ตอนที่ 17 It's Complicated
สเตลล่าเดินมานั่งลงข้างๆไกด์พร้อมกับวางแก้วกาแฟของไกด์และตัวเองลงบนโต๊ะกลางห้อง ขณะที่ไกด์นั่งนิ่งสนิทมองไปยังโซฟานอนของวินอย่างนิ่งเงียบ หญิงสาวมองตามไป พลางมองกลับมาหาไกด์อีกครั้ง เธอเข้าใจความรู้สึกของไกด์ดี มันค่อนข้างที่จะยากที่จะให้ความสนิทใจระหว่างเธอกับไกด์กลับมาเหมือนเดิม หลังจากเกิดเรื่องร้าย การกลับมาที่นี่อีกครั้งของเธอ นอกจากจะมาทำความฝันให้เป็นจริงแล้ว เธอเองก็อยากกลับมาหาเขา มาสะสางความรู้สึกผิดที่ยังติดค้างอยู่ในใจของเธอทั้งคู่ให้เรียบร้อย
หญิงสาวค่อยๆเอื้อมมือไปแตะตัวไกด์ แต่ทว่าไกด์ก็จับมือเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะจับถึงตัวเค้า หญิงสาวตกใจเล็กน้อยขณะที่ไกด์หันมามองหน้าของเธอ
“ยูกลับมาทำไม" ไกด์ถามเสียงเข้ม
สเตลล่ากระพริบตาเบาๆก่อนจะก้มหน้าลง
“....It's complicated” เธอว่า "ไอคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสะสางเรื่องบางอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็....”
“มันไม่มีทางสะสางได้อยู่แล้ว" ไกด์ตอบ "เราสองคนรู้ดีอยู่แก่ใจ"
เสียงหายใจของสเตลล่าดังขึ้นหนักหน่วง
“ยูบอกเค้าเหรอ ว่าเราเป็นแฟนกัน" ไกด์ถามอีก
“ก็.....ถ้าจะมาหายู ในที่ของเคลลี่" สเตลล่าว่า
“เราสองคน....” ไกด์หันมาหาเธอ "….ไม่ได้เป็นอะไรกัน"
สเตลล่าถอนหายใจก็จะเมินหน้าหนี
“ไม่ต้องย้ำ" เสตลล่าว่า "ไอไม่ได้มาที่นี่ เพื่อมาทำให้ยูดูแย่ไปกว่าเดิม"
ไกด์ลุกขึ้นทันที พลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง และเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ยูจะไปตามหาเค้าสินะ" สเตลล่ากล่าว "เค้าเป็นใคร ทำไมยูถึงจะต้องเป็นห่วงเค้าขนาดนี้ด้วย"
ไกด์หันมาหาเธอขณะเปลี่ยนกางเกง
“...It's complicated” ไกด์ย้อนก่อนจะถอดกางเกงตัวเองออก แล้วค้นตู้ สเตลล่าเบือนหน้าหลบไปทางอื่น
“เค้ารู้เรื่องเคลลี่" สเตลล่าว่า "เค้าเป็นเพื่อนเคลลี่เหรอ"
สเตลล่าไม่ได้รับคำตอบใดใดกลับมา เมื่อไกด์ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอหันกลับไปมองเขา
“ยูโกหกอะไรเค้า" สเตลล่าถามต่ออีก "ยูสร้างเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า"
เสียงปิดตู้เสื้อผ้าดังสนั่น สเตลล่าห่อไหล่เล็กน้อยด้วยความตกใจ ไกด์หันมามองเธอด้วยสีหน้าเฉยชา
“ยูพักอยู่ที่ไหน ไอจะไปส่ง" ไกด์พูดขึ้น
“ไอเพิ่มลงเครื่องมาเมื่อเย็น" สเตลล่ากล่าว "ไอ....”
“งั้นยูก็พักที่นี่" ไกด์ว่า "เสื้อผ้าของไอบางตัว ยูอาจจะใส่ได้ ก็ลองค้นๆดู ไอจะไปนอนที่อื่น"
ไกด์ว่าพลางเดินไปยังประตู
“อย่าทำเป็นเหมือนกับว่าไปเป็นคนอื่นหน่อยเลยเคลวิน" สเตลล่าว่า "ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษตอนนี้ มันไม่ได้ช่วยแก้อะไรให้ดีขึ้นมา นิสัยคนเรา มันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ โดยเฉพาะนิสัยคนอย่าง...."
“ถ้าอยากจะลองนิสัยเก่าของไอนัก มันก็ไม่ได้ยากหรอกนะสเตลล์" ไกด์เดินอย่างน่ากลัวมาหาสเตลล่า เธอถอยกรูไปเล็กน้อย "เพราะถ้ามันเป็นอย่างที่ยูว่า ยูเองก็คงเหมือนกัน"
ไกด์ลูบไล้มือของตัวเองไปตามเรือนร่างของสเตลล่าอย่างเบามือ ชายหนุ่มมองไปตามมือนั้นด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะมองขึ้นมาที่ใบหน้ของเธอ
“หรือว่าที่จริงแล้ว ที่ยูกลับมา ก็เพราะคิดถึงเรื่องคืนนั้น........”
สเตลล่าผลักตัวไกด์ออกไปจากตัวทันที ก่อนจะเบินหน้าหนี ไกด์เหล่มองใบหน้าของเธอ แววตาที่รู้สึกสำนึกคู่นั้น ไกด์เข้าใจดี
“มันไม่ใช่ยูคนเดียวหรอกนะ ที่รู้สึกผิดเป็น....” ไกด์ว่า พลางออกเดิน "วันพรุ่งนี้ถ้ายูจะทำอะไร หรือไปที่ไหน ก็ไปหาไอที่สโนวเฟลค ไอไม่มีโทรศัพท์"
เสียงปิดประตูทิ้งให้สเตลล่าจมอยู่กับตัวเอง หรือว่าบางทีเธออาจจะไม่ควรกลับมาที่นี่เลย
ไกด์ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง พลางคิดทบทวนเรื่องหลายๆอย่าง......
“ไม่หรอกพี่ ผมอ่ะ รู้อยู่เหอะ ว่าทำอะไรได้แค่ไหน" ก้องพูดเสียงใส กับไกด์ที่ล็อบบี้ของโรงแรม "คอยดูนะ คนนี้อ่ะ เดี๋ยวผมจะจีบให้อยู่เลยพี่ไกด์"
“คนไหนวะ ยังไม่เห็นเลย" ไกด์ร้องถาม ก้องพยักเพยิดไปยังหญิงสาวที่กำลังยืนคุยอยู่กับจีโออยู่ที่เคาท์เตอร์
“คนนั้นไงพี่ไกด์ ผมน้ำตาลน่ารักๆอ่ะ เห็นยัง" ก้องร้อง "รู้ชื่อมาแล้วด้วย"
“เห้ยไอ้นี่ ไวไปป่ะ" ไกด์ว่าพลางมองตามไป …. น่ารักจริงๆเสียด้วย "ล...แล้วเค้าชื่ออะไรอ่ะ"
“สเตลล่า ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน น่ารักเวอร์อ่ะ" ไกด์ว่า "ผมเจอที่สถาบัน เขาเรียนเบเกอรี่"
“นี่สรุปแกเอาเวลาไปเรียนหรือว่าไปทำอะไรวะ" ไกด์ดุน้อง
“โห พี่ไกด์ จะไม่เกทับเรื่องนี้ซักวันจะตายป่ะเนี่ย" ก้องร้อง "นี่ผมพาเพื่อนๆมาเที่ยวกันนะ อย่าดุผมต่อหน้าคนอื่นๆดิคับ"
“อ้าว ก็แกอยู่ในโรงแรมชั้น" ไกด์ว่า "แถมพาผู้หญิงมานอนห้องเดียวกันด้วย อยู่ฟรีอีกด้วย เจริญและธุรกิจชั้น"
“เอาน่า....เดี๋ยวตอนเย็นผมลงมาช่วยงานที่บาร์" ก้องร้อง "นะนะนะ"
ไกด์เหล่มองน้องพลางส่ายหัว ทันใดนั้นกลุ่มเพื่อนๆของก้องก็ค่อยๆทยอยขนของขึ้นไปชั้นบนของโรงแรม ขณะที่เด็กสาวน่ารักคนนั้นเดินมาหาก้องและไกด์
“Kelly...I think we couldn't rest in one room.” เธอกล่าว "Can you prefer...?”
ก้องทำหน้าเหยเกพลางเหล่มองหน้าพี่ชาย ก้องยิ้มกว้างพลางพนมมือใส่ก้อง
“แหะแหะ ขอห้องเพิ่มนะเฮีย" ก้องพูดเสียงอ่อย ไกด์ถอนหายใจครั้งหนึ่ง "นะนะนะ"
ไกด์มองไปยังเด็กสาวคนนั้น เธอยิ้มหวานให้เขา ไกด์หรี่ตามองเธอพลางยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย
“Ok....” ไกด์ตอบ "อีกห้องก็ได้"
“เย่......” ก้องร้อง ก่อนจะนำทางเด็กสาวเดินขึ้นไปด้านบน ไกด์มองตามน้องชายและเด็กสาวขึ้นไป
น่ารักจริงๆ.....ไกด์คิดในใจ
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความทรงจำที่ผิดพลาดออกไป ก่อนจะเดินออกจากตึกไปลำพัง
….....
“จะทานอะไรก่อนหรือเปล่า อาจจะใช้เวลาอีกนานนะน้อง" มิกถามผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังไอ้เต่าทอง วินตื่นขึ้นจากภวังค์ก่อนจะหันไปตอบ
“ไม่เป็นไรครับ พี่ขับไปเถอะครับ" วินตอบ
“งั้นก็ยาวนะ" มิกว่า พลางออกตัวไปถามท้องถนนทันที
วินหมดหนทางและนั่งนิ่งอยู่หน้าร้านเกล็ดหิมะอยู่พักใหญ่ พลางนึกหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการร์ขับคับที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบพาไป เขานั่งคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงกับการใช้ชีวิตโดยไม่มีไกด์ ฉุกคิดทบทวนถึงคราวหนีปัญหาครั้งก่อน มีผู้ชายคนหนึ่งให้นามบัตรเขาไว้ ชายหนุ่มแปลกประหลาดที่รับเขามาจากถนนจากวิลแลตด้วยรถเต่าสีแดงสดสุดเก่า
อัครพล จุรีรักษ์
Sume International
Art Director
และก็นับเป็นโชคดีของวิน ที่แม้ว่าจะดึกมากแล้ว ชายคนนี้ก็รับโทรศัพท์เขา แถมยังวนเวียนอยู่ที่ปารีสอีกด้วย วินจึงขอความช่วยเหลือจากชายคนนี้ทันที
“พี่จำเราได้แล้ว" มิกร้องขึ้น "น้อง.....ที่พี่เคยพามาส่งที่ปารีสจากวิลแลตป่ะ"
“ใช่ครับ" วินตอบ "โห พี่ ผมนั่งมาตั้งนาน พี่เพิ่งนึกออกเหรอเนี่ย.......แล้วตอนผมโทรหาพี่พี่ตอบตกลงทำไมอ่ะ"
“อ๋อ พี่ให้นามบัตรคนไว้เยอะ ยังไงมีคนโทรมาพี่ก็รับตลอดแหละ" มิกตอบ "พี่เลยจำคนไม่ค่อยได้น่ะ ว่าแต่เราเหอะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถึงได้ขอไปอยู่บ้านพี่ตั้งสองอาทิตย์"
“ไม่มีหรอกคับ พอดีห้องที่อยู่ เขามีปรับปรุงถนน เสียงมันดังมาก ผม....ไม่มีสมาธิทำงาน" วินโกหก "ผมรบกวนพี่ไม่นานหรอกครับ บางทีอาจจะไม่ถึงขนาดนั้นก็ได้"
มิกพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าจะจำได้ไม่เด่นชัดว่ายังไง แต่เท่าที่จำได้ เด็กคนนี้กับคนที่รับมาตอนต้นปี แทบจะเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว
“แล้วนี่ไปทำอะไรมาหลายเดือน ไอ้เด็กตัวแสบต้นปีหายไปไหนซะแล้วล่ะน้อง" มิกถามต่อ
วินส่ายหน้าเบาๆ
“ผมทำงานอยู่ที่ร้านเกล็ดหิมะ" วินตอบ "ที่ที่พี่ปล่อยผมลงวันนั้นนั่นแหละ"
“อ่อ" มิกรับคำ "แล้วเราชื่ออะไรนะ"
“วินคับ ชื่อวิน" วินตอบ "ผมว่าผมบอกพี่ไปแล้วนะ"
“โทษทีๆ พี่ลืมน่ะ" มิกว่า วิน...ชื่อเหมือนเพื่อนของเอิร์ธเสียด้วย
วินก้มลงมองนามบัตรของผู้ชายคนนี้
“พี่มิก....ใช่ป่ะ" วินถาม
“ใช่คับ" มิกตอบ "พี่ทำงานที่ซูเม่ อินเตอร์เนชั่นนอลเหรอ"
“ใช่ พี่เป็นอาร์ทได" มิกตอบ "น้องรู้จักแบรนด์ซูเม่ด้วยเหรอ"
“ก็.....รู้จักคับ" วินตอบ "แล้วบ้านพี่อยู่วิลแลตเนี่ยนะ"
“ใช่" มิกตอบ
“แล้วพี่ก็ขับรถมาทำงานทุกวันเนี่ยนะ" วินถามต่อ
“ใช่" มิกตอบ
“ไม่เหนื่อยเหรอพี่" วินถาม
“ไม่นะ" มิกตอบ "ขับรถไปเรื่อยๆ ได้ไอเดียอะไรๆเยอะดีออก"
วินพยักหน้ารับ
“นอนพักไปก่อนก็ได้นะ คงอีกซักพักกว่าจะถึงบ้านพี่" มิกกล่าว วินจึงขยับตัวและพิงตัวเองไปกับเบาะหลังทันที พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำ
ที่จริงแล้ มันออกจะน่าหงุดหงิดไปด้วยซ้ำที่วินปฏิเสธตัวเองไม่ได้ ที่ทุกฝีเก้าที่เดินออกจากถนนทอร์ควิล ในหัวของเขามีแต่เรื่องไกด์เต็มหัวไปหมด ความกลัวจากอ้อมกอดของไกด์ที่ได้รับมามันส่งผลเปลี่ยนแปลงให้กับวินอย่างมหาศาลจนอธิบายไม่ถูก วินคิดได้เอาทีหลังว่า สาเหตุที่เขาโกรธไกด์หลักๆก็คือเรื่องการโกหก โดยเฉพาะเรื่องเงิน ที่สำหรับวินเป็นเรื่องใหญ่ มันค่อนข้างขัดกับความจริงที่ไกด์เป็นนักธุรกิจ แล้วหมอนั่นจะเอาหลอกเอาเงินเขาไปทำไมกันในเมื่อไกด์มีสถานะการเงินที่พูดได้เต็มปากว่าดี หรือว่าหมอนี่จะมีนิสัยคนรวยเหมือนพ่อของเขาไปด้วยอีกคน เอาโอกาส เอาความหวังมาขายให้กับคนที่ไม่มี และนำมันมาสร้างความสุขให้กับตัวเอง ซึ่งวินเดาว่าในกรณีของไกด์ วินถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลบล้างความผิดที่ไกด์ทำไว้ต่อน้องชาย ความผิดที่ไม่ได้ดูแลน้องชายดีเท่าที่ควร แต่ประเด็นก็คือ เขาก็คือเขา อาจจะดูเหมือนวินมายังปารีสด้วยตัวเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เป็นเบื้องหลัง แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าหมอนั่นจะมาทำอะไรกับเขาได้ตามใจชอบเพียงเพราะว่าเขา......ไม่มี
สะบัดหัวไล่ความคิดงี่เง่าออกไป....ยอมรับกับตัวเองอีกครั้งว่า....เขานึกถึงเรื่องหมอนั่นอีกครั้งแล้ว
เป็นเวลาเกือบชั่วโมงที่รถสีแดงสดสุดเก่า พาวินมายังวิลแลต ย่านชานเมืองที่อยู่ห่างจากปารีสมา พอสมควร ซึ่งสำหรับวินแล้ว มันไกลสุดโต่งทีเดียว วินนั่งหลังตรงทันทีที่รถเลี้ยวเข้าสู่ทางเข้าป่าสนหนาทึบ รู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีอะไรจะเสี่ยงตั้งแต่กล้ายกหูโทรหาผู้ชายคนนี้แล้ว รถยนตร์จอดนิ่งสนิทที่ลานจอดที่ปูด้วยหินกรวดสีส้ม วินก้าวลงจากรถก็ได้ยินเสียงน้ำตกเบาๆ เขามองอะไรไม่ค่อยถนัดนักเพราะมันดึกมากแล้ว
“ขนของแล้วก็ตามพี่มาเลยน้อง" มิกว่า "บ้านพี่ต้องเดินข้ามสะพานไม้ไป นิดเดียวเอง"
วินทำตาโต ชายคนนี้มีบ้านอยู่ในป่าหรือไงกันนะ รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ได้แต่หยิบเป้และเดินตามมิกไปอย่างเสียไม่ได้ สะพานไม้ส่งเสียงอยู่ได้ไม่กี่อึดใจ วินก็มาหยูดอยู่ตรงบ้านทรงโมเดิร์นที่ออกแบบมาอย่างหรูหรา ไม่ใช่บ้านที่ใหญ่โตนัก แต่ด้วยการดีไซน์ ที่เข้ากับผืนป่าที่อยู่ด้านหลัง บ้านหลังนี้สวยจนแทบไม่มีที่ติ เขาชะโงกหน้าไปดูด้านหน้าของบ้าน น้ำตกไหลผ่านลอดใต้ตัวบ้านลงไปเป็นลำธาร ผ่านสะพานไม้ไปตามผืนป่าที่หายไปสุดลูกหูลูกตา
“ว้าว" วินพ่นลมออกมาเบา มิกยิ้มกว้าง
“ขอต้นรับสู่ชาโตว์วิลแลต" มิกว่า "บ้านพี่อาจจะไม่มีอะไรมากนะ แต่ก็...ทำตัวตามสบายก็แล้วกัน"
บ้านของมิกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นผสมนีโอคลาสสิค ผนังสีขาวเรียงรายไปด้วยภาพวาดศิลปะตั้งอยู่ เดินไปมองรอบๆอย่างล่องลอย แม้ว่าจะดึกดื่นแล้ว แต่เมื่อมิกเปิดไฟขึ้นทั้งบ้าน วินก็ตื่นเต็มตา
ห้องน้ำอยู่ด้านปีกซ้ายนะ มีโซฟายาวอยู่ชั้นสอง มันพับเป็นเตียงนอนได้ ครัวก็อยู่ด้านหลัง จัดการตัวเองเอาเองนะน้อง พี่ขอตัวก่อน" มิกว่าพลางเดินขึ้นบันไดไป ขณะที่วินเดินเข้าไปดูภาพวาดภาพหนึ่งที่ตั้งเด่นอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง เป็นภาพบนแคนวาสขนาดใหญ่โตที่แขวนอยู่เพียงรูปเดียว เป็นภาพที่คอลลาจมาจากรูปถ่าย วินคิดในใจ มีสีสันที่วุ่นวายตัดไปมาอยู่ในภาพสีเทา มองเห็นเป็นผู้คนวิ่งเดินกันไปมา โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในภาพเลย
“พี่ครับ" วินร้องขึ้นทันก่อนที่มิกจะเดินขึ้นบันไดไป "ภาพนี้....หมายความว่ายังไงเหรอครับ"
“ภาพไหน....อ๋อ" มิกร้อง "Loveless Society น่ะเหรอ"
“ชื่อภาพเหรอครับ" วินถาม
“ใช่" มิกตอบ "พี่ไม่ได้วาดเอง เป็นภาพของดีไซน์เนอร์เพื่อนพี่ หมายความถึงสังคมที่ไร้ซึ่งความรักต่อกันอะไรประมาณนี้น่ะ"
“สวยดีนะพี่" วินว่า "ผมถ่ายรูปเก็บไว้นะ"
“เอาสิ" มิกว่า ก่อนจะหายขึ้นไปชั้นบน
วินยอมรับว่างานศิลปะที่ห้องนี้ ทำให้เขารู้สึกลืมความเจ็บปวดเอาไวเบื้องปลังได้อย่างเป็นปลิดทิ้ง แต่กับ Loveless Society ภาพนี้ อยู่ดีดีเขาก็รู้สึกถึงความต้องการใครซักคนขึ้นมาซะอย่างนั้น ภาพวาดนี้ดูมีพลังประหลาด ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเขากำลังอยู่ตัวคนเดียว
หรือว่าบางที...เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่กำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง และทิ้งอะไรบางอย่างมาอย่างไม่มีเยื่อใยเลยก็ได้
วินเดินไปยังกระจกใสชองบ้านที่มองเห็นด้านนอกได้ชัดเจน ผืนป่าสวยงามรายล้อมอยู่ตรหน้า คำถามเดียวที่เกิดขึ้นในใจแว้บขึ้นมา
อะไรถึงทำให้นายเจ็บปวดได้ขนาดนั้นะไกด์.....
โดยที่วินไม่รู้ตัวเลยว่า เขาคิดถึงไกด์อีกแล้ว
…...........