พิมพ์หน้านี้ - ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Chomin ที่ 20-11-2019 21:21:20

หัวข้อ: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 20-11-2019 21:21:20
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

ความลับของช่างตัดเสื้อ
-chomin-

Status : BDSM / Feel good

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็น BDSM ที่อยู่ภายใต้หลัก 3 ประการ
คือ ความปลอดภัย สติ และความยินยอม

นิยายเรื่องนี้เขียนอ้างอิงจากเพจ Thailand BDSM : Let's Play and Learn นะคะ
ต้องขอขอบคุณสำหรับข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

--------------------------------------------------------

สิ้นคำถามในเชิงขอความคิดเห็นจากสาวสวยประดุจจูเลียตแห่งประเทศไทย
เจ้าของห้องหมายเลข 005 ก็ได้แต่งุนงง
ทว่าสุดท้ายก็ตอบกลับไปด้วยความสัตย์จริงว่า 'สวยครับ'
แต่ใครจะไปคิดว่าสาวสวยคนนั้นจะหน้าตาคล้ายคลึงกับชายหนุ่ม
ซึ่งมีสถานะเป็น 'ซับ' ที่ 'ดอม' อย่างเขาหมายตา

ร่วมติด Hashtag : #ความลับของช่างตัดเสื้อ ในทวิตได้นะคะ

--------------------------------------------------------

♥ ผลงานอื่นๆ ♥

(เรื่องยาว) Fall in you (End)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62956.0)
(เรื่องยาว) Again and again (End) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67182.0)
(เรื่องยาว) ในป่าสน (End) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65693.0)
(เรื่องยาว) มหาบุรุษแห่งครีตัน (End) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69870.0)
(เรื่องสั้น) บันทึกรักนักเดินทาง (End) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65492.0)
(เรื่องสั้น) Cloud9 Diary (End)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68572.0)
หัวข้อ: Re: ✁ความลับของช่างตัดเสื้อ✁ บทนำ+ตอน 1 (update 11/20/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 20-11-2019 21:24:23
บทนำ

ราตรีเงียบสงัดมีเพียงแสงจันทร์เล็ดลอดผ่านทอดตัวลงมายังชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางอย่างคนสุขภาพดี เขาจึงเดินไปยังตู้เสื้อผ้าสีขาวสไตล์วินเทจ พร้อมใช้ฝ่ามือละเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายอยู่ในนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ไม้แขวนเสื้ออันหนึ่งเป็นเวลาเนิ่นนาน จากนั้นฝ่ามือข้างดังกล่าวก็ทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่เพียงไม่นานเดรสชุดนั้นก็ถูกเลือกสรร

สองเท้าก้าวเดินอย่างเชื่องช้า พร้อมหยุดการเคลื่อนไหวตรงหน้ากระจกบานใหญ่ ชายหนุ่มนำชุดดังกล่าวทาบลำตัว ขณะที่ดวงตาจ้องมองคนในกระจกเงานิ่งงัน จากนั้นจึงทรุดกายลงนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ‘วิกผม’ ใหม่เอี่ยมสำหรับหุ่นโชว์ประจำห้องเสื้อ ‘อิสระ’ ถูกสวมทับบนศีรษะมนสวย ขลับให้ใบหน้าของชายหนุ่ม ราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้มก็ไม่ปาน

กระทั่งชุดนอนถูกแทนที่ด้วย ‘เดรสลูกไม้’ ประเภท ‘EYELET LACE’ ซึ่งใช้เทคนิคฉลุลายลงบนเนื้อผ้าคอตตอนสีขาวแบบเปิดไหล่ ประดับด้วยระบายขนาดไม่ใหญ่นักจากผ้าลูกไม้ชนิดเดียวกัน และเมื่อชายหนุ่มในคราบหญิงสาวกลับมายืนตรงหน้าบานกระจกอีกครั้ง ทำให้เริ่มมองเห็นความเบาสบายของเดรสยาวกรุยกรายที่มีความพลิ้วไหวไปตามการหมุนตัว

ทว่าเมื่อการเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง

เงาสะท้อนของสาวสวยตรงหน้า ประดุจ ‘จูเลียต’ ในบทประพันธ์ชื่อดังส่วน ‘เดรส’ อันงดงามก็ไม่ต่างกับ ‘โรมิโอ’ คนรักของเธอ

ชายหนุ่มในคราบสาวสวยก้าวเดินไปยังประตูห้องพร้อมแทรกกายออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินอย่างไม่รู้ทิศทาง จนกระทั่งยืนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าประตูห้อง 005 ฝ่ามือซุกซนเคาะลงบนเนื้อไม้อย่างแผ่วเบา

ทว่ากลับไร้การตอบรับ

‘บีม’ จึงยกข้อมือเคาะประตูอีกครั้ง โดยเพิ่มแรงอีกหน่อย จากนั้นไม่นานประตูบานดังกล่าวก็ถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งยังรูปร่างดี

“มาหาใครครับ ผมไม่ได้นัดใครไว้ คุณน่าจะมาผิดห้องแล้วล่ะ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่กระนั้นผู้มารบกวนยามวิกาลกลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ

“คุณครับ..” ชายหนุ่มเจ้าของห้องกล่าว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของฝ่ายตรงข้ามว่า “สวยไหม ?”

“ครับ ?” เจ้าของห้องหมายเลข 005 ย้อนถามอย่างไม่เชื่อหู พร้อมทำหน้างุนงงอย่างเปิดเผย

“ชุดน่ะ.. สวยหรือเปล่า?” จูเลียตประจำประเทศไทยเอ่ยถาม พลางใช้ดวงตากลมใสจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคาดหวังในคำตอบ

“สวยครับ เหมาะกับคุณมาก” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจตอบด้วยความสุภาพ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความงุนงงก็ตาม

ขณะที่ผู้ถามกลับแย้มยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมดวงตาที่ค่อย ๆ เปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับดวงดาราบนท้องนภา ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงห้วงเวลาหนึ่งของความฝัน



กระทั่งยามเช้ามาเยือน เครื่องเรือนภายในห้องสี่เหลี่ยมจึงถูกอาบไล้ด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ซ้ำยังเล็ดลอดผ่านมายังเตียงนอน ชายหนุ่มที่กำลังหลับใหลจึงตื่นจากความฝัน และนั่งตกใจอยู่บนเตียงหลังกว้าง เมื่อกระจกตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งปรากฏภาพของ ‘จูเลียต’ คนงาม เขาจึงดึกวิกผมพร้อมก้มสำรวจตัวเองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเสื้อผ้าเหล่านี้จึงถูกหยิบออกมาสวมใส่

เพราะเขาไม่เคยคิดจะใส่มันอีกเลย

นับตั้งแต่วันนั้น..


--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง
- ประเภทของผ้าลูกไม้ https://praewwedding.com/dresses-and-suits/115221/3


แอบมาเปิดเรื่องใหม่จ้า เป็นแนวที่เราอยากลองเขียนมานานแล้ว แต่อย่าคาดหวังมากนะคะ เพราะเราไม่ได้เขียนเลิฟซีนนานมาก ๆ แล้ว เรื่องนี้เราจะพยายามใส่ข้อมูลเกี่ยวกับ BDSM ไปบ้างตามความเหมาะสม และจะพยายามหาข้อมูลอื่น ๆ อย่างเช่น อาชีพดีไซเนอร์ ประเภทของผ้าลูกไม้ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจใส่ไปด้วย หวังว่าจะชอบกันนะคะ เอาจริง ๆ เรื่องนี้เรากังวลมากนะ กลัวว่าจะเขียนไม่ถึง แต่ก็ถือซะว่ามันคือ BDSM สไตล์ฟีลกู๊ดแล้วกันค่ะ สบายใจได้ไม่มีปมซับซ้อนแน่นอน


ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ EYELET LACE
https://imgur.com/CmiIDxQ
https://imgur.com/mXz4dzc
หัวข้อ: Re: ✁ความลับของช่างตัดเสื้อ✁ บทนำ+ตอน 1 (update 11/20/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 20-11-2019 21:27:13
ตอน 1

‘คาปูชิโน่ร้อน’ กับการประชุมไม่ว่าอย่างไรก็ดูเข้ากัน ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวจากผ้าลูกไม้ฉลุลวดลายหัวกะโหลกสีขาวออกครีม เข้าคู่กันดีกับกางเกงสแลคสีดำกำลังนั่งไขว้ขาอย่างใจเย็น ขณะที่บรรดาลูกทีมต่างทยอยเข้ามายังห้องประชุม

“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน พี่คิดธีมสำหรับคอลเลกชันช่วงสปริงกับซัมเมอร์ปี 2020 เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อ ‘อิสระ’ พูดขึ้นพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะประชุม

“การโบยบินอันน่าตื่นเต้น” บีมเอ่ยชื่อธีมด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกราวกับมีความนัยแอบแฝง

“กิมมิคของคอลเลกชันนี้ ควรเป็นผีเสื้อหรือว่านกดีคะ” รวินทราหรือน้องก้อยเอ่ยถาม พลางหันมองเพื่อนร่วมงานอย่างขอความคิดเห็น

“ผีเสื้อ!” แต่แล้วเสียงผสานของเจ้านายและพีระก็ดังขึ้นพร้อมกันเป็นอันว่าจบทุกอย่างเกี่ยวกับการคาดเดา

ทว่าเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันก็ทำลายหัวข้อสนทนาจนหมดสิ้น ธาวินหรือบีมผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อจึงสั่งการอย่างรีบเร่ง โดยให้แต่ละคนดีไซน์เสื้อผ้าสัก 3 แบบ จากนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีว่าแบบไหนที่เหมาะกับคอลเลกชันล่าสุด

‘ผมขอรูปของคุณหน่อยสิครับ’ ทันทีที่เปิดข้อความอ่าน หัวคิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ เรื่องของเรื่องเขามีรสนิยมที่ค่อนข้าง ‘พิเศษ’ มาก จึงต้องประกาศหา ‘ดอม’ มาคอยควบคุม ‘ซับ’ ระหว่างที่มีการเพลย์ และบางคู่อาจก็อาจจะมีการทรมานร่วมด้วย เพียงแต่มันจะต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย และยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกัน ดังนั้นหากซับไม่ยินยอมดอมก็ไม่มีสิทธิ์กระทำ

‘ส่งรูปของคุณมาด้วยครับ’ ชายหนุ่มส่งข้อความพร้อมรูปภาพของตนเองที่คิดว่าดูดีที่สุดไปให้ จากนั้นไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งกลับมา บีมใช้เวลาพิจารณาอยู่นาน แน่นอนว่าคุณนัทมีความหล่อเหลาในมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง เรียวคิ้วคมเข้ม จมูก ปากรับกันดีราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง

แต่ทว่าธาวินมีบุคคลที่หมายตาอยู่ก่อนแล้ว เรียวนิ้วจึงปัดป่ายไปมาอย่างคิดไม่ตก ระหว่างชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาฉายแววขี้เล่นและมีดวงตาคมกริบสุดแสนดุดันกับชายหนุ่มคนเมื่อสักครู่ สุดท้ายบีมจึงตัดสินใจนัดเจอคุณนัท พร้อมย้ำเตือนเรื่องใบรับรองแพทย์อย่างเคร่งครัด




กระทั่งวันเวลาผ่านพ้นท่ามกลางความยุ่งวุ่นวายของการดีไซน์เสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ เพราะต้องออกแบบรูปทรง ลวดลาย และการตัดเย็บ รวมไปถึงเลือกวัตถุดิบจนหัวปั่น เจ้าของห้องเสื้ออิสระจึงเดินไปยังห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าอย่างไม่รีบร้อน ราวกับปล่อยวางความวุ่นวายทั้งหมดไว้ที่โต๊ะทำงาน

“โต๊ะที่คุณคิมหันต์จองไว้ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนครับ” ธาวินเอ่ยถามพนักงาน จากนั้นจึงเดินตามการนำทางของเธอ พบว่าโต๊ะที่อีกฝ่ายจองไว้อยู่ติดริมหน้าต่าง สามารถมองเห็นตึกระฟ้ามากมายอย่างชัดเจน

“ขอโทษที่มาช้านะครับ ทานอะไรกันดี” ไม่นานคุณนัทก็เดินมานั่งตรงที่ว่างฝั่งตรงข้ามด้วยมาดที่มองอย่างไรก็ดูเหมือนนักธุรกิจ เพราะแม้แต่ตอนจะนั่งเขาก็ยังปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ด เหมือนกับพวกผู้บริหารในละครหลังข่าวที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว

“หอยทอดกระทะร้อนแล้วกันครับ” บีมสั่งอาหารโดยไม่คิดจะเปิดดู เพราะห้องอาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้คือสถานที่ประจำของเขา และไม่คิดจะสั่งอาหารเลิศหรูประหนึ่งตัวเองมากด้วยรสนิยม

เพราะวันนี้เขาอยากกินหอยทอด!

“สองที่ครับ” พนักงานรับคำสั่งด้วยความนอบน้อม ซึ่งบีมรู้สึกว่ามันออกจะนอบน้อมเกินไปหน่อย แต่ก็คร้านจะใส่ใจ

“เราสองคนเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ?” นัทเอ่ยถามพลางหรี่ตามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย เพราะโครงหน้าเรียวสวยแบบนี้ หากสวมวิกผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่างดงามมาก แต่พอไว้ผมสั้นแบบผู้ชายที่เอาใจใส่เรื่องการแต่งตัวก็ให้คำจำกัดความได้เพียงว่า ‘หล่อผสมน่ารัก’

“หากเจอกันตามข้างทางแล้วถูกคุณทักด้วยประโยคนี้ ผมคงจะคิดว่าคุณเป็นพวกหน้าม่อ” บีมกล่าวอย่างตรงไปตรงมาพลางหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน เพราะท่าทีของอีกฝ่ายดูจริงจังเกินกว่าจะถูกตราหน้าแบบนั้น
แต่ควรจะเรียกว่าสอบถามราวกับประชุมธุรกิจพันล้านเสียมากกว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมคงจำคนผิด” อีกฝ่ายไหวไหล่พลางหัวเราะเล็กน้อย ซึ่งมันก็เล็กน้อยจริง ๆ บีมเลยอดจะรู้สึกว่าเขาช่างเหมือนมนุษย์หน้าเดียวไม่ได้

“คุณเริ่มเพลย์มานานหรือยังครับ” หลังจากอาหารมาเสิร์ฟได้สักพัก อีกฝ่ายก็เริ่มเข้าเรื่อง โดยเลือกถามคำถามทั่วไป ราวกับต้องการวัดประสบการณ์

“ประมาณ 2 ปีได้มั้งครับ” บีมนั่งนึกเพียงครู่ แล้วก็สรุประยะเวลาอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ

“ของผมประมาณ 3 ปีเห็นจะได้ ถ้าอย่างนั้นขอบเขตของคุณประมาณไหนเหรอครับ แล้วก็มีซีนไหนที่ชอบเล่นบ้าง” อีกฝ่ายเริ่มทวนถามถึงรสนิยมการเพลย์อย่างต้องการความชัดเจน แม้ว่าประกาศในทวิตเตอร์จะบอกรายละเอียดแล้วก็ตาม

“ผมชอบถูกทำให้อับอายไม่ว่าจะในที่ลับหรือกลางแจ้ง ยิ่งเป็นคำพูดในเชิงเสียดสีหรือเหยียดหยามจะยิ่งชอบมากเป็นพิเศษ แล้วก็ชอบถูกทำให้เจ็บปวด แต่ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก” บีมกล่าวพลางตัดหอยทอดอย่างระมัดระวัง เพราะเมื่อครู่เขาเผลอโดนน้ำมันร้อน ๆ กระเด็นใส่ โชคดีที่คุณนักธุรกิจส่งทิชชู่เปียกมาให้ ความแสบร้อนจึงเริ่มคลายลง

“คุณไม่ชอบให้มีรอยแผล ?” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถามเพียงสั้น ๆ โดยวิเคราะห์จากคำพูดก่อนหน้า พร้อมทานมื้อเที่ยงอย่างสุภาพ

“ตีได้ ตบได้ กัดได้ แต่ห้ามกรีดหรือเจาะ” บีมกล่าวพร้อมส่ายหัวประกอบคำพูดในประเด็นสุดท้าย

“ดีล เพราะผมก็ไม่ชอบกรีดกับเจาะเหมือนกัน มันออกจะรุนแรงเกินไปหน่อย หมายถึงสำหรับผมน่ะ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยการดีดนิ้วอย่างเห็นด้วย ส่งเสริมความคิดของบีมได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายช่างเหมาะกับภาพลักษณ์นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง

“แล้วน้ำตาเทียน แส้ ไม้เรียว ไม้พาย เชือกคุณโอเคหรือเปล่า” นัทเริ่มเป็นฝ่ายตั้งคำถามอย่างเจาะลึกอีกครั้ง

“โอเคครับ แต่มัดนี่ผมขอไม่เอาห้อยหัว” เจ้าของห้องเสื้อตอบรับพลางยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมเพิ่มเติมขอบเขตอย่างรัดกุม

“แล้วอุปกรณ์อื่น ๆ ล่ะครับ ?” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจสอบถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ถ้าประมาณบอลล์แก๊ก ไม้หนีบ บัตต์ปลั๊ก ผมโอเค แต่ถ้าเป็นเตียงสูญญากาศ  ผมไม่โอเค แต่แบบอื่น ๆ ถ้าอยากลองผมว่าเราตกลงกันภายหลังได้” บีมกล่าวอย่างจริงจัง เพราะเขาเองก็เคยเล่นไม่กี่แบบ

“ดีล!” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจยังคงดีดนิ้วอย่างเห็นด้วย ราวกับเป็นท่าประจำเวลาที่รู้สึกเห็นด้วยกับอะไรบางอย่าง

“ตามข้อตกลงห้ามมีเซ็กส์ แต่ยังไงก็ต้องขอใบรับรองแพทย์ เผื่อวันหน้าเกิดมีความเปลี่ยนแปลง” เจ้าของห้องเสื้ออิสระกล่าวพลางหยิบใบรับรองแพทย์จากกระเป๋ากางเกง แล้ววางลงตรงกลางโต๊ะพร้อมเลื่อนออกไปข้างหน้า จากนั้นจึงรับผลตรวจของอีกฝ่ายกลับมาเปิดดูอย่างละเอียดถึงค่อยเก็บเข้าประเป๋ากางเกงเช่นเดียวกับอีกฝ่าย

“อ้อ ของเสียอย่างอุจจาระ ปัสสาวะผมไม่โอเค แต่ถ้าให้กินอาหารตกพื้นยังพอไหว และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่อาหารบูด” บีมกล่าวอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าการเจรจาในครั้งนี้จะถูกดักฟัง เพราะดูเหมือนรอบ ๆ บริเวณจะกลายเป็นห้องส่วนตัวของพวกเขาไปแล้ว ซึ่งถ้าหากมีคนมาบอกว่าคุณนัทเหมาโซนนี้ทั้งหมด บีมยังคิดว่าไม่น่าเกินจริง

“ถ้าหากระหว่างเพลย์มีการออรัลหรือว่าใช้ไวเบรเตอร์ร่วมด้วย คุณโอเคหรือเปล่า” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถาม เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“ได้หมดครับ ขอแค่ไม่มีเซ็กส์” บีมเอ่ยตอบอย่างฉะฉาน

“เซฟเวิร์ด  แดงหมายถึงหยุด เขียวหมายถึงเดินหน้าต่อ เหลืองหมายถึงลดระดับความรุนแรง” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเสนอความเห็น ซึ่งคำศัพท์ดังกล่าวอาจเป็นคำที่เขาคุ้นเคย

“ดีล!” บีมตอบรับอย่างเห็นด้วย เพราะเขาก็ใช้คำเหล่านี้เวลาเพลย์เหมือนกัน

“เมื่อไหร่ดีครับ?” สิ้นคำถามของชายหนุ่มตรงหน้า เจ้าของห้องเสื้อจึงครุ่นคิดอยู่นาน เพราะช่วงนี้เขาต้องเร่งออกแบบเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ อาจจะต้องสละเวลาส่วนตัวทุ่มเทให้กับกิจการมากหน่อย เพราะนอกจากนี้ยังมีงานกองถ่ายเจ้าประจำที่เคยดีลกันไว้ตั้งแต่สมัยเริ่มเข้าวงการแฟชั่นว่าจะคอยหางานมาป้อนให้เรื่อยๆ

“สักเดือนหน้าได้ไหมครับ ช่วงนี้ผมยุ่ง ๆ เกี่ยวกับการดีไซน์เสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่” บีมเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ แววตาจึงฉายความกังวลอย่างชัดแจ้ง

“ไม่มีปัญหาครับ ผมเองก็ต้องเคลียร์สาขาใหม่เหมือนกัน ว่าแต่คุณออกแบบให้กับแบรนด์อะไรเหรอครับ” เมื่อพบช่องทางสอบถามเรื่องราวส่วนตัวเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น นัทก็ไม่ลืมที่จะใช้โอกาสนี้

“ห้องเสื้ออิสระครับ” บีมตอบกลับสั้น ๆ โดยไม่คิดขยายความ

“ผมมีเพนท์เฮ้าส์ของห้างนี้ ยังไงเรานัดกันที่นั่นดีไหมครับ ?” สิ้นข้อเสนอ บีมก็อดประหลาดใจกับความบังเอิญไม่ได้

“ผมเองก็อยู่ที่นั่นเหมือนกันครับ ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็นขอเบอร์ห้องของคุณจะดีกว่า” เจ้าของห้องเสื้อเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอบ้าง

“005 ครับ รับรองว่าเก็บเสียงแน่นอน เพราะผมสั่งให้ช่างมาทำเองกับมือ ว่าแต่คุณชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ วันที่เรานัดกันผมจะได้เตรียมไว้” อีกฝ่ายให้เหตุผลของการนัดหมายในสถานที่ดังกล่าวด้วยการเลิกคิ้วข้างหนึ่งคล้ายกับแสดงความเหนือชั้น และยังเอ่ยถามอย่างใส่ใจ จนดูเหมือนว่าเขาติดนิสัยสุภาพบุรุษเต็มขั้น แต่ก็ยังมีการเตรียมความพร้อมให้กับรสนิยมของตัวเอง จึงเร่งเร้าให้ภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายยิ่งน่าสนใจ แต่บีมก็ยังนึกไม่ออกว่าคนตรงหน้าจะแสดงท่าทางร้อนแรง ร้ายกาจ และเย่อหยิ่งได้ถึงใจมากสักแค่ไหน

แต่มานั่งกังวลเอาตอนนี้ก็คงจะไม่ทันการณ์

“เอาตามที่คุณสะดวกดีกว่าครับ” เจ้าของห้องเสื้อตอบกลับด้วยความเกรงใจพร้อมส่งยิ้มเป็นการปิดท้าย ซึ่งรอยยิ้มดังกล่าวทำให้นัทรู้สึกราวกับว่า..

ดารานางแบบชื่อดังก็ไม่อาจยิ้มสวยเท่ากับคนตรงหน้า

“เรื่องวันเวลา คุณไลน์มาบอกผมอีกทีนะครับ” เมื่อหมดเรื่องสนทนาทั้งคู่ก็เริ่มแยกย้าย แต่นัทก็ยังมิวายจะกล่าวย้ำ ราวกับรอคอยการเพลย์ในครั้งนี้อย่างใจจดจ่อ

“ไม่มีปัญหาครับ” สิ้นคำตอบรับก็เป็นอันยุติการพบเจอกันครั้งแรก




จากนั้นวันเวลาก็ผ่านพ้นไปโดยที่ธาวินผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อ ง่วนอยู่กับการนั่งจ้องผ้าลูกไม้ประเภทต่าง ๆ เพื่อพิจารณาว่าแบบที่เขาดีไซน์ควรจะใช้ผ้าลูกไม้แบบไหน ซึ่งตอนนี้เขากำลังหมายตาผ้าลูกไม้ประเภท ‘Corded Lace’ ที่มักจะดีไซน์เป็นรูปดอกไม้บนเนื้อผ้าซีทรูหรือผ้าตาข่าย เพราะลูกไม้ประเภทนี้มักจะทำจากเส้นด้ายมีน้ำหนัก ลวดลายจึงนูนเด่นราวกับสามมิติ

เหมาะกับเสื้อผ้าสไตล์เซ็กซี่ เปิดเปลือยแผ่นหลังเป็นอย่างมาก

กระทั่งการทำงานถูกรบกวนด้วยเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ บีมจึงละมือจากการงานตรงหน้า พบว่าบุคคลที่ส่งข้อความมาหา คือชายหนุ่มดวงตาดุดันที่ถูกตัดช้อยส์ไปนานแล้ว เวลานี้แม้จะแอบเสียดายหน่อย ๆ แต่การงานค่อนข้างรัดตัวเลยไม่เอื้ออำนวยให้ไปลองเพลย์เพื่อวัดความพึงพอใจ สุดท้ายจึงต้องปฏิเสธเหมือนคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของห้องเสื้อก็ยังไม่วายจะให้ความหวังว่าถ้าหากคนที่เลือกไว้ไม่โอเค นัดครั้งต่อไปโอกาสย่อมเป็นของอีกฝ่าย

“ข้างนอกวุ่นวายอะไรกันเหรอ ?” บีมเอ่ยถามพลางเดินออกมายังนอกห้องทำงานที่แอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผ้าลูกไม้หลากประเภท จึงพบกับสโตร์อันเรียบหรูสไตล์วินเทจ เข้ากันดีกับเสื้อผ้าแฟชั่นประเภทลูกไม้ที่วางขาย

“ดูเหมือนเจ้าของห้างสรรพสินค้าจะมาเดินตรวจงานมั้งคะ” น้องบีพนักงานขายเอ่ยตอบ ขณะที่เจ้าของห้องเสื้อกำลังชะโงกหน้าออกไป จึงทันเห็นแผ่นหลังกว้างในชุดสูทสีดำรายล้อมด้วยเหล่าพนักงานระดับสูง บีมเลยอดรู้สึกไม่ได้ว่า..

แผ่นหลังนั่น..

คุ้นตาชะมัด!




“เอ้อ พี่นัดโรงงานคุยเรื่องรายละเอียดของผ้าลูกไม้ไว้ ใกล้จะได้เวลาพอดี แล้วเจอกันนะ” เมื่อความเงียบสงบกลับคืนสู่ห้องเสื้ออิสระ บีมจึงก้มมองนาฬิกาข้อมือ พบว่าควรจะออกเดินทางเสียที จึงล่ำลาบุคคลในความดูแลทั้งหลายด้วยความรีบร้อน

กระทั่งเดินมายังหน้าลิฟต์พลางเฝ้ามองตัวเลขสีแดงเลือดนกขยับลงมาเรื่อย ๆ ไม่นานประตูสีเทาตรงหน้าก็เปิดกว้าง ชายหนุ่มจึงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เพราะคนที่อยู่ข้างในไม่ใช่คนอื่นไกล

“จะออกไปข้างนอกเหรอครับ?” คุณนัทเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองพร้อมกดเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้ บีมจึงได้สติรีบก้าวเดินเข้าไปยังด้านใน โดยเลือกยืนตรงมุมขวามือพลางกดชั้นที่ต้องการอย่างรวดเร็วและไม่ลืมจะตอบคำถามด้วยความเรียบง่ายว่า “ครับ”

“ผมลืมถามไปเลยว่าคุณมีแฟนหรือยัง ?” สิ้นคำถามของชายหนุ่มมาดนักธุรกิจ ความเงียบเชียบก็โอบล้อมรอบกายอย่างแรงกล้า

“เราเจอกันตามข้างทางแบบนี้ คุณคงไม่คิดว่าผมหน้าม่อหรอกนะ” คุณนัทกล่าวติดตลก แต่ทว่าสีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่ง คล้ายกับพรสวรรค์ด้านอารมณ์ขันมีความหลบในตามแบบฉบับของนักธุรกิจ

“ยังครับ” บีมตอบกลับอย่างไม่คิดมาก เพราะเขาก็มีกฎเหล็กอยู่หนึ่งข้อ ซึ่งก็คือไม่นิยมเพลย์กับบุคคลที่มีเจ้าของเป็นอันขาด แต่หากถามว่าเคยพลาดพลั้งหรือไม่ คงต้องบอกว่าเคย เนื่องจากคนที่มีรสนิยมแบบนี้ ค่อนข้างมีน้อย หรือถ้ามีมากก็คงจะเจอกันยาก เช่น อยู่คนละจังหวัด รสนิยมแยกย่อยไม่ค่อยคลิกกัน

“ขอตัวก่อนนะครับ” กระทั่งตัวลิฟต์เลื่อนลงมายังชั้นที่จอดรถไว้ ประตูสีเทาจึงเปิดกว้าง เจ้าของห้องเสื้อจึงกล่าวลาติดรอยยิ้มพร้อมก้าวเดินออกไป

แต่ในขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง เสียงสุภาพของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นว่า..

“ผมก็เหมือนกัน แล้วเจอกันครับ”


--------------------------✁


[1] Dominant (ดอม) คือผู้ที่มีอำนาจควบคุมความสัมพันธ์ ซีน หรือกิจกรรมในการเพลย์โดยได้รับความยินยอม

[2] Submission (ซับ) คือผู้ที่ยินยอมละทิ้งอำนาจในการควบคุมความสัมพันธ์ ซีน หรือกิจกรรมในการเพลย์

[3] เพลย์และซีน (Play and scene) คือช่วงเวลาที่มีกิจกรรม หรือบางทีอาจจะเรียกว่า Session ก็ได้

[4] เตียงสูญญากาศ (Vacuum bed) คือเตียงที่ถูกคลุมด้วยแผ่นยางลาเท็กซ์ พอผู้ใช้เข้าไปนอนก็จะสูบลมออกจนแผ่นยางลาเท็กซ์แนบติดลำตัว ไม่สามารถกระดิกไปไหนได้ มีแค่ส่วนจมูกและปากที่สามารถใช้หายใจ

[5] Safe words (คำปลอดภัย) คือคำหรือการแสดงสัญญาณที่ตกลงกับพาร์ทเนอร์ เพื่อเตือนให้ทราบถึงขีดจำกัดทางร่างกาย



มาลงอีกตอนจ้า ช่วงเปิดเรื่องยังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ พวกอุปกรณ์ถ้าใครอยากรู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไงรบกวนเสิร์ชหาเอาเองเน้อ 555 ส่วนปมที่คุณเจ้าของห้องเสื้อลุกขึ้นมาแต่งหญิงนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า

ปล. เรื่องคอลเลกชันเสื้อผ้า ปกติแล้วดีไซเนอร์จะทำงานล่วงหน้า 1 ปีนะคะ เท่ากับว่าสถานการณ์ในเรื่องคือปี 2019 แต่กำลังทำคอลเลกชันของปี 2020

 
ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ Corded Lace
https://imgur.com/E423onQ
https://imgur.com/rO9xctP
หัวข้อ: Re: ✁ความลับของช่างตัดเสื้อ✁ บทนำ+ตอน 1 (update 11/20/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 20-11-2019 23:39:24
เผ็ชชชชชชช  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ✁ความลับของช่างตัดเสื้อ✁ ตอน 2 (update 21/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 21-11-2019 19:26:36
ตอน 2


ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตจากผ้าลูกไม้ประเภทโครเชต์เนื้อนิ่มสีขาวลวดลายดอกไม้ ผูกเนคไทสีเหลืองจากผ้าลูกไม้ชนิดเดียวกัน เข้ากันดีกับกางเกงผ้ากำมะหยี่สีเขียวมรกต เพื่อเตรียมตัวไปเจอกับคุณนัท หลังจากส่งข้อความนัดหมายกัน

กระทั่งขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดพร้อมสับเท้าไปยังห้องเป้าหมาย เสียงกดกริ่งดังเพียงไม่นานก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี บีมจึงก้าวเข้าสู่อาณาบริเวณของเพนท์เฮ้าส์หมายเลข 005 ที่อยู่ชั้นบนสุดและดูเหมือนว่าจะมีความหรูหรามากที่สุด เพราะเมื่อถอดรองเท้าไว้ในตู้ ถัดมาก็เจอกับห้องครัวบิวท์อินลายหินอ่อน ใกล้กับห้องนั่งเล่นขนาดย่อมที่ใช้จัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ได้สบาย และเมื่อเดินลึกเข้ามาอีกหน่อยจะพบกับห้องอาหารที่ถูกโอบล้อมด้วยตู้เก็บไวน์ชั้นดีสุดอลังการ

บีมจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่า อีกฝ่ายมีความชื่นชอบเครื่องดื่มประเภทนี้มาก จนอาจจะเทียบเท่ากับความคลั่งไคล้ผ้าลูกไม้ของตัวเองเลยก็ว่าได้

“รอหน่อยนะครับ ใกล้จะเสร็จแล้ว” คุณนัทในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน กล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจพร้อมวางน้ำดื่มเย็นๆ ลงบนโต๊ะหินอ่อนในห้องนั่งเล่น บีมจึงได้แต่ยิ้มรับแล้วมองสำรวจรอบห้องฆ่าเวลา

“เชิญครับ” ไม่นานนักมื้อเย็นสำหรับคนสองคนก็เสร็จสิ้น พ่อครัวมือฉมังจึงเดินถือเมนูสุดแสนจะภูมิใจนำเสนอลงบนโต๊ะอาหาร บีมจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งพลางจ้องมองน้ำพริกปลาทูอย่างหิวโหย

“ไม่อร่อยอย่าว่ากันนะครับ” อีกฝ่ายวางจานข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมรีบออกตัวอย่างรวดเร็ว

“ใครจะกล้าว่าคุณนัทได้ล่ะครับ ถ้าเกิดคุณโกรธที่ผมพูดจาไม่เข้าหูขึ้นมา ผมก็หิวแย่สิ นี่ผมอุตส่าห์หิ้วท้องรอมื้อเย็นจากคุณเลยนะ” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวติดตลกทำเอาเชฟมือฉมังเริ่มยิ้มออก แต่ทว่าก็ยังเป็นรอยยิ้มอันน้อยนิดอีกตามเคย

“ไวน์ขาว ?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายรินไวน์ขาวลงในแก้วทรงสูงจึงอดหยั่งเชิงด้วยความแปลกใจไม่ได้ เพราะวิเคราะห์อย่างไรก็ไม่น่าจะเข้ากับน้ำพริกปลาทู

“ลองดูครับแล้วคุณจะประหลาดใจว่ามันเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ” คุณนัทกล่าวอย่างมาดมั่นสมกับความหลงใหลในรสชาติไวน์ เจ้าของห้องเสื้อจึงสังเกตวิธีการดื่มของอีกฝ่าย แล้วเอื้อมจับก้านแก้วยกส่องกับแสงสว่างพลางหมุนอย่างเชื่องช้า

“ไวน์ก็มีขาเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มเจ้าของไวน์เริ่มเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บีมจึงสำรวจแก้วไวน์ของตัวเองอย่างตั้งใจ แต่คนไร้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวก็ไม่อาจได้คำตอบ

“เส้นสายที่ไหลลงมาตามขอบแก้วนี่แหละครับคือขาของไวน์ และยังบอกถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่อยู่ในไวน์ด้วย ซึ่งไวน์ขาวนี่แหละครับมีแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง” เจ้าของห้องหมายเลข 005 อธิบายอย่างเชี่ยวชาญ และมันก็ดึงดูดความสนใจจากบีมได้เป็นอย่างดี เพราะรสนิยมการดื่มไวน์ของอีกฝ่ายค่อนข้างให้ความรู้สึกเซ็กซี่และน่าลุ่มหลง

“การหมุนไวน์ยังช่วยให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศ เพราะการหายใจของไวน์จะช่วยให้รสชาติเข้มข้น” บีมยิ้มรับแม้จะฟังไม่ค่อยเข้าใจก็ตามที

“คุณลองสเวิร์ลแล้วจดขอบแก้วไว้ตรงปลายจมูกพร้อมกับหลับตาดูสิครับ” คุณนัทกล่าวพร้อมหมุนแก้วไวน์ทรงสูงก่อนจะดื่มด่ำกับความมีรสนิยมอย่างมีระดับ ซึ่งเดิมทีบีมไม่เข้าใจว่าการ ‘สเวิร์ล’ คืออะไร แต่อาศัยจากการแปลภาษาพร้อมสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายก็เดาได้ไม่ยาก

“คุณได้กลิ่นอโรมาของไวน์หรือเปล่า” หลังจากดอมดมจนพอใจ อีกฝ่ายก็เริ่มเอ่ยถามคล้ายกับต้องการเปิดเผยความเป็นตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

“ผมไม่รู้ว่าอโรมาไวน์คืออะไร แต่กลิ่นแรกที่สัมผัสได้ เหมือนกลิ่นอบเชยกับเมเปิลไซรัป” บีมตอบด้วยท่าทีขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด จากนั้นก็พยักหน้าหงึกหงักราวกับมั่นใจในคำตอบ

“ส่วนผมคิดว่าไวน์ขวดนี้ น่าจะผลิตมาจากองุ่นเขียวพันธุ์มอสคาโต้” คุณนัทตอบสั้น ๆ จากนั้นก็เริ่มสเวิร์ลแก้วไวน์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้การสเวิร์ลกลับเต็มไปด้วยความรุนแรง บีมจึงเริ่มทำตามแล้วดอมดมอย่างใส่ใจ เพราะเริ่มสนุกไปกับการเรียนรู้เรื่องราวตรงหน้า

“ดมครั้งแรกเหมือนผมจะได้กลิ่นช็อกโกแลตอ่อนๆ แต่พอดมอีกทีเหมือนจะเป็นกลิ่นไม้โอ๊ค แล้วพอดมอีกครั้งเหมือนผมได้กลิ่นเครื่องเทศ” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวอย่างสับสนเพราะเขาไม่ใช่นักชิมไวน์มืออาชีพ

“ผมว่าไวน์ขวดนี้มีกลิ่นบูเก้เหมือนกับถังไม้โอ๊ค” นักชิมไวน์มืออาชีพกล่าวปิดท้าย จากนั้นจึงเริ่มจิบไวน์ขาวอย่างละเมียดละไมด้วยการอมไว้ในปากแล้วค่อยกลืนลงคอ บีมจึงลองทำแบบนั้นบ้าง พบว่ารสชาติหวาน ๆ ของไวน์ขาวกำลังอบอวนอยู่ในปากครู่หนึ่ง บีมจึงเข้าใจว่านี่แหละคือความรู้สึกของ ‘อาฟเตอร์เทส’

“ดูสิผมทำคุณได้กินอาหารเย็นชืดซะแล้ว” ทันทีที่เจ้าของห้องลิ้มรสปลาทูทอดพร้อมด้วยน้ำพริกเสร็จสรรพก็รีบโอดครวญด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะถึงยังไงฝีมือการทำอาหารของคุณก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย อร่อยดีครับ” บีมเอ่ยชมอย่างออกนอกหน้า เพราะมันอร่อยจริงดังปากว่าจะให้ชมอย่างเหนียมอายก็ไม่ใช่

“คุณเป็นเชฟหรือเปล่าครับ?” บีมเอ่ยถามเรื่องราวส่วนตัวของอีกฝ่ายบ้าง เพราะทันทีที่ได้รับรู้อีกด้านหนึ่งก็ดูเหมือนว่ามาดนักธุรกิจจะเริ่มเจือจาง

“ถ้าอย่างนั้นคนทำอาหารเป็นก็คงเป็นเชฟกันหมดแล้วล่ะครับ” พอได้รับคำตอบกลับมาแบบนี้ ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อจึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเคยพูดถึงสาขาใหม่ คาดว่าคงจะเกี่ยวกับกิจการทางธุรกิจเสียมากกว่า





กระทั่งมื้อเย็นเสร็จสิ้นเจ้าของห้องจึงขอตัวไปล้างจานพร้อมอาบน้ำ โดยให้แขกผู้มีเกียรติไปนั่งชมวิวที่ห้องนั่งเล่นใหญ่ติดระเบียง ซึ่งมีแกรนด์เปียโนวางตั้งอยู่ตรงขวามือ และด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร บีมจึงนั่งอยู่บนโซฟาสีเทาอ่อนตรงจุดกึ่งกลางวงล้อมที่สร้างอาณาบริเวณของห้องรับรองแขก ขณะที่ดวงตากลมใสโฟกัสทิวทัศน์ด้านนอกจนเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติทีละนิด เพราะเวลานี้ท้องฟ้าสีครามกำลังกลับกลายเป็นสีแดงอมส้ม ความมืดมิดจึงอาบไล้ไปทั่วห้องหมายเลข 005

“คนโสมมอย่างนายไม่ควรมานั่งชูคออยู่บนโซฟาของผม” สุ้มเสียงลุ่มลึกดังมาพร้อมกับคำพูดแสนดูถูก เป็นสัญญาณบ่งบอกช่วงเวลาที่กำลังรอคอย ขณะเดียวกันชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำก็ใช้สายตาดุดันปราดมอง ราวกับต้องการกระชากแขนผู้มาเยือนอย่างไม่ไว้หน้า เล่นเอาหัวใจของบีมไหวระริกด้วยความตื่นเต้น อีกทั้งความสุขยังแล่นฉิวไปครึ่งปรอทจึงรีบลนลานย้ายตัวเองลงมานั่งบนพื้นพรม

“คลานตามผมมา” น้ำเสียงดุดันบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ซ้ำยังออกคำสั่งพร้อมก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปยังแกรนด์เปียโนใกล้กับห้อง ๆ หนึ่ง

“เร็ว!” อีกฝ่ายเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจโดยไม่มีการอ่อนข้อ

“ครับคุณ..” บีมเผลอตอบรับด้วยสรรพนามคุ้นชิน แต่แล้วก็ต้องรีบหุบปาก เมื่อถูกสายตาคมกริบปรายมองกลับมา

“ทาสอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อผม เพราะฉะนั้นเรียกผมได้แค่นายท่าน” ชายผู้มีสถานะเป็น ‘ดอม’ ลั่นวาจาเฉียบขาด จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังด้านในของห้องแต่งตัว

“คลานมาตรงนี้!” ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาดุดันกล่าวพร้อมชี้มายังบริเวณแทบเท้า ซับอย่างบีมจึงรีบคลานสี่ขาเข้าไปหาด้วยความว่าง่าย มองดูแล้วไร้ซึ่งยางอายสิ้นดี

แต่กระนั้นมันก็คือรสนิยมที่คนทั้งคู่โปรดปราน

“ผ้าลูกไม้บนตัวนาย..” ชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวลงมาคว้าเนคไทสีเหลืองอย่างนุ่มนวลก่อนจะกระชากอย่างรุนแรง เพื่อปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบของอีกฝ่าย ซ้ำยังแสดงสีหน้าและแววตาแห่งความพึงพอใจ ตามมาด้วยสุ้มเสียงกระซิบลอดไรฟันราวกับอดรนทนไม่ไหวที่ได้เห็นอีกฝ่ายสวมใส่เสื้อผ้าอันงดงาม

“ไม่สูงค่าไปหน่อยเหรอ ?” สิ้นคำปรามาสแสนเหยียดหยามประกอบกับแววตาร้ายกาจ ความสุขของเจ้าของห้องเสื้อก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ถอดซะ มันไม่เหมาะกับทาสอย่างนายหรอก” นายท่านกล่าวพลางปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ซ้ำยังแสดงท่าทีสะใจจนบีมได้แต่ลนลานปลดเปลื้องผ้าลูกไม้แสนรักด้วยฝ่ามืออันสั่นเทาเพราะความต้องการกำลังมาเยือน แต่ในทางกลับกันก็ฉายแววแห่งความหวาดกลัวได้อย่างแนบเนียน

นัยน์ตาของผู้ควบคุมจึงยิ่ง ‘ถูกใจ’

“ส่งมาให้ผม” นายท่านผู้สุดแสนดุดันยื่นมือออกมาตรงหน้า พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ก็แฝงด้วยความไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำราวกับหวงแหนเสื้อเชิ้ตลูกไม้เสียเต็มประดา ลีลาการปลดเปลื้องถึงได้อ้อยอิ่งจนทำให้เลือดลมพลุ่งพล่านอย่างไม่อาจหักห้าม

กระทั่งทำลายภาพลักษณ์อันน่าสมเพชได้ ชายหนุ่มก็วางเสื้อเชิ้ตตัวดังกล่าวลงบนตู้เก็บนาฬิกาที่ตัวเองยืนพิงอยู่ จากนั้นจึงกดยิ้มลึกตรงบริเวณมุมปาก เมื่อสามารถทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพอันน่าอับอายสมใจ

“นายมันน่าไม่อายจริง ๆ ถอดกางเกงเสียเลยสิ” สายตาดูแคลนปราดมองจนทะลุสุดขั้วหัวใจ เลือดลมพลันสูบฉีดพลุ่งพล่านจนความต้องการของผู้ถูกปรามาสเริ่มสั่นระริก ส่งผลให้เจ้าตัวเผลอหลงลืมไปว่า ครั้งหนึ่งเคยกังวลว่าอีกฝ่ายจะทำให้ผิดหวัง

“ดูสิ ผมยังไม่ทันทำอะไร นายก็มีอารมณ์ซะแล้ว” ทันทีที่กางเกงผ้ากำมะหยี่กองลงตรงแทบเท้าอย่างเชื่องช้า ความต้องการอันมากล้นก็อวดโฉมให้อีกฝ่ายหยิบยกเอามาดูถูก แต่ทว่ายิ่งพูดกลับยิ่งสุขสม ขณะเดียวกันความหน้าไม่อายของฝ่ายซับก็ทำให้ความต้องการของผู้เป็นนายเริ่มจะร้อนระอุ

“ไปยืนหน้ากระจก” ผู้เป็นนายสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบคล้ายกับไร้ความรู้สึกอื่นใด แม้ว่าในใจคิดอยากจะฉีกกระชากร่างนั้นให้หนำใจ แต่ก็ไม่อาจทำได้

กระทั่งผิวกายเนียนละเอียดไร้สิ่งปกปิดปรากฏผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่เห็นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตามมาด้วยใบหน้าคมคายที่กระซิบชิดริมหูพร้อมเป่าลมอย่างยั่วเย้าว่า..

“ทาสอย่างนายผมไม่สัมผัสให้สกปรกหรอก” ถ้อยคำเหยียดหยามถึงใจดังมาพร้อมฝ่ามือหนาที่กำลังลากไล้ร่างกายของทาสผู้จงรักภักดีผ่านบานกระจก เริ่มตั้งแต่ลาดไหล่เนียนสวยเรื่อยมาจนถึงหน้าท้องแบนราบและปิดท้ายด้วยยอดอกชูชัน

ส่งผลให้ความต้องการอันมากล้นค้นหาหนทางระเบิดตัวอย่างหื่นกระหาย และทุกครั้งที่ฝ่ามือคู่นั้นไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบบนกระจกเงา ลมหายใจของบีมก็มักจะติดขัดอย่างทุกข์ทรมาน แต่ก็ยังไม่ทรมานเท่าการลากไล้บดขยี้ยอดอกผ่านเงาสะท้อน จินตนาการอันเปิดกว้างจึงยิ่งพุ่งสูง ฝ่ามือที่เคยแนบชิดจึงเริ่มบดคลึงผิวกายของตนเองด้วยจังหวะเบาหนักตามการชักนำของผู้เป็นดอมในกระจกเงา

“อึก..อา..” ร่างกายของบีมบิดเร้าอย่างเสียวซ่าน พร้อมเปล่งเสียงอย่างไม่นึกเกรงกลัวว่าใครจะได้ยิน เพราะถึงอย่างไรเพนท์เฮ้าส์ห้องนี้ก็เก็บเสียง ต่อให้น้ำหนักมือถ่ายทอดความรัญจวนจนแทบขาดใจ ก็คงไม่มีใครได้ยินนอกจากเจ้าของห้องหมายเลข 005 ที่กำลังยิ้มกริ่มให้กับคนในกระจกเงา แต่ทว่าช่วงล่างอันคับแน่นกลับแสดงออกถึงความต้องการไม่แพ้กัน 

“สมกับเป็นทาสจริงๆ ไร้ยางอายยังไงก็ยังไร้ยางอายอยู่อย่างนั้น” อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยพร้อมตบบานกระจกที่คาดว่าอาจจะเป็นกระจกนิรภัยจนเสียงดังสนั่น เร่งเร้าให้เจ้าของห้องเสื้อเกิดความตกใจ กระทั่งมองเห็นสายตาแกมสมเพช อารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่านอย่างไม่อาจทานทน

“นายท่าน.. อึก.. สัมผัสผม.. อา.. ได้โปรด..” บีมตัดสินใจร้องขออย่างหน้าไม่อาย พลางก้าวเดินเข้าไปหาอย่างอ้อนวอน แววตาเต็มไปด้วยหยดน้ำแวววาว ขณะที่ช่วงล่างชื้นแฉะเพราะต้องการปลดปล่อย ดังนั้นเขาจึงอยากสัมผัสความเจ็บปวดที่ปลุกระดมให้เกิดความสุขสม แต่ทว่าผู้ควบคุมกลับไม่ยินยอม เขาจึงลงมือทำร้ายตัวเอง แต่ก็ไม่อาจถึงฝั่งฝัน

“ถอยไป” เมื่อฝ่ายซับเริ่มไม่เชื่อฟังและยังสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองอย่างคลุ้มคลั่ง ผู้เป็นนายจึงออกคำสั่งด้วยสุ้มเสียงทรงอำนาจ แม้ว่าฝ่ามือเรียวแทบอยากจะฟาดลงบนผิวเนื้อเนียนสวยจนคุมแทบไม่อยู่

“ได้โปรด.. อึก.. ช่วยผมด้วย.. อา.. ผม..” เจ้าของห้องเสื้ออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงติดขัด เพราะเขากำลังจะอกแตกตายจากความต้องการอันมากล้นที่แม้แต่สัมผัสของตัวเองก็ไม่อาจทุเลา

“เลียเท้าผมเหมือนกับลูกหมาตัวหนึ่งสิ เผื่อผมจะหาทางออกให้นายได้..” ชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็นต่อยื่นข้อเสนอพร้อมจ้องมองด้วยสายตาแพรวพราว ขณะที่ในใจกำลังอดกลั้นจนถึงขีดสุด เบื้องล่างจึงถูกทรมานไปพร้อมกับใครอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย

“เลียสิ..” เมื่อถูกเร่งเร้าความหวามไหวในอกก็ยิ่งปั่นป่วน บีมจึงไม่รอช้าแลบลิ้นไล้เลียอย่างหิวกระหาย ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ออกคำสั่งเป็นระยะ เมื่อยังไร้ปฏิกิริยาอื่นใด เรียวลิ้นเล็กพลิ้วไหวจึงสัมผัสปลายเท้าอย่างเอาใจ เสี้ยววินาทีแววตาของชายหนุ่มผู้ถูกปรนเปรอจึงหรี่ปรือด้วยความสุขสม ริมฝีปากข่มกลั้นสุ้มเสียงแห่งความพึงพอใจอย่างยากลำบาก ส่งผลให้ความฉ่ำชื้นในร่างกายเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

“หึ” เสียงลมหายใจสุดเย้ยหยันดังมาพร้อมกับปลายเท้าที่เคลื่อนห่าง จากนั้นผู้เป็นนายก็คว้ากระดาษทิชชู่บนตู้เก็บนาฬิกามาเช็ดคราบน้ำลายออกจนหมด และเดินออกไปยังด้านนอกโดยไม่บอกกล่าว

บีมจึงได้แต่มองตามด้วยใจคาดหวัง ราวกับอดทนรอไม่ไหวว่าอีกฝ่ายจะ ‘ช่วยเหลือ’ อย่างไร เพราะดูเหมือนซีนในวันนี้ ทาสผู้ซื่อสัตย์ค่อนข้างสกปรกโสมมจนแม้แต่จะนั่งบนโซฟาก็ไม่ได้ ขนาดจะสัมผัสก็ยังนึกรังเกียจ

“ยืนขึ้น! ผมจะได้ช่วยปลดปล่อยความหน้าไม่อายของนายให้สมใจ” ชายผู้มาพร้อมกุหลาบแดงดอกหนึ่ง กล่าวพลางใช้กุหลาบดอกนั้นไล้ไปตามสีข้างเพื่อบังคับให้หยัดยืนตามคำพูด แต่ทว่ามันกลับปลุกเร้าห้วงแห่งอารมณ์ให้พุ่งสูง ผีเสื้อนับพันจึงบินว่อนไปทั่วสรรพางค์กายคล้ายกับได้รับอิสระ ขนอ่อนทั่วตัวพลันลุกชันอย่างหวามไหวเมื่อกลีบกุหลาบสัมผัสไปตามเนื้อตัวจนแทบจะรอบทิศทาง

“อึก.. นา..นายท่าน” สุ้มเสียงแห่งความสุขสันต์เปล่งประกายตามการชักนำของกลีบกุหลาบ ไม่ว่าจะเคล้าคลอยอดอกชูชันหรือว่าส่วนไวสัมผัสอันคับแน่นก็ล้วนแต่ได้รับการตอบสนอง แววตาแห่งความสนุกสนานจึงส่องสว่างจนผู้ควบคุมกดยิ้มลึกอย่างพึงพอใจ ไม่ต่างกับช่วงล่างที่กำลังชื้นแฉะ

แต่แล้วผีเสื้อเหล่านั้นก็ถูกตีแตกจนร่วงหล่น

เมื่อก้านกุหลาบปะปนหนามแหลม ประทับลงบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม

“อึก..อ๊า..” ร่างกายของบีมสั่นพร่าอย่างรัญจวนใจจนถึงขีดสุดเมื่อได้รับความเจ็บปวด และทวีความหวามไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกุหลาบดอกนั้นลากไล้ลงมายังส่วนอ่อนไหวที่กำลังทุกข์ทรมาน ความฉ่ำเยิ้มอันกระจ่างแจ้งนำพาให้ผู้เป็นนายรู้สึกพึงพอใจอย่างเหลือล้น จึงฟาดก้านกุหลาบพร้อมหนามแหลมคมลงบนความไร้ยางอายของผู้เป็นทาส ส่งผลให้อีกฝ่ายสั่นสะท้านราวกับจะขาดใจ ขณะเดียวกันผู้เป็นนายก็แทบอยากจะปลดปล่อย แต่ก็ยังต้องอดทนไว้

“ทาสแสนไร้ยางอายอย่างนาย ตื่นกลัวเป็นด้วยเหรอ” สุ้มเสียงดูถูกดังลอยลมมาพร้อมสัมผัสเจ็บแสบจากหนามกุหลาบติดปลายก้าน แต่ทว่าสมองของบีมกลับเริ่มขาวโพลน ร่างกายจึงชาวาบเพราะความต้องการที่ยังไม่อาจปลดปล่อย ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายใช้ปลายเท้าเตะเรียวขาในเชิงออกคำสั่งให้อวดโฉมบั้นท้ายอย่างเปิดเปลือยก็นำพาให้ความต้องการอันมากล้นเร่งให้ปฏิบัติตามอย่างลนลาน จากนั้นผู้ควบคุมก็ดึงรั้งปราการชิ้นสุดท้ายกองลงตรงข้อเท้าอย่างไม่ปรานี พร้อมฟาดกุหลาบดอกงามลงบนสะโพกกลมกลึงอย่างไม่ออมแรง จนทำให้กลีบสีแดงร่วงหล่นปะปนกับละอองเกสรสีเหลือง

“อ๊า” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อแทบจะยืนไม่อยู่ ดีที่ฝ่ามือยังคงสัมผัสพื้นไม้ปาร์เก้อันเย็นเฉียบ พร้อมครวญครางอย่างสุขสมเมื่อความเจ็บปวดกำลังเร่งเร้าอารมณ์จนถึงขีดสุด ไม่นานความฉ่ำเยิ้มก็รินรดกลีบกุหลาบสีแดงเลือดนกจนเต็มไปด้วยสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะแรกในฤดูหนาว ขณะเดียวกันปลายหางตาก็มองเห็นความสุขสมของอีกฝ่ายอวดโฉมอยู่บนกางเกงสแลคสีดำ

“ผมขอดูหน่อยครับ ไม่รู้เมื่อครู่เผลอทำคุณเป็นแผลหรือเปล่า” หลังจากจบซีนอย่างเป็นทางการก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาของการ ‘อาฟเตอร์แคร์’  มาดดุดันของอีกฝ่ายจึงหดหายไป หลงเหลือเพียงความห่วงใยผสมปนเปกับความรู้สึกผิด เพราะเจ้าตัวคงทราบดีว่าการหยามเหยียดผู้อื่นไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำ

“แค่แสบ ๆ นิดหน่อย ผมโอเคคุณไม่ต้องกังวล” บีมกล่าวพลางยืนให้อีกฝ่ายสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด จากนั้นจึงส่งยิ้มให้คุณนัทสบายใจ

“ไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมชงชาร้อน ๆ เตรียมไว้ให้” เจ้าของห้อง 005 แย้มยิ้มเพียงเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ได้ว่ากำลังโล่งใจมากแค่ไหน พร้อมประคองร่างเพรียวบางของพาร์ทเนอร์ไปยังห้องอาบน้ำ แล้วจึงผละไปเตรียมชาร้อนตามความตั้งใจ บีมเลยได้แต่มองตามแผ่นหลังของคุณนัทด้วยรอยยิ้ม

พร้อมบอกกับตัวเองในใจว่า..

‘เมื่อครู่’ ก็ไม่แย่นะ..

ใช่ที่ไหนเล่า!

มันดีมากเลยต่างหากล่ะ!



--------------------------✁


[1] อาฟเตอร์แคร์ (After care) คือ ช่วงเวลาในการปรับตัวเองกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง และยังเป็นช่วงสำรวจความเสียหายของร่างกาย โดยรูปแบบการอาฟเตอร์แคร์ของแต่ละคนจะแตกต่างกัน เช่น ทานอาหารร่วมกัน กอดกัน หรือนั่งคุยกันก็ได้



บทความที่เกี่ยวข้อง

- Wine 101: จิบไวน์อย่างไรให้มีสไตล์? 3 วิธีง่ายๆ ที่ให้คุณดื่มไวน์ด้วยมาดกูรู http://foodiesjournie.com/wine-101/


มาต่อแล้วจ้า ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับ bdsm ไว้เราจะมาลงอีกทีนะคะ จริงๆ เราอ่านมาจากหลายแหล่งจนไม่รู้จะอ้างอิงจะแหล่งไหนบ้าง 555  อีกอย่างเราไม่ได้ลงลึกมากในช่วงต้นๆ เรื่อง แต่สิ่งสำคัญของการเพลย์คือความยินยอม สติ และความปลอดภัยค่ะ และทุกครั้งที่มีการเพลย์จะต้องมีการอาฟเตอร์แคร์เสมอ มันคือใจความสำคัญเลยค่ะ เราเคยอ่านเจอว่าช่วงเวลาแห่งการอาฟเตอร์ ทำให้เกิดความหวั่นไหวทางความรู้สึกได้เหมือนกัน จะเห็นได้ว่า BDSM คือรสนิยมอย่างหนึ่งของคนกลุ่มหนึ่ง อารมณ์เหมือนเราชอบกินเปรี้ยวประมาณนั้น แต่ในไทยรู้สึกว่านิยายแนว BDSM ส่วนใหญ่จะถูกนำเสนอด้วยความรุนแรงอย่างเช่น การมีเพศสัมพันธ์แบบเลือดสาด หรือการข่มขืน ความจริงมันคือการสร้างความเข้าใจที่ผิด

และที่เราหาข้อมูลมาการมีรสนิยมแบบ BDSM ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์เสมอไปค่ะ และไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กส์เสมอไป แค่มีการสั่งให้ซับทำตามคำสั่งก็ถือว่าเป็นการเพลย์อย่างหนึ่ง รวมถึงอุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องมีมากมายก็ได้

ปล. ถ้าหากข้อมูลส่วนไหนมีใครเห็นแย้งบอกได้นะคะ เราเองก็มือใหม่เพิ่งไปศึกษาก่อนเขียนเหมือนกัน 555 ใครอ่านฉากเลิฟซีนแล้วช่วยบอกเราหน่อยนะคะว่ามันออกมาโอเคมั้ย เพราะส่วนใหญ่เราจะเขียนเลิฟซีนที่มีความรักเป็นส่วนสำคัญ อีกอย่างคือเราชอบการบรรยายแบบไม่ละเอียดมาก แต่เรื่องนี้เสน่ห์มันอยู่ที่ส่วนนี้เราเลยต้องปรับการเขียนให้ละเอียดกว่าเดิม แต่ก็พยายามจะใช้ภาษาที่ออกไปทางอีโรติกค่ะ


ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบโครเชต์
https://imgur.com/idwHDtI
https://imgur.com/Dvq0PcR
หัวข้อ: Re: ✁ความลับของช่างตัดเสื้อ✁ ตอน 2 (update 21/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 21-11-2019 21:18:09
อ่านเรื่องนี้จบ ฉันจะเป็นดีไซเนอร์และนักชิมไวน์ไปพร้อมๆกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 3 (update 22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 22-11-2019 18:32:35
ตอน 3

หลังจากวันนั้นบีมไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะหน้าไม่อายจนถึงขั้นจินตนาการเป็นตุเป็นตะว่าถ้าหากเจ้าของห้องหมายเลข 005 ใช้มือสัมผัสพร้อมฝากร่องรอยไว้บนผิวกายจะสุขสมมากแค่ไหน โชคดีที่นางเอกชื่อดังของเมืองไทยเดินส่งยิ้มมาแต่ไกล บีมที่กำลังนั่งรออยู่ตรงห้องรับรองของกองถ่ายจึงทักทายด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ แต่อีกฝ่ายกลับพุ่งเข้ามากอดอย่างแนบแน่น

“พี่มีนเดี๋ยวก็เป็นข่าวหรอก” เจ้าของห้องเสื้อรีบตักเตือนซ้ำยังผละกายออกห่างอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะไม่ให้ความสนใจ

“เป็นข่าวกับน้องรักหน้าตาหล่อเหลาดีซะอีก” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่ยี่หระซ้ำยังยืนกอดอกหน้าระรื่น

“แต่ผมสิเดือดร้อน” เจ้าของห้องเสื้อยังคงบ่นต่อไป ขณะที่ฝ่ามือกำลังหยิบอุปกรณ์สำหรับการวัดตัวออกมาใช้

“อ้อ” นางเอกหน้าสวยแสร้งตอบรับด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็เลิกถึงเนื้อถึงตัว เพราะเธอเข้าใจดีว่ารสนิยมของน้องชายผู้นี้ค่อนข้างเฉพาะตัว และยังไม่นิยมหาพาร์ทเนอร์ที่มีเจ้าของแล้ว

หากถามว่าทำไมพี่มีนถึงรู้ลึกรู้จริงขนาดนั้น คงเป็นเพราะความสนิทสนมสมัยเรียนเอกดีไซน์เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่าพี่มีนเพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเข้าเรียน จากที่ต้องจบตามหลักสูตรก็ทำให้ไม่เป็นไปตามนั้น เธอเลยต้องคอยสอบถามจากเพื่อนต่างวัยอยู่บ่อย ๆ ส่วนบีมลงเรียนควบสองคณะ เพราะพ่อกับแม่อยากให้เรียนบัญชีหรือไม่ก็การปกครองท้องถิ่นเพื่อมารับราชการมากกว่า แต่บีมอยากเรียนเอกดีไซน์ก็เลยต้องกระเสือกกระสนอย่างยากลำบาก โดยการเลือกเรียนบัญชีในหลักสูตรภาคพิเศษสำหรับคนทำงาน และคนที่คอยป้อนงานให้ห้องเสื้ออิสระในช่วงตั้งตัวก็คือนางเอกชื่อดังคนนี้

“ช่วงนี้อ้วนขึ้นแหละ” หญิงสาวเปรยขึ้นพร้อมยืนตัวตรง เมื่อเจ้าของห้องเสื้อเริ่มเอาสายวัดมาทาบตัว

“ก็พี่มีนกินแต่ชานมไข่มุก เดี๋ยวพอจะเปิดกล้องเรื่องใหม่ ต้องถูกสั่งลดน้ำหนักแน่” บีมเอ่ยแกมขู่จากนั้นจึงก้มลงไปจดตัวเลขในกระดาษ

“ไม่ต้องมาขู่ให้ยาก เพราะเสื้อผ้ากองนี้ก็แทบจะปริแล้ว” สาวเจ้าโอดครวญพลางลูบท้องให้ดูเป็นขวัญตา เล่นเอาบีมส่ายหัวให้กับความไม่รักษามาดนางเอก

“แต่ที่จริงพี่มีนก็ไม่ได้อ้วนนะ เพราะที่ผ่านมาพี่ผอมเกินไปต่างหาก” บีมกล่าวอย่างจริงจัง เพราะกลัวอีกฝ่ายจะโหมกระหน่ำลดน้ำหนักจนล้มพับคากองถ่ายเหมือนคราวก่อน

“นี่ไง~ พี่เลยขุนด้วยชานมไข่มุก” หญิงสาวลากเสียงยาวพร้อมยืนกางแขนไม่มีบ่น จนธุระเสร็จสิ้นก็รีบจากลา เพราะอีกฝ่ายไม่มีเวลามากนัก ยังต้องเร่งถ่ายละครให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้




กระทั่งแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น ปลายนิ้วที่กำลังควงกุญแจรถพร้อมจังหวะการก้าวเดินไปยังลานจอดก็หยุดนิ่งลง โทรศัพท์เครื่องสวยเลยได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันริมฝีปากเรียวก็แย้มยิ้มโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาถามไถ่คือคุณนัท โดยมีใจความว่า

‘พอดีผมแวะไปหาที่ร้าน แต่พวกเขาบอกว่าคุณไม่อยู่ จะกลับเมื่อไหร่ครับ ผมซื้อแคนเบอร์รี่มัฟฟินไปฝาก’

ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อก้าวเดินต่อ พร้อมก้มหน้าพิมพ์ข้อความส่งกลับไปว่า ‘เร่งทำคะแนนเหรอครับ ?’ ซึ่งแน่นอนว่าคำถามดังกล่าวไม่ได้หมายความในเชิงชู้สาว แต่หมายถึงการตอบรับที่จะสานสัมพันธ์ฉันท์เจ้านายและทาสผู้ซื่อสัตย์ที่ยังคงไม่ได้มีการตอบรับอย่างเป็นทางการ เพราะเรื่องราวในวันนั้นเป็นเพียงการ ‘ทดสอบ’ ความพึงพอใจ

จากนั้นไม่นานคุณนัทก็ส่งข้อความกลับมาว่า ‘ประมาณนั้นครับ เพราะหาคนที่คลิกกันไม่ใช่เรื่องง่าย’

จังหวะการก้าวเดินของบีมจึงค่อย ๆ ช้าลง เมื่อฝ่ามือและความคิดกำลังทำงานสัมพันธ์กัน จนกระทั่งข้อความอันยาวเหยียดถูกส่งออกไปว่า ‘ถ้าหากภายในสิบนาทีหลังจากนี้ คุณทำให้ผมรู้สึกดีได้..’ จากนั้นข้อความถัดมาก็โผล่ขึ้นว่า ‘ผมจะตอบตกลง’ แต่พออ่านรวมกันค่อนข้างให้อารมณ์ไว้ตัวและสุดแสนจะเย่อหยิ่ง

ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยี่หระซ้ำ แถมยังส่งข้อความตอบกลับมาว่า ‘อวดดีจริงๆ’ อารมณ์แห่งความพึงพอใจจึงถูกปลุกขึ้นในส่วนลึก จากนั้นไม่นานไลน์คอลก็ดังตามมาอย่างรวดเร็ว

บ่งบอกได้ว่าสัญญาณแห่งการรอคอยกำลังมาถึง

‘ผมขอดูรูปหน่อย วันนี้นายแต่งตัวได้น่าดึงดูดมากแค่ไหน’ น้ำเสียงเรียบนิ่งดังมาตามสายด้วยความเนิบช้า แต่กระนั้นก็เริ่มปลุกสัญชาตญาณดิบให้เปิดเปลือย คำตอบจึงมีได้เพียง “ได้สิครับนายท่าน”




บีมก้าวเดินอย่างเร่งรีบไปที่รถ พร้อมปลดล็อคและค้นหาขาตั้งโทรศัพท์เพื่อที่จะถ่ายรูปให้อีกฝ่ายเชยชมอย่างลนลาน

‘ทำไมถึงชักช้า กล้าขัดคำสั่งผมเหรอ’ น้ำเสียงลุ่มลึกราวกับเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธยิ่งพาให้ฝ่ามือสั่นพร่า พร้อมระล่ำระลักตอบกลับไปว่า “ม..ไม่ใช่ครับ ผมกำลังหาขาตั้งกล้องอยู่”

‘เร็ว ๆ หน่อย คนอย่างนายไม่คู่ควรกับการรอคอยของผมสักนิด’ ถ้อยคำปรามาสยังคงดังมาตามสาย ขณะที่บีมเริ่มกางขาตั้งกล้องอย่างรวดเร็ว เมื่อในที่สุดก็หาเจอได้เสียที จากนั้นรอเพียงไม่นานภาพถ่ายเต็มตัวก็ถูกส่งไปยังแอปพลิเคชันไลน์ ขณะที่บีมกำลังแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหู พร้อมเก็บขาตั้งกล้องใส่ท้ายรถและเดินเข้าไปนั่งประจำที่ด้านคนขับ

‘ลับหลังผมเลยกล้าใส่เสื้อลูกไม้สินะ’ นายท่านเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างเคืองขุ่น เมื่อเห็นบีมสวมใส่เสื้อตัวโคร่งทำจากผ้าลูกไม้ประเภท GUIPURE LACE ที่มีความพิเศษตรงที่จะมองเห็นลวดลายดอกไม้อย่างเด่นชัด เพราะสร้างจากด้ายที่มีความหนาและแข็งแรง

‘หน้าไม่อายจริง ๆ ตั้งใจแต่งตัวแบบนี้ไปอวดใครล่ะ แค่มองครู่เดียวก็ทะลุไปถึงไหนต่อไหนแล้ว’ ทันทีที่ประโยคเมื่อครู่ดังขึ้น มวลอากาศในช่องท้องก็ตีรวนไปมาอย่างรุนแรง เพราะบีมกำลังรู้สึกว่าร่างกายถูกโลมเลียอย่างเปิดเผย

‘ถอดออกเลยสิ ถ้าอยากโชว์นัก ขับกลับห้องเสื้อของนายทั้งแบบนั้นแหละ’ สิ้นคำสั่งความรู้สึกพลุ่งพล่านก็มาเยือน สายตาจึงกวาดมองรอบกายอย่างระมัดระวัง แต่กระนั้นก็ไม่ต้องหวาดหวั่นจนเกินเหตุ เพราะรถติดฟิล์มดำค่อนข้างหนา หรือถ้าหากมีใครบังเอิญมาเห็นก็ช่วยไม่ได้

“ผม.. ไม่กล้า” ปากพูดออกไปอย่างนั้น แต่ฝ่ามือเริ่มกระทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเชื่อฟัง ‘ดื้อด้านขนาดนี้ อยากให้ผมตามไปกระชากนายแล้วบังคับให้ถอดกลางลานจอดรถสินะ’ ชายหนุ่มปลายสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพลางคิดหาวิธีจัดการทาสผู้ซื่อสัตย์ที่กำลังริอาจเกเร

‘วีดิโอคอล รับสายด้วยอย่าแม้แต่จะคิดดื้อด้านกับผม’ สิ้นคำพูดนั้นสายก็ตัดไปแล้วตามมาด้วยวีดิโอคอล แต่ทันทีที่กดตอบรับความเป็นจริงก็ปรากฏ

‘อวดดี! ผมคงต้องลงโทษด้วยการกัดหน้าอกคุณแรงๆ สินะ’ ชายหนุ่มในวีดิโอคอลกล่าวพร้อมยื่นหน้าเข้าหาโทรศัพท์ เสริมสร้างให้ภาพในจินตนาการของบีมเริ่มตื่นตัว

“อ๊ะ” ฉับพลันบีมรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ขณะที่ชายในวีดิโอคอลกลับทำสีหน้าสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมานจากบทลงโทษ

และมันก็เริ่มทำให้ทุกฝ่ายหลงลืมข้อตกลง ’10 นาที’

‘คิดจะใส่ไปอวดใครล่ะ’ จู่ๆ นายท่านก็เอ่ยถาม พร้อมใช้สายตาไม่สบอารมณ์มองกลับมา

“ผมมาทำงานที่กองถ่าย ไม่ได้คิดใส่ไปอวดใครเลยนะครับนายท่าน” บีมระล่ำระลั่กตอบอย่างร้อนรน ราวกับหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ

‘ทาสอย่างนายเชื่อถือไม่ได้ ขนาดผมบอกว่าผ้าลูกไม้มันสูงส่งเกินกว่าจะเอามาใส่โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ยังจะดื้อด้านใส่มา แรงกัดเมื่อครู่คงยังไม่แรงพอสินะ ถึงได้กล้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ’ ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาดุดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้โทรศัพท์อีกครั้ง และครั้งนี้จินตนาการได้เลยว่าเขาจะต้องกัดจมเขี้ยวยิ่งกว่าคราวก่อน และยังเหมือนจะกัดย้ำซ้ำ ๆ จนบีมต้องครวญครางเสียงสั่น

“ผมขอโทษ อึก.. ยกโทษให้.. อ๊า.. ผมเถอะครับ” บีมทำสีหน้าเจ็บปวดขณะครวญครางอย่างหวิวไหว พร้อมจิกผิวกายของตัวเองเพื่อให้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายส่งมาตามสัญญาณ 4G

‘ดีมาก’ สิ้นคำชมความเก้อเขินก็นำพาให้ช่วงล่างคับแน่น และยังบ่งบอกถึงซีนที่เล่นกันในวันนี้ว่า เขาเป็นเพียงทาสที่ได้รับความโปรดปรานและยังเต็มไปด้วยความหวงแหนประมาณหนึ่ง

‘ผมจะปลอบโยนด้วยการทำให้ยอดอกของนายไร้ความเจ็บปวด’ เมื่ออีกฝ่ายใช้น้ำเสียงนุ่มนวลบ่งบอกถึงความพึงพอใจ ร่างกายของบีมก็ยิ่งบิดเร้าอย่างทรมาน เพราะใบหน้าของคนในวีดิโอคอลกำลังยื่นเข้ามาใกล้ คล้ายกับจะทำสิ่งที่ว่านั่นจริง ฝ่ามือเรียวสวยจึงตอบสนองจินตนาการอันสูงส่งด้วยการเค้นคลึงจนเริ่มแข็งขืน

“อ๊ะ..อ๊า..น..นายท่าน” บีมครางกระเส่าด้วยความหวามไหว เมื่อสัมผัสโลมไล้ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง

‘หวาน.. นายหวานจริง ๆ หวานจนผมอยากจะกัด อยากจะขย้ำให้ตัวช้ำ หึ ไม่อยากจะเชื่อคนไร้ยางอายอย่างนาย จะทำให้ผมเป็นบ้าเป็นหลังได้มากขนาดนี้’  สิ้นคำชมอันเต็มไปด้วยความหลงใหล ทำเอาความปั่นป่วนแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย กางเกงรัดรูปสีดำจึงเปิดเผยความคับแน่นอย่างกระจ่างแจ้ง

‘แต่ผมต้องไปประชุมแล้วล่ะ’ จู่ ๆ ความวูบโหวงในช่องท้องก็หายไปพร้อมกับการตัดสาย

ถือเป็นการปิดซีนที่ชวนค้างคามากที่สุด

“คุณแกล้งผม!” บีมรีบต่อสายหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วพร้อมลั่นวาจาอย่างมีน้ำโห

‘ผมไม่ได้แกล้งคุณจริง ๆ ครับ มีประชุมแล้วเพราะเกิน 10 นาที แต่คุณก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ’ ปลายสายโต้กลับจนทำให้บีมถึงกับจนคำพูด

“ครั้งหน้าคุณต้องแก้ตัว!” บีมโต้กลับราวกับออกคำสั่ง ซึ่งเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะเวลานี้ไม่ได้อยู่ในซีน แต่ใครจะไปคิดว่าปลายสายจะเอ่ยชมโต้ง ๆ ว่า ‘เวลาคุณเขินน่ารักดีนะ ไว้ผมคงต้องคิดซีนรูปแบบใหม่ซะแล้วล่ะ’ จากนั้นคุณนัทก็ตอบรับข้อเสนอของบีมก่อนจะวางสายไป

เดือดร้อนให้คนอารมณ์ค้างคาจำต้องช่วยเหลือตัวเองให้ตลอดรอดฝั่ง




เมื่อกลับมาถึงห้องเสื้ออิสระก็เห็นกล่องมัฟฟินวางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน บีมเลยบอกให้พนักงานในความดูแลนำไปแบ่งกันกิน โดยเก็บไว้ให้ตัวเองชิ้นหนึ่งเอาไว้กินคู่กับกาแฟยามบ่าย จากนั้นการทำงานก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะบีมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีเสื้อผ้าคอลเลกชันหนึ่งที่เหมาะกับตัวละคร ‘ปรายฟ้า’ จึงตัดสินใจส่งแบบเสื้อไปให้ฝ่ายคอสตูมประจำกองถ่ายเพิ่มเติม
แต่ทว่าการค้นหาเสื้อผ้าคอลเลกชันเก่า คล้ายกับเป็นการเปิดเปลือยความทรงจำในวันวาน ตั้งแต่สเก็ตช์ภาพ ทำแพทเทิร์น ถักผ้าลูกไม้ ไปจนถึงการตัดเย็บ และลองสวมใส่ จากนั้นก็ถึงเวลาที่จูเลียตจะเดินออกมาจากบทประพันธ์

กระทั่งแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น บีมจึงหลุดออกจากช่วงเวลาแห่งความเศร้าสร้อย พบว่าตนเองถูกเจ้าของห้องหมายเลข 005 เชิญชวนไปนั่งดริงก์ที่ห้อง จึงอดถามกลับไปไม่ได้ว่า ‘นี่คือการอาฟเตอร์แคร์อันล่าช้าเหรอครับ’ ฝ่ายชักชวนจึงตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า ‘จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ’ บีมจึงไหวไหล่พร้อมตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด เพราะอย่างน้อยการมีเพื่อนพูดคุยก็คงจะดีกว่าการกลับไปนอนมองเพดานห้องท่ามกลางความเงียบเชียบที่เกิดจากอดีตอันแสนเศร้า




หลังเลิกงานบีมเลือกซื้ออาหารฟาสต์ฟู้ดจำพวกแฮมเบอร์เกอร์ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากอาหารและไม่อยากใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านนานนัก จึงกลับไปนอนจ้องเพดานท่ามกลางความเงียบ ซึ่งบีมยังจดจำได้ดีว่าวินาทีแรกที่แม่เห็นเขาให้ความสนใจเกี่ยวกับงานดีไซเนอร์ แม่มักจะคอยเตือนให้กลับไปอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นยังไม่ถึงเวลาจะสอบเข้าเลยด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความดื้อดึงจึงมักจะแอบสเก็ตช์ภาพ ทำแพทเทิร์น  หลังจากที่ทุกคนในบ้านหลับกันหมด ทำให้การตัดเย็บจำเป็นต้องใช้สุ้มเสียงให้เบาที่สุด ดังนั้นจึงไม่อาจใช้จักรเย็บผ้า เลยไม่ต้องเก็บหอมรอมริบ บีมจึงอาศัยการเรียนรู้ผ่านอินเตอร์เน็ตและการซื้อหนังสือสำหรับถักผ้าลูกไม้มาใช้ประโยชน์ จนท้ายที่สุดก็สรรสร้างจนมันกลายเป็นเสื้อผ้าตัวแรกในชีวิต และแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่ออกแบบจะต้องเป็น ‘เดรส’ สำหรับผู้หญิง พอถูกจับได้พ่อกับแม่จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อาจเพราะคลางแคลงใจว่าลูกชายจะมีความเบี่ยงทางเพศ ซึ่งบีมไม่อยากจะคิดเลยว่า ‘รสนิยม’ ในปัจจุบันจะทำให้พวกท่านอกแตกตายมากแค่ไหน

กระทั่งเลยเวลานัดหมายชายหนุ่มเจ้าของห้องหมายเลข 005 จึงส่งข้อความมาเตือน บีมเลยจำต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัว โดยเลือกใส่ผ้าลูกไม้ประเภท ‘EMBROIDERED LACE’ ที่มีความประณีตและซับซ้อนจากการปักลูกไม้และประดับลูกปัดเม็ดเล็กจิ๋วลงบนเนื้อผ้าทูล ขลับให้ผ้าลูกไม้ชนิดนี้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเสื้อยืดสุดแสนธรรมดาจึงกลับกลายเป็นเนื้อผ้าซีทรูพอให้ดูเซ็กซี่ผสมปนเปไปกับความน่ารักของลวดลายดอกไม้ แต่หากมองลึกลงไปก็จะเปิดเปลือยแผงอกขาวผ่องได้อย่างไม่อุจาดตา




ทันทีที่ก้าวเข้ามายังอาณาบริเวณของคุณนัท บีมก็ถูกเชื้อเชิญไปยังระเบียงด้านนอกอีกฟากฝั่งหนึ่ง ที่มีศาลาในร่มประดับผ้าม่านสีขาวบางเบาไว้รอบทิศทาง และยังมีบาร์ขนาดเล็กติดกับสระว่ายน้ำที่มีไฟระย้าส่องสะท้อนเหนือผิวน้ำ จนทำให้ดูเหมือนมีเพชรเม็ดงามซุกซ่อนอยู่ตรงก้นสระ ส่วนทางขวามือติดระเบียงจะเป็นโซฟาสีเทาเข้ากันดีกับบรรยากาศด้านนอกในยามค่ำคืน

“อย่าบอกนะว่าคุณจะเป็นบาร์เทนเดอร์ให้ผม” หลังจากเจ้าของห้องเดินเข้าไปยังบาร์ขนาดเล็กพร้อมนำอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการผสมค็อกเทลมาวางบนโต๊ะกระเบื้อง เพราะเดิมทีบีมคิดว่าอีกฝ่ายแค่ชวนมานั่งดื่มเบียร์เย็น ๆ หรือไวน์สักขวด

“มีอะไรที่คุณยังทำไม่ได้บ้างครับเนี่ย” หลังจากได้รับคำตอบเป็นการแย้มยิ้มที่มุมปากแทบจะไม่ขยับ บีมก็อดจะสอบถามไม่ได้ เพราะคนคนนี้กำลังทำให้เขารู้สึกแปลกใจแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ

และแน่นอนว่ามันต้องสร้างความประทับใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เป็นดีไซเนอร์แบบคุณไงครับที่ผมยังทำไม่ได้ แล้วก็ยังมีอีกเยอะเลย แต่ผมยังนึกไม่ออก ให้ตายเถอะ คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจเพราะคำชื่นชม หากกู่ไม่กลับขึ้นมา ผมแย่เลยนะ” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวไร้ลวดลายเข้าคู่กับกางเกงขาสั้นกล่าวติดตลก

“จริง ๆ ผมเพิ่งฝึกผสมสูตรคอสโมโพลิแทนจากทางอินเตอร์เน็ต” เจ้าของห้องหมายเลข 005 กล่าวด้วยท่าทีสบาย ๆ ไร้มาดนักธุรกิจมากขึ้นทุกที คล้ายกับช่วงเวลาแบบนี้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายจนสามารถดึงตัวเองออกจากความเคร่งเครียด

“คุณชื่อจริงว่าอิสระเหรอครับ ถึงได้ตั้งชื่อแบรนด์แบบนั้น” คุณนัทเอ่ยถามพลางเทเลมอนวอดก้า เหล้าส้ม น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำมะนาว และน้ำเชื่อมลงในถ้วยตวงก่อนจะใส่แก้วเชค

“ชื่อจริงของผมคือธาวินครับ แต่ที่ตั้งชื่อห้องเสื้อว่าอิสระ เพราะมันคืออิสระแรกในชีวิตที่ผมไขว่คว้ามาได้” ทันทีที่บีมตอบคำถามอย่างไม่คิดปิดบัง ชายหนุ่มมาดบาร์เทนเดอร์ก็หยุดการเคลื่อนไหวอย่างไม่รู้ตัว อาจเพราะคำตอบเมื่อครู่ให้ความรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

“ฟังดูน่าเศร้าจังครับ แต่ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ไขว่คว้าอิสระมาได้แล้ว ผมเชื่อว่ามันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง” อีกฝ่ายกล่าวพร้อมรินเครื่องดื่มสีชมพูอ่อนใส่แก้วทรงสูง

“คุณล่ะครับทำไมถึงเลือกทำงานด้านบริหาร” บีมเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง พร้อมจิบค็อกเทลรสชาติเปรี้ยวหวานที่ไม่หนักแอลกอฮอล์จนเกินไป

ดังนั้นต่อให้ยกจิบทั้งคืนก็ไม่มีทางเมาแน่นอน

“ธุรกิจของครอบครัวน่ะครับ แต่ผมชอบนะ มันดูเหมาะกับตัวผมดี” คุณนัทที่กำลังตั้งท่าผสมเครื่องดื่มชนิดใหม่ละมือจากอุปกรณ์ตรงหน้า พร้อมตั้งข้อศอกกับโต๊ะกระจกและวางปลายคางลงบนหลังมือ

“คงเพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กด้วยแหละครับ” เจ้าของบาร์ขนาดย่อมกล่าวสำทับและหันไปให้ความสนใจกับการผสมค็อกเทล ขณะที่ในใจของบีมกลับไม่เห็นด้วย เพราะเขาเองก็ได้รับการปลูกฝังเรื่องการรับราชการมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็แค่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา บวกกับสังคมแถวบ้านที่ค่อนข้างเทิดทูนการรับราชการว่ามีเกียรติและน่ายกย่อง แต่ก็ไม่ได้ซึมซับแต่อย่างใด

“สำหรับผมถ้าไม่ชอบก็คงทำได้ไม่ดี หรืออาจจะทำได้ไม่เต็มที่” บีมแสดงความคิดเห็นในมุมมองของตัวเองบ้าง

“ก็จริงครับ ว่าแต่คุณหายโมโหผมเรื่องเมื่อกลางวันหรือยังน่ะ” ชายหนุ่มเจ้าของห้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นจึงเอ่ยถามถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดการอาฟเตอร์แคร์ในครั้งนี้

“อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ.. คือมันก็ตื่นเต้นและรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามแถมยังถูกทำให้อับอายในแบบที่ชอบ” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพลางจิบเครื่องดื่มสีหวานลงลำคอ เล่นเอาชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามเผลอมองตั้งแต่ลูกกระเดือกอันน่าหลงใหลที่ขยับขึ้นลง ไล่มาจนถึงเสื้อผ้าอันวับแวมที่ให้ความรู้สึกซาบซ่าน เพราะถ้าหากสายตาไม่พร่าเบลอจนเกินไป นัทคิดว่าตัวเองมองเห็นเกสรสีชมพูหวานท่ามกลางความขาวผ่องของลวดลายดอกไม้และผิวกายเนียนนุ่ม


--------------------------✁


[1] การทำแพทเทิร์น คือ การแกะแบบที่สเก็ตช์ไว้ให้พอดีกับขนาดและรูปร่างของผู้สวมใส่ เพื่อที่จะได้นำไปวางทาบบนเนื้อผ้าและตัดตามขนาดแบบ ก่อนจะนำชิ้นส่วนดังกล่าวมาตัดเย็บในขั้นตอนต่อไป


ส่วนตอนนี้เริ่มเข้าสู่ปมเรื่องบ้างแล้ว แต่เราขอแจ้งก่อนนะคะ เรื่องปมของบีมเราขอไม่ระบุจังหวัดจะดีกว่า เพราะมันคือสังคมจริง ๆ ที่เกิดขึ้นในไทยนี่แหละ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นแบบนั้นหมด เพียงแต่ในสังคมของคนที่เราฟังมามันเป็นแบบนี้จริง ๆ จุดนี้คือเมนหลักที่ทำให้เราตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ค่ะ


ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ EMBROIDERED LACE
https://imgur.com/JL9wPpY
https://imgur.com/jrkQp54

ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ GUIPURE LACE
https://imgur.com/J3EzRoE
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 3 (update 22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-11-2019 19:22:23
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 3 (update 22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-11-2019 00:30:28
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 3 (update 22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 25-11-2019 18:33:20
ตื่นเต้นทุกครั้งที่เค้าเจอกันเลยว่าจะมาในซีนไหนอีกนะ 555
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 4 (update 25/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 25-11-2019 21:00:35
ตอน 4

วันทั้งวันเจ้าของห้องเสื้อได้แต่ง่วนอยู่กับการจัดทำเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ เพราะหลังจากที่เลือกแบบได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาก็จะมีช่างทำแพทเทิร์นมาช่วยวิเคราะห์ ว่าแต่ละแบบจะต้องใช้ผ้ากี่ชิ้น และการตัดเย็บที่กำหนดไว้เหมาะสมหรือเปล่า จากนั้นก็จะเริ่มสร้าง ‘ตัวอย่างแรก’ เพื่อให้เห็นของจริงแบบคร่าวๆ ส่งผลให้กว่าบีมจะรู้ตัวว่าห้างใกล้ปิดก็ตอนที่คุณนัทแวะมาหาที่ร้าน

“วันนี้ผมยุ่งมากเลยครับ” บีมเปิดบทสนทนาโดยไม่ยอมละมือออกจากผ้าลูกไม้ประเภท ‘CHANTILLY LACE’ ที่มีความโดดเด่นของลวดลายดอกไม้ผสมผสานกับเนื้อผ้าตาข่ายโปร่งแสงได้อย่างลงตัว ซึ่งตามธีมคอลเลกชันที่ตกลงกันไว้จะมีผีเสื้อเป็นจุดเด่น ดังนั้นห้องเสื้ออิสระจึงทุ่มงบสั่งทำผ้าลูกไม้ลวดลายดังกล่าว

“พอจะทราบอยู่ครับ” คุณนัทตอบรับด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มอันน้อยนิด ฝ่ายผู้ฟังจึงต้องเงยหน้ามองด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายทราบได้อย่างไร เพราะบางทีเขาอาจจะเพิ่งยุ่งขึ้นมาก็ได้

“เมื่อกลางวันผมมาหาคุณรอบหนึ่งแล้ว ว่าจะชวนไปกินข้าว แต่เห็นพนักงานบอกว่าคุณกำลังคุยเรื่องแบบอยู่ ผมเลยไม่อยากรบกวน” ชายหนุ่มในชุดสูทมาดนักธุรกิจเต็มยศทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น

“คุณก็เลยมาหาผมตอนนี้ เพราะคิดว่างานของผมเสร็จแล้ว ?” บีมย้อนถาม ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือการพยักหน้า

“ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ คุณมาเสียเที่ยวอีกแล้ว” บีมกล่าวพลางหัวเราะเพียงเล็กน้อย ขณะง่วนอยู่กับการทำตัวอย่างแรกอย่างตั้งใจ

“คุณดูมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับผ้าลูกไม้นะครับ” หลังจากความเงียบปกคลุม คุณนัทก็เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่สายตากลับมองจ้องผ้าลูกไม้ด้วยความสนใจ

“เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของอิสระไงครับ” บีมกล่าวพลางยกยิ้ม

“ผ้าลูกไม้ที่ผมใช้คือ CHANTILLY LACE มีต้นกำเนิดมาจากเมืองแชนทิลีที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส” บีมอธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างตั้งใจ เพราะการที่มีใครสักคนให้ความสนใจกับความชอบของตัวเอง มันทำให้ความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นไม่ยาก

“ส่วนแบบนี้ผมใช้ผ้าลูกไม้ประเภท EMBROIDERED LACE เหมือนกับตัวที่ผมใส่ไปที่ห้องของคุณเมื่อวาน เน้นที่ความประณีตและความซับซ้อน ทำให้เสื้อผ้าดูมีมิติมากขึ้น” บีมเดินไปหยิบผ้าลูกไม้ชนิดดังกล่าวออกจากชั้น แล้ววางลงบนโต๊ะทำงานคู่กับแบบชุดที่เลือกไว้

“แล้วก็แบบนี้ใช้กับผ้าลูกไม้ประเภท POINT D’ESPRIT เป็นผ้าลูกไม้ที่มีน้ำหนักเบา โดดเด่นที่วงกลมหรือวงรี เหมาะกับการดีไซน์สไตล์โบฮีเมียนหรือไม่ก็วินเทจชิคๆ” เมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ชอบ บีมก็เป็นฝ่ายพูดไม่หยุดเหมือนกับตอนที่คุณนัทพูดถึงไวน์ไม่หยุดเช่นกัน

“ผมเพิ่งจะรู้ก็วันนี้ว่าผ้าลูกไม้มีหลายประเภท แต่ถึงยังไงผมก็แยกไม่ออกอยู่ดี” คุณนัทแสดงความคิดเห็นอย่างคนมีอารมณ์ขัน พร้อมสัมผัสเนื้อผ้าราวกับจะค้นหาความแตกต่าง

“ผ้าลูกไม้มีความสำคัญกับคุณมาก” คุณนัทเปรยเบา ๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองคู่สนทนา ก่อนจะตามมาด้วยคำพูดปิดท้ายว่า

“มากจนผมรู้สึกผิดที่เอาไปใช้กับเรื่องแบบนั้น ยิ่งเห็นคุณสวมใส่มันแม้กระทั่งตอนใกล้จะเข้านอน ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณรักมันมาก”

“อันที่จริงผมรู้สึกดีนะครับ เพราะคุณทำให้ผมรู้สึกว่าเสื้อผ้าทุกชุดที่ผมตัดมันมีค่ามาก หรืออย่างน้อยแค่ในสายตาของคุณก็ยังดี” บีมกล่าวด้วยแววตาสั่นไหว แต่ทว่ากลับหลบซ่อนภายในชั่วพริบตา

“ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับ ต้องรวมถึงลูกค้าของคุณด้วยสิ” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจกล่าวอย่างเอาใจ แต่มันกลับทำให้เจ้าของห้องเสื้อหลุดยิ้มออกมาได้ และยังทำให้หัวใจที่เคยเงียบเหงาเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น

“ถ้าร้านปิดแล้ว เราเดินกลับเพนท์เฮ้าส์พร้อมกันดีไหมครับ” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบและมันก็ปลุกสติของบีมที่กำลังหลุดลอยให้กลับคืนมา

“คุณจะอยู่รอผม ?” บีมเอ่ยถามเป็นการหยั่งเชิง

“ครับ เพราะผมเริ่มจะชอบดูคุณตัดเสื้อผ้าซะแล้ว” คำตอบของอีกฝ่ายเล่นเอาหัวใจสั่นไหวจนวูบโหวง แต่กระนั้นบีมก็ยังตีหน้านิ่ง เพราะการกระทำของคุณนัทคือการทำความคุ้นเคย เพื่อที่เวลาเข้าซีนจะได้เข้าคู่กันมากขึ้น ซึ่งมันคือเรื่องปกติที่ดอมมักจะทำตัวเหมือนคนรัก แต่อันที่จริงไม่ใช่

“แบบนี้ผมคงไม่มีสมาธิทำงานแน่” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าคล้ายกับต้องการปัดเป่าความรู้สึกบางอย่าง พร้อมปรายตามองไปยังตู้ไม้สไตล์วินเทจที่บรรจุ ‘Lace Trim’ ที่ใช้สำหรับตกแต่งแขนเสื้อหรือไม่ก็ชายเสื้อเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง

“เพราะนายกำลังคิดเรื่องลามกใช่หรือเปล่าล่ะ” น้ำเสียงของคุณนัทยังคงราบเรียบ แต่ทว่าฝ่ามือกลับลากไล้โต๊ะทำงานของดีไซเนอร์มือฉมัง พร้อมก้าวเดินราวกับจะเข้ามาหา เล่นเอาลมหายใจของบีมติดขัด

“นายคงอยากให้ผมใช้พวกมันมัดแทนเชือกสินะ” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อเห็นฝ่ายซับเริ่มมีปฏิกิริยาผิดหวัง ที่เป้าหมายกลับกลายเป็นตู้เก็บเทปลูกไม้

“นายมันหน้าไม่อายสิ้นดี แม้แต่ในที่สาธารณะก็ยังคิดแต่เรื่องลามก” วาจาปรามาสปลุกเร้าความต้องการให้พุ่งสูง โดยไม่คำนึงถึงสถานที่หรือแม้แต่ระยะเวลา

“ในฐานะเจ้านายที่ดี ผมควรตอบสนองใช่หรือเปล่าล่ะ ?” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเมียงมองเทปลูกไม้ด้วยความสนใจ คล้ายกับครุ่นคิดว่าจะใช้ลวดลายแบบไหน ซึ่งผ้าลูกไม้ค่อนข้างเต็มไปด้วยความอ่อนช้อยของธรรมชาติ และผู้ควบคุมอาจจะรู้สึกว่ามันไม่คู่ควร การเลือกสรรจึงดำเนินไปอย่างเนิ่นนาน แต่ทว่ามันกลับทำให้ผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อรู้สึกลุ้นระทึก

“หากพนักงานของนายหรือว่าลูกค้าของนายมาเห็นเข้าจะรู้สึกยังไงนะ แต่ผมว่าพวกเขาคงจะสมเพชนายน่าดู” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมนำเทปลูกไม้ม้วนหนึ่งคล้องลำคอผู้เป็นเจ้าของ และออกแรงดึงรั้งไปข้างหลังด้วยความนุ่มนวล ราวกับลอบสังเกตปฏิกิริยา จากนั้นจึงกระชับเทปลูกไม้ให้แน่นขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของความปลอดภัย เพราะบีมไม่ได้รู้สึกหายใจไม่ออกแต่อย่างใด

“รีบเก็บของดีกว่าครับ ห้างใกล้จะปิดแล้ว” สุ้มเสียงกระซิบชิดริมหูดังขึ้นพร้อมกับเทปลูกไม้ถูกนำไปเก็บยังชั้นวาง

“คุณแกล้งผมนี่!” บีมกล่าวพลางชี้ไปยังชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสุดเรียบนิ่ง ขณะที่ฝ่ามือก็ลูบตรงบริเวณลำคอที่ได้รับการเสียดสี แต่กระนั้นบีมก็ยังเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากกลั่นแกล้ง เพียงแต่ไม่อยากจะใช้เทปลูกไม้เนื้อหยาบในการรัดคอเสียมากกว่า

“ก็คุณแกล้งยั่วผมก่อนนี่ครับ” อีกฝ่ายไหวไหล่ซ้ำยังกดยิ้มลึกตรงมุมปาก 

“ผมขอดูหน่อยครับ เป็นแผลหรือเปล่า” แต่แล้วความใส่ใจของคุณนัทก็ยังคงดีเยี่ยม เพราะทันทีที่สังเกตเห็นว่าเจ้าของห้องเสื้อดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ผู้มาเยือนก็ไม่ลืมจะตรวจตรา

“ไม่น่าจะเป็นนะครับ เพราะผมแค่แสบ ๆ คัน ๆ นิดหน่อย” เจ้าของลำคอระหงกล่าวพร้อมลูบไล้ผิวเนื้อของตัวเอง จึงทำให้ปลายนิ้วเผลอสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ

“แต่ผมว่าทายาไว้ก่อนดีกว่าครับ” ทั้งสองผละตัวออกจากกัน โดยที่ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเป็นฝ่ายแสดงความคิดเห็น จากนั้นจึงช่วยเจ้าของห้องเสื้อจัดเก็บผ้าลูกไม้เข้าชั้นวางให้เรียบร้อย แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านพร้อมกัน

เพราะหน้าที่ปิดสโตร์เป็นของน้องพนักงานขาย





ชายหนุ่มทั้งสองเดินเคียงข้างกันตั้งแต่ในลิฟต์ของห้างสรรพสินค้ามาจนถึงทางเชื่อมไปยังเพนท์เฮ้าส์สุดหรู จังหวะการก้าวเดินจึงไม่ได้เป็นไปอย่างรีบร้อน คล้ายกับต้องการให้บรรยากาศในเวลา 5 ทุ่มปัดเป่าความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

“ต่อไปผมคงต้องมานั่งเล่นที่ร้านของคุณจะได้กลับบ้านในเวลาแบบนี้ซะแล้วล่ะ คุณดูสิ ได้เห็นดาวบนดินและดาวบนฟ้าพร้อมกัน ต่อให้ทำงานจนหัวปั่นแค่ไหนก็ยังรู้สึกปลอดโปร่งเหมือนกับได้รับการร่ายเวทมนตร์จากนางฟ้า” คุณนัทพูดขึ้นพร้อมส่งยิ้มมาให้คล้ายกับต้องการสอบถามความคิดเห็น

“แล้วแต่คุณสิครับ เราเป็นเพื่อนกันจะไปมาหาสู่กันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” บีมเอ่ยตอบอย่างฉะฉาน พร้อมเพิ่มสถานะของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ” คุณนัทกล่าวพร้อมวาดฝ่ามือและโค้งตัวอย่างสุภาพ เพียงแต่มันออกจะสุภาพเกินไปหน่อย บีมจึงดูออกได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเล่นอย่างสนิทสนม

“เพลย์ครั้งต่อไปถ้าหากผมอยากลองเบร็ธเพลย์  คุณจะรับไหวหรือเปล่าครับ ผมทำ CPR เป็นรับรองว่าถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ผมสามารถปฐมพยาบาลให้คุณได้ แต่ถ้าหากคุณไม่มั่นใจในตัวผมก็ไม่เป็นไรนะครับ” เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ช่วงเวลาปกติ ชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 จึงเอ่ยถามคล้ายกับวางแผนสำหรับซีนต่อไป

“ไหวครับ เพราะผมเชื่อใจคุณ” บีมตอบกลับอย่างชัดเจน เพราะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับคุณนัท ดูเหมือนเรื่องความปลอดภัยจะได้รับความใส่ใจมากเป็นพิเศษ
 
“เซฟเวิร์ดเราควรกำหนดเป็นอะไรดีครับ” คุณนัทเอ่ยถามอย่างให้ความสำคัญ เพราะแน่นอนว่าการเบร็ธเพลย์จะส่งผลกระทบต่อการพูด ดังนั้นอาจจะต้องกำหนดเป็นท่าทางที่เข้าใจง่าย

“จับแขนของคุณไว้ดีไหมครับ ?” บีมเดินขมวดคิ้วสักพักจึงแสดงความคิดเห็น เพราะการเบร็ธเพลย์ส่งผลให้ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะวางแขนแนบลำตัว แต่ถ้าหากใช้วิธีจับแขน คุณนัทก็จะทราบถึงแรงบีบที่ค่อย ๆ ลดลง

“โอเคเลยครับ แต่คุณคงต้องเป็นทาสแสนพยศจนถึงที่สุด ผมจะได้สังเกตอาการของคุณได้ง่ายขึ้น” นัทเพิ่มขอบเขตของความชัดเจนให้รัดกุม เพื่อที่เวลาเพลย์จะได้ไม่เกิดความคลาดเคลื่อน

“ไม่มีปัญหาครับ” บีมกล่าวพลางไหวไหล่

“แล้ววันนั้นคุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” ผู้เป็นเจ้าบ้านตอบรับด้วยรอยยิ้ม และยังคงเอ่ยถามขณะที่จังหวะก้าวเดินเริ่มช้าลง

“สเต๊กดีไหมครับจะได้ทานคู่กับไวน์แดง” บีมยื่นข้อเสนออย่างไม่มีความเกรงใจ อาจเพราะเริ่มสนิทกันแล้ว และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง

“แต่การเพลย์แบบนี้ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์นะครับ ผมว่าน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ดีกว่า ส่วนสเต๊กเอาเป็นพริกไทยดำแล้วกัน แต่คงต้องกินหลังจากเพลย์เสร็จ หรือไม่ก็เพลย์หลังจากทานมื้อเย็นสักชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉินเศษอาหารจะได้ไม่ไปอุดหลอดลม” คุณนัทแสดงความคิดเห็นอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งบีมก็รู้สึกพึงพอใจต่อผลลัพธ์ของการทดสอบเป็นอย่างมาก และมันก็สร้างความประทับใจที่มีต่ออีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ

“วันนั้นคุณเอาแถบผ้าลูกไม้มาด้วยนะครับ แต่ผมขอรีเควชเนื้อผ้านิ่ม ๆ หน่อยจะได้ไม่ระคายผิว” เมื่อไม่อาจประวิงเวลาได้อีก ทั้งคู่จึงก้าวเข้ามายังลิฟต์ประจำเพนท์เฮ้าส์ แต่ชายหนุ่มผู้เป็นต้นคิดก็ไม่ลืมบอกกล่าวเรื่องสำคัญ

“คุณหมายถึงเทปลูกไม้ที่เราเล่นกันเมื่อสักครู่เหรอครับ” บีมเอ่ยถามคล้ายกับไม่แน่ใจ

“ใช่ครับ ขายหน้าคุณจัง เรียกผิดจนได้” อีกฝ่ายกล่าวพลางลูบท้ายทอยแก้เก้อ จนบีมอดคิดไม่ได้ว่าตั้งแต่รู้จักกันมา ผู้ชายคนนี้มีมุมที่น่าค้นหาเยอะดีจัง

“จริง ๆ จะเรียกว่าแถบผ้าลูกไม้ก็ไม่ผิดนะครับ” บีมกล่าวพลางตั้งท่าจะเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นของตัวเอง

“พรุ่งนี้กลับด้วยกันอีกนะครับ” ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง คุณนัทเอ่ยรั้งด้วยคำพูดนั้นและจากไปพร้อมกับรอยยิ้มถึงนัยน์ตา บีมจึงได้แต่ยืนแน่นิ่งราวกับสติยังไม่กลับเข้าที่ ขณะที่หัวใจกำลังเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่



เมื่อเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่บีมให้ความสนใจคือการเลือกเสื้อผ้าสำหรับเพลย์ในครั้งต่อไป พร้อมผิวปากอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงไปอาบน้ำแล้วนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง โดยมีรูปของคุณนัทที่เคยส่งมาให้เอาไว้ดูต่างหน้า จากนั้นความคิดก็เริ่มเตลิด

‘พรุ่งนี้เราเพลย์กันเลยดีไหมครับ ?’ บีมส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง เพราะไม่อยากรอคอยให้ขั้นตอนการสร้างตัวอย่างแรกผ่านพ้นไป

‘ได้ครับ’ ทันทีที่ได้รับคำตอบสมใจ ริมฝีปากของบีมก็เริ่มคลี่ยิ้ม

‘นอกจากเบร็ธเพลย์แล้ว คุณตีผมด้วยได้หรือเปล่าครับ’ บีมยังคงยื่นข้อเสนอที่ดูเหมือนเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างต่อเนื่อง

‘มือหรืออุปกรณ์ดีครับ’ สิ้นคำถามคุณนัทก็รีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บีมจึงใช้เวลาครุ่นคิดครู่หนึ่ง เพราะต้องจินตนาการเทียบระหว่างฝ่ามือคู่นั้นกับอุปกรณ์ทื่อ ๆ ชิ้นหนึ่ง

‘จริง ๆ ผมโอเคทั้งสองอย่างนะครับ แต่เทียบกันแล้วผมอยากให้คุณใช้มือตีผมมากกว่า’ เมื่อตกลงกับตัวเองแล้ว บีมจึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วฉะฉาน เพราะเขามีความปรารถนาต่อสัมผัสของอีกฝ่าย และยังอยากรับรู้ถึงความสุขสมจากฝ่ามือคู่นั้น

‘คุณจะนอนหรือยังครับ’ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถาม บีมจึงเหลือบมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่บีมยังตาสว่างอยู่

‘ใกล้แล้วล่ะครับ’ สุดท้ายก็ต้องยอมบอกสิ่งที่ตรงกันข้าม ขณะที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่งข้อความตอบกลับมาว่า ‘ฝันดีนะครับ’ แต่มันกลับทำให้เจ้าของห้องเสื้อยิ่งตาสว่าง และสุดท้ายก็ต้องตัดใจอวยพรกลับไป เพื่อปิดจบบทสนทนาในวันนี้ว่า.. ‘ฝันดีเหมือนกับครับ’

และแล้วผีเสื้อในช่องท้องก็สยายปีกอย่างรวดเร็ว บีมเลยได้แต่นอนดิ้นไปมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงเพราะรอยยิ้มน่ามองก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง




เช้าวันนี้บีมเลยพิถีพิถันกับตัวเองมากเป็นพิเศษ มื้อเช้าที่เคยกินอย่างมักง่ายก็ปรับเปลี่ยนเป็นปรุงสดด้วยตัวเองอย่างอารมณ์ดี กระทั่งอิ่มหนำจึงลุกไปแต่งตัว แต่พอจะหยิบเสื้อผ้าตัวที่เลือกไว้เมื่อคืนมาใส่ก็นึกลังเล

เพราะนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณนัทจะขอกลับด้วย ถ้าหากใส่ชุดนี้ทั้งวันก็อาจจะตัวเหม็น หรือถ้าหากคุณนัทไม่อยากให้เสียเวลาก็อาจจะชวนขึ้นห้องพร้อมกัน แน่นอนว่าพอถึงเวลา บีมจะต้องใส่ชุดคลุมอาบน้ำเวลาเข้าซีน

สุดท้ายบีมจึงเลือกเสื้อผ้าอีกชุดใส่ไปทำงาน จะได้กลับมาเปลี่ยนที่ห้อง โดยวางแผนเอาไว้ว่าจะเลิกงานสัก 2 ทุ่ม เพราะกว่าห้างจะเปิดก็ 11 โมงแล้ว แต่จู่ ๆ ความลังเลใจก็บังเกิด จึงเปลี่ยนใจหยิบเสื้อผ้าอีกชุดยัดใส่กระเป๋า ราวกับเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์




“พอคุณไม่ได้ใส่เสื้อลูกไม้ ดูแปลกตาไปเลยนะครับ” เมื่อประตูลิฟต์สีเทาเปิดกว้าง เจ้าของห้องหมายเลข 005 จึงกล่าวทักทายคนคุ้นเคยที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่ง ประดับเข็มกลัดลวดลายกระต่ายตัวเล็กเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำ

“แต่ก็ยังมีผ้าลูกไม้อยู่นะครับ” บีมกล่าวพร้อมยื่นขาออกไปข้างหน้า เพื่อให้อีกฝ่ายมองเห็นว่ารองเท้าผ้าใบสีดำคู่นี้ ถูกประดับด้วยผ้าลูกไม้บางเบา

“แบบนี้ค่อยสมกับเป็นคุณหน่อย ทำเองเหรอครับ” ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามพร้อมจ้องมองด้วยความสนใจ จึงสังเกตเห็นแบรนด์รองเท้าอันแท้จริง

“ครับ” บีมตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ

“หากไม่เป็นการรบกวน ผมอยากให้คุณทำให้ผมสักคู่” อีกฝ่ายร้องขอ แต่ก็ยังเจือปนด้วยความเกรงใจ

“เอาไว้ตั้งโชว์เหรอครับ ?” บีมย้อนถาม เพราะอีกฝ่ายไม่น่าจะมีโอกาสใส่รองเท้าลำลองมากนัก

“ถ้าคุณยอมทำให้ รับรองว่ามันจะไม่ใช่แค่ของตั้งโชว์” ชายหนุ่มในมาดนักธุรกิจกล่าวอย่างมาดมั่น

“คุณชอบสะสมรองเท้าเหรอครับ ?” บีมเริ่มคาดเดาทันทีที่อีกฝ่ายพูดประโยคเมื่อสักครู่จบ

“ครับ” ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มรับ แต่ยังคงเป็นรอยยิ้มที่ต้องคอยสังเกต

“สองทุ่มวันนี้ คุณจะเปิดตู้สะสมรองเท้าให้ผมเลือก ?” บีมเอ่ยถามเป็นการลองเชิง เพราะคนรักรองเท้า มักจะหวงแหนจนถึงขนาดที่ตัวเองสะดุดล้มไม่ว่า แต่รองเท้าจะต้องไม่เลอะ

“ไม่มีปัญหาครับ” เจ้าของรองเท้าเอ่ยตอบพร้อมไหวไหล่ ซึ่งมันทำให้บีมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกปฏิบัติราวกับข้อยกเว้น

หัวใจจึงสั่นระรัวด้วยความหวั่นไหว


--------------------------✁


[1] Breath Play (เบร็ธเพลย์) คือ การเพลย์แบบจำกัดลมหายใจเพื่อลดปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมอง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ บีบคอ (Choking) ปิดปากหรือจมูก (Smothering) ด้วยการใช้มือหรืออุปกรณ์ และการรัดคอ (Strangulation) ด้วยการใช้อุปกรณ์จำพวก เชือก เข็มขัด

26/11/2019 ขออนุญาตแก้ไขข้อมูลตรงส่วนของเซฟเวิร์ดนะคะ พอดีทางเพจ Thailand BDSM : Let's play and learn แนะนำมาว่าการชูกำปั้นไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะตอนที่กำลังเพลย์จะไม่มีเรี่ยวแรงชูกำปั้นค่ะ ส่วนคนที่อ่านไปบ้างแล้วเดี๋ยวเราจะแก้ความเข้าใจผิดในตอนถัดไปอีกทีค่ะ

สำหรับตอนนี้จะเป็นช่วงพัฒนาความสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ และมีการพูดถึงเบร็ธเพลย์เล็กน้อย เดี๋ยวตอนต่อไปเราจะเอาอ้างอิงมาแปะให้ค่ะ รายละเอียดจะเยอะกว่าที่เราเขียนถึง อีกอย่างคือการเพลย์ในรูปแบบนี้อันตรายมาก เพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าหากทำไม่เป็นไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการมีรสนิยมแบบนี้จะต้องเรียนรู้ให้ชำนาญ ไม่ใช่ว่าชอบแบบนี้ก็จะทำได้เลยค่ะ ทั้งนี้รวมถึงการตีด้วย เพราะมันจะมีส่วนต้องห้ามอยู่เหมือนกัน
ปล. ขอแก้จากบรีธเพลย์เป็นเบร็ธเพลย์ตามที่นักอ่านท่านนึงแนะนำมานะคะ

ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ CHANTILLY LACE
https://imgur.com/6c5jag3
https://imgur.com/fI1zBkF

ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ POINT D’ESPRIT
https://imgur.com/PFo013F
 https://imgur.com/u2lakHU

ตัวอย่าง Lace Trim (ในเรื่องเราขอเรียกว่าเทปลูกไม้ตามที่เสิร์ชเจอพวกร้านขายของแบบนี้ใช้กันนะคะ น่าจะเข้าใจง่ายกว่า)
https://imgur.com/ntqv15W

ปล. EMBROIDERED LACE เคยอัพไว้ตอนที่ 3 นะคะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 4 (update 25/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-11-2019 22:38:41
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 5 (update 27/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 27-11-2019 20:01:33
ตอน 5

เมื่อเวลาเลิกงานมาเยือน บีมนึกขอบคุณตัวเองที่มีความรอบคอบ ไม่อย่างนั้นอาจได้ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำตอนกำลังเพลย์จริง ๆ หากถามว่าทำไมถึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตัวมากนัก เพราะถึงอย่างไรก็ต้อง ‘ถอด’ ออกอยู่ดี คงเพราะบีมอยากให้คุณนัทเลือกใช้ผ้าลูกไม้ในเชิงเสียดสีเพื่อสร้างความอับอาย

“คุณ.. เลือกได้หรือยังครับ ?” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำ เดินล้วงกระเป๋าเข้ามายังห้องเก็บรองเท้าที่อยู่ตรงปากประตูทางเข้าใกล้กับชั้นวางรองเท้า หลังจากทานมื้อเย็นที่ค่อนไปทางดึกมากจนเสร็จสิ้น และต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปอาบน้ำ แล้วมาเจอกันที่ห้องสะสมรองเท้าเพื่อคัดเลือกตามสัญญา และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อหากิจกรรมทำฆ่าเวลาระหว่างที่รอเวลาให้อาหารเริ่มย่อย เพื่อที่จะได้ไม่กระทบต่อความปลอดภัยของการเบร็ธเพลย์

“คู่นี้ครับ” บีมถือวิสาสะหยิบรองเท้ากีฬาแบรนด์ดังออกมาจากตู้โชว์ที่มีอยู่รอบทิศทาง โดยแบ่งออกเป็นแบรนด์ต่าง ๆ อย่างมีระเบียบ คล้ายกับหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายมีแนวโน้มจะเปลี่ยนใจหรือไม่

“เชิญครับ” ชายหนุ่มเจ้าของรองเท้านอกจากจะไม่เปลี่ยนใจแล้ว ยังเดินไปหากล่องใส่รองเท้ารุ่นดังกล่าวให้อีกด้วย

“ไม่เสียดายเหรอครับ ?” บีมเดินตามอีกฝ่ายพร้อมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ และเปิดโอกาสให้ผู้เป็นเจ้าของตัดสินใจอีกครั้ง

“ถ้าหากคุณอยากจะผิดคำพูด ผมก็ไม่ถือโทษโกรธคุณหรอก” บีมยังคงกล่าวต่อไป พร้อมนั่งยองกับพื้นในระดับเดียวกัน

“ผมพูดจริง ๆ คุณไม่กลัวผมทำรองเท้าเสียหายเหรอ ?” บีมขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มขำ โดยที่ใบหน้าแทบไม่ขยับสักเซ็น แต่ที่บีมรู้เพราะได้ยินเสียง ‘หึ’ หลุดออกมาเบา ๆ

“ถ้าหากผมกลัว คุณคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะเหยียบเข้ามาในห้องนี้แล้วล่ะครับ” อีกฝ่ายประกาศก้องอย่างชัดแจ้ง พร้อมยื้อแย่งรองเท้าผ้าใบสีขาวแบรนด์ดังใส่กล่อง และหาถุงกระดาษจากแบรนด์เดียวกันมาสวมทับอีกที เพื่อที่ผู้รับจะได้ถืออย่างสะดวกสบาย

“คุณไว้ใจผมง่ายเกินไปแล้ว” บีมเอ่ยเสียงค่อยพร้อมเดินตามเจ้าของห้องออกมายังห้องนั่งเล่นติดกระจกบานใหญ่ โดยมีรองเท้าแบรนด์ดังวางอยู่บนโต๊ะสีดำ ขณะที่ชายผู้เป็นเจ้าของห้องกลับทิ้งตัวลงนั่งไขว้ขาบนโซฟาสีขาวออกครีมพร้อมกอดอกด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ดวงตาคมกริบคู่นั้นไม่แม้แต่จะหันมองผู้มาเยือน ราวกับเห็นเป็นอากาศธาตุ

แค่นั้นบีมก็รับรู้ได้แล้วว่า..

การเพลย์ในซีนต่อไปกำลังจะเกิดขึ้น




“นั่งลง!” เมื่อซับในความครอบครองยังเอาแต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ความ ทั้ง ๆ ที่การแต่งตัวด้วยผ้าลูกไม้สีขาวสไตล์ซีทรูที่มองเห็นไปถึงไหนต่อไหน ล้วนบ่งบอกว่าอีกฝ่ายช่ำชองในเรื่องอย่างว่า ผู้เป็นดอมจึงอดใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ บีมจึงลนลานนั่งในท่าเบญจางคประดิษฐ์ตรงแทบเท้าอย่างรวดเร็ว

“นายมันมีดีแค่หน้าสวยและแต่งตัวยั่วยวน แต่อย่างอื่นไม่ได้เรื่องสักนิด” สายตาเหยียดหยามส่งมาพร้อมคำพูดเสียดสี เล่นเอาหัวใจของผู้ฟังสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น เพราะจากคำพูดของอีกฝ่ายประเมินได้ว่าร่างกายนี้คงจะถูกสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้ว บีมจึงอดคิดไม่ได้ว่าโชคดีเหลือเกินที่หยิบเสื้อผ้านอกสายตาตัวนี้ใส่กระเป๋า

“ถามหน่อยว่าผมควรเสียเวลาหิ้วคนที่ไม่ได้เรื่องกลับมาด้วยหรือเปล่า ?” จากคำพูดของนายท่าน ทำให้บีมเริ่มเข้าใจว่าซีนสำหรับวันนี้คือการพบเจอกันข้างนอกและจบลงด้วยความถูกใจจึงหิ้วกลับมา แต่ปรากฏว่าฝ่ายซับเอาแต่ยืนแข็งทื่อราวกับไม่ประสีประสา ผู้เป็นดอมจึงเริ่มไม่สบอารมณ์

“ผ..ผมขอโทษ” บีมกล่าวเสียงสั่นซ้ำยังตัวสั่นพร่าคล้ายกับตกใจท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้ผู้ควบคุมเริ่มแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ

“ขอโทษแล้วมันทดแทนเวลาที่ผมเสียไปได้หรือเปล่า” นายท่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ซ้ำยังลุกขึ้นมาบีบริมฝีปากของบีมจนสร้างความเจ็บปวด แต่กระนั้นปรอทแห่งความสุขกลับพุ่งสูง เพียงแต่การแสดงออกกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ผ..ผม..ผมขอโทษ..อึก..จะลงโทษ..ผมยังไงก็ได้..ผม..” ชายหนุ่มผู้มีน้ำตานองหน้าระล่ำระลักอย่างทุกข์ทรมาน ขณะที่แรงบีบไม่ได้ลดน้อยลง จึงทำให้กว่าจะพูดจบก็เสียเวลาไปมาก

“ดี!” เมื่อผู้เป็นนายได้รับคำตอบที่พึงพอใจก็รีบปลดปล่อยอีกฝ่ายออกจากพันธนาการ จากนั้นจึงเดินไปยังห้อง ๆ หนึ่ง บีมเลยมองตามด้วยหัวใจลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะลงโทษอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ตกลงกันว่าจะลองเบร็ธเพลย์ ซึ่งการเพลย์ในลักษณะนี้ก็มีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบีบคอ การปิดจมูกหรือปาก รวมถึงการรัดคอ

อีกทั้งยังมีเงื่อนไขว่านายท่านจะต้องใช้มือตีแรง ๆ เพื่อเพิ่มความสุขสม แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีอุปกรณ์บางอย่างที่อยากเล่น บีมจึงไม่รอช้าที่จะทำตัวให้เจ้านายพึงพอใจด้วยการปลดเปลื้องอาภรณ์เบื้องล่างอวดโฉมผิวเนื้อเนียนสวย เพราะซีนสำหรับวันนี้คือ ‘ซับผู้ไม่ประสีประสา’ ที่กำลังจะโดนลงโทษ

“คนไม่ได้เรื่องอย่างนายเริ่มเป็นงานแล้วนี่” ทันทีที่ผู้เป็นนายออกมาเห็น น้ำเสียงฟังดูอารมณ์ดีขึ้นมาก แต่ทว่าการลงโทษยังคงเป็นไปตามนั้น บีมจึงใช้สายตาจ้องมองแส้ม้าเรียวยาวหรือที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า ‘crop’ และไวเบรเตอร์แบบนวดเฉพาะจุดในมือของอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นประกาย แต่ในทางกลับกันก็สามารถแสดงออกถึงความหวาดกลัวได้อย่างลงตัว

“กลัวหรือไง แต่เปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์กล่าวเย้ยหยัน พร้อมโยนอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ยังไม่จำเป็นไว้บนโซฟา

“หวังว่าหลังจากที่ผมลงโทษนายแล้ว คงจะไม่ทำให้ผมอารมณ์เสียอีก” นายท่านกล่าวพลางรั้งตัวฝ่ายซับให้ลุกขึ้นยืน

“เอามือกอดคอตัวเองไว้” นายท่านยังคงสั่งการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความเย็นของแส้ม้ากำลังลากไล้ไปทั่วผิวกาย เสริมสร้างความหวามไหวในช่องอก

“นายแต่งตัวยั่วยวนตาแบบนี้..” ผู้เป็นนายกล่าวพลางใช้แส้ม้าสะบัดลงบนยอดอกด้วยความเบามือ จากนั้นก็ลากไล้ไปตามแผ่นหลังขณะเดินวนรอบตัวเพื่อเสริมสร้างความกดดันผสมปนเปกับความตื่นเต้น

“แล้วยังขึ้นไปเต้นรูดเสาอย่างร้อนแรงตรงหน้าผม” น้ำเสียงราบเรียบยังคงดำเนินต่อไป แต่ทว่าแววตาของผู้พูดกลับนึกสนุกและแสดงออกถึงความขุ่นเคืองอยู่ในที

“อา..อ๊า” บีมเปล่งเสียงครวญหวานอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อจู่ ๆ แส้ม้าอันเยียบเย็นก็สะบัดลงบนหน้าท้องที่แอบซ่อนภายใต้เสื้อซีทรูอันเปิดเปลือย ลากไล้ไปยังสีข้างทันทีที่เจ้านายเดินวนรอบลำตัวอย่างน่าหวาดหวั่น แต่กระนั้นนายท่านก็จงใจละเว้นบริเวณบั้นเอวด้านหลัง เพราะมันคือที่ตั้งของไตจึงเป็นส่วนต้องห้าม

“อะไรกัน ผมลงโทษแค่นี้ คุณก็เริ่มมีอารมณ์แล้วเหรอ ช่างกระตุ้นง่ายเสียจริง” ชายหนุ่มกล่าวเย้ยหยันซ้ำยังหัวเราะอย่างขบขัน เล่นเอาใบหน้าของบีมร้อนผ่าว เพียงแต่ไม่ได้เกิดจากความเอียงอาย เพราะมันเกิดจากความต้องการที่พุ่งสูง

“อึก..อ๊า..” เสียงครวญครางยังคงไม่จบสิ้น เมื่อเจ้านายใช้แส้ม้าสัมผัสบริเวณส่วนอ่อนไหวเพียงบางเบา ราวกับจะตอกย้ำความไม่ประสีประสาของผู้เป็นเจ้าของ

“อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ ฟังความผิดของนายให้หมดก่อน” นายท่านกล่าวพร้อมเชยคางของผู้ถูกลงโทษก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วอย่างใจเย็น

“ท่าทางน่าขย้ำแบบนั้น เล่นเอาผมจินตนาการถึงตอนที่ได้จัดการนายแรง ๆ จนต้องร้องขอให้ผมหยุด” สิ้นคำพูดดังกล่าวแส้ม้าก็ประทับลงบนสะโพกเนียนนุ่มจนเกิดเป็นรอยแดงจ้ำ ส่งผลให้ผู้ต้องโทษร้องครวญครางจนเสียงหลง

“อ๊า!..อึก..ผ..ผมเจ็บ” ริมฝีปากสั่นระริกกว่าจะเอ่ยจบประโยคก็เล่นเอาอุปกรณ์ทรมานฟาดซ้ำๆ ลงบนร่างกายจนเกิดร่องรอยตั้งแต่ช่วงอกเรื่อยไปจนถึงสะโพกกลมกลึง เพราะคำว่า ‘เจ็บ’ ก็ไม่ต่างกับการยั่วยุให้รู้สึกสนุกสนาน และมันก็ไม่ได้แปลว่าฝ่ายซับต้องการให้ ‘หยุด’ อย่างที่พยายามแสดงออก

“เจ็บสิจะได้จำว่าไม่ควรมายั่วยวนผมแล้วมายืนแข็งทื่ออยู่ในห้องแบบนี้!” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันคล้ายกับเริ่มโมโห แส้ม้าจึงถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี จากนั้นลำคอของบีมก็ถูกบีบจนเริ่มหายใจไม่ออก แต่กระนั้นก็ยังถือว่าไม่อันตราย เพราะคุณนัทไม่ได้ลงน้ำหนักมือบริเวณลูกกระเดือกอันเป็นส่วนต้องห้าม แต่กลับใช้นิ้วโป้งออกแรงบีบบริเวณข้างลำคอ แทนที่จะใช้นิ้วมือทั้งสี่กดลงไป เพราะการจำกัดอากาศไม่ควรทำพร้อมกันทั้งห้านิ้ว ดังนั้นก่อนจะเกิดการเพลย์แบบนี้ได้ บีมคาดเดาว่าคุณนัทคงจะทดลองบีบคอตัวเองเพื่อคาดคะเนความหนักเบามาก่อนแล้ว

“อึก..ผม..ขอโทษ” บีมยังคงเอ่ยขอโทษไม่หยุดยั้ง ราวกับเกิดมาเพื่อพูดคำดังกล่าว ขณะที่ฝ่ามือพยายามจะแกะพันธนาการอันแข็งแรงออก แต่ในทางกลับกันมันคือการกระทำที่เป็นส่วนหนึ่งของเซฟเวิร์ด พร้อมใช้ริมฝีปากกอบโกยอากาศบริสุทธิ์อย่างสุดความสามารถ ส่วนน้ำตาก็เริ่มไหลริน ทว่าเรี่ยวแรงการเอาชีวิตรอดกลับไม่ได้ลดน้อยลง และยังเป็นการกระตุ้นความสุขสมของผู้เป็นดอมได้อย่างดีเยี่ยม

“นายรู้ตัวหรือเปล่า เวลาที่นายร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน ใบหน้าของนายดูน่ามองกว่าเวลาปกติเสียอีก” นายท่านกล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เพียงแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างน่ากลัว บีมจึงยิ่งรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับซีนดังกล่าว แต่กระนั้นในหัวก็เริ่มมึนงง

“แค่ก!” บีมเกิดอาการไอออกมาอย่างไม่อาจกลั้น ส่งผลให้เรี่ยวแรงเริ่มหมดไป ฝ่ามือที่เคยกำรอบเรียวแขนของนายท่านจึงค่อย ๆ ผ่อนลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ขณะที่ช่วงล่างกำลังฉ่ำเยิ้มไม่ต่างกับผู้ควบคุม

“ไม่ไหวแต่ก็ยังอวดดี! ทำไมไม่ขอร้องอย่างน่าสมเพชเพื่อให้ผมยกโทษให้นายล่ะ!” ชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จากนั้นจึงดันร่างเพรียวออกห่างอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะการไอถือเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่าอีกฝ่ายเริ่มจะรับไม่ไหว และยังเป็นสัญญาณเตือนว่าการเพลย์เมื่อสักครู่เกิดความผิดพลาด เพราะการดีดดิ้นของอีกฝ่ายทำให้จุดปลอดภัยเกิดความคลาดเคลื่อน อีกทั้งแรงบีบที่เคยสม่ำเสมอกลับค่อย ๆ ลดน้อยลง นัทจึงรับรู้ได้ทันทีว่าการเบร็ธเพลย์ควรจะหยุดลงเพียงแค่นี้

“เวลาไปเที่ยวในสถานเริงรมย์แบบนั้น นายพกเทปลูกไม้ไปด้วยเหรอ คงอยากจะให้ใครสักคนมัดนายสินะ ช่างใจกล้าแบบท่าดีทีเหลวเสียจริง” ชายหนุ่มผู้ถือวิสาสะเทกระเป๋าผู้อื่นกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่ทว่าฝ่ามือกลับเอาแต่ให้ความสนใจเทปลูกไม้แบบโครเชต์เนื้อนิ่มที่ไม่ส่งผลให้เกิดความระคายผิว แต่กระนั้นสัมผัสก็คงไม่อาจเทียบเท่าเชือกที่ผ่านกระบวนการกำจัดความหยาบกระด้างมาอย่างโชกโชน

“ผมคงต้องสนองนายสักหน่อยจะได้รู้ว่าไม่ควรพกของแบบนี้ถ้ายังอ่อนหัด” ผู้เป็นนายกล่าวอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงย่อตัวลงพร้อมเอาเทปลูกไม้ตีตรงข้างแก้มของผู้เป็นเจ้าของด้วยความหยอกเย้า

“ผม..ไม่ได้พกมันเพื่อจะทำแบบนั้นเลยนะครับ” บีมรีบลนลานทักท้วงอย่างสมบทบาท แต่ก็ยังต้องลุกยืนตามความต้องการของอีกฝ่าย พร้อมเหลือบมองอย่างระแวดระวัง เมื่อความนุ่มนวลของเทปลูกไม้ บรรจงไล้สัมผัสบริเวณผิวกายที่โผล่พ้นเนื้อผ้าซีทรูบางเบา ขนอ่อนจึงลุกชันจนทั่วร่าง

แต่แล้วฝ่ามือทั้งสองข้างก็ถูกพันผูกด้วยเทปลูกไม้ขนาดยาวหลายเมตร การแสดงออกของบีมจึงเต็มไปด้วยความร้อนรนราวกับหวาดกลัวเสียเต็มประดา

“แล้วนายเก็บมันไว้ทำไมล่ะ ?” นายท่านยังคงเอ่ยถามพร้อมรั้งเทปลูกไม้มายังด้านหน้าในลักษณะสามเหลี่ยมราวกับรูปทรงของอันเดอร์แวร์อย่างเชี่ยวชาญ บ่งบอกถึงการได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี อาการชาเหน็บจึงไม่อาจก้าวก่าย

“เพราะผมเป็นดีไซเนอร์” บีมตอบกลับด้วยเหตุผลอันเข้าท่าพร้อมกับพยายามขยับหนีจากการวิถีอันตราย แต่กลับถูกฝ่ามืออุ่นร้อนฟาดลงบนสะโพกเนียนสวยจนอาจจะเป็นรอยมือทั้งห้านิ้วเลยก็ได้ ดังนั้นความสุขสมที่บีมได้รับจึงอยู่ในขั้นแสบ ๆ คัน ๆ แต่ถ้าเมื่อใดเจ้านายเกร็งอุ้งมือขึ้นมา ความเจ็บปวดก็จะทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็ย่อมแตกต่างกัน แต่หากถามว่าบีมชอบแบบไหนก็คงจะชอบทั้งสองแบบ เวลานี้บีมจึงแสดงความหวาดกลัวอย่างเต็มที่ เจ้านายจะได้รับรู้ว่าบีมมีความสุขต่อการกระทำดังกล่าวมากแค่ไหน

“อยู่เฉย ๆ” เจ้านายยังคงสั่งการด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง โดยใช้เทปลูกไม้ผูกคล้องไวเบรเตอร์ด้วยความแน่นหนา และยังใช้ผ้าลูกไม้เส้นเดิมโอบรอบเอวเพื่อกักขังไม่ให้ฝ่ายซับหลีกหนีจากการปลุกเร้า

“ผมพูด..อ๊ะ..จริง ๆ..อึก..นะครับ..อื้อ..” บีมยังคงยืนยันเหตุผล แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมรับฟัง เพราะเวลานี้กำลังจ้องมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ไวเบรเตอร์ทำงานโดยไม่บอกกล่าว ผู้ถูกกระตุ้นจึงได้แต่ร้องครวญครางอย่างไม่อาจอดกลั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้บีมแทบจะปลดปล่อยเพราะวาจาเสียดสีและการถูกตีเสียให้ได้

“เหตุผลของนายผมเชื่อ แต่ว่าตอนนี้.. มันไม่สำคัญอีกแล้ว ดูสิ เพราะความช่วยเหลือของผม นายกำลังเป็นงานมากขึ้นอีกแล้วนะ” นายท่านกล่าวอย่างถูกอกถูกใจที่ได้ทรมานร่างกายนี้ให้สาสม ขณะที่ช่วงล่างกำลังคับแน่น คล้ายกับอยากจะหลอมรวมเป็นหนึ่งอยู่รอมร่อ แต่ด้วยข้อตกลงจึงต้องทนข่มกลั้น

“อื้อ..อ๊า..อา..นายท่าน..อึก..ตี..ตีผมด้วย..อา..มือของคุณ..อ๊า” บีมครวญครางพลางบิดเร้าอย่างเสียวซ่านเมื่ออารมณ์ถูกปลุกเร้าจนสมองพร่าเบลอ แต่กระนั้นความรู้สึกก็ยังเหมือนขาดอะไรไป เพราะบีมยังมีจุดประสงค์แท้จริงอยู่ในใจ

“คนที่ต้องเชื่อฟัง คือนายไม่ใช่เหรอ ?” ผู้เป็นนายกล่าวพลางกลั้วหัวเราะพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ขณะทอดสายตามองร่างกายเย้ายวนที่กำลังถูกกระตุ้นจนบิดเร้าอย่างหน้าไม่อาย

“อะ..อา..ตี..ตีผม..” บีมขยับเข้าไปใกล้ด้วยความยากลำบาก เพราะทุกย่างก้าวมักจะตามมาด้วยการเพิ่มระดับความสั่นไหว ช่วงล่างจึงเริ่มฉ่ำเยิ้ม แต่ทว่ากลับไม่อาจสุขสมตามความปรารถนา เพราะบีมยังคงอยากให้อีกฝ่ายใช้ฝ่ามือสั่งสอนสะโพกไม่รักดีให้เนิ่นนานมากกว่านี้

“เวลานี้นายดูเหมือนลูกหมาตัวเชื่อง ๆ เลยนะ” ผู้เป็นดอมกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าและมันก็ทำให้อารมณ์ของบีมพุ่งสูงยิ่งกว่าเดิม

“แต่อย่าเพิ่งปลดปล่อยเสียล่ะ” เจ้าของห้องหมายเลข 005 กำชับ พลางรั้งเอวของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ และพลิกตัวกลับหลังหันเพื่อมอบอิสรภาพกลับคืน จากนั้นร่างเนียนนุ่มก็ถึงคราวต้องพาดผ่านบริเวณหน้าตัก

“ที่นายเต้นยั่วยวนผม เพราะนายอยากให้ผมสัมผัสแล้วจบลงด้วยการตีแรง ๆ สินะ ถึงได้ทำเป็นไม่ประสีประสา ที่แท้นายก็รู้รสนิยมของผมดี” นายท่านยังคงกล่าวอย่างนึกสนุก แต่ก็ยังต้องข่มกลั้นความอ่อนไหวที่กำลังจะปะทุในไม่ช้า ขณะที่ฝ่ามือจำต้องยกสะโพกกลมสวยให้อวดโฉมในท่วงท่าที่เหมาะสม บีมจึงอาศัยจังหวะนั้นบดเบียดไปยังส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่าย ฝ่ามืออันซุกซนจึงบดคลึงผิวเนื้อกลมกลึงของคนอวดดีราวกับต้องการจะประกาศศักดาอันเหนือกว่า

“แผนสูง!” ทันทีที่เอ่ยคำปรามาส ฝ่ามือหนาก็สะบัดลงบนสะโพกกลมกลึงด้วยความจงใจ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงบริเวณก้นกบเพราะเป็นส่วนอันตราย

“อา..น..นายท่าน..ผมผิดไปแล้ว..อึก..ไม่ได้ตั้งใจ..จะหลอกลวงคุณเลย” บีมเริ่มแก้ตัวแต่ยังคงโดนฟาดด้วยสัมผัสไล่ระดับความรุนแรงจนช่วงล่างฉ่ำเยิ้มมากกว่าที่เคย เพราะการตีก็ไม่ต่างกับการกระตุ้นความต้องการในส่วนลึกให้เปิดเผย

“ถึงขนาดนี้แล้ว นายยังกล้าบอกผมว่าไม่ได้ตั้งใจอีกเหรอ ?” สิ้นคำถามนั้น สะโพกกลมสวยก็ถูกฟาดจนขึ้นร่องรอยไม่ซ้ำกัน ส่งผลให้ส่วนนั้นแดงปลั่งจนเริ่มแสบร้อน แต่กลับทำให้บีมยิ่งเข้าใกล้ฝั่งฝันมากขึ้น เพราะความสุขกำลังล้นอกเกินกว่าที่คาดหวัง ขณะเดียวกันผู้เป็นดอมกลับเริ่มปลดปล่อยเพราะถูกร่างเนียนนุ่มบดเบียดแนบชิดอย่างต่อเนื่อง

“อ๊า..อา” กระทั่งความสุขสมมาเยือน ร่างของบีมก็ถูกรวบกอดแทบทั้งตัว บ่งบอกได้ว่าช่วงเวลาแห่งการอาฟเตอร์แคร์กำลังจะเริ่มขึ้น

“ผมทำคุณช้ำหมดเลย” หลังจากความเงียบสงบโอบล้อมอยู่เนิ่นนาน คุณนัทก็เป็นฝ่ายทำลายเป็นคนแรก

“แอบเปิดกระเป๋าคุณด้วย” ชายหนุ่มผู้เป็นสุภาพบุรุษกล่าวเสียงแผ่วพร้อมวางปลายคางลงบนลาดไหล่ของอีกฝ่าย

“แต่วันนี้ผมมีความสุขมากนะครับ ส่วนเรื่องกระเป๋าคุณไม่ต้องกังวลหรอก ผมพอจะเดาออกว่าคุณคิดจะทำอะไร อีกอย่างกระเป๋าผมก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ถ้าหากผมไม่พอใจคงจะพูดออกไปแล้ว เพราะการเพลย์ระหว่างเราต้องอาศัยการเรียนรู้และมันก็ไม่ได้เกิดจากการบังคับนี่ครับ” บีมกล่าวพลางนั่งนิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายโอบกอด เพราะรู้ดีว่าคุณนัทเป็นคนที่ค่อนข้างถูกสอนมาอย่างดี เพียงแต่รสนิยมดันขัดกับสิ่งที่รับรู้มาตั้งแต่เด็ก เจ้าตัวเลยมักจะไม่สบายใจที่ตอนเพลย์มีความสุขกับการทำร้ายร่างกายของผู้อื่น

“เตียงของผมนุ่ม รับรองว่านอนสบาย วันนี้คุณค้างกับผมนะครับ ผมจะคอยดูแลคุณเอง” คุณนัทยื่นข้อเสนอและยังโอบกอดไม่ห่าง

“คุณมักจะเทคแคร์คู่ของคุณแบบนี้เสมอเหรอครับ ?” บีมอดจะเอ่ยถามไม่ได้ เพราะทุกสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ มันทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ แน่นอนว่าบีมกำลังหวั่นไหว แต่อีกใจก็นึกหวาดกลัวว่ามันจะเป็นแค่การ ‘อาฟเตอร์แคร์’ ที่ไม่มีอะไรแอบแฝง

“ผมไม่เคยให้ใครเข้าห้องนอน และไม่เคยกอดปลอบใคร..” คุณนัทนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายกับคิดทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง ก่อนจะบอกกล่าวให้บีมเข้าใจอย่างถูกต้อง

“คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นพาร์ทเนอร์ที่พิเศษกว่าคนอื่น” บีมกล่าวคล้ายกับต้องการไล่ต้อน

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ เอาล่ะ ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คุณทำเลอะก่อน แล้วค่อยไปเตรียมนมอุ่น ๆ ให้คุณดื่มก่อนเข้านอน” คุณนัทดันตัวบีมออกห่าง ก่อนจะขอตัวไปจัดการกับตัวเองและเตรียมข้าวของจำเป็นสำหรับแขกผู้มาเยือน ส่วนบีมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“อ้อ ส่วนชุดนอน คุณใส่ของผมแล้วกันครับ เพราะถ้าหากคุณใส่เสื้อลูกไม้ตัวนั้น แทบไม่ต่างกับคุณไม่ได้ใส่อะไรเลย..” แต่แล้วคุณนัทก็หันหน้ากลับมาโดยไม่บอกกล่าว เล่นเอาบีมสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะหน้าแดงก่ำเพราะคำพูดและสายตาที่มองมายังเสื้อลูกไม้แบบซีทรูที่บีมสวมใส่

หัวใจไม่รักดีจึงเริ่มเต้นตึกตักอย่างมีอารมณ์ร่วม


--------------------------✁

บทความที่เกี่ยวข้อง
- เบร็ธเพลย์
http://bit.ly/2OrAK64 / http://bit.ly/2pUGv2S
- การตี http://bit.ly/2XTA8t3
- บทความเกี่ยวกับ BDSM
http://bit.ly/2qP8y4g / http://bit.ly/2DxTnzn / https://bbc.in/34qrLrt

เราแก้ตอนนี้ประมาณ 4-5 รอบได้ ถ้าหากยังมีอะไรที่ผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ และคงต้องขอรบกวนผู้รู้ที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ให้คำแนะนำเหมือนเดิมนะคะ ส่วนตอนหน้าจะเข้าสู่ช่วงคลายปมที่เปิดไว้ตั้งแต่บทนำแล้วค่ะ เราเห็นมีคนสงสัยว่านัทเอะใจเรื่องที่บีมแต่งหญิงบ้างมั้ย ยังไงรอติดตามกันได้เลยค่ะ

ปล. เราขอขอบคุณและขอโทษทางเพจ Thailand BDSM : Let's play and learn อีกครั้งนะคะที่เราให้เครดิตช้าไป เพราะตามความตั้งใจของเราคือเราต้องการเขียนฉากนั้น ๆ ให้จบทั้งหมดก่อน จากนั้นจึงลงข้อมูลอ้างอิง เพราะเราทราบดีว่านักอ่านส่วนใหญ่ของเรามักจะตามไปอ่านบทความที่เราแปะทิ้งไว้ให้ และการอ่านในนิยายแล้วไปอ่านจากบทความจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ เราเลยแจ้งเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่แล้วว่าเราจะลงอ้างอิงอีกที แต่ทางเพจอาจจะไม่เห็นว่าเราได้เขียนข้อความทิ้งไว้ เลยทำให้เหมือนเราเอาข้อมูลมาใช้แล้วไม่ให้เครดิต ทั้งนี้เราเองก็ไม่สบายใจมากค่ะ เพราะเราก็ซีเรียสกับการให้ข้อมูลอ้างอิงมาก ๆ ดังนั้นนิยายของเราทุกเรื่องจึงมีการลงบทความอ้างอิงที่เราใช้เสมอ แม้แต่ในนิยายที่เราออกกับทางสำนักพิมพ์เราก็ไม่เคยละเลย และก็ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลเชิงลึกมาก ๆ เลยค่ะ เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก และเราก็เชื่อว่าคนอ่านที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับ BDSM ก็จะได้ทราบเรื่องราวในเชิงลึกตามที่เราพยายามจะถ่ายทอดออกมาค่ะ เราเลยจำเป็นต้องใส่ข้อมูลต่าง ๆ ลงไป แทนที่จะเลือกเขียนแต่ฉากเลิฟซีนแบบเพียว ๆ เนื่องจากตัวเราเองก็มีปณิธานว่าอยากจะเขียนนิยายที่ให้อะไรกับผู้อ่านที่มากกว่าความบันเทิงค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 5 (update 27/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-11-2019 00:23:30
เป็นกำลังใจให้นะคะ ชอบนิยายที่มีอ้างอิงเสริมมาให้เสมอค่ะ ดูทำการบ้านเยอะมากก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 5 (update 27/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 28-11-2019 02:00:31
สนุกมากค่ะ ทั้งๆที่เข้าไม่ถึงก็เถอะ 5555 ไม่อยากลองเองแต่อ่านก็สนุกไปอีกแบบ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 6 (update 28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 28-11-2019 20:25:03
ตอน 6

ห้องนอนของคุณนัทอยู่ถัดจากห้องแต่งตัวเพียงเปิดประตูสีน้ำตาลแบบเดียวกับตู้เสื้อผ้าออกไปก็จะเจอกับห้องนอนที่ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก นอกจากมุมนั่งเล่นติดกระจกบานใหญ่ และเตียงนอนสีขาวสะอาดที่มีเสาสี่ด้านไว้รูดม่านปิดกั้นความเป็นส่วนตัว

“ดูสิ เมื่อวานผมบอกให้คุณทาแผลก็ไม่ยอมทา ตรงนี้เป็นรอยนะครับ” คุณนัทเริ่มดุพร้อมชี้ไปยังลำคอด้านซ้าย เมื่อบีมล้มตัวลงนอนเป็นตุ๊กตารอรับการเอาใจใส่ ขณะที่คนถูกดุกลับพูดไม่ออก เพราะลืมไปเสียสนิทว่าจะต้องทายา มิหนำซ้ำเวลาอาบน้ำยังไม่มีอาการปวดแสบบีมเลยไม่ได้ใส่ใจ

“คุณเจ็บมากหรือเปล่าครับ” หลังจากทายาแก้ฟกช้ำตามเนื้อตัวได้สักพัก คุณนัทก็เริ่มถามไถ่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ถ้าหากผมบอกว่าไม่เจ็บ คุณคงจะรู้ว่าผมโกหก” บีมกล่าวติดตลกจนในที่สุดคนที่กำลังเป็นกังวลก็เริ่มผ่อนคลาย

“แน่นอนสิครับก็ผมเป็นคนตีคุณเองกับมือ” อีกฝ่ายตอบรับด้วยน้ำเสียงเบาสบาย ขณะที่ปลายนิ้วยังคงบรรจงทายาบริเวณสะโพกอันบวมช้ำ

“แต่ถึงมันจะเจ็บ ผมก็ยังอยากให้คุณตีผมอีก” บีมกล่าวพร้อมเอี้ยวตัวหันมองผู้เป็นเจ้าของห้อง

“แต่ผมขอไม่ตีคุณหนักขนาดนี้แล้วนะครับ” สิ้นคำร้องขอบีมจึงรีบพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม

“คุณชอบดูดาวเหรอครับ ?” บีมเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องพลางชี้ไปยังเพดานห้องที่มีบางสิ่งไม่เข้าพวก

“เปล่าหรอกครับ พอดีผมชอบนอนมองเวลาที่มันเรืองแสง” คุณนัทกล่าวพลางกลั้วหัวเราะซ้ำยังเกาท้ายทอยแก้เก้อ

“ถ้าไม่ชอบดูดาว คุณชอบทำอะไรเหรอครับ ?” บีมยังคงเอ่ยถามด้วยความสนใจจนหลงลืมความเจ็บปวดเมื่อปลายนิ้วของอีกฝ่ายสัมผัสกับผิวเนื้อ

“ดำน้ำดูฉลามวาฬครับ” สิ้นคำตอบอันน่าสนใจ ทำให้บีมเอี้ยวตัวกลับไปมองหน้าผู้พูด

“บุคลิกผมดูไม่เข้ากับเรื่องแบบนี้เหรอครับ” คุณนัทย้อนถามแล้วลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างมือ ก่อนจะหายหน้าไปสักพักคาดว่าคงจะถือโอกาสทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำออกมาใช้ เพราะบีมสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมักจะใส่อุปกรณ์ลงในถุงซิปล็อกเป็นอย่างดี

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่กำลังคิดว่าคุณนัทมีไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ แต่ทำไมถึงยังไม่มีแฟน” เมื่ออีกฝ่ายเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเดียวกัน บีมจึงเอ่ยถามด้วยความพลั้งปาก แต่ทันทีที่รู้ตัวก็ทำเป็นตีหน้านิ่ง

“คุณน่าจะรู้ดีนะครับว่ารสนิยมอย่างเรา ๆ ต่อให้มีแฟนมันก็ไม่อาจเติมเต็ม ผมเลยอยู่เป็นโสดดีกว่า” คำตอบของอีกฝ่ายไม่ได้เกินไปจากความคิดมากนักเพราะบีมเองก็คิดแบบเดียวกัน 

“แต่คนอย่างคุณน่าจะได้เจอซับที่ถูกใจตั้งมากมายไม่ใช่เหรอครับ” บีมยังคงย้อนถามราวกับต้องการจะเก็บข้อมูล

“ถูกใจการเพลย์หรือการมีเซ็กส์ก็ใช่ว่าจะถูกใจเรื่องของความรู้สึกไม่ใช่เหรอครับ ?” สิ้นคำตอบของคุณนัท บีมจึงตระหนักถึงความเป็นจริงดังกล่าว แล้วจู่ ๆ หัวใจก็รู้สึกแห้งเหี่ยว

“คุณล่ะครับ เคยหวั่นไหวกับดอมของตัวเองบ้างหรือเปล่า” คำถามอันตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย เล่นเอาสมองของบีมรู้สึกพร่าเบลอ คล้ายกับถูกปืนกลยิงเข้าที่จุดสำคัญ

“ก่อนหน้านี้.. ไม่เคยนะครับ” ยิ่งพูดเสียงของบีมก็ยิ่งเบาลง

“เรามาลองศึกษากันดีไหมครับ” สิ้นข้อเสนอของอีกฝ่าย บีมไม่อาจโฟกัสไปที่ดาวเรืองแสงบนเพดานอีกต่อไป

เพราะบีมไม่อยากเชื่อหูหรือบางทีอาจจะคิดว่าฝันไป

“เวลาที่คุณอยู่นอกซีน ผมรู้สึกว่าคุณน่ารักในแบบที่ผมชอบ ถ้าหากเราเข้ากันได้ก็คงดี” คำพูดของคุณนัทกำลังเขย่าหัวใจของบีมอย่างรุนแรง และมันก็ทำให้คนมากประสบการณ์ต่อการเพลย์รู้สึกหน้าแดงซ่าน

“ตอนนี้เราอาจจะแค่พอใจกับรูปลักษณ์ภายนอกก็ได้นี่ครับ” บีมอดจะหาข้ออ้างขึ้นมาไม่ได้ เพราะระยะเวลาที่รู้จักกันถือว่าสั้นมาก

“ผมถึงบอกว่าเราน่าจะลองศึกษากันให้มากกว่านี้ไงครับ” คุณนัทกล่าวย้ำพร้อมมองตรงมายังคนหน้าแดงแน่นิ่ง ซึ่งความชัดเจนดังกล่าวอาจจะมาจากความต้องการส่วนตัวของอีกฝ่ายที่อยากให้บีมแยกแยะว่าสิ่งที่บรรจงทำให้ไม่ใช่แค่เพียง ‘การอาฟเตอร์แคร์’ ที่เป็นส่วนสำคัญของการเพลย์เท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกในส่วนลึกปะปนออกไปด้วย

“ครับ” บีมเอ่ยตอบพลางใช้มือข้างหนึ่งบิดปลายหมอน ขณะที่สายตากำลังจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังยกยิ้มจนดวงตาของบีมใกล้จะพร่าเบลอ เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่กว้างขวางมากที่สุดและยังอบอุ่นมากที่สุด แต่ทั้งหมดนั่นยังไม่เท่าฝ่ามือที่เลื่อนเข้ามากอบกุมกัน ราวกับจะห้ามปรามไม่ให้ทำลายข้าวของ



กระทั่งกลางดึกอันเงียบสงัด หลังจากที่ทุกคนก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา ฝ่ามือที่เคยกอบกุมกันก็จำต้องแยกห่าง เมื่อหนึ่งในสองคนที่กำลังหลับใหลลุกออกจากเตียงราวกับมีจุดหมายอื่นใดอยู่ในใจ

“บีม..?” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยความงัวเงีย เพราะถูกปลุกให้ตื่นด้วยแรงสะบัดอันมากล้น

“จะกลับห้องเหรอครับ ?” นัทเอ่ยถามพร้อมลุกออกจากเตียง แต่ดูเหมือนการสอบถามจะไม่ได้รับความสนใจ เพราะเจ้าของชื่อยังคงก้าวเดินออกไปยังนอกห้องนอน

“คุณ..” เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังงุ่นง่านอยู่ในห้องแต่งตัวเพราะอะไรบางอย่าง นัทจึงเดินเข้าไปเรียกพร้อมรั้งข้อมือเอาไว้

“เดรสลูกไม้” บีมกล่าวเสียงเรียบ

“ผมเอาไปซักให้แล้วครับ” นัทตอบพร้อมชี้ไปยังเสื้อลูกไม้แบบซีทรูที่ตากอยู่บริเวณระเบียงสำหรับซักล้างในห้องอาบน้ำที่เชื่อมกับห้องแต่งตัว

“ไม่ใช่” บีมส่ายหัวพลางแกะข้อมือของชายหนุ่มเจ้าของห้องอย่างรีบร้อน ก่อนจะเดินเร็ว ๆ ด้วยความลนลาน คล้ายกับหวาดกลัวว่าอะไรบางอย่างจะหายไป นัทจึงต้องรีบวิ่งออกจากห้องพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายของอีกฝ่าย โดยที่แม้แต่คีย์การ์ดของตัวเองก็ลืมหยิบมา ซ้ำร้ายประตูห้องยังเป็นระบบล็อกอัตโนมัติ

พรุ่งนี้คงต้องเสียเวลาเคลียร์ปัญหาอีกพักใหญ่



“รอผมด้วยครับ” นัทรีบวิ่งลงบันไดพลางร้องประท้วงด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่กระนั้นก็ยังไม่หยุดไล่ตามร่างเพรียวแต่อย่างใด

จนกระทั่งสองขาวิ่งระรัวลงมายังชั้นสาม เสียงหอบก็ดังระงมอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ทว่าบีมกลับพยายามเปิดประตูอย่างบ้าคลั่ง นัทจึงเริ่มสังเกตด้วยความสงสัย เพราะถึงจะงัวเงียมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็น่าจะมีสติมากพอจะรับรู้ว่า ทุกห้องในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้จะต้องใช้คีย์การ์ดในการปลดล็อก

นัทจึงเพ่งมองไปยังแววตาของเจ้าของห้อง 303 ด้วยความคลางแคลงใจ พบว่าแววตาคู่นั้นไม่ได้สุกใสเหมือนยามปกติ และยังให้ความรู้สึกเหมือนหลุมดำอันน่าพิศวงคล้ายกับคนกำลังเดินละเมอ

นัทจึงไม่คิดจะพูดอะไรอีกนอกจากหยิบคีย์การ์ดของอีกฝ่ายมาเปิดประตูห้อง จากนั้นทั้งคู่ก็เดินอยู่ท่ามกลางความมืด โดยมีจุดหมายอยู่ที่ห้องนอน

เมื่อเข้ามายังด้านในสิ่งแรกที่ชายหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามคิดจะทำ คือการเปิดประตูตู้เสื้อผ้าพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือละเสื้อผ้าที่กักเก็บไว้ข้างในครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบออกมาทาบลำตัว และเมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ คำถามที่นัทเคยค้างคาใจก็ถึงคราวต้องเปิดเผย



บีมปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างจนหลงเหลือเพียงชั้นในตัวเดียว ขณะที่นัทได้แต่มองรูปร่างของอีกฝ่ายด้วยความหลงใหล ซึ่งเขายอมรับว่าต่อให้เห็นอีกกี่ครั้งก็ไม่อาจลดทอนความน่าชื่นชมไปได้

ชายหนุ่มผู้มาเยือนเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด อาจเพราะท่าทางที่กำลังสวมใส่เดรสลูกไม้เข้ารูปที่ได้รับเกียรติจากดวงจันทร์กลมโตอาบไล้ผิวกายให้ขาวผ่อง ทำให้นัทมองเห็นทรวดทรงของร่างตรงหน้าอย่างชัดแจ้ง

ความเงียบสงัดทำให้หัวใจของชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 เต้นระรัวอย่างรุนแรง จึงเผลอก้าวเข้าไปประชิดตัวจูเลียตคนงาม จากนั้นสองมืออันสั่นไหวก็ถือวิสาสะผูกโบว์ที่อยู่ตรงบริเวณหน้าอกอย่างเชื่องช้า

กระทั่งเสร็จสิ้นจูเลียตคนงามจึงเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมสวมวิกผมสีดำขลับ ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยถามชายหนุ่มอีกคนว่า..

“สวยไหม ?”

“สำหรับผมคุณสวยที่สุดเลยครับ” นัทเอ่ยตอบเหมือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายเคยสอบถาม เพียงแต่วันนี้จำต้องสรรหาคำพูดชื่นชมมากกว่าเดิม

“ถ้าหากคุณจะแต่งตัวสวย ๆ ออกไปข้างนอก ทีหลังคุณต้องรูดซิปให้เรียบร้อยด้วยนะครับ” ชายหนุ่มผู้มาเยือนกล่าวอย่างนุ่มนวลพร้อมรูดซิปอันยาวเหยียดให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ แม้จะรู้ดีว่าหากผ่านพ้นคืนนี้ไป เจ้าตัวอาจจะจดจำไม่ได้อีกเลย

“จะนอนแล้วเหรอครับ” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถามสาวสวยด้วยความเอ็นดู เพราะทันทีที่ได้รับคำชื่นชมและคำตักเตือน ริมฝีปากของเธอก็คลี่เป็นรอยยิ้ม จากนั้นดวงตาคู่สวยก็ปิดสนิทและตามมาด้วยลมหายใจที่กำลังสม่ำเสมอ

นัทจึงได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนหลังกว้างพร้อมลูบศีรษะของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูระคนเศร้าใจ เพราะรับรู้ได้ว่าลึก ๆ แล้ว อาจมีบางอย่างที่กระทบกระเทือนจิตใจของดีไซเนอร์ผู้นี้ และมันอาจจะเกี่ยวกับรสนิยมบางอย่างที่เพิ่งจะถูกเปิดเผย

“จริง ๆ แล้วคุณอยากใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถามคนที่กำลังหลับใหล ขณะที่ริมฝีปากกลับวาดเป็นรอยยิ้ม แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มเพราะคนตรงหน้ามากแค่ไหน

“อะไรทำให้คนกล้าหาญอย่างคุณ ไม่กล้าทำตามความต้องการของตัวเองล่ะครับ” ผู้มาเยือนทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างจูเลียตคนงามพลางโอบกอดอย่างแผ่วเบา

“ถ้าหากผมช่วยให้คุณมีความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง คุณจะเห็นด้วยหรือเปล่าครับ” นัทเอื้อนเอ่ยพร้อมปัดปอยผมของอีกฝ่ายเล่น

“แต่คุณรู้ไหม การเดินละเมอของคุณมันอันตรายมากเลยนะ” ทันทีที่ประโยคดังกล่าวหลุดออกจากความคิด แววตาของชายหนุ่มผู้แสนอ่อนโยนก็ทอประกายแห่งความห่วงใยจนปิดไม่มิด

“ที่ผ่านมาคุณเคยไปค้างที่อื่นบ้างหรือเปล่าครับ ตอนนั้นคุณรีบนั่งแท็กซี่กลับมาที่เพนท์เฮ้าส์ หรือว่าคุณพาพวกเขามาเพลย์ที่นี่ การนอนละเมอถึงได้ไม่เป็นปัญหากับคุณ” นัทยังคงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเขานึกไม่ออกเลยว่าที่ผ่านมาอีกฝ่ายดูแลตัวเองยังไง

“หรือการเดินละเมอของคุณ เพิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่เราเจอกัน แต่ก็โชคดีนะครับที่เราสองคนบังเอิญมารู้จักกัน” นัทกล่าวพร้อมยกยิ้มก่อนจะหลับตาเพื่อเตรียมเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา

เพราะวันรุ่งขึ้นยังมีเรื่องราวอีกมากมายรอคอยอยู่



แสงอ่อน ๆ ยามเช้ารบกวนการหลับใหลยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด บีมจึงลืมตาสำรวจรอบกายอย่างงุนงงแล้วก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม เมื่อพบว่าคุณนัทกำลังนอนโอบกอดตนเองที่สวมใส่เดรสลูกไม้ราวกับหญิงสาวชาวฝรั่งเศสในยุคก่อน

“ทำไม..” บีมขยับปากคล้ายกับจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก อาจเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกที่จู่ ๆ ก็ย้ายมานอนอยู่ในห้องของตัวเอง

“ผมคิดว่าคำตอบที่คุณสงสัย น่าจะเป็นเพราะการเดินละเมอนะครับ” คุณนัทเฉลยราวกับรู้ใจ แต่กระนั้นก็ยังไม่หยุดโอบกอดจูเลียตคนงาม

“ผมเคยได้ยินมาว่าคนที่เป็นโรคนี้ บางทีอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตนะครับ อย่างบางรายถึงขั้นกระโดดออกทางหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว” ชายหนุ่มผู้มาเยือนยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“แบบนี้คุณคงต้องมีผมคอยดูแลตอนเข้านอนแล้วล่ะครับ” นัทถือโอกาสรีบทำคะแนนทันที ขณะที่หัวใจของบีมกำลังสั่นรัวด้วยความหวั่นไหว

“ที่คุณเคยถามผมว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า..” บีมเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงสับสน

“ใช่ครับ คุณมักจะไปเคาะประตูห้องผมอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง แล้วถามว่าชุดที่คุณใส่สวยหรือเปล่า” นัทตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่อ้อมกอดยังคงไม่ห่างหาย

“ผมนึกว่าตัวเองแค่เดินละเมอในห้องเสียอีก” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อาจเพราะเริ่มคุ้นชินกับการตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังสวมใส่เดรสลูกไม้ อีกทั้งประตูห้องยังเป็นแบบล็อกอัตโนมัติก็เลยไม่คิดว่าตนเองจะเดินละเมอออกไปได้ไกลขนาดนั้น

“คุณพอจะบอกเหตุผลที่ทำให้คุณเดินละเมอจนลุกขึ้นมาใส่เดรสสวย ๆ พวกนี้ได้หรือเปล่าครับ บางทีการเพลย์ของเราอาจจะช่วยเติมเต็มให้คุณได้” ชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 เอ่ยถามอย่างจริงจัง ขณะที่เจ้าของห้องเสื้อกลับเงียบสนิท

“ถ้าคุณไม่สะดวกจะเล่าให้ผมฟังก็ไม่เป็นไรนะครับ” นัทกล่าวพลางยกยิ้ม จากนั้นจึงใช้ปลายนิ้วโป้งไล้ข้างแก้มของอีกฝ่ายเพียงแผ่ว เพราะรับรู้ได้ว่าจูเลียตตรงหน้ากำลังเคร่งเครียด

“ผมรู้ตัวว่าอยากจะเป็นดีไซเนอร์ตั้งแต่ ม.3” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“พ่อกับแม่ไม่สนับสนุนผม เพราะพวกท่านอยากให้ผมเรียนการปกครองท้องถิ่นจะได้เข้ารับราชการเหมือนพวกท่าน คุณอาจจะไม่รู้ว่าคนต่างจังหวัดส่วนใหญ่มักจะเถิดทูนอาชีพนี้ว่ามีเกียรติ เป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัว ที่สำคัญพ่อกับแม่ของผมคิดว่าอาชีพนี้มีความมั่นคงมากกว่าอาชีพอื่น เพราะสังคมแถวนั้นถ้าหากไม่รับราชการก็จะไปทำงานที่กรุงเทพด้วยอาชีพอื่น และมักจะกลับมาที่บ้านในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์พร้อมสร้อยทองเต็มคอและข้อมือ เพื่อที่ผู้คนจะได้ชื่นชมในความสำเร็จ เพียงแต่เบื้องหลังของสร้อยทองเหล่านั้นแท้ที่จริงกลับสร้างหนี้สินมากมาย หรือบางครั้งก็แค่ซื้อมาแล้วขายไป ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง” บีมเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยหยดน้ำ

“แต่ตอนนี้ถ้าหากคุณอยากจะใส่สร้อยทอง..” นัทคิดอยากจะปลอบใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เปิดโอกาสให้พูด

“พ่อกับแม่ของผมค่อนข้างเข้มงวด อะไรที่ท่านคิดว่าดีก็จะคอยวางแผนให้ ผมเองก็เข้าใจความห่วงใยของท่าน แต่ยิ่งโตขึ้นผมกลับยิ่งต้องการอิสระ พอรู้ว่าตัวเองชอบตัดเสื้อ ผมก็ไม่ลังเลที่จะไขว่คว้า แรก ๆ พวกท่านไม่ได้สั่งห้ามอย่างจริงจัง นอกจากคอยตักเตือนให้ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบ”

“แต่พอพวกท่านเห็นผมใส่ชุดเดรสของผู้หญิงบ่อยเข้า ท่านก็เลยคลางแคลงใจ แล้วก็ตีผมจนขาลาย สุดท้ายผมเลยยอมเลือกเรียนตามที่พวกท่านต้องการ แต่ที่ตอนหลังได้มาเรียนบัญชี เพราะผมสอบเข้าคณะนั้นไม่ได้ แล้วก็โชคดีที่ช่วงนั้นมีคนในหมู่บ้านกลับมาพร้อมสร้อยทอง ดูมีหน้ามีตาแถมยังทำงานบัญชี พวกท่านก็เลยวางใจว่าผมจะไม่อดตาย ผมเลยสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบควบคู่ไปกับคณะบัญชีได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ลำบากมากเลยครับ เพราะผมไม่มีเงินเพียงพอที่จะเรียนดีไซเนอร์ สุดท้ายเลยต้องดรอปเพราะสู้ไม่ไหว ผมเลยอาศัยช่วงที่เพิ่งเรียนจบทำงานบัญชีควบคู่กับงานกองถ่ายเพื่อเก็บเงินสร้างแบรนด์อิสระและเรียนแฟชั่นดีไซน์ให้จบ โดยที่พวกท่านยังไม่รู้ความลับในเรื่องนี้ แต่พวกท่านอาจจะรู้แล้วว่างานบัญชีไม่ได้เงินดีขนาดนั้น เพราะเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ทราบแล้วครับว่าการใส่ทองกลับบ้านบางทีก็แค่ต้องการส่งเสริมคุณค่าของตัวเองให้คนที่บ้านภาคภูมิใจและไม่ต้องเป็นห่วงว่าเราจะอดตาย แต่กับเรื่องรสนิยมของผมพวกท่านยังรับไม่ได้” สิ้นการถ่ายทอดเหตุการณ์ในวันวาน หยดน้ำใสก็ไหลลงตรงหางตา

“คุณก็เลยต้องปิดบังพวกท่าน..” นัทเอ่ยถามพร้อมลูบศีรษะของอีกฝ่ายเป็นการปลอบใจ

“ครับ” บีมเอ่ยตอบเสียงแผ่วเพราะลึก ๆ ยังคงเป็นกังวลว่าพ่อกับแม่จะรู้ เนื่องจากความลับไม่เคยมีในโลก

“ที่คุณอยากใส่เดรสของผู้หญิงเป็นเพราะคุณชอบที่จะใส่มัน หรือว่าใจของคุณอยากจะเป็นแบบนั้นเหรอครับ” นัทเอ่ยถามอย่างจริงจัง เพราะอยากจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายให้มากกว่านี้

“ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะครับ แค่ชอบที่จะใส่ชุดสวย ๆ แบบนี้เท่านั้น แต่หลังจากที่โดนต่อว่าผมก็ไม่กล้าใส่อีกแล้วล่ะครับ” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย คล้ายกับมีบางอย่างที่เจ้าตัวไม่ได้เล่าออกไป แต่นัทก็ไม่คิดจะคาดคั้น เพราะเหตุผลดังกล่าวอาจเป็นเรื่องที่เจ้าตัวหวาดกลัวเกินกว่าจะพูดถึง

“ที่เพนส์เฮ้าส์มีแค่ผมกับคุณ ถ้าหากคุณอยากใส่มัน ผมสามารถช่วยคุณได้ เพียงแค่คุณอนุญาตให้ผมใช้มันตอนที่เราเพลย์กัน ส่วนคุณก็คิดเสียว่าเดรสลูกไม้พวกนี้ คือสิ่งที่นายท่านสั่งให้ทำ ซับอย่างคุณไม่มีสิทธิ์คัดค้าน” นัทกล่าวอย่างจริงจังพร้อมเอาเรื่องรสนิยมเข้ามาช่วย เพราะอย่างน้อยการเพลย์ก็ยังเกิดขึ้นเพราะการเคารพซึ่งกันและกัน

“ผมรับรองว่าความลับของคุณจะยังคงเป็นความลับอยู่อย่างนั้น” นัทกล่าวอย่างหนักแน่น พร้อมจ้องมองนัยน์ตาของอีกฝ่ายราวกับให้คำมั่นสัญญา

“ครับ” สิ้นคำตอบรับดังกล่าวก็เป็นอีกครั้งที่บีมคิดจะไขว่คว้าอิสระไว้ในกำมือ



--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง
- ละเมอเดิน ความผิดปกติที่อันตรายกว่าที่ใครหลายคนคิด http://bit.ly/2qSIZPN
- ละเมอ (Sleep Walking) http://bit.ly/33pewpH

สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่เผยปมของบีมออกมาบางส่วนนะคะ ซึ่งปมไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากค่ะ และเป็นที่มาของชื่อเรื่องด้วยส่วนหนึ่ง อีกอย่างตอนนี้น่าจะไขข้อข้องใจของทุกคนได้บ้างว่าทำไมบีมถึงตื่นขึ้นมาแล้วออกอาการงุนงงที่ตัวเองใส่ชุดเดรสของผู้หญิง เพราะคนที่เดินละเมอจะมีอาการสูญเสียความทรงจำบางส่วนหรือทั้งหมดไปค่ะ เดี๋ยวในเรื่องเราจะค่อย ๆ พูดถึงโรคนี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะมันคือปมสำคัญของตัวเรื่องเลยค่ะ

ปล. เราเห็นมีคนน่าจะยังข้องใจเกี่ยวกับการอาฟเตอร์แคร์ (หรือเปล่า อันนี้เราตีความเอาเองนะ) ประมาณว่าแบบนี้เราก็ไม่รู้เลยว่ามันคือความจริงใจหรือการเล่นละคร ตามความคิดเห็นของเราการอาฟเตอร์ก็คือการแสดงความจริงใจที่ดอมมีต่อซับแหละค่ะ แบบว่าคอยดูแล คอยปรนนิบัติด้วยความเอาใจใส่หลังจากที่ทำเค้าเจ็บตัวในช่วงที่กำลังเพลย์กันน่ะค่ะ มันคือการดึงตัวเองกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพียงแต่การกระทำต่าง ๆ เช่น กอด อาบน้ำ หรืออะไรต่าง ๆ จะไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว ซึ่งมันก็ตรงกับที่เราเคยอ่านเจอมาว่าช่วงเวลานี้อาจทำให้เผลอมีใจให้กันจริง ๆ ในเรื่องเราเลยแต่งให้นัทแสดงความชัดเจนขึ้นมาอีกขั้น เพื่อที่บีมจะได้รับรู้โดยไม่ต้องคาดเดาว่าความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นอยู่นี้มีให้กันแค่ในสถานะดอมกับซับใช่หรือเปล่า
ยังไงลองตามไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการอาฟเตอร์แคร์ของทางเพจ Thailand BDSM ดูจ้า > http://bit.ly/2q3ZLv2 / http://bit.ly/2QX5QUT
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 6 (update 28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-11-2019 21:26:24
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 6 (update 28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 28-11-2019 23:07:39
ชอบคุณนัทตอนดูแลบีมทั้งตอนที่เป็นอาฟเตอร์แคร์และตอนปกติเลยค่ะ รู้สึกอ่อนโยนนุ่มนวลมากเลย  :o8:
ชอบคอลเลกชั่นชุดลูกไม้ของบีมด้วย ไม่เคยสังเกตเลยว่าชุดลูกไม้จะมีหลายแบบขนาดนี้

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 6 (update 28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-11-2019 01:16:00
แบบนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 7 (update 29/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 29-11-2019 21:48:04
ตอน 7


หลังจาก ‘ความลับ’ เป็นเรื่องของคนสองคน การเพลย์ในครั้งต่อไปยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะมันค่อนข้างเกี่ยวข้องกับปมในใจ จึงกลับกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างรอคอยสัญญาณแห่งการเริ่มต้น

วันเวลาจึงผ่านพ้นไปโดยที่บีมเนรมิต ‘ตัวอย่างแรก’ เสร็จสิ้น จึงมีการเรียก ‘ช่างเทคนิค’ เข้ามาช่วยคอมเมนต์ ว่าการตัดเย็บที่เลือกใช้เป็นอย่างไร และควรปรับเปลี่ยนอะไรอีกบ้าง เพราะขั้นตอนนี้จะมีนางแบบไซส์มาตราฐานมาฟิตติ้ง ทีมงานจึงมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งตัวนางแบบยังสามารถออกความคิดเห็นได้ว่า แน่นไปไหม อึดอัดไปไหม หรือแม้กระทั่งการสวมใส่ หากยากเกินไปก็สามารถบอกกล่าวกันได้

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บีม ‘ชอบ’ ที่จะแต่งตัวเป็นหญิงสาวราวกับจูเลียตในบทประพันธ์

“จู่ ๆ ผมก็รู้สึกกลัว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อพูดขึ้นขณะเดินทางกลับที่พักในเวลา 5 ทุ่มเหมือนทุกวัน

“กลัวอะไรครับ” นัทย้อนถามด้วยความใส่ใจ

“กลัวว่าการเดินละเมอของตัวเองจะทำให้ความลับไม่ใช่ความลับ” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะนอนคิดมาหลายคืนแล้วว่าการเดินละเมอด้วยการลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนั้น แถมยังเดินไปหาคุณนัทที่อยู่ชั้นบนสุดของเพนท์เฮ้าส์ค่อนข้างบ้าบิ่น

“ระบบรักษาความปลอดภัยของเพนท์เฮ้าส์ดีมากเลยนะครับ คนนอกไม่มีทางเข้ามาได้ง่าย ๆ อีกอย่างคนที่มีเงินซื้อเพนท์เฮ้าส์ในระดับนี้ คงไม่เสียเวลามายุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกครับ เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ผมกับคุณเราอาจจะคลิกกันเพราะรสนิยมไปนานแล้ว” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจบอกกล่าวด้วยเหตุผล ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่เข้าท่า

“คุณมักจะเดินมาเคาะประตูห้องผมในเวลาตีสอง และทุกครั้งที่ผมเปิดประตูออกไป ผมไม่เคยเจอใครเลยนอกจากคุณ ที่สำคัญผมได้แต่สงสัยว่าคุณกับเธอคนนั้นคือคนคนเดียวกันหรือเปล่า แต่พอคุณปฏิเสธว่าเราไม่เคยเจอกัน ผมก็ตัดความคิดนั้นออกไป แม้ว่ารูปหน้าของพวกคุณจะเหมือนกันมาก แต่เพราะไม่มีหลักฐานและไม่มีเหตุผลให้ผมต้องพิสูจน์ มันก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เช่นเดียวกับกรณีที่คนอื่นพบเห็นคุณตอนกำลังเดินละเมอ ผมคิดว่าพวกเขาก็คงสงสัย แต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคุณ” คำพูดของคุณนัทคล้ายกับทำให้บีมฉุกคิด และมันก็ทำให้สมองที่กำลังทำงานอย่างหนักค่อย ๆ ผ่อนคลาย

“ผมลองไปศึกษาเกี่ยวกับโรคเดินละเมอมาแล้วครับ ในเว็บไซต์บอกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 1-15 % ที่เป็นโรคนี้จะเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวล หรือบางทีก็อาจเกิดจากโรคประจำตัว หรือความผิดปกติทางด้านการนอนหลับ รวมถึงการอดนอนติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่เท่าที่ผมสังเกตดูเหมือนว่าอิสระที่คุณไขว่คว้า มันอาจจะหนักเกินไปเลยทำให้คุณประสบกับปัญหานี้ อีกอย่างการดื่มกาแฟก็ไม่ดีนะครับ คุณน่าจะลดลงหน่อย” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ทว่ากลับทำให้บีมรู้สึกอบอุ่น

“ผมเองก็ไม่ใช่หมอ ทางที่ดี..” สิ้นคำพูดของชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความห่วงใย บีมกลับคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ ขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คล้ายกับการไปหาหมอคือเรื่องที่น่าหวาดหวั่น ซึ่งแน่นอนว่า ‘หมอ’ ที่ทั้งคู่กำลังพูดถึงจะต้องเป็นแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับจิตเวช

“ตามความเห็นของผม การไปพบจิตแพทย์ก็เหมือนกับการที่เราไปหาหมอเวลาที่เจ็บป่วยทางร่างกาย เพียงแต่จิตแพทย์จะเป็นผู้เยียวยาจิตใจของเราด้วยการพูดคุยหรือจ่ายยาที่เหมาะสมนะครับ” นัทเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีมุมมองที่ไม่ดีต่อการเข้าพบจิตแพทย์ ซึ่งนัทก็ไม่แปลกใจนัก เนื่องจากสังคมไทยในปัจจุบันแม้ว่าจะให้การยอมรับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มองว่าการไปพบจิตแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย เพราะคนกลุ่มนั้นมักจะมองว่าผู้ป่วยที่ไปพบจิตแพทย์คือผู้ป่วยที่มีอาการหลอนประสาท แต่ในความเป็นจริงแค่รู้สึกเจ็บป่วยทางใจก็สามารถปรึกษาจิตแพทย์ได้

“เอาไว้ผมจะส่งข้อมูลในเว็บไซต์ให้คุณนะครับ ถ้าหากลองปฏิบัติตามแล้วการนอนหลับดีขึ้น คุณอาจจะไม่ต้องไปหาหมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายและยังมากกว่าสองครั้งต่อหนึ่งอาทิตย์ คุณต้องไปหาหมอแล้วนะครับและผมจะไปกับคุณเอง” นัทกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะไม่อยากเร่งรัดให้อีกฝ่ายตัดสินใจจนรู้สึกเคร่งเครียด ซ้ำยังคว้าข้อมือไปกอบกุมไว้คล้ายกับให้คำมั่นสัญญา

“วันนี้ตอนที่นางแบบมาฟิตติ้งเสื้อผ้าทำให้ผมคิดถึงเรื่องในอดีต” บีมกล่าวอย่างไม่รีบร้อน ราวกับต้องการบอกเล่าความรู้สึกให้อีกฝ่ายฟัง และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อปัดตกบทสนทนาเมื่อครู่

“ผมอยากเป็นนางแบบคนนั้น..” บีมกล่าวพร้อมแย้มยิ้มขณะที่ฝ่ามือแกว่งไกวเพียงเบา ๆ คล้ายกับเริ่มผ่อนคลายจากความตึงเครียด เมื่อพูดถึงเรื่องที่ตนเองสนใจ

“ผมหมายถึงอยากสวมใส่เสื้อผ้าสวย ๆ แบบนั้น ตอนที่ไม่ใช่การเดินละเมอ” น้ำเสียงของบีมเริ่มก้องกังวานมากขึ้น เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ของเพนท์เฮ้าส์

“เราเพลย์กันวันนี้เลยดีไหมครับ” สิ้นคำถามความเงียบก็ปกคลุมรอบกาย ขณะที่ตัวเลขสีแดงกำลังจะหยุดนิ่งที่ชั้น 3 กระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกหัวใจของบีมก็ยังคงเต้นรัวราวกับรอคอยคำตอบ

“ห้องของคุณเก็บเสียงหรือเปล่าครับ” ทันทีที่ปลายเท้าของบีมเคลื่อนห่างจากตัวลิฟต์ เสียงทุ้มนุ่มก็ดังตามมา

“ไม่ครับ” บีมตอบกลับพลางส่ายหัว ขณะที่อีกฝ่ายกำลังกดปุ่มสั่งการให้ประตูลิฟต์เปิดกว้าง

“ผมคงต้องขึ้นไปเอาตัวช่วย” สิ้นคำพูดนั้นประตูลิฟต์ก็ปิดลง ขณะที่บีมก้าวเดินไปยังห้องของตัวเองด้วยท่าทีสุดเชื่องช้า

เมื่อเข้ามายังด้านในสิ่งแรกที่คิดจะทำก็คือการอาบน้ำให้เร็วที่สุด แล้วใส่ชุดคลุมอาบน้ำรอคอยช่วงเวลาพิเศษ จากนั้นบีมจึงได้แต่นั่งไขว้ขาจ้องมองทิวทัศน์ในยามราตรีผ่านกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นตึกสูงตระหง่านอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสังคมเมือง จากนั้นไม่นานคุณนัทก็มากดกริ่ง บีมจึงรีบเดินไปเปิดประตู

“พอเข้ามาในห้องของคุณแล้ว นึกถึงวันที่ผมรีบวิ่งตามคุณจนลืมคีย์การ์ดเลยครับ วันรุ่งขึ้นกว่าจะจัดการเสร็จก็วุ่นวายไปหมด เพราะผมดันมีประชุมเช้า” ชายหนุ่มกล่าวพลางกลั้วหัวเราะ ขณะที่มือข้างหนึ่งถือถุงกระดาษใบเล็ก

“พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ผมรู้สึกผิดจริง ๆ นะครับ นึก ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดินละเมอกลับเข้าห้องได้ยังไง” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเกรงใจซ้ำหัวคิ้วยังลู่ลงอย่างน่าเอ็นดู

“ผมให้เจ้าหน้าที่เช็คจากกล้องวงจรปิดแล้วนะครับ ดูเหมือนว่าระบบล็อกอัตโนมัติของห้องคุณน่าจะเสีย พรุ่งนี้ช่างจะเข้ามาซ่อมให้ครับ ส่วนนี่รองเท้าครับผมว่าจะเอามาให้คุณแต่ก็ลืมทุกที” คุณนัทยื่นถุงกระดาษแบรนด์ดังส่งมาให้ ก่อนจะลองเช็คประตูห้องอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงโทรสั่งการบางอย่าง บีมจึงพอจะทราบว่าเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้อยู่ในความดูแลของคุณนัท ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะสถานที่แห่งนี้เชื่อมกับห้างสรรพสินค้าที่อีกฝ่ายบริหาร

“ผมนึกว่าคุณเกิดเปลี่ยนใจ เพราะกลัวว่าผมจะทำรองเท้าพังเสียอีก” บีมเอ่ยแกมหยอกเย้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะปฏิเสธอีกต่อไป เพราะอีกฝ่ายดูมุ่งมั่นเกินกว่าจะถามย้ำ

“ห้องของคุณถ้าหากผมจำไม่ผิด คงมีแค่ตู้เสื้อผ้าสไตล์วินเทจที่เป็นสิ่งไม่เข้าพวกเหมือนกับดาวเรืองแสงของผม” คุณนัทเกริ่นนำจากนั้นจึงผายมือไปยังประตูห้องนอนของผู้เป็นเจ้าของห้องหมายเลข 303

“ยังมีโต๊ะเครื่องแป้งอีกนะครับ เพราะผมได้มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้า” บีมเฉลยพลางเปิดไฟในห้องนอนจนสว่างจ้า ซึ่งการตกแต่งห้องชุดแบบนี้แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากห้องของคุณนัทมากนัก เพราะมันกำหนดคอนเซ็ปต์ไว้หมดแล้ว แต่กระนั้นก็ไม่ได้กว้างขวางเท่ากับห้องของอีกฝ่าย

“ผมขอดูหน่อยนะครับ” คุณนัทขออนุญาตพลางเดินนำไปยังตู้เสื้อผ้าแห่งความลับที่อยู่ข้างเตียงนอนและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งมีวิกผมวางครอบอยู่บนที่เก็บวิก บีมจึงนั่งมองแผ่นหลังกว้างของคุณนัท ก่อนจะเหลือบมองของในถุงกระดาษใบเล็กอย่างใส่ใจ พบว่าคืนนี้คุณนัทนำบอลแก๊ก เจลหล่อลื่น ไวเบรเตอร์ขนาดเล็ก และสายไข่มุกแบบซิลิโคนมาด้วย แน่นอนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในถุงซิปล็อกอย่างแน่นหนา บ่งบอกถึงความใส่ใจทางด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี

“ทำไมนายยังไม่ถอดอีก ?” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวอันเป็นภาพลักษณ์ที่เคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง เอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ คล้ายกับการนั่งมองฟ้าดินของอีกฝ่ายกำลังทำให้เสียเวลา

“ขอ..ขอโทษครับนายท่าน” บีมกล่าวเสียงอ่อยพร้อมปลดชุดคลุมอาบน้ำกองลงตรงแทบเท้าจนหลงเหลือเพียงอันเดอร์แวร์สีขาวสะอาดตา

“มานี่สิ ผมจะให้นายลองบราตัวใหม่ของห้องเสื้ออิสระ” นายท่านเริ่มสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซับอย่างบีมจึงรีบกุลีกุจอเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่กำลังง่วนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าสไตล์วินเทจ พร้อมทำความเข้าใจซีนที่กำลังจะเล่นกันในวันนี้ คาดว่านายท่านอาจจะสวมบทบาทเป็นดีไซเนอร์ ส่วนซับอย่างบีมคงจะหนีไม่พ้นการสวมบทบาทเป็นนายแบบที่มาฟิตติ้ง ‘ตัวอย่างแรก’

การสวมใส่บราสำหรับผู้หญิงของเจ้านายดูช่ำชองมาก อาจเพราะการครอสเดรส คือเรื่องที่ค่อนข้างนิยม จากนั้นผู้เป็นนายก็หมุนตัวบีมไปมาราวกับจะตรวจดูว่าคับแน่นไปหรือเปล่า รูปทรงกระชับดีไหม เล่นเอาบีมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เนื่องจากสายตาของอีกฝ่ายกำลังโลมเลียบริเวณช่วงอกอย่างเปิดเผย

“หันหลังไป อย่ายุกยิก” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่วันนี้กลับกลายเป็นดีไซเนอร์เพียงชั่วคราวสั่งการอย่างเข้มงวด บีมจึงได้แต่ลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะนำอุปกรณ์ชนิดใดออกมาใช้งาน

“ดูเหมือนจะหลวมไป ผมคงต้องหาอะไรมายัดให้รูปทรงมันสวยขึ้น” ดีไซเนอร์ชั่วคราวกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พร้อมเป่าลมร้อนใส่ใบหูของบีมอย่างยั่วเย้า เล่นเอาขนอ่อนทั่วร่างลุกชันด้วยความหวามไหว จากนั้นไวเบรเตอร์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างดีเยี่ยมก็ถูกหย่อนลงบริเวณหน้าอกข้างหนึ่ง

“ไปนั่ง ผมจะเลือกชุดให้นายฟิตติ้ง อย่าส่งเสียงดังล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวอย่างไม่รีบร้อนและไม่ได้เกรี้ยวกราดแต่อย่างใด ทว่าข้อความในประโยคสุดท้ายคล้ายกับกระตุ้นให้ผู้เป็นซับออกอาการดื้อดึง
“นายท่านจะให้ผมใส่ชุดนี้เหรอครับ” บีมเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนหยิบชุดเดรสแบบเปิดไหล่ที่มีริบบิ้นสีทองประดับไว้ข้างหลังออกมาจากตู้แห่งความลับ เพียงเท่านั้นสายตาของผู้เป็นนายก็เปลี่ยนไป บีมจึงรีบสงบปากสงบคำ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ เพราะไวเบรเตอร์กำลังเพิ่มแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

“อา..อึก” บีมพยายามอดกลั้นสุ้มเสียงของตัวเองอย่างสุดความสามารถและยิ่งลนลานมากขึ้น เมื่อผู้สวมบทดีไซเนอร์เริ่มหยุดการเคลื่อนไหว

“ผมบอกให้เงียบ!” สุ้มเสียงเฉียบขาดดังก้องอย่างน่าเกรงขาม ริมฝีปากคู่สวยจึงเม้มแน่น แม้ว่าความวาบหวามจะก่อตัวในช่องท้องจนเริ่มปั่นป่วน

“อา..อึก..อื้อ” หลังจากบีมพยายามอดกลั้นจนครบหนึ่งนาที สุ้มเสียงที่เคยกักเก็บก็ปลดปล่อยออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่งผลให้เจ้านายที่ต้องการสมาธิในการเลือกเสื้อผ้าสำหรับฟิตติ้ง เหวี่ยงเดรสตัวสวยลงบนเตียงด้วยความไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็ตรงเข้ามาบีบริมฝีปากของบีมอย่างรุนแรง ทำให้ความเจ็บปวดแล่นพล่านสร้างความเสียวซ่านให้กับผู้ถูกกระทำจนถึงขีดสุด แต่แล้วก็ตามมาด้วยการสวมบอลแก๊กเพื่อแก้ปัญหา

ไม่นานดีไซเนอร์ผู้แสนหล่อเหลาก็ได้รับความเงียบสงบคืนกลับไป


 
ขณะที่บีมไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ เพราะลูกบอลคับแน่นปิดกั้นริมฝีปากจนน้ำลายไหลเยิ้ม ซ้ำยังออกอาการกระสับกระส่ายเมื่อไวเบรเตอร์ยังคงกระตุ้นเร้าอย่างต่อเนื่อง ความโหยหาการถูกลงโทษจึงตีตื้นจนทนแทบไม่ไหว มิหนำซ้ำสภาพอันน่าอับอายยังทำให้อารมณ์หวามไหวแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว

“เดินมาหาผม” ทันทีที่ได้รับคำสั่งบีมก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นเสื้อแขนยาวแบบซีทรูลวดลายดอกไม้ลักษณะคล้ายเสื้อคอเต่าทำจากผ้าลูกไม้ประเภท ‘ALENÇON’  ที่มีความโดดเด่นด้วยเนื้อผ้าลวดลายตาข่ายก็ทาบทับลงบนลำตัว แต่ใครจะไปคิดว่านายท่านจะเน้นย้ำตรงบริเวณที่มีไวเบรเตอร์แอบซ่อนอยู่

“อือ..อึก..อือ” บีมจึงได้แต่ร้องครวญครางไม่เป็นภาษา ขณะที่แววตาของผู้เป็นนายกลับฉายความสนุกอย่างเต็มที่

“อย่าทำน้ำลายหกเลอะชุดสวย ๆ พวกนี้ล่ะ” ผู้เป็นนายกล่าวพลางตบแก้มไม่เบานัก คล้ายกับต้องการสั่งสอนและค่อนข้างมีความสุขที่ได้เห็นร่างตรงหน้าทุกข์ทรมานจากฝีมือกระตุ้นเร้าของตัวเอง

“บรานั่นผมว่าถอดออกดีกว่า ดูไม่เหมาะกับนายเท่าไหร่” กระทั่งเนื้อตัวกลับมาเปลือยเปล่า เดรสแขนยาวคลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ก็ถูกสวมทับลงบนผิวกาย ขณะที่สิ่งกระตุ้นกลับถูกโยนทิ้งบนเตียงนอนอย่างไม่ใยดี

“รูปร่างของนายถือว่าดี เหมาะกับการเอามาเป็นแบบฟิตติ้งเพราะได้มาตราฐาน” ชายหนุ่มร่างสูงยังคงวิพากษ์วิจารณ์ ขณะยืนกอดอกชื่นชมผลงานอย่างคนมีความรู้ ซึ่งทุกอย่างล้วนจดจำมาจากเจ้าของห้องเสื้อตัวจริงทั้งสิ้น เพียงเท่านั้นร่างกายของบีมก็เริ่มร้อนผ่าว เพราะสายตาร้อนแรงโลมไล้ตั้งแต่บริเวณลำคอมาจนถึงส่วนอ่อนไหวเบื้องล่างที่กำลังคับแน่น

“จำได้ว่าผมให้นายมาฟิตติ้ง ไม่ได้ให้มาคิดเรื่องลามก..” นายท่านยิ้มเยาะทันทีที่เห็นความชื้นแฉะปรากฏบนอันเดอร์แวร์

“แน่นไปหรือเปล่า” เจ้านายเอ่ยถามเมื่อสวมเสื้อลูกไม้แบบสายเดี่ยวครึ่งตัวพร้อมขยับปมเชือกที่มีลักษณะคล้ายกับการผูกเชือกรองเท้าให้แนบแน่น

“อือ” บีมเอ่ยตอบในลำคอไม่เป็นภาษาพร้อมทั้งส่ายหัว แต่ทว่ากลับได้รับการตอบสนองเป็นความอึดอัดบริเวณช่วงอก เมื่ออีกฝ่ายดึงปมเชือกให้แน่นขึ้น แต่กระนั้นช่วงล่างกลับตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“นายไปยืนเท้าแขนกับโต๊ะเครื่องแป้ง ผมจะใส่วิกผมให้” ทันทีที่ได้รับคำสั่ง บีมก็รีบเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งและยืนเท้าแขนอย่างเชื่อฟัง เพราะการครอสเดรสก็ไม่ต่างกับการได้ปลดปล่อยอารมณ์และความเคร่งเครียดจนกลายเป็นใครอีกคน แต่แล้วเบื้องล่างก็รู้สึกวูบไหวเมื่ออีกฝ่ายปลดเปลื้องปราการชิ้นสุดท้าย

“มันไม่เข้ากันน่ะ” เมื่อนายท่านสังเกตเห็นสีหน้าแห่งความสงสัย เสียงกระซิบสุดยั่วเย้าก็ทำให้อารมณ์ของบีมเริ่มพุ่งสูง สายตาจึงไล่มองร่างสูงราวกับสุภาพบุรุษในละครอย่างใจจดจ่อ ไม่นานวิกผมสีดำรัตติกาลก็ถูกสวมลงบนศีรษะ จากนั้นอีกฝ่ายก็เปิดลิ้นชักราวกับต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่าง กระทั่งพบกิ๊บติดผมสีดำสำหรับจับยึดวิกผมไม่ให้ขยับเขยื้อน ความเงียบสงบจึงหวนกลับมา

“อือ..อืออ” บีมสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อจู่ ๆ สัมผัสเยียบเย็นและความเหนอะหนะก็ประทับลงบนช่องทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะผลุบหายไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าการสอดใส่กลับไม่มีทีท่าจะหยุดลง เพราะบีมจดจำได้ว่าไข่มุกเหล่านั้นยังมีอีกหลายสิบลูกที่ร้อยต่อกัน

“อือออ” บีมได้แต่ครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน เพราะไม่อาจเปล่งเสียงตามใจหมาย และยังถูกนายท่านตีสะโพกสั่งสอนอย่างไม่ปรานี ความสุขสมจึงจุกอกจนน่าอึดอัด

“นายนี่จริง ๆ เลย ผมอุตส่าห์หาอุปกรณ์ปิดปากมาใช้ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรสักนิด ช่างไม่เก็บอารมณ์เสียบ้าง ลืมไปแล้วเหรอว่าห้องนี้ไม่เก็บเสียง” อีกฝ่ายเอ่ยเตือนก่อนจะเริ่มสอดใส่สร้อยไข่มุกพวงนั้นอย่างใจเย็น บีมจึงได้แต่ส่ายสะโพกไปมาด้วยความหวามไหว เพราะนายท่านไม่ได้ทำเพียงแค่นั้น แต่กลับบีบเค้นผิวเนื้อไม่หยุดหย่อน

“อ้อ นายเป็นพวกชอบโชว์นี่นะ แต่ก็อย่าลืมว่าตอนนี้นายกำลังฟิตติ้งเสื้อผ้าให้ผมอยู่” สิ้นประโยคดังกล่าวชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ประคองบีมให้ยืนตัวตรง จนมองเห็นใบหน้าหวามไหวของตนเองอย่างชัดแจ้ง แต่กระนั้นช่วงล่างกลับรับรู้ถึงความต้องการอันมากล้นของผู้ชักนำ

“นายเหมาะกับชุดนี้จริง ๆ ด้วย” ผู้เป็นนายกล่าวชื่นชมขณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจจึงเป่าลดบริเวณลำคอระหงจนขนอ่อนลุกชันด้วยความวาบหวาม โดยที่ฝ่ายดอมแทบอยากจะฝากฝังคมเขี้ยวแสดงความเป็นเจ้าของให้ทั่วร่าง แต่ก็ต้องทนข่มกลั้น

“วันนี้ผมอารมณ์ดีจะพานายไปเต้นรำใต้แสงจันทร์” นายท่านกล่าวพร้อมกับปลดปล่อยพันธนาการ จนทำให้บีมจำต้องขยับปากขึ้นลงครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นตะคริวเข้าให้แล้ว

“คุณโอเคหรือเปล่าครับ” สิ้นคำถามคล้ายกับการเพลย์มีอันต้องขาดช่วงราวกับถูกผู้กำกับสั่งคัท เพราะผู้เป็นดอมกลับกลายเป็นคุณนัทผู้แสนอบอุ่น

“โอเคครับ คุณไม่ต้องห่วง” บีมตอบรับพร้อมยกยิ้มให้ จากนั้นชายหนุ่มผู้มาเยือนก็ประคองฝ่ามือของอีกฝ่ายเพื่อก้าวเดินไปยังห้องนั่งเล่น แต่เพราะความที่ช่วงล่างถูกเติมเต็มด้วยอุปกรณ์บางอย่าง บีมจึงไม่อาจก้าวเดินได้สะดวก สุ้มเสียงจึงพาลเปล่งประกายอย่างงดงาม

“คิดไม่ผิดที่ผมเลือกนายมาเป็นแบบฟิตติ้ง” ทันทีที่สองร่างถูกอาบไล้ด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามายังบริเวณหน้าต่างกระจกบานใหญ่ คำชื่นชมดังกล่าวทำให้บีมออกอาการขวยเขินและยังกระตุ้นเร้าให้ความต้องการจนกลายร่างเป็นคลื่นยักษ์ซ่านกระเซ็นในช่องท้อง

“อ๊ะ” บีมอดอุทานออกมาไม่ได้ เมื่อเจ้านายใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างสะบัดลงบนสะโพกกลมสวย อุปกรณ์ที่แอบซ่อนจึงกระทบกันจนเกิดความหวามไหว

“นายมันเต้นไม่ได้เรื่อง!” ดีไซเนอร์ชั่วคราวปรามาสด้วยความไม่สบอารมณ์ ซ้ำยังรั้งกายของอีกฝ่ายให้เข้ามาแนบชิด โดยที่ฝ่ามือทั้งสองข้างยังคงลูบไล้สะโพกกลมกลึงอย่างหลงใหล แต่แล้วก็ฟาดฝ่ามือลงบนความนุ่มนวลไม่เบานัก

“อา..อ๊า..ผ..ผม..” บีมเริ่มกล่าวไม่ได้ศัพท์เมื่อร่างกายกำลังถูกทักทายด้วยความเสียวซ่าน แต่กระนั้นผู้เป็นนายกลับไม่ได้สนใจ ยังคงใช้ฝ่ามือขยำผิวเนื้อบริเวณดังกล่าวด้วยความเพลิดเพลิน พร้อมชักนำให้ปลายเท้าโยกย้ายไปตามจังหวะของการลีลาศ แต่ทว่าเรียวขาของบีมกลับสั่นพร่า คล้ายกับจะทรงตัวไม่อยู่ จึงต้องคอยจับยึดช่วงแขนของอีกฝ่ายให้แนบแน่น

“สะโพกของนายคงจะผ่านมือใครต่อใครมาเยอะสินะถึงได้นุ่มนิ่มแบบนี้” นายท่านสบประมาทพร้อมบีบเค้นจนความชื้นแฉะบริเวณช่วงล่างจนเริ่มล้นปริ่ม ขณะที่เสื้อสายเดี่ยวตัวบนก็ถูกปลดเปลื้องอย่างรวดเร็ว ราวกับเวลานี้มันกำลังขวางหูขวางตา

“สมกับเป็นนาย พอได้โชว์ความหน้าไม่อายเข้าหน่อยก็เริ่มมีอารมณ์จนควบคุมไม่อยู่ คงอยากให้พวกที่เช่าคอนโดฝั่งตรงข้ามเห็นสินะ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ขณะที่มุมปากเริ่มกดยิ้มลึก

“ได้สิผมจะสงเคราะห์ให้” น้ำเสียงลุ่มลึกแฝงด้วยพฤติกรรมสุดอันตรายกำลังทำให้บีมสั่นสะท้าน ขณะที่ปรอทแห่งความสุขพุ่งปรี๊ดจนเต็มแม๊กซ์

“อ๊ะ..อ๊า..น..นายท่าน” บีมผวากอดอีกฝ่ายอย่างไม่อาจทรงตัว เมื่อปลายนิ้วแข็งแกร่งผลักดันอุปกรณ์ด้านหลังให้ซึมลึกเข้ามายังด้านในมากยิ่งขึ้น ช่วงล่างของทั้งคู่จึงบดเบียดแนบชิดจนทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นดอมจำต้องลอบสูดลมหายใจเพื่อเรียกคืนสติ

“อะไรกัน พอเจอของชอบเข้าหน่อย ถึงกับแข้งขาอ่อนแรงเชียวเหรอ” ชายหนุ่มผู้แสนเย่อหยิ่งกล่าวด้วยความขบขัน แต่ทว่าในอกกลับร้อนลุ่มยิ่งกว่าดวงไฟสุมทรวง

“อ๊า..อึก..อา” ขณะที่บีมดิ้นพล่านอย่างไม่อาจอดกลั้น เมื่อความกระสันตรงเข้ามาเล่นงานอย่างไม่ปรานี ส่งผลให้ลมหายใจติดขัด เพียงแต่มันกลับกลายเป็นความสนุกสนานของฝ่ายควบคุม

“นายอย่าเพิ่งใจร้อนสิ” สิ้นคำปลอบโยนอันแสนอบอุ่น ริมฝีปากของผู้เป็นนายก็จุมพิตลงบนกลีบปากของฝ่ายซับอย่างแผ่วเบา แต่มันกลับทำให้สติของบีมยิ่งเตลิด เพราะจูบเมื่อครู่กลับอยู่เหนือความคาดหมาย และบีมก็ไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะร้ายกาจ

จนกระทั่ง..

“อ๊า” ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้อง 303 ครวญครางเสียงแหลม พลางแอ่นกายอย่างเสียวซ่าน เมื่อจู่ ๆ สร้อยไข่มุกก็ถูกกระชากออกภายในพริบตาเดียว ส่งผลให้ความรู้สึกล้นทะลักจนถึงฝั่งฝัน จากนั้นลมหายใจอันแสนเหนื่อยหอบก็ดังระงมไปทั่วห้อง 303 โดยที่ทั้งคู่ยังคงโอบกอดกันไม่ห่าง

“คุณจูบผม” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่กระนั้นหัวใจกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง และเชื่อได้เลยว่าอีกฝ่ายคงจะได้ยินอย่างชัดเจน เพราะพวกเขากำลังโอบกอดกันด้วยสภาพที่ช่วงล่างแนบชิดจนรับรู้ได้เลยว่า การปลดปล่อยอันแสนสุขจบลงด้วยดีมากแค่ไหน

“ครับ ตอนนั้นผมจูบคุณ” ชายผู้มาเยือนตอบรับด้วยน้ำเสียงมั่นคง ขณะช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิง

“ส่วนตอนนี้ผมก็ยังอยากจะจูบคุณ แต่เป็นในสถานะที่เรากำลังดูใจกัน” สิ้นคำสารภาพอันแสนหวาน หัวใจของบีมกลับเต้นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแต่คราวนี้กลับเพิ่มความร้อนระอุบนใบหน้าเข้ามาด้วย


--------------------------✁

[1] การครอสเดรส (Crossdresser) คือ การที่ผู้ชายมีความสุขกับการแต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวตนของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตามเสื้อผ้าที่สวมใส่
[2] ALENÇON เป็นอีกชื่อหนึ่งของผ้าลูกไม้ประเภท Corded Lace

บทความที่เกี่ยวข้อง
- การครอสเดรส http://bit.ly/2qKVUU1

มาต่อแล้วค่ะ ช่วงนี้ถ้าหากไม่ติดแก้ไขอะไร เราน่าจะอัพได้ทุกวันจนกว่าจะหมดสต๊อกนะคะ เรื่องนี้ฉากเพลย์ก็จะเยอะหน่อย แต่ไม่เยอะจนถึงขั้นทิ้งปมที่เคยเปิดไว้แน่นอนค่ะ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะเล่นประเด็นนี้อย่างเดียว และบางตอนของนิยายเรื่องนี้อาจจะมีการแก้ไขตามที่มีคนแนะนำ เพื่อให้เรื่องมีความสมบูรณ์มากขึ้น เอาไว้ตอนไหนที่เรามีการแก้ไขหลังจากที่ลงไปบ้างแล้ว เราจะมาแจ้งตรงส่วนของทอล์คอีกทีค่ะ เพราะบางอย่างเราเองก็คาดไม่ถึงว่ามันจะต้องลงลึกขนาดไหน และมันสามารถมองในอีกแง่ได้ยังไงบ้าง คงต้องวอนผู้รู้ที่มาตามอ่านเรื่องนี้ช่วยแนะนำกันต่อไปค่า 555

ปล. ตอนที่ 6 มีการแก้ไขเกี่ยวกับการพูดถึงเรื่องรสนิยมแบบ BDSM ตามที่มีคนแนะนำมานะคะ เพื่อที่คำจำกัดความของการคบกับคนที่ต่างรสนิยมแตกกัน ตรงกับความรู้สึกของผู้ที่มีรสนิยมแบบ BDSM มากที่สุดค่ะ
“คุณน่าจะรู้ดีนะครับว่ารสนิยมอย่างเรา ๆ ต่อให้มีแฟนมันก็ไม่อาจเติมเต็ม ผมเลยอยู่เป็นโสดดีกว่า”
ที่ต้องแก้ตรงส่วนนี้เป็นเพราะว่าอันที่จริงรสนิยมแบบ BDSM ก็สามารถมีเซ็กส์แบบวนิลา (คนทั่วไป) ได้ค่ะ เพียงแต่มันอาจจะไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกมากเท่าไหร่ คำว่าสุขไม่สุดเลยอาจจะทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนไป ดังนั้นจึงแก้ไขเพื่อให้ถูกต้องมากที่สุดค่ะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 7 (update 29/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 30-11-2019 00:56:56
ซีนวันนี้  :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 8 (update 30/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 30-11-2019 21:18:34
ตอน 8
   

       บีมได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอยู่บนโซฟาสีขาวออกครีม เมื่อชายหนุ่มผู้มาเยือนอุ้มมาวางทิ้งไว้ โดยที่ริมฝีปากไม่แม้แต่จะสัมผัสกัน เพราะบีมเอาแต่นิ่งเงียบเป็นเวลาเนิ่นนานเกินไป สถานการณ์ก็เลยยิ่งกระอักกระอ่วน

   “เสื้อผ้าที่ผมเลือกวันนี้ มีคอนเซ็ปต์ว่ายังไงเหรอครับ คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้หรือเปล่า” หลังจากคุณนัทเดินกลับมาพร้อมผ้าห่มผืนบางก็รีบเอ่ยถามราวกับจะหาเรื่องชวนคุย

   “โรมิโอกับจูเลียตครับ ผมน่าจะออกแบบตอนปี 2015 แต่เป็นคอลเลกชันของปี 2016 เพราะดีไซเนอร์มักจะทำงานล่วงหน้าก่อนวางขายจริง” บีมนั่งนึกอยู่นานกว่าจะได้คำตอบ เพราะเสื้อผ้าคอลเลกชันนี้เป็นผลงานชิ้นแรกในฐานะห้องเสื้ออิสระ

   “ผมได้ไอเดียมาจากการที่โรมิโอกับจูเลียตรักกัน แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่อาจครองคู่กันได้ เพราะครอบครัวของทั้งสองฝ่ายไม่ถูกกัน เสื้อผ้าก็เลยเหมาะกับการสวมใส่เข้าคู่กับกางเกงยีน เพราะตอนออกแบบผมนึกถึงการกักขัง เครื่องแต่งกายเลยเป็นแบบที่เน้นใส่สบายมากกว่า” บีมอธิบายความเป็นมาอย่างเชื่องช้า ขณะใช้ผ้าห่มคลุมกายและนั่งชันเข่าอยู่บนโซฟา เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ต่างกับความฝันที่บีมมีให้กับการเป็นดีไซเนอร์ และยังหมายรวมถึงรสนิยมส่วนตัว ซึ่ง ‘จูเลียต’ เปรียบได้กับตัวของบีมเอง ส่วน ‘โรมิโอ’ เปรียบได้กับความฝันและรสนิยม

   “แต่อย่างน้อยโรมิโอกับจูเลียตก็ได้แต่งงานกันไม่ใช่เหรอครับ” คุณนัทแสดงความคิดเห็น คล้ายกับเข้าใจความนัยของคอนเซ็ปต์นี้ ดังนั้นประโยคเมื่อครู่จึงหมายความว่าอย่างน้อยบีมก็ยังไขว่คว้าอิสระเอาไว้ได้

   “ครับ แต่ก็ต้องคอยหลบซ่อน แล้วสุดท้าย..” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงทุกที เพราะจุดจบของต้นแบบกลับกลายเป็นโศกนาฎกรรมอันแสนสะเทือนใจ

   “ผมเชื่อว่ามันจะต้องมีทางออก..” นัทคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไปกอบกุมไว้พร้อมบีบกระชับเพียงเบา ๆ ราวกับต้องการให้กำลังใจ

   “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ เพราะผมไม่อยากถูกลากตัวไปโรงพยาบาล” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะที่นัทเริ่มรับรู้ได้ว่าความกังวลของอีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นเรื่องของ ‘รสนิยม’ ที่ไม่ได้รับการยอมรับมากกว่า แต่สิ่งที่นัทยังไม่เข้าใจก็คือ โรงพยาบาลเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์ในอดีตกันแน่

   “คุณอาจจะกำลังสงสัยว่าผมหวาดกลัวประสาอะไรถึงได้กล้าโบยบินออกมาไกลขนาดนี้” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพลางยกยิ้มเพียงเล็กน้อย

   “คงเป็นเพราะความอึดอัดมั้งครับ” บีมถามเองตอบเองโดยที่อีกฝ่ายก็ได้แต่รับฟัง

   “ผมคิดว่าคงไม่น่าจะใช่แค่ความอึดอัดอย่างเดียวหรอกครับ แต่น่าจะเป็นความสุขในเวลาที่คุณได้ตัดเสื้อผ้าและได้ลองฟิตติ้งด้วยตัวเองมากกว่า ส่วนเรื่องรสนิยมผมคิดว่ามันเป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่า คุณก็เลยใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยง เพราะคุณกลัวว่าถ้าหากอิสระหลุดลอยไป คุณอาจจะมานั่งเสียดายช่วงชีวิตที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นลึก ๆ ในใจของคุณก็ยังหวาดกลัวว่าปัจจุบันจะถูกซ้อนทับด้วยอดีต คุณก็เลยคิดมากจนทำให้กลายเป็นโรคเดินละเมอ” นัทเริ่มคาดเดาอย่างเป็นเหตุเป็นผล เพราะความทุกข์ใจของอีกฝ่ายค่อนข้างสอดคล้องกับสาเหตุของโรค แต่กระนั้นนัทก็ไม่ใช่หมอ คงไม่อาจฟันธงได้ว่าสิ่งที่คาดเดาคือความถูกต้อง ความห่วงใยและความกังวลจึงผสมปนเปจนแทบแยกไม่ออก เนื่องจากปัญหาหนักดันอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่ยอมไปหาหมอ

   “นี่คุณมีความสามารถในการอ่านความคิดของคนอื่นด้วยเหรอครับ” บีมกล่าวพลางกลั้วหัวเราะ และมันก็ทำให้นัทรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปล้วนถูกต้องทุกประการ

   “เป็นเพราะผมกำลังเรียนรู้ความเป็นคุณมากกว่าครับ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ทว่าจริงจัง ส่งผลให้บีมหันมองอีกฝ่ายด้วยจิตใจหวิวไหว

   “คุณนัทบอกว่าจะจูบผมไม่ใช่เหรอครับ ?” บีมเอื้อนเอ่ยหลังจากจ้องมองอีกฝ่ายแน่นิ่งมาเนิ่นนาน จากนั้นดวงตาจึงปิดสนิท ราวกับเชิญชวนให้ทำตามความประสงค์

   ไม่นานริมฝีปากก็ถูกสัมผัสด้วยความนุ่มนวลดุจผ้าลูกไม้แบบโครเชต์เนื้อนิ่มที่ถูกถักทอด้วยความประณีต จนหยาดหยดแห่งความหอมหวานอบอวนอยู่รอบกาย พาลพาให้หัวใจของบีมใกล้จะหลอมละลายอยู่รอมร่อ

   “นอนกันเถอะครับ” บีมกล่าวพร้อมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาโดยขดเป็นก้อนกลมอยู่อย่างนั้น เพราะไม่รู้จะหาทางออกให้กับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร

   “ถ้าหากคุณจะนอนที่นี่ เราคงต้องนอนเบียดกันแล้วล่ะครับ” สิ้นคำพูดนั้นร่างของบีมก็ถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่น ซ้ำยังถูกลมหายใจเป่าลดใบหน้า แต่ทว่าก็ไม่อาจหลีกหนีเพราะเป็นคนขุดหลุมฝังตัวเอง

   “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเต้นลีลาศเป็น” บีมนอนหลับตาคิดหาทางออกให้กับตนเองจนหัวแทบแตก และในที่สุดก็ค้นพบหัวข้อที่น่าสนใจ

   “สมัยมัธยมคุณครูก็สอนนะครับ” คุณนัทกล่าวสำทับ

   “ก็จริงครับ แต่ผมไม่เห็นจำได้” บีมยังคงกวาดต้อนคล้ายกับเรื่องราวดังกล่าวมันน่าสนใจยิ่งกว่าอะไร

   “คุณย่าของผมท่านชอบให้ลูกหลานมาเต้นลีลาศให้ดูครับ ยิ่งเพลงของสุนทราพรถือเป็นเพลงโปรดของครอบครัวผมเลย” อีกฝ่ายตอบคำถามด้วยแววตาเป็นประกาย คาดว่าช่วงเวลาเหล่านั้นคงจะเต็มไปด้วยความสุขมากแน่ ๆ

   “เอ้อ ผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ คุณชอบบ้านสวนไหมครับ” ชายหนุ่มผู้มาเยือนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ทว่ากลับร้องเรียกความสนใจจากบีมได้ไม่ยาก

   “สนใจนะครับ แต่คงต้องเป็นหลังจากปิดจบคอลเลกชันนี้ก่อน น่าจะสักประมาณ 3 อาทิตย์หลังจากนี้” บีมตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด แต่ก็ยังต้องมีข้อแม้เอาไว้บ้าง เพราะการทำคอลเลกชันใหม่แต่ละครั้ง ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่เตรียมพรีเซนต์กับฝ่ายขาย จะได้ประเมินว่าแบบไหนน่าจะขายดี และควรสั่งผลิตแบบละเท่าไหร่ รวมถึงราคาควรจะตั้งเท่าไหร่

   “ได้สิครับ ระหว่างนี้คุณก็ฝึกเต้นลีลาศไปด้วย คราวหน้าคุณจะได้กลายเป็นจูเลียตที่เต้นรำได้เก่งที่สุด” ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของบ้านสวนกล่าวอย่างจริงใจ และยังแอบชื่นชมความงดงามของอีกฝ่ายไปในตัว

   “ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนโรมิโออย่างคุณแล้วล่ะครับ” บีมตอบรับอย่างไม่คิดปฏิเสธ พร้อมกับหลงลืมบรรยากาศชวนเก้อเขินจนหมดสิ้น จากนั้นความเงียบสงบก็มาเยือน เมื่อคนสองคนเริ่มก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน และคืนนั้นก็เป็นคืนแรกที่จูเลียตตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าตนเองสวมใส่เสื้อลูกไม้ตัวยาว เพียงแต่เป็นสภาพที่ค่อนข้างหลุดลุ่ย เธอจึงรีบซุกซบใบหน้ากับอ้อมอกแข็งแกร่งของโรมิโออย่างรวดเร็ว



   กระทั่งรุ่งเช้ามาเยือนแสงแดดจึงสาดส่องลงมายังเครื่องเรือนภายในห้องนอน ทำให้ผู้ที่กำลังหลับใหลจำต้องขุดตัวเองออกจากที่นอน โดยไม่ต้องคาดเดาว่าเพราะเหตุใดจึงมานอนอยู่ในที่แห่งนี้ เพราะคำตอบคงจะมีแค่จูเลียตกำลังเดินละเมอและผู้มาเยือนเป็นคนอุ้มมา

   บีมนั่งบิดขี้เกียจอยู่สองสามทีจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียง แต่เป้าหมายไม่ใช่ห้องอาบน้ำเหมือนอย่างเคย เพราะต้องการเดินออกไปดูว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในห้องหรือเปล่า ซึ่งบีมสัมผัสได้เพียงความเงียบงัน จนกระทั่งพบโน้ตแปะไว้บนโต๊ะทานข้าวว่า ‘อย่าลืมทานมื้อเช้านะครับ ผมเตรียมไว้ให้แล้ว แต่กว่าคุณจะตื่นก็น่าจะเย็นชืดหมด แล้วก็เมื่อเช้าช่างมาซ่อมประตูให้แล้วนะครับ’

   ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องเปิดฝาครอบอาหารออก พบว่ามื้อเช้าที่อีกฝ่ายทำให้ เป็นเพียงอาหารเช้าง่าย ๆ บีมจึงนำไปอุ่นกับเตาไมโครเวฟ จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำดื่ม แล้วกลับมานั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้ พร้อมใช้ฝ่ามือลูบไล้ริมฝีปากอย่างเหม่อลอย ขณะที่ความคิดกำลังเตลิดไกล เพราะอยากรู้ว่ารสจูบที่แสนดุดันระหว่างการเพลย์อันดุเดือดจะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานด้วยความสุขสมมากแค่ไหน แล้วถ้าหากสิ่งที่ว่าเกิดขึ้นพร้อมกับการฝากฝังรอยฝ่ามือไว้บนผิวกาย บีมจะสมองพร่าเบลอเพราะความสุขจุกอกเลยหรือเปล่า

   แต่แล้วความคิดอันแสนร้อนแรงก็ต้องหยุดลง เมื่อเสียงเตือนจากไมโครเวฟดังขึ้น ซึ่งบีมใช้เวลาจัดการมื้อเช้าไม่นานนัก เพราะที่นานสุดดูเหมือนจะเป็นการแต่งตัว เนื่องจากเจ้าของมื้อเช้าส่งข้อความมาว่า ‘วันนี้เลิกงานสัก 6 โมงนะครับ เพราะคนที่เป็นโรคเดินละเมอจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็ต้องเข้านอนกับตื่นนอนให้เป็นเวลา ที่สำคัญคุณยังต้องฝึกเต้นลีลาศกับผมนะ’ จากนั้นก็ตามมาด้วยลิงก์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าว

   บีมจึงตอบกลับไปว่า ‘ถ้าหากผมคือทาสที่แสนดื้อดึง นายท่านอย่างคุณจะจัดการผมยังไงเหรอครับ’ ฝ่ายคนถูกถามจึงรีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า ‘ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายดายมากครับ ก็แค่หาทาสใหม่ที่เชื่อฟัง’

   สิ้นคำตอบนั้นใจของบีมถึงกับหล่นวูบ เพราะไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาอย่างไร้เยื่อใย จึงรีบพิมพ์ข้อความกลับไปอย่างร้อนรนว่า ‘ผมไม่ได้จะทำแบบนั้นจริง ๆ สักหน่อย รู้ทั้งรู้ว่าคุณเป็นห่วงเพราะการเดินละเมอมันอันตราย ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ย้ายมานอนกับผมทันทีที่แน่ใจว่าผมมีอาการแบบนั้น เพราะคุณกลัวว่าผมจะเดินออกไปข้างนอกแล้วพลัดตกบันไดหรือกระโดดลงจากระเบียง แล้วผมก็รู้ดีว่าคุณอยากให้ผมไปหาหมอ แต่ผมกลัวเกินกว่าจะไป คุณก็เลยไม่คาดคั้น เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของผม แน่นอนว่าเรื่องที่ผมกล้าดื้อดึงและเอามาล้อเล่นคงไม่ใช่เรื่องนี้’

   บีมได้แต่จ้องโทรศัพท์จนตาแทบถลน เพราะกำลังลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะยอมเชื่อคำพูดของตัวเองหรือเปล่า ซึ่งระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่คุณนัทเงียบหาย มันก็ทำให้บีมรู้สึกทรมาน เพียงแต่ไม่ใช่ความทรมานที่สุขสม

   จนกระทั่งคำถามของชายหนุ่มอีกผู้ส่งกลับมาว่า ‘ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการดื้อดึงเพราะไม่อยากเต้นลีลาศสินะ’ ริมฝีปากของบีมรีบวาดเป็นรอยยิ้ม ซึ่งถ้าหากบีมอยู่ในโลกของการ์ตูน ตอนนี้อาจจะมีหูและหางโผล่ออกมาพร้อมสั่นระริกด้วยความดีใจก็เป็นได้

   ‘นายยังเป็นทาสที่ชอบทำอวดดีไม่เปลี่ยน’ สิ้นคำปรามาสจากนายท่าน หูและหางทิพย์ของบีมก็สั่นระรัวอย่างตื่นเต้น เนื่องจากข้อความดังกล่าวไม่มีความขุ่นเคืองหลงเหลืออยู่ จึงส่งผลให้ประโยคถัดมาปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วว่า ‘กลับไปผมคงต้องลงโทษให้หลาบจำซะแล้วมั้ง’    



   วันทั้งวันบีมจึงนั่งทำงานด้วยสีหน้าชื่นมื่นและบอกกล่าวกับน้องพนักงานในความดูแลอย่างจริงจังว่าตนเองมีปัญหาทางด้านสุขภาพ อาจจะทำงานจนดึกดื่นแบบแต่ก่อนไม่ได้ ซึ่งน้อง ๆ ก็เข้าใจดี และยังบอกให้รีบพักผ่อน บีมจึงใช้โอกาสนี้อ่านลิงก์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคเดินละเมอที่คุณนัทส่งมาให้อย่างละเอียด

   พบว่าการเดินละเมอเกิดจากความผิดปกติระหว่างการหลับลึกกับหลับตื้น โดยสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ ละเมอขับรถ ละเมอมีเพศสัมพันธ์ ละเมอแต่งตัว ละเมอทำอาหารหรือของว่าง ละเมอเล่นดนตรี ละเมอทำกิจกรรมเสี่ยงอันตราย แต่ถ้าหากปัจจัยกระตุ้นอาการดังกล่าวเกิดจากเรื่องราวในชีวิตกับความเครียด ส่วนมากจะเกิดขึ้นในช่วงหลับลึก

   แถมการหลับลึกยังแบ่งออกเป็นรอบ ๆ จึงทำให้มีอาการละเมอเกิดขึ้นต่อคืนไม่เกิน 1-2 ครั้ง แต่ก็มีบางคนที่มีอาการละเมอถึง 3 ครั้ง นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่อันตราย ซึ่งอัตราของความอันตรายจะเกิดจากปัจจัยกระตุ้นว่ามีความถี่มากแค่ไหน และผลกระทบของการละเมอจะทำให้คนกลุ่มนี้วิตกกังวลเวลาไปนอนที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง

   ซึ่งบีมก็เริ่มหวาดกลัวการไปพักผ่อนที่บ้านสวนแล้วเหมือนกัน เพราะบีมไม่รู้ว่าการเดินละเมอที่ผ่านมามีความปลอดภัยมากแค่ไหน เนื่องจากบาดแผลก็ไม่เคยเห็น แต่ก็เคยได้ยินพาร์ทเนอร์คนก่อนบอกว่า บีมชอบลุกขึ้นมานั่งตอนกลางคืน ซึ่งบีมยังคิดว่าถูกอีกฝ่ายอำเล่น แต่พอได้อ่านบทความและย้อนคิดไปถึงพฤติกรรมของตัวเอง มันก็อดจะหวาดกลัวไม่ได้

   “กลางวันนี้คุณว่างหรือเปล่าครับ ผมมีเรื่องอยากถาม” สุดท้ายบีมก็ตัดสินใจโทรหาเจ้าของห้อง 005 เพื่อสอบถามอาการอย่างละเอียด เพราะที่ผ่านมาบีมละเลยมันมากเกินไป

   ‘ว่างครับ เจอกันที่เดิมนะ’

   หลังจากนัดแนะกันแล้วบีมก็นั่งมองนาฬิกาอย่างใจจดจ่อ กระทั่งเวลาเที่ยงตรงมาถึง บีมรีบกระเด้งตัวออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เดินมาถึงห้องอาหารของห้างสรรพสินค้า พบว่าอีกฝ่ายมารออยู่ก่อนแล้ว

   “ผัดไทแล้วกันครับ” ทันทีที่ทิ้งตัวลงนั่ง พนักงานก็รีบเดินเข้ามารับออร์เดอร์ บีมจึงสั่งเมนูอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกฝ่ายสั่งเมนูที่ต้องการไว้ล่วงหน้าแล้ว

   “มีอะไรเหรอครับ หน้าเครียดเชียว”  คุณนัทเอ่ยถามพร้อมดื่มน้ำเปล่าแก้กระหาย

   “ผมอยากรู้ว่าเมื่อคืนผมยังเดินละเมออยู่หรือเปล่าครับ” บีมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

   “ไม่นะครับ เมื่อคืนจำได้ว่าผมนอนหลับสบายมาก ตื่นมาผมก็อุ้มคุณไปนอนในห้อง เป็นไปได้ว่าวิธีที่ผมอ่านมาจากในเน็ตอาจจะได้ผล” คุณนัทตอบพร้อมกับขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย

   “แล้วคืนก่อน ๆ หลังจากที่คุณรู้ว่าผมมีอาการเดินละเมอ ผมยังเป็นเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าครับ เพราะช่วงนั้นผมยังไม่ได้ใส่เดรสลูกไม้ก่อนเข้านอน” บีมยังคงตั้งคำถามต่อไป ราวกับพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าวมากขึ้นก็เริ่มจะตื่นตระหนก

   “ช่วงนั้นคุณยังเดินละเมออยู่นะครับ แต่คงเป็นเพราะผมอยู่กับคุณตรงนั้น พอได้รับคำชมคุณก็รีบเข้านอนเหมือนทุกที” คุณนัทตอบกลับอย่างฉะฉาน จากนั้นก็นิ่งเงียบไป เมื่อพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ

   “ผมไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ นอกเหนือจากนี้ใช่ไหมครับ” บีมยังคงเอ่ยถามอย่างไม่ไว้ใจตัวเอง เพราะอ่านเจอว่าบางคนก็จะละเมอมีเพศสัมพันธ์

   “ไม่เลยครับ คุณสบายใจได้ อีกอย่างผมเอาโมบายไปแขวนไว้ที่ประตูห้องนอนของคุณ แล้วก็ประตูใหญ่และประตูระเบียงเรียบร้อยแล้วครับ ถึงแม้ผมจะหลับลึกแค่ไหน แต่ก็รับรองได้ว่าผมจะต้องได้ยิน เพราะผมเป็นคนรู้สึกตัวง่าย แค่บางทีคุณขยับตัวนิดหน่อยผมก็ตื่นแล้วครับ อ้อ เมื่อคืนจูเลียตอย่างคุณพอตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของโรมิโออย่างผมด้วยสภาพที่ค่อนข้างจะ..” ชายหนุ่มตรงหน้ากล่าวเรียบเรื่อย จากนั้นก็เริ่มใช้สายตากรุ้มกริ่มหยอกเย้า โดยที่ใบหน้ายังคงนิ่งขรึม พร้อมกับเว้นวรรคคำพูดราวกับต้องการให้ลุ้นระทึก แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ค้างคาอยู่อย่างนั้น โดยที่บีมไม่ต้องประมวลผลใด ๆ ก็เข้าใจ

   “คุณก็รีบก้มหน้าซุกอกผม แล้วเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไปเลย” บีมถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพราะคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ในสถานะของคนที่กำลังเดินละเมอก็ยังต้องแพ้พ่ายให้กับคนคนนี้

   “อ้อ ผมไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาจากอีกเว็บไซต์หนึ่งครับ เขาบอกว่าการละเมออาจจะนั่งอยู่บนเตียงแล้วลืมตาขึ้นมาก็ได้ หรือว่าอาจจะมีอาการสับสนงุนงงหลังจากตื่นนอนก็ได้ ที่สำคัญข้อนี้ตรงกับคุณเลยครับ มีภาวะเสียความทรงจำบางส่วนหรืออาจจะทั้งหมดของการเดินละเมอ ส่วนบางรายก็จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถูกปลุกให้ตื่น นอกจากนี้สาเหตุยังไม่ได้เกิดจากความเครียดหรือวิตกกังวลเท่านั้นนะครับ แต่ยังเกิดจากความกระทบกระเทือนทางจิตใจในวัยเด็กก็ได้ รวมถึงอดนอนก็มีส่วน ทานยากระตุ้นประสาทหรือยากดประสาทก็มีส่วน ที่สำคัญตอนนี้มียารักษากลุ่มอาการแบบนี้แล้วนะครับ ถ้าหากคุณกังวลผมสามารถพาคุณไปหาจิตแพทย์ได้” นัทยังคงถือโอกาสตะล่อมให้อีกฝ่ายไปหาหมอ เพราะถ้าหากตนเองต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดก็จะไม่สามารถดูแลอีกฝ่ายได้ แถมยังไม่มีคนที่ไว้ใจมากพอให้ฝากฝัง

   “ผมกลัว” บีมกล่าวพร้อมนั่งก้มหน้า จากนั้นน้ำตาก็เริ่มรินไหลอย่างห้ามไม่อยู่ เล่นเอานัทตกใจมาก

   “กลัวอะไรครับ คุณบอกผมได้ไหม ?” นัทเอ่ยถามด้วยความใจเย็น พร้อมกุมฝ่ามือของอีกฝ่ายไว้ และยังลูบไล้ด้วยสัมผัสแผ่วเบา

   “พ่อกับแม่บอกว่าผมป่วยถึงได้อยากแต่งตัวเป็นผู้หญิง ท่านก็เลยจะพาผมไปหาหมอ เพราะทนเห็นผมเป็นบ้าไม่ได้ ผมเลยต้องเก็บซ่อนตัวตนของผมไว้และเกือบจะต้องละทิ้งความฝันของตัวเอง เพราะผมกลัวว่าพวกเขาจะยัดเยียดความผิดปกติให้ผม” บีมกล่าวทั้งน้ำตาพร้อมกอบกุมฝ่ามือของชายหนุ่มอีกคนอย่างแนบแน่น ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างร้องขอ เพราะเหตุการณ์ในวันวานที่ตนเองถูกลากถูลู่ถูกังยังคงแอบซ่อนอยู่ในความทรงจำ บีมจึงหวาดกลัวว่าการไปพบจิตแพทย์จะเป็นการตอกย้ำว่าตนเองเป็นบ้าตามที่พ่อกับแม่เคยกล่าวหา

   “ครับ.. ไม่เป็นไรนะ ผมจะคอยระวังให้คุณเอง” นัทรับปากอย่างจริงจัง ขณะที่ในอกกลับหนักอึ้ง เพราะไม่เคยคาดคิดว่าปมในใจของอีกฝ่ายจะพันผูกจนแน่นหนาขนาดนี้ ซึ่งบุคคลที่เป็นคนถักทอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนในครอบครัวที่หวังดี แต่ทว่ากลับเป็นการทำร้ายจิตใจทางอ้อม

   โชคยังดีที่โรคเดินละเมอ หากไม่รุนแรงก็ยังไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์และไม่จำเป็นต้องปลุกให้ตื่น เพียงแต่คนในบ้านจะต้องใช้วิธีเกลี้ยกล่อมให้กลับไปนอน แต่ถ้าเมื่อไหร่มันส่งผลกระทบต่อชีวิต นัทคงต้องนั่งเกลี้ยกล่อมโดยการชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบายอีกครั้ง


--------------------------✁

มาต่อแล้วจ้า ตอนนี้พักเข้าสู่เนื้อเรื่องสักแป๊บ 555 ตอนต่อ ๆ ไปเตรียมตัวเป็นโคนันพร้อมกับคุณนัทได้เลย เพราะคอลเลกชันเสื้อผ้ามีความสอดคล้องกับอดีตของบีมด้วย แต่จริง ๆ ก็ไม่โคนันมากเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้ตั้งใจให้ปมไม่ซับซ้อนแบบเรื่องอื่น น่าจะอ่านง่ายขึ้น

ทุกคนเมื่อวานมีแก้ในตอนที่ 4 เพิ่มอีกแล้ว 555 พอดีมีคนแจ้งว่าเราควรจะต้องเพิ่มข้อตกลงที่รัดกุมอีกหน่อย เพราะในตอนที่ 5 เรามีเขียนให้จับแขนตามเซฟเวิร์ดที่ตกลงกัน แล้วบีมก็ออกอาการขัดขืนตอนเบร็ธเพลย์ ทีนี้มันอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างดอมกับซับได้ เพราะการขัดขืนก็เหมือนบีมเป็นทาสที่พยศหรือต้องการให้เพิ่มระดับความรุนแรง ดังนั้นจึงเพิ่มประโยคด้านล่างเพื่อให้ครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องเซฟเวิร์ดมากขึ้น นัทจะได้ตีความการกระทำของบีมออกว่าแบบไหนหมายถึงอะไร ทั้งนี้ต้องขอบคุณคนแนะนำอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้ข้อมูลเชิงลึกขนาดนี้ค่ะ

“จับแขนของคุณไว้ดีไหมครับ ?” บีมเดินขมวดคิ้วสักพักจึงแสดงความคิดเห็น เพราะการเบร็ธเพลย์ส่งผลให้ไม่มีแรงแม้แต่จะวางแขนแนบลำตัว แต่ถ้าหากใช้วิธีจับแขน คุณนัทก็จะทราบถึงแรงบีบที่ค่อย ๆ ลดลง

“โอเคเลยครับ แต่คุณคงต้องเป็นทาสแสนพยศจนถึงที่สุด ผมจะได้สังเกตอาการของคุณได้ง่ายขึ้น” นัทเพิ่มขอบเขตของความชัดเจนให้รัดกุม เพื่อที่เวลาเพลย์จะได้ไม่เกิดความคลาดเคลื่อน

“ไม่มีปัญหาครับ” บีมกล่าวพลางไหวไหล่
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 8 (update 30/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-12-2019 00:31:44
คู่นี้น่ารักดีอ่ะ มีมุมหวานๆด้วย
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 9 (update 02/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 02-12-2019 20:28:20
ตอน 9


บีมเป็นคนหัวไว หากตั้งใจทำสิ่งใดก็จะทำสำเร็จได้ไม่ยาก ดังนั้นการเต้นลีลาศด้วยจังหวะง่าย ๆ จึงพลิ้วไหวราวกับมืออาชีพ วันนี้เลยมีความพิเศษอยู่ตรงที่คุณนัทจะจัดการซุ่มซ้อมที่ผสมผสานไปกับการเพลย์

“วันนี้คุณอยากใส่ชุดไหนเหรอครับ ?” คุณนัทเปิดโอกาสให้บีมเลือกเดรสที่ต้องการสวมใส่ ทันทีที่มื้อเย็นอันเรียบง่ายสำหรับคนสองคนจบลงที่ห้องหมายเลข 303

บีมจึงต้องวางมือจากการประดิดประดอยรองเท้าที่อีกฝ่ายเคยร้องขอ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าตู้เสื้อผ้าสีขาวสไตล์วินเทจ พลางใช้ฝ่ามือละเสื้อผ้าแต่ละตัวอย่างตัดสินใจไม่ถูก

“วันนี้คุณต้องถูกมัดนะครับ อย่าเลือกชุดที่เป็นเนื้อผ้าแบบตาข่ายจะดีกว่า” คุณนัทกล่าวทิ้งท้ายจากนั้นก็เดินไปยังห้องแต่งตัว ซึ่งมีตู้บานหนึ่งเอาไว้เก็บอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการเพลย์

กระทั่งบีมสังเกตเห็นอีกฝ่ายเดินถือเชือกคอตตอนกลับมา บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าบทลงโทษในครั้งนี้ไม่ใช่การตบตี แต่เป็นการพันธนาการเพื่อความสวยงาม เพราะเชือกประเภทนี้มีความยืดหยุ่นค่อนข้างดีและยังมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล ซึ่งไม่เหมาะกับการมัดแขวนอย่างโลดโผน

บีมจึงเลือกเดรสผ้าลูกไม้แบบ POINT D’ESPRIT ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงลวดลายวงกลมขนาดเล็ก ประดับด้วยลวดลายจากเทปลูกไม้แบบโครเชต์เป็นรูปนกนางแอ่นโบยบินอย่างอิสระ โดยมีซับในสีตุ่นขลับให้การแต่งกายดูเรียบหรูมากขึ้น ส่งผลให้เนื้อผ้าแบบตาข่ายไม่อาจสร้างความระคายเคือง ขณะที่บริเวณชายกระโปรงกลับมีลูกเล่นไล่ระดับเป็นแนวเฉียง

“ชุดนี้คงต้องใส่รองเท้าส้นสูงด้วยครับถึงจะสวย” คุณนัทแสดงความคิดเห็นทันทีที่บีมนำเดรสตัวดังกล่าวออกมาทาบลำตัวแล้วพิจารณาผ่านกระจกเงา

“ผมเลือกให้คุณดีกว่า อย่าเพิ่งถอดนะครับ วันนี้ผมจะช่วยคุณแต่งตัว” คุณนัทกล่าวอย่างเร่งรีบแล้วก็เดินไปยังห้องแต่งตัว โดยเลือกเปิดตู้เก็บรองเท้า พร้อมยืนพิจารณาอยู่เนิ่นนาน กระทั่งได้รองเท้าส้นสูงสีดำประดับดอกไม้มาคู่หนึ่ง

“วันนี้ผมจะทำให้นายเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่งดงามที่สุด” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเปรยขึ้น เป็นสัญญาณให้บีมรับรู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาเริ่มซีนแล้ว ซึ่งบีมเป็นเพียงตุ๊กตาที่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่าน ดังนั้นจึงไม่อาจพูดหรือแสดงอาการใด ๆ ออกมา นอกจากนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงนอนหลังกว้าง

“สีผิวของนายเข้ากับชุดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะปลดเปลื้องอาภรณ์ของบีมออกจากร่างกายจนหมดสิ้น แต่ทว่าฝ่ามือของเจ้านายกลับซุกซน คล้ายหวาดกลัวว่าตุ๊กตาตัวโปรดจะไม่อาจรับรู้ถึงความชื่นชอบดังกล่าว แผ่นอกของบีมจึงกระเพื่อมไหวอย่างเชื่องช้าตามจังหวะการลากไล้ของปลายนิ้ว ตั้งแต่บริเวณลำคอระหงเรื่อยมาจนถึงหน้าท้อง โดยไม่ลืมปัดผ่านยอดอกอันโดดเด่น

“ผมสวมรองเท้าให้นายก่อนดีกว่า” นายท่านพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน จากนั้นจึงทรุดตัวลงนั่งพร้อมประคองเรียวเท้าที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีของตุ๊กตาตัวโปรดวางลงบนหัวเข่า แต่ทว่าสายตาของเจ้านายกลับลอบมองไปถึงไหนต่อไหน บีมจึงรู้สึกหวามไหวในช่องอกอย่างไม่ทันคาดคิด ว่าถึงแม้จะไม่มีถ้อยคำเสียดสีให้รู้สึกต่ำต้อยและการถูกลงโทษอันน่าหลงใหลก็ยังคงปลุกเร้าความต้องการให้แพร่กระจาย

“นายเล่นหอมไปทั้งตัวแบบนี้ คงอยากให้ผมหลงใหลใช่หรือเปล่า” สิ้นคำถามนั้น ผู้เป็นนายก็จุมพิตเรียวขาของบีมอย่างเชื่องช้า ก่อนจะลากไล้ไต่ระดับให้สูงขึ้น โดยที่ฝ่ามือก็ไม่วายจะสัมผัสอย่างเพลิดเพลิน ทำให้บีมรู้สึกว่าสัมผัสนุ่มนิ่มราวกับวานิลาในวันนี้ก็ไม่เลว

ผีเสื้อในช่องท้องจึงพลันโบยบินอย่างตื่นตระหนก เมื่อเจ้านายเริ่มฉุดรั้งให้ตุ๊กตาตัวโปรดนอนทอดกายอยู่บนเตียง โดยมีริมฝีปากอุ่นร้อนเฝ้าสัมผัสราวกับจะกลืนกิน เสียงหอบหายใจของบีมจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อปลายลิ้นของอีกฝ่ายโลมไล้บริเวณยอดอกด้วยสัมผัสไม่เบานัก เนื่องจากนายท่านทั้งกัดและดูดดึงด้วยความหลงใหล

“อึก..อา” แต่แล้วสุ้มเสียงของบีมก็เริ่มเล็ดลอด เมื่อความต้องการกำลังพุ่งสูง แต่ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่คิดถือโทษ เพราะอีกฝ่ายยังคงสนุกอยู่กับการปรนเปรอความชุ่มฉ่ำไม่แปรเปลี่ยน

“อืม..อา..น..นายท่าน” บีมเชิดหน้าด้วยความหวามไหว ทันทีที่ผู้เป็นนายเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาเชยชมซอกคอหอมกรุ่น ซ้ำยังเล็มเลียจนชื้นแฉะ ผิวกายของบีมจึงเต็มไปด้วยความชาวาบ เมื่อได้รับสัมผัสเย้าหยอกที่เริ่มรุนแรง แต่กระนั้นบีมก็ยังมีสติพอจะรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายกำลังถูกครอบงำจากห้วงแห่งอารมณ์อันร้อนแรงไม่ต่างกัน เพราะเบื้องล่างของเจ้านายกำลังโอ้อวดผ่านเรียวขาที่แนบชิด

“นายเป็นตุ๊กตา” แต่แล้วน้ำเสียงดุดันก็ดังขึ้นพร้อมสัมผัสชวนวาบหวามที่ห่างหาย เพราะเวลานี้เจ้านายกำลังกางกั้นหนทางหลีกหนี ซ้ำยังใช้สายตาดุดันมองสบดวงตาของบีมอย่างต้องการสั่งสอน บีมจึงได้แต่เม้มปากแน่น จากนั้นการสวมเสื้อผ้าก็ดูเหมือนจะรวดเร็วทันใจ

“ถ้าหากคุณเริ่มชาตรงส่วนไหน ขอให้รีบบอกผม” เป็นอีกครั้งที่การเพลย์คล้ายกับถูกผู้กำกับสั่งคัท เพราะคุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความห่วงใย เนื่องจากการใช้เชือกจะต้องอาศัยความชำนาญและการเรียนรู้ ไม่ใช่นึกอยากจะมัดก็มัดได้

“ครับ นายท่าน” สิ้นคำตกลงเชือกคอตตอนสีโอรสก็โอบล้อมบริเวณช่วงอกอย่างแน่นหนา โดยนายท่านจะทำการมัดเป็นบ่วงสายธนู พร้อมเว้นที่ว่างให้ปลายนิ้วลอดผ่านเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ฝ่ามือของเจ้านายสัมผัสโดนยอดอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า สติของบีมจึงเริ่มเตลิดไกล

“อ..อา..” กระทั่งเชือกสีโอรสพาดผ่านบริเวณช่วงล่าง ฝ่ามือหนาจึงปลุกเร้าความคับแน่นด้วยความจงใจ สุ้มเสียงของตุ๊กตาตัวโปรดจึงไม่อาจกักเก็บได้อีกต่อไป ซึ่งเจ้านายก็ดูจะสนุกสนานอย่างเต็มที่ เพราะยิ่งสัมผัสบีมก็ยิ่งบิดเร้าจนเป็นเหตุให้ความฉ่ำชื้นค่อย ๆ เปิดเปลือย

“ตุ๊กตาอย่างนายทำไมถึงมีอารมณ์ขึ้นมาได้ล่ะ หน้าไม่อายจริงๆ” สุ้มเสียงแหบพร่าดังมาพร้อมกับสัมผัสชุ่มชื้นตรงข้างใบหู สร้างความเสียวซ่านให้กับบีมเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้ร่างกายถูกเจ้านายสัมผัสแทบจะทุกสัดส่วน

ครั้นถูกตักเตือนบีมจึงต้องเก็บงำสุ้มเสียงไว้ แม้ใจอยากจะระเบิดออกมาอยู่ร่อมร่อ ขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนอยากจะทำให้บีมสติแตกมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากเชือกสีโอรสจะพันเกี่ยวบริเวณความคับแน่นแล้ว ยังพาดผ่านช่องทางด้านหลังโดยที่ปลายนิ้วก็ปัดป่ายราวกับจะหยอกเอินครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวขาของบีมจึงสั่นไหวด้วยความวาบหวาม ความต้องการพลันถาโถมจากทุกอณูความรู้สึก

“วันนี้ไปเต้นรำใต้แสงจันทร์กันเถอะ นายจะได้เห็นว่าแม้แต่ดวงจันทร์ก็ยังงดงามสู้นายไม่ได้” ชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลคล้ายกับหลงใหลตุ๊กตาตัวโปรดสุดหัวใจ พลางรั้งฝ่ามือของอีกฝ่ายมาคล้องแขน ราวกับทั้งคู่กำลังจะก้าวเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำ

“อ๊ะ..อึก” แต่ทว่าทันทีที่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวงามก้าวเดินไปตามการชักนำของผู้เป็นนาย เกลียวเชือกอันแสนอันตรายกลับรัดแน่นจนทำให้เกิดการเสียดสีและตามมาด้วยความหวามไหวทั่วสรรพางค์กาย

“อย่าล้มเสียก่อนล่ะ” เจ้านายปรายตามองแกมดุ เมื่อบีมกลับเอาแต่เดินอย่างกระมิดกระเมี้ยนจนทำให้ระยะทางเพียงสั้น ๆ กลับกลายเป็นยาวไกล

“ผมจะเริ่มที่จังหวะควิกสเต็ป” เมื่อก้าวเดินมาจนถึงหน้าต่างกระจกบานใหญ่ด้วยความยากลำบาก ชายหนุ่มผู้นำจึงเอื้อนเอ่ยแผนการต่อไป เล่นเอาบีมแทบอยากจะล้มทั้งยืน เพราะจังหวะควิกสเต็ปจะต้องหมุนตัวไปทั่วห้อง แล้วยังต้องก้าวขายาว ๆ ทุกย่างก้าว หรือต่อให้เต้นในจังหวะชะชะช่าที่การก้าวเท้าไม่ยาวนักก็คงจะลำบากไม่น้อย

“น..นายท่าน..” เป็นครั้งแรกที่บีมแสดงสีหน้าอ้อนวอนราวกับจะร้องขอความเห็นใจ เพราะการถูกพันธนาการไม่เอื้ออำนวยต่อการเต้นลีลาศสักนิด แต่กระนั้นในอกกลับเกิดอาการระริกระรี้ด้วยความชื่นชอบ เพราะทุกการขยับตัวคงจะทำให้บีมเปล่งเสียงร้องอันน่าอับอายออกมาไม่ขาดสาย

“นายเต้นเก่งอยู่แล้ว มั่นใจในตัวเองหน่อย” สิ้นคำชื่นชมบีมกลับแสดงสีหน้าราวกับพูดไม่ออก เพราะอีกฝ่ายเล่นเนียนตีความไปอีกทางหนึ่ง สมกับเป็นการลงโทษข้าทาสผู้แสนอวดดีและดื้อดึงตั้งแต่อาทิตย์ก่อน

“ผมขอควอเตอร์เทิร์น” บีมทำเป็นกัดฟันเจรจา แต่ทว่านัยน์ตากลับสุกสกาวยิ่งกว่าพระจันทร์ดวงงาม เพราะบีมหลงใหลต่อการถูกทำให้อับอายยิ่งกว่าสิ่งใด

“ผมไม่เห็นเคยรู้ว่าตุ๊กตากระเบื้องเคลือบก็มีฟังก์ชันพูดได้” สิ้นคำพูดแกมดุก็ตามมาด้วยการตั้งท่าเตรียมสำหรับการเข้าคู่เต้นรำ จากนั้นเท้าขวาของเจ้านายก็ก้าวตรงไปข้างหน้าด้วยส้นเท้าแล้ววางราบลงกับพื้น บ่งบอกได้ดีว่าอีกฝ่ายเลือกใช้ควอเตอร์เทิร์นตามที่ร้องขอ

“อ..อ๊ะ” แต่แล้วบีมก็จำต้องหลุดเสียงหน้าไม่อายออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อต้องเริ่มหมุนตัวไปทางขวาด้วยการย่างก้าวอันยาวไกล

“ถ้าอย่างนั้นผมขอทดสอบด้วยการให้ตุ๊กตาของผมเป็นคนนำจังหวะ” สิ้นคำพูดนั้นบีมก็รับรู้ได้ทันทีว่า อีกฝ่ายให้ความปรานีอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะการเพลย์ที่ผ่านมานายท่านจะค่อนข้างเข้มงวดมากกว่านี้ แต่กระนั้นความสุขสมของบีมกลับไม่ได้ลดน้อยลง เพราะการเป็นฝ่ายนำสเต็ปคือที่มาของความรู้สึกอับอายที่กำลังถูกปลุกเร้า

“เร็ว..อ๊า..เร็ว..” บีมเอ่ยเสียงกระเส่าพลางหมุนตัวไปทางขวาพร้อมแยกเท้าซ้ายไปข้าง ๆ เกลียวเชือกจึงคลอเคลียช่วงล่างไม่ห่าง อาจเพราะเจ้านายพันผูกในลักษณะที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว จึงส่งผลให้ความต้องการพุ่งทะลุปรอท เพราะบีมกำลังจะปลดปล่อยอย่างสุดกลั้น

“ช้า..อึก..อา..” กระทั่งจังหวะการเต้นเริ่มย้อนแนวเต้นรำ ลมหายใจของบีมก็ยิ่งติดขัด แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานอยู่ฝ่ายเดียว เพราะบีมเริ่มทิ้งน้ำหนักตัวไปทางอีกฝ่ายจนหมดสิ้น พร้อมทั้งซุกซบใบหน้าอย่างหวามไหว ร่างกายของทั้งคู่จึงแนบชิด ส่งผลให้ความต้องการเริ่มบดเบียด

“นายเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่หน้าไม่อายจริง ๆ ขนาดผมกำลังสอนเต้นรำก็ยังมีอารมณ์ไม่เลิกรา” แม้จะเอ่ยคำปรามาสเช่นนั้น แต่ฝ่ามือหนากลับรั้งร่างของอีกฝ่ายเข้าแนบชิด ซ้ำยังบดคลึงสะโพกกลมกลึงด้วยความมันเขี้ยว สลับกับฝากฝังรอยฝ่ามือซ้ำ ๆ ลงบนสะโพกกลมสวยจนแดงปลั่ง

“น..นาย..อา..ท่าน..ผมเจ็บ..” บีมร้องครวญเสียงสั่นเพราะร่างกายคล้ายกับถูกพายุพัดพาจนปั่นป่วน ความฉ่ำชื้นจึงเข้ามาทักทายครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเจ้านายยังคงให้ความสนใจสะโพกกลมสวยไม่แปรเปลี่ยน

“รู้ตัวไหมเสียงของนายมันน่ารำคาญที่สุด” สิ้นคำพูดนั้นริมฝีปากของบีมก็ถูกกลืนกินอย่างตะกละตะกลาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้บีมนึกรังเกียจ มีแต่จะไล่กวาดต้อนด้วยความหลงใหล เพราะคิดเฝ้าฝันมาเนิ่นนาน และวันนี้ก็ได้รับรู้แล้วว่า การถูกเจ้านายบดขยี้ริมฝีปากด้วยความรุนแรงขณะที่กำลังเพลย์กันอย่างเร่าร้อนมันสุขสมมากแค่ไหน สองเท้าพลันควานหากระจกบานใหญ่เป็นหลักยึด ซึ่งวินาทีนั้นบีมไม่ได้นึกถึงอันตรายใด ๆ อีกต่อไป เพราะสมองกำลังขาวโพลน ซ้ำยังถูกเรียวขาของอีกฝ่ายปลุกเร้าช่วงล่างอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดความชุ่มฉ่ำก็พร่างพรมอย่างงดงาม ทั้งคู่จึงผละออกจากกันพร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

“วันนี้คุณทำให้ผมเสียสมาธิ..” คุณนัทเริ่มปรามาสขณะที่โอบกอดบีมไว้ ซ้ำยังวางปลายคางลงบนลาดไหล่ แต่ถึงอย่างนั้นบีมก็ยังมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เพราะทั้งคู่ต่างมองเห็นภาพตรงหน้าคนละทิศทาง

“จนผมเริ่มสับสนว่าตอนนั้นผมกำลังอยู่ในซีนหรือว่านอกซีน” คำสารภาพอันแสนสับสน ทำให้หัวใจของบีมเต้นไม่เป็นจังหวะ อาจเพราะมันแทบไม่ต่างกับการสารภาพรัก

“คอนเซ็ปต์ของเสื้อผ้าชุดนี้คืออะไรเหรอครับ” แต่แล้วคุณนัทก็ปล่อยให้ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับคืนสู่อิสรภาพ โดยที่ทั้งคู่ยังคงจ้องมองดาวบนดินที่เปล่งประกายระยิบระยับอย่างงดงามผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่

“อิสรภาพอันหอมหวาน” บีมตอบกลับเพียงสั้น ๆ พลางนึกไปถึงช่วงเวลาของการออกแบบคอลเลกชันดังกล่าว

“เดาว่าชุดนี้คงจะเป็นผลงานชิ้นที่สองของคุณ” คุณนัทกล่าวพร้อมทั้งปลดเชือกสีโอรสอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยรอยยิ้ม

“เจ็บไหมครับ” คุณนัทเอ่ยถาม หลังจากที่ปลดเปลื้องพันธนาการออกจนหมด สายตาจึงมองเห็นเส้นสายของเกลียวเชือกที่หลุดเลื่อนออกจากเนื้อผ้าจนฝากฝังร่องรอยไว้บนผิวเนื้อขาวนวลตรงบริเวณต้นขา บวกกับรอยแดงจ้ำที่ฝากไว้ตรงสะโพกกลมกลึงทำเอานัทเริ่มใจคอไม่ค่อยดี

“ถึงจะเจ็บ แต่ผมก็ชอบครับ” บีมก้มหน้ามองอีกฝ่ายที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมเอ่ยตอบด้วยความสัตย์จริง คุณนัทจึงเริ่มแย้มยิ้มจากนั้นก็จัดชายกระโปรงของบีมให้เข้าที่

“ถอดรองเท้าเถอะครับ คุณไม่เคยใส่นานเดี๋ยวจะปวดเท้าเอา” คุณนัทกล่าวพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นพรม จากนั้นก็บรรจงปลดตะขอที่คล้องเกี่ยวรอบข้อเท้าอย่างระมัดระวัง บีมที่กำลังเฝ้ามองภาพนั้นจึงเต็มไปด้วยความอ่อนไหว เพราะเขาไม่ใช่คนใจแข็ง และยังมีความปรารถนาให้ใครสักคนมาใส่ใจกัน ดังนั้นบีมจึงไม่คิดลังเลที่จะศึกษาดูใจกับอีกฝ่าย

แต่ขณะเดียวกันจิตใจของคนเรามันค่อนข้างซับซ้อน เพราะอันที่จริงบีมหวาดกลัวการมีความรัก เนื่องจากมันอาจจะตามมาด้วยการสูญเสีย เพราะครอบครัวของบีมไม่อาจรับได้กับรสนิยมแบบนี้ ดังนั้นหากคบหากันไปท้ายที่สุดคงต้องจบลงด้วยการเลิกรา บีมจึงเลือกที่จะเฝ้ามองอีกฝ่ายภายใต้ความสัมพันธ์อันคลุมเครืออยู่แบบนี้

แม้ว่าในใจจะถลำลึกจนสุดกู่

--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง
- การพันธนาการ http://bit.ly/2qh872w
- การเต้นจังหวะ Quickstep (ใครนึกไม่ออกว่ามันเป็นการเต้นลีลาศแบบไหนลองกดดูจ้า) https://youtu.be/uf6xj2q1jvw

เมื่อวานเราปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดให้ได้ เลยไม่ได้เปิดคอมหรือตรวจนิยายสักอย่างก็เลยแอบเทการอัพนิยายไปหนึ่งวัน T^T
สำหรับตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ นอกจากการเพลย์กระชับความสัมพันธ์ 555 ส่วนตอนหน้าเราจะไปเที่ยวบ้านสวนของคุณนัทกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ และเราอยากถามว่าแต่ละซีนดูจืดชืดไปมั้ยคะ หวังว่ามันจะออกมาไม่ซ้ำซากกันนะ บอกตรงๆ ว่าฉากเลิฟซีนแบบนี้งานหินมาก ๆ สำหรับเรา แต่ก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 9 (update 02/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-12-2019 14:35:11
ภาษาดีมากเลยค่ะ อ่านเพลินมาก  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 10 (update 03/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 03-12-2019 21:10:52
ตอน 10

หลังจากตรวจสอบวัสดุและชนิดของผ้าลูกไม้ในใบสั่งผลิตอย่างละเอียดยิบ เมื่อไม่มีสิ่งใดผิดพลาด บีมจึงติดต่อโรงงานอย่างรวดเร็ว เวลานี้ถึงได้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเพื่อเดินทางไปยังบ้านสวนของคุณนัทที่อยู่แถวบ้านแพ้วในจังหวัดสมุทรสาคร โดยบีมจัดเตรียมทั้งเสื้อลูกไม้ของผู้ชาย และเดรสลูกไม้สำหรับผู้หญิงอย่างไม่ต้องกังวล เพราะคุณนัทบอกว่าที่บ้านสวนมีพื้นที่กว้างใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่สีเขียวของสวนผลไม้ และยังมีแผ่นกระจกของน่านน้ำที่สะท้อนน่านฟ้าอันกว้างใหญ่ โดยมีถนนดินตัดผ่านไปมา เพราะฉะนั้นความเป็นส่วนตัวจึงสูงลิบลิ่ว

เช้าวันนี้บีมจึงเลือกสวมใส่เสื้อลูกไม้สีขาวตัวโคร่งเข้าคู่กับกางเกงยีนขาสั้นสีดำที่ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็สวมใส่ได้ ส่วนรองเท้าบีมเลือกใส่ผ้าใบคู่เดียวกับที่คุณนัทเคยเห็น เพราะอีกฝ่ายก็จะใส่ผ้าใบคู่ที่บีมทำให้เหมือนกัน

“คุณดูตื่นเต้นมาก” คุณนัทเปรยขึ้นขณะที่รถกำลังติดไฟแดง

“เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งจะได้รีแลกซ์อย่างจริง ๆ จัง ๆ” บีมให้เหตุผลสั้น ๆ และมันก็เรียกความสนใจจากสารถีหนุ่มได้เป็นอย่างดี

“พูดเป็นเล่นครับ ขนาดผมต้องอ่านเอกสารเพื่อเซ็นอนุมัติทุกวัน ผมยังหาเวลาให้ตัวเองรีแลกซ์ได้เลย” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ซึ่งบีมก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะกิจกรรมที่อีกฝ่ายให้ความสนใจอย่างการดำน้ำดูฉลามวาฬในต่างประเทศ คงจะทำให้ไลฟ์สไตล์ของบีมออกจะคร่ำเคร่งเกินไปหน่อย

“ผมพูดจริง ๆ นะครับ นอกจากการทุ่มเทให้กับห้องเสื้อแล้วก็มีแค่การเพลย์ที่ช่วยให้ผมรีแลกซ์ เพราะหลังจากเคลียร์คอลเลกชันล่าสุดเสร็จ ผมก็จะต้องรีเสิร์ชข้อมูลสำหรับคอลเลกชันต่อไป ว่าตอนนี้เทรนไหนกำลังมาแรง เพราะผมจะต้องออกแบบผ้าลูกไม้ให้เข้ากับยุคสมัย แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้ามีเวลาผมก็จะเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ”  บีมอธิบายเนื้องานของตัวเองเป็นฉาก ๆ ว่าทำไมถึงไม่สามารถหยุดก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียว

“แสดงว่าที่ผมเคยคาดเดาความคิดของคุณก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะคุณไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยงเหมือนที่ผมคิด แต่คุณกำลังเลือกใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกย่างก้าว”  สารถีหนุ่มกล่าวอย่างเนิบช้า ขณะขับรถอย่างระมัดระวัง

“ผมก็ไม่ถึงกับใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกย่างก้าวหรอกครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมมักจะใช้ความรู้สึกนำพาความคิด อย่างการรีแลกซ์หากเป็นคนอื่นหรือแม้แต่คุณก็คงจะเลือกไปเที่ยวเพื่อความผ่อนคลาย แต่ผมกลับเลือกที่จะใช้รสนิยมของตัวเองให้เกิดประโยชน์ เพราะในช่วงเวลาอย่างนั้นผมทั้งสนุกและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แถมภาระทุกอย่างยังถูกปลดออกจนหมด” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางละไว้ในใจว่า แม้แต่การได้อยู่กับอีกฝ่ายในช่วงเวลานอกซีนก็ถือเป็นการรีแลกซ์ที่ดีที่สุดที่เพิ่งจะค้นพบ

“คุณเริ่มรู้สึกหลงใหลความเป็นซับเพราะอะไรเหรอครับ” คุณนัทเริ่มตั้งคำถาม คล้ายกับการเดินทางในวันนี้คือโอกาสอันดีที่จะได้ศึกษากันให้มากขึ้น

“ตอนนั้นผมบังเอิญได้ดูหนังเกี่ยวกับ BDSM เรื่องหนึ่งแล้วเกิดคำถามว่า ถ้าหากผมคือนางเอกคนนั้นจะรู้สึกอย่างเธอหรือเปล่า แน่นอนว่าในตอนนั้นผมคงจะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความสงสัยที่ติดอยู่ในใจผม และมันก็เพิ่มพูนความอยากรู้อยากลอง ผมเลยจินตนาการถึงฉากนั้น แล้วทำสิ่งเดียวกับที่นางเอกถูกกระทำ จากนั้นความต้องการของผมก็เริ่มปั่นป่วน ผมจึงเริ่มพัฒนาการมากขึ้นด้วยการลองใช้อุปกรณ์กับตัวเอง อย่างเช่น กุญแจมือกับไวเบรเตอร์ถึงค่อยจบลงที่การหาคู่สำหรับเพลย์ แต่กว่าจะเจอคนที่ถูกใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ” บีมบอกเล่าด้วยท่าทีสบาย ๆ อาจเพราะเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบัง

“แล้วคุณนัทล่ะครับ หลงใหลความเป็นดอมเพราะอะไร” ในที่สุดบีมก็เป็นฝ่ายตั้งคำถามขึ้นมาบ้าง

“บางทีเราอาจจะดูหนังเรื่องเดียวกันก็ได้นะครับ” คุณนัทกล่าวพลางกลั้วหัวเราะทำเอาบีมหัวเราะตามไปด้วย เพราะหนังแนวนี้มีอยู่ไม่กี่เรื่อง

“แต่ของผมดูหนังแล้วก็ลองไปหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ตครับ จากนั้นก็ลองไปศึกษาเกี่ยวกับศิลปะการมัดหรือไม่ก็ไปร่วมงานเกี่ยวกับ BDSM เลยทำให้ได้พบปะกับผู้คนในแวดวงนี้ ถึงได้มีโอกาสลองเพลย์แบบสวิทช์ ดูครับ คุณเคยไปร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้บ้างหรือเปล่าครับ” นัทบอกเล่าอย่างไม่คิดปิดบังจากนั้นจึงย้อนถามเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล

“ยังเลยครับ คือผมค่อนข้างโชคดีที่นายท่านคนแรกเป็นคนที่ผมรู้จักโดยบังเอิญจากกองถ่ายละคร แต่พอเขาเริ่มคบหาดูใจกับคนอื่น ผมก็เลือกจบความสัมพันธ์ทั้งหมดลง เพราะไม่อยากมีปัญหายุ่งยากตามมา” บีมกล่าวอย่างจริงจัง เพราะอย่างเขาถือว่ามีประสบการณ์ในวงกว้างค่อนข้างน้อย และยังโชคดีที่บังเอิญเจอดอมที่เข้ากันได้ตั้งแต่ครั้งแรก ส่วนดอมคนที่สองก็คือคนที่มาก่อนหน้าคุณนัทไม่นานนัก และยังเป็นคนที่บีมคาดคะเนผิดพลาดไปมาก เพราะเขาไม่ใช่หนุ่มโสดอย่างที่กล่าวอ้าง ชีวิตช่วงหนึ่งของบีมจึงพลอยยุ่งเหยิงไปด้วย

“ถ้าหากไม่ขวนขวาย สำหรับผมความบังเอิญเกิดขึ้นได้ยากมากครับ” อีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น ซึ่งบีมก็คิดว่าจริง เพราะพวกเขาต่างพักอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์เดียวกัน และอาจจะเคยพบหน้ากันมาก่อน แต่กลับไม่เคยรับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีรสนิยมที่คลิกกัน

“จริง ๆ ก็ไม่ใช่ความบังเอิญซะทีเดียวหรอกครับ ควรจะเรียกว่าความสะเพร่าของผมมากกว่าที่กล้าไปคล้องกุญแจมือในรถของตัวเอง แล้วจินตนาการว่ากำลังถูกใครสักคนพูดจาเสียดสี บวกกับมีคนเดินไปเดินมา อารมณ์ของผมก็เลยพลุ่งพล่าน ดอมคนนั้นก็เลยรู้ว่าเรามีรสนิยมตรงกัน” คุณนัทรับฟังเงียบ ๆ พร้อมรอยยิ้ม ซึ่งมันก็ทำให้บีมรู้สึกประทับใจที่อีกฝ่ายให้เกียรติกัน

“โอกาสหน้าเราสองคนลองไปงานปาร์ตี้เกี่ยวกับ BDSM ด้วยกันนะครับ แต่เราไม่จำเป็นต้องไปเพลย์กับคนอื่นก็ได้ ถือว่าไปศึกษาวิธีการเพลย์ของพวกเขาแล้วเอามาปรับใช้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ผมรับรองได้ว่ามันคือปาร์ตี้ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและมีความปลอดภัย” คุณนัทกล่าวพลางหันมายิ้มให้

“ตกลงครับ ถ้ามีการจัดงานเมื่อไหร่ คุณช่วยส่งข่าวบอกผมที” บีมตอบกลับอย่างไม่ต้องคิด เพราะงานแบบนี้ค่อนข้างหายาก

“แต่สำหรับสองวันนี้ ผมจะพาคุณสนุกไปกับชีวิตบ้านสวนให้เต็มที่” กระทั่งรถติดไฟแดงเมื่อเข้าสู่ตัวเมืองของจังหวัดสมุทรสาคร ชายหนุ่มผู้เป็นสารถีจึงหันมองตุ๊กตาหน้ารถจนเต็มตา

“ผมเชื่อว่ามันจะต้องเป็นประสบการณ์รีแลกซ์ที่น่าจดจำแน่นอนครับ” บีมตอบอย่างเชื่อมั่น พร้อมแย้มยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความสดใส

“คุณยังจำจังหวะชะชะช่าได้หรือเปล่าครับ คืนนี้ต้องเตรียมตัวแสดงความสามารถแล้วนะครับ เพราะคุณย่าของผมท่านรอดูอยู่” สิ้นคำบอกกล่าวของคุณนัทก็เล่นเอาบีมถึงกับอยากให้ทวนคำพูดอีกสักรอบ เพราะเดิมทีบีมคิดว่าบ้านสวนหลังนี้เป็นบ้านพักตากอากาศของคุณนัทที่อาจจะถือโอกาสปลูกผลไม้ส่งให้กับห้างสรรพสินค้าในเครือของตัวเองไปด้วย

“ที่คุณให้ผมหัดเต้นลีลาศ..” บีมเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป เพราะตอนนี้กำลังตื่นเต้นจนรู้สึกเกร็งไปหมด

“ฝึกไว้ไงครับ ผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู” คุณนัทเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วก็ขับรถไปยิ้มไป แต่มันกลับทำให้บีมรู้สึกหน้าร้อนเห่อจนแทบจะตัวระเบิดเสียให้ได้ เพราะการกระทำของอีกฝ่ายแทบไม่ต่างกับการปูพรมเพื่อให้บีมก้าวเข้าไปในสถานะบางอย่าง

ซึ่งมันทำให้หัวใจที่เคยสั่นไหวจนกู่ไม่กลับ เกิดอาการถลำลึกมากกว่าที่เคย จึงทำให้ความรู้สึกเก้อเขินโอบล้อมรอบกายจนบีมทำตัวไม่ถูก รู้เพียงแต่ว่าไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่เสี้ยววินาที เพราะไม่อย่างนั้นใบหน้าจะร้อนวาบขึ้นมาทันที ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากสถานะระหว่างเรา เรียกได้ว่าเกินกว่าจะมานั่งเขินอายด้วยเรื่องเล็กน้อย



กระทั่งถึงที่หมายตัวรถก็เคลื่อนผ่านทิวมะพร้าวน้ำหอมยาวไกลสุดลูกหูลูกตาที่มีลำน้ำขนาดเล็กขวางกั้นอยู่ คาดว่าน่าจะเอาไว้รดต้นมะพร้าว และเมื่อขับลึกเข้ามาอีกหน่อยก็จะพบกับบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งรูปลักษณ์ค่อนข้างธรรมดากว่าที่คิด แต่ก็ยังมีความร่มรื่นของผืนหญ้าสีเขียวกับต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้เป็นร่มเงา และยังมีระเบียงยื่นออกมาจากทางด้านข้าง เวลานั่งคงจะได้กลิ่นหอมของดอกปีบตลอดเวลา

“น่าอยู่จังครับ” บีมกล่าวหลังจากลงมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่กระโปรงหลังรถ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้คล้ายกับบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิด เพียงแต่ที่บ้านของบีมจะวุ่นวายกว่านี้มาก เพราะคุณพ่อเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน

“ถ้าหากคุณชอบ ผมสามารถพาคุณมาได้ทุกอาทิตย์เลยครับ ผมจะได้มีข้ออ้างมาช่วยพวกท่านดูแลบ้านสวนด้วย” คุณนัทกล่าวพร้อมถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเดินนำไปยังตัวบ้าน

“ผมขอเก็บไว้พิจารณาก่อนแล้วกันครับ” ทันทีที่บีมตอบรับคุณนัทก็หันกลับมายิ้มให้ จากนั้นจึงเดินขึ้นสู่ชั้นสองเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ

“ดูเหมือนทุกคนน่าจะอยู่ที่โรงเก็บมะพร้าวนะครับ ตอนนี้คงกำลังยุ่งกันได้ที่ ผมว่าเราเปลี่ยนชุดแล้วลงไปช่วยพวกท่านดีกว่าครับ” คุณนัทเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศภายในห้องได้ถ่ายเท พร้อมค้นหาเสื้อผ้าที่ค่อนข้างมอซอ ขณะที่บีมกำลังยืนมองบรรยากาศบ้านสวนจากทางหน้าต่าง จึงมองเห็นสวนมะพร้าวในมุมสูง เพียงแต่คูน้ำบางแห่งกลับเต็มไปด้วยจอกแหน

“ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาเลยครับ” บีมผละออกจากบรรยากาศภายนอกแล้วหันกลับมาสนใจผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“ผมเตรียมมาเผื่อคุณแล้วครับ” คุณนัทกล่าวพร้อมสวมเสื้อตัวเก่าที่มันแทบไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้ว คาดว่าอีกฝ่ายคงใช้งานอยู่ที่บ้านสวนเป็นประจำ สภาพก็เลยดูแทบไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นคนหน้าตาดีใส่อะไรก็ย่อมดูดีเสมอ

“ขอบคุณครับ” บีมรับมาอย่างว่าง่ายพร้อมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องอย่างรวดเร็ว เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เคยเห็นเรือนร่างของบีมมานักต่อนัก

“เดี๋ยวผมลงไปหาเข็มขัดเก่า ๆ ของคุณพ่อให้ครับ” หลังจากชายหนุ่มในชุดมอซอนั่งมองภาพอันสวยงามตรงหน้าจนเพลิดเพลิน จึงสังเกตเห็นว่าช่วงเอวของร่างเพรียวตรงหน้ามีขนาดเล็กเกินกว่าจะสวมใส่กางเกงของเขาโดยไม่ต้องพึ่งเข็มขัดไม่ได้จึงขันอาสาไปหาให้

“ขอบคุณครับ” บีมตอบกลับพร้อมรอยยิ้มและทราบดีว่าเมื่อครู่ร่างกายของตัวเองถูกจ้องมองจนทะลุปรุโปร่งมากแค่ไหน

“ได้แล้วครับ” ไม่นานคุณนัทก็กลับมาพร้อมเข็มขัดเส้นหนึ่ง เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมส่งกลับมาให้ บีมเลยได้แต่ยืนขยุ้มกางเกงอยู่กลางห้อง

“รู้ไหมครับ ถ้าหากผมหักห้ามใจต่อสัญชาตญาณความเป็นดอมไม่ได้ คุณอาจจะโดนผมลงโทษเพราะความช่างยั่วไปแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องกระซิบเสียงแผ่วจากข้างหลัง ขณะกำลังคาดเข็มขัดให้กับผู้มาเยือน

“ไม่ทราบว่านายท่านจะลงโทษผมยังไงเหรอครับ” บีมย้อนถามอย่างยั่วเย้า อาจเพราะกำลังนึกสนุกกับสถานการณ์อันน่าตื่นเต้น เพราะเวลานี้ที่บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่และทั้งคู่ต่างก็อยู่ในที่โล่งแจ้ง ซึ่งถ้าหากมีใครรับรู้การมาถึงของคุณนัทก็อาจจะวิ่งขึ้นมายังชั้นสองได้ทุกเมื่อ

“ผมก็คงจะตีสะโพกของนายให้ลายพร้อยจะได้สาสมกับความระริกระรี้ของนาย” ผู้เป็นนายเอื้อนเอ่ยพร้อมลากไล้ฝ่ามือไปตามทรวดทรงของอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้าจนถึงบริเวณสะโพก แล้วฝ่ามือคู่นั้นก็สะบัดดังเพี๊ยะอย่างรวดเร็ว

“เป็นเด็กดีหน่อย งานสวนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากผมทรมานคุณ เกรงว่าจะกลายเป็นคุณที่ต้องคลานเข้ามาขอให้ผมหยุด” ชายหนุ่มมาดผู้นำกล่าวด้วยสีหน้าสุดเจ้าเล่ห์ พร้อมตบสะโพกของอีกฝ่ายราวกับเห็นเป็นเด็กน้อยที่กำลังดื้อดึง แล้วก็เดินออกจากห้องด้วยท่วงท่าที่ให้ความรู้สึกสูงส่งจนยากจะเอื้อมถึง บีมจึงได้แต่วิ่งตามพร้อมใส่รองเท้าแตะสุดทานทนที่อีกฝ่ายนำมาให้พร้อมเข็มขัด



ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าถิ่นเดินนำบีมไปยังขวามือของตัวบ้าน คาดว่าจะเป็นที่ตั้งของโรงเก็บมะพร้าว เมื่อมองออกไปยังทิวมะพร้าวอันมากมาย บีมก็เห็นเหล่าคนงานง่วนอยู่กับการสอยมะพร้าวน้ำหอมแปลงหนึ่ง

“สวัสดีครับ” เมื่อเดินมาจนถึงโรงงานมะพร้าวน้ำหอม คุณนัทก็รีบเดินเข้าไปกอดเอวหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังยืนกำกับเหล่าคนงานให้ทำการแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมเพื่อให้ขนาดของแต่ละผลมีความเท่ากัน

“มาถึงเมื่อไหร่เนี่ยไอ้ตัวแสบ” คุณย่าหันกลับมาตีหลานชายด้วยความมันเขี้ยว เล่นเอาบีมอดยิ้มให้กับภาพตรงหน้าไม่ได้ เพราะบีมไม่เคยเห็นคุณนัทในมุมที่น่ารักขนาดนี้มาก่อน

“เมื่อครู่เลยครับ นัทคิดถึงคุณย่าแทบแย่แน่ะ” ฝ่ายหลานชายได้ทีก็รีบออดอ้อนซ้ำยังโอบกอดหญิงชราผู้นั้นราวกับลูกลิง

“แล้วนั่น หนูบีมใช่หรือเปล่า ?” พอคุณย่าหันมาเห็น บีมจึงรีบยกมือไหว้อย่างรวดเร็ว เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่มีช่องว่างให้แสดงตัว

“ครับ” ฝ่ายหลานชายได้แต่ตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแป้น ทำเอาบีมรู้สึกไม่ค่อยคุ้นตากับรอยยิ้มอันกว้างขวางในแบบฉบับของลูกหมาตัวโตที่อีกฝ่ายแสดงออกกับผู้หลักผู้ใหญ่สักเท่าไหร่

“ตามสบายนะบีม หากขาดเหลืออะไรก็บอกย่าได้” คุณย่าเอ่ยอย่างใจดีบีมจึงได้แต่ผงกหัวตอบรับด้วยความนอบน้อม จากนั้นสองย่าหลานก็พาบีมไปยังแปลงมะพร้าวที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนหนึ่ง

“แม่นิดเจ้าเอก ไอ้ตัวแสบมาถึงแล้ว” คุณย่าร้องเรียกชายหญิงวัยกลางคนครู่หนึ่ง ซึ่งบีมคาดว่าน่าจะเป็นคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณนัท บีมจึงเตรียมทักทายอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกท่านก็ยิ้มรับอย่างใจดี

“ทำไมเราไม่พาหนูบีมไปนอนพักผ่อนก่อนเล่า” คุณแม่ตีต้นแขนของคุณนัทไม่เบานักพลางพยักพเยิดหน้ามาทางผู้มาเยือน

“มาถึงบ้านสวน ผมก็ต้องทำให้เขาได้สัมผัสกับชีวิตของชาวสวนสิครับแม่” คุณนัทกล่าวอย่างมีเหตุผล ซึ่งคุณพ่อดูเหมือนจะเห็นด้วย บีมจึงได้แต่แจกยิ้มให้กับทุกฝ่าย เพราะไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไร

“ตรงนี้เดี๋ยวผมกับบีมช่วยกันเก็บเองครับ” คุณนัทอาสาพร้อมก้าวเดินลงคูน้ำ แล้วจึงยื่นมือออกมาหาบีม ราวกับจะให้ใช้ฝ่ามือเป็นหลักยึด บีมจึงได้แต่มองซ้ายขวา พบว่าตัวเองกำลังถูกรายล้อมด้วยครอบครัวของอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับทำให้บีมรู้สึกเกร็ง ๆ เพราะกลัวว่าการกระทำที่สุดแสนเอาใจใส่ของคุณนัทจะทำให้พวกท่านรู้สึกขัดเคือง

“ข้างล่างเป็นขี้เลนนะครับ ใช้มือผมเป็นหลักยึดน่าจะดีกว่า” คุณนัทกล่าวอย่างไม่กริ่งเกรง บีมจึงหันซ้ายแลขวาอีกครั้ง พบว่าพวกท่านต่างพยักหน้าสนับสนุน บีมจึงต้องยอมใช้ฝ่ามือของอีกฝ่ายเป็นหลักยึด

“ไอ้ตัวแสบของเรามันร้ายนัก เร่งทำคะแนนเต็มที่เลยโว้ย” คุณพ่อเอ่ยแซวลูกชาย แต่ทว่ามันกลับทำให้บีมหน้าแดงซ่าน เพราะไม่เคยคาดคิดว่าพวกท่านจะทราบถึงรสนิยมของคุณนัท

“เหมือนแกไม่มีผิดเลยเจ้าเอก” คุณย่าสำทับลูกชายเป็นการปิดท้าย จากนั้นพวกท่านทั้งสามก็หัวเราะออกมาจนเสียงดังลั่น บีมจึงได้แต่ยกยิ้มให้กับภาพดังกล่าว จนกระทั่งพวกท่านแยกย้ายไปคุมงาน คนงานจำนวนสองคนก็เริ่มใช้ไม้สอยทลายมะพร้าวลงสู่คูน้ำ ทั้งบีมและคุณนัทจึงเปียกม่อลอกม่อแลก แต่กระนั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทั้งคู่ก็ดังก้องไปทั่วสวนมะพร้าว

“ไม่ยักรู้ว่าครอบครัวของคุณ..” บีมเปรยขึ้นเมื่อทั้งคู่กำลังร้อยเชือกกับทลายมะพร้าวแต่ละอันเข้าด้วยกัน เพื่อที่เวลาขนย้ายจะได้ลากเข้าสู่โรงงานขนาดย่อมที่คงจะตั้งกระจัดกระจายกันออกไป เพราะแปลงมะพร้าวของครอบครัวคุณนัทดูเหมือนจะมีพื้นที่หลายร้อยไร่ หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

“กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ผมก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันครับ” คุณนัทกล่าวพลางยิ้มเพียงนิด และคำพูดนั้นก็คล้ายกับจุดประกายความหวังในหัวใจของบีมโดยไม่รู้ตัว

“คุณนัททำยังไงเหรอครับ ?” บีมเอ่ยถามด้วยความสนใจพร้อมก้าวเดินไปตามคูน้ำแล้วช่วยกันลากขบวนทลายมะพร้าวอันยาวเยียดไปยังโรงงาน

“ผมก็แค่พิสูจน์ตัวเองว่า ถึงผมจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคาดหวัง หมายถึงด้านครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกสมบูรณ์พร้อม แต่ผมก็สามารถรับผิดชอบชีวิตของตัวเองแล้วก็บริษัทของพวกท่านได้ ที่สำคัญผมต้องแสดงให้พวกท่านเห็นว่าผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมเลือก ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่เจอคนที่อยากจะคบหาด้วยก็เถอะ แต่ที่ยอมเปิดเผยคงเป็นเพราะผมไม่อยากปิดบังพวกท่าน” คุณนัทเล่าไปก็ยิ้มไป ซึ่งบีมเข้าใจดีว่าครอบครัวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีการดังกล่าวอาจใช้ได้ผลกับครอบครัวหนึ่ง แต่อีกครอบครัวหนึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ผลก็เป็นได้ แต่อย่างน้อยภาพที่เห็นและสิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้ ก็ทำให้บีมมีความหวังและกล้าที่จะรักมากขึ้น

“แต่กับเรื่องรสนิยมแบบ BDSM ผมไม่ได้บอกพวกท่านหรอกครับ เกรงว่าจะเข้าใจกันยาก เพราะมันก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่พูดยากอยู่เหมือนกัน” บีมยิ้มรับอย่างเข้าใจ เนื่องจากรสนิยมแบบนี้มันออกจะขัดกับธรรมชาติของผู้คนโดยทั่วไปอยู่มาก เช่น ชาววนิลา อาจจะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้รับความเจ็บปวด แต่กลุ่มคนที่มีรสนิยมแบบ BDSM กลับชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาจะรับรู้ได้ถึงความรักความเอาใจใส่ของพาร์ทเนอร์ผ่านทางบาดแผล หรือแม้แต่เรื่องของเซ็กส์ ชาววนิลาก็มักจะโปรดปรานรสชาติในแบบที่เป็นไปตามบรรทัดฐานของสังคม แต่ในขณะที่ชาว BDSM อาจจะรู้สึกว่าเซ็กส์แบบวนิลามันอิ่มเอมแต่กลับไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกในส่วนลึก

“คุณโกรธหรือเปล่าครับที่ผมเอาเรื่องของคุณไปเล่าให้คนที่บ้านฟัง ทั้ง ๆ ที่เราสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ” คุณนัทเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล บีมจึงได้แต่ส่งยิ้มพลางส่ายหน้า

“จริง ๆ คุณกับผมกำลังศึกษากันอยู่ก็ไม่ถือว่าไม่เหมาะสมนะครับ เพราะที่ผมสามารถเป็นตัวของตัวเองในบ้านสวนของคุณได้ ก็เพราะการพูดคุยของคุณไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างผมควรต้องขอบคุณคุณนัทด้วยซ้ำที่ทำให้ผมไม่ต้องรู้สึกเกร็งเพราะวางตัวไม่ถูก” บีมกล่าวอย่างคนผ่านการวิเคราะห์เหตุและผลเป็นอย่างดี

“พวกท่านบอกกับผมว่า ถึงแม้จะไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณมากนัก แต่ก็เข้าใจเหตุผลที่ทำให้คุณหลงใหลการสวมใส่เดรสลูกไม้พวกนั้น” คุณนัทกล่าวพร้อมแก้ปมเชือกแล้วโยนทลายมะพร้าวขึ้นสู่พื้นดิน เพื่อที่คนงานจะได้นำเข้าไปเก็บยังโรงเรือนที่อยู่ตรงหน้า

“คุณรู้อะไรไหมครับ คำตอบนี้เหมือนตอนที่พวกท่านบอกว่าเข้าใจความชอบของผม แต่ไม่เข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่ดูเหมือนตอนนี้พวกท่านจะเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกของการชอบเพศเดียวกันก็เป็นแค่ความรักในรูปแบบหนึ่งเท่านั้น” คุณนัทกล่าวเป็นการปิดท้ายพร้อมโยนทลายมะพร้าวขึ้นสู่ด้านบนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บีมได้แต่มองไปยังครอบครัวของคุณนัทที่กำลังยืนกำกับคนงานให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความรู้สึกหลากหลาย โดยที่บีมก็เผลอแย้มยิ้มให้กับคำตอบของพวกท่านที่ทำให้บีมกล้าที่จะแสดงความชอบของตัวเองมากขึ้น

--------------------------✁


[1] Switch (สวิทช์) คือ การทำกิจกรรมหรือการเพลย์โดยเป็นดอมหรือซับก็ได้ แต่จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึก หรือสถานการณ์ในขณะนั้น

[2] Vanilla (วนิลา) หมายถึง คนหรือเพศสัมพันธ์ที่เป็นไปตามบรรทัดฐาน


ยังคงเข้าสู่เนื้อหากันต่อไปจ้า ความสัมพันธ์ของนัทกับบีมจะได้ชัดเจนขึ้น เพราะจริง ๆ บีมก็ถลำลึกมาก ๆ แล้วแหละ แต่ความกลัวกับความสิ้นหวังยังมีอยู่มาก

สำหรับตอนนี้ก็เปิดเผยเหตุผลที่เราเลือกเขียนฉากเลิฟซีนถี่กว่าเรื่องอื่นที่เคยเขียน เพราะการเพลย์สำหรับบีมคือการผ่อนคลายตัวเองจากชีวิตประจำวัน จะเห็นได้ว่าการเพลย์ส่วนใหญ่ของนัทกับบีมจะเป็นในรูปแบบโรลเพลย์ที่มีการกำหนดบทบาท ดังนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ก็จะทำให้ทั้งคู่ละทิ้งตัวตนในชีวิตจริงออกไป
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 10 (update 03/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 04-12-2019 15:10:58
สนุก น่าติดตาม อย่กอ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 11 (update 04/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 04-12-2019 19:56:56
ตอน 11

หลังขึ้นจากคูน้ำสิ่งแรกที่คุณย่าบอกให้ทำคือการไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอทานมื้อเย็นพร้อมกัน บีมจึงเสียเวลาไปกับการเลือกเสื้อผ้าอยู่นาน อาจเพราะเดิมทีไม่ทันคาดคิดว่าบ้านสวนของคุณนัทจะเต็มไปด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ จึงเตรียมมาแต่เดรสลูกไม้ที่ค่อนข้างเปิดโชว์เนื้อหนัง

บวกกับคุณย่าบอกว่าหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จจะให้คุณพ่อกับคุณแม่เต้นลีลาศให้ดู ซึ่งคุณนัทก็สบโอกาสอวดอ้างความเก่งกาจของบีมอย่างภาคภูมิใจ คุณย่าก็เลยอยากเห็นบีมใส่เดรสกระโปรงบาน เวลาที่หมุนตัวจะได้พลิ้วไหว และทันทีที่บีมปรากฏตัวในชุดเดรสลูกไม้ประเภท POINT D’ESPRIT สไตล์วินเทจแขนยาวที่มีลักษณะเด่นคือวงกลมขนาดเล็กบนเนื้อผ้าบางเบา แต่กระนั้นก็ไม่ได้เปิดโชว์เนื้อหนังมากนัก เพราะช่วงอกประดับด้วยผ้าลูกไม้ประเภท EMBROIDERED LACE เพียงแต่ไม่ได้มีการประดับลูกปัดเหมือนกับตัวอื่น เพราะชุดนี้บีมใช้ริบบิ้นสีน้ำตาลอ่อนผูกเป็นโบว์ตรงบริเวณคอปกและข้อมือทั้งสองข้าง ส่วนช่วงเอวประดับด้วยเข็มกลัดประกายเพชรราวกับเข็มขัดเรียบหรู เข้ากันดีกับหมวกสไตล์ผู้ดีอังกฤษสีโอรสที่ต้องสวมในแนวเฉียง 45 องศา

คุณย่าดูจะชอบรูปลักษณ์แบบนี้ของบีมมาก เพราะท่านชมว่าสวยและยังชอบเสื้อผ้าจากห้องเสื้ออิสระ จูเลียตคนงามจึงได้แต่ยิ้มแก้มปริ กระทั่งการเต้นลีลาศในจังหวะชะชะช่าถูกประเดิมด้วยคุณพ่อกับคุณแม่ บรรยากาศหลังจากทานมื้อเย็นก็ดูสนุกสนานขึ้นทันตา

บีมจึงเหมือนกับหลงลืมไปแล้วว่าที่ผ่านมาไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องเดรสสำหรับผู้หญิง เพราะการสั่งห้ามของพ่อกับแม่มานานแค่ไหน อิสระที่กำลังได้รับทำให้บีมกล้าโผบินบนฟลอร์เต้นรำอย่างงดงาม เรียกได้ว่ามีจริตเท่าไหร่ก็ใส่ไม่ยั้ง เพราะบีมรู้สึกว่าการเต้นลีลาศ ถ้าหากอยากให้เต็มไปด้วยความงดงามก็จะต้องแสดงจริตที่เข้ากันดีกับจังหวะเพลง

“คุณย่าดูเหมือนจะชอบลุคจูเลียตของคุณมาก แต่ผมก็ไม่แปลกใจนัก เพราะคุณในลุคแบบนี้งดงามจนใคร ๆ ก็ไม่อาจมองข้าม” นัทเอื้อนเอ่ยขณะหันหน้าไปทางด้านซ้ายแล้ววาดแขนออกไปทางด้านข้างตามจังหวะเพลง

“ยิ่งได้รู้จักกัน ผมยิ่งรู้สึกว่าคุณนัทเป็นคนปากหวาน” บีมกล่าวพลางกลั้วหัวเราะขณะย่ำเท้าไปตามสเต็ป ส่วนฝ่ายคุณพ่อกับคุณแม่ดูเหมือนจะเริ่มเหนื่อยแล้ว บนฟลอร์เต้นรำจึงมีเพียงคนวัยหนุ่มที่ยังคงหลงใหลไปกับบทสนทนาเคล้าเสียงเพลง

“แต่ผมพูดจริง ๆ นะครับ คุณไม่รู้สึกบ้างเหรอ ถ้าหากคนเราเลือกแต่งตัวเหมาะกับบุคลิกของตัวเองก็จะทำให้ทุกอย่างดูน่ามองไปหมด ซึ่งคุณเป็นคนแบบนั้นในสายตาผม คำคำนั้นจึงไม่ใช่คำเยินยอที่เกินจริง เพราะสำหรับผมทุกคนมีเสน่ห์แตกต่างกันครับ เพียงแต่เสน่ห์ของคุณคลิกกับใจของผมมากที่สุด” คุณนัทหัวเราะเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยสำทับความคิดของตัวเองอย่างจริงจัง

“คุณกำลังจีบผมด้วยสีหน้าเหมือนคุณกำลังเจรจาธุรกิจ” บีมเอ่ยแกมหยอกเย้าเป็นการแก้เขิน ขณะที่เรียวแขนก็วาดไปทางด้านข้าง เมื่อกำลังหมุนตัวไปทางด้านซ้าย ส่งผลให้ชายกระโปรงพลิ้วไหวอย่างงดงาม

“คุณล้อผมแบบนี้ก็เขินแย่สิครับ ต่อไปคงต้องฝึกยิ้มให้คุณบ่อย ๆ จะได้ไม่ถูกแซว” คุณนัทกล่าวพร้อมยกยิ้มกว้างเหมือนกับตอนที่อยู่ในลิฟต์เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งมันทำให้บีมเต้นจนผิดจังหวะ ซ้ำยังข้อเท้าพลิกเพราะใส่ส้นสูง

“เดี๋ยวผมไปเอารองเท้าแตะมาให้คุณเปลี่ยนดีกว่าครับ” คุณนัทรีบขันอาสาแล้วก็ผละจากไปอย่างรีบร้อน มองดูก็รู้ว่าเป็นห่วงบีมมาก ฝ่ายผู้บาดเจ็บถึงได้มองตามร่างนั้นจนสุดสายตา

จากนั้นทั่วบริเวณก็เริ่มเงียบสงบ เมื่อคุณย่าปิดเพลงของสุนทราพรเพื่อเดินลงจากระเบียงมาหาบีมตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นปีบ ทำเอาบีมที่กำลังหมุนดอกไม้อันมีกลิ่นหอมเย็นถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ย่าเอายาหม่องมาให้นวดเท้าแน่ะ” คุณย่าวางยาหม่องลงบนฝ่ามือของบีมพร้อมยกยิ้ม ขณะที่คุณพ่อกับคุณแม่ก็ตามมาดูอาการเช่นกัน

“ขอบคุณครับ” บีมเอ่ยแกมเขิน เพราะพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ค่อยเก่ง

“หนูบีมคงจะชอบการตัดเสื้อมาก” คุณย่ากล่าวคล้ายกับจะหาเรื่องชวนคุย

“ใช่ครับ บีมก็เลยหาทางศึกษาด้วยตัวเอง จากนั้นพอเริ่มมีเงินเก็บก็เลยกลับไปเรียนทางด้านแฟชั่นดีไซน์ให้จบ เพราะก่อนหน้านี้บีมดรอปเรียนไว้ครับ” บีมกล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมหันไปยิ้มให้กับทุกฝ่ายจนครบถ้วน

“เก่งนะเนี่ยยังหนุ่มยังแน่นแต่ก็สร้างแบรนด์ของตัวเองได้” คุณพ่อเอ่ยชมจนบีมต้องรีบขอบคุณ พร้อมทั้งปฏิเสธอย่างถ่อมตัวว่า “บีมยังต้องพัฒนาอีกไกลเลยครับ”

“เห็นเจ้านัทบอกว่าเราชอบผ้าลูกไม้มาก” คุณแม่เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาบ้าง

“ที่บีมชอบผ้าลูกไม้เป็นเพราะมันคือก้าวแรกของห้องเสื้ออิสระครับ ตอนนั้นบีมอยู่ประมาณ ม.3 เริ่มถักผ้าลูกไม้ประเภทโครเชต์ตามหนังสือหรือไม่ก็ในอินเตอร์เน็ตครับ” บีมตอบกลับพลางยกยิ้ม แต่กระนั้นก็ไม่ได้คิดจะเล่ารายละเอียดมากนัก เพราะดูเหมือนพวกท่านจะทราบแค่เพียงว่า คุณนัทกำลังตามจีบบีมที่มีรสนิยมชอบแต่งหญิงเท่านั้น

“กับเจ้านัทรู้จักกันได้ยังไงเหรอจ้ะ” คุณแม่เริ่มตั้งคำถามเจาะลึก

“เราอยู่เพนท์เฮ้าส์เดียวกันครับ แล้วร้านของบีมก็เปิดสาขาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าของคุณนัทเลยมีโอกาสได้รู้จักกัน” บีมเลือกตอบคำถามให้ออกมาดูดีที่สุด เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาค่อนข้างอธิบายยาก

“จริง ๆ น่าจะค้างพรุ่งนี้อีกสักคืนนะ” คุณย่าเอ่ยเสียงแผ่ว คล้ายกับอยากอยู่กับหลานชายให้นานกว่านี้

“บีมเองก็อยากอยู่ที่นี่ต่อครับ เพราะอากาศปลอดโปร่งให้ความรู้สึกสงบกว่าในกรุงเทพ แล้วบีมก็เพิ่งจะมีเวลาได้พักหลังจากที่โหมงานหนักมา 5 เดือน เพียงแต่บีมเป็นโรคเดินละเมอครับก็เลยกังวลว่าจะสร้างปัญหาให้กับทุกคน” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความลังเลว่าจะค้างมากกว่าหนึ่งคืนหรือไม่ก็คืออาการของโรคเดินละเมอ เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง อีกทั้งยังมีคูน้ำอยู่ตรงหน้าบ้าน มิหนำซ้ำหน้าต่างก็ไม่ได้แน่นหนาเหมือนกับที่เพนท์เฮ้าส์และยังอยู่สูงกว่าพื้นดินมาก บีมเลยกลัวว่าตัวเองจะบ้าบิ่นกระโดดออกไปโดยที่คุณนัทไม่ทันตั้งตัว

“นัทให้ย่าเตรียมโมบายเอาไว้แล้ว รับรองว่าถ้าหากบีมเดินละเมอออกจากห้องหรือว่าลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างเมื่อไหร่ โมบายจะต้องส่งสัญญาณเตือนภัยให้นัทรับรู้แน่นอน” คุณย่ากล่าวพร้อมกอบกุมฝ่ามือของบีมไว้ หัวใจของบีมจึงรู้สึกอบอุ่นและมันก็ทำให้กระบอกตาร้อนผ่าวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทุกคนที่บ้านสวน

“อ้าวแล้วกัน ไอ้ตัวแสบมาปลอบหนูบีมที ย่าจะเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องลุยงานแต่เช้า” พอคุณนัทเดินกลับมาที่สวนข้างบ้าน คุณย่าก็เลยขอตัวเข้านอน คุณพ่อกับคุณแม่จึงต้องประคองท่านขึ้นเรือน

“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ” นัทเอ่ยถามพร้อมทรุดตัวนั่งยองกับพื้นเพื่อนวดบริเวณฝ่าเท้าให้ผู้บาดเจ็บ

“เรื่องที่ผมเดินละเมอครับ” บีมตอบพลางยกยิ้มพร้อมปาดน้ำตาป้อยๆ

“ผมแขวนโมบายเรียบร้อยแล้วครับ ตอนที่เราเปลี่ยนเสื้อกัน คุณคงไม่ทันสังเกต ผมรับรองว่าคุณจะปลอดภัยเหมือนกับตอนที่อยู่เพนท์เฮ้าส์” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมนวดฝ่าเท้าจนเส้นเริ่มคลาย เวลาทิ้งน้ำหนักตัวจึงไม่ค่อยเจ็บจี๊ดเหมือนทีแรก

“ถ้าอย่างนั้น เราสองคนค่อยกลับกรุงเทพเช้าวันจันทร์ดีไหมครับ” ทันทีที่บีมเอ่ยถามก็สร้างความแปลกใจให้กับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก อาจเพราะกิตติศัพท์ด้านการโหมงานหนัก บ่งบอกถึงความเป็นบีมได้อย่างชัดเจน คุณนัทเลยไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งบีมนึกอยากจะปล่อยวางหน้าที่การงานที่ไม่อาจหยุดก้าวเดินได้เพียงครู่

“ได้สิครับ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เราไปนั่งรถเล่นกันดีไหม” คุณนัทยื่นข้อเสนอพลางสวมรองเท้าให้ผู้บาดเจ็บ

“ครับ” สิ้นคำตอบคุณนัทก็อนุญาตให้บีมใช้วงแขนเป็นที่ยึดเหนี่ยว บีมจึงเดินตรงไปยังลานจอดรถเรียบแนวต้นมะพร้าวน้ำหอมที่อยู่ตรงปากทางเข้าของตัวบ้าน

“คุณนัทขี่มอเตอร์ไซค์เป็นด้วยเหรอครับ ?” บีมเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เมื่ออีกฝ่ายเริ่มสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ที่ค่อนข้างจะเก่ามากแล้ว เพราะด้วยภาพลักษณ์ของผู้บริหารที่มีผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังดูจะเหมาะกับรถยนต์แบรนด์หรูเสียมากกว่า เลยไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นเศรษฐีที่ค่อนข้างติดดินและยังชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย

“รับรองว่าปลอดภัยแน่นอนครับ แต่ถ้าหากคุณไม่มั่นใจฝีมือของผม คงต้องกอดเอวผมให้แน่น ๆ แล้วล่ะครับ” สิ้นคำกล่าวนั้นบีมก็ได้แต่ยกยิ้มพลางนั่งพาดขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันเก่า ขณะเดียวกันความมืดมิดก็ถูกแสงไฟจากหน้ารถสาดส่องจนมองเห็นเส้นทางดินขนาบข้างด้วยทิวมะพร้าวน้ำหอม

บีมจึงสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด เพราะอากาศในยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำ บวกกับกลิ่นดินและสุ้มเสียงจากธรรมชาติ ทำให้บีมเริ่มดำดิ่งลงสู่ความหลงใหล สองมือจึงกล้าที่จะโอบรอบเอวของคุณนัทอย่างเชื่องช้า

“ท้ายสวนมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นพลุไฟจากงานวัดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะครับ” คุณนัทตะโกนแข่งกับเสียงลม

“ครับ” บีมเองก็ตะโกนตอบกลับไป เพียงแต่มันกลับเป็นช่วงเวลาสบาย ๆ ที่บีมรู้สึกชื่นชอบ สัมผัสโอบกอดที่เคยหละหลวมจึงเริ่มแนบแน่น

“คุณไม่เคยนั่งพาดขาแบบนี้ต้องระวังนะครับ” คุณนัทยังคงเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง บีมจึงเริ่มโอบกอดอีกฝ่ายยิ่งกว่าเดิม
 


กระทั่งบ่อน้ำอันกว้างใหญ่ที่คงจะเอาไว้ใช้สำหรับการเกษตรปรากฏอยู่ตรงหน้า บีมจึงคลายอ้อมกอดแล้วทิ้งน้ำหนักปลายเท้าลงบนพื้นดิน ขณะที่คุณนัทยังคงนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันเก่า

“ห้า” คุณนัทก้มมองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นจึงเริ่มนับถอยหลัง

“สี่ สาม สอง..” บีมจึงเริ่มนับถอยหลังประสานเสียงกับคุณนัท

“ปัง!” ทันทีที่คุณนัทเอื้อนเอ่ยคำดังกล่าว พลุหลากสีก็ส่องสะท้อนอยู่บนฟากฟ้าจนอาบไล้ใบหน้าของบีมให้เต็มไปด้วยสีแดงบ้าง เหลืองบ้าง เขียวบ้าง ขณะที่สารถีหนุ่มกลับจ้องมองรอยยิ้มของคนข้างกายอย่างไม่ละสายตา

“คุณเคยมานั่งดูพลุแบบนี้ไหมครับ” นัทเริ่มตั้งคำถามขณะที่เสียงพลุยังคงดังระงมอย่างต่อเนื่อง

“ไม่เคยเลยครับ เพราะชีวิตของผมมีแต่ห้องเสื้ออิสระ” บีมเอ่ยตอบขณะที่ดวงตายังไม่ละจากงานศิลปะบนท้องฟ้า แต่ทว่าลำตัวของบีมกลับค่อย ๆ เอนเข้าหามอเตอร์ไซค์คันเก่าทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งคู่เริ่มหมดไป

“ถ้าอย่างนั้นผมจะถือว่านี่คือเดทแรกของเรา” สิ้นคำพูดนั้นบีมจึงหันมองอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้ม จากนั้นก็มองจ้องการแสดงพลุไฟอย่างเงียบเชียบ ฝ่ายสารถีจึงได้แต่ยิ้มแก้มปริ ขณะที่ฝ่ามือก็เอาแต่ละล้าละลังว่าจะกอบกุมกับอีกฝ่ายดีหรือไม่

“คุณนัทคิดว่าตอนนี้เราศึกษากันดีพอหรือยังครับ” บีมเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาพร้อมวางฝ่ามือลงบนเบาะมอเตอร์ไซค์ แต่ทว่าปลายนิ้วกลับซ้อนทับปลายนิ้วของอีกคน บีมจึงหายใจสะดุดไปช่วงหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ยอมขยับฝ่ามือออกห่างแม้แต่องศาเดียว

“สำหรับผม มันนานพอที่จะรู้สึกชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับทรงพลังต่อจิตใจของบีมอย่างมากล้น ใบหน้าของบีมจึงเริ่มแดงก่ำ ขณะที่หัวใจกำลังเต้นระรัวด้วยความหวั่นไหว

“สำหรับผม มันก็นานพอที่จะเริ่มถลำลึก” ในความรู้สึกของนัทคำสารภาพรักอันลึกซึ้งของบีมก็ไม่ต่างกับพลุไฟดวงสวยที่เมื่อพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก็กระจายตัวออกเป็นรูปร่างอย่างงดงาม เพราะเวลานี้หัวใจของนัทกำลังเต็มไปด้วยความสุขที่ค่อย ๆ แพร่กระจายอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด

สารถีหนุ่มจึงเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า ขณะที่บีมกลับหลับตาพริ้มอย่างเต็มใจ และในวินาทีที่ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน พลุหลากสีก็เปล่งประกายอยู่บนฟากฟ้า อาบไล้ดวงหน้าของทั้งคู่ให้เต็มไปด้วยสีสัน



จนกระทั่งความเงียบสงบเริ่มมาเยือน บีมจึงรับรู้ถึงรสจูบอันแสนอ่อนหวานตามแบบฉบับของชาววนิลา ซึ่งในเวลานี้กำลังจะทำให้บีมหลอมละลายโดยไม่รู้ตัว เพราะคุณนัทเลือกใช้สัมผัสที่ค่อนข้างอ่อนโยน แต่ทว่ากลับตราตรึงในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก

“อยากกลับหรือยังครับ ?” หลังจากผละออกจากกัน ทั้งคู่ก็จ้องมองท้องฟ้าในยามราตรีมาเนิ่นนาน คุณนัทเลยเอ่ยถาม บีมจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบขณะกำลังเอนพิงช่วงตัวของผู้ถามแทนมอเตอร์ไซค์คันเก่า

“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องยอมให้คุณนอนดึกได้แค่วันนี้” นัทกล่าวพลางโอบช่วงเอวของบีมไว้

“แล้วถ้าหากผมดื้อดึง นายท่านจะทำยังไงเหรอครับ” บีมเอ่ยถามอย่างยั่วเย้า

“ผมก็คงต้องจับนายใส่ปลอกคอเพื่อควบคุมความประพฤติจนกว่าจะเลิกดื้อดึง” คุณนัทในมาดของนายท่านรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้บีมนึกหวาดกลัวแต่อย่างใด

“ถ้าอย่างนั้นนายท่านอาจจะต้องให้ผมใส่ปลอกคอจนกว่าจะกลับกรุงเทพแล้วล่ะครับ” บีมกล่าวพร้อมหันหน้าไปส่งสายตาให้อีกฝ่ายอย่างใจกล้า เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่บีมจะต้องขัดเขิน แต่กลับชอบและระริกระรี้อยากจะถูกสั่งสอนเสียมากกว่า

“ดูเหมือนนายจะไม่หวาดกลัวเลยสักนิด แถมยังอวดดีไม่เข้าท่า ผมคงต้องเพิ่มมาตราการอีกสักหน่อย” นายท่านกล่าวด้วยสีหน้าแกมเจ้าเล่ห์ ทำให้บีมเริ่มรู้สึกว่าการเพลย์ในครั้งต่อไปอาจจะเจอดีในแบบที่คาดไม่ถึง

“มาตราการอะไรเหรอครับนายท่าน” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“คนช่างดื้อดึงอย่างนาย ถ้าหากผมบอกก่อน เกรงว่าจะไม่รู้จักคำว่าอย่าอวดดี” นายท่านเอื้อนเอ่ยพร้อมแค่นยิ้มเพียงนิด ทำให้บีมรับรู้ว่าบทลงโทษในครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความสิเน่หาจากนายท่านเป็นแน่

--------------------------✁


อิอิ ตอนนี้หวาน ๆ ไปกับฉากสวย ๆ ของการสารภาพรักท่ามกลางพลุงานวัดที่ชวนให้รู้สึกโรแมนติกกันบ้าง
ส่วนตอนหน้ามาเข้าสู่การเพลย์และปมของบีมในระดับลึกขึ้นอีกนิดค่ะ
ช่วงนี้เหมือนจะมีคนมาอ่านเพิ่มขึ้นทุกเว็บที่เราลงไว้เลย ขอบคุณมากนะคะ หวังว่าจะชอบ BDSM ในแบบของนัทกับบีมค่ะ

ปล. ใครที่เล่นทวิตติดแท็ก #ความลับของช่างตัดเสื้อ กันได้นะคะ เราจะได้รีไปในแอคนิยายของเราค่ะ เพราะเหมือนว่าตอนนี้แอคนักเขียนจะโดนสแปมหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะเราดูไม่เป็น 555 คือเราติดแท็กนิยายแล้วมันไม่ขึ้นในหน้ารวมแท็กเลยค่ะ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะทวิตอะไรเพื่อให้มันดูไม่เหมือนบอทด้วย 555 เลยกะจะรีทวิตเผื่อมันจะทำให้เวลาเราอัพทวิตคนอื่นจะได้ผ่านเห็นนิยายของเรามากขึ้น ใครมีทางแก้บอกบุญทีนะคะ เรางมวิธีแก้มานานมากจริง ๆ ค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 11 (update 04/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-12-2019 22:14:05
ตื่นเต้นทุกครั้งที่เขาจะเพลย์กันค่ะ รอติดตามนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 12 (update 05/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 05-12-2019 20:16:09
ตอน 12

เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนจะไปช่วยกิจการมะพร้าวน้ำหอมของครอบครัวคุณนัท บีมได้แต่นั่งคุกเข่าเปลือยกายอยู่ตรงหน้านายท่านหลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว เพื่อทำพิธีรับมอบปลอกคออันงดงามที่มีลักษณะคล้ายสร้อยหนังสีดำแบบแฟชั่นเพราะตัวแม่กุญแจเหมือนกับจี้รูปหัวใจเสียมากกว่า ดังนั้นการสวมใส่ออกไปข้างนอกอาจจะไม่สะดุดตามากนัก

“วันนี้ผมจะพาสัตว์เลี้ยงอย่างนายไปเดินเล่น” สิ้นคำกล่าวนั้นนายท่านก็ลุกออกจากเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อไปหยิบอุปกรณ์จำเป็นบางอย่างในกระเป๋าเสื้อผ้า บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าการเพลย์ในวันนี้มาในรูปแบบของ ‘Pet Play’ เพียงแต่ไม่ใช่บทลงโทษสำหรับทาสผู้แสนอวดดีในวันวาน

“เดิมทีผมจะพาสัตว์เลี้ยงอย่างนายไปนั่งรถเล่นก่อนจะกลับกรุงเทพ” นายท่านเปรยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นจึงหยิบบัตต์ปลั๊กที่มีลักษณะนุ่มฟูคล้ายกับหางแมวออกมาจากถุงซิปล็อก บ่งบอกถึงการเก็บรักษาเป็นอย่างดี ซึ่งตัวหางดูเหมือนจะทำจากขนแท้จึงมีความนุ่มฟูน่าสัมผัส

“เจ้าเหมียวมานี่สิ” นายท่านเอ่ยเรียกพร้อมตบหน้าขาเพียงเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้แมวเหมียวอย่างบีมพาดกายให้เจ้านายยลโฉม

“เด็กดี.. วันนี้ผมจะพานายไปนั่งเล่นระหว่างที่ผมกำลังแปรรูปมะพร้าวน้ำหอม” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น บ่งบอกถึงภาพลักษณ์ของมนุษย์ทาสแมวได้เป็นอย่างดี จากนั้นฝ่ามือที่เคยกอบกุมกันตั้งแต่เมื่อค่ำคืนวานก็ลูบไล้เรือนผมเรื่อยมาจนถึงแผ่นหลังและปิดท้ายที่สะโพกกลมกลึง

“เจ้าเหมียวนายอยากไปเที่ยวหรือเปล่า” ผู้เป็นเจ้าของยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะที่ฝ่ามือกลับแต่งแต้มความเย็นฉ่ำของเจลหล่อลื่นบริเวณช่องทางด้านหลังจนฉ่ำเยิ้ม เพราะการใช้บัตต์ปลั๊กไม่ใช่นึกอยากสอดใส่ก็ทำได้เลย เนื่องจากขนาดของมันอาจจะทำให้เกิดอาการฉีกขาดตรงบริเวณช่องทางด้านหลัง อีกทั้งฝ่ายซับอย่างบีมดูเหมือนจะไม่เคยรับมือกับการมีเซ็กส์มากนัก นัทจึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ

“เหมี้ยว~” บีมขานรับเสียงเล็กเสียงน้อยขณะผงกศีรษะอย่างน่าเอ็นดู จากนั้นผู้เป็นนายจึงค่อย ๆ เสริมสร้างภาพลักษณ์ของเจ้าแมวเหมียวในความดูแลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จนบีมเริ่มรับรู้ได้ถึงความนุ่มนิ่มจากขนปุกปุยที่เคล้าคลอบริเวณต้นขาด้านใน

“เจ้าเหมียวหางของนายนุ่มมาก” นายท่านเอ่ยชมทันทีที่ความคับแน่นเข้ามาทักทาย บีมจึงหันไปสบสายตากับเจ้านายพร้อมเปล่งเสียงเล็ก ๆ ว่า “เหมี้ยว~”

“ผมชอบ อย่าทำหลุดเสียล่ะ” นายท่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มขณะกดปลายจมูกลงบนข้างแก้มของสัตว์เลี้ยงตัวโปรด แต่ทว่าฝ่ามือกลับไม่ได้อยู่นิ่ง

“ม..เหมี้ยว~” บีมครางเสียงกระเส่าเมื่อนายท่านแกล้งกระตุกปลายหางเพียงเบา ๆ แมวเหมียวตัวน้อยจึงต้องพยายามรักษาปลั๊กหางอันนุ่มฟูสุดชีวิต แต่กระนั้นการตอดรัดก็ทำให้ความหวามไหวอบอวนไปทั่วสรรพางค์กาย แผ่นหลังจึงโค้งงอราวกับแมวเหมียวกำลังยืนบิดขี้เกียจ

“แต่งตัวเถอะครับเริ่มสายแล้ว” พอเจ้านายอนุญาตบีมจึงเดินไปยังเตียงนอนเพื่อสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงสุดมอซอที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ เนื่องจากภารกิจในวันนี้คือการแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมเพื่อเตรียมส่งออกไปยังห้างสรรพสินค้าในเครือของครอบครัวคุณนัทหรือพ่อค้าคนกลางทั้งในและนอกประเทศ

“เจ้าเหมียวหางของนายผมหวงมาก ซ่อนมันไว้ให้ดีล่ะ” กระทั่งบีมคาดเข็มขัดเรียบร้อย นายท่านก็เดินเข้ามาตรวจตรา พร้อมเก็บซ่อนพวงหางสีน้ำตาลปนเทาอย่างมิดชิด สะโพกของบีมจึงพองลมอย่างไม่เป็นธรรมชาติ จากนั้นคุณนัทจึงเดินไปล้างมือในห้องน้ำเพื่อเตรียมปฏิบัติงานอย่างจริงจัง



“มะพร้าวน้ำหอมที่บ้านของผมจะใช้พันธุ์ฟาร์มอ่างทองครับ เพราะให้ผลใหญ่และน้ำจะหอมกว่าพันธุ์อื่น ส่วนเวลาแปรรูปลงกล่องเพื่อส่งออกต่างประเทศจะให้รูปทรงที่สวยงามกว่า” คุณนัทอธิบายพลางใช้สายจูงเกี่ยวรั้งกับปลอกคอ ราวกับเจ้าของกำลังจะพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่น

สองขาจึงก้าวเดินลงจากชั้นสองของตัวบ้านด้วยความตื่นเต้น เพราะสภาพของบีมในตอนนี้อาจจะสร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็น ส่งผลให้ยิ่งคิดยิ่งจินตนาการ บีมก็ยิ่งเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก

“วันนี้ผมจะลองให้คุณสัมผัสกับชีวิตชาวสวนมะพร้าวอย่างแท้จริง” คุณนัทกล่าวพลางแย้มยิ้ม จากนั้นจึงพาบีมเดินลัดเลาะไปทางซ้ายมือของตัวบ้าน คาดว่าคงจะมีโรงเก็บมะพร้าวหรือจะเรียกว่าสถานที่แปรรูปอีกแห่งหนึ่งก็ย่อมได้

“ดูเหมือนฝนน่าจะตกนะครับ” บีมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่โผล่พ้นทิวมะพร้าวน้ำหอมอันสูงลิบลิ่วก่อนจะเริ่มคาดเดา

“ตกก็ดีครับ คุณจะได้ไม่ร้อน” คุณนัทตอบกลับอย่างรวดเร็ว ทำเอาบีมอดจะแย้มยิ้มไม่ได้ จากนั้นไม่นานบีมก็เริ่มมองเห็นโรงเรือนสำหรับปฏิบัติงานที่มีทลายมะพร้าววางกองอยู่ เพียงแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับไม่มีคนงานแม้แต่คนเดียว จึงไม่แปลกที่คุณนัทจะกล้าพาสัตว์เลี้ยงอย่างบีมออกมาเดินเล่นด้วยความประเจิดประเจ้อ

“หลังจากทานมื้อเช้า ผมร้องขอความเป็นส่วนตัวของเรากับคุณย่า” คุณนัทอธิบายด้วยถ้อยคำแสนเข้าใจง่าย บีมเลยได้แต่ยกยิ้ม เพราะการมาแปรรูปมะพร้าวก็ไม่ต่างกับการมาเดทที่แอบแฝงกิจกรรมการเพลย์ในที่สาธารณะ

“การแปรรูปมะพร้าวน้ำหอม ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปเป็นอย่างอื่นเหมือนกับผลไม้ทั่วไปนะครับ แต่เป็นการทำให้ลูกมะพร้าวมีความสวยงามและมีขนาดเท่ากัน” คุณนัทยังคงอธิบายอย่างคนมากความรู้พลางนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงขนาดพอเหมาะกับเขียงไม้เพื่อเริ่มปฏิบัติงาน ขณะที่พวงหางของบีมก็โผล่พ้นออกมาจากร่มผ้าเป็นสัญญาณของการรับบทสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของนายท่าน บีมจึงได้แต่มองอีกฝ่ายพันผูกสายจูงไว้กับขาเก้าอี้ด้วยดวงตาอันใสแจ๋ว

“ก่อนอื่นเราจะต้องร่อนเปลือกสีเขียวออก จากนั้นก็นำมาฟั่นเปลือกสีเขียวที่ยังเหลืออยู่ แล้วก็โหลดเปลือกให้ขนาดของมะพร้าวมีรูปทรงแบบเดียวกันและต้องมีขนาดเท่ากัน” นายท่านอธิบายพร้อมหยิบมีดเรียวยาวเลาะเปลือกเขียวออกอย่างชำนาญ บีมจึงมองหามีดแบบเดียวกันและลองทำตามอย่างตั้งใจ ราวกับแมวเหมียวพบเจอของเล่นที่แสนถูกใจ 

“อันที่จริงหน้าที่นี้ผมไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก แต่จะทำเฉพาะเวลาที่คนงานไม่เพียงพอ” นายท่านกล่าวพร้อมเลาะเปลือกสีเขียวของมะพร้าวน้ำหอมต่อไป ขณะที่บีมกำลังทำความเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย เพราะการใช้แรงงานในรูปแบบนี้ มันคือการเปิดหูเปิดตาอย่างหนึ่งและยังเป็นการเปิดโอกาสให้บีมได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวสวนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งก็น่าสนุกดีเหมือนกัน

ขณะที่ด้านนอกกำลังเต็มไปด้วยสายฝนโปรยปรายจนกลิ่นไอของธรรมชาติโอบล้อมคนทั้งคู่ นำพาให้ความรู้สึกสดชื่นประทับแน่นในจิตใจ ความเงียบสงบจึงเข้ามาทักทายอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ไม่ได้น่าอึดอัดมากนัก อาจเพราะระหว่างทั้งคู่มันคือความพอดีที่ลงตัวอย่างไม่ต้องพยายาม

“เจ้าเหมียวนายเบื่อหรือเปล่า” นายท่านเอ่ยถามขณะที่มือยังคงง่วนอยู่กับการเลาะเปลือกมะพร้าว แต่ทว่าสายตากลับจับจ้องมายังสัตว์เลี้ยงที่กำลังเล่นซนกับอุปกรณ์ทำมาหากินไม่วางตา

“เหมี้ยว~” บีมเอ่ยตอบเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมส่ายหัวปฏิเสธ ซ้ำยังแสดงท่าทีบ่งบอกถึงความชื่นชอบให้เจ้านายรับรู้ เจ้านายจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับมาให้ บีมเลยแสดงท่าทีดีอกดีใจราวกับได้รับของขวัญชิ้นพิเศษ

“นายชอบปลอกคอหรือเปล่าเจ้าเหมียว” สิ้นคำถามของนายท่าน บีมก็รีบส่งเสียงร้อง “เหมี้ยว~” พร้อมกับพยักหน้าระรัวอย่างกระตือรือร้น เพราะการสวมใส่ปลอกคอก็เหมือนกับการที่นายท่านแสดงความเป็นเจ้าของและยังทำให้ฝ่ายซับรับรู้ถึงความหวงแหนของผู้เป็นนาย

“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้นายใส่จนกว่าจะกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัย ดีหรือเปล่า ?” นายท่านยังคงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอย่างเอาใจ ขณะที่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มไม่แปรเปลี่ยน ซึ่งบีมจดจำได้ดีว่า เมื่อค่ำคืนวานอีกฝ่ายเคยพูดว่าจะมอบรอยยิ้มให้บีมมากกว่าที่เคย วันนี้ทาสแมวอย่างคุณนัทจึงทำตามคำพูดอย่างเคร่งครัด และมันก็ทำให้บีมหวงแหนรอยยิ้มนั้นไม่แพ้กัน

“เหมี้ยว~” แมวเหมียวตัวน้อยจึงยิ่งบีบเสียงให้เล็กลงกว่าเดิม ซ้ำยังแสดงสีหน้าแห่งความถูกอกถูกใจไม่หยุดหย่อน จนทำให้ผู้เป็นนายจ้องมองด้วยความเพลินตา เพราะซับอย่างบีมไม่ว่าจะอยู่ในภาพลักษณ์ใดก็ล้วนน่ามอง
   


กระทั่งวันเวลาดำเนินมาถึงช่วงเที่ยง คุณย่าก็ให้คนมาส่งปิ่นโตสำหรับมื้อกลางวัน แรงงานชั่วคราวทั้งสองจึงหยุดการแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมเพียงครู่ แต่ทว่าบรรยากาศของโรงเก็บมะพร้าวยังคงถูกโอบล้อมด้วยหยาดฝน ความเย็นสบายจึงทำให้บีมไม่รู้สึกเหนียวตัว แต่กลับออกอาการตื่นเต้นว่าคนงานจะมองเห็นพวงหางอันฟูฟ่องที่โผล่พ้นขอบกางเกงอันมอซอหรือเปล่า เพราะนายท่านไม่อนุญาตให้เอาเก็บ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเห็น แถมสายคล้องจูงก็ยังไม่อนุญาตให้เอาออก บีมจึงได้แต่นั่งหันหน้าไปทางอื่นด้วยความเหนียมอาย แต่ในอกกลับหลงใหลสถานการณ์แบบนี้เป็นที่สุด เพราะบีมรู้สึกว่ามันคือมนต์เสน่ห์ของการเพลย์

“แกงไก่ยอดมะพร้าวคุณกินได้หรือเปล่าครับ ?” กระทั่งสถานการณ์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คุณนัทจึงเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่ เพราะตอนอยู่ที่กรุงเทพส่วนใหญ่บีมมักจะกินแต่อาหารฟาสต์ฟู้ด

“ไม่มีปัญหาครับ เดิมทีบ้านผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเลิศหรูอะไร แต่พออยู่กรุงเทพผมกลับรู้สึกว่าเวลาทุกนาทีมันมีค่าก็เลยเลือกกินแต่อะไรที่มันง่ายๆ จะได้รีบกลับไปทำงาน” บีมให้เหตุผลพร้อมตักแกงไก่ยอดมะพร้าวใส่ถาดปิ่นโตในส่วนของตัวเอง

“ลงไปนั่งกินข้างล่างเถอะเจ้าเหมียว เพราะนายชอบกินเลอะเทอะ” นายท่านกล่าวพลางหยิบถาดปิ่นโตวางไว้บนพื้นดินที่ค่อนข้างชื้นแฉะ เพราะหยาดฝนซ่านกระเซ็นเข้ามายังด้านใน ซ้ำยังเอาช้อนวางไว้บนฝาปิ่นโตแถว ๆ เขียงทรงสูงที่รับกันดีกับเก้าอี้ประจำตำแหน่ง บ่งบอกได้ว่าเวลานี้นายท่านกำลังจะทรีตบีมเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งอย่างจริงจัง

“เหมี้ยว~” บีมที่มีสถานะเป็นสัตว์เลี้ยงผู้แสนเชื่อฟังจึงส่งเสียงเล็กแหลมอย่างเอาใจ ก่อนจะลงไปนั่งยองกับพื้นเพื่อทานมื้อเที่ยงแสนอร่อย แต่กระนั้นการปฏิบัติตัวราวกับแมวเหมียวก็ยังสร้างความยากลำบาก เพราะพื้นดินมันชื้นแฉะจนเกือบจะกลายเป็นดินโคลน

“กินซะ” เจ้านายกล่าวพลางโยนเนื้อไก่ลงในถาดอาหาร โดยไม่ลืมลูบศีรษะของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอย่างแผ่วเบา แต่อีกนัยหนึ่งก็เป็นการออกคำสั่งให้บีมก้มหน้าทานมื้อเที่ยงด้วยท่วงท่าราวกับแมวเหมียวที่ต้องใช้สี่ขาพยุงตัวระหว่างโน้มตัวลงไปละเลียดข้าวให้ถนัดขึ้น ใบหน้าของบีมจึงมูมมามสมกับที่นายท่านคาดการณ์

“เหมี้ยว~” บีมร้องครางเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวย เพราะการสวมบทบาทเป็นสัตว์เลี้ยงก็ไม่ต่างกับการเป็นทาสผู้แสนต่ำต้อย เพียงแต่สัตว์เลี้ยงอย่างบีมมีภาษีดีหน่อยที่เจ้านายสวมบทเป็นทาสแมว บีมจึงแอบเห็นอีกฝ่ายลอบยิ้มด้วยความชอบใจอยู่หลายครั้ง

“เจ้าเหมียว” นายท่านเอ่ยเรียก บีมจึงละใบหน้าออกห่างจากถาดอาหาร พร้อมใช้ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองไปยังต้นเสียง และยังนั่งเอียงคอด้วยความฉงนเหมือนกับแมวขี้สงสัย เล่นเอาผู้เป็นนายนึกอยากจะฟัดร่างนุ่มให้หนำใจ แต่ก็ต้องข่มใจไว้

“นายนี่มันน่ารักจริง ๆ” นายท่านกล่าวพลางส่ายหน้าอย่างยอมจำนนให้กับความน่าหลงใหลของสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ก่อนจะยื่นมือมาลูบแผ่นหลังของบีมราวกับลูบขนอันฟูฟ่องของเจ้าแมวตัวจริง

“เหมี้ยว~ เหมี้ยว~” บีมจึงส่งเสียงออดอ้อนเสียยกใหญ่ ซ้ำยังเอาใบหน้าไปคลอเคลียเรียวขาอันแข็งแกร่งของเจ้านายอย่างใจกล้า ฝ่ามืออบอุ่นจึงลูบเรือนผมของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไม่หยุดหย่อน

บีมในคราบแมวเหมียวจึงหันหลังให้กับชามข้าวพร้อมเอนพิงเรียวขาของเจ้านายเป็นการออดอ้อนมากกว่าเดิม ส่งผลให้พวงหางที่เจ้านายหวงแหนอยู่ในวิถีที่ผู้คนนอกโรงเรือนจะมองเห็นและยังคลุกเคล้าดินโคลนจนมอมแมม

“ให้ตายสิเจ้าเหมียว ผมเข้าใจมาตลอดว่านายเป็นตัวผู้ ผมถึงได้นึกแปลกใจว่าทำไมนายเอาแต่ร้องเหมียว ๆ ไม่หยุด แล้วเวลาที่ผมลูบตัวด้วยความเอ็นดู นายก็เอาแต่โก่งก้นพร้อมซอยขาไปมาแบบเมื่อครู่” นายท่านกล่าวพลางใช้ดวงตาคมกริบราวกับมีดแหลมคม สำรวจเรือนร่างของบีมผ่านเนื้อผ้าอันมอซอ ความต้องการของบีมจึงถูกปลุกเร้าจากการหลับใหล

“เจ้าเหมียว..” คุณนัทเอ่ยเรียกพลางออกแรงฉุดรั้งให้บีมลุกขึ้นมานั่งจุมปุกอยู่บนตัก โดยไม่สนใจว่าเนื้อตัวของบีมจะมอมแมมมากแค่ไหน เวลานี้บีมจึงได้แต่เอี้ยวตัวมองผู้เป็นเจ้าของด้วยแววตาอันแสนบริสุทธิ์

“เธอโตเป็นสาวจนออกอาการติดสัดแล้วนะเจ้าแมวเหมียว” น้ำเสียงแหบพร่าของนายท่านเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่เล่นเอาบีมขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่ ช่วงล่างจึงพาลออกอาการราวกับตกอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์

“อ..อา..ม..เหมียว~” บีมครวญครางเสียงหวานราวกับไม่ประสีประสา เพราะบทบาทที่ได้รับเป็นเพียงแมวตัวน้อยที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ แต่กระนั้นเวลาที่ฝ่ามือของเจ้านายลูบไล้ไปทั่วผิวกาย แม้จะลากผ่านเนื้อผ้าอันมอซอโดยไม่ได้แตะต้องส่วนอ่อนไหว ร่างกายของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ยังตอบสนองต่อสัญชาตญาณสัตว์เป็นอย่างดี หัวใจของบีมจึงเต้นระรัวด้วยความหวามไหว

“แม้แต่หางของเธอ ผมยังหวงขนาดนี้..” นายท่านเอื้อนเอ่ยราวกับเสียงกระซิบ ซ้ำยังลูบไล้พวงหางให้ดูเป็นขวัญตา ลมหายใจของบีมจึงยิ่งติดขัด เพราะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายหวงแหนตนเองมากแค่ไหน ส่งผลให้ความร้อนระอุแผ่กำจายไปทั่วเรือนร่าง

“แล้วผมจะทนเห็นเธอไปผสมพันธุ์กับแมวตัวอื่นได้ยังไง หืม ?” นายท่านกล่าวพลางลิ้มชิมใบหูและลากไล้ฝ่ามือราวกับกำลังลูบไล้ขนนุ่มฟูของแมวตัวโปรด ก่อนจะผลุบหายไปยังช่วงล่างที่กำลังคับแน่นอย่างรวดเร็ว

“อา..น..นายท่าน.. ม..เหมียว~ อื้อ..ม..เหมียว~” บีมบิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่าน ขณะเชิดหน้ามองตรงด้วยความหวามไหว แต่กระนั้นดวงตาก็คอยแต่จะกวาดมองรอบข้างอย่างระมัดระวังเหมือนกับแมวน้อยที่แสนขี้อาย เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่มื้อกลางวันจะถูกคนงานนำไปเก็บล้าง ริมฝีปากจึงพาลเปล่งเสียงอันสุกใส เพราะความตื่นเต้นต่อการเพลย์ในที่สาธารณะยังคงตีตื้นอยู่ในอก จนกัดกร่อนเป็นความสุขสมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่วงล่างของบีมจึงยิ่งชื้นแฉะ

“เธอคงอยากจะบอกผมว่า จะไม่ทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบสินะ” เจ้านายเริ่มตีความภาษาแมวเหมียว บีมจึงพยักหน้าระรัวอย่างเอาใจ แต่กระนั้นสีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเสียวกระสันอันยากจะลืมเลือน

“ดีมาก” นายท่านเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแห่งความพึงพอใจไม่ต่างกับช่วงล่างที่กำลังเปล่งประกาย แต่ทว่าฝีเท้าของใครสักคนกลับก้าวเดินมาทางนี้ จังหวะการปรนเปรอจึงยิ่งทวีความหวามไหวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเสียงฝีเท้าเริ่มกระชั้นชิดมากขึ้นทุกที นายท่านจึงดันตัวบีมให้ลุกขึ้นยืนพร้อมปลดสายจูงออกอย่างรวดเร็ว โดยที่ช่วงล่างยังคงค้างคาอยู่อย่างนั้น


-อ่านต่อหน้าถัดไป-
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 12 (update 05/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 05-12-2019 20:17:12
“ผมมาเก็บปิ่นโตครับ” เด็กชายวัยสิบปีกล่าวพลางยืนยิ้มแฉ่ง ขณะที่บีมกำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า และยังต้องคอยควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ ซ้ำยังต้องบังคับร่างกายไม่ให้แสดงปฏิกิริยาแปลก ๆ ส่วนนายท่านดูเหมือนจะชอบใจเป็นอย่างมาก เพราะริมฝีปากกำลังคลี่เป็นรอยยิ้ม แม้ว่าช่วงล่างจะกำลังตกที่นั่งลำบากไม่ต่างกัน

“เอ่อ.. เดี๋ยวพี่ขอเก็บแป๊บนึงนะ เพิ่งกินเสร็จน่ะ” บีมแก้ตัวเสียงสั่นพร้อมก้าวเดินไปยังถาดปิ่นโตที่อยู่ไม่ไกลจากคุณนัทมากนัก ซึ่งคุณนัทก็ทำหน้าที่เป็นกำแพงบดบังพวงหางของบีมได้เป็นอย่างดี แต่พอรู้ตัวอีกทีวิถีแห่งการบดบังก็ถูกสับเปลี่ยน หัวใจของบีมจึงวูบไหวด้วยความตื่นเต้น ในหัวจึงพาลแต่จะคาดเดาว่าเด็กคนนั้นจะเห็นพวงหางอันน่ามองนี่หรือเปล่า แล้วจะใช้สายตาแบบไหนจ้องมองกลับมา ความเก้อเขินจึงผสมปนเปไปกับความต้องการจนทำให้ห้วงแห่งอารมณ์ปั่นป่วนราวกับพายุโหมกระหน่ำ

“นี่ครับ” บีมพยายามควบคุมสติและเร่งมือเก็บปิ่นโตทั้ง ๆ ที่ฝ่ามือกำลังสั่นเทา จากนั้นจึงยื่นให้กับเด็กชายผู้แสนนอบน้อมที่พอได้รับสิ่งของที่ต้องการก็รีบกล่าวขอบคุณแล้ววิ่งแจ้นออกไป บีมจึงถือโอกาสตีลาดไหล่ของคุณนัทเป็นการสั่งสอน โดยที่ในใจไม่ได้คิดโกรธเคืองแต่อย่างใด

“คุณไม่ต้องทำมาเป็นดุผมเลย เพราะผมน่ะรู้ใจคุณยิ่งกว่าอะไร” คุณนัทกล่าวพลางยักคิ้วด้วยท่าทางสุดแสนจะดูดี พร้อมกับรั้งเอวให้บีมขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าตัก

“ผมควรต้องให้รางวัลคุณ ?” บีมย้อนถามพลางโอบรอบลำคอของอีกฝ่าย ส่งผลให้ช่วงล่างสัมผัสกันอย่างแนบเนียน

“หรือมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ?” คุณนัทย้อนถามอย่างไว้เชิง แต่ทว่าเรียวขาอันซุกซนกลับเย้าหยอกช่วงล่างของบีมราวกับแอบชื่นชมของรางวัลล่วงหน้า บีมจึงได้แต่หลุดหัวเราะด้วยท่าทีที่แสนผ่อนคลาย

จากนั้นพิธีการมอบรางวัลก็ดำเนินต่อไป จนกระทั่งความสุขสมพร่างพรมราวกับสายฝนที่กำลังโปรยปรายตรงบริเวณนอกโรงเรือนอีกระลอก สุ้มเสียงแห่งความหวามไหวจึงถูกซ่อนเร้นได้อย่างแนบเนียน

   
“ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เราสองคนถือโอกาสทานอาหารกลางวันร่วมกัน ข้อจำกัดนั้นจะถูกคุณมองข้ามโดยไม่รู้ตัวนะครับ” กระทั่งความเงียบเริ่มโอบล้อมคนทั้งคู่ คุณนัทจึงเปิดบทสนทนาที่น่าสนใจพลางวิเคราะห์อย่างจริงจัง บีมจึงใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวครู่หนึ่ง จนเริ่มมองเห็นพฤติกรรมของตัวเองที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเพราะคนตรงหน้า เช่น เวลาพักหนึ่งชั่วโมง ปกติบีมจะใช้แค่ 45 นาที แต่พอได้รู้จักกับคุณนัทเวลาพักของบีมกลับกลายเป็นหนึ่งชั่วโมงเต็มโดยไม่รู้ตัว

“อันที่จริงการโหมงานหนักของผมยังมีอีกเหตุผลหนึ่งนะครับ” บีมเปรยขึ้นพร้อมลงมือแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมอย่างตั้งใจ

“คุณนัทคงจะทราบดีว่าผู้คนแถวบ้านผมให้ความสำคัญกับอาชีพรับราชการมาก แน่นอนว่าสายงานไหนที่พวกเขาไม่รู้จักก็จะหมดความหมาย เพราะพวกเขามองที่ความมั่นคงและรายได้เป็นหลัก ดังนั้นอาชีพอื่นจึงต้องนำเงินทองมาอวดอ้างกัน เพราะทุกคนต่างก็อยากได้รับการยอมรับและคำยกย่องจากสังคมที่ตัวเองยืนอยู่ ซึ่งผมทราบดีครับว่าไม่ควรไปใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ พ่อของผมท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านมีหน้ามีตาในสังคม พวกท่านก็เลยทำงานอย่างหนักเพื่อที่ผมจะได้เรียนโรงเรียนดี ๆ พอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็หวังให้ผมสอบติดสถาบันดัง ๆ ออกมาจะได้มีหน้าที่การงานที่ดี เพราะสิ่งเหล่านั้นจะนำไปสู่ชีวิตที่ดีด้วย” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าเพราะชีวิตในวัยเด็กล้วนเต็มไปด้วยความกดดัน

“แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะผมชอบการดีไซน์เสื้อผ้า ซึ่งในมุมมองของคนอื่นคงจะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อกระจอก ๆ ที่ไม่มีแม้แต่ความมั่นคง อีกทั้งผมยังมาค้นพบว่าตัวเองชอบใส่ชุดของผู้หญิง เพราะมันทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเสื้อผ้าที่ผมออกแบบมันสวยงามมากแค่ไหน ดังนั้นเวลาที่คุณนัทชื่นชมผมในลุคของจูเลียตด้วยคำว่า ‘สวย’ ผมเลยดีใจมาก เพราะมันหมายความว่าเสื้อผ้าของแบรนด์ผมแม้แต่ผู้หญิงโครงร่างใหญ่ก็ยังใส่ออกมาสวย” บีมกล่าวพลางยกยิ้มในประโยคสุดท้ายเมื่อพูดถึงเหตุผลของความชื่นชอบที่แตกต่างจากคนอื่น

“แถมตอนนั้นผมเริ่มให้ความสนใจกับเพศเดียวกันแล้วล่ะครับ ชาวบ้านที่รับรู้เรื่องพวกนี้ก็เลยแต่งเสริมเรื่องราวออกไปมาก เพราะพวกเขาไม่เข้าใจรสนิยมและความฝันของคนอื่นแล้วยังตั้งตนเป็นศาลเตี้ย ราวกับชีวิตของผมคือเรื่องตลกที่มีไว้เพื่อคลายเครียดระหว่างมื้ออาหาร พ่อกับแม่ก็เลยอับอายที่มีลูกอย่างผมถึงได้ข่มขู่สารพัดว่าถ้าหากผมยังไม่เลิกทำตัวแบบนั้น พวกท่านจะพาผมไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลบ้า ซึ่งคำพูดแบบนั้นและการถูกลากถูลู่ถูกังมันน่ากลัวสำหรับเด็กคนหนึ่งมากนะครับ ผมเลยต้องยอมอยู่ในกรอบที่พวกท่านขีดไว้” หลังจากบีมถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตให้อีกฝ่ายฟัง ฝ่ามืออบอุ่นคู่นั้นก็เคลื่อนมากอบกุมฝ่ามือของบีมไว้ รอยยิ้มจึงเริ่มจุดประกายตรงบริเวณมุมปากเล็กน้อย แต่ทว่าแววตาสุกใสกลับหมองหม่น

“ด้วยความเก็บกดและการมองเห็นสายตาของชาวบ้านจ้องมองเหมือนกับผมเป็นตัวประหลาด ผมเลยตัดสินใจติดปีกให้ตัวเองโผบิน ทั้ง ๆ ที่ในใจผมร้องตะโกนไปร้อยแปดประโยค เพราะผมก็แค่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำไมพวกเขาต้องมายุ่งกับเรื่องของผม ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่เข้าใจ ทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องฟังคำพูดของคนอื่นมากกว่าผม ทำไมเรื่องของครอบครัวผมถึงได้กลายเป็นเรื่องของคนอื่น คนพวกนั้นมีสิทธิ์อะไรมารุกรานความเป็นส่วนตัวของพวกเราขนาดนี้ หรือการที่พ่อกับแม่ของผมให้สิทธิเข้านอกออกในเหมือนกับบ้านของตัวเอง มันหมายรวมไปถึงพวกเขาจะเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตของคนอื่นยังไงก็ได้ อีกอย่าง.. ผมเป็นเพศทางเลือกแล้วยังไงครับ ผมก็คนเหมือนกันนะ ทำไมผมต้องพยายามถีบตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับมากกว่าคนอื่นด้วยไม่ยุติธรรมเลย” บีมระบายออกมาอย่างหมดเปลือก เพราะสิ่งเหล่านี้ติดอยู่ในใจมาเนิ่นนานแล้ว

“นั่นสิครับ ตอนนี้สังคมดูเหมือนจะเริ่มเปิดรับเพศทางเลือกได้มากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้มีทั้งนิยายแล้วก็ซีรีส์ตั้งมากมาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนส่วนมากที่มองว่าความรู้สึกของพวกเราเป็นเรื่องผิดแผก เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งที่เราเห็นทุกวันนี้มันเป็นเรื่องของภาพลวงตาทางธุรกิจ ไม่ใช่การยอมรับอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นพวกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อย่างเช่น การสร้างทรัพย์สินร่วมกัน คงจะเอื้ออำนวยให้พวกเราไปนานแล้วล่ะครับ” คุณนัทแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจัง อาจเพราะอีกฝ่ายคงจะเคยประสบปัญหาเดียวกัน ดังนั้นการนั่งแท่นผู้บริหารคงไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะถึงแม้ครอบครัวจะยอมรับได้ แต่บุคคลที่สามสี่ห้าก็คือปัจจัยสำคัญที่บังคับให้เราต้องพยายามถีบตัวเองให้โดดเด่น เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากสังคมเหมือนกับคู่ชายหญิง

“คุณนัทรู้ไหมครับ คนแถวบ้านผมแค่รู้ว่าผมชอบผู้ชายก็เข้าใจไปแล้วว่าผมจะต้องเป็นตุ๊ดหรือกระเทย เวลาผมไปไหนมาไหนก็ชอบทำเป็นเดินบิดตูดล้อเลียน ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้แสดงจริตแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ แถมยังชอบทำเหมือนสิ่งที่ผมเป็นคือเรื่องตลก จนผมรู้สึกว่าทำไมคนพวกนั้นถึงได้โตแต่ตัว ส่วนความคิดโคตรจะน่ารังเกียจ ดังนั้นตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองมีอาการเดินละเมอออกจากห้อง ผมถึงได้กังวลว่าคนที่เพนท์เฮ้าส์จะรู้ว่าผมมีรสนิยมแบบไหน แล้วก็หวาดกลัวว่าพวกเขาจะจดจำได้ว่าผมเป็นใคร เพราะถ้าหากผมต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนั้น ผมรู้ตัวเองดีครับว่าผมคงจะรับไม่ไหว” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกราวกับประโยคข้างต้นถูกเค้นออกมาจากตะกอนอันขุ่นมัว เพราะสถานการณ์ของบีมก็ไม่ต่างกับการถูกทอดทิ้งไว้กับความอึดอัดและความโดดเดี่ยว เนื่องจากพ่อกับแม่ไม่เคยเข้าใจ แถมคนรอบข้างยังมาเพิ่มแรงกดดันจนทำให้บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความอึดอัด

กระทั่งแรงกระชับจากฝ่ามือของคุณนัทส่งมาถึง ริมฝีปากของบีมจึงวาดเป็นรอยยิ้ม

“อันที่จริงการทำงานหนักของผมคือความคาดหวังอันสูงสุด เพราะถ้าหากพ่อกับแม่รับรู้ว่าผมแอบดื้อดึงจนถึงขั้นเปิดห้องเสื้อเป็นของตัวเองได้ พวกท่านคงจะยอมให้อภัยและให้โอกาสผมได้ก้าวเดินตามความฝันของตัวเอง เพราะผมเชื่อว่าถ้าหากพวกท่านเห็นตัวเงินที่มากกว่าเงินเดือนข้าราชการจะต้องเปลี่ยนมุมมองได้แน่ ๆ เพราะขนาดงานบัญชีที่ตอนแรกไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกท่าน ผมยังสามารถเลือกเรียนได้เลยครับ ส่วนคนพวกนั้นพอถึงเวลาที่พ่อกับแม่ให้ความสนับสนุนก็คงจะถูกตอกกลับด้วยความสำเร็จของผมจนไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากยุ่งย่ามกับครอบครัวของคนอื่น” บีมกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกายแห่งความคาดหวัง

“ผมจะคอยอยู่ข้าง ๆ คุณนะครับ” สิ้นคำพูดอันแสนเรียบง่ายของอีกฝ่าย หัวใจของบีมก็คล้ายกับถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่น

การถลำลึกจึงยิ่งทวีความรุนแรงมากกว่าที่เคย เพราะใจหนึ่งบีมยังคงหวาดกลัวว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้ อาจจะพบเจอจุดจบที่ไม่สวยงามนัก ส่วนอีกใจหนึ่งก็หวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจความรู้สึกของบีมมากกว่าที่ผ่านมา

--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง
- มะพร้าวน้ำหอม http://bit.ly/2YgHjfk


แมวเหมียวน้องบีมน่าเอ็นดูมั้ย อิอิ เขียนแก้เกือบ 5-6 รอบได้มั้งคะ แก้แล้วแก้อีก 555 ปกติเราไม่ใช่คนแก้ซ้ำซากขนาดนี้เลย แต่พอมาเขียนเรื่องนี้เราติดโรครีไรต์บ่อยมาก เพราะเราเขียนฉากเลิฟซีนไม่เก่งก็เลยคิดเยอะ อีกอย่างแนวนี้จุดเด่นคือการเข้าซีนด้วย เลยอยากทำออกมาให้ดีที่สุด วันนี้เห็นคอมเมนต์นึงที่บอกว่าการเขียนของเราสื่อความเป็นดอมและซับในรูปแบบที่น่าหลงใหล เราดีใจมากจริง ๆ ค่ะ ถือว่าปลดแอกความหนักใจของเราไปได้เยอะเลยค่ะ แล้วก็ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ รวมถึงคอยโดเนทให้เราด้วยนะคะ

ส่วนปมของบีมจะเห็นได้ว่ามันแอบหนักนิดนึง รีบเสพโมเมนต์รัว ๆ เลยจ้า เผื่อคุณแม่โผล่มาจะได้รับมือทัน สังคมแถวบ้านของบีมเราเอามาจากที่คนใกล้ตัวเล่าให้ฟังนะคะ เรียกได้ว่าขยำรวมกับมุมมองที่เราเห็นด้วย ซึ่งเรื่องเพศทางเลือกเนี่ย บางคนแยกไม่ออกอย่างที่บีมพูดไว้จริง ๆ  แล้วก็ชอบทำเหมือนเรื่องตลกจริง ๆ เพียงแต่สังคมเมืองอาจจะไม่ค่อยเห็นกันเท่าไหร่ เราเลยอยากเขียนสื่อถึงจุดนี้ด้วย 
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 12 (update 05/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-12-2019 21:27:54
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 13 (update 06/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 06-12-2019 21:09:00
ตอน 13

หลังจากแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมจนย่ำค่ำ บีมกับคุณนัทจึงแยกย้ายไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเตรียมทานมื้อเย็น จากนั้นจึงมานั่งเล่นกับครอบครัวของคุณนัทที่กำลังล้อมวงดูละครตรงบริเวณห้องนั่งเล่น โดยคุณนัทรับหน้าที่เป็นมือนวดชั้นดีให้กับคุณย่าที่กำลังนอนเอกเขนกอย่างเพลิดเพลิน

บรรยากาศรอบตัวในตอนนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นจนบีมเริ่มจะอาลัยอาวรณ์ เพราะวันพรุ่งนี้จะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับการทำงานอันเคร่งเครียด แต่ขณะเดียวกันเสียงของจิ้งหรีดเรไรก็ทำให้บีมคิดถึงบรรยากาศท้องทุ่งที่บ้านเกิด และยังคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยความสุข ใจหนึ่งจึงคิดอยากจะกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากได้รับพลังงานด้านลบจากการเป็นขี้ปากของผู้คน

“คุณ..” แต่แล้วแรงเขย่าของคุณนัทก็ทำให้บีมตื่นจากภวังค์

“คุณย่าให้กลับไปนอนครับ เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า” คุณนัทขยายความ เมื่อคาดคะเนดูแล้วว่าบีมคงไม่ทันฟัง

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ” บีมบอกลาผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยังคงนั่งดูละครอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งได้รับรอยยิ้มเป็นคำอนุญาต ชายหนุ่มทั้งสองจึงเดินเลี่ยงออกจากห้องรับแขกเพื่อมุ่งตรงไปยังชั้นสองของตัวบ้าน

ทันทีที่ประตูปิดสนิท บีมก็รีบเดินไปหยิบปลอกคอมายื่นให้กับผู้เป็นนายด้วยท่าทีแสนเชื่อง เนื่องจากพวกเขาตกลงกันไว้ว่า หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมด้านล่างจะเริ่มเข้าสู่บทลงโทษของทาสผู้แสนดื้อดึงในวันวาน

“ผมคิดว่านายควรจะถอดเสื้อ แล้วเอาหางมาใส่ก่อนสวมปลอกคอถึงจะเหมาะสม” สิ้นคำพูดของนายท่าน บีมจึงค่อย ๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้นพร้อมส่งสายตายั่วเย้าเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่กระนั้นช่างภาพมือฉมังกลับจับจ้องด้วยท่าทีเฉยเมย ราวกับชินชาต่อสถานการณ์ตรงหน้า นายแบบอย่างบีมจึงได้แต่เดินฟึดฟัดไปหยิบบัตต์ปลั๊กจากถุงซิปล็อกตามคำสั่ง

“นายควรจะใส่มันตรงโต๊ะเครื่องแป้งข้างหน้าต่าง รูปที่ผมถ่ายจะได้ออกมาตรงตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้” ตากล้องมืออาชีพกล่าวอย่างเป็นการเป็นงาน ภาพลักษณ์จึงเต็มไปด้วยความเย็นชายากจะเอื้อมถึง ก่อนจะตรงไปหยิบกล้อง DSLR พร้อมลากเก้าอี้ไปยังมุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เกะกะ

บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าซีนสำหรับวันนี้เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ซึ่งนายท่านรับบทเป็นตากล้องฝีมือดีที่แสนเย่อหยิ่งและจริงจัง ส่วนซับอย่างบีมรับบทเป็นนายแบบแนวเซ็กซี่ที่ชอบเรียกร้องความสนใจจากชายที่หมายตา

“ค่อย ๆ ใส่มันอย่างช้า ๆ ล่ะ ผมจะได้เก็บอารมณ์ของภาพได้ครบถ้วน” ตากล้องผู้แสนจริงจังกับการทำงานเอ่ยสั่งเพียงแค่นั้น แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ บีมจึงโน้มตัวเข้าหาโต๊ะเครื่องแป้งพลางใช้เจลหล่อลื่นปัดป่ายช่องทางด้านหลัง โดยที่ใบหน้าและแววตากำลังจดจ้องเงาสะท้อนของผู้เป็นนายผ่านกระจกเงาอย่างไม่ลดละ แต่ทว่าภาษากายของบีมกลับถูกมองข้ามอย่างไม่ใยดี เสียงระรัวชัตเตอร์จึงดังระงมอย่างต่อเนื่อง

“นายควรจะออกท่าทางให้มันเซ็กซี่มากกว่านี้นะ ขนาดผมยืนอยู่ตรงนี้ยังไร้อารมณ์เลย” สุ้มเสียงลุ่มลึกดังขึ้นพร้อมกับเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่น เมื่ออารมณ์ของภาพดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ส่งผลให้บีมรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก เพราะสีหน้าไร้อารมณ์ของช่างภาพกำลังฉายแววเหยียดหยามอยู่ในที

“ครับ น..นาย..อ๊ะ..ท่าน” บีมตอบรับเสียงกระเส่าทันทีที่บัตต์ปลั๊กถูกสอดใส่อย่างเชื่องช้า พร้อมทั้งแสดงสีหน้าเร้าอารมณ์ผ่านกระจกบานใสอย่างสุดความสามารถ ส่งผลให้ผู้เป็นนายลอบยิ้มตรงมุมปาก แต่กระนั้นตัวกล้องราคาแพงกลับบดบังเครื่องหน้าแห่งความพึงพอใจ

“หันกลับมามองกล้อง” นายท่านยังคงสั่งการอย่างประหยัดคำพูดราวกับรักษาภาพลักษณ์แห่งความจริงจังอย่างไม่ลดละ บีมจึงเอี้ยวตัวมองกล้องโดยที่พวงหางอันคุ้นเคยยังคงเคล้าคลออยู่ตรงบริเวณต้นขา

“ใช้สายตาที่นายคิดว่าเซ็กซี่ที่สุดมองมาที่เลนส์กล้อง” เจ้านายยังคงสั่งการด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนอย่างเคย บีมจึงได้แต่ระดมสมองครุ่นคิดว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไร จากนั้นจึงใช้สายตาฉ่ำหวานราวกับเต็มไปด้วยความอัดอั้นของม่านราคะ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้รับรู้ว่าเวลานี้บีมกำลังเชิญชวนให้เข้ามากระทำชำเราด้วยความเต็มใจ

“ดี ผมจะใส่ปลอกคอให้นาย” สิ้นคำชื่นชมของนายท่าน ส่งผลให้ข้างแก้มของบีมเริ่มแดงปลั่ง แต่กระนั้นก็ยังทำเป็นมาดมั่นอย่างมีชั้นเชิงด้วยการนั่งไขว้ขาบนโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อรอรับการสวมปลอกคออย่างใจจดใจจ่อ

“เดินมาหาผม” เจ้านายกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เพราะเวลานี้บีมกำลังสวมบทบาททาสผู้แสนพยศที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คิดอยากจะให้เจ้านายลดตัวลงมาสวมปลอกคอให้ถึงที่

“นายยังอยากจะใส่ปลอกคออยู่หรือเปล่า ถ้าอยาก.. ก็เดินมาหาผม อย่าให้ต้องพูดซ้ำ” น้ำเสียงลอดไรฟันเอื้อนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ถึงขีดสุด เมื่อเห็นบีมวางท่าชูคอราวกับพญาหงส์ แต่กระนั้นในใจกลับรู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก เพราะภาพลักษณ์อันแสนดื้อรั้นมันทำเอานัทอยากจะสั่งสอนให้หลาบจำ

“ถ้ายังมัวแต่ต่อล้อต่อเถียงกันแบบนี้ งานจะเสร็จช้าเอานะครับ” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ซ้ำยังทำเป็นชื่นชมฝ่ามืออันงดงามด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ทั้งรู้ว่าเจ้านายกำลังไม่พอใจ แต่เพราะจับจุดอ่อนของอีกฝ่ายในบทบาทช่างภาพผู้แสนจริงจังได้ เวลานี้ทาสจึงเป็นฝ่ายถือไผ่เหนือกว่าอย่างไม่ต้องกังวล

“ตัวคุณหอมจัง ใช้น้ำหอมอะไรเหรอครับ ?” กระทั่งอีกฝ่ายลดตัวลงมาสวมปลอกคอให้ถึงที่ บีมจึงอาศัยจังหวะนั้นลอบสูดดมกลิ่นกายอย่างแนบเนียน แต่ทว่าคำถามกลับพุ่งเป้ามาอย่างเปิดเผย
 
ฝ่ายตากล้องฝีมือดีกลับทำเป็นหูทวนลม ด้วยการยืนถอยห่างจากบริเวณที่บีมนั่ง พร้อมกวาดตามองโลเคชั่นที่แสงและเงาของดวงจันทร์ทอดตัวลงมาตามคอนเซ็ปต์ที่คิดไว้

“เย็นชาจัง” บีมทำเป็นบ่นลมบ่นฟ้า แต่กระนั้นตากล้องมือฉมังก็ยังได้ยิน จึงเดินไปคว้าข้อมือของนายแบบแสนพยศให้มายืนตรงมุมหนึ่งที่หมายตา พร้อมออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสุดเข้ม เพื่อหยุดยั้งสุ้มเสียงน่ารำคาญ

“นอนลง” บีมจึงยอมทำตามด้วยท่าทีสงบปากสงบคำ เพราะตอนนี้หัวคิ้วของนายท่านกำลังผูกโบว์อย่างสวยงาม เพียงแต่ช่วงล่างกลับแสดงความชื่นชอบที่มีต่อทาสแสนผยศอย่างเปิดเผย ในใจจึงรู้สึกชุ่มฉ่ำที่สามารถละลายภูเขาน้ำแข็งได้อย่างหมดจด

“เมื่อวานนายทำผมเสียเวลาจนต้องมาถ่ายซ่อม แถมวันนี้ยังก่อกวนไร้ท่าทีสำนึกผิด เห็นทีผมคงต้องดัดนิสัยนายแบบเกรดต่ำอย่างนายซะแล้วมั้ง” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ซ้ำยังกระชากเส้นผมของบีมอย่างไม่ปรานี บ่งบอกถึงความอดทนกำลังขาดสะบั้น ดังนั้นท่าทีสงบปากสงบคำจึงไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ที่แย่ลง

“หวังว่าเท้าของนายคงจะไม่หลุดจากปลอกคอ และคงจะไม่เอื้อมแตะพื้น เพราะผมไม่อนุญาต” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบคล้ายกับพยายามสงบสติอารมณ์ เพื่อกลับมาทำหน้าที่ตากล้องผู้แสนจริงจัง ขณะคล้องสายจูงกับปลอกคอแบบแฟชั่น เชื่อมกับปลอกคออีกหนึ่งอันที่บีมจะต้องใช้นิ้วเท้าคล้องเกี่ยวอย่างระมัดระวัง ท่าทีที่แสดงออกจึงเต็มไปด้วยความเปิดเผย เสริมสร้างบทเรียนแห่งความอับอายให้กับทาสผู้แสนดื้อดึงจนสมใจ

“ตอบ!” นายท่านเริ่มคาดคั้นเอาคำตอบด้วยการใช้ปลายเท้าเหยียบย่ำบนลำตัวของบีม ราวกับจะวางอำนาจให้ผู้เป็นทาสรับรู้ว่าใครคือราชาอย่างแท้จริง ส่งผลให้ความรู้สึกในส่วนลึกถูกกระตุ้นเร้าให้ต้อยต่ำ

“เข้าใจครับ” บีมระล่ำระลักตอบพร้อมกับพยักหน้าระรัวอย่างรวดเร็ว

“นายเพิ่งจะรับงานนี้เป็นงานแรกหรือไง ถึงได้ไม่รู้ว่าการมาถ่ายแบบควรต้องเผื่อเวลาล่วงหน้าและไม่ควรทำตัวอดอยากปากแห้งเหมือนวันนี้ ผมเห็นแล้วรู้สึกสมเพชนายจริง ๆ” นายท่านในมาดช่างภาพฝีมือดีเอ่ยถามด้วยสีหน้าดุดัน แต่กระนั้นปลายเท้ากลับลากไล้ไปทั่วแผ่นอกของร่างข้างใต้ด้วยสัมผัสแผ่วหวิว สร้างความหวามไหวได้ไม่ยากเย็น เพราะเวลานี้ขนอ่อนทั่วร่างกำลังชูชันอย่างสามัคคี

“ผมถามทำไมไม่ตอบ ไม่มีปากหรือไง!” สุ้มเสียงดุดันดังมาพร้อมกับน้ำหนักของปลายเท้าที่กำลังบดขยี้ยอดอกอันโดดเด่นอย่างไม่ปรานี ลมหายใจของบีมจึงเริ่มติดขัด เพราะอารมณ์กำลังพุ่งสูงจากการดูถูกเหยียดหยาม ประหนึ่งบีมคือบุหรี่มวนหนึ่ง ที่พอหมดความสำคัญก็มักจะถูกเจ้าของใช้รองเท้าเหยียบย่ำเพื่อดับไฟ

“ค..ครับ..อะ..อา..ผมเพิ่ง..อ๊ะ..เคยรับงานนี้เป็นงานแรก” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงครวญคราง ขณะที่เรียวขาอันถูกพันธนาการกลับไม่อาจนิ่งค้างอยู่กลางอากาศ เพราะความเมื่อยล้ากำลังมาเยือน จึงถูกเจ้านายตีสั่งสอนจนสะดุ้งโหยง โสตประสาทการรับรู้ถึงกับดับวูบ เพราะจิตใจของบีมกำลังเตลิดไกลด้วยความหวาดกลัวและตื่นเต้นว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยังคงนั่งรวมตัวอยู่ตรงห้องรับแขกจะได้ยิน จากนั้นความลับระหว่างทั้งคู่ก็จะถูกเปิดเผย

“ถึงจะเป็นงานแรก แต่นายก็ไม่ควรเอามาใช้เป็นข้ออ้าง แล้วก็ไม่ควรจะเผยตัวตนน่าสมเพชออกมา เพราะสำหรับผมมันโคตรไม่น่าสนใจ” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันในต้นประโยคและเย็นชาในท้ายประโยคพร้อมเพิ่มแรงกดทับให้มากขึ้น แต่กระนั้นตำแหน่งที่ปลายเท้าเหยียบย่ำก็ล้วนเป็นบริเวณที่ไม่เสี่ยงอันตราย และบีมยังรับรู้ได้อีกว่านายท่านพยายามจะควบคุมน้ำหนักของปลายเท้าไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป เพราะการเป็นดอมไม่ใช่แค่โปรดปรานการออกคำสั่งก็เป็นได้ แต่ยังต้องคอยวางแผนการเพลย์ และยังต้องคอยสังเกตพาร์ทเนอร์อย่างละเอียด เพื่อที่จะได้ไม่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บอันไม่พึงประสงค์

“ผมขอโทษครับ” บีมกล่าวพร้อมใช้สายตาเว้าวอนเป็นใบเบิกทาง

“พูดว่าอะไรนะ” เจ้านายแสร้งถามพร้อมโน้มตัวมาข้างหน้าเพื่อเพิ่มแรงการกดทับ

“ผมขอโทษครับ!” บีมยู่หน้าเพียงนิดก่อนจะกล่าวด้วยสุ้มเสียงที่ดังขึ้น โดยที่แววตาไม่กล้าแม้แต่จะสบมองกับอีกฝ่าย ส่งผลให้ผู้เป็นนายแย้มยิ้มด้วยความพึงพอใจ เพราะท่าทีดังกล่าวก็ไม่ต่างกับลูกหมาที่กำลังทำหน้าหงอยเมื่อถูกเจ้าของตักเตือน

“ผมเชื่อว่านายรู้สึกผิด แต่ถ้าหากไม่ทำโทษกันเสียบ้างก็คงจะไม่คิดจดจำ” นายท่านกล่าวพร้อมรั้งปลายเท้าออกห่าง

“เล่นกับหางของนายในท่านี้จนกว่าผมจะได้งานที่พอใจ” นายท่านเอื้อนเอ่ยพร้อมเดินไปหยิบถุงซิปล็อกออกจากกระเป๋าเสื้อผ้า บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าการลงโทษยังไม่จบลงง่าย ๆ

“สีอะไร” กระทั่งแหวนชะลอการหลั่งปรากฏอยู่ในกรอบสายตา นายท่านจึงเอ่ยถามเป็นการหยั่งเชิงว่าฝ่ายซับจะอนุญาตหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้เดิมทีคืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการสวมใส่หากนานเกิน 20 นาทีก็อาจจะทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ อีกทั้งการบีบรัดถ้าหากคับแน่นเกินไปก็จะทำให้เกิดบาดแผลและยังเป็นห้อเลือด แต่กระนั้นอุปกรณ์ดังกล่าวก็สร้างความทุกข์ทรมานอันแสนสุขสมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“เขียวครับ” บีมตอบกลับอย่างไม่นึกลังเล เพราะเขาเองก็มีประสบการณ์กับอุปกรณ์ชนิดนี้ และแน่นอนว่าดอมอย่างคุณนัทคงไม่ปล่อยให้บีมเกิดอันตราย

“อย่าเสียงดังล่ะ สตูดิโอนี้ไม่ได้มีแค่นาย” นายท่านเอ่ยเตือนพร้อมสวมใส่วงแหวนจนเสร็จสิ้น โดยไม่มีการเย้าหยอกแต่อย่างใด เพราะเวลานี้อีกฝ่ายกำลังกลับกลายเป็นเจ้าชายน้ำแข็งที่สนใจแต่เรื่องงานเป็นสำคัญ กล้องตัวสวยจึงได้รับความสนใจจากช่างภาพฝีมือดีอีกครั้ง เสียงชัตเตอร์จึงดังระงมอย่างต่อเนื่องเหมือนอย่างเคย

“อะ..อา..” บีมครวญครางเสียงกระเส่าอย่างไม่มีความเหนียมอาย ทันทีที่บริเวณช่วงล่างถูกปลุกเร้าด้วยการดึงรั้งพวงหางอย่างแผ่วเบา แต่ทว่าผนังอุ่นนุ่มกลับตอดรัดราวกับหวงแหน ความเสียวซ่านจึงนำพาให้สมองเริ่มขาวโพลน แต่บีมก็ยังจดจำได้ดีว่านายท่านชอบให้นายแบบแสดงท่าทางสุดเซ็กซี่ราวกับหลงใหลอยู่ในห้วงแห่งราคะ

“ดีมาก” นายท่านเอ่ยชมพลางสับเปลี่ยนมุมกล้องตามต้องการ จึงส่งผลให้เงาร่างพาดผ่านลำตัวของบีมอยู่หลายครั้ง ความรู้สึกจึงยิ่งถูกปลุกเร้า เพราะบีมกำลังจินตนาการถึงช่วงเวลาที่ร่างกายถูกซ้อนทับเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนจะไหวเอนไปตามเรี่ยวแรงที่อีกฝ่ายกระแทกกระทั้น อารมณ์วาบหวามจึงยิ่งโหมกระพือฉุดไม่อยู่ บวกกับการถ่ายภาพจำเป็นจะต้องเล็งโฟกัสมายังนายแบบ เท่ากับว่าร่างกายอันหน้าไม่อายนี้ กำลังถูกนายท่านเฝ้ามองจนทะลุปรุโปร่ง

“อื้อ..อ๊ะ..น..นายท่าน..ได้โปรด..ถอดแหวนให้ผม..อ๊า..ผมอึดอัด..ได้โปรด” สิ้นภาพแห่งจินตนาการความคับแน่นก็เริ่มมาเยือน บีมจึงรู้สึกกระสับกระส่ายอีกทั้งเรียวขาก็เริ่มสั่นไหว พันธนาการอันหละหลวมจึงดึงรั้งกันไปมา ลำตัวของบีมจึงโค้งงออย่างพิลึกพิลั่น

“จูบเท้าผมสิ แล้วสัญญาว่าจะไม่ทำตัวดื้อดึงอีก” กระทั่งทางสว่างถูกหยิบยื่น บีมจึงรีบไขว่คว้าอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากนุ่มหยุ่นจึงบรรจงจุมพิตบริเวณปลายเท้าของเจ้านายด้วยความนุ่มนวล ซ้ำยังแนบใบหน้าลงบนหลังเท้าคู่นั้นด้วยความจำนน ก่อนจะเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า..

“ผมสัญญาณว่าจะเป็นเด็กดีของนายท่าน” สิ้นคำพูดอันแสนยวนใจ ผู้เป็นนายก็ไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องพันธนาการทุกส่วนให้อีกฝ่าย แต่กระนั้นฝ่ามืออันซุกซนกลับไม่วายจะสัมผัสความสุขสมอันคับแน่น จนสร้างความเสียวกระสันให้กับฝ่ายซับในความดูแลอย่างมากล้น เพราะเวลานี้ร่างกายของบีมคล้ายกับถูกถ่ายโอนความร้อนจากดวงอาทิตย์สุดร้อนแรงที่กำลังแผดเผาผิวกายอย่างไม่ปรานี

“อ๊ะ..อื้อ..ค..คุณนัท..อา” แต่แล้วการสวมบทบาทกลับถูกสลัดออกจากห้วงแห่งความคิดจนหมดสิ้น เมื่อริมฝีปากของคุณนัทกำลังครอบครองส่วนอ่อนไหวอย่างทะนุถนอม ความเสียวซ่านจึงแพร่กระจายราวกับถูกน้ำมันราดจนโหมกระหน่ำ ร่างกายของบีมจึงบิดเร้าอย่างหนัก เพราะประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่าของอีกฝ่ายก็ไม่เป็นสองรองใคร 

“บ..บีม..คุณต้องการผมมากกว่านี้หรือเปล่า” คุณนัทเคลื่อนตัวให้อยู่ในระดับเดียวกันก่อนจะเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว พร้อมมอบจุมพิตให้บีมครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งผลให้หัวใจของบีมเต้นโครมครามอย่างควบคุมไม่อยู่ เพราะเวลานี้พวกเขาต่างหลุดโฟกัสจากกิจกรรมเดิมจนหมดสิ้น

“ครับ..ผม..อา..ต้องการคุณ” บีมเอ่ยตอบเสียงกระเส่าเมื่อสัมผัสฉ่ำชื้นกำลังแต่งแต้มบริเวณต้นคออย่างเชื่องช้า สร้างความหวามไหวในช่องท้องได้ไม่ยาก

“ถ้าอย่างนั้นครั้งแรกของเรา ควรเป็นแบบวนิลาหรือว่า BDSM ดีล่ะครับ” คุณนัทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ทว่าช่วงตัวกลับปลุกเร้าความต้องการจนหื่นกระหาย

“ว..วนิลา” สิ้นคำตอบร่างของบีมก็ถูกพลิกคว่ำและตามมาด้วยการจุมพิตอย่างรักใคร่จนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่ม แต่กระนั้นสะโพกกลมกลึงกลับถูกบดคลึงอย่างเพลิดเพลิน จากนั้นบัตต์ปลั๊กก็ถูกดึงรั้งออกไปอย่างเชื่องช้าสร้างความทรมานทางร่างกายให้กับบีมอย่างสุดซึ้ง

“อา..ค..คุณนัท” บีมครางเสียงแผ่วด้วยความเสียวกระสัน ขณะที่ส่วนอ่อนไหวเบื้องหน้ากลับฉ่ำเยิ้ม

“คุณชอบหรือเปล่า” นัทเอ่ยถามอย่างใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าการมีเซ็กส์แบบชาววนิลาอาจไม่ใช่แนวทางเติมเต็มความรู้สึกของบีมมากนัก

“ช..ชอบครับ” บีมเอ่ยตอบพร้อมหลับตาพริ้ม เมื่อช่องทางด้านหลังยังคงถูกเจลหล่อลื่นเอาใจใส่เป็นอย่างดี ภายในจึงกระตุ้นรับเรียวนิ้วอันแข็งแกร่งอย่างโหยหา

“คุณนัท.. ผ..ผมต้องการ..อา..คุณ” บีมกล่าวอย่างไม่คิดเหนียมอาย เมื่อความต้องการไม่อาจถูกเติมเต็มด้วยเรียวนิ้วอันแข็งแกร่ง พร้อมควานหาฝ่ามือของอีกฝ่ายเพื่อบ่งบอกให้รับรู้ว่า เวลานี้บีมต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งจนไม่อาจทนรอได้แม้แต่วินาทีเดียว

“ผมอยากให้คุณกอดผม เดี๋ยวนี้..” บีมเอ่ยแกมสั่งพร้อมกับพยายามข่มกลั้นน้ำเสียงหวามไหว ขณะใช้แววตาแห่งความปรารถนาปลุกปั่นจิตวิญญาณของผู้เป็นดอมอย่างจงใจ ส่งผลให้ฝ่ายถูกยั่วเย้าไม่อาจทานทนจึงยอมถูกควบคุมด้วยความเต็มใจ เครื่องป้องกันจึงถูกนำออกมาสวมใส่ด้วยความร้อนรน ก่อนจะส่งมอบความแข็งแกร่งให้อีกฝ่ายสัมผัสด้วยจังหวะหนักหน่วง

“อ๊ะ..อ๊า..” บีมครวญครางเสียงแผ่วพร้อมจิกปลายเล็บลงบนพื้นไม้อย่างระบายอารมณ์ เพราะบ้านหลังนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาสองคน แต่กระนั้นจังหวะกระแทกกระทั้นของชายหนุ่มด้านบน กลับทำให้ความพยายามของบีมดำเนินไปอย่างยากเย็น
 
“อา..บีม..รสชาติวนิลาในแบบของผม..อา..ถูกใจคุณหรือเปล่า” คุณนัทเอ่ยถามด้วยถ้อยคำแสนสุภาพ ซ้ำยังจุมพิตข้างขมับอย่างรักใคร่ แต่ทว่าจังหวะการเร่งเร้ากลับเต็มไปด้วยความร้อนแรง จนเนื้อตัวของบีมไหวเอนราวกับก้านมะพร้าวโดนพายุพัดพา

“อ๊า..อื้อ..ผมชอบ..” บีมเอ่ยตอบเสียงกระเส่า เพราะยิ่งแสดงความคิดเห็นช่วงล่างก็ยิ่งสอดรับกันอย่างรุนแรง สมองของบีมจึงเริ่มขาวโพลนอีกครั้ง จากนั้นความสุขสมก็เริ่มโปรยปรายลงบนพื้นไม้อันเงางาม แต่ทว่าการสอดรับบริเวณช่วงล่างยังคงถี่กระชั้น อาจเพราะอีกฝ่ายยังไม่ทันปลดปล่อยแต่ก็ใกล้เต็มที

กระทั่งความสุขสมพร่างพรมไปทั่วห้องนอนอันแสนร้อนแรง ชายหนุ่มทั้งสองจึงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่กระนั้นก็ยังคงโอบกอดกันราวกับจะซึมซับความอบอุ่น

“เราสองคนกำลังทำตัวไม่ต่างกับโรมิโอและจูเลียต ที่แอบจัดงานแต่งงานอย่างลับ ๆ” บีมเปรยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบภายใต้อ้อมกอดของคนรัก

“แต่อย่างน้อยเรื่องของเราก็ยังมีความแตกต่างอยู่บ้าง เพราะครอบครัวของผมเอ็นดูคุณมาก” คุณนัทเอ่ยแย้ง ซึ่งบีมก็เห็นด้วยเพราะพวกท่านไม่เคยแสดงสีหน้าตลกขบขันที่บีมชอบแต่งหญิง และไม่เคยแสดงท่าทีไม่ชอบใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเรา

“แต่ครอบครัวของผม..” บีมเอ่ยได้เพียงแค่นั้น แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“จากที่คุณพูดในวันนี้ ผมคิดว่าคุณคงพอจะมองออก ว่าพวกท่านไม่ได้อยากทำร้ายความรู้สึกของคุณ เพียงแต่สภาพแวดล้อมมันบังคับให้พวกท่านต้องคาดหวังว่าคุณจะเป็นอย่างที่พวกท่านต้องการ และถึงแม้คุณจะโบยบินออกมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังคาดหวังว่าอาชีพของคุณจะทำให้พวกท่านเปิดใจยอมรับความฝันในครั้งนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งเรื่องของเราและความฝันของคุณคงจะได้รับความเห็นชอบจากพวกท่าน ขอแค่คุณอย่าปล่อยมือผม เพราะผมจะไม่มีวันปล่อยมือคุณ” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง อีกทั้งสีหน้ายังเต็มไปด้วยความชัดเจน หัวใจของบีมจึงสั่นระรัวด้วยความหวั่นไหว พร้อมเหลือบมองฝ่ามือที่กอบกุมกันอย่างแนบแน่น

ความเชื่อมั่นอันมากมายจึงถาโถมเข้าสู่จิตใจที่เคยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่กระนั้นบีมกลับเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างไม่มีข้อแม้ และบีมก็ดีใจที่สุดท้ายก็มีความกล้ามากพอที่จะไขว่คว้าอีกฝ่ายมาครอบครอง


--------------------------✁


ตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาอีกครั้งนะคะ และจะค่อย ๆ เปิดความลับที่ซ่อนอยู่ในคอลเลกชันเสื้อผ้าของบีมด้วย  เรื่องนี้คาดว่าจะมี 30 ตอนค่ะ แต่เรายังไม่แน่ใจว่าจะเขียนลากยาวหรือเปล่า เพราะตอนนี้เรายังไม่ได้เริ่มเขียนตอนใหม่เลยค่ะ มัวแต่รีไรต์ตอนเก่า ๆ ให้มั่นใจก่อน 555 (แต่เท่าที่ผ่านมาสิ่งที่คาดการณ์ไว้มันเกินจำนวนตอนหมดเลย 555)

ส่วนตอนนี้เราพยายามจะเขียนน้องบีมให้ออกแนวควีน ๆ ตามคำเรียกร้อง แต่คงได้เท่านี้แหละ เพราะเราสายละมุนจนเข้าเส้นเลือด 555 แล้วก็ตั้งแต่ได้อ่านคอมเมนต์แล้วมีคนบอกว่าชอบบรรยากาศของเรื่องเราก็เป็นปลื้มค่ะ คือเราแอบกลัวว่าจะเบื่อกันด้วยซ้ำ เพราะแนวนี้ส่วนใหญ่น่าจะขายที่ฉากเพลย์อันร้อนแรงมากกว่า แต่สำหรับตัวเราคิดว่าถ้ามีแค่ฉากเพลย์มันน่าจะสื่อถึงคำว่า 'รสนิยม' ออกมายากค่ะ เลยเลือกที่จะเขียนแบบมีปมอื่น ๆ เข้ามาด้วย เพราะมันจะทำให้ดูมีมิติว่านัทกับบีมมีความแตกต่างกับชาววนิลายังไง แล้วภาพสำหรับคนที่ไม่เคยอ่านนิยายแนว BDSM มาก่อนก็น่าจะชัดเจนขึ้นด้วย
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 13 (update 06/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-12-2019 22:28:37
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 14 (update 07/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 07-12-2019 21:00:56
ตอน 14

ดูเหมือนการมาพักผ่อนที่บ้านสวนของคุณนัทจะทำให้สภาพจิตใจของบีมปลอดโปร่ง การนอนหลับจึงเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะคุณนัทบอกว่าบีมไม่มีอาการเดินละเมอเหมือนกับตอนที่อยู่เพนท์เฮ้าส์ ดังนั้นสาเหตุของพฤติกรรมอาจมาจากความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว

คุณนัทเลยออกความเห็นว่า ช่วงเสาร์อาทิตย์บีมควรจะถือโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งบ้านสวนคือตัวเลือกชั้นดี

“แม่..” บีมอุทานด้วยความคาดไม่ถึง เพราะทันทีที่รถยนต์แบรนด์หรูของคุณนัท จอดสนิทตรงลานจอดรถของเพนท์เฮ้าส์ ภาพของหญิงวัยกลางคนที่แสนคุ้นตาก็ปรากฏ จากนั้นไม่นานโทรศัพท์มือถือก็สั่นครืดคราด บีมจึงเร่งค้นหาอย่างลนลาน

“ครับแม่” บีมแสร้งทำเป็นรับสายอย่างคนไม่รับรู้การมาถึงของอีกฝ่าย พร้อมหันไปส่งสัญญาณให้คุณนัทหยุดการเคลื่อนไหว เพราะตอนนี้บีมเกร็งจนทำอะไรแทบไม่ถูก

‘แม่กำลังจะเข้าไปที่เพนท์เฮ้าส์นะบีม’ คุณแม่กล่าวด้วยน้ำเสียงใจดีพร้อมเดินเข้าไปยังที่พักสุดหรูอย่างไม่เร่งรีบ เพราะท่านมีคีย์การ์ดห้องของบีมอีกหนึ่งใบ แต่ทว่าสมองของบีมกำลังประมวลผลอย่างหนัก เนื่องจากที่ผ่านมาคุณนัทมักจะมานอนค้างด้วย ดังนั้นข้าวของภายในห้องย่อมไม่ได้มีแค่ของบีม

“ครับแม่.. ตอนนี้บีมออกไปหามื้อเช้าทานครับ อีกสักพักถึงจะเข้าไป” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจากนั้นจึงวางสาย เมื่อคุณแม่เดินหอบหิ้วข้าวของจนเต็มสองไม้สองมือเลยไม่สะดวกพูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานานนัก

“ให้ตายสิ ผมลืมไปเลย งานออฟฟิศน่าจะเข้าแปดโมง” กระทั่งมองเห็นความผิดพลาดแรกของตัวเอง บีมจึงสบถออกมาอย่างกลุ้มใจ

“คุณส่งไลน์ไปบอกท่านสิครับว่าวันนี้คุณลาไปทำธุระช่วงเช้า ตอนแรกว่าจะเข้าไปที่เพนท์เฮ้าส์ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว” คุณนัทให้คำแนะนำเป็นอย่างดี แต่บีมกลับเป็นกังวลเกินกว่าจะตั้งสติปฏิบัติตาม เพราะในหัวกำลังห่วงหน้าพะวงหลังจนสับสน

“ผมไม่แน่ใจว่าก่อนออกจากห้องได้ล็อกตู้เสื้อผ้ากับตู้เก็บอุปกรณ์หรือเปล่า อีกอย่างในห้องของผมมีแต่ข้าวของของคุณเต็มไปหมด” บีมกล่าวพลางขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิง เพราะกำลังหวาดกลัวว่าแม่จะจับได้ว่าบีมยังคงเป็นบีมในวันนั้น แถมยังปีกกล้าขาแข็งจนถึงขนาดพาผู้ชายมานอนที่ห้อง และยังเก็บรักษาเซ็กส์ทอยพร้อมด้วยอุปกรณ์จำเป็นสำหรับรสนิยมแบบ BDSM อีกมากมาย

“คุณล็อกตู้เสื้อผ้าแล้วครับ ก่อนออกจากห้องผมตรวจดูแล้ว ส่วนตู้เก็บอุปกรณ์ผมเป็นคนล็อกเองกับมือ ข้าวของของผมถ้าหากคุณแม่ถาม คุณบอกว่าเป็นของเพื่อนก็ได้ครับ หรือจะบอกว่าเป็นของคุณก็ได้ เพราะเสื้อผ้าของผมไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร” คุณนัทยังคงให้คำแนะนำอย่างรอบคอบ บีมที่กำลังสติแตกจึงเริ่มใจเย็นลงพร้อมนิ่งคิดเพียงครู่ พอตกผลึกได้ว่าคุณแม่น่าจะไม่รู้จักแบรนด์ดังมากนัก ดังนั้นเสื้อผ้าและข้าวของของคุณนัท บีมอาจจะทำเนียนว่าเป็นของตัวเองก็ได้

“ถ้าอย่างนั้นผมส่งข้อความหาแม่แล้วรีบเข้าร้านเลยดีกว่า ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าผมคงต้องฝากไว้ที่ห้องของคุณ” บีมกล่าวอย่างรีบร้อนพร้อมมองซ้ายขวาและด้านบนอย่างถี่ถ้วนจึงยอมลงจากรถ เพื่อแยกตัวไปยังห้องเสื้ออิสระ ขณะที่ในหัวกำลังคิดถึงแผนการสำรวจตลาดอย่างกลุ้มใจ เพราะเดิมทีบีมตั้งเป้าเอาไว้ว่าวันนี้จะเริ่มรีเสิร์ชข้อมูลนอกสถานที่เพื่อเตรียมทำเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ แต่เห็นทีคงจะทำได้แค่นั่งรีเสิร์ชอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ และคงต้องวานให้คุณนัทซื้อมื้อเที่ยงเข้ามาให้ เพราะตอนนี้คุณแม่ยังเข้าใจว่าบีมทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีของห้างสรรพสินค้าภายใต้เครือของคุณนัทเลยได้รับเงินเดือนมากกว่าบริษัทอื่น ถ้าหากไปเดินเพ่นพ่านตามช็อปต่าง ๆ เกรงว่าถ้าแม่มาเจอจะผิดสังเกต


กระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น บีมจึงได้เวลาหยุดความคิดอันยุ่งเหยิง พบว่าข้อความที่ถูกส่งมาเป็นของคุณนัท

‘เด็กดี นายรีบร้อนจนลืมให้ผมถอดปลอกคอ’

‘มารับกุญแจได้ที่ห้องทำงานของผม’

สิ้นบทสนทนานั้นบีมก็รีบกอบกุมลำคอของตนเองอย่างรวดเร็ว พร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยก็ไม่เดินทะเล่อทะล่ากลับไปที่ห้อง เพราะคนที่บีมหวาดกลัวว่าจะล่วงรู้ถึงรสนิยมอันแปลกแยกมากที่สุดก็คือพ่อกับแม่ หรือถ้าหากความลับไม่สามารถกักเก็บไว้ได้จริง ๆ บีมอยากให้มันเกิดกับห้องเสื้ออิสระเป็นอันดับแรก เนื่องจากสถานการณ์ของห้องเสื้อในตอนนี้ไม่ใช่แบรนด์หางแถวเหมือนกับแต่ก่อน ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะทำให้พ่อกับแม่เข้าใจและยอมรับได้ง่ายกว่า

‘ออฟฟิศของคุณอยู่ตรงไหนครับ’ บีมตัดสินใจไลน์ถามอย่างไม่คิดลังเล เพราะการสวมปลอกคอในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอีกต่อไป เนื่องจากบีมเกรงว่าถ้าหากยังใส่แม้กระทั่งเวลาเข้านอน ความลับคงจะแตกเอาง่าย ๆ

‘ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นบนสุดแล้วสอบถามพนักงานได้เลยครับ เดี๋ยวพวกเขาจะพาคุณมาหาผมเอง’ สิ้นคำตอบของคุณนัท บีมจึงรีบเข้าไปยังออฟฟิศของตัวเองเพื่อสอบถามเกี่ยวกับงานกองถ่ายที่ฝากไว้ เพราะช่วงที่บีมไม่อยู่ทางกองถ่ายจะเข้ามารับชุดด้วยตัวเอง


กระทั่งเคลียร์งานที่ร้านเสร็จ บีมก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดที่อยู่เหนือห้องอาหารบนดาดฟ้า สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือเคาน์เตอร์ของฝ่ายประชาสัมพันธ์ บีมไม่รอช้าที่จะเข้าไปติดต่อตามคำแนะนำของคุณนัท

พนักงานสาวคนนั้นจึงพาบีมเดินลัดเลาะผ่านแผนกต่าง ๆ ที่มีการแบ่งสันปันส่วนอย่างไม่น่าอึดอัด เพราะสำนักงานใหญ่ของห้างสรรพสินค้าภายในเครือของคุณนัท ดูเหมือนจะให้อิสระกับพนักงานไม่น้อย เนื่องจากมุมรีแลกซ์ที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าค่อนข้างมีอยู่มาก อีกทั้งโต๊ะทำงานของแต่ละคนก็ยังอยู่ท่ามกลางสีเขียวของใบไม้ มิหนำซ้ำยังสามารถเล่นเกมหรืออ่านหนังสือในยามที่เหนื่อยล้าได้ แต่คงมีข้อแม้ว่างานจะต้องสำเร็จโดยไม่มีข้อบกพร่อง

“ที่นี่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วยเหรอครับ” บีมสอบถามประชาสัมพันธ์สาวด้วยความสงสัย เพราะเมื่อครู่ตอนเดินผ่านสวนขนาดย่อม มีพนักงานท่านหนึ่งพาสุนัขไปเดินเล่น แถมบางคนยังยืนให้อาหารปลาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คาดว่าคงจะกำลังเจรจาเนื้องานที่ตัวเองรับผิดชอบ

“ออฟฟิศของเรา พนักงานทุกคนสามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้ทุกอย่างค่ะ แต่มีข้อแม้ว่างานจะต้องเสร็จตามกำหนดและต้องมีคุณภาพตามมาตราฐาน” ทันทีที่พนักงานสาวไขข้อข้องใจ บีมก็ได้แต่พยักหน้ารับฟังด้วยความสนใจ อีกทั้งความปลาบปลื้มที่มีต่อคุณนัทก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะวิสัยทัศน์ของอีกฝ่ายไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเท่านั้น แต่ยังเอื้อประโยชน์ให้กับพนักงานในความดูแล ซึ่งในเมืองไทยค่อนข้างหายาก เนื่องจากบีมเคยได้ยินข้อมูลแบบนี้จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

“ถึงแล้วค่ะ” หญิงสาวกล่าวพลางส่งยิ้มการค้าพร้อมเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาต กระทั่งได้ยินเสียงตอบรับจากคุณนัท เธอจึงผลักประตูเข้าไปก่อนจะหลีกทางให้แขกผู้มาเยือน ส่งผลให้เลขาสาวที่กำลังรับคำสั่งจากผู้เป็นนายต้องรีบไปตระเตรียมน้ำดื่มเพื่อรับรองแขก ทั้งห้องจึงเหลือเพียงบีมกับคุณนัท

“ออฟฟิศของคุณน่าสนใจดีนะครับ” บีมเปรยขึ้นขณะรอให้เลขานำน้ำมาเสิร์ฟจนเรียบร้อย ก่อนจะเข้าสู่เป้าหมายหลักอย่างจริงจัง

“อยู่ในช่วงทดลองผลน่ะครับ” คุณนัทกล่าวด้วยท่าทีสุขุม อาจเพราะเจ้าตัวกำลังนั่งแท่นผู้บริหาร ภาพลักษณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ

“ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์เอื้อเฟื้อต่อพนักงานหายากนะครับ” บีมเอ่ยชื่นชมจากใจจริง เพราะส่วนใหญ่บีมเจอแต่จะเพิ่มเวลาทำงาน จากที่หยุดสองวันกลายเป็นหยุดวันเดียว ถ้าไม่มีกฎหมายแรงงานบีมเชื่อได้เลยว่าวันหยุดคงจะถูกปล้นไปจนหมด

“คงต้องยกความดีความชอบให้กับการพิสูจน์ตัวเองของผมมั้งครับ เพราะมันทำให้ผมได้เผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้าจากการทำงาน” คุณนัทเริ่มบอกกล่าวที่มาที่ไปอย่างละเอียด

“ตอนนั้นผมรู้ตัวเลยว่า อะไรที่มันตึงเครียดเกินไป ไม่มีทางให้ผลลัพธ์ที่ดี ผมเลยปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของตัวเองใหม่ ความคิดถึงค่อยปลอดโปร่งและมีความสร้างสรรค์มากขึ้น แผนงานดี ๆ เลยมีออกมาไม่ขาดสาย จากนั้นผมก็เลยวางแผนไว้ในใจว่า ถ้าหากบอร์ดบริหารให้การยอมรับผมในฐานะผู้บริหารแล้ว ผมจะปฏิวัติการทำงานใหม่” คุณนัทอธิบายพร้อมยกยิ้มเพียงเล็กน้อยโดยที่ใบหน้าแทบไม่ขยับ แต่บีมก็เข้าใจดีว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของอีกฝ่าย คงจะมีเรื่องราวดี ๆ ที่น่าจดจำ

“ว่าแต่คุณคิดจะรับมือกับคุณแม่ยังไงเหรอครับ” นัทเอ่ยถามพร้อมลุกออกจากเก้าอี้ท่านประธาน เพื่อเดินมาปลดเปลื้องพันธนาการให้กับคนรัก

“ช่วงนี้ผมคงต้องวานให้คุณเป็นเด็กส่งอาหารให้ผม” บีมกล่าวอย่างไม่ต้องเสียเวลาครุ่นคิด พร้อมกับนั่งนิ่ง ๆ ให้คุณนัทถอดปลอกคอ

“ไม่มีปัญหาครับ ว่าแต่คุณคิดจะแสดงความพยายามของตัวเองให้ท่านเห็นเมื่อไหร่เหรอครับ” นัทเอ่ยถามพลางวางปลอกคอลงบนโต๊ะทำงาน และก้าวเดินไปยังกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นตึกระฟ้าจำนวนมาก เพราะเวลานี้บีมเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตพร้อมสวมทับด้วยสูทสีดำที่มองอย่างไรก็ไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่เหมาะสมกับอีกฝ่าย

“ไม่รู้สิครับ.. ตลกดีเนอะ สองวันก่อนผมยังทำเป็นอวดดีกับคุณอยู่เลย แต่พอรู้ว่าแม่มาหา ผมกลับเป็นกังวลจนคิดอะไรไม่ออก ขนาดจะไปเดินรีเสิร์ชงานของตัวเอง ผมยังไม่กล้าทำเลยครับ เพราะผมไม่รู้ว่าจะตอบคำถามท่านยังไง อีกอย่างพนักงานออฟฟิศก็ไม่ได้มีเวลามาเที่ยวเล่นแบบที่ผมทำอยู่ หรือแม้แต่การทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้า ผมยังไม่กล้าไปเลยครับ” บีมเดินไปหยุดยืนเคียงข้างคุณนัท พร้อมระบายความไม่สบายใจออกมาจนหมดเปลือก

“พนักงานของผมส่วนใหญ่ก็ไปทานที่นั่นกันนะครับ และพนักงานของผมก็สามารถรีแลกซ์ตัวเองด้วยวิธีที่พวกเขาคิดว่าเหมาะสม” คุณนัทกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งมันทำให้บีมเริ่มจับประเด็นได้ว่า อีกฝ่ายกำลังให้คำอธิบายอันเป็นประโยชน์

“บีม” คุณนัทเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซ้ำยังประคองลาดไหล่ทั้งสองข้างเพื่อบังคับให้หันมาเผชิญหน้ากัน

“ผมอยากให้คุณเป็นตัวของตัวเอง เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นการสวมใส่ผ้าลูกไม้ ถ้าหากท่านติติง คุณก็แค่อธิบายไปว่าพนักงานออฟฟิศไม่จำเป็นต้องสวมใส่ชุดยูนิฟอร์ม คุณเลยถือโอกาสใส่ชุดที่คุณตัด เพราะคุณรักการตัดเสื้อผ้า ผมเชื่อว่าคุณแม่คงไม่ห้ามคุณแบบตอนที่สวมใส่เดรสของผู้หญิงหรอกครับ” คุณนัทให้คำแนะนำอย่างจริงจัง เพราะทุกคำพูดที่ถ่ายทอดออกมา บีมรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายทั้งเป็นห่วงและอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บีมไม่ต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือคุณนัทกำลังพยายามจะช่วยเก็บรักษา ‘อิสระ’ ที่บีมไขว่คว้ามาอย่างยากลำบาก

“ผมไม่ได้ส่งเสริมให้คุณโกหก แต่ผมกำลังช่วยคุณหาทางออกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะถ้าหากท่านมองว่าการตัดเสื้อคือความชื่นชอบของคุณจริง ๆ ขั้นต่อไปท่านก็จะทราบว่าการที่คุณชอบสวมใส่เดรสของผู้หญิง มาจากการที่คุณได้ลองฟิตติ้งเสื้อผ้าด้วยตัวเอง แล้วพบว่าชุดที่คุณตัด สวยงามมากกว่าที่คุณคิด รสนิยมของคุณอาจจะถูกวิเคราะห์ใหม่ก็ได้นะครับ เพราะผมเชื่อว่าเจ้าของผลงานทุกแขนงคงรู้สึกไม่ต่างกับคุณ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่คุณอยากจะเก็บเสื้อผ้าทุกคอลเลกชันไว้ หรือคิดอยากจะสวมใส่ ไม่ว่าชุดเหล่านั้นจะเป็นของเพศไหนก็ตาม”

“ถ้าหากเป็นไปได้ผมอยากให้คุณลืมเสียงนินทาของคนในหมู่บ้านไปก่อน เพราะจากที่คุณเคยเล่าให้ผมฟัง ดูเหมือนว่าถ้าหากพ่อกับแม่ของคุณให้การสนับสนุนเมื่อไหร่ คำนินทาเหล่านั้นก็จะไม่มีความหมายสำหรับคุณไม่ใช่เหรอครับ” บีมยังคงนิ่งฟังอย่างตั้งใจขณะครุ่นคิดให้ถี่ถ้วน

“คุณกำลังจะบอกให้ผมค่อย ๆ พาพวกท่านเข้ามาในโลกของผม เพื่อที่ท่านจะได้ทราบว่าอาชีพดีไซเนอร์ก็ไม่ด้อยไปกว่าการรับราชการ ?” บีมย้อนถามเพื่อความแน่ใจ

“ใช่ครับ” คุณนัทเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น ส่วนบีมก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด เพราะการพาพ่อกับแม่เข้ามายังโลกของบีมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คำแนะนำของคุณนัทก็ดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำที่ดี จากนั้นสมองของบีมก็เริ่มปลอดโปร่งจึงมองเห็นทางออกอีกอย่างหนึ่ง

ซึ่งช่วงชีวิตหนึ่งบีมเคยทำทั้งงานออฟฟิศและงานห้องเสื้อ ถ้าหากวันข้างหน้าบีมคิดอยากจะเปิดเผยตัวว่าเป็นเจ้าของห้องเสื้อก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก เพราะบีมมีประสบการณ์และเหตุผลมารองรับทุกอย่าง จากนั้นบีมก็ค่อยยื่นรายได้ให้พวกท่านทราบ แล้วสารภาพความจริงว่าตัวเองลาออกจากงานออฟฟิศมานานแล้ว คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะวิธีนี้ดูค่อยเป็นค่อยไปที่สุดแล้ว

“คุณยิ้มแล้ว” คุณนัทเอื้อนเอ่ยหลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบ บีมจึงพยักหน้ายอมรับด้วยความเบิกบาน
“ผมอยู่ข้าง ๆ คุณนะ” คุณนัทรั้งบีมเข้ามายังอ้อมกอดพร้อมกระซิบเสียงแผ่ว ขณะที่บีมเอาแต่อมยิ้มด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโอบรอบเอวของท่านประธานด้วยความแนบแน่น พร้อมเอื้อนเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ครับ”


พอกลับมาถึงห้องเสื้ออิสระ บีมจึงรีบเปลี่ยนกลับมาใส่เชิ้ตลูกไม้เหมือนอย่างเคย จากนั้นการรีเสิร์ชเทรนใหม่ ๆ จึงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นหลัก เพราะบีมวางแผนว่าพรุ่งนี้จะออกไปสำรวจตั้งแต่ตลาดนัดจนถึงแบรนด์หรูที่ผู้คนให้ความนิยม

“รีแลกซ์ด้วยของหวานคงดี” บีมนั่งบิดขี้เกียจพลางบ่นกับตัวเอง จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อเตรียมออกไปหาของหวานรองท้อง แม้ว่าอีกไม่นานก็จะพักเที่ยงแล้วก็ตาม

“แม่..” ทว่าปลายเท้าของบีมกลับต้องชะงักค้าง พร้อมซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผ้าลูกไม้อย่างมิดชิด เพราะการมาเยือนของแม่ไม่ใช่สิ่งที่บีมคาดคิด แต่พอนึกทบทวนดูดี ๆ ก็จะพบว่าเสื้อผ้าที่บีมออกแบบ ไม่ได้มีเพียงวัยหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงวัยกลางคนและวัยสูงอายุเลยก็ว่าได้ เพราะผ้าลูกไม้ส่วนใหญ่จะเหมาะกับการใส่ไปงานมงคล อีกทั้งชุดเจ้าสาวยังเป็นสินค้ายอดนิยมที่ได้รับความไว้วางใจเป็นพิเศษ เนื่องจากผ้าลูกไม้ของห้องเสื้ออิสระจะเป็นงานประณีต บีมจึงว่าจ้างดีไซเนอร์สำหรับดูแลทางด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคอลเลกชันต่าง ๆ ที่วางขายตามห้างสรรพสินค้า

บีมจึงแหวกผ้าลูกไม้เพื่อลอบสังเกตความเป็นไปภายในสโตร์ด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นแม่เลือกดูเสื้อผ้าด้วยความสนใจ รอยยิ้มจึงปรากฏตรงมุมปาก ขณะเดียวกันชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่ไลน์แมนส่งอาหาร กลับยืนมองเจ้าของห้องเสื้อด้วยความเงียบเชียบ แต่ทว่าริมฝีปากกลับวาดเป็นรอยยิ้มอย่างกว้างขวาง เพราะท่าทางของคนรักในยามนี้ ดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังรอลุ้นว่าผลงานของตัวเองจะได้รับความพึงพอใจจากคนสำคัญมากแค่ไหน

กระทั่งรอยยิ้มฉีกกว้างเมื่อแม่ซื้อเดรสตัวหนึ่งกลับไป บีมจึงหันกลับสู่ความเป็นไปภายในห้องทำงาน

“ทานข้าวกันเถอะครับ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยเพียงแค่นั้น แต่บีมกลับอ่านสายตาออกว่าการมาเยือนห้องเสื้ออิสระของแม่ ล้วนตกอยู่ในการรับรู้ของอีกฝ่าย รวมถึงท่าทางราวกับเด็กของบีมก็เช่นกัน

บีมจึงเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะทำงาน พร้อมจัดเก็บเอกสารที่ยังคงกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะด้วยความเบิกบาน ซ้ำยังโน้มตัวเข้าหาเจ้าของห้างสรรพสินค้าพร้อมเอื้อนเอ่ยเพียงแผ่วว่า..

“ดูเหมือนวันนี้ผมคงไม่ต้องเสียเงินซื้อของหวานมากินเพื่อรีแลกซ์แล้วล่ะครับ” 


--------------------------✁   


ตอนนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากเบิกตัวคุณแม่เข้าสู่เนื้อเรื่องค่ะ ยังไงก็เตรียมสังเกตพฤติกรรมของคุณแม่เอาไว้ให้ดีจ้า
ส่วนคุณนัทก็โชว์ความเป็นเจนเทิลแมนต่อไป ส่วนตอนหน้ามาไขความลับของคอลเลกชันเสื้อผ้าน้องบีมกันค่ะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 14 (update 07/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 08-12-2019 15:16:56
เอาใจช่วยเลย ต้องผ่านด่านแม่ให้ได้ ฮึบๆ o13
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 15 (update 08/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 08-12-2019 19:53:52
ตอน 15

หลังจากเห็นแม่เลือกซื้อชุดเดรสของห้องเสื้ออิสระ บีมรู้สึกมีกำลังใจที่จะทำตามคำแนะนำของคุณนัทมากขึ้น การแต่งตัวไปทำงานในเช้าวันใหม่จึงไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัดอีกต่อไป เพราะแม่ไม่เคยเอ่ยปากห้าม มิหนำซ้ำยังไม่เคยเอ่ยทักอย่างผิดสังเกต แต่ทว่ากลับเป็นบีมเสียเองที่ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ

วันนี้บีมเลยพาแม่ออกไปสำรวจแฟชั่นตามท้องตลาด โดยอ้างถึงการลาหยุดเพราะอยากจะพาแม่ออกไปเปิดหูเปิดตา แต่กระนั้นบีมก็ทำได้เพียงเหลือบมองเสื้อผ้าของผู้หญิงอย่างผิวเผิน โชคดีหน่อยที่แม่เรียกให้เข้าไปช่วยดูบ้าง บีมจึงพอจะมองออกว่าเทรนด์ที่กำลังมาแรงในตอนนี้และคาดว่าน่าจะเป็นที่นิยมไปอีกระยะหนึ่ง คือเสื้อครอปหรือเสื้อเอวลอยที่มีทั้งแบบเซ็กซี่และแบบหวาน ๆ เหมาะกับการมิกซ์แอนด์แมทช์เป็นอย่างดี

“บีมให้แม่เอาเสื้อไปเก็บไว้ตรงไหน” เมื่อได้ยินแม่เอ่ยถามหลังจากเคาะประตูห้องนอนได้เพียงครู่ บีมจึงกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ขณะที่สมองคล้ายกับประมวลผลไม่ทัน

“เดี๋ยวบีมเอาไปเก็บเองครับ แม่วางไว้บนเตียงก่อนก็ได้” หลังจากเปิดประตูให้ผู้เป็นแม่ บีมก็ยืนละล้าละลังก่อนจะชี้ไปยังเตียงนอนหลังกว้าง

“ไปเดินตะลอนมาทั้งวันยังไม่อาบน้ำอีก” แม่เอ่ยทักเมื่อเห็นบีมยังคงอยู่ในชุดเดิม แม้ว่าจะกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์นานแล้ว

“พอดีบีมปวดขาก็เลยจะนอนพักก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ” ชายหนุ่มกล่าวพลางยกยิ้มให้ผู้เป็นแม่ที่ยังคงถือไม้แขวนเสื้อไม่ยอมปล่อย ราวกับกังวลว่าเสื้อผ้าของลูกชายจะยับ เพราะเสื้อทุกตัวดูเหมือนจะผ่านการรีดมาอย่างดี

“แม่เอาไปเก็บไว้ในตู้ให้ดีกว่า วางไว้บนที่นอนเดี๋ยวยับหมด” หลังจากได้ยินแม่พูดแบบนั้น บีมก็นิ่งคิดไปพักใหญ่ แต่พอสบสายตาเร่งรัดของแม่ บีมจึงตัดสินใจเดินไปไขกุญแจตู้เสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงานในห้องแต่งตัว

“ตู้เสื้อผ้าก็ยังต้องล็อกอีก” แม่กล่าวพลางส่ายหัวคงเพราะชินกับนิสัยล็อกทุกอย่างของบีมแล้ว

“เสื้อแบรนด์นี้เหมือนจะเป็นแบรนด์เดียวกับที่แม่ซื้อใส่ไปงานแต่งของแก้วเมื่อวันก่อน” หลังจากแม่นำเสื้อไปแขวนไว้ในตู้จนหมดก็เอ่ยราวกับคนช่างสังเกตทำให้บีมแปลกใจมาก เพราะปกติแม่ไม่ค่อยรู้จักแบรนด์เสื้อผ้าสักเท่าไหร่ แต่คิดอีกแง่ก็อาจจะเป็นผลพวงมาจากการซักเสื้อผ้าให้บีมก็เป็นได้

“เหรอครับ บีมว่าเนื้อผ้ามันใส่สบายดี เลยเอามาดัดแปลงเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่โดดเด่นมากนักจะได้ใส่ไปทำงานได้” บีมกล่าวพลางลอบมองปฏิกิริยาของแม่สลับกับเสื้อเชิ้ตสำหรับใส่ไปทำงานที่แขวนเรียงรายอยู่ในตู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่เชิ้ตประดับลูกไม้เล็กน้อย ส่วนชุดที่ดูฟู่ฟ่าไปอีกขั้นบีมแขวนเก็บไว้ในตู้ข้าง ๆ กัน เพียงแต่ช่วงนี้ยังไม่มีโอกาสนำออกมาใส่ เพราะบีมอยากจะดูปฏิกิริยาของแม่อีกสักพัก

“อย่านอนดึกนักล่ะ” แม่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมบอกกล่าวความห่วงใย ซึ่งบีมก็ได้แต่ยิ้มรับด้วยท่าทีสุดแน่นิ่ง แม้ว่าในใจนึกอยากจะร้องตะโกนด้วยความดีใจ เพราะแม่ไม่มีทีท่าขัดเคืองแต่อย่างใด


กระทั่งหลงเหลือเพียงตัวเองภายในห้องนอนกว้าง บีมจึงรีบเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พลางกลิ้งตัวไปมาด้วยความเบิกบานพร้อมหยิบหมอนปิดใบหน้าเพื่อส่งเสียงร้องตะโกนแห่งความดีใจ ครั้นความเหนื่อยล้ามาเยือน บีมจึงรีบลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน

แต่กระนั้นเวลานอนของบีมในยามนี้ ไม่อาจปล่อยปละละเลยให้อาการเดินละเมอนำพาจูเลียตออกไปเดินเพ่นพ่าน คุณนัทจึงแนะนำให้บีมล็อกกุญแจมือไว้กับหัวเตียง พอยามเช้ามาเยือนคุณนัทจะเป็นคนอนุญาตให้ปลดพันธนาการ

“วันนี้เหนื่อยมากเลยครับ” บีมกล่าวขณะมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏใบหน้าของชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005

‘แต่สีหน้าของคุณยังดูสดใสอยู่เลยนะครับ’ คุณนัทเอ่ยแย้งพร้อมส่งยิ้มบางเบากลับมา

“คงเพราะวิธีของคุณนัทกำลังไปได้สวยมั้งครับ” บีมกล่าวพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้โทรศัพท์ที่กำลังพิงหมอนใบโต เพราะตอนนี้บีมไม่สะดวกจะถือไว้ เนื่องจากข้อมือข้างหนึ่งถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือที่มีขนเฟอร์สีชมพูเนียนนุ่ม

“แม่รู้แล้วว่าเสื้อเชิ้ตที่ผมใส่ไปทำงานเป็นเสื้อที่ผมทำเอง แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ” บีมยังคงบอกเล่าต่อไป เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แทบไม่มีทางเป็นไปได้ แต่จะตัดสินอย่างนั้นก็ไม่ถูก เพราะในอดีตบีมเริ่มจากการตัดเดรสของผู้หญิง เรื่องราวเลยบานปลายใหญ่โต แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเสื้อผ้าของผู้หญิงมีลูกเล่นที่หลากหลายกว่า

“แต่ผมก็ยังไม่กล้าใส่เสื้อผ้าสไตล์อื่นที่คุณเคยเห็นอยู่ดี” บีมกล่าวพลางทำหน้ามู่ทู่ เพราะเสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ใส่ไปทำงาน มักจะเป็นแบบซีทรูหรือไม่ก็ตัวโคร่ง ๆ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม่เหมาะกับการทำงานออฟฟิศ

‘ไม่ว่าคุณจะสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์ไหน แค่มีผ้าลูกไม้เป็นส่วนประกอบ ผมก็รับรู้ได้แล้วครับ ว่านั่นคือรสนิยมการแต่งตัวของคุณ’ ชายหนุ่มในจอโทรศัพท์กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แต่ทว่ากลับทำให้บีมรู้สึกอบอุ่น เพราะคำพูดของอีกฝ่ายไม่ต่างกับการบอกใบ้ว่า ตอนนี้บีมกำลังเป็นตัวของตัวเองและมันก็เท่ากับเป็นการเปิดโลกที่ตัวเองคุ้นเคยให้แม่รู้จัก มิหนำซ้ำวันนี้บีมยังพาท่านก้าวเข้าไปในโลกใบนั้นตั้งครึ่งทาง

“พอใส่กุญแจมือแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องสมัยเรียนเลยครับ” บีมเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ราวกับจะเปิดเผยเรื่องราวในอดีตให้อีกฝ่ายสัมผัส

“หลังจากดูหนังผมก็เริ่มทดลองกับตัวเอง ตอนนั้นผมอยู่หอนอกเลยทำอะไรได้สะดวกขึ้น ช่วงวันหยุดผมไม่ต้องกลับบ้านก็เลยล็อกตัวเองไว้กับราวตากผ้า ความรู้สึกในตอนนั้นมันท้าทายดีนะครับ เพราะถ้าหากกุญแจหาย ผมคงถูกล็อกจนหิวโซ” บีมเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ

‘ผมเดาว่ามีครั้งหนึ่งคุณเคยทำกุญแจหาย’ แต่แล้วคุณนัทก็พูดสวนขึ้นมาอย่างตรงประเด็น

“ใช่เลยครับ ตอนนั้นผมกระวนกระวายแทบแย่ แต่พอมีสติถึงได้โทรบอกให้เพื่อนรุ่นพี่มางัดออกให้ เธอเลยรู้รสนิยมของผมเป็นคนแรก แล้วยังเป็นคนที่คอยถือกุญแจให้ผม แต่ถ้าช่วงไหนเธอมีถ่ายละคร เธอจะสั่งให้ผมเอากุญแจไปแขวนไว้ที่ตะปูตัวที่เธอมาตอกไว้ใกล้ ๆ กับราวตากผ้านอกระเบียง ชีวิตของผมเลยง่ายขึ้น” บีมบอกเล่าด้วยแววตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงช่วงเวลานั้น เพราะรสนิยมแบบนี้คนส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจ แต่บีมโชคดีที่ได้รู้จักกับพี่มีน

“ตั้งแต่ที่แม่มาหา ผมไม่มีอาการเดินละเมอจริง ๆ เหรอครับ” บีมพลิกตัวนอนคว่ำพร้อมเอ่ยถามผู้สังเกตการณ์ด้วยความสงสัย

‘จริงครับ คงเพราะคุณเริ่มสบายใจมากขึ้น ปัญหาหนักอกที่เคยสะสมมาตั้งแต่สมัยเรียน เลยไม่มีผลต่อการนอนหลับของคุณในช่วงนี้’ นัทแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจัง

“ความเครียดของผมคงเริ่มมาจากการที่ได้เห็นสีหน้าของพ่อกับแม่หลังจากที่พวกท่านทราบว่าผมสอบไม่ติดสถาบันดัง ๆ มั้งครับ จะว่ายังไงดี ผมคงรู้สึกผิดที่จงใจทำให้มันเป็นแบบนั้น เพื่อที่ตัวเองจะได้เรียนเอกดีไซน์ เพราะถ้าหากผมสอบติดสถาบันดัง ๆ การเรียนเอกดีไซน์คงเป็นแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ” บีมเปิดเผยความในใจพร้อมถอนหายใจด้วยความไม่สบายใจนัก

“ที่ผ่านมาผมเลยใช้ชีวิตเหมือนกับนกนางแอ่นที่มักจะซื่อสัตย์กับคู่ของตัวเองจนวันตาย เพราะตัวผมไม่สามารถปล่อยวางความฝันนั้นได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมอาการเดินละเมอของผมถึงมาสำแดงฤทธิ์เอาตอนนี้” บีมระบายความรู้สึกจนหมดเปลือกพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

‘อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาคุณใช้ชีวิตตามลำพังก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการแบบนี้มั้งครับ’ นัทแสดงความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง เพราะดูท่าแล้วปมในใจของอีกฝ่ายคงจะสะสมมานานเกินไป

“ดูเหมือนว่าพาร์ทเนอร์คนเก่าของผมจะเคยบอกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างการอาฟเตอร์แคร์ผมเผลอหลับไป สักชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก็ลุกขึ้นมานั่ง แต่พอถามหรือพูดอะไรกลับไม่ตอบ สงสัยคงจะเป็นแบบที่คุณว่า เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสังเกตอาการของผมอย่างละเอียด พอถูกทักแบบนั้นผมเลยคิดว่าตัวเองทำงานจนเหนื่อยเลยทำให้นอนละเมอชั่วคราว” บีมวิเคราะห์ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นสีหน้าก็เริ่มยุ่งเหยิง เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ แต่ก็ไม่อยากเลือกทางออกเดียวที่หลงเหลืออยู่

‘เวลาคุณคิดคอนเซ็ปต์ของแต่ละคอลเลกชัน ดูเหมือนจะแอบแฝงความคิดหรือเหตุการณ์ในชีวิตของคุณตลอดเลยนะครับ’ นัทเริ่มเปลี่ยนประเด็นในการพูดคุย เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตึงเครียดที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว

‘อย่างเดรสลวดลายนกนางแอ่นที่คุณใส่ตอนที่เรากำลัง Doll Play กัน ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของคุณตอนที่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ เพียงแต่อิสระที่คุณสัมผัสได้ คงจะให้ความรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ของจริง เพราะคุณเปรียบชีวิตของตัวเองเหมือนกับนกนางแอ่นที่มักจะกลับมาทำรังบริเวณเดิมเสมอ ต่อให้รังเก่าไม่ถูกเก็บไป แต่นกนางแอ่นก็ยังสร้างทับรังเดิมอยู่ดี แถมการออกหากินและกลับคืนรังก็ยังเป็นระบบระเบียบเหมือนกับถูกกักขังอยู่ในกรง’ สิ้นการวิเคราะห์อันละเอียดอ่อน คุณนัทก็ยังเป็นคนที่น่าทึ่งเสมอ เพราะทันทีที่บีมพูดถึงนกนางแอ่น อีกฝ่ายก็รีบหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องที่คงจะเอาไว้ติดต่อเรื่องราวอื่น ๆ นอกจากการเพลย์มาเสิร์ชหาข้อมูลอย่างใส่ใจ

“คุณเป็นคนแรกที่รู้ความลับที่ผมซ่อนไว้” บีมกล่าวพลางยกยิ้ม เพราะทุกครั้งที่คิดคอนเซ็ปต์ บีมมักจะคิดคำอธิบายที่เป็นภาพรวมทั้งหมด เพื่อที่ขอบเขตของงานจะได้ชัดเจน ดังนั้นการรีเสิร์ชของบีมจึงหมายรวมไปถึงข้อมูลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับคอลเลกชันนั้น ซึ่งวิถีชีวิตของนกนางแอ่นทำให้บีมรู้สึกเหมือนกับที่คุณนัทพูดทุกประการ

‘ถ้าหากผมอยากจะเข้าใจตัวตนของคุณให้ลึกซึ้งมากกว่านี้ ผมคงต้องเรียนรู้ผ่านทางผลงานของห้องเสื้ออิสระใช่ไหมครับ’ คุณนัทเอ่ยถามพร้อมยกยิ้ม ขณะที่แววตาดูเป็นประกายงดงามอย่างบอกไม่ถูก

“อันที่จริงแค่คุณเอ่ยปากถาม ผมก็พร้อมจะเล่าทุกอย่าง” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยความหวั่นไหว อาจเพราะคุณนัทเป็นคนอ่อนโยนกว่าที่คิด และคำพูดเมื่อครู่ก็ทำให้บีมรับรู้ว่าคุณนัทใส่ใจความชอบของบีม อีกทั้งยังสนใจความเป็นบีมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

‘แต่การวิเคราะห์แบบเมื่อครู่ มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณเป็นคนมีเสน่ห์มากนะครับ ถ้าหากปล่อยให้ผมค้นหาความเป็นคุณด้วยวิธีนั้น ผมคงหลงใหลความเป็นคุณจนถลำลึก โดยที่ไม่มีทางปืนป่ายขึ้นมาได้’ สิ้นคำพูดนั้นบีมก็ได้แต่เม้มริมฝีปากราวกับอยากจะกลั้นยิ้ม แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ เพราะคุณนัทในเวลานี้น่ารักมากกว่าวันวาน

“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้อย่าลืมมาส่งการบ้านนะครับ” บีมเอื้อนเอ่ยเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะชิงตัดบทเพื่อเตรียมตัวเข้านอนพร้อมรอยยิ้มอันกว้างขวางและหัวใจที่รู้สึกอบอุ่น


กระทั่งยามเช้ามาเยือน บีมจำเป็นจะต้องออกจากห้องเร็วกว่ากำหนด ทำให้มีเวลาไปนั่งแช่ในร้านกาแฟไม่ไกลจากสถานที่ทำงานมากนัก ซึ่งบีมก็เอาเวลาในช่วงนั้นมานั่งขบคิดคอนเซ็ปต์สำหรับผลงานในชิ้นต่อไป

ขณะเดียวกันบีมก็เริ่มมองเห็นข้อดีของการตื่นเช้ามากขึ้น เพราะการทำงานที่ร้านกาแฟทำให้สมองรู้สึกปลอดโปร่ง บวกกับบรรยากาศสบาย ๆ เคล้าเสียงเพลงบรรเลงอันแผ่วเบา หลอมรวมให้ความคิดเริ่มบรรเจิด บีมจึงมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนสไตล์การทำงานเหมือนคุณนัท เนื่องจากงานของบีมล้วนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์

บีมจึงนั่งเท้าคางดื่มด่ำบรรยากาศของร้านที่ถูกโอบล้อมด้วยสีเขียวของต้นไม้หลากชนิด ขณะเลือกนั่งบนระเบียงลักษณะเหมือนกรงนกใหญ่ที่มีบันไดเชื่อมไปยังอีกสองกรงด้านล่าง คาดว่าที่นั่งพิเศษในส่วนนี้คงจะเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน ซึ่งบีมไม่อาจนำสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาประยุกต์ได้ เพราะบีมเคยใช้ธีมดังกล่าวไปนานแล้ว

“เดซี่..” บีมใช้ปลายนิ้วชี้เคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด ขณะเหลือบมองไปยังดอกเดซี่สีขาวที่กำลังบานสะพรั่งอย่างงดงาม จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้สำหรับติดต่องานขึ้นมาเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ชนิดดังกล่าว เพื่อที่จะใช้เป็นไอเดียในการสร้างคอลเลกชันใหม่ประจำปี 2021

ซึ่งดอกไม้กับความซัมเมอร์มักเป็นของคู่กัน อีกทั้งความหมายของดอกเดซี่ยังสื่อถึงหัวใจอันบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ส่วนในด้านของความรัก หญิงสาวมักจะเด็ดกลีบดอกเพื่อทำนายทายรัก เรียกได้ว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่มีความลึกซึ้งและมีชีวิตชีวามากขึ้น มิหนำซ้ำคอลเลกชันสปริงซัมเมอร์ที่บีมรับผิดชอบ ยังเริ่มวางขายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์อันเป็นเดือนแห่งความรัก ทุกอย่างจึงดูเหมาะเจาะเพราะความรักอันบริสุทธิ์ไร้เดียงสาสำหรับบีม หมายถึงความรักแบบหนุ่มสาวและความรักแบบครอบครัว

กระทั่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ บีมจึงพิมพ์ชื่อคอลเลกชันลงในโทรศัพท์ว่า ‘เดส์อาย ความบริสุทธิ์อันไร้เดียงสา’ แทนที่จะเลือกใช้คำว่า ‘เดซี่’ ออกไปตรง ๆ เพราะบีมรู้สึกว่าการใช้ชื่อ ‘เดส์อาย’ แบบที่ชาวอังกฤษเรียกใช้ สามารถแสดงถึงความพิเศษได้อย่างลงตัว เพราะอันที่จริงชื่อดอกเดซี่เกิดจากการเรียกขานที่ผิดเพี้ยนไป

แต่แล้วช่วงเวลาอันเงียบสงบกลับถูกรบกวนโดยคุณนัทที่ส่งการบ้านผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ว่า ‘การโหยหาที่ไม่สิ้นสุด Spring/Summer ปี 2016 ธีมโรมิโอกับจูเลียต ผมจำได้ว่าตอนออกแบบคุณรู้สึกเหมือนถูกกักขัง เพราะพ่อกับแม่จับได้ว่าคุณชื่นชอบการตัดเสื้อและยังมีรสนิยมที่พิเศษอย่างการสวมใส่เดรสสำหรับผู้หญิง เสื้อผ้าในคอลเลกชันนี้เลยเน้นแบบสบาย ๆ เหมาะกับการมิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงหรือกระโปรงยีน’ สิ้นข้อความแรกบีมก็ได้แต่นั่งอ่านด้วยรอยยิ้ม เพราะอีกฝ่ายไม่ได้พูดออกมาเพื่อเอาใจ ดังนั้นความใส่ใจของคุณนัทบีมจึงให้คะแนนเต็มร้อย เนื่องจากชื่อคอลเลกชันเหล่านี้บีมไม่เคยพูดให้อีกฝ่ายได้ยิน จึงมีเพียงหนทางเดียวที่ทราบได้คือการเปิดเว็บไซต์ของทางร้าน

‘อิสรภาพอันหอมหวาน Spring/Summer ปี 2017 ธีมนกนางแอ่น สื่อถึงอิสรภาพที่เหมือนกับภาพลวงตา เพราะตอนออกแบบคุณรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังต่อการเลือกสถาบันศึกษา เสื้อผ้าในคอลเลกชันนี้จึงดูหลากหลายสไตล์ ไม่ต่างกับความสับสนในจิตใจของคุณ’

ซึ่งการบ้านในข้อถัดมาที่คุณนัทวิเคราะห์ยังคงตรงใจของบีมเสมอ เพราะเสื้อผ้าคอลเลกชันนี้มีทั้งเดรสแขนยาวปกปิดมิดชิด และเดรสสั้นเลยหัวเข่าที่มีความผ่าลึกตรงบริเวณช่วงอก แต่กระนั้นผ้าลูกไม้ก็ยังเลือกใช้แบบซีทรูผสมกับผ้าลูกไม้แบบโครเชต์ที่มีความหนาแน่นของเส้นด้าย จึงทำให้การออกแบบคล้ายกับเต็มไปด้วยความเหนียมอาย เพราะบางชุดที่เป็นเกาะอกบีมจะเลือกใช้ผ้าลูกไม้ประเภท ‘GUIPURE LACE’ ห่มคลุมตรงบริเวณลาดไหล่

‘ไม่อาจลืมเลือน Spring/Summer ปี 2018 ธีมย้อนยุคสไตล์วินเทจ สื่อถึงทุกสิ่งที่คุณไขว่คว้ามาได้ล้วนเป็นความลับ เพราะคุณไม่อาจปฏิเสธความเป็นจริงได้ว่า ความสำเร็จเหล่านั้นพ่อกับแม่ไม่เคยให้การสนับสนุน เสื้อผ้าในคอลเลกชันนี้เลยถูกนำไปใช้ในละครย้อนยุคช่องหนึ่งที่อาจจะผ่านหูผ่านตาพ่อกับแม่ของคุณ’ สิ้นคำตอบของคุณนัท บีมได้แต่นั่งเท้าคางพลางยกยิ้มจนเห็นฟันเรียงตัวสวย เพราะนักธุรกิจอย่างคุณนัทพยายามหาข้อมูลจนรับรู้ว่าเสื้อผ้าคอลเลกชันนี้ถูกนำไปใช้ในกองละครย้อนยุค และในปีนั้นบีมจำได้ว่าเงินทองไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ซึ่งความดีความชอบล้วนเป็นของพี่มีน นางเอกละครเรื่องดังกล่าว

‘ทำการบ้านได้คะแนนเต็มแบบนี้ อยากได้รางวัลอะไรครับ’ บีมแกล้งส่งข้อความเป็นการหยอกเย้า แต่ถ้าหากอีกฝ่ายต้องการของรางวัลจริง ๆ ก็ไม่เกี่ยง

‘รางวัลเป็นแบบสะสมแต้ม แล้วคืนกำไรให้กับคนให้คะแนนได้หรือเปล่าครับ’ ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถามด้วยรูปประโยคที่ทำให้บีมยิ่งฉีกยิ้มกว้าง

‘ได้สิครับ’ บีมรีบพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ขณะที่คุณนัทก็รีบส่งข้อความกลับมาว่า ‘ถ้าหากผมเลือกสะสมแต้มด้วยการสั่งให้นายเอารูปนี้ตั้งเป็นวอลโฟนล่ะ’ สิ้นคำถามนั้นบีมใช้เวลานิ่งคิดสักพักใหญ่ เพราะรูปที่ถูกส่งมาคือรูปในวันที่ทั้งคู่เพลย์ในบทบาทสมมติของช่างภาพและนายแบบแนวเซ็กซี่ ซึ่งบีมในรูปนั้นถูกพันธนาการด้วยปลอกคอ ซ้ำยังต้องนิ่งค้างเรียวขาอยู่กลางอากาศด้วยการใช้ปลายเท้าคล้องเกี่ยวปลอกคออีกด้านหนึ่ง ขณะที่ฝ่ามือก็ต้องเล่นปลั๊กหางอันฟูฟ่องอย่างเพลิดเพลิน สีหน้าของบีมในเวลานั้นจึงดูเหมือนกับชายหนุ่มผู้กระสันในกามารมย์

‘น่าตื่นเต้นดีนะครับ แล้วผมต้องตั้งวอลโฟนรูปนี้กี่วันเหรอครับ’ บีมเอ่ยถามด้วยถ้อยคำแสนยั่วเย้า เพราะเข้าใจโดยนัยว่าอีกฝ่ายชักชวนให้ลองเพลย์ด้วยวิธีการใหม่ที่ครอบคลุมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน

‘จนกว่าผมจะส่งการบ้านข้อถัดไป’ คำตอบอันแสนเสียเปรียบจากนายท่านไม่ได้ทำให้บีมนึกอยากประท้วง แต่กลับเฝ้ารอว่ารูปถัดไปจะเป็นอย่างไร

‘ถ้าหากสะสมแต้มจนครบแล้ว นายท่านจะคืนกำไรให้ผมยังไงเหรอครับ’ บีมสอบถามอย่างละเอียด พร้อมคาดคะเนว่ากิจกรรมฆ่าเวลาในครั้งนี้ คงจะกินเวลาจนกว่าแม่จะกลับบ้าน

‘เช็คลิสต์สำหรับซีนต่อ ๆ ไป’ นายท่านส่งข้อความกลับมาเพียงสั้น ๆ พร้อมแนบเอกสารสำหรับตรวจเช็คความพึงพอใจว่าบีมชื่นชอบอุปกรณ์แบบไหน เช่น หน้ากาก ชุดหนัง กรง หรือแม้แต่สถานการณ์ที่น่าสนใจก็มีให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นการถูกทรมานตลอดเวลาแต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถึงฝั่งฝัน การถูกหยดด้วยน้ำตาเทียน การมีเซ็กส์นอกสถานที่ หรือแม้แต่การมัดแขวน

นับได้ว่านายท่านส่งมอบกำไรคืนสู่ซับอย่างบีมด้วยความสัตย์จริง บีมจึงไม่รอช้าที่จะตั้งวอลโฟนเป็นรูปอันแสนน่าอาย เพราะถึงอย่างไรบีมก็ยังมีโทรศัพท์สำหรับติดต่อเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวเครื่องหนึ่ง ส่วนอีกเครื่องหนึ่งมีไว้เพื่อการเพลย์โดยเฉพาะ

ดังนั้นบีมจึงไม่ต้องหวาดกลัวว่าแม่จะล่วงรู้ เพราะบีมไม่เคยหยิบโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวออกมาใช้งานต่อหน้าแม่เลยสักครั้ง มิหนำซ้ำห้องนอนของบีมยังลงกลอนตลอดเวลาจึงไม่มีสิ่งใดต้องกังวล
 
บีมเลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธผู้เป็นนาย


--------------------------✁


ตอนหน้ามาติดตามกันค่ะว่าจะเพลย์อะไรต่อ แต่คงไม่ได้เพลย์แบบจัดเต็มเหมือนที่ผ่านมา เพราะแม่ยังอยู่ แล้วก็เหลืออีกไม่กี่ตอนเราก็จะลงจนหมดสต๊อกแล้วค่ะ ถ้าหมดเมื่อไหร่อาจจะอัพไม่ได้ทุกวัน ตอนนี้เลยได้แต่รอลงให้หมดก่อนค่อยเริ่มเขียนตอนใหม่ เพราะอยากให้อารมณ์มันต่อเนื่องกัน

ปล. ขอบคุณทุกคนที่ยังคงติดตามเรื่องนี้นะคะ แล้วก็ขอบคุณคนที่เข้ามาเล่นแท็กด้วยค่ะ 555 แท็กไม่เหงาแล้ว
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 15 (update 08/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-12-2019 23:06:47
ตื่นเต้นกลัวแม่จะรู้มากค่ะ แบบทุกวินาทีกลัวแม่จะโผล่มา โอ้ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 15 (update 08/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-12-2019 12:47:10
ชอบๆๆๆๆ ละมุนๆผสมความตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 16 (update 09/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 09-12-2019 20:52:56
ตอน 16

กระทั่งการประชุมคอนเซ็ปต์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี บีมก็ง่วนอยู่กับการสเก็ตช์ภาพอันเป็นขั้นตอนถัดไปสำหรับการออกแบบเสื้อผ้า เพราะส่วนสำคัญของขั้นตอนนี้จะส่งผลกับการทำแพทเทิร์นเพื่อตัวอย่างแรกที่ไม่ต้องใช้เนื้อผ้าราคาแพง เพราะจุดประสงค์คือการลองผิดลองถูกเรื่องการตัดเย็บ

“อาหารมาส่งแล้วครับ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยพร้อมเคาะประตูกระจกห้องทำงานทีหนึ่ง เจ้าของห้องเสื้ออิสระจึงเงยหน้ามองไปยังต้นเสียงแล้วส่งยิ้มให้ จากนั้นสายตาก็เหลือบมองไปยังนาฬิกาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง บีมจึงรีบจัดเก็บเล่มสเก็ตช์ ดินสอ และสีอย่างรวดเร็ว

“ราวีโอลี กับเชือก” บีมแหวกถุงบรรจุมื้อกลางวันที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเอนพิงพนักเก้าอี้พร้อมกอดอกมองไปยังบุคคลตรงหน้าราวกับต้องการถามไถ่

“ในเช็คลิสต์ของคุณระบุไว้” ชายหนุ่มเจ้าของห้างสรรพสินค้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ขณะเท้าคางลงบนโต๊ะทำงานของผู้ถาม ซ้ำยังใช้สายตาแกมเจ้าเล่ห์จ้องมองมาอย่างเปิดเผย

“คุณก็เลยอยากทยอยคืนกำไรให้ผม ?” บีมย้อนถามไปอย่างนั้น เพราะอันที่จริงคำตอบก็อยู่ที่ ‘เชือก’ สีดำสนิทมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งบีมยังความจำดีมาก เลยพอจะทราบว่าตนเองเคยเลือกหัวข้อมัดเชือกในที่สาธารณะ

“หากคุณยินยอมรับผลประโยชน์ในครั้งนี้..” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความเนิบช้า คล้ายกับอยากจะถ่วงเวลาให้บีมได้รอลุ้น และยังลดทอนเวลาในการทานมื้อกลางวันไปในตัว

“คุณกับผมจะมีเวลาทานราวีโอลีครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น” สุ้มเสียงของคุณนัทยังคงเนิบนาบ เพียงแต่ทันทีที่เอ่ยบอกเวลาอันแสนจำกัด คนตรงหน้ากลับโคลงศีรษะเพียงเล็กน้อย แต่ทว่ากลับส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดูน่าเกรงขาม

“ตรงนี้.. หรือว่าห้องน้ำดีครับนายท่าน” เจ้าของห้องเสื้อใช้เวลาครุ่นคิดเพียงครู่ จึงเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดเหนียมอาย เพราะการเพลย์ในลักษณะดังกล่าวคือสิ่งที่บีมหลงใหลและรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สัมผัส

“เด็กดีผู้ไร้ยางอายอย่างนาย น่าจะชอบถอดเสื้อผ้าตรงนี้ แล้วคลานเหมือนลูกหมาที่น่าเอ็นดูไปรอผมที่หน้าประตูห้องน้ำ” น้ำเสียงของนายท่านยังคงทุ้มนุ่มอีกทั้งใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าถ้อยคำที่พูดออกมาล้วนเต็มไปด้วยความร้ายกาจ และมันก็ทำให้บีมจิตนาการตามคำพูดได้อย่างชัดแจ้ง ความรู้สึกจึงเริ่มพลุ่งพล่าน

“ค่อย ๆ ถอดทีละชิ้นล่ะ ผมจะได้จ้องมองร่างกายโสมมของนายได้เต็มตา อ้อ.. แต่ประตูห้องทำงานของนายเป็นกระจกใส มีแค่ผ้าลูกไม้ขวางกั้น หากคนนอกมองเข้ามาในนี้ คงจะเห็นเจ้าของห้องเสื้อกำลังทำตัวน่าสมเพชจนอยากจะกลั้วหัวเราะ” นายท่านกล่าวอย่างไม่ได้เร่งเร้า ซ้ำยังลุกเดินไปที่ปากประตูห้องทำงานพร้อมสอดส่ายสายตาเพียงครู่ จากนั้นจึงกดล็อกอย่างแน่นหนาพลางยืนกอดอกพิงมันไว้ ส่งผลให้บีมยิ่งลุ้นระทึก เพราะจากมุมที่บีมยืนอยู่ไม่อาจมองเห็นเรื่องราวภายนอก

“ผมเห็นพนักงานในความดูแลของนาย..” นายท่านขยับตัวหันข้างพร้อมมองออกไปยังบริเวณสโตร์ แต่กระนั้นบีมก็รับรู้ได้ว่าสายตาของอีกฝ่ายยังคงเหลือบมองเรือนร่างที่กำลังปลดรั้งอาภรณ์ออกทีละชิ้น

“ดูเหมือนจะเดินมาทางนี้..” สิ้นคำพูดนั้นแววตาระยิบระยับของนายท่านก็มองสบกับฝ่ายซับอย่างแน่วแน่ ขณะที่บีมได้แต่บังคับจังหวะการหายใจให้เป็นปกติ แต่ทว่าก็ไม่อาจเป็นไปตามหวัง เพราะบีมกำลังตื่นเต้นเมื่อเวลานี้กางเกงสแลคสีดำถูกปลดเปลื้องพร้อมกับอันเดอร์แวร์สีขาวบริสุทธิ์

“พวกเขามากันสองคน แถมยังซุบซิบอะไรกันไม่หยุด ถ้าให้ผมเดาคงเป็นเพราะพวกเขารู้อะไรดี ๆ เกี่ยวกับนายเลยอยากจะพิสูจน์ พอพวกเขาสบตากับผมก็เริ่มทำตัวเลิ่กลั่ก คงเพราะอยากจะรู้จนเต็มแก่ว่าเจ้าของห้องเสื้อเป็นพวกชอบมีอารมณ์ในที่สาธารณะจริงหรือเปล่า” ผู้เป็นดอมเอื้อนเอ่ยด้วยจังหวะเนิบช้าพร้อมยืนพิงประตูจ้องมองร่างเพรียวที่กำลังคลานสี่ขาเหมือนลูกหมาตัวเชื่อง ๆ มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำอันคับแคบที่อยู่ภายในห้องทำงาน ขณะเดียวกันบีมก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ช่องทางด้านหลังจึงหดเกร็งเป็นระยะ ราวกับจะส่งสัญญาณให้นายท่านทราบว่า การเพลย์อันแสนเรียบง่ายกำลังสร้างความพึงพอใจให้กับบีมอย่างมากล้น

“ดีมาก” กระทั่งบีมคืบคลานเข้ามานั่งในท่าเบญจางคประดิษฐ์ตรงบริเวณหน้าห้องน้ำ พร้อมวางฝ่ามือลงบนหน้าขาอย่างเรียบร้อย นายท่านจึงเอ่ยคำเชยชมก่อนจะวางฝ่ามือลงบนศีรษะ ราวกับมอบรางวัลให้แก่สัตว์เลี้ยง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้บีมรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเหลือประมาณ แต่กระนั้นก็เป็นความสุขใจที่พร้อมจะโอบกอดมันไว้

“หากนายเริ่มชาตรงส่วนไหนให้รีบบอกสีแดง” นายท่านกำชับพลางแก้มัดเชือกปอกระเจาที่ให้ความรู้สึกหยาบกร้าน แต่ไม่ระคายผิวอย่างใจเย็น ราวกับต้องการจะกