ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/17/T6ZWe2.png)
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/17/T6KvOE.jpg)
ชื่อโหลไม่ใช่เรื่องผิด แค่ทำให้ชีวิตซวยนิดหน่อย
#คุณคนเดียวกัน
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/17/T6c4vv.png)
•.★* สารบัญ *★.•
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4001759#msg4001759)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4001916#msg4001916) ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4003001#msg4003001) ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4003002#msg4003002)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4003348#msg4003348) ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4003606#msg4003606) ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4003964#msg4003964)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4004775#msg4004775) ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4007369#msg4007369) ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4021747#msg4021747)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4022518#msg4022518) ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4026673#msg4026673) ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4026853#msg4026853)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4026932#msg4026932) ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4027027#msg4027027) ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4027112#msg4027112)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4030266#msg4030266) ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4040441#msg4040441) ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4040566#msg4040566)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4040694#msg4040694) ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4040856#msg4040856) ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4051409#msg4051409)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4051784#msg4051784) ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4051931#msg4051931) ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4051991#msg4051991)
ตอนที่ 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4053632#msg4053632) ตอนที่ 26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4055278#msg4055278) ตอนที่27 [End] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69630.msg4056186#msg4056186)
*.:。 ✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚✎・ ✿.。.:* *.:。✿*.:。✿*
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ช่วงปลายปีของทุกปีเป็นช่วงที่งานยุ่งมากจริงๆ แทบไม่ได้ลืมหูลืมตา
เพื่อเคลียร์งานให้เสร็จก่อนปิดปีใหม่ (ซึ่งน่าจะเป็นอย่างนี้ทุกปี ><)
ขอโทษที่ไม่ได้ส่งข่าวนะคะ เพราะไม่แน่ใจว่าจะลงนิยายได้เมื่อไหร่ กับแอบหนีไปเที่ยวพักผ่อนช่วงปีใหม่มา
ตอนนี้กลับมาประจำการแล้วค่ะ พร้อมลงแบบรัวๆ มาก รับรองว่าได้อ่านกันอย่างจุใจยาวๆ ไปเลยค่ะ
ตอนที่ 9
ใกล้
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเมื่อของชิ้นสุดท้ายถูกเก็บเข้ากล่องเรียบร้อย สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องเผื่อว่าจะหลงลืมอะไร การย้ายที่อยู่เกิดขึ้นเร็วมากจนผมแปลกใจ ดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวอย่างง่ายดาย คุณป้าเจ้าของหออนุญาตให้พวกผมย้ายออกได้แม้จะแจ้งล่วงหน้าแค่เพียงสิบห้าวันก่อนสิ้นเดือน เพราะความเอ็นดูที่มีต่อปายเป็นทุนเดิม ประกอบกับมีคนจองคิวรอเข้าพักอยู่แล้วหลายคน จึงไม่ก่อให้เกิดผลประทบใดๆ กับทางหอพัก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนปายจะเปิดเข้ามาเมื่อผมตะโกนบอกว่าไม่ได้ล็อคประตู ปายนั่งลงข้างผม มองมาด้วยสายตายิ้มๆ
"เสร็จแล้วเหรอ" ผมถามเมื่อเห็นปายเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย
"อืม แล้วนี่ทำไมยังไม่เสร็จ"
"มัวแต่ลังเลน่ะ"
"จนป่านนี้ยังลังเลอีกเหรอ" ปายหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งยากใจของผม
"ไม่ใช่เรื่องนั้น" ผมหัวเราะตามปาย "ลังเลว่าขอชิ้นไหนจะเอาไปชิ้นไหนจะทิ้งน่ะเลยช้า แต่จะว่าไปแล้ว.." ผมถอนหายใจเบาๆ
"กังวลเหรอ"
"ก็นิดหน่อย" ผมยอมรับกับปายตรงๆ "เมื่อคืนมันอดคิดไม่ได้ว่าเราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ เอาจริงมันจะอึดอัดไหม ไอ้คินจะเห็นเราเป็นคนใช้หรือเปล่า กูอดคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้"
"จะคิดทำไม อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ย้ายออก" ปายยังยืนยันคำเดิม
"มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ถามจริงเถอะมึงไม่เคยคิดมากกับอะไรที่ตัดสินใจไปแล้วเลยเหรอวะ" ผมมองใบหน้าของปาย อีกฝ่ายยักไหล่ ใบหน้ายังคงปรากฎรอยยิ้ม
"มันก็มีคิดบ้างว่าตัดสินใจผิดไป แต่จะคิดมากทำไมในเมื่อมันทำไปแล้วย้อนกลับไม่ได้แล้ว ก็เอาไว้สอนตัวเองครั้งหน้าแทน"
ผมพยักหน้า สายตากวาดมองกระเป๋าเสื้อผ้าและกล่องของที่กองอยู่ตรงหน้า จริงอย่างที่ปายพูด ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วจะมามัวกังวลอยู่ทำไม ไปแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง
• • • • •
ผมยืนกะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นรถซีดานจอดเรียงกันสามคันที่หน้าหอพัก ร่างสูงของคิน จีนและนาวียืนคุยกันด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับเป็นจุดเด่นที่คนเดินผ่านไปผ่านมาต้องมอง มาสามคนผมยังเข้าใจแต่มาสามคันเลยเหรอ
“ไง” จีนส่งยิ้มมาให้เมื่อหันมาเห็นผมกับปาย
“มากันครบเลยเหรอวะ” ผมขยับเท้าเดินตรงไปหา อดหัวเราะไม่ได้
“กลัวรถคินขนของไม่พอ ฉันกับนาวีเลยมาช่วย”
“ขอบใจมาก แต่อันที่จริง..” ผมยิ้มแห้ง กลืนน้ำลายลงคอ
“มีอะไร” ดวงตาดุของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างจีนหรี่ลง ผมจึงรีบปฏิเสธทันที
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าของกูกับปายมีนิดเดียว รถคันเดียวก็ขนหมด กูเลยเกรงใจน่ะอุตส่าห์มากัน”
“นึกว่าเรื่องอะไร” นาวีขยับตัวขึ้นยืนตรง “ยังไงฉันกับจีนก็จะไปบ้านคินอยู่แล้ว แบบนี้ก็สะดวกดีจะได้แยกกันกลับเลย”
“งั้นก็แล้วไป ขอบใจมาก” ผมพูดด้วยความโล่งอก
“จะยืนคุยอีกนานไหม”
ผมหันไปมองเมื่อเสียงดุดังขึ้น อดหรี่ตามองอีกฝ่ายไม่ได้ เป็นคนดีหลอกให้ตายใจอยู่ไม่กี่วันนิสัยเดิมโผล่อีกแล้ว คิดผิดคิดถูกวะเนี่ยกู ผมบ่นในใจแต่ก็เดินนำทั้งหมดเข้าไปด้านใน
ผมกับปายขนของลงมาวางรอไว้ที่โถงด้านล่างหอพัก จะได้ไม่เสียเวลาในการขนย้าย เดินเข้าออกสองรอบของทั้งหมดก็ถูกขนไปไว้ในรถเรียบร้อยผมส่งสัญญาณให้ปายนั่งเบาะหน้าแต่จีนมาชิงตัวปายไปเสียก่อน ในรถจึงมีแค่ผมกับคนที่ทำหน้าเหมือนเบื่อโลกเต็มที เมื่ออดรนทนไม่ไหวตามประสาคนปากไว ผมจึงโพล่งออกมา
“ตอนตื่นเก็บชิ้นส่วนมาไม่ครบเหรอวะ”
“ชิ้นส่วนอะไร” สายตาดุเบนจากถนนหันมามองผม
“ก็มึงไง” ผมสบตาตรงๆ โดยไม่หลบ “มาไม่ครบสามสิบสองเหรอวะ”
คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ดูเหมือนอีกฝ่ายยังจับประเด็นคำพูดของผมไม่ได้
“จะถามว่ามึงลืมเอาปากมาเหรอก็เห็นยังพูดได้ หรือลืมเฉพาะรอยยิ้มไว้ที่บ้านวะ”
ริมฝีปากได้รูปขยับออกเล็กน้อย ดวงตาที่มองมาคล้ายเจ้าตัวกำลังขำ
“ผมมั่นใจว่าอวัยวะครบสามสิบสองไม่มีรอยยิ้มอยู่ในนั้น”
“ก็เอามานี่หว่า” ผมไม่สนคำถามสนแค่รอยยิ้มที่เพิ่งได้เห็น
“กูถามจริงๆ เถอะ ที่มึงทำหน้าบอกบุญไม่รับเพราะเพิ่งนึกได้ว่าตัดสินใจผิดที่ชวนพวกกูไปอยู่ด้วยหรือเปล่าวะ”
“ถ้าผมจำไม่ผิดคุณเป็นคนชวนผม”
ผมอึ้งไปเกินสิบห้าวินาทีเห็นจะได้ ที่น่าเจ็บใจคือมันดันเป็นเรื่องจริง หมอนี่ไม่ได้ชวน ผมเป็นคนเสนอตัวและหมอนี่แค่รับข้อเสนอเท่านั้น
“ตกลงมึงอยากเปลี่ยนใจ” ผมเลิกคิ้วขึ้นจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ใช่คุณเหรอ”
“กู?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คิ้วขมวดเข้าหากันช้าๆ “กูทำไมวะ”
เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามผม มีเพียงดวงตาสีเข้มที่จ้องมองมา
“เดี๋ยวนะ” ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นเมื่อเดาบางอย่างขึ้นมาได้ “อย่าบอกว่าเมื่อกี้ตอนที่คุยกันที่หอ มึงนึกว่ากูจะเปลี่ยนใจ”
ผมเห็นอาการชะงักของอีกฝ่ายแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ผมมองมันก่อนปล่อยเสียงหัวเราะออกมาลั่นรถ ความรู้สึกกังวลในใจหายไปทันที ผมยื่นมือไปตบลงบนไหล่หนา มองใบหน้าคมสันด้วยสายตาเอ็นดู
“กูไม่หนีไปไหนหรอกน่า มึงอย่ากังวลไปเลย”
ผมต้องกลั้นยิ้มสุดกำลังเมื่อเห็นดวงตาที่ลุกวาบขึ้น บอกไม่ได้ไม่ว่าเจ้าตัวกำลังเขินหรืออยากฆ่าผมกันแน่ แต่ถ้าให้ผมเดาผมคิดว่าคงเป็นอย่างหลังมากกว่า สงสัยว่าคำพูดของผมจะถูกใจอีกฝ่ายเป็นพิเศษ
“ฮ่าๆ กูล้อเล่น รู้น่าว่ามึงก็ไม่ได้ชอบหน้ากูขนาดนั้น” ผมเอื้อมมือไปตบลงบนต้นแขนแข็งแรง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองสบายใจ ไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
“ยังไงกูก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ มีอะไรมึงบอกกูตรงๆ ได้ กูจะพยายามเป็นเพื่อนร่วมบ้านที่ดี”
“อืม” มีเพียงเสียงตอบรับในลำคอ แต่ผมเริ่มชินกับอาการแบบนี้แล้ว จึงเพียงยักไหล่โดยไม่ใส่ใจ
“ว่าแต่..” ผมหยุดพูด มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไร” น้ำเสียงติดรำคาญนิดๆ ที่ได้ยินกลับทำให้ผมขำมากกว่า
“มึงไม่คิดจะฝากเนื้อฝากตัวกับกูหน่อยเหรอ” ได้ผล ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายหันมามองผมทันที
“ทำไมผมต้องฝากตัวในเมื่อผมเป็นเจ้าของบ้าน แค่คุณทำหน้าที่ของคุณไปก็พอ”
“รู้แล้วน่า ทำความสะอาดบ้านกับทำอาหารให้มึงใช่ไหม ว่าแต่มึงนี่ใจร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ” ผมส่ายศีรษะ อดบ่นถึงคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้
“อย่างนั้นเหรอ” ริมฝีปากได้รูปยกขึ้น “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ”
“หือ?” ผมแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนอดจ้องหน้าคนพูดด้วยสายตาประหลาดใจไม่ได้ แต่คงเพราะจ้องนานไปเสียงถอนหายใจจึงดังขึ้น
“คุณจะมองหน้าผมอีกนานไหม” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหันมาสบตา “หรือว่า..”
“อะไร” ผมเอนตัวหนีโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นประกายวาบขึ้นในดวงตาที่มองมา น้ำเสียงที่ถามออกไปจึงแฝงไว้ด้วยความหวาดระแวง
“คุณชอบผม”
“ไอ้!!” ผมเด้งตัวกลับ แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอก็รีบเรียกสติของตัวเองคืนมาได้ ผมจะถูกยั่วโมโหง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้
“เออรู้แล้ว แค่กูมองถนนก็พอใช่ไหม มองนิดมองหน่อยกูต้องชอบมึงเลยเหรอวะ ไม่หลงตัวเองไปหน่อยเหรอ” ผมหันหน้าไปมองถนน แต่ยังคงปะทะฝีปากกับอีกฝ่าย
“หึๆ”
ผมใช้หางตามองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ คิดว่าต้องเจอกับใบหน้าเย่อหยิ่งหรือไม่ก็เจอกับสายตาของผู้ชนะ แต่กลับต้องแปลกใจ เมื่อสีหน้าที่ผมเห็นเป็นสีหน้าของคนกำลังขำจริงๆ หรือพูดอีกอย่างก็คือเป็นสีหน้าของคนกำลังอารมณ์ดี ผมมองอยู่เพียงครู่เดียวก่อนรีบหันกลับ ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าผมเห็น เพราะไม่อยากให้มันหายไป
‘กูชอบเวลามึงยิ้ม’ สักวันผมจะบอกหมอนี่ด้วยคำพูดไม่ใช่แค่ในใจเหมือนตอนนี้
• • • • •
“ให้พวกกูนอนที่ไหน” ผมกับปายมองหน้าเจ้าของบ้าน เมื่อข้าวของถูกขนลงมากองรวมกันไว้ที่ห้องรับแขกเรียบร้อย
“ห้องไหนก็ได้แค่ไม่ติดห้องผมก็พอ”
“เต็มใจอย่างยิ่ง” ผมส่งยิ้มกว้างไปให้คุณเจ้าของบ้าน จะได้รู้ว่าผมก็ไม่ได้พิศวาสขนาดอยากไปนอนใกล้ๆ
“งั้นปายกับคินขึ้นไปดูห้องก่อน เดี๋ยวของจะช่วยขนขึ้นไปให้” จีนชี้ไปยังกองข้าวของที่วางอยู่บนพื้น พูดด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ ดูเหมือนการเถียงกันเล็กๆ น้อยๆ ของพวกผมคือเรื่องตลกของจีน
“ขอบใจว่ะ เสียดายจริงๆ” ประโยคหลังผมพูดขึ้นลอยๆ ไม่มองหน้าใครคนใดคนหนึ่ง
“เสียดายอะไร” ผมนึกว่าจะไม่มีใครถามแล้ว โชคดีที่นาวีพูดออกมา
“เสียใจที่จีนไม่ใช่เจ้าของบ้าน” ผมส่งยิ้มให้ก่อนเดินผ่านหน้าเจ้าของบ้านตัวจริงไป ได้ยินแค่เสียงหัวเราะของจีนดังตามหลังมา
หลังจากสำรวจห้องนอนจนครบ ผมกับปายลงความเห็นว่าเราเลือกห้องนอนเล็กสองห้องที่อยู่คนละฝากกับห้องนอนใหญ่ของเจ้าของบ้าน แม้ว่าจะมีห้องที่ดีกว่านั้นก็ตาม จีนกับนาวีช่วยขนข้าวของที่เหลือขึ้นมาให้จนครบ ผมกับปาแยกย้ายกันเก็บจนเกือบเสร็จ เมื่อนาวีขึ้นมาเรียกให้ลงไปด้านล่าง
อาหารและเครื่องดื่มถูกจัดวางเต็มโต๊ะ ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหิว
“นั่งสิ” จีนเรียกเมื่อเห็นพวกผมยังยืนอยู่ ผมพยักหน้าให้ปาย ก่อนดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับนาวีลงนั่ง ปายนั่งลงข้างผมตรงข้ามกับเจ้าของบ้านพอดี
ด้วยความหิวผมจึงทานมากกว่าพูด ปล่อยให้ที่เหลือคุยกันไป คอยพยักหน้าเห็นด้วย กับตอบคำถามสั้นๆ เมื่อมีใครพูดถึง หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงผมถึงวางช้อนลง
“คิน”
“...”
”ภา”
“กูเหรอ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าจีน
“ใช่ ก็เรียกคินแล้วไม่หัน” ริมฝีปากของจีนยกยิ้ม เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าที่น่ามองมาก
“โทษทีกูนึกว่ามึงเรียกไอ้คิน”
“เปล่า ผมคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาอีกพักใหญ่ แต่เดี๋ยวก็คงชินกันเองว่าเรียกใคร”
“คงงั้นมั้ง แล้วมีอะไร”
“แค่จะฝากเพื่อนน่ะ” จีนยกมือขึ้นตบลงบนบ่าของเจ้าของบ้าน “จากวันนี้ฝากดูแลคินด้วยนะ”
ผมหันไปมองคนที่ถูกพูดถึงก่อนหันกลับมามองจีน
“ไม่มีปัญหา กูจะดูแลให้อย่างดี จะดูให้กินอิ่ม นอนหลับ พาอาบน้ำประแป้ง อ่านนิทานกล่อมนอนแถมให้ด้วยดีไหม”
ผมทำหน้าตายก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจีนกับนาวี ปายหันไปมองทางอื่นเพื่อกลั้นยิ้ม มีเพียงคนที่ถูกพูดถึงเท่านั้นที่ทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
“ถ้าคิดจะทำแบบนั้นก็เก็บข้าวของกลับไป”
“เสียใจด้วย” ผมยักคิ้ว “มึงพลาดแล้วพลาดเลย คิดเหรอว่าไล่แล้วจะไป เห็นแบบนี้ไม่มีอะไรหนาไปกว่าหน้าของกูอีกแล้วแล้ว” ผมมองด้วยสายตากวนก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเหลืออดเหมือนอยากฟาดผมสักทีของเจ้าของบ้าน แหย่หมอนี่สนุกไม่เบา
“เอาน่า อย่าเพิ่งตีกันตั้งแต่วันแรก เหลือไว้ให้วันอื่นบ้าง” นาวีพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยกมือขึ้นห้ามทัพ ก่อนหันไปมองปาย
“ปายจะอยู่กับสองคนนี่ไหวเหรอ”
“แค่นี้สบายมาก ผมชินกับคินแล้วเพิ่มอีกสักคินก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่”
“นายจะบอกว่าสองคนนี้พอๆ กันใช่ไหม”
“ใช่ พอๆ กัน” ปายยิ้มกว้าง “ดื้อเป็นเด็กพอกัน”
ผมหันไปมองหน้าเพื่อนรักทันที แทบจะพร้อมๆ กับอีกคนที่เงยหน้าขึ้นมามองเช่นกัน ปายส่งยิ้มกว้างให้ผมกับภาคิน นาวีรีบยื่นแก้วมาขอชนกับปายเพราะถูกใจในคำตอบ ผมกำลังจะอ้าปากค้านแต่จีนยื่นแก้วมาขอชนเสียก่อน ผมจึงต้องยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มแทน
การฉลองการย้ายบ้านของผมกับปายดำเนินไปจนถึงเวลายี่สิบสองนาฬิกา ก่อนที่จีนจะประกาศว่าได้เวลาแยกย้าย ผมลุกขึ้นเตรียมจะเก็บถ้วยชามบนโต๊ะ แต่จีนส่งสัญญาณให้ผมตามไป ผมจึงเดินตามไปเงียบๆ รอให้อีกฝ่ายพูดขึ้น
จีนหยุดยืนข้างประตูรถหันมามองผม
“ว่า?” ผมสบตากับจีน
“ผมฝากคินด้วย”
“อืม” ผมพยักหน้า
“ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ”
“อืม” ผมตอบรับแต่เผลอขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะแปลกใจกับสีหน้าจริงจังของจีน
“อย่าถอดใจกับคิน”
“หมายความว่ายังไงวะ” คิ้วของผมขมวดเข้าหากันมากขึ้น
“ผมรู้ว่าคินคงทำให้โมโหเอาง่ายๆ อาจทำให้อยากเปลี่ยนใจย้ายออกเป็นสิบครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่คินยอมให้ใครเข้าใกล้”
“ใกล้แล้วเหรอวะ” ผมเผลอหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงคำพูดแต่ละคำของคุณเจ้าของบ้าน
“เชื่อผมเถอะ”
ผมกระแอมออกมา รู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของจีน
“ช่วยเป็นเพื่อนกับคินได้ไหม”
“ได้สิวะ ได้อยู่แล้ว” ผมตอบรับคำขอ จีนจ้องตาผมก่อนริมฝีปากจะคลี่ออกเป็นรอยยิ้มบาง
“ขอบใจมาก”
“เออ” ผมพยักหน้าแม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก อดสงสัยไม่ได้ในเมื่อจีนกับนาวีก็เป็นเพื่อนที่ทั้งสนิทและรู้ใจ ทำไมจีนถึงมาขอผมเรื่องนี้
“ขอบใจ” จีนพูดซ้ำอีกครั้งก่อนเปิดประตูขึ้นรถ ผมยืนรอจนรถขับออกไปแล้วจึงหันกลับ เห็นปายยืนรออยู่ไม่ไกล
“อย่าถามกู กูได้ยินแต่กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม” ปายชิงพูดขึ้นก่อน
“ฉลาดจริง มึงรู้ด้วยว่ากูจะถามอะไร” ผมยกมือขึ้นกอดบ่าของปาย พากันเดินตรงไปยังตัวบ้าน
“หรือไม่ก็..คงเพราะแบบนั้นมั้ง”
ผมหันไปมองหน้าปายก่อนมองตามสายตาของอีกฝ่าย ร่างสูงของภาคินยืนอยู่กลางห้องรับแขกกว้าง จู่ๆ ผมก็รู้สึกโหวงเหวงขึ้นมา รู้สึกว่าห้องรับแขกที่เห็นผ่านกระจกใสดูกว้างมาก มากจนรู้สึกถึงความเหงาของคนที่ยืนอยู่
ผมพ่นลมหายใจเบาๆ กระชับแขนที่กอดคอของปายให้แน่นขึ้น หันไปสบตากับเพื่อนรักด้วยรอยยิ้ม
“มาอยู่ที่นี่กันอย่างมีความสุขเถอะ เรา..ทั้งสามคนเลย”
“เอาสิ” ปายพนักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบเพื่อนก่อนสายตาจะกลับไปหยุดที่ร่างสูงอีกครั้ง ดวงตาค่อยๆ อ่อนแสงลง
นายด้วยนะภาคิน มาอยู่อย่างมีความสุขกันเถอะ
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 15
ความลับและคำสัญญา
-ปาย-
ผมรับรู้ได้ถึงเหงื่อที่ซึมออกมาบนใบหน้า ลำตัวสั่นสะท้าน กรอบรูปที่อยู่ในมือสั่นจนกลัวว่าจะร่วงหล่น ผมกะพริบตาสองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นยังเป็นเช่นเดิม เมื่อครู่นี้ผมยังอยู่ในห้องนอนของตัวเอง นั่งทำงานที่ต้องส่งอาจารย์ด้วยอารมณ์แจ่มใส แต่เพราะหาพจนานุกรมของตัวเองไม่เจอ ไม่รู้เอาไปวางหรือลืมไว้ที่ไหน จึงเดินมายังห้องหนังสือเพื่อหยิบยืมไปสักเล่ม แต่ห้องที่เคยปราศจากรูปภาพ กลับมีกรอบรูปหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เป็นรูปของภาคิน เจ้าของบ้านหลังนี้กับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งถ่ายคู่กัน ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อประคองสติของตัวเองเอาไว้ วางกรอบรูปลงช้าๆ ก่อนเปลี่ยนใจหยิบขึ้นมาใหม่ ออกจากห้องเดินตรงไปยังห้องนอนของเพื่อนสนิท
ผมเปิดประตูเข้าไป มองร่างกึ่งนั่งกึ่งนอนเล่นเกมอยู่บนเตียง ดูเหมือนเพื่อนจะรับรู้ถึงความผิดปกติของผม จึงถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"มีอะไรวะ"
ผมก้าวเข้าไปหา ยื่นกรอบรูปไปตรงหน้า "คนนี้ใคร รู้ไหมว่าเป็นอะไรกับคิน"
"คนไหน? อ๋อ อาของคิน ชื่ออะไรวะกูลืมไปแล้ว ชื่อ..จำได้แล้ว ชื่ออารุจ"
"อาเหรอ?" สีหน้าของผมยิ่งซีดเผือด
"ใช่ ไม่น่าเชื่อใช่ไหม ตอนแรกกูก็ไม่เชื่อนึกว่าพี่ชาย แต่ไอ้คินบอกว่าเป็นอา อายุห่างกันสิบปี"
"...."
"ที่อายุห่างกันไม่มากเพราะเป็นลูกของย่าเล็ก กูสงสัยว่าปู่ไอ้คินจะมีเมียเด็ก" ประโยคหลังพูดด้วยเสียงที่เบาลง
ผมลดสายตาลงมองรูปในกรอบ ยังรู้สึกได้ถึงความหวาดหวั่นในใจ
"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมมึงดูแปลกๆ วะ"
ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตาเป็นห่วงของเพื่อน ถอนหายใจซ้ำอีกครั้งก่อนนั่งลงบนเตียง
"มึงรู้จักอาของคินได้ยังไง เคยเห็นรูปนี้เหรอ" เมื่อก่อนผมเข้าไปทำความสะอาดห้องหนังสือบ่อยๆ แต่ไม่เคยเห็นสักครั้ง
"กูเคยเห็นครั้งแรกตอนมาช่วยทำความสะอาดบ้านให้ไอ้คิน ตอนนั้นเรายังไม่ได้ย้ายเข้ามา แล้วก็มาเห็นอีกทีเมื่อวาน ไอ้คินหยิบออกมาจากในลิ้นชัก กูเลยถามว่าเป็นใคร ถึงรู้ว่าเป็นอา"
"แบบนี้นี่เอง" เสียงของผมแผ่วเบา
"ตกลงมีอะไรวะ"
"กูจะย้ายออกจากที่นี่" ผมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน
"หะ!! มึงว่าอะไรนะ"
"กูจะย้ายออก"
" มึงใจเย็นๆ กูงงไปหมดแล้ว"
ผมหลบสายตาเพื่อนลงมองมือของตัวเอง ไร้ซึ่งถ้อยคำ
"ไอ้ปายกูรู้นิสัยมึงดี มึงไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล กูไม่คิดจะห้ามถ้ามึงอยากไปกูก็จะไปด้วย แต่มึงต้องบอกกูก่อนว่ามันเรื่องอะไร"
ผมกลืนน้ำลายลงคอ นั่งนิ่งอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา เงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนรัก โดยไม่คิดจะหลบอีก
"มึงจำวันที่กูไปค้างกับเอ้ได้ไหม ที่พอกูกลับมาแล้วเป็นไข้"
"ค้างกับเอ้? อ๋อ กูจำได้แล้ว"
"อันที่จริงกูไม่ได้ไปหาเอ้ กู..กู.." ถึงจะตัดสินใจแล้วพอถึงเวลาผมก็พูดไม่ออก
"ไอ้ปายนี่กูเอง ไอ้คินเพื่อนสนิทมึงไง"
ผมหัวเราะในลำคอ แม้จะฝืดเฝื่อนอยู่บ้าง รับรู้ถึงสายตาจริงใจของเพื่อน
"กูรู้" ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดต่อ
"ก่อนหน้านั้นมีบางเรื่องที่กูไม่แน่ใจ มันทำให้กูสับสนและอยากรู้"
"เรื่องอะไรวะ"
"กูคิดว่ากูชอบผู้ชาย" เมื่อคำพูดหลุดออกจากปากก็เหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ในอกถูกยกออกไปด้วย สายตาของคินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตกใจแต่ไม่มีความรังเกียจอยู่ในนั้น มันทำให้ผมโล่งใจและมีสติมากขึ้น
"คืนนั้นกูเลยตัดสินใจไปเที่ยวร้านหนึ่ง เพราะเคยได้ยินมาว่าพวกที่ไม่ชอบผูกมัดชอบไปกัน"
"ไอ้ปาย!"
"กูแค่อยากพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเอง ไมได้คิดไปไกลถึงเรื่องนั้น คิดแค่ว่าถ้าถูกผู้ชายจีบกูจะรู้สึกยังไง ถ้ากูจูบกับผู้ชายจะรู้สึกยังไง เพียงแต่.." ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผุดรอยยิ้มเนือยขึ้นที่ริมฝีปาก
"เพียงแต่กูไม่รู้ว่ากูจะถลำลึกจนมีความสันพันธ์กับผู้ชาย และยิ่งไม่รู้ว่าคนๆ นั้นคืออาของคิน"
"หะ!!!"
ผมมองสีหน้าของเพื่อนรัก จู่ๆ ก็ขำขึ้นมา เมื่อครู่ตอนที่ผมเห็นรูปก็คงมีสีหน้าประมาณนี้กระมัง เหมือนถูกผีหลอก
"ตอนนี้กูเชื่อแล้วว่าโลกมันกลมกว่าที่คิด" ผมพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แม้จะฝืดเฝื่อนอยู่มากก็ตาม
"แล้ว..แล้ว.."
ผมรู้ว่าเพื่อนจะถามอะไรจึงไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ
"แค่คืนนั้นคืนเดียว กูรู้แค่ชื่อจนมาเห็นรูปวันนี้ ทีนี้มึงรู้หรือยังว่าทำไมกูถึงอยากย้ายออก เพราะกูไม่อยากเจอ กู.."
"มึงไม่ต้องพูดแล้วกูเข้าใจ แต่อาของคินก็ไม่เคยมาบ้านนี้เลยนี่หว่า”
“ถึงจะมีโอกาสเจอแค่หนึ่งในร้อยกูก็ไม่อยากเสี่ยง”
“ตกลง ย้ายก็ย้าย"
"มึงจะย้ายทำไมวะอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว"
"ได้ไงวะ ถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน"
ผมมองหน้าเพื่อนรัก พลันคิดไปถึงสายตาของใครบางคนขึ้นมา สายตาที่มองเพื่อนรักของผม
"ไอ้คิน มึงรังเกียจผู้ชายที่ชอบผู้ชายไหม" ผมจ้องตาเพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริง
"ทำไมพูดแบบนี้วะมึงพูดเหมือนไม่รู้จักกู มึงชอบแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น มึงชอบผู้ชายคนไหนบอกกูมาเลยเดี๋ยวกูช่วยมึงเอง"
ผมหัวเราะขำท่าทางเอาจริงเอาจังของเพื่อน แอบคิดในใจว่าก็เพราะนิสัยมึงเป็นแบบนี้ไงถึงมีคนรักมึง
"ไม่ต้อง กูยังไม่ได้ชอบใคร กูแค่อยากรู้เท่านั้นว่ามึงคิดยังไงกับความรักแบบนี้"
"ความรักแบบไหนมันก็ดีทั้งนั้นไม่ใช่เหรอวะ แค่มั่นใจว่ารักกันก็พอ"
"อืม" ผมรับคำในลำคอ
"มึงจะย้ายเมื่อไหร่กูจะได้บอกไอ้คิน"
"อย่าเพิ่งบอก มีบางเรื่องที่กูต้องคิด"
"อะไร"
"เอาไว้กูจะบอก" ผมส่งยิ้มให้เพื่อน ดวงตาเป็นประกายที่มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความหมาย
• • • • •
ผมมองร่างสูงที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก จงใจเดินไปนั่งบนโซฟาตัวติดกัน ก้มหน้าลงอ่านหนังสือที่ถือติดมือมาด้วย ปล่อยให้เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้น
"รู้หรือยังว่าไอ้คินมีแฟนแล้ว เพิ่งจีบติด"
ผมมองสีหน้าตื่นตะลึงของอีกฝ่ายอย่างพอใจ หมัดฮุคไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ได้ผลดีนัก
"หมอนั่น..รักใครเหรอ" น้ำเสียงคนพูดแหบพร่า
"มึงคิดยังไงกับไอ้คิน" ผมปล่อยหมัดต่อไปโดยไม่รอ
"..."
"บอกกูมาเถอะ"
"..."
ผมไม่เร่งเร้า ปล่อยให้อีกฝ่ายจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เพียงครู่เดียวดวงตาสีเข้มก็เงยขึ้นมาสบตากับผมด้วย
"ผมชอบคิน"
"มึงแน่ใจแล้วเหรอ ไอ้คินเป็นผู้ชาย"
"นั่นสิ ทั้งที่เป็นผู้ชาย ทำไมผมถึงชอบหมอนั่นเข้าไปได้" คนพูดหัวเราะออกมา สีหน้าคล้ายจนใจ แต่สีหน้าแบบนี้แหละที่แสดงว่าเจ้าตัวยอมรับในสิ่งที่รู้สึก
"วางใจเถอะ" ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย "ถ้าไอ้คินเป็นผู้หญิงมึงก็ชอบเหมือนกัน" ผมคิดว่าคินเข้าใจคำพูดของผม ตัวผมเองชอบผู้ชายไม่ชอบผู้หญิง แต่คินชอบที่คนไม่ใช่เพศ ความรักบนโลกนี้มีหลากหลายรูปแบบ ขอเพียงแค่เปิดใจที่จะเข้าใจก็พอ
"เอาเถอะ เรื่องที่มึงพูดวันนี้มั่นใจได้ว่าไอ้คินจะไม่รู้"
"ขอบใจ"
"ส่วนเรื่องที่ไอ้คินมีแฟน กูโกหก"
!!! คนตรงหน้านิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าหลากหลายความรู้สึก
"โกหกเหรอ?"
"ใช่ ก่อนหน้านี้กูแค่สงสัยแต่กูอยากแน่ใจอีกนิดก่อนจะถามมึงตรงๆ"
"หึๆ ขนาดคุณยังดูออก แต่หมอนั่น..."
"ไม่รู้เหรอว่าไอ้คินเป็นพวกซื่อบื้อ" พอเห็นรอยยิ้มกว้างผมก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนกัน
"ไอ้คินไม่เคยชอบผู้ชายและไม่รู้ด้วยว่าจะชอบได้ไหม" ผมเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง
"ผมรู้"
"สัญญาได้ไหมถ้ามึงแน่ใจแล้วว่าไอ้คินไม่ได้คิดอะไรกับมึงจริงๆ มึงจะปล่อยมือ" ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
"..."
"ถึงจะเพิ่งสนิทกันไม่นาน แต่มึงก็น่าจะดูออกว่าไอ้คินเป็นคนรักเพื่อนมาก ถ้ามึงไม่ยอมปล่อยมือเอง ไอ้คินจะลำบากใจ เพราะมันเห็นมึงเป็นเพื่อน"
"ผมสัญญา"
"กูเชื่อมึง เพราะกูก็เห็นมึงเป็นเพื่อนเหมือนกัน"
ดวงตาสีเข้มสบตากับผมนิ่ง ก่อนริมฝีปากจะคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม สายตาที่ส่งมาแทนคำขอบคุณ
"โชคดีมึง" ผมพูดทิ้งท้ายก่อนลุกขึ้นยืน
• • • • •
"กลับมาแล้วเหรอ" ผมยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนรักเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
"อืม กูจะมาถามมึงเรื่องย้ายออก ว่ามึงตัดสินใจหรือยังว่าจะไปเมื่อไหร่"
"คิดแล้ว แต่กูมีอะไรจะถามมึงก่อน มึงต้องตอบกูตรงๆ"
"ว่ามาสิ"
ผมมองจนอีกฝ่ายนั่งลงบนเตียงแล้วจึงพูดขึ้น "มึงอยากย้ายไหม รู้สึกเฉยๆ ยังไงก็ได้หรือไม่อยากย้าย"
"ถ้าให้ตอบตรงๆ กูก็ชินกับที่นี่แล้วเลยรู้สึกเสียดายนิดหน่อย"
"แค่นั้น?"
"กูเป็นห่วงไอ้คินด้วย ไม่อยากให้มันอยู่คนเดียว เห็นมันทำเป็นไม่สนใครแบบนั้น มันขี้เหงาจะตาย"
ผมมองเพื่อนรักด้วยสายตาค้นคว้าโดยไม่พูดอะไร ทำให้อีกฝ่ายร้อนใจ
"แต่ถ้ามึงไปกูก็ไป ยังไงกูก็อยากไปกับมึงมากกว่า"
"ไม่ต้องแล้ว"
"หมายความว่ายังไงวะ"
"กูไม่ย้ายแล้ว"
"ไม่ย้าย!!"
"ใช่" ผมพยักหน้า
"ทำไมวะ"
"ทำไมงั้นเหรอ" ผมหลุบสายตาลงซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ "เพราะกูก็เป็นเพื่อนไอ้คินเหมือนกัน สมควรทำอะไรเพื่อมันบ้าง"
"นั่นสิ กูก็เป็นห่วงมัน"
ผมลอบขำสีหน้าดีใจของเพื่อนรัก หรือใครบางคนอาจพอมีโอกาส
"แล้วเรื่องนั้น..." คินมองหน้าผมด้วยสายตาลังเล
"ก็เหมือนที่มึงบอก ตั้งแต่เรามาอยู่ก็ไม่เคยเจอหน้า" ตอนนั้นผมตกใจจนอยากหนีไปท่าเดียว แต่พอมีเวลาให้ใจสงบ ค่อยๆ คิด การอยู่ที่นี่มีข้อดีหลายข้อ ทั้งเรื่องคิน ทั้งเรื่องช่วยที่บ้านประหยัดค่าใช้จ่าย ผมตัดสินใจลองเสี่ยงดู ถ้ามาจริงก็ค่อยย้ายออก
"มีงแน่ใจแล้วนะ"
"อืม" ผมพยักหน้า เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะไม่ย้อนคิดอีก
"เฮ้ออ" ผมเห็นอาการถอนใจด้วยความโล่งอกของเพื่อนแล้วก็รู้ว่าตัวเองตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว ผมไม่ควรเห็นแก่ตัว ถ้าผมไปคินก็จะไปด้วย ถึงห้ามก็คงไม่ได้ผล แบบนี้ดีที่สุดแล้ว
"ว่าแต่.." คินหันมาจ้องหน้าผม
"อะไร"
"อาของไอ้คินหล่อดีนะมึงไม่สนเหรอ"
"..."
"ฮ่าๆ กูไปอาบน้ำก่อนโคตรร้อนเลย"
ไม่ทันให้ผมได้อ้าปาก หลังของเพื่อนรักก็ลับหายไปจากประตูแล้ว ผมถอนหายใจาเบาๆ อดคิดถึงใครบางคนไม่ได้ หน้าร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงความอับอายที่เกิดขึ้น ขออย่าได้เจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุด
:::: ♥ TBC ♥::::
**ปล. เรื่องของอารุจกับปายจะมีเป็นเรื่องแยกให้นะคะ แต่อยู่ในเล่มเดียวกัน ใช้ชื่อเรื่องว่า 'คุุณ.คนเดียวกัน'
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 24
สิ่งสำคัญคือความเข้าใจ
“มองอะไรวะ” ผมหยุดเดิน มองไปยังจุดเดียวกับที่คินมอง ดวงตาค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น หัวใจหล่นวูบลงสู่พื้น
ปายหยุดยืนข้างผม เมื่อเห็นว่าใครกำลังคุยกับพี่นทอย่างสนิทสนม ปายหันมาสบตากับผมทันที ผมพยักหน้าเพื่อยืนยันว่าเป็นคนที่ปายคิด ปายเคยเจอครั้งหนึ่งจึงจำได้คลับคล้ายคลับคลา
“มึงไปกินข้าวก่อนเลย” ผมกระซิบบอกเพื่อน
ปายพยักหน้า มองผมกับคินด้วยสายตาเป็นห่วง “มีอะไรส่งข้อความมา”
“อืม”
ผมวางมือลงบนไหล่ของคิน รับรู้ถึงความเกร็งของกล้ามเนื้อ หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ
“ไอ้คินอย่า!” ผมดึงไหล่คินให้หยุด เมื่อร่างสูงทำท่าจะตรงไปหาคนทั้งคู่
“ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไร”
“พี่นทเป็นหลานน้าปราง” ผมโพล่งออกไป ร่างกายของคินหยุดชะงัก แข็งทื่ออยู่ชั่วครู่ก่อนร่างสูงจะหมุนกลับมาช้าๆ
“หลานผู้หญิงคนนั้นเหรอ” คินทวนคำด้วยสีหน้าสับสน
“ใช่ พี่นทเป็นลูกของพี่สาวน้าปราง”
“คุณรู้?”
ผมสบตากับคิน ความผิดหวัง ความเสียใจในดวงตาคู่นั้นกำลังบีบรัดหัวใจของผม
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อไหร่!!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อคินคว้าไหล่ผมบีบเต็มแรง
“ก่อน..ก่อนกูไปอยู่บ้านมึง”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันลอดออกมาจากลำคอของคิน ดวงตาที่มองมาบาดลึก คินปล่อยให้มือทั้งสองข้างตกลง
“ไอ้คิน” ผมคว้าแขนของคินไว้แต่ถูกสะบัดทิ้ง ผมคิดจะวิ่งตามแต่สุดท้ายก็หยุดฝีเท้าของตัวเองลง คงไม่มีประโยชน์หากผมพยายามอธิบายในตอนนี้ สายตาเจ็บปวดจากการถูกทรยศนั้นสุดท้ายผมก็ได้เห็นมันอีกครั้ง
• • • • •
ผมลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาในบ้าน ร่างสูงของคินเดินผ่านผมกับปายไปโดยไม่หันมามอง ปายยกมือขึ้นตบบ่าผมอย่างให้กำลังใจ
“มึงก็เข้าใจคินหน่อยแล้วกัน ให้เวลามันหน่อย”
“กูรู้” ผมพยักหน้า ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เดี๋ยวกูไปนอนบ้านป้าสา มึงจะได้คุยกันสะดวก”
“ไม่เป็นไร มึงอยู่นี่เถอะ”
“เอาน่าเชื่อกู มีอะไรก็โทรมา”
“ขอบใจ”
ปายส่งยิ้มให้กำลังใจผมก่อนเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บของ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขกกว้าง แหงนใบหน้าขึ้นมองเพดาน ในสมองว่างเปล่า
ลมหายใจถูกพ่นออกมา เมื่อประตูที่ไม่เคยล็อคมาก่อนไม่สามารถเปิดเข้าไปได้ ผมนั่งลงพิงหลังกับประตู นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเรียกคนที่อยู่ภายในห้อง
“ไอ้คิน”
มีเพียงความเงียบอยู่รอบตัวผม
“กูไม่รู้ว่าตอนนี้มึงโกรธพี่นทหรือกูมากกว่ากัน แต่ถ้ากูเดากูคิดว่าคงเป็นกูใช่ไหม”
“...”
“กูรู้ว่าพี่นทเป็นหลานน้าปรางเพราะกูเคยเห็นสองคนยืนคุยกันแบบนี้มาก่อน พี่นทขอร้องกูไม่ให้บอกมึงว่าเจอพี่นทกับน้าปราง กูถามเหตุผลพี่นทเลยต้องบอกเพื่อไม่ให้กูเล่าให้มึงฟัง” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“มึงแยกคำว่าตอนนั้นกับตอนนี้ออกไหมวะ ตอนนั้นกูยังไม่สนิทกับมึงมาก กูจึงฟังอย่างคนนอก คิดอย่างคนนอก และตัดสินใจอย่างคนนอก กูถึงให้สัญญากับพี่นทไป ถ้าตอนนั้นกูสนิทกับมึงแล้วหรือคบกับมึงแล้ว มึงคิดว่ากูจะสัญญาเหรอ มึงคิดว่ากูจะไม่บอกมึงเหรอ เหตุผลกูก็มีแค่นี้ถึงจะฟังไม่ขึ้นแต่มันคือเรื่องจริง”
“...”
“มึงคงกำลังคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมหลังจากที่คบกันกูถึงไม่บอกมึง ไอ้คิน มึงคิดว่าปีนี้กูเจอหน้าพี่นทกี่ครั้ง แล้วมึงล่ะเจอหน้าพี่นทกี่ครั้ง น้อยจนเหมือนไม่ได้เจอ ง่ายๆ เลยคือกูลืม แค่นั้นแหล่ะ”
“พูดจบหรือยัง”
ผมหันกลับไปมองทันที สิ่งที่เห็นยังเป็นประตูอยู่เช่นเดิม
“จบแล้ว ถ้ามึงจะไล่กูก็ไม่ต้องกูไปเอง” ผมลุกขึ้นยืน เสียงประตูเปิดออกช้าๆ ร่างสูงยืนโดดเด่น มือสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“อย่าโมโหเลย”
“หะ!” มีถ้อยคำสารพัดที่ผมเตรียมใจว่าจะได้ยินแต่ไม่ใช่คำนี้แน่นอน
“โกรธผมหรือเปล่า”
“มึง..มึงว่าอะไรนะ”
“ขอโทษ”
ริมฝีปากของผมอ้าออกพอที่แมลงวันจะบินเข้าไปได้ทั้งฝูง คินดึงมือออกจากกระเป๋ายกขึ้นจับใบหน้าของผมไว้ทั้งสองข้าง
“ผมบอกว่าขอโทษ”
“มึงเป็นคนโกรธกูไม่ใช่เหรอวะแล้วมาขอโทษทำไม”
“เพราะแบบนั้นผมถึงผิด ผมไม่ควรโกรธคุณ ไม่ควรหุนหัน ควรฟังคุณก่อน”
ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นไรกูเข้าใจ กูรู้ว่าบาดแผลของมึงไม่หายไปง่ายๆ เมื่อไหร่ที่โดนสะกิดเลือดจะไหลออกมาอีกครั้ง วันนี้กูทำให้แผลของมึงอ้าออกมึงถึงเจ็บปวด และกูก็รู้ด้วยว่าทำไมมึงถึงควบคุมตัวเองไม่ได้” ผมสอดมือโอบไปรอบเอวของคิน กอดอีกฝ่ายแน่นๆ ครั้งหนึ่งก่อนคลายมือออก
“เพราะมึงรักกูไง เพราะแบบนั้นมึงถึงเสียใจ ดังนั้นกูรับคำขอโทษจากมึงด้วยความยินดี”
“ขอบคุณ” คินรัดผมเข้าไปในอ้อมแขน กดริมฝีปากร้อนลงบนหน้าผาก “ขอบคุณที่เข้าใจผม”
“แต่ว่านะ..” ผมเงยหน้าขึ้นมองคิน ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้อีกฝ่าย
“อะไร” คินยิ้มตอบผม
“เราต้องยืนกอดกันคาประตูอย่างนี้จริงๆ เหรอวะ”
คินหัวเราะในลำคอ จับมือผมดึงให้เดินตามเข้าไปในห้องนอน
ผมนั่งพิงไหล่ของคินบนโซฟากว้าง หมุนกระป๋องเบียร์ในมือเล่น
“ไอ้คิน”
เสียงตอบรับดังในลำคอ
“มึงจะไปคุยกับพี่นทหรือเปล่าวะ”
“ไม่”
“แล้ว?” ผมผงกศีรษะขึ้นเพื่อมองใบหน้าของคิน
“ผมเข้าใจว่าทำไมพี่นทถึงไม่บอกผม แต่จะให้สนิทกันเหมือนเดิมผมคงทำไม่ได้ ผมลบคำว่าหลานชายของผู้หญิงคนนั้นออกไปไม่ได้”
“อืมกูเข้าใจ กูว่าพี่นทก็เข้าใจ”
คินจับศีรษะผมให้ซบกลับลงมาตามเดิม มือยาวเรียวลูบเส้นผมเล่น
“คิน”
“หือ” ผมขานรับในลำคอเพราะกำลังรู้สึกสบาย
“คุณไม่คิดจะกล่อมผมให้อภัยให้พ่อกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
“ทำไมถามแบบนั้น”
“เพราะคนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องนี้จะกล่อมผมเกือบทุกคน ยกเว้นแม่เพราะแม่คงไม่อยากให้พ่อมีความสุข”
ผมสอดมือเข้าไปกอดรอบเอวของคินเมื่อได้ยินเสียงขื่นของอีกฝ่าย
“เคยคิดจะกล่อมผมไหม”
“ไม่” ผมส่ายหน้า
“เพราะอะไร”
“เพราะไม่ใช่เรื่องของกู”
“...”
“ทำไมเงียบไปวะ กูพูดจริงนะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของกู กูถึงตัดสินใจแทนมึงไม่ได้ กูไม่ใช่คนที่ต้องผ่านเรื่องราวพวกนั้นมา กูไม่เคยเจ็บปวดแบบที่มึงเจอ แล้วกูจะพูดแทนมึงได้ยังไงวะ ไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่มึงเจอนอกจากตัวมึงเอง มีแค่มึงเท่านั้นที่รู้ว่ามันรู้สึกยังไง เพราะฉะนั้นแล้วทำในสิ่งที่มึงอยากทำเถอะ”
“ลองดูหน่อยสิ ผมอยากฟัง”
“ให้พูดเหรอ อืมม กูคิดว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับดำเสมอไป ไม่ได้มีแค่ถูกหรือผิด ยอมรับหรือไม่ยอมรับ เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตของใครแต่ก็ไม่จำเป็นต้องตัดใครทิ้งไป มีระยะที่สบายใจระหว่างกันและกัน แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ”
“โกรธเหรอ” ผมถามเมื่อเห็นคินเงียบไป
“เปล่า”
“ทำไมเงียบไป”
“กำลังคิดน่ะ”
“งั้นก็ค่อยๆ คิด ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
“คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม”
“แล้วตอนนี้กูนั่งอยู่ที่ไหนล่ะ”
“หึๆ”
“มาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันเถอะ ดีไหม”
“ตกลง”
ตอนที่ 25
ความคิดถึงหน้าตาเป็นแบบไหน
-ภาคิน กิตติวริศกุล-
เสียงฝีเท้าหยุดยืนที่หน้าห้องนอนก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตู ผมวางโทรศัพท์ลงข้างตัว เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ก้าวเข้ามา
“กูคุยกับปายแล้วว่าจะไปบ้านป้าสาพรุ่งนี้ เลิกเรียนแล้วไปเลย” คินบอกหลังจากขึ้นมานั่งข้างผมบนเตียง
“ไอ้ปายบอกว่าป้าสายังเก็บบ้านไม่เสร็จ ไหนจะต้องเตรียมของอีก มันเลยอยากไปช่วยตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย มีเวลาสองวันศุกร์กับเสาร์ งานจัดวันอาทิตย์น่าทันสบายๆ”
“เอาสิ” ผมพยักหน้ารับ
“กูจะไปกับไอ้ปายสองคน มึงค่อยตามไปตอนเช้าวันอาทิตย์สักแปดโมงเช้าก็ได้ เลี้ยงพระเพลยังไงก็ทัน” คินกำลังพูดถึงงานทำบุญบ้านญาติของปาย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เท่าที่ฟังมาเป็นเพราะคุณป้าของปายป่วยกระเสาะกระแสะมานาน ลูกสาวจึงอยากจัดงานทำบุญขึ้นในวันเกิดของแม่
“ผมไปพร้อมคุณก็ได้”
“อย่าเลยพวกกูไปทำงาน มึงไปตอนเช้าวันอาทิตย์ดีแล้ว”
“ผมไปช่วย”
คินหันมามองหน้าผม ด้วยสายตาและสีหน้าที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวพร้อมจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาได้ทุกเมื่อ
“ไม่เชื่อผมเหรอ”
“เชื่อ กูเชื่อ” คนพูด พูดไปหัวเราะไป “แต่ไม่ต้องหรอก บ้านป้าไอ้ปายหลังเล็กมีสองห้องนอนเอง กูกับไอ้ปายไปก็ไปซุกกันอยู่ห้องรับแขก เอาแบบนี้แหละดีแล้ว”
“ก็ยังดี” ผมมองคินยิ้มๆ คนถูกมองเลิกคิ้วขึ้นเพราะไม่เข้าใจคำพูดของผม
“อะไร”
“ยังดีที่คุณไม่บอกว่าผมไปก็เกะกะเปล่าๆ”
“กูไม่ได้พูดนะ...มึงรู้เอง ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังลั่น เมื่อไม่อยากถูกหัวเราะเยาะก็ต้องปิดปากคนหัวเราะ คินทำเสียงอู้อี้ประท้วงอยู่ในคอครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมเป็นเด็กดี
• • • • •
“เดี๋ยวกูกับไอ้คินนั่งแท็กซี่ไปเอง มึงขับไปขับกลับเหนื่อยเปล่าๆ บ้านอยู่คนละมุมเมืองเลย” ปายเอ่ยปากเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถด้านหน้าคณะ
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมไปส่ง”
“เอาอย่างไอ้ปายว่าดีแล้ว จะรถมึงหรือรถแท็กซี่พวกกูก็นั่งสบายไม่ได้ขับเหมือนกัน” คินไม่เห็นด้วยกับผม
“จะได้แวะหาอะไรทานด้วย” ผมบอกเหตุผลของตัวเอง
“โทษทีวะพวกกูจะไปทานที่บ้านป้าสา ไอ้ปายมันอยากรีบไปจะได้ไปช่วยทำงานทางโน้น นี่ก็เกือบเย็นแล้วกว่าจะไปถึงอีก”
“โทษนะมึง” ปายสำทับคำพูดของคินอีกที ผมพยักหน้าให้รู้ว่าเข้าใจแล้ว
“เปิดกระโปรงรถให้ทีกูจะเอากระเป๋า”
“อืม” ผมกดเปิดกระโปรงท้ายรถให้คิน มองสองเพื่อนซี้หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ขึ้นสะพายบนบ่า
“ไว้เจอกัน” ปายส่งยิ้มให้ผมก่อนเลี่ยงออกไปยืนห่างๆ เพื่อให้เวลาผมกับคิน ปายเป็นเพื่อนที่เข้าใจอะไรง่ายเสมอ คินหมุนตัวหันมาหาผม ส่งยิ้มกว้างอย่างที่เห็นเป็นประจำมาให้
“ดีใจล่ะสิมึง”
“เรื่องอะไร”
“ก็วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน” คนพูดทำสายตาเจ้าเล่ห์เพื่อสื่อความหมายของคำที่พูด
“หมายถึงผมควรชวนผู้หญิงไป?”
“ก็น่าสนใจ” คินมองผมยิ้มๆ
“ผมจะลองคิดดู”
“จะทำอะไรก็ได้กูไม่ว่าหรอกขอแค่อย่างเดียว”
“อะไร”
“อย่าลืมลุกขึ้นมากินข้าว กินให้ครบสามมื้อด้วยเข้าใจไหม”
ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจท่าทางสบายใจคนตรงหน้า คำบางคำจึงหลุดออกมาจากลำคอ
“น่าเบื่อ”
“กูเหรอ?” คินชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ผมยกยิ้มมุมปากโดยไม่ตอบ
“ได้ๆ” คินตบมือบนบ่าผมแรงๆ พูดด้วยเสียงปนหัวเราะ “งั้นมึงก็ใช้สองวันนี้ให้คุ้มค่าจะได้หายเบื่อ กูไปล่ะวันอาทิตย์เจอกัน”
“อืม” ผมพิงหลังกับตัวรถมองคินเดินไปหาปาย มองแผ่นหลังที่คุ้นเคยห่างสายตาออกไปเรื่อยๆ เพียงครู่เดียวก็ลับสายตาไป
รอบข้างยังมีเสียงต่างๆ ให้ได้ยิน เสียงคนเดินคุยกันเข้ามาในลานจอดรถ เสียงรถยนต์กำลังแล่นออกไป เสียงจากสนามบาสข้างๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่าลานจอดรถแห่งนี้เงียบมาก เงียบจนเผลอถอนหายใจออกมาในขณะที่ก้าวขึ้นรถ
• • • • •
(นอนหรือยัง)
“ยัง ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ”
(กินข้าวแล้วใช่ไหม)
“กินแล้ว คุณล่ะ”
(เรียบร้อย...โอ๊ะ! ป้าสาเดี๋ยวผมยกเองครับ..แค่นี้นะมึง ฝันดี)
ผมมองโทรศัพท์ในมือจนหน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำจึงวางลงข้างตัว หยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดเลือกหนังที่น่าสนใจ ขยับตัวเพื่อให้นอนอยู่ในท่าที่สบายที่สุด คืนนี้ไม่มีใครแย่งเลือกหนัง ไม่มีใครคอยถามว่าอะไรเป็นอย่างไร ไม่มีคนคอยวิจารณ์เนื้อเรื่องให้ต้องคอยดุ เป็นการดูหนังที่สงบสุขที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมหันไปมองที่ว่างข้างตัว เพิ่งรู้วาบางครั้งความสงบสุขก็ไม่ใช่ความสุขเสมอไป
• • • • •
ผมกวาดมือไปด้านข้างก่อนจะพบกับความว่างเปล่า ดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้น นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ตื่นด้วยความสงบแบบนี้ ที่ผ่านมาบางเช้าผมโดนขาใครบางคนพาดที่เอว บางเช้าก็มีหมัดที่กำหลวมๆ ทาบเข้าที่ใบหน้า หรือหากอีกฝ่ายตื่นก่อน ห้องที่ไร้เสียงก็จะมีเสียงร้องเพลงเพี้ยนๆ แทนที่ให้ต้องหนวกหู ไม่นับรวมเสียงตึงตังประกอบการใช้ชีวิตในยามเช้าของอีกฝ่าย
ผมลุกขึ้นนั่ง เอียงศีรษะไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้า คิดว่าเป็นแบบนี้บ้างก็ดี เพียงแต่ความรู้สึกกับเหมือนคนตื่นไม่เต็มตา ไม่สดชื่นเอาเสียเลย
เป็นวันเสาร์ที่น่าเบื่อหน่าย หนังสือสองสามเล่มถูกทิ้งไว้บนโต๊ะหลังจากเปิดอ่านไปได้สามสี่หน้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาจีน
“อยู่ไหน”
(บ้าน มีอะไรหรือเปล่า)
“ว่าจะชวนออกไปข้างนอก”
(เอาสิ ที่ไหน)
ผมพูดชื่อห้างสรรพสินค้าที่หนึ่งย่านใจกลางเมืองออกไป
(ได้ เจอกันกี่โมง)
“สิบเอ็ดโมงแล้วกันจะได้กินข้าวเที่ยงด้วย”
(โอเค แล้วคินกับปายมาด้วยหรือเปล่า)
“ไม่อยู่”
(มิน่า ฮ่าๆ) เสียงหัวเราะของจีนดังมาตามสาย
ผมไม่ถามให้เสียเวลาว่าจีนหมายความว่าอย่างไร สิ่งที่อีกฝ่ายคิดผมย่อมรู้ดี ผมวางสายจากจีน กวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง เมื่อก่อนผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ชอบที่บ้านเงียบสงบแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ชอบความเงียบของบ้านหลังนี้เอาเสียเลย
• • • • •
-ภาคิน เกียรติสิริโยธิน-
เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำเป็นครั้งที่สองผมจึงหยุดมือจากการล้างจาน ล้างมือและเช็ดลวกๆ กับกางเกงที่ใส่อยู่ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองชื่อที่โทรเข้าก่อนยกยิ้มที่มุมปาก
“ว่าไงวะ”
(เตรียมงานเสร็จหรือยัง) เสียงพูดยังเรียบเรื่อย คล้ายไม่ใส่ใจในสิ่งที่ถามมากมายเท่าไหร่ตามสไตล์ของคิน
“เสร็จแล้ว” ผมมองกองถ้วยชามที่ล้างค้างอยู่ เหลือแค่นี้ก็ถือว่าเสร็จแล้วมั้ง
(อืม รออยู่ที่นั่น)
“รอที่นั่น? หมายถึงยังไงวะ” ผมตีความไม่แตกจึงต้องย้อนถาม แต่ปลายสายไม่สนใจผมสักนิด สิ่งที่ได้ยินจึงมีเพียงสัญญาณให้รู้ว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว
“อะไรของมันวะ?” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน เก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“มีอะไร”
ผมหันไปมองปายก่อนยักไหล่ “ไอ้คินบอกให้กูรออยู่นี่ คงหมายถึงพรุ่งนี้เจอกันมั้ง” แม้จะสงสัยว่าทำไมจึงใช้คำพูดให้เข้าใจยากเย็นนัก แต่ผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ถ้าแปลคำพูดไอ้คินได้ง่ายๆ ก็คงไม่ใช่ไอ้คินพูดแล้ว
• • • • •
เพราะเป็นบ้านที่ไม่มีพื้นที่มากนักจึงได้ยินเสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านได้อย่างชัดเจน ลูกพี่ลูกน้องของปายลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนหันมาบอก
“รถไม่คุ้นมาบ้านโน้นมั้ง”
“มาบ้านเรานี่แหละ” ปายพูดยิ้มๆ ก่อนละสายตาจากหน้าต่างหันมามองผม
“ไม่มั้งพี่ไม่รู้จักใครใช้รถแพงแบบนี้” ลูกพี่ลูกน้องของปายยังปฏิเสธ
ผมฟังคนโน้นคนนี้ทีด้วยสีหน้าซื่อบื้อเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าปายยังมองผมด้วยสายตาขำ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว พร้อมๆ กับร่างกายที่ผุดลุกขึ้นยืนทันที
“มาเหรอวะ!”
“ออกไปสิ” ปายพูดเพียงแค่นั้นก็ยืนยันสิ่งที่ผมคิดได้ทันที ผมรีบเดินตรงไปยังประตูเพื่อเปิดออกไปภายนอก
“มายังไงวะ” ผมมองคินด้วยความแปลกใจ ร่างสูงยืนอยู่ข้างรถ ในมือมีโทรศัพท์เดาว่ากำลังจะโทรหาผม
“ขับรถมา”
“เหรอวะ! กูนึกว่ามึงเดินมา” ผมมองค้อนอีกฝ่าย จึงได้รับเสียงหัวเราะเป็นสิ่งตอบแทน
“เสร็จงานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อืม”
“ถ้างั้นก็กลับกัน”
“หะ!”
“กลับบ้าน”
แปลกที่เสียงทุ้มของคินทำให้ผมรู้สึกราวกับตัวเองจากบ้านมานาน
“แต่พรุ่งนี้..” ผมท้วงอย่างลังเล
“ค่อยมาพร้อมกันพรุ่งนี้”
“อ๋อ” ผมพยักหน้าด้วยสีหน้างงงันเล็กน้อย ผมมองร่างสูงของคิน สบตากับสายตาลุ่มลึกที่มองมา จู่ๆ ก็รู้สึกคิดถึงคนตรงหน้า มุมปากผุดเป็นรอยยิ้มบาง ดวงตาอ่อนแสงลง
“รอเดี๋ยวนะเข้าไปบอกปายกับป้าสาก่อน”
“อืม”
ผมมองมือที่กุมพวงมาลัยรถ มองไล่ไปตามแขนแข็งแรงและไปสิ้นสุดที่ใบหน้าด้านข้างของคิน
“มาธุระแถวนี้เหรอวะ”
“เปล่า” เสียงตอบไม่ใส่ใจ
“งั้นทำไม?”
“พรุ่งนี้ผมไม่อยากเข้าไปที่งานคนเดียว”
“อ๋อ” ผมเผลอทำสีหน้าผิดหวัง ก่อนรีบสะบัดความรู้สึกนั้นออกจากตัว
“เป็นยังไงบ้าง สองวันนี้สบายหูดีไหม”
“ดี”
“ดูมึงตอบ ไม่คิดถึงกูเหรอวะ”
“...”
“มึงนี่ไร้น้ำใจสุดๆ” ผมบ่นเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะเงียบ
“หึๆ”
ผมหัวเราะตามคินบ้าง ส่ายหัวให้กับคำถามชวนขนลุกของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดยิ้มเมื่อมองใบหน้าด้านข้างของคินไม่ได้
คิดถึง นั่นไม่ใช่คำตอบของคินแต่เป็นคำตอบของผม
• • • • •
“สบายฉิบ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายเมื่อเดินออกจากห้องน้ำ อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายเหมือนอยู่ที่บ้าน คินเงยหน้าขึ้นมองผม ริมฝีปากคล้ายจะยกยิ้มก่อนจะจางหายไป สายตาตกลงมองหนังสือที่อยู่ในมือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมยืนเช็ดผมไปด้วยมองคินไปด้วย ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างในตัวคินที่แปลกไป เพียงแต่ผมบอกไม่ได้เหมือนกันว่าคืออะไร
“ไอ้คิน” ผมเรียกอีกฝ่ายเมื่อลงไปนอนบนเตียงแล้ว
“อะไร”
ผมมองเพดานนิ่งโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปมองคิน ดวงตาค่อยๆ สว่างขึ้น ความผิดหวังทำให้ความคิดของผมโง่งมไปชั่วคราว มาตอนนี้ถึงคิดได้ว่าคนอย่างไอ้คินน่ะเหรอจะไม่กล้าเข้าไปในงานคนเดียว
“มึงนี่มัน..” ผมหัวเราะออกมา
“อะไร”
ผมพลิกตัวหันไปหาคินเต็มตัว มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาอ่อนโยน
“คิดถึงกูเหรอวะ”
“...”
“เหงาเหรอ”
“...”
แม้ไม่ได้คำตอบแต่ใบหูที่แดงขึ้นเล็กน้อยก็ทำให้ผมยิ้มได้
“ฮ่าๆ มึงแม่งโคตรน่ารัก” ผมเอื้อมมือไปหาหมายจะขยี้ผมอีกฝ่าย แต่คินเอียงตัวหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ผมสบตาคิน มองเห็นการไหววูบภายในดวงตาคู่นั้น น้ำเสียงที่พูดจึงอ่อนลงพอๆ กับสายตาที่มอง
“ถ้าเหงามึงโทรบอกกูได้ ถ้าอยากให้กลับมามึงโทรบอกกูได้”
“...”
“ถ้าคิดถึงกู..มึงบอกกูได้”
“...”
“กูก็คิดถึงมึง” ผมระบายรอยยิ้มออกกว้าง ตรึงสายตาของคินไว้เพื่อให้เห็นความจริงใจภายใน เราสบตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้นไม่ดังนัก
“ผมไม่ชอบพูดอะไรแบบนั้น”
“ก็ไม่เป็นไร มึงจะพูดก็ได้ ไม่พูดก็ได้ แค่กูรู้ก็พอ”
คินสบตาผมนิ่ง ดวงตาคู่นั้นบ่งบอกอะไรมากมายเหลือเกิน
“ผมไม่ชอบพูด”
“เออ..กูรู้ๆ”
“แต่ผมแสดงออกด้วยวิธีอื่นได้”
“หือ?”
ดูเหมือนผมจะคิดช้าไปเสียแล้ว เมื่อร่างกายของตัวเองถูกดึงไปปะทะกับอกแกร่ง ริมฝีปากบางจู่โจมลงมาอย่างรวดเร็ว เอาละตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการหาเรื่องใส่ตัวเองเป็นอย่างไร ดูเหมือนความคิดถึงของคนบางคนจะมากมายเหลือเกิน
“คิน”
“หือ?” ผมขานด้วยน้ำเสียงของคนใกล้หลับเต็มที ซุกใบหน้ากับหมอนอย่างหมดแรง
“ผมคิดถึงคุณ” ริมฝีปากอุ่นแตะลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับง่วงงุน
บางครั้งการต้องห่างกันบ้างก็ดี เพราะมันทำให้เราได้รู้ว่า..ความคิดถึงนั้นหน้าตาเป็นแบบไหน
ตอนที่ 27 [End]
คุณคนเดียวกัน
“เอ้า ของที่แม่มึงฝากมา” กล่องกระดาษขนาดกลางถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าผม โดยเพื่อนที่มาจากจังหวัดเดียวกัน
“ขอบใจมาก” ผมไม่ได้ถามว่าเป็นอะไร เพราะแม่โทรมาบอกเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ต้องขอบใจ แม่มึงให้กูมากล่องหนึ่งเหมือนกัน ของอร่อยทั้งนั้น”
“มิน่า มึงกลับบ้านทีไรอาสารับฝากของแม่กูทุกที”
“เพิ่งรู้เหรอ” เพื่อนตัวดียักคิ้วให้ผม
“แต่พูดไปตั้งแต่คราวนั้นกูไม่กล้าฝากของให้มึงอีกเลย เข็ดจริงๆ”
“คราวนั้น?” ผมขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะนึกออกว่าเพื่อนพูดถึงอะไร
“อ๋อ มึงฝากได้ ไม่มีปัญหาอะไร”
“ทำไมวะ หรืออีกคนที่ชื่อเหมือนมึงลาออกไปแล้ว”
“เปล่า” ผมส่ายหน้า ริมฝีปากยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่ลาออกไปแล้วแต่เป็นแฟนกันแล้วต่างหาก แน่นอนว่าผมไม่คิดจะบอกเพื่อนในตอนนี้
“เดี๋ยวนี้สนิทกันแล้ว ถ้าส่งผิดคนเดี๋ยวก็เอามาให้กูเอง”
“ก็ดี กูจะได้ไม่ต้องคอยระวัง”
“ที่จริงให้กูเป็นคนไปเอาที่มึงไม่ดีกว่าเหรอ” ผมพูดเพราะรู้สึกเกรงใจที่เพื่อนต้องเอามาให้ที่คณะทุกครั้ง
“ไม่เป็นไรแบบนี้ง่ายกว่า กูไปล่ะ”
“กลับดีๆ ขอบใจมาก” ผมมองส่งเพื่อนจนลับสายตา กำลังคิดจะแกะกล่องปายก็เดินมาพอดี วันนี้ผมกับปายกลับด้วยกันสองคน เนื่องจากคินไปบ้านคุณปู่ตั้งแต่เรียนเสร็จตอนบ่ายสองโมง
• • • • •
ผมนั่งอยู่ในห้องครัว กำลังเอาของออกจากกล่องตอนที่คินเดินเข้ามา ผมหยุดมือและเงยหน้าขึ้นยิ้มให้อีกฝ่าย
“นึกว่าจะกลับดึกกว่านี้”
“คุยกับปู่เสร็จก็กลับมาเลย ไม่ได้อยู่ทานข้าว”
“ทำไมไม่อยู่วะ นานๆ ไปหาที ปู่มึงจะได้ดีใจ”
“พ่อกับครอบครัวมา”
ผมสะท้อนใจทุกครั้งเวลาคินพูดว่า ‘พ่อกับครอบครัว’ ราวกับตนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่เมื่อมองแววตาของคินและไม่เห็นร่องรอยความผิดปกติใดๆ ผมก็โล่งใจ
“ทำอะไรอยู่เหรอ” คินดึงเก้าอี้ตรงข้ามผมออกนั่ง
“เก็บของที่แม่ฝากมาให้เข้าตู้”
“ฝากใครมา? เพื่อนกลับบ้านอีกแล้วเหรอ”
“ใช่ คนเดิม” ผมสบตากับคิน ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นพร้อมกัน
“มึงจำได้ใช่ไหม” ผมถามคินเพื่อยืนยันว่าเราหัวเราะเรื่องเดียวกันหรือไม่
“จำได้” คินพยักหน้ารับ
“กูถามจริงเถอะ ตอนนั้นมึงรู้หรือเปล่าว่าเป็นของกู หรือคิดว่าเป็นของมึงจริงๆ” ผมจำได้ว่าตอนที่ไปทวงของ คินบอกผมว่ายกให้คนอื่นไปแล้วเพราะไม่คิดจะกิน ตอนนั้นผมคิดเอาเองว่าคินรู้ว่าเป็นของผมแต่ตั้งใจยกให้คนอื่น
“ถามจริงก็ตอบจริงๆ ว่าตอนนั้นคิดว่ามีคนส่งมาให้ผม ไม่ได้คิดว่าเป็นของคุณ”
พอตัดอคติออกเรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ เพราะคินเป็นหนุ่มฮอตของคณะ ได้ของฝากเป็นขนมนมเนยจากสาวๆ เป็นประจำ ถึงของในกล่องจะแตกต่างจากที่เคยได้รับเพราะเป็นอาหารและของแห้ง แต่อย่างมากก็คงคิดว่าคนที่ให้แปลกดี
“ผมมารู้ว่าเป็นของคุณ ก็ตอนที่เห็นเดินหน้าดำคล้ำเครียดเข้ามาหา” คินพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อนึกย้อนคิดถึงเรื่องในอดีต
“รู้ก่อนกูพูดอีกเหรอวะ” ผมข้องใจ
“ใช่ พอเห็นคุณเดินมาก็เริ่มเอะใจแล้ว ตอนนั้นยังคิดในใจว่าหมอนี่เอาเรื่องแน่”
“แต่ก็ไม่เห็นมึงกลัวนี่หว่า ยังทำหน้ากวนประสาทกูอีก ตอบแบบไม่ได้เกรงใจกันสักนิดว่ามึงเอาของกูไป”
“นั่นสิ เพราะอะไรนะ” คินมองหน้าผม ริมฝีปากและดวงตาเปื้อนรอยยิ้ม
“อาจเป็นเพราะว่าผมชอบเวลาคุณโมโหมั้ง”
“มึงเป็นมาโซคิสม์หรือไงถึงชอบให้กูโมโหใส่” ผมอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเหตุผลของอีกฝ่าย
“ไม่รู้สิ ผมก็แค่ชอบแหย่คุณ แต่ถ้ามานึกดูดีๆ อาจเพราะเวลาโมโหคุณดูมีชีวิตชีวา”
“มีชีวิตชีวา?” เป็นคำอธิบายที่ผมยังหาความเกี่ยวข้องกับตัวเองไม่ได้
“ใช่ เอะอะ โวยวาย เสียงดัง เอาแต่โมโห ท้าตีท้าต่อยเป็นที่หนึ่ง”
“มึงไม่ได้หลอกด่ากูอยู่ใช่ไหม” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจทำให้คินขำ
“คุณมีชีวิตชีวา” คินยังย้ำคำเดิม “ผมถึงชอบแหย่คุณ”
“วันหลังมึงบอกกูดีๆ ก็ได้ไม่ต้องแหย่ ถ้าชอบเดี๋ยวกูโวยวายสามวันไม่พักให้หนำใจเลย” ถ้าไม่ติดว่ากลัวเสียมาดหนุ่มสุดเท่ผมจะส่งค้อนวงใหญ่ไปให้
“แต่ความชอบของมึงโคตรแปลก รู้ไหมว่าแบบนั้นเรียกว่าหาตีนให้ตัวเอง” ผมนึกถึงช่วงเวลาที่อยากกระทืบหมอนี่เป็นพันครั้ง โชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้ทำ
คินหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของผม “ว่าแต่คุณเถอะตอนนั้นคิดยังไงกับผม บอกกันบ้างสิ”
“อยากฟังจริงเหรอ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก
“คงไม่มีอะไรมากไปกว่าคุณไม่ชอบผมแล้วมั้ง ถ้าอย่างนั้นก็พูดมาเถอะ ผมอยากฟัง”
“อืมม” ผมทำหน้าครุ่นคิด มาถึงตอนนี้เมื่อต้องมองย้อนกลับไป ผมกลับจำไม่ได้ว่าเคยไม่ชอบคินอย่างไร คล้ายกับความรู้สึกเหล่านั้นจางหาย เหลือไว้เพียงภาพเหตุการณ์เท่านั้น
“ถ้าให้กูจำกัดความรู้สึกตอนนั้นออกมาเป็นคำพูด กูว่ามันคือความหมั่นไส้” ในที่สุดผมก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเอง
“หมั่นไส้?”
“ใช่ เมื่อก่อนกูคิดว่ากูเกลียดมึง ไม่ชอบหน้ามึง แต่พอมาย้อนคิดดู กูคิดว่าทั้งหมดเพราะกูหมั่นไส้มึง”
“แล้วทำไมคุณถึงหมั่นไส้ผม”
“เพราะมึงชื่อเหมือนกูไง เพราะมึงหล่อกว่ากู เด่นกว่ากู ดังนั้นเวลามีคนพูดถึงภาคินคณะวิศวะ ทุกคนก็จะนึกถึงมึงก่อนเป็นคนแรก”
ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยวิเคราะห์ความรู้สึกตัวเองเลย พอมาคิดดูถึงเพิ่งรู้ว่า ที่ผมไม่ชอบหน้าคินก็เพราะสาเหตุนี้ ทำให้ไม่ว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็ไม่ชอบไปเสียหมด ส่วนคินก็ดันชอบแหย่ให้ผมโมโห เมื่อทั้งสองอย่างมาเจอกันมันก็เลยไปกันใหญ่ นี่จึงเป็นที่มาของการชังน้ำหน้าคินของผม
“ที่จริง..”
ผมหยุดคิดเมื่อคินพูดขึ้นมา
“ผมคิดว่าผมชอบคุณตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ใช่แบบคนรักแต่ชอบในสิ่งที่คุณเป็น”
“อย่าบอกว่าคนอย่างมึงอิจฉากูนะ” ผมแกล้งเย้าคินเล่น
“อาจเป็นได้ ผมอาจอิจฉาความมีชีวิตชีวาของคุณจริงๆ”
“เพราะแบบนี้หรือเปล่าวะ มึงถึงตอบรับให้กูมาทำงานที่บ้าน” ผมเริ่มเชื่อมโยงเรื่องราวที่ผ่านมาได้
“ใช่” คินพยักหน้า
“กูไม่รู้เคยว่ามึงเหงา” น้ำเสียงของผมอ่อนลง
“ผมก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเหงา คิดว่าอยู่ได้ สบายมาก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่” คินมองผมด้วยสายตาลึกซึ้งมากขึ้น
“ขอบคุณมาก”
“ช่างเถอะ ใครใช้ให้กูชื่อเหมือนมึงวะ” ผมแกล้งบ่นเพื่อปิดบังความเขินที่เกิดขึ้น เวลาหมอนี่ทำซึ้งทีไรผมไปไม่ถูกทุกที
“มึงขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวกูจะได้อาบบ้าง” ผมไล่เจ้าของบ้าน
“เขินเหรอ” ดวงตากรุ้มกริ่มฉายแววล้อเลียน
“เออ” เอาสิกล้าถามผมก็กล้าตอบ
“หึๆ” คินลุกขึ้นยืน ผมนึกว่าอีกฝ่ายจะเดินออกไปเลย ที่ไหนได้คินกลับหยุดยืนข้างเก้าอี้ที่ผมนั่งแล้วโน้มตัวลงมาจูบเข้าที่แก้ม
“ไอ้คิน!” ผมร้องโวยวาย แน่นอนว่าเพื่อปิดบังความอาย
“ไปแล้ว” คินยกมือขึ้นโบกโดยไม่หันกลับมา มีเพียงเสียงหัวเราะเท่านั้นที่บอกผมว่า ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน หมอนี่ก็ยังชอบที่จะแหย่ผมอยู่ดี
• • • • •
“ดูอะไรอยู่วะ” ผมเห็นคินนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง สายตามองลงต่ำ จึงเกิดความสงสัยขึ้นมา ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ถึงเห็นว่าคินกำลังมองแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนที่เหมือนกับแหวนที่คินยกให้ผม แหวนที่ครั้งหนึ่งผมเคยสงสัยว่าคู่ของมันอยู่ที่ไหน
“ดูแหวน” คินยกมือขึ้นให้ผมดู
ผมเดินอ้อมเตียงไปขึ้นจากอีกฝั่ง นั่งขัดสมาธิและพิงหลังกับพนักเตียง หันหน้าไปหาคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“คิดอะไรอยู่” ผมสงสัยว่าทำไมคินถึงมองแหวนนิ่งนานขนาดนั้น จนแม้กระทั่งผมเดินออกจากห้องน้ำมาแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
“คิดว่าเราจะได้จัดงานแต่งงานไหม แล้วแต่งเมื่อไหร่”
!!!
“เชี่ยคิน! มึงแหย่กูอีกแล้ว” ผมโวยวายเสียงหลงหลังจากนั่งนิ่งไปอึดใจ
“เปล่า” คินส่ายหน้า ดวงตาที่มองมาจริงจังกว่าทุกครั้ง จนผมต้องปรับอารมณ์ตาม
“มึงคิดทำไมวะ”
“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าอนาคตของเราจะเป็นยังไง”
“อนาคตเหรอ?” ผมนิ่งคิด ก่อนจะส่งรอยยิ้มสบายอกสบายใจไปหาคิน
“ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วนี่หว่าว่ายังมาไม่ถึง แล้วเราจะรู้ได้ยังไง”
“กังวลหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ถามแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง ทำให้ผมเข้าใจในที่สุดว่าทำไมคินถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมา
ผมส่ายหน้า มองเข้าไปในดวงตาของคินด้วยสายตาเชื่อมั่น
“ไม่กังวล กูไม่เคยคิดว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เราจะยังรักกันอยู่ไหม จะยังอยู่ด้วยกันหรือเปล่า มันเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป สำหรับกูแล้วแค่วันนี้ยังดีอยู่ก็พอ”
“ไม่กลัวว่าผมจะเปลี่ยนไปเหรอ”
“ไม่กลัว วันหน้าจะเป็นยังไงก็ช่าง แค่วันนี้มึงดีกับกูก็พอ” ผมสบตากับคิน เพื่อถ่ายทอดความจริงใจทั้งหมดไปให้
“แค่วันนี้” ผมพูดย้ำอีกครั้ง ก่อนที่ดวงตาจะปรากฎรอยยิ้มเจ้าเลห์ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อคินเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา ส่ายหัวด้วยความรู้สึกอ่อนใจ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะของผม ก่อนจะขยี้ผมที่เพิ่งเป่าแห้งจนยุ่ง น้ำเสียงที่พูดรู้ทันผสมกับความเอ็นดู
“พอพรุ่งนี้ตื่นเช้าขึ้นมาก็เป็นวันนี้ใช่ไหม”
“ใช่” ผมยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย “ไม่ว่าอีกกี่ปีก็ยังเป็นวันนี้เสมอไม่ใช่เหรอ”
“หึๆ งั้นก็หมายความว่าคุณอยากให้ผมดีกับคุณตลอดไป”
“เปล่า กูหมายถึง..” ผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของคิน
“กูอยากอยู่กับมึงตลอดไป” ผมประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคิน
มันแน่นอนอยู่แล้ว ทำไมผมจะไม่อยากอยู่กับคินไปอีกนานเท่านานเล่า ดังนั้นผมจะทำวันนี้ให้ดีต่อไปเรื่อยๆ
วันนี้ของทุกวัน
อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ นะภาคิน
คนที่เป็นเหมือนคนคนเดียวกันกับผม
- Happy Ending -
• • • • •
PRE-ORDER คุณคนเดียวกัน
สั่งซื้อได้ที่ : >>กดที่นี่<< (https://bit.ly/3fHsZHq)
ระยะเวลา 6-15 เมษายน 2564
- เริ่มส่งสินค้า 16 เมษายน 2564
(https://sv1.picz.in.th/images/2021/04/06/AWFca2.jpg)
ฝากคินคินด้วยนะคะ ^^
ขอบคุณค่ะ
-Darin-