-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
------------------------------------------
เหตุเกิดจากความหิว
ความหิวทำให้เราบังเอิญเจอกัน
#ต้นน้ำพาย
@happythurday
------------------------------------------
-
เหตุเกิดจากความหิว
บทนำ
สองสิ่งบนโลกที่เราไม่สามารถต้านทานได้คือความง่วงและความหิว ถ้าง่วงเราต้องนอนยิ่งฝืนยิ่งทรมานเช่นเดียวกับความหิวถ้าเราอดไม่ยอมกินเราก็จะปวดท้องเพราะน้ำย่อยมันกัดกระเพาะซึ่งสองสิ่งที่กล่าวมานี้กำลังเกิดขึ้นกับมนุษย์เพศชายอย่างพาย นักศึกษาปีสองคณะวิศวกรรมศาสตร์
พายกำลังรู้สึกหิวและง่วงในเวลาเดียวกันหลังจากที่เรียนจบในคาบเย็นซึ่งเป็นเวลาหกโมงแล้วและสาเหตุที่เลิกเย็นขนาดนี้ก็มาจากอาจารย์สมชาตินั้นขอสอนชดเชยเมื่อครั้งก่อนที่ท่านไม่เข้า เอาเข้าจริงการเรียนชดนี่มันไม่สนุกเลยสักนิดเสียเวลากลับหอไปนอนสุดๆ
“คราวหน้าจะมีควิซ ไปเตรียมตัวกันมาด้วยล่ะ”
สิ้นเสียงของอาจารย์ผู้เลื่องชื่อเรื่องของนัดเรียนชดเชยนักศึกษาทั้งห้องก็ได้แต่อ้าปากค้าง อะไรคือการที่เปิดเทอมมาได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ต้องเตรียมควิซแล้วนี่มันตลกร้ายชัดๆแต่ถึงอย่างนั้นแล้วอาจารย์ก็ไม่ได้สนใจสายตาตัดพ้อของเหล่านักศึกษาตาดำๆเลยแม้แต่น้อย เก็บข้าวของแล้วก็เดินจากไปแบบไร้เยื่อใย
“ไอ้ฉิบหาย สมชาติเล่นกูตั้งแต่เปิดเทอมเลยเหรอวะ”
แมนหนึ่งในเพื่อนสนิทของพายตะโกนขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างแรงแถมอาการชักดิ้นชักงอไปอีก สภาพช่างไม่เข้ากับรูปลักษณ์ที่ตัวใหญ่เป็นยักษ์เลยสักนิด
“ความรู้สึกกูตอนนี้เหมือนคนโดนยิง”
และกันต์ชายหนุ่มอีกหนึ่งที่นังขนาบข้างพายเอ่ยขึ้นบ้างก่อนจะตามไปด้วยเสียงเซ็งแซ่ของคนอื่นๆภายในห้องยกเว้นแต่พายเท่านั้นที่ตอนนี้เจ้าได้เก็บของลงกระเป๋าแฟ้มหนังสีดำสนิทของตนเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกจากห้องเรียน
“หิวมากอ่ะ ไปหาไรกินล่ะนะพวกมึง เจอกันวันจันทร์”
พายหันไปบอกเพื่อนสองคนที่นั่งข้างๆอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบสาวเท้าออกไปโดยที่ทั้งแมนและกันต์ได้แต่หันมองหน้ากันอย่างงงๆแม้ว่าพายจะมีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วก็ตามแต่พวกก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ พวกมาไวไปไวน่ะนะ
“อ้าว แล้วประชุมรับน้องมันไม่เข้าเหรอวะ” กันต์พูดขึ้นแม้ว่าสายตาจะมองค้างไปที่บานประตู
“หิวแล้วกะทำเนียน กูรู้” แมนพูดบ้าง "ชิ่งตลอดแต่มันอยู่ฝ่ายอาร์ท ประชุมวันจันทร์สำคัญกว่าอยู่แล้ว”
ทั้งสองคนบ่นอะไรต่อไปตามเรื่องตามราวต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะกดส่งข้อความไปหาบุคคลผู้ชิ่งออกอย่างไว ข้อความตัดพ้อเรียงกันเป็นสิบแม้ว่าแรกๆจะโดนว่าตัวใหญ่แต่จิตใจอ่อนแอแต่พวกเขาก็ไม่สน
mankaaa งอนมากครับเพื่อน
gun กูด้วย ไม่หายง่ายๆนะบอกไว้ก่อน
พิมพ์ย้ำไปอีกครั้งแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสติกเกอร์รูปกระต่ายจุ๊บไอ้ตัวหัวกลมพร้อมกับข้อความว่า--
piepiepie หายงอนนะเดี๋ยวรอบหน้ามาด้วยกัน
แค่นั้นพวกเขาก็หายงอนแม้ว่าความจริงจะไม่ได้งอนก็ตามเพราะทั้งแมนแล้วก็กันต์ก็แค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง เชื่อเถอะใครมาเห็นหน้าไอ้พายก็อยากจะแกล้งให้มันโวยวายทั้งนั้นหน้าตาน่าแกล้ง น่าเอ็นดูสุดๆ อันนี้คือการชมนะ
ช่วงเวลาสองทุ่มกว่าภายในห้างดังใจกลางเมืองนั้นยังคงมีผู้คนพลุกพล่านเช่นเดียวกับร้านอาหารทุกร้านที่มีคนนั่งกันเต็มอาจเพราะนี่คือวันศุกร์ด้วยก็เป็นได้ หลังจากที่พายได้ที่จอดรถในห้างแล้วเขาก็รีบสาวเท้าตรงดิ่งไปยังร้านสุกี้ร้านหนึ่งที่มีสาขาทั่วทุกพื้นที่ในประเทศหากแต่สาขานี้นั้นพิเศษขึ้นมาหน่อยตรงที่ประเภทอาหารเป็นแบบชาบูญี่ปุ่น
“กี่ท่านคะ” พนักงานสาวหน้าร้านเอ่ยถาม
“หนึ่งครับ”
“เชิญด้านในเลยค่ะ”
พายเดินตามพนักงานสาวเข้าไปด้านในสุดที่ติดกับกระจกใสบานใหญ่และทันทีที่ได้นั่งเขาก็รีบจัดการสั่งอาหารทุกอย่างที่อยากกินไปอย่างรวดเร็ว ความหิวมันไม่เคยปรานีใครข้อนี้พายรู้ดี และในระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟเขาเองก็หยิบเอามือถือขึ้นมากดเล่นโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกใครบางคนจากโต๊ะข้างๆหันมามองอยู่สองสามที
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ”
พนักงานสาวสักคนในร้านลำเลียงเอาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับเอ่ยทวนเมนูอีกครั้งก่อนจะเดินจากไปซึ่งทันทีที่พายเห็นอาหารบนโต๊ะเขาก็อมยิ้มกับตัวเองแล้วค่อยคีบเอาเนื้อเป็ดย่างตรงหน้าเข้าปาก รสชาติของเนื้อเป็ดผสมกับน้ำพะโล้นี่มันช่างทำให้หัวใจเต้นแรงเสียจริง
เจ้าตัวจัดการอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆทั้งๆที่อาหารที่ถูกสั่งมานั้นดูเหมือนคนมากินสองมากกว่า เขาไม่ได้สนใจสายตาใครทั้งนั้นนอกจากละเลียดรสชาติอาหารตรงหน้ามากกว่า จนกระทั่งอาหารตรงหน้ากำลังจะหมดลงพายก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบดูใบเสร็จ
ราคารวม 1200บาท
ก็ตามที่พายคำนวณเอาไว้ในหัวแต่ในขณะที่กำลังกลืนเนื้อหมูไปคำสุดท้ายอะไรบางอย่างในใจมันก็วูบวาบแบบที่บอกไม่ถูก เขาตัดสินใจล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาจากกางเกงก่อนจะพบว่าทั้งตัวเขามีอยู่แค่หนึ่งพันบาทเท่านั้นแถมนึกขึ้นได้ว่าลืมบัตรกดเงินแบบเดบิตไว้ที่บ้าน
ฉิบหายแล้ว—นั่นคือคำที่ผุดขึ้นมาในตอนนี้
พายพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นและตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋าแฟ้มของตัวเองเพื่อที่จะกดโทรหาใครสักคนในบ้านให้มาหาแต่ยังไม่ทันทีที่นิ้วมือจะเลื่อนไปกดโทรออกสายตาของเขาก็หันไปสบสายตาเข้ากับชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ หน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่
คิดวนไปวนมาไปอยู่หลายนาทีก็นึกออกว่าคนนี้คือคนที่เรียนอยู่ในรั้วมหาลัยเดียวกันและเป็นคนที่เพื่อนผู้หญิงร่วมภาคคนหนึ่งเคยเปิดรูปให้ดูพร้อมกับเอ่ยชื่นชมความหล่อให้ฟัง ว่าแต่มันชื่ออะไรวะ พายพยายามเค้นความคิดอีกครั้ง
แม่ง! เครียดกว่าสอบแคลอีก
ขึ้นต้นด้วยต.เต่าแล้วอะไรวะ คิดให้ออกสิพาย เขาบอกตัวเองแต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าบุคคลที่คุ้นหน้าเตรียมจะลุกออกจากโต๊ะแล้ว ไม่ได้! ช่างชื่อมันแม่งก่อนแล้วกัน
“นาย!” พายพูดเสียงดังขึ้นมาระดับหนึ่งพร้อมกับคว้าข้อมืออีกคนไว้แน่นอนว่ากลุ่มเพื่อนของอีกฝ่ายก็หันตามมาเช่นกัน "คือเรามีเรื่องจะคุยด้วย”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วพร้อมกับยกนิ้วชี้เข้าหาตนเองและพายเองก็รีบพยักหน้าอย่างแรงก่อนจะคิดในใจว่าเพื่อนร่วมสถาบันมันก็น่าจะมีน้ำใจให้กันแถมคำขวัญมหาลัยก็ยังเน้นไปที่ช่วยเหลือผู้อื่นอีก แค่ขอยืมเงินสองร้อยคงไม่ถูกปฏิเสธหรอกนะ
“มานั่งๆก่อน”
“?”
“คืองี้นะ เราเคยเห็นหน้านายแวบๆในมออยู่เราคิดว่าถ้าเราเรียนที่เดียวกันเราก็น่าจะช่วยเหลือกันได้”
“แล้ว?”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคม กลีบปากหยักได้รูปตรงหน้าพูดสั้นๆแถมยังมองเขาด้วยแววตาว่าจะพูดอะไรก็รีบๆพูดมาสักทีอะไรทำนองนั้น ส่วนพายเองก็รีบสูดลมหายใจเข้าออกหนึ่งทีคล้ายเรียกขวัญกำลังใจก่อนจะกลั้นพูดเสียงเบาๆว่า--
“นายพอจะมีให้ยืมสองร้อยไหม เดี๋ยวเราคืน”
จบประโยคนั้นทุกอย่างก็คล้ายอยู่ในสภาพแช่แข็งนายคนที่หน้าตาดีไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกมาเลยนอกจากความนิ่งแต่พายกลับรู้สึกได้ว่าอีกคนกำลังด่าเขาในใจว่าไม่ได้รู้จักกันเลยทำไมกูต้องช่วยมึงด้วยหรือบางทีอาจจะด่าลามไปถึงบรรพบุรุษแล้วก็ได้
“สัญญาด้วยความเป็นนักศึกษาวิศวะเลยนะ สัญญาว่าจะคืนเงินให้ จะคิดดอกเบี้ยก็ได้”
“เด๋อจริงๆ”
เสียงทุ้มต่ำของอีกฝ่ายพูดออกมาแค่นั้นก่อนจะล้วงเอาเงินออกมาวางไว้ให้ตรงหน้าพร้อมกับสีหน้าที่ติดจะดูหน่ายๆยังไงชอบกลแต่พายไม่ได้สนใจหรอกที่ถูกว่าน่ะ แค่ได้รับการช่วยเหลือก็ถือว่าโอเคแล้ว
“ขอบคุณนะ นี่ๆกดเลขบัญชีให้ทีเดี๋ยวโอนคืนเลย”
“จำเลขไม่ได้”
“อ่า..ถ้างั้นเอาเบอร์มาแล้วกัน”
“อืม”
“เราชื่อพายนะ แล้วก็ขอบคุณมากๆด้วยสำหรับเงินที่ให้ยืม”
“ชื่อต้นน้ำ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะ”
“อือ”
แล้วบุคคลที่มีชื่อว่าต้นน้ำก็ลุกออกจากโต๊ะไปด้วยท่าทางที่ดูนิ่งเงียบในขณะที่พายเองก็รู้สึกโล่งใจที่มีเงินจ่ายค่าอาหารแล้ว สาบานว่าคราวหลังเขาต้องเช็กกระเป๋าตังค์ตัวเองให้ดีกว่านี้ไม่อย่างนั้นคงซวยแน่นอน
--------------------------------------------
กับการลงนิยายในนี้ ตื่นเต้นค่ะ555555555555555
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ<3
-
:L2: :pig4:
เปิดมาก็เป็นหนี้เลยพาย
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
มาติดตามค่า :katai2-1:
-
:pig4:
-
ชอบๆ กินจุจริงๆ :mc4: :3123:
-
200 บาท แลกกะอะไรดีน๊าาาา
:mew3:
-
เปิดได้น่าติดตามมากค่าา ลงชื่อ!!!!
-
น้องพายเอ้ย :laugh:
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 1
(จ่ายดอกเบี้ยด้วยน้อง)
หนี้สองร้อยบาทถูกบันทึกลงที่หน้าโน้ตในมือถือของพายแถมเจ้าตัวยังแคปหน้าจอพร้อมเอาตั้งเป็นรูปหน้าจอมือถืออีกต่างหาก ย้ำเตือนความจำว่าต้องคืนเงินคนที่ชื่อต้นน้ำแต่สุดท้ายจนผ่านมาแล้วอีกหนึ่งสัปดาห์เขาก็ยังไม่ได้โทรหาอีกฝ่ายเพื่อคืนเงินสักที
ดวงตากลมโตของพายเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่เหนือกระดานสีขาวภายในห้องเรียน จ้องมองเข็มยาวที่ขยับไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เสียงของอาจารย์ตรงด้านหน้าแทบไม่ได้เข้าโสตประสาทเลยสักนิดแม้ว่าระดับเสียงของคนสอนจะไม่ได้เป็นโทนเดียวก็เถอะ
17.30
เข็มยาวชี้เลขหกและมันก็ถึงเวลาเลิกคลาสแล้วแต่คนสอนคนสวยหน้าห้องยังคงพูดต่อเหมือนกับว่านี่ยังเหลือเวลาอีกมากมาย
“วันนี้ขออาจารย์ต่ออีกนิดหนึ่งเนอะ อีกสามหน้าสไลด์ก็จะจบบทพอดี”
คำพูดนั่นทำเอาพายอยากร้องไห้ สามหน้าสไลด์นี่มันฟังดูน้อยก็จริงแต่การฟังบรรยายนั่นต่างหากที่ทำให้ยาวนาน เขาหิวข้าวเย็นแล้วและวันนี้ไม่ได้พกอะไรใส่กระเป๋ามากินรองท้อง มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเศร้าใจจริงๆนะ เจ้าของใบหน้าหล่อน่ารักแบบพายถึงกับยอมฟุบลงกับโต๊ะ
อาจารย์อาจไม่เห็นว่าน้ำตาท่วมใจเขาแล้ว
“น้อง เป็นอะไร” แมนเอ่ยถามพลางหมุนควงปากกาในมือไปด้วย
“หิวข้าว ร่างกายต้องการอาหาร”
“ทนไว้ อีกแป๊บเดียวคงเลิกแล้วแหละ”
“แป๊บที่ยาวนานเป็นปีรึเปล่าวะแมน”
พายบ่นงึมงำก่อนจะเอาแก้มแนบไปกับโต๊ะเลคเชอร์ สายตาเลื่อนลอยแถมใบหน้ายังยับยู่ยี่ไปหมดเล่นเอาคนมองอย่างแมนต้องเอาปากกาเคาะที่หน้าผากอีกคน อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออกเพราะกลัวทำเสียงดังแล้วจะถูกเรียกไปที่หน้าห้อง
“เออ แมนมึงรู้จักคนชื่อต้นน้ำปะวะ”
“ถามกว้างมาก มึงคิดว่าบนโลกใบนี้มีคนชื่อต้นน้ำคนเดียวเหรอไง”
“แต่เขาอยู่มหาลัยเดียวกันกับมึงแล้วก็กูนะ”
แมนแทบจะกลอกตาเป็นเลขแปดไทยให้กับคนถาม ต่อให้ชื่อต้นน้ำจะโหลเท่าชื่อของเขาแต่ก็ใช่ว่าจะตามหากันได้ง่ายๆหรือเปล่าล่ะ แล้วคนทั้งมหาวิทยาลัยนี่มีแค่ยี่สิบคนมั้ง
“ทั้งมหาลัยมีเป็นพันๆคน กูจะไปรู้เหรอครับน้อง”
“ไหนว่าเป็นประธานรุ่นแล้วรู้จักคนเยอะแยะไง ใช้ไม่ได้เลย”
พายเบะปากใส่ก่อนจะขยับปากมุบมิบเหมือนบ่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยส่วนคนที่ถูกว่าอย่างแมนทำได้แค่ถอนหายใจทิ้ง เขาจะคิดซะว่าพายกำลังหิวข้าวมากเลยทำให้อีกฝ่ายพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็แล้วกัน
เวลาจากห้าโมงครึ่งในตอนนั้นจนตอนนี้หกโมงห้านาทีอาจารย์สาวสวยข้างหน้าก็บอกเลิกคลาสและนั่นทำให้นักศึกษายี่สิบกว่าคนแปรสภาพจากผักค้างตลาดมาเป็นท่าทางสดใสทันทีและแน่นอนว่าถูกคนสอนพูดแขวะเข้าให้ซึ่งเด็กตาดำๆในห้องก็ไม่สะท้านหรอก
“แมนนน ช่วยพายด้วย ลุกไม่ไหวหิวข้าวมาก หมดแรงแล้ว”
เจ้าคนที่มีความสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ดแต่ผอมนั่นเอาแต่พูดคร่ำครวญแถมยังทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ใส่เพื่อนข้างกายอีกต่างหากจนแมนต้องยกมือขึ้นยีผมอีกคนก่อนจะดึงมือให้ลุกขึ้นจากโต๊ะเรียน
“ไส้กูต้องขาดเป็นสิบท่อนแล้วแน่ๆเลยอ่ะ จารย์’ใจร้ายมาก กูจะไปร้องเรียน”
“มึงจะไปร้องเรียนอธิการ?”
“ร้องเรียนแม่ซื้อกูเอง”
เอาเหอะ--แมนคิด
“วันนี้ไปกินแค่หน้ามอนะเดี๋ยวต้องกลับมาประชุมต่อ” แมนพูดขึ้น
“โอเค งั้นไปร้านตามสั่งร้านเดิมเนอะ”
“แล้วแต่มึงเลยน้อง”
พายพยักหน้ารับทันทีก่อนจะเลิกทำตัวอ่อนปวกเปียกแล้วสาวเท้าตรงไปยังหน้าห้องที่มีกันต์ยืนอยู่ซึ่งสาเหตุที่กันต์อยู่หน้าห้องก็เพราะว่าเมื่อบ่ายเจ้าตัวเข้าห้องมาช้าเลยทำให้ต้องกลายไปเป็นเด็กหน้าห้องไปโดยปริยาย
“ไปร้านตามสั่งหน้ามอนะ” พายพูด
“เค มึงเดินไปก่อนเลยเดี๋ยวกูแวะไปเอาของก่อน”
“ได้จ้า”
มนุษย์พายว่าอย่างนั้นแล้วเดินนำลิ่วๆแบบที่ไม่ได้หันไปสนใจเพื่อนอีกหนึ่งคนอย่างแมนเลยสักนิด อีกฝ่ายแทบจะเดินตัวลอยไปที่ร้านข้าวส่วนทั้งแมนทั้งกันต์ได้แต่มองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัวนิดๆ พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามีเพื่อนหรือมีน้องชายเพิ่ม
ช่วงเวลาหกโมงกว่าบริเวณหน้ามหาลัยนั้นเต็มไปด้วยนักศึกษาจากหลายๆคณะและแน่นอนว่าร้านอาหารที่เรียงรายเป็นแถบนั่นก็แทบไม่มีที่นั่งแต่ถึงอย่างนั้นแล้วมนุษย์พายก็โชคดีที่เจ้าตัวเดินมาทันโต๊ะตัวสุดท้ายพอดิบพอดี
“ข้าวผัดต้มยำครับ” พายพูด
“ราดหน้าหมูครับ แล้วก็น้ำเปล่ากับน้ำแข็งเปล่าสาม” แมนพูด
พนักงานชาวประเทศเพื่อนบ้านนั้นพูดทวนเมนูอีกครั้งก่อนจะหายไปที่ด้านหลังร้านโยที่พายเอาแต่นั่งเท้าคางเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกของร้านส่วนแมนก็ก้มหน้าเล่นเกมในมือถือ
“มึงว่ากูโทรหาคนที่ชื่อต้นน้ำตอนนี้เลยดีไหม”
“โทรดิ จริงๆมึงควรโทรตั้งแต่วันจันทร์แล้วไหม มึงเป็นหนี้เขานะ”
“โถ่ ก็แค่สองร้อยปะวะ โทรวันไหนก็เหมือนกัน”
“เออๆ ก็แล้วแต่มึง”
แมนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะสมาธิจดจ่ออยู่กับเกมในขณะที่พายเองก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนหารายชื่อที่เขาเมมไว้แต่ก่อนจะได้กดโทรออกเสียงคนพูดคุยเสียงดังที่ประตูทางเข้าหน้าร้านก็เรียกให้เขาละสายตาออกจากจอมือถือขึ้นมาดูและพายก็พบว่าเขาเจอคนที่ต้องการจะหาแล้ว
“มึง” พายทำตาโตก่อนจะพูดกับแมน
“อะไร”
“กูเจอคนที่ชื่อต้นน้ำแล้ว เขาใส่ช็อปด้วยอะ”
พายเอานิ้วจิ้มที่แขนเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงข้ามจนอีกฝ่ายต้องยอมหยุดเกมแล้วเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าพายที่ดูตกตะลึงก่อนจะหันไปมองตามสายตาของอีกฝ่าย
“พาย นั่นพี่ในคณะไงนั่นประธานรุ่นปีสาม มึงจำหน้าเขาไม่ได้เหรอวะ”
“อ้าวเหรอ กูก็ว่าทำไมคุ้นๆ”
“น้องงงงง มึงต้องจูนสตินะ”
“โหย พี่ในคณะมีตั้งหลายคนใครจะไปจำได้ว่ะถึงจะเป็นประธานรุ่นก็เหอะ”
“กูจะบ้าตาย”
“มึงก็รู้จักนี่ ทำไมตอนนั้นถามแล้วไม่ตอบล่ะ”
“เออออ ความผิดกูเองแหละจ้า โอเคนะ”
คนถูกเพื่อนประชดได้ทำปากขมุบขมิบส่วนแมนเองก็ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะนั่งจ้องหน้าเพื่อนตัวเองซึ่งปฏิกิริยาที่ได้นั้นคือการที่ดวงตากลมโตเหมือนแมวมองตามร่างสูงของรุ่นพี่ร่วมคณะถึงจะนั่งกันคนละด้านก็พอจะเดาน่ะนะ
“จะลุกก็ลุกไป มึงติดเงินเขานะพาย”
“ดุเป็นพ่อไปได้ แค่ติดเงินไม่ได้ไปฆ่าใครตายซะหน่อย”
พายลุกขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับใบหน้าหงุดหงิดในขณะที่แมนหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองตามเจ้าคนตัวผอมไปหยุดยืนที่โต๊ะของรุ่นพี่ร่วมคณะที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าร้าน น่าเสียดายที่ส่งผู้คนในร้านค่อนข้างดังเขาเลยไม่ได้ยินว่าเพื่อนของตัวเองพูดอะไรอยู่
“พี่ต้นน้ำครับ” พายพูดพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าจากหงุดหงิดเป็นปกติ
“ว่าไง”
“ผมเอาเงินมาคืนครับ”
มือขาวยื่นแบงก์ร้อยสองใบไปตรงหน้า ดวงตากลมโตจ้องมองนิ่งๆส่วนคนที่เป็นเจ้าหนี้อย่างต้นน้ำก็ยังคงสีหน้านิ่งเฉยแต่คิ้วข้างหนึ่งกับเลิกขึ้นมา
“คืนช้าแบบนี้ต้องคิดดอกเบี้ยแล้วมั้ง”
“พี่ครับ”
ถึงจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ในใจกลับมีไฟลุกโชน พายคิดว่ารุ่นพี่ตรงหน้าช่างเป็นคนที่ขี้งกซะจริงถึงจะมาคืนช้าก็ใช่ว่าจะมาคิดดอกเบี้ยกันรึเปล่าวะ
“ด่าพี่อยู่ในใจเหรอไง”
เชี่ย รู้ได้ไงว่ะ--พายทำตาโตใส่
“นี่ไม่รู้ตัวเหรอไงว่าสีหน้าตัวเองเปลี่ยนตามที่คิดน่ะ”
“ผมขอโทษ แต่ช่วยรับเงินนี้ไปด้วยนะครับ”
พายเม้มปากตัวเองจนเป็นเส้นตรงส่วนรุ่นพี่ตรงหน้าก็เอาแต่เก๊กหน้านิ่งโดยที่คนรอบข้างพี่เขากลับเอาแต่คุยเล่นกันเสียงดังโดยที่ไม่ได้สนใจเพื่อนตัวเองเลยที่กำลังข่มขวัญรุ่นน้องเลยสักนิด
“เออ แล้วเลิกทำหน้าเหมือนแมวโหยหาปลาทูได้แล้ว”
ต้นน้ำรับเงินมาก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนตัวเองส่วนพายที่ทำภารกิจคืนเงินเสร็จแล้วก็ถอนหายใจทิ้งซะเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ เขาคิดว่าหลังจากนี้คงไม่ต้องมีเรื่องอะไรที่ต้องข้องเกี่ยวกับรุ่นพี่คนนั้นแล้ว พูดก็พูดเถอะเขารู้สึกว่ารุ่นพี่นั่นไม่ได้น่าคบหาเลยสักนิด
“เป็นไงบ้างน้อง”
“ก็ดี คืนเงินแล้ว กินข้าวดีกว่า”
แล้วข้าวมื้อเย็นค่อนไปทางดึกก็เริ่มดำเนินไปซึ่งเป็นเวลาเดียวที่กันต์เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้าน พวกเขาสามคนพูดคุยถึงเรื่องเกมและเรื่องอื่นๆแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเรียน พายดูอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้กินข้าว เจ้าตัวเริ่มแจกจ่ายรอยยิ้มให้กับเพื่อนตัวเอง เพื่อนเล่นมุกหรือเล่าเรื่องตลกก็หัวเราะเสียจนคนต้องแกล้งเล่าเรื่องให้หัวเราะมากกว่าเดิม
ครืด ครืดด
หน้าจอของกันต์สว่างวาบขึ้นมาในตอนนี้กำลังเคลียร์เงินค่าข้าวกันอยู่ เขาเหลือบตามองแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วนิดๆเพราะคนที่ทักข้อความเข้ามาก็คือพี่รหัสเขาเองซึ่งเป็นบุคคลที่กันต์แทบไม่ค่อยได้คุยเพราะอีกฝ่ายดูเป็นมนุษย์ที่ยุ่งตลอดเวลา บางทีพิมพ์ไปหาก็อาจจะได้รับการตอบรับกลับมาในอีกสองวันถัดไป
Tonnam บอกเพื่อนมึงที่ชื่อพายว่าหัดเช็กข้อความบ้าง
ทันทีที่อ่านข้อความจบเขาถึงกับขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม สองคนนี้ไปรู้จักกันตอนไหนวะแต่ถึงอย่างนั้นก็พิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่าได้ครับ
ระหว่างทางที่เดินกลับเข้าไปในมหาลัยกันต์ก็หันไปจ้องหน้าพายที่กำลังหัวเราะอย่างหนักหน่วงกับมุกตลกกะโหลกกะลาของแมนจนคนถูกจ้องหยุดขำแล้วหันมามองด้วยสีหน้างงๆ
“มองหน้ากูแบบนี้ มึงกำลังหลงเสน่ห์กูเหรอกันต์” พายยิ้มหวานแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เล่นด้วย
“มึงรู้จักกับพี่รหัสกูได้ไง”
“พี่รหัส?”
“พี่ต้นน้ำ”
“ก็ไอ้พายมันไปติดเงินคนนั้นไง ที่มันเล่าให้ฟัง” แมนพูดแทรกโดยที่พายพยักหน้ารับ
“อ๋อ โคตรบังเอิญเลย”
“บังเอิญไม่เท่าไหร่ แม่งเสือกจำไม่ได้ว่าเป็นพี่ในคณะ เด๋อไม่ปรึกษาใคร”
“เอออ แซะกูจังนะแมนชาติที่แล้วมึงเกิดเป็นส้อมพรวนดินเหรอ”
“เดี๋ยวมึงจะโดนนะน้องพาย”
“กลัวตายล่ะ”
พูดจบก็รีบวิ่งหนีขายาวๆของแมนไปตลอดทางจนกระทั่งถึงห้องสโมฯของคณะที่มีเพื่อนร่วมรุ่นนั่งอยู่เพื่อรอประชุมเรื่องการพาน้องเข้าห้องเชียร์และรวมถึงการจัดแสตนเชียร์อีกด้วย
“พาย” กันต์พูดขึ้น
“ว่า”
“พี่ต้นน้ำฝากกูมาบอกมึงว่าหัดเช็กข้อความบ้าง” พูดไปก็มองสีหน้าอีกคนไปด้วยซึ่งสิ่งที่เห็นคือใบหน้างงๆ “ไม่ต้องถามอะไรกู เพราะกูก็งงเหมือนกัน”
“อะไรกันอะ ก็คืนเงินไปแล้วนี่ ทำตัวเหมือนกูไปติดเงินเขาสักล้านหนึ่งว่ะ”
นั่นแหละบ่นไปตามเรื่องตามราวก่อนที่จะล้วงเอามือถือขึ้นมากดเช็กข้อความตามที่อดีตเจ้าหนี้บอกกล่าวผ่านเพื่อนมาอีกทีโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเลยว่ากันต์กับแมนกำลังปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนตัวเองกับรุ่นพี่ร่วมคณะอยู่ใกล้ๆ
“มึงคิดเหมือนกูปะวะแมน”
“คิด แต่ยังไม่ปักใจร้อยเปอร์ พี่มันอาจจะหาเรื่องแกล้งไอ้พายก็ได้ หน้าตามันน่าแกล้งให้ร้องไห้แล้วกอดปลอบจะตายไปถึงตัวจะสูงก็เถอะ”
“เออก็จริง”
“ของแบบนี้ต้องรอดูกันยาวๆ”
ทั้งสองคนปรึกษากันเสร็จก็เป็นแมนก็ลุกจากที่นั่งเดินไปด้านหน้าห้องเพื่อเริ่มประชุมงานที่ต้องแจกจ่ายให้เพื่อนทำ เสียงคนในห้องเริ่มดังกว่าเดิมเมื่อปรึกษาหารือกันถึงเรื่องงานแต่ยกเว้นพายไว้คนที่เจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้ากดมือถือด้วยท่าทางเชื่องช้า
Piepiepie พี่มีอะไรรึป่าว
Tonnam ไม่มีพี่จะบอกผ่านกันต์ให้น้องเช็กข้อความเหรอครับ
Piepiepie พี่ให้ผมเช็กแต่พี่ส่งมาแค่สติกเกอร์โง่ๆมาอันเดียวเนี้ยนะ
Tonnam น้องพายมีปัญหาหรอคับ
Piepiepie ผมไม่กล้ามีปัญหากับพี่หรอก แต่ถ้าพี่ไม่มีอะไรผมไปประชุมงานกับเพื่อนแล้วนะ
Tonnam เชิญ
Piepiepie *สติกเกอร์ อืม...จ้ะ
Tonnam *สติกเกอร์ สนุกจังเลย
พายกดปิดล็อกหน้าจอด้วยความโมโห สาบานได้ว่าวันแรกที่เจอแล้วขอยืมเงินเข้าใจว่าน่าจะเป็นคนนิ่งๆใครจะไปรู้ว่าจะกวนประสาทขนาดนี้แต่ว่าเขากับรุ่นพี่คนนั้นสนิทกันขนาดนี้เลยเหรอไง คิดแล้วก็ไม่เข้าใจสงสัยต้องหาอะไรรองท้องก่อน หิว…
กว่าประชุมงานจะเลิกก็ปาไปสี่ทุ่มครึ่งได้เพราะการพูดคุยต้องพูดถึงสองรอบเนื่องจากรอเพื่อนที่อยู่ในห้องเชียร์ออกมาด้วยเพราะเพื่อนที่เพิ่งออกมานั้นจะมาสรุปความคืบหน้าของน้องปีหนึ่ง ต่างคนต่างแยกย้ายกันตรงหน้าตึกคณะส่วนพายเองก็ต้องแยกกับแมนและกันต์ สองคนนั้นอยู่หอหน้ามหาลัยส่วนเขาน่ะอยู่หอฝั่งข้างๆ
“ถึงห้องแล้วบอกด้วย เข้าใจไหมน้องพาย” แมนพูดขึ้น
“เค”
พายโบกมือลาก่อนจะเดินเอื่อยๆไปตามทางซึ่งก็มีเพื่อนในคณะเดินไปทางเดียวกันหลายคนอยู่แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่ามีใครดึงรั้งคอเสื้อนักศึกษาตัวเองอยู่ ปากที่กำลังเคี้ยวเยลลี่ถึงกับต้องหยุดก่อนจะหันหน้าไปหาด้วยความโมโห
“พี่อีกแล้วเหรอวะ”
“เออ”
“ก็คืนเงินไปแล้วนี่ ทำไมยังตามผมอีก”
“ดอกเบี้ยไง น้องพายลืมเหรอครับ”
“พี่มึงทำไมงกวะ”
“ถ้าจะมีคำว่ามึงไม่ต้องเรียกกูพี่ก็ได้นะ”
“ปล่อยผม! ผมจะกลับหอแล้ว”
ตะโกนไปก็เท่านั้นในเมื่อคนแก่กว่าไม่ได้สนใจนอกจากจะพยายามลากอีกคนไปตามทางที่ตนเองต้องการด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ต้นน้ำก็แค่คิดว่าคนตรงหน้าน่าแกล้งก็เท่านั้นอีกอย่างเขาอยากจะคิดบัญชีย้อนหลังเด็กนี่ด้วยถึงดูท่าทางแล้วอีกคนน่าจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ก็เถอะ
“พี่จะพาผมไปไหนเนี้ย”
“กลับหอไงหรือจะให้พี่ต้นน้ำคนนี้พาไปฆ่าหมกป่า”
“ปล่อย!!!”
“ถ้าไม่เงียบพี่เตะนะ”
พายรีบหันขวับไปมองขาอีกคนและประเมินได้ว่าถ้าโคนเตะคือตายแน่นอนเขาเลยเลือกสงบปากสงบคำแล้วยอมขึ้นซ้อนท้ายจักรยานด้วยใบหน้าบูดบึ้งผิดกับคนขับที่เอาแต่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี
ซวยจริงๆ เยลลี่ทั้งถุงในมือก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นเลย!
---------------------------------------------
พระเอกเย็นชา นิ่งๆ พูดน้อยในตอนแรกมันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นค่ะ55555555555
-
:pig4: :pig4:
-
:katai2-1:
-
o18 มีอตีดกันมานี่เอง
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 2
ปฏิบัติการทวงดอกเบี้ย
ใบหน้าของรุ่นน้องปีสองที่ชื่อพายยับยู่เหมือนกระดาษที่ถูกขยำและนั่นทำให้ต้นน้ำหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง หัวเราะจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหันมามอง เขาเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าคนหน้าตาน่าแกล้งมันเป็นยังไง แค่ลองแหย่นิดแหย่หน่อยอีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าทันทีแม้ว่าไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมาสักคำ
“เป็นบ้าเหรอวะ ขำอยู่ได้”
“ก็น้องทำหน้าตลกนิ”
“ขอให้สำลักอากาศ”
“ฮ่าๆ เออๆเลิกขำแล้ว”
“แล้วนี่ผมขึ้นห้องได้ยัง”
“ขึ้นดิ ใครรั้งน้องพายไว้ล่ะครับ”
กวนตีน--นั่นคือสิ่งที่พายคิด
พายบ่นขมุบขมิบคนเดียวก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปในตึกหอพักโดยที่มีรุ่นพี่ตัวใหญ่เดินตามมาไม่ห่างและนั่นทำให้เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก
“พี่เลิกตามผมสักที เป็นโรคจิตเหรอไง”
“เพ้อเจ้อ กูพักอยู่หอนี้”
“จริง?” พายพูดพร้อมกับหรี่ตามอง
“เออ”
พูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดออกพวกเขาสองคนก้าวเข้าไปในพื้นที่แคบๆนั่นและตลอดจนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้นห้าก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย
พายเดินก้าวอย่างรวดเร็วตรงไปยังห้องที่อยู่ริมสุดแต่แล้วก็ต้องชะงักเท้าตัวเองไว้เพราะนึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อขนมโตเกียวร้านประจำ เขานึกเมนูในหัวไว้ตั้งแต่ก่อนจะกลับหอแล้วแต่ที่ลืมไปเพราะมัวแต่ไปทะเลาะกับรุ่นพี่อย่างต้นน้ำอยู่ คิดได้ก็รีบเดินย้อนกลับไปที่ลิฟต์โดยมีสายตาของต้นน้ำมองตาม
“ลุง โตเกียวสามชิ้นครับ”
“วันนี้มาซะดึกเลยนะไอ้หนู”
“มีประชุมที่คณะครับเลยกลับดึกน่ะลุง”
บทสนทนาถูกต่ออย่างเป็นธรรมชาติโดยที่พายเองก็มีรอยยิ้มประดับหน้าตลอดและที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าเขาจะได้ไส้ครีมเพิ่มนั่นแหละ เขาไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะเชื่อเถอะ
พายได้ขนมโตเกียวมาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้วและแน่นอนว่าไส้ครีมแทบทะลักออกมา เจ้าตัวยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีโดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำนั้นถูกจับตามองโดยผู้ชายตัวสูงร้อยแปดสิบเซ็นต์อย่างต้นน้ำที่กำลังยืนอยู่ตรงระเบียงห้องนอนของตัวเองซึ่งห้องนอนที่ว่านั่นห่างแค่เพียงกำแพงกั้นกับห้องของเจ้าเด็กน่าแกล้ง
เช้าตรู่วันถัดมาพายที่กำลังจมอยู่ห้วงนิทราก็ต้องลืมตาตื่นด้วยความหงุดหงิดแม้ว่าเขาจะมีเรียนในตอนบ่ายก็ตามและสาเหตุที่ต้องตื่นก็เพราะว่าในตอนนี้มีคนทุบประตูห้องรัวเป็นจังหวะเพลงสันทนาการอยู่ รีบถีบผ้าห่มออกจากตัวไปเต็มแรงก่อนจะกระแทกเท้าเดินไปเปิดประตูห้อง
“เคาะเรียกหาพ่อเหรอไง!”
“มึงเป็นพ่อกูตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอน้องพาย”
เสียงยียวนกวนประสาทมาพร้อมกับสีหน้าเจ้าเล่ห์ของรุ่นพี่อย่างต้นน้ำทำให้พายอยากกระโดดถีบหน้าหรือตะโกนดังๆใส่หู เขาทำหน้ายุ่ง เรียวคิ้วทั้งสองขมวดจนแทบจะเป็นปม เจ้าตัวพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งทีหนักๆโดยที่ไม่ได้คิดจะเอ่ยปากชวนอีกคนเข้ามาในห้อง
“พี่มีธุระอะไร”
“หิวข้าวเช้า”
“แล้วบอกผมทำไม หิวก็ไปกินดิ”
“เช้าแล้วมึงต้องตื่นมากินและเลี้ยงกูด้วยครับน้องพาย ค่าดอกเบี้ยที่เอาเงินมาคืนช้า”
พายอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาจริงเรื่องเก็บดอกเบี้ย มือที่จับประตูอยู่ถึงกับหมดแรงลู่แนบไปที่ข้างตัว เขากะพริบตาปริบๆในขณะที่ต้นน้ำทำแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วแทรกตัวเองเข้ามาในห้องของอีกคนอย่างรวดเร็วแถมปิดประตูกดล็อกให้เสร็จสรรพ
“จะยืนอ้าปากกินลมอีกนานไหมครับน้องพาย พี่หิว พี่มีเรียนตอนเก้าโมงนะ”
“พี่หิวก็ไปหาไรกินที่อื่นดิ ห้องผมไม่ใช่เซเว่นนะ”
“พี่หิวครับน้องพาย” ต้นน้ำพูดเสียงเข้มพร้อมกับนั่งลงที่ปลายเตียง
“เออๆ รู้แล้ว แล้วพี่ก็นั่งลงที่พื้นด้วยเดี๋ยวเตียงผมมันสกปรก”
“ลูกหนี้ไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับเจ้าหนี้นะ อีกอย่างตัวพี่เนี้ยสะอาดมากสะอาดกว่าเตียงน้องพายซะอีก”
จบประโยคพายก็ได้แต่กัดฟันและข่มใจไม่ให้อาละวาด เขาพยายามสูดหายใจเข้าออกช้าๆและหันหน้าค้นตู้เย็นที่อัดแน่นไปทั้งขนม นม และกับข้าวสำเร็จรูปที่แม่ทำมาให้ส่วนไอ้คนที่บอกหิวก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงแถมยังมีหน้ามากดเปิดดูทีวีสบายใจเฉิบอีก เป็นรุ่นพี่ที่พายไม่อยากจะเคารพเลยสาบานได้
ภายในห้องหอพักขนาดกลางที่เปิดมาก็จะเจอห้องน้ำด้านขวามือและตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ด้านซ้าย เดินเข้ามาอีกหน่อยก็เจอเตียงนอนขนาดควีนไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง มีโต๊ะทำการบ้านและชั้นเล็กๆติดกับด้านฝั่งตู้เสื้อผ้า ถัดมาก็ทีวีจอกว้างก่อนจะเป็นชั้นวางของที่มีไมโครเวฟวางอยู่และเป็นตู้เย็น และในห้องนี้ก็ปิดท้ายด้วยประตูระเบียงกระจกที่มีอ่างล้างจิปาถะด้านนอก ถึงขนาดจะเล็กแต่ราคาไม่ได้ถูกเลยในการเช่ารายเดือนน่ะนะ
“มีแค่ซีเรียลกับนมอ่ะ ผมใส่กล้วยไปให้แค่นี้” พายพูดจบก็ยื่นถ้วยขนาดกลางไปให้ด้วยสีหน้าบู้บี้
“แค่นี้ยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะกูเลยน้องพายครับ”
“นั่นมันก็เรื่องของพี่แล้วล่ะ”
“เออๆ”
ถึงจะทำเป็นบ่นแต่ต้นน้ำก็ตักอาหารเช้าตรงหน้ากินจนเกลี้ยงแม้แต่นมสักหยดยังไม่เหลือก่อนจะยื่นชามเปล่าๆไปให้พายที่นั่งหน้ามุ้ยอยู่ข้างๆ กลีบปากบางนั่นขยับมุบมิบซึ่งต้นน้ำก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าอีกฝ่ายคงด่าเขาอยู่แน่นอนแต่นั่นแหละเขาจะไม่ถือหรอก
“โอ๊ย! พี่ผลักหัวผมทำไมเนี้ย” พายเบ้ปากเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่มาประทับลงที่หน้าผากตัวเอง
“หมั่นไส้มึง”
“หมั่นไส้ผมมากก็เชิญออกไปจากห้องผมได้แล้ว กินอิ่มแล้วนี่”
เจ้าของกายผอมลุกพรวดตรงไปยังระเบียงห้องเพื่อล้างถ้วยแต่ก่อนจะได้ปิดบานประตูห้องโทนเสียงทุ้มต่ำของต้นน้ำก็ดึงรั้งให้เขาหยุดยืนนิ่งๆก่อน
“ตอนเย็นไปกินชาบูและน้องพายต้องเลี้ยง ตกลงตามนั้น”
“เดี๋--”
ไม่ทันได้ปฏิเสธเสียงบานประตูห้องก็ดังกระทบเข้าโสตประสาทของพายและมันทำให้เขาอยากปาถ้วยเปล่าในมือไปโดนหัวคนขี้สั่งขี้งกอย่างต้นน้ำอย่างมาก ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูน่าจะสุภาพเงียบๆในวันแรกที่เผลอไปขอยืมเงินในวันนั้นจะเป็นคนประหลาดในวันนี้ ดวงมันซวยจริงๆ
กระฟัดกระเฟียดจนพอใจก่อนจะเดินไปล้างช้อนและถ้วยให้สะอาด พายขัดถ้วยในมือไปอย่างแรงแถมปากก็ขยับบ่นและสาปแช่งวนไปเพราะคิดว่าด่าต่อหน้าก็น่าจะแพ้กลับมา
ความหงุดหงิดภายในใจของพายนั้นถูกยิงยาวไปจนถึงเวลาเลิกเรียนและความหงุดหงิดเพิ่มทวีคูณเมื่อคนสอนปล่อยช้าไปสิบนาที พายขย้ำถุงเยลลี่แบร์จนมันแทบจะแหลกคามือทำเอาเพื่อนอย่างกันต์ที่เรียนเซคชั่นเดียวกันมองหน้าด้วยความประหลาดใจ
“มึงโมโหหิวเหรอวะพาย”
“เออ”
“แต่ปกติมึงไม่ถึงขั้นนี้นะ”
“โมโหพี่รหัสมึงด้วยเนี้ย ตามจิกกูเป็นไก่เลย”
“ตามมึงทำไม มึงคืนเงินพี่มันไปแล้วนี่”
“มันบอกว่ามันจะเก็บดอกเบี้ยที่กูคืนเงินมันช้า”
พายว่าด้วยน้ำเสียงห้วนๆก่อนจะก้มหน้ากดแป้นคีย์บอร์ดมือถือช้าๆเพื่อตอบข้อความของคนที่เอาแต่ส่งสติกเกอร์ปัญญาอ่อนมาให้ส่วนกันต์ที่เดินอยู่ข้างๆได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่รหัสเขาถึงตามเพื่อนสนิทตัวเองขนาดนี้ในเมื่อปกติแล้วออกจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจใครสักเท่าไหร่ถ้าไม่สนิทมากจริงๆน่ะนะแถมขนาดเขาเป็นน้องรหัสเองยังคุยไม่ถี่เลยหรือว่า..
“พี่รหัสกูจะจีบมึงเหรอวะพาย”
“ประเทศไทยหิมะตกยังน่าเชื่อกว่าอีก อีกอย่างนะต่อให้กูมีรสนิยมแบบนั้นกูก็ไม่เอาพี่รหัสมึงหรอก คนห่าอะไรขี้งกขนาดนั้นนี่ไม่ใช่กูแตะผิวพี่มันแล้วเจอเม็ดเกลือนะ”
“เออๆ ไม่จีบก็ไม่จีบแล้วนี่มึงจะไปไหน ไม่ไปทำฉากแสตนเชียร์เหรอไง”
“หน้าที่กูเริ่มพรุ่งนี้แต่วันนี้เจ้าหนี้กูตามแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้านะมึง”
“เออๆ”
กันต์มองตามเพื่อนตัวผอมของตนไปจนสุดสายตา ภายในใจเกิดคำถามมากมายแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มถามหรือหาคำตอบมาจากไหน มันไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอที่ว่าคนเป็นเพื่อนอย่างพายที่มีรสนิยมชอบผู้ชายแล้วจู่ๆไอ้พี่รหัสของเขาที่ดันเคยมีแฟนเก่าเป็นผู้ชายมาก่อนจะมาเกาะแกะด้วยเรื่องยืมเงินโง่ๆแค่นี้น่ะนะ ถ้าจะบอกว่าอีกฝ่ายชอบเพื่อนเขาเขาก็พูดได้ไม่เต็มปาก กวนตีนใส่ขนาดนั้น อะไรกันวะโลกนี้
อีกฟากหนึ่งพายที่กำลังค่อยๆก้าวเท้านับแผ่นปูนหน้ามหาลัยทีละแผ่น ทำตัวเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งขัดจากคำสั่งของต้นน้ำที่บอกว่าให้เขาเดินมาหาที่ร้านคาเฟ่หนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามมหาลัยไวไวเพราะเจ้าตัวบอกว่าหิวข้าวเย็นแล้ว แล้วไงวะหิวมากก็จงรอต่อไปเถอะ
Rrrr
เบอร์ที่โทรเข้ามาทำเอาพายเผลอเบ้ปากออกมาทันที เขาถือมือถือไว้ในมือและปล่อยให้เสียงเรียกเข้านั้นดังต่อไปโดยที่ขาสองข้างก็ก้าวไปเอื่อยบนสะพานลอยข้ามฝั่ง ดวงตากลมโตทำเป็นมองโน่นนี่ไปเรื่อยจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าเงียบไปและดังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“ฮัลโหล”
(น้องครับ น้องเดินจากอยุธยามาคาเฟ่เหรอครับ ช้าฉิบหายเลย)
“เปล่าครับ ผมเดินมาจากยะลา”
(กวนนะ)
“ทำไม พี่รีบเหรอแต่ผมไม่รีบนะ”
(กูหิวครับน้องพาย)
“เรื่องของพี่ดิ บอกผมทำไม”
(อยู่ไหน)
“บันไดลอย”
(ห้ะ?)
“บันไดลอยไง ไม่รู้จักเหรอไง”
(บันไดลอยอะไรของมึงน้องพาย)
“ไม่รู้ก็เรื่องของพี่ วางแล้วนะพายต้องก้าวลงขั้นบันไดช้าๆเดี๋ยวตก พอตกก็จะไม่มีใครเลี้ยงข้าวพี่”
(เด--)
พายกดตัดสายทันทีทั้งยังค่อยๆก้าวลงสะพานลอยทีละขั้นจนเขาก็คิดนะว่าคนที่เดินตามลงมาน่าจะด่าแต่แล้วยังไงล่ะรีบมากก็เดินข้ามมันตั้งแต่เมื่อวานสิ แคร์เหรอก็ไม่หรอกเพราะตอนนี้หงุดหงิดมากกว่าสิ่งอื่นใดแถมเริ่มรู้สึกหิวอีกด้วย
และกว่าที่พายจะเดินมาถึงคาเฟ่ก็ทำเอาคนรออย่างต้นน้ำอยากเดินเข้าไปบีบคอรุ่นน้องที่มาทำดื้อตาใสใส่ตรงหน้า ดวงตากลมโตนั่นเสแสร้งบอกว่าการมาถึงช้านั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเขาจะโมโหไปทำไมซึ่งต้นน้ำพยายามจะกดอารมณ์โมโหให้ลึกแล้วจัดการคว้าข้อแขนอีกคนตรงไปยังรถบีเอ็มสีดำสนิทที่จอดตรงหน้าร้าน
“พี่” พายพูดทันทีที่ถูกจับยัดเข้ารถ
“อะไร”
“พี่ก็รวยนี่ทำไมถึงต้องมาตามคิดดอกเบี้ยผมอีกอะ”
“กูพอใจ”
“เกลียดพี่ว่ะ” พายค้อนขวับก่อนจะหันมองออกนอกหน้าต่างรถ
“กูสิต้องเกลียดมึงน้องพาย”
“ผมไปทำอะไรให้พี่นอกจากยืมเงินก็ไม่มีแล้วปะวะ”
“มึงนึกให้ดีดีว่าเคยไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจรึเปล่า”
พายขมวดคิ้วก่อนจะพยายามเค้นความทรงจำในอดีตอย่างหนักหน่วง พยายามคิดว่าเคยไปทำอะไรไม่ดีใส่รุ่นพี่ข้างๆนี้บ้างไหมแต่แล้วก็ได้คำตอบว่าไม่
“นึกไม่ออกล่ะสิ”
“พี่ก็บอกผมมาดิ”
“ปีที่แล้วก่อนปิดเทอมสองมึงเคยเมาหัวราน้ำแล้วไปอ้วกแตกใส่ใครไหม นึกดีๆ”
สิ้นเสียงทุ้มต่ำของต้นน้ำความทรงจำรางๆแบบภาพจางๆเบลอๆก็ค่อยๆย้อนกลับเข้ามาในหัว วันที่สายรหัสเข้าพาไปร้านเหล้าหลังสอบวิชาเสร็จ เขาโดนให้ดื่มไปหลายแก้วและแน่นอนว่าส่วนผสมนั่นแทบจะเป็นเหล้าเพียวๆและเขาก็เมาสลบและอ้วก เดี๋ยวนะ
“ทำตาจะทะลักออกจากเบ้านี่คือนึกออกแล้วถูกไหม”
“ไม่อ่ะ ผมจำได้แค่ว่าอ้วกที่หน้าร้านแล้วภาพก็ตัด”
“งั้นกูจะบอกให้ว่ามึงมาอ้วกแตกหน้าห้องกูแล้วพอกูเปิดประตูออกมามึงก็อ้วกพุ่งใส่กูแล้วก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองหน้าตาเฉย”
“ผ—ผมขอโทษ แล้วทำไมตอนนั้นพี่ไม่เดินมาบอกวะ”
“ช่วงนั้นกูไม่ว่าง พอกูจะตามมาด่ามึงก็คลาดกันกับมึงตลอดกูเลยเก็บความแค้นเอาไว้”
พายฟังจากน้ำเสียงแล้วก็รับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคงแค้นจริง นี่คดีพลิกแบบที่ว่าเขาไม่กล้าโมโหอีกคนแล้วและตอนนี้รู้สึกว่าแกล้งตายได้ไหมหรือภาวนาให้โลกเหวี่ยงมันไปไกลๆทีเถอะ พายกลัวถูกฆ่าตายตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปีสอง
“ทีนี้น้องพายก็เตรียมตัวรับความโชคดีจากพี่ต้นน้ำได้เลยนะครับ”
ไม่!!!!!! พายไม่อยากได้โว้ยยยยยยยยย
----------------------------------------------
จากความหิวในวันนั้นอาจะเข้าสู่ภาวะโศกนาฏกรรมก็เป็นได้55555555
-
:laugh: แนวแค้นฝังหุ่นนะเนี่ย
-
:pig4:
-
แค้นฝังหุ่นเลย
-
:katai2-1:
-
:pig4: :pig4:
-
:hao6: :hao6: :hao6:
-
ตลกดี ขำพระเอก 5555
มาต่อน้าๆๆ
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 3
'หนี้ก้อนใหม่'
พายเพิ่งตระหนักได้ว่าของมึนเมามักนำพาหายนะมาสู่ตัวเพราะหลังจากวันที่รับรู้ว่าครั้งหนึ่งเคยไปสร้างความไม่พอใจให้กับรุ่นพี่ที่พักอยู่ข้างห้องเอาไว้ตัวพายเองก็แทบอยากจะแกล้งตายให้รู้แล้วรู้รอดแต่มันทำไม่ได้นอกจากก้มหน้ายอมรับชะตากรรมตัวเอง ไม่คิดหรอกว่าพี่มันจะแค้นฝังหุ่นขนาดนี้
จบจากการกินข้าวไปวันนั้นจนผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มพายก็ไม่ได้เจอหน้าเจ้ากรรมนายเวรของตัวเองเลย เห็นว่าอีกฝ่ายติดเรียนทั้งยังติดสอบย่อยโน่นนี่แต่อีกฝ่ายก็ยังถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังคอยส่งสติกเกอร์หน้าตาประหลาดๆมาให้ทุกวันบางทีก็อยากถามว่าเอาเงินที่มาซื้อสติกเกอร์นี้ไปซื้ออาหารคงคุ้มกว่า ดูสิ้นเปลือง
“พาย”
“...”
“พายโว้ย”
“ห้ะ?”
“ขมุบขมิบปากอะไรของมึงวะ”
“ออกกำลังกายปากเฉยๆ”
“เออแล้วแต่มึงเถอะ”
เจ้าตัวส่ายหน้าก่อนจะหันไปสนใจกับการวาดรูปแบล็คดร็อปต่อในขณะเดียวกันเพื่อนๆที่อยู่ฝ่ายอาร์ทเองก็วุ่นวายกับทำอุปกรณ์เชียร์และของประกอบฉากด้วย และสิ่งที่ทำให้ทั้งหมดก็ให้กับเด็กปีหนึ่งนั่นแหละถึงต่อหน้าพวกเราจะทำโหดใส่แต่จริงๆเราก็รักและเอ็นดูน้องนะ
จากฟ้าสว่างจนฟ้าเปลี่ยนสีพายก็ยังคงจดจ่อสมาธิไปกับแผ่นไม้แผ่นใหญ่ตรงหน้าอย่างตั้งใจจนกระทั่งสัญญาณบางอย่างในร่างกายร้องเตือนเมื่อถุงเยลลี่แบร์ข้างกายนั้นเหลือเพียงความว่างเปล่า เขาหยุดชะงักมือที่กำลังร่างรูปร่างของสิงสาราสัตว์ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรสายตาก็ชนเข้ากับขาของใครบางคน
“น้องพายครับ” น้ำเสียงยียวนนั้นทำเอาคนฟังถึงกับเบ้ปาก
“อะไรครับพี่ต้นน้ำ”
ถ้ากวนประสาทมาพายก็ไม่คิดยอมหรอกถึงแม้ว่าตัวเขาจะมีคดีติดตัวกับคนตรงหน้าก็ตาม เขาพยายามทำทีหันไปทางอื่นแต่ก็หมดหนทางเมื่อรุ่นพี่ตรงหน้าย่อตัวลงมาแถมยังเอามือใหญ่เอื้อมมาจับให้หัวของเขาให้หันไปมองเจ้าตัวและสิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือรอยยิ้มที่ดูเหมือนปีศาจ
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ ผมปวดหัวอยู่”
“เหรอ”
“ปล่อยๆ ปวดหัวอยู่อันนี้พูดจริง”
พายไม่ได้พูดโกหก เขามุ่ยหน้าเมื่ออีกฝ่ายยังคงจับหัวเขาไว้อยู่และน้ำหนักที่จับมานี้ก็ไม่ได้น้อยๆเลยสักนิดและในเวลาเดียวกันเจ้าของแรงที่ว่าก็หรี่ตามองเพื่อค้นหาความจริงในรูปประโยค
“พี่” พายพูดเสียงอ่อน
“เออๆ แล้วทำไมปวดหัว ไม่สบายเหรอไง”
“หิวอ่ะ”
“ห้ะ?”
“ผมหิวจนปวดหัวแล้วอะ”
ต้นน้ำมองด้วยสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย ใครจะไปคิดว่ามันจะมีคนที่หิวจนปวดหัวปกติมันไม่ใช่ปวดท้องเหรอวะ แต่ในขณะที่งงอยู่เขาก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นและเดินออกมาจากห้องสโมฯโดยคนที่ทำให้เขางงนั่นแหละแถมเจ้าตัวยังบ่นโน่นนี่ไปเรื่อยอีก
“ผมอยากกินลูกชิ้นปิ้งแต่จริงๆผมหิวข้าว”
“ไปกินสิ”
“พี่เลี้ยงนะ ผมมีอยู่ยี่สิบอะทั้งตัว”
“อีกแล้ว”
“อีกแล้วอะไร งวดก่อนผมก็คืนไปแล้วไง แก่แล้วเลอะเลือนนะเรา”
“พาย”
“อะไรครับ”
ไม่พูดเปล่ายังหันหน้ามามองแบบไอ้แมวสีส้มในเรื่องยักษ์สีเขียวอีก ให้ตายต้นน้ำก็ใจร้ายไม่ลงและเขาทำได้แค่ถอนหายใจอย่างปลงตกแม้ว่าตอนแรกตั้งใจว่าจะมาหาเรื่องแกล้งกลับกลายมาเป็นถูกพาไปเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มตัวใหญ่อย่างต้นน้ำเดินตามแรงลากของรุ่นน้องตัวผอมไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงร้านลูกชิ้นปิ้งเจ้าตัวสั่งไปห้าไม้ถ้วนก่อนจะหันหน้ามาทำตาปริบๆใส่และแน่นอนว่าเขาก็หยิบเอาเงินออกมาจ่ายให้อย่างง่ายดาย มันเหมือนถูกอะไรสักอย่างสะกดไว้จากที่จะมาแกล้งกลายเป็นว่าเขาเสียทั้งค่าลูกชิ้นปิ้งและล่าสุดค่าก๋วยเตี๋ยวสองชามในร้านหน้ามหาลัยที่คนนั่งกันอย่างแออัด
พายคีบเส้นเล็กขึ้นมาเป่าเล็กน้อยก่อนจะเอาเข้าปากไปพร้อมกับหมูชิ้นใหญ่ รสชาติของการได้กินอย่างที่ใจต้องการนี่มันดีจริงๆแต่ก่อนจะได้เริ่มคำที่สองดวงตากลมโตของตนก็ช้อนมองคนตรงข้ามที่ทำหน้าเหมือนยักษ์ด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่กินเหรอพี่ เดี๋ยวมันเย็นหมดนะ”
“กูกำลังนั่งคิดทบทวนว่าทำไมอยู่ๆกูต้องมาเลี้ยงข้าวมึง พี่รหัสก็ไม่ใช่”
“แต่พี่เป็นพี่เป็นคณะผมนะ”
“มันใช่เหรอวะน้องพาย”
“ใช่สิพี่ อีกอย่างผมป่วย ผมปวดหัวเพราะหิวข้าวพี่จะใจร้ายกับผมเหรอ”
พายคีบเส้นเข้าปากอีกครั้งเพิ่มเติมคือมองต้นน้ำด้วยสายตาตัดพ้อและแค่นั้นก็ทำเอาคนถูกมองรู้สึกผิดแล้วที่ถามขึ้นมา รู้สึกผิดทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เด็กเวรนี่ทำของใส่เขาแน่ๆ
“มองๆอยู่ได้ กินได้แล้วมันเย็นหมดแล้วเนี้ย ถ้าพี่ไม่กินผมกินนะ”
“หยุดความคิดมึงเลยน้องพาย กินของตัวเองไป”
“เดี๋ยวกลับคณะไปผมคืนเงินให้นะพี่”
“เออ”
จบการสนทนาไว้เพียงเท่านี้โดยที่ต่างคนต่างกินจนก๋วยเตี๋ยวชามพิเศษนั้นหมดลง ต้นน้ำเดินนำไปที่สะพานลอยเพื่อจะข้ามกลับมหาลัยแต่ก็ยังคงถูกรั้งไว้จากพายที่บอกกับเขาว่าขอซื้อน้ำปั่นก่อนแถมเจ้าตัวยังบอกว่าจะแบ่งให้เขาครึ่งแก้วด้วย ใจดีให้กับคนจ่ายเงินแบบนี้ก็ได้เหรอวะ
น้ำปั่นที่ว่าคือนมปั่นโอรีโอ้นั่นถูกแบ่งอย่างจริงจังในขณะที่พายและต้นน้ำพากันเดินกลับคณะ คนเด็กกว่าดูดแบบรวดเดียวจนคนที่เดินข้างๆมองยังต้องอึ้ง สาบานได้ไม่เคยเจอใครกินได้น่าตกใจขนาดนี้
“โอ๊ย! เย็นหัวๆ” พายพูดขึ้นพร้อมกับเอาหัวตัวเองไปถูกับต้นแขนของต้นน้ำ “จิ๊ดเลยอ่ะ”
“สมควร”
“มันแบบเหมือนเปิดวาร์ปอะพี่”
“มึงนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
“ก็ผมยังเด็กอ่ะ พี่นั่นแหละแก่แล้ว” พายแลบลิ้นปริ้นตาใส่ก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ้าก
“ห่างกันปีเดียว เอะอะด่ากูแก่ตลอด พ่อเด็กทารก”
“พี่แม่งตลกอะ ไม่เหมือนตอนเจอที่ร้านสุกี้เลย”
“จะไปเหมือนได้ไง เจอคนแปลกหน้าให้กูพูดตลกใส่เหรอไง ยิ่งกับมึงที่มีคดีติดตัวกูคงอยากคุยด้วยหรอก”
“แต่พี่ก็คุยกับผมนะ อย่างเช่นตอนนี้ไง”
ต้นน้ำถึงกับชะงักเท้าตนเองก่อนจะหันไปมองเด็กประหลาดอย่างพายที่งับหลอดทั้งยังมองมาที่เขายิ้มๆอีกต่างหากซึ่งนั่นทำให้เขาทำตัวไม่ถูกแบบว่าจะรับมือยังไงดีต่อจากนี้ เขากระแอมไอก่อนจะหลบสายตาเด็กตรงหน้า
“ไปทำงานเลยมึงน่ะ กูกลับหอแล้ว”
“กลับด้วยดิพี่”
“อะไร มึงก็กลับของมึงเองสิครับน้องพาย”
“แต่พี่มีจักรยาน”
“กูไม่ให้มึงกลับ กูไปล่ะ”
ต้นน้ำพูดจบก็เดินหนีไปอีกทางทันทีโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของพายเลยสักนิด เรื่องอะไรเขาจะอยู่ล่ะ การปั่นจักรยานแบบมีคนนั่งซ้อนท้ายนี่มันเป็นการสร้างความลำบากให้กับตัวเขาอย่างมากและแน่นอนว่าเขาอยากจะหนีหน้าเจ้าเด็กนี่ไปสักหน่อย รู้สึกใจสั่นแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“ถ้าพี่เดินหนีไปผมไม่คืนเงินนะ!”
คนตัวผอมยกยิ้มกริ่มเมื่อประโยคสุดท้ายนั่นไม่ได้ถูกส่งสารไปในโสตประสาทของต้นน้ำ รู้สึกอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเดินดูดน้ำเข้าห้องสโมฯเพื่อไปเก็บของเตรียมกลับหอพักซึ่งมันก็เป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนในห้องกำลังเก็บของอยู่พอดี
“ทำเนียนหายไปหาไรกินตลอดนะมึง” เพื่อนคนหนึ่งในห้องตะโกนบอก
“ก็กูหิวอะ แต่พรุ่งนี้พร้อมลงสีแน่นอน เชื่อมือกูได้เลย”
“เออๆ กูเชื่อ”
พายพูดคุยกับเพื่อนต่ออีกนิดหน่อยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการพูดกวนประสาทกันเล่นๆก่อนจะออกมาด้านนอกตึก เขาหันรีซ้ายรีขวามองหาเพื่อนตัวเอง จะว่าไปแล้วตกเย็นมายังไม่ได้เจอกันเลย พายหยิบมือถือขึ้นมาเช็กและก็พบว่าเพื่อนทั้งสองคนต้องอยู่ประชุมกันต่อ
piepiepie งั้นกูกลับหอก่อนนะ
ทิ้งข้อความไว้เท่านั้นแล้วก็เดินช้าๆไปตามทางเดินของมหาลัย พายไม่ได้เอาจักรยานมาเพราะในตอนเช้าจะมีรถตู้ของหอพักขับมาส่งแต่ตอนนี้ดึกมากแล้วรอบรถตู้ที่วิ่งหมดแล้วแบบนี้คงต้องเดินกลับ เขาไม่อยากจะเสียเงินโบกแท็กซี่สักเท่าไหร่ เดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโดยที่ในมือก็ยังถือแก้วนมปั่นโอรีโอ้ไว้ด้วยซึ่งตอนนี้ปริมาณเหลืออยู่ก้นแก้ว
“เด็กนิสัยเสีย ไหนบอกว่าจะแบ่งน้ำครึ่งแก้วไง”
สุ้มเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นมา พายหันขวับไปทันทีพร้อมกับดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยส่วนคนที่มาใหม่ก็ชะลอรถจักรยานมาหยุดข้างๆ ต้นน้ำยิ้มแบบกวนประสาท
“ก็พี่ไม่ท้วงอะ”
“เออ ความผิดกูเองครับน้องพาย”
“แล้วพี่วนกลับมาทำไม มาเพื่อทวงนมปั่นผมเนี้ยนะ”
“เออ”
“ถามจริงเกลือขึ้นตัวพี่ยัง เค็มไปอีก”
“พูดมาก ที่เหลือนั่นของกูเอามาแล้วรอบหน้าซื้อคืนด้วย”
จบประโยคต้นน้ำก็แย่งแก้วนมปั่นมาไว้กับตัวเองและดูดส่วนที่เหลือในขณะที่พายได้แต่ทำหน้าสีหน้าตกใจ อีกคนไม่รู้สึกเหรอไงว่าเขากัดหลอดไปจนมันลีบแบนหมดแล้ว พายอ้าปากกว้างและกว่าจะควานหาเสียงเจอเสียงดูดอากาศก็ดังขึ้นมาแล้ว
“พี่ ผมกัดหลอดไปแล้วนะ”
“เออ กัดแล้วดูดน้ำยากฉิบหาย”
“พี่ไม่รังเกียจเหรอ”
“จะกลับไหมหอ ไม่กลับกูไปแล้วนะ”
“เออๆ”
นอกจากต้นน้ำจะไม่ตอบคำถามแล้วก็ยังเปลี่ยนหัวข้อเรื่องอีกต่างหาก พายยืนงงแต่ถึงอย่างนั้นก็รีบก้าวขาคร่อมซ้อนท้ายอย่างรวดเร็ว และระหว่างทางที่ปั่นจักรยานกลับหอนั้นมีเพียงความเงียบรายล้อมคนทั้งคู่ไว้ อาการแปลกๆก่อขึ้นในใจโดยไม่ทันตั้งตัว
และตลอดทางจนถึงหน้าห้องของตัวเองก็ยังไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาจนกระทั่งนาทีที่พายกำลังจะปิดบานประตูห้องของตัวเองก็เป็นต้นน้ำที่พูดขึ้นด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา
“พรุ่งนี้เช้ากูไปกินข้าวห้องมึงนะ”
“ครับ”
“แล้วก็..”
“ก็?”
“นอนฝันดี”
ต้นน้ำพูดจบก็เดินเข้าห้องปิดประตูดังปังและพายที่ยังยืนอยู่ที่เดิมได้แต่เม้มกลีบปากตัวเอง ความรู้สึกว่าสมองมันตื้อขึ้นมาอย่างที่บอกไม่ถูก มันเหมือนว่าใครสักคนดึงเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากสมอง เขายืนนิ่งอยู่พักใหญ่กว่าจะได้สติแต่ถึงอย่างนั้นแล้วใจดวงน้อยก็เต้นแรงแบบที่ไม่สามารถควบคุมได้บางทีมันอาจจะมาจากการกินเยอะพายคิดอย่างนั้น
พายปิดประตูห้องตัวเองแล้ว ถอดรองเท้าที่ใส่ไว้ข้างหน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะรีบสาวเท้ามาที่เตียงนอนแล้วทรุดตัวลงนั่ง ดวงตากลมโตมองจ้องไปที่กำแพงสีขาวตรงหน้าจ้องจนเหมือนว่ามองเห็นทะลุว่าคนอีกฝั่งนั้นกำลังทำอะไรและในเวลาเดียวกันกลีบปากอวบอิ่มก็ขยับเล็กๆ
“ฝันดีครับพี่”
และคนพูดก็หวังว่าบางทีคำพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบานั้นจะส่งไปถึงยังคนข้างห้อง
------------------------------
น่าสงสารพระเอกไหมนะ5555555555555
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาแวะอ่านกัน<3
-
:katai2-1:
-
:pig4:
-
:L2: :pig4:
เสียเงินแบบงงๆ
-
:L2: :pig4: :L2:
-
ทำไมเราหิวตามน้องพายตลอดเลยนะ :hao6:
น้องน่ารักดี
คนพี่ก็ด้วย
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 4
'วิธีใช้หนี้'
ผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์เต็มกับการที่ต้นน้ำมากินข้าวเช้าที่ห้องของรุ่นน้องอย่างพายซึ่งเมนูที่กินไปก็คือซีเรียลนมผสมกล้วยหอม ไม่มีความแปลกใหม่อะไรเลยและแน่นอนว่ามันไม่อิ่มแต่ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็ไม่คิดจะปริปากบ่นว่าอยากเปลี่ยนเมนู ไม่เข้าใจทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้
เช้าวันเสาร์ตอนเวลาเก้าโมงครึ่งต้นน้ำเดินออกมาจากห้องของตัวเองด้วยสภาพเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบอลสีดำและรองเท้าแตะช้างดาว เขาเดินมาหยุดที่หน้าห้องข้างๆก่อนจะยกมือเคาะเป็นจังหวะเช่นวันที่ผ่านๆมา
ปึง
“ตื่นเช้าไปไหมเนี้ยพี่”
“เก้าครึ่งแถวบ้านกูเรียกสายแล้วครับน้องพาย”
“แต่บ้านผมเขาไม่เรียกว่าสาย”
เจ้าของห้องพูดจบก็เดินตรงดิ่งกลับไปที่เตียงนอนตัวเอง สอดตัวไปใต้ผ้าห่มผืนนุ่มก่อนจะบอกแขกประจำยามเช้าว่าให้เปิดตู้เย็นหาอะไรกินเองได้เลยส่วนตัวเองก็ขอนอนต่อแต่ยังไม่ทันที่ตาจะปิดสนิทดีพายก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังถูกอะไรบางอย่างทับลงมาที่ตัว--หนักและหายใจไม่ออก
“อือ พี่”
“อะไร”
“ผมหนัก ลงไป”
“เหรอ กูไม่เห็นรู้สึกเลย”
“พี่! ผมหายใจไม่ออก ลงไป” พายพยายามยกมือขึ้นดันตัวอีกฝ่ายแต่ยิ่งดันเหมือนอีกคนกดนน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม “ไอ้พี่เวร ลงไปสิวะ”
“พูดให้มันเพราะๆหน่อย”
“ไม่”
“งั้นน้องพายก็เตรียมขาดอากาศหายใจได้เลย”
“พี่ต้นน้ำครับ ปล่อยผมนะครับ”
เจ้าของชื่อขยับตัวแล้วหันไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มด้วยอาการใจเต้นแรงจนเหมือนหูอื้อ ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอนั่นทำเอาใจเขว และเพราะมัวแต่จ้องเขาก็แทบไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของเขากับน้องขยับใกล้เสียจนต่างคนต่างสัมผัสไอร้อนจากลมหายใจ
“พ..พี่”
น้ำเสียงสั่นๆของพายกำลังจะทำให้ความอดทนของต้นน้ำพังทลายลง ต้นน้ำมองกลีบปากอวบอิ่มที่ดูสีแดงสดธรรมชาติ มันดูนุ่มนิ่มจนอยากลองชิม เขาอยากรู้ว่ารสชาติมันจะหวานไหม
“พี่ต้น..”
การถูกเรียกเป็นครั้งสองถือเป็นการดึงสติเขาขึ้นมา ต้นน้ำรีบผละตัวเองออกมาแล้วทำทีเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาอะไรกินส่วนคนที่นอนอยู่ก็รีบผุดขึ้นนั่งหลังตรง พายกวาดตามองไปรอบๆห้องแก้เก้อ ไม่รู้จะทำอะไรต่อแถมใจยังเต้นรัวเหมือนคนมาตีกลองชุดแต่สิ่งหนึ่งที่ตระหนักได้ว่าการจ้องหน้าพี่ต้นน้ำนั่นมันไม่ปลอดภัยเลย
ไม่ปลอดภัยต่อใจเขาเลยยิ่งดวงตาคมนั่นจ้องมาเหมือนกับว่าจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว
ต้นน้ำกระแอมไอพร้อมกับที่สายตายังมองของในตู้เย็นไปแบบไร้จุดมุ่งหมาย เขาปล่อยให้ไอเย็นมันเป่าตัวเอง สภาพเขาตอนนี้เหมือนไอ้โง่คนหนึ่งยังไงยังงั้น
“พี่ครับเปิดตู้เย็นทิ้งไว้มันเปลืองไฟ”
“อ-เออใช่ กูกลับห้องก่อนนะ”
“เด--”
ปัง!
ไม่ทันจะได้พูดให้จบประโยคร่างสูงใหญ่ของต้นน้ำก็ไปเสียแล้วพายแค่จะถามว่าไม่กินข้าวเช้าแล้วเหรอ เขายังคงนั่งหน้ามึนอยู่ที่เดิมอยู่สักพักก่อนจะตระหนักได้ว่าควรลุกไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้วเพราะยังไงตอนนี้ให้นอนต่อคงยากแล้ว ภาพใบหน้าของพี่ต้นน้ำในระยะใกล้ยังคงติดตาไหนจะกลิ่นหอมอ่อนจากตัวอีกคนด้วย
สิบโมงกว่าพายเดินออกมาด้านนอกห้องด้วยสภาพเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นสีดำและรองเท้าแตะ ในมือก็มีกระเป๋าตังค์กับมือถือ ดวงตากลมโตตอนนี้ถูกบดบังด้วยแว่นสายตากรอบสีดำ พายกำลังเตรียมตัวออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใต้หอพักถึงแม้ว่าใจจะอยากไปห้างก็ตามแต่เขาก็รู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะขับรถไป และระหว่างทางที่เดินไปที่ลิฟต์เสียงรองเท้าแตะของใครสักคนก็ดังก้องเข้ามาในโสตประสาท
พายหันขวับไปมองแล้วก็พบกับผู้ชายตัวใหญ่กำลังทำหน้าตาเบื่อโลก
“ตกใจอะไร กูไม่ใช่ผี”
“ผมรู้ คนอย่างพี่เป็นผีไม่ได้หรอกต้องเป็นปีศาจขี้งกเท่านั้น”
“ถ้ากูขี้งกจริงกูไม่จ่ายค่าข้าวให้มึงหรอกครับน้องพาย”
“เหอะ”
“แล้วนี่จะไปไหน”
“ไปกินข้าวที่ร้านใต้หอ พี่ล่ะ”
“ไปไหนก็ได้โตแล้ว”
“เออแล้วแต่พี่เลยครับ”
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้นก่อนที่ต่างคนต่างจะเดินเข้าลิฟต์ ตัวเลขตรงมุมค่อยๆเปลี่ยนไปจนเป็นเลขหนึ่งคนทั้งคู่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาจนกระทั่งพายเดินเลี้ยวไปทางร้านอาหารข้อมือของเขาก็ถูกคนที่ลงลิฟต์มาด้วยกันรั้งไว้ เขาหันกลับไปมองโดยคิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นมาเป็นเชิงถามอีกฝ่ายว่ามีอะไร
“ไปห้างไหม กูว่าจะแวะไปซื้อของ”
“ผมต้องไปเหรอ”
“เออ”
“ก็ได้ รอบนี้ผมเลี้ยงข้าวพี่เองจะได้หายกันกับเมื่อวาน”
ต้นน้ำไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากลากรุ่นน้องหน้ามึนให้เดินไปที่รถยนต์ของตัวเอง รถยนต์ยี่ห้อหรูค่อยๆเคลื่อนๆตัวออกจากตึกหอพักเพื่อตรงไปยังห้างเซนทรัลใกล้ๆ และในระหว่างการเดินทางนั้นเองก็มีเพียงเพลงสากลที่เจ้าของรถเปิดดังคลอขึ้นอย่างแผ่วเบา
ช่วงเวลาในวันเสาร์สายๆนั้นเป็นช่วงที่คนมาเดินห้างค่อนข้างเยอะแต่พวกเขาก็ยังโชคดีที่ได้ที่จอดไว ต้นน้ำกับพายรีบเดินตรงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งทันทีซึ่งเมื่อไปถึงหน้าร้านพวกเขาก็ยังต้องรอคิวอีกหนึ่งคิวอยู่ดี พายมองเข้าไปในร้านด้วยสายตาละห้อยพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองไปมา
“พี่ผมหิวข้าว ตั้งแต่ตื่นมาผมกินนมไปแค่กล่องเดียวเอง”
“กูก็หิว กูยังไม่ได้แตะอะไรสักอย่างนอกจากน้ำเปล่า”
“ฮือ ปวดหัวเลยเนี้ย หิวข้าว”
พายโอดโอยพร้อมกับโน้มหัวตัวลงไปที่หัวไหล่ของรุ่นพี่ตรงหน้าในขณะที่คนถูกสกินชิพก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ต้นน้ำกำลังคิดว่าเราสนิทกันมากถึงขนาดนี้เลยเหรอหรือว่าจริงๆแล้วเด็กตรงหน้าแค่เป็นพวกติดสกินชิพก็เท่านั้นเอง
“คุณพายสองที่เชิญด้านในค่ะ”
เสียงพนักงานด้านหน้าร้านดังขึ้นและมันทำให้เจ้าของชื่อรีบผละหัวออกมาจากหัวไหล่ของต้นน้ำทันที พายรีบสาวเท้าตามพนักงานคนที่ว่าเพื่อตรงไปนั่งลงด้านในสุดของร้านอย่างเร็วรี่โดยมีมนุษย์หน้านิ่งเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง แผ่นเมนูบางๆถูกยื่นมาตรงหน้าและพายใช้เวลากวาดตามองเพียงแค่สองวินาทีก่อนจะเอ่ยสั่งอาหารกับพนักงาน
“เอาข้าวหมูทงคัตซึครับ แล้วก็เอาปลาแซลมอนย่างถ่านหนึ่ง”
ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมองเด็กอย่างพายด้วยแววตาทึ่ง ตัวก็ผอมแค่นี้มันเอาอาหารไปเก็บไว้ตรงส่วนไหนกันวะ
“ผมเอาเซตหมูทอดนี้ครับ”
“ค่ะ เครื่องดื่มอะไรดีคะคุณลูกค้า”
“ชาเขียวร้อนหนึ่งครับ” พายพูด
“เป็นสองเลยครับ”
“ค่ะ อาหารที่สั่งไปคือข้าวหมูทงคัตซึ ปลาแซลม่อนย่างถ่าน เซตหมูทอดแล้วก็ชาเขียวร้อนสองที่นะคะ รออาหารสักครู่นะคะ”
พนักงานสาวเดินไปแล้วในขณะที่พายก็กวาดตามองไปรอบๆพร้อมกับกลืนน้ำลายเสียอึกใหญ่ ดวงตากลมโตนั่นฉายชัดว่าอารมณ์ของเจ้าตัวคงหิวมากและท่าทางนั่นทำเอาคนมองอยู่อย่างต้นน้ำหลุดหัวเราะออกมา
“ขำอะไร”
“มึงคงหิวมากสินะ”
“มากๆ ก็ตอนเช้ามันไม่มีอะไรหนักๆลงท้องเลยนี่หว่า”
“ถามจริงมึงผอมขนาดนี้ที่มึงกินๆไปนี่ไปเก็บไว้ไหนวะ”
“ผมมันเป็นพวกเผาผลาญดีจัด” พายไหวไหล่ตัวเองเบาๆ "พี่ไม่คิดรับโทรศัพท์เหรอไง ผมเห็นมันสั่นตั้งแต่ตอนขึ้นรถแล้ว”
ต้นน้ำเหลือบตาไปมองมือถือเครื่องบางที่วางอยู่ข้างๆด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างกับว่าตอนนี้กำลังเจอกับเรื่องใหญ่อยู่ จริงอยู่ว่าเขารู้ตัวว่ามือถือของตัวเองน่ะมันสั่นเพราะมีสายเข้าตั้งแต่มาแล้วแต่เขาก็ไม่คิดว่าจะกดรับสาย
“พี่ไม่รับอะเพื่อเขามีเรื่องด่วน”
“ช่างมันเหอะ”
“ทำหน้าอย่างกับเจ้าหนี้โทรมาทวงเงินงั้นน่ะ”
“มึงดูหน้ากูด้วยครับ กูไม่เคยไปติดหนี้ใคร”
“ที่พูดมาก็จริงอย่างพี่เหมาะเป็นเจ้าหนี้มากกว่า” พายพูดจบก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“ส่วนมึงก็เป็นลูกหนี้กู ถูกไหมครับน้องพาย”
“เหอะ เดี๋ยวผมจ่ายค่าข้าวมื้อหนี้ผมก็เป็นอิสระแล้วเถอะ”
“ดอกเบี้ยยังเหลือนะครับ”
ต้นน้ำเคาะนิ้วลงกับโต๊ะโดยที่สายตาก็มองคนที่นั่งตรงข้ามด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมกวาดมองใบหน้าของพาย ดวงตากลมโตนั่นดูน่าสนใจยิ่งได้มองยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดูดไปยังอีกมิติหนึ่ง จมูกที่ดูเชิดขึ้นหน่อยๆให้ดูเหมือนพวกเด็กดื้อ ไหนจะกลีบปากอิ่มที่มีสีสดที่ตอนนี้เอาแต่ขมุบขมิบไปมา โดยรวมแล้วคำว่ามีเสน่ห์คงเหมาะกับคนตรงหน้า
“มองผมอยู่นั่นอะ เดี๋ยวหลงขึ้นมาผมไม่รับผิดนะ”
“เพ้อเจ้อ กูกำลังมองหาความเด๋อของมึงอยู่เถอะ คนห่าอะไรเด๋อจริงๆ”
“ผมไปเด๋อใส่พี่ตอนไหน”
“ที่ร้านสุกี้ไง”
“ครั้งเดียวปะเถอะ”
“เดี๋ยวมันก็มีครั้งต่อๆมา”
“เหอะ” พายสะบัดหน้าหนีก่อนจะหันไปสนใจถ้วยเครื่องปรุงใกล้ๆแทน
ไม่นานหนักอาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ทั้งสองคนเริ่มลงมือทานทันทีโดยที่ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นอีกเลย ต่างคนต่างตั้งใจตักอาหารกินอาจเพราะความหิวที่มีอยู่มากทำให้การรับประทานอาหารมื้อนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วโดยที่คนกินเสร็จคนแรกก็คือต้นน้ำ เขาหยิบแก้วชาเขียวร้อนขึ้นจิบพลางมองเด็กตรงหน้าเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ
ครืด ครืดด
แรงสั่นจากมือถือที่ดังมาเป็นระยะนั่นไม่ได้ทำให้ต้นน้ำละสายตาออกจากพายเลยสักนิด เขารู้อยู่แล้วว่าใครโทรเข้ามาและที่เขาไม่กดรับสายเพราะไม่มีอะไรจะพูด ทุกอย่างที่เกิดมันควรจะจบลงไปได้แล้ว
“ถ้าพี่ไม่กดรับก็กดปิดมือถือไปเลยเหอะ ผมรำคาญ” พายว่าพลางคีบเนื้อปลาชิ้นสุดท้ายเข้าปาก
“อืม” ต้นน้ำรับคำแล้วก็กดปิดเครื่องตามที่พายแนะนำจริงๆ
ระหว่างที่รอเด็กพายกินอาหารจนเสร็จต้นน้ำก็เรียกพนักงานเช็กบิลซึ่งค่าเสียหายสำหรับมื้ออาหารมื้อนี้ก็ไม่ได้น้อย พายที่กำลังจะคว้าเอาเงินออกมาจ่ายก็ช้าไปเพียงหนึ่งก้าวเมื่อต้นน้ำชิงยื่นบัตรเดบิตไปตรงหน้าเสียแล้ว
“ได้ไงอ่ะพี่ ผมบอกว่าผมจะเลี้ยงไง”
“มึงช้า”
“ผมรีบที่สุดแล้วเนี้ย” พายหน้ามุ่ย "งี้ผมก็ติดหนี้พี่เพิ่มดิ”
“เออไง”
“ผมไม่โอเค”
“พาย”
“อะไร?”
“กูมีข้อแลกเปลี่ยนมาเสนอมึง”
พายหรี่ตามองต้นน้ำด้วยอาการไม่ไว้วางใจในขณะที่อีกคนพอพูดจบก็ก้มลงไปเซ็นใบเสร็จสำหรับค่าอาหาร เขามองตามทุกๆการกระทำอย่างที่ไม่ค่อยเข้าใจหนักแต่เซ้นท์บางอย่างร้องเตือนว่าข้อแลกเปลี่ยนที่ว่าต้องเกี่ยวกับสายโทรศัพท์ของอีกฝ่ายแน่นอน
“ข้อเสนออะไรของพี่อะ”
“กูจะเลี้ยงข้าวมึงทุกมื้อที่มึงต้องการแต่มึงต้องกันคนคนหนึ่งให้กู”
“...”
“มึงจะกินมื้อละกี่พันก็ได้ คิดดูดีๆนะน้องพาย”
ข้อเสนอที่ว่าโคตรน่าสนใจพายคิดอย่างนั้น มีคนมาเลี้ยงอาหารให้แบบนี้เขาก็จะมีเงินเก็บเหลือแถมดูจากรูปลักษณ์แล้วพี่มันก็น่าจะรวยมากแบบที่ว่าอาหารมื้อเป็นหมื่นมันก็น่าจะจ่ายได้
“คนคนนั้นที่ว่าเขาเป็นใคร”
ต้นน้ำถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะตอบกลับไป
“แฟนเก่ากูเอง”
“แล--”
“ถ้ามึงจะบอกให้กูไปพูดกับเขาว่าให้เลิกยุ่ง กูก็จะบอกเลยว่ากูพูดจนปากเปียกปากแฉะแล้ว”
“อ่า..”
“เอาไง”
“ผมตกลง มีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น” พายคิดแค่นั้น "งั้นหนี้ที่เหลือก็ถือว่าไม่นับเนอะ”
“ตามนั้น”
“ไปกินไอติมกันต่อพี่ โกโก!”
พายยกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดี เขาคิดเพียงแค่ว่ามีคนเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมตลอดเวลามันถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง เผลอๆเรียกว่าลาภลอยได้เลย แต่เจ้าตัวคงจะลืมนึกไปว่าความละโมบนั่นอาจนำพาเรื่องยุ่งยากมาให้กับชีวิตของตัวเองในขณะที่ต้นน้ำก็แค่เดินตามเด็กกินเก่งไปเรื่อยๆโดยที่แววตานั้นเต็มไปด้วยประกายของความเจ้าเล่ห์
-------------------------------------
พี่เขามาดีหรือร้ายก็ไม่รู้5555555555555555
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
ตกหลุมจนได้
-
น้องพายย บอกทีว่าไม่ได้เห็นแก่ของกินลูกกก
-
พี่ต้นน้ำมันร้ายนัก อิอิ
น้องพายของกินมาอะไรก็ง่าย
ตามอ่านจ้า ชอบๆๆๆ
-
พี่ต้นน้ำ !! นึกว่าจะเป็นคนคูลๆ นี่มาหลอกเด็กนี่ ! :hao7:
-
อิน้อง ควรจะห่วงกินให้น้อยกว่านี้
เด๋อจริงๆ
:L2: :pig4:
-
……
น้องพาย น้องเด๋อของพี่ต้นน้ำ หลงบ่วงพี่ต้นน้ำเขาแล้วหล่ะ
แต่อย่างว่าเนอะ. ขอให้ท้องอิ่มก่อน อย่างอื่นว่ากันทีหลัง
5555
:hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
…
-
:katai2-1:
เรียบร้อยยย
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 5
'เล่นใหญ่รัชดาลัย'
หลังจากตกปากรับคำกับข้อแลกเปลี่ยนกันแล้ววันถัดมาพายก็กลับบ้านและกลับมาที่หอพักในตอนเย็นส่วนการติดต่อก็ขาดหายไปเลยแม้แต่สติกเกอร์โง่ๆก็ไม่มีมา น่าแปลกพายคิดแบบนั้นแต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดจะส่งหาก่อนหรอกนะ เขาเดินถือถุงกระดาษใบใหญ่ที่บรรจุไปด้วยของกินไปตามทางเดินของชั้นห้าแต่ทันทีที่สายตามองไปที่หน้าห้องของตัวเองก็พบกับมนุษย์ที่ขาดการติดต่อไปยืนเต๊ะท่าอยู่
“ไม่ทราบว่ามายืนถ่ายแบบเหรอครับ”
“เออ”
“พี่นี่ตลกหน้าตายนะเนี้ย”
“กูไม่ใช่คนตลกครับน้องพาย”
“เหรอๆ หลบหน่อยพี่ของหนักจะเข้าห้อง”
“อืม”
คนตัวใหญ่หลบทางให้เพื่อให้เจ้าของได้เดินเข้าไปในห้องได้สะดวกแต่ก่อนอีกคนจะหันมาปิดประตูต้นน้ำก็เป็นคนปิดให้เองเสร็จสรรพ เจ้าตัวเดินมาหยุดยืนหน้าของพายพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย
“พี่เป็นไรปะเนี้ย”
“มึงทำยังไงก็ได้ให้แฟนเก่ากูเลิกโทรมาสักที”
“อย่าบอกนะว่าตั้งแต่วันนั้นเขาก็โทรมาหาเรื่อยๆอะ”
“อืม”
“งั้นขอผมเก็บของก่อนเดี๋ยวช่วย พี่ก็เปิดมือถือได้แล้ว”
พายเดินตรงไปยังตู้เย็นแล้วเรียงกล่องอาหารและขนมนมเนยใส่อย่างเป็นระเบียบด้วยความรวดเร็วก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงนอนที่มีต้นน้ำนั่งอยู่ที่ปลายเตียงพร้อมกับมือถือที่กำลังสั่นรัวเหมือนเครื่องรับกาแฟ พายนั่งแล้วหันไปมองหน้าอีกคน
“พี่อยากได้แบบเลเวลไหน”
“เลเวลอะไรวะ”
“เหอะน่า”
“เลเวลไหนก็ได้ที่เขาจะเลิกกระหน่ำโทรเข้ามาแบบนี้”
“จัดไป รอชมนะครับพี่ต้นน้ำ”
มือขาวหยิบเอามือถือเครื่องสีดำมาไว้กับตน ยกยิ้มกว้างให้เจ้าของเครื่องก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อยแล้วถึงจะกดรับสายที่มีชื่อปรากฏอยู่ว่า ‘มีน’
(ต้น! กว่าจะรับสายทำไมรับช้าขนาดนี้)
“พี่ต้นไม่อยู่ครับ”
(นั่นใครน่ะ)
“คุณนั่นแหละเป็นใคร” พายขึ้นเสียงขึ้นมาเล็กน้อย
(แล้วทำไมเราต้องบอกคุณด้วย)
“งั้นผมบอกเองผมเป็นแฟนพี่เขา”
(ว่าไงนะ?)
“หูตึงเหรอไง”
(เราไม่เชื่อ)
“นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมเตือนไว้ก่อนนะว่าอย่าโทรมาอีก”
(คิดว่าคนอย่างฉันจะเชื่อเหรอไง เรียกพี่ต้นมาคุยเดี๋ยวนี้)
พายผละมือถือออกจากข้างหูก่อนจะเบะปากเพราะเสียงอีกคนที่พูดกลับมานั้นดังมาก ดวงตากลมโตช้อนมองคนข้างกายที่ยังเอาแต่นั่งกอดอกมองมานิ่งๆแต่แววตากลับท้าทายว่าคนอย่างเขาจะทำได้อย่างที่เคยตกลงไว้ไหม พายยกยิ้มนิดๆก่อนจะ--
“..พ พี่ต้น” พายเปลี่ยนน้ำเสียงจากปกติเป็นกระซิบ “อย่าเพิ่งเล่น ผมยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จ อื้อ..”
(ก--แก!)
“อ๊ะ..ม ไม่เอา พี่.. อือ”
เสียงกระเซ่าของพายทำเอาต้นน้ำถึงกับเลิกคิ้วสูงในขณะที่พายยังคงสนุกโดยการทำเสียงแบบนั้นใส่กลับไปหาปลายสายจนกระทั่งเสียงตัดสายดังเข้ามาแทนเสียงฮึดฮัดของคนที่ชื่อมีน พายหัวเราะออกมาดังๆพร้อมกับยื่นมือถือไปหาคนแก่กว่า
“รับรองไม่เกินครั้งสองครั้งก็เลิกโทรมาหาแล้ว ผมรับประกัน” พายยักคิ้ว
“อ--เออ กูจะคอยดูแล้วกัน” ต้นนำเอามือถือใส่ในกางเกง “กูกลับห้องก่อนล่ะ”
“ตามสบายครับพี่”
พายมองร่างสูงใหญ่เดินพรวดพราดออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วและท่าทางแปลกๆนั่นทำเอาพายได้แต่คิดว่าอีกคนจะไปตามควายที่ไหนกันแถมไม่พูดไม่จาอะไรอีกทั้งๆที่ปกติแล้วควรจะมีการพูดจากวนประสาทกันต่อ เขากำลังเซ็งนิดๆที่ไม่ได้รับคำชมเชย อุตส่าห์เล่นบทสิบแปดแบบใหญ่รัชดาลัยไป
ในขณะที่ต้นน้ำทันทีที่เดินกลับเข้ามาในห้องก็ทำได้เพียงเดินวนไปวนมาในห้อง ถอนหายใจเฮือกใหญ่แถมยังยกมือขึ้นยีผมตัวเองไปด้วย เขาแทบบ้าตอนที่ฟังน้ำเสียงของพายครางแบบนั้นไหนจะที่อีกคนเอาดวงตากลมใสแจ๋วมองมาอีก สาบานได้ว่าเขาจินตนาการไปไกลกว่านั้นและแน่นอนว่ามันส่งผลมายังช่วงล่างแบบที่ไม่ต้องสงสัยเลยและห้องน้ำก็คงเป็นทางออกในเวลานี้
เด็กแสบ
เช้าวันจันทร์อากาศแจ่มใสจนเกือบไปทางร้อนแรงต้นน้ำกับพายลงมาจากหอพักพร้อมกันโดยที่บทสนทนานั้นเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของกินและเจ้าของคนนำในการสนทนาครั้งนี้ก็คือมนุษย์พายแม้ว่าในมือจะมีกล้วยหอมจากเซเว่นในมืออยู่ด้วย
“วันนี้ผมเลิกดึกอะ แต่ผมอยากกินเครปเค้ก”
“คือจะมึงให้กูซื้อเอาไปให้มึงเหรอไง”
“คือมันก็แล้วแต่พี่จะคิดอะ ผมก็แค่คิดเสียงดังอะไรแบบนี้”
“ตกลงกูเป็นคนใช้มึงเหรอน้องพาย”
“บ้า พี่คิดงั้นได้ไงพี่เนี้ยเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกผิดไง ผมพยายามไถ่โทษอยู่นะ”
เหรอวะ--ต้นน้ำคิด
เดินไปเถียงไปก็พากันไปขึ้นรถตู้ของหอพักที่จอดรอที่หน้าตึกและเมื่อทุกที่นั่งบนรถถูกจับจองทุกที่รถก็เคลื่อนตัวออกไปจนกระทั่งวนมาจอดลงที่หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์
“ตอนเที่ยงมึงมาเจอกูตรงเซเว่นนี่ด้วย”
“ทำไมอะ”
“เยลลี่หมีไงจะกินไหม”
“กินครับ งั้นเจอกัน”
“เออ”
จบบทสนทนาไปต่างคนก็ต่างเดินแยกกันไปโดยที่ต้นน้ำเดินตรงไปอีกตึกที่อยู่ข้างๆกันส่วนพายก็เดินไปขึ้นลิฟต์ การเรียนช่วงเช้าเริ่มด้วยวิชาคำนวณและนั่นทำเอาพายที่อิ่มข้าวเช้านั่งสัปหงกไปหลายที พยายามถ่างตาอย่างสุดความสามารถจนคาบเรียนจบลงในตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง
“พาย” แมนพูดขึ้นพลางเหลือบมองคนที่อ้าปากหาวหวอด
“อือ”
“กับพี่ต้นนี่ยังไงวะ”
“ก็ไม่ยังไงนะ”
“จริง?”
“ก็แค่ดีลไว้ว่ากูมีหน้าที่กันแฟนเก่าพี่มันไปแล้วมันจะเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมกู”
“แค่นี้?”
“อือ ทำไมวะ” พายหันไปมองแมนที่ทำหน้าตาประหลาดใจ “คิดว่าพี่มันทำเนียนจีบกูเหรอไง”
“เออดิ”
“คิดมาก คนอย่างพี่มันไม่มาจีบกูหรอกและกูก็ไม่มีวันชอบพี่มันหรอก สบายใจได้”
พายลุกออกจากโต๊ะเดินนำออกไปจากห้องเรียนในขณะที่แมนที่เดินตามหลังก็ได้ถอนหายใจอย่างปลงๆ มองจากมุมไหนก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนจบของความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร เขาค่อนข้างมั่นใจและมองไม่ผิดว่ารุ่นพี่อย่างต้นน้ำไม่ได้เข้าหาเพื่อนเขาเพียงแค่อยากให้ช่วยกันแฟนเก่าออก คนแบบนั้นน่าจะจัดการด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว
พวกเขาสองคนพากันกอดคอเดินมาที่โรงอาหารของคณะตัวเองพลางกวาดสายตามองเพื่อนสนิทอีกคนอย่างกันต์ที่ลงมาก่อนแล้วซึ่งคนที่ว่าก็นั่งรออยู่โต๊ะริมตัวหนึ่ง กันต์ไม่ได้ลงเรียนตารางแบบพวกเขาเลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่นัก
“แมน กูว่าเหมือนกูลืมอะไรวะ”
“ลืมอะไร ของมึงก็เอามาหมดแล้วนี่”
“นึกไม่ออกเหมือนกันวะ”
“เอ่า! ไปกินข้าวก่อนไปเพื่อคิดออก”
“กูก็คิดงั้น”
คนขี้ลืมพยักหน้านิดๆก่อนจะวางกระเป๋าสะพายลงที่โต๊ะก่อนจะเดินตรงไปยังร้านอาหารตามสั่ง ดวงตากลมโตจ้องมองป้าแม่ค้าที่กำลังผัดข้าวไปพลางนึกว่าวันนี้จะกินอะไรดี และจนกระทั่งถึงคิวที่พายจะได้สั่งเสียงทุ้มต่ำของคนด้านหลังก็ดังแทรกเข้ามา
“เอาข้าวคะน้าหมูกรอบไข่ดาวสองครับป้า”
ใครวะ?
พายหันขวับไปทันทีและก็ได้คำตอบเป็นใบหน้ากวนประสาทของต้นน้ำ ดวงตาคมมองตาของเขาแววตาอย่างคนเจ้าชู้ มันทำให้พายอยากเอานิ้วจิ้มเข้าที่ลูกตาสองข้างเสียจริง
“พี่แซงผมอะ”
“เหรอ กูไม่รู้เลยเนี้ย”
“กวนตีน”
“พูดจาให้มันดีหน่อยครับน้องพาย”
“ก็พี่กวนตีนผมจริงๆอะ”
“มึงไม่มีสิทธิ์บ่นนะ กูนัดมึงที่ไหนมึงลืมสินะ”
“...”
“...”
“เออใช่ ผมก็ว่าอยู่ว่าผมลืมอะไร ผมขอโทษ”
“เหอะ”
“โอ๋เอ๋ ผมก็ไม่ล้านอย่าน้อยใจเลย”
“กูจะโกรธมึงแทนแล้วเนี้ย”
ต้นน้ำทำหน้าบึ้งแต่ถึงอย่างนั้นก็ยกมือขึ้นยีผมของพายอย่ามันมีส่วนคนที่ถูกแกล้งจนผมยุ่งก็เอาแต่หัวเราะตาหยีไม่ได้มีความรู้สึกโกรธแต่อย่างใด และทันทีที่ได้ข้าวที่สั่งไปต้นน้ำก็ตีเนียนเดินไปนั่งกินที่โต๊ะของรุ่นน้องด้วย การตีหน้ามึนของเขาอาจมีแค่พายเท่านั้นที่ไม่รู้สึกอะไร
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้แย่บทสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกมและเรื่องบอลโดยที่พายเองก็พูดตอบกลับไปบ้างเพราะเจ้าตัวกำลังตั้งใจกินขนมที่ต้นน้ำเอามาให้ถุงใหญ่แต่ช่วงเวลาแห่งความเพลิดเพลินก็ต้องจบลงเมื่อมีชายหนุ่มรูปร่างผอมบางตัวเล็กหน้าตาไม่ใช่เด็กที่นี้หยุดยืนที่หัวโต๊ะด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“มีน” ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“ไม่อยากรับ”
“ต้น!”
“เสียงดังทำไมเนี้ย”
“ก็ดูต้นดิมันน่าโมโหไหมอะ”
“แล้วมานี่มีธุระอะไร”
“ไม่มีธุระแล้วมาหาไม่ได้เหรอไง”
“อืม”
คนที่ชื่อมีนกัดฟันตัวเอง ใบหน้าหยิ่งๆนั่นฉายชัดถึงความหงุดหงิด ดวงตาเรียวรีตวัดมองคนบนโต๊ะอย่างหาเรื่องซึ่งมีแค่แมนและกันต์เท่านั้นทำหน้างงๆเพราะไม่รู้จักคนตรงหน้าส่วนพายก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนอกจากขนมปังไส้กรอกตรงหน้า ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“จะคุยอะไรก็ตามมา” ต้นน้ำพูดเสียงเข้มก่อนจะหันไปมองมนุษย์พาย “พายหยุดกินแล้วตามพี่มาด้วย”
พายเบะปากนิดๆก่อนจะยอมทำตามโดยยัดก้อนขนมปังที่เหลือเข้าปากแล้วหันไปส่งสายตาบอกเพื่อนว่าเดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟัง เจ้าตัวคว้าเอาจานที่วางรวมถึงเศษขยะไปทิ้งก่อนจะเดินตามคนสองคนนั้นไป
ด้านหลังตึกเรียนนั้นค่อนข้างเงียบและไม่มีคนเดินผ่าน มีนยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้นในขณะที่ต้นน้ำก็ยืนเยื้องออกไปพร้อมกับใบหน้าที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาส่วนพายก็ทำหน้าเด๋อๆมองรอบๆไปทั่ว พายไม่เข้าใจว่าจะยืนเงียบกันอีกนานไหม เขารีบเพราะมีเรียนตอนบ่ายครึ่ง
“พวกพี่จะยืนเงียบกันอีกนานไหม ผมมีเรียน”
“มีนจะพูดอะไรก็พูดมาเลย”
“มีนอยากคุยกับต้นแค่สองคน” มีนว่าพร้อมกับปรายตามองคนที่เด็กที่สุดในที่นี้
“ต้นไม่อยากมีความลับกับแฟนตัวเอง จะพูดอะไรก็พูด”
“หึ คิดว่ามีเชื่อเหรอไงว่าเด็กนั่นคือแฟนต้น”
“จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของมีน”
“เหอะ ต้นแค่ให้เด็กนั่นมาแกล้งเป็นแฟนเพื่อจะกันมีนออกไปใช่ไหม”
ต้นน้ำกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายส่วนพายเองก็เริ่มขยับตัวเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะยกมือขึ้นกอดแขนที่มีกล้ามพอสมควรของคนแก่กว่าพร้อมกับเอาหัวตัวเองซบลงกับไหล่อีกคน ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่หน้าของแฟนเก่าของพี่ต้นน้ำด้วยแววตาเหนือกว่า พายกำลังรู้สึกสนุกอยู่ในใจ ความรู้สึกตัวร้ายในละครคงเป็นแบบนี้ในขณะที่มีนได้แต่กำหมัดแน่น
“มีนจะบอกว่าต้นต้องมาถ่ายแบบให้มีนวันอาทิตย์นี้ ที่มหาลัยของมีน”
“ต้นไม่ไป”
“ต้นต้องไป แค่ช่วยแค่นี้ไม่ได้เหรอไงหรือว่ากลัวแฟนปลอมๆจะโมโห”
“ไปเถอะพี่ต้น อย่าไปปฏิเสธพี่มีนเขาเลย”
“แต่--”
พายเอานิ้วชี้ขึ้นแตะกลีบปากของต้นน้ำ เจ้าตัวยกยิ้มนิดๆแถมยังทิ้งสายตาออดอ้อนไปอีกซึ่งต้นน้ำไม่รู้เลยว่าเด็กตรงหน้าจะมาไม้ไหนแต่ที่แน่ๆใจเขาเต้นแรงจนหูอื้อแล้ว
“แฟนเก่าพี่เขาอุตส่าห์มาขอความช่วยเหลือถึงนี้ อย่าใจร้ายสิครับ”
“อ--เออก็ได้” ต้นน้ำกระแอมไอก่อนจะหันไปหามีน “งั้นเดี๋ยวเจอกันวันอาทิตย์นะมีน”
มีนไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากการปรายตามองพายแล้วเดินออกไปแต่ถ้าสังเกตดีๆคงพบรังสีความโมโหรายล้อมเจ้าตัวไว้และมือทั้งสองข้างที่ถูกกำไว้แน่น ส่วนคนที่ยืนอยู่ที่เดิมก็คอยมองจนแผ่นหลังมีนหายไปจากกรอบสายตา
“มึงต้องไปกับกูด้วยนะครับน้องพาย”
“ได้แต่มาการองที่พารากอนผมต้องได้กินนะ”
“เออ”
“โอเคดีล แล้วพี่จะมาหาผมตอนเย็นไหม”
“ทำไมกูต้องไปหามึง”
“ค่าจ้างสำหรับวันนี้ไง มื้อเย็น”
“เออๆ”
“ยอดเยี่ยม ผมไปเรียนละ”
เจ้าของกายผอมผละออกจากการเกาะตัวของต้นน้ำแล้วเดินตรงไปยังตึกเรียนทิ้งให้ต้นน้ำยืนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขากำลังคิดว่าเขาอาจเป็นโรคหัวใจ
พวกเขาสองคนมาเจอกันอีกทีในช่วงสามทุ่มครึ่งพายที่มือไม้เปื้อนสีเดินวนไปวนมาแถวของน้ำบนตึกเรียนเพื่อหาห้องน้ำที่ใช้ได้เนื่องจากในเวลานี้คนดูแลตึกก็ปิดประตูห้องน้ำไปหมดแล้วส่วนมนุษย์ตัวสูงที่ทำไมช่วงนี้ดูว่างอย่างต้นน้ำก็เดินตามต้อยๆด้วยใบหน้านิ่งๆ
“มึงจะเดินวนอีกนานไหมพาย กูก็พูดอยู่ว่าให้รอกลับไปล้างที่หอ”
“มันสกปรก มันเหนอะ มันไม่โอเคอะพี่ไม่เข้าใจเหรอไง”
“เข้าใจแต่มึงจะเดินวนขึ้นมาบนตึกเพื่อ เดินไปล้างที่หลังตึกกับเพื่อนมึงก็จบแล้ว”
“ก็ผมปวดฉี่ด้วยนี่ พี่ทำไมขี้บ่นอะ”
“เออๆ ความผิดกูเองแหละ”
“ก็แค่นั้นอะ แล้วนี่มันจะไม่มีห้องน้ำเปิดเลยเหรอไงวะ” พายบ่นงึมงำ
ในขณะที่พวกเขาสองคนเดินวนมาจนสุดทางตรงที่มีห้องน้ำเป็นตำแหน่งสุดท้ายพายก็รีบเอามือผลักบานประตูสีครีมไปและเขาพบว่ามันไม่ได้ล็อก เจ้าตัวยกยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปล้างมือจนสะอาดก่อนไปตรงที่ฉี่เพื่อปลดปล่อยสิ่งที่อั้นมาสักพักในขณะที่ต้นน้ำก็นั่งลงที่เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาดูระหว่างที่รอแต่ในวินาทีที่พายทำธุระส่วนตัวเสร็จเสียงดังก๊อกแก๊กจากห้องน้ำด้านในสุดก็ดังขึ้น
กึก กึก
ฮ..ฮึก ฮือ..
พายรีบรูดซิปกางเกงแล้วเดินไปล้างมืออีกครั้ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างก็เดิมเมื่อเสียงนั่นดังกว่าเดิม เขากลืนน้ำลงคอแล้วมองไปทางต้นน้ำที่ตอนนี้เก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงแล้วและยืนกอดอกมองมาที่ตัวเองด้วยใบหน้าที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ
“พ..พี่”
“เสร็จแล้วก็ไป”
“ครับ”
ต้นน้ำคว้ามือของพายมาแล้วพาออกจากห้องน้ำโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกันต่อมีเพียงความเงียบรายล้อมเอาไว้จนกระทั่งทั้งสองคนเดินมาถึงลานกว้างหน้าตึกคณะก็เป็นพายที่ทำท่าจะพูดอะไรออกมาแต่ก็โดนมือใหญ่ของคนแก่กว่าปิดที่ปากแถมทิ้งสายตาดุๆมาให้อีก
“ไปกินข้าวที่ใกล้ๆหอแล้วค่อยว่ากัน”
“ครับ”
ตกลงกันเสร็จต้นน้ำก็พาอีกคนมาขึ้นรถของตัวเองที่ไปเอามาจากหอตอนเลิกเรียน ครั้งนี้เขาไม่ได้เอาจักรยานออกมาปั่นเพราะคิดว่าการปั่นตอนกลางคืนมันค่อนข้างจะอันตราย รถแถวนี้ขับกันค่อนข้างเร็วด้วยอีกอย่างเขามีใครอีกติดสอยห้อยตามทางเลือกในการปั่นจักรยานจึงถูกพับเก็บลงไป
รถยนต์คันสีดำสนิทถูกจอดลงที่ริมฟุตบาทซึ่งเป็นบริเวณหน้าร้านข้าวต้มรอบดึกที่ค่อนข้างดังที่สุดในละแวกนี้ ผู้คนในร้านก็ค่อนข้างเยอะพอสมควรแต่ก็ยังพอมีโต๊ะว่างอยู่
“สองที่ด้านในเลยพี่”
พนักงานผู้ชายในร้านตะโกนเสียงดังโดยที่มือไม้ก็ชี้บอกทางไปด้วย ทั้งต้นน้ำแล้วก็พายรีบเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะว่างทันทีโดยที่ต้นน้ำปล่อยให้พายเลือกสั่งอาหารตามใจชอบเพราะอย่างไรเสียเขาก็กินได้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว
“เอาผัดผักบุ้งไฟแดง ต้มยำกุ้งน้ำข้น หมูผัดเปรี้ยวหวาน ข้าวเปล่าสองที่ครับแล้วก็น้ำแข็งเปล่าสอง” พายพูดอย่างรวดเร็ว "พี่จะเอาน้ำอัดลมรึเปล่า”
“อืม เอาโค้ก”
“โค้กขวดหนึ่งครับ”
พนักงานที่รับออเดอร์พยักหน้ารับแล้วเดินไปส่วนพายก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองโต๊ะพร้อมกับเอานิ้วขีดๆเขียนลงไปเรื่อยเปื่อยแต่ในหัวกลับมีเรื่องที่เพิ่งเจอมาวนไปวนมาในหัว ยอมรับกันตรงๆว่าเขาเป็นคนกลัวผีแบบขึ้นสมอง
“พาย”
“ครับ”
“เป็นอะไร”
“เปล่า” พายพูดเสียงเบา
“เรื่องในห้องน้ำเมื่อกี้รึเปล่า” ต้นน้ำว่าพลางเอื้อมมือไปจับมือของเด็กหน้าไว้หลวมๆ ดวงตากลมโตของอีกฝ่ายช้อนมองขึ้นมาและมันดูน่าสงสารจับใจ
“อือ” พายพูดเสียงเบากว่าเดิม "พี่ได้ยินเหมือนผมไหม”
“ได้ยิน”
“...”
“มีกูอยู่ทั้งคนมึงไม่ต้องกลัวอะไรหรอก เข้าใจไหม”
“แต่ผมก็กลัวอยู่ดี”
“ถ้ายังไม่หายกลัวไปนอนห้องกูไหมล่ะ”
พายชะงักมืออีกข้างที่จิ้มไปจิ้มมาบนโต๊ะ ดวงตากลมโตจ้องลึกไปในดวงตาคมของรุ่นพี่ตรงหน้าและสิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือความรู้สึกปลอดภัย มันเป็นความรู้สึกที่พายเองก็ไม่เคยเจอ
“ก..ก็ได้ครับ”
“อืม” ต้นน้ำว่าพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมเด็กตรงหน้า เขายกยิ้ม
สักพักอาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟกับข้าวและข้าวสวยร้อนๆนั่นทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะของคนทั้งสองคนทำงานแต่การกินมันควรจะราบรื่นกว่านี้ถ้าต้นน้ำไม่พูดถึงเรื่องผีจากที่ทำให้จิตใจหวั่นไหวตอนนี้พายคิดว่าบางทีเขาคงคิดไปเอง ปลอดภัยบ้าบออะไรอยู่กับพี่มันเนี้ยขอไปผูกคอตายต้นถั่วงอกดีกว่า
“น้องพายมึงรู้ไหมเสียงที่เราได้ยินในห้องน้ำมันคือเส--”
“พี่หุบปากไปเลยนะ” พายเอาช้อนชี้หน้า
“มันมีเรื่องเล่านะ มึงไม่อยากฟังเหรอ”
“ไม่!”
“แต่กูอยากเล่า” ต้นน้ำยกยิ้มมุมปาก
“ถ้าพี่เล่าผมต่อยพี่จริงๆนะ”
“คืองี้เมื่อก่อนห้องน้ำตรงนั้นน่ะมัน..โอ๊ย! ไอ้น้องพาย”
ต้นน้ำรีบชักเท้าตัวเองกลับเมื่อโดนเด็กตรงหน้าเหยียบเท้าไปเต็มแรง มันเจ็บจนน้ำตาจะไหลแต่อีกฝ่ายกลับลอยหน้าลอยตาและตักข้าวกิน เดี๋ยวเถอะคืนนี้เขาจะแกล้งร้องผีเอาให้ร้องไห้เลย
---------------------------------------
พระเอกเป็นบ้าไปแล้วค่ะ55555555555
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ /ถอนสายบัว
-
:z1:
:3123: :pig4: :3123:
-
:katai2-1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
มันชักจะยังไง ๆ อยู่น้า
คิดว่าไม่น่าใช่ผี แต่อาจจะมีใครถูกมัดถูกหมกไว้
-
แล้วอ่านตอนกลางคืนด้วย กลัวเลยเนี่ยยยย
ชอบตอนพี่ต้นเรียกพายว่าน้องพาย งุ้ยๆ น่ารัก
มีคนหวั่นไหวให้กับตาแป๋วๆของน้องพายแล้วแหละ :mew3:
-
:katai2-1: o13
-
พบคนหวั่นไหวหนึ่งอัตราค่าาา :hao7:
น้องพายเล่นใหญ่มากลูก แต่ก็ไม่ทิ้งลายสายแดก :hao7:
-
เขิน ช่วยด้วยยยยย ปวดแก้มไปหมดแล้วววววววววววว อมก. น่าร๊ากกกกก
-
พี่หลอกน้องรึป่าว
-
ตลกพายอ่ะ แบบชอบกินแล้วทำไมต้องทำตัวน่ารักด้วย อิพี่มันใจเต้นแรงจนเป็นบ้าแล้ว (ฮ่าาาาา)
อิพี่นี่ก็ร้ายกาจมาก มาล่อลวงน้องด้วยของกินเองแล้วก็ใจเต้นแรงเอง เออ! ให้มันได้ยังงี้สิ :sad4:
-
พายเป็นเด็กตลก :jul3:
-
ไม่ไหวแล้ว ขำต้นน้ำ เจอเด็กปั่นหัวชัดๆ เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ
-
มาตามอ่านรวดเดียวเลยค่ะ ฮื่อออ น่ารักมากๆเลยค่ะ น้องพายน่ารัก เอาจริงๆเราขำน้องอ่ะค่ะ น้องดูงงๆ ดูตามพี่เขาไม่ทันเลยเนี่ย 555555 แต่เพราะน้องเป็นแบบนี้ล่ะค่ะพี่ต้นน้ำเลยดูแบบเริ่มหลงน้องขึ้นทุกวัน นี่ไม่ทันไรพี่เขาก็ตัวติดกับน้องแล้วเนี่ย อีกหน่อยเราว่าพี่เขาคงพัฒนากว่านี้อีกอ่ะค่ะ อารมณ์แบบน้องปอกลอกหมดตัวพี่เขาก็จะยอมเป็นคนโง่ที่รักเธออะไรงี้ 555555 เราสงสารคุณมีนเขานะคะ คือต้องมารับมือกับคนแบบน้องพายนี่คงเหนื่อยอ่ะ ทางที่ดีเลิกๆยุ่งกับพี่ต้นน้ำเถอะค่ะ ถึงเราว่าจริงๆพี่ต้นน้ำต้องไปอ่อยให้คุณมีนเขามาตามแน่เลยค่ะ จะได้มีข้ออ้างเข้าใกล้น้อง ร้ายกาจมากค่ะคุณ ทำไมเป็นผู้ชายแบบนี้นะคะ แต่มีนนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายนะคะ เห็นมีที่กันต์บอกพี่รหัสเคยมีแฟนเป็นผู้ชายนี่คือมีนรึเปล่าน้อ รออ่านต่อนะคะ ถ้าน้องพายจะตกหลุมรักพี่ต้นน้ำนี่อยากให้พี่รู้ไว้ว่ามันไม่ใช่เพราะตัวพี่ แต่เป็นเพราะเงินพี่ค่ะ 55555555555555
ปล. ไม่ทราบว่าคุณนักเขียนมีแฟนเพจหรือทวิตเอาไว้ติดตมไหมคะ เผื่อไม่ได้เข้าเล้าค่ะ ฮืออออ ขอบคุณมากๆเลยนะค้า สำหรับนิยาย
-
:-[
-
จะหลอกน้องพายให้ไปนอนด้วยล่ะสิ
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 6
'เรื่องเล่าวันธรรมดา'
ตอนนี้พายกำลังยืนอยู่ในห้องของต้นน้ำซึ่งรอบๆห้องก็ไม่ได้ต่างจากห้องเขานัก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างไม่มีอะไรแตกต่าง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆคล้ายกับแมวมองสำรวจพื้นที่ในขณะที่เจ้าของตัวจริงๆเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ตากไว้ที่มุมห้องเพื่อเตรียมอาบน้ำ
“พี่”
“อะไร?”
“จะไปอาบน้ำแล้วเหรอ”
“อือ มึงก็กลับไปอาบห้องมึงแล้วค่อยเดินกลับมาที่ห้องกูก็ได้ คีย์การ์ดก็บนโต๊ะ”
“เด--”
“ว่า?”
“อย่าเพิ่งอาบดิ ไปอยู่เป็นเพื่อนผมก่อน”
เจ้าเด็กตัวผอมทำหน้ายุ่ง เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแต่ในเวลานั้นมือก็กำถุงเยลลี่ไว้แน่น ความแตกต่างที่โคตรจะไม่ลงตัว ต้นน้ำส่ายหัวนิดๆให้กับภาพตรงหน้า สาบานได้ว่าสภาพของพายไม่เหมือนเด็กปีสองสักนิด
“มึงกลัวขนาดนั้นเลย”
“เออดิ พี่ไม่กลัวแต่ผมกลัว เสียงในห้องน้ำแม่งยังติดหูอยู่เลย”
“มึงนี่น่า เออๆเดี๋ยวกูไปยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำมึงเลย”
จบประโยคพายก็ดึงแขนของต้นน้ำให้ออกจากห้องเพื่อกลับไปที่ห้องของตนเองที่อยู่ข้างๆ เจ้าตัวรีบคว้าเอาผ้าขนหนูเสื้อผ้าที่จะใส่นอนแล้วตรงดิ่งไปในห้องน้ำโดยที่คอยหันมองคนแก่กว่าที่ตรงดิ่งไปนั่งดูทีวีที่ปลายเตียงของเขาแล้วเป็นระยะ
“สัญญานะว่าห้ามหนีออกไปก่อน”
“เออ”
“พี่”
“เออสัญญา” ต้นน้ำพูดไปก็มองหน้าพายที่ทำหน้ามุ่ย "ถ้ากลัวมากให้กูเข้าไปอาบด้วยเลยไหม”
ปัง!
ไม่ตอบแต่ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังแทนคำตอบต้นน้ำได้แต่หัวเราะออกมาดังลั่นแบบที่ไม่กลัวห้องอื่นๆในชั้นเดินมาเคาะห้องแล้วด่า เขาไม่คิดว่าเด็กแสบอย่างพายจะกลัวผีแบบขึ้นสมองขนาดนี้ ส่วนคนที่เข้าห้องน้ำไปแล้วก็ได้ทำท่าทางฮึดฮัดอย่างหงุดหงิดโดนแกล้งตอนกลัวผีมันไม่สนุกสักนิด
พายยอมรับแบบแมนๆเลยว่าเขากลัวผีจนขึ้นสมองและยอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างทิ้งได้เพราะความกลัว
ต้นน้ำรอพายอาบน้ำอยู่สิบห้านาทีได้อีกคนก็ออกมาในสภาพเสื้อยืดย้วยๆสีขาวหม่นกับกางเกงผ้าขาสั้น ใบหน้าหล่อติดหวานนั้นยังคงมุ่ยเหมือนเดิมและมันทำให้ดูน่าแกล้งมากกว่าเดิมเท่าตัว เจ้าตัวเดินย่ำเท้าไปตากผ้าขนหนูเสร็จก็ตรงไปหยิบเอาชุดสำหรับใส่เรียนในวันรุ่งขึ้นก่อนจะวนกลับมายืนตรงหน้ารุ่นพี่ข้างห้อง
“เสร็จแล้ว”
“นี่คือมึงกะไม่กลับห้องแล้วเหรอไงพาย”
“ไม่อ่ะ ตอนเช้ามาก็คือต้องเรียนไปเรียนด้วยผมขี้เกียจวกกลับมาในห้อง”
“แล้วแต่มึงแล้วกัน”
“รีบๆเลยพี่ ดึกแล้วเดี๋ยวผมนอนไม่พอ”
คนตัวใหญ่ได้แต่มองตามเด็กตัวผอมคือทำไมตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนรับใช้มันกลายๆ นอกจากเรื่องที่ขอให้ช่วยกันแฟนเก่าไปเขาก็รู้สึกเสียเปรียบอีกคนทุกอย่างโดยเฉพาะค่าข้าวค่าขนมเนี้ย หมดไปเท่าไหร่เขายังไม่กล้านับเลยกลัวช็อก
“พี่ต้น!”
“อะไร”
“เดินช้าจริงพี่นี่ คนแก่ก็งี้”
“เอาอีกแล้วนะน้องพาย”
“ก็พี่แก่จริงนี่หว่า”
“จ้ะ น้องพาย”
“กวนตีน”
เออเอาที่มึงสบายใจเลยน้องพาย—ต้นน้ำคิดก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเอง
00.02 น.
ไฟในห้องดับสนิทแล้ว ผ้าม่านสีเข้มก็ถูกดึงปิดเรียบร้อยและบนเตียงขนาดห้าฟุตก็มีผู้ชายสองคนนอนหันหลังให้กันหนึ่งคนที่ดูจะหลับสนิทไปแล้วแต่อีกคนยังคงนอนลืมตาอยู่และคนที่ยังไม่หลับก็คือพาย เจ้าตัวพยายามข่มตาหลับแต่พอเริ่มเคลิ้มเสียงในห้องน้ำก็ยังคงดังสะท้อนกลับเข้ามาในหัว เขารู้ตัวดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มกลัวระบบความคิดในหัวจะเป็นแบบนี้ ไม่ชอบเลย พายอยากกลับบ้านแล้ว
เสียงขยับตัวของคนข้างกายดังขึ้นเมื่อความคิดของพายกำลังจะเตลิดไปไกล พายนอนนิ่งและข่มตาหลับอีกครั้งแต่การข่มตาครั้งนี้กลับไม่ได้แย่เหมือนครั้งก่อนหน้าเพราะเขากำลังสัมผัสได้ว่ากำลังถูกเจ้าของห้องดึงรั้งตัวไปอยู่ในอ้อมกอด แขนที่พาดทับมานั้นทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
“นอนได้แล้วพาย”
“พี่รู้?”
“อืม”
“ขอบคุณครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมานอกจากลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอที่รดหัวเขาอยู่ พายอมยิ้มกับตัวเองก่อนจะค่อยๆหลับตาลงอีกครั้งแต่เมื่อจะได้เดินทางสู่ความฝันแบบจริงๆจังๆเสียงเครื่องดนตรีไทยจากห้องพักสักห้องบนตึกก็ดังขึ้น เสียงซอที่ดังนั่นทำเอาคนกำลังจะหลับเบิกตากว้างอีกครั้งแน่นอนว่าต้นน้ำก็ลืมตาขึ้นมาเช่นกัน
“ไอ้ฉิบหาย” ต้นน้ำสบถก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง "มึงเลือกซ้อมดนตรีได้ถูกวันจริงๆ”
“...”
“เดี๋ยวกูเดินออกไปบอกมันให้ ไม่งั้นคืนนี้มึงได้ฟุ้งซ่านจนไม่ได้นอนอีก”
ไม่มีการพูดอะไรไปมากกว่านี้ต้นน้ำลุกขึ้นจากเตียงด้วยสีหน้าหงุดหงิดแต่ยังไม่ทันได้เดินไปข้อมือก็ถูกรั้งเอาไว้ พายเงยหน้ามองตาแป๋ว
“ผมไม่เป็นไร”
“แน่ใจ?”
“แค่พี่อยู่ข้างๆผม ผมก็โอเคแล้ว”
“...”
“...”
“งั้นก็รีบๆนอนไปเลย”
ต้นน้ำล้มตัวลงนอนอีกครั้งและดึงตัวของพายมาไว้ในอ้อมกอดและไม่นานต่างคนก็ต่างผล็อยหลับไปท่ามกลางเสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีไทยจากเด็กดุริยางค์ห้องเยื้องๆไป แม้ว่าในใจพายจะยังมีความกลัวอยู่แต่ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของรุ่นพี่ข้างๆก็ทำให้สิ่งนั้นค่อยๆจางหายไป
เช้าวันรุ่งขึ้นก็เป็นต้นน้ำที่ตื่นขึ้นมาก่อน เขาลุกจากเตียงเพื่อจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพราะวันนี้เขาก็มีเรียนเช้าเช่นกันก่อนจะเดินมาปลุกพายที่นอนหลับอุตุโดยที่มีผ้าห่มห่อตัวจนมองเห็นแค่ผมสีดำสนิทโผล่ออกมา
“พาย”
“อือ”
“พาย ลุกเช้าแล้ว”
“ห้านาที”
“พาย ถ้าไม่ลุกกูถีบนะ” ไม่ว่าเปล่าต้นน้ำเอาเท้ายกขึ้นเขี่ยไปที่ก้นของคนที่ห่อตัวในผ้าห่มไปด้วย
“อื้ออ เอาเท้าออกไป!”
“เร็วตื่น อย่าให้กูต้องพูดซ้ำนะ”
“เออๆ”
พายลุกขึ้นนั่งก่อนจะพยายามฝืนหนังตาตัวเอง เขารู้สึกง่วงจนอยากจะล้มตัวลงนอนต่อเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้หลับจริงๆก็ปาไปกี่โมงก็ไม่รู้คิดแล้วก็หงุดหงิด โมโหแต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวโดยที่มีเจ้าของห้องเตรียมโจ๊กคัพให้เป็นข้าวมื้อเช้า
ทั้งสองคนออกมาจากห้องในเวลาตอนแปดโมงสี่สิบซึ่งมันก็ใกล้ได้เวลาเรียนแล้วในขณะที่ต้นน้ำก็รีบเพื่อลงไปข้างล่างเพราะตั้งใจว่าจะขับรถไปแต่พายเอาแต่ย่อตัวลงนั่งเพื่อเขียนอะไรบางอย่างลงโพสอิทสีเหลือง
“ทำอะไรน่ะ”
“เขียนหนังสือไง”
“เออกูรู้แต่มึงช่วยรีบๆหน่อยเดี๋ยวสาย”
“รู้แล้วๆ เสร็จแล้วเนี้ย”
“มึงเขียนอะไรน้องพาย”
“ถ้าอยากรู้คอยมองตามแผ่นโพสอิทนะ”
เจ้าของกายผอมในชุดเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าออกไปหยุดยืนหน้าห้องห้องหนึ่งก่อนจะดึงแผ่นโพสอิทที่ว่าแปะลงที่หน้าบานประตูด้วยใบหน้าร่าเริงโดยที่ต้นน้ำมองตามการกระทำนั้นอยู่
“ปะ ไปเรียนกัน”
ต้นน้ำปล่อยให้พายไปยืนรอหน้าลิฟต์ก่อนโดยที่เขามองตัวอักษรที่เรียงเป็นระเบียบบนโพสอิทที่ถูกแปะลงที่หน้าห้องเด็กดุริยางค์ซึ่งหน้าบานประตูไม่ใช่แค่ของพายคนเดียวที่ถูกแปะแต่เขาไม่สนหรอก เขาอ่านมันจบก็ต้องหัวเราะออกมา
'ตึกดุริยางค์เขามีห้องซ้อมเปิดถึงดึกๆนะเพื่อไม่รู้'
แสบจริงๆ
คาบเรียนยามเช้าวันนี้ค่อนข้างเงียบกว่าปกติเนื่องจากสภาพนักศึกษากว่าครึ่งห้องนั้นกำลังไปเฝ้าพระอินทร์กันแล้วอาจเพราะเป็นภาคทฤษฎีด้วย เวลาเดินผ่านไปจนกระทั่งอาจารย์คนสอนบอกพักสิบห้านาทีก่อนจะมาต่อเนื้อหาพายก็รีบสะกิดเรียกเพื่อนรอบๆตัวเพื่อให้มาฟังเรื่องเล่า
“คืองี้เมื่อวานตอนเสร็จงานกูไปขึ้นห้องน้ำบนตึกมา ไอ้ห้องที่อยู่ริมสุดแล้วเจอเสียงผู้หญิงร้องไห้ตอนแรกกูคิดว่าหูฟาดแต่พอกูฉี่เสร็จเสียงยังอยู่เบาๆกูคิดว่าชัวร์ ผีหลอกแน่นอน” พายพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ในที่สุดก็มีคนได้ยินเหมือนกู” เพื่อนร่วมคลาสนามว่ากอล์ฟพูดขึ้น
“เฮ้ย! มึงเจอตอนไหน”
“เมื่ออาทิตย์ก่อนคาบเย็นกูออกไปขี้ไง นั่งๆไปสักพักกูได้ยินเสียงกึกๆจากห้องในสุดตอนแรกกูก็คิดว่าเออคงมีคนมาเข้าสักพักแม่งเป็นเสียงผู้หญิงร้องไห้เบาๆ เท่านั้นแหละขี้ต่อไม่ไหวกูใส่เกียร์หมาเลยครับ”
“มันมีคนอยู่แล้วพวกมึงไม่รู้รึเปล่า” แมนพูดขึ้น
“เออจริง” กันต์พูดขึ้นบ้าง
“ไม่มี!/ไม่มี” สองเสียงประสานกันทันทีและก็เป็นพายที่พูดต่อ "ห้องแม่งเปิดประตูอ้าแถมไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต แน่นอนว่าผี พูดแล้วขนลุกเลย”
“อันนี้กูยืนยันเพราะตอนกูวิ่งกูแบบเหลือบตาไปมองทีหนึ่ง”
ทั้งกอล์ฟทั้งพายแสดงสีหน้าจริงจังเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนเจอในขณะที่เพื่อนๆทั้งชายและหญิงต่างมองหน้ากันแล้วลูบแขนตัวเอง เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่จะดีที่สุด บทสนทนายังคงดำเนินต่อไปถึงเรื่องลี้ลับนี้จนกระทั่งเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อน้ำเอ่ยแทรกขึ้นมา--
“กูไลน์ถามพี่รหัสมาพี่เขาบอกว่ามันเคยมีภารโรงผู้หญิงผูกคอตายในห้องน้ำด้านในสุด ไม่ใช่แค่นักศึกษานะที่เจออาจารย์บางท่านก็เจอ”
สิ้นเสียงของน้ำทุกอย่างรอบตัวก็ตกอยู่ในความเงียบ นักศึกษาหลายชีวิตต่างมองหน้ากันด้วยอาการขนลุกอย่างพร้อมเพรียง ก็เข้าใจอยู่ว่าทุกที่ต้องมีเรื่องเล่าอะไรพวกนี้แต่ใครจะไปรู้ว่าบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องจริง
“กูขอพูดตรงนี้เลยว่ากูจะไม่ไปเข้าห้องน้ำตรงนั้นต่อให้กูขี้จะแตกก็จะปล่อยให้เลอะกางเกงในแม่ง” เสียงของเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“เออ กูด้วย”
แล้วเพื่อนร่วมคลาสต่างก็พูดกันถึงประเด็นนี้จนกระทั่งหมดเวลาพักนักศึกษาก็เปลี่ยนโหมดกันอีกครั้งยกเว้นแต่คนสามคนอย่างพาย แมนและกันต์ซึ่งทั้งแมนทั้งกันต์เอาแต่หันหน้ามามองพายที่นั่งคั่นกลางพวกเขาอยู่
“อะไร?”
“เมื่อคืนมึงไปนอนที่ไหนมา” แมนพูดขึ้น
“...”
“กูรู้นะว่ามึงนอนคนเดียวไม่ได้แน่ๆ” กันต์พูดสมทบ
“อ่า..คือกูแบบว่า..”
“ว่า?”
“ไปนอนห้องพี่ต้นน้ำมาแต่ไม่มีไรเกิดขึ้นนะ นอนแบบพี่น้องร่วมคณะกันงี้”
“ร้อนตัวทำไมเนี้ย” แมนหรี่ตามอง
“เปล่านี่”
“ก็แล้วไป”
“กูเป็นห่วงนะ กูไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างมึงกับพี่เขาเป็นยังไง ถ้ามันเป็นไปในทางที่ดีกูก็สนับสนุนแต่ถ้าไม่โอเคพวกกูยังยืนรอรับมึงอยู่ที่ข้างหลัง เข้าใจที่กูพูดใช่ไหมพาย” กันต์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“อือ เข้าใจ ขอบคุณนะ”
พายเข้าใจในความห่วงใยเพราะสองคนนี้ก็รู้แล้วเรื่องข้อแลกเปลี่ยนอีกอย่างเมื่อวานก็เห็นท่าทางของแฟนเก่าพี่ต้นน้ำแล้วด้วยแต่เขาก็พยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าถลำลึกไปมากกว่านี้ ยืนในจุดของรุ่นน้องรุ่นพี่ก็พอแล้ว
วีถีชีวิตนักศึกษาวิศวะภาคไฟฟ้าของพายก็ดำเนินไปอย่างปกติจนถึงหัวค่ำ วันนี้เป็นวันที่ฝ่ายอาร์ททำฉากที่จะนำไปขึ้นแสตนให้น้องๆปีหนึ่งเสร็จพอดี พายมองดูผลงานของตนกับเพื่อนๆอย่างภูมิใจ พูดก็พูดเถอะครึ่งหนึ่งของฉากคือเขาวาดและลงสีคนมันเก่งก็พูดยากน่ะนะ เขากับเพื่อนๆในคณะกว่าสิบคนวางมือจากงานแล้วหยิบถุงขนมขึ้นมากินและพูดคุย กวนตีนกันไปมาสักพักจนมีรุ่นพี่ปีสี่ที่คุ้นหน้ากันดีอย่างพี่มาร์คผลักประตูเข้ามาในห้อง
“ไง พวกมึงงานเสร็จกันแล้วสิ”
“แน่นอน คนมันเก่งไงพี่” เพื่อนคนหนึ่งในห้องตะโกนขึ้น
“เออดี ถ้างั้นพวกคนเก่งช่วยออกไปเจอกันที่โรงยิมด้วยนะครับ”
“โห่ วันนี้เลยเหรอวะพี่ ไหนว่าวันพรุ่งนี้ไง”
“อย่าบ่น มาให้ไวเลยพวกมึง”
“คร้าบบบ” พูดกันพร้อมเพรียง
นักศึกษาในชุดช็อปต่างพากันเดินเร็วไปยังโรงยิมที่อยู่ไม่ไกลหนักเพื่อทำหน้าที่บางอย่าง พายเองก็รู้ว่าต้องมาเจออะไรแต่ก็อดเซ็งไม่ได้เขาก็แค่รำคาญเวลาต้องฟังเสียงดังๆนั่น ก็พอเข้าใจการเข้าระเบียบเชียร์น่ะนะแต่การเข้าใจไม่ได้ความว่าจะชอบนี่หว่า และทันทีที่พวกเขาเดินเรียงแถวไปหยุดที่ด้านหลังเสียงปีสามก็ดังขึ้น--
“พวกคุณปีสอง! พวกคุณมันห่วยแค่สอนน้องให้ร้องเพลงพร้อมกันยังทำไม่ได้”
“พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ”
“ขอโทษแค่นี้มันง่ายไปไหม!”
“ใช่ ขอโทษอย่างเดียวมันไม่พอผมขอสั่งให้พวกคุณลุกนั่งตามเลขรุ่นเดี๋ยวนี้!”
อืม..ไดอะล็อกเดิมเป๊ะเหมือนปีที่เขาอยู่ปีหนึ่ง พายทำแค่สีหน้านิ่งแต่ในใจกลับอยากกลอกตา ทำไมเราไม่คิดสร้างไดอะล็อกใหม่กันนะแต่บ่นไปก็เท่านั้นที่ต้องทำตอนนี้คือการกอดคอเพื่อนล้อมวงแล้วลุกนั่งห้าสิบห้าครั้งก่อน ปวดขาแน่นอนแบบไม่ต้องทำนายเลย
กว่าการเข้าห้องเชียร์จะจบลงก็ปาไปเป็นชั่วโมงและพายก็ต้องยืนอยู่ในนั้นด้วย บอกตามตรงเขากำลังรู้สึกร้อนมากเหงื่อออกจนเสื้อเปียกไปหมดแล้วแถมขาที่เมื่อกี้ขยับลุกนั่งมาก็คือปวดจนอยากเอาหัวค้ำพื้นแทน เขาและรุ่นพี่ปีสามและสี่คอยยืนส่งน้องปีหนึ่งจนรอบๆบริเวณไม่มีเด็กคนไหนแล้วพายก็รีบทิ้งตัวลงนอนราบไปกับพื้นทันที
“พายมึงช่วยแหกตาโตๆของมึงด้วยว่าพื้นโรงยิมนี่มันสกปรกขนาดไหน นอนไปได้ไงวะ” เพื่อนร่วมคลาสเจ้าเดิมอย่างน้ำพูดขึ้น
“ไม่ไหว กูเจ็บขาแล้วเนี่ย”
“น่าสงสารจังเลย”
“เออพูดไปเถอะ กูไม่ใช่หญิงถึกแบบมึงนี่น่าอิอิ”
“กูขอให้เยลลี่ที่มึงกินทุกวันติดคอ”
น้ำพูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปแต่พายกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง ก็มันจริงอย่างที่เขาพูดทุกประการผู้หญิงคณะนี้อึดถึกจะตายไปจะมาโทษเขาไม่ได้หรอก คนที่เน้นกินมากกว่าขยับตัวออกกำลังกายแค่นี้ก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว
พายนอนฟังเพื่อนๆและรุ่นพี่ประชุมงานกันไปพลางๆจนสัมผัสได้ถึงเงาดำมืดมาปกคลุมและก็ไม่ผิดคาดว่าเงาดำๆนั่นคือใคร
“หิวอะพี่”
“มึงเห็นหน้ากูเป็นเซเว่นเหรอน้องพาย มาถึงก็บอกกูหิวเลย”
“ผมหิวข้าวเมื่อไหร่จะประชุมกันเสร็จ”
“จะเสร็จแล้ว ลุกขึ้นมานั่งดีๆ”
“บ่นเป็นพ่อผมไปได้ พี่ๆพรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้าอะไปกินชาบูในห้างกันปะ” พายไม่ได้ทำตามที่อีกคนบ่น
“ดูเวลาด้วยกว่าจะไปถึงห้างร้านมันก็ปิดพอดี”
คนเด็กกว่าที่นอนอยู่ที่พื้นหน้าบึ้งทันทีแถมยังหันหน้าหนีอีกต่างหากและคนที่มองอยู่อย่างต้นน้ำก็ได้แต่คิดว่างอนอย่างกับเป็นเมียเขาแต่นั่นแหละเขาจะไม่พูดออกไปหรอก
“ผมอยากกินนี่หว่า แต่กินข้าวร้านตามสั่งในซอยหอก็ได้ถึงมันจะทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอยู่นิดๆ”
“สีหน้ามึงตอนนี้ไม่ใช่ผิดหวังนิดๆแล้วมั้ง”
“พี่ไม่เข้าใจหรอก พี่ไม่เคยร้องไห้เพราะไม่ได้กินสิ่งที่อยากกินไง”
“พูดมากจริงมึง เดี๋ยวแวะห้างไปซื้อของสดแล้วมาทำที่ห้องแทนโอเคไหม”
“มันต้องอย่างนี้สิพี่” พายฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน "ปะ ไปกินเลย”
“รีบไปไหน กูยังคุยงานกับเพื่อนไม่เสร็จ”
“ช้า ช้ามาก ผมให้เวลาสองนาที”
“..สั่งกูจังเมียก็ไม่ใช่” ต้นน้ำพูดเบาๆ
“ด่าผมเหรอ”
“เปล่า”
ต้นน้ำรีบเดินไปหาเพื่อนและรุ่นน้องที่ต้องคุยงานต่อส่วนพายเองก็เดินไปหาเพื่อนบ้าง เขาพูดคุยเรื่องงานรับน้องที่กำลังจะจบลงอยู่เกือบยี่สิบนาทีได้แต่ก่อนจะปลีกตัวออกมาประธานรุ่นปีสองอย่างแมนก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา
“พี่ ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“อืม ว่ามาสิ”
ทั้งสองคนเดินหลบคนมาไม่ไกล แมนหันไปมองเพื่อนตัวเองที่กำลังหัวเราะอยู่แวบเดียวก่อนจะหันมาสบตากับรุ่นพี่ที่ตัวเท่าๆกันที่ยืนกอดอกแถมทำหน้านิ่งอีก
“พี่ชอบพายมันเหรอไง”
“มันเป็นรุ่นน้องที่น่ารักดีถึงมันจะเคยสร้างวีรกรรมไว้กับกูก็เถอะ”
“นั่นไม่ใช่คำตอบนะผมว่า”
“กูไม่มีคำตอบให้มึง”
“ผมแค่เป็นห่วงเพื่อน ถ้าพี่เห็นว่ามันเป็นแค่รุ่นน้องก็ขออย่าทำให้มันคิดไกลผมไม่อยากให้มันเสียใจ”
“อืม”
“เรื่องที่ผมจะพูดก็มีแค่นี้”
แมนเดินไปแล้วส่วนต้นน้ำก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขากำลังคิดว่าความรู้สึกในตอนนี้ที่มีให้เด็กชอบกินอย่างพายมันเป็นยังไงแต่มันก็นึกไม่ออกก็แค่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ถึงจะมาผูกติดกันงงๆแม้แต่เขาที่เป็นคนสร้างเงื่อนไขขึ้นมายังไม่เข้าใจตัวเองเลย
“พี่ต้นน้ำโว้ย! หิวแล้วครับ”
เออไม่ต้องทบทวนมันแล้วความคิดน่ะช่างมันก่อนตอนนี้เขาคงต้องไปทำหน้าที่ก่อน
“เดินช้าเป็นเต่าไปได้ หิวไส้จะขาดแล้วเนี้ยพี่มึง”
“ถ้ามันจะขาดก็ปล่อยให้มันขาดไปเลย”
“พี่แม่งใจร้ายแต่ผมไม่โกรธคนที่คอยเลี้ยงข้าวผมหรอกนะ”
“เออ กูมันมีค่าแค่นี้แหละ”
แล้วตลอดทางเดินไปยังลานจอดรถก็มีแต่เสียงหัวเราะของพายเท่านั้น
-----------------------------------------------
ก่อนไปพบเจอความแสบของน้องพายในตอนหน้าก็เจอน้องเล่าเรื่องผีนิดๆ
ขอบคุณนะคะที่แวะเข้ามาอ่านกัน /ย่อตัว
ปล.แฟนเก่าพี่ต้นน้ำคือผู้ชายนะคะ ต้องขออภัยด้วยที่เราไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนยังไงเราจะไปแทรกรายละเอียดให้แต่เนื้อหาทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมค่ะ
ปล2.เจอกันเสาร์หน้านะคะ<3
-
:pig4:
-
พี่ต้นน้ำอยากได้น้องพายเป็นเมียไหมล่ะ อิอิ
-
สนุกมากก
น้องพายน่ารัก เหมือนน้องน้อยในกลุ่ม วันๆคิดแต่เรื่องกิน
อีพี่ก็สายเปย์มาเชียว
-
:pig4: :pig4: :pig4:
หน่องพายนี่ สายแ-ก จริง ๆ
ส่วนพี่ต้นน้ำยังไม่มีคาแรกเตอร์ไรเด่นชัด
สักวันเขาคงสปาร์กกันหล่ะเนอะ
-
:-[ น้องพายน่ารัก....
-
งืออออ น้องพายเรียกบันไดลอยเหมือนเราเลยยยยย
อิพี่นี่หลอกล่อน้องด้วยของกินไปอีกกกก น้องก็ใจง่ายย คราวหน้า จัดไปค่ะลูก ไปภัตตาคารอาหารที่แพงที่สุดไปเลยยยย พี่เค้าเลี้ยงหนูไหววว
-
น้องพายยยยยยย ไอ้ตัวแสบของแม่ แสบจริงๆ เลยลูกเอ๊ยยย ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ไปก่อน เดียวก็รู้ใจตัวเองทั้งพี่ต้นน้ำทั้งน้องพาย (ฮ่าาาาา)
ชอบอ่ะ นิยายเหมือนแต่งมาเพื่อเราไงไม่รู้ สายแ-กเหมือนน้องพาย (ฮ่าาาาาา) แต่ไม่เหมือนน้องพายก็ตรงที่กินแล้วอ้วนเป็นตุ่มไม่ผอมเหมือนน้อง (ก๊ากกกก)
ปล.นิยายน่ารักมากๆ เลยค่ะ ทั้งพระ-นายทั้งเพื่อนนายเอก นี่แอบชอบแมน (อิอิ) ติดตามนะคะ เป็นกำลังใจให้ เดียวซื้อฮาร์ทบีทให้2เม็ด(?) //โดนคุณนข.ตบ :hao5:
-
โอ่ยย น่ารักกก เราว่าต่างคนต่างหวั่นไหวแล้วแหละค่ะ สำหรับพี่ต้นน้ำน้องพายอาจจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนแฟนเก่า คือน้องเป็นคนน่ารักอ่ะค่ะ ทำให้คนรอบข้างสดใสได้ ต่อให้น้องจะเซ้าซี้เรื่องกินมาก แล้วยังเอาแต่ใจอีก แต่แปลกนะคะ เราไม่รู้สึกว่าน้องน่ารำคาญอ่ะค่ะ พี่ต้นน้ำก็คงคิดแบบนั้น คือเราว่าพี่เขาเป็นเกย์อ่ะ แฟนเก่าก็ผู้ชาย พี่เขาต้องหวั่นไหวบ้างแหละ พอแมนมาคยด้วยวันนี้แล้วยังนอนกอดกันมาแล้วอีก เราว่าพี่ต้นน้ำใกล้จะรุกจริงจังแล้วแน่เลยยยย ฮือออ อยากให้เขาเป็นแฟนกันแล้วค่ะ พี่อย่ายอมเสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับนะคะ แต่เราคงไม่ต้องกังวลอ่ะ เดี๋ยวน้องพายคงโดนรวบหัวรวบหางอ่ะ นี่ยังนอนกอดแล้วเลยย 555555
-
น้องพายยังไม่คิดอะไรเล้ยย อิพี่เริ่มแล้ววว :katai2-1:
-
เอ็นดูน้องพาย สายกินจริงๆ
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 7
'น้องเขาน่ารักดี'
วันอาทิตย์มาถึงไวยิ่งกว่าสามจีพายไม่ได้กลับบ้านเนื่องจากมีภารกิจที่ต้องทำรออยู่ วันนี้เขาตื่นมาแต่เช้ามาอาบน้ำแต่งตัวซึ่งชุดที่เลือกในวันนี้ทำเอาเขาคิดหนักพอสมควรแต่สุดท้ายก็ได้ชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลายทางกับกางเกงขาสั้นสีดำและรองเท้าผ้าใบสีขาว พายคิดว่าตัวเองดูดีมากนะ ยกยิ้มให้กับตัวเองหนึ่งทีหน้ากระจกก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมกระเป๋าคาดไหล่สีเดียวกับกางเกงไปที่ห้องต้นน้ำ
พายยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเป็นจังหวะบ้างอย่างอารมณ์ดีแต่ยังไม่ทันได้จบทำนองดีบานประตูห้องก็ถูกเปิดมาพร้อมกับสีหน้ายุ่งๆของต้นน้ำซึ่งเจ้าตัวอยู่ในชุดพร้อมออกและมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ทั้งเขาและรุ่นพี่ตรงหน้าใส่เสื้อแบบเดียวกันต่างตรงที่อีกคนใส่กางเกงทรงกระบอกขาเต่อสีคาราเมลแค่นั้นเอง
“พี่แต่งตัวตามผม คนแก่ขี้ก็อป”
“ถ้าพูดว่าคนแก่อีกทีกูปากล่องมาการองลงพื้นแล้วเอาเท้าขยี้นะ”
“นิสัยเสีย แม่พี่ไม่สอนเหรอไงว่าห้ามเอาเท้าเหยียบของกินอะ”
“สอนแต่กูไม่จำ ทำไม”
“ผมก็ว่างั้นอะ ไหนเอาขนมมาเลย”
“กินขนมแต่เช้า อ้วนแน่มึง”
“อ้วนก็อ้วนสิผมกินผมไม่ได้ดม”
ยอม--ต้นน้ำคิดก่อนจะยื่นกล่องขนมราคาแพงไปให้เด็กกินจุตรงหน้า เขามองอีกคนเดินนำไปที่หน้าลิฟต์ไปพลางคิดว่ากินเยอะขนาดนี้แต่ไม่อ้วนสงสัยพยาธิเยอะแน่นอน
“แวะกินข้าวเช้าก่อนกูหิว”
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ก่อนจะเจอศึกใหญ่ท้องต้องอิ่ม”
“มึงก็พูดเว่อร์ไปไหม”
“ไม่หรอก ดูๆแล้วแฟนเก่าพี่เขาก็เอาเรื่องอยู่นะ ถ้าผมโดนทำร้ายร่างกายผมเรียกค่าเสียหายเพิ่มได้ไหม”
“มึงก็พูดไปแฟนเก่ากูเขาไม่ทำไรมึงหรอก”
“ปกป้องขนาดนี้ไม่ต้องให้ผมไปช่วยแล้วมั้ง”
ต้นน้ำหันไปหรี่ตามองแวบหนึ่งเพื่อมองสีหน้าบูดบึ้งของคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมองยังไงก็น่าแกล้งและทันทีที่รถหยุดตามไฟจราจรเขาก็รีบละสายตาจากท้ายรถคันหน้ามามองเด็กกินจุที่เริ่มจะทำหน้าเคร่งเครียด มุมปากเขายกขึ้นก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับแก้มแล้วดึงให้มันยืด
“โอ๊ย!! พี่ผมเจ็บ”
พายหันไปมองตาขวางพร้อมกับพยายามปัดมืออีกคนออกแต่พอปัดได้มือของอีกฝ่ายก็ย้ายไปอีกฝั่งวนไปวนมากับแก้มเขาจนไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวนั่นแหละถึงเลิก พายยกมือขึ้นมานวดแก้มตัวเองที่ตอนนี้คงจะเป็นสีแดงเถือกไปแล้ว
“ผมอยากกินโจ๊กสามย่านเป็นมื้อเช้า”
“ไกล”
“พี่ทำร้ายผมจนแก้มผมชาแบบนี้ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
“กูต้องฟังมึงเหรอไงพาย”
“ถ้าพี่ไม่ฟังผมกัดหูพี่ขาดแน่แล้วจะบอกแฟนเก่าพี่ว่าพี่อยากคืนดีกับเขาใจจะขาด” พายจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าด้านข้างของต้นน้ำ
คนที่หน้าหน้าที่ขับรถไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปนอกจากเบี่ยงรถออกไปอีกเลนเพื่อตรงไปยังร้านโจ๊กที่ว่า เอาเข้าจริงเขาไม่จำเป็นต้องไปฟังคำสั่งของเด็กนี่เลยสักนิดถึงเพราะเรื่องนี้มันเหนือข้อแลกเปลี่ยนที่ว่าจะแลกเปลี่ยนแค่ช่วงที่กันแฟนเก่าไปได้เท่านั้นแต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัดใจพาย
ระยะทางจากหอพักตรงไปยังร้านโจ๊กที่ว่าก็ใช้เวลานานพอสมควรและก็เป็นโชคดีที่ต้นน้ำได้ที่จอดใกล้ร้านพอดี พายรีบเดินนำจากรถตรงไปสั่งโจ๊กอย่างรวดเร็วก็เดินไปหาที่นั่งซึ่งที่ว่างก็คือเกือบจะในสุด
“มึงรีบไปรึเปล่าพาย แล้วสั่งให้กูยัง”
“แล้วครับ ถ้าไม่รีบก็โดนคนแย่งที่นั่งดิพี่” ประโยคหลังพูดเหมือนกระซิบ
“มึงนี่นะ”
“แล้วนี่แฟนเก่าพี่เขานัดกี่โมงอะ”
“สิบโมงประมาณนั้น”
“ทันเนอะ เรารีบๆกิน”
“อย่างมึงไม่ต้องรีบก็หมดเร็วพาย”
พายสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นส่วนต้นน้ำก็เท้าคางทำทีเป็นมองรอบๆร้านแต่จริงๆก็คือมองหน้าพายนั่นแหละ การได้มองใบหน้าของคนตรงหน้าก็เพลินดีแถมแก้มสองข้างที่ยังคงแดงอยู่นั้นก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่อยากละสายตาออกมาเลย
“ผมรู้นะว่าพี่มองผมน่ะ”
“...”
“แหนะ ทำเป็นเงียบ หลงผมแล้วอะดิ” พายฉีกยิ้มกว้างใส่หน้าต้นน้ำ “กิ้วๆ ผมรู้ว่าผมหน้าตาดีไงเป็นธรรมดาที่พี่จะต้องหลง”
เวลาเดียวกันที่ต้นนำถูกล้อโจ๊กชามใหญ่สองชามก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ควันร้อนๆลอยขึ้นมาจากชามจนเห็นได้ชัดและสิ่งๆนั้นก็ทำให้พายหยุดพูดและทำสีหน้าล้อเลียนและหันไปทำตาโตใส่ชามโจ๊ก
“เอาละกินได้”
ต้นน้ำหลุดยิ้มออกมาหลังจากพยายามดึงหน้าอยู่นานท่าทางที่คนโจ๊กหรือดวงตาเป็นประกายเวลาเห็นอาหารของพายมันน่าเอ็นดูจริงๆ
“ถ้ากูหลงมึงขึ้นมาจริงๆมึงจะรับผิดชอบกูไหมพาย”
“...”
“...”
“..เมาโจ๊กแน่ๆ” พายพูดงึมงำ
และตลอดมื้ออาหารก็มีเพียงเสียงดังจอแจรอบตัวเท่านั้น ทั้งสองคนเหมือนจะจมจ่อไปกับความคิดของตัวเองและอาหารตรงหน้าจนกระทั่งกลับขึ้นมาบนรถก็แล้วก็ยังไม่มีใครเริ่มต้นพูดอะไรคนหนึ่งตั้งใจขับรถอีกคนเอาแต่เหม่อออกไปด้านนอก และในตอนนี้ก็มีเพียงเสียงเพลงในรถเท่านั้นที่ดังคลออยู่--
ใกล้เกินกว่าที่จะพูดคำใดๆออกไป
มันใกล้เกินกว่าจะมองเห็นใคร
เมื่อเราใกล้จนอยากจะหยุดหายใจ
เพลงจังหวะสบายๆยังคงดำเนินไปและถึงแม้ว่าคนเป็นเจ้าของรถจะฟังบ่อยแล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้พอฟังแล้วเพลงมันดันเพราะขึ้นกว่าเดิมก็ไม่รู้
“กูชอบเพลงนี้”
“ผมก็ชอบ”
“...”
“จริงๆผมชอบพี่ตอนแทนตัวเองว่าพี่มากกว่ากูอีกนะไหนจะเรียกผมว่ามึงด้วย”
ทางเดินมีสองทาง เราคงต้องตัดสินใจ
เราจะไปทางไหนกันดี จะอยู่หรือไป
“อือน้องพาย”
แล้วเพลงใกล้ของสครับก็จบลงโดยที่ต่างคนต่างอมยิ้มให้กับทัศนียภาพข้างหน้าโดยที่ไม่รู้ตัวและแม้ว่าเพลงจะถูกสับเปลี่ยนไปเป็นเพลงอื่นแล้วแต่ความรู้สึกยังคงตกค้างอยู่ในใจ
บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยใจกลางเมืองนั่นแตกต่างจากมหาลัยนอกตัวเมืองหลวงอย่างพายค่อนข้างมาก รอบๆพื้นที่อาจจะไม่กว้างแต่กลับซับซ้อนและนั่นทำให้พายต้องเผลอหยุดเดินแล้วมองรอบๆตลอดในขณะที่ต้นน้ำก็พยายามจะเดินให้ช้าลงจากที่เคยเป็น
“พายเดินไวๆ มันช้ามาสิบนาทีแล้วนะ”
“ก็ได้ๆ”
ทั้งสองคนพากันเดินไปยังตึกเรียนของคณะศิลปกรรมศาสตร์พายดูจะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนแต่สายตาเป็นประกายนั่นก็ทำให้ต้นน้ำรู้ เขาหยุดฝีเท้าตัวเองเพื่อรออีกคนก่อนจะคว้าข้อแขนมาจับไว้
“พี่มาที่นี้บ่อยเหรอ”
“อืม ช่วงปีก่อนๆที่ยังคบกันกูก็แวะมาหาเขาตลอดทุกครั้งที่ว่าง”
“ความรักทำให้คนอดทนฝ่ารถติด นับถือใจพี่เลย” พายว่าก่อนจะหันมองสีหน้านิ่งๆของต้นน้ำ "ผมน่ะบางทีก็ไม่กลับบ้านหรอกวันศุกร์รถติดขี้เกียจขับรถ”
“พี่ไม่ใช่คนที่อดทนอะไรเก่งหรอกนะแต่ทำไงได้ละ ไม่มาหาก็โดนงอน”
ดวงตาคมของต้นน้ำนั้นมีแต่ความว่างเปล่าเมื่อนึกถึงตอนที่ทะเลาะกันแทบตายด้วยเรื่องที่เขาขี้เกียจขับรถเข้าเมืองมาหา มันเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวจริงๆในตอนนั้นความเอาแต่ใจของมีนมันมากขึ้นจนเขาก็แทบรับไม่ไหว
พายและต้นน้ำมาถึงห้องห้องหนึ่งที่ดูแล้วมันถูกจำลองเป็นสตูดิโอขนาดย่อม ภายในห้องมีคนอยู่ประมาณหกเจ็ดคนแน่นอนว่ารวมมีนด้วย เจ้าตัวกำลังเดินไปเดินมาจัดเสื้อผ้านายแบบคนหนึ่งที่หน้าฉากพร้อมกับใบหน้าติดจะหยิ่งๆไว้ด้วย
“มีน” ต้นน้ำพูดขึ้น "โทษทีที่มาช้าพอดีรถติดน่ะ”
“ไม่่เป็นไร เดี๋ยวต้นตามมีนมาเปลี่ยนชุดนะ”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวให้พายเข้ามาช่วยดีกว่า”
มีนปรายตามองรุ่นน้องที่ติดสอยห้อยตามต้นน้ำมา เขาแสดงแววตาอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบขี้หน้าเด็กตัวสูงตรงหน้า มันคงไม่มีแฟนเก่าคนไหนบนโลกชอบคนคุยใหม่ของคนที่เคยคบกันมาหรอก
“ต้นกลัวอะไรเหรอ นั่นมันเสื้อผ้าที่เป็นผลงานของมีนมีนต้องรู้ดีสิว่าต้องใส่อย่างไง”
“แต่--”
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมรอข้างนอกดีกว่าเกิดผมเข้าไปช่วยแล้วทำเสื้อผ้าพี่มีนพังขึ้นมาคงแย่”
“งั้นพายไปนั่งรอพี่ตรงแถวๆนั้นแล้วกันนะ”
“ครับ”
พายฉีกยิ้มให้พร้อมกับยกมือขึ้นลูบต้นแขนเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างโต๊ะตัวที่วางคอมพิวเตอร์ยี่ห้อผลไม้โดยตรงนั้นก็มีตากล้องที่เป็นนิสิตนั่งเช็กกล้องอยู่ด้วยในขณะที่ต้นน้ำก็คอยมองจนสุดสายตาก่อนจะเดินตามแรงดึงแขนจากมีน
และทันทีที่เข้ามาส่วนของห้องแต่งตัวมีนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ต้น”
“อะไร”
“จะพาเด็กนั่นทำไม”
“เอาเสื้อผ้ามาเดี๋ยวต้นเปลี่ยนเอง” ต้นน้ำไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้นอกจากเปลี่ยนเรื่องไปเลยแต่ดูเหมือนมีนจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่
“ตอบมีนมาก่อนสิ”
“ตอบแล้วยังไงละมีนก็ไม่ชอบหน้าพายอยู่ดี แล้วยื่นเสื้อผ้ามาสักทีจะได้รีบถ่ายๆให้มันเสร็จๆ”
“ถามจริงๆนะ เอาเด็กนั่นมากันมีนใช่ไหม”
ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะคว้าเอาเสื้อผ้าในมือของมีนมา เขาเลือกจะถอดเสื้อเปลี่ยนมันตรงนั้นเลยโดยไม่ได้สนใจสีหน้าไม่พอใจของมีนที่กำลังออกอย่างชัดเจนในตอนนี้
“ต้นตอบสิ”
“ไม่ใช่ นั่นแฟนใหม่ต้นเอง” มือทั้งสองข้างก็กลัดกระดุมไปด้วย "แล้วเลิกถามเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย”
มีนกำมือทั้งสองข้างแน่น เขาไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้และตอนนี้ทำได้แค่โฟกัสกับงานตรงหน้า มีนเข้าไปช่วยจัดแจงชุดที่ออกแบบและตัดเย็บเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดซึ่งทุกอย่างถูกจัดแจงจนเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที
ต้นน้ำออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่ปลดกระดุมออกเสียตั้งสามเม็ดและกางเกงยีนขาดเข่าสีดำเช่นกันส่วนรองเท้านั้นเป็นรองเท้าแตะกึ่งสาน พายมองอีกคนแบบไม่กะพริบตาและเขาอดจะชื่นชมในใจไม่ได้ว่าอีกคนโคตรจะดูดี สัดส่วนและความหนาของร่างกายนั่นช่างสมบูรณ์เหลือเกิน
“เดี๋ยวเซตผมหน่อยนะ” มีนหันไปพูดกับเพื่อนของเจ้าตัวก่อนจะหันไปหาตากล้อง "ไม่เกินสามสิบนาทีนะเกน”
“ตามสบาย”
มนุษย์ที่ชื่อเกนตอบรับก่อนจะหันไปชวนพายพูดคุยระหว่างที่รอซึ่งต้นน้ำที่กำลังถูกจับเซตผมแต่งหน้าก็คอยมองตลอดและเห็นด้วยว่าพายกำลังหัวเราะชอบใจ เขากำลังรู้สึกหงุดหงิดกับภาพที่เห็น ความไม่พอใจผุดขึ้นมาจนเรียวคิ้วขมวดเข้าหากันอัตโนมัติ
“เอ่อต้นน้ำรบกวนคลายคิ้วนิดนึงนะ” ผู้หญิงที่รับผิดชอบส่วนแต่งหน้าเซตผม
“โทษที”
“ไม่เป็นไรจ้า”
“...”
“คนนั้นชื่อเกน รุ่นๆเดียวกันเป็นคนมีฝีมือถ่ายภาพมาก”
“...”
“เป็นคนคารมดีแต่ก็เจ้าชู้พอสมควร”
“บอกเราทำไม” ต้นน้ำพูดเสียงนิ่งๆ
“เรารู้ว่าต้นอยากรู้ เห็นตามองน้องที่พามาด้วยไม่กะพริบเลย หึงละสิ”
ว่าที่นายแบบวันนี้แม้จะแสดงออกว่านิ่งแค่ไหนแต่ในใจกลับปั่นป่วนยิ่งกว่าอะไรและจนต้นน้ำแต่งตัวทำผมอะไรเสร็จแล้วคนที่ชื่อเกนกับพายก็ยังคุยเล่นกันไม่เสร็จสักทีแต่พอจะเดินเข้าไปทักมีนก็ดึงเขาไปที่หน้าเซตเสียก่อน
“เดี๋ยวใส่จิวนี่ด้วยนะ” มีนยื่นจิวต่างหูสีดำไปตรงหน้า "ยังใส่ได้ใช่ไหม”
“อืม”
“ย่อตัวลงหน่อยเดี๋ยวใส่ให้”
“ไม--”
“เร็วๆต้น”
“เออๆ”
นายแบบจำเป็นไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรนอกจากทำตามอีกฝ่าย มีนค่อยๆใส่จิวต่างหูให้ก่อนจะจับเสื้อผ้าหน้าผมและใส่ส่วนของผ้าอะไรอีกทีต้นน้ำไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะสายตามันเอาแต่จ้องไปที่พายที่ตอนนี้เหมือนจะหันมามองตนเองแล้ว เขาพยายามสื่อสารทางสายตาว่าให้อีกคนเดินมาหาแต่อีกคนกลับทำเพียงขยับปากบอกเขาว่าสู้ๆ
หงุดหงิดโว้ย!!!!
กว่าที่นายแบบจะแต่งตัวอะไรเสร็จเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนจะเริ่มถ่ายรูปซึ่งการถ่ายรูปในครั้งนี้คือการส่งพอร์ตผลงานส่งอาจารย์ของมีนและแน่นอนว่าชุดนี้จะถูกนำไปขายในร้านอีกต่อหนึ่ง เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและพายเองก็มองทุกอย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาไม่เคยเห็นพวกเบื้องหลังอะไรแบบนี้เท่าไหร่
แชะ! แชะ!
“หันซ้ายทีครับ”
ทั้งเสียงคนและเสียงชัตเตอร์นั้นไม่ได้ดึงความสนใจของพายได้มากเท่านายแบบจำเป็นอย่างต้นน้ำเลยเพราะทันทีที่เขาเทความสนใจไปที่รุ่นพี่ตรงหน้าเขาก็ละสายตาออกไปไหนไม่ได้อีกเลย อีกฝ่ายสลัดภาพนักศึกษาวิศวะกากๆไปจนหมดหลงเหลือเพียงผู้ชายที่มีเสน่ห์เหลือล้น
พายไม่รู้เลยว่าอีกคนเจาะหูด้วยซึ่งจิวที่หูนั่นยิ่งขับให้ใบหน้าอีกคนหล่อเหลามากกว่าเดิมและนี่ไม่รวมกับทรงผมที่ถูกเซตปัดข้างซึ่งผมด้านนั่นเหมือนว่ามันจะยาวไม่มากพอจะเดาได้ว่าก่อนหน้าอีกคนคงจะไถมาแน่นอน สิ่งที่เห็นนั่นทำเอาใจดวงน้อยของพายเต้นแรงเสียจนควบคุมไม่อยู่ รู้สึกเขินแม้ไม่ได้ถูกมองตาตรงๆ มองเพลินจนไม่รู้เลยว่างานถ่ายแบบตรงหน้าจบลงแล้ว
“ขอบคุณมากนะเกน” เสียงของมีนดังขึ้นมา
“ไม่เป็นไร”
“ต้นด้วยนะ”
มีนไม่ได้พูดเปล่าแต่กลับเดินตรงไปหานายแบบของวันนี้แล้วเขย่งเท้าแล้วกดจมูกลงที่แก้มของต้นน้ำ มีนฉีกยิ้มหวานให้ก่อนจะมอบสีหน้าแห่งชัยชนะไปให้กับพายที่ยืนอยู่ไม่ไกลซึ่งปฏิกิริยาที่ได้คือเจ้าตัวทำหน้าเหวอไปแล้ว
“ทุกคนเก็บของกันเลย” ผู้หญิงที่แต่งหน้าทำหน้าผมให้ต้นน้ำพูดขึ้นอย่างดีใจ "ไปกินข้าวด้วยกันไหมต้นน้ำแล้วก็น้อง?”
“พายครับ”
“ใช่เลย น้องพายไปกินข้าวด้วยกันไหมเอ่ย”
“ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ” พายตอบกลับอย่างสุภาพ
“โอเคจ้า”
ผู้คนภายในห้องเริ่มกระจัดกระจายไปตามมุมเพื่อเก็บของในขณะที่เขาก็ยืนงงๆอยู่ใกล้ๆกับประตูห้องโดยที่มีเกนห้อยกระเป๋าใส่กล้องอยู่ข้างๆตนเอง อีกฝ่ายดูจะเป็นยิ้มเรี่ยราดพอสมควรแถมดวงตายังยิ้มตามอีกมันก็ดูมีเสน่ห์แต่พายก็พอรู้ว่าคนตรงหน้านี้ไม่ควรเข้าใกล้มากนัก
“เออน้องพายจะเป็นไรไหมถ้าพี่ขอไลน์ไว้ เพื่อไว้คุยกันเรื่องร้านอาหารอร่อยๆน่ะ”
“เอ--”
“พายกลับกัน”
ยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธอะไรออกไปต้นน้ำก็เดินเข้ามาพร้อมกับจับมือพายไว้เสียแน่นแถมทำสีหน้าหาเรื่องเกนอีกต่างหาก ดวงตาคมดูดุขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“น้องพาย”
“คือผมไม่ค่อยได้เล่นไลน์น่ะพี่ ผมกลับก่อนนะครับพี่เกน”
“งั้นก็ได้ ไว้ว่างๆพี่จะแวะไปหาที่มหาลัยนะ”
“ไปทำไมให้เกะกะ” ต้นน้ำพูดแทรกขึ้น "ไปพาย”
ต้นน้ำพูดจบก็เตรียมลากพายออกมาจากห้องแต่ไม่วายโดนเกนดึงไหล่เอาไว้ อีกฝ่ายโน้มตัวเขามาใกล้ๆก่อนจะกระซิบบอกด้วยประโยคที่ฟังแล้วเขาหัวร้อนขึ้นมาทันที--
“น้องเขาน่ารักขนาดนี้จะหวงก้างไว้คนเดียวคงไม่ดีมั้งครับ”
“มึง”
“ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ หึ”
เกนตบบ่าต้นน้ำไปสองสามทีก่อนจะเป็นคนเดินออกจากห้องไปก่อนโดยทิ้งรอยยิ้มกวนประสาทเอาไว้ส่วนต้นน้ำได้แต่กัดฟันกรอด หัวเขาร้อนจนถ้าวัดอุณหภูมิมันคงขึ้นสูงจนปรอทแตกแน่นอน เขากำลังรู้สึกโมโหและหงุดหงิดจนอยากหยิบอะไรสักอย่างทุ่มลงกับพื้นมันเดี๋ยวนี้
“พี่ไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวแล้ว” พายพูดขึ้นพร้อมมองหน้าอีกคนงงๆ "ใจเย็นๆไม่ต้องโมโหหิวนะ รอบนี้พี่เลือกเลยว่าอยากกินอะไร”
แต่ความหัวร้อนก็หายไปเพราะเด็กตรงหน้า เจ้าตัวที่ทำหน้าเด๋อนี่กำลังพยายามปลอบใจเขาซึ่งเดาได้ว่าอีกคนคงเข้าใจว่าเขาถูกพูดกวนตีนใส่แต่ไม่รู้เนื้อความแน่นอน
“งั้นแวะห้างใกล้ๆนี่แล้วกัน”
"งั้นผมขอแนะนำร้านชาบูร้านxxxนะ น้ำซุปอย่างอร่อย อันนี้คือคำแนะนำนะพี่จะไม่ไปก็ได้”
พายมองต้นน้ำตาแป๋วในขณะที่เดินลงจากตึกคณะซึ่งเขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะคิดว่ายังไงคงไปตามร้านที่อีกคนแนะนำนั่นแหละ ใครจะไปปฏิเสธเด็กนี่ลงกันและความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาความอยากเอาคืนตอนโดนอ้วกใส่มันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
----------------------------------
พระเอกทำไมน่าสงสารก็ไม่รู้เนอะ55555555555555
ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณจากใจค่ะ
ติดแท็กอะไรงี้ก็ได้นะคะ #ต้นน้ำพาย แล้วก็มีหน้าทวิตที่เพิ่งเปิดด้วย @happythurday ค่ะเพื่อไว้อัพเกี่ยวกับนิยายซึ่งมีอยู่เรื่องเดียว555555555555
-
:pig4: :pig4: :pig4:
งุย ๆ มีแอบหวงด้วย เอ....หรือหึงหว่า?
-
เกนดูออกได้ไงว่าไม่ได้เป็นแฟนกันนน
มีคนหึงน้องแหละะ น้องก็มองพี่แล้วเขินน เริ่มแล้วววว
ขำน้องพายยยย แนะนำร้านที่ตัวเองอยากกินด้วยตาแป๋วๆพี่เค้าคงปฏิเสธลงนะ
เรื่องนี้น่าร้ากก น้องชอบกิน ชอบบ :hao7: :mew1:
-
เจอคนหึงหนึ่งคนจ้าาา
-
มีคนหึง 1 อัตรา 5555555555 น้องพายน่ารักมากๆเลย :-[
-
น้องพายจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ามีคนหึงอยู่ ห่วงแต่เรื่องกินจริงๆ :-[
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 8
'ถ้ามันจะจบมันก็ต้องจบ'
ภายในห้างที่ตั้งอยู่ที่สถานีพร้อมพงษ์ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่เช่นเดียวกับต้นน้ำและพายที่หลังจากออกมาจากมหาวิทยาลัยของมีนพวกเขามาหาอะไรกิน ต้นน้ำถูกพายพาเดินวนแถวชั้นอาหารจนครบหนึ่งรอบเจ้าตัวถึงจะหันหน้ามามองเขา
“ไหนละร้านชาบู”
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมอยากกินร้านสุกี้”
“ร้านที่พายมาขอยืมเงินพี่เหรอ”
“เออร้านนั้นแหละ” พายตอบพร้อมกับทำหน้าบูด
“ฮ่าๆ โอเคๆ”
ต้นน้ำกลั้นขำในขณะที่พายได้แต่ทำสีหน้าบูดบึ้งแถมยังบีบมือเขาที่จับอยู่ด้วย อีกฝ่ายคงคิดว่าแรงที่ส่งมาคงจะตั้งใจให้กระดูกแตกมั้ง เขามองมือตัวเองเป็นระยะๆอยากจะบีบคืนหรอกแต่ไม่ทำหรอกเดี๋ยวเด็กแถวนี้จะร้องไห้ซะก่อน
“สองที่ ต้องรออีกประมาณสองคิวนะคะ”
“ครับ”
พายเป็นคนจัดการการจองคิวทุกอย่างจนเสร็จเจ้าตัวก็ถูกคนที่ตัวใหญ่มาพามานั่งรอแถวๆหน้าร้านโดยที่มือทั้งสองคนยังคงไม่ได้ปล่อยออกจากกัน ทั้งสองคนกวาดตามองไปรอบๆตัวอยู่สักพักจนเป็นต้นน้ำที่พูดขึ้นมาก่อน
“ถามจริงตอนที่มีนหอมแก้มพี่ พายเห็นไหม” เขาถามในสิ่งที่คาใจ
“เห็นสิ ผมไม่ได้ตาบอด”
“แล้ว?”
“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วขนาดนั้นให้ผมทำไง อีกอย่างผมก็ไม่ใช่สายเดินหน้าไปหาเรื่องพี่มีนสักหน่อย”
“มีนยังเชื่อว่าพี่เป็นคนพาพายมากันมีนออกไป”
“พี่เขาก็เข้าใจถูกแล้วนี่”
เด็กหนุ่มพูดกลับเสียงเบาก่อนจะหันไปมองหน้าคนพูดที่ดูจะนิ่งมากกว่าปกติพายไม่รู้เลยว่าต้นน้ำในตอนนี้กำลังรู้สึกอะไรยังไง พายก็แค่ส่งยิ้มกลับไปหาพร้อมกับขยับมือตัวเองออกจากการเกาะกุม
“ผมก็มาทำหน้าที่ให้ตามข้อแลกเปลี่ยนอีกอย่างถ้าพี่ต้องการจะตัดพี่มีนออกไปจริงๆตัวพี่เองนั่นแหละที่ต้องเด็ดขาด พี่เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”
“...”
“ระหว่างเรามันก็แค่รุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะเอง”
อยู่ๆคนฟังอย่างต้นน้ำก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันหน้าหนีสายตาของพาย เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคาดหวังอะไรจากพายอยู่แต่ตอนนี้แค่รู้สึกเจ็บปวดเพราะผิดหวัง บางทีต้นน้ำอาจจะเป็นคนเดียวที่คิดไปเองทั้งหมด น่าตลกดีที่เขาเป็นคนเริ่มเรื่องเองและท้ายที่สุดก็คงแพ้ไปเอง
ระหว่างที่รอคิวที่ร้านอาหารระหว่างพวกเขาสองคนนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรกันต่อคนหนึ่งก็เอาแต่เหม่อมองไปรอบๆส่วนอีกคนก็ตั้งใจเล่นเกมในมือถือรอจนกระทั่งพนักงานหน้าร้านประกาศคิวถึงจะพากันเดินเข้าไปในร้าน
“ผมสั่งเลยนะ”
“อืม เอาเลย”
“โอเคครับ”
พายพูดรัวของที่สั่งเป็นปืนกลรวมไปถึงติ่มซำด้วยส่วนต้นน้ำก็แค่เปิดหน้าเมนูไปเรื่อยๆเพราะในตอนนี้สมองเขาแทบไม่ทำงานแถมอาการหิวที่เคยรู้สึกกลับหดหายไปจนหมด เจ้าตัวแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าพายย้ายตัวเองไปนั่งข้างๆตัวเองแล้วและแม้ว่าเสียงคนในร้านจะดังจอแจแต่เสียงของพายที่เรียกเขากลับได้ยินชัดเจนจนกลบเสียงอื่นไปจนหมด
“พี่ต้นเป็นอะไร”
“ก็เปล่านิ”
“พี่โกรธที่ผมพูดเหรอ”
“พี่ไม่มีสิทธิ์โกรธเรานี่ ที่เราพูดมามันก็ถูกแล้ว”
“แล้วทำไมพี่ทำหน้าแบบนั้นอะ”
พายกำลังเซ้าซี้เขารู้ตัวดีแต่มันคงน่าอึดอัดถ้าต้องเริ่มกินข้าวกับคนที่นั่งหน้านิ่งแถมยังทำตัวเย็นชาอีก มื้ออาหารที่แสนอร่อยมันอาจจะอร่อยน้อยลงซึ่งมันไม่โอเค เขาใช้ตาโตๆของตัวเองมองเสี้ยวหน้าอีกคนและถึงมองเห็นแค่นี้พายก็พอจะเดาได้ว่าต้นน้ำอยู่ในอารมณ์สับสน
“พี่ต้นน้ำครับ”
“ว่าไง”
“พี่มีอะไรก็พูดกับผมตรงๆก็ได้นะ ผมฟังพี่อยู่แล้ว”
“พาย”
“ครับ”
“พี่ว่าพี่จะขอยกเลิกข้อแลกเปลี่ยน” ต้นน้ำหันหน้าไปมองพายที่ดูจะตั้งใจฟังเขามาก "พี่แค่รู้สึกว่าบางทีเราไม่ต้องกันพี่จากมีนแล้วละ”
“ทำไม”
“เพราะพี่ตั้งใจจะจีบเราแล้ว”
จบประโยคที่ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพายก็ได้ตาโตมากกว่าเดิมทั้งยังเผลออ้าปากออกมา ถ้าถามว่าตกใจไหมคงบอกว่าตกใจมากเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะพูดออกมาแบบนี้ ในตอนแรกพายคิดแค่ว่าจะให้ต่างคนต่างอยู่เสียอีก
“พ พี่..”
“พี่จริงจังพาย”
“พี่ชอบผมเหรอ”
“ไม่ชอบแล้วจะจีบเหรอไง คิดสิพาย คิด”
“แต่ตอนแรกพี่บอกว่าพี่จะแก้แค้นผมที่ผมไปอ้วกใส่”
“เออตอนแรกก็คิดงั้นแต่ตอนนี้ไม่อยากแก้แค้นแล้วอยากจีบ” ต้นน้ำแทบอยากจะขำกับหน้าเหวอๆของพายในตอนนี้จริงๆ "ทำหน้าเด๋ออีกแล้วพาย”
“พี่ต้องล้อผมเล่นแน่ๆ”
“ไม่ล้อเล่นพูดจริง พี่คนจริงพอครับ”
อึ้ง—นี่คือความรู้สึกของพายในตอนนี้ เขาแทบจับต้นชนปลายไม่ถูกและตอนนี้ทำได้เพียงมองหน้าต้นน้ำต่อไปส่วนคนถูกมองก็ยกยิ้มให้รู้สึกยุกยิกในหัวใจ ต้องพูดก่อนเลยว่าอีกคนยังอยู่ในสภาพที่ผมยังเซตอยู่แถมใบหน้าก็ยังคงหลงเหลือเครื่องสำอางด้วย หล่อแต่พายจะไม่บอกหรอกนะ
“งับปากก่อนพาย แมลงวันบินเข้าปากแล้ว” ต้นน้ำยื่นมือไปดันให้ปากของพายงับลง
“ฮืออออ”
“เป็นไร”
“ผมเขิน”
“ฮ้ะ?”
“หันหน้าไปทางอื่นเดี๋ยวนี้เลย ไม่รู้แล้วเนี้ย!” พายสะบัดหน้าหนีก่อนจะมองตรงไปที่ฝาหม้อสุกี้ "แล้วนี่อาหารที่สั่งไปคือไปผลิตที่ไหน นานจริง โมโหแล้วนะเนี่ย”
ท่าทางงุ่นง่านของพายทำเอาต้นน้ำต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เขากลั้นมาได้สักพักแล้วแต่ตอนนี้กลั้นต่อไปไม่ไหวแล้วและพอเขาขำได้นิดหน่อยอีกคนก็หันมามองตาขวางแถมยังมือขึ้นตีที่ต้นแขนเขาเต็มแรงก่อนจะบ่นโน่นบ่นนี่งุบงิบไปเรื่อยจนกระทั่งอาหารมานั่นแหละพายก็หันไปเทความสนใจที่อาหารทันที
ควันจากหม้อต้มสุกี้นั่นคือสิ่งเดียวที่น่าสนใจ อาหารในหม้อก็สุกหมดแล้วพายก็ตักโน่นตักนี่เข้าปากอย่างเพลิดเพลินโดยที่มีต้นน้ำมองเป็นระยะ เขายอมใจกับการกินของอีกคนเลย ปากก็ไม่ได้ดูกว้างนะแต่สามารถยัดอาหารหลายอย่างเข้าไปได้เรื่อยๆ แก้มอูมๆนั่นก็ขยับขึ้นลงทำงานกันเป็นระบบจริงๆ เขาคิดว่าการจีบพายสิ่งที่ต้องแพ้ให้ก็คงเป็นพวกของกินนี่แหละ
“อยากเอาอะไรเพิ่มไหมพาย”
“ไม่อะ พี่ละกินไปไม่เห็นเยอะเลย”
“แค่เห็นพายกินพี่ก็อิ่มแล้ว"
“...”
"มีใครบอกไหมว่าเวลาเรากินได้น่าอร่อยไปหมด”
“หลายคนอะ แต่จริงๆผมก็กินปกตินะ”
“เอ็นดูว่ะพาย”
“พี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
และตลอดมื้ออาหารก็มีแต่เสียงต้นน้ำพูดหยอกส่วนพายไม่ได้สนใจหรอกนอกจากสับสวิตซ์ปิดการรับรู้หนีแล้วสนใจกับอาหารตรงหน้า เสียงพูดของต้นน้ำจะไปน่าสนใจกว่าขนมจีบกุ้งเหรอ ก็ไม่นะ
มื้ออาหารตอนบ่ายกว่าๆจบลงภายในเวลาชั่วโมงกว่าและคนที่จ่ายค่าเสียหายก็คือต้นน้ำถึงแม้ว่าพายจะแย้งแล้วแต่อีกคนก็ทำตีมึนแถมยังคว้ามือเขาไปจับอีกพายเลยแต่ทำหน้าหงุดหงิดใจอยู่อย่างนี้ จะดึงมือออกก็ไม่ได้อีกเกาะหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้าง
“เอามือออกไปเลย เหงื่อพี่มันเลอะมือผมแล้ว”
“ปกติพี่ไม่มีเหงื่อที่มือ”
“โว้ย ไม่มีก็เอามือออกไปเลยอย่ามาจับมือผม คนมองแล้วเนี่ย”
“เขาจะมองเพราะพายโวยวายนะ อยู่เงียบๆแล้วเดินตามพี่มาก็พอ”
“นิสัยเสียจริงๆ”
พายได้แต่ด่าอีกคนในใจไปตลอดทางที่ต้นน้ำจะพาเดินไปโดยที่เลิกสนใจสายตาคนอื่นที่มองมาแล้ว ในเมื่อคนที่มันจับไม่แคร์อะไรเขาก็จะไม่แคร์บ้าง
ทั้งพายทั้งต้นน้ำเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ไปเรื่อยเหมือนเป็นการเดินย่อย ต่างคนต่างไม่ได้สนใจเสื้อผ้ารองเท้าอะไรนัก พากันเดินเพลินๆจนกระทั่งหกโมงเย็นถึงจะพากันกลับและระหว่างที่นั่งรอรถตัวเองเนื่องจากห้างนี้ใช้ระบบการจอดรถแบบลิฟต์แบบที่คนที่มานั้นไม่ต้องวนหาที่จอด
“ก่อนเข้าหอจะแวะร้านข้าวแถวหน้ามอก่อนไหมพาย”
“ก็ดี แต่ผมอยากกินแค่ปังเย็น”
“กินแค่ปังเย็นจะอิ่มเหรอ”
“พี่ถึงผมจะกินเยอะแต่ก็ไม่ขนาดนั้นไหมสุกี้ที่กินไปแทบจะล้นออกมาจากคอ”
“ก็ถามเพื่อไว้เกิดดึกๆหิวมาทำไง”
“ไม่ยากก็แค่เดินไปเคาะห้องพี่” พายว่าแล้วก็ยกยิ้ม "พี่จีบผมแสดงว่าตอนนี้ผมมีสิทธิ์เหนือกว่าพี่แล้วนะ”
ต้นน้ำได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดของพาย เขานั่งฟังอีกคนพูดโน่นนี่ไปเรื่อยเล่าเรื่องกิจกรรมของคณะที่จะถึงไหนจะเรื่องเรียนอีกสักพักเสียงประกาศหมายเลขทะเบียนรถของต้นน้ำก็ดังขึ้นมาแต่ทันทีที่กำลังจะผลักบานประตูไปเสียงของคนที่แสนคุ้นเคยก็ดังแทรกเข้ามา--
“ต้น มีนขอติดรถไปลงคอนโดหน่อยได้ไหม”
เจ้าของชื่อหันไปแวบเดียวก่อนจะหันกลับมาที่พายซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าให้อย่างงงๆ
“อือ มาสิ”
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากห้างสรรพสินค้าภาวะในรถก็เข้าขั้นน่าอึดอัดอย่างเต็มขั้น พายได้มานั่งที่ด้านข้างคนขับและมีนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ต่างคนต่างสนใจบรรยากาศนอกรถแม้ว่ามองไปจะเจอแค่รถคันอื่นๆที่จอดนิ่งเนื่องจากการจราจรที่ติดขัดจนไฟแดงมันผ่านไปแล้วถึงสองรอบก็เป็นมีนที่พูดขึ้นทำลายความเงียบ
“ต้น”
“อือ”
“มันไม่มีทางที่เราจะกลับมาเหมือนเดิมได้เหรอ”
“ไม่มี มีนก็รู้ดีแก่ใจ การเลิกกันมันคือทางออกที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” ต้นน้ำตอบกลับแทบจะในทันทีที่ได้ยินคำถามโดยที่ทิ้งสายตาไปที่ท้ายรถคันข้างหน้า "อีกอย่างตอนนี้ต้นมีคนใหม่แล้วไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจ”
“ใคร? อย่าบอกนะเด็กนี่”
“อือ”
“โกหก”
จบคำของมีน ต้นน้ำก็ตัดสินใจโน้มหน้าเข้าไปรุ่นน้องข้างๆก่อนจะจับหน้าให้หันมาหาแล้วถึงกดริมฝีปากตนเองลงไปที่กลีบปากของน้อง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนคนถูกกระทำช็อกตาโตไปเป็นที่เรียบร้อย พายใจเต้นแรงจนหูอื้อในขณะที่ต้นน้ำหันกลับไปมองหน้ามีนที่ดูจะอยู่อารมณ์หงุดหงิด
“ที่นี้ชัดเจนพอแล้วนะ แล้วก็ขอร้องเลิกยุ่งกับเราสักที”
“แต่--”
“มีนต้องฟังต้นเพราะคนใหม่ของมีนเองก็คงไม่พอใจเหมือนกันที่มีนยังติดต่อมาหาต้นอยู่”
“เข้าใจแล้ว” มีนถอนหายใจ "ขอโทษแล้วกัน”
“อืม”
“งั้นเดี๋ยวจอดตรงตึกคอนโดนี้นะ จะแวะไปหาเขา”
ต้นน้ำพยักหน้ารับก่อนจะค่อยๆเบี่ยงออกจากเลนกลางไปเลนซ้ายอย่างใจเย็นส่วนพายตอนนี้เหมือนหูดับไปแล้ว ดวงตากลมโตเอาแต่จ้องไปที่แผงคอนโซลหน้ารถ จ้องจนเหมือนจะมองทะลุไปจนเห็นโครงสร้างภายใน และจนกระทั่งจอดส่งจดส่งมีนเรียบร้อยแล้วพายก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ช็อกอยู่
“พาย”
“...”
“น้องพาย”
“อ อะไร”
“เป็นไรหน้าแดง”
คนขับรถถามไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้วและถึงแม้ว่าสายตาจะไม่ได้หันไปมองต้นน้ำก็พอจะเดาได้ว่าเด็กข้างๆจะทำสีหน้าเหวอขนาดไหน อยากจะจอดรถแล้วหันไปมองให้เต็มตาจริงๆ
“พี่แม่ง!”
“พี่ทำอะไรน้องพายเหรอครับ”
“โว้ยยยย! พี่แม่งนิสัยไม่ดี อยู่ๆมาจูบผมได้ไงผมเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ”
“เออพี่รู้ บ้านอยู่ไหนเดี๋ยวขับไปขอกับพ่อแม่เลย”
“จะบ้าเหรอไงวะพี่ จีบก็ยังจีบไม่ติด นิสัยเสียจริงๆ สาบานเลยว่าจากนี้ผมจะอยู่ให้ห่างๆพี่”
“อย่าทำงั้นเลยห่างพี่ไปใจพี่ต้องขาดแน่ๆเลย”
น้ำเสียงทะเล้นของต้นน้ำทำเอาพายอยากจะตะโกนออกมาเสียงดังแล้วทุบรถคันนี้ให้มันพังคามือเลย ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นอีกคนขนาดนี้ได้วะ ไอ้คนที่เจอหน้าวันแรกไอ้คนที่นิ่งๆคนนั้นมันหายไปไหนมันตายไปแล้วเหรอเหลือแต่คนเป็นบ้าอยู่ตรงนี้ ไม่ไหวแล้วหัวใจ
“พี่หุบปากไปเลยนะ ห้ามพูดอะไรทั้งนั้นแล้วก็ห้ามมาแตะต้องตัวผมด้วย”
“โกรธพี่เหรอครับน้องพาย”
“...”
“พี่ขอโทษ สัญญาว่าต่อไปนี้จะทำอะไรจะบอกก่อนนะ”
“บอกแล้วต้องรอฟังคำอนุญาตด้วย”
“ครับๆ”
“แล้วก็จ่ายค่าเสียหายมาด้วย ค่าเสียหายเป็นชีสทาร์ตชิ้นใหญ่หนึ่งชิ้น”
“พี่ให้ไปเลยสิบชิ้น”
“สิบชิ้น? หรือพี่จะแก้แค้นให้ผมกินนี่แล้วก็ตายไปเหรอ พี่นี่จิตใจหยาบช้ากว่าที่ผมคิดซะอีก”
คนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดประหลาดๆของพาย เขาไม่ได้โต้ตอบอะไรปล่อยให้อีกคนบ่นงุบงิบไปตามเรื่องตามราว ดูก็รู้แล้วว่าเขินจนสติแตกเพราะอย่างนั้นแล้วเขาจะไม่โกรธหรือรำคาญหรอกนะ
-------------------------------------------
ดีใจที่เอ็นดูน้องพายกันนะคะ
ในส่วนของพี่ต้นน้ำนั้นก็5555555555555555555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
-
พี่มันหวงน้องมากกกกกกกก
-
:L2: :pig4:
ต้องมีต้วเร่ง จะได้รู้ตัวกันไวไว
-
น้องพายน่ารักมากกกกกกกก งุ้ยยย น่าจับบีบแก้ม อยากขย้ำมากๆ แก้มป่องๆ ฮึ้ยย หมั่นเขี้ยวง่าาา :hao5: ไม่รู้ทำไมอ่านน้องพายแล้วอยากบีบแก้มน้องมากๆ ส่วนตัวเป็นคนกินเก่งด้วยยิ่งมาอ่านเจอความกินเก่งของน้องพายแง้วแบบ แงงงงง หมั่นเขี้ยวจริงๆ อยากบีบ อยากจับยืด อยากขย้ำแก้มของน้องมากกก ฮือออ เราคิดว่าตัวเราโรคจิตแน่ๆ เลยยยย :sad4:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
นุ้งพายนี่สาย "แ-ก" จริง ๆ
-
อยากให้น้องพายหลงต้องเอาของกินมาล่อ
-
นุ้งพายยยยยยยย เอ็นดูน้องงงง ไม่มีอะไรมาสู้ของกินจริงๆ :กอด1:
แต่ขำความคิดน้องที่ว่าพี่ต้นน้ำจะให้น้องกินจนตายเพื่อแก้แค้นน หนูลูกกกกก
ชอบตอนต้นน้ำเรียกน้องว่าน้องพายจริงๆนะ งื้อๆเขินนนนน
จะจีบน้องจริงๆแล้ววว รอดูคนเปย์ของกินให้น้อง
-
จริงๆ ต้นน้ำก็เป็นทาสพายตั้งแต่น้องมายืมเงินแล้ว 555 เปย์เข้าไป
-
ยอมใจความกินจุของน้อง ของกำสำคัญกว่าจูบที่เสียไป 55555555555
-
เอ็นดูน้องพายมากๆๆๆๆ ทำไมน่ารักขนาดนี้เนี่ย :-[ :-[ :-[
-
พายน่ารักกกกกกก เอ็นดูการต่อล้อต่อเถียงของนาง
-
อิจฉาน้องพาย อยากมีสายเปย์อย่างงี้บ้างงงงงงงงงง :z3: :katai1: :hao5: :hao7: :ling1:
-
555 เขินจนสติแตก โอยน่าเอ็นดู เป็นนายเอกที่น่ารักจริงๆ พี่ต้นน้ำก็น่ารัก หลงรักเรื่องนี้ซะแล้ว
-
น้องพายยย เอ็นดูน้องมากๆ
ใครอยู่ใกล้ก็อดเอ็นดูไม่ได้ พี่ต้นน้ำก็เช่นกัน
หลงเสน่ห์น้องแล้ว
-
เค้าจีบกันแว้วววว
จีบกันบนโต๊ะอาหารอร่อยๆ ด้วย
แอร๊ย อยากเป็นเด็กเสิร์ฟ ร้านไหนๆๆๆๆๆๆ
-
งงใจนังมีนทีแฟนใหม่แต่มาวอแววกับแฟนเก่าคือไรอะแกกกตลกเว่อออ ถ้าพระเอกไม่เด็ดขาดนี่กะจะด่าแล้วนะะะ
-
น้องพายโคตรน่าเอ็นดู โดนหลอกด้วยของกิน
-
งื้ออออออ เอ็นดูน้องมากมากมากมากกกกกกกกก ทำไมเป็นเด็กที่น่าเอ็นดูขนาดนี้คะน้องพายยยยยยยย อยากหอมหัว อิจฉาคนแก่ที่ได้แต๊ะอั๋งน้อง :ling1: :ling1:
-
งือออออออ เอ็นดูน้องพาย ทำไมน่ารักน่าบีบแบบนี้ นี่คนหรือก้อน ดูนุ่มนิ่มน่าบีบจริงๆ :-[ :-[ :-[
-
น่ารักอ่ะ
-
รออยู่น้าาาา
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 9
'เรื่องเศร้าที่คาดไม่ถึง'
ผ่านไปแล้วหนึ่งวันที่ต้นน้ำเปิดตัวว่าจะจีบพายทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แหงล่ะมันแค่วันเดียวเองนี่ พายลุกไปคว้าเอากระเป๋าสะพายคู่ใจก่อนจะสวมผ้าใบแล้วเตรียมออกจากห้องในตอนเช้า ดวงตากลมโตนั้นจะปิดอยู่รอมร่อเพราะถูกความง่วงครอบงำและที่สภาพเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเช้านี้กล่องซีเรียลในห้องหมดไปแล้วรวมถึงนมกล่องด้วย นี่มันเป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ
สองเท้าภายใต้รองเท้าผ้าใบคู่โปรดสีดำค่อยๆก้าวออกจากบริเวณห้องของตัวเองในจังหวะที่มั่นคง เขากำลังคิดว่ามื้อเช้าจะซื้ออะไรที่เซเว่นตรงข้ามหอพักดีและเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของกินจนเพลินพายเลยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเดินมาซ้อนหลังตั้งแต่เมื่อไหร่
“น้องพาย”
เสียงกระซิบทุ้มต่ำของคนคุ้นเคยดังขึ้นข้างใบหูของพายพร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนและนั่นทำเอาพายสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันขวับไปทางที่มาของเสียง
“พี่!” พายขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นใบหน้ายกยิ้มอย่างกวนประสาทของต้นน้ำ
“อะไรครับ”
“พี่ทำผมตกใจ”
“ตั้งใจนี่หว่าแต่พี่มีค่าปลอบขวัญนะน้องพาย”
ทันทีที่รุ่นพี่ตัวใหญ่พูดจบเจ้าตัวก็ชูกล่องขนมอะไรสักอย่างไปที่ตรงหน้าพร้อมกับกระเถิบตัวเองไปชิดกับแผ่นหลังของพายจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้อากาศผ่านไปได้ส่วนคนถูกกระทำก็ไม่ได้สนใจหรอกนอกจากเพ่งมองถุงตรงหน้า
“กล่องอาหารเช้าที่ร้านxxxอะนะ?”
“อือ”
“หึ จะจีบผมด้วยของกินมันง่ายไปหน่อยไหมผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้นอีกอย่างอย่ามาเนียนยืนชิด ร้อน!”
“เหรอครับ”
พายหันไปมองตาขวางก่อนจะคว้าเอาถุงกล่องอาหารตรงหน้ามาไว้กับตัวแล้วรีบก้าวเข้าลิฟต์ทันทีโดยไม่สนใจคนที่เดินตามมาว่าจะแสดงสีหน้ายังไงรู้แค่ว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากกระโดดงับหัวให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย แต่พอเขาจะก้าวไปขึ้นรถตู้ของหอพักที่จอดรออยู่ก็เดินไปไม่ได้เมื่อถูกมือใหญ่ๆแถมสากของต้นน้ำดึงเอาไว้
“อะไรอีกเนี่ยพี่”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ไป ผมหยิ่ง”
“ไม่ไปพี่อุ้มนะครับน้องพาย”
“พี่นี่มันน่ารำคาญจริงๆเลย”
คนเด็กกว่าเดินกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดไปที่จักรยานแบบแม่บ้านญี่ปุ่นคันสีครีมของต้นน้ำที่จอดอยู่หน้าตึก มองจักรยานแล้วมองหน้าคนขี่ก็รู้เลยว่าโคตรจะไม่เข้ากันสักนิด
“พี่ชักช้า ผมรีบนะ”
“พี่ไม่เคยชักช้านะ” ต้นน้ำพูดไปพลางขึ้นคร่อมจักรยาน “ถ้าน้องพายไม่เชื่อลองมาพิสูจน์ได้ พี่ไม่ถือ”
ถึงไม่เห็นสีหน้าพายก็พอเดาออกว่าต้นน้ำจะทำหน้าแบบไหนและถึงจะหงุดหงิดแค่ไหนพายก็ต้องจำยอมขึ้นนั่งซ้อนท้ายแต่ก่อนที่รถจะออกเขาขอทีเถอะ
ปั๊ก!
ฝ่ามือของพายประทับลงกลางหลังต้นน้ำอย่างแรงแบบที่ไม่ยั้งกำลังแรงเลยสักนิดและส่งผลให้คนที่กำลังจะปั่นรถจักรยานถึงกับหยุดขยับตัวเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมันไม่ใช่น้อยๆเลย เจ็บจนเหมือนจะจุก
“ถ้าทำร้ายร่างกายพี่อีกน้องพายจะเจอดีนะ พี่เตือนแล้ว”
“ผมเกลียดพี่”
“...”
“...”
“แต่พี่ชอบน้องนะ”
อยากกินเยลลี่หมีโว้ยยยยยยยยย! -- พายคิด
กว่าจะเดินทางมาถึงตึกคณะได้ก็เกือบจะเข้าห้องเรียนไม่ทันและพายเองก็เพิ่งรู้ว่าคนมาส่งนั้นมีเรียนตอนสิบโมงซึ่งช้ากว่าเขาไปชั่วโมงหนึ่ง อยากจะถามอยู่หรอกแต่ติดที่ว่ารู้สึกหมั่นไส้เลยไม่ถามดีกว่า เขารีบตรงไปยังห้องเรียนที่ตอนนี้มีคนมาเกือบเต็มห้องแล้ว พายมองไปรอบๆห้องก่อนจะพบว่าเพื่อนของตัวเองนั่งอยู่แถวเกือบหลังสุด
“ทำไมเลือกนั่งหลังจังวะ” พายถามทันทีที่นั่งลงข้างกันต์
“วันนี้บังเอิญอยากนั่งคูลๆ เหม่อมองออกนอกกระจก” เป็นแมนที่พูดขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้ากรุ้มกริ่ม
“มองหน้ากูนี่คืออยากมีเรื่อง?”
“ไม่อะ กูอยากใส่ใจเรื่องของมึงมากกว่า”
พายไม่ตอบนอกจากหันหน้าหนีแล้วสนใจกับกล่องอาหารในมือ เขาจำได้ว่าร้านนี้มันเพิ่งจะมีบริการจัดส่งปกติต้องไปซื้อที่ร้านในเมืองอย่างเดียว เขาจะแอบให้หนึ่งคะแนนในใจก็แล้วกัน ภายในกล่องอาหารเล็กๆนั่นมีขวดนมรสจืดและแซนด์วิชไส้ปูอัดที่ดูเหมือนว่ามันกำลังจะทะลักออกมาจำนวนสามชิ้นซึ่งสิ่งนั้นทำให้เขายกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“พี่ต้นน้ำซื้อมาให้มึงเหรอ” แมนพูดขึ้นทันทีที่เห็นพายกำลังจะเอาแซนด์วิชยัดปาก
“อือ”
“ทำไมพี่มันซื้อให้”
“ถามอย่างกับเป็นพ่อกูงั้น”
“งั้นยกมือไหว้พ่อเร็วลูก”
“ตลก”
“พี่มันใช้ข้ออ้างนั่นมาเพื่อจะจีบมึงรึเปล่าพาย” กันต์พูดแทรกขึ้นมา
แมนกับกันต์จ้องหน้าเพื่อนตัวดีที่กำลังทำเป็นหูทวนลมแถมยังยัดแซนด์วิชแบบไม่สนใจอะไรอีกเห็นแบบนี้แล้วอยากจะคว้าเอาอาหารมาไว้กับตัวเพื่อที่อีกคนจะได้ตอบคำถามเขาสักที พวกเขาพอเดาออกแต่อยากได้ยินจากปากมากกว่า
“พ--”
ยังไม่ทันที่กันต์จะได้พูดต่อประตูห้องเรียนก็ถูกเปิดออกโดยอาจารย์ผู้สอนและนั่นก็หมายความว่าเขาและแมนต้องรอจนกว่าจะได้พักถึงจะได้เริ่มต้นสืบสวนได้ใหม่ซึ่งไอ้คนที่ต้องถูกสอบสวนก็เอาแต่ยักคิ้วกลับมาให้พวกเขาอย่างเหนือกว่า
“เดี๋ยวอาจารย์ขอข้ามไปที่สไลด์อันนี้ก่อนนะแล้วค่อยย้อนกลับมา...”
เสียงอาจารย์ที่ค่อนข้างจะเป็นเสียงแบบโมโนโทนนั่นทำเอานักศึกษากว่าค่อนห้องอยากไปเฝ้าพระอินทร์แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อวันนี้มีควิซท้ายคาบ ทั้งห้องก็พยายามถ่างตากันสุดความสามารถและรวมถึงพายด้วย ดวงตากลมโตที่พร้อมจะปิดนั้นต่อสู้อย่างเต็มที่ เขาว่าเขากำลังเห็นคนสอนแยกร่างได้ ..ไม่ไหว
“...เอาละ จากที่เห็นตามภาพในสไลด์...”
ไม่ไหวแล้วพายของยอมแพ้แต่ทันทีที่เตรียมจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนเสียงเบาๆของกันต์ก็ดังเข้ามาในโสตประสาทและเขาก็พยายามลืมตาขึ้นมอง
“ยืมมือถือเล่นเกมหน่อย”
“อือ” พายว่าพร้อมกับล้วงเอามือถือจากในกางเกงยีนไปให้
“พาย”
“อือ”
“แจ้งเตือนอย่างเยอะ จะเช็กก่อนไหม”
“อะไรวะ”
“เอาไปดูเอง”
พายถอนหายใจก่อนจะหยิบมือถือที่ไร้เคสมาไว้กับตัวก่อนจะปลดล็อกหน้าจอเพื่อที่จะพบว่าแจ้งเตือนทั้งหมดคือ--
Tonnam sent you a sticker
ไม่มีตัวอักษรอะไรทั้งนั้นนอกจากการส่งสติกเกอร์มา จากที่ง่วงนอนเมื่อกี้พายก็ตื่นขึ้นมาทันที เขากดเข้าไปในโปรแกรมไลน์ของบุคคลกวนประสาท
Piepie พี่เป็นบ้าเหรอไงส่งมาอยู่ได้ไอ้สติกเกอร์หน้าตาประหลาดๆเนี้ย
พิมพ์เสร็จก็ยื่นกลับไปหากันต์ที่กำลังทำตัวใส่ใจเพื่อนเช่นการชะโงกหน้าไปใกล้ๆ อีกฝ่ายยกยิ้มซื่อๆกลับไปให้และพายก็รู้ในทันทีเลยว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นซ่อนอะไรไว้อยู่แต่เขาจะทำเป็นนิ่งไว้ก่อนจนกระทั่งเสียงคนสอนหน้าห้องดังขึ้น
“พักสิบนาทีแล้วค่อยมาต่อกัน”
นักศึกษาพากันฟุบกับโต๊ะบ้างก็ออกไปนอกห้องยกเว้นแต่พายที่อยากออกไปห้องน้ำแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้แมนมันได้เดินแล้วนั่งย่อตัวลงที่ด้านหน้าโต๊ะของเขาแล้วแถมยกยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มากอีกและแน่นอนว่ากันต์ก็เป็นไปกับแมนด้วย
“อ อะไรของพวกมึงเนี้ย”
“ปกติพี่รหัสกูคนนี้ถ้าไม่สนิทมันจะไม่พูดด้วยแทบนับคำได้แล้วนี่อะไรยังไง” กันต์พูด
“เหอะ” พายยกมือขึ้นกอดอก "เขาบอกว่าจะจีบกู ที่นี้ชัดยังครับเพื่อนผู้แสนใส่ใจ”
สิ้นคำสารภาพแมนกับกันต์ก็มองหน้ากันเหมือนว่าที่คิดไว้ตอนแรกไม่ผิด ถึงจะมีเรื่องข้อแลกเปลี่ยนอะไรนั่นแต่เชื่อเถอะสุดท้ายนั่นมันก็แค่ข้ออ้างเอาไว้รั้งพาย คนอย่างต้นน้ำน่ะเหรอจะจัดการกับแฟนเก่าตัวเองไม่ได้
“รู้แล้วก็เลิกเซ้าซี้กูได้ละ ปวดฉี่”
“เออๆ แต่ขออีกคำถามมึงใจอ่อนให้พี่มันยัง” แมนถามขึ้น
“กูจะหลอกให้พี่มันเปย์จนหมดตัว เรื่องใจอ่อนน่ะลืมไปได้เลย”
พายตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ก่อนจะลุกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำส่วนแมนกับกันต์ได้แต่มองตามด้วยสายตาเหมือนคนปลงตกและที่ปลงก็เพราะปลงในความคิดของเพื่อนตัวเองนี่แหละ
“มึงคิดว่าไงกันต์”
“เชื่อกูเดี๋ยวมันจะมีคนต้องกลืนน้ำลายตัวเอง อีกอย่างคนอย่างไอ้พี่ต้นน้ำไม่มีทางโดนหลอกได้ง่ายๆแน่”
“กูก็คิดเหมือนมึง”
“ความรักมันก็คือการแลกเปลี่ยน ไอ้พายแลกกับอาหารส่วนพี่ต้นน้ำแลกกับตัวพาย”
“ไอ้ห่าคมมากขอยืมเอาไปลงเฟสหน่อยครับพี่กันต์”
แป๊ะ!
เจ้าของคำพูดคำคมไม่ตอบนอกจากส่งแรกจากฝ่ามือไปประทับลงกลางหัวเพื่อนตัวเองแบบเต็มแรงก่อนจะหันไปสนใจกับเกมในมือถือทิ้งให้คนถูกตบได้แต่ดีดดิ้นไปกับพื้นให้เพื่อนคนอื่นมอง ตัวก็ตั้งใหญ่แต่จิตใจเหมือนเด็กสามขวบ
กว่าจะเลิกเรียนปาไปเที่ยงครึ่งแถมในตอนบ่ายยังต้องมีเข้าช็อปอีกชีวิตที่แสนวุ่นวายนี้ทำเอาพายอยากไหลตัวไปตามพื้นเสียให้ได้ เจ้าตัวเดินตามหลังเพื่อนไปยังโรงอาหารคณะที่สภาพตอนนี้แออัดเหมือนการลงหลุมในคอนเสิร์ตยังไงยังงั้น
“ไม่มีโต๊ะเลยไอ้ห่า” แมนบ่นขึ้นมา
“หิวอะ หิวมาก หิวเหมือนจะตายแล้วเลย” พายบ่นอุบพลางมองไปรอบๆก่อนสายตาจะปะทะกับรุ่นพี่ที่เพิ่งพูดถึงไปกำลังลุกจากโต๊ะ "เฮ้ย! เดี๋ยวกูไปจองโต๊ะเองพวกมึงไปซื้อข้าวเลย”
เจ้าของกายผอมที่เคยบอกว่าหิวจะตายแล้วรีบวิ่งแทรกตัวไปยังโต๊ะที่อยู่เกือบกลางโรงอาหารอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาคนหลายคนที่เตรียมจะเดินมาที่โต๊ะตัวนี้ พายยกมือขึ้นตบลงที่บ่าของต้นน้ำเบาๆพร้อมกับหายใจหอบๆไปด้วยซึ่งคนถูกทักก็เอี้ยวคอมามอง
“ไม่ไลน์มาบอกว่าจะลงมากินที่โรงอาหารคณะจะได้จองให้” ต้นน้ำพูด
“ลืม พี่กินเสร็จแล้วใช่ปะ งั้นก็รีบๆหลบไปเลยผมจะนั่ง”
“เออๆ” ต้นน้ำกระเถิบตัวออกในทันทีเพื่อให้เด็กตรงหน้าสอดตัวเข้าไปนั่งได้โดยที่เขาก็โบกมือไล่เพื่อนตัวเองให้เดินไปก่อนเลยไม่ต้องรอ "เอาข้าวไรเดี๋ยวไปซื้อให้”
“พี่ไม่มีเรียนเหรอไง”
“เออน่า บอกมา”
“เอาข้าวผัดผักบุ้งหมูสับ ไข่ดาวด้วยแล้วก็น้ำกระเจี๊ยบครับ”
ต้นน้ำพยักหน้ารับ "พาย”
“อะไร?”
“อ้วนขึ้นสินะแค่เดินมาที่โต๊ะก็เหนื่อยแล้ว น่าสงสารจัง”
พายเตรียมอ้าปากจะด่าแต่อีกคนก็เดินไปแล้ว เขาได้แต่กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว โมโหมากเกิดมาจนอายุยี่สิบยังไม่เคยมีใครด่าว่าเขาอ้วนเลยสักคน เขาได้แต่นั่งขบเคี้ยวฟันพลางคิดว่าถ้าพี่มันกลับมาจะต้องเจอกันสักหน่อยแล้ว รุ่นพี่ก็รุ่นพี่เถอะ
“มึง” แมนพูดขึ้นก่อนจะนั่งลง "มึงไปทำเสน่ห์ใส่พี่มันปะวะ แม่งมีไปซื้อข้าวให้ด้วย”
“เออจริง กันต์พูดขึ้นบ้าง”
“ไม่รู้มันแต่ตอนนี้ก็จะเอาเลือดหัวพี่มันออก”
“อะ--”
ยังไม่ทันที่กันต์จะพูดจบรุ่นพี่อย่างต้นน้ำก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมข้าวและน้ำในมือ เขายกมือไหว้ตามมารยาทแต่พอจะเอ่ยทักเสียงของพายก็ดังขึ้นแต่ไม่ได้ดังมากจนคนทั้งโรงอาหารต้องให้ความสนใจ
“พี่ต้นน้ำ”
“ว่าไงครับน้องพาย”
“ผมไปอ้วนบนหัวพี่เหรอไงห้ะ!”
“โอ๋ โกรธเหรอน้องอ้วนของพี่”
“อ้วนบ้านพ่อพี่สิ ไปไกลๆเลยเห็นหน้าพี่แล้วเท้ามันกระตุก”
“กระตุก? ไปหาหมอไหมเพื่อเป็นพากินสัน”
“ไอ้เหี้ยพี่ต้นน้ำ”
“ฮ่าๆ หยอกๆ” ต้นน้ำยกมือขึ้นยีหัวพายเบา "กินข้าวให้อร่อยนะจ๊ะ ในนั้นมีความรักพี่อยู่”
ต้นน้ำพูดจบก็เดินจากไปทิ้งให้ทั้งแมนและกันต์มองกันอย่างอึ้งๆเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมุมนี้จากคนคนนี้ส่วนพายดูจะมองด้วยสายตาหงุดหงิด มือที่กำช้อนส้อมนั่นสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“กูฆ่าคนนี่ติดคุกกี่ปี”
“เอ่อ..ใจเย็นมึง กินข้าวๆเดี๋ยวเข้าช็อปช้า” แมนพูดขึ้น
การเรียนในช็อปยิงยาวตั้งแต่บ่ายโมงยันห้าโมงได้ก่อนที่นักศึกษาจะแยกย้ายกันไปบ้างก็นั่งทำงานต่อและเนื่องจากวันนี้ไม่มีการเรียกน้องเข้าระเบียบเชียร์พวกที่ทำงานเสร็จแล้วก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับพายที่เตรียมตัวจะนั่งรถไปหาอะไรกินแถวเยาวราช
“พวกมึงไปเปล่า”
“อยากไปวะแต่งานกูยังไม่เสร็จเลยเนี่ย” แมนพูดพร้อมกับมองของแผงวงจรบนโต๊ะด้วยสายตาโศกเศร้า
“มึงอะกันต์” พายมองตาปริบๆ
“ไปก็ได้แม้ว่าตอนนี้กูจะง่วงจนแทบจะเดินหลับได้แล้วก็เถอะ” กันต์คว้าเอากระเป๋าขึ้นสะพาย "แต่แปลกนะปกติมึงไม่ค่อยสนใจถาม”
“มึงมองกูเป็นคนยังไงวะ พวกมึงชอบไม่ว่างนี่”
“เออจ้า พวกกูผิดเองจ้า” แมนตอบกลับ
“แมนไม่เศร้านะเดี๋ยวกูซื้อขนมมากฝาก”
“เออออออออ”
พายหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินนำกันต์ออกไปจากช็อปขนาดกลางของคณะ แค่คิดว่าจะได้กินก๋วยจั๊บร้านประจำก็อารมณ์ดีจนลืมเรื่องเมื่อกลางวันไปหมด เขาหันไปคุยกันต์ถึงเรื่องเกมที่กำลังจะออกใหม่อย่างออกรสจนไม่รู้เลยว่าในตอนนี้มีคนยืนบังทางอยู่
“แต่กูว่าเวอร์ชันในคอมเล่นถนัดมือกว่านะ”
“เออ พาย”
“อะไร”
กันต์พยักพเยิดหน้าไปทางที่พี่รหัสของเขายืนกอดอกอยู่ ใบหน้านั่นไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาแต่เขาก็พอสัมผัสได้ว่าอีกคนกำลังอยู่ในโหมดอารมณ์ดี
“สวัสดีครับพี่”
“เออ แล้วนี่จะไปไหนกัน”
“ไปเยาวราชครับ” ยังคงเป็นกันต์ที่พูดตอบไป
“ไปด้วยดิ”
“ใครชวนมิทราบครับ”
“สายตาน้องพายบอกมา”
“ประสาทเหรอวะพี่”
กันต์มองคนสองคนเถียงกันไปมา นี่คือการจีบของพี่รหัสตัวเองเหรอวะ มองจากมุมไหนมันก็ไม่เหมือนการจีบเลยนอกจากการกวนประสาทแต่ถึงจะงงๆก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปนอกจากหันไปสะกิดเพื่อนตัวเอง
“งั้นมึงไปกับพี่ต้นแล้วกัน กูขอกลับไปนอนก่อนนะ”
“ได้ไงวะกันต์”
“ไม่โกรธๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกินชาบู”
“เหอะ คิดว่าจะหลอกล่อกูด้วยของกิน นิสัยเลวจริงๆ”
“หน่านะ”
“จะไปไหนก็เรื่องของมึงเลยไป”
พายโบกมือไล่ก่อนจะเขยิบตัวเดินเลี่ยงไปบ้างแต่ก็ไปไม่ได้เพราะมีรุ่นพี่ตัวใหญ่ยืนบังอยู่ ที่ว่าอีกคนตัวใหญ่เพราะถึงแม้ความสูงจะไม่ได้ต่างกันมากแต่พอเทียบกับความหนาของตัวแล้วพายก็ต้องยอมรับว่าเขาตัวเล็กกว่าจริงๆ
“อะไรของพี่เนี่ย เถิบสิ”
“ไปเยาวราชกันไง”
“ผมบอกเหรอว่าจะไปกับพี่”
“เปล่า พี่บอกของพี่เองนี่แหละ ปะ”
สุดท้ายเมื่อเลี่ยงไม่ได้พายก็ต้องยอมไปกับรุ่นพี่ตรงหน้า พวกเขาสองคนเลือกที่จะโดยสารแท๊กซี่กันแทนที่จะขับรถไปเพราะไม่รู้ว่าแถวนั้นจะมีที่จอดไหมแต่กว่าจะได้รถไปก็ใช้เวลาพอสมควรเดี๋ยวก็บอกไปส่งรถบ้างละ เติมแก๊สบ้างละ หนักสุดคือบางคันไม่แม้แต่จะฟังให้จบด้วยซ้ำ
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงทั้งต้นน้ำแล้วก็พายก็มาถึงย่านของคนจีนที่อุดมไปด้วยของกินหลากหลายอย่าง พายยกยิ้มนิดๆก่อนจะออกเดินนำไปยังร้านที่ตั้งใจไว้ว่าจะมากินซึ่งเจ้าตัวบอกกับคนที่ติดสอยห้อยตามบนรถแล้วหากแต่ทันทีที่เดินไปถึงพายก็ต้องขมวดคิ้ว
'ปิดให้บริการเฉพาะวันนี้'
ความรู้สึกตอนอ่านประโยคสั้นๆนี่จบพายแทบล้มทั้งยืน ร้อยวันพันปีร้านไม่เคยปิดแต่พอวันที่อยากกินมันกลับปิด ความรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกคนที่ชอบเมินเสียอีก
“พาย” ต้นน้ำวางมือลงที่บ่าของพาย
“..พี่”
น้ำเสียงสั่นๆที่ตอบกลับมาทำเอาต้นน้ำขมวดคิ้วบ้าง เขาดึงตัวพายให้หันมาทางตนเองและทันทีที่เขาเห็นหน้ารุ่นน้องผู้ชื่นชอบการกินเขาก็แทบช็อก ดวงตากลมโตนั่นมีน้ำตาอยู่คลอหน่วยซึ่งมันดูน่าสงสารจับใจ เขาเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก
“อย่าร้องๆ เดี๋ยวพี่พาพายไปร้านอื่น”
“ไม่ได้ ร้านไหนก็ทดแทนร้านนี้ไม่ได้” พายสูดน้ำมูก "พี่ผมเสียใจ ทำไมต้องวันนี้อะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พามาใหม่นะ ไม่เอาพายอย่าร้องๆ” ต้นน้ำรั้งหัวของพายซบลงที่บ่าตนเอง "พี่รู้จักร้านหูฉลามอร่อยๆ ไปกินอันนี้ก่อนเนอะแล้วพรุ่งนี้เรามากันใหม่”
“ฮือ..ก ก็ได้”
ต้นน้ำจูงมือของพายไปตามเส้นทางพลางหันไปมองเจ้าตัวที่เอาแต่เดินก้มหน้าเป็นระยะ จะบอกว่าอยากขำก็ใช่แต่เอ็นดูมากกว่า ใครจะไปคิดว่าคนอย่างพายที่ดูน่าจะเป็นคนร้องไห้ยากดันมาเสียน้ำตาให้เพราะไม่ได้กินอาหารอย่างที่อยากกิน เขาละอยากจับอีกคนมากัดจริงๆมันเขี้ยวว่ะ
“พรุ่งนี้พี่ต้องพาผมมานะ ถ้าไม่ได้กินก๋วยจั๊บร้านนั้นผมต้องตายแน่ๆ ..ฮึก”
“สัญญา”
“เศร้าว่ะพี่ การไม่ได้กินของที่อยากนี่มันเป็นเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตซะอีก” พายบ่นงุบงิบ "อกหักยังไม่เจ็บเท่านี้เลย”
แต่ละประโยคที่ออกมาจากพายทำเอาใจต้นน้ำอ่อนยวบอยากจะซื้อของกินทุกอย่างบนโลกมากองไว้ตรงหน้า ทำไมถึงเป็นที่อยากกินได้น่าเอ็นดูขนาดนี้วะ บางทีเขาก็แอบคิดนะว่าเด็กนี่ใส่ยาเสน่ห์ลงไปในอ้วกในวันนั้นหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมองเห็นเค้าลางความฉิบหายทางการเงินอยู่ไม่ไกล
--------------------------------------------
จุดที่ดราม่าสุดในเรื่องนี้คือสิ่งนี้ค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนนะคะที่เอ็นดูน้องพาย ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกัน ขอบคุณที่พูดถึงเรื่องนี้ในทวิตนะคะ ดีใจมากๆเลยค่ะ<3
อยากมาอัพบ่อยๆแต่งานตอนนี้ก็เหมือนจะทับตัวเองตายเลยค่ะ T-T
-
งื้ออออออ น้องพายยย หนูอยากกินอะไรอีก พี่จะไปเหมามาให้หมดเลย!!!
-
เรื่องมันเศร้า เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงๆ ไม่เชื่อถามพายดู
-
น้องพายผู้เห็นแก่กิน
:hao3: :pig4:
-
โอ๋ๆนะ
-
โธ่น้องงงงงงงงงง 555555555555555555555555
เอ็นดูน้องตัวโหน่ยๆ แต่ขำมากกว่า แม่ขอโทษที่หัวเราะนะลูก 555555555555555555555
-
555555555
พี่ต้นน้ำเริ่มคิดเรื่องการเงินในคนาคตแล้ว
ก็ดูซิน้องพาย มันน่าฟัดขนาดไหน ไม่ได้กินของที่อยากกิน อิอิ
-
น้องพายยย พี่ต้นน้ำเลี้ยงหนูไม่ไหวเดี๋ยวแม่จะเลี้ยงหนูเองรู๊กกก อยากกินอะไรหายากแค่ไหนแม่จะเอามากองไว้ตรงหน้าหนูเอง อย่าร้องไห้น้าาา โอ๋ๆ
ตลกพี่ต้นอ่ะ เห็นเค้าลางความชิบหายทางการเงิน คือถ้าพี่เลี้ยงน้องพายไม่ไหวก็ส่งมาค่ะ เดี๋ยวเราเลี้ยงลูกเราเองได้
-
แล้วเมื่อไหร่น้องพายจะอยากกินพี่ต้นน้ำบ้างหล่ะ 555
-
อดทนอีกนิด พรุ่งนี้ก็ได้กินแล้วน้องพาย
-
:pig4: :pig4: :pig4:
โห....ดราม่าหนักมาก...กับเรื่องไม่ได้กินของที่อยากกินเนี่ย
-
พี่ต้นน้ำตั้งใจเรียนจบไปทำงานเงินเดือนเยอะๆนะคะ มาเลี้ยงน้อง :hao7:
-
เราเข้าใจน้องพายนะ :hao5: :hao5: ร้านชอบปิดในวันที่เรานี้ดมากๆมันเศร้าสุดๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:
-
น้องพายลูกกก เอ็นดูน้องง โอ๋ๆๆ กอดน้า เดี๋ยวพี่เค้าพามาอีกพรุ่งนี้ไงงง
น้องอยากกินมากจนเผลอชวนพี่เค้าเลยใช่ป่ะ น่ารักกกกก
-
สงสารน้องงงงง ร้านปิดซะงั้น!!!
พี่ต้น อย่าลืมพาน้องมาใหม่นะ เดี๋ยวน้องงอน
-
:hao6: อดทนไว้อีกหน่อยก็ได้กินน้องล่ะ
ป.ล. รอตอนต่อไปอยู่นะครับ
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 10
'เค้าลางไม่ค่อยดี'
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาต้นน้ำรู้สึกหางตาข้างขวามันกระตุกถี่จริงๆ จะว่าเขานอนไม่พอก็ไม่น่าใช่ในเมื่อเขาก็นอนเจ็ดชั่วโมง เขาเดินออกมาจากห้องในชุดเสื้อยืดสีดำที่ทับด้วยเสื้อช็อปกรมท่าพร้อมกางเกงยีนส์ตัวโปรดและผ้าใบสีขาวที่ตอนนี้มันไม่ขาวแล้ว วันนี้มีเรียนแต่ในช็อปเพราะงั้นพกแค่ปากกาด้ามเดียวก็พอ เขาปิดบานประตูห้องเสร็จก็ต้องยกมือขึ้นมาแตะตรงหางคิ้วอีกครั้งเพราะมันกระตุกอีกแล้ว
“ทำไรพี่” เสียงของพายดังแทรกเข้ามาในความคิด
“ตากระตุก”
“สงสัยวันนี้พี่ได้เดินตกท่อแหง”
“ปากเก่งนะน้องพาย” ต้นน้ำหันไปยกมือบีบแก้มของเด็กข้างห้องที่ยังอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวย้วยที่ช่วงคอนั้นยืดจนจะเห็นหัวไหล่รวมถึงกางเกงขาสั้นที่ความยาวมันเห็นขาอ่อน "แล้วนี่จะออกไปไหน”
“ไปหาข้าวกิน วันนี้ยกคลาสทั้งเช้าทั้งบ่าย”
“ไปกินในห้องพี่แล้วเดี๋ยวตอนกลางวันแวะมา”
“ไม่เอาผมอยากไปเซเว่น” พายขมวดคิ้ว
“ในห้องมีขนมเยอะ เข้าไปแล้วไม่ต้องออกมานะ”
ต้นน้ำดันตัวของพายกลับเข้าไปในห้องทันทีที่แนบคีย์การ์ดหน้าบานประตูเสร็จในขณะที่คนถูกดันก็พยายามต้านแรงกลับไปแต่ก็ไร้ประโยชน์ พายเริ่มงงว่าทำไมอาหารที่กินเข้าไปมันไม่ช่วยเลยหรือจริงๆรุ่นพี่นี่มันไม่ใช่คน
“อะไรของพี่เนี่ย”
“เออน่า เดี๋ยวกลับมาหาแล้วอย่าออกจากห้องนะเข้าใจไหมพาย”
“ไม่”
“พาย”
“ไม่ๆ”
“งั้นอดนะก๋วยจั๊บน่ะ”
คนถูกล่อด้วยของกินเริ่มลังเล ดวงตากลมโตจ้องมาที่ใบหน้าของต้นน้ำที่ยังคงความนิ่งไว้และเพียงเท่านั้นพายก็พอเดาออกแล้วว่าอดกินแน่ๆแต่ใช่ว่าเขาจะไม่มีปัญญาออกไปซื้อเองนี่หว่าแต่ถ้ามีคนเลี้ยงมันก็ต้องดีกว่าเป็นไหนๆ
“เออก็ได้ ผมจะผลาญค่าไฟห้องพี่ทั้งวันเลย จะไปเรียนก็ไป๊”
เด็กข้างห้องอย่างพายโบกมือไล่ก่อนจะเดินตรงไปยังคลังสมบัตินั่นก็คือตู้เย็นซึ่งพอเปิดออกเขาก็ต้องฉีกยิ้มกว้างเพราะของกินเต็มไปหมดแบบว่าเลือกไม่ถูกเลยส่วนเจ้าของห้องตัวจริงเองก็มองตามร่างผอมๆนั่นพร้อมกับความคิดว่าต้นขายังขาวขนาดนี้แล้วที่ซ่อนอยู่จะขาวเนียนขนาดไหนและรวมไปถึงก้นกลมๆที่อยู่ภายใต้กางเกงผ้าขาสั้นๆมากๆนั่นอีก
“ไม่ไปเรียนแล้วได้ไหมวะเนี่ย” ต้นน้ำบ่นพึมพำ
“พูดไรของพี่อะ”
พายปิดประตูตู้เย็นโดยที่มือข้างหนึ่งถือถ้วยโยเกิร์ตและปากก็คาบช้อนพลาสติกไว้ ตากลมๆจ้องไปที่หน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องและด้วยระยะที่ค่อนข้างห่างเขาเลยไม่เห็นแววตาของรุ่นพี่เจ้าของห้องสักเท่าไหร่
“อยู่ๆก็ไม่อยากไปเรียนแล้วว่ะ”
“ทำไมอะ ป่วยการเมืองเหรอไง”
“อ เออ”
เจ้าของห้องสะบัดรองเท้าออกจากเท้าตัวเองก่อนจะสาวเท้าไปหยุดตรงหน้าพาย แววตาคมจ้องลึกเข้าไปเพื่อสื่ออะไรบางอย่างและเขาคิดว่าคนตรงหน้าน่าจะเข้าใจ ต้นน้ำดูพายไม่ออกเพราะสิ่งที่พายแสดงออกมามันดูใสซื่อเกินไปแต่ที่ลังเลเพราะเหตุการณ์คุยโทรศัพท์นั่นทำให้เขาต้องชั่งใจ
“คนที่เรียนดีแบบพี่จะยอมโดนหักคะแนนเข้าเรียนเหรอ”
“โดดบ้างก็ไม่เป็นไรมั้ง” พูดไปมือจับที่หัวไหล่พร้อมกับการโน้มใบหน้าเข้าไปหา "อยากอยู่กับน้องพายมากกว่า”
พายดึงช้อนพลาสติกออกก่อนจะพูดขึ้น “อยู่กับผมน่ะน่าเบื่อนะ”
“ไม่หรอก”
จบคำพูดต้นน้ำก็กดจูบลงที่ต้นคอขาวๆของพายไปแบบเต็มแรง กลีบปากได้รูปกดจูบลงก่อนที่เรียวลิ้นจะแตะชิมแล้วถึงจะดูดเนื้อเนียนช่วงนั้น กลิ่นหอมอ่อนๆนั่นทำเอาต้นน้ำยั้งตัวเองไม่ได้แม้ว่าระหว่างพวกเขาจะมีเพียงถ้วยโยเกิร์ตรสสตอร์วเบอร์รี่กั้นอยู่
“พ พี่..อือ” พายหลับตาลงและยังเม้มกลีบปากตัวเองหากแต่สองมือยังกำถ้วยโยเกิร์ตไว้แน่น "หยุดเดี๋ยวนี้เลย มันเป็นรอยแล้วนะ”
“อืม”
ต้นน้ำก็แค่ตอบรับแล้วย้ายไปทำรอยสีแดงจางๆที่ลาดไหล่ข้างขวา เขาตั้งใจจะทำรอยทิ้งไว้ตรงที่จุดตำหนิเล็กๆนั่นในขณะที่พายยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะผลักคนตัวใหญ่ออกจากตัวและนั่นคือสิ่งที่พายคิดหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ทำ
“พี่ ผมจะกินโยเกิร์ตแล้ว”
“รู้แล้ว” แต่กลีบปากยังคลอเคลียที่ผิวเนียนนุ่มของพายอยู่
“พี่ต้นน้ำ!”
“เออ ดุจัง”
“เหอะ ดูดอยู่ได้เป็นปลาซักเกอร์เหรอไง”
พายมองตาขวางก่อนจะกระทืบเท้าไปนั่งลงเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงาน ใบหน้าบูดบึ้งแต่มือกลับดึงฝาโยเกิร์ตออกอย่างรวดเร็วก่อนจะเลียส่วนที่เลอะตรงฝาไปด้วยในขณะที่ต้นน้ำถอยไปนั่งที่ปลายเตียงและมองการกระทำทุกอย่างแบบไม่วางตา
“พาย”
“อะไร”
“ขอเป็นเมียเลยได้ไหม ไม่ต้องเป็นแล้วแฟน”
“ค แค่กๆ” พายยกมือขึ้นลูบหน้าอกตัวเอง "พี่ประสาทปะเนี่ย”
“เชี่ย! กูเป็นห่าไรก็ไม่รู้แล้วเนี่ย มึงเอายาเสน่ห์ให้กูกินรึเปล่าวะพาย”
ต้นน้ำโวยวายก่อนจะล้มตัวลงนอน ดวงตาทั้งสองข้างปิดลง เอาเข้าจริงเขาก็ไม่คิดว่าจะพูดประโยคนี้ออกมาหรอกถ้าไม่ถูกดึงสายตาไว้ที่ท่าเลียฝาโยเกิร์ตของพายไหนจะทำเหมือนจะตักมันเข้าปากแต่ก็ไม่เอาเข้าไปสักที เขารู้แค่ว่าตอนนี้ใจเต้นแรงมากจนเหมือนมันจะระเบิดออกมาจากอกและที่สำคัญส่วนล่างก็รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย
เขาจะตายไหมวะ
“พาย! กินโยเกิร์ตดีๆ”
“ผมก็กินของผมแบบนี้ พี่อะมีปัญหาอะไร"
“เออพี่มี พี่มีเยอะด้วยแล้วนั่งให้มันดีๆด้วยจะยกขาทำไม”
“...”
“โว้ยยยยย” ต้นน้ำทึ้งหัวก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วตรงเข้าห้องน้ำไป
บานประตูห้องน้ำถูกปิดไปด้วยแรงที่ไม่น้อยผู้มาเยือนอย่างพายได้แต่ยกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดี เขารู้หรอกว่าทำไมจู่ๆต้นน้ำก็สติแตกขึ้นมาแต่นั่นก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ว่าอีกคนน่าจะหลงเขาจนหมดหัวใจแล้วแน่นอน เขาตักโยเกิร์ตเข้าปากหนึ่งคำพลางทอดมองไปยังหน้าบานประตูห้องน้ำสีครีมอีกครั้ง
พายปล่อยเวลาให้ผ่านไปไม่ถึงสองนาที โยเกิร์ตถ้วยเล็กหมดแล้วและเขาก็ทิ้งลงถังขยะเรียบร้อย เขาเลียกลีบปากตัวเองก่อนจะลุกจากที่นั่งเพื่อเดินไปหยุดที่หน้าบานประตูสีครีมซึ่งได้ยินเสียงสายน้ำดังกระทบกับพื้นสะท้อนออกมา เขาเอื้อมมือไปจับไว้ที่ลูกบิดสีสเตนเลส
“พี่ต้นผมอยากเข้าห้องน้ำ”
“...”
“พี่ ได้ยินผมรึเปล่า” พายเพิ่มระดับเสียงตัวเองอีกนิด
“อ เออได้ยิน”
“ผมอยากเข้าห้องน้ำ”
“รอก่อนได้ไหม”
“ไม่ได้”
แกรก!
พายไม่รอฟังคำตอบก็เปิดประตูพรวดเข้าไปและภาพที่เห็นคือต้นน้ำนั่งทับฝาชักโครกและสภาพเสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้นซึ่งผิดคาดไปหน่อย พายมองเข้าไปในห้องชาวเวอร์ก็เห็นฝักบัวถูกเปิดน้ำทิ้งไว้ด้วยระดับที่แรงพอสมควร เขาเลิกคิ้วนิดๆก่อนหันมองเจ้าของที่นั่งหน้าเครียด
“บ้าปะเนี่ยพี่เปิดน้ำทิ้งไว้ทำไม”
“พี่ฝึกสมาธิอยู่”
“ฝึกสมาธิ?” พายกวาดตามองตั้งแต่กลุ่มผมสีดำสนิทก่อนไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงเป้ากางเกงยีนส์ "ผมช่วยไหมเพื่อจะฝึกจนบรรลุ”
“...”
เด็กข้างห้องอย่างพายสาวเท้าเข้าไปหาพร้อมกับแววตาซุกซนซึ่งต้นน้ำเพิ่งมีโอกาสได้เห็นเป็นครั้งแรก นิ้วชี้ของพายค่อยๆแตะลงที่กลีบปากของคนแก่กว่า เจ้าตัวเอียงคอนิดๆคล้ายกับลูกแมวที่น่าเอ็นดู ลูกแมวที่แท้จริงแล้วเป็นแม่แมวต่างหาก
“ลุกขึ้นยืนสิผมช่วย”
“แต่--”
“ถือว่าเป็นการคืนค่าข้าวก็แล้วกัน”
จบประโยคต้นน้ำก็ลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่ายพร้อมกับที่สายตาก็จับจ้องการกระทำของพายไปด้วยซึ่งในตอนนี้เจ้าตัวกำลังย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ตรงกับเป้ากางเกงของเขา มือขาวๆนั่นกำลังรูดซิปกางเกงยีนส์ของเขาลงก่อนจะดึงกางเกงลง พายเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วและนั่นทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่
ต้องตายแน่ๆโว้ย
เจ้าเด็กข้างห้องแตะกลีบปากลงที่ส่วนที่นูนออกมาอย่างเด่นชัดซึ่งแค่นั้นก็ทำเอาความรู้สึกอึดอัดพุ่งขึ้นสูง ต้นน้ำในตอนนี้ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เขากำมือและเกร็งแขนจนเส้นเลือดปูดจนเห็นได้ชัดและยิ่งกำมือก็แน่นขึ้นเมื่อส่วนนั้นถูกพามาเผชิญโลกภายนอก ส่วนนั้นตั้งตรงจนแทบทิ่มตาพายซึ่งเจ้าตัวก็แค่มองแวบเดียวก่อนถึงจะค่อยๆใช้ปลายลิ้นแตะลงที่ส่วนปลายและเริ่มเลียและดูดดุนไปทั้งส่วนนั้น
“อ อึก..อืม” ต้นน้ำคำรามเสียงต่ำและในขณะเดียวกันเขาก็ยกมือขึ้นจับหัวของพายไปด้วย "อืม ดีมาก”
ต้นน้ำอยากสวนสะโพกกลับไปหาแต่ต้องยั้งใจเอาไว้เขาปล่อยให้พายทำหน้าที่และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะทำได้ดีจนเกินคาด ความรู้สึกอึดอัดและความคับแน่นค่อยๆถูกผ่อนลงและในเวลาเดียวกันเขาก็เริ่มมองเห็นสวรรค์อยู่รำไร สายตาคมก้มมองเด็กตรงหน้าด้วยความหลงใหล กลีบปากอิ่มและลิ้นที่ขยับทำหน้าที่นั้นทำเอาเขาอยากจะลงไปนอนคลั่งตายให้ได้
เสียงน้ำจากฝักบัวปะปนไปกับเสียงหอบหายใจอย่างหนักของต้นน้ำและรวมไปถึงเสียงดูดส่วนนั้นจากพาย บรรยากาศภายในห้องน้ำเล็กๆนั่นเริ่มร้อนระอุแม้ไม่ใช่กิจกรรมชุดใหญ่
“ใกล้แล้ว อืม..” ต้นน้ำเริ่มสวนสะโพกไปหาในจังหวะที่ค่อนข้างเร็ว "พาย”
“...”
และเมื่อถึงจุดที่แตะขอบฟ้าต้นน้ำก็พยายามดันพายให้ถอยห่างเพื่อที่เขาจะปลดปล่อยมันออกมาแบบที่อีกคนไม่ต้องเปรอะเปื้อนแต่ถึงอย่างนั้นพายกลับส่ายหน้าซึ่งเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาทุกหยาดหยดส่วนเด็กตรงหน้าก็กลืนกินมันจนหมดโดยไม่ลืมทิ้งท้ายเลียกลีบปากไปด้วย
“อา..” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจออกมา "ขอบใจ”
“เล็กน้อย”
“ออกไปรอข้างนอกไป เดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อน”
“อือ” พายหันตัวเตรียมเดินออกจากห้องแต่ก็ไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายอะไรไว้ "พี่เป็นคนแรกที่ผมยอมทำแบบนั้นน่ะ”
สรุปแล้วต้นน้ำก็โดดเรียนตอนเช้าไปและเข้ามหาลัยไปอีกทีตอนบ่ายโดยที่เขาก็ปล่อยให้พายนอนเกลือกกลิ้งที่ห้องเขาเองโดยเอาของกินในตู้เย็นมาล่อซึ่งเมื่อก่อนเขาไม่ค่อยใส่ใจหรอกว่าในตู้เย็นจะมีสภาพอย่างไรแต่ตอนนี้เขากวาดทุกอย่างมาไว้ในนี้จนหมด
ต้นน้ำเดินผิวปากเข้ามาในช็อปของมหาลัยอย่างอารมณ์ดีและนั่นมันช่างเป็นเรื่องที่น่าสงสัยให้กับเพื่อนสนิทของเขาอยู่ไม่น้อย พวกนั้นหรี่ตามองมาด้วยความอยากรู้แต่คนที่ถูกมองก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนักนอกจากเริ่มมองหาข้าวของบนโต๊ะ
“กูก็นึกว่ามึงป่วยเลยโดดแต่นี่สภาพก็ปกติดีนี่หว่า” มนุษย์เพื่อนสนิทนามว่าแทนพูดขึ้น
“เออจริง” และมนุษย์นามว่าแบงก์ก็เอ่ยขึ้นบ้าง "ต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแน่นอน ไหนเล่าดิพวกกูอยากใส่ใจ”
ต้นน้ำหันไปมองแวบเดียวก่อนจะเอาแผ่นกระดาษขึ้นมาดู “กูไม่บอก”
“จำไว้ เพื่อนกันมันก็ทำกันแบบนี้” แทนพูด
“เดือดร้อนมาก็เรื่องของมึงเลย”
เพื่อนสองคนยังคงบ่นไปเรื่อยแต่ต้นน้ำก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักเพราะตอนนี้การเรียนการสอนเริ่มแล้วและเขาต้องตั้งใจกับมัน
การเรียนภาคปฏิบัตินั้นลากยาวจนถึงหกโมงเย็นแถมยังมีงานสั่งให้ส่งแบบที่เดดไลน์คือพรุ่งนี้เย็น นักศึกษาปีสามหลายคนถึงกับหมดแรง นี่แค่ต้นเทอมแรกยังขนาดนี้ไม่อยากจะคิดถึงส่วนที่เหลือ หลายคนเริ่มทยอยออกไปหาอะไรกินอย่างน้อยท้องอิ่มจะได้มีแรงมาต่อสู้กับงานต่อยกเว้นไว้แต่กับต้นน้ำที่ยังคงทำงานตรงหน้าต่อ
“ไม่ไปแดกข้าวเหรอไง” แบงก์ถามขึ้น
“หึ มึงไปกันเลย”
“เออได้”
“แต่เดี๋ยวก่อนกูว่ามันต้องมีอะไรแน่นอน แบงก์มึงรอกับกูก่อน”
แล้วทั้งสองคนก็นั่งแหมะลงที่เดิมและถึงแม้ว่าจะรู้สึกหิวแต่จะอดทนแล้วดื่มน้ำแทนก่อนซึ่งตัวต้นน้ำเองก็ยังคงไม่ได้ใส่ใจและไม่คิดจะปริปากพูดอะไร เขาไม่มีเรื่องจะพูดอีกอย่างพวกมันก็รู้กันอยู่แล้วเรื่องของพายแต่แค่รู้แบบผิวเผินก็เท่านั้น
เวลาเดินผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ทางเข้าของช็อปก็มีเงาดำเดินตรงเข้ามาและเมื่อเงาดำตรงนั้นขยับเข้ามาใกล้ทั้งแบงก์และแทนถึงเห็นว่าเป็นรุ่นน้องร่วมคณะอย่างพายที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาสั้นและรองเท้าแตะสีขาว ใบหน้าของเจ้าตัวดูหยิ่งหน่อยๆเมื่อไม่ยิ้ม
“อ้าว น้องพายนี่เอง” แทนพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีครับพี่”
“มาหาไอ้ต้นมันเหรอ”
“ครับ”
“อ๋อ ถ้างั้นพี่ไปแล้วดีกว่า ไปมึง”
แทนโบกมือลาไปพร้อมๆกับแบงก์ซึ่งต่างก็ส่งยิ้มกว้างมาให้ซึ่งพายก็แค่ส่งยิ้มกลับไปนิดๆแต่ถ้าเขาจำไม่ผิดพี่สองคนนี้เป็นพี่ระเบียบนี่เอง เมื่อก่อนเขาก็รู้สึกกลัวๆอยู่แต่พอเห็นแบบนี้แล้วเอาความกลัวเขาคืนมาเถอะ
“ไปกินข้าวกันพี่ หิวมากเนี่ย”
“กินขนมไปเยอะยังหิวอีกเหรอไง”
“ขนมก็คือขนม อิ่มขนมไม่ได้แปลว่าอิ่มข้าว”
“โอเคๆ กินอะไรคิดรึยัง วันนี้ไม่ไปเยาวราชนะมีงานต้องทำ”
“ได้ งั้นไปกินสเต๊กกัน”
ต้นน้ำละมือออกจากงานก่อนจะเดินเลี่ยงไปล้างมือที่ก๊อกน้ำโดยมีพายเดินตามต้อยๆเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่เงียบๆหรอกพูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อย
“ผมรู้สึกมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ที่ม.นะพอฟ้าเริ่มมืดนี่โคตรน่ากลัว”
“อือ”
“ตอนปีหนึ่งที่รับน้องผมยังจำเรื่องที่พวกพี่เล่าให้ฟังได้อยู่เลย พูดแล้วก็ขนลุก”
“พาย”
“อะไร”
“จริงๆแล้วอยู่ในม.เขาไม่ให้พูดถึงนะ เดี๋--”
ยังไม่ทันจบประโยคมือของพายก็ไปแปะลงที่ปากของต้นน้ำเป็นที่เรียบร้อยแถมมืออีกข้างของเจ้าตัวก็ยังดึงแขนให้ต้นน้ำออกจากช็อปไวๆ
“พี่แม่ง! นิสัย”
“อ้ออายอูดอ่อนอะ” (ก็พายพูดก่อนนะ)
“เออ ผมพูดก่อนพี่ก็ทำเปลี่ยนเรื่องดิมาพูดงี้ได้ไงเล่า”
“เออๆ อี่อิดเอง” (พี่ผิดเอง)
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เรารีบไปกินสเต๊กกันดีกว่า”
พอคิดถึงเรื่องกินก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ทั้งพายและต้นน้ำพากันเดินเรื่อยๆจนถึงประตูทางออกแต่แล้วจู่ๆหางตาข้างขวาของต้นน้ำก็กระตุกขึ้นมาอีกแล้ว เขาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด จนกระทั่งพากันเดินข้ามสะพานลอยซึ่งพายพูดติดปากเสมอว่าคือบันไดลอยต้นน้ำก็พาพายไปต่อคิวร้านสเต๊กริมทางที่คนแน่นตลอดเวลา
“เดี๋ยวรอโต๊ะสิบลุกพี่ก็ไปนั่งกันได้เลยนะครับ”
เด็กเสิร์ฟของร้านพูดจบก็รีบเดินไป ต้นน้ำก็ยืนกอดอกมองพายที่เจ้าตัวทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมาสักทีแถมเจ้าตัวยังขยับตัวเบียดเข้ามาหาอีก
“เป็นอะไร”
“ผมรู้สึกว่ามีคนตามเรามา”
“คิ--”
“อ้าว น้องพายบังเอิญจังเลยครับ”
แล้วเสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นแทรกกลางประโยคของต้นน้ำซึ่งเป็นผลทำให้เจ้าของชื่อและคนอยู่ข้างๆต้องรีบหันไปมองและก็เป็น--
“อา..พี่เกน สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ แล้วนี่มากินข้าวเย็นกันเหรอ”
“มาซักผ้ามั้ง” ต้นพูดขึ้นมาลอยๆ
“ครับ แล้วพี่เกนมาทำอะไรเหรอครับ”
“อ๋อ พี่แวะมาทำธุระแถวนี่น่ะ ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอน้องพาย”
ต้นน้ำแทบจะกลอกตาเป็นเลขแปดไทย มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามันไม่ได้บังเอิญ น้ำหน้าอย่างเกนคงจะหาทางสืบจนรู้แล้วตั้งใจมาหาพายแน่นอน
“แล้วนี่พี่กินข้าวรึยังครับ”
“ว่าจะหาร้านแถวๆนี้กินอยู่พอดีน่ะ น้องพายมีแนะนำไหม”
“ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านนั่นอร่อยครับพี่ลองดู ผมชอบกิน”
“อา..ครับ”
ในน้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าผิดหวังแต่ต้นน้ำจะไม่แสดงสีหน้าของคนเหนือกว่าหรอกนะ เขาพยายามจะนิ่งและซ่อนความรู้สึกลิงโลดเอาไว้เพราะทุกคำตอบที่พายพูดออกมานั่นดูเหมือนว่าเจ้าตัวจงใจพูดปัดเสียหมด น่าสงสารจริงๆ
“ไว้ว่างๆพายพาพี่หาอะไรกินแถวนี้ได้รึเปล่า พี่ว่าของกินแถวนี้เยอะดี”
“ก็ได้ครับ”
“งั้นวันหลังเจอกัน” เกนยกยิ้มเท่ๆให้ "แล้วพี่ขอไลน์เอาไว้หน่อยได้ไหมรอบที่แล้วที่เจอไม่ได้ขอไว้เลย”
“ได้ครับ”
พอแลกไลน์กันเสร็จเกนก็ยอมเดินถอยไปเพราะเขาคิดว่าบางทีวันนี้อาจไม่ใช่วันของเขาในขณะที่พายก็รีบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรุ่นพี่ต่างมหาลัยเดินหายไปจากกรอบสายตาแล้ว
“ชีวิตผมต้องอยู่ยากขึ้นแน่ๆเลย”
“ทำไมละ”
“พี่เขาก็คุยสนุกนะแต่ผมอึดอัดยังไงก็ไม่รู้เวลาอยู่กับเขาน่ะ”
“แค่กับมันเหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
พายเหม่อมองไปทางโต๊ะสิบและทันทีที่เห็นคนลุกเขาก็รีบดึงต้นน้ำไปที่โต๊ะโดยที่มีพนักงานเสิร์ฟเดินตามเพื่อรอรับออเดอร์และเก็บโต๊ะ
“ผมเอาสเต๊กปลาแล้วก็สเต๊กไก่ครับ” พายพูดโดยที่ยังไม่เปิดเมนู
“เอาสเต๊กปลาอีกหนึ่งแล้วก็น้ำแข็งเปล่าสอง”
“ครับ”
ต้นน้ำหันไปมองอย่างตกตะลึงที่พายสั่งไปถึงสองอย่างและที่ตกใจเพราะสเต๊กร้านนี้น่ะชิ้นหนึ่งมันใหญ่แบบที่เหมือนแบ่งให้สองคนกินได้ในขณะที่พายแสดงท่าทางเหมือนคนคิดหนัก
“สั่งไปสองจะกินหมดเหรอพาย”
“หมดสิ วันนี้เจอเรื่องหนักใจผมต้องการอาหารมากเป็นพิเศษ”
“หนักใจอะไร” ต้นน้ำขมวดคิ้ว "หรือที่เจอมัน”
“อืม”
“เคยรู้จักกันมาก่อน?”
“เปล่า เขาก็แค่มีหน้าและท่าทางที่คล้ายกับใครบางคนก็เท่านั้นเอง”
แล้วจากนั้นพายก็ไม่พูดอะไรอีกเลยนอกจากพาออกนอกประเด็นไปเสียไกลซึ่งต้นน้ำคิดว่าเขาจะไม่เซ้าซี้เพราะถ้าอีกคนอยากเล่าก็คงจะเล่าเองแต่ที่แน่ๆเขารู้แล้วว่าทำไมตาข้างขวามันกระตุก
----------------------------------------------------------
จำฉากโทรศัพท์ได้เนอะ555555555555
ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนนะคะ <3
สามารถติดตามเกี่ยวกับการอัพนิยายจากที่นี้ได้นะคะ @happythurday หรือจะจากใน #ต้นน้ำพาย ก็ได้ค่า
(แก้ไขคำผิดค่ะ)
-
ร้องพายเด็ดอ่ะ พี่ต้นน้ำตัวลอยไปเลย อิอิ
แต่มีเรื่องค้างซะแล้ว รอออออ
-
น้องพายโว้ยยยยยย!! เดี๋ยวแม่ตีตายเลยลูกก ทำไมไปทำให้พี่ต้นมันนนน //ไม้เรียวในมือสั่น :katai1:
อินังพี่ต้นเดี๋ยวพี่จะโดน บังอาจมากๆ มาให้น้องพายลูกเราทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงง เดี๋ยวจะตีพี่ต้นด้วย มาหาว่าลูกเราทำเสน่ห์ใส่เหรอ น้องพายอ่ะน่ารักด้วยตัวเองโว้ย! ไม่ได้ทำเสน่ห์อะไรทั้งนั้น!
-
น้องพายลูกกก บอกล่อด้วยของกินไม่ได้แต่ก็ยอมอยู่ห้องพี่เค้าเพราะมีของกินนะ เอ็นดูน้องงงง
อยากหยิกแก้มเหมือนพี่ต้นน้ำ ว่าแต่น้องพายยยยยยยยยยย ทำให้พี่ต้นน้ำแบบนั้นอีกหน่อยคงโดนแน่ๆ อิพี่ยิ่งแอบหื่นอยู่
-
:pig4: :pig4: :pig4:
ฉากโทรศัพท์? นี่อยู่ตอนไหนเหรอ จำไม่ได้อ่ะ
-
:z1: :z1: :z1:
-
:katai1: :katai1: :katai1:
-
น้องพายมีความลับอะไรไม่บอกพี่ต้นน้ำหล่ะ
-
อยากพาน้องพายไปตะลุยเยาวราช กินอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมดเลย แม้แต่พี่ต้... แค่กๆๆๆ
-
:katai1:
-
ชอบที่พี่มึงเรียกว่าน้องพาย
ยิ่งกว่าเมียพี่เขาอีกน้องเอ๊ย เหมือนไปเดทกันทุกวันเลย 555555
-
น้องงงง เห็นใสๆ แต่แอบแซ่บอ่ะค่ะ 55555555
ทำเสน่ห์ใส่พี่มึงจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย
พี่มึงต้องสู้นะคะ อดทนหน่อยค่ะอย่าเพิ่งปล้ำน้องนะ แต่ถ้าน้องยอมก็อีกเรื่อง 555555555
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 11
'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน'
เกนคล้ายใครนั่นคือความคาใจของต้นน้ำถึงเขาจะสงสัยมากขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปตรงๆนอกจากการพยายามใส่ใจและสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และแม้ว่าจากวันนั้นมาจะผ่านมาแล้วจนถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มเขาก็ไม่ได้รับความคืบหน้าอะไรเลยนอกจากเขาจะเรียนรู้ว่าพายเป็นคนพิมพ์ตอบข้อความช้ามาก
“นั่นไง ด.เด็กอะ” ต้นน้ำพูดขึ้นในตอนที่ชะโงกไปมองหน้าจอคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“อือ” พายตอบก่อนจะเอานิ้วจิ้มไปที่ตัวอักษรตัวนั้นก่อนเงยหน้ามองตาขวาง "พี่เลิกแอบมองหน้าจอผมได้แล้ว นิสัยเสียจริงๆ”
ต้นน้ำไหวไหล่ก่อนจะเขี่ยก้อนน้ำแข็งในแก้วน้ำโค้กตัวเองขึ้นมาเคี้ยวกรุบๆโดยไม่สนใจสายตาเหมือนแมวขี้หงุดหงิดจากพายเลยสักนิด บรรยากาศยามดึกภายในรั้วมหาลัยตอนนี้มีแต่ความเงียบงัน ท้องฟ้าสีเข้มนั้นมีเพียงแสงริบหรี่จากดวงดาวดวงเล็กๆเท่านั้นและมันแทบไม่ได้ให้ความสว่างเลยสักนิด
“คืนนี้ไม่มีพระจันทร์” พายพูดขึ้นพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆพลางมองไปรอบๆพื้นที่แสนสงบนี้
“แต่ถึงไม่มีทุกคืนพายก็มีพี่นะ”
“...”
“...”
“พ..พี่” พายหันไปมองใบหน้าด้านข้างของต้นน้ำก่อนจะ "ฮ่าๆ อย่างเสี่ยวอะ โอ๊ยยยย! ไม่คิดว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้อะ ให้ตายเถอะ”
พายหัวเราะจนน้ำตาไหลในขณะที่คนเล่นมุกเสี่ยวไปได้แต่เขี่ยน้ำแข็งในแก้วเคี้ยวอย่างเอาเป็นเอาตายและภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่นกำลังซ่อนความเขินอายเอาไว้ สาบานได้ว่าไม่ได้คิดจะเล่นหรอกแต่มันหลุดพูดออกไปแล้วให้ทำไงได้แต่เด็กข้างๆนี่ก็ขำเยอะเกินไป ต้นน้ำโยนแก้วลงถังขยะข้างทาง
“ขำอะไรขนาดนั้นพาย”
“ก็มันตลกอะ คราวหลังไม่เอาละนะ ฮ่าๆ”
“เออ”
“น้อยใจเหรอพี่”
เจ้าเด็กตัวผอมข้างกายยกมือขึ้นแตะลงที่ต้นแขนแถมยังทิ้งสายตาเว้าวอนมาให้อีก นี่พายคงไม่รู้ตัวมั้งว่าทำแบบนี้แล้วมันทำให้ต้นน้ำใจอ่อนยวบจนหัวใจอาจกลายสถานะเป็นของเหลว ต้นน้ำยังคงตีหน้านิ่งโดยปล่อยให้พายบ่นงุบงิบไปเรื่อยๆจนกระทั่งเดินมาหยุดตรงสวนริมสระที่อยู่ไม่ไกลจากคณะสัตวแพทย์ซึ่งในตอนที่มาถึงนั้นก็มีแต่เสียงจิ้งหรีดร้องเท่านั้น
“พายเรือปะ” ต้นน้ำถามขึ้น
“พายตอนนี้เนี่ยนะ”
“อือ”
“ดึกแล้ว ยุงกัดอะ กลับหอกันเหอะค่อยมาอีกอย่างตอนนี้เขาคงปิดไม่ให้ยืมเรือพายแล้ว”
“รีบไปไหน พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียนสักหน่อย”
“แต่พรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้า พรุ่งนี้น้องขึ้นสแตนด์เชียร์ผมต้องไปดูน้อง พี่ลืมเหรอไง”
“จะลืมได้ไง”
“แล้ว?”
“ก็แค่อยากอยู่กับพายสองคน”
จบประโยคต้นน้ำก็ยังไม่ยอมหันไปมองหน้าพายที่ยอมนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆ เขาเอาแต่ปล่อยสายตาไปที่ผืนน้ำสีเข้มตรงหน้า ความนิ่งของมันทำให้ใจเขาสงบขึ้นแต่จ้องมองมันได้ไม่นานเขาก็ถูกรั้งใบหน้าให้หันไปมองเด็กตัวผอมแทน
“ผมก็ไม่ได้ล้านทำไมขี้น้อยใจจัง”
“เปล่านี่”
“ถามจริงพี่เป็นไรรึเปล่าช่วงนี้ ดูแปลกๆ”
“พี่ก็ปกติดีนะ”
“เหรอ” พายเชิดปากใส่ "ถึงเราจะรู้จักมาเป็นเดือนๆแต่ผมก็ดูพี่ออกนะว่าพี่กำลังทำตัวแปลกๆ”
“...”
“หรือสงสัยเรื่องพี่เกน?”
“...”
“ชัวร์เลย” พายอมยิ้มในขณะเดียวกันก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มของต้นน้ำไปด้วย "มิน่าช่วงนี้ถึงชอบแอบมองมือถือผมบ่อยๆ”
“จะด่าว่าเสือก?”
“ผมยังไม่ทันพูดเลยพี่จะด่าตัวเองทำไม”
“เออ พี่ชิงด่าตัวเองก่อนจะได้ไม่รู้สึกเจ็บมาก”
“พี่แม่ง ทำไมตลกงี้อะ คนคูลๆตอนแรกหายไปไหนแล้วครับ”
“มันโดนมึงแดกลงท้องแล้วน้องพาย”
พายหัวเราะเสียงดังแถมดวงตากลมโตตอนนี้ยังหรี่ลงจนเป็นสระอิอีกและนั่นทำเอาใจคนมองเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะกลองในเพียงร็อกเสียอีก ต้นน้ำหลุดยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นประคองใบหน้าของพายให้หันขึ้นมามองตนเองแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่หยุดขำก็ตาม
“พาย”
“อ—อืม..” กลีบปากของพายถูกครอบครองโดยต้นน้ำด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาเหมือนถูกขนนกสัมผัส เรียวลิ้นร้อนแตะสัมผัสไปตามริมฝีปากอิ่มอย่างเชื่องช้าก่อนที่ความร้อนชื้นจะถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากนุ่มหยุ่นของเจ้าตัว ไม่ได้มีการมอบสัมผัสที่มากไปกว่านี้แต่เพียงเท่านี้ก็ทำเอาใจของพายพองโต “...พี่”
“พี่ชอบพาย”
“...”
“เป็นแฟนกันไหม”
คนถามถามไปด้วยความคาดหวังที่สูง ต้นน้ำจ้องมองไปที่นัยน์ตาใสของพายและถึงแม้ว่าเขาจะผละใบหน้าตัวเองออกมาให้อยู่ในระยะที่ห่างพอสมควรแต่เขาจับสังเกตได้ว่าในดวงตามีความสั่นไหว ความไม่แน่ใจอะไรบางอย่างถูกแสดงออกมาและ--
“ผมว่าดึกมากแล้วเรารีบกลับหอกันเถอะพี่”
และเขาก็รู้ว่าความผิดหวังนี่ก็ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนกัน
“อ-เออ กลับกัน พี่จอดไว้แถวนี้แหละ เมื่อเช้ามันไม่มีที่จอดน่ะ”
“ครับ”
ระหว่างทางกลับไปยังรถยนต์คันสีดำนั้นมีแต่ความเงียบและมันยังคงความเงียบมาจนกระทั่งทั้งสองคนถึงหน้าห้องที่หอพัก ต้นน้ำยังคงเดินมาส่งพายถึงหน้าห้องเช่นเดิม เขายกมือขึ้นโยกหัวอีกฝ่ายนิดๆก่อนจะส่งยิ้มให้ ดวงตาคมทอดมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแบบที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
“ฝันดี พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่โรงยิมนะ”
“ครับ”
ต้นน้ำพยักหน้านิดๆก่อนจะหันหลังเพื่อกลับไปที่ห้องของตนเองซึ่งมันก็แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เขาแค่คาดหวังว่าพายอาจจะดึงรั้งเขาไว้เพื่ออธิบายอะไรมากกว่านี้แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำซ้อนเมื่อได้ยินเสียงบานประตูห้องปิดลง เขายิ้มเหยาะให้กับตัวเอง นี่เขากำลังจะทำอะไรอยู่กันแน่ น่าตลกสิ้นดี
02.30am
Rrrrrr
ท่ามกลางความมืดสนิทเสียงโทรศัพท์ของต้นน้ำก็ดังขึ้นแทรกความเงียบงัน เขาที่กำลังจะเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะควานเอามือถือตรงแถวหัวเตียงขึ้นมากดรับทั้งๆที่ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าเป็นใครที่โทรเข้ามาและทันทีที่เตรียมจะด่าไปเสียงของคนที่เพิ่งแยกไปดังขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ต้นนอนรึยัง”
ถ้าเป็นเพื่อนสาบานเลยว่าต้นน้ำคงด่ากลับไปแบบให้ลืมทางกลับบ้านแต่นี่คือพาย
“กำลังจะน่ะ มีอะไรรึเปล่าพาย”
“คือผม..”
“...”
“ผมขอโทษ”
“เอ่อ ช่างมันเถอะ”
“...”
“พี่ขอโทษแล้วกันถ้าทำให้พายอึดอัดใจ” ต้นน้ำยังคงใช้โทนเสียงนิ่งๆกลับไป "นอนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านี่”
“ครับ”
“...”
“พี่ต้น”
“อือ”
“ผมอยากตอบคำถามนั้นนะแต่ผมขอเวลาหน่อยได้ไหม มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวนะแต่ผมอยากให้พี่รอ” พายเม้มปากตัวเองแน่นหลังจากที่พูดจบและเขาก็พยายามที่จะมุดตัวลงไปในผ้าห่มผืนนุ่มของตัวเอง เขาได้ยินเสียงลมหายใจของอีกคนมาตามสายจนไม่แน่ใจว่าหลับไปแล้วหรือเปล่า "..พี่ครับ”
“กับพาย พี่รอได้อยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะครับพี่”
พายกลั้นยิ้มกับตัวเองก่อนจะกดตัดสายไป เขาพลิกตัวนอนมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกใจเต้นแรง ถ้าถามว่าความรู้สึกตอนนี้ที่มีต่อรุ่นพี่ห้องข้างๆมันมีมากแค่ไหนก็คงบอกว่ามากแต่มันยังคงไม่มากพอที่จะกลบความกลัวและความกังวลบางอย่างในใจออกไป
พายตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้าและเขาก็รีบแต่งตัวด้วยเสื้อยืดขาวกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ออกจากห้องด้วยสภาพที่ค่อนข้างรีบเพราะพายตั้งใจจะไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋หน้ามหาลัยแล้วถึงค่อยเข้ามหาลัย ข้าวเช้าวันนี้จะต้องเป็นไปตามที่หวังไว้จะไม่มีการพลาดเพราะร้านปิดอีก
และทันทีที่กดรีโมทรถยนต์ของตัวเองเสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังตัวของพาย เขาเอี้ยวตัวเพื่อหันไปมองว่าเป็นใครซึ่งจริงๆก็พอเดาได้อยู่
“ผมนึกว่าพี่จะออกสายกว่านี้ซะอีก”
“ตอนแรกก็คิดงั้นแต่เพื่อนมันโทรตาม”
“โห คนอย่างประธานรุ่นโดนเพื่อนโทรตาม แปลกนะ”
“แปลกตรงไหน ปกติเหอะ แล้วนี่จะเอารถไป?”
“เปล่า ผมกดรีโมทรถเล่นๆ”
“กวนตีนนะเรา เดี๋ยวจะโดน”
ต้นน้ำยกมือยีผมพายอย่างเอ็นดูในขณะที่เจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี พวกเขาตกลงกันว่าจะไปกันโดยรถของพายและต้นน้ำก็เป็นคนนั่งบ้างแต่ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากช่องจอดรถตรงไปยังทางออกของตึกต้นน้ำก็ต้องยกมือขึ้นจับเข้าที่ข้อมือของคนขับ
“อะไรพี่”
“ถามจริงใครสอนพายให้เหยียบเบรกแบบนี้”
“ทำไมอะ”
“เบรกกระชากมาครับน้องพาย”
“พี่คิดไปเองชัดๆ”
จบประโยคเจ้าของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นก็ไม่ได้ใส่ฟังเสียงของต้นน้ำอีกเลยนอกจากมองทางแล้วขับตรงไปยังหน้ามหาลัยเพื่อไปซื้อข้าวมื้อเช้ากินและตลอดทางที่ไปนอกจากจะมีเสียงบ่นของรุ่นพี่ตัวใหญ่แล้วก็ยังมีเพลงจากช่องวิทยุดังคลอไปด้วย
“ถึงละ ผมขอซื้อข้าวเช้าก่อนพี่เอาด้วยไหม”
“เดี๋ยวกูลงไปด้วย” ต้นน้ำพูดไปด้วยใบหน้าติดจะบึ้ง
“เป็นไรอะ”
“กูจะอ้วกเพราะมึงเนี่ยพาย เบรกแรงไปไหนแล้วนี่ขากลับมหาลัยเดี๋ยวกูขับเอง”
“เหอะ ทำมาเป็นบ่นไปได้ไม่เห็นจะเบรกไม่ดีตรงไหนเลย”
“จ้า ถ้าน้องพายมั่นใจแบบนั้นก็แล้วแต่เลยแต่ถ้าอยู่กับพี่เนี่ยไม่เอาแล้วเนอะเดี๋ยวพี่ขับให้เอง อยากบริการน้องพายใจจะขาด”
คนฟังถึงกับเบ้ปากใส่เพราะฟังจากมุมไหนก็คือประชดประชันและการกวนประสาท พายรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังร้านรถเข็นที่อยู่ไม่ไกลจากที่จอดซึ่งก็มีคนต่อคิวแล้วแม้จะยังเช้ามากก็ตามส่วนต้นน้ำก็เดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง
“เอาน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องใส่แก้วกับปาท่องโก๋สิบบาทครับ”
“จ้า”
คุณป้าเจ้าของร้านส่งยิ้มให้นิดๆก่อนจะหันไปตักน้ำเต้าหู้ใส่แก้วด้วยความรวดเร็วก่อนจะตักปาท่องโก๋ใส่ถุงต่อซึ่งรวมๆแล้วใช้เวลาแค่พริบตาเดียว คือถ้าป้าหลับตาป้าก็ทำได้แบบสบาย พายยื่นเงินไปให้พร้อมกับหยิบของที่สั่ง
“ขอบคุณครับ”
“จ้า แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นละลูก”
“ผมเอาเหมือนน้องเขาครับป้า”
พายหันไปมองตาขวางเพื่อส่งสายตาไปว่าว่าขี้ก็อปแค่กินมื้อเช้ายังต้องลอกอีกในขณะที่ต้นน้ำก็ทำท่าทางไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวจนกระทั่งได้ของที่สั่งไปทั้งสองคนก็เดินกลับไปที่รถ ต้นน้ำรีบฉวยเอากุญแจรถของพายมาไว้กับตัวและแน่นอนว่าถูกพายเอาหัวโหม่งมาที่ต้นแขน เขาน่ะไม่เจ็บหรอกแต่--
“พี่แม่งนิสัยไม่ดี ผมเจ็บนะ” พายตะโกนโวยวายทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ
“พี่ผิด?”
“ผิดดิ”
“ผิดยังไงไหนบอกมาซิ”
“ผิดที่ต้นแขนพี่มันแข็งอะ หัวผมโนรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ต้องเป่าเหม่งไหมจะหายไวๆ”
“ไม่ต้องเดี๋ยวน้ำลายพี่มันกระเด็นออกมา รีบๆขับรถไปเลย”
“ครับๆ”
ต้นน้ำหัวเราะก่อนจะยื่นแก้วกับถุงปาท่องโก๋ในมือไปให้คนที่นั่งข้างๆก่อนจะสตาร์ทรถแล้วบังคับให้รถเคลื่อนไปตามทาง และเมื่อมาถึงลานจอดรถก็แทบจะเต็มแล้วซึ่งในขณะที่ต้นน้ำกำลังถอยรถเข้าซองจอดพายก็กินมื้อเช้าจนเกลี้ยงแล้ว แก้มของเจ้าตัวขยับขึ้นลงเป็นจังหวะในคำสุดท้าย ดวงตากลมโตมองจ้องไปที่ด้านหน้า
“อย่างกับกระรอก”
“อะไอ” (อะไร)
“น้องพายกลืนก่อนก็ได้ครับ”
“ขี้บ่น” พายพูดก่อนจะดูดน้ำเต้าหู้ส่วนสุดท้ายลงคอ "พี่ๆ”
“อะไร” ต้นน้ำขานตอบในตอนที่แตะเบรกเมื่อจอดจนเสร็จ
“ผมมีอะไรจะบอก”
“ว่า”
พายดึงไหล่ให้ต้นน้ำมาใกล้ๆก่อนจะโน้มใบหน้าไปใกล้เพื่อให้ปากอยู่ตรงกับใบหูที่ไร้จิวสีดำ
“เอิ๊กกกกกก”
ความดังของเสียงเรอนั่นทำเอาต้นน้ำผละตัวออกแทบไม่ทันส่วนพายพอปล่อยเสียงเรอเสร็จก็หัวเราะสะใจ ต้นน้ำแทบอยากหัวโขกกับพวงมาลัยรถ ใครจะไปคิดว่าภาพลักษณ์ภายนอกของพายจะแตกต่างกับนิสัยขนาดนี้แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว
“ถ้าเรอใส่หูพี่อีกพี่ตดอัดหน้าเลยนะน้องพาย”
“อี๋ สกปรกอะ ผมรับไม่ได้”
“เหรอออออน้องพาย”
“เอาของพี่ไปเลย แล้วนี่พี่ต้องไปที่ไหนอะผมต้องเข้าไปดูน้องที่โถงคณะ”
“พี่ต้องเข้าไปในห้องสโมฯ”
“โอเคงั้นเจอกันอีกทีที่โรงยิมใช่ป่ะ”
“คงงั้น”
แล้วทั้งสองคนก็เดินแยกย้ายกันไปหลังจากตกลงกันในรถจนเสร็จ พายตรงไปทำภารกิจคุมน้องที่ต้องเตรียมขึ้นแสดงสแตนด์เชียร์ในตอนเวลาสิบโมงเช้าที่จะถึงนี้ซึ่งก่อนเข้าไปคุมก็เกิดนึกขึ้นได้ว่าลืมเอาเสื้อช็อปมาด้วย ก็คือมัวแต่ห่วงข้าวเช้าจนลืมเครื่องแบบ
ยอดเยี่ยมไปเลยพาย
พายได้แต่มองซ้ายมองขวาว่าจะเอายังไงถ้าขับรถวนกลับไปที่หอก็เสียเวลาแถมกลับมาจะเหลือที่จอดไหมก็ไม่รู้อีก ตัดสินใจไม่ได้ก็เดินตรงไปที่ห้องสโมฯของคณะก่อนก็แล้วกันเพื่อเจอเสื้อใครวางไว้ก็ยืมมาก่อนแล้วกัน
“อ้าว น้องพายมาทำอะไร” รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งเอ่ยทัก
“พี่พอจะมีเสื้อช็อปให้ยืมก่อนไหมครับผมลืมหยิบมาด้วย”
“อ๋อ น่าจะมีนะเดี๋ยวพี่ไปดูให้”
รุ่นพี่มีหนวดเดินไปค้นๆแถวกล่องลังในห้องอยู่สักพักก็เดินกลับมาพายที่ยืนรออยู่หน้าห้อง เสื้อช็อปสีกรมท่าที่ดูยับๆถูกยื่นมาให้ สภาพก็ดูเหมือนถูกทิ้งไว้มานานพอสมควรแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะเขาก็แค่ขอยืมชั่วคราว
"ตัวนี้แล้วกันนอกนั้นมันมีแต่ตัวใหญ่ๆ"
“ขอบคุณมากครับพี่”
พายยกมือไหว้ก่อนจะหยิบเสื้อมาสะบัดๆก่อนถึงจะหยิบมาสวม พูดก็พูดเสื้อนี้โคตรจะยับเหมือนว่าถูกขยุ้มเป็นก้อนมาอย่างยาวนานแต่พายก็แค่บ่นในใจก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับต้นน้ำที่เดินสวนมาพอดี
“เอาเสื้อใครมาใส่”
“ไม่รู้อะ ยืมจากในห้องสโมฯมา”
“ยับมาก ถอดออกเลยเดี๋ยวใส่เสื้อพี่แทน”
“พี่มี?”
“เออ มีสองตัวตัวที่ทิ้งไว้ในล็อคเกอร์มันเล็กไปซื้อมาผิดไซส์”
“ก็ได้”
แล้วพายก็ได้เสื้อช็อปของต้นน้ำมาใส่อย่างชั่วคราว อย่างน้อยก็เดินเข้าไปคุมน้องได้โดยที่ไม่โดนสายตาทิ่มแทงจากเพื่อนน่ะนะ
กิจกรรมของการโชว์สแตนด์เชียร์ในตอนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้วรุ่นพี่ทุกคนยืนอยู่ที่ด้านล่างต่างคนต่างยืนมองด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ภายใต้สีหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกภูมิใจ เสียงเพลงและเสียงกลองเริ่มดำเนินไปรวมถึงการแสดงของหลีดคณะ เสียงของน้องปีหนึ่งนั้นดังกึกก้องไปทั่วโรงยิมใหญ่ การแสดงในธีมสัตว์ป่าถูกดำเนินไปจนจบลงในตอนที่เสียงประกาศบอกหมดเวลาซึ่งมันเป๊ะและพอดีอย่างที่วางแผนกันมา
“ขอขอบคุณครับ/ค่ะ”
สิ้นเสียงของเด็กปีหนึ่งเหล่ารุ่นพี่คณะวิศวกรรมก็ปรบมือเสียงดังรวมถึงพายด้วยเช่นกันแม้ว่าเขาจะทำหน้าที่อยู่ด้านหลังมากกว่าแต่มันก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้จริงๆ
กิจกรรมในโรงยิมยังคงดำเนินต่อไปแต่ทันทีที่พาน้องๆมาที่ลานกว้างพวกรุ่นพี่ก็พากันมาตีวงล้อมแล้วบูมให้เหมือนเป็นการบอกกลายๆว่าพวกเขาน่ะยอมรับแล้วแต่ถึงอย่างนั้นตลอดหนึ่งปีก็ยังคงมีกิจกรรมที่ต้องทำอีกเรื่อยๆซึ่งหลังจากที่เสร็จกิจกรรมส่วนนี้รุ่นพี่ก็คุมน้องไปที่คณะเพื่อส่งน้องให้กลับบ้านหรือหอพัก พายเองก็ยืนอยู่ตรงแถวๆหน้าคณะกับเพื่อนสนิทสองคนแถมด้วยรุ่นพี่ปีสามอย่างต้นน้ำ
“เย็นนี้กลับบ้านรึเปล่าพาย” ต้นน้ำถามขึ้น
“น่าจะไม่อะ ผมขี้เกียจว่าจะกลับอาทิตย์หน้า พี่มีอะไรรึเปล่า”
“ไปเยาวราชไหม?”
“ไป!” ไม่ต้องเสียเวลาให้คิดนาน
“แล้วมึงละกันต์ แมนด้วยไปไหม”
“ไปดีไหมนะ” กันต์ส่งรอยยิ้มยียวนไปหาพี่รหัสตัวเอง
“ก็แล้วแต่มึงเถอะ”
“เอาไงวะแมน”
แต่พอแมนจะอ้าปากตอบก็มีเสียงแขกไม่ได้รับเชิญแทรกเข้ามาเสียก่อนและคนทั้งสามก็พร้อมใจกันหันไปมอง
“เห็นว่าจะไปเยาวราชกัน ผมไปด้วยได้ไหมครับคุณต้นน้ำ”
“พี่เกน”
เจ้าของชื่อยกยิ้มให้กับพายพร้อมกับส่งสายตาเป็นประกายกลับมาให้ซึ่งต้นน้ำได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อส่วนแมนกับกันต์ได้แต่หันกันมองหน้าเลิ่กลั่กก่อนที่แมนจะขยับถอยออกมาพร้อมดึงตัวกันต์มาด้วย
“ฉิบหายเอาไงดีวะ”
“เออ กูนี่งงไปหมด”
“กูว่ากูไม่ไปดีกว่าได้ตายกลางสงครามแน่นอน”
“ใจกูก็อยากไม่ไปหรอกนะแต่ด้วยสายเลือดของสายรหัสกูต้องไปช่วยพี่รหัสกู”
“ถ้างั้นเชิญมึงเลย กูขอเป็นกำลังใจให้จากตรงนี้”
“ทำมาเป็นพูด มึงจะไปรังสิตก็บอก ถุ้ย!”
“เออน่า มึงคือตัวแทนของกูไงหรือจะพาไอ้น้ำไปด้วยก็ได้นะ เห็นมันบ่นอยู่ว่าอยากไป”
“ความคิดดี”
ส่วนอีกด้านนั้นก็เต็มไปสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพายที่อยู่ตรงกลางก็ได้มองหน้าคนทั้งสองคนสลับกันไปมา พูดเลยว่าพายเหมือนเห็นเอฟเฟ็กต์สายฟ้าผ่านสายตาของเกนและต้นน้ำ
“น้องพายพี่ไปด้วยได้ไหมครับ”
“เอ่อ..” พายเหลือบตามองต้นน้ำที่ยืนทำหน้านิ่งพร้อมกับกอดอก "ก็ได้มั้งครับ”
“ดีเลยงั้นไปรถพี่เนอะ”
“ไม่ได้ พายต้องไปกับกู”
“น้องพาย”
ไม่อยากชื่อนี้แล้วโว้ยยยยยยยย—พายคิดแต่ถึงอย่างนั้นก็ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป
“พอดีผมเอารถมาน่ะพี่เกน เราไปเจอกันที่โน่นเลยดีกว่า”
“เสียดายเลย แต่เอางั้นก็ได้ครับ”
“ครับพี่”
“แล้วนี่จะไปกันเลยรึเปล่า”
“เสือกจริง” ต้นน้ำพูดขึ้นลอยๆ
“เสียงนกเสียงกามันเยอะนะครับแถวนี้”
คนที่ยืนตรงกลางอยากจะสลายหายตัวไปในอากาศมันเดี๋ยวนี้เลย พายแอบเห็นว่ามือที่กอดอกไว้นั้นถูกกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาเดาได้ไม่อยากเลยว่าถ้าพี่เกนพูดอะไรอีกนิดคงมีมวยเกิดขึ้นแน่นอน
“พาย เดี๋ยวกูกลับก่อนนะมีธุระหน่อย” แมนพูดจบก็ส่งสายตาเป็นกำลังไปให้ก่อนจะยกมือไหว้รุ่นพี่ในคณะอย่างต้นน้ำ "โชคดีนะพี่”
“พี่เดี๋ยวผมไปด้วยแต่รอเพื่อนผมอีกคนได้เปล่าครับ” กันต์พูดขึ้น
“อืม”
“รอใครวะมึง” พายหันไปถาม
“ไอ้น้ำไง มันบอกอยากไปกินเต้าฮวยแถวนั้น”
“อ๋อเออ” พายพยักหน้าก่อนจะหันไปหาเกนที่เขยิบตัวเข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ "ผมว่าเดี๋ยวเราแยกย้ายกันไปเลยก็ได้นะครับพี่”
“เอางั้นก็ได้ครับ”
“เจอกันครับพี่”
เกนทิ้งท้ายส่งสายตาหาเรื่องให้กับต้นน้ำก่อนจะเดินไปซึ่งพออีกฝ่ายเดินไปได้ไกลพอสมควรพายก็รีบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกหายใจคล่องขึ้นเยอะส่วนต้นน้ำก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือรังสีความน่ากลัวลดน้อยลง
“พี่เกนนี่คือสุดยอดแห่งญาณทิพย์เลยว่ะ รู้ได้ไงวะ” กันต์พูดขึ้น
“กูจะไปรู้เหรอ แต่เขาคงรู้จากเพื่อนของเพื่อนไรงี้มั้งกูเดาเอา”
“มึงอะระวังตัวไว้เถอะ มาแบบนี้ตามไม่ปล่อยชัวร์” กันต์พูดจบก่อนจะหันไปหาพี่รหัสตัวเอง "ไหวปะพี่”
“ไหว แค่หมาตัวเดี๋ยวกูเตะทีเดียวก็ตายห่าแล้ว”
“สุดยอดไปเลยไอดอล”
พวกเขาสามคนยืนคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่พักเดียวน้ำก็เดินออกมาจากตึกด้วยสภาพที่ไร้เสื้อช็อปเหลือเพียงเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงยีนพับขาพร้อมรองเท้าแตะและกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก ใบหน้าของหญิงสาวหน้าหมวยผมประบ่าฉีกยิ้มมาแต่ไกล
“แป๊ะยิ้มครับ รบกวนไวหน่อยหรือต้องให้กูบรรเลงเพลงจีนถึงจะเหาะมาได้” กันต์พูดเสียงดัง
“เกลียดมึงอิกันต์”
“เรื่องมึง”
“พี่ต้นน้ำสวัสดีค่ะ” น้ำพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้ารุ่นพี่กับพายสลับกันอย่างเจ้าเล่ห์ "เอ๊ะหรือต้องบอกว่าสวัสดีค่ะว่าที่ผัวเพื่อน โอ๊ย! กูเขินอะมึง”
หญิงสาวที่พูดเองแล้วก็กรี๊ดกร๊าดเองทำเอากันต์ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาซะดังส่วนคนถูกล้อแบบแพ็คคู่ก็ทำเป็นเมินหน้ากันมองไปทางอื่นเสียอย่างนั้น
“พูดมากจริงมึง รีบไปเหอะเดี๋ยวรถติด”
พายรีบเดินหนีไปทางลานจอดรถในทันทีที่พูดจบเช่นเดียวกับต้นน้ำส่วนคนติดสอยห้อยตามมานั้นก็ยังคงพูดล้อไปตลอดทางเดินจนกระทั่งขึ้นมานั่งบนรถน้ำก็ยังไม่พูดไม่หยุดโดยที่มีกันต์ค่อยพูดเสริมอยู่เนืองๆ
“นี่ถ้ามึงกับพี่ต้นน้ำไปถึงเยาวราชป้ายสีแดงคงเป็นสีชมพูแน่นอน ความรักฟุ้งกระจาย”
“พูดมากเงียบๆไปเลยมึงน่ะ”
“แหม่ เขินเหรอไง ทำเป็นเงียบๆไม่ให้กูรู้เรื่องแต่ขอโทษเถอะกูก็รู้ได้เองอยู่ดี กูใส่ใจเก่ง”
“...” พายกลอกตามองบน
“หัวเราะไปให้พอเดี๋ยวไปถึงโน่นมึงจะขำไม่ออก” กันต์พูดขึ้น
“ทำไมวะ”
“มีคู่ต่อสู้พี่ต้นน้ำโผล่มาเว้ย”
“โอ้โห อิจฉาแป๊บ นี่กูเกิดมาจนอายุยี่สิบปียังไม่เคยมีใครมาแย่งกูเลยอะ” น้ำบ่น "แต่ยังไงหนูก็ทีมพี่ต้นนะคะ”
แล้วตลอดทางก็มีเพียงแค่เสียงพูดของน้ำและกันต์ สองคนนี้เหมือนคนเก็บกดเหมือนคนไม่เคยได้พูดส่วนต้นน้ำก็มีพูดตอบกลับไปบ้างแต่พายนั้นชิงหลับไปตั้งแต่ต้นๆบทสนทนาซึ่งการหลับของพายคือหลับจริงหลับลึกแบบที่ว่าเสียงดังๆของหญิงสาวคนเดียวบนรถก็ทำอะไรไม่ได้
“พี่ต้น”
“ครับ”
“หนูดูออกว่าพี่ชอบมันจริงๆพี่อย่าถอยนะสู้ให้ถึงที่สุด อย่างเพิ่งท้อนะพี่ ให้เวลามันหน่อยมันมีอะไรในใจเยอะ”
“..พี่ให้เวลาพายได้อยู่แล้ว”
“หนูเชื่อในคำพูดพี่นะ แล้วก็สิ่งที่พี่คาใจน่ะสักวันมันจะบอกพี่เอง”
คำพูดของน้ำทำให้ต้นน้ำเข้าใจอะไรมากขึ้น เขาสัญญากับตัวเองว่าจะรออีกคนและรอฟังว่าสิ่งที่อยู่ในใจของพายคืออะไร เด็กคนนี้แสดงออกด้วยความสดใสก็จริงแต่หลังจากที่รู้จักกันมาเขาก็พอมองออกว่าลึกๆแล้วเจ้าตัวยังมีกำแพงสูงที่กั้นเขาไว้อยู่
สักวันเขาจะต้องทำลายกำแพงเพื่อเข้าไปหาพายให้ได้
--------------------------------------------------------------
ขอบคุณคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณจากใจ<3
#ต้นน้ำพาย ทาด้าาาา~
-
พี่ต้นนี่นางกวักป่ะ ตอนไม่รู้จักพี่น้องพายก็ไม่มีใครมายุ่งนะ วันๆเครียดเรื่องร้านข้าวไม่เปิดอย่างเดียว แต่รู้จักพี่ปุ๊ปคือเหมือนเรียกทุกคนให้เข้ามาหาน้องพายอ่ะ555555 หนูขอโทษนะคะพี่ต้นที่คิดแบบนั้น555555
แต่ไม่ชอบพี่เกนเลยอ่ะ คือยอมรับนะว่าอคติแต่ก็ไม่ชอบจริงๆอ่ะ ทำไมอ่ะพี่ เป็นอะไรเหรอ? จะจีบน้องพายแข่งกับพี่ต้นงี้?
ชอบพี่ต้นตรงที่เรียกพายว่าน้องพายอ่ะ ละมุนมาก! พี่ต้นต้องสู้นะ เอาทุกสิ่งทุกอย่างที่มีมาสู้กับพี่เกน อย่าให้เขาได้ใจมาก เราไม่ชอบ555555 ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงเราคงขัดขวางพี่เกนสารพัดแล้วอ่ะ5555555 ดูไร้เหตุผลเนอะ แต่คนมันไม่ชอบอ่ะ!! เราทีมพี่ต้นนะ พี่ต้นไฟท์ติ้ง! :mc4: :m31:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
รอเผือกเรื่องราวในอดีตที่เป็นปมของนุ้งพายนาจา
-
น้องพายอย่าให้พี่ต้นรอนานน้าาาาาา ;_;
-
อยากรู้เรื่องที่พายปิดไว้เลย รำคาญเกนมากๆ ต้นน้ำสู้ๆ
-
เชียร์พี่ต้นน้ำ ลุยยยยยย
-
พายต้องมีปมอะไรเกี่ยวกับความรักหรือแฟนเก่าแน่เลย
พี่ต้นน้ำอดทนสู้ๆ #ทีมเมียต้นน้ำ เอาใจช่วย 555555555
-
พี่ต้นน้ำสู้ๆ นะครับ อย่ายอมแพ้พี่เกนเด็ดขาดเลย น้องพายทำอะไรต่ออะไรให้พี่ตั้งเยอะ ^^
-
:o12: :o12:
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 12
เรื่องที่จะขอ
เวลาสองทุ่มเศษๆแถวย่านของคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนนั้นยังคงมีความคึกคัก รถรายังวิ่งกันเต็มสี่เลนถนน ร้านรวงสองข้างทางที่แออัดไปด้วยผู้คนนั้นทำให้พายต้องยกยิ้มขึ้นมาภายในหัวก็คิดเรียงลำดับไปด้วยว่าจะเริ่มจากการกินอะไรก่อนดีโดยที่เจ้าตัวก็ลืมไปว่าสองมือของตนกำลังเกาะแขนรุ่นพี่ตัวใหญ่เอาไว้เสียแน่น ความจริงคือแค่หาหลักไว้นำทางเพราะสองตาต้องคอยมองร้านอาหารไปด้วย
“พี่ๆ ก๋วยจั๊บร้านนั้นเปิดแล้ว”
“เห็นแล้วครับน้องพาย”
“ร้านนี้นะผมมากินหลายรอบแล้วชอบมาก ถ้าพี่ได้กินพี่จะติดใจผมการันตี”
“อืม”
ต้นน้ำหันไปส่งยิ้มให้เด็กชอบกินซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่เอาหัวโหม่งกับต้นแขนอีกคนเบาๆซึ่งทั้งสองคนก็คงจะลืมไปว่ายังคงมีติดสอยห้อยตามมาด้วยอย่างกันต์และน้ำ หนึ่งหนุ่มกับหนึ่งสาวทำได้เพียงกลอกตาใส่และน้ำก็เบ้ปากออกมาก่อนจะหันไปกระซิบกับกันต์
“กูรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินมาก มึงว่าเราแยกกันเดินไหมวะ เหม็นความรัก”
กันต์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากหัวเราะเสียงดังแทน และในขณะที่พวกเขาเดินมาเรื่อยๆเสียงโทรศัพท์ของพายก็ดังขึ้นซึ่งชื่อที่โทรเข้ามาก็ทำเอาต้นน้ำตีหน้านิ่งขึ้นมาทันที เจ้าตัวทำทีเป็นมองไปรอบๆแต่สมาธิกลับไปตกที่บทสนทนาของคนข้างตัว
“ครับพี่ ที่ร้านก๋วยจั๊บเลยครับ”
(งั้นพี่จองโต๊ะเลยนะครับ น้องพายเดินใกล้ถึงรึยัง)
“ใกล้แล้วครับพี่ ไว้เจอกันครับ”
(ครับ)
พายกดวางสายไปเรียบร้อยแล้วและกำลังจะเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง เขาเหลือบมองคนข้างๆแวบเดียวแต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา เขารู้ว่าอีกคนอยู่ในอารมณ์ไหนเพราะสีหน้าที่นิ่งนั่นเดาได้ไม่ยากเลยสักนิดอยากทำอะไรสักอย่างให้รุ่นพี่ข้างๆไม่ทำหน้าแบบนั้นแต่ก็นึกไม่ออกเลยปล่อยเลยตามเลย
ร้านก๋วยจั๊บชื่อดังเต็มไปด้วยความวุ่นวายเสียงดังเซ็งแซ่ถือเป็นการยืนยันได้ว่าความยอดนิยมยังคงไม่ตกไปไหน พายเดินนำทุกคนตรงเข้าไปในร้านที่มีรุ่นพี่ต่างมหาวิทยาลัยนั่งอยู่
“พี่สั่งไปแค่น้ำเองกะรอมาสั่งพร้อมกัน” เกนพูดขึ้น
“อ๋อครับ” พายพยักหน้ารับก่อนจะหันไปหาคนที่มาด้วย "พี่กินอะไรแล้วก็พวกมึงล่ะ”
“พายสั่งเพื่อพี่เลย” ต้นน้ำพูด
พายพยักหน้าก่อนจะหันไปเรียกพนักงานของร้าน "เอาก๋วยจั๊บพิเศษสามที่แล้วก็น้ำเก๊กฮวยสองครับ”
“ผมก๋วยจั๊บธรรมดาสองชามแล้วก็เป๊ปซี่” กันต์พูด
“หนูพิเศษหนึ่งค่ะแล้วก็น้ำแข็งเปล่า”
“ของผมพิเศษชามแล้วก็เป๊ปซี่”
พนักงานชาวประเทศเพื่อนบ้านพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินไปและอีกไม่กี่นาทีถัดมาน้ำแข็งเปล่าสามแก้วพร้อมเป๊ปซี่ก็ถูกนำมาเสิร์ฟก่อนจะตามมาด้วยน้ำเก๊กฮวย น้ำกับกันต์หันไปคุยกันเรื่องงานสแตนด์เชียร์ในวันนี้ส่วนสามคนที่เหลือบนโต๊ะก็ผลัดกันมองหน้ากันไปมา ความน่าอึดอัดค่อยๆก่อตัวขึ้นช้าๆ
“น้องพายมาแถวนี้บ่อยไหมครับ”
“อืม..ถ้าเมื่อก่อนก็บ่อยนะพี่”
“งี้เราก็รู้จักร้านเยอะเลยละสิ”
“อย่าหาว่าผมอวดเลยแต่ผมนี่เอฟซีตัวยง เดินวนสักสิบรอบก็ไม่หลง”
“น่ารัก”
เกนเอ่ยปากชมออกมาอย่างลื่นไหล เขานั่งเท้าคางมองหน้าพายอย่างหลงใหลโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาคุกรุ่นจากต้นน้ำเลยสักนิดความจริงถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาไม่ได้ใส่ใจสักนิดถ้าอีกคนเดินหายไปก็คงไม่รู้สึกตัว เป็นแค่คนตามจีบทำไมเขาต้องใส่ใจกัน
“แล้วนี่พี่แวะมาทำอะไรที่มหาลัยผมเหรอครับ” พายรีบเปลี่ยนเรื่อง
“พี่เหรอ ก็บังเอิญไปแถวนั้นๆน่ะ”
“บังเอิญอะไรบ่อยๆ” ต้นน้ำพูดขึ้นลอยๆโดยที่สายตาก็มองไปทางอื่น
“ถ้าให้พูดจริงๆก็พี่ตั้งใจมาหาน้องพายแหละครับ”
“เอ่อ...”
“คันตีนฉิบหายเลยโว้ย”และก็เป็นต้นน้ำอีกครั้งที่พูดขึ้นแทรก
“ถ้าคันมาทำไมไม่กลับหอไปดูเท้าหน่อยละ นั่งอยู่ตรงนี้มันคงไม่หายหรอกมั้ง”
สายตาดุดันของต้นน้ำมองไปที่เกนซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าตากวนประสาทกลับมาให้ ยกยิ้มยียวนจนอยากต่อยหน้าในขณะที่บุคคลที่เป็นตัวกลางอย่างพายได้แต่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สถานการณ์ตรงหน้าเรียกได้ว่ามาคุเต็มที่ หม้อน้ำซุปก๋วยจั๊บที่ว่าร้อนอาจเทียบไม่ได้กับบรรยากาศระหว่างเกนกับต้นน้ำเลย
“รหัสแดง” กันต์หันไปกระซิบกับน้ำ
“อีกนิดมีลุกขึ้นต่อยกันแน่ แต่ไม่คิดว่าจะเจอภาพลักษณ์พี่รหัสมึงเป็นแบบนี้นะปกติเห็นแต่ความสุขุม”
“อย่าว่าแต่มึงเลยกูด้วยเนี้ย”
“เอ้า! นี่มึงเป็นน้องรหัสพี่เขาจริงไหมวะ”
“กูเป็นน้องรหัสไม่ได้เป็นเมียพี่เขาไหมวะ”
“เออๆ”
แม้เสียงกระซิบของสองคนนั้นจะเบามากแต่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดผ่านหูของพายได้ เขาอยากเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินในเมื่อตอนนี้เขาต้องคอยพูดแทรกคนสองคนที่กำลังพูดจาชวนหาเรื่องอยู่ตลอดและแน่นอนว่าสุดท้ายแล้วพายก็ตัดสินใจจะเอื้อมมือที่วางไว้ใต้โต๊ะไปจับที่มือของต้นน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆเอาไว้อย่างน้อยมันก็น่าจะทำให้เจ้าตัวอารมณ์เย็นลงบ้าง
“อาหารมาแล้ว กินกันทุกคนๆ”
พายพูดขึ้นทันทีที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟ ก๋วยจั๊บที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องในและเนื้อหมูนั้นช่างดูเย้ายวนใจไหนจะไอความร้อนจางๆจากน้ำซุปอีก พายกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะผละมือที่เกาะกุมต้นน้ำเอาไว้ออกมา ดวงตากลมโตเป็นประกาย
“...นี่แปะลดเนื้อแต่เพิ่มเส้นแน่เลย” พายบ่นงึมงำในลำคอ
และคนที่หลงใหลในการกินก็ตัดทุกอย่างรอบตัวทิ้งทันที บรรยากาศจะมาคุยังไงหรือจะมีใครตีกันตายไหมพายก็ไม่คิดจะรับรู้สิ่งเดียวที่น่าสนคือของกินต่างหาก เจ้าตัวเริ่มจากตักน้ำซุปขึ้นมาชิมก่อนจะตามด้วยเส้น เนื้อหมูและไส้ แก้มของเขาขยับขึ้นลงและท่าทางการกินนั่นทำเอาคนมองรู้สึกอิ่มไปด้วย
พายกินอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมด
“มองหน้าผมแล้วมันจะทำให้อิ่มเหรอไง” พายหันไปถามต้นน้ำ
“อืม”
แค่คำตอบสั้นๆก็ทำเอาคนที่กำลังจะตักอาหารในชามเป็นคำสุดท้ายต้องชะงัก ใบหน้าที่ตอนนี้มีสีแดงระเรื่อเพราะความร้อนนั้นแดงขึ้นกว่าเดิมอย่างห้ามไม่อยู่ เขาได้หันไปส่งสายตาขวางๆกลับไปให้เพื่อกลบเกลื่อนอาการ
“เลี่ยนฉิบหายเลย” กันต์พูดขึ้นและแน่นอนว่าโดนพายส่งสายตามาด่า "กูหมายถึงก๋วยจั๊บเนี้ยกูไม่น่าใส่น้ำตาลเยอะเลยหวานเลี่ยนสุด”
“สีข้างถลอกแล้วค่ะพี่กันต์ขา” น้ำกระซิบ
แค่ท่ามกลางบรรยากาศที่เข้าขากันนั้นเกนได้แต่ก้มหน้าก้มตากินก๋วยจั๊บต่อทั้งๆที่ในใจแทบลุกเป็นไฟ เขากำลังคิดว่าทำยังถึงจะได้เข้าไปแทรกกลางระหว่างพายกับต้นน้ำให้ได้ เกนคิดว่าตัวเองก็มีดีไม่น้อยไปกว่าไอ้คนประสาทนั่นอย่างน้อยสายตาที่พายหลุดมองเขาบ่อยๆนั้นมันคือสายร้องขออะไรสักอย่าง
จบจากการกินก๋วยจั๊บพายก็พาทุกคนไปต่อคิวที่ร้านขายขนมหวานที่ตั้งอยู่ริมข้างทาง มันเป็นร้านที่ไม่มีโต๊ะนั่งเป็นสัดส่วนแต่มีเพียงแค่เก้าอี้พลาสติกเดี่ยวๆตั้งไว้ไม่กี่ตัว คนส่วนใหญ่เวลามาสั่งก็ต้องกินแบบทำเวลาหน่อยแบบว่าสั่งเสร็จได้ของหวานมาปุ๊ปก็ต้องตักกินเลยแต่ทางร้านก็มีให้เลือกแบบใส่ถ้วยพลาสติกแล้วนำกลับได้
“พวกมึงเอาอะไรเดี๋ยวกูไปสั่งให้ทีเดียว” พายหันไปถามเพื่อนที่เดินขนาบข้าง
“เต้าฮวย” น้ำรีบพูด
“กูกินกับมึงได้ปะวะ ของหวานแม่งไม่ถนัดแต่อยากแดกอยู่”
น้ำหรี่ตามอง “มึงก็สั่งมาแล้วเดี๋ยวกูช่วยเนอะน้องพาย”
“เอาตามนั้นแหละ”
“เออๆ กูเอา..” กันต์กวาดตามองตรงรถเข็นของร้าน "ทับทิมกรอบ”
“โอเค พี่สองคนละ”
“เฉาก๊วย/เฉาก๊วย!”
พายหันไปมองรุ่นพี่สองคนที่ขนาดตัวเท่าๆกันด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งสองคนตอบจริงจังแถมยังมองตากันราวกับจะฆ่ากันให้ตายตรงนี้ เขาไม่ได้ตอบอะไรไปนอกจากแสดงสีหน้าเนือยๆพร้อมกับพยักหน้ารับและเดินไปสั่งอาหาร
รอไม่นานนักของหวานที่ถูกสั่งไปก็ได้มา พวกเขาผลัดกันนั่งเก้าอี้เพราะส่วนที่ว่างให้นั่งนั้นมีแค่สองตัวซึ่งคนที่ได้รับสิทธิ์คือน้ำและพาย บทสนทนาระหว่างพวกเขามีแค่พาย น้ำและกันต์เท่านั้นส่วนสองคนที่เหลือเอาแต่ยืนกินเฉาก๊วยอย่างเงียบๆ
“พี่ครับเดี๋ยวสองคนนี้จะแยกเดินกับเรา แล้วก็ผมก็--”
“ไปกับพี่/พี่ดีกว่า”
เอาอีกแล้ว—พายกลอกตาใส่
“ไปกันสามคนเนี้ยแหละ แล้วไม่ต้องขออะไรจากผมอีก”
เมื่อคนมีอำนาจสูงสุดว่ามาอย่างนั้นก็ต้องเป็นไปตามนั้น น้ำกับกันต์บอกลากันตรงหน้าร้านโดยที่ก่อนจะแยกกันไปกันต์ก็ขอดึงตัวพี่รหัสมาพูดคุยอะไรสักหน่อยซึ่งแน่นอนว่าพายอยากเข้ามามีส่วนร่วมแต่น้ำกลับดึงตัวไว้อย่างรู้งานเจ้าตัวเลยเผลอทำหน้าบูดขึ้นมาทันที
“ถ้าเพื่อนผมมันจัดการไม่ได้พี่ก็จัดการเองเลย”
“กูมีสิทธิ์อะไรขนาดนั้นวะ”
“พี่มีเชื่อผมดิ”
“เขาบอกให้กูรอ”
“คำว่ารอของมันน่ะก็หมายความว่าพี่คือคนที่มันเลือกแล้ว เพื่อนผมผมดูออก”
“มึงมั่นใจแต่กูไม่มั่นใจเลยสักนิด กับเรื่องของพายกูไม่มีความมั่นใจเลย”
“ผมจะบอกพี่ให้นะนอกจากเรื่องกินก็มีเรื่องพี่นี่แหละที่มันให้ความสนใจอยู่”
กันต์ตบบ่าพี่รหัสตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปส่วนคนเป็นพี่ก็ได้แต่มองใบหน้าของพายที่กำลังพูดคุยกับเกนอยู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ว่าเขาเห็นแววตาบางอย่างที่ส่งไป แววตาที่ดูอาลัยอาวรณ์อย่างไงอย่างงั้น แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาคิดมากได้อย่างไรกัน
ต่อจากร้านขายขนมหวานพายก็ไปต่อคิวที่ร้านขนมปังปิ้งยอดนิยม คนต่อคิวยาวมากแม้ว่าเวลาในตอนนี้จะดึกมากแล้วก็ตาม พายเดินยังคงเป็นคนเดินนำไปแถวๆหน้าร้านเพื่อเขียนใบสั่งอาหารโดยที่มีเกนเดินขนาบข้างอย่างใกล้ชิดในขณะที่ต้นน้ำกลับกลายเป็นคนที่เดินตามหลัง
“พี่ต้นเอาอะไรไหม”
“ไม่ละ พายกินเลยเดี๋ยวพี่รอ”
“งั้นไว้ชิมของผมก็ได้”
เจ้าเด็กกินเก่งหันไปสนใจกับใบสั่งอาหารในมือโดยมีเกนคอยกระซิบคุยอยู่ไม่ห่างและการกระทำตรงหน้าทำเอาต้นน้ำหัวร้อนขึ้นมาทันที เขาโมโหและอยากจะเดินเข้าไปกระทืบแต่นั่นมันก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น และถึงแม้ว่าน้องรหัสเขาจะยืนยันว่าเขาสามารถทำตามที่คิดได้ เขาก็ไม่ทำหรอกเพราะความจริงคือเขาไม่มีความมั่นใจอะไรเลย
สุดท้ายแล้วพายอาจไม่ได้เลือกเขาก็ได้
เวลาสี่ทุ่มกว่าพายก็จัดอาหารที่อยากกินไปได้หลายอย่างโดยมีผู้สนับสนุนใจดีอย่างต้นน้ำที่ตีหน้านิ่งเดินตามไม่ห่าง พายปฏิเสธที่จะรับน้ำใจจากรุ่นพี่ต่างมหาวิทยาลัยอย่างเกน เขาเกรงใจและอีกอย่างการยอมให้อีกคนเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมก็ดูจะให้ความหวังมากไปหน่อย
“พี่เกนจอดรถไว้แถวไหนครับ”
“แถวโรงแรมน่ะ แล้วพายละ”
“ที่เดียวกันเลยครับ”
“ดีเลยจะได้เดินกลับทางเดียวกัน”
“ครับ”
“แล้วนี่อาทิตย์หน้าน้องพายมีแผนจะไปไหนไหม”
“คงไม่อะพี่ ผมต้องเตรียมสอบมิดเทอมแล้ว”
“อืม..งั้นสนใจไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟไหม แถวม.พี่”
“น่าสนนะพี่แต่ว่าไกลไปน่ะสิ”
บทสนทนาที่มีเพียงเกนเท่านั้นที่เป็นคนถามโน่นนี่ส่วนพายก็ทำหน้าที่ตอบตามมารยาทเท่านั้น ทั้งสองคนเดินกันไปเรื่อยๆโดยที่อาจลืมไปว่ามีต้นน้ำเดินตามหลังมา ดวงตาคมที่เคยดูน่าหลงใหลกลับเต็มไปด้วยความหม่นหมอง มันรู้สึกเหมือนหน่วงๆที่ใจอย่างบอกไม่ถูกและเขาต้องแบกรับความรู้สึกนี้มาจนกระทั่งถึงที่จอดรถ
“พี่ไปรอในรถนะพาย” ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ครับ”
ต้นน้ำพูดจบก็เดินไปขึ้นรถรออย่างที่ว่าจริงๆซึ่งทันทีเขาปิดประตูรถไปเจ้าตัวก็หยิบเอามือถือขึ้นมากดเล่นอย่างฆ่าเวลา เขาคิดว่าเขาควรหยุดมองคนทั้งคู่เสียทีเพราะถ้ามากกว่านี้พูดเลยว่าสองมือนี้ต้องได้ปล่อยหมัดใส่หน้าเกนแน่ๆ ทำหน้ายียวนมาตลอดจนเขาแทบประสาทกิน
“พี่เกน”
“ครับ”
“เรื่องที่พี่บอกผมในไลน์น่ะ” พายพูดเสียงเบา "ที่พี่บอกว่าชอบผม”
“อืม พี่ก็แค่บอกพี่ได้เร่งเร้าเอาคำตอบหรอกนะ”
“ผมรู้แต่ผมแค่อยากจะบอกพี่ว่าผมดีใจและขอบคุณที่พี่ชอบผมแต่ว่าเราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันก็น่าจะดีกว่านะครับ”
“...”
“ผมขอโทษที่ผมไม่สามาร--”
“พี่เข้าใจ” เกนยิ้มให้แต่แววตากลับดูเศร้า "พี่มันคนมาทีหลังนี่เนอะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะพี่”
“ช่างเถอะ ก็ดีที่เราบอกพี่มาตรงๆ”
“ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไรครับ” พูดพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวเด็กตรงหน้าเบาๆ "กลับหอดีๆละ”
“พี่ก็ด้วยนะครับ ขับรถกลับบ้านดีๆ”
“ครับผม”
พายยืนมองเกนไปที่รถจนอีกคนเตรียมสตาร์ทรถถึงเดินกลับมาที่รถของต้นน้ำบ้าง เขาไม่ได้มองแล้วว่ารุ่นพี่อีกคนจะขับออกไปแล้วหรือไม่สิ่งที่สนใจในตอนนี้คือคนในรถที่เอาแต่กดเล่นเกมในมือถืออย่างเป็นเอาตาย สีหน้าดูเคร่งเครียดเสียเหลือเกิน เขายกมือขึ้นแตะลงที่ต้นแขนของอีกฝ่าย
“พี่..”
“อืม อีกแป๊บนะจะจบเกมแล้ว”
“ครับ” ตอบไปอย่างนั้นพร้อมกับดึงมือกลับมาวางไว้ที่หน้าตักตัวเอง
เวลาผ่านไปเกือบห้านาทีคนที่นั่งในตำแหน่งคนขับก็วางมือถือลงไว้ในช่องตรงประตูรถ ต้นน้ำไม่ได้หันไปมองหน้าพายเลยสักนิดนอกจากบังคับพวงมาลัยแล้วเคลื่อนรถออกจากลานจอดแสนคับแคบนี่ และระหว่างที่กลับหอพักก็ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรขึ้นมานอกจากปล่อยให้เสียงเพลงจากวิทยุทำงานไปเรื่อยๆ
“พี่”
“อืม”
“ผมปวดท้องอะ”
ต้นน้ำรับหันมามองทันทีที่ฟังจบก่อนจะหันกลับไปมองถนนอย่างเดิมเพราะตอนนี้รถอยู่บนสะพานที่สภาพโล่งมาก และจากที่เห็นสีหน้าของพายที่เจ้าตัวแสดงออกมาทำเอาใจเขาหล่นวูบ
“ปวดมากไหมพาย”
“ก็น่าจะทนไหวครับ” พูดไปก็คิ้วขมวดไปด้วย
“เดี๋ยวแวะซื้อยาก่อนแล้วกันหรือว่าจะให้พี่วกรถกลับไปแล้วไปโรงพยาบาลดี”
“ห้องผมมียาอยู่ สงสัยท้องอืดอะพี่”
“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลน่ะ”
“ครับ”
“อดทนหน่อยแล้วกันเดี๋ยวก็ถึงหอแล้ว”
ต้นน้ำเปลี่ยนสีหน้าจนกลายเป็นคนดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิม สายตามองตรงไปที่ถนนด้านหน้าอย่างมีสมาธิพร้อมกับการที่เหยียบคันเร่งเพิ่มเพื่อให้รถเคลื่อนตัวไปไวขึ้นส่วนพายก็นั่งหลังตรงกับเบาะโดยที่มีมือกุมไว้ที่ท้อง เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแต่ดวงตากลมโตนั่นไม่ได้แสดงออกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด
ใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีรถยนต์ของพายที่มีต้นน้ำขับก็มาจอดที่ใต้ตึกหอพักอย่างปลอดภัย ต้นน้ำรีบดับเครื่องยนต์และพยุงเด็กกินจุจนท้องอืดมาจนถึงในห้อง เขาเดินวนหายาตามที่พายบอกซึ่งอีกฝ่ายก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะทำการบ้านพร้อมกับมองตามร่างสูงใหญ่ไปเรื่อยๆ
“อะกินซะแล้วก็นี่น้ำ”
“ขอบคุณครับ” พายพูดจบก็วางของทั้งสองอย่างไว้ที่โต๊ะแล้วแหงนมองหน้าอีกคน
“ทำไมไม่กิน ปวดท้องไม่ใช่เหรอไง”
“ก็หายแล้ว” พายพูดพร้อมทำตาแป๋วใส่
“พาย”
“ผมรู้นะว่าวันนี้พี่ไม่พอใจอะไรหลายๆอย่าง ผมขอโทษ”
“...”
“โกรธผมไหม”
พายคว้ามืออีกคนมาจับไว้ก่อนจะดึงให้ตัวอีกคนขยับเข้ามาใกล้ ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายที่มีแต่ความเรียบเฉย ไม่คุ้นชินเลยสักนิด
“พี่ต้นน้ำ”
“พี่ไม่ได้โกรธอะไรพายหรอก อย่าคิดมาก”
“แต่--”
“พี่ไม่ได้มีสิทธิ์ให้โกรธอยู่แล้ว” เขาว่าพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวพายเบาๆ "พี่โอเคอาจจะหงุดหงิดนิดหน่อยเดี๋ยวก็หาย”
คนฟังทำได้แค่ตีหน้านิ่งกลับก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พายมองหน้าอีกคนอย่างสื่อความในใจ แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกก่อนที่จะยกมือขึ้นมาจับที่บ่าของต้นน้ำ เขาไม่คิดจะพูดอะไรนอกจากขยับใบหน้าเข้าไปหาและประทับริมฝีปากตัวเองลงที่ริมฝีปากของอีกคน ไม่มีการรุกล้ำแต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึก และทันทีที่พายผละใบหน้าออกมาเขาก็รีบพูดขึ้น--
“ผมชอบพี่"
“...”
“พี่ไม่ต้องรอแล้วนะ”
“พาย”
ต้นน้ำส่งยิ้มให้กับเด็กตรงหน้าซึ่งเจ้าตัวก็ส่งรอยยิ้มน่ารักกลับมาให้ เขาไม่มีอะไรจะพูดนอกจากโน้มใบหน้าไปหาและมอบจูบให้ ริมฝีปากได้รูปของเขาประทับลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มเนิ่นนานก่อนจะค่อยๆแทรกลิ้นร้อนเข้าไปเพื่อช่วงชิมความหวาน ถ้าเขาจำไม่ผิดเมนูสุดท้ายที่พายกินคือไอติมกะทิ ความหวานที่สัมผัสได้จากลิ้นทำเอาเขาไม่อยากถอนจูบออกเลยสักนิด
---------------------------------------
เพราะน้องพายก็คือน้องพาย555555555555555555
ขอบคุณคนอ่านเสมอนะคะ<3
-
พี่เกนจะจบแค่นี้ไหมอ่ะ555555 คือแบบเหมือนจะมีมาม่าชามใหญ่รอไงไม่รู้ เซ้นส์มันบอกแบบนั้น55555 เออๆ คงไม่หรอก จบคือจบสิเนอะพี่เกนนน แต่ถ้าพี่ไม่จบจริงๆเราจะเอาไม้ฟาดหัวพี่นะ5555
ในที่สุดน้องพายกับพี่ต้นก็รักกันนน แม้จะรู้สึกว่ายังมีปมเรื่องที่น้องพายมองพี่เกนแบบอาลัยอาวรณ์อยู่ หรือปมที่อยู่ๆแฟนเก่าพี่ต้นก็หายไป เราว่าเดี๋ยวฮีต้องกลับมาป่วนแน่นอน
แต่ตอนนี้คือขอแฮปปี้ดี้ด้าก่อน น้องพายของแม่ได้กินก๋วยจั๊บแล้ววว ฮิ้วววว
-
:hao6: :hao6: :hao6:
-
น้องพายยย น้องรุกอิพี่ก่อนอีกแล้ววว พี่ต้นน้ำนี่ชักช้าจริงๆ มั่นใจเข้าไว้สิ!!! เราหล่อซะอย่างน่าา
ชอบตอนน้องกินจังง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นน หลอกพี่เค้าอีกว่าปวดท้องแล้วมองตาแป๋ว อยากฟัดๆๆๆ
จะมีมาม่าอีกใช่มั้ยเนี่ยย เหมือนยังไม่เคลียร์เท่าไหร่เลยยย
รอน้า :mew1:
-
น้องพายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
น้องพายดีมาก ชัดเจนไปเลย ต้นน้ำเตรียมกินได้ อิอิ
เกนไปดูข้างหน้าเอาน่ะ ฮ่าๆๆๆ
-
น้องพายยยย
ว่าแต่พี่เกนนี่คือยังไงเนี่ย พี่เกนเหมือนใครกันนะ?
-
:pig4: :pig4: :pig4:
งุย ๆ นุ้งพายจัดการได้ เห็นไหม เป็นไปตามที่นุ้งกันต์บอกทุกประการ อิอิ
-
สรุปเรืองเกนมีปมหลังอะไรกันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ 555555
ถ้าน้องพายแน่ใจความรู้สึกตัวเองจริงๆ แล้วก็ดี
สงสารพี่ต้นน้ำเป็นหมาหงอยเชียว
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 13
มีเรื่องราวมากมายที่ไม่มีใครได้ฟัง
จากวันที่มีเรื่องก็ผ่านไปแล้วถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ทุกอย่างรอบตัวพายก็เหมือนจะดีขึ้นเพราะอย่างน้อยในตอนนี้รุ่นพี่ต่างมหาวิทยาลัยก็เหมือนจะหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว พายไม่ได้รับข้อความหวานเลี่ยนมาอีกนับจากวันนั้นแต่ถึงอย่างนั้นแล้วมันก็มีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาทำให้รบกวนจิตใจ
ช่วงเวลาหัวค่ำในวันกลางสัปดาห์ภายในโรงช็อปขนาดใหญ่ยังคงมีนักศึกษานั่งทำงานอยู่เต็มทุกพื้นที่ ต่างคนต่างคร่ำเคร่งกับชิ้นงานตรงหน้าเช่นเดียวกับพายที่ตอนนี้เรียวคิ้วทั้งสองข้างนั้นขมวดเข้าหากันเพราะงานตรงหน้านั้นมีกำหนดส่งภายในวันพรุ่งนี้เช้า
“หิวๆ เมื่อไหร่กูจะทำเสร็จวะ” พายบ่นงึมงำ
“ทำบ่น ของมึงเนี้ยแถวบ้านเรียกพร้อมส่งแล้ว” แมนพูดแทรกขึ้นมา
“เออ งานเนี้ยบงานไว ยอมเลยครับ” กันต์พูด
“ต้องการอาหารแล้วอะ นี่มันเลยเวลากินข้าวเย็นกูไปไกลแล้ว มันไม่โอเค”
นอกจากพายจะไม่สนใจฟังคำพูดเพื่อนแล้วเจ้าตัวก็ยังคงพูดวนในเรื่องข้าวเย็นต่อไปพร้อมกับที่สองมือและสองตานั้นจดจ่ออยู่กับชิ้นงานตรงหน้า และถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ถ้าลองสังเกตมองตรงเก้าอี้ตัวยาวข้างๆพายแล้วจะพบว่าเศษซองขนมนั้นเกลื่อนไปหมดรวมถึงขวดน้ำชาเขียวของโปรดอีกซึ่งนี่คืออาการของคนที่บ่นหิวทุกๆห้านาที
กระเพาะคนหรือหลุมดำ—สองเพื่อนสนิทได้แต่คิด
ทั้งแมนและกันต์ยังคงพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพื่อผ่อนคลายความเครียดในระหว่างทำงานส่วนพายก็มุ่งมั่นตั้งใจปั่นงานจนเสร็จในเวลาสามทุ่มตรง เขาเช็กชิ้นงานตรงหน้าอีกรอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเพื่อเตรียมนำไปส่ง
“กูเสร็จแล้วนะ”
“เฮ้ย! รอกูก่อนดิ” แมนพูดขึ้น
“อีกเยอะปะ”
“ก็เหลืออีกไม่เยอะมั้ง กูไม่รู้อะไรแล้วเนี้ย”
“ใจเย็นๆมึง ค่อยๆทำ”
พายเดินไปดูงานของแมนโดยที่คอยชี้จุดที่ต้องเพิ่มและต้องแก้อยู่ต่ออีกนิดก่อนที่เจ้าของงานอย่างแมนจะไล่ให้เพื่อนกลับห้องเพราะเริ่มรู้สึกเกรงใจ ได้ยินเสียงท้องร้องแล้วรู้สึกผิดเลย
“แล้วนี่กลับคนเดียว?”
“อือ เดี๋ยวกูเดินไปเรื่อยๆถ้าเจอวินฯค่อยโบก”
“ดึกขนาดนี้หาวินฯยากนะน้องพาย เดี๋ยวกูขับรถไปส่ง”
“ไม่ต้องๆ มึงน่ะทำงานให้เสร็จก่อนเหอะ”
แมนดูลังเลแต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้พายกลับเองซึ่งเจ้าตัวก็บอกย้ำกับเขาว่าไม่ต้องห่วงกลับเองได้สบายมาก เขาเลยได้แต่มองตามร่างผอมของพายไปจนสุดสายตาด้วยความกังวลใจ จะว่าเขาห่วงเพื่อนเกินเหตุก็ได้แต่ทำไงได้ในเมื่อช่วงนี้ข่าวฆ่าชิงทรัพย์มันเยอะจริงๆถึงมันจะเคยบอกว่าตอนประถมเรียนเทควันโดมาก็เถอะ
พายตัดสินใจเดินวนไปที่ห้องพักของอาจารย์ที่อยู่ชั้นสองเพื่อส่งงานซึ่งสถานที่ส่งงานก็มีงานของเพื่อนคนอื่นวางอยู่สองสามคนและหลังจากที่ส่งเสร็จก็เดินเอื่อยๆไปตามทางเท้าในมหาลัย กว่าจะเดินพ้นเขตของคณะก็ปาไปห้านาทีได้ พายควานหาถุงเยลลี่หมีประจำในกระเป๋าสะพายไปเรื่อยๆก่อนจะพบว่าไม่มีเหลือแล้วสักห่อ
“เบื่อ หิวข้าว ทำไมชีวิตถึงได้เศร้าขนาดนี้วะ” พูดจบก็เตะก้อนหินที่พื้นไปด้วย
ท้องฟ้าในยามนี้ค่อนข้างมืดมีเพียงแค่แสงไฟจากโคมตามทางเท่านั้นที่ช่วยทำให้ทางสว่างและระหว่างทางที่เดินไปก็เจอนักศึกษาบางคณะบ้างแต่ก็น้อยมาก พายเดินมาเรื่อยๆจนถึงทางแยกเขามองเห็นแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซต์สาดมาแต่ยังไม่ได้ยกมือโบกรถคันนั้นก็ค่อยๆขับมาจอดลงข้างๆ
“ขึ้นมาเดี๋ยวไปส่งหอ”
“อ้าว พี่ติดทำงานที่หอเพื่อนไม่ใช่เหรอไง”
“มีเวลาทั้งคืน แวะไปส่งพายก่อนก็ยังกลับไปทัน”
“แต่--”
“ขึ้นมา เดี๋ยวพี่แว้นซ์ไปส่งน้องเองครับ”
ต้นน้ำพูดติดตลกแต่พายกลับสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายยังมีอะไรติดค้างในใจอยู่ เขาสะบัดหัวตัวเองเพื่อไล่ความคิดออกก่อนจะก้าวขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์พร้อมกับที่มือทั้งสองข้างก็โอบรอบเอวของคนขับไว้หลวมๆ
“พี่ ผมหิวข้าวอะ”
“ซื้อข้าวกับบะหมี่มาให้แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
แล้วรถมอเตอร์ไซต์ที่ต้นน้ำยืมเพื่อนมาก็ออกตัวไปด้วยความเร็วปานกลาง คนขับไม่รู้ว่าคนที่นั่งซ้อนทำสีหน้ายังไงแต่จากที่สัมผัสได้จากแรงโอบรัดที่เอวก็เดาได้ว่าอีกคนคงทั้งหิวและก็ง่วงแน่ๆ เขาอมยิ้มกับตัวเองเมื่อรู้สึกได้ว่าใบหน้าของพายกำลังแนบลงที่แผ่นหลังของเขาอยู่
“เสื้อช็อปพี่นี่แม่งเหม็นจริงๆเลย”
เสียงบ่นของพายไม่ได้ไปถึงหูของต้นน้ำหรอกนะแต่ถึงเจ้าตัวจะบ่นว่าเสื้อเหม็นแต่ก็ไม่คิดจะผละใบหน้าออกมาอยู่ดี
เมื่อมาถึงหอพักพายก็ดึงรั้งให้ต้นน้ำเดินมาส่งถึงในห้องจะว่าเขางอแงก็ว่าได้แต่แล้วไงละอาทิตย์ก่อนเขาแบบไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายเลย ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ช่วงสอบกลางภาคแค่ได้เห็นพี่มันส่งสติกเกอร์มากวนก็นับว่าดีมากแล้ว
“ง่วงมากใช่ไหมถึงงอแงแบบนี้” ต้นน้ำว่าพลางยกมือขึ้นยีหัวพายที่กำลังเทบะหมี่หมูแดงใส่ชาม
“คงงั้น แล้วพี่กินอะไรมายัง”
“กินมาแล้วครับ”
“พี่นั่งอยู่กับผมก่อนได้เปล่าอะแล้วค่อยไป” พายหันไปมองตาแป๋ว
“พี่ปฏิเสธพายได้ด้วยเหรอไงครับ”
พายยกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีก่อนจะจัดการเทอาหารมื้อเย็นใส่จานแล้วนำไปวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ต้นน้ำเอามาตั้งไว้ตรงพื้นที่ว่างข้างเตียง ทุกอย่างถูกดำเนินไปด้วยความเงียบจนกระทั่งพายสูดเส้นเข้าปากไปคำแรก แขกของห้องก็นั่งเท้าคางมองด้วยสายตาเอ็นดู
“พี่ต้น”
“ว่า?”
“พี่มีอะไรอยากถามผมหรือเปล่า”
“พี่เหรอ? คิดว่าไม่นะ”
“พี่ถามผมได้หมดนะ ผมพูดจริงๆ”
“ครับ”
ดวงตากลมโตของพายจ้องมองใบหน้าหล่อของต้นน้ำโดยที่อีกฝ่ายก็แค่ส่งยิ้มเล็กๆกลับมาให้ พายรีบหลบสายตาแล้วจัดการกับอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆในขณะที่ต้นน้ำก็เลือกจะคว้ารีโมทแล้วเปิดทีวีขึ้นมาเพื่อให้ห้องมันไม่เงียบจนเกินไป พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกจนกระทั่งพายกินเสร็จ เจ้าตัวก็ยกนิ้วขึ้นจิ้มๆที่ต้นแขนของต้นน้ำ
“หือ?”
“พี่ต้น ผมพูดจริงๆนะ พี่มีเรื่องอะไรในใจรึเปล่า”
ต้นน้ำไม่รู้ว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่าเขาอึกอักอยู่พักใหญ่ก่อนจะเอื้อมไปหยิบเม็ดข้าวที่แปะอยู่เหนือกลีบปากของพายทิ้งและปฏิกิริยาตอบกลับมาคือเด็กตรงหน้างับปากตัวเองแน่นแถมแก้มทั้งสองข้างยังขึ้นสีอีกต่างหาก น่ารักจนอยากรักทั้งตัว
“อ..เอ่อ เดี๋ยวผมไปล้างจานก่อนนะ พี่รอผมก่อนนะ”
“อืม”
เจ้าของห้องรีบร้อนจัดการกับภาชนะตรงหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินกลับมานั่งลงที่เดิมเพิ่มเติมคือขยับตัวยุกยิกไปมาเหมือนเด็กสมาธิสั้น พายทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมาส่วนต้นน้ำก็ยังคงนั่งเท้าคางมองคนตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน
“เป็นอะไรพาย”
“คือผมจะถามพี่รอบสุดท้ายว่าพี่ไม่มีอะไรจะถามผมใช่ไหม”
“ให้พี่ถามอะไรละครับ”
“เช่นเรื่องพี่เกนอะไรแบบนี้” พายก้มหน้างุดมองมือที่วางบนตักตัวเอง "ผมแคร์พี่และผมรู้ว่าพี่กำลังอึดอัดใจอยู่แต่ผมแค่เริ่มพูดไม่ถูก”
“พาย”
เสียงทุ้มละมุนของต้นน้ำเรียกให้พายเงยหน้าขึ้นมา เขาเห็นว่ารุ่นพี่ตัวใหญ่กลับอ้าแขนรออยู่ซึ่งพายเข้าใจดีว่านั่นหมายความว่าอะไรและแน่นอนว่าเขาโถมตัวเข้าหาอ้อมกอดนั้นอย่างไม่คิดอะไร อ้อมกอดที่เมื่อได้สัมผัสก็ทำให้รู้สึกปลอดภัยถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นเสื้อช็อปผสมกับกลิ่นกายอยู่แต่พูดก็พูดมันไม่ได้เหม็นอะไรหรอก พายซบหน้าลงกับบ่ากว้าง
“ตอนนั้นพายบอกพี่ว่าเกนหน้าเหมือนใครสักคน พี่อยากรู้นะว่าเหมือนใครแต่พี่ก็ไม่อยากเซ้าซี้เรียกร้องหาคำตอบ พี่กลัวพายรำคาญ”
“...”
“พี่อยากรู้ไปหมดทุกอย่างแต่พี่ไม่อยากถาม พี่ไม่ได้มีสิทธิ์ขนาดนั้น ยิ่งพี่เห็นพายมองมันอย่างนั้นพี่ยิ่งอยากรู้แต่ก็ไม่อยากถาม ขอโทษที่ทำให้รู้สึกอึดอัดนะ”
“พี่ไม่ผิดหรอกแต่คราวหลังพี่ถามผมได้นะ”
“ครับ”
พายเอาหัวตัวเองถูไถไปมาเหมือนแมวที่กำลังอ้อนเจ้าของซึ่งท่าทางอย่างนั้นทำให้ต้นน้ำกอดอีกคนแน่นกว่าเดิม เวลาอีกคนเข้ามาคลอเคลียแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเติมพลังชีวิต
“พี่เกนเขาก็แค่หน้าคล้ายๆกับรักแรกของผม เขาเป็นคนที่เทคแคร์ดูแลผมโคตรดี เขาเป็นคนสอนอะไรๆหลายอย่างให้กับผมรวมถึงเรื่องแบบนั้นด้วย”
“อืม”
“ตอนผมเจอพี่เกนครั้งแรกผมยังตกใจเลยว่าทำไมเขาถึงคล้ายกันทั้งๆที่เขากับรักแรกผมก็ไม่ได้เป็นญาติหรืออะไรนะ ทุกครั้งที่ผมเจอพี่เกนผมก็เห็นภาพของคนคนนั้นซ้อนทับตลอด”
“แล้วเขาไปไหนแล้วละ?”
“ไปเจอคนที่ดีกว่าผมไง” พูดไปพายก็ขยุ้มเสื้อต้นน้ำแน่น "เขาบอกว่ารักผมมากแต่สุดท้ายผมดันไปรู้ว่าเขาก็คิดกับผมเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น ขนาดตอนผมรู้ความจริงเขายังโกหกว่าเพราะที่บ้านไม่อยากให้เขาคบกับผู้ชาย น่าตลกดีเนอะพี่ว่าไหม”
“...”
“เขาคบกับผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่แล้วแต่เขาก็ยังเล่นกับผม ผมเองก็โง่ด้วยแหละ หลังจากนั้นมาผมก็รู้สึกกลัวกับการเริ่มความสัมพันธ์กับใครสักคน ผมกลัวว่าสุดท้ายผมจะกลายเป็นไอ้หน้าโง่อีก”
ต้นน้ำยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของพายอย่างแผ่วเบา เขารู้ว่าอีกคนกำลังร้องไห้ถึงไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาแต่เขาก็รู้เพราะสัมผัสเปียกชื้นที่บ่า เขาไม่คิดเลยว่าเด็กที่ดูมีความสุขกับการกินจะมีแผลในใจอย่างนี้ เขาก้มลงจูบลงที่กลางหัว
“แล้วตอนนี้ยังกลัวอยู่ไหมพาย”
“...กลัว”
“...”
“แต่กับพี่ผมกลับรู้สึกว่าพี่จะทำให้ความกลัวผมหายไป”
จบประโยคคนตัวใหญ่ก็ขยับตัวแล้วประคองใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำของพายขึ้นมา เขาใช้นิ้วโป้งปาดมันออก เด็กตรงหน้าเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าเยอะ เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหาช้าๆก่อนจะกดจูบลงที่หน้า ปลายจมูกรั้น แก้มทั้งสองข้างและริมฝีปากอวบอิ่มสีสด ทุกๆการเม้มย้ำนั่นทำเอาคนถูกจูบรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ ลิ้นร้อนของอีกคนค่อยแตะชิมละเลียดกลีบปากก่อนจะแทรกเข้าไปข้างใน ไล้ต้อนลิ้นของพายก่อนจะดูดดุนมัน สัมผัสที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมันดีอย่างนี้นี่เอง
เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่จากที่นั่งอยู่กลายเป็นพายนอนราบไปกับพื้นห้องแถมเสื้อที่สวมใส่อยู่กับหลุดออกจากตัวไปแล้วเหลือเพียงกางเกงยีนเท่านั้น ต้นน้ำกำลังวุ่นวายกับการสร้างรอยรักไว้ที่แผ่นอกขาวอมชมพู มือข้างหนึ่งก็หยอกล้อไปกับยอดดอกของอีกคน
“อ อื้อ พี่” พายรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นไหนก็ตาม
“หวานไปทั้งตัวเลยว่ะพาย”
คนมือไวเริ่มเลื้อยลงไปจนถึงกระดุมกางเกงยีน อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่พวกเขาสองคนจะก้าวข้ามผ่านเส้นที่ขีดเอาไว้แต่ทุกอย่างมันคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเพราะ--
Rrrrr
เสียงมือถือของต้นน้ำดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย เจ้าของมือถือกับหัวเสียและสบถคำหยาบมาอีกหลายคำในขณะที่พายเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูกนอกจากกัดริมฝีปากตัวเองและทำได้แค่นอนนิ่งๆมองเพดาน ต้นน้ำคว้ามือถือขึ้นมากดรับ
“ไอ้เหี้ยแบงก์มีอะไร” พูดไปด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด
(อะไร กูโทรมาตามให้มึงกลับมาทำงานเนี้ย แล้วมาหงุดหงิดไรใส่กูหรือว่า...)
“หุบปากมึงไปเลย เดี๋ยวกูรีบกลับไป”
(นั่นแหน่ อะไรย--)
ไม่รอให้ปลายสายพูดอะไรจบต้นน้ำก็กดตัดสายไปเสียดื้อๆ เขาขยี้ผมตัวเองเสียแรงก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเพื่อตั้งสติอีกครั้งส่วนพายเองก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับมองอีกคนตาแป๋ว
“..ให้ผมช่วยไหมพี่” พายกัดปากพูดเบาๆพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางกางเกงยีนของต้นน้ำ
“ยังไหว”
“แน่นะพี่”
“อือ เดี๋ยวพี่กลับไปทำงานแล้วนะ”
“ครับ”
ต้นน้ำคว้ามือถือกับกระเป๋าตังค์มาเก็บไว้กับตัวแต่ก่อนที่เขาจะลุกไปก็ทิ้งท้ายจูบลงที่แก้มนุ่มของพายไปอย่างแรงและปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมาคือฝ่ามือที่ฟาดลงที่แขนแบบเต็มแรง
“ชื่นใจว่ะ”
“ประสาท”
“รีบๆเข้านอนนะน้องพาย”
“รู้แล้ว”
“โอเค พี่ไปนะ”
“เดี๋ยว! ผมเปลืองตัวมากเนี้ยเพราะงั้นอาทิตย์หลังสอบผมขอบุฟเฟต์โรงแรมนะเอาที่มีบุฟเฟต์ติ่มซำด้วย”
“...”
“ยืนตกใจอะไร รีบไปทำงานสิพี่”
โหมดจริงจังไม่เคยอยู่นานสุดท้ายโหมดคิดคำนวณคืนทุนเป็นของกินก็กลับมา
“อย่าลืมนะพี่”
และพายก็ย้ำจนวินาทีสุดท้าย
เช้าวันถัดมาทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติพายยังคงเรียนเต็มคาบตั้งแต่เช้ายันเย็นเพิ่มเติมคือรายงานหลายอย่างที่ต้องส่งภายในสัปดาห์ดี ทุกอย่างดูรุมเร้าจนแทบจะสติแตก และนี่ขนาดแค่ปีสองพอหันกลับไปมองสภาพปีสามอย่างต้นน้ำแล้วไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่ได้กลับห้องเลย
“จบมิดเทอมไปกูจะตายเลยไหมวะ” แมนบ่น
“ไม่หรอก” กันต์พูด
“ไม่ตาย?”
“ไม่ตายก็เหี้ยแล้วครับคุณ” กันต์ตบมุกปิดท้าย
การส่งมุกแห้งๆภายในห้องขนาดสี่เหลี่ยมของแมนนั้นไม่ได้ทำให้สภาพของคนที่ปั่นรายงานรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจเลยสักนิด แมนกับกันต์ยังคงปั่นงานและอ่านชีทควบคู่ไปด้วยในขณะที่พายเลือกจะตักข้าวมันไก่เข้าปากแทนการพิมพ์งาน
“พายมือถือมึงสั่น”
“สไลด์มา”
“เออ”
แมนสไลด์มือถือเครื่องบางที่มีเคสสีดำประกอบอยู่มากับพื้นห้องและทันทีที่มันมาถึงมือเจ้าของสายที่เข้ามาก็ดับไปแล้ว พายค่อยๆใช้นิ้วจิ้มมือถือเพื่อกดดูและพอเห็นรายชื่อที่โทรเข้ามาเขาก็เผลอหลุดยิ้มขึ้นมาทันที
'คนเลี้ยงข้าว'
พายรีบกดโทรกลับไปในทันทีและก็รอเสียงรอสายไม่นานก็ได้ยินเสียงกึกกักดังเข้ามาพร้อมกับเสียงลมตี เขารออยู่สักพักเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยถึงจะดังขึ้นมาบ้าง
(กินอะไรรึยัง)
“ข้าวมันไก่หนึ่งจาน”
(อิ่ม?)
“ตอนนี้อิ่มแต่อีกสิบนาทีต่อจากนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจ พี่โทรมาถามใหม่แล้วกัน”
(แบบนี้ก็ได้เหรอพาย)
“ได้หมดแหละถ้าเป็นผม”
(แล้วอยากกินขนมอะไรไหม)
“อยากปังเย็น พี่จะไปซื้อให้ผมเหรอ”
(เหอะ พี่ถามไปงั้นอะ)
“พี่มึง!”
(ฮ่าๆ หยอกๆ)
“ตลกมาก?”
(ตลก)
“อย่าให้อยู่ใกล้นะ ผมจะกัดพี่ให้แขนขาดเลย”
(กลัวจังเลยครับน้องพาย)
น้ำเสียงยียวนนั้นทำเอาพายอยากเอื้อมมือผ่านสายโทรศัพท์เข้าไปแล้วฟาดพี่มันสักทีสองทีเอาให้ตัวเขียวไปเลย แล้วนี่ยังมีหน้ามาหัวเราะใส่อีกเขาจะจดลิสต์ความแค้นนี้ไว้แล้วรอผลาญตังค์พี่มันที่เดียว เดี๋ยวจะล้างท้องรอเลย
“รำคาญๆ ผมไปทำงานต่อแล้ว”
(โอ๋ๆ งอนเหรอครับน้องพาย)
“งอนบ้าบอไร ประสาท”
(ง้อๆ ของ้อด้วยขนมบราวนี่แผ่นสองถุงโอเคไหม)
“พี่เห็นผมเป็นคนที่ซื้อได้ด้วยของกินงั้นดิ คนอย่างผมเนี้ยใช้ของกินมาซื้อไม่ได้นะครับ”
(จริง?)
“ถ้าไม่มากพอก็อย่าหวัง” พายส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใส่ "ผมวางละนะ พี่ก็ตั้งใจทำงานละ”
(อืม พายด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแวะไปหา)
“โอเคครับ”
(เจอกันน้องพาย)
บทสนทนาจบลงแล้วและพายก็หันกลับมาตักข้าวมันไก่ในชามต่อจนมันหมดจานโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนสนิทสองคนวางงานในมือและตามใส่ใจอย่างใกล้ชิดแถมแมนและกันต์ยังกดอัดวิดีโอลงไอจีสตอรี่ไว้อีก
“น้องพายจะถูกพี่รหัสมึงจับกินแล้ว กูรู้สึกเหมือนลูกจะออกจากอ้อมอกเลยวะ” แมนพูดพลางทำสีหน้าเหมือนคนร้องไห้
“เห็นกันอยู่หลัดๆน้องพาย” กันต์พูด
“ไอ้พวกเวรกูยังไม่ตาย” พายยกเท้าขึ้นเตะเพื่อนตััวเอง
“น้องพายจะมีผัวอะกันต์ กูต้องเรียกสินสอดยังไงดี”
“อย่างไอ้พี่ต้นนะเรียกไปเลยร้อยล้าน พี่มันรวย”
“อุ่นใจละ น้องพายของกูสบายแน่นอน”
คนที่ถูกกล่าวถึงอย่างพายได้แต่กลอกตาอยากจะยกเท้าขึ้นถีบให้หน้าคว่ำแต่คิดว่าทำไปก็เปลืองแรงเปล่าๆ ปล่อยให้มันพูดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเหนื่อยมันก็หยุดเอง เขาคิดว่าเขาควรสนใจกับงานกลุ่มตรงหน้าก่อนจะดีกว่าไม่งั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนกันพอดี
--------------------------------------------------------
คือมันเป็นเรื่องฟีลกู้ดจริงๆนะ ดราม่าสุดก็แค่ร้านก๋วยจั๊บปิดเท่านั้นเอง55555555555555
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและเอ็นดูน้องพาย สงสารพี่ต้นนะคะ<3
-
:L2: :pig4:
-
น้องพายลูกแมมมมม่ ช่วงนี้มาบ่อย แม่ชื่นใจจริงๆ แม่หมั่นเขี้ยวหนูมาก อยากกัดให้จมเขี้ยวจริงๆ แต่ก่อนแม่จะกัดหนูแม่คงต้องไล่ฟาดนังพี่ต้นก่อน บังอาจ!! คิดจะงั่มลูกฉันเหรอ!! ตายซะเถอะนังพี่ต้นนนนน!! //ไล่ตีพี่ต้น//
ความรู้สึกเดียวกับแมนกันต์เลย เหมือนถูกพรากลูกในอกไป ฮือออ นังพี่ต้น นังคนชั่ว เอาลูกคืนมาาา
-
อมยิ้มตลอดน้องพายพี่ต้นน้ำ ฟีลกู้ดดดดดด
ถึงแม้มีเเอบเบ้ใส่เกนกับรักแรกก็ตาม ฮ่าๆๆๆ
-
:katai2-1: :katai2-1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
ไม่ทิ้งสโลแกน "น้องพายสายแ-ก" เลยนะ อิอิ
-
เอ็นดูน้องพาย มีน้องพายมีของกิน ไม่มาม่าก็ดีแล้ว เย้ๆ :hao7:
น้องพายจะออกเรือนแล้ว เพื่อนๆรับม่ายด้าย o18
-
เอ็นดูความหิวตลอดเวลาของน้องพาย อาหารซื้อน้องไม่ได้ถ้าไม่มากพอ!
-
น้องพายน่ารักกก
-
ผลาญให้หมดตัวเลยยยยยยยย :ling1: :katai5: :hao7:
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 14
ไปให้สุดแล้วหยุดที่...
แต่จะให้ฉันให้ฉันทำอย่างไร
ฉันรักเธอแล้วทั้งใจ
จะไม่ให้รักไม่ให้รักได้อย่างไร
ฉันฝืนตัวเองไม่เป็น
เพลงอกหักกับร้านเหล้ามักเป็นของคู่กัน เสียงเพลงจากบนเวทีขนาดเล็กภายในร้านก็ยังถือว่าเป็นจุดสนใจเพราะวงดนตรีที่ว่านั้นก็เป็นหนึ่งในวงดนตรีวงดังของมหาลัยและหน้าตาของพวกเขาแต่ละคนก็ค่อนข้างมีเสน่ห์มากทีเดียวแต่ถึงอย่างนั้นแล้วมันกลับไม่ได้ดึงดูดโต๊ะของเด็กวิศวะกลุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในมุมที่เยื้องออกไปทางหน้าร้าน
“หมดแก้วๆ”
เสียงทุ้มของเหล่าชายฉกรรจ์ดังขึ้นโดยที่บุคคลที่นั่งอยู่ในโต๊ะนั้นจะเป็นปีสามและปีสี่ซึ่งต้นน้ำเองก็นั่งรวมอยู่ในนั้นและก็คือคนที่ถูกบังคับให้ดื่มหมดแก้วทุกรอบแต่คนคอทองแดงแบบเขาก็ไม่าะท้านสักเท่าไหร่
“น้องค้าบบขอเหล้าเพิ่มค้าบ” เสียงของแบงก์ดังขึ้นก่อนจะหันไปทางโต๊ะที่อยู่ใกล้เคียง "น้องคนที่ชื่อพายน่ะพี่ขอเบอร์หน่อยครับ พี่ชอบ”
“ฮิ้ว!”
พายที่กำลังโซ้ยยำวุ้นเส้นเข้าปากถึงกับชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทคนหนึ่งของต้นน้ำด้วยแววตาเบื่อหน่าย เขากลืนอาหารลงคอก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วตะโกนกลับไป
“ลองถามคนที่นั่งข้างๆพี่เขาดูสิครับว่าเบอร์ผมเบอร์อะไร” พายยักคิ้วให้ต้นน้ำที่กำลังนั่งกอดอกพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ
“ง่อววววว ยังไงกันครับเนี้ย”
“ก็ไม่ยังไงนะครับ แต่ถ้าพี่สงสัยพี่ลองหันไปถามพี่ดูสิครับ”
“เพื่อนคนไหนอะครับน้อง”
“เพื่อนพี่ที่ชื่อคุณานนต์สิครับ”
“เด็กรว้ายๆ”
“ฮิ้ววววว!”
การพูดกวนประสาทกันไปมาของวิศวะต่างรุ่นก็ดำเนินไปเรื่อยๆแบบที่ไม่มีใครยอมใคร แบงก์ที่นานๆทีจะเจอคนที่ต่อปากต่อคำได้อย่างพายก็ยิ่งรู้สึกสนุก เขาพูดอะไรพายก็สามารถตอกกลับได้ทุกคำแถมยังมีหันมาเล่นหูเล่นตาใส่เพื่อนของเขาอีกพูดเลยว่าไอ้ต้นน้ำเจอของดีเขาให้แล้ว อิจฉาเลยว่ะ!
จากเวลาสี่ทุ่มจนตอนนี้เที่ยงคืนแล้วกลุ่มเด็กวิศวะกลุ่มใหญ่ก็ยังคงสั่งเหล้ามากินกันเหมือนอาบ กินทดแทนช่วงเวลาที่ต่างคนต่างหมดพลังไปกับการสอบกลางภาคและถึงแม้ว่าหลังสอบเสร็จจะได้หยุดเพียงสามวันพวกเขาก็ไม่สน และจนถึงตอนนี้ก็ถึงเวลาที่วงดนตรีในร้านจะต้องเล่นเพลงสุดท้ายแล้ว
“เพลงสุดท้ายขอมอบให้กับทุกคนที่มีรักมั่นคงแต่เขาคนนั้นกลับรักใครอีกคนมากกว่าเรา”
จบคำพูดสั้นๆจากนักร้องนำเสียงทำนองเพลงจากเครื่องดนตรีก็เริ่มดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงทุ้มละมุนที่ทำเอาใครหลายคนในร้านถึงกับเคลิบเคลิ้มและรู้สึกอินไปกับเนื้อเพลงที่ว่านั่นได้ง่าย
ไม่อยากเหนื่อยใจเอาแต่ทำร้ายกัน
พยายามฝืนยิ่งเหมือนไร้หนทาง
แต่ต่อให้ฉันไม่อยากไป
มันก็ไม่เหลือที่ให้ยืน
เพลงพันหมื่นเหตุผลของวงเคลียร์ถูกนำหยิบยกมาร้องในรูปแบบของโทนทุ้มต่ำของผู้ชายก็ให้ความรู้สึกอีกแบบ คนในร้านบางคนเริ่มชูแก้วเหล้าขึ้นแล้วร้องตาม บางคนอินเพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนั้นหรือบางคนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นหรอแต่ก็แค่อินตามบรรยากาศ
มีหนึ่งเหตุผลยังปิดเอาไว้
คือเธอต้องการกันฉันให้พ้นทาง
เพื่อให้เขาและเธอนั้นได้มารักกัน
เหตุผลข้อเดียวคือข้อนั้น
คือไม่รักกันแค่นั้นเอง
แต่กับบางคนหรืออาจจะสองคนก็อาจจะไม่ได้มีความอินอะไรเลยกับเพลงแสนเศร้านั่น พวกเขาก็แค่นั่งเท้าคางแล้วมองตากันข้ามโต๊ะคนหนึ่งยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ส่วนอีกหนึ่งก็ส่งยิ้มบางเบามาให้ และถึงจะนั่งห่างกันแต่จังหวะหัวใจของพวกเขากลับเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
บุคคลที่เปลี่ยนเพลงเศร้าให้เป็นเพลงรักได้ในตอนนี้ก็คงมีแค่--
เหตุผลข้อเดียวคือข้อนั้น
คือรักเขาแล้วเท่านั้นเอง
ต้นน้ำกับพายเท่านั้น
กว่าการดื่มฉลองสอบเสร็จจะจบลงก็ปาไปตอนตีสามพร้อมๆกับที่ร้านเตรียมจะปิดนั่นแหละและสภาพแต่ละคนก็คือไม่ต่างจากซอมบี้เลยสักนิด สติแทบไม่หลงเหลือกันแล้วแต่ถึงอย่างนั้นก็พากันกลับหอพักกันได้แม้จะทุลักทุเลกันพอสมควร พายกับต้นน้ำได้กลับมาพร้อมกับรุ่นพี่ปีสี่กลุ่มหนึ่งเพราะพักที่เดียวกันเพียงแต่คนละตึก
“พวกมึงสองคนนี่เป็นแฟนกันเหรอวะ” รุ่นพี่ปีสี่มีเคราถามขึ้น
“เป็นชัวร์ กูเห็นนะว่าพวกมึงสองคนมองตากันเยิ้มเลย” คนที่นั่งข้างคนขับแท็กซี่พูดขึ้น
“ก็แล้วแต่พวกพี่จะคิดครับ” พายตอบพร้อมกับไหวไหล่
“ตามที่พวกกูคิด โอเคผัวเมียกันชัวร์” คนที่ถามในตอนแรกพูดสรุปก่อนคนอื่นจะร้องโห่ฮิ้วให้คนขับทำหน้าเหม็นเบื่อใส่
และทันทีที่รถแท็กซี่คันสีชมพูวนมาจอดที่หน้าหอพักต่างคนก็ต่างรีบแยกย้ายกันกลับห้องเช่นเดียวกับพายและต้นน้ำซึ่งพอพายจะเดินไปที่ห้องตัวเองเขาก็ถูกมือใหญ่ของคนที่เดินตามเป็นเงาดึงเข้าห้องของเจ้าตัวไปด้วย
“อะ—อื้อ..”
คนตัวผอมไม่มีสิทธิ์ได้เอ่ยถามอะไรให้ได้ความก็ถูกเจ้าของห้องตัวโตจูบปิดปาก สัมผัสที่ร้อนรุ่มถูกส่งมาจนกลีบปากอิ่มของเขาต้องเผยออ้าออกเพื่อให้อีกได้เข้ามาลิ้มรสด้านใน ลิ้นร้อนของต้นน้ำกวาดต้อนและหยอกล้อกับลิ้นของพายก่อนที่ต่างคนจะต่างดูดดุนลิ้นของกันและกัน การมอบดีพคิสจากต้นน้ำทำเอาแข้งขาของพายอ่อนจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แขนของพายคล้องที่รอบคอหนาของต้นน้ำซึ่งแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายก็คอยประคองอยู่ที่รอบเอวของเขา
“..อื้มม พี่”
“พี่ขอได้ไหม” ต้นน้ำส่งแววตาร้องขอกลับไปหาพร้อมคำพูด
“...”
“เชื่อใจพี่นะพาย”
“...”
“พ—อื้มม”
พายได้ตอบกลับไปเป็นคำพูดเพราะเขาตอบกลับไปด้วยจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มันกำลังล้นเอ่อออกมาจากใจ จิตใต้สำนึกส่วนลึกบอกกับเขาว่าเขาสามารถเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้ ก้านนิ้วเรียวของพายเกลี่ยไปมาที่ท้ายทอยของต้นน้ำ พวกเขาสองคนแลกรสจูบกันไปเรื่อยๆและตลอดทางที่เดินกลับไปที่เตียงผ้าผ่อนที่อยู่บนกายก็หลุดไปทีละชิ้นจนเหลือเพียงชั้นใน
ชั้นในสีดำยี่ห้อเคลวิน ไคลน์ของต้นน้ำนั้นอยู่ในกรอบสายตาของพายที่นอนราบอยู่ ดวงตากลมโตจ้องมองร่างกายสมบูรณ์แบบตรงหน้าด้วยใบหน้าเห่อร้อน ลอนกล้ามหน้าท้องที่มีให้เห็นจางๆนั้นดูน่าสัมผัสและยิ่งอีกคนยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทนั้นอีก ร้อนแรงกว่าพระอาทิตย์ก็คงเป็นพี่ต้นน้ำแล้ว
“จ้องพี่แบบนี้พี่ก็เขินนะน้องพาย”
“เหอะ”
พายพ่นลมหายใจออกส่วนต้นน้ำก็ยกยิ้มมุมปากก่อนจะกดจูบลงที่ต้นคอขาวเนียน สร้างรอยสีเข้มเอาไว้ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งไปที่ไหปลาร้า แผ่นอกขาวและแวะชิมเม็ดยอดดอกที่ชูชันรอรับสัมผัส และทันทีที่ลิ้นของต้นน้ำละเลียดดูดดุนคนที่ถูกสัมผัสก็รู้สึกเหมือนช่องท้องวูบโหวงไปหมด เขาแอ่นอกรับสัมผัสอย่างหน้าไม่อาย
“พี่..อื้อ” พายยกมือขึ้นขย้ำกลุ่มผมตรงหน้าเพื่อระบายความเสียวซ่าน
“..หวานไปทั้งตัวเลยว่ะพาย”
“เงียบๆไปเลย”
เจ้าของกายกำยำหัวเราะต่ำในลำคอ เขาไล่จูบไปทีละส่วน ยิ่งได้สัมผัสยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ ความต้องการในตอนนี้แทบล้นปรี่จนควบคุมไม่ไหวยิ่งเมื่อได้ชั้นในสีขาวของพายหลุดออกจากตัวแล้วยิ่งรู้สึกอยากรักอีกคนแรงๆ เนื้อตัวขาวเหมือนน้ำนมในตอนนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงระเรื่อเพราะความเขินอายและความรู้สึกวาบหวาม
“...พี่ต้น”
“ครับ”
เจ้าของกายผอมแทบบิดไปมาเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ของต้นน้ำรูดรั้งส่วนนั้นของตนเอง ใบหน้าน่ารักบิดเบี้ยวไปตามแรงอารมณ์ พายครางเสียงแผ่วเบาแถมเรียกชื่อต้นน้ำไปด้วยและนั่นทำให้คนถูกเรียกชื่อต้องขยับฝ่ามือให้เร็วกว่าเดิมจนกระทั่งเกือบถึงจุดขอบฟ้า
“พี่ต้น ช่วยพายก่อน”
“รอไปพร้อมพี่สิครับน้องพาย”
“ผมไม่ไหว”
“ทนหน่อยนะครับน้องพาย”
ริมฝีปากของต้นน้ำกดจูบลงที่หน้าผากเนียน เขาตัดสินใจถอดชั้นในแล้วสวมถุงยางและชโลมเจลไปที่ส่วนนั้นของก่อนจะนำพามันเข้าไปในช่องทางของพายและทันทีที่เข้าไปได้เพียงครึ่งทางพายก็ยกมือขึ้นตีไหล่อีกคนอย่างแรง เรียวคิ้วขมวดเข้าหากัน
“พึ่มึงอ่อนโยนหน่อยสิว่ะ”
“อ่อนโยนแล้ว”
“อ่อนโยนบ้านพี่มึงสิ--อื้อออ”
เด็กปากดีที่ร้องแง้วตรงหน้าต้องเงียบเสียงลงเมื่อต้นน้ำกระแทกแก่นกายไปโดนที่จุดกระสันและนั่นยิ่งทำให้คนถูกกระทำจิกเล็บลงที่ลาดไหล่กว้างไปเต็มแรง แรงขยับเอวของต้นน้ำไม่ธรรมดาเพราะมันทำให้พายรู้สึกเหมือนเล่นไวกิ้งอยู่ ขึ้นไปในจุดที่สูงและลงมาเพื่อให้รู้สึกวาบหวามไปทั่วท้อง
“อื้ออ..พี่ต้น”
“..อ่า พาย”
แรงกระแทกเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำเอาพายปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาจนเลอะหน้าท้องของต้นน้ำและถึงจะชิงนำปลดปล่อยไปก่อนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะนั่นทำให้พายเริ่มมีเรี่ยวแรงจะผลักให้ต้นน้ำเป็นคนนอนราบและตนเองคร่อมอยู่ด้านบนโดยที่ส่วนนั้นยังคงเชื่อมกันอยู่ พายยกยิ้มร้ายก่อนจะใช้นิ้วไล้ไปตามแผงอกและหน้าท้องที่เป็นลอนจางๆ เขาโน้มตัวลงไปและสร้างรอยรักไว้ที่หน้าอกอีกคน
“ของพี่แม่งโคตรใหญ่เลย”
“แล้วชอบไหมครับคนดี”
“...ชอบสิครับ”
บทสนทนาแบบนี้ถูกดำเนินไปจนกระทั่งพายเริ่มขยับสะโพกและต้นน้ำก็มีบ้างที่สวนสะโพกกลับ เขามองเด็กตรงหน้าที่ไม่ได้มีดีแค่ปากแต่ลีลาท่าทางก็ถูกใจเขาด้วย ดวงตาคมมองร่างกายของพายอย่างจาบจ้วง สองมือใหญ่ก็คอยจับที่ช่วงเอวของเด็กตัวผอมเอาไว้ด้วย ดวงหน้าน่ารักที่กำลังหลับตาพริ้มและการเผยอปากออกนิดๆนั่นทำเอาความหื่นที่มีลุกฮืออย่างควบคุมไม่ได้
การเข้ากิจกรรมจังหวะของเขาสองคนยังคงดำเนินไปหลายยกจนกระทั่งแสงอาทิตย์รำไรสะท้อนผ่านม่านสีเข้มพวกเขาถึงหยุดและเข้านอนโดยที่เจ้าของห้องตัวใหญ่ก็เป็นคนคอยจัดการเช็ดตัวและทำความสะอาดช่องทางของพายให้อย่างทะนุถนอมแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะใส่ไปแบบไม่ยั้งก็เถอะ
“...อยู่กับพี่พายไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ”
“อืม”
พายคิดว่าได้ยินอะไรสักอย่างเบาๆจากที่แสนไกล เขาได้ยินมันไม่ค่อยชัดแต่ก็ตอบรับกลับไปอย่างนั้นเพราะความง่วงและความเหนื่อยกำลังเล่นงานอย่างหนัก เขายกแขนทั้งสองกอดก่ายไปที่ร่างกายอบอุ่นของคนข้างๆทั้งยังขดตัวเข้าไปในอ้อมกอดนั้นด้วยและความปลอดภัยที่สัมผัสได้ทำให้พายนอนหลับฝันดี
11.35น.
เป็นต้นน้ำที่ตื่นขึ้นมาก่อน เขากดจูบลงที่กระหม่อมของพายอย่างแผ่วเบาก่อนจะลุกจากเตียงแล้วตรงไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดบอลเน่าๆของคณะแล้วถึงจะรีบลงไปซื้อข้าวกับยาขึ้นมาที่ห้องด้วยเวลาอันรวดเร็วแต่นั่นก็ยังถือว่าช้าไปเพราะเมื่อกลับเข้ามาก็เจอพายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่เตียง ดวงตากลมโตกำลังจ้องมองไปที่หน้าจอทีวีที่กำลังฉายละครอะไรสักเรื่อง
“พี่ซื้ออะไรมาบ้าง ผมหิวมากอะตอนนี้”
“ข้าวขาหมูไม่หนัง”
“พิเศษด้วยเปล่า”
“อืม พิเศษ”
“รู้ใจผมจริงๆเลย”
พายหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะชูมือขึ้นเพื่อให้เจ้าของห้องมาพยุงไปห้องน้ำ เขาอยากอาบน้ำมากเพราะรู้สึกเหนียวตัวพอสมควรแม้ว่าเมื่อคืนจะถูกจับเช็ดตัวไปแล้วรอบหนึ่งก็เถอะ
“เอาชุดพี่ไปใส่ก่อนก็แล้วกัน”
“มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วปะ”
“เออครับน้องพาย”
ต้นน้ำยื่นเสื้อยืดตัวใหญ่ไปให้แต่ไม่มียื่นกางเกงให้ซึ่งมันก็คือชุดแบบเดิมกับที่เขาใส่อยู่และนั่นทำให้พายขมวดคิ้วในทันทีที่ยืนมองสิ่งที่อยู่ในมือ เขาเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มกริ่มมา ดวงตาคมฉายแววเจ้าชู้แพรวพราวใส่แถมยังมองขาขาวๆของเขาอีกด้วยแต่ขอโทษเถอะตอนนี้ไม่มีอารมณ์เคลิ้มแล้ว
“ตลก เอากางเกงขาสั้นมาด้วยเลย”
“ใส่แค่นี้ก็พอ พี่ขี้เกียจซักผ้าเยอะๆ”
“เอามาเดี๋ยวผมซักให้ก็ได้”
“ไม่ครับน้องพาย”
“พี่มึง!”
“ไม่รู้ชี้ไม่สน”
ต้นน้ำทำเมินแล้วเดินหนีไปตรงหยิบเอาโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กออกมากางพร้อมกับถือถุงข้าววางไว้กับโต๊ะ เขาเมินสายตาโมโหของพายและเลือกจะส่งรอยยิ้มอารมณ์ดีกลับไปให้
“ช้าอดนะพาย พี่กินหมดสองกล่องนะครับ”
“พี่แม่ง! นิสัยเสีย จิตใจหยาบช้ามาก ถ้าพี่กินกล่องของผมขอให้พี่ท้องเสีย”
ปัง!
แล้วบานประตูห้องน้ำก็ถูกปิดลงแบบเต็มแรงแถมตามมาด้วยเสียงสบถด่ามาอีกยาวพรืดแต่ถามว่าต้นน้ำสะทกสะท้านกับมันไหมก็ต้องบอกเลยว่าไม่ การแกล้งอีกคนให้เป็นแบบนี้มันค่อนข้างจะบันเทิงใจเขาอยู่ไม่น้อยยิ่งเห็นอีกคนขมวดคิ้วแล้วทำหน้าบูดบึ้งแล้วอยากแกล้งให้หนักแล้วค่อยตบตูดแล้วโอ๋
รอไม่นานพายก็เดินกระแทกเท้าแบบที่ลืมความเจ็บปวดออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ร่างกายขาวราวกับน้ำนมที่ปกคลุมด้วยเสื้อยืดตัวใหญ่ของต้นน้ำเพียงตัวเดียวนั่นทำเอาเจ้าของเสื้อยกยิ้มอย่างพอใจอาจเพราะพายเป็นคนตัวผอมถึงแม้จะสูงถึงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆก็เถอะซึ่งทำให้เสื้อดันยาวพอดีกับช่วงต้นขาไปโดยปริยาย และคนที่รออยู่อย่างต้นน้ำก็ผิวปากแซวต่ออีกด้วย
“พี่แม่งนิสัยเสียอะ” พายว่าก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่เบาะนุ่มช้าๆ "ภาพลักษณ์พี่แม่งโคตรหลอกลวงเลย”
“โอ๋ๆ ไม่โกรธนะครับน้องพาย”
“เหอะ”
“งอนเหรอครับคนดี”
“แหวะจะอ้วก หุบปากพี่ไปเลย”
“ฮ่าๆ เอ็นดู”
“เกลียดพี่”
“ชอบน้องนะครับ”
พายทำท่าทางฟึดฟัดใส่ก่อนจะรีบตักข้าวเข้าปากโดยไม่สนใจสายตาหยอกล้อของต้นน้ำแม้แต่นิด โมโหมากรู้สึกเลยว่าข้าวขาหมูพิเศษกล่องเดียวคงไม่พอ เขาหันไปมองตาขวางแวบเดียวก่อนจะสนใจมื้ออาหารตรงหน้าต่อ
“ไม่งอนพี่นะครับ วันนี้มีมาการองด้วยนะน้องพาย”
“...”
“หรือถ้าไม่พอพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่พาไปกินขนมที่บ้านเลย โอเคไหม”
“ไม่ไป”
“ไปเถอะพี่ขอร้อง”
“ไม่รู้ไม่สน”
“โอ๋ๆ มาให้จุ้บเหม่งหน่อยเร็ว”
ต้นน้ำมองคนกระฟัดกระเฟียดแล้วก็อดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ เขายกมือขึ้นลูบหัวอีกคนอย่างทะนุถนอมก่อนจะโน้มตัวไปหาแล้วจูบลงที่กลางหัวของพายไปเต็มแรงแล้วถึงจะตักข้าวขาหมูกินบ้าง
และหลังจากจบมื้ออาหารที่ควบเช้าและเที่ยงไปพายก็ต้องจำใจกินยาก่อนที่ใช้เวลาทั้งวันไปกับการนอนดูซีรี่ส์สืบสวนในห้องของต้นน้ำซึ่งแน่นอนว่ารอบตัวพายนั้นมีทั้งป๊อปคอร์น ขนมเยลลี่และขนมบราวนี่เป็นของขบเคี้ยวส่วนเจ้าของที่ดูเหมือนจะขาดทุนก็พยายามอย่างยิ่งที่จะตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อยๆ
“ลูบขาผมอยู่ได้ รำคาญเอามือออกไปเลยนะ”
“พาย”
“ผมจะดูหนัง”
“ก็ดูไปดิพี่ไม่ได้ห้ามอะไรนี่”
เจ้าของห้องตัวใหญ่ไม่ได้สนใจคำโต้แย้งใดๆนอกจากดึงตัวพายให้มานั่งซ้อนตัวเอง คางเขาก็เกยที่ลาดไหล่ของคนที่ตัวเล็กกว่าแล้วก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆประจำกายของพายไปเรื่อยๆแถมมือยังลูบไล้ไปมาที่ต้นขาเนียนๆอีกด้วย
“พี่เตรียมโดนผมล้างผลาญเงินในกระเป๋าได้เลย พี่ต้องพาผมไปกินของอร่อยทุกที่”
“อืม อยากไปไหนพี่ก็จะพาไปครับ”
“พูดแล้วไม่คืนคำนะ”
“ด้วยเกียรติประธานรุ่นปีสามเลยครับ”
“เหอะ”
ต้นน้ำปล่อยให้พายดื่มด่ำไปกับซีรี่ส์เรื่องดังที่เขาเปิดผ่านคอมแล้วต่อสายเข้ากับจอทีวีส่วนเขาก็มองดูภาพในจอบ้างสลับกับกอดหอมพายไปด้วย การมีของนุ่มนิ่มมาอยู่กับตัวมันก็อดไม่ได้ที่ก้มลงฟัดแม้ว่าจะมีเสียงด่าว่ารำคาญดังมาเป็นระยะๆก็เถอะ
“กินไปตั้งเยอะเอาไปเก็บไว้ในหมดวะพาย”
“ผมขับถ่ายเป็นเวลาไง”
“เกี่ยว?”
“เกี่ยวหมดอะถ้าใจผมว่าเกี่ยว”
“จ้า ตามสบายเลยน้องพายของพี่ต้น”
---------------------------------------
เพลงในตอนนี้มีเพลงฝืนไม่เป็นกับเพลงพันหมื่นเหตุผลนะคะ
ในที่สุดพี่ต้นก็ไม่น่าสงสารแล้ว555555555555555555
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามกันนะคะ /ไหว้ย่อ
#ต้นน้ำพาย
-
:pig4: :pig4: :pig4:
งุย ๆ สุดท้ายก็ฟีเจอริ่งแบบเต็ม ๆ
-
น้องพายของพี่ ตกเป็นของอิพี่ต้นน้ำแล้ว
ขำน้องพาย เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงๆลูกกกกก
อิพี่ต้นน้ำนี่วอแวกับน้องจริงๆเลยยย
-
จ้าาาาา แล้วแต่น้องพายเลยเนอะ เหม็นความรักอ่ะพี่ต้น
-
พี่ต้นน้ำจะไปไหนรอด พายเด็ดมาก อิอิ
ขอไปเพิ่มเลือดแปป
-
พายกินเก่งมากเลยรูักกก พี่ต้นนี่แววกลัวเมียนะคะเนี่ยยย เหม็นความรักไปหม้ดด
-
:hao6: :hao6: :hao6:
-
เหม็นกลิ่นฟามรักกกกกกกกกก :hao7: :hao7: :hao7:
-
กี้ดดดดดดดดดด น้องพายของพี้ต้น >/////<
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 15
กินจริงป่วยจริง
วันที่สองที่ได้หยุดก่อนจะเปิดไปเรียนต่อถือเป็นวันสำคัญของพายเพราะมันคือวันล้างผลาญเงินในกระเป๋าของรุ่นพี่ตัวใหญ่ที่ยังนอนหลับอุตุอย่างต้นน้ำอย่างไงกัน พายลุกขึ้นนั่งแล้วยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะค่อยๆพยุงตัวลุกออกจากเตียงนอนแต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นยืนดีๆข้อมือเขาก็ถูกคนที่หลับอยู่รั้งเอาไว้
“ไปไหน” ต้นน้ำถามเสียงงัวเงีย
“กลับห้องสิ”
“กลับไม”
“ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปรับประทานอาหารไงพี่มึง”
“อ๋อ โอเค”
ต้นน้ำปล่อยมือแล้วพลิกตัวหันไปอีกด้านเพื่อนอนต่อเมื่อได้รับคำตอบ เขาง่วงเกินกว่าจะลุกจากเตียงในตอนนี้กว่าเมื่อคืนจะได้หลับก็ปาไปตีสองได้และที่เขานอนดึกก็เพราะว่าเล่นเกมเพลินผิดกับคนข้างตัวที่หัวถึงหมอนก็หลับไปตั้งแต่ห้าทุ่ม
“ถ้าผมกลับมาแล้วพี่ยังไม่ลุกผมจะถีบพี่ตกเตียงจริงๆด้วย”
“อือๆ เดี๋ยวลุก”
ได้ยินอย่างนั้นพายก็รีบสาวเท้าเดินจากห้องไปพร้อมกับคีย์การ์ดสำรองบนโต๊ะโดยที่คนบนเตียงก็เดินทางเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง และทันทีที่พายถึงห้องตัวเองเขาก็รีบเดินตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อกินนมหนึ่งกล่องก่อนจะจัดการอาบน้ำแต่งตัว เขาไม่มีทางปล่อยให้ท้องว่างเกินไปหรอกมันไม่ใช่สไตล์
เจ้าของห้องริมสุดของชั้นห้าใช้เวลากับการอาบน้ำเพียงห้านาทีและออกมาเลือกเสื้อผ้าใส่ง่ายๆอีกสามนาทีซึ่งชุดที่ใส่ก็แค่เสื้อยืดสีขาวที่พาดสกรีนยี่ห้อแบรนด์ดังกับกางเกงยีนขาดเข่าสีดำและรองเท้าแตะยี่ห้อเดียวกับเสื้อ กางแต่งตัวพื้นๆที่ราคารวมๆแล้วไม่พื้นเอาเสียเลยแต่พายไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่นัก เก็บสัมภาระเล็กๆน้อยๆอย่างกระเป๋าตังค์ มือถือ และถุงลูกอมลงในกระเป๋าคาดอกสีน้ำตาลเข้มเสร็จก็ได้ฤกษ์ออกจากห้องตัวเองเสียทีและทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องของต้นน้ำพายก็พบว่าอีกคนยังนอนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
“พี่ต้น”
“...”
“พี่มึง!”
ตุ๊บ!
แล้วแรงจากฝ่าเท้าของพายก็ถีบเข้าไปเต็มแรงตรงช่วงตัวของต้นน้ำที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มผืนค่อนข้างหนา ดีแค่ไหนแล้วที่เขาถอดรองเท้าออกไปแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือตัวของต้นน้ำกลิ้งไปเกือบตกเตียง พายยืนกอดอกหน้านิ่งในขณะที่คนถูกกระทำผุดขึ้นนั่งด้วยหน้าตาหงุดหงิด มือทั้งสองข้างของตัวเองยกขึ้นยีหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ชักช้า ผมหิวแล้วนะ”
“แต่พี่เจ็บนะพาย”
เจ้าของห้องตัวใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเพียงเล็กน้อยแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้คนที่โมโหหิวสงบลง พายมองหน้าอีกคนนิ่งๆและจากที่ยืนกอดอกแขนทั้งสองข้างก็แนบลงที่ข้างตัว กลีบปากอิ่มก็ถูกเม้มจนเป็นเส้นตรง
“ผมขอโทษ”
“...”
“พี่ต้นน้ำ” พูดไปก็ช้อนตากลมๆที่คลอไปด้วยน้ำของตัวเองไปหาคนที่สาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า "พี่อย่าโกรธผมนะ”
“พี่ไม่โกรธเราหรอก โอ๋ๆ” ต้นน้ำรวบตัวคนที่ตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมกอดแล้วโยกตัวไปมา "ไม่ร้องไห้นะ พี่ก็ขอโทษที่หงุดหงิดใส่เรา”
“อือ”
“ในตู้เย็นน่าจะมีขนมเหลือนะ ลองเปิดดูก่อนเดี๋ยวพี่รีบอาบน้ำ”
“ครับ” พายเอาหัวถูไถไปมาที่ช่วงลาดไหล่ก่อนจะผละตัวออกพร้อมทำสีหน้าลูกแมวขออาหารใส่
จุ๊บ!
คนตัวใหญ่อดใจไม่ไหวเลยกดจูบลงที่หน้าผากเนียนไปเต็มแรงก่อนจะเดินไปเข้าในห้องน้ำส่วนคนที่ถูกจูบก็ยืนมองเจ้าของห้องไปจนกระทั่งบานประตูห้องน้ำปิดลง พายยกยิ้มขึ้นมานิดๆก่อนจะโคลงหัวตัวเองไปมา ดูก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายแพ้ท่าทางเขาแบบไหน มันไม่ยากเลยที่จะทำให้คนอย่างต้นน้ำไปไหนไม่รอด เขาจะต้องไม่ใช่คนที่ถูกทิ้งอีกต่อไป
กว่าจะได้ออกจากห้องก็เป็นเวลาสิบโมงครึ่งซึ่งแผนการวันนี้ก็คือการไปบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมและต่อด้วยการไปกินขนมที่บ้านของต้นน้ำแล้วถึงพาพายกลับไปส่งบ้านและการเดินทางของวันนี้ก็คือรถยนต์ของต้นน้ำส่วนรถของพายก็จอดทิ้งอยู่ที่หอพัก การจราจรในวันนี้ถือว่าตัดขัดระดับปานกลางติดบ้างในบางช่วงเท่านั้น
“บ้านพี่อยู่แถวไหนอะ”
“ก็ในเมือง”
“แล้วบ้านพี่ทำอะไรอะ ผมเห็นพี่หิ้วของกินมาให้ผมบ๊อยบ่อย”
“อืม ก็ขายของนะ”
“สงสัยร้านใหญ่แน่ๆเลย”
“ก็ใหญ่นิดนึง แล้วนี่ตอนเย็นพี่ต้องไปส่งเราที่บ้านพี่ต้องทำตัวยังไงดี”
“ก็ทำตัวปกติแหละ บ้านผมใจดีทุกคน”
“เชื่อได้แน่เหรอ ไม่ใช่ไปถึงเจอพ่อเราถือปืนรอหน้าบ้านนะ”
“ประสาทแล้วพี่ นั่นมันในละครมะ”
ซึ่งตลอดทางที่เข้าเมืองก็มีพายถามโน่นถามนี่แบบไม่เบื่อหน่ายโดยที่หน้าตักก็มีขนมไข่เต่าที่หยิบเอาเข้าปากเป็นระยะๆและก็มีบ้างที่จะยื่นไปป้อนคนที่กำลังขับรถอยู่ด้วยจนกระทั่งรถยนต์สัญชาติยุโรปของต้นน้ำวนเข้าไปในตัวห้างใหญ่ใจกลางเมือง
“จะแวะห้างก่อนเข้าบ้านเหรอพี่”
“อืม”
“แล้วบุฟเฟ่ต์โรงแรมผมอะ”
“ก็นี่ไง โรงแรมอยู่ถัดไปข้างใน”
“อ๋อ” พายพยักหน้าหงึกหงัก
รถของต้นน้ำวนขึ้นไปหลายชั้นของส่วนที่จอดรถวนจนถึงชั้นด้านบนสุดแต่ถามว่าพายเกิดความสงสัยไหมก็ตอบเลยว่าไม่เจ้าตัวยังคงเพลิดเพลินกับการพิมพ์แชทกับคนในบ้านอยู่จนไม่ทันสังเกตเลยว่าส่วนที่เขามาจอดนั้นมันสงวนสิทธิ์เอาไว้ให้กับลูกหลานเจ้าของห้างน่ะนะ
“พาย”
“อือ ถึงแล้วเหรอครับ”
อืม คิดไว้ยังว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษบ้าง”
“อยากกุ้งแม่น้ำอะ ว่าแต่มันมีไหมอะพี่ คือที่ผมดูรีวิวไว้อีกที่คือมันมี”
“ถ้าพายอยากกินเดี๋ยวพี่บอกเขาให้”
“บอก?”
ดวงตากลมโตของพายฉายแววสงสัยออกมาอย่างปิดไม่มิดแต่ต้นน้ำก็ทำตีมึนแถมยังถือวิสาสะกุมมือของคนเด็กกว่าให้เดินไปตามทางอีกต่างหาก เจ้าตัวยังตีมึนไม่รู้ไม่ชี้แม้ว่าพนักงานในส่วนของโรงแรมจะเริ่มมองมาแถมบางส่วนยังยกมือไหว้ให้อีกด้วยซึ่งเขาเองก็ยกมือไหว้กลับไปตามมารยาท ส่วนพายก็มีท่าทางเก้ๆกังๆอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งทั้งสองคนเดินมาถึงส่วนของชั้นอาหารที่เปิดอยู่
“พี่ ผมว่ามันแปลกๆ”
“ก็ไม่นี่”
“ทำไมเขาต้องไหว้พี่ด้วยอะแถมมองเหมือนรู้จักกันดีอีก”
“หึงเหรอครับน้องพาย”
“บ้าเหรอไงไม่ได้หึงโว้ย”
“เชื่อๆ”
“แล้วผมจำได้นะว่าที่นี้ไม่มีบุฟเฟ่ต์อะ”
“อ้าวเหรอ แต่พี่พามาแล้วอะทำไงดี” ต้นน้ำแสร้งทำสีหน้าเป็นกังวล
“ผิดคำพูดอะ นิสัยไม่ดีแต่ผมหิวมากแล้วงั้นผมสั่งเลยแล้วกัน”
ต้นน้ำพยักหน้ารับก่อนจะเอนหลังไปกับเก้าอี้นั่งโดยที่สายตาก็มองไปที่พายที่ดูจะเคร่งเครียดกับการเลือกอาหารจากเมนูที่มีไม่กี่หน้า เขาไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าของพายเลยสักนิดและไม่คิดจะหันไปมองอะไรอย่างอื่นด้วยเพราะมันไม่ได้น่าสนใจเท่ากับท่าทางของพายเลยสักนิด
“ผมสั่งเลยนะ”
“อืม”
“แล้วพี่ไม่เลือกบ้างเหรอ”
“พี่กินได้หมดแหละ เราเลือกเลย”
“งั้นอย่ามาบ่นผมทีหลังก็แล้วกัน”
“ครับๆ”
จบบทสนทนาสั้นๆพายก็เรียกพนักงานหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลให้มาหาและเริ่มสั่งอาหารไปถึงสี่เมนูในขณะที่ต้นน้ำก็ทำเพียงแค่นั่งฟังอยู่เฉยๆไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมาสักอย่างจนกระทั่งพนักงานเดินหายไปทางครัวแล้วต้นน้ำก็ยังนั่งอมยิ้มมองพายไปเรื่อยๆ
“ถามจริง พี่ดูดอะไรมาปะยิ้มอยู่ได้”
“ก็แค่อยากยิ้มแปลกตรงไหน”
“มันขนลุกอะ พี่กำลังทำตัวประหลาดอะ หรือพี่มีความลับอะไรกับผมรึเปล่า” พายหรี่ตามอง
“ก็เปล่า”
“จริ--”
“ต้นน้ำลูก”
แล้วจู่ๆเสียงหวานๆของใครสักคนก็ดังแทรกเข้ามากลางวงสนทนา พายรีบหันหน้าไปทางต้นเสียงทันทีซึ่งเขาก็เจอกับหญิงสาวที่น่าจะอยู่ในช่วงวัยกลางคนและเดาได้ไม่ได้เลยว่าคงเป็นคุณแม่ของพี่ต้นน้ำ ใบหน้าที่ดูละม้ายคล้ายกันนั้นก็คือคำตอบแล้ว เขารีบลุกจากเก้าอี้แล้วยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณแม่พี่ต้นน้ำ”
“สวัสดีค่ะน้องพาย”
“ค-ครับ”
“นั่งเถอะลูก แม่แวะมาหาแค่แป๊บเดียว”
“ครับ”
“แล้วนี่หนูสั่งอะไรมากันรึยังคะ”
“สั่งเรียบร้อยแล้วครับ”
หญิงสาวตรงหน้าพายพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มหวานก่อนเธอจะหันไปทางลูกชายตัวเองที่นั่งเก๊กท่าอย่างน่าหยิก
"แล้วนี่คิดจะกลับบ้านมาก็ไม่คิดจะบอกคุณแม่เลยใช่ไหมคะ”
“โถ่ แม่ครับผมว่าผมส่งข้อความหาแล้วนะ”
“ข้อความบางทีคุณแม่ก็ไม่ได้เปิดอ่าน โทรมาดีกว่าค่ะ”
“โอเคครับ ผมขอโทษ”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม่จะตีให้เนื้อลายเลย” เธอว่าพร้อมกับยกมือขึ้นหยิกไปที่ท้องแขนของลูกชายตัวเอง "ถ้างั้นคุณแม่ไม่กวนแล้ว วันนี้คุณแม่ต้องไปดูงานหน่อยนะคะ”
“ครับคุณแม่”
“ดูแลน้องดีๆด้วยนะคะ”
“ครับผม”
“น้องพาย ถ้าไม่อิ่มก็สั่งได้เรื่อยๆนะลูก”
“อ-อ๋อครับ ขอบคุณมากๆนะครับ”
“จ้า”
คุณแม่ของต้นน้ำส่งยิ้มเอ็นดูไปให้พายก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มเบาๆแล้วถึงจะเดินออกไปโดยไม่ลืมแวะสั่งงานกับพนักงานโถงอาหารนี้อีกนิดหน่อยจนกระทั่งร่างระหงเดินหายไปจากกรอบสายตาของพาย เขารีบหันหน้าไปทางต้นน้ำที่นั่งเท้าคางมองสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“พี่ต้น”
“ว่าไงคะน้องพาย”
“ที่บอกว่าบ้านนี่คือที่นี้เหรอ?”
“จะว่างั้นก็ได้”
“พี่เป็นเจ้าของที่นี้เหรอ” พายพูดไปก็ตาโตไปด้วย
“เหอะ ของพ่อกับลุงพี่ต่างหาก พี่มันเป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยเอง”
“ผมไม่เล่นนะ”
“พี่พูดจริง”
พายยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง เขารู้สึกหมดคำจะพูด
“โกรธพี่เหรอ”
“ก็เปล่า แต่แบบผมทำตัวไม่ถูกใครจะไปคิดว่าพี่แม่งเป็นถึงทายาทตระกูลดัง”
“ทำตัวแบบเดิมแหละพาย พี่ก็ยังเป็นพี่ต้นคนเดิม ส่วนนามสกุลมันก็แค่เป็นส่วนประกอบเท่านั้น”
“อ-อืม”
“ยิ้มก่อนเร็วน้องพาย”
พายส่งยิ้มแกนๆกลับไปให้ก่อนจะหลบตาอีกฝ่ายเพื่อมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก ที่บอกไปว่าทำตัวไม่ถูกก็คือทำตัวไม่ถูกจริงๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนและที่สำคัญเขาก็ไม่ใส่ใจถึงชื่อนามสกุลของอีกฝ่ายสักนิดแม้ว่าตอนที่รู้ชื่อนามสกุลจริงจะรู้สึกตงิดใจเล็กๆก็เถอะ
“แล้วทำไมพี่บอกว่าแค่ว่าบ้านขายของว่ะ ทำไมไม่ขยายความ” พายพูดทั้งที่ยังทิ้งสายตาไว้ที่นอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่
“ก็บ้านพี่ขายของจริงๆนี่ พี่ไม่รู้ว่าจะขยายความยังไง”
“เออก็จริง”
แล้วจากนั้นบทสนทนาก็ไม่มีอะไรต่อเนื่องจากอาหารที่สั่งไปนั้นถูกนำมาเสิร์ฟ และการกินอาหารนั้นถูกยิงยาวไปจนถึงบ่ายเพราะนอกจากอาหารที่พายเลือกแล้วยังมีของหวานที่เหมือนแม่ของต้นน้ำจะสั่งทิ้งไว้ให้ถูกนำมาเสิร์ฟต่อ
พายลูบพุงกะทิตัวเองเบาๆเมื่อตักเค้กชาไทยเข้าปากเป็นคำสุดท้ายในขณะที่ต้นน้ำยอมยกธงขาวไปตั้งแต่มื้ออาหารคาวหมดลงไป
“พี่ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ผมกินจนรู้สึกเหนื่อย”
“ไหวไหมนั่น”
“ไม่ไหว” พายพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้ "ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกของชูชกที่กินจนตายมันเป็นยังไง”
ต้นน้ำถึงกับหลุดขำออกมา สภาพของพายตอนนี้เรียกได้ว่าหมดสภาพอย่างแท้จริงและขนาดเขาขำขนาดนี้อีกคนยังไม่หันมาด่าเลยสงสัยว่าจะเหนื่อยจากกินเยอะจริงๆ เขากวาดตามองอาหารบนโต๊ะก็นึกทึ่งและภูมิใจไม่น้อยที่อีกคนกวาดเรียบเพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่าจะแฟนเก่าหรือคู่ควงมักจะสั่งมาเยอะแต่กินไม่หมด กินเหมือนแมวดมบ้างละจนเขาที่เสียดายต้องจัดการจนหมดแทน
“งั้นขึ้นไปนั่งพักบนห้องพี่ก่อนไหมพาย”
“ได้! พี่แบกผมไปได้ไหม ผมเดินไม่ไหวแล้วเนี้ย”
“เอ็นดูว่ะ” ต้นน้ำเอื้อมมือไปดึงแก้มของพายเบาๆ "พี่ก็บอกแล้วว่าไม่ไหวก็ให้พอ ห่อกลับก็ได้”
“ผมขี้เกียจถือกลับนี่ อีกอย่างอาม่าบอกไว้ว่าถ้าคนเขาตั้งใจทำอะไรให้กินก็ต้องกินให้หมดเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ”
“โอเคๆ พี่ไม่เถียงแล้วครับ”
พวกเขานั่งคุยต่อกันอีกสักพักจนพายเอ่ยปากขึ้นมาว่าเดินไหวต้นน้ำถึงจูงมืออีกคนออกไปจากโถงอาหารชั้นนี้เพื่อพาขึ้นลิฟต์ฝั่งที่พักไปยังห้องของตัวเองที่อยู่สูงขึ้นไปอีกสองชั้นเท่านั้น ซึ่งห้องที่ว่านั้นก็สภาพเหมือนห้องสูทธรรมดาเท่านั้นแต่แค่ขนาดใหญ่กว่าปกติ
“แม่พี่ดูไม่โมโหไม่ถามอะไรผมเท่าไหร่เลย” พายพูดพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่
“เขารู้อยู่แล้ว”
“พี่บอกแม่เหรอ หมายถึงเรื่องระหว่างเรา”
“ถึงไม่พูดแม่พี่เขาก็รู้เอง”
“แล้วอย่างนี้...”
“อย่าคิดมาก บ้านพี่เขาไม่ใช่พวกหัวโบราณสิ่งเดียวที่เขาคาดหวังจากพี่คือเรื่องเรียนและเรื่องการทำงานในอนาคตมากกว่า”
“...”
“ไม่เอาไม่ทำหน้าบึ้งสิ มาจุ๊บเหม่งหน่อยซิ” ว่าจบก็โน้มตัวไปจูบที่หน้าผากเนียนหนึ่งที "แต่แม่พี่เขาเอ็นดูเรานะปกติแค่มาทักทายแล้วไม่ได้สนใจอะไร”
“ถ้าพี่ว่างั้นผมก็โล่งใจ”
“อย่าคิดมาก เดี๋ยวเย็นๆพี่ไปส่งบ้าน”
“อือ”
พายมองคนตัวใหญ่เดินไปเดินมาในห้องทำโน่นทำนี่ซึ่งก็คือการเก็บกวาดกองหนังสือและชีทเรียนที่อยู่กระจัดกระจายไปพลางๆและปล่อยให้เสียงจากทีวีจอใหญ่เป็นเพียงเสียงประกอบฉาก เขากำลังคิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขารู้สึกกับผู้ชายคนนี้ได้มากขนาดนี้เผลอๆอาจจะมากกว่าคนเก่าๆด้วยซ้ำและแน่นอนว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่มีคำตอบให้กับสิ่งที่เขาสงสัย
พวกเขาสองคนคลุกกันอยู่ในห้องนั้นจนกระทั่งถึงหกโมงเย็น ตอนแรกต้นน้ำก็อ้อนให้อีกคนอยู่ค้างคืนแต่เจ้าตัวก็ยืนยันคำเดิมว่าอยากกลับบ้านอย่างนั้นแล้วเขาเลยต้องทำหน้าที่เป็นสารถีเพื่อไปส่งที่บ้านที่อยู่เกือบชานเมืองแต่ในระหว่างที่กำลังขับผ่านแยกๆหนึ่งพายก็สะกิดแขนคนขับยิกๆ
“?”
“ผมอยากกินเครปอะ”
“กินเครปตอนนี้เดี๋ยวก็กินข้าวเย็นไม่ได้หรอกพาย”
“ชิ้นเดียวไม่เป็นไรหรอก นะพี่ต้น”
พายพูดเสียงอ้อนแถมยังเอานิ้วจิ้มที่ต้นแขนไม่หยุดซึ่งต้นน้ำจะทำอะไรนอกจาก
“โอเคๆ พี่เข้าใจแล้วครับ”
ตอบตกลงและเบี่ยงรถจอดเทียบข้างทางแล้วทำตามความต้องการของพายน่ะนะ
เด็กตัวผอมที่แอบมีพุงกะทิเล็กๆรีบเปิดประตูรถออกไปต่อแถวสั่งเครปไส้ทูน่าแฮม ดวงตากลมโตมองกระทะทำเครปเป็นประกายซึ่งทำให้คนที่ลอบมองอยู่รู้สึกเอ็นดูหนักยิ่งกว่าเดิม เขาคอยมองอีกคนจากในตัวรถอยู่พักใหญ่จนอีกฝ่ายเดินกลับเข้ามานั่งประจำที่
“กินเปล่าพี่”
“ฮึ กินเถอะเดี๋ยวพายไม่อิ่ม”
“โอเค”
แล้วเครปตรงหน้าก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็วแบบที่ว่าต้นน้ำยังเผลอคิดว่าพายเป็นเครื่องสูบอาหาร เด็กอะไรกินเก่งซะจริงแถมยังเก่งแบบที่ว่าถือกินมือหนึ่งแล้วอีกมือก็กดมือถือไปด้วยในระดับความเร็วที่ช้ามากๆก็เถอะ
“กินดีๆพาย” ต้นน้ำเอื้อมมือไปเช็ดซอสที่ขอบปากในช่วงที่รถติดไฟแดง
“ขอบคุณครับ” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างกลับไปให้ต้นน้ำใจเต้นเล่นๆ "วันนี้ที่บ้านมีแค่พี่สาวผมอยู่อะ ป๊ากับม๊าไปต่างจังหวัดพี่จะค้างบ้านผมแทนไหมหรือจะกลั--”
“ค้าง”
“ผมก็ว่าพี่ต้องค้างอยู่แล้ว”
“พายอยู่ไหนพี่ก็อยู่ด้วยนั่นแหละ”
“ขี้เว่อร์ตลอด” ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่ใจคนฟังกลับเต้นรัวยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
ทั้งพายและต้นน้ำก็เดินทางมาถึงบ้านของพายที่เป็นบ้านเดี่ยวหลังขนาดค่อนข้างใหญ่แถมสวนหน้าบ้านที่กว้างพอสมควรในตอนหนึ่งทุ่มกว่า ต้นน้ำเข้ากับคนที่บ้านอย่างพี่สาวของพายที่อายุมากกว่าเขาอยู่สามปีได้ค่อนข้างดีซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องราวของต้นน้ำก็ถูกเล่าในไลน์กลุ่มไปเยอะพอสมควร วันนี้ก็เหมือนเป็นการพามาแนะนำแบบตัวเป็นๆก็เท่านั้น พี่สาวเขาไม่ใช่คนจุกจิกหรืออะไรเจ้าตัวก็แค่ถามไถ่เรื่องทั่วๆไปก็เท่านั้นในช่วงมื้ออาหารตอนเย็น
“พายเป็นเด็กกินเก่ง เราดูแลไหวนะ”
“พี่แพรวผมก็กินปกติหรอก”
“ปกติของเรากับคนอื่นมันไม่เท่ากันน่ะสิ”
“พี่แพรวอะ!” พายเบะปากใส่ก่อนจะสะบัดหน้าหนี
“ไหวครับ แค่นี้สบายมาก”
“มันก็ต้องงั้นอยู่แล้วไหมอะ พี่แพรวๆรู้ปะว่าครอบครัวพี่ต้นคือเจ้าของห้องxxx อะ”
“รู้สิ”
“อ้าว ทำไมรู้อะ”
“น้องพายคะ คนที่บ้านเนี้ยเขาต้องสืบประวัติคนที่เราจะพามาแนะนำหน่อยไหม เขาคงไม่ได้รับฟังเฉยๆหรอก”
“โห งี้ก็มีแค่ผมดิที่เพิ่งรู้อะ”
พี่แพรวพี่สาวของพายก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเก็บจานบนโต๊ะไปด้วยโดยไม่ลืมบอกทิ้งท้ายว่ากินเสร็จก็อย่าลืมเอาจานชามไปเก็บในครัวด้วยแล้วก็อย่าลืมล็อกบ้านด้วยเพราะเธอจะรีบขึ้นไปทำงานต่อซึ่งพายก็เลือกที่จะบ่นต่อ
“ได้ไงอะ ทำไมมีแต่ผมที่เพิ่งรู้อะ”
“ก็เรามันเด็กเด๋อนี่”
“เออ ยอมรับ”
พายยังคงบ่นงุบงิบไปเรื่อยส่วนต้นน้ำที่ช่วยพายเก็บจานชามไปที่ครัวก็ได้แต่นึกเอ็นดู พายน่ะเป็นเด็กเด๋อของจริงแบบที่ไม่ได้เสแสร้งด้วยเพราะคิดดูแล้วอีกฝ่ายก็เด๋อใส่เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแบบที่ไม่นับเรื่องอ้วกนะ คนอะไรจำหน้าพี่คณะตัวเองไม่ได้ทั้งๆที่เขาก็ออกมาคุมน้องออกจะบ่อยตอนที่พายอยู่ปีหนึ่งน่ะนะ
กว่าจะปิดบ้านจัดการทำความสะอาดจานที่เสร็จถึงคุณแม่บ้านของบ้านจะบอกว่าจะจัดการให้แต่พายก็ไม่ยอมก็เสร็จเอาตอนสี่ทุ่ม ทั้งพายและต้นน้ำก็เดินนำชั้นไปยังห้องที่อยู่มุมในสุดด้านหลังของบ้านซึ่งบานประตูก็มีชื่อของพายแปะอยู่เพื่อบอกว่าใครคือเจ้าของห้อง และทันทีที่เปิดเข้าไปก็จะเจอพื้นไม้ลามิเนตที่เป็นขั้นเล็กๆและมีฟูกใหญ่วางอยู่ เครื่องนอนเป็นสีชมพูอ่อนรวมไปถึงวอลล์เปเปอร์ที่เป็นสีชมพูอีกด้วยส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นก็เป็นสีขาวและนั่นทำเอาต้นน้ำรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“ชอบสีชมพูเหรอพาย”
“เหอะ แต่ก็ไม่เถียงหรอกนะว่ามันคือหนึ่งในสีที่ผมชอบอยู่เหมือนกัน”
“น่ารักว่ะ”
“พูดมาก พี่จะอาบก่อนหรือให้ผมอาบก่อน”
“เชิญเจ้าของบ้านก่อนเลยครับ"
เจ้าบ้านตัวผอมไหวไหล่ก่อนจะชิ่งไปอาบน้ำก่อนและไม่ลืมที่จะค้นเสื้อผ้าในตู้ตัวเองเพื่อแขกของบ้านด้วย ส่วนต้นน้ำก็เอาแต่เดินวนสำรวจห้องนอนของพายไปพลางๆ
00.30am
พายรู้สึกปวดท้องจนต้องลืมตาขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกที่ปวดท้องมวนๆแถมยังพะอืดพะอมอีกด้วย เขาคิดว่าถ้าเข้าห้องไปก็คงหายน่าจะท้องเสียธรรมดา เขายกแขนของต้นน้ำที่พาดทับอยู่ออกจากตัวอย่างช้าๆก่อนจะลุกไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
00.50am
หลังจากเข้าห้องน้ำไปรอบก็ไม่หายคราวนี้พายรู้สึกว่ามันหนักกว่าเดิม เหงื่อเริ่มซึมออกตามไรผมทั้งมือทั้งสองข้างยังเย็นเหมือนถูกเอาไปแช่ฟรีซ เขาลืมตาขึ้นมาก่อนจะรีบลุกจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออ้วก อ้วกแบบที่ว่าหมดไส้หมดพุง
“พาย เป็นอะไร”
“แค่กๆ”
ต้นน้ำที่เดินสะลึมสะลือมาก็ย่อตัวแล้วลูบหลังให้กับพายที่ดูจะไม่หยุดอ้วกแถมน้ำหูน้ำตาก็ไหลออกมาด้วย
“เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้”
“ฮืออ ไม่เอาอย่าไปพี่ต้น--”
ไม่ทันขาดคำของเสียระลอกใหม่ก็พากันออกมา ต้นน้ำกุมขมับตัวเองก่อนจะตัดสินใจพาพายไปโรงพยาบาล เขาคิดว่าปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่หยุดอ้วกง่ายๆแน่ๆและก่อนออกเขาก็ไม่ลืมเดินไปบอกเจ้าบ้านอีกคนอย่างพี่สาวของพายให้ทราบซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าให้นำไปก่อนเลยแล้วจะตามไป
ต้นน้ำใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีในการขับมาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อและระหว่างทางพายก็ไม่หยุดอ้วก เขารู้สึกสงสารและก็เจ็บปวดที่ทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนี้นอกจากพยายามยกมือขึ้นลูบหัวอีกคนแผ่วเบา และทันทีที่เขาพามาถึงพายก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไป สภาพของพายคือหน้าซีดจนเขามือสั่นเพราะทำได้แค่ยืนมอง อีกคนร้องไห้งอแงออกมาเหมือนเด็กและไม่ยอมให้ตัวเขาขยับตัวไปไหนซึ่งเขาก็เต็มใจ
“พี่อย่าไปไหนนะ ฮืออ”
“ไม่ไปครับๆ พี่จะอยู่ตรงนี้นะ”
“ฮืออ”
พายงอแงหนักเมื่อคุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการและได้ผลลัพธ์ว่าอาหารเป็นพิษ คุณหมอเลยตัดสินใจให้ฉีดยาแต่ในระหว่างที่ฉีดไปได้ไม่ถึงครึ่งเข็มคนไข้ก็อาเจียนออกมาอีกสุดท้ายเลยต้องจัดการแอดมิทเพื่อความปลอดภัย
“ยังไงเดี๋ยวเชิญญาติคนไข้กรอกรายละเอียดที่ด้านนอกด้วยนะคะ”
“ครับ”
“พี่ต้น”
“แป๊บเดียวเดี๋ยวพี่มา” พายยกมือขึ้นลูบหัวอีกคนอย่างแผ่วเบา
“อือ”
ถึงปากพายจะตอบรับแต่มือก็ยังกำขากางเกงของต้นน้ำไว้แน่น ดวงตากลมโตที่คลอด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองจนเขาทำตัวไม่ถูกไม่อยากจะเดินไปไหนเลยแถมอีกฝ่ายยังเอาแต่ส่ายหน้าไปมาอีกต่างหาก แล้วอย่างนี้เขาจะต้องทำยังไงดี
“ผมขอยืนกรอกเอกสารตรงนี้ได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ”
คุณพยาบาลที่ดุมีอายุหน่อยเธอยิ้มให้อย่างอ่อนแต่ยังไม่ทันที่เธอก้าวผ่านเขตม่านที่ปิดอยู่เสียงหวานๆของแพรวพี่สาวของพายก็ดังเข้ามา ท่าทางเธอดูรีบร้อนแถมในมือยังมีถุงกระดาษใบใหญ่ติดมือมาด้วย
“เดี๋ยวต้นรอพาน้องไปที่ห้องพักเลยเดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เอง”
“เอางั้นก็ได้ครับ”
เธอขยับปากบอกน้องชายที่ได้รับการดูแลว่าเดี๋ยวพี่ตามไปหาก่อนจะเดินไปจัดการเรื่องต่อ เธอปล่อยให้น้องชายอยู่ในความดูแลของต้นน้ำโดยที่ไม่ได้ห่วงอะไรเพราะสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองน้องของเธอก็เป็นคำตอบได้ดีว่าคนที่ชื่อต้นน้ำดูแลพายได้อย่างแน่นอน
คนป่วยในตอนนี้ถูกพามาที่ห้องพักที่อยู่ชั้นที่สิบโดยที่มีต้นน้ำคอยอยู่ห่างๆไม่ห่าง ภาพของเด็กตรงหน้าทำเอาลืมภาพทุกอย่างที่เคยผ่านมาแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไม และจนกระทั่งมือข้างซ้ายของพายถูกเจาะน้ำเกลือและให้ยาเสร็จพยาบาลสามคนก็พากันเดินออกไปโดยที่ไม่ลืมย้ำว่าตอนเช้าคุณหมอประจำตัวจะเข้ามาตรวจอีกทีและถ้าในระหว่างนี้คนไข้มีอาการอาเจียนอีกให้กดปุ่มเรียกได้ทันที
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างพาย บอกพี่หน่อยสิครับ”
“เวียนหัวอะ”
“แล้วอยากอ้วกอีกไหม”
“คิดว่าไม่นะ”
“อืม ถ้างั้นก็นอนนะ พักผ่อนๆ”
“..พี่ต้น”
“ครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
“อืม นอนเถอะ แต่ถ้ารู้สึกไม่โอเคบอกพี่นะ พี่จะนั่งอยู่ตรงนี้นี่แหละ”
“ครับ”
ต้นน้ำยกมือขึ้นลูบหัวคนป่วยอย่างแผ่วเบาก่อนจะโน้มใบหน้าไปหาแล้วกดจูบลงที่หน้าผากเนียนไปหนึ่งทีแล้ว เขาขยับปากบอกฝันดีซึ่งพายก็หยักหน้ารับนิดๆแล้วหลับตาลง เขาสำรวจใบหน้าที่ซีดเผือดแล้วก็รู้สึกปวดใจในตอนนี้พายดูเปราะบางจนเขาไม่กล้าแตะหรือสัมผัสแรงๆเลย มันน่าตลกดีที่นี่เป็นครั้งที่สองที่อีกฝ่ายอ้วกต่อหน้าเขาน่ะนะ และเพราะมัวแต่มองหน้าคนป่วยที่หลับไปแล้วจนไม่ทันรู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีคนเดินเข้ามาเมื่อไหร่
“ต้นน้ำ”
ต้นน้ำหันไปทางต้นเสียง “ครับพี่แพรว”
“ไปอาบน้ำอีกรอบเถอะ พี่เอาเสื้อผ้ามาให้”
“ขอบคุณครับพี่”
“เอ่อแล้วก็..”
“ครับ?”
“ขอบคุณนะที่ดูแลเจ้าพายน่ะ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจอ้วกน่ะนะ”
“เรื่องแค่นี้เองครับ ผมเต็มใจ”
“ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ”
“ครับพี่”
เธอส่งยิ้มบางๆไปให้ก่อนจะหมุนตัวกลับมาหาน้องชายตัวเองที่หลับไปแล้ว มือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นลูบผมที่นุ่มนิ่มของพายไปเรื่อยๆจนอีกคนเดินออกจากห้องน้ำ
“พี่จะกลับไปพักที่บ้านก่อนก็ได้นะครับ ผมอยู่เฝ้าให้”
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ ผมเห็นพี่น่าจะยังเคลียร์งานไม่เสร็จ”
“อา..นั่นสินะ งั้นเดี๋ยวตอนสายๆพี่จะเข้ามาอีกทีแล้วกัน ฝากน้องพี่ด้วยนะต้น”
“ครับพี่”
“อ๋อแล้วก็พี่อยากจะถามอะไรหน่อย วันนี้เจ้าเด็กนี่ได้กินทูน่ากระป๋องไปรึเปล่า”
ต้นน้ำนึกย้อนไปไม่นานเหตุการณ์ตอนซื้อเครปก็แวบเข้ามาในหัว
“เหมือนว่าพายจะซื้อเครปไส้ทูน่าไปนะครับ”
“ถ้างั้นก็ไม่แปลกที่เป็นแบบนี้แล้วล่ะ เจ้าเด็กนี่แพ้ทูน่ากระป๋องน่ะ กินทีไรเป็นเรื่องตลอดคราวหน้าพี่ฝากดูๆด้วยนะต้น อ๋อแล้วไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดหรอก พายไม่บอกเพราะว่าจะแอบกินยังไงล่ะ เด็กนี้ดื้อจะตาย”
“ครับ”
“พี่ไปละ แล้วก็ไม่ต้องคิดมากด้วยนะ”
เจ้าของกายสูงใหญ่เดินไปส่งพี่สาวของพายจนถึงที่จอดรถแล้วถึงจะเดินกลับไปที่ห้อง เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงก่อนจะยกมือขึ้นไปกุมมือขาวๆไว้หลวมๆ
“เด็กดื้อจริงๆเลยนะพาย”
----------------------------------------------------
วงวารน้องพายในบางที555555555555555555555
ขอบคุณคนอ่านที่ยังคงติดตามกันนะคะ /ไหว้ย่อ
อีกไม่ไกลเรื่องนี้ก็จะจบแล้วนะคะ ใจหายวาบๆ ;-;
-
เจ้าพายยยยยยยยย เจ้าเด็กพุงกะทิเห็นแก่กิน
พี่ต้นน้ำทำโทษเลยค่ะ ดื้อนักเชียว รู้ว่าแพ้ก็ยังกิน
-
น้องพายยย ทำไมดื้อขนาดนี้ รู้ว่าแพ้แล้วยังจะกินอีก เข้าโรงบาลเลยเห็นมั้ยยย!!!!!!
-
น้องพานเด็กดื้อให้พี่ต้นน้ำจับตีบนเตียงซะเลย อิอิ
ไม่สบายแบบนี้น้องจะอ้อนขนาดไหนน่ะ
ใกล้จะจบแล้วหรอออ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
หนูพายยย หนูจะกินเยอะจนกินอาหารที่หนูแพ้แบบนี้ไม่ได้ลูกกก
พี่ต้นสั่งสองน้องด้วยย เดี๋ยวเป็นไรอีก
คุณแม่พี่ต้นน้ำน่ารัก เอ็นดูน้องแรงง
ไม่อยากให้จบบ อยากอยู่ดูน้องพายกินไปเรื่อยๆ งืออ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
นุ้งพายนี่สายแ-กจริง ๆ ขนาดอาหารที่แพ้ก็ยังจะกินอีก
-
น้องพายยยย ดื้อจังเลย รู้อยู่แล้วว่าตัวเองแพ้ก็ยังจะแอบกินอีก
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
โหน้องดื้อจริง กินจนได้เรื่องเลย แต่เหนือสิ่งอื่นได้เขาได้กันแล้ววววว
สินสอดแพงๆเลยนะคะ แต่ถึงผู้ใหญ่ยังไม่เรียกสินสอด น้องพายก็เรียกไปล่วงหน้าแล้ว 5555
-
:ling3: :ling3:
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 16
เด็กดื้อที่น่ารัก
พายพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่สี่วันถ้วนซึ่งสี่วันนั้นก็มีต้นน้ำคอยเฝ้าไม่ห่างและแน่นอนว่าเจ้าตัวได้สร้างความสนิทสนมกับคนในครอบครัวของเขาเรียบร้อยแถมคนในบ้านเขายังเชื่อใจอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ทั้งป๊ากับม๊าแทบจะประเคนเขาให้ด้วยความเต็มใจพอเขาย้อนถามกลับว่าทำไมใจง่ายม๊าก็ตอบมาว่า--
'หน่วยก้านอาต้นน้ำอีโอเค โหงวเฮ้งก็ดีแถมเลี้ยงแกได้สบาย ม๊าก็สบายใจแล้ว’
สรุปจากประโยคก็คือโหงวเฮ้งดีอะไรก็ผ่านทั้งนั้น
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะพาย” ต้นน้ำถามขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในตอนที่พายเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงสามส่วนธรรมดา
“ไม่อะ”
“อืม แล้วจะเดินหรือนั่งรถเข็น”
“เดินดีกว่า”
“ไหวนะ”
“ผมโอเค”
คนที่มาเฝ้าในวันนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงสกินนี่ขาดเข่ากับรองเท้าแตะและที่ไหล่ขวาก็มีกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินพาดอยู่ซึ่งนั่นคือกระเป๋าของพายเอง เจ้าตัวกวาดตามองรอบห้องอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้องโดยที่คนที่เพิ่งหายป่วยก็เดินมาเกาะแขนเหมือนตัวหมีโคอาล่าเกาะต้นไม้
“พี่ๆ ผมอยากกิน--”
“กินอะไรครับ”
“ช็อกโกแลตใส่วิป”
ต้นน้ำหันไปมองด้วยสายตานิ่งๆ
“เอ่อ..เอาแค่ช็อกโกแลตปั่นก็พอไม่เอาวิปก็ได้ครับ” พายตอบกลับเสียงอ่อย
สองคนพากันไปที่ร้านกาแฟรูปไซเรนที่ตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลซึ่งพายก็รีบเดินตรงเข้าไปสั่งอย่างเร่งรีบและเขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะกินแค่ช็อกโกแลตเย็นไม่ใส่วิปแต่เป็นแก้วใหญ่เท่านั้นเอง ในระหว่างที่รอพายก็เดินวนดูแก้วน้ำที่ตั้งวางขายในชั้นไปพลางๆซึ่งมีเงาตามตัวอย่างต้นน้ำอยู่ไม่ไกล
“พี่ๆ แก้วสวยเนอะ”
“จะซื้อ?”
“ไม่อะ ผมแค่บอกเฉยๆ”
“ถ้าอยากได้ก็ซื้อ”
“ไม่อะ ว่าแต่พี่เหอะหยุดเรียนงี้ไม่เป็นไรเหรอ”
“ไม่เท่าไหร่ บอกจารย์ไปแล้วว่าติดธุระค่อยไปตามเก็บงานเอา”
“ค่อยยังชั่วหน่อย ผมเป็นห่วงเรื่องเรียนพี่”
“ไปต้องกังวลหรอกพี่เอาตัวรอดได้”
“เออ ผมเชื่อ แค่เห็นเกรดพี่นี่ก็ดูรู้แล้วว่ารางวัลเกียรตินิยมอันดับหนึ่งคงอยู่ในมือแล้ว”
“พูดอย่างนั้นแต่ก็ประมาทไม่ได้อยู่ดี”
“ก็จริง”
เสียงใสๆของพนักงานสาวหน้าเคาท์เตอร์ก็ดังขึ้น--
“ไอซ์ช็อกโกแลตไซส์คุณพายค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พายส่งยิ้มเล็กๆกลับไปให้เธอก่อนจะคว้าเอาเครื่องดื่มที่สั่งมาไว้กับตัวเองแต่พอจะหยิบหลอดกับทิชชู่ก็มีมือใหญ่ๆของต้นน้ำโผล่เข้ามาในกรอบสายตาแถมพร้อมกับหลอดและทิชชู่สามแผ่น เขาหันไปฉีกยิ้มกว้างให้
“ขอบคุณครับ”
ต้นน้ำทำแค่ส่งยิ้มกลับไปเท่านั้นแล้วทั้งพายและต้นน้ำก็พากันเดินออกมาจากร้านกาแฟนั้นไปยังลานจอดรถ พายยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมคือแขนข้างหนึ่งเกาะที่แขนต้นน้ำและส่วนอีกข้างก็ถือแก้วน้ำ เจ้าตัวดูดเรื่อยๆจนกระทั่งมันเหลือครึ่งแก้วในตอนนั่งในรถเรียบร้อยแล้วก็เหมือนนึกขึ้นได้
“พี่กินปะ”
“ไม่ถามตอนมันเหลือก้นแก้วแล้วเลยล่ะพาย”
“ก็ผมลืมอะ”
“กินไปเถอะ”
“เอาจริงๆนะผมก็ถามตามมารยาทไปงั้นแหละ” พายหัวเราะ
“ปากเก่งจริงนะ”
“แน่นอน ไม่งั้นพี่จะหลงผมขนาดนี้เหรอ”
และคำพูดนั่นก็ทำเอาคนที่กำลังจะถอยรถออกจากซองจอดรถต้องหยุดชะงักแล้วคว้าคนปากเก่งที่ว่าเข้ามาจูบ ดีที่ว่าบริเวณนี้ไม่มียามเดินผ่านมา ริมฝีปากของต้นน้ำบดจูบลงที่กลีบปากนุ่มนิ่มนั่นเต็มแรงและถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลึกซึ้งมากกว่านี้เขาก็ได้รสชาติของช็อกโกแลต
“ปากเก่งแถมยังหวานอีกต่างหาก”
“พี่แม่ง!”
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของต้นน้ำดังก้องไปทั่วห้องโดยสารในขณะที่พายได้ทำปากงุบงิบด่าอีกคนไปเรื่อยๆ และตลอดทางการเดินทางพายเองก็ยังไม่หยุดบ่นคนขับตัวใหญ่ได้เลยซึ่งเหมือนว่าจะไปบ่นต่อในฝันด้วยเพราะเมื่อเครื่องดื่มในมือหมดเจ้าตัวก็ชิงหลับไปทันที
และช่วงที่ไฟแดงขึ้นในแยกๆหนึ่งต้นน้ำก็ละสายตาจากถนนด้านหน้ามาที่ใบหน้าของพายที่กำลังหลับใหลท่องเที่ยวในดินแดนแห่งความฝัน เขายกยิ้มและแววตาคมก็เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดูที่อัดแน่นอยู่ ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นสัมผัสที่กลุ่มผมสีเข้มของอีกฝ่าย
จากที่ออกจากโรงพยาบาลในตอนบ่ายสองต้นน้ำก็ขับมาถึงที่หอพักในตอนสี่โมงกว่าพายยังคงนอนหลับคอพับอยู่ที่เบาะ เขาสงสัยว่าการที่นอนแบบนี้ไม่รู้สึกเมื่อยหรือไงกัน
“พาย ถึงแล้ว”
“อือ”
เด็กที่เพิ่งหายป่วยปรือตาขึ้นช้าๆก่อนจะเหยียดแขนไปเพื่อไล่ความเมื่อยขบและปิดท้ายด้วยการหาวไปอีกหนึ่งทีถ้วน พายกันไปมองคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับอยู่แป๊บเดียวแล้วก็เอนหน้าไปแปะที่ต้นแขนของต้นน้ำแล้วก็ถูไถไปมา
“อ้อนเหรอ”
“ฮึ”
“แล้ว?”
“ผมหิวข้าวอะ”
“หิวก็รีบขึ้นห้อง พี่จะได้เอากล่องข้าวที่แม่เราฝากไว้ไปอุ่นให้กิน”
“อือ”
ตอบรับและทำตามอย่างว่าง่ายแบบที่ค่อนข้างพิสัยวิสัยแต่ต้นน้ำพยายามจะคิดว่านั่นคืออาการของคนหิว เขาหยิบของในรถและล็อกรถเสร็จก็ก้าวตามพายที่เดินนำไปจนหยุดที่หน้าลิฟต์ เขาหันไปมองคนที่อายุห่างแค่หนึ่งปีแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนห่างกันสักสี่ห้าปีที่กำลังจ้องบานประตูลิฟต์ปริบๆ
“พี่ต้น”
“ครับ”
“พี่ต้นๆๆๆ”
“เป็นอะไรเรา”
“ไม่รู้แค่อยากเรียกเฉยๆ ได้ปะ” พายพูดพร้อมกับเงยหน้ามองและนั่นทำเอาคนถูกมองทำตัวไม่ถูก
“...”
“เขินผมเหรอ”
“ไม่รู้”
“แต่ผมเขินพี่อะ”
พายก้มหน้างุดแล้วชิงเดินเข้าลิฟต์ไปเมื่อบานประตูมันเปิดออกในขณะที่ต้นน้ำได้แต่ยกมือข้างที่ว่างขึ้นเกาท้ายทอยตัวเอง บอกตามตรงเขาตามพายไม่ถูกเท่าไหร่ถ้าจะมาไม้นี้แบบที่ไม่ต่อปากต่อคำและหนึ่งอย่างที่สำคัญคือถ้าพายยังอ้อนเขาแบบนี้สาบานเลยว่าทั้งตัวมีเงินเท่าไหร่คงเอามากองให้ไว้ตรงหน้า พายเวอร์ชันอ้อนตาใสน่ะสู้ไม่ไหวจริงๆ
ต้นน้ำคิดว่าหลังที่พายกินข้าวมื้อเย็นเสร็จอาการอ้อนตาใสนี่จะหายไปแล้วแต่เขาคิดผิดเพราะเมื่ออีกคนเดินกลับเข้ามาในห้องอีกรอบด้วยชุดนอนอย่างเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นแบบสั้นมากๆสีดำก็ทำเอาเขาลมจับ อีกฝ่ายเดินตาปรือมาหาเขาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“พี่ต้น” พายพูดพร้อมกับเดินไปซ้อนหลังแล้วยกแขนขึ้นคล้องเจ้าของชื่อ
“ว่าไงพาย”
“ทำไรอะ”
“ทำรายงานอยู่”
“ขยันจัง”
“ง่วงแล้วก็ไปนอน”
“แต่พี่ยังไม่ไปนอนนี่”
“คงดึก เรานอนก่อนเลย”
“ไม่เอา มานอนด้วยกันเลย”
คนถูกอ้อนต้องยอมวางมือจากปากกาแล้วขยับตัวหันไปหาพาย ดวงตาคมจ้องไปที่ใบหน้าของพายที่ดูง่วงงุนสุดๆ เขายกมือขึ้นลูบแก้มนิ่มๆอย่างอ่อนโยน
“ทำไมอ้อนพี่จัง”
“ผมอยากอ้อนอะ”
“อ้อนแล้วจะเอาอะไรคะไหนบอกป๋าซิ” ต้นน้ำยกยิ้มมุมปาก
“ไปนอนกันนะ”
“แค่นอน?”
“พี่จะรังแกคนป่วยเหรอ”
“มองงี้ ถ้าพี่ทำไรพายคือบาปเลยนะเนี้ย”
“พี่ต้น”
พายเริ่มเขย่าไหล่ของต้นน้ำเมื่อกำลังถูกขัดใจและยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ไอ้คอเสื้อที่มันกว้างอยู่ก็ค่อยๆหล่นลงมาจนเผยให้เห็นไหปลาร้าและลาดไหล่ขาวคนมองถึงกับต้องนับหนึ่งถึงร้อยในใจเพื่อสงบสติอารมณ์
“โอเคๆ ไปนอนก็ไปนอน”
“ดึกแล้วก็ต้องพักผ่อนนะพี่ รู้ไหมว่าถ้าเรานอนไม่พอจะทำให้สมองเราประมวลได้ไม่ดีเชื่อพายนะ” พูดไปก็มองหน้าต้นน้ำตาแป๋ว
“เชื่อครับ พี่เชื่อ”
เจ้าของห้องเดินไปปิดไฟในห้องก่อนจะก้าวขึ้นเตียงนอนซึ่งคนที่เพิ่งหายป่วยก็นอนเป็นหนอนรออยู่ พายดูน่าเอ็นดูเกินไปในช่วงนี้และมันทำให้ใจเขาต้านทานไว้ไม่อยู่แค่อีกฝ่ายเอ่ยขออะไรเขาก็พร้อมจะประเคนมาให้ตรงหน้าที่เห็นชัดก็เหตุการณ์เมื่อกี้เลยถ้าปกติแล้วเขาคงไม่ทำตามหรอก
“ฝันดีนะน้องพาย”
“พี่ด้วยนะ”
สุ้มเสียงใสตอบกลับมาพร้อมกับการที่เจ้าตัวพลิกตัวกลับมาหาเขาและมุดตัวเองเข้าใกล้จนแนบชิด พายส่งยิ้มกว้างให้ก่อนจะขยับปากแตะลงเบาๆที่ปลายคางของอีกคนก่อนจะชิงหลับไปในทันทีแบบสับสวิตซ์ไฟ พายทิ้งให้ต้นน้ำรู้สึกปั่นป่วนในใจอยู่พักใหญ่
กูจะตายก่อนไหมวะ—ต้นน้ำคิด
พายกลับมาเรียนหลังจากที่หยุดไปเป็นอาทิตย์ซึ่งทุกอย่างยังปกติดีเพิ่มเติมคืองานค้างเยอะมากแถมยังต้องไปตามควิซหลังจากเลิกเรียนวันนี้อีกด้วย เขาคิดว่าเขาอยากจะป่วยแบบยิงยาวไปเลย เห็นงานเห็นชีทที่ต้องอ่านก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว เขาจะมีชีวิตรอดจนจบปีสี่ไหมวะ
“แล้วนี่เดี๋ยวมึงไปสอบย้อนเลยปะวะ” แมนถามขึ้นในตอนที่คาบเรียนคาบสุดท้ายจบลง
“อือ แต่กูขอจารย์อ่านชีททวนห้านาที กูจะรอดไหมวะ”
“รอดดิ ปกติคะแนนมึงก็เกินมีนอยู่แล้วไหมวะ”
“เกินมาไม่เยอะเนี้ยนะ”
“เออ ผ่านอยู่ละเชื่อดิ” กันต์พูดแทรกขึ้นมา "แล้วให้พวกกูรอไหมจะได้ไปกินข้าวเย็น”
“รอ วันนี้พี่ต้นอยู่ช็อปดึก”
“โอเค”
เพื่อนในคลาสต่างพากันเดินออกจากห้องเว้นแต่พายที่ยังนั่งเปิดชีทอ่านทวนเพื่อรออาจารย์เข้ามาในห้องเพื่อสอบควิซย้อนหลัง สายตาจดจ้องไปที่ตัวหนังสือและตัวเลขไปไม่ทันไรเสียงติดแหบของอาจารย์ประจำภาคก็ดังขึ้นมาว่าได้เวลาแล้วและให้เวลาทำสามสิบนาที เขาถึงกับทำหน้าไปไม่เป็นและในหัวก็มีคำหนึ่งลอยเข้ามา
ฉิบหายแน่นอนครับ
เสียงเข็มนาฬิกายังเดินไปข้างหน้าในขณะที่พายก็หน้าเครียดไปกับการเขียนคำตอบลงกระดาษ เขาสัมผัสได้ว่าข้อสอบตรงหน้ามันยากเกินไป ยากเหมือนว่าจะให้ไอน์สไตน์มาทำ และสิ่งที่ทำให้เขาอยากร้องไห้ก็คือกูจิ้มเครื่องคิดเลขข้อเดิมมาสามรอบแล้วแล้วแต่คำตอบไม่เหมือนกันเลยสักรอบไอ้ฉิบหาย ทำไมวะ!
“เหลือเวลาอีกห้านาทีนะพีรดนย์”
“ครับอาจารย์”
ห้านาทีกับอีกสองข้อพายอยากจะร้องไห้กลับบ้านไปฟ้องม๊ามันตอนนี้เลยแต่ไม่ได้หรอกต้องสติอารมณ์ร้อนรนและตั้งใจส่วนไอ้ข้อนั้นก็ช่างมันไปถือซะว่าแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาก็แล้วกัน
“อีกหนึ่งนาที”
พ่อมึงเถอะไล่บี้ขนาดนี้คิดไม่ออกแล้วโว้ย พายสูดหายใจเข้าลึกๆรีบๆเขียนสูตรแทนค่าต่างๆลงไปด้วยลายมือที่เละยิ่งกว่าลายมือหมอเสียอีกแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะในตอนที่เข็มนาฬิกากำลังเดินไปยังเส้นชัยพายก็ทำเสร็จทันพอดีแบบหืดขึ้นคอ เขายืนแผ่นกระดาษกลับไปด้วยมืออันสั่นเทา
“อาทิตย์หน้าอาจารย์จะมาบอกคะแนนนะ”
“ครับ”
“แล้วก็เรื่องชีทงานก็ตามกับเพื่อนเอา อาจารย์ให้เธอเลทได้วันเดียว”
“ครับ”
อาจารย์ที่มีผมน้อยก็ได้เดินออกไปแล้วในขณะที่พายยังคงนั่งลงที่เดิม มือทั้งสองข้างยกขึ้นยีผมตัวเองจนมันยุ่งเหยิงไปหมดและดวงตากลมโตยังเหม่อลอยออกไปอย่างคนหมดหวัง ควิซจบชีวิตพายก็จบลงไปด้วยซึ่งความเศร้ามันต้องได้รับการเยียวยาด้วยของกิน
พายเดินลงมาหาแมน กันต์และน้ำด้วยสภาพคนหมดแรง ตาเหม่อลอยคล้ายคนจิตหลุดจนแมนต้องดึงตัวให้นั่งลงแต่เขากลับฝืนตัวไว้พร้อมกับประกาศกร้าวว่า--
“ไปร้านข้าวต้มนะ กูต้องการต้มยำกุ้งมาเยียวยาหัวใจ”
“เออๆ ไป”
“ไอ้ฉิบหายทำไมมันยากขนาดนี้วะ ข้อสอบชุดหลังนี่เหมือนออกมาฆ่ากูชัดๆ”
“ไม่ใช่แค่ชุดที่มึงทำหรอก ตอนควิซกูทำไม่ทันด้วยจ้าหนึ่งข้อถ้วน” น้ำพูดขึ้น
“กูมั่วไปหนึ่งสี่ไป ไอ้ห่าโจทย์หรือภาษาต่างดาวก็ไม่รู้” กันต์พูดขึ้นบ้าง
“เรื่องอะไรที่เป็นอดีตไปแล้วจะไม่พูดถึงเข้าใจไหมพวกมึง ไปแดกข้าวกันเถอะจ้า” แมนเองเป็นคนพูดตัดจบเรื่องเครียด
พวกเขาสี่คนพากันเดินไปเรื่อยๆที่ร้านข้าวต้มที่มีคนรอต่อคิว ขนาดร้านเองก็ค่อนข้างใหญ่และรสชาติก็ค่อนข้างดี พวกเขายืนรอกันอยู่สักพักถึงจะได้เข้าไปนั่งกันข้างในและต่างคนก็ต่างสั่งอาหารที่ตัวเองต้องการซึ่งพอตอนมาเสิร์ฟพวกเขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ามันเยอะแบบที่เลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้าน
“มึงว่าจะหมดไหมวะ” น้ำถามขึ้น
“หมดดิมีพายอยู่ทั้งคน” กันต์พูด
“หมดเชื่อในตัวกู ตอนป่วยก็เอาออกไปเยอะมันต้องมีการทดแทน”
“กินเท่าที่ได้ เกิดมึงเป็นไรไปอีกไอ้พี่ต้นไม่มาถีบพวกกูเลยเหรอไง” แมนพูดขณะเคี้ยวผัดผักบุ้งไฟแดงไปด้วย
“เออหน่า ตราบใดที่ไม่มีทูน่ากูก็ไม่อ้วกแตกหรอก กูสายแข็งพอ”
“จ้าๆ” แมนพูดประชด
แล้วพายก็ไม่ใส่ประโยคกระแหนะกระแหนจากเพื่อนสามคนอีกเลยตอนนี้จิตใจที่ห่อเหี่ยวต้องได้รับการดูแลและเยียวยา กุ้งในต้มยำต้องช่วยเขาได้แล้วยิ่งมันที่หัวนี่คือจุดพีค ร้านนี้ดีตรงที่ต้มยำกุ้งก็คือให้กุ้งตัวใหญ่ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจสำหรับพายอยู่ไม่น้อย
พวกเขาทั้งสี่จัดการอาหารกันไปเรื่อยๆจนมันลดลงไปพอสมควรก็เป็นน้ำที่ยกธงขาวยอมแพ้ไปก่อนพร้อมกับบ่นว่าพรุ่งนี้จะลดน้ำหนักอย่างจริงจังแล้วซึ่งพายคิดในใจว่ามันทำไม่ได้แน่นอนแต่จะไม่พูดหรอกนะเพราะปากไม่ว่างกำลังเอาทอดมันปลากรายเข้าปากอยู่ กินกันไปต่อเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากที่นั่งหัวโต๊ะที่ในตอนแรกมันไม่ได้มีใครนั่ง
“พายกินเยอะเดี๋ยวก็อ้วกแตกอีกหรอก”
เจ้าของชื่อที่ถูกว่าก็เงยหน้าไปหาพร้อมกับแก้มสองข้างที่ป่องเพราะเต็มไปด้วยอาหาร
“?”
“พอได้แล้วมั้ง ชามข้าวสวยนี่ชามที่ห้าแล้วนะพาย”
“...เออหน่าพี่ สุดท้ายแล้ว”
“กูละเชื่อเลยน้องพาย”
“แล้วนี่พี่ทำงานเสร็จแล้วเหรอ”
“ใกล้เสร็จแล้วค่อยทำต่อพรุ่งนี้”
“อือ”
แล้วพายหันกลับไปกินต่อไม่ได้มีประโยคเอ่ยชวนใดๆออกมาจากปากซึ่งในส่วนนี้คนเป็นน้องรหัสอย่างกันต์เลยต้องพูดแทนด้วยสีหน้ายิ้มแห้ง
“กินด้วยกันไหมพี่”
“พายเพื่อนมึงกินจนจะเรียบ ให้กูกินกระเทียมเหรอไง”
“แหะๆ”
“เดี๋ยวกูสั่งเพิ่มเอง” พูดจบต้นน้ำก็หันไปกวักมือเรียกเด็กในร้านมารับออเดอร์เพิ่ม
“ไหนๆพี่ต้นก็มาแล้วพวกกูกลับกันก่อนนะพาย” แมนพูดขึ้น
“อ้าว ไหนว่าจะไปกินปังเย็นต่อไง”
“โห พายมึงยังกินได้ต่ออีกเหรอ กูนี่จุกถึงลิ้นปี่แล้วนะ” น้ำโวยขึ้น
“เหอะ ไปเลยไปพวกอ่อน”
พวกเขาสามคนพร้อมใจกันกลอกตามองบนขึ้นทันทีแล้วก็ปล่อยให้คนสายแข็งเขาตักน้ำซุปซดต่อโดยมีต้นน้ำเป็นคนจัดการเคลียร์เงินต่อซึ่งเขาเองก็ให้น้องออกกันไม่เยอะแล้วที่เหลือเขาจะเป็นคนออกเอง ยังไงเสียไอ้คนที่กินจุสุดมันก็คือพายน่ะนะ
“พี่จะพาผมไปกินปังเย็นไหมอะ” พายถามตอนที่จัดการอาหารในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว
“พอเถอะ พี่กลัวตัวเราแตก”
“เสียดายอะแต่พอก่อนก็ได้”
“กินยาด้วยพาย”
“ครับพ่อ” พายตอบก่อนจะหัวเราะคิกคัก
แต่ในจังหวะที่ค้นกระเป๋าเพื่อหายาทานหลังอาหารพายก็ค้นพบว่าเขาลืมไว้ที่ห้องแน่นอน ค้นทุกซอกทุกมุมก็แล้วก็ไม่พบซองยาเลย ความกังวลก่อขึ้นในใจเขาเม้มปากแน่นก่อนจะหันหน้าไปหาต้นน้ำที่ดูดน้ำด้วยท่าทางสบายใจ พายกะพริบตาปริบๆ
“พี่ต้น”
“ว่า?”
“ผมลืมเอายาออกมาจากห้องด้วยอะ”
“...”
“ผมขอโทษ”
“...”
“ไม่เงียบซิ”
ผู้ชายตัวใหญ่ในชุดเสื้อช็อปสีเข้มทำหน้านิ่งพร้อมกับล้วงหยิบซองยาออกมาจากกระเป๋าสะพายของตัวเอง เขายื่นมันไปตรงหน้าและยังคงความเงียบเอาไว้อย่างเดิม
“งือ ไม่โกรธพายเนอะ” พายยิ้มสู้ก่อนจะหยิบเม็ดยามากิน
และจนกลืนยาลงท้องแล้วพายก็ไม่ได้รับสัญญาณเป็นคำพูดจากต้นน้ำอีกเลยจนกระทั่งถึงห้องของเจ้าตัว พายเดินเข้าไปเกาะที่แขนและเขย่าเบาๆแถมมองด้วยแววตาออดอ้อน
“ไม่โกรธพายซี่ พายขอโทษที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้”
“อืม”
“พี่ต้น”
พายว่าก่อนจะขยับตัวไปด้านหน้าคนที่ยังยืนนิ่งเป็นเสา แขนสองข้างคล้องที่รอบคอ ดวงตากลมโตจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีเข้มอยู่สักพักก่อนที่เขาจะขยับใบหน้าเข้าไปหาและประทับริมฝีปากตัวเองลงที่ริมฝีปากของอีกคนและทิ้งท้ายโดยการใช้ปลายลิ้นแตะรอบๆริมฝีปากของต้นน้ำคล้ายกับแมวเลียแล้วผละใบหน้าออกมาแต่ก็ยังไม่ได้ขยับออกไปไกล
“พี่ครับ”
ถ้านี่เป็นท่าไม้ตายที่พายปล่อยมาต้นน้ำก็คงไม่รอด พ่ายแพ้แบบราบคาบ
“โอเคๆ แต่คราวหลังก็อย่าลืมอีกเข้าใจไหมพาย”
“ครับ”
“แล้วก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ไม่เหนียวตัวเหรอไง”
“ทำไมรีบไล่จัง” พายพูดพร้อมกับเอานิ้วตัวเองแตะที่สันกรามของคนตรงหน้า
“พายไม่ไปพี่ไปเอง ร้อนเหนียวตัวแล้วเนี้ย”
ต้นน้ำขยับตัวออกแล้วรีบเดินตรงเข้าห้องน้ำไปด้วยท่าทางเหมือนคนหงุดหงิดแต่นั่นมันก็แค่สิ่งที่เจ้าตัวแสร้งทำเพื่อกลบเกลื่อนความเขินต่างหากและที่พายรู้ก็เพราะว่าใบหูทั้งสองข้างของเจ้าตัวน่ะแดงแจ๋แถมมันลามไปที่ต้นคออีกต่างหาก เขายกยิ้มนิดๆก่อนจะพูดขึ้นว่า--
“ผมอาบด้วยได้เปล่าพี่”
“ไม่ต้อง! พี่อยากทำสมาธิ”
พายหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินไปหยิบเอาขวดน้ำเต้าหู้ที่เหลืออยู่ในตู้เย็นขึ้นมาจิบ พี่ต้นน้ำนี่น่ารักจริงๆเลยน้า
------------------------------------------------------
พลังแห่งน้องพายอิอิอิอิ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ<3
#ต้นน้ำพาย
-
:pig4: :pig4: :pig4:
นอกจากสกิลการยัดทะนานจะขั้นเทพแล้ว
สกิลการอ้อนก็เทพไม่แพ้กันเลยนะจ๊ะ นุ้งพาย
-
:z1: :z1: :z1:
-
น้องพายทำไมขี้ยั่วอย่างนี้น่ะ สงสารพี่ต้นน้ำจัง ต้องไปทำสามธิในห้องน้ำแทน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
น้องพายสายแดก 5555 ยอมใจเลย
ยั่วอีกต่างหากกก พี่ต้นน้ำจะไปไหนรอด
น่าเอ็นดูตอนน้องกินละแก้มป่อง งุ้ยๆ
-
น้องพายร้ายมากกกกก
-
น้องพายเปงเด็กขี้อ้อนน น้องงงงงงงงงงงงงงง
-
ใช่พี่ต้นน้ำน่ารักที่สุด
-
อ่านมาจนถึงตอนนี้ เรายังหาความน่าเอ็นดูของพายไม่เจอเลยอ่ะ แต่ต้นน้ำนี่แฟนในอุดมคติจริงๆ
-
:hao6: :hao6: :hao6:
-
เจ้าเด็กเห็นแก่กิน555555 พี่เขาเอาคืนทบต้นทบดอกแน่ๆ
-
มีคำตอบให้เพื่อนพายละนะ5555
-
ช็อคเลยตอนแรกคิดหนักมากจะดราม่าอะไร น้องงงงงงงงงงงงงงงงไม่ร้องลูก 55555 แต่พายลูกอิแม่หัวใจจะวายยนุกว่าจะเข้าห้องน้ำมาแหย่พี่เฉยๆ
-
:ling1:พายแซ่บบบบบบบอู้วหูวเป็นโชคดีของพี่ต้นเลยนะ เด็กลูกแมวแต่เชี่ยวเนี่ย
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 17
วันธรรมดาที่มีคุณ
เผลอแป๊บเดียวก็เข้าสู่ช่วงเทศกาลสอบไฟนอลแล้ว การเรียนจากที่หนักอยู่แล้วก็หนักเพิ่มขึ้นไปอีกไหนจะงานที่ต้องทำส่งไหนจะสอบนอกตารางอีกทุกอย่างส่งผลให้นักศึกษากลายร่างเป็นซอมบี้กันเสียหมดและพายเองก็คือหนึ่งในนั้น
ในช่วงวันศุกร์ที่มีเรียนถึงแค่สามโมงแต่ในศุกร์นี้พายกลับหนีไปหาอะไรกินไม่ได้เพราะมีงานเร่งด่วนที่ต้องส่งก่อนเที่ยงคืน เขาเลยจำเป็นต้องอยู่ทำงานซึ่งเขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อนร่วมภาคยังคงนั่งจดจ่อทำงานอยู่กับที่ ต่างคนก็อยากรีบปั่นงานให้เสร็จเพื่อจะได้กลับบ้าน
“ถึงไหนละวะพาย” น้ำถามขึ้นในตอนที่ละมือจากงานตรงหน้า
“เกินครึ่งแล้ว”
“ไวไปอีก”
“กูหิวอะ”
“โคตรไม่มีความเกี่ยวโยงกันเลย”
“กูไปเซเว่นเอาอะไรไหม” และนอกจากจะไม่สนใจคำพูดของน้ำแล้วพายก็เลือกพูดหัวข้อใหม่ขึ้นมา
“ซาลาเปาหมูแดงสองลูก”
“ฝากด้วยๆ”
แล้วมหกรรมการฝากซื้อของก็ตามมาเป็นขบวน พายรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดนิดๆที่พูดมาเสียงดังแต่ไม่เป็นไรมีแมนมาด้วยการแบกของกินกลับไปฝากผู้ประสบภัยหิวก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป พายเดินวนหยิบขนมและของที่เพื่อนฝากไปเรื่อยๆจนกระทั่งของครบทุกรายการส่วนแมนก็ตรงดิ่งไปยื่นของให้พนักงานอุ่น
“ทั้งหมดหนึ่งพันบาทได้รับสิทธิ์แลกซื้อน้ำส้มสองขวดนะคะ”
“เอาครับ” พายตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ แล้วรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ”
“ไม่ครับ”
พนักงานเซเว่นก็จัดแจงของลงถุงอย่างรวดเร็วส่วนแมนก็เดินมากระแซะข้างๆพาย สายตาของแมนดูลอกแลกไปมาจนพายต้องเอ่ยปากถามว่าเป็นอะไรซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า--
“ยืนรอของเวฟทีไรกูรู้สึกเหมือนส่วนเกินฉิบหาย หลบไปทางไหนก็บังคน”
คำตอบที่ได้ก็ทำเอาพายรีบพยักหน้าเห็นด้วยเพราะทุกครั้งที่มายืนรอเขาก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน รู้สึกเหมือนเป็นคนไร้ที่ยืน
ยืนรอของอยู่ไม่นานทั้งสองคนกลับมายังช็อปของคณะและพอแจกจ่ายเสร็จพายก็ถือถุงขนาดกลางของตัวเองเตรียมเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง เขาตั้งใจว่าจะเดินออกไปเงียบๆหรอกนะแต่ก็พลาดเมื่อกันต์ดันเดินสวนมาทางตัวเองเสียก่อน
“ไปไหนวะน้องพาย”
“ไปไหนก็ได้โตแล้ว”
“ต่อปากต่อคำเก่ง ไปหาพี่ต้นละสิ”
“ไม่รู้ไม่ได้ยิน”
ว่าจบเจ้าตัวก็รีบจ้ำอ้าวออกไปทันทีโดยไม่สนสายตาล้อเลียนของเพื่อนตัวเองแม้แต่น้อยแต่นั่นก็ใช่ว่ากันต์จะล้อผ่านสายตาเพราะปากเขาก็ทำงานได้ดีเช่นกัน
“ไปหาผัวเหยอน้องพาย”
แน่นอนว่าเสียงดังขนาดนั้นเจ้าของชื่อต้องได้ยินและตอบกลับมาด้วยการชูนิ้วกลางกลับไป
ระยะห่างจากช็อปที่เขาอยู่กับที่อีกคนอยู่นั้นไม่ได้ไกลกันเลย พายพยายามเดินตัวลีบและทำเสียงให้เบาที่สุดสายตาก็สอดส่องมองหาคนที่ตั้งใจจะมาหาด้วย ดวงตากลมโตกลอกไปมาเหมือนพวกตัวเมียร์แคตที่กำลังออกจากหลุมแต่พอเจอกับเป้าหมายรุ่นพี่คนหนึ่งที่พายจำชื่อไม่ได้กลับตะโกนขึ้นมา
“ไอ้ต้นๆ รุ่นน้องที่รักมาหาจ้า”
พายขมวดคิ้วและอยากอ้าปากด่าสวนกลับไปแต่ก็กลืนทุกอย่างลงคอเพราะต้นน้ำดันพูดกลับไปแทนแล้ว
“หุบปากไปเลยมึง”
“แหม่ ทำมาเป็น”
“พูดอีกกูยันมึงติดผนังนะ”
“ว้าย กลัวมากค่าคุณประธานรุ่น”
ท่าทางสะดีดสะดิ้งไม่สมกับรูปร่างนั่นทำเอาพายต้องถอนหายใจอย่างปลงตก เขาคิดว่าการเรียนหนักนั้นทำให้รุ่นพี่พวกนี้เป็นบ้าแบบว่าเสียสติไปแล้ว เขาเดินเข้าไปเกือบด้านในสุดเพื่อไปหาต้นน้ำที่กำลังก้มหน้าดูกระดาษอะไรสักอย่างอยู่
“พี่ต้น”
“ว่าไงครับ” ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นจากกระดาษ
“ผมเอาของกินมาหาพี่เพื่อพี่หิว”
“แล้วของเราละ”
“ผมซื้อมาแล้วแต่อยู่โน้น”
“อ๋อ แต้งกิ้วมาก”
“ถ้างั้นผมกลับแล้วนะ”
“ตั้งใจทำงานละพาย”
“พี่ก็ด้วยนะ”
พายรีบหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขาแค่ต้องการซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำเพราะอาการเขินอายและใจเต้นแรงกำลังจู่โจมเข้ามา ถึงแม้ว่าบทสนทนาที่พูดนั้นจะไม่ได้มีการหยอดคำหวานแต่พายกลับพ่ายแพ้ให้กับประโยคสุดท้ายของต้นน้ำแถมอีกฝ่ายดันใช้น้ำเสียงเป็นห่วงมาอีก พายคิดว่าพายชอบพี่ต้นน้ำเท่าๆกับที่ชอบข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาวแบบเยิ้มๆ
กว่าพายจะปั่นงานเสร็จก็ปาไปสี่ทุ่มและมื้อเย็นที่ผ่านไปก็คืออาหารกล่องเซเว่นและกาแฟแก้วเล็ก เขาไม่กล้าพอที่จะสั่งแก้วใหญ่เพราะไม่อยากตาค้างลากยาวยันจบไฟนอล และหลังที่เขาเดินวนไปส่งงานเสร็จหนังตาก็เตรียมพร้อมจะปิดแบบอัตโนมัติ
“มึงจะกลับถึงห้องไหมเนี้ยพาย” แมนถามขึ้น
“ถึงดิ”
“ให้กูวนรถไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไร”
“เออๆ ถึงหอแล้วบอกกูด้วย”
“โอเค”
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตรงบริเวณลานกว้างหน้าตึกคณะพายได้ไม่เดินไปหาจักรยานตัวเองแต่กลับเดินวนไปหาต้นน้ำอีกรอบและพอเข้าไปเขาก็เห็นอีกคนกำลังเดินออกมาพร้อมกับถือของพะรุงพะรัง พายรีบเดินไปหาและช่วยหยิบโน้ตบุ๊คมาถือ
“พี่ต้องไปหอเพื่อนเปล่า”
“หึ เดี๋ยวพวกมันไปที่หอพี่”
“อ๋อ”
“แล้วนี่งานเสร็จแล้ว”
“เรียบร้อย แล้วหลังจากที่ผมเอาขนมไปให้พี่ได้กินไรอีกไหม”
“ไม่ได้กินเลย ขี้เกียจเดินไปซื้อ”
“ท้องไม่อิ่มเดี๋ยวก็ไม่มีแรงทำงานหรอก เดี๋ยวกลับห้องไปผมทำข้าวไปให้”
“ใจดีจังเลยน้องพาย”
พายย่นจมูกใส่แล้วก็ทำเมินกับสายตาเจ้าชู้ของต้นน้ำก่อนจะรีบสาวเท้าตรงไปที่จอดรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกเรียนโดยที่พยายามเมินเสียงนกเสียงกาของต้นน้ำและกลุ่มเพื่อนที่เดินรั้งท้าย
“อิจฉาเพื่อนจังเลยโว้ยย!”
คนเป็นสารถีอย่างพายขับมาจอดที่หอพักภายในเวลาสิบนาทีและรวมเวลาเดินกลับไปที่ห้องอีกก็ครบสิบห้านาทีพอดิบพอดี พายยื่นของสัมภาระคืนต้นน้ำแต่ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องตัวเองเขาก็ส่งสายตาไปหาคนตัวใหญ่ที่ยังทำท่าลังเลจะเข้าห้องตัวเอง
“ครับ” ต้นน้ำพูด
ทันทีที่บานประตูห้องของพายปิดลงเขาก็ถูกคว้าตัวเข้าไปหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของต้นน้ำ ใบหน้าของอีกฝ่ายซุกลงที่ซอกคอก่อนบ่นงึมงำอะไรสักอย่างซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์สักเท่าไหร่นักแต่พอจะเอ่ยปากถามริมฝีปากอุ่นๆของต้นน้ำก็กดจูบลงเสียทั่วลำคอขาวๆของพาย
“ไม่เหม็นเหรอไงพี่”
“ฮึ”
“เหรอ”
“ก็มีกลิ่นในช็อปติดมาหน่อยแต่พายก็ยังหอมอยู่ดี”
“ปากหวานไปแล้วครับ”
“ขอชาร์จแบตหน่อย”
“อะ—อื้อ”
คำว่าชาร์จแบตของต้นน้ำหมายความว่าการบดเบียดกลีบปากตัวเองลงที่กลีบปากของพาย กดเม้มย้ำๆอย่างหนักแน่นก่อนจะแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงชิมความหวานต่ออย่างคนที่ไม่รู้จักพอ พายปรับเอนองศาของหน้าให้พอดีเพื่อที่อีกคนจะได้ตักตวงความต้องการตามที่ใจต้องการ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่พายจะต้องบอกให้อีกคนหยุดการกระทำในเมื่อในใจเขาเองมันก็เรียกร้องอยู่
“..อื้ม พี่”
ต้นน้ำผละใบหน้าออกมาแต่ก็ไม่ได้เว้นระยะจนห่าง เขาใช้จมูกปัดป่ายไปตามแก้มนุ่มและคอยสูดดมความหอมอ่อนๆที่เป็นกลิ่นประจำตัวของอีกคน จะหาว่าโรคจิตเขาก็ยอมรับเพราะเขาว่าเขากำลังติดกลิ่นของพายจริงๆ เขาเหลือบตาไปมองดวงตากลมโตที่ดูฉ่ำวาวซึ่งมันดูน่ารังแกมากในสายตาของเขา
“หิวว่ะ”
“?”
“อยากกินพาย”
“ไอ้พี่บ้า” พายหลุบตามองไปทางอื่น
“อยากกินพายจริงๆนะ”
“รู้แล้วแต่นี่พี่ต้องกลับไปทำงานต่อนะ หยุดอารมณ์หื่นเดี๋ยวนี้เลย” เจ้าของห้องยกมือขึ้นออกแรงดันแผงอกแน่นของต้นน้ำให้อีกคนได้ออกห่างจากตัวเอง "แล้วอยากกินอะไรไหม ของที่ม๊าทำมายังมีอยู่”
“อยากกินพาย พายที่เป็นคน พายคนนี้อะ”
“งอแงเป็นเด็กไปได้”
“พายครับ” ต้นน้ำพูดจบก็คว้ามือนุ่มนิ่มของพายมาแปะไว้ที่เป้ากางเกงตัวเอง
“ประสาท ไม่กินข้าวก็รีบๆออกไปทำงานเลย ผมง่วงนอนแล้ว”
ผู้ชายตัวใหญ่อย่างต้นน้ำเริ่มทำหน้างอแงก่อนจะยอมเออออกลับห้องพร้อมกับกล่องข้าวสำเร็จรูปส่วนพายก็ได้แต่กลั้นขำกับท่าทางเหมือนเด็กโข่ง อีกฝ่ายดูเหมือนไม่อยากกลับห้องตัวเองสักเท่าไหร่อ้อนเอาหอมแก้มบ้างละแต่สุดท้ายพายก็ยอมเพราะไม่งั้นต้นน้ำก็ไม่ยอมกลับห้อง
“ตั้งใจทำงานนะพี่”
“ครับน้องพาย”
แล้วผู้ชายที่ทำตัวเป็นเด็กโข่งก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองส่วนพายเองก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วมานั่งอ่านหนังสือต่อไม่ใช่ว่าเป็นคนขยันอะไรหรอกนะแต่อีกอาทิตย์กว่าจะเข้าสู่ช่วงไฟนอลแล้ว ถ้าไม่อ่านตอนนี้ก็เตรียมกดดร็อปได้เลย
เทศกาลสอบได้เดินทางเข้ามาพายวนเวียนอยู่แค่ตึกคณะและห้องสมุดที่เปิดให้บริการ24ชม. ส่วนหอพักก็กลับไปแค่อาบน้ำ เปลี่ยนชุดและงีบแค่ไม่กี่ชั่วโมง เนื้อหาเรียนของปีสองคือเนื้อหาใหม่เสียหมดมันเป็นเนื้อหาที่โยงกับคณะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์และนั่นคือความยากและทำให้นักศึกษาหลายคนเสียสติไปแล้ว
“กดดร็อปเห็นทีจะไม่ช่วยกูลาออกเลยดีกว่า” หนึ่งในเพื่อนร่วมติวบ่นขึ้นก่อนจะไถลตัวไปกับพื้นพรมในห้องติวของห้องสมุด
“กูจะไม่ปล่อยให้มึงโดดเดี่ยวกูไปด้วย”
และคำพูดตัดพ้ออีกมากมายส่วนพายไม่ได้บ่นอะไรนอกจากหยิบเอาเยลลี่หมีออกมาเคี้ยวด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาคิดมาเสมอว่าการเคี้ยวเยลลี่ช่วยสร้างสมาธิในการอ่านแม้จะมีเสียงโดยรอบที่ดังจนน่ารำคาญก็เถอะ ละสายตาออกมาจากชีทตรงหน้าไปที่หน้าจอมือถือเพื่อพบว่าข้อความที่ส่งหาต้นน้ำไปเมื่อเช้ายังไม่ถูกตอบกลับมา พายเข้าใจดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหายเงียบไปเนื้อหาที่ปีสามต้องสอบคงหนักกว่าปีสองประมาณล้านเท่า
piepiepie อย่าตายคากองหนังสือนะพี่
piepiepie เดี๋ยวอดกินพายหลังสอบเสร็จ
tonnam เดี๋ยวจะกินยันเงาเลย
พิมพ์เสร็จก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากคนเดียวก่อนจะคว้าเอาเยลลี่เข้าปากต่อโดยที่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าถูกจ้องมองจากรอบทิศ
“อะไร?”
“เปล่าจ้าน้องพาย” แมนพูดขึ้น
“อือ”
แล้วบรรยากาศการติวหนังสือก็กลับมาอีกครั้ง บางครั้งก็เสียงดังแต่บางครั้งก็พากันเงียบเพื่อหลบเข้ามุมอ่านของใครของมัน
การสอบไฟนอลถูกลากยาวสองอาทิตย์เต็มและมันก็กินพลังงานคนสอบไปจนหมดแบบที่ว่าเอาอะไรมาเติมก็ไม่มีวันเต็มแต่ถึงอย่างนั้นแล้วต้นน้ำกลับรู้สึกว่าพลังงานของเขาไม่ได้หมดเกลี้ยงอย่างที่ผ่านมา เขามองเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พายทำให้อย่างเช่นทักมาถามอยู่เสมอว่ากินอะไรรึยัง คอยเตือนว่าอย่าดื่มเอ็มร้อยกับกาแฟเซเว่นเยอะเกินไปหรือบางทีเจ้าตัวก็หอบหิ้วเอาขนมมาให้ถึงที่ พายเป็นเด็กเอาใจใส่คนอื่นแบบเงียบๆซึ่งนั่นเป็นมุมน่ารักที่เขาประทับใจ
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของทั้งพายและต้นน้ำซึ่งพายเสร็จตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเจ้าตัวเลยขอตัวกลับห้องไปนอนหลังจากกินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารเสร็จเพราะที่ผ่านมาเวลานอนนับได้ไม่กี่ชั่วโมงซึ่งเพื่อนคนอื่นๆก็เห็นด้วยว่าค่อยพากันไปฉลองวันถัดไปแทนจะดีกว่า พายเดินกลับห้องด้วยสภาพที่พร้อมล้มตัวลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ก้าวเข้าได้ก็รีบสะบัดรองเท้าออก วางกระเป๋าสะพายไปที่โต๊ะก่อนจะเปิดแอร์เดินไปทิ้งตัวลงที่เตียงนอน พายขยับตัวหามุมและม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่มเสร็จก็ปิดตาลงแต่ปิดตาลงไปได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็นึกขึ้นได้ว่าลืมส่งข้อความไปหาต้นน้ำ
“ไม่อยากลุกจากเตียงเลยฮือ”
พายบ่นงึมงำก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งและพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาหน่อย
“ตั้งใจสอบนะพี่ต้นน้ำ”
พายคิดว่าส่งเสียงผ่านอากาศไปจากห้องมันต้องถึงปลายทางแน่นอนด้วยกฎของการเดินทางของเสียง
16.10น.
ภายในห้องริมสุดของชั้นห้านั้นมีแต่เสียงทำงานของเครื่องปรับอากาศ ความมืดของห้องนั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนที่แอบเข้าห้องมาอย่างต้นน้ำเลยสักนิด เขาค่อยๆย่องเข้าไปหาคนที่นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหน้าจ้องมองใบหน้าที่โผล่ออกมาเพียงครึ่งด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรัก เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อมองเปลือกตา แพขนตาที่เรียงตัว ถึงเห็นแค่นี้ก็สัมผัสได้ถึงความน่ารัก เขาอมยิ้มนิดๆก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสลงที่หน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบา
“พี่รักเรานะ”
“..อือ”
ต้นน้ำยิ้มเมื่อพายขยับใบหน้าหนีลมหายใจอุ่นๆของเขา เขาขยับตัวยืนตรงเพื่อบิดขี้เกียจก่อนจะล้มตัวลงนอนและแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มของพาย เขาคว้าเอาร่างนุ่มนิ่มเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะหลับตาลงเพื่อเดินทางไปในโลกแห่งความฝันบ้าง จากที่หมดแรงกับการสอบก็เหมือนกับได้ชาร์ตพลังเมื่อได้กอดคนที่เขารู้สึกรัก
สองชั่วโมงผ่านไปพายก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาปรือตามองผ้าม่านสีทึบอยู่พักใหญ่ก่อนจะสัมผัสได้ว่าตัวเองถูกกักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของต้นน้ำ พายพลิกตัวเข้าหาคนตัวใหญ่ที่กำลังหลับตาอยู่ ดวงตากลมโตเริ่มสำรวจมองใบหน้าของต้นน้ำพร้อมกับที่ยกมือขึ้นมาวางทาบลงที่แก้ม นิ้วชี้ไล่จิ้มที่สันกราม ตอหนวดและเปลือกตา เขาใช้นิ้วจิ้มเบาๆแล้วก็หัวเราะคิกคักเมื่อคนที่กำลังหลับนั้นขยับดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่หลังเปลือกตา
“..พ พาย”
“สวัสดีตอนเย็นครับพี่ต้นน้ำ”
“ซนนะเรา”
“หิวยังครับ”
“หิว หิวแบบที่กินพายได้ทั้งตัว”
“หื่นอีกแล้วพี่”
ต้นน้ำลืมตาขึ้นมาก่อนจะดึงตัวพายให้ขึ้นมานอนทับบนตัวเขาเอง เขามองใบหน้าน่ารักของพายก่อนจะฉวยโอกาสโน้มใบหน้าไปจูบหน้าผากด้วยแรงที่ไม่น้อยจนมันเกิดเสียงและคนถูกจูบก็หน้าแดงหูแดงกันไป
“เขินเหรอครับ”
“เขินดิ ผมไม่หน้าหนาขนาดนั้นปะ”
“อะเหรอ”
“พี่แม่งนิสัย!” พายพูดจบก็เอาหัวโขกไปที่แผงอกกว้างของต้นน้ำไปสองสามที "ให้ผมนอนทับงี้พี่ไม่หนักเหรอ”
“หนักดิ เนี้ยจะหายใจไม่ออกแล้ว”
“เหรอๆ แต่ถ้าอยู่บนอีกแบบพี่คงไม่บ่นว่าหายใจไม่ออกสินะ”
“ฮ่าๆ เด็กทะลึ่ง” ต้นน้ำกระชับอ้อมแขนตัวเองแล้วออกแรงโยกตัวพายไว้ไปมา
“อึดอัด”
ต้นน้ำไม่หยุดและไม่ได้สนใจเลยว่าพายจะบ่นอะไรออกมาบ้าง เขาแค่อยากฟัดเจ้าของตัวนุ่มนิ่มนี่ให้หายมันเขี้ยวก็เท่าเองส่วนคนถูกฟัดจากที่บ่นอะไรไปเรื่อยก็หัวเราะเสียงดังเพราะจักจี้ที่ถูกจี้ที่เอว
“หยุดเลยพี่ ผมเหนื่อย”
“ไม่”
“พี่มึง!” พายพูดจบก็หัวเราะจนน้ำตาไหล
“เอ็นดูว่ะ”
“พอๆ”
พายบังคับลมหายใจตัวเองให้เป็นปกติแม้ว่าเขายังนอนทับบนตัวต้นน้ำอยู่ที่เดิม เขาเอาหัวตัวเองถูไถไปมาที่อกของต้นน้ำส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นฟูกก็ยกแขนขึ้นกอดพายไว้หลวมๆ
“เหม็นเหงื่อ แหวะ”
“เหรอครับน้องพาย”
“อือออออ”
“ปากเก่งเดี๋ยวจะโดน” ต้นน้ำว่าก็ยกมือขึ้นตีก้นไปที
“กลัวจังเลยคับพี่” พายเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะขยับปากไปจูบที่ปลายคางของต้นน้ำสองสามทีและปิดท้ายด้วยการกัดไปทีจนปลายคางของต้นน้ำมีรอยฟันจางๆปรากฏขึ้น "หิวแล้วอะ ไปหาไรกินกันพี่”
“กัดพี่แล้วนี่ อิ่มแล้วมั้งเราน่ะ”
“เหอะ ไม่ถึงครึ่งกระเพาะผมเลย”
“เจ้าเด็กกระเพาะหลุมดำ”
“อันนี้ไม่เถียง”
เจ้าของฉายากระเพาะหลุมดำฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีให้กับต้นน้ำก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง พายยกมือขึ้นปัดๆผมตัวเองนิดหน่อยก่อนจะเอามือเท้าสะเอวแล้วทำท่าทางจีบปากจีบคอพูดเหมือนพิธีกรชื่อดังอย่างป๋อมแป๋ม
“ลุกสิคะคุณ ดิฉันหิวค่ะ”
“หือ?”
“งงอะไรคะ เดี๋ยววันนี้ดิฉันจะพาไปกินร้านxxxนะคะ”
ต้นน้ำถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเพราะท่าทางของพายก๊อบปี้ออกมาได้เหมือนกับพิธีกรอย่างกับร่างโคลนนิ่ง เขายังคงนอนมองอีกคนพูดโน่นนี่เจื้อยแจ้วไปเรื่อยจนดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเหนื่อยมากแล้ว
“พี่ลุกได้แล้ว ผมหิว”
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว”
คนที่เอ่ยปากว่าหิวก็รีบคว้าเอามือถือกับกระเป๋าตังค์ไว้กับตัวทันทีแถมไปหยุดยืนรอตรงประตูพร้อมรองเท้าแตะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พายเริ่มร่ายถึงเมนูอาหารที่อยากกินให้เขาฟังระหว่างที่ตัวเขาค่อยๆขยับกายเดินไปหยิบของโน่นนี่กับกุญแจรถ
“พี่ๆ”
“ว่า?”
จบประโยคคำถามสั้นๆนั่นพายก็ปล่อยเสียงท้องร้องของตัวเองออกมา เจ้าตัวไม่มีได้ความเขินอายอะไรทั้งสิ้นนอกจากหัวเราะออกมาต่อจากที่เสียงท้องร้องดังจบ ต้นน้ำนึกอึ้งไปนิดหน่อยเหมือนว่าตั้งหลักไม่ทันแต่พอมองไปที่ใบหน้าของพายเขาก็หลุดยิ้มออกมา
“น้องโว้ย”
“อะไรเหรอพี่มึง” พายมองตาแป๋วก่อนจะคว้าท่อนแขนของต้นน้ำไปกอด
“เรานี่นะ”
“ทำไมครับ”
“ทำไมตลก”
“ก็คือตอนแรกผมคิดว่าผมเป็นคนตลกใช่มะแต่พอคิดไปคิดมา อ้าวทั้งตลกและหน้าตาดีอีกด้วยอะ ก็ไม่แปลกที่พี่จะชอบผม” พายหัวเราะ
ต้นน้ำได้แต่ส่ายหัวด้วยใบหน้ายิ้มๆก่อนจะพาเด็กกินเก่งที่เกาะแขนอยู่ไปหาอะไรกินตามที่เจ้าตัวว่าแถมยังย้ำเขาอีกว่ามื้อนี้ขอเป็นเจ้ามือบ้าง ถ้าเขาจ่ายจะโกรธและล็อกห้องตัวเอง ขู่เหมือนแมวโดนอดอาหารซึ่งมันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิดแต่ถามว่าเขายอมทำตามไหมก็บอกเลยว่ายอม เขามันทาสน้องพายอยู่แล้ว
“พี่ว่าบนโลกนี้มันจะมีคนเอาเสียงท้องร้องตัวเองไปเป็นเสียงริงโทนไหมวะ”
“ไม่น่ามีนะ”
“งั้นผมควรเป็นคนแรกของโลกไหม”
“เออ เอาเถอะ เอาที่พายสบายใจเลย”
“เดี๋ยวรอบหน้าผมลองดูดีกว่า”
แล้วต้นน้ำก็ปล่อยให้พายพูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อยซึ่งเขาไม่ได้รู้รำคาญเลยแม้แต่น้อย อยู่กับพายเขารู้สึกสบายใจ เขาสามารถวางตัวแบบที่อยากทำโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะมานั่งทำหน้าไม่พอใจหรือเอ่ยปากห้าม เขาเป็นตัวเองได้อย่างสบายและพายก็เหมือนกัน
“พี่ๆ”
“ว่า?”
“อายว่ะพี่ เมื่อกี้ผมเปิดประตูห้องน้ำไม่ออกแล้วมันมีคนเดินตามผมมา ผมก็ดึงตั้งนาน ลืมไปว่า push มันแปลว่าผลัก ผมเกือบเรียกพนักงานแล้ว”
“ดีแล้วที่ไม่เรียก”
“เป็นห่วงกลัวผมหน้าแตกใส่พนักงานอะดิ”
“เปล่า กลัวเขาด่าพายว่าโง่”
“คนเลวสองพันสิบแปดคือพี่นี่เอง เหอะ”
แล้วเด็กเด๋อก็สะบัดหนีต้นน้ำเสียอย่างนั้น เป็นเสียอย่างนี้จะไม่ให้เขารักได้ไงกันวะ
------------------------------------------------
มีความโชว์เสียงท้องร้องให้พี่ต้นฟัง55555555555555555555
เราอยากบอกในทุกตอนเลยว่าขอบคุณคนอ่านนะคะที่แวะเข้ามาอ่านและติดตามเรื่องนี้ ขอบคุณจากใจนะคะ<3
#ต้นน้ำพาย
-
มันเขี้ยวเจ้าพาย ขอกินพายด้วยคนดิพี่ต้น
-
รู้สึกเริ่มจะเหม็นความรักขึ้นทุกที น่าตีจริงๆเลยน้องพาย :-[
-
:pig4: :pig4: :pig4:
นอกจากจะสายแดก ยังเป็นสายเด๋อ สายเอ๋อ และสายอ่อย อีกด้วยนะเนี่ย นุ้งพายเอ๋ย
-
พาย #คนน่ารัก2018 อิอิ
-
ขำน้อง ทำไมตลก 5555555555555
-
น้องพายคนน่ารัก พี่ต้นน้ำจะไปไหนรอด อิอิ
-
:z1: :z1: :z1:
-
โอ้ยยยยยย เอ็นดูน้องพายมากกกก น่ารักที่สุดเลยคับน้อนนนนนน
-
น้องพายน่ารักกกกกก :man1: :man1: :impress2: มีความต่อปากต่อคำชอบบบบบบบบ o13 o13
-
:laugh: :laugh: :laugh:
-
เม้นตอนที่ 16
น้องพายยยย ทำไมยั่วเก่งจังลูก
เห็นนิ่มๆ น่ารักแบบนี้คือใช่เล่นเลยอ่ะ 555555
-
ชอบเวลาน้องพายเดินกอดแขนพี่ต้น ดูเป็นเด็กขี้อ้อน เป็นอิหนูของเสี่ย
สอบเสร็จแล้วอย่าลืมให้เสี่ยต้นกินพายนะคะ อิอิ
-
สนุกค่ะ ชอบบบบ :L2:
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 18
ไก่ทอด
คำถามว่าปิดเทอมวันแรกเราจะทำอะไร คำตอบของพายมีอย่างเดียวเท่านั้นคือนอน นอนมันให้ครบยี่สิบชั่วโมง นอนให้เยอะเพื่อทดแทนเวลาที่ผ่านมาเพราะอย่างนั้นแล้วเขาถึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายสองโมงตรงด้วยใบหน้าเบลอๆงงๆในขณะที่เจ้าของห้องที่เขามาอาศัยอย่างต้นน้ำกำลังนอนดูหนังอยู่ข้างๆ
“พี่”
จุ๊บ!
เพียงแค่เรียกคนตัวใหญ่ก็เอาหน้ามาหาและก้มลงจูบปากไปแรงๆทีหนึ่งก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้ซึ่งท่าทางแบบนั้นมันค่อนข้างแอทแทคต่อใจของพายค่อนข้างมากและถามว่าเขินไหมบอกเลยว่ามาก และสุดท้ายพายเลยต้องแก้อาการเขินโดยการเอาหัวโหม่งไปที่ต้นแขนของต้นน้ำไปสองสามที
“หิวอะพี่”
“ตื่นมาก็ถามถึงของกินเลยนะพาย”
“อือ เอาจริงๆนะตั้งแต่ผมเจอพี่ผมหิวถี่กว่าเดิมอะ”
“ใช่เหรอพาย ไม่ใช่ว่าปกติก็หิวตลอดเวลาอยู่แล้วนะ”
“จริงเหอะ” พายเชิดปากใส่ "นี่ผมพลาดข้าวมื้อเช้าได้ไงกัน”
“พาย”
“ครับ?”
“จำไม่ได้เหรอว่ากินไปแล้ว”
.
.
.
07.00น.
กุกกัก กุกกัก
เสียงดังของอะไรสักอย่างดังขึ้นในช่วงเช้าตรู่และนั่นทำให้ต้นน้ำต้องลืมตาขึ้นมา เขาค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่งบนเตียงและมองตรงไปที่ร่างโปร่งที่กำลังค้นอะไรสักอย่างในตู้เย็น เขาเลิกคิ้วนิดๆด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะตื่นเช้าขนาดนี้เพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็เกือบเช้า
“พาย”
“ครับพี่” พายหันกลับมาพร้อมขวดนมในมือพร้อมกับใบหน้าดูเหมือนคนยังไม่ตื่นดี
“กินข้าวเช้า?”
“อือ ผมหิวอะ”
“อ่า..โอเค”
ต้นน้ำพยักหน้าแล้วเอนตัวพิงไปกับหัวเตียงพร้อมกับยกแขนขึ้นกอดอก สายตาก็จ้องมองไปทุกการกระทำของพาย เขากำลังคิดว่าอีกฝ่ายกำลังละเมออยู่หรือว่าตื่นแล้วจริงๆและที่ลังเลเพราะทุกครั้งที่พายตื่นเจ้าตัวมักจะเอ่ยถามกับเขาว่ากินข้าวไหมแต่ครั้งนี้กลับไม่พูดสักคำ
เด็กที่มาร่วมห้องอย่างพายขยับเอาชามมาใส่ซีเรียลรูปดาวและค่อยเอานมจืดมาเทจากนั้นก็ถือเอาชามข้าวเช้าไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานของต้นน้ำ พายตักกินและเคี้ยวกรุบกริบๆโดยที่ดวงตากลมโตของตัวเองก็เหม่อมองไปที่ผนังห้องสีขาวตรงหน้า และเพราะว่าพายมัวแต่เหม่อเจ้าตัวเลยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกคุกคามโดยเจ้าของห้องตัวใหญ่
เสียงเคี้ยวเบาๆของพายดังเป็นจังหวะในขณะที่ต้นน้ำก็วางแขนไว้ที่โต๊ะแล้วโน้มตัวไป เขากำลังกักขังเด็กกินเก่งให้อยู่ในอ้อมแขนและจนขนาดที่เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหาจนลมหายใจรดอยู่ข้างใบหูแล้วเจ้าตัวยังไม่หือไม่อืออะไรเลยสักนิด
“พาย”
“...”
“พาย ตื่นรึยัง”
“ผมกินจะเสร็จละ พี่กินไหม”
และไม่คิดจะตอบคำถามอะไรพายก็พูดสวนขึ้นมา สภาพเหมือนระบบตอบโต้อัตโนมัติและนั่นทำให้ต้นน้ำรู้ว่าอีกคนต้องละเมออยู่แน่นอน ทำไมน่าเอ็นดูจังวะ
“ไม่ละ พี่ว่าจะไปนอนต่อ”
“อือครับ”
พายตักเอาซีเรียลคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะยกชามขึ้นซดนมให้หมดเกลี้ยงและทันทีที่วางชามไว้กับโต๊ะใบหน้าของเขาก็ถูกรั้งเข้าไปหา ริมฝีปากอุ่นๆของต้นน้ำขยับเข้ามาครอบครองริมฝีปากนุ่มนิ่มของพายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่มีการรุกล้ำเข้าไปหากแต่นาทีที่ลิ้นร้อนเลียและแตะสัมผัสที่กลีบปากก็ทำเอาคนถูกกระทำใจเต้นแรงแถมภายในหัวยังมีแต่สีขาวโพลนอีกต่างหาก
“..อื้อ”
“พี่อิ่มพอดี”
“ไอ้บ้า” พายบ่นงึมงำ
แล้วเจ้าของกายสูงโปร่งก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระโดยที่คนขี้แกล้งอย่างต้นน้ำนั้นเดินกลับไปนอนต่อที่เตียงส่วนพายก็นั่งหน้ามึนอยู่กับที่สักพักก่อนจะถือชามออกไปล้างทำความสะอาดจากนั้นก็เดินวนกลับมาที่เตียงนอนและล้มตัวลงนอนต่อ เจ้าตัวขยับตัวมุดเข้าหามุมที่ดีอย่างในอ้อมแขนแข็งแรงของต้นน้ำก่อนจะเดินทางเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
.
.
.
“นึกออกไหมพาย”
“พอจำได้รางๆ”
“เด็กเด๋อ” ต้นน้ำยกมือขึ้นผลักหน้าผากพายไปเบาๆ
“งือ อย่าผลักผม”
“แล้วอยากไปกินไหน”
“พูดจากใจเลยอยากกลับกรุงเทพอะ หิวบอนชอน”
“กลับก็กลับเดี๋ยวคืนนี้กูมีไปกินเหล้ากับเพื่อนด้วย”
“ที่ไหนอะ ผมก็มีนะๆ”
“แถวเอกมัย”
“อุ๊! ที่เดียวกันเลยอะฮี่ฮี่”
พายหัวเราะอารมณ์ดีซึ่งต้นน้ำก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมถึงขำ พวกเขาต่างพากันแยกย้ายไปอาบน้ำและเก็บของใช้บางส่วนเพื่อกลับบ้านซึ่งผ่านไปสิบนาทีต้นน้ำก็อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนยาวเท่าเข่าที่มันรุ่ยปลายกับรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ตอนนี้ไม่ขาวแล้วกับในมือที่มีถุงกระดาษถุงใหญ่ในมือ เขาแตะเอาคีย์การ์ดออกมาจากห้องตัวเองก่อนจะตรงไปยังห้องข้างๆ
ก๊อก ก๊อก
“แป๊บนะพี่”
“อือ”
ต้นน้ำหยิบเอามือถือขึ้นมากดเล่นระหว่างที่รอโดยระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงภายในห้องดังออกมาด้วย เขาคิดว่าอีกคนจะเก็บของทุกอย่างเลยหรืออย่างไรกันแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะเอ่ยปากถามหรอก ขี้เกียจน่ะ
ยืนรออยู่เกือบห้านาทีพายก็ออกมาด้วยชุดแบบเดียวกับต้นน้ำต่างกันแค่เสื้อยืดของพายนั้นเป็นสีชมพูอ่อนแถมที่ไหล่ก็มีเป้สีดำพาดอยู่ด้วย เจ้าตัวเงยหน้ามองคนที่ยืนเต๊ะท่ารอนิ่งๆก่อนจะหันไปชะโงกหน้ามองภายในห้องว่าปิดไฟปิดอะไรเรียบร้อยแล้วถึงจะดึงบานประตูปิดลง
“พี่ลอกเลียนการแต่งตัวผมอีกแล้วนะ”
“เหรอพาย ได้ข่าวพี่แต่งตัวออกมายืนตรงนี้ก่อนนะ”
“ไม่รู้ละ พี่แหละขี้ลอก”
“เออจ้า แล้วแต่พายเลย”
“มันก็ต้องแบบนั้นแหละ”
พวกเขาเดินคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงลานจอดรถใต้ตึกของหอพัก ต้นน้ำก็รีบพูดขึ้น--
“ไปเจอที่คอนโดพี่แล้วกัน โอเคไหม”
“แต่ผม--”
“นะครับ”
“โอเคๆ พี่แชร์โลมาด้วยนะ แต่ไม่ต้องส่งรูปโลมามานะพี่”
“บอกตัวเองเถอะน้องพาย”
“เหอะ”
แล้วพายก็สะบัดหน้าหนีพร้อมกับสาวเท้ากลับไปที่รถของตัวเองส่วนต้นน้ำก็แค่ยืนรอให้อีกคนเก็บข้าวของแล้วสตาร์ทให้เสร็จเขาถึงจะเข้าไปนั่งที่รถของตัวเองบ้างและแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะขยับปากบอกอีกฝ่ายว่าขับรถดีๆไปด้วย
กว่าจะเดินทางมาถึงคอนโดของต้นน้ำที่อยู่ใจกลางเมืองก็หมดเวลาไปเป็นชั่วโมง พายบ่นอุบมาตลอดทางที่ขึ้นลิฟต์มายังชั้นแปดว่าหิวอย่างนั้นอย่างนี้จนต้นน้ำต้องบอกออกไปว่าสั่งอาหารให้เขามาส่งให้แล้วซึ่งพอคนหิวได้ยินก็ยอมเงียบแล้วไปนั่งสงบเสงี่ยมที่โซฟาหน้าทีวีจอกว้าง
“พี่ๆ”
“ว่า?”
“อีกนานเปล่าอะกว่าอาหารจะมา”
“ไม่หรอกมั้ง”
“แล้วพี่สั่งอะไรไปบ้าง”
“ชุดใหญ่สองชุด ซุป แล้วก็สปาเกตตีไรสักอย่าง แล้วก็ไอ้แป้งๆนั่นอะ”
“ยอดเยี่ยม” พายฉีกยิ้มกว้าง "แค่คิดว่าได้กินไก่ทอดผมก็มีความสุขแล้ว”
เด็กกินจุโยกหัวตัวเองไปมาพร้อมกับที่สาตาก็มองไปที่รายการทีวีไปด้วยส่วนเจ้าของห้องคอนโดราคาสิบล้านนี่ก็เดินวนไปวนมาเพื่อเก็บของโน่นนี่จนเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้นก็เป็นต้นน้ำนั่นแหละที่เดินรับเองเพราะแขกกิตติมศักดิ์ตอนนี้ได้นอนไหลไปกับโซฟาในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
(มีอาหารมาส่งนะคะ)
“ครับ”
“พาย ลงไปเอาอาหารทีได้ไหมพี่ยังเก็บของไม่เสร็จ”
“ได้เลยๆ”
“แล้วเอาเงินในกระเป๋าที่วางบนโต๊ะไปเลย”
“อุ๊ย! ขอบคุณนะคะป๋า”
มาอีกแล้วร่างทรงพิธีกรใครสักคนในรายการเทยเที่ยวไทยน่ะ ต้นน้ำถึงกับส่ายหัว
“รีบๆลงไปเอามาเลย”
“ครับ!”
การอยู่กับพายนับวันเขายิ่งเห็นความตลก ความเด๋อรวมๆก็ความพายออกมาเรื่อยๆ เหมือนยิ่งรู้จักยิ่งได้พบตัวตนของเจ้าตัวมากขึ้นและนั่นยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกรักมากกว่าเดิม
อาหารถูกวางที่โต๊ะเกือบเต็มพื้นที่ซึ่งถ้าใครมาเห็นคงคิดว่ามากินทั้งหมู่บ้านแต่ไม่เมื่อมีพายนั่งอยู่ตรงนี้ ต้นน้ำมองคนที่จัดแจงเรื่องของกินอย่างคล่องแคล่ว เขาเองก็แค่นั่งเท้าคางมองไปเรื่อยๆคอยมองเซียนการกินแกะทุกอย่างที่ถูกนำมาส่งอย่างรวดเร็ว
“เราต้องหารจำนวนไก่ก่อน พี่ว่างั้นไหม”
“มึงกินเลยน้องพาย เอาให้ตัวเองอิ่ม”
“แล้วพี่อะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก กินซะหิวไม่ใช่เหรอไง”
“โอเค ถ้าพี่ว่างั้นผมก็เชื่อ”
พายเริ่มจากจิ้มชิ้นไก่ไร้กระดูกชิ้นโตมาและกัดเข้าปากคำใหญ่ ค่อยๆละเมียดเคี้ยวเป็นจังหวะ ความหนังไก่ที่มีซอสอยู่ทำเอาปลื้มปริ่มจนอยากร้องไห้แถมเนื้อไก่ชิ้นอวบในปากนี่อีก นี่สิสุดยอดแห่งไก่ทอดที่คู่ควร ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามก็จัดการบ้างและลอบมองพายบ้างในบางที
“พี่เอาน้ำโค้กหรือน้ำเปล่า”
“โค้กก็ได้”
“โอเค”
“แต่เอาแค่ครึ่งแก้วนะ อยากน้ำเปล่าด้วย”
“จัดไป”
คนเอ่ยถามวางช้อนส้อมในมือลงที่จานก่อนจะคว้าเอาขวดน้ำโค้กมาไว้กับมือ เปิดฝาขวดและค่อยๆบรรจงเทมันลงในแก้วที่มีน้ำแข็งเทไปเรื่อยๆจนกระทั่งครึ่งแก้วด้วยความตั้งใจแล้วก็คว้าเอาน้ำเปล่ามาเทลงจนมันเต็มแก้ว
“อะพี่”
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไร”
“มึงเทน้ำอะไรของมึงเนี้ยน้องพาย”
“โค้กครึ่งแก้วน้ำครึ่งแก้วไง”
ฟังจบต้นน้ำก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง หมดคำจะพูดไม่คิดเลยว่าพอพายอยู่กับอาหารแล้วการประมวลผลในหัวมันจะรวนขนาดนี้แต่พอจะหันหน้าไปว่าก็ทำไม่ลงเพราะพายเอาแต่มองเขาตาปริบๆเหมือนว่าเขานั่นแหละที่พูดผิดเอง
“พี่หมายถึงเอาโค้กแค่ครึ่งแก้ว พอกินหมดพี่ค่อยกินน้ำเปล่า”
“...”
“...”
“เออใช่ ผมเข้าใจผิดเอง”
แล้วพายก็ปล่อยเสียงหัวเราะลั่นห้องก่อนจะยกมือขึ้นไหว้เพื่อบอกขอโทษส่วนต้นน้ำก็หลุดหัวเราะออกมาในความเด๋อนี้ เขายกแก้วขึ้นมองส่วนของน้ำที่แยกตัวอย่างชัดเจนก่อนจะจิบมันและพบว่า--รสชาติเหี้ยไรเนี้ย
“ผมขอโทษๆ”
“เด๋อจริงๆ”
“ยอมรับ ไม่เถียงด้วย”
“มาให้ทำโทษดิ”
“ขอแปะโป้งก่อนนะ ขอกินก่อน”
“เออจ้ะ”
“แต่ตลกว่ะพี่”
“เออๆ หยุดขำแล้วค่อยๆกินเดี๋ยวติดคออีก”
แต่กว่าจะหยุดก็ใช่เวลาพอสมควรเพราะพายหัวเราะตัวเองจนน้ำตาไหลเป็นเหตุให้ต้นน้ำต้องลุกไปหาแล้วลูบหัวลูบหลังและกว่าจะจัดการมื้อเที่ยงในยามบ่ายไปก็เสร็จตอนห้าโมงเย็นได้ พวกเขาย้ายฐานทัพมาส่วนนั่งเล่นซึ่งตอนนี้ต้นน้ำก็เปิดหนังของอาณาจักรฮีโร่ขึ้นมาในขณะที่พายเดินไปเดินมาในห้อง เข้าออกสำรวจทุกสัดส่วน
“พี่ต้น”
“หือ?”
“พี่เล่นกีตาร์ด้วยเหรอ”
“เออ ก็เล่นได้ เมื่อก่อนเคยเรียนอยู่”
“ผมก็เล่นเป็น เดี๋ยวเล่นให้ฟัง” พายรีบสาวเท้ากลับมานั่งที่โซฟาแล้วหันหน้ามาทางคนที่เอนตัวอยู่ "ไม่อยากอวดหรอกนะ แต่ผมก็ร้องเพลงเพราะ”
“จริง?”
“แต่ปกติไม่ค่อยร้องให้ใครฟังหรอกนะแต่พี่เป็นคนพิเศษผมเลยอยากร้องให้ฟัง”
พายฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาโตๆนั่นหยีลงจนเป็นพระจันทร์เสี้ยวโดยที่คนมองต้องหลุดยิ้มตาม แก้มกลมๆตรงหน้าที่ขึ้นสีอ่อนๆนั่นก็น่าหยิกเสียจริง
“ตั้งใจฟังนะพี่”
“ครับ”
“อะแฮ่ม” พายเคลียร์เส้นเสียงก่อนจะขยับถือกีตาร์ให้พอดีกับมือจากนั้นก็เริ่มเล่นคอร์ดเพลงและร้องออกมาด้วยเสียงนุ่มๆของตัวเอง--
ใครบางคนที่ทำให้เราฝัน
ใครบางคนที่ทำให้เรานั้นสุขในใจ
อุ่นในใจ
คนคนหนึ่งที่เกินกว่าความหมาย
คนคนหนึ่งที่ทำให้เรานั้นอยากจะเดิน
ด้วยกันนานนาน
เพลงทุกวันของสครับถูกหยิบยกขึ้นมา พายเอาแต่มองไปที่มือของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเผลอกดคอร์ดไปผิดในขณะที่คนฟังอย่างต้นน้ำก็หุบยิ้มไม่ได้ เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะลอยทั้งๆที่นั่งอยู่กับที่ ดวงตาคมจ้องมองไปที่พายด้วยความรู้สึกมากมายที่มันอัดแน่นอยู่ภายในใจ
ทุกวันถ้าฉันมีเธอ แค่นั้นความฝันจะยังอยู่
ทุกวันถ้าฉันมีเธอจับมือ เราจะกอดกันไว้
ทุกวันถ้าฉันมีเธอ ทุกความเจ็บช้ำจะเลยผ่าน
มองเห็นวันดีดี เพียงแค่ฉันมีเธอ
และก็ไม่ได้เกินจริงอย่างที่พายโอ้อวดเพราะเสียงร้องของอีกฝ่ายทำเอาต้นน้ำเคลิ้ม ก็ไม่คิดว่าเด็กกินจุจะมีมุมแบบนี้และเขาก็รู้สึกดีใจที่มุมๆนี้ไม่ค่อยมีคนได้เห็นมัน คำว่าคนพิเศษมันฟังดูให้หัวใจเต้นแรงจริงๆ และจนกระทั่งถึงท่อนสุดท้ายเขาเลยตัดสินใจร่วมร้องๆไปด้วย
ทุกวันถ้าฉันมีเธอ แค่นั้นความฝันจะยังอยู่
ทุกวันถ้าฉันมีเธอจับมือ เราจะกอดกันไว้
ทุกวันถ้าฉันมีเธอ ทุกความเจ็บช้ำจะเลยผ่าน
มองเห็นวันดีดี เพียงแค่ฉันมีเธอ
ชีวิตคงพอดี 'เพียงแค่ฉันมีเธอ'
และเมื่อเพลงจบลงพายก็ยังเอาแต่ก้มลงมองที่เส้นสายของกีตาร์ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาซึ่งดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวกำลังเขินมากแค่ไหน ต้นน้ำขยับตัวเข้ามาเขาอมยิ้มก่อนจะเชยคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาหา ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปนัยน์ตาสีเข้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหาและจัดการครอบครองกลีบปากสีเชอร์รี่อย่างแผ่วเบาแล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละนิด
“..อ อื้อ”
นาทีที่เผลอหลุดเสียงครางลิ้นร้อนของต้นน้ำก็แทรกผ่านเข้าไปตักตวงความหวานภายใน รสชาติที่ได้รับมันละมุนผสมกับรสชาติของไก่ทอด ถึงมันจะฟังดูแปลกไปหน่อยแต่เขาเองกลับหยุดไม่ได้เพราะไม่ว่าจะชิมในตอนไหนมันก็ยังคงอร่อยอยู่เสมอ
“พี่รักพายนะ”
“เหมือนกัน”
ต้นน้ำบรรจงจูบลงที่หน้าผากเนียนไปอีกครั้งก่อนจะผละใบหน้าออกมา เขายิ้มขำเมื่อพบว่าใบหน้าของพายแดงเถือกรวมไปถึงใบหูทั้งสองข้างด้วย
“อยากฟังพี่เล่นเพลงให้เราไหม”
“ฮึ! พอก่อนตอนนี้ผมใจจะวาย”
“ตอนนี้เลยดีกว่า”
“ไม่ๆ ผมไม่พร้อม”
“แต่พี่พร้อมนะ”
“ไม่”
“น้องพายครับ”
“หยุดเลยนะโว้ย! ดูหนังไปดิ”
“ไม่อยากดูแล้ว อยากดูพายเขิน” ต้นน้ำยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มสองสามที "พายอะไรสีแดง พายสตรอว์เบอร์รีแน่เลย ขอชิมหน่อยครับ”
“ไม่เอาไม่ให้โว้ย”
“คิดว่าจะห้ามพี่ได้เหรอไง”
ต้นน้ำยกยิ้มมุมปากก่อนจะฉกเอากีตาร์โปร่งของตนออกมาจากตัวของพายไปวางไว้ที่โต๊ะกระจกข้างหน้าแล้วโถมตัวไปทับพายไปก่อนจะก้มหน้าฟัดแก้มก่อนจะใช้ริมฝีปากตัวเองจูบไปทั่วหน้า ทั่วคอ และไม่ลืมยกนิ้วขึ้นจี้เอวไปด้วย
“ฮ่าๆ หยุดก่อนพี่”
“ไม่ได้ยิน”
“พอๆ ผมหายใจไม่ทัน”
“อ้อนวอนพี่สิ”
เจ้าของกายใหญ่เงยหน้าขึ้นมองพายที่ตัวแดงไปทั้งตัวด้วยสายตาของคนเจ้าเล่ห์และเขาคิดว่าเขามีภูมิต้านทานเยอะ
“พี่ต้นน้ำครับ” พายทำตาแป๋วใส่แถมยังยกมือขึ้นลูบไปที่ใบหูของต้นน้ำ "ปล่อยน้องพายนะ น้องพายหายใจไม่ทันแล้ว”
อืม แต่คงคิดผิด ใครต้านทานได้ก็ไม่ใช่คนแล้วโว้ย!
---------------------------------------------------------
อยากบอกว่าคนที่มันเทน้ำแบบนั้นมีอยู่จริงคือเราเอง5555555555555555555
หวานกันให้น้ำตาลในเลือดได้พุ่งขึ้นกันไปเลยค่ะ
อยากบอกว่าขอบคุณคนอ่านอยู่เสมอ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ /ไหว้ย่อ
-
โอ๊ยยน้องงงงงงงง ตลกตอนเทน้ำให้พี่ กุมขมับเลยยย
แสนเด๋ออ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
โค้กครึ่งแก้ว แล้วก็น้ำเปล่า
ออกมาเป็นโค้กผสมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
เอิ่มมมมม แบบนี้ก็มีด้วยเว้ย
-
หวานกันจริงๆเลยตอนนี้ ขำความซื่อของน้องพาย
-
หวานกันจริงๆเลยตอนนี้ ขำความซื่อของน้องพาย
-
เอ็นดูความละเมอขึ้นมากินมื้อเช้าของน้องพาย โอ้โห ลูกกกกก
-
:z1: :z1: :z1:
-
โอ๊ยน้องง ความหิวเข้าครอบงำจนสมองไม่ประมวลผลใช่มั้ยลูกกกกกกก :laugh:
หวานเชียววววว น่ารักก พี่สายเปย์ของกิน
-
โอ้ยยยยยยยยยยยยยย เหม็นคนมีฟามรักกกก
-
ฮ่าๆๆๆๆน้องพายมากกก
จะเขินกันไปถึงไหน น่ารักๆๆๆ
ที่มาน้ำครึ่งแก้ว เป็นอย่างนี้เอง อิอิ
-
เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 19
เป็นของแข็ง เป็นของเหลว เป็นของเธอ
ช่วงหยุดยาวผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นซึ่งถ้านับจากวันนี้ไปก็เหลืออีกสามวันถ้วนในการเผชิญหน้ากับเทอมสองเทอมที่หนักหน่วงกว่าเก่าแบบคูณสิบ และช่วงเวลาที่หยุดไปทั้งต้นน้ำและพายก็ไม่ได้เจอหน้ากันสักเท่าไหร่เพราะต่างคนต่างไปเที่ยวกับที่บ้าน จะมีบ้างที่นัดกันออกไปหาอะไรกินหรือดูหนังแต่ถามถึงทริปค้างคืนก็คือไม่มีแถมครั้งสุดท้ายที่คุยแบบวิดีโอคอลตอนที่พายอยู่ญี่ปุ่นต้นน้ำก็ทำตัวได้น่าหมั่นไส้เหลือเกิน
“ทำไรอยู่อะพี่”
(คุยโทรศัพท์กับพายไง ละนั่นทำไรอยู่)
“เตรียมตัวไปแช่ออนเซ็นไง”
(งี้ต้องใส่ชุดแบบญี่ปุ่นดิ)
“แน่นอน”
(พายครับ)
“เกลียดพี่วะ”
แล้วการคุยกันก็จบลงที่พายยอมแพลนกล้องให้ต้นน้ำเห็นและแน่นอนว่ามันไม่ใช่แพลนกล้องธรรมดาเพราะจุดจบของการคุยวิดีโอคอลครั้งนี้คือพากันไปแตะขอบสวรรค์กันเสียอย่างนั้นแถมต้นน้ำยังพูดทิ้งท้ายไว้ว่าจะไปซื้อชุดแบบนี้มาให้เขาใส่ ใส่ในห้องให้เห็นทุกวัน
ต้นน้ำกลับหอมาถึงหอในตอนเย็นซึ่งมันดันเป็นเวลาเดียวกับที่เขาเห็นพายหอบหิ้วของจากรถตู้สีดำอยู่ด้วยและจากที่คาดการณ์จากสายตาดูก็รู้เลยว่าของกินทั้งนั้น เขารีบจอดรถและหยิบเอาของจากเบาะหลังมาถือก่อนจะออกรถแล้วเดินตรงไปหาพาย
“โอ๊ะ! มาถึงไวจังพี่”
“เออ รถไม่ค่อยติด”
“เหมือนผมเลย”
“แล้วนี่แบกไรมาเยอะแยะ”
“ผลไม้ ขนม และข้าวที่ม๊าทำมาให้ ... ขอบคุณนะครับลุงชาติ” ท้ายประโยคพายบอกกับคนขับรถประจำบ้านพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ด้วย "ขับรถดีๆนะครับ”
ลุงชาติยิ้มรับและต้นน้ำเองก็ยกมือไหว้ด้วยอย่างน้อยการมันก็เป็นมารยาท เขายืนอยู่ข้างพายโดยที่อีกฝ่ายก็คอยมองรถตู้ขับออกไปก่อนจนลับสายตาถึงจะตัดสินใจเดินกลับไปในตึกโดยที่มีต้นน้ำเดินตามหลังแถมยังคว้าเอาถุงกระดาษอันใหญ่มาถือเอาไว้กับตัวด้วย
ในระหว่างที่เดินเข้าตึกหอพักสีฟ้าสดใสที่จนถึงตอนนี้ต้นน้ำก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใช้สีนี้ทั้งๆที่ภายในหอพักนี้มีสภาพไม่ต่างจากคอนโดเท่าไหร่แต่นั่นก็แค่สงสัยเขาคงไม่ไปถามเจ้าของหรอก ไม่ใช่เรื่อง
“เย็นนี้ผมออกไปร้านเหล้านะ”
“พี่ด้วย”
“ร้านไหน”
“ร้านxxx”
“อะระ บังเอิญร้านเดียวกันอีกแล้ว พี่ก็อปผมอีกปะเนี้ย”
“เออ พี่ก็อปน้องพายเอง โอเคยัง” ต้นน้ำพูดด้วยเสียงประชดประชันนิดๆ
“ก็พอโอเค เดี๋ยวผมเก็บของเสร็จแล้วจะไปหาพี่ที่ห้องนะ”
“ตามสบายเลยครับน้องพาย”
“ดีมากเจ้าทาส”
พายหัวเราะเอิ๊กอ๊ากก่อนจะรีบแตะคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเองส่วนต้นน้ำก็ได้ส่ายหน้ากับตัวเองทีเดียวก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองไปบ้าง
ผ่านไปสิบนาทีพายก็เดินเข้าไปในห้องของต้นน้ำ เจ้าตัวมีคีย์การ์ดของอีกฝ่ายมาไว้ในมือแล้วเพราะไปทำมาเพิ่มส่วนอีกคนก็มีของห้องเขาเหมือนแต่ไม่ค่อยชอบพกไม่รู้เป็นบ้าอะไรชอบเคาะประตูห้องมากกว่า เข้าสาวเท้าเข้าไปแล้วก็รีบล้มตัวลงตรงที่ต้นน้ำนอนคว่ำหน้าอยู่แบบทิ้งดิ่ง
อั่ก!
“พาย!”
“งือๆ ไยเหยอ”
“หนัก”
“คิดไปเองเปล่าพี่”
“พาย” ต้นน้ำพูดเสียงอู้อี้
“ทำบ่น แก่แล้วอะดิเลยรับน้ำหนักพายไม่ไหวอะ”
“พูดว่าแก่อีกทีเดี๋ยวรู้เลยนะน้องพาย”
“รู้อะไรเหรอ ไหนบอกหน่อย”
ทันทีที่พายพูดจบเขาก็ถูกเจ้าของร่างใหญ่จับพลิกตัวมานอนอยู่ใต้ร่างภายในเวลาไม่กี่วินาที พายมีสีหน้าตกใจนิดๆและยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรใบหน้าของต้นน้ำก็ซุกลงที่ซอกคอของเขาไปเสียแล้ว สันจมูกโด่งๆนั่นกำลังปัดป่ายไปทั่วให้ได้รู้สึกวูบวาบในท้องและมันยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อถูกกัดแบบให้รู้สึกแคบๆคันๆ กัดที่ไม่ใช่กัดแบบธรรมดา
“อื้อ..พี่ พอ”
“ใส่สร้อยให้ไง ไม่ชอบเหรอ”
“สร้อยบ้าสร้อยบออะไร”
“อ๋อ เรียกปลอกคอดีกว่า คนอื่นจะได้รู้ว่าน้องพายไม่โสดแล้ว”
“อ้าว นี่เราเป็นแฟนกันเหรอ ผมนึกว่าแค่คนคุยกันเฉยๆ” พายยกยิ้มมุมปากขึ้นบ้างก่อนจะยกมือขึ้นโน้มคออีกคนให้ลงมาที่ซอกคอของตัวเองเช่นเดิม "เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย”
“...”
“เงียบทำไมครับ หรือที่ผมพูดมามันไม่จริงพี่ต้นน้ำ”
“เออจริง”
“น่าเศร้าจัง ผมเป็นได้แค่คนคุยเหรอเนี่ย”
“ไม่ใช่ดิ”
“แล้ว?”
“ดูหนังกันปะ”
“แล้วแต่พี่เลย”
ต้นน้ำดันตัวเองออกจากพายแล้วเดินไปเปิดหนังโดยที่พายก็ขยับตัวนอนพิงไปกับหัวเตียง มือไม้สองข้างต่อสายมั่วซั่วไปหมดเพราะในหัวมีเรื่องให้คิด ไม่ใช่ว่าไม่คิดจะขอคบแต่เขาแค่อยากหาจังหวะที่มันดีกว่านี้ อย่างน้อยให้มันมีความประทับใจที่น่าจดจำสักหน่อยเพราะระหว่างทางที่ผ่านมาดูจะขรุขระอยู่ไม่น้อย และพอต่อสายเสร็จเขาก็คิดขึ้นได้ว่า--
“ข้าวเย็นกินไหนพาย”
“บะหมี่ตรงข้ามไหมอะ หรือพี่จะไปสั่งที่ร้านเลยอะ”
“บะหมี่แล้วกันแล้วค่อยไป”
“โอเค”
ตกลงกันเสร็จสรรพพวกเขาก็พากันออกจากห้องแล้วตรงไปยังร้านบะหมี่ที่ว่านั่นโดยที่ระหว่างทางไปต้นน้ำก็คอยจับสังเกตพายอยู่ตลอดซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีที่แปลกไป พายยังคงชวนเขาพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเหมือนปกติมากจนกลายเป็นเขาเองที่ร้อนรน และจนในตอนที่รอบะหมี่มาเสิร์ฟก็เป็นต้นน้ำเองที่ต้องเอ่ยปากถามเพราะความร้อนรนของตัวเอง
"พายคือ--”
“พี่รู้ปะตอนผมไปเที่ยวทริปญี่ปุ่นกับที่บ้านมีคนเข้ามาเบอร์ผมด้วย เป็นลูกครึ่งมั้งหล่อด้วย”
“เดี๋ยวนะ แล้วพายให้ไปปะเนี่ย”
“พี่คิดว่าผมให้ไหมล่ะ เขาดูเป็นมิตรมากนะแบบเจอกันบนเครื่อง เขาบังเอิญได้นั่งข้างผม”
“พาย” ต้นน้ำเริ่มกดเสียงต่ำทั้งยังหน้าบูดอีกต่างหาก
“โอ๊ะ! บะหมี่มาพอดี รีบกินนะพี่”
พายเปลี่ยนเรื่องพูดไปเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงพิเศษตรงหน้านี้น่าสนใจเหนือสิ่งอื่นใด กลิ่นหอมของน้ำซุปทำเอาน้ำย่อยทำงาน ตัวพายไม่ได้สนใจสีหน้าโมโหของต้นน้ำเลยสักนิดนอกจากจดจ่อกับการคีบเส้นบะหมี่แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจเขากลับยิ้มเยาะให้กับปฏิกิริยาของคนตรงหน้านี้อยู่
“ไม่กินอะพี่ เดี๋ยวมันเย็นแล้วไม่อร่อยนะ”
“เออ”
“...”
“พาย”
“?”
“วันนี้พี่ขึ้นเล่นเพลงที่ร้านด้วยนะ วงของพี่รหัสคนขาด”
“เค๊ เดี๋ยวรอชม อยากได้พวงมาลัยมะเดี๋ยวผมซื้อให้”
“ตลก”
“ก็ขำสิ”
เด็กกินเก่งทำส่งตาแป๋วมาให้ทีหนึ่งก่อนจะกินต่อในขณะที่ต้นน้ำแทบกินอะไรไม่ลง อาการหึงหวงกำลังกำเริบและมันทำให้เขารู้สึกหัวร้อนมากๆแล้วยิ่งพายทำท่าทางเหมือนทุกอย่างปกติแบบนี้แล้วเขายิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม ความรู้สึกตอนนี้คือเหมือนกำลังโดนปั่นหัวซึ่งเขายอมรับว่าเขาเต็มใจ
เวลาสี่ทุ่มตรงผู้คนในร้านเหล้าเริ่มเยอะและก็เป็นเวลาเดียวกันที่พายกับต้นน้ำมาถึงร้าน พวกเขาเดินตรงไปที่โต๊ะยาวที่ถูกนำมาต่อๆกันตรงใกล้กับเวทีดูก็รู้แล้วว่าอยู่ยันร้านปิดแน่นอนแถมเสียงที่โต๊ะก็ดูจะดังพอสมควร บุญแค่ไหนแล้วที่เจ้าของร้านรู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่งในโต๊ะน่ะไม่งั้นโดนไล่ออกจากร้านไปแล้ว
“เช็กชื่อๆ เหลือใครยังไม่โผล่หัวมาบ้าง” รุ่นพี่หน้าเถื่อนพูดขึ้น
“สองสามคนมั้ง แต่ช่างหัวมัน เอ้าชนครับพี่น้อง”
เสียงแก้วชนดังตามมาพร้อมกับเสียงพูดคุย บทสนทนาก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่นอกจากเรื่องเกม บอลและเรื่องผู้หญิงหรือแม้กระทั่งผู้ชายน่ะนะส่วนเรื่องเรียนน่ะเหรอลืมไปได้เลย บนโต๊ะเหล้าใครเขาให้พูดเรื่องเครียดกัน
“พี่ครับ ใกล้ไปแล้วครับพี่อีกนิดไอ้พายนี่ได้ขึ้นไปนั่งบนตักพี่แล้วมั้ง” กันต์พูดขึ้น
“ได้ไหมล่ะ”
“ตลกมากเหรอไงพี่” พายพูดพร้อมกับเบี่ยงตัวออก "แล้วนี่จะขึ้นเล่นกี่โมง”
“อะไรคือพอกูจะคุยด้วยก็หันไปคุยกันสองคนเฉย ไม่เข้าใจนิดหน่อย” กันต์พูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“เรื่องของมึงสิ ..อีกแป๊บก็ขึ้นรอพี่เขามาตาม” ท้ายประโยคต้นน้ำหันไปพูดกับพายซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับแล้วตักข้าวผัดปูเข้าปาก กินเยอะเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่ได้กินบะหมี่มา
“โอเค”
พายไม่ได้หันไปตอบอะไรมากกว่านอกจากสนใจยำถั่วพู ข้าวผัดและแก้วเหล้าตรงหน้าที่มีค่าแค่เวลากลืนอาหารไม่ลงคอ ถ้าถามว่าใครมากินเหล้าแค่ขำๆก็ขอบอกเลยว่าเป็นตัวพายเองนั่นแหละเพราะทำตัวเหมือนอยู่ร้านข้าวทั่วไป เสียงผู้คนในร้านเริ่มดังเซ็งแซ่แต่ต่างคนก็ต่างไม่ได้สนใจกันจนกระทั่งห้าทุ่มตรงต้นน้ำก็ถูกตามตัวไปขึ้นเวที
“คิดว่าพี่จะขึ้นไปเล่นเครื่องดนตรีชิ้นไหน” ต้นน้ำหันไปถามพายพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“ถ้าผมทายถูกผมจะได้อะไร”
“ทายไม่ถูกปกติพี่ก็ให้รางวัลพายอยู่แล้วรึเปล่า”
“จะว่างั้นก็จริง”
“ทายมา”
“กีตาร์ชัวร์”
“ไม่เปลี่ยนใจแล้วนะ”
“แน่นอน”
“งั้นคอยมองพี่เอาไว้ให้ดีนะครับน้องพาย”
ต้นน้ำยกยิ้มให้นิดๆก่อนจะลุกขึ้นแต่ก่อนไปไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นยีผมของพายเบาๆ เจ้าตัวเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตรงไปทางด้านหลังของร้านในขณะที่คนถูกทำให้ผมยุ่งก็ยกมือขึ้นลูบๆจับให้ผมกลับมาเข้าทรงอย่างเดิม พายวางช้อนส้อมในมือลงก่อนจะคว้าเอาแก้วเหล้าขึ้นดื่มแบบรวดเดียวหมดแบบคนพี่
“ตกลงคบกันแล้วเหรอวะมึงกับพี่รหัสกูอะ” กันต์ถามขึ้น
“ไม่รู้สิ”
“อะไรกันวะ”
พายไหวไหล่ให้ก่อนจะหันไปสนใจกับบทสนทนาบนโต๊ะพลางรอเพื่อนคนหนึ่งชงเหล้าแก้วใหม่มาให้ซึ่งพูดคุยกันได้ไม่นานวงดนตรีก็ขึ้นมาบนเวทีวงดนตรีนี้เป็นวงของเด็กวิศวะซึ่งสมาชิกทั้งหมดเป็นเด็กปีสี่จะมีปีสามโผล่ไปหนึ่งคนเนื่องจากคนที่เล่นประจำดันขาหัก พายหันไปมองโดยที่มือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นเท้าคางตัวเองไว้ ดวงตากลมโตจดจ้องไปที่มนุษย์ตัวสูงใหญ่อย่างต้นน้ำ
เจ้าของกายโปร่งที่ยังนั่งอยู่ด้านล่างยังคงมองไปที่เจ้าของกายสูงใหญ่ในชุดธรรมดาพลางคิดไปถึงคำพูดเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พายตอบไปว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนเล่นกีตาร์ซึ่งเขารู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นคำตอบที่ผิดเพราะคำตอบที่ถูกต้องที่สุดน่ะคืออีกฝ่ายจะเล่นกลองชุดต่างหากละ
ที่จงใจผิดก็เพราะจะได้หาทางอ้อนเอาใจอีกคนได้ง่ายๆ อ้อนแบบที่ว่าต่อให้ตอบผิดอีกร้อยครั้งต้นน้ำก็ต้องยกมือยอมแพ้
และที่เขารู้คำตอบก็เพราะว่าตลอดเวลาที่นั่งอยู่กับโต๊ะต้นน้ำเอาแต่เอานิ้วชี้ข้างหนึ่งเคาะลงกับโต๊ะอยู่ตลอด มองเผินๆอาจจะดูไม่มีอะไรแต่ถ้าลองจับจังหวะดีๆแล้วมันแปลได้ว่าอีกคนกำลังฝึกซ้อมอยู่ต่างหาก ใช่ว่าพายจะสนใจแต่การกินเสียหน่อยเรื่องของต้นน้ำเขาก็สนใจไม่น้อยนะ
“ไม่ต้องตกใจกันครับว่าทำไมพวกผมมาโผล่บนนี้ได้ พวกเราแค่จะมาเล่นดนตรีฆ่าเวลาสักชั่วโมงเพื่อใครใคร่อยากฟังดนตรีสดๆ”
คนที่เป็นนักร้องนำเอ่ยขึ้นและต่อด้วยประโยคอื่นๆที่พายไม่ได้ใส่ใจจะฟังเพราะสายตาเขากลับมองไปที่ต้นน้ำ ผู้ชายคนนั้นที่กำลังยกไม้กลองควงที่มืออย่างมืออาชีพซึ่งเขาอดจะยอมรับไม่ได้ว่ามันดูโคตรเท่ และเมื่อนาทีที่อีกฝ่ายหันมาสบตาความร้อนที่สะสมในร่างกายของพายก็ตีขึ้นมาจนต้องยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกลงคอ สายตาที่มองผ่านความมืดสลัวนั่นทำเอาเขาไปไม่เป็น
“วันนี้พวกเราขอมาแหวก เพลงเศร้าไว้ฟังวันอื่นวันนี้ขอเพลงอินเลิฟๆนะครับ ห้ามบ่นกันครับเพราะกูจะร้อง”
“โห่!”
“อะเรื่องของพวกมึงเลย”
และนั่นแหละความเอาแต่ใจของคนร้องเพลงแรกที่เริ่มก็คือเพลงฉันต้องคู่กับเธอของรูม39 เมื่อเพลงเริ่มขึ้นคนทั้งร้านก็พากันอินไปกับเพลงอย่างง่ายดายแต่ถ้าพูดให้ถูกเพลงอะไรก็ตามที่เปิดในร้านเหล้าแล้วมันก็อินหมดขนาดก่อนหน้านี้เปิดเพลงเกาหลียังอินกันเลย
มหกรรมเพลงรักหวานซึ้งทยอยมาเรื่อยๆจนกระทั่งเพลงสุดท้ายของรอบที่จะต้องเล่นแถมพี่นักร้องนำยังบอกอีกว่าขอเลิกก่อนกูเจ็บคออยากนั่งเฉยๆบ้างซึ่งทันทีที่พายฟังจบก็เบ้ปากทันที วงดนตรีอะไรเอาแต่ใจมากแต่นั่นแหละมันเป็นแค่วงเล่นคั่นเฉยๆเพราะวงประจำที่มาเล่นในวันนี้ดันไม่ว่างขึ้นมาเพราะงั้นคนในร้านก็ต้องจำใจอดทนฟัง
“เพลงสุดท้ายแล้วของคืนนี้ ดีใจกันละสิที่พวกกูจะลง” พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ "เพลงสุดท้ายนี้เป็นเพลงที่มีคนรีเควสมาส่วนใครจะรีเควสให้ใครกูไม่บอกจ้า”
กวนตีน—พายคิด
“แต่ขอบอกทิ้งท้ายนิดนึงว่าร้องเพลงนี้จบมึงก็ตอบๆตกลงกันไปเถอะ เหม็นความรักพวกมึงฉิบหาย”
พายว่าพี่คนร้องต้องเรียนหนักเกินไปจนสมองกลับ พูดอะไรมาเหมือนมันรู้อยู่คนเดียวหรือจริงๆพี่มันคุยกับแม่ซื้อหรือเปล่าวะ
เสียงจังหวะดนตรีขึ้นมาเกือบทุกคนในร้านก็พอนึกออกเลยว่ามันเพลงของใคร เสียงท่วงทำนองที่แสนคุ้นเคยทำให้คนหลายคนเริ่มจะแหกปากร้องตามเช่นเดียวกับพายที่ตอนนี้แอลกอฮอลล์ก็วิ่งเล่นในเส้นไปถึงครึ่งแล้ว เขาฉีกยิ้มไปที่ด้านหน้าเวทีแต่เขาไม่ได้ยิ้มให้กับคนร้องนำแต่เป็นต้นน้ำที่กำลังมุ่งมั่นในการตีกลองอยู่และยิ่งตอนที่อีกฝ่ายสะบัดผมยิ่งทำเอาใจของพายสั่นจนเหมือนคนดื่มกาแฟเซเว่นกับเอ็มร้อยไปหลายรอบ
ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร
ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป
ในวันนั้นหันมามองเถอะ
ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้
เพลงมันคงเป็นความรักของแสตมป์ยังคงดำเนินไปจนกระทั่งถึงช่วงสุดท้าย สายตาของพายก็ยังหยุดอยู่ที่ต้นน้ำ เขามองไปที่เสี้ยวหน้านั้นบ้างแล้วก็สลับไปที่ต้นแขนที่ขึ้นกล้ามอย่างชัดเมื่ออีกฝ่ายขยับควงไม้กลอง
และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน
ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
และในจังหวะที่จบท่อนนี้ต้นน้ำก็หันหน้ามายิ้มให้กับเขาหนึ่งทีก่อนจะกลับไปตีกลองต่อ
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไร ใจฉันก็ไม่ยอม
ต่อให้ฉันหยุดหัวใจ
เธอรอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป ได้ยินไหม
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
“มันคงเป็นความรัก”
เพลงจบลงพร้อมกับที่ต้นน้ำหันมาทางพาย สายตาของเราสองคนสบกันอยู่แวบเดียวก่อนที่คนพี่จะเริ่มขยับริมฝีปาก--
“คบกันนะน้องพาย”
“ตกลง”
และในตอนนี้พายก็ได้รู้แล้วว่าพี่นักร้องนำนั้นไม่ได้พูดกับแม่ซื้อหรือเรียนหนักจนสมองกลับ
“เดี๋ยวกูมานะ” พายหันไปพูดกับเพื่อนที่โต๊ะก่อนจะกระดกแก้วเหล้า
“ไปไหนวะ”
“ห้องน้ำ”
“อ๋อ เออ”
สองเท้าภายใต้รองเท้าแตะสาวเท้าออกไปยังบริเวณหลังร้านอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ห้องน้ำที่เป็นปลายทางเพราะที่นั่นไม่ได้มีคนคนนั้นรออยู่ พายผลักบานประตูให้ปิดลงแล้วหันไปมองต้นน้ำที่ยืนพิงกำแพงโดยเหงื่อโซมกายแถมมือข้างหนึ่งก็ขยับเปิดปิดฝาซิปโป้ไปพลาง เขาอมยิ้มก่อนจะเดินไปหยุดลงตรงหน้า
“เรื่องคนบนเครื่องบินพายล้อเล่นนะ”
“หึง”
“หึงมากเปล่า”
“มาก”
ต้นน้ำยังคงเก๊กขรึมแต่ใครเล่าจะรู้ว่าตัวเขาน่ะพยายามกลั้นรอยยิ้มมากแค่ไหนยิ่งเจ้าเด็กกินเก่งอย่างพายขยับตัวเข้ามาใกล้แถมเอามือมาวางทาบที่อกแล้วด้วย เขาแทบจะสติแตกแล้วยิ่งดวงตาใสแจ๋วที่มองนั่นกำลังทำให้ถูกดึงไปในห้วงของอะไรสักอย่าง
“พาย”
“อย่าหึงเลย ผมมีพี่แค่คนเดียว” พายว่าพลางดึงเอาซิปโป้ในมือของต้นน้ำออกแล้วเก็บลงในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของอีกฝ่ายอย่างเรียบร้อย "พี่เชื่อผมไหม”
“เชื่อดีไหมล่ะ”
“เชื่อเถอะ ผมน่ะเป็นเด็กดีจะตายไป”
จบประโยคเด็กแสบที่ต้นน้ำเคยว่าก็รั้งต้นคอของเขาให้ขยับไปหาก่อนที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มของพายจะพายทาบทับลงมา เจ้าตัวค่อยๆกดย้ำสัมผัสสลับกับใช้ลิ้นของตัวเองเลียไปมารอบๆ ต้นน้ำขยับตามนิดๆเพื่อให้อีกฝ่ายชักนำแต่ลึกๆก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้เพราะตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนแมวเลียริมฝีปาก แต่นิ่งไม่ได้นานหรอกเพราะเขาน่ะมันคนใจร้อน
“...อ อื้อ”
ทันทีที่พายเผลออ้าปากเพื่อกอบโกยอากาศต้นน้ำก็รีบแทรกลิ้นร้อนของตัวเองเข้ามา เขาทั้งขยับกวาดต้อนกับลิ้นของพายตกตวงช่วงชิมความขมของแอลกอฮอลล์ผสมกับความหวานจางๆ มือสองข้างของเขายกขึ้นมาประคองใบหน้าของพายและเจ้าตัวก็ดูจะชื่นชอบ ที่เขาจับความรู้สึกนั้นได้เพราะเด็กตรงหน้ายกนิ้วขึ้นเกลี่ยไปมาที่ท้ายทอยไหนจะการเบียดตัวเข้ามาหาอีก
“เชื่อผมแล้วหรือยัง” พายถามเมื่อต้นน้ำผละริมฝีปากออก
“เชื่อแต่ขอคำยืนยันอีกครั้ง”
“แล้วแต่พี่เลยครับ”
จบประโยคริมฝีปากของพวกเขาก็ประกบกันอีกครั้งราวกับขั้วแม่เหล็ก ความรู้สึกมากมายถูกส่งผ่านไปในรสจูบ—ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก
“ผมรักพี่”
“พี่ก็รักเรา เด็กแสบ”
-------------------------------------------------------------------------------
ไม่อยากบอกแต่ก็ต้องบอกว่าพาน้องพายกับพี่ต้นน้ำเดินทางมาถึงตอนจบแล้ว
อาจจะดูเหมือนแบบอ้าย เห้ย!จบแล้วหรือสั้นไปบ้างก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ;-;
ก่อนอื่นเลยเราอยากขอบคุณคนอ่านทุกๆคนนะคะ ขอบคุณจากใจเลยนะคะ /ไหว้ย่อ
และท้ายนี้อยากบอกว่ายังเหลือบทส่งท้ายอีกนิดหน่อยนะคะ55555555555555
อยากฝากน้องพายและพี่ต้นไว้ในใจด้วยนะคะ พื้นที่เล็กๆก็ยังดี อึยยยย #ต้นน้ำพาย
-
โง้ยยยยยยยย เรื่องนี้ดีต่อใจมากๆ หลงน้องพายมากๆ คนอะไรทำไมน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ ;___;
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่านนะคะ♡
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
น้องพายน่ารักมากๆๆๆๆ ขอบคุณที่เขียนเรืืองน่ารักๆแบบนี้มาให้เราได้อ่านกันนะคะ
-
อยากบีบนังน้อง เกิดมาเพื่อปั่นหัวพี่ต้นน้ำอ55555555555555555
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เนื้อเรื่องน่ารัก ถูกใจสายชิมแบบน้องพาย จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
น้องพายยยยย ร้ายนะเรา
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ นะคะ
-
:pig4:
-
ขอบคุณมากค่ะ
น้องพายจอมร้ายและจอมกิน :hao7:
-
ดีนะต้นน้ำยังให้ยืม เป็นคนอื่นละไม่แน่อาจไม่ให้ยืมแถมด่า
ให้อีก พายเอ้ย เด๋ออย่างที่ต้นน้ำว่าจริงๆ
-
หืม หืม หืมมม เคยเจอกันมาก่อนหรอแต่พายดันจำไม่ได้ :confuse:
-
แหมะ มันก็น่าสนนะคะ กินมื้อละกี่บาทก็ได้อะ
เราถือคติการกินคือที่หนึ่งเรื่องอื่นช่างมันเนอะพาย
ตกลงไปก่อน ค่อยมาคิดเรื่องอื่นทีหลัง จะว่าไปอ่านเรื่องนี้
ตอนนี้ก็ชักจะหิวๆ ตามแล้วสิ เหลือบมองนาฬิกา :เฮ้อ: ท้องก็ร้อง 55
-
เดี๋ยวนะพายนะ เดี๋ยวววว :a5: เหิกก
-
น้องงงงงงงงง :m25:
-
กำลังจะบอกว่าลาภปากเลยพายเอ้ย แต่แบบนี้มันก็นะ
เพลาๆ บ้างก็ได้ รู้ว่าตัวเองกินไม่ได้ยังจะกินอีก มันน่าตีตูดจริงๆ
-
เดี๋ยวนะพาย ถึงขั้นละเมอลุกมากินซีเรียลเหรอ วร๊อยยย :laugh:
-
แง้ จบแล้วอ่ะ สนุกมากค่ะ ระแวงม่าจากพี่เกนตลอดเลย 555
และก็อ่านไปท้องร้องไป โอ่ย หิวเด้อ ทรมานอะ
ป.ล. มันมีคำผิดอยู่คำหนึ่งที่เจอบ่อย ขอโทษด้วยค่ะที่ไม่ได้ทัก
ในตอนนั้นๆ แต่เจอในหลายตอน คือ เผื่อค่ะ แต่ผู้แต่งพิมพ์ว่าเพื่อ
ตลอดเลยค่ะ แง้ ต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ทักตั้งแต่เจอ
-
:3123: :3123:
-
แง้ จบแล้วอ่ะ สนุกมากค่ะ ระแวงม่าจากพี่เกนตลอดเลย 555
และก็อ่านไปท้องร้องไป โอ่ย หิวเด้อ ทรมานอะ
ป.ล. มันมีคำผิดอยู่คำหนึ่งที่เจอบ่อย ขอโทษด้วยค่ะที่ไม่ได้ทัก
ในตอนนั้นๆ แต่เจอในหลายตอน คือ เผื่อค่ะ แต่ผู้แต่งพิมพ์ว่าเพื่อ
ตลอดเลยค่ะ แง้ ต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ทักตั้งแต่เจอ
ต้องขออภัยด้วยนะคะ เราจะนำไปปรับปรุงพอดีเราก็เบลอๆกับการใช้คำสองคำนี้เหมือนกัน ^^" แล้วก็ต้องขอบคุณนะคะที่ชื่นชอบนิยายของเรา :D
-
แป๊บๆ เดียวจบแล้ว ;-; พี่ต้นยังไม่ได้กินพายเลย น้องพายให้รางวัลคนขี้หึงด้วยนะคะ
-
เหตุเกิดจากความหิว
บทส่งท้าย
พี่ต้นน้ำคนดีของพาย
กาลเวลาหมุนเวียนไปจนพายเรียนจบการศึกษาแล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ การรับปริญญาถือเป็นวันยืนยันว่าพายนั้นมีชีวิตรอดแม้จะรู้สึกอิดออดว่าต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าหอประชุมแต่ไม่เป็นไรถือเป็นประสบการณ์เท่ๆ กำหนดการคือซ้อมย่อยหนึ่งวันซ้อมใหญ่หนึ่งวันและวันรับจริงซึ่งคณะของพายดันได้รับรอบเช้า(มาก)
ค่าใช้จ่ายในการรับปริญญานั้นค่อนข้างเยอะถ้าให้เทียบคือพายสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปกินชาบูได้หลายมื้อแต่ไม่เสียดายหรอกเพราะป๊าเป็นคนออกให้หมดเลย พายตื่นลืมตาขึ้นมาในตอนตีสามครึ่งเพื่ออาบน้ำแต่งตัวส่วนหน้าผมนั้นพี่สาวคนดีของพายเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดซึ่งมั่นใจได้ว่าหน้าจะไม่หนาเท่าโบกปูนแน่นอน
“พาย ลืมตาหน่อย” พี่แพรวพูดขึ้น
“ลืมตางี้ยายร้องไห้แงๆแน่เลย”
“ตลก”
“ขำสิ อิอิ”
“พาย” แพรวกดเสียงต่ำลง
“โอเคๆ”
ว่าที่บัณฑิตป้ายแดงทำตามช่างผมช่างหน้าส่วนตัวอย่างดี แพรวเช็กความเรียบร้อยอีกนิดก่อนจะปล่อยให้น้องชายตัวเองออกเดินทางไปมหาลัยแต่ตัวเองขอตัวลาไปนอนหลับสักตื่นแล้วจะออกไปหา โชคดีสัญญาการเช่าหอพักข้างมหาวิทยาลัยนั้นหมดหลังวันรับเสร็จแบบพอดี
“แล้วให้พายไปไง ป๊ากับม๊ามาหลังพายรับเสร็จอะ”
“แฟนเธอไง มาถึงแล้วมั้ง”
“พี่ต้นจะมาได้ไงเมื่อวานพี่เขาไปไซต์งานไม่ใช่เหรอ”
“ฉันจะรู้ไหมล่ะ”
แต่พอจบคำพูดของเสียงเคาะห้องเป็นจังหวะก็ดังขึ้นมา จังหวะคุ้นเคยจังหวะกวนประสาทน่ะนะ พายเดินไปเปิดประตูห้องก็เจอกับต้นน้ำในสภาพเหมือนคนเพิ่งลุกออกมาจากเตียง ตาคมดูเบลอๆกับทรงผมอันเดอร์คัทที่ยุ่งเหยิงเหมือนคนไม่ได้หวีมาชาติหนึ่งแถมชุดที่ใส่คือเสื้อยืดสีดำกับกางเกงกีฬาขาสั้นพร้อมรองเท้าแตะ ถ้าให้พูดรอบกายเขานี้ไม่ได้มีใครพร้อมไปกับเขาเลย
“ไหนบอกเมื่อวานอยู่ไซต์งานไง”
“เซอร์ไพรส์ ไม่ดีเหรอน้องพาย”
“ก็ดีแล้วนี่พี่จะไปม.ด้วยสภาพนี้เหรอ”
“เออ ไปส่งพายก่อนเดี๋ยวแวะกลับมานอนที่นี้แล้วจะไปหาอีกรอบ”
“นอนนี้?”
“ครับ พอดีเจ้าของหอบอกเหลือห้องอยู่เลยเช่าอยู่วันหนึ่ง”
พายพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามรั้งผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ตอนนี้ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิมถึงจะอยู่ในสภาพคนเพิ่งตื่นก็เถอะ
รถยนต์สัญชาติยุโรปสีดำสนิทของต้นน้ำค่อยๆเคลื่อนไปจอดลงที่ด้านหลังมหาลัยซึ่งทางเข้าตรงกับหอประชุมใหญ่พอดิบพอดี ตรงบริเวณมีรถมาจอดเรียงอยู่ไม่น้อยและส่วนใหญ่ก็พาบัณฑิตป้ายแดงมาส่งกันทั้งนั้นโดยที่ตรงทางเท้าก็มีร้านขายของมาตั้งอยู่จำนวนหนึ่ง ต้นน้ำเปิดสัญญาณไฟกะพริบ
“ออกจากหอประชุมแล้วมาเจอตรงที่หน้าตึกแดงนะพาย”
“โอเค”
“แล้วหันหลังมาหน่อย”
พายทำตามที่อีกฝ่ายบอกก่อนจะสัมผัสได้ว่าที่ฮู้ดของชุดครุยตัวเองนั้นมันขยับ เขาเอี้ยวตัวมามองก็พบกับแท่งช็อกโกแลตสองสามอันในมือของต้นน้ำซึ่งไอ้เจ้าขนมพวกนี้กำลังจะถูกกลืนหายไปในช่องลับในฮู้ดของชุด
“เดี๋ยวหิวแล้วอาละวาด”
“นิสัย”
“ไปได้แล้ว เขารวมแถวแล้วมั้งน่ะ”
“แล้วพายจะไม่โดนว่าใช่ปะ”
“พี่รู้ว่าพายสามารถทำตัวให้ไม่ถูกว่าได้” ต้นน้ำยกมือขึ้นวางทาบที่แก้มนุ่ม "สำหรับของกินพายเก่งเสมอ”
“จริง งั้นผมไปละ เจอกันนะพี่”
“ครับ”
ต้นน้ำมองพายเดินลงจากรถจนกระทั่งร่างสูงโปร่งในชุดครุยสีดำแทบแดงเลือดหมูเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยจนลับสายตาเขาถึงตัดสินขยับรถออกจากที่จอดอยู่เพื่อวนกลับไปที่หอพักเก่าที่คุ้นเคย ความรู้สึกที่ได้ส่งพายในเช้านี้เหมือนพ่อลูกมากกว่าแฟนกันเสียอีกแต่คิดอีกทีพายบางทีก็ทำตัวเหมือนลูกจริงๆ
11.30น.
เป็นเวลาที่บัณฑิตในรอบเช้าทยอยออกจากหอประชุมกันแล้ว ช่วงเวลาเท่ๆที่พายคิดนั้นจบลงอย่างรวดเร็ว พูดก็พูดเขารู้สึกรนอยู่ไม่น้อยตอนก้าวเข้าไปรับพระราชทานปริญญาบัตรน่ะแถมชื่อเขาก็อยู่ลำดับต้นๆเพราะเป็นชื่อปิดท้ายของคนที่ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งน่ะนะ
“พวกมึงนัดที่บ้านแถวไหน กูไปแถวหน้าคณะอินเตอร์วะ” แมนพูดขึ้น
“ของกูนัดไว้ที่คณะ” กันต์ตอบขึ้น
“เหมือนกัน”
“เอองั้นไว้ค่อยเจอกันแถวคณะถ่ายรูป”
“เออ/จ้า” กันต์พูดก่อนจะเป็นพายพูดด้วยเสียงสดใส
พวกเขาพากันเดินแยกไปตามทางเดินที่ตอนนี้มีคนพลุกพล่าน พายมองโน้นมองนี้เพลินตาโดยที่มีกันต์คอยจับแขนเอาไว้เพื่อเจ้าตัวสะดุดล้มหน้าคะมำซึ่งระหว่างทางเดินไปพายก็พูดโน้นพูดนี่และทุกประโยคจะลงท้ายว่าหิว คำพูดติดปากตั้งแต่รู้จักยันปัจจุบันคำนี้ก็ไม่สามารถหลุดไปไหนได้เลย
“กูไปหาที่บ้านตรงตึกขาวนะ เดินดีๆเข้าใจไหมน้องพาย”
“เออ รู้แล้วบ่นเป็นพี่ต้นไปได้”
“แล้วรบกวนบอกแฟนมึงด้วยว่ามาถ่ายรูปกับน้องรหัสคนนี้ด้วยไม่ใช่ถ่ายแต่กับแฟน หมั่นไส้”
“บ่นๆ กูไปดีไป แต่หิวฉิบหายเลย ไส้ขาดเป็นสิบท่อนแล้วเนี้ย”
เจ้าของกลีบปากนุ่มนิ่มบ่นไปเรื่อยก่อนจะรีบสาวเท้ามองหาคนที่บ้านและพี่ต้นน้ำ ณ เวลานี้พายเดินตามหาคนตามสัญชาตญาณตัวเองล้วนๆเพราะบัณฑิตเขาไม่ให้พกมือถือเข้าไปในหอประชุม ดวงตากลมโตเบิกกว้างกว่าเก่านิดๆเพื่อสแกนหาบุคคลที่เป็นเป้าหมาย
“หิวจนอยากจะล้มตัวลงนอนตรงนี้จังเลย”
พายบ่นแต่สองเท้าภายใต้รองเท้าหนังสีดำเงาก็เดินเอื่อยๆไปจนเจอคนที่บ้านที่กำลังนั่งรออยู่ พายยกยิ้มดีใจที่วันนี้ม๊าไม่ทำผมทรงตีโป่งเหมือนพวกคุณหญิงคุณนาย พูดก็พูดนะเขาว่าทรงผมแบบนั้นมันตลกแต่เขาไม่ได้เหยียดนะมันแค่รสนิยมส่วนตัว
“น้องพาย” ม๊าพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอด "เก่งที่สุดเลยครับ”
“พายหิวแล้วอะม๊า”
“เจ้าเด็กคนนี้นิ มาๆถ่ายรูปกันก่อนแล้วค่อยมากินข้าว”
“เย้ มาๆถ่่ายเลยเอาแบบรัวๆเลยนะ พายจะได้ไปกินไวๆ”
“ม๊าว่าตอนม๊าท้องพายม๊าก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองอดมื้อกินมื้อนะ”
“สงสัยคลอดมาแล้วกระเพาะมันขยายมั้งม๊า” พี่แพรวพูดขึ้นแทรก
“เหอะ งอน”
การพูดคุยพาเรียกเสียงหัวเราะจากคนในครอบครัวเป็นอย่างดีรวมถึงต้นน้ำที่วันนี้พาคนที่บ้านมาร่วมยินดีด้วย ความสนิทสนมระหว่างครอบครัวพายกับต้นน้ำน่ะเพิ่มขึ้นทุกวันเพราะพวกผู้ใหญ่น่ะพูดกันถูกคอแถมเด็กทั้งคู่ก็รักใคร่กันดีก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปแยกพวกเขาออกจากกัน โชคดีที่ครอบครัวทั้งคู่ถือคติคล้ายๆกันอย่างลูกเลี้ยงได้แต่ตัวแต่หัวใจเขาเราเลี้ยงไม่ได้ อะไรที่เป็นความสุขแล้วไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมเห็นด้วย ประโยคต้นอาจฟังดูเหมือนไม่ใส่ใจแต่มองอีกมุมมันก็คือความจริง
พวกเขาถ่ายรูปกันอยู่สักพักต่างครอบครัวก็พากันทยอยกลับไปที่บ้านของต้นน้ำซึ่งก็คือห้างใหญ่ใจกลางเมืองนั่นแหละพวกเราตกลงกันว่าจะกินเลี้ยงฉลองที่นั่นซึ่งคุณแม่พี่ต้นน้ำก็เต็มใจเลือกเมนูอาหารเอาไว้ให้ พายได้รับช่อดอกไม้มาเต็มอ้อมกอดและนั่นทำให้เขายกยิ้มเต็มแก้ม
“ไปนั่งกินในห้องสโมฯไหมหรือจะกินตรงม้านั่งข้างนอกนี่” ต้นน้ำถามพร้อมกับยกทิชชู่ขึ้นซับเหงื่อให้
“อยากนั่งที่ห้องสโมฯนะแอร์เย็นแต่เดินต่อไปไม่ไหวแล้วนั่งนี่แหละ”
แล้วกล่องข้าวที่ทำโดยม๊าของพายก็ถูกเปิดอย่างรวดเร็วโดยที่ในกล่องขนาดกลางมีกับข้าวราดอยู่สามอย่างผัดผักบุ้ง หมูทอดกระเทียมและแกงจืดหมูสามชั้น สามสิ่งนี้พายขอเรียกว่าสุดยอดแห่งความอร่อย ส่วนอีกกล่องของต้นน้ำก็คล้ายๆกัน
“โอ๊ะ! อันนี้มีเผื่อพี่ช่างกล้องด้วย พี่มาทานด้วยกันนะครับ” พายหยิบกล่องโฟมอีกอันยื่นให้ช่างภาพที่เขาจ้างมาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ต้นน้ำจ้างเมื่อปีที่แล้ว
“ขอบคุณครับน้อง”
ช่างภาพหน้าตาติสๆเป็นคนรู้จักของญาติของพี่ต้นน้ำเลยได้ราคาพิเศษมานิดเดียวแต่ถึงอย่างนั้นพายก็เต็มใจจะจ่ายในราคาว่าจ้างปกติมากกว่าใช้ราคาพิเศษ เกรงใจน่ะแถมต้องมาเดินตามเขาทั้งแดดร้อนอบอ้าวอีก
พวกเขาใช้เวลากินข้าวกันอยู่สักพักใหญ่ถึงจะพากันไปถ่ายรูปต่อ ถ่ายให้คุ้มกับค่าจ้าง พายเดินไปพบปะเพื่อนสมัยมัธยมปลาย เพื่อนคณะอื่น และสายรหัสตัวเองส่วนต้นน้ำก็อยู่กับเขาสักพักก่อนจะไปหาสายรหัสของตัวเองแล้ววนกลับมาหาเขาเพื่อมาช่วยถือของและยกพัดลมพกพาจ่อหน้า
“ยินดีด้วยนะมึง อีกสองปีมางานรับฯกูด้วยนะ” เพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมคนหนึ่งพูดขึ้น
“เออไม่ลืมๆ แต่ถ้าให้ชัวร์รบกวนเตือนกวนอีกที ฮ่าๆ”
“กูคงต้องทำแบบนั้นอะ ไม่งั้นมึงลืมแน่พาย”
“ว่าแต่นั่นใครวะ” เพื่อนอีกคนถามขึ้นโดยที่นิ้วก็ชี้ไปที่ต้นน้ำที่ยืนอยู่ไม่ไกล "กูเห็นเขาตามเฝ้ามึงไม่ห่าง”
“คนนั้นน่ะนะ ทาสกูเอง”
“ทาส?”
“ฮึ คนรักกูเอง”
“ไม่ธรรมดาเว้ย”
แล้วเพื่อนที่ยืนรุมล้อมก็เริ่มโห่แซวแบบที่ไม่ได้เกรงใจใครเลยและนั่นส่งผลให้พายเริ่มหน้าแดงหูแดงอย่างควบคุมไม่ได้ จากที่หน้าแดงเพราะอากาศร้อนอยู่แล้วนี่ก็แดงขึ้นเพราะอาการเขินแต่ท่ามกลางการถูกแซวช่างภาพก็กดรัวชัตเตอร์ไปด้วย
กว่าจะถ่ายรูปอะไรเสร็จก็ห้าโมงเย็นพอดีและที่ได้กลับช้าเพราะทวดรหัสของสายรหัสพายนั้นมาถึงช้า พายได้รับของขวัญประหลาดมาก็ไม่น้อยและที่น่าตลกสุดคือของจากน้องรหัสซึ่งก็คือโมเดลอาหารเหมือนจริงในเซตใหญ่ เจ้าตัวรีบโม้ว่าไปตามหาที่ญี่ปุ่นมาเพื่อเขา แทบจะก้มกราบน้องดีใจที่น้องจำได้ว่าพี่รหัสคนนี้ชอบของกินมากแค่ไหน
แต่มันกินไม่ได้!
“อีกหนึ่งอาทิตย์พี่จะส่งรูปให้นะแล้วก็พรุ่งนี้พี่จะส่งรูปสองสามรูปไปให้”
“ได้เลยครับ”
“อยากถ่ายตรงมุมไหนอีกไหม”
“ไม่แล้วดีกว่า ขอบคุณนะครับพี่สำหรับวันนี้”
“ครับผม”
ทั้งพายและต้นน้ำเอ่ยลากับช่างภาพหนุ่มโดยที่พวกเขาก็เดินแยกไปอีกทาง ต้นน้ำบอกกับพายว่าต้องไปหารถแท็กซี่ข้างนอกขึ้นเพื่อกลับหอพักเพราะไม่ได้เอารถเข้ามาจอดแถวๆมหาลัย ต้นน้ำเดินจับมือพายไว้ส่วนมืออีกข้างก็ถือถุงใส่ช่อดอกไม้ถุงใหญ่ไว้
พายอมยิ้มให้กับการกระทำเล็กๆแบบนี้ เขายกมือถือในมือขึ้นมากดถ่ายวิดีโอลงสตอรี่ในอินสตราแกรมของตนเอง—ภาพของมือที่ประสานกันของเราสองคนกับใบหน้าด้านข้างของต้นน้ำที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน
'พี่ต้นน้ำคนดีของพาย♥'
“พี่ต้นน้ำครับ”
“ครับ?”
“ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างนะครับ ขอบคุณที่พี่ยังอยู่ตรงนี้กับพายแล้วก็...”
พายเขย่งตัวเองขึ้นมานิดๆก่อนจะโน้มหน้าไปหาเพื่อกระซิบคำบางคำ
“ผมรักพี่มากกว่าชาบูทุกร้านที่มีอยู่บนโลกใบนี้”
ที่ทำให้ต้นน้ำใจเต้นแรงเพราะโดนเด็กอย่างพายทำปั่นป่วน
“เด็กเด๋อของพี่”
----------------------------------------------------------------------
ส่งท้ายกันแล้วสำหรับพี่ต้นน้ำและน้องพาย
อยากบอกว่าขอบคุณคนอ่านทุกๆคนจากใจนะคะ ขอบคุณมากๆที่ชื่นชอบเรื่องนี้ /ไหว้ย่อ
ท้ายนี้ขอให้ร้านชาบูสถิตย์ในใจเราทุกคน เย้!
#ต้นน้ำพาย
-
อ่านทุกตอนด้วยความสุขน้า ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆของพี่ต้นและน้องพายนะคะ :katai2-1:
-
ดีใจที่น้องพายรักพี่ต้นมากกว่าชาบูอ่ะ :hao7:
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ สนุกมากเลยยย :katai2-1: :katai2-1:
-
พี่ต้นน้ำชนะของกินน้องพายแล้ว อิอิ
น่ารักที่สุดดดดด ขอบคุณจ้า
-
จบแล้ววววว คิดถึงน้องพายแย่เลย :mew1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
รักมากกว่าชาบูทุกร้าน
แสดงว่ารักมากกกกกกกกกก จริง ๆ
-
โอยๆๆๆๆ น่ารักๆๆๆๆๆฟ
-
น้องพายทำไมน่าเอ็นดูขนาดนี้คะ น่าเอากลับบ้าน
-
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ ขอบคุณคนแต่งน้าาา o13
-
ได้กันกี่รอบแล้วอะ เพิ่งขอเป็นแฟน แต่ก็ฟิน :laugh:
-
อยากได้แบบน้องพายมาเลี้ยงที่บ้านสักคน :laugh:
และกว่าจะอ่านเรื่องนี้จบก็หิวแล้วหิวอีก
ว่าละก็ต้องไปหาเครปมากินก่อน
:hao7:
-
น่ารักทั้งน้องพายและพี่ต้นน้ำ
:กอด1: :กอด1:
-
น้องพายกระเพาะหลุมดำ 55 เอ็นดูวววว :กอด1:
สนุกค่ะ :pig4: :pig4:
-
น้องพายสายแดก พี่ต้นสายเปย์ 555555
-
ห้ะ เห้ย จบแล้ว?
คือสนุกมากอ่ะ ตอนพิเศษๆ
-
โอ้โห รักกว่าชาบู มันเป็นความรักที่โคตรยิ่งใหญ่เลยนะ ขอบคุณที่เขียนให้อ่านค่า :mew1:
-
ดีงามมากกกกกค่าาาา :L1:
-
รักกว่าของกิน!!
ในที่สุดพี่ต้นน้ำก็ชนะของกินนน!!!!
-
สนุกดีค่ะ น่ารักดี: :hao3:
เอ็นดูทั้งพี่ทั้งน้องเลยอ่ะ 55555
-
:pig4: ขอบคุณค่ะ สนุกมาก น้องเป็นคนสนุกการกินมาก ยอมใจเลยจ้า อิพี่ก็ตามใจ o13
-
น่ารักมากครับ
-
น้อลลลลลลทำไมน่ารักแบบนี้ไม่แปลกที่คนพี่จะเปย์จะหมดตัว555
-
จบแล้วววว
ชอบคำส่งท้าย รักกว่าชาบู แสดงว่าต้องรักมากจริง
พี่ต้นน้ำคือผู้ชายในฝันแล้ว เปย์เก่ง น้องพายก็กินเก่งเกินน
เป็นนิยายที่อ่านไปยิ้มไป หิวด้วยอีกอย่าง5555
ขอบคุณนักเขียนที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ
:impress2: :katai2-1:
-
น่ารัก ขอบคุณค่ะ
-
เนื่อเรื่องเรื่อยๆกะคนกินจุ ฮ่าา น่ารักนะน้องพาย
เล่นเอาพี่ต้นน้ำไปไหนไม่รอด เรื่องนี้ไม่ดราม่านะจ๊ะ
-
:katai2-1: o13 :o8: :-[ มันดีมาก มันฟินมาก ชอบบบบบบ ชอบน้องงงงงงงง ชอบนายเอกแบบนี้!!! อยากได้ตอนพิเศษ!!! :z3: :z3: :z3: :z3:
-
อ่านแล้วจะหิวไปด้วยแล้วเนี่ย 555555 พายผู้กระเพาะเท่าวาฬสีน้ำเงิน
-
พี่สายหื่นน้องสายอ้อย :m1: :m1: :m1:
ตอบจนพี่ต้นก็ชนะความหิวได้แล้ว o13
-
น้องพายน่ารักที่สุดเลย สนุกมากกกก ขอบคุณสำหรับนิยายค่า :mew1:
-
ชอบเนื้อเรื่อง ชอบการบรรยาย ชอบตัวละครแบบนี้ ละมุนนไม่เบื่อเลย จะรอผลงานใหม่นะคะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
น้องพายน่ารักมากกกกกกก
-
น้องเด๋อน่ารักมากกกกก สุดท้ายพี่ต้นก็สำคัญกว่าชาบูแล้ว ดีใจด้วยนะคะ
-
มาเรื่อยๆเรียงๆ แต่สนุกดีค่าาาา ชอบนายเอกแนวๆนี้ น่าบีบบบบ
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
:L2: :3123:
-
น่ารักมากเลย
น้องพายเอาอาหารไปเก็บไว้ไหนลูก
ถ่ายพยาธิบ้างนะ
5555555555555
-
ยอมความสายแดกของน้อง 55555 :m20:
-
โอ๊ยยยย อยากจะเหม่อาหารทุกร้านมาหลอกล่อน้องพายมาเป็นของตัวเองบ้างจัง แต่มาแพ้พี่ต้นนเำตรงปนะโยคสุดท้ายของน้องนี่ล่ะ ว่ารักพี่เค้ากว่าชาบูทุกร้านเนี่ยยย ขออิจฉาได้มั้ยคะพีาต้นนนนนนน
-
น่ารักมากกก ชอบนะคะ ขอบคุณนขมากเลยยย :katai2-1:
-
น่ารักมากเลยยยยย
ชอบความรักของทั้งสองนี้มากๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ
-
แงงงงงงง น่ารักอ่าา ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ ฟินจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วว5555
-
จบแล้ววว สนุกมากกๆๆๆๆๆ 5555 ขอแบบพี่ต้นน้ำสักคนเถอะนะ
:mew1: :haun4:
-
น้องพายคือดีงาม ร่าเริง สดใสสุดๆ เอ็นดูในความรักการกิน น่ารักมาก แบบนี้ใครก็ต้องหลงน้องแน่ๆ พี่ต้นน้ำก็ดีชัดเจนดี ดีไปทุกสิ่งอย่าง ขอบคุณสำหรับนิยายจ้าาาาาาาาา :mew1: :mew1: :mew1:
-
สนุกดีค่ะ น้องพายนี่หิวตลอดเวลาจริงๆ 555
อ่านแล้วก็ชักจะหิวเหมือนกันเลย 555
-
น้องพายยยย เจ้าก้อนน่าบีบบบบบบบบ
แงงงน่ารักกันมากก
แอบเหม็นความรัก :hao7:
-
น้องพายมีความหิวตลอดเวลาจริง ๆ นะครับเนี่ย ดีหน่อยที่พี่ต้นน้ำสามารถซัพพอร์ตได้ทั้งหมด ฮ่าาาาา
-
o13
-
ถึงพายจะร้ายนัก แต่ก็น่ารักนะ :mew1:
-
น้องพายน่ารัก นี่ถ้าพี่ต้นน้ำไม่รวยนี่แย่เลย กินดุมาก :pigha2:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :mew1:
-
ขอบคุณครับ
-
นายเอกเกิดมาเพื่อกิน กิน กิน และก็กินแท้ ๆ o13 o13
-
เอ็นดูหนูพายมากกกกก เจ้าเด็กเด๋อเอ้ย ดีใจกับพี่ต้นน้ำที่สุดท้ายน้องบอกว่ารักพี่มากกว่าของกิน 55555 ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
-
:hao3:
-
น้องพายน่ารักก พี่ต้นน้ำก็งานดีย์
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
-
:pig4:
-
:pig4: :pig4:
-
:hao6: :hao6: อ่านไปหิวไป โอ๊ย หิวๆๆๆ กินไรดี ม่าม่า ก่อนนอนดีกว่าเรา สนุกมากเลย อ่านรวดเดียวจบ คืออ่านแล้ว อยากอ่านเรื่อยๆๆ ขอบคุณคนเขียนค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
-
:กอด1:
-
:pig4: