พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น]ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) SP-เด็กผม ใครก็ห้ามแตะ(3/3)[26/5/56]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: bleach_pa ที่ 16-05-2012 21:13:40
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) 1st
ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตจะได้มาเจออะไรแบบนี้
“ อ้าว! ลุง เชิญเข้ามาเลยฮะ ” ใบหน้าหล่อเหลาที่ผมเห็นไกลๆยังสู้มองจากมุมใกล้ไม่ได้ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ผมต้องยอมรับเลยว่าไอ้เด็กหน้าตาดีชะมัดถึงผมจะไม่ชอบใจเลยซักนิดก็ตาม แถมมันยังตัวสูงกว่าผมซะอีก แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ลุง ????????
เรียกแก่ไปไหมผมอายุปาไปใกล้จะเลขสามแต่ว่า ผมมองใบหน้าและรูปร่างของชายหนุ่มตรงหน้าดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วน่าจะเรียนมหาลัยอยู่คำว่าลุงก็ออกจะเกินไปอยู่ เป็นพี่แทนจะได้ไหม?
ผมนั่งลงตามคำเชิญของเจ้าของบ้านวางกระเป๋าเอกสารลงข้างตัวนัยน์ตามองร่างที่หายลับไปก่อนจะหันไปมองรอบๆ วันนี้ผมมาเอางานจากบ้านเป้เพื่อนสนิทควบตำแหน่งเพื่อนร่วมงานของผมเห็นมันบอกว่าตอนนี้ที่บ้านมีลูกพี่ลูกน้องมาอยู่ด้วยไม่งั้นผมคงต้องคิดว่ามาผิดบ้านแน่ๆ หน้าตาของเจ้าเด็กนั้นไม่เห็นเหมือนเพื่อนผมเลยสักนิด
ร่างที่ผมกำลังนินทาอยู่ในใจก็เดินย้อนกลับมาในห้องพร้อมน้ำอัดลมเย็นๆภายในแก้วใบสวยวางไว้ตรงหน้าผม
“ รอแป๊ปนะลุง พี่เป้กำลังกลับมาอยู่ ” ผมมองใบหน้าที่นั้นที่ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้คิ้วกระตุก
ทำไมไอ้เป้ถึงเป็นพี่แต่ผมได้เป็นลุงวะ ไอ้เด็กเวรนี่มันกวนประสาทผมอยู่หรือยังไง!?
“ ………….พี่ ”
“ ครับ? ” ยิ่งมองหน้าไอ้เด็กนี่ยิ่งไม่สบอารมณ์ ทำไมเดี๋ยวนี้มันยิ่งจะมีพวกที่เด็กกว่าผมมันถึงได้หน้าตาดีขึ้นเรื่อยแบบนี้วะ เกลียดขี้หน้ามัน!
“ กูอายุเท่าพี่มึง ให้เรียกกูว่าพี่ ” อย่าให้ผมพูดอีกรอบนะเฟ้ย ไอ้เด็กนั้นชะงักไปแบบอึ้งๆก่อนจะจ้องหน้าผมด้วยท่าทางไม่พอใจผมจ้องกลับเหมือนกันเรื่องอะไรจะต้องกลัวมันกัน จ้องกันไปจ้องกันมาจนเป็นสงครามเย็นทางสายตากับไอ้เด็กบ้านี่หน๊อยไอ้เด็กเวรเอ๋ยบังอาจมาหล่อกว่ากูแล้วยังมาเรียกกูว่าลุงอีก แล้วนี่ไอ้เป้เมื่อไรจะมาวะผมจ้องจนปวดตาอยากจะกลับบ้านแล้ว
“ อ้าว มานั่งจ้องหน้ากันทำไมวะ ” เสียงไอ้เป้เหมือนเสียงระฆังบอกหมดยกผมละสายตาจากไอ้เด็กบ้านี่หันมาหาไอ้ตัวการที่ผมต้องมาวันนี้ที่มามาพร้อมกับพี่ไฟพี่ชายของผม
เวรเอ๊ย! ผมล่ะไม่น่าโง่ตามมันเลยจริงๆเพราะทำไมนะหรอก็เพราะไอ้เป้กับพี่ไฟพี่ชายผมเป็นแฟนกันนะสิปกติเห็นมันอยู่บ้านผมบ่อยๆทำไมต้องให้กูมาคอยมึงที่นี่ ทำไมมึงไม่เอาไปให้กูที่บ้านวะ? ในเมื่อมันมากับพี่ชายผมได้มันก็ไปบ้านผมได้ไม่ยากเลยงงจริงๆ
“ มึงให้กูมาเอาที่นี่ทำไมวะ ในเมื่อปกติมึงก็มาขลุกอยู่บ้านกูทุกวัน ” ผมยิงคำถามคาใจ ไอ้เป้สงสายตาพิฆาตใส่ผมทำให้ผมหันเอะใจหันไปมองไอ้เด็กเวรที่หันไปจ้องพี่ไฟอยู่
“ เออๆ งานเอามาซิวันนี้ย้ายมาทำบ้านมึงบ้างก็ได้ ” ผมแถไปเรื่อยให้สถานการณ์ดีขึ้นดูจากท่าทางแล้วไอ้เป้ยังไม่ได้บอกลูกพี่ลูกน้องมันแน่ว่ามันมีแฟนเป็นผู้ชาย งานเข้าผมแล้วไง!
“ นี่ใครอ่ะพี่เป้ ” จู่ๆไอ้เด็กเวรก็ถามขึ้นมา ไอ้เป้สะดุ้งนิดๆยังดีที่มันค่อนข้างเนียนหน่อยแต่จะไม่เนียนก็ตรงที่มองมาหาผมนี่แหละ
“ พี่ไฟพี่ชายฉันเอง ” ผมพูดขึ้นป้องกันเรื่องของทั้งคู่ไอ้เด็กบ้านั้นจ้องหน้าผมนิ่งๆก่อนจะหันไปหาเป้
“ หน้าไม่เห็นเหมือนกัน ” ไอ้เด็กเวร! มึงพึมพำแต่กูได้ยินนะเฟ้ยเฮ้ย ผมกับพี่ไฟเป็นพี่น้องคลานตามกันมาจากในท้องแม่เลยนะหน้าจะไม่คล้ายกันได้ไงฟ่ะไอ้เด็กตาถั่วเอ๋ย
“ ไอ้เก่ง ” เสียงไอ้เป้ดังขึ้นห้ามปรามก่อนจะแนะนำตัวไอ้เด็กเวรนี่
“ นี่ลมเพื่อนพี่ ส่วนลมนี่เก่งลูกพี่ลูกน้องฉัน ” ผมมองหน้าไอ้เก่งที่ดูเหมือนมันจะมีดีแค่ปากเก่งสมชื่ออย่างเดียว
“ ไม่เห็นอยากรู้จัก ” ผมได้ยินเสียงพึมพำจากปากไอ้เด็กนั้นอีกครั้งทำให้ผมหันควับกลับไปมองหน้ามันที่หันมายักคิ้วใส่ผม หน๊อยแก!
“ พี่ว่าจะกลับแล้วนะ ไอ้ลม ” ไอ้พี่ไฟเรียกผมก่อนที่ผมจะกระโจนกัดหัวไอ้เด็กบ้านี่
“ ครับ ” ผมตอบรับอย่างไม่พอใจลุกขึ้นตามพี่ไฟไปก็สะดุดล้มเมื่อมีขามารที่ยื่นมาขัดผมไว้ซะก่อน ไอ้เด็กเวร!
“ มึง……… ” ไอ้เป้เข้ามาล็อกแขนผมลากผมออกมาจากจุดๆนั้นอย่างรวดเร็วความโมโหผมยิ่งพุ่งปรี๊ดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังตามออกมา
“ ปล่อยนะไอ้เชี่ยเป้ ” ผมดิ้นโวยวายพอโดนลากออกมา พี่ไฟที่ยืนอยู่ใกล้รถหันมามองผมด้วยสายตาพิฆาตทำให้ผมนิ่งหุบปากเงียบเนื่องจากถ้าผมดิ้นรุนแรงไปคุณภรรยาของคุณพี่ท่านอาจจะพลอยบาดเจ็บไปด้วย พอผมหยุดดิ้นไอ้พี่ไฟก็คว้าเมียไปดูความเรียบร้อยว่าไม่ได้รับบาดแผลอันใด
ไอ้พี่บ้าเห็นเมียตัวเองดีกว่าน้องในไส้!
“ พี่ไปก่อนนะ ”
“ อะแห่ม ” ผมอดจะส่งเสียงไม่ได้บอกลาส่งตาหวานใส่กันเชียวผมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้อีกคนเชียวนะเผื่อไม่ทันสังเกตเห็น พี่ไฟหันมาไล่ผมขึ้นรถ ผมหน้าหงิกแต่ก็ขึ้นรถมาแต่โดยดีไอ้พี่บ้าเลือกปฏิบัติเอ๋ย ก่อนที่รถจะเคลื่อนไปผมมองไปที่ไอ้เป้ที่ยืนโบกมือลาก่อนจะเห็นไอ้เด็กปากเก่งนั้นยืนมองมาทางรถผมอยู่หน้าบ้านใบหน้ากวนประสาทจนอยากจะลงไปซัดมันสักยก
ดูท่าทางเจ้าเด็กนั้นจะเริ่มสงสัยเรื่องของเป้กับพี่ไฟซะแล้ว ผมจะทำไงดีเนี้ย!
เรื่องแรกที่มาลงบอร์ดนี้ หลังจากตามอ่านผลงานของหลายท่านในนี้มานาน
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ :o8:
16/5/55
-
:mc4:
-
:กอด1:เปนกำลังใจจ้า
-
สนุกมากเลยจ้ะ
ชอบพระเอกแนวนี้จัง
กวนได้อีกอ่ะ 555+
+1 และเป็นกำลังใจให้นะจ้ะ ;]
-
จะตามต่อนะ อย่าทิ้งไปกลางคันล่ะ
-
:mc4:
-
พี่ไฟนิสัยง่ะ เห็นเมียดีกว่าน้องในไส้ ไม่ปลื้มค่ะ
-
วัวอ่อนกะหญ้าแก่อ่ะป่าว
ชอบบบ :o8:
-
อยากอ่านต่อ
-
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) 2nd
เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง ผมยังดันผ่าเอากระดูกมาแขวนคออีก
ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นพี่ไฟพี่ชายผมกับไอ้เป้เพื่อนรักผมจะไม่มีวันมาเยียบที่นี่ให้อารมณ์ขึ้นอย่างเด็ดขาด ไอ้พวกสองคนนี้ก็เหลือเกินพอพี่ไฟรับไอ้เป้มาส่งบ้านก็บังคับให้ผมขึ้นรถมาด้วยเพื่อไม่ให้ไอ้เด็กปากเก่งนั้นมันสงสัยอีก เลยกลายเป็นผมที่ลำบากตรากตรำต้องเอาตัวมาเป็นพยานแถมยังต้องลงไปส่งไอ้เป้ที่หน้าบ้านอีก ผมยังเปรยๆว่าคราวหน้าจะมาอยู่นอนซะที่นี่ไปเลยแม่ง
“ ไอ้ลมส่งแค่นี้ก็ได้ กลับไปได้แล้ว ” ไอ้เป้บอกผมที่เดินมาส่งมันหน้าบ้าน ผมก็คิดอะไรดีๆออกผมยิ้มให้มันก่อนจะหันไปตะโกนให้พี่ไฟได้ยิน
“ พี่ไฟคืนนี้ผมค้างที่นี่นะ ” สิ้นเสียงคนที่ขับรถอยู่ก็ทำหน้าเหี้ยมใส่ผม ผมยืนยิ้มตอบกลับพร้อมกอดคอไอ้เป้เอาไว้ยักคิ้วส่งให้ไอ้พี่ชายที่แทบจะลงมาพ่นไฟใส่ผมแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไอ้เด็กเก่งที่มาเปิดประตูบ้านให้ยังคงยืนอยู่หน้าบ้านขืนลงมามันอาจจะจับได้
“ เออ! พรุ่งนี้จะมารับ ” สิ้นเสียงเย็นเยียบรถตรงหน้าก็ขับกระชากหายไปอย่างรวดเร็ว วู้! ดีนะที่มีไอ้เด็กเก่งอยู่ด้วยไม่งั้นผมต้องโดนไอ้พี่ไฟฆ่าหมกสนามหญ้าแถวนี้แน่เลย
“ มึงเนี้ยน้า” เสียงอ่อนใจของไอ้เป้ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ มันดึงแขนผมออกก่อนเดินเข้าบ้าน ผมมองตามร่างมันไป ไอ้พี่ไฟป่านนี้คงโกรธแทบจะกินหัวผมที่เห็นผมเดินกอดคอไอ้เป้เดินออกมา คงมีแต่มึงเท่านั้นละมั้งที่ไม่รู้ผมยิ้มบางๆส่งไป ก็ดีแล้วผมไม่อยากให้มันรู้เหมือนกัน ถ้ามันรู้เมื่อไรทั้งผมและมันคงมองหน้ากันไม่ติด มันคงเป็นบทลงโทษของคนที่คิดไม่ซื่อแบบผม
ผมกำลังจะตามมันเข้าไปในบ้านก็มีร่างของไอ้เด็กเก่งก้าวมาขว้างหน้าประตูซะงั้น เกือบลืมว่ามันยืนอยู่ตรงนี้เลยแหะ
“ มองอะไร ” ผมพูดเสียงเข้มเมื่อร่างของไอ้เด็กเก่งแต่หันมามองผมด้วยแววตาวาววับเห็นแล้วรู้สึกเสียวสันหลังพิลึก
“ หึๆ ” มันหัวเราะชั่วร้ายใส่ผม ท่าทางเหมือนตัวเองเหนือกว่าแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกอยากจะถีบมันซักป๊าบ
“ ไอ้เชี่ย ” ผมด่ามันแต่ไอ้เก่งกลับยิ้มๆมันดึงคอเสื้อผมเข้าไปใกล้แบบไม่ทันตั้งตัวผมเลยเซตามแรงนั้นไปใบหน้าของผมกับมันอยู่ห่างกันแค่คืบก่อนที่มันจะพูดสิ่งที่ทำให้ผมอึ้ง
“ ………..หึ! ก็แค่มองดูคนที่หลงรักเพื่อนตัวเอง ”
เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวผม คำพูดเป็นดังมีดกรีดหัวใจบาดลึก
เชี่ยแล้วไง!
“ มึงมานอนกับกูแล้วกัน ห้องปกติที่มึงนอนตอนนี้เก่งนอนอยู่ ” ไอ้เป้พูดขึ้นขณะที่พวกผมกำลังจะกินข้าวอยู่
ปกติที่ไอ้เด็กเวรนี่ยังไม่มาผมก็มักจะมาขลุกอยู่ที่บ้านไอ้เป้บ่อยๆเนื่องจากมันอยู่บ้านคนเดียวบางทีเหงาๆผมก็จะมาอยู่ด้วยไม่ก็มันก็ไปหาที่บ้านผม หลังจากเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วที่มันบอกว่าจะมีน้องมันมาอยู่ด้วยผมก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย เจอกับเป้แค่ที่ทำงาน พอมองไปยังไอ้เด็กเก่งแต่ปากที่ยืนมองหน้าผมรอยยิ้มกวนประสาทที่ประดับไว้มุมปากของมันทำให้ผมอยากจะกระโดดจนไปประเคนหมัดวางมวยกันซักรอบ
“ พี่เป้พี่มานอนห้องผมดีกว่า ” ไอ้เป้หันไปมองไอ้เก่งอย่างมึนงงสงสัย
“ ทำไมวะ ” เป้เอ่ยปากถาม
“ ผมแค่กลัวว่าคนแถวๆนี้……มันจะคิดไม่ซื่อนะซิ ” ไอ้เวรนี่มันหันมาทางผมในจังหวะที่มันเว้นวรรคไว้ซะยาว แก! ไอ้เป้ก็ทำหน้างงๆดูท่ามันจะไม่เข้าใจ ผมไม่มองไอ้เวรนั้นแต่หันไปพูดกับเป้
“ อย่าสนใจเสียงนกเสียงกาเลย คืนนี้กูนอนห้องมึงนั้นแหละ ”
“ เออ นั้นสิ ” ทันทีที่เป้ตอบผม ผมก็หันไปยักคิ้วใส่ไอ้เก่งทีนึงมันทำท่าไม่พอใจจ้องหน้าผมเขม็งผมจัดการตักข้าวใส่ปากทำเป็นไม่สนใจ เห็นไหมสุดท้ายไอ้เป้ก็เข้าข้างผมอยู่ดี
“ นี่ ” เสียงที่เอ่ยระหว่างที่ผมเดินผ่าน ผมหันไปมองทางต้นเสียงเล็กน้อยก่อนจะเมินผ่านเรียกไม่ได้ระบุชื่อผมไม่เห็นต้องไปสนใจอะไรนิหว่า ด้วยความเกรียนผมก้าวต่อไปโดยไม่สนแต่กลับถูกกระชากหัวไหล่ให้หันไปหาเขา
“ มึงนั้นแหละ ” มึงเลยหรอไอ้เด็กนี่
“ มีอะไร ” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์จ้องกลับด้วยหน้าตากวนๆสบกับนัยน์ตาที่ดูเข้มขึ้นเรื่อยๆของคนตรงหน้า
“ เลิกยุ่งกับพี่เป้ซะ ”แรงบีบที่หัวไหล่ทำให้ผมหน้ามุ่ย
“ เรื่องอะไรกูต้องเลิก ” มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผมฟ่ะ ผมปัดมือที่จับไหล่ออกตูมีสมองคิดเองได้ว่าจะทำอะไรไม่ต้องให้มันมาสั่งสอน สายตาคมกริบที่มองมาผมก็ยักคิ้วกวนๆกลับไปให้มัน มันมองผมนิ่งๆก่อนจะไม่วายทิ้งท้ายให้กวนอารมณ์ก่อนจะจากไป
“ อย่าให้รู้ว่าคิดไม่ดีกับพี่เป้ก็แล้วกัน ” ผมก็ชักจะสงสัยมันแล้วเหมือนกัน ผมมองตามร่างนั้นไป
ทำไมถึงได้หวงไอ้เป้แบบนี้?
ผมนั่งจ้องไม่วางตาสงสัยครับ ความสงสัยมันค้างคาใจเหมือนพอจะเดาได้แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ผมมองการกระทำจะว่าเหมือนน้องชายควรทำก็เหมือนแต่ก็ถ้าคิดแบบอกุศลมันก็อาจจะใช่ ผมเลยนั่งกอดอกมองการกระทำของมันอยู่นี่แหละ ไอ้เด็กเวรนั้นทิ้งหนังสือลงบนโต๊ะเสียงดังจนเป้ที่นั่งดูทีวีหันไปมอง
“ ดูเหมือนจะมีปลิงอยู่แถวนี้นะครับ เกาะเขากินหลายวันแล้วยังไม่กลับบ้านกลับช่องไปอีก ” คำจิกกัดแบบสุภาพทำให้ผมยิ้มกว้างผมจะอยู่กดดันมันเนี้ยแหละมีอะไรไม่พอใจไหม
“ เก่ง! ” เสียงไอ้เป้ร้องขึ้นทำให้ไอ้เด็กเก่งคะแนนติดลบหนึ่งเป็นไงล่ะไอ้เด็กเก่งมวยมันคนละชั้นกัน หึ
“ ว่าแต่แกพี่ไฟตามแล้วทำไมไม่กลับบ้านวะ ” เสียงไอ้เป้ถามผมทำให้ไอ้เด็กเวรได้ใจหันมายักคิ้วให้ผม หน๋อย! ผมได้แต่เก็บความรู้สึกอยากจะพ่นไฟใส่มันไว้ในใจ
“ ปกติกูก็มาค้างบ้านมึงบ่อยๆจนเหมือนบ้านตัวเองอยู่แล้วจริงไหม ” ผมตอบไอ้เป้พลางโน้มคอมันที่นั่งอยู่ข้างๆมากอด
“ ปล่อยกูเลยนะเว้ยอึดอัด ” เป้โวยลั่นทำให้ผมหัวเราะร่วนแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมัน ก่อนเหลือบมองไอ้เด็กเก่งที่นั่งมองผมกับไอ้เป้นิ่งสายตาคมๆของมันเล่นเอาผมเสียวสันหลัง คิดว่าไอ้เด็กนี้จะลุกขึ้นมาโวยวายอะไรสักหน่อยแต่นี่นิ่ง นิ่งๆแบบสยบความเคลื่อนไหวแบบนี้ทำให้ผมเดาทางมันไม่ถูกเลยจริงๆแหะ
-
ต่อน้า
-
ใครจะเป็นลูกไก่ในกำมือใครระหว่างลุงกับหลาน
-
มาต่ออีก
-
อีกนิดจิ :impress:
-
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) 3rd
“ ทำไมกูต้องช่วยมึงด้วยฟ่ะ ” ผมเอ่ยอย่างเซ็งๆหลังจากฟังคำของร้องอันหน้าปวดหัวของเจ้าเพื่อนสนิทที่พ่วงตำแหน่งพี่สะใภ้มาด้วย ตั้งแต่คบกันมาแต่ละเรื่องที่มันขอนี่น่าปวดหัวปวดใจผมจริงๆเลย ให้ตายสิ
“ งั้นไม่ต้องก็ได้ ” ไอ้เป้พูดหน้างอ ไอ้นี่ขี้งอนจริงๆอ้อนผมสักนิดก็ไม่ได้
“ เออๆกูรับปาก ” ผมพูดมองใบหน้าที่ส่งยิ้มหวานมาให้ที่อย่างงี้ยิ้มกว้างมาเชียว ผมล่ะไม่เคยปฏิเสธมันได้เลยจริงๆผมมองใบหน้านั้นรอยยิ้มที่ทำให้ผมชุ่มชื่นหัวใจจนต้องหันสายตาหลบภาพนั้น ยิ่งมองมันผมก็ยิ่งเจ็บอย่าลืมซะสิไอ้ลม
“ เป็นอะไรรึเปล่า ” เสียงเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงทำให้ผมกลบเกลื่อน
“ เป็นสิวะ โครตลำบากใจแต่เพื่อมึงกูอยู่ได้ไปฮันนีมูนเถอะ ก่อนกลับขอหลานน่ารักๆสักคนมาฝากก็โอเคแล้ว ” ผมปั้นสีหน้าสดใสก่อนจะร่ายยาว ไอ้เป้หน้าเขียวแว้กใส่กลับมา
“ ไอ้เวร กูเป็นผู้ชายนะเว้ยจะมีหลานกลับมาฝากมึงได้ยังไง!!! ” นานๆจะได้เห็นฉากไอ้เป้หลุดโหมดปกติมันเป็นพวกเฉื่อยๆโฉดๆ มาแสดงท่าทางโมโหใส่ผมสักที ผมหลบข้าวของที่เขวี้ยงใส่ด้วยความเขินให้วุ่น อย่างน้อยคนที่พามันไปก็พี่ชายผมคนที่ได้ใจมันไปทั้งดวง ขอแค่เขาทั้งคู่คนที่ผมรักมีความสุขเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ผมเดินกลับเข้าบ้านนั่งดูทีวีต่อพอไอ้เด็กนั้นเดินตามเข้ามาเห็นก็หน้าหงิก ผมหันไปมองไอ้เด็กบ้าที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนั่งเล่นก่อนที่มันจะถือวิสาสะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆบนโซฟาที่ผมนั่งอยู่ก่อนจะคว้ารีโมตทีวีที่ผมถือไว้ไปหน้าตาเฉย
“ ทำไมถึงยังอยู่นี่อีก ” น้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้นหลังจากที่ผมกับไอ้เด็กบ้านี้ยืนส่งเป้ขึ้นรถพี่ไฟไป มันไม่รู้หรอกว่าคู่นี้ไปฮันนีมูนกันโดยเป้อ้างว่าไปดูงานที่ต่างจังหวัดเลยติดรถพี่ไฟไปส่วนผมติดงานที่นี่เลยไม่ได้ไปด้วยไม่ได้ อ้างได้สุดยอดมากมายเพื่อนผม
“ เป้ขอไว้ไม่งั้นให้ตายก็ไม่อยู่หรอ ”
รู้ไว้ซะไอ้เด็กบ้า!
“ หึ อย่างกะอยากให้อยู่ตายเลยล่ะ ” เสียงพูดจากคนข้างๆทำให้ผมทำหน้าเอือม ช่วงนี้พ่อแม่ผมไปหาญาติที่ต่างจังหวัด พี่ชายก็ดันหนีไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทผมอีก งานนี้ในฐานะที่อยู่บ้านคนเดียวผมเลยโดนไอ้เพื่อนตัวดีฝากฝัง(ทั้งเป็น)ให้มาอยู่กับไอ้เด็กเก่งอย่างแรกจะได้มีเพื่อนร่วมบ้าน เพื่อนแบบนี้ไม่มีซะยังจะดีกว่า และสองอยู่ด้วยกันหลายคนดูปลอดภัยดี ตรงไหนก็ไม่รู้หวิดจะตีกันตายในบ้านซะมากกว่า ผมเลยได้แต่นั่งเหี่ยวเฉาอยู่ข้างไอ้บ้านี้
“ หิวยัง ” เสียงเอ่ยขึ้นมิทราบว่ามึงจะพูดลอยๆทำไมฟ่ะ ตูหยิ่งไม่เรียกชื่อว่ามึงพูดกับใครตูก็ไม่สน ผมมองภาพที่ฉายในจอทีวีไม่สนใจร่างข้างๆที่หันมามอง จู่ๆเท้าไอ้เด็กบ้าก็เตะผมซะงั้น ผมหันกลับไปหามันที่จ้องผมนิ่งๆ
“ เตะทำไมฟ่ะ ”
“ ถามแล้วไม่ตอบ คิดว่าอยากจะพูดด้วยนักหรือไง ” ชิ! ผมก็ไม่อยากจะสนทนาด้วยหรอกคนอย่างมึงเนี้ย
“ หิวแล้ว ” ผมตอบอย่างไม่พอใจ
“ ……………….. ” และก็เงียบทั้งผมและมันไม่มีใครพูดอะไรต่อ ผมเหลือบมองไอ้บ้านั้นที่มองผมอย่างกดดันมึงต้องการอะไรฟ่ะ แต่ที่แน่ๆผมไม่มีทางทำอาหารให้มันกินแน่ๆ
“ งั้นก็ออกไปกินข้างนอก ” ผมบอก
หลังจากนั้นผมก็ขับรถของไอ้เป้ที่มันทิ้งไว้ให้พาไอ้เด็กเก่งนี่ไปกินข้าวแถวย่านนั้นตอนค่ำร้านอาหารส่วนใหญ่เพิ่งเปิดขายลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะผมจอดรถเดินนำมันไปร้านอาหารตามสั่งที่กินประจำ ผมนั่งลงไอ้เด็กนี่ก็เดินเก็กนั่งลงฝั่งตรงข้าม คุณป้าเจ้าของร้านร้านเห็นผมก็ยิ้มทักผมยิ้มตอบกลับไปกินกันจนเป็นลูกค้าประจำไปซะแล้ว
“ เอาผัดซีอิ้วหมูครับ แล้วมึงจะกินอะไร ” ผมหันไปบอกป้าก่อนจะหันมาถามเพื่อนร่วมโต๊ะ
“ ข้าวผัดกุ้งที่นึงครับ ” ไอ้เด็กนี่ไม่ตอบผมมันตะโกนสั่งเลย ชิ ดีจะได้ไม่ต้องตะโกนบอก ผมมองร่างที่นั่งอยู่หน้าที่นั่งเท้าคางมองนู่นมองนี่ ผมเห็นสาวๆหลายโต๊ะที่นั่งแถวนั้นหันมามองโต๊ะเราเป็นระยะดูเหมือนสายตาส่วนใหญ่จะมาหยุดที่ไอ้หมอนี่ ซึ่งมันทำให้ผมคิ้วกระตุกยิกๆเออกูรู้ว่ามึงหน้าตาดีมึงมันหล่อแต่ช่วยไปหล่อไกลๆตูหน่อยได้ไหม ผมหน้าหงิกอยู่ร่วมบ้านกับมันไม่พอโดนมันแย่งสาวๆไปอีก
ที่จริงจะว่าผมชอบผู้ชายก็ไม่เชิงเพียงแต่คนที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นมีแค่ไอ้เป้คนเดียวผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมยังชอบผู้หญิงเคยมีแฟนแต่ก็เหมือนคบเป็นแค่ตัวแทนของเป้ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆทุกครั้งที่จูบเธอกอดเธอผมถึงได้คิดถึงแต่ไอ้เป้กว่าจะรู้ตัวได้ว่าชอบมันพี่ผมก็ชิงตัดหน้าไปแล้ว ตอนนั้นผมโกรธจนแทบอยากจะชกกับพี่ไฟให้ตายไปสักรอบอยากจะแย่งไอ้เป้คืนมาแต่ผมรู้ดีว่ามันคงไม่มีวันแค่มองตามันผมก็รู้แล้วว่ามันเองก็ชอบพี่ชายผม
“ เหม่ออะไรกินซิ ” ผมทำหน้างงๆเพิ่งสังเกตว่าบนโต๊ะมาจานข้าวเพิ่มขึ้นมาสองจานกับน้ำเปล่าสองแก้ว ร่างของคนตรงหน้าผมตักข้าวเข้าปากกินเอาๆ ผมมองจานตัวเองก่อนจะเริ่มลงมือกิน ผมควรเลิกคิดเรื่องนั้นสักที
“ เฮ้อ พวกนั้นไม่อยู่เหลือแค่ฉันกับแกเลย ” เสียงบ่นของไอ้เทมส์ที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ ก้องมันลาพักร้อนไปแล้วยังไอ้เป้ที่ลาไปเที่ยวกับแฟนมันอีกเหลือก็แต่ผมและมันที่ยังคงมาทำงานเหมือนปกติ
“ อย่าบ่นเลยน่า ” ผมพูดฟังมันบ่นมาประมาณสามรอบพอเพื่อนๆหยุดไปผมกับมันก็ต้องทำงานส่วนที่ขาดไปด้วย ช่วงนี้ผมว่ามันดูเครียดๆยังไงไม่รู้เห็นบางทีมันก็ดูเหม่อลอยพอรู้สึกตัวว่าผมมองอยู่มันก็จะทำเป็นเฮฮากลบเกลื่อน ถึงผมจะสนิทกับมันทีหลังพวกไอ้ก้องหรือเป้แต่ก็คบกับมันมาตั้งหลายปีมีหรือจะไม่รู้
“ ชิๆ ” มันทำหน้างอนใส่ผมค้อนซะ ผมก็ขยี้หัวมันเล่น ผมเองก็เป็นลูกคนเล็กของบ้านเหมือนมันแต่พออยู่กับไอ้เทมส์ทีไรทำไมผมรู้สึกว่ามันเหมือนน้องชายผมทุกที คงเพราะท่าทางน่ารักๆแบบนี้ของมันด้วยล่ะมั้ง
“ เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหม ” ผมเอยชวนมัน ผมตกลงกันไอ้เด็กบ้านั้นไว้แล้วว่าจะอยู่กันแบบไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน ผมกับมันใครจะมาใครจะไปก็ไม่เกี่ยวกันซึ่งผมก็โอเคใครอยากจะอยู่กับมึงไม่ทราบ เย็นนี้ผมเลยกะว่าจะกินข้าวก่อนแล้วก็ค่อยกลับไปหมกตัวอยู่ที่ห้องไอ้เป้ซะ
“ เย็นนี้หรอ เออ… ” ผมมองหน้าเทมส์ที่ทำสีหน้าลำบากใจเลยบอกมันไปว่า
“ ไม่ว่างไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกลับไปกินที่บ้านก็ได้ ” ผมบอกมันไปแบบนั้น แต่ว่าเย็นนี้บ้านผมไม่มีใครอยู่นิหว่า
ตอนเย็นผมก็เลยขับรถไปส่งมันก่อนที่มันจะเผลอทำตัวเองตายไปซะก่อน ไอ้บ้าเทมส์วันนี้มันใจลอยแล้วลอยอีกอย่างน่าประหลาดผมคิดว่าทำต้องกังวลกับอะไรบ้างอย่างแต่ในเมื่อมันไม่ยอมบอกผมก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้มัน
หลังจากไปส่งมันเสร็จสุดท้ายผมก็ลงเอยด้วยการต้มมาม่ากินที่บ้านเพราะไม่รู้จะไปไหนดี ชีวิตไอ้ลมช่างหน้าเศร้ามีพี่กับเขาคนเดียวก็ดันหนีไปสวีตกับแฟน เพื่อนสนิทก็สวีตอยู่กับพี่ชายผมอยู่ไง ไอ้ก้องลาพักร้อนไอ้เทมส์ก็ไม่ว่าง พ่อแม่หนีเที่ยว(?)เอ้ย…ไปหาญาติที่ต่างจังหวัดปล่อยลูกชายคนเล็กอย่างผมไว้ที่บ้านเพื่อนอย่างสบายใจ หลังจากดื่มด่ำกับชีวิตแสนเศร้าและมาม่าจบผมก็เลยคิดว่าคงถึงเวลากลับบ้านได้แล้วมั้ง
ผมขับรถกลับมาบ้านไอ้เป้ระหว่างที่ขับมาก็นึกขึ้นได้ว่าเหมือนโทรศัพท์ดังตอนผมอยู่ที่บ้านพอดีตอนนั้นเข้าห้องน้ำอยู่เลยไม่ได้รับใครโทรมาวะ ผมเอาเบอร์ขึ้นมาดูก็พบว่าไอ้เป้นิหว่า ผมรีบกดหามันทันที
“ ฮัลโหลเป้ แกมีอะไรรึเปล่า? ” ผมถามมัน
“ ลมหรอ ขอโทษทีนะพอดีเก่งบอกว่ามีงานที่คณะดึกรบกวนไปรับมันหน่อยได้ไหม ” เสียงไอ้เป้ผ่านสายมาทำให้ผมอารมณืดีแต่ต้องมาสะดุดที่ ไปรับไอ้เด็กบ้านั้น? ไม่ไปได้ไหมเนี้ย
“ ทำไมอ่ะ ”
“ เออ ลม…อือ ออกไปนะไฟ …….. แกฝากด้วยนะ …….. ” เสียงกุกกักจากปลายสายทำให้ผมพอจะเดาอะไรได้ แล้วไอ้เป้ก็วางสายไป ผมดึงโทรศัพท์ออกมาความรู้สึกหมดแรงก่อนจะปรับทั้งอารมณ์และตั้งสตินี่สรุปแล้วผมต้องไปรับไอ้เด็กบ้านั่นใช่ไหม ผมกดโทรหาไอ้เด็กเก่งนั่นตามเบอร์มือถือที่พี่ชายมันบังคับให้ผมเมมเบอร์เอาไว้ก่อนไป รอสักพักก็มีเสียงรับ
“ ฮัลโหล ” เสียงตอบรับ
“ อยู่ตรงไหน ” ผมถามมันขณะหักเลี้ยวเข้ามหาลัยของเจ้าเด็กบ้านั้น ที่จริงผมเคยเรียนทีนี้เหมือนกันแต่คนละคณะกับมันพอจะจำทางได้อยู่
“ หน้าตึก…… นี่ใครวะ ” ไอ้เก่งตอบมา ไอ้บ้านี้ยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นใคร
“ ทำงานเสร็จยัง ” ผมไม่ตอบถามมันกลับ
“ เสร็จแล้วเพิ่งจะเสร็จเนี้ยแหละ ว่าแต่มึงเป็นใครวะ ” มันยังไม่รู้อีกผมก็ไม่อยากบอกปล่อยให้มันเจ็บใจเล่นดีกว่าตอนที่รู้ด้วยตัวเอง หึๆ
“ ออกมาหน้าตึกถ้าอยากรู้ว่าใคร กูจอดรถรอมึงอยู่ ” ผมบอกมันก่อนจะกดวาง ไอ้เรื่องแกล้งชาวบ้านนี่คืองานของผม
นั่งรอสักพักผมก็เห็นร่างไอ้เด็กเก่งนั่นเดินออกมาหน้าตึกร่างสูงๆของมันทำให้ผมเห็นได้ชัดเจนทันทีมันหันซ้ายหันขวาก่อนจะเห็นผมที่อยู่ในรถผมแอบขำเบาๆที่เห็นหน้าไอ้เด็กนั่นผงะไปแป๊ปนึง คงไม่คิดว่าจะเป็นผมล่ะซิ ผมโบกมือให้มันไอ้เด็กเก่งเดินลงมาจากตึกเดินตรงมาที่รถผม ผมกดกระจกลงบอกมันก่อนที่จะถึงตัวรถ
“ ขึ้นรถ ” ไอ้บ้านั้นขมวดคิ้วแต่ก็ก้าวขึ้นรถผมโดยดีทันทีที่ขึ้นรถมันก็หันมามองผม
“ ทำไมมารับ? ” เก่งถาม ผมถอยรถขับออกไปเพื่อกลับบ้านไอ้เป้
“ กูเสือกมั้ง ” ผมกวนมันเลยได้รับเสียงแข็งๆตอบกลับมา
“ กวนวะ นี่กูถามมึงดีๆนะ ” แล้วมึงเคยคุยกับกูดีๆไหมล่ะ ผมอยากจะถามมันจริงๆแต่ก็ไม่ได้พูดมันออกไป
“ เป้ให้มารับ ” ผมบอก ถ้าไอ้เป้ไม่ได้ฝากล่ะก็ไม่มีวันซะหรอก แล้วทั้งผมทั้งมันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อบรรยากาศในรถเงียบเชียบวิเวกวังเวงจนถึงบ้าน
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับผม :กอด1:
-
:z13: อยากอ่านต่ออีกแย้ว
+1 ค่ะ
-
อายุก็ห่างกันแต่พูดกูมึงไม่น่ารักเลยอ่ะหนู
-
รอตอนต่อไป
-
ชอบอ่ะ จะรักกันยังไง เชียร์อยู่
-
มันเหมือนไม่มีทางที่จะรักกัน
-
:mc4:น่าลุ้น
-
น่าติดตามมมๆๆ รอลุ้นคร๊าบ
-
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) 4th
ถึงจะไม่หน้าเชื่อและตัวผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมกำลังรู้สึกว่าผมกับไอ้เด็กเก่งกำลังเริ่มญาติดีกัน? มันคงเริ่มมาตั้งแต่ช่วงหลังๆไอ้หมอนี้กลับดึกรถก็ไม่ค่อยมีผมเลยได้รับหน้าทีไปรับเจ้าบ้านี้ทุกวันถึงจะไม่ชอบใจแต่พอมันขอบคุณที่ผมไปรับคุยๆไปเราก็เริ่มญาติดีกันบ้างถึงจะไม่อยากจะยอมรับแต่ผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มน่าคบขึ้น
นี่ผมเพี้ยนไปแล้วใช่ไหมครับ?
