พิมพ์หน้านี้ - @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 10:03:01

หัวข้อ: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 10:03:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: คนบ้า *Mpreg* บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 10:09:53
“คราม เดี๋ยวลูกช่วยพวกป้าเขายกอาหารไปวางบนโต๊ะให้พวกคุณท่านหน่อยนะ” แม่พูดพลางเตรียมอาหารอีกชุดใหญ่ใส่สำรับอย่างเร่งรีบ

“แม่จะนำอาหารไปให้... อีกแล้วเหรอครับ”

“อะ..อืม แม่ไปนะ” แม่ยกสำรับอาหารที่เพิ่งทำเสร็จแยกไปต่างหากสำหรับหนึ่งคน ซึ่งถือว่าเยอะมาก หากผมกินคนเดียวคงไม่หมด แต่ว่า แม่นำอาหารไปให้ใคร...

ผมเคยถามแม่ว่านำอาหารไปให้ใครทุกมื้อและทุกวัน แต่แม่ก็ไม่เคยตอบ ผมจำไม่ได้ว่าแม่ทำแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แต่ว่าทุกๆ วันแม่จะยกสำรับอาหารไปที่หลังสวน ผมเคยคิดจะตามไป แต่สุดท้ายผมก็ไม่เคยกล้าเดินตามไปอยู่ดี
 
++++++++++++++++++++++++++++++++

อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะยาวหรูหรา แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีผู้ร่วมรับประทานอาหารมื้อนี้เพียงแค่สี่คน โต๊ะยาวตัวนี้จึงตรงข้ามกับจำนวนคนอย่างชัดเจน

“แพรว จะกินก็มัวแต่แต่งหน้าอยู่นั่นแหละ”  คุณนายอมรเอ่ยขัดคุณแพรวผู้เป็นบุตรสาว

“ทำไมคะ แค่แต่งหน้าเองอ่ะ”

“จะกินข้าวเย็นอยู่แล้วยังจะทาปากอยู่อีก”

“แพรวไม่กินค่ะ เดี๋ยวอ้วน แล้วก็กำลังจะไปเที่ยวกับเพื่อนด้วย” คุณแพรวพูดพลางเช็คโทรศัพท์

“เที่ยว? นี่มันเย็นมากแล้วนะ จะเที่ยวอะไร” คุณเกริกผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างไม่พอใจ

“จะไปอ่อยใครหรือไง”

“เพชร หุบปากแกไปเลย ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน!” คุณแพรวตวาดใส่คุณเพชร  ผู้เป็นน้องชาย แต่คุณเพชรก็ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดนั้นมากนัก เพราะเป็นความเคยชิน

ผมตักข้าวใส่จานให้คุณเพชร แต่ก็ต้องรีบถอยห่างเพราะมือที่ชอบมาสัมผัสก้นของผมเป็นประจำ ผมไม่แน่ใจกับรสนิยมของคุณเพชร ปกติเห็นคุณเพชรควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ทำไมชอบมาทำแบบนี้กับผมประจำ

“เดี๋ยว” ผมที่กำลังจะกลับเข้าครัวหยุดชะงักเพราะคุณนายอมรเรียกไว้

“นางฝน มันเอาอาหารไปให้หรือเปล่า” คุณนายเอ่ยถามถึงแม่

“ครับ”

“บอกมันว่าไม่ต้องไปให้แล้ว ปล่อยๆ ไปเถอะ”
คุณเกริกพยักหน้าเห็นด้วยแล้วลงมือทานข้าว ผมรับคำจากคุณนายแม้จะไม่รู้เรื่องราวมากนัก

++++++++++++++++++++++++++++++++
 
 “คราม มากินข้าวเร็ว”  พวกป้าๆ ลุงๆ เรียกผมให้ไปกินข้าวด้วยกัน เวลาอาหารเย็นคุณท่านก็จริง แต่พวกผมก็ต้องอาศัยช่วงนี้เพื่อกินข้าวเช่นกัน อาหารธรรมดา ผักต้มจิ้มน้ำพริก ไข่เจียว นั่งกินกับพื้น ไม่ต้องมีโต๊ะหรูแต่กลับอบอุ่น

“ผมขอรอแม่ก่อนนะครับ นำอาหารไปให้ยังไม่กลับมาเลย”
ทุกคนมองหน้ากัน คล้ายกำลังสื่ออะไรกันบางอย่าง ผมค่อยๆ นั่งลงแล้วเอ่ยถาม เพราะผมคิดว่าทุกคนคงรู้ว่าแม่ไปไหน นำอาหารไปให้ใคร แล้วทำไมต้องนำไปให้

“ป้าดาครับ ป้าดารู้ใช่ไหมครับว่าแม่นำอาหารไปให้ใคร”

“อะ..เอ่อ ป้าไม่รู้หรอก” ป้าดารีบกินข้าว ผมหันไปมองลุงโชค ลุงแกก็หลบสายตา แล้วทุกคนก็รีบเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นแทน

…ยิ่งน่าสงสัยไปอีก

“อ้าว ฝนมาพอดีเลย กินข้าวๆ”  ป้าพรเรียกแม่ผมเมื่อกลับมาพร้อมกับถ้วยชามในสำรับที่ว่างเปล่า
 
ยิ่งทุกคนปิดผมมากเท่าไร ผมก็ยิ่งอยากรู้ว่าคนที่แม่นำอาหารไปให้เป็นใครกันแน่

++++++++++++++++++++++++++++++++
 
แม่ห่มผ้าให้ผมแล้วล้มตัวนอนข้างๆ

“แม่…”

“หืม หลับได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”

“ผมถามจริงๆ นะ ว่าคนที่แม่นำอาหารไปให้เป็นใครกันแน่ บอกผมได้ไหม” แม่มองหน้าผมก่อนจะนอนตะแคงหันหลังให้

“หลับเถอะ”

“แม่…”

“..…”

ผมถอนหายใจแล้วหลับตาลง เพราะคงไม่ได้คำตอบเหมือนทุกครั้ง…

“ผมช่วยนะครับลุงโชค”

“ได้สิ ขอบใจครามมากเลยนะ”

ผมช่วยขนหญ้าที่ลุงโชคตัดกองไว้ เพราะสวนที่นี่กว้างมากจึงลำบากและใช้เวลานาน หากทำคนเดียวคงเป็นสัปดาห์กว่าจะเสร็จ ผมขนหญ้ามาใส่ถุงดำอีกรอบและอีกรอบ จนผมต้องพักเหนื่อยริมสระน้ำ

 สระน้ำแห่งนี้มีศาลาตั้งอยู่ใจกลาง มีสะพานไม้เชื่อมเป็นทางเดิน ผมมองศาลาที่ค่อนข้างทรุดโทรมเเละเงียบเหงา ไม่มีคนมานั่งพักนานมากแล้ว เพราะศาลาแทบจะอยู่ท้ายสุดของสวน ไกลจากตัวบ้านพอสมควร

...หากแต่ผมกลับนึกถึงอดีต

อดีตที่นานมากแล้วตั้งแต่ผมยังเด็ก สมัยยังเด็กผม ชอบมาเล่นแถวนี้มากและมักโดนแม่ดุประจำว่าไม่ให้มาเล่นเพราะกลัวตกน้ำ

อย่ากังวลเลย พี่จะดูแลน้องฟ้าเอง


จู่ๆ ก็มีคำพูดหนึ่งเข้ามาในหัว คำพูดใครกัน พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เพราะตอนนั้นผมยังเด็กมาก แต่ถึงอย่างนั้น กลับเป็นคำพูดที่อบอุ่นสำหรับผมเหลือเกิน

เจ้าของคำพูดตอนนี้อยู่ที่ไหนกันนะ
 

 
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-09-2016 10:34:06
น่าติดตาม ~~พระเอกอาภัพ
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-09-2016 11:01:54
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 11-09-2016 11:10:05
รอติดตาม แลดูลึกลับซับซ้อน
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 11:38:34
บรรยากาศตอนเย็นที่สวนหลังบ้านนั้นเงียบสงัด ทั้งยังมีป่ารกชัฏและต้นไม้ขนาดใหญ่จึงทำให้ดูวังเวงมากขึ้น คงเพราะอยู่ไกลตัวบ้านมาก พวกคุณท่านจึงไม่สนใจและไม่ได้สั่งให้ใครมาดูแล แถวนี้จึงดูคล้ายป่ารกร้างที่แสนเงียบ โดยเฉพาะในเวลาเย็นเช่นนี้

ปกติผมไม่เคยเดินมาไกลจนถึงตรงนี้ เพราะส่วนมากจะเดินมาถึงแค่ศาลาตรงสระน้ำเท่านั้น แต่เพราะผมอยากจะรู้ความจริงที่ว่า ใครคือเจ้าของสำรับอาหารที่แม่นำอาหารมาส่งให้ทุกมื้อและทุกวันแบบนี้

ผมเคยสงสัยแต่ไม่เคยคิดที่จะแอบตามแม่มาเลยสักครั้ง เพราะขาผมมันก้าวไม่ออก รู้สึกกลัวที่จะรู้ความจริง จึงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้จนมาถึงตอนนี้ ผมอายุสิบแปดแล้ว และจะเก็บความสงสัยเอาไว้ตลอดไปคงไม่ได้ ด้วยความอยากรู้ ผมจึงแอบตามแม่มาเงียบๆ   

จนกระทั่งมาถึงกระท่อมหลังหนึ่ง  เป็นกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ค่อนข้างทรุดโทรม ข้างๆ มีสิ่งก่อสร้างที่เล็กกว่าแต่ทำด้วยสังกะสีทั้งหลังผิดกลับกระท่อมที่ทำด้วยไม้ แม้จะค่อนข้างทรุดโทรมแต่แลดูคงทนกว่า

แม่ถือสำรับอาหารหายเงียบเข้าไปในกระท่อมสักพักก็กลับออกมา ผมรอให้แม่กลับไปก่อนจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้กระท่อมปริศนาหลังนั้น

ใครกัน จะมีคนอยู่แน่เหรอ... ผมมองประตูที่ถูกคล้องด้วยแม่กุญแจอย่างแน่นหนา ถ้ามีคนอยู่ทำไมต้องล็อกแบบนี้ แล้วคนข้างในจะออกมายังไง

ผมยืนนิ่งอยู่นานจึงตัดสินใจเคาะประตู

ก๊อกๆ “อะ..เอ่อ สวัสดีครับ” สิ้นเสียงเอ่ยทักผมก็ยืนลุ้นด้วยใจที่เต้นแรง กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่รอฟังเสียงตอบกลับจากข้างใน แต่ทุกอย่างกลับมีแต่ความเงียบ

ก๊อกๆ ผมสูดหายใจเข้าปอดเมื่อตัดสินใจเคาะประตูและถามอีกครั้ง แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับเหมือนครั้งแรก
บรรยากาศเริ่มวังเวงขึ้นเรื่อยๆ เสียงลมหวีดดังพาต้นไม้รอบข้างเอนไหวไปตามแรงลมจนผมรู้สึกขนลุก ผมมองกระท่อมที่มีแต่ความเงียบ ตัดสินใจเคาะถามเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่มีใครตอบ ผมจะไม่ติดใจเรื่องนี้อีก

ก๊อกๆ “เอ่อ… ผมจะกลับแล้วนะครับ”

“อ๊ากกกกกกกกก ”

ปังๆๆๆๆๆ

เฮือกกก

ฟุบ!

เสียงตะโกนจากด้านในทำให้ผมตกใจจนล้มลง เสียงนั้นคล้ายกับสัตว์ร้ายที่ถูกขังเอาไว้ เพราะมีทั้งเสียงร้องโหยหวนและเสียงคำราม พลังมหาศาลที่กำลังจะพังประตูออกมายิ่งทำให้ความน่ากลัวเพิ่มมากขึ้น

เมื่อกี้นี้แม่เข้าไปไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำไมตอนนี้...

ผมรีบลุกยืนทั้งๆ ที่ขาอ่อนแรงด้วยความกลัว มองกระท่อมที่สั่นไปทั้งหลังก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปทันที

ใครกัน?... คนใช่ไหม?... ข้างในคือคนใช่ไหม… ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้!

 
++++++++++++++++++++++++++++++++

 “คราม”

เฮือกกก

ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อแม่จับที่บ่า

“เป็นอะไรฮึ”

“ปะ..เปล่าครับ”

“เดี๋ยวแม่จะไปอาบน้ำนะจ๊ะ ครามนำอาหารไปให้คุณเพชรบนห้องนะ”

“คะ..ครับ”

แม่เดินออกไปจากห้องครัว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากถามแต่ก็ไม่กล้า เพราะเรื่องเมื่อตอนเย็นยังทำให้ผมจิตตกจนถึงตอนนี้ ผมมองอาหารหรูในสำรับก่อนจะยกไปให้คุณเพชรบนห้อง เพราะวันนี้คุณเพชรกลับจากมหาวิทยาลัยค่ำพอสมควร จึงไม่ทันเวลาอาหารเย็น

ก๊อกๆ “คุณเพชรครับ ผมนำอาหารมาให้ครับ”

ประตูเปิดออก คุณเพชรในชุดผ้าคลุมอาบน้ำยิ้มกว้าง “เข้ามาก่อนสิ”

“คะ..ครับ”

ผมจัดวางอาหารไว้บนโต๊ะข้างโซฟา “ถ้าทานเสร็จเรียกผมนะครับ”

 “เดี๋ยว จะรีบไปไหนล่ะ มานั่งเป็นเพื่อนฉันก่อนสิ” ใบหน้าหล่อยิ้ม คุณเพชรมีใบหน้าที่หล่อเหลาจนมีแมวมองมาทาบทามให้เป็นนักแสดงและเปิดตัวเป็นพระเอกหลายครั้ง แต่ก็ถูกคุณท่านให้ปฏิเสธไป ไม่เช่นนั้นคงทำให้สาวๆ ในเมืองไทยเคลิ้มกันทั้งประเทศแล้ว แต่สำหรับผมคุณเพชรหล่อก็จริง แต่นิสัยผมไม่ชอบเลย

 “ผมต้องไปทำงานต่อครับ”

 “งานอะไรล่ะ นี่มืดแล้วนะ ควรจะเป็นเวลา… นอน”

ผมรีบเดินไปทางประตูแต่ก็ถูกขวางไว้

 “มาอยู่เป็นเพื่อน’นอน’ฉันก่อนสิ”

 “คุณเพชร… ผมไม่เล่นกับคุณนะ”

หมับ! “ฉันก็ไม่ได้เล่นนะคราม”

“ปล่อยผม” ผมแกะมือหนาที่จับมือผมออก

“ขัดขืนแบบนี้แหละฉันชอบ”

ฟึ่บ!

“ปล่อย!!”

เขากระชากตัวผมเข้าหาลำตัวแล้วกอดแน่น ทั้งยังซุกไซร้ลำคอของผม

 “ปะ..ปล่อยนะคุณเพชร! ผมจะร้องให้คนช่วยจริงๆนะ โอ๊ยยย ผมเจ็บ” ผมเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อเขากัดเข้าที่บ่าของผม

 “คะ..คราม… ครามรู้ไหม ครามเป็นคนสวย ทั้งยังทำให้ฉันคลั่งได้ขนาดนี้ ฉันขอเถอะนะ ครั้งเดียวก็ได้” คำพูดและแววตาบ่งบอกถึงความหื่นกระหาย… เขาเอาจริง ผมต้องรีบหนี ถ้าผมพลาดขึ้นมาผมต้องแย่แน่ๆ

 “ช่วยด้วย… อื้อ!” มือหนาปิดปากผมไว้ก่อนจะรวบตัวผมขึ้นบ่าเพื่อหวังจะอุ้มไปที่เตียง

 “ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!” ผมดิ้นเตะขาไปมาเพื่อให้เขาปล่อยตัวผมลง

 ก๊อกๆๆๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูรัวๆ ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง

 “คุณเพชรคะ คุณเกริกเรียกพบค่ะ” เสียงพี่ปรางดังขึ้น

ผมอาศัยจังหวะที่คุณเพชรเผลอรีบดิ้นแล้วผลักเขาอย่างแรง ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตู

“พี่ปราง!” ผมโผเข้ากอดพี่ปรางแล้วรีบไปแอบอยู่ด้านหลัง

 “โธ่เว้ย!” คุณเพชรสบถอย่างอารมณ์เสีย “ไปบอกพ่อว่าเดี๋ยวฉันจะไป!”

ปัง! ประตูถูกปิดลงอย่างแรง

ผมทรุดตัวลงกับพื้นเพราะขาผมทั้งสั่นและอ่อนแรงจนยืนไม่อยู่

“คราม… ครามไม่เป็นไรนะ”

“ฮึก..ก… พะ..พี่ปราง”

“ไม่เป็นไรนะ ใจเย็นๆ” พี่ปรางกอดปลอบผมแล้วพาผมกลับห้องพักสำหรับคนใช้ที่อยู่ด้านหลังของบ้านใหญ่ที่คุณท่านอาศัยอยู่

 “ดีนะที่พี่พอสังเกตได้บ้างว่าคุณเพชรคิดยังไงกับคราม แล้วพอพี่เห็นครามต้องนำอาหารไปให้คุณเพชรแล้วยิ่งหายไปนานอีก…”

“ขอบคุณพี่ปรางมากเลยนะครับ ผมประมาทไปจริงๆ ไม่คิดว่าคุณเพชรจะเอาจริงแบบนี้”

ผมรู้สึกช็อกอย่างมาก ถ้าพี่ปรางช่วยไม่ทันแล้วผมกับคุณเพชรมีอะไรกัน ผมไม่อยากจะคิดกับสิ่งที่ตามมาเลย เพราะร่างกายที่เป็นแบบนี้ ผมจึงต้องระวังตัวให้มากไม่ต่างจากผู้หญิง

“ยังไงต่อไปก็อยู่ห่างๆ คุณเพชรไว้นะจ๊ะ... แล้วน้าฝนไปไหนล่ะ”

“แม่ไปอาบน้ำน่ะครับ คงรอคิวจากคนอื่นอยู่เลยมาช้า”

“เฮ้อ…” พี่ปรางลูบหัวผม และอยู่คุยเป็นเพื่อนผมสักพักก่อนจะกลับไปที่ห้องตัวเอง

ผมถอนหายใจพลางมองตัวเองในกระจก มองลำคอและบ่าที่มีแต่รอยแดงช้ำและรอยกัด ผมเกิดมามีร่างกายผิดปกติ ผู้ชายก็ไม่ใช่ ผู้หญิงก็ไม่เชิง ถึงภายนอกจะเหมือนผู้ชาย โดยเฉพาะส่วนล่าง แต่มันกลับใช้งานไม่ได้เหมือนผู้ชายคนอื่น ผมถอนหายใจนึกถึงคำพูดของแม่ตอนที่ผมอายุสิบสองขวบ แม่ตัดสินใจบอกความจริงกับผมว่าผมมีมดลูกและให้ผมระวังตัวให้มากๆ แน่นอนว่าตอนนั้นผมช็อกอย่างมากและตอบแม่ไปว่าผมมีอวัยวะเพศชาย ผมควรเป็นผู้ชาย แต่แม่ก็ยังอธิบายจนผมต้องยอมรับความจริงกับคำว่าคนสองเพศ แต่จะมีเพียงเพศเดียวเท่านั้นที่จะเป็นเพศเด่นและอีกเพศจะเป็นเพศด้อย ซึ่งอวัยวะส่วนนั้นจะไม่ทำงานครบหน้าที่

จนกระทั่งวันหนึ่งผมรับรู้กับการเปลี่ยนแปลงที่ร่างกายของผมว่าความเป็นชายของผมนั้นใช้ในทางสืบพันธุ์ไม่ได้ เพราะเมื่อผมมีอารมณ์ทางเพศ ส่วนล่างของผมกลับไม่เคยแข็งตัวเลย แต่กลับมีอารมณ์กับช่องทางด้านหลังแทนและมักมีน้ำเมือกเหนียวออกมาจากก้นทุกครั้งเมื่อผมปลดปล่อย ผมเริ่มแน่ชัดแล้วว่าเพศชายของผมอาจเป็นเพศด้อย นั่นหมายความว่าผมมีสิทธิ์ท้องได้ มดลูกของผมมีช่องทางเชื่อมกับทวารหนักซึ่งอยู่ในกรณี ‘ทวารร่วม’ แต่โอกาสที่จะตั้งท้องไม่ได้สูงมากนักและผมอาจเป็นหมัน ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาด ทั้งๆ ที่ร่างกายภายนอกเป็นผู้ชายแต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ แต่สุดท้ายผมก็ยอมรับความจริงและไม่ยอมให้ตัวเองมีอารมณ์ทางเพศอีกเลย เรื่องความผิดปกติทางร่างกายของผมมีแค่แม่และผมเท่านั้นที่รู้

 ผมเดินออกไปสูดอากาศหายใจข้างนอกเพื่อรับลมเย็นๆ วันนี้มีแต่เรื่องให้เครียด ทั้งเรื่องคุณเพชรและเรื่องคนในกระท่อมนั่นอีก ยิ่งบรรยากาศแบบนี้ยิ่งทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น และนั่นทำให้ผมต้องกอดตัวเองด้วยความกลัว

“ไม่รู้จะดีกว่าสินะ…”

ผมจะกลับเข้าห้อง แต่แสงสะท้อนบางอย่างตรงพื้นดินทำให้ผมหันไปมองแล้วก้มลงเก็บ

“กุญแจ? กุญแจห้องใครกัน” ผมคลำกระเป๋ากางเกงตัวเอง… กุญแจห้องของผมยังอยู่ หรือจะเป็นกุญแจสำรองที่อยู่กับแม่ ผมเก็บกุญแจดอกที่เจอไว้ในกระเป๋าเสื้อและเป็นเวลาเดียวกันกับที่แม่กลับมาพอดีด้วยสีหน้ากังวล

“แม่… แม่ทำกุญแจห้องหายหรือเปล่าครับ”

 “กุญแจ! อา... กุญแจห้องเหรอ ไม่หายนะจ๊ะ แม่เก็บไว้ในห้องน่ะ” แม่ทำท่าคล้ายดีใจแต่ก็ต้องกังวลอีกครั้ง

 “อ้าว เก็บไว้ในห้อง เวลาห้องล็อกก็ไขไม่ได้สิครับ ต้องเก็บไว้กับตัวสิ”

 “เก็บไว้กับตัวก็หายสิลูก เฮ้อ…” แม่ถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปในห้องพักที่น่าจะเรียกว่าบ้านสำหรับเราสองคน แม่นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง

 “มีอะไรเหรอครับแม่”

 “เอ่อ... ปะ..เปล่าจ้ะ” แม่ยิ้ม

 “งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมเตรียมเสื้อผ้าเพื่อนำไปเปลี่ยน เมื่อพ้นออกมาจากห้องผมก็หยิบกุญแจดอกนั้นขึ้นมาดู รูปลักษณ์ไม่ใช่กุญแจห้องของผม

  กุญแจที่ไหนกัน?… ผมขมวดคิ้วคิดไม่ตกแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิม
 
 

 
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: gaslong ที่ 11-09-2016 13:37:44
ติดตามคะ คุ้นๆเหมือนเคยอ่านแต่ตอนนั่นก็เหมือนยังไม่จบนะคะ รอน้าาาา :hao3:
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 11-09-2016 14:12:27
น่าติดตามรอ :hao7: :hao7: :katai2-1: :katai4: :katai5: :hao7: รอออ
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 11-09-2016 14:44:25
รอติดตามจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: loveBoyoll ที่ 11-09-2016 14:51:46
 :katai2-1:รอ~
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่1
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 11-09-2016 15:01:53
พระเอกเรามีปมอดีตใช่ไหมมมม
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 15:10:34
“พี่ อย่าไปใกล้สระน้ำแบบนั้นสิ” ไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือเปล่า ผมถึงได้ย้อนวัยกลับไปตอนอายุแค่แปดขวบ ผมกำลังยืนอยู่ใกล้สระน้ำในสวนหลังบ้าน ร่างสูงหันมามองผมก่อนจะทรุดนั่งริมสระน้ำ ใบหน้าของเขานั้นมีแต่ความเศร้าและมีน้ำตาเอ่อคลอ

 “พี่... เป็นอะไรเหรอ ร้องไห้ทำไม”

 เขาได้แต่ฝืนยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เศร้ามากๆ

ผมเดินไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ แม้กลัวว่าจะตกน้ำก็ตาม

 “อย่าร้องไห้สิ พี่ต้องเข้มแข็งนะ” พี่ที่ผมปลอบโยนอายุมากกว่าผมนับสิบปี แต่เรากลับอยู่ด้วยกันโดยไม่รู้สึกว่าอายุแตกต่างกัน

 “ไปเล่นตรงศาลากันเถอะ” เขากล่าวแล้วจูงมือผมไป

 “คราม! คราม!” เสียงแม่เรียกทำให้ผมหยุดชะงัก

“แม่เรียกผมแล้วล่ะ คงเห็นว่าผมหายไปนาน ถ้ารู้ว่าผมมาเล่นตรงนี้ต้องโดนดุแน่ๆ เลย งั้นพรุ่งนี้เราค่อยไปเล่นที่ศาลากันนะ ผมจะแอบมาอีก”

ผมจะเดินกลับแต่พี่รั้งแขนผมไว้ ก่อนจะกระซิบบางอย่าง

 “อย่าลืมนะน้องฟ้า” พี่ย้ำคำกระซิบนั้น

“ครับ”

 “คราม! คราม!”

 เฮือกกกกก!

 ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกก่อนจะค่อยๆ ขยี้ตา แล้วพบว่าตนเองเผลอฟุบหลับบนโต๊ะในห้องครัว เมื่อกี้นี้คือความฝันจริงๆ สินะ… เขาเป็นใครกัน ในฝันผมรู้สึกว่ามองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน แต่พอตื่นขึ้นจากฝันผมกลับจำไม่ได้ โดยเฉพาะคำกระซิบ ทั้งๆ ที่เขาย้ำว่าอย่าลืม

“พะ..พี่ปราง”

 “มาฟุบหลับอะไรตรงนี้ พี่เรียกตั้งนานกว่าจะตื่น!”

“เอ่อ… ขอโทษครับ”

 “ตอนนี้น้าฝนเกิดเรื่องแล้วล่ะ!” พี่ปรางรีบลากผมให้ตามไปทันที เมื่อไปถึงที่ห้องโถงกว้าง ผมเห็นแม่กำลังคุกเข่าทั้งน้ำตา ร้องไห้แทบจะกราบคุณนาย

“ขอร้องล่ะค่ะ... ฮึกๆ ดิฉันจะไม่ทำหายอีก ขอกุญแจให้ดิฉันเถอะนะคะคุณนาย”

 “ก็แกทำหายเองก็ไปทำเองสิ อ้อ ลืมไป เพราะเป็นตัวล็อกที่ฉันสั่งทำพิเศษเพื่อขังมันนี่นะ คงหาคนทำยาก… งั้นก็ปล่อยให้มันตายๆ ไปซะ อยู่ไปก็เท่านั้น ฉันเองก็ขี้เกียจเลี้ยงมันแล้ว”

“มะ..ไม่นะคะ ฮึก… คุณนาย ขอร้องล่ะค่ะ” แม่ยกมือไหว้สะอื้นตัวโยน

เกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ถึงร้องไห้ ผมจะเข้าไปหาแต่ทุกคนรั้งตัวไว้ ผมจึงทำได้แค่ยืนมองแม่ร้องไห้แบบนั้น …ผมกำมือแน่น ทำไมผมจะต้องทนเห็นแม่อ้อนวอนแทบจะกราบ ทั้งๆ ที่เราก็เป็นคนเหมือนกันแท้ๆ แค่พวกเราไม่มีโอกาสแบบนั้น

“คุณนาย… ป่านนี้เขาคงหิวแย่แล้ว… ขอร้องล่ะค่ะ”

“ไม่! ฉันเบื่อที่จะเลี้ยงมันแล้ว ถ้าอยากจะช่วยมันก็ไปหาให้เจอสิ” พูดจบคุณนายก็เดินจากไป

“คุณนายคะ! คุณนาย!”

ผมรีบวิ่งไปหาแม่

“แม่!”

 “ฮึก..ก… คะ..คราม”

 “แม่ครับเกิดอะไรขึ้น”

 “ฮึก..ฮือๆ” แม่ไม่ตอบแต่กอดผมไว้  “คราม... คราม...” แม่สะอื้นกอดผมแน่น ผมได้แต่กอดปลอบเท่านั้น ก่อนจะร้องไห้ตามไปด้วยอีกคน

  “ยะ..อย่าร้องไห้สิครับ…”

 ทุกคนช่วยพยุงแม่ไปข้างนอกให้นั่งพักใต้ร่มไม้ ป้าดายื่นยาดมแล้วเอาพัดมาโบกให้

“ใจเย็นๆ นะฝน”

“ฮึก..ก… ดา ฉันสะเพร่าจริงๆ”

“แก่แล้วก็ต้องหลงๆ ลืมๆ กันบ้างแหละ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกเราจะช่วยหาอีกแรงนะ”

 “เอ่อ... เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” แม่ลังเลแต่ก็ตอบกลับมา

 “แม่ทำกุญแจหาย… กุญแจ…” แม่หยุดพูด แค่นั้นผมก็พยักหน้าเข้าใจ

 “ผมจะช่วยหานะครับแม่”

แม่เช็ดน้ำตา “จ้ะ”

ทุกคนถอนหายใจก่อนจะแยกย้ายกันไปหากุญแจ ผมกลับไปที่ห้องพัก ค้นหาในที่ที่แม่ชอบเก็บกุญแจ ค้นจนทั่วห้องก็หาไม่เจอ จากค้นหาในห้องก็เปลี่ยนมาด้านนอก ก้มมองตามพื้นดิน ผมหยุดชะงักแล้วเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เพราะผมลืมไปว่าเมื่อคืนผมเก็บกุญแจได้ดอกหนึ่ง ผมรีบคลำหาในกระเป๋ากางเกงตัวเอง ยิ้มกว้างเมื่อพบว่ากุญแจดอกนั้นยังคงถูกร้อยไว้ด้วยเชือกฟางคู่กับกุญแจห้องของผม

“คงจะเป็นกุญแจดอกนี้แหละ” ผมจะเดินไปหาแม่แต่ขากลับหยุดนิ่ง ความอยากรู้อยากเห็นครอบงำผมอีกครั้ง ถ้าผมนำกุญแจนี้ไปเปิดกระท่อมหลังนั้นผมก็จะรู้ความจริง แต่เสียงคลั่งในกระท่อมนั่นช่างน่ากลัว แค่นึก ผมก็กลัวจนขนลุกแล้ว… แต่ผมก็ยังอยากรู้อยู่ดี

ผมเก็บกุญแจกลับลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิม เตรียมมุ่งหน้าไปยังสวนหลังบ้าน แต่ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงดิ่งไปยังห้องครัวก่อน  ผมตักข้าวและอาหารใส่ชามใบใหญ่ ยกใส่ถาดเพื่อนำไปให้สิ่งมีชีวิตในกระท่อมซึ่งผมหวังว่าจะเป็นคน

“ถ้ามีคนจริงๆ ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว” ผมสูดหายใจเข้าลึก ตัดสินใจแน่วแน่ แล้วถือสำรับอาหารออกไปจากครัว เดินเลี่ยงทุกคนมุ่งไปยังสวนหลังบ้านทันที

 สวนหลังบ้านในตอนสายๆ แม้จะไม่น่ากลัวเหมือนตอนเย็น แต่ความเงียบและต้นไม้ที่ล้อมรอบก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้น่ากลัวไม่แพ้กัน ยิ่งเมื่อทอดสายตาไปยังกระท่อมแสนอ้างว้างที่ถูกล็อกด้วยกุญแจแน่นหนาด้วยแล้ว ขาก็สั่นจนแทบก้าวไม่ออก
ผมสูดหายใจลึกอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปเคาะประตู

ก๊อกๆ “อะ..เอ่อ ผมนำอาหารมาให้ครับ”

 “..…” ไร้เสียงตอบกลับ

ผมวางสำรับอาหารก่อนจะไขกุญแจ และแน่นอนว่ามันสามารถเปิดได้ ผมค่อยๆแง้มประตูออก กลิ่นไม่น่าพิสมัยลอยคลุ้งจมูก ผมเก็บกุญแจใส่ในกระเป๋าเสื้อแล้วจึงเอ่ยขึ้น

 “อะ..เอ่อ... ผมนำอาหารมาให้ครับ” ใจผมเต้นตึกตักด้วยความกลัว แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าเอ่ยปากออกไป ภายในกระท่อมนั้นค่อนข้างมืดเพราะไม่มีหน้าต่าง ทำให้มองเห็นข้างในไม่ค่อยชัดนัก ผมตัดสินใจถือสำรับอาหารก้าวเดินเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ

“ผมนำ… อึก…” ตัวผมชาวาบเมื่อเห็นร่างๆ หนึ่งอยู่ที่มุมมืดของกระท่อม

“อะ..เอ่อ”

 “ยะ..อย่าเข้ามา...”

 เสียงที่แหบพร่าทำให้ผมหยุดชะงัก ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

…คนสินะ

 “คือ… ผมนำอาหารมาให้ครับ” ผมค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ มองร่างที่คุดคู้ ภาพที่เห็นทำให้ผมเบิกตากว้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเวทนา ด้วยเนื้อตัวที่มอมแมมกับผมเผ้ารุงรังติดกันเป็นก้อน หนวดเคราครึ้ม อีกทั้งเสื้อผ้าก็ขาดๆ เก่าๆ คล้ายคนจรจัด ผมเดาว่าอายุของชายผู้นี้คงมากกว่าผมพอสมควร

ใครกัน…

“หะ..หอม…” เขาพูดเสียงแหบพร่า เงยหน้ามองผมก่อนจะกระโจนใส่ทันที

“โอ๊ย!”

ผมล้มลงเมื่อถูกกระโจนเข้าหา อาหารหล่นเกลื่อนพื้น แต่อีกคนกลับกำลังยัดอาหารทุกอย่างเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม แม้อาหารจะตกบนพื้นไม้สกปรกแต่ก็ยังหยิบมากินด้วยความหิวกระหาย ผมค่อยๆ ลุกยืนมองคนที่รีบกินจนเลอะไปทั้งใบหน้าและเส้นผม

“แค่กๆๆ” ท่าทางจะติดคอ ผมหันรีหันขวางเห็นโอ่งเล็กๆ จึงรีบไปตักน้ำใส่ขันมาให้

“เอ่อ... น้ำ”

เขารีบคว้าไปดื่มอึกใหญ่ก่อนจะรีบตะกุยข้าวที่ตกบนพื้นมากินจนเกือบหมด

 ผมมองดูเหตุการณ์ด้วยความงงและตกใจ เส้นผมที่ยาวปิดบังและหนวดเครารกรุงรังทำให้ผมมองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่ถึงผมจะเห็นใบหน้าของเขาผมก็คงไม่คุ้นอยู่ดี

“อะ..เอ่อ อิ่มไหมครับ”

เขาหันมามองผม

“ยะ..อย่าเข้ามา!” เขารีบกลับไปที่มุมห้องแล้วขดตัวตามเดิม “ยะ..อย่าตีนะ เจ็บ... เจ็บ…”

 “เปล่า ผมมาดีนะ ผมไม่ตี”

“ไม่ตี... ไม่ตี...”

“ใช่ผมไม่ตี… เอ่อ… ผมชื่อฟ้าครามนะ คุณชื่ออะไรครับ”

“ชื่อ... ชื่อ... มะ..ไม่รู้ ไม่รู้!” เขาเอามือกุมหัวตัวเองในขณะที่ยังขดตัวตามเดิม

ผมค่อยๆ เดินไปใกล้เขาที่นั่งขดตัวสั่น ความกลัวในครั้งแรกเริ่มหายไปจนเกือบหมดเพราะคนตรงหน้านั้นน่าสงสารอย่างมาก มือผมค่อยๆ สัมผัสเส้นผมที่ปรกใบหน้า เขาสะดุ้งเฮือกจะหนี

“ผมไม่ได้ทำร้ายคุณนะ… ไม่ได้ทำร้าย” ผมจับใบหน้าของเขาที่หันหน้ามองผม แววตาของเราประสานกันพอดีก่อนที่เขาจะรีบหลบสายตาแล้วพูดบางอย่าง

 “หะ..หอม...”

“ครับ?... อาหารเหรอครับ”

“หอม! หอมมาก!”

ฟึ่บ!

 “โอ๊ย! คุณ!”

จู่ๆ เขาก็กระโจนใส่ผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับคร่อมทับผมไว้ ผมมองข้อศอกตัวเองที่ถลอกและมีเลือดซิบ ผมจับข้อศอกตัวเองนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ มองคนที่คร่อมตัวผมไว้แล้วพูดขึ้น

 “คุณ… ลุกเถอะ ผมเจ็บ”

 “หอม… แฮ่กๆๆ” จู่ๆ เขาก็หายใจเร็วและแรงขึ้น หนวดและเส้นผมของเขาเคลียใบหน้าของผมจนผมต้องเบือนหนีและพยายามจะลุก แต่คนที่กำลังคร่อมกลับไม่ลุกทั้งยัง…

“คุณ! โอ๊ย!”

 “หอม หอม!”

 “อย่า!”

 ผมออกแรงผลักแต่ตัวของเขาใหญ่กว่าผมมาก จึงไม่มีแรงพอที่จะผลักคนที่กำลังกัดที่ซอกคอผมได้

 “โอ๊ย! เจ็บ… ปล่อย!”

“หอมจัง...” มือหนากระชากเสื้อผมออกอย่างหื่นกระหายจนกระดุมทุกเม็ดขาดกระเด็น

 กริ๊ง! เสียงบางอย่างกระทบกับพื้นไม้ทำให้เขาหันไปมอง ผมรีบกระเถิบถอยห่างเตรียมลุกจะวิ่งหนี แต่กลับถูกคว้าแขนเอาไว้และถูกผลักจนล้มลงกับพื้นไม้อีกครั้ง

“โอ๊ย!” ข้อเท้าผมคงแพลงแล้วแน่ๆ

“เอามาจากไหน! เอามาจากไหน!” เสียงตะคอกทำให้ผมตัวสั่นด้วยความกลัว มองกุญแจในมือของเขาแล้วพยายามกระเถิบตัวถอยห่าง

“กุญแจ… กุญแจ... แล้วก็รหัส... รหัสบางอย่าง... รหัส… จำไม่ได้! จำไม่ได้ อ๊ากกกกก” เขากุมหัวตัวเอง ผมค่อยๆ ลุกแต่ก็ทรุดลงไปอีก

 “จะเอาของของกูใช่ไหม มึง!!!”

 “ไม่รู้ ผมไม่รู้เรื่อง”

 “มึง!” เขาพุ่งมาหาผม ผมรีบคลานหนีแต่กลับถูกจิกหัวและคร่อมร่างผมอีกครั้ง เขาง้างมือขึ้นสูงในจังหวะเดียวกับที่ผมจะลุกหนี ก่อนที่ใบหน้าของผมจะถูกหมัดกระแทกเข้าอย่างจัง

ผัวะ!

 หน้าผมชาไปทั้งแถบ ผมตกใจจนร้องไห้ออกมา

  “ฮึก ชะ..ช่วยด้วย” ผมมันโง่ มาที่นี่เพื่อทำร้ายตัวเองแท้ๆ ผมอาจถูกฆ่าตาย

 ‘แม่ครับ... ช่วยด้วย’

เขาเริ่มก้มลงกัดที่ลำตัวและซอกคอของผมอย่างแรงอีกครั้ง

 “มะ..ไม่!” ผมลุกหนีแต่กลับถูกต่อยที่ท้อง กลิ่นเลือดจากมุมปากคลุ้งไปทั่วจนผมสะอิดสะเอียนจนจะอ้วก

 “ฮึก..ก… มะ..แม่” ผมหลับตาเมื่อซอกคอถูกกัดอีกครั้ง มือหนาหยาบกร้านไล้ไปทั่วทั้งตัวของผมด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขายิ้มตลอดเวลา พูดว่าหอม อยากกิน…

กางเกงของผมถูกถอดออก ผมเบิกตากว้างเมื่อเริ่มรู้จุดประสงค์ เขามองแก่นกายที่แปลกประหลาดของผมแล้วก้มดมฟุดฟิด ผมเกิดมามีร่างกายผิดปกติจึงทำให้ส่วนของความเป็นชายไม่ได้ทำหน้าที่สืบพันธุ์นอกจากใช้ขับถ่าย แก่นกายของผมจึงเล็กกว่าคนทั่วไป  ผมพยายามรวบรวมแรงเพื่อลุกนั่งแล้วกระเถิบหนี แต่ก็ไร้ผล

“ยะ..อย่าทำผมเลย ผมไหว้ล่ะ ผมขอโทษ ฮึก..ก...”
               
เขายังกดตัวผมไว้แล้วก้มลงกัดซอกขาของผมอย่างแรงจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ มือเขาจับขาผมแยกออกกว้างเป็นมุมที่น่าอายอย่างมากจนผมต้องหลับตา โดยเฉพาะเมื่อเขาก้มลงดมแก่นกายอีกครั้งแล้วขบกัดเบาๆ

 “อึก!”

ไม่เพียงแค่กัด แต่เขากลับดูดอย่างตื่นใจเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่ แต่ผมไม่ได้มีอารมณ์กับส่วนนั้นเลย ผมพยายามใช้มือดันหัวของเขาให้ออกไปจากแก่นกายของผมแต่ก็ไร้ผล เขาไม่ยอมละจากแก่นกายของผมไปง่ายๆ พร้อมกับส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ ก่อนจะทำบางอย่างที่ทำให้ผมกรีดร้องลั่น

ฟุบ!

 “โอ๊ยยยยย เจ็บ!!!” นิ้วของเขาจิ้มพรวดเขาไปที่ช่องทางของผมทันที  ผมป่ายขาหนีและหุบเข้าหากัน พยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้น แต่ด้วยความเจ็บที่ถูกต่อยตรงท้องจึงทำได้แค่นอนอ้อนวอนขอร้องให้ปล่อยตัว ถ้าเขาทำอะไรผม… ผมกลัวว่าจะท้อง ถึงโอกาสจะน้อยแต่ก็ยังไม่ใช่ศูนย์เปอร์เซ็นต์

“ปล่อยผม… ผมจะไม่มาอีกแล้ว ฮึก ไม่!”

ฟุบ เขาจับขาผมแยกอีกครั้ง

“สวยจัง… สวยเหมือนดอกไม้ที่เคยเห็นเลย… สวย…” เขาพึมพำแล้วล้วงเข้าไปในช่องทางผมอีก ทั้งยังชักเข้าออกด้วยท่าทีสนอกสนใจ ถึงแม้ผมจะมีอารมณ์กับทางด้านหลัง แต่ก็ใช่ว่าจะมีอารมณ์ทุกครั้งที่สอดใส่ และผมไม่เคยมีอารมณ์ทางเพศมานานมากแล้ว การกระทำแบบนี้จึงทำให้ผมหวาดกลัวแทน เขาขมวดคิ้วหงุดหงิดมากขึ้น

“ปวด… ปวดตรงนี้ โอ๊ยปวด...” เขาจับตรงเป้ากางเกงตัวเองที่เริ่มมีน้ำซึม ก่อนจะรีบถอดกางเกงตัวเองออก

“ปวด! ปวด!” แก่นกายสีดำขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเส้นขนสีดำปรากฏแก่สายตา ผมเบิกตากว้าง รีบกลับตัวนอนคว่ำแล้วพยายามคลานหนีไปตามพื้นไม้

 “ไม่! อย่า” ขาถูกจับและแหกออกในสภาพที่ผมนอนคว่ำ

“ปวด… ปวด ทำยังไง... บอกหน่อยสิ บอก!”

“ฮึก..ก… ไม่รู้ ผมไม่รู้… ผมจะไปหาแม่”

“งั้นดอกไม้ตรงนี้จะช่วยได้ไหม” เขาแหกก้นผมออกแล้วดมช่องทางนั้น

 “ไม่!... ขอร้องล่ะ อย่าทำผมเลยนะ ฮึก..ก...”

“ดอกไม้… ช่วยนะ… ช่วยให้หายปวดนะ”

ผมพยายามกระเสือกกระสนหนีอีกครั้ง เล็บผมจิกลึกทึ้งลงในเนื้อไม้ หวังตะกายหนีเมื่อคำพูดนั้นจบลงเพราะเขาจะต้อง...

 “ไม่เอา… ผมกลัวแล้ว ฮึก...”

  ผมกำลังจะถูก...

 “อ๊ากกกกกกก” ผมกรีดร้องลั่นเมื่อความใหญ่โตแทงพรวดเข้ามา แม้เริ่มแรกจะเข้ามาได้ไม่หมดแต่ก็ยังฝืนแทงเข้ามาจนมิด ผมอ้าปากค้าง จุกจนพูดไม่ออก

“ชะ..ช่วย อ๊ากกกกก” ตัวถูกจับให้พลิกหงาย ผมมองแก่นกายที่คาอยู่ในตัวของผมอย่างตกตะลึง  ความเจ็บปวดตรงนั้นแล่นขึ้นมาจนสมองผมชา กลิ่นเลือดโชยออกมามากมาย ผมรู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออกมาตลอดเวลาจากช่องนั้นของผม ซึ่งผมแน่ใจว่ามันคงเป็นเลือดของผมเอง

 “ผมไหว้ล่ะ พอเถอะ... ฮึก...”

กึก! เขากระแทกเข้าอีกครั้งอย่างแรง

“อ๊ากกกกก” ผมจิกพื้นไม้ เกร็งไปทั้งตัว แหงนคอด้วยความเจ็บและจุก เหมือนกับมีใครล้วงเข้าไปภายในร่างกาย

“ชอบ… ชอบ! หอม! ไม่ไหวแล้ว… ดอกไม้ทำให้สบาย” เขายิ้มก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเร็วแรงและต่อเนื่อง

กึกๆๆๆ เขากระแทกแบบเน้นๆ จนเสียงที่น่าอายดังไปทั่วกระท่อม

ผมปิดหน้าตัวเอง กัดริมฝีปากเพื่อบรรเทาความเจ็บแต่ก็ไร้ผล อวัยวะภายในเหมือนกำลังถูกคว้านออกมาจนหมด ไม่จริงใช่ไหมที่ผมกำลังถูกคนแปลกหน้าข่มขืนและผมเองเป็นคนมาให้เขาข่มขืนถึงที่… แค่คิดผมก็ร้องไห้ปนเสียงกรีดร้อง เจ็บทั้งกายและหัวใจ ไม่ไหวแล้ว… มันเจ็บจนด้านชา… ผมมองไปที่ประตู มือผมเอื้อมอยากจะออกไป ทั้งๆ ที่ทางออกอยู่แค่ตรงหน้าแต่ไปไม่ได้ แรงสะเทือนที่ถูกกระแทกทำให้ได้แต่ปล่อยมือร่วงลงข้างลำตัวก่อนจะหมดสติลง... ภาวนาขอแค่ตื่นขึ้นมาทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน… ความฝัน…

‘ฟ้า…’ เสียงของเขาคนนั้นจู่ๆ ก็ดังเข้ามาในหัว…
 
‘พี่ช่วยผมด้วย…’
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 11-09-2016 15:22:02
รู้สึกเหมือนเคยอ่านที่ไหนมาก่อนแฮะ
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 15:25:26
รู้สึกเหมือนเคยอ่านที่ไหนมาก่อนแฮะ

เราลงอีกเว็บด้วยน่ะค่ะ>__< เลยมาลงที่เว็บนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 11-09-2016 15:26:25
น่าสนใจมาก ๆ
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: loveBoyoll ที่ 11-09-2016 16:05:51
อยากอ่านต่อมาต่อให้หน่อย~ :z3: :hao5:
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: ฟาง ฟ่างง ฟ๊างง ที่ 11-09-2016 16:26:29
เราว่าเราเคยอ่านอยู่นะคะ ที่เว็บนี้แหละ แต่ยังลงไม่จบ นานแล้วด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นชื่อเรื่องอะไร
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 16:30:47
เราว่าเราเคยอ่านอยู่นะคะ ที่เว็บนี้แหละ แต่ยังลงไม่จบ นานแล้วด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นชื่อเรื่องอะไร

พึ่งเคยลงครั้งเเรกนะคะที่เว็บนี้  o22
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 11-09-2016 17:15:25
ไปตามอ่านที่อีกเวปมา แต่มันล่มตอนใกล้จบอะ T_T
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 11-09-2016 18:33:12
ตะสงสารหรือสมน้ำหน้านายเอกดีเนี่ย :เฮ้อ:

อยู่ดีๆก็ไปหาเรื่องใส่ตัวซะงั่น......
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 11-09-2016 19:10:08
น่าสงสารฟ้าคราม แต่ฟ้าครามต้องช่วยได้
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-09-2016 19:27:10
                 เมื่อผมลืมตาขึ้น ก็ต้องพบกับความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วทั้งใบหน้าและร่างกาย ขยับไม่ได้เลย ผมปวดหัว เกิดอะไรขึ้น แขนของใครบางคนกอดผมไว้ ผมหันไปมองข้างๆ ก่อนจะเบิกตากว้าง… จำได้แล้ว… ผมถูก...! ผมพยายามลุกแต่ก็ทำไม่ได้ เจ็บไปหมด โดยเฉพาะช่วงล่าง

                “ฮือๆๆ จะ..เจ็บ ช่วยด้วย…”

                ผมนอนร้องไห้เมื่อไม่สามารถจะทำอะไรไปได้มากกว่านอนนิ่งๆ

                “อะ… อืม” เสียงครางจากคนข้างๆ ทำให้ผมรีบกลั้นเสียงร้องไห้ พยายามจะหนีด้วยความกลัว... เขาจะทำร้ายผมอีก… ผมกลัว… ได้แต่คิดเพราะหนีไม่ได้

                หลังจากเขาตื่นมาก็เอาแต่นั่งจ้องผมแล้วดึงตัวผมไปกอด หอมใบหน้า ซอกคอของผม    ผมได้แต่กัดฟันกรอดเบือนหน้าหนี

                “อยู่ด้วยกันนะ ด้วยกัน…”

                “มะ..ไม่! ปล่อย ไอ้บ้า!” ผมตวาดลั่น ถ้อยคำของผมนั้นอัดแน่นไปด้วยความกลัวและความเกลียด

                “บ้า… บ้า… ไม่ได้บ้า!”

                “ไอ้บ้า!”

                “มะ… ไม่ได้บ้า!“ เขาตวาดลั่น ผมสะดุ้งเฮือก พยายามฝืนลุกนั่งด้วยความเจ็บในสภาพเปลือยเปล่า ผมมองตรงหว่างขาตัวเองแล้วเบือนหน้าหนี มีแต่เลือดและคราบสีขาวซึ่งคงไม่ต้องบอกว่ามันคืออะไร ผมตัวสั่น ได้แต่ภาวนาว่าผมจะไม่ท้อง

                ผมหลับตาแล้วนึกถึงคำพูดของหมอเพื่อปลอบใจตัวเองว่า บางทีผมอาจเป็นหมัน เพราะหมอประจำตัวของผมเคยบอกไว้ตั้งแต่ยังเด็ก ในตอนที่ได้รับรู้ว่าอวัยวะเพศชายของผมนั้นไม่สามารถใช้สืบพันธุ์ได้ ว่าคนที่มีสองเพศส่วนมากจะเป็นหมันและท้องได้ยาก แต่โอกาสก็ไม่ใช่ศูนย์เปอร์เซ็นต์... ใช่... ผมมีโอกาสที่จะเป็นหมัน ผมพยายามคิดในแง่ดี

                “ไม่ได้บ้า ไม่ได้บ้า!” เขามองผมตาเขียวแล้วกระชากเข้าไปกอดแน่น

                “โอ๊ย! เจ็บ! เจ็บ!” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เขาก็กระชากผมให้ลุกยืนแล้วกอด ผมยืนไม่อยู่จึงทรุดนั่งอย่างอ่อนแรง

                “ฮือๆๆ มะ..แม่… ช่วยผมด้วย”

                แม้ผมจะทรุดลงนั่งกับพื้น เขาก็ยังกอดผมไว้ ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่

                “อย่าร้องไห้นะ… เงียบเถอะ”

                คำพูดปลอบโยนของเขาไม่สามารถทำให้ผมหยุดร้องไห้ได้เลย

                “คุณทำแบบนี้กับผมทำไม ฮึก..ก...”

                “อย่าร้องไห้...”

                ผมมองไปที่ประตูที่เปิดคาไว้ ข้างนอกเริ่มเย็นแล้ว... เสียงเอะอะจากข้างนอกทำให้ผมสะดุ้งเฮือก

                “ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว” เสียงของแม่ทำให้ผมเบิกตากว้างด้วยความดีใจ ผมคิดจะตะโกนออกไป แต่ด้วยสภาพเปลือยเปล่าของผมและอีกคนก็ทำให้ใจผมหล่นวูบ

                “มะ..ไม่จริง…” ผมเอ่ยเสียงสั่นด้วยความกลัว จะให้แม่และทุกคนเห็นสภาพนี้ไม่ได้

                “ประตูเปิดอยู่นี่ฝน” เสียงใครบางคนเอ่ย

                จากนั้นเสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ใกล้เข้ามา ผมได้แต่ปิดหน้าร้องไห้ อยากหนีก็หนีไม่ได้ อีกทั้งยังถูกกอดเอาไว้อยู่แบบนี้

                “ว้ายยย” เสียงร้องตกใจของใครหลายคนดังขึ้นเมื่อเดินเข้ามาข้างในและสาดไฟฉายส่อง ผมก้มหน้าไม่อยากมอง ไม่อยากให้ใครเห็น โดยเฉพาะแม่

                “ใครเนี่ย!”

                “ตายแล้ว… บัดสี”

                “แล้วเข้ามาได้ยังไง”

                ผมรีบหันหน้าไปซบกับคนตัวใหญ่กว่าที่กอดผมอยู่… ตัวผมสั่นไปหมด ทั้งกลัวทั้งอาย…

                “คะ..คราม” เสียงสั่นเครือของแม่ดังขึ้น หลายคนเริ่มมองหน้ากันเมื่อได้ยินชื่อของผมจากปากแม่

                “ฮึก..ก…” ผมสะอื้นซบอกกว้าง

                “คราม! ลูกใช่ไหม ฮึก..ก…”

                “ครามเหรอฝน ตายแล้ว”

                “ทำไมลูกทำแบบนี้ แม่ไม่เข้าใจ… ทำไม…”

                ฟุบ!

                “ฝน!”

                ผมรีบหันไป เห็นแม่นอนฟุบ

                “แม่!”

                ผมจะเข้าไปหาแม่แต่ความเจ็บปวดทำให้ผมลุกไม่ได้ในทันที
 
                “แม่!.. แม่!...” ผมเรียกทั้งน้ำตา รู้สึกว่าช่วงล่างเลือดเริ่มไหลอีกแล้ว จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้ รู้แค่ว่าได้ยินเสียงคลั่งจากเขาที่ไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ก่อนที่ร่างของผมจะถูกอุ้มไป
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
                ความชื้นที่สัมผัสใบหน้า ซอกคอและแขน ทำให้ผมค่อยๆ ตื่น ผมปรือตามองภาพเบื้องหน้าก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเพราะความเจ็บช้ำทางร่างกาย แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพของคนตรงหน้าก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดที่หัวใจ

                “แม่…” แม่กำลังร้องไห้ขณะเช็ดตัวให้ผม

                “คราม! ลูกฟื้นแล้ว ฮึก..ก… ไม่เป็นไรแล้วนะลูก”

                ผมพยักหน้าอย่างอ่อนแรง รู้สึกล้าไปหมด “นะ..น้ำ…แค่กๆ..ๆ…”

                แม่พยุงตัวผมขึ้น ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็ยอมดื่มน้ำอึกใหญ่ ปากผมมีแต่รสขมไปหมด คอก็เจ็บ ทุกอย่างมันทรมาน

                “แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้พาครามไปหาหมอ ฮึก..ก... คุณท่านไม่ยอมให้ไป…”

                หัวใจผมวูบ นั่นสิ ก็ผมเพิ่งถูกข่มขืนมา

                “ฮึก..ก…” ผมสะอื้นไห้  “ผมขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจ...”

                แม่ส่ายหน้าแล้วลูบหัวผม

                “ผม… ผมจะท้องไหมครับ...” ผมเอ่ยเสียงสั่นด้วยความกลัว

                แม่เม้มปากแน่น “มะ..ไม่จ้ะ ครามจะไม่ท้อง…” แม่เอ่ยเสียงสั่นไม่ต่างกัน แต่ก็ปลอบผมไม่ให้ผมคิดมาก

                “บอกกับแม่ได้ไหมเกิดอะไรขึ้น… ลูกไม่ได้ตั้งใจไปหาเขาใช่ไหม”

                “ตั้งใจสิ ไม่ตั้งใจมันจะไปอ้าขาให้เหรอ!” เสียงคุณนายดังขึ้นจากหน้าประตูห้องพัก  เธอเท้าเอวแล้วเชิดหน้าขณะมองมาทางผมกับแม่

                “นี่ถึงขนาดไปนอนกับไอ้บ้านั่นเลยเหรอ! แกนี่มันโสโครกจริงๆ”

                “คุณนายคะ ฮึก..ก...”

                “แกก็เหมือนกัน แกเลี้ยงลูกยังไงถึงให้ไปนอนอ้าขาเอากับคนอื่นในป่าได้ แถมยังเป็นบ้าอีก กุญแจที่หาย มันขโมยไปใช่ไหม เลวจริงๆ!”

                “ฮึก..ก… ผมขอโทษ อย่าว่าแม่เลยครับ แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจ...”

                “แกอย่ามาแก้ตัว แกทำให้บ้านฉันมีมลทิน ถ้าอยากได้ไอ้บ้านั่นเป็นผัวมากนักก็ไปอยู่กับมันซะ รีบเก็บเสื้อผ้าข้าวของไปอยู่ที่กระท่อมกับมันเลยไป!”

                “คุณนายคะ คุณนาย ดิฉันขอร้องล่ะคะ”

                “ฉันให้เวลาสามวัน แกต้องไปอยู่ที่นั่น ส่วนแกนางฝน อยู่ที่นี่ ถ้าฉันรู้ว่าแกไปอยู่กับมันฉันจะไล่ลูกแกออกไปจากบ้าน!”

                “คุณนายคะ ฮือๆ คุณนาย”

                คุณนายเชิดหน้าเดินออกไปอย่างไม่แยแส

                ผมอึ้ง… ไม่จริงใช่ไหม

                “คราม… ฮึก..ก…” แม่กอดปลอบผม

                “ผมไม่อยากไปที่นั่นอีกแล้ว ผมกลัว…”

                จากนั้นผมก็สลบไปอีก ตื่นขึ้นมาอีกทีแม่ก็ยังนั่งเฝ้าผมและร้องไห้ ผมมันเลวจริงๆ ที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ ผมขอโทษ…
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
                รุ่งเช้า แม่ค่อยๆ พยุงผมให้ลุกนั่งพิงกับกำแพงแล้วป้อนข้าวให้

                “ผมอิ่มแล้ว”

                “กินไปแค่สองคำเองนะ”

                “ผมอิ่มแล้วครับ”

                แม่พยักหน้าแล้วลูบหัวผม “คราม…” น้ำเสียงและแววตาของแม่เหมือนกำลังสื่ออะไรบางอย่าง จนผมต้องเอ่ยตอบแม้จะไม่ได้ถาม

                “ผมเห็นกุญแจมันหล่นอยู่บนพื้น ผมอยากรู้ว่าในกระท่อมนั้นมีใคร ผมจึงเข้าไป ผมไม่ได้ไปเพื่อ… แบบที่คุณนายพูดนะครับ”

                “จ้ะ แม่เข้าใจ”

                “เขา… เขาเข้ามาหาผมแล้วจะ… พอเขาเห็นกุญแจตกบนพื้นเขาก็คลุ้มคลั่งแล้วก็…แล้วก็…”

                “มะ..ไม่ต้องเล่าแล้วลูก” แม่กอดปลอบผม

                “ฮึก..ก…ก… มะ..แม่ ผมกลัว ไม่อยากไปอยู่ที่นั่น ช่วยผมด้วย…”
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                หลังจากนั้นสองวัน ร่างกายของผมก็เริ่มฟื้นตัว คอก็หายเจ็บ ไข้ก็หายแล้ว หลงเหลือแต่ความเจ็บบริเวณช่วงล่างเท่านั้น

                “พี่ปราง…” ผมเอ่ยเรียกเมื่อพี่ปรางเปิดประตูเข้ามาในห้อง

                “มีอะไรเหรอครับ”

                หมับ

                “พะ..พี่ปรางจะพาผมไปไหนเหรอครับ” ผมรั้งไว้เมื่อพี่ปรางจะฉุดผมให้ลุก

                “คุณนายบอกให้พี่พาครามไปที่กระท่อมนั่น”

                ผมเบิกตากว้าง “พี่ปราง…..ผมไม่ไปนะ!” ผมดึงมือกลับ แต่พี่ปรางกลับจับแขนผมแล้ว กระชาก

                “โอ๊ย! พี่ปรางผมเจ็บ”  ผมนิ่วหน้าเมื่อจู่ๆ ก็ถูกฉุดให้ลุก ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วช่วงล่าง

                “พี่ปราง… ผมไม่ไป…”

                “ต้องไป!”

                ทำไมจู่ๆ พี่ปรางถึงได้กลายเป็นแบบนี้

                “ปรางจะทำอะไรน้องน่ะ!” แม่ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นพี่ปรางกำลังลากผมให้ออกจากห้อง

                “แม่! ฮึก..ก…”

                แม่รีบยื้อตัวผมมากอดไว้แน่น “จะพาน้องไปไหน”

                “น้าฝน ปรางจะพาครามไปที่กระท่อมหลังสวนตามที่คุณนายบอก”

                “ว่าไงนะ!” แม่เบิกตากว้างแล้วดึงแขนพี่ปรางออก

                “น้า!”

                “ปราง… เห็นแก่น้าเถอะนะ”

                “ปรางทำตามคำสั่งคุณนาย… ขืนอยู่แบบนี้ต่อไป ครามมันต้องอ่อยคุณเพชรอีกแน่ๆ” ประโยคหลังทำให้ผมและแม่มองพี่ปรางอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

                “พี่ปราง… หมายความว่ายังไงครับ…”

                “เหอะ! อย่าทำตัวใสซื่อเลยคราม แกน่ะคิดจะอ่อยคุณเพชรใช่ไหม ครั้งที่แล้วถ้าฉันไม่ไปขวาง แกก็คงได้เป็นเมียคุณเพชรสมใจแล้วสิ”

                “พี่ปราง! ทำไมพี่คิดแบบนี้ ผมเป็นผู้ชายนะ!”

                “อย่างแกที่ไปอ้าขาเอากับคนบ้าในป่ามีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอ! คิดว่าหน้าตาแกสวยแล้วจะอ่อยใครไปทั่วก็ได้หรือไงฮะ!!”

                “พอทีปราง! น้าขอล่ะ! แล้ว… เมื่อไรกันที่คุณเพชรเขาเคย...”

                ผมได้แต่ก้มหน้ากอดแม่ซึ่งกำลังร้องไห้อีกครั้ง

                “อะไรกัน… ทำไม… ฮึก… กรรมอะไรของลูกนักหนา…”

                “เสียงเอะอะโวยวายอะไรกัน”  ป้าดาและคนอื่นๆ เดินมาพอดี

                “มีอะไรกันเหรอฝน… ร้องไห้กันทำไม…”

                พี่ปรางเม้มปากกอดอกเชิด

                “ปราง… แกทำอะไรหรือเปล่า” ป้าดาเอ่ย

                “อะไรล่ะป้า ฉันแค่มาพาครามมันไปกระท่อมโน่น”

                “ว่าไงนะ นางปราง นี่เอ็งบ้าไปแล้วหรือไง”

                “บ้าอะไรล่ะป้า คุณนายให้ฉันพาไปต่างหาก”

                ทุกคนอึ้ง มองหน้ากัน

                “ขอร้องล่ะปราง น้าจะไปขอร้องคุณนายเอง ปรางอย่าเพิ่งพาครามไปเลยนะ นะ.... ฮึก…”

                “ขอร้องฉันก็เท่านั้นแหละ” เสียงคุณนายทำให้ทุกคนหันไปมอง พี่ปรางยิ้มเยาะ

                “คุณนายคะ ดิฉันขอร้อง อย่าให้ครามไปอยู่ที่นั่นเลยนะคะ”

                “ไม่ได้ มันทำให้บ้านฉันมีมลทิน หรือแกอยากจะโดนฉันไล่ออก นี่ฉันก็ปรานีมันแค่ไหนแล้ว มันไปนอนอ้าขาให้เขาเอาถึงที่ จะให้ฉันอภัยมันอีกเหรอ”

                ผมก้มหน้าเจ็บปวดกับคำพูดของคุณนาย แม่จับมือผมแน่น

                “ปราง พามันไป”

                “ค่ะ คุณนาย”

                พี่ปรางจับมือผมกระชากออกจากมือแม่ที่กุมอยู่

                “ไม่นะ! คุณนายคะ ดิฉันขอร้อง” แม่ก้มลงกราบแต่คุณนายกลับไม่สนใจสักนิด

                “แม่ครับ แม่!”

                “ถ้าแกขัดขืน แม่แกเจอดีแน่!” คำพูดของคุณนายทำให้ผมนิ่งยอมให้พี่ปรางกระชากพาไป แม่รีบวิ่งตามผมมา ในขณะที่คุณนายสั่งให้คนอื่นรีบขนข้าวของของผมตามมา

                ผมถูกพี่ปรางกระชากพาไปยังกระท่อมหลังสวนอย่างไม่สนใจใยดีเลยว่าร่างกายของผมแทบจะทรุดลงกองกับพื้นได้ทุกเมื่อ ผมหอบหายใจแรง

                “พะ..พี่ปรางช้าๆ หน่อยผมเจ็บ”

                แต่พี่ปรางก็ไม่สนใจ ทั้งยังเร่งฝีเท้ามากขึ้นอีก

                “พะ..พี่ปราง เรื่องคุณเพชร”

                “หุบปาก”

                “ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พี่ปรางก็รู้”

                “ใช่ ฉันรู้ว่าแก่อ่อยคุณเพชรไง ตั้งแต่เด็ก แกก็แย่งคุณเพชรไปจากฉัน!”

                “พี่ปราง…”

                ผมถูกพาไปจนถึงหน้ากระท่อม

                ตุบ!

                “อึก”

                ผมนิ่วหน้าเมื่อพี่ปรางผลักผมให้ล้มลงกองกับพื้น ทั้งๆ ที่ผมยังคงเจ็บช่วงล่างไม่หาย

                “คราม!” แม่รีบมากอดผมที่ล้มลง

                “ตั้งแต่นี้ไปแกต้องอยู่ที่นี่ ห้ามไปที่บ้านใหญ่เด็ดขาด! ถ้าฉันเห็น ฉันจะไล่แม่แกออก ส่วนแกนางฝน ถ้าฉันเห็นแกมาอยู่ที่นี่ ฉันจะไล่ลูกแกออกจากบ้าน!” คุณนายยื่นคำขาดเมื่อเดินตามมาถึง

                ผมมองเสื้อผ้าและข้าวของที่พวกลุงๆ ป้าๆ ขนมาให้อย่างจำใจ ซึ่งตอนนี้วางกองอยู่บนพื้นดิน ผมต้องอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ...

                “เฝ้าผัวแกให้ดีนะคราม อย่าให้มันไปยุ่งกับบ้านใหญ่ ถ้าเกิดเรื่อง ทั้งแกและแม่แกเจอดีแน่!”

                ผมยกมือไหว้คุณนาย พยายามร้องขอแต่ก็ไร้ผล

                “กลับไปได้แล้ว!” คุณนายตวาดสั่งแม่ที่ยังกอดผมแล้วร้องไห้ไปด้วย

                “แกเป็นคนรับใช้นะนางฝน ไม่ใช่เวลามาร้องไห้แบบนี้! พวกแกด้วย กลับ! ปล่อยให้มันอยู่กับผัวมัน!”

                ทุกคนมองผมอย่างอาลัยอาวรณ์ แม่ค่อยๆ คลายกอดผมทั้งน้ำตาแล้วเดินจากไป

                “ฮึก..ก… ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”

                “อ๊ากกกกก” เสียงคลั่งจากในกระท่อมทำให้ผมผวาอีกครั้ง

                “ไม่… ไม่เอาแล้ว” ผมกอดเข่าปิดหูปิดตาไม่ต้องการรับรู้อะไร... ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย…
 


 
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-09-2016 20:13:10
ลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 11-09-2016 20:41:43
บ้าาาาาา
ไอ้บ้าาาาาาา
นายนี่มันนนนนน

หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: sincere13 ที่ 11-09-2016 20:48:31
เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลยค่าา  :mew5: แปลกแรง
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 11-09-2016 20:55:41
ตามลุ้นไปด้วยคน เรื่องแปลกดี
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 11-09-2016 21:03:19
เวรกรรม  สงสารครามจริงๆ เกิดมาผิดปกติ ยังต้องอยู่ท่ามกลางคนผิดปกติอีก คุณนายก็บ้า ปรางก็บ้า เห่อออ
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 11-09-2016 21:10:07
อะไรกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 12-09-2016 01:19:58
เห้อออ ฟ้าครามจะเป็นไงต่อล่ะ
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 12-09-2016 02:20:41
ต้องมีเงื่อนงำอะไนแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 12-09-2016 08:02:38
ลำไยแม่จริง   อมพระอยู่ได้ จะพูดก็ไม่พูด
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 12-09-2016 08:25:53
สงสารรครามจับใจ :mew4: :hao5:  อิคุณนายยยทำไมใจร้ายยยยยยยยยยยย :angry2: :fire:  ติดตามต่ออออออ :katai1:
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 12-09-2016 11:35:42
รอตอนต่อไปปปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: คนบ้า *Mpreg* ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 12-09-2016 12:40:00
เพิ่งไปตามอ่านอีกเวปหนึ่งมา
สนุกมาเลยค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่3] อัพล่าสุด>>>>11/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-09-2016 21:23:54
สนุกจัง โหดดี
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่3] อัพล่าสุด>>>>11/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-09-2016 20:10:53
สงสาร
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่3] อัพล่าสุด>>>>11/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 14-09-2016 23:29:33
ซับซ้อนจัง ติดตามติดตาม   สงสารครามที่สุด
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่3] อัพล่าสุด>>>>11/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 15-09-2016 17:37:38
สงสารครามอะ ลุ้นมากอะคนนั้นเค้าเป็นใคร
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่3] อัพล่าสุด>>>>11/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 15-09-2016 19:05:14
ลุ้นนนนนนน โอ๊ยยตอนนี้เดาไปหมดว่าเพราะอะไรพระเอกเราถึงบ้า เอ๊ะ รึจะเกี่ยวกับสมบัติ? :serius2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่3] อัพล่าสุด>>>>11/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-09-2016 20:56:38
ลึกลับ ซับซ้อน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่3] อัพล่าสุด>>>>11/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_dr ที่ 16-09-2016 03:12:26
แง่ะ ทำไมนี่ว่าครามไม่น่าสงสารเลอ เขาก่อเรื่องเอง ทำตัวเอง ก็ควรต้องรับผิดชอบตัวเอง
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 17-09-2016 16:10:28
                 ความมืดเข้าปกคลุมแทนแสงสว่าง ยิ่งมืดยิ่งทำให้ผมกลัวมากขึ้น โดยเฉพาะในเวลานี้ ชีวิตของผมคงจบสิ้นแล้วสินะ… ถูกไล่ให้มาอยู่ที่นี่กับคนบ้าที่ข่มขืนตัวเอง ไม่มีใครช่วยผมได้เลย…
                ผมมองกระท่อมที่แสนเงียบเหงาหลังจากที่เสียงคลั่งของร่างสูงใหญ่เงียบลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางมองกุญแจของกระท่อมที่กลับมาอยู่ในมือผมอีกครั้งเพราะแม่ยัดใส่มือผมไว้ก่อนที่ท่านจะกลับไป และคำพูดของแม่ที่กระซิบกับผม
                ฝากดูแลเขาแทนแม่ด้วยนะ
                ทำไมในเวลานี้แม่ยังเป็นห่วงคนที่ทำร้ายผม ทำไมยังให้ผมที่ถูกทำร้ายทั้งกายและใจดูแลคนบ้าแบบนั้นอยู่อีก… คนบ้านั่นเป็นใครกันแน่ มีความสำคัญแค่ไหนแม่ถึงต้องย้ำให้ผมดูแลแทน
                ผมกอดตัวเองแน่นเพราะอากาศเริ่มหนาว ก่อนที่ความง่วงจะเริ่มเข้ามาแทนที่ความเจ็บช่วงล่าง
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               
                “อ๊ากกกกกกกกก”
                เฮือกกก!
                เสียงตะโกนคลั่งทำให้ผมผวาตื่น ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว คนข้างในกระท่อมคงตื่นและร้องตะโกนคลั่งทันทีที่ลืมตา
                “เอาคืนมา! ไม่ให้ไป! เอาคืนมา!”
                ผมอุดหูตัวเอง ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น… ผมกลัวจนจะบ้าตามอยู่แล้ว จะให้ผมทำยังไง… ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมอยากกลับบ้าน
                ปังๆๆ “กลับมา!! อ๊ากกก” ทั้งคลั่งทั้งทุบประตูจนกระท่อมสะเทือนไปทั้งหลัง
                “พอได้แล้ว… พอ…”
                ปังๆๆๆ “อ๊ากกกกก”
                ปังๆๆๆ
                ผัวะ!
                เสียงดังสนั่นพร้อมกับบานประตูที่หลุดออกจากตัวกระท่อม ผมเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพังประตูออกมาได้ แม้มันจะเก่าแต่ก็เกินแรงจะกระแทกให้หลุดออกมา ผมค่อยๆ กระเถิบหนีแต่ขาไม่มีแรงให้ลุกยืน ทั้งตัวทั้งขาของผมมันสั่นไปหมด ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินออกมา ใจผมเต้นตึกตักด้วยความกลัว แค่เห็นเขา ผมก็นึกถึงเรื่องในวันนั้นแล้ว วันที่แสนโหดร้ายและเปลี่ยนชีวิตของผมให้เป็นแบบนี้ ผมค่อยๆ ลุกจะวิ่งหนี แต่เสียงเหยียบใบไม้ทำให้เขาหันมามองผมทันทีและรีบวิ่งมาหา
                “ไม่! อย่าเข้ามา ผมกลัว!” ผมจะวิ่งหนีแต่ก็ทรุดลงไปอีกเพราะยังเจ็บช่วงล่าง
                “ฮึก..ก..ก ยะ..อย่าเข้ามาผมกลัว” ผมกอดเข่าซุกตัว
                ฟุบ!
                “คิดถึง!”
                เขากระชากตัวผมไปกอดแน่นแล้วพูดว่าคิดถึงตลอดเวลา
                “คิดถึง คิดถึง… หาเจอแล้ว…”
                ผมหลับตา กัดฟันแน่น… กลัวจนตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว
                ฟึ่บ!
                ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกอุ้มเข้าไปในกระท่อม
                “ปล่อย! ผมไม่เข้าไป อย่าทำผมอีก ผมเจ็บ ฮึก..ก… ผมกลัว!” ผมพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่งแต่ก็ไร้ผล เขาอุ้มผมเข้ามาในกระท่อมและวางผมลงนั่งอย่างเบามือ
                “อย่าเข้ามา! ไปให้พ้น ไอ้บ้า! ฮือๆๆ”
                “ดื่มน้ำไหม”  ขันน้ำถูกวางลงตรงหน้า
                ผมกระเถิบตัวหนีติดผนัง
                “ดื่มน้ำ…”
                “ไม่!”
                “ดื่มน้ำ”
                “ไม่!”
                “ดื่มน้ำ! ดื่ม!” เขาจับหน้าผมแล้วพยายามกรอกน้ำเข้าปาก
                “อั่ก! อื้อ!” ผมพยายามเม้มปาก แต่เพราะเขาบีบปากจึงต้องดื่มน้ำจนหมดขัน
                “แค่กๆๆ อ่อก..ก..ก...” ผมสำลักน้ำจนไอตัวงอ น้ำออกมาทั้งทางปากและจมูกจนแสบไปหมด
                “เอาอีกไหม”
                “ฮึก..ก…” ผมยกมือไหว้  “ผมไหว้ละ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมกลัว”
                “อย่ากลัว… อยู่ด้วยกัน อยู่คนเดียว… เหงา…”
                ผมส่ายหน้าแล้วกอดตัวเองร้องไห้ คนๆ นี้บ้า… เขาอาจฆ่าผมก็ได้…
                ฟึ่บ! จู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก
                “หอม… หอมมาก”
                ผมเบิกตากว้าง หรือเขาจะ!...
                “อย่า!!”
                แคว่กกกกก
 
+++++++++++++++++++++++++++++
 
                ก่อนฟ้าสาง…
                ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบแต่ความเจ็บปวด ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกนั่งเมื่อการถูกทารุณทางร่างกายหยุดลง ราวกับเดจาวู ผมต้องเจอกับเรื่องเดิมสถานการณ์เดิมที่ต้องตื่นขึ้นมาในสภาพที่น่าอายและเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ผมอาจจะตายในไม่กี่วันนี้ก็ได้ ไข้กลับมาอีกแล้ว… แต่ไม่มีทั้งยา ไม่มีคำพูดปลอบโยนของแม่… มีแต่ความหนาวและความกลัว
                “ฮึก..ก...”
                ผมกอดเข่าตัวเองร้องไห้ก่อนที่จะสลบไปอีกครั้ง
                ‘ฟ้า…..’
                ใครเรียกชื่อผมงั้นเหรอ…
                “อะ..อืม”  มือใครบางคนสัมผัสที่ใบหน้าของผม
                ‘ฟ้า…’
                “ใครน่ะ”
                ‘พี่เอง จำได้ไหม’
                “จำไม่ได้… ผมจำไมได้”
                เคร้งงง! บางอย่างตกกระทบพื้นไม้เสียงดังทำให้ผมสะดุ้งตื่น แต่ก็ต้องผวาเฮือก เมื่อเจอร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ใกล้ๆ
                “ปะ..ไปให้พ้น ฮึก ไป!” ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บไปทั้งร่างกาย เสียงก็แหบเพราะพิษไข้ ปวดหัว ตัวร้อนปนกันไปหมด สาเหตุหนึ่งคงเพราะผมนอนด้วยสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ทั้งคืน และเพราะประตูกระท่อมถูกพัง ลมจึงเข้ามาได้
                “คุณทำเเบบนี้กับผมทำไม… ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว! ฮึก..ก…”
                มือหนาเอื้อมมาจะจับ ผมรีบลุกนั่งกระเถิบหนี แต่กลับถูกกระชากให้เข้าไปใกล้
 
                “โอ๊ย!” ร่างกายผมเจ็บระบมทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ยิ่งถูกกระชากแบบนี้ผมถึงกับทรุดตัวในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่มีแรงขัดขืน
                “จะไปไหน… จะหนีเหรอ… อยู่ด้วยกัน อย่าไป!”
                “คุณทำร้าย… ไม่อยากอยู่”
                “ทำร้าย… ไม่ทำร้ายแล้ว อยู่ด้วยกันนะ ฟ้า…”
                คำเรียกชื่อทำให้หัวใจผมสั่น แววตาไหวระริก ผมชื่อฟ้าคราม ทุกคนเรียกผมว่าคราม… แต่มีเพียงพี่คนนั้นที่อยู่ในความทรงจำเท่านั้นที่เรียกผมว่าฟ้า... แต่เขาคนนี้…
                “ชื่อผม…”
                “ฟ้า… จำได้ เคยบอกว่าชื่อฟ้าครา… ชื่อฟ้า…”  เขาจะเรียกชื่อผมว่าฟ้าครามแต่ก็ขมวดคิ้ว คงเพราะจำชื่อเต็มผมไม่ได้ นั่นสินะ ผมเคยบอกชื่อกับเขา เขาคงจำได้แค่คำว่าฟ้าเท่านั้น
                “ปะ..ปล่อยผมเถอะ”
                “ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยจะหนีไปใช่ไหม!” เขาตวาดจนผมหดตัวในอ้อมกอดเขา
                “มะ..ไม่หนี ผมไม่หนี ถึงหนีไปผมก็ไม่มีที่ไปหรอก”
                “มะ..ไม่หนีใช่ไหม”
                “ไม่หนี…” ผมใจเต้นตึกตักลุ้นว่าเขาจะทำยังไงต่อไป และสุดท้ายเขาก็ค่อยๆ คลายแขนแกร่งออกจากตัวผม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมปล่อย
                “ผมอยากอาบน้ำ อยากใส่เสื้อผ้า” ถึงผมจะไม่สบาย แต่จากสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมคงจะทนอยู่เฉยๆ โดยไม่อาบน้ำต่อไปไม่ได้ เพราะเนื้อตัวผมเลอะไปทั้งเหงื่อ คราบจากน้ำสีขาวขุ่น และรอยเลือด
                ฟุบ!
                จู่ๆ เขาก็อุ้มผม
                “จะ..จะทำอะไรผม”
                “ห้องน้ำ… อาบน้ำ… ฝนเคยพาไปอาบน้ำ แต่ไม่ชอบอาบน้ำ เกลียดอาบน้ำ” เขาพูดถึงแม่ผมแล้วพาผมออกไปข้างนอกกระท่อม แม้จะไม่มีใครอยู่ แต่ผมในสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ก็รู้สึกอายเหมือนกัน เขาพาผมมาที่ห้องน้ำที่ทำด้วยสังกะสีล้อมรอบซึ่งสร้างอยู่ใกล้ๆ กัน
                “อาบน้ำ”
                “ผมอาบเองได้ แต่ช่วยหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่อยู่ตรงนั้นมาให้หน่อยได้ไหม” ผมค่อยๆ เข้าไปในห้องน้ำแล้วชะโงกหน้าบอกให้เขานำกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางไว้บนพื้นดินหน้ากระท่อมมาให้
                “ได้…” เขารีบทำตามที่บอก ผมปิดประตูห้องน้ำลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่
                ปังๆ เสียงเคาะประตูห้องน้ำทำให้ผมสะดุ้งเฮือก
 
                “เปิด! เปิด!” เขาทุบประตูห้องน้ำเสียงดังจนเข่าผมอ่อนด้วยความกลัว แล้วค่อยๆ เปิด ประตูถูกกระชากออกพร้อมกับอ้อมแขนแกร่งที่ดึงผมไปกอด
                ฟุบ! “อย่าทิ้ง อย่าไปไหน อย่าไป…”
                “ผมไม่ได้ไปไหน ผมอาบน้ำ”
                “อย่าปิดประตู”
                ผมอึ้ง “ผมต้องปิด จะอาบน้ำ”
                “ห้ามปิด!”
                ผมสะดุ้งเฮือก แล้วพยักหน้ารับ
                “งั้นคุณหันหลังได้ไหม ผมอาย…”
                “อาย...” เขาขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ
                “แค่หันหลังเท่านั้น รอผมอาบน้ำเสร็จค่อยหันมานะ… ผมไม่หนีแค่อาบน้ำ”
                “แค่อาบน้ำ…” เขาทวนคำพูดผม
                “ชะ..ใช่”
                เขาพยักหน้าแล้วหันกลับไป
                ผมรู้สึกเกร็งมาก แต่ก็กลั้นใจใช้ขันตักน้ำราดตัว รู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องไม่ดีซ้ำแล้วซ้ำอีกจนผมรู้สึกอับอายในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แม้จะอายที่ต้องอาบน้ำในที่เปิดโล่งโดยไม่ปิดประตู ทั้งยังมีคนยืนอยู่หน้าประตูแบบนี้อีก แต่เพราะระบมไปทั้งร่างกาย ผมจึงรีบไม่ได้มากนัก เวลาผ่านไปสักพักผมก็อาบน้ำจนเสร็จ
                “ขอกระเป๋าเสื้อผ้าให้ผมหน่อย” ผมเอ่ยบอก เขาหันมาพร้อมยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าให้และมองร่างกายผมไม่วางสายตา ผมรู้สึกไม่ดี กลัวเขาจะมีอารมณ์อีกจึงรีบหยิบกระเป๋าเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกาย
                “หะ..หันไปอีกครั้งด้วยครับ”
                “..…”
                “เอ่อ… ผมจะใส่เสื้อผ้า”
                เขาค่อยๆ หันหลังไปอย่างเชื่อฟัง ผมก็เลือกชุดมาใส่ สักพักเขาก็หันมามองผมที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
                ฟุบ!
                เฮือกกก
                “จะ..จะทำอะไรน่ะ!” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เขาก็อุ้มผมขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะวางผมลงนั่งบนแคร่ไม้ซึ่งค่อนข้างผุและโทรมที่หน้ากระท่อม
                “รออยู่ตรงนี้นะ”
 
                “คะ..ครับ” ผมจับหัวใจตัวเองที่เต้นโครมครามด้วยความกลัว คิดว่าเขาจะอุ้มผมไปทำแบบนั้นอีก
                ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในกระท่อมแล้วถอนหายใจอีกครั้งก้มหน้างุดมองพื้นดิน… ความรู้สึกของผมตอนนี้ช่างหดหู่ เหนื่อยกายและเหนื่อยใจ ถ้าผมหนีไปตอนนี้ผมจะหนีทันไหมนะ แล้วผมจะหนีไปที่ไหน… ต่อให้หนีไปจากที่นี่ได้ แต่จะหนีให้พ้นจากคุณนายก็ต้องผ่านบ้านใหญ่และออกทางประตูรั้วอยู่ดี… สรุปคือหนีไปไหนไม่ได้…
                เฮือก ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มือหนาก็จับที่แก้มผมและลูบ ได้กลิ่นแป้งลอยมาแตะจมูก
                “อาบน้ำเสร็จต้องทาแป้ง ฝนบอก” เขายิ้มแล้วทาแป้งที่ใบหน้าให้ผม
                ผมรีบจับมือเขาให้หยุดเพราะปริมาณแป้งเริ่มเยอะขึ้น ถ้าขืนให้ทาต่อ แป้งคงหมดกระป๋องและใบหน้าผมคงขาววอกแน่ๆ
                “คราม! ครามเอ๊ย!” เสียงเรียกทำให้ผมรีบลุกแต่ก็ทรุดนั่งเพราะความเจ็บ เห็นป้าดา ลุงโชค พี่อาจ เดินมาพร้อมกับข้าวของหลายอย่าง
                “ป้ากับลุงเอาของมาให้ ทั้งของกินของใช้”
                “ขอบคุณครับ” ผมค่อยๆ เดินไปหา
                “อ้าว เป็นอะไรคราม ทำไมเดินแบบนั้น สีหน้าก็ไม่ดีเลย ไข้ขึ้นอีกแล้วเหรอ” ป้าดารีบเดินมาหาผมพร้อมยื่นมือแตะหน้าผาก
                “ตัวร้อนเชียว ป้าเอายามาให้ด้วย แต่ยังไงกินข้าวเช้าก่อนนะ ป้าเอามาให้หลายถุงเลยคงพอกินวันนี้ทั้งวัน”
                “ขอบคุณครับ”
                ลุงโชคเองก็เดินมาจับหน้าผากผมและบอกให้ผมดูแลตัวเองให้ดีๆ ทั้งยังบอกว่าขนผ้าห่มมาให้กันหนาวด้วย
                “แล้วหน้านั่นทำไมขาวแบบนั้นล่ะ”  พี่อาจหัวเราะใบหน้าของผมแล้วเดินมาหา พอผมใช้มือจับหน้าตัวเองก็มีแป้งร่วงตามมาด้วย
                “อย่าเข้าใกล้! ไป!” จู่ๆ ร่างสูงก็ตวาดพี่อาจเสียงดัง จนทุกคนตกใจ
                พี่อาจรีบเดินไปหลบหลังลุงโชคทันที
                “จะตวาดทำไม คนกันเองทั้งนั้น” ลุงโชคเอ่ยกับร่างสูง
                ป้าดาส่ายหน้า แล้วหันมาคุยกับผมต่อ
                “คราม พวกป้าขนของต่างๆ มาให้เท่าที่จะขนมาได้นะ ของกิน ของใช้ ยารักษาต่างๆ ก็หอบกันมาหมด”
                “ขอบคุณทั้งสามคนมากเลยนะครับ”
                “ครามก็เหมือนลูกป้านั่นแหละ ทุกคนเอ็นดูและเป็นห่วงครามมากรู้ไหม”
                ผมพยักหน้า น้ำตาคลอ เมื่อป้าดาลูบหัวผมและลุงโชคตบบ่า
                “ขาดเหลืออะไรรีบบอกเลยนะ พวกเราจะผลัดกันมาหาคราม เอาของมาให้… แต่คงจะมากันบ่อยนักไม่ได้ เพราะนางปรางมันจับตาดูอยู่ และฝนเองก็มาไม่ได้เหมือนกัน” พอพูดถึงชื่อแม่ น้ำตาที่คลออยู่ก็หยดลงอาบแก้ม
                “ดูแลแม่แทนผมด้วยนะครับ…”
                “ไม่บอกก็ดูแลอยู่แล้วละครามเอ๊ย” ลุงโชคพูด
                “อดทนหน่อยนะคราม เดี๋ยวคุณนายก็ให้อภัย” พี่อาจบอกทั้งที่ยังอยู่ห่างจากผมและสายตายังจับจ้องร่างสูงเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้าย
                “ดูแลตัวเองให้ดีนะคราม ยิ่งไม่สบายแบบนี้อีก กินยาให้ตรงเวลานะ ห่มผ้าหนาๆ ด้วยล่ะ ยิ่งอยู่กลางดงกลางป่าแบบนี้อีก ยุงก็เยอะ เฮ้อ… ป้าล่ะเป็นห่วงไปหมด”
                “ครับ ผมจะดูแลตัวเองให้ดี”
                “ถ้าอย่างนั้นพวกป้ากลับก่อนนะจ๊ะ แล้วจะมาหาใหม่” ป้าดากอดผมก่อนที่ทุกคนจะเดินกลับไป
                …ทุกคนกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงความเงียบ… ผมมองของใช้ต่างๆ แล้วจะขนของเข้าไปในกระท่อม แต่ผมกลับถูกอุ้มให้ไปนั่งบนแคร่ไม้เหมือนเดิม
                “กินข้าว” เขาบอกแล้วใช้ฟันกัดถุงแกงจืดจนแตกเลอะเทอะ ผมห้ามไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะเทแกงลงบนแคร่ไม้แล้วรีบหาชามมาใส่
                “คุณกินเถอะ ผมไม่หิว” ผมพูดแล้วเทข้าวสวยใส่ชามให้เขา
                “กินข้าวและกินยา” เขาจ้องผมตาเขม็งแล้วยื่นช้อนให้ ส่วนตัวเองก็ใช้มือหยิบข้าวกินอย่างหิวโหย แต่สายตาของเขายังคงเพ่งมองผมเมื่อเห็นว่าผมยังไม่กิน ผมจึงจำใจกินแม้จะไม่หิว เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาโกรธอีก
                “แค่กๆๆ” เพราะกินไปทั้งที่ยังไม่หิวเลยฝืดคอ
                เขารีบวิ่งเข้าไปในกระท่อมและตักน้ำใส่ขันมาให้ดื่ม ผมรีบยกดื่มหลายอึกแล้วถอนหายใจ มองคนตรงหน้าที่มีทีท่าร้อนรน
                “มะ..ไม่เป็นไรนะ”
                ผมส่ายหน้า… เขายิ้มเห็นฟันแม้จะมีหนวดเคราปิดบัง
                “ขอบคุณครับ…”
                เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะใช้มือหนาลูบใบหน้าของผม “...ขอบคุณ?... เป็นครั้งเเรกที่ได้ยิน ดีใจ… ดีใจมากๆ เลย”
                ผมยิ้มนิดๆ ถ้าหากผมไม่ทำอะไรขัดใจเขา บางทีผมอาจจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาได้… แต่ผมหวังว่าผมจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาตลอดไป
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4] อัพล่าสุด>>>>17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-09-2016 16:21:30
กลัวเหมือนกัน ต้องยอมๆไปก่อน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4] อัพล่าสุด>>>>17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 17-09-2016 18:10:51
ทำไมแม่ไม่บอกอะไรหน่อยอ่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4] อัพล่าสุด>>>>17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 17-09-2016 18:20:14
พระเอกเป็นบ้าได้ไง คุณนายไม่ใช่แม่พระเอกแน่เลย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4] อัพล่าสุด>>>>17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-09-2016 20:32:23
ตามลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4] อัพล่าสุด>>>>17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-09-2016 21:24:14
รอตอนต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4] อัพล่าสุด>>>>17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 20-09-2016 07:59:02
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีค่ะ
สงสารก็แต่..? เรียกยังไงดี คนบ้า
เหมือนจะโดนกระทำมาเยอะนะ
ไม่แน่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น รวย แต่โดนทำให้กลายเป็นบ้า นี่ก็เดากันไป น้องฟ้ารีบปรับตัวรีบดูแลคนบ้าให้หายนะ
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่4] อัพล่าสุด>>>>17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 20-09-2016 08:36:39
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากครับ รีบมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 20-09-2016 15:55:49
                หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปกับการใช้ชีวิตร่วมกับคนปริศนา ผมยังกลัวเขาเหมือนเดิม แต่ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนตอนแรก และเขาก็ไม่ได้แตะต้องผมในพฤติกรรมแบบนั้นอีก มีบ้างที่มากอดมาหอมแก้ม แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังทำร้ายให้ผมยอมเขาเหมือนในตอนแรกๆ เพราะผมบอกว่าถ้าไม่เชื่อฟังคำพูดของผม ผมจะหนี และนั่นทำให้เขาคลั่งกลัวผมหายไปจนยอมทำตามแต่โดยดี
                การใช้ชีวิตในกระท่อมปลายสวนคล้ายกับการใช้ชีวิตอยู่กลางป่ากลางเขาเพราะขาดปัจจัยหลายอย่าง ไม่มีทั้งหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ไม่มีตู้เย็น ไม่มีพัดลม ต้องก่อฟืนทุกครั้งเวลาจะทำอาหาร         ไม่มีอาหารสด มีแต่อาหารแห้งและอาหารกระป๋อง ตอนกลางวันก็ใช่ว่าจะเย็นสบาย ต้องหาเสื่อมาปูใต้ร่มไม้เพราะในกระท่อมร้อน ส่วนกลางคืนนั้นอากาศหนาว เพราะกระท่อมไม่มีประตู ทั้งยังกลัวสัตว์เลื้อยคลานอีก ถึงแม้จะลำบากขาดอุปกรณ์หลายอย่าง แต่ของใช้ที่พวกลุงๆ ป้าๆ ขนมา รวมถึงของที่แม่ฝากมาให้ก็มากมายพอที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้
                “นี่กินได้ไหม” ร่างสูงนั่งจุมปุ๊กข้างๆ ผมที่กำลังก่อฟืนเพื่อหุงข้าว ถ้าเป็นเด็กคงน่าเอ็นดู แต่ไม่ใช่กับร่างสูงใหญ่หนวดเครารุงรังคนนี้
                “กินได้ ปลากระป๋อง”
                เขายังงง ผมจึงเอื้อมไปหยิบมาและแกะฝาออกให้
                “เดี๋ยวกินกับข้าวนะ”
                เขาพยักหน้าดีใจและนำปลากระป๋องไปใส่ถ้วยเพื่อรอข้าว
                เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าหลายคู่จนผมต้องลุกขึ้นมาดูก่อนที่จะเบิกตากว้าง
                “คราม!”
                “คุณเพชร!…”
                “ตาเพชร! แกจะทำบ้าอะไรฮะ” คุณนายรีบยื้อหยุดคุณเพชรไม่ให้เข้ามาหาผม
                “ปล่อยนะแม่ ผมจะพาครามกลับบ้าน… คราม พี่มารับกลับ”
                ผมยืนอึ้ง… เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณเพชรถึง…
                “ถ้าพี่อยู่บ้าน พี่ไม่มีทางให้ครามมาอยู่ที่นี่แน่ เพราะพี่ไม่อยู่ แม่จึงทำกับครามแบบนี้!”                                น้ำเสียงตวาดผู้เป็นแม่จนคุณนายอมรเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
                “ตาเพชร! นี่แกบ้าหรือไง… มันเป็นผู้ชาย และนั่นก็ไอ้บ้าผัวมัน!”
                คุณเพชรกำหมัดแน่น “ไม่มีทาง! ครามไม่มีทางทำอย่างที่แม่พูดแน่ๆ ใช่ไหมคราม…    กลับบ้าน! ฉันมารับ…”
                ผมยืนอึ้งทำตัวไม่ถูก
                “นี่แกจะเอามันทำเมียจริงๆ ใช่ไหมฮะ!”
                “แม่! ผมจะพาครามกลับ”
                “ตาเพชร!”
                คุณเพชรเดินมาหาผมพร้อมกับจับข้อมือ “กลับบ้านกับพี่นะ”
                แม้ผมจะไม่ค่อยมีความรู้สึกที่ดีกับคุณเพชรมากนัก แต่คำว่า ‘กลับบ้าน’ ก็ทำให้หัวใจผมเต้นรัวและมีความหวัง ยิ่งคำว่าพี่ที่เอ่ยออกมาทำให้ผมค่อยๆ คลี่ยิ้ม
                “คุณเพชร…”
                ปึก!
                “กรี๊ดดดดดดด” เสียงกรีดร้องของคุณนายดังขึ้นพร้อมกับร่างของคุณเพชรที่ล้มลงและสลบแน่นิ่งไป ผมเบิกตากว้างมองร่างสูงใหญ่ที่กำหมัดแน่นและต่อยคุณเพชรจนสลบ ทั้งๆ                      ที่คุณเพชรตัวค่อนข้างใหญ่พอสมควร แต่แค่โดนต่อยก็ถึงกับสลบแบบนี้แปลว่าแรงหมัดต้องแรงมาก
                “กรี๊ดดด ตาเพชร!!! ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลที!” เหล่าคนใช้วิ่งวุ่นสับสน และเป็นจังหวะเดียวที่แม่วิ่งมาพอดี
                “แม่…” ผมเอ่ยเรียกชื่อจะเข้าไปหา แต่คุณนายกลับตวาดขึ้นไม่ให้แม่มาหาผม
                “พวกแกยืนบื้ออยู่ทำไม ไปทำร้ายไอ้บ้าสิ มันทำตาเพชร ฮือๆๆ เพชร! ทำใจดีๆ ไว้นะลูก แม่เรียกรถพยาบาลแล้วนะ”
                คนใช้เก่าอึกอัก ไม่มีใครทำตามคำสั่ง แต่สำหรับคนใช้ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นานกลับรีบปรี่เข้ามาหาร่างสูงทันที และแน่นอนว่าร่างสูงเตรียมจะทำร้ายกลับ หากแต่คำพูดของผมทำให้เขาหยุดชะงัก
                “อย่าทำร้ายพวกเขานะ!”
                ปึก! ไม้และก้อนหินถูกปาไปยังร่างสูงทันที ไม้แผ่นหนาตีไปที่ลำตัวไม่ยั้ง
                “มะ..ไม่ ยะ..อย่า” ผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ปิดปากเมื่อเขาถูกทำร้าย! พวกลุง ป้า และแม่รีบอ้อนวอนคุณนาย แต่กลับถูกคุณนายด่าพร้อมคำขู่ว่าหากใครช่วยจะไล่ออกให้หมด
                “ไม่! อย่าทำร้ายเขา!” ผมรีบไปยื้อคนที่กำลังทำร้ายร่างสูงออกแต่ก็ไร้ผล
                “ฮือๆ อย่าทำเขา… ไม่! เดี๋ยวเขาก็ตายหรอก อย่า!”
               
                ผมถูกผลักจนล้มเพราะเข้าไปขวาง ได้ยินเสียงหลายคนเรียกชื่อและจะเข้ามาหา โดยเฉพาะแม่ที่กรีดร้องและกำลังร้องไห้ แต่ถูกทุกคนกอดรั้งไว้ไม่ให้มาเพราะคุณนายขู่ไว้ว่าถ้ามาช่วยผมจะถูกไล่ออก ความวุ่นวายและเสียงเนื้อกระทบไม้ยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง
                “อย่าทำร้ายเขา!” ผมลุกแล้วยื้อคนที่กำลังจะพุ่งไปตีที่หัว ยื้อจนสุดแรงแต่ก็ถูกศอกฟาดจนล้มลง
                “ฟ้า! อ๊ากกกกก” ร่างสูงเห็นผมล้มลงก็พยายามจะลุกทั้งๆ ที่ตัวเองบาดเจ็บ เขาฝ่าคนที่รุมทำร้ายแล้ววิ่งมาหาผม เหมือนเป็นภาพช้าที่ผมเห็นไม้ตีไปที่หัวของเขาอย่างจังจนร่างของเขาร่วงหล่นและสลบเหมือดคาปลายเท้าของผม
                ผมปิดปากตัวเองแล้วร้องไห้
                “ไม่!” ผมกรีดร้องแล้วพุ่งไปกอดคนตัวใหญ่ที่นอนฟุบ เนื้อตัวช้ำ มีเลือดไหลอาบบนหัว พวกคุณนายรีบหามคุณเพชรไปที่บ้านใหญ่เพื่อรอรถพยาบาลที่กำลังจะมา ผมร้องขอให้คุณนายช่วยพาคนในอ้อมกอดผมไปโรงพยาบาลด้วย แต่กลับถูกด่าและทิ้งคำพูดไว้
                “ตายไปเลยก็ดี ไอ้บ้า!!”
                ผมนั่งอึ้งกำมือแน่นมองคุณนายที่กำลังเร่งเดินจากไป
                “อย่าตายนะ! ฮือๆ ฟื้นขึ้นมาสิ” พวกแม่รีบเข้ามาหาผม ทุกคนดูตกใจและร้องไห้ก่อนจะรีบพาร่างสูงเข้าไปในกระท่อมและทำแผลให้
                “ตะ..ต้องพาไปโรงพยาบาล”  ป้าอรเอ่ยเสียงสั่น
                “แต่คุณนายไม่ให้… ออกไปจากที่นี่เลยนะ” ลุงสงวนเสียงสั่นไม่ต่างกัน
                “จะตายไหมอ่ะป้า” พี่อาจถามป้าพร
                “พูดมากน่า เดี๋ยวข้าตบปากเลย”
                ทุกคนร้องไห้…
                ผมมองคนที่นอนสลบแล้วสะอื้นหนักกว่าเดิม เพราะผมบอกกับเขาว่า ‘อย่า’ เขาถึงไม่สู้ แต่ถ้าเขาสู้ ทุกคนก็จะเป็นอันตราย…
                “คราม…”
                “ฮึก… แม่… ผมผิดเอง เพราะผม… ฮือๆ“
                “อย่าโทษตัวเองเลยลูก… ไม่มีใครผิด… แต่เป็นเพราะโชคชะตา ฮึก..ก…”  ผมกอดแม่แน่น อ้อมกอดที่ผมได้แต่คิดถึง แต่พอได้กอดจริงๆ กลับได้แต่ร้องไห้ไม่มีรอยยิ้มเลย
                ทุกคนช่วยกันทำแผล ให้กินยา เช็ดตัวให้เท่าที่จะทำได้และนั่งเฝ้าอยู่กับผมจนตะวันคล้อย เป็นสัญญาณว่าต้องกลับไปที่บ้านใหญ่แล้ว
                “ยาแก้ปวด แก้อักเสบ ครามต้องให้เขากินให้ตรงเวลานะลูก คืนนี้เขาต้องเป็นไข้หนักแน่นอน… พรุ่งนี้เช้าพวกแม่จะช่วยนะ”
                “ถะ..ถ้าเขาไม่หาย… พาไปโรงพยาบาลได้ไหมครับ…”
                ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนที่แม่จะเอ่ยตอบ
                “เขาไม่สามารถที่จะออกจากที่นี่ได้ถ้าคุณนายไม่อนุญาต…”
 
ooooOoooo
 
                ผมนั่งเฝ้าคนที่นอนนิ่งไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อกลางวันจนตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะช่วงอกที่ขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่ามีลมหายใจ ผมคงคิดว่าเขาตายไปแล้วแน่ๆ
                “ปวดหัว… ปวด…”
                ผมรีบลุกไปนั่งใกล้ๆ
                “คุณ… คุณลุกมากินยาก่อน”
                “ปวดหัว…”
                ผมมองยาที่ถูกบดจนละเอียดละลายกับน้ำใส่ไว้ในช้อนเพื่อให้เขากินได้สะดวก แต่ตอนนี้แม้แต่สติเขายังไม่มี แล้วจะได้กินยาตอนไหน
                “คุณ… ลุกมากินยาเถอะ”
                “ไม่ไหว… เจ็บ”
                ผมถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจใส่ยาเข้าปากตัวเอง อมไว้แล้วจับริมฝีปากของร่างหนาที่นอนอยู่ให้อ้า บีบจมูก และกรอกยาที่อยู่ในปากผมส่งต่อให้อีกฝ่าย
                “แค่กๆ ขะ..ขม”
                ผมพ่นลมหายใจ อย่างน้อยก็ได้กินยาแล้ว… ตามด้วยผ้าชุบน้ำเช็ดตามตัวและหน้าผาก เพื่อลดไข้
                “ผมขอโทษ ผมคงทำให้ได้แค่นี้ แต่คุณต้องอดทนนะ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ” ผมเอ่ยเสียงสั่น แม้เราจะเริ่มต้นกันได้ไม่ดีนัก แม้ผมจะกลัวเขาอยู่บ้าง แต่เห็นเขาเจ็บและทรมานแบบนี้ผมก็ทนไม่ได้เหมือนกัน และยิ่งเขาเจ็บเพราะผมอีก ผมจับมือหนาที่ร้อนด้วยพิษไข้แล้วบีบเบาๆ นั่งเฝ้าไข้เขาทั้งคืนจนถึงเช้า..........
                “โอ๊ย!” เสียงร้องทำให้ผมที่นั่งสัปหงกรีบลืมตาตื่น
                “คุณ! จะลุกไปไหน” ผมรีบยื้อให้เขานอนลงตามเดิม
                “คุณบาดเจ็บอยู่นะ”
                “เจ็บ… เจ็บ! ยะ..อย่าตี! อย่าตีเจ็บ! ฮือๆ” เขาร้องไห้ คนตัวใหญ่ร้องไห้เหมือนเด็กแบบนี้ผมก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก แต่ก็ก้มไปกอดปลอบเขา
                “ไม่มีใครตี… อย่าร้องไห้”
                ตอนเช้าผมทำอาหารให้เขา มีแค่ข้าวต้มเปล่าๆ ใส่น้ำปลาให้เท่านั้น แต่เขาก็กินง่าย ทั้งยังบอกว่าอร่อยอีกเพราะผมเป็นคนป้อน หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ให้เขากินยา เปลี่ยนผ้าพันแผลที่หัว และทายาแก้ฟกช้ำตามส่วนอื่นๆ ให้ ตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว แม้ยังมีไข้แต่ก็ดีกว่าเมื่อวานมาก
                ส่วนแม่ ป้า ลุง นั้นไม่ได้มาหาผม คงเพราะคุณนายสั่งไม่ให้ใครมา… ผมนั่งเฝ้าจนเขาหลับไปอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะลุกไปหยิบอุปกรณ์เพื่อปลูกผัก ดินที่นี่อยู่ในป่าจึงพออุดมสมบูรณ์บ้าง มีใบไม้เป็นปุ๋ย มีไส้เดือนพรวนดินให้
                ทำแปลงปลูกผักได้ครึ่งวันผมก็รีบเข้าไปในกระท่อมเพื่อปลุกให้คนตัวใหญ่ตื่นมากินข้าวและกินยา เขาไม่ยอมกินข้าวด้วยตัวเอง แต่จะให้ผมป้อน พอกินยาเสร็จ เขาก็นอนหลับไปอีกครั้งแต่กลับเพ้อ
                “มะ..ไม่… อย่าตาย… อ๊ากกกกก!!!“ เขาตะโกนสุดเสียงจนผมสะดุ้งเฮือก แต่ก็จับมือเขาไว้แน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทางจิตใจ เขาบีบมือผมกลับทั้งๆ ที่ยังไม่รู้สึกตัว
                “คะ..คิดถึง… อยู่ด้วยกัน… เหงามากๆ” ผมบีบมือเขาแน่นขึ้น ความรู้สึกสงสารแล่นเข้ามาในหัวใจ เขาใช้ชีวิตแบบนี้มานานแค่ไหนนะ… ชีวิตที่ถูกขัง ชีวิตที่โดดเดี่ยว ตั้งแต่ผมจำความได้ก็เห็นแม่นำอาหารมาให้เขาตลอด… เขาทุกข์ทรมานมานานแค่ไหนกัน
                ความเกลียดชังที่มีต่อเขาค่อยๆ อ่อนลง ถึงจะเกลียดที่ถูกข่มขืน แต่นั่นคงเพราะเขาไม่รู้จักคนอื่น รู้จักแต่แม่ของผม… และเมื่อเจอผมเขาจึงปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศตัวเองออกมา
                ผมมองใบหน้าที่ครึ้มไปด้วยหนวดเคราซึ่งตอนนี้กำลังหลับสนิทอีกครั้ง
                “อายุคุณเองก็คงเยอะแล้วสินะ ความต้องการถึงสูง… ผมจะลืมเรื่องที่คุณทำกับผม… เพราะคุณเองก็น่าสงสาร…”
                หลังจากนั้นสองวัน อาการของเขาก็ดีขึ้นจนเกือบหายสนิท สามารถช่วยงานและทำให้ผมหัวเราะและยิ้มได้ การใช้ชีวิตของเราสองคนจึงเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
                “ฟ้า…” ผมหันไปตามเสียงเรียกขณะกำลังตำน้ำพริก
                มงกุฎดอกไม้ถูกสวมลงบนหัวผม
                “สวย… ไปเก็บมาจากตรงโน้น ฟ้าสวย…”
                ผมสัมผัสมงกุฎที่อยู่บนหัวแล้วยิ้มเหมือนมองเด็กไร้เดียงสา
                “ขอบใจนะ”
                ร่างสูงยิ้มแป้นแล้วมานั่งกอดผมจากด้านหลัง “ดีใจฟ้าอยู่ด้วย… ฟ้าอยู่ด้วยมีความสุข”
                “ผมจะตำน้ำพริกนะ คุณไปอาบน้ำเถอะ”
                เขายู่หน้า “ไม่ชอบ”
               
 
                “คุณไม่ได้อาบน้ำมาสองสามวันแล้วนะ อีกอย่าง คุณอาบน้ำไม่ค่อยสะอาดใช่ไหม ตอนที่ผมเช็ดตัวให้มีแต่ขี้ไคล หนวดเคราและผมรุงรังนี่อีก ผมอยากจะตัดและโกนให้หมดเลย… คราวหลังต้องขอให้พี่อาจเอากรรไกรกับที่โกนหนวดมาให้แล้ว”
                “แต่ไม่อยากอาบน้ำนี่”
                “ไม่ฟังคำพูดผมแล้วเหรอ”
                เขาตาโตแล้วพยักหน้า “ฟังๆ จะฟังนะ ฟ้า…”
                ผมค่อยๆ สัมผัสแผลตรงหัวของเขาที่ถูกตีด้วยไม้จนกลายเป็นแผลเป็น โชคดีที่ไม่ร้ายแรงอะไรมากมาย แต่ผมก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า แต่เพราะไม่สามารถไปหาหมอได้จึงได้แต่รักษาไปตามอาการเท่านั้น
                ผมถอนหายใจเพราะรู้สึกผิดที่เขาถูกทำร้ายเพราะเชื่อฟังคำพูดของผม แต่ถ้าผมไม่ห้าม เขาคงอาละวาดและทำร้ายคนอื่นเหมือนที่ทำร้ายคุณเพชร
                นึกถึงคุณเพชรแล้วผมรู้สึกไม่ดีเลย คุณนายต้องไม่ยอมอยู่เฉยแค่นี้แน่…
 
ooooOoooo
 
                “ฉันไม่ยอมนะ ฉันไม่เลี้ยงมันแล้ว!” เสียงของคุณนายอมรแทบจะกรีดร้องลั่นห้องพิเศษของโรงพยาบาล เพราะลูกชายเพียงคนเดียวถูกทำร้ายโดยไอ้บ้านั่น
                “ใจเย็นสิคุณหญิง”
                “เย็นอะไรคุณเกริก ตาเพชรบาดเจ็บขนาดนี้เนี่ยนะ! ไม่เอา ฉันไม่เลี้ยงมันแล้ว ฉันจะเอามันไปทิ้ง ไม่สิ ฉันจะฆ่ามัน!”
                “คุณหญิง ถ้าฆ่ามัน สิ่งที่เราทำมาหลายปีก็จะเสียเปล่านะ”
                “เหอะ! มันบ้า มันจะจำอะไรได้ เลี้ยงมันให้เสียข้าวสุก! แถมเมียมันยังทำให้ตาเพชรไปลุ่มหลงอีก ทั้งผัวทั้งเมีย ฉันจะไล่มันออกจากบ้านให้หมด!... โธ่ ตาเพชร” คุณหญิงพูดแล้วมองไปยังบุตรชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ แม้จะไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่เธอก็แค้นอยู่ดี
                “คุณหญิง ผมว่าอย่าเพิ่งทำอะไรเลยดีกว่า ปล่อยไปก่อนเถอะ”
                “คุณจะรออะไร มันบ้านะ มันไม่รู้อะไรหรอก”
                “แต่มีมันคนเดียวที่รู้นะ พ่อกับแม่มันก็ตายไปแล้ว มีมันคนเดียวที่รู้และบอกเราได้”
                คุณหญิงเม้มริมฝีปากแน่น
                “อีกอย่างคุณก็มีแผนการที่จะช่วยให้เรารู้ความลับเร็วขึ้นแล้วนี่… รอไปก่อนดีกว่าไหม”
                “ก็ได้…ฉันจะรอ” เธอพูดพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นโทร
            คำพูดของสองสามีภรรยาที่พูดถึงการฆ่าคนได้ทำให้ปรางซึ่งกำลังจัดของอยู่ที่ฝั่งครัวในห้องพิเศษนี้ถึงกับชะงักและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้จะฟังไม่ค่อยได้ศัพท์แต่ก็พอจับความได้ว่าทั้งสองคนจะฆ่าไอ้บ้าและคราม… แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ฆ่า เธอจึงถอนหายใจอย่างแรง ไม่ใช่เพราะโล่งอก แต่เพราะไม่พอใจที่ไม่ฆ่า เพราะเธอต้องการกำจัดครามออกไปจากชีวิตของเพชร ปรางกัดเล็บตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกแผนการบางอย่างออก...
 

               
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่6]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 20-09-2016 15:57:01
                 ‘จำได้ไหมน้องฟ้า….. ที่พี่บอก’
                ‘จำไม่ได้… ผมจำไม่ได้… ผมขอโทษ’
                ‘ที่พี่บอกน้องฟ้าก็คือ……’
                ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืน ความฝันเกี่ยวกับพี่คนนั้น แต่ผมก็ยังจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร และคำพูดสุดท้ายที่เขาบอกกับผมคืออะไร แม้กระทั่งใบหน้าก็เลือนลาง
                “ฟ้า!” เสียงหัวเราะร่วนของคนตัวใหญ่ที่มาพร้อมกับปลาช่อนตัวโต
                “นี่คุณไปเอาปลาช่อนมาจากไหน”
                “โน่น” มือชี้ไปทางที่มา ผมเบิกตากว้าง
                “คุณไปจับปลาตรงสระน้ำที่ศาลามาเหรอ”
                “ใช่… ให้ฟ้า”
                “คุณอย่าไปตรงนั้นอีกนะ ถ้าคุณนายเห็นจะเดือดร้อนรู้ไหม”
                เขาทำหน้างงแต่ก็พยักหน้ารับ ผมมองปลาช่อนที่เขาจับได้แล้วยิ้ม อย่างน้อยก็มีกินไปอีกมื้อละ ว่าแต่ ทำอีท่าไหนถึงได้ปลามา
                “อาบน้ำแล้วใช่ไหม” ผมถามเขาเมื่อเรากินข้าวด้วยกัน
                 เขาเบือนสายตาหลบไปทางอื่น “อาบแล้ว”
                “โกหก ตัวยังเหม็นอยู่เลย คงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชุดใช่ไหม”
                เขายังคงก้มหน้ากินต่อไม่สนใจ
                “กินข้าวเสร็จอาบน้ำเลยนะ”
                “ไม่… ก็ได้” พอเห็นผมจ้องหน้า เขาก็เปลี่ยนคำพูดแล้วกินข้าวต่อ
                แต่เมื่อผมเห็นวิธีการอาบน้ำของเขาก็ทำให้ผมอึ้งแทบจะเป็นลม อาบน้ำแบบนี้แล้วมานอนกอดผมทุกคืนเนี่ยนะ อาบน้ำโดยการเอาน้ำมาแปะมาลูบแขนลูบขาทั้งๆ ที่เสื้อผ้ายังใส่อยู่เลย
                “นี่คุณ อาบน้ำ ไม่ใช่เอาน้ำมาแปะตัว”
                “หนาวอ่ะ”
                “เฮ้อ งั้นถอดเลย ผมจะอาบให้”
                เขาหยุดชะงักมองหน้าผม
                “ผมจะอาบน้ำให้… ถอดเสื้อผ้าซะ”
                เขาคงอึ้งที่จู่ๆ ผมก็ให้ถอดเสื้อผ้า ไม่คิดว่าเขาจะอายเป็นด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะให้ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเลย ผมให้เขาปิดประตูห้องน้ำก่อนแล้วค่อยถอดเสื้อผ้า ก่อนจะส่งผ้าเช็ดตัวให้พันปกปิดช่วงล่าง ผมจึงเข้าไปอาบน้ำให้
                “แสบตา แสบ” เขาโวยวายเมื่อแชมพูบนหัวไหลผ่านใบหน้า
                “อดทนหน่อยสิคุณ” ผมขยี้ผมของเขาแล้วเอาพวกเศษต่างๆ ที่ติดบนเส้นผมออก
                “แสบตา!”
                “ไหน..ไหน…” ผมล้างมือแล้วย่อตัวมองเขาที่นั่งอยู่
                “แสบมากไหม” ผมใช้มือเช็ดฟองออก
                เขามองหน้าผมนิ่ง… เราสองคนมองหน้ากันก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายละจากใบหน้าของเขาไปสระผมให้ต่อ
                รู้สึกตัวเองหน้าร้อนๆ คงเพราะหน้าอยู่ใกล้กันเกินไป
                “ฟ้า…”
                “อะ..อะไร…”
                “…อยากเรียก…” เขายิ้มตาหยี
                ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า
                หลังจากสระผมเสร็จ ผมก็ลงมือขัดขี้ไคล ขัดตัว เหมือนแม่ที่อาบน้ำให้ลูก แต่พอเห็นหนวดเครา ผมก็รู้สึกไม่พอใจ อยากโกนให้จริงๆ
                “ขาวไหม”
                ผมหันไปมองเขาขณะที่ผมกำลังซักผ้า แล้วก็ต้องหัวเราะเมื่อเห็นคนตัวใหญ่ทาแป้งบนใบหน้าซะขาววอก แถมยังเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด อีกไม่นานคงไม่มีแป้งใช้แน่ๆ
                “หึ แป้งหมดกระป๋องแล้วมั้ง ทำไมทาซะขาวแบบนี้ล่ะ”
                เขายิ้มแล้ววิ่งมากอดผมจากด้านหลัง “แป้งหอม…แต่ฟ้าหอมกว่า…”
                ผมเกร็งเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็โดนกอด แต่ก็ยอมให้เขากอดแต่โดยดี
                “รักฟ้านะ… รักฟ้าที่สุดเลย อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”
                ผมนิ่งไม่ตอบอะไรกลับไป แต่ใจแอบสั่นไหวนิดๆ
                “คราม! คราม!” เสียงเรียกทำให้ผมหยุดซักผ้า ผมรีบล้างมือแล้วเดินไปพบเจ้าของเสียง    พี่ปรางเดินมาหาทำหน้าไม่ชอบใจคล้ายขยะแขยงเมื่อเห็นร่างสูงข้างๆ ผม
                “พะ..พี่ปราง” ผมเอ่ยเรียกไม่เต็มคำนัก เพราะตอนนี้ความรู้สึกดีที่เคยมีให้พี่ปรางมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
                “มีอะไรเหรอครับ”
                “ขอคุยด้วยหน่อย… เป็นเรื่องด่วนมากๆ…”
                “เรื่องด่วนเหรอครับ…”
                “ใช่… ตะ..แต่คุยสองคนนะ เอาไอ้บ้านี่ไปที่อื่นก่อน” พี่ปรางชี้ไปที่คนร่างสูงใหญ่ที่กำลังกอดผมอยู่อย่างหวงแหน
                “ก็ได้ครับ คุณ… ไปเดินดูแปลงผักนะครับว่าขึ้นหรือยัง เดี๋ยวผมขอคุยกับพี่ปรางก่อน”
                เขากอดผมนิ่งเหมือนคิดก่อน แต่ก็ทำตามแต่โดยดี แววตาที่ส่งไปทางพี่ปรางก็บ่งบอกว่าไม่ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน
                “นั่งก่อนสิครับ พี่ปราง” ผมบอกพี่ปรางให้นั่งลงบนแคร่ไม้
                “มะ..ไม่ล่ะ แค่มาบอก”
                “แล้วมีอะไรเหรอครับ”
                “ครามต้องหนี!”
                ผมขมวดคิ้วด้วยความงง
                “หนีอะไรครับ?”
                “หนีไปจากที่นี่น่ะสิ พวกคุณท่านกำลังจะตามฆ่าไอ้บ้าและครามรู้ไหม”
                ผมอึ้งไปพักหนึ่งด้วยความงง พวกคุณท่านจะฆ่าพวกผมเหรอ… ไม่จริงหรอก ก็คุณท่าน… หรือว่าเพราะทำร้ายคุณเพชร ทุกอย่างจึง… แต่ถึงกับต้องฆ่าทิ้งเลยเหรอ
                “จะ..จริงเหรอครับพี่ปราง”
                “จริงสิ! วันนี้พี่ไปโรงพยาบาลกับพวกคุณท่าน ได้ยินคุณท่านพูดว่าจะฆ่าทั้งสองคน         พรุ่งนี้!”
                ร่างกายผมสั่นเทิ้มด้วยความกลัวและความเศร้า จะฆ่าพวกผมจริงๆ น่ะเหรอ… ทำไมถึงได้โหดร้ายกันขนาดนี้… ผมคิดผิดไปสินะที่เคารพพวกท่านมาโดยตลอด เป็นเจ้านายที่ต้องเทิดทูน เพราะแม่เป็นคนสอนสั่งว่าให้ภักดีกับพวกคุณท่าน แล้วตอนนี้อะไร ถึงแม้คุณเพชรจะได้รับ               บาดเจ็บ แต่การลงโทษแบบนี้มันเกินไป… เขาเห็นคนเป็นอะไร…
                “ผมแจ้งตำรวจดีไหมพี่ปราง”
                พี่ปรางเบิกตากว้างอึกอักก่อนจะเอ่ยพูด
                “ยะ..อย่าเชียวนะ! คิดว่าคนใช้อย่างครามจะชนะคดีเหรอ นั่นน่ะคนรวยนะ ใช้อำนาจทุกอย่างในคดีอยู่แล้ว!... มีทางเดียวก็คือหนี! อย่าแจ้งตำรวจเชียวนะ!”
                “แต่…”
                “แจ้งไปก็เท่านั้นแหละ เรื่องยังไม่เกิดขึ้นนี่ ตำรวจจะเชื่อไหมล่ะ… เอาเป็นว่าครามต้องหนีคืนนี้เลยนะ…” พี่ปรางพูดพร้อมกับหยิบบางอย่างมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยัดใส่มือผม
                “นี่กุญแจรั้ว พี่ไปขอตาสงวนมา… คืนนี้หนีได้เลยนะ พี่จะพาไปที่รั้วให้”
                “นะ..หนี แล้วผมจะหนีไปไหนล่ะครับ”
                “จะรู้ได้ไงล่ะ! หนีๆ ไปก่อนเถอะ อยากตายนักหรือไง!” พี่ปรางพ่นลมอย่างอารมณ์เสีย
                “แล้วแม่... ผมต้องรีบไปหาแม่… ผมจะพาแม่หนีไปด้วย!” ผมรีบลุกแต่พี่ปรางยั้งไว้
                “จะบ้าหรือไง! ตอนนี้ครามไปบ้านใหญ่ไม่ได้นะ”
                “ตะ..แต่ผมจะหนีไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ผมต้องพาแม่ไปด้วย…”
                “นี่อยากให้น้าฝนโดนฆ่าตายด้วยเหรอไง บุญแค่ไหนแล้วที่คุณท่านไม่ฆ่าน้าฝนด้วย ถ้าพาน้าฝนหนีมีหวังได้โดนฆ่าไปด้วยแน่ๆ”
                “ฮึก..ก… แต่ผม…..”
                “เอาเป็นว่าคืนนี้หนีไปนะ… ฉันจะมาเรียกเมื่อทุกอย่างโอเค” พูดจบ พี่ปรางก็รีบเดินจากไป ผมทรุดนั่งร้องไห้อย่างสิ้นหวัง… ผมต้องหนีจริงๆ ใช่ไหม ...จะหนีไปไหน… จะทิ้งแม่ไว้เหรอ… ทั้งยังไม่มีเเม้เเต่คำบอกลา…
                “ฮึก..ก…”
                “ผักยังไม่ขึ้นเลยฟ้า... ฟ้า!... ฟ้าร้องไห้เหรอ” คนตัวใหญ่ตะโกนด้วยความตกใจแล้วรีบเข้ามากอด
                ผมกอดตอบแล้วปล่อยโฮ
                “ฟ้า… อย่าร้องไห้… ร้องไห้ทำไม โดนคนนั้นทำร้ายเหรอ” เขาเตรียมจะไปหาพี่ปราง   แต่ผมรีบรั้งไว้
                “ไม่ใช่...”
                “แล้วฟ้าร้องไห้ทำไม…”
                ผมกลั้นสะอื้นแล้วตอบอย่างเจ็บปวด “เราสองคน….ต้องหนี….”
                “.....”
                “คุณท่านจะฆ่าเราพรุ่งนี้ เราต้องหนี… ฮึก..ก… หนีไปกันสองคน…”
                เขานิ่งแต่ก็กอดผมไว้เหมือนเดิม
                “หนี… ไปกับฟ้าเหรอ”
                “อืม… หนี… เราอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว…”
 
ooooOoooo
 
                เพล้งงง! เสียงจานในครัวหล่นแตก ทำให้ทุกคนหยุดมือที่กำลังทำอาหารกลางวันแล้วหันไปยังต้นเสียง
                “ฝนเป็นอะไร”
                “ขะ..ขอโทษนะดา คือฉันเผลอปัดจานร่วงน่ะ”
                “เฮ้อ… ใจลอยอะไรล่ะ”
                “…ฉันเป็นห่วงคราม… หลังจากวันนั้นพวกเราก็ไม่ได้ไปหาเลย… ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
                ปรางที่กำลังเช็ดจานแอบหัวเราะอย่างสะใจ เพราะคืนนี้พวกมันสองคนจะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ และหลังจากนั้นก็จะโดนไล่ฆ่าของจริง พอครามออกไป ศัตรูหัวใจที่คอยเกาะแกะคุณเพชรก็หายไปเช่นกัน
                “ยิ้มอะไรของเอ็งนางปราง”
                “ไม่มีอะไรนี่ป้า…”
                “อ้าว ตาสงวนไปทำอะไรมา เหงื่อซ่กเชียว” พรเอ่ยถามขณะปรุงอาหาร เห็นตาสงวนเดินหอบเหงื่อโทรมกาย
                “ข้าทำกุญแจประตูรั้วหายน่ะสิ”
                “ว่าไงนะ!” ทุกคนตกใจ
                “หายที่ไหนล่ะ”
                “ถ้ารู้จะหาไหมล่ะ แม่ดา… แต่ข้าว่าข้าเอาไว้ในห้องตรงที่ประจำ แต่มันกลับหายไป”
                “ข้าก็บอกแล้วว่าให้หัดล็อกห้องซะบ้าง... เอ็งโดนคุณท่านด่าแน่” พรเอ่ยต่อ
                “เฮ้ย ไม่มีใครขโมยกุญแจประตูรั้วหรอก ข้าคงทำหายนั่นแหละ เฮ้อ... ข้าล่ะเครียด”
                “เดี๋ยวเสร็จงานแล้วพวกฉันจะช่วยหานะ เฮ้อ... พักนี้ทำกุญแจหายกันบ่อยจริง พอแก่ก็เริ่มหลงๆ ลืมๆ กันหมด”
                ปรางยกยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ
 
ooooOoooo
 
                แปะ!
                “ฟ้า… ยุงกัดแล้ว”
                ผมกับร่างสูงกำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้รอพี่ปรางมาพาหนี นอกจากเสื้อผ้าที่ใช้ผ้าผืนบางห่อ ก็มีเงินเก็บจำนวนหนึ่งของผมเท่านั้นที่เอาติดตัวไปด้วย
                “ยุงก็กัดคุณนะ…” ผมใช้มือไล่ปัดยุงให้เขา เขายิ้มแล้วนอนหนุนตักผม
                “เราจะไปไหนกันเหรอฟ้า”
                ผมนิ่งยากจะเอ่ยตอบ “ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้…”
                “ที่ไหนที่มีฟ้า… อยู่ได้ทั้งนั้น…”
                “จริงสิ ผมจะบอกคุณตั้งนานแล้วว่าจะตั้งชื่อให้คุณ... เพราะคุณควรมีชื่อ” ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังซึ่งกำลังทำตาลุกวาวดีใจเมื่อผมจะตั้งชื่อให้
                “ผมอยากให้คุณชื่อว่าหินผา… เพราะคุณแข็งแกร่งดั่งหินผา เอ่อ… คุณชอบไหม”
                “ชอบที่สุดเลย หินชอบชื่อนี้!” เขาลุกนั่งแล้วกอดผมแน่น “หินชอบฟ้า! รักฟ้าที่สุดเลย!”
                ผมยิ้มแล้วตบหลังตอบเบาๆ
                “แหวะ!” เสียงของใครบางคนดังขึ้น ผมผละกอดจากหินแล้วหันไปมอง
                “พี่ปราง”
                “เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม ตามมา”
                เราสองคนเดินตามพี่ปรางอย่างระมัดระวัง กลางคืนเงียบสงัดทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ทั้งกลัวว่าจะมีคนมาฆ่า และเสียใจว่าต่อจากนี้ไปผมจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
                “กุญแจไม่ได้ทำหายใช่ไหม”
                “ครับ…” ผมหยิบกุญแจออกมา
                “ไขประตูรั้วนี่ซะ แล้วก็รีบๆ ออกไป”
                “พี่ปราง ผมขอไปลาแม่ก่อนได้ไหมครับ แค่แป๊บเดียวเอง แล้วผมจะรีบมา”
                “ไม่ได้! จะมัวช้าอะไร รีบไปได้แล้ว” พี่ปรางแย่งกุญแจจากมือผมไปแล้วเปิดรั้วออก
                “พี่ปราง……”
                “ไปได้แล้ว ไม่ต้องกลับมาอีกนะ”
                พี่ปรางจับตัวผมและผลักออกไปข้างนอก ส่วนหินก็เดินตามผมออกมา ก่อนที่พี่ปรางจะล็อกกุญแจรั้วกลับตามเดิม
                “ฝากดูแลแม่แทนผมด้วยนะครับ ฮึก… บอกแม่ว่าผมรักแม่มากๆ และก็ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลอีกแล้ว ฮือๆๆ” ผมบอกทั้งน้ำตา
                “เออๆ พวกแกก็ไปๆ ได้ละ แล้วจำไว้นะว่าห้ามกลับมาอีก!” พี่ปรางเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่รอฟังแม้คำขอบคุณจากผม
                ผมยืนอยู่อย่างสิ้นหวัง แล้วผมจะไปอยู่ที่ไหน...
                “ฟ้า…..” มือหนาบีบมือผมแน่น “ยังมีหินนะ จะอยู่ข้างๆ ฟ้า”
                ผมพยักหน้าทั้งน้ำตาแล้วจูงมือหินไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย เราสองคนนั่งคอยตรงป้ายรถเมล์ หลังจากที่เดินทิ้งระยะห่างจากบ้านมาพอสมควร
                “ง่วงนอน…” หินพูดแล้วนอนหนุนตักผม
                “นอนเถอะ ถ้ารถมาผมจะเรียกนะ”
 
 
                ผมปัดยุงให้เขาแล้วลูบหัว ถ้าถามว่าผมโกรธเขาไหมที่เป็นตัวต้นเหตุ ผมเคยโกรธ…        แต่เรื่องเกิดขึ้นแล้วคงแก้ไขอะไรไม่ได้ และหน้าที่ผมตอนนี้ก็คือดูแลเขาตามที่แม่ขอร้องไว้
                ผมมองชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นอนหนุนตักผมไม่ต่างจากเด็กน้อย ใครจะคิดว่าคนที่นอนหนวดเฟิ้มคนนี้เพิ่งจะเคยออกมาสู่โลกกว้าง ตลอดทางที่เดินมาด้วยกันเขาหวาดกลัวตลอดเวลา เห็นรถผ่านไปก็แทบจะวิ่งหนีเพราะไม่เคยเห็น แต่เขาก็พูดปลอบใจผมเช่นกันว่า
                “หินจะอยู่ข้างๆ ฟ้านะ” พูดปลอบทั้งที่เสียงและมือสั่น
                “ตอนนี้มีแค่เราสองคนจริงๆ แล้วนะ… ผมจะดูแลคุณเอง” ผมพูดบอกเขาที่นอนหลับตา
                หลังจากนั้นสักพักรถเมล์ก็มา เราสองคนขึ้นไปนั่งอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะสิ้นสุดตรงไหน… ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อค้นหาคำตอบของโชคชะตา…..
 

 
 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-09-2016 17:54:40
เพชรก็น่ารักนะจริงๆ
แค่ไม่ได้เป็นพระเอก  :ling2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 20-09-2016 18:03:49
หินผา.. น่ารักกกกกกก ><
ปมเยอะดี น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ รอค่ะะะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 20-09-2016 18:20:51
สู้ๆนะทั้งสองคน อย่ายอมแพ้นะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-09-2016 19:39:50
จะเป็นยังไงต่อไปน่ะ  ลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-09-2016 21:50:11
รอตอนต่อไปค่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 20-09-2016 22:09:28
ทำไมดูคุณนายมีอิทธิพลจัง ทุกคนกลัวกันหมด
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 20-09-2016 22:32:29
ปรางนี่เข้าขั้นนะ  แม่เขาขนาดนั้นยังคิดจะได้เพขรอีกหรอ   :m31:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 20-09-2016 23:05:54
สู้ๆนะทั้งสองคน ขอให้ไปอยู่ในที่ดีๆละ   :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 20-09-2016 23:29:46
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-09-2016 23:57:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: i_lost in.. ที่ 21-09-2016 00:01:43
สนุกดีนะน่าติดตาม  :katai4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 21-09-2016 00:49:52
สนุกมากคะ แต่งงทำใมกลัวโดไล่ออกกันจัง นิยายเรื่องนี้อยู่ในยึคใหนคะ บางที่ก็เหมือนย้อนยุค บางที่ก็เหมือยปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่5-6] อัพล่าสุด>>>>20/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-09-2016 05:10:28
คนบ้า เป็นคนที่เป็นทายาท เจ้าของบ้านตัวจริง
พ่อแม่ของคนบ้าตายไป
เลยถูกญาติ คิดไม่ซื่อฮุบสมบัติ
มโนไปเรียบร้อยแล้ว แหะๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 21-09-2016 16:20:33
         แดดและฝุ่นละอองยามเช้ารวมทั้งเสียงเอะอะโวยวายของคนที่ผ่านไปมาบนถนนดังขึ้นขณะที่ขาพวกผมก้าวลงจากรถเมล์ พวกเราต่อรถเมล์หลายสายจนมาหยุดอยู่ที่นี่… ที่ที่ไกลพอสมควรผมจับมือของหินแน่นเพื่อให้เดินไปด้วยกันและรับรู้ได้ว่าเขากำลังสั่น
   “ไม่ต้องกลัวจับมือผมไว้อย่าปล่อยนะ”
   หินพยักหน้าแล้วบีบมือผมแน่นขึ้น
   ผมเดินไปตามทางเรื่อยๆเข้าไปในชุมชนเก่าแก่เพราะดูจากบ้านเรือนที่ทำจากไม้หลายหลังซึ่งค่อนข้างเก่าเหมือนกับบ้านที่ปลูกมานานเป็นร้อยปี แม้ตัวตึกจะทรุดโทรมแต่เมื่อเห็นคำว่าห้องว่างให้เช่าก็ทำให้ขาหยุดเดิน
   ผมมองไปยังร้านขายขนมครกข้างๆแล้วเอ่ยถาม
   “ยายครับ ใครเป็นเจ้าของห้องเช่านี้เหรอครับ”
   ยายที่กำลังแคะขนมครกหันมามอง “ของยายเองแหละแม่หนูจะเช่าหรือ”
   ผมสะอึกกับคำว่าแม่หนูได้แต่ยิ้มรับแล้วเอ่ยต่อ
   “ครับ… ราคาต่อเดือนเท่าไหร่เหรอครับ”
   “ยายคิด 300 ต่อเดือนจ้ะ”
   ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารับ “ครับ ผมขอเช่า… ผมขอเช่าที่นี่ครับ”
   “งั้นเข้าไปดูข้างในกันเถอะ” ยายรีบแคะขนมครกแล้วเดินมาเปิดประตูห้องเช่าที่ทำจากไม้เก่าๆทันที ภายในห้องไม่กว้างนักเป็นห้องเดี่ยวโล่งๆ ไม่มีเตียง แต่มีตู้ไม้อยู่หลังหนึ่งที่สภาพค่อนข้างเก่า รวมๆแล้วห้องนี้พออยู่ได้
   “อยู่ได้ไหมจ๊ะ”
   “ได้ครับ…”
   “ห้องน้ำก็เดินไปเปิดประตูด้านหลังตรงนี้นะ” ยายพูดแล้วเดินไปเปิดประตูหลังที่มีห้องน้ำสร้างแยกไว้ต่างหาก
   “ส่วนผ้าห่มเดี๋ยวยายจะเอามาให้ถ้าขาดเหลืออะไรเรียกยายนะยายอยู่ห้องข้างๆนี่แหละ”
   “ครับ… เอ่อถ้าอย่างนั้นทำสัญญา...”
   “โอยยย ไม่ต้องหรอก สัญญงสัญญา แค่จ่ายเงินก็พอแม่หนู”
   “ครับ…” ผมยื่นเงินให้ยาย
   ยายรับเงินแล้วหายออกไปจากห้องซักพัก ก่อนจะกลับมาพร้อมกับขนมครก มื้อเช้านี้พวกผมจึงทานขนมครกกันไปพลางๆก่อนผมก้มมองเงินในกระเป๋าแล้วได้แต่ถอนหายใจ ต้องรีบหางานทำพาลนึกถึงที่บ้านหลังนั้นป่านนี้จะมีใครรู้ไหมนะว่าพวกเราหนีออกมาแล้ว…
   “ฟ้า… ขนมนี่อร่อย”
   “ชอบเหรอ”
   “อื้อ!”
   ผมยิ้มแล้วลูบหัวเขา “ถ้าชอบผมจะทำงานหาเงินแล้วซื้อมาให้กินเยอะๆเลยนะ”
   “ทำงาน… ทำงานยังไง ปลูกผักอีกไหม”
   “ไม่ใช่…ลำบากกว่านั้นแต่ไม่ต้องห่วงนะผมจะหางานทำแล้วคุณก็จะได้กินขนมครกอีก”
   “หินทำงานด้วยได้ไหม…”
   “ไม่ต้องหรอก แต่ถ้าผมไม่ไหวผมจะขอให้ช่วยนะ”
   “อื้อ!”
   หลังจากนั้นยายก็นำผ้าห่มมาให้ ผมก็เก็บกวาดห้อง นำเสื้อผ้ามาแขวนไว้ในตู้ มองสำรวจห้องไม้เก่าๆที่จะกลายเป็นที่อยู่ใหม่ของพวกเรานับแต่นี้ไปแม้จะใหญ่กว่าห้องที่ผมอยู่ตั้งแต่เกิดแต่ผมก็ไม่ยินดีเลยที่ต้องขาดคนสำคัญไป…
   ฟึ่บ!
   ร่างสูงกอดสวมผมจากด้านหลังแล้วซุกหน้ามาที่คอ ผมแอบเกร็งเพราะหนวดที่คลอเคลีย
   “หนาวจัง… กอดฟ้าแล้วอุ่น”
   “หนาวเหรอ” ผมแกะมือที่กอดเอวแล้วหันไปหาผ้าหนาๆมาคลุมให้
   “เดี๋ยวผมจะซื้อเสื้อกันหนาวให้นะ เสื้อผ้าคุณก็เก่ามากแล้วด้วย ผมจะซื้อมาให้… แต่รอก่อนนะครับผมยังมีเงินไม่มากพอที่จะซื้ออะไรได้มากมาย”
   “ไม่หนาว...กอดฟ้าก็อุ่นแล้ว” เขาพูดแล้วยังกอดผมอีกทั้งๆที่ตัวเองก็มีผ้าคลุมไว้ ผมปล่อยให้คนตัวใหญ่แต่นิสัยเด็กกอดจนผมต้องบอกให้หยุด
   “เอ่อ ยายครับ… ที่นี่พอจะมีงานอะไรให้ทำบ้างไหมครับ” ผมเดินออกมาหายายที่ยังคงนั่งขายขนมครก
   “งานเหรอ… อืม… แถวนี้ค่อนข้างหายากนะแม่หนูอ้อจะว่าไปเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือว่าจะจ้างคนล้างจานพอดี”
   “จริงเหรอครับ…”
   “สนใจหรือ”
   “ครับ!”
   “งั้นตามยายมาเพราะแม่หนูหน้าตาสวยเหมือนยายสมัยสาวๆนะยายเลยเอ็นดู”
   ผมยิ้มแหะๆ ยายยังไม่รู้อีกหรือว่าผมเป็นผู้ชายถึงจะผิดปกติก็เถอะ
   “ยายมี เฝ้าร้านให้ข้าซักเดี๋ยวนา”ยายตะโกนบอกแม่ค้าที่ขายของอยู่ร้านถัดไป
   “ไม่มีปัญหายายเอิบ”
   ผมหันไปมองหินแล้วเอ่ย
   คุณอยู่ที่นี่นะอย่าออกไปไหน”
   “ไปด้วย”
   “ไม่ได้!เดี๋ยวผมก็มา… คุณอย่าออกไปไหนรู้ไหม”
   หินเงียบ
   “เข้าใจใช่ไหม”
   เขาพยักหน้าแล้วนั่งนิ่งบนพื้น
   ผมปิดประตูไม้บานเลื่อนเข้าหากัน แล้วเดินตามยายไป
   ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นร้านค่อนข้างเล็กแต่ลูกค้านั้นเนืองแน่นเต็มร้าน อาศัยชั้นล่างของบ้านที่เปิดโล่งกว้างเป็นที่ขาย
   “แม่ลี” ยายเอิบตะโกนเรียกอยู่หลายต่อหลายครั้ง ขณะที่เจ้าของชื่อผู้มีร่างกายอ้วนท้วนและผิวขาวเหมือนคนเหนือกำลังขะมักเขม้นทำก๋วยเตี๋ยวกว่าจะได้ยินก็นานพอสมควร
   “อ้าวยายเอิบวันนี้จะมากินก๋วยเตี๋ยวเหรอ”
   “เปล่า... ข้าพาเด็กมาสมัครงานเป็นเด็กล้างจาน”
   “อ้าวดีเลย มาๆช่วยล้างเลย ไอ้จุกลูกฉันมันล้างไม่ไหวแล้ว เข้าไปในบ้านล้างได้เลย ไอ้จุก! ไอ้จุก!”
   เสียงตะโกนทำให้เด็กผมจุกวัยประมาณ 10 ขวบรีบวิ่งมาหา
   “มีอะไรแม่”
   “พาพี่เขาไปล้างจานหน่อยเขามาทำงาน”
   จุกตาลุกวาวแล้วรีบพาผมไปยังหลังบ้านที่มีกองจานและชามสูงหลายกอง
   “หมดนี่เลยเหรอ”
   ใช่พี่ ผมล้างมาตั้งแต่เช้าแล้วก๋วยเตี๋ยวฝีมือแม่ผมขายดีมากเลยพี่งั้นพี่จัดการเลยนะผมขอไปเล่นก่อน” พูดจบจุกก็วิ่งออกไป ผมเดินไปหายายเอิบเพื่อฝากยายบอกหินว่าผมจะกลับช้าและหาข้าวให้เขากินด้วย ผมยัดเงินให้ยายแล้วรีบกลับมาทำงาน
   งานล้างจานล้างชามแม้จะไม่ลำบากอะไรแต่ถ้าเป็นจานชามที่ล้างเท่าไหร่ก็ไม่หมดเพราะมาเรื่อยๆเป็นวัฏจักรก็ทำให้เหนื่อยได้ มือผมซีดเปื่อยไปหมดแต่ก็ต้องทน จนกระทั่งร้านปิดตอนหกโมงเย็นทุกอย่างจึงยุติ
   “ขอบใจมากนะช่วยเจ๊ได้เยอะเลย เอ้านี่เงินสามร้อยบาทถ้วน” ผมยื่นมือออกไปรับเงิน “เจ๊ชื่อลีนะ ส่วนเธอ…”
   “ชื่อฟ้าครามครับ”
   “อ้าวเป็นผู้ชายหรอกเหรอ ฮะๆๆ เจ๊นึกว่าผู้หญิงงั้นเจ๊เรียกครามนะ”
   “ครับ”
   “พรุ่งนี้มาประมาณเจ็ดโมงเช้านะ มาช่วยเจ๊จัดของสักหน่อยแล้วจะให้เงินเพิ่ม”
   “ครับ”
   หลังจากนั้นผมก็เดินกลับห้องเช่า ซึ่งระยะทางไม่ห่างกันมากนัก สองข้างทางก็มีบ้านเก่าๆปลูกเรียงกันตลอดทางจึงทำให้ไม่เปลี่ยว บางบ้านก็ยังวางของขายอยู่ ผมมองเงินในมือแล้วซื้อข้าวคลุกกะปิกลับไปสองกล่อง
   “ผมกลับมาแล้ว…”
   ฟึ่บ! แรงกอดทำให้ผมตกใจเพราะจู่ๆคนตัวโตก็กระชากไปกอด
   “คิดถึงฟ้า! นึกว่าจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว ฮือๆๆ”
   “ระ..ร้องไห้ทำไม” ผมเดินจูงมือคนตัวใหญ่ไปนั่งบนพื้นแล้วเช็ดน้ำตาให้
   “กะ..ก็ฟ้าบอกจะกลับมา”
   “ก็กลับมาแล้วนี่ไง ผมต้องทำงานนะรู้ไหม… หิวข้าวหรือเปล่า”
   “หิวท้องร้อง... ยายเอามาให้แต่ไม่อิ่ม กินขนมครกที่ยายเอามาให้ก็ไม่อิ่มแต่มีเผื่อให้ฟ้านะ” พูดพลางยกห่ออาหารเล็กๆ ที่มีอาหารเหลืออยู่จำนวนหนึ่งขนาดบอกว่าไม่อิ่มแต่ก็ยังเหลือไว้ให้ผม ส่วนขนมครกยายคงนำมาให้เพราะหินไปอ้อนจนยายเอ็นดูด้วยนั่นแหละ นึกแล้วก็ขำผู้ชายเหมือนโจรที่ทำให้คนแก่เอ็นดู
   “ผมซื้อข้าวมากินด้วย” ผมแกะข้าวกล่องออก เขายิ้มแม้จะไม่เคยกิน แต่ก็รีบกินจนติดคอ
   “ค่อยๆกินสิคุณ” ผมยื่นน้ำให้แล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
   ตกกลางคืนเราสองคนนอนบนพื้นโดยมีเสื่อปูรองเขาเอาหัวซุกในอกผมแล้วหลับ ผมก็กอดแล้วลูบหัวให้
   “หิน...ผมจะดูแลคุณเองนะ...แต่ผมก็หวังว่าสักวันคุณจะหายเป็นแบบนี้”
..............................
   หนึ่งเดือนแล้วที่จากบ้านหลังนั้นมา ทุกคนคงรู้แล้วว่าพวกผมหนีออกมาอาจเพราะไปหาที่กระท่อมหรือเพราะพี่ปรางบอกก็ไม่อาจทราบได้ แต่แม่จะรู้สึกอย่างไรบ้างนะคิดไปผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่การทำงานเป็นเด็กล้างจานของผมก็ยังคงดำเนินต่อไปอากาศเริ่มหนาว และพระอาทิตย์ก็ตกเร็วขึ้น จึงทำให้ช่วงเวลากลางคืนยาวนานขึ้นไปอีก ผมค่อยๆเดินไปอย่างเหม่อลอยและนั่งพักตรงแคร่ที่หน้าบ้านร้างเพราะเจ้าของบ้านย้ายออกไปจากชุมชนนี้แล้ว
   จู่ๆความเหงาและความเหนื่อยล้าก็โหมเข้ามาจนน้ำตาผมไหลออกมาเอง มือที่เช็ดน้ำตาตอนนี้ก็เปื่อยและซีดไปหมด หนึ่งเดือนที่ผมต้องจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดและจากแม่ที่รักโดยไม่มีแม้แต่คำลามันทำให้ผมล้าไปทั้งกายและใจ ทั้งที่เมื่อก่อนผมจะเป็นฝ่ายหาที่พึ่งพิงแต่ตอนนี้ผมต้องกลายเป็นคนที่ถูกพึ่งพิงเสียเองทุกอย่างมันทำให้ผมเหนื่อย…
   ผมแหงนมองดูดาวบนฟ้าที่ทอแสงริบหรี่แล้วร้องไห้
   “แม่ครับแม่จะมองดาวเหมือนผมอยู่ไหมตอนนี้ผมทั้งเหนื่อยและคิดถึงแม่มากๆอยากกอดแต่คงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว ฮึก..ก…”
   ผมคิดถึงแม่...ผมอยากกอดแม่อยากเข้าไปอ้อนอยากบอกว่าเหนื่อยอยากให้แม่ปลอบใจและอยากรู้ว่าตอนนี้แม่สบายดีไหม
   นั่งร้องไห้อยู่ซักพัก ผมก็ค่อยๆเช็ดน้ำตาแล้วเดินกลับไปยังห้องเช่าอย่างเหนื่อยล้า แต่พอไปถึงก็เห็นประตูห้องเปิดโล่งอยู่ ทำให้ผมยืนนิ่งค้างด้วยความตกใจ
   “หิน!” ผมรีบเข้าไปในห้อง ไม่มีใครอยู่… หินไม่อยู่ที่นี่!
   ผมเคาะประตูเรียกยายเอิบ ไม่นานยายก็ออกมา
   “ยะ..ยายครับหินเขาไปไหนเหรอครับ”  ผมถามอย่างร้อนรน
   “อ้าวเมื่อเย็นยายก็เอาข้าวไปให้นะ ยังอยู่เลย… ไปไหนซะแล้วล่ะ”
   ผมกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะวิ่งตามหาอย่างไร้ทิศทาง แม้จะได้ยินเสียงยายเรียกก็ตาม
   “หิน! หิน! คุณอยู่ไหน!” ผมวิ่งไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายจนออกมานอกชุมชน แสงไฟที่สลัวไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิดแต่ที่ผมกลัวคือ กลัวว่าหินจะจากผมไป
   “ฮึก..ก..ก…หิน…!!!“ ขาผมแทบหมดแรงแต่ก็ยังวิ่งไปอย่างไร้จุดหมายเขาหายไปไหนกันหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น… จะเกิดอุบัติเหตุอะไรไหม… ความกังวลถาโถมเข้ามา
   “ฮือๆๆ ขอร้อง... กลับมา...”ผมทรุดตัวลงบนพื้นอย่างสิ้นหวัง หินหายไปแล้วผมจะอยู่ยังไง…
   “กรี๊ดดดดด อย่าเข้ามานะไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” เสียงกรีดร้องทำให้ผมหันมองและวิ่งไปตามเสียงร้องนั้น เห็นหญิงสาวล้มลงเหมือนกลัวอะไรบางอย่างก่อนจะรีบวิ่งหนีไป เมื่อมองไปยังต้นเหตุก็เจอหินยืนนิ่งด้วยความไม่เข้าใจว่าหญิงสาวตกใจอะไร แต่เมื่อเห็นผมหินก็รีบวิ่งมาหา
   ฟึ่บ!
   “คิดถึงฟ้า เจอฟ้าแล้ว!หาฟ้าไม่เจอเลย!” เขากอดผมแน่นด้วยความคิดถึงแต่ผมกลับผลักเขาออกก่อนจะ...
   เพี้ยะ!
   “คุณมันบ้า! ออกมาทำไม ฮึก..ก…ออกจากห้องมาทำไม!”
   “ฟ้า…..” เขาจับแก้มตัวเองด้วยความตกตะลึง“เจ็บ… ฟ้าตบหินทำไม… หินก็แค่คิดถึงฟ้า”
   “ผมไปทำงาน! ไปทำงานเพื่อให้คุณมีกิน! แล้วทำไมคุณต้องสร้างภาระให้ผมเพิ่มด้วย! ไอ้บ้า! ไอ้บ้า!” ผมเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วรีบวิ่งกลับโดยไม่รออีกฝ่ายที่วิ่งตามแล้วพยายามจะจับมือผมไว้ แต่ผมสะบัดออก
   พอกลับมาที่ห้องหินก็พยายามง้อแต่ผมก็ไม่ฟัง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนแล้วตะแคงหันหลังให้
   “ขอโทษ ฟ้าอย่าร้องไห้นะ หินไม่ดีเอง หินแค่คิดถึง… ขอโทษนะ…..”
   “อย่าทำแบบนี้อีกผมเหนื่อยหน้าตาคุณเองก็เหมือนกันหน้าตาอย่างนี้จะออกไปทำไม ใครก็คิดว่าคุณมันบ้า เป็นโจร ถ้าอยากออกไปก็หัดทำหน้าตาตัวเองให้ดีซะบ้าง!”
   “ฟ้า”
   “ไม่ต้องจับผมจะนอน” ผมไม่สนใจคนที่นั่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้…..
…………………………
   “วันนี้พอได้พักบ้างละนะ” เจ๊ลีเอ่ยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ วันนี้ลูกค้าน้อยคงเพราะมีงานที่วัดผมนั่งเช็ดชามอยู่อีกมุมได้ยินเสียงเจ๊ลีและลูกค้าสาวๆหลายคนดังขึ้นพร้อมกับคำชื่นชมได้ยินไม่ขาดสายว่ามีหนุ่มหล่ออยู่หน้าร้าน แม้จะเริ่มกลายเป็นเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างยินดีราวกับเจอดาราผมก็ไม่มีเวลาจะหันกลับไปดูผมไม่ได้สนใจอะไรยังคงเช็ดชามต่อไป แต่เสียงกรี๊ดนั้นกลับดังขึ้นมากกว่าเดิมจนผมต้องหันหลังกลับไปมอง ปรากฏชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อผ้าเก่า แต่ท่าทางและลักษณะกลับดูดีแม้เสื้อผ้าที่ใส่ก็ยังดูดีมีระดับไปด้วย ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรริมฝีปากหนาแต่ได้รูปยิ้มกว้างก่อนจะ…
   ฟึ่บ!
   “กรี๊ดดดดด” เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อเขาสวมกอดผม
   “คะ..คุณจะทำอะไรน่ะ คุณ”
   “ฟ้า…”เสียงเรียกชื่อทำให้ผมตัวแข็งทื่อเสียงเหมือนกับ…อย่าบอกนะว่าเขาคือ…
   “หิน…!”
   “ฟ้า…”
   “ทำไมคุณถึง…”
   แชะ! เสียงถ่ายรูปดังขึ้น สาวๆหลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหินหลายต่อหลายภาพและติดภาพผมไปด้วย
   “หล่อจัง… คุณเป็นใครเหรอ เป็นนายแบบหรือเปล่า”
   “หรือเป็นดาราหน้าใหม่ จะมีละครออกเมื่อไหร่”
   “กรี๊ดดด หรือเป็นเศรษฐีที่ไหนหรือเปล่าคะ”
   “อย่า!” หินตะโกนเมื่อเสียงชัตเตอร์ดังต่อเนื่อง หินปรี่เข้าหาหญิงสาวคนหนึ่งแย่งโทรศัพท์จากมือของเธอและขว้างทิ้ง
   เพล้ง!
   “กรี๊ดดดดดดด” เธอกรีดร้องลั่นแต่โชคดีที่โทรศัพท์ไม่ได้พังอย่างที่คิดแค่จอแตกเธอรีบหยิบโทรศัพท์แล้ววิ่งหนีไปทันที ก่อนจะตะโกนทิ้งท้ายว่าจะลบรูปและไม่ถ่ายแล้ว เช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่กรีดร้องแล้วบอกว่าจะลบรูปทิ้งและขอร้องว่าอย่าทำร้าย ก่อนจะรีบวิ่งหนีตามกันไป หินจะวิ่งตามแต่ผมจับเอาไว้
   “หิน! ใจเย็นๆสิ!”
   “แฮ่กๆๆ ขะ..ขอโทษ หินกลัว”
   “ไม่ต้องกลัวเขาแค่ถ่ายรูปใจเย็นๆ อย่าทำแบบนี้อีกไม่งั้นผมจะโกรธมากๆนะรู้ไหม!”
   “ขะ..ขอโทษ”
   เจ๊ลีที่มองเหตุการณ์ถึงกลับยืนอึ้งอย่างไม่อยากเชื่อว่าหินจะเป็นแบบนี้เพราะดูจากภายนอกไม่ได้จริงๆและไม่คิดว่าจะเป็นคนรู้จักของผม ผมจึงอธิบายให้เจ๊ลีฟังว่าหินไม่ค่อยปกติเหมือนคนทั่วไป เจ๊ลีพยักหน้าและอนุญาตให้ผมกลับบ้านได้เร็วกว่าปกติ
   กลับถึงห้องผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่มีแต่เรื่องให้เหนื่อยใจและแปลกใจ ทั้งเรื่องที่หินก่อเรื่องและใบหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาเพราะผมยังอึ้งไม่หาย นี่คือหินจริงๆใช่ไหม คนหน้าตาดีแบบนี้น่ะเหรอผมเกร็งไม่กล้าสบตารู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า
   “คะ..คุณอย่าก่อเรื่องอีกนะ”
   “หินจะไม่ทำอีกแล้ว…” หินทำหน้าหงอยแล้วมากอดผม
   “ให้อภัยหินนะ”
   ‘…..’
   “นะ” พูดแล้วหอมแก้มผม
   “อะ..อืมผมให้อภัยคุณ”
   หินยิ้ม
   “หินจริงๆเหรอ”ผมเอ่ยถามเขาเมื่อหน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบผมจึงค่อยๆเบือนหน้าหนี
   “อื้อ… แปลกไหม ยายบอกว่าหนวดเยอะผมก็รุงรังเลยพาไปให้ร้านโกนหนวดและตัดผมออกให้”
   “ดูดี…คุณหน้าตาดีมากเลยรู้ไหม”
   “ฟ้าชอบหรือเปล่า”
   ‘…..’
   ผมนิ่ง จะว่ายังไงดีเขาหล่อก็จริงแต่พอมองแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ชิน ยิ่งคนตรงหน้า หน้าตาดีแบบนี้อีกรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ควรที่จะอยู่ใกล้เขาเลย
   “ไม่ชอบเหรอ”
   “ปะ..เปล่า…”
   "ก็ฟ้าไม่ค่อยมองหน้าหินเลย…ไม่ชอบเหรอ…"
   หินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มือหนาจับมือผมให้สัมผัสใบหน้าของเขา
   “ชอบหินไหม”
   “…เอ่อ…” ผมหลบสายตารู้สึกใจเต้นจนไม่กล้ามองหน้า
   “ไม่ชอบหินใช่ไหม” เขาถามเสียงสั่นเครือ
   “ไม่ใช่… ชอบสิผมชอบหินนะ” ผมจับใบหน้าของเขาที่ไร้หนวดเครา
   หินยิ้มแล้วกอดผมแน่น
…………………………
   “คะ..คุณนี่ใช่ไอ้บ้าไหม” คุณนายอมรยื่นโทรศัพท์ให้สามีดูรูปภาพที่แชร์กันทางอินเตอร์เน็ตเมื่อสองสามวันก่อน เป็นภาพของชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูง กับอีกคนที่หน้าตาสวยหากมองเผินๆหลายคนคงคิดว่าเป็นผู้หญิง
   คุณเกริกขมวดคิ้วก่อนจะตอบ “ผมจำหน้ามันไม่ได้แล้วแต่ข้างๆคือเด็กครามนี่”
   “ใช่น่ะสิ แต่คนข้างๆนี่คือไอ้บ้าเหรอหรือมันจะโกนหนวดโกนเคราแล้ว”
   “คงจะยังงั้น”
   “หึ เจอตัวสักทีพวกมันหนีไปอยู่ที่นี่เอง” เธอยกยิ้มแล้วหันไปสั่งกับลูกน้องคนสนิทของคุณเกริกผู้เป็นสามี
   “ไปหามาว่าที่นี่คือไหน…ถ้าเจอฆ่าผู้ชายหน้าสวยซะ ส่วนอีกคนจับมาเป็นๆ”
   “ครับ”
   “คุณจะตามหาให้เสียเวลาทำไม…แผนคุณก็มีนี่ใช้ให้เป็นประโยชน์สิ”คุณเกริกยกกาแฟดื่ม
   “ฉันกลัวว่ามันจะทรยศน่ะสิ และอีกอย่างมันปิดเครื่องไม่ยอมเปิดเลย”
   “ก็ลองโทรไปก็ไม่เสียหายนี่เผื่อมันจะเปิดเครื่องมันยิ่งโง่ๆอยู่”
   “นั่นสินะ” คุณนายตอบรับพลางยกโทรศัพท์ขึ้นโทร
   หลังจากนั้นเธอก็เดินลงไปยังชั้นล่างอย่างสบายอารมณ์ เห็นฝนกำลังเช็ดแจกันหน้าตาของเธอซีดเซียวเพราะเพิ่งหายป่วยหนักหลังจากรู้ว่าลูกชายหนีออกไปจากบ้าน
   “ไงฝนหายป่วยแล้วเหรอ”
   “คะ..ค่ะ”
   ”เหนื่อยหน่อยนะที่ลูกของแกหนีตามผู้ชายไปน่ะ แกดูลูกตัวเองไม่ออกหรือไงว่ามันอยากมีผัวและยังทิ้งแกหนีไปกับผัวอีก ฉันล่ะสงสารแกจริงๆเฮ้อ…”
   ฝนหน้าซีดกว่าเดิม หยาดน้ำตาของเธอเอ่อล้นอาบแก้ม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมลูกของเธอถึงต้องหนีออกไปจากบ้าน... เธอคิดไม่ตกเลยจริงๆ
..............................
   “เฮ้อ…”
   “นั่งถอนหายใจและทำหน้าเครียดมาซักพักแล้วนะเป็นอะไรจ๊ะ”
   “ปะ..เปล่าครับ”
   “งั้นดูนี่ดีกว่าจะได้อารมณ์ดีขึ้น ดูสิภาพที่ถ่ายกันวันนั้น คนถูกใจเป็นแสนคนแชร์เป็นหมื่นเชียวนะ” เจ๊ลีเอ่ยแล้วยื่นหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมดู เป็นภาพของผมและหินในวันนั้นผมไม่คิดว่าเจ๊ลีจะถ่ายรูปด้วย
   “จะ..เจ๊ถ่ายรูปด้วยเหรอครับวันนั้น”
   “ใช่สิจ้ะ คนหน้าตาดีแบบนี้เจ๊ไม่พลาดหรอกถึงสติไม่ค่อยดีแต่หน้าตาดีก็โอเค แต่ตอนนั้นก็รีบถ่ายแล้วรีบซ่อน”
   “แล้วหมายความว่ายังไงเหรอครับที่คนถูกใจอะไรผมไม่เข้าใจ…คือผมเล่นไม่เป็นน่ะครับ” พวกเทคโนโลยีผมไม่เข้าใจและเล่นไม่เป็นเลย
   “อ้อ สรุปง่ายๆคือมีคนชอบและเห็นหน้าครามและพ่อรูปหล่อเป็นหมื่นเป็นแสนคนไงจ๊ะ ”
   “วะ..ว่าไงนะครับ!”
   “จ๊ะ?”
   “คนเห็นเป็นหมื่นเป็นแสนคนเหรอครับ!”
   “ใช่จ้ะ ดีใจไหม….”
   “ยะ..แย่แล้ว ผม… ผมคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว…”
   “อะไรเหรอคราม”
   ผมขมวดคิ้ว สั่นไปทั้งตัว “แบบนี้คุณนาย…คนที่ตามฆ่าต้องหาพวกผมเจอแน่ๆ ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว” ผมเตรียมจะวิ่งไปแต่เจ๊ลีคว้าแขนผมไว้ได้ก่อน
   “ดะ..เดี๋ยวครามใจเย็นๆ เกิดอะไรขึ้น!”
   “จะ..เจ๊…ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วผมต้องหนีไม่อย่างนั้นผมและหินจะถูกฆ่า!” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาผมจะน่าเกลียดมากแค่ไหนเพราะผมร้องไห้ออกมาแล้ว
   “ตั้งสติแล้วเล่าให้เจ๊ฟังนะใจเย็นๆก่อน…โธ่ อย่าเพิ่งร้องไห้สิ”
   สุดท้ายผมก็บอกความจริงกับเจ๊ลีไปว่าผมหนีมาและถ้าหลายคนเห็นผมกับหินอยู่ที่นี่ก็แปลว่าพวกคุณท่านก็รู้ว่าผมอยู่ที่นี่เหมือนกัน
   “ตายจริงเรื่องใหญ่แล้วนะเนี่ยเจ๊ขอโทษนะเพราะเจ๊แท้ๆเลย…แต่พวกที่ตามฆ่ามันเลวจริงๆ! เจ๊จะแจ้งความจับพวกมันซะ!”
   “ไม่มีประโยชน์หรอกครับเราสู้อำนาจพวกเขาไม่ได้…”
   “เฮ้อ… ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับครามด้วยนะ  เจ๊จะช่วยครามเองนะ”
   “เอ่อ… จะดีเหรอครับเจ๊อย่าเอาตัวมาเสี่ยงกับพวกผมเลย”
   “ก็เจ๊เป็นคนผิดนี่เรื่องนี้เจ๊ต้องรับผิดชอบ! เจ๊พอคิดออกแล้วว่าจะพาครามหนีไปที่ไหนที่เชียงใหม่เจ๊มีน้องชายอยู่ที่นั่น เป็นถึงพ่อเลี้ยงมีอิทธิพลอยู่พอสมควร ครามไปอยู่ที่นั่นนะ”
   “จะดีเหรอครับ...”
   “ดีสิ!”
   “ขอบคุณเจ๊มากเลยนะครับ…”
   “อย่าขอบคุณเลยก็เจ๊ผิดเต็มๆแต่ขอเจ๊ติดต่อน้องชายเจ๊ก่อนนะ หมอนี่มันติดต่อยากเจ๊โทรไปไม่ค่อยรับสายแต่ระหว่างนี้ก็เตรียมเก็บเสื้อผ้ารอก่อน อย่าออกไปไหนและระวังตัวด้วยนะ”
   “ครับ”ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางกำบางสิ่งบางอย่างที่นำติดตัวมาด้วยแน่นเพราะผมรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปและต้องการแผนสำรอง
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 21-09-2016 16:42:56
สงสาร เบื่อ อิคุณนายมันนี่แหละบ้าาาาา
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-09-2016 20:10:02
สนุกอะ. ชอบๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-09-2016 21:01:22
พ่อเลี้ยงจะนิสัยดีไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-09-2016 22:32:24
เจอแต่คนใจดี
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 21-09-2016 22:33:49
ขอให้พวกคนเลวๆถูกจับไปให้หมดซะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-09-2016 23:16:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 21-09-2016 23:36:30
สนุกมากกกก อ่านเจ็ดตอนรวดเลย5555555

รอติดตามจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-09-2016 00:22:16
มารอ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-09-2016 00:59:26
สนุกจัง ติดตามน้า~
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 22-09-2016 04:06:39
ตรรกะคนบ้านนั้นเป็นแบบไหนกันเนี่ย
โหดร้ายอ่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 22-09-2016 04:14:44
ดีนะเจอเจ๊ใจดี
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2016 04:15:25
คิดๆ แล้วๆ เชียว ว่าหินต้องหล่อมากกกกกกกก
ปราง ก็มีส่วนดี ที่ทำให้ฟ้า หิน ออกจากบ้านได้นะเนี่ย
หิน ฟ้า ไปอยู่เชียงใหม่กับพ่อเลี้ยง
แล้วจะเป็นยังไงนะ
รอ ตอนใหม่ :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-09-2016 06:54:53
รอลุ้นตอนต่อไป^^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 22-09-2016 07:11:05
ป่วยกันทั้งบ้าน  ตั้งแต่คุณนาย ยัน คนดูแลบ้าน   :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่7] อัพล่าสุด>>>>21/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 22-09-2016 08:26:55
รออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 22-09-2016 17:01:02
                สามวันแล้วที่พวกผมต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็ยังไร้วี่แววของคนที่ตามฆ่า ส่วนเจ๊ลีก็ยังบอกว่าติดต่อน้องชายไม่ได้ จึงทำให้ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากอยู่ในห้องเช่าแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของหินที่ไม่สามารถออกไปไหนได้ อยู่ในที่แคบๆ แบบนี้เขาคงจะหงุดหงิดและเครียดมากๆ แต่ตอนนี้เขากลับทำตัวปกติและกำลังแทะน่องไก่อย่างมูมมาม ทั้งที่หน้าตาไม่เหมาะกับพฤติกรรมแบบนี้เลย
                “เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจของผมทำให้คนตัวใหญ่หยุดกินแล้วเขยิบมานั่งข้างๆ
                “ไก่ไหม อร่อยนะ”
                “ไม่เป็นไร ผมไม่หิว…”
                “แต่ฟ้าไม่ค่อยกินเลย… ผอมจะแย่แล้ว”
                “คุณกิน..”
                ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูทำให้ผมสะดุ้งเฮือก
                “คราม… เจ๊เองนะ”
                ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบเดินไปเปิดประตู
                เจ๊ลีรีบเข้ามาแล้วปิดประตู
                “เจ๊ติดต่อน้องชายเจ๊ได้แล้วนะ… เขากำลังส่งลูกน้องมารับ พรุ่งนี้ประมาณตีสี่คงมาถึง       ที่นี่”
                “จริงเหรอครับ… ขอบคุณเจ๊มากนะครับ”
                “เฮ้อ... ยิ่งขอบคุณเจ๊ก็ยิ่งรู้สึกผิด อ้อ พวกเขาจะมารอรับที่นอกชุมชนนะ คือลูกน้องพ่อเลี้ยงมีแต่คนที่ไม่ใช่คนไทยซะส่วนมากน่ะ ถ้าเข้ามาที่นี่เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่ง แต่เจ๊จะพาไปส่งนะ ที่เหลือก็ขึ้นรถไปกับพวกเขา พ่อเลี้ยงจะจัดการทุกอย่างเอง”
                ผมถอนหายใจอีกครั้ง ตอนนี้ชีวิตพวกผมต้องฝากอยู่กับคนอื่นแล้วสินะ ไม่รู้ว่าพวกผมจะต้องหนีแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน… หรือจะต้องหนีไปตลอดชีวิตกัน
                “แล้วก็นี่…” เจ๊ยื่นบางอย่างมาให้ผม ผมเบิกตากว้าง
                ปืน…
                “จะ..เจ๊ ผม…”
                “รับไว้เถอะนะ ไว้ป้องกันตัว แค่ลั่นไกก็ยิงได้เลย”
                “แต่ผม…..” ผมมือสั่น มองปืนในมืออย่างกลัวๆ กล้าๆ ผมคงไม่กล้ายิงหรอก
                “ครามฟังเจ๊นะ คนที่จะปกป้องหินได้ก็มีแต่ครามเท่านั้น ถ้าถึงเวลาจวนตัวจริงๆ ก็ต้องยิง จะยอมถูกฆ่าตายเหรอ…”
                “ผม… ไม่อยากตาย”
                “ใช่ ก็ต้องยิงเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองและคนสำคัญ”
                ผมมองปืนในมือและหันไปมองหินที่ไม่รู้เรื่องราวแล้วพยักหน้ารับ
                “ครับ”
                หลังจากนั้นเจ๊ก็กลับไป ผมวางปืนไว้หลังตู้ บอกหินว่าอย่าเล่น…
                “ล้างมือแล้วค่อยเข้านอนนะ”
                “นอนไวจัง”
                “รีบนอนเอาแรง พรุ่งนี้จะได้หนีกันแล้วนะ”
                “หนีเหรอ ต้องหนีอีกแล้วเหรอ” หินเดินไปล้างมือแล้วล้มตัวนอนหนุนตักผม
                “เมื่อไรจะหยุดหนี”
                “ไม่รู้สิ… หินเหนื่อยเหรอ”
                “ไม่เหนื่อย… อยู่กับฟ้าไม่เหนื่อย แต่ฟ้าเหนื่อยหรือเปล่า”
                “ไม่หรอก” ผมมองคนนอนหนุนตักที่กำลังยิ้ม เราสองคนมองหน้ากันอยู่นานเหมือนกับสื่อบางอย่างถึงกันและกัน ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ก้มลงจูบหน้าผากเขาอย่างแผ่วเบา
                “หลับเถอะครับ” หินยิ้มแล้วจับมือผมไปหอม
                ไม่นานหินก็ผล็อยหลับไป ผมค่อยๆ ย้ายหัวเขาจากตักให้ไปหนุนหมอนแทน ส่วนผม   วันนี้คงไม่หลับง่ายๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมคงต้องใช้ปืนป้องกันตัวจริงๆ นั่งรอไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ว รู้แค่ว่าผมจ้องปืนอยู่แบบนั้นจนกระทั่ง…
                ก๊อกๆ
                เฮือกกก ผมรีบคว้าปืนทันที
                “คราม…”
                “เจ๊ลี” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
                ผมรีบเปิดประตู
                “ถึงเวลาแล้วนะ”
                “คะ..ครับ” ผมรีบปลุกหินให้ตื่นแล้วรีบหยิบข้าวของที่เตรียมไว้
                “ตามเจ๊มานะ อาจไกลหน่อย เงียบๆนะ”
                “ครับ”
                เราสามคนค่อยๆ เดินอย่างเงียบๆ แม้จะค่อนข้างมืดเพราะหลายบ้านไม่ได้เปิดไฟไว้ แต่ก็เป็นการดีที่คนอื่นจะมองไม่เห็น ผมจับมือหินแน่น ส่วนมืออีกข้างก็ถือปืนไว้ตลอดทั้งๆ ที่กลัว จนกระทั่งเดินออกมานอกชุมชน จู่ๆ เจ๊ลีก็หยุดเดินเมื่อมาถึงสวนมะม่วงแห่งหนึ่ง
                “ชู่!”
                “จะ..เจ๊”
                “คราม… ถ้าเจ๊ให้สัญญาณ ก็วิ่งหนีเข้าไปในสวนเลยนะ”
                “มะ..หมายว่ายังไงครับ”
                “มีคนดักรออยู่ข้างหน้า”
                ผมเบิกตากว้าง
                “แล้วเจ๊…”
                “เห็นอย่างนี้เจ๊ก็ต่อสู้เป็นนะ น้องชายเจ๊เป็นถึงพ่อเลี้ยง แล้วเจ๊ที่ใหญ่กว่าพ่อเลี้ยงจะเก่งแค่ไหน… เอาเป็นว่าถ้าเจ๊ให้สัญญาณก็รีบวิ่งไปเลยนะ ลัดสวนนี้ไปทางซ้ายเรื่อยๆ จะเจอพวกของเจ๊อยู่ที่นั่น”
                “เจ๊ระวังตัวด้วยนะครับ”
                “จ้ะ แล้วครามเอาปืนมาด้วยไหม”
                “คะ..ครับ”
                เจ๊ถือปืนของตัวเองเช่นกัน “วันนี้เจ๊จะออกโรงเองจ้ะ”  เจ๊ลียิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก
                “ใครกล้าแหยมเจ๊ไม่ตายดีหรอก นับหนึ่งถึงสามแล้ววิ่งเลยนะ”
                “คะ..ครับ”
                “สาม!“
                ผมอึ้งก่อนจะถูกเจ๊ผลักเข้าสวนแล้วเริ่มวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ทำไมนับสามก่อนเลยล่ะ พวกผมก็ตั้งตัวไม่ทันสิ แต่ตอนนี้คงคิดอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งหนี ผมจับมือร่างสูงแน่นแล้วพาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
                ปังๆๆ
                เสียงปืนทำให้ใจหวิวจะหยุดวิ่ง แต่เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาหลายเท้านั้นทำให้พวกผมไม่สามารถจะหันกลับไป แม้จะเป็นห่วงเจ๊ลีก็ตาม
                ฟุบ!
                “โอ๊ย!” ผมล้มลงเพราะสะดุดกิ่งไม้
                “ฟ้า! เป็นยังไงบ้าง”
                “ไม่เป็นไร” ผมรีบลุกทั้งที่เจ็บขาแล้ววิ่งไปทางซ้ายเรื่อยๆ ตามที่เจ๊ลีบอก
                ปังๆๆ เสียงปืนดังไล่หลังมาเรื่อยๆ
                “ไอ้สัส ยิงทำไม เดี๋ยวโดนอีกคนหรอก!” เสียงตะโกนทำให้เสียงปืนหยุดลง
                “แม่งรอพวกมันมาสามวัน ยิงปล่อยอารมณ์เว้ย”
                “เหวอออออ!”
                ตุบๆๆ
                เพราะความมืดจึงทำให้เราสองคนกลิ้งลงไปในร่องสวนที่มีความลึกพอสมควร โชคดีที่ไม่มีน้ำแต่ก็ทำให้เจ็บ…
                “ฟ้า!”
                “อะ..โอ๊ย” ผมจับหน้าผากตัวเอง รู้สึกเจ็บนิดๆ และได้กลิ่นเลือดจางๆ แผลคงไม่ใหญ่มาก แต่หินก็พยายามจะดูแผลให้ได้ แต่เพราะความมืดจึงมองไม่เห็นอะไรมากนัก นอกจากใบหน้าเราสองคนลางๆ
                “จะ..เจ็บตรงไหนบอกหิน… ฮึก..ก…”
                “ไม่เป็นไร… อย่าร้องไห้สิ” ผมจับใบหน้าของหินแล้วเช็ดน้ำตาให้ ทำไมช่างขี้แยแบบนี้นะ
                “ไม่จริง ฟ้าเจ็บมาก…” หินกอดผม
                “เฮ้ย พวกมันหายไปไหนแล้ววะ!”
                เสียงตะคอกของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ผมสะดุ้งเฮือกรีบควานหาปืนแต่กลับไม่เจอ หรือจะทำหล่นไปที่ไหนแล้ว
                “ฟ้า..ฟ้าเจ็บไหม”
                “ยะ..อย่าเสียงดัง” ผมรีบใช้มือปิดปากหินแต่เขาก็ยังไม่ยอมอยู่นิ่ง ยังขยุกขยิกจะดูแผลผมให้ได้
                “มันคงหนีไปได้ไม่ไกลหรอก ลองหาแถวนี้ก่อนเถอะ” แสงไฟฉายสาดมาทางพวกเรา ผมเบิกตากว้าง หรือพวกเขาจะเดินมาทางนี้
                ส่วนหินก็พยายามกอดผมแล้วเรียกชื่อผมตลอด ทำไมเขาช่างวุ่นวายนักนะ กำลังจะถูกเจอตัวอยู่แล้ว
                “ฟ้า… อุบ!”
                ผมผลักหินลงนอนราบกับร่องน้ำของสวนที่แห้งขอด ส่วนผมก็นอนทับร่างของเขาไว้ ผมส่งริมฝีปากของตัวเองปิดทับริมฝีปากหนาที่ช่างสงสัยจนเงียบลง ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตกใจแค่ไหนเพราะมองไม่เห็น แต่สำหรับผม นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดอะไร เพราะตอนนี้ชีวิตสำคัญที่สุด ผมผละจากปากเขาแล้วแหงนมองแสงไฟฉายที่สาดส่องไร้ทิศทางจนกระทั่งแสงนั้นจากไป พร้อมกับเสียงคนที่ตามหา
 
                “เฮ้อ… อุบ! อื้อ!”  ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกมือหนาจับใบหน้าและกระชากให้มาจูบคนใต้ล่าง ร่างกายถูกแขนแกร่งจับไว้ไม่ให้ลุกหนีและถูกบดขยี้ริมฝีปากจนเจ็บช้ำ
                “อื้อ! หะ..หาย…”
                ฟึ่บ!
                ไม่ทันจะได้บอกอะไรร่างกายก็ถูกพลิกลงใต้ร่างแทน
                “แฮ่กๆๆ ทะ..ทำอะไร… ของคุณ! อื้อ!!” ไม่ทันจะได้พูดอะไรก็ถูกจูบอีกครั้งเหมือนกระชากวิญญาณให้หลุดลอย ลิ้นหนาล้วงลึกเข้ามาหยอกล้อลิ้นของผมอย่างชำนาญ
                ใครสอนเขากันนะ… ทำไมช่างเก่งแบบนี้
                ผมพยายามผลักแต่ก็เหมือนผลักกำแพงที่ไม่ขยับ เบือนหน้าหนีก็ถูกไล่ต้อนจนมุม
                “หะ..หิน…” ผมหอบฮักเมื่อถูกละจูบ
                “ทะ..ทำอะไร… ยะ..อย่านะ” ผมพยายามลุกหนี แต่กลับถูกกระชากให้นอนลงดังเดิม
                “ฟ้า แฮ่กๆๆ หินอยากได้ฟ้า”
                ผมสั่นทั้งตัว ไม่จริง... หรือเขาจะทำแบบนั้นกับผมอีกแล้ว
                “มะ..ไม่! อย่านะ!” ผมรีบลุกแต่ถูกกดอีกรอบ มือหนารวบมือผมทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว
                “ฮึก..ก... ไม่เอานะหิน อย่าทำแบบนี้อีก ผมกลัวนะ ฮึก..ก...”
                “หินทนไม่ไหว ปวดตรงนี้มากๆ ช่วยหินด้วย” หินพูดพร้อมกับปลดซิปกางเกงตัวเองออก ปรากฏความเป็นชายที่โผล่พ้นและแข็งขึงออกมา แม้จะมองไม่เห็น แต่ความใหญ่โตที่สัมผัสได้ตรงหน้าขาก็ทำให้ผมสั่นกลัว
                “ไม่นะ! อย่าทำผมนะ ฮึก..ก... ผมกลัวจริงๆ นะ…”
                “ฟ้าอย่ากลัวนะ หินไม่รุนแรงเหมือนตอนนั้นแล้ว ไม่ต้องกลัว” เขาพูดพลางก้มจูบผมเบาๆ
                “ถ้าทำฟ้าจะโกรธนะ ฮือๆๆ ไม่เชื่อฟังแล้วเหรอ…”
                “ขอโทษ…” เสียงกระเส่านั้นพูดอย่างแผ่วเบาข้างหู
                ผมหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะถูกทาบทับด้วยร่างใหญ่โตที่กำลังปลดกางเกงผมออกและสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางหลัง ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วคลึงวนอย่างเบามือก่อนจะกดเน้นๆ จนสุดนิ้ว ผมร้องซี้ดเมื่อความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผมต้องจิกทึ้งเล็บบนหลังของหิน ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว จนผมคิดว่าตัวเองเริ่มตายด้าน แต่ไม่ใช่เลย นิ้วของหินชักเข้าออกและกดผนังด้านในจนผมเกร็งไปทั้งตัวและมีน้ำเมือกออกมาเมื่อชักนิ้วออก
                “แฮ่กๆๆ” ผมหอบฮักเมื่อรู้สึกอยากปลดปล่อยเต็มทนจนเผลออ้าขากว้าง หินก้มลงจูบหน้าผากผมก่อนจะค่อยๆ กดความใหญ่โตเข้ามาในช่องทางหลัง ผมกัดปากตัวเองแน่น มือก็โอบกอดเขาแล้วจิกหลังผ่านเสื้อเพื่อระบายความเจ็บอีกครั้ง
                “โอ๊ย! เจ็บ เบาๆ หิน!”
                เขาหยุดแล้วมาคลอเคลียซอกคอแทน มือหนาจับความเป็นชายของผมรูดขึ้นลงอย่างชำนาญ เขาคงเข้าใจผิดว่าส่วนนั้นของผมจะมีอารมณ์ ความใหญ่โตเริ่มเคลื่อนไหวกระแทกเน้นๆ จนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บอีกครั้ง เหมือนร่างกายกำลังถูกแบ่งแยกเป็นสองเสี่ยง แต่ในความเจ็บกลับมีความเสียวปะปนอยู่
                “ฮึก..ก..ก… เจ็บ… อะ..อา..อา…”
                “ไม่ร้องนะฟ้า หินอยากได้ฟ้า… อึก” เขากัดฟันตัวเองกรอดเมื่อขยับเข้าออก คงทรมานเมื่อถูกโอบรัดจากช่องทางที่เล็กกว่ามาก
                ผมนอนมองท้องฟ้าที่เริ่มมีแสงสีส้มมาแทนความมืด แล้วนิ่วหน้าเมื่อหินกระแทกเข้าออกถูกจุดไวสัมผัส แม้ผมกำลังถูกเขาทำเรื่องน่าอายอีก แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกมีความสุขจนผมปลดปล่อยไปหลายครั้ง
                “หะ..หิน… อะ… ระ..แรงกว่านี้ อ๊า!”
                กึกๆๆ เสียงกระแทกเน้นๆ ดังต่อเนื่อง หินหอบแฮ่กและกระแทกเร็วขึ้นเมื่อผมร้องขอ ถึงแม้ผมจะปลดปล่อยไปแล้ว แต่พอหินกระแทกเร็วอีกครั้ง ความปรารถนาก็เกิดขึ้นอีก
                “จะ..จะออกอีกแล้ว... หะ..หิน”
                ผมจับหน้าอีกฝ่ายแล้วเอ่ยร้องขออีกครั้ง
                “บะ..บอกรักผมได้ไหม… อือ… ละ..แล้วผมจะให้อภัยนะ”
                เขาหยุดนิ่งแล้วมองใบหน้าของผม
                ผมมองเขาทั้งน้ำตา ตอนนี้เราสองคนคงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงคำว่าสามีภรรยาได้แล้วสินะ เพราะหัวใจของผมเริ่มที่จะค่อยๆ เปิดรับเขามากขึ้น… จากความสงสารก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็น…..
                “ผมรักฟ้า…” เขาพูดอย่างหนักแน่นพลางเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะก้มลงจูบอย่างหนักหน่วง จนกระทั่งความต้องการค่อยๆ หายไป เราถึงละจูบจากกัน
                ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เราสองคนกลับหนีไปไม่ถึงไหน คนที่มารอรับคงทิ้งพวกเราไปแล้ว ผมถูกหินอุ้มเข้าอ้อมกอดเพราะเดินไม่ไหว ทั้งแผลที่สะดุดล้ม ความเจ็บตรงหน้าผากที่ทำให้มึน และความเจ็บช่วงล่างที่ทำให้ขาสั่นจนเดินไม่ได้ หินถอดเสื้อตัวเองแล้วมาคลุมตัวผมไว้เพื่อคลายความหนาว ส่วนตัวเองก็โชว์ร่างกายท่อนบนกำยำอุ้มพาผมไปที่จุดนัดหมาย... ที่ที่คิดว่าคงไม่มีใครรอเราแล้ว
                “คราม! หิน!”
                เสียงเจ๊ลีทำให้ผมละจากอ้อมกอดของหินแล้วหันไปมอง
                “เจ๊ลี! ปลอดภัยใช่ไหมครับ”
                “ใช่จ้ะ เจ๊เป็นห่วงมากเลยรู้ไหมที่ทั้งสองคนไม่มาสักที”
                ผมหน้าแดงฉับพลัน จะบอกว่ายังไงดี แทนที่พวกเราจะรีบหนีแต่กลับ… ทำแบบนั้นกัน…
                “ตายจริง ครามมีเลือดไหลที่หน้าผากด้วย ที่ขาอีก!” พูดแล้วเจ๊ก็ให้ผู้ชายหลายคนที่แต่งตัวทะมัดทะแมงและมีอาวุธปืนเอาที่ทำแผลมาให้
                หลังจากทำแผลเสร็จ เจ๊ก็บอกว่าพวกเราต้องไปกับกลุ่มคนพวกนี้เพื่อขึ้นเหนือ ไปอยู่กับพ่อเลี้ยงที่เป็นน้องชายของเจ๊ แล้วยังฝากฝังคนพวกนี้ให้ดูแลพวกเราระหว่างทางให้ดีที่สุด
                “ดูแลตัวเองให้ดีนะคราม”
                “เจ๊ด้วยนะครับ… คงต้องเหนื่อยอีกแล้วที่ไม่มีคนล้างจาน จุกคงอดเล่นด้วย”
                “นั่นสินะ ถ้าเรื่องเงียบแล้วมาหาเจ๊บ้างนะ คราวนี้ไม่ต้องล้างจานแล้ว”
                เจ๊กอดผมที่ยืนอย่างเซๆ จนต้องใช้อ้อมแขนของหินพยุง แต่เมื่อเจ๊เห็นเราสองคนคอยประคองกันและตัวติดกันตลอดเวลา เจ๊ก็อมยิ้ม
                “หิน ฝากดูแลครามด้วยนะ… ตอนนี้คงไม่ใช่ครามที่ดูแลคุณแล้วสินะ”
                ผมมองหน้าเจ๊อย่างงงๆ หินน่ะเหรอจะดูแลผมได้
                “ครับ ผมจะดูแลฟ้าด้วยชีวิต”
                คำตอบของหินเป็นคำตอบที่หนักแน่นที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะตอบได้ โดยใช้ศักดิ์ศรีของตัวเองทั้งหมดทุ่มลงในคำพูดนั้น ดั่งคำมั่นสัญญา
                ผมมองหน้าของหินแล้วยิ้ม… ขอบคุณนะ…
                “งั้นเจ๊ก็วางใจจ้ะ เดินทางกันดีๆ นะ”
                พวกเราสองคนอำลาเจ๊ลีและขึ้นรถยนต์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง ผมนอนเอนซบหินแล้วผล็อยหลับไป โดยมีอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดดั่งกำแพงหินผาที่พร้อมจะปกป้องตลอดเวลา
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-09-2016 18:13:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 22-09-2016 18:27:38
งื้ออออออออ ชอบบบบบบบบ ><
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-09-2016 18:34:53
 :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 22-09-2016 18:40:22
สารภาพค่ะ อิตอนแรกเห็นชื่อเรื่องก็ว่าจะไม่อ่านนะ
ไปๆมาๆ ไหนๆก็ว่างละ ลองอ่านดูขำๆเผื่อสนุก
มันไม่ขำเลยค่ะขุณพี่มันดีมากค่ะน้อง ชีวิตแอดแวนเจอร์หนนีออกจากบ้านใหญ่
ไปอยู่กับบพ่อเลี้ยง อร๊ายยย ฉันชอบ
ถึงเวลาที่หินต้องดูแลน้องครามบ้างแล้วน้าา
ถ้าคอมเม้นนี้จะไม่มีสาระเท่าไร แต่ก็มาด้วยใจนะคะ o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-09-2016 18:54:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-09-2016 19:16:04
หินจะดูแลฟ้าแล้ว
หินรู้วิธีถนอมร่างกายฟ้าแล้ว ไปรู้มาจากไหน
แต่แอบฮ่าจะหนีดันของขึ้นซะเนี่ย ฟ้า ขาสั่งเลย ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2016 19:37:40
 :เฮ้อ: ......หินเอ๊ย.....หนีกันหัวซุกหัวซุน
รู้หรอก ว่ารักฟ้า ห่วงฟ้า ทำม้าย.... หุบปากไม่เป็น
เรียกแต่ฟ้า... ฟ้า.. จะดูแผล  :เฮ้อ: เหมือนเด็กเลย
แต่พอฟ้าปิดปากหินด้วยปากฟ้า ได้เรื่องทันที
ตอนอย่างนี้ดันมีอารมณ์หื่นได้ซะอีก อะจ๊ากกกก
แถมเสร็จสมซะด้วย   :hao7: :pighaun: :haun4:
เจ๊ลี ก็เต็มใจช่วยเหลือ เป็นคนดีจริงๆ :mew1: :mew1: :mew1:
รอ ตอนใหม่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-09-2016 20:58:55
เฉียดตายยังมีอารมอีก - -
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-09-2016 00:49:23
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 23-09-2016 23:43:21
เวลาเสี่ยงๆ ก็ยัง :a5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 24-09-2016 02:28:01
หิน โมเม้นนั้นมันไม่เหมาะอย่างแรง ใช่เวลาไหมเนี่ยย
ดีนะที่รอด เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: yingcnx1 ที่ 24-09-2016 03:58:37
เหมือนหินความจำจะกลับมาแล้วหรือปล่าวนะ
รอๆตอนต่อไปจร้า
หวังว่าคนที่ไปอยู่ด้วยจะไม่ใช่คนเดียวกับฝังที่หนีมาน๊าเก็นติดต่อยากเหมือนกันเลยงะ :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่8] อัพล่าสุด>>>>22/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-09-2016 07:45:50
ยังจะสวีทกันอีก!
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 24-09-2016 12:27:15
                 ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานไม้ที่ไม่คุ้นเคย… ที่ไหนกันนะ… ผมพยายามเพ่งมอง แต่เพราะปวดหัวและปวดตามตัวจึงทำให้ต้องนิ่วหน้าและหลับตาลงอีกครั้ง กุมขมับและค่อยๆ นึกถึงเหตุการณ์
                “ที่นี่ที่ไหน… หิน!” ผมรีบลุกนั่งทันทีแม้จะยังปวดไปทั้งตัวจนต้องนิ่วหน้าก็ตาม แต่จะมัวมานอนอยู่แบบนี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้หินไม่ได้อยู่ข้างๆ ผม เขาหายไปไหน! ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกจากเตียงนุ่มน่านอนซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ให้ความสนใจในความสบายนี้เลยสักนิด และมองพิจารณาไปรอบๆ ห้องที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นห้องที่ทำด้วยไม้หายาก ของตกแต่งเป็นของมีราคาแต่กลมกลืนกับวัฒนธรรมของชาวเหนือ ผมพยุงตัวเองไปที่ผ้าม่านก่อนจะเปิดออก
                กระจกใสบานใหญ่ไม่อาจกั้นธรรมชาติที่แสนงดงามตรงหน้าได้เลย
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มเสมือนลานกว้างและสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ มีสวนดอกไม้ปลูกเป็นหย่อมๆ ถัดไปไกลพอสมควรเป็นฟาร์มสัตว์ขนาดใหญ่และมีบ้านคนอยู่บริเวณนั้นหลายหลัง ด้านซ้ายของฟาร์มสัตว์เป็นป่าขนาดกลาง ส่วนบริเวณอื่นๆ เป็นไร่ผลไม้ชนิดหนึ่งที่ปกคลุมเนื้อที่มากมายหลายร้อยไร่ หรืออาจหลายพันไร่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
                ผมมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง “ที่นี่คือ…..”
                “บ้านฉันเอง”
                ผมหันไปมองเจ้าของเสียง ปรากฏชายร่างสูงใหญ่รูปร่างและความสูงพอๆ กับหิน ดูจากหน้าตาอายุคงประมาณสามสิบปลายๆ  แต่รูปร่างกลับตรงกันข้าม แม้จะอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแบบชาวไร่ แต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงและความกำยำยังคงเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงแขนที่มีกล้ามเป็นมัดเหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำ
                “เอ่อ…”
                “เธอเพิ่งฟื้นนะ อย่าเพิ่งเดินไปไหนเลย”
                “คุณคือ… เอ่อ…”
                “ฉันชื่อใหญ่ เรียกว่าพ่อเลี้ยงก็ได้ ภาพที่เธอเห็นผ่านกระจกนั่นเป็นของฉันทั้งหมด” เขาชี้ไปทางวิวทิวทัศน์ที่ผมเพิ่งมองเมื่อกี้นี้
                “พี่ลีฝากฝังเธอให้กับฉันจำได้ไหม”
                ผมเบิกตากว้าง “คุณคือ… เอ่อ… ขอบคุณมากนะครับ” ผมรีบยกมือไหว้ นั่นสิผมเพิ่งหนีมาที่นี่ มาขออาศัยใบบุญน้องชายของเจ๊ลี
                “อย่ามากพิธีเลย พักก่อนเถอะ เธอเพิ่งหายไข้” เขาจับมือผมแล้วพามานั่งที่เตียงอีกครั้ง
                “เอ่อ… หินอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
                “หิน?”
                “หิน… ผู้ชายที่มาด้วยกันกับผม”
                “เขาน่ะเหรอ… อย่าสนใจจะดีกว่านะ”
                “มะ..หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
 
ooooOoooo
 
                “ปล่อย! ปล่อยกูออกไป!” เสียงตะโกนลั่นดังออกมาจากกรงขังที่ทำด้วยไม้ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับคอกม้า คนงานผู้ชายที่ผ่านไปมาไม่มีใครสนใจที่จะให้ความช่วยเหลือ ซ้ำยังมีท่าทีจะเข้าไปทำร้ายแทน ส่วนสาวๆ ที่เดินผ่านไปมากลับถูกใจในหน้าตาและรูปร่าง แต่พอเจอเสียงตวาดก็ต้องรีบหนีไปทางอื่น
                “ฟ้า! เอาฟ้าคืนมา อ๊ากกกกกกก”
                ปังๆๆๆ
                คนข้างในคลั่งทุบกรงไม้แทบหัก เหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมจะพังกรงออกมาขย้ำได้ทุกเมื่อ แม้คนในกรงจะไม่ต่างจากสัตว์ที่กำลังบ้า แต่ก็ไม่อาจคลายความหล่อดูดีลงได้แม้แต่น้อย กลับเพิ่มความหล่อแบบดิบเถื่อนมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ …คนบ้า…
                “เอาฟ้าคืนมา ฟ้า!!!”
 
ooooOoooo
 
                “ว่ายังไงนะครับ! คุณขังหินไว้ในกรงขังเหรอ” ผมเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
                “ใช่”
                “ทำไม…” ผมถามอย่างอ่อนแรงแทบขาดใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้หินกำลังเจอกับอะไร
                “เพราะเขาคลั่งน่ะสิ เธอป่วยมาก ฉันจำเป็นต้องพาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลและพามาพักฟื้นที่นี่ แต่หมอนั่นกลับอาละวาดไม่ยอมให้พาเธอไปรักษา ทำร้ายคนงานจนบาดเจ็บ เลยจำเป็นต้องขัง ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของหมอนั่น”
                “อะไรกัน… คุณขังเขามากี่วันแล้ว”
                “ตั้งแต่เธอมาจนถึงตอนนี้ก็... สามวัน”
                ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าหินถูกขังอยู่นานถึงสามวัน “พะ..พาผมไปหาเขาที”
                “เธอเพิ่งหายป่วยนะ”
                “ขอร้องล่ะครับ! พาผมไปที เขา... ตอนนี้ต้องการผม…”
                “ฉันคงทำไม่ได้ พี่ฉันบอกว่าเธออยู่กับคนบ้า”
                ผมสะอึก… ผมไม่ได้บอกเจ๊ลีว่าหินเป็นคนบ้า แค่บอกว่าเขาอาจไม่ค่อยเหมือนคนปกติ
                “คุณไม่พาผมไปก็ไม่เป็นไร ผมจะไปหาเขาเอง” ผมเตรียมจะวิ่งออกไปจากห้องแม้ไม่รู้ทิศทาง แต่แขนกลับถูกกระชากรั้งไว้ก่อน
                “เดี๋ยวก่อนคราม ฉันบอกว่าเธอเพิ่งหายป่วย จะวิ่งไปไหน”
                “ผมจะไปหาหิน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ผมจะไปหาเขา”
                “…งั้นขึ้นรถ ฉันจะพาไป” พ่อเลี้ยงจับมือผมแล้วพาไปที่รถยนต์สำหรับขึ้นเขา ขับออกมาไม่นานก็มาถึงคอกม้าขนาดกลาง ผมมองไปที่กรงขังที่ทำด้วยไม้แล้วรีบวิ่งไปหาทันที ยิ่งได้ยินเสียงตะโกน ขาผมก็ยิ่งเพิ่มความเร็วโดยไม่สนใจสภาพร่างกาย
                “หิน!”
                “ฟ้า!”
                เขารีบวิ่งมาจับกรงไม้ด้านที่ผมยืนอยู่แล้วยื่นแขนออกมากอดผม
                “ฮึก..ก… ฟ้า... คิดถึงฟ้า”
                “ปะ..เป็นยังไงบ้าง ฮึก..ก…” ผมจับใบหน้าของหินที่โทรมอย่างมาก เนื้อตัวก็มอมแมม ปากก็แตก นี่พวกเขาทำอะไรหินกันแน่
                “ผมจะพาคุณออกมานะ”
                “คราม” พ่อเลี้ยงเดินมากระชากตัวผมให้ออกห่างจากหิน
                “พ่อเลี้ยง”
                “จะปล่อยไม่ได้ ถ้าเขาทำร้ายคนอื่นจะทำยังไง”
                “เขาไม่ทำร้ายใครหรอกครับ หินเขาเชื่อฟังผม เขาไม่ทำร้ายใคร”
                “ฟ้า! มึงอย่าเข้าใกล้ฟ้า!” หินตะโกนลั่น พ่อเลี้ยงขมวดคิ้วไม่พอใจ
                “หิน! อย่าพูดแบบนี้สิ ขอโทษพ่อเลี้ยงซะ เขาคือคนที่ช่วยพวกเรานะ…”
                หินมองพ่อเลี้ยงด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่ลดละ
                พ่อเลี้ยงถอนหายใจ “ถ้ายังเป็นแบบนี้คงปล่อยไม่ได้หรอกนะ” พูดพลางสวมหมวกปีกกว้างแบบคาวบอยก่อนจะเดินไปทางอื่น
                “ฉันจะไปดูคนงานตรงนั้นก่อน ถ้าฉันกลับมาเธอก็ต้องกลับบ้านพร้อมฉัน”
                “พ่อเลี้ยง! ขอร้องล่ะครับ ปล่อยหินเถอะครับ!”
                “แล้วมีอะไรรับรองว่าเขาจะไม่ทำร้ายใคร”
                “ผมรับรอง! ถ้าเขาอาละวาดคุณจะทำยังไงกับผมก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าหินอยู่ข้างๆ ผม เขาจะไม่ทำร้ายใคร”
                พ่อเลี้ยงมองผมนิ่งงัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยบอกคนงาน
                “ปล่อยหมอนี่ออกมา”
                ผมยิ้มแล้วไหว้ “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ”
                เมื่อประตูถูกเปิดออกหินก็รีบพุ่งมากอดผม
                “ฟ้า... คิดถึงฟ้า หินเหงามากเลย... ฟ้าหายไป หินเจ็บไปหมด... โดนทำร้าย...”
                ผมกอดเขาแน่นแล้วลูบหลังปลอบโยน ทำไมเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก นี่เราหนีมาเพื่อเจอสิ่งร้ายๆ อีกหรือไง ผมมองพ่อเลี้ยงขณะที่เขาหันมามองผมพอดี เขาไม่พูดอะไรแต่เดินไปอีกทาง
                “เจ็บตรงไหนไหม”
                “เจ็บปาก เจ็บหัวด้วย คนพวกนี้ทำร้ายหิน”
                “ผมขอโทษ… ฮึก..ก… ผมไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณอีก”
                “ฟ้า...’’ เขากอดผมแน่นอย่างสั่นกลัว
                ผมจับมือเขามานั่งบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ ค่อยๆ ลูบแผลที่มุมปากของเขาอย่างแผ่วเบา       หินเองก็ลูบแผลที่หน้าผากของผมซึ่งตอนนี้ไม่เจ็บมากแล้ว
                “ฟ้าเจ็บไหม”
                “ไม่เจ็บแล้ว”
                หินจูบลงบนแผลที่หน้าผากของผมแล้วกอดผมแน่น
                “คิดถึง…”
                “ผมก็คิดถึงคุณ…”
                ผมซบอกกว้างแล้วหลับตา เราหนีกันมาแล้ว หนีมาในที่ที่คิดว่าปลอดภัย แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าอันตรายกว่าเก่า โดยเฉพาะหิน ผมกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย แค่มาวันแรกเขาก็ถูกจับขังแล้ว หรือว่าที่นี่ก็ไม่ต้องการเราและจะทำร้ายเราเหมือนกับที่ผ่านมากันนะ หลังจากปลอบโยนกันอยู่สักพัก พ่อเลี้ยงก็กลับมา
                “คราม เธอกลับบ้านกับฉัน”
                “แล้วหินล่ะครับ”
                “อยู่ที่นี่…”
                ผมกำมือแน่น ทำไมทุกคนถึงต้องปฏิบัติกับหินแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงไม่ให้โอกาสเขาบ้าง…
 
                “ถ้าอย่างนั้น ผมขออยู่ที่นี่ครับ เราสองคนมาที่นี่ด้วยกัน เราก็จะอยู่ด้วยกันครับ จะให้เรากินข้าววันละมื้อก็ได้ จะใช้งานหนักแค่ไหนก็ได้ แต่ขอแค่ให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน”
                พ่อเลี้ยงทำท่าทางเหมือนไม่เข้าใจ
                “ทำไมเธอถึงยอมอยู่กับหมอนี่… ยอมลำบากขนาดนี้”
                “เพราะเราสองคน…” ผมบีบมือใหญ่ของหินแน่น “…เป็นสามีภรรยากันครับ”
                พ่อเลี้ยงยืนอึ้ง แววตานั้นไม่พอใจอย่างมาก แต่รอยยิ้มของผมและมือที่กุมกันและกันเอาไว้คือสิ่งที่บอกได้อย่างดีว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงและจะไม่มีสิ่งใดมาพรากพวกเราให้จากกันได้
                “เธอนี่แปลกคนจริงๆ รักกับคนบ้า”
                ผมเจ็บในอกซ้ายตรงหัวใจ… ไม่เป็นไร ก็แค่คำดูถูก ผมจะต้องผ่านไปให้ได้ หินเจอมามากกว่าผมอีก เรื่องแค่นี้ผมจะท้อไม่ได้…
                “งั้นตามใจ เรื่องที่พัก ฉันจะให้คนงานจัดให้ คงเป็นแถวๆ นี้แหละ เพราะทั้งสองคนต้องทำงานที่คอกม้าคอกนี้ โดยมีหน้าที่ทำความสะอาด ไหวไหม”
                “ไหวครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ช่วยพวกเราไว้และยังให้ที่พักพวกเราอีก”
                พ่อเลี้ยงไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะขึ้นรถยนต์แล้วขับกลับไป ผมมองใบหน้าของร่างสูงที่ตอนนี้ซูบผอม เขาถูกขังไว้แบบนี้ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า
                “พวกเอ็งสองคนตามข้ามา” เสียงของลุงคนหนึ่งพูดขึ้น พวกเราเดินตามเจ้าของเสียงไปจนถึงบ้านหลังหนึ่ง ไม่สิ ควรเรียกว่ากระท่อมมากกว่า เพราะสร้างด้วยไม้ล้อมรอบชั้นเดียวแบบติดดิน ลักษณะไม่น่าจะแข็งแรงมากนัก หลังคามีรอยรั่วจนเห็นแสงอาทิตย์สาดลอดเข้ามา ใกล้กับกระท่อมอีกด้านหนึ่ง คือป่าที่ผมยืนมองจากบ้านของพ่อเลี้ยง
                “พวกเอ็งอยู่ที่นี่แหละ พวกที่นอนก็อยู่ในตู้นั่น อาจสกปรกหน่อย เอาไปซักก็สะอาดแล้ว ส่วนพวกเสื้อผ้า แม่ณีเขาเก็บไว้ให้ตอนเย็น เอ็งก็ไปเอาที่แม่ณีละกัน”
                “ขอบคุณมากนะครับ”
                “อืม… ส่วนเรื่องทำงาน คอกม้าคอกนี้มีคนทำสี่คนเพราะมีม้าแค่สี่ตัว งานพวกเอ็ง พ่อเลี้ยงคงบอกแล้วใช่ไหม… ส่วนงาน เดี๋ยวข้าสอนให้ ข้าชื่อดำ พวกเอ็งล่ะ”
                “ผมชื่อครามครับ ส่วนนี่ชื่อหิน”
                “อืมๆ เอ็งดูแลไอ้บ้านี่ให้ดีนะ อย่าให้มันอาละวาดอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ที่นี่กฎของพ่อเลี้ยงใหญ่กว่ากฎหมาย ฆ่าคือฆ่า… ส่วนแผล เดี๋ยวข้าเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ละกัน…” พูดจบ ลุงดำก็เดินออกไปจากกระท่อม
                ผมจับมือหินแน่นแล้วลูบใบหน้าของเขา
                “ไม่ต้องกลัวนะ… คุณไม่ต้องกลัว…”
                หินยิ้มแล้วกอดผมแน่น “หินกลัวว่าฟ้าจะจากไป ไม่เจอฟ้าหลายวันแล้ว”
                “ต่อไปนี้ผมจะอยู่ข้างๆ คุณนะ ไม่ต้องกลัว… จริงสิคุณกินอะไรหรือยัง”
                หินส่ายหน้า
                “ว่าไงนะ! คุณไม่ได้กินอะไรเลยมากี่วันแล้ว”
                หินส่ายหน้าอีก
                “คุณนั่งนี่นะ เดี๋ยวผมมา”
                “จะไปไหน!” เขารีบจับมือผมจนเผลอจิกเข้าไปในเนื้อ
                “โอ๊ย! ผมเจ็บ”
                “อย่าไป! ห้ามไป!”
                “ผมแค่จะไปเอาอาหารมาให้คุณกิน”
                “ไม่กิน ไม่กิน ฟ้าอย่าไป! อยู่กับหินที่นี่” เขารวบตัวผมแล้วกอดแน่น
                “แต่…” ผมจะเอ่ยขัด แต่แรงกอดที่แน่นขึ้นทำให้ผมเลือกที่จะกอดเขาแทน…
 
ooooOoooo
 
                ตกเย็น ลุงดำก็เรียกพวกผมไปอาบน้ำ กินข้าว บอกกฎต่างๆ ของคนงานว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้พ่อเลี้ยงโกรธ ผมนั่งฟังขณะตักกับข้าวใส่จานให้หินและถูกจับจ้องด้วยสายตาของคนงานหลายสิบคน
                “ส่วนงาน เริ่มพรุ่งนี้ละกัน เพราะเอ็งยังไม่หายไข้ ส่วนไอ้บ้า เอ็งก็สอนมันด้วยล่ะ”
                “ครับ…”
                หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็รีบพาหินกลับไปที่พัก แต่กว่าหินจะยอมปล่อยผมออกไปหาลุงดำเพื่อจะได้ไปเรียนรู้งานก่อนจะเริ่มงานจริงในวันพรุ่งนี้ ก็นานพอสมควร ผมต้องขู่ว่าจะไม่ให้เขากอดอีกถ้าไม่เชื่อฟังผม เขาจึงยอมแต่โดยดี
                “ตอนเช้าจะมีคนพาม้าไปกินหญ้า เวลานี้พวกเอ็งก็ขนขี้ใส่รถเข็นไปที่โรงทำปุ๋ยหมักตรงโน้น” ลุงดำชี้ไปยังโรงทำปุ๋ยที่อยู่ไกลออกไปพอสมควร
                “ไกลหน่อยนะ เอ็งไหวแน่นะ ท่าทางบอบบางอย่างกับผู้หญิง”
                “ไหวครับ ผมทำได้”
                “ก็ดี พอขนไปทิ้งแล้วก็ล้างคอกให้สะอาดด้วย ทำให้เสร็จก่อนม้ากลับมานะ เริ่มงานตอนเช้ามืด บ่ายๆ พ่อเลี้ยงจะมาตรวจ”
                “ครับ”
                “อืม แค่นี้แหละ ไปเฝ้าไอ้บ้าไป เดี๋ยวมันอาละวาดอีก”
               
ผมเดินกลับไปที่พัก เห็นหินกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงไม้ไผ่ซึ่งใหญ่พอจะให้คนสองคนนอน           ผมเดินไปนั่งข้างๆ มองใบหน้ายามหลับแล้วจูบหน้าผากเบาๆ
                “ฝันดีนะครับ”
 
ooooOoooo
 
                เสียงคนคุยกันทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาตอนกลางดึกที่เงียบสงัด พอลุกขึ้นมาก็ไม่เจอคนข้างกาย ในขณะที่กำลังจะเอ่ยเรียก เขาก็เดินกลับมาพอดี
                “ใครมาเหรอครับ… แล้วคุณไปไหนมา” ผมถามอย่างงัวเงีย
                “ไม่มี… หินหิวน้ำ” เขายิ้มแล้วโอบตัวผมให้นอนลงเหมือนเดิม “ฟ้าตื่นเพราะหินเลย”
                “ไม่เป็นไร… นึกว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินเสียงคนคุยกัน”
                “ไม่มีใครมาหรอก คงเป็นเสียงลม... ฟ้าหลับเถอะนะ”
                “อืม…”
                หลังจากนั้นผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งภายในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ที่โอบอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-09-2016 12:56:13
สงสัยๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 24-09-2016 13:21:14
 :hao4: ยังไงกันหินมีความลับอะไรหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 24-09-2016 13:42:59
หินหายแล้วเหรอ หรืออะไรยังไง รออออออออ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 24-09-2016 14:56:18
หินหายแล้วหรือเปล่าาาา แต่แบบอาจจะยังระแวงหรืออะไรบ้างถึงได้อาละวาดตอนฟ้าครามป่วย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 24-09-2016 15:01:48
หินหายแล้วเหรอหรือยังไง  แปลกๆตั้งแต่ตอนที่เจ๊ลีพูดละ ถถถถ รออ่านตอนต่อไปนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-09-2016 17:11:09
พ่อเลี้ยงยังไงๆๆอยู่น่ะ

แต่หินเนี่ย เหมือนออกไปคุยกับใครน่ะ หายแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-09-2016 17:15:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-09-2016 17:38:16
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหนอน ที่ 24-09-2016 17:46:49
ชอบฟ้า น่ารักดี  อ่านมาเรื่อยๆ จนตามทันล่ะ

สงสัยเหมือนหินเป็นปกติ พูดจารู้เรื่องขึ้นเยอะ  พี่เลี้ยงสิน่าสงสัย

เอาใจช่วย หินฟ้า  o22
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-09-2016 18:13:03
 :katai5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 24-09-2016 19:28:03
สงสัยตั้งแต่ที่เจ๊ลีพูดละ แล้วหินยังรับปากเจ๊ลีได้แบบคนปกติ เหมือนกับว่าหินแกล้งบ้าเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-09-2016 22:02:15
หินแกล้งเป็นบ้าหรอ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-09-2016 23:28:40
จะหนีเสือปะจระเข้หรือป่าวน้อ!?
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-09-2016 00:13:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: JessieB ที่ 25-09-2016 01:06:45
ท่าทางหินจะเริ่มดีขึ้นแล้วนะ แต่ที่ต้องแกล้งอยู่ เพื่อหลอกคนอื่น
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 25-09-2016 10:27:20
เดี๋ยวๆเกิดอะไรขึ้น หินออกไปทำอะไร
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 25-09-2016 11:49:34
หินมีความลับหรอ  แล้วหินคุยกับใครอ่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 25-09-2016 14:38:04
เป็นกำลังใจให้คนเขียน
รออ่านอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9] อัพล่าสุด>>>>24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 25-09-2016 18:31:26
พ่อเลี้ยงแปลกๆ ...หินหายดีแล้ว?!? รอความลับเปิดเผยอยู่
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 27-09-2016 17:28:16
               อากาศร้อนอบอ้าวจนไม่คิดว่าที่นี่คือภาคเหนือของประเทศไทย ผมเงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่อยู่ในตำแหน่งเหนือหัวพอดี พลางเช็ดเหงื่อแล้วเข็นรถเข็นที่มีกองขี้ม้าอยู่เต็มไปยังโรงทำปุ๋ยหมักซึ่งอยู่ห่างจากคอกม้าพอสมควร ทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนผมแทบจะทรุด
                “เอาการเอางานดีนี่ ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของลุงศรที่อยู่ในโรงเก็บปุ๋ยหมักดังลั่นเมื่อเห็นผมเข็นรถไปมาหลายรอบและหยุดพัก
                “เอ้า น้ำ”
                “ขอบคุณครับ”
                “เอ็งนี่ เห็นบอบบางแบบนี้ ทำงานใช้ได้นี่หว่า…”
                “คงชินน่ะครับ ผมต้องช่วยแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก” ผมมองท้องฟ้าแล้วนึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับแม่ แม่จะเป็นยังไงบ้างนะ หวังว่าคุณท่านจะไม่ทำร้ายแม่
                กริ๊งงงงง! กริ๊งงงงง!  เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เครื่องหนึ่งดังขึ้น ผมมองลุงศรรับโทรศัพท์ก่อนจะคิดบางอย่างได้
                …โทรศัพท์…
                “คราม! ไอ้บ้ามันอาละวาดอีกแล้ว!” เสียงตะโกนมาพร้อมกับร่างของพี่ทัดที่รีบวิ่งมาจนเหงื่อโทรมกายแล้วหยุดหอบ “แฮ่กๆ อะ..ไอ้บ้า… มัน..”
                ผมไม่รอฟังจนจบ แล้วรีบเข็นรถเข็นกลับไปยังคอกม้าทันที อากาศก็ร้อน พอยิ่งวิ่งด้วยความเร็วขนาดนี้แล้วจึงทำให้ผมเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ความกลัวว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับหินทำให้ผมไม่สนใจความเหนื่อยล้า เมื่อไปถึงคอกม้า เสียงโวยวายก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะของคนงานแทน
                “ฮ่าๆๆ เอ็งนี่เซ่อใช้ได้” ผมยืนมองด้วยความงง แม้จะเหนื่อยแต่ก็เดินเข้าไปหา
                “ฟ้า!” หินเรียกชื่อผมแล้วเดินออกมาจากคอกม้า
                ผมมองสภาพคนตรงหน้าที่เปื้อนขี้ม้าและเศษหญ้าไปทั้งตัว ดูตลกเหมือนเด็กไม่มีผิด ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตามคนอื่นๆ
                “ทำไมเป็นแบบนี้ครับ” คนตัวใหญ่มองสภาพตัวเองแล้วยู่จมูก
                “เหม็น”
                “ก็คุณเปื้อนไปทั้งตัวเลย คุณล้างคอกม้าหรือทำให้เลอะมากกว่าเดิมครับเนี่ย” ผมส่ายหน้าระอาใจ
                “ฮ่าๆๆ คราม ไอ้บ้านี่ตลกใช้ได้นะ มันโวยวายเพราะสะดุดก้อนขี้ม้าแล้วล้มทับก้อนขี้ม้าอีกที ฮ่าๆๆ” หลายคนหัวเราะจนท้องแข็ง ผมหัวเราะแล้วปัดเศษหญ้าออกให้
                “คุณไปล้างหน้าล้างตัวก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมขนขี้ม้าไปอีกรอบแล้วจะกลับมาช่วยทำความสะอาด” หินหยักหน้าแล้วเดินไปที่ก๊อกน้ำ
                “เอ็งพักก่อนก็ได้นะ เที่ยงกว่าแล้ว” ลุงดำเอ่ย
                “อีกรอบเดียวก็เสร็จแล้วครับ” ผมพูดพลางขนขี้ม้าขึ้นรถเข็นแล้วเข็นออกไป ถึงแม้แขนและขาจะล้าไปหมด แต่ผมก็ยังขนขี้ม้ารอบสุดท้ายไปไว้ที่โรงทำปุ๋ยจนเสร็จ แล้วกลับมาหาหินจนได้
                “ฟ้าเหนื่อยไหม”
                “ก็นิดหน่อย” ผมพูดแล้วทรุดนั่ง เหยียดขาแล้วทุบแก้ปวด
                “ฟ้าให้หินขนขี้ม้าแทนเถอะ”
                “แค่คุณล้างคอกยังเลอะแบบนี้เลย ถ้าเข็นรถไปมาเดี๋ยวคุณก็เข็นจนตกเนินเขาหรอกครับ”
                “หินเป็นห่วงฟ้านะ”
                “ไม่เป็นไร ผมจะระวังตัว… ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ หึ” ผมยิ้มเมื่อหินนวดขาให้ผม  แล้วเปลี่ยนมานวดบ่า นวดไหล่ จนผมนึกขำ คนงานคนอื่นๆ ก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
                “รักกันจริงๆ นะพวกเอ็ง” ป้าณีพูดพร้อมกับยกสำรับข้าวมาให้
                “มากินข้าวกันทุกคน!”
                แม้วันนี้จะเป็นการทำงานวันแรก แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ผมนั่งตบยุงเพราะตอนกลางคืนในป่าในเขาแบบนี้ยุงชุมนัก ยิ่งกระท่อมที่พวกผมอยู่ก็มีรูมีช่องให้ยุงเข้ามาได้หลายทิศทาง จึงลำบากอยู่ใม่น้อย
                “หินหลับไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจุดยากันยุงก่อน”
                “หลับพร้อมกันน่า น้าา…” คนตัวใหญ่ขี้อ้อนนี่น่าหมั่นไส้จริงๆ
                “คุณนอนก่อนเลยครับ”
                หินหน้ามุ่ยแล้วนอนตะแคงหันหลังให้ ผมคงต้องง้ออีกแล้วสินะ ผมจุดยากันยุงแล้วจะหาขวดในกระสอบมาเป็นขาตั้ง แต่ค้นไปค้นมาก็พบบางสิ่งปนอยู่กับขวดในกระสอบ บางสิ่งที่ทำให้ผมยืนอึ้ง ผมมองสิ่งนั้นอย่างพิจารณา เป็นอันเดียวกับเมื่อตอนนั้นจริงๆ เพราะผมจำได้ดี ผมหันไปมองหินที่นอนหลับไปแล้ว ก่อนจะซ่อนมันไว้ในกระสอบตามเดิมและเดินไปหาคนตัวใหญ่ จะถามก็ไม่กล้า ผมเลยเลือกที่จะปิดเงียบไว้แทน
ooooOoooo
                “จะดีเหรอคราม มาช่วยป้าทำอาหารเช้าแบบนี้ ไม่เหนื่อยแย่เหรอ เดี๋ยวต้องไปทำงานอีก”
                “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ก็ว่างอยู่ด้วย” ผมเอ่ยขณะปอกกระเทียม มองนาฬิกาแล้วยังพอมีเวลาอยู่บ้าง
                “เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ทำอาหารคล่องนะ แม่สอนเหรอ”  ป้าณีถามอีก
                ผมยิ้ม “ครับ… แม่ผมสอนทุกอย่าง…”
                “แล้วเอ็งมากันสองคน แล้วแม่เอ็งจะอยู่ยังไงล่ะ”
                ผมหยุดปอกกระเทียมแล้วนิ่งงัน… ไม่สามารถจะตอบอะไรได้… นั่นสิแม่จะอยู่ยังไง ผมอยากติดต่อกับแม่ ขอแค่ได้ยินเสียงสักนิดก็ยังดี
                “ป้าณีครับ ที่นี่พอจะมีโทรศัพท์สำหรับคนงานไหมครับ”
                “มีโทรศัพท์บ้านน่ะ แต่สัญญาณไม่ค่อยจะดี”
                “เอ่อ… ถ้างั้นขอผมใช้ได้ไหมครับ”
                “ได้สิ อยู่ในบ้านป้านี่แหละ เดินตรงไปก็เจออยู่ทางขวาเลย” ป้าชี้เข้าไปในบ้าน ผมเดินไปตามที่ป้าบอก พอเห็นโทรศัพท์ก็รีบพุ่งเข้าหาทันที ผมจำเบอร์โทรศัพท์ได้ขึ้นใจ แต่พอจะกดโทร มือมันกลับนิ่งค้าง
                “ขออย่าให้คุณท่านรับสายเลย” ผมยกมือไหว้ก่อนจะตัดสินใจโทรออกไป
                ตื๊ดดดดด
                “รับทีเถอะ แม่ ป้าดา ลุงสงวน พี่อาจ ใครก็ได้รับที”
                ตื๊ดดดดด
                [สวัสดีค่ะ บ้าน…]
                เสียงที่ดังปลายสายทำให้น้ำตาผมไหลอาบแก้ม ไม่สามารถที่จะพูดได้เพราะร้องไห้ออกมาแทน
                [สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะเรียนสาย..]
                “แม่ครับ”
                ปลายสายหยุดนิ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา [คะ..ครามลูก]
                “ฮึก..ก… แม่ครับ ผมคิดถึงแม่”
                [ครามลูกอยู่ที่ไหน! เป็นยังไงบ้าง โธ่… แม่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม ฮึก..ก]
                “ผมสบายดีครับ… แม่เป็นยังไงบ้างครับ”
                [แม่ก็สบายดีจ้ะ แล้วลูกหนีกันไปทำไม]
                “…..คือ พี่ปรางบอกว่าพวกคุณท่านจะฆ่าพวกผมครับ”
                [ว่าไงนะ! จริงเหรอลูก]
                “ครับ…”
                [แม่ไม่อยากจะเชื่อ... ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน]
                “ชะ..เชียงใหม่ครับ ทำงานที่ฟาร์ม”
                [โธ่… แม่เป็นห่วงคราม คิดถึงมาก ฮึก..ก…ก]
                “ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอก แต่มันฉุกละหุกจริงๆ พอพี่ปรางบอกให้พวกผมหนี พวกผมก็รีบหนีกันเลยครับ…”
                [คุณท่านทำไมทำกับลูกแบบนี้ แม่… รู้สึกผิดหวังเหลือเกิน]
                “แม่ครับ… หนีมาอยู่กับพวกผมนะครับ”
                [……]
                “ผมเป็นห่วงแม่ กลัวคุณท่านจะทำร้ายแม่ เพราะฉะนั้น..”
                [คือแม่… คุยกับใครน่ะ!]
                ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ปลายสายถูกตัด เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงคุณนาย!
                แม่... แม่จะเป็นยังไงบ้าง ขาผมอ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น
                “ฮึก..ก..ก… อย่าทำร้ายแม่เลย ขออย่าทำร้ายแม่ผมเลย”
 
ooooOoooo
 
                “โอ๊ย!”
                “วันนี้เหม่ออะไรนักหนา ล้มไปกี่รอบแล้ว” ลุงศรเอ่ยแล้วรีบเข้ามาพยุงผมที่สะดุดก้อนหินจนล้ม โชคดีที่รถเข็นไม่ได้ล้มตาม
                “ถ้าเอ็งยังสะดุดแบบนี้ทั้งวันนะ มีหวังได้ตกเนินเขาแน่ๆ ถึงจะไม่สูง แต่ถ้ากลิ้งตกไปก็เจ็บไม่น้อยเลย”
                ผมมองขาตัวเองที่มีรอยถลอกหลายรอย
                “ขอโทษครับ”
                “เฮ้อ… ระวังหน่อยสิ”
                ผมเดินกลับไปหาร่างสูงใหญ่ที่กำลังทำความสะอาดคอกม้าอย่างขยันขันแข็ง แม้จะโวยวายแต่ก็ทำงานได้ดี ผมนั่งพิงต้นไม้ใกล้ๆ แล้วเหม่อมองท้องฟ้า สายลมเย็นที่พัดผ่านบวกกับความเหนื่อยล้าทำให้ผมเผลอหลับไป
                ‘น้องฟ้า…’
                เขาคนนั้นเรียกชื่อผมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ช่วงนี้ผมไม่ได้ฝันถึงเขามานานมากแล้ว และผมเองก็จำหน้าเขาไม่ได้เช่นกัน หรือเพราะแบบนี้ ใบหน้าของเขาจึงเลือนลางจนมองไม่เห็น
                ‘ทำไมน้องฟ้าถึงจำพี่ไม่ได้…’
                ‘…คุณเป็นใครกันแน่…’
                ‘พี่ก็คือ..’
                ผมลืมตาตื่นเอ่ยชื่ออย่างแผ่วเบา “พี่ภูมิ…”
                ทันทีที่เอ่ยชื่อ ร่างสูงใหญ่ของหินก็เดินมาหยุดตรงหน้าของผม ผมเงยหน้ามองก่อนจะค่อยๆ ลุก หินมองหน้าผมแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
                ปฏิกิริยาเขาแปลกไป…
                “…รู้จักพี่ภูมิไหม”
                “…..”
                “คุณ…”
                “คราม!” เสียงเรียกทำให้ผมสะดุ้งเฮือกแล้วหันไปทางที่พี่ทัดกำลังวิ่งมา
                “มะ..มีอะไรเหรอครับพี่ทัด”
                “เมื่อเช้าครามโทรไปหาใครหรือเปล่า… เขาโทรกลับมาน่ะ แม่พี่รับสายรอให้อยู่”
                ผมเบิกตากว้าง มีคนโทรกลับมา… หรือจะเป็นคุณนาย!
                “จะรับไหมคราม”
                “อะ..เอ่อ… รับครับ” ผมหันไปมองหินที่ยังยืนนิ่ง ก่อนจะรีบวิ่งไปบ้านป้าณี
                “เอ้านี่จ้ะ” ป้าณียื่นโทรศัพท์ให้แล้วเดินไปยังครัว ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แล้วรับสาย
                “ฮัลโหลครับ…”
                [คราม…]
                “แม่!” ผมโล่งอก นึกว่าคุณนายจะโทรกลับมา เพราะนึกว่าเมื่อเช้าแม่จะถูกจับได้         “ผมตกใจแทบแย่ นึกว่าคุณนาย”
                [เเม่โทรมาเพราะคิดถึง… อยากได้ยินเสียง...]
                ผมยิ้ม “ผมก็คิดถึงครับ แล้วแม่จะหนีมาอยู่กับผมไหมครับ”
                […ไม่จ้ะ แม่ไม่หนี]
                “ทำไมครับ พวกคุณท่านจะทำร้ายแม่นะ”
                [คราม… แม่อยู่รับใช้ตระกูลนี้มานานแล้วลูก แม่คงจะอกตัญญูแล้วหนีไปไม่ได้หรอก อีกอย่าง แม่แก่แล้วล่ะ หนีไปไหนไม่ไหวแล้ว… ส่วนคราม ลูกน่ะ แม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่านี้… ตั้งต้นชีวิตใหม่นะลูก…]
                ผมเม้มปากแน่น “แต่ผมเป็นห่วง ผมเสียใจที่หนีมาแล้วทิ้งแม่ไว้ ฮึก..ก… ผม…”
                [อย่าร้องไห้สิลูก เราไม่สามารถจะไปคาดเดากับทุกอย่างได้หรอกนะจ๊ะ ครามอย่าเสียใจเรื่องแม่อีกเลย ตอนนี้ลูกต้องพยายามให้มากนะ เพราะแม่คงไม่ได้อยู่ข้างๆ ลูกและแนะนำอะไรให้ได้อีกแล้ว]
                ผมเช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้ารับ
                “ครับ…”
                [ดีมากจ้ะ]
                “จริงสิครับ… ผมมีเรื่องจะถามแม่”
                [อะไรจ๊ะ]
                “หิน เอ่อ... คนที่แม่ให้ผมดูแลเขาเป็นใครเหรอครับ”
                ปลายสายนิ่ง
                “แม่จะไม่บอกผมหน่อยเหรอครับ ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะอะไรจึงถูกขังไว้ในกระท่อม”
                แม่นิ่งอยู่นานก่อนจะบอกความจริงออกมา
                ผมเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในคำตอบ
                “ฟ้า… กินข้าวกัน” หินเดินมาหยุดตรงหน้าผม
                ผมมองคนตรงหน้าพร้อมกับได้ยินความจริงจากปากของแม่…..
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-09-2016 17:39:19
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-09-2016 18:00:13
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 27-09-2016 18:46:49
ลุ้นๆ รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 27-09-2016 19:01:31
โอ้โห ค้างเลย อย่างนี้ค้างมาก  :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-09-2016 20:48:01
ฟ้าเจออะไรในขวด  :katai1: :katai1: :katai1:
เป็นของๆ หิน แน่เลย
ฟ้า รู้เรื่องหิน เป็นใครแล้วสินะ
รอ ตอนใหม่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-09-2016 21:10:35
ค้างงงงงง เอาอีก
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-09-2016 21:12:28
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆ ตอนแรกสงสารฟ้าครามมากเลย โดนข่มขืน โดนไล่ไปอยู่กระต๊อบ แล้วนังปรางที่คิดว่าดีกลับร้ายมาก ดีนะที่หนีออกมาได้

หินต้องหายแล้วแน่เลย แต่ทำไมต้องแกล้งบ้าต่อล่ะ รอลุ้นกำลังสนุก o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 27-09-2016 21:54:16
 :katai5: :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 27-09-2016 22:52:12
ค้างงงสุดรอจ้าาาา ความจริงกำลังจะเปิดเผย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 28-09-2016 05:10:24
อะไรๆๆๆ เกือบจะรู้อยู่แล้วเชียวววว
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 28-09-2016 08:16:13
หินเป็นใครกันแน่ แล้วพี่ภูมิล่ะ  ตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-09-2016 08:20:05
ความจริงอะไร!?อยากรู้
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 28-09-2016 09:31:22
ส่งอิโมนี้รัวๆ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-09-2016 12:25:29
 :katai3:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 28-09-2016 14:32:07
มีเงื่อนงำ มีปม เยอะดีอ่ะ ชอบมากกกกกก
น่าติดตามๆๆ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-09-2016 19:43:14
ตื่นเต้นมากเลย อยากรู้ว่าหินเป็นใครกันแน่
จะรออ่านนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่10] อัพล่าสุด>>>>27/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Rabbitongrass ที่ 29-09-2016 01:00:08
รู้สึกว่าผมเคยอ่านเรื่องนี้จนจบจากเว็บอื่นเลย (เอรึว่าจำผิดเรื่องนะ???)
ถ้าผมจำถูกเรื่องก็มาลงตอนต่อไปอย่าต่อเนื่องให้คนอ่านในเว็ปนี้ค้างนานมากนะครับคุณTastsu
ถ้าผมจำผิดเรื่องก็ขออภัยนะครับ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่11]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 29-09-2016 10:57:44
                 ณ ศาลากลางสระน้ำ
                “อย่าท้อสิครับ… พี่ยังมีผมนะ” มือเล็กกุมมือหนาที่ตอนนี้แทบไร้เรี่ยวแรง เด็กน้อยวัยแปดขวบไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่ม ม.ปลาย ปีสุดท้ายที่นั่งข้างๆ นั้นเศร้าเพราะเหตุใด แม้อีกฝ่ายจะตัวโตกว่า แต่ฟ้าครามก็ยังปลอบใจแม้ตนเองจะอายุน้อยกว่ามากก็ตาม
                “ขอบใจนะน้องฟ้า… พี่ไม่เป็นไรแล้ว”
                “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับพี่ภูมิ ผมเห็น แม่ ป้า ลุงก็ร้องไห้กันด้วย มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
                ภูมิเม้มปากแน่น กัดฟันกรอด มือหนาก็กำแน่นจนเผลอบีบมือเล็ก ทำให้ฟ้าครามเผลอร้องด้วยความเจ็บ
                “พี่ขอโทษนะ น้องฟ้าเจ็บมากไหม”
                “มะ..ไม่เจ็บครับ แต่พี่ภูมิ…” ฟ้าครามหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วเอื้อมเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย
                “ตอนนี้พี่ไม่เหลือใครอีกแล้ว… สิ่งสำคัญสำหรับพี่ตอนนี้มีแค่น้องฟ้า…”
                ฟ้าครามไม่เข้าใจในความหมาย แม้นิสัยจะเกินวัย แต่คำพูดของคนข้างๆ นั้นฟังดูโตเกินกว่าจะเข้าใจ ฟ้าครามทำได้เพียงกุมมืออีกฝ่ายเพื่อปลอบใจ
                “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ น้องฟ้าอย่าลืมคำที่พี่บอกน้องฟ้าครั้งที่แล้วนะ จำได้ไหม”
                ฟ้าครามพยักหน้า
                “ดีมาก พี่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ พี่อยากอยู่กับน้องฟ้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่พี่คิดว่าอีกไม่นานพวกนั้นต้องเล่นงานพี่แน่นอน” ภูมิกัดฟันกรอด ดวงตาแข็งกร้าว
                “น้องฟ้า อาจจะไวเกินไปที่พี่พูดแบบนี้ แต่เพราะพี่อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว พี่ชอ..”
                “ภูมิ! มึงอยู่นี่เองตามหาตั้งนาน” น้ำเสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้นและภาพความทรงจำในตอนนั้นก็ขาดห้วงไป แต่ถึงอย่างนั้นก็พอที่จะให้ผมจำเรื่องราวของคนตรงหน้านี้ได้...
                ผมลืมพี่ภูมิไปได้ยังไงกัน…
                ปลายสายถูกตัดไปนานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ รู้แค่มือผมสั่น ผมวางหูโทรศัพท์กลับคืนที่ของมัน ก่อนจะค่อยๆ หันมาเผชิญกับคนตรงหน้า…
                “ฟ้า… เป็นอะไรเหรอ ฟ้าตัวสั่น” หินจะเข้ามาหาผมแต่ผมกลับถอยห่าง
                “มะ..ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร”
                “แต่ฟ้า…”
                “ก็บอกไม่เป็นไรไง!” ผมหยุดชะงัก เผลอตวาดเขาไปเสียแล้ว… หินหยุดนิ่งก้มหน้าเมื่อผมตวาดใส่
                “คะ..คือ… ผม…” ผมปิดหน้าตัวเองแล้วทรุดตัวลงอย่างหมดแรง
                ผมทำอะไรลงไป ผมทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ไปได้ยังไง ผมควรทำยังไงดี
                “ฟ้า… ฟ้าร้องไห้ทำไม…” หินรีบย่อตัวลงแล้วกอดผมที่กำลังสะอื้นไห้ไว้ในอก
                “ร้องทำไม… อย่าร้องนะ…” ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนปลอบแต่กลับร้องไห้ไปกับผม
                “ขอโทษ… พี่ภูมิ ผมขอโทษ” ผมเอ่ยชื่อเขาออกไป ก่อนจะผละตัวหินออกแล้วมองไปที่นัยน์ตาของอีกฝ่ายที่กำลังสั่นไหว… เขาจะจำได้ไหมนะว่าตัวเองเป็นใคร
                “ฟะ..ฟ้า…”
                “คุณจำตัวเองได้ไหม… พี่ภูมิ…”
                ทุกอย่างหยุดชะงัก เราสองคนมองหน้ากันนิ่ง… หินไม่พูดอะไรเลย… เขาจำไม่ได้สินะว่าตัวเองเป็นใคร แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง…
                “หิน คราม กินข้า..” ป้าณีหยุดชะงักเมื่อเห็นเราสองคนมีน้ำตานองหน้า
                “เป็นอะไรกัน ร้องไห้ทำไม”
                “เอ่อ… ปะ..เปล่าครับป้า” ผมรีบเช็ดน้ำตาแล้วกุมมือหนาให้ลุกยืนตาม
                “ไม่เป็นไรกันจริงๆ นะ” ป้าณีถามย้ำ
                “ครับ…”
                “เฮ้อ… ไปกินข้าวกันจ้ะ ทุกคนรออยู่”
                ผมกุมมือหนาแล้วพาไปกินข้าวด้วยกัน ใบหน้าของหิน… ผมไม่อาจละสายตาไปได้เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือพี่ภูมิคนนั้น… คนที่ผมลืมเรื่องราวของเขาไปจนเกือบหมด จำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมสนิทกับพี่เขามาก แล้ววันหนึ่งพี่เขาก็หายไป พี่ภูมิหายไปแล้วโดนขังไว้อยู่อย่างนั้นตลอดเลยเหรอ... ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเศร้าใจ ผมสงสารเขา...
                เย็นวันนั้นหลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ยืนมองของบางอย่างที่ผมเก็บซุกเอาไว้ตลอดการเดินทาง ตั้งแต่ออกมาจากบ้านหลังนั้น …ผมอยากจะทิ้งมันไปแต่ว่า…
                “ฟ้า…” เสียงเรียกของหินหลังจากไปอาบน้ำมา ผมรีบเก็บของชิ้นนั้นไว้ในห่อผ้าแล้วซุกไว้ในตู้เสื้อผ้าทันที
                “มา เดี๋ยวผมขยี้ผมให้” ผมหยิบผ้าขนหนูแล้วเช็ดผมให้เขา หินนั่งนิ่งแต่โดยดี แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้เขานิ่งผิดปกติ รู้สึกสงบกว่าทุกวัน…
                “ฟ้า… ภูมิคือใครเหรอ” ผมหยุดมือแล้วสวมกอดเขาจากด้านหลัง
                “ผมจะเล่าให้ฟังนะ… ทุกอย่างที่เป็นคุณ…”
                เราสองคนนั่งอยู่บนเตียง ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องที่ได้ยินจากแม่
                “คุณชื่อภูมิ เป็นลูกชายของนายท่านคนก่อน จะเรียกว่าเป็นหลานแท้ๆ ของคุณนายอมรก็ได้ เพราะพ่อของคุณเป็นพี่ชายของคุณนายอมร”
                ผมสูดหายใจแล้วเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้
                “แต่คุณพ่อคุณแม่ของคุณเสียไปเมื่อสิบปีก่อน …ด้วยอุบัติเหตุ…”
                หินนัยน์ตาสั่นไหว ค่อยๆ ยกมือกุมหัว
                “คุณอมรและคุณเกริกต้องการครอบครองสมบัติจึงขังคุณไว้ในกระท่อมและบอกทุกคนว่าคุณตายไปแล้ว… แต่บางอย่างที่พวกเขายังไม่สามารถเอาไปได้ก็คือสมบัติในตู้เซฟ…”
                หินกำมือตัวเองแน่นเมื่อได้ยินคำนี้…
                “พินัยกรรมเขียนไว้ว่าต้องใช้กุญแจร่วมกับรหัสในการเปิดเท่านั้น หากตู้เซฟถูกเปิด         โดยสิ่งอื่นจะถือเป็นโมฆะและจะมอบสมบัตินั้นให้กับการกุศลทันที…”
                หินมองหน้าผมแล้วพึมพำ “กุญแจ… กุญแจ… ร..หัส… รหัส… กุญ…”
                “คะ..คุณรู้เรื่องกุญแจและรหัสตู้เซฟไหม”
                หินหันมามองผมทันที ดวงตาดุดันเปลี่ยนเป็นคนละคน
                “ไม่ให้! ไม่ให้! ไม่ให้!” จู่ๆเ ขาก็เกิดคลั่งขึ้นมา
                “หะ..หิน”
                “กุญแจ… รหัส… จะให้ใครไม่ได้เด็ดขาด! พวกมัน พวกมันฆ่าพ่อกับแม่! อ๊ากกกกก” เสียงตะโกนคลั่งเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ผมเพิ่งรู้จักเขากลับมาอีกครั้ง เป็นน้ำเสียงที่น่ากลัวแต่ก็แฝงด้วยความเศร้า… ผมเข้าใจดีว่าเขารู้สึกแบบไหน …เขากำลังเศร้าใจ…
                “พะ..พี่ภูมิ”
                หินหยุดตะโกนหายใจหอบ
                “…ไม่มีใครจะเอาอะไรจากพี่ทั้งนั้น… สงบใจหน่อยสิครับ” ผมกอดเขาและซบลงตรงอก มือหนาค่อยๆ กอดผมตอบ
                “พ่อ… แม่… ฮือๆๆ ทิ้งไป… ทิ้งไป… ฮือๆๆ” หินร้องไห้สะอื้นกอดผมแน่นแล้วซุกที่ซอกคอผม
                “…พวกมันทำร้าย… ทำร้าย… และฆ่า… ภะ..”
                ผมปล่อยให้คนตัวโตพึมพำทั้งน้ำตา จนสักพักทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ
                หินนั่งนิ่งโดยมีผมนั่งกุมมือไว้
                “อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า”
                หินมองผม
 
                “คุณอยากกลับไปทวงทุกอย่างที่เป็นของคุณไหม… ผมจะพาไป เพราะคุณคือทายาทที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่คนที่ตายไปแล้ว”
                แวบหนึ่งผมเห็นแววตาของเขาสั่นไหวและตกใจ
                “ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ”
                “มะ..ไม่”
                “ทำไมล่ะครับ คุณเป็นทายาทนะครับ จะปล่อยให้คนพวกนั้นมีชีวิตที่สุขสบาย ส่วนคุณก็ถูกตามล่าอยู่อย่างนี้เหรอครับ”
                หินยังคงนิ่ง
                “.....”
                “ไม่อยากไป… ไม่เอา…” เขาพูดแล้วล้มตัวนอนตะแคงหันหลังให้
                ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะอยากให้เขากลับไปทวงคืนทุกอย่าง แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องรักษาอาการของหินไปก่อน เพื่อให้เขากลับมาเป็นพี่ภูมิคนเดิม
 
ooooOoooo
 
                ผมมองสิ่งนั้นในกระสอบด้วยความสงสัย แล้วมองไปยังของที่ผมซุกเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า สลับไปมา ทุกอย่างล้วนเป็นการปิดบังซึ่งกันและกัน ผมคงต้องละทิ้งทุกอย่างแล้วหันมาช่วยเหลือพี่ภูมิแทน เขาควรที่จะทวงคืนทุกอย่าง ไม่ใช่มาเป็นคนบ้าอยู่แบบนี้ ผมหยิบของที่ซุกไว้แล้วตัดสินใจทิ้งลงถังขยะ
 
ooooOoooo
 
                “พวกมันไปอยู่ที่ไหนกัน ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะคุณเกริก!” คุณนายอมรแทบกรีดร้อง
                เพล้ง!
                “โธ่เว้ย!” คุณเกริกสบถแล้วปัดแก้วน้ำลงจากโต๊ะ
                “นี่เราจะไม่มีทางได้สมบัติในตู้เซฟใช่ไหม! มันคิดจะหักหลังเราหรือไง!”
                การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของฝนที่แอบมองอยู่ เธอภาวนาขอให้ทั้งสองคนนั้นปลอดภัย ต่อให้เธอจะไม่ได้เจอหน้าลูกอีกเลยก็ยอม
                “แกจะไปไหนตาเพชร” คุณนายอมรเอ่ยถามลูกชายที่กำลังสะพายกระเป๋าลงเดินมาจากชั้นสอง
                เพชรไม่ตอบ แต่เดินออกไปจากตัวบ้าน
                “ตาเพชร! จะไปไหน ฉันถาม!” เธอเดินตามออกไป
                “ไปที่อื่น ผมเบื่อบ้าน”
                “เบื่ออะไรของแก อ๋อ… นี่แกยังไม่เลิกสนใจครามมันอีกหรือไง”
                “ใช่ ผมบอกไว้ก่อนนะ การที่พ่อกับแม่ทำกับครามแบบนี้ทำให้ผมโกรธมาก แล้วก็จะไม่ยกโทษให้ด้วย”
                “กะ..แก ลูกทรพี! ถ้าแกรักมันมากก็ไปอยู่กับมันซะ!” คุณเกริกตะโกนไล่
                “ผมไปแน่ ไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
                “จะ..จะไปไหน” คุณนายอมรเอ่ยถามตะกุกตะกัก
                “ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ที่นี่” พูดจบ เพชรก็เดินไปที่รถยนต์ของตนเอง
                “เพชร! จะไปไหน”
                “ปล่อยมันคุณหญิง!”
                “คุณ! นั่นลูกนะ” คุณหญิงรีบวิ่งไปคว้ามือลูกชายไว้ “จะไปไหน บอกแม่มาก่อน!”
                เพชรถอนหายใจ
                “บอกแม่มา…”
                “ผมจะไปเชียงใหม่... ไปอยู่กับเพื่อนสักพัก”
                “ทำไมต้องไปถึงเชียงใหม่… จะกลับมาใช่ไหม”
                “…ครับ…”
                คุณนายอมรค่อยๆ ปล่อยมือลูกชายก่อนที่เพชรจะขับรถออกไป ทุกอย่างเหลือเพียงความเงียบ... ดวงตาเศร้ายามมองลูกชายขับรถออกไปจากบ้าน แต่ไม่นานก็เปลี่ยนกลับมาแข็งกร้าว คุณนายอมรกำมือแน่นจนจิกเข้าไปในเนื้อตัวเองด้วยความน้อยใจในโชคชะตา ทั้งๆ ที่เธอเป็นลูกสาวของบ้านนี้เหมือนกัน แต่พ่อแม่ของตนกลับยกมรดกมหาศาลให้แต่พี่ชาย… ส่วนตัวเธอนั้นได้รับสมบัติเพียงน้อยนิด ใช้ได้ไม่นานก็หมด สุดท้ายก็ต้องขายบ้านที่อยู่กับสามี ก่อนจะย้ายมาอยู่กับพี่ชาย จนกระทั่งมีแพรวและเพชร ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องวางแผนฆ่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ และจับลูกชายของคนทั้งสองขังจนเป็นบ้า! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือตู้เซฟที่เก็บสมบัติมหาศาลไว้ ซึ่งเธอยังไม่สามารถเปิดออกมาได้ เพราะไม่มีรหัสและกุญแจ…
                “ทุกอย่างต้องเป็นของฉัน… แผนการของฉันต้องสำเร็จ!”
 
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่12]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 29-09-2016 10:58:48
                “มาหาฉันถึงที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอ” พ่อเลี้ยงเอ่ยถามเมื่อผมมาหาเขาถึงที่บ้าน และการมาครั้งนี้ก็ทำให้ผมรู้ว่าพ่อเลี้ยงมีลูกแล้ว อายุประมาณเจ็ดขวบ เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักแบบคนเหนือ และผมก็ได้รู้อีกเรื่องหนึ่งว่าภรรยาของเขาเสียไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน
                “ผมอยากขอให้พ่อเลี้ยงช่วยหิน”
                “หืม” พ่อเลี้ยงวางปากกาแล้วเงยหน้ามองผม
                “ช่วยเรื่องอะไร… พาไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้าเหรอ”
                “ไม่ใช่ครับ… ผมจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณฟัง…”
                ผมค่อยๆ เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกอย่างไม่ปิดบังจนถึงตอนที่พวกผมหนีมาจากกรุงเทพ รวมถึงตัวตนที่แท้จริงของหิน… หน้าตาของพ่อเลี้ยงไม่ตกใจมากนัก แต่กลับแปลกใจมากกว่า
                “แล้วยังไง… ถึงหมอนั่นจะเป็นลูกเศรษฐีตกยาก แล้วทำไมฉันจะต้องช่วยล่ะ ฮึ...”
                “ขอร้องล่ะครับ… ช่วยหินด้วย… ผมรู้ว่าขอมากไป เพราะคุณช่วยพวกผม ให้ที่นอนที่ซ่อนตัวขนาดนี้แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้หินเขาอยู่ในที่ที่เขาควรอยู่ ได้ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขากลับคืน ช่วยผมได้ไหมครับ ผมไหว้ล่ะครับ… ขอร้องจริงๆ นอกจากคุณแล้วผมไม่รู้จะไปพึ่งใครได้แล้วจริงๆ”พ่อเลี้ยงนั่งนิ่งแล้วถอนหายใจ
                “อันที่จริง ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไรนะ เพราะหมอนั่นก็คือทายาทตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่จะให้ฉันทำง่ายๆ มันก็ไม่ใช่นิสัยฉันด้วยสิ” พ่อเลี้ยงยิ้มแล้วมองผม
                “จะ..จะให้ผมทำอะไรเหรอครับ”
                “เธอมาเป็นแม่ให้หนูดีลูกสาวฉันสิ”
                ผมเบิกตากว้าง
                “ผะ..ผมทำไม่ได้หรอกครับ”
                “อือ… งั้นฉันก็ต้องขอปฏิเสธนะ”
                “อะ..เอ่อ”
                “ให้เวลาคิดสามวัน ถ้าตกลงก็ย้ายมาอยู่กับฉัน ถ้าปฏิเสธก็ไม่ต้องมา”
               
                พ่อเลี้ยงพูดพลางก้มมองเอกสารต่อ ผมยืนอึ้งนิ่งงันต่อข้อเสนอที่ผมคาดไม่ถึง ผมไหว้ลา ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านอย่างหมดแรง ผมควรจะทำยังไงดี ทำไมพวกเราต้องถูกเอาเปรียบ         แบบนี้ตลอดเวลา อยากขอสักครั้งที่พวกเรามีสิทธิ์เลือกในชะตากรรมของตัวเองบ้าง ผมปั่นจักรยานกลับไปที่คอกม้าดังเดิม แล้วยิ้มเมื่อมองหินขยันขันแข็งทำงาน แต่ก็ต้องเศร้าเมื่อนึกถึงข้อเสนอของพ่อเลี้ยง
                “ไปไหนมาเหรอฟ้า…” หินออกจากคอกม้าด้วยสภาพเลอะเทอะเหมือนทุกวัน
                “เอ่อ… หินหน้าเปื้อนหมดแล้วเห็นไหม” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง หินมองสภาพตัวเองแล้วหัวเราะ
                “หินเปื้อนขี้ม้าอีกแล้วล่ะ” หินยิ้มแป้น
                “ไปล้างหน้าเถอะครับ เปื้อนหมดแล้ว”
                “อื้อ”
                “คราม! มีคนโทรมาหาอีกแล้ว”  ป้าณีตะโกนบอก
                ผมจะเดินไป แต่พอป้าณีพูดบางอย่าง ขาผมก็หยุดนิ่งทันที
                “ท่าทางเสียงเหมือนไม่ใช่คนเดิมนะ”
                ผมเบิกตากว้าง
                “ผะ..ผมไม่รับครับ ปะ..ป้าตัดสายทิ้งได้เลย”
                “จะเอางั้นเหรอ… เห็นว่าอยากคุยกับครามเดี๋ยวนี้”
                “มะ..ไม่ครับ ผมไม่คุย ป้าตัดสายเขาเลยครับ ถ้าเขาโทรมาอีก ป้าอย่ารับนะครับ และอย่าบอกที่อยู่ที่นี่ให้เขารู้”
                “จะ..จ้ะ…” ป้าณีทำหน้างงๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
                “มีอะไรเหรอฟ้า”
                “มะ..ไม่มี”
                ผมบีบมือตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้สั่น
 
ooooOoooo
 
                ตอนเย็น
                ผมยิ้มเมื่อหินทาแป้งหน้าขาววอก เหมือนตอนนั้นเลย ตอนที่เราอยู่ที่กระท่อม บ้านหลังแรกของเรา และผมก็เอ่ยประโยคเดิม
                “แป้งหมดกระป๋องแล้วมั้ง”
                “หอมไหม” พูดแล้วมานั่งอ้อนข้างๆ ผม
                “หอมสิ…”
                “งั้นหอมหินหน่อยนะ” พูดแล้วยื่นแก้มป่องมาให้ ผมก็กดหอมฟอดใหญ่
                “หิน!”
                ผมร้องเมื่อเขาผลักผมลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมผมไว้
                “หินขอนะวันนี้” เขาพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ใครสอนให้ยิ้มแบบนี้นะ
                “ดะ..เดี๋ยว… คือ..”
                “อะไรเหรอ” หินเอียงคอทำหน้าสงสัย คิดว่าน่ารักหรือไง… ก็น่ารักจริงๆ นั่นละ
                “เอ่อ… ปิดไฟก่อนสิ…” หินยิ้มแล้วรีบเดินไปปิดไฟ เมื่อทุกอย่างมืดดับลง เราก็เริ่มบทบรรเลงเพลงรักกันอย่างหนักหน่วง
                ผมจิกเล็บเข้าที่แผ่นหลังด้วยความเจ็บและความสุขปนกัน เสียงครางที่สอดประสานทำให้ค่ำคืนนี้ไม่เงียบสงบอย่างที่เคย
                “อื้อ! พะ..พี่ภูมิ…”
                หินหยุดขยับแล้วกระซิบข้างๆ หู
                “อย่าเรียกชื่อคนอื่นสิ… เรียกชื่อหินนะ”
                “หะ..หิน”
                “ดีมาก…”
                “อ๊า!”
                แรงกระแทกจากหินทำให้ผมร้องลั่นแข่งกับเสียงเตียงที่โยกสนั่น กว่าจะจบบทรักลงก็ค่อนคืนแล้ว หินทิ้งตัวลงทับตัวผมแล้วจูบที่หน้าผาก
                “หินรักฟ้านะ”
                “ฟ้าก็รักหินเหมือนกัน รักหิน รักพี่ภูมิ”
 
ooooOoooo
 
                “เอ็งนี่อึดกว่าที่ข้าคิดนะ”
                ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากขนขี้ม้ารอบสุดท้ายของวันมาถึงโรงทำปุ๋ย
                “เดี๋ยวเย็นนี้รับเงินเดือนจากพ่อเลี้ยงนะ”
                “เงินเดือนเหรอครับ พวกผมมีเงินเดือนด้วยเหรอครับ”
                “อ้าว ก็พวกเอ็งทำงานก็ต้องมีเงินเดือนสิวะ ไปบอกไอ้บ้ามันด้วยล่ะ”
                “ครับ...” ผมยิ้มแล้วเดินเข็นรถเข็นกลับไปที่คอกม้า
               
                เงินเดือน… ผมจะมีเงินแล้วสินะ จำได้ว่าเคยจะซื้อเสื้อกันหนาวให้หิน ถ้ามีเงินก็คงซื้อได้แล้ว แต่อากาศเริ่มร้อนแล้ว คงต้องซื้ออย่างอื่นให้ จะว่าไป เสื้อผ้าของหินก็เก่ามากแล้ว
                “ได้เงินเดือนมาจะซื้อของแต่งหล่อให้นะ”
                ผมเดินเข้าไปในกระท่อมหลังจากที่บังคับให้หินไปล้างหน้าเหมือนทุกวัน ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินแล้วมองเงินในกระเป๋าที่เหลืออยู่ไม่กี่ร้อย พอคิดว่าจะได้เงินเพิ่ม ผมก็รู้สึกมีแรงฮึดสู้    อีกครั้ง แต่สายตากลับไปสะดุดที่กระดาษใบหนึ่งซึ่งถูกซุกเก็บไว้ในอีกช่องของกระเป๋าเงิน เป็น กระดาษที่เก่ามากแล้วจนเกือบขาด คงเพราะอยู่ในช่องซิปที่ไม่ค่อยได้เปิด ผมจึงลืมมันไป พอคลี่แผ่นกระดาษออกดูก็ต้องขมวดคิ้ว เบอร์โทร…
                เบอร์ใครกัน มีใครเคยให้เบอร์ผมไว้งั้นเหรอ ผมจำเบอร์ใครไม่ได้เลยนอกจากเบอร์โทรศัพท์บ้านของคุณท่านและ…
                ผมถอนหายใจแล้วพับเก็บกระดาษไว้ในช่องเดิม
 
ooooOoooo
 
                “สวัสดีค่ะ ป้าณี ลุงบุญ” เด็กน้อยนามหนูดีสวัสดีคนงานทุกคนอย่างไม่ถือตัว คนงานยิ้มอย่างเอ็นดู เพราะแบบนี้สินะ คนงานถึงรักพ่อเลี้ยงและครอบครัวนี้มาก ถ้าภรรยาพ่อเลี้ยงยังอยู่ ครอบครัวนี้ต้องมีความสุขมากแน่ๆ...
                พ่อเลี้ยงมองมาทางผม ผมรีบหลบสายตา
                “เอาเงินไปให้ทุกคนนะ” พ่อเลี้ยงบอกกับหัวหน้าคนงานที่กำลังเริ่มแจกซองสีขาว
                “ฟ้า เขาเอาไรให้เหรอ”
                “เงินน่ะ”
                “เงิน? เงินกินได้ไหม”
                “ไม่ได้ครับ แต่ซื้อของกินได้ หินอยากได้อะไรไหม เดี๋ยวผมจะซื้อให้”
                “อยากๆ”
                ผมยิ้ม แต่ก็ต้องคลายยิ้มลงเมื่อมองไปที่พ่อเลี้ยงและลูกสาว เพราะเมื่อเทียบกับคนงานอย่างพวกผม แม้จะให้ความสนิทสนมกันแค่ไหน แต่ฐานะก็ยังต่างกันอยู่ดี หินควรจะมีชีวิตแบบนั้น เขาควรมีทุกอย่าง ไม่ใช่เป็นเพียงคนงานและหนีตายแบบนี้ไปตลอดชีวิต แล้วผมจะทำยังไงล่ะ จะขอให้ใครช่วยเหลือ ตำรวจจะพึ่งได้ไหม เขาจะเชื่อผมและหินหรือเปล่า หรือผมต้องยอมรับข้อเสนอจริงๆ
               
 
                กลางดึก
                คืนนี้คนงานได้รับอนุญาตให้จัดงานเลี้ยงได้หนึ่งคืน เพราะเป็นวันเงินเดือนออก และให้พรุ่งนี้หยุดงานได้หนึ่งวัน
                “หินเขาดื่มไม่เป็นหรอกครับ” ผมบอกเมื่อมีคนยื่นแก้วเหล้าให้
                “เอาน่า ให้มันดื่มสักหน่อย”
                “อย่าเลยครับ ผมไม่อยากให้หินเมา”
                “อึกๆๆ” ไม่ทันที่จะห้าม มือหนาก็หยิบไปดื่มหลายอึกจนหมดแก้วในพริบตา
                “หิน! คุณดื่มไม่ได้นะ คุณไม่เคย… หรือเปล่า…” จะว่าไป ตอนที่เป็นพี่ภูมิเขาเคยดื่มไหมนะ ถึงดื่มเป็น แต่ถ้าไม่เคยดื่มมานานแล้วจะไหวเหรอ…
                “เฮ้ย มึงให้มันดื่มเดี๋ยวไอ้บ้ามันก็อาละวาดหรอก!” หนึ่งในคนงานตบหัวคนที่ยื่นแก้วเหล้าให้หินดื่ม จนทำให้ทุกคนเริ่มเครียดเพราะกลัวหินจะอาละวาด
                “อะ..เอ่อ เดี๋ยวผมพาหินไปนอนก่อนนะครับ หินไปนอน..”
                “ไม่ หินจะดื่ม” เขาพูดแล้วคว้าแก้วเหล้าดื่มอีก ทุกคนมองหน้ากันแล้วมองดูปฏิกิริยาของหิน แต่เมื่อทุกอย่างยังสงบ จากที่ทุกคนเครียดก็กลับมาเฮฮาส่งแก้วให้หินดื่มเรื่อยๆ แต่แปลก หินเมาแล้วแต่กลับไม่อาละวาดเลย หรือว่าเขายังไม่เมา?
                สักพักทุกคนก็เริ่มเมาและหลับคาวงเหล้า
                “หินไปนอนเถอะ…”
                “ม่ายยย ม่ายนอน…”
                ผมค่อยๆ ประคองเขาอย่างยากลำบาก แถมมือของหินก็ซุกซนพอๆ กับริมฝีปากที่คลอเคลียผมตลอดทาง พอบอกให้หยุดก็อ้างว่าตัวเองเมา กว่าจะไปถึงบ้านของเราก็ล้มกันไปหลายครั้ง
                “เฮ้อ… เมาอะไรขนาดนี้นะ” ผมหาผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดตามใบหน้าให้
                “แม่… แม่…” เสียงครางทำให้ผมหยุดชะงัก คงคิดถึงแม่มากสินะ ผมเองก็คิดถึงแม่เหมือนกัน ผมคงจะโทรไปหาแม่ไม่ได้อีกแล้ว...
                “คิดถึง... อยากกลับไปหา… รอ…เ…ก…ก่อนนะ”
                ผมค่อยๆ จูบหน้าผากเขา “…ฝันดีนะครับ”
                ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูทำให้ผมละจากหิน… ใครมาหาผมเอาป่านนี้ ผมค่อยๆ เปิดประตูที่ทำด้วยไม้ไผ่ออก ก่อนจะเบิกตากว้าง
                “พ่อเลี้ยง… เอ่อ เข้ามาก่อนสิครับ”
                พ่อเลี้ยงมองเข้ามาในกระท่อม เมื่อเห็นหินนอนหลับจึงเข้ามา
                “พะ..พ่อเลี้ยง มีอะไรหรือเปล่าครับ…”
                “เรื่องที่ฉันให้เธอไปคิด… เธอคิดบ้างหรือยัง”
                ผมก้มหน้า “…ผม…”
                มือหนาเอื้อมมารั้งตัวผมให้เข้าหา
                “พะ..พ่อเลี้ยง คุณจะ..อุบ!” ผมเบิกตากว้างเมื่อพ่อเลี้ยงก้มลงมาจูบผม
                “อื้อ!” ผมทั้งผลักทั้งดันเขาออกอย่างสุดแรง แต่ก็ไร้ประโยชน์ จนผมหอบหมดแรงและทรุดในอ้อมกอด ผมหอบแฮ่ก แต่เมื่อผมหันไปมองข้างๆ ก็เห็นหินกำลังนั่งมองพวกเราอยู่
                “หิน…!”
                “ไง ตื่นเร็วดีนี่” พ่อเลี้ยงพูดกับหินขณะที่มือยังกอดผมอยู่
                หินนั่งนิ่ง แต่ดวงตาแข็งกร้าวทำให้รับรู้ได้ถึงอารมณ์โกรธ ผมคิดว่าอีกไม่นาน หินคนเดิมอาจจะกลับมา…
 
 
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 29-09-2016 11:13:47
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-09-2016 11:39:53
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 29-09-2016 11:47:20
รอออออออ  พ่อเลี้ยงนี่ยังไงนะ  หินฟ้าสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 29-09-2016 13:08:38
หรือว่าหินจะจำได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร  :mew3:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-09-2016 13:37:50
หรือจริงๆหินไม่ได้เป็นบ้า?????
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 29-09-2016 15:03:22
ตกลงว่าหินจำได้ หรือไม่ได้ หรือ ต้องแกล้งก่อน เพื่อความปลอดภัย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-09-2016 15:38:08
เกลียดอิตาพ่อเลี้ยง!!
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-09-2016 17:30:16
ทำไมพ่อเลี้ยงทำแบบนี้อ่ะ ไม่ชอบเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-09-2016 17:56:55
คิดไว้แล้วๆ เชียว ว่าพ่อเลี้ยงมีทีท่าชอบฟ้า
มากอดจูบฟ้า ต่อหน้าหิน
จะไม่ทำให้หินคลุ้มคลั่งรึเนี่ย ยิ่งหวงๆ ฟ้าอยู่
แล้วฟ้าเอาอะไรทิ้งขยะ กุญแจหรือเปล่า :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-09-2016 18:48:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-09-2016 19:00:24
ฝังพ่อเลี้ยงเลย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 29-09-2016 20:42:21
ลุ้นดีแท้
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 29-09-2016 21:25:26
ไอ้พ่อเลี้ยงชั่ว ทำไมเจอแต่คนเลวๆๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 30-09-2016 05:52:05
โอ๊ยยย อย่าทำร้ายจิตใจหินสิ หินน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: coolmaoil ที่ 02-10-2016 19:40:41
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: อิพ่อเลี้ยงงงงง  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-10-2016 20:45:11
 :m16: อีตาพ่อเลี้ยงนี่ยังไงนะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 04-10-2016 16:44:08
รู้สึกไม่ชอบอีตาพ่อเลี้ยงนี้เลย :fire:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่11-12] อัพล่าสุด>>>>29/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 04-10-2016 17:15:34
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 05-10-2016 16:53:29
                 “ปล่อย!” หินเดินมากระชากตัวผมออกจากอ้อมกอดพ่อเลี้ยง
                “อย่ามายุ่งกับฟ้า! กูจะฆ่ามึง!” เขาตะโกนลั่น แต่พ่อเลี้ยงกลับดูไม่มีความกลัวสักนิด
                “หินอย่า!” ผมรีบกอดรั้งเขาไว้
                “ปล่อย! หินจะฆ่ามัน! มันจูบฟ้า! มันกอดฟ้า!”
                ผมรั้งเขาไว้จนสุดแรง แต่ก็ทำได้เพียงรั้ง เพราะผมตัวเล็กกว่ามาก
                ปึก! ศอกกระแทกเข้าที่หน้าผมอย่างจังจนผมทรุดตัวลงด้วยความมึนและความเจ็บที่ปาก
                “ฟ้า! เจ็บตรงไหนไหม”
                “มะ..ไม่…” ผมจับปากตัวเองที่มีเลือดไหลออกมา
                “หินขอโทษนะ… ขอโทษนะ…”
                “ทำครามเจ็บตัวมากๆ ระวังเขาจะหนีมาอยู่กับฉันนะ”
                คำพูดของพ่อเลี้ยงทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น
                “มึง!”
                “หิน!” ผมรีบกอดแขนเขาไว้
                “วันนี้ฉันกลับก่อนละ… อย่าลืมข้อเสนอนะคราม” พ่อเลี้ยงพูดทิ้งท้ายไว้แล้วจากไป เหลือแต่ความเงียบระหว่างเราสองคน หินอุ้มผมไปที่เตียงแล้วพยายามดูแผลที่ปาก แต่ผมเบือนหน้าหนี
                “ฟ้า หันหน้ามา”
                “ผมไม่เป็นไร”
                “บอกให้หันมา!”
                “โอ๊ย!” แก้มผมถูกบีบอย่างแรง “ผมเจ็บ…”
                “ทำไมฟ้าให้มันจูบ ให้มันกอด ฟ้าใจง่าย!” คำตวาดนั้นทำให้ผมหน้าชา จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง
                “ผะ..ผมไม่ได้ทำอะไรแบบที่หินพูดเลยนะ”
                “ไม่ทำได้ไง ก็เห็นฟ้าจูบมันแล้วกอดกับมัน”
                “แล้วผมยอมเหรอ…”
 
                “ก็เหมือนยอม… ฟ้าแปลกไป… ฟ้ายุ่งกับคนอื่น ฟ้าไม่ควรจะไปกอดไปจูบกับใครนอกจากหิน! ฟ้าใจง่าย! ฟ้าหลายใจ!”
                เพียะ! ผมตบไปที่ใบหน้าเขาอย่างแรง มือผมรับรู้ถึงความเจ็บเช่นกัน
                “ทะ..ทำไมถึงไม่เข้าใจผม ฮึก..ก..ก… อธิบายก็ยังไม่เข้าใจอีก… ชะ..ใช่ ผมใจง่าย ไปกอดไปจูบเขาเอง ยอมเขาทุกอย่าง… พอใจหรือยัง!”
                หินมองผมตาขวาง
                ผมลุกจะออกไปข้างนอกแต่เขาจับแขนผมไว้ ผมพยายามจะแกะมือและผลักเขาออก
                “ปล่อย!”
                “ไม่! ฟ้าจะไปไหน”
                “ถ้ายังพูดกันไม่รู้เรื่อง ผมก็จะไปอยู่ที่อื่นสักพัก!”
                หินเบิกตากว้าง “ไม่! อย่าไปจากหินนะ!” เขาตะโกนคลั่งแล้วกระชากแขนผมอย่างแรงจนผมเสียหลักล้มลง ทำให้หน้าผากกระแทกเข้ากับขอบเตียง
                “ฟ้า!”
                ผมรับรู้ถึงแรงกอดและเสียงร้องตกใจสุดขีด ผมพยายามมองใบหน้าของเขาก่อนที่สติของผมค่อยๆ ดับวูบลง
 
ooooOoooo
 
                ภาพแรกที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาคือเพดานสีขาว กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม ผมมองไปที่แขนตัวเองซึ่งมีสายน้ำเกลืออยู่ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องจึงแน่ใจว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ผมนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเจ็บที่หน้าผากและที่ปาก ผมสัมผัสที่หน้าผากก็เจอกับผ้าพันแผล แม้จะไม่เจ็บมากนัก แต่ก็พอที่จะทำให้ผมรู้สึกมึนหัวนิดๆ พยายามย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผมทะเลาะกับหินจนเสียหลักล้มลง หน้าผากกระแทกกับขอบเตียง เจ็บกายว่าเจ็บแล้ว แต่เจ็บหัวใจนั้นยิ่งกว่า ทำไมเขาไม่เชื่อใจผม อีกทั้งยังพูดให้ผมเจ็บช้ำน้ำใจอีก
                “คราม… ฟื้นแล้วเหรอ”  ป้าณีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือของพะรุงพะรัง แล้วรีบวางของก่อนจะเดินเข้ามาหาผม
                “ปะ..ป้าณี…” ผมรีบเช็ดน้ำตา แต่ป้าณีกลับลูบหัวของผม
                “ร้องไห้ให้พอเถอะ… ถ้ามันจะสบายใจกว่า”
                 “ฮึก..ก..ก… เราทะเลาะกันเพราะเขาไม่เชื่อใจผม …ผมเสียใจ…”
                “ตอนนี้เขาก็กำลังสงบสติอารมณ์อยู่ในกรงขังนะ… เขากำลังสำนึกผิดและลงโทษตัวเอง”
                ผมเบิกตากว้าง “กรงขัง!”
                “ก็กรงขังเดิมที่เขาเคยถูกจับขังนั่นแหละจ้ะ ตรงคอกม้า”
                ผมถอนหายใจ นึกว่าหินจะถูกตำรวจจับไปแล้ว
                “เมื่อสองวันก่อนเขาอุ้มครามออกมาจากกระท่อมแล้วร้องไห้เสียงดังจนปลุกคนงานที่เมาเหล้าตื่นกันหมดเลย ป้าเองก็ตกใจวิ่งออกมานอกบ้าน ก็เห็นครามสลบอยู่ในอ้อมกอด ใบหน้ามีแต่เลือด”
                ป้าณีมองหน้าผมแล้วพูดต่อ
                “เขาพร่ำแต่ขอโทษครามตลอดเลย พอเราจะพาครามมาโรงพยาบาล เขาก็คลั่งจะตามมาด้วยจนคนงานต้องห้ามไว้ เพราะถ้าพามา โรงพยาบาลได้แตกแน่ๆ สุดท้ายเขาก็ยอมนะและขอเข้าไปอยู่ในกรงขังด้วยตัวเอง”
                ผมเม้มปากแล้วเช็ดน้ำตา “ยะ..อย่าทำร้ายหินนะครับ…” ผมเอ่ยบอกเสียงสั่น แม้เขาจะพูดทำร้ายจิตใจหรือทำร้ายผมมากแค่ไหน ผมก็ยังรักเขา แต่ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาตอนนี้…
 
ooooOoooo
 
                “เอ้า! น้ำ!” ลุงดำเปิดประตูกรงขังแล้ววางน้ำให้หน้าประตู แต่หินยังคงนั่งนิ่งตรงมุมไม่ขยับไปไหน ได้แต่เหม่อลอยจนลุงดำถอนหายใจและเอ่ยเรียก
                “ไอ้บ้า! ดื่มน้ำสักหน่อยเหอะ เอ็งซึมไป เมียเอ็งก็ยังไม่กลับจากโรงพยาบาลหรอก” หินยังคงนั่งเงียบ
                “ก็งี้แหละ เอ็งไปทำร้ายครามทำไม เฮ้อ... ข้าล่ะปวดหัวกับคนหนุ่มจริงๆ” ลุงดำส่ายหน้าอย่างระอาใจ
                พอได้ยินลุงดำพูด หินก็กำมือแน่นและตะโกน “ขอโทษ ฮึก..ก… หินขอโทษ! ฟ้ากลับมา!”
                ปังๆๆๆ
                หินใช้มือทุบกรงขังไม้อย่างแรงจนสั่นไปทั้งกรง
                “เฮ้ยๆๆ ไอ้บ้าหยุดๆ เดี๋ยวมือก็หักหรอก” ลุงดำจะเข้าไปข้างใน แต่เสียงของพ่อเลี้ยงทำให้หยุดชะงัก
                “ยังอาละวาดอยู่อีกหรือไง” พ่อเลี้ยงเอ่ยเมื่อมองไปที่หินซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังใช้มือทุบกรงขังไม้อย่างแรง แต่พอได้ยินเสียงของพ่อเลี้ยงเขาก็หยุดนิ่งและรีบพุ่งมาที่ประตู ลุงดำจึงรีบล็อกประตูทันที หินมองพ่อเลี้ยงตาขวาง มือกำกรงขังแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมา
                “มึง! มึงจูบฟ้า! กูจะฆ่ามึง! ปล่อยกูออกไป!” หินตะโกนแล้วยื่นมือมาออกมานอกกรงขัง แต่เพราะพ่อเลี้ยงยืนห่างพอสมควรจึงไม่ถึงตัว
                “เฮ้อ... ทีให้ออกละไม่ออก ข้าคงให้เอ็งออกมาทำร้ายพ่อเลี้ยงไม่ได้หรอก ไม่สิ ถ้าออกมา ข้ากลัวว่าจะยั้งมือยั้งตีนกับเอ็งไม่ได้นะ ไอ้บ้า”
                “หึ” พ่อเลี้ยงมองหินแล้วแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
                “เอ่อ… พ่อเลี้ยงครับ แล้วจะไปเยี่ยมครามตอนไหนครับ แล้วอาการเป็นยังไงบ้างครับ” ลุงดำเอ่ยอย่างเป็นห่วง
                “ก็จะไปแล้วล่ะ แต่อยากแวะมาที่นี่สักหน่อย ส่วนอาการตามที่หมอบอกก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะ แต่ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย อ้อ... ลุงดำช่วยขับรถไปบอกคนงานที่ไร่ส้มตอนนี้เลยนะ ว่าเย็นนี้ฉันจะนำเงินเดือนไปให้”
                “ครับ” ลุงดำรับคำแล้วรีบขับรถยนต์คันเก่าๆ ออกไปที่ไร่ส้ม
                หินยังคงมองพ่อเลี้ยงด้วยดวงตาแข็งกร้าวไม่ลดละ เส้นเลือดแขนปูดเพราะกำซี่ไม้ของกรงไว้แน่นด้วยความโกรธ
                “กูจะฆ่ามึง”
                พ่อเลี้ยงกอดอก “เชิญ… ทำร้ายครามไม่พอ มาลงที่ฉันต่อก็ได้”
                ดวงตาหินสั่นไหว
                พ่อเลี้ยงยิ้ม “เลิกแสดงละครดีกว่าไหม คุณชายภูมิ ฉันสืบประวัตินายมาแล้ว นายหายตัวไปเมื่อสิบปีก่อน ญาติแจ้งว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่นายยังมีชีวิตอยู่แล้วเป็นบ้า”
                พ่อเลี้ยงมองตอบไปยังนัยน์ตาของอีกฝ่าย
                “ทำไมนายถึงเป็นบ้า ถ้าเป็นตามที่ครามบอกจริงว่านายคือผู้ที่รู้รหัสและรู้กุญแจว่าอยู่ที่ไหน พวกนั้นไม่มีทางทำให้นายเป็นบ้าแน่นอน …นอกจากนายจะแกล้งบ้า”
                หินยืนนิ่ง…
                พ่อเลี้ยงยิ้มแล้วเดินไปที่รถยนต์ของตนเอง ท่าทางการสันนิษฐานของเขาจะถูกต้อง เพราะคนบ้านั้นยืนอึ้ง แต่ก็ยังมีบางอย่างที่น่าสงสัยอยู่อีก พ่อเลี้ยงมองรูปภาพในมือก่อนจะหันกลับไปมองคนที่ยังคงยืนนิ่ง แล้วขมวดคิ้ว
                ท่าทางจะซับซ้อนกว่าที่คิด…
 
ooooOoooo
 
                “ครามฟื้นหรือยังครับ” พ่อเลี้ยงเอ่ยถามเมื่อเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย
                “ฟื้นแล้วค่ะ พอฟื้นมาก็ร้องไห้แล้วก็หลับไปอีก แต่ตอนนี้หมอบอกว่ามีไข้นิดหน่อยค่ะ”
                พ่อเลี้ยงพยักหน้า “อืม… ป้าไปพักเถอะ เดี๋ยวผมเฝ้าครามเอง”
                “ค่ะ” ป้าณีเอ่ยแล้วออกจากห้องไป
                พ่อเลี้ยงมองร่างบางที่นอนหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตา นั่นทำให้เขายิ่งโทษตัวเองเพราะคิดลองใจมากเกินไป หลังจากนั่งเฝ้าได้สักพัก ฟ้าครามก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นอีกครั้ง
                “นะ..น้ำ” พ่อเลี้ยงรีบเดินมาที่เตียงแล้วหยิบหลอดใส่แก้วน้ำ พยุงร่างบางขึ้นดื่มแล้วค่อยๆ ปล่อยให้นอนลงตามเดิม
                “คราม…”
                “พะ..พ่อเลี้ยง” ครามเบิกตากว้างแล้วพยายามจะหนี
                “ครามใจเย็นๆ ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ”
                “เเต่ตอนนั้นคุณ… จูบผม…”
                “เอ่อ… ขอโทษจริงๆ นะ” พ่อเลี้ยงถอนหายใจแล้วทรุดนั่งข้างๆ เตียง
                “พอดีอยากลองใจนิดหน่อยน่ะ”
                “ลองใจ? ลองใจใครเหรอครับ”
                “หิน”
                ครามย่นคิ้วไม่เข้าใจ “ลองใจทำ.. แค่กๆๆ”
                “ถ้าเธอหายดีแล้วฉันค่อยเล่ารายละเอียดให้ฟัง แต่ถ้าเธอหายดีเธอต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านกับฉัน”
                “ผม… ผม… ไม่อยากเป็นแม่ให้คุณหนูดี”
                พ่อเลี้ยงกะพริบตาอึ้งก่อนจะปล่อยขำ “นี่เธอกังวลคำนี้นี่เอง เป็นแม่นมน่ะ… อืม… จะว่าไงดี เป็นแม่หนูดี แต่ไม่ได้เป็นเมียฉันเข้าใจไหม”
                ครามนั่งนิ่งไม่ค่อยเข้าใจ
                “หนูดีไม่มีคนดูแล พี่เลี้ยงคนเก่าก็มีครอบครัวไปแล้ว เลยเหลือแค่แม่บ้านที่พอจะดูแลให้ได้ แต่ก็อยู่ด้วยตลอดไม่ได้ ฉันจึงอยากให้เธอดูแลหนูดี”
                “ก็คุณพูดกำกวมทำไมล่ะครับ… แล้วยังจูบผมอีก”
                “ฉันขอโทษ เธอเลยเจ็บตัวแบบนี้ ฉันไม่คิดว่าหมอนั่นจะโกรธขนาดนี้… มันอยู่นอกเหนือการคาดเดาของฉัน”
                ครามหน้าเจื่อนลง เขาไม่ได้ฟังประโยคสุดท้าย เพราะแค่ได้ยินว่าตนเองบาดเจ็บเพราะใคร แม้จะเป็นอุบัติเหตุ เขาก็ไม่อยากฟังอะไรแล้ว
                “แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะไปอยู่บ้านคุณได้หรอกครับ… ผม…”
                “ยังเป็นห่วงหมอนั่นอีกเหรอ ทั้งๆ เขาทำร้ายขนาดนี้”
                ครามนิ่งก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมาดื้อๆ “มันแค่อุบัติเหตุน่ะครับ และอีกอย่าง เราก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ผม… ผมทนได้ครับ” ครามยิ้มทั้งน้ำตาจนพ่อเลี้ยงที่กำลังฟังได้แต่สงสาร
 
                พ่อเลี้ยงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลูบหัวอีกฝ่าย ถ้าดูจากหน้าตา ครามอายุน่าจะไม่เกินยี่สิบปี ยังเป็นแค่รุ่นลูกของเขาอยู่เลย…
                “งั้นแบบนี้ ฉันจะให้ครามไปอยู่กับฉันจนกว่าหมอนั่นจะหายคลั่ง ถ้าหายคลั่งเมื่อไรเธอค่อยกลับไป ยิ่งเธอป่วยแบบนี้อยู่คนเดียวในกระท่อมคงไม่ไหวแน่ ส่วนป้าณีแกก็แก่แล้ว จะให้                             เทียวไปเทียวมาก็คงไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม”
                “…ครับ… ขอบคุณมากนะครับ” ครามยกมือไหว้
                “อืม… เธอก็เหมือนลูกฉันนั่นแหละ อายุยังน้อยอยู่เลยนี่”
                กริ๊งงงงง! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พ่อเลี้ยงจึงรีบเดินออกไปนอกห้องเพื่อรับสาย แต่ด้วยความรีบจึงทำให้ชนเข้ากับใครบางคนที่ระเบียงทางเดิน จนอีกฝ่ายล้มลง
                “ผมขอโทษ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
                “เป็นสิวะ…” อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างดี หน้าตาหล่อดั่งนายแบบแต่นิสัย…
                พ่อเลี้ยงเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายเมื่อได้ยินคำตอบรับ
                “เพชรรีบๆ มาได้แล้ว เดี๋ยวหลงห้องหรอก!” เสียงเพื่อนตะโกนบอก เพชรมองหน้าพ่อเลี้ยงอย่างไม่พอใจก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนไป
                พ่อเลี้ยงยิ้มพลางนึกขำ “เป็นเด็กหรือไงถึงหลง” แต่ก็ไม่วายที่อีกฝ่ายจะหันมามองเขาแล้วส่งนิ้วกลางให้เหมือนได้ยิน
                “ให้ตายสิ เด็กหนุ่มสมัยนี้น่าจับลงโทษจริงๆ”
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 05-10-2016 17:52:39
 :katai5:อืม...ซับซ้อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-10-2016 18:03:05
โล่งใจไปทีที่พ่อเลี้ยงไม่ได้คิดจะให้ฟ้าไปเป็นเมีย
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2016 18:22:44
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 05-10-2016 18:40:59
หืมมมม พ่อเลี้ยงรู้อะไรมานิ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2016 18:41:55
พ่อเลี้ยง เพชร  :mew1: :mew1: :mew1:
พ่อเลี้ยง ดัดนิสัยเพชรไปเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 05-10-2016 18:42:31
ยังไงยังไง  ตกลงหินทำอะไร ทำไมแกล้งบ้า ทำไมไม่ยอมกลับไปเอาบ้านคืน :ruready
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-10-2016 19:09:57
พ่อเลี้ยงผ่านล่ะ พ่อเลี้ยงเพรช มีลุ้นมะ ท่าสนุก อิอิ
แต่ที่แน่ๆๆๆหินยังไง สงสัยๆๆ ลุ้นต่อๆๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 05-10-2016 19:49:15
หินไม่ต้องการบอกรหัสแน่ๆอ่ะ เลยต้องแกล้งเป็นบ้า
พอบ้าก็ทำเหมือนจำอะไรไม่ได้ แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-10-2016 00:53:54
ดีนะที่พ่อเลี้ยงแค่ลองใจ หินก็แกล้งบ้าซะเหมือนจริงเลย แล้วเพชรจะเจอครามป่าวนิ พ่อเลี้ยงปราบพยศเพชรเลยจับมาลงโทษซะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-10-2016 08:52:59
 :a5: เรื่องยุ่งเหยิงจริง ตอนท้ายจะเปิดคู่พ่อเลี้ยงเหรอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 06-10-2016 09:09:04
เข้ามาเป็น FC ไอ้บ้าอีกคนค่ะ
ตามอ่านจนทันบอกเลยอ่านตอนที่ 12 เกรียดอีพ่อเลี้ยงมาก
มาตอนนี้โลงเลย และเหมือนพ่อเลี้ยงจะมาเป็นตัวช่วยอีกนะเนี่ย o13

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-10-2016 09:13:11
เรื่องมันซับซ้อน...
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่13] อัพล่าสุด>>>>5/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-10-2016 15:18:41
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 06-10-2016 17:20:34
                “ทำอะไรอยู่คะคุณพ่อ” หนูดีเข้ามาอ้อนขณะพ่อเลี้ยงกำลังดูข้อมูลบางอย่างทางอินเตอร์เน็ต
                “พ่อกำลังทำงานครับ คุณครูยังไม่มาเหรอ”
                “ยังค่ะ แต่หนูดีเตรียมหนังสือรอเรียนแล้วค่ะ”
                “ดีมากครับ” ฟอดดด พูดแล้วก้มหอมแก้มฟอดใหญ่ “แล้วพี่ครามล่ะ”
                “พี่ครามกวาดห้องหนูดีอยู่ค่ะ”
                “งั้น หนูดีไปตามพี่ครามมาหาพ่อหน่อยนะครับ”
                “ได้ค่ะ”
                พ่อเลี้ยงยิ้มแล้วหันมามองหน้าจอแล็ปท็อปซึ่งมีภาพของภูมิปรากฏอยู่ แต่ก็มีเพียงไม่กี่ภาพ โดยเป็นภาพในสมัยเด็ก ประมาณอายุสิบสี่ถึงสิบห้าปีเท่านั้น ไม่มีข้อมูลอื่นใดเลย เหมือนกับถูกปิดบังเอาไว้
                ก๊อกๆ
                “เข้ามา”
                “พ่อเลี้ยงเรียกผมเหรอครับ”
                “ใช่ มีบางอย่างที่ฉันอยากถามเธอ… คราม เธอรู้จักกับภูมิมาตั้งแต่เด็กใช่ไหม”
                “เอ่อ… ผมไม่แน่ใจ คือผมจำเรื่องราวตอนเด็กๆ ไม่ค่อยได้น่ะครับ”
                “อืม… เธอพอรู้ไหมว่า ภูมิเคยประสบอุบัติเหตุอะไรที่มีผลกระทบกับใบหน้าของเขาบ้างหรือเปล่า”
                “อุบัติเหตุเหรอครับ? อือ… ผมไม่รู้เลยครับ แต่คิดว่าไม่มีนะครับ เพราะหินก็ไม่มีแผลอะไร”
                พ่อเลี้ยงย่นคิ้วแล้วพยักหน้า “เธอไปทำงานต่อเถอะ”
                “ครับ…”
                พ่อเลี้ยงถอนหายใจ รู้สึกแปลกประหลาดกับความจริงที่ขัดกัน เมื่อมองภาพของเด็กหนุ่มในอินเตอร์เน็ต เขาก็ยิ่งฉงนใจ
                “อย่าบอกนะว่า…”
                กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พ่อเลี้ยงละจากห้วงความคิดแล้วกดรับ
                “ว่าไงทัด”
                [พ่อเลี้ยงครับ มีคนจะมาขอเที่ยวในไร่ส้มน่ะครับ]
                “หืม? นัดล่วงหน้าไว้หรือเปล่า”
                [ไม่ครับ]
                “งั้นบอกไปว่าไม่อนุญาต”
                [ครับ…]
                หลังจากพ่อเลี้ยงละจากโทรศัพท์ได้ไม่นาน ก็มีสายเรียกเข้าเข้ามาอีก
                “มีอะไรอีกทัด”
                [พ่อเลี้ยงครับ คนกลุ่มนี้ไม่ยอมไปครับ จะเข้ามาดูให้ได้ แถมยังจะยัดเงินให้ผมอีกครับ]
                พ่อเลี้ยงขมวดคิ้ว เบื่อพวกชอบอวดรวย คงเป็นคนจากเมืองกรุงล่ะสิ เพราะเขามักเจอแบบนี้บ่อย พวกที่ชอบเที่ยวแล้วเข้ามาขอถ่ายรูป จนส้มที่ออกผลถูกลักและเด็ดกินจนเสียหาย
                “เดี๋ยวฉันไป…” เขาวางสายแล้วขับรถไปยังไร่ส้ม พอขับไปถึงก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ทั้งชายและหญิง แต่งตัวไม่ผิดจากที่คาด อีโก้ทั้งนั้น แต่ที่คิดผิดคือยังเป็นวัยรุ่นกันอยู่
 
ooooOoooo
 
                “จะเอาเท่าไร หนึ่งพันไม่พอหรือไง” เด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยพร้อมกับควักเงินในกระเป๋าขึ้นมาอีก
                “ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา”
                ทุกคนหันมามองพ่อเลี้ยงที่ลงจากรถยนต์ เด็กหนุ่มรูปร่างสูงแบบนายแบบ ใส่แว่นตาดำเพ่งมองคนที่ลงจากรถแล้วกอดอก
                “ขี้งกไปหรือเปล่า แค่ขอเข้าไปชมเฉยๆ”
                “ไม่ให้เที่ยวก็คือ ไม่”
                ยิ่งร่างสูงใหญ่เดินมาใกล้คนใส่แว่นตาดำก็ยิ่งต้องขมวดคิ้ว คุ้นมาก!
                “หรืออยากได้ค่าเข้าชมก็เรียกเก็บมาสิ”
                “เพชร เขาไม่ให้เข้าก็เปลี่ยนที่เหอะว่ะ”
                “นั่นสิเพชร แพรร้อนด้วยอ่ะตอนนี้ ไปเดินห้างในเมืองกันดีกว่านะ”
                “ไม่! ฉันอยากเที่ยวที่นี่ ฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้!”
                พ่อเลี้ยงกอดอกมองคนพูดแล้วนึกฉุน คนตรงหน้าอายุคงไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว เกินยี่สิบแน่ๆ แต่ทำไมนิสัยถึงได้เป็นเด็กและเอาแต่ใจแบบนี้ นึกแล้วอยากสั่งสอนจริงๆ!
                “ได้… แต่ก่อนเข้ามีธรรมเนียมนะ”
                “ธรรมเนียมอะไร”
                “ขนขี้ม้า”
                “หา!!” ทุกคนพร้อมใจกันร้องลั่น ไม่เว้นแม้แต่ทัดที่ไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงจะพูดแบบนี้ เพราะจริงๆ แล้วมันมีธรรมเนียมนี้เสียที่ไหนล่ะ
                “ไม่เอาอ่ะเพชร! กลับเถอะๆๆ” แพรกอดแขนจะพาเพชรกลับ เช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆ
                เพชรขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ มันต้องการแกล้งเขา!
                “ได้ ขนก็ขน”
                “เพชร!”
                พ่อเลี้ยงได้ยินคำนั้นก็แปลกใจ ผิดจากที่คาดเดา ใจกล้าผิดกับรูปลักษณ์ นิสัยทั้งเอาแต่ใจและไม่ยอมแพ้เลยสินะ
                “เอ่อ พ่อเลี้ยงครับ…”
                “ทัดไปช่วยคนอื่นเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง”
                “คะ..ครับ”
                “ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวขอฉันขนขี้ม้าและเที่ยวที่นี่ให้หนำใจก่อนแล้วค่อยกลับ” เพชรเอ่ยพูดหนักแน่น เพื่อนๆ ลังเลแต่ก็ยอมไป เพราะไม่มีใครอยากลำบากขนขี้ม้า
                “งั้นขึ้นรถไปกับฉัน ฟาร์มม้าอยู่ตรงโน้น ที่คอกม้าขาดคนพอดี นายไปช่วยละกัน”
                “ไปไหนก็รีบๆ ไปดิ”
                พ่อเลี้ยงนึกขำ แค่อยากเที่ยวถึงกับยอมขนขี้ม้าเลยรึ ทิฐิสูงจริงๆ แต่จะไปเที่ยวไร่ส้มที่อื่นก็ไม่มีแล้ว เพราะไร่ส้มทั้งบริเวณนี้เป็นของเขาทั้งหมด
                “ชื่ออะไร นายน่ะ” พ่อเลี้ยงเอ่ยถาม แต่คนข้างๆ ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปชมไร่ส้มข้างทางแทน
                “มาเที่ยวไร่คนอื่น ไม่คิดจะบอกชื่อเป็นมารยาทหน่อยหรือไง”
                “ชื่อเพชร”
                “ฉันชื่อใหญ่ แต่ใครๆ ก็เรียกพ่อเลี้ยง เธอก็เรียกฉันว่า..”
                “ใหญ่ ผมจะเรียกว่าคุณใหญ่แล้วกัน” พ่อเลี้ยงหยุดชะงัก ไม่มีใครเรียกชื่อเขามานานแค่ไหนแล้วนะ ตั้งแต่พิมเสียไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ก็ไม่เคยมีใครเรียกชื่อเขาอีกเลย พอได้ฟังคำเรียกชื่อจากปากคนอื่นก็รู้สึกดีใจไม่น้อย ไม่ได้รู้สึกว่าคนข้างๆ ไร้มารยาทสักนิด
                “ตามใจ”
                ขับมาได้สักพักก็มาถึงบริเวณฟาร์มม้า มีม้าพันธุ์ดีหลายตัวกำลังกินหญ้า เพชรมองแล้วถ่ายภาพด้วยกล้องอย่างตื่นเต้น ยิ่งอากาศที่นี่เย็นสดชื่นก็ยิ่งทำให้มีความสุขในการถ่ายภาพมากขึ้น พ่อเลี้ยงขับรถไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าคอกม้า
                เพชรเดินลงมาจากรถแล้วขมวดคิ้ว
                “คอกนี้ล่ะ ขนขี้ม้าใส่รถเข็นแล้วเข็นไปที่โรงปุ๋ยหมักตรงโน้น ทำได้ไหม” เพชรมองกองขี้ม้าแล้วรู้สึกอยากกลับ แต่ใครจะยอมเสียหน้ากัน
                “ฟ้า!” เสียงตะโกนคลั่งทำให้เพชรสะดุ้งเฮือก
                “อย่าสนใจเลย ทำงานของนายเถอะ” เพชรหันไปมองต้นเสียงซึ่งอยู่ถัดจากคอกม้าไปเล็กน้อย
                “พล!”
                “ครับ พ่อเลี้ยง“
                “หาอุปกรณ์ให้เขาหน่อย เขาจะมาช่วยขนขี้ม้าหนึ่งวัน”
                “เอ่อ… คะ..ครับ”
                เพชรนิ่วหน้า
                “ไง จะยอมแพ้ไหม”
                “ไม่มีทาง!”
                “งั้นก็ดี กล้องน่ะ ฝากฉันไว้ก่อนก็ได้ ไม่ขโมยหรอก ฉันรวย… แว่นด้วย เอาออกเหอะ เดี๋ยวจะไปล้มตกเขาเสียเปล่า”
                เพชรเอากล้องฝากไว้แล้วถอดแว่นตาออก
                เมื่อพ่อเลี้ยงมองหน้าคนข้างกายชัดๆ เพ่งมองแล้วมองอีกเหมือนเคยเจอ! ใช่ และก็เคยเจอจริงๆ เจ้าหนุ่มนิ้วกลางนี่เอง พรหมลิขิตพิศวาสจริงๆ
                พ่อเลี้ยงส่ายหน้า
                “พ่อเลี้ยงครับ มาดูเจ้าสำลีหน่อยครับ มันเหมือนจะไม่สบาย” เสียงคนงานคนหนึ่งเอ่ย พ่อเลี้ยงรีบตามไปดู เพชรถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อพ่อเลี้ยงเดินห่างออกไป
                “ทำไมแค่อยากเที่ยวต้องลำบากขนขี้ม้าด้วยวะ”
                “อ๊ากกกกก คิดถึง! หินขอโทษ!”
                เพชรสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ เสียงตะโกนคลั่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
                “ไอ้บ้าที่ไหนตะโกนวะ”
                แต่ด้วยความอยากรู้จึงเดินไปตามเสียง เพชรเดินไปทางกรงขัง เมื่อเห็นมีคนในกรง เขาก็ค่อยๆ เดินไปหา แต่ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจและอีกฝ่ายก็ตกใจเมื่อเห็นเขาเช่นกัน แม้หนวดเคราจะไม่รุงรังเหมือนก่อน แต่หนวดที่เริ่มขึ้นประปรายก็พอทำให้จำได้ว่าเขาคือคนเดียวกัน
                “ไอ้บ้า!”
                หินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ แต่ด้วยความที่เพชรยืนอยู่ใกล้กรง หินจึงสามารถยื่นแขนออกไปกระชากเพชรจนติดกรงขังได้
                “เฮ้ย! มึงจะทำอะไรกู ปล่อย!”
                “ต้องฆ่า ก่อนที่มึงจะไปบอกพวกมัน”
                “อย่า!” เพชรร้องลั่นและถูกต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง เหมือนตอนนั้น ที่เขาถูกหินต่อยจนสลบ แต่ครั้งนี้ออกหมัดได้เบากว่าเพราะติดกรงขัง แต่ก็ทำให้เพชรทรุดตัวลงด้วยความเจ็บได้ เลือดที่ออกจากปากเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีถึงความแรงของหมัด
                “โอ๊ย! มึง! ไอ้บ้า โอ๊ย! สัสเอ๊ย… เดี๋ยว... มึงอยู่นี่ แปลว่าครามก็อยู่นี่ใช่ไหม”
                “มึงอย่ายุ่งกับฟ้า!”
                “เกิดอะไรขึ้น!” พ่อเลี้ยงวิ่งมาดูเพราะได้ยินเสียงโวยวาย แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเพชรล้มลง เขารีบเข้าไปพยุงช่วย
                “เกิดอะไรขึ้น”
                “คุณช่วยไอ้บ้าเหรอ!”
                “อะไรนะ”
                “ไอ้บ้า! ที่พ่อกับแม่ผมตามหา คุณช่วยพามันมาซ่อนที่นี่เหรอ อูย…” เพชรพูดแล้วยิ่งเจ็บปาก
                พ่อเลี้ยงมองหินและมองคนเจ็บ คำพูดของเพชรทำให้เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้
                “กูจะไปบอกพ่อกับแม่ มึงเสร็จแน่ไอ้บ้า!” เพชรรีบเดินหนีแล้วหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาพ่อกับแม่ แต่กลับถูกพ่อเลี้ยงคว้าเอาโทรศัพท์ไปไว้ได้ทัน
                “เอาคืนมานะเว้ย!”
                “ไม่! ฉันจะยึดมันเอาไว้ รวมถึงตัวนายด้วย…”
                “อะไรนะ เฮ้ยปล่อย! จะทำอะไร” พ่อเลี้ยงจับตัวของเพชรไว้ในอ้อมกอดก่อนจะให้คนงานเปิดประตูกรงขัง และผลักเพชรเข้าไปในกรงขังรวมกับหิน
                “เฮ้ย! ไอ้แก่เอ๊ย! ทำบ้าอะไรวะ ปล่อยนะเว้ย!”
                “แล้วแต่นายจะจัดการละกัน” พ่อเลี้ยงพูดกับหิน หินมองคนที่เข้ามาใหม่อย่างไม่พอใจ ส่วนเพชรรีบเดินไปหลบมุม
                “ปล่อยนะเว้ย กูจะแจ้งตำรวจ!! ช่วยด้วย!!!”
 
ooooOoooo
 
                “สวยไหมคะพี่คราม” หนูดีระบายสีการบ้านแล้วเอ่ยถามครามที่นั่งเหม่อ “พี่คราม…”
                “คะ..ครับ”
                “หนูดีระบายสีสวยไหมคะ”
                “สวยครับ”
                “โอ๊ะ เสียงรถคุณพ่อนี่ คุณพ่อกลับมาแล้ว” หนูดียิ้มดีใจแล้วเดินไปรับ พ่อเลี้ยงอุ้มลูกสาวขึ้นบ่าแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่เช่นทุกวัน
                “กลับมาแล้วเหรอครับ”
                “อืม… คราม ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ” พูดพลางวางหนูดีลงพื้น
                “หนูดี เดี๋ยวพ่อขอคุยกับพี่ครามก่อนนะครับ หนูก็เล่นตรงนี้ไปก่อนนะ”
                “ได้ค่ะ”
                ครามเดินตามพ่อเลี้ยงไปยังชั้นสองในห้องทำงาน พ่อเลี้ยงมีสีหน้าเครียดแล้วถอนหายใจ
                “มีอะไรเหรอครับ”
                “นั่งก่อนสิ” ครามทำตามที่บอก นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงาน
                “คนที่ชื่อเพชรเขามาที่นี่น่ะ”
                “ว่ายังไงนะครับ! คุณเพชรน่ะเหรอ”
                “อืม… เป็นความผิดฉันเองที่พาเขามาที่คอกม้าแล้วมาเจอกับหินเข้า ฉันไม่คิดว่าเด็กนั่นจะรู้จักพวกเธอ”
                “จะทำยังไงดีครับ ถ้าคุณเพชรรู้ คุณท่านก็ต้องรู้…”
                “ใจเย็นๆ ฉันขังเจ้านั่นไว้กับหินแล้ว”
                “ขังไว้กับหินเหรอครับ! แต่หินเขา…”
                “คราม… ถ้าฉันบอกว่าหินไม่ได้บ้า เธอจะเชื่อฉันไหม”
                ครามขมวดคิ้ว “…มะ..หมายความว่ายังไงครับ…”
                “ฉันคิดว่า หินไม่ได้บ้า”
                “..…”
                “จำที่ครามบอกได้ไหม เรื่องรหัสและกุญแจ ถ้าพวกนั้นต้องการมันจริงๆ พวกนั้นต้องไม่คิดจะทำให้หินเป็นบ้าสิ ถูกไหม… แต่ถ้าหินบ้าด้วยตัวเอง ฉันคิดว่าไม่น่าใช่ ถ้าฉันถูกขังไว้แบบนั้น ฉันจะรอวันแก้แค้นมากกว่าที่จะทำให้ตัวเองเป็นบ้า”
                “มะ..ไม่มีทางหรอกครับ หินไม่มีทางแกล้งบ้า ก็เขา…” ครามนึกถึงเรื่องราวครั้งแรกที่เจอกัน ตอนนั้นที่ถูกข่มขืน… และหินยังชอบอาละวาดอีก… แต่ถ้าเขาแกล้งบ้า แล้วสิ่งที่ทำไปทั้งหมดล่ะ คืออะไร…
                “หมอนั่นรู้ทุกอย่างแต่แค่แกล้ง”
                “ผะ..ผมไม่เชื่อ”
                “ไม่เชื่อฉันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าครามกลับไปอยู่กับหินก็สังเกตให้ดีล่ะ หมอนั่นมีความลับมากมายเกินไป จนบางทีสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่ความจริง”
                พ่อเลี้ยงพูดพลางยื่นรูปถ่ายของเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบสี่สิบห้าให้ดู เป็นรูปภาพของภูมิที่ซูมให้เห็นแค่ใบหน้า แต่ภาพนั้นลางเลือนจนดูแทบไม่ออกว่าเป็นภูมิ แต่ก็มีส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ชัดกว่าบริเวณอื่น เพราะใช้โปรแกรมช่วยขยายให้เห็น
                “สังเกตรูปนี้ให้ดี ครามว่ามีอะไรแปลกไหม”
                ครามเพ่งมองภาพถ่ายอยู่สักพักแล้วส่ายหน้า
                “คือผมมองหน้าไม่ชัดเลยครับ ไม่มีภาพอื่นเหรอครับ”
                “ไม่มีเลย ภาพนี้เป็นภาพที่เห็นใบหน้าชัดที่สุดแล้ว ส่วนภาพอื่นลางเลือนและหายากมากๆ”
                พ่อเลี้ยงมองหน้าครามแล้วเอ่ยต่อ
                “ใบหน้าไม่สำคัญหรอก แต่มีส่วนหนึ่งที่ฉันอยากให้เธอสังเกต ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นบางอย่าง… ตอนแรกฉันคิดว่าน่าจะเดาทุกอย่างได้หมด แต่พอมองรูปนี้ ฉันก็ต้องคิดใหม่ และฉันคิดว่ามันต้องมีบางอย่างอีกแน่นอน”
                “ผมไม่เข้าใจ มีเรื่องอะไรอีกเหรอครับ”
                “ถ้าฉันมั่นใจ ฉันจะบอกเธอ และบางที เจ้าเด็กชื่อเพชรนั่นน่าจะให้ข้อมูลบางอย่างกับฉันได้”
 


 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-10-2016 17:31:15
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 06-10-2016 17:40:31
รอออออ ปมเยอะมากกก รอเปิดเผยค้าาาา
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-10-2016 18:21:00
รอตอนต่อปายยยยย
ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-10-2016 18:54:10
พรหมลิขิตพิศวาส!! คิดได้เนอะพ่อเลี้ยง เลยผลักไปให้อยู่กรงเดียวกับหินเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-10-2016 19:26:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-10-2016 20:33:35
โอ้ววววว มันเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆแล้ววว
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-10-2016 22:46:28
โอ้ยยย ยิ่งอ่านยิ่งติด มาต่อเร็วๆน้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 06-10-2016 23:13:38
ลุ้นนนน อยากรู้แล้วว่าที่พ่อเลี้ยงบอกว่าแปลกคืออะไร :mew2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 07-10-2016 00:06:44
ค้าง เอาอีกๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 07-10-2016 03:44:13
รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 07-10-2016 14:18:49
ปมเต็มไปหมด อ่านแล้วตื่นเต้นดี
แต่ตอนนี้อยากรู้มาก ๆ ว่าพ่อเลี้ยงสงสัยอะไร
อย่าบอกนะว่าหินที่อยุ่ตอนนี้ไม่ใช่ภูม (เดาวนไปค่ะ)
แต่ที่แน่ ๆ พ่อเลี้ยงมีคู่ละ ฮิ้วววว...

 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-10-2016 21:31:37
อะไรคือสิ่งที่หินปิดไว้ล่ะเนี่ย จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-10-2016 00:16:05
โอ๊ยลุ้นๆ!
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 08-10-2016 01:54:27
ไม่ลุ้นว่าบ้าไม่บ้าแล้ว แต่ลุ้นว่าพ่อเลี้ยงจะบอกอะไร
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่14] อัพล่าสุด>>>>6/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 10-10-2016 21:05:43
เรื่องนี้มัน!!! สนุกมากกกกกก
ชอบมากด้วย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่15]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 11-10-2016 17:52:29
                “จะอะไรกันนักหนา คนมันก็ตายๆ ไปหมดแล้วยังจะมาตั้งกฎบ้าบออะไรอีก!”
                คุณนายอมรแทบอาละวาด เพราะเมื่อโทรหาทนายประจำตระกูลก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมเรื่องตู้เซฟ
                “หยุดอาละวาดเถอะน่า ผมรำคาญแล้วนะ!” คุณเกริกถอนหายใจเฮือกใหญ่
                “จะไม่ให้อาละวาดได้ไง เงินจะไม่มีใช้อยู่แล้ว”
                “แล้วใครให้คุณขายหุ้นบริษัทไปฮะ!”
                “บริหารเป็นไหมล่ะ แถมมันยังทำท่าจะเจ๊งอีก! โอ๊ย.. เครียด!”
                “แล้วคุณโทรหามันติดบ้างหรือเปล่า”
                “มันปิดเครื่อง!!”
                “ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าไปไว้ใจมัน เห็นไหม มันทรยศเราแล้ว!”
                “แล้วใครมันจะไปรู้ล่ะ คิดว่าคนโง่ๆ ซื่อๆ อย่างมันจะยอมฟังคำสั่งเรา แล้วลูกน้องคุณน่ะ หาไม่เจอบ้างหรือไง”
                “ประเทศไทยมีตั้งหลายจังหวัด แล้วผมจะหาเจอไหมล่ะคุณ”
                “โธ่เอ๊ย! ฉันละเบื่อจริงๆ… แล้วที่หมู่บ้านนั่นต้องมีคนรู้ที่อยู่ของพวกมันแน่ๆ ทำไมไม่ไปจับมัน”
                “พวกนั้นบอกยัยป้านั่นมีฝีมือ โดนยิงเกือบตายไปหลายคนแล้ว”
                “ก็ไปถล่มมันสิ!”
                “ถ้าอยากติดคุกก็จัดการเองสิ” คุณเกริกพูดพลางลุกจากโซฟาแล้วออกไปข้างนอก
                “คุณจะไปไหน”
                “ไปคลายเครียด!”
                “โธ่เอ๊ย เปื้อนหมดเลย!” แพรวที่เพิ่งกลับจากช็อปปิ้งนั่งลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด
                “มีอะไรยัยแพรว แล้วนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะ แกนี่ มหาวิทยาลัยปิดก็หาแต่เรื่องเสียเงินให้ฉันนะ”
                “แพรวมาถึง แม่ก็บ่นเลยอ่ะ ยิ่งอารมณ์เสียอยู่ด้วย”
                “อารมณ์เสียอะไร”
                “ก็ยัยแก่ที่ไหนไม่รู้น่ะสิคะ มาเป็นลมจนทับแพรวเลยอ่ะ หยึย! น่าเบื่อมาก ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” แพรวพูดแล้วเดินขึ้นไปชั้นสองก่อนจะหันหลังกลับมาถาม
                “แม่คะ เพชรมันไปเที่ยวเชียงใหม่ใช่ป่ะคะ”
                “ใช่ แกจะทำไม”
                “หนูว่าจะไปเที่ยวด้วยน่ะค่ะ”
                “จะไปทำไม”
                แพรวไม่ตอบแล้วเดินเข้าไปในห้องตัวเอง
                คุณนายอมรถอนหายใจแล้วส่ายหัว “มีแต่เรื่องชวนปวดหัวจริงๆ”
 
ooooOoooo
 
                หินไม่ได้บ้า
                หมอนั่นแกล้งบ้า
                ผมพยายามสะบัดคำพูดของพ่อเลี้ยงให้ออกไปจากหัว
                 จริงเหรอ… ไม่มีทาง…
                ผมพับผ้าคุณหนูเข้าที่แล้วมานั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูดีซึ่งกำลังเล่นตุ๊กตา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งวางอยู่ในตระกร้าตุ๊กตา
                “นะ..หนูดี โทรศัพท์นี่เอามาจากไหนเหรอครับ”
                “อ๋อ ป้านวลบอกว่ามีคนทิ้งน่ะค่ะ เลยเอามาให้หนูดีเล่น”
                ผมมองโทรศัพท์แล้วบีบมือตัวเองแน่น…
                “หนูดีครับ ห้ามเปิดเครื่องเด็ดขาดนะครับ”
                “ค่ะ หนูดีไม่เปิดหรอกค่ะ เปิดไม่เป็นด้วย แต่อย่าบอกคุณพ่อนะคะ ถ้าคุณพ่อรู้ต้องเอาไปทิ้งแน่ๆ คุณพ่อไม่ชอบให้เอาของคนอื่นมาไว้เป็นของตัวเองน่ะค่ะ”
                “ครับ…” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
 
ooooOoooo
 
                เพชรนั่งขดตัวอยู่ในมุมกรงขัง เมื่อคืนเขานอนตรงนี้ ในสภาพอากาศที่หนาวและยุงก็กัด แถมยังต้องมานอนกับไอ้บ้านี่อีก จะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกไหม! ถึงจะมีเวลาออกมา   ทำธุระส่วนตัวบ้าง แต่ก็จะมีคนงานคอยเอาปืนจี้เนี่ยนะ
                “ไอ้แก่เอ๊ย! ออกไปเจอดีแน่”
                อากาศร้อนยิ่งทำให้เหงื่อไหล เหนียวตัวจนอยากอาบน้ำ
                “จะขังจนตายหรือไงวะ!” เพชรลุกยืน
                “หิวน้ำ! เอาน้ำมาดิวะ เฮ้ย ไอ้คนตัวดำตรงนั้นน่ะ เอาน้ำมาดิวะ”
                คนตัวดำที่ว่าด่ากลับทันที แม้จะพูดภาษาไทยไม่ชัดนัก แต่ก็ด่ากลับจนเพชรหน้าชา
                “ถ้ากูออกไปได้นะ พวกมึงโดนแน่!” ยิ่งพูดก็ยิ่งหิวน้ำ แถมยังรู้สึกมึนหัวอีก ปากก็ยังไม่หายดี หอบเหนื่อยเพราะร้อน ส่วนอีกคนในกรงกลับนั่งหลบมุมคล้ายว่าหลับไปแล้ว                                  เพชรจึงค่อยๆ เดินไปใกล้ อยากเห็นหน้าคนตัวใหญ่เพราะไม่ได้เห็นหน้าแบบชัดๆ กันมาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ตอนนั้นเพชรยังเด็ก ภูมิก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เขาอยากเห็นหน้าตอนโตชัดๆ ว่าจะขี้เหร่แค่ไหน!
                “หลับหรือตายวะเนี่ย” เพชรเพ่งมองแต่ก็ต้องเบิกตากว้าง
                “หืม… ไม่มี… ไม่จริงน่า เป็นไปไม่ได้” เพชรยืนอึ้งกับสิ่งที่เห็น
                พรึ่บ หินลืมตาตื่น
                “เฮ้ย!” เพชรตกใจจนล้มด้วยความกลัวจึงรีบคลานหนี
                “อย่าเข้ามานะเว้ย! อย่า!“
                ฟุบ!
                ยังไม่ได้ทำอะไรเพชรก็สลบไป หินมองคนที่สลบอย่างไม่สนใจแล้วหลับต่อ แต่ไม่ทันไรก็มีคนเดินมาที่กรง
                หินค่อยๆ เดินไปหา แล้วเอ่ยเรียก “ฟะ..ฟ้า… ฟ้าเป็นยังไงบ้าง”
                ฟ้าครามไม่พูดอะไรแล้วไขกุญแจเปิดกรง หินรีบออกมาแล้วกอดเขาด้วยความคิดถึง
                “คิดถึง… ขอโทษ… ขอโทษ ฟ้าจะต่อยจะตบจะทำอะไรหินก็ได้ ถ้าฟ้าหายโกรธ”
                ฟ้าครามไม่ทำอะไรนอกจากเพียงกอด “ผมก็คิดถึงคุณ ต่อให้คุณทำร้ายผม ผมก็จะอยู่กับคุณนะ”
                หินได้ยินก็ยิ่งเจ็บปวด
                “เฮ้อ… ไปกอดกันที่ร่มเถอะ ตรงนี้แดดร้อน” พ่อเลี้ยงเอ่ยก่อนจะอุ้มคนที่นอนสลบในกรงขึ้นมาไว้ในวงแขน
                “เรื่องเด็กเพชรนี่เดี๋ยวฉันจัดการเอง ทั้งสองคนก็ไปทำความเข้าใจกันเถอะ”
 
ooooOoooo
 
                “คือ…”
                “เรามาทำความสะอาดบ้านกันดีกว่า… เราไม่ได้อยู่ที่นี่หลายวันเลยมีแต่ฝุ่น”
                ผมพูดแล้วเดินไปหยิบไม้กวาด แต่หินกลับเดินมากอดผมจากด้านหลังแล้วพร่ำบอกขอโทษตลอดเวลา แม้ผมจะบอกให้หยุดก็ตาม…
                กลางดึก
                ผมลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกัน ...หินกำลังพูดกับใครสักคนข้างนอก แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมอง... ยังมีความลับอะไรอีกงั้นเหรอ… ผมรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างนะ…
 
ooooOoooo
 
                “ฟ้านอนพักก็ได้นะวันนี้ เดี๋ยวหินไปทำงานแทนเอง” หินพูดพลางใส่เสื้อเพื่อเตรียมไปทำงาน ผมมองเขาแล้วตัดสินใจเอ่ยถาม
                “หิน…”
                “หืม…”
                “คะ..คุณไม่ได้… บ้าใช่ไหม” หินหยุดชะงักนิ่งจนมือที่ติดกระดุมเสื้อสั่นเล็กน้อย
                “ตอบผมมาตรงๆ ได้ไหม… ผมไม่อยากเป็นคนโง่อีกแล้ว”
                เขานิ่งเงียบไม่ตอบอะไร แต่ท่าทางที่นิ่งเฉยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขาก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วว่าเขาบ้าหรือไม่ ผมไม่รอคำตอบที่แสนเนิ่นนานนั้น ผมเดินไปที่กระสอบแล้วหยิบบางอย่างออกมา และหินเองก็ตกใจไม่น้อย
                “ปืน…” ผมเอ่ยแล้วหยิบปืนออกมา เป็นปืนที่เจ๊ลีให้ผมไว้ จำได้ว่าทำหล่นหายตอนที่หนี แต่เขาเก็บมา
                “คุณสติดี รู้ว่าอาวุธนี้ป้องกันตัวเองได้ ผมน่าจะเอะใจตอนที่เจอมัน ว่าคุณไม่ได้บ้า”
                “ฟ้าพูดอะไร หินไม่เข้าใจ ฟ้าทำตก หินเก็บมาให้เฉยๆ นะ หินไม่รู้จักอันนี้ว่าคืออะไร”
                “คะ..คุณไม่รู้จักปืนเหรอ”
                “ไม่รู้จัก ปืนกินได้ไหม”
                ผมค่อยๆ ยกปืนขึ้นแล้วจ่อไปทางเขาที่มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามคุมสติ
                “ยังจะไม่รู้จักอีกไหม แค่บอกความจริงมันเหนื่อยมากเหรอ ผมพยายามที่จะหา เหตุผลว่าคุณเป็นบ้า แต่นับวัน… ผมรู้สึกว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย!” ผมค่อยๆ เดินเข้าใกล้ร่างสูงที่ยืนนิ่ง จับมือเขาแล้วมอบปืนให้
                “ยิงผมสิ… ผมไม่ตายหรอก ปืนอาจจะกินได้เหมือนที่คุณถามก็ได้นะ” ผมเม้มปากไม่ให้ร้องไห้
                หินนิ่งงันกำปืนแน่นแล้วหลับตาลงอย่างเจ็บปวด
                “ทำไมฟ้าต้องบังคับหินด้วยล่ะ ฟ้าเชื่อใจหินไหม“
                “ผมเชื่อใจคุณมาโดยตลอด… แต่การกระทำของคุณ บางครั้งมันเหมือนกับว่าคุณไม่ได้บ้า… ปืนนี้คุณไม่รู้จักใช่ไหม ผมจะเชื่อใจคุณก็ต่อเมื่อคุณกล้ายิงผม ปืนที่คุณคิดว่าเป็นของกินมันทำร้ายผมไม่ได้หรอกนะ”
                ผมยิ้มให้ จับมือเขาที่ถือปืนแล้วมาจ่อที่หัวใจผม
                “ยิงผมสิ”
                หินมองหน้าผม แววตาสั่น
                ผมจะจับตรงไกปืนแต่หินกลับกระชากมือออกแล้วปล่อยให้ปืนร่วงหล่นพื้น
                “.....” ผมมองปืนที่อยู่บนพื้นและมองหน้าเขา
                “ยิงไม่ได้…” หินก้มหน้าลงและค่อยๆ เงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด “ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ ...โกหก…”
                ทุกอย่างเงียบงัน ผมสงสัยในตัวเขา แต่ผมก็ยังแอบหวังว่าเขาจะเป็นบ้า ยอมถูกยิง  ดีกว่ารู้ความจริงที่เจ็บปวด
                “ฟ้า”
                ผมส่ายหน้าแล้วถอยหลัง แต่หินรีบมากอดผม “คุณมันเลว! ทำไมทำกับผมแบบนี้ หลอกผมทำไม! ฮึก..ก… เห็นผมเหนื่อยผมลำบาก มีความสุขมากเหรอ”
                “ไม่ใช่นะ หินไม่เคยคิดแบบนั้น… แต่มันจำเป็น”
                ผมสะบัดแขนหินออกแล้วตบหน้าเขาจนสุดแรง
                เพียะ!
                “จำเป็นเหรอ!? คุณเคยขืนใจผมและทำร้ายผม ตอบผมมาสิ เพราะคุณเป็นบ้าผมถึงให้อภัย แต่คุณเป็นคนปกติ… คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง!”
                “หินขอโทษ… ขอโทษจริงๆ” หินกอดผมอีกครั้ง
                ผมหลับตา ทั้งเสียใจ เสียความรู้ศึก โดนหลอกมานานขนาดนี้ ผมโง่มากสินะ…
                ผมร้องไห้จนเหนื่อย ไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา นั่งเหม่ออยูบนเตียง หินนั่งข้างๆ แล้วจับมือผมไว้
                “เรื่องขืนใจ… เพราะหินรักฟ้ามานานตั้งแต่เด็ก… พอเจอฟ้า ความรู้สึกและร่างกายจึงอดกลั้นไม่อยู่ อยากสัมผัสแทบบ้า… ขอโทษที่ทำรุนแรง แต่หินรักฟ้านะ อยากครอบครอง… อยากให้ฟ้าเป็นของหินก่อนที่คนอื่นจะแย่งไป”
                ผมนั่งฟังอย่างสงบรอเขาพูดต่อ
                “เรื่องที่โกหกเพราะ…” เขาหยุดพูด
                ผมไม่เค้นให้เขาพูดต่อ เขาจะเล่าแค่ไหนก็คือแค่นั้น… นั่นหมายความว่าเขาเลือกที่จะให้ผมรับรู้แค่นี้... เชื่อใจผมได้แค่นี้…
                “เมื่อคืนคุณคุยกับใคร” ผมเอ่ยถามเพื่อหวังว่าเขาจะบอกผมบ้าง… เชื่อใจผมบ้าง…
                หินหันมามองผมทันที เขาคงตกใจที่ผมรู้…
                “…บอกไม่ได้”
                ผมกำมือแน่น พยายามเช็ดน้ำตา…
                “จุดประสงค์ของคุณคืออะไรกันแน่... ผมไม่เข้าใจ… ต้องการกลับไปทวงทุกอย่าง
เหรอ”
                “ไม่ใช่…”
                “แล้วเพราะอะไร คุณวางแผนทั้งหมดเพราะอะไร”
                “เป็นความลับ…”
                “ระหว่างเรามีแต่ความลับเหรอครับ ผมไว้ใจไม่ได้เหรอ ถึงไม่บอกอะไรกับผมเลย พี่ภูมิเปลี่ยนไป ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว พี่ที่อ่อนโยนกับผม มีอะไรจะบอกผมเสมอ แต่ตอนนี้… ไม่ใช่แล้ว…”
                “ถ้าภูมิดีนัก ฟ้าก็จมปลักกับอดีตต่อไป… ตอนนี้พี่คือหิน ไม่ใช่ภูมิ”
                ผมอึ้งกับคำพูดตัดรอน หัวใจมันเจ็บปวดไปหมด…
                “เราควรหยุดได้แล้วสินะ… อยู่ด้วยกันไปก็มีแต่ความลับ ผมเหนื่อย ทั้งกายและใจ”
                ร่างสูงนิ่งเงียบ ผมไม่รู้ว่าเขามีสีหน้าแบบไหน เพราะตอนนี้ผมได้แต่ก้มหน้าไม่อยาก        รับรู้อะไรอีกแล้ว แต่ก็หวังว่าเขาจะรั้งทุกอย่างไว้ แต่ไม่เลย
                “อืม…” หินไม่ได้รั้งผมไว้
                “.....” ผมได้แต่อึ้ง
                “หินจะไปเอง” เขาพูดก่อนก้มลงหยิบปืน
                “ลาก่อนนะฟ้า… ถ้าโชคดีเราคงได้เจอกันอีก… และหินอยากบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่า        ถึงแม้หินจะโกหก มีความลับ… แต่สิ่งที่หินไม่เคยโกหกและไม่เคยปิดบังก็คือ หินรักฟ้ามาก…”
                พูดจบเขาก็เดินจากไป เหลือเพียงผมที่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น… โกหกใช่ไหม… จากกันแล้วสินะ… ไม่มีเขาอีกแล้ว เหลือเพียงผมคนเดียว… หยาดน้ำตาที่ไหลรินกับเสียงสะอื้นแทบขาดใจ… รั้งไม่ได้… และอีกฝ่ายก็ไม่คิดรั้งเอาไว้… ไม่มีใครรั้งความรักระหว่างเราเลย…
 
 
+++++++++++++++++++++++======================

ขอบคุณทุกคนที่่ติดตามนะคะ คนบ้าทำเป็นหนังสือเเล้วนะคะ มีวางขายในเว็บเเละนำไปฝากขายที่งานหนังสือบูธ Y01 ด้วยนะคะ ใครสนใจอย่าลืมไปอุดหนุนนะคะ เล่มเขียวๆ555555
(http://www.mx7.com/i/d8b/xG9Jfx.jpg) (http://www.mx7.com/view2/zpIu0NlRRlm4jp1L)

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่15] อัพล่าสุด>>>>11/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-10-2016 18:28:15
อีหินทำไมไม่ง้อเลยอะ แถมยังทิ้งไปอีก เฮ้ออออออ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่15] อัพล่าสุด>>>>11/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-10-2016 20:32:20
แม้แต่ฟ้าก็บอกไม่ได้
เพราะฟ้ามีแม่ที่อยู่กับคุณนาย?
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่15] อัพล่าสุด>>>>11/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-10-2016 22:56:01
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่15] อัพล่าสุด>>>>11/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 11-10-2016 23:14:04
 :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่15] อัพล่าสุด>>>>11/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 12-10-2016 00:01:13
อ่าว  หินไม่ใช่ภูมิหรอ แล้วต้องการอะไร อยู่ดีๆก็ทิ้งกันไว้เฉยๆแบบนี้หรอ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่15] อัพล่าสุด>>>>11/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-10-2016 00:05:01
มีความงง หรือว่าหินกับภูมิไม่ใช่คนเดียวกัน!?
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 12-10-2016 15:57:42
  ผมนั่งอยู่แบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ ตั้งแต่หินออกไป ร่างกายผมมันก็ไม่ขยับอีกเลย          ผมค่อยๆ ทบทวนเรื่องราวที่เราผ่านมาด้วยกันอย่างคิดถึง แต่ก็น้อยใจเพราะเขาไม่บอกอะไรกับผมเลย ให้ผมเป็นคนโง่มาตลอด
                ผมหยิบโทรศัพท์ที่หนูดีเก็บไว้ขึ้นมาดู เป็นของผมเอง ผมทิ้งมันไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อที่จะได้เลิกทำเรื่องโง่ๆ แล้วคิดที่จะช่วยหิน แต่สุดท้ายหินก็จากผมไป
                ผมเปิดเครื่องขึ้นมาก็พบกับข้อความและหลายสายที่ไม่ได้รับ
                ทุกอย่างมาจาก…
                กริ๊งงงงง ทันทีที่เปิดเครื่อง สายเรียกเข้าก็ดังขึ้น ผมมองเบอร์ที่ปรากฏแล้วปล่อยให้เสียงมันดังต่อไป ผมกดตัดสายแล้วปิดเครื่องอีกครั้ง
                ผมจะไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นอีก…
 
ooooOoooo
 
                “ไอ้แก่! อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเจอดีแน่” เพชรในเสื้อคลุมอาบน้ำเตรียมวางหมัด เพราะเขาถูกพามาที่บ้านหลังนี้ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อวาน พอตื่นมาก็นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับ             พ่อเลี้ยง แถมยังอยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำโดยที่ข้างในไม่ได้ใส่อะไรเลย
                “ใจเย็นๆ น่า”
                “เย็นอะไรวะ โทษนะ ถึงกูจะหญิงก็ได้ชายก็ดี แต่ไม่เอาคนแก่เว้ย!”
                “เห? ผู้ชายก็ได้เหรอเนี่ย… ดูภายนอกไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ” พ่อเลี้ยงเลิกคิ้วแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วหุ่นกำยำที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมอาบน้ำของคนตัวเล็กกว่า ที่เขารู้ก็เพราะว่าตอนถอดเสื้อผ้าออก เขาได้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายนี้แล้ว
                “มองอะไรวะ อย่ามาหื่นกามนะเว้ย!”
                “หึๆๆ”
                “ขำทำไม”
 
                “คุณพ่อคะเสียงดัง…” หนูดีเปิดประตูเข้ามา มองพ่อและคนมาใหม่สลับไปมาอย่าง งงๆ อีกคนตั้งท่าจะปล่อยหมัด อีกคนก็ยืนขำ
                “ใครเหรอคะ คุณพ่อ”
                “แม่หนูดีไงจ๊ะ”
                เพชรเบิกตากว้างแล้วเอาหมอนขว้างพ่อเลี้ยงไม่ยั้ง
                “อย่ามามั่ว… ใครแม่..” แววตาน่าสงสารเปี่ยมด้วยความหวังของเด็กน้อย ทำให้เพชรต้องกลืนคำพูดสุดท้ายลงคอ
                “หนูดีมีแม่แล้ว!” หนูดีพูดแล้วกระโดดดีใจ
                เพชรอ้าปากค้าง เถียงไม่ออก
                พ่อเลี้ยงมองคนที่ยืนอึ้งแล้วขำไม่หยุด…
 
ooooOoooo
 
                “เลิกมัดจะได้ไหม หิวข้าว” เพชรก้มมองข้อมือของตัวเองที่ถูกมัดติดกัน แล้วแบบนี้เขาจะกินข้าวได้ยังไงล่ะ แต่ถือว่ายังโชคดีที่ไม่ต้องกินข้าวขณะใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ
                “แก้มัดเถอะ”
                “ไม่ได้…”
                “หิวข้าว”
                “อะ..” พ่อเลี้ยงตักข้าวจ่อปาก
                “กินสิ เดี๋ยวป้อน”
                “หะ! นี่มึง..”
                “พูดเพราะๆ ไม่งั้นอดกิน”
                “ฮึ่ม… คุณ… ผมจะกินเอง ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
                “จะแน่ใจได้ยังไงว่าไม่หนี”
                เพชรนิ่วหน้า
                “คุณแม่คะ อ้ามมม”
                เพชรมองหนูดีที่กำลังตักข้าวจะป้อนเขา
                “เอ่อ…”
                “อร่อยนะคะ กับข้าวฝีมือป้านวลอร่อยที่สุดเลย”
                พ่อเลี้ยงนั่งมองทั้งสองคนแล้วยิ้ม
 
                “ไม่ชอบเหรอคะ” หนูดีทำหน้าเศร้า เพชรจึงรีบกินข้าวที่ถูกยื่นมาให้ทันที เขาแพ้เด็ก ยิ่งเด็กที่น่ารักเหมือนกับครามตอนเด็กแบบนี้ก็ยิ่งแพ้
                พ่อเลี้ยงยกยิ้ม
                “ปล่อยได้หรือยัง” เพชรเคี้ยวตุ้ยๆ ยื่นแขนให้
                “ได้… แต่ถ้าหนี… จะปล้ำ”
                เพชรเบิกตากว้าง มันจะหื่นไปไหน
                “ว่าไง ถ้าหนีฉันจะปล้ำ”
                “อะ… อะ…”
                “กลัวอะไร ถ้าไม่หนีก็ไม่โดน… หรือจะหนี”
                “มะ..ไม่หนีก็ไม่หนีสิวะ…”
                พ่อเลี้ยงยกยิ้มแล้วแก้เชือกให้
                “อย่าลืมนะ ถ้าหนีจะปล้ำ”
                “คนอะไรน่าไม่อาย พูดเรื่องลามกต่อหน้าลูกสาวตัวเอง”
                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูดีไม่ถือสา” เด็กน้อยเอ่ยแล้วกินข้าวตุ้ยๆ
                พ่อลูกคู่นี้เข้าขากันดีจริงๆ!
                พอกินข้าวเสร็จ พ่อเลี้ยงก็ให้เพชรตามไปที่ห้องทำงานเพราะมีเรื่องที่ต้องการจะถามให้แน่ใจ
                “มีอะไรก็พูดมาสิ” เพชรยืนกอดอกมองคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานทำหน้าเครียด
                “นายรู้จักภูมิตั้งแต่เด็กหรือเปล่า”
                “ถามทำไม…อ้อ ครามคงเล่าอะไรให้คุณฟังสินะ จะว่าไป ผมยังไม่เจอครามเลย ให้ผมเจอหน่อยสิ คิดถึงจะแย่แล้ว”
                “หืม? คิดถึง นี่อย่าบอกนะว่านายชอบคราม”
                “ใช่” เพชรพูดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นกอดไว้เช่นเดิม
                “ครามหนีมากับไอ้บ้าน่ะ เป็นความผิดของพ่อกับแม่ผมเอง…”
                “นายไม่ต้องการส่งตัวทั้งสองคนไปให้พ่อกับแม่นายเหรอ”
                “ถ้าไอ้บ้าน่ะใช่ ส่วนคราม ไม่มีทาง”
                “เขารักกัน จะไปเป็นมือที่สามทำไม… ทำไมไม่หารักของตัวเองล่ะฮึ”
                เพชรมองพ่อเลี้ยงที่นั่งตรงข้ามและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์จนเขาต้องหลบสายตา
                “วะ..ว่าแต่ ไหนล่ะเรื่องที่จะถามผม”
                “อ้อ… ก็ที่ถามไปนั่นแหละ ว่ารู้จักกับภูมิตั้งแต่เด็กไหม”
 
                “ก็ตั้งแต่เด็กนะ พ่อแม่ผมกับพ่อแม่ของภูมิอยู่บ้านเดียวกัน แต่หมอนั่นเก่งทุกอย่าง จะทำอะไรก็ดีกว่าไปหมด ส่วนครามก็ติดเจ้านั่นแจเลย”
                พ่อเลี้ยงพยักหน้า พอเข้าใจแล้วว่าบางทีเพชรอาจไม่ได้ชอบฟ้าคราม แต่เพราะอยากเอาชนะภูมิมากกว่า ด้วยนิสัยเอาแต่ใจ ไม่แปลกที่อยากจะเอาชนะ
                “แล้วพอจำได้ไหมว่าภูมิเคยมีอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า”
                เพชรหันมามองทันที  “คุณ..ก็สงสัยเหรอ”
                พ่อเลี้ยงเลิกคิ้ว “หืม… รู้เหรอว่าหมายถึงอะไร”
                “รู้สิ… แค่คุณถาม ผมก็พอรู้ความหมายแล้ว”
                “นี่สินะ” พ่อเลี้ยงพูดพลางยื่นภาพถ่ายให้ดู “ตรงนี้ใช่ไหม” พอเลี้ยงชี้ไปที่รูปภาพของภูมิที่เคยให้ฟ้าครามดู
                เพชรเพ่งมองภาพที่ลางเลือน แต่เมื่อมองส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ถูกโปรแกรมทำให้ชัดขึ้นเขาก็พยักหน้า
                “ดูท่าเราจะใจตรงกันเลยนะ นายรู้ใช่ไหมว่ามีบางอย่างไม่เหมือนกัน”
                “แน่นอนสิ เพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้น ผมนี่แหละเป็นคนทำ… เรื่องมันไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ”
                พ่อเลี้ยงลุกขึ้น “เราต้องไปถามเรื่องนี้กับหินให้แน่ใจ”
                ก๊อกๆ
                “พ่อเลี้ยงคะ ฟ้าครามมาขอพบค่ะ” แม่บ้านเอ่ยเรียก ทั้งสองคนรีบไปหาทันที เพชรยิ้มอย่างดีใจที่จะได้เจอครามอีกครั้ง แต่เมื่อพบกับสภาพของคนตรงหน้าที่มีนัยน์ตาแดงก่ำ เขาก็ใจหวิวทันที
                “คราม!”
                “คะ..คุณเพชร” เพชรกอดครามด้วยความคิดถึง
                “ในที่สุดพี่ก็เจอครามสักที เป็นห่วงมากรู้ไหม”
                ครามยิ้มบางๆ ก่อนจะผละออก
                “เป็นอะไรเหรอคราม ทำไมสภาพถึง…” เพชรมองครามที่อ่อนแรงด้วยความเป็นห่วง
                “พ่อเลี้ยงครับ… ผมจะมาขอลาออกครับ”
                “ว่าไงนะ!” ทั้งสองคนพูดพร้อมกันด้วยความตกใจ
                “ทำไมคราม… แล้วหินไปไหน” พ่อเลี้ยงเอ่ยอย่างตระหนก
                “เขาไปแล้วครับ…”
                “ไปไหน!”
                ครามส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง
 
                “ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมต้องอยู่ที่นี่แล้ว… ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ” ครามยกมือไหว้
                “เดี๋ยว! ครามจะไปไหน มีที่ไปเหรอ” เพชรจับมือครามเอาไว้
                “นั่นสิ มาอยู่กับฉันก่อนเถอะ… เข้ามาในบ้านก่อน”
                “แต่ผม…”
                ไม่รอให้พูดจบ เพชรก็พาครามเข้ามาในบ้าน
                “สงบใจไว้ก่อนนะ เล่าทุกอย่างให้ฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เพชรเอ่ยถาม
                “ผมถามหินว่าเป็นบ้าหรือเปล่า… ซึ่งก็เป็นอย่างที่พ่อเลี้ยงบอก เขาไม่ได้เป็นบ้า”
                “ว่าไงนะ! หมอนั่นไม่ได้บ้าเหรอ!” เพชรตะโกนด้วยความตกใจ
                พ่อเลี้ยงพยักหน้าเพราะเป็นไปตามที่คาด
                “แล้วเขาก็ไป… เพราะเรามีความลับระหว่างกันมากเกินไป เราจึงถอยให้กัน… ผมโง่มากเลยเนอะ… โง่มาตั้งนาน” ครามพูดทั้งน้ำตา
                “ไอ้หมอนั่นแกล้งเหรอวะเนี่ย อะ..เอ่อใจเย็นๆ นะคราม นอนพักก่อนเถอะ ตาแดงขนาดนี้” เพชรเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
                “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ยังไงผมก็ต้องขอลาออกและไปจากที่นี่”
                “ถ้าแม่พี่เจอ ครามจะไม่ปลอดภัยนะ”
                “แต่ผม…”
                “นอนพักก่อน เดี๋ยวตื่นมาค่อยคิด… ป้านวลครับ จัดห้องให้ครามหนึ่งห้องด้วยครับ” หลังจากพ่อเลี้ยงเอ่ย ป้านวลก็รีบไปจัดการตามคำสั่งทันที จากนั้น ทั้งพ่อเลี้ยงและเพชรก็พาครามไปนอน ร่างกายที่อ่อนล้าทำให้ครามนอนหลับอย่างง่ายดาย
                เพชรถอนหายใจเฮือกใหญ่
                “ไอ้บ้านั่นทิ้งครามไปเหรอเนี่ย ทั้งยังแกล้งบ้าอีก แปลว่าพวกผมโง่มาตั้งสิบปีเลยเนี่ยนะ”
                พ่อเลี้ยงตบบ่าเพชร “ดูแลครามไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปดูที่ไร่ก่อน”
                “ก็ไปสิ บอกผมทำไม”
                “อ้าว นึกว่าอยากรู้”
                “ใครอยากรู้เรื่องของคุณ”
                “หึ เดี๋ยวนอกใจซะเลย” ประโยคทิ้งท้ายทำให้เพชรอยากเอาหมอนขว้างตามหลังไปจริงๆ ตาแก่บ้านี่จีบเขาจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย
                “แม่คะ เหลาดินสอให้หนูดีหน่อยค่ะ” เด็กน้อยยิ้มหวาน
                “เอ่อ… ได้สิ” เพชรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากลายเป็นแม่เด็กคนนี้ไปแล้ว แถมดูท่าหนูดีจะคิดว่าเขาคือแม่จริงๆ แต่แค่เหลาดินสอด้วยกบเหลาดินสอก็ไม่น่ายากนะ หรือแค่อยากมาอ้อนกัน
                “ขอบคุณค่ะ”
                “หนูดีไม่ไปโรงเรียนเหรอ”
                “เดี๋ยวคุณครูมาสอนค่ะ”
                “หืม… แล้วทำไมไม่ไปโรงเรียนล่ะ”
                “ไกลมากเลยค่ะ ถ้าจะเรียน หนูดีต้องเข้าไปในตัวเมืองเลย คุณพ่อเลยจ้างคุณครูมาสอนหนูค่ะ”
                “ไม่เหงาเหรอ… อยากมีเพื่อนไหม”
                หนูดีสลดลงเล็กน้อยแล้วยิ้ม
                “ไม่เหงาค่ะ มีคุณพ่อ มีป้านวล มีพี่ฟ้าคราม แล้วก็มีคุณแม่ หนูดีไม่เหงาหรอก” เพชรอึ้งในความอดทนที่ผิดจากอายุของเด็กน้อย ต่างกับเขาที่ชอบทำตัวเอาแต่ใจนิสัยเด็กอยู่เรื่อย
                “หนูดีคะ คุณครูมาแล้วค่ะ” เสียงป้านวลเอ่ยเรียก หนูดีจึงรีบออกไป
                เพชรยิ้ม “อายเด็กไหมเรา”
 
ooooOoooo
 
                “คนงานหายไปเหรอ” พ่อเลี้ยงขมวดคิ้ว ที่ฟาร์มม้าและไร่ส้มมีคนงานหายไป
                “เอ่อ… เป็นพวกคนงานใหม่น่ะ ครับอยู่ได้ประมาณหนึ่งเดือน… เมื่อเช้าจู่ๆ ก็หายไปกันหมดเลย”
                “กี่คน”
                “ห้าคนครับ”
                พ่อเลี้ยงถอนหายใจ เขาไม่ได้เป็นคนคัดคนงาน เพราะส่วนมากจะให้หัวหน้าคนงานเป็นคนรับผิดชอบ แต่สุดท้ายกลับได้คนที่ไร้ความอดทนและจู่ๆ ก็หนีไปเนี่ยนะ
                “แล้วมีประวัติของคนที่หนีไปไหม ขอดูใบสมัครหน่อย”
                “เอ่อ…”
                “อะไร”
                “คือ... ไม่ได้กรอกใบสมัครน่ะครับ ตอนนั้นมีงานเร่ง ผมเลยให้ทำเลย”
                พ่อเลี้ยงกอดอก ขมวดคิ้ว “ให้ฉันหักเงินเดือนดีไหมฮึ ตาอิ่ม”
                “ขะ..ขอโทษครับพ่อเลี้ยง ผมมันสะเพร่าจริงๆ”
                “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกล่ะ ไปทำงานต่อเถอะ”
                “ครับ”
                “หนีงั้นเหรอ” พ่อเลี้ยงขมวดคิ้วฉุกคิด
ooooOoooo
 
                ตอนเย็น
                “คราม... คราม…”
                “อืม…”
                “ตื่นได้แล้ว… นอนมากเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”
                ครามค่อยๆ ลืมตาตื่น
                “คุณเพชร…”
                “เลิกเรียกคุณเพชรเถอะ ทำไมไม่เรียกพี่เพชรล่ะ ทีภูมิยังเรียกพี่ภูมิเลย” เพชรหยุดพูด เพราะดูท่าจะทำให้คนที่เพิ่งตื่นต้องทำหน้าเศร้าอีก
                “ไปล้างหน้าเถอะ จะได้หายง่วง”
                ครามทำตามที่บอก
                เพชรดึงผ้าห่มออก หวังให้ป้านวลไปเปลี่ยนเพราะดูท่าจะไม่ค่อยมีคนใช้ ผ้าผืนนี้จึงมีกลิ่นเหม็นอับ แต่พอเอาผ้าห่มออกจากเตียง เขาก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นโทรศัพท์วางอยู่
                “ครามทำตกเหรอ…” เพชรหยิบขึ้นมาดู ไม่แน่ใจว่าแบตหมดไหมเพราะหน้าจอดับ จึงลองเปิดเครื่องดูก่อน แต่เมื่อเขาเปิดเครื่อง สายที่ไม่ได้รับและข้อความต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นมากมาย แต่สิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาตกใจ แต่เป็นเพราะเบอร์ที่คุ้นเคย ยิ่งเมื่อเปิดอ่านข้อความเหล่านั้นเขาก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
                ครามออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเห็นเพชรถือโทรศัพท์ของตนก็ตกใจ เพชรค่อยๆ หันมามองครามอย่างไม่เข้าใจ
                “ครามแอบติดต่อกับแม่พี่เหรอ”
                ครามยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก ร่างกายสั่นด้วยความกลัว…
                “คราม… หมายความว่ายังไง พี่งงไปหมดแล้ว…”
                “ผม..ผม..ผมไม่ได้ตั้งใจ ฮึก..ก..ก... ผม…” ครามทึ้งผมตัวเอง หายใจหอบ รู้สึกปวดหัว ปวดท้องจนอยากอาเจียนออกมา…
                “คะ..คราม ใจเย็นๆ สูดหายใจลึกๆ”
                “ผะ..ผมไม่ได้... ตั้งใจ…”
                ฟุบ!
                “คราม!”
               พอสิ้นคำพูด ร่างของครามก็สลบลงในอ้อมแขน เพชรอึ้งค้างทำตัวไม่ถูก อุ้มร่างครามไว้แล้วให้แม่บ้านโทรหาพ่อเลี้ยงทันที
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-10-2016 18:51:45
ง่าาา.  เกิดไรขึ้นเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-10-2016 20:30:03
คราม ท้องแล้วแน่ๆ
หินแอบติดต่อพรรคพวก แล้วพากันไปจากฟาร์ม
พ่อเลี้ยง เพชร  :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-10-2016 21:05:10
อ่าว

อ่าวววววววว

คนที่คุณนายพยายามติดต่อมาตลอดคือฟ้าครามหรือเนี่ย?
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 12-10-2016 21:29:16
โอ๊ยๆๆๆ เกิดอะไรขึ้นหว่าาา อย่าบอกนะว่าหินเป็นตำรวจน่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-10-2016 21:37:31
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 12-10-2016 23:25:17
ซับซ้อน ซ่อนปม  :katai4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 13-10-2016 10:27:51
ต้องอึ้งซักกกี่ครั้งกันเนี่ยยยย :katai1:
คนงานหายไป คนงานเหล่านั้นคือคนของไอ้บ้าแน่ ๆ เลย
นอกนั้นม่อยากเดา รอลุ้นดีกว่า

 :pig4: ค่ะ

หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-10-2016 12:03:35
สับสนวุ่นวาย พิศวงงงงวย o2
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 13-10-2016 22:04:17
ฟ้าครามทรยศหินหรอ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 13-10-2016 22:54:26
ลุ้นมากๆสนุกมาก แต่ซั้บซ้อนจัง
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-10-2016 23:35:41
ยิ่งอ่านยิ่งงง!
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-10-2016 10:00:56
ซับซ้อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-10-2016 13:19:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่16] อัพล่าสุด>>>>12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-10-2016 22:11:20
อ้าว หมายความว่าไงเนี่ยฟ้าคราม
ตอนนี้ท้องแล้วใช่ไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 16-10-2016 23:18:42
               ‘ฟังฉันนะ ถ้าแกไม่อยากให้ฉันไล่แกกับแม่แกออก แกจะต้องแสดงละครให้เก่งๆ ตบตาทุกคนให้ได้ โดยเฉพาะไอ้บ้าผัวแก’ คุณนายพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ผม
                ‘แกต้องทำให้มันรัก เชื่อใจแก จนกว่ามันจะบอกรหัสและให้กุญแจกับแกเข้าใจไหม’
                ผมพยักหน้ารับอย่างจำนน
                ‘ฉันจะติดต่อกับแกโดยผ่านโทรศัพท์เครื่องนี้ และอย่าทรยศฉันเด็ดขาด’
                และนั่นคือจุดเริ่มต้นของผม… หลังจากที่ผมถูกผู้ชายปริศนาในกระท่อมขืนใจ …คุณนายข่มขู่ว่าจะไล่แม่กับผมออกจากบ้าน แต่ต้องแลกด้วยการกระทำแบบนี้
                ผมไม่อยากทำแน่นอนและผมก็ไม่รู้เลยว่ากุญแจกับรหัสที่ว่านั่นหมายถึงอะไร ใช้ชีวิตกับเขาช่วงแรกมีแต่ความหวาดกลัว แต่พออยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ความสุขกลับก่อตัวขึ้น ผมไม่เคยถามเรื่องกุญแจและรหัสเขาเลย จนกระทั่งพี่ปรางบอกผมให้หนีเพราะคุณนายจะฆ่า ทุกอย่างเริ่มเพี้ยนสับสนไปหมด ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ แต่คิดไปว่าอาจเป็นเพราะหินทำร้ายคุณเพชรในวันนั้น พวกผมจึงรีบหนีออกมา…
                เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขณะที่ผมกำลังล้างจานที่ร้านเจ๊ลี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเปิดเครื่อง
                [แกอยู่ไหน! แกหนีไปทำไม]
                ‘คะ..คุณนาย’
                [แกกับไอ้บ้าอยู่ที่ไหนบอกมา! หรือจะให้ฉันตามล่าแล้วฆ่าพวกแก!]
                ‘ผม… ผม… ถ้าผมบอกคุณนายจะ ฆะ..ฆ่าพวกผมไหม…’
                […ไม่ …ฉันจะไม่ฆ่าพวกแก จะให้พวกแกกลับบ้าน แม่แกร้องไห้อยากเจอแกมากรู้ไหม]
                ‘…ผมอยู่ที่…’
                ผมบอกชื่อหมู่บ้านไป แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกไม่ไว้ใจคำพูดของคุณนายจนยิ่งรู้สึกกังวล ยิ่งเจ๊ลีให้ดูภาพในโทรศัพท์ ผมก็ยิ่งร้อนรนจนอยากหนี และนั่นทำให้เจ๊ลีรู้ความจริงจากผมและให้ความช่วยเหลือ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณท่านมาตามหาผมที่บ้านหลังไหนบ้างในหมู่บ้าน เพราะตลอดเวลาที่รอการติดต่อจากน้องชายเจ๊ลี พวกผมก็อยู่แค่ในห้องเช่า แต่เจ๊ลีก็เข้ามาบอกว่ามีคนแปลกหน้าทำตัวน่าสงสัยเข้ามาในหมู่บ้าน แต่คนในหมู่บ้านก็รวมตัวกันไล่ออกไป เจ๊ลียังบอกอีกว่า ถึงแม้คนพวกนั้นจะยอมออกไป แต่เจ๊คิดว่าต้องดักซุ่มรออยู่ที่ไหนสักแห่ง จนกระทั่งถึงวันที่พวกผมต้องหนี ก็เจอกับกลุ่มลูกน้องของคุณท่านที่ดักรอจะฆ่าพวกผม จากเหตุการณ์ครั้งนั้นจึงทำให้ผมเลิกติดต่อกับคุณนาย และเมื่อมาถึงเชียงใหม่ก็ทำให้ผมได้รู้ความจริงบางอย่างที่ทำให้ผมช็อกและรู้สึกเกลียดการกระทำของตัวเองอย่างมาก
                [เขาก็คือคุณภูมิ… ลูกจำพี่ภูมิได้ไหม]
                คำพูดของแม่ทำให้ผมรู้สึกผิดกับสิ่งที่กระทำ ผมได้แต่พร่ำขอโทษเขาและตั้งมั่นที่จะช่วยให้พี่ภูมิได้กลับไปทวงทุกอย่าง
                ...แต่ว่าตอนนี้เขาไม่อยู่กับผมแล้ว
 
ooooOoooo
 
                “เกิดอะไรขึ้น”
                “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เพชรทรุดลงอย่างหมดแรงเมื่อครามเข้าไปในห้องไอซียู
                “เอานี่ไปดู” เพชรยื่นโทรศัพท์ให้พ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงรับไปอย่างงงๆ
                “ครามติดต่อกับแม่ผม”
                “อะไรนะ”
                “ผมคิดว่าครามกับแม่ผมต้องติดต่อกันตั้งแต่แรก…” เพชรเสยผมตัวเองแล้วถอนหายใจ
                “แต่ผมเชื่อว่าครามต้องถูกบังคับแน่ๆ ผมรู้จักครามดี และก็รู้จักแม่ผมดีด้วย”
                “เฮ้อ…” พ่อเลี้ยงถอนหายใจแล้วนั่งลงข้างๆ
                “แล้วจะเอาไงต่อ”
                “เอาไงต่ออะไร”
                “จะช่วยครามต่อไหม รู้ความจริงแบบนี้แล้ว”
                “ก็บอกแล้วไงว่าครามถูกบังคับ ยังไงผมก็อยู่ข้างครามอยู่แล้ว”
                พ่อเลี้ยงยิ้มแล้วขยี้ผมคนข้างๆ
                “ทำไรเนี่ย ยุ่งหมดแล้ว”
                …..ประตูห้องไอซียูเปิดออก ทั้งสองคนรีบลุกไปถามอาการอย่างเป็นห่วง
                “ครามเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ” หมอวัยกลางคนขยับแว่นตา หน้าตาดูเครียดๆ แล้วส่ายหน้าจนทำให้ทั้งสองคนอดเป็นห่วงไม่ได้
                “อะไรครับ คะ..ครามเป็นหนักเหรอครับ”
                “เอ่อ… คนไข้มีอาการเครียดสะสมมากเกินไปน่ะครับ เลยทำให้หมดสติ อาการไม่น่าห่วงอะไร”
                “เฮ้อ…” เพชรถอนหายใจโล่งอก
                “แต่… เอ่อ… อะแฮ่ม!” หมอขยับแว่นตาอีกครั้งแล้วพูดเสียงแผ่วเบาอย่างไม่มั่นใจ
                “คะ..คนไข้กำลังตั้งครรภ์ครับ”
                “..…”
                “..…”
                “หะ..! อะไรนะครับ!”
                คงจะไม่มีเรื่องอะไรน่าตกใจไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับเพชรและพ่อเลี้ยง… ทั้งสองคนมองตากันปริบๆ
                “หมอล้อเล่นใช่ไหมครับ” พ่อเลี้ยงเอ่ยติดตลก แต่พอมองหน้าหมอแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
                “ตามมาคุยกับหมอที่ห้องก่อนดีกว่าครับ” ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วเดินตาม
                “คนไข้ท้องได้สี่สัปดาห์แล้วครับ… หมอเพิ่งเคยเจอเคสนี้ คนไข้น่าจะอยู่ในกลุ่มคนมี  สองเพศน่ะครับ หมอคงต้องขอข้อมูลจากโรงพยาบาลและหมอประจำตัวคนไข้ก่อน”
                เพชรนิ่งค้าง อยากตบหน้าตัวเอง เรื่องจริงเหรอเนี่ย! หลังจากที่ครามออกมาจากห้องฉุกเฉินและย้ายมาอยู่ห้องพิเศษ ทั้งเพชรและพ่อเลี้ยงต่างยืนมองนิ่งค้างไม่มีใครพูดอะไร
                “ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” เพชรพูดพลางขมวดคิ้ว
                “ให้จูบไหมจะได้รู้” พ่อเลี้ยงพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้
                “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเล่นนะคุณ” เพชรเดินหนีไปนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรงเอาดื้อๆ
                “จะเอาไงดีเนี่ย ไอ้บ้านั่นก็หนีไปไหนแล้วไม่รู้… อย่าให้เจอนะ จะ…”
                “จะอะไร คราวที่แล้วก็กลัวจนสลบนี่”
                เพชรอึกอักก่อนจะโพล่งออกมา “โธ่เว้ย! แล้วจะทำไงดี”
                “ก็คงต้องออกตามหากันล่ะนะ… จริงสิฉันมีเรื่องจะบอก” พ่อเลี้ยงนั่งข้างๆ แล้วเขยิบใกล้จนเบียด
                “ก็พูดมาสิ จะเบียดทำไม”
                “ก็มีเรื่องจะบอก”
                “อะไร…”
                “คนงานฉันหนีไปห้าคน”
                “แล้วไง”
                “เป็นวันเดียวกับที่หินออกไป”
                เพชรย่นคิ้ว
                “คิดว่าจะเกี่ยวกันไหม” พ่อเลี้ยงไม่พูดเปล่า ยกโทรศัพท์ขึ้นมา
                “มีอะไรจะให้ดูด้วย… บังเอิญเจอบางอย่างน่ะ” พ่อเลี้ยงเปิดรูปของหินและครามซึ่งถูกถ่ายตอนที่ครามยังทำงานอยู่ที่ร้านเจ๊ลี เป็นรูปที่ถูกแชร์ไปอย่างกว้างขวางบนอินเตอร์เน็ต
                “ทำไมเหรอ…” เพชรนิ่วหน้ามอง
                “เราสองคนควรจะไปเป็นนักสืบนะ รู้สึกจะเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที” พ่อเลี้ยงยกยิ้ม
                “อะไรของคุณ”
                “ดูนี่สิ….ตรงคอมเมนต์ใต้รูปภาพน่ะ”
                เพชรเบิกตากว้าง “ไม่จริงน่า”
                “จริงยิ่งกว่าจริง… แค่นี้ก็น่าจะพอคลี่คลายทุกอย่างได้หมดแล้ว เหลือเพียงจุดประสงค์”
                “จุดประสงค์อาจจะเกี่ยวกับพ่อและแม่ผม…” เพชรขมวดคิ้วและซบหน้าลงกับฝ่ามือ
                “ผมควรทำยังไงดี มันสายเกินไปแล้วใช่ไหม… ผมเองก็อาจจะมีส่วนด้วย”
                “ไม่เอาน่า…” พ่อเลี้ยงดึงมือของเพชรออกแล้วสวมกอด “ใจเย็นๆ”
                “ผม…”
                “ให้เป็นไปตามกรรมดีกว่านะ เพราะทุกอย่างมันเริ่มมานานแล้ว คงหยุดไม่ได้”
                “อะ..อืม” เสียงครางจากคนบนเตียงพยาบาลทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงักและรีบเดินไปที่เตียง
                “คราม! เป็นยังไงบ้าง” เพชรพูดพลางจับมือคราม
                “ผม… ผมปวดหัว…”
                เพชรบีบมือของครามเบาๆ จะบอกยังไงดี เรื่องที่ครามท้อง เพราะมันฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป แต่จากที่หมอบอก แปลว่าครามต้องรู้เกี่ยวกับร่างกายตัวเองอยู่แล้ว
                ครามมองเพชรและพ่อเลี้ยงแล้วหลบสายตา
                “ขอโทษนะครับ… คุณเพชรคงเห็นทุกอย่างในโทรศัพท์ผมแล้ว ผมเลวมากใช่ไหม”
                “พี่เข้าใจครามนะ…”
                ครามมองหน้าเพชรกับพ่อเลี้ยง แล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่…
                “อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวลูกในท้องก็ร้องไห้ตามหรอก”
                ครามชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของเพชร
                “อะ..อะไรนะครับ!”
                “เอ่อ… คราม… ครามท้องได้สี่สัปดาห์แล้วนะ”
                ครามมองหน้าทั้งสองคน ไม่มีแววพูดเล่นเลย
                “คุณเพชร…”
                เพชรวางมือบนหน้าท้องแบนราบ “…ตรงนี้มีเด็กอยู่นะ”
                ครามค่อยๆ จับท้องตัวเองอย่างแผ่วเบา “ไม่จริง…”
                “จริงยิ่งกว่าจริง… ครามรู้มาตลอดใช่ไหมว่าร่างกายตัวเองเป็นยังไง”
                ครามพยักหน้าช้าๆ แล้วเอ่ยต่อ “แต่หมอบอกว่าโอกาสน้อยและผมอาจเป็นหมัน”
                “แต่ตอนนี้… ครามกำลังท้อง กำลังมีเจ้าตัวน้อยนะ”
                ครามน้ำตาคลอเม้มปากแน่น
                “ละ..ลูกของผม ฮึก..ก… แต่เขากลับมาอยู่กับคนที่ไม่พร้อมอย่างผม… ฮึก..ก…”
                “ไม่พร้อมตรงไหน… ครามพร้อมทุกอย่างแค่ไม่มีพ่อเฮงซวย!” เพชรพ่นลมหายใจและนิ่วหน้าด้วยความโกรธ
                “เรื่องหิน ฉันจะตามหาหมอนั่นเองไม่ต้องห่วงนะ ไม่ยากหรอกเส้นสายฉันพอมี” พ่อเลี้ยงยกยิ้มแล้วลูบหัวของคราม
                “ไม่ต้องหรอกครับ อย่าตามหาเขาเลยเราเลือกที่จะถอยให้กันแล้ว และเขาเลือกที่จะจากผมไป อย่าตามหาเขาเลยครับ แต่ผมแค่สงสารลูกเท่านั้นที่เขาเกิดมาจากผู้ชายอย่างผม และเกิดมาไม่มีพ่อ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะดูแลเขาเอง เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเขา”
                “พี่จะช่วยเลี้ยงด้วยนะ ไม่ต้องห่วง”
                “ขอบคุณนะครับ”
 
ooooOoooo
 
                “เดี๋ยวผมเฝ้าครามเอง”
                “อืม…”
                “แล้วเรื่องของหิน จะบอกครามไหม” เพชรพูดพลางหันไปมองร่างที่หลับอยู่บนเตียงแล้วกอดอกพิงประตูอย่างเหนื่อยใจ
                “รอให้ร่างกายแข็งแรงก่อนแล้วค่อยบอกเถอะ”
                “เฮ้อ… ขนาดผมยังตกใจไม่หาย แล้วครามจะตกใจและเสียใจมากแค่ไหนที่ถูกหลอกแล้วหลอกอีก”
                ‘คุณเพชรกับพ่อเลี้ยงพูดเรื่องอะไรกัน ถูกหลอกแล้วหลอกอีกเหรอ หินหลอกอะไรผมอีก’ ครามซึ่งแกล้งหลับและกำลังแอบฟังได้แต่คิดอยู่ในใจ ยังมีความจริงอะไรอีกที่หินปิดบังเขาเอาไว้
                “ผมอยากบอกครามให้เร็วที่สุดนะ ครามจะได้เลิกยึดติดกับภูมิสักที อยากให้ครามรู้ว่า… หินกับภูมิไม่ใช่ …คนเดียวกัน”
                คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเพชรทำให้ครามรู้สึกช็อกอย่างมาก…
 
                  ‘หินกับพี่ภูมิไม่ใช่คนเดียวกัน? ไม่จริงใช่ไหม!’
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 16-10-2016 23:44:18
สงสารครามจัง หินกับภูมิเกี่ยวข้องกันยังไงน้าาา
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 17-10-2016 00:21:02
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปอีกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-10-2016 00:41:39
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 17-10-2016 00:41:59
หมายความว่าไงเนี่ยยยยย
ครามคงสับสนน่าดู :hao4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 17-10-2016 00:43:11
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก แต่สนุกจ้า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 17-10-2016 00:52:15
อยากได้แบบอีบุ้คจังเลยค่ะ ชอบเรื่องนี้มากกก ซับซ้อนซ่อนเงื่อนดี อิอิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-10-2016 01:44:12
งงๆๆๆๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 17-10-2016 08:38:22
ห๊ะ ไม่ใช่คนเดียวกัน แล้วเป็นอะไรกัน
แล้วใครจะเป็นพระเอก พี่ภูมิที่ผูกพัน หรือหินที่ได้กินคราม ซับซ้อน/ ซ่อนเงื่อนดีอ่ะ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-10-2016 08:44:52
ไม่ใช่คนเดียวกันแล้วเป็นใคร!?
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-10-2016 09:04:32
อื้อออ ไม่ใช่คนเดียวกันจริงๆหรือเนี่ย? แล้วหินคือใครกันแน่ล่ะ?

เฮ้อออ ซับซ้อนๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 17-10-2016 10:15:19
รอรอ สองคนเกี่ยวข้องกันยังไง หรือหินแเปลี่ยนตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้านแทนภูมิ เพื่อรอวันเปิดพินัยกรรมและทวงทุกอย่างคืน แล้วทำไมต้องเปลี่ยน รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-10-2016 10:22:50
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: may_nk ที่ 17-10-2016 12:17:03
ชอบมาก หน้าติดตาม  o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-10-2016 13:02:43
แล้วมันเป็นจั๋งได
จังซี่ มันต้องถอนๆๆ
ถอนๆๆๆๆๆๆ
ลึกลับซับซ้อน ซ่อนเงี่ย...เอ๊ย ซ่อนเงื่อน
ที่จริงมันก็มีระหว่างหินกับฟ้านะ
แต่หินบอกว่าความรักของหินเป็นเรื่องจริง
จะเชื่อนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
   
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 17-10-2016 13:36:00
ต้องเป็นห้องฉุกเฉินป่าวอ่ะ ครามเข้าห้อง ICU เลยหรอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-10-2016 13:53:20
หินกับภูมิไม่ใช่คนเดียวกัน อ้าว แล้วหินเป็นใครมาจากไหนละเนี่ย ทำไมมันดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนจัง
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่17] อัพล่าสุด>>>>16/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 17-10-2016 14:55:31
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนสุดๆ

 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 17-10-2016 18:25:00
                “พี่ฟ้าครามคะ ในนี้มีน้องเหรอคะ” หนูดีเอ่ยขณะจูงมือผมเดินเที่ยวเล่นในทุ่งหญ้าบริเวณหน้าบ้าน ผมออกจากโรงพยาบาลมาได้สองวันแล้ว… และได้เจ้าตัวเล็กมาด้วย ...พร้อมกับ                  ความเจ็บช้ำ
                “ครับ… ในนี้มีน้องอยู่”
                “หนูดีอยากเห็นหน้าน้องไวๆ จังเลยค่ะ โอ๊ะ ดอกไม้ตรงนี้บานสวยจังค่ะ” หนูดียิ้มเมื่อเห็นสวนดอกไม้มีดอกไม้หลากสายพันธุ์บานอยู่เต็มสวน
                มงกุฎดอกไม้
                จู่ๆ ผมก็นึกถึงตอนนั้นขึ้นมา มงกุฎดอกไม้ที่หินสวมให้ผม เขาทำขึ้นมาอย่างไร้เดียงสา แต่นั่นก็เป็นเพียงการแสดง… ผมอยากให้เขาเป็นคนบ้าต่อไป อย่างน้อยผมก็รู้จักเขาในฐานะคนบ้าที่รักผม ไม่ใช่ใครอื่นที่ผมไม่รู้จักเขาเลย ตอนนี้ แม้แต่ชื่อของเขาผมก็ไม่กล้าเรียก
                ผมจับท้องตัวเอง แล้วสูดหายใจลึกๆ ผมจะมาจิตตกไม่ได้เพราะกลัวจะมีผลกระทบกับลูกในท้อง
                “พี่ครามคะ… พี่คราม”
                “คะ..ครับ”
                “เราไปเดินเล่นกันตรงโน้นกันดีไหมคะ”
                “กลับกันเถอะหนูดี เดี๋ยวพ่อเลี้ยงก็กลับจากไร่แล้ว”
                “ยังหรอกค่ะ เพราะคุณแม่ก็ไปด้วย… คุณแม่พกกล้องไปด้วยค่ะ คงอีกนานเลย”
                ผมจับหัวตัวเอง รู้สึกปวดหนึบๆ จนอยากพัก
                “พี่ฟ้าครามปวดหัวเหรอคะ งั้นเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” หนูดีเห็นอาการของผมไม่ค่อยดี จึงจูงมือผมกลับไป ผมนิ่วหน้าเพราะรู้สึกปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไปถึงผมก็นอนฟุบบนเตียงผ้าใบด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่หลับได้ไม่นานเสียงของคุณเพชรก็ดังขึ้น
                “พี่บ้าเอ๊ย!“
                “จะไปไหน… จะกลับบ้านเหรอ”
                “ใช่ จะอยู่ให้แพรวมาเจอครามหรือไง”
 
                ผมค่อยๆ ลุกนั่งเมื่อเห็นคุณเพชรและพ่อเลี้ยงมีสีหน้าตึงเครียด คุณเพชรกำลังจะขึ้นไปเก็บของกลับบ้านแต่พ่อเลี้ยงรั้งไว้
                “เดี๋ยวก่อน!”
                “ปล่อยน่าคุณใหญ่ ผมจะกลับบ้าน”
                “กะ..เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ คุณเพชรจะไปไหนเหรอครับ”
                “เฮ้อ…” คุณเพชรขยี้ผมตัวเองอย่างแรง “แพรวกำลังมาที่นี่”
                “ว่ายังไงนะครับ คุณแพรวน่ะเหรอ”
                “อืม… ยัยนั่นบอกว่าแม่ให้มาตามหาพี่น่ะ ก็เลยโทรไปหาเพื่อนพี่ แต่จริงๆ ยัยนั่นก็แค่หาเรื่องเที่ยวเท่านั้นแหละ เพิ่งโทรมาเมื่อกี้เองว่ากำลังจะถึงที่นี่แล้ว ให้จัดห้องพักให้ด้วย”
                “ถะ..ถ้าคุณแพรวมา…”
                “ก็ใช่น่ะสิ พี่ต้องรีบเก็บของ แล้วจะได้ไปจากที่นี่”
                “ฉันไม่ให้ไป” พ่อเลี้ยงรั้งแขนคุณเพชรไว้ไม่ให้ขึ้นไปเก็บของ
                “นี่คุณใหญ่ ผมไม่บอกเรื่องครามกับใครหรอก… ยังไม่เชื่อ..”
                “ไม่ใช่! ฉันไม่อยากให้ไป อยู่ด้วยกันต่อเถอะ…”
                คุณเพชรชะงัก “คะ..คุณจะบ้าหรือไง แพรวกำลังมานะ ถ้าเจอครามจะทำยังไง ผมต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
                “พี่สาวนายกำลังจะมา มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
                “ก็รีบไป..”
                กริ๊งงงงง เสียงเรียกเข้าทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง คุณเพชรมองเบอร์เรียกเข้าแล้วกดตัดสายทิ้งและรีบขึ้นไปชั้นสอง แต่พ่อเลี้ยงกลับคว้าเอวกอดไม่ให้ไป
                “ปล่อยยยยย นี่คุณจะบ้าหรือไง”
                ผมได้แต่มองดูโดยไม่รู้จะทำยังไง ผมเข้าใจว่าพ่อเลี้ยงไม่ต้องการให้คุณเพชรไปเพราะอะไร ส่วนคุณเพชรก็อยากไปจากที่นี่เพราะเป็นห่วงผม
                “เอ่อ… ผมจะซ่อนตัวครับ ผมจะกลับไปอยู่ที่กระท่อมตามเดิม คุณแพรวหาผมไม่เจอหรอกครับ”
                “ไม่ได้นะคราม ท้องแบบนี้จะอยู่คนเดียวได้ยังไง ถ้าเกิดอะไรขึ้นใครจะช่วยทัน”
                “นั่นสิ เดี๋ยวฉันจะให้คนงานไล่เขาออกไปเอง”
                กริ๊งงงงง เสียงมือถือคุณเพชรดังอีกเป็นระยะๆ
                “ผมจะไปอยู่กระท่อมครับ ถึงคุณเพชรจะกลับไปตอนนี้ คุณแพรวเธอก็คงไม่ยอม… ผมอยู่คนเดียวได้ ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ…”
                “แต่…” คุณเพชรขัด
                “ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ถ้ายังไง พาผมไปส่งที่กระท่อมก่อนเถอะครับ เดี๋ยวคุณแพรวจะมาแล้ว”
                คุณเพชรและพ่อเลี้ยงมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจยอมทำตามคำขอร้องของผม
 
ooooOoooo
 
                “ฟังนะคราม มีอะไรรีบโทรมาหาพี่นะ” คุณเพชรยื่นโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้ผม ส่วนเครื่องเก่าก็ปิดเครื่องและเก็บไว้เอง
                “ครับ…”
                “ของใช้อะไรขาดเหลือก็บอกได้เลยนะ”
                กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่อง “พี่ไปก่อนนะ จะกันไม่ให้แพรวมาแถวนี้และจะให้ออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด” พูดจบ คุณเพชรก็รีบเดินออกไปกับพ่อเลี้ยง ขึ้นรถยนต์ไปรับคุณแพรวที่ทางเข้าไร่
                ผมถอนหายใจ เรื่องยุ่งยากกำลังจะมา…
                ผมมองไปรอบๆ กระท่อมบ้าน ‘ของผม’ ที่เงียบเหงาจนน่าใจหาย หิน... ไม่สิ พี่ภูมิ… ไม่ใช่... ไม่ใช่พี่ภูมิ เขาเป็นใครกัน… ใครก็ไม่รู้ที่เคยอยู่กับผม เป็นพ่อของลูกผม และเคยเป็นสามีของผม แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่กับผมแล้ว ผมยิ้มอย่างเหนื่อยล้า มองเตียงไม้ไผ่ที่เราเคยนอนกอดกัน น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง…
                “ผมคิดถึงคุณ”
 
ooooOoooo
 
                “ช้าจริงๆ เลย! ฉันรอนานแล้วนะ” หญิงสาวเอ่ยพลางลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาด้วยถึงสองใบ การแต่งกายบ่งบอกถึงความเป็นสาวไฮโซ แว่นตาดำเสริมให้เป็นสาวเปรี้ยวมากขึ้น เข้ากับริมฝีปากและชุดที่มีสีแดงไม่ต่างกัน
                “ร้อนจะตายอยู่แล้ว!”
                “เลิกแหกปากเถอะ ยัยบ้า มาทำไม รีบๆ กลับไปเลย”
                “น้องบ้า! ฉันอุตส่าห์มาตามหานะ นึกว่าตายไปแล้ว บ้านช่องก็ไม่กลับ เพื่อนแกก็บอกว่าอยู่ที่นี่ยังไม่กลับเลย ฉันนึกว่าโดนฆ่าตายไปแล้ว”
                “ฉันยังไม่ตาย เห็นแล้วก็กลับไป… หน้าด้านมากไปไหมถึงไม่เกรงใจเจ้าของบ้านน่ะ แล้วดู ขนกระเป๋าจะมาอยู่กี่ปีเนี่ย”
                “หน้าด้านพอกับแกแหละ แกยังอยู่ได้แล้วทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้” แพรวหยุดคำพูดเมื่อเห็นหน้าคนขับรถ “เพชรนั่นใครอ่ะ!”
                “คุณใหญ่ หรือจะเรียกว่าพ่อเลี้ยงก็ได้ เขาเป็นเจ้าของที่นี่เเหละ”
                เธอรีบแย่งเพชรนั่งเบาะหน้าคู่กับพ่อเลี้ยงทันที
                เพชรพ่นลมหายใจแล้วไปนั่งโซนหลังแทน
                “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแพรวนะคะ อายุยี่สิบสองปี ตอนนี้กำลังโสดอยู่นะคะ ขอแพรวอาศัยอยู่ที่สักระยะนะคะ”
                “เอ่อ… ครับ” พ่อเลี้ยงรับคำแล้วขับรถกลับไปที่บ้าน ระหว่างทางก็ถูกแพรวชวนคุยและซักถามไปเรื่อยจนพ่อเลี้ยงถอนหายใจ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ทีท่าว่าจะหยุด
                “โห บ้านพ่อเลี้ยงสวยจังเลยค่ะ ไม้ที่ใช้สร้างบ้านนี่แพรวเคยเห็นในทีวีว่าราคาแพงมากเลย พ่อเลี้ยงรวยจังเลยนะคะ ทั้งไร่ส้มและฟาร์มม้าที่ขับผ่านเมื่อกี้นี้อีก… ใครได้เป็นภรรยาต้อง    โชคดีมากเลยค่ะ”
                พ่อเลี้ยงไม่พูดอะไร แล้วให้คนมาขนกระเป๋าแพรวเข้าไปในบ้าน
                “คุณพ่อขา กลับมาแล้วเหรอคะ” พ่อเลี้ยงรับกอดแล้วหอมฟอดใหญ่
                แพรวนิ่งค้างเมื่อมีเด็กวิ่งมารับและเรียกพ่อ
                “พะ..พ่อเลี้ยง มะ..มีลูกแล้วเหรอคะ”
                “ครับ… หนูดีสวัสดีพี่แพรวสิครับ”
                หนูดีไหว้ตามที่บอก “สวัสดีค่ะพี่แพรว”
                “แล้ว… แล้วคุณแม่ล่ะจ๊ะ หนูดี” แพรวยิ้มฝืนถามเด็กน้อย
                “นี่ค่ะ คุณแม่หนูดี” พูดพลางชี้ไปที่เพชร เพชรสะดุ้งเล็กน้อย พ่อเลี้ยงยิ้มและกดหอมอีกฟอดที่ตอบคำถามได้ดี
                “อะไรนะ นี่เพชรไปเป็นแม่หนูดีได้ยังไง”
                “เอ่อ…” เพชรอึกอัก พ่อเลี้ยงจึงตอบคำถามแทน
                “คือแม่หนูดีเสียไปนานแล้วน่ะครับ และหนูดีก็ชอบเพชรมากจึงเรียกแม่” พ่อเลี้ยงอธิบายแม้จะโกหกไปบ้างก็ตาม
                แพรวมองไปทางน้องชายอย่างไม่เข้าใจอยู่ดี
                “งั้นหนูดีเรียกพี่ว่าแม่สิ… ให้พี่เป็นแม่ดีกว่านะ”
                “ไม่เอาค่ะ”
                คำปฏิเสธทำให้แพรวหน้าชา เธอขมวดคิ้วไม่พอใจ… เด็กบ้า!
                “เข้าไปในบ้านเถอะ” พ่อเลี้ยงเอ่ย
                แพรวเดินไปหาเพชร “เพชร นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย”
                “อะไรของเธอ”
                “ก็ที่พ่อเลี้ยงบอกว่าแกเป็นแม่”
                “คุณใหญ่เขาก็อธิบายแล้วไง”
                “นี่ ยกพ่อเลี้ยงให้ฉันนะ หนุ่มใหญ่รูปหล่อและรวยแบบนี้ฉันขอนะ…”
                เพชรนิ่วหน้าหันไปมองพ่อเลี้ยงที่ได้ยินพอดี
                “มาขอทำไม ฉันเป็นอะไรกับเขาฮะ” เพชรหน้ามุ่ยแล้วพาหนูดีไปนั่งเล่น
                พ่อเลี้ยงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
                แพรวยิ้มแล้วรีบเข้าไปหาพ่อเลี้ยงชวนคุยดั่งสนิทกันมานาน… แต่ใครๆ ก็มองออกว่าพ่อเลี้ยงรู้สึกรำคาญมากแค่ไหน มีเพียงคนชวนคุยที่ไม่รู้เรื่อง ...หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ตัวกันแน่
                “เดี๋ยวผมขอตัวไปดูลูกและเมียก่อนนะครับ”
                “คะ?” แพรวกะพริบตาปริบๆ อย่างมึนงง
 
ooooOoooo
 
                “คนท้องก็ต้องบำรุงกันหน่อย” ป้าณีพูดขณะยื่นน้ำส้มคั้นที่เพิ่งคั้นเสร็จใหม่ๆ ให้ผม      ส่วนคนอื่นๆ ก็ซื้อของมาฝากไม่ขาดสาย จนท้องที่แบนราบของผมเริ่มป่องแล้ว หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมอยู่บ้านป้าณี เพราะกระท่อมของผมกำลังอยู่ในระหว่างซ่อมแซม
                “พวกข้าไปถางป่าตรงกระท่อมหมดแล้ว งูเงี้ยวเขี้ยวขอจะได้ไม่มี เดินก็จะได้ไม่สะดุด ส่วนกระท่อมก็ซ่อมปิดรูรั่วมิดชิดสร้างเติมให้น่าอยู่ ของภายในก็เปลี่ยนตามคำสั่งพ่อเลี้ยงหมดแล้ว”
                “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ”
                “ไม่เป็นไร ก็เอ็งท้องอยู่นี่… นึกถึงตอนที่ไม่รู้ว่าเอ็งท้องนะ ตอนนั้นเอ็งทำงานขนขี้ม้าไปมา ดีนะไม่แท้ง ไม่งั้นข้าละบาปกรรมจริงๆ” ลุงดำพูดแล้วยกมือกุมหัวเมื่อนึกถึงตอนที่สั่งให้ผมทำงานหนัก
                “ปากเสียจริงๆ ไอ้แก่ เดี๋ยวตบปากแตกเลย มาพูดแท้งอะไรล่ะ ครามอย่าไปสนใจไอ้แก่มันเลยนะ ที่จริงครามมาอยู่กับป้าเลยดีกว่านะ จะได้ช่วยเหลือได้”
                “ผมไม่อยากรบกวนน่ะครับ…”
                “ใครอยากอยู่กับแม่ล่ะ เสียงดังขนาดนี้” พี่ทัดเอ่ยขัดเลยโดนฝ่ามือป้าณีฟาดไปที่ไหล่ทันที
                ผมยิ้มบางๆ มองคนโดยรอบ ทุกคนมีน้ำใจต่อผม ทั้งที่ผมเพิ่งอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน
                “ถ้าไอ้บ้าอยู่ก็ดีสินะ…”
                ทุกคนรีบใช้มืออุดปากคนพูดทันที ทั้งยังตำหนิจนผมยิ้มขำ
                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว… ตอนนี้ผมมีแค่ลูกก็พอแล้วครับ”
                “ครามเอ๊ย… คิดแบบนี้น่ะดีแล้ว ยังไงซะก็ยังมีลูกนะ ผัวน่ะหาเมื่อไรก็ได้ แถมสวยๆ อย่างครามน่ะ แป๊บเดียวแหละ” ป้าณีเอ่ย ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
                “จะว่าไป เรื่องที่คนงานหนีไปห้าคนน่ะ แปลกเหมือนกันนา หายไปพร้อมกับไอ้บ้าเลย” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทุกคนก็ฉุกคิดเห็นด้วยเพราะแปลกเกินไป
                “ข้าเข้าไปในเมือง มีคนแปลกหน้าหลายคนเลยนะ ทำลับๆ ล่อๆ พวกคนงานที่หนีไปก็ดูแปลกหน้า ไม่น่าใช่คนแถวนี้นะ”
                “เออ! พูดถึงเข้าไปในเมือง เมื่ออาทิตย์ก่อนผมลงไปกรุงเทพมา ผม... ผมจำได้แล้ว”
                “อะไรของเองไอ้ทัด เกี่ยวอะไรกับกรุงเทพ ใครอยากรู้วะ”
                “ก็ผมเข้ากรุงเทพไปตลาดผลไม้ตามที่พ่อเลี้ยงสั่ง แต่เอ่อ… ผมเจอหินด้วยนะ แล้วก็…” ทัดมองมาทางผมแล้วกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
                “พูดมาเถอะครับพี่ทัด” ผมเอ่ยบอกเมื่อเห็นพี่ทัดมีสีหน้ากล้ำกลืน
                “มีคนอยู่ด้วยน่ะ หินเดินจูงมือยายแก่ๆ น่าจะอายุประมาณแม่เนี่ยแหละ” พูดแล้วหันไปทางป้าณี จนเจอฝ่ามือตบที่ไหล่อีกครั้ง
                “ว่าใครแก่ฮะ ไอ้ทัด”
                “โอ๊ย เจ็บนะแม่”
                “เล่าต่อดิ ข้าอยากรู้” คนอื่นๆ ท้วงถามอยากฟังต่อ
                ผมบีบมือตัวเองแน่น… หินอยู่กรุงเทพเหรอ…
                “ก็มียายแก่ๆ และเอ่อ… มีสาวสวยเดินอยู่ข้างๆ ด้วยน่ะ หน้าตาทั้งสองคนนี่ชื่นบานเป็นสีชมพู จนคนรอบข้างอิจฉากันทั้งนั้น… หนุ่มหล่อสาวสวย… หินนะ พอไปเดินเมืองกรุง หน้าตาดูหล่อเหลาราศีจับ ผมเข้าไปทักนะ แต่ก็โดนเมิน…”
                จากนั้นผมก็ไม่ได้ฟังที่พี่ทัดพูดเลย… มันไม่เข้าหัว… ผมจับท้องตัวเองแล้วลูบเบาๆ ทั้งที่บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว แต่พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยังทำใจไม่ได้
                เขามีคนรักอยู่แล้วงั้นเหรอ… เรื่องของผมทุกอย่างคือหลอกลวงจริงๆ ใช่ไหม… มันจบจริงๆ ใช่ไหม เรื่องของเรา…
                สักพักผมก็กลับไปพักผ่อนที่กระท่อมของผม ซึ่งตอนนี้ถูกปรับปรุงจนน่าอยู่กว่าเดิม ข้าวของเครื่องใช้ก็มีครบ สะดวกสบายทุกอย่าง เตียงนอนแสนแข็งที่ยามนอนจะปวดหลังเสมอ ตอนนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดใหญ่นุ่มน่านอน แต่ถึงอย่างนั้น เตียงเก่ากลับมีความทรงจำมากมาย…
                “คงต้องยอมรับแล้วสินะ ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หนูไม่ต้องห่วงนะ แม่จะดูแลหนูด้วยตัวแม่เอง แม้ไม่มีพ่อก็ตาม…”
                ผมลูบท้องตัวเองอย่างแผ่วเบาทั้งที่น้ำตายังคงไหลรินตลอดเวลา
 
ooooOoooo
 
                สองเดือนต่อมา...
                “พ่อเลี้ยงคะ อ้ามมมมม” แพรวทำท่าจะตักขนมให้พ่อเลี้ยง
                “ผมไม่ชอบกินขนมครับ” พ่อเลี้ยงพูดพลางลุกเดินไปเล่นกับลูกและเพชรที่อีกห้องหนึ่ง ไม่คิดว่าแพรวจะอยู่นานขนาดนี้ ตลอดเวลาสองเดือนที่แพรวมาอยู่ด้วย ทุกอย่างรวนไปหมด เพราะแพรวคอยตามติดพ่อเลี้ยงตลอดเวลา ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวให้กับลูก รวมถึงคนที่กำลังนั่งหน้าบึ้งต่อเลโก้อยู่กับหนูดี
                “เล่นอะไรกัน ให้พ่อเล่นด้วยนะ”
                “โป้ง!” หนูดียกนิ้วโป้งให้ผู้เป็นพ่อ
                “อ้าวหนูดี โป้งพ่อทำไมครับ”
                “ก็คุณพ่อชอบอยู่กับพี่แพรวนี่คะ ปล่อยให้คุณแม่เหงา”
                เพชรรีบเงยหน้ามองทันที และปะทะกับสายตาพ่อเลี้ยงที่จ้องมองด้วยริมผีปากยิ้มกริ่ม
                “ใครเหงา” เพชรหน้ามุ่ย
                พ่อเลี้ยงเขยิบไปนั่งข้างๆ “เหงาก็บอกเถอะน่า… มา เดี๋ยวจะชดเชย..”
                ยังไม่ทันจะได้เอ่ยจบ แพรวก็เข้ามา
                “เพชร แม่ให้เปิดโทรศัพท์ด้วยนะ”
                “อะ..อืม” เพชรสะดุ้งเพราะเมื่อกี้พ่อเลี้ยงเกือบจะหอมแก้มเขา ไม่รู้ว่าแพรวจะเห็นไหม
                “แล้วก็... เพชร แม่สั่งให้กลับบ้านแล้วอ่ะ มหาลัยจะเปิดแล้วด้วย เฮ้อ… เดี๋ยววันนี้ฉันว่าจะไปซื้อของในเมืองอ่ะ แม่โทรให้ซื้อของไปฝากด้วย อีกอย่างนะ ตั้งแต่มา ฉันก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย”
                “เดี๋ยวผมให้คนพาไป” พ่อเลี้ยงเอ่ย
                “ขอบคุณมากนะคะ แต่ถ้าจะให้ดี พ่อเลี้ยงพาไปเองจะดีมากเลยค่ะ”
                “เอ่อ… ผมต้องดูฟาร์มดูไร่ ไม่ว่างเลยครับ”
                “อา… ค่ะ ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวแพรวไปแต่งตัวก่อนนะคะ” พูดจบก็เดินไปที่ห้องของตัวเอง
                เหลือเพียงความเงียบ… จนกระทั่งหนูดีเอ่ย
                “คุณแม่จะไปจากที่นี่เหรอคะ”
                เพชรเงยหน้ามองหนูดี “ครับ”
                “อ้าว ทำไมล่ะคะ ไม่อยู่กับหนูดีและคุณพ่อตลอดไปเหรอ” หนูดีทำเสียงสั่นเริ่มเบะปาก น้ำตาคลอ จนเพชรอดที่จะเข้าไปกอดไม่ได้
                “พี่ต้องกลับไปหาครอบครัวพี่น่ะ… อยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอก”
                “แล้วหนูดีกับคุณพ่อไม่ใช่ครอบครัวคุณแม่เหรอคะ ฮึก..ก..ฮือๆๆ พ่อขา… อย่าให้คุณแม่ไปเลยนะ…”
                พ่อเลี้ยงมองหน้าเพชรแล้วลูบหัวหนูดี
                “ไม่ต้องห่วงนะ… เดี๋ยวพ่อจะไปพาคุณแม่กลับมาอยู่ด้วยกันตลอดไป”
                เพชรมองหน้าคนพูดแล้วเบิกตากว้าง
                “จริงเหรอคะคุณพ่อ ฮึก..ก...”
                “จริงสิ ติดที่ว่า… แม่เขาจะยอมมาอยู่ด้วยหรือเปล่าเท่านั้นแหละ”
                เพชรมองหน้าคนพูด จู่ๆ หน้าเขาก็แดงจนเห็นได้ชัด พ่อเลี้ยงยิ้มเมื่อเห็นคนตรงหน้าเขิน
ooooOoooo
 
                “ฝากซื้ออะไรเปล่า เพชร” แพรวเอ่ยขณะกำลังจะขึ้นรถ
                “ไม่ล่ะ”
                “โอเค งั้นฉันไปนะ”
                “อืม… เดินทางดีๆ ล่ะ”
                แพรวก้าวขึ้นรถยนต์… ขณะที่รถกำลังเคลื่อนผ่านฟาร์มม้า สิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอนิ่งค้างรีบให้คนขับรถจอด มองร่างของใครบางคนที่กำลังยืนคุยกับคนงาน
                แพรวเลื่อนแว่นตาดำขึ้นแล้วเพ่งมอง
                “นี่ขับรถไปใกล้ๆ หน่อยได้ไหม… ฉันว่าฉันเห็นใครบางคน” คนขับรถทำตามที่บอก แต่ก็เข้าไปได้เพียงนิด เพราะตรงนั้นจะเป็นที่สำหรับให้ม้ากินหญ้าซึ่งพ่อเลี้ยงไม่อนุญาตให้รถยนต์เข้าใกล้
                “นี่… คนตรงนั้นน่ะใคร คนงานเหรอ” เธอชี้ไปที่คราม
                “อ๋อ… ถ้าจำไม่ผิด นั่นคือฟ้าคราม เรียกว่าคนสนิทของพ่อเลี้ยงและคุณเพชรจะดีกว่าครับ”
                “อะไรนะ ฟ้าคราม! มันจริงๆ ด้วย ทำไมมันมาอยู่ที่นี่… เพชรคงจะหลงมันมากขนาดไม่ยอมบอกแม่เลยสิ…” พูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก
                “แม่คะ… หนูเจอฟ้าครามแล้วค่ะ”
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-10-2016 18:45:27
แย่แล้วๆๆๆ ฟ้าครามอยู่ในอันตรายแล้วๆๆ

ว่าแต่...คนที่ทัดเจอที่กทม.คือหินจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-10-2016 19:34:19
ก็แย่ละ แพรวเห็นฟ้าครามแล้ว
ก็คิดไว้ละ ฟ้าครามจะอยู่แต่ในกระท่อมได้ตลอดยังไง
ยายคุณนายมิเผ่นโผนมาหาฟ้าเรอะ
สาวสวยที่อยู่กับหิน เป็นใครนะ  :katai1:
แต่จะเป็นใครก็ทำให้ฟ้า จิตตกไปเรียบร้อยและ
ไอ้หอยหินเอ๊ย....เมียท้องก็ไม่รู้เรื่อง รู้แต่เรื่องทำ เชอะ :m16:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-10-2016 19:37:34
รอตอนต่อไปค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 17-10-2016 19:39:03
สนุกมากค่า ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-10-2016 20:50:42
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-10-2016 21:17:47
แย่แล้ว พ่อเลี้ยงช่วยด้วย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 17-10-2016 22:36:57
สนุกมากค่า ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-10-2016 02:02:48
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-10-2016 09:10:50
นังแพรวนี่มันสาระแนจริงๆ!
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 18-10-2016 10:13:51
โมโหชะนี :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่18] อัพล่าสุด>>>>17/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-10-2016 11:09:54
ซับซ้อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 18-10-2016 16:12:04
                ผมมองรถยนต์ที่ขับผ่านไปแล้วรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ได้แต่หวังว่าคุณแพรวจะไม่ได้นั่งอยู่ในรถคันนั้น นับตั้งแต่คุณแพรวมาอยู่ที่นี่ ผมก็ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนัก ถ้าไม่ถูกพวกลุงๆ ชวนคุยไปเรื่อย ผมคงไม่ได้มายืนอยู่ข้างนอกแบบนี้
                “คราม… มานั่งพักเร็ว พวกเอ็งจะบ้าเหรอ มาชวนครามคุยกลางแดดได้ยังไงฮะ!” ป้าณีรีบเดินจูงมือผมไปพักที่บ้าน พลางบ่นพวกลุงๆ ที่ชวนผมยืนคุยกลางแดดเปรี้ยงแบบนี้
                “ไม่ไหวเล้ย... พวกนั้นก็รู้ว่าครามท้อง ยังจะชวนคุยกลางแดดอีก เป็นลมขึ้นมาจะทำยังไง”
                “นานๆ ทีผมจะออกมาข้างนอกแบบนี้น่ะครับ ทุกคนคงอยากชวนคุย”
                “ชวนคุยไม่ดูแดดน่ะสิ” ป้าณีเอ่ยแล้วยื่นน้ำเย็นให้ดื่ม
                “ว่าแต่ยัยตัวโกงนั่นยังไม่กลับไปอีกเหรอ ครามจะหลบๆ ซ่อนๆ ไปถึงเมื่อไรล่ะ”
                “ไม่รู้เหมือนกันครับ”
                เสียงรถยนต์ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก แต่พอจำเสียงรถยนต์ได้จึงออกไปดู ยิ้มเมื่อเห็นคุณเพชรและพ่อเลี้ยงลงมาจากรถ
                “คราม… ไม่เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้างฮึ” คุณเพชรเดินมากอดผม พอคุณแพรวมาอยู่  ที่นี่ คุณเพชรก็ไม่ได้ออกมาหาผมเลย เพราะกลัวคุณแพรวจะตามมาด้วย
                “ผมสบายดีครับ”
                “พี่ก็ว่างั้นแหละ ดูสิแก้มออกแล้วเนี่ย” ผมจับแก้มตัวเอง
                “จริงเหรอครับ… สงสัยผมคงจะกินมากเกินไป” ผมยิ้มเขิน
                “เข้ามานั่งพักก่อนเถอะ พ่อเลี้ยง คุณเพชร” ป้าณีรีบไปรินน้ำเย็นใส่แก้วให้ทั้งสองคน
                “ไม่ต้องหรอกครับป้า เดี๋ยวผมจะไปดูไร่ แค่มาส่งเพชรน่ะครับ เขาจะมาหาคราม” พ่อเลี้ยงเอ่ย แต่ก็ไม่ลืมที่จะลูบหัวผมอย่างเอ็นดูแล้วขับรถออกไป
                “ขอโทษนะคราม แพรวไม่ยอมกลับเลยน่ะ… แต่อาทิตย์หน้าก็น่าจะกลับแล้วล่ะ พี่ก็จะกลับด้วยเพราะมหาวิทยาลัยจะเปิดแล้ว”
                “คุณเพชร…”
 
                คุณเพชรจับมือผม “พี่ขอโทษนะที่อยู่ดูแลครามตลอดไม่ได้แล้ว… ครามต้องเข้มแข็งนะ ถ้าพี่ว่างจะมาหา”
                “ขอบคุณคุณเพชรมากนะครับ แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงแล้วครับ”
                “ถ้าจะตอบแทนก็ตอบแทนโดยการเรียกว่าพี่เพชรเถอะ ไหนลองเรียกซิ”
                “เอ่อ… จะดีเหรอครับ”
                “ดีสิ… ดีมากๆ ด้วย”
                ผมมองหน้าคุณเพชรก่อนจะเอ่ยออกไป
                “พะ..พี่เพชร” ผมยิ้มเขิน ไม่ชินจริงๆ แต่ก็ถูกกอดอย่างดีใจจากพี่เพชร
                “ดีมาก…”
                ผมยิ้มรับ
                นั่งคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยจนกระทั่งผมได้ถามพี่เพชรถึงเรื่องบางอย่างที่อยากรู้
                “พี่เพชร”
                “หืม” พี่เพชรรับคำแล้วกินขนมที่ป้าณีให้
                “ตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาล ผมได้ยินพี่คุยกับพ่อเลี้ยงเรื่องของหินและพี่ภูมิ… ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน” พี่เพชรถึงกับขนมติดคอจนต้องรีบดื่มน้ำแล้วหันมามองผม
                “แค่กๆๆ คะ..ครามได้ยิน…!”
                “ครับ… หินเป็นใครกันแน่ ผมอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ใช่พี่ภูมิ ในเมื่อแม่ผมเป็นคนบอกว่าเขาคือพี่ภูมิ”
                “แม่ครามบอกเหรอ”
                “ใช่ครับ…”
                “อ้าว…” พี่เพชรขมวดคิ้ว “จะเป็นไปได้ยังไง… พี่เริ่มจะสับสนแล้วล่ะ”
                “แล้วทำไมพี่ถึงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันครับ”
                “…ครามจำภูมิได้มากแค่ไหน จำหน้าภูมิได้ไหม”
                คำพูดของพี่เพชรทำให้ผมนิ่งงัน ผมจำอะไรเกี่ยวกับพี่ภูมิไม่ได้เลย มีแต่ความทรงจำอันน้อยนิด แม้แต่ใบหน้าผมก็จำไม่ได้
                “ผมจำไม่ได้ครับ”
                “พี่เองก็จำไม่ได้หรอกนะ ตอนที่ภูมิถูกแม่พี่จับไปขัง ตอนนั้นภูมิอายุสิบแปด พี่อายุสิบสอง มันนานมากเกินไป สิบปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยเจอภูมิเลย ไม่แปลกหรอกที่จะจำหน้าไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่จำได้อย่างแม่นยำ...”
                “อะไรเหรอครับ”
                “...รอยแผลเป็นบนแก้มข้างซ้าย”
                ผมชะงักในคำพูดของพี่เพชร รอยแผลเป็น! จะว่าไปพ่อเลี้ยงก็เคยถามผมว่าพี่ภูมิเคยประสบอุบัติเหตุตรงใบหน้าหรือเปล่า… ผมตอบว่าไม่มี เพราะหินไม่มีรอยแผลเป็น
                “รอยแผลเป็นเกิดจากกิ่งไม้ พี่จำได้ดีเพราะพี่เป็นคนทำเองน่ะ… ตอนที่พี่ถูกขังอยู่กับหิน พี่ได้มองหน้าเขาชัดๆ แล้ว แต่เขาไม่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า…”
                ผมนิ่วหน้า ยิ่งรับฟังก็ยิ่งรู้สึกเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
                “ภูมิน่ะ ถึงแม้จะหายไป แต่ในสังคมเมื่อก่อน จริงๆ แล้วเขาดังมากนะ เพราะคุณลุงกับคุณป้ามีชื่อเสียงอยู่พอสมควรในวงการธุรกิจ แต่แปลกมากที่รูปภาพในอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวกับเขาตอนสมัย ม.ปลาย ไม่มีเลย มีแต่ที่อายุน้อยกว่านั้น และภาพก็ลางเลือนจนมองเห็นได้ไม่ชัด เหมือนกับว่าถูกปกปิดไม่ให้รู้ว่าถ้าโตมาหน้าตาจะเป็นยังไง”
                ผมนั่งอึ้ง ไม่คิดว่าทุกอย่างจะลึกลับและซับซ้อนขนาดนี้… ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยจริงๆ ทั้งหินทั้งพี่ภูมิ ผมไม่รู้อะไรเลย
                “รูปก่อนที่ภูมิจะหายตัวไป พี่ก็ไม่แน่ใจว่าที่บ้านแม่พี่จะเผารูปไปหมดหรือยัง    เฮ้อ… พี่เองก็เริ่มสับสนจากคำพูดของครามนี่แหละ ที่แม่ครามบอกว่านั่นคือภูมิตัวจริง…”
                “ผมเองก็สับสนเหมือนกันครับ…”
                “เฮ้อ... ดีนะที่แพรวออกไปซื้อของในเมือง เลยมีเวลามานั่งคุยกับครามแบบนี้”
                ผมเบิกตากว้าง
                “ว่ายังไงนะครับ คุณแพรวออกไปซื้อของเหรอครับ”
                “ใช่ เพิ่งออกไปสักพักนี่แหละ”
                ผมหน้าถอดสี เมื่อกี้นี้คุณแพรวจะเห็นผมไหมนะ… ขออย่าให้เห็นผมเลย
                ผมนั่งเครียดเรื่องคุณแพรวได้ไม่นานก็นึกถึงเรื่องที่ต้องถามอีกเรื่องหนึ่ง...
                “แล้ว… พี่เพชรรู้ไหมครับว่าหินเป็นใคร”
                พี่เพชรสะดุ้งเฮือก “มะ..ไม่แน่ใจน่ะ พี่ไม่อยากบอกอะไรผิดๆ ไป เดี๋ยวครามคิดมากอีก”
                “แล้วพี่รู้อะไรมาเหรอครับ”
                “ยะ..ยังหรอก เอาเป็นว่าพี่รู้แค่ว่าเป็นคนละคนกันนะ… แต่ครามอย่าคิดมากรู้ไหม เดี๋ยวเจ้าตัวน้อยจะคิดมากตามไปด้วย”
                “เอ่อ… ครับ”
                “ถ้าพี่แน่ใจพี่จะบอกนะ…”
                ผมพยักหน้ารับ …เมื่อไรผมจะรู้นะว่าคุณเป็นใคร…
                ผมกลับไปบ้านหลังน้อยของตัวเอง นึกถึงประโยคที่พี่เพชรพูดก่อนจะกลับไป
                ‘ถ้าเขาไม่ใช่ภูมิจริงๆ แล้วครามพอจะรู้จักใครไหมที่จะสวมรอยเป็นเขาได้ และจุดประสงค์เพื่อแก้แค้นให้กับภูมิ…’
                ผมกุมขมับตัวเอง
                “พี่ภูมิไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่ที่ไหนอีกแล้ว จะเป็นใครกัน…”
                ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน…
                 ฟ้า… จู่ๆ น้ำเสียงของใครบางคนที่เรียกชื่อผมก็ดังก้องในหัว
                ฟ้า? ชื่อฟ้า นอกจากพี่ภูมิแล้วจะมีใครเรียกอีกไหมนะ การที่หินเรียกชื่อผมว่าฟ้าแปลว่าเขารู้จักผมและเรียกชื่อผมว่าฟ้ามานานแล้ว… คนที่เรียกชื่อผมว่าฟ้านอกจากพี่ภูมิก็มีแค่… ผมนิ่วหน้าฉุกคิด
                ถ้าฟ้ามีอะไรโทรหาพี่เบอร์นี้นะ ผมลุกขึ้นพรวดทันที
                “เบอร์โทรศัพท์!” ผมรีบเปิดกระเป๋าเงินที่เก็บไว้ในลิ้นชักทันที มองเบอร์โทรปริศนาในกระดาษแล้วย้อนนึกถึงตอนที่ผมได้เบอร์โทรนี้มา คนๆ นั้นเรียกผมว่าฟ้า
                แต่ผมจำหน้าเขาไม่ได้แล้ว… จะใช่หินหรือเปล่านะ…
                ผมมองเบอร์ในมือ สูดหายใจแล้วตัดสินใจกดโทรออก
                ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด ดังอยู่นานแต่ไม่มีคนรับสาย จนผมถอดใจจะวางสายแต่จู่ๆ กลับมีคนรับ
                [สวัสดีค่ะ]
                เสียงปลายสายทำให้ผมนิ่งค้าง ความหวังค่อยๆ พังทลาย แม้จะไม่หวังมากแต่ก็หวังว่าคนที่รับจะเป็นหิน… คงไม่ใช่เบอร์คนที่ผมคิด…
                [เอ่อ.. สวัสดีค่ะไม่ทราบว่าใครเหรอคะ ตอนนี้เอกอาบน้ำอยู่ค่ะไม่ทราบว่า..]
                “เอก?”
                [คะ? ใช่ค่ะ ตอนนี้อาบน้ำอยู่ค่ะ ใครโทรมาเหรอกาน…] เสียงแทรกที่ได้ยินทำให้หัวใจผมหล่นวูบ… เสียงของหิน!
                [มีคนโทรมาค่ะ]
                [อืม… สวัสดีครับ]
                “…..”
                [สวัสดีครับ ได้ยินไหมครับ]
                “…..”
                ติ๊ด ผมตัดสาย มือไร้เรี่ยวแรงจนปล่อยโทรศัพท์ร่วงหล่น ชิ้นส่วนโทรศัพท์แตกกระจายเต็มพื้น
                “ฮึก..ก..ก…” ทั้งที่รู้ว่าเขามีคนใหม่แล้ว แต่เมื่อได้ยินกับหูตัวเองแบบนี้ก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
ooooOoooo
                สองวันต่อมา
                “มีคนมาขอสมัครงานสิบคนเหรอ”
                “ครับพ่อเลี้ยง”
                พ่อเลี้ยงนิ่วหน้า
                “ให้มาพบฉันที่ห้องสำนักงาน ฉันจะเป็นคนรับเข้าทำงานเอง” พ่อเลี้ยงเอ่ยแล้วเดินไปที่ห้องสำนักงานซึ่งอยู่ใจกลางของไร่ส้ม
                ไม่นานคนสมัครงานก็เข้ามา แต่กลับมีคนหนึ่งใส่หมวกและก้มหน้าทันทีที่เดินเข้ามาในสำนักงาน พ่อเลี้ยงสำรวจคนทั้งสิบแล้วให้นั่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจหน้าตาอะไรมาก พ่อเลี้ยงเรียกคนที่ใส่หมวกปิดหน้ามาเป็นคนแรกเพื่อซักประวัติและกรอกใบสมัคร
                “ชื่ออะไร”
                “หึ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ พ่อเลี้ยง…” เขาถอดหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้า
 
ooooOoooo
 
                ก๊อกๆๆ
                เสียงเคาะประตูทำให้ผมหยุดพับผ้าแล้วเดินไปเปิด… ทันทีที่เปิดประตูออกก็ทำให้ผมตกใจอย่างมาก ผมรีบปิดประตูแต่กลับถูกชายสองคนดันไม่ให้ปิด
                “คะ..คุณแพรว…” ผมเอ่ยเสียงสั่นเมื่อคุณแพรวมาพร้อมกับชายสองคน
                “ไง ฉันเอง…”
                “ทำไมคุณ” ผมค่อยๆ เดินถอยหลัง
                “ตกใจล่ะสิ ที่จริงฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่เมื่อสองวันก่อนแล้ว แต่กว่าจะหาคนพามาได้ก็ต้องเสียเวลา แต่ก็นะ พอให้เงินคนงานสองคนนี้ เขาก็ยอมพามาและทำงานให้กับฉัน”
                “คุณแพรว… คุณเมตตาผมเถอะนะครับ”
                “ไม่! แม่ฉันกำลังจะมาถึงที่นี่อีกไม่นาน เพราะงั้นฉันต้องจับแกให้อยู่หมัดเพื่อล่อให้ ไอ้บ้าออกมา! เเละ... ฆ่าทิ้งซะ”
                “ไม่ อย่าเข้ามา อั่ก!”
                หมัดของหนึ่งในคนงานต่อยมาที่ท้องของผมอย่างจัง ผมล้มลงนิ่วหน้า เอามือจับท้องด้วยความเจ็บ
                ลูก…
ooooOoooo
 
                “คุณจะทำอะไร” เพชรยืนงงเมื่อจู่ๆ พ่อเลี้ยงก็รีบเดินขึ้นไปชั้นสองอย่างร้อนใจทันทีที่กลับจากไร่ ก่อนจะเดินลงมาพร้อมกับปืนแล้วโทรไปหาหัวหน้าคนงานตามจุดต่างๆ
                “อะไรของคุณ… คุณใหญ่”
                พ่อเลี้ยงเดินหน้าเครียดมาหาเพชรแล้วเอ่ยบอก “เพชร… แม่นายกำลังจะมาที่นี่”
                “วะ..ว่าไงนะครับ! แม่ผม… มาทำอะไรครับ”
                “ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมาทำไม แต่มีคนบอกว่าแม่นายกำลังเดินทางมาที่นี่…”
                “ละ..แล้วคุณเตรียมปืนทำไม” เพชรเสียงสั่น
                “แม่นายพาคนมาที่นี่ด้วย… มาเพื่อฆ่าคราม”
                “อะ..อะไรนะ! แล้วรู้ได้ไงว่าครามอยู่ที่นี่… พี่แพรว! พี่แพรวไม่อยู่ คราม! ต้องรีบไปหาคราม!” เพชรรู้สึกใจคอไม่ดี พ่อเลี้ยงรีบพาเพชรไปหาครามที่บ้านทันที แต่เมื่อไปถึงบ้าน ประตูกลับเปิดออกและว่างเปล่า เหลือแต่กองเสื้อผ้าที่ถูกพับคาไว้
                “คราม! คราม!”
                “เดี๋ยวฉันจะไปถามป้าณีและคนงานก่อน” พ่อเลี้ยงรีบวิ่งออกไป
                เพชรทำหน้าอยากจะร้องไห้ อย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย เพชรพยายามโทรหาพี่สาวแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ…
                “อย่าให้ฉันเจอเธอนะ ต่อให้เป็นพี่ก็เถอะ!”
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 18-10-2016 16:13:01
               ผมค่อยๆ ลืมตาตื่น นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกจุกและเจ็บท้องอย่างมาก พยายามเพ่งมองภาพตรงหน้าแต่ก็ต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะแสบตา หลังจากดวงตาปรับแสงจนเข้าที่ ก็พบว่าตอนนี้ผมกำลังนอนอบู่บนพื้นดินที่ไหนสักแห่งในป่า… มือถูกมัดไพล่หลัง
                “สัญญาณไม่มีเลย! แล้วฉันจะโทรหาแม่ยังไงเนี่ย!” เสียงของคุณแพรวดังขึ้น ดูเหมือนเธอกำลังอารมณ์เสียอย่างมาก
                “พวกแก! ฉันบอกให้พวกแกพามันไปหลบเพื่อรอแม่ฉัน ทำไมพวกแกพามาในป่าที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้ฮะ!”
                ผมเหลือบมองชายสองคนที่เป็นคนงานของพ่อเลี้ยงมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไร
                “อ้าว ก็คุณบอกว่าให้พาเข้าป่าและนัดพ่อแม่คุณไว้แล้ว ทางเข้าป่าพวกเราก็บอกคุณไปแล้ว จะเอาไงอีกล่ะคุณ” หนึ่งในคนงานเอ่ยตอบ
                “ตรงนี้มันไม่มีสัญญาณโทรศัพท์! อุ้มมันไปที่อื่นเร็ว”
                “จะอุ้มไปไหนล่ะคุณ ป่านนี่พ่อเลี้ยงคงพาพวกคนงานตามหาให้วุ่นหมดแล้ว พวกข้ากลับละ เดี๋ยวจะโดนสงสัย”
                “พวกแก! จะทิ้งฉันเหรอ!”
                “ใช่… กลับเหอะ” เขาพูดก่อนจะพากันเดินกลับไป
                “นี่พวกแกจะทิ้งฉันไว้ไม่ได้นะ กลับมาก่อน!” คุณแพรวพยายามเรียกแต่ก็ไร้ผล
                “กรี๊ดดดดด พวกแก!”
                ผมค่อยๆ ลุกนั่งอย่างยากลำบากเพราะมือถูกมัดและยังเจ็บท้องอยู่ เมื่อคุณแพรวเห็นผมตื่น เธอก็รีบเดินเข้ามา
                “เพราะแกคนเดียวเลย! ฉันถึงต้องลำบากขนาดนี้ รอแม่ฉันมาก่อนเถอะ แกไม่รอดแน่!” เธอพูดแล้วเดินหาสัญญาณต่อ
                ผมพ่นลมหายใจก่อนจะพยายามลุกยืน ผมจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ต้องหนี! ในขณะที่  คุณแพรวกำลังเดินไปทางอื่น ผมก็ค่อยๆ แอบถอยห่างไปเรื่อยๆ และดูเหมือนสัญญาณโทรศัพท์จะสำคัญกว่าผมมาก คุณแพรวถึงเดินไกลออกไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจผมเลย และนั่นคือโอกาสของผม!
                ผมรีบวิ่งไปอีกทางทันทีแม้จะไม่รู้หนทาง แต่ก็ดีกว่าที่จะถูกจับแบบนี้…
                ตุบ!
                “โอ๊ย!”
                ขาผมสะดุดกับรากไม้ที่โผล่พ้นดินขึ้นมาทำให้ผมล้มกระแทกพื้นดินอย่างจัง โชคดีที่ผมใช้ข้างลำตัวรับแรงกระแทก แต่ก็ยังส่งผลต่อความเจ็บปวดที่ท้องอยู่ดี ผมลุกยืนทั้งที่เจ็บไปทั่วร่างกาย พยายามฝืนเดินไปเรื่อยๆ หวังว่าคุณแพรวจะยังไม่รู้ตัว…
                “แฮ่กๆๆ” ผมนั่งหอบใต้ต้นไม้เมื่อคิดว่าหนีมาไกลพอสมควร
                “โอ๊ย!” ผมร้องลั่นเมื่อเจ็บท้องอย่างหนัก อยากใช้มือสัมผัสเจ้าตัวน้อย แต่ถูกมัดไพล่หลังอยู่แบบนี้คงทำไม่ได้ ผมหันรีหันขวางเพื่อหาของมีคมที่พอจะสามารถเฉือนเชือกออกได้ เดินหาสักพักก็เจอต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีส่วนที่แหลมคมยื่นออกมา ผมหันหลังแล้วใช้เชือกถูอย่างแรง
                “ขอร้องล่ะ ขาดเถอะ”
                ผมนิ่วหน้าเมื่อเฉือนโดนเนื้อตัวเอง แต่ก็ต้องกัดฟัดพยายามเฉือนต่อไป แม้จะได้รับ         บาดเจ็บมากขึ้นก็ตาม ผมพยายามอยู่เกือบชั่วโมงเชือกก็ค่อยๆ ขาดและคลายออก
                ผมมองมือตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือด แต่ผมก็เลือกที่จะเอามือกุมท้องแล้วทรุดนั่ง
                “ไม่เจ็บนะตัวเล็ก… ไม่เจ็บนะ” ผมลูบท้องตัวเองแล้วพร่ำบอกกับลูก พลางแหงนมองท้องฟ้าที่ตอนนี้ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ใกล้มืดแล้ว แต่ผมกลับอยู่ในป่า ไร้หนทางที่จะออกไปได้
                ผมค่อยๆ ลุกเดิน แล้วร้องขอความช่วยเหลือแม้ไร้หวัง
                “ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย! พี่เพชร! พ่อเลี้ยง!” ผมร้องตะโกนจนคอแห้งผาก ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ ก็เหมือนยิ่งฆ่าตัวตาย เพราะดูเหมือนจะเดินเข้ามาในป่าลึกมากขึ้น
                “แค่กๆๆ ชะ..”
                ผมนิ่วหน้าเพราะเลือดที่ข้อมือและฝ่ามือยังไม่หยุดไหล และซึมผ่านผ้าเช็ดหน้าที่พันไว้ ส่วนอีกมือที่ไร้ผ้าพันก็มีเลือดหยดตามทาง
                ผมรู้สึกเวียนหัวจนต้องนั่งพักอีกครั้ง แม้จะเดินมาได้ไม่ไกลจากจุดพักเดิม ความอ่อนล้าจนทำให้ผมค่อยๆ เอนตัวลงบนพื้นดินและสลบไป
 
ooooOoooo
 
                “พ่อเลี้ยงครับ คนงานของเราที่อยู่ข้างนอกรายงานมาว่า พวกที่จะเข้ามาตอนนี้ มุ่งหน้าไปทางป่าแทนแล้วครับ”
                พ่อเลี้ยงนิ่วหน้า ไปทางป่า? แปลว่าไม่ได้มาทางนี้?
 
 
                ป่าที่ว่ามีอาณาเขตติดกับที่ดินของพ่อเลี้ยง เดิมเป็นที่ดินที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง จนมีแต่ต้นไม้รกครึ้มกลายเป็นป่า ส่วนที่ติดกับอาณาเขตของป่าก็คือด้านหลังกระท่อมของคราม แต่หากเข้าไปในป่าแล้วเดินไปเรื่อยๆ จะสามารถทะลุไปถึงถนนลาดยางข้างนอกได้
                พวกนั้นเข้าป่าจากทางถนนลาดยางงั้นเหรอ? เข้าไปทำไมกัน?
                “บอกทุกคนเตรียมพร้อมตลอดเวลา แล้วฉันจะสั่งการอีกที”
                “ครับพ่อเลี้ยง”
                พ่อเลี้ยงเดินกลับเข้าไปในบ้าน เพชรที่รออยู่ด้านในมีสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน
                “เจอครามไหมครับ แล้วพ่อกับแม่ผมมาหรือยัง”
                “ยังไม่เจอ… พ่อกับแม่คุณไม่ได้มาที่นี่แล้ว แต่พ่อกับแม่คุณกำลังมุ่งหน้าไปในป่าแทน”
                “ป่า? ตรงหลังบ้านครามหรือครับ”
                “ใช่…”
                “ทะ..ทำไมกัน”
                “ฟ้าอยู่ที่นั่นสินะ” เสียงของร่างสูงที่นั่งอยู่ใกล้กันเอ่ยขึ้นภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา เขาลุกขึ้นยืนแล้วหยิบปืนขึ้นเตรียมพร้อม
                “รีบไปกันเถอะ แบ่งกำลังเป็นสองกลุ่มเพื่อตามหา… ตอนนี้เย็นมากแล้ว ผมรอไม่ไหวอีกแล้ว”
                พ่อเลี้ยงมองชายที่ใส่หมวกตอนมาสมัครงาน เมื่อเขาถอดหมวกออกจึงเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย… ซึ่งตอนนี้ดูดีสมกับตำแหน่ง
                “ตกลง แบ่งกำลังเป็นสองกลุ่ม ถ้าเจอให้ยิงปืนสองนัด”
                “ตกลง” ร่างสูงเอ่ยรับคำแล้วมุ่งหน้าไปพร้อมกับกลุ่มของตน
                พ่อเลี้ยงจะมุ่งหน้าตามไปแต่เพชรรั้งไว้ก่อน
                “ผมไปด้วย”
                “นายจะไปทำไม”
                “ถ้าผมไป พ่อกับแม่ต้องยอมฟังผมแน่ๆ”
                “อย่าไปเลย… พ่อกับแม่นายตอนนี้กู่ไม่กลับแล้วล่ะ และอีกอย่าง เหตุการณ์ครั้งนี้จำเป็นต้องมีเพื่อที่จะได้จบเรื่องราวทุกอย่างที่หมอนั่นหวังมาตลอดหนึ่งปีที่ยอมทิ้งตัวตนของตัวเอง”
                “คุณใหญ่…”
                “วางใจเถอะ ฉันไม่ทำร้ายพ่อแม่นายหรอก รอฟังข่าวที่นี่ แล้วดูแลหนูดีให้ฉันด้วย”
                เพชรพยักหน้าเบาๆ
                “ระวังตัวด้วยนะครับ”
                “อืม…” พ่อเลี้ยงยิ้มรับแล้วพากลุ่มของตนมุ่งหน้าตามเข้าไปในป่า
                ป่ามีเนื้อที่ไม่มากนัก หากกระจายกำลังกันค้นหา ไม่เร็วก็ช้าจะต้องเจอกัน จะเป็นมิตรหรือศัตรูนั้นคืออีกเรื่อง…
                ร่างสูงนึกถึงใบหน้าของคนรักแล้วกำปืนแน่น “รอหินก่อนนะฟ้า…”
 
ooooOoooo
 
                “อะ..โอ๊ย” ผมค่อยๆ ลืมตา นิ่วหน้าเมื่อขยับมือ เจ็บท้องเมื่อพยายามจะลุกนั่ง ทุกอย่างเจ็บไปหมด… ผมมองไปรอบตัวที่ตอนนี้เริ่มมืดจนแทบมองไม่เห็น มือชุ่มโชกไปด้วยเลือด แม้จะหยุดไหลแล้วแต่ความเจ็บยังคงอยู่
                “ติดต่อแพรวได้หรือยัง” เสียงของใครบางคนทำให้ผมหยุดนิ่ง โดยเฉพาะน้ำเสียงและชื่อที่เอ่ย
                “ยังเลย… ตั้งแต่บอกทางเข้ามาในป่าก็เงียบไปเลย”
                เสียงพวกคุณท่าน! ผมหยุดนิ่งค่อยๆ เดินให้เบาที่สุดแล้วไปแอบหลังต้นไม้
                พวกคุณท่านมาที่นี่แล้ว… ผมปิดปากตัวเองแล้วหลับตา… กลัวที่จะเผชิญหน้า แม้แต่เสียงลมหายใจก็ไม่อยากให้ได้ยิน
                “ที่นี่ไม่มีสัญญาณเลย…”
                “เข็มทิศยังใช้ได้หรือเปล่า”
                “ยังใช้ได้ เราคงไม่หลงกันหรอก แต่ยัยแพรวน่ะสิ ติดต่อไม่ได้เลย หวังว่าจะไม่หลงนะ”
                แสงไฟฉายสาดส่องไปทั่ว กลุ่มคุณท่านอยู่ห่างจากที่ซ่อนของผมเพียงไม่กี่ก้าว ถ้าหันหลังแล้วสาดไฟฉายมาก็อาจจะเห็นผมเลยก็ได้
                ขอร้องล่ะ… อย่าให้ถูกเจอเลย
                ผมรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาด้วยความกลัว…
                “รีบๆ เดินตามหากันเถอะ เจอยัยแพรวก็ต้องเจอฟ้าครามด้วย!” คุณนายเอ่ยบอกก่อนที่จะค่อยๆ เดินห่างออกไปพร้อมกับคนอีกหลายคน
                ผมรีบลุกทันที แต่เพราะความกลัวจนไม่ทันระวัง ผมเหยียบกิ่งไม้เสียงดังขณะที่พวกคุณท่านยังเดินไปได้ไม่ไกลนัก
                “นั่นใครน่ะ”
                เฮือกกก!
                ไฟฉายสาดมาทางผม
                “แพรว?”
                ผมปิดปากตัวเอง เมื่อเสียงฝีเท้าพวกนั้นใกล้เข้ามาอีกครั้ง และผมก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งหนี!
                “ใคร! หยุด!”
                เสียงนั้นมาพร้อมกับหลายฝีเท้าที่วิ่งตามมา ผมวิ่งจนสุดกำลัง แขนและขาถูกกิ่งไม้ เขี่ยนจนรู้สึกเจ็บแต่ก็หยุดวิ่งไม่ได้
                ปัง!
                เฮือกกก ผมสะดุ้งจนเผลอทรุดนั่ง พวกนั้นจะยิงผม! พอตั้งสติได้ก็วิ่งต่อไปอีกครั้งอย่างสุดแรง มือกุมท้องไว้ตลอดเวลา
                ปึก!
                “โอ๊ย!”
                ตุบๆๆ
                เพราะความมืดผมจึงสะดุดบางอย่างและกลิ้งลงไปตามผืนป่าลาดด้านข้างทันที!
                ปึก!
                ผมกลิ้งลงมาปะทะกับต้นไม้ และท้องของผมก็ชนเข้ากับต้นไม้อย่างจัง ไม่มีเสียงร้องแม้จะเจ็บปวด เพราะผมจุกจนร้องไม่ออก ผมพยายามมองขึ้นไปด้านบน ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งผ่านไป พวกนั้นมองไม่เห็นผมที่ตกลงมา
                ผมรู้สึกเจ็บ เม้มปากแน่นพยายามลุกอีกครั้ง กุมท้องตัวเองแล้วนั่งพิงต้นไม้ที่หยุดตัวผมไว้อย่างเหนื่อยหอบ
                “แค่กๆๆ ชะ..ช่วยด้วย… ใครก็ได้… อึก..” ผมกัดปากตัวเองหวังให้คลายความเจ็บ แม้พยายามจะลุกแต่ก็ไม่ไหว ทั้งเจ็บและจุกจนไม่มีแรงจะเดินแล้ว สักพักก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้น
                “ไม่มีใครเลยครับ เสียงปืนก็หายไปแล้ว” ผมพยายามจะหลบแต่ก็ไม่มีแรง
                “โธ่เว้ย! อยู่ไหนนะฟ้า!”
                ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนจากข้างบน หูผมคงไม่ได้แว่วไปเองใช่ไหม ผมนั่งนิ่งหวังจะได้ยินเสียงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
                “หรือจะเป็นเสียงปืนของพ่อเลี้ยงที่ให้สัญญาณว่าเจอคุณฟ้าครามแล้วครับ”
                “ไม่ใช่ เราตกลงกันว่าจะยิงสองนัด”
                ผมมองไปข้างบนทันทีเมื่อแน่ใจว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร…
                “หะ..หะ..หิน!” ผมพยายามเปล่งเสียงให้ดังที่สุด แต่เพราะจุกท้องจึงส่งเสียงได้ไม่มาก
                “หิน… อึก.. หิน! ช่วยผมด้วย”
                “ทุกคนรีบไป อาจเป็นพวกนั้นที่ยิงปืน ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม!”
                ไม่นะ เขากำลังจะไป
 
                “หิน! ผมอยู่นี่… อึก..” ผมพยายามฝืนลุกยืนแล้วจะปีนขึ้นไปแต่ก็ไร้ผล ยิ่งผมเจ็บมากขนาดนี้คงปีนขึ้นไม่ไหว
                ผมพยายามคลำหาเศษต่างๆ เพื่อจะขว้างขึ้นไปข้างบน
                “อย่าเพิ่งไป! ช่วยผมด้วย!” ผมขว้างก้อนดิน ก้อนหิน เศษกิ่งไม้ ขึ้นไปอย่างอ่อนแรง
                “หิน!” ผมตะโกนสุดเสียงแล้วทรุดนั่งอย่างหมดแรง
                “ฮึก..ก..ก… ชะ..ช่วยผมด้วย ชะ..ช่วยลูกของเราด้วย…” ผมร้องไห้อย่างหนักเพราะเจ็บท้องมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนตัวเล็กจะไม่ไหวแล้ว…
                “ฮึก..ก..ก…” ผมหลับตาลงอย่างหมดหวัง ถ้าเขาไป ผมกับลูกคงตายตรงนี้…
                “ฟ้า!“
                ผมเงยหน้ามองไปทันที แต่ก็ต้องใช้มือปิดหน้าเพราะแสงไฟฉายที่สาดลงมา
                “หิน! ช่วยผมด้วย”
                “ฟ้า! รอพี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะลงไปช่วย” หินพูดก่อนจะรีบลงมาโดยไม่กลัวว่าตัวเองอาจจะล้มกลิ้งลงจนเจ็บ เขารีบลงมาหาผมแล้วสวมกอดทันที
                “ฟ้า!”
                “หิน! ฮือๆๆ ช่วยผมด้วย”
                “ไม่ต้องกลัวนะพี่อยู่นี่แล้ว…” หินกอดผมแน่นแล้วจูบหน้าผาก
                “ฮือๆๆ”
                “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
                ผมพยักหน้า “ผะ..ผมเจ็บไปหมดเลย…”
                หินมองหน้าผมอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะค่อยๆ อุ้มผมไว้ในอ้อมแขน
                “อดทนนะ พี่กำลังจะพากลับ… นี่พวกนาย ฉันจะเดินไปตามทางข้างหน้า คงมีทางขึ้นที่ไม่ชันมากนัก!” หินตะโกนบอกพวกข้างบนให้เดินตามกันจากข้างบนไปเรื่อยๆ
                ผมซุกหน้าในอกเขาแล้วร้องไห้ ทั้งเจ็บทั้งดีใจ… เขากลับมาแล้ว… หินกลับมาหาผมแล้ว… หินกอดผมแน่นแล้วหอมแก้ม
                ไม่นานก็เจอทางเดินที่สามารถเดินขึ้นไปข้างบนได้ เป็นทางขึ้นที่ไม่ชันมากนัก พอที่จะอุ้มผมเดินขึ้นไปด้วยได้
                “ยิงปืนบอกพ่อเลี้ยงไหมครับ”
                “อืม…”
                ปัง ปัง
                “กรี๊ด!”
               
                ตุบๆๆ  เสียงกรีดร้องของใครบางคนที่กำลังวิ่งหนีอย่างร้อนรน ทำให้ทุกคนหยุดชะงักก่อนที่หินจะบอกให้คนวิ่งตามไป
                ผมพยายามจะมองใบหน้าของเขา แต่เพราะความมืดจึงมองไม่ค่อยเห็น ผมจึงค่อยๆ ใช้มือสัมผัสใบหน้าเขาด้วยความคิดถึง ไม่มีหนวดแล้วนี่ ถ้าสาวๆ เห็นคงหลงกันน่าดู ผมยิ้มแล้วซุกอกของเขาอีกครั้ง ในที่สุดเราก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง แค่เห็นหน้าเขา ผมก็พร้อมที่จะอภัยทุกอย่าง หินมองหน้าผมแล้วก้มลงจูบหน้าผาก
                “กรี๊ดดด ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำให้ผมหันไปมอง
                …คุณแพรว…
                “ปล่อยนะ พวกแกเป็นใคร! จะทำอะไรฉัน!”
                “จะทำยังไงดีครับ ผู้กอง” หนึ่งในคนที่มาด้วยกันเอ่ยขึ้นแล้วหันมามองหิน
                ผมค่อยๆ เงยหน้ามองหินแล้วเบิกตากว้าง ผู้กอง?? หินเป็น…
                “พากลับไปด้วย ครั้งนี้เราจะจับพวกที่เกี่ยวข้องให้หมดทุกคน หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ดิ้นไม่หลุดแน่นอน”
                “อ๋อ ตำรวจนี่เอง! จะจับพวกฉันงั้นเหรอ งั้นแกก็จับไอ้ครามด้วยสิ มันก็พวกเดียวกับฉัน หลอกล่อเอาข้อมูลไอ้บ้า! หลอกให้ไอ้บ้ารักแล้วจะเอารหัสกับกุญแจ จับมันเลย!”
                ผมตัวชาวาบ…
                หินค่อยๆ ก้มหน้ามองผม แม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ใบหน้าที่เกือบชิดกันทำให้ผมเห็นแววตาของเขาที่ทั้งโกรธและผิดหวัง
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-10-2016 16:50:38
หินน่าจะรู้อยู่นะว่าฟ้าเป็นคนยังไง...ใช่ไหม?

หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 18-10-2016 18:01:33
หิน... เชื่อใจฟ้าหน่อยนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2016 18:08:54
แค่คำพูดคุณนาย ที่ซัดทอดให้มีคนผิดเป็นพวก
จะทำให้หิน เชื่อทันทีโดยไม่ซักถามเหรอ
แล้วที่ไล่ล่าฟ้า  หนีจนเลือดไหลเซอะซะ
นี่ก็แสดงว่าเป็นพวกเดียวกับคุณนายสินะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 18-10-2016 18:16:07
รอออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 18-10-2016 18:42:16
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-10-2016 18:53:35
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 18-10-2016 19:18:45
 :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 18-10-2016 19:33:00
อารายอ๊า แค่คำพูดไม่กี่คำของอีนางมารนี่จะเชื่อแล้วหรอ แล้วไอ้ที่อยู่กันมาตั้งนานนี่ไม่รู้นิสัยกันเลยรึไร  :hao4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-10-2016 20:24:34
หวังว่าหินจะฟังเหตุผลของฟ้านะ ลูกฟ้าจะปลอดภัยใช่ไหม โดนกระแทกหลายทีมาก
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 18-10-2016 22:46:15
 :fire:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-10-2016 23:53:53
ทีตอนแรกตัวเองยังรับไม่ได้เลยที่โดนเขาหลอก
ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกแล้วยัง เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-10-2016 00:10:20
หูย กำลังมันส์เลย!
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-10-2016 00:11:41
หวังว่าหินจะมีเหตุผลพอนะ
เป็นห่วงฟ้าจัง ขอให้ฟ้ากับลูกปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 19-10-2016 02:13:53
ต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 19-10-2016 17:28:17
                 หินไม่ได้พูดอะไรกับผมอีกเลย เพียงแค่อุ้มผมกลับไปยังบ้านพ่อเลี้ยง ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูเย็นชาจนผมรู้สึกกลัว ผมซบหน้าลงกับอกของเขาและกอดแน่นเท่าที่จะทำได้… เขาจะเกลียดผมไหม…
                “คราม!” เสียงพี่เพชรดังขึ้น ผมหันไปมองพี่เพชรที่กำลังกล่อมหนูดีให้หลับในอ้อมแขนเมื่อเห็นผม พี่เพชรก็รีบพาหนูดีไปไว้บนห้องนอนชั้นบนแล้วรีบกลับมาดูอาการผม
                “คราม… เกิดอะไรขึ้น ทำไมบาดเจ็บขนาดนี้!” หินค่อยๆ วางผมลงบนโซฟา
                “พี่..พี่จะเรียกรถพยาบาลนะ” พี่เพชรเตรียมจะยกโทรศัพท์
                “ไม่ต้อง” หินเอ่ยขัด
                ผมเงยหน้ามอง พี่เพชรก็ขมวดคิ้ว
                “ทำไมไม่ให้เรียก… ครามเจ็บขนาดนี้…”
                “เล่นละครหรือเปล่า”
                ผมสะดุ้งเฮือก เล่นละคร?
                “หิน…” ผมเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบาแทบหมดแรง แววตาที่เขามองผมไม่ใช่หินคนเดิมอีกแล้ว ทำไมมีแต่ความเกลียดชังแบบนี้
                “เรื่องจริงใช่ไหมที่ผู้หญิงคนนั้นบอก” หินพูดแล้วชี้ไปทางคุณแพรวที่ถูกจับกุมอยู่อีกห้อง… “เรื่องจริงใช่ไหมที่ร่วมมือกัน...”
                “ผม..ผม… ชะ..ใช่ครับ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมถูกบังคับ..”
                “บอกให้เลิกเล่นละครไง!”
                ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตวาดลั่น ตัวผมสั่นด้วยความกลัว
                “นี่นายเป็นบ้าจริงๆ หรือไง ถึงมาตวาดครามแบบนี้!” พี่เพชรตะโกนกลับ
                “นายเงียบไปเลย นายก็อีกคน ฉันจะจับโทษฐานที่สมรู้ร่วมคิดกันกักขังภูมิไว้ในกระท่อมเป็นเวลาสิบปี!”
                “เออ ให้จับแน่! ไม่หนีหรอกเว้ย! แต่ครามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ครามถูกบังคับ!”
                “หึ! จะจริงเหรอ... ภูมิมันคงเสียใจน่าดูที่รู้ว่าคนที่มันรักตั้งแต่เด็กเป็นคนแบบนี้!”
                เขาตะคอกใส่ผมที่นั่งนิ่งโดยไร้ข้อแก้ตัว… บอกไปเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี
                “คะ..คุณไม่ใช่พี่ภูมิ แล้วคุณเป็นใครกัน…” ผมรู้ว่าเขาเป็นตำรวจ แต่ผมคิดว่าเราน่าจะเคยรู้จักกัน
                “จำไม่ได้เลยสินะว่าเราเคยเจอกัน นั่นสิ เพราะฟ้าก็มีแต่ภูมิ อะไรๆ ก็ภูมิ”
                “คุณ…” ผมนึกถึงชื่อตอนที่ผมโทรไปหาเขา เอก
                “เอก?”
                เขาชะงักเพราะไม่คิดว่าผมจะรู้ชื่อเขา
                “จำได้ด้วยเหรอ” แวบหนึ่งผมเห็นริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้ม แต่ก็แค่เสี้ยววินาที
                ผมส่ายหน้า
                “เหอะ นั่นสินะ!” เขามองผมตาขวางแล้วกระชับปืนเตรียมจะออกไปอีกครั้ง
                “เดี๋ยวก่อน! แล้วพี่ภูมิล่ะ… พี่ภูมิอยู่ที่ไหน…”
                เขาหันมามอง…
                “ตายไปแล้ว… โดนฆ่าตายในกระท่อมนั่นเมื่อหนึ่งปีก่อน ไม่ต้องบอกนะว่าพวกใคร”
                ผมอึ้ง… ตายไปแล้ว… พี่ภูมิตายไปแล้ว!
                “ภะ..ภูมิตายแล้วเหรอ… ไม่จริงน่า… ตายได้ยังไง… พ่อกับแม่ฉันไม่มีทางสั่งฆ่า  ภูมิแน่ๆ”
                “นายก็ไปถามพ่อกับแม่นายเองสิ… แต่ไปถามตอนที่อยู่ในคุกด้วยกันนะ”
                “เกิดอะไรขึ้นกันแน่…” ผมเอ่ยถามอย่างสับสน
                หินมองหน้าผมแล้วพูดต่อ “เมื่อหนึ่งปีก่อนหมอนั่นถูกซ้อมจนตายในกระท่อม… ตายอย่างอนาถคนเดียวไม่มีใครช่วย… มีแค่คุณฝนแม่ของฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหมอนั่นตาย แม้แต่คนที่ซ้อมมันยังไม่รู้เลย คุณฝนทนไม่ได้ที่ภูมิตายจึงติดต่อมาหาฉันที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของหมอนั่น”
                เขาหยุดพูดแล้วพยายามสะกดอารมณ์ไว้
                “คุณฝนบอกความจริงทั้งหมดว่าภูมิถูกขังเอาไว้ ยังไม่ได้ตาย… แต่สุดท้ายหมอนั่นก็ต้องตายจริงๆ และฉันเป็นคนนำกระดูกของภูมิไปทำพิธีเอง จากนั้นฉันก็ลอบเข้าไปในบ้าน สวมรอยเป็นภูมิแทน ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะไม่มีใครไปหาฉันที่กระท่อมนอกจากคุณฝน ฉันจึงสวมรอยและรอคอยหลักฐานที่จะมัดตัวคนชั่วมาโดยตลอด!”
                ผมปิดปากตัวเอง ไม่อยากเชื่อกับเรื่องที่ได้ยิน
                “ฮึก..ก… ภะ..ภูมิ… พี่ภูมิ” ทำไมคนอย่างพี่ภูมิต้องมีจุดจบแบบนั้น…
                “จะร้องไห้ก็สายไปแล้ว ฟ้าเองไม่ใช่หรือไงที่ช่วยคนชั่วฆ่าภูมิ”
                “ไม่ใช่! ผมไม่ได้ตั้งใจ”
                “แต่ก็ทำใช่ไหมล่ะ… ทั้งที่คุณฝนรู้ว่าพี่ไม่ใช่ภูมิ แต่ก็ยังบอกกับฟ้าว่าพี่คือภูมิ รักษาสัญญากับพี่และยอมโกหกลูกตัวเองเพื่อช่วยพี่ให้ทำคดีนี้สำเร็จ แต่ฟ้าที่เป็นลูกกลับทำแบบนี้!!”
                “ฮึก..ก…”
                เขาหันหลังกลับ “พี่จะไปจับกุมพวกนั้น อย่าหนีไปไหนล่ะ!” และหันกลับมามองผมเมื่อพูดประโยคสุดท้าย ก่อนจะให้ตำรวจจำนวนหนึ่งติดตามไป และให้อีกสามนายอยู่เฝ้าพวกผมไม่ให้หนี
                “ฮึก..ก…”
                “คะ..คราม” พี่เพชรเอ่ยเสียงสั่น
                “พะ..พี่ขอโทษนะที่ทำให้ภูมิ… ตะ..ตาย เพราะครอบครัวพี่แล้วก็พี่” พี่เพชรกอดปลอบผม ผมนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องอย่างรุนแรงจนตัวงอและฟุบนอนลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
                “ครามเป็นอะไร!”
                “พะ..พี่เพชร ผม… ผมเจ็บท้อง…”
                “ว่าไงนะ! จะคลอดเหรอ… แต่ครามเพิ่งท้องได้สามเดือนเองนี่”
                “ผะ..ผมเจ็บ...” ผมกุมท้องตัวเองแน่น รู้สึกปวดเหมือนจะมีอะไรออกมา
                “คราม! เป็นอะไร ทำใจดีๆ ไว้… พี่จะรีบเรียกรถพยาบาล!” พี่เพชรรีบโทร แต่กลับถูกตำรวจที่เฝ้าขัด
                “โทรไม่ได้ครับ”
                “นี่คุณจะบ้าหรือไง! ครามเจ็บท้องนะ!”
                “แต่ผู้กองไม่ให้โทร”
                “ถ้าไม่ให้โทร ฉันจะฟ้องว่าตำรวจรังแกประชาชนและปล่อยให้นอนเจ็บแบบนี้!!”
                ตำรวจมีสีหน้าอึกอัก แล้วปล่อยให้พี่เพชรโทรเรียกรถพยาบาล พี่เพชรโทรบอกอย่างร้อนรน เมื่อวางหูก็เข้ามาปลอบผม
                “อดทนไว้นะคราม”
                ผมพยักหน้าหลับตาลงอย่างอ่อนแรง แต่ก็ต้องรีบลืมตาเพราะเสียงปืนที่ดังขึ้น
                ปัง! ปัง! เสียงปืนดังหลายนัดติดกัน ตำรวจที่ถูกสั่งให้เฝ้าเราทั้งสามนายล้มลงต่อหน้าต่อตาเมื่อสิ้นเสียงกระสุน
                ผมสะดุ้งเฮือก พี่เพชรรีบกอดผมทันที
                “พะ..พี่เพชร”
                “คราม… เป็นอะไรไหม”
                ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง
                “เจอตัวสักทีนะ เพชร คราม…” เสียงที่คุ้นเคยทำให้เราสองคนหันไปมองเจ้าของเสียง
                “พ่อ! แม่!” คุณนายอมรและคุณเกริกเดินเข้ามาพร้อมกับชายกลุ่มหนึ่งที่มีอาวุธปืนครบมือ
                “ไปจับมัน!” คุณเกริกสั่งลูกน้องให้มาจับผม
                “พ่อ แม่ อย่าทำอะไรครามนะ!” พี่เพชรพยายามช่วยแต่ก็ไร้ผล
                “เพชร! เงียบสักที”
                “คราม!”
                คุณนายอมรสั่งให้ลูกน้องอีกคนจับตัวพี่เพชรไปไว้ที่ห้องอื่นและขังไว้ ผมยืนตัวงอ มีชายสองคนคอยจับผมไว้ไม่ให้หนี
                “ในที่สุดก็เจอตัวจนได้นะคราม… ป่านนี้พวกที่ช่วยเหลือแกคงหลงกลไปสู้กับลูกน้องอีกกลุ่มของฉันแล้ว”
                “คุณนายปล่อยผมไปเถอะนะครับ… ฮึก…”
                “ไม่! แกทรยศฉัน”
                เพียะ!
                หน้าผมหันไปตามแรงฝ่ามือ
                “บอกรหัสและกุญแจมา แกรู้ใช่ไหมฮะ! ถ้ายอมบอกฉันจะไว้ชีวิตแกก็ได้”
                ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ผมจะไม่ทำตามที่คุณสั่ง… ผมไม่ยอมให้คุณบังคับอีกแล้ว…”
                “ไม่ยอมเหรอ! ไหนแกจะทำยังไง… ฉันจะบังคับแกต่อไป บังคับให้แกทำอะไรก็ได้! และแกต้องทำ! บอกมา ไอ้บ้ามันบอกอะไรแก รหัสกับกุญแจอยู่ไหน!”
                “ไม่มีไอ้บ้าอีกแล้ว… ไม่มีพี่ภูมิอีกแล้ว”
                “แกพูดอะไร”
                “ไม่มีใครอีกแล้วทั้งคนบ้าทั้งพี่ภูมิ… พี่ภูมิตายไปแล้ว”
                คุณท่านทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อ
                “แกอย่ามาโกหก มันจะตายได้ยังไง มันหลบซ่อนอยู่ที่ไหนบอกมา!” คุณเกริกตวาดใส่ผม
                “ฮึก..ก… ไม่มี… พี่ภูมิตายไปแล้ว โอ๊ย..” ผมทรุดลงกองกับพื้นเมื่อคุณนายสั่งให้ลูกน้องปล่อยมือจากผม ผมนิ่วหน้าเจ็บท้องอย่างมาก…
                “โกหกได้โกหกไป งั้นแกก็เตรียมตัวตายไปอยู่กับแม่แกแล้วกัน!”
                ผมเงยหน้ามองคุณนายทันที
                “อะ..อะไร… มะ..แม่” ผมอึ้งจนพูดไม่ออก
                “หึ” คุณนายยิ้ม
                “แม่แกตายไปแล้ว ไอ้โง่! ฉันฆ่ามันเองเพราะมันติดต่อแกแล้วไม่ยอมบอกฉัน ฉันก็เลยเอาปืนยิงมันตาย! ฉันฆ่ามันเอง! รู้ไหมตอนที่มันจะตายมันเรียกชื่อแกตลอดเลย ฮ่าๆๆ ฉันนี่เก่งเหมือนกันนะ วางแผนฆ่าพี่ชายฆ่าพี่สะใภ้โดยตัดสายเบรกจนรถพลิกคว่ำไฟลุกท่วม ฮ่าๆๆ ทั้งยังขังไอ้ภูมิลูกของพวกมันไว้ทรมานเล่นๆ เป็นสิบปีอีก และ… ฆ่าแม่เเกตาย!” คุณนายยิ้ม
                ผมนิ่งค้างกำมือแน่น… สารเลวที่สุด!!
                คราม… ลูกต้องรักและเคารพคุณท่านนะ เพราะคุณท่านเป็นผู้มีพระคุณกับเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็อย่าอกตัญญูนะลูก
                คำที่แม่สอนมาตลอดว่าให้รักและเคารพ… แต่ทำไม! ทำไมทำกับแม่แบบนี้!
                “มะ..แม่… คุณฆ่าแม่ทำไม!” ผมใช้แรงทั้งหมดลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาคุณนายอมรทันที
                “กรี๊ดดด แกจะทำอะไรฉัน! เอามันออกไป!”
                “คุณฆ่าแม่ทำไม พวกเรารักและเคารพพวกคุณ แต่ทำไมทำกับเราแบบนี้!” ผมพยายามจะเข้าทำร้ายเท่าที่แรงทั้งหมดจะมี แต่กลับถูกกระชากออกและจับล็อกไว้
                “แก ตายซะเถอะ!” คุณเกริกเล็งปืนมาที่ผม ผมหลับตารอฟังเสียงที่จะดับลมหายใจของผม ผมพร้อมที่จะตายแล้ว ผมไม่อยากอยู่อีกแล้ว ผมจะไปอยู่กับแม่
                “หยุดนะ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เราล้อมไว้หมดแล้ว!” เสียงของหินตะโกนก้องทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก
                “ตำรวจ! ตำรวจมาได้ยังไง”
                “วางอาวุธลงซะ! เร็ว!”
                พวกคุณท่านอึกอัก ก่อนที่คุณเกริกจะกระชากตัวผมจากลูกน้องแล้วจับล็อกเอาไว้เอง
                “อย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันยิงมันแน่!”
                สายตาที่พร่าเลือนของผมมองเห็นหินกำลังเล็งปืนมาทางนี้ แววตาของเขาสั่นไหวเมื่อผมถูกปืนจี้ที่หัว
                “วางปืนให้หมด! ไม่งั้นฉันยิงมันแน่!” คุณเกริกตะคอกเสียงดังพร้อมกับกดปืนเข้าที่ขมับของผม
                หินค่อยๆ วางปืนลงและสั่งให้ตำรวจนายอื่นทำตาม
                “ถอยไป!” คุณเกริกและลูกน้องใช้ปืนกวาดไปทั่วก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาจากบ้านอย่างระมัดระวัง ผมถูกบังคับให้เดินไปเรื่อยๆ คอถูกล็อกไว้ หัวก็ถูกปืนจี้ แต่นั่นก็ไม่สามารถบังคับขาที่อ่อนแรงของผมได้ พอพ้นจากตัวบ้านได้ไม่นานผมก็ทรุดลงกองกับพื้นดิน
                “ยืนสิวะ!”
                “ยืนสิ!” คุณนายจิกหัวผม
                คุณท่านรีบล็อกคอผมให้ยืนตามเดิม แต่ผมไม่มีแรงเหลือ
                “เดี๋ยวก่อน!” เสียงของหินดังขึ้นขณะที่ยังคงเดินตามพวกเราอยู่ห่างๆ
                “เราต้องการเจรจา…”
                “เจรจา? ยังไงล่ะ...” คุณเกริกยกยิ้มแต่ยังจี้ปืนไว้ที่หัวของผม ส่วนลูกน้องคนอื่นๆ ก็ยังเล็งปืนไปที่หินและตำรวจนายอื่นๆ
                “เรามีข้อเสนอในการขอเปลี่ยนตัวประกัน”
                “เปลี่ยนเหรอ กับมันเนี่ยนะ!”
                “โอ๊ย” ผมร้องเมื่อคุณนายจิกหัวผมให้เงยหน้า
                “ใช่… ฉันจะไปเป็นตัวประกันแทน”
                “หึ” คุณเกริกยกยิ้มก่อนจะ
                ปัง!
                ผมเบิกตากว้างเมื่อคุณเกริกยิงไปที่หิน แต่เพราะความมืดจึงมองไม่ค่อยชัดว่าโดนเข้าที่ส่วนไหน
                “หิน!”
                “ผู้กอง!”
                ตำรวจหลายนายจะเข้าไปช่วยแต่หินยกมือห้ามแล้วยิ้ม
                “ทีนี้ฉันบาดเจ็บแล้ว จะเปลี่ยนตัวประกันได้หรือยัง” หินค่อยๆ ลุกแล้วจับแขนซ้ายตัวเอง
                “ฮ่าๆๆ แกเป็นอะไรกับมันวะถึงอยากช่วยมันนัก”
                พรึ่บ! ทันทีที่พูดจบ แสงไฟจากรถตำรวจหลายคันก็สว่างขึ้น ทำให้กลุ่มคุณท่านต้องใช้มือบังตา ผมหันไปมองกลุ่มตำรวจ ก็เห็นกลุ่มพ่อเลี้ยงมาสมทบแล้ว และนั่นเป็นจังหวะเดียวกันที่ตำรวจบุกเข้าจับกุม คุณเกริกไหวตัวทัน แต่ด้วยความตกใจจึงกราดยิงปืนทันทีและเผลอปล่อยตัวผมจนผมทรุดลงกับพื้น
                ปังๆๆ
                ตำรวจและคนงานหลายคนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงลูกน้องของคุณเกริกเอง และ…
                “ฮะๆๆ ฆ่าตายให้หมด!” คุณเกริกหัวเราะลั่นแต่ก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นคุณนายอมรล้มลงอยู่ใกล้ๆ
                “คะ..คุณหญิง… คุณหญิง!” คุณเกริกรีบทิ้งปืนแล้วกอดคุณนายอมรที่นอนหายใจรวยรินและมีเลือดไหลท่วมตัว และจังหวะนั้นเองที่หินกับตำรวจอีกจำนวนหนึ่งเข้าจับกุมตัวคุณเกริกได้
                “ไม่! ปล่อย! ฉันจะไปหาคุณหญิง!” เสียงคุณเกริกดังลั่นเมื่อถูกจับกุม เขาทำได้เพียงมองดูคุณนายอมรนอนจมกองเลือด
                ผมที่ยังคงนั่งทรุดเบิกตากว้างเมื่อคุณนายอมรที่กำลังนอนจมกองเลือดมองตาขวางมาทางผม
                “กะ..แก…” เธอพยายามจะยกมือแล้วชี้มาที่ผม “ไม่ยอม… ฉันไม่ยอมตาย… ฉะ..ฉันไม่อยากตาย อั่ก!”
                เธอกระอักเลือดในทุกคำที่เอ่ยพูด
                “ฮึก..ก” เธอสะอื้นหายใจหอบ พยายามตะเกียกตะกายมาหาผมแต่ก็ไร้ประโยชน์ แค่เธอหายใจเฉยๆ ยังลำบากเลย “ไม่อยาก…  ตะ..ตาย ช่วย…ฉัน…ด้วย”
                ฟุบ
                สิ้นคำ ร่างของคุณนายก็นอนแน่นิ่งตาเหลือก
                ผมนิ่งอึ้งหายใจหอบด้วยความตกใจ
                “ฟ้า!” หินทรุดนั่งข้างๆ ผมแล้วเรียกสติ ตำรวจนายอื่นๆ เดินไปที่ร่างคุณนายแล้วรายงานหินเสียงดังว่า …คุณนายตายแล้ว
                “ฟ้า… ฟ้า…” หินเอ่ยเรียกชื่อผมแล้วจับที่ใบหน้า
                ผมนั่งนิ่งร้องไห้อย่างเลื่อนลอย เรื่องทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไปจนผมตั้งหลักไม่ทัน… โดยเฉพาะเรื่องของแม่…
                “ทำใจดีๆ ไว้นะฟ้า” หินรีบอุ้มผมเข้าไปในบ้าน แต่เมื่อถึงในบ้าน หินก็หยุดชะงักแล้วเบิกตากว้างเมื่อก้มมองร่างของผม
                “ฟ้า! เลือด!” หินตะโกนเมื่อเห็นเลือดไหลออกมามากมายจากช่วงล่างของผม
                ผมก้มมองแล้วเบิกตากว้าง “ละ..ลูก… ลูก! มะ..ไม่… ไม่! อ๊ากกกกก!” ผมกุมท้องตัวเอง ทั้งเจ็บปวดและกลัวสูญเสีย…
                “ฟ้า! ทำใจดีๆ ไว้” หินกระชับกอดผมแน่น
                “รถพยาบาลยังไม่มาอีกหรือไง!” หินตะโกนลั่นไปทางตำรวจนายอื่น แต่หลังจากสิ้นเสียงของหิน ผมก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลที่พี่เพชรโทรเรียกไว้
                “ไม่ๆๆ ลูกของผม… ไม่! อย่าจากไป ไม่เอาแล้ว!” ผมกุมท้องตัวเองแล้วดิ้นเมื่อรู้ว่าผมกำลังจะสูญเสียอะไรไป
                หินกอดผมไว้ตลอดไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งตัวผมถูกวางนอนลงบนเตียงรถพยาบาล
                “ฟ้า!”
                “ปล่อย!” ผมพยายามดิ้นเมื่อถูกเชือกมัดรั้งแขนและขาเอาไว้ หินกุมมือผมไว้แต่ผมดึงออก
                “แม่ช่วยผมด้วย! อย่าจากผมไป ลูก..ลูกของผม อย่าจากไป ไม่เอาแล้ว ฮือๆๆ”
                ผมตะโกนลั่นก่อนที่สติจะเลือนลางและสลบไป ได้ยินหินตะโกนเรียกตลอดเวลาด้วยใบหน้านองน้ำตา…
 
ooooOoooo
 
                “ฟ้า! ทำใจดีๆไว้!” ผมกุมมือเล็กไว้ตลอดจนมาถึงหน้าห้องไอซียู ทำได้เพียงมองร่างของฟ้าถูกเข็นเข้าไป
                “ฟ้า! โธ่เว้ย!” ผมกุมหัวแล้วชกไปที่กำแพง ไม่สนใจแม้แขนตัวเองจะบาดเจ็บ
 
                พยาบาลพยายามพาตัวผมไปทำแผลหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่ยอมไป ผมยืนกรานจะอยู่รอหน้าห้องแบบนี้จนพวกเธอต้องยกอุปกรณ์มาทำแผลของผมตรงนี้แทน
                “อย่าเป็นอะไรนะฟ้า…” ผมยังจำภาพได้ติดตา ร่างกายของฟ้ามีแต่เลือด เสียงร้องไห้ของฟ้าดังลั่นอย่างน่าสงสาร
                ลูก?? หมายความว่ายังไงผมไม่เข้าใจ...
                ผมกัดฟันกรอด ผมเองที่ทำให้ฟ้าเจ็บช้ำ ทั้งจิตใจและร่างกายอย่างสาหัส ผมพลาดมหันต์ ไม่คิดว่าแผนการมันจะเลวร้ายขนาดนี้!
                ความจริงผมไม่ได้กลับเข้าไปในป่า แต่แอบซุ่มอยู่ด้านนอกของตัวบ้าน เพราะคิดว่าพวกนั้นต้องมาที่บ้านของพ่อเลี้ยงอย่างแน่นอน เพราะพ่อเลี้ยงให้ลูกน้องมาส่งข่าวว่าพวกมันจับตัวคนงานไปหนึ่งคน เพื่อให้บอกทางไปบ้านพ่อเลี้ยงและพวกมันยังแยกกันเป็นสองกลุ่ม พ่อเลี้ยงจะจัดการอีกกลุ่มและให้ผมจัดการกลุ่มนี้ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ พวกมันมาที่นี่
                ผมซุ่มรอหลักฐานทั้งหมด ได้ยินมันสารภาพทุกอย่าง… มองฟ้าถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ แต่ก็ไม่ได้ออกไปช่วยเพราะกลัวจะเสียแผน ผมรอจนมันสารภาพออกมาหมดเปลือก! จนกระทั่งมันชักปืนจะยิงฟ้า จึงตัดสินใจตะโกนออกไป...
                “พะ..พี่ขอโทษ…” ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้ฟ้าเจ็บตัว ผมเข้าใจฟ้าผิด… ทั้งยังไม่ยอมเข้าไปช่วยจนกระทั่งทุกอย่างมันเลวร้ายแบบนี้!
                “ครามเป็นยังไงบ้าง!” พ่อเลี้ยงรีบวิ่งมาอย่างตื่นตระหนก
                ผมส่ายหัว “ไม่รู้… แต่มีเลือดออกจากช่วงล่างเยอะมาก”
                “ว่าไงนะ!” พ่อเลี้ยงเบิกตากว้าง “ครามท้องอยู่ ถ้าเลือดออกก็หมายความว่า…”
                “ท้อง? หมายความว่ายังไง! ฟ้าท้องได้ยังไง! บอกมา! เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
                พ่อเลี้ยงกัดฟันกรอด เขากระชากคอเสื้อและดันตัวผมจนกระแทกผนังอย่างแรง    แววตาพ่อเลี้ยงตอนนี้มีแต่ความโกรธ “ครามท้องได้! และท้องลูกของมึงได้สามเดือนแล้ว…! มึงทิ้งลูกทิ้งเมียไป มึงเป็นตำรวจเหี้ยอะไรวะ! หน้าที่มึงมันสำคัญกว่าชีวิตลูกเมียหรือไง!”
                ผมยืนนิ่งงันแล้วทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง หัวใจคล้ายถูกบีบจนเจ็บปวด น้ำตามันไหลออกมาไม่ขาดสายเมื่อได้ฟังความจริง… มือคู่นี้ที่สัมผัสเลือด และผมเป็นคนสั่งไม่ให้เรียกรถพยาบาล!
                “ฟ้า!!” ผมตะโกนลั่นไม่อายใคร กุมหัวตัวเองแล้วร้องไห้เรียกชื่อฟ้าตลอดเวลา
                ผมมันเลว…..
                “พี่ขอโทษ… อย่าเป็นอะไรนะ ทั้งฟ้า… และลูกของเรา…”
                หลายชั่วโมงถัดมา…
                ผมรีบเข้าไปถามอาการด้วยใจที่สั่นกลัวเมื่อหมอเดินออกมาจากห้องไอซียู
                “หมอครับ ภรรยาผม…”
                หมอหน้าเครียด “คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ… แต่ทารกในครรภ์เสียชีวิตนานแล้วครับ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”
                ผมยืนค้างเหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง
                ไม่จริง… ลูกของเรา… ตายแล้วงั้นเหรอ…
 
ooooOoooo
 
                สามวันต่อมา
                ตอนนี้ผมได้ทำเรื่องย้ายฟ้ามารักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ ฟ้ายังคงนอนหลับไม่ได้สติ ผมกุมมือฟ้าไว้แน่น อยากให้คนแรกที่ฟ้าเห็นเมื่อฟื้นขึ้นมาเป็นผม…
                “ฟ้า… ตื่นมาเถอะนะ คนดีของพี่” ผมจูบมือและบอกรัก…
                แกร๊ก เสียงเปิดประตูดังขึ้น พ่อเลี้ยงเดินเข้ามาพร้อมกับของเยี่ยมไข้มากมายเช่นเดียวกับตลอดสามวันที่ผ่านมา
                “ฟ้ายังไม่ฟื้นอีกเหรอ”
                “อืม… แล้วเพชร…”
                “จัดงานศพให้แม่อยู่น่ะ… ส่วนคดีของเพชรที่มีส่วนรู้เห็นว่าคนในบ้านจับภูมิไปขังก็ต้องรอดูว่าอัยการจะสั่งฟ้องไหม…”
                “งั้นเหรอ… โทษทีนะที่ช่วยอะไรไม่ได้…”
                “อย่ากังวลเลย เพชรเองก็บอกว่าให้เป็นไปตามกฎหมาย”
                “อะ..อือ” เสียงครางจากร่างบางทำให้ผมรีบลุกมองแล้วก้มจูบมือฟ้าอีกครั้งด้วยความดีใจ
                “ฟ้า… ฟ้า…”
                เปลือกตาของคนที่นอนหลับค่อยๆ ลืมขึ้น
                …..ฟ้าฟื้นแล้ว แต่กลับนอนมองเพดานนิ่ง
                “ฟ้า…” ผมพยายามเรียกแต่ก็ไร้ผล
                “ฟ้า หินอยู่นี่แล้วนะ…”
                “…..”
                “ฟ้า…”
                ผมเรียกชื่อฟ้าอยู่หลายครั้ง แต่ฟ้าก็เอาแต่นอนนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ หันมามองผมแล้วเบิกตากว้าง
                “ไม่! ไปให้พ้น! ไป! อ๊ากกกกก” จู่ๆ ฟ้าก็ตะโกนคลั่งแล้วเอาหมอนขว้างผมกับพ่อเลี้ยงให้ออกห่าง แววตาของฟ้ามีแต่ความหวาดกลัว ผมรวบตัวฟ้าไว้
                “ฟ้า!”
                “อ๊ากกกกกกกกก! ปล่อยยยยย!”
                “เกิดอะไรขึ้น ทำไมฟ้าเป็นแบบนี้!” ผมกอดฟ้าแน่น ฟ้าก็ยังเอาแต่ดิ้น ทั้งข่วนทั้งกัดผมอย่างไม่ลดละ
                พ่อเลี้ยงรีบไปตามพยาบาลทันที
                พยาบาลหลายคนรีบเข้ามา และช่วยกันจับฟ้ามัดไว้
                หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วฉีดยานอนหลับให้
                “หมอ ฟ้าเป็นอะไรครับ” ผมถามอย่างตื่นตระหนก เหมือนกับว่าฟ้าจำผมไม่ได้
                หมอถอนหายใจ…
                “มะ..หมอ”
                “คนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไปครับ… หมอคิดว่าคนไข้อาจจะมีอาการทางจิตครับ”
                ผมยืนอึ้ง สายตามองฟ้าที่ค่อยๆ สงบและหลับตาลงอีกครั้ง…
                อาการทางจิต! ไม่จริงใช่ไหม! ฟ้าจะเป็นบ้างั้นเหรอ…!
 
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 19-10-2016 17:52:12
แง๊ สงสาร น้องฟ้า   :hao5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 19-10-2016 18:26:26
สงสารฟ้า ฮืออ มันหนักเกินไป เกินกว่าที่คนๆนึงจะรับได้จริงๆแหละ

โดนคุณหญิงหลอก แล้วตายต่อหน้า รู้ว่าแม่ตาย คนที่รักก็ไม่เชื่อใจ ลูกก็มาตาย

แต่เดี๋ยวก็หายนะฟ้า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 19-10-2016 19:08:43
 :serius2: :ling1: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-10-2016 19:15:33
สงสารฟ้า


 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-10-2016 19:18:07
เฮ้อออ สงสารฟ้า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 19-10-2016 19:39:54
สงสารฟ้าคราม :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-10-2016 19:45:32
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-10-2016 19:53:37
กำลังสนุกเลย รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2016 20:21:52
ฟ้า มีอาการทางจิต ก็น่าหรอก อยู่ๆก็รู้ว่าแม่เสีย
โดนคุณนายยิง ทั้งที่แม่สั่งสอนให้เคารพคุณนาย
คนรักก็มึนตึง เหินห่าง ไม่เชื่อ หาว่าเล่นละคร
เอ๊.....แล้วหินก็ไม่บ้า เล่นละครก่อนแท้ๆ
คนไม่บ้า เป็นตำรวจ มาสืบคดีภูมิ
ทำไมอยู่ๆ มาข่มขืนฟ้าที่เพิ่งเห็นหน้า งงๆ แปลกๆ :katai1: :katai1: :katai1:
เอก เคยเจอฟ้ามาก่อน และชอบฟ้า เหรอ
ฟ้า ก็อยู่แต่ในบ้านนี่นา  :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-10-2016 21:22:52
อื้ออออ สงสารฟ้าาาาา
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 19-10-2016 21:56:32
 :o12:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-10-2016 22:29:30
สงสารฟ้ามากเลย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 19-10-2016 23:20:21
สงสารฟ้า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 20-10-2016 00:04:31
โดนเอาคืน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-10-2016 00:08:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-10-2016 00:18:55
ดราม่าหนักมาก!!
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: JessieB ที่ 20-10-2016 00:29:26
เราชอบพล็อตเรื่องนี้นะ

แต่การดำเนินเรื่องการบรรยายยังสอบตกนะเราว่า มันดูเป็นความจงใจของนักเขียนมากเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของตัวละคร ยังขาดชั้นเชิงในการเล่าเรื่องน่ะ ยังมีหลายจุดที่ไม่เป็นธรรมชาติ ขัดกับความจริง ความเป็นไปได้ของคนเรา(เรื่องท้องได้อันนี้เหนือธรรมชาติอันนี้รู้ ไม่นับรวมอยู่แล้ว)

ยิ่งสองตอนล่าสุดเหมือนจะดรอปสุดเรื่องการเล่าเรื่อง และความไม่เป็นธรรมชาติของตัวละคร ทั้งๆ ที่มันควรพีคเพราะเป็นจุดไคลแมค ที่จะทำให้คนอ่านสนุกและลุ้นกว่านี้ได้อีกเยอะ ดูเหมือนคนเขียนจะรีบ จับนู่นมาชนนี่ อยากให้มันจบ ๆ ไป อันนี้เรารู้สึกอย่างนี้จริง ๆ

เช่น ฉากท้าย ๆ ตอนล่าสุดที่ครามสติแตก แพทย์ไม่ควรรีบตัดสินแบบนั้น ("หมอคิดว่าคนไข้อาจจะมีอาการทางจิตครับ") เลยหรือเปล่า น่าจะต้องให้จิตแพทย์เข้ามาคุยแบบจริง ๆ จัง ๆ ก่อนหรือเปล่า คือหมอจะโพล่งออกมาว่าคนไข้ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไปแล้วตัดสินว่ามีอาการทางจิตเลยเราว่ามันไม่ใช่ คุณหมอทราบได้ยังไง อย่างน้อย ๆ น่าจะมีฉากที่หินได้คุยกับแพทย์ หรือ หมอควรใจเย็น แล้วค่อยสรุปผลอีกทีหลังจากคุยกับจิตแพทย์ดีกว่าไหม ไม่ต้องรีบขนาดนั้น แล้วมันจะอรรถรสกว่านี้ได้ แล้วก็ฉากก่อนหน้านี้ที่ท้องของครามโดนกระทบกระเทือน ครามไม่น่าจะไหวตั้งแต่โดนต่อยท้องแล้วหรือเปล่า เพราะผู้ชายต่อยนี่ไม่ใช่แรงน้อย ๆ แน่ๆ อะ พวกจุดเล็ก ๆ ที่เราว่ามันสำคัญแบบนี้ อย่ามองข้ามเลยนะคะ


ถ้าแต่งเรื่องนี้จบแล้ว อยากให้ลองรีไรท์ดูนะคะ พล็อตดีแล้วค่ะ แต่มันทำให้สนุกได้กว่านี้ ดราม่า เข้มข้น ลุ้นตัวโก่งได้กว่านี้อีก และใส่ใจในรายละเอียดและความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ธรรมชาติของตัวละคร

เอาใจช่วยอยู่นะคะ สู้ ๆ ค่ะ

ปล.ยังคงรออ่านอยู่เหมือนเดิมนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่19-20] อัพล่าสุด>>>>18/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 20-10-2016 00:38:25
สงสารฟ้า แล้วลูกในท้องจะเป็นไรไหม
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 20-10-2016 02:11:44
ค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 20-10-2016 09:44:46
เราชอบพล็อตเรื่องนี้นะ

แต่การดำเนินเรื่องการบรรยายยังสอบตกนะเราว่า มันดูเป็นความจงใจของนักเขียนมากเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของตัวละคร ยังขาดชั้นเชิงในการเล่าเรื่องน่ะ ยังมีหลายจุดที่ไม่เป็นธรรมชาติ ขัดกับความจริง ความเป็นไปได้ของคนเรา(เรื่องท้องได้อันนี้เหนือธรรมชาติอันนี้รู้ ไม่นับรวมอยู่แล้ว)

ยิ่งสองตอนล่าสุดเหมือนจะดรอปสุดเรื่องการเล่าเรื่อง และความไม่เป็นธรรมชาติของตัวละคร ทั้งๆ ที่มันควรพีคเพราะเป็นจุดไคลแมค ที่จะทำให้คนอ่านสนุกและลุ้นกว่านี้ได้อีกเยอะ ดูเหมือนคนเขียนจะรีบ จับนู่นมาชนนี่ อยากให้มันจบ ๆ ไป อันนี้เรารู้สึกอย่างนี้จริง ๆ

เช่น ฉากท้าย ๆ ตอนล่าสุดที่ครามสติแตก แพทย์ไม่ควรรีบตัดสินแบบนั้น ("หมอคิดว่าคนไข้อาจจะมีอาการทางจิตครับ") เลยหรือเปล่า น่าจะต้องให้จิตแพทย์เข้ามาคุยแบบจริง ๆ จัง ๆ ก่อนหรือเปล่า คือหมอจะโพล่งออกมาว่าคนไข้ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไปแล้วตัดสินว่ามีอาการทางจิตเลยเราว่ามันไม่ใช่ คุณหมอทราบได้ยังไง อย่างน้อย ๆ น่าจะมีฉากที่หินได้คุยกับแพทย์ หรือ หมอควรใจเย็น แล้วค่อยสรุปผลอีกทีหลังจากคุยกับจิตแพทย์ดีกว่าไหม ไม่ต้องรีบขนาดนั้น แล้วมันจะอรรถรสกว่านี้ได้ แล้วก็ฉากก่อนหน้านี้ที่ท้องของครามโดนกระทบกระเทือน ครามไม่น่าจะไหวตั้งแต่โดนต่อยท้องแล้วหรือเปล่า เพราะผู้ชายต่อยนี่ไม่ใช่แรงน้อย ๆ แน่ๆ อะ พวกจุดเล็ก ๆ ที่เราว่ามันสำคัญแบบนี้ อย่ามองข้ามเลยนะคะ


ถ้าแต่งเรื่องนี้จบแล้ว อยากให้ลองรีไรท์ดูนะคะ พล็อตดีแล้วค่ะ แต่มันทำให้สนุกได้กว่านี้ ดราม่า เข้มข้น ลุ้นตัวโก่งได้กว่านี้อีก และใส่ใจในรายละเอียดและความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ธรรมชาติของตัวละคร

เอาใจช่วยอยู่นะคะ สู้ ๆ ค่ะ

ปล.ยังคงรออ่านอยู่เหมือนเดิมนะคะ


ขอบคุณที่เเนะนำนะคะ เเต่เราคงไม่รีไรท์เเล้วค่ะเพราะทำเล่มออกมาเเล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 20-10-2016 11:49:23
สงสารฟ้าครามมากเลย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 20-10-2016 13:13:04
แต่เรากลับรู้สึกชอบนะ เราว่าคุณเขียนเรื่องได้กระชับดี บางจุดอาจจะถ้าปรับแก้อาจจะทำให้เรื่องดูสมจริงมากขึ้นอย่างที่คุณJessieB แต่ที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้แย่นะ เพราะเล่าในมุมมองของบุรุษที่หนึ่งมาตลอด มันก็เป็นธรรมชาติของการเล่าเรื่องแบบนี้ 
ส่วนเรื่องต่อยท้อง ล้มลุกคุกคลานตกท้องร่องเนี่ย เราก็ว่าสมเหตุสมผลอยู่ สำหรับผู้หญิงเองถ้าแม่แข็งแรง โดนกระแทกอย่างหนักจริงๆ ช่วงท้องอ่อนก็ไม่เป็นไร แล้วตามที่อ่านครามก็ไม่ได้ขี้โรค ตอนที่อ่านเรายังคิดอยู่เลยว่าคนเขียน อาจจะเขียนให้เด็กรอด
สุดท้าย ชอบอ่านเรื่องนี้นะ น้ำเน่าดีแท้
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 20-10-2016 15:19:11
ง่าาาาาา ฟ้าาาาาา ><
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 20-10-2016 18:15:14
สงสารความรักกับหน้าที่ไม่ชอบเลยมันลำบากใจฮืออออออออสงสารฟ้ามากกว่าใครเลย หินนะหินเหมืิอนคนโง่
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่22]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 22-10-2016 20:05:00
                ฟ้ามีอาการทางจิตงั้นเหรอ…! ผมกุมหัวตัวเองเมื่อได้ฟังคำพูดของหมอ
                “มะ..หมอ… แล้วฟ้าจะหายไหมครับ”
                “อาการทางจิตมีสิทธิ์หายครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนใกล้ชิดด้วย… แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะดูแล ก็มีโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยจิตเวชโดยตรง…”
                “ไม่ครับ ผมจะดูแลฟ้าเอง” ผมรีบพูดทันที
                หมอพยักหน้ารับแล้วยิ้ม “ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะครับ”
                พ่อเลี้ยงเดินมาตบบ่าผม “ใจเย็นๆ เดี๋ยวครามก็หาย”
 
ooooOoooo
 
                “ออกไป! ออกไป!” ฟ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็อาละวาดทันทีเมื่อเห็นหน้าผม แต่เพราะทั้งแขนและขาถูกมัดไว้กับเตียงจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตะโกนไล่ ผมยืนมองฟ้าที่เป็นแบบนี้หัวใจผมมันก็เจ็บมากๆ ผมมองร่างบางที่พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แววตาดุดันจ้องมองมาทางผมและตะโกนไล่ให้ออกไป
                “ฟ้า… พี่เองนะ”
                “ไป! ไปให้พ้น อ๊ากกกกกกก”
                “เสียงเอะอะโวยวายอะ..” แม่ผมที่เดินเข้ามาถึงกับหยุดชะงักเมื่อมองฟ้าที่ดิ้นสุดแรงบนเตียงคนไข้ แม่มองหน้าผมและมองหน้าฟ้าสลับไปมา
                “เขาน่ะเหรอ… ที่จะให้แม่ดูแล”
                “ครับแม่… น้องฟ้า”
                แม่มองฟ้าแล้วส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าสมเพช แต่เป็นเพราะแม่กำลังสงสาร แววตาของแม่ยามมองฟ้ามีแต่ความปรารถนาดี… แม่เดินไปหาฟ้าที่ยังเอาแต่ดิ้นและพยายามจะกัดเชือก
                “อ๊ากกกกกกก ปล่อยยยยย”
                “หนูฟ้าครามจ๊ะ”
                ฟ้าหอบแฮ่ก มองแม่ผมที่เดินไปใกล้…
                “สวัสดีจ้ะ หนูฟ้าครามใช่ไหม”
                “ออกไป! ไปให้พ้น!“
                แม่ผมยังยิ้มและกุมมือฟ้าเอาไว้แน่น แม้ฟ้าจะพยายามสะบัดออก
                “ปล่อย อย่าจับ!”
                “ไม่ต้องกลัวนะหนูฟ้าคราม อย่ากลัวแม่เลยนะ”
                ฟ้าหยุดชะงัก
                “มะ..แม่…”
                “ใช่จ้ะ แม่… เรียกว่าแม่ดาวนะ”
                “แม่… แม่…” จู่ๆ ฟ้าก็ร้องไห้ แม่ผมรีบกอดปลอบ และฟ้าก็ยอมให้กอดแต่โดยดี
                “แม่ ฮึก..ก... แม่… แม่อย่าจากหนูไปนะ ฮือๆๆ”
                “จ้ะ แม่อยู่นี่แล้วนะ”
                ผมถอนหายใจแล้วพยายามจะเดินเข้าไปใกล้ แต่พอฟ้าเห็นผมก็รีบผละกอดจากแม่ทันที
                “ออกไป! อย่าเข้ามา!” ฟ้ามองผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ราวกับว่าผมเป็นยิ่งกว่าคนแปลกหน้า
                “เอก ลูกไปทำงานเถอะ แม่ดูแลน้องได้…”
                “คะ..ครับ” ผมค่อยๆ เดินออกไปจากห้อง หันกลับไปมองฟ้าอีกครั้งที่ยังคงร้องไห้แล้วกอดแม่ผมแน่น ผมถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินออกไป เมื่อไรฟ้าจะหาย…
 
ooooOoooo
 
                “แม่… แม่…”
                “จ๊ะ”
                ฟ้าครามยิ้มแล้วเรียกซ้ำๆ “แม่…”
                “ทำไมจ๊ะ” แม่ดาวเอ่ยรับแล้วป้อนแอปเปิ้ลให้คนตัวเล็กกิน
                “อร่อยไหมจ๊ะ” ฟ้าครามพยักหน้า แต่ก็ต้องเบะปากอีกครั้ง
                “แกะ..แกะให้หน่อย อึดอัด เจ็บ… ฮึก..ก…” ฟ้ามองผ้าที่มัดตรึงแขนและขาเอาไว้ แม่ดาวมองแล้วก็เศร้าจับใจ อยากเอาออกให้แต่คงจะขัดคุณหมอไม่ได้
                “ถ้าฟ้าครามเป็นเด็กดีแม่จะแก้มัดให้นะ”
                “หนูเป็นเด็กดีแล้ว…”
                แม่ดาวยิ้ม “เด็กดีอย่างแรกคือ อย่าดิ้นนะจ๊ะ ไหนดูสิ ดิ้นแบบนี้เป็นแผลหมดเลย”
                ฟ้ามองข้อมือตัวเอง มองหน้าแม่ดาวแล้วเอ่ยพูดน้ำตาคลอ
                “แม่… เป็นแม่ของหนู”
                “ใช่จ้ะ และฟ้าครามก็เป็นลูกของแม่นะ”
                “ลูก… ลูก…” ฟ้าครามเอ่ยประโยคนี้อย่างเลื่อนลอยแล้วเหม่อมองเพดานสีขาว
                “ลูก…” เขายังคงพร่ำเพ้อมองเพดานแล้วเอ่ยคำเดิมซ้ำไปมา
                “ลูกของผม… อ๊ากกกกก เอาคืนมา!!” ฟ้าครามตะโกนคลั่งแล้วพยายามทุบท้องตัวเอง
                “ฟ้าคราม!”
                “เอาลูกคืนมา!”
                “ฟ้าคราม! ใจเย็นๆ! มองหน้าแม่…”
                “ฮึก..ก..ก… แม่!” ฟ้าครามกอดแม่ดาวแน่นร้องไห้ปานขาดใจ
                “โอ๋… อย่าร้องนะลูก” แม่ดาวกอดปลอบแล้วร้องไห้ตาม เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะรู้สึกสงสารและอยากปกป้องเด็กคนนี้มากขนาดนี้ เพราะเอก ลูกชายที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวบอกว่าจะรับฟ้าครามมาดูแล เพราะฟ้าครามไม่มีใครอีกแล้ว ขอให้ตนรับมาเป็นลูกด้วยอีกคน ตอนแรกก็ตะขิดตะขวงใจ เพราะจู่ๆ จะให้รับใครมาเป็นลูกก็ดูจะเกินตัว แถมพอรู้ว่าอีกฝ่ายมีอาการทางจิตก็ยิ่งไม่อยากรับมาเป็นภาระ แค่ลำพังครอบครัวของตนก็ใช่ว่าจะมีฐานะ แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นอาการของฟ้าครามในวันนั้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือความทรมานที่กำลังกัดกินหัวใจของเขาอยู่ นั่นทำให้เธอรู้สึกอยากปกป้องเขาขึ้นมา แม้จะเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเอ็นดูและรักเหมือนลูกอีกคน เธออยากให้ฟ้าครามหายเป็นปกติ
 
ooooOoooo
 
                “ฟ้าหลับแล้วเหรอครับแม่”
                “อืม…”
                “ผมขอโทษนะครับที่ทำให้แม่ลำบาก”
                “ไม่หรอก แม่เองก็เอ็นดูครามนะ เฮ้อ… น้องจะออกโรงพยาบาลวันไหนเหรอ”
                “พรุ่งนี้ครับ”
                “จ้ะ แม่จะได้เตรียมห้องไว้ให้เนอะ… จริงสิ แล้วตั้งแต่จบคดี ได้ไปหาหนูกานบ้างหรือยัง”
                เอกหลบสายตาแล้วเอ่ย “ยังไม่ได้ไปครับ”
                “อ้าว คนเป็นแฟนกัน ทำภารกิจเสร็จแล้วก็น่าจะบอกกันนะจ๊ะ หนูกานเขารอลูกมาตลอดเลย ถ้ารู้คงดีใจไม่น้อย”
                “เอ่อ… ครับ…”
ooooOoooo
 
                หนึ่งเดือนต่อมา
                “ฟ้าครามมากินข้าวได้แล้วลูก” ฟ้าครามที่กำลังเล่นตุ๊กตาตัวน้อยรีบวิ่งไปหาแม่ดาวแล้ว กอดจากด้านหลัง
                “หอมจัง… ให้ลูกกินด้วยนะ” เขาพูดแล้วชี้ไปยังตุ๊กตาตัวน้อยที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่ง
                “ได้สิจ๊ะ แต่ฟ้าครามต้องกินให้หมดนะ”
                “ครับ”
                แม่ดาวยิ้ม นั่งมองลูกคนใหม่อย่างเอ็นดู
                เอกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าพร้อมสังเกตคนตัวเล็กที่กำลังคุยกับแม่ของตนอย่างสนิทสนม ยิ้มตามเมื่อเห็นฟ้ายิ้ม แต่ก็แค่เวลานี้เท่านั้นที่ฟ้าจะหัวเราะ เพราะจู่ๆ ฟ้าก็จะสติแตกจนทำร้ายตัวเอง ต้องให้ทานยาเพื่อระงับอาการทางจิตอยู่เสมอ จนตอนนี้ฟ้ามีแต่บาดแผลอยู่ทั่วตัว ของอันตรายในบ้านก็ต้องเก็บให้พ้นสายตา ทุกอย่างเท่าที่ทำได้
                “เรียกพี่เอกเขามากินข้าวด้วยดีไหม”
                ฟ้าหันไปมองเอกแล้วสั่นหัว คนตัวโตที่นั่งรออย่างมีความหวังได้แต่คอตก เพราะจนถึงตอนนี้ เอกยังไม่สามารถเข้าใกล้หรือสัมผัสตัวฟ้าได้เลยนอกจากตอนที่หลับ
                เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังอยู่หน้าบ้าน ไม่นานก็ปรากฏร่างของหญิงสาวนามว่า ‘กานดา’
                “สวัสดีค่ะ คุณแม่”
                “สวัสดีจ้ะ หนูกาน”
                กานดายิ้มรับ แต่หญิงสาวก็รู้สึกน้อยใจเมื่อมองไปยังคนรัก เพราะเอกปิดคดีแล้วแต่กลับไม่ยอมไปหา ไม่แม้แต่จะบอก ผ่านมาได้เดือนกว่าแล้วก็เพิ่งได้เจอกันวันนี้ ในฐานะแฟนแล้ว ช่างน่าน้อยใจนัก
                “ทำไมไม่ติดต่อกานบ้างเลยคะ” หญิงสาวเอ่ยและนั่งลงตรงข้ามเอกบนโซฟาเล็กๆ
                “ผมยุ่งน่ะ”
                “ยุ่งอะไรคะ แค่โทรบอกก็ไม่มีเวลาเหรอคะ… ต้องเป็นกานคนเดียวเลยที่โทรหา นี่ก็เดือนนึงแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน กานอยากลองใจคุณ แต่คุณก็ไม่เคยโทรหา ไม่เคยบอกว่าปิดคดีได้แล้ว”
                เอกมองไปทางฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาอยากบอกกับกานดาว่าตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว กานดารู้สึกเสียใจอย่างมากเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ พลันมองเห็นอีกคนที่กำลังนั่งกินข้าว
                “ใครเหรอคะแม่”
                แม่ดาวยิ้ม “ฟ้าครามจ้ะ ลูกของแม่อีกคน”
                “คะ?”
                “คือพอดีมีหลายเรื่องน่ะจ้ะ เอกก็เลยรับฟ้าครามมาอยู่ด้วย แต่น้องอาจไม่เหมือนคนทั่วไปนะจ๊ะ แต่น้องน่ารัก” กานดามองฟ้าครามที่กินข้าวอย่างเละเทะ แถมยังป้อนข้าวตุ๊กตาด้วย
                “เป็นบ้าเหรอคะ”
                “…ก็ประมาณนั้นจ้ะ…” แม่ดาวรู้สึกหน้าชานิดๆ เมื่อได้ยินคำว่า ‘บ้า’ จากกานดา ถึงฟ้าครามจะมีอาการแบบนั้นจริง แต่สำหรับเธอ… เธอไม่เคยคิดแบบนั้นเลย
                “ผู้หญิงเหรอคะ”
                “ผู้ชายจ้ะ” แม่ดาวเอ่ย
                กานดาแสดงสีหน้าโล่งใจอย่างชัดเจน
                เธอหันไปมองเอกอีกครั้ง “มาคุยกับกานด้านนอกหน่อยได้ไหมคะ”
                เอกพยักหน้าแล้วเดินตามออกไป
                “จำเมื่อหนึ่งปีก่อนได้ไหมคะ ที่เอกบอกกานไว้…”
                เอกมองหญิงสาวแล้วพยักหน้าอย่างรู้สึกผิด “จำได้… ว่าถ้าผมปิดคดีได้เราจะแต่งงานกัน”
                กานดายิ้ม แล้วคลายยิ้มลงเกือบจะทันที “คุณยังจำได้… แต่ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้คะ… หรือเพราะที่ผ่านมาเราห่างกันเกินไป…”
                “ผมขอโทษ…”
                กานดารู้สึกใจหายเมื่อได้ยินคำขอโทษ
                “ขะ..ขอโทษกานทำไมคะ”
                “กาน… ผมขอโทษ…จริงๆ …”
                น้ำตาของหญิงสาวทำให้เอกต้องเข้าไปกอด “ผมขอโทษ”
                “ฮึก..ก… คุณใจร้าย… ทำไมคุณทำแบบนี้ คุณทำแบบนี้กับกานได้ยังไง… คุณมีคนใหม่เหรอคะ…”
                “…ผมขอโทษ”
                กานดาหลับตาลงเมื่อได้ฟังคำสารภาพ เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอเชื่อมั่นและเชื่อใจมาตลอด จะนอกใจเธออย่างนี้… ก่อนคบกัน เธอก็พอรู้อยู่บ้างว่าเอกยังลืมใครบางคนไม่ได้ แต่เมื่อเป็นแฟนกันแล้ว ยังไงเธอก็คือคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟน เอกย่อมต้องให้เกียรติ แต่ไม่ใช่เลย เขานอกใจเธอ…
                “…คุณใจร้ายกับกาน…”
                กานดาผละออก “ใครกันคะที่ทำให้คุณนอกใจกานได้”
                เอกยืนนิ่ง
                “ใช่คนที่คุณรักเขามาตลอดหรือเปล่าคะ”
                เอกมองหน้ากานดาอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณรู้”
                “ใช่ค่ะ กานรู้… ว่าคุณมีใครในใจ… คนเดียวกันกับเขาคนนั้นหรือเปล่าคะ”
                เอกพยักหน้า “ใช่… ผมรักเขาคนนั้นมาตลอด …ผมขอโทษ…”
                กานดาร้องไห้สะอื้นก่อนจะเดินออกไปจากบ้านโดยที่เอกไม่ได้รั้งเธอไว้ เอกได้แต่ยืนหลับตา รู้สึกผิดและเสียใจที่ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องเสียใจมากขนาดนี้
                แม่ดาวเดินออกมานอกบ้าน เธอเฝ้ามองทั้งสองคนอยู่ตลอด เมื่อเห็นกานดาร้องไห้เดินออกไป เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
                “ทะเลาะกันเหรอเอก หนูกานร้องไห้ทำไม”
                เอกหันมามองแม่แล้วเอ่ยบอก “แม่ครับ… ผมเลิกกับกานแล้ว”
                “อะไรนะ… เกิดอะไรขึ้น! ทำไมไม่คุยกันดีๆ ล่ะลูก ไปง้อหนูกานเถอะ”
                เอกส่ายหน้า “แม่ครับ… ผมนอกใจกาน”
                แม่ดาวหยุดนิ่ง
                “ลูกพูดอะไรน่ะ”
                “ผมนอกใจกานครับ ผมมีคนที่ผมรักมาตลอดอยู่แล้ว… และตอนนี้หัวใจผมต้องการแค่เขาเท่านั้น ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ตาม…”
 
ooooOoooo
 
                สิบปีก่อน
                “จบแล้วมึงจะเอาไงต่อวะ” เอกเอ่ยถามเพื่อนขณะที่ทั้งสองนั่งคุยกันใต้ร่มไม้ในโรงเรียนมัธยมปลาย
                ภูมิมองท้องฟ้าแล้วคิด “…พรากผู้เยาว์มั้ง”
                “เฮ้ย! เอาจริงๆ ดิ”
                “ก็จริงๆ อ่ะดิ”
                “มึงหมายถึงใครวะ…”
                ภูมิยิ้ม “น้องฟ้า…”
                “น้องฟ้า? ใครวะ กูไม่เห็นเคยได้ยิน อายุเท่าไรเนี่ย”
                “แปดขวบ”
                “ฮะ! แปดขวบ! ไอ้ภูมิ มึงจะบ้าหรือไง เด็กรู้จักความรักหรือยังเหอะ มึงนี่ร้ายจริงๆ”
                “ร้ายกว่านี้อีก”
                “อะไรวะ”
                “เด็กผู้ชายด้วยนะ”
                “เฮ้ย!”
                และนั่นเป็นครั้งแรกที่เอกได้ไปบ้านของภูมิ เพราะฐานะที่แตกต่างกันมากเกินไป เอกจึงปฏิเสธคำชวนไปบ้านของภูมิมาโดยตลอด แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ ‘น้องฟ้า’ เย็นวันนั้น เอกจึงตอบรับคำชวนของภูมิแต่โดยดี
                “กลับมาแล้วเหรอลูก อ้าวมีเพื่อนด้วยเหรอ นั่งกันก่อนสิจ๊ะ” พิมล แม่ของภูมิเอ่ยเมื่อเห็นเอก เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่สวยและใจดี ผิดจากที่เอกคิดไว้มากๆ ว่าคนรวยจะดูหยิ่งและมีสายตาดูถูกเขา ไม่แปลกเลยที่ภูมิจะมีนิสัยไม่ตั้งแง่และไม่รังเกียจตนซึ่งจนกว่า เพราะได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี
                “สวัสดีครับ”
                “จ้า ตามสบายนะ จะทานอะไรบอกนะ เดี๋ยววันนี้แม่จะเข้าครัวเอง” พิมลเอ่ยบอกและปล่อยให้ทั้งสองคนได้มีเวลาเป็นส่วนตัว
                เอกมองไปรอบๆ บ้านที่ทั้งหรูหราและใหญ่โต จนเขารู้สึกว่าบ้านไม้หลังเล็กๆ ของเขานั้นเทียบไม่ติดแม้แต่น้อย
                “กินไรไหม”
                “ไม่ว่ะ ว่าแต่… ไหนวะน้องฟ้าของมึง”
                “กูไม่แน่ใจว่าน้องเขากลับจากโรงเรียนประถมหรือยัง” คำว่าโรงเรียนประถมทำให้เอกรู้สึกตงิดใจ เด็กประถมเนี่ยนะ ที่เพื่อนเขารักมากถึงขนาดอยากพรากผู้เยาว์!
                “น้องฟ้า!” พูดไม่ทันขาดคำ ภูมิก็ลุกไปหาฟ้าที่เดินมากับฝนพอดี
                “สวัสดีครับคุณภูมิ” เสียงเด็กน้อยทำให้เอกหันไปมอง
                เด็กผู้ชาย? นั่นคือคำแรกที่เขาคิด เพราะเด็กน้อยคนนี้มองยังไงก็เหมือนเด็กผู้หญิง แต่จากชุดนักเรียนคงต้องยอมรับ
                “น้องฟ้ามานั่งกับพี่ก่อนนะ พอดีเพื่อนพี่อยากรู้จัก”
                ฟ้ามองไปยังคนที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วหันมาบอกภูมิ “ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
                “ได้สิ” ภูมิยิ้มลูบหัวเด็กน้อยแล้วเดินกลับไปหาเพื่อน ส่วนฟ้าก็เดินตามแม่ไป
                เอกมองฟ้าที่เดินไปอย่างไม่ละสายตา รู้สึกแปลกๆ เหมือนรูปลักษณ์ติดตา
                “เฮ้ย มองน้องฟ้าจนคอจะเคล็ดแล้ว”
                เอกรีบหันกลับมา
                “เป็นไงน่ารักไหม”
                “ก็น่ารักดี แบบเด็กๆ ”
                “อย่ามาแย่งกูละกัน”
                “…ใครจะไปแย่งมึง เด็กตัวแค่นั้น”
                กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ของภูมิดังขึ้น
                “เดี๋ยวกูไปคุยโทรศัพท์แป๊บ”
                เอกพยักหน้า เขามองโซฟาที่ตัวเองนั่ง พลางนึกสงสัยว่าราคาของมันจะเท่ากับค่าแรงงานพิเศษของเขากี่เดือนกัน เวลาผ่านไปสักพัก ภูมิก็ยังไม่วางสายโทรศัพท์ สงสัยคงเป็นธุระเรื่องรายงานที่อาจารย์ขอไปเป็นตัวอย่างสำหรับรุ่นน้อง เพราะภูมิเรียนเก่งมาก จะเรียกว่า  เพอร์เฟกต์ไปหมดทุกอย่างเลยก็ว่าได้
                “เอ่อ… คุณภูมิล่ะครับ” น้ำเสียงใสทำให้เอกที่เผลอนั่งหลับรีบลืมตามามองเด็กน้อยตรงหน้า
                “เอ่อ… มันคุยโทรศัพท์น่ะ นั่งก่อนไหม…”
                “ผมนั่งไม่ได้น่ะครับ…”
                “ทำไมล่ะ”
                “คนใช้ไม่มีสิทธิ์หรอกครับ”
                “คนใช้??” เด็กตัวแค่นี้เป็นคนใช้งั้นเหรอ ยุคไหนแล้วยังมีแบบนี้อีก แต่คงเพราะมีคนรวยและคนจน จึงทำให้มีระบบเก่าๆ แบบนี้อยู่ เอกได้แต่นิ่วหน้าไม่ค่อยพอใจ
                “ฟ้า… พี่ชื่อเอกนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
                ฟ้ามองมือที่ยื่นมาจะจับ แต่ฟ้าเลือกที่จะไหว้แทนจนเอกรู้สึกเสียดายนิดๆ
                “อ้าว น้องฟ้ามาแล้วเหรอ”
                “ครับ… คุณภูมิ”
                “คุณอะไรกัน เรียกพี่ภูมิเดี๋ยวนี้เลยนา” ภูมิพูดแล้วอุ้มฟ้าครามนั่งตัก ก่อนจะกดจมูกหอมแก้มนิ่ม
                เอกมองฟ้าที่ตอนแรกหน้านิ่ง แต่พอคุยกับภูมิได้ไม่นานก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาและสวยงามจนเขาละสายตาไปไม่ได้เลย เอกเผลอยิ้มและสบตากับเด็กน้อยที่มองมาพอดี ฟ้าครามมองเอกก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง และนั่นก็ทำให้หัวใจของเอกรู้สึกพองโต
                ความรู้สึกรักเด็กมันเป็นแบบนี้นี่เอง ไร้เดียงสา จนอยากครอบครอง…
                หลังจากนั้นสักพักเอกก็กลับบ้าน แต่ก่อนที่จะกลับไป เอกก็ตัดสินใจที่จะพูดบางอย่าง
                “ภูมิ…”
                “อะไรวะ”
                “…ถ้ากูจะบอกว่ากูเริ่มสนใจเด็กของมึง มึงจะว่าอะไรไหมวะ”
                ภูมินิ่งงัน… จนเอกรู้สึกอยากตบปากตัวเอง “…กูขอโทษว่ะ อย่าใส่ใจคำพูดกูเลย คิดซะว่ากูไม่เคยพูดนะ” เอกจะเดินออกไปแต่ภูมิพูดขึ้นก่อน
                “จะขอโทษเรื่องอะไรวะ… กำลังตกใจที่มึงหลงเสน่ห์น้องฟ้าแบบสายฟ้าแลบต่างหาก… แต่เพราะเป็นมึงนะ กูถึงไม่โกรธ”
                ภูมิยิ้มแล้วกอดคอเพื่อน “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับกู ดูแลน้องฟ้าแทนกูด้วยนะ…”
                “มึงจะไปไหนล่ะ ถึงต้องให้กูดูแลน่ะ”
                “ก็เผื่อไว้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอนว่ะ…” ภูมิมองไปบนท้องฟ้า “บางทีในอนาคต ข้างกายของน้องฟ้าอาจเป็นมึง ไม่ใช่กู และทั้งน้องฟ้าทั้งมึงก็ค่อยๆ ลืมกูไป……”
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่23]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 22-10-2016 20:09:48
              ถึงเอกจะบอกว่าสนใจในตัวฟ้าคราม แต่เขาก็คิดว่าจะให้ไปบ้านเพื่อนที่ฐานะแตกต่างกันมากขนาดนี้บ่อยๆ คงไม่ได้ แม้ว่าภูมิจะยินดีต้อนรับเขาเสมอก็ตาม แล้วเขายังมีงานพิเศษหลายอย่างที่ต้องทำ กว่าจะได้เจอฟ้าครามอีกครั้งก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งเดือน จึงไม่น่าแปลกที่ฟ้าครามจะลืมเขา
                เอกยื่นขนมที่แม่ของตนทำขายให้ฟ้าคราม เจ้าตัวมองขนมที่ห่อด้วยใบตองหลายห่อในถุงแล้วมองหน้าเอกอีกครั้ง
                “พี่ให้ รับไปสิ”
                “ขอบคุณครับ”
                ภูมิยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนเอาจริงและรู้สึกวางใจ …เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว… เพราะอย่างน้อย        ถึงเขาไม่อยู่ข้างกาย แต่ฟ้าครามก็จะมีคนคอยดูแล
                เขาคิดแล้วละสายตาไปมองผู้เป็นน้ากับสามีที่กำลังจะออกไปข้างนอก ทั้งสองคนเหลือบมองมาทางพวกเขาแล้วยิ้มแบบมีเลศนัยอย่างน่าสงสัย
                “เป็นอะไรเหรอครับพี่ภูมิ” ฟ้าเดินมาหาภูมิแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
                “ไม่มีอะไรสักหน่อยยยยย“
                ฟอดดดดด
                เขากดหอมแก้มเหมือนทุกวัน ฟ้ายิ้มเมื่อถูกหอมและยิ้มอีกครั้งเมื่อถูกภูมิอุ้มขึ้นนั่งตัก
                เอกมองทั้งสองคนนิ่ง ตนคงไม่สามารถที่จะแยกสองคนนี้ได้แล้วจริงๆ เขามองขนมที่เอามาให้ แต่เจ้าตัวเล็กกลับเอาขนมไปป้อนให้ภูมิ… แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับยิ้มเมื่อมองภาพตรงหน้า…
                หลังจากนั้นประมาณสองเดือนเอกก็ไม่ได้ไปบ้านภูมิเลยเพราะต้องเรียนต่อตำรวจ แม้จะติดต่อกันบ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานกลับต้องรู้ข่าวเศร้า
                “มะ..ไม่จริง…” เอกเอ่ยเสียงสั่นเบิกตากว้างเมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ที่มีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับนักธุรกิจและภรรยาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในหนังสือพิมพ์ปรากฏภาพรถยนต์พลิกคว่ำไฟลุกท่วม เอกรีบรุดไปยังบ้านของภูมิทันที เมื่อไปถึงก็พบกับกองทัพนักข่าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบริเวณบ้าน เขาพยายามโทรหาภูมิแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เขาทำได้เพียงใช้เวลาว่างในวันหยุดเดินไปมาหน้ารั้วบ้านของภูมิจนกระทั่ง…
                “มาหาใครเหรอจ๊ะ” เอกมองหญิงสาววัยกลางคน จำได้ว่าเธอคือแม่ของฟ้า
                “เอ่อ สวัสดีครับ”
                “สวัสดีจ้ะ มาหาใครเหรอจ๊ะ”
                “มาหาภูมิครับ… ผมเป็นเพื่อนภูมิ…”
                ฝนปิดปากตัวเองร้องไห้แล้วรีบพาเอกเข้าไปในบ้านทันที เธอบอกเอกว่าภูมิอยู่กับฟ้าครามที่ศาลากลางสระน้ำ และฝากฝังให้เขาช่วยดูแลภูมิด้วย เพราะตอนนี้ภูมิไม่เหลือใครแล้ว
                เอกพยักหน้ารับแล้วเดินไปตามที่ฝนบอก
                “น้องฟ้า อาจจะไวเกินไปที่พี่พูดแบบนี้ แต่เพราะพี่อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว พี่ชอ..”
                “ภูมิ! มึงอยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน” เอกเอ่ยประโยคนั้นออกไป เขาแอบรู้สึกผิดเพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังจะบอกอะไรกับเด็กน้อย ร่างสูงหยุดนิ่งแต่ภูมิกลับวิ่งมาหาเขา
                “เอก! มึงมาได้ไง…!”
                “มาหามึงไง… โทรหาก็ไม่ติด กูเป็นห่วงมึงนะ เสียใจด้วย กูขอโทษที่ไม่ได้ไปงานศพ”
                ภูมิยิ้มเศร้าแล้วส่ายหน้า ก่อนจะพูดบางอย่างกับเอก
                “เอก…” ภูมิรีบยัดกระดาษใส่มือ “กูรอมึงตั้งนาน… กูรอจะให้มึงตั้งนานแล้ว ในที่สุดมึงก็มาสักที”
                “อะไรวะ…”
                “ออกไปข้างนอกค่อยอ่านนะมึง อย่าให้ใครรู้ ไม่งั้นมึงจะเป็นอันตราย”
                “อันตรายอะไร”
                “จากพวกชั่วไง…” ภูมิน้ำตาคลอ เอกหยุดชะงักเพราะไม่เคยเห็นภูมิร้องไห้ ตอนงานศพพ่อกับแม่ของภูมิ เขาไม่ได้ไปเพราะติดเรียน แต่ตอนนี้ พอได้เห็นน้ำตาของเพื่อน เอกก็รู้สึกเจ็บไปด้วย
                “ภูมิ…”
                “เอก มึงดูแลน้องฟ้าแทนกูด้วยนะ… อย่ายกน้องฟ้าให้ใครนะมึง”
                เอกมองไปยังฟ้าที่ยืนมองพวกเขาอยู่ตลอดจากศาลากลางสระน้ำ
                นั่นคือคำสั่งและคำขอสุดท้ายของเพื่อนรัก เพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาภูมิก็เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตมาจากญาติผู้ใหญ่ของภูมิที่เหลืออยู่เพียงน้าสาวและอาเขยว่าภูมิฆ่าตัวตาย เอกได้แต่คลั่งจนแทบจะทำลายข้าวของทุกอย่าง เขาร้องไห้เมื่อเพื่อนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เอกนั่งมองรูปเพื่อนที่ยิ้มให้แล้วได้แต่นั่งร้องไห้อยู่หน้าพิธีศพ ยิ่งได้รู้ความจริงทุกอย่างผ่านกระดาษที่ภูมิยัดใส่มือของเขาในวันนั้น เขาก็ยิ่งเกลียดตัวเอง ถ้าเขาเปิดอ่านเร็วกว่านี้เขาคงช่วยภูมิไว้ได้ทัน เพราะข้อความในกระดาษเขียนถึงเรื่องราวความชั่วของน้าสาวและอาเขย รวมถึงกุญแจกับรหัสผ่าน แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมภูมิถึงฆ่าตัวตาย… เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมภูมิไม่แก้แค้น แต่กลับเลือกที่จะจากไปแบบนี้…
                เมื่อเคารพศพเสร็จ เขาหันไปมองฟ้าที่ตาบวมแดงแล้วลุกไปหา
                “ฟ้า…”
                “ฮึก..ก..ก… พี่ภูมิ…”
                ฝนที่นั่งกอดฟ้าอยู่จ้องมองเอก เธอเม้มปากแน่นแล้วเอ่ย
                “คุณเป็นเพื่อนคุณภูมิใช่ไหม”
                “ใช่ครับ”
                “งั้น… ขอเบอร์ติดต่อได้ไหมจ๊ะ”
                เอกให้เบอร์โทรศัพท์กับฝนไป สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ฟ้าก่อนจะตัดสินใจหอมแก้มนุ่มเหมือนกับที่เพื่อนรักของเขามักจะทำประจำ เขาคิดว่าถ้าภูมิอยู่ที่นี่ ภูมิต้องหอมแก้มปลอบใจฟ้าครามแน่ๆ เด็กน้อยเงยหน้ามองเอกแล้วยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง
                “พี่ไปนะ…”
                และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกับฟ้าในฐานะเด็กน้อย จนกระทั่งเขาได้เจอฟ้าอีกครั้งตอนที่กำลังรอขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนในเครื่องแบบของเด็กมัธยมต้น
                “โอ๊ย!” เพราะรีบวิ่งเพื่อให้ทันรถเมล์จึงทำให้ฟ้าสะดุดล้ม และรถเมล์ก็ไม่ได้หยุดรอ “อึก..” ฟ้าค่อยๆ พยุงตัวเองแล้วมองถุงข้าวที่หล่นแตกด้วยความเสียดาย
                “ฟ้า! เป็นอะไรมากหรือเปล่า!” เอกที่แอบมองอยู่นานรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
                “จะ..เจ็บ”
                “ไหน…” เอกมองหัวเข่าที่ถลอก
                “เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอนะ”
                “เอ่อ… ขอบคุณครับ แต่ผมต้องไปโรงเรียน”
                “เดี๋ยวพี่พาไปเอง แต่ต้องทำแผลที่คลินิกก่อน”
                ฟ้ามองเอกแล้วพยายามอยู่ห่างๆ “…แต่แม่ผมไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้าน่ะครับ”
                เอกหยุดชะงัก คนแปลกหน้า? ฟ้าจำเขาไม่ได้เลยสินะ นึกแล้วน่าน้อยใจ ทำไมกัน              อย่างน้อยก็น่าจะคุ้นกันบ้าง ทั้งที่เขายังจำได้ไม่ลืม แต่นั่นสินะ เพราะฟ้ามีแต่ภูมิ…
                “พี่อยากช่วย…” ฟ้าถอยห่างอีกเมื่อเอกจะเข้าใกล้
                “มะ..ไม่เป็นไรครับ ผะ..ผมจะรอรถอีกเที่ยวหนึ่ง ส่วนแผลนี่ ผมจะไปทำที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน”
                “…อืม…” เอกได้แต่ผิดหวังแต่ก็เขียนเบอร์โทรของตนใส่กระดาษยื่นให้เด็กน้อย
                “ฟ้า ถ้ามีอะไรโทรหาพี่เบอร์นี้นะ” ฟ้ายื่นมือรับกระดาษ เอกยิ้มนิดๆ และยืนรอเป็นเพื่อนฟ้า แม้อีกฝ่ายจะยืนห่างอย่างกลัวๆ เขายืนรอเป็นเพื่อนจนกระทั่งรถเมล์อีกเที่ยวมาถึง เอกยืนมองร่างเล็กเดินขึ้นรถไปแล้วยิ้มเศร้า จำไม่ได้เลยสินะ ทั้งยังกลัวอีก… เมื่อไรจะอยู่ในสายตาบ้างนะ…
                เขาได้แต่คิด …อยากอยู่ในสายตาฟ้าบ้าง… จนกระทั่งเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น
                กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในคืนหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ เอกมองเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็กดรับ
                “สวัสดีครับ”
                “ฮึก..ฮือๆๆ คุณเอก ช่วยด้วย! คุณภูมิตายแล้ว!” เสียงร้องไห้ที่ปลายสายทำให้เอกนิ่วหน้า
                “อะไรนะครับ… ไม่ทราบว่าใครครับ”
                “คุณภูมิ! คุณภูมิตายแล้ว! มาที่บ้านหน่อยค่ะ มาที่บ้าน ฮือๆๆ”
                เอกฟังเสียงปลายสายที่ร้องไห้แทบขาดใจ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หรือชาวบ้านที่ไหนกำลังต้องการให้เขาช่วยเหลือ
                “นั่นใครครับ เกิดเหตุอะไรขึ้นครับ!”
                “น้าฝนเอง จำได้ไหม… ที่อยู่บ้านของคุณภูมิ ฮึก..ก…”
                เอกนิ่วหน้า เขาพอจะจำได้แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม แม้จะไม่เข้าใจในประโยคที่   น้าฝนบอก แต่เขาก็ยอมไปตามคำขอแต่โดยดี เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า
                ภูมิตายแล้ว? หมายความว่ายังไง ภูมิตายนานแล้วนี่ ตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาได้แต่คิดเรื่องนี้ในหัว เมื่อขับรถยนต์ไปถึงหน้าประตูรั้วตอนกลางดึกก็เห็น   หญิงสาว             วัยกลางคนรีบเดินมาเปิดประตูให้
                “คุณขับรถยนต์ไปซ่อนก่อนนะ”
                เอกทำตามที่บอก เขาขับไปตรงริมถนนไกลจากหน้าบ้านพอสมควรแล้วรีบวิ่งกลับไปท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ ฝนพาเอกไปหลังบ้านบริเวณที่เป็นป่าและพบกับกระท่อมหลังหนึ่ง
                “ฮือๆๆ คุณภูมิ”
                ฝนร้องไห้แข่งกับสายฝนที่โหมกระหน่ำ เมื่อส่องไฟฉายเข้าไปในกระท่อมก็เจอร่างหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่ ใบหน้ามีหนวดเคราจนจำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้ เสื้อผ้าที่สวมนั้นโทรมเกินกว่าจะเรียกว่าเสื้อผ้าจนเอกคิดว่านั่นคือผ้าขี้ริ้ว ร่างนี้นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นไม้ มีบาดแผลบนศีรษะและรอยช้ำตามร่างกาย เอกจึงรีบเข้าไปจับชีพจร… แต่เขาก็ต้องส่ายหน้าเพราะไม่ทันแล้ว ก่อนจะเพ่งมองใบหน้าของร่างที่นอนนิ่งแล้วเบิกตากว้าง
                “ภูมิ…!”
                “ฮึก..ก…” ฝนสะอื้นตัวโยน
                “กะ..เกิดอะไรขึ้นครับน้าฝน ผมไม่เข้าใจ ทำไมภูมิถึง…”
 
 
                ฝนเล่าทุกอย่างให้เอกฟังว่าจริงๆ แล้วภูมิยังไม่ตาย แต่ถูกจับขังมาตลอดเก้าปีอย่างทุกข์ทรมาน เธอเป็นคนดูแลภูมิมาตลอด แต่คืนนี้รู้สึกใจคอไม่ดีจึงมาที่นี่ และระหว่างทางก็ได้ยินเสียงของคนกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันสนุกปากเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายของภูมิ เธอจึงรีบวิ่งมาที่กระท่อมและพบว่าภูมิตายแล้ว
                เอกทรุดนั่งอย่างหมดแรงข้างๆ ร่างของเพื่อน ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้! ภูมิจะต้องไม่ตาย ตลอดเก้าปีที่ผ่านมา… ถ้าเขารู้!
                “น้าขอโทษ… ฮือๆๆ ที่ไม่บอกเพราะน้ากลัว..คุณท่าน แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว…               คุณภูมิ… ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษ..ฮือๆๆ” ฝนทรุดแล้วกอดร่างภูมิที่ไร้ลมหายใจแน่น
                เอกมองร่างของเพื่อนที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจแล้วได้แต่ร้องไห้ออกมา เขาจับมือของเพื่อนมาสัมผัสที่หน้าตัวเอง ตอนที่รู้ว่าภูมิตายเมื่อเก้าปีก่อน เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นศพเพื่อน จนตอนนี้ได้เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เขาก็ปวดใจ
                “กูจะแก้แค้นให้มึง! จะหาหลักฐานมามัดตัวพวกมัน!”
                ครั้นจะจับกุมโดยไม่มีหลักฐานก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของภูมิ เพราะไม่มีใครได้เห็นศพของภูมิที่ฆ่าตัวตายเมื่อเก้าปีก่อน พวกนั้นอาจจะอ้างว่าศพของภูมิอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถระบุได้จึงไม่แน่ใจว่าเป็นภูมิหรือเปล่า หรือบางทีอาจอ้างว่าภูมิถูกหนึ่งในคนใช้หรือคู่แข่งด้านธุรกิจลักพาตัวไปเพื่อใส่ร้ายตน ซึ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่ข้อแก้ตัวต่างๆ ที่ทำให้หลุดพ้นจากความผิดได้ เอกจึงเห็นว่ายังมีหลักฐานไม่มากพอ แม้จะมีพยานบุคคลที่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งกักขังภูมิ แต่คงไม่มีใครยอมให้ข้อมูลนอกจากฝน ซึ่งฝนเองก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการตายของภูมิในคืนฝนโหมกระหน่ำนี้ ด้วยเหตุนี้เอง เอกจึงรับทำคดีของภูมิเพื่อหาหลักฐานมามัดตัวคนผิดให้ดิ้นไม่หลุด เขาจึงปลอมตัวมาเป็นภูมิและแกล้งเป็นบ้า! โดยมีฝนคอยให้ความร่วมมือ และความจริงแล้วเอกไม่ได้ถูกกักขังอยู่ในกระท่อม แต่เขาเข้าออกกระท่อมไปข้างนอกเสมอ
                ซึ่งการที่เอกเข้าๆ ออกๆ บ้านหลังนั้นก็ทำให้เขาพอรู้อะไรหลายๆ อย่าง และที่สำคัญคือการที่เขาได้เจอกับฟ้าอีกครั้ง ฟ้าโตแล้ว ไม่มีความเป็นเด็กน้อยหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ตอนนี้ฟ้าเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม เขาอยากยืนมองให้นานกว่านี้ อยากเข้าไปทัก แต่พอรู้ว่าฟ้ามักถูกเพชรลวนลามเขาก็ยิ่งโมโห ฟ้าจะเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากของเขาและของภูมิ! นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาข่มขืนฟ้า เพราะความรู้สึกของเขาที่อยากสัมผัสและหึงหวงฟ้านั้นอยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง แต่เขาก็เผลอทำร้ายฟ้าไปเพราะคิดว่าฟ้าสมยอมเพชร  และนั่นก็ทำให้ฟ้าเจ็บปวด บางทีเขาอาจเป็นบ้าจริงๆ ไปแล้วก็ได้
                ด้านฝนเอง พอรู้ว่าเอกข่มเหงฟ้าก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงฝากฝังฟ้าไว้กับเขา ฝนไม่ถือโทษโกรธกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังบอกกับฟ้าอีกว่าให้ดูแลหินแทนตนด้วย                 โดยบอกเป็นนัยว่าให้อยู่ดูแลกันตลอดไป
                ตอนที่จะหนีออกจากบ้านเพราะถูกขู่ฆ่านั้นเป็นสิ่งที่เอกไม่เคยคาดเดาเลย แต่ก็ยอมไปเพราะคิดว่าถ้าได้อยู่กับฟ้าก็พอใจแล้ว จนเกือบละเลยที่จะต้องทำคดี เพราะความจริงแล้ว เอกควรจะอยู่ในร่างคนบ้าและรอให้พวกนั้นเข้ามาฆ่าตามแผน เพื่อสร้างหลักฐานมัดตัวและเข้าจับกุม           แต่เอกกลับเลือกที่จะหนีไปกับฟ้า หนีไปด้วยกันเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงเชียงใหม่ ซึ่งเอกก็ได้ให้ลูกน้องตามไปด้วย โดยให้ปลอมตัวมาสมัครเป็นคนงานและติดต่อกันแบบลับๆ
                แม้จะมีอุปสรรคมากมายแต่ก็มีฟ้าที่อยู่เคียงข้างกัน ทำให้เอกมีความสุขและรู้สึกรักมากยิ่งขึ้น ตอนที่เผลอทำให้ฟ้าบาดเจ็บนั้น เอกเองก็เจ็บปวดแทบขาดใจ เขาจึงยอมเข้าไปในกรงขังเพื่อลงโทษความเลวของตัวเอง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพ่อเลี้ยงรู้ว่าเขาแกล้งบ้า ถึงแม้ว่าพ่อเลี้ยงจะเดาเรื่องราวทั้งหมดคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงบ้างก็ตาม
                แม้จะตกใจแต่เอกก็ยังสงบสติอารมณ์ไว้ได้ เขาเชื่อว่าพ่อเลี้ยงน่าจะเป็นคนดีอยู่บ้าง ถึงแม้จะรู้ความจริงก็คงไม่บอกใคร แม้เขาจะไม่ค่อยชอบหน้าพ่อเลี้ยงก็ตาม จนกระทั่งเรื่องราวของเขาและฟ้าครามถึงคราวแตกหัก เพราะฟ้าเริ่มเคลือบแคลงสงสัยในความลับของเขา ทั้งคู่จึงตกลงที่จะแยกทางกัน แม้จะรักฟ้ามาก แต่คงจะให้ฟ้าเสี่ยงอันตรายไปมากกว่านี้ไม่ได้ เอกจึงเลือกที่จะกลับไปกรุงเทพเพื่อทำคดีต่อ และให้ลูกน้องส่วนหนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่เชียงใหม่ไปก่อน เพื่อดูให้แน่ใจว่าฟ้าจะปลอดภัย
                แต่เมื่อเอกกลับไปกรุงเทพ ผู้บัญชาการกลับมีคำสั่งให้เขาพักคดีนี้ไว้ก่อน เอกจึงได้แต่รอคอยและเฝ้าคิดถึงฟ้า ทุกๆ วันผ่านไปอย่างเจ็บปวด แม้จะมีกานดาอยู่แล้ว แต่เขาก็เห็นเธอเป็นแค่ตัวแทนของฟ้าเท่านั้น วันคืนผ่านไปอย่างเลื่อนลอยจนกระทั่งเขาเจอทัดที่ตลาดผลไม้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทัก แต่ไม่รู้จะอธิบายให้แม่และกานดาเข้าใจยังไง จึงเลือกที่จะเมินเฉยใส่ทัด ทั้งๆ ที่อยากจะฝากข้อความไปบอกฟ้าว่าคิดถึงมากขนาดไหน แล้ววันหนึ่ง ลูกน้องของเขาที่จับตาดูผู้ต้องสงสัยอยู่ก็รายงานมาว่าพวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว และเส้นทางที่พวกมันมุ่งหน้าไปนั้นก็ทำให้แน่ใจได้ในทันทีว่าเป้าหมายคือ …ฟ้าคราม… เอกจึงรีบเดินทางกลับไปยังเชียงใหม่ทันที และเมื่อได้เจอกับฟ้าครามอีกครั้ง ความไม่เชื่อใจของเขาเองก็ได้ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมหันต์ เพราะเขาต้องสูญเสียทั้งลูก และพลาดพลั้งทำให้ฟ้าครามก็ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้…
 
ooooOoooo
 
                เอกนึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนี้เขารักใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เจอฟ้า ก็ราวกับมีโซ่ตรวนมาพันธนาการจิตใจเขาไว้…
                “เขาเป็นใครเหรอ ใครกันที่ทำให้ลูกถึงขนาดยอมทำร้ายหนูกานแบบนี้ แม่ผิดหวัง… ฮึก..ก…”
                “มะ..แม่ครับ” เอกเอื้อมมือจะกอดผู้เป็นแม่ แต่แม่ดาวถอยห่าง
                “ลูกสะใภ้แม่มีแค่หนูกานเท่านั้น เอกต้องไปง้อหนูกานแล้วลืมคนๆ นั้นไปซะ!”
                “แม่ครับ…”
                เพล้งงง เสียงจานแตกในครัวทำให้เอกกับแม่ดาวชะงักและรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เห็นฟ้ากำลังนั่งมองจานที่แตกและหยิบเศษแหลมคมขึ้นมากำเล่น และนั่นทำให้มือถูกบาดจนเลือดไหลหยดลงพื้น
                “ฟ้า!” เอกจะเข้าไปแย่งแต่ฟ้ากลับตกใจเมื่อเห็นเอกและแม่ดาวจะพุ่งเข้าหา ทำให้เขากรีดร้องและถอยห่าง
                “ฟ้าครามจ๊ะ มาหาแม่เถอะ…” แม่ดาวตัวสั่นเมื่อเห็นเลือดที่หยดลงพื้น เธอพยายามจะเดินเข้าหา แต่ฟ้ากลับถอยห่างไม่ยอมฟัง ตอนนี้อาการฟ้าเริ่มกำเริบอีกแล้ว อาการชอบทำร้ายตัวเอง
                “ฟ้า! วางมันลงซะ!”
                ฟ้ามองมือตัวเองที่กำเศษจานแน่นจนเลือดไหลแล้วยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ ยกมือที่มีเศษจานแหลมมาที่คอตัวเอง
                “กรี๊ดดดดด” แม่ดาวกรีดร้องแทบเป็นลมเมื่อเห็นฟ้ากำลังจะแทงคอตัวเอง
                “อย่านะฟ้า!!” เอกรีบพุ่งไปหา
                “ปล่อยยยยย อ๊ากกกกก“
                หากเอกพุ่งเข้าไปยั้งไว้ไม่ทัน ฟ้าคงตายไปแล้ว…
                “แฮ่กๆๆ” เอกหายใจหอบอย่างโล่งอก… เขากลัวที่จะสูญเสีย แต่ฟ้าก็ยังไม่เลิกดิ้น ทั้งยังข่วนและกัดเอกตลอดเวลา
                “อ๊ากกกกก ปล่อย! เอามา! อยากตายๆๆ!” ฟ้าพยายามจะหาเศษจานที่มีคมเพื่อทำร้ายตัวเองอีกครั้ง
                เอกรวบร่างของฟ้ามากอด
                “อย่าทำร้ายตัวเอง… อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม… พี่จะใจสลายแล้วนะ…”
                “ปล่อยยย!”
                “ฟ้าเป็นยังไงบ้างลูก” แม่ดาวรีบมาดูมือฟ้าที่กำแน่นและเต็มไปด้วยเลือด
                “โธ่ ลูก…”
                “ไปให้พ้น!”
                เพียะ!
                จังหวะที่แม่ดาวจะใส่ยาให้ ฟ้าก็อาละวาดและตบไปที่หน้าแม่ดาวอย่างจัง
                “แม่!” เอกรีบคลายกอดจากฟ้าและหันไปหาแม่ดาวทันที
                “แม่เป็นยังไงบ้าง!”
                แม่ดาวจับแก้มตัวเอง มองฟ้าครามที่พยายามจะเอาหัวโขกกำแพงเพื่อทำร้ายตัวเองอีกครั้ง เอกจึงรีบไปเข้ายื้อตัว
                “ปล่อยยยยย”
                “ฟ้า! พอสักที!”
                เพียะ! ฟ้ายังคงทำร้ายเอกอย่างต่อเนื่อง ทั้งดิ้น ทั้งตบ ทั้งกัด
                “ฟังพี่นะฟ้า เลิกบ้าสักที! เลิกเป็นแบบนี้ได้แล้ว!” เอกตวาดเสียงดังลั่น
                ฟ้าหยุดนิ่งค้าง… สายตาหันไปมองแม่ดาวที่ร้องไห้… มองเอกที่หายใจหอบด้วยสายตาคาดโทษ แล้วทอดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างเลื่อนลอยก่อนจะกุมหัวตัวเอง
                “อ๊ากกกกกกกกก” ฟ้าตะโกนลั่นอีกครั้งก่อนจะหมดสติไป
                “ฟ้า!”
                “หนูฟ้าคราม!”
                ทั้งสองคนรีบพาฟ้าไปโรงพยาบาลทันที หมอบอกว่าฟ้าเครียดจึงทำให้สลบไป และยังแนะนำให้พาฟ้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชโดยตรง เพราะฟ้าจะอาละวาดจนสลบแบบนี้เรื่อยๆ ยิ่งถ้าหากเครียดมากขึ้นอาจส่งผลที่ไม่ดีตามมา เอกเองก็คิดแบบนั้น เขาตัดสินใจว่าต้องพาฟ้าไปรักษาอย่างจริงๆ จังๆ สักที
 
ooooOoooo
 
                เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ฟ้าถูกส่งมารักษาตัว ร่างสูงใหญ่ได้แต่ยืนมองร่างบางอยู่อีกฝั่งของกระจกใส ทั้งวันที่ฟ้านั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอย่างเลื่อนลอย หรือวันที่ฟ้าอาละวาดจนหมอและพยาบาลแทบจะเอาไม่อยู่ เอกก็ได้แต่หลับตาลงแน่นอย่างเจ็บปวดกับภาพตรงหน้า เขาสาบานว่าจากนี้ไป ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม เพื่อให้ฟ้ามีความสุข…
                ถึงแม้ฟ้าจะยังไม่หายกลับเป็นปกติ แต่ก็ไม่มีอาการคลั่งมาได้สักพักแล้ว และดูเหมือนความหวาดกลัวในใจของฟ้าที่เคยมีต่อเขา ก็ค่อยๆ จางหายไปด้วย
                “พี่หิน… ว้าววว” ฟ้าร้องทักเมื่อเห็นเอกเดินเข้าไปหาพร้อมกับตุ๊กตาหมีสีชมพูในมือ       ร่างบางตบมือดีใจ
                พยาบาลยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้อง
                “ฟ้าชอบเหรอ”
                “ชอบมากๆ เลย… ลูกของหนูก็ชอบล่ะ” เอกมองตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวโปรดของฟ้าแล้วยิ้มเศร้า… ลูกงั้นเหรอ… ลูกของเขาด้วยสินะ…
                “ฟ้า กลับบ้านกันหรือยัง แม่ดาวบ่นถึงฟ้าทุกวันเลย อยากให้กลับไปอยู่ด้วยกัน…”
                ฟ้ากอดตุ๊กตาหมีแล้วยิ้ม “กลับสิ… อยากไปอยู่กับพี่หินแล้วนะ”
                เอกยิ้มแล้วหอมแก้มฟ้า “…กลับบ้านกันนะ”
                สองวันต่อมาเอกจึงทำเรื่องพาคนไข้ออกจากโรงพยาบาล เพื่อพาฟ้ากลับบ้านและเตรียมย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น เพราะเขาเองก็ลาออกจากการเป็นตำรวจแล้ว… และแม่ดาวก็ยินดีที่จะย้ายบ้านเช่นกัน
                “จะไปไหนกันเหรอ” ฟ้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์อย่างกระตือรือร้น
                “ไปเชียงใหม่… ไปหาพี่เพชรและพ่อเลี้ยงจำได้ไหม…” เอกยิ้มถาม แต่ฟ้าก็มัวแต่มองข้างทางและไม่ได้ตอบเขา
                “จะดีเหรอลูก ไปอาศัยเขา… แม่เกรงใจ”
                “ไม่ได้อาศัยหรอกครับแม่ เราไปซื้อที่และจะปลูกบ้านใกล้ๆ กับบ้านพ่อเลี้ยง และผมจะทำงานกับเขา… คนงานที่นั่นใจดีมากครับ แม่ไปอยู่ แม่ต้องรักคนที่นั่นแน่นอน… แม้ผมจะถูกซ้อมมาเยอะก็ตาม” ประโยคสุดท้าย เอกพูดเสียงเบาพลางหัวเราะกับตัวเอง
                แม่ดาวยิ้มแล้วหันไปมองฟ้าที่ยังคงให้ความสนใจกับวิวข้างทาง
                “แม่ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าครามจะเป็นคนที่ลูกรัก”
                เอกขับรถไปเรื่อยๆ แล้วเอ่ยตอบ “ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกแม่เลย”
                “อืม… แม่เข้าใจเอกนะว่ารักแรกน่ะลืมยาก… แต่หนูกานเขาไม่ผิดอะไรเลย…”
                “ผมผิดและเลวมากๆ ที่ทำกับกานเขาแบบนั้น… แต่ผมรักฟ้าจริงๆ ครับ”
                “อืม… แต่ก็ดีนะ แบบนี้แม่เลยได้ลูกชายเพิ่มอีกคน แถมได้รอหลานมาเพิ่มด้วย… ทุกอย่างที่เข้ามาหาแม่ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
                เอกพยายามยิ้มแต่ก็ทำได้เพียงฝืน นั่นสินะ ฟ้าท้องได้… ท้องลูกของเขาและก็… เสียลูกไปแล้ว… ลูกที่เขาไม่เคยแม้แต่ได้สัมผัสผ่านท้องของคนรัก…
                ขับมาได้เกือบสิบชั่วโมงก็ถึงที่หมายในตอนค่ำ เขายิ้มเมื่อเจอคนสองคนยืนต้อนรับอยู่หน้าบ้าน
                “สวัสดีครับแม่” พ่อเลี้ยงและเพชรไหว้แม่ดาว
                “สวัสดีจ้ะ”
                “สบายดี…” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอก
                “ยังไม่ได้ถามเลย ฮะๆๆ” เอกหัวเราะแล้วเดินไปเปิดประตูให้กับฟ้า
                ฟ้าค่อยๆ ก้าวลงมาแล้วมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น มองดาวบนฟ้าที่สวยเต็มท้องฟ้า ซึ่งที่กรุงเทพไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนขนาดนี้ ฟ้ายิ้มอย่างดีใจ… เอกก็ยิ้มตาม
                “คราม!” เพชรจะเข้าไปกอดฟ้าแต่เจ้าตัวกลับตกใจและรีบแอบด้านหลังเอก
               
เพชรหยุดชะงัก มองหน้าของเอกและได้รับคำตอบโดยการส่ายหน้า เพชรจึงถอยห่างและมองฟ้าอย่างเป็นห่วง
                “เข้ามาพักในบ้านเถอะ ส่วนของ เดี๋ยวให้คนงานช่วยขน” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอก
                แม่ดาวจูงมือฟ้าที่กลัวๆ กล้าๆ เดินเข้าไปในบ้าน
                ฟ้ามองทุกอย่างในบ้านแล้วก็หยุดนิ่ง รู้สึกคุ้นเคย…
                “จำได้ไหมฟ้า” เอกถาม
                ฟ้าส่ายหน้า
                “พี่คราม!” เสียงใสเอ่ยขึ้น หนูดีวิ่งมาอย่างดีใจที่เห็นฟ้า แต่คนถูกเรียกกลับสะดุ้งเฮือกและรีบแอบด้านหลังแม่ดาว
                “พี่คราม… เป็นอะไรเหรอคะ”
                ฟ้ายังคงแอบด้านหลังแม่ดาวแล้วกอดแน่น
                “โอ๊ะ พี่ครามมีตุ๊กตาด้วย” หนูดีพูดเมื่อเห็นตุ๊กตาในอ้อมกอดของฟ้า
                ฟ้าค่อยๆ คลายกอดแม่ดาวแล้วมองตุ๊กตาในอ้อมกอดตัวเอง
                “นี่ลูกของหนูเอง”
                “ว้าววว ลูกของพี่ครามเหรอคะ หนูดีก็มีลูกเยอะเหมือนกัน ไปเล่นในห้องหนูดีไหมคะ”
                ฟ้ายิ้มอย่างดีใจ “ไปๆ”
                หนูดีรีบจูงมือฟ้าขึ้นไปยังชั้นสอง
                เหลือคนสี่คนที่ยังยืนนิ่งแล้วมองหน้ากันและกัน…
                “ครามจะหายไหม” เพชรเอ่ยถาม
                “ไม่รู้… แต่ไม่เป็นไร… ฟ้าเป็นแบบไหนฉันก็รัก…”
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่24 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 22-10-2016 20:10:32
              แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง ผ้าม่านปลิวไหวไปตามสายลมเย็นสดชื่น… เอกยืนมองทุ่งหญ้ากว้างตรงระเบียงแล้วหันกลับมามองร่างบางที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินกลับเข้ามาก้มตัวลงจูบแก้มฟ้าที่หลับสนิท
                เมื่อคืนเขานอนกอดฟ้าทั้งคืน… เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ได้นอนกอดกัน…
                “อะ..อืม” คนที่หลับย่นหน้าและส่งเสียงในลำคอก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆ ลืม
                “ฟ้า…”
                “พี่หิน… ฮ้าวววว” ฟ้าพูดแล้วหาวเหมือนเด็ก เอกยิ้มและค่อยๆ อุ้มคนตัวเล็กเข้าอ้อมแขนแล้วพาไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สะอาด ถามว่ามีอารมณ์ไหมเมื่อเห็นฟ้าเปลือย …แน่นอนอยู่แล้ว และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องปลดปล่อยอารมณ์ก่อนจะพาฟ้าไปอาบน้ำทุกครั้ง
                ฟ้ายืนนิ่งให้เอกใส่เสื้อผ้าให้แต่ทาแป้งด้วยตัวเอง จนตอนนี้หน้าสวยๆ ก็มีแต่แป้งขาวอยู่เต็ม
                “หมดกระป๋องแล้วมั้ง” เอกยิ้ม เมื่อก่อนฟ้าเคยหัวเราะกับใบหน้าของเขาที่ขาววอก แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาที่ต้องมาหัวเราะหน้าของฟ้าที่เต็มไปด้วยแป้ง
                ฟ้ารีบไปอุ้มตุ๊กตาแล้วกอดแน่น
                “ไปเล่นกับหนูดีก่อนนะ”
                “เดี๋ยวก่อน… กินข้าวก่อนนะคนเก่ง”
                “แต่ว่า…”
                เอกจูงมือฟ้าพาเดินลงไปชั้นล่างก็เห็นทุกคนรออยู่พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารแล้ว
                “คราม! มานั่งข้างพี่เร็ว” เพชรเอ่ยเรียก แต่ฟ้าก็ยังกลัวคนแปลกหน้าและจับมือเอกแน่น เพชรคลายยิ้มแต่ก็ยังไม่ย่อท้อ พยายามเอาใจฟ้าโดยการตักอาหารให้
                “อร่อยไหม” เอกเอ่ยถามขณะแกะกุ้งให้
                “หนูชอบ” ฟ้ายิ้ม
                ทุกคนยิ้มตาม… อาหารเช้ามื้อนี้จึงผ่านไปด้วยดี
                “จริงสิ เรื่องซื้อที่ดิน พ่อเลี้ยงยังไม่บอกราคาเลย” เอกถามพ่อเลี้ยงที่กำลังตักกับข้าวให้เพชร
                “ไม่ต้องหรอก… ให้ฟรี”
                “เฮ้ย ได้ไง ที่ดินไม่ใช่ของที่ยกให้กันได้ง่ายๆ นะ”
                “นั่นสิจ๊ะ พ่อเลี้ยงขายเท่าไรก็บอกมาเถอะนะ” แม่ดาวเอ่ยบอก
                พ่อเลี้ยงยิ้มแล้วส่ายหัว
                “ไม่ต้องหรอกครับ ผมให้… ที่ดินผมเยอะจนอยู่ไม่ไหวแล้วครับ เพิ่งซื้อที่ดินตรงป่าข้างๆ นี้ไปเอง… สำหรับผม มิตรภาพสำคัญกว่าของภายนอกนะครับ”
                แม่ดาวยิ้มอย่างซึ้งใจ ส่วนเอกก็ยังไม่เลิกกังวลใจ
                “อย่าคิดมากเลยครับ คุณใหญ่เป็นคนขี้เหงา แค่ทั้งสามคนมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเขาก็ดีใจแล้วครับ” เพชรเอ่ยติดตลก พ่อเลี้ยงมองคนข้างๆ แล้วขยี้หัวอย่างเอ็นดู
                “…เพชร แล้วเรื่องครอบครัวล่ะ…” เอกเอ่ยถาม
                เพชรหน้าสลด
                “พ่อกับพี่ติดคุกน่ะ ส่วนผม อัยการไม่สั่งฟ้อง… แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี… ส่วนมรดกและบ้าน ผมจะยกให้การกุศล เพราะยังไงก็ไม่ใช่ของผมอยู่แล้ว”
                “ฉันว่านายเก็บไว้เถอะ เพราะนายเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลือของภูมิ”
                “แต่มันไม่ใช่มรดกของผมนะ… ภูมิคง…”
                “มันดีใจแน่ๆ”
                เพชรขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
                “ก็เพชรเป็นน้องชายมันไง”
                เพชรหยุดชะงัก น้ำตาเอ่อคลอ… น้องชาย… คำที่เขาไม่เคยอยากได้จากภูมิเลย เพราะเขามีแต่ความเกลียดชัง แต่พอได้ยินแบบนี้…
                “ฮึก..ก…” พ่อเลี้ยงกอดเพชรแล้วปลอบใจ
                “เก็บมรดกไว้เถอะนะ… ภูมิเองก็คงหวังแบบนั้น… เผื่อพ่อเลี้ยงทิ้ง จะได้กลับไปอยู่บ้านไง”
                เพชรมองพ่อเลี้ยง
                “เฮ้ย! ใครจะทิ้งลง น่ารักขนาดนี้” พ่อเลี้ยงดึงแก้มเพชรเล่น
                เพชรเช็ดน้ำตาแล้วพูดขึ้น
                 “จริงสิ ผมเอารูปของภูมิและโกศที่เก็บอัฐิของคุณลุง คุณป้า และของแม่ครามมาด้วยนะ”
                เอกยิ้มเศร้า …รูปของภูมิงั้นเหรอ จู่ๆ ความคิดถึงเพื่อนก็แล่นเข้ามา เขากุมมือฟ้าไว้ …ภูมิคงจะคิดถึงฟ้ามากๆ
                “ใครเหรอครับ” ฟ้าเอ่ยถามเมื่อมองรูปภาพของชายหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่ในกรอบรูป
                เอกหยิบกรอบรูปมาให้ฟ้าดูใกล้ๆ
                “เขาเป็นคนที่รักฟ้ามากๆ เลย”
                “รักหนูเหรอ… รักเท่าพี่หินไหม”
                “อืม…”
                “งั้นหนูก็รักพี่คนนี้นะ” ฟ้ายกกรอบรูปขึ้นจูบ ริมฝีปากแตะลงบนใบหน้าของภูมิพอดี
                “หนูรักพี่นะ”
                เอกได้แต่ยิ้มเศร้า…
                 ‘ไม่ต้องเป็นห่วงนะภูมิ กูจะดูแลฟ้าเท่าชีวิต มึงหลับให้สบายเถอะนะ… กูรักมึงนะเพื่อน… ทั้งกูและฟ้าจะไม่มีวันลืมมึงเลย…’
                ‘อยากหลับให้สบายนะ แต่กูอยากช่วยมึงก่อน’
                เสียงใครบางคนพูดตอบเขา เอกหันซ้ายหันขวาอย่างตกใจ แม้จะเป็นเวลานานแล้วที่เพื่อนรักจากไป แต่เขาก็จำเสียงที่แว่วมาได้ดี
                เอกยิ้มมองรูปเพื่อนรัก “ช่วยกูหน่อยแล้วกัน”
 
ooooOoooo
 
                เอกพาฟ้าไปเที่ยวชมบรรยากาศข้างนอก เพราะวันนี้อากาศดีเหมาะแก่การขับรถเที่ยว เมื่อทั้งสองไปถึงคอกม้า ทุกคนที่นั่นก็ดีใจกันยกใหญ่ แม้ทุกคนจะรู้ว่าฟ้าไม่ใช้ฟ้าคนเดิมแล้ว แต่ทุกคนกลับเอ็นดูมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
                “เอาอะไรอีกไหม พี่จะไปซื้อมาให้เลย” ทัดเอ่ยแล้วทำท่าจะไปซื้อของมาให้
                “ใช่จ้ะ ครามอยากกินอะไร เย็นนี้ป้าจะทำให้เองนะจ๊ะ ”ป้าณีเตรียมจดรายการอาหารที่ฟ้าชอบ
                ฟ้านั่งเคี้ยวผลไม้ตุ้ยๆ เหมือนเด็กในขณะที่หลายคนรุมล้อมเอาใจ เอกเองก็รู้สึกเหมือนเขากำลังพรากผู้เยาว์ไม่มีผิด ในอดีต เขาเองก็เคยมีความคิดแบบนี้เช่นกัน เพราะเขาแอบชอบฟ้ามาตั้งแต่ฟ้าอายุแค่แปดขวบ หลังจากที่เป็นขวัญใจแม่ยกพ่อยกอยู่พักใหญ่ เอกก็พาฟ้ามาที่กระท่อม บ้านหลังที่สองของพวกเขา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นบ้านหลังน้อยๆ ที่น่าอยู่ไปแล้ว เอกจับมือฟ้าแน่น เขาจินตนาการไม่ออกว่าช่วงที่เขาหายไปนั้น ฟ้าต้องอยู่ที่นี่คนเดียวด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ…
                เอกเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่มีอีกแล้วกระท่อมเก่าๆ เตียงแข็งๆ           ที่เคยนอนด้วยกัน…
                ฟ้ามองไปรอบๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลรินออกมา
                “ฟ้า! ร้องไห้ทำไม”
                “ฮึก..ก… นะ..หนูไม่รู้” ฟ้ากอดคนตัวใหญ่แล้วซบร้องไห้
                “ฮือๆๆ อย่าทิ้งหนูนะ”
                เอกหลับตาลงอย่างปวดใจพลางกอดปลอบ “พี่ไม่ทิ้งฟ้าอีกแล้ว จะอยู่กับฟ้าตลอดไปเลย”
                “ฮึก..ก…”
                เขาจับมือเล็กแล้วพาไปนั่งบนเตียงนุ่ม
                “ฟ้า… จำพี่ไม่ได้เลยเหรอ… จำได้ไหม…”
                ฟ้ามองคนพูดแล้วพยักหน้า
                “พี่หิน หนูจำได้”
                เอกถอนหายใจแล้วค่อยๆ ชะโงกหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากนุ่ม ก่อนจะผละออกอย่างช้าๆ
                “ฟ้า… แต่งงานกับพี่ไหม”
                ฟ้ามองตาแป๋วแล้วเอียงคอ “แต่งงานคือไรเหรอ”
                “คือสิ่งที่จะผูกมัดเราสองคนให้อยู่ด้วยกันตลอดไป… แต่งงานกับพี่นะ”
                “อื้อ หนูจะแต่ง… อยากอยู่กับพี่หินตลอดไปเลยล่ะ!”
                เอกยิ้มรับแล้วกอดคนตัวเล็กพร้อมกับจูบลงที่หน้าผาก “สัญญากับพี่แล้วนะ…”
 
ooooOoooo
 
                “เข้านอนได้แล้วนะฟ้า”
                “ยังไม่ง่วงเลย ว้าววว พี่หินดูสิ ดาวสวยจัง… ชื่อเหมือนแม่ดาวเลยเนอะ”  ฟ้าเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วยิ้ม พลันสายตาหันไปเห็นโกศบรรจุอัฐิที่ตั้งอยู่หลังตู้แล้วทำหน้าเศร้า
                “พี่เพชรบอกว่านั่นคือแม่ของหนูล่ะ… หนูไม่เข้าใจเลย”
                “ฟังพี่นะ แม่ดาวคือแม่ของฟ้า… และแม่ฝนก็คือแม่ของฟ้าเหมือนกัน แต่จะอยู่ตรงนี้ตลอดไป” มือหนาใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของคนตัวเล็ก
                “แม่ฝน…”
                “ใช่… แม่ฝนจะอยู่ในใจตลอดไป…” ฟ้าหันไปมองโกศใส่อัฐิแล้วยิ้ม
                “จะอยู่ในใจตลอดไป…”
                เอกยิ้มแล้วรีบหาผ้ามาบังโกศบรรจุอัฐิ ก่อนจะรวบร่างคนตัวเล็กขึ้นมาในอ้อมแขนแล้ววางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา
                ไม่อยากให้แม่ของฟ้าเห็นเพราะกลัวจะรับไม่ได้ จึงต้องหาผ้ามาบังและขอขมาก่อน
                ‘ผมขอลูกชายคุณน้านะครับ’
                ‘เรียกแม่ดีกว่านะ… ไม่แอบดูหรอก ตามสบายจ้ะ’
                เอกสะดุ้งแล้วหันมองรอบตัว ก่อนจะถอนหายใจ… ท่าทางเขาจะมีเซนส์ดีเหลือเกินนะ…
                ฟ้ามองเอกตาแป๋ว
                “จะทำอะไรเหรอครับ”
                “ฟ้าอยากมีลูกไหม”
                “ลูก! อื้อ! อยากมีลูกเยอะๆ เลย”
                “ถ้าอย่างนั้น… ก็มาทำลูกกันเถอะนะ” เขาพูดแล้วก้มลงจูบริมฝีปากบาง ก่อนจะใช้ลิ้นควานหาความหวานจนทั่ว มือหนาก็ค่อยๆ ปลดกระดุมชุดนอนของคนด้านล่างออก
                “แฮ่กๆๆ พะ..พี่หิน”
                เอกมองหน้าฟ้าที่ตอนนี้แดงเรื่อแล้วรู้สึกใจเต้นแรง เหมือนกับกำลังมีอะไรกับเด็กน้อย เขาละจากริมฝีปากแล้วเลื่อนลงมาขบเม้มยอดอกทั้งสองสลับไปมา
                “อ๊ะ..อื้อ พะ…พี่หิน หนูเจ็บนะ” ฟ้ากัดปากตัวเองเมื่อมีความรู้สึกแปลกๆ
                “อย่ากัดสิ ช้ำหมดแล้ว”
                “ก็... หนูรู้สึกแปลกๆ...”
                เอกอมยิ้มแล้วจูบริมฝีปากบางอีกครั้ง
                “อยากให้พี่จับตรงไหนบอกพี่ซิ”
                “หนูอยากให้จับตรงนี้” ฟ้าเลื่อนมือหนาของเอกไปหยุดอยู่ที่ช่องทางสีชมพูของตนเอง เอกยิ้มอย่างพอใจแล้วเลื่อนก้มลงเลียส่วนอ่อนไหวของคนใต้ล่าง
                “อื้อ! พะ..พี่หิน”
                ฟ้าขยุ้มผมของเอกแล้วแอ่นรับอย่างลืมตัว ทั้งยังอ้าขากว้างเมื่อลิ้นของเอกวนไปที่ช่องทางนุ่มอย่างชำนาญ
                “มะ..ไม่ อ๊า…!” เสียงกรีดร้องพร้อมกับน้ำรักที่ถูกปล่อยออกมาจนล้นเต็มปาก เอกกลืนลงไปเกือบหมดแล้วเช็ดมุมปากตัวเองอย่างหื่นกระหาย มือหนาค่อยๆ ใช้นิ้วสอดเข้าอย่างช้าๆ
                “โอ๊ย! ฮึก..ก… จะ..เจ็บ”
                เอกหยุดมือแล้วละนิ้วออกจากช่องทางทันที
                “ฟ้า… เจ็บมากไหม”
                “นะ… หนูเจ็บ”
                “งั้นพี่หยุดแค่นี้ดีกว่านะ”
                “ไม่เอา… หนูอยากมีลูก ฮึก..ก…”
                “แต่ฟ้าเจ็บนะ”
                “ทนได้… นะๆๆ ให้หนูมีลูก”
 
 
                เอกหน้าแดงเรื่อ …ช่างขี้อ้อนจริงๆ เขาใช้มือหนาหยอกล้อยอดอกแล้วเคลื่อนผ่านหน้าท้องแบนราบจนฟ้าเกร็งหน้าท้องตัวเอง จนมาถึงแก่นกลางลำตัวของฟ้าที่เป็นสีชมพู แม้จะไม่ตั้งชูยามมีอารมณ์ร่วม แต่เอกก็แกล้งหยอกจับรูดขึ้นลงแล้วขบเม้มด้วยปากอย่างชำนาญ ฟ้าสะดุ้งเฮือก เอกยกยิ้มแล้วเลื่อนมือกลับมาที่ช่องทางข้างหลังอีกครั้ง
                “อื้อ!”
                เขาใช้นิ้วสอดเข้าออกหลายครั้งจนแน่ใจว่าช่องทางสามารถรับท่อนแกร่งของตนได้แล้ว จึงรีบปลดกางเกงตัวเองออก ตอนนี้เขาต้องการปลดปล่อยอย่างมาก เพราะมันทั้งใหญ่ทั้งแข็งขึงและผงาดตั้ง เส้นเลือดปูดบนลำบ่งบอกถึงความต้องการปลดปล่อยของเขาได้เป็นอย่างดี
                เอกจับท่อนของตนเองจ่อรูที่เล็กกว่ามาก… แต่จะให้หยุดตอนนี้คงไม่ได้แล้ว
                “โอ๊ยยยยยยย! จะ..เจ็บ!” ฟ้ากรีดร้องลั่นพยายามดิ้นแล้วผลักเอกให้ออกไปเมื่อความใหญ่โตเข้ามาในช่องที่แคบกว่ามาก… ร่างเล็กรู้สึกตึงเหมือนมันจะฉีกขาด
                “ฟ้า! อึก! อดทนหน่อยนะ ตอนนี้จะให้พี่ถอนออกคงไม่ทันแล้วนะ”
                “ฮึก..ก… จะ..เจ็บ” ฟ้าหลับตาแล้วส่ายหน้าไปมา ใบหน้าชุ่มเหงื่อจนเอกต้องเกลี่ยผมที่บังใบหน้าบางส่วนออกให้ ฟ้ายังคงบอกว่าเจ็บอยู่ตลอดเวลาแล้วทำหน้านิ่วอย่างทรมาน
                เอกกัดฟันกรอด เขาเองก็เจ็บเพราะถูกรัดจากช่องทางนุ่มอันแสนคับแคบนั้น เขาค่อยๆ ขยับแก่นกายออกแต่ก็รู้สึกเหมือนถูกดูดเอาไว้ ฟ้ากรีดร้องลั่นทั้งยังเกร็งตัว เลยยิ่งทำให้ช่องทางบีบรัดแน่นกว่าเดิมจนเอกขยับเข้าออกไม่ได้
                “อึก!” เอกรู้สึกเสียวจนอยากปลดปล่อยเต็มช่องทางรักที่แสนยั่วยวนนี้แล้ว หากแต่ต้องกัดฟันเพราะไม่อยากให้จบเร็วเกินไป
                “ทำพี่เสียวจังนะ น้องฟ้า” เขาก้มลมจูบปากของร่างที่เกร็งและยังคงดิ้น ก่อนจะจับแขนทั้งสองของฟ้าตรึงไว้เหนือหัวแล้วขยับเข้าออกอย่างช้าๆ
                นานแล้วที่ไม่ได้มีอะไรกัน… ความโหยหาทำให้เอกมีอารมณ์มากกว่าปกติ
                ฟ้าหลับตานิ่วหน้า เมื่อแขนไม่ได้ถูกเอกตรึงแล้วจึงเปลี่ยนมาคล้องคออีกฝ่ายแทน ทั้งยังใช้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวแน่น
                “อื้อ… ระ..แรง แฮ่กๆ..ๆ…”
                เอกยกยิ้มและกระแทกแบบเน้นๆ จนคนข้างใต้สั่นไหวไปตามแรงกระแทก จากเน้นกระแทกช้าๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นกระแทกเร็วรัว
                “อ๊ะ..อ๊ะ…” ฟ้าร้องครางแล้วแอ่นตัวรับแรงกระแทก ขาเกี่ยวแน่นกว่าเดิม มือยังคงคล้องคออีกฝ่ายให้แนบชิดหน้าอก โยกสะโพกไปตามจังหวะอย่างลืมตัว
 
 
                เอกตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่ เขากระแทกกลับอย่างเต็มแรงจนเขาเองยังคิดว่าแรงเกินไปด้วยซ้ำ กลัวว่าคนข้างใต้จะรับไม่ไหว แต่ก็หยุดกระแทกไม่ได้ ทั้งยังก้มลงกัดหน้าอก     ลำคอ และลำตัวจนเกิดรอยแดงช้ำ
                ความปรารถนาของทั้งสองยังคงได้รับการตอบสนองอย่างเร่าร้อนและต่อเนื่อง เตียงขนาดใหญ่ดังเอี๊ยดอ๊าดไปตามจังหวะการขย่ม เวลาผ่านไปถึงค่อนคืน เสียงครางจึงค่อยๆ หายไปพร้อมกับหยาดน้ำรักที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของฟ้าเป็นครั้งที่สาม
                เอกมองร่างบางข้างใต้ที่หลับสนิทหลังจากปลดปล่อยมามากกว่าตนหลายครั้ง… จะเรียกว่าหลับหรือสลบดีล่ะ เขาจูบหน้าผาก บอกฝันดี และนอนกอดคนตัวเล็กแล้วผล็อยหลับไป
 
ooooOoooo
                ‘น้องฟ้า… น้องฟ้า…’
                เสียงใครเรียกผมกัน…
                ‘น้องฟ้า…’
                ผมค่อยๆ ลืมตาตื่น เห็นผู้ชายคนหนึ่งในชุดสีขาวยืนยิ้มให้… เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี
                ‘คุณเป็นใครเหรอครับ’
                ‘ให้ตายสิ ลืมพี่จริงๆ เหรอเนี่ย น้อยใจชะมัด’ เขาพูดแล้วทำหน้างอนนิดๆ แต่ไม่จริงจัง ก่อนจะเดินมาใกล้ผมแล้วกอด
                ‘น้องฟ้า… พี่คิดถึงมากเลยรู้ไหม… ได้กอดน้องฟ้าแบบนี้พี่คงไปสบายได้แล้วจริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย…’ ผมยืนนิ่งก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลายกอดแล้วจับมือผมไว้
                ‘จำพี่ภูมิไม่ได้เลยเหรอฮึ’
                ‘พี่ภูมิ…’ ผมเบิกตากว้าง น้ำตามันไหลออกมาเอง คนนี้น่ะเหรอ พี่ภูมิ ผมได้เห็นหน้าพี่เขาแล้ว… ใบหน้าที่ผมลืมไป…
                ‘ฮึก..ก… ผมขอโทษที่จำพี่ไม่ได้ ผม.. ฮึก..ก…’
                พี่ภูมิเช็ดน้ำตาให้กับผม
                ‘ขอโทษทำไม… เลิกร้องไห้นะครับ น้องฟ้า…’ พี่ภูมิพูดแล้วจูบริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา
                ‘ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก… พี่ไม่โกรธน้องฟ้าเลยนะ… วันนี้พี่จะมาบอกลา… แต่ก่อนที่จะไป พี่อยากให้น้องฟ้ากับเอกมีความสุขก่อน…’
                ‘เอก…’ ผมเอ่ยทบทวนแล้วนิ่วหน้า… นึกไม่ออก
                ‘เอกมันรักน้องฟ้ามากนะ… ที่มันทำบ้าๆ กับน้องฟ้าไปเพราะมันหวงน้องฟ้ามาก และมันก็หวงน้องฟ้าแทนพี่ด้วย มันถึงแสดงออกไปแบบนั้น… ให้อภัยมันเถอะนะ’
                ผมค่อยๆ นึกเรื่องราวของคนชื่อเอกแล้วเม้มปากแน่น
                ‘ฮึก..ก… เขาหนีผมไป เขามีความลับมากมายที่ไม่บอกผม ฮึก..ก… เขาบอกว่าผมแสดงละคร ไม่เรียกรถพยาบาลให้ผม ลูกเราถึงตาย ฮึก..ก…’
                ‘ไม่เอาครับ ไม่ร้องนะ… พี่อยากไปต่อยหน้ามันสักทีจริงๆ พี่โมโหแล้วเนี่ย’ พี่ภูมิยิ้มแล้วเช็ดน้ำตาให้ผม ‘แต่พี่อยากให้เอกและน้องฟ้ามีความสุขจริงๆ นะ อยากให้ลืมเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น แล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ดีกว่าโกรธกันจนอาจไม่เหลือเวลาที่จะรักกัน ซึ่งมันจะสายเกินไป’
                ‘ผม…’
                พี่ภูมิสัมผัสที่อกข้างซ้ายของผม
                ‘คำตอบทุกอย่างอยู่ตรงนี้ น้องฟ้ารู้ตัวเองดีที่สุด…’
                ผมยืนนิ่ง หลับตาลงอย่างปวดใจ
                ‘ทำตามหัวใจตัวเองนั่นแหละ คือคำตอบของทุกอย่างแล้ว’
                ‘ครับ…’ ผมยิ้ม
                ‘ครามจ๊ะ’ เสียงนั้นทำให้ผมหันไปมอง
                ‘แม่!’ ผมรีบเข้าไปกอดแล้วร้องไห้
                ‘ฮึก..ก… แม่จริงๆ ด้วย ผมคิดถึงแม่’
                ‘แม่ก็คิดถึงครามนะ คิดถึงมากเลยนะลูก’
                ‘ฮึก..ก… แม่มาอยู่กับผมแล้วใช่ไหม…’
                แม่ยิ้มแล้วส่ายหน้า ‘แม่ต้องไปแล้วจ้ะ’
                ‘มะ..แม่จะไปไหน…’
                ‘ไปในที่ที่ควรไปเนอะ’ แม่ยิ้มแล้วหันไปมองพี่ภูมิ
                ผมส่ายหน้าแล้วกอดทั้งสองคนไม่ยอมให้ไป
                ‘อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวสิ ฮึก..ก… พาผมไปด้วย’
                ‘ถ้าพาไป เอกคงร้องไห้น่าดู’ พี่ภูมิยิ้มขำ
                ‘อย่าร้องไห้เลยนะคราม ลูกไม่ได้อยู่คนเดียวนะ… ถึงจะไม่มีแม่ไม่มีภูมิ… แต่ลูกก็ยังมีคนสำคัญอยู่มากมาย… และคนสำคัญเหล่านั้นก็รักลูกมากนะ’
                ‘ฮึก..ก… แต่แม่กับพี่ภูมิก็สำคัญกับผมนะ’
                แม่ลูบหัวของผม…
                ‘แม่เข้าใจจ้ะ แต่ลูกก็ไม่ควรยึดติดมากเกินไปจนทำให้คนสำคัญที่ยังมีชีวิตอยู่ของลูกต้องกังวลนะ รวมถึงคนที่รักลูกด้วย จริงสิ…’ แม่พูดแล้วแบมือออก ปรากฏแสงบางอย่างสีขาวสว่างสดใส
                ‘อะไรเหรอครับแม่’
                แม่ไม่พูดแล้วยื่นมาที่ท้องของผม แล้วแสงนั้นก็หายเข้ามาในท้องของผม
                ‘แม่…’
                ‘สิ่งที่ลูกได้ทำหายไป… แม่ดูแลเขาไว้ให้ และตอนนี้ เขาก็พร้อมจะกลับมาอยู่กับลูกอีกครั้ง’
                แม่พูดแล้วร่างกายก็ค่อยๆ จางลงเช่นเดียวกับพี่ภูมิ
                ‘แม่! พี่ภูมิ!’
                ‘พี่ต้องไปแล้วนะ น้องฟ้า… รักกับเอกให้นานๆ นะ… อ้อ ตื่นขึ้นแล้วกลายเป็นน้องฟ้าคนเดิมนะ ฝากบอกเอกด้วยว่าดีใจที่เป็นเพื่อนกับมัน รักมันมากนะ เพื่อนรัก… แล้วก็…’  พี่ภูมิเดินมาหาผม
                ‘พี่ไม่เคยบอกน้องฟ้าเลยใช่ไหม’ พี่ภูมิเดินมากระซิบที่ข้างหู
                ‘พี่รักน้องฟ้านะ รักมาตลอดเลย อยากบอกรักให้เร็วกว่านี้… อย่าลืมพี่นะ…’                                               พี่ภูมิยิ้มตาหยีแล้วร่างก็ค่อยๆ สลายไป
                ผมได้แต่ยืนอึ้ง อยากจะคว้ามากอดแต่ก็สายไปแล้ว พี่ภูมิไปแล้ว… “พี่ภูมิ ฮึก..ก…”
                “ครามดูแลตัวเองให้ดีๆ นะลูก… แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก ถ้าชาติหน้ามีจริง เรามาเป็นแม่ลูกกันอีกนะ แม่รักลูก…” แม่กอดผมและค่อยๆ สลายไป ผมกอดแม่แน่นมากๆ เผื่อว่าแม่จะไม่หายไป แต่ผมก็ทำได้แค่ทรุดนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อเหลือแค่ผมคนเดียว
                แต่ความรู้สึกอุ่นตรงช่วงท้องทำให้ผมก้มมอง แสงสีขาวเรืองรองที่แสนอบอุ่นเหมือนพยายามจะปลอบโยนผมจากข้างใน ผมค่อยๆ ลูบท้องอย่างแผ่วเบาแล้วหลับตาลง
                …พรึ่บ!
                ผมลืมตาตื่นจากความฝัน เช็ดน้ำตาตัวเองแล้วค่อยๆ ลุกนั่งอย่างยากลำบาก มองไปข้างๆ ก็เจอหินนอนกอดผมอยู่ ผมค่อยๆ ยกแขนแกร่งที่พาดอยู่บนตัวผมออก
                ผมนิ่วหน้าเมื่อความเจ็บช่วงล่างทำให้เดินแทบไม่ได้ ความร้อนและความเหนียวเหนอะจากช่วงล่างปลุกผมให้ต้องลุกไปอาบน้ำ
                ผมมองตัวเองในกระจกที่ร่างกายมีแต่รอยแดงช้ำเป็นจ้ำๆ ตอนนี้ผมกำลังสับสนกับตัวเอง ผมจำเรื่องราวในช่วงหลายเดือนที่ผมเป็นบ้าได้เกือบทั้งหมด และจำได้ว่าผมเป็นบ้าเพราะอะไร ผมอยากหนีไปให้ไกล ไม่อยากอยู่กับเขาอีกแล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องตอนก่อนที่ผมจะกลายเป็นบ้า แต่เขาก็ยังรักผมแม้ผมจะเป็นบ้าก็ตาม ผมจึงเลือกที่จะอยู่กับเขาต่อ แม่กับพี่ภูมิก็คงหวังแบบนั้นจึงมาหาผม
                หลังจากอาบน้ำและใส่เสื้อผ้าอย่างยากลำบาก ผมก็เดินมาหาหินที่ยังนอนหลับอยู่
                “ขี้เซาจังนะครับ”
                “อะ..อืม” เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
                “ฟ้าตื่นแล้วเหรอ” เขาคว้าตัวผมเข้าอ้อมกอดแล้วหอมแก้ม
                “สายมากแล้วนะครับ” ผมมองนาฬิกาบนผนังที่ตอนนี้บอกเวลาเก้าโมงเช้า
                “อืม… เมื่อคืนพี่เหนื่อย”
                “ผมก็เหนื่อยนะ เจ็บด้วย”
                หินเบิกตากว้างเหมือนนึกอะไรได้แล้วหันมาจ้องหน้าผม
                ผมยิ้มให้
                “ฟ้า…”
                “ครับ?”
                “นี่กี่นิ้ว” หินรีบลุกนั่งแล้วชูสองนิ้ว
                “ครับ?”
                “พี่ชูกี่นิ้ว”
                “ก็สองนิ้วสิครับ”
                หินเบิกตากว้างกว่าเดิม
                “งั้น… พี่ชื่ออะไร” หินถามอย่างตื่นเต้น
                “หิน…”
                เขาคลายยิ้มลง
                “เอก”
                เขาเบิกตากว้างอีกครั้งก่อนจะกอดผมแน่น
                “ฟ้าหายแล้ว… ฟ้าหายแล้ว!”
                “คงงั้นมั้งครับ”
                ฟุบ “ฮึก..ก..ก… พี่ดีใจ” หินซุกตัวร้องไห้กับท้องของผม
                “อย่าขี้แยสิครับ”
                “กะ..ก็พี่ดีใจ… พี่ดีใจที่ฟ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม… พี่ขอโทษ… พี่ขอโทษ… พี่รักฟ้านะ…”
                “ผมก็รัก… ขอเรียกหินได้ไหมครับ”
                “ได้สิ… แต่เรียกพี่หินได้ไหม แล้วพี่จะให้ทั้งตัวและหัวใจเลย” ผมยิ้ม
                พี่หินค่อยๆ ผลักผมลงบนเตียงอย่างช้าๆ แล้วทาบทับลงมาอีกครั้ง…
 
 
 
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่25]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 22-10-2016 20:11:19
                “ฟ้า”
                “ครับ” ผมเอ่ยรับขณะกำลังจะเปิดประตูออกไปนอกห้อง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายแล้ว แต่เราสองคนยังไม่ได้ออกไปไหนเลย ไม่รู้คนอื่นๆ จะคิดยังไง เพราะพี่หินไม่ยอมปล่อยให้ผมลุกออกจากเตียงเลย
                “นอนต่อก็ได้นี่ ไม่ปวดตัวบ้างเหรอฮึ” พี่หินใส่เสื้อแล้วรั้งผมไม่ให้เปิดประตูออก
                “เพราะพี่ไม่ใช่หรือไง ที่ทำให้ผมปวดน่ะ”
                พี่หินยิ้มกริ่มแล้วเดินจับมือผมออกไปนอกห้องด้วยกัน แต่พอเปิดประตูออกไปก็เจอ         พี่เพชรกำลังทำท่าจะเคาะประตูพอดี
                “เอ่อ… พี่มาปลุกน่ะ เห็นว่าจะบ่ายแล้ว” พี่เพชรเหล่ตาไปทางพี่หินเหมือนรู้ทันบางอย่าง
                “…หิวข้าวไหม…” พี่เพชรเอื้อมมือจะมาจับมือผม แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะคงคิดว่าผมยังกลัวเขาอยู่ ผมจึงเป็นฝ่ายเอื้อมไปจับมือพี่เพชรแทน
                พี่เพชรมองผมอึ้งๆ
                “คราม…”
                “ครับ…”
                “คะ..คราม… หะ..หาย..” พี่เพชรหันไปมองพี่หินเหมือนขอคำตอบ เมื่อพี่หินพยักหน้า     พี่เพชรก็สวมกอดผมทันที
                “หะ..หายแล้วสินะคราม… ฮึก..ก… พะ..พี่ดีใจ…”
                “อย่าร้องไห้สิครับพี่เพชร”
                พี่เพชรคลายกอดผมแล้วเช็ดน้ำตา ก่อนจะขมวดคิ้ว “หืม…?”
                “อะไรเหรอครับ”
                “นี่เอก คุณทำครามมากเกินไปแล้วนะ ดูรอยที่หลังคอสิ”
                ผมรีบปิดคอตัวเองทันที แล้วหันไปคาดโทษพี่หินที่ยิ้มแหะๆ
                “ช่างคนหื่นเหอะ ไปกินข้าวได้แล้ว… ทุกคนรู้ต้องดีใจแน่ๆ เลย”
                “ครับ…”
               
                พี่เพชรจูงมือผมเดินออกไป พี่หินก็กำลังเดินตามออกมาจากห้อง แต่ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์ของพี่หินพอดี เขามองโทรศัพท์แล้วหันมามองหน้าผม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ใครโทรมานะ…
 
ooooOoooo
 
                “จริงเหรอ!” แม่ดาวเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าผมหายเป็นปกติ รีบละมือจากขนมที่กำลังทำแล้ว กอดผม
                “โธ่ลูก… หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะ” แม่ดาวพูดแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะหอมเเก้มผมฟอดใหญ่
                “ครับแม่…”
                “จริงสิ แล้วไปทำอีท่าไหนล่ะถึงหายเป็นปกติฮึ” แม่ดาวเอ่ยถาม
                ผมหลบสายตา จะว่าไปผมหายได้ยังไงนะ… หรือเพราะว่า… หน้าผมแดงเรื่อเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างที่ผมคิดหรอกน่า
                “เอ่อ… ไม่รู้เหมือนกันครับ”
                “เดี๋ยวให้ครามกินข้าวก่อนนะครับแม่ บ่ายแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย” พี่เพชรเอ่ยขัดก่อน ไม่อย่างนั้นหน้าผมคงแดงไปถึงหูแล้วล่ะ หรือไม่ตอนนี้ก็คงแดงไปหมดแล้ว
                แม่ดาวพยักหน้า แล้วพี่หินก็เดินเข้ามาพอดี
                “เจ้าลูกตัวดี ทำไมไม่ให้น้องมากินข้าวฮึ”
                “ก็ฟ้าเพิ่งตื่นนี่ครับ”
                “ไม่ใช่เพราะลูกหรอกเหรอ น้องถึงตื่นสายแบบนี้”
                ยิ่งพูดหน้าผมก็ยิ่งร้อน… ร้อนจนต้องเดินหนีออกมา
                “อย่างอนพี่เลยนะ” พี่หินเอ่ยแล้วตักกับข้าวใส่จานผม เราสองคนนั่งทานอาหารกันที่โต๊ะอาหารบริเวณนอกบ้าน เพราะตรงนี้บรรยากาศปลอดโปร่ง สายลมเย็นพัดเอื่อย สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มที่แม้จะเป็นเวลาบ่ายแล้วก็ตาม
                “…เมื่อคืนผมฝันถึงแม่และพี่ภูมิด้วย”
                พี่หินหยุดชะงัก
                “แม่และพี่ภูมิมาบอกลาผม… และขอให้ผมคืนดีกับพี่”
                พี่หินวางช้อนลง “ถ้าพวกเขาไม่ขอให้ฟ้าคืนดีกับพี่ ฟ้าก็จะไม่คืนดีกับพี่งั้นเหรอ” เขามองไปทางอื่นแล้วพ่นลมหายใจ
 
                “ผมก็เจ็บเป็นนะครับ ที่พี่หลอกผม… ก็ใช่ที่ผมก็หลอกพี่ แต่สิ่งที่ผมได้รับมันมากเกินไป… พี่ทำร้ายร่างกายและจิตใจของผม”
                พี่หินหันมามองผมด้วยสายตาอ่อนลง “พี่ขอโทษ แต่พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อคดี… และที่พี่ข่มเหงฟ้าเพราะพี่ไม่อยากให้ฟ้าไปเป็นของใคร แล้วพี่ก็… หวงฟ้าแทนภูมิด้วย…”
                ผมเท้าคางแล้วยิ้ม “พี่กับพี่ภูมินี่พูดเหมือนกันเลยนะ… ก่อนไป พี่ภูมิก็บอกผมว่าพี่หวงผมแทนพี่ภูมิเขาด้วย”
                พี่หินสบตาผม “…ก่อนไปมันพูดอะไรถึงพี่ไหม”
                “ครับ… บอกว่าดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับพี่และก็รักพี่มากนะ เพื่อนรัก…”
                พี่หินยิ้มแล้วมองไปบนฟ้า เขาเม้มปากแน่น… ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามสะกดอารมณ์ตัวเอง
                “หะ..ให้ตายสิ มันนี่ยังชอบพูดอะไรเน่าๆ เหมือนเดิมเลย…”
                ผมเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ
                “อันที่จริง แม่และพี่ภูมิก็มีส่วนนะ ที่ทำให้ผมคืนดีกับพี่… แต่หัวใจผมมากกว่าที่อยากคืนดีด้วยจริงๆ”
                พี่หินยิ้มกว้างแล้วกุมมือผมตอบ… มือเราประสานกัน
                “อยากคืนดีกันมากกว่านี้ไหม… งั้นขึ้นห้องกันเถอะ”
                ผมละมือแล้วเอื้อมไปบีบจมูกคนหื่น
                “โอ๊ย! พี่เจ็บนะ”
                “เจ็บน้อยกว่าผมตั้งเยอะ”
                พี่หินจับจมูกตัวเองที่ถูกบีบ
                ผมกอดอกแล้วพูดอย่างจริงจัง
                “พี่หิน… ต่อไปนี้พี่ห้ามมีความลับกับผมเด็ดขาด ถ้าพี่มีความลับกับผมอีก ผมจะไม่ให้อภัยแล้วนะ”
                “จ้า… ไม่มีความลับแล้วครับผม… ฟ้าอยากรู้อะไรพี่จะตอบทันที เงินซุกจะไม่มีเลยจ้ะ”
                “ถ้าอย่างนั้น เมื่อกี้นี้ใครโทรมาเหรอครับ”
                พี่หินหยุดชะงัก… ท่าทางจะบอกผมไม่ได้ล่ะสิ
                “ไม่บอกก็ได้ครับ” ผมทำท่าจะลุกไปที่อื่นแต่พี่หินก็จับมือผมไว้ก่อน ผมจึงนั่งลงตามเดิม
                “กานเขาโทรมาน่ะ”
                “กาน?” ผมจำหน้าไม่ได้แต่ยังพอจำชื่อได้ รู้สึกว่าเขาเคยไปบ้านพี่หินตอนที่ผมจิตไม่ปกติ และท่าทางจะไม่ใช่แค่คนรู้จัก
                “กานเคยเป็นแฟนพี่น่ะ… พี่บอกเลิกกานไป”
                “เพราะผมเหรอ”
                “ก็ประมาณนั้น”
                ผมนั่งนิ่งหลับตาลงอย่างปวดใจ… ผมทำให้เขาเลิกกันงั้นเหรอ…
                “ฟ้าคิดว่าตัวเองทำให้พี่เลิกกับกานงั้นเหรอ” พี่หินเอ่ยขึ้นแล้วบีบจมูกผมคืน
                “แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะครับ”
                “มันก็ส่วนหนึ่งนะ พี่บอกกานไปว่าพี่นอกใจกาน แต่จริงๆ แล้ว… มันเป็นทางหนึ่งที่พี่จะได้ปล่อยเขาไปจริงๆ สักที กานเขามีคนที่พ่อแม่ดูตัวไว้ให้แล้วน่ะ คนนั้นเขามีฐานะดีกว่าพี่มาก และกานเองก็ดูมีใจให้เขา แต่ที่กานไม่ตอบรับเขาคนนั้นสักทีก็เพราะมีพี่อยู่… อาจมองว่าพี่แก้ตัวนะ แต่มันก็เหมือนแก้ตัวจริงๆ นั่นแหละ”
                ผมพยักหน้ารับรู้ บ่งบอกว่าผมเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
                “เมื่อกี้เขาก็โทรมาเพื่อบอกว่าจะหมั้นกับคนนั้นแล้ว”
                “แล้วพี่… ยังรักเขาอยู่หรือเปล่าครับ”
                พี่หินขมวดคิ้ว “ป่านนี้จะมาถามว่าพี่รักใครอีกนะ ตอนนี้ทั้งตัวและหัวใจให้ฟ้าคนเดียวเลยนะครับผม”
                “หน้าไม่อาย!”
 
ooooOoooo
 
                ผมยืนมองที่ดินที่ติดกับบ้านพ่อเลี้ยง ตรงที่พี่หินวางแผนจะสร้างบ้านของเรา ตอนนี้พี่หินกำลังไปหาพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มม้าและคงโดนบ่นเพราะวันนี้ตื่นสายมากๆ พ่อเลี้ยงจะให้พี่หินดูแล           ฟาร์มม้าทั้งหมด ส่วนพ่อเลี้ยงเองจะดูแลไร่ส้มอย่างเดียว
                “พี่ครามคะ”
                ผมหันไปมองหนูดีที่เดินมาพอดี
                “ว่าไงครับ เรียนเสร็จแล้วเหรอฮึ”
                “ค่ะ” หนูดีพูดแล้วยิ้มกริ่ม
                “อารมณ์ดีอะไรครับ”
                “เมื่อคืนหนูดีฝันว่าพี่ครามจะมีน้องด้วยค่ะ”
                “หืม…” ผมจับท้องตัวเอง
                ลูกงั้นเหรอ… เขาจะกลับมาอยู่กับผมอีกไหมนะ… จะเกลียดแม่คนนี้ไหมที่ไม่สามารถดูแลลูกไว้ได้…
 
                “คราม หนูดี เข้าบ้านได้แล้วลูก แดดเปรี้ยงขนาดนี้ออกมานอกบ้านกันทำไม เดี๋ยวไม่สบายหรอก” แม่ดาวตะโกนเรียกแล้วรีบเดินมาหาพวกผม
                ผมจูงมือหนูดีเข้าไปในบ้านด้วยกันแต่อีกมือยังกุมท้องตัวเองไว้ หวังว่าลูกจะกลับมาหาผมอีกครั้ง
 
ooooOoooo
 
                สามเดือนต่อมา
                “ฟ้า! ทำใจดีๆ ไว้นะ” พี่หินยื่นยาดมให้ผมที่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมขณะตากผ้า
                “พะ..พี่จะพาไปโรงพยาบาล”
                “ไม่ต้องไปหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”
                “แต่ว่า..”
                “ผมแค่หน้ามืด คงเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้าน่ะครับ”
                “แล้วทำไมไม่กินฮึ” พี่หินรีบวิ่งไปในครัวแล้วยกสำรับอาหารมาให้ผมทันที ก่อนจะวิ่งไปหลังบ้านเพื่อตากผ้าแทนผม
                ผมนิ่วหน้าเมื่อมองอาหารตรงหน้า กลิ่นอาหารทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี
                “เป็นอะไรลูก แม่ได้ยินเสียงเอกดังออกไปถึงบ้านพ่อเลี้ยงเลย” แม่ดาวเดินมาหาผมแล้วถามหาพี่หิน
                “ผมแค่หน้ามืดน่ะครับ แล้วพี่หินเขาก็โวยวายไปเอง”
                “หน้ามืดเหรอลูก ไหนเป็นไข้หรือเปล่า” แม่ดาวใช้มือสัมผัสหน้าผากของผม
                “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”
                “ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ” แต่พอกลิ่นอาหารตรงหน้าโชยขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็รีบเอามือปิดจมูกทันที
                “เป็นอะไรลูก”
                “ผมเหม็นน่ะครับ อุ..อุบ” พูดยังไม่ทันจบผมก็รีบวิ่งไปห้องน้ำ
                “คราม!” แม่รีบวิ่งตามมาหาผมที่กำลังโก่งคออ้วก
                “อุ… อ่อกกก”
                “ไปหาหมอเถอะนะลูก แม่ว่าอาการไม่ดีแล้วล่ะ”
                “มะ..ไม่เป็น… อ่อกกกก”
                แม่ดาวลูบหลังของผม
 
                ผมนิ่วหน้าและอ้วกมากขึ้นจนแม่ดาวทนไม่ไหวรีบวิ่งไปตามพี่หิน ผมรู้สึกคลื่นไส้และมวนท้อง หน้าเริ่มมืดจนต้องทรุดนั่งลง
                “ฟ้า!”
                “พี่หิน…”
                พี่หินรีบอุ้มผมไปขึ้นรถทันที เขาอุ้มผมวางที่เบาะหลังรถโดยมีแม่ดาวคอยประคองตลอดเวลา จากนั้นรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
                “อย่าเป็นอะไรนะฟ้า อย่าจากพี่ไปนะ”
                “นี่พี่หิน พี่จะแช่งผมทำไมเนี่ย” ผมกุมหัวตัวเองโดยมีแม่ยื่นยาดมให้ตลอดเวลา
                “ก็ฟ้าป่วย” น้ำเสียงเขาสั่นอย่างมาก ความกระวนกระวายของเขาทำให้เขาขับรถปาดหน้าคันอื่นไปมา ผมได้ยินเสียงบีบแตรจากรถคันอื่นเป็นระยะๆ
                เขาจะสร้างศัตรูหรือไง… เขาเป็นถึงอดีตตำรวจนะ ทีเรื่องอื่นล่ะทำถูกต้อง แต่พอเป็นเรื่องผมทีไร เป๋ทุกที!
                “ขับช้าๆ ก็ได้ เดี๋ยวก็ไม่ถึงโรงพยาบาลหรอกกกก” ผมเอื้อมมือไปบิดหูขวาของพี่หิน
                “โอ๊ยยย”
                “จะ..เจ็บ”
                “ขับช้าๆ สิพี่หิน”
                “จ้ะๆ”
                พอไปถึงโรงพยาบาล ผมก็ถูกพาเข้าห้องตรวจ นั่งรอได้ไม่นาน คุณหมอคนเดิมที่เคยรักษาอาการของผมยิ้มแป้นมาหาพวกเราสามคนพร้อมกับผลตรวจ
                “ยินดีด้วยนะครับ คุณท้องได้สามเดือนแล้วนะครับ”
                เท่านั้นละ ทุกอย่างมันหยุดนิ่ง ผมเอามือลูบท้องตัวเองโดยอัตโนมัติ… ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองแม่ดาวและพี่หินที่เบิกตากว้างอึ้งค้าง แม่ดาวน้ำตาปริ่ม แต่พี่หินกลับ…
                “ฮือๆๆ ลูกพ่อ!” เขาทรุดตัวลงมากอดเอวผมแล้วปล่อยโฮ
                “พี่หิน! อายคุณหมอนะ”
                “ฮือๆๆ”
                เฮ้อ เรื่องผมทีไรเป๋ทุกทีจริงๆ เลยนะ คุณพ่อจอมขี้แย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ลูบหัวของเขาแล้วยิ้ม… แม่ดาวและคุณหมอต่างก็ยิ้มตาม
                พอกลับไปบ้านก็เห็นพี่เพชรกำลังรออยู่ด้วยความเป็นห่วง คงเพราะรู้จากคนงานเรื่องที่ผมไปโรงพยาบาล
                “คราม! เป็นยังไงบ้าง เจ็บป่วยตรงไหนเหรอ” พี่เพชรเอ่ยอย่างตระหนก ยิ่งเห็นพี่หินตาแดงก็ยิ่งตกใจมากขึ้น
                “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เพชร คือ…”
                “ฟ้าท้องแล้วโว้ย!!” พี่หินโพล่งออกมาก่อนที่ผมจะเอ่ยบอก เสียงตะโกนดังจนหนูดีที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ต้องเดินออกมาดู
                “พี่ครามท้องแล้วเหรอคะ! หนูดีจะได้มีน้องแล้ว!”
 
ooooOoooo
 
                “ลุกออกไปจากตัวผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมพูดเสียงแข็งเมื่อพี่หินกำลังคร่อมร่างผมอยู่ เขาคิดยังไงกันนะ ผมท้องอยู่แท้ๆ แต่พอเข้าห้องทีไรก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงยอม       แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว โชคดีที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่แท้งลูกไปอีกครั้ง เพราะความหื่นของเขาที่โหมกระหน่ำผมทุกคืนตลอดสามเดือน!
                “ทำภายนอกกันก็ได้นี่… วันนี้พี่ไม่สอดใส่หรอกนะ” พี่หินยิ้มแล้วก้มลงจูบซอกคอผม แต่ผมเบือนหน้าหนีและผลักให้เขาลุกออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งด้วย
                “จนกว่าผมจะคลอด ผมจะไม่มีอะไรกับพี่แม้จะแค่ภายนอกก็เถอะ”
                “ฟ้า… อ่า…” พี่หินรวบผมเข้าไปในอ้อมกอดแล้วให้ผมนั่งพิงอกแกร่ง
                “พี่จะทนได้นานแค่ไหนนะ เมียพี่น่ารักน่ากดแบบนี้ พี่คงอกแตกตายพอดี”
                “เลิกหื่นได้แล้วนะครับ เรากำลังจะมีลูกกันแล้วนะ ทำอะไรนึกถึงลูกบ้างสิ”
                พี่หินหยุดนิ่งแล้วกอดผมแน่นขึ้น
                “นั่นสินะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้ว…”
                พี่หินเอื้อมมือมาลูบท้องผมเบาๆ แล้วหอมแก้มผม
                “พี่ดีใจที่สุดเลยรู้ไหม ดีใจจริงๆ”
                “ผมก็ดีใจครับ…” ผมจับมือพี่หินที่กำลังลูบท้องผมแล้วประสานมือกัน เอนหลังพิงกับอกแกร่งแล้วหลับตาลง ครอบครัวของเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่
 
                  ‘ยินดีต้อนรับนะครับ ลูกรัก’
 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 22-10-2016 20:17:46
               รู้สึกว่าช่วงนี้น้ำหนักผมจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผมท้องได้ห้าเดือนแล้ว แต่รู้สึกเหมือนคนใกล้คลอด จะเดินไปไหนทีก็อุ้ยอ้ายและต้องมีคนคอยพยุง
                “ค่อยๆ นะคะ”  พี่งามค่อยๆ พยุงผมให้นั่งลงบนโซฟา
                “ขอบคุณมากนะครับ แต่พี่งามไม่ต้องดูแลผมขนาดนี้ก็ได้นะครับ”
                ผมบอกกับพี่งามซึ่งเป็นคนที่พี่หินจ้างให้มาช่วยงานบ้านและคอยดูแลผม
                พี่งามเป็นหนึ่งในคนงานของที่นี่จึงสามารถมาอยู่ดูแลผมได้ตลอดเวลา พี่งามเป็นคนน่ารัก ตัดผมสั้นหน้าม้า… แถมยังเป็นคนตลกจนผมหัวเราะได้ทั้งวัน เพราะแบบนี้ละมั้ง พี่หินถึงให้พี่งามมาดูแลผม
                “โธ่ น้องครามขา… งานอื่นไม่สำคัญเท่าดูแลน้องครามหรอกค่ะ… คุณเอกโหดจะตาย”
                “หืม…” ผมเลิกคิ้ว
                “พี่หินน่ะเหรอครับโหด ขี้แยมากกว่า…” แต่จะว่าไป เขาก็โหดจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ
                “พี่งามจินตนาการไม่ออกเลยค่ะ! ตอนนี้คนที่ฟาร์มม้าตั้งฉายาว่าคุณโหด.. อุบ” พี่งามรีบปิดปากตัวเอง
                ผมหัวเราะ
                “ยังไงครับ ที่ว่าโหดน่ะ”
                “เรื่องบุคลิกก็ส่วนหนึ่งนะคะ ก็คุณเอกตอนนี้หนวดขึ้น… เหมือนโจรเลยค่ะ ดูไม่ออกเลยว่าเคยเป็นตำรวจ” ผมขำหนักมาก เพราะผมก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะเป็นตำรวจ
                “อย่าไปฟ้องคุณเอกนะคะ”
                “ไม่ฟ้องหรอกครับ พี่งามเล่าต่อเถอะ สนุกดี”
                “มีครั้งหนึ่งค่ะ ตอนที่คนงานจะทะเลาะกันน่ะค่ะ คุณเอกโมโหมากจนทำลายอุปกรณ์ต่างๆ พัง เหมือนคนคลั่งเลยค่ะ คนงานนี่กลัวจนเลิกทะเลาะกันไปเองเลยค่ะ ตอนนี้คนงานไม่กล้าทำอะไรที่ผิดกฎเลยค่ะ”
                ผมเอนหลังพิงกับพนักพิง
                “แล้วข้อดีมีบ้างไหมครับ”
                “…ก็มีค่ะ ถึงจะโหด แต่ทุกคนก็บอกว่าคุณเอกรักคนงานเหมือนญาติพี่น้องเลยค่ะ”
                ผมพยักหน้ารับรู้
                “แต่… พี่งามก็กลัวคุณเอกอยู่ดีนะคะ ทั้งยังจินตนาการตอนที่คุณเอกมุ้งมิ้งกับน้องครามไม่ออกเลยค่ะ… พี่งามคิดแล้วยังรู้สึกแปลกๆ เลยค่ะ”
 
ooooOoooo
 
                “ให้แม่บ้านทำอาหารให้ก็ได้นี่”
                ฟอดดด พอพี่หินที่เพิ่งกลับจากคอกม้าเห็นผมกำลังทำอาหารในครัวก็เข้ามาสวมกอดจากด้านหลังแล้วหอมแก้ม
                “นานๆ ทีก็อยากทำเองบ้างน่ะครับ” ผมตักแกงส้มใส่ช้อนแล้วหันไปป้อนให้เขาชิม
                “อร่อย!” พอช้อนแตะปากก็บอกว่าอร่อยทันที
                “อร่อยเร็วเกินไปไหมครับ ยังปรุงไม่เสร็จเลย”
                “ฟ้าทำอร่อยอยู่แล้ว แค่น้ำเปล่าก็หวานอร่อยสำหรับพี่แล้วนะ”
                ฟอดดด
                ผมยิ้มแล้วเหลือบไปมองพี่งามซึ่งกำลังแอบมองอยู่ตรงประตู เธอใช้มือปิดปากตัวเองอย่างตะลึง นี่แหละครับพี่งาม ตัวตนที่แท้จริงของจอมโหดที่เหล่าคนงานพากันเกรงกลัว เวลาอยู่กับผมก็กลายเป็นแบบนี้แหละ…
                “ทั้งสองคนอยู่นี่เอง แม่หาตั้งนาน มาดูดอกไม้ในสวนที่แม่ปลูกหน่อยเร็ว บานสวยเชียว”
                “ผมละจากอาหารไปไม่ได้น่ะครับ ถ้าทำเสร็จจะไปดูนะครับ พี่หิน พี่ไปกับแม่ก่อนเถอะ”
                “พี่อยากกอดฟ้านี่”
                “เฮ้อ ไม่มีใครสนใจเราเลยน้า” แม่ดาวแกล้งพูดน้อยใจจนพี่หินรีบละจากผมแล้วเดินไปกับแม่ทันที ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนที่พี่งามจะค่อยๆ เดินออกมา
                “มะ..ไม่น่าเชื่อ พี่งามตกใจมากเลยค่ะ เข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมน้องครามถึงรักคุณเอก…           พี่งามก็อยากให้มีคนมาอ้อนมาเอาใจแบบนี้เหมือนกัน”
                “แต่กว่าที่เราจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ผ่านอุปสรรคมากมายเลยนะครับพี่งาม… จนบางครั้งผมยังคิดว่าเราผ่านจุดนั้นด้วยกันมาได้ยังไง”
                “ครามจ๊ะ อยู่ไหม” เสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมกับพี่งามมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนที่ผมจะให้พี่งามดูแกงส้มในหม้อแทน แล้วตัวเองก็เดินไปที่หน้าบ้าน
                “เจ๊ลี!”
                “ต๊ายยย อย่าเดินจ้ะ เดี๋ยวเจ๊เดินไปหาเอง ท้องยิ่งโตๆ อยู่ เกิดล้มขึ้นมาจะลำบาก” เจ๊ลีเดินเข้ามาหาผม แล้วเราสองคนก็นั่งลงที่โซฟา
                “เจ๊ลีมาตั้งแต่เมื่อไรครับ”
                “เมื่อกี้นี้เอง… อยากมาเยี่ยมน้องชายที่ไม่ค่อยจะรับโทรศัพท์น่ะ โทรมาตั้งหลายรอบก็   ไม่รับ หมั่นไส้ เลยขึ้นเหนือมาซะเลย”
                “ฮะๆ แล้วจุกมาด้วยไหมครับ”
                “มาจ้ะ… เล่นกับหนูดีอยู่ ว่าแต่... เจ๊ดีใจมากเลยนะที่ครามมีความสุขแบบนี้ เจ๊ก็พอติดตามข่าวจากใหญ่ เลยพอรู้เรื่องบ้าง… ว่าแต่ท้องได้กี่เดือนแล้วล่ะ”
                “ห้าเดือนครับ”
                “ต๊ายยย เจ๊ล่ะอยากเห็นหน้าหลานไวๆ จัง… อ้อจริงสิ พ่อรูปหล่อไปไหนเนี่ย”
                “อยู่ที่สวนดอกไม้กับแม่เขาน่ะครับ”
                “พอดีจะเอาคำพูดจากยายเอิบมาฝาก ยายเอิบฝากเจ๊มาบอกว่าคิดถึงครามกับพ่อรูปหล่อมากๆ ที่จริงก็จะเอาขนมครกมาฝากครามกับพ่อรูปหล่อด้วยนะ แต่เจ๊คิดว่าคงจะบูดก่อนมาถึงแน่ๆ”
                ผมยิ้มคิดถึงยายเอิบ ไม่เจอกันนานแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็รักยายเหมือนกับคนในครอบครัวคนหนึ่ง ตอนผมไปทำงาน ยายก็มักจะเอาอาหารกับขนมมาให้พี่หิน หรือตอนผมกลับจากทำงานที่ร้านเจ๊ลี ยายก็นั่งรอผมอยู่หน้าบ้านเสมอ
                “ว่างๆ ก็ไปเยี่ยมยายแกบ้างนะ… อ้อ เจ๊มีของฝากเยอะเลยนะ” เจ๊ลีพูดพลางหยิบของฝากออกจากถุง
                “ของบำรุงครรภ์จ้ะ แล้วก็ชุดหนูน้อยน่ารักๆ ซื้อมาหลายชุดเลย”
                “ขอบคุณมากนะครับ”
                “พี่… เอ่อ…” พี่เพชรเดินเข้ามาในบ้านแล้วเอ่ยพูดกับเจ๊ลี
                “อ้าว ว่าไงจ๊ะ น้องสะใภ้… พี่บอกให้เรียกว่าพี่สามีไง”
                พี่เพชรหน้าแดง “เอ่อ… คุณใหญ่เขาให้มาตามพะ..พี่สามีไปคุยเรื่องที่ดินน่ะครับ”
                “จ้ะๆ บอกให้รอแป๊บนะ ขอคุยกับครามก่อน หรือไปบอกกับใหญ่ก่อนก็ได้ว่าพี่ยกให้หมดเลย แต่ขอส้มเป็นเครื่องบรรณาการทุกปีนะ โฮะๆๆ” เจ๊ลีหัวเราะ
                ผมกับพี่เพชรมองหน้ากันแล้วยิ้มแหะๆ หลังจากคุยกับเจ๊ลีได้สักพัก เจ๊ลีก็ออกไปหาพ่อเลี้ยง
                ผมยิ้มแล้วค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าเด็กที่เจ๊ลีซื้อมาให้ มือข้างหนึ่งจับที่ท้องของตัวเอง…
                “แม่รอหนูอยู่นะ”
 
ooooOoooo
 
                “ฟ้า!” ผมเรียกชื่อฟ้าและกุมมือฟ้าแน่น เพราะตอนนี้ฟ้ากำลังถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อผ่าคลอด ทั้งที่ฟ้าเพิ่งท้องได้แค่เจ็ดเดือน แต่กลับมีอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรง หลังจากฟ้าถูกพาเข้าห้องผ่าตัด ทุกคนก็ทำได้แค่รออย่างกระวนกระวาย
                “อย่าเครียดเลย ครามกับลูกต้องไม่เป็นอะไร” พ่อเลี้ยงตบบ่าผมให้กำลังใจ
                ผมพยักหน้า แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้เพราะฟ้าคลอดก่อนกำหนด หมอนัดผ่าคลอดในอีกสองเดือน แต่นี่มันเร็วเกินไป ผมรู้ว่าทุกคนต่างก็กังวลแต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง นั่นสิ ผมก็ต้องเข็มแข็ง ทั้งฟ้าทั้งลูกของผมจะต้องไม่เป็นอะไร
                แม่เดินมากุมมือผมแล้วบีบเบาๆ แต่มือแม่ก็สั่นเช่นกัน พวกเราพาฟ้ามาที่โรงพยาบาลตั้งแต่ตอนกลางวัน จนตอนนี้เย็นแล้ว ฟ้ายังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลย…
 
                “กลับเถอะ เพชร นายสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอนนี่” เสียงพ่อเลี้ยงเอ่ยบอกกับเพชรที่ยังคงนั่งซึม
                “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะอยู่รอคราม”
                “แต่ท่าทางนายอาการไม่ดีเลยนะ… งั้นให้หมอตรวจเลยดีกว่า”
                “มะ..ไม่เป็นอะไรสักหน่อย”
                “เพชรนายกลับบ้านไปก่อนเถอะ” ผมเอ่ยบอก
                “แต่ผมเป็นห่วงคราม” เพชรขมวดคิ้ว แต่ท่าทางอิดโรยของเขาก็ทำให้พ่อเลี้ยงตัดสินใจอุ้มคนดื้อขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด
                “คุณใหญ่!”
                “เลิกดื้อได้แล้วนะเพชร ถ้ายังไม่กลับบ้านฉันจะทำโทษจริงๆ ด้วย”
                “แต่…” เพชรหน้าสลดลงก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อเจอสายตาดุๆ ของพ่อเลี้ยง
                “เฮ้อ… เอก ผมฝากครามด้วยนะ”
                “แน่นอนอยู่แล้ว ฟ้าเป็นเมียฉันนี่… จริงสิ แม่กลับไปพร้อมกับพ่อเลี้ยงเถอะครับ”
                “แต่แม่…”
                “ไปพักเถอะครับแม่ ผมเฝ้าฟ้าเอง”
                “เอางั้นเหรอ”
                “ครับ”
                “ฉันไปก่อนนะ เอาคนดื้อเข้านอนก่อน มีอะไรโทรมาบอกด้วย อย่าคิดมากล่ะ” พ่อเลี้ยงเอ่ยขณะที่เพชรทำท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยอมโดยดี
                “อืม ขอบใจมาก”
                หลังจากทั้งสามคนกลับบ้านไป ผมก็ยังนั่งรอฟ้าด้วยความเป็นห่วง… มันเหมือนกับครั้งนั้นที่ผมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินและทำได้แค่รอฟ้าอยู่แบบนี้…
                สักพักประตูก็เปิดออก ผมรีบลุกไปหาคุณหมอทันที
                “มะ..หมอครับ…”
                หมอถอดผ้าปิดปากออกแล้วยิ้ม “หมอผ่าคลอดสำเร็จแล้วนะครับ แม่และเด็กปลอดภัยครับ”
                ผมยิ้มกว้างทั้งน้ำตาอย่างตื้นตัน…
                “เป็นเด็กผู้ชายนะครับ แต่ต้องเข้าตู้อบและอยู่ที่โรงพยาบาลสักระยะหนึ่งเพื่อดูอาการ เพราะคลอดก่อนกำหนด”
                “ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ… ขอบคุณจริงๆ”
                หมอยิ้มแล้วเดินจากไป
                ผมทรุดนั่งลงอย่างโล่งใจ… นึกขึ้นได้จึงรีบโทรไปหาคนที่บ้านทันที
                สักพักพยาบาลก็พาฟ้าย้ายไปยังห้องพิเศษที่ผมทำเรื่องจองไว้ ผมยืนมองลูกชายของผมผ่านกระจกใส ลูกชายตัวน้อยของผมอยู่ในตู้อบ ผมมองดูแล้วยิ้ม ตัวเล็กนิดเดียวเอง แถมยังแดงไปทั้งตัวเลย ผมอยากยื่นนิ้วไปให้เขาจับจริงๆ อยากเข้าไปกอด แต่ก็ทำได้เพียงยืนมอง…
                “ลูกของพ่อ…”
                แล้วผมก็ตระหนัก ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกของเราเลย
 
ooooOoooo
 
                เมื่อผมลืมตาตื่น สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของพี่หิน คุณแม่ พี่เพชร และพ่อเลี้ยงที่ยืนล้อมเตียงผมไว้
                “ฟ้า!”
                “พะ..พี่หิน” ผมนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บที่ท้อง
                “อย่าเพิ่งขยับสิ ลูกเพิ่งผ่าคลอดมานะ” แม่เอ่ยบอก
                “ผ่าคลอด? ลูก! ลูกล่ะครับ”
                “ปลอดภัยดี… ลูกของเราปลอดภัยดี”
                “ลูกของเรา…” จู่ๆ น้ำตาแห่งความยินดีมันก็ไหลออกมา ผมอยากเห็นหน้าลูกใจจะขาดแล้ว แต่ร่างกายของผมยังเจ็บจนลุกไม่ไหว
                “ดูนี่สิ” พี่หินยื่นโทรศัพท์ให้ผมดู ผมมองรูปของเด็กน้อยที่มีผิวแดงเรื่อ ตัวเล็กนิดเดียวอยู่ในตู้อบ
                “ลูกของเรา… ฮึก..ก…”
                “ใช่ ลูกของเรานะฟ้า”
                ผมมองลูกแล้วยิ้ม เจอกันสักทีนะ แม่รอหนูมานานจริงๆ
 
ooooOoooo
 
                สองปีต่อมา
                “พี่หิน เห็นลูกหรือเปล่า” ผมเอ่ยขณะถือเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย เพราะเจ้าตัวดีที่พอทาแป้งให้เสร็จก็วิ่งหนีผมลงมาข้างล่างทันทีขณะที่ผมกำลังเลือกเสื้อผ้าให้
                “พี่เพิ่งกลับจากฟาร์มน่ะ หนีไปเล่นอีกแล้วเหรอ”
                “ครับ ดื้อจริงๆ เลย”
                “เดี๋ยวพี่ไปตามเอง คงจะไปเล่นกับหนูดีที่บ้านพ่อเลี้ยง”
                พี่หินกำลังจะเดินไปตาม แต่เจ้าตัวเล็กเดินกลับมาพร้อมกับแม่ดาวพอดี
                “น้ำเหนือ! หนีแม่อีกแล้วนะ”
                “ป๋มอยากเล่นกับพี่หนูดีนี่หน่า” น้ำเหนือเดินมาหาผมแต่โดยดีทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
                “พี่หนูดีไม่อยู่บ้าน จำไม่ได้เหรอฮึ” ผมอุ้มลูกขึ้นมา
                “ไปแต่งตัวกันได้แล้ว วันนี้เราจะไปกรุงเทพ ไปบ้านลุงเพชรกัน จำได้ไหม” น้ำเหนือพยักหน้าบอกว่าจำได้
                ผมอุ้มลูกขึ้นไปบนห้องเพื่อแต่งตัว ส่วนพี่หินก็เดินตามมาเพื่อเตรียมตัวเช่นกัน
                ตอนนี้พี่เพชร พ่อเลี้ยงและหนูดีได้ล่วงหน้าไปกรุงเทพก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะพี่หินยังจัดการธุระที่ฟาร์มไม่เสร็จ พวกเราจึงต้องตามไปวันนี้แทน
                “ป้อ ป๋มหล่อไหม” น้ำเหนือเท้าเอวหมุนให้พี่หินดู
                “หล่อสิ ลูกพ่อหล่อที่ซู้ดดดด” พูดแล้วพี่หินก็ดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามาหอมแล้วอุ้มขึ้น
                “เสร็จหรือยังฟ้า”
                “เสร็จแล้วครับ” ผมหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่พอสมควร พี่หินเอื้อมมือมาจะถือให้
                “เดี๋ยวผมอุ้มน้ำเหนือเองครับ”
                “ไม่ต้องหรอกพี่อุ้มเอง ฟ้าตัวนิดเดียว อุ้มหมูอู๊ดๆ ไม่ไหวหรอก”
                “ป้ออ่า ป๋มไม่ได้อ้วนสักหน่อย”
                “เหรอฮึ นี่พ่อนึกว่าอุ้มหมูอยู่นะเนี่ย”
                “เชอะ งอนแล้วล่ะ” น้ำเหนือทำแก้มพองลมแต่ก็ถูกพี่หินหอมฟอดจนลมหมด
                “เอิ้กๆๆ ปะ..ป้อหนวดติ้มป๋มแล้วนะ”
                “ไปเถอะครับ เดี๋ยวจะถึงที่นั่นเย็นเกินไป”
                พวกเราเดินไปหน้าบ้านแล้วเตรียมของจำเป็นใส่รถ
                “ขับรถดีๆ นะเอก” แม่ดาวเอ่ยบอก
                “ครับ… พวกผมจะไปห้าวัน แม่อยู่ได้นะครับ” พี่หินเอ่ยถาม
                “อยู่ได้สิจ๊ะ งามก็อยู่ด้วย บ้านพ่อเลี้ยงก็ยังมีนวลอยู่ด้วยอีก แม่ไม่เหงาหรอก”
                “ป๋มไปแล้วนะคุณย่า หวัดดีฮับ”
                “จ้า รีบๆ กลับมาหาย่านะ”
                “ฮับป๋ม”
                ก่อนไป แม่ดาวก็อวยพรว่าให้เดินทางถึงโดยสวัสดิภาพ…
 
                พวกเราเดินทางไปกรุงเทพเพื่อไปบ้านของพี่เพชรและบ้านเกิดของผม ผมจากที่นั่นมานานมากแล้ว ตั้งแต่หนีมาก็ยังไม่เคยกลับไปอีกเลย ผมมองโกศที่บรรจุอัฐิของแม่ซึ่งตั้งอยู่หน้ารถ    ผมเอามาด้วยเพราะอยากพาแม่กลับบ้านพร้อมกัน… พวกลุงๆ ป้าๆ คงดีใจกันน่าดูเลย
                พวกเราไปถึงที่นั่นตอนเย็นๆ พอเห็นประตูรั้ว หัวใจผมก็เต้นโครมครามแล้ว นานมากจริงๆ ที่ไม่ได้มา พอขับไปถึงหน้าบ้านก็เห็นพี่เพชรและพ่อเลี้ยงยืนรออยู่ พวกป้าดา ป้าพร ลุงสงวน ลุงโชค พี่อาจ และอีกหลายคนก็ยืนอยู่เช่นกัน
                “คราม!”
                “ป้าดา ลุงสงวน ลุงโชค ทุกคน!” ทันทีที่ลงจากรถผมก็รีบเข้าไปกอดทุกคน คิดถึงทุกคนมากๆ เพราะทุกคนเปรียบเสมือนญาติของผมที่คอยเลี้ยงดูผมตั้งแต่ยังเด็ก
                ทุกคนรีบเข้ามากอดผมแล้วร้องไห้
                “ฮึก..ก… ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอครามอีกครั้ง”
                “ผมก็ดีใจครับที่ได้เจอทุกคน” ผมยิ้มทั้งน้ำตา “ผมพาแม่มาด้วยครับ” พอทุกคนเห็นโกศที่เก็บอัฐิของแม่ก็พากันร้องไห้ พร่ำบอกขอโทษที่ช่วยแม่ไม่ได้
                ผมเหลือบไปเห็นพี่ปรางซึ่งยืนมองอยู่ไกลๆ ท่าทางหวาดระแวงแปลกๆ
                “อย่าไปสนใจปรางมันเลยคราม มันเป็นบ้าไปแล้ว มันไปเป็นพวกคุณท่านน่ะ แล้ว             คุณท่านจะฆ่าปิดปากมันทิ้ง มันก็เลยหนีไปที่อื่น เพิ่งไปเจอมันเมื่อเดือนก่อนนี่เอง แต่มันก็เป็นบ้าไปแล้ว”
                ผมพยักหน้ามองพี่ปรางอย่างสงสาร
                “อ้าว แล้วผู้ชายตัวสูงๆ กับเด็กจ้ำม่ำน่ารักๆ คือใครล่ะ” ป้าดาเอ่ยถาม
                “นั่นสิ ลูกใครผิวขาวเชียว… อุ๊ย แต่คนเป็นพ่อหล่อจังเลย เอ… แต่คุ้นๆ นะ” ป้าพรพูดต่อ
                ผมยิ้มแล้วเดินไปบอกพี่หินที่อุ้มน้ำเหนือให้มาทักทายป้าๆ ลุงๆ
                “เอ่อ… นี่พี่หินสามีผมเองครับ แล้วนี่ลูกชายผมครับ ชื่อน้ำเหนือ”
                ทุกคนนิ่งค้าง “ยะ… อย่าบอกนะว่านี่คือคนที่อยู่ในกระท่อมคนนั้น!”
                “ใช่ครับ”
                ทุกคนฮือฮากันใหญ่
                “แต่นี่ลูกชายของครามจริงๆ เหรอ” ทุกคนมองน้ำเหนืออย่างเอ็นดู
                “อาจฟังดูแปลก แต่นี่คือลูกชายแท้ๆ ของผมครับ น้ำเหนือสวัสดีคุณยายคุณตาหรือยัง”
                “หวัดดีฮับป๋ม”
                เท่านั้นล่ะ ทุกคนก็รีบเอาใจน้ำเหนือกันใหญ่
                “เข้าบ้านกันได้แล้วนะคราม” พี่เพชรเอ่ยเรียก ผมมองหน้าพี่หินอย่างรู้ใจกัน
                “พวกเราอยากไปที่ที่หนึ่งก่อนน่ะครับ”
                พี่เพชรพยักหน้ารับ คงรู้ว่าพวกผมจะไปที่ไหนกัน
                …พวกเรามีที่ที่ต้องไปก่อน… พี่หินเป็นคนอุ้มน้ำเหนือไปยังสวนหลังบ้าน ส่วนผมก็เดินอยู่ข้างๆ สวนหลังบ้านไม่ได้รกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงเพราะพวกลุงๆ ป้าๆ ช่วยกันถางป่าจนโล่ง แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือกระท่อมหลังน้อยที่ทรุดโทรมและเงียบเหงา
                จู่ๆ น้ำตาผมมันก็เอ่อคลอด้วยความคิดถึง… คิดถึงความทรงจำที่มีมากมาย
                พี่หินจับมือผมแล้วบีบเบาๆ
                “อะไรเหรอครับป้อ บ้านเหรอ” น้ำเหนือถามแล้วซบบ่าพี่หินต่อ
                พี่หินยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “บ้านพ่อกับแม่ บ้านหลังแรกที่เราอยู่ด้วยกัน”
                น้ำเหนือทำหน้างง เขายังไม่เข้าใจ
                พี่หินหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือกุญแจดอกหนึ่ง
                ผมนิ่วหน้ามอง “นี่มัน… คงไม่ใช่…!”
                “ใช่ นี่คือกุญแจกระท่อม พี่เก็บไว้ตลอดเลย… ฟ้าจำเรื่องตู้เซฟได้ไหม ที่ต้องมีรหัสผ่านกับกุญแจถึงจะเปิดออก”
                “…ผมจำได้ครับ” ผมนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังรู้สึกผิดตลอด
                “ถ้าพี่จะบอกว่ากุญแจกระท่อมกับกุญแจตู้เซฟคืออันเดียวกันล่ะ”
                ผมเบิกตากว้าง
                “วะ..ว่าไงนะครับ!”
                “น่าตลกว่าไหม…”
                ผมยังคงนิ่งค้างอย่างไม่อยากเชื่อ
                “เมื่อสิบปีก่อนตอนที่พี่มาบ้านหลังนี้ ภูมิยื่นกระดาษใบหนึ่งให้กับพี่ ในนั้นเขียนบอกเรื่องราวความจริงทั้งหมดไว้ รวมถึงกุญแจและรหัสผ่าน ภูมิให้น้าฝนแม่ของฟ้าเป็นคนเก็บ พอถูกจับขัง ภูมิก็เลยให้น้าฝนใช้กุญแจดอกนี้เป็นกุญแจใช้ไขกระท่อมด้วย โดยร่วมมือกับช่างทำกุญแจนิดหน่อยน่ะ”
                ผมได้แต่อึ้ง จุดใต้ตำตอจริงๆ
                “พี่ภูมินี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยนะครับ จะหนีไปก็ได้แท้ๆ แต่กลับยอมให้ถูกขังอย่างทุกข์ทรมาน”  ผมเอ่ยถึงคนบนฟ้าที่ควรหนีไป แต่กลับยอมถูกขังทั้งเป็น
                “เพราะถ้าหนีไปทั้งน้าฝนและฟ้าจะเดือดร้อน ภูมิยอมถูกขังตายดีกว่าเห็นคนที่รักต้องลำบาก”
                ผมยิ้มเศร้ากับการเสียสละ ถ้าตอนนั้นมีคนช่วยเขา... ผมเข้าใจแม่ที่เป็นห่วงผมและไม่อยากอกตัญญู จึงไม่กล้าแจ้งตำรวจหรือบอกคนภายนอก แต่ว่ากว่าจะรู้ตัวพี่ภูมิก็จากไปแล้ว ทุกอย่างคงถูกโชคชะตากำหนดมาแบบนี้ ผมถึงได้มาเป็นคู่ของพี่หิน
                “แล้วรหัสผ่านล่ะครับ”
                พี่หินยิ้มแล้วพาน้ำเหนือซึ่งตอนนี้หลับฟุบกับบ่าไปแล้วเดินมาหยุดอยู่ที่แปลงผักที่เราเคยปลูกกันในอดีต ตอนนั้นพี่หินเฝ้ารอที่จะให้ผักโต แต่ก็ไม่ทัน พวกเราหนีกันไปก่อน
                “วันเดือนปีเกิดฟ้าไงล่ะ นั่นแหละคือรหัสผ่าน”
                “เอ๊ะ… วันเกิดผม?” จู่ๆ เสียงกระซิบของพี่ภูมิในอดีตก็แว่วมาตามสายลม พี่ภูมิเคยบอกผมว่า ‘...อย่าลืมนะน้องฟ้า’ ความทรงจำที่ขาดหาย ในที่สุดผมก็นึกออกแล้ว สิ่งที่พี่ภูมิบอกกับผมก็คือ วันเกิดของผมนั่นเอง
                “อืม… จะว่าไงดีล่ะ จะว่าพวกยัยคุณนายนั่นโง่ดีไหมนะ ถึงคิดว่าตู้เซฟนั่นมีเงินทองจำนวนมาก หรือเพราะว่าภูมิเจ้าเล่ห์เกินไปถึงไปร่วมมือกับทนายก่อนจะเกิดเรื่อง”
                “หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
                “ในตู้เซฟน่ะมีแต่ของที่เกี่ยวกับฟ้านะ ทั้งรูปถ่าย ของใช้ต่างๆ ที่ฟ้าทิ้ง ภูมิมันก็พวกโรคจิตดีๆ นี่แหละ มันคงไปหลอกพวกยัยคุณนายไว้ว่าในนั้นมีของมีค่า”
                ผมอึ้งค้างก่อนจะหัวเราะ ไม่ว่าจะคนที่อยู่หรือคนที่ตายก็ล้วนแต่บ้ากันทั้งนั้น
                พี่หินจับมือผมแล้วบีบเบาๆ “ฟ้า… จำเรื่องที่พี่ขอแต่งงานได้ไหม”
                “…จำได้สิครับ มีเฉพาะเรื่องนี้ที่ผมความจำดีเป็นพิเศษ นึกว่าพี่จะลืมไปแล้วซะอีก ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว” ผมพูดเป็นเชิงน้อยใจ
                “ใครว่าพี่ลืม แต่พี่อยากให้งานแต่งงานมีลูกของเราอยู่ด้วยต่างหาก” พี่หินมองน้ำเหนือที่นอนหลับซบบ่า
                “แต่งงานกับพี่นะ” เขาพูดแล้วทำท่าจะหยิบของในกระเป๋ากางเกงออกมา แต่ดูเหมือนจะหาไม่เจอ จึงก้มมองหาที่พื้นดิน
                “หาอะไรเหรอครับ”
                “คะ..คือ พี่ทำแหวนหาย… สงสัยหล่นในระ..” พี่หินเงยหน้ามองผม แต่ผมไม่รอช้ารีบคล้องคอเขามาจูบทันที แม้จูบของผมจะเป็นจูบแบบเด็กๆ แต่ผมก็อยากทำให้เขาตกใจบ้างโดยการแกล้งสอดลิ้นเข้าไปทักทายลิ้นของเขานิดๆ แล้วผละออก
                พี่หินอึ้งตามที่คิดจริงๆ เขายืนทำตาปริบๆ
                “จูบมัดจำก่อนก็แล้วกันครับ… หาแหวนเจอแล้วค่อยมาขอนะ”
                พี่หินยังยืนอึ้งก่อนที่หน้าจะแดงขึ้นเรื่อยๆ
                “ฟ้า! ทำพี่ของขึ้นเลยรู้ไหม”
                หมับ
                “ขึ้นห้องซะดีเลยๆ นะ” พี่หินจับมือผมเพื่อพากลับบ้านใหญ่ แต่จู่ๆ เราสองคนก็หยุดนิ่งแล้วหันกลับไปมองกระท่อม บ้านหลังแรกของพวกเราอีกครั้ง แล้วยิ้ม
                เราสองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็รู้ว่าความรู้สึกของเราตอนนี้เป็นอย่างไร วันวานที่ผ่านพ้นไปอย่างสาหัสแปรเปลี่ยนเป็นความรักจนถึงทุกวันนี้…
                วันใดที่เราทุกข์ เราจะนึกถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่ได้ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันมา มันจะเป็นยาวิเศษที่คอยเยียวยาความทุกข์ของเราสองคนว่า วันวานที่ผ่านมานั้นเจ็บช้ำมากกว่าปัจจุบันมากแค่ไหน…
                “พี่หิน”
                “หืม…”
                “ฟ้ารักพี่นะ”
                “พี่ก็รักฟ้า”
                เราสองคนยิ้มให้กันก่อนที่พี่หินจะค่อยๆ โน้มใบหน้าและก้มลงจูบผมอย่างแผ่วเบา
 
 
ooooooooooOoooooooooo
 
 
 

 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบเเล้ว T^T ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามนะคะ 

มีเป็นหนังสือเเล้วนะคะ สนใจสั่งซื้อที่เว็บ สำนักพิมพ์ WHY BOOKS  Publishing >>>http://www.whybooksth.com/product/11177/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2-

**งานหนังสือมีฝากขายที่บูธเบเกอรี่นะคะ

(http://www.mx7.com/i/bba/3wgVo3.jpg) (http://www.mx7.com/view2/zr8U0FpL49YJHqZ0)

(http://www.mx7.com/i/18f/xZAd7K.png) (http://www.mx7.com/view2/zr8U3RdTCoK8vWvL)

(http://www.mx7.com/i/e13/L8hrNR.jpg) (http://www.mx7.com/view2/zr8U7322aCKEG05W)


**ตอนพิเศษในหนังสือ

ตอนพิเศษมีทั้งหมด 8 (อีกตอนเเถมนิดๆ)
 

1.ขาดความอบอุ่น (พ่อเลี้ยงxเพชร)
2.สมาชิกใหม่
3.พี่น้อง
4.หึง (พ่อเลี้ยงxเพชร)
5.พ่อบ้านปะทะแก๊งลูกหมูจอมดื้อ
6.เที่ยวทะเล
7.แฟนเก่า
8.ยามลูกเราโต
(เเถมนิดๆ) 9.ตอนพิเศษแถมท้าย-ด้ายแดงของภูมิ
 

 

 
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่22-26ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-10-2016 22:14:38
 :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-10-2016 00:44:54
จบแล้วววว ในที่สุดทุกคนก็มีความสุขสักที
ขอบคุณไรท์มากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-10-2016 01:04:05
อ่านจนตาแฉะเลยทีเดียว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-10-2016 01:14:22
จบแล้ว~ ดีใจที่จบแบบแฮปปี้ ^^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 23-10-2016 06:43:07
อ่านจนจบ ถึงจบแฮปปี้ แต่ก็เค้องหินอยู่ดีนะไหนว่ารักทำเกินไปหรือป่าว  :fire:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 23-10-2016 07:55:56
กว่าจะแฮปปี้ นึกว่าจะบ้าทั้งเรื่องซะแล้วว
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 23-10-2016 09:14:37
เราคิดว่า ตอนจบหินจะได้สมบัติ ภูมิซะอีก กับได้สมบัติพ่อเลี้ยงซะงั้น เห็นถือกุญแจกับรหัสตู้เซฟ  :katai5:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 23-10-2016 11:34:47
สนุกมากค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 23-10-2016 19:48:46
อยากอ่านตอนพิเศษที่มีเด็กๆเพิ่มจังเลยย  คิดแล้วน่ารักน่าดู อร้ายย  :impress2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-10-2016 20:14:06
ในที่สุดก็สมหวัง^^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-10-2016 20:26:25
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ

เป็นไปได้อยากอ่านตอนพิเศษเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 23-10-2016 21:21:14
สนุกมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ ^^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-10-2016 23:09:17
ในที่สุดฟ้าก็มีความสุข

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 24-10-2016 00:20:20
 :mew1: :mew1: :mew1:

ชอบมากเลยยยยยย

นักเขียนเก่งมากกกกค่า

 o13 o13 o13 o13 o13 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 24-10-2016 01:05:16
สนุกมากเลยค่ะ ยิ้ม ลุ้น น้ำตาก็มา ยังมีวางจำหน่ายมั้ยคะกับหนังสือ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: monkeytwin ที่ 24-10-2016 08:19:01
สนุกมากกกกกก ลุ้นทุกตอน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 24-10-2016 17:58:18
สนุกมากเลยค่ะ ยิ้ม ลุ้น น้ำตาก็มา ยังมีวางจำหน่ายมั้ยคะกับหนังสือ

ยังมีค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 24-10-2016 18:03:45
สนุกมากเลย เรื่องชวนให้ติดตามมีปมแบบเดาไม่ออก ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ สนุกๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-10-2016 18:29:02
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 24-10-2016 19:19:47
สนุกมากค่ะ สลับซับซ้อนมากๆ555555
ตอนพิเศษน่าอ่านทุกตอนเลยฮือออ เดี๋ยวจะแวะไปอุดหนุนนะคะ
ขอบคุณค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-10-2016 20:34:55
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-10-2016 21:06:05
แอบไปอ่านที่ธัญวลัยก็เลยไม่ได้มาเม้นต์  :sad4:
ชอบเนื้อเรื่องค่ะ ชอบพล็อต เขียนได้กระชับดีด้วย อาจจะติดใจเหมือนกับคนอื่นบ้างนิดหน่อย
สู้ๆต่อไปค่า พัฒนาเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 24-10-2016 22:22:23
ในที่สุดก็ลงเอยกันได้ด้วยดี :-)
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 25-10-2016 02:11:53
ถ้าภูมิยังอยู่ คงหนีไม่พ้น 3p ~
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 25-10-2016 02:52:31
เดะเราไปสอยหนังสือบ้างดีกว่า
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 25-10-2016 17:56:26
เห้ยยยย ชอบมากค่ะ คือแบบ ไม่ทิ้งตัวประกอบ บรรยาย แบบไม่รู้สึกว่าดำเนินเนื้องเรื่องเร็วไปหรือช้าไป เราชอยวิธีการเขียนกับภาษาเขียนมากค่ะ  :mew3:
ปล. ท้ายทีืสุดแล้วขอยอมใจกับความโชตะของอิพี่ภูมิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 26-10-2016 11:18:40
จบแล้วววว ขอบคุณมากค่าาาา
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 26-10-2016 16:02:47
 o13  สนุกมากขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 26-10-2016 23:18:55
แปะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-10-2016 03:26:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 27-10-2016 08:51:19
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Arrun ที่ 27-10-2016 19:24:40
จบแล้วววว สนุกมากเลย ลึกลับซับซ้อน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 28-10-2016 21:16:56
เป็นนิยายที่ดีมากเลยยยย :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 29-10-2016 00:59:37
รักทุกคู่ แม้จะแอบโกรธพี่เอกตอนหายไปจากน้องง่ายๆก็เถอะ ฟินทะลุโลกไปแล้ววววว :jul1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 29-10-2016 19:52:40
 o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 30-10-2016 00:05:54
โอ้ยยยสนุกมากกกกก
ซับซ้อนสุดๆ แต่น่ารัก ชอบฟ้าคราม
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 30-10-2016 16:56:51
มีฝากขายหนังสือที่ไหนบ้างไหมคะ สั่งทางเวปค่าส่งแพงเกิ๊นนนน
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Hedes ที่ 30-10-2016 19:10:44
สนุกมากเลยยยย ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ อานรวดเดียวจบเลย น้ำตาคลอ :hao5: ขอบคุณอีกครั้งค่ะ น้องฟ้าน่ารักกกกกก :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 31-10-2016 03:31:13
 o13 o13 ขอบคุณครับ สนุกมาก ๆ  o13 o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 31-10-2016 13:03:00
สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tastsu ที่ 31-10-2016 13:07:44
มีฝากขายหนังสือที่ไหนบ้างไหมคะ สั่งทางเวปค่าส่งแพงเกิ๊นนนน

สนพ.แจ้งว่าจะขายตามงานต่างๆน่ะค่ะ ตามร้านยังไม่มีค่ะTT
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 12-12-2016 01:42:57
สนุกมากค่ะ ซับซ้อน ชอบมากกกกกก
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-12-2016 10:10:21
จบแล้ววว อ่านเพลินนน  :katai2-1:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 20-12-2016 20:51:25
สนุกมากกก  o13
เนื้อเรื่องน่าสนใจ มีปมน่าติดตามมาก เยี่ยม!
ตอนฟ้าแท้งเราร้องไห้เลย น่าสงสารทั้งฟ้าและหิน
แต่งเรื่องอื่นๆอีกนะคะ เขียนสนุกมาก
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะ
 :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: KaKao ที่ 23-12-2016 22:01:24
อ่านยังไงก็สงสารภูมิจริงๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ^^KENTA^^ ที่ 25-12-2016 17:38:58
ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 25-12-2016 22:29:15
อ่านจบแล้ว ช่วงแรกๆรู้สึกมึนกับปมมาก อ่านไปลุ้นไปกันเลยทีเดียว
ชอบการวางพล๊อตวางบทตัวละครดูน่าสนใจดูน่าติดตาม
มีแค่บางตอนที่ดูขัดๆแบบแปลกๆ แต่โดยรวมแล้วรู้สึกสนุกมากเลยครับ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่นำมาให้อ่านนะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Purplerose ที่ 28-05-2017 22:05:09
อ่านจบแล้วค่ะ ชอบหินมากกกกๆ :ling1: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่21] อัพล่าสุด>>>>19/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 31-05-2017 19:51:33
เราชอบพล็อตเรื่องนี้นะ

แต่การดำเนินเรื่องการบรรยายยังสอบตกนะเราว่า มันดูเป็นความจงใจของนักเขียนมากเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของตัวละคร ยังขาดชั้นเชิงในการเล่าเรื่องน่ะ ยังมีหลายจุดที่ไม่เป็นธรรมชาติ ขัดกับความจริง ความเป็นไปได้ของคนเรา(เรื่องท้องได้อันนี้เหนือธรรมชาติอันนี้รู้ ไม่นับรวมอยู่แล้ว)

ยิ่งสองตอนล่าสุดเหมือนจะดรอปสุดเรื่องการเล่าเรื่อง และความไม่เป็นธรรมชาติของตัวละคร ทั้งๆ ที่มันควรพีคเพราะเป็นจุดไคลแมค ที่จะทำให้คนอ่านสนุกและลุ้นกว่านี้ได้อีกเยอะ ดูเหมือนคนเขียนจะรีบ จับนู่นมาชนนี่ อยากให้มันจบ ๆ ไป อันนี้เรารู้สึกอย่างนี้จริง ๆ

เช่น ฉากท้าย ๆ ตอนล่าสุดที่ครามสติแตก แพทย์ไม่ควรรีบตัดสินแบบนั้น ("หมอคิดว่าคนไข้อาจจะมีอาการทางจิตครับ") เลยหรือเปล่า น่าจะต้องให้จิตแพทย์เข้ามาคุยแบบจริง ๆ จัง ๆ ก่อนหรือเปล่า คือหมอจะโพล่งออกมาว่าคนไข้ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไปแล้วตัดสินว่ามีอาการทางจิตเลยเราว่ามันไม่ใช่ คุณหมอทราบได้ยังไง อย่างน้อย ๆ น่าจะมีฉากที่หินได้คุยกับแพทย์ หรือ หมอควรใจเย็น แล้วค่อยสรุปผลอีกทีหลังจากคุยกับจิตแพทย์ดีกว่าไหม ไม่ต้องรีบขนาดนั้น แล้วมันจะอรรถรสกว่านี้ได้ แล้วก็ฉากก่อนหน้านี้ที่ท้องของครามโดนกระทบกระเทือน ครามไม่น่าจะไหวตั้งแต่โดนต่อยท้องแล้วหรือเปล่า เพราะผู้ชายต่อยนี่ไม่ใช่แรงน้อย ๆ แน่ๆ อะ พวกจุดเล็ก ๆ ที่เราว่ามันสำคัญแบบนี้ อย่ามองข้ามเลยนะคะ


ถ้าแต่งเรื่องนี้จบแล้ว อยากให้ลองรีไรท์ดูนะคะ พล็อตดีแล้วค่ะ แต่มันทำให้สนุกได้กว่านี้ ดราม่า เข้มข้น ลุ้นตัวโก่งได้กว่านี้อีก และใส่ใจในรายละเอียดและความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ธรรมชาติของตัวละคร

เอาใจช่วยอยู่นะคะ สู้ ๆ ค่ะ

ปล.ยังคงรออ่านอยู่เหมือนเดิมนะคะ

เห็นด้วยกับเม้นท์นี้มากๆ  ความสมจริงของเนื้อหาจะทำให้นิยายสนุกขึ้นค่ะ :กอด1:
ปล.คุณเขียนบทสะเทือนใจได้ดีนะ  o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-06-2017 00:23:16
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 03-06-2017 02:21:28
  :-[ ผ่านไป 1 ปี เราก็ยังกลับมาอ่าน ชอบจริง ๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-06-2017 07:41:03
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 03-06-2017 23:27:47
 o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-10-2017 15:02:38
หนุกดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 25-10-2017 22:22:32
เพิ่งมาอ่านครั้งแรก
ถึงบางตอนจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ชอบมากๆเลยค่ะ
อยากให้มีตอนพิเศษนะคะะะะ  :z3:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 29-10-2017 12:19:22
สนุกมากๆเลยค่ะ แต่อยากให้ลงตอนพิเศษสักตอนสองตอนหน่อยก็ดี 55555
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 30-10-2017 07:46:32
ลุ้นมันทุกตอนเลยอะ ไม่รู้ใครเป็นใคร งงไปหมด
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 16-11-2017 08:48:08
สนุกดีค่า
ตอนแรกสงสารฟ้าครามมากๆเลย
ยิ่งพอใกล้จบยิ่งน่าสงสาร
หลงน้องน้ำเหนือเลย
น่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 16-11-2017 19:54:29
 :mc4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 24-11-2017 11:43:08
ผูกปมได้ดีเลย  o13

ชอบมาก  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 26-11-2017 18:55:01
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-11-2017 02:34:55
คนบ้า อ่านไป ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ หักโค้งจนหน้าทิ่ม
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 28-02-2018 05:21:47
ชอบคู่พ่อเลี้ยงมากเฟร่อออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: lemonphug ที่ 28-02-2018 13:00:34
สนุกมากอ่านรวดเดียวจบเลยอิอิ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 02-06-2018 10:35:42
ขอบคุณไร้ท์มากนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-04-2020 00:25:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 17-04-2020 16:08:51
สนุกมากๆเลยครับ ลุ้นมากๆ ในแต่ละฉาก แต่ละสถานที่
เป็นกำลังใจให้กับนักเขียนนะครับ ^.^
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 17-04-2020 16:56:27
น้ำตา.. น้ำตา จะท่วมหน้าจอ
ทำไมดราม่า เยอะทั้งเรื่อง ไม่ไหวจะจม น้ำตาตาย...
ขอบคุณนักเขียน กับเรื่องราวแสนรันทด ทรมานขนาดนี้
แต่ยังใจดีให้จบแบบ มีความสุขตามท้องเรื่องไป...
เป็นกำลังใจให้ต่อไป...สู้ๆๆๆๆ
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :bye2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 24-04-2020 10:35:03
อ่านจบไปอีกเรื่อง ปมของเรื่องตอนแรกทิ้งไว้เยอะแต่ตอนคลี่คลายเหมือนจะรีบไปสักหน่อย แต่โดยรวมสนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 28-04-2020 03:11:12
สนุกดีครับ  แต่ผมมึน 555  มันซับซ้อนสุดๆ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 24-08-2020 16:07:34
ดีงาม  o13
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: lilchubby ที่ 12-09-2020 17:35:31
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 20-09-2020 04:10:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 20-09-2020 22:34:35
 :katai2-1:เป็นอีกเรื่องที่ดีๆมากค่ะ.. แต่แอบเศร้าเรื่องภูมิที่ต้องทนทุกข์​โดนขังตั้งหลายปี.มันโหดร้ายเกิน.. พวกยายคุณหญิงก็โหดเกินแถมยังตายง่ายไปหน่อยทำกับคนอื่นไว้เยอะขนาดนี้..  :ling3:
หัวข้อ: Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: nonocong ที่ 19-05-2021 15:43:26
เป็นเรื่องที่สนุกมากเลย ขอบคุณนักเขียนที่น่ารักฮับป๋ม  :กอด1:  :pig4: