่นและดีมากจริงๆ  แต่ก็ใช่ว่าจะมีความสุขเมื่อมันมีความฝันอีกเรื่องที่แทรกเข้ามาลบเลือนภาพแห่งความสุขนั้นออกไป

 

“พะ พี่อัลครับ”

 

 “ไอ้เคมี…เมียมึงมาว่ะ555”

 

“กูเคยมีเมียด้วยหรอว่ะ”

 

 “อุ้ย!แรงครับ!555”

 

“พี่อัล…พี่ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง!”

 

 “อั๊ก!โอ๊ย”

 

 “มึงอย่ามางี่เง่าปัญญาอ่อนได้ไหมว่ะ น่ารำคาญ!!”

 

 “ฮึก ทะ ทำไมพี่ถึงทำกับผมแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เคยรักผมบ้างไหม”

 

“หึ!งั้นมึงฟังกูดีๆนะ กู ไม่ เคย รัก มึง เลย”

 

“กู ไม่ เคย รัก มึง เลย”

 [/b]

ประโยคนี้ยังคงดังก้องอยู่ในห้วงความทรงจำของผมดี  ใช่คนแบบเขาไม่เคยรักใครเป็นหรอก  แม้แต่ผมยังไม่สามารถที่จะได้ความรักของผู้ชายคนนั้นเลย  ผมค่อยๆเช็ดคราบน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามันไหลมาตอนไหน  อาจจะตอนที่ผมนอนหลับฝันเห็นเรื่องเดิมๆนี่อยู่ก็ได้  ผมลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา มองตัวเองผ่านกระจกผมลูบหน้าเบาๆ  พรางเลื่อนมือลงมาแตะที่มุมปากตัวเอง  คิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นของวันนี้

 

“อย่าให้สัมผัสเพียงแค่นิดเดียวมาทำให้เราหวั่นไหวไปกับอะไรจอมปลอมของผู้ชายคนนั้นอีก...อย่าเผลอไปรักเขา”

 

ผมพูดกับตัวเองผ่านกระจกจ้องมองเด็กผู้ชายที่เคยซื่อ  ใส  จนไม่ทันเลห์เหลี่ยมของใคร  ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรให้ใครก่อนแต่กลับโดนทำร้ายอย่าไม่ปราณี  ตอนนี้เด็กนั้นได้ตายไปกับความโง่เขลาของตัวเองแล้ว  หลงเหลือเพียงผู้ชายคนนี้  คนที่เข้มแข็งแล้ว  ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น  ต่อให้ต้องเจอกับปัญหาอะไรก็จะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว  จะเผชิญกับมันจนสุดความสามารถที่จะทำได้     

 

“ไอ้สูง!”

 

ผมเดินออกจากห้องน้ำก็เพิ่งนึกได้ว่าอีกหนึ่งชีวิตที่อาศัยร่วมชายคาเดียวกันกับผมมันหายไปไหน  ห้องเงียบผิดปกติ  เพราะปกติจะไม่เงียบเลยครับ  ก่อกวนกันได้ตลอดยกเว้นตอนงอนมากๆหรือทะเลาะกันหนักๆ แม้แต่ตอนนอนเองก็ยังกวน  แต่นี่มันเงียบผิดปกติ  หรือมันจะโกรธที่ผมด่าว่ามันเป็นตุ๊ดว่ะ  เฮ้ยๆๆ ผมไม่ผิดนะ  มันไม่ใช่คนที่จะคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น  ตอนนี้เองมันยังด่าผมเหี้ยอยู่เลย

 

“ไอ้สูง ไอ้เหี้ยสูง!” ผมตะโกนเรียกแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงคานรับมาจากด้านนอกห้องนอน   จะงอนจริงจังไปป่าวว่ะนั้น

 

“อ้าว...ไม่อยู่?” ผมพรึ่มพร่ำคนเดียวเมื่อเดินออกจากห้องนอนมาห้องนั่งเล่นที่อยู่ส่วนกลางที่อยู่อาศัยก็ไม่พบว่ามีใคร  ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาว  ตาก็ไปสะดุดเข้ากับโพสอิทสีชมพูแปะอยู่กับข้าวกล่องและน้ำวางอยู่   ผมลากสายตาอ่านตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือของคนที่หายไปไม่บอก

 

“ไปข้างนอกนะ  กลับดึกอย่าลืมกินข้าวด้วย”

 

“ไปไหนของมันกันว่ะ..ช่างเถอะเดี๋ยวก็คงกลับ” คิดดังนั้นผมก็ลงมือทานขาวที่สูงมันเตรียมไว้ให้ก่อนออกไปข้างนอก  แต่อย่างน้อยน่าจะบอกกันหน่อยว่าไปไหน  จะโทรหาก็ไม่ได้ดันเสือกลืมโทรศัพท์ไว้บนรถมันซะงั้น  คิดได้อีกทีก็ตอนคิดจะโทรถามมันเนี้ยแหละ  ฮ่าๆๆ  อีกอย่างโตกันแล้ว  มันเองก็คงไปทำเรื่องส่วนตัวของมันอ่ะนะ  อย่าได้เป็นห่วงอะไรมันเลย เดี๋ยวก็คงกลับมาเอง  ไม่มาดึกอาจจะมาเช้าก็ได้  หึๆ 

 

 

 

 Tobecon.....
 

 
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่12 : ปะทะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 19-06-2016 00:44:57
ตกลงเนปจูนนี่มันคิดไม่ซื่อกับโยชิรึป่าว??
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่12 : ปะทะ
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 19-06-2016 08:39:26
ไอ้เลวนั้นเมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายซะที่ว่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่13 : เนปจูน
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 26-06-2016 23:16:48
 

ตอนที่13 เนปจูน


 
ร่างสูงยืนสูบบุหรี่พิงกำแพงมองคนของตนกำลังสั่งสอนคนที่มาก่อความวุ่นวายในที่ของเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ เหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา เขาดูดบุหรี่หมดมวน ก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งย่อตัวจับผมอีกฝ่ายกระชากให้เงยขึ้น

 

 “สันดานแบบมึงควรจะไปทำที่อื่น อย่ามาก่อความวุ่นวายในที่ของกู นี่แค่สั่งสอนเท่านั้น ถ้ากูเห็นมึงปวนเปียนแถวนี้อีก กูจะให้มึงไปลงนรกจริงๆแน่”

 

เนปจูน พาร์ท

 
 “สันดานแบบมึงควรจะไปทำที่อื่น อย่ามาก่อความวุ่นวายในที่ของกู นี่แค่สั่งสอนเท่านั้น ถ้ากูเห็นมึงปวนเปียนแถวนี้อีก กูจะให้มึงไปลงนรกจริงๆแน่”

 
ตอนนี้ผมกำลังสั่งสอนไอ้พวกที่ก่อกวนสนามแข่งรถของเฮียทิตย์ พี่ชายผมเอง ผมได้รับคำสั่งจากเฮียให้เข้ามาดูแลที่นี้แทนในวันนี้(ผมรับทำงานพาทไทม์เฮียแกครับ เงินดี หึๆ)

 
“จัดการให้เรียบร้อย” ผมหันไปสั่งลูกน้อง

 
“ครับ”

 
สวัสดีครับ(พนมมือก้มกราบ)  แนะนำตัวกันซักนิดซักหน่อยนะครับ  นานๆที่อิไรต์มันจะมอบพาร์ทนี้ให้ผมทั้งหมด(รู้สึกปลื้มปิติยินดียิ่งหนัก #ทำหน้าดีใจ) ครับเข้าเรื่อง...ผมมีนามว่า นายรัฐภัทร  เสมานิกุล   ชื่อเล่นเนปจูน  เรียกสั้นๆเนป นั่นละครับ ตอนนี้ผมเรียนบริหาร ปี1 ม.ดังในประเทศไทย  เหตุผลที่เรียนจะได้สืบทอดกิจการจากครอบครัวของผมครับ   ผมเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ใช่ไหมละ ฮ่าๆๆ  ขออนุญาตเล่าย้อนไปซักนิดนะครับ  ผมย้ายมาอยู่นี่กับไอ้เตี้ย(คงรู้ใช่ไหมว่าใคร  มีเตี้ยอยู่คนเดียว)  ผมแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศอยากเรียนรู้อะไรที่นี่บ้าง  จึงฉุดกระชากลากมันมาด้วย  จริงๆก็อ้อนมันอยู่นานกว่าจะยอมกลับมาเรียนที่นี่ด้วยกันได้  ผมก็แค่เบื่อที่นั้นแล้ว  ผมอยู่ที่นั้นตั้งแต่ยังจำความได้เลยครับ มาเที่ยวที่ไทยก็นานๆที  เลยอยากจะลองมาอยู่นานๆๆซึมซับความเป็นไทยให้สมกับมีสัญชาติไทยหน่อยก็ดี(ผมเป็นคนไทยนะครับถึงจะมีเชื้อจีนมาบ้าง)  เอ้า  เข้าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ  #ตัดภาพมายังปัจจุบัน

 
ผมสั่งลูกน้องเสร็จก็เดินมายังด้านหน้าของสแตนที่เป็นโซนของผู้เข้าชม  ซึ่งโซนนี้จะมีคนดูไม่มาก เรียกได้ว่าไม่น่ามีเพราะส่วนตรงนี้จะเป็นสนามที่ใช้ในการแข่งรถมอ’ไซค์  ส่วนสนามที่กำลังมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ้มอยู่อีกฝากของสนาม  ซึ่งส่วนใหญ่สนามเฮียมันจะเปิดเป็นแข่งรถยนต์ซะมากกว่า  เพราะได้เงินดี  จากพวกลูกคนหนูที่รักในการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ สนามเฮียถือว่าดีในระดับหนึ่ง มีครบเกือบจะทุกอย่าง  สนามแข่งรถของเฮียจะมีกฎไม่มาก  แต่ก็ไม่เห็นจะมีคนทำได้เลย  ทำให้เฮียต้องจ้างผมมาช่วยดูแลจัดการพวกที่ทำผิดกฎเนี้ยละ  เอาจริงผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบแหกกฎนะครับ จุ๊ๆ อย่าบอกเฮียละไม่งั้นผมตายแน่ ฮ่าๆ  เงินที่เฮียมันจ้างคือเยอะครับส่วนใหญ่ก็เอาไปเลี้ยงลูกที่นอนเฝ้าคอนโดนั่นละครับ  หลังจากที่ผมได้รับสายจากเฮียผมก็บึ่งรถมาที่นี่ทันที  ยังไม่ทันจะได้ไปง้างปากไอ้เตี้ยที่มันหนีเข้าห้องหลังจากที่ว่าผมเสร็จเลย  ผมยังคงคาใจกับเรื่องของวันนี้อยู่  ถึงเตี้ยมันจะไม่บอกแต่ผมต้องรู้ให้ได้  คงต้องใช้ไม้แข็งง้างปากมันซะแล้วละ

 
หลังจากที่ผมเตรียมข้าวไว้ให้ก็เขียนโพสอิทแปะทิ้งไว้ให้มัน  ผมไม่อยากกวนตอนมันหลับอยู่อยากให้มันพักผ่อนมากกว่า ผมก็ออกจากห้องมาทันที  ผมเดินเข้ามาในสำนักงานที่เป็นที่พักของผม  เดินขึ้นชั้นสองจะไปพักผ่อนซักหน่อยรู้สึกล้าไงไม่รุ้ครับ  คงเพราะวันนี้ไปมีเรื่องมาด้วยแถมยังต้องมาจัดการงานที่เฮียมันสั่งอีก  ขอผมพักซักหน่อยนะครับ  ส่วนเรื่องการดูแลสนามนั้นไม่ต้องห่วงครับผมได้สั่งเด็กในโอวาทเนี้ยละให้ส่อดส่องดูแลให้ตอนผมพักผ่อนก่อน  หากเกิดปัญหาอะไรให้จัดการไปเลยไม่ต้องรอคำสั่งจากผม  คือผมมอบสิทธิให้มันในตอนนี้  แต่คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วละ


ก็อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้นทำให้ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

 
“จะอะไรหนักหนาว่ะคนจะนอน...เข้ามา!” ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของลูกน้อง

 
“มึงรู้ไหมว่ากำลังกวนเวลากูพักผ่อน” ผมพูดเสียงแข็งใส่มัน

 
“รู้ครับ  แต่ข้างนอกกำลังเกิดเรื่อง”

 

“แล้วพวกมึงจัดการไม่เป็นรึไงว่ะ!” ผมกระแทกเสียงใส่  ปัญหาแค่นี้มันยังแก้ไม่ได้แล้วชาตินี้แม่งจะทำไรแดกว่ะ  ปวดหัวชิบหายเลยกู

 
“....”


“เออๆๆต้องให้กูออกโรงทุกที  ไอพวกเหี้ยนี่ก็สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ” ผมเดินลงจากสำนักงานเดินตรงไปยังสนามที่อยู่ไม่ไกลมากหนัก  ที่ตอนนี้มีเสียงฮือฮาทั้งสนาม  มีกลุ่มวงใหญ่กำลังล้อมรอบอยู่บริเวณนั้น  ผมเดินเข้าไปผลักคนที่เกะกะขวางทางออกให้พ้นๆทาง  คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ถูกปลุกตอนกำลังนอนเป็นเรื่องใหญ่  พวกคุณเข้าใจผมป่ะเวลานอนหลับสบายๆแล้วมีมารมาผจญเนี้ย เฮ้อ


“มึงเล่นสกปรกไงไอ้เวร!”

 
“มึงมีหลักฐานหรอไอสัส”


“ไอเหี้ย!!”

 
หลังจากนั้นก็มีเสียงตะลุ่มบอนกันไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน  ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มที่กำลังฟัดกันมันส์เลย  ผมพยักหน้าให้ลูกน้องที่อยู่บริเวณนั้นเข้าแยกกลุ่มที่กำลังฟัดกันอย่างกับหมาออก

 
“มีเรื่องอะไรกัน” ผมมองกราดทุกตัวที่อยู่ตรงนี้แบบไม่กลัวว่าพวกมันจะรุม  ใครจะกล้าทำร้ายเจ้าของสนามละครับจริงไหม(หรือเปล่า)

 
“...”

 
“ใครเป็นคนเริ่ม...” ผมกำลังจะหมดความอดทน  เมื่อกี้ปากพวกมึงยังมีอยู่ไม่ใช่รึไง  ไอเวรเอ้ยกูพูดด้วยไม่มีคนพูดกับกู  เสือกมาเป็นใบ้ไรตอนนี้ว่ะ


“...”


“อยากมีปัญหากับกูใช่ไหมไอพวกเด็กเวร!!!”ผมตะคอกใส่พวกมันที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่  ที่ผมด่าเด็กเวรนี่ไม่ต้องสงสัยไปพวกมันอายุน้อยกว่าผมอีกครับ  ริเป็นแค่เด็กบังอาจมาแข่งรถแล้วเสือกมาสร้างปัญหาอีก  ผมควรจะจัดการไอเด็กพวนี่มันยังไงดีนะ

 
“อะ..คะ คือ”

 
“จะคือหาพ่อมึงหรอ  รีบบอกมาว่ามีเรื่องเชี้ยไรกัน  ก่อนที่กูจะลากพวกมึงไปกระทืบ”

 
“เอ่อ..คือ” ไอคนเดิมมันยังคงพูด เอ่อๆ คือๆ รำคาญจริงเว้ย


“ไอ้นี่มันเล่นสกปรกครับพี่เนป”
 

“...” จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา  เป็นอีกฝ่ายของไอ้เด็ก เอ่อๆ คือๆนั่นละ ผมก็แค่นิ่งฟังทำหน้าให้ขรึมเข้าไว้เด็กจะได้กลัว

 
“มึงหาหลักฐานมาสิว่ะ  คิดว่ากูเล่นสกปรกไหนละหลักฐานของมึง  อย่ามาปรักปรำกัน”

 
“ถ้ามึงไม่เล่นนอกกติกาที่เราตั้งไว้  เพื่อนกูจะบาดเจ็บไหมห้ะ ไอสัส!”

 
“เพื่อนมึงมันทำตัวเองต่างหาก  อ่อนแล้วยังเสือกจะแข่งกับกู เหอะ”

 
“มึงว่าไงนะ  ใครอ่อน! มึงว่าใครอ่อนห้ะ ไอ้ขี้โกง!”

 
“มึงว่าใครโกงห้ะไอ้เหี้ย  แพ้แล้วอย่าพาล”

 
“มึงสิเหี้ย โกงแล้วยังคิดว่าตัวเองชนะ เหอะๆ ไอขี้โกง!”

 
ผมยืนกอดอกมองทั้งสองฝ่ายนิ่งๆไม่อยากสอดให้พวกแม่งทะเลาะกันให้พอ  แล้วผมคอยจัดทีเดียวไปเลย ดูท่าพวกมันจะตีกันอีกรอบแล้วซิ  กะอิแค่เรื่องเล็กน้อยแม่งจะเอากันให้ได้เลยใช่ไหม  ได้เดี๋ยวกูจัดให้..

 
“สั่งสอนเด็กพวกนี้  เอาแค่เบาะๆพอ” ผมสั่งงานลูกน้องเสร็จก็เดินออกมาจากกลุ่มนั้น  ตอนนี้ลูกน้องผมกำลังจัดการกระทืบเด็กเวรพวกนั้นตามคำสั่งของผม ผมไม่สนว่าจะเป็นลูกคนใหญ่คนโตอะไรหรือไม่  แต่ในเมื่อมาอยู่ในที่ของผม  ผมจะสามารถทำอะไรใครก็ได้  เอาสิว่ะ  กูไม่กลัวหรอก หึๆ ผมเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่บริเวณสำนักงาน แล้วขับออกไปจากที่นี่ รู้สึกวันนี้จะเป็นวันซวยอะไรของผมก็ไม่รู้สิ  เมื่อตอนกลางวันก็มีเรื่อง  ตอนนี้ก็มีเรื่อง  จะมีอะไรรอคอยกูอยู่อีกไหมว่ะ ผมขับรถเข้ามาในย่านธุรกิจ  ย่านนี้จะเป็นสถานบันเทิง  บางซอยจะเป็นตลาดกลางคืนก็มีแต่จะอยู่อีกโซนของย่านที่ผมกำลังอยู่  สถานบันเทิงมากมาย ผมจอดหน้าผับที่คุ้นเคยกันดี  เป็นผับเฮียทิตย์กับเพื่อนครับ ผมไม่ปที่อื่นหรอก สู้มาแดกฟรีที่นี่ดีกว่า ประหยัด ฮ่ะๆ  ผมโยนกุญแจรถให้คนที่รอนำรถไปจอดยังบริเวณของแขกวีไอพีของที่นี่  ผมมาบ่อยครับตั้งแต่ย้ายมานี่แทบจะสถิตที่นี่มากกว่าคอนโดเลย  หนีไอเตี้ยเที่ยวบ่อยครับ  กิจกรรมทางมหา’ลัยเลิกผมกับเพื่อนก็แวะมาตลอด

 
“ชักช้าจริ๊งนะมึงงง”  ผมเดินขึ้นมาโซนวีไอพีด้านบนชั้นสองของผับก็ได้ยินเสียงผีห่าร้องโหยหวนขอส่วนบุญจากผม

 
“มึงรู้ได้ไงว่ากูชักช้า ไปอยู่กับกูรึไงถึงรู้” ผมกวนมันหลังจากนั่งลง

 
“ไอ้ห่า  ไอ้ลามกจกเปรต”

 
“ไอ้สัส” ผมด่ามันพรางยื่นมือรับแก้วเหล้าจากเพื่อนอีกคนที่ชงมาให้ขึ้นดื่ม

 
“แล้วไม่พาเมียมึงมาด้วยว่ะ”

 
“ใครเมียกูไอ้นิค” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อน  กูไปมีเมียตอนไหนว่ะ

 
“อ่าแหนะๆ  อย่ามาปิดบังพวกกูไอเชี้ยเนป  พวกกูรู้หมดแล้วใช่ไหมไอ้เอก”

 
“กูไม่รู้” ไอ้เอกส่ายหน้าพัลวัน


“ไอ้ฟายอย่ามาทำไก๋มึงเป็นคนเห็นตอนที่มึงไปรับกิ๊กมึงไอ้เอก”

 
“กิ๊กพ่องสิ  พี่กูเว้ยสัส”
 

“อ้าวหรอ โทษๆกูไม่รู้ หุหุ”

 
“...”  ไอ้พวกนี้มันพูดเรื่องไรกันว่ะ  ผม งง
 

“อย่ามาเงียบไอ้เนป ...เช้าส่ง เย็นรับแทบทุกวัน ไม่เมียจะเป็นอะไรพี่แบบไอเอกหรือไงว่ะ  อย่ามาแหลกู หึๆ”

 
“มึงพูดเรื่องเชี้ยไรของมึง  กูไม่มีเมียเว้ย” ผมโวยมัน


“ต้องให้กูงัดหลักฐานมาไหมครับคุณเพื่อน...”มันพูดลากเสียง  ผมชักหมั่นไส้มันละสิ

 
“ถ้ามึงมีก็เอามาหลักฐานมึงนะ”

 
“ได้ๆไอเอกจัดมา” ผมหันไปพูดกับไอเอกที่ทำหน้ามึนใส่

 
“อะไร ? กูไม่มี”

 
“ว๊ายย  กูลืมไป เอานี่ๆๆ” มันทำเสียงดัตจริตแล้วยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูของมันมาให้ผม  ผมจ้องภาพถ่ายแล้วก็ต้องหัวเราะลั่น  ก็ไอภาพถ่ายนี่มันเป็นไอเตี้ยนิ  จะยังไงละ  เฮ้ย! จะให้ผมเอาไอ้เตี้ยทำเมียเนี้ยนะ ไม่เอาอ่ะ ลูกผมต้องเกิดมาสูง  ถ้าได้มันมาเป็นแม่พันธุ์นะมึงหวังลูกผมก็หลักกิโลดีๆนี่เอง

 
“ขำไรของมึงไอเนป อย่ามาขำกลบเกลื้อนไอสัส  มีเมียซุกไว้ไม่บอกเพื่อน”


“เมียพ่องดิ  นั่นมันลูกพี่ลูกน้องกูเว้ย” ผมบอกตามความจริง

 
“กูไม่เชื่อ  ข้ออ้างฟังไม่ขึ้น” มันยกนิ้วชี้ส่ายไปมาตรงหน้า

 
“เอาจริงมึงเมาป่ะเนี้ย  กูพูดเรื่องจริงเว้ย”

 
“กูไม่ได้เมาเว้ย  กูคอแข็ง แข็งเหมือนนี่เลย”แล้วมันก็ชี้ไปด้านล่างกลางลำตัวของตัวเอง  ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดมัน

 
“ไอคนในรูปนี้อ่ะญาติกูเอง  ลูกชายพี่สาวม๊ากูเอง ก็ลูกพี่ลูกน้องเนี้ยละ”

 
“แล้วทำไมมึงไปรับไปส่งทุกวันด้วยละ ไม่เป็นเมียแล้วจะอะไร คนเจ้าชู้อย่างมึงไม่มีวันไปเทคแคร์อะไรขนาดที่จะไม่ใช่คู่เดทป่าวว่ะ” มันยังคงถามต่อ

 
“ทำไงได้ก็อยู่คอนโดห้องเดียวกัน  จะไม่ให้มาเรียนพร้อมกันแล้วกูจะให้มันไปยังไง”

 
“มาเองก็ได้นี่หว่า  อีกอย่างมอก็ใกล้ๆเอง” ไอ้เอกถามเสริม  ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนสอบสวนความผิดว่ะ

 
“สรุปไม่เชื่อ?”

 
“เออ!!” สองเสียงประสานกันตอบ  กูพูดเรื่องจริงไม่เชื่อกันนะ สงสัยต้องลากไอเตี้ยมายืนยันเองซะละ  ถูกเข้าใจผิดจนได้ ถึงผมกับมันจะชอบเล่นกันอย่างกับแฟนกันก็เถอะ  แต่เราก้รู้ว่าไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้น  แล้วถ้าหากเรามีความสัมพันธ์แบบนั้นกันจริงๆละก็คิดดูซิ ครอบครัวผมกับมันจะเป็นไง  ไม่ได้ๆ มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น สงสัยผมต้องหาแฟนตัวจริงซะละมั้งเนี้ย

 
“..แล้วแต่จะคิด เฮ้ออ”

 
“น้องเนปจูนใช่ไหมค่ะ”  นั่งกันมาซักพักก็มีเสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาทัก  ทำให้ผมหันไปมอง

 
“ครับ”

 

“ขอนั่งด้วยได้มั้ยค่ะ”

 

“เชิญครับ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้แล้วนั่งลงข้างๆผม  ผมหันมามองเพื่อนตัวเองส่งซิกผ่านสายตาให้กันเหมือนรู้ความคิดกัน หึๆ  เสือผู้หญิงอย่างผมมีหรือจะพลาดในเมื่อมีเหยื่อมาลอยอยู่ตรงหน้า

 

“รู้จักผมด้วยหรอครับคนสวย”

 

“ทำไมจะไม่รู้จักละค่ะ  ว่าที่เดือนคณะบริหาร” มือบางลูบอกผมช้าๆเหมือนยั่วยวน

 

“ว่าแต่พี่สาวคนสวยชื่ออะไรครับ” ไอ้นิคที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม  เธอจึงหันไปตอบ

 

“พี่ชื่อ เอม ค่ะ แล้วน้องสองคนชื่ออะไรกันหรอ” เธอถามเพื่อนผมต่อ แต่ตัวเธอดันเอนมาซบผมซะนี่  ได้โอกาสนะสิ ผมจึงโอบเอวบางของเธอแล้วลูบเล่น  ดูเธอเองก็คงจะชอบเห็นเบียดกายเข้าหาผมจนจะสิงกันอยู่แล้ว  เป็นผีหรือไงว่ะ

 

“ผมนิคครับ ส่วนไอขี้เหร่นี่ชื่อเอกครับ”  แหมมกล้าพูดว่าคนอื่นขี้เหร่  มันคิดว่าตัวเองหล่อมากมั้งนั่น หึ

 

“ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ”

 

“เช่นกันครับ” ไอนิคส่งยิ้มให้เธอแล้วหันมาขยิบตาให้ผม  ไหนๆยังซะคืนนี้ผมก็ไม่กลับห้องอยู่แล้ว  อีกอย่างแปะโพทอิทบอกไอ้เตี้ยไปแล้วด้วย  คงไม่เป็นไร

 

“ขอบคุณค่ะ...พี่ของเรียกเนปเฉยๆได้ไหมค่ะ  จะได้ดูสนิทกัน”เธอหันไปบอกขอบคุณไอเอกที่ชงเหล้าส่งให้เธอ ก่อนจะหันมาถามผม

 

“ตามใจครับคนสวย”  เอาจริงๆชื่อที่เธอบอกผมเมื่อกี้ผมลืมไปละ  ต้องใช้ศัพทืที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาชอบให้ชมกันนี่ละ  ง่ายดี

.

.

.

.

 

นั่งดื่มกันซักพักเธอก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  ผมจึงทำเป็นสุภาพบุรุษเดินประคองร่างบางที่โอนเอนเพราะไอ้นิคกับไอเอกมันหมอมเธอให้เมา  ผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรในเมื่อผู้หญิงอยากกินมันเข้าไปเอง  ผมให้เธอเข้าไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง

 

“รออยู่ตรงนี้นะค่ะที่รักเดี๋ยวเอมจะรีบออกมา  หรือว่าจะเข้าไปด้วยกันดี” เธอกอดคอผมแล้วลูบอกผมช้าๆ ช้อนตาหวานเชื่อมมองมา ผมมองคนที่เมาแทบจะไม่ได้สติตรงหน้า  ผมเป็นจำพวกไม่เอาในที่สาธารณะว่ะ  มันโจ้งแจ้งเกินไป  ยิ่งเป็นผับเฮียไม่เอาหรอก  ถ้าเฮียรู้ผมถูกบ่นจนหูชาแน่

 

“ไม่เป็นไรดีกว่า  ผมก็จะไปทำธุระขอผมเหมือนกัน”ผมดันร่างบางให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ  เมื่อร่างบางของหญิงสาวเดินเข้าไปจะทำธุระส่วนตัวของตัวเองบ้างแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้นมาก่อน

 

“ครับเฮีย”

 

(งานที่ให้ไปทำจัดการเรียบร้อยยังว่ะ)

 

“ระดับผมละเหอะ  เรียบร้อยอยู่แล้ว”

 

(เอออดี  เดี๋ยวกูโอนเงินเข้าให้)

 

“ขอสองเท่านะเว้ยเฮีย”

 

(ไอ้น้องชั่ว  แค่เงินที่มึงใช้แต่ละเดือนก็เหลือเฟือยละเหอะ  ไม่ใช่ที่หมดไปเพราะผู้หญิงนะ อย่าให้รู้กูจะตัดเงินมึงทันที)

 

“โถ่เฮียยยย  ที่หมดอ่ะกะไอเตี้ยน้องรักเฮียเหอะ  ผลาญเงินผมจนต้องวิ่งมาทำงานกับเฮียเนี้ย”

 

(ให้มันจริง  เออๆๆแค่นี้แหละ  ว่างๆก็บอกให้โยมาหากูบ้าง กูคิดถึง)

 

“ได้ครับเฮียเดี๋ยวหล่อบอกให้”

 

(เออไอ้หล่อ)

 

ติ๊ด  เสียงตัดสายจากปลายสายเงียบไปแล้ว  ผมจึงเข้าไปทำธุระส่วนตัวจริงๆ ก้าวเท้าเข้ามาในห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านใน  ผมมองภายในห้องน้ำก็ไม่มีใคร  สงสัยจะดื่มจนหลอนหู  ผมรีบทำธุระตัวเองให้เสร็จ กำลังล้างมืออยู่ตรงอ่างน้ำก็ได้ยินเสียง โครม เหมือนมีอะไรไปกระแทกประตู  ผมจึงเดินไปยังห้องสุดท้ายที่มีประตูปิดอยู่  ยิ่งเข้าใกล้เสียงยิ่งชัดเจน

 

หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่13 : เนปจูน
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 26-06-2016 23:17:17
“ไอ้เหี้ยปล่อยกู!”

 

“อยู่นิ่งๆซิว่ะ”เสียงเหมือนคนคุยกันเล็ดออกมา

 

“ไอ้ชาติชั่ว ปล่อย!!”

 

“กูหมายมึงไว้นานละ  ปล่อยให้โง่ดิว่ะ หึๆ”

 

“อ๊ะ..ออกไป”เสียงครางหวานดังลอดมาให้ได้ยิน

 

“กว่ายาจะออกฤทธิ์แม่งเล่นเอาเหนื่อย”

 

“ไอ้เหี้ยนี่มึง อ่ะ วะ วางยากูหรอ ห้ะ!”

 

“รู้ตัวก็สายไปแล้วครับน้องคิม หึ”

 

“อ๊ะ อื้มม  ช่วยด้วย  ฮึก”

 

“ร้องไปเถอะ  ไม่มีคนช่วยน้องคิมได้หรอก  เป็นเมียพี่ดีๆเถอะ”

 

“อะ ไอ้เหี้ย  ใครก็ได้ อึก ชะ ช่วยด้วย”เสียงหวานดังแผ่วๆผมที่ยืนฟังอยู่นาน (มึงมีอารมณ์ฟังอีกหรอว่ะ ช่วยเขาสิว่ะ) เออผมต้องช่วยใช่ๆต้องช่วย  เถียงกับความคิดตัวเองซักพักจะช่วยหรือไม่ช่วยดี  อาจจะเป็นเรื่องของผัวเมีย  แต่ถ้าถูกบังคับละจะเป็นไง  แต่ด้านดีของผมมันสั่งการทำให้ผมยกตีนขึ้นถีบประตูห้องน้ำดัง ปังๆ  ทำให้คนในห้องชะงัก

 

“ไอ้เหี้ย!!ใครว่ะ ถีบหาพ่อมึงรึไง” ไอ้คนที่อยู่ในห้องน้ำตะโกนออกมา

 

“ชะ ช่วยด้วย”เสียงเบาหวิวนั่นยังคงเปล่งออกมาเหมือนมีความหวัง

 

“จะทำอะไร  อยู่นิ่งๆซิว่ะ!”

 

“ไอ้เหี้ย อึก..” ตุบ  เสียงเหมือนคนด้านในกำลังโดนผลักจนล้ม

 

ปัง ปัง ปัง

 

“เปิดประตูนะไอ้เวร  มึงทำเหี้ยอะไรห้ะ !!” ผมตะโกนให้คนข้างในเปิดประตู

 

“เรื่องผัวเมียมึงยุ่งอะไรห้ะไอห่า”

 

“ไม่ใช่! ช่วยด้วย”

 

“ผัวเมียเหี้ยไรกันว่ะ  เมียมึงจริงคงไม่บอกให้ช่วยหรอกเว้ย!” ผมยังคงไม่ยอมแพ้ถีบประตูบานนั่นแบบไม่ออมแรง

 

พลั่ก! ตุบ

 

“เฮ้ย!!”

ผมแทบล้มเมื่อจู่ๆร่างด้านในก็ถลาเข้ามาผมที่กำลังยืนถีบประตู  ผมรับร่างนั้นแทบจะไม่ทัน

 

“ชะ ช่วยด้วย” คนในอ้อมแขนผมเอ่ยเสียงเบาหวิว  ผมมองสำรวจร่างบางที่สั่นเทาตรงหน้า ทั้งหน้าทั้งตัวขึ้นสีแดงน่ากลัว คงเพราะโดนยา  ตาที่หวานเชื่อมมองมายังเขา  ริมฝีปากที่กัดจนห่อเลือดจนน่ากลัวเหมือนอดกลั่นอารมณ์เอาไว้

 

“มึงจะเอาเมียกูไปไหน!” ร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนของผมถูกกระชากกลับด้วยไอสารเลวนั้น

 

“อึก..”

 

“นี่เขาไม่เรียกว่าเมียแล้วเว้ย  มึงแม่งชั่วว่ะ  จะขืนใจคนที่ไม่เต็มใจ เหอะๆ ไอ้หน้าด้าน!” ผมยกเท้าถีบมันแล้วกระชากร่างบาางกลับมาหาตัวเองอีกครั้ง ผมจับร่างบางของอีกคนให้ไปยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเข้าไปกระทืบไอ้เดนนรกนั้นที่ถูกผมถีบในตอนแรก

 

“อัก !”

 

“คนอย่างมึงนี่มันรกโลกจริงๆนะ”

 

“อะ ไอ้ หะ เหี้ย” เสียงลมหายใจมันขาดห้วง

 

“หึ”

 

“อัก อึก” ผมเตะเข้าสีข้างของมันอีกรอบมั่นใจได้ว่ามันไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายผมได้แน่

 

“กระจอกว่ะ”

 

ผมทิ้งท้ายคำให้มันแล้วหันมาสนใจอีกคนที่อยู่ด้านหลังผม  ผมพาร่างบางออกไปจากห้องน้ำเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่โซนวีไอพีหลังจากรับกุญแจจากเด็กจอดรถมา  ผมยัดร่างบางอีกคนขึ้นรถแล้วขับออกมา  ร่างบางข้างๆกายในตอนนี้เองก็เหมือนจะไม่ไหว

 

“จะเอาไงต่อดีละทีนี่” ผมสบถออกมาไม่รู้ว่าจะทำไงต่อไปดี  ผมได้แต่ขับรถตรงมาเรื่อยๆโดยไม่รู้จะไปที่ไหน  คอนโดตัวเองก็ไม่ได้ ไอเตี้ยมันอยู่  ม่านรูด เหอะ ไม่เอาอ่ะ  ไม่ใช่สไตล์ว่ะ  ตอนนี้คนข้างๆก็ไม่ไหวอยู่แล้วด้วย  ให้ตายกูจะทำไงดีว่ะ

 

“อึก มะ ไม่ วะ ไหวแล้ว อื้ออ” เสียงครางกระเส่ารมณ์มากมึงเดี๋ยวกูก้ขึ้นหรอก  อย่าหันมามองกุครับ เห็นไหมกูขับรถอยู่ มึงอยากตายคู่เรอะ  ผมได้แต่ประท้วงในใจ

 

“เฮ้ย!อย่านะเว้ย  กูขับรถอยู่” ผมใช้มือดันร่างบางไว้ข้างหนึ่ง  จู่ๆก็พุ่งมากอดคอผมที่กำลังขับรถ  เวรเอ้ย! อดทนหน่อยไม่ได้รึไงว่ะ

 

Rrrrrrrrrr

 

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เอาไงดีว่ะเนี้ยมือหนึ่งก้ต้องจับพวงมาลัยรถ อีกมือก็ต้องดันคนที่จะทำมิดีมิร้ายผม  เอางี้ละกัน  จอดรถก่อน  ผมตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าข้างทาง  มือก็ดันคนข้างๆไว้ก่อนจะกดรับสายที่โทรเข้ามา

 

“เออ” ผมกรอกเสียงลงไปเมื่อรู้ว่าใคร

 

(เหี้ยเนปมึงอยู่ไหนตอนนี้)

 

“ข้างนอก”

 

(เชี้ย มึงรู้ไหมว่าผู้หญิงของมึงตามหานะห้ะ)

 

“หรอ..เออไอนิคกูขอยืมคอนโดมึงหน่อยสิวันนี้” ผมบอกมันเมื่อนึกขึ้นได้

 

(เอาไปไม  ฮั่นแน่เจอสาวแจ่มกว่าเจ้นั่นอ่ะดิ เออๆๆ ไปขอคีย์การ์ดสำรองเอาเดี๋ยวกูโทรบอกเขาให้ละกัน รหัสเปิด9183  ดูแลห้องกูดีๆละ  อย่าเสือกทำไรพิสดาร ติ๊ด) ผมกดวางสายขี้เกียจฟังมันพูดมาก  เมื่อรู้จุดหมายที่จะไปแล้วผมก็กระชากตัวรถออกไปยังเส้นทางที่จะไป  รู้สึกร่างข้างๆจะเงียบแล้วแฮะ ผมหันไปมอง ปรากฏว่านิ่งครับ  หลับซะงั้น  ผมจอดรถบริเวณใต้คอนโดไอนิค  ผมเดินมาเปิดประตูฝั่งที่มีคนหลับอยู่ อุ้มท่าเจ้าสาว(?)พาเดินเข้าไปในตัวตึก  พร้อมกับรับคีย์การ์ดสำรองที่ไอนิคคงโทรมาบอกแล้ว  รอลิฟท์ไม่นานก็ได้ขึ้น  ผมกดเลขชั้นที่ต้องการ มองคนที่นอนหลับในอ้อมแขน  มีเวลาได้พิจารณาหน้าตาชัดๆใกล้ๆก็คราวนี้แฮะ  น่าตาค่อนไปทางหวานหน่อยคล้ายไอเตี้ยเลย  หน้าหวานเหมือนผู้หญิง  แต่ไอเตี้ยหวานกว่า  ไหนจะเอวคอดนี่อีก  ตัวก็บาง  ถ้าไม่ตัดผมสั้น แต่งตัวเป็นผู้ชายนะ  คงสวยน่าดู  ลิฟท์เปิดยังชั้นที่ต้องการผมเสียบคีย์การ์ดพร้อมกดรหัสห้องเปิดประตูนำร่างบางอีกคนไปวางไว้บนเตียงอย่างเบามือกลัวอีกคนจะตื่นขึ้นมา  แต่ตอนนั้นเอง...

 

“อื้มม..”ผมถูกดึงคอกดลงไปแนบชิดกับริมฝีปากของคนใต้ร่าง  คนที่คิดว่าหลับบดจูบแลบลิ้นเลียริมฝีปากผมที่เม้มแน่นไม่ยอมเปิดปากให้ลิ้นเล็กสอดเข้ามา

 

“ไม่ได้ๆ กูจะทำอะไรคนที่ไม่มีสติ  อีกอย่างกูไม่รู้จักมันด้วย” ผมผลักร่างบางออกก่อนจะรีบลุกขึ้นมองร่างบางที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง

 

“ระ ร้อน อื้อ ร้อน ช่วย ดะ ด้วย”

 

“...”

 

“ร้อน  ฮึก  ฮืออ คะ ใครก็ได้ ชะ อ่ะ” ผมอุ้มร่างอีกคนเดินไปยังห้องน้ำจับวางลงในอ่างอาบน้ำเปิดน้ำที่ตั้งอุญหภูมิติดลบให้น้ำเย้นที่สุด  ทำยังไงก้ได้ให้คนต่อหน้าผมหยุดทรมาน  แต่เหมือนร่างบางจะไม่ยอมปล่อยแขนผมกลับกระชากผมเข้าหาตัวแล้วก็ไซร้ลงตรงคอผม  จนทำให้ผมต้องดันแล้วก็กดลงไปในน้ำ

 

“อยู่เฉยๆ”ผมบอกเสียงนิ่งจ้องคนตรงหน้าที่มองมาตาเชื่อม  เมื่อเห็นร่างบางนิ่งแล้วผมจึงผละออกมา

 

“...”

 

“แช่อยู่ในนี้นะ” ผมบอกจบก็เดินออกมาทั้งปิดประตูพร้อม  เกือบแล้วไหมละ    ผมออกมาสงบจิตสงบใจไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้  ยิ่งเสื้อสีขาวที่เปียกน้ำจนเห็นไปถึงข้างในขาวๆนั้น  ยิ่งจะเตลิด  ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรถ้าอีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว  แต่ถ้าโดนแบบเมื่อกี้อีกนะ ผมคงไม่ไหวแล้วเหมือนกัน  ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะที่จะทนสิ่งยั่วยวนรัญจวนใจโดนยั่วมากๆผมก็ไปได้นะครับ

 

“ยุบหนอ  พองหนอ”

 

“อ๊ะ..อ๊า..”เสียงครางหวานในห้องน้ำดังลอดออกมาจากห้องน้ำให้ได้ยิน

 

“ยุบหนอ  พองหนอ”

 

“อ่ะ อื้มม อ๊า”

 

“ยะ ยุบ เหอะหนอ”

 

“อ๊า  ซี๊ดด”

 

“พะ พอง แล้วหนออ”  พองแล้ว  พองแล้วครับ  ส่วนกลางลำตัวผมมันพองแล้วครับ มึงจะครางหวานไปไหนห้ะของกูขึ้นเลย  ผมข่มตาลงกลั้นอารมณืดิบที่กำลังจะแผลงฤทธิ์ออกมา

 

“อ๊า..”  แล้วเสียงครางในห้องน้ำก็เงียบไป  สงสัยจะเสร็จแล้ว  ให้เดาผมว่ามันคงช่วยตัวเองอยู่นั่นละ  ผมเปิดประตูเข้าไปดูคนด้านใน  แช่นานไม่ได้เดี๋ยวจะไม่สบายมาซวยผมอีก  แค่ตอนนี้ก็วุ่นวายละ  วันนี้มันวันซวยของกูแน่ๆ สงสัยต้องไปทำบุญทำทานเอาความซวยออกจากตัวให้หมด   ผมเห้นร่างบางที่แช่น้ำกำลังหลับตาอยู่มือก็กำส่วนตรงนั้นของตัวเองไว้   เฮ้ยอย่ามองผมแบบนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจมองนะเว้ย  ก็มันแบบ..เห็นเอง  ผมจึงเดินไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวและเสื้อครุ้มที่อยู่ในตู้ในห้องน้ำมาให้อีกคน

 

“แช่น้ำพอแล้ว  ลุกขึ้นเดี๋ยวไม่สบาย” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับผมที่ยืนค้ำหัวอยู่นิ่ง  ไม่ได้เอ่ยตอบผมมา

 

“...”

 

“ลุกขึ้น” ผมสั่งอีกครั้ง  ร่างบางนั้นค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะโถมตัวเข้ามาหาผมล้มตึงลงไปกับพื้นห้องน้ำเต็มๆ เจ็บและจุกบอกได้เท่านี้

 

“ช่วยกูหน่อย ขอนะ”เสียงหวานเอ่ยจบประโยคก็บดจูบลงมาที่ริมฝีปากของผม  ลิ้นเล็กพยายามจะแทรกเข้ามาในปากผม ดันลิ้นเลียปากผมอยู่อย่างนั้น  ผมเองก็เผลอเปิดปากรับลิ้นเกี่ยวตวัดกับลิ้นผม  บอกแล้วไงไม่ใช่อิฐ ไม่ใช่ปูน โดนยั่วมากๆก็ไปแล้วครับ ผมลูบเอวของคนตรงหน้า  เสื้อที่เปียกแนบไปกับร่างกายมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร  ผมเบียดปากแนบแล้วกดหนักๆ เสียงครางหวานของร่างบางเหมือนพึงงพอใจที่ผมตอบสนองความต้องการ

 

“อื้มม..อ่ะ”

 

“กูไม่ทนแล้วนะ  ตื่นมาอย่าโวยวายแล้วกัน หึ” ผมจับร่างบางพลิก ผมต้องเหนือกว่าสิจะให้ใครมาอยู่บนผมไม่ได้  พูดจบผมก็จูบอีกฝ่าย  จูบไม่หวานแต่มันก็เร่าร้อนเหมือนไฟแผดเผาเราสองคน  ร่างบางที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนหนักไปอีก  มือบางเลื่อนไปลูบส่วนกลางลำตัวของผมแล้วลูบมัน  ผมซุกซอกคอของอีกคนมือก็ทำหน้าที่ลูบเรือนร่างบางไปเรื่อยๆ  ผมไซร้และกดจูบ ดูดหนักๆตามคอจนเกิดรอยจางแดง  ลากลิ้นเลียจากซอกคอต้ำลงมาที่หน้าอกแบนราบของคนที่ครางใต้ร่างผม

 

“อ๊ะ ตะ ตรงนั้น อย่า” ห้ามไปผมก็ไม่ฟังแล้วว่ะ  ผมเลียเม็ดตุ้มไตที่ขึ้นนูน

 

“อืมม”

 

“อ๊ะ..จะ เจ็บ  อย่ากัดนะ”

 

“มึงยั่วกูเองหลังจากนี้จะเป้นยังไงก็รับผลที่จะตามมาเองแล้วกันนะ” ผมกระซิบข้างหูอีกคนแล้วเม้มติ่งหู  ปลุกอารมณ์ของคนตรงหน้าให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

“อ๊า  อื้ออ”

 

“อ๊า”

 

เสียงครางทุ้มต่ำ เสียงครางหวานที่แว่วดังเล็ดลอดให้ได้ยินเป็นระยะๆ บ่งบอกถึงกิจกรรมที่ไม่มีวันจบสิ้นในคืนนี้จนกว่าฤทธิ์ยาหรือฤทธิ์อารมณ์ของทั้งคู่จะหมดไป  (เอ้าๆๆไรท์จะไม่เสริมต่อว่ามันสองตัวจะยังไงกันต่อ  เราจะขอแพนกล้องไปที่ชักโครกนะจ้ะ ฮ่ะๆ)





Tobecon....
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่13 : เนปจูน
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-06-2016 23:55:55
ตัดจบอย่างโหดร้าย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่13 : เนปจูน
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 27-06-2016 00:21:01
มาเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่13 : เนปจูน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 27-06-2016 01:57:43
เนปนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันน๊าาาา คราวนี้เนปก็จะได้มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ววว นี่ถ้าตื่นมาจะเป็นไงเนี่ยะ5555
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่14 : ข้อความ/ความรู้สึก [28/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 28-06-2016 20:39:23

ตอนที่14 : ข้อความ/ความรู้สึก

-เนปจูน-
RRRRRRRRRRR
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ดังแว่วเข้าโสตประสาทรบกวนเวลาพักผ่อนของผม  กว่าที่ผมจะได้นอนก็เกือบสว่าง ผมกดรับสายรำคาญเสียงรบกวน
“โหล..”
(อยู่ไหน?)
“ห้องเพื่อน”
(เมื่อไรกลับ)
“ไม่รู้”
(เออๆ)
บทสนทนาสั้นๆ  ที่ไม่มีอะไรมากมาย   ปลายสายตัดไปแล้ว  ผมไม่รู้ว่าผมคุยกับใครผมแค่รับแล้วก็กรอกเสียงไปเท่านั้น  มันง่วงนี่ครับ  เพลียด้วย  กิจกรรมที่ทำเมื่อคืนก็สาหัดเอาการ ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม เอื้อมมือไปกะจะคว้าร่างบางที่อยู่ข้างกายแต่กลับว่างเปล่า
“หืม..” ผมลืมตาตื่นมองพื้นที่ข้างๆที่คิดว่าน่าจะมีคนอยู่  ผมลูบพื้นที่เตียงที่ยังอุ่นๆอยู่  คงเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน  ผมค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงกวาดสายตามองรอบห้องตามพื้นกระจัดกระจายไปด้วยสิ่งของต่างๆ 
“หนีไปแล้วซินะ”  ผมขยี้หัวตัวเองลุกจากเตียงเปิดตู้หยิบผ้าขนหนู(คิดซะว่าเป็นห้องตัวเอง)เดินเข้าห้องน้ำเหมือนเป็นปกติจากที่ทำกิจกรรมเหล่านี้ 

-คิม-

“อื้อ..” ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวัน  ทำไมผมรู้สึกหนักๆบนตัวจัง  ผมมองแขนของใครบางคนที่กอดเอวผมอยู่ ใบหน้าซบลงตรงซอกคอผม  ลมหายใจสม่ำเสมอ  ผมค่อยๆจับแขนเขาออกช้าๆกลัวอีกคนจะตื่น  เขาเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยแล้วนิ่งไป  ผมค่อยๆพยุงร่างกายที่บอบช้ำจากกิจกรรมอันเร่าร้อนเมื่อคืน  จริงๆผมควรตื่นมาแล้วต้องตกใจใช่ไหม  จู่ๆก็ต้องมานอนกับคนที่ไม่รู้จักกันเลย  แต่ก็เพราะไอสารเลวตัวนั้นที่กล้าวางยาใส่ในแก้วเหล้าผม  คิดแล้วก็แค้นไม่หาย   ถ้าหมอนี่ไม่มาช่วยผมไว้  ผมคงตกเป็นเมียมันไปแล้ว  ผมมองเสี้ยวหน้าของคนที่นอนคว้ำหน้ากับหมอน  ใบหน้าขาวเนียน ดูสะอาดตา  จมูกโด่งรับกับใบหน้า ริมฝีปากที่ผมสัมผัสเมื่อคืนหลายต่อหลายครั้ง  ร่างกายแค่ได้มองก็รู้ว่าอีกคนดูแลตัวเองขนาดไหน มันใช่เวลาที่ผมจะมานั่งมองใครก็ไม่รู้  ผมค่อยๆลุกจากเตียงแต่ก็ต้องล้มลงกับพื้นเพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวยจริงๆ  ก้นก็เจ็บ  ยิ่งล้มลงกับพื้นอีกยิ่งปวดหนักเข้าไปใหญ่   ผมยันตัวลุกขึ้นอีกรอบรู้สึกเหมือนมีน้ำไหลอออกมาจากหว่างขา
“สัส  เยอะชิบ” ผมได้แต่สบถเมื่อเห็นน้ำใคร่ที่ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก  นึกถึงเวลาเอาออกสิครับ  สงสารคนที่ต้องเอาออกบ้าง  เพราะแบบนี้ไงเวลามีอะไรกับใครผมมักจะให้คนนั้นใส่ถุงยาง ป้องกันการติดโรคด้วย แต่ครั้งนี้คงไม่ทัน  หมอนี้เป็นคนแรกที่ได้ปล่อยในโดยไม่สวมถุงยางเลย   ผมไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย  ผมก็เป็นผู้ชายที่มีความรู้สึกอยากเหมือนกับคนอื่นๆ   แต่ผมก็ไม่ได้มั่วขนาดที่จะเอากับใครก็ได้หรอกนะ  ผมพาตัวเองเข้าห้องน้ำเขาไปล้างคราบใครที่ยังฝังอยู่ในตัวออกให้หมด  หยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้บนพื้นในห้องน้ำมาใส่  ยังชื้นๆอยู่เลยแต่ก็ต้องใส่  ผมไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก  เพราะมีงานที่ต้องไปทำกับกลุ่มเพื่อนให้ทันส่งพรุ่งนี้  ผมมองสภาพตัวเองในกระจกก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  เซ็กส์ครั้งนี้มันรุนแรงและเร่าร้อนกว่าครั้งไหนๆ  รอยแดงบนคอ หน้าอก เต็มไปหมด  หน้าซีด  เหมือนยังกะโดนรุมโทรมอย่างนั้นแหละ  ผมเดินออกมาจากห้องน้ำมองร่างของอีกคนที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง
“คงไม่ได้เจอกันอีกนะ..” 
ผมเดินออกจากห้อง  ลงลิฟท์  เรียกรถแท็กซี่กลับหอพัก  ถึงหอผมก็แทบจะสลบกลางห้อง  ผมนอนราบลงไปกับโซฟาตาก็จะปิดอยู่ร่อมร่อ  ถ้าไม่มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น  ผมต้องลากสังขารไปเปิดประตูให้กับแขกที่ยืนออกันหน้าประตู
ก๊อก ก๊อก !
“เฮ้ย เร็วๆดิว่ะ  กูเมื่อยเว้ย!!” เสียงโวยวายหน้าห้องตะโกนสั่งผม 
“เอออแปบเว้ย” ผมเปิดประตูให้กับไอผู้ชายหน้าเหี้ยสี่ตัวที่หอบของมาทำงานที่ห้องผมให้เข้ามา
“สภาพโดนเอามาละสิ” ไอ้เดฟผู้ชายปากหมาของกลุ่ม
“มึงก็รู้ๆอยู่ว่าอีคิมมันแรด” ไอ้โบ๊ทผู้ชายปากสุนัขรองจากไอ้เดฟ
“อย่าว่าเพื่อนสิมึง  มันไม่แรดเว้ยมันแค่ร่าน”  ไอ้เวรเอ ผู้ชายปากส้นตีน
“...”  ไอ้อัลสุดหล่อของกลุ่ม  ถึงหล่อแต่สันดานมันเหี้ยไม่ต่างจากไอ้สามตัวนี้เลย  นั่งเงียบไม่พูดแซวผม  ผมสังเกตเห็นหน้ามันที่มีรอยช้ำอยู่บนหน้า  ทำให้เกิดอาการอยากสอดขึ้นมาทันใด
“ไอ้อัล หน้าไปโดนใครต่อยมาว่ะ”
“เสือก”
“กูไม่น่าถาม...”
“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังว่าเกิดไร” ไอ้เดฟเสนอหน้าอยากจะเล่า  ไอ้อัลแค่หันไปมองจิกว่ามึงอย่าเสือกช่วยอยู่เงียบๆ  แต่ไอ้เดฟอ่ะนะ  มันรู้โลกรู้  เรื่องชาวบ้านละรู้ไปหมด
“...”
“...”
“...”
“...”
ผม ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท ไอ้อัล นั่งรอฟังมันเล่า
“คืองี้นะ ...  ไอ้อัลอ่ะมันไปยุ่งกับคนมีเจ้าของเว้ย  แล้วผัวเขามาเห็นเข้ามันเลยโดนซัดมา  ฮ่าๆๆๆ  สะใจกูจริงๆ  โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยถีบกูทำไม” ไอ้เดฟโวยเมื่อไอ้อัลถีบมันจนล้มตึงไปกับพื้นห้อง
“ไม่รู้อะไรก็อย่าเสือกพูดไอ้เดฟ   แล้วไอ้คนที่ต่อยกูไม่ใช่ชู้เมียมึงหรือไง”
“ไม่ใช่โว้ยยย!!”
“ฮ่าๆๆ”  เสียงระเบิดหัวเราะของไอ้เอกับไอ้โบ๊ทเหมือนกับสะใจที่ไอ้อัลมัเล่นไอ้เดฟคืนได้  ผมมองพวกมันที่เถียงกันไม่จบไม่สิ้น  คนที่พวกมันพูดถึงบ่อยๆ  ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าคนที่มันว่าเป็นชู้เมียไอ้เดฟซักที  แถมยังมีไอ้อัลอีกที่ไปยุ่งด้วย  หาสาระอะไรไม่ได้ซักอย่าง  แล้วงานจะได้เริ่มทำไหมละเนี้ย
“กูไปอาบน้ำก่อนละกัน  อย่ามัวแต่เห่าใส่กันทำงานด้วยละพวกหมา”
“ให้พี่ช่วยพยุงไหมจ้ะน้องคิม  เห็นท่าเดินมึงแล้วกูสงสาร ฮ่าๆๆ”
“หุบปากไปเลยไอ้เดฟ” ผมหยิบของที่ใกล้มือปาใส่มัน  คนอะไรว่ะพูดมากปากเสียจริง  หมาในปากก็เยอะ  สงสัยต้องบอกกับเมียมันให้พาไปเอาออกบ้างละ 
.
.
.
ผมอาบน้ำชำระร่างกาย  แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาดูพวกหมาๆมันว่าทำงานกันหรือยัง  ปรากฏว่า...มีทำงานอยู่คนเดียวคือไอ้อัล  ส่วนไอ้สามตัวนั้นก็กกขวดเบียร์ซะแล้ว   สว่างๆมันยังแดกได้นะครับ  แล้วงานจะเสร็จมั้ยยยยยยย?????
“แดกได้แต่หัววันนะพวกมึง” ผมถีบหลังไอ้เอที่กำลังกรอกเบียร์เข้าปากจนมันสำลัก  สมน้ำหน้า
“แค่กๆ อะ ไอ้ห่าคิม ถ้ากูตายทำไง”
“ก็เผาไง” ผมบอกเสียงนิ่ง
“ฮึก ! โบ๊ทต๋า  อีคิมมันว่าเค้า”
“โอ๋ๆไม่เป็นไรนะเตง เดี่ยวเค้าจัดการให้”  พอมันทำอะไรผมไม่ได้ก็หันไปกระซิกกับไอ้โบ๊ท  เห็นแล้วขนลุกชิบหาย  ผมเลิกสนใจมันหันมาช่วยงานไอ้อัลที่นั่งทำเงียบๆคนเดียว  ปกติจะไม่ค่อยเห็นมาดขยันมันเท่าไร วันนี้มาแปลก  นั่งเงียบทำงาน  ไม่บ่นก่นด่าใครซะด้วย  มันกินยาผิดแผงแน่เลย


-อัลฟา-
ผมนั่งทำงานเงียบๆคนเดียว  ไม่อยากไปรวมกลุ่มกับไอ้สามตัวที่แอบหอบเบียร์ขึ้นมาด้วย   ถ้าผมร่วมด้วยเกรงว่างานจะไม่เสร็จ  ผมอยากจะทำให้เสร็จๆไป  ผมจะได้รีบกลับคอนโดตัวเอง  จริงๆผมอยากให้ทำที่คอนโดของผมมากกว่า  เพราะจะได้สอดส่องห้องที่อยู่ตรงข้ามกันไปด้วย  แต่พวกนี้ไม่ยอม  บอกจะมาทำที่นี่  ผมเองก็ขัดไม่ได้เลยเออออตามมา   ไอ้เดฟตัวการเลยครับ  ไม่คิดช่วยงานยังเสือกแดกเหล้าแต่วัน... 
“มีไรให้กูช่วยไหมมึง” ไอ้คิมมันถาม
“มี  มึงทำส่วนตรงนี้แล้วกัน”
“โอเค” ผมแบ่งงานให้มันช่วยทำ  จะทำคนเดียวก็คงไม่เสร็จอีกอย่างนี้งานกลุ่มครับ กลุ่ม....แต่ทำกันแค่สอง
“ไอ้เดฟ ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท”
“...”
“...”
“...” พวกมันหันมาเกือบจะพร้อมกันเมื่อผมเอ่ยชื่อมันนิ่งๆ
“ถ้าใครไม่มาช่วยทำงานกูตัดชื่อออกจากกลุ่ม” 
“ไรว้า.. ใจร้ายสัส” ไอ้เอบ่นแต่ก็ยอมลุก 
“เออแม่งกูแค่ขอพักแป๊บบเดี๊ยวว” ไอ้โบ๊ทลุกตามมา  ผมมองไอ้เดฟที่ยังคงนั่งแดกเบียร์สบายอารมณ์แบบไม่ทุกข์ร้อนต่อคำพูดผม
“ไอ้เดฟ!”
“เออรู้ๆแล้วๆ หงุดหงิดไรว่ะ  เมนมาไงมึง”
“นั่นปาก”
“แหะๆ มึงก็..”
“ทำงาน!”  พอทุกอย่างลงตัวผมก็แบ่งงานให้แต่ละคนทำ  ถ้าใครทำส่วนของตัวเองเสร็จก็ให้เอามารวมกัน  ทำแบบนี้จะเร็วกว่ามานั่งทำชิ้นเดียวหลายคน  ผมสั่งงานพวกมันเสร็จก็นั่งทำส่วนของตัวเองต่อ


“เสร็จแล้วโว๊ยยยย” งานของพวกผมเสร็จแล้ว  ตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย  ผมหยิบโทรศัพท์เช็คข้อความ สายไม่ได้รับ ต่างๆอีกมากมาย  ผมเปิดเข้าโปรแกรมไลน์ กดเข้าข้อความไลน์ของคนที่ผมคิดถึงอยู่ในตอนนี้


(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13563681_1033758596713624_1681973089_n.png?oh=df71eab1a7a6bd393f78b05029aee8fe&oe=5775ADD9)
(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13563580_1033758930046924_803576822_n.png?oh=a7d3d18fbd3f99b1d87e64beb7a156ad&oe=5775A3DA)

“คุยกับใครว่ะ” ไอ้เอมันเสือกตัวเข้ามานั่งข้างๆผม  มันสอดหัวมามองหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นข้อความที่ผมเปิดเอาไว้
“ไม่เสือกซักเรื่องได้ไหม”  ผมลุกเดินไปยังระเบียง  ท้องฟ้ามืดมิดแต่กลับมองหมู่ดาวไม่เห็นซักดวง  เห็นเพียงไฟริบหรี่จากท้องถนน  อาคารบ้านเรือนที่ยังคงไม่หลับใหลทั้งๆที่ดึกมากแล้ว   สายลมเย็นๆพัดมากระทบตัวผมทำให้รู้สึกดีแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกเหงา  ... ทั้งวันผมนั่งคิดทบทวนกับความรู้สึกตัวเอง  ทบทวนสิ่งที่เคยผ่านมา

(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13536232_1033758033380347_802763431_n.png?oh=ee139aaa475963cf80c20fc3730d402b&oe=5774882A)

(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13536032_1033760500046767_841724622_n.png?oh=9b92952f5ea63fb1ed2362fd179d9e9c&oe=5774974C)

ผมมองข้อความที่ผมส่งไปหลายข้อความ  อ่านแล้ว ทุกข้อความแต่อีกคนก็ไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับมาเลย  ผมบอกความรู้สึกของผมที่มันมีอยู่ตอนนี้ให้อีกคนได้รับรู้...  ไม่ต้องสงสัยไปนะครับทำไมอยู่ๆผมถึงส่งข้อความที่แสดงความรู้สึกออกไป  ผมไม่ได้เมาเพราะผมยังไม่ดื่ม  ผมไม่ได้เมางานที่ทำพึ่งเสร็จไป  ผมไม่ได้อยากจะแกล้งมัน  ทั้งหมดที่ผมพิมพ์ส่งไปคือความรู้สึกล้วนๆ  ผมมานั่งคิดดูแล้ว  ผมรู้ว่ามันอาจจะสายเกินไปกว่าที่จะแก้ไขมัน  ผมพึ่งมานึกขึ้นได้เมื่อไม่มีมันอยู่ข้างๆ ผมทำลายชีวิตมันไปแล้ว  ไม่แปลกที่มันจะไม่ยอมยกโทษให้ผม  ผมแค่อยากได้โอกาสอีกครั้ง...ผมอยากเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างมัน  แต่ก็คงสายไปเพราะมันมีใครอีกคนมาแทนที่...

(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13530719_1033758163380334_2131742391_n.png?oh=ed755b5115c0db44dd9aa8d84e5e368a&oe=57749505)
(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13553189_1033758220046995_2085522419_n.png?oh=c1aff9612c54bfbedc7d92590eb005a1&oe=5774C481)


-โยชิ-

ตื้อ ดึ้ง !

เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น ผมละจากกิจกรรมที่ทำอยู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู...

(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13563401_1033757926713691_773916113_n.png?oh=74890708c399a0789660c61d7b519288&oe=5774A83E)
(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13563436_1033761783379972_2111266636_n.png?oh=e4d7ab0c01f6ed047bf61e54399c5ed9&oe=57759F69)
(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13563228_1033761816713302_1149211368_n.png?oh=6e9c39cd70e61b445d12fe830176958a&oe=5774B502)
(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13536182_1033761863379964_285513926_n.png?oh=de0a50d54cd1913b4dc0acee7744995a&oe=5775AFA5)
ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงส่งข้อความแบบนี้มาให้ผม  ผมทำเพียงแค่เปิดอ่านมันเท่านั้น  ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่? รู้สึกผิดที่ทำผมเจ็บตัวงั้นหรอ?  ขอโอกาสงั้นหรอ? ทำไมอยู่ๆถึงบอกความรู้สึกอะไรทำนองนี้ออกมา  ผมไม่เข้าใจเจตนาของเขาเลย  ผมเปิดลิงค์เพลงที่เขาส่งมาให้…
“น้ำอะไร?” ผมพึมพร่ำกับตัวเอง  ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง 
“น้ำตา..”  ทำไมผมต้องรู้สึก...  ผมสับสนว่าตอนนี้ผมกำลังเป็นอะไร แล้วทำไมผมต้องร้องไห้แค่เพราะเพลงที่เขาส่งมาให้  ทำไมผมต้อง..คิดถึงเขา
(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13563317_1033761890046628_1236506690_n.png?oh=1945a9bf484e218a265248a1b9d29c9d&oe=5774662E)
ใช่มันควรพอ  พอเถอะ...กับความรู้สึกนี้  ทำไมผมถึงต้องแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้  เขาควรพอที่เล่นสนุกกับความรู้สึกผม !!!

(https://z-1-scontent-kul.xx.fbcdn.net/v/t34.0-12/13563590_1033761916713292_1952143922_n.png?oh=4fcfedff8144537bb65632ce458fcc7b&oe=5774E5B3)
“บ้า ! มึงมันบ้า ฮึก!” ใช่มันบ้ามาก  ข้อความสุดท้ายนี้มันอะไรกัน   รัก? รักผมงั้นหรอ  ผมจะเชื่อเขาได้งั้นหรอ  ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาตามความรู้สึก  หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ  มันเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา  ผมแพ้  แพ้เขาจนได้  แพ้ราบคาบ  ผมแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้ทุกทางไม่ว่าจะตอนนั้นหรือแม้แต่ตอนนี้  ผมเพียงแค่อ่านข้อความไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกไป   ผมอ่านมันซ้ำๆ  ประโยคเดิม  ประโยคเดียว  ประโยค...รัก


Tobecon...

 :z2:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่14 : ข้อความ/ความรู้สึก [28/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-06-2016 10:05:34
ไม่พอเนปรู้ว่าคิมมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำร้ายโยชิแล้วเนปจะแก้แค้นนะกลัวจัง
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่14 : ข้อความ/ความรู้สึก [28/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 30-06-2016 17:21:42
ถ้าเนปรู้ว่าคนที่มีไรด้วยคือคิมจะทำไงต่อ??อัลฟา นายจะไม่ทำโยเสียใจอีกใช่มั๊ย?? ถ้านายจริงจังก็สู้ๆล่ะ เดินหน้าลุยเลย // ไม่แปลกหรอกที่โยจะใจแข็ง ลองใครโดนขนาดอาจจะเกลียดจนมองหน้าไม่ติเลยก็ได้ // เอาใจช่วยทุกคนทุกคู่รวมทั้งไรท์ด้วย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 07-07-2016 12:30:29
ตอนที่15 : อ้อนวอน 

มหาลัย..

 

-โยชิ-

 

คณะวิศวะ

 

“เฮ้ออ”  ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนเมื่อมาถึงห้องเรียน

 

“เป็นไร  ถอนหายใจซะ”

 

“เปล่า..”

 

“แน่?” ไอ้พาสเลิกคิ้วถาม

 

“อืม  ง่วง” ผมหลับตาลงบอกมันว่าง่วง  เมื่อคืนก็นอนไม่หลับได้แต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย  ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหนเหมือนกัน  ตื่นอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้ว

 

“เอองั้นนอนไปเดี๋ยวอาจารย์มากูปลุก”  ไอ้พาสมันลูบหัวผมเหมือนกล่อมให้หลับ

 

 

-พาสต้า-

 

ผมนั่งลูบหัวโยชิที่ฟุบหน้านอนหลับกับโต๊ะเรียนกล่อมให้มันหลับเหมือนกับผู้ใหญ่กล่อมเด็กน้อย ฮ่ะๆ  ผมมาเรียนเช้ากว่าไอ้โยเพราะวันนี้ไอ้เดฟมันมีพรีเซ็นงานตอนเช้ามันเลยต้องมาเตรียมตัวอะไรของมันก็ไม่รู้  นานๆจะเห็นมันกระตือรือร้น  ผมก็ถามมันนะวันนี้แปลก มันบอกว่าถ้าไม่ตั้งใจไอ้เหี้ยอัลฟามันจะฆ่าทิ้ง  ถ้าทำงานพัง  ก็นั่นแหละครับเหตุผลควายๆของมัน   

 

“ไอ้โย  อาจารย์มาแล้ว” ผมเขย่าตัวมันเบาๆให้รู้สึกตัว  มันค่อยๆดันตัวเองลุกนั่งในท่านั่งตรง  ยกมือขยี้ตาตัวเองทำให้ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าตามันบวมมาก 

 

“มีอะไร  กูนอนน้ำลายไหลหรอ?” มันหันมาถามผมเอามือเช็ดปากตัวเอง 

 

“...” ผมส่ายหน้า

 

“อ้าวหรือมีไรติดหน้ากู”

 

“ไม่มี”

 

“อ้าว  แล้วมองหน้ากูทำไม” มันขมวดคิ้วมุน

 

“ตามึงบวมนะโยชิ”  ผมเอานิ้วจิ้มตาที่บวมของมัน 

 

“...” มันเงียบ

 

“มีไรจะบอกกูป่ะ”

 

“เรียนเถอะ  อาจารย์สอนแล้ว”  มันชี้ไปทางอาจารย์ที่กำลังเริ่มเข้าสู่บทเรียน  วันนี้เป็นวิชาเรียนร่วมทำให้ในห้องเรียนเต็มไปด้วยนักศึกษาคณะต่างๆ

 

“อืม” ผมพยักหน้ามองภาพโปรเจคเตอร์ที่ฉายสไลค์เนื้อหาของวิชาเรียน  พักคอยถามมันแล้วกัน  ถ้ามัวแต่สนใจคงไม่เป็นอันเรียน

 

 

 

“กว่าจะปล่อย  วันนี้กินอะไรดีว่ะ”  ตอนนี้เราเลิกคลาสแล้วครับ  อาจารย์ปล่อยช้ากว่าเวลาเรียนไปเกือบชั่วโมงแน่ะ  ไม่รู้จะสอนอะไรกันเยอะแยะ  แค่นี้สมองผมก็ไม่รับแล้วครับ  มันไปตั้งแต่สไลค์แรกแล้ว  แฮ่ๆ  ไม่ควรเอาแบบอย่างผมนะครับ  ผมหันไปถามไอ้คนที่เดินข้างๆ

 

“ไม่รู้” มันส่ายหน้า  ผมมองอาการมันที่วันนี้เงียบๆ  ไม่บ่นเรื่องไอ้เนปจูนให้ผมฟัง  ถ้าปกตินี่จะมาแบบเหวี่ยงใส่ว่า ไอ้เนปมันวางเสื้อผ้าไม่เป็นที่  ชอบคุยโทรศัพท์เสียงดังจนมันนอนไม่หลับ  ตื่นสายไม่ยอมมาส่งมัน และอีกบลาๆๆ   

 

“ไอ้โยระวัง!!”

 

“อ่ะ ! ตุ๊บ!”

 

“เฮ้ออ”  ถอนหายใจกันเลยทีเดียว  ทางมีไม่ดู  คิดไรหนักหนาว่ะ  ผมควรจะสมน้ำหน้ามันดีไหมเนี้ย

 

“จะ..เจ็บ” มันเบะปากจะร้องไห้เอามือลูบหน้าผากตัวเองไปพรางหันมามองหน้าผม

 

“โง่  เอ้าลุก!” ผมเข้าไปช่วยพยุงมันที่เดินชนผนังตึกที่มันเยื่องออกมาก่อนถึงทางออก   

 

“ฮึก !”

 

“เซอซ่าน่ารำคาญจริงมึง”  ดูทำหน้าอย่างกะเจ็บจะตาย  ผมเห็นน้ำตามันคลอเบ้าตาด้วยสงสัยจะเจ็บจริง

 

“เจ็บ..”

 

“เออรู้เร็ว  คนอะไรว่ะโง่ผนังมันอยู่ดีๆเสือกเดินชน...แล้วหัวมึงเนี้ยคิดไรหนักหนาห้ะ  กูอยากจะรู้หนัก  มีเรื่องอะไรไม่สบายใจแล้วไม่บอกกู  ยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ป่ะ  เครียดเชี้ยไร  ถึงขั้นเหม่อเดินไม่ดูทางขนาดนี้  สมองขี้เลื่อยแบบมึงมีไรให้ต้องคิดมากน่ะห้ะ  แล้วไม่ต้องมาบ่นว่าเจ็บๆ  บุญเท่าไรแล้วกูไม่สมน้ำหน้าตอกย้ำมึงเนี้ย  ไอ้อาการซึมๆ อึนๆ มึนๆ สติสตังไม่อยู่กับตัวแบบนี้เนี้ยเลิกซะ  แล้วบอกกูมาว่าเป็นอะไร”

 

“...” เงียบ..จ้องหน้ากูอีกครับ  เอ้าจ้องกลับสิ

 

“อย่าเงียบ”ผมว่าเสียงนิ่งจ้องหน้ามัน

 

“เฮ้ออ..พาสต้า”  เรียกแบบนี้เริ่มจริงจังแล้วครับ  ชื่อมาเต็มขนาดนี้

 

“อืมว่า?”

 

“คือ..กูบะ.”

 

Rrrrrrrrr

 

“...” ไอ้สัสใครโทรมาตอนนี้ว่ะ  ผมกดรับสายที่โทรเข้ามา

 

“เออ!” ผมกระแทกเสียงใส่ปลายสาย

 

(ทำไมต้องกระแทกเสียงใส่ผัวด้วยละเมียจ๋า)

 

“มึงขัดจังหวะกู”

 

(นี่มึงอยู่กับใครพาสต้า  มึงแอบนอกใจกูใช่มั้ย!!!)  มันตะโกนใส่โทรศัพท์จนผมต้องเอาออกห่างจากหู  ไม่งั้นมีหนวก

ครับงานนี้

 

“คิดงั้น? ก็แล้วแต่นะ”

 

(มึงอยู่ไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้ กูจะไปฆ่าชู้มึงงงง) เออเอาเข้าไป แม่งมีผัวไม่เต็มเว้ยคิดผิดที่คบมันจริงๆ งี่เง่าซะ  ผมหันไปมองไอ้โยที่เงียบฟังผมคุยโทรศัพท์  แต่คงอีกนานเพราะไอ้คนทางนั้นมันยังไม่วางแถมยังโวยวายอะไรไม่รู้ คิดได้ว่ากูไปมีชู้  แค่เวลาเรียนกูก็หนักละเหอะ  ขนาดพึ่งเข้าปีหนึ่งแท้ๆ

 

“กูไปรอข้างนอกนะ” ไอ้โยมันพูดกระซิบแล้วชี้ไปข้างนอก ผมพยักหน้าเข้าใจ  มันถึงเดินออกไป

 

“มามึงมา   ตอนนี้กูเอากับมันอยู่มึงมาเลย  ใต้ตึกคณะเนี้ยมา”

 

(นี่มึงเล่นกันโจ้งแจ้งเลยหรอห้ะ   ไอ้พาสมึงต้องถูกทำโทษ!)   ผมกรอกตาไปมา  คิดได้? โอ๊ยย  ทำไมกูมีผัวควายแบบนี้ 

 

“ควาย..มึงมันควายจริงๆไอ้เดฟ”  ผมกดตัดสาย  ขี้เกียจฟังมันจ้อ  ปากก็ปีจอ  พูดอะไรก็ไม่ฟัง  คิดแต่อะไรไร้สาระ  ผมละเหนื่อย  แต่คบไอ้เดฟมันดีอยู่อย่างครับ  อยากรู้ละสิ หึๆ  จะบอกให้แล้วกัน  ... เพราะมันเป็นตัวที่ใช้รองมือรองตีนผมเวลาอารมณ์เสียดีๆนี่แหละครับ  ต่อให้มันบ่นยังไง มันก็ไม่กล้าทำผมกลับหรอก  หึๆ  ผมเดินออกไปจากตึกเห็นโยชิกำลังคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้  เห็นมันตอบแค่ครับๆๆ แค่นั้น

 

“ครับเฮีย..ไม่ครับ  ไม่มีเรียนแล้ว”

 

“...” ผมเดินเข้าไปหามัน  มันแค่หันมามองเล็กน้อย

 

“ครับ.. ได้ครับเฮีย  งั้นรอไปกินพร้อมกันดีกว่า...เฮียบอกมันแล้วหรอ ...”

 

“ใคร?” ผมไม่รู้ว่าปลายสายที่มันคุยด้วยคือใคร แล้วเฮียที่มันเรียกนี่ใครวะ  โรคสอดมันเกิด

 

“เอ่อ..เฮียแปบนะ”

 

“...”

 

“พี่ชายกู” มันบอกแค่นั้นก็คุยต่อ

 

“อือๆ งั้นโยนั่งรอมันตรงตึกแล้วกัน  ครับๆ..เจอกันครับ”

 

“แล้วจะไปกินข้าวกับกูอยู่ไหม?” ผมถามเมื่อเห็นมันวางสายไปแล้ว

 

“คงไม่แล้วว่ะ  โทษมึง”

 

“ไม่เป็นไร  แล้วที่บอกว่าพี่ชายคือ?”

 

“อ่อ เฮียอาทิตย์พี่ชายไอ้สูงอ่ะ” มันตอบ

 

“อ่า  พี่ไอ้เนป” ผมพยักหน้า

 

“จะไปด้วยกันไหมละ  เฮียใจดีพาใครไปก็ได้ มึงเป็นเพื่อนกูเฮียไม่ว่าหรอก” มันบอกยิ้มๆ  หายอมทุกข์แล้วสิมึง  เกือบ

ลืมเลยไหมละ  ยังไม่รู้เรื่องที่มันจะบอกเลย

 

“ไม่เป็นไรว่ะ  เดี๋ยวไอ้เชี้ยเดฟก็แจ้นมาละ เออว่าแต่เมื่อกี้ยังคุยกันไม่จบนะเว้ย  บอกมามีไรปิดกูอยู่” โอกาสมาแล้วไม่มีมารมาขวางกูแล้ว  ต้องรู้ให้ได้

 

“เอ่อ..”มันทำหน้าเลิกลั่ก  คิดว่ากูจะลืมหรอ หึๆ ไม่ครับ กูต้องรู้เรื่องให้ได้

 

“ไม่องไม่เอ่ออครับมึง บอกมา!”

 

“เฮ้ออ จะรู้ให้ได้เลยใช่ไหม”

 

“ใช่!!” มันมองผมอย่างชั่งใจ

 

“ก็ได้ คืองะ...”

 

“เมีย!!!!!”  ไอ้โยชะงักไปเมื่อมีเสียงผีเปรตมาตะโกนลั่นคณะให้ได้ยิน ไม่ต้องหันไปก็รู้แล้วว่าใคร มีควายอยู่ตัวเดียว  มองบนเลยกู  มารมาตัวเป็นๆเลยไง

 

“มึงจะแหกปากอะไรหนักหนาว่ะ  กลัวชาวบ้านเขาไม่รู้รึไงว่ากูเป็นเมียมึงนะห้ะ!!” ผมแว๊ดใส่มันเมื่อมันวิ่งมาหยุดใกล้ๆ

 

“ไหน  มันอยู่ไหน  ชู้มึงอยู่ไหน!!!” มันสอดส่ายสายตามองซ้าย ขวา ไปมา แล้วหันมาเขย่าตัวผมแรงๆ

 

“แล้วมึงเห็นใครยืนอยู่กับกูบ้าง” ผมมองมันนิ่งๆ มันหันไปเห็นไอ้โย  ไอ้โยมันยิ้มบางให้

 

“น้องโยชิ” มันกระพริบตามองผมก่อนตอบ

 

“อืม..ชู้กูคงเป็นไอ้โย”

 

“เอ่ออคือ..” ไอ้โยมันทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกไอ้เดฟจ้องมัน ดูมันสิครับ ถ้าคิดว่าไอ้โยกับผมเป็นชู้กันได้อีกนะ  กูจะกระทืบให้ตายเป็นข่าวหน้าหนึ่งตรงนี้เลย

 

“ไอ้เดฟ!” เสียงนิ่งๆของบุคคลที่สี่เดินเข้ามาร่วมในกลุ่มผมตอนนี้  จะใครซะอีกละถ้ามีควายก็ต้องมีเหี้ย  แล้วก็มีมาเพิ่มอีกสาม  คือพวกมึงจะยกพวกกันมาทำไมเยอะแยะ  ผมหันไปมองไอ้โยที่ตอนนี้เงียบกว่าเดิมเข้าไปอีก

 

“ไอ้เดฟไหนละชู้เมียมึง...เด็กคนนี้หรอ?” ไอ้คนที่ชื่อโบ๊ทมันชี้ไปที่ไอ้โย

 

“ไม่เอานะเว้ย  ใครจะกล้าทำน้องคนน่ารักคนนี้ได้ กูทำไม่ลง”  ไอ้เอมันเดินเข้าไปโอบไหล่ไอ้โย

 

“ปล่อยมัน” นั่น..เสียงเย็นๆเฉียบขาดดังขึ้น  ทุกคนหันไปมองไอ้อัลที่จ้องไอ้เอปานจะฆ่าให้ตายทางสายตา ไอ้เอเบะปากใส่แล้วยอมปล่อยให้ไอ้โยเป็นอิสระ

 

“สมน้ำหน้า” เสียงไอ้คิม ผู้ชายหน้าหวานพูดใส่ไอ้เอที่เดินไปหามันพอดี

 

“ไปไหนก็ไป พวกมึงกูรำคาญ..ไปไอ้โยไปที่อื่นกัน” ผมลากไอ้โยออกจากลุ่มไปหาที่อื่นนั่งดีกว่า

 

“เดี๋ยวเมีย มึงจะไปไหนห้ะ!!” ไอ้เดฟเดินตามมา  จะตามหลอกหลอนกูรึไงว่ะ มันมาขวางทางเดินผมไว้

 

“หลบดิ กูจะเดิน” ผมใช้ตีนถีบๆมันให้หลบทาง

 

“เมียอ่ะ..” มันยู่ปากใส่ผมแบบ งอนๆ

 

“เอ่อ.. ไอ้พาสมึงไปกับพี่เดฟเถอะ กูอยู่รอไอ้สูงคนเดียวได้” ไอ้โยมันพูดขึ้น

 

“เดี๋ยวกูรอไอ้เนปเป็นเพื่อนมึงดีกว่า”ผมว่า

 

“นี่มึงนัดชู้มึงไว้ใช่ไหม?” ไอ้นี่ก็จริงๆเลย  เหนื่อยจะพูดจริงๆ

 

“แล้วแต่จะคิด”ผมบอกมัน  มันทำท่าฮึดฮัด ผมเตรียมลากไอ้โยไปนั่งตรงม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าคณะที่มีไว้สำหรับนักศึกษาแต่พอจะลากมันไปกับติด

 

“โยชิ..ขอคุยด้วยหน่อย”

 

 

 

-อัลฟา-

 

“โยชิ..ขอคุยด้วยหน่อย”  ผมจับแขนอีกคนลากเดินออกมาจะไปคุยที่อื่น  แต่อีกคนกลับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของผม  ผมหันมามองคนที่ผมต้องการจะคุยด้วย

 

“ไม่มีอะไรต้องคุยนิ” มันว่าแล้วเดินหนีไปอีกทาง ผมไม่ยอมให้หนีหรอก ยังไงก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง  ผมอยากคุยกับมัน  แต่มันไม่อยากคุยกับผม  ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องใช้วิธีรุนแรงหน่อยแล้ว  ผมกระชากอีกคนเข้าหาตัวแล้วกอดมันไว้

 

“เอาสิ  ไม่คุยก็ไม่คุย”

 

“ไม่คุยก็ปล่อย” มันพูดเสียงแข็ง ดิ้นให้ผมปล่อย

 

“ไม่ปล่อย”

 

“ปล่อย!”

 

“ไม่!”ผมกระชับกอดแน่นขึ้น  ใครจะมองยังไงก็ไม่ปล่อยหรอก  ผมสังเกตเห็นเพื่อนผมมันจับไอ้พาสต้าเอาไว้

 

“ไอ้เหี้ยปล่อยเพื่อนกูเลยนะไอ้เวร  ปล่อยมัน!!!”

 

“ปล่อย!”มันยังคงดิ้นอยู่แบบนั้น  ดิ้นให้เหนื่อยผมก็ไม่ปล่อยหรอก

 

“หึหึ” ผมเหยียดยิ้มอย่างเหนือกว่า

 

“...” มันหยุดดิ้นแล้วครับ  เหนื่อยแล้วละซิ  ผมก้มมองคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนผม

 

“จะคุยกันดีๆได้ยังตัวเล็ก หืม?” ผมกระซิบข้างหูพร้อมกับเม้มติ่งหูหยอกเย้าไปด้วย

 

“...” มันเอียงหน้าหนี

 

“หือ  จะคุยกันดีๆยังครับ  ถ้ายังพี่ไม่ปล่อยเรานะ”

 

“เออ! งั้นก็ปล่อยกูสิ!” มันหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง

 

“หึ..” ผมส่ายหน้า

 

“อะไร! ก็จะคุยดีๆแล้วนี่ไงปล่อยสิว่ะ” ผมจ้องคนที่ยังคงจ้องเขม็งผมไม่วางตา

 

“พูดกับพี่ไม่เพราะ..แบบนี้จะให้ปล่อยได้ไงละ หือ”

 

“ให้พูดเพราะๆกับคนแบบมึงกูยอมตายดีกว่า  ปล่อย!” มันดิ้นอีกรอบ

 

“เห.. ไม่น่ารักเลย แบบนี้พี่ควรทำยังไงกับเราดีนะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าตาตื่น  ตลกดี

 

“...”

 

“เอ้? ทำไงดีนะ อืม..แบบนี้ดีมั้ย.. ฟอด” ผมหอมแก้มเนียนใสของอีกคน

 

“...”มันกัดปากตัวเองมองหน้าผม  แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ  น่ารัก...อยากจะจับมาฟัดแรงๆให้หายอยาก

 

“ไอ้ชั่วมึงทำไรเพื่อนกู  กูจะฆ่ามึง!!ปล่อยกูไอ้เดฟ!” เสียงไอ้พาสดังขึ้นมาผมละสายตาจากคนตรงหน้าไปมองมัน

 

“มายเมียไม่เอาไม่เสือกเรื่องชาวบ้านเนอะ  มาคุยเรื่องเราดีกว่า”

 

“พ่องมึงไอ้เหี้ยเดฟ”ผมเลิกสนใจคู่ผัวเมียที่กำลังทะเลาะกันมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง

 

“จะเอาอีกมั้ย?” ผมทำท่าจะหอมแก้มอีกข้างแต่อีกคนเอียงหลบ

 

“โอเคๆยอมแล้ว  ปล่อยด้วย”

 

“งั้นก็พูดเพราะๆก่อน”  มันเบ้ปากใส่ผมอย่างหมั่นไส้  น่าจับมาดูดเล่นซะให้เข็ด  ไม่ได้ๆตรงนี้คนเยอะ หน้าคณะเลยนะ

เว้ยทำไปมีเป็นข่าวดังเลย

 

“คุณพี่รหัสครับ  กรุณาปล่อยตัวกู..”

 

“หืม?”

 

“เอ่อ..ผมด้วยครับ”  ผมปล่อยอีกคนแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นอิสระทั้งหมด  ผมยังคงกอดเอวเอาไว้หลวมๆ

 

“J”

 

“นี่!!!”

 

“ครับ?”

 

“จะคุยดีๆแล้วไง ปล่อย”

 

“ก็ปล่อยแล้วไง”

 

“ปล่อยบ้าอะไรยังกอดอยู่เนี้ย”มันจ้องตาผมอย่างเอาเรื่อง

 

“คุยแบบนี้ไม่ได้หรือไง”

 

“ไม่ได้!”

 

“ก็ได้ๆๆ” ผมยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระจริงๆ  ถ้ามัวแต่แกล้งคงไม่มีทางได้คุยเป็นแน่

 

“มีอะไรก็ว่ามา” มันพูดเสียงห้วน

 

“ก็แค่อยากคุยด้วย”

 

“คุย ? แค่นั้น อย่ามากวนประสาทได้ป่ะ”

 

“เมื่อคืน..” ผมดึงมือมันมาจับไว้แล้วจ้องเข้าไปในตาอีกคนอย่างสื่อความหมาย

 

“...” มันหลบตาผมพร้อมกับดึงมือตัวเองออกจากการกุมของผมแต่ผมก็ดึงมันมาจับอีกรอบ

 

“โยชิ..รู้ใช่ไหมว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง” ผมบีบมือบางเบาๆส่งความรู้สึกที่มีไปให้รับรู้

 

“ไม่!”

 

“มึงรู้”

 

“กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยนะ!”

 

“กูรู้ว่ามึงยังโกรธกูที่กูเคยทำไม่ดีกับมึง  กูขะ..”

 

“บอกให้ปล่อยไง!!!!” มันตะโกนเสียงดัง  คนที่อยู่บริเวณใกล้ๆต่างหันมาสนใจเราสองคน

 

“...”

 

“จะอะไรกับกูหนักหนา  แค่นี้มึงยังทำลายกูไม่พอหรอ  ทำไมถึงต้องมายุ่งกับกูอยู่ได้”

 

“...”

 

“ทำไมมึงจะตายตาไม่หลับใช่ไหม ถ้าไม่ได้ทำลายชีวิตกูอ่ะไอ้เหี้ย!!” มันกัดฟันพูดสายตาแข็งกร้าวจ้องผมอย่างเคียดแค้น

 

“เรื่องในตอนนั้นกูยอมรับว่ากูผิด  กูไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น..”

 

“หรอ? พูดมาได้นะ  ไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่  แล้วที่มึงเอาคลิปเหี้ยๆนั่นไปโพสลงเว็บของโรงเรียน อึก .. มึงคิดว่ามันไม่ใหญ่หรอห้ะ!!  มึงคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆใช่ไหม!!”

 

“โยชิ” ผมมองนัยน์ตามันที่สั่นไหว  น้ำตาเอ่อคลออกมาเมื่อพูดถึงเรื่องอดีต

 

“มึงไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอกว่าเป็นไง  กูต้องโดนไล่ออกจากโรงเรียน  กูต้องโดนใครต่อใครด่าว่าสารพัด  กูต้องย้ายไปที่อื่นเพื่อหนีปัญหาที่มึงก่อไว้  มึงไม่รู้หรอกว่ากูเจ็บแค่ไหน  มึงไม่ได้เสียหายอะไรนิ  แต่กู…ฮึก  กูอ่ะ ฮือ กู...เกือบจะฆ่าตัวตายนะ ฮืออ” ประโยคสุดท้ายเบามากจนเกือบจะไม่ได้ยิ่ง  แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน  มันทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นอย่างหนัก

 

“อึก...” ก้อนสะอึกดันขึ้นที่คอผม  ผมพูดไม่ออกเมื่อได้รับรู้สิ่งที่อีกคนพูดบอก  ประโยคสุดท้ายที่ทำให้ผมรู้สึก  การที่คนคิดจะฆ่าตัวตายมันเป็นเรื่องยากมากถ้าไม่เจอเรื่องที่หนักหนาจนทนรับมันไม่ได้จริงๆ  ผมทำให้มันคิดฆ่าตัวตาย  ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย  ทำไมผมถึงได้ทำร้ายมันรุนแรงขนาดนั้นกันนะ  ผมย่อตัวลงเสมออีกคนดึงมันมากอดไว้

 

“กูขอโทษ  โยชิกูขอโทษ” ผมได้แต่เอ่ยขอโทษซ้ำๆแบบนั้น

 

“ฮือออ..”

 

“ขอโทษนะ” ผมกอดอีกคนแน่นขึ้น จูบข้างขมับของอีกคน

 

“ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรอ” น้ำเสียงสั่นเครือกระซิบพูดอยู่แนบอกผม  ผมส่ายหน้ากอดอีกคนแน่นกว่าเดิม

 

“กูขอโทษ กูไม่ขออะไรมากมาย แต่ขอให้มึงยกโทษให้กูได้ไหม?”

 

“พอเถอะนะ ฮึก  เรื่องมันผ่านมานานแล้ว..ขอเถอะอย่ามายุ่งกับกู!!!” มันผลักผมออกห่างจากตัว แล้วลุกขึ้นเดินหนีไป

 

“โย...”

 

 

 

“มึงทำอะไรไอ้เตี้ยห้ะไอ้เวร!!!” ผลั๊ว !

 

“อ่ะ..” ผมกำลังจะตามอีกคนไป แต่ก็โดนใครไม่รู้ชกหน้าจนล้มตึงไปกับพื้น  หันมาอีกทีก็โดนคล่อมร่างหมัดหนักๆอีกหลายหมัดถูกส่งกระหน้ำใส่ผมอย่างไม่ยั้ง

 

“มึงอีกแล้วนะ  คราวนี้กูเล่นมึงตายแน่!!” มันพูดเสียงเหี้ยม 

 

“หึ  มึงหรือกูใครจะตายก่อนกันแน่”  ผมยกแขนบังหมัดที่จะพุ่งใส่หน้าผมอีกรอบ ผม่ใช่จังหวะที่มันพลาดผลักร่างมันออกแล้วขึ้นไปคล่อมแทน  ชกหน้ามันกลับไปอย่างที่มันทำกับผม  ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม

 

“เฮ้ยๆๆ หยุดนะเว้ย” พวกไอ้เดฟมันตรงเข้ามาดึงผมกับไอ้เวรนี่ออกจากกัน

 

“ปล่อยกู!” ผมสั่งเพื่อนให้ปล่อย  มันไม่ปล่อยยังคงจับไว้แน่น

 

“ใจเย็นๆดิว่ะ  ค่อยๆคุยกัน”ไอ้เอว่า

 

“กูไม่มีวันคุยดีกับคนแบบมันหรอก  มึงทำอะไรไอ้เตี้ยห้ะ!” มันถุยน้ำลายที่มีเลือดผสมอยู่ออก จ้องหน้าผม  ตอนนี้คนที่

จับมันไว้คือไอ้โบ๊ทกับไอ้พาสต้า ส่วนผมไอ้เอกับไอ้เดฟจับไว้  โยชิเดินเข้ามาในวงอีกครั้ง

 

“กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู  คนนอกอย่างมึงไม่เกี่ยว”

 

“หยุดเถียงกันได้แล้ว!!” โยชิพูดจ้องผมกับไอ้เวรนั่นสลับกันไป

 

“แต่เตี้ย  มึงร้องไห้นะ มันทำร้ายมึงใช่ไหม” ไอ้นั่นมันสลัดตัวออกจนไอ้โบ๊ทต้องยอมปล่อย มันเดินจับร่างบางพลิกไปมา

 

“...” ผมได้แต่ยืนมองนิ่งๆ

 

“พอได้แล้วกูไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น...ไปจากที่นี่กันเถอะ” มันจับไอ้นั่นจะพาไปที่อื่น แต่ผมมันไวต่อความรู้สึกจับกระชากตัวมัน  ผมไม่ให้มันไปหรอก

 

“กูไม่ให้ไป”

 

“ปล่อย!” 

 

“อย่าไป..กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น” ผมกอดหลังมันไว้ซบหน้าลงบนแผ่นหลังบาง

 

“ปล่อยนะ  เลิกยุ่งกับกูซักทีเถอะ”มันดิ้นอยู่ในอ้อมกอดผม

 

“ปล่อยไอ้เตี้ยเดี๋ยวนี้นะ เอ้ย ปล่อยกู ไอ้เหี้ยปล่อยจับกูทำไมว่ะ  ปล่อยโวยย!!”

 

 “เมียมึงหยุด  ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน  ปล่อยให้มันเคลียร์กันเอง”ไอ้เดฟ ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท ช่วยกันจับไอ้สองตัวที่พยายามเข้ามาจะช่วยเพื่อนตัวเองที่ถูกผมรัดไว้อยู่

 

“อย่าไปกูขอร้อง...อย่าไปกับมันนะโย”

 

“...” มันพยายามแกะมือผมที่กอดเอวไว้ออก

 

“กูขอโทษที่ทำมึงเสียใจ  แต่ขอร้องละกลับมาหากูได้มั้ย  ให้โอกาสกูแก้ตัวอีกครั้งนะ”

 

“ปล่อย!”

 

“ไม่!”

 

พลั่ก! เสียงคนถูกผลักล้มลงไปกองกับพื้น  ผมหันไปมองทางเสียงเห็นพวกไอ้โบ๊ทล้มลง

 

“ไอ้นรก!” ไอ้เวรนั่นมันกระชากโยชิออกไปแล้วถีบที่ตัวผม ผมเซถอยหลังไปหลายก้าวแต่ก็ยังพอพยุงตัวเองไม่ให้ล้ม

 

“สูงพอ  ไปจากที่นี่กันเถอะนะ..นะ”  ผมไม่ยอมให้ไปหรอก  ถ้ามันไปผมอาจจะไม่มีโอกาสแน่ๆ  ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้เด็ดขาด

 

“โยชิ อย่าไปนะ”ผมจับมือมันไว้อีกครั้งกำมันไว้แน่น

 

“..พอแค่นี้ได้มั้ย  กูเหนื่อยแล้วนะ”

 

“กูขอโอกาสแก้ตัวได้ไหม”

 

“ไม่มีโอกาสนั่นหรอกนะ  ปล่อยกูไปเถอะ...นะ” เป็นเหมือนคำอ้อนวอนให้ผมปล่อย  แต่ผมไม่ปล่อยหรอก

 

ฟุบ !

 

“ไอ้อัล!/เชี้ยอัล!/มึง!/…/…”

 

“…”

 

“ตัวเล็ก..”

 

 

-เนปจูน-

 

 ฟุบ !

 

“ไอ้อัล!/เชี้ยอัล!/มึง!/…/…”

 

“…”

 

 “ตัวเล็ก..”

 

ทุกคนที่อยู่ในที่นี่ตะโกนชื่อมันเสียงดังเหมือนตกใจ  ผมสังเกตเห็นไอ้เตี้ยมันชะงักเหมือนกัน  ผมไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนขนาดนั้น  เกิดความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณนั้นมีเพียงแค่ผู้ชายคนนั้นที่ยังอยู่...

 

“พี่ยอมเราทุกอย่างแล้ว  ขอโอกาสพี่ได้มั้ยครับ” น้ำเสียงสั่นเหมือนกำลังกลั้นเก็บสิ่งที่กำลังจะเอ่อออกมา

 

“...”

 

“พี่สัญญาว่าจะไม่ทำเราเสียใจ...กลับมาหาพี่นะ”

 

“...” ผมมองการกระทำของผู้ชายคนนั้นและมองไอ้เตี้ยที่ยืนเงียบ  ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา  ไร้เสียงสะอื้น  ถึงผมจะยังไม่รู้ว่าสองคนนี้เคยเป็นอะไรกันมาก่อน  แต่มั่นใจได้แล้วว่า...สองคนนี้เคยรักกัน

 

 

ผมพาไอ้เตี้ยมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าตึกคณะวิศวะ  ก่อนถึงรถผมสังเกตเห็นร่างคนที่ผมคุ้นเคยยืนอยู่ไม่ห่างจากที่พวกผมมีเรื่องกัน  เราสบตากัน  เป็นผมเองที่ละสายตามาก่อนเพราะต้องพาไอ้เตี้ยไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด  ผมพามันขับรถออกมาจากมหาลัยได้ซักพักเพราะต้องไปหาเฮียที่นัดเอาไว้    ผมเหล่มองคนข้างๆที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างไม่พูดไม่จา  อยู่กับความคิดของตัวเองมาตั้งแต่ออกมาจากมหาลัย  ผมตีไฟเลี้ยวจอดรถข้างทาง

 

“เตี้ย” ผมเรียกมันที่ยังนิ่งอยู่

 

“...”

 

“เตี้ย..อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ  อย่าเป็นแบบนี้  มึงจะอึดอัดเอานะ”

 

“...”ผมจับตัวมันหันมา ผมจ้องหน้ามันนิ่ง  เอ่ยบอกความคิดผมบอกมันไป  ดวงตากลมสั่นไหว  น้ำตารื้อขอบตามัน มันกัดปากจ้องหน้าผมไม่หนีไปไหน

 

“ปล่อยให้มันไหลมาเถอะถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจขึ้น” ผมดึงมันเข้ามากอดลูบหัว ลูบหลัง ปลอบประโลบ

 

“ฮืออ สูง ฮึก”มันกอดผมไว้แน่น  ปล่อยน้ำตาเปื้อนเสื้อผม

 

“กูไม่รู้ว่ามึงกับมันเคยเป็นอะไรกันมาก่อน  มันเคยทำอะไรมึงไว้  แต่กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้  โยชิฟังนะ  ไม่ว่ามึงจะเป็นยังไงกูก็อยู่ข้างมึงเสมอ  อย่าเก็บอะไรไว้คนเดียว”

 

“..อืม ฮึก” มันพยักหน้ากอดผมแน่นขึ้น

 

“ที่มึงเคยถามกู...ถ้ามึงเจอคนรักเก่าแล้วเขาเคยทำร้ายเราอย่างแสนสาหัดจนทำให้เราต้องหนีไปอยู่ที่ที่ไกล…แต่พอกลับมาเขากลับมาวนเวียนในชีวิตมึงจนทำให้สับสน  ทั้งๆที่เราเกลียดเขาไปแล้ว...แต่บางครั้งก็รู้สึกหวั่นไหว  มันไม่ใช่เรื่องสมมุตแต่มันเป็นเรื่องจริง  แล้วคนๆนั้นคือมัน”

 

“...”

 

“มึงยังรักมันใช่ไหม  มึงไม่ได้เกลียดมัน...”

 

“เนปจูน   กูเจ็บ ฮึก! ฮืออ  กูไม่ไหวจริงๆ ฮืออ  กูควรทำยังไงดี  ...กูลืมเขาไม่ได้..”มันส่ายหน้าร้องไห้บอกผม

 

 

“...” ผมไม่รู้ว่าในอดีตมันเคยเจออะไรมาบ้าง  ผมไม่เคยถามมัน  ไม่เคยรู้เหตุผลที่มันย้ายไปอยู่อเมริกาในครั้งนั้น  แต่แค่นี้ผมก็รู้เหตุผลมันทุกอย่างแล้วถึงจะไม่ทั้งหมดก็ตาม  ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดคงจาก...ผู้ชายคนนั้น

 

 

                 

 

To be con..

**********

ไม่รู้ว่าเขาจะแต่งแสดงถึงความรู้สึกของตัวละครดีหรือเปล่าอ่ะ

ถ้าไม่ดีก็ขออภัยนะค่ะ  พยายามแล้ว
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 07-07-2016 16:48:14
ทำตามที่ใจต้องการเถอะโย // ส่วนเนปก็ต้องไปเคลียร์กับคนของนายเองด้วย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 07-07-2016 22:00:29
 :katai1: บางทีคำว่าขอโทษมันก็สายเกินไปนะ สำหรับอัล
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-07-2016 23:26:04
ขอโทษมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยนะแกทำชั่วไว้ขนาดนั้น.....ไปตายเหอะมันเหมาะที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: heangsure ที่ 09-07-2016 17:00:56
สวัสดีค่ะน้องผู้แต่ง #อนุมานว่าเป็นน้องแล้วกันเนอะ

พี่อ่านนิยายขอคอมเมนท์ในด้านความสมจริงของเนื้อเรื่องแล้วกันนะคะ คือ ถ้าปรับได้ก็ปรับเนอะ
1. เรื่องการโพสคลิปอนาจาร....ผิดกฏหมายนะคะ เรื่องจะไม่มีทางจบแค่ คนโพสลบคลิปนั้นออกจากดาต้าเบส.... และเมื่อไหร่ก็ตามที่เผยแพร่ไปแล้ว คนสามารถแคปไปเผยแพร่ต่อได้อีก....."ไม่มีที่สิ้นสุด"
     เคสที่โยชิเจอ จะไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งเล่นๆ แต่มันเป็นcyberbullying อย่างเต็มรูปแบบ

2. การจัดการปัญหาของอาจารย์ฝ่ายปกครอง  มันหน่อมแน้มไปหน่อยไหม..ไม่สมจริงอย่างแรง.โทษโยชิคนเดียว ทั้งๆที่ควรมีการตรวจสอบไอพีคนโพสว่าใครปล่อยคลิป เพราะในที่นี้ โยชิคือผู้เสียหาย แล้วคนที่ไม่ได้โพสจะไปลบคลิปได้ยังไง ตรงจุดนี้ผิดตรรกะอย่างแรงค่ะ
   ปฏิกริยาของอาจารย์ปกครองควรจะเป็น
    - สั่งแอดมินลบคลิปออก(กรณีเป็นเว็บบอร์ดภายในโรงเรียน) แล้วตรวจสอบยูสเซอร์ที่อัพคลิปว่าเป็นใครและเอาผิดได้ทั้งวินัย และแจ้งความทางอาญา
    - แจ้งผู้ปกครองของเด็กที่ปรากฏในคลิปโดยตรง ไม่ใช่แจ้งผ่านเด็กแบบนี้
3. การเข้าร้านเหล้าดั่งเข้าร้านนม ทั้งที่ยังเป็นเด็ก ม.ปลาย ม.5-6 .......เอิ่ม อายุต่ำกว่า 18 ห้ามเข้าไม่ใช่หรือคะ หรือว่าเปลี่ยนกฏหมายแล้ว หรือว่าเด็กๆทำบัตรประชาชนปลอม หรือเป็นร้านเหล้าเถื่อนคะ
4. เรื่องการย้ายโรงเรียนไปต่างประเทศ....คืองงที่ว่าใช้เวลาย้ายโรงเรียนแค่สามวันเท่านั่น ทั้งที่การย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องทำเอกสารวุ่นวาย ยิ่งไปต่างประเทศ ยิ่งต้องมีเรื่องความต่างของระบบการเรียนที่ต่าง การเทียบวิชา และส่วนมาก นักเรียนที่ย้ายระหว่างนั้นจะจบช้ากว่าเด็กอื่นประมาณ 1 ปี

5. วีซ่า ไม่แน่ใจว่าโยชิไปประเทศไหน แต่ไปเรียนต่อ ต้องขอวีซ่านักเรียนนะเออ จะที่ไหนก็ตามก็ต้องทำวีซ่า ญี่ปุ่นไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่ไปเรียนต้องขอนะคะ #ที่อื่นๆก็เช่นกัน  แต่พี่มีทางออกให้ว่าโยชิมีสองสัญชาติไรงี้แทนละกัน

6. เวลาที่พระเอก(?) ไปตามโยชิที่สนามบิน อ่านบทสนทนาแล้วปวดตับอ่ะ คือ บินระหว่างประเทศต้องเช็คอินก่อนเครื่องออกสองชั่วโมง เมื่อเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาส ต้องเข้าไปยังประตูผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้คนที่ไม่มีบอร์ดดิ้งพาส+พาสปอร์ตห้ามผ่าน) จากนั้น ทำเรื่องผ่านแสกน(ใช้เวลาอย่างน้อย10นาทียามไม่มีคนต่อคิว) แล้วเข้าคิวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (เวลาอย่างน้อย5 นาทีสำหรับพาสปอร์ตไทยโดยไม่มีคน) และขึ้นเครื่องก่อนเวลาบินจริงประมาณ 30-45นาที แล้วแต่ไฟลท์ด้วย

   ไอ้ที่เจ้าเพื่อนพระเอกมันบอกว่าบินเจ็ดโมง...ตอนนี้6โมงไปสนามบินยังทันคืออะไร บ้า สนามบินนะ ไม่ใช่คิวรถ บขส. คือ ถ้าเวลานั้นตีสี่ แล้วเจ้าพระเอกพลิกนาฬิกาว่าไปทันโยชิเข้าเกท ยังเมคเซนส์กว่านะน้อง  ปล.อย่าลืมด้วยนะว่า โยชิบินสายการบินอะไร บินออกพอร์ตไหนก็ไม่รู้ แล้วจะตามถูกที่มั้ย

7. เรื่องภาษา คำหยาบเป็นที่เข้าใจได้นะ ว่าเพื่อนๆคุยกันอะไรกัน แต่นิยายสามารถสนุกได้โดยไม่ต้องเน้นคำหยาบเป็นจุดขายได้ค่ะ  คำสะกด โดยรวมใช้ได้ แต่อาจมีผิดพลาดเล็กน้อย ให้ตรวจทานแก้ไขได้ ไม่หนักหนาอะไร

8. เรื่องข่มขืน ที่เพื่อนพระเอกมาข่มขืนเพื่อนโยชิ ถ้าเป็นไปได้ ปรับแก้ให้สมยอมจะดีกว่าค่ะ ทุกวันนี้ข่าวข่มขืนมีมากพอแล้ว เจอข่มขืนในนิยาย ไม่ได้ชวนฟินมากนัก และยังปลูกฝังค่านิยมผิดๆให้ผู้อ่านอีกค่ะ

9. ปฏิกริยาพ่อแม่โยชิ แปลกๆ คือ ลูกมีปัญหานะเว้ย บอกจะย้ายคือย้ายให้ ถามแบบไม่จริงจัง คือมันผิดปกติป่ะ เหมือนรักแบบสปอยล์ ตรงจุดนี้ก็ยังแหม่งๆ ยิ่งถ้าลูกเสียท่าแถมโดนปล่อยคลิปว่อนโรงเรียน พ่อแม่ไม่รู้นี่คือโง่ไปละป่ะ #คือเสียทีที่เป็นนักธุรกิจใหญ่มีลูกน้องมากมาย  แต่ลูกมีปัญหาดันไม่สืบสวนย้อนกลับไปที่โรงเรียน มันผิดปกติมาก

สรุปค่ะ อาจจะดูว่าพี่ต่อว่าอย่างเดียว หลายคนอาจมองว่าก็แค่นิยาย ไม่ต้องสมจริงอะไรมากมาย แต่ความไม่สมจริงและปล่อยหยวนไป ก็เหมือนกับการสร้างค่านิยมที่ผิดพลาด ให้ความรู้ที่ผิดพลาดกับผู้อ่าน เหมือนเคสคนชักให้เอาอะไรยัดปากกันกัดลิ้น ที่ปัจจุบันในละครก็ยังทำอยู่ และคนก็ตายเพราะท่อหายใจอุดตันมาหลายคนแล้วเช่นกัน

คำถามที่อยากให้ถามตัวเองคือ อยากพัฒนาความสามารถในการเขียนของเราหรือไม่ ถ้าใช่ ความสมจริงคือเสน่ห์ในงานเขียนของน้องนักเขียน เพราะงานเขียนของน้องจะถ่ายทอดตัวตนและความรู้ของน้องออกมา และคนอ่านก็ได้รู้ในสิ่งที่น้องสื่อออกมาด้วย

พี่หวังว่าความเห็นนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้น้องลองมองเนื้อหาและปรับแก้ตามความเหมาะสม และมีความสมเหตุสมผล เนื้อหาจะสนุกกว่านี้และน่าติดตามยิ่งขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 09-07-2016 17:28:05
ถ้านายเอกยอมง่ายๆๆ คือควายมากๆๆอะ โดนทำขนาดนี้ ขอเถอะ อย่ามาแนวซ้ำซากเลยนะ เบื่อเต็มทนแล้ว ที่พระเอกทำเลวฉิบหายวายวอด แต่อีนายเอกผู้แสนดี ก้อใจอ่อนอย่างง่ายดาย นึกถึงความเป็นจริงบ้างนิยายก้อจิง ถ้าโดนปล่อยคลิปขนาดนี้ หน้ายังไม่มองกันเลย นี่อะไร มาคุยมาวนเวียนใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ อย่าให้มันน้ำเน่านักเลย ขอเถอะ จบไม่แฮบปี้ ยังดูดีสวยดูดีกว่านะ ถ้าจบแบบ สมหวังนี่ อ้วกเลย มันแถบจะเป็นไปไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 09-07-2016 17:44:56
สวัสดีค่ะน้องผู้แต่ง #อนุมานว่าเป็นน้องแล้วกันเนอะ

พี่อ่านนิยายขอคอมเมนท์ในด้านความสมจริงของเนื้อเรื่องแล้วกันนะคะ คือ ถ้าปรับได้ก็ปรับเนอะ
1. เรื่องการโพสคลิปอนาจาร....ผิดกฏหมายนะคะ เรื่องจะไม่มีทางจบแค่ คนโพสลบคลิปนั้นออกจากดาต้าเบส.... และเมื่อไหร่ก็ตามที่เผยแพร่ไปแล้ว คนสามารถแคปไปเผยแพร่ต่อได้อีก....."ไม่มีที่สิ้นสุด"
     เคสที่โยชิเจอ จะไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งเล่นๆ แต่มันเป็นcyberbullying อย่างเต็มรูปแบบ

2. การจัดการปัญหาของอาจารย์ฝ่ายปกครอง  มันหน่อมแน้มไปหน่อยไหม..ไม่สมจริงอย่างแรง.โทษโยชิคนเดียว ทั้งๆที่ควรมีการตรวจสอบไอพีคนโพสว่าใครปล่อยคลิป เพราะในที่นี้ โยชิคือผู้เสียหาย แล้วคนที่ไม่ได้โพสจะไปลบคลิปได้ยังไง ตรงจุดนี้ผิดตรรกะอย่างแรงค่ะ
   ปฏิกริยาของอาจารย์ปกครองควรจะเป็น
    - สั่งแอดมินลบคลิปออก(กรณีเป็นเว็บบอร์ดภายในโรงเรียน) แล้วตรวจสอบยูสเซอร์ที่อัพคลิปว่าเป็นใครและเอาผิดได้ทั้งวินัย และแจ้งความทางอาญา
    - แจ้งผู้ปกครองของเด็กที่ปรากฏในคลิปโดยตรง ไม่ใช่แจ้งผ่านเด็กแบบนี้
3. การเข้าร้านเหล้าดั่งเข้าร้านนม ทั้งที่ยังเป็นเด็ก ม.ปลาย ม.5-6 .......เอิ่ม อายุต่ำกว่า 18 ห้ามเข้าไม่ใช่หรือคะ หรือว่าเปลี่ยนกฏหมายแล้ว หรือว่าเด็กๆทำบัตรประชาชนปลอม หรือเป็นร้านเหล้าเถื่อนคะ
4. เรื่องการย้ายโรงเรียนไปต่างประเทศ....คืองงที่ว่าใช้เวลาย้ายโรงเรียนแค่สามวันเท่านั่น ทั้งที่การย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องทำเอกสารวุ่นวาย ยิ่งไปต่างประเทศ ยิ่งต้องมีเรื่องความต่างของระบบการเรียนที่ต่าง การเทียบวิชา และส่วนมาก นักเรียนที่ย้ายระหว่างนั้นจะจบช้ากว่าเด็กอื่นประมาณ 1 ปี

5. วีซ่า ไม่แน่ใจว่าโยชิไปประเทศไหน แต่ไปเรียนต่อ ต้องขอวีซ่านักเรียนนะเออ จะที่ไหนก็ตามก็ต้องทำวีซ่า ญี่ปุ่นไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่ไปเรียนต้องขอนะคะ #ที่อื่นๆก็เช่นกัน  แต่พี่มีทางออกให้ว่าโยชิมีสองสัญชาติไรงี้แทนละกัน

6. เวลาที่พระเอก(?) ไปตามโยชิที่สนามบิน อ่านบทสนทนาแล้วปวดตับอ่ะ คือ บินระหว่างประเทศต้องเช็คอินก่อนเครื่องออกสองชั่วโมง เมื่อเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาส ต้องเข้าไปยังประตูผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้คนที่ไม่มีบอร์ดดิ้งพาส+พาสปอร์ตห้ามผ่าน) จากนั้น ทำเรื่องผ่านแสกน(ใช้เวลาอย่างน้อย10นาทียามไม่มีคนต่อคิว) แล้วเข้าคิวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (เวลาอย่างน้อย5 นาทีสำหรับพาสปอร์ตไทยโดยไม่มีคน) และขึ้นเครื่องก่อนเวลาบินจริงประมาณ 30-45นาที แล้วแต่ไฟลท์ด้วย

   ไอ้ที่เจ้าเพื่อนพระเอกมันบอกว่าบินเจ็ดโมง...ตอนนี้6โมงไปสนามบินยังทันคืออะไร บ้า สนามบินนะ ไม่ใช่คิวรถ บขส. คือ ถ้าเวลานั้นตีสี่ แล้วเจ้าพระเอกพลิกนาฬิกาว่าไปทันโยชิเข้าเกท ยังเมคเซนส์กว่านะน้อง  ปล.อย่าลืมด้วยนะว่า โยชิบินสายการบินอะไร บินออกพอร์ตไหนก็ไม่รู้ แล้วจะตามถูกที่มั้ย

7. เรื่องภาษา คำหยาบเป็นที่เข้าใจได้นะ ว่าเพื่อนๆคุยกันอะไรกัน แต่นิยายสามารถสนุกได้โดยไม่ต้องเน้นคำหยาบเป็นจุดขายได้ค่ะ  คำสะกด โดยรวมใช้ได้ แต่อาจมีผิดพลาดเล็กน้อย ให้ตรวจทานแก้ไขได้ ไม่หนักหนาอะไร

8. เรื่องข่มขืน ที่เพื่อนพระเอกมาข่มขืนเพื่อนโยชิ ถ้าเป็นไปได้ ปรับแก้ให้สมยอมจะดีกว่าค่ะ ทุกวันนี้ข่าวข่มขืนมีมากพอแล้ว เจอข่มขืนในนิยาย ไม่ได้ชวนฟินมากนัก และยังปลูกฝังค่านิยมผิดๆให้ผู้อ่านอีกค่ะ

9. ปฏิกริยาพ่อแม่โยชิ แปลกๆ คือ ลูกมีปัญหานะเว้ย บอกจะย้ายคือย้ายให้ ถามแบบไม่จริงจัง คือมันผิดปกติป่ะ เหมือนรักแบบสปอยล์ ตรงจุดนี้ก็ยังแหม่งๆ ยิ่งถ้าลูกเสียท่าแถมโดนปล่อยคลิปว่อนโรงเรียน พ่อแม่ไม่รู้นี่คือโง่ไปละป่ะ #คือเสียทีที่เป็นนักธุรกิจใหญ่มีลูกน้องมากมาย  แต่ลูกมีปัญหาดันไม่สืบสวนย้อนกลับไปที่โรงเรียน มันผิดปกติมาก

สรุปค่ะ อาจจะดูว่าพี่ต่อว่าอย่างเดียว หลายคนอาจมองว่าก็แค่นิยาย ไม่ต้องสมจริงอะไรมากมาย แต่ความไม่สมจริงและปล่อยหยวนไป ก็เหมือนกับการสร้างค่านิยมที่ผิดพลาด ให้ความรู้ที่ผิดพลาดกับผู้อ่าน เหมือนเคสคนชักให้เอาอะไรยัดปากกันกัดลิ้น ที่ปัจจุบันในละครก็ยังทำอยู่ และคนก็ตายเพราะท่อหายใจอุดตันมาหลายคนแล้วเช่นกัน

คำถามที่อยากให้ถามตัวเองคือ อยากพัฒนาความสามารถในการเขียนของเราหรือไม่ ถ้าใช่ ความสมจริงคือเสน่ห์ในงานเขียนของน้องนักเขียน เพราะงานเขียนของน้องจะถ่ายทอดตัวตนและความรู้ของน้องออกมา และคนอ่านก็ได้รู้ในสิ่งที่น้องสื่อออกมาด้วย

พี่หวังว่าความเห็นนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้น้องลองมองเนื้อหาและปรับแก้ตามความเหมาะสม และมีความสมเหตุสมผล เนื้อหาจะสนุกกว่านี้และน่าติดตามยิ่งขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ




เห็นด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 16-07-2016 19:27:12
เห็นด้วยค่ะพี่ ... ชอบที่พี่ comment นี้แหละ ไม่ใช่ว่านิยายแล้วเราจะจินตนาการแบบไม่สมกลับชิวิดจริง

ชอบพี่comment ทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องไปสนามบิน .. ในชีวิตจริงการไปสนามบิน ก่อนจะไป check in เพื่อรอเข้า gate อย่างน้อยก็ต้องไปถึงสนามบินก่อน 1-2 ชั่วโมง.. เผื่อว่ารถติดอะไรงี้...  ถ้านั่งรถส่วนตัวไปสนามบิน suvannaphom Airport อย่างน้อยก็ใช้เวลาหนื่งชั่วโมงกว่าจะถึง .. ถ้าไม่เดีนทางด้วยรถไฟฟ้า BTS หรือ  Airport link นะค่ะ.
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่15 : อ้อนวอน [07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-07-2016 23:31:39

ขอบคุณที่ติในส่วนที่พลาดไปนะคะ  จะว่าไปก็พลาดไปเยอะเลย  ขอบคุณมากคะ  เดี๋ยวจะนำสิ่งนี้ไปปรับปรุงแก้ไขมันให้ดียิ่งขึ้นนะคะ  ....   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


สวัสดีค่ะน้องผู้แต่ง #อนุมานว่าเป็นน้องแล้วกันเนอะ

พี่อ่านนิยายขอคอมเมนท์ในด้านความสมจริงของเนื้อเรื่องแล้วกันนะคะ คือ ถ้าปรับได้ก็ปรับเนอะ
1. เรื่องการโพสคลิปอนาจาร....ผิดกฏหมายนะคะ เรื่องจะไม่มีทางจบแค่ คนโพสลบคลิปนั้นออกจากดาต้าเบส.... และเมื่อไหร่ก็ตามที่เผยแพร่ไปแล้ว คนสามารถแคปไปเผยแพร่ต่อได้อีก....."ไม่มีที่สิ้นสุด"
     เคสที่โยชิเจอ จะไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งเล่นๆ แต่มันเป็นcyberbullying อย่างเต็มรูปแบบ

2. การจัดการปัญหาของอาจารย์ฝ่ายปกครอง  มันหน่อมแน้มไปหน่อยไหม..ไม่สมจริงอย่างแรง.โทษโยชิคนเดียว ทั้งๆที่ควรมีการตรวจสอบไอพีคนโพสว่าใครปล่อยคลิป เพราะในที่นี้ โยชิคือผู้เสียหาย แล้วคนที่ไม่ได้โพสจะไปลบคลิปได้ยังไง ตรงจุดนี้ผิดตรรกะอย่างแรงค่ะ
   ปฏิกริยาของอาจารย์ปกครองควรจะเป็น
    - สั่งแอดมินลบคลิปออก(กรณีเป็นเว็บบอร์ดภายในโรงเรียน) แล้วตรวจสอบยูสเซอร์ที่อัพคลิปว่าเป็นใครและเอาผิดได้ทั้งวินัย และแจ้งความทางอาญา
    - แจ้งผู้ปกครองของเด็กที่ปรากฏในคลิปโดยตรง ไม่ใช่แจ้งผ่านเด็กแบบนี้
3. การเข้าร้านเหล้าดั่งเข้าร้านนม ทั้งที่ยังเป็นเด็ก ม.ปลาย ม.5-6 .......เอิ่ม อายุต่ำกว่า 18 ห้ามเข้าไม่ใช่หรือคะ หรือว่าเปลี่ยนกฏหมายแล้ว หรือว่าเด็กๆทำบัตรประชาชนปลอม หรือเป็นร้านเหล้าเถื่อนคะ
4. เรื่องการย้ายโรงเรียนไปต่างประเทศ....คืองงที่ว่าใช้เวลาย้ายโรงเรียนแค่สามวันเท่านั่น ทั้งที่การย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องทำเอกสารวุ่นวาย ยิ่งไปต่างประเทศ ยิ่งต้องมีเรื่องความต่างของระบบการเรียนที่ต่าง การเทียบวิชา และส่วนมาก นักเรียนที่ย้ายระหว่างนั้นจะจบช้ากว่าเด็กอื่นประมาณ 1 ปี

5. วีซ่า ไม่แน่ใจว่าโยชิไปประเทศไหน แต่ไปเรียนต่อ ต้องขอวีซ่านักเรียนนะเออ จะที่ไหนก็ตามก็ต้องทำวีซ่า ญี่ปุ่นไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่ไปเรียนต้องขอนะคะ #ที่อื่นๆก็เช่นกัน  แต่พี่มีทางออกให้ว่าโยชิมีสองสัญชาติไรงี้แทนละกัน

6. เวลาที่พระเอก(?) ไปตามโยชิที่สนามบิน อ่านบทสนทนาแล้วปวดตับอ่ะ คือ บินระหว่างประเทศต้องเช็คอินก่อนเครื่องออกสองชั่วโมง เมื่อเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาส ต้องเข้าไปยังประตูผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้คนที่ไม่มีบอร์ดดิ้งพาส+พาสปอร์ตห้ามผ่าน) จากนั้น ทำเรื่องผ่านแสกน(ใช้เวลาอย่างน้อย10นาทียามไม่มีคนต่อคิว) แล้วเข้าคิวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (เวลาอย่างน้อย5 นาทีสำหรับพาสปอร์ตไทยโดยไม่มีคน) และขึ้นเครื่องก่อนเวลาบินจริงประมาณ 30-45นาที แล้วแต่ไฟลท์ด้วย

   ไอ้ที่เจ้าเพื่อนพระเอกมันบอกว่าบินเจ็ดโมง...ตอนนี้6โมงไปสนามบินยังทันคืออะไร บ้า สนามบินนะ ไม่ใช่คิวรถ บขส. คือ ถ้าเวลานั้นตีสี่ แล้วเจ้าพระเอกพลิกนาฬิกาว่าไปทันโยชิเข้าเกท ยังเมคเซนส์กว่านะน้อง  ปล.อย่าลืมด้วยนะว่า โยชิบินสายการบินอะไร บินออกพอร์ตไหนก็ไม่รู้ แล้วจะตามถูกที่มั้ย

7. เรื่องภาษา คำหยาบเป็นที่เข้าใจได้นะ ว่าเพื่อนๆคุยกันอะไรกัน แต่นิยายสามารถสนุกได้โดยไม่ต้องเน้นคำหยาบเป็นจุดขายได้ค่ะ  คำสะกด โดยรวมใช้ได้ แต่อาจมีผิดพลาดเล็กน้อย ให้ตรวจทานแก้ไขได้ ไม่หนักหนาอะไร

8. เรื่องข่มขืน ที่เพื่อนพระเอกมาข่มขืนเพื่อนโยชิ ถ้าเป็นไปได้ ปรับแก้ให้สมยอมจะดีกว่าค่ะ ทุกวันนี้ข่าวข่มขืนมีมากพอแล้ว เจอข่มขืนในนิยาย ไม่ได้ชวนฟินมากนัก และยังปลูกฝังค่านิยมผิดๆให้ผู้อ่านอีกค่ะ

9. ปฏิกริยาพ่อแม่โยชิ แปลกๆ คือ ลูกมีปัญหานะเว้ย บอกจะย้ายคือย้ายให้ ถามแบบไม่จริงจัง คือมันผิดปกติป่ะ เหมือนรักแบบสปอยล์ ตรงจุดนี้ก็ยังแหม่งๆ ยิ่งถ้าลูกเสียท่าแถมโดนปล่อยคลิปว่อนโรงเรียน พ่อแม่ไม่รู้นี่คือโง่ไปละป่ะ #คือเสียทีที่เป็นนักธุรกิจใหญ่มีลูกน้องมากมาย  แต่ลูกมีปัญหาดันไม่สืบสวนย้อนกลับไปที่โรงเรียน มันผิดปกติมาก

สรุปค่ะ อาจจะดูว่าพี่ต่อว่าอย่างเดียว หลายคนอาจมองว่าก็แค่นิยาย ไม่ต้องสมจริงอะไรมากมาย แต่ความไม่สมจริงและปล่อยหยวนไป ก็เหมือนกับการสร้างค่านิยมที่ผิดพลาด ให้ความรู้ที่ผิดพลาดกับผู้อ่าน เหมือนเคสคนชักให้เอาอะไรยัดปากกันกัดลิ้น ที่ปัจจุบันในละครก็ยังทำอยู่ และคนก็ตายเพราะท่อหายใจอุดตันมาหลายคนแล้วเช่นกัน

คำถามที่อยากให้ถามตัวเองคือ อยากพัฒนาความสามารถในการเขียนของเราหรือไม่ ถ้าใช่ ความสมจริงคือเสน่ห์ในงานเขียนของน้องนักเขียน เพราะงานเขียนของน้องจะถ่ายทอดตัวตนและความรู้ของน้องออกมา และคนอ่านก็ได้รู้ในสิ่งที่น้องสื่อออกมาด้วย

พี่หวังว่าความเห็นนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้น้องลองมองเนื้อหาและปรับแก้ตามความเหมาะสม และมีความสมเหตุสมผล เนื้อหาจะสนุกกว่านี้และน่าติดตามยิ่งขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่16 : ความจริง [27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-07-2016 23:35:54
ตอนที่16 :  ความจริง


-เดฟ-

 
“มึงจะแดกอะไรหนักหนาว่ะไอ้อัล  เพลาๆบ้างเหอะ” ผมมองสภาพเพื่อนตัวเองที่นั่งดื่มเบียร์เงียบๆคนเดียวมานานสามวันแล้ว   มันไม่ยอมลุกไปไหนเลยนอกจากนั่งอยู่ที่เดิมในห้องของผม  ครับไม่ผิดหรอกมันอยู่ที่ห้องผมมาสามวันแล้ว  มหาลัยก็ไม่ได้ไป  วิชาหลักก็ไม่ไป  ผมก็ได้แต่เลกเชอร์  ชีทงาน  อะไรต่างๆมาให้มัน  ไม่งั้นมีติดเอฟเป็นแน่ถ้าไม่มีงานส่ง  ผมมองสภาพมันที่ต่างจากเมื่อสามวันก่อนมาก  ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด  ตาดำคล้ำ  เสื้อผ้ายังเป็นชุดนักศึกษาชุดเดิมเลยครับ  เรียกได้ว่าศพจริงๆ

 

“...”

 

“ไอ้อัลกูรู้ว่ามึงรักน้องมัน  แต่ช่วยดูแลสภาพตัวเองตอนนี้บ้างเถอะ” ผมได้แต่ส่ายหัว  มันไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลย  ยกเบียร์ขึ้นดื่มต่อ  พอหมดกระป๋องมันก็หยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมาเปิด  ก้นบุหรี่จำนวนมากถูกบี้ทิ้งกับที่เขี่ยบุหรี่

 

“...”

 

“ฟังกูพูดบ้างไหมวะ”

 

“เฮ้อออ” มันทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา  ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  ผมเท้าเอวมองมัน

 

“มึงทำตัวแบบนี้คิดหรอว่าน้องมันจะสนใจมึง หันคิดซะบ้างดิวะ”

 

“กูรู้  กูรู้ว่ามันไม่สนใจกูหรอก กูจะเป็นอะไรมันก็ไม่สนใจ  ต่อให้กูตายมันก็ไม่มีทางสนใจกูอยู่แล้ว  อาจจะดีซะอีกที่กูตายๆไปซะ  จะได้ไม่ต้องเจอกัน” มันพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

 

“...” ผมได้แต่รับฟังมันพูดเงียบๆ ผมอยากให้มันระบายให้ผมทำ  ไม่อยากให้มันเอาแต่นั่งเงียบตลอดสามวันที่ผ่านมา  ข้าวปลาก็ไม่กิน  กินแต่เบียร์จนตอนนี้มันเริ่มโทรม

 

“ไอ้เดฟ”

 

“เออว่า?”

 

“มึงรู้ไหม..”

 

“...”

 

“กูทำกับมันร้ายแรงมากเลยนะ  กูเกลียดตัวเองวะ  มิน่าละมันถึงเกลียดกูขนาดนี้  กูยังมีความเป็นคนอยู่ไหมวะ  กูทำให้มันเสียใจ  กูทำให้เกือบฆ่าตัวตาย”

 

“มึงว่าไงนะ!!” ผมช็อกกับประโยคที่ได้ยิน  ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเด็กคนนั้นจะเกือบฆ่าตัวตาย

 

“กูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากูจะทำให้เด็กผู้ชายที่บริสุทธิ์อย่างโยชิคิดสั้นได้  เพียงแค่ความสนุกของตัวกูเอง” มันยังคงพูดออกมาเรื่อยๆ

 

“...”

 

“ไอ้เดฟ  กูควรทำไงดีวะ  กูไม่รู้ว่ากูต้องเริ่มยังไงแล้ววะ  แค่กูเห็นน้ำตามันตอนที่พูดเรื่องอดีต กูก็ไปไม่เป็นแล้ววะมึง”

 

“ไอ้อัล..”

 

“กูควรทำยังไง”  ผมมองน้ำตาลูกผู้ชายกำลังหลั่งรินออกมา  มันไม่เช็ดมันปล่อยให้ไหลลงมาเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นน้ำตาของมัน  มันไม่เคยร้องไห้ง่ายขนาดนี้  มันคงจะรักโยชิจากใจจริง   ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบใจมันยังไง  มันหลับตาลง  ไม่มีเสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยิน  มีเพียงความเงียบปกคลุมรอบตัวมัน

 

“เรื่องตอนนั้นกูเองก็มีส่วนผิด  กูเป็นคนอัดและปล่อยคลิปนั้น”

 

“ไม่หรอก  ถ้ากูห้ามมึงมันก็คงไม่เกิด”

 

“มึงอย่าโทษตัวเองว่าเป็นความผิดมึงคนเดียวสิว่ะ  เดี๋ยวกูจะไปพูดกับน้องมันเองว่ากูเป็นคนทำ” ผมบอกมัน  มันลุกขึ้นนั่งยกแขนเช็ดน้ำตาแล้วจ้องหน้าผม

 

“มันไม่มีประโยชน์หรอก  ปล่อยให้มันเข้าใจแบบนี้ดีแล้ว  อีกอย่างมึงอยากจะเป็นแบบกูตอนนี้หรอวะ”

 

“...”

 

“สภาพดูไม่ได้แบบนี้  มึงอยากเป็นหรอ  มึงก็รักกันกับเมียมึงก็ดีอยู่แล้ว  เรื่องนี้ปล่อยให้กูจัดการเองดีกว่า”

 

“แต่กู...”

 

“มึงไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกน่า กูไม่เป็นไร อย่ามาทำหน้าจะตายน่าไอ้เดฟ  น่ารำคาญว่ะ”

 

“ฮึก ไอ้อัลลลล”ผมลากเสียงยาว  กระโจนไปกอดมัน

 

“ไอ้เหี้ย  ปล่อยกูขนลุก” มันทำหน้าสยอง

 

“ฮือออ กูขอโทษที่กูช่วยไรมึงไม่ได้เลย  กูรักมึงนะเพื่อน”  ผมกอดมันแน่น ซบหน้ากับไหล่ร้องไห้ ฮือๆ ให้มัน  ผมสงสารเพื่อน  ผมไม่สามารถช่วยอะไรมันได้เลย

 

“...”

 

“กูเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องเลยวะไอ้อัล   กูเสียใจ  กูอยากเจ็บแทนมึงจริงๆ ฮืออออ”

 

“งั้นมึงก็ไปบอกเลิกเมียมึงสิ  จะได้เจ็บ”มันว่าเสียงนิ่ง  ผลักหัวผมออกห่างๆมัน  ผมซูดน้ำมูกที่ไหลออกมาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าจ้องมัน

 

“ไอ้ห่า  กูจริงจัง  แต่ถ้าให้กูเลิกกับไอ้พาสกูยอมตายดีกว่า”  ใครจะไปบ้าบอกเลิกเมียตัวเองวะ  คนเขาอุสาเป็นห่วงมาพูดงี้  มีเคืองครับมีเคือง

 

“งั้นก็อย่ามาบอกว่าจะเจ็บแทนกู  ไปไหนก็ไป  กูยากอยู่คนเดียว” มันไล่ผมครับ

 

“แต่นี่ห้องกูมึงจะให้กูไปไหนห้ะ”

 

“ไปไหนก็ไป  ไปหาเมียมึงซะ  กูรำคาญมึงเต็มทนแล้ว”  มันว่าแล้วลุกเดินออกไป  ผมมองตามหลังมันที่เปิดประตูระเบียง  ผมไม่ได้ลุกตาม  ผมแค่คิดว่าปล่อยให้มันอยู่คนเดียวดีกว่า อย่างน้อยๆมันก็พูดระบายออกมาให้ผมได้รับรู้มันหมดแล้ว  ผมต้องช่วยมัน อย่างน้อยๆก็ไถ่โทษที่ทำให้มันต้องเป็นแบบนี้ละวะ  ไม่ใช่ให้มันเป็นคนรับผิดชอบอยู่คนเดียว    ผมอยากให้เพื่อมีความสุข  ผมต้องบอกเรื่องนี้กับโยชิให้ได้รับรู้

 

 

-อัลฟา-

 

ผมหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ พรางคิดหาวิธีจะทำยังไงให้ไอ้ตัวเล็กมันหายโกรธผมและยอมยกโทษให้  ผมอยากได้รับโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง   แต่คงเป็นการยากเมื่อมันยังจำสิ่งที่ผมเคยทำกับมันไว้อยู่ ผมถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่าก็ยังคิดไม่ออก  ผมเป่าควันสีขาวออกจากปากและจมูก  วันหนึ่งผมสูบไม่เกินสามมวนหรอกครับถ้าไม่เครียดจริง  แต่ครั้งนี้ผมอัดสารนิโคตินเข้าปอดเต็มๆหลายมวน ผ่อนคลายความเครียดที่ฝังแน่นในอกให้จางหายไป  แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลย  ผมหยิบโทรศัพท์กดเข้าโปรแกรมไลน์ที่ผมชอบคุยกับมันกดส่งข้อความไปหาทุกวันตั้งแต่วันที่ผมคุกเข่าขอร้องมันหน้าคณะ  แต่ข้อความเหล่านั้นกลับไม่ถูกเปิดอ่านมันเลย  แต่ผมก็ยังไม่ลดละที่จะส่งมันไปเรื่อยๆ  ผมตัดสิ้นใจโทรออกไปหามัน  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะโทรหามัน ผมรอสายอยู่ซักพักก็ได้ยินเสียงของคที่ผมอยากได้ยิน..

 

(สวัสดีครับ..) เสียงปลายสายพูดทักทายขึ้น  แต่ผมกลับพูดไม่ออก

 

“...”

 

(ฮัลโหล  ได้ยินไหมครับ) ปลายสายยังคงถามกลับมา

 

“...”

 

(สัญญาณไม่ดีมั้ง) ติ๊ด แล้วสายก็ถูกตัดไป ผมมองกรอบสี่เหลี่ยมที่หน้าจอมืดดับไป  ผมท้าวแขนกับราวระเบียง  คิดอะไรเรื่อยเปื่อย  อย่างน้อยแค่ผมได้ยินเสียงมันผมก็มีกำลังใจที่จะทำยังไงต่อไปแล้ว  ผมจะไม่ยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้เด็ดขาด  อย่างน้อยแค่ผมได้พยายามมันอย่างเต็มที่  แค่นั้นก็ดีมากแล้ว  ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็คงต้องว่ากันอีกที

 

 

-โยชิ-

 

Rrrrrrrr Rrrrrrrr

 

“สวัสดีครับ..” ผมกดรับสายเมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นซักพัก

 

(............)

 

“ฮัลโหล  ได้ยินไหมครับ” มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบให้ผม  ผมมองเบอร์ที่โทรเข้ามาก็ต้องขมวดคิ้ว  เบอร์ใคร?

 

(............)

 

“สัญญาณไม่ดีมั้ง” ผมคิดแบบนั้นเพราะปลายสายที่ดทรเข้ามาไม่พูดจาตอบกลับมาเลย  ผมจึงตัดสายทิ้งไป  ถ้าเข้ามีธุระจริงๆคงกดโทรมาอีกรอบเองแหละ 

 

“อาบน้ำดีกว่า  จะได้มาทำงานที่ค้างไว้ เหนื่อยเป็นบ้า” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้สดชื่นแล้วลุยงานที่ทำค้างอยู่ให้เสร็จก่อนกำหนดจะได้พักผ่อน  ไม่ต้องเร่งทำงานก่อนเดตไลน์เหมือนไอ้พาสมันชอบทำ

 

“เตี้ย!!”

 

“อืม!”ผมคานรับจากในห้องน้ำเมื่อไอ้สูงมันเรียก

 

“กูออกไปข้างนอกนะ”

 

“ไปไหนว่ะ”  ผมถามมันกลับ  ไอ้นี่ก็ไปเที่ยวได้ทุกวันจริงๆ

 

“สนามแข่งรถ  เฮียให้ไปดูแลให้อ่ะ”

 

“เออๆๆ”

 

“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”  คำถามนี่ผมได้ยินปล่อยมากจากมัน  มันมักจะถามผมเสมอเวลามันต้องออกไปทำงานให้เฮีย  หรือ มันออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมกับคณะดึกๆ

 

“อยู่ได้ไม่ต้องห่วง”  และผมก็มักจะให้คำตอบเดิมกับมัน

 

“แน่นะ”

 

“อืมรีบไปเถอะ”

 

“ใครมาเคาะก็ไม่ต้องเปิดนะเว้ย”

 

“เออ!!”

 

เป็นห่วงเกินเหตุแล้ว  มันเป็นแบบนี้มาสามวันแล้วครับ  มันอยู่กับผมเวลามันว่าง  มันไม่ปล่อยให้ผมได้อยู่คนเดียว  หากแต่ว่ามันมีงานก็ไปทำ  ตอนนั้นแหละครับผมถึงจะได้อยู่คนเดียว  ผมออกมาจากห้องน้ำ  สวมชุดนอน  เดินเช็ดหัวที่พึ่งสระให้แห้ง   นั่งดูทีวีที่ไอ้สูงมันเปิดไว้  ส่วนกองหนังสือ สมุด ชีท โน๊ตบุ๊คก็ตั้งอยู่ตรงหน้าผมเนี้ยแหละครับ  วางระเกะระกะหาอะไรเป็นอะไรไม่เจอ  ก็เหมือนทุกครั้งเวลาที่ผมได้อยุ่คนเดียวมักจะมีเรื่องให้คิดเสมอ...  การที่ผมทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าไอ้สูงนั้นมันอาจจะยากแต่ผมก็ไม่อยากให้มันมาเป็นห่วงจนเกินไป  แค่ตอนนี้มันก็แทบจะไม่ห่างผมแล้ว  ยิ่งเมื่อผมเล่าเรื่องอดีตที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้มันฟัง  ทั้งเรื่องคลิป  เรื่องที่ผมคิดสั้นฆ่าตัวตาย  มันก็อยากจะไปฆ่าผู้ชายคนนั้นให้ตาย

 

 

 

“ไอ้โยงานมึงเสร็จยังวะ” ไอ้พาสมันเดินหัวยุ่งหน้ามุ้ยมาหาผม

 

“เสร็จตั้งนานละ  แล้วมึงละ” ผมถาม

 

“เพิ่งเสร็จเมื่อตอนตีสี่  ง่วงชิบ” มันว่าแล้วฟุบหน้านอนกับโต๊ะไม้หินอ่อน  วันนี้เป็นวันส่งงานครับ  ผมเคยบอกใช่ไหมว่าไอ้พาสมันชอบทำงานก่อนวันเดตไลน์  ขาประจำครับ  มัธยมเป็นยังไงมหาลัยก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

 

“มึงจะมานอนตรงนี้ได้ไงวะ  อีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องขึ้นเรียนแล้วนะ”

 

“อื้อๆๆกูของีบแปบเดียว”

 

“เฮ้อ ทีหลังก็อย่าดองงานสิ” ผมบ่น

 

“บ่นจังวะ  เป็นแม่กูอีกคนรึไง”

 

“กูกำลังเป็นห่วงมึงนะเว้ย”

 

“มึงเป็นห่วงกูก็ต้องปล่อยให้กูนอนครับ” แล้วมันก็หลับต่อ  ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย   เหลือเวลาอีกสิบนาทีผมจึงปลุกมันขึ้นห้องเรียน  วิชานี้เช็คชื่อตรงเวลาสายนิดเดียวคือขาด  อ.โหดครับ  เพิ่งจะขึ้นบันไดได้แค่ขั้นเดียวก็มีคนเรียกชื่อไอ้พาส  เจ้าของชื่อทำหน้าหงุดหงิดเมื่อเห็นใคร

 

“พาสต้า!”

 

“สวัสดีครับพี่คิม” ผมยกมือไหว้รุ่นพี่

 

“สวัสดีครับนน้องโยชิ” พี่มันหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองไอ้พาสที่มองเขาอยู่

 

“มีไรไอ้คิม?”

 

“ไม่มีอะไรกูเรียกมึงไม่ได้หรือไง”

 

“อย่ามากวนตีนกู มีไรว่ามากูมีเรียน”

 

“กูเอานี่มาให้”

 

“อะไร?” ผมมองกระดาษที่พี่คิมยื่นมาให้ไอ้พาสกวาดสายตามองดูรายละเอียด  เหมือนจะเป็นทริปอะไรซักอย่าง

 

“กิจกรรมคณะ  ฝากมึงไปแจ้งเพื่อนในห้องด้วย”

 

“แล้วทำไมต้องเป็นกูวะ” มันทำตาขวางใส่พี่คิม  ผมจึงหยิบกระดาษมาอ่านรายละเอียดใหม่ให้ชัดๆอีกรอบ

 

“ประจวบ?” ผมพูดขึ้นแล้วมองหน้าพี่คิม  ไปทำไหมวะ

 

“ไปทำไมประจวบ” ไอ้พาสถาม

 

“ไปเที่ยวๆ”

 

“ดีเนอะ  ใจดีพาน้องไปเที่ยวด้วย  งบเยอะมากหรือไงวะ”

 

 “...” ผมได้แต่ทำตาปริบๆ  ฟังมันคุยกับพี่คิม

 

“แน่ใจว่าพวกมึงไม่ได้คิดทำอะไรพิเลนๆ” ไอ้พาสหรี่ตามองพี่คิม

 

“มึงก็กังวลไป  มึงเห็นพวกกูเป็นคนยังไงกัน”

 

“เหี้ย ชั่ว สารเลว” มันพูดออกมาแบบไม่ต้องคิดเล่นเอาพี่คิมอ้าปากหวอๆเลย

 

“...”

 

“มีแค่นี้ใช่ไหม  กูจะได้ไปเรียนสักที เสียเวลา”  มันเสียเวลาตรงมึงนอนมากกว่านะเพื่อน  มันว่าจบก็ขึ้นบันไดไปก่อน ผมจึงหันมาลาพี่คิม

 

“ผมไปก่อนนะครับ  สวัสดี” ผมไหว้สวัสดีพี่คิมแล้วหมุนตัวกำลังจะตามไอ้พาสไป  ไอ้นี่ก็ไม่คิดรอเพื่อนเลย

 

“เดี๋ยวสิโยชิ”

 

“ครับ?” ผมหันไปมองพี่คิมที่เรียกผมไว้

 

“โยชิกับเพื่อนพี่เป็นอะไรกัน”

 

“...” ผมเงียบไม่ได้ตอบคำถามพี่คิม

 

“พี่ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนตั้งแต่คบกันมา  บอกได้ไหมว่าโยชิกับไอ้อัลเป็น...”

 

“ไม่ได้เป็นอะไรครับ  ผมขอตัวก่อนนะ” ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

 

“เดี๋ยวสิ!”

 

“มีอะไรอีกครับ”ผมถาม  พี่มันทำหน้าอึกอักเหมือนว่าจะถามหรือไม่ถามดี

 

“เอ่อ..”

 

“ครับ? ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะครับ ผมเข้าสายวิชานี้ไม่ได้”

 

“อ่า..ผู้ชายที่มารับโยชิเมื่อวันนั้นเป็นอะไรกันหรอ” ผมเลิ้กคิ้วมองพี่คิม  พี่มันหลบตาผม  อยากรู้ไปทำไมว่ะ

 

“ไอ้สูง เอ่อเนปจูนหรอครับ”

 

“ชื่อเนปจูนหรอ...”พี่มันพึมพำกับตัวเอง

 

“ครับ?”

 

“เปล่าๆ”พี่มันเกาแก้ม ยิ้มแห้งๆ

 

“เป็นแค่ละ..”

 

“ไอ้โย!! จะขึ้นห้องไหมห้ะ  สายแล้วนะ  เช็คชื่อไม่ทันอย่ามาร้องนะเว้ย” ไอ้พาสตะโกนขัดขึ้นมาก่อน  ทำให้ผมยกมือดูนาฬิกาข้อมือ  บอกว่าเหลือไม่กี่นาทีจะเข้าคลาสแล้ว  ผมหันไปมองหน้าพี่คิมอย่างชั่งใจ  กูสายไม่ได้เว้ย

 

“...”

 

“ผมต้องไปแล้ว  ขอตัวครับ”

 

“ไอ้โยโว้ยย  เร็วๆๆ”

 

“เออกำลังไปแล้วว” ผมตะโกนตอบกลับไอ้พาสไป  ผมยังไม่ได้ตอบคำถามล่าสุดของพี่คิม  แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ ทำไมพี่เขาถึงอยากจะรู้นักละว่าผมเป็นอะไรกับใคร  ทั้งเพื่อนเขาและไอ้สูง

 

 

 

“แล้วนี่มึงจะกลับยังไง  รอไอ้เนปมารับหรอ” ผมเลิกคลาสแล้วครับ  ตอนนี้ผมกับไอ้พาสเดินออกมานอกตึก

 

“คงกลับเองวะ  สูงมันเตรียมตัวประกวดเดือนอ่ะ เห้นช่วงนี้กลับดึกบ่อยด้วย”

 

“หรอ  งั้นไปหาร้านนั่งชิลกับดีกว่าวะกูเห็นมีร้านขนมเปิดใหม่อยู่” ผมได้ยินก็หูพึงเลยครับ  ผมชอบขนมหวาน ไอ้ติม  จำพวกนี้  มันอร่อยดีครับ  กินแล้วละมุนลิ้นดี แฮ่ๆ

 

“ไปดิๆ” ผมตอบได้ในทันที   

 

“เค  แต่แปบนะ”  มันบอกผม  แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเมื่อมีสายเข้า

 

“อืม”

 

“โหล..”

 

“...” ยืนฟังเฉยๆ

 

“อยู่กับชู้”

 

“...” ให้ผมเดาไหมครับว่าใคร  ผัวมันไง  พี่เดฟคนหล่อนั่นเอง

 

“ไม่ต้องมา  อย่ามางี่เง่าไอ้เดฟ ... กูแค่โกหกมึง มึงก็เชื่อนะ  มึงมันควาย  ไอ้ควาย”

 

“...”ผมยืนเป็นอากาศรอมันคุยกับพี่เดฟให้เสร็จ  แล้วชาตินี้จะได้ไปกินไหมขนมหวานอ่ะ  เค้กอ่ะ  ไอติมอ่ะ  อยากกินนนนนนน....ประท้วงในใจครับเดี๋ยวมันหันมาด่า

 

“อะไร  เลิกแล้วจะไปหาไรแดกกับไอ้โย...เอออยู่กับมันจะคุยมั้ยละ”  หือ  เกี่ยวไรกับกูวะ  คุยกันเองไปสิอย่าเอากูไปเอียว

 

“...” เริ่มตบยุง  ยุงเยอะจริงกลางวันแบบนี้ยังมากัดเนอะ น่านัก

 

“ทำไรของมึงไอ้โย”

 

“เปล่า  ตบยุงเล่นเฉยๆ”

 

“ประหลาด” นั่น..กูโดนว่า?  มึงจะคุยกันอีกนานไหม  กูอยากกินเค้กก  ผมทำหน้ามุ้ย  มันแค่เหล่มามองก่อนที่จะบอกลาปลายสาย

 

“เออร้านหน้ามอนี่แหละ  เออๆ  แค่นี้  ลูกกูจะงอแงละ” ไหน ?  ใครลูกมันแล้วใครงอแง อะโด่ววว เดี๋ยวปั๊ดโดดถีบยอดคอ

 

“คุยเสร็จแล้วหรอ”

 

“ยังมั้ง  แหกตาดูสิครับวากุวางสายยัง” กวนตีน..

 

“งั้นไปกันเถอะกูอยากกินแล้ว” ผมทำท่าระริกระรี้จนมันผลักหัวผม

 

ร้านขนม

 

“กินไรดีๆๆ” ผมมองตู้โชว์ที่โชว์ขนมเค้กหลากหลายรส น่ากินๆทั้งนั้น  ผมหันไปถามความเห็นกับคนที่พามา

 

“แดกไรก็แดกไปเถะ  กินได้หมดทั้งนั้นแหละ” ดูปากมันครับ  ผมจึงสั่งเค้กชาเขียว เค้กช็อกโกแลต  เค้กนมสด  และก็โกโก้ปั้นไปแก้วหนึ่ง  ผมเป็นคนกินน้อยครับ  จริงๆนะ แหะๆ  ส่วนไอ้พาสนั่นสั่งแค่คาปูชิโนอย่างเดียว  เราสองคนเดินไปหาโต๊ะว่างๆนั่งรอของที่สั่ง..

 

“สั่งอะไรเยอะแยะ  แดกให้หมดนะมึง  มีแต่ของเลี่ยนๆทั้งนั้น”มันทำหน้าสยองเมื่อเห็นสิ่งที่ผมสั่งไปมาเสริฟ

 

“อร่อยออกมึง  หวานๆดี กูชอบ” ผมทำหนาฟินๆเมื่อพูดถึงของหวาน

 

“ทำตัวยังกะผู้หญิง”

 

“กูได้ยินนะ” ผมกำลังละเลียดละไมเค้กรสชาเขียวหอมๆเข้าปากอย่างช้าๆ ฮ่าๆๆ  อร่อยดีครับ  สงสัยต้องซื้อกลับไปกินที่ห้องซะแล้ว

 

 

กรุ้ง กริ้ง

เสียงประตูร้านดังขึ้น  ผู้ชายร่างสูงเสื้อช็อบวิศวะเด่นมาแต่ไกล  รู้ๆกันครับว่าใคร พี่เดฟนั่นเองเดินแจกยิ้มทั่วร้านแล้วเดินตรงมาทางที่เรานั่งอยู่  ไอ้พาสทำหน้าเอือมแบบไม่ปิดอะไรเลย  ผมยกมือสวัสดีพี่เขาตามมารยาทของรุ่นน้อง

 

“สวัสดีครับพี่เดฟ”

 

“หวัดดีครับน้องโย...ไงเมียรัก คิดถึงผัวไหม” พี่เดฟทรุดตัวลงนั่งข้างๆไอ้พาสกอดคอมันดึงเข้าหา  มันกรอกตาไปมา

 

“ปล่อยเลยไอ้เหี้ย อึดอัด”

 

“...” ผมนั่งดูดน้ำโกโก้ปั่นเสมองทางอื่นไม่อยากดูภาพสวีทหวานของเพื่อน

 

“แล้วใครให้มึงโผล่หัวมาห้ะ”

 

“ใจมันเรียยกหา  พี่ก็เลยมาหาเมียรักไงจ้ะ” แทบอ้วก...

 

“ถุย ไอ้กระล่อน”  ถุยอ่ะระวังน้ำลายลงเค้กกูครับ  อยากจะประท้วงจริงๆเลย

 

“โยชิชอบกินขนมเค้กหรอครับ” จู่ๆพี่เดฟก็หันมาสนใจผมแทน  เล่นไปไม่ถูกเลย

 

“อ่า ครับ” ผมพยักหน้า

 

“งั้นจะสั่งเพิ่มก็ได้นะพี่เลี้ยงเอง” พี่มันบอกยิ้มๆ

 

“บ้านรวย สปอร์ตเลี้ยงเด็กว่างั้น” ไอ้พาสแขวะ

 

“เออรวย  ไปบอกแม่มึงนะจะเรียกสินสอดเท่าไรกูพร้อมจ่ายไม่อั้น”  พี่มันเสยคางไอ้พาสให้หันหน้าไปมองพร้อมยิ้มหวานให้

 

“เก็บไว้ทำศพมึงเถอะ” มันว่าแล้วยกแก้วคาปูชิโนดุดหันหน้าไปทางอื่น  ผมเห็นมันเขินด้วยแหละ แก้มมันไม่ค่อยแดงแต่หูอ่ะแดงจนเห็นชัด ฮ่าๆๆ  ครั้งแรกเลยวุ้ย

 

“^^”

 

“ยิ้มอะไรไอ้โย” ใคร ไหน ใครยิ้ม? ผมหุบยิ้มทันที เมื่อไอ้พาสหันมาทำตาขวางใส่  เขินแล้วพาลจริงๆเพื่อนกู

 

“ใครยิ้ม ไอ้บ้า  อย่ามาเขินแล้วพาล หึๆ”

 

“ไอ้เตี้ย!” มันเรียกผมตามไอ้สูง ฮ่าๆๆ ไม่เจ็บครับ  เตี้ยเปรียบเสมือนอีกชื่อของผมไปแล้ว ผมทำไม่รู้ไม่ชี้  มันลุกขึ้นจากโต๊ะหน้าบึ้งเดินออกไปจากโต๊ะ

 

“ไปไหนเมีย” พี่เดฟตะโกนถาม มันหันมาแยกเขี้ยวใส่ก่อนตอบ

 

“ไปที่ชอบที่ชอบเว้ย” นั่นแหละครับคำตอบมัน  ทำให้ที่โต๊ะตอนนี้มีแค่ผมกับพี่เดฟ  ตอนมีอ้พาสอยู่ก็โอเคอยู่หรอก  แต่พออยู่กันแค่สองคนบรรยากาศมันเปลี่ยนเป็นคนละแบบเลยอ่ะ

 

“กินมั้ยครับ” ผมยื่นเค้กนมสดไปทางพี่มัน  พี่มันแค่มองแล้วยิ้มบางให้  ผมก็อึดอัดสิครับ ไม่รู้จะชวนคุยอะไร  สนิทไหมก็ไม่  แค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องกันเท่านั้น  ผมจึงแค่นั่งกินไปเงียบๆรอไอ้พาสมันกลับมา

 

“น้องโยครับ” เงียบกันสักพักจู่ๆพี่มันก็เรียกชื่อผม

 

“คะ ครับ” ผมเงยหน้าจากเค้กมองหน้าพี่มัน

 

“คือว่า..” พี่มันอึกอัก ผมมองอย่าง งงๆ ว่าพี่มันมีอะไรแล้วไอ้ท่าทางแบบนั้นมันอะไร

 

“พี่มีอะไรก็พูดมาเถอะ  แค่นี้ผมก็อึดอัดพอแล้ว” ผมบอกตามจริง  ไม่ค่อยชอบเวลาแบบนี้จริงๆครับ

 

“เรื่องตอนนั้นอ่ะ”

 

“ตอนไหนครับ?” ผมขมวดคิ้ว  ตอนนั้นอะตอนไหนวะ

 

“เรื่องคลิปฉาวครั้งนั้น”  ผมมองพี่มันนิ่งๆ คลิป? คงจะมีแค่เรื่องเดียวที่ผมคิดได้ในตอนนี้ คลิปฉาวผมเอง

 

“...”

 

“จริงๆเรื่องคลิปนั้นเป็นพี่เองที่ผิด  ไอ้อัลมันไม่ผิดหรอก” พี่เดฟพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด  สายตาที่มองจ้องตาผมบอกถึงความจริงจัง

 

“ครับ?” ผม งง  กับสิ่งที่พี่เดฟกำลังสื่อ

 

“พี่เป็นคนอัดคลิปและเป็นคนปล่อยคลิปนั้นลงในเว็บโรงเรียนเอง”

 

“แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามพี่นิครับ”  ถ้าเขาห้ามเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้  ถ้าเป็นความจริงอย่างที่พี่เดฟบอกมันคงจะไม่เป็นแบบนี้เพียงแค่เขาห้าม  แต่นี่ไม่ใช่  เขาตั้งใจทำมัน

 

“พี่ขอโทษ...แต่เรื่องนี้ไอ้อัลมันไม่ผิดจริงๆนะโย  พี่เป็นคนทำมันทั้งหมดเอง  ให้อภัยมันเถอะนะ” พี่เดฟจับมือผมไปกุมไว้  มองตาผมอย่างอ้อนวอนให้ให้อภัยเพื่อนของเขา

 

“...”

 

“โยชิ  ให้โอกาสมันได้แก้ตัวหน่อยนะ  นะครับ”

 

“แล้วเรื่องพนัน? พี่ว่าเขาไม่ผิดหรอครับ...พอเถอะนะพี่เดฟ  ผมเหนื่อยกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว” ผมดึงมือตัวเองกลับมาพูดเสียงจริงจัง

 

“เรื่องนั้น..พี่ยอมรับว่าพวกพี่ผิดที่พนันอะไรแบบนั้นออกไป พวกพี่ยังเด็กและคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก  แต่เรื่องคลิปนั้นพี่เป็นคนทำจริงๆนะ  เชื่อพี่เถอะ”

 

“หรอครับ  แล้วเด็กที่พวกพี่ทำร้ายเขาละ  เขาสนุกกับพวกพี่หรือเปล่า” ผมถามกลับนิ่งๆ

 

“พี่ขอโทษ...”

 

“...”

 

“น้องโยพี่ไม่อยากเห็นเพื่อนพี่มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว  มันรักน้องโยจริงๆนะ  ตอนที่โยจะไปนอกมันก็ตามไปแต่ไม่ทัน  โยขึ้นเครื่องไปก่อน  อีกอย่างมันเป็นคนบอกให้พี่ลบคลิปนั้นออกด้วย”

 

“...”

 

“โยลองให้โอกาสมันได้พิสูจน์ตัวเองอีกสักครั้งนะ  พี่มั่นใจว่าครั้งนี้มันจะไม่ทำให้โยผิดหวังหรือเสียใจ”

 

 

“พี่เดฟ..” ผมเอ่ยเสียงแผ่วเบา  ผมเจอกับเรื่องร้ายๆมาเยอะจะให้ผมยกโทษให้เขามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ  ต่อให้ใจผมจะยังไม่ลืมเขา  แต่กับสิ่งที่ผมเจอมันไม่ง่ายที่จะยอมให้อภัยเขาได้ง่ายๆจริงๆ  ถ้าผมยอมให้โอกาสเขา ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะไม่เจอเรื่องแบบเดิมซ้ำอีก  ถ้าผมยอม...มันจะเป็นยังไงนะ

 
TBC.......
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่16 : ความจริง [27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 28-07-2016 02:10:32
 :mew3:
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่16 : ความจริง [27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-07-2016 14:21:58
อีพี่เดฟนี่น่าโดนด้วยนะมันก็เลวเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่16 : ความจริง [27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 01-08-2016 07:48:45
ลองเปิดโอกาส เปิดใจกันสักตั้งไหม ถ้ามันไม่ดีหรือไม่ไหวจริงๆแล้วค่อยถอยมา
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่17 : ทริปประจวบ1 [24/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 24-10-2017 20:01:42
ตอนที่17 : ทริปประจวบ1
[/b]


-โยชิ-


คณะวิศวะ ยามเย็น

“น้องๆทุกคนมากันครบยังครับ  ถ้าครบแล้วพี่จะได้พูดทีเดียว”   ตอนนี้พวกผมปี1 วิศวะ  ได้มารวมตัวกันตามคำสั่งของรุ่นพี่  เห็นบอกจะคุยเรื่องทริปประจวบที่ใกล้จะถึงนี้

“ถ้าครบแล้วพี่จะพูดถึงกำหนดการนะครับ  เราจะไปกันทั้งหมด3วัน2คืน  ที่จังหวัดประจวบ โดยรถบัสของทางมหาวิทยาลัยที่พี่ได้ติดต่อไว้แล้ว    ส่วนสถานที่ที่เราจะไปในวันแรกจะเป็นที่สบายๆ  ให้น้องๆทุกคนได้พักผ่อนกันให้เต็มที่  เที่ยว เล่น หรือต้องการซื้อของอะไร  ก็ตามสะดวกของน้องๆเลยครับ  คืนแรกนั้นเราจะพักกันที่รีสอร์ท...นะครับ  เป็นรีสอร์ทในเครือบ้านพี่โบ๊ท  งานฟรีเราก็มาเอ้า เฮ กันหน่อยเร็ววว”

“เฮ!!!”  พวกผมต่างพากันเฮที่นอนฟรีนิครับ  ของฟรีใครๆก็ชอบ  ฮ่าๆๆ

“ส่วนวันที่สองนั้นเราจะพาไปทดสอบความอึดกันนะครับ  เตรียมตัวให้ดีนะครับ  และคืนที่สองเราจะพักที่...  เป็นบ้านพักจะเฉลี่ยพักกันหลังละ9คน  แบ่งกลุ่มกันเองได้นะครับ  คืนที่สองนี่เสียตังไม่ต้องพากันเฮนะ ฮ่าๆๆ”

“เฮ!!”  เอ้านี่ก็เฮ  เสียตังเห้ย ไม่ใช่ฟรี  เฮทำไม เฮดังสุดนี่ไอ้พาสเลย เหอๆ

“บอกอย่าเฮไง  จริงๆเลย  เอ้าๆ  ส่วนวันที่สามเราเดินทางกลับนะครับ  จะแวะซื้อของฝาก  ใครจะซื้ออะไรก็ตามสบายเน้อ อ้อ  มีทะเลด้วยนะ  เตรียมเสื้อผ้าไปเล่นน้ำด้วย  ส่วนกิจกรรมยามดึกนั่น  สังสรรค์มีแน่นอน  เหล้าเบียร์พี่จะขอจำกัดนะครับ  ดื่มแต่พองาม  ดื่มแล้วห้ามทะเลาะวิวาทกัน  ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย เพราะเราไปทำกิจกรรมกันนอกสถานที่   เข้าใจไหมครับ”

“ครับ/ค่ะ”

“โอเคครับ  เราจะมาเจอกันวันเสาร์นี้  รถจะออกเจ็ดโมงนะครับ  มาเจอกันหน้าตึกคณะ  แล้วเจอกันครับ วันนี้พอแค่นี้ครับ”

“รุ่นน้องปี1ทำความเคราพรุ่นพี่”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ”

พอเราทำความเคารพรุ่นพี่เสร็จก็ต่างพากันแยกย้าย  แต่แปลกแหะวันนี้ไม่เจอเขา  มีเพียงพี่เดฟ พี่เอ พี่โบ๊ทและพี่คิมเท่านั้น  อาทิตย์หนึ่งแล้วที่ผมไม่เจอเขา  จากที่ผมได้คุยกับพี่เดฟในวันนั้น  ผมก็เอากลับไปคิดว่าจะให้โอกาสหรือไม่ดี   ผมคิดไม่ตกจริงๆกับเรื่องนี้  เขาเคยทำไม่ดีกับผมไว้  ถึงจะพอมารู้เหตุผลเรื่องคลิปว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นคนอัพมันก็ตาม  แต่ในตอนนั้นเขาไม่ได้ปฏิเสธมัน  เขายอมรับมัน  แต่เรื่องที่เขาพนันกันนั้นก็อีกเหตุผลหนึ่ง  เขาเล่นกับความรู้สึกของผม  เขาเห็นความรู้สึกของผมเป็นของเล่น  เอาความรักที่ผมมีให้ไปพนันกัน    ใครๆต่างก็บอกว่าลองให้โอกาสคนอีกครั้ง  บางครั้งเขาอาจจะกลับตัวเป็นคนดีแล้วก็ได้  แต่ในสถานการณ์แบบผม  การให้โอกาสใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ผมไม่มั่นใจว่าโอกาสที่ผมจะให้นั้นมันจะไม่กลับมาทำร้ายผมอีก  ...  ถ้าเขาสามารถทำให้ผมมั่นใจในตัวเขาและสามารถทำให้ผมมอบโอกาสนั้นแก่เขาได้  ผมจะยอมรับมัน

“เตี้ย!” ผมหันไปยังเสียงที่เรียก  ไอ้สูงเลิกเรียนแล้วสินะ  ถึงมารับผมได้  มันยืนพิงหลังกับรถโบกมือให้ผม

“เลิกเรียนเร็วหรอวันนี้” ผมถามเมื่อเดินมาถึงมัน

“อืม  พอดีอาจารย์มีประชุมเลยเลิกเร็ว...ไงที่รัก  คิดถึงไหนมากอด”ไอ้สูงมันคุยกับผมแล้วก็หันไปทักทายไอ้พาส

“กอดกับตีนกูรึไงไอ้เนป” ไอ้พาสนี่ก็ตีนไวพอปาก

“น้อยใจว่ะ  มีผัวใหม่แล้วลืมผัวเก่านะมึง”

“มึงหรือเปล่าผัวใหม่ไอ้สูง” ผมว่า   มึงมาหลังเขามึงควรเป็นใหม่นะ   ไม่ใช่เก่า  ไอ้นี่ก็ท่าจะเพี้ยน

“เมียน้อยแบบมึงเงียบไปเลย”

“เห็นแบบนี้กูเลือกวะสูง” ผมไหวไหล่แบบไม่แคร์

“ชิ”

“แล้วนี่มึงไม่เตรียมตัวประกวดเดือนหรอวะไอ้เนป”  ไอ้พาสมันถาม

“วันนี้ไม่วะ  กูต้องพาไอ้เตี้ยไปหาเฮียอ่ะ  คราวก่อนไม่ได้ไปเพราะมีเรื่อง”  ตามที่ไอ้สูงบอก  คราวนั้นที่เราะไปหาเฮียเป็นอันต้องยกเลิกไปเพราะผมร้องไห้หนักมาก  จนไอ้สูงมันต้องโทรไปเลื่อนนัดกับเฮียเป็นวันอื่น  นั้นก็คือวันนี้นี่เอง

“เมีย!!”  พี่เดฟเดินหน้าบึ้งตรงมาที่พวกผมยืนอยู่  ไอ้พาสถอนหายใจก่อนหันไปมอง

“เออ**!**”

“จะกลับไหมบ้านอ่ะ ห้ะ!” พี่เดฟขึ้นเสียงใส่  จนผมสะดุ้ง ผมหันไปมองไอ้พาสเห็นมันกรอกตาไปมา

“ขึ้นเสียงใส่กู?” ไอ้พาสถามเสียงน่ากลัว

“เปล่าจ้ะ เมียจ๋า”  เออพี่มันแม่งก็เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงง

“หึ” ไอ้สูงมันขำ

“ขำเชี่ยไรของมึง”  พี่เดฟ

“ขำคนกลัวเมีย” ไอ้สูงตอบกลับกวนๆ

“ใครกลัว  กูไม่ได้กลัวเว้ย”

“หรอ  แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่นิ  สงสัยจะเป็นหมา”

“มึงว่าใครหมาห้ะ!!” พี่เดฟจ้องเขม็งไอ้สูงไม่วางตา  ไอ้สูงเองก็เหมือนกัน

“ไอ้เดฟถ้าจะมามีเรื่องก็กลับไปก่อน” ไอ้พาสว่า

“เมียนี่มึงเข้าข้างมันหรอห้ะ!”

“เออ!” เห้ยๆ อย่ามาทะเลาะกันนะเว้ย

“ขอโทษพี่เขาเลยมึง  หาเรื่องให้แฟนเขาทะเลาะกันทำไม”ผมว่ามัน มันไหวไหล่

“กูเปล่า..” เปล่ามากที่กูเห็นมึงไปกวนประสาทพี่เขานะไอ้เวร  ต้องด่ามันครับ  ด่าในใจ แหะๆ

“...” ผมได้แต่ส่ายหัวมองคู่รักทะเลาะกันอย่างออกรสชาติ

“ไอ้โยกูกลับละ  เบื่อควายมันร้อง!” มันพูดกับผมประโยคแรก  แต่ประโยคหลังนั้นหันไปหาพี่เดฟ  แล้วมันก็เดินออกไปผมได้แต่โบกมือลามัน

“มึงอย่ามาหนี  คุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะเมีย”

“ไม่คุยเว้ย!!” เสียงไอ้พาสตะโกนมา

“พี่เดฟรีบไปคุยกันเถอะครับ  ขอโทษแทนไอ้นี่มันด้วย” ผมบอกขอโทษพี่มัน พี่มันแค่พยักหน้ารับ แล้วจ้องหน้าไอ้สูงแวบเดียวก็วิ่งไปยังทางที่ไอ้พาสพึ่งเดินไป

“ไปขอโทษมันทำไม  คนอย่างมันไม่สมควรให้มึงไปขอโทษเลยซักนิด” มันกอดอกมองหน้าผม

“แล้วมึงไปว่าพี่เขาทำไมละ  ถ้ามึงไม่ขอโทษกูก็ต้องขอโทษแทนดิ”

“เหอะ  มึงก็เป็นซะแบบนี้” อ้าวกูเป็นแบบนี้ นี่แบบไหนวะ

“ไปยังเดี๋ยวเฮียรอนาน”

“อืม” มันตอบกลับเซ็งๆแล้วก็ไปประจำที่คนขับ  ผมเปิดประตูฝั่งผม  แต่สายตาก็ไปสะดุดกับร่างบางหน้าหวานของพี่คิม  พี่เขามองมา  แต่พอสบตากันเป็นพี่คิมที่หลบสายตาไปก่อน

“ไอ้เวรนั้นได้มายุ่งกับมึงอีกป่ะ”  พอขับรถออกจากมหาลัยมาได้ซักพักไอ้สูงก็ถามขึ้นมา  ผมละสายตาจากข้างทางไปมองมัน

“ก็ไม่  ตั้งแต่วันนั้น” ผมตอบ

“ดีแล้ว  ถ้ามันมายุ่งวุ่นวายกับมึงอีกรีบบอกกูนะ  กูจะรีบไปหามึงทันที” ผมยิ้ม  จะมีใครละเป็นห่วงผมได้เท่ามัน  มีแค่มันที่คอยอยู่ข้างผมตลอดเวลา

“อืม” ผมพยักหน้า  มันหันมายิ้มแล้วยีหัวผมเล่น

“พอแล้ว  ผมยุ่งหมด  ขับรถไปเลย” ผมปัดมือมันออก

“ครับๆเจ้านาย”

“เฮียยยยยยย” ผมลากเสียงยาวเรียกบุคคลที่ผมนับถือคนหนึ่ง เฮียอาทิตย์นั่นเอง

“ไง หืมหายหน้าหายตาไปเลยนะเรา” ผมเดินเข้าไปกอดเฮีย  เฮียเพียงแค่ลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

“เปล่าสักหน่อย  ไม่ได้หายนี่ก็มาให้เห็นแล้วไง” ผมว่า

“ถ้าเฮียไม่อยากเจอคงไม่มาละสิ  แบบนี้ต้องงอนซะแล้ว” แล้วเฮียแกก็ทำท่างอน  แก้มพองลม  เชิดหน้ากอดอก ฮ่าๆๆ  นึกสภาพตามนะครับ  ผู้ชายตัวโตๆทำท่าทาง  หน้าตาแบบนี้จะเป็นยังไง  ถึงเฮียจะหล่อก็เถอะ  แต่ไอ้ท่าทางน่ารักๆงอนเป็นผู้หญิงแบบนี้ไม่เข้ากับเฮียเลยว่ะ

“ดูทำเข้า  อายน้องอายนุ้งบ้างเหอะ  แก่แล้วยังทำเป็นเด็กๆ” จะใครซะอีกละ  น้องชายของเฮียผมไง   ไอ้สูงมันแขวะพี่ชายตัวเองเว้ย

“ใครทำให้มึงดู”

“มีกันอยู่แค่นี้คงทำให้ จิ้งจก ตุ๊กแกดูมั้งเฮีย”

“กวนตีนกูนักนะไอ้เนป เดี๋ยวกูยันตีน”

“ชอบทำร้ายน้อง  รักจริ๊งไอ้เตี้ยเนี้ย ” เฮียได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดเด็กๆของมัน

“มันไปเอานิสัยขี้ประชดมาจากไหนวะ”

“ผมก็ไม่รู้” ผมส่ายหน้าไปมา  ผมไม่รู้  ติดจากผมหรอก็ไม่ใช่

“สงสัยติดจากผู้หญิงที่มันคั่ว”

“หิวแล้วจะรำพึงรำพันกันอีกนานป่ะ หิวเว้ย”

“เมื่อกี้มันยังดีๆอยู่เลยนะเฮีย” ผมว่า

“สงสัยมันจะโมโหหิวมั้ง”  แล้วเฮียก็เดินโอบผมพาเข้าไปในร้านอาหารที่ไอ้สูงมันเดินนำไปก่อนแล้ว  ผมบอกหรือยังว่าตอนนี้ผมอยู่ที่แห่งหนใด  ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งหนึ่ง  ที่นี่ต้องสั่งจองก่อนนะครับ  เพราะลูกค้าเยอะ  คิวนี่กว่าจะได้ต้องจองกันหลายเดือนเลย  เฮียแอบกระซิบบอกมานะครับ  ถึงโต๊ะเราก็สั่งอาหารที่ขึ้นชื่อและเป็นเมนูที่ทางร้านแนะนำด้วย  ไม่นานอาหารมากมายก็มาเสริฟ  ผมไม่รีรอรีบกระซวกเข้ากระเพาะ  เอ่อ รับประทาน  แต่คนที่กระซวกจริงๆคือไอ้สูง สงสัยจะหิวมาก ฮ่าๆๆ

“แล้วเรียนเป็นไงบ้างละ”

“อืมก็ดีครับ  เรื่อยๆแหละ” ผมตอบ

“อืมๆ  เฮียเชื่อว่าเราเก่งอยู่แล้ว” ผมยิ้ม

“เฮียโอ๋แต่มันอ่ะ”

“มึงอย่ามาทำเป็นเด็กขาดความอบอุ่นนะไอ้เนป”

“พอพามันมาละลืมน้องชายแท้ๆ  พอใช้งานนี่จิกหัวใช้จัง”

“อย่ามาพาลไอ้สูง”

“เงียบเลยเตี้ย  กูทำงานหาตังเลี้ยงมึงนะสำนึกบุญคุณด้วย”  ผมยู่ปากใส่มัน

“เฮียดูมันดิ”ผมหันไปออเซาะเฮีย  ฮ่าๆๆๆ  เฮียรักผมจะตาย  แต่ไม่ใช่ว่าไม่รักไอ้สูงนะ  เฮียรักมันมากกว่าผมซะอีกแต่จะให้แสดงความรักออกมาแบบโจ้งแจ้งมันก็แปลกๆอ่ะเนอะ

“ฮ่าๆๆ  จริงๆเลย  อยู่ด้วยกันทุกวันเป็นแบบนี้ประจำหรือเปล่า หืม” เฮียถาม

“ก็ไม่นะเฮีย  แต่ไอ้สูงมันชอบวางข้าวของระเกะระกะ  เสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็ไม่ยอมเอาลงตะกร้าซัก ...” ผมฟ้อง   ได้ทีต้องเอาซะหน่อย

“ไอ้เตี้ยขี้ฟ้องวะ  เฮียฟังมันบ่นหงุงงิ้งไม่รำคาญหูบ้างหรอวะ”

“ก็ไม่เสียหายอะไรนิใช่ไหมโย” ผมพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ  ฮ่าๆๆ  เฮียเข้าข้างผมเสมอเมื่อเราอยู่สามคนพี่น้อง  ถึงจะคนละพ่อแม่ก็เถอะ  ถ้าผมไม่ไปนอกในตอนนั้นก็คงจะไม่สนิทกับไอ้สูงและเฮียแน่  คุยเล่นกันอยู่นาน  จู่ๆไอ้สูงก็โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เฮียมีเรื่องให้ช่วยวะ...”

วันเสาร์ เวลา 06:30



-อัลฟา-



ตอนนี้พวกเราเหล่ารุ่นพี่ปีสองกำลังขนของขึ้นรถกัน  ผมเองก็เช่นกัน  ผมต้องมาก่อนเวลาที่รุ่นน้องปีหนึ่งจะขึ้นรถ  คือต้องมาช่วยพวกเพื่อนๆขนของ  ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่รถจะออกแล้ว  พวกเราจึงเรียกปีหนึ่งรวมโดยมีแกนนำคือไอ้คิมที่ทำงานในส่วนนี้

“ทุกคนเช็คเพื่อนด้วยนะครับว่ามากันครบหรือยัง  ถ้าครบแล้วขึ้นรถเตรียมเดินทางกันได้แล้วครับ  ส่วนสัมภาระนั้นไปฝากกับรุ่นพี่ตรงนั้นนะครับ  พี่เขาจะจัดเก็บไว้ให้  ตอนนี้ไปขึ้นรถได้แล้วครับจะได้ออกเดินทางจะได้ไม่เสียเวลา” ไอ้คิมบอกกับรุ่นน้องทุกคน  ตอนนี้รุ่นน้องกำลังทยอยกันขึ้นรถ  ผมยังไม่เห็นร่างเล็กที่ผมคุ้นเคยเลย  ไม่ได้ไปหรอว่ะ  เห็นเพียงแค่พาสต้าที่ยืนอยู่กับเพื่อนผมเท่านั้น  หนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ผมไม่ได้ไปกวนใจอะไรมันเลย  ผมแค่กำลังหาวิธีทำยังไงมันถึงจะยอมยกโทษและให้โอกาสผม

“โหลไอ้โยเมื่อไรมา  รถจะออกแล้วนะ...เออเร็วๆ”

“ไอ้พาส!” โยชิวิ่งหน้าตั้งมาหยุดอยู่หน้าพวกผม หอบหายใจหนักๆ  พยายามเอาอากาศเข้าปอด

“ชักช้าจริงมึง”ไอ้พาสต้าว่า

“ก็ไอ้สูงมันตื่นสายกว่าจะปลุกให้ตื่นได้ต้องใช้เวลา”

“เออๆไปได้ละ” ไอ้พาสต้ามันว่าจบก็ลากโยชิไปขึ้นรถเลย  กระเป๋าหรอนู้นโยนให้ผัวมันเป็นคนจัดการให้ทั้งของมันของโยชิ  ไอ้เดฟจึงต้องรับไปเก็บให้  โยชิไม่มองหน้าผม  ไม่แม้แต่จะเลือบมองเลยสักนิด  ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ  ผมควรทำไงดีว่ะ  ตลอดทั้งทริปนี้ผมจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว

“เอาละครบกันแล้วนะครับ  งั้นไปประจวบกันเลย”

“เย้!!!” ทั้งรถพากันเฮ  รุ่นพี่จะเฉลี่ยแบ่งนั่งไปแต่ละคัน  กลุ่มผมนั่งคันเดียวกันทั้งหมด  และได้ดูแลกลุ่มของโยชิ  ไอ้คิมก็ยังคงพูดนู้นนี่นั่นไปเรื่อยๆ  รุ่นน้องก็ตั้งใจฟังบ้างไม่ตั้งใจบ้าง  ทริปครั้งนี้ไม่ใช่ทริปการเรียนรู้อะไรมากมายหรอกครับ  ที่จัดไปนี่ก็ใช่ว่าจะไปศึกษาอะไร  แค่อยากพาน้องไปเที่ยวเฉยๆ  โดยมีไอ้เอ(ลูกเจ้าของมหาลัย)เป็นแกนนำคิด  มันใช้อำนาจในการเป็นลูกเจ้าของจัดทริปนี้ขึ้น  เป็นลูกที่ดีไหมละ พวกผมนั้นก็แค่ผลพลอยได้จากที่เป็นเพื่อนมันนั่นละ หึๆ

“ไอ้อัลกูไปช่วยพูดกับน้องมันแล้วนะเว้ย”  ไอ้เดฟมันนั่งข้างผมมันเอ่ย  บอกแล้วงั้นสิ  ผมก็บอกมันแล้วว่าเรื่องนี้ผมจะจัดการเอง

“แล้วมันว่าไงบ้าง”ผมถาม

“กูว่าน้องมันยังไม่ยอมวะ  กูช่วยมึงได้เท่านี้จริงๆ  ขอโทษนะเว้ย”

“เออไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวกูหาวิธีจัดการเอง  ขอบใจ”

เราใช้เวลาในการเดินทางมาประจวบไม่นานก็มาถึง  สถานที่แรกที่เราพาน้องๆมาเป็นวัดครับ  วัดห้วยมงคล  เราพาน้องๆมาไหว้ศักการะหลวงพ่อทวด  ขอโชค  ขอลาภ และขอให้การเดินทางของพวกเราในครั้งนี้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ   ไอ้คิมก็ยังคงอธิบายถึงสถานที่แห่งนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไรให้น้องๆได้ทราบกัน  ส่วนผม ไอ้เดฟ ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท นะหรอ  อยู่เฉยๆครับ  หน้าที่จริงๆคือช่วงเย็นนั่นละ  ยกของลง...

“ไอ้เดฟ” ผมเรียกไอ้เดฟที่ยกกล้องถ่ายภาพตัวเองกับสถานที่

“เออ”

“ช่วยไรกูหน่อยดิ”

“ช่วยไร?” มันเลิกสนใจถ่ายภาพแล้วหันมาสนใจผม

“กันเมียมึงออกจากโยชิ  ทำได้ไหม” ผมถามมัน  มันแสยะยิ้มก่อนตอบ

“เรื่องแค่นี้สบายมาก  มีแผนแล้วหรอ”

“ก็ยัง  แต่กันออกไปก่อน  เรื่องนั้นคอยคิดที่หลังก็ได้” ผมว่า มันพยักหน้าโอเค  เอาละ  ทั้งทริปนี้ผมจะตามติดตัวมันทุกฝีก้าวเลยคอยดูสิ

“เช็คเพื่อนข้างๆมาครบกันยัง  มาครบแล้วพี่จะได้ออกรถไปยังสถานที่ต่อไป  สถานที่ต่อไปนั้นเป็นตลาดน้ำนะครับ  ตลาดน้ำสามพันนาม  เราจะไปพักทานอาหารที่นั้น  ใครจะทานอะไรก็หากินเองนะครับ  มีร้านอาหารขาย  และมีของฝากมากมายใครจะซื้อไปฝากเพื่อนตั้งแต่วันแรกก็ตามสบายนะครับ  มีโชว์การแสดงด้วยนะ   พี่บอกเลยว่าทริปเราชิวๆสบายๆ” ไอ้คิมก็ยังพูดไม่หยุดตั้งแต่มา  มันไม่เหนื่อยบ้างหรือไงว่ะ  ผมสะกิดไอ้เดฟให้ไปกันเมียมันออกจากโยชิ  มันก็จัดการให้ทำให้ผมได้มีโอกาสซักที  ผมนั่งลงข้างกันกับโยชิ  ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมามอง  มันชักสีหน้าใส่ผมด้วย  ไม่สน  นาทีนี้ผมต้องด้านครับ เห็นไอ้พาสต้ามันโวยวายทุบตีไอ้เดฟด้วยครับ

“ไอ้ควาย  มึงทำเชี้ยไรของมึงห้ะ  กูไม่นั่งกับมึง!!”

“เมียเงียบๆหน่อย  โอ๊ยยผัวเจ็บ”

“แล้วมึงทำบ้าอะไรห้ะ!”

“ก็อยากนั่งกับเมียตัวเองผิดด้วยหรอ”

“แต่กูไม่อยากนั่งกับมึง  แล้วก็ไปลากไอ้เหี้ยเพื่อนมึงออกจากเพื่อนกูด้วย”  ไอ้พาสต้ายังคงโวยวายไม่เลิก  ขณะ ที่รถกำลังแล่นออกไปยังสถานที่ต่อไปเรื่อยๆ

“โอ๊ยๆ เมียอย่าดึงหัวกู”

.

.

.

“หิวยัง?” ผมถามคนข้างกายที่เงียบตลอดทาง  เอาแต่มองนอกหน้าต่างรถ  อยากจะรู้นักมีไรให้มองนัก

“...”  ได้เพียงแต่ความเงียบ  นี่ผมต้องเล่นสงครามประสาทกับมันใช่ไหม  แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ได้นั่งใกล้มัน และวันนี้ก็ไม่มีมารมาผจญด้วย

“เฮ้ออ  ง่วงเนอะ”  ผมพูดขึ้นลอยๆแล้วเอนหัวไปซบกับไหล่เล็กๆของอีกคน  เห็นมันสะดุ้งเล็กน้อย  ผมยิ้มหลับตาลง

“นี่! ไปนอนที่อื่นได้ไหมห้ะ” มันดันหัวผมออกจากไหล่

“ไม่  ขอพักสายตาหน่อยนา  ตื่นเช้ามาขนของ” ผมบอก

“ใครสน  ถอยออกไปเลย”

“ไม่”  ผมยังคงยืนยันคำเดิม

“ไม่ใช่ไหม  ได้”  อยู่ๆหัวผมก็โดนกระชากอย่างแรง

“โอ๊ยๆๆเจ็บๆๆ”  ผมมองหน้าคนทำร้ายผม  มันเหยียดยิ้มแล้วดึงไปมาๆจนหัวผมสั่นคลอน

“หึ”แล้วมันก็ผลักหัวผมออก  ผมลูบหัวตัวเอง  บอกตรงๆครับโคตรเจ็บ

-โยชิ-

“มาเจอที่รถในเวลาบ่ายโมงครึ่งนะครับน้องๆ”  พี่คิมประกาศบอกให้มาพบกันในช่วงบ่าย ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว คงต้องรีบแล้วละ  ผมหิวจะแย่  ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน  จะหาอะไรกินรองท้องไว้ก็ไม่ทันเพราะติดปลุกไอ้สูงที่หลับไม่ตื่น

“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” แล้วนี่ก็อะไร  กวนอยู่ได้  ตั้งแต่ออกมาจากวัดเขากวนผมตลอดทางที่มาที่นี่

“ไปคนเดียวดิ”

“ไปด้วยกัน  อย่าดื้อ” ผมถลึงตาใส่คนที่ว่าผมดื้อ  ใครกันแน่ที่ดื้อ  บอกไม่ฟัง

“เดี๋ยวตาก็หลุดออกมาหรอก”

“เรื่องของกู” ผมว่าแล้วเดินหนีให้พ้นๆเขา

“ไอ้โยเร็วๆกูหิวแล้ว”  ไอ้พาสมันกวักมือเรียกผม  ผมจึงรีบเดินไปหามัน  อย่างน้อยอยู่กับไอ้พาสก็ดีกว่าอยู่กับเขาสองคน

“เออๆๆ”

“กินไรดีวะ” พอเข้าในตลาดน้ำได้ไอ้พาสก็ถามหาของกินเลย  บรรยากาศที่นี่ดีมากครับ  ร้านค้ามากมายเปิดเรียงกัน  มีเสื้อผ้า ของฝากชิ้นเล็กๆน่าซื้อเก็บมากครับ   ผมเดินดูของไปเรื่อยๆ  ส่วนไอ้พาสก็บ่นหิวๆตลอดทางที่เดิน  เราไม่ได้เดินกันแค่สองคนนะครับ  มีเขาและเพื่อนเขาเดินตามพวกผมด้วย  หนีไม่พ้นจริงๆ

“ไอ้เดฟเอาอะไรก็ได้ไปอุดปากเมียมึงทีดิ  กูรำคาญวะ” พี่เอที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้น  ไอ้พาสหันขวับไปมองพร้อมชี้หน้าด่า

“ถ้ารำคาญนักมึงก็เอามืออุดหูมึงไปสิ  อีกอย่างกูไม่ได้พูดให้หมาแบบมึงฟัง  แล้วพวกมึงจะเดินตามพวกกูหาพระแสงวิมานเชี้ยไรวะ  ไปไกลๆไป  ที่เดินมีเยอะแยะไม่ไป  มาตามเป็นสัมภเวสีขอส่วนบุญอยู่ได้ ไป ชิ้วๆ” ไอ้พาสทำท่าไล่

“ไอ้เดฟเมียมึงนี่ปากดีจริงๆ”  พี่โบ๊ทเสริม

“ปากแบบนี้สินะถึงทำให้ไอ้เดฟยอมสิโรราบแทบกราบตีน”พี่คิมเสริมต่อ

“ไอ้เดฟมันกลัวเมีย”

“ไอ้อัลหุบปาก  กูไม่ได้กลัวเว้ย”

“หรอ!!”เสียงประสานกันดังขึ้นเมื่อพี่เดฟพูดจบ  ไอ้พาสได้แต่ขำหึ อย่างถูกใจ  แล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นร้านขายอาหาร   เราเลือกกินก๋วยเตี๋ยวกัน  เป็นก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ครับ ราคาถูกมาก  ของที่นี่ก็ถูกครับ  สบายกระเป๋าดี  มีการแสดงโชว์จากนักเรียนนักศึกษาด้วยครับ  จะแสดงเป็นเรื่องราวไป  นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะมากเท่าไร  มันจึงไม่แออัด  หลังจากกินข้าวเที่ยงเรียบร้อยดูเวลายังคงเหลืออยู่ ผมจึงเดินเลือกซื้อของต่อ  ผมได้เสื้อหัวหินมาสองตัวแน่ะ  แหะๆ แล้วก็พวงกุญแจเล็กๆ  เห็นมันน่ารักดีก็อดใจไม่ไหวต้องซื้อติดมือหน่อย

“ช่วยถือ” จู่ๆก็มีมือมาคว้าเอาของจากมือผมไปถือ   ผมมองเขานิ่ง  จะคว้ากลับมาถือเองเขาก็เบี่ยงตัวหลบ

“ถือเองได้  เอามา”

“ไม่เป็นไรเต็มใจ” แล้วเขาก็เดินผิวปากนำไป    กวนประสาทชะมัด  เมื่อไรจะหลุดพ้นกับคนๆนี้ซักที

“ช่างแม่ง  อยากถือปล่อยให้มันถือไปเหอะวะ” ไอ้พาสมันเดินมาตบไหล่ผม แล้วพาเดินต่อ

“เฮ้อออ” ผมทำเพียงแค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

บ่ายโมงครึ่งเราก็ต้องเดินทางต่อซึ่งก็คือจะไปที่พักรีสอร์ทบ้านของพี่โบ๊ท  วันนี้สนุกดีครับ  ผมซื้อของติดมือเยอะเลย  ได้ทั้งไหว้พระขอพร  ได้ถ่ายรูปกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ  ถึงวันนี้เราจะไปกันแค่นิดเดียวแต่ผมก็สนุกนะผมไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัดเท่าไรนัก นานๆที  นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้มั้งที่ได้ออกมาเที่ยวแบบนี้กับเพื่อนเยอะขนาดนี้

“มองไร” ผมหันไปมองคนที่จ้องผมอยู่

“มองวิวข้างทาง  เห็นไหมๆๆ  ไม่ได้มองน้องเลย”  หรอๆที่มึงมองอ่ะหน้ากูชัดๆ  วิวคงปรากฏบนหน้ากูมั้ง    ไม่อยากจะเสวนาด้วยต่อผมหยิบหูฟังเสียบหูเปิดฟังเพลง หลับตาลงซะจะได้ไม่เห็นว่าคนข้างกายมองอยู่

“ตัวเล็ก ตื่นถึงแล้ว”

“อื้ออ”  รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบอยู่ข้างๆหู  ผมค่อยๆลืมตา  กระพริบตาปรับสายตาให้ปกติ  หน้าอก? อุ่นดีแหะ  เดี๋ยวนะ  อก ? ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ก้มหน้ามองผมอยู่แล้ว  เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ส่งยิ้มมุมปากมาให้ผม

“ตื่นแล้วหรอ?”

“...” ผมไม่ตอบเอาแต่หลบสายตาอีกคนแล้วลุกนั่งตัวตรง

“หึ”  เกลียด  เกลียดไอ้การที่ผมต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้  ไอ้บ้าเอ้ย   ทำไมกูถึงได้หลับไปในท่านั้นวะ  ผมเอาแต่ทุบหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด  ใจบ้าเต้นทำไม

“...”

“จะลงไหม  หรือจะนอนบนนี้” ฮึ่ย  ทำไรไม่ได้เลย  เพื่อนๆก็ต่างพากันทยอยลงจากรถไป  ผมจึงลุกจากที่นั่งเดินตามเขาลงไปข้างล่างที่มีไอ้พาสมันยืนรออยู่

“ชักช้าตลอดนะมึงนะ  เอ้ากระเป๋า” มันยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าผมมาให้  ผมรับแล้วมองบรรยายกาศรอบๆ  สวยครับ  บริเวณรอบๆมีต้นไม้เขียวๆเต็มไปหมด  มองแล้วสบายตาดี  เบื้องหน้าก็เป็นทะเลพื้นกว้างที่สุดลูกหูลูกตานู้นน

“เอาละน้องๆเมื่อจับกลุ่มที่พักกันได้แล้วมาเอากุญแจกับพี่นะครับ...” พี่คิมกับพี่โบ๊ทกำลังยืนแจกกุญแจให้กับทุกกลุ่มที่แบ่งกันนอน  ผมกับไอ้พาสนอนด้วยกันครับ   มันจะไปนอนกับพี่เดฟแฟนมันก็ได้แต่มันบอกว่าจะให้ผมนอนคนเดียวไม่ได้มีเหี้ยคอยฉวยโอกาสอยู่ตลอด  ผมก็เข้าใจทันทีว่ามันหมายถึงใคร

“เอาของไปเก็บเถอะแล้วไปเล่นน้ำกัน” ไอ้พาสมันลากแขนผมให้เดินตามมันไปทันที  รู้สึกมันจะกระตือรือร้นจริงๆ  หลังจากที่เราเอาของไปเก็บแล้ว  เราก็เปลี่ยนชุดเตรียมลงน้ำทะเลกัน

“ไอ้พาสรอกูด้วย!!” ผมตะโกนไล่หลังไอ้พาสที่ตอนนี้วิ่งลงทะเลนำโด่งไปแล้ว

“นอกจากเตี้ยแล้วขายังสั้นอีกนะมึง”  เออครับไอ้คนสูงลิ่ว

“มึงจะรีบไปไหนทะเลมันไม่หายไปไหนหรอกเว้ย”

“ก็กูอยากเล่น  เร็วๆไอ้โย”  พอผมเดินไปถึงมัน  ไอ้พาสมันก็ลากผมเดินลงทะเลต่อไปเรื่อยๆ  จนน้ำทะเลเท่ากับอกผมแล้ว  ขากูสั้นกว่ามึงนะเว้ย  ไปลึกกว่านี้กูจมแน่ๆๆครับ

“ไอ้พาสมึงจะไปลึกขนาดไหนว่ะ  พอแล้วกูไปต่อมีหวังน้ำมิดหัวกู”

“เกิดมาขาสั้นนี่ลำบากจริงๆ  เออๆๆงั้นเล่นตรงนี้ก็ได้”

“มึงมั่นใจว่าจะเล่นตรงนี้”  มันพยักหน้า

“เออไปไกลกว่านี้ได้ไหมละ”  แล้วจากนั้นมันก็จับผมกดลงน้ำทะเล  ผมดิ้นเลยครับ  ไอ้เพื่อนชั่ว

“แค่กกๆๆ อะ ไอ้เหี้ย มึงจะฆ่า คะ แค่กๆกูหรอ”  ผมสำลักน้ำทะเล  ไอออกมา  กลืนน้ำทะเลไปหลายอึกเลยเมื่อกี้ เค็มก็เค็ม รู้สึกเจ็บคอเลย  ไอ้เพื่อนนรก

“ฮ่าๆๆๆ”  ยังมีหน้ามาขำอีก

“มึงเล่นแบบนี้ใช่ไหมไอ้พาส”  ได้ๆ  ผมเลยจัดการกระโดดเกาะหลังมัน  มันดิ้นเขย่าๆตัวให้ผมหลุด  จ้างให้ก็ไม่หลุดหรอกเว้ย  ผมเกาะมันแน่นขึ้น  รัดที่คอมันด้วย ฮ่าๆๆ

“ไอ้เตี้ย ไอ้เหี้ย อะ ไอ้โย กูหายใจไม่ออกเว้ย!!!”

“ไม่สนเว้ย  มึงเกือบฆ่ากู  กูต้องเอาคืน ฮ่าๆๆๆ”

ตูม !!! หงายหลังกันลงน้ำทั้งคู่เลยไงคราวนี้  ไอ้พาสมันสลัดผมไม่หลุดจึงต้องเอนหลังเอาผมลงไปก่อนจากนั้นตัวมันก็ตามมา  ดื่มน้ำทะเลกันไปตามระเบียบอีกตามเคย  เริ่มแสบตาแล้วสิ  น้ำเข้าตาผมTT’ ผมจึงขยี้ตาตัวเอง

“แสบตา  ไอ้พาสกูแสบตา”  ผมกระพริบตาและขยี้ตาตัวเอง

“อย่าขยี้ตาสิ”  เสียงนิ่งๆดุผมขึ้นมา  แล้วจับมือผมที่กำลังขยี้ตาตัวเองออก  เขามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน  แล้วไอ้พาสละ**?**

“ปล่อย” ผมสลัดมืออีกคนออก

“อย่าดื้อ  ไหนจะดูตาให้” แล้วเขาก็จับผมเงยหน้าขึ้น  ผมหันหน้าหนีเมื่อมีลมเบาๆเป่าตรงตาผม

“อือ”

“เฉยๆ”

“...”ผมปล่อยให้เขาดูตาผม  ผมหรี่ตาลงข้างหนึ่งเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ส่องมากระทบ แต่ไม่นานแสงนั้นก็หายไปเพราะเขาเอาร่างตัวเองบังแสงให้ผม  ผมมองร่างสูงที่เปลือยท่อนบน  แผงอกแกร่งที่อยู่ต่อหน้าผมตอนนี้  ทำให้ผมลอบกลืนน้ำลายตัวเอง  เอ่อผมไม่ได้โรคจิตนะเว้ย แต่แบบเขาหุ่นดีกว่าผมป่ะ  มีแพคด้วย  ทำไมผมไม่มี  ทำไมผมถึงเกิดมาแห้งวะ  กินเท่าไรก็ไม่โตซักที  ฮึ่ย  ! หงุดหงิด

“ไม่เจอกับกูตั้งอาทิตย์หนึ่ง  คิดถึงกูไหม” ผมเงยหน้ามองสบตากับอีกคน  กล้าถามนะประโยคนี้

“ทำไมกูต้องคิดถึงมึงด้วย”

“ก็เผื่อจะคิดถึงเลยถาม”

“เหอะ!” ผมผลักเขาออกให้ห่างจากผมด้วยความหมั่นไส้

“โยชิ..”

“อะไร?” ผมมองเขาที่ทำหน้าจริงจัง

“ขอโอกาสให้กูอีกครั้งไม่ได้หรอ”

“...”

“สัญญาจะทำมันให้ดี  จะไม่ทำมึงเสียใจ”

“...”

“นะ..ตัวเล็ก” แล้วเขาก็ดึงผมเข้าไปกอด  ผมแค่ยืนเฉยๆปล่อยให้เขากอดผมแบบนั้น  ผมมองทะเลพื้นกว้างใหญ่นี้แล้วคิดว่าจะทำยังไง  จะลองเสี่ยงกับโอกาสครั้งนี้ดูไหม  หรือ จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เรื่อยๆ  ผมรู้ว่าเขาไม่มีวันยอมแพ้มันหรอก  คนอย่างเขาถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้

“พิสูจน์ตัวเองสิ” ผมเอ่ยบอกเสียงนิ่ง

“พิสูจน์?” เขาดันตัวผมออกแล้วหันมาสบสายตากับผม

“อืม พิสูจน์” ผมยังคงพูดต่อ

“จะให้พิสูจน์ยังไง  บอกมาสิ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

“ถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้ก็อย่ามาขอโอกาสกับกู” ผมหันหลังเดินขึ้นฝั่งเมื่อพูดสิ่งที่ผมต้องพูดออกไปแล้ว  ที่เหลือก็ขึ้นอยู่ที่เขาแล้วละจะพิสูจน์ตัวเองยังไงให้ผมมั่นใจที่จะมอบโอกาสครั้งนี้ให้กับเขา





TBC.
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่17 : ทริปประจวบ2 [05/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 05-11-2017 16:14:13
ตอนที่17 : ทริปประจวบ2

-อัลฟา-


ตั้งแต่ที่ได้คุยกันเมื่อวาน  ผมก็เอาแต่คิดหาวิธีว่าจะพิสูจน์ตัวเองให้โยชิได้เห็นและยอมมอบโอกาสให้กับผมยังไง

“เป็นไรวะมึง  กูเห็นมึงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดนานละ” ไอ้คิมถาม

“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยวะ” ผมตอบ

“เรื่องไรวะ?”  ไอ้นี่ก็ชอบเสือกเรื่องกูจริง

“...” ผมไม่ได้ตอบแต่มันคงเดาถูกละนะ

“เรื่องโยชิ?” ก็มีอยู่เรื่องเดียวนี่แหละที่ผมคิด  เพื่อนผมก็รู้จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
 
“อืม” ผมขานรับ

“มึงยังไม่หยุดยุ่งกับน้องมันอีกหรอวะ”

“ทำไมกูต้องเลิก” ผมมองหน้ามัน

“แต่น้องมันมีแฟนแล้วนะ  วันนั้นก็มีเรื่องกันไม่ใช่รึไง” มันว่าต่อ

“แล้วยังไง?”

“หน้ามึงโบกด้วยอะไรวะทำไมด้านได้ขนาดนี้”

“เยอะและห่า  ไปไกลๆไป  ถ้าไม่คิดช่วยก็อยู่เฉยๆ”

“กูหวังดีเว้ย”

“เฮ้ออ” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ไอ้คิมมึงกวนไรเชี้ยอัลมัน” พวกไอ้เอเดินเข้ามาสมทบ  ผมมองไอ้เดฟที่ทำหน้าบูดบึ้ง

“กูแค่มาเตือนเพื่อนไม่ให้ทำอะไรในทางที่ผิด  แต่มันหน้าหนาเกินไป  ไม่ฟังที่กูพูดเลย” ไอ้คิมมันเบะปากมองบ่นคล้ายรำคาญ

“แล้วไอ้เดฟเป็นไรของมึง  เมียไม่ให้เอา?” มันหันมาจ้องเขม็งผม

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเว้ย”

“แล้วอะไร?” ผมเลิกคิ้วถาม

“เมียกูมันไม่ยอมใส่เสื้อคู่กับกูอ่ะ”

“มึงเลยงอนมันว่างั้น”

“เออดิ  ไม่มาง้อกูด้วย  กูเสียใจ...” มันลากเสียงยาวโหยหวนเรื่องแค่นี้เอง  ผมก็คิดว่าเรื่องอะไรซะอีก

“เด็กวะไอ้เดฟ หึ”

“หุบปากไปเลยมึง” ผมเพียงไหวไหล่เท่านั้น  จากนั้นเราทั้งหมดก็พากันไปรับประทานอาหารเช้ากันก่อนที่จะออกเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปของวันนี้

“ครบนะครับ...งั้นเราออกเดินทางกันได้เลย” ไอ้คิมยังคงทำหน้าที่ต่อไป  ส่วนผมก็นั่งข้างคนที่คุณก็รู้ว่าใคร  ครั้งนี้มันไม่บ่นไม่ว่าไม่อะไรผมเลย  ผมเองก็แปลกใจกับอาการของมันในวันนี้   เข้าวันที่สองของทริปประจวบในวันนี้ สถานที่เราไปคือถ้ำพระยานครครับ  เป็นเขาสองลูกที่เราต้องข้ามไป   พอมาถึงสถานที่พี่ๆน้องก็ทยอยลงจากรถมารวมตัวกันอยู่ทางด้านล่าง  นับจำนวนคนว่ามีทั้งหมดเท่าไรและเช็คว่าใครมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า  หากมีจะไม่ให้ขึ้นไปเด็ดขาด  เพราะพี่สามารถดูแลน้องๆได้ไม่ครบทุกคน  อีกอย่างเดินเขามันลำบากครับ  พอเรียบร้อยไอ้เอกับไอ้เดฟและเพื่อนอีกหลายๆกลุ่มก็แยกกันไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่  จ่ายเงิน  อ่อมีบริการนั่งเรือด้วยนะครับ  โดยที่จะนั่งข้ามเขาลูกเล็กไปหนึ่งลูกเพื่อที่จะไปขึ้นเขาอีกลูก  แต่ราคาจะตกอยู่ที่8คน 300-400บาท  แต่ก่อนที่เราจะเริ่มขึ้นเขาสองลูกนั่นเราจะต้องพกเสบี่ยงไปซักหน่อย  คือ น้ำครับ  แม่ค้าแถวนั้นเขาทักมาว่าก่อนขึ้นซื้อน้ำไปก่อน  พวกผมจึงแห่กันซื้อเต็มร้าน  ผมซื้อไปสองขวดครับน้ำเปล่าและน้ำเกลือแร่  เผื่อเหนื่อยหนัก  ฮ่าๆๆ  ทุกอย่างพร้อมก็พากันเริ่มเดินเรียงแถวกันไป

“เราจะเดินกันข้ามเขากันสองลูกนะครับ  ใครที่ไม่ไหวก็บอกพี่ๆที่อยู่ใกล้ๆได้  อย่าฝืน โอเคไหมครับ  ถ้าไม่ไหวก็นั่งพักไปเลย  แต่ถ้าใครอยากชมพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ สวยๆนั้นต้องอดทนเอานะครับ  เหนื่อยหน่อยแต่ถ้าได้เห็นจะคุ้มค่าจริงๆ” ไอ้คิมเป็นฝ่ายเดินนำขึ้นไปก่อนพูดขึ้น  ผมเดินรั้งท้ายเพราะต้องช่วยดูน้องที่เดินอยู่หลังๆเราจะข้ามเขาทั้งหมดสองลูก  ไปกลับคือสี่รอบ  สำหรับพวกอึดนะครับ  แต่ถ้าใครไม่ไหวจริงๆตอนกลับอนุญาตให้ขึ้นเรือข้ามเขามาได้

“ร้อนขนาดนี้ทำไมไม่ใส่หมวก” ผมถอดหมวกแก๊ปของตัวเองใส่ให้อีกคน  มันหันมามองเฉยๆแล้วก็เดินต่อไป  ขอบคงขอบคุณไม่มีซักคำแต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยมันก็ไม่โยนหรือเขวี้ยงหมวกผมทิ้งละนะ  เขาลูกแรกจะมีราวเหล็กและปูนที่ทำเป็นเหมือนที่นั่งพักยาวเรียงไป  ผมที่เดินกับทางเดินที่เป็นบันไดหิน พื้นก็ไม่สม่ำเสมอกัน ขรุขระเดินยากจึงขึ้นไปเดินบนปูนนั้น  เดินสบายกว่าเดินหินอีก  อีกอย่างหินที่เดินมันลื่นมากครับ  ถ้าไม่ระวังจะลื่นล้มได้

“ขึ้นมาเดินบนนี้ดีกว่ามา” ผมหยุดเดินแล้วจับแขนอีกคนขึ้นมาบนปูนที่มีราวเหล็กให้จับ

“ไม่จะเดินข้างล่าง”มันทำท่าจะลงแต่ผมจับมันไว้  ผมกันมาจ้องเขม็ง

“เดินบนนี้ไม่ลื่นหิน”

“ไม่เอาเดินบนนี้มันน่ากลัวกว่าอีก” มันสะบัดแขนจนหลุดแล้วก็ลงไปเดินตามทางเดินหินนั้นเหมือนเดิม  ผมก็เดินมองร่างเล็กนั้นเรื่อยๆ  จริงๆตอนแรกก็เห็นมันอยู่แถวโซนกลางๆแถวนะครับ  แต่ไหงมาโผล่ท้ายแถวได้  เดินยังไม่ถึงครึ่งทางผมก็เห็นมันนั่งหอบหายใจ  พักดื่มน้ำอยู่คนเดียว  แล้วเพื่อนมันไปไหน?

“ทำไมมานั่งหอบอยู่คนเดียว เพื่อนมึงไปไหน”  เมื่อกี้ยังเห็นไอ้พาสต้ามันอยู่เลย  โยชิมันชี้บอก  เห็นไอ้พาสต้ามันเดินลิ่วไปกับพวกไอ้เดฟไอ้เอแล้ว  ผมหันมาสนใจคนตรงหน้าที่ยังหอบหายใจเหนื่อยอยู่

“นู้นมันเดินไปนั้นละ  เห็นแข่งกันใครเดินไปถึงเขาลูกที่สองก่อนจะสั่งอะไรก็ได้”

“แล้วนี่ไหวไหม  พึ่งเดินได้แปบเดียวเองพักซะละ  ถอยกลับยังทันนะ” ผมแกล้งแหย่มัน

“ไหว!”มันเชิดหน้าพูดเสียงดัง  ผมยิ้มให้กับความดื้อรั้นของอีกคน

“ถ้าไหวกูลุกดิ  นั่งทำไม”

“เออ!!” มันกระแทกเสียงใส่แล้วเดินต่อ

“มึงนี่ก็ชอบแกล้งน้องมันจริง”ไอ้โบ๊ทที่เดินรั้งท้ายแถวอยู่กับผมพูดขึ้น

“ก็มันน่าแกล้ง  น่ารักดี” ผมตอบ

“หึ  ครับน่ารัก  ก็ตอนนี้ผัวน้องมันไม่อยู่นิ  มึงเลยมีโอกาส” ผมเหล่มองมันที่ยิ้มเยาะผม  เออสิ  ถ้าไอ้เวรนั้นอยู่กูคงไม่ได้คุยกับมันแบบนี้หรอก พูดถึงมันแล้วขึ้น  เหอะ!

“เงียบปากมึงไปเลย”

“กูพูดเรื่องจริง  ทำไมรับไม่ได้  ยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้วมันผิดนะครับคุณเคมี” ผมกรอกตาไปมารำคาญมันจริง

“เรื่องของกู”

“กูถามจริงๆตอบตรงๆด้วย  อ่ออีกอย่างมึงลงมานี่เลย  อยากรู้นานละ  ลงมา  กูจะเสือกให้รู้จนได้” ไอ้โบ๊ทมันดึงแขนผมให้ลงจากพื้นปูนที่ผมกำลังเดินอยู่  ผมจำยอมต้องลงไปเดินกับมัน

“อะไร”  มันทำเพียงกอดคอผมเดินไป  ร้อนก็ร้อนเดินก็ยากยังจะมากอดคอเดินอีก คิดว่าทางมันสบายหรือไงวะ

“กูก็ไม่รู้อะไรละเอียดหรอกนะ  จากที่กูเฝ้าสังเกตดูแล้ว”

“เอาเนื้อๆเลย” ผมว่า

“โอเค  พวกมึงก็ไม่เคยจะบอกอะไรกูเลยทำให้กูต้องสังเกตเองจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น”

“อืมแล้ว?” ผมเลิกคิ้วถาม

“มึงกับน้องมันเคยรู้จักกันอันนี้เดาได้ไม่ยาก  แต่ที่กูสงสัยคือมึงเป็นอะไรกับน้องมัน  และกูก็อยากรู้ไอ้ท่าทีที่น้องมันทำกับมึงอย่างเกลียดชังแบบนั้น”

“...”ผมได้แต่ฟังมันถามคำถามยาว....เงียบๆ

“มึงเคยไปทำอะไรน้องมันไว้หรือเปล่า  มันถึงไม่แลมึงเลย  อีกอย่างน้องมันก็มีแฟนแล้วมึงคิดจะทำอะไรของมึงกันแน่ไอ้อัล  กูถามจริงๆนะ  ตอบมาตรงๆด้วย  ไม่อยากตามเสือกเงียบๆละ  เอาตรงๆเลย”

“อยากรู้จริง?”

“เออดิวะ  ตามเสือกเองจนเหนื่อยละ” มันพูดกลั้วหัวเราะ  เรื่องชาวบ้านละเร็วจริงเพื่อนกู

“ตอนมัธยมตอนนั้นกูอยู่ประมาณม.6” ผมเริ่มเล่าให้มันฟัง  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เผื่อมันจะมีวิธีช่วยผมด้วย

“อ่าห้ะ แล้ว?"

“กูกับเพื่อนพนันกัน  มันเป็นเรื่องปกติที่พวกกูทำกันบ่อยครั้งในช่วงนั้น  กูคบใครได้ไม่ยากแปบเดียวก็เสร็จ  แต่กับโยชิกูคบกับมันนานเป็นเดือน  นานกว่าใครที่พนันไว้  สุดท้ายมันก็เสร็จกู...และก็ตัดขาดมันเพราะเกมส์พวกกูที่ตั้งไว้จบแล้ว” ผมยังคงเล่าต่อไปอย่างต่อเนื่อง

“อืมๆ”

“หลังจากนั้น..”

“อะไร?”  ไอ้โบ๊ทมันถามด้วยความอยากรู้

“คลิป”

“คลิปอะไร?” มันถามระคายสงสัย  ผมหยุดเดินแล้วมองหน้ามัน

“คลิปที่กูกับน้องมันมีอะไรกันก็ถูกอัพโหลดลงเว็บโรงเรียน”

“ห้ะ!!”มันตาโตเมื่อได้ยิน

“เป็นพวกกูเองที่อัพมันลง” ผมพูดเสียงอ่อนลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

“ไอ้เหี้ย  พวกมึงทำไมชั่วแบบนี้วะ เฮ้ยๆๆเป็นเรื่องจริง?” มันถามด้วยความไม่มั่นใจ จริงๆที่ผมกับมันคบกันเป็นเพื่อนได้อาจจะเพราะนิสัยเหมือนๆกัน  แต่มันคงไม่คิดว่าผมจะเคยทำเรื่องที่มันแรงขนาดนั้นมาก่อน  มันถึงอึ้งและทำตัวไม่ถูก

“เออจริง”  ผมตอบมันแล้วเริ่มเดินต่อ  เราสองคนเดินห่างจากกลุ่มที่เดินนำไปก่อนแล้ว  สายตาผมจับจ้องกับร่างเล็กที่เดินอยู่ด้านหน้าที่ห่างไกลจากส่วนที่ผมอยู่

“ไอ้เลว  กูไม่รู้จะหาคำไหนมาด่ามึงดี  เรื่องนี้ไอ้เดฟรู้ด้วยใช่ไหม” มันเสยผมขึ้นอย่างคิดไม่ตก

“อืมรู้” ผมตอบเสียงนิ่ง

“ละ แล้วไงต่อวะ  กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องมันถึงเกลียดชังมึง”

“หลังจากนั้นมันก็ย้ายออกจากโรงเรียน  และไปเรียนต่างประเทศ”

“...”

“แต่มึงรู้ไหม  กูพึ่งมารู้เมื่อไม่นานว่ามันคิดสั้นฆ่าตัวตาย”

“เชี้ย!”

“อืมเชี้ย  กูทำให้เด็กบริสุทธิ์คิดฆ่าตัวตายเพราะความสนุกของพวกกู”

“พวกมึงแม่ง..”

“เหี้ย  เลว ทราม” ผมตอบกลับมัน  มันพยักหน้า

“แล้วมึงยังกล้าหน้าด้านไปขอโอกาสน้องมันหรอวะ”

“เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ทำไมมึงไม่ปล่อยให้น้องมันเริ่มต้นใหม่ไป   มึงจะไปยุ่งกับน้องมันทำไมวะ ไอ้อัลน้องมันก็มีคนข้างกายแล้วนะเว้ย  ถ้ามึงไม่คิดจริงจังกูปล่อยน้องมันไปซะ”

“ใครว่ากูไม่จริงจัง  กูรักมัน  มันยากที่มึงจะเชื่อ  แต่เชื่อเถอะกูรักมันจริงๆ  และกูจะไม่ยอมปล่อยมันไปอีกแล้ว  ตอนนั้นกูไม่รู้ใจตัวเอง  กูคิดแค่ว่ากูไม่เคยรักใคร  ไม่แคร์ใคร  แต่สุดท้ายกูก็แพ้เด็กอย่างมัน  มันสายไปที่กูเพิ่งจะคิดได้”

“เฮ้ออ  จะด่ามึงก็ด่าได้ไม่เต็มปาก  จะสงสารก็กระไรอยู่  พอรู้แบบนี้กูก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน  ทำไมกูถึงมีเพื่อนได้เหี้ยมโหดชั่วช้าสามาน โคตรเลวแบบนี้วะ ฮ่ะๆ”

“...” มันตบบ่าผมเหมือนกับให้กำลังใจ  หรือ ตบเพราะรู้ความจริงกันแน่ แรงชิบ!

“แล้วมึงจะเดินหน้าตื้อน้องมันต่อแบบนี้หรอ”มันถาม

“กูขอโอกาสมันอีกครั้ง  มันบอกให้กูพิสูจน์ตัวเองให้มันดู” ผมตอบไอ้โบ๊ทแต่สายตายังจ้องกับร่างเล็กไม่คลาดสายตา

“แล้วมึงจะพิสูจน์ยังไง”  ผมส่ายหน้า  ผมไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ตัวเองยังไงให้มันเชื่อใจผม

“กูไม่รู้ว่ากูจะพิสูจน์ตัวเองยังไง  แต่กูคิดแค่ว่าจะทำมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆเท่านั้น  มันจะเชื่อหรือไม่คงอยู่ที่การตัดสินใจของมันแล้ววะ” ใช่  ผมคิดได้แค่นี้  ผมควรทำมันไปตามความรู้สึกจริงๆ  ดีกว่ามานั่งคิดหาวิธีที่จะพิสูจน์ยังไงให้เห็น

“เออไงกูจะเอาใจช่วยแล้วกัน” มันตบบ่าผมสองสามทีแล้วเดินนำหน้าไป



 

-โยชิ-

“แฮกๆๆ” ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นเมื่อเดินข้ามเขามาได้แล้วหนึ่งลูก ใช่ครับพึ่งผ่านมาได้เพียงลูกเดียว  เหนื่อยเป็นบ้าเลย  ผมหยิบน้ำขึ้นดื่ม

“ห้ะ  หมดแล้ว?”  ผมเขย่าขวดเคาะๆน้ำอันน้อยนิดใส่ปาก  ทำไมหมดเร็วจังว่ะ  นี่เพิ่งจะข้ามมาได้ลูกแรกเอง  ไม่คิดว่ามันจะทรหดอะไรขนาดนี้  ทางเดินก็ยาก  ไหงน้ำมาหมดอีก  ฮืออ  นั่งร้องไห้ได้ไหมครับ  ผมจะตายเพราะขาดน้ำหรอ  จะมาตายแบบนี้ไม่ได้  ผมพึ่งจะปีหนึ่งเองนะเว้ย  ฟ้าช่างโหดร้าย....

“อ่ะ”  ผมมองขวดน้ำที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะหันไปตามแขนแกร่งนั่น

“...”

“น้ำ  จะกินไหม” เขาทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม  ผมมองเขานิ่ง

“...”

“ไม่กินงั้นเก็บนะ” เขาทำท่าจะเก็บน้ำเข้ากระเป๋า  แต่ผมกลับฉุดเอาไว้ก่อน  เอาวะประทังชีวิตไปก่อน

“กินก็ได้” แล้วผมก็ดื่มน้ำไปหลายอึกจนอิ่มท้อง  กักไว้เยอะๆจะได้มีแรงเดินต่อไป  แต่รู้สึกปวดขาแหะ  T^T 

“ลุกไหวหรือเปล่า  ถ้าไม่ไหวก็พักต่อก็ได้แต่จะตามไม่ทันเพื่อนนะ” ใช่ครับ  ถ้าผมพักนานกว่านี้จะตามไม่ทันเพื่อนที่เดินนำลิ่วไปแล้ว  ยิ่งไอ้พาสนะหายหัวเลย  ทิ้งผมให้เดินคนเดียว  ถึงจะมีเพื่อนร่วมคณะด้วยก็เถอะ  บางคนผมก็ไม่เคยพูดคุยด้วยซ้ำ

“ไหว” ผมบอกเสียงแผ่ว  ลุกขึ้นแล้วเดินต่อไป  ทางเดินไปเขาอีกลูกหนึ่งจะเป็นทรายครับ  ข้างหน้าผมนี่เป็นทะเล  ผมเดินตามเพื่อนที่เดินนำไปเรื่อยๆโดยมีเขาเดินตามมาข้างหลังเงียบๆ

 .

.

.

“ฮึบ!” เมื่อเดินมาถึงเขาอีกลูกผมก็แทบทรุดนักเข้าไปใหญ่  เขาลูกนั้นยังพอเป็นขั้นบันได้มีราวเหล็กมีพื้นปูนให้นั่งพัก  แต่ลูกนี่บอกเลยครับหินล้วนๆ

“ซ้ายย่างหนอ  ขวาย่างหนอ”  เริ่มเข้าทางธรรมละไง  ผมค่อยๆก้าวเท้าซ้าย เท้าขวา  ลงน้ำหนักให้คงที่ ไม่งั้นผมได้ล้มแน่ๆ  หินที่นี้ก็ลื่นจริงๆ  คนที่เดินสวนทางเดินลงมาก็ยิ้มทักทายส่งมาให้  ผมก็ยิ้มตอบไปทั้งๆที่จะไม่ไหวอยู่รอมร่อ

“แฮก เหนื่อยเว้ย  ใครเป็นคนเลือกสถานที่วะ” ผมโวยขึ้นมาดังๆ  ระบายความเหนื่อยล้า  ทำไมถึงเลือกสถานที่ได้ทำร้ายร่างกายผมมาก  ไม่ไหวแล้วขอนั่งพักก่อนละกัน..

“หึๆ” เสียงหัวเราะดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทผม  ผมมองหน้าเขาอย่างหงุดหงิด  มันใช่เวลามาขำไหม  บ้ารึเปล่า  รึเมาแดด  เหอะ  ผมเบะปากเมื่อเห็นหน้าอีกคนยังยิ้มขำมองมาทางผม

“น้ำ..”แล้วเขาก็ยื่นน้ำเกลือแร่มาให้ผม  ผมไม่รีรอให้เขาพูดซ้ำ  ยกกรอกเข้าปากทันที
 
“อ๊า...” สดชื่นขึ้นมาทันที

“กินน้อยๆหน่อยยังต้องเดินอีกไกล  ขวดสุดท้ายแล้วนะนั่น” ห้ะ !  จริงดิ  ยังไม่ใกล้ถึงอีกหรอวะ  แล้วอะไรขวดสุดท้าย  ผมมองน้ำในมือสลับกับหน้าเขาที่ส่งยิ้มกวนมาให้

“ขวดสุดท้าย?” ผมทวนคำ เขาพยักหน้ารับ

“ใช่ สุดท้าย” ผมกระพริบตามองเขาปริบๆ

“ละ แล้วมึงไม่กินหรอ?”

“ไม่เป็นไร  ให้เด็กน้อยตัวเล็กๆกินดีกว่า  กูไม่หิวเท่าไร”  ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  นี่กูแดกน้ำชาวบ้านเขาจะหมดแล้วหรอ

“ทำหน้าจะร้องไห้ทำไม”  ใครจะร้องบ้าแล้ว  ผมพยุงตัวเองเดินนำเขาขึ้นไปก่อนเหมือนเคย  อีกไกลแค่ไหนวะจะถึงฝั่งฝัน

“ไอ้โยมึงมีน้ำไหม  น้ำกูหมดแดกแล้ว  แฮกๆ” ผมขึ้นมาทันเพื่อนแล้วครับ  เพื่อนผมนั่งกันประปรายตามทางเดินเต็มไปหมด  มันหอบหายใจถามผม  ผมได้แต่ส่ายหน้า

“กูไม่มีวะ  หมดไปตั้งแต่เขาลูกแรกแล้ว”

“กูจะตายแล้ว  ใครเป็นคนเลือกพามาที่นี้วะ!!!”  มันแหกปากลั่นไม่ต่างจากผม  เพื่อนคนอื่นๆขำกับท่าทางมัน   เพื่อนคนนี้เรียนอยู่ห้องเดียวกับผม  คุยกันบ้างแต่ไม่ถึงขั้นสนิทอะไรเพราะเดินคนละกลุ่ม

“โอ๊ยย กูจะมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี้ไม่ได้  กูยังไม่มีเมียกะเขาเลย   ยังไม่ได้ทำตามฝันเลยเว้ย”

“ฮ่าๆๆๆ”  เสียงหัวเราะยังคงมีต่อเนื่อง  ถึงทุกคนจะเหนื่อยจนเหงื่อท่วมแต่กลับรู้สึกสนุกกับมัน  ได้เห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะ แล้วผมรู้สึกมีความสุข

“งั้นกูไปก่อนนะ” ผมบอกกับเพื่อนที่อยู่ตรงนั้นและเดินหน้าต่อไป  ทางเริ่มชันขึ้น  หินที่เดินเหยียบก็ดูจะลื่นง่ายจริง  ผมระวังเรื่องการเดินมากครับ  ถ้าลื่นแล้วตกกลิ้งลงไปมีแต่ตายกับตาย  เดินขึ้นไปเรื่อยๆผมก็เริ่มคลาน  ใช่ครับไม่ผิดหรอกคลานเลย  ทรุดนั่งขยับก้าวไปช้าๆ มือจับหินดันตัวขึ้นไป  รันทดจังชีวิตผม ผมจะมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น  จะไม่มาอีกแล้วววววว

“พักก่อนก็ได้มั้ง  ไม่ต้องรีบหรอกมีเวลาทั้งวัน” ผมหยุดนิ่งกับที่  คิดว่าจะไม่ได้ยินเสียงแล้วซะอีกเห็นเงียบมาตลอดทางที่เดิน  เขาเดินห่างจากผมนะครับ  แต่เดินตามหลังผมมา  คนที่เดินผ่านไปมาก็ยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเคย  พร้อมกับประโยคเดิมๆที่ใครผ่านลงมาก็บอกว่า

“อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว สู้ๆนะ” ครับ  ประโยคนี้วนไปวนมา  ประโยคเดียวแต่แตกต่างที่คนพูดไม่ซ้ำหน้ากันเท่านั้น

“โอ๊ยยปวดขาไม่ไหวแล้วววว” ผมร้องโหยหวนออกมาสุดจะทน

“จริงๆเลย..อ่ะน้ำ กินซะ”  น้ำเพียงนิดเดียวที่เหลืออยู่ถูกยื่นมาให้ผม  ผมมองมันนิ่งๆ  จะกินดีไม่กินดี  แล้วมองหน้าเขาที่จ้องอยู่

“...”ผมเม้มปากแน่น

“กินไปเถอะ  กินจนจะหมดแล้ว เอ้า!” ผมยื่นมือไปรับขวดน้ำกับเขาขึ้นมาดื่มแล้วยื่นกลับคืนให้เขา

“กินซะสิ  เดี๋ยวจะหาว่าไม่แบ่ง”เขารับน้ำที่เหลือทั้งหมดไปดื่ม

“ขอบคุณครับ” เขายิ้มกว้างมองหน้าผม  ผมเสมองไปทางอื่นไม่อยากเห็น

 

“อีกนิดๆจะถึงแล้ว”  มันจะถึงแล้วจริงๆ  แค่เราเดินลงไปอีกแค่นิดเดียวจริๆ  ตอนนี้ผมเข้าใกล้ตัวถ้ำแล้วกำลังเดินลงไป  ทางก็ยิ่งชันมากขึ้น  แต่ตอนลงมันสบายกว่าตอนขึ้นอยู่แล้วจริงไหมครับ  พอเดินลงมาเรื่อยๆ  อากาศก็เริ่มเย็นมีลมพัดกระทบผิวผมให้รู้สึกดี  ธรรมชาตินี่ดีจริงๆนะครับ

“อ๊ะ อ๊ากก! ตุบ” ฮืออ เจ็บ!  มัวแต่ซึบซับบรรยากาศจนลืมมองทางเดินทำให้ผมลื่นล้มไปนั่งกับพื้นหิน

“ทำไมไม่ระวัง ห้ะ!!” เสียงตวาดลั่นทำเอาผมสะดุ้ง  ร่างสูงของอีกคนรีบเขามาดูผมที่นั่งแหมะกับพื้น  เขามองผมด้วยสายตาดุๆ

“ฮึก..” ผมเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้น  น้ำตาคลอเบ้า

“เฮ้ออ” เสียงถอนหายใจดังมาให้ได้ยิน ผมมองเขาที่กำลังจับข้อเท้าผม

“อ๊ะ  จะ เจ็บ!” ผมขยับเท้าหนี

“จะดูให้”

“ไม่เอามันเจ็บ” ผมยังคงงอแงไม่ให้เขาดูเท้าให้  เขาจับเท้าผมไว้แน่นแล้วจ้องหน้าผมนิ่งๆ

“อย่าดื้อ” แล้วเขาก็ถอดรองเท้าผ้าใบที่ผมใส่ออกอย่างเบามือ

“เจ็บๆๆ” ผมตีไหล่เขาไปหลายที

“เจ็บก็อยู่นิ่งๆ  อย่าขยับ...ดื้อจนได้เลือด” ผมนิ่วหน้าเมื่อเขาเริ่มบีบๆนวดๆตรงบริเวณข้อเท้าผม

“...”

“น้ำก็หมดแล้วจะได้น้ำที่ไหนล้างเท้า” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ

“ไม่เห็นต้องล้างเลย” ผมตอบเขาไป  ถึงเขาจะไม่ได้ถามก็เถอะ  เขาหันมาใช้สายตาดุๆกับผม  ทำเหมือนผมเป็นเด็กอย่างงั้นแหละ 

“มันสกปรก..”

“...” ผมเงียบเมื่อเขาพูดจบแล้วจัดการเอาผ้าเช็ดหน้าของเขามาพันรอบข้อเท้าผม  ผมมองการกระทำของเขาเงียบๆปล่อยให้เขาพันจนเสร็จ

“ลุกไหวไหม?” ผมพยักหน้า แล้วค่อยๆลุกขึ้นโดยมีเขาพยุงอยู่

“...”

“จะไปต่อหรือว่าจะหยุดรอพวกนั้นแค่ตรงนี้”  ไม่เอาหรอก  ใครจะยอมหยุดแค่นี้  ผมดั้นด้นเดินมาจนใกล้ถึงแล้ว  ไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่

“...” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ  เขาถอนหายใจอีกรอบ
 
“แต่ขาเจ็บอยู่  จะเดินไหวยังไง  คิดบ้าง” เขาบ่นผม

“แต่มันอีกแค่นิดเดียวเอง” ผมพูดเสียงแผ่ว

“ก็รู้ว่าอีกแค่นิดเดียว  แต่ดูทางด้วยมันชันมากแค่ไหน  ถ้าเดินลงไปเท้ามันก็ต้องใช้งานหนักกว่าเดิม  โดยเฉพาะข้างที่ไม่เจ็บ  อย่าดื้อแล้วฟังที่พูดบ้าง  นี่มันบนเขานะ  ไม่ใช่ทางลาด”

“อยากอยู่ก็อยู่ไปคนเดียวดิ!” ผมผลักเขาออกและค่อยๆเดินลง  เกาะไม้ราวจับเดินลงไป 

“ให้ตายเหอะ!!” เสียงสบถดังขึ้นมา  ผมทำเป็นไม่สนใจค่อยๆก้าวเดินต่อไป  อีกแค่นิดเดียวเอง..

“อ๊ะ !”  ผมเกือบล้มลงไปอีกรอบแล้วถ้าไม่มีแขนแกร่งโอบรอบเอวผมอยู่

“พูดไม่ฟัง”

“...”

“เอ้าอยากไปนักก็ขึ้นมา เดี๋ยวพาไปเอง” เขาย่อตัวลงต่อหน้าผม ผมมองแผ่นหลังกว้างอย่างนึกลังเล

“...”

“จะยังอยากไปอยู่ไหม  เร็วๆ” เขาเร่งทำให้ผมยอมย่อตัวหาเขา  ผมวาดแขนกอดคอเข้าไว้จากทางด้านหลัง เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น  สอดแขนกับข้อพับขาผมทั้งสองข้างขึ้น ผมซบหน้าลงกับไหล่กว้างเงียบๆ ผมคิด.. คิดถึงกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้  คิดถึงบ่ากว้างนี้ที่ผมเคยซบมัน  คิดถึง..เมื่อก่อนที่เรารักกัน  ไม่สิ  ที่ผมรักเขาฝ่ายเดียวต่างหาก ... ระหว่างทางเดินลงไปอาจจะดูทรหดไปหน่อย  แต่เขาก็ยังพาผมไปให้ถึงสถานที่  พอถึงจุดหมายเขาค่อยๆวางผมลงกับหินก้อนใหญ่

“ไอ้โย!! มึงเป็นไร  นี่มึงทำไรเพื่อนกูห้ะไอ้เหี้ย!!” ไอ้พาสมันวิ่งหน้าตั้งมาหาผม  เมื่อมันเห็นว่าผมได้รับบาดเจ็บมันก็พาลไปหาอีกคน  มันกระชากคอเสื้อเขามองอย่างเอาเรื่อง

“เอ่อ..ไอ้พาสใจเย็นก่อน” ผมปรามมัน  มันผลักเขาออกห่างๆ

“มึงเป็นไรมากป่ะ  เจ็บมากไหม มันทำไรมึง บอกมา”

“กูแค่ลื่นล้มเฉยๆ  มันไม่ได้ทำไรกู”

“แน่นะ”

“อืม” ผมพยักหน้า

“งั้นลุกไหวไหม  ไปถ่ายรูปกัน”   มันไม่ยอมให้ผมได้ตอบมันพยุงผมลุกขึ้นแล้วพาไปถ่ายรูปมุมต่างๆ  ขาก็เจ็บอยู่หรอกแต่อยากถ่ายรูปมากกว่า แหะๆ  สวยครับ บรรยากาศภายในถ้ำสวยมากร่มเย็นดี  แล้วก็พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์สวยมากกก  คุ้มกับที่เดินมาจริงๆครับ  ถึงแม้พอใกล้จะถึงมีคนแบกมาก็เถอะ

 
“สลับกันไหมมึง”  ตอนนี้เรากำลังเดินกลับเส้นทางเดิม  ขึ้นและลงเขา  พี่คิมบอกว่าถ้าลงเขาลูกนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาเพราะต่อเรือกลับไปก็ได้ไม่จำเป็นต้องเดินเขาอีกลูกหนึ่ง    ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระมากจริงๆตอนนี้  ทุกคนต่างต้องมาเหนื่อยเพราะผมโดยเฉพาะเขาที่ไม่ยอมให้ผมได้ขยับเดินเลยแม้แต่นิด  เพื่อนๆเขา ทั้งพี่เดฟ พี่เอ พี่โบ๊ท  รวมไปถึงพี่คิมต่างพากันสับเปลี่ยนกันให้ผมขี่หลังกลับ  ไอ้พาสเองก็บ่นผมตลอดทางจนหูชา...ก็ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้  ก็มันลื่นเองจะให้ทำไง  กว่าจะถึงข้างล่างได้เล่นเอาทุกคนทรุดหอบ  ผมที่ไม่เหนื่อยเท่าไร  แต่ร้อนครับ  เลยได้แต่ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่  พวกเขาก็โบกมือบอกไม่เป็นไรๆ  ...  ดีหน่อยที่ข้างล่างมีร้านอาหารตั้งอยู่  พวกเราทั้งหมดจึงเข้าไปนั่งพักดื่มน้ำ  กินข้าว  เห็นเพื่อนร่วมคณะบางคนนั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้ว  บางกลุ่มก็พึ่งลงมา  ตอนนี้ในร้านจึงประปรายไปด้วยรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะมหาลัยเดียวกัน

“กูคิดว่าจะเอาชีวิตมาตายที่นี้แล้ว...” พี่เอพูดขึ้นจากที่หายเหนื่อยแล้ว

“ไอ้คิมมึงใช่ไหมเลือกสถานที่นี่  มึงได้อ่านข้อมูลไหมว่าต้องมาลำบากที่นี่”พี่โบ๊ทเสริม

“อ้าว  กูก็บอกพวกมึงในที่ประชุมแล้วนิ  ห่า ไหนๆวะหมาตัวไหนมันบอกว่าอยากมาทดสอบความแข็งแรง  ถุยสิ! ตอนนี้อย่ามาว่ากู  พวกมึงเลือกเอง”

“แล้วจะเถียงกันทำไม”  เขาบอกกับเพื่อนเขาจากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้น  ไม่เงียบได้ไงครับก็อาหารมาเสริฟด้วยความที่เหนื่อยล้ากันมา  พอข้าววางปุ๊บทุกสิ่งที่เคยพูดคุยก็เก็บไว้ก่อน นาทีนี้กินอย่างเดียว เพิ่มพลังงานที่เสียไปมากมาย  ไอ้พาสถึงกับขอเบิ้ลสองเลยครับ

พอมาถึงรถทุกชีวิตถึงกับสลบไปกับที่นั่งของตัวเอง  ตอนนี้รถยังไม่ออกนะครับเพราะต้องรอคนที่ยังเดินลงจากเขามาไม่หมด  คนที่มาถึงก่อนก็พากันนอนรอ..ผมที่ไม่เหนื่อยอะไรมากมายเท่าคนอื่น  เพราะมีคนแบกมา  จึงนั่งเล่นเกมส์ในมือถือรอ  ส่วนคนข้างๆนั่นพอถึงที่ก็ปรับเบาะเอนหลังพิงนอน  ยกแขนปิดตาตัวเอง  ผมจึงปรับแอร์ฝั่งผมให้เขา

 
Rrrrrrr Rrrrrr

ผมไม่รู้ว่าผมนั่งมองเขานอนหลับนานแค่ไหนจนเมื่อเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นเตือนสติผมที่อยู่ในห้วงภวังค์ความคิดของตัวเอง  ผมกดรับทันทีเมื่อรู้ว่าใคร

“อืม ว่าไง”  ผมทักทายปลายสาย

(ตอนนี้มึงอยู่ไหนเตี้ย)

“อยู่ถ้ำพระยานครอ่ะ” ผมตอบ

(แล้วจะกลับวันไหน)

“พรุ่งนี้  เดี๋ยวยังไงจะโทรบอกอีกที”

(อืมๆๆ...แล้วเรื่องนั้น) ผมมองคนข้างๆที่ขยับตัวเล็กน้อย   ก่อนตอบ
 
“อืม..”  ผมตอบมันสั้นๆแค่นั้น  คุยกันได้อีกสองสามประโยคก็วางสายไป  ผมจึงเสียบหูฟังเปิดฟังเพลงหลับตาลงเหมือนคนข้างกาย...

 

 

TBC.

 
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่18 : เป็นแฟนกันนะ... [05/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 05-11-2017 16:20:16
ตอนที่18 : เป็นแฟนกันนะ
-อัลฟา-

 

เรากลับมาถึงที่พักกันช่วงเวลาบ่ายสามของวัน  ทำไมนะหรอครับ  เพราะกว่าจะได้เดินทางออกมาจากถ้ำพระยานครต้องรอเพื่อนๆน้องๆ ขึ้นรถให้ครบ    ส่วนผมพอถึงรถก็หลับเป็นตายเลย  รถออกตอนไหนก็ไม่ทราบ  ตื่นมาก็โดนคนข้างๆปลุก  แล้วไล่ให้ลงจากรถเพราะถึงที่พักแล้ว  ผมจึงจับใจลงจากรถทั้งๆที่อยากจะแกล้งนอนขวางทางนานๆหน่อย

 

“จับกลุ่มกันได้แล้วมารับกุญแจบ้านพักกับพี่นะครับ  อย่างที่บอกบ้านหนึ่งหลังสามารถพักได้ทั้งหมดเก้าคน  ถ้าใครจับกลุ่มได้แล้วมารับได้เลยครับ” ไอ้คิมแจกจ่ายกุญแจบ้านให้กับน้องๆหลายกลุ่ม

 

“เมียมึงพักกับกูบ้านนี่ๆ” ไอ้เดฟมันลากพาสต้าเข้าไปบ้านพักหลังเดียวกับกลุ่มพวกผม  มีพาสต้าก็ต้องมีโยชิ  เพื่อนผมช่างรู้ใจจริงๆ

 

“วุ่นวายจริงเว้ย  น่ารำคาญ” ต่อให้มันโวยวายยังไงเพื่อนผมก็จัดการลากมันไปได้อยู่ดี  ผมคว้าเอากระเป๋าตัวเองได้ก็เดินตรงไปบ้านพักหลังที่ไอ้เดฟมันเขาไปก่อนแล้ว บ้านพักที่เราเลือกพักวันที่สองเป็นบ้านพักเล็กๆสองชั้นครับ  มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ มีระเบียงยื่นออกมาด้วยนะครับ  ชั้นล่างจะมีห้องนอนหนึ่งห้องซึ่งสามารถพักได้สองถึงสามคน  หนึ่งห้องน้ำ  และมีตะไว้สำหรับนั่งเล่นหรือทานอาหารด้วย  ส่วนชั้นบนจะมีสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ  เหมือนกันกับชั้นล่างที่สามารถพักได้ห้องละสองถึงสามคน  ตรงส่วนระเบียงยื่นออกไปนั่นจะมีทีวี  ตู้เย็น โต๊ะเก้าอี้สำหรับทานอาหาร  นั่งเล่นคุยกัน  พื้นที่ตรงส่วนนี้กว้างครับ  ผมพักอยู่ห้องเดียวกับไอ้เดฟ  พาสต้ากับโยชิ  ซึ่งอยู่ส่วนด้านบน  ข้างล่างจะเป็นไอ้คิม ไอ้โบ๊ทและไอ้เอ

 

“ไอ้โยไปเล่นน้ำกัน”

 

“กูปวดขาอยู่  มึงยังจะชวนเล่นอีกหรอวะ”

 

“ก็กูไม่มีเพื่อนเล่น”

 

“ไม่มีเพื่อนเล่นหรือไม่มีเพื่อนให้แกล้ง”

 

“ไปเหอะนา..”   เสียงพูดคุยกันดังลอดเข้ามาให้ได้ยิน  พร้อมเสียงตึงตังที่ดังออกห่างไป  สงสัยจะลงไปข้างล่างแล้ว  ผมหันมาสนใจไอ้เพื่อนข้างตัวที่กำลังนอนเกลื้อนกลิ้งบนเตียงอยู่

 

“ไม่ไปคุมเมียมึงรึไง” ผมถาม  มันส่ายหน้า

 

“วันนี้กูเหนื่อยแล้ว  จะตายละห่า ปล่อยมันไปวันหนึ่งละกัน”

 

“เดี๋ยวเมียมึงก็โดนจีบหรอก”

 

“เชี้ยอัลหุบปากไปเลย  มึงนี่ชอบทำให้กูคิดมากจริงๆ”  แต่สุดท้ายมันก็ลุกไปอย่างหงุดหงิด ผมได้แต่ขำกับท่าทางมัน  ยุขึ้นง่ายจริงๆเพื่อนผม

 

 

 

“หายไปไหนแล้วว่ะ” ผมกับไอ้เดฟเดินมายังชายหาดที่อยู่หน้าบ้านพักไม่ไกลมาก  ผู้คนมากมายกำลังเล่นน้ำทะเล  ทำให้ผมกับไอ้เดฟมองหาสองคนนั้นไม่เจอ

 

“คนแม่งก็เยอะชิบหาย  แล้วกูจะเจอไหมเนี้ย” ไอ้เดฟยังเดินบ่นไปหาไปด้วย

 

“พูดมากวะ” ผมว่า

 

“ปากกู สัส” เออๆๆไม่เถียงหรอก  ก็ปากมึงนิไม่ใช่ปากกู

 

 

เดินหากันมาสักพักก็พบร่างของสองคนนั้นนั่งอยู่ที่ริมชายหาด  แต่จะบอกว่าสองคนก็ไม่ใช่เพราะยังมีใครอีกสามคนที่ผมไม่รู้จัก  แต่ที่แน่ๆไม่ใช่รุ่นน้องที่มาด้วยกันแน่นอน

 

“เมีย!” ไอ้เดฟกัดฟันพูดจ้องมองไปยังมุมนั้น  มันก้าวเท้าฉับๆอย่างรวดเร็ว ผมจึงรีบวิ่งตามมันไป  เพราะคนที่ผมตามหาด้วยก็อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน

 

“เมีย!!” ไอ้เดฟตะโกนลั่น  ทำให้ทั้งกลุ่มหันมามองมันเป็นตาเดียว  มันจ้ำอาวไปหาไอ้พาสต้า

 

“เป็นเชี้ยไรของมึงเนี้ย”  พาสต้าตะคอกกลับ

 

“พวกมึงเป็นใครมายุ่งไรกับเมียกู!” มันไม่ตอบพาสต้า  มันหันไปพูดกับเด็กกลุ่มนั้นแทน

 

“เอ่อ..” เสียงอ้ำๆอึ้งๆของเด็กคนหนึ่ง

 

“ถามก็ตอบสิวะ!”

 

“ไอ้เดฟใจเย็น” ผมปราม พร้อมจับไหล่มันไว้  แล้วปรายสายตามองเด็กผู้ชายทั้งสามคนตรงหน้า

 

“งี่เง่า”

 

“มึงว่าไงนะเมีย!”

 

“กูบอกว่ามึงมันงี่เง่า  ไม่รู้อะไรก็หุบปากไปเลย”

 

“พาสต้า!!”  นานๆทีไอ้เดฟจะเรียกเมียมันเต็มยศขนาดนี้  แสดงว่ามันโกรธจริงสินะ  สายตาที่จ้องพาสต้าแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่เอ่ยเรียกดุดันขึ้น  เมียมันก็แค่มองจ้องกลับแบบไม่กลัวมันแม้แต่น้อย

 

“พอกันทั้งคู่  คุยกันดีๆดิวะ” ผมว่า

 

“เหี้ยแบบมึง  อย่าเสือก”  ผมได้แต่กรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด  ไม่เสือกก็ได้วะ  เรื่องผัวเมียเคลียร์กันเองแล้วกัน  มองอีกคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

 

“เป็นอะไร?” ผมถามโดยที่ไม่สนว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งบีบเท้ามันอยู่

 

“...” มันไม่ตอบแค่หันมามองหน้าผมเล็กน้อย

 

“เฮ้อออ  เหยิบไปกูทำเอง  นวดแบบนั้นคงหายเจ็บหรอก” ผมบอกกับเด็กนั้นแต่มันก็ไม่ยอมถอยออกเอาแต่มองหน้าผม

 

“ผมทำได้”

 

“เหยิบ!” ผมกดเสียงต่ำมองอีกคนนิ่งๆ  มันถึงยอมเขยิบถอยออกไป  ผมจึงเข้านั่งแทนที่  พร้อมกับจับขาที่ปวดเป้งของอีกคนมาดู  มันปวดกว่าตอนแรกมาก

 

“โอ๊ย เจ็บๆเบาๆหน่อยดิ”

 

“ก็อยู่นิ่งๆสิ  จะขยับเท้าหนีทำไมห้ะ” ผมดุอีกคน  มันทำหน้าบึ้งไม่พอใจที่โดนดุ

 

“งั้นก็เบาๆสิ”

 

“ครับๆจะเบามือที่สุด” ผมค่อยๆบีบนวดเบาๆ  ยาก็ไม่ได้เอามาต่อให้นวดไปก็ไม่หายบวมอยู่ดี  ผมจึงมองหยุดนวดแล้วมองอีกคน

 

“อะไร?” มันขมวดคิ้วมุน

 

“กลับบ้านพักดีกว่า  หรือจะไปหาหมอดี  ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่” ผมบอกตามจริง

 

“เอ่อคือ..พี่ครับ” ยังอยู่อีกหรอวะ  ผมหันไปมองเด็กที่กำลังพูดแทรกขึ้น

 

“มีไร” ผมถาม

 

“แถวนี้พอมีโรงบาลใกล้ๆอยู่ครับ”

 

“...” ผมไม่ตอบแต่กลับหันไปหาคนที่เจ็บเท้าแทน  อุ้มอีกคนขึ้นแล้วพยักหน้าบอกเด็กพวกนั้น

 

“ครับ?” มันเกาหัวถาม งงๆ

 

“พาไปหน่อย..” ผมบอก  เด็กนั้นจึงรีบพาไป  ระหว่างทางไปผมจึงพูดคุยกับเด็กผู้ชายที่มาส่งเล็กน้อย  ได้ความว่าเป็นเด็กจังหวัดใกล้เคียงมาเที่ยว  แต่พอจะรู้ว่าแถวนี้มีโรงบาลอยู่ด้วยเพราะมาบ่อย  พอมาถึงโรงบาลก็ต้องรอคิวเพราะคนเยอะมาก  ... หลังจากให้หมอตรวจเช็คอาการข้อเท้าบวมแล้ว  ก็รอรับยา จ่ายตัง  แล้วก็ขับรถกลับ  โดยได้เด็กคนนั้นแหละครับมาส่งอีก

 

“ขอบคุณมากน้อง” ผมบอก

 

“ไม่เป็นไรพี่  คนไทยด้วยกัน” มันยิ้มขำเขินๆ

 

“ขอบคุณนะ นายเป็นคนดีจริงๆ” โยชิบอก  ไอ้เด็กนั่นส่ายหน้าไปมายิ้มกว้าง

 

“ไม่หรอกครับ  ผมก็คนปกตินี่แหละ  ก็ชั่วบ้างดีบ้าง” มันเกาแก้มยิ้มเขินตอบ

 

“งั้นหรอ ฮ่ะๆ” โยชิขำกับท่าทีของเด็กนั้น ผมมองมันสองคนสลับกัน  หงุดหงิดเว้ย

 

“อะแฮ่ม!” ผมแกล้งกระแอมเบาๆ  สองคนนั้นถึงหันมามองผม

 

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

“โชคดี” ผมบอก

 

“ขับรถกลับดีๆนะ” โยชิบอก  เด็กนั้นก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปที่รถตัวเอง  แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปในรถมันก็หันมาตะโกนถาม

 

“ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ?” ผมหันขวับไปมองมันทันที  จะไปก็รีบไปดิวะ

 

“ไอ้เด็กเวร” ผมพูดเสียงลอดไรฟันจ้องมันเขม็ง  แต่มันคงไม่ได้สนใจมองผมหรอกสายตามันมองคนข้างผมต่างหาก

 

“...โยชิ!” ไอ้คนข้างๆก็ตะโกนตอบกลับไป  โวยยหงุดหงิดๆ

 

“ผมชื่อมาร์คนะครับ  หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ” ไม่มีวันที่มึงจะได้เจอกันหรอกเว้ย  ตราบใดที่มีกูอยู่บนโลกใบนี้

 

“แล้วเจอกัน..” ยัง  ยังโบกมือให้ผู้ชายอื่นอีก  อยู่กับผมไม่ให้มันจะยิ้มกว้างขนาดนี้เลย

 

“เหอะ!”

 

“...” มันหันมามองผมแล้วไม่พูดอะไร  พอโบกมือลาไอ้เด็กนั้นจนพอใจก็เดินหันกลับเข้าบ้านพักแบบไม่สนใจผม

 

“เหอะ!” ผมถอนหายใจแรงระบายความหงุดหงิดออกมา  ดึงทึ่งหัวตัวเองแรงๆ  เตะลมระบายความหงุดหงิดออกมาให้หมด  อยู่กับเขาละบึ้งตลอด  พอเด็กนั้นละยิ้มจนปากแทบฉีก

 

“ไอ้เดฟละ?”  ผมเดินเข้าบ้านมาก็เห็นไอ้เพื่อนสามตัวกำลังนั่งกินขนมเล่นเกมส์ในมือถือแข่งกันอยู่

 

“ง้อเมียมันอยู่ข้างบน” ไอ้เอเป็นคนตอบ  มือก็กดยิกๆ

 

โครม ! เสียงเหมือนอะไรหล่นใส่พื้นดังลั่น  ไอ้พวกที่เล่นเกมส์อยู่กดสตอปเกมส์แล้วเงยหน้ามามองกันก่อนจะมองไปข้างบนที่เกิดเสียง... รุนแรงตลอดเลยสองคนนี้  ทะเลาะกันทีไรบ้านแทบพัง  หรือไม่ข้าวของที่มันใช้โยนใส่กันนี่แหละพัง

 

“เฮ้ออ” ผมถึงกับกุมขมับ  แล้วมันทะเลาะกันแบบนี้ผมจะคุยเรื่องที่จะให้มันช่วยได้ไงว่ะเนี้ย

 

“มึงมันงี่เง่า  ไอ้ควาย  ไอ้เดฟมึงมันควาย!!” เสียงพาสต้าตวาดลั่นบ้าน

 

“มึงว่ากูควาย  งั้นมึงก็ควายเหมือนกันเพราะมึงมีผัวเป็นควาย!!”

 

“ไอ้เหี้ยเดฟ!!”

 

เพล้ง ! โครม!  ตึง! 

 

จบประโยคของพาสต้าเสียงกระทบดังสนั่นให้ได้ยินเล่นเอาพวกผมตกใจกันทีเดียว

 

“เอ่ออ  มึงไปห้ามมันหน่อยไอ้เอ” ไอ้โบ๊ทสะกิดไอ้เอเบาๆ

 

“มึงสิต้องไป  กูยังอยากมีชีวิตอยู่” ไอ้เอส่ายหน้าพรือ

 

“งั้น..ไอ้คิมมึงเลย”ไอ้โบ๊ท

 

“เหอะ  ปัญหามันเองกูขอไม่เสือก  รอดูความพินาดของมันดีกว่า” ไอ้คิมไหวไหล่อย่างไม่สนใจ

 

“ไอ้อัล  งั้นมึงไปเลยเพื่อนสนิทมึงนิ ไปห้ามพวกมันหน่อยเดี๋ยวได้ฆ่ากันตายพอดี”

 

“ห้ามไปก็เท่านั้น..เฮ้ออ” ผมตอบ

 

“โอ๊ย!!” เสียงร้องลั่นทำให้พวกผมหันกลับไปมองข้างบนอีกครั้ง  เสียงนี่ไม่ใช่ทั้งไอ้เดฟและพาสต้า  แต่เป็นเสียงของคนที่น่าจะอยู่ข้างบนมากกว่า

 

“ไอ้เชี้ย! เด็กมึงโดนลูกหลงชัวร์เลย  ไปดูน้องมันเร็ว!” ไอ้โบ๊ทว่า ผมจึงรีบขึ้นไปดูข้างบนบ้าน  ขึ้นมาก็พบกับเศษซากอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด  จากพื้นที่เคยสะอาดตอนนี้...เกินบรรยาย  แล้วนี่ไอ้คู่ผัวเมียหายหัวไปไหนวะ  ผมเดินข้ามเศษแก้วที่แตกไปหาร่างที่นั่งแหมะอยู่กับที่ไม่ห่างจากประตูระเบียงมากนัก

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

 

“ไม่” อีกคนส่ายหน้า  ผมเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้นพาเดินออกไปส่วนของระเบียงบ้าน

 

“แล้วสองคนนั้นอยู่ไหน” ผมถาม

 

“ในห้องนอน” มันบุ้ยปากไปทางห้องนอนที่เป็นห้องของผมกับไอ้เดฟพัก

 

“จริงๆเลย  ไม่โดนลูกหลงใช่ไหม” ผมจับมันพลิกไปมาดู

 

“...” มันส่ายหน้าเป็นคำตอบ

 

“เฮ้ออดีแล้ว  งั้นนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ” ผมบอกก็เดินเข้าไปในบ้านจับไม่กวาด  ถังขยะที่อยู่ใกล้ๆมากวาดเศษเกลื้อนกลาดนี่ทิ้งๆไป  ถ้าหากเดินเหยียบได้เป็นแผลแน่  พรุ่งนี้คงต้องไปจ่ายค่าเสียหายของพวกนี้อีก  ทะเลาะกันแบบไม่ใช้กำลังไม่ได้หรอวะ  ว่าแล้วขอซักทีเหอะ ผมจึงถีบประตูห้องที่พวกมันอยู่ไปทีหนึ่ง

 

“ให้ช่วยไรมั้ย?” ผมมองคนที่ผมบอกให้นั่งอยู่นอกระเบียงนั่นนิ่งๆ  ทำไมไม่เคยเชื่อฟังเลยวะ  ขาก็ยังไม่หายเจ็บเลย  เดินกะเผลกๆเข้ามานั่งก้มเก็บเศษขยะทิ้ง  จะห้ามก็ไม่ทันแล้วครับ

 

“ไม่ต้องถามหรอกมั้ง  ก็ช่วยไปแล้วนิ”

 

“ช่วยกันมันเสร็จเร็วกว่า”

 

“ครับๆๆ งั้นก็ระวังแก้วบาดด้วย”  เราจึงช่วยกันจัดการทำความสะอาดพื้นจนเสร็จ  ผมอาสาเอาขยะลงไปทิ้งเอง  มะนพยักหน้าโอเค  แล้วบอกจะเดินดูอีกรอบเผื่อมีเศษแก้วหลงเหลืออยู่  ก็เออโอเค  ส่วนไอ้พวกที่หายเงียบในห้องนั้นก็ไม่คิดจะออกมาดูดำดูดีเพื่อนมึงเลย

.

.

.

“หึ  หน้าระรื่นเชียวนะ”  ผมทักมันเมื่อเห็นมันเดินลงมาข้างล่างอย่างอารมณ์ดี  มันยิ้มกว้าง พรางยักคิ้วมากวนส้นผมอีก  หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จผมก็พาเด็กผม(?)  โยชินั่นละ  ลงมานั่งรวมกับพวกไอ้คิมด้านล่าง  อยู่ด้านบนเสียงมันดังรบกวนแก้วหูพวกผม  ไม่ถามนะครับว่าเสียงอะไร...

 

“ขอตัวไปดูพาสต้าก่อนนะครับ”

 

“เดินไหวนะ  ให้ช่วยพยุงไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง  มันส่ายหน้าเดินจับราวบันไดขึ้นไป  พอมันพ้นแล้วผมจึงหันมามองเพื่อนที่มีความสุขเกินหน้าต่างจากเมื่อกี้นี่ลิบลับ

 

“มองหน้ากูทำไมคับ อิจฉา?”

 

“เหอะ  คิดงั้น..กูรอมึงนานละห่า  นั่งลงมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

-โยชิ-


ผมเดินจับราวบันไดขึ้นมาด้านบนของบ้านพัก  จะเข้าไปดูไอ้พาสที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง  เปิดประตูเข้าไปก็พบกับเศษซากนอนตายเกลื้อนเต็มห้อง  ผมมองร่างของเพื่อนที่นอนคว้ำหน้าอยู่กับเตียง

 

“ไอ้พาส” ผมเรียกมัน  มันลืมตามองผมนิ่งๆ

 

“อืม..”

 

“ไหวไหมมึง” ผมถามมันอย่างนึกเป็นห่วง

 

“ไม่ตายง่ายๆหรอกนา” มันว่าแล้วก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองผม

 

“เห็นมึงสบายดีกูก็ดีใจ”

 

“หึ แล้วเรื่องนั้นว่าไง?” ไอ้พาสมันเสยผมที่ปรกหน้ามันขึ้นถามผม

 

“อืม  ตามที่บอกนั้นแหละ” ผมตอบ  มันพยักหน้า

 

“หึ เออจะรอดู...”

 

“...”

 

“กูง่วง  ขอนอนก่อน  สองทุ่มปลุก” มันบอกก่อนที่จะล้มตัวลงนอน  สองทุ่มปลุก  ผมยกมือถือขึ้นมาดูนาฬิกา...หกโมงครึ่ง

 

“เออๆ” อย่างน้อยให้มันนอนพักไปก่อนแล้วกัน

 

 

“เอานี่ๆๆ แล้วก็เอานี่  เดี๋ยวๆๆนี่ด้วย” ไอ้พาสครับมันสั่งอาหารมากินแบบไม่ยั้ง  ตอนนี้ผมกับมันมานั่งกินข้าวกันด้านนอก  เพราะมีร้านค้ามาตั้งเปิดเรียงรายมากมาย  มีร้านอาหารด้วยนะครับ  ผสมปนเปกันอยู่  ผมกับมันเลือกนั่งร้านข้างทางธรรมดา  ไม่อยากเข้าไปนั่งในร้านอาหาร  นั่งแบบนี้แหละครับลมพัดเย็นๆดี  จริงๆพี่ๆในคณะเขาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันให้อยู่ครับ  แต่พวกผมแกมากินข้าวข้างนอกดีกว่า  กินเสร็จกะจะเข้าไปรวมนิดๆหน่อยๆ  ให้ได้พอเห็นหน้าแล้วคอยเข้าที่พัก ไปพักผ่อนดีกว่า  วันนี้เหนื่อยทั้งวันแล้วจริงๆ

 

“สั่งเยอะขนาดนี้จะกินหมดไหมมึง” ผมถาม

 

“หมดไม่หมดเดี๋ยวก็รู้เองละนา  แดกๆไปเถอะ” ดูมันตอบสิครับ

 

“กูละยอมมึงเลย”

 

“จ้ะ  กูรู้กูเก่ง หึๆ”

 

“มโน  พูดเองเออเอง” ผมว่ามัน  มันจึงตบหัวผมทีหนึ่ง

 

“พูดมาก  ปากนะเก็บไว้กินข้าวดีกว่านะไอ้เตี้ย”

 

“เออกูไม่เถียงกะมึงแล้ว” ผมยู่ปาก  หันไปมองทางอื่นแทนมองหน้ากวนส้นของมัน  มันหัวเราะที่แกล้งผมได้  ฮึ่ย ! อย่าให้ถึงตากูบ้างนะ ...  อาหารที่สั่งมาเสริฟผมจึงหันมาจัดการรับประทานเขากระเพาะทันที  หิวครับบอกตรงๆ  หิวมากก  ถึงจะบ่นไอ้พาสว่าสั่งเยอะแต่เราสองคนก็นั่งกินไปคุยไปจนหมด เช็คบิล หารครึ่ง เตรียมกลับไปร่วมงานกับเพื่อนๆในคณะที่คงกำลังเมามันส์  สนุกสนานอยู่  ถึงพี่คิมจะบอกว่าจำกัดพวกแอลกอฮอล์ก็เถอะแต่สภาพที่ผมเห็นตอนนี้แต่ละคนเมาได้ทีเลย  บางคนก็เลื้อยกับพื้น  บางคนก็นอนกอดต้นไม้  บางคนนี่ก็ร้องเพลงอะไรไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง  อย่างว่าละครับ คณะวิศวะมีแต่ผู้ชาย  มันเป็นเรื่องปกติกับสภาพแบบนี้  แต่บางคนก็ยังคงมีสติอยู่นะครับ  คอคงแข็งน่าดู

 

“ไอ้พาสต้า ไอ้โยชิ...มาเน๊ๆๆ” เสียงอ้อแอ้ตะโกนเรียกผมกับไอ้พาส   ผมหันไปมองพบกับเพื่อนรวมห้องตัวเองที่ได้ศักดิ์เป็นถึงหัวหน้าห้องเชียว  หน้าแดงหูแดง  คงหนัก  ขวดเหล้ายังคามืออยู่เลย

 

“เรียกไมไอ้หัวหน้า” ไอ้พาสตอบ

 

“แดกๆๆ” มันยื่นขวดเหล้าที่ถือยื่นให้พวกผม  ผมส่ายหน้า  ไม่อยากกินพึ่งกินข้าวมาเอง

 

“แดกไปเถอะ  กูขอบายแค่เข้ามาดูแปบๆจะไปนอนละ” ไอ้พาสตอบ

 

“อย่ากินเยอะนักละเดี๋ยวแฮงค์จนลุกไม่ไหวนะหัวหน้า” ผมบอก  หัวหน้ามันพยักหน้าเข้าใจแต่มันก็ยังคงกรอกเหล้าเข้าปากต่ออยู่ดี

 

“ไอ้เชี้ยพาสต้า!!” เพื่อนอีกคนโผล่พรวดเข้ามาจับตัวไอ้พาสไว้

 

“เป็นเชี้ยไรของมึงไอ้วิน”

 

“ไปไหนมาว่ะให้กูตามหาตั้งนาน”วินว่า

 

“แดกข้าวมา มีไร”ไอ้พาส

 

“หาเจ้ามือวงไพ่  สนป่ะ  ?”  เล่นไพ่อีกละ  ผมมองวินที่ยังรอคอยคำตอบจากไอ้พาสที่ทำท่านึกคิด  อย่ามาทำเป็นคิดใจมึงอ่ะระริกระรี้ตั้งแต่แรกแล้ว เหอะๆ

 

“ก็ได้.. ไอ้โยมึงกลับไปก่อนเลยนะ  กูไปเล่นแปบเดียว”ไอ้พาสบอก

 

“กูจะพยายามเชื่อว่าแปบเดียวครับเพื่อน  งั้นกูไปนอนก่อนละกัน”

 

“โอเคๆๆเดินระวังๆอย่าไปฉุดใครเขาละ ฮ่าๆๆ”

 

“สัส!” ผมด่ามันก่อนจะกระเผลกตัวเองมาบ้านพัก

 

เงียบ...  มืด.. บรรยากาศมันช่างดูวังเวงจริงๆครับ  ถึงจะมีการสังสรรค์กันแต่มันก็ห่างจากที่ผมพักอยู่  ผมเดินลูบแขนตัวเองมาเรื่อยๆ  บรรยายกาศเหมือนหนังผีเลยครับ  แล้วกูจะคิดทำไมวะเนี้ย   พอเดินมาถึงบ้านพักกลับมืด  บ้านไม่ได้เปิดไฟหรือไงว่ะ  โอยยใจจะวายเปิดไปคงไม่เจออะไรโผล่พรวดมาหรอกนะ

 

“ขนลุก..” ผมพึมพำกับตัวเอง  ยกมือถือส่องไฟค่อยๆเปิดประตูแง้มเข้าไปในบ้าน  แต่สิ่งที่ผมเห็นในห้องมืดนี้กลับสว่างเพราะแสงเทียนที่วางเรียงรายเต็มพื้นเป็นทางเดิน  กลิ่นหอมจากเทียนที่ถูกจุดทำให้ผมลืมความกลัวเมื่อกี้ทันที  แสงนวลของเทียนฉุดดึงผมให้หลงใหลอย่างไม่ต้องสงสัย  ผมเดินตามทางของเทียนที่วางเป็นเส้นทางเดินไปชั้นบน  เดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ตรงระเบียง  ... ผมเดินตรงไปหยุดตรงระเบียงตรงกลางที่ผมหยุดยืนนั้นมีเทียนรายล้อมเป็นรูปหัวใจดวงโต  จู่ๆก็มีเสียงกีตาร์คลอดังขึ้น  ทำให้ผมหลุดจากภวังค์มองไปยังต้นเสียงนั้น  เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ท่ามกลางแสงเทียน  ทำไมผมถึงสังเกตไม่เห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้

 

ให้ฉันดูแลเธอ



 

ก็เป็นคนธรรมดา ไม่พิเศษ
ก็เป็นคนที่เดินดิน อย่างคนทั่วไป
ไม่ได้ดี เกินกว่าคนไหน
มีแค่ใจดวงเดียวให้เธอ

 

ก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่งไม่เลิศเลอ
แค่บังเอิญมาเจอเธอ แต่ไม่รู้ทำไม
ยิ่งใกล้กัน ก็ยิ่งหวั่นไหว
อยากค้นใจเธอดูสักครั้ง


เสียงทุ้มเปล่งออกมาตามจังหวะของกีตาร์ที่เขากำลังเล่นมัน  ผมมองเขาเงียบๆ  ฟังเพลงที่เขากำลังร้องให้ผม  เขาจ้องผมไม่วางตา

 

หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร
หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ


ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี


หากว่าเธอยังลังเลไม่แน่ใจ
ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ให้ตัวฉันได้พิสูจน์
ว่ารักเธอ มากสักแค่ไหน
โปรดไว้ใจฉันดูสักครั้ง


ผมจ้องมองเขาที่จ้องมองผมไม่ละสายตาไปไหน  เนื้อเพลงและเสียงร้องของเขามันตรึงผมไว้ไม่ให้ละสายตาไปไหน  เขาร้องไปยิ้มไป  จนทำให้ใจของผมเต้นตึกตักจนแทบระเบิดออกมา...

 

หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร
หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ


ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี

ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี
.

.

.


ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี …

 

เสียงร้องและเสียงกีตาร์เบาลงแล้ว  ...  แต่สายตาของเรายังคงจ้องกันอยู่  ในใจผมตอนนี้มันรวนไปหมด  ถึงแม้เพลงที่เขาเล่นจะจบลงแล้วแต่ใจผมมันยังคงเต้นตึกตักดังอยู่เลย  เขาวางกีตาร์แล้วค่อยๆเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นนั่น  ผมมองคนตรงหน้าที่จับมือผมไปกุมไว้...

 

“หากว่าเธอยังลังเลไม่แน่ใจ
ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ให้ตัวฉันได้พิสูจน์
ว่ารักเธอ มากสักแค่ไหน
โปรดไว้ใจฉันดูสักครั้ง”

 

“...” ผมเพียงแค่จ้องมองเขาเงียบๆ  เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งมาลูบอยู่บนแก้มผม

 

“จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี …”  ท่อนสุดท้ายของเพลงเมื่อครู่ถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มของอีกคน  รอยยิ้มบางเผยบนใบหน้าหล่อเหลานั่นยิ่งรับกับแสงเทียน  ยิ่งทำให้เขาดูดียิ่งขึ้น

 

“...”

 

“ฟังพี่นะตัวเล็ก...”

 

“...”

 

“พี่ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ตัวเองให้เราเห็นหรือให้เราเชื่อได้เต็มร้อยว่าพี่รักเราจริงๆยังไง  พี่ไม่สามารถบังคับเราได้  แต่พี่อยากจะพิสูจน์ด้วยการกระทำต่อจากนี้...แค่เราให้โอกาสพี่อีกครั้ง  พี่สัญญาจะทำมันให้ดีที่สุด  พี่จะไม่ทำให้เราเสียใจอีกแล้ว”

 

“...” ผมยังคงเงียบฟังอีกคนอยู่

 

“..คบกันนะโยชิ..” 

 

“คะ คือ..” ผมหลบสายตาอีกคนที่จ้องมาอย่างรอคอยคำตอบ

 

“...เป็นแฟนกับพี่นะครับตัวเล็ก”


 

TBC.

 

หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่18 : เป็นแฟนกันนะ [05/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 08-11-2017 23:13:24
โยชิคิดจะทำอะไร? เอาคืนหรอ? // ตกลงจะตอบว่าไงนะ อยากรู้
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่19 : คบ [14/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 14-11-2017 14:23:06
ตอนที่19 : คบ...
[/b]


-อัลฟา-

 

“ตัวเล็ก..”

 

“อื้ออ~” ผมมองใบหน้าบิดเบี้ยวของคนข้างๆที่ผมกำลังปลุก  มองยังไงมันก็ดูน่ารัก ...

 

“ตื่นได้แล้ว  ไหนว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น หืม” ผมเขย่าคนตัวเล็กเบาๆอีกรอบ

 

“งื้มม ..” ร่างบางค่อยๆปรือตาขึ้นมองหน้าผมกระพริบตาปริบๆมองผมอยู่  ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากอมชมพูนั่นเบาๆ

 

“มอนิ่งคิสครับตัวเล็ก”

 

“อื้มม..” ร่างบางยกผ้าห่มปิดครึ่งหน้ามองสบตากับผม  ผมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

“จะดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือจะนอนต่อ?” ผมลูบหัวร่างบางเบาๆ

 

“..ดูพระอาทิตย์”

 

“งั้นไปล้างหน้าล้างตากัน” ผมดึงอีกคนลุกจากที่นอน  ถึงจะยังงัวเงียอยู่แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปกับผม  ตอนนี้ยังคงมืดอยู่เพราะเช้ามากก  ... แต่ก็เพราะคนตัวเล็กที่บอกผมเมื่อคืนว่าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นทำให้ผมต้องตื่นมาเพื่อปลุกอีกคนให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตามคำขอ

 

“พระอาทิตย์ขึ้นดี๋ยวคอยมานอนต่อ”  ผมจูงมือร่างบางที่ทำท่าจะหลับกลางอากาศอยู่รอมร่อทั้งๆที่ก็เพิ่งล้างหน้าล้างตาไป  อีกคนไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้ารับ  ตาปรือ เอียงคอเล็กน้อย  ผมพามายังชายหาดใกล้ๆบ้านพัก  ลมพัดเย็นๆ เข้ามากระทบกับผิวกายเราทั้งคู่  ผมนั่งลงกับพื้นทรายละเอียดดึงคนที่ยืนค้ำหัวให้นั่งลงบนตัก

 

“อ่ะ !”

 

“อยู่นิ่งๆ” ผมสั่งเพราะคนที่นั่งบนตักผมขยุกขยิกไปมา

 

“ไม่หนักรึไง”  ผมกอดเอวบางไว้เอาคางเกยไหล่แล้วบีบจมูกอีกคนเบาๆอย่าหมั่นเขี้ยว

 

“ตัวแห้งแค่เนี้ย  จะหนักได้ไง”  ผมกระชับกอดแน่นขึ้น

 

“...” อีกคนไม่พูดอะไรผมจึงพูดต่อ

 

“..คิดว่ากอดกระดูกอยู่นะเนี่ย”

 

“นี่!!” 

 

“หึๆ” คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดผม  ทำหน้ามุ่ยไม่พอใจที่ผมว่า

 

“ปล่อยไม่ต้องมากอดกู”

 

“หืม? กู?”

 

“เอ่อ..ผม”  อาจจะติดเป็นนิสัยไปแล้วแต่ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ  ค่อยๆปรับไปเดี๋ยวมันก็เหมือนเดิม..เหมือนอย่างเมื่อตอนนั้น

แสงสีส้มเริ่มทอประกายขึ้นมาให้เห็นจางๆ  ผมบอกคนในอ้อมกอดให้หันไปมองเบื้องหน้าที่ตอนนี้เริ่มสว่างแล้วเพราะพระอาทิตย์กำลังลอยขึ้นอย่างช้าๆ  ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกคนบนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบางๆ  ตาประกายวิบวับสดใส  ทำให้ผมพลอยยิ้มตามไปด้วย  ได้ตื่นเช้าแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกันครับ  ยิ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับคนที่ผมเฝ้ารอมาตลอด  ไม่คิดว่าจะได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง  ผมเดินจับมือกับมันพาเดินเลียบชายหาดรับแสงแดดอบอุ่นยามเช้าให้ร่างกายได้สังเคราะห์แสง  ซักพักเราสองคนก็เดินกลับไปยังบ้านพัก  เพราะต้องกลับไปเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับ  ...

 

“ไปอาบน้ำก่อนแล้วคอยมาเก็บของจะได้ไปกินข้าวเช้ากัน” ผมบอกกับร่างบาง  ตอนแรกไม่ยอมบอกขอนอนก่อนเพราะตื่นเช้ามากกกกกกกกก  แต่ผมเกรงว่าจะไม่ทันจึงบอกให้ไปอาบก่อนแล้วผมจะอาบต่อ

 

“อย่าเพิ่งก็ได้  เดี๋ยวคอยอาบ” มีอิดออดครับ

 

“จะอาบเองหรือจะให้พี่อาบให้” ผมบอกพร้อมมองจ้องร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มหื่นออกมา  อีกคนส่ายหน้ารัวเร็วจนหัวแทบหลุด

 

“อาบเองได้!” ผมมองหน้าบึ้งๆของอีกคนที่เดินตึงตังมาหยิบผ้าขนหนูที่ผมเตรียมให้แล้วเดินออกจากห้องเข้าห้องน้ำไป   ผมจึงพับผ้าห่มเก็บไว้ให้เรียบร้อย  เดินไปเคาะห้องข้างๆ  เพราะถึงแม้เมื่อคืนผมจะนอนกับโยชิแต่กระเป๋าผมยังคงอยู่ที่ห้องเดิม    ผมยังไม่ได้เล่าใช่ไหมครับว่าตอนนี้ผมกับโยชิกลับมาคบกันแล้ว  เมื่อคืนผมก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อยกลัวว่าโยชิจะไม่ตอบตกลงที่จะยอมคบกลับผม  แต่แล้วความคิดที่ผมกลัวนั่นกลับไม่เป็นดั่งที่คิด  โยชิยอมคบกับผมเล่นเอาผมอึ้งไปหลายนาทีเลยทีเดียว  และคนที่เรียกสติผมกลับมาก็เป็นคนที่กำลังอาบน้ำในห้องน้ำนั่นแหละครับ  ผมคิดเพียงแค่ว่าในเมื่อโยชิยอมให้โอกาสผมแล้ว  ผมก็ต้องทำให้เต็มที่  จากนี้เวลนี้และ ณ ที่นี่  ผมขอสัญญาต่อท่านผู้อ่านทุกคนว่า ผมจะรักและดูแลโยชิอย่างดีที่สุดและจะไม่ทำให้โยชิต้องเสียใจอีกเด็ดขาด  เพราะว่าโอกาสไม่ได้มีมาง่ายๆ  ผมจะทำมันให้เต็มที่ ... ขอให้ทุกคนเชื่อเถอะครับ   

 

ก๊อก ๆๆ

 

“เชี้ยเดฟ!” ผมทั้งเคาะทั้งตะโกนเรียกให้มันตื่นขึ้นมาเปิดประตูให้ผม  แต่เหมือนมันจะไม่มีปฎิกิริยาใดๆจากคนด้านในเลยซักนิด

 

“ไอ้เหี้ยเดฟตื่นเว้ย!” เปลี่ยนจากเคาะเป็นทุบประตูแทน  ไม่ใช่อะไรนะครับผมจะต้องเอาเสื้อผ้าเพื่อที่จะอาบน้ำต่อ  แต่ในห้องก็ยังเงียบอยู่  นั่นนอนหรือตาย

 

“อะ..”

 

“เป็นเหี้ยไรของมึงคนจะหลับจะนอนเว้ย!!!”

 

“...” ประตูถูกกระชากออกอย่างแรงด้วยคนในห้อง  อารมณ์รุนแรงแบบนี้มีแค่คนเดียวครับ  เมียเพื่อน ไอ้พาสต้ามันตะโกนลั่นและมองผมเขม็ง  มันขยี้หัวตัวเองแรงๆ  หนังหัวจะหลุดละเหอะ ผมได้แต่มองมันนิ่งๆไม่ได้พูดไร

 

“มีอะไรกัน?”  แฟนผมเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ  จ้องผมกับเพื่อนมันสลับกันไปมา

 

“ไม่มีครับ” ผมหันไปยิ้มบอก  แล้วก็เดินเข้าห้องเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ

 

“พาสต้า  ตื่นแล้วก็อาบน้ำเก็บของเตรียมกลับ”

 

“เออๆๆ” ผมได้ยินเสียงโยชิพูดบอกกับพาสต้า  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกครับไม่ใช่เรื่องของผม  ผมได้ของที่ต้องการแล้วกำลังจะไปอาบน้ำแต่มองเพื่อนตัวเองที่ยังหลับสบายอยู่บนเตียงแล้วนึกหมั่นไส้  เมื่อคืนมันไม่ยอมมาช่วยจัดสถานที่เลยครับ  พอบอกว่ามีเลี้ยงมีเหล้า นู้นครับลงไปแดกตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด  ผมละยอมมันแต่ยังดีที่มีไอ้โบ๊ท ไอ้คิมช่วยด้วย  ส่วนไอ้เอนะหรอ เหอะๆ  อยู่แถบชายหาดตั้งแต่คุยกันเสร็จมันก็ชิ่งเลย

 

“หลับสบายนักนะมึง” ผมจัดการยกตีนถีบมัน  ลงแรงๆ  ให้มันรู้ตัว

 

“เมียจ๋า  อย่ากวนผัว  ผัวจะนอน” แล้วมันก็จับเท้าผมไปกอดลูบ  เห็นแล้วขนลุก  ไม่วายมันยังทำหน้าฟินเคลิ้มทั้งๆที่ตายังหลับอยู่ เป็นเอามาก  ผมชักเท้ากลับมาแล้วเดินออกจากห้องไปอาบน้ำ

 

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ไปเก็บของตัวเองในห้อง  พร้อมกับปลุกไอ้เดฟให้ตื่นอาบน้ำ  เพราะไอ้คิมมันตะโกนเรียกให้ไปกินข้าวเช้ากันได้แล้ว  ส่วนพวกเมาค้างนั้นถึงจะกักเรื่องเครื่องดื่มมึนเมาแต่ก็นะ  จะบังคับใครได้  พวกมันก็ไปซื้อเพิ่ม  ยิ่งแต่พวกปีสองยิ่งหนัก  เป็นพี่ที่เป็นตัวอย่างมาก  ส่วนผมหรอ  ไม่ได้ไปร่วมครับ  อยู่กับแฟน -////-

 

“เชี้ยเดฟลุกได้แล้ว  ไอ้คิมมันเรียกแล้ว” ผมเรียกมันพร้อมกับเขย่าตัวมัน  มันรำคาญพลิกตัวหนี  ไอ้นี่นิ

 

“.คร๊อกก .z Z Z”

 

“ไอ้เดฟฟโว้ยยย!” ผมตะโกนเลยครับคราวนี้

 

“งื้มๆๆอยากตายรึไง!” มันลุกขึ้นมาชี้หน้าผมแต่ตายังหลับอยู่  ละเมอหรอวะ  เหอๆ

 

“ไม่ต้องไปปลุกควายหรอก ปล่อยแม่งไว้งั้นแหละ” ไอ้พาสต้าเมียรักไอ้เดฟครับ  มันเดินเข้ามามองสภาพแฟนตัวเองแล้วก็เอาตีนเขี่ยๆหน้าไอ้เดฟที่อยู่บนเตียง   ผมไม่รู้สึกว่ามันสองตัวจะรักกันได้  ดูจากการที่ไอ้พาสต้ามันแสดงความรักสิครับ  ดูยังไงก็เหมือนเกลียด...  หรือว่ามันรกกันด้วยลำแข้งวะครับ  เพราะปกตินี่เห็นตีกันบ่อยแถมเสือกชอบทำข้าวของพังยับเยินอีก

 

“อื้ม!” ไอ้เดฟมันปัดตีนเมียมันออก

 

“หึ” ไอ้พาสต้ามันเอาขาออกแล้วครับ  แล้วมันหันมาจ้องหน้าผมแทนมากกว่า

 

“อะไร?” ผมถาม

 

“...ควาย”มันเหยียดยิ้มมองผมก่อนที่จะพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้เดฟอีกที

 

“...” ผมมองไอ้พาสต้าที่เดินผิวปากอารมณ์ดีออกไป  ทำไหมผมถึงรู้สึกมันด่าผมวะ  แต่คำว่า‘ควาย’ มันมักใช้กับไอ้เดฟมากกว่า หรือผมจะคิดมากไปเอง

 .

.

.

“เอาข้าวผัดกุ้งครับ..ตัวเล็กกินอะไร?” ผมหันไปถามคนข้างกาย

 

“เหมือนกันก็ได้”

 

“ครับข้าวผัดกุ้ง2” ผมบอกกับพนักงานแล้วก้หันมายิ้มให้กับคนข้างกาย

 

“พอเลยไอ้อัล  เพื่อนอยู่ต่อหน้ากรุณาช่วยมองด้วยครับ  รู้ครับว่ากำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟ  แต่อย่าลืมว่ามีพวกกูนั่งหัวโด่อยู่นี่ด้วย  อย่าทำเหมือนโลกนี้มีเราสองคน” ไอ้เอบ่นครับ  แหมมช่วงข้าวใหม่ปลามันส์ทำไมเพื่อนไม่เข้าใจ  ผมไหวไหล่ทำเป็นไม่สนใจมันหันมาคุยกับแฟนผมดีกว่าเย๊อะ!!!

 

“ไอ้...” ไอ้โบ๊ท

 

“...” ไอ้คิม

 

“z Z Z” ไอ้เดฟ  (กว่าจะลากมาได้เล่นเหนื่อยครับไอ้นี่แถมมานั่งหลับอีก)

 

“ - -“ ไอ้พาสต้า

 

“^_^” ผม

 

“-/////-“ โยชิ

 

กวนกันไปกวนกันมาจนอาหารมาเสริฟ พวกเราทุกคนก็ต่างพากันกินกันเงียบๆ  พอข้าวเข้าปากจะเงียบแบบนี้แหละครับ มารยาทในการรับประทานอาหาร

 

“อร่อยมั้ย?” ผมถาม

 

“อร่อย..ของพี่ละ”

 

“หึ  ไม่อร่อยหรอก  ไหนเอาของตัวเล็กมากินสิ” ผมว่าแล้วอ้าปากรอให้อีกคนป้อน  โยชิตักข้าวในจานตัวเองมาป้อนผม

 

“อ้าม..อร่อยมั้ย” ผมเคี้ยวข้าวในปากกลืนก่อนจะตอบ

 

“อร่อยมากกกกก” ผมบอกยิ้มกว้าง

 

“เหอะๆกูเกลียด..” ไอ้คิม

 

“มันก็ทำกระทะเดียวกันไหมวะ” ไอ้เดฟว่า  มันฟื้นแล้วครับ  ด้วยแรงตบกบาลของเมียมัน

 

“กูว่าอาการหนัก” ไอ้โบ๊ทมันว่าผมพร้อมส่ายหน้า

 

“อิจฉาเว้ยยยย!!” ไอ้เอ

 

“เหอะๆ  กูจะสำรอก” ไอ้พาสต้า

 

“เมียท้องหรอ?” ไอ้เดฟมันหันไปหาไอ้พาสต้าทันที  ทำเป็นลูบท้องเมียมันด้วย หวังว่าลูกมันจะดิ้น

 

“เป็นควายไม่พอ เสือกโง่อีก  กูไม่มีมดลูกจะท้องได้ไง!” ไอ้พาสต้ามันว่าแล้วตบหัวไอ้เดฟทีหนึ่ง

 

“สม ฮ่าๆๆๆ” พวกผมต่างหัวเราะไอ้เดฟ  สมหน้ามัน  คู่นี้มันอยู่ด้วยมือและตีนจริงๆ

 

“เออน้องโยชิครับ”

 

“ครับ?” โยชิเงยหน้ามองไอ้เอ

 

“คือพี่อยากรู้อ่ะครับ” อยากรู้ไรวะ  ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเอง

 

“รู้อะไรครับ”

 

“คือแบบ..มึงถามดิไอ้โบ๊ท”

 

“อ้าวไงโบ้ยมาให้กูวะ..ไอ้คิมมึงถามดิ” ผมมองพวกมันสามตัวที่ยังเกี่ยงกันว่าใครจะถาม

 

“กูตลอดๆๆๆ” ไอ้คิมว่า  มันมองมาที่โยชินิ่งๆ ก่อนที่จะเริ่มถาม

 

“จะถามไรแฟนกู?” ผมถามมองพวกมัน

 

“คือพี่สงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอ่ะ”

 

“ผู้ชายอะไร?” ได้ยินผมก็ขมวดคิ้วอีกรอบ  ผู้ชายอะไรผู้ชายไหนวะ

 

“ผู้ชาย?” โยชิเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เออกูก็สงสัย ไอ้คิมมันเลยขยายความต่อ

 

“คนที่มีเรื่องหน้าคณะกับไอ้อัลตอนนั้นไง  แล้วก็ที่มารับมาส่งโยชิทุกวัน”

 

“ทำไมหรอครับ?” โยชิถามกลับ

 

“พวกพี่แค่อยากรู้ว่า..เอ่อ  แบบตอนนี้น้องก้เป็นแฟนกับเพื่อนพี่ใช่ไหม  แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับโยชิหรอ”

 นั่นสินะ  ผมก็ลืมเรื่องไอ้เวรนั้นไปเลย  ผมหันมามองคนข้างกายว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง  เพราะครั้งก่อนไอ้เดฟมันเคยเล่าให้ผมฟังว่าเป็นแฟนกับโยชิ  ตอนที่มันทะเลาะกันที่บ้านไอ้พาสต้า

 

“อ่อ..เนปจูนเป็นลูกพี่ลุกน้องกับผมเองครับ”

 

“ลูกพี่ลูกน้อง?” ผมถาม  โยชิหันมายิ้มบางให้พยักหน้า

 

“ครับ เพราะเนปจูนเป็นลูกชายของน้องสาวแม่ผม” อ่า..แบบนี้นี่เองแต่ว่า?

 

“แล้วทำไมตอนนั้นถึงบอกพี่ว่าเป็นแฟนกัน” คำถามตรงกับที่ผมคิดเป๊ะเลย  ไอ้เดฟมันเป้นคนถามครับ คิดว่ามันหลับซะอีกเห็นเงียบไปนาน

 

“ใช่ตอนที่พี่กับเนปจูนต่อยกันมั้ยครับ” โยชินึกก่อนที่จะถาม ไอ้เดฟพยักหน้า

 

“ใช่”

 

“ก็ถ้าผมไม่พูดไปแบบนั้นพี่ก็ต้องคิดว่าพาสต้านอกใจพี่ใช่ไหมละครับ”

 

“ก็...” ไอ้เดฟมันพูดไม่ออก มันหันไปมองเมียมัน  ไอ้พาสต้าแค่เหล่สายตามองแล้วก็หันมากินข้าวปกติ  ไม่สนใจสิ่งรอบข้างอย่างพวกผม

 

“ครับ ก็ตามที่ผมบอกแหละครับ..พี่เชื่อผมไหมว่าผมกับเนปจูนไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากลูกพี่ลูกน้องกันธรรมดา” ผมต้องเชื่อสิ่งที่โยชิบอกผมอยู่แล้ว  อีกอย่างไอ้พาสต้าก้ไม่ได้ค้านอะไรในเรื่องที่ผมกับโยชิกลับมาคบกันด้วย  ถึงตอนแรกที่มันรู้จะโวยวายและด่าทอผมนิดๆหน่อยๆก็เถอะ

 

“ครับพี่เชื่อพี่ตัวเล็กพูดทุกอย่าง” ผมหยิกแก้มนิ่มอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว  ทำไมถึงน่ารักแบบนี้วะ

 

“ขอบคุณที่เชื่อผมครับ”

 

“..ครับ” ผมเชื่อคำพูดของคนตรงหน้านี้ทุกอย่าง  การที่เราได้คบกันอีกครั้งมันเป็นเรื่องที่ผมไม่คาดคิด  จากที่ผมตามตื้อทุกทางแต่อีกคนก็เหมือนจะไม่สนใจ  แต่ตอนนี้ผมได้มาคบกันแล้ว  ผมก็ต้องเชื่อใจกันและกันใช่ไหม  ผมไม่คิดว่าโยชิจะโกหกผมหรอก  เพราะผมเชื่อ...   โยชิก็ยังคงเป็นโยชิคนเดิมที่ผมรู้จัก

 

 

 

-โยชิ-

 

“ขอบคุณที่เชื่อผมครับ”

 

“..ครับ”   ผมบอกกับเขาพร้อมยิ้มจางเป็นการขอบคุณที่เขาเชื่อในคำพูดของผม

 

‘...เป็นแฟนกับพี่นะครับตัวเล็ก’

 

ยอมรับครับว่าตกใจที่จู่ๆก็ถูกขอเป็นแฟน  แต่ด้วยบรรยายกาศในตอนนั้นจะเดาว่าเป็นเรื่องอื่นไม่ได้ ใช่ไหมละครับ  ผมยอมรับว่าใจเต้นแรงมาก ทั้งสายตา การกระทำ เพลงที่เขาสื่อมันมาให้ผม  ผมคิดดีหรือเปล่าที่ตอบตกลงไป  แต่ทุกอย่างมันก็เป็นอย่างที่เห็น...ผมตกลงคบกับเขา

 

“ไม่ลืมของอะไรแล้วนะ”

 

“ครับ” ผมบอกอีกคนที่รับกระเป๋าผมไปถือให้

 

“ปะ..” ผมพยักหน้าจับมือเขาที่แบมือมาตรงหน้า แล้วก็เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักไม่ไกล

 

“หวานกันจริง  มดกัดกูแล้ววะ”

 

“เสือก” พอเราสองคนขึ้นรถมาก็ได้ยินเสียงแซวของพี่เอ   ผมก็เขินเป็นนะครับ  แต่กกับเขาผมไม่รู้ว่าจะใช่คำไหน  ไม่เคยเห็นจะเขินที่โดนแซวแบบผมบ้างเลย  แถมบางครั้งยังตอบไปว่า ...

 

‘อิจฉา?’/ ‘แซวไปเถอะกูด้าน’

บางครั้งก็แค่ไหวไหล่ไม่สนใจต่อคำแซวต่างๆที่พวกพี่เขาพูดใส่  แต่เป้นผมเองที่เขินกับคำพูดพวกนั้นตลอดเวลา

 

“ถึงมอแล้วกลับกับพี่นะ”

 

“งั้นผมขอโทรไปบอกเนปจูนก่อนนะครับ” ผมบอกเขา เขาพยักหน้า  คงไม่มีอะไรติดค้างแล้วละมั้ง  แต่ก็ดีแล้วครับ อธิบายครั้งเดียวก็รู้เรื่องไม่ต้องพุดซ้ำ  ผมยิ้มบางก่อนจะกดเบอร์ไอ้สูงแล้วโทรออก  รอสายไม่นานปลายสายก็รับ

 

(ว่าไงเตี้ย)

 

“สูงตอนนี้กูกำลังเดินทางกลับแล้ว”

 

(อ่าห้ะ  แล้วจะถึงตอนไหนจะได้ไปรับ)

 

“ไม่ต้องมารับหรอก  คือว่า..” ผมหันไปมองเขาที่จ้องผมคุยโทรศัพท์อยู่

 

(อะรไ?)

 

“เดี๋ยวให้พี่เขาไปส่ง”

 

(พี่? ใครวะ) มันถามต่อ

 

“พี่อัล  คนที่มึงเคยชกเขานั่นแหละ” ผมบอกเสียงแผ่ว

 

(..................................) เงียบ  ไอ้สูงมันเงียบ

 

“สูง ได้ยินไหม”  ผมขมวดคิ้วอาโทรศัพท์มาดูหน้าจอเผื่อสัญญาณจะหาย  แต่เปล่าเลย

 

(มึงกลับไปดีกันแล้วหรอ) มันว่าเสียงนิ่งน่ากลัว  ขนาดไม่เห็นหน้าผมยังขนลุกเลยครับ

 

“...อืม  เรากลับมาคบกันคืนแล้ว”  ผมหันไปมองเขาที่ยังมองผมไม่ว่างตาแถมยังยิ้มให้ผมอีก

 

(เตี้ย!!! มึงนี่มัน.......)

 

“เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟัง..แค่นี้นะ”

 

(เออ) แล้วสายก็ตัดไป  ผมมองหน้าจอที่แสงดับลงแล้ว

 

“เป็นไงบ้าง” เขาถาม ผมยิ้มก่อนตอบ

 

“ครับ  ผมจะกลับพร้อมพี่” ผมว่าแล้วซบลงตรงไหล่เขา  เขาลูบหัวผมเบาๆ

 

ตอนนี้เรากำลังเดินทางกลับหลังจากที่ทุกคนฟื้นคืนชีพ   เสียเวลาหน่อย  แต่ไม่มีคนบ่นหรือโวยวายอะไร   พวกพี่เขาพาไปซื้อของฝงของฝากให้กลับไปฝากเพื่อนที่มอ หรือ ครอบครัว  ผมก็ลงไปครับ  ซื้อมาเยอะมากก  ส่วนใหญ่จะเป็นของกิน ฮ่ะ ๆ จนมาถึงมหาลัยในเวลาบ่ายสามเกือบสี่โมงเย็น   ผมนั่งรอเขาที่ต้องยกของไปเก็บในตึกคณะก่อน  ไม่นานเขาก็มา

 

“เสร็จแล้วหรอครับ” ผมถาม

 

“เสร็จแล้วกลับเลยไหม”

 

“อือ” ผมพยักหน้าเขาเข้ามาดึงกระเป๋าออกจากมือผมแล้วเดินจูงมือผมข้างที่ว่างพาไปยังรถของเขาที่จอดอยู่โรงจอดรถของคณะ

 

มาถึงคอนโดที่พักอาศัยของผมและของเขา  ทุกคนคงทราบแล้วใช่ไหมว่าเราพักห้องตรงข้ามกัน  ... เดินเข้าไปด้านในขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่พัก  เราสองคนไม่ได้เอ่ยอะไรด้วยกัน  แต่มือที่จับกันอยู่ไม่เคยห่างไปไหน  เดินมาถึงห้องเราก็ปล่อยมือกันผมขอกระเป๋าของผมคืนเขาก็ยืนให้แต่ก็ชักกลับไปคืน  ผมมองอย่างสงสัยว่าทำไม?

 

“มีอะไรหรอครับ?” ผมถาม

 

“เดี๋ยวถือเข้าไปให้ดีกว่า” เขาว่า

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมเกรงใจแค่นี้พี่ก็เหนื่อยพอแล้ว” ผมบอก เขาส่ายหน้า

 

“ทำให้กับแฟนพี่ไม่เหนื่อยหรอก” เขาบอกยิ้มๆ

 

“พี่ดูแลผมตลอดแล้ว  ไปพักเถอะครับ”

 

“งั้นไปพักด้วยกันดิ” เขาว่าแล้วดึงมือผมให้ไปหยุดยืนหน้าห้องเขา  ส่งสายตาแพรวพราวมามองผม  รู้สึกใจไม่ดีเลยแหะ เหอๆ  ผมว่าผมกลับห้องดีกว่าเนอะ

 

“บ้า! ผมจะไปพักเหมือนกัน”

 

“ตะ..” ก่อนที่เขาจะพูดต่อก็มีเสียงเรียกขัดขึ้นก่อน

 

“เตี้ย!” ผมหันไปทางห้องผม  ไอ้สูงมันยืนมองอยู่

 

“...” เขานิ่ง ยืนมองไอ้สูง

 

“กลับมาทำไมไม่เข้าห้อง” ไอ้สูงพูดเสียงราบเรียบ  ตาก็จ้องมือที่จับกันของผมอยู่

 

“เอ่อ.. พี่ครับผมกลับห้องก่อนนะ” ผมบอกพร้อมกับดึงกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้  ครั้งนี้เขายอมปล่อยง่ายๆ

 

“ไว้พี่โทรหานะ”

 

“ครับ”

 

จุ๊บ ! เขาจุ๊บที่ปากผมเบาๆไม่นานก็ผละออกแล้วเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไป ส่วนผมนะหรอก็ยืนแข็งรู้สึกหน้าร้อนผ่าวยังไงไม่รู้

 

“จะยืนเป็นหินอีกนานไหม” ไอ้สูงถาม ผมหันไปมองค้อนมัน  บังอาจมาว่าผม ผมเดินเข้าห้องกระแทกตัวมันเต็มแรง  จะกระแทกไหล่ครับแต่ไม่ถึง ฮ่าๆๆๆ

 

“เตี้ย! เจ็บนะ!” มันโวยครับ

 

“ใครสน?” ผมทำเป็นไม่สนใจมันเดินเอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอนและเอาของฝากที่ซื้อมาไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ  ไอ้สูงเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วนั่งลงตรงเตียงจ้องหน้าผม

 

“เล่ามา..”

 

“เล่าอะไร?” ทำไมผมจะไม่รู้ละครับว่ามันจะให้ผมเล่าเรื่องอะไร

 

“เรื่องมึงกับไอ้เชี้ยนั่นไง...เล่า!” มันถามจ้องผมไม่วางตา  ผมจึงจำเป็นต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้มันฟังทั้งหมด

 

“ก็คบกัน  กูตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว” ผมบอก

 

“ให้มันได้แบบนี้สิวะ!!!” ไอ้สูงมันว่าแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง  ผมมองมันนิ่งๆ

 

“...”

 

“แล้วมึงไม่เป็นไรหรอ” ไอ้สูงมันถามแต่ตามันมองบนเพดานห้อง

 

“ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบมันเสียงเบาไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

“ยังไงกูก็อยู่ข้างมึงเสมอนะเตี้ย”

 

“อืม  รู้น่า ไม่ต้องมาทำซึ้ง ฮ่ะ”

 

“เออไงก็แล้วแต่มึง  มึงตัดสินใจไปแล้วนิ” มันลุกขึ้นนั่งแล้วมองผมอีกครั้ง

 

“...อืม”

 

“ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ  กูจะออกไปข้างนอก” ไอ้สูงว่าจบมันก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป  ผมมองตามหลังมันที่เดินออกไปแล้ว  เสียงประตูหน้าห้องปิดลง  ผมจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูเดินเขาห้องน้ำ  อาบน้ำพักผ่อน  ร่างกายเหนื่อยล้า  ถึงแม้เท้าตอนนี้จะหายเจ็บแล้ว  แต่อาการปวดนิ่งๆก็ยังอยู่  เดินได้ปกติแล้วแต่ถาลงแรงมากไปก็เจ็บเหมือนกัน  แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่เดินกระเผลกแล้วนะครับ

 

Rrrrrrrr Rrrrrrr

 

 ออกมาจากห้องนำก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ผมเดินมาหยิบดูเบอร์ที่โทรเข้ามาปรากฏว่าเป็นของ ‘คุณแฟน’  ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าใครก็คนห้องตรงข้ามผมเนี้ยแหละ

 

“ครับพี่” ผมกรอกเสียง

 

(ทำไมรับช้า  พี่โทรไปตั้งหลายสาย) ผมจึงเอาโทรศัพท์มาดูหน้าจอ  มันปรากฏสายที่ไม่ได้รับแจ้งขึ้นอยู่

 

“ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ” ผมตอบพร้อมกับขยี้หัวตัวเองที่พึ่งจะสระมา

 

(งั้นหรอ..ตัวหอมเลยดิ) เขาพูดแล้วหัวเราะ

 

“ขำอะไรครับ” ผมถามกลับ

 

(เปล่า..มาหาหน่อยดิหรือจะให้พี่ไปหา)

 

“พี่พักผ่อนเถอะครับ”

 

(แต่พี่คิดถึงตัวเล็กนิ นะๆ อยากเจอ) เขาว่าเสียงอ้อน  ผมอมยิ้มเขินครับเขิน -//-

 

“เราพึ่งห่างกันเองเถอะครับ  พักเถอะครับผมก็จะพักเหมือนกัน”  ตอนนี้เหนื่อยมากครับ  นั่งรถจนเมื่อยก้นถึงจะไม่กี่ชั่วโมงก็เถอะ

 

(ก็ได้  ... วางสายไปตัวเล็กเข้าเฟสด้วยนะ)

 

“ครับ?เขาทำไม?” ผมถามขมวดคิ้ว เอคืนก็เข้าแล้วนิ  เข้าไปรับแอดเฟรนเขานั่นแหละครับ เขาบอกผมว่าแอดมาตั้งนานแล้วแต่ผมไม่รับ  ก็เพราะตอนนั้นผมกับเขายังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมนิ

 

(เถอะนา  งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว  วางละนะถึงจะไม่อยากวางก็เถอะ)

 

“ครับพี่  บาย..” แล้วสายก็ถูกตัดไป  ผมจึงเข้าเฟสตามที่เขาบอก  แจ้งเตือนคนแอดเฟรน  ข้อความ  ผมกดดูแจ้งเตือนก็พบกับ...มีแฟนแล้ว

 

“...” ผมมองการแจ้งเตือนบนหน้า  จะกดยอมรับดีมั้ย  ที่เขาให้เข้าเฟสเพราะสาเหตุนี้เองหรอ  เอาไงดีวะ  จู่ๆใจก็เต้นรัวขึ้นมา  มันไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย ในเมื่อตอนนี้เราก็คบกันแล้ว  คิดแบบนั้นผมจึดกดยอมรับสถานะที่เขาส่งมา  หน้าเฟสมันเด้งเป็น...

 

 

กำลังคบกับ..

 

 

 

 

 

อัลฟา อินทรสิริกุล  กำลังคบกับ  โยชิ กรเกียรติ

 

 

 



TBC.

 

 

************************

อ้าว...เขาคบกันแล้ว ฮ่าๆๆๆ

เราแต่งได้เท่านี้ง่ะ  รู้สึกไม่พอใจ ฮืออๆๆ ชื่อเฟสที่ต่อท้ายจะเป็นนามสกุลเน้ออ

(หากมีคำไหนผิดหรือตกหล่นขออภัยคะ)

เม้น + ให้คะแนน เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน๊าาา จุ๊บๆๆ
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่20 : นายท่านคุณหญิง [14/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 14-11-2017 14:26:32
ตอนที่20 : นายท่านคุณหญิง
[/b]

-อัลฟา-

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

ผมกดออดหน้าห้องของคนรัก  พูดแบบนี้ก็รู้สึกเขินขึ้นมา  ตั้งแต่วันที่ผมกับโยชิคบกันตอนนี้ก็เข้าอาทิตย์ที่สองแล้ว  ผมมักจะมากดออดหน้าห้องที่อยู่ตรงข้ามผมทุกวัน  ทีแรกผมชวนให้โยชิย้ายเข้ามาอยู่กับผมแต่อีกคนไม่ยอม  แต่ถึงอย่างนั่นโยชิก็มาค้างห้องผมบ้างเป็นครั้งคราวไป...แต่ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นนะครับ  ผมรักด้วยใจไม่ได้รักด้วยร่างกายเหมือนแต่ก่อนแล้ว

 

“มาไม?” น้ำเสียงห้วนๆพูดขึ้นเมื่อเปิดประตูแล้วเจอผม  เป็นแบบนี้แทบตลอดที่ผมมาหาโยชิ

 

“มาหาแฟน” ผมตอบ  ไม่ได้จะกวนแต่มาหาแฟนจริงๆ

 

“ใครแฟนมึง  ไสหัวไปเลย” มันว่า  นี่ถ้ามันไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้อง(ตามที่แฟนผมบอก) ผมคงเข้าไปตั๊นหน้ามันซักทีสองทีให้มันหายกวนตีนผม

 

“โย ชิ” ผมพูดชื่อเน้นคำ

 

“เหอะ!” และไม่ว่าเมื่อไรมันก็จะยอมหลีกทางให้ผมเข้าไปในห้องมันทุกครั้ง  พอนั่งลงตรงโซฟากลางห้องได้ผมก็กวาดตามองว่าโยชิอยู่ไหน ? เมื่อไม่เห็นก็ถามมัน

 

“แล้วโยชิละ?” มันเดินออกมาจากครัว  กรอกตามองบนไปมาก่อนจะตอบผม

 

“..อาบน้ำ”

 

“...”  มันตอบผมแล้วก็เดินออกจากห้องไป  ผมจึงนั่งรอโยชิในห้องคนเดียว ซักพักโยชิก็เดินออกมา  ชุดที่โยชิใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดสีขาวด้านในและมีเชิ้ตสีชมพูลายทางับแขนทับ  กางเกงยีนสีดำ  ขาดส่วนเข่าทั้งสองข้างจากการออกแบบ ผมถูกเซ็ตอย่างดี ใบหน้าหวานที่มองมาที่ผมพรางเลิ้กคิ้ว ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบห้อง

 

“พี่มาตอนไหนครับ?”

 

“มาซักพักแล้ว” ผมตอบมองแฟนตัวเองที่มองรอบห้องไม่วางตา

 

“ไอ้สูงไปไหนหรอครับ” ผมเพิ่งมารู้ตอนที่คบกันนี่แหละครับ  ทีแรกก็ งง สูงๆ  ที่เห็นเรียกคืออะไร  ที่ไหนได้เพราะไอ้เนปจูนมันสูงกว่าแฟนผมนี่เองถึงได้ฉายาที่แฟนผมตั้งให้ว่า “ ไอ้สูง”  ส่วนของแฟนผมนะหรอ “ไอ้เตี้ย” ไง  ก็สมเหตุสมผลดีครับ  เตี้ยไม่พอยังน่ารักอีก  แถมยังคงตัวเล็กที่ผมมักเรียกบ่อยๆด้วย

 

“ออกไปไหนไม่รู้ดิ  ว่าแต่อาบน้ำนานไปไหม  รู้ไหมพี่รอนาน” ผมว่าแล้วกอดร่างบางตรงหน้าพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่

 

“ทำไรของพี่เนี้ย!” รู้หรอกว่าเขิน  ทำไมน่ารักแบบนี้นะ

 

“ก็อยากรู้ว่าหอมยัง  เห็นอาบน้ำนาน” ผมเลยจัดไปอีกซักฟอด

 

“พี่บ้า!” ยังไม่ชื่นใจเลยครับโดนอีกคนผลักหน้าออกก่อนซะงั้น  ผมจึงหยุดเห็นห้าแดงๆของคนที่รักแล้วก็อดจะแกล้งต่อไม่ได้

 

“ยังไม่ชื่นใจเลย” ผมแกล้งยื่นหน้าไปใกล้  อีกคนดันหน้าผมออก  ผมจึงจับแขนของโยชิทั้งสองข้างแล้วยื่นหน้าทำปากจะเข้าไปจูบ โยชิเบี่ยงหน้าหนี

 

“ไอ้พี่บ้า  ปล่อยเลย  จะทำอะไร!”

 

“ทีแรกจะหอมแก้มแฟน  แต่เปลี่ยนใจเป็นจุ๊บปากดีกว่า”

 

จุ๊บ !

 

“พอใจแล้วใช่ไหม  ปล่อยเลย!”

 

“เขินหรอตัวเล็ก” โยชิหันมามองค้อนผม  ยิ่งท่าทางแบบนี้ผมยิ่งอยากแกล้ง  มันน่ารักครับ  ชอบเวลาที่แฟนเขินจริงๆ  ผมรู้สึกอาการหนักขึ้นทุกวัน  ไม่อยากห่างคนตัวเล็กนี่เลย  อยากจะอยู่ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวันทุกคืน  ตื่นนอนก็เจอ  เข้านอนพร้อมกัน  ได้กอดเวลาอากาศหนาว ได้ไปเที่ยวเล่นด้วยกัน  ...

 

“ว่าแต่วันนี้เราจะไปไหนหรอครับ”

 

“อืม..พี่จะพาไปหาพ่อแม่พี่” ผมกอดร่างบางเข้าหาตัวอีกรอบ

 

“ห้ะ!?!” อีกคนหันมามองหน้าผมพร้อมกับเบิกตากว้างเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

 

“ก็ตามที่บอกแหละครับ” ผมยิ้มมองอีกคนที่ตอนนี้คิ้วขมวดกันเป็นโบว์แล้ว

 

“...”ยังมาทำตาปริบๆมองอีก

 

“พี่นัดพ่อแม่ไว้แล้วว่าจะพาว่าที่ลูกสะใภ้ไปกินข้าวด้วย” ที่พูดนี้ผมจริงจังนะครับ  ผมไม่เคยพาใครเข้าบ้านด้วย ยกเว้นเพื่อนฝูง  พอบอกพ่อกับแม่ไปแบบนั้นท่านทั้งสองก็ดูจะดีอกดีใจ  อยากจะเห็นหน้าลูกสะใภ้เต็มแก่  ผมยังได้ข่าวมาอีกว่าคุณแม่ผมท่านเตรียมเข้าครัวเองเลยละครับ  คิดดูสิครับวันๆอยู่แต่กับร้านเครื่องเพชร จับแต่เครื่องพงเครื่องเพชร   แต่ตอนนี้จะจับตะหลิว จะมีด จับสากในครัว  นี่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสะใภ้แม่ผมไม่กระตื้อรือร้นขนาดนี้หรอกครับ

 

“...แต่ผมยังไม่พร้อม” โยชิว่าเสียงแผ่วก้มหน้างุด

 

“ไปกราบท่านเฉยๆไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก  อีกอย่างพี่อยู่ด้วย” ผมว่า  ลูบผมนิ่มอีกคนให้คลายความกังวล

 

“แต่เราเพิ่งคบกันได้ไม่นานนะครับ”

 

“จะนานหรือไม่นาน  มันไม่ได้สำคัญหรอกนะ  แค่ตอนนี้เรารักกันก็พอแล้ว”

 

“...”

 

“อีกอย่างตัวเล็กก็ยังเคยพาพี่ไปพบคุณแม่ของเราเลยนิ” ใช่ครับ  ตอนก่อนที่จะเกิดเรื่องที่ผมก่อนั้น ช่วงที่ผมคบกับโยชิ  ผมมักจะไปรับไปส่งโยชิไปโรงเรียนด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ  แม่โยชิใจดีมากครับ  แต่คุณพ่อนั้นไม่เคยพบ...

 

“แต่ว่า..”

 

“พ่อแม่พี่ใจดี  เชื่อพี่สิว่าท่านต้องชอบตัวเล็ก”

 

“ท่านจะรับได้หรอครับที่ลูกชายตัวเองคบ...ผู้ชาย”

 

“ไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละ...นะ”  ผมกอดโยชิแน่นขึ้นแล้วเอาหัวซบบนไหล่บาง

 

“..ครับ”

 

 

 

บ้านอินทรสิริกุล

 

ผมขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านก็มีคนเดินมาเปิดประตูให้ผมลงจากรถยื่นกุญแจรถให้คนขับรถของบ้านและบอกกับคนรับใช้ให้ยกของจากหลังรถเอาไปเก็บ  ผมมองคนข้างกายที่ลงจากรถมาพร้อมๆกับผมในมือก็ถือกระเช้าแบรนรังนกไว้  โยชิบอกว่าถ้าไม่มีของมาฝากท่านมันก็ดูจะเสียมารยาทผมจึงพาแวะซื้อก่อนที่จะถึงบ้าน  ผมจับมือโยชิที่ตอนนี้มีเหงือซึมเต็มมือ

 

“ตื่นเต้นหรอ?” ผมถาม

 

“อือ” โยชิพยักหน้า  ผมกุมมืออีกคนแน่นขึ้นพร้อมยิ้มบางส่งเป็นกำลังใจให้

 

“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก  ไม่มีอะไรน่ากลัว” ผมว่าจบก็พาเดินเข้าไปในบ้าน

 

“สวัสดีครับคุณหญิงแม่” พอเข้ามาถึงโซนห้องรับแขกผมก็เอ่ยทักท่านที่กำลังนั่งจิบชาอ่านหนังสืออยู่

 

“มาแล้วหรอพ่อลูกชายตัวดี” คงยังไม่มามั้งแม่  นี่มาทั้งเสียงทั้งตัวเลย

 

“ยังไม่มาครับ นี่ฝาแฝด”  ผมเดินเข้าไปกอดท่าน  รู้สึกจะไม่ได้กลับมาบ้านนานพอควรเพราะส่วนใหญ่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่คอนโดซะส่วนมาก  บ้านก็นานๆทีครับ  ถ้าไม่ถูกเรียกตัว หรือวันรวมญาติผมจะไม่มา

 

“แล้วไหนละลูกสะใภ้ที่จะพามาให้แม่เห็น” แม่ผมถามก่อนจะใช้สายตาสอดส่องดู 

 

“ก็ยืนอยู่หน้าแม่นี่ไง” ผมว่าแล้วเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างๆโยชิ

 

“สะ สวัสดีครับ” แฟนผมยกมือไหว้แม่อย่างมีมารยาท  แฟนผมครับแฟนผม

 

“อะ สวัสดีจ้ะ” แม่รับไหว้ก่อนที่จะรับของฝากจากแฟนผม

 

“ของฝากครับ”

 

“อ่า..ขอบคุณจ้ะ  จริงๆไม่ต้องเอามาก็ได้” แม่ผมบอกพร้อมกับยื่นกระเช้าส่งให้คนรับใช้เอาไปเก็บ

 

“ไม่ต้องกังวล” ผมกระซิบบอก โยชิพยักหน้า

 

“ลูกชายไม่หยอกแม่ครับ  ไหนลูกสะใภ้แม่  อย่าให้ดีใจเก้อ”  แม่ผมถามย้ำอีกครั้ง

 

“ก็บอกว่าคนนี้ ไม่มีล้อเล่น  จริงจังครับคุณหญิง”

 

“...” ท่านดูจะอึ้ง  เพราะคงตอนแรกคิดว่าผมล้อเล่น  ท่านจึงไม่เชื่อ

 

“..พี่ครับ” ผมหันมามองแฟนตัวเองที่หน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ ผมจึงลูบหัวลูบหลังปลิบ  มันอาจจะยากที่ท่านจะยอมรับ  อีกอย่างผมเองกเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน  ท่านเองคงตั้งความหวังกับผมไว้สูง  อยากให้ผมมีครอบครัวที่ดี สืบทอดมรดก มีทายาทสืบสกุลต่อๆไป  ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำตามที่ท่านคิดหรอกครับ  ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ท่านก็ต้องยอมรับมันให้ได้  ผมไม่มีวันที่จะเลิกกับโยชิเด็ดขาด  ต่อให้ท่านจะยอมรับหรือไม่  ผมจะดูแลคนๆนี้ให้ดีที่สุดอย่างที่เคยสัญญาไว้

 

“แม่ว่าไปนั่งคุยกันดีกว่านะ” ท่านว่าแล้วเดินไปนั่งโซฟาหนังที่เดิมของท่าน ผมพาโยชินั่งตรงข้ามกับท่าน  ผมนั่งโซฟาเดียวกันกับโยชิครับ  ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  เป็นผมเองที่ทำลายบรรยากาศอึมครึมนี้

 

“พ่อละคุณหญิง” ผมถาม  ตั้งแต่เข้าบ้านก็ยังไม่เห็น

 

“จะเข้ามาช่วงเที่ยงๆ  อีกไม่นานหรอก” แม่บอกผมแต่สายตามองที่โยชิ

 

“งั้นหรอครับ..คุณหญิงจ้องแฟนผมจนตัวสั่นหน้าซีดหมดแล้ว”

 

“ก็ฉันกำลังสแกนว่าที่ลูกสะใภ้นิ  อยู่เงียบๆไปเลยพ่อลูกชาย” เหนแม่ผมพูดแบบนี้ก็เข้าใจได้เลยครับท่านยอมเปิดใจแล้ว  ไม่งั้นไม่มานั่งสแกนแบบนี้หรอก

 

“เอ่อ..คะ คือ”

 

“คุณหญิงเห็นไหม แฟนผมกลัวคุณหญิงเนี้ย...โอ๋ๆไม่ต้องกลัวนะตัวเล็ก” ผมบอกกับแม่แล้วหันมาโอ๋แฟนผมด้วยการกอดลูบหัวลูบหลัง  อีกคนก็ดิ้นให้ปล่อย  หันไปทางแม่  แม่ถึงกับส่ายหน้า

 

“ว่าแต่เราชื่ออะไรหรือจ้ะ?” แม่ผมถามโยชิ

 

“ผะ ผมโยชิครับ”

 

“แล้วไปเจอลูกชายแม่ที่ไหนจ้ะ” แม่ถามต่อ

 

“เอ่อ..คือ”

 

“ผมเคยคบตอนมัธยม  แต่เลิกกันไป  แต่ตอนนี้กลับมาคบกันเหมือนเดิมแล้วครับคุณหญิง” ผมตอบแทนโยชิที่ดูเหมือนจะตอบไม่ถูก

 

“ฉันไม่ได้ถามนะพ่อลูกชาย” แม่หันมาดุผมแต่ไม่จริงจังนัก

 

“โถ่ววคุณหญิงก็เล่นถามแล้วจ้องจะเอาคำตอบแบบนั้นแฟนผมก็ตอบไม่ถูกสิ”

 

“ฉันละเหนื่อยใจกับลูกแบบแกจริงๆอัลฟา” แม่ถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว

 

“โถ่ววว คุณหญิง”

 

“เงียบ!” แม่ยกมือขึ้นบอกว่าเงียบ

 

“...” ผมจึงปิดปากเงียบ

 

“ว่าแต่อายุเท่ากันหรอจ้ะ” แม่ผมหันไปถามโยชิต่อ

 

“เปล่าครับ  ผมอายุน้อยกว่าหนึ่งปี” โยชิตอบพร้อมยิ้มบาง   ผมจับมือโยชิบีบเปล่าๆเพราะรู้ว่าอีกคนเกร็งแค่ไหน

 

“อย่างนั้นหรอจ้ะ  งั้นก็เพิ่งขึ้นปีหนึงสิ”

 

“ครับ”

 

“เรียนอะไรละลูก” แม่ผมเริ่มพูดคุยสบายมากขึ้น  ไม่ได้จ้องเหมือนตอนแรกแล้ว  ท่านถามและยิ้มบางมองโยชิเหมือนกำลังเอ็นดูเป็นลูกคนหนึ่ง

 

“วิศวะครับ”

 

“งั้นก็เรียนเหมือนกับลูกชายแม่นะสิ”

 

“ครับ” โยชิพยักหน้า

 

“แม่ฝากดูลูกชายแม่ด้วยนะ  หากไปก่อปัญหาอะไรที่ไหนจัดการได้เลย  แม่อนุญาต”

 

“อ้าวคุณหญิงไหงงั้นอ่ะ”

 

“หึ..” ผมหันมามองคนข้างกายที่กำลังขำผมอยู่

 

“ขำไรตัวเล็กเดี๋ยวจะโดน” ผมบอกพร้อมหยิกแก้มนิ่มอีกคน

 

“อื้ออ อ่อย!” โยชิตีแขนผมที่ยังไม่ปล่อยแก้มนิ่มของตัวเอง

 

“ปล่อยน้องเลย  ทำแบบนั้นแก้มน้องช้ำหมด”  แม่เป็นแม่ผมปะเนี้ย  ทำไมไม่เห็นดีกับลูกเลย

 

“ไม่ช้ำหรอกแม่ผมทำเบา” ผมบอก

 

“ปล่อยน้องเลย...ลูกโยมาหาแม่นี่มา  ไม่ต้องไปนั่งกับคนนิสัยไม่ดีหรอกลูก” แม่ผมท่านยอมลุกมาแล้วดึงแขนผมออกจากโยชิ  ยังครับยังไม่พอดึงตัวแฟนผมไปนั่งกับท่านด้วย  อ้าวไหงงั้น

 

“...” ผมได้แต่มองตาปริบๆ  คุณหญิงท่านแย่งแฟนผมไป  มีกอดต่อหน้าด้วย

 

“แม่ขอโทษนะลูกโย  ลูกไม่น่าหลงผิดมาคบกับลูกชายแม่เลย” ท่านกอดแล้วลูบหัวโยชิอย่างเอ็นดู  แต่เดี๋ยวนะ  ประโยคเมื่อกี้อะไรกัน นี่ลูกนะนี่ลูกไง

 

“คุณหญิงพูดงี้ได้ไง  ลูกนะลูก  คุณหญิงต้องบอกว่าคบกับผมแล้วโชคดีดิ”

 

“เงียบไปเถอะ  อย่าให้ต้องเล่าเรื่องที่คุณลูกไปก่อไว้มากมายเลย  เดี๋ยวน้องเขาจะบอกเลิกแก หึ”

 

“ไม่พูดแล้วก็ได้...สรุปคุณหญิงยอมรับว่าที่สะใภ้คนนี้ไหม” ผมถาม แม่มองผมก่อนที่จะดันร่างโยชิที่กอดออกมาดู ก่อนจะตอบผม

 

“รับสิย๊ะ  น่ารักน่ารักขนาดนี้  ปากนิดจมูกหน่อย  หน้าก็หวาน  สามผ่านเลย” แม่ผมพูด  คนที่ได้ยินมีหรือจะไม่เขิน  ตอนนี้นั่งก้มหน้าต่อหน้าแม่ผมนั่นละ

 

“ขะ ขอบคุณครับ” โยชิ

 

“ขอบคุณอะไรกัน  แม่สิต้องขอบคุณลูกที่ทำให้ลูกชายแม่ยอมกลับมาบ้านในรอบหลายเดือน”

 

“คุณหญิงก็เกินไป  ผมพึ่งมาเมื่อเดือนที่แล้วเองเถอะ”

 

“แต่ก็อยู่ไม่ถึงสามสิบนาทีก็แจ้นออกจากบ้าน  เขาไม่เรียกว่ากลับบ้านจ้ะ”

 

“ไม่ถึงขนาดนั้นซักหน่อย” ผมว่าเสียงแผ่ว  ผมสังเกตโยชิที่คงจะเริ่มผ่อนคลายแล้วจากคำพูดของแม่ที่บอกว่ารับได้ที่ผมกับโยชิคบกัน  ผมเองก็ดีใจที่แม่รักและเอ็นดูโยชิ

 

“คุณหญิงคะ  คุณท่านกลับมาแล้วคะ” เด็กรับใช้เอ่ยบอก  ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปทางส่วนครัว  คงจะไปช่วยกันตั้งโต๊ะเพราะพ่อผมกลับมาแล้ว

 

“ไปรับคุณพ่อกันลูก” แม่ว่าพร้อมกับจูงมือว่าที่ลูกสะใภ้ไปด้วย  ผมชอบคำว่าลูกใภ้จริงๆครับ หึๆ

 

 

-โยชิ-

 

“รับสิย๊ะ  น่ารักน่ารักขนาดนี้  ปากนิดจมูกหน่อย  หน้าก็หวาน  สามผ่านเลย” ผมเขินกับคำพูดท่านที่บอกกับผมออกมาตรงๆทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายจากตอนแรกมาก

 

“ขะ ขอบคุณครับ” แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังคงตอบติดๆขัดๆอยู่ ตั้งแต่ที่พี่เขาบอกผมว่าจะพามาพบพ่อกับแม่ผมก็รู้สึกกังวลทันที  ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยพาเขาไปพบแม่  แต่พอมาวันนี้เขาพาผมมาพบพ่อแม่เขาบางผมกลับรู้สึกตื่นเต้น  ตลอดเวลามาบ้านพี่เขาผมได้แต่คิดในใจว่าจะเอาไง จะต้องทำไงบ้าง  ทำอะไรดี  พอคิดได้ว่าการไปพบผู้ใหญ่ก็ต้องมีของไปฝาก ผมจึงให้พี่เขาพาแวะซื้อของก่อนที่จะถึงบ้าน

.

.

.

“ไปรับคุณพ่อกันลูก”  ท่าพูดกับผมพร้อมกับจูงมือผมให้เดินตามท่านไป ตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก  ถึงแม้แม่พี่เขาจะยอมรับผม  แต่คุณพ่ออาจจะไม่ก็ได้

 

“..ครับ”

 

“กลับมาแล้วหรอคะคุณ...นี่ว่าที่ลูกสะใภ้ของเรา” ท่านว่าแล้วดันผมให้มาหยุดยืนข้างหน้าสามีท่าน  ผมที่มึนๆ งงๆ กับเหตุการ์ณตรงหน้าอยู่ก็ยกมือสวัสดีทักทายท่านก่อน

 

“สะ สวัสดีครับ” อาการติดอ่างมาอีกแล้ว  ท่านมองผมนิ่งแต่ก็ยอมรับไหว้ผม

 

“คุณว่าอะไรนะคุณหญิง” พ่อพี่เขาถามคุณแม่กลับอีกรอบ  แล้วหันมามองผมอีกที

 

“ว่าที่ลูกสะใภ้เราไงละคะคุณ...น่ารักเนอะฉันชอบ” มีพี่เขาตอบยิ้มกว้างพร้อมกับโอบเอวผม  ผมเกร็งครับ  เกร็งมากเมื่อสายตาพ่อพี่เขาจ้องผมไม่วางตา

 

“...ลูกชายตัวดีคุณอยู่ไหนละคุณหญิง”

 

“อยู่นี่ครับนายท่าน” พี่เขาเข้ามาหยุดยืนหน้าพ่อตัวเอง

 

“หายหัวไปซะนาน” ท่านมองลูกชายตัวเอง  แล้วเบี่ยงสายตามามองผมอีกรอบเป็นเชิงถามกันทางสายตา

 

“ก็อย่างที่คุณหญิงพูดนั่นแหละ  ยอมรับได้ไหมที่ลูกหาสะใภ้ผู้ชายมาให้”  ตรง..ตรงมากกกก

 

“หึ  ยอมรับไม่ได้ก็ต้องยอมรับละวะ  ก็คุณหญิงบอกว่าชอบคนเป็นพ่ออย่างฉันจะห้ามอะไรได้” ท่านพูดกลั้วหัวเราะ แบบนี้แสดงว่าท่านยอมรับผมสินะ

 

“นายท่านนี่กลัวเมียของแท้จริงๆ”

 

“หรือมึงไม่กลัวละไอ้ลูกชาย” ท่านเลิกคิ้วถาม

 

“กลัวดินายท่าน! ฮ่าๆๆ”

 

“หึ เลือดกูมันข้นสินะ..เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า หิวแล้วด้วย  คุณหญิงมาให้กอดหน่อย” พ่อพี่เขาบอกก่อนที่จะเดินเข้ามากอดภรรยาตัวเอง

 

“หายกังวลแล้วนะ  พี่บอกแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว”

 

“..ครับ” ผมยิ้มรับ

 

 อาหารเรียงรายกันหลายชนิดวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวขนาดใหย่  ส่วนหัวโต๊ะจะเป็นนายใหญ่ของบ้านคือพ่อพี่เขา ละทางด้านขวามือท่านจะเป็นภรรยาคนสวย ผมลืมเล่าไปสินะ  แม่พี่เขายังดูสาวอยู่เลยครับ  สวยมากด้วย  ส่วนทางซ้ายมือของท่านจะเป็นพี่เขาและก็ผม

 

“เรามาเริ่มทานกันเถอะผมหิวแล้วสิ” พ่อพี่เขาว่า พวกเราจึงลงมือรับประทานอาหารกัน

 

“กินเยอะๆนะลูกโย  แม่เป็นคนเข้าครัวเองเลย” ท่านบอกพร้อมกับยิ้มบางๆมาให้ผม

 

“..ครับ  คุณป้าก็ทานเยอะๆนะครับ”

 

“ไม่เรียกป้าสิลูก!”

 

“คะ ครับ?” ผมทำหน้าสงสัย

 

“เรียกแม่จ้ะแม่   ยังไงซะลูกโยก็ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่ลูกสะใภ้บ้านอินทรสิริกุลเชียวนะ”

 

“อ่าครับๆ” ผมพยักหน้ารับ

 

“ไหนลองเรียกคุณแม่สิจ้ะ”

 

“เอ่อ..” ผมหันไปมองพี่เขาที่นั่งข้างผม  ตอนนี้เขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่  มองไปทางพ่อพี่เขาเองก็เช่นกัน ท่านยังพยักหน้าให้ผมทีหนึ่งเลยครับ ผมหันไปทางแม่พี่เขาที่จ้องเอาคำตอบจากผม

 

“คะ คุณแม่..” ท่านยิ้มพอใจ

 

“ดีมากจ้ะ แม่ปลื้มจริงๆ  แวะมาหาแม่บ่อยๆนะลูก”

 

“ครับ” ผมยิ้มตอบท่าน  ท่านตักอาหารให้ผม ผมก็บอกขอบคุณตามมารยาทเวลาที่ใครทำอะไรให้  บนโต๊ะอาหารก็ไม่เงียบอย่างที่คิดคุณพ่อพี่เขาถามผมต่างๆมากมาย  ท่านถามว่าพ่อแม่ผมทำงานอะไร  แล้วผมอยู่ยังไง  เรียนอะไร  แล้วไปคบกับลูกชายท่านได้ไง บางครั้งผมเองก็ตอบไม่ได้ก็จะมีพี่เขาคอยตอบแทน...

 

“ลูกชายแม่ไม่เคยพาใครเข้าบ้านจริงๆจังๆซักที รู้ไหมลูกโย”

 

“...” ผมส่ายหน้า  ไม่รู้ครับ

 

“ลูกชายพ่อพอโทรมาบอกว่าจะพาสะใภ้มาให้ดู  คุณหญิงดีใจใหญ่เลย  ลงมือทำอาหารเองด้วยนะ” พ่อพี่เขาพูด  ตอนนี้เรากำลังนั่งเล่นกันในห้องรับแขกให้อาหารที่พึ่งทานไปย่อยจึงนั่งคุยกัน  พ่อพี่เขาเป็นนักธุรกิจครับ  บริหารงานหลายอย่างเลย  ทำโรงแรมด้วยนะครับ  เป็นโรงแรมชื่อดัง  พ่อพี่เขาบอกจริงๆเรียนจบวิศวะแต่ได้มาบริหารซะงั้น  แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของท่าน  เพราะท่านต้องรับช่วงต่อจากตะกูล  ส่วนแม่พี่เขาทำร้านเครื่องเพชรครับ  ท่านจึงมอบกำไลเพชรมาให้ผมชิ้นหนึ่ง   ผมเกรงใจว่าไม่อยากรับไว้  แต่ท่านก็ขยั้นขยอผมจนต้องยอมรับไว้

 

“ผมไม่ทราบเลยครับ  พี่เขาแค่บอกว่าจะพามาพบคุณพ่อกับคุณแม่” ผมตอบ

 

“คงตื่นเต้นมากน่าดู  แม่เข้าใจจ้ะแม่ก็เคย  แต่พอมาเห็นแบบนี้แล้วแม่ก็สบายใจ  ที่ลูกชายแม่มีครักที่ดีแบบลูกโย”

 

“ขอบคุณครับ”

 

“เรียนจบแต่งเลยนะนายท่าน”

 

“ค แค่กๆๆ” ผมที่กำลังดื่มน้ำถึงกับสำลัก

 

“เป็นไรมากไหม?” พี่เขาลูบหลังให้ผม  ผมส่ายหน้าพร้อมกับยื่นมือไปรับทิชชูจากแม่พี่เขามาเช็ดปาก

 

“จะรีบไปไหนวะไอ้ลูกชาย” พ่อพี่เขาถาม

 

“ก็อยากอยู่กินกันเลย..เนอะตัวเล็ก” ยังหันมาถามหน้าตาเฉยอีก  รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมา

 

“...” ผมไม่ได้ตอบแต่หลบสายตาล้อเลียนจากผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงนี้  พูดอะไรไม่อายปากเลย

 

“ถามน้องยังเขาอยากอยู่กับมึงไหมไอ้ลูกชาย  อีกอย่างพ่อแม่เขาจะยกลูกเขาให้มึงไหม” พ่อยังพูดต่อ

 

“ยกดินายท่าน  และนายท่านกับคุณหญิงต้องไปสู่ขอให้ผมด้วย  เข้าใจไหม?”

 

“คุณหญิงว่าไง?”

 

“ได้สิ  แต่ถึงยังงั้นต้องไปถามพ่อแม่ของลูกโยก่อน โอเค้?” ท่านทำมือว่าโอเคไหม

 

“เคคุณหญิง  อย่าลืมละที่พูดอ่ะ”

 

“...” ผมได้แต่นั่งฟังเงียบๆให้พ่อแม่ลูกเขาคุยตกลงกันเอง

 

 

บ่ายสามโมง

 

“น่าจะอยู่กันให้นานกว่านี้นะ” คุณแม่ท่านว่า เมื่อมาส่งผมกับพี่เขาขึ้นรถเตรียมจะกลับกันแล้ว

 

“ก็อยากอยู่นานๆนะคุณหญิง  แต่ไม่เอาหรอกเดี๋ยวคุณหญิงแต๊ะอั๊งแฟนผม”  พี่เขาพุดหยอกแม่ตัวเอง  คุณแม่ท่านจึงตีแขนลูกชายตัวเองไปทีหนึ่ง

 

“พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเรียนแล้ว  ผมต้องกลับไปทำการบ้านครับ” ผมตอบ ท่านยิ้มเอ็นดูผมพรางลูบหัวผม

 

“งั้นหรอจ้ะ  เป็นเด็กดีจริงๆ ต่างจากคนแถวนี้”

 

“คุณหญิง..ใช่สิ๊ ! มีลูกรักคนใหม่แล้วนิ  ไอ้เราก็หมาหัวเน่า” ผมขำกับท่าทางงอนๆของพี่เขา  ท่านเองก็ส่ายหน้าปลงกับลุกชายตัวเอง

 

“ก็มึงทำตัวไม่น่ารักไงไอ้ลูกชาย  ขนาดพ่อยังชอบหนูโยมากกว่าเลย  นี่ท่าสลับกันได้คงดี หึๆ”

 

“นายท่าน!! ทำไมไม่เข้าข้างลูกคนนี้หน่อย”

 

“ฉันเข้าข้างเมีย  เมียอยู่ข้างไหนฉันอยู่ข้างนั้น”

 

“งั้นเราเอาลูกโยมาเป็นลูกของเรานะคะคุณ  ส่วนคนนี้ปล่อยทิ้งข้างทางเนอะ”

 

“หึๆ”  ครอบครัวพี่เขาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีครับ  และพ่อแม่พี่เขาก็ดูจะสนิทกับลูกชาย  ดูเป็นกันเองสุดๆ โดยเฉพาะคุณพ่อพี่เขา  มีพูดหยาบกับลูกบ้าง  และดูท่านทั้งสองจะรักลูกชายมาก  ลูกคนเดียวนิเนอะ  ผมเองก็เหมือนกันป๊ากับม๊ารักผมมากไม่ต่างกัน

 

“กลับก่อนนะครับ..สวัสดีครับ”ผมไหว้ลาท่านทั้งสอง

 

“จ้ะ  ว่างๆก็มาหาแม่ได้เสมอนะ..มากอดทีลูก” ท่านอ้าแขนออก  ผมจึงเดินเข้าไปกอดท่าน  ท่านเอ็นดูผม  ผมดีใจแต่อีกใจหนึ่งผมกลับ...รู้สึกผิด

 

“พ่อกับแม่พี่น่ารักดีนะครับ” ตอนนี้เรากำลังขับรถกลับคอนโดกัน  ถ้าออกเย็นกว่านี้รถจะติดมากและจะถึงคอนโดดึก

 

“อืม  พี่บอกตัวเล็กแล้วว่าพ่อแม่พี่ใจดี” พี่เขาหันกลับมายิ้มให้ผมแล้วก็หันไปมองทางต่อ

 

“ครับ..ใจดีมาก” มาก..จนผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที  พี่เองก็ดีกับผมมากเหมือนกัน  ขอบคุณนะครับ  ผมได้แต่คิดในใจเท่านั้น

 

“แม่พี่ดูจะเอ็นดูตัวเล็ก  จนลูกชายแบบพี่เป็นหมาหัวเน่าเลย ฮ่ะๆ”

 

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

 

“จริงๆนะ  คุณหญิงแม่เป็นคนถูกใจอะไรยากแต่ถ้าได้ถูกใจแล้วท่านจะหวงมากเหมือนกัน  ถือว่าตัวเล็กผ่านแล้วนะ  เรียนจบมาเป็นสะใภ้เต็มตัวให้บ้านพี่นะครับ” ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่เขาที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ  เขินกับคำพูดตัวเองสินะ  ไม่คิดว่าจะอายเป็นด้วย

 

 

“...ถ้ามีโอกาสนะครับ” ผมพึมพำกับตัวเองโดยที่อีกคนไม่มีทางได้ยิน พรางมองข้างทางเหมือนมีสิ่งดึงดูดผมให้มอง  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่  ผมกำลังอยู่กับความคิดตัวเองมากกว่า  ผมกำลัง...ลังเล

 

 

 

 

TBC.
[/color]

 
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่21 : แผน? [14/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 14-11-2017 14:30:32
ตอนที่21: แผน?

-อัลฟา-

 

“เลือกได้รึยัง  นี่พี่ซื้อของสดจนครบหมดแล้วนะ”

 

“เอ๋…”  ผมเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆของคนที่กำลังตั้งใจเลือกมะเขือเทศอยู่ สองมือจับข้างละลูกแล้วก็ส่องๆมองๆดูว่าลูกไหนโอเคกว่ากัน

 

“เลือกแบบนี้แล้วเมื่อไรจะได้กินครับตัวเล็ก” ผมบอกกลั้วหัวเราะเห็นคนที่ท่าทางตั้งใจเลือกเป็นอย่างมาก

 

“เอ๊ะ ! เงียบๆหน่อยได้ไหมคนกำลังใช้สมาธิอยู่”

 

“ขนาดนั้นเลย?” ผมถามเสียงสูง ฮ่ะๆๆ

 

“อืม..โอเคได้ละ ทำให้อร่อยๆนะครับ”  เพราะโยชิบอกอยากกินสปาเกตตี้ซอสมะเขือเทศ ของสดในตู้เย็นผมก็ไม่ค่อยมีจึงต้องพามาซื้อของด้วย  ได้ทั้งของสดและของใช้ส่วนตัว  เห็นแบบนี้ผมทำอาหารเป็นนะครับถึงจะทำไม่ได้ทุกอย่าง  แต่ถ้าคนเนี้ย(ชี้โยชิ)อยากกินอะไรต่อให้ไม่เคยทำผมก็จะพยายามหาวิธีทำมาให้กินแล้วกันครับ  ผมเป็นแฟนที่ดีใช่ไหมละ หึๆ

 

“งั้นไปจ่ายตังแล้วกลับกันเลยเนอะ”

 

“อือๆ”

.

.

“ตัวเล็กหยิบจานให้พี่หน่อย” ผมบอกให้อีกคนที่กำลังนั่งกินไส้กรอกหน้าเคาเตอร์บาร์หยิบจานให้ผม

 

“อ่ะ  อืมหอมดี  น่ากินจังแต่รสชาติจะเป็นไงน๊า” โยชิยื่นจานส่งมาให้ผมใส่สปาเก็ตตี้ร้อนๆที่ผมเพิ่งทำเสร็จ

 

“อร่อยไม่อร่อยยังไงก็ต้องกินนะ” ผมบอกกลั้วหัวเราะ

 

“ถ้าไม่อร่อยเททิ้งได้ไหมละ?”

 

“ไม่เทดิ  นี่ทำให้สุดใจเลยนะที่รัก  ลองชิมก่อน..เป็นไง?” ผมหยิบส้อมมาหมุนเส้นแล้วเป่าเบาๆก่อนป้อนอีกคน  ผมถามหลังจากที่โยชิกลืนมันลงไปแล้วเรียบร้อย

 

“ก็พอกินได้”

 

“แค่นั้นเองหรอ? งั้นไม่ต้องกิน” ผมบอกทำทีจะเอาไปเททิ้ง

 

“เฮ้ย  จะบ้าหรอเสียดายของ  บอกว่าพอกินได้  มันก็กินได้ดิ เอามากินเอง” ผมปล่อยจานสปาเก็ตตี้ให้อีกคนง่ายๆ โยชิเดินกลับไปนั่งที่เดิม  ผมจึงหันมาจัดการกับอุปกรณ์ในครัวที่ต้องล้างเก็บ

 

“กินเงียบเลยนะ” ผมแซว  ทำให้คนที่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่พูดไม่จาอะไรเงยหน้าขึ้นมามองผมที่นั่งท้าวคางมองอยู่ตรงหน้า  แก้มก็เคี้ยวตุ้ยๆ มันน่าหยิกจริงๆ

 

“เวลากินอาหารควรรับประทานเงียบๆครับพี่  มันเป็นมารยาท”

 

“ไม่บอกไม่รู้นะเนี้ย” ผมพูดหยอก

 

“งั้นกูไว้ซะเถอะ”

 

“ไม่รู้ไม่ได้หรอออออ” ผมลากเสียงยาว

 

“ไม่ได้! พอเลยจะกินต่อแล้ว” ว่าจบโยชิก็ลงมือทานต่อ ผมมองคนต้องหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อย  นี่ขนาดว่าพอใช้นะครับ

 

“จะเอาอีกป่ะ?” ผมถามลองเชิง อีกคนเงยหน้าขึ้นมองผมตาปริบๆก็พยักหน้า ผมเช็ดมุมปากที่เปื้อนด้วยซอสออกให้แล้วนำจานของโยชิใส่สปาเก็ตตี้เพิ่มให้

 

“ขอบคุณครับบ” โยชิบอกยิ้มๆแล้วลงมือทานต่อ  ได้เห้นคนรักกินฝีมือตัวเองก็ดีใจ

 

“ถามจริงนะอร่อยป่ะ?”

 

“ก็บอกไปรอบหนึ่งแล้วนะครับว่าพอใช้ได้ งั่มๆ”

 

“ครับๆๆพอใช้ได้” ผมยื่นมือเข้าไปลูบแก้มเนียนของคนตรงหน้าเบาๆ  อยากจะฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว ผมสังเกตเห็นใบหน้าคนตรงหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ  เขินละสิ หึ น่ารักเป็นบ้าเลย

 

“แล้วพี่ไม่กินหรอครับ” ผมส่ายหน้า

 

“แค่เห็นเรากินพี่ก็อิ่มแล้ว” ผมยักคิ้วยิ้มส่งให้เมื่อคนตรงหน้ามองมา

 

“โนครับ  ไม่ใช่เรื่องจริง คนบ้าอะไรเห็นคนอื่นกินแล้วตัวเองจะอิ่ม”

 

“คนแบบพี่ไง” ผมบอก

 

“นี่ผมมีแฟนเป็นคนบ้าหรอเนี้ย”

 

“ใช่บ้า บ้ามาก  บ้ารักตัวเล็กไง” ผมบอกพร้อมกับท้าวคางมองแล้วยิ้มกว้าง

 

“แหวะ  พูดอะไรก็ไม่รู้” โยชิพึมพำเบาๆเสมองไปทางอื่น แก้มแดงเรื่อ เขินอีกแล้ว หึๆ แบบนี้มันน่าแกล้งนัก

 

“มาวงมาแหวะ  ท้องลูกของเราแล้วหรอตัวเล็ก”

 

“ไม่น่าจะใช่ลูกของพี่หรอก”

 

“หมายความว่าไง? นี่นอกใจพี่หรอ?” ผมถามเสียงจริงจัง  มองคนตรงหน้านิ่งรอฟังคำตอบ

 

“เออ  แล้วทำไมพี่จะทำไม” โยชิถามกลับหน้าตาย

 

“พี่จะไปฆ่ามัน!” ผมว่าเสียงแข็ง

 

“พี่จะทำให้ลูกผมกำพร้าพ่อนะ” โยชิว่าต่อ

 

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่รับเป็นพ่อเอง” ผมบอกแล้วลุกเดินออกไป

 

หึ่ม ! หงุดหงิดครับ  ต้องเดินออกมาผมไม่อยากจะทะเลาะกับโยชิ  มันอาจจะดูงี่เง่าแต่ใครจะอยากให้แฟนตัวเองบอกว่ามีลูกกับคนอื่นละครับ  ตอจะเป็นผู้ชายมดลงมดลูกไม่มีก็เถอะ  ถ้าบอกว่าท้องลูกผมจะดีกว่านี้

 

“นี่! พี่งอนผมหรอครับ” โยชินั่งลงข้างผม  ตอนนี้ผมนั่งอยู่โซนนั่งเล่น  ผมหยิบรีโมทเปิดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

 

“เปล๊า!” ผมตอบเสียงสูง   มือก็กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

 

“งั้นก็ดีแล้วครับ ผมจะได้ไม่ต้องง้อ” เห้ย! ได้ไงวะ  นี่งอนให้ง้อนะเว้ย

 

“...” ผมเงียบทำเป็นไม่สนใจ  แต่ในใจนี่ไม่สุขแล้วครับ

 

“งั้น..ผมกลับห้องละนะ”

 

“เดี๋ยวดิ!” โยชิทำท่าจะลุกขึ้นผมจึงกอดหมับเอาไว้แน่น

 

“มีอะไรว่ามา?” โยชิเลิกคิ้วมองผม  อะไรละ  เห้ยนี่งอนอยู่นะ

 

“ไม่ง้อพี่หน่อยหร๊อออ” ผมลากเสียงให้รู้ว่าง้อหน่อยดิ นี่งอนอยู่นะเฟ้ย

 

“ก็ไหนบอกว่าไม่งอนไง หึๆ” โยชิถามขำๆ

 

“ก็ตอนนี้งอนแล้วไงครับ ตัวเล็กง้อพี่เลย”

 

“อะไร?  ไม่ต้องเลยไม่เล่นแล้วดูหนังดีกว่า”โยชิว่าหยิบรีโมทเปิดไปช่องภาพยนตร์แทน

 

“...” ผมเงียบ  นั่งกอดอกมองจอสี่เหลี่ยมที่กำลังฉายหนังเรื่องหนึ่ง

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

“ไม่เห็นตลกเลย” ผมพึมพำเบาๆ เมื่อโยชิขำฉากหนังที่ตลกแต่ผมไม่ตลกหรอก  ไม่สนใจกันเลยเฟ้ย หึ่ม! ทำไงดีวะ

 

“นี่! พี่ครับ”

 

“อืม” ผมขานรับ

 

“หันมาคุยกันดีๆสิครับ” ผมจึงหันไปแต่ก้ยังไม่พูดอะไร

 

“...”

 

“ไหนบอกสิครับว่าคุณแฟนป็นอะไร” โยชิถาม

 

“แฟนไม่สนใจ..” ผมตอบ

 

“ผมไม่สนใจพี่ตรงไหนวะ” โยชิขมวดคิ้วถาม

 

“ก็ตัวเองสนหนังในจอมากกว่าพี่อ่ะ” ผมทำแก้มพองลม  ให้รู้กูยังงอนและงอนเพิ่มขึ้น

 

“ไอ้พี่บ้าคิดว่าทำแก้มอมลมงี้มันน่ารักรึไง” โยชิตบเข้าที่แก้มผมเบาๆแล้วหัวเราะ

 

“เชอะ!” ผมสะบัดหน้าหนี  ทำไมรู้สึกว่าตัวเองจะแต๋ววะ ฮ่าๆๆ ไม่เป้นไรครับไม่มีเพื่อนผมอยู่ ผมทำต่อหน้าแฟนเท่านั้น

 

“หว๊า~ วันนี้กะว่าจะมานอนค้างด้วยซะหน่อย” อะไรค้างๆนะ  ผมหันไปมองคนที่จ้องจอสี่เหลี่ยมไม่วางตา

 

“จริงดิตัวเล็ก!” ผมถามอย่างตื่นเต้น  ก็นานๆโยชิจะมาค้างกับผมที่ห้องนิ

 

“อืม” โยชิพยักหน้า  ผมถึงกับยิ้มกว้าง

 

“ดีจังวันนี้ได้นอนกอดแฟนแล้ว  จะกอดแรงๆเลยคอยดูซิ” ผมหอมแก้มเนียนแล้วก็กอดวางหน้าบนไหล่อีกคน

 

“หายงอนยัง?” โยชิถาม

 

“อะไรใครงอน ไม่มี๊” ผมบอก

 

“หึ พอเลยดูหนังดีกว่านะ”

 

“ครับ ดูหนังกัน” ผมจับมือบางมากุมไว้นั่งดูหนังกันไปเรื่อยๆ  ผมว่าผมกับโยชิกำลังไปได้สวย  ตั้งแต่ที่เริ่มกลับมาคบกันใหม่เราไม่ค่อยจะทะเลาะกันรุนแรง  หากวันใดที่เรามีเรื่องไม่สบายใจหรืออารมณ์ไม่อยู่ในเวลาที่จะคุย  เราจะออกมาอยู่เงียบๆกันให้ใจเย็นลงแล้วค่อยคุยกันอีกครั้ง  ผมหันมองเสี้ยวหน้าของคนที่รักมาก  ใบหน้ายิ้มแย้มที่ผมโหยหามาตลอดที่รู้สึกตัวเอง  ผมไม่อยากทำลายรอยยิ้มนี้อีกแล้ว  ผมจะรักษารอยยิ้มสดใสนี้ไว้อย่างดีที่สุด ...เพราะมันสำคัญ

 

 

-โยชิ-

 

ผมนั่งมองคนที่กำลังนอนหลับหนุนตักผมอยู่  เรากำลังนั่งดูหนังด้วยกัน ตอนแรกเขาก็นั่งดูพร้อมกับกุมมือผมไว้ไม่ปล่อย  แต่คงจะง่วงเลยเปลี่ยนเป็นมานอนตักผมแทน  ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้อีกคนใช้ตักผมเป็นหมอนหนุนนอนดูหนังด้วยกัน  พอหนังจบผมจึงได้หันมาสนใจเขาสุดท้าย...หลับ

 

ครืด ครืด..

เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์ผมสั่นขึ้น ผมมองหน้าคนที่หลับก่อนที่จะกดดูข้อความอย่างระมัดระวัง

 

‘อย่าลืมทำตามแผนที่วางไว้ละ  อย่าให้หมอนั่นจับได้ละเข้าใจนะ’

 

เนปจูนเป็นคนส่งข้อความมาหาผม  ผมเลื่อนสายตาอ่านข้อความช้าๆ แผน? นั้นสินะ ผมลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง  ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า  มองผู้ชายที่ยังคงนอนหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทราอย่างลึกยากที่จะตื่น  ผมเลื่อนมือลูบตามคิ้วเข้มเลื่อนลงมาที่ดวงตาที่ปิดสนิท  ย้ายลงมาที่แก้ม จมูกที่โด่งเป็นสันสวยและริมฝีปากเป็นที่สุดท้าย  ผมลูบมันเบาๆเพราะกลัวอีกคนจะตื่นมาเสียก่อน

 

“ผมไม่มีทางเลือก” ผมพึมพำแผ่วเบา   

 

 

 

“ตัวเล็ก!” เสียงเรียกดังขึ้นให้ผมได้ยิน  ตอนนี้ผมกำลังจัดเตรียมอาหารที่เพิ่งมาส่งเพื่อจัดใส่จานจะได้กินกัน  ตอนนี้ก็ปาไปเกือบจะสองทุ่มแล้ว

 

“ครับพี่” ผมขานรับ

 

“อยู่ไหน?”

 

“ในครัวครับ” ผมตอบกลับเมื่ออีกคนถามมา  เขาเดินงัวเงียจากอาการเพิ่งตื่นนอนเขามานั่งตรงบาร์

 

“ทำไมไม่ปลุกพี่ละ” เขาถาม

 

“ผมเห็นพี่หลับสบายไม่อยากปลุกครับ  หิวรึยัง?” ผมถามพรางแกะกล่องอาหารจัดใส่จานไปด้วย

 

“ถ้าปลุกพี่จะได้พาไปกินข้างนอก”

 

“ไม่เห็นต้องไปกินข้างนอกเลย” ผมบอก

 

“แต่พี่อยากพาตัวเล็กไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน บรรยากาศโรแมนติกนี่นา”  เขาลุกเดินเข้ามาถึงตัวผมตอนไหนไม่ทราบเพราะผมกำลังจัดอาหารอยู่  เขากอดผมจากด้านหลังเอาหน้าวางบนไหล่ผม

 

“เราดินเนอร์ที่นี่ก็ได้นิครับ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากเลย”

 

“ไม่มีอะไรยุ่งยากสำหรับพี่หรอก  อีกอย่างพี่เต็มใจทำให้ตัวเล็ก” เขาว่าพร้อมกับหอมแก้มผมหนึ่งทีก็กลับมาวางหน้าบนไหล่ผมเหมือนเคย

 

“พี่ครับ..” ผมเรียก

 

“หื้ม?”

 

“ผมหนักนะ  กอดแบบนี้อึดอัดด้วยผมจัดอาหารไม่ถนัดนะครับ” ผมแตะที่แขนเขาเบาๆให้ปล่อย  แต่พี่เขาไม่ปล่อยกลับกระชับแล้วยังซุกไซร้ที่คคอของผมอีก

 

“ตัวเล็ก..”

 

“ครับว่าไง?” ผมขานรับ

 

“พี่ยังไม่หิวข้าวเลยอ่ะ” ผมขมวดคิ้วมุน  นี่มันสองทุ่มแล้วไม่หิวได้ไง  เขาไม่หิวแต่ผมหิวอ่ะ

 

“เอ้..งั้นผมกินก่อนนะ”

 

“ไม่เอา” อะไรของเขาว่ะ

 

“ครับ?”

 

“พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวอ่ะ” อะไรคือมากกว่าข้าวว่ะ  ผมกลับหลังหันไปมองอีกคนที่ยอมคลายแขนที่กอดรัดผมมื่อครู่ออกแล้วแต่ก้ยังไม่ได้ถอยห่างจากผม

 

“แล้วพี่จะกินอะไรครับ?”

 

“ก็...” เขาทำหน้านึกครู่หนึ่งแล้วปลายตามามองที่ผม

 

“ก็?” ผมถามอย่างนึกสงสัย

 

“ก็นี้ไง” เขาบอกแล้วชี้มาที่ผมพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเลห์ ผมมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก  คงไม่มั้ง

 

“...” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร  คิดหาวิธีว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไง  หากถ้าสิ่งที่เขาพูดบอกว่าจะกินผมเนี้ย  ผมเข้าใจความหมายมันดีครับว่ามันหมายถึงอะไร  ผมไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันหมายความว่าอะไรนะเว้ย!!

 

“พี่ว่าอิ่มกว่าข้าวเยอะเลย  แถมดูไปน่าจะอร่อยกว่าด้วย”

 

“อะ เอ่อ..” ผมหันซ้ายหันขวาหาทางหนีเมื่ออีกคนเขามาประชิดตัวกว่าเดิมแถมยังเอาแขนมาปิดกั้นตัวผมไม่ให้มีทางหนีทีไล่ด้วยซ้ำ  ผมยังไม่พร้อมนะเว้ย  อย่าทำกับผมแบบนี้

 

“หื้ม..” เขาเลียปากตัวเองใช้สายตามองผมอย่างหื่นกระหาย

 

“พะ พี่..” ผมเรียกอีกคนแผ่วเบาพร้อมผลักให้เขาเขยิบออก แต่เขากลับยิ่งเบียดร่างกายเข้ามาแนบชิด  กอดเอวดึงผมเข้าหาตัวเขา ผมออกแรงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่งนี้

 

“ดิ้นทำไมครับคนดี  เหนื่อยนะ” เขากระซิบชิดริมหูผมเสียงแหบพร่า  ใจผมเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น

 

“พะ พี่ครับผมว่าเรากินข้าวกันเถอะ” ผมเบือนหน้าหลบเมื่อริมฝีปากของอีกคนจะมาสัมผัสกับปากผมทำให้ปากปลี่ยนทิศมาอยู่ที่แก้มผมแทน  เขาคลอเคลี่ยแก้มผมสลับกับซุกซอกคอผม

 

“แต่พี่ยังไม่หิวนิ”

 

“ตะ แต่ว่าผมหิว” ผมบอก

 

“ตัวเล็ก..” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

 

“นะครับพี่” ผมจำใจต้องหันมาสบตากับคนตรงหน้า  ผมจับใบหน้าอีกคนให้หันมาสบตากับผม

 

“...”

 

“กินข้าวนะครับที่รัก”

 

“...”

 

“นะครับ  พี่อัลโยหิวแล้ว”

 

“ก็ได้..” ผมยิ้มกว้างให้อีกคน

 

“งั้นพี่จะกินข้าวเลยหรือว่าจะอาบน้ำก่อน” ผมถามเมื่อพี่เขายอมล่าถอยออกไปจากตัวผมแล้ว

 

“กินก่อนแล้วกันตัวเล็กหิวแล้วนิ” เขาบอกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้  ผมจึงนั่งลงข้างๆเขา

 

“ครับ  หิวมากกก” ผมบอกยิ้มๆ พร้อมกับส่งจานข้าวให้เขา

 

“งั้นก็กินเยอะๆนะครับ หึๆ”

 

“ครับ?” ผมเลิ้กคิ้วถาม  ไอเสียงหัวเราะนั้นมันช่างทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที  พี่เขาคงไม่คิดทำอะไรผมหรอกนะ  แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็อาจจะช่วยให้แผนของผมสำเร็จขึ้นก็ได้

 

“เปล่าครับ อะพี่ตักให้”

 

“ขอบคุณครับ งั้นนี่ครับ” ผมตักให้เขาเหมือนกัน

 

“ขอบคุณครับ  แฟนพี่นี่น่ารักจริงๆเลย” ผมยิ้มรับ

 

“...” เขาเปลี่ยนจากที่ผมรู้จักจริงๆครับ  เขาดูแลผมดีทุกอย่าง ถนุถนอมผมไม่เคยคิดจะทำเกินเลยกว่าจูบหรือกอดด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ผู้ชายอย่างเขาเรื่องเซ็กส์ก็สำคัญไม่ต่างกัน

 

“ทำไมไม่กินละตัวเล็กไหนบอกหิว”

 

“อ่าครับ หิว..” ผมส่งยิ้มแห้งๆ  ตักข้าวเข้าปากกิน

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?” เขาถาม

 

“ปะ เปล่าครับ พี่กินเยอะๆนะ อาหารที่ผมสั่งมามีแต่ของโปรดพี่เลยนิ” ผมพูดอย่างเอาใจจริงๆอาหารที่สั่งก็มีแต่ที่เขาชอบ  ผมน่าจะเดาถูกนะ  เพราะเขาเคยบอกตอนช่วงที่ผมคบอยู่กับเขาตอนนั้น

 

“คิดเรื่องเมื่อกี้หรอ  พี่ขอโทษนะที่ทำให้ตัวเล็กคิดมาก” เขาวางช้อนแล้วหันมามองผม ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวมาสบตากับเขาแทน

 

“...” ผม

 

“พี่ก็แค่..” เขายังพูดไม่ทันจบแต่ผมกลับแทรกขึ้นก่อน

 

“ถ้าพี่อยากพี่บอกกับผมตรงๆดีกว่าครับ” ผมพูดเสียงเบา ก้มหน้าหลบสายตาคมที่กำลังจ้องมองผมไม่วางตาเมื่อประโยคที่ผมเอ่ยบอกออกไปทำให้อีกคนดูเหมือนจะชะงักไปนิดแต่ก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม  ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้ามากเลยครับ  นี่ผมกำลังยั่วยวนเขาด้วยคำพูดรึเปล่านะ

 

“ขอบคุณนะที่ตัวเล็กยอมให้พี่  แต่พี่ไม่อยากให้เราฝืนเพื่อพี่” เขาลูบหัวผม และเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“...” ผมมองเขาที่ส่งยิ้มบางมาให้ผม

 

“เราค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้แหละดีแล้ว”

 

“...” ผมเม้มปากแน่น มองเขาที่ยังคงเอ่ยต่อ

 

“เมื่อกี้ที่พี่ทำก็แค่อยากแกล้งเราเท่านั้นไม่ได้จริงจัง”  ทำไมเขาชอบแกล้งผมนักนะ  ไอ้เราก็คิดว่าเขาอยาก...จริงๆ

 

“...กินข้าวต่อเถอะครับเดี๋ยวมันเย็นหมด” ผมพูดตัดบทแล้วหันมาสนใจอาหารต่อ  เราสองคนกินอาหารท่ามกลางความเงียบทั้งผมและเขาไม่ได้เอ่ยพูดคุยอะไรกันออกมาอีกจนกินข้าวกันเสร็จเขาก็บอกว่าจะเก็บจานล้างเองให้ผมไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่า   ผมจึงเข้ามาอาบน้ำในห้องนอน  ผมหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำ   ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานผมก็ออกมาด้านนอกห้องก็เห็นว่าพี่เขากำลังนั่งดูทีวีอยู่

 

“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ” ผมเข้าไปกอดคออีกคนจากข้างหลัง

 

“อาบเสร็จแล้วหรอ” เขาถาม

 

“ครับเสร็จแล้ว” ผมตอบ

 

“งั้นมาหอมทีอยากรู้ว่าพออาบน้ำแล้วตัวพี่จะหอมแบบตัวเล็กรึเปล่า”

 

“แตะอั๊งผมตลอดอ่ะ ฮ่ะๆ” แต่ผมก็ยื่นหน้าไปให้เขาหอมนะครับ

 

“อืม หอมจริงๆด้วย  งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”

 

“ครับ” เขาลุกเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ  ผมนั่งลงบนโซฟาห้องนั่งเล่นสายตาก็จ้องไปที่จอสี่เหลี่ยมตรงหน้าที่กำลังฉายรายการวาไรตี้อยู่

 
(ต่อข้างล่าง)
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่21 : แผน? [14/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 14-11-2017 14:31:12
ครืด ครืด..

เสียงข้อความข้าวของผมสั่นขึ่นอีกครั้ง  ผมละสายตาจากหน้าจอมามองที่โทรศัพท์

 

‘ทำตามแผนรึยังวะไอ้เตี้ย’ เนปจูน

 

“...” นั่นสินะ  ผมควรที่จะเริ่มตามแผนที่วางไว้ได้แล้ว  ถึงเวลาของผมแล้วสิ

 

‘อืม  กำลังทำ’ ผมตอบเนปจูนกลับไป

 

ผมเดินเข้ามายังส่วนของครัวอีกครั้ง  ผมจะเป็นจำพวกต้องดื่มนมก่อนนอนทุกคืน  และต่อให้ดื่มนมความสูงของผมก็ไม่เคยจะไต่ระดับขึ้นเลย  ไหนใครบอกว่าดื่มนมเยอะๆแล้วสูงวะ  นี่ผมยังเตี้ยดัดด่านอยู่เลย เหอะๆ เข้าเรื่องครับ

 

“อย่าลังเล มึงต้องทำได้โยชิ” ผมบอกกับตัวเอง  เกิดจะมาลังเลอะไรกันตอนนี้  ในเมื่อเวลานี้เหมาะที่สุดแล้ว  ผมเปิดตู้เย็นเอานมมาเทใส่แก้วใสสองแก้วที่ผมเตรียมไว้  แก้วหนึ่งเป็นของผมและอีกแก้วหนึ่งเป็นของเขา

 

“แก้วซ้ายของพี่เขา  แก้วขวาของกู” ผมพึมพำจำแก้วไว้ให้ขึ้นใจ  ซ้ายของเขา  ขวาของผม  แต่ว่าทำไมกูไม่กินให้เสร็จๆไปเลยว่ะ  คิดดังนั้นผมจึงกินนมแก้วของผมจนหมดแก้วแล้ววางไว้  ส่วนอีกแก้วผมต้องยกไปให้เขาสินะ ... ผมเดินถือแก้วนมเข้ามาในห้องนอนเห้นพี่เขาแต่งตัวด้วยชุดนอนเสร็จพอดี

 

“มาครับเดี๋ยวผมเช็ดหัวให้” ผมบอกพร้อมกับเรียกให้พี่เขามานั่งตรงปลายเตี้ย  ผมวางแก้วนมไว้บนโต๊ะหัวเตียงก่อนที่จะเข้าไปหาเขาที่นั่งรอให้ผมไปเช็ดผมให้  ผมขยับตัวนั่งชันเข่าไว้พรางเช็ดผมอีกคน

 

“วันนี้แฟนพี่ทำตัวน่ารักจริงๆนะ”

 

“ผมก็น่ารักทุกวันแหละ  ใช่ไหม” ผมถามกลับเช็ดผมอีกคนอย่างตั้งใจ  ในหัวก็กำลงัคิดว่าจะเริ่มมันยังไงเพื่อไม่ให้แผนที่วางไว้เสีย

 

“อืม  น่ารักทุกวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วย”

 

“แล้วผมน่ารักแถมยังน่าฟัดด้วยนะครับ” ผมกอดคอเขาจากด้านหลัง  ผมที่เช็ดให้เขาก็แห้งแล้ว  ผมกระซิบเสียงอ่อนหวานข้างหูอีกคน พี่เขาดูจะสะดุ้งเล็กน้อย คงไม่คิดว่าผมจะทำสินะ

 

“ตะ ตัวเล็ก...”

 

“ว่าไงครับ” ผมยังคงใช้น้ำเสียงเดิมอยู่  เขาหันมาจ้องมองผมตาปริบๆก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงไม่มั่นใจออกมา

 

“ยะ อยากหรอ?”

 

“...” ผมไม่ตอบแต่ทำเป็นเสมองทางอื่น  จนไปสะดุดกับแก้วนมที่ผมต้องให้เขาดื่ม ผมจึงขยับตัวไปหยิบแก้วนมที่ผมเตรียมมาส่งให้เขา

 

“หืม?”

 

“กินนมก่อนนอนครับ  ผมกินแล้วแก้วนี้ผมเอามาให้พี่” ผมบอก เขายื่นมือมารับแก้วนมจากผมยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว  ผมยิ้มเมื่อเห็นอีกคนื่นแก้วเปล่าส่งกลับมาให้ผม ยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากนี้20นาที  ผมต้องรีบทำเวลาแล้วสินะ  ใจผมเต้นตึกๆเหมือนคนตีกลอง ผมเดินเอาแก้วนมกลับมาเก็บไว้ในครัว  พร้อมกับแอบส่งข้อความหาเนปจูน

 

‘ตอนนี้ให้กินนมผสมยานอนหลับไปแล้ว  เอาไงต่อ’

 

ครืด ครืด..

ไม่ถึงสองนาทีก็มีข้อความตอบกลับมา

 

‘มึงยั่วมันเป็นไหม  ยั่วให้มันอยากเอากับมึงอ่ะ ทำๆไปเถอะกูเชื่อมึงทำได้เตี้ย’

 

“ยั่ว? ใครจะไปทำเป็นวะ”

 

“ตัวเล็ก!”

 

“คะ ครับ”  เอาวะ  ลองดูก็ได้ถึงจะไม่เคยก็เถอะ  ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนก็เห้นอีกคนยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน

 

“ทำไมเอาแก้วไปเก็บนานจัง” เขาว่า  ผมว่าผมไปไม่นานนะ รึเปล่า

 

“แหะๆ” ผมยิ้มแห้งส่งให้  เอาไงดีวะ

 

“นอนกันเถอะ พี่ง่วงแล้ว” เขาขยับจะขึ้นไปนอนบนเตียงแต่ผมรั้งเอาไว้

 

“พี่ครับ...”

 

“อืม มีอะไรตัวเล็ก” เป็นไงเป็นกันวะ

 

 ผมกดจูบบนริมฝีปากหนาพร้อมเบียดร่างกายให้แนบชิดกับเขา ตอนแรกเหมือนเขาจะชะงักไปแต่ก็ยอมที่จะเปิดปากรับลิ้นร้อนของผมให้เกี่ยวตวัดกับลิ้นของเขา เราแลกลิ้นและดูดดึงสลับกันไปมา  ผมผละออกมาจ้องมองใบหน้าผู้ชายตรงหน้า  ตาหวานเชื่อมกำลังมองผม  ใจผมเต้นระรัวแทบทะลุออกมา

 

“ยั่วพี่หรอตัวเล็ก” เสียงกระซิบชิดริมฝีปากผม

 

ผมถูกดันให้ลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับร่างสูงโปร่งขึ้นคล่อมแทน  ผมโอบรอบคออีกคนและใช้มือข้างหนึ่งลูบบนแผงอกมองเขาอย่างยั่วยวน

 

“เปล่ายั่วซักหน่อย” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนและเริ่มปลดกระดุมเสื้อของเขาออก  เขามองหน้าผมแล้วมองที่มือผมที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเขา

 

“เล่นแบบนี้พี่ไม่รับประกันความปลอดภัยนะตัวเล็ก” ผมปลดกระดุมเสื้อเขาออกหมดก็จับถอดให้อออกจากตัวเขา   แผงอกลอยเด่นอยู่ต่อหน้าผม  ผมเลื่อนมือไปลูบมันเบาจากอก เลื่อนลงมาบริเวณหน้าท้อง ผมเลื่อนสายตามาสบกับเขาไม่ห่างไปไหนส่งสายตายั่วยวนเต็มที่เท่าที่ผมจะทำได้ เขาเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อผมลูบตรงส่วนอ่อนไหวกลาลำตัวของเขาที่กำลังจะถูกผมปลุกให้มันลุกขึ้นมา   

 

“พี่ครับ” ผมเรียกเขาเสียงกระเส่า

 

“อ๊ะ อื้ม..” เสียงแหบพร่าครางเมื่อผมกุมความเป็นชายของอีกคนเต็มมือ

 

“ผมอยาก...” และเมื่อจบประโยคนั้นจากปากผม  ร่างสูงก็บดเบียดริมฝีปากเข้าหาผมทันที ผมเปิดปากรับลิ้นอีกคนเข้ามาเกี่ยวตวัดกันไปมา เขาดูดลิ้นผมสลับกับขมเม้มริมฝีปากไปด้วย   เขาผละออกมาจูบแก้มแล้วเลื่อนมาพรมจูบตรงคางแล้วเปลี่ยนมาซุกไซร้ดูดเม้มตามซอกคอผม ผมเบี่ยงหน้าหลบไปอีกด้านเพื่อให้เขาได้ทำมันได้อย่างถนัด  ใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ  ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนไม่เคยต้องยั่วใครแบบนี้เลย  มือสากลูบไล้ตามผิวกายผม เสื้อผมถูกเลิกขึ้นมาเหนืออก

 

“อ๊ะ..อื้ม ยะ อย่า” ผมครางออกมาเมื่อเขาใช้ลิ้นเลียบนยอดอกของผม

 

“อื้ม..” เขาครางออกมาอยากพอใจ  ผมแอ่นอกรับกับปลายลิ้นที่ทั้งเลียและดูดจนมันแข็งขึ้นเนตุ่มไต

 

“อ๊ะ พะ พี่อย่ากัด เจ็บ” ผมบอกเขาที่ขบกัดบนยอดอกผมเลียเบาๆ  เขาเลื่อนตัวลงลากลิ้นเลียไปตามตัวผมจนมาถึงหน้าท้องเขาเลียส่วนสะดือของผม ทำให้ผมหดหน้าท้องเกร็ง  เขายืดตัวขึ้นมาจูบกับผมอีกครั้ง พร้อมกับดึงกางเกงนอนที่ใส่อยู่ออกจากขา  ... เมื่อไร เมื่อไรฤทธิ์ยานอนหลับนั้นจะออกฤทธิ์ซักที  ไม่งั้นผมได้เสียตัวจริงๆแน่  ยิ่งถูกปลุกอารมณ์ด้วยแล้ว..

 

“ตะ ตัวเล็ก” เสียงครางกระเส่าเรียกให้ผมหันไปรับจูบดูดดื่มจากเขา  เขาผละออกแล้วลุกไปถอดกางเกงนอนของตัวเอง  ทั้งผมและเขาตอนนี้เราอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่  เสื้อที่เคยอยู่ที่คอผมตอนนี้ถูกถอดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ผมผลักให้เขานอนลงบนเตียงแล้วผมขึ้นคล่อมเขาแทน

 

“เดี๋ยวผมทำให้พี่เองนะครับ” ผมซุกลงตรงซอกคอเขา ดูดเม้มให้มีรอยจาง พยายามทำให้นาน รอเวลาให้ยาออกฤทธิ์สักที  ผมจูบซับตามแผงอกกว้างสลับกับใช้ลิ้นเลีย  ผมครอบครองเม็ดทับทิบได้ยินเสียงครางพอใจจากอีกฝ่าย  ทำให้ผมก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆไม่ต่างกัน

 

“อื้ม อ๊า..”

 

“อื้อออ” เขาดึงตัวผมขึ้นไปบดจูบกับเขาอีกครั้งพร้อมกับพลิกให้ผมไปอยู่ใต้ร่างเขาเช่นเดิม เขาผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่งกระซิมเบาๆใกล้ริมฝีปากที่ขยับเพียงนิดเดียวก็แนบชิดกันได้เสมอ

 

“พี่รักตัวเล็กนะ  เป็นของพี่คนเดียวนะครับ”  อึก..เหมือนมีก้อนสะอึกขึ้นมาอยู่ที่คอผมเมื่อประดยคนั้นถูกเอ่ยออกมา..

 

“อึก อื้ม..” ว่าจบเขาก็กลับมาจูบผมอีกครั้ง   เขาซุกหน้าลงบนคอผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ เขาค่อยๆเงยหน้ามามองผมแล้วสะบัดหัว

 

“ตะ ตัวเล็ก” เขาเรียกผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“...” ผมไม่ได้ขานรับแค่มองจ้องใบหน้าเขา มือผมยกขึ้นลูบเรีบวหน้าเขาเบาๆก่อนที่เขาจะ

 

ตุ๊บ ! ล้มลงใส่ตัวผม  แรงทั้งหมดถูกทับลงมาบนตัวผมเต็มๆ

 

“พี่ครับ..” ผมเขย่าตัวคนที่นอนทับผมอยู่

 

“...” เงียบไร้เสียงตอบรับ

 

“พี่อัลได้ยินผมไหม” ผมเรียกอีกครั้งด้วยความมั่นใจ  เมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบสนองผมจึงดันร่างเขาออกจากตัวผม  ผมมองคนที่สลบไปเพราะยานอนหลับที่ผมใส่ไปในนมแก้วนั้นให้เขาดื่ม

 

“...” ผมลูบหน้าเขาอีกครั้ง  ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะครับ  แต่ผมไม่มีทางเลือกพี่เข้าใจผมนะครับ...

 

“ผมขอโทษ..” ผมเอ่ยขอโทษร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง  เขาไม่มีทางได้ยินมันหรอก

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

เสียงกริ๊งหน้าห้องดังขึ้น  ผมผละลุกมาใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆก่อนที่จะออกไปเปิดประตูเพราะรู้ว่าเป็นใคร ผมหลบทางให้เนปจูนได้เข้ามาในห้อง

 

“มันหลับแล้วใช่ไหม” เนปจูนถาม

 

“อืม..” ผมตอบเสียงนิ่ง  มันเดินเข้าไปยังห้องนอนของเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่

 

“เก่งนิ  ทำให้มันเป็นได้ขนาดนี้” เนปจูนพูดขำๆ  มันยกเอาอุปกรณ์ที่เตรียมมาด้วยเช็คนิดหน่อย

 

“...” ผมมองมันที่กำลังกดชัตเตอร์กล้องรัวภาพคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องบนเตียง

 

“ไอ้เตี้ย  มาช่วยจัดท่ามันหน่อยดิวะ”

 

“...” ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ไม่ได้เดินไปหามัน

 

“เตี้ย!!”

 

“อะ เออๆๆ” ผมจึงเดินขึ้นบนเตียงจับหันตามที่เนปจูนต้องการ

 

“นี่รอยที่มึงทำใช่ไหมวะ  เซ็กส์จัดเหมือนกันนะเรา หึๆ”

 

“หุบปาก!” ผมบอกให้มันเงียบ  ถ่ายมาได้หลายภาพจนมันพอใจ  มันถึงหันมามองหน้าผมที่ยืนข้างๆมัน

 

“รู้สึกผิดหรอวะเตี้ย” นั้นสิ  คงจะเป็นแบบนั้น  ผมไม่อยากทำแบบนี้เลย  แต่ในเมื่อแผนการเอาคืนนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว

 

“นิดหน่อย” ผมตอบ

 

“หยุดกลางคันไม่ได้แล้วนะเว้ย  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  กูอยู่ข้างมึงเสมอนะจำไว้” เนปจูนตบบ่าผมเบาๆเหมือนให้กำลังใจ

 

“แล้วจากนี้...เราจะเอายังไงต่อเมื่อเขาตื่นขึ้นมา” ผมถามมัน  คิดไม่ออกจริงๆว่าจะแก้ต่างยังไง

 

“มึงก็บอกว่ามันหลับก่อนหรืออะไรยังไงก็ช่าง ... พรุ่งนี้ครบรอบหนึ่งเดือนที่คบกันของมึงกับมันไม่ใช่รึไง”

 

“อืม” ใช่ครับ พรุ่งนี้จะครบหนึ่งเดือนที่เราคบกัน หนึ่งเดือนที่มีแต่ความทรงจำดีๆตลอดที่เราคบกันมา

 

“ไม่ว่าจะยังไง  ไม่ว่าจะเกิดอะไร ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน  ถ้ามันรักมึงจริงมันก็ไม่ยอมปล่อยมึงไปหรอก”

 

“...”

 

“ที่ทำแบบนี้มันได้ข้อพิสูจน์ด้วยไงว่ามันรักมึงจริงหรือเปล่า”

 

“กูไม่รู้..” ผมตอบเสียงแผ่ว  ผมกลัวถ้าเขารักผมจริงๆเหมือนที่บอกจริงๆ  แล้วผมเองก็เป็นคนทำลายมันเขายังจะรักผมอยู่อีกหรือเปล่า  ที่ผมทำอาจจะไม่ต่างจากที่เขาทำกับผมเลยก็ได้...

 

“งั้นกูกลับก่อนแล้วกัน  พรุ่งนี้เจอกัน”

 

“อืม ไม่ไปส่งนะ” ผมบอกมัน  มันพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเดินเขามานั่งอยู่ใกล้ร่างที่นอนหลับไม่ตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องที่ผมกำลังทำอยู่  ผมลูบแก้มเขาแผ่วเบา  ผมก้มลงไปจูบปากหนาเบาๆผละออก  ผมล้มตัวลงนอนข้างๆเขาดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวผมและตัวเขา ผมกอดร่างเขาไว้ซบหน้ากับแผงอกกว้างฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ

 

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ขอให้พี่รักผมเหมือนกับตอนนี้ได้ไหม” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่มีผมตื่นอยู่คนเดียว

 

“...”

 

“ผมขอโทษ..ฮึก” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นเบาๆ น้ำตาที่ผมคิดว่าจะกลั่นมันไว้ได้ถูกปล่อยออกมาอัตโนมัติ

 

“...”

 

“ฮืออ ..ฮึก” ผมร้องไห้และกอดอีกคนแน่น  ที่ผมทำเพราะผมหยุดมันไม่ได้  ผมขอโทษครับพี่

 

“...”

 

 

“ผม...รักพี่นะครับ”


 
หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่22 : เลิกกันเถอะ [14/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 14-11-2017 14:44:04
ตอนที่22เลิกกันเถอะ

-อัลฟา-

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดส่องผ่านหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดม่าน  ผมหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมขึ้นใหม่ ผมเปลี่ยนหันตะแคงข้างหวังจะไปกอดร่างบางของคนรักที่น่าจะนอนอยู่ข้างๆ แต่สิ่งที่ผมพบกลับว่างเปล่า

“เฮ้ออ..” ผมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วคิดว่าเมื่อคืนผมกับโยชิกำลัง  เออ  กำลัง..นั่นละ แล้วอะไรต่อวะ  คิดไม่ออก  จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย  แล้วสรุปผมกับโยชิเราเสร็จกันป่ะวะ แต่เรื่องนี้ช่างมันก็เถอะ  แล้วแฟนผมหายไปไหนวะ  ผมลุกออกจากเตียงก็เพิ่งสังเกตว่าบนตัวผมมีชุดที่เมื่อคืนถอดออกไปใส่อยู่บนตัวเหมือนเดิม  ผมเดินไปยังห้องน้ำที่คาดว่าน่าจะมีคนอยู่แต่ก็ไม่  ผมจึงเดินออกมาส่วนด้านนอกก็ว่างเปล่า  ผมเดินเข้าห้องนอนอีกครั้งหยิบโทรศัพท์โทรหาแต่ก็ไม่รับ

“หรือว่าจะกลับห้องแล้ว**?**” คงจะเป็นงั้น  ผมจึงเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ไปหาคนที่อยู่ห้องตรงข้าม

กริ๊ง กริ๊ง

ผมกดออดหน้าห้องสองสามรอบกว่าจะมีคนมาเปิด  ก็เหมือนเดิมทุกครั้งคนเปิดมักเป็นไอ้เด็กเนปจูนนี่ตลอด

“มีไร**?**” มันถามเสียงห้วน

“มาหาแฟน” ผมตอบ

“ไม่อยู่” มันตอบ ผมขมวดคิ้ว

“ไปไหน**?**”ผมถาม

“ไม่รู้สิ บังเอิญตัวไม่ได้ติดกัน” มันตอบกลับกวนๆ พูดกับมันไม่เคยจะได้คำตอบดีๆหรอกครับ

“กูสาระอย่ามากวน”

“เอ้านี่กูก็สาระกูไม่รู้ไง  ถามมากว่ะ”

“เออไม่รู้ก็ไม่รู้” ผมว่าก่อนที่จะเดินกลับห้องตัวเอง

“แต่เอ๋..เห็นว่าคืนนี้ไอ้เตี้ยมันบอกให้ไปเจอที่ไหนว่ะ” มันพูดขึ้นลอยๆเหมือนพูดคนเดียว  แต่ผมเข้าใจว่ามันอยากให้ผมได้ยิน ผมจับลูกบิดประตูไว้แต่ยังไม่เปิดเข้าไป

“...”

“อ๋อจำได้แล้ว ผับ... สี่ทุ่ม” มันพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องไปทำเหมือนกับว่าสิ่งที่มันพูดขึ้นลอยๆเหมือนผมไม่ได้ยิน  แต่ผมมั่นใจว่ามันตั้งใจ

-โยชิ-

“มึงจะกลับไปอยู่บ้านจริงๆหรอวะเตี้ย”

“อืม”

ผมกลับมาห้องตัวเองในช่วงเช้าตรู่ของวัน  ผมมาเก็บของใช้ส่วนตัวของตัวเองใส่กระเป๋าเพื่อที่จะนำกลับเอาไปเก็บที่บ้านทั้งหมด  ผมจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านคืนครับ  ส่วนห้องนี้ก็ยกให้เป็นของไอ้สูงคนเดียวไปเลย

“งั้นกูก็ต้องอยู่คนเดียวอ่ะดิ”

“อย่ามางอแงน๊าสูง  ทำอย่างกะไม่เคยอยู่คนเดียว” ผมว่ามัน   เพราะมันทำหน้าบึ้งใส่ผม

“ถามจริงเหอะเตี้ย”

“อะไร**?**” ผมมองมันที่นั่งขัดสมาธิข้างๆผมที่กำลังนั่งเก็บของใส่กล่องอยู่

“มึงจะหนีมันไปถึงไหนว่ะ**?**”

“กูไม่ได้หนี  กูแค่จะกลับไปอยู่บ้านตัวเอง”

“หรอ  เชื่อได้หรอคำแก้ตัวนี้ไม่ผ่านวะ หึๆ” แล้วมันก็นั่งขำ

“เออแล้วแต่จะคิดเหอะ” ผมตอบปิดกล่องแล้วยกไปรวมกับพวกกล่องอื่นที่รวมกันอยู่

“อืม ว่าแต่ขนไปหมดเลยหรอวะ  ทิ้งไว้นี้บ้างก็ได้” มันว่าแล้วขุ้ยๆเขี่ยๆดู

“เออ  ขี้เกียจกลับมาอีก...”

“ขี้เกียจมาหรือไม่อยากมาเพราะคนห้องนั้นกันแน่”

“หุบปากไปเถอะ”

“หึ  แล้วจะให้ไปส่งป่ะ**?**” มันถาม  ผมส่ายหน้า

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเฮียมารับ  มึงแค่ช่วยยกของไปข้างล่างแล้วกัน”

Rrrrrrrrrr

“เฮียโทรมาพอดี แปบนะ” ผมบอกแล้วรับสาย

“ไอ้เฮียมันตื่นเช้าเป็นด้วยหรอวะ”  ผมไม่ได้สนใจอะไรไอ้ตัวข้างๆที่บ่นคนเดียว

“ครับเฮีย”

(เสร็จยัง  เฮียถึงแล้วนะ)

“ครับ  เสร็จแล้ว เดี๋ยวผมจะลงไปเดี๋ยวนี้” ผมบอกแล้วก็ตัดสาย หันไปมองไอ้สูงที่เลิกคิ้วมองหน้าผม

“มาถึงแล้วใช่ม่ะ” มันถาม

“อืม ยกไปให้หมดนะมึง” ผมบอกมันพร้อมกับชี้ที่กล่องทั้งหมดสามกล่อง  มีกล่องใหญ่หนึ่งกล่องกล่องเล็กสองกล่อง  ผมลากกระเป๋าเดินนำไปเปิดประตูรอให้มันเดินออกมา  พอมันเดินออกมาผมก็ปิดประตูเดินนำไปที่ลิฟท์

“ใช้กูยกของหนักนะเตี้ย  ช่วยซักนิดก็ยังดี” มันเริ่มบ่นครับ

“เอาน่าแค่ถือๆเดี๋ยวพอถึงรถเฮียมึงก็สบายแล้ว” ผมบอกกับมัน  มันทำหน้าบึ้งใส่

“มันต่างจากตอนนี้ตรงไหนว่ะ”

“ก็ตอนที่มึงวางกล่องในรถเฮียแล้วไง” ผมบอกกลั้วหัวเราะ

“เหอะ ! แทนที่จะให้ไอ้เฮียมาช่วยยกด้วย” มันเริ่มพาลไปถึงเอีย

“เอาน่าๆๆ  พอลิฟท์ลงไปถึงชั้นหนึ่งแล้วมึงก็สบาย”

“เออๆๆ” พอมาถึงชั้นหนึ่งก็เดินออกจากลิฟท์เพื่อไปหาเฮียที่จอดรถรออยู่หน้าคอนโด  ผมยกมือไหว้สวัสดีเฮีย  เฮียพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปช่วยไอ้สูงที่มันทักเฮียด้วยวาจาที่โคตรจะนับถือเฮียมันเลย

“แค่นี้ทำเป็นบ่นไอ้เนป  ยกของนิดเดียวทำเป็นจะตาย” เฮียวางกล่องสุดท้ายที่รับจากไอ้สูงไปเก็บแล้วหันมามองน้องชายตัวเองที่ทำหน้าเหมือนจะตาย

“อย่าไปสนมันเลยครับเฮีย  เราไปกันเถอะ” ผมบอกพร้อมกับผลักให้เฮียขึ้นรถไม่ต้องไปสนใจไอ้สูงมัน

“ใช้งานกูเสร็จก็ทิ้งกูเลยนะ” มันพูดไล่หลัง

“เออ มึงหมดประโยชน์ละ ไปนะ” ผมโบกมือลามันขึ้นรถทันที

“เอออย่าลืมคืนนี้นะเว้ยไอ้เตี้ย” คืนนี้ที่ผับ... สี่ทุ่มตรง

รถของเฮียเคลื่อนตัวออกมาจากคอนโด ผมมองคอนโดที่เคยพักอาศัยอยู่ถึงจะไม่นานแต่มันก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน  ผมมองเลยไปยังชั้นที่ผมอยู่  คนที่พักอยู่ห้องตรงขามกับผมไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมารึยัง

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เฮียทักขึ้น  ผมละสายตาจากตึกสูงมามองหน้าเฮีย

“เปล่าครับไม่ได้เป็นอะไร” ผมยิ้มบาง

“หรือคิดเรื่องของหมอนั้น**?**”

“...” ผมไม่ได้ตอบ

“ไม่ตอบแสดงว่าจริงด้วยสินะ” เฮียยังคงว่าต่อ

“เฮีย..” ผมเรียกเฮียเสียงเบา

“หืม**?**”

“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้าแล้วมองออกนอกรถ  สายตาโฟกัสวิวข้างถนนมากกว่า  ... จนมาถึงบ้าน เฮียบีบแตรรถเรียกให้คนในบ้านให้มาเปิดประตูบ้านให้  ผมโทรบอกคุณป้าแม่บ้านไว้แล้วว่าจะกลับมาอยู่บ้าน

“สวัสดีครับป้า” ผมยกมือสวัสดีท่านพร้อมกับเดินเข้าไปกอดท่านไว้  ท่านตบหลังผมสองสามทีก็ปล่อยกอดออก

“สวัสดีคะคุณหนู สวัสดีคะคุณอาทิตย์”

“สวัสดีครับป้าแหวน” ท่านยิ้มอบอุ่นมาให้ผมกับเฮียก่อนที่จะบอกให้เข้าไปข้างในบ้านดีกว่า  ส่วนของผมที่ขนกลับก็ให้เด็กในบ้านยกขึ้นไปเก็บไว้ให้

“ทานข้าวกันมารึยังคะคุณหนู”  ผมส่ายหน้า

“ยังครับ หิวมากเลยครับป้า  มีอะไรให้ผมกินป่าว” ผมบอกท่านอย่างอ้อนๆ ท่านยิ้มขำก่อนที่จะขอตัวไปเข้าครัวทำอาหารให้ผมกับเฮียทาน

“กลับมาอยู่บ้านไม่กลัวเหงารึไงเรา”

“ไม่อ่ะ บ้านไอ้พาสก็อยู่ข้างๆนี่เอง  ผมไม่เหงาหรอก  ดีซะอีกได้กลับมาอยู่บ้านสบายกว่าอยู่คอนโดเยอะ” ก็จริงครับเพราะอยู่คนโดต้องทำนู้นนั่นนี่เองทุกอย่าง  มาอยู่บ้านสบายกว่าจริงๆ  ตื่นมาก็มีคุณป้าแม่บ้านทำอาหารให้กิน  หรือบางทีผมวิ่งไปฝากท้องบ้านไอ้พาสก็ได้ ฮ่าๆๆ

“งั้นก็ดีแล้วละ”เฮียยีหัวผมเล่น  ผมยู่ปากใส่ชอบนักนิยีหัวผมเล่นเนี้ย  ผมยุ่งหมด

“ว่าแต่เฮียน่าจะมาพักกับโยนะ  บ้านตั้งกว้างอยู่คนเดียวมันก็แปลกๆ”

“ก็ไหนว่าไม่เหงา”

“ก็พูดไปงั้นแหละ”

“หึๆ อะ..”

“อะไรอ่ะเฮีย” ผมมองซองสีน้ำตาลในมือเฮียที่ยื่นมาให้ผม

“..นี่มัน” ผมมองรูปจำนวนมาก  เป็นรูปถ่ายโดยฝีมือไอ้สูงเมื่อคืน  ผมเงยหน้ามองเฮีย

“อืม  รูปที่ต้องใช้คืนนี้  ไอ้เนปมันส่งไปให้เฮียเมื่อคืน”

“...” ผมมองดูรูปภาพพวกนี้อีกครั้ง

“เป็นอะไร**?กลัวหรือว่าไม่อยากทำแล้ว?**” เฮียเลิกคิ้วถาม

“ผม..”

“มันอยู่ที่เราตัดสินใจนะโยชิ  เฮียยังไงก็ได้จะให้ทำอะไรเฮียไม่ขัดหรอกนะ  แต่สิ่งที่เราทำไปเราต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย  โยรับมันไหวรึเปล่า”

“เฮียคือ..”

“เอาเถอะถ้ายังยืนยันที่จะทำตามแผนที่ไอ้เนปมันว่าก็ทำไป  ทำให้มันจบๆแล้วก็กลับมาเป็นเด็กน้อยที่น่ารักของเฮียเหมือนเดิม”

“อือ” ผมพยักหน้า

“ไม่น่าปล่อยไว้กับไอ้เนปเลย  ถูกมันฝังความชั่วเข้าสมองจนได้ เฮ้ออ” เฮียถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมมองเฮียที่เอามือกุมขมับตัวเอง

“ฮ่ะๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั่งกุมขมับมั้งเฮีย”  ผมบอก

“จากเด็กน้อยน่ารักโดนไอ้เนปล้างสมอง เฮียว่าก็หนักแล้วนะ”

“ครับๆไม่เถียงเฮียแล้ว ชิ”

“หึๆ” เฮียมันขำ ชิ ใช่สิก็ใครจะไปเถียงเฮียอาทิตย์อุทัยได้ เหอๆ

นั่งเล่นหยอกกันซักพักคุณป้าท่านก็เรียกให้ไปทานอาหารที่ท่านเพิ่งทำเสร็จสดๆร้อนๆกัน  ผมกับเฮียกินข้าวไปคนละสองจานเชียว  ข้าวที่บ้านอร่อยกว่าร้านอาหารหรูๆอีก  พอกินอิ่มเราก็มาเดินเล่นในสวนหน้าบ้าน

“ไม่ลองซื้อหมามาเลี้ยงดูละ”

“ครับ**?**”

“มีหมาไว้เป็นเพื่อนก็ดีนะ บ้านตั้งกว้าง สนามหน้าบ้านก็ใหญ่” เฮียชี้ไปยังสนามหน้าบ้านที่เป็นพื้นที่โล่ง  ก็ดีเหมือนกัน บ้านผมไม่ได้มีสัตว์เลี้ยงเลย

“แต่ผมจะมีเวลาดูแลมันหรอเฮีย”

“เราไม่จำเป็นต้องดูแลมันตลอดก็ได้  มันก็เหมือนคนนั้นละ  บางเวลาก็ต้องการเวลาส่วนตัวแต่ก็อย่าลืมที่จะใส่ใจมัน  เพราะมันก็มีหัวใจไม่ต่างจากคน”

“มีสาระวะเฮีย ฮ่าๆๆ  เดี๋ยวว่างพาโยไปซื้อนะ”

“อืมได้สิ  แต่ตอนนี้เฮียต้องกลับแล้ววะ ไงก็เจอกันที่ผับคืนนี้” เฮียมันเดินเข้ามากอดผมแล้วลูบหลังลูบหัวผม  ผม งง กับการกระทำของเฮียมันไม่รู้มาอารมณ์ไหน

“...”

“จบเรื่องนี้แล้ว  ยิ้มนะโยชิ  ยิ้มเหมือนที่เคยยิ้ม  อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนี้อีก  เฮียไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้  คืนนี้มันจะต้องจบ...ทุกอย่าง” เฮียกระชับกอดผมแน่น  ผมทำหน้าแบบนั้นงั้นหรอก  เฮียสังเกตมันมาตลอดเลยหรอ  ผมว่าผมเก็บอาการเก่งนะ  หรือผมพลาดไป

“ฮึก..เฮีย” ผมกอดตอบเฮียเหมือนต้องการที่พักพิงตอนนี้  มันจะจบ  มันต้องจบ  ยังไงเรื่องผมกับเขา...ต้องจบ

สี่ทุ่ม ผับ....

-เดฟ-

“ทำไมกูต้องมากับมึงด้วยวะเนี้ย  กูจะไปหาเมีย” ผมมองเพื่อนสนิทตัวเองที่วันนี้ดูจะกระวนกระวายเป็นพิเศษ

“เมียกับเพื่อนมึงเห็นใครสำคัญกว่ากัน”

“เมีย**!**” ผมตอบได้แทบทันที มันหันมาหาผมขวับ “เอาน๊าๆๆ แล้วนี่มึงมาทำไมผับเนี้ย” ผมถามมันอีกรอบ

“มาหาโยชิ”

“โยชิ**?” ไหนว่าอยู่ห้องตรงข้ามกันไง  แล้วทำไมมันต้องมาหาโยชิที่ผับ?**

“อืม” มันครางรับพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหา “ ก็สี่ทุ่มแล้วนิวะทำไมไม่เห็น” มันพึมพำคนเดียว ผมเองก็ช่วยๆสอดส่องมันอีกแรง

“แล้วไมมึงไม่โทรหาวะ  หาแบบนี้จะเจอหรอ**?**” เออมีโทรศัพท์ไว้ทำไมไม่โทรวะ  ไอ้อัลมันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“ปิดเครื่อง”

“ทะเลาะกันหรอวะ**?**” ผมถามกลับ มันส่ายหน้าก็ถ้าไม่ทะเลาะกันแล้วทำไมน้องมันถึงปิดเครื่องหนีวะ  แล้วไหนจะมาโผล่อยู่นี่อีก

“เออเดี๋ยวก็คงมา..ม้างงงง”  ผมบอกมันแต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับผู้ชายสองคนที่เดินโอบกันขึ้นไปยังชั้นวีไอพี

“เป็นอะไร**?” ไอ้อัลมันหันมาถามผมแล้วมันก็มองตามสายตาผมที่มองขึ้นไป “ตัวเล็ก!**” ไอ้อัลแทบวิ่งตามไปแต่ผมดึงรั้งมันเอาไว้ก่อน

“จะไปไหนมึง” ผมถาม มันสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของผม  ผมกำแน่น  ถ้าปล่อยมันไปตอนนี้มีหวังผับถล่ม

“จะไปหาเมียกู**!**” มันว่าเสียงแข็งสายตามันก็จับจ้องสองคนที่เดินขึ้นบันได

“ใจเย็นดิวะ นั่งลงไอ้อัล” ผมบอกมันให้ใจเย็นๆก่อน

“มึงจะให้กูเย็นได้ไงวะ  ถ้าเป็นเมียมึงมึงจะพูดแบบนี้ป่ะ” ก็ไม่  ถ้าเป็นเมียกูนะ  กูวิ่งใส่ตั้งแต่แรกแล้วก้เหมือนมึงเลยแหละ แต่ตอนนี้ต้องดูสถานการณ์ก่อน

“รอดูซักพักก่อนเหอะวะ  อย่าพึ่งพลีพลามเข้าไปเลยวะ” มันฮึดอัดในลำคอแต่ก็ยอมนั่งลงตามเดิม ผมถอนหายใจมองเพื่อนตัวเองที่กำลังอยู่ในอารมณ์มาคุเต็มที่  มันเป็นคนอารมณ์ร้อนข้อนี้ผมรู้ดีผมเองก็ไม่ต่างจากมันเท่าไร

“เออ**!!**”

หัวข้อ: Re: I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ ::ตอนที่22 : เลิกกันเถอะ [14/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 14-11-2017 14:45:02
-อัลฟา-

ผมกำลังสงบจิตสงบใจไม่ให้ลุกวิ่งขึ้นไปกระชากร่างบางของอีกคนมาถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันแล้วไอ้ผู้ชายที่เดินโอบเอวกันนั่นมันเป็นใคร  แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง**?** ผมกดโทรศัพท์โทออกไปหาโยชิอีกรอบ ติดครับ  ไม่ได้ขึ้นเลขหมายเหมือนเดิมแล้ว  ผมรอสายจนตัดไปแล้วรอบหนึ่ง ผมก็กดโทรอีกรอบ  ผมจะโทรอยู่แบบนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับ  ...

“ฮัลโหล” โยชิรับแล้วครับ

(ครับพี่)

“ทำไมพี่โทรหาเราไม่ติดเลยละ” ผมบังคับเสียงให้เป็นปกติไม่อยากให้อีกคนจับได้ว่าตอนนี้ผมอยู่ในอามณ์ที่แทบจะตะคอกใส่ตั้งแต่ที่รับสาย

(พอดีแบตมันหมดครับ  พี่มีอะไรรึเปล่า) โยชิทำไมถึงตอบได้ปกติแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอ

“พี่จะโทรหาแฟนตัวเองต้องมีอะไรด้วยหรอ” ผมถามเสียงแข็งขึ้น  ไอ้เดฟที่นั่งข้างๆมันบีบไหล่ผมให้ใจเย็นๆ ผมจึงพ่นลมหายใจเข้าออกอย่างใจเย็น  บอกตัวเองว่าอย่าใจร้อนๆ

(ปะ เปล่าครับ)

“อืม  งั้นทำอะไรอยู่ครับ”  ผมกลับมาใช้เสียงปกติอีกครั้ง

(ตอนนี้หรอครับ ก็กำลังจะเข้านอนแล้วครับ)

“หรอ..” ผมหลับตากำโทรศัพท์แน่น ทำไมโยชิต้องโกหกผมด้วย  ทำไมกัน

(ครับ ผมง่วงแล้ว  ถ้าพี่ไม่มีอะไรงั้นแค่นี้นะครับ) โยชิบอกพร้อมกับทำเสียงหาวหวอดๆให้ผมรับรู้

“อืม  งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว  ฝันดีนะครับตัวเล็ก”

(ครับ ฝันดีเช่นกันนะครับ)

“...” ผมยังไม่ได้วางสาย  อีกฝ่ายเองก็เช่นกัน

(.........................)

“พี่รักตัวเล็กนะ” ผมบอกก่อนที่จะตัดสายทิ้งไป  จุกครับ  ทำไมถึงโกหก**?** ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แก้วแล้วแก้วเล่า

“เฮ้ยพอๆเลย**!** เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี” ไอ้เดฟดึงแก้วเหล้าออกจากมือผม

“เชี้ยเดฟกูไม่ไหวแล้ววะ**!**” ผมบอกมันแล้วลุกขึ้นเดินไปยังบันได้เพื่อจะขึ้นไปยังชั้นวีไอพี  ชั้นวีไอพีของผับแห่งนี้ถ้าไม่รวยจริงไม่สามารถขึ้นมาได้ มีแต่พวกคุณหนู ไฮโซ พ่อแม่นักการเมือง หรือนักธุรกิจเท่านั้น  ผมเดินดุ่มๆขึ้นมาได้ครึ่บงทางก็ถูกการ์ดกักตัวไว้

“ขึ้นไปไม่ได้นะครับ”

“ทำไม**!”** ผมถามเสียงแข็งจ้องหน้ากาดอย่างเอาเรื่อง “ปล่อยกู**!**” ผมดิ้นให้กาดที่จับตัวผมหลุดออกแต่ก็เปล่าประโยชน์  ยิ่งผมดิ้นแรงมันยิ่งเพิ่มแรงจับตรึงผมแน่น

“ยังไงก็ขึ้นไปไม่ได้หากคุณไม่ได้รับอนุญาต”

“ไอ้เหี้ยปล่อยกู**!!**” ผมตะคอกใส่

“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนไอ้อัล” ไอ้เดฟเข้ามาจับตัวผมไว้  กาดพวกนั้นจึงปล่อยผม  ผมจะเดินขึ้นไปแต่ก็ถูกดักทางไว้เหมือนเคย  ไอ้เดฟจึงยื่นบัตรส่งให้กาดนั้นดู ก่อนที่พวกมันจะยอมพยักหน้าแล้วปล่อยให้ผมกับไอ้เดฟเดินขึ้นไป ผมรีบรุดขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว  ผมมองซ้าย มองขวา หาคนที่ผมต้องการพบมากที่สุด

“เชี้ยอัลทางนั้น”

“ไหน**?**” ไอ้เดฟมันชี้ไปทางด้านซ้ายมือ  ระยะทางที่ผมยืนอยู่ตรงนี้มันห่างจากโต๊ะที่โยชินั่งมาก  ผมจึงเดินตรงไปด้วยความรีบร้อน ไอ้เดฟมันเข้ามากระชากแขนผมไว้

“อย่าใจร้อน  ใจเย็นๆ” มันย้ำคำนี้กับผมตลอดเวลา

“เออรู้แล้ว**!**”

“ตัวเล็ก**!**” ผมเดินเข้าไปกระชากโยชิออกจากผู้ชายคนนั้น  โยชิเหมือนจะชะงักเมื่อเห็นผม

“พะ พี่ครับมาได้ไง” โยชิถามเสียงสั่น ผมกำแขนบางแน่นจะลากออกไปจากตรงนี้

“จะพาโยชิไปไหน**!”** เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระชากโยชิเข้าไปหาตัวเอง ผมไม่ยอมให้มันเอาตัวแฟนผมไปหรอก

“ปล่อย**!**” ผมมองจ้องหน้าไอ้เวรนี้อย่างเอาเรื่อง ผมกระชากแขนโยชิหาตัวอีกรอบ

“กูไม่ปล่อย” มันกระชากแขนโยชิกลับไปอีก

“พะ พี่ครับ ผมเจ็บ” เสียงโยชิทำให้ผมกับไอ้เวรนั้นหันไปมอง  ผมกับมันปล่อยแขนโยชิออกพร้อมๆกัน โยชิลูบแขนตัวเองทั้งสองข้างมองผมกับมันสลับกัน

“เป็นอะไรรึเปล่า” มันหันไปจับแขนโยชิแล้วเบาๆ  โยชิส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร ผมมองสองคนที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยกันเป็นพิเศษ  มันทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดหนักเข้าไปอีก

“ปล่อยแขนแฟนกู” ผมผลักมันแล้วดึงโยชิเข้าหาตัวเอง “ไปกับพี่!” ผมบอกเสียงเรียบนิ่ง

“ไม่!!” โยชิยื้อตัวเองเอาไว้ทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไม?”

“ผมจะไม่ไปกับพี่” โยชิบอกพร้อมกับสลัดมือออก

“ทำไม?” ผมยังคงถามคำเดิมซ้ำๆ

“...” โยชิไม่ตอบกลับหันหน้าหนี

“พี่ถามว่าทำไม!!” ผมตะคอกใส่โยชิ  ผมจับไหล่โยชิเขย่าแรงๆ

“ปะ ปล่อย ผมจะ เจ็บบ”

“ปล่อยโยชิ!” มันเข้ามาผลักอกผม  ผมถอยหลังไปสองสามก้าว

“มึง!”

“เชี้ยอัลหยุด!” ไอ้เดฟมันเข้ามาห้ามผมไว้  ทำให้ผมต้องค้างหมัดที่จะปล่อยไปไว้กลางอากาศ ผมหลับตาระงับอารมณ์ที่มันคงลงไม่ได้แล้ว ผมลืมตาขึ้นมองคนที่รักที่ตอนนี้ไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของไอ้เวรนั้น

“กลับไปกับพี่” ผมพยายามจะไม่ตะคอก  ผมบังคับให้ตัวเองเป็นปกติ  ไม่งั้นถ้าเราไปคุยกันคงต้องใช้กำลังเป็นแน่

“ผะ ผมคงไปกับพี่ไม่ได้”

“ทำไม..” ผมมองโยชิอย่างไม่เข้าใจ

“เราเลิกกันเถอะครับ” ผมตัวชาวาบ  หมายความว่าไง เลิก? นี่มันอะไรกัน  ผมไม่เข้าใจ

“มะ หมายความว่าไง?” ผมถามเสียงสั่น

“...เราพอกันแค่นี้เถอะครับ”

“ไม่ ! พี่ไม่เลิก!”

“ถ้ามึงไม่เลิกงั้นรูปพวกนี้กูจะเอาโพสลงเว็บประจานมึงซะ**!**”  ผมไม่รู้ว่ามันมาตอนไหน  จู่ๆมันก็โยนรูปใส่หน้าผม ผมหยิบรูปภาพที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาดู เป็นภาพเปลือยบนเตียงในห้องผม  แล้วภาพพวกนี้เป็นผมหมดเลย

“นี่มันอะไรกัน?” ผมพึมพำกับตัวเองมองรูปหลายใบในมืออย่างพิจารณา  ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่า...

“ผมก็แค่ทำอย่างที่พี่เคยทำไว้กับผม  แต่ผมไม่กล้าพอที่จะอัดเป็นคลิปแบบที่พี่ทำ  ผมทำได้แค่ภาพถ่ายเท่านั้น  แต่ถ้าพี่ยังไม่หยุดยุ่งกับผม  ภาพพวกนี้จะถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ  ถ้าพี่ไม่อยากให้ครอบครัวของพี่ต้องมารับรู้เรื่องน่าอายแบบนี้  อย่ายุ่งกับผมอีก  เราจบกันแค่นี้เถอะครับ”

“..ไม่”  น้ำเสียงของผมเอ่ยออกมาเบาวิว

“ไปกันเถอะ”

“มึงจะพาแฟนกูไปไหนไอ้เหี้ย!” ผมเดินไปกระชากตัวไอ้เวรนั่นแล้วชกเข้าที่หน้ามันเต็มแรง

“ทำบ้าอะไรของพี่เนี้ย!!” โยชิเดินเข้ามาผลักผมให้ออกห่างจากไอ้เวรนั่น

“ทำไม! เป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันรึไงวะ” ผมคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ผมตะคอกใส่โยชิอย่างหลืออด

“เออ เป็นห่วง!”  ผมไม่คิดว่าโยชิจะกล้าพูดคำนี้ออกมาแล้วผมละไม่เป็นห่วงเลยรึไงวะ  ผมเป็นแฟนนะ

“เหอะ!” ผมดันกระพุ้งแก้มตัวเองนึกโกรธคนตรงหน้า ผมได้แต่กำหมัดแน่นมองโยชิอย่างโกรธเคือง

“ต่างคนต่างอยู่!”

“ไม่!!” ผมสวนกลับคำพูดของโยชิทันที “ตัวเล็กไม่รักพี่แล้วหรอ?”**

“ผมไม่เคยรักพี่เลย  ผมเกลียดพี่  จะให้ผมรักพี่ได้ยังไง  จะให้ผมรักคนที่ทำลายชีวิตผมได้ยังไงกัน  พี่รู้อะไรไหม ผมทั้งสะอิดสะเอี้ยด ทั้งขยะแขยงที่ต้องกอดต้องจูบกับพี่ ผมทนไม่ไหวแล้ววะ จากนี้เรื่องระหว่างเราถือว่าจบนะครับ”

“แต่พี่รักโย  โยจะไม่รักพี่ยังไงก็ได้  แต่ขอร้องอย่าทิ้งพี่ อย่าไปจากพี่”

“มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ...ผมฝากนี่คืนแม่พี่ด้วย” โยชิยื่นกล่องกำมะยีป็นกล่องเครื่องเพชรที่แม่ผมคยให้ส่งมาให้ผมแต่ปมไม่รับ  โยชิจึงยัดมันใส่ไว้ในมือของผมแทน

“...” ผมพูดไม่ออก  บอกไม่ถูก เหมือนมีก้อนอะไรขึ้นมาอุดตัน

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ...สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือน”

-โยชิ-

“ตัวเล็กไม่รักพี่แล้วหรอ?”  น้ำเสียงและสายตาเจ็บปวดนั่นมองมาที่ผมอย่างตัดพ้อ  ผมทำเพียงเบือนหน้าหนีก่อนที่จะพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้มันสั่นเมื่อนต้องพูดประโยคนี้ออกมา

“ผมไม่เคยรักพี่เลย  ผมเกลียดพี่  จะให้ผมรักพี่ได้ยังไง  จะให้ผมรักคนที่ทำลายชีวิตผมได้ยังไงกัน  พี่รู้อะไรไหม ผมทั้งสะอิดสะเอี้ยด ทั้งขยะแขยงที่ต้องกอดต้องจูบกับพี่ ผมทนไม่ไหวแล้ววะ จากนี้เรื่องระหว่างเราถือว่าจบนะครับ”

“แต่พี่รักโย  โยจะไม่รักพี่ยังไงก็ได้  แต่ขอร้องอย่าทิ้งพี่ อย่าไปจากพี่” ผมไม่สามารถหันกลับไปมองเขาได้จริงๆ  ถ้าผมหันไปผมเองจะต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้  และแผนนี้คงไม่สำเร็จ

“มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ...ผมฝากนี่คืนแม่พี่ด้วย” ผมยื่นกล่องเครื่องเพชรที่ได้มาให้อีกคน เขาไม่ยอมรับทำให้ผมต้องจับมือเขาแล้วยัดใส่มือเขาซะ

“...”  เขาเงียบ..ผมจึงพูดต่อ

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ...สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือนครับ”

จบ..มันจบแล้วจริงๆ  อย่าได้มีการคิดแค้นอะไรกันอีกเลย  ผมจะอยู่ในส่วนของผม  เขาเองก็ต้องอยู่ในส่วนของเขา  พอผมพูดประโยคนั้นจบผมก็หันหลังเดินออกมาจากจุดนั้น  ปล่อยให้น้ำตาไหลรินรดออกมาอย่างไม่ปิดกั้นมันเอาไว้อีกต่อไป...

ย้อน..

แผนครั้งนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนที่จะเดินทางไปประจวบไม่นาน  ...

“เฮียมีเรื่องให้ช่วยวะ...”

“มีไรวะ  ทำไมทำหน้าซีเรียสกัน” อาทิตย์ถามแล้วมองหน้าน้องชายสองคนที่ทำหน้าเครียดกัน

“เอ่อคือ..” จากนั้นโยชิจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาให้อาทิตย์ได้รับทราบรวมทั้งเรื่องคลิปว่าใครเป็นคนปล่อยออกไป

“แล้วจะให้เฮียทำอะไรให้ว่ามา” อาทิตย์ถามเมื่อได้ฟังเรื่อยงราวที่ผ่านมาทั้งหมด  เขาคิดอยากจะเห็นหน้าไอ้เวรนั่นที่กล้ามาทำกับน้องชายของเขาได้  ถ้าเจอเขาไม่เก็บมันไว้แน่  ทำขนาดนั้นแล้วยังจะมายุ่งวุ่นวายกับน้องเขาอีก

“เฮียแค่แกล้งควงไอ้โยแค่นั้น  ไม่ต้องพูดเชี้ยไรมากนะเว้ย  ส่วนที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง”

“ควง?” อาทิตย์ถามเนปจูนอย่างไม่เข้าใจ

“เออน่า ช่วยทำให้เนียนเหมือนเฮียควงเด็กเฮียนั่นละ  เดี๋ยวอย่างอื่นผมกับไอ้เตี้ยจัดการกันเอง” เนปจูนยังคงอธิบายต่อ

“เออๆ ทำแค่นี้เองหรอวะ  คิดว่าจะให้กูไปอัดมันซักหมัดสองหมัดหน่อย  ให้หายแค้นกับที่มันทำกับน้องกู” อาทิตย์นึกแค้นในใจ  ถ้าเจอแม่จะจัดการให้นอนอาบเลือดเลย

“อืม  ส่วนเรื่องไอ้คนปล่อยคลิปนั้นอ่ะ..เมียมันอนุญาตให้อัดได้ตามสบาย” เนปจูนบอกด้วยท่าทางสบายๆ

“กูว่าอย่าเลยวะ  มันรุนแรงไปกูไม่อยากให้ใช้กำลัง” โยชิเอ่ยบอก

“เมียมันยังไม่เห็นสนใจเลย  เอาน่าให้มันโดนซะบ้างเถอะไม่เอาถึงตายหรอกไม่ต้องห่วง”  เนปจูนบอกอย่างไม่ใส่ใจ

-อาทิตย์-

ผมมองร่างบางของน้องชายเดินหันหลังออกไปจากตรงนี้  ผมหวังว่าพรุ่งนี้น้องผมจะสามารถยิ้มได้อย่างเคย  ผมไม่อยากเห็นน้องตัวเองต้องทำหน้าเศร้า  จะร้องไห้ตลอดเวลาอีกแล้ว  ถึงแม้ว่าน้องผมจะเก็บอาการแค่ไหนก็ตาม  คนเป็นพี่ยังไงซะก็ต้องรู้สึกถึงความผิดปกติอยู่แล้ว  ตั้งแต่วันที่โยชิและเนปจูนมาขอให้ผมช่วย  ถึงมันจะไม่ได้ทำอะไรมาก ผมก็เต็มใจช่วยถ้าหากจะทำให้เรื่องนี้มันจบโดยไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันระหว่างทั้งสองฝ่าย  การแก้แค้นกันไปมามันไม่ได้ส่งผลดีให้กันเลยสัดนิดเดียว  ผมหันมามองผู้ชายอีกคนที่แทบล้มทั้งยืน  เห็นแล้วก็สงสารนะครับ  แต่ผมไม่ได้ใจดีขนาดจะยอมให้คนที่ทำกับน้องผมขนาดนั้น

“เดฟ” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบ  ผมมองเลยไปก็เห็นผู้ชายร่างโปร่งตัวก็พอเท่าๆกับเนปจูน  เดินไปหยุดอยู่ใกล้ผู้ชายที่ชื่อเดฟหรือผู้ชายที่มากับแฟนโยชินั้นละ

“มะ เมีย”  อ่า  สองคนนี้เป็นแฟนกันถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับโยชิและเนปจูน  ถึงผมจะเคยเจอก็เถอะแต่คงเดาได้ไม่ยาก

“มึงเป็นคนปล่อยคลิปไอ้โยใช่ไหม” น้ำเสียงเย็นชาถาม  สายตายังคงมองจ้องอย่างเอาคำตอบ

“...”   มันทำเพียงพยักหน้ายอมรับ

“หึ  กูควรทำยังไงกับมึงดีวะเดฟ”

“เมียกูขอโทษ  พาสต้ากูขอโทษ” มันบอกกับเด็กพาสต้าอย่างอ้อนวอน

“จะเอายังไงดีวะเฮีย  สั่งลูกน้องเฮียจัดการมันเลยไหม” ไอ้เนปน้องชายผมมันพูดขึ้น  ผมส่ายหน้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าก่อน

“ไปดูโยชิ” ผมบอกเนปจูน  มันพยักหน้าแล้วเดินตามทางที่โยชิเดินไป  ผมเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผู้ชายที่เหมือนจะไม่มีสติ  อยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง  “ปล่อยโยชิไปซะ จากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม สายตามันแข็งกร้าวขึ้น

“กูไม่มีทางปล่อยโยชิไปให้มึงหรอก!”

“เฮ้ออ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“กูไม่มีวันปล่อยโยชิไปแน่” มันพูดย้ำชัดคำเดิม

“มึงรักโยชิ?” ผมกอดอกถามมัน

“รัก!” มันตอบเสียงหนักแน่น

“หึ  รัก? แล้วมึงทำเรื่องเหี้ยนั่นกับโยชิทำไม”

“..กู” มันอึกอัก

“คนรักกันเขาไม่ทำร้ายกันอย่างนี้หรอก  สมควรแล้วที่โยชิเลือกที่จะทิ้งมึง” ผมยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ

“...”

“ถ้ามึงรักโยชิจริง ปล่อยให้เขาไปเถอะวะ” ผมพูดอย่างต่อรอง

“กูปล่อยเขาไม่ได้” มันพูดขึ้นลอยๆ  “ปล่อยไม่ได้..”

“ส่วนเรื่องภาพพวกนี้มึงไม่ต้องห่วงกูไม่โพสลงเว็บหรอก”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น  มึงจะโพสลงหรือไม่  แต่กูจะไม่มีวันปล่อยโยชิไปเด็ดขาด!” มันสบตากับผม  สายตาจริงจังกับคำพูดทำให้ผมมั่นใจว่ามันไม่มีทางปล่อยน้องผมแน่  ผมละยอมมันจริงๆ

“...กูจะไม่ห้าม  ถ้ามึงรักโยชิจริงๆก็ทำให้เขากลับมาหามึงเองแล้วกัน”

ผมไม่มีสิทธิไปห้ามความคิดของคนอื่นได้  ผมบอกได้เท่านี้  ส่วนหลังจากนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะตัดสินใจกันเอง

-พาสต้า-

“เมียกูขอโทษ  พาสต้ากูขอโทษ” ผมมองไอ้เดฟที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผม

“เดฟกูว่ามึงกับกูเลิกกันดีกว่าวะ” ผมบอกเสียงเรียบ  มองมันด้วยสายตาเย็นชา  ผมรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองตอนที่มันกำลังนั่งคุยอยู่กับโยชิ  หลังจากที่ผมกลับมาจากเข้าห้องน้ำ

“จริงๆเรื่องคลิปนั้นเป็นพี่เองที่ผิด  ไอ้อัลมันไม่ผิดหรอก”

“ครับ?”

“พี่เป็นคนอัดคลิปและเป็นคนปล่อยคลิปนั้นลงในเว็บโรงเรียนเอง”

ผมได้ยินมันชัดทุกคำพูด  ผมรอให้สองคนนั้นคุยกันเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปทำตัวเป็นปกติ  ทั้งๆที่ในใจอยากจะอัดไอ้เดฟให้ตายคาตีนตรงนั้น

“ไม่เลิกนะพาสต้า!” ผมจับมือผมแน่น

“กูคงทนคบมึงต่อไปไม่ได้แล้ววะเดฟ”

“พะ พาสต้า”

“กูคบกับคนที่ทำเพื่อนกูไม่ได้!” ผมสลัดมือที่จับผมออก

“...เมีย”

“อย่าโผล่หน้ามาให้กูเห็นนะเดฟ  ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่!” ผมบอกมันเสียงแข็งแล้วก้เดินจากออกมา  ผมยกมือไหว้พี่ชายไอ้เนปกับไอ้โย  ถึงจะพึ่งเจอกกันก็เถอะนะ

“โยชิละครับ” ผมถาม

“อยู่ในห้องทำงานชั้นสาม” พี่เขาตอบนิ่งๆ

“ผมขึ้นไปได้ใช่ไหม”

“อืม..” พี่เขาครางรับ  ผมกำลังจะเดินออกไปก็ต้องชะงักเมื่อพี่เขากลับจับแขนผมไว้ “แบบนี้ดีแล้วหรอ?” พี่เขาถามไม่มองหน้ผม แต่กลับมองไปข้างหน้าซึ่งเป็นทางที่ผมพึ่งจะเดินออกมา

“ผมคิดว่าดีแล้วครับ”

“ดีแล้ว  แล้วร้องไห้ทำไม?”ผมร้องไห้งั้นหรอวะ? ผมยกมือลูบหน้าตัวเองปรากฏมีน้ำใสๆอยู่บนใบหน้า

“ผม..” ผมพูดไม่ออก  ไม่คิดว่าจะให้ใครมาเห็นน้ำตาตัวเองเลย

-เนปจูน-

“เตี้ย...” ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของเฮีย  เพราะผับแห่งนี้เป็นผับที่เฮียและเพื่อนลงทุนร่วมกัน  พอเข้ามาด้านในกลับมืด  ไฟในห้องก็ไม่เปิด  “เตี้ย..” ผมเรียกอีกครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกมา  หรือว่าจะไม่อยู่ในนี้วะ

ตุบ!

“เตี้ย!” ผมรีบหาสวิตเปิกไฟห้อง เมื่อค้นพบแล้วผมก็เปิดมันแล้วมองหาที่มาของเสียงที่ดังขึ้น  อยู่ไหนวะ  ห้องก็ไม่ได้ใหญ่แต่ทำไมไม่เห็น  ตรงโซฟารับแขกก็ไม่อยู่

“ฮึก ฮือ..” เสียงสะอื้นดังขึ้น  ผมเปลี่ยนทิศทางที่จะเดินตรงไปยังห้องน้ำต้องเปลี่ยนมาที่โต๊ะทำงานแทน

“..เตี้ย” ผมเอ่ยเรียกคนที่กอดเข่าสะอื้นอยู่หลังโต๊ะทำงาน  ไอ้เตี้ยค่อยๆเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามองผม

“ฮือออ เนปจูน” ไอ้เตี้ยมันกางแขนออก  ผมจึงเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าแล้วกอดมันไว้  มันซบหน้าร้องไห้กับอกผม  มือก็กำเสื้อด้านหลังผมแน่น

“...” ผมไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป  ผมไม่รู้ว่าจะปลอบมันตอนนี้ยังไง  ปล่อยให้มันร้องไห้ให้พอ

“สูง กูเจ็บ ฮืออ กูเจ็บ**!**” มันผลักผมออกแล้วตบเข้าที่อกข้างซ้ายตัวเอง  มันกำมือแน่นตรงอกข้างซ้ายมองผมทั้งน้ำตา  ผมค่อยๆเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนบนหน้าออกให้  ยิ่งผมเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมาเรื่อยๆ

“...”

“มันจบแล้ว ฮึก จบแล้วจริงๆใช่ไหม ฮืออ”

“อืมจบแล้ว” ผมดึงมันเข้ามากอดอีกครั้ง

“ฮืออออ”

“ขอโทษนะเตี้ย  กูขอโทษ”  ขอโทษที่ทำให้มึงต้องเจ็บอีก  ขอโทษที่ทำให้มึงต้องร้องไห้อีก   มันส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร  ยิ่งมันเป็นแบบนี้ผมยิงรู้สึกว่าผมผิดเท่านั้น  ผมไม่น่าคิดแค้นให้โยชิเอาคืนเลย ไม่น่าคิดแผนอะไรนี่เลย  น่าจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้  บางทีเรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายก็ได้ “ขอโทษ..”

.

.

“โยชิละเนปจูน” เสียงเปิดประตูทำให้ผมหันกลับไปมองเห็นคนสองคนเดินเข้ามาพร้อมกัน

“ร้องไห้จนหลับไปแล้ว...แล้วมึงละไอ้พาสทำไมตาแดง  ร้องไห้?” ผมบอกกับเฮียก่อนหันไปพูดถามมัน มันไม่ตอบผมก็รู้อยู่แล้ว

“กูเลิกกับมันแล้ว” ไอ้พาสมันตอบเสียงเรียบ

“งั้นกูเสียบ” มันหันขวับมามองผมทันที หึๆ

“โอ๊ยย เจ็บนะไอ้เฮีย!” เฮียมันตบหัวผมอย่างแรงเลยครับ

“ใช่เรื่องไหม  เดี๋ยวกูยิงทิ้ง” เฮียมันว่า  แค่หยอกเล่นเอง นี่ก็จริงจัง

“ล้อเล่นเหอะ ไม่อยากให้เครียดแค่ไอ้เตี้ยคนเดียวก็ไม่รู้จะปลอบไงละ  มีไอ้พาสอีกคนคงไม่ไหว” ผมบอกแล้วลูบหัวตัวเองปอยๆ มองไอ้เตี้ยที่หลับทั้งตาบวมๆนั่น  เฮียลูบหัวคนหลับเบาๆเหมือนปลอบโยนและกล่อมให้นอนหลับฝันดีในเวลาเดียวกัน  เสียงถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่าจากพาสต้า

“เฮ้อออ...”

-โยชิ-

เรื่องราวทั้งหมดมันจบลงแล้ว  ผมไม่พบเจอเขาอีกหลังจากวันนั้นซึ่งเวลายู่ที่คณะผมเองก็จะเลี่ยงกลุ่มของเขาเหมือนกันถึงจะไม่เห็นเขาเดินอยู่ในกลุ่มของพี่คิมเลย  แม้แต่พี่เดฟเองก็ไม่เห็น  เรื่องของพาสต้ากับพี่เดฟผมมารู้หลังจากนั้นสองวัน  มันบอกกับผมว่าเลิกกับพี่เดฟแล้ว  มันบอกว่ามันไม่สามารถคบกับคนที่ทำร้ายเพื่อนตัวเองได้  อาการซึมๆของมันในช่วงแรกทำให้ผมนึกเป้นห่วงแต่ถึงอย่างนั่นไอ้พาสกลับดูเข้มแข็งกว่าผมหลายเท่า

(อยู่ไหนแล้ว  กูรอนานละนะ)

“เออถึงแล้ว นี่กำลังจะข้ามถนนไปแล้ว”  ผมนัดกับไอ้สูงไว้ให้มันมารับผมในช่วงเย็นของวัน เพราะเฮียให้ไปหา   จริงๆมันจะเข้ามารับในมอเลยแต่ผมบอกว่าไม่เป็นไรไม่อยากให้มันรอเพราะไม่รู้ว่าจะเลิกตอนไหน  ผมจึงให้มันมารอผมที่ร้านขนมด้านหน้ามอซึ่งมันอยู่ตรงกันข้ามกัน

(เออเร็วๆๆเลย กูแดกขนมหวานจนจะเป็นเบาหวานแล้วเนี้ย)

“ชิ ไม่เป็นหรอกเหอะ  มึงกินแค่วันเดียว” ผมตอบมันสายตาก็สอดส่องมองดูรถที่วิ่งผ่านไปมาตามทางแบบไม่มีช่องว่างให้ผมได้ข้ามไปเลย  ทำไมวันนี้รถเยอะจังวะ

(น้ำหนักกูขึนจะโทษมึงไอ้เตี้ย)

“มึงแดกเองนะสูง แค่นี้นะจะข้ามถนนละ” ผมตัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่ารถเริ่มน้อยลงและพอมีช่องว่างให้ผมได้ข้ามไป ผมรีบเดินก้าวไปข้างหน้า

“ตัวเล็กระวัง!!” ผมหยุดยืนอยู่กลางถนนผมหันกลับไปมองคนที่เรียกผมว่าตัวเล็กเขายืนอยู่ข้างถนนฝั่งที่ผมเดินออกมา เสียงบีบแตรรถดังขึ้นผมหันกลับไปมาทางของเสียงมีรถคันหนึ่งวิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง  ผมตัวแข็งทื่อไม่สามารถก้าวออกไปได้  ผมทำได้เพียงแค่หลับตาแน่นไม่อยากรับรู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง  ผมคงต้อง...ตาย

พลั่ก !

“โอ๊ยย!!” ผมโดนชนแล้วหรอ ผมรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดของตัวเอง  ผมว่าหัวผมไปกระทบเข้ากับถนนแน่เลย  ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บที่หัวแบบนี้นะ  ผมกำลังจะตายใช่ไหม?**

ปัง !โครม ! เอี๊ยดดด...กรี๊ดดดด!!

ผมได้ยินเสียงโครมครามเสียงกรี๊ดร้องดังเข้ามาในโสตประสาท

‘มีคนโดนรถชน..’

‘จะตายมั้ยแก..’

‘เรียกรถพยาบาลเร็ว!!’

เสียงโหวกเหวกโวยวายต่างๆนาๆมากมายผมรู้สึกมึนหัวไปหมด  ผมค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างช้าๆ และก็ต้องข่มตาหลับอีกรอบ  มันรู้สึกเจ็บจนปวดอย่างหนัก  ร่างกายผมถูกพยุงโดยใครไม่รู้

“คุณครับ  ไหวหรือเปล่า”

“...” ผมไม่ได้ตอบเพราะตอนนี้จะขยับตัวจะแทบไม่ไหวอยู่แล้ว

“คุณครับ คุณ!” ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  ผมมองหน้าคนที่เข้ามาช่วยพยุงผมไว้

“ผะ ผมยังไม่ตายหรอครับ” ผมถามเสียงแผ่ว

“คุณไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาตอบ

“แต่ว่าผมโดนรถชน” ผมตอบเสียงแหบเพร่า

“มีคนมาผลักคุณออกทำให้ตัวเขาเป็นฝ่ายโดนชนเองอาการหนักทีเดียว” เขาบอกพร้อมกับปรายตาไปมองยังบุคคลที่ยืนมุ่งอยู่  ใครกันที่เขามาช่วยผมแต่ตัวเองกลับเป็นผู้โชคร้ายนั้น

“คะ คุณช่วยพาผมไปหาเขาได้มั้ย?”

“ไหวหรอครับ” ผมพยักหน้า  ผมไหวผมอยากเข้าไปดูผู้ที่มีพระคุณช่วยที่ช่วยผมไว้  เขาค่อยๆพยุ่งผมพาเดินไปยังจุดที่อยู่ไม่ห่างจากผมมาก  ผู้คนที่มุงดูส่งเสียงกันไม่หยุดหย่อน

“ช่วยถอยหน่อยครับ” ผู้ชายที่พยุงผมถอยทางอออกเผื่อที่จะได้พาผมเข้าไปได้  คนที่มุงเมื่อหันมาเห็นผมก็พากันถอยออกให้เล็กน้อย

‘จะรอดไหมแก ดดนชนแรงขนาดนั้น’ เสียงรอบข้างยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

‘เขาวิ่งเข้ามาช่วยเด็กคนนี้ไง ฉันเห็นกับตา’

‘ตายแน่เลยวะโดนชนเต็มเหนี่ยวขนาดนั้น’

ผมเข้ามาอยู่ในวงล้อมของคนมุง  ผมมองผู้ชายที่แน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน  ร่างกายสะบักสะบอมเต็มไปด้วยคราเลือดที่ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก  ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตรงหน้า ใจผมกระตุกวูบ  รู้สึกตัวชานึบ  ขาที่ไม่ค่อยจะมีแรงอยู่แรงกลับอ่อนปวกเปียก  ผมทรุดลงตรงนั้นอย่างหมดแรง

“กรี๊ดด คุณคะเป็นอะไรรึเปล่า”

“คุณครับไหวไหม” ผู้ชายที่พยุงผมมาตกใจไม่น้อยเมื่อเห้นผมทรุดนั่งลงบนพื้นถนน

“ตัวเล็กระวัง!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาทของผม  ภาพที่เขามองผมอย่างตื่นตะหนกอยู่ฝั่งของถนน

“ฮืออออ..” ผมปล่อยโฮออกมา  ไม่อายด้วยว่าคนตรงหน้าจะมีมากแค่ไหน  ผมไม่สนสายตาพวกนั้น  แทบลืมความอายไปในที่สุด  ในเวลาแบบนี้จะมาอายทำไม

“พะ พี่ครับ..” ผมค่อยๆคลานเข้าไปหาร่างที่หมดสติกลางกองเลือด  ผมดึงเขาเข้ามากอดไว้แนบอก  ปล่อยให้น้ำตาไหลริน  ตัวก็เปื้อนคราบเลือดของคนที่หลับในอ้อมแขน “อย่าตายนะ ฮึก อย่าตาย” ผมบอกคำว่าอย่าตายซ้ำๆ

“ฮืออ  ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมที” ผมบอกกับคนที่ยืนดูอยู่  พวกเขาทำหน้าเลิกลั่กแต่ก็ยังกดโทรหารถพยาบาลให้

“เราโทรแล้ว  อีกไม่นานคงมาถึง”

“แล้วเมื่อไหร่!!” ผมตะคอกเสียงดัง  เมื่อไหร่จะมา  ถ้าเขาตายจะทำยังไง  ผมเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วหันมากอดคนในอ้อมแขนแนบชิดกว่าเคย

“ฮึก พี่จะตายแบบนี้ไม่ได้ ทำไม..ทำไม ฮืออออ” ทำไมถึงต้องเอาตัวเองเข้ามาช่วยผม  ทำไม!!!!

TBC.
หัวข้อ: Re: ประกาศ:แบบสอบถามการจัดทำหนังสือนิยายเรื่อง I'm sorryที่รักครับกูขอโทษ!(13/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 13-12-2017 18:22:03
===================================================================
แบบสอบถามการจัดทำรูปเล่มนิยายเรื่อง i'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ!
มีคนสนใจไหมเอ่ยยย?? สนใจยังไงทำแบบสอบถามมานะค่ะ ไรท์จะดูจำนวนคนสนใจ หากมีคนสนใจเกินครึ่งที่ไรท์กำหนดไว้จะพิจารณาการทำรูปเล่มเรื่องนี้ค่ะ ^^

*เปิดให้สอบถามตั้งแต่ตอนนี้จนถึงตอนจบของเรื่องนะค่ะ
#ถ้าหากมีคนสนใจมากไรท์จะจัดทำรวมเล่มแล้วจะมีแบบฟอร์มให้กรอกอีกรอบหลังจากนิยายจบน่ะค่ะ

แบบสอบถาม

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSemE4sBPAoKP0y52THmnHgevrHYyPfJSsboZPtfu1uH0lQOcw/viewform
คลิก
หัวข้อ: ตอนที่23 : (เดฟXพาสต้า) // [21/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 21-01-2018 21:28:45


ตอนที่23 : (เดฟXพาสต้า)



-เดฟ-


“โหลลลลล”  ผมกดรับสายที่โทรเข้ามา  ผมกดรับทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นใครที่โทรมา

(...เมา?)

“อืมม ม่ายม๊าววว ใครฟ่ะ?” ผมถามกลับไป

(ไม่เมาบ้านมึงดิ  แหกตาดูเบอร์สิถ้าอยากรู้ว่าใคร)

“อืม..”  กวนตีนจริงๆ  ผมมองหน้าจอที่สว่าง  ขมวดคิ้วมองชื่อเพื่อนตัวเอง

(ว่าไงรู้ยัง)

“เออ อ๊ายยโบ๊ทททมาหากูววหน่อย เอิ๊ก..”  ผมพูดเสียงอ้อแอ้บอกมัน

(เฮ้ออแล้วทำไมเมาได้ขนาดนี้ว่ะ)

“บ่นจริงมึง เลวๆๆ"
 
(เร็วพอสัส เอออยู่แถวไหนเดี๋ยวไปหา)

“ผับ... เล๊วน๊ามึง” ผมกดตัดสายทิ้งเมื่อบอกสถานที่ให้มันมาหา  ผมยังไม่ไปไหนยังอยู่ผับเดิม  นั่งแดกเหล้าย้อมใจ  อกหัก เมียทิ้ง  เจ็บ! ผมเจ็บ  แดกเหล้าเผื่อมันจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บที่อกได้บ้าง  ถึงมันจะไม่เกี่ยวก็เถอะ  ตรรกะมั่วๆของผมเองผมมองไอ้เพื่อนที่คงจะหนักกว่าผมด้วยซ้ำ  ถึงผมจะเมาสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ไอ้อัล..” ผมเรียกมันพร้อมกับเขย่าร่างที่ฟุบลงบนโต๊ะไปด้วย

“..อืม” มันปัดมือผมออก  แต่ผมก็กลับมาเขย่าตัวมันอีกครั้ง

“เชี้ยยอัล”

“เออ!!” มันค่อยๆลุกขึ้นนั่งมีอาการโอนเอนบางเพราะเมา  มันดื่มหนักกว่าผม

“กลับกานน”  มันพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้น
 

พรึ่บ !
 

“เวร!!” ผมมองเพื่อนตัวเองที่มีสภาพทุเรสลูกตาที่สุดมันล้มลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้น  ผมก็ต้องค่อยๆพยุงมันขึ้นนั่ง  พาดแขนมันบนคอพยุงลุกขึ้น

“อืออ” มันจะผลักผมออก  ไอ้ผมก็เมาไม่ต่างก็เซบ้างเล็กน้อยแต่ยังคงพยุงไม่ให้เรทั้งคู่ล้มลงไป

“หน๊ากกชิบ!” พอมาถึงหน้าผับ ผมก็มองว่าไอ้โบ๊ทมันจะมาเมื่อไร

“อึก ..อ้วกกก!” ไอ้ชิบหาย  ไอ้อัลมันดันผมออกแล้วล้มลงไปนั่งบนพื้นอ้วกแตก

อ้วกกก..

“อ้วกแหวะ..” ผมที่ลงไปนั่งข้างๆลูบหลังมันให้ได้อ้วกสบาย  แต่ตัวเองกลับจะอ้วกตามซะงั้น  ไอ้โบ๊ทแม่งช้าจริ๊งงงง  เดี๋ยวไอ้อัลก็อ้วกตายห่าพอดี  อนาถโคตร


“เฮ้ยๆๆไหงเป็นงี้วะ” ผมเงยหน้ามองเพื่อนที่เพิ่งมาถึง  มันมองผมสลับกับไอ้อัล

“เมิงมาดูมันดิ๊” ผมบอกพร้อมขยับออกจากไอ้เพื่อนที่อ้วกไม่หยุด

“เฮ้อออ  แดกหนักขนาดนี้มีเรื่องแน่ๆ” ไอ้โบ๊ทมันถอนหายใจก่อนจะนั่งลงลูบหลังไอ้อัลที่นั่งโงนเงนล้มแลมิล้มแลอยู่แบบนั้น

“...” ผมค่อยๆยืนขึ้น สลัดหัวสองสามที  มึนก็มึน

“ไหวไหมมึง แบบนี้ขับรถไม่ไหวหรอก  ไปรถกูส่วนรถมึงทิ้งไว้นี่คอยมาเอาทีหลัง” ผมพยักหน้า ยกมือโอเคบอกมัน  มันพยุงร่างไร้สติของไอ้อัลพาไปขึ้นรถที่จอดไม่ห่างจากทางเข้าผับมากนัก  ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วรถราก็ไม่ค่อยจะมีซักเท่าไร


“นอนลงไปเลยมึง” ไอ้โบ๊ทมันจับไอ้อัลไปโยนลงบนเตียงแล้วกดไหล่เอาไว้ไม่ให้ไอ้อัลมันลุกขึ้นมา  เสียงถอนหายใจหนักๆของไอ้โบ๊ทเรียกความสนใจให้ผมหันไปมองมัน  มันเท้าเอวมองหน้าผม

“ไร?”

“กูจะยังไม่ถามว่าเป็นอะไรถึงแดกเหล้าหนักขนาดนี้กัน  มึงไปนอนพักซะมีไรก็เรียกกูละกันโซฟา” มันบอกพร้อมกับเดินหาววอดๆออกจากห้องไปนอนตรงส่วนห้องรับแขกแทน  ... ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตาให้พอรู้สึกตื่นตัวขึ้นแล้วเดินออกไปหาไอ้โบ๊ทที่นอนตรงโซฟา

“...ไอ้โบ๊ท”

“อืม” มันครางรับเบาๆ  ผมเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับโซฟาที่มันนอนอยู่  มันหันหน้ามามองเลิกคิ้วสงสัย

“เฮ้ออ  กูเลิกกับเมียแล้ว” ผมถอนหายใจก่อนบอกมัน

“ทำไม?” มันขมวดคิ้วสงสัย  คือมึงไม่ตกใจอะไรเลยหรอว่ะ  นี่เพื่อนโดนทิ้งนะเว้ย

“ก็...” ผมอึกอักที่จะตอบ  ไม่รู้จะพูดบอกมันยังไงว่าที่เลิกก็เพราะเรื่องในอดีตที่ผมได้เคยก่อไว้

“ไอ้อัลด้วยสินะ” มันลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนโซฟามองผม

“อืม”

“หึ  สมน้ำหน้าดีไหมวะ ฮ่ะๆ”  อะไรวะควรปลอบเพื่อนดิ  ไอ้นี่

“มึงหัวเราะเยาะกูหรอวะ  กูเจ็บจะตายห่าละไอ้เหี้ย!” ผมบอกมัน  มือก็กุมขมับตัวเอง

“แล้วทำอิท่าไหนถึงขนาดต้องเลิกกัน?”

“..มันเป็นเรื่องในอดีต  โว๊ยยย!!!” ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเอง  ไม่น่าเกิดมาเลวเลยกู  ย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้ด้วย  เวรกรรมตามสนองกูรึไงวะ

“ใจเย็นดิวะ โวยวายไปก็เท่านั้น” ไอ้โบ๊ทมันยักไหล่ทำตัวสบายๆ จุดบุหรี่สูบชิวๆ

“เพื่อนเป็นแบบนี้มึงไม่เดือดไม่ร้อนบ้างหรอวะ” ผมถาม  หยิบบุหรี่ซองของไอ้โบ๊ทขึ้นมาจุดสูบคลายเครียดบ้าง

“มึงอกหักนิไม่ใช่กูทำไมกูต้องเดือดร้อน”

“เออกูเดือดร้อนเอง!” ผมว่าจบก็อัดบุหรี่เข้าปอดเต็มที่
 
“หึ”

“เออเยาะเย้ยกูไปเถอะมึง” แทนที่จะปลอบเพื่อนแม่งมาทำให้กูอารมณ์เสียหนักกว่าเก่า

“นาๆ  ตอนนี้หายเมาแล้วรึไงเถียงกูชัดถ้อยชัดคำชิบ”

“อืม  พอโอเคแล้ววะ ...เฮ้อออ”

“คิดมากทำไมวะ  เดี๋ยวก็หาใหม่ได้อย่างมึงแป๊บเดียวก็มีแฟน”

“ตีนดิ  ไม่เอาเว้ยกูรักพาสต้าคนเดียว”   

“หึๆ แล้วมึงจะทำยังไงต่อ” ทำไงต่อน่ะหรอ  ตอนนี้ยังคิดไม่ออกสมองมันตือไปหมด  ผมจึงส่ายหัวทำหน้าเป็นหมาหง่อย  ไอ้โบ๊ทมันดับบุหรี่แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

“จะนอนแล้วหรอวะ  ไม่ฟังกูพูดก่อนหรอ” ผมถาม

“กูก็ฟังมึงพูดแล้วนี่ มึงอ่ะไปนอนไปกูง่วงชิบหายแล้ว” มันพูดทั้งๆที่หลับตา

“เออๆไปก็ได้ ชิ” ผมบอกแล้วลุกขึ้นจะเดินเข้าห้องนอน
 
“ถ้าอยากได้เขากลับคืนก็รีบๆหาทางทำอะไรนะ  ไม่งั้นโดนหมาตัวอื่นคาบไปไม่รู้ตัวนะเว้ย!” ไอ้โบ๊ทมันพูดขึ้น  คิดหรอว่าผมจะยอมให้พาสต้าไปเป็นของคนอื่นไม่มีทางหรอก  ยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยพาสต้าไปแน่...


“เออ!!!”

 
 

“พาสต้า!”

.

.

“พาสต้า!!!”

...พาสต้า

ผมได้แต่ตะโกนเรียกชื่อนี้นานนับหลายชั่วโมงเจ้าของชื่อก็ไม่คิดที่จะออกมาพบผมเลย  เหตุการณ์ที่ผับเมื่อคืนมันยังคงฉายชัด  ทั้งภาพและน้ำเสียงเย็นชาของอีกฝ่ายมันยังคงตราตรึงผมไว้ในใจ  มันจุกและเจ็บจนเกินบรรยาย..

“พาสต้า...ออกมาหน่อย”
 
ตอนนี้ผมกำลังเกาะประตูรั้วหน้าบ้านของอีกคน  ปากก็ตะโกนเรียนชื่ออยู่แบบนี้ทั้งวัน  ผมมาตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็บ่ายโมงได้แล้ว  คนในบ้านก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาให้เห็นเลย

“พาสต้า ..เมีย!!” ผมเขย่าประตูแรงๆ  พร้อมกับกดออดหน้าบ้านรัว

แกร๊กก !!   ประตูรั้วถูกเปิดออกจากฝีมือคนด้านใน

“เจ้าเดฟ”

“แม่สวัสดีครับ พาสต้าละครับ อยู่รึเปล่า  ผมโทรหาก็ไม่ติด  ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน  ไม่มีตอบกลับมาด้วย มะ..” ผมยกมือไหว้ทักทายท่านตามมารยาท พร้อมกับรัวคำถามใส่ท่านโดนไม่เว้นช่องว่าง

“ใจเย็นๆลูก  พาสต้าอยู่บ้านนี่แหละจ้ะ”

“แล้ว..”

“แม่ว่ากลับไปก่อนเถอะลูก  ตอนนี้พาสต้ายังไม่อยากพบเรา  อีกอย่างมายืนโดนแดดหลายชั่วโมงแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”

“แต่ผมอยากเจอพาสต้า”

“แม่รู้  แต่ตอนนี้พาสต้าอยู่ในอารมณ์ที่ยังไม่พร้อมคุยนะ  ไว้ค่อยมาคุยกันอีกทีดีไหมจ้ะ” ท่านบอกผมพร้อมรอยยิ้มบาง ผมอึกอักเล็กน้อยก่อนที่จะยอมกลับตามที่ท่านบอก  เอาเป็นว่าวันนี้กลับไปตั้งหลักก่อนแล้วพรุ่งนี้คอยกลับมาใหม่  ผมเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ห่าง  ก่อนขึ้นรถผมก็ชะเง้อคอมองห้องของพาสต้าเผื่อเจ้าตัวจะกำลังยืนมองอยู่  แต่มันกลับไร้วี่แวว

“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อเข้ามานั่งในรถแต่ก็ยังไม่ได้ออกรถไปไหน    ผมนั่งอยู่ซักพักจึงตัดสินใจกลับคอนโดก่อนดีกว่า  อย่างที่แม่บอกตอนนี้พาสต้าคงยังไม่พร้อมที่จะคุยหรืออาจจะ...ไม่คุยเลย

 

-พาสต้า-

 “..พาสต้า”

“พาสต้า!!!”

เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังแว่วเข้ามาถึงภายในบ้าน  ไม่ต้องออกไปดูก็รู้ว่าใคร  เพราะมันมาตะโกนเรียกตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายแล้ว  คิดว่าจะยอมแพ้ไปตั้งแต่สิบโมงเช้าซะอีก

“พาสต้า...ออกมาหน่อย”  ไม่ออกเว้ยไสหัวไปไหนก็ไปเลยไป  รำคาญ!!

“จะไม่ออกไปดูพี่เขาหน่อยหรอลูก”  แม่ยกขนมหวานที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆมาให้ผมที่นั่งดูสารคดี

“ปล่อยมันเถอะแม่  อยากทำอะไรก็ช่าง” ผมบอกแม่แล้วกินขนมหวานตรงหน้า

“ไม่สงสารพี่เขาหรอ”

“สงสารมันทำไม  มันทำตัวมันเองนะแม่” ผมหันไปมองแม่ทันที  ไปสงสารคนแบบมันทำไมสมควรแล้วนิ

“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไรละหืม  ถึงขนาดต้องเลิกกัน”  แม่เข้ามานั่งข้างผมแล้วก็ลูบหัวผมเบาๆ  ผมเข้าไปกอดแม่ซบลงตรงอกท่าน  แม่ยังคงลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

“ไม่มีอะไรหรอกแม่  เรื่องไร้สาระน่ะ” ผมบอกกอดท่านแน่น

“งั้นไม่ลองเปิดใจคุยกันดีๆ ปรับความเข้าใจกัน..”

“อย่าดีกว่าครับ  ปล่อยให้มันจบลงดีแล้วแม่” ผมพูดเสียงแผ่ว

“พาสต้า ..เมีย!!”

เสียงมันก็ยังคงดังมาไม่ขาดสาย  มีรัวออดหน้าบ้านจนผมรู้สึกรำคาญจริงๆแล้ว  แม่มองหน้าผมแล้วถอนหายใจออกมา

“งั้นแม่จะไปดูเจ้าเดฟหน่อยแล้วกัน”

“แม่ไล่มันให้ไปไกลๆด้วยนะ” ผมบอก

“ลูกคนนี้นี่” แม่ว่าแล้วก็เดินออกไป  ผมชะเง้อคอมองตามหลังแม่จนหลังของแม่หายพ้นสายตา

“นั่งเหม่ออะไรจ้ะลูกชาย”  ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆก็สะดุ้งเมื่อแม่จับไหล่ของผม

“เปล่า”

“แม่ไล่เจ้าเดฟกลับไปให้แล้วนะ”

“แม่ไล่มันไปจริงดิ” ผมถามแม่แทบจะทันที

“ก็บอกให้ไล่ไปไม่ใช่รึไง หึๆ” แม่พูดล้อๆ

“ก็...ไล่ไปก็ดีแล้วนิ!”

“เฮ้อออ..” แม่ถอนหายใจหนักๆเมื่อนั่งลงข้างๆผม  ท่านยกมือลูบหัวผมเบาๆ  “ลูกยังรักเดฟอยู่รึเปล่า”

“ไม่  ผมไม่ได้รักมัน”

“โกหก” แม่พูดแทรกขึ้นมา “โกหกมันไม่ดีนะ หืม”

“เรื่องจริงน๊าแม่”

“โอเคๆๆจริงก็จริง”
 
“..อือ”

“แม่ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเดฟไปทำอะไรไว้ให้เราโกรธขนาดนี้  แต่แม่คิดว่าการให้อภัยกันเป็นสิ่งหนึ่งที่จะประคองความรักเราไว้ได้นะ  โกรธกัน  ทะเลาะกันมันก็เป็นเรื่องปกติของคู่รักละเนอะ  คิดดีๆนะพาสต้า  มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน”

“...” ผมไม่ได้ตอบ  ทุกคำพูดผมคิดตามแม่ตลอดแต่ว่า  เรื่องนี้มันเกินที่จะอภัยได้  แล้วเรื่องที่เคยเกิดในอดีตผมก็ไม่กล้าจะบอกแม่ด้วย  ถ้าผมบอกแม่ไปแม่จะเกลียดมันหรือเปล่า  แม่ยังจะยอมบอกว่าให้อภัยได้อยู่รึเปล่า

 

ก็อกๆ

“พาสต้า”

“...”
 

ก็อกๆ

“พาสต้า..”

เสียงเคาะประตูดังลอดเข้ามาในห้อง  ผมสะลึมสะลือลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงคานรับกลับไป  เพราะเป็นแม่ที่เคาะเรียก

“..ครับ”

“แม่จะออกไปข้างนอก  ตื่นแล้วก็มารดน้ำต้นไม้ให้แม่ด้วยนะ”

“คร้าบบบบบบบ” ผมมองดูนาฬิกาตั้งโต๊ะบนหัวเตียงบอกเวลาหกโมงเช้า  อ่า..ยังนอนไม่อิ่มเลยแต่ก็ต้องลุกไปรถน้ำต้นไม้  หากนอนต่อมีหวังต้นไม้คงไม่ได้รับน้ำแน่

ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ  หยิบโทรศัพท์มาปิดดูสายที่ไม่ได้รับนับร้อย  ข้อความอีกมาก  แล้วไหนจะแจ้งเตือนไลน์อีกหลายร้อยข้อความ  ผมหยิบสายหูฟังเสียบหูเปิดเพลงเดินลงมายังชั้นล่าง  แม่คงออกไปแล้วสินะ  ผมเปิดประตูบ้านออกกว้างเพื่อรับลมยามเช้าตอนนี้แดดยังไม่มี  อากาศก็กำลังดี  เดินฮัมเพลงออกจากบ้านเปิดน้ำรดน้ำต้นไม้  ดอกไม้  ที่คุณแม่ท่านปลูกปักรักษาไว้มากกว่าลูกตัวเอง ฮ่ะๆ  ต้องรดให้ชุ่มๆ


Rrrrrrr Rrrrrrr

เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นเพลงถูกหยุดอัตโนมัตผมกดปุ่มรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป

“ว่าไง  บ้านแค่นี้ไม่เดินมาวะ” ผมทักขึ้นเพราะเสียงที่ตั้งไว้เป็นเบอร์โยชิ  ไม่ต้องดูสายที่โทรมาก็ได้  มือก็รดต้นนู้นต้นนี่ไปเรื่อยๆ

(ตอนนี้กูอยู่หน้าบ้านมึงเนี้ย)
 
“อ้าว ทำไมไม่กดออด?”

(กดแล้วเหอะ  ไม่ได้ยินหรือไง)  ผมไม่ได้ยินอ่ะ  สงสัยคงจะเป็นเพราะใส่หูฟังฟังเพลง

“เอออเดี๋ยวไปเปิดให้  แค่นี้เปลืองตังกู”

(สัส!) ผมกดตัดสายแล้ววางสายยางที่ใส่รดน้ำต้นไม้ทิ้งไว้กับพื้นหญ้าก่อนที่จเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน

 
แกร๊กก

“เชิญครับ..” ผมปิดประตูแล้วเบี่ยงตัวหลบให้อีกคนได้เดินเข้ามาในบ้าน

“ตื่นเช้าก็เป็นนะมึง”  นั่นปาก  เข้ามาแล้วปากดีนักนะ

“มึงไม่เช้าเลย  มาทำอะไรบ้านกูแต่เช้าเนี้ย” ผมบอก  เดินนำมันมาในสวนหน้าบ้านที่เดิม  หยิบสายยางรถน้ำต้นไม้ที่ค้างต่อ

“ก็ไม่รู้ดิ  มันตื่นมาเอง”

“ถามจริงได้นอนบ้างยังเหอะ  ดูตาดิบวมก็บวม  คล้ำอีก  ... เลิกร้องไห้ได้แล้วมึง” ผมบอกเพราะทราบดีว่าสาเหตุมาจากอะไร

“ไม่ได้ร้องซักหน่อย”มันตอบ  ใครเชื่อก็บ้าแล้ว

“ว่าแต่มึงเถอะตาก็บวมเหมือนกัน  เป็นไรวะ”

“เปล่า” ผมเฉไฉที่จะตอบ

“หรอ  เหมือนคนร้องไห้เลยเนอะ” มันยังคงพูดต่อ

“เฮ้ออ..กูเลิกกับไอ้เดฟแล้ว”

“ห้ะ?!?”  ไม่เห็นต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นเลย

“ก็อยากที่บอก..” ผมไหวไหล่ไม่สนใจในสิ่งที่บอกไปเดินไปปิดน้ำ  เพราะคิดว่ารดครบหมดแล้วทุกต้น  โยชิก็เดินตามมาด้วย

“ทำไมวะหรือว่าเพราะเรื่องของกู”  มันพูดเสียงอ่อนทำหน้าสำนึกผิด

“มันทำมึงไว้นะเว้ย  อีกอย่างกูก็คบกับคนที่ทำเพื่อนกูไม่ได้หรอก...มึงจะให้กูมีความสุขได้ไงวะในเมื่อเพื่อนตัวเองต้องทุกข์” ผมบอกพร้อมกับยีหัวมัน  ยิ้มบางให้กำลังใจมันที่ทำหน้าซึม

“พาสต้ากูขอโทษนะ” มันเข้ามากอดผม  ผมเองก็กอดตอบมันตบหลังเบาๆเหมือนให้กำลังใจ

“เออน่ามันจบแล้ว  มึงไม่ต้องขอโทษหรอกกูไม่โกรธอะไร”

“อืม  เพราะเรื่องนี้นี่เองทำให้มึงตาบวม ฮ่ะๆ” เออยุ่งจริง

“เรื่องของกู”  ผมผลักหัวมันไปที มันหัวเราะเล็กน้อย  แค่นี้ก็ดีแล้วละ  เห็นมันยิ้มได้ซักนิดก็ดี

 “พาสต้า!!”


ออดด !!

เสียงออดดังขึ้น  โยชิหัมามองหน้าผมว่าจะเอายังไงเพราะรู้ว่าเป็นใคร  ผมได้แต่ถอนหายใจเซ็งๆ  มันคงฟังไม่รู้เรื่องสินะ  ขนาดบอกให้แม่ไล่มันไปแล้วแท้ๆตั้งแต่เมื่อวาน  วันนี้มันยังดั้นด้นกลับมาอีกหรอแถมมาเช้าอีก

“มึงจะไม่ไปดูพี่เขาหน่อยหรอวะ”

“ปล่อยมันไปเถอะ  เดี๋ยวมันก็หยุดเอง” ผมบอกพร้อมกับเดินนำโยชิเข้าบ้าน

.

.

วันถัดมา...

 

“พวกมึงจะไปไหนต่อป่าววะ”

“ไม่วะ  กูว่าจะกลับบ้าน” พอเลิกคลาสเราก็ว่าจะพากันแยกย้ายกันกลับ  ผมจึงบอกกับเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันว่าจะกลับเลย  ถ้าปกติพอเลิกคลาสแล้วเราจะนัดกันไปเดินเที่ยวเล่นก่อน  แต่วันนี้ผมขอบ่าย

“มึงไปไหมไอ้โย” พอผมตอบปฎิเสธมันก็หันไปหาโยชิที่กดๆโทรศัพท์อยู่  โยชิเงยหน้ามองเพื่อนอีกคนก่อนจะส่ายหน้า

“วันนี้กูมีนัดกับพี่วะ”  มันตอบ  หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันไป  มีผมกับโยชิที่เดินไปทางเดียวกัน

“ให้กูไปรอเป็นเพื่อนไหมวะ” ผมถาม

“มึงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะวันนี้วิชาก็หนัก”  มันทำมือไล่ผมเหมือนหมา  ผมก็เออออแล้วบอกลาแยกกันตรงหน้ามอเพราะแท็กซี่ที่ว่างมาพอดี  ผมโบกมือลามันก่อนจะขึ้นรถกลับมาบ้าน


 

-เดฟ-


วันนี้ผมก็มาที่บ้านของพาสต้าเหมือนเคย  วันนี้ผมมีเรียนแค่ครึ่งวันพอเลิกคลาสก็รีบบึ่งมาที่นี่ถึงแม้ว่าจะรู้ตารางเรียนว่าวันนี้พาสต้าเรียนเต็มวันก็เถอะ  ต่อให้ผมไปหาที่ห้องเรียนพาสต้าก็ไม่ออกมาพบผมหรอก  คงจะหลีกเลี่ยงไปอีก  แต่ถ้ามารอที่นี้ยังไงซะก็ต้องได้เจอ  ผมรอเวลาที่พาสต้าจะกลับมาบ้านเพราะหมดคาบเรียนสุดท้ายแล้ว  ผมยืนพิงรถรออย่างใจจดใจจ่อ  มองดูนาฬิกาสลับกับชะเง้อมองทาง  จนมีแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอย่ใกล้ๆ  ผมรีบเด้งตัวยืนตัวตรงแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อคนที่ผมต้องการพบมาอยู่ตรงหน้าแล้ว  ผมไม่รอช้ารีบเข้าไปหา

“พาสต้า!!” ผมเรียกชื่อพาสต้าด้วยความดีใจ

“...” อีกฝ่ายไม่ตอบรับแต่กลับเดินหนี

“คุยกันก่อนได้ไหม” ผมพูดอย่างอ้อนวอน

“เฮ้ออ  กลับไปเถอะ” พาสต้าพูดขึ้นทั้งๆที่ไม่มองหน้าผมเลย  เพียงแค่หยิบกุญแจจะเปิดประตูบ้านเท่านั้น

“ไม่! จนกว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง”

“น่าจะเข้าใจตั้งแต่คืนนั้นแล้วนะ  กูว่ากูบอกมึงชัดเจนแล้วด้วย” น้ำเสียงและสายตาเย็นชาตอกกลับมา

“กูรู้ว่ากูเคยทำไม่ดี  มันเป็นเรื่องในอดีต มะ..”

“เรื่องในอดีต!?! เหอะ ใช่เพราะว่ามันเป็นเรื่องในอดีตไงกูถึงรับไม่ได้  เพราะเรื่องในอดีตที่มึงว่าเนี้ยมันเรื่องเพื่อนกู  ถ้ากูรู้ว่าคนที่ทำเป็นมึงน่ะกูจะไม่มีวันคบกับคนอย่างมึงหรอกไอ้เดฟ!” เสียงตะคอกและสายตาแข็งกร้าวจ้องผมอย่างเลือดเย็น

“เมียกูขอโทษ..” ผมก้มหน้าพูดเสียงแผ่ว
 
“กูไม่ใช่เมียมึง!”

“...พาสต้า”

“ไสหัวไปซะ  กูเคยบอกแล้วไงว่าอย่ามาให้กูเห็นหน้าไม่งั้นกูฆ่ามึงตายแน่”

“...” ผมไม่ตอบทำเยงแค่ส่ายหน้าช้าๆ

“รีบกลับไปซะก่อนที่กูจะหมดความอดทน..” อีกคนข่มตาไว้  กำมือแน่นเหมือนกำลังระงับอารมณืที่เตรียมจะประทุออกมาหากยังไปสะกิดต่อมต่อ

“ให้โอกาสกูได้แก้ตัวนะพาสต้า” ผมเข้าไปจับมืออีกฝ่าย แต่ก็ถูกสะบัดทิ้ง

“กูไม่ทนแล้ว!!”  พาสต้าตะคอกใส่หน้าผมพร้อมกับรัวมือทุบบนตัวผม ผมยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายร่างกายผมจนพอใจ  ถึงจะเจ็บแต่ผมก็จะทน  ทำให้สาแก่ใจเลยนะพาสต้าถึงมันจะทดแทนในสิ่งที่กูเคยทำไว้ไม่ได้  ผมได้แต่คิดในใจ  มองอีกคนที่ทุบผมโดยไม่สนใจว่าแรงจะเหือดหายไปซักแค่ไหน

“ฮึก ! ฮืออ” เสียงสะอื้นหลุดออกมาให้ผมได้ยิน  พาสต้ากำลังร้องไห้ แรงที่ทุบตีบนตัวผมก็ค่อยๆเบาลง

“..พาสต้า” ผมเรียกชื่ออีกคนแผ่วเบา
 
“อึก  ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ฮืออ ไปตายที่ไหนก็ไป”

“...”

“กูไม่อยาก ฮืออ เจอมึง ไอ้เหี้ย!”

“...” แรงที่ตีผมค่อยๆเบาลงจนมันหยุด  พาสต้าก้มหน้าร้องไห้ตรงอกผม  ผมจึงดึงมันมากอดไว้

“กูไม่ได้รักมึงแล้ว  ฮึก”

“ไม่รักกูจริงๆหรอเมีย” ผมพูดกระซิบข้างหูของอีกฝ่าย  พาสต้าส่ายหน้าปล่อยโฮออกมาจนผมเองยังนึกตกใจ   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพาสต้าร้องไห้หนักขนาดนี้
 

“อึก ปล่อย!!” พาสต้าดันอกผมให้ออกห่าง

“กูขอโทษ ...ดีกันนะพาสต้า  กลับมาคบกันเหมือนเดิม  กูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึง” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน  พาสต้าหันหน้าหนียกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง
 

“ฮึก”

“...ได้ไหมพาสต้า” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง  อีกฝ่ายหันมามองสบตากับผม  ดวงตาสั่นไหวเอ่อไปด้วยก้อนน้ำตาที่เตรียมไหลออกมาทุกเมื่อ  ผมเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้อีกฝ่ายเบาๆ  พาสต้าเม้มปากแน่นแถมยังขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่  ผมกะจะถามแต่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เออมีไร?” ผมกดรัยสายเมื่อมองดูรายชื่อว่าเป็นใคร  ไอ้โบ๊ทโทรมาทำไมตอนนี้วะ  ผมจับแขนอีกคนไว้เพราะเห็นว่าจะเข้าบ้าน  ทั้งๆที่พยายามจะสลัดให้หลุดแต่ผมก็กำไว้แน่น

(มึงอยู่ไหน  รีบมาโรงบาลเลยไอ้เหี้ย!)โรงบาล?

“โรงบาล?” ผมขมวดคิ้วมุน

(เออดิ  ไอ้เหี้ยอัลโดนรถชนตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉินอยู่เลย) น้ำเสียงร้อนรนของไอ้โบ๊ททำให้ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ๆ

“เออโรงบาลไหน?” ผมถามมันอย่างร้อนรน

(โรงบาล...  รีบมานะเว้ย!)

“เออๆจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมกำลังจะกดวางสายก็มีเสียงดังแทรกลอดเข้ามาในสาย

(โยชิ  โยชิ! หมอครับมีคนเป็นลม !! ... ไอ้คิมไปเรียกหมอเร็ว!!)


ติ๊ด ! ผมกดวางสายแล้วหันมามองหน้าพาสต้าที่มองหน้าผมอยู่

“ไปด้วยกันหน่อย” ผมบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ไม่ไป ปล่อย!”

“โยชิอยู่โรงพยาบาล” พาสต้าชะงักกึกทันที

“ไอ้โยเป็นอะไรทำไมถึงอยู่โรงบาล  พวกมึงทำอะไรเพื่อนกูห้ะ!!” พาสต้าตะคอกใส่ผมปาวๆ

“ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า แต่ที่แน่ๆเพื่อนกูเข้าห้องฉุกเฉินอยู่ตอนนี้"
 

“มึงว่าไงนะ!” พาสต้าถามอย่างไม่แน่ใจ

“จะไปด้วยกันไหม?” ผมถามอีกรอบ  อยากจะไปให้ถึงโรงบาลเร็วๆแล้ว

“ไปดิ  กูจะไปดูเพื่อนกู!” พาสต้าตอบแล้วเดินนำไปที่รถผมทันที  ผมเองก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้เพื่อนผมเป็นอะไรมากเลย  ... คงจะเป็นเวรกรรมที่เคยทำไว้ซินะ  ไปทำเขาไว้เยอะเลยสิถึงได้โดนขนาดนี้   ทั้งผมและไอ้อัล..

 
 

TBC.
[/color]
หัวข้อ: Re: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่24 :: ภาวนา // [24/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 24-01-2018 22:08:31




เสียงไซเรนดังขึ้นกึกก้องทั่วถนนตามสายที่มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ภายในรถมีผู้ชายร่างหนานอนนิ่งสนิทอยู่ ตามร่างกาย เสื้อผ้า หน้าผม ก็เปรอะเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ตอนนี้ทีมพยาบาลได้ทำการห้ามเลือดเอาไว้ก่อนที่จะเสียเลือดมากไปกว่านี้ ...

“ฮือออ” เสียงร้องไห้ดังลอดท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดภายในรถ เหล่าพยาบาลกำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับร่างที่นอนนิ่ง มือบางจับบีบมือหนาไว้แน่น คราบเลือดเปรอะเปื้อนตามตัวเต็มไปหมด ใบหน้าที่เปื้อนด้วยคราบเลือดในตอนแรกถูกเช็ดทำความสะอาดออกพร้อมกับถูกทำแผลตรงส่วนหัวที่แตกถูกแปะด้วยผ้าก็อต

“อึก พี่อย่าเป็นอะไรนะ ฮืออ” เสียงสะอื้นฮักดังตลอดทางจนถึงโรงพยาบาล

รถจอดหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พอประตูรถถูกเปิดออกเหล่าบุรุษพยาบาลต่างพากันกรู่เข้ามาช่วยกันยกคนไข้ ทีมแพทย์เข้ามาสอบถามอาการของคนไข้และบอกให้บุรุษพยาบาลเข็นคนไข้ไปยังห้องผ่าตัดที่เตรียมไว้ตั้งแต่ที่มีการแจ้งเข้ามาว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นต้องทำการผ่าตัดด่วน

“พี่ต้องปลอดภัยๆ ๆ” ร่างบางวิ่งตามรถที่เข็นเข้าไปในแผนกฉุกเฉิน พร้อมกับพูดคำเดิมซ้ำๆ จนรถเข็นผ่านเข้าไปภายในห้องผ่าตัดซึ่งญาติหรือใครก็ไม่สามารถเข้าไปได้

“เข้าไม่ได้นะคะ” พยาบาลบอก

“ฮืออ ช่วยเขาด้วยนะครับ ช่วยเขาด้วย” น้ำเสียงขอร้องอ้อนวอนเอ่ยบอก พยาบาลได้แต่พยักหน้าแล้วก็ปิดประตูจากไป แผนกฉุกเฉินเป็นแผนกที่ทำงานหนักที่สุด ในแต่ละวันจะมีอุบัติเหตุเข้ามาให้รักษาเป็นจำนวนมากแทบจะไม่ได้พักผ่อนกันเลยทีเดียว

ภายในห้องผ่าตัดทีมแพทย์กำลังทำการผ่าตัดคนไข้ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุรถชนมา ภายในห้องผ่าตัดตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเพราะร่างที่นอนนิ่งนี้น่าเป็นห่วงยิ่งนักและยังโดนชนเข้าในส่วนที่เป็นจุดสำคัญทั้งนั้น

ตื้ดดๆ ๆ

“ชีพจรลดลงค่ะคุณหมอ! ”

“หมอค่ะ คนไข้หัวใจหยุดเต้นแล้วค่ะ!! ” คุณหมอมองจอที่แสดงตัวเลขชีพจรที่ตอนนี้กราฟการเต้นของหัวใจเป็นขีดยาวๆ

“...200จูล! ”





-โบ๊ท-

“มีคนโดนรถชนหน้ามอเราว่ะแกน่ากลัวมาก ฉันเห็นมากับตาเลย”

“จริงดิแก”

“จริงแก รถพยาบาลพึ่งไปเมื่อครู่นี่เอง...เออเห็นว่าเป็นพี่ปีสอง เรียนวิศวะอ่ะ”

เสียงสนทนาดังแว่วให้ได้ยิน ผมหยุดยืนฟังบทสนทนาจับใจความได้ไม่มาก

“วิศวะ ปีสอง” ผมพึมพำกับตัวเอง มันก็น่าจะเป็นเพื่อนรวมชั้นผมดิว่ะใครว่ะ?

Rrrrr Rrrrrr

“เออ..” ผมกรอกเสียงลงในสายเมื่อมองดูชื่อคนที่โทรมาเป็นใคร

(มึงอยู่ไหนไอ้โบ๊ท! มึงรู้เรื่องรึยัง! ) น้ำเสียงร้อนรนของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องขมวดคิ้วตาม

“กูอยู่มอเพิ่งส่งงานเสร็จ แล้วมีเรื่องอะไรว่ะ” ผมถาม

(ก็ไอ้เชี้ยอัลแม่งโดนรถชนหน้ามอสิมึง นี่มึงอยู่มหาลัยไม่รู้เรื่องไรเลยรึไงว่ะ!! ” เสียงไอ้เอตะคอกกลับมา

“จริงดิมึง กูก็พึ่งไดยินเมื่อกี้ แล้วมันเป็นไรมากป่ะว่ะ! ” ผมรีบถามกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรน บอกตรงๆ ตกใจเหมือนกัน ใครจะไปคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทตัวเองว่ะ

(กูเองก็ยังไม่รู้วะ นี่ก็กำลังจะรีบไปโรง'บาลเหมือนกัน)

“เออแล้วมึงรู้รึเปล่าว่าโรง'บาลไหน?!? ” ผมถามพร้อมกับวิ่งไปยังรถที่จอดเทียบถนนหน้าตึกอยู่ไม่ไกล

(โรง'บาล... แล้วเจอกันนะเว้ย! )

“เออ!! ”

ผมปลดล็อกตัวรถสอดแทรกตัวเข้าไปสตาร์ทรถแล้วรีบบึ่งออกไปยังสถานที่ที่ได้ทราบจากเพื่อนทันที ใจก็เป็นห่วงเพื่อนว่าเป็นตายร้ายดียังไง แล้วจู่ๆ ทำไมมันถึงได้โดนรถชนเข้าได้ ก็ไหนมันบอกว่าจะไปหาโยชิไง ... ๆ ม่นานผมก็ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลที่เพื่อนผมกำลังรักษาตัวอยู่ ผมปิดล็อกรถแล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลแทบทันที มือก็กดต่อสายหาเพื่อนที่คาดว่าน่าจะมาถึงก่อนผมแล้ว

“เออมึงอยู่ไหนกูอยู่โรง'บาลแล้ว”

(แผนกฉุกเฉินเว้ย รีบมาๆ นะมึง แค่นี้! )

“ขอโทษนะครับแผนกฉุกเฉินอยู่ตรงไหนครับ” เมื่อผมไม่ทราบว่าแผนกฉุกเฉินนั่นอยู่ตรงส่วนใดของโรง'บาลผมจึงถามพยาบาลแถวนั้น

“แผนกฉุกเฉินหรอค่ะ งั้นเดี๋ยวดิฉันพาไปค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ผมบอกขอบคุณและเดินตามพยาบาลไป พอมาถึงแผนกฉุกเฉินผมเห็นเพื่อนผมสองคนกำลังทำหน้าเครียดกันอยู่และ...โยชิ (? )

“เชี้ยอัลเป็นไงบ้างวะมึง” ผมถามเพื่อนอย่างร้อนรน มันหันมามองหน้าผมแล้วส่ายหน้า คงกำลังอยู่ในระหว่างการผ่าตัดสินะ

“ไอ้โบ๊ทมึงมาก็ดีแล้วบอกให้น้องมันมานั่งเหอะว่ะ” ไอ้เอมันบอกให้ผมไปพูดกับโยชิให้มานั่งบนเก้าอี้ที่พวกผมนั่งอยู่

ผมมองดูน้องมันเกาะบานประตูหน้าห้องฉุกเฉินอย่างใจจดใจจ่อ เสียงร้องไห้สะอื้นขึ้นให้ได้ยินเบาๆ โยชิยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวกๆ สายตาก็ชะเง้อมองช่องกระจกเล็กๆ ของประตู

“แล้วทำไมมึงไม่ไปบอกน้องเองว่ะ” ผมถามมัน

“กูบอกแล้วแต่น้องไม่ฟังว่ะ เอาแต่บอกว่าจะอยู่ตรงนี้ๆ” ไอ้คิมบอกพร้อมกับถอนหายใจ มันเองคงจนปัญญาเหมือนกัน

“เออพวกกูพูดแล้วนะมึง น้องไม่ยอมอีกอย่างน้องเองก็บาดเจ็บเหมือนกัน”

“แล้วถ้ากูไปพูดน้องจะฟังหรอว่ะ”

“ลองดู” มันสองตัวพยักพเยิดหน้าให้ทำ

“เออ..แล้วมีใครโทรหาไอ้เดฟยัง”

“ยังกำลังจะโทร”

“เออรีบโทรบอกแม่งละ! ” ผมบอกมันแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหารุ่นน้องที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเพื่อน ถึงแม้ตอนนี้สถานะจะไม่ใช่แฟนแล้วก็ตาม

“ฮึก อย่าเป็นอะไรนะ ฮืออ ผมขอโทษ”

“พี่ครับอย่าเป็นอะไรนะ ฮึก”

พอเข้าใกล้ตัวน้องผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นชัดเจนพร้อมกับเสียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ โยชิบีบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน เหมือนกำลังภาวนาอะไรสักอย่าง ผมเดินเข้าไปเตะไหล่น้องเบาๆ น้องมันหันหน้ามามองผมเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองบานประตูอีกครั้ง

“มายืนทำอะไรตรงนี้ ไปนั่งรอหมอดีกว่านะ” ผมบอก น้องมันส่ายหน้ารัว

“อึก ไม่เอาผมจะอยู่ตรงนี้ ฮืออ พี่เขาจะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” ใบหน้าซีดหันมาถามผม ดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาจ้องมองผมอย่างต้องการคำตอบ

“มันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก มันแข็งแรงจะตาย” ผมบอกกับโยชิ

“จะ จริงหรอครับ ฮืออ เขาจะไม่ตายใช่ไหมพี่โบ๊ท พี่เขาจะไม่ตะ...”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงมือหมอแล้วไปนั่งพักผ่อนเถอะนะ เราเองต่างหากที่จะไม่สบายเอา”

“ฮึก ผมจะรอดูอาการเขาตรงนี้ ผมเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้ ฮืออ” ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นมาอย่างไรแต่ตอนนี้ผมอยากพาน้องไปนั่งพักก่อน ทั้งบาดเจ็บมา ไหนจะมาร้องไห้ ยืนรอหน้าห้องผ่าตัดแบบนี้อีก มีหวังได้เป็นลมแน่ ครั้นจะถามเรื่องราวเลยก็กระไรอยู่ ให้น้องได้สงบจิตสงบใจก่อนแล้วไหนจะรอดูว่าเพื่อนผมจะปลอดภัยดีหรือเปล่าอีก

“ใจเย็นๆ นะ ถ้าเราเป็นอะไรไปอีกคนมันจะยากนะครับ”

“ฮึก ฮือออ ผะ ผมไม่เป็นไร” น้ำเสียงแหบพร่าตอบกลับมา ทำไงดีว่ะ น้องก็ไม่ยอมทำตามที่ผมบอกดื้อแต่จะอยู่หน้าประตูอย่างเดียว จะลากไปก็ไม่ใช่ เฮ้ออ ผมควรทำไงดีว่ะ

“ฮึก ฮือออ” ผมหันกลับไปมองเพื่อนสองคนด้านหลังมันกำลังโทรศัพท์หาเพื่อนและก็คงจะเป็นครอบครัวของไอ้คนที่เจ็บอยู่เช่นกัน

ตุ๊บ!

เฮ้ย!! ผมอุทานขึ้นในใจหันกลับไปมองเพื่อนแปบเดียวเอง พอได้ยินเสียงเหมือนมีสิ่งของตกกระทบบนพื้นทำให้ผมต้องรีบหันมามอง

“โยชิ!!! ” ผมรีบเข้าไปประคองร่างของรุ่นน้องขึ้น พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อ

“โยชิ” ผมตบหน้าน้องเบาๆ เอาแล้วไงร่างกายคงไม่ไหวแล้ว

“หมอครับมีคนเป็นลม!! ” ผมตะโกนอยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าจะมีหมอพยาบาลอะไรแถวนั้นหรือเปล่า

“เกิดไรขึ้น” ไอ้เอเป็นคนเข้ามาถาม มันทำหน้าตกใจเมื่อเห็นโยชินอนหลับในอ้อมแขนผม

“เป็นลมว่ะ...ไอ้คิมไปเรียกหมอเร็ว!! ” ผมตอบไอ้เอแล้วหันไปตะโกนบอกไอ้คิมให้รีบไปตามหมอมา เพราะหากเป็นอะไรหนักขึ้นมาอีกคนจะยุ่ง แค่ตอนนี้ก็เครียดพอแรงแล้ว

“ไอ้คิมมึงอยู่ดูน้องนะ กูกับไอ้เอจะไปรอดูอาการไอ้อัลหน้าห้อง”

“อืม รู้อาการมันแล้วรีบบอกกูละ” ผมพยักหน้าแล้วเดินไปยังที่เดิม ตอนนี้ให้ไอ้เอรอดูอาการคนเดียว

“ไอ้อัลละๆ ๆ ๆ” ไอ้เดฟถลาเข้ามาหาผมกับไอ้เอมันเขย่าตัวผมสลับกับไอ้เอไปมา

“ใจเย็นก่อนมึง” ผมบอก

“จะให้กูเย็นได้ไงว่ะ มันจะตายไหมว่ะ! ” ไอ้เดฟมันเดินไปเดินมา

“ไอ้โย ตอนนี้เพื่อนกูอยู่ไหน!! ” พาสต้าถามอย่างร้อนรน

“อยู่ห้องพักคนไข้กับไอ้คิม”

“มันเป็นอะไร พวกมึงทำอะไรมันห้ะ! ” พาสต้ามันเข้ามากระชากคอเสื้อผม

“เฮ้ยๆ กูเปล่าโยชิแค่เป็นลม” ผมบอกเอามือมันออก มันพ่นลมหายใจออกมาก่อนที่จะเดินดิ่งไปหาเพื่อนตัวเอง

“ใจเย็นเว้ยไอ้เดฟ ไอ้อัลมันไม่ตายง่ายๆ หรอก” ผมบอกมัน มันทำหน้าเครียดหนักกว่าเก่า ผมเองก็เป็นห่วงไม่ต่างจากมันหรอก นี่ก็นานแล้วทำไมหมอถึงยังไม่ออกมาอีกว่ะ

“เดฟลูก! ” เสียงหญิงสาวแว่วมาให้ได้ยิน พวกผมหันไปมองทางต้นเสียงที่เป็นหญิงสาววัยกลางคนเดินตรงดิ่งมาทางที่พวกผมอยู่

“คุณป้า” ไอ้เดฟมันยกมือไหว้ท่าน พวกผมเองก็เช่นกัน

“ลูกชายแม่เป็นยังไงบ้างลูก ฮึก อัลฟาปลอดภัยใช่ไหม” ท่านถามเสียงเครือ

“...” พวกผมทั้งสามก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เพราะตอนนี้ก็กำลังรอว่าเมื่อไหร่หมอจะออกมาสักที

“คุณใจเย็นๆ ก่อน ลูกเราไม่เป็นอะไรหรอก” ท่านกอดปลอบภรรยาตัวเองที่ซบหน้าลงร้องไห้

“สวัสดีครับคุณลุง”

บานประตูหน้าห้องฉุกเฉินเปิดขึ้นทำให้เราทั้งหมดหันกลับไปมองในทางเดียวกันทันที เป็นพยาบาลสวมชุดสีฟ้าอ่อนมองมาทางพวกเรา

“ขอโทษนะคะ ใครมีเลือดกรุ๊ปโอ เนกาทีฟหรือเปล่าคะ”

“กะ เกิดอะไรขึ้นคะ” น้ำเสียงสั่นเครือของแม่ไอ้อัลถามขึ้น

“คนไข้เกิดอาการช็อกเพราะเสียเลือดมากค่ะ ทางเราไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้สำรองไว้ ไม่ทราบว่าใครมีกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับคนไข้บ้างคะ”

“ผะ ผมครับ ผมเป็นพ่อ! ”

“งั้น..เชิญตามดิฉันมาคะ” พยาบาลเชิญพ่อให้เข้าไปด้วยในห้อง

“คุณคะ ช่วยลูกด้วยนะคะ ฮืออ”

“อืม เดฟลุงฝากดูแลป้าด้วยนะ” ท่านเอ่ยบอกกับไอ้เดฟ ไอ้เดฟรับคำเข้าไปพยุงแม่ไอ้อัลกลับมานั่งลงที่เดิม ท่านยังคงร้องไห้ไม่หยุด พวกผมเองพอรู้แบบนี้ก็ยิ่งเครียดหนักเข้าไปใหญ่ มึงต้องรอดนะเชี้ยอัล ถ้ามึงรอดกูเลี้ยงเหล้ามึงเลย เอ้า!



-โยชิ-

“อื้มม..” กลิ่นอะไร? ผมปรือตาขึ้นมาเพราะสงสัยกลิ่นที่โชยเข้าจมูก

“ไอ้โยตื่นแล้วหรอ เป็นไงบ้างๆ ปวดหัวไหม? หรือว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“ดะ เดี๋ยวๆ พาสต้า” ผมพูดปรามเมื่อเพื่อนถามรัว ผมเป็นอะไร แล้วทำไมพาสต้าถึงมาอยู่นี่แล้วไหนจะพี่คิม...

“ไอ้เตี้ยฟื้นแล้วหรอ!! ” คนมาใหม่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดัง

“อ่ะ อือๆ ตอนนี้กูยะ...พี่คิม!! ” ผมพยักหน้าตอบไอ้สูงด้วยความมึนๆ อยู่ ผมมองรอบห้องสีขาว เตียงที่มีตราของโรงพยาบาล โรงพยาบาลงั้นหรอ... พอนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นผมก็รีบหันไปหาพี่คิม

“คะ ครับๆ” พี่คิมดูตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ผมก็เรียกเขา

“เขาเป็นยังไงบ้างครับ เขาปลอดภัยดีใช่ไหม ละ แล้ว..” ผมรัวคำถามใส่พี่คิมที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

“เตี้ยๆ ใจเย็นๆ” ไอ้สูงมันจับไหล่ผมให้หันกลับไปมองมันแทนพี่คิมที่ยืนนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามผม

“พี่คิม..” ผมเรียกพี่เขาเสียงแผ่ว ครั้นน้ำตาก็ไหลลงมาอีกรอบ

“ไอ้โยมึงจะไปไหน! ”

“กูจะไปดูว่าเขาเป็นยังไงบ้าง” ผมตอบพร้อมกับลงจากเตียง พอเท้าเหยียบพื้นรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาจนต้องหลับตาลงแล้วค้ำแขนไว้กับเตียงที่พึ่งลุก

“พี่ว่าเราน้องพักก่อนดีกว่านะ”

“ไม่ครับ ฮึก ไม่เอา” ผมตอบกลับ

“อย่าดื้อน่าเตี้ย ถ้ามึงเป็นอะไรไปจะเป็นยังไงห้ะ! ตัวเองก็บาดเจ็บเหมือนกันนะ!! ” ไอ้สูงตวาดใส่ผม ยังไงผมก็ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง ถ้าให้ผมรออยู่ที่นี่ผมทำไม่ได้

“ฮืออ ให้กูไปเถอะนะสูง...นะ ฮึก ขอร้อง” ผมบอกเสียงสั่นเครือ

“ก่อนที่จะเป็นห่วงคนอื่น กูว่ามึงเป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหม”

“ฮึก ฮือออ” ผมส่ายหน้าร้องไห้ ผมจะเป็นห่วงตัวเองได้ยังไง ในเมื่อคนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินมากกว่า

“....”

“นะ เนปจูนพากูไปหาเขานะ ฮืออ นะเนป..”

“เฮ้อออ เออๆ ๆ”



เราสี่คนเดินมาหยุดยืนหน้าห้องฉุกเฉิน ผมมองบานประตูที่ยังคงปิดสนิทอยู่เหมือนเดิม ก่อนจะเบนสายตาไปมองฝั่งกลุ่มคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เสียงผู้หญิงร้องไห้เหมือนใจจะขาด... ผมเดินเข้าไปหาท่านที่นั่งร้องไห้ข้างๆ ก็มีพวกพี่เดฟอยู่ ผมนั่งลงตรงหน้าท่าน ท่านเงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา

“ขะ ขอโทษครับ ฮึก ผมขอโทษ” ผมเอ่ยบอกประโยคที่คิดไว้ตลอดในใจ ถ้าเขาไม่เข้าไปช่วยผมเขาคงไม่เป็นแบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะ...ผม

“ขอโทษแม่ทำไมลูก ...” ท่านถามเสียงอ่อนโยน ทั้งๆ ที่ผมทำให้ลูกท่านโดนรถชนแต่ท่านกลับถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนได้ มันทำให้ผมรู้สึกผิดต่อท่าน

“อึก ผมทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ ผมขอโทษครับ ขอโทษ ฮืออ”

“...”

“ถ้าพี่เขาไม่เข้ามาผลักผมออก ผมคงตายไปแล้ว...เป็นเพราะผม เพราะผมคนเดียวที่ทำให้พี่เขาต้องโดนรถชน ฮึก ผมขอโทษครับแม่ ฮือออ”

“ไม่เลย ไม่ใช่ความผิดของเราเลย มันเป็นอุบัติเหตุ ฮืออ” ท่านดึงผมเข้าไปก่อนปลอบ

“อึก”

“ไม่ต้องขอโทษ ฮึก พี่เขาต้องปลอดภัยนะลูก” ท่านกระชับกอดผมแน่น ผมยกมือขึ้นกอดท่านเช่นกัน

“ครับ ฮืออ”



-เนปจูน-

ผมมองไอ้เตี้ยที่ทรุดนั่งลงตรงหน้าผู้หญิงวัยกลางคนมีศักดิ์เป็นแม่ของคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดตอนนี้ ท่านกอดปลอบไอ้เตี้ยทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่สามารถรับกับสถานการณ์นี้ไหวเช่นกัน แต่ท่านก็ยังมอบความอ่อนโยนปลอบประโลมให้ไอ้เตี้ย

“ไม่ต้องขอโทษ ฮึก พี่เขาต้องปลอดภัยนะลูก”

“ครับ ฮืออ”

ผมถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย พอได้รับสายจากพาสต้าว่าไอ้โยเป็นลมอยู่โรงพยาบาลผมก็รีบแจ้นมาทันที ก็ว่าทำไมมันถึงช้า ทั้งๆ ที่แค่ข้ามถนนมาอีกฝั่งไม่น่าจะนานแต่ใครจะไปคิดว่าจะมีอุบัติเหตุ ทั้งๆ ที่ผมอยู่อีกฟากของถนนแท้ๆ แต่ยังดีที่ไอ้เตี้ยมันไม่ได้บาดเจ็บหนัก เพราะคนที่เป็นหนักคงเป็นผู้ชายคนนั้น ผมต้องขอบคุณมันสินะที่เข้ามาช่วยไอ้เตี้ยของผมได้ทัน ผมเชื่อแล้วละว่ามันรักไอ้เตี้ยจริงๆ

“กูขอให้มึงปลอดภัยแล้วกลับมาหาไอ้เตี้ยกู กูจะไม่ขัดขวางความรักมึงอีกขอแค่มึงปลอดภัยมาอยู่ข้างกายไอ้เตี้ยเหมือนเดิม...มึงต้องปลอดภัย” ผมพึมพำพูดคนเดียว ตาก็เหลือบไปมองร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่ทำหน้าเครียดไม่ต่างจากเพื่อนคนอื่น ไม่เจอกันเลยตั้งแต่วันนั้น ใครจะไปคิดละว่าเป็นเพื่อนของไอ้เลวนั้น

“ไง? ” ผมทักอีกคน มันหันมามองผมแล้วก็เงียบ

“...”

“ไม่คิดว่าจะได้เจอมึงที่นี่และในสถานการณ์แบบนี้”

“อืม”

“เห! กูถามก็ตอบดิ! ” ผมเผลอขึ้นเสียงใส่ทำให้คนแถวนั้นหันมามอง เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ

“เฮ้ออ กูก็ตอบแล้วนิ” มันถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนตอบ

“ตรงไหน? ” ผมขมวดคิ้ว

“อืม.. นี่ไง”

“นั่นเขาไม่เรียกว่าตอบ” ผมแย้งขึ้น

“อย่าพึ่งมาถามอะไรตอนนี้ได้ไหมวะ” มันพูดเสียงหงุดหงิดใส่ผม ผมถามตอนนี้ผมผิดหรอวะ มันมองผมอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินไปหาเพื่อนมันแทน

“คุณลุง..” ผู้ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับจับที่แขนของตัวเองไว้

“คุณคะ ลูกเราเป็นยังไงบ้างคะ”

“พี่เขาเป็นยังไงบ้างครับพ่อ”

“ยังไม่รู้เลย พ่อก็ได้แต่ภาวนาให้เจ้าอัลปลอดภัย”

ทุกสิ่งรอบตัวกลับมาเงียบรอเวลาเหมือนเคย เฝ้ารอเวลาว่าเมื่อไรที่หมอจะออกมา จนเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมกดรับสายเมื่อเป็นใคร

“ครับ”

(ลุงติดต่อโยไม่ได้เลย โยชิได้อยู่กับเรารึเปล่า)

“อยู่ครับคุณลุง..เอ่อคือ” ผมจะบอกท่านดีไหมนะว่าไอ้เตี้ยมันประสบอุบัติเหตุหรือควรเงียบไว้ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง

(ลุงขอคุยกับโยชิหน่อยได้รึเปล่า)

“เอ่อ...” เอาไงดีว่ะ ผมมองไอ้เตี้ยที่นั่งสะอื้นเป็นพักๆ เพราะตอนนี้มันหยุดร้องแล้วเหลือแค่อาการสะอื้นเท่านั้น

(ว่าไงเนปจูน)

“เอ่อ..คือแบบนี้นะครับคุณลุง โยมันเข้าห้องน้ำอยู่ครับไม่สะดวกคุย ถ้ามันออกมาเดี๋ยวผมจะบอกให้มันโทรหานะครับ” ผมเลือกที่จะไม่บอกท่านดีกว่า แล้วถ้าให้ไอ้เตี้ยคุยตอนนี้มีหวังโดนคุณลุงซักไซ้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก เฮ้ออ เอาเป็นว่าแบบนี้ดีที่สุด โกหกเพื่อให้ผู้ใหญ่สบายใจไม่บาปใช่ไหม?



-โยชิ-

นี่มันก็หลายชั่วโมงเข้าไปแล้ว เมื่อไรที่หมอจะออกมาบอกอาการสักที ผมทนรอไม่ไหวแล้ว ในหัวก็คิดอะไรไปต่างๆ นาๆ มากมาย

“พี่เขาต้องปลอดภัยนะลูก”

“..ครับ” ท่านบีบมือผมแน่น

“คุณป้าไปพักก่อนดีกว่านะครับ ดูหน้าซีดมาก” พี่เดฟทักขึ้น

“นั่นสิคุณไปพักก่อนดีกว่านะ”

“ไม่ค่ะ ฉันจะรอดูอาการลูกก่อน” คนเป็นแม่ยังไงก็ห่วงลูกเสมอ ท่านยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะทราบอาการของลูก

“หมอเหมือนไรจะออกว่ะ กูทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย! ” จู่ๆ พี่เอก็พูดขึ้น

“ใจเย็นดิวะ เดี๋ยวหมอก็ออกมา” พี่คิมปราม

“นี่มันก็นานแล้วนะเว้ย กูกลัว..” พี่เอพูดเสียงสั่น

“อย่าพึ่งคิดไรดิว่ะ เชื่อดิไอ้อัลต้องไม่เป็นอะไร” พี่เดฟตบไหล่เพื่อนเบาๆ

.

.

บานประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกเราทั้งหมดต่างพากันหันไปมอง และลุกขึ้นไปหาคุณหมอทันที

“หมอค่ะ ลูกดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ” แม่พี่เขาถามอย่างร้อนรน

“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

“ฮืออ ..คุณคะลูกปลอดภัยแล้ว” แม่พี่เขาร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจพร้อมกัเดินเข้ามากอดคุณพ่อที่โอบกอดภรรยาด้วยความดีใจเช่นกัน พอได้ยินแบบนี้พวกเราทุกคนต่างเบาใจ เขาปลอดภัย...ปลอดภัยแล้ว

“แต่ว่าคนไข้ถูกชนในส่วนที่สำคัญทำให้ต้องรอดูอาการกันอย่างใกล้ชิดนะครับ จนกว่าคนไข้จะฟื้นเราจึงต้องให้คนไข้พักอยู่ในห้องไอซียูเพื่อรอดูอาการต่อไป แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเบาใจได้ครับ” หมอบอกพร้อมกับโค้งตัวลงขอตัวเดินจากไป

อะ..ไอ ซี ยู?

ถึงเขาจะปลอดภัยแต่อาการก็ยังไม่ได้ดีขึ้นไม่ใช่หรอ แล้วทำไมต้องอยู่ไอซียูละ ทำไมไม่เคลื่อนไปอยู่ห้องพักธรรมดา เขาปลอดภัยแล้วจริงๆ หรอ

“ฮึก พาสต้า” ผมเรียกชื่อเพื่อนที่อยู่ใกล้

“หมอบอกว่ามันปลอดภัยแล้ว อย่าร้อง” พาสต้าดึงผมไปกอด

“เขาปลอดภัยจริงๆ ใช่ไหม” ผมถามทั้งๆ ที่ซบหน้าลงกับอกเพื่อน

“มึงไม่เชื่อหมอหรอวะ แค่รอดูอาการต่อไปแค่นั้น พอมันฟื้นก็คงย้ายเป็นธรรมดาแหละ”

“ฮือออ”

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอก็บอกได้ฟังบ้างปะเนี้ย” พาสต้ามันว่า ฟังไหมก็ฟัง แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

“...อือๆ” ผมพยักหน้ากับอกเพื่อน จากนี้ก็รอแค่เขาฟื้นขึ้นมาเท่านั้น... พี่ต้องตื่นนะ ตื่นมาอยู่กับผมนะครับ...ผมคนที่พี่รักและรักพี่





TBC.



หากผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ

หัวข้อ: Re: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่25 : : ...รู้สึกตัว// [27/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-01-2018 20:46:12

ตอนที่25 : ...รู้สึกตัว
[/size]

-เนปจูน-

 

“เตี้ยมึงจะไปโรง’บาลอีกแล้วหรอว่ะ”

 

“อืม”

 

ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วไอ้เตี้ยมันแวะไปโรงพยาบาลตลอดทุกวัน  หลังเลิกเรียน  หรือแม้แต่มีเวลาว่างมันจะไปโรงพยาบาลตลอดถึงแม้ทางโรงพยาบาลจะยังไม่อนุญาตเข้าเยี่ยมก็ตามแต่มันก็ไปเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องทุกวัน  ผมห้ามมันก็ไม่ฟัง ผมอยากให้มันได้พักบ้าง  แต่มันก็ดื้อจะรั้งเอาไว้ก็ไม่อยู่  สุดท้ายก็ปล่อยมันจนได้

 

“เดือนหนึ่งแล้วนะเตี้ยมึงเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาล มหาลัย บ้าน  พักบ้างเถอะ”

 

“ก็กูเป็นห่วงเขา” มันตอบเสียงอ่อย

 

“มันไม่เป็นอะไรหรอกน่า  หมออยู่เยอะแยะ  กูว่ามึงควรห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหมว่ะ”

 

“กูอยากเห็นเขาตื่นขึ้นมาด้วยตาตัวเองนิ”

 

“ดูตัวเองก่อนเถอะ  ผอมแห้งอย่างกับกระดูกเดินได้แล้ว”

 

“กระดูกตรงไหนกัน”

 

“ตรงนี้ไงๆๆ” ผมชี้นิ้วไปบนส่วนร่างกายของมันตามส่วนต่างๆ  มันมองเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ  นั่งมองนอกกระจกรถเหมือนทุกที  ผมหันกลับมาสนใจขับรถต่อปล่อยให้ไอ้เตี้ยมันอยู่กับความคิดของตัวเอง

 

ผมจอดรถบริเวณที่จอดรถของทางโรงพยาบาลเหมือนทุกครั้งที่มาส่งไอ้เตี้ย  ผมกับไอ้เตี้ยเดินไปตามทางเดินมุ่งหน้าขึ้นลิฟท์กดไปยังชั้นที่คุ้นชิน  หนึ่งเดือนแล้วที่ไอ้คนที่โนชนมันไม่ยอมฟื้นซักที  ถ้ามันฟื้นเมื่อไรพ่อจะเตะและกระทืบให้แหลกเลย  ข้อหาทำให้ไอ้เตี้ยซูบผอมแห้งเหี่ยวขนาดนี้

 

“สูง!!”

 

“มีไรเตี้ย?” ผมถามขึ้นเมื่อไอ้เตี้ยมันเรียกผมเสียงตกใจ

 

“...หาย” ผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่มันพูดถึง

 

“อะไรหาย”

 

“พี่เขาหายไปไหน  ไม่เห็นอ่ะสูง  ทำไมไม่เห็น ฮึก เนปจูนทำไงดี  หรือว่าพี่เขาจะเป็นอะไรขึ้นมา ฮืออ เนปจูน...”

 

“เตี้ยใจเย็นๆก่อน” ผมปรามมันบอกให้ใจเย็นก่อน  ผมมองเข้าไปภายในประตูกระจกใสมองดภายในก็ไม่พบร่างของคนที่นอนอยู่ทุกวัน  ผมหันมาสนใจคนข้างๆที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายไม่สนอะไรทั้งนั้นในเวลานี้  ผมดึงมันเข้ามากอดปลอบก่อนจะผละออก

 

“ฮึก ฮืออ”

 

“คิดว่ามึงร้องไห้แล้วดูดีรึไงวะ  หยุดร้องแล้วอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเข้าใจไหม” ผมเช็ดน้ำตาลวกๆให้มันแล้วบอกให้อยู่รอตรงนี้  เพราะผมคิดว่าน่าจะไปสอบถามทางโรงพยาบาลมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นหรืออะไรยังไง

 

“ฮึก แล้วมึงจะไปไหน”

 

“ไปถามหมอ พยาบาลแถวนี้แหละ..ห้ามไปไหนเข้าใจไหม” ผมย้ำอีกรอบ

 

“อือๆ”

 

 

“ขอโทษนะครับ” ผมถามพยาบาลที่รับหน้าที่อยู่ส่วนของฝ่ายประชาสัมพันธ์

 

“คะ  ต้องการให้ช่วยอะไรรึเปล่าคะ”

 

“คือว่า  คนไข้ที่อยู่ในห้องไอซียูไปไหนหรอครับ”

 

“คะ? เอ่ออคนไข้ในห้องไอซียูมีเยอะนะคะ  ไม่ทราบว่าคนไข้ชื่ออะไรคะ”

 

“เอ่อ..งั้นซักครู่นะครับ”  ผมเองก็ลืมไปว่าตัวผมไม่รู้จักชื่อมัน  แล้วมันชื่อไรว่ะ  ผมยิ้มให้พยาบาลเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองเพื่อโทรหาคนที่รออยู่หน้าห้องไอซียู  รอสายไม่นานไอ้เตี้ยก็รับ

 

(เป็นไงบ้างได้ความอะไรรึเปล่า)

 

“เดี๋ยวๆใจเย็นก่อน  ฟังกูนะมึงอย่าเพิ่งโวยวาย  รู้จักชื่อไอ้อัลหรือเปล่า”

 

(ช..ชื่อหรอ  เอาไปทำไม?)

 

“เอามาถามพยาบาล  กูไม่รู้จักชื่อมันบอกมาเร็วๆ”

 

(ชื่อ พชร  อินทรสิริกุล)

 

“โอเค  เดี๋ยวกูไปหา” ผมกดตัดสายแล้วหันกลับมาหาพยาบาลอีกครั้ง

 

“คนไข้ชื่อ นามสกุลอะไรคะ”  พยาบาลถามพร้อมรอยยิ้ม ผมจึงบอกไป

 

“..พชร  อินทรสิริกุลครับ”

 

“คนไข้ถูกย้ายไปที่ห้องพักธรรมดาแล้วคะ  ห้อง604คะ”

 

“ขอบคุณครับ” ผมก้มหัวให้กับพยาบาลก่อนที่จะเดินกลับไปหาไอ้เตี้ยที่รออยู่หน้าห้องไอซียู  พอมันเห็นผมมันก็รีบเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหา

 

“เป็นไงบ้าง  ได้ความยังไง”

 

“มันถูกย้ายไปห้องพักธรรมดาแล้ว  อยู่ห้อง604” ผมตอบ

 

“ระ หรือว่าพี่เขาจะฟื้นแล้ว” ไอ้เตี้ยมันพูดขึ้นด้วยความดีใจ  มันเผยรอยยิ้มดีใจออกมา  หนึ่งเดือนเชียวนะที่มันทำหน้าอมทุกข์  แต่เห็นมันยิ้มได้ก็โอเคแล้วครับ

 

“คงงั้นมั้ง  ไปดูมันหน่อยไหมละ”

 

“ไปดิๆ” ไอ้เตี้ยมันเดินนำไปที่ลิฟท์กดปุ่มหน้าลิฟท์ขึ้น  พอเข้ามาในลิฟท์ก็กดชั้นที่ว่า  เพียงไม่นานลิฟท์ก็มาจอดยังชั้นหก  เราสองคนเดินตามทางมองเลขห้องพักจนมาถึงห้องที่ว่า

 

“604 ถึงแล้ว  กูตื่นเต้นจังมึง” ไอ้เตี้ยมันบอกพร้อมกับเอามือแตะที่หัวใจตัวเอง

 

“เวอร์แล้ว” ผมผลักหัวมันทีหนึ่ง  ก่อนจะเคาะประตูอย่างมีมารยาท   ไม่ต้องรอให้ใครมาเปิดหรอกครับ  ผมเปิดเข้าไปเลยเพราะผมเคาะประตูส่งสัญญาณใหคนในห้องรู้แล้วไม่เป็นไร

 

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อแม่ของไอ้อัล

 

“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่”

 

“สวัสดีจ้ะ  รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่กันที่นี่” แม่ไอ้อัลเป็นคนถาม ไอ้โยมันหันมามองผม เออกูตอบเองก็ได้

 

“คือว่าเราสองคนไปที่ห้องไอซียูไม่เจอเลยไปสอบถามพยาบาลมาครับ  เขาบอกว่าย้ายมาอยู่ห้องพักปกติแล้วเลยทราบครับ” ผมตอบท่านพยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปมองลูกชายตัวเอง

 

“แม่ครับ พี่เขาฟื้นแล้วใช่ไหมครับถึงได้ย้ายมาอยู่นี่”  ไอ้โยมันเดินเข้าไปใกล้เตียงแล้วถามท่าน  ท่านเงยหน้ามองมัน  สีหน้าท่านเศร้าลง  ท่านส่ายหน้าก่อนตอบ

 

“พี่เขายังไม่ฟื้นหรอกจ้ะ”

 

“แต่ว่า..”

 

“คุณหมอเขาบอกว่าอาการดีขึ้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าตอนแรก  ก็เลยย้ายมาอยู่ห้องปกติได้แล้ว” ท่านบอกพร้อมกับลูบหัวลูกชายตัวเองทั้งที่มีผ้าพันแผลพันอยู่บนหัว

 

“แล้วหมอได้บอกหรือเปล่าครับว่าจะฟื้นตอนไหน” ไอ้เตี้ยถามน้ำเสียงเครียด  ท่านส่ายน้าอีกรอบ

 

“ไม่ได้บอกจ้ะ  แม่เองก็ได้แต่สวดมนต์ขอพรให้ลูกชายแม่ฟื้นวันนี้ พรุ่งนี้ เร็วๆ”

 

“พี่เขาต้องฟื้นครับแม่” ไอ้เตี้ยมันจับมือท่านมากุมเอาไว้เหมือนกับให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

 

“แม่ก็หวังไว้แบบนั้นจ้ะ” ท่ายยิ้มอ่อนโยนให้เตี้ย

 

“ครับ...พี่รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆนะครับ”

 

 Rrrrr Rrrrrrr

 

เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นภายในห้องที่เงียบสนิททำให้ผมต้องรีบรับทันทีและขอตัวออกมาคุยนอกห้องแทน  ไม่อยากกวนคนที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองตอนนี้

 

“ว่าไงเฮีย”

 

(มึงอยู่ไหน?)

 

“โรงพยาบาล..” ผมตอบ  เฮียเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว  เพราะผมต้องคอยรับส่งไอ้เตี้ยมาโรงบาลแทบทุกวัน

 

(ยังไม่ดีขึ้นอีกหรอวะ) เฮียถาม

 

“ดีขึ้นมากแล้วละเฮีย  แต่ก็ยังไม่ฟื้นว่ะ” ผมตอบตามสิ่งที่ได้ยิน

 

(งั้นหรอวะ  แล้วโยชิเป็นยังไงบ้าง)

 

“อืม ก็โทรมๆว่ะเฮีย  ข้าวก็กินน้อยตอนนี้ซูบผอมไปเยอะเลย”

 

(เออยังไงหากกูว่างเดี๋ยวจะเข้าไปหาที่บ้าน  ฝากบอกโยชิด้วย)

 

“โอเคๆเดี๋ยวบอกให้”

 

(อืม  ดูแลโยชิดีๆละ)

 

“ครับๆ  ผมไม่ปล่อยมันหรอกน่าไม่ต้องห่วงแค่นี้นะ” ผมกดตัดสายทันทีเมื่อเห็นใครกำลังเดินมาทางนี้

 

“ไงมึง  โผล่มาอีกแล้วนะ”  เพื่อนในกลุ่มไอ้อัลทักผมขึ้นมา

 

“ก็ถ้าไอ้เตี้ยอยู่ไหน กูก็อยู่นั่นละ”

 

“แล้วนี่มันฟื้นแล้วหรอว่ะ  ตอนแรกไม่เห๋นมันเลยไปถามพยาบาลเห็นบอกว่าย้ายมาอยู่นี่แล้ว”

 

“ยังหรอก  แต่คงอีกไม่นานละมั้ง เห็นหมอบอกว่าอาการมันดีขึ้นแล้ว” ผมตอบไอ้คนที่ถามแต่สายตาผมจ้องคนที่มาด้วยแทน  ยังไม่ได้คุยกันเลยนะ  วันนี้ละกูจะลากไปคุยให้ได้  หลบหน้าดีนัก  ถ้าหลบได้ก็หลบไป  หึๆ

 

 

-โยชิ-

 

“...พี่รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆนะครับ” ผมกุมมืออีกคนที่ยังคงนอนหลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย  พี่ต้องรีบตื่นมาหาพวกเราทุกคนนะครับ  หนึ่งเดือนแล้วที่พี่หลับไป  มันนานเกินไปแล้วนะครับ  ผมรอพี่อยู่รู้รึเปล่า  รีบตื่นขึ้นมาหาผมเถอะครับ  ผมขอร้อง  ผมยอมพี่แล้วทุกอย่างจริงๆ

 

“ได้พักบ้างรึเปล่าลูก  แม่เห็นมาดูพี่เขาทุกวันเลยนะ”

 

“ผมไม่เป็นไรครับ” ผมตอบท่านที่มองผมด้วยสายตาเป็นห่วง  ผมไม่เป็นไรจริงๆ

 

“แต่ว่าเราผอมกว่าเดิมมากนะลูก  ดูสิตัวซูบ หน้าก็ตอบลงด้วย” ท่านลูบแก้มผมเบาๆ  ผมส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มให้ท่าน

 

“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ”

 

ก็อกๆ  เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น  ผม แม่และพ่อหันไปมอง ประตูอ้าออกก็เป็นพวกพี่เอ พี่โบ๊ท พี่คิมเดินเข้ามาตามมาด้วยไอ้สูง

 

“สวัสดีครับพ่อแม่”  พี่ๆเข้ายกมือไหว้พ่อกับแม่

 

“จ้ะ สวัสดีจ้ะ”

 

“ไอ้อัลเป็นยังไงบ้างครับพ่อแม่” พี่เอเป็นคนถาม

 

“ก็ดีขึ้นแล้วจ้ะแต่ยังไม่ฟื้นเลย” แม่เป็นคนตอบ

 

“งั้นหรอครับ...” พวกพี่เอพากันมาหยุดยืนข้างๆเตียงคนป่วย  ผมหลีกทางให้พี่เขาได้เข้ามาใกล้ๆ

 

“ไม่ต้องหลบหรอกน้องโย  พวกพี่แค่เข้ามาดูมันใกล้ๆแปบเดียว” พี่โบ๊ทบอก

 

“..ครับ” ผมจึงนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงที่เดิม  ผมมองเสียวหน้าของคนที่นอนอยู่  ตอนนี้ไม่มีสายอะไรต่อมิอะไรอยู่บนร่างกายแล้ว  มีเพียงแค่สายน้ำเกลือที่เชื่อมอยู่เท่านั้น

 

“เด็กๆพ่อกับแม่ต้องไปธุระ  พ่อฝากดูลูกชายพ่อหน่อยนะ”

 

“ได้ครับไม่ต้องห่วง” พี่เอบอกพร้อมกับยิ้มกว้างส่งให้  พ่อขำกับท่าทางของพี่เอก่อนจะลากลับไปพร้อมกับแม่

 

“เฮ้ออ..มึงนี่ไม่เคยได้หลับได้นอนหรือไงวะ  ฟื้นซักทีเถอะไอ้เหี้ย” พี่เอพูด

 

“เออมึงเมื่อไหร่ฟื้นว่ะ ไม่มีคนทำงานให้ลอกมันทรมานมากนะรู้ไหม” พี่โบ๊ทพูดขึ้นมาบ้าง

 

“แต่ละตัว..เชี้ยอัลมึงไม่ฟื้นกูจะพาน้องดยไปหาผัวใหม่ละนะ” พี่คิมพูดขึ้นบ้าง  แต่ที่พี่พูดเมื่อกี้ถามผมยังครับว่าต้องการรึเปล่า

 

“ไอ้คิมนิสัยนะมึง  เห็นเพื่อนมึงนอนอยู่ไหมห้ะ  ถ้ามันรู้ว่ามึงพูดแบบนี้มีหวังมีตายแน่ๆ” พี่เอว่า

 

“เออกูก็อยากให้แม่งได้ยินเหมือนกันจะได้ฟื้นเร็วๆ  มันจะได้รู้ว่ามันปล่อยให้น้องรอมันนานแค่ไหน”

 

“มึงนี่น่า  เออไอ้อัลถ้ามึงไม่ฟื้นกูจะพาเมียมึงไปหาผัวใหม่จริงๆด้วย”  พี่เอเสริมเข้าไปอีก

 

“เอ่อ..คือถามผมยังครับว่าต้องการรึเปล่า” ผมยกมือขึ้นเพื่อขอพูดบ้าง

 

“โอ๊ยยน้องโยพวกพี่ไม่ได้ทำจริงหรอกครับ  แค่พูดให้ไอ้อัลมันฟังเท่านั้นเผื่อส่งผ่านไปยังโสตประสาทการรับรู้ของมันบ้าง”

 

“พอๆเลยพวกมึง  ว่าแต่ว่าเถอะมาทุกวันไม่เหนื่อยบ้างรึไง” พี่โบ๊ทเป็นคนถามขึ้น

 

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ  เผื่อพี่เขาฟื้นขึ้นมาผมอยากให้พี่เขาเห็นผมเป็นคนแรก  อยากให้พี่เขารู้ว่าผมอภัยให้เขาทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว” 

 

“แต่เราควรพักผ่อนบ้างนะ  ดูสิผอมเชียว  ถ้ามันตื่นมาเห็นโยในสภาพนี้มันคงรู้สึกผิดแน่ๆ”

 

“หุบปากไปเลยไอ้เอ..ว่าแต่ไอ้เดฟหายหัวไปนานแล้วนะ” พี่คิมตบปากพี่เอไปทีหนึ่งแล้วก็เปลี่ยนเรื่องเป็นถามหาพี่เดฟแทน  จริงๆผมก็ยังไม่เห็นพี่เดฟเหมือนกันนะ

 

“มันง้อเมียอยู่มึงก็รู้ว่าเมียมันฤทธิ์เดชเป็นยังไง”

 

“นี่มันยังง้อไม่สำเร็จอีกหรอวะ” พี่คิมถามต่อ  ผมเองก็เห็นพี่เดฟไปหาไอ้พาสตลอดเหมือนกัน  โดยไอ้พาสมันเลี่ยงที่จะปะทะกับพี่เดฟโดยตรงทุกครั้ง  ผมชวนมันมาโรงพยาบาลด้วยมันก็ไม่เอา  เพราะมันไม่อยากเจอพี่เดฟ

 

“เออดิ  กูเห็นมันกลับมาทีไรเป็นหมาหงอยตลอดอ่ะ  แต่ก็สมน้ำหน้ามันละนะ”

 

“ไอ้โบ๊ทมึงพูแบบนี้ได้ยังไงนั่นเพื่อนมึงนะ” พี่เอแย้งขึ้น

 

“ก็เพื่อนไง  จะให้มันเป็นเมียกูรึไง”

 

“คนละเรื่องละไอ้ฟาย”

 

“พอๆเลยพวกมึงอย่ามาทะเลาะกันตรงนี้  หัดเกรงใจน้องเขาบ้างเหอะ” พี่คิมพูดขึ้น  พวกพี่โบ๊ทกับพี่เอจึงหยุดคุยกัน

 

“ผมไม่ถือหรอกครับ” ผมบอก

 

“แต่มันก็ต้องหัดเกรงใจคนที่นอนป่วยตรงนี้บ้าง”

 

“เสียงดังยังไงมันก็ไม่ตื่นหรอกมึง  จริงม่ะไอ้โบ๊ท” พี่เอหันไปมองเพื่อนอย่างขอแนวร่วม

 

“อะไร  กูไม่รู้กูไม่เกี่ยว”

 

“สัส!”

 

“ออกไปข้างนอกเลยพวกมึง  ไปให้หมด” พี่คิมเดินไปลากคอพี่เอกับพี่โบ๊ทให้ออกจากห้องไปด้วยกัน  ภายให้องจึงกลับมาเงียบอีกครั้ง

 

“เตี้ย..”

 

“..อืม” ผมขานรับในลำคอ

 

“เมื่อกี้เฮียโทรมาบอกว่าว่างๆจะแวะเข้าไปหานะ”

 

“อ่อโอเค” ผมตอบมันไปทั้งๆที่ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าคนพูด  ผมเอาแต่มองคนที่นอนอยู่ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ  ... รีบฟื้นเถอะครับ  ผมคิดถึงพี่นะ

 

1 สัปดาห์ต่อมา

 

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ผมยกมือสวัสดีท่านทั้งสองเมื่อท่านสองคนเดินเข้ามาในห้อง

 

“ได้พักบ้างรึยังลูก”

 

“ครับ” ผมยิ้มตอบท่าน

 

“ขอบคุณมานะจ้ะที่มาดูแลลูกชายแม่ให้ทุกวันเลย”  ท่านเดินเข้ามากอดแล้วลูบหลังผมเบาๆ

 

“ไม่เป็นไรครับ  มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว” เพราะผมเขาถึงเป็นแบบนี้

 

“เดี๋ยวเรามาทานข้าวนะลูก  แม่ทำอาหารมาให้”  ท่านพาผมมานั่งลงตรงโซฟาตัวยาว  บนโต๊ะมีกระปุกพาสติกที่มีอาหารที่ท่านทำมาให้มากมาย  พ่อเดินไปหยิบจานที่วางไว้บนโต๊ะข้างตู้เย็น ซึ่งเป็นส่วนที่มีของฝากเยี่ยมวางอยู่มากมาย

 

“ทานเยอะๆนะลูก  ผอมลงอีกแล้ว”

 

“ขอบคุณครับ” ผมบอกขอบคุณท่านที่ตักอาหารมาวางใส่ไว้บนจานข้าวของผม  ผมตักกินเคี่ยวช้าๆ มันอาจจะฝืดคอไปบ้างเพราะผมยังไม่หิว

 

“อร่อยไหมลูก” ท่านถามพร้อมกับตักกับข้าวมาเพิ่มให้ต่อ

 

“ครับ” ผมตอบทั้งๆที่ยังเคี่ยวข้าวอยู่ในปาก

 

“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆนะ  จะได้มีแรงดูแลพี่เขา”

 

“กินอีกสิลูก  คุณตักเนื้อให้โยหน่อยสิ”  คุณพ่อบอกแม่  แม่จึงตักส่วนที่เป็นเนื้อให้ผมอีก  ผมทำเพียงแค่ก้มหัวขอบคุณท่านเท่านั้น

 

“ขอโทษนะคะได้เวลาเช็ดตัวให้คนไข้แล้วคะ”  พยาบาลเดินเข้ามาหลังเคาะประตูสองสามที

 

“ได้เวลาเช็ดตัวแล้วหรอ อืม..”

 

“เดี๋ยวผมทำเองครับ” ผมบอก

 

“หนูกำลังกินข้าวอยู่นะลูก  เดี๋ยวให้พยาบาลเขาทำดีกว่านะ”  ผมส่ายหัว  ผมอยากทำเองมากกว่า   ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ย้ายเขามาที่นี่ผมขอเป็นคนเฝ้าและดูแลเขา  ผมจึงเรียนรู้จากพี่พยาบาลในเรื่องของการเช็ดตัวมาบ้างแล้ว

 

“ผมอิ่มแล้วครับ  ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับแม่” ผมบอกท่าน

 

“จ้ะ”

 

“ผมทำเองครับ” ผมเดินเข้าไปหาพยาบาลที่เดินเข้ามาด้วยกะละมังใส่ที่มีน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กๆอยู่  ผมรับมาจากพยาบาลมาถือไว้  พยาบาลยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไปทำงานของตัวเองต่อ

 

ผมดึงผ้าม่านมากั้นปิดเอาไว้  เพราะต้องถอดเสื้อผ้าเช็ดตัวแล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นชุดใหม่เหมือนกัน  ถ้าอยู่คนเดียวผมจะแค่ปิดม่านตรงประตูห้องเท่านั้นแต่ครั้งนี้มีพ่อแม่พี่เขาอยู่ด้วยจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นรูดม่านตรงเตียงแทน  ผมถอดเชือกที่ผูกออกแล้วแหวกเสื้อออกจนเผยให้เห็นแผงอกและหน้าท้องที่มีรอยแผลจากการโดนรถชนถึงตอนนี้รอยแผลจะเริ่มจางๆอยู่บ้าง  ผมบิดผ้าพพอหมาดๆแล้วค่อยๆเช็ด  ผมเช็ดจากใบหน้าก่อนแล้วเลื่อนลงมาที่คอและลงมาที่ส่วนของร่างกาย

 

ก๊อก ๆๆ

 

“อ้าว  ไม่มีเรียนกันหรอลูก” แม่ทักทายคนที่พึ่งเข้ามาในห้อง  ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นใครถ้าหากไม่ได้ยินเสียง

 

“ครับ  พอดีจะมาดูไอ้อัลมันนะครับแม่”  เสียงพี่เดฟ

 

“แล้วนี่ไอ้โยอยู่ไหนห้ะไอ้เดฟ” เสียงพาสต้านี่

 

“ไม่รู้ครับ  เรามาพร้อมกันนะ”

 

“อ่ะ อย่าๆ” ผมได้ยินแค่เสียงพี่เดฟบอกแค่อย่าเท่านั้น  เพราะม่านปิดกั้นอยู่จึงไม่รู้ว่าฝั่งนั่นเขาทำอะไรกันบ้าง

 

“กำลังเช็ดตัวให้เจ้าอัลอยู่...นั่งๆ” พ่อเป็นคนตอบ

 

ตอนนี้ผมเช็ดตัวเสร็จแล้วและกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พี่เขาอยู่  ผมผูกเชือกกับเสื้อของเขาเป็นอันดับสุดท้าย

 

“ผมเช็ดตัวให้พี่จะได้นอนสบายๆนะครับ” ผมพูดขึ้นเสียงไม่ได้ดังมากนัก  เหมือนกับพูดให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว  ผมจับมือเขาบีบเบาๆส่งผ่านความรู้สึกคิดถึงผ่านนิ้วมือที่ประสานเข้ากับมือของเขาให้รู้ว่าผมคิดถึงและยังรอให้เขาตื่นขึ้นมามากแค่ไหน

 

“ตื่นได้แล้วนะครับพี่  รู้มั้ยว่าผมคิดถึงพี่มากแค่ไหน”

 

“...” ไม่มีสิ่งใดตอบกลับมา  มีเพียงความเงียบเท่านั้น  ผมเพิ่มแรงบีบมากยิ่งขึ้น

 

“...ผมรักพี่นะครับ” ผมยิ้มเมื่อพูดประโยคนั้นจบไป  ตอนที่กำลังจะคลายมือออกกลับเหมือนมีแรงมาบีบอยู่ที่มือผมเบาๆ  ถึงจะไม่แรงมากแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา

 

“พ่อครับแม่ครับ!!” ผมเรียกท่านทั้งสองออกมาด้วยความดีใจ

 

“มีอะไรหรอลูก”

 

“มีอะไรหรอน้องโย”  พ่อเป็นคนรูดม่านที่ปิดกั้นออก  ผมยิ้มทั้งที่น้ำตากำลังจะไหล

 

“เป็นอะไรไอ้โยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้  เกิดไรขึ้นว่ะ” ไอ้พาสเข้ามาจับไหล่ผมไว้  ผมมองหน้าพี่เขาก่อนจะหันกลับมามองหน้าทุกคนที่อยู่ในห้อง

 

“เมื่อกี้เหมือนพี่เขาจะรู้สึกตัวแล้วครับ” ผมบอก  ทุกคนต่างพากันอึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมบอก

 

“จ..จริงหรอลูก”

 

“ครับ  พี่เขาบีบมือผมด้วย” ผมบอกมือผมยังคงเกาะกุมประสานอยู่กับมือหนาไว้ไม่ปล่อยไปไหน  แม่จึงจับมืออีกข้างของพี่เขาไว้แล้วเรียกชื่อลูกชายตัวเองเบาๆ

 

“อัลฟา ลูกฟื้นแล้วใช่ไหม”  ท่านยกมือขึ้นมาแนบแก้มตัวเอง

 

“เชี้ยอัลถ้ามึงรู้สึกตัวแล้วก็ลืมตาขึ้นมาสิวะ” พี่เดฟเอ่ยถาม  พวกเราเองก็ลุ้นว่าพี่เขาจะลืมตาขึ้นเมื่อไร  แรงขยับที่มือรู้สึกอีกครั้ง

 

“อัลลูกแม่ ฮืออ  คุณคะลูกรู้สึกตัวแล้วจริงๆด้วย” แม่ปล่อยโฮออกมาเมื่อรู้สึกถึงแรงขยับเบาๆที่มือ

 

“งั้นเดี๋ยวผมไปตามหมอก่อนนะคุณ”

 

“คะ  รีบมาเร็วๆนะคะคุณ”

 

“พี่ครับ” ผมเรียกอีกคนด้วยความดีใจ  มันไม่ใช่ฝัน มันคือเรื่องจริง

 

“..อ..อื้ม..” เสียงของคนที่นอนอยู่บนเตียงดังแทรกขึ้นมา  ทำให้พวกเราหันไปสนใจกันเป็นตาเดียว  ดวงตาค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ  แล้วก็ปิดลงอีกครั้ง  ผมกัดปากตัวเองลุ้นว่าพี่เขากำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว  เราจะได้พบกันอีกครั้งแล้ว    ใจผมเต้นรัวแรง  ตื่นเต้นครับ  ดีใจมากด้วย  พี่เขาหรี่เปิดตาแล้วหรี่ลง  คงเพราะยังไม่ชินกับแสงทำให้รู้สึกเคืองตา

 

“น..น้ำ” เสียงแหบเบาๆเอ่ยขึ้น

 

“อะไรหรอลูก  ต้องการอะไร”

 

“นะ น้ำ หิวน้ำ” เสียงแหบพูดขึ้นอีกครั้ง  ผมจึงเดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้วพร้อมกับหลอดดูดเดินเข้าไปหยุดตรงเตียงที่เดิม  ผมวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะหัวเตียงก่อนจะพยุงร่างกายอีกคนให้นังพิงกับตัวผมแล้วจึงหยิบแก้วน้ำมาจ่อหลอดให้อีกคนได้ดื่มน้ำ  น้ำเกือบครึ่งค่อนแก้วที่ถูกดูดไป  พอดื่มน้ำเสร็จผมก็พยุงให้พี่เขาลงไปนอนตามเดิม

 

“...แม่” พี่เขามองไปยังแม่ตัวเองที่กำลังหลั่งน้ำตาออกมา  เขาเรียกท่านเบาๆ

 

“ว่าไงลูก  แม่อยู่ตรงนี้”

 

“...” พี่เขาเบนสายตาไปมองคนถัดไปจากแม่เขา

 

“จำกูได้ป่ะไอ้อัล” พี่เดฟถามแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง  พี่เขาพยักหน้าก่อนตอบ

 

“เดฟ..”  พี่เดฟถึงกับยิ้มแก้มปริ  แล้วผมละพี่เขาจะจับผมได้รึเปล่า

 

“แล้วลูกจำน้องได้รึเปล่า”  แม่ถามขึ้น ผมบีบมือพี่เขาเบาๆให้รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆเขา  ผมยิ้มให้เมื่อพี่เขาหันมามองที่ผม

 

“พี่จำผมได้ไหม” ผมถามขึ้นบ้าง  ใจก็เต้นรัว  ผมยิ้มเมื่อพี่เขามองหน้าผมไม่หยุด

 

“..จำน้องได้ไหมลูก”  แม่ถามอีกครั้ง

 

“..พี่ครับ” ผมเรียกอีกคนเบาๆ  ใจที่เคยเต้นแรงกลับค่อยๆหยุดลงช้าๆ

 

“...” มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เขาส่งมอบมาให้ผม  สีหน้าครุ่นคิดนั้นมันอะไรกัน  ทำไมทีตอนพี่เดฟเขายังตอบได้แทบจะทันที  แล้วทำไมพอเป็นผมกลับต้องขมวดคิ้วคิดสงสัย  หรือว่าพี่เขาจะจำผมไม่ได้  แล้วถ้าเป็นแบบนั้นผมควรทำยังไง  ต้องทำยังไงให้เขาจำผมได้

 

“ฮึก..ฮืออ” ผมปล่อยมือที่จับกุมเข้าเอาไว้ออกอย่างหมดแรง   ผมแทบล้มทั้งยืนถ้าไม่มีพาสต้าอยู่ตรงนี้ผมคงล้มพับกับพื้นไปแล้ว

 

 

 

TBC..

รู้สึกว่ามันไม่สุดอ่ะ ฮือๆๆ

ทำไมรู้สึกดราม่ามันเยอะจังเลยนะคะว่ามั้ย? 555555

หากผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ
หัวข้อ: Re: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่26 : : Again // [26/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-01-2018 20:48:49
 :jul3:

-อัลฟา-

 

“..จำน้องได้ไหมลูก”

 

“..พี่ครับ” 

 

“...”  ผมใช้ความเงียบเป็นการตอบคำถามนั้น  คิ้วขมวดเป็นปมอย่างเสียไม่ได้ทำไมการเอ่ยชื่อเด็กคนนี้มันยากสำหรับผม  ทั้งๆที่มันควรจะเปล่งออกมาได้ง่าย

 

“ฮึก..ฮืออ”

 

แรงบีบที่มือค่อยๆคลายออก ผมมองคนที่ปล่อยโฮออกมาโจ้งแจ้งไม่มีปิดบังและร่างกายที่โอนเอนนั่นก็เกือบจะล้มพับลงไปหากไม่มีเพื่อนรองรับอยู่  ผมเองก็ตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆร่างบางก็แทบล้มทั้งยืนอย่างนั่น  ใจผมไม่ดีเลยที่ต้องเห็นเด็กคนนี้กำลังร้องไห้เพราะผม

 

“โอ๊ยยย !!” ผมร้องโอดครวญเมื่อรู้สึกเจ็บปวดร่างกายเพราะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ไอ้อัล!!”

 

“ลูกแม่!”

 

“..พี่!!” ทุกเสียงผประสานขึ้นมาพร้อมกัน  มีแม่เข้ามาดูผมด้วยความเป็นห่วงและอีกคนที่เข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็วทั้งที่เมื่อครู่ยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร  ผมยิ้มบางๆให้แม่ก่อนที่จะหันมาหาอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมเช่นกัน  น้ำตายังคงประดับอยู่บนใบหน้าเนียนให้เห็นอยู่  ผมเอือมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มเนียนอย่างเบามือ

 

“ร้องไห้ทำไมครับ...ตัวเล็ก”

 

“..อึก”

 

“บอกพี่สิ  ทำไมถึงร้องไห้”  ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ก็อ่อนโยนในทุกคำที่เอ่ยถาม

 

“ฮึก ฮืออ  พี่ครับ”  ร่างบางของอีกคนโผเข้ากอดผมเต็มแรงพร้อมกับปล่อยโฮอีกครั้ง  เสียงสะอื้นฮักดังก้องอยู่ในหูของผม  แรงกอดรัดยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น  เจ็บ.. เจ็บแผลมาก  แต่ถึงเช่นนั้นผมยังทนให้อีกฝ่ายที่กอดกดทับแผลตัวเองนั่นได้กอดต่อไป

 

“ตัวเล็ก” ผมเรียกอีกคนเมื่อร่างบางยอมผละตัวออกมามองหน้ากัน

 

“อือ ฮึก” เสียงตอบรับในลำคอพร้อมกับเสียงสะอื้นตอบกลับมา

 

“เป็นอะไร หืม?”  อีกคนเม้มปากแน่นกลั่นเสียงสะอื้นเอาไว้

 

“พ..พี่จำผมได้ใช่ไหม  พี่ไม่ได้ลืมผมใช่ไหม” น้ำเสียงสั่นๆถามขึ้น

 

“...” ผมส่ายหน้า  ทำไมจะจำไม่ได้  ทำไมจะจำเด็กคนนี้ไม่ได้  คนที่ผมรัก  ทำไมจะจำไม่ได้

 

“ฮึก ละ แล้วผมชื่อ อ..อะไร”  คนตัวเล็กชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง  สบสายตาจ้องมองผมอย่างรอคอยคำตอบ

 

“..โยชิ” ผมตอบ  มือก็ลูบแก้มเนียนเบาๆ

 

“ฮือออออ” โยชิโผเข้ากอดผมอีกครั้ง ผมกอดตอบแล้วลูบหลังคนตัวเล็กที่ร้องไห้อีกครั้ง

 

“ชู่วว  ไม่ร้องแล้วเด็กดี”

 

“อึก อือ ฮืออ” ถึงจะพยักหน้ารับยังไงแต่อีกคนก็ไม่มีท่าที่จะหยุดร้องเลย

 

“หมอมาแล้วลูก”  เสียงแม่เอ่ยขึ้น  ทำให้คนที่กอดผมคลายออกแล้วยกมือปาดน้ำตาออกลวกๆ

 

“หมอขอตัวเช็คอาการหน่อยนะครับ”  หมอบอกแล้วก็ถามคำถามมากมายเกี่ยวกับความจำในส่วนต่างๆ  ผมก็ตอบตามที่นึกคิดขึ้นได้  จนเมื่อตรวจเสร็จหมอก็อกว่าอาการผมไม่น่าเป็นห่วงแล้ว  เหลือแค่ร่างกายที่ยังไม่หายดี  น่าจะพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสองสามอาทิตย์เท่านั้น

 

“ไงพ่อลูกชาย  หลับไปเป็นเดือนเลยนะ” พ่อทักขึ้น

 

“ขนาดนั้นเลย”

 

“เออสิว่ะ  ทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแกนี่นิสัยไม่ดีเลยนะ” พ่อตอบพร้อมเอาเอานิ้วมากดแผลที่หัวผม

 

“โอ๊ยย  เจ็บนะเว้ยพ่อ”

 

“เจ็บมากไหมลูก  คุณนี่จริงๆเลยลูกกำลังไม่สบายอยู่นะ” แม่หันไปตีแขนพ่อสองสามที

 

“แค่นี้มันไม่ตายหรอกน่าคุณ”

 

“ผมไม่เป็นไรหรอกแม่  ตายยาก” ผมบอกเสียงกลั้วหัวเราะ

 

“จ้ะ  พ่อคนเก่ง  แต่คิดถึงคนที่เป็นห่วงเราบ้างเถอะ  ทั้งพ่อแม่ เพื่อนลูกแล้วไหนจะหนูโยอีก  รู้ไหมว่าน้องเขาเป็นห่วงเรามากแค่ไหน น้องเขามาเฝ้าเราทุกวันเลยนะ”  เมื่อได้ฟังสิ่งที่แม่พูด  ผมจึงหันกลับมามองร่างบางที่ยืนเงียบเม้มปากแน่น  ผมมองสำรวจร่างกายอีกคน  ซูบผอมลงไปจากตอนที่เห็นล่าสุดมาก  ทำให้ผมเชื่อในคำพูดแม่จริงๆ  ถ้าตลอดหนึ่งเดือนที่ผมยังไม่ฟื้นแล้วมีน้องมาคอยอยู่เฝ้าดูแลผม  ก็แปลว่าน้องหายโกรธผมแล้ว  น้องไม่ได้เกลียดผมเหมือนที่บอกคราวนั้น  แต่พอมาคิดอีกที  บางครั้งที่น้องมาอยู่ดูแลผมอาจจะเพราะรู้สึกผิดก็ได้ที่ผมเป็นแบบนี้  ก็แค่มาดูแลในช่วงที่ผมเจ็บ  พอหายน้องอาจจะตีตัวห่างแล้วไปอยู่ในที่ของตัวเอง  ที่ๆไม่มีผมอยู่

 

“ขอโทษนะที่ทำให้ต้องมาอยู่เฝ้าแบบนี้”

 

“ผมสิต้องขอโทษที่เป็นคนทำให้พี่เป็นแบบนี้และก็ขอบคุณที่พี่ช่วยผมไว้”

 

 

-โยชิ-

 

“ผมสิต้องขอโทษที่เป็นคนทำให้พี่เป็นแบบนี้และก็ขอบคุณที่พี่ช่วยผมไว้” ผมพูดออกมาจากใจจริง  ผมดีใจที่พี่เขาฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วจำผมได้  ตอนแรกผมสิ้นหวัง  หัวใจผมเต้นแผ่วบางลงทุกทีๆ  แต่แล้วมันก็กลับมามีชีวิตชีวาใหม่อีกครั้งเพราะคนๆนี้ที่อยู่ตรงหน้าผม

 

“ไม่ต้องขอโทษหรือขอบคุณพี่หรอก  ที่พี่ทำเพราะพี่ไม่อยากเห็นคนที่พี่รักต้องเจ็บ  แล้วถ้าเราเป็นอะไรไปพี่คงอยู่ไม่ได้”  พี่เขาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มสายตาที่มองสบกันกับผมมันแสดงเห็นถึงความจริงใจที่เขาพูดออกมา

 

“ถ้าพี่เป็นอะไรไปผมเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน”  ผมยกมือนหนามากุมไว้แน่น  พรางคิดถึงช่วงที่กำลังรอคอยเหล่าคุณหมออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างใจจดใจจ่อคิดว่าคนตรงหน้าคงไม่รอด   แล้วถ้าหากเป็นแบบนั้นผมเองก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน

 

“ทำไม? ทั้งๆที่พี่...” พี่เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ผมยิ้มบางก่อนจะแทรกขึ้นดักคำพูดเขาก่อนจะพูดจบ

 

“เพราะผมรักพี่”

 

“...”

 

“...รัก  รักมาก  รักจนยอมอภัยสิ่งในอดีตที่พี่เคยทำไว้กับผม” ผมยกมือหนามาแนบเข้าที่แก้มของตัวเอง  ช้อนสายตาสบกับอีกฝ่ายที่ไหววูบและมองผมอย่างอึ้งๆ

 

“ตัวเล็ก..”

 

“ผม...กลับมาหาพี่แล้ว”  ผมหลับตาลงปากก็พร่ำบอกอีกฝ่ายต่อ

 

“...”

 

“พี่ละครับ  จะกลับมาหาผมอีกครั้งได้ไหม?” ผมลืมตาขึ้นเมื่อพูดประโยคนั้นจบ  คนป่วยที่เอาแต่มองอึ้งทำให้ผมนึกขำไม่น้อย  เคยเห็นที่ไหนละท่าทีแบบนี้  “พี่ครับ” ผมเรียก  เขาถึงได้สติขึ้นมา

 

“คำนั้นควรเป็นพี่มากกว่าที่ควรพูดกับเรา”

 

“...”

 

“..ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะครับที่รัก”

.

.

.

“ตัวเล็กกกกกกก” น้ำเสียงออดอ้อนดังขึ้นเมื่อยามที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เข้าไปอาบน้ำชะล้างร่างกายให้สดชื่น  ตอนนี้ก็ดึกแล้วคนอื่นต่างขอตัวกลับไปกันหมด  มีเพียงแค่ผมที่อยู่เฝ้าคนป่วยอยู่คนเดียวเหมือนทุกที  ผมเดินเข้าไปหาเจ้าของเสียงที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง

 

“ยังไม่นอนอีกหรอครับ” ผมถามเมื่อมาหยุดยืนข้างๆเตียง

 

“รอนอนพร้อมกัน”

 

“ผมยังไม่ง่วง” ผมบอกเพราะผมยังไม่ง่วงจริงๆ  ไหนจะต้องเคลียร์การบ้านที่หอบมานั่งทำที่นี่อีก  อีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดส่งแล้ว  กะว่าจะรีบทำให้เสร็จในวันนี้เลย

 

“งั้นพี่ก็ยังไม่ง่วง”

 

“พี่ควรนอนพักนะครับ  ไม่สบายอยู่นอนดึกไม่ดี” ผมบอกอย่างเป็นห่วง  แต่อีกคนก็ยังดื้อดึงว่าจะเข้านอนพร้อมผมให้ได้

 

“ถ้าเราไม่นอนพี่ก็ไม่นอน”

 

“ผมยังมีการบ้านต้องทำนะครับ” ผมบอก

 

“พี่รอได้”

 

“...” ผมได้แต่เพียงยืนนิ่งๆเงียบๆมองคนป่วยจอมดื้อดึง  นี่ป่วยจริงหรือเปล่า  ผมคิดว่าเขาหายแล้วนะ  ทั้งๆที่พึ่งจะฟื้นตื่นขึ้นมาแท้ๆ

 

“พี่รอได้   ตัวเล็กไปทำงานของตัวเองเถอะเดี๋ยวพี่ดูทีวีรอ” คนป่วยพูดบอก  ผมถอนหายใจอย่างยอมแพ้กับความดื้อดึงของคนป่วย

 

“ครับ  แต่ถ้าพี่ง่วงก็นอนก่อนเลยนะ” ผมบอกแล้วเดินกลับไปยังโซฟาที่บนโต๊ะเตี้ยมีพวกชีท  สมุด หนังสือวางเรียงรายกันอยู่

เสียงทีวีในห้องไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำการบ้านของผม  เพราะเสียงมันไม่ได้เสียงดังมาก  ผมเองก็มัวแต่นั่งทำการบ้านของตัวเองจนลืมนึกไปว่ายังมีคนป่วยจอมดื้อที่ไม่ยอมนอน  แต่พอเลยหน้าไปมองยังเตียงผู้ป่วยอีกทีกลับทำให้ผมนึกขำ  ผมลุกเดินไปยังเตียงนอนคนป่วย  หยิบรีโมตทีวีในมือของคนป่วยกดปิดมัน  เสียงในห้องเงียบลงถนัด  เพราะทีวีถูกปิดไปแล้ว  ผมจับผ้าที่ร่นอยู่ที่เอวของคนป่วยที่ชิงนอนหลับไปก่อนผมทั้งๆที่บอกว่าจะเข้านอนพร้อมกันขึ้นมาห่มปิดถึงช่วงคอคลายหนาวให้อีกคน

 

“แล้วก็บอกว่าจะเข้านอนพร้อมกัน” ผมยิ้มส่ายหน้าเมื่อมองหน้าคนที่นอนหลับตาหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงโรงพยาบาล ผมจูบประทับลงบนหน้าผากอีกคน “ฝันดีนะครับ”  ก่อนจะผละออกไปทำงานต่อให้เสร็จจะได้เข้านอนเหมือนกัน  รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว  พอเคลียร์การบ้านตัวเองเสร็จกไปเช็คดูคนบนเตียงอีกรอบ  ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วผมจึงปิดไฟและเข้านอนในส่วนที่นอนเป็นประจำจนเคยชินมันไปเสียแล้ว...โซฟา

 

 ก็อกๆๆ

เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะดังขึ้นทำให้ผมลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย  ประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของพยาบาลที่มาพร้อมกับรถเข็นอาหารเข้ามาด้านใน  ทำให้ผมฉุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ได้เวลาทานอาหารแล้วคะ”  พยาบาลบอกทั้งยิ้มใจดีมาทางผม

 

“ของพี่เขาใช่ไหมครับ”  ผมถาม

 

“ใช่คะ”    ผมพยักหน้าเข้าใจ  พยาบาลจึงขอตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ  เจ็ดโมงกว่า  ผมมองดูเวลาที่โทรศัพท์ของตัวเอง  ผมต้องปลุกเขามากินข้าวเช้าใช่ไหมเนี้ย  ดีหน่อยที่วันนี้ผมมีเรียนคาบบ่ายโมง   ผมไปล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะมาปลุกคนที่นอนหลับให้ตื่นขึ้นมาทานอาหารเช้าแล้วกินยาที่คุณพยาบาลเตรียมมาพร้อม

 

“พี่ครับ” ผมเรียกอีกคน  ยังไม่มีเสียงตอบรับ

 

“...”

 

“พี่ครับ...” ผมเรียกอีกครั้ง  ครั้งนี้ก็สะกิดอีกคนไปด้วย  หรือจะรอให้พี่เขาตื่นดีว่ะ  คอยให้กิน

 

“...”  แต่ถึงยังนั่นเขาก็ต้องกินยา  แต่ก่อนที่จะกินยาพี่เขาก็ต้องกินข้าวก่อน  ผมเปิดฝาดูว่าอาหารที่พยาบาลนำมาให้เป็นอะไร  อย่างที่คิดเป็นอาหารอ่อนๆ  ข้าวต้มหมู  กลิ่นหอมของข้าวต้มลอยเด่นเตะจมูกผม  ทำให้เกิดอาการหิวอาหารขึ้นมาทันทีทั้งๆที่เมื่อก่อนผมยังไม่รู้สึกหิวขนาดนี้หรืออาจจะเพราะผมไม่มีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว  เพราะคนป่วยที่นอนหลับยังไม่ตื่นนี้ฟื้นแล้ว

 

“พี่อัล”

 

“...”  ก็ยังไม่ตื่นอยู่ดี

 

“ที่รัก  ตื่นมากินข้าวกินยะ..อ๊ะ !” ผมยังไม่ทันพูดจบก็ถูกกระชากแขนทำให้ไปเกยทับกายหนาที่อยู่บนเตียง  ถึงจะแค่ครึ่งตัวก็เถอะ  รู้สึกถึงแรงกอดรัดที่เอว  ผมเงยหน้าขึ้นมองสบตากับคนป่วยที่ก้มมามองผมเช่นเดียวกัน

 

“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ” ผมเลิกคิ้วมองอีกคน  พูดอะไร?  ก็พูดว่าให้กินข้าวไง

 

“กินข้าว..”

 

“ไม่ใช่ๆ ประโยคก่อนกินข้าว”

 

“ตื่น?”

 

“ก่อนหน้าตื่น”  ก่อนหน้าตื่น...  เอ่อออ  รู้สึกเหมือนหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นเมื่อนึกถึงประโยคที่ใช้เรียก  ใครจะไปคิดว่าคนป่วยจะตื่นมาได้ยินว่ะ  คิดว่าจะนิ่งนอนหลับไม่รับรู้ซะอีก

 

“ก็...”

 

“ก็?” คนป่วยเลิกคิ้วมอง

 

“ก็..ที่รัก” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะซบหน้าลงกับอกของคนป่วย  ไม่กล้าสบสายตาที่มีแพรวพราวเจ้าเล่ห์นั้นจนต้องหลบมันเข้ากับอกเขา  เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นให้ได้ยิน  นี่เขากำลังแกล้งผมอยู่ใช่ไหม  ผมผละใบหน้าที่ซบลงกับอกเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเขากำลังยิ้มขำเบาๆ

 

“หน้าบึ้งเชียว หืม” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพีร้อมกับสัมผัสของปลายนิ้วที่เกลี่ยข้างแก้มผมเบาๆ

 

“นี่แกล้งผมหรอ?” ผมถาม

 

“เปล่าซักหน่อย  คนป่วยแบบพี่จะไปแกล้งเราได้ยังไง”

 

“...”  ผมหรี่ตามองคนป่วยที่แสร้งทำเป็นไอกลบเกลื้อน

 

“แค่กๆ อึก  รู้สึกคอแห้งจังเลย  หิวน้ำจัง”

 

“งั้นก็ปล่อยผมสิครับ  จะไปเอาน้ำมาให้กิน” ผมบอกเพราะถ้ายังไม่ปล่อยแขนที่กอดรัดผมไว้เนี้ยผมก้ไปหาน้ำมาให้กินไม่ได้นะ

 

“ไม่ไปได้ไหม”

 

“เอ๊ะ!” ผมขมวดคิ้วกับคนป่วยที่ยังไม่ปล่อยผมแถมยังบอกว่ไม่ให้ไปอีก  แล้วจะบ่นทำไมว่าหิวน้ำ  เดี๋ยวก็ปล่อยให้อดซะหรอก

 

“ก็ไม่อยากห่าง..” น้ำเสียงอ้อนดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ปล่อยเลยครับ...พี่ถูกรถชนจนสมองผิดปกติจริงๆ  ถึงจะไม่ได้ความจำเสื่อมก็เถอะ” ผมจำใจต้องเป็นฝ่ายจับกระชากแขนที่กอดผมออก  ผมยืนเต็มความสูงที่ไม่สูง  เออนั่นละ  ของตัวเองแล้วก็บ่นคนป่วยที่มองอย่างอ้อยอิ่งเมื่อผมเดินไปเทน้ำมาให้เขา

 

“ทำไมละ  ก็แค่อยากอ้อนเมียตัวเองนี่ผิดหร๊อ”  ผมเดินกลับมาพร้อมกับน้ำในแก้ว  หยุดยืนอยู่ข้างเตียงผมกดปุ่มปรับเตียงให้เอนขึ้นมา  ก่อนจะยื่นแก้วน้ำพร้อมหลอดไปให้คนป่วยดูดดื่ม

 

“ใครเมียพี่” ผมแย้งขึ้น จนคนที่กำลังดูดน้ำถึงกับสำลักออกมา ผมตกใจรีบเข้าไปลูบหลังคนที่ไอคอกแค่กเพราะสำลักน้ำ

 

“แค่กๆ พูดงี้ได้ไงก็ไหน...”

 

“แค่แฟนเถอะ  ยังไม่ใช่เมีย” ผมแย้งขึ้นทันที

 

“มันก็เหมือนกันนิ”  เหมือนตรงไหนกัน  แฟนก็คือแฟนที่คบหากัน  แต่เมียมันต้องใช้ในยามที่แต่งงานกันแล้วไม่ใช่รึไง

 

“ไม่เห็นเหมือนกันสักนิด”

 

“เหมือน”

 

“ไม่เหมือน”

 

“เหมือนดิ”

 

“ไม่เหมือนดิ”

 

“ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน ชิ” คนป่วยทำหน้าเง้างอเมื่อเถียงไม่ชนะ  เอ่อ...ผมว่าผมควรแจ้งหมอว่าอาการเขาผิดปกติไปจริงๆ  ถึงจะเคยคบกันมาก่อนแต่เวลานั้นเขาจะไม่ค่อยมีอาการงอเง้าหรืองอนผมแบบนี้แน่ๆ ถึงจะมีงอนบ้างแต่ไม่ถึงกับขนาดนี้อ่ะ  ไอ้ท่าเชิดหน้าขึ้นเบือนหนีไปอีกทางนี้มันไรกันว่ะ  ท่าทางเหมือนกับหนุ่มน้อยงอนผู้ใหญ่ซะเหลือเกิน  แต่มันกลับทำให้ผมยิ้มขำออกมา  เพราะมันดูน่ารักซึ่งต่างจากใบหน้าปกติที่เคยเป็น

 

“ครับ  งั้น...ทานข้าวแล้วทานยานะครับ” ผมลากรถเข็นมาไว้ตรงหน้าคนป่วย  พี่เขายังคงเชิดหน้าหันหนีไม่สนใจอาหารที่ผมเข็นมาอยู่ตรงหน้าเลย

 

“...”  เดี๋ยวคอก็หัก  ผมคิดในใจไม่ได้พูดออกไป

 

“ข้าวต้มน่ากิ๊นน่ากิน  คงอร๊อยอร่อยน่าดู”  ผมนั่งลงตรงข้ามคนป่วยบนเตียงแล้วยกจานข้าวต้มมาดมๆ กลิ่นหอมของข้าวต้มยังคงอยู่  พูดเสียงสูงเรียกร้องให้คนป่วยหันมาสนใจ  แต่อีกคนกลับทำเพียงแค่เหล่มอง

 

“...”  ผมยิ้มในใจ  นึกอยากแกล้งคนป่วยอีกสักนิด

 

“กินข้าวนะครับ” ผมตักข้าวต้มมาเป่าเอาไอร้อนออกแล้วยื่นมันไปตรงหน้าคนป่วย  พี่เขายอมหันมาแลวอ้าปากเตรีมจะงับข้าวต้มในช้อนที่ผมตักป้อน

 

“อื้มม  อร่อยจริงๆด้วย”  ก่อนที่พี่เขาจะได้ทานมันนั้นผมกลับชักช้อนกลับมาแล้วเอาข้าวต้มในช้อนงับข้าวปากตัวเองทันที มองคนป่วยที่ทำหน้าบึ้งตรงหน้า

 

“ไม่ง้อแล้วยังจะแย่งอาหารคนป่วยกินอีกนะตัวเล็ก”

 

“แล้วผมบอกให้พี่งอนผมหรอตื่นมาแล้วงอแงนะครับ หึๆ”

 

“ก็ทำแบบนี้แค่กับเมียคนเดียวเถอะ”

 

“แฟน” ผมย้ำอีกครั้ง

 

“เออแฟนนั่นละ  อีกเดี๋ยวก็เมีย”

 

“ว่าไงน่ะ?” ผมถามเพราะไม่ได้ยินที่อีกคนพูด  เห็นงึมง้ำๆพึมพำคนเดียว

 

“เปล่า หิวแล้วตัวเล็กป้อนข้าวพี่หน่อยสิ” น้ำเสียงออดอ้อนดังขึ้นอีกครั้ง  ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับอการที่จะอ้อนก็อ้อน  งอนก็งอน  แปรปรวนสิ้นดี  แต่มันกลับทำให้ผมมีความสุขและยิ้มได้อย่างเต็มที่  ผมจัดการป้อนข้าวป้อนยาคนป่วย ซักพักเขาก็หลับลงในช่วงเวลาไม่นาน  เพราะฤทธิ์ยาสินะ

 

 

“ไอ้เดฟไสหัวไปไกลๆส้นตีนกูลยไอ้เหี้ย!!” เสียงเอะอะโวยวายขงพาสต้าดังลอดเข้ามาในห้อง  ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับร่างคนสองคนเดินเข้ามา  พาสต้าเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายักษ์  นี่ยังไม่ดีกันอีกหรอว่ะ  ผมได้แต่คิดเมื่อเห้นสองคนนี้ยังคงทะเลาะกันอยู่จะทุกวัน  แต่ปกติตอนคบกันก็ไม่มีวันไหนที่สองคนนี้ไม่ทะเลาะกันเลยนี่หว่า

 

“ไปยังไอ้โย  กูไม่อยากใช้อากาศร่วมหายใจกับคนเลว!” พาสต้าพูดกับผมในช่วงแรกแล้วช่วงท้ายมันหันไปเน้นคำว่าเลวใส่พี่เดฟที่อยู่ข้างๆ  ที่พาสต้าต้องมาที่นี่คือต้องมารับผมไปมหาลัยด้วยกัน  จริงๆผมไปเองก็ได้ แต่ไอ้พสมันบอกว่าจะมารับผมก็เออแล้วแต่มัน  แต่ทุกครั้งที่มันมามักจะมีพี่เดฟเดินตามมาด้วยเสมอ

 

“เออๆเสร็จแล้ว” ผมบอกพร้อมกับสะพายเป้ไว้บนไหล่

 

“เออกูไปรอด้านนอกนะ” มันพูดจบก็เดินออกไปนอกห้องทันที  ทิ้งพี่เดฟให้มองตาละห้อยอยู่คนเดียว

 

“ผมฝากดูแลพี่เขาด้วยนะครับ” ผมบอก พี่เดฟจึงหันมามองผม

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก  พี่จะดูแลมันอย่างดี” ผมยิ้มให้พี่เดฟก่อนที่จะขอตัวเพราะเดี๋ยวไอ้ตัวข้างนอกมันรอนานแล้วจะโวยวายแต่ก่อนที่จะทันได้เปิดประตูออกไป ผมกลับหันไปเอ่ยบอกพี่เดฟอย่างให้กำลังใจ “อย่าพึ่งท้อนะครับ  พาสต้ามันก็เล่นตัวไปอย่างนั่น  ง้อมันอีกนิดเดี๋ยวก็ดีเองครับ” ผมพูดจบก็เปิดประตูออกไปจากห้องเลย  ไม่รอฟังว่าพี่เดฟจะตอบอะไร

 

“ชักช้านะมึง  มัวทำเชี้ยไรห้ะไอ้เตี้ย!”

 

“นี่มึงพาลกูหรอพาสต้า” ผมมองเพื่อนที่เริ่มพาลผม  ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรมันเลยแท้ๆ

 

“ก็มึงลีลา  มัวแต่ล่ำลาผัวรึไง”

 

“พี่เขาหลับอยู่  กูไม่กล้าปลุกหรอก”  ผมบอกตามความจริง  เห็นเขาหลับเลยไม่คิดจะปลุก  ให้เขาได้พักผ่อนร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วๆ  จะได้ออกจากโรงพยาบาลซักที

 

“ห่วงกันจริ๊งง” มาทำเสียงสงเสียงสูงใส่อีกไอ้นี่

 

“หงุดหงิดอะไรของมึงห้ะ”  ผมจำต้องเอ่ยถามเป็นไม่ได้ระหว่างที่รอลิฟท์

 

“ก็ไอ้เหี้ยตัวนั่นไง ฮึ่ย!” มันทำเสียงฮึดฮัดเมื่อพูดถึงพี่เดฟ

 

“ทำไม?” ผมเลิกคิ้วถามมัน  มันหันกลับมามองผมแล้วถอนหายใจเซ็งๆ

 

“ตามติดกู24ชั่วโมงอย่างกับพวกโรคจิต!”

 

ตึ๊ง ! เสียงประตูลิฟท์ดังเตือนขึ้นมีผู้คนออกมาจากลิฟท์ผมและพาสต้าเดินสวนเข้าไป

 

“ก็มึงไม่ยอมคุยกับพี่เขาดีๆนิ” ผมบอกเมื่อเข้ามาในลิฟท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ไอ้พาสมันกดเลขชั้นที่หนึ่ง  มันยืนพิงหลังเข้ากับตัวลิฟท์แล้วจ้องหน้าผม

 

“ก็กู..” ในจังหวะที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง  ก็มีมือปริศนามาแทรกกลางระหว่างบานประตูเอาไว้  ทำให้ผมและไอ้พาสหันไปมองพร้อมๆกัน

 

“พาสต้า ! ไม่พรุ่งนี้ มะรืนนี้  กูจะทำให้มึงกลับมาหากูให้ได้  เตรียมตัวไว้ให้ดี  !!”  เมื่อพี่เดฟพูดจบจากที่ขวางบานประตูอยู่ก็เดินถอยหลังออกไป  ประตูค่อยๆเลื่อนปิด  พี่เดฟยังยืนอยู่หน้าลิฟท์ยังไม่ไปไหน  ส่วนพาสต้าเองก็เอาแต่จ้องมองพี่เดฟจนประตูลิฟท์เลื่อนปิดสนิท

 

 

ก็อกๆๆ  ผมเคาะประตูห้องผู้ป่วยอย่างมีมารยาทก่อนที่จะเปิดมันออกกว้างทำให้เห้นว่าบรรยากาศภายในห้องมันดูเอะอะเสียงดังและเฮฮากัน  เพราะภายในห้องมีรุ่นพี่ร่วมคณะมาอยู่กันครบแก๊งค์เลย

 

“สวัสดีครับ  พี่เอ พี่โบ๊ท พี่คิม”  ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ที่กำลังนั่งเล่น  นั่งกิน  คุยกันสนุกสนาน  เมื่อเห้นผมพวกพี่เขาก็หันมายิ้มแล้วเอ่ยทักผมกลับบ้าง

 

“สวัสดีครับน้องโย”

 

“พวกมึงไสหัวไปได้แล้ว”  คนป่วยพูดไล่เพื่อน

 

“อ้าว  ไหงมาไล่กันกลับว่ะ”  พี่เอมองค้อนคนป่วย

 

“พอเมียมาแล้วไล่เพื่อนเลยนะมึง  ไม่ค่อยจะเท่าไรเลย!” พี่โบ๊ทเหยียดยิ้มมองคนป่วยอย่างหน่าย

 

“เรื่องของกู  มาแล้วทำเสียงดังน่ารำคาญ”

 

“โอ๊ยย ไอ้เวร !  นี่เพื่อนมึงน่ะ  ทำไมเห็นเมียสำคัญกว่ากู”

 

“ไม่น่าถามนะไอ้เอ  เมียก็ต้องสำคัญกว่ามึงอยู่แล้ว” พี่คิมเอ่ยขึ้นบ้าง  มองเพื่อนข้างกายอย่างเซ็งๆ

 

“อย่างที่ไอ้คิมพูด  เมียเป็นที่หนึ่งเว้ย  ไสหัวไปทุกตัวได้แล้วไป  ส่วนมึงไอ้เดฟถ้าอยากไปหาเมียมึงรีบไสหัวไปเลย!”

 

“สัส!” พี่เอสบถด่าคำหยาบออกมาก่อนจะปาองุ่นใส่คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง

 

“เออ  งั้นพวกกูกลับก่อนละกัน  ไว้แวะมาเยี่ยมใหม่”  พี่โบ๊ทบอก แล้วก็พากันลุกขึ้น  ผมเดินไปส่งพี่เขาที่ประตู

 

“ไอ้เดฟ..”

 

“เออรู้แล้วน่า  กำลังไปเว้ย...  พี่ไปแล้วนะน้องโย” พี่เดฟบอก  ผมยิ้มให้ก่อนที่พี่เขาจะเดินออกไป

 

ผมนำกระเป๋าเป้ตัวเองไปวางไว้ข้างๆโซฟาที่ใช้นอนทุกวัน  เดินไปหาน้ำขึ้นดื่ม  มีผลไม้หลากหลายอย่างมาเพิ่มอยู่ในตู้เย็น  คงจะเป็นของพวกพี่ๆเขานั่นละ

 

“ตัวเล็ก..”

 

“ครับ” ผมหันไปมองคนที่เรียก  เขากวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา  ผมจึงเดินเข้าไปหาเผื่อเขาต้องการอะไรจะได้หาให้ได้

 

“ขึ้นมาสิ”

 

“ครับ?” ผมขมวดคิ้วมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ  แต่เขาก็ขยับตัวให้พื้นที่เตียงได้มีส่วนว่างพร้อมกับตบลงบนเตียงว่างๆ

 

“ขึ้นมาบนนี้” ผมยืนกระพริบตาปริบๆ  ไม่ได้ทำตามที่อีกคนสั่ง

 

“อ๊ะ ..” จนเขาต้องฉุดเอาแขนผมให้ขึ้นมาบนเตียงเดียวกัน  สภาพผู้ชายสองคนนอนบนเตียงเล็กๆนี่  คนป่วยกอดก่ายผมให้นอนซบลงไปบนอกแกร่ง

 

“พี่ง่วง”  คนป่วยบอกแถมยังกอดรัดร่างผมให้แนบชิดเข้าไปเบียดกับตัวเขาอีก

 

“ง่วงก็นอนสิครับ  แล้วกอดผมแบบนี้ไม่อึดอัดรึไง”

 

“ไม่เลยซักนิด”  คนป่วยบอกทั้งๆที่หลับตาอยู่

 

“แต่ผมอึดอัด  มันแน่นเกินไป” ผมบอกทำให้คนป่วยเริ่มคลายกอดแต่ก็ไม่ได้ปล่อยหมด

 

“...”

 

“พักผ่อนเถอะครับ”

 

“ตัวเล็กก็ควรพักผ่อนนอนอยู่กับพี่บนนี้แหละ”

 

“แต่...”

 

“ไม่มีแต่  นอนซะนะเด็กดี  พี่อยากกอดเราแล้วนอนหลับไปพร้อมๆกัน”

 

“...อือ”  ผมพยักหน้ากับอกอีกคน

 

ถึงแม้ว่าตะวันยังไม่ทันได้ลับขอบฟ้า  ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอนอะไรแต่พอมาอยู่ภายในอ้อมกอดที่อบอุ่นนี่ที่กำลังโอบล้อมร่างกายของผมอยู่มันทำให้ผมกลับรู้สึกอยากเข้าสู่ห้วงนิทราแทบจะทันที  มันอบอุ่นทั้งกายและใจ  สัมผัสอ่อนโยนแตะลงบนหน้าผากผม  ผมเงยขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้ที่กำลังจ้องมาที่ผมพร้อมกับรอยยิ้มบาง  ผมยื่นหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางอีกฝ่ายแล้วกลับมาซุกลงที่อกอุ่นอีกครั้ง
 

“ฝันดีครับคุณแฟน”


“ฝันดีเช่นกันครับตัวเล็ก”  น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยบอก  ผมจะฝันดีแน่นอน  ในฝันของผมจะมีแค่เขา  มีแค่เราสองคนที่ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

 

 
หัวข้อ: Re: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่27 : : ขันหมากง้อเมีย // [27/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-01-2018 20:51:17
ตอนที่27 : ขันหมากง้อเมีย (เดฟxพาสต้า)
[/size]

-เดฟ-

 

“มึงเอาจริงดิไอ้เดฟ?”

 

“จริง!”

 

“มึงคิดดีแล้วใช่ไหม?”

 

“ใช่!”

 

“มึงมั่นใจแค่ไหน?”

 

“100เปอร์เซ็นต์!”

 

“ละ...”

 

“โอ๊ยยยยไอ้เชี้ย! พวกมึงจะถามไรนักหนาว่ะ  สรุปจะช่วยหรือไม่ช่วย!”

 

ผมโวยขึ้นมองหน้าเพื่อนตัวเองเรียงตัว  วันนี้เป็นอีกวันที่พวกผมมาเยี่ยมไอ้พระเอกคนดีที่ตอนนี้รู้สึกชีวิตรักันแม่งจะแฮปปี้ ดี๊ดี เกินหน้าเกินตาเพื่อนพระเอกอย่างผมยิ่งนัก  ผมไม่อาจจะยอมน้อยหน้ามันได้จึงเรียกประชุมเฉพาะกิจอย่างฉุกเฉิน  จริงๆเรียกบังคับเลยจะดีกว่า

 

“ถ้าไม่ช่วยนี่จะมีปัญหาป่ะล่ะ?” ผมหันขวับไปมองไอ้คนพูดทันที  นี่ไม่เข้าใจที่กูพูดเลยใช่ไหม  ทั้งๆที่ก็บอกทุกอย่างไปหมดแล้ว  ถึงแม้ว่ากูจะถามว่าจะช่วยหรือไม่   มึงควรตอบตกลงว่าช่วยเลยเส่ !

 

“มี!” ผมตอบไอ้โบ๊ท  มันทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินคำตอบจากผม

 

“แล้วมึงจะถามพวกกูทำไมอีกว่ะ  แม่งบังคับสัสๆ” ไอ้เอมันขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

 

“เรื่องมึงนะไอ้เดฟมาลากพวกกูเข้าไปร่วมด้วยทำไมว่ะ” ไอ้คิมเอ่ยขึ้นบ้าง  มันยิ่งกว่าทำหน้าหงุดหงิดอีกไอ้เนี้ย  เสียงงี้แข็งชิบหาย  ไปแดกรังแตนแถวไหนมาว่ะ

 

“ก็พวกมึงเพื่อนกู”

 

“ไอ้เวร ! เพื่อนมึงนะนู้น  คนเลวๆที่นอนป่วยอยู่นู้น  พวกกูไม่ใช่” ไอ้คิมมันนั่งกอดอกบุ้ยปากไปทางไอ้อัลที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในโลกส่วนตัวสีชมพู๊ชมพูของมัน  ไม่คิดจะสนใจสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อนมันบ้างเลย  แต่มันก็ยังหูไว  ถึงแม้ว่าตาจะไม่ได้มองมา

 

“นินทากูให้มันเบาๆหน่อยเถอะไอ้คิม”  คนถูกนินทายอมละสายตาจากโทรศัพท์มาจ้องไอ้คิมเขม็ง

 

“กูพูดให้ได้ยินเลยเถอะ”

 

“พอเลยมึงสองตัว  ไอ้อัลมึงพิการอยู่อย่ามาเสือก” ผมหันไปจ้องมันให้หุบปากเงียบๆไว้  แม่งช่วยอะไรไม่ได้ยังเสือกจะมาเถียงกันอีก

 

“พิการพ่องดิ แล้วเมื่อไรจะไสหัวออกไปจากห้องกูห้ะ”

 

“ไม่ต้องมาทำเป็นไล่พวกกูไอ้อัล  เมียมึงกำลังจะมาละสิ” ผมพูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน  เมียมาทีนี่ไล่เพื่อนอย่างกับหมูกับหมา

 

“เออรู้แล้วก็ดี  จะได้ไม่ต้องเปลื้องน้ำลาย”

 

“ไอ้สัส ! เห็นเมียดีกว่าเพื่อนตลอด” ไอ้เอมันปาองุ่นใส่ไอ้อัล

 

“เออ!!”

 

“ไอ้ฟาย  แก้ตัวซักนิดก็ได้”

 

“ทำไมต้องทำ” ไอ้อัลไหวไหล่ไม่สนใจ  มันกลับไปสนใจโทรศัพท์มันต่อแทน

 

“กูว่าแม่งต้องบ้าแน่ๆ” ไอ้เอมันพูดกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่ในกลุ่ม

 

“ยังไงว่ะ?” ผมถามอย่างสงสัย

 

“ก็แม่งดูดิว่ะ  คนห่าไรเปลี่ยนอารมณ์เร็วชิบหาย” ไอ้เอเหล่สายตาไปมองทางไอ้อัลแล้วทำท่าป้องปากพูด  พวกผมจึงหันไปมองตามสายตาไอ้เอ  เห็นไอ้อัลมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวจริงๆ  เมื่อกี้มันยังเหวี่ยงใส่พวกผมอยู่เลยมาตอนนี้แบบ...

 

“มองกูมีไรอีกห้ะ !”  ไอ้นี่ก้สัมผัสไวจริงๆ  เพราะรถชนใช่ไหมสัมผัสรอบกายมึงถึงได้รู้สึกได้รวดเร็วแบบนี้  มันหันมาจ้องเขม็งพวกผมอีกครั้ง  ผมนี่แทบหันหนีไม่ทัน

 

“เปล๊า  ไม่ได้ม๊องง!!” ไอ้เอพูดเสียงสูง  ทำไม่รู้ไม่ชี้  แหมอย่างจะยกตีนตัวเองประทับบนใบหน้ามันมาก  มันคงเชื่อหร๊อกก  ท่าทางแม่งบอกซะขนาดนั้น

 

“พอๆเข้าเรื่องมึงเลยไอ้เดฟ” ไอ้คิมแทรกขึ้นมา  เออผมก็คิดว่ามันควรที่จะอยู่ในเรื่องของผมมากกว่าที่จะไปกวนไอ้อัลมัน

 

“เออไอ้เอหุบปากฟังที่กูพูดพอ”

 

“ใช่เรื่องไหมห้ะ!”

 

“ไอ้โบ๊ทหาไรอุดปากเมียมึงดิ” ผมบอกไอ้โบ๊ทที่นั่งข้างๆไอ้เอ

 

“เมียมึงดิไอ้เดฟ”

 

“ไอ้ห่า  เห็นงี้กูเลือกสัส”

 

“แหมกล้าพูดนะมึงไอ้เดฟ  กูเลือกๆ  แล้วมึงคิดว่ากูไม่เลือกหรือไงว่ะ  น้ำหน้าอย่างมึงไม่ใช่สปคกูหร๊อกก!!” ไอ้เอมันเชิดหน้าพูดใส่ผม  ผมเบ้ปากใส่มัน  หมั้นไส้  คิดว่าตัวเองดีกว่าผมงั้นแหละ

 

“คิดว่ามึงสเปคกูรึไง!”

 

“ถ้าจะเถียงกันแบบนี้กูกับไอ้โบ๊ทจะได้กลับ  เสียเวลาชิบ” ไอ้คิมกอดอกทำหน้าเซ็ง

 

“เออไม่มีไรกูจะได้กลับ  ป่านนี้น้องพิมพ์แม่งรอกูอยู่”ไอ้โบ๊ทว่า

 

“ยัยเด็กอักษรอ่ะนะ” ผมถาม

 

“เออ...”

 

“กูคิดว่ามึงจะเลิกแล้วซะอีก”ไอ้เอถาม

 

“กูไม่ได้มีสันดานแบบพวกมึง พอๆเลย  เข้าเรื่องมึงต่อไอ้เหี้ยเดฟ” ไอ้โบ๊ทมันโบกมือบอกให้พอ

 

“เออก็ตามที่บอกนั่นละ  พวกมึงทุกตัวต้องพร้อมนะเว้ย  อย่าให้พลาดละ” ผมบอกมองพวกมันเรียงตัว

 

“บอกตัวมึงเองก่อนเหอะไอ้เดฟ”

 

“กูไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว!” ผมมั่นใจ  ว่าไม่มีพลาด  เสร็จกูแน่เมียรัก หึๆ

 

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้นเรียกสายตาให้หันไปมอง  ประตูเปิดออกเผยให้เห็นเด็กหนุ่มร่างบางในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับของกินมากมายเต็มมือ   ทำให้ไอ้คนตาไวมือไวรีบแจ๋นเข้าไปหาทันที

 

“น้องโย  มาๆพี่เอช่วยถือ”

 

“อะ เอ่อ..ครับๆ” โยชิเหมือนจะ งง ที่อยู่ๆก็ถูกพุ่งเข้าใส่ตัว  ไอ้เอมันคว้าเอาของที่โยชิถือมาไว้กับตัวเอง  สายตามันก็สอดส่องดูว่ามีอะไรบ้าง

 

“ไอ้เอมึงทำน้องกลัวไอ้นี่” ไอ้คิมว่า ส่วนไอ้เอมันมีรึจะสนใจเดินเอาของไปเก็บจัดใส่จาน  ใส่ตู้เย็น  อย่างน้อยมันก็ทำประโยชน์ได้ในส่วนนี้ละนะ

 

“สวัสดีครับพี่เดฟ พี่คิม พี่โบ๊ท พี่เอ” โยชิยกมือไหว้พวกผมทุกคน

 

“มาคนเดียวหรอ?” ผมถาม  โยชิพยักหน้าช้าๆ

 

“ครับ”  ผมก็อุตส่าห์คิดว่าจะมีเพื่อนน้องมันพ่วงมาด้วย  เฮ้ออ  แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ  เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน  มึงหนีกูไม่รอดหรอกพาสต้า..

 

 

“พี่เอเห็นถุงรังนกหรือเปล่าครับ” โยชิถามโดยที่ไม่ได้หันมามองพวกผมที่ยังคงสถิตอยู่ไม่ได้ไปไหน  ถึงแม้ไอ้คนป่วยมันไล่ให้ตายก็ไม่ลุกหรอกครับ  อยู่กินของฟรีกันก่อน  ของฟรีที่ว่าก็ที่โยชิซื้อเข้ามานั่นละครับ  โดยมีไอ้เอเป็นผู้จัดใส่จานมาวางกองที่โต๊ะประชุม(โซฟา)พวกผม

 

“มันเป็นถุงยังไงอ่ะน้องโย...หืม  อันนี้อร่อย” ไอ้เอตอบในปากก็เคี่ยวของกินไปด้วย  แต่เดี๋ยวนะที่ไอ้เอมันว่าอร่อยนี่คือ..

 

“ในถุงกระดาษจะมีขวดรังนกอยู่ในนั้นอ่ะครับ  ผมหาแล้วไม่เจอ..”

 

“ใช่อันนี้ป่ะโย?”

 

“อ่ะ ไอ้เดฟเอามากูกินอยู่  อย่ามาแย่ง!” ผมแย่งถ้วยที่ไอ้เอมันกำลังกินอยู่มาถือแล้วเรียกให้โยชิมาดู  โยชิเดินมาดูใกล้ๆ พยักหน้าช้าๆ  มองถ้วยรังนกที่ไอ้เอมันย่งกลับไปกินอีกรอบ  ครั้งนี้มันหันหนีไปทางอื่น

 

“ซื้อมาให้ไอ้อัลหรอ”

 

“ผมไม่ได้ซื้อครับ  แต่เป็นเฮียอาทิตย์ฝากมาเยี่ยมต่างหาก”

 

“ของพี่ชายเราคนนั้นใช่ไหม?” ผมถามทั้งๆที่รู้ว่าเป็นใคร  เคยเจอมาครั้งหนึ่งที่ผับตอนที่ไอ้อัลมันไปตามเมียมัน ถึงแม้จะไม่ค่อยไม่พูดคุยหรือทำความรู้จักอะไรกันมาก  แต่แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่า  ผู้ชายคนนั้นน่ากลัว  ผมยังคิดเลยว่าผมกับไอ้อัลรอดมาได้ไงว่ะไปทำกับน้องชายเขาเอาไว้  เขาไม่เอาตายก็บุญแล้ว  แต่เขาก็ยังใจดีไม่กีดกันเชี้ยอัลออกจากชีวิตของโยชิ  ถึงแม้มันจะคอยตามดูห่างๆก็เถอะ  แต่นี่เขาใจดีเว้ยยังอุตส่าห์ฝากของเยี่ยมมาให้เพื่อนผมด้วย  แต่ไอ้เอที่นั่งกินของคนอื่นนี่สิปัญหา  ไม่คิดจะถามเลยว่ากินได้ไหม  นี่อะไรแกะแล้วมานั่งกินเลย  สรุปใครกันแน่ที่ป่วย  มันหรือไอ้อัล

 

“ใช่ครับ  แหะๆ”

 

“เชี้ยเอ  มึงรู้ไหมว่ากินของคนอื่นนะห้ะ” คิมหันไปแวดใส่ไอ้เอ

 

“คนอื่นที่ไหน  ของไอ้อัลต่างหาก  เคยได้ยินไหมคำนี้อ่ะ  ของๆเพื่อนก็เหมือนของๆเรา”

 

“แต่ที่มึงกินอ่ะเป็นของพี่ชายโยชิเอามาให้นะ  คายออกมาเลยมึง”

 

“อ..เอ่อ ไม่เป็นไรครับพี่โบ๊ท ผมไม่ถือหรอก”  โยชิรีบพูด เพราะตอนนี้ไอ้โบ๊ทแทบจะล้วงคอไอ้เอออกมา

 

“เออพอเถอะไอ้โบ๊ท  ต่อให้มึงล้วงคอมันจนอ้วกออกมากูก็ไม่มีอารมณ์จะกินหรอก  มีแต่จะสำรอกออกมาแทน”

 

“เห็นไหม ไอ้อัลไม่ว่าไร  โยชิก็ไม่ถือ กูกินต่อได้แล้วใช่ป่ะ”   ไอ้เอมันยังไม่รู้สึกตัวอีก  ก็เพราะเขาเอือมกับมึงไง  แม่งกินแล้วใครจะกินต่อจากมึงได้  หันไปมองโยชิก็ยิ้มขำไอ้เอได้  นี่ก็ไม่คิดจะโกรธอะไรมันเลยรึไง  ด่ามันให้เจ็บแสบคันๆซักนิดก็ได้

 

“ เออ~ ~ เอิ๊ก..อิ่ม”

 

“ไอ้ฟาย !!” ผม ไอ้โบ๊ท ไอ้คิม พูดคำเดียวกันขึ้นมาพร้อมกัน  มันสมควรอายบ้างนะ  ถึงไม่อายพวกผมที่เป็นเพื่อนแต่ควรอายเด็กน้อยที่นั่งปรนนนิบัติเพื่อนผมข้างๆเตียงนั่นอยู่บ้าง เห็นโยชินั่งขำอยู่  ส่วนไอ้อัลก็หันมาจ้องเขม็ง  เชื่อสิอีกไม่นานก็โดนไล่กลับ

 

“ไสหัวกลับไปได้แล้วไปพวกมึงแม่งไม่มีที่อื่นไปหรือไงว่ะ” นั่นเคยคิดผิดที่ไหน

 

“ก็ไม่มีไงถึงมาอุดอู้กันอยู่ที่นี่”

 

“เฮ้อออ”  ตอนนี้มันถึงกับถอนหายใจเลยเว้ย  ฮ่าๆๆ

 

“เออๆงั้นพวกกูกลับแล้ว  ไม่อยากอยู่เป็นกกน.อยู่แล้ว” ไอ้เอมึงเล่นมุขไรของมึงเนี้ย  ปรึกษาเพื่อนด้วย

 

“กขค. มุกไม่ฮาจะพาเครียด!” ไอ้คิมตบป๊าบเข้าหัวไอ้เอเต็มแรง  มันก็โอดครวญตามท้องเรื่องของมันไป

 

“งั้นพวกกูกลับเลยแล้วกัน  กูมีเรื่องต้องไปทำต่อด้วย”

 

“เรื่องไรว่ะ”

 

“เรื่องวันพรุ่งนี้ไง  ไปละมึงเดี๋ยวมาใหม่” ผมบอกไอ้อัลแล้วเดินออกจากห้อง  ตามมาด้วยขบสนเพื่อนอีกสามคนที่เดินตามกันมา  เราแยกย้ายกันเพราะต่างฝ่ายต่างเอารถมา  ผมมีเรื่องต้องไปจัดการต่อ  เพราะพรุ่งนี้ผมจะไปง้อเมีย  จะง้อแบบไม่มีวันหนีหายกันไปไหนได้เลย  มีเชือกก็มัดเชือก มีโซ่ก็จะล่ามไว้  หึๆ  เสร็จผัวแน่พาสต้าเมียรัก

.

.

.

“มึงอยู่ไหนห้ะไอ้เอ  รีบๆเลยเสียเริกกูหมด”

 

(โอ๊ย ! ไอ้เชี้ย  เร่งกูมากๆเดี๋ยวแม่งไม่ช่วยเลย..ติ๊ด!)

 

“ไอ้.. มึงกล้าว่างสายกูหรอห้ะเชี่ยเอ” ผมกัดฟันพูดมองโทรศัพท์ที่เพื่อนมันชิงตัดสายไปก่อนทันผมจะด่ามัน  บอกแล้วว่าอย่าสายๆ  เสียเริกกูหมดเลย ฮึ่ย ! แล้วงี้มันจะไม่พลาดหรอว่ะ

 

“ใจเย็นนามึง  เดี๋ยวมันก็ถึง” ไอ้โบ๊ทมันตบบ่าผมเบาๆ  ผมถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งอุตส่าห์เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วแท้ๆ

 

“ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ไอ้เดฟ  บ้านเมียมึงไม่หนีไปไหนหรอก” ไอ้คิมมันยืนพิงรถกอดอกมองสำรวจรอบๆ  มันพึ่งเคยจะผ่านมาแถวนี้ครั้งแรกครับ  แตกต่างจากผมกับไอ้อัลมาแถวนี้บ่อยขนาดว่าหลับตาขับรถมายังถูกเลยครับ

 

“แล้วนี่ทำไมพวกกูต้องใส่ชุดไทยด้วยว่ะ” ไอ้โบ๊ทมันพูดขึ้นมองสำรวจร่างกายตัวเอง

 

“เอ้า ! เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวต้องแต่งหล่อหน่อยดิว่ะ”

 

“กล้าพูดนะไอ้เดฟ  มึงขอลูกเขาให้ได้ก่อนดีกว่าไหมคอยบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าบ่าว” ไอ้คิมส่ายหัวน้อยๆ

 

“อย่าดูถูกกูครับ  นี่ใคร  เดฟไง  เดฟเอง  ได้อยู่แล้ว” ผมตบเข้าอกตัวเองว่านี่ไอ้เดฟไง  มีอะไรที่ทำแล้วไม่ได้บ้าง  โด่วว เดฟซะอย่างอยากได้อะไรก็ต้องได้  ต่อให้โดนไล่อย่างหมูอย่างหมาก็ยอม  ขอแค่ได้เป็นพอ

 

“มั่นใจ๋?” ไอ้โบ๊ทถาม

 

“ก็...นีสหนึ่ง” ผมทำนิ้วให้มันดูว่าแค่ไหน  นิดเดียวจริงๆที่ผมมั่นใจ  ฮ่าๆๆ  พวกคุณก็รู้ว่าเมียรักผมมันโหดแค่ไหน  เอะอะนี่มือตีนประเคนใส่รัวๆ  ถึงช่วงที่เลิกไปจะไม่เคยโดนเลย  นั่นแหละครับมันทำให้ผมโคตรจะคิดถึงมือ ตีน เมียมากอยากได้มาประทับอยู่บนร่างกาย

 

“เหอะๆ”

 

ปี๊บๆ  เสียงแตรรถดังขึ้นทำให้พวกผมหันไปมอง  เป็นรถของไอ้เอที่ขับมาจอดเลียบข้างๆริมถนนที่ที่พวกผมยืนอยู่  มันลงมาจากรถทำหน้าหงิกงอ

 

“เชี่ยเดฟ ! มึงรู้ไหมกูต้องหลงทางไปซอยอื่นน่ะห้ะ  บ้านเมียมึงหายากบรรลัยสัส  รู้ไหมเปลื้องน้ำมันรถกู” มาถึงก็บ่นๆเลยเว้ย

 

“แล้วใครเสือกให้มึงตื่นสายห้ะ  บอกให้มาพร้อมพวกกูก็ไม่เชื่อ สมน้ำหน้า!”

 

“ไอ้เดฟมึงพูดงี้กูกลับ  ไม่ช่วยแม่งละ”

 

“เฮ้ยๆๆ ได้ไงว่ะ” ผมรีบไปดึงแขนมันไว้  ไอ้นี่จะชิ่งอย่างเดียวเลย  มาถึงหน้าบ้านแล้วเนี้ยจะกลับง่ายๆได้ไงว่ะ

 

“เชอะ !”

 

“กูจ่ายค่าเหนื่อยให้ก็ได้  ว่าแต่ได้เอาของที่กูสั่งมาป่าวว่ะ”

 

“เออเอามา” ไอ้เอบอกพร้อมกับเดินไปหยิบของที่บอกมาให้

 

“ดีมากไอ้เพื่อนรัก หึๆ” ผมถึงกับยกนิ้วให้มัน  มันเบ้ปากมองบนใส่ผม  ไม่สนแค่ได้ของที่สั่งก็พอแล้ว

 

“ของพร้อมแล้วใช่ไหม  งั้นไปได้แล้วไอ้เดฟ” ไอ้คิมบอกพร้อมกับเดินเข้ามาสมทบผมที่ผมยืนคุยกับไอ้เอ

 

“ยัง  เหลืออีกคน  คนนี้สำคัญมากก” ผมบอกพร้อมกับกดโทรหาอีกคนที่กล่าวถึง

 

“ใครว่ะ?” พวกมันสามคนหันไปถามกันเอง

 

“ไม่รู้”

 

“ถึงไหนแล้วครับ  ผมพร้อมแล้วนะ”

 

(อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วจ้ะ  รีบร้อนจริงๆเลยพ่อคุณ)

 

“แล้วไม่อยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้เร็วๆหรือไงครับ”

 

(อยากเห็นสิย๊ะ ว่างสายเลยถึงแล้ว)   ผมกดวางสายเมื่อแม่บอกว่าถึงแล้ว  ไม่นานรถหรูก็มาจอดใกล้ๆ  คนขับรถของบ้านลงจากรถเดินไปเปิดประตูรถให้แม่

 

“แม่มึง?” ไอ้คิมถาม  ผมพยักหน้า

 

“บอกแล้วไงว่าคนนี้สำคัญ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นแม่ที่ยอมสละเวลามาช่วยเป็นธุระเรื่องของลูกชายอย่างผม  ท่านมาในชุดไทยสีชมพูอ่อน ดูเรียบหรู ตามสไตล์ของท่าน

 

“สวัสดีครับแม่” พวกเพื่อนผมยกมือไหว้ท่าน  ท่านรับไหว้พร้อมกับยิ้มพิมพ์ใจแจกเพื่อนลูกชายเรียงคน

 

“สวัสดีจ้ะหนุ่มๆ”

 

“แม่  พร้อมยัง  ผมพร้อมแล้ว”  ผมบอกแม่  แม่หันมายิ้มขำกับท่าทีของผม  ท่านพยักหน้าโอเค  ผมจึงบอกให้เพื่อนผมมายืนเรียงแถวกัน  โดยที่ผมให้ไอ้โบ๊ทถือพานขันหมาก  ไอ้คิมพานสิดสอด(ซึ่งไม่สามารถบอกค่าเงินได้) ไอ้เอถือพานธูปเทียนแพ  ส่วนผมถือพานแหวนหมั้นเอาไว้  ต้องเข้าใจครับ คนมันน้อย มีมาช่วยกันแค่สี่คนเท่านั้น  ผมเองก็ไม่มั่นใจหรอกครับว่ามันจะครบตามองค์ประกอบหรือเปล่า   แค่พาแม่มาขอจองไว้ก่อนก็ยังดี  ถ้าฝ่ายนั้นต้องลงยอมยกให้คอยกลับมาพร้อมกับขบวนใหญ่แล้วทำให้ถูกต้องตามประเพณีจริงๆทุกอย่าง

 

“ไปกันเลย  ไอ้เอหอนด้วยนะมึง”

 

“ไอ้สัส ! กูไม่ใช่หมา”

 

“เออโห่ร้องมาเลย  เดี๋ยวพวกกูจะคอยรับส่งเอง” ผมบอก  ไอ้เอจึงจัดการตามที่บอกพวกผมก็ขานรับส่งกันดี  ส่วนแม่ผมนั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบ  ท่านดูจะมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำ หรือเปล่าวว่ะ  ทำให้ท่านลำบากน่ะสิที่ผมคิด ฮ่าๆๆ

 

ออดด.. อออดด

ผมกดออดหน้าบ้านเมื่อมาถึง  รอให้คนในบ้านมาเปิดประตูให้  ผมมองลอดประตูเห็นแม่ของพาสต้าวิ่งมาหน้าประตูบ้าน  ท่านเปิดออกมาก็ถุงกับผงะถอยหลังไปสองสามก้าว  เหมือนจะอึ้งและตใจที่เห็นพวกผมยืนอยู่หน้าบ้าน  ไม่ตกใจก็บ้าแล้ว  แต่งตัวแบบบไทยมาเต็มยศขนาดนี้ 

 

“สวัสดีครับแม่” ผมยกมือไหว้ท่าน ท่านดูจะมึนๆอยู่ แต่ก็รับไหว้ผม

 

“สวัสดีค่ะ  คุณเป็นแม่ของพาสต้าใช่ไหม” แม่ผมเดินเข้ามาหยุดยืนข้างผมแล้วเอ่ยทักถาม

 

“ช..ใช่คะ” แม่พาสต้าพยักหน้ามองแม่ผมอย่าง งงๆ แล้วหันกลับมามองผมและเลยไปถึงเพื่อนของผมที่ยืนยิ้มหน้าแป้นอยู่ข้างหลัง  “แล้วมาทำอะไรกันหรอคะ  เอ่อคือทำไมถึงแต่งตัวกันแบบนี้คะ”

 

หัวข้อ: Re: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่27 : :ขันหมากง้อเมีย // [27/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-01-2018 20:52:07

“ดิฉันว่าเราไปคุยกันในบ้านดีกว่าไหมคะ”  แม่ผมไง แม่ผม  ฮ่าๆๆ แม่ผมท่านจัดหนักแน่ๆ  ดูจากอากัปกิริยาท่านแล้ว  ไม่ตกลงให้มันรู้ไป  เจ้ใหญ่เขามาเอง หึๆ

 

“คะๆ เชิญคะ”  แม่พาสต้าเชิญให้พวกผมเข้าไปในบ้าน    ผมเดินเคียงกายแม่ระหว่างทางเดินเข้าบ้านก็แอบกระซิบคุยกับแม่ให้ได้ยินแค่สองคน

 

“แม่พูดยังไงก็ได้ให้เขายอมยกลูกชายให้ผม” ผมบอก  ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้ว่าคนที่ผมชอบเป็นเพศไหน  ตอนแรกท่านก็เหมือนจะแอนตี้แต่เป็นผมไงที่ยกเหตุผลล้านแปดมาพูดจนท่านยอมใจให้กับความดื้อด้านของผม

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ  แม่ซะอย่าง”

 

“เชิญนั่งพักผ่อนกันตามสบายนะคะ  เดี๋ยวจะยกน้ำกับขนมมาให้...เดฟมาคุยกับแม่หน่อย”

 

“ครับ..” ผมรับคำแล้วเดินออกไปทางห้องครัวที่แม่ของพาสต้าเดินนำออกไป  พอมาอยู่ในครัวแม่ก็หันมาถามผมทันที

 

“นี่มันอะไรกันลูก  แม่ไม่เข้าใจ”

 

“เอ่อว่าแต่พาสต้าอยู่หรือเปล่าครับแม่” ผมยังไม่ตอบคำถามท่านแต่เป็นฝ่ายที่ถามท่านแทน

 

“อยู่จ้ะ  ข้างบนห้อง” แม่บอก

 

“ผมว่าเรื่องนี้เป็นผู้ใหญ่คุยกันเองจะดีกว่าผมมาพูดนะครับแม่”  แม่พาสต้าขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรผมต่อ  ท่านจึงเตรียมน้ำหวานกับขนมเพื่อที่จะนำไปรับแขกข้างนอก ผมจึงเข้าไปช่วยท่าน  ขอเก็บคะแนนในส่วนนี้ก่อนแล้วกัน

 

“น้ำกับขนมคะ” แม่พาสต้ายกเครื่องดื่มมาวางไว้ให้แม่และเพื่อนผมที่นั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยต่างจากที่เคยเป็น  โดยที่พวกมันนั่งบนพื้น  ส่วนแม่ผมนั่งบนโซฟา

 

“เข้าเรื่องเลยนะคะ” แม่ผมพูดแทรกขึ้นมาเมื่อแม่ของพาสต้านั่งลงโซฟาตรงกันข้าม  ผมจึงย้ายตัวเองไปนั่งใกล้แม่แต่นั่งบนเพื่อนนะครับ  เพื่อนผมก็รู้หน้าที่ดีมันก็เขยิบๆออกให้  พานที่เตรียมมาถูกวางไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา

 

“..คะ”

 

“ที่พวกเราแต่งตัวชุดไทยมาในวันนี้ไม่ต้องตกใจนะคะ  คุณเห็นพานพวกนี้หรือเปล่าคะ”  แม่ผมเกริ่น  แม่ของพาสต้าเบนสายตาจากแม่ผมมาที่พานที่วางอยู่ข้างหน้า

 

“เห็นคะ แล้ว..”

 

“ฉันจะมาขอลูกของคุณให้กับลูกชายฉันคะ”  แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นทางการ  รอยยิ้มที่ประทับอยู่บนใบหน้าก็ปรับเปลี่ยนเป็นจริงจัง

 

“คะ?”

 

“ฉันจะมาสู่ขอลูกชายคุณให้เจ้าเดฟลูกชายฉันคะ”

 

 

-พาสต้า-

 

“ฉันจะมาขอลูกของคุณให้กับลูกชายฉันคะ”

 

“คะ?”

 

“...” ผมยืนนิ่งค้างอยู่ตรงบันไดบ้าน  เมื่อกี้ผมได้ยินอะไร ขอๆ ว่ะ  แต่เพราะแม่เหมือนจะไม่เข้าใจในประโยคที่อีกฝ่ายพูด  ทำให้ฝ่ายนั้นพูดขึ้นอีกรอบ

 

“ฉันจะมาสู่ขอลูกชายคุณให้เจ้าเดฟลูกชายฉันคะ”

 

“ขอ ?  สะ สู่ขอ?” ผมถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคของหญิงวัยกลางคนที่พูดคุยกับแม่  ผมรีบวิ่งตึงตังลงจากบันไดบ้านไปยังห้องรับแขกข้างล่างที่มีคนที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ที่บ้านผม    ไหนจะการแต่งตัวเป็นชุดไทย  ทั้งสี่คน  ไม่สิ ห้าคน  เพราะรวมกับหญิงวัยกลางคนด้วย

 

“แม่ !” ผมเรียกแม่  แม่หันมามอง ผมเดินดุ่มๆเข้าไปโดยที่ไม่นึกสนมารยาทอะไรเลย

 

“พาสต้าตื่นแลวหรอลูก” แม่ยิ้มบางให้ผม

 

“แม่ให้มันเข้าบ้านทำไม  ผมไม่ต้อนรับมัน” ผมบอกแม่ที่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

“เอ่อคือ  นั่งก่อนเถอะพาสต้า  อย่ายืนค้ำหัวผู้ใหญ่” แม่ดึงผมให้นั่งข้างๆท่าน  “ขอโทษที่ลูกชายดิฉันเสียมารยาทนะคะ” แม่ก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ  ผมหันไปมองคนตรงหน้าที่ทำหน้านิ่งจ้องมองผมอยู่  รู้สึกเสียวสันหลังวาบมากครับ  ผมจึงเบนสายตาไปมองไอ้คนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่บนพื้นตรงข้ามกับผม

 

“ไสหัวออกไปจากบ้านกูซะ!” ผมกัดฟันพูดลอดไรฟัน  มันส่ายหน้าแถมยังยกมือทำรูปหัวใจส่งมาให้ผมด้วย  เหอะ  กวนประสาทชะมัด   ผมส่งเสียงเหอะออกมาพร้อมกับดันกระพุ้งแก้มตัวเองระงับอารมณ์เอาไว้

 

“หนูคงชื่อพาสต้าสินะจ้ะ”

 

“ครับ  ผมพาสต้า” ผมตอบท่าน

 

“หึ  ฉันชอบหนูนะ”

 

“ครับ?” ผมถามกับอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าพูด  ท่านมองสำรวจผมก่อนที่จะเอ่ยบอก  แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจหลังจากที่สำรวจผมเสร็จ

 

“ฉันอยากได้หนูมาเป็นลูกสะใภ้”

 

“ละ ลูกสะใภ้?”

 

“ใช่  ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อมาสู่ขอหนูให้กับเจ้าเดฟลูกชายฉัน” ผมหันขวับไปมองไอ้คนที่ถูกเอ่ยถึงทันที

 

“ไอ้-เดฟ” ผมกัดฟันพูดจ้องมันเขม็ง  กำมือแน่นอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา  แต่ก็ต้องระงับไว้เพราะมีผู้ใหญ่อยู่สองคนนั่งอยู่ด้วย  อยากจะกระทืบมันจริงๆ  แผนมันแน่ๆ

 

“บอกแล้วไงว่าให้เตรียมตัวดีๆ”  นึกไปถึงตอนที่อยู่ในลิฟท์ที่จู่ๆมันก็โผล่พรวดกั้นระหว่างบานประตูลิฟท์เอาไว้

 

“พาสต้า ! ไม่พรุ่งนี้ มะรืนนี้  กูจะทำให้มึงกลับมาหากูให้ได้  เตรียมตัวไว้ให้ดี  !!”

 

ผมไม่ทันได้คิดสินะ  ฮึ่ย ! แบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ  แต่ถ้าผมไม่ยอมซะอย่างจะมีใครทำอะไรได้

 

“ขอโทษที่ผมต้องบอกว่า  ผมไม่ตกลงครับ” ผมตอบ  ท่านยิ้มเอ็นดูมาให้ผม

 

“งั้นหรอจ้ะ”

 

“ครับ  คุณและลูกชายคุณกลับไปเถอะ”

 

“แม่ !! นะ..” ไอ้เดฟมันหันไปมองแม่มันที่เหมือนจะยอมผมแล้ว  ผมยิ้มเยาะมันที่ไม่สามารถเป็นดั่งที่มันหวังได้  แม่มันยกมือขึ้นมาห้าม  ไอ้เดฟจึงหุบปากเงียบก่อนที่จะหันกลับมามองผมแล้วแสยะยิ้มชั่วร้ายมาให้  หมายความว่าไงว่ะ

 

“ถ้าหนูไม่ตกลง  งั้นฉันคงจะต้องฉุดกระชากหนูเข้าไปอยู่ในบ้านฉันแล้วละ”

 

“=[]=” ผมถึงกับอ้าปากกว้าง  อึ้งกับสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าพูด  ถึงขนาดฉุดเลยหรอว่ะ

 

“หึๆ”

 

“แม่สุดยอด”

 

“โอววว” เสียงต่างๆนาๆของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเอ่ยกันคนละเสียง  ผู้หญิงคนนี้น่ากลัว  ตั้งแต่ที่ผมลงมาแล้ว  เธอน่ากลัวเกินไป  ผมจึงหันไปหาแม่เผื่อว่าแม่จะช่วยอะไรบ้าง  แต่แม่กลับยิ้มขำ

 

“ม..แม่ขำอะไร” ผมถาม  ท่านส่ายหน้าขำๆ ก่อนตอบ

 

“แม่ว่าพาสตกลงหมั้นกับเดฟเถอะ” อ้าวไหงงั้น นี่แม่กำลังจะยกลูกชายคนเดียวของตัวเองไปให้คนอื่นง่ายๆแบบนี้หรอ

 

“แม่ !! แม่ต้องหวงผมดิ”

 

“แม่ว่าเรายอมดีกว่าน่ะ  อีกอย่างแม่ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว  ดีวะอีกลูกแม่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝา”

 

“แม่ !!!” ผมแวดเสียงดังลั่นบ้าน

 

“ว่ายังไงจ้ะ  แม่ของหนูไม่ขัดแล้วหนูละจะเอายังไง”

 

“ผมไม่ตกลง  ยังไงก็ไม่!!  แล้วถ้าคุณจะฉุดผมละก็ผมจะแจ้งตำรวจ” ผมบอก  เอาสิลองฉุดสิ  จะแจ้งตำรวจจับให้ดู

 

“งั้นจะแจ้งตอนนี้เลยก็ได้นะ  ฉันจะอยู่รอให้ตำรวจมาจับตรงนี้เลย”

 

“...” ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะกลัวอะไรเลยรึไง  เป็นผมเองมากกว่าที่กลัว  ผมจึงหันไปหาไอ้ตัวการแทน “ออกไปคุยกับกูข้านอก” ผมกดเสียงต่ำบอกมัน  ไอ้เดฟมันพยักหน้ายิ้มๆแล้วลุกเดินตามผมมาหลังบ้าน  พออยู่กันสองคนผมจึงระเบิดอารมณ์ใส่มันเต็มที่

 

“ทำเหี้ยไรของมึงห้ะ  มึงบ้าไปแล้วรึไง  นี่อะไร  แต่งตัวบ้าไรห้ะ!! แล้วนั่นใคร  แม่มึง? อะ..”

 

“เมียๆใจเย็นๆ  ค่อยๆพูด  หายใจก่อนนะๆ” ไอ้เดฟมันบอกให้ผมหายใจเข้า  ออก  ช้าๆ

 

“แล้วทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอกด้วยห้ะ!!” แล้วผมจะทำตามมันบอกทำไมว่ะ  โวย อยากจะตบตัวเองจริงๆ

 

“เมียจ๋า..”

 

“ใครเมียมึง!”

 

“พาสต้า..” เสียงไอ้เดฟอ่อนลง  มันทำหน้าเศร้า  บีบน้ำตาน่าสงสาร  คิดหรออย่างผมจะสงสาร

 

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา” ผมถอนหายใจเซ็งๆกอดอกมองมันนิ่ง

 

“กูมาง้อมึงนะเมีย  พาแม่มาขอด้วย  ยอมหมั้นกับกูเถอะนะ”

 

“มึงคิดว่าแค่มึงเอาแม่มาขอแบบนี้คิดว่ากูจะง่ายหรอว่ะ”

 

“กูรู้กูผิด  ทุกอย่างที่กูเคยทำไว้มันอาจจะให้อภัยยาก  แต่กูไม่สามารถกลับไปแก้ไขในส่วนนั้นได้  ถ้าทำได้กูคงจะไม่ทำมัน  ยกโทษและให้โอกาสกูซักครั้งไม่ได้เลยหรอพาสต้า” มันพูดเสียงอ่อนลง  สีหน้ามันดูเจ็บปวดเมื่อต้องพูดถึงสิ่งที่ผ่านมา

 

“...”

 

“กูไม่ใช่คนดีมึงก็รู้  แต่กูมีดีก็ตรงที่รักมึงจริงๆนะพาสต้า” มันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม

 

“ตอแหล” ผมพูดกระแทกเสียงใส่มัน

 

“จริงๆนะเว้ย  ถ้าไม่รักไม่ให้แม่มาขอหรอก” ยังจะเถียงกลับอีก

 

“เฮ้ออ” ผมถอนหายใจแล้วมองไปทางอื่น  เพราะทนเห็นสายตาอ้อนวอนขอร้องไม่ได้

 

“กูรักมึง  รักมึง  รักๆๆๆ รักมึงพาสต้า  กูรักมึงคนเดียว  รักมากกก  รักที่สุด  รักจนไม่มีใครเทียบได้  รักจนกูยอมถวายชีวิตให้มึงเลย  ต่อให้มึงฆ่ากูก็ยอม  มึงอยากได้อะไรกูจะหามาให้มึงทุกอย่าง”

 

“ทุกอย่างจริงหรอ?” ผมเลิกคิ้วถามมัน  มันพยักหน้าหงึกหงัก

 

“อืม  ทุกอย่างแค่มึงยอมตกลงหมั้นกับกู” ผมพยักหน้าช้าๆ  แสยะยิ้มมองมันก่อนจะทำหน้านิ่งบอกมัน

 

“ถ้ามึงสามารถทนได้  กูก็จะตกลงหมั้นกับมึง”

 

“จริงหรอพาสต้า  มึงจะให้กูทำอะไรบอกมาเลย  กูทนได้ๆๆๆ”  มันบอกตาเป็นประกายวิบวับ  หึๆ  ทนได้ก็ทน  ไม่ตายก็ถือว่ามึงผ่าน

 

“อืม  งั้นมาใกล้ๆกูสิ” ผมกวัวมือเรียกให้มันเข้ามาใกล้ๆผม  มันยอมทำตาม  พอมันมาหยุดยืนใกล้ ผมจึงยื่นมือไปลูบลงที่แก้มของมันเบาๆ “เดฟ..” ผมเรียกมันด้วยน้ำเสียงนิ่งก่อนจะฟาดมืองบนใบหน้ามันเต็มแรง

 

เพี๊ยะ !

 

“โอ๊ยยยยยย !!”  หน้ามันหันตาแรงตบของผม

 

“ทนได้ก็ทน!” ผมจัดการกระชากหัวมันแรงๆ  เสียงร้องโอดครวญของมันไม่ทำให้ผมนึกสงสารซักนิดกลับรู้สึกสะใจมากกว่า  ผมเหวี่ยงมันลงบนพื้นกระเบื้องใกล้ๆสระว่ายน้ำที่อยู่ส่วนหลังบ้าน  ผมประเคนทั้งมือทั้งตีนใส่มันไม่ยั้ง

 

“โอ๊ยๆ พาสต้า  เจ็บๆ อ๊ากกกกกกกก!!”

 

ตู้ม !!

น้ำกระจายออกเป็นวงกว้างเพราะผมจัดการถีบไอ้เดฟลงไปในสระ  ผมกระโดดตามลงไป  คว้าคอเสื้อมันเอาไว้กันมันหนีก่อน

 

“เปลี่ยนใจยังทันนะเดฟ” ผมกระซิบเสียงลอดไรฟัน

 

“บอกแล้วไงต่อให้มึงฆ่ากูตายก็ยอม” มันพูดจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง

 

“ได้!”  ตามบัญชาเลยไอ้เดฟ  ผมจับหัวมันกดลงน้ำในสระแช่ไว้แลวก็ดึงขึ้นให้มันได้หายใจเอาอากาศข้าปอด  แต่ผมไม่ได้ใจดีให้มันได้หายใจนานขนาดนั้น  จับมันกดลงไปอีกรอบ  รอบแล้วรอบเล่า  จนผมเองที่เหนื่อย

 

“แค่ก ๆๆ” ผมปล่อยไอ้เดฟให้เป็นอิสระ มันถึงกลับไอค่อกแค่ก สำลักน้ำ  ตาแดง  ตัวแดง  ไปหมด  ผมเองก็หอบเพราะต้องใช้แรงเยอะในการทำร้ายมันแต่ละที

 

“แค่ก ๆ... พอใจแล้วใช่ไหม” มันถามผมเสียงแผ่ว

 

“...” ผมไม่ได้ตอบแค่มองมันนิ่งๆ

 

“ถ้าพอใจแล้ว อึก คะ ... ตกลงจะหมั้นกับกูได้ยัง”

 

“...” ผมเงียบใช้ความคิด  พอได้ระบายอารมณ์แลวมันทำให้ผมรู้สึกโล่ง  มันรู้สึกดี  ดีมากๆ ที่ได้ระบายมันออกมา  ในหัวก็คิดว่าคนอย่างมันไม่น่าจะยอมผมง่ายๆแบบนี้  แต่ตลอดที่คบกันมามันก็เป็นฝ่ายยอมผมมาตลอด  ในจะเวลาแบบนี้  มันไม่คิดที่จะถือโทษโกรธผมที่ทำร้ายร่างกายมันเลย  ก็อย่างที่มันบอกมันไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขอดีตได้  ผมองก็ควรที่จะปล่อยวางเองในอดีตที่มันเคยทำไว้ดีหรือเปล่า  ขนาดไอ้โยมันยังคิดให้โอกาสไอ้เหี้ยอัล  แล้วผมละ...  ทำไมถึงไม่คิดที่จะให้โอกาสไอ้เดฟบ้าง

 

“...พาสตะ”

 

“เออ!! กูตกลงหมั้นกับมึงไอ้เหี้ย!!” ผมปัดน้ำใส่หน้ามันก่อนจะว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่ง  พอถึงฝั่งกำลังจะดันตัวขึ้นก็มีเท้าเล็กๆชุดผ้าไทยสีหวานยืนอยู่ตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นคนที่คิดจะฉุดผมไปให้ลูกชายตัวเองกำลังยืนยิ้มแป้นอยู่

 

“ที่หนูพูดมาทั้งหมดถือว่าตกลงแล้วนะจ้ะ”

 

“...” ผมเม้มปากแน่นมองท่านที่เปลี่ยนจากยิ้มเป็นสีหน้าเรียบนิ่งหน้ากลัว  พร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้าผม

 

“แล้วถ้าหนูไม่ทำตามที่พูด  คลิปที่หนูทำร้ายร่างกายลูกชายฉันจะถูกแพร่กระจายออกไปฉันสามารถแจ้งความจับหนูได้นะ  หึๆ”

ผมถึงกับพูดไม่ออกมองผู้หญิงที่กำลังจะมาเป็นแม่ผัวในอนาคตเดินจากไป  น่ากลัว  ผู้หญิงคนนี้น่ากลัว  แล้วเมื่อกี้มันอะไร  คือถ้าผมผิดคำพูดสิ่งที่ผมไปทำร้ายร่างกายลูกชายท่านจะถูกแพร่ออกไปงั้นหรอ  นี่ผมกำลังเอาชีวิตไปเสี่ยงหรอว่ะเนี้ย  ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!

 

 

 

********************************************************

พาสต้าสายโหด  ฮ่าๆๆๆ  หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ
อย่าลืม เม้น ไลค์  ให้เค้าเยอะๆเน้อออ
หัวข้อ: Re: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่28 : : เนปคิม // [27/01/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-01-2018 21:30:30

-เนปจูน-

“ตื่นแล้วหรอคะคุณ”

“ครับป้า”

ผมเดินลงบันไดมาก็พบกับป้าแม่บ้านที่ดูแลงานทุกอย่างของบ้านนี้ ช่วงเสาร์อาทิตย์ผมจะกลับมาอยู่บ้านของไอ้เตี้ยครับ ส่วนวันปกติธรรมดาจะอยู่คอนโดเพราะสะดวกแก่การไปเรียนเพราะมหาลัยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับที่พักสักเท่าไร

“อยากทานอะไรรึเปล่าคะ เดี๋ยวป้าจะให้คนทำให้” ท่านบอกผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ท่านเป็นคนเก่าแก่ของคนในครอบครัวไอ้เตี้ยครับ เห็นบอกว่าเลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็กๆ

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะไปหากินบ้านนู้นเอา” ผมบอกยิ้มๆ ส่วนป้าแกก็ได้แต่หัวเราะขำๆ คือท่านรู้ครับ เพราะช่วงนี้เวลาผมมาอยู่นี่มักไปขอข้าวบ้านไอ้พาสต้ากิน อย่าถามว่าทำไม ผมชอบไปกวนตีนมันเล่นครับ แม่มันก็ใจดี๊ใจดี บอกว่ามาเมื่อไรก็ได้ยินดีต้อนรับเสมอ ผมมักไปนอนเล่นบ้านมัน ยิ่งช่วงนี้มันโสดๆ อยู่ เพราะมันเพิ่งเลิกกับผัวครับ ผมจึงต้องคอยไปกวนตีนมันเบาๆ ให้มันอารมณ์ดีขึ้น ดีกว่ามันทำหน้าเศร้าสร้อย แต่เดี๋ยวนี้มันดีขึ้นแล้วครับ กลับมากวนตีนผมได้เหมือนเคย หึๆ ช่วงนี้ไอ้เตี้ยมันก็นอนอยู่แต่ที่โรงพยาบาล บ้านช่องก็ไม่ค่อยได้กลับ ไปๆ มาๆ โรงบาลกับมหาลัยเท่านั้น เรื่องเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมันผมเลยต้องเป็นคนรับผิดชอบนำไปให้มันที่โรงพยาบาลแทน... ผมเพิ่งได้ข่าวว่าผัวมันฟื้นแล้วครับ จากที่นอนไปเป็นเดือน

ผมเดินออกจากบ้านไอ้เตี้ยมาบ้านข้างๆ ที่ติดกัน กดออดเรียกรอคนในบ้านมาเปิดให้ซึ่งมีแค่สองคนเท่านั้นคือ ไอ้พาสต้ากับแม่มัน ไม่นานก็เห็นหญิงสาวร่างบางวัยกลางคนวิ่งมาเปิดประตูให้ผม

“สวัสดีครับแม่”

“สวัสดีจ้ะ เข้าบ้านๆ ก่อน” ผมยกมือไหว้ท่าน ท่านเองก็รับไหว้พร้อมรอยยิ้มใจดีให้ผมเสมอที่มา

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไรจ้ะ” ท่านถามพร้อมกับเดินไปด้วยกันกับผม

“เมื่อคืนครับแม่ วันนี้เลยกะจะมาฝากท้องอีกซักมื้อสองมื้อรวมเป็นสามมื้อเลย” ผมบอกอ้อนๆ

“หลายๆ มื้อก็ได้จ้ะ”

“ครับ.. แม่มีแขกหรอครับ? ” พอเดินมาถึงบานประตูบ้านที่เปิดอ้าออกก็มีรองเท้าหลายคู่วางเรียงกันอยู่ มีทั้งของผู้ชายและส้นสูงของผู้หญิง ผมจึงถามท่าน หากว่าท่านมีแขกผมจะได้ไม่รบกวนท่าน

“จ้ะ เขามาสู่ขอเจ้าพาสลูกชายแม่น่ะ หึๆ” ท่านว่าขำๆ แต่ผมนี่อึ้งครับพูดอะไรไม่ออก คนอย่างพาสต้าใครมันจะไปอยากได้ว่ะ ฮ่าๆ ๆ ไม่ใช่ว่าหน้าตามันไม่ดีหรืออะไร แต่นิสัยเอะอะตบ เอะอะถีบ เอะอะตืบของมันนี่สิครับน่ากลัว ใครทนมือทนตีนมันได้ผมโคตรจะยอมรับ ขนาดผมที่ถนัดเตะต่อยมีเรื่องนี้ยังต้องยอมแพ้รสมือรสตีนมันเลย โดนไปสองครั้งจอดครับ

“แล้วมันว่ายังไงบ้างครับแม่” ผมรีบถามกลับ ท่านส่ายหน้า จนเดินเข้ามาด้านในส่วนของห้องรับแขก

“เฮ้ย! มาได้ไงว่ะ?"  ผมขมวดคิ้วเมื่อพบกับไอ้พวกเพื่อนสนิทของไอ้อัลมันมานั่งอย่ในบ้านของไอ้พาสต้า หรือว่าที่บอกว่ามาสู่ขอไอ้พาสเนี้ย...ผมมองหาคนที่หายไป เป็นมันจริงๆ ด้วย คงมีแค่ไอ้เดฟละนะที่ทนมือทนตีนไอ้พาสต้าได้

“รู้จักกันหรอจ้ะ” ท่านหันมาถามผมและก็หันไปมองพวกมัน

“ครับ รู้จักเพราะพวกมันเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกันกับไอ้เตี้ย ไอ้พาสครับ”

“แม่คิดแค่รู้จักแต่กับเดฟเฉยๆ”

“รู้หมดแหละครับแม่ แฟนไอ้เตี้ยก็เพื่อนกลุ่มเดียวกับไอ้เดฟ” ผมบอก ท่านเลยพยักหน้าบอกให้ผมไปนั่งคุยเป็นเพื่อนกับพวกมันก่อน ท่านบอกว่าจะปเตรียมอาหารไว้รอ ผมจึงเดินมานั่งลงตรงข้ามบนโซฟา ซึ่งพวกมันนั่งกับพื้นครับ ผมก็ งง ทำไมถึงนั่งพื้นโซฟานุ่มๆ มีให้นั่งเสือกไม่พากันนั่ง

“ไงพวก บังอาจนักนะพาเพื่อนมึงมาขอเมียกูน่ะ ถามผัวอย่างกูยัง?” ผมทักและถามพวกมันอย่างกวนๆ

“ปากมึงนี่กวนส้นกูจริงๆ”

“ถามไอ้พาสต้ายังเหอะว่ามันอยากได้มึงเป็นผัวไหม” ผมไหวไหล่ไม่สนใจคำที่พวกมันพูด

“แล้วถามไอ้พาสยังว่ามันอยากได้เพื่อนมึงเป็นผัวรึปล่า” อย่างที่รู้ๆ กันคือไอ้พาสกับไอ้เดฟมันเลิกกันไปแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ไอ้พาสมันตัดสินใจไปแล้วว่าเลิก

“เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ามันจะอยากได้หรือไม่อยากได้” นั้นก็เรื่องของไอ้พาสละนะ ผมไม่เกี่ยวอยู่แล้วขอแค่กวนตีนๆ ชาวบ้านไปงั้น ผมมองร่างบางอีกคนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาต่อล้อต่อเถียงเหมือนเพื่อนมันคนอื่นๆ ผมกระตุกยิ้มเมื่อนึกอะไรสนุกๆ ได้ ตั้งแต่ที่เจอกันจังๆ หมอนี่ก็เอาแต่หลบหน้าค่าตาผมตลอด ไม่แม้แต่จะมองหน้าตรงๆ เลยซักนิด ขนาดตอนนี้ยังเบนสายตาไปมองทางอื่นเลย

“นี่! ” ผมเรียกมันเบาๆ

“อะไร? ” ไอ้คนที่ไม่ได้เรียกหันมาซะงั้น

“กูเปล่าเรียกมึง” ผมบอกเสียงเซ็งๆ

“อ้าวกูนึกว่าเรียกกู ไอ้โบ๊ทมันเรียกมึงอ่ะ”

“กู? ” ไอ้โบ๊ทมันขมวดคิ้วแล้วชี้เข้าที่ตัวเองก่อนจะเบนสายตามาทางผมอีกที ผมส่ายหน้าแล้วบุ้ยปากไปทางไอ้คนที่นั่งเงียบๆ นู้นแทน พวกมันสองคนเลยหันไปตามทางที่บอก

“ไอ้คิม”

“อะไร?!? ” มันหันไปตอบเสียงห้วนเมื่อถูกเรียก

“ไอ้ขี้เหร่นี่มันเรียกมึงน่ะ” เดี๋ยวน่ะใครขี้เหร่ว่ะ ไม่น่าจะเป็นผมมั้ง ผมออกจะหล่อแมนแฮนซั่มขนาดนี้ ไอ้คิมมันหันมามองที่ผมแวบเดียว แค่แวบเดียวเท่านั้นเว้ยเฮ้ยแล้วมันก็เสมองออกไปทางอื่น เอ้า! นี่ผมอยากจะรู้ผมทำอะไรผิดว่ะ

“เมินกูจริ๊งงง!!” ผมพูดลอยๆ แต่เสียงแม่งโคตรสูงอ่ะครับ ไม่ได้ประชดอะไรเลยนะเนี้ย “ทีตอนนั้นละคะ...” ผมยังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็มีเสียงคนที่เมินผมดังขึ้น

“หุบปาก!!”

“อะไรของมึงเนี้ยไอ้คิม!” เพื่อนมันถามอย่างสงสัย หึๆ

“อะไร!”

“ก็มึงตะคอกเสียงดังขนาดนี้เป็นไร”

“เปล่า”

“เปล่าเชี้ยไร แล้วบอกหุบปากนี่มึงว่ากูหรือไอ้โบ๊ทห้ะ! ” เพื่อนมันถามกลับ ผมเห็นมันทำหน้าหงุดหงิดใส่เพื่อนตัวเองก่อนจะหันมาหาผมแล้วตอบเพื่อนมันกลับเสียงห้วน

“มัน!!” สายตาพวกมันจึงหันมาจับจ้องที่ผม ผมจึงส่งยิ้มหวานไปให้พวกมันได้ขนลุกเล่น หึๆ

“ยิ้มได้สยองกูมาก”

“เน่คิม…มาสู่ขอเมียให้เพื่อน มึงไม่อยากมีคนไปสู่ขอบ้างหรอว่ะ” ผมมองหน้าคนถูกถาม

“พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ” ผมว่ามันเข้าใจสิ่งที่ผมพูดนะ แต่คงแกล้งทำมากกว่า ไม่เป็นไรผมพร้อมจะขยายความให้มันได้เข้าใจช้าๆ ชัดๆ อีกซักรอบ

“ไม่อยากมีผัวไปขอแบบไอ้พาสบ้างรึไง”

“ละ แล้วมันเรื่องอะไรของมึงละ” มันเชิดหน้าถามขึ้นเสียงตะกุกตะกัก

“ก็ถ้ามึงอยากเดี๋ยวกูจะบอกแม่ให้ไปขอ สินสอด ทองหมั้น จะกี่บาทกูทุ่มหมด”

“อะ ไอ้บ้า! ”

“หึๆ” ผมมองมันที่ตอนนี้หน้าเห่อแดง มันเอาแต่ก้มหน้าหลบไม่ยอมหันกลับมาคุยกับผมอีก

“เฮ้ยๆ ยังไงว่ะ นี่มึงชอบเพื่อนกู? ”

“แล้วแต่พวกมึงจะคิด” ผมไม่ได้ตอบว่าชอบหรือไม่ ก็แค่ให้เดากันเอาเอง อีกอย่างจะบอกว่าชอบเลยก็ไม่ใช่ ผมก็แค่สนใจในรสเซ็กส์ของอีกคนเท่านั้น ผมยังจำสัมผัสและลีลาของอีกคนได้เลย ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าร่างกายที่สามารถดึงดูดสายตาคนอย่างผมได้เลยซักนิด อย่างว่าละนะผมเป็นจำพวกรักสนุกไม่ผูกพัน

“แม่เป็นไงบ้างครับ”

“เรียบร้อยจ้ะ เขายอมหมั้นกับลูกชายแม่ หึๆ”

“สุดยอดด!! ฮ่าๆ ๆ”

หญิงสาววัยกลางคนเดินเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเดี่ยวท่านตอบคำถามเพื่อนลูกชายด้วยท่าทางสบายๆ สรุปไอ้พาสยอมหมั้น? แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน ทำไมผมไม่เห็นมันเลย ผมมองซ้าย มองขวา ไร้วี่แวว นี่มันไปคุยกันแถวไหน แล้วคุณคนนี้มาจากทางไหน?

เดี๋ยวสองคนนั้นก็มาจ้ะ” ท่านหันมาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มบาง

“พวกมัน เอ่อ เขาอยู่ไหนครับ”

“ในน้ำ”

“ครับ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ และไม่ใช่แค่ผมยังมีพวกไอคิมนั่ง งง ไปพร้อมกับผมด้วย นี่มันไปคุยกันหรือไปเล่นน้ำคล้ายร้อนกันแน่ คนบ้าไรว่ะคุยกันในน้ำ

“ไม่บ้าหรอกจ้ะ”

“คะ ครับๆ” ผมถึงกับไปไม่เป็นนี่ท่านอ่านความคิดผมออกหรอว่ะ

“ก็เธอคิดว่าพวกเขาบ้าใช่ไหม? ”

“...”

“หึๆ”

ผมถึงกับพูดไม่ออก อ่านใจคนเก่งแบบนี้มันน่ากลัวมากนะครับ เวลาจะทำอะไรก็เหมือนจะรู้ความคิดเราทุกอย่าง เสียงฝีเท้าเดินย่ำเข้ามาในบ้านทำให้เราทุกคนหันไปมอง สองคนที่ร่างกายเปียกโชกไปด้วยน้ำ ตามทางเดินก็มีสายน้ำลากยาวๆ ตามเจ้าของร่างเปียกปอน ผมเผ้ากะเซิ้งจนดูไม่ได้ทั้งคู่ คนเดินนำหน้าตาบูดบึ้ง บ่งบอกถึงอารมณ์ที่เสียสุดๆ ส่วนคนด้านหลังนั้นเอาแต่ยิ้มกว้างๆ อย่างมีความสุข

“ไอ้เนปห้องกูดิ”

“เออ” ผมตอบรับพร้อมกับลุกขึ้นจะเดินตามมันไปที่ห้อง ไม่มีอิดออดอะไรอยู่แล้วครับ ผมเข้านอกออกในบ้านมันจนเคยชินแล้ว อีกอย่างมันก็เป็นคนอนุญาตด้วย

“ทำไมมึงชวนมันขึ้นห้องห้ะเมีย!” ไอ้เดฟมันกระชากแขนพาสต้าเอาไว้ตอนที่มันจะขึ้นบันได ไอ้พาสมันทำหน้าเซ็งก่อนจะตอบส่งๆ ไป

“อยาก มึงจะทำไม”

“แต่กูเป็นคู่หมั้นมึงนะ!”

“แล้วยังไง? ”

“กูไม่ยอม! มึงกับมันเป็นชู้กันจริงๆ ใช่ไหมห้ะ!!”

“ไอ้เหี้ยกูเจ็บ! ” พาสต้ามันขึ้นเสียงใส่ไอ้เดฟทั้งที ผมมองดูมันสองตัวทะเลาะกัน คิดเล่นๆ ในหัวตัวเอง เป็นแบบนี้พวกมันจะคบกันรอดเปล่าว่ะ

“พอๆ กูไม่ขึ้นก็ได้ว่ะ” ผมตัดบทเพราะรำคาญ มันสองคนหันมาจ้องเขม็งผม จ้องกูขนาดนี้นี่กูผิดใช่ไหม ผมไหวไหล่ไม่สนใจเพราะได้กลิ่นหอมจางๆ ของอาหารเลยสนใจส่วนนั้นมากกกว่า จุดประสงค์ที่มาก็ของกินนิครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น

“ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะจ้ะ ทั้งสองคนเลย แม่ฝากดูแลลูกชายแม่ด้วยนะหนูพาสต้า” น้ำเสียงนุ่มที่เต็มไปด้วยความกดดันอยู่กลายๆ เอ่ยขึ้น อ่านใจคนว่าน่ากลัวแล้วนี่มีความกดดันในน้ำเสียงนุ่มด้วยหรอว่ะ บุคคลที่ไม่ควรเข้าใกล้จริงๆ ไอ้พาสมันทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ สุดท้ายก็ยอม

“คะ ครับ...รีบตามมาสิ ยืนเซ่อให้พ่อมึงมาอาบให้รึไง!”



-คิม-

ผมมองดูความวุ่นวายของบ้านนี้ตั้งแต่ที่ย่างกายเข้ามา จริงๆ จะไม่วุ่นวายเลยถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่ไอ้เดฟ ก็นะเมียมันดุ ไม่รู้สายพันธุ์อะไรดุชิบหาย ผมยังจำสภาพไอ้เดฟตอนเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับไอ้พาสเมียมันได้เลยครับ รอยเป็นปื้ด แดงเถือกเลย ใบหน้ามีแต่ฝามือ เลือดก็ซิบๆ ที่มุมปาก ถึงในใจลึกๆ ผมจะสะใจแต่ก็อดที่จะสงสารเพื่อนตัวเองไม่ได้ ผมว่ามันซาดิสนะชอบความเจ็บปวดหรือยังไง ตั้งแต่ที่ได้รู้จักมันมานี่มันเป็นฝ่ายที่รองมือรองตีนไอ้พาสตลอด

“จะเดินเบียดทำไมว่ะ ร้อน!”

บนโต๊ะอาหารมีจำนวนคนนั่งรอคู่รักว่าที่สองผัวเมียในอนาคตที่หายไปอาบน้ำตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วเพิ่งจะได้เริกลงมาซึ่งมีคนรอทานข้าวกันอยู่ ทุกคนในโต๊ะหันกลับไปมองยังปลายเสียงที่แว่วมาให้ได้ยิน ว่าที่สองผัวเมียในอนาคตเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่มีไว้สำหรับพวกมันสองคน

“เอาละมาครบแล้ว เริ่มทานอาหารกันเถอะจ้ะ” และแม่ไอ้พาสก็ดีแสนดี พอลูกมานั่งปุ๊บก็บอกให้ทานปั๊บ ถ้าผมเป็นแม่มันนะ ตบคว่ำแล้ว มีอย่างที่ไหนว่ะให้ผู้ใหญ่ถึงสองคนนั่งรอ

หลังจากร่วมรับประทานอาหารเสร็จพวกผมก็ต้องขอตัวกันกลับเพราะพวกเราต่างมีธุระกัน จะมีอยู่ก็มีแต่ไอ้เดฟคนเดียวเท่านั้น ปล่อยมันไปเถอะครับ ปล่อยให้มันได้มีความสุข สุขที่โดนเมียมันทารุณ ฮ่าๆ ๆ

“ธุระที่ไหนว่ะ ให้กูไปส่งป่ะ”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูหาแท็กซี่ไปเอง” ผมปฏิเสธที่จะให้เพื่อนไปส่ง เพราะมันเองเห็นบอกจะไปรับน้องเด็กอักษรของมัน ส่วนไอ้เอก็ไม่ต่างกัน

“วันนี้คนไหนอีกละมึง เมื่อวานก็เด็กม.ปลายนิ วันนี้จะเด็กกี่ขวบว่ะ” ถ้าบอกว่าเกลียดเพื่อนตัวเองนี่ผิดไหมครับ

“ม.ต้นมั้ง ไปละเสียเวลา”

.

.

.

“พี่คิมจะกินอะไรดีครับ”

“อะไรก็ได้”

ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารส่วนหนึ่งของห้างตามที่บอกว่ามาธุระ ธุระของผมก็มีแค่นี้ ทุกๆ ครั้งที่ว่างจากการเรียนหรือไม่มีโปรเจคงานก็จะนัดเดททุกครั้งไป วันนี้ก็เช่นกันหลังจากเสร็จสิ้นภาระที่เพื่อนมันให้ช่วยก็มาเที่ยวสนุกๆ ทำแก้เบื่อเท่านั้น เดท? ก็คงจะเป็นแบบนั้น มันเป็นเหมือนกับชีวิตประจำวันผมไปเสียแล้ว

“ผมดีใจนะครับที่พี่มีเวลาว่างให้ผมแล้ว” เด็กน้อยตรงหน้าที่อยู่เพียงแค่ม.ปลายเท่านั้น จริงๆ ผมก็ไมได้อยากจะออกเดทกับเด็กหรอกครับ ช่วยไม่ได้เด็กมันมาติดกับเองผมก็แค่สนองๆ ไปเท่านั้น

“แล้วไม่มีเรียนหรือไง” ผมถามพร้อมกับเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่น

“วันนี้วันเสาร์จะมีเรียนได้ไงครับ” น้องมันพูดกลั้วหัวเราะ

“เรียนพิเศษน่ะ ไม่ใช่ต้องเตรียมเอ็นด้วยนิ”

“ครับ พี่รู้ได้ยังไง”

“ก็นายม.6แล้ว” ผมละสายตาขึ้นมามองกับเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้ผม มองดูก็น่ารักหรอกนะ แต่ผมไม่ชอบเด็กไง ทำไงได้ คงมีให้แค่คำว่าพี่น้องเท่านั้น

“เอ่อ..พี่คิมครับ”

“อืม”

“ผมว่าเราก็คุยกันมาซักพักแล้วเมื่อไรผมกับพี่จะคะ...”

“คิมที่รัก ... สวัสดีครับ” น้องยังพูดไม่จบก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา ไม่พอมันยังมานั่งลงข้างๆ ผม ประโยคแรกนี่พูดกับผมส่วนประโยคหลังนั่นมันหันไปพูดกับน้อง

“ใครกันครับพี่คิม” และเด็กน้อยก็หันมาถามผมหลังจากนั่งเงียบจ้องคนมาใหม่อยู่ครู่หนึ่ง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้คนข้างๆ มันมาไง แต่จู่ๆ มานั่งร่วมโต๊ะกันแบบนี้มันเสียมารยาทกันหน่อยมั้ง

“พะ..”

“ผัวครับ”

“...ห้ะ!?!” ไม่ใช่แค่น้องมันที่อึ้ง กูก็อึ้งครับ ไอ้คนพูดนี่หน้าระรื่นเชียว พูดมาได้เต็มปากเต็มคำ ผมไปเป็นเมียมันเมื่อไรกัน

“จริงหรอครับพี่คิม แล้ว...”

“ไปไกลๆ ได้ไหม? ” ผมอดที่จะเอ่ยปากไล่มันไม่ได้ คือมันกวนผมตั้งแต่คราวที่อยู่บ้านไอ้พาสแล้วไง

“คะ ครับพี่ไล่ผมหรอ? ”

“เปล่า ไปที่อื่นกันเถอะ” ผมบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนวางเงินค่าอาหารที่สั่งไปถึงจะยังไม่ทันจะได้กินก็เถอะ

“แหม พอผัวจับได้ก็จะหนีหรอเมียรัก...เด็กน้อยมึงกลับบ้านเองถูกนะ”

“อะไรของมึงเนี้ย! ” ผมสะบัดมือข้างที่ถูกดึงออกมานอกร้าน

“ไม่คิดว่ามึงจะนิยมกินเด็กนะ”

“เรื่องของกูไม่เกี่ยวกับมึงเลย อ๋ออีกอย่างกูพี่มึงกรุณาให้เกียรติกูด้วย มารยาทน่ะควรมีด้วยนะ ไม่ใช่มาขัดการเดทของชาวบ้านเขาแบบนี้ มันแย่มาก” ผมอดที่จะต่อว่าไม่ได้ มันยังทำหน้าไม่สะทกสะท้านกับคำพูดผมเลยครับ มึนจริงๆ

“ห่างกับแค่ปีเดียวจะเรียกพี่ไปทำไม แต่มันก็น่าลองดูอยู่นะ อืม..พี่คิมฮะ น้องเนปจูนคนนี้ขอโทษที่เสียมารยาท ไม่รู้จักกาลเทศะ จนทำให้เดทของพี่คิมต้องล่มลง วันนี้น้องเนปจะชดเชยให้เองนะฮะ วิ้ง!”

“โทษทีบังเอิญกูไม่ต้องการ” ผมบอกปัดก่อนที่จะเดินเลี่ยงหนี แต่ก็ถูกมาดักหน้าเอาไว้ ผมถอนหายใจเซ็งๆ

“ถามจริงมึงจำกูได้ไหม? ”

“ได้ดิ มึงเป็นเพื่อนกับโยชิแฟนเพื่อนกูนิ”

“เปล่า ก่อนหน้านั้น ตอนที่กูกับมึง..”

“หุบปาก!” ผมบอกพร้อมกับยกมือปิดปากมันไว้ ถ้าจะพูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะมันเกินไปแล้ว

“อื้มๆ ...ไม่พูดเรื่องคืนนั้นก็ได้ แต่ว่า” มันจับมือผมที่ปิดปากมันออก

“ว่าอะไร? ”

“คบกับกู”

“อะ .. อะไร พูดไรของมึง? ” ถึงกับหายใจติดขัด จู่ๆ มาพูดอะไรไม่เข้าท่า ใจก็ดันไปเต้นแรงกับคำพูดแค่สั้นๆ ของหมอนี้ซะได้

“แบบไม่ผูกมัด...”

“หมายความว่าไง? ” พอประโยคอีกล่าสุดหลุดมา ทำให้ผมขมวดคิ้ว พอคิดได้ผมก็ถึงกับเข้าใจ คบแบบไม่..ผูกมัด? เหอะ คิดว่าผมเป็นเพื่อนเล่นด้วยรึไง “ไม่รู้ว่ามึงต้องการอะไรน่ะ แต่โทษทีไม่สนใจว่ะ”

“ก็ดูเหมือนมึงจะไม่จริงจังกับใครอยู่แล้ว มาลองคบกันดูก็ไม่เสียหายอะไรนิ”

“...เหอะ” ผมกอดอกมองคนที่พล่ามไม่หยุด

“แฟร์ดีออก คบแบบไม่ผูกมัดใดๆ จะคุยจะเดทอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าเวลาเราไปไหนด้วยกันคือห้ามคุยกับใคร มีแค่เราสองคน โอเค้? ” พูดเองเออเองหมดเลยนะ ต้องการแค่นี้สินะ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมมันถึงเลือกจะมาวุ่นวายกับผม

“ถามจริงทำไมต้องกู? ”

“ก็...ไม่รู้สิ แค่รู้สึกดีด้วยงั้นมั้ง”

“.....”

“อีกอย่าง...ติดใจลีลามึงด้วยสิ หึๆ” เหอะ ไอ้เราก็คิดว่าจะเป็นคนดีซะอีก ทุกคนที่เข้าหาผมก็มีแต่เรื่องอย่างว่าละว่ะ เกิดมาเป็นชายทั้งทีทำไมถึงไม่ให้ผมได้เกิดมาสมบูรณ์แบบอย่างผู้ชายทั่วไป ไม่ใช่ให้ผมมาดึงดูดเพศเดียวกันแบบนี้ ผมก็ไม่ต่างจากพวกผู้หญิงแม้ละว่ะ เป็นแค่ที่ระบายความใคร่ให้กับใครที่ต้องการ แต่มันก็ไม่ถึงกับเสียหายอะไร อีกอย่างผู้ชายอย่างผมมันท้องไม่ได้ มันเลยง่ายต่อพวกมักมาก

“อืม ใครๆ ก็พูดแบบนั้น”

“หึ งั้นตกลงจะคบไหม? ”

“ก็ได้ คบก็คบ ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แต่ขออย่าง...เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ ห้ามให้เพื่อนกูหรือมึงรู้เด็ดขาด โอเค้? ” มันคงจะไม่เป็นไร ก็แค่ร่างกาย สนุกกันทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่นานก็จบ...





TBC.