“ วันพรุ่งนี้กลับดึกรึเปล่า ” เสียงของคนนั่งข้างๆผมกำลังเมามันกับเกมส์ตรงหน้าพูดโดยไม่ได้หันไปมอง
“ ไม่อ่ะ ”
“ มารับด้วยนะ ” คำพูดต่อมาทำให้ผมหันไปเลือบมองมันนิดๆอย่างประหลาดใจแต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงจากในเกมส์กูตายแล้วซะงั้น ไอ้เด็กบ้านี้เล่นทีเผลอนี่หว่า
“ ลมทำอาหารเย็นนะ ” สิ้นเสียงเจ้าเก่งผมสวนกลับทันที
“ ไม่! ” ทำไมกูต้องทำด้วยฟ่ะ
“ ไม่รู้ใครแพ้คนนั้นต้องทำ ” ไอ้เด็กเวรนี่หันมายิ้มกวนบาทาก่อนจะสะบัดก้นจากไป ผมได้แต่นั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟานี่ที่ผมพรำเพ้อเมื่อกี้ผมมันบ้าไปเองนั้นแหละเห็นๆกันอยู่ว่าไอ้เด็กบ้านี่ไม่น่าคบสักนิด!
ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่ผมกับไอ้เด็กนี้คุยกันมากขึ้นกวนประสาทกันน้อยลง นี่ก็อยู่กันมาจะสองอาทิตย์แล้วอีกสองสามวันไอ้เป้ก็จะกลับมา ถึงผมกับมันจะเริ่มเข้ากันได้แต่มีสิ่งนึงที่ไม่เปลี่ยนมันยังคงเรียกชื่อผมห้วนๆเหมือนเคย ไอ้คำว่า ’พี่’ ช่วยเติมไปข้างหน้าชื่อกูหน่อยได้ไหม?
ชิ ถึงผมจะคิดแบบนั้นแต่สุดท้ายก็เดินไปทำอาหารให้มันอยู่ดี ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไรคิดอย่างทำอีกอย่างแต่ก็ช่างมันเถอะ ผมฝีมือทำอาหารค่อนข้างโอเคอาหารไทยญี่ปุ่น ยิ่งพวกอาหารฝรั่งพวกสปาเกตตี้แล้วยิ่งถนัดเลยครับ ผมทำข้าวผัดจากของที่เหลือๆอยู่ในตู้เย็นมาทำ
“ นี่มากินได้แล้ว ” ผมตะโกนขึ้นไปชั้นสองก่อนจะเดินมานั่งกินข้าวที่โต๊ะ เสียงโครมครามก่อนร่างของเจ้าเก่งจะเดินลงมา
“ ข้าวผัดอีกแหละ ” เสียงบ่นทันทีที่นั่งทำให้ผมหน้าหยิก
“ หุบปากไปเลย ให้ฉันทำแล้วยังมาบ่นอีก ”
“ ก็หัดทำอย่างอื่นบ้างสิ ”
“ ชิ พรุ่งนี้เวรนายแล้วกัน ล้างชามด้วย ” ใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ผมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นตึกตักเสียงดังจนผมได้ยินชัดเจน ก่อนที่นิ้วของคนตรงหน้าจะปาดเศษขนมออกจากแก้มผม
“ ติดแก้มอ่ะ ” ผมรู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา ผมก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่กล้าสบตาเจ้าเด็กนั้น ทำไมผมต้องรู้สึกทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ด้วยวะ?
“ ทำไมช่วงนี้มึงรีบกลับจัง ” เสียงเทมส์หันมาถามผมขณะที่ตายังอ่านเอกสารที่อยู่ในมือ ผมที่ก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่บนโต๊ะเตรียมตัวจะออกไปหันไปมองมัน
“ ต้องไปรับเด็ก ”
“ เด็ก! ” ไอ้เทมส์อึ้งไปก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“ แหม่ๆ ไม่คิดว่าแกจะร้ายแบบนี้ เด็กแกอายุเท่าไรวะ ” เด็กผม? ทำไมผมต้องรู้สึกเขินๆแบบนี้วะผมสะบัดหัวไปมาก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกมาก่อนจะตอบมัน
“ ไม่พรากผู้เยาว์แล้วกันวะ ”
ผมขับรถไปตามทางที่เริ่มคุ้นเคยก็ที่นี่ผมก็เคยเรียนอยู่มาทีไรคิดถึงภาพเก่าๆเพื่อนเก่าจังเลยแหะ ผมจอดรถข้างๆคณะมันก่อนจะเดินเล่นแถวนั้นดูเป็นจุดเด่นนิดหน่อยก็ผมเล่นมาทั้งเสื้อเชิ้ตดูยังไงก็เป็นทางการผิดกับแถวนี้ที่มีแต่คนแต่งชุดนักศึกษาไม่ก็ไปรเวทผมยืนอยู่สักพักก็เห็นไอ้เด็กนั้นเดินมา ผมกำลังจะโบกมือเรียกแต่ก็ต้องชะงักไป
ร่างของเจ้าเด็กนั้นเดินตรงมาที่ผม ผมเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ร่างที่อยู่ข้างๆเจ้าเด็กเก่ง ร่างบางในชุดนักศึกษาผมทำสีดัดเป็นลอนตัดหน้าม้าตามสมัยนิยม ทำไมไม่รู้ผมถึงได้รู้สึกอึ้งแบบนี้
“ พี่ลม………… ” พี่หรอ?
“ นี่แป้ง………. ” ..............อย่าพูดต่อนะ เสียงในใจผมดังก้องขึ้น
“ ….……นี่แป้งเป็นแฟนผมเอง ” ทำไม?
“ พี่ลมเป็นอะไรรึเปล่า? ” เสียงของเจ้าเด็กนั้นทำให้ผมสะดุ้ง
“ เปล่าๆ เออ น้องแป้งยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ” ผมเริ่มมีสติก่อนจะหันไปแนะนำตัวกับน้องแป้ง เขายกมือไว้ผมก่อนจะขอตัวกลับก่อน ผมยืนยิ้มแบบฝืนๆทำไมวันนี้ผมถึงได้รู้สึกยิ้มไม่ออกแบบนี้นะ ทำไมถึงได้รู้สึกแย่แบบนี้ ผมพยายามปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉยก่อนจะก้าวขึ้นรถ ไอ้เด็กนั้นวิ่งมาก่อนจะขึ้นรถตามผมมาติดๆ
“ อะไรเนี้ย ไม่เรียกกันซักนิด ” ผมสตาร์ทรถขับออกไปโดยไม่หันไปตอบ
“ ลมว่าแป้งน่ารักไหม คิดว่าจะแนะนำให้รู้จักซักพักแล้ว ” แป้งหรอ ทำไมชื่อนี้ถึงทำให้ผมหงุดหงิดนักนะ ผมรู้สึกไม่ชอบชื่อนี้ขึ้นมาทุกที ทำไมนี่ผมเป็นอะไรกันแน่
“ ลม เป็นอะไรรึเปล่า ” ลมชื่อผมกลับมาห้วนๆอีกแล้ว ทั้งๆที่เมื่อกี้อยู่ต่อหน้าคุณน้องแป้งยังเป็นพี่ลมอยู่เลย
“ เปล่านิ ว่าแต่จะไปรับไอ้เป้ไหม ” ผมจำได้ว่าวันนี้เป็นวันที่มันกลับ
“ จริงสิ งั้นไปรับเลยคุณสารถี ”
“ ได้ทีใช้กูใหญ่เลยนะ ” ผมอดจะบ่นไม่ได้ ได้ยินเสียงหัวเราะกลับมา ผมมองถนนในใจคิดถึงความรู้สึกไม่พอใจเมื่อกี้ นี่ผมเป็นอะไรไปวะ?
“ เก่ง ลม ” เสียงไอ้เป้ที่ยิ้มกว้างวิ่งมาหาผมกับไอ้เด็กเก่งที่ยืนรับมันที่สนามบิน ร่างของพี่ไฟเดินตามมาติดๆผมยิ้มให้พี่ชายก่อนจะหันไปแซวเป้
“ ไหนหลานกูวะ ” ว่าแล้วผมก็โดนมันโบกหัวไปทีด้วยใบหน้าแดงๆ
“ พี่ก็พยายามอยู่ ” สิ้นคำพูดพี่ไฟก็โดนไอ้เป้ทุบด้วยความเขินอย่างแรง ผมกับไอ้เด็กเก่งหัวเราะลั่น จู่ๆผมก็หยุดยิ้มเมื่อกี้ทำไมผมรู้สึกว่าภาพนั้นมันบาดตาน้อยลงแหะ บางทีผมอาจจะคิดไปเองก็ได้?
“ บ้านกูเป็นยังไงบ้างเนี้ย? ไม่ใช่เก่งกับมึงถล่มจนราบไปแล้วนะ ” เป้หันมาถามผมอย่างหวาดระแวง
“ อะไรผมกับพี่ลมดีต่อกันแล้วจะบอกให้ “ พี่ลม? ไอ้เด็กบ้าคว้าคอผมเอาแขนมาพาดไหล่ไว้ ดีต่อกันหลอกใช้กูไปรับส่งมึงซะมากกว่าเหอะ ไอ้เป้ทำหน้าประหลาดใส่ทั้งผมและมัน
“ จริงอ่ะ ”
“ จริง ”
“ ไม่เชื่อ ” ไอ้เป้สวนกลับทันทีที่ผมตอบแล้วมึงจะถามกูเพื่อ? ผมคว้าแขนไอ้เด็กบ้านั้นออกจากคอแต่มันกลับแกล้งผมโดยการรั้งแขนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ผมหันหน้าไปมองหน้ามันจนปลายจมูกเฉียดแก้มมันไปนิดเดียวใบหน้าผมร้อนวูบผลักมันออกทันที
“ โอ้ย ” ร่างไอ้เด็กบ้านั้นล้มลงไปกองกับพื้น สมน้ำหน้า ฮะฮา เออ….ผมหัวเราะอยู่ก็หันไปเจอพี่ไฟที่ยืนมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
“ กลับกันได้แล้ว มาส่งของมา ” พี่ไฟรวบรวมสัมภาระไปถือปล่อยไอ้เป้เดินตัวปลิวส่วนผมนะหรอ ไม่ต้องถามก็หิ้วสัมภาระที่พี่ไฟถือไม่หมดนั้นแหละรายนั้นคุณภรรเมียอันดับหนึ่ง ส่วนผมนะหรอเป็นได้แค่หางของหางแถวเลยทีเดียวไร้อันดับสุดกู่ เชอะ ส่วนไอ้เด็กบ้านั้นก็วิ่งปลิวไปพร้อมๆกับคุณเพื่อนเป้นั้นแหละ
ขณะที่ผมโยนข้าวของขึ้นรถตามคำสั่งคุณพี่ไฟจู่ๆเฮียแกก็หันมาถามผม
“ มีอะไรจะบอกพี่รึเปล่า ” อะไร? ผมยืนงุนงง พี่ไฟถอนหายใจขยี้หัวผมแล้วเดินขึ้นรถทิ้งผมยืนงุนงง
หรือว่าพี่จะรู้ว่าผมชอบไอ้เป้กันแน่?!
ตอนนี้เน็ตที่แอบเล่นอยู่ดันโดนล็อค :z3:
แต่จะลงอีก2ตอนก็จบแล้ว รู้สึกว่าเรื่องมันเร็วๆแต่ไม่รู้จะแก้ยังไงแล้ว :m31:
ยังไงมันก็เป็นเรื่องสั้น(?)เนอะ ???
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ :กอด1:
-
จะจบยังไงเนี่ย
-
ตอนแรกคิดว่าเก่งจะเป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อนซะอีก :serius2:
-
แล้วพี่ลมจะต้องกินแห้วหรือเปล่า
-
:L2:
-
โอ๊ย เก่งมีแฟนแล้วได้งายยยยยย
-
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) 5th
รู้ ยังไม่รู้ ?!
ผมกลับมาอยู่บ้านด้วยความสับสนแอบกังวลใจเรื่องที่พี่ไฟถามวันนั้นแต่พี่แกก็ดูเฉยจนผมไม่รู้ว่าตกลงมันใช่เรื่องที่ผมคิดรึเปล่าเนี้ย ช่วงนี้ผมก็ทำงานตามปกติเย็นๆก็มีไปบ้านเป้บ้างและอีกอย่างที่จู่ๆก็โผล่เข้ามาในชีวิตผมคือ เก่ง
“ พรุ่งนี้ไปช่วยซื้อของหน่อยสิ ”
“ ไม่ ” พรุ่งนี้วันเสาร์หนึ่งในวันหยุดอันน้อยนิดของผม อาทิตย์นึงมีเวลาว่างแค่สองวันยังจะให้ผมออกไปเป็นเพื่อนมันอีก
“ นะลมออกไปเป็นเพื่อนเก่งหน่อยน้า ” ผมละแพ้ไอ้เสียงอ้อนแบบนี้จริงๆสรุปนี่มึงเป็นผู้ชายแท้รึเปล่าเนี้ย ผมล่ะนึกหน้าที่ทำเสียงแบบนี้ของมันไม่ออกจริงๆ
“ แล้วเพื่อนล่ะ ไปกับเพื่อนสิ ” ผมล่ะงงทำไมชอบชวนผมออกไปกับมันจังวะ
“ ไม่เอาเพื่อนติดหญิงรำคาญมัน ไปกับลมดีกว่า ” ผมล่ะเครียด
“ แล้วแฟนมึงล่ะ ”
“ …….. ” ผมพูดผิดไปรึเปล่า ปลายสายที่เงียบไปทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือว่ามันจะมีปัญหากับแฟน
“ ไปที่ไหน? ”
“ สยาม ” แหล่งเด็กวัยรุ่นพูดซะแก่เชียวเรา ผมขี้เกียจไปเจอเด็กจำนวนมากแต่ก็นะ
“ อย่างงี้เจอกันที่……… ” ผมยังพูดไม่ทันจบมันก็สวนขึ้นมา
“ มารับด้วย ” ไปรับมันอีก นี่ผมทำกรรมอะไรไว้กับมันเมื่อชาติที่แล้วรึเปล่าเนี้ย
ผมแต่งตัวให้มันดูดีเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยก่อนจะขับรถไปรับมันที่บ้านไอ้เป้ไอ้เด็กบ้านี่ก็แต่งซะจัดเต็มใส่เสื้อสีเทากางเกงยีนตามด้วยเสื้อหนาวสีดำแว่นกันแดด ผมเบ้ปากแต่งตัวได้โครตเข้ากับสภาพอากาศร้อนจนแทบสุกมึงยังจะแต่งยังกะอยู่เกาหลีมาทำไมหา ถึงแม้ว่ามันจะดูดีแต่มันเวอร์จนแตกต่างจากผมไปไหน ผมในชุดเสื้อคอกลมสีเหลืองครีมกางเกงสีดำก็ออกจากบ้านได้แล้ว
“ ทำไม ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง ” ดูไอ้เด็กบ้ามันกวนจริงๆ ผมมองมันเต็มๆตาตอนที่ลงจากรถแล้ว แต่งเวอร์ไปไหนแต่ก็อย่างว่าแถวนี้ก็แต่งกันยังกะหลุดออกมาจากแคทวอร์ก
“ ไม่เคยเห็นพวกหลงตัวเองน่ะ ” ผมอมยิ้มทันทีที่เห็นเจ้าเด็กนั้นหน้าหงิก
“ แล้ววันนี้จะไปซื้ออะไรล่ะ ” ผมถามมันขณะเดินไปตามทาง
“ ยังไม่รู้ ” อ้าว ไม่รู้แล้วออกมาทำไมเสียเวลานอนอยู่บ้านมาก
“ แล้วจะซื้อให้ใครล่ะ ” จู่ๆมันก็หยุดเดินทำให้ผมชะงักหันกลับไปเห็นมันยืนนิ่งๆ ท่าทางเศร้าๆทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก
“ ลม แป้งบอกเลิกผม ” เสียงเศร้าของเก่งทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ตบไหล่มันเบาๆ
“ ใจเย็นๆ อย่าคิดมาก ” ผมบอกมันไปแบบนั้น
“ ช่วงนี้ผมกับแป้งทะเลาะกันบ่อย แป้งบอกผมว่าผมไม่มีเวลาให้ ไม่ค่อยยอมไปไหนด้วย ความคิดก็ไม่ตรงกัน ทั้งๆที่ผมก็ทำเต็มที่ ทำไม ” ผมบีบไหล่มัน เข้าใจความรู้สึกแต่ก็ปลอบอะไรไม่ถูกได้แต่บอกมันว่าอย่าคิดมากใจเย็นๆ แต่ทำไมไม่รู้ในใจของผมมันถึงได้รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
“ แล้วยังอยากจะคืนดีกับเขาอยู่ใช่ไหม ” ผมถาม เก่งพยักหน้าผมพยายามไม่สนใจความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ
“ งั้นไปหาอะไรไปซื้อง้อแป้งกันเถอะ ” ผมดึงแขนมันให้ตามไป เข้าร้านกิฟท์ช๊อฟเดินดูพวกของใช้จุกจิก
“ แทนที่จะมานั่งเศร้าก็หาวิธีไปง้อแป้งไม่ดีกว่าหรอ ” ผมทำหน้าที่ที่ปรึกษาที่ดี ไอ้เก่งทำหน้าคิดได้
“ จริงๆด้วยขอบคุณมากเลยนะ ” ไอ้เด็กเก่งหายเศร้าก็เริ่มตบไหล่ผมคืน ได้คืบจะเอาศอกแล้วนะเด็กนี่ แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกเจ็บที่หน้าอกแบบนี้ไม่เข้าใจจริงๆ
หลังจากนั้นมันก็เทียวไล่โทรถามผมหาวิธีง้อน้องแป้งจนผมยังต้องไปช่วยมันจัดเตรียมการง้อแฟนที่ร้านกาแฟที่ทั้งสองคนชอบไปกินกัน ผมยืนเซ็งๆอยู่หน้าร้านรอไอ้เด็กตัวปัญหาที่ผมอยากจะเห็นรอยยิ้มของมัน ทำไมไม่รู้แค่ผมคิดว่าถ้าเจ้านั้นยิ้มร่าออกมาหาผมก็ทำให้ผมทั้งรู้สึกดีใจและปวดใจ ทั้งๆที่เขาจะคืนดีกันแต่ทำไมผมถึงได้
ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรต่อร่างสูงของเจ้าเด็กนั้นก็วิ่งออกมาจากร้านผ่านผมไปอย่างเร็วแล้วคว้ารถผมขับออกไปผมเพิ่งสำนึกได้ว่าผมทิ้งกุญแจไว้บนรถแล้วนี่มันขับออกทั้งๆที่ผมยืนอยู่ข้างๆรถ
ไอ้เด็กเวร!
ผมยืนโง่ๆอยู่ตรงนั้นน้องแป้งก็วิ่งออกมาหน้าร้านพอเห็นผมก็รีบหลบตา นัยน์ตาแดงๆของน้องเขาทำให้ผมพอจะเดาเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ได้
“ ขอโทษนะค่ะที่ทำให้พี่ต้องมาวุ่นวายเรื่องของเรา ” เรื่องของเราทำไมผมถึงได้รู้สึกไม่ชอบคำคำนี้แบบนี้ และทำให้ยิ่งไม่ชอบน้องแป้งมากขึ้นไปอีกทั้งๆที่สิ่งที่เขาพูดมามันจริงทั้งนั้น ที่ผมไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของเขาแม้แต่น้อย ผมข่มความรู้สึกไม่พอใจก่อนจะหันไปถาม
“ ไม่เป็นครับ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น? ”
“ ….คือ แป้ง ….. แป้งบอกว่าเรื่องของเรามันจบแล้ว ” น้องแป้งพูดเสียงเบาทำเอาผมกุมขมับทันที มิน่าเจ้าเด็กนั้น ผมร้อนใจแต่รถก็โดนเจ้าเด็กนั้นขับไปไหนแล้วก็ไม่รู้ปวดหัวชะมัด น้องแป้งก็ยืนเครียดอยู่ข้างๆผม ผมเลยหันไปบอกให้เขากลับบ้านไปก่อนผมจะไปตามเก่งกลับมาเอง ผมยืนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จะกดหาเบอร์เพื่อนเจ้าเด็กนั้นที่เคยให้ไว้
-
“ ทำบ้าอะไร ” ผมลงไปว้ากกลางวงเล่นเอาเพื่อนๆมันแตกกระเจิง สายตาผมจ้องไปยังร่างที่กำลังจูบปากอยู่กับสาวที่นั่งตักมันนิ่ง ในใจเหมือนถูกบีบรัดแน่นจนผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ใบหน้านั้นหันไปทางอื่นราวกับไม่อยากมองมาที่ผม เมินกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ ผมเดือดดานคว้าคอเสื้อไอ้เด็กบ้านั้น
“ อย่าเมินฉันนะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงดึงไอ้หมอนั้นลุกขึ้น ทำเอาสาวที่นั่งเกยตักหมอนั้นถูกแรงดึงของผมทำให้เสียสมดุลหล่นตุ้บไปกองกับพื้น ผมไม่สนใจลากเจ้าเด็กบ้านี่ออกมาโดยไม่สนใจเพื่อนมันที่บอกให้ผมใจเย็นๆ ตอนนี้ผมไม่ยกไม่เย็นมันแล้ว
“ …..ปล่อยผม ”
“ ไม่ ” ผมรื้อกุญแจรถจากมันที่เอาไปซุกไว้ในกระเป๋ากางเกง ส่วนรถตอนเข้ามาผมก็เห็นแล้วยิ่งเห็นรถผมยิ่งโมโห ผมเปิดประตูรถยัดเจ้าเด็กนั้นเข้าไปก่อนจะขับออกโดยไม่สนใจเสียงโวยวาย
“ เป็นบ้าไปแล้วหรือไงหา ถึงได้ชอบออกมาก่อเรื่องนัก ” นี่ผมเป็นพ่อมันหรือยังไงไม่ทราบ ทำไมต้องเป็นห่วงเป็นไยตามคอยดูแลมันขนาดนี้มันเป็นลูกผมหรือก็ไม่ใช่ ไอ้เป้ยังไม่รู้ขืนมันรู้ว่าไอ้เด็กนี้ทำตัวเหลวไหลขนาดนี้มีหวังโดนส่งกลับบ้าน
“ เรื่องของผม ” เสียงเจ้าเด็กนั้นเถียงผมทำให้ผมแทบจะเอาหัวโขกกระจกรถ เฮ้อ! ผมขับรถไปที่คอนโดตัวเองที่พ่อแม่ซื้อไว้ให้มันอยู่ใกล้ที่ทำงานก็จริงแต่ผมมักจะกลับบ้านไม่ก็ไปอยู่บ้านไอ้เป้จนตอนหลังที่นี่แทบจะร้างไปเลย
“ งั้นก็กินกับฉันที่นี่ เดี๋ยวโทรบอกเป้ให้ ” ผมไล่ไอ้เด็กจอมก่อปัญหาลงจากรถบอกให้มันขึ้นไปรอผมบนห้องส่วนตัวเองก็เดินเข้าเซเว่นแทบจะเหมาเบียร์มาหมดแถบ ตอนขึ้นไปถึงก็เห็นมันนั่งซึมกะทืออยู่บนพื้น ทำให้ผมได้แต่อ่อนใจทรุดตัวลงนั่งของมัน เปิดกระป๋องส่งให้มันก่อนจะเปิดของตัวเองขึ้นดื่ม
“ ทำไมไม่เป็นเก่ง ทำไม ” ผมนั่งมองมันพร่ำเพ้ออยู่เงียบๆในใจปวดหนึบๆอย่างบอกไม่ถูก ผมเข้าใจการทีต้องปล่อยคนที่เรารักให้ไปให้เขาได้พบกับคนที่ใช่ ผมเข้าใจว่ามันต้องการทีระบายผมถึงได้ทนฟังมาหลายชั่วโมงแล้ว จนผมคว้าขวดมาดื่มเป็นเพื่อนแล้วเนี้ยแก้วอะไรไม่ต้องซดเลยถึงใจกว่า ผมกอดคอก๊งกับมันได้ซักพักก็รู้สึกว่าไอ้เด็กบ้านั้นฟุบไปแล้ว ไปซะและ
“ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ฮึก ” ผมทำอะไรไม่ถูกไม่คิดจริงๆว่าเจ้านี้จะร้องไห้ต่อหน้าผม ผมเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่แก้ม
“ ….อย่าร้องไห้ ” ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของเจ้าเด็กนี่เลยสักนิด ไม่อยากให้มันปรากฏอยู่บนหน้าเขา ไม่อยากให้เขาเสียใจ ทำไมผมถึงได้รู้สึกเศร้าไปด้วยแบบนี้
“ ……รักเขามากหรอ ” ผมกลั้นใจถามออกไปหลังจากพยายามอยู่นาน เตรียมใจรับกับคำตอบ
“ ผมไม่รู้ ” หา! ไม่รู้ ไม่รู้เนี้ยนะ สีหน้าผมคงโมโหน่าดูไอ้เด็กนั้นหันมามองผมก่อนจะเอ่ย
“ ผมไม่รู้ว่ารักเขารึเปล่า เพียงแต่ผมไม่อยากเสียแป้งไป ไม่อยากให้แป้งไปเป็นของคนอื่น บอกไม่ได้จริงๆว่ารักรึเปล่า ” พอฟังแบบนี้ผมก็เอามือกุมขมับเลยทีเดียว
“ ไอ้เด็กบ้ารักกับหลงมันไม่เหมือนกันหรอกนะ ” ถ้าแค่นี้นายยังแยกไม่ออกแล้วนายจะรักใครได้ แต่ผมก็รักมันนี่หวา แย่ยิ่งกว่าเพราะผมดันรักคนที่ยังแยกว่ารักรึเปล่าไม่ออก จะบ้าตาย ผมตบหัวมันไปอย่างไม่พอใจไอ้เด็กนั้นไม่ยอมแพ้ตบหัวผมคืนบ้าง
“ ฉันเป็นพี่นายนะทำแบบนี้ได้ยังไงหา ” ผมโวยวายไอ้เด็กบ้านี่
“ ทำยังกับผมเคยสนใจ ” ไอ้เด็กนี่กวนซะแหละ ผมไม่ยอมแพ้เอาคืนทันที ทีนี้จากดื่มกันอยู่ดีๆก็วิ่งกันให้วุ่นวายจนสุดท้ายผมก็ถูกมันจับได้ผลักลงพื้นพอจะลุกมันก็กักทับผมเอาไว้
“ ออกไปนะเว้ย ” ผมโวยวายถึงแม้จะหมดแรงนายแผ่ที่พื้น ใบหน้าของเก่งก้มมาใกล้จนผมหายใจไม่ทั่วท้องก่อนที่จะคิดอะไรออกริมฝีปากเราก็แนบชิดกันไปแล้ว ผมหลับตาลงรับสัมผัสนั้นความหวานและไออุ่นข้างกายทำให้ผมอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ปลายนิ้วอุ่นไล้ตามใบหน้าผมนัยน์ตาสีรัตติกาลตรงหน้าเหมือนสะกดให้ผมคล้อยตาม
“ อยู่กับผมนะลม ” ผมไม่ตอบเพียงแต่กอดร่างตรงหน้าไว้
“ อือ อะ เก่ง” ผมครางเมื่อเจ้าเด็กบ้านั้นขยี้หน้าอกผม เสื้อผ้าผมหายไปตอนไหนก็ไม่รู้รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าบ้านี่กดผมลงบนที่นอนเนี้ยและ เมื่อกี้ผมตอบรับมันว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไม่ใช่แบบนี้นะเว้ย
“ ….ปล่อยฉันนะ อือ ” มันไม่สนใจจูบผมจนแทบลืมหายใจ ปากจะบอกว่าไม่แต่ทำไมผมถึงไม่อยากให้มันหยุดลง
“ อา ” ผมครางออกมาเสียงครางของตัวเองทำให้ผมหน้าแดง เสียงผมทำไมยั่วมันแบบนี้เจ้าเด็กบ้ายิ่งเอาใหญ่มือที่อยู่ไม่สุขรูดรั้งส่วนที่อ่อนไหวทำให้ผมกลั้นเสียงไม่อยู่ มือที่ดันกลับกอดคอเอาไว้ยึดเหนี่ยว สัมผัสดุนดันด้านหลังก่อนที่จะแทรกกายเข้ามาทำให้ผมร้องลั่น ความเจ็บปวดทำให้ผมผลักเขาออกแต่เจ้าบ้านี่กลับยึดผมเอาไว้
“ ไม่เป็นไรนะลม อย่าเกร็ง ” พูดง่ายมาทำเองซิวะ ผมร้องไห้ออกมาแต่ถูกปิดปากด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนจนผมเคลิ้ม ถูกเจ้าเก่งคุมเกมส์ชักนำทางผมอย่างอ่อนโยนสัมผัสที่อบอุ่นเสียงกระซิบชื่อของผม ทำให้ผมเชื่อมันโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรแม้ว่าเขาจะรักคนอื่นแม้ว่าจะเห็นผมเป็นแค่ตัวแทน แต่ตอนนี้เก่งเป็นของผม ที่รักของผม
“ …..ลม ” ผมได้ยินเสียงที่เอ่ยออกมานัยน์ตาสองข้างของเจ้าเด็กนั้นปิดสนิทผมลูบใบหน้านั้นเบาๆ แล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อคิดถึงความร้อนแรงของเจ้าเด็กนี่เมื่อคืนนี้ ผมกุมหัวที่อยากจะโขกกับพื้นตายนี่ผมทำบ้าอะไรลงไป
ผมมองใบหน้าที่อยู่ด้านข้างใบหน้าของเจ้าเด็กนั้นที่หลับสนิทผมโน้มตัวเข้าไปใกล้จนแทบชิดได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นดังก้องหูก่อนจะแนบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากอีกฝ่าย ผมผละออกมากุมหัวใจตัวเองที่เต้นอย่างควบคุมไม่อยู่
นี่ผม ผม ……. ผมรักมันหรือเนี้ย!
ผมกุมหัวตัวเองอยู่หน้าคอมก่อนจะโดนใครบางคนผลักหัวผมจนแทบทิ่มคอมด้านหน้า ผมหันกลับไปค้อนไอ้คนที่ผลัก ไอ้เป้ยิ้มกว้างที่แกล้งผมสำเร็จ น่าแปลกที่กลายเป็นผมชะงักทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกว่าหน้าไอ้เป้คล้ายกับญาติผู้น้องมันจังวะ คนที่ทำให้ผมนั่งบ้าอยู่ตรงนี้ ผมนี่เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว
“ แกเป็นอะไรรึเปล่าวะ ” เสียงไอ้ก้องเพื่อนสนิทอีกคนของผมถามขึ้นจากโต๊ะข้างๆ
“ นั้นสิ ” คราวนี้เป็นเสียงไอ้เทมส์ที่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ผมได้แต่ส่ายหัวไปมาเป็นการปฏิเสธ
“ ไม่เป็นไร ” ใบหน้าสามหนุ่มเพื่อนสนิทยืนมองผมด้วยสีหน้ารู้ทันก่อนจะลากผมออกไปจากโต๊ะทำงาน
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนลืมไปว่านี่มันเวลาเลิกงานไปแล้วหลังจากที่ไปกินข้าวเย็นกับก๊วนเพื่อนฝูงเสร็จผมก็ขอแยกกลับบ้านก่อนจนถูกไอ้เป้สักไซร้เพราะปกติผมต้องไปอยู่ที่บ้านมันก่อนที่พี่ไฟจะมาหาไอ้เป้แล้วถึงรับผมกลับบ้านไปด้วยแต่วันนี้ผมขอมันกลับก่อนดูเป็นพิรุษชัดๆ ผมเสแสร้งแกล้งไม่สบายก่อนเผ่นแนบกลับบ้าน
ที่จริงตอนนี้ผมก็คงจะป่วยจริงแล้วล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดยิ่งปวดหัวผมไม่น่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้จริงๆฉวยโอกาสตอนที่เขาต้องการใครสักคนมาทำให้ตัวเองเจ็บปวดแบบนี้ เขาไม่ได้รักผมผมรู้ดีรู้ดีมากจนถึงขั้นเสนอหน้าไปช่วยให้เก่งคืนดีกับน้องแป้งอีก แล้วเมื่อคืนผมทำบ้าอะไรลงไปแล้วหลังจากนี้ผมกับเก่งจะเข้าหน้ากันติดได้ไหม ผมไม่รู้อนาคตเลยจริงๆ
นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์ผมปิดมือถือตลอดกลัวที่จะเปิดมันขึ้นมา พอมาทำงานตกเย็นก็อ้างว่าไม่อยากไปไหนรีบกลับบ้านมาทุกวันจนเพื่อนฝูงต้องตามกันมาถามไถ่ยิ่งไอ้เป้ยิ่งแล้วใหญ่มันรีบปรี่มาถามผมว่าทะเลาะกับเจ้าเก่งใช่ไหมถึงได้ไปยอมไปบ้านมัน ซึ่งผมก็ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆพยักหน้าตามมันไป
วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวันที่พอเลิกงานผมก็ชิงบอกลาเพื่อนฝูงติดเกียร์โกยแนบกลับบ้านเหมือนไปตามหาควายหาย เมื่อมาถึงหน้าประตูจะเดินไปที่จอดรถผมก็ชะงักค้างเมื่อพบกับใบหน้าที่คุ้นเคยของคนที่ผมไม่อยากพบที่สุดในตอนนี้ ไม่มีรอยยิ้มทักทายผมได้แต่ยืนค้างจนถูกร่างตรงหน้าคว้าข้อมือผมก่อนจะเดินนำลิ่วๆไป
“ …ปล่อยนะ นี่จะไปไหน ” ทันทีที่ตั้งสติได้ผมก็ร้องบอก เห็นเพียงแผ่นหลังของคนตรงหน้าไร้ซึ่งคำตอบ ผมถูกผลักให้เข้าไปนั่งในรถสีดำก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งอีกฝากแล้วขับออกไป ผมที่ยังคงอึ้งไปหายหันไปมองเขาแต่แล้วทันทีที่เก่งหันกลับมาผมกลับรีบหันไป
มองนอกหน้าต่างทันที
“ …ทำไมไม่รับสายผม ” เสียงเก่งพูดขึ้นทำลายความเงียบ ผมได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองก่อนจะตอบกลับไปตามที่คิดออก
“ โทรศัพท์เสีย ” ผมโกหก
“ คุณโกหก ” เสียงตอบสวนกลับทันทีที่ผมพูดจบทำให้ผมใจสะอึกก่อนจะหันกลับไปสบสายตากับเขาพอดี เก่งหันกลับไปมองทางต่อ ขณะที่ผมก้มมองมือตัวเองพูดอะไรไม่ออกมันทั้งเครียดและกดดัน
“ ผมเลิกกับแป้งแล้ว ” อันนี้ผมรู้ ผมนั่งเงียบๆฟังเขาต่อไป
“ ……คืนนั้นผม…… ”
“ ฉันลืมมันไปแล้ว ” ผมพูดสวนขึ้นทันที่ทั้งที่เขายังพูดไม่จบ ผมไม่อยากให้มันต้องมารื้อฟื้นกันอีก จู่ๆรถก็เบรคจนผมสะดุ้งก่อนที่เจ้าตัวจะขับต่อไปด้วยความเร็วจนผมได้แต่นั่งเงียบทันทีที่จอดผมก็ต้องขมวดคิ้ว นี่มันคอนโดของผมนี่นา ผมหันกลับไปมองเขาที่ถือวิสาสะหยิบกระเป๋าของผมไปถือก่อนจะลากผมเดินเข้าไป ผมดึงเขาเอาไว้
“ จะคุยอะไรก็คุยตรงนี้ ” ผมฝืนสบตากับเจ้าเด็กนั้นอย่างไม่ยอมหลบสายตาแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเขาจับไหล่ผมไว้ยื่นหน้าเขามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจผมขืนตัวเอาไว้แต่ก็ดิ้นไม่หลุดจากมือคู่นี้
“ อยากให้ผมคุยตรงนี้หรือจะคุยกันดีๆที่ห้องกันครับลม ”
7หน้าเอสี่ปาดเหงื่อ เหลืออีกตอนก็จะจบแล้ว :katai2-1:
แอบมีnc เบาๆ(?) เขียนได้แค่นี้ 55
คอมเมนต์น้อยจังกว่าจะผ่านหน้าแรกมาได้ :sad4:
ช่วยเมนต์กันหน่อยนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม :L2:
-
ลุ้นไม่ขึ้นจริงๆ หรือนี่ สุดท้ายลมก็เป็นฝ่ายโดนเด็กกด :sad4:
-
โอ๋ๆอย่าเพิ่งน้อยใจนะคนเขียน :กอด1:
ตอนหน้่ามาม่าจะหมดชามมั้ยเนี่ย :m15:
-
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) 6th [จบ]
“ ทำไมต้องทำแบบนี้ ” ทันทีที่ก้าวเข้าห้องผมก็ถามเขาทันที ผมเบือนหน้าไปมองหน้าต่างพยายามไม่มองห้องที่ตั้งแต่วันนั้นที่ผมหนีออกมาก่อนก็ไม่เคยกลับมาเยียบที่นี่อีกเลย
“ ทำไมนะหรอ ” เขาจับไหล่ผมให้หันกลับมาพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ เพราะคุณไงล่ะ ทันทีที่ผมตื่นมาคุณก็หนีไปติดต่อไม่ได้ยิ่งทำให้ผมสับสน ทำไมต้องหลบหน้าผม ” คำพูดนั้นเหมือนไปทำให้ความอดทนสุดท้ายของผมหมดไป ผมหันไปจ้องเก่งก่อนจะปลดปล่อยความรู้สึกออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ ทำไมนะหรอ! เพราะฉันทำตัวไม่ถูกได้ยินไหม นายจะให้ฉันทำยังไงทั้งๆที่นายรักแป้งเพิ่งเลิกกับเธอแต่กลับมานอนกันฉันไง นายจะให้ฉันทำหน้ายังไงหา ให้ฉันยิ้มแล้วบอกให้นายรับผิดชอบหรอไง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะท้องได้นะดังนั้นนายไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น…. ” ผมหอบนิดๆเมื่อพูดความรู้สึกทั้งหมดที่คิด ใบหน้าตกใจของเก่งทำให้ผมก้มมองที่พื้น ก่อนจะหันขึ้นไปยิ้มฝืนๆ จากนี้มันคงจบลงแล้วสินะ
“ ดังนั้นลืมมันไปซะ แล้วตอนนี้นายก็กลับไปได้แล้ว ” ผมพูดออกไปแล้วหันหลัง ผมไม่กล้าหันกลับไปกลัวว่าตัวเองจะเผลอแสดงความอ่อนแอออกไป
“ ………ไม่…….ผมจะไม่ลืมมัน…. ”
“ ………… ”
“ บอกให้ผมรับผิดชอบคุณสิ ” ร่างของผมถูกรวบไปอยู่ในอ้อมกอดขณะที่ผมยังมึนงงทำอะไรไม่ถูก
“ …………”
“ …..ฮะ…ฮะฮ่า นายนี่เล่นมุกได้ไม่ดูเวลาเลยนะ ฉันจะถือว่าเมื้อกี้นายไม่ได้พูดออกไปได้แล้ว ฉัน…..อือ…. ” ผมถูกแรงดึงก่อนที่จะริมฝีปากจะถูกทาบทับบดขยี้จนผมรู้สึกได้ถึงรสฝาดของเลือด
“ ….อือ… ” ผมดันร่างตรงหน้าออกแต่กลับไม่เขยื้อนกลายเป็นผมซะอีกที่ถูกดันมาจนล้มลงทั้งที่คิดว่าตัวเองจะร่วงทำให้ผมเกาะเก่งเอาไว้ร่างของผมอยู่ในอ้อมกอดของเขามือหนาคว้าเอวแล้วหัวของผมไว้ทำให้ไม่โดนกระแทกแต่ร่างที่ทาบทับอยู่ด้านบนก็ทำให้ผมเจ็บอยู่บ้างก็ตามที
“ คบกับผมนะลม ” ผมมองตาของคนตรงหน้าที่จ้องตอบผมก่อนจะผลักเขาให้ลุกขึ้นนั่ง
“ ไม่ ……อย่ามาบอกว่าจะคบกับฉัน แค่นายทำเพียงเพราะรู้สึกผิด ” ผมพูดออกไปด้วยความเจ็บปวดเงยหน้ามองเขาทั้งดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่
“ ……ผม…. ”
“ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ออกไป! ออกไปสิ!!! ” ผมตะโกน ร่างของเขามองผมนิ่งก่อนจะหันหลังเดินจากไปก่อนจะยืนหยุดนิ่งที่หน้าประตู
“ ……แล้วผมจะมาใหม่ ” ทันทีที่ประตูปิดลงผมก็ทรุดลงไปกองกับพื้นเอามือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ผมนี่มันอ่อนแอเกินไปจริงๆ
วันหยุดที่ควรพักผ่อนของผมหมดไปกับการออกไปเดินห้าง ตอนนี้ผมกำลังนั่งดูดช็อคโกแลตที่ไอ้คุณพี่สะใภ้เพื่อนผมประณามว่า‘เด็ก’ ชิ อย่างน้อยก็ดีกว่ากินกาแฟก็แล้วกัน ผมถอนหายใจเมื่อวานไม่กล้ากลับบ้านกลัวที่บ้านจะเห็นสภาพสุดโทรมของตัวเองผมเลยต้องทนนอนตาค้างคิดไม่ตกอยู่ที่คอนโดจนตอนเช้าก็รีบลากตัวเองมาอยู่ในทีคนหมู่มากเพื่อไม่ให้ผมฟุ้งซ่านตายไปซะก่อน ผมมองภาพผู้คนเดินไปมาอย่างเหม่อๆเสียงสั่นไหวของโทรศัพท์มือถือในมือผมทำให้ผมก้มลงมองก่อนจะกดรับสาย
“ สวัสดี ”
“ แกอยู่ไหน! ” เสียงเข้มของคุณเพื่อนทำให้ผมสะดุ้ง
“ ร้าน …… ทำไมหรอ ” ผมเอ่ยชื่อร้านกาแฟชื่อดัง
“ แกยังกล้ามาถามฉัน ที่เดิมใช่ไหม? ” เสียงไอ้เป้เข้มจนผมกลัวได้แต่ตอบรับมันว่าที่เดิม
“ โอเคก็คอยอยู่ตรงนั้น กล้าหนีฉันเอาแกตายเข้าใจไหม ” ผมพยักหน้าก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคุยโทรศัพท์กันอยู่จึงรีบตอบรับก่อนจะถูกตัดสายไปอย่างมึนๆ รอไม่นานผมยังดูดน้ำไม่หมดแก้วร่างของคุณเพื่อนพ่วงตำแหน่งพี่สะใภ้ก็เดินเข้ามาภายในร้าน ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมนั่งดูดช็อคโกแลตอยู่มุมหนึ่งของร้าน
“ แกใส่แว่นดำทำไม ” คำถามแรกที่ยิงมาทำให้ผมนั่งอึ้งตูควรตอบมันว่าไงดีในเมื่อหลังฐานอยู่เบื้องหลังแว่นตานี้ขอบตาแดงแถมยังขอบตาดำคล้ำจากการอดนอนขืนมันเห็นผมโดนซักฟอกขาวเป็นแน่
“ …เพื่อ เพื่อความเท่ไง 55 ” แล้วผมก็หัวเราะร่าอยู่คนเดียวสายตาของเพื่อนเป้ยิ่งคมกริบกว่าเดิมอีกถึงสิบเท่าทำให้ผมหุบปากเงียบ
“ มึงทะเลาะกับไอ้เก่ง ” ผมทำหน้าแปลกใจ ทำไมมึงรู้? ยิ่งผมมองอย่างสงสัยยิ่งทำให้ไอ้เป้หน้าหงิกหนัก
“ มึงคิดว่ากูบริโภคหญ้าเป็นอาหารหรือยังไง ทั้งมึงและมันดูง่ายจะตายแถมยังไม่ยอมเจอกัน เออถึงจะเป็นมึงฝ่ายเดียวที่ไม่อยากพบมัน แต่ใครๆเขาก็ดูออกกันทั้งนั้น ” ผมอึ้งผมเป็นพวกดูง่ายขนาดนั้นเชียว?
ขณะผมยังมึนๆงงๆไอ้เพื่อนเป้ก็ดึงแว่นกันแดดออกจากหน้าผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของมันผงะอย่างตกใจจนผมคว้าแว่นมา
สวมกลับแทบไม่ทัน มือของเป้คว้าข้อมือผมไว้ สีหน้าเข้มของมันเล่นเอาผมเหงื่อตก
“ มึงต้องอธิบายเรื่องนี้กับกู ”
เป็นเวรกรรมของผมที่เมื่อคืนร้องไห้ซะจนตาบวมปูดนี่ยังหลับตาไม่ลงเลยไอ้คุณเพื่อนถึงได้จับได้แบบคาหนังคาเขา ไอ้คุณพี่สะใภ้ตบเข่าทันทีที่ผมเล่าให้มันฟังพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกมาว่า ‘กูว่าแล้วเชียว’ ของมันออกมาทำให้ผมแทบอยากจะกระโดดงับคอมัน
ผมเล่าแค่ว่าผมสนิทกับเจ้าเด็กนั่นแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าชอบเจ้าเด็กนั้น แต่เก่งเขาชอบน้องแป้ง แต่มันก็ซักไซ้ไล่เรียงผมจนต้องเล่าซะละเอียดยิบผมปิดปากเงียบพยายามเล่าข้ามฉากบางอย่างไปเพื่อไม่ให้โดนคดีพรากผู้เยาว์ แต่เหมือนมันจะเป็นกรณีกลับกันมากกว่านะมันต่างหากที่พรากผม แล้วผมหน้าแดงทำไมเนี้ย
“ มึงลุยไปได้เลย กูจะเป็นป๋าดันให้มึงเอง ” ไอ้เป้ตบไหล่ผมหัวเราะโฮะๆ ผมละอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
“ ไม่เอา ”
“ ทำไมวะดูอย่างมึงยังเคยช่วยเรื่องกูกับพี่ไฟเลย ” อะไรหา! นั้นนะมึงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เรื่องนี้มันความผิดพลาดชั่วชีวิตของผมเลยตั้งหากที่ทำให้มันพบกับพี่ไฟ ทำให้ตอนนี้ผมถึงได้เผชิญกับการกินแห้วซ้ำซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่แบบนี้ยังไงล่ะ
“ …. ”
ผมเกิดอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูกชั่วขณะ ร่างของชายหนุ่มอีกคนก็นั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอีกตัวของโต๊ะผมระหว่างผมกับเป้ ผมหันไปมองก็ต้องผงะจนเกือบตกเก้าอี้ เคราะห์ดีที่คนที่มาใหม่จับแขนผมดึงไว้ได้ทัน ผมนั่งนิ่งไม่กล้าสบตา เป้มองผมกับเก่งไปมาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างขอตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ไอ้เพื่อนบ้ามึงจะมาเร็วไปเร็วเกินไปไหมไหนว่าเป็นห่วงกูไง
ผมเลี้ยวหลังไปมองไอ้เป้ตาละห้อยก่อนจะสบตากับเจ้าเด็กบ้าโดยไม่ได้ตั้งใจผมมองใบหน้าที่ของไอ้เด็กเก่งทื่วันนี้ดูหน้านิ่งขรึมเหมือนเมื่อวาน ผิดกับปกติที่ผมจะพบแต่มาดกวนๆเล่นๆตลอดเวลาที่อยู่กับผมพอเห็นท่าทางแบบนี้แล้วทำให้หัวใจผมแกว่งวูบอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งสายตาคมกริบที่จ้องผมไม่วางตาแล้วด้วย
“ ……..มาตั้งแต่เมื่อไร ” ผมควบคุมสติถามคำถามนี้ออกไป พอโดนมองจากสายตาของเจ้านี่ทำไมผมถึงได้ประหม่าแบบนี้
“ ……….ตั้งแต่แรก ” แรก ? ผมทำหน้าฉงนสงสัย
“ ผมตามลมมาตั้งแต่ออกจากคอนโด ” ตามผมมาตลอดแล้วเขานั่งอยู่ตรงไหน ทำไมผมถึงไม่เห็นแถมยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด ดูเหมือนเจ้าบ้านี่จะรู้เลยรีบชิ่งตอบผม
“ ผมตามมา แต่ดูเหมือนลมจะเอาแต่เหม่อ ” เก่งพูดเสียงเบาก็จริงของมันผมผงกหัวตอบรับ ผมเองก็ยังมึนๆอยู่เลยว่าพาตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง
ผมนิ่งเงียบก้มมองโต๊ะ ไม่รู้จะพูดยังไงจะให้ตบหัวเล่นทำเฉยกับเก่งผมก็ทำไม่ได้ ผมลืมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่บอกเก่งไปว่าผมลืมแล้วแต่กลับเป็นว่าผมลืมมันไม่ได้ ผมไม่สามารถทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้จริงๆ ความสัมพันธ์ของเรามันถอยกลับไม่ได้อีกแล้ว เก่งมองผมนิ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง
“ ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจากลม” เก่งพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นสบตากับผม
“สิ่งที่ผมบอกไปเมื่อวานผมก็ไม่ได้ทำเพราะรู้สึกผิด อย่างที่ลมเคยบอกผมยังแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่ารักหรือหลง แต่ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมจะไม่ปล่อยลมไปแน่ๆ ” ผมนิ่งอึ้ง ไม่เคยคิดว่าเขาจะพูดบอกผมแบบนี้ ความดีใจเอ่อล้นอย่างบอกไม่ถูก
“ ผมยังไม่แน่ว่าความรู้สึกที่มีต่อลมตอนนี้จะเป็นความรักแน่รึเปล่า แต่ผมพูดได้เพียงแต่ว่าตอนนี้มันมากกว่าแค่ชอบผมยังบอกไม่ได้เต็มปากว่ารัก แต่ผมมั่นใจว่าผมจะต้องหาคำตอบได้ ” ยิ่งได้ฟังคำกล่าวอย่างหนักแน่นของเขา แม้จะแอบวูบไหวแต่เพียงเท่านี้ผมก็ดีใจแล้ว
“ ให้โอกาสผมนะลม ”
ผม… ผมยังมีโอกาสอยู่ใช่ไหม?
ผมมองสีหน้าที่จริงจังของเก่งทำให้มั่นใจๆได้ทันทีว่าเขาพูดจริง แต่ว่าผม…
“ ขอโอกาสผมนะลม ” สายตาแบบนั้นยิ่งทำให้ใจผมอ่อนยวบแม้ยังไม่มั่นใจเต็มที่แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาจะไม่ทำให้ผมเจ็บปวดอีก ผมนิ่งไปสมองคิดเรื่องต่างๆแต่หัวใจผมเลือกไปแล้ว ผมพยักหน้าลงแม้จะไม่ได้ตอบออกมาแต่ก็เปลี่ยนใบหน้าเข้มให้ยิ้มกว้างออกมาได้ ไม่ว่ายังไงผมก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าเด็กบ้านี่อยู่ดี ทำยังได้ล่ะในเมื่อผมรักเจ้าเด็กนี่เข้าไปแล้ว
“ แล้วอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ ” ผมบอก
“ ผมสัญญา ”
เจ้าเด็กบ้านั้นพูดพร้อมกับที่จับมือผมขึ้นมาจับตรงตำแหน่งหัวใจที่เต้นรัวเหมือนผมทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว เจ้าเด็กบ้า! ผมรีบดึงมือออกมาแทบไม่ทันเมื่อเห็นคนในร้านเริ่มหันมามอง แล้วก็ต้องถลึงตาใส่ตัวต้นเรื่องที่หัวเราะผมซะงั้น
ก่อนที่ผมจะถูกฉุดให้ลุกขึ้นเดิมตามร่างสูงเบื้องหน้าไปที่รถ ก่อนที่รถจะออกร่างของเจ้าเด็กนั่นก็ก้มลงมากระซิบ
“ คืนนี้ให้ผมอยู่ด้วยนะลม ” เสียงกระซิบทำให้ผมหน้าแดงหันไปเตรียมจะด่า ไอ้เด็กบ้านี่ได้คืบจะเอาศอกผม ยังไม่ทันจะได้พูดริมฝีปากผมกลับถูกปิดด้วยริมฝีปากของฝ่ายตรงข้ามซะก่อน ผมขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเผลอไผล
ให้ตายสิ! ผมปฏิเสธเจ้าเด็กนี่ไม่ได้สักที
ผมไม่รู้ว่าความรักของผมมันเริ่มมายังไงและจะจบลงที่ตรงไหน
ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปล่อยให้เวลาเป็นบททดสอบ
แค่ตอนนี้แค่เพียงผมกับเจ้าเด็กนี่
ขอแค่ ‘เรา’ ยังมีเพียงจับมือกันเดินผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปพร้อมๆกัน :)
ที่จริงจะเอามาลงวันที่26 ฉลองวันเกิดเมื่อวาน :really2: แต่ดันไม่มีเน็ตเลยเอามาลงช้าไปวันนึง
เราเป็นพวกท้อแท้ง่ายกว่าจะแต่งจนจบขืนเป็นเรื่องยาวคงไม่มีวันจบ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจให้นะครับ
ปล.ที่จริงแต่งตอนพิเศษไว้กะจะให้เคลียร์เรื่องเก่งว่าตกลงมั่นใจได้รึยัง คงมาลงเร็วๆนี้แล้วเจอกันนะครับ :)
-
เรื่องนี้สนุกนะค่ะ แต่ชื่อเรื่องเราอ่านแล้วนึกว่าเป็นเรื่องเก่า ๆ อ่ะ ไม่รู้สิ
อ่านแล้วได้อารมณ์ประมาณว่า อ่านนิยายแจ่มใสอะไรประมาณนั้น คิดไปเองป่าวไม่รู้
อย่าท้อแท้ไปเลยค่ะ นักอ่านหลายคนไม่ค่อยเม้นเท่าไหร่หรอก (เรานี่ล่ะ คนนึง)
สู้ ๆ ค่ะเป็นกำลังใจให้
-
o13 o13 ชอบมากค่ะ เปนคนที่ชอบเม้นให้กำลังใจนักเขียนค่ะ เพราะตัวเองก็มีนิยายที่แต่งเอง พอมีคนเข้ามาเม้นคนนึงก็ยิ้มทั้งวันเลยค่ะ
เป็นกำลังใจนะค่ะ :กอด1:
-
ขอบคุณคร้าบบบบบ :pig4:
เขียนได้ดีแล้วนะคะ อ่านรู้เรื่อง ตัวละครมีที่มาที่ไป ไม่เลื่อนๆ ลอยๆ ไร้ทิศทาง
ที่จริงเรื่องนี้อาจเขียนต่อได้อีกยาว แต่ถ้าคนเขียนจะจบไว้ตรงนี้ก็สมบรูณ์ดีแล้วค่ะ
และหากว่าอยากกลับมาเขียนอีก และอยากเขียนเป็นเรื่องยาว คนเขียนก็พยายามอีกนิดเรื่องการสร้างพลอตของเรื่อง
ส่วนเรื่องการบรรยายให้คนอ่านเข้าใจนั้น เราว่าคนเขียนทำได้ดีแล้วล่ะ คำผิดก็ไม่ค่อยมี ภาษาวิบัติก็หาไม่เจอ อ่านแล้วสบายตามากๆ o13
เป็นกำลังใจให้นะ :L2:
-
ว้า....จบแล้ว
เรื่องนี้น่ารักดีจ้าชอบ
การบรรยาย การดำเนินเนื้อเรื่องก็ดี
ไม่มีสะดุด ดูสมจริงดี
รอตอนพิเศษนะ :L2:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านจ้า
เรื่องน่ารักดี
ไม่ซับซ้อนอ่านง่าย
อย่าเพิ่งท้อน๊า
เป็นกำลังใจให้ :L2:
กดบวกเป็ดจ้า
-
จบแบบนี้ถึงจะไม่ชัดเจน แต่แนวโน้มไปในทางที่ดี คนอ่านก็แฮปปี้แล้ว
รอตอนพิเศษค่ะ
-
น่าร๊ากกกกก
-
:impress2: อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆ ^^
-
น่ารักมากค่ะ
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่มจัง
ขอบคุณค่ะ
-
:-[ น่ารักดีๆ
-
สนุกมากค่ะ เรื่องราวน่ารักดี จิกกัดนิดๆแต่สุดท้ายก็แฮปปี้
ขอบคุณมากค่ะ
-
สนุกมากมายเลยฮ๊าฟฟฟฟฟฟฟ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารัก ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟฟฟฟฟ
-
เรื่องน่ารักดีนะค่ะ เรื่องจบเร็วไปหน่อยนึงนะ
อยากให้มีเนื้อเรื่องเยอะกว่านี้หน่อย
เอาเป็นว่าให้กำลังใจแต่งเรื่องยาวนะค่ะ สู้ๆ
-
ถึงจะสั้นไปหน่อยแต่ก็น่ารักดี
-
เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกกกก
อยากเห็นฉากกุ๊กกิ๊กของลมกับเก่งอีกนิดส์สสสสสสส
แต่ก็...โอเคนะ น่ารักดีทั้งคู่เลย
-
เรื่องสั้นแต่มีุอารมณ์ครบครันจริงๆ เศร้า เหงา ทุกข์ และ สุข แอบเขินด้วยอะ
-
หึ หึ โดนผู้เยาว์พราก ติดคุกมั๊ยคับ
-
สนุกดีค่ะ
-
o15 ขอบคุณค่ะ น่ารักมาก
-
ชอบๆ :3123:
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน....
เขียนดีนะคะ อ่านง่าย แต่แค่ช่วงแรกๆเว้นวรรคน้อยไปนิดทำให้เวลาอ่านประโยคยาวไปหน่อย แต่พอกลางๆเรื่องมาประโยคยาวๆก็ไม่ค่อยมีแล้วค่ะ เหมือนคนเขียนเริ่มเขียนอยู่ตัวแล้ว
เรื่องก็น่ารักมากค่ะ ชอบลมนะ แอบหมั่นไส้เก่ง 55+
-
น่ารักมากๆ
-
นายเก่งที่เก่งสมชื่อเลยนะ
ลมน่ารักคร๊าบบ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า :L2:
-
:o8: ให้โอกาสไป เพราะลมรักหนักแน่น
แต่ฟากกะโน้น นายเก่งยังลอยๆ เบาๆอยู่ :เฮ้อ:
กลัวใจเด็ก ต้องรอตอนพิเศษ...เพื่อยืนยัน :n1:
-
เรื่องน่ารักมาก :-[
รอตอนพิเศษนะค้าาา o13
-
เรื่องนี้น่ารักค่ะ มีครบทุกรสชาติเลย
ขอบคุณที่เขียนเรื่องน่ารักๆแบบนี้ให้อ่านนะค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
-
น่ารักมากๆครับ ผมเป็นคนชอบเสพดราม่านะ แต่ก็ต้องมาอ่านนิยายน่ารักใสๆบ้างคลายเครียดดี เรื่องนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่ารักๆนั้นครับ
เรื่องแรกที่เขียนหรอครับเนี๊ยะ? เจ๋งมากๆแล้วครับ o13 อย่างที่หลายๆรีบอก ผมว่าเรื่องนี้อ่านง่ายๆ เนื้อเรื่องแนวกุ๊กกิ๊กใสๆ หนุ่มตัวร้ายกะนายคิดมาก ฮ่าๆ แนวเกาหลีในรถไฟ (อินเทรน!) อ่าครับ มีผิดพลาดอยู่นิดนึง เหมือนตอนแรกๆจะบอกว่าลมทำอาหารไม่เป็น แล้วตอนหลังที่เริ่มมีความรู้สึกต่อกันลมทำอาหารเก่งซะงั้น แต่ไม่เป็นไรครับนอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรไม่ดีแล้วหล่ะครับ
ผมเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยได้ตามนิยายที่ยังไม่จบเท่าไหร่ เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเป็นคนชอบเสพดราม่า แล้วดราม่ามันอ่านแบบค้างๆไม่ได้ไง เลยต้องรอให้จบ (เหมือนแก้ตัวเนอะ? :laugh:)
ได้มาอ่านเรื่องนี้รู้สึกดียิ้มได้เลยหล่ะครับ แต่เสียดายนะ เหมือนมันยังยาวได้มากว่านี้ แล้วความรักของพี่ไฟกับเป้อีก (ออกแนวโลภ อ่านแล้วติดใจ :o8:)
สู้ๆนะครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆครับ +1 ใหเป็นกำลังใจครับ :L2:
-
ขอโทษที่หาย(หัว)ไปเนิ่นนาน :-[
ที่จริงแต่งSPมาซักพักแล้วแต่ยังไม่จบ
มาลงไปแต่งไปเพื่อกระตุ้นตัวเองให้มีสปีตการแต่งกลับมาซะหน่อย
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากนะคะจะนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น :pig4:
ส่วนที่ท่านNewYearzzได้บอกไว้ต้องขอบคุณมากนะคะ มึนจริงๆตอนนั้นแต่งทำไมเดี๋ยวมันทำอาหารไม่เป็น อีกตอนก็ทำเป็น? พอไปอ่านดูก็แทบช๊อก นี่ฉันทำอะไรลงไป :a5: ได้แก้ไขข้อผิดพลาดให้แล้วนะคะ
ฝากตอนพิเศษด้วยนะคะ :L2:
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?)
SP :: เด็กผม ใครก็ห้ามแตะ! (1/3)
“ ลมเด็กมึงรออยู่ข้างล่างแหนะ ”
หา ?! อะไรนะ?
ผมเงยหน้าขึ้นมาจากจออย่างรวดเร็ว เด็กผม? ผมคิ้วขมวดมองไอ้เพื่อนก้องที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ ส่วนไอ้เพื่อนเทมส์หูผึ่งหางกระดิกรีบแทรกหน้าเข้ามา
“ เด็กมึง ใช่คนที่เคยพูดถึงรึเปล่าวะ ” พอเทมส์พูดจบไอ้เป้ก็มองผมแล้วยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยจนทำให้ผมหน้าแดงแปร๊ด
ไอ้…ไอ้พวกรู้ทันเอ๋ย
ผมเก็บข้าวของรีบหนีลงมาด้านล่างท่ามกลางเสียงล้อของมันสามตัวเรื่องเด็กผมไล่หลังออกมาจากห้อง ผมกดลิฟท์ด้วยใจที่เต้นตึกตักจนแทบจะหลุดออกมานอกอก พอลงมาก็พบหนุ่มในชุดไปรเวทนั่งอยู่บนโซฟารับแขกของบริษัทใบหน้าหล่อเหลานั้นก้มมองนิตยสารในมือ ผมสังเกตเห็นพนักงานหญิงจำนวนไม่น้อยรวมถึงโอเปอเรเตอร์สาวเดินเฉียดแถวนั้นกันให้ควักจนผมเห็นแล้วยังหมั่นไส ไอ้หล่อเอ๋ย
เหมือนเจ้าบ้านี่จะรับรู้ถึงแรงนินทาเลยเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองผม ผมเบ้ปากใส่ขณะที่เจ้าตัวการยิ้มนิดๆอย่างหน้าหมั่นไส เออมึงหล่อกว่าก็อย่าทำได้ใจไปผมเชิดใส่หันหน้าเดินหนีออกมาจากบริษัทแต่ก็ถูกคว้าข้อมือได้ก่อนจะถึงรถ
“ ลม ” ผมหน้าบูดบึ้ง
“ โกรธที่ผมมารอโดยไม่ได้บอกหรอ ” ผมจ้องไปที่ตัวการที่ดูยังทำหน้ามึนงง ยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าทำอะไรผิดเนี้ยหา ผมหน้างอก่อนจะสะบัดแขนแต่เจ้าเด็กบ้านี้จับเอาไว้ซะแน่น
“ ลมก็บอกซิไม่งั้นผมจะรู้ได้ยังไงว่าลมโกรธผมเรื่องอะไร ” นี่ยังต้องให้ผมพูดอีกหรือหา?
“ ไม่บอก! ” ผมทำท่าจะพยายามหนีออกไปเจ้าเด็กบ้านี่ก็จับผมยัดเข้ารถก่อนจะขับออกไป ผมนิ่งเงียบมองข้างทางอย่าหาว่าผมงี่เง่าเลยนะครับ คนที่งี่เง่านะมันเป็นคนข้างผมซะมากกว่า เชอะ!
“ ถ้าลมไม่พูดแล้วผมจะรู้ได้ยังไง ” เสียงพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ผมก่อทำให้ผมยังแกล้งนิ่งทั้งๆที่ก็ได้ยิน
ไอ้พวกทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัวเอ๋ย!
ตอนนี้พวกผมย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดของผม บางครั้งก็จะแยกย้ายกันกลับไปนอนที่บ้านกันบ้าง ทันทีที่ถึงห้องผมก็เดินเข้าห้องนอนปลดเนกไทก่อนจะพับแขนเสื้อเตรียมจะไปอาบน้ำแต่กลับถูกร่างข้างหลังโอบกอดผมเอาไว้ทำให้ผมชะงัก ผมหันหน้ากลับไปดันเจ้าบ้านี่ออกให้พ้นตัวแต่กลับโดนรวบไว้ในอ้อมกอดของเจ้าเด็กบ้านี่แทน ริมฝีปากของเจ้าเด็กนั้นก้มลงมาจูบไซร้ซอกคอผมทันที
“ เฮ้ย! เก่ง อือ จะทำอะไร ” ทำไมอยู่ๆก็จู่โจมอะไรของมันกัน ปกติเก่งไม่เคยมาซุกไซร้อะไรกะทันหันแบบนี้ ขณะที่ผมยังมึนๆไอ้เด็กบ้านั้นก็จับคอผมเงยขึ้นรับจูบของมัน ผมรับรสสัมผัสที่หอมหวาน ร่างของผมถูกผลักลงบนเตียงกว้างก่อนที่ร่างสูงจะตามลงมาพร้อมกัน ยังไม่ทันส่งเสียงประท้วงใดๆผมก็โดนจู่โจมต่อทันที
“ อือ ” เสียงผมร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากร้อนไล้ไปตามซอกคอ มือสองข้างที่ผมขัดขืนถูกรวบสูงไว้เหนือผม ผมได้แต่ดิ้นไปมาแต่เหมือนจะทำให้เรายิ่งแนบชิดกันมากขึ้นไปอีก
“ เก่ง … อ่าห์ อะ ” ผมร้องห้ามแต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุไอ้เด็กบ้านี่เลยไล้ใบหน้าผ่านหน้าท้องผมลงไปซุกไซร้ส่วนอ่อนไหวจนผมได้แต่ร้องครางออกมา
“ ทีนี้ลมบอกผมได้รึยังว่าโกรธเรื่องอะไร ” เสียงกระซิบข้างหูทำให้ผมหน้าแดง แต่ฐิทิก็ยังฝังลึกทำให้ผมพูดออกไปจนเหมือนเป็นเสียงคราง
“ ไ….ไม่….อือ ” สิ้นเสียงเหมือนผมจะได้เสียงหัวเราะหึๆของเจ้าเด็กบ้านี่ และเสียงพูดข้างๆหู
“ งั้นคืนนี้ก็อย่าหวังจะได้นอนเลย หึหึ ” ผมยิ่งหวาดหวั่นเมื่อมองเห็นรอยยิ้มมัจจุราชของเจ้าเก่ง
เอาจริงดิ! ผมดิ้นพัลวันแต่ไอ้เด็กจอมรู้แกวรวบมือผมไว้ตั้งแต่แรกแถมยังทับลงมาคร่อมไว้อีกทำให้ผมดิ้นไม่หลุด สุดท้ายก็ได้แต่ส่งเสียงครางบิดเร้าแบบนั้นจนถึงเช้า
โธ่เว้ย! ผมเครียดจริงๆ ไอ้เด็กบ้า
ผมกัดขนมปังอย่างคลั่งแค้นกว่าเมื่อเช้าจะตื่นมาทำงานก็เกือบสิบเอ็ดโมงส่วนเจ้าเด็กบ้านั้นหายไปแล้วพร้อมกับโน็ตที่เสียบไว้ว่า ‘ผมเห็นลมหลับสบายเลยไม่กล้าปลุก และโทรไปบอกพี่เป้ให้แล้วนะครับ’
อ้าก! อ่านแล้วโครตจะจี๊ด มึงช่วยคิดหน่อยได้ไหมว่าที่กูมาทำงานสายก็งามหน้าพออยู่แล้วยังมีหน้าโทรไปหาพี่สะใภ้เพื่อนตูอีกว่ามึง…มึงทำให้กูไม่ได้หลับจนถึงเช้าอีก ตอนที่ผมมาถึงที่ทำงานก็แทบจะแทรกหน้าลงบนพื้นกระเบื้องแถวนั้นเมื่อเหล่าเพื่อนตัวดีผิวปากวี๊ดวิ้วกันตั้งแต่เห็นผมเดินเข้ามา ผมหน้าแดงจนแทบจะไหม้อยู่แล้ว
“ ไง เพื่อนลมสามีไม่ยอมปล่อยออกจากบ้านหรอ ฮิ้ว! ” ผมหน้าแดงก่อนจะหันไปแยกเขวี้ยวใส่ไอ้เพื่อนเทมส์
“ หุบปากน่า ” ไอ้เป้ขัดขึ้นก่อนที่ผมจะซุกหน้าลงกับพื้นแถวนี้
“ นี่มึงได้คุยเรื่องนั้นกับเจ้าเก่งรึยัง ” เป้ถามผม ผมส่ายหน้าไปมาจะว่าไปผมยังไม่กล้าพูดเลยดีกว่า ผมละหมั่นไสเจ้าเด็กนี่จริงๆที่ไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองเสน่ห์แรงแค่ไหน สาวๆงี้รุมติดตรึมจนผมมานั่งกลุ้มใจอยู่นี่ไง
ทำไมผมต้องนั่งกลุ้มนะหรอก็ไอ้คุณพี่สะใภ้ผมสืบมาว่าที่ทำงานของเจ้าเด็กนั้นมีสองสาวอันตรายอยู่นะสิ
คนแรกก็น้องแป้ง เด็กสาวที่หลังทำงานจบดันได้ไปอยู่บริษัทเดียวกับเก่ง ยิ่งเคยเป็นแฟนกันมาก่อนที่จะมาคบกับผม แถมในอดีตยังรักหรือหลงมาก่อนอีกถึงเจ้าตัวจะไม่แน่ใจก็เหอะ แต่ก็เคยมาอกหักร้องห่มร้องไห้ให้ผมฟัง ถึงเธอจะมาแฟนแล้วก็นี่ก็ต้องขึ้นทะเบียนแบล็คลิสไว้
คนที่สองนี่น่ากลัวกว่าน้องแนน สาวสวยที่มาหลงรักตามตามติดเจ้าเด็กเก่งที่ทำงาน ตามรายงานของไอ้เพื่อนเป้ได้รู้ว่าบางวันเธอถึงขั้นตามติดเจ้าเด็กนี่มาถึงบ้านหรือขอให้เก่งขับรถไปส่ง มีความสามารถในการเกาะหนึบเข้าขั้น
แต่ปัญหาใหญ่หลวงที่สำคัญคือมันไม่เคยรู้ว่าตัวเองป๊อปนี่ซิ ผมถึงได้เครียดจนหัวจะแตกอยู่ตรงนี้! การมีแฟนเด็กมันก็คงลำบากแบบนี้(?)
“ ถ้ามึงยังไม่รีบพูดกับมันรับรองโดนสาวที่ไหนคาบไปแดกแน่ ” ไอ้เป้พูด นี่กูมาปรึกษามึงไม่ได้ให้มึงมาซ้ำเติมกูนะเว้ย
“ เออ กูเข้าใจแล้ว ” ถึงจะบอกแบบนั้น แต่จะให้ผมพูดกับมันยังไงดีล่ะ
-
รีบกลับมาโพสตอนต่อนะคะ รออ่านอยู่
-
:katai4: :katai4: :katai4:
-
สนุกมากคะ น่ารักพอกรุบกริบ :impress2:
รออยู่นะคะ
อยากอ่านต่อแล้ว ดูว่าเมื่อไรลมจะง้างปากตัวเองซะที
มัวแต่งอนอยู่ได้ :laugh:
-
รออยู่น๊า~~
-
น่ารักดีนะ
เรื่องก็เดินเร็วดีค่ะ ตามสไตล์เรื่องสั้นอ่ะเนอะ
ขอชมเรื่องภาษานะคะ เราไม่เจอคำผิดเลย คือไม่รู้ว่าไม่มีเลยหรือมีน้อยมาก พอดีเราติดนิสัยอ่านแอบข้ามหน่อยๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็ขอชมค่ะ ^^
-
น่ารัก :กอด1:
มาต่อไวๆนะครับ :L2:
-
:call: รีบกลับมาน่ะ รอชั้นรอเธออยู่....
-
รอๆๆ
-
เอ่อ..
มาต่อแค่ครึ่งนึง มันค้างน๊าาาาาาาาาาาา
-
สนุกมากค่ะ แล้วจะติดตามอ่านนะคะ :กอด1:
-
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?)
SP :: เด็กผม ใครก็ห้ามแตะ! (2/3)
ทำไมผมต้องมากังวลว่าจะพูดกับมันยังไง จะยังไงดีล่ะ? จะให้ผมบอกว่าห้ามมันยุ่งกับผู้หญิงทุกคนก็คงไม่ได้ จะบอกให้ระวังพวกเธอสองคนในแบล็คลิสต์มันจะเหมือนว่าผมเข้าไปสอดส่องสะกดรอยที่ทำงาน เข้าไปยุ่มย่ามกับชีวิตเจ้าเก่งเกินไปจน
เหมือนเมีย(?)แก่ๆขี้หึงหวงรึเปล่านะ ผมละกลุ้มใจจริงๆ จนไม่รู้จะพูดยังไงดี
“ พี่ลม ” เสียงเรียกที่คุ้นเคยแต่สรรพนามนำหน้าที่ไม่คุ้นทำให้ผมหันกลับไปหลังจากที่คิดไม่ตก ร่างของเก่งยืนอยู่ข้างรถกำลังส่งยิ้มมาให้ แต่เมื่อผมมองข้าไปในรถที่เห็นนั่งอยู่ในรถนั้นมัน
“ แนนขอให้ผมแวะไปส่งเธอ แต่ผมบอกว่าจะมารับพี่ลมก่อน ” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นรถเบาะหลัง เก่งเดินเข้าไปนั่งที่คนขับ ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป
น่าแปลกที่ผมนิ่งซะจนตัวเองยังแปลกใจ ผมรู้สึกเหมือนอารมณ์มันครุครุ่นรอเวลาประทุออกมานะซิ ใบหน้าหวานของน้องแนนเด็กฝึกงานที่เก่งต้องคอยดูแล การกระทำของเจ้าเก่งนี่แหละที่ทำให้ยัยเด็กนี่ถึงได้คิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นถึงได้หาทางใกล้ชิดเจ้าเก่งอยู่นี่ไง ส่วนเจ้าเด็กบ้านี่ก็ไม่เคยรู้ตัวเลยจริงๆว่าตัวเองนะป็อปมากแค่ไหนถึงได้แต่คอยทำให้ผมปวดหัวอยู่แบบนี้
“ สวัสดีคะพี่ลม ” ใบหน้าหวานหันมายิ้มให้ผมผ่านกระจก ผมอึ้งๆแต่ก็ยิ้มตอบกลับไป
“ พี่ลมนี่น้องแนน น้องที่มาฝึกงานที่แผนกผม ส่วนนี่พี่ลมที่ผมเคยพูดถึง ” เด็กเก่งพูดแนะนำน้องแนนก็อุทานก่อนจะหันมามองผมอีกรอบ เอ๊ะ ไอ้เด็กนั้นเคยพูดถึงผมว่าไงบ้างเนี้ย? น้องแนนถึงได้มองผมแบบแปลกๆ ดูยิ้มๆยังไงก็ไม่รู้
“ พี่เก่งแนนไม่ค่อยเข้าใจ ” แล้วน้องแนนก็ชวนเก่งคุยเรื่องงานที่บริษัท ส่วนผมก็มองจากข้างหลังเงียบๆดูทั้งสองคนคุยกัน ดูไอ้เด็กบ้านี่จะตอบคำถามน้องแนนอย่างเดียวโดยไม่มีบทสนทนากับผมอีกจนไปส่งน้องแนนเสร็จ ตอนแรกว่าจะไม่คิดมาก แต่นี่มันชักจะเครียดซะแล้ว
“ ลม ” ผมนั่งมองข้างทางไม่สนใจ หลังจากที่ยัยน้องแนนลงไปไอ้เด็กบ้านี่ก็เห็นหัวผมขึ้นมาทันทีเชียวนะ เก่งเงียบไปหลังจากที่เรียกแล้วผมไม่สนใจ ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้ามาจอดในดอนโด ทันทีที่จอดรถดับเครื่องผมก็ก้าวลงก่อนมายืนข้างๆรถ
“ ลม ” เสียงเด็กนั้นเรียกผมแต่ผมก็ยังคงเงียบ ก่อนจะเดินเข้าตัวตึกก่อน
“ นี่ลมอย่าทำเป็นไม่สนใจผมสิ ” ลม ลมอย่างงู้อย่างงี้ ทีก่อนหน้านี้ยังเป็นพี่ลมอยู่เลย เชอะ เสียงเรียกของเก่งที่เรียกผมดังอีกสองสามครั้งก่อนที่จ้าตัวจะเดินมาคว้าไหล่ให้ผมหันกลับมามอง ผมขืนตัวเจ้าเด็กบ้านี่เลยคว้าแขนผมทั้งสองข้างไว้แน่น
“ ถ้าลมยังเงียบอยู่อีกผมจะถือว่าลมโกรธเพราะหึงผมนะ ” เก่งยังคงพูดต่อ จนผมอดตอบกลับไปไม่ได้
“ แล้วมันไม่จริงหรอไง ” ผมหันกลับไปตอบด้วยความโมโห ทันทีที่รู้ว่าตัวเองพลาดไปผมก็เอามือปิดปากแทบไม่ทัน ใบหน้าของเก่งตอนนี้แดงจนผมอดแดงตามไปด้วยไม่ได้ นี่ผมพูดอะไรออกไปวะเนี้ย เด็กเก่งที่เริ่มทำอะไรไม่ถูกเกาหัวแก้เก้อก่อนจะพูดคำที่ผมไม่คาดคิด
“ ไม่คิดเลยนะว่าลมจะพูดตรงๆแบบนี้ … ผมดีใจจัง ” ใบหน้าแดงของเก่งทำให้ผมมองค้างด้วยหัวใจเต้นรัวจนจะหลุดออกจากอก อ่า ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ผมสะบัดแขนรีบหนีๆไปจากตรงนี้
ไอ้…ไอ้เด็กบ้า
ผมรีบเดินออกมาตั้งแต่คบกับเจ้าเด็กบ้านี่หัวใจผมก็เสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจไม่เว้นแต่ละวัน ผมยังคิดอยู่ว่าซักวันผมจะต้องหัวใจวายตายแน่ๆ
“ ลม ” เสียงเรียกพร้อมเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาทำให้ผมเดินเร็วขี้นแต่ก็ไม่ทันเจ้าเด็กบ้านี่ก็คว้ามือผมไม่จับไว้ได้อยู่ดี
“ ผมไม่มีอะไรกับน้องแนนทั้งนั้น ไม่งั้นผมจะกล้าพาเธอมาหาลมได้ยังไง ” เสียงเก่งทำให้ผมคลายความกังวลใจไปเปลาะนึงมันก็จริง แต่ว่า…
“ นายรู้ตัวใช่ไหมว่าตัวเองนะป๊อปแค่ไหน ” ผมพูดด้วยความไม่พอใจ ไหนๆแล้วเคลียร์กันให้จบเลยดีกว่า
“ เพราะฉะนั้นห้ามให้ใครมายุ่งหรือเกาะแกะกับสาวไหนเด็ดขาดเข้าใจไหม ” ใบหน้าของเก่งดูเหวอๆจนผมหลุดขำแต่แล้วก็ต้องหยุดลงเมื่อมืออีกข้างของคนตรงหน้ารั้งต้นคอของผมเงยขึ้นริมฝีปากร้อนบดเบียดกับริมฝีปากของผมขณะที่กำลังมึนงงผมก็เผลอให้ลิ้นอุ่นเข้ามา
“ อือ... นาย…มาทำอะไรตรงนี้หา ” ผมหน้าแดงหายใจลำบากแต่ก็รีบผลักเจ้าบ้านี่หลังจากทีดูท่าทางว่ามันจะไม่ยอมผละออกไปง่ายๆ แถมนี่ลานจอดรถที่สาธารระถ้าใครมาเห็นเข้าผมคงเอาหัวมุดดินแน่ๆ
“ วันนี้ลมพูดให้ผมดีใจมาหลายรอบแล้วนะ… รู้งี้ผมมากับแนนตั้งนานแล้ว ” เสียงเจ้าเด็กบ้านี่พูดอย่างดีใจ แต่ไอ้ประโยคหลังนี่สิ
“ เมื้อกี้ว่าไงนะ ” ผมชักโมโหแล้วนะไอ้ประโยคเมื่อกี้ยังจะกล้าอีกหรอ ยังไม่ทันจะทำอะไรร่างของผมก็ถูกรั้งเข้าไปใกล้จนแทบชิดกัน ก่อนที่จะกระซิบข้างหูผม
“ วันนี้ลมน่ารักมาก คืนนี้ผมจะตอบแทนความน่ารักของลมเองนะครับ ที่รัก ” รอยยิ้มสดใสของเจ้าเก่งทำให้ผมใจเต้นตึกตัก
และแล้วผมก็ได้เรียนรู้ว่าต่อไปนี้ผมจะไม่พยายามทำตัวน่ารักให้ไอ้เจ้าบ้านี่เห็นเป็นครั้งที่สองอีกแน่ๆ
กำลังแต่งต่อใกล้จบแล้ว เลยเอาตอนนี้มาลงให้ก่อน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ :กอด1:
-
น่ารักดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ลมเคี้ยวหญ้าอ่อน อิอิ >.<
-
ลมน่ารัก มาต่อเร็วน่ะค่ะ
-
เนื้อเรื่องง่ายๆสบายๆไม่มีอะไรซับซ้อนอ่านไปเพลินๆดีค่ะ
-
แหม่ะ เป็นเราหน่อยไม่ได้ จะทำตัวน่ารักทุกวันเลย :-[
-
น่ารัก! ทั้งพี่ลมและน้องเก่ง อิอิ
-
รอตอนจบค่ะ
สรุปว่าลมก็รู้ป่ะ ว่าแนนชอบ???
-
รอตอนสุดท้ายอยู่น้า
รีบๆมาต่อเถอะ
อยากอ่านแล้วอ่า :hao5:
-
[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?)
SP :: เด็กผม ใครก็ห้ามแตะ! (3/3)
ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆทันทีที่ตื่นก็เห็นใบหน้าของหล่อเหลาอยู่ตรงหน้า ผมอมยิ้มก่อนจะยื่นมือออกไปลูบแก้มของเขาเบาๆ คนอะไรไม่รู้ทำไมตอนหลับถึงได้ดูน่ารักแบบนี้ ไม่เหมือนกับตอนเมื่อคืนที่เหมือนกับพยัคฆ์เข้าสิงแบบนั้น ผมขยับตัวขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากอันเนื่องมาจากรางวัล‘ความน่ารัก’ของผมและความบ้าส่วนตัวของหมอนี่ทำให้เมื่อคืนเจ้าบ้านี่ถึงได้มีแรงเท่าไรใส่ไม่ยั้ง
อ้าก!…ผมเอามือกุมหน้าที่คาดว่าตอนนี้คงแดงก่ำ ให้ตายสินี่ผมคิดมันขึ้นมาทำไมอีกล่ะเนี้ย ยิ่งกว่านั้นผมยังได้ยินคำๆนั้น
“ ผมรักลม…รัก ” ผมหน้าร้อนผ่าวเมื่อคิดได้ถึงเสียงนุ่มของเขาที่ทำให้ผมหลับไปอย่างมีความสุข มันอบอุ่นและสุขซะจนผมคิดว่าตัวฝันไปรึเปล่า แม้เราจะใจตรงกันแล้วหลังจากที่คบกันมาหลายปีแต่ลมก็ไม่เคยสารภาพรักกับผม จนเมื่อวานนี้ในที่สุดผมก็ได้ยินมัน
“ ขอบคุณนะ ” ที่บอกผม ขอบคุณที่ทำให้ผมไม่ต้องรอคอยอีกต่อไป ผมมองใบหน้าของคนที่ผมรักก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากนั้นเบาๆ ผมเถิบตัวออกมาจากเตียงไปอาบน้ำแต่กลับถูกผลักให้นอนลงหลังติดเตียงอีกครั้ง
“ เก่ง ” ผมอุทาน นัยน์ตาเบิกกว้างใครจะไปคิดว่าคนที่ตัวเองคิดว่าหลับสนิทมาตลอดจะตื่นขึ้นมาทำตาเป็นประกายซะจนผมล่ะเสียวด้านหลังวาบๆ
“ ลมทำให้ผมคลั่งแล้วจริงๆนะ ” สายตาวาวของเก่งทำให้ผมประท้วงหาทางเอาตัวรอดให้กับตัวเองเป็นการใหญ่
“ ฉ…ฉ..ฉันไปทำให้นายคลั่งตอนไหน ”
“ ก็ลมจ้องผมอยู่นานแถมยังมาลูบอีก หลังจากลวนลามผมเสร็จยังมาขโมยจูบอีก ถ้าไม่ยั่วแล้วเรียกว่าอะไรกันละ ” ยิ่งไอ้เด็กบ้าพูดผมก็ยิ่งรู้สึกอยากให้ตัวเองหลอมละลายหายไปกับเตียงจริงๆ
“ ดูเหมือนตอนนี้ลมทำสำเร็จ…ผมคลั่งขึ้นมาแล้ว ” สายตาของนักล่าทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ ก่อนที่ร่างสูงจะกดทับผมลงมาซะชิด ใกล้ซะจนปลายจมูกแทบจะชนกัน
“ และผมจะไม่ปล่อยให้ลมจากไปง่ายๆ”ยิ่งเก่งจับมือผมไล้เนื้อตัวของเขาลงไปลากผ่านซิกแพ็คลงไปถึงสะดือ ผมกลืนน้ำลายเฮือกก่อนที่มือของผมจะถูกดึงต่ำลงไปจนสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตด้านล่างยิ่งทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว อายซะจนอยากจะเป็นลมตายไปซะตอนนี้
“ ก…เก่ง ” ทำไมวันนี้ผมถึงได้พูดชื่อนี้ได้ลำบากยากเย็นแบบนี้แถมมันยังแหบพร่าแบบนี้อีก
ไม่มีคำตอบรับ ผมถูกจูบไปทั้งตัวในหัวได้ยินแต่เสียงครางและการแสดงความรักอันเร่าร้อนของหมอนั้น
หลังจากวันนั้นทำให้ผมเริ่มตระหนักแล้วว่า
ผมคงจะ….แก่แล้วจริงๆ
เพราะผมทนรับความต้องการของไอ้เด็กบ้านี่ไม่ไหวแล้ว!
เสียงข้อความทำให้ผมหยิบโทรศัพท์ของเก่งขึ้นมามอง เครื่องมือสื่อสารที่กำลังเด็งแอปพิเคชั่นสุดฮอตฮิตอย่างLINEที่กำลังเด๋งว่ามีข้อความเข้ามันสี่ห้าข้อความ ผมเปิดเข้าไปอ่านเลยแบบไม่ขออนุญาต เปล่าไร้มารยาทนะครับผมแค่เสือก เอ๊ย..ผมแค่เช็คมือถือสามีตามปรกติ
รายชื่อที่ขึ้นหลาทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคนที่ส่งเข้ามาคือ‘ น้องกิ่ง ’ ชื่อนี้ผมรู้ดี ก็น้องสาวเจ้าเก่งนั้นแหละหมอนั้นเล่าให้ฟังว่าตอนนี้น้องสาวเรียนอยู่มหาลัย ผมกับเธอไม่เคยเจอกัน และผมเองก็ไม่รู้ด้วยว่าเจ้าเก่งเคยเล่าเรื่องของผมให้น้องกิ่งฟังยังไง ผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้ากิ่งรู้ว่าผมเป็นแฟนของเก่งแล้วรับไม่ได้ขึ้นมาผมกับเก่งจะเป็นยังไง
ผมกำลังปวดหัวผมก็ถูกรวบตัวไปอ้อมแขนของคนข้างหลังแถมยังเอาคางที่เกยไหล่ผมอย่างถือวิสาสะอีก ผมทำหน้ายุ่งผลักหน้าไอ้เจ้าเก่งออกแต่มันกลับไม่ออกมาเกาะผมแน่นเข้าไปอีก มันคว้าโทรศัพท์ตัวเองไปดูทันทีที่เห็นผมถืออยู่
“ อ้าวกิ่งนิ ” ผมมองโทรศัพท์ที่เก่งกดเปิดดูตรงหน้า
“ เห็นกิ่งบอกว่าลงมาเมื่อวาน และวันนี้จะเข้ามาหาผมที่นี่ ” หา! ที่นี่….ผมช็อคค้างเรื่องมันเกิดเร็วจนงงไปหมด
“ ลม ”
“ ฉันว่าวันนี้ฉันออกไปข้างนอกดีกว่า ” ผมดันตัวเองออกมาจากเก่ง ผมควรออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“ ทำไมล่ะลม เดี๋ยว… ” ผมถูกคว้ามือเอาไว้ดึงยังไงก็ไม่ยอมปล่อย
“ ไม่เป็นไรหรอกเชื่อผมเถอะ กิ่งนะ… ”
| ปิ๊งป๊อง ปิ๊งป๊อง |
ร่างของเราทั้งคู่ชะงักค้างก่อนที่ผมจะรีบเดินไปเปิดประตูหน้าห้อง สงสัยคงเป็นเป้แหง่มๆช่วงนี้พี่ไฟชอบหาเรื่องมาที่นี่บ่อยๆ จะว่าไปยังกับเพิ่งระลึกได้ว่าผมเป็นน้องพี่งั้นแหละ ผมเปิดประตูออกมา
“ มากันอีกแล้วนะ…..เอ่อ…. ” ผมพูดค้างยังไม่จบลิ้นผมก็แข็งจนแทบชา ร่างของสาวน้อยทั้งสามรายยืนยิ้มอยู่ด้านหน้าห้อง หนึ่งในนั้นคือน้องแนนเด็กฝึกงานที่บริษัทเจ้าเก่งและสาวอีกสองนางที่ผมไม่เคยพบ ขณะที่ผมยังทำอะไรไม่ถูกผมก็ดึงมาอยู่ข้างๆประตูของฝีมือของเจ้าเก่ง
“ อ้าวสาวๆมากันแล้วหรอเข้ามาก่อนเลย ” สาวๆเข้ามาก่อน? ผมมองสาวน้อยที่โผกอดเจ้าเก่งทำให้ผมคิดได้ทันที…น้องกิ่ง ซวยแล้วผมหนีไม่ทันแล้ว
แต่ว่าเมื่อกี้เพิ่งบอกว่าจะมีเองไม่ใช่หรอ ทำไมมาถึงกันเร็วจัง หรือว่าผมกับเก่งน่าจะโดนหลอกมากกว่าดูสายตาของสาวทั้งสามนางที่หันมามองผมตาไม่วางขนาดนี้ดูท่าทางผมจะเป็นเหยื่อ(?)ในครั้งนี้ซะมากกว่า
“ แล้วทำไมพวกเธอถึงได้มาเร็วนักละ เพิ่งส่งข้อความมาบอกพี่เองไม่ใช่หรือไง ” เสียงเก่งช่วยชีวิตผมไว้ได้อย่างทันทวงทีโดยมองมากๆเข้า ผมเองก็ประหม่าไปเหมือนกัน น้องกิ่งหันหน้ามาทำให้ผมมองเห็นเธอตรงๆใบหน้าที่ดูคล้ายเจ้าเก่งอยู่เหมือนกันเพียงแต่ดูแก้มป่องกว่า ตาโตกว่า ผมที่ยาวสวยตัดหน้าม้าและย้อมสีน้ำตาลแดงดูสวยหวาน ดูดีทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ
“ ก็กิ่งอยากมาเจอพี่ลมนี่น่า ” ผมผงะไปไม่คิดว่าเธออยากมาเพราะว่าต้องการจะเจอผม
“ อยากจะเจอพี่ ” ผมชี้มาที่ตัวเองอย่างมึนงง หรือว่าน้องกิ่งจะสงสัยความสัมพันธ์ของผมกับเก่ง? ผมเม้มปากแน่นกำลังคิดหาทางแก้ตัวเจ้าเก่งก็คว้ามือผมไปจับ ผมรีบสะบัดออกแต่เจ้าหมอนี้กลับไม่ปล่อยนะสิ
“ กรี๊ด ” เสียงกรี๊ดกร๊าดจากสามสาวทำให้ผมยิ่งลุกลนมากกว่าเดิมเห็นไหมเขามองกันใหญ่แล้วเจ้าบ้า เสียงหัวเราะของเจ้าเก่งทำให้ผมหน้างอมากขึ้นไปอีก สาวแว่นผมดำที่เป็นเพื่อนของน้องกิ่งกับแนนหันมายิ้มให้ผม
“ ไม่เป็นไรคะพี่ลม พวกหนูรู้ความสัมพันธ์ของพวกพี่กันหมดแล้ว ” รู้? หมดแล้ว? ผมหันขวับไปทางเก่งที่ทำหน้า ‘ผมเปล่าพูด’ ใส่ผม
“ พี่ลมอย่าโกรธเลยคะ พวกหนูรู้กันได้เองตังหาก ” เสียงของน้องกิ่งทำให้ผมที่กำลังจะกินหัวเจ้าเก่งรู้สึกอึ้งไป
“ พวกหนูจะไม่ขัดขวางพวกพี่หรอกนะคะ ” สายตาวิ้งๆจากสามสาวสวยที่ตอนนี้ตาเป็นประกายจนผมมึนงง นี่ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า ยังไม่ได้คิดอะไรต่อผมก็ถูกพวกเธอลากไปนั่งลงก่อนจะถูกจับถ่ายรูปตามด้วยดันเก่งเข้ามาถ่ายด้วยอีกคน ผมเหลือบมองเจ้าเก่งอย่างขอความช่วยเหลือ แต่กลับได้สายตาอ่อนใจกับเด็กๆพวกนี้กลับมาดูท่าผมคงต้องยอมเลยตามเลยแล้ว
“ เสร็จรึยัง ” เสียงเริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อพวกผมถูกถ่ายรูปก่อนจะขอให้เล่าเรื่องตอนคบกันอีก ทั้งๆที่ผมคิดว่าจะไม่ได้รับการยอมรับแต่ดูเหมือนน้องกิ่งกับเพื่อนๆจะดูชอบผม(?)มากกกว่าที่ผมคิดซะอีก
“ ใจเย็นๆน่า ” ผมลูบหลังไอ้เจ้าเด็กขี้โมโห
“ แต่ว่า…. “ เก่งยังไม่ได้พูดต่อน้องกิ่งก็เข้ามากอดแขนผมก่อนจะอ้อนแบบเด็กๆ
“ พี่ลมเย็นนี้ไปกินข้าวกับพวกหนูหน่อยนะคะ นะคะ ” ผมมองเหล่าสาวๆก่อนจะมองหน้างอของใครบ้างคน แม้ไม่อยากจะทำให้เจ้าเด็กเก่งงอนแต่นานๆน้องกิ่งจะมาเยี่ยมเพราะที่นี้ก็ไกลมหาลัยน้องๆเขา แถมผมพอโดนตื้อมากๆใจก็อ่อนยวบไปเหมือนกัน (ก็ผมแพ้เด็กนิครับ)
“ ได้อยู่แล้วสาวๆ ” ผมยิ้มให้เด็กๆท่ามกลางเสียงประท้วงของเจ้าเด็กโข่ง
“ ไม่ได้ผมไม่ให้ไป กิ่งกลับไปเลยออกไปให้หมดเลยทั้งสามคน ” เสียงพาลๆของเก่งทำให้ผมไม่พอใจ
“ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ นานๆน้องจะมาหานะ ” ผมหันกลับไปว่า
“ นี่ลมไม่เห็นหรอว่ากิ่งต้องการจะแกล้งผม ” เสียงเข้มขึ้นของเจ้าเก่งทำให้ผมปวดเศียรเวียนเกล้า นี่ทะเลาะกันแย่งผมกับน้องตัวเองหรอผมละพูดไม่ออกจริงๆ คบเด็กก็คงจะลำบากแบบนี้(!?)
“ งั้นพวกหนูกลับก่อนแล้วกันนะคะ ” น้องสาวแว่นที่ผมยังจำชื่อไม่ได้กับน้องแนนพยายามยื้อน้องกิ่งออกจากห้องไปได้สำเร็จ ก่อนออกไปผมยังได้ยินเสียงแววๆของน้องแนนบอกให้ผมเคลียร์กับเก่งกันดีๆ ซึ่งดูเหมือนตอนนี้จะดีไม่ลงแล้ว
“ ทำไมทำตัวแบบนี้ ” นี่ผมละปวดหัวกับพฤติกรรมเด็กๆแบบนี้จริงๆ สายตาที่ไม่ยอมแพ้แบบนี้อีก
“ ผมไม่ผิด ” ผมได้แต่สายหัวไปมาแต่กลับถูกดึงเข้าไปจูบซะแบบนั้น
“ อือ …. ปล่อย…นะ ” รสจูบที่รุนแรงที่ให้ผมรู้สึกเจ็บที่ริมฝีปากแต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมถอนออกกลับจูบจนผมยินยอม ทันทีที่ปล่อยให้ลิ้นร้อนเข้ามาตวัดเกี่ยวอย่างร้อนแรงจนผมหายไม่ทัน เมื่อถอนริมฝีปากออกผมก็แทบจะทรุดลงไปกอง ร่างของผมถูกกอดหลวมๆ
“ ….ขอโทษ ” เสียงพูดเบาๆของคนตรงหน้าทำให้ผมเหนื่อยใจแต่ก็อดกอดตอบไม่ได้
“ ผมแค่ไม่ชอบให้ลมไปตามใจคนอื่นที่ไม่ใช่ผม โดยเฉพาะเจ้าเด็กนั้น ” เสียงไม่พอใจของเก่งทำให้ผมเหนื่อยกับพี่น้องคู่นี้จริงๆ น่ารักก็น่ารักอยู่แต่มันมาพร้อมกับความปวดหัวนี่สิ ผมละอดไม่ได้ที่จะขยี้หัวของเจ้าเด็กโข่งนี่จริงๆ
“ ไม่เห็นต้องไม่พอใจเลยนั้นน้องนะ ”
“ ก็น้องนั้นแหละ ไอ้เจ้าเด็กบ้านั้นถึงได้เอาใหญ่จะมาแย่งลมไปจากผมอีก ” แรงกอดที่รัดมากขึ้น ท่าทางที่เหมือนเด็กๆทำให้ผมหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่จะผละออกมาจากอ้อมกอดสองมือประคองใบหน้าของเก่งขึ้นมาก่อนจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากเบาๆ
“ ฉันมีนายคนเดียว ต่อให้นานอีกแค่ไหนฉันก็รักได้แค่นายคนเดียว ” ผมมองนัยน์ตาของคนตรงหน้าเพื่อยืนยันในคำพูด แม้นี่จะไม่ใช่ความรักครั้งแรกของผมแต่ผมแน่ใจว่ามันจะเป็นรักครั้งสุดท้ายของผมตราบนี้และตลอดไป
“ เลิกกังวลได้แล้วเด็กน้อย ” ผมพูดพลางลูบแก้มของเขาเบาๆ ใบหน้าที่เบิ่งตาค้างมองผมอย่างตื่นตะลึงก่อนที่จะกระพิบตาปริบๆยังไม่ทันทำอะไรผมก็ต้องยอมแพ้อีกรอบเมื่อร่างสูงโถมทับผมลงมาทั้งตัว ก่อนจะตามด้วยจูบหนักที่ริมฝีปากทีนึง
“ ผมนะรักได้แค่ลมเท่านั้น เพราะลมถึงทำให้ผมได้เข้าใจคำว่าความรัก ” เสียงที่ดังออกมาแม้จะไม่ดังมากแต่กลับก้องอยู่ในหูผมประทับเข้ามาในใจ
“ ผมจะไม่มีวันปล่อยมือไปจากลมจากนี้และตลอดไป ”
|| - FIN - ||
ขอโทษทุกคนที่มาลงช้า :sad4:
ไม่ได้ตั้งใจจริงๆเสร็จตั้งแต่พฤหัสแล้วแต่ยังไม่ได้แก้อะไรเเลยช่วงนี้ออกไปทำธุระทุกวัน
วันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านกลับมาเปิดคอมทำงาน
เฮ้ย! :a5: ลืมแก้แล้วลงเรื่องนินา เลยลงให้ก่อนเลย เดี๋ยวอาจจะมีแก้ที*
ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ :pig4:
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามแม้ว่าเรื่องจะจบไปแล้ว และท่านที่หลงเข้ามาอ่าน :3123:
ปล.นี่เอามาลงพอดีวันเกิดเลยนะเนี้ย :a13: ฉลองปิดเรื่องแบบสมบูรณ์ไปด้วยในตัว 55+
เจอกันใหม่ในเรื่องหน้านะคะ ไว้เอาคำเปรยมาฝาก :กอด1:
-
เพิ่งเห็นตอนพิเศษค่ะ มีแฟนเด็กต้องทำใจ มีแต่คนอยากงาบ คริคริ
-
มีแฟนเด็กต้องทำใจครับพี่ลม
Happy Birthday คนเขียนนะคร้าบบบบบบบบบบ
-
:mew1: น่ารัก มาก เก่งลม :-[
-
ขอบคุณมากๆคับผม
-
มีแฟนเด็กแล้วจะเป็นอมตะ ฮ่าๆ
-
สุดท้ายกรายเป็นเด็กมันขี้อ้อนไปเสียดื้อๆ :mew1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
โดนเด็กกิน คุ้มๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ
พี่คู่น้อง น้องคู่พี่ เงินทองไม่รั่วไหล อิอิ
เดี่ยวมาอ่านต่อพิเศษน่ะ ตาจะปิดแล้ว อิอิ
-
น่ารักจังอยากอ่านคู่พี่ไฟด้วย
-
มีแฟนเด็กก็ต้องฟิดเข้าไวน่ะ อิอิ
ลมเก่งน่ารีกกกก
-
โอ๊ยยยยย น่ารักเกินไปแล้ว :-[ :-[
อ่านไปยิ้มไปจนปวดแก้มแล้ววววว
-
ลมน่ารักเนาะ. ถ้าฮอตกว่านี้เก่งคงคลั่งตาย เจอแค่น้องยังหวงซะ555
-
น่ารัก มีแฟนเด็กก็ดีแบบนี้เอง :mew3:
-
:L1:
น่ารักค่ะ ทั้งลมทั้งเก่ง
เวลาเก่งอ้อน น่ารักจังงงงงง
-
เก่ง-ลม น่ารักมากครับ
-
น่ารักจัง ตอนแรกสงสารลมมาก นกซ้ำซ้อน ดีใจที่มีสามีเสียที5555555
-
กินเด็กก็ต้องเหนื่อยหน่อยน้า :laugh:
-
เขินมากๆเลยค่ะ :hao6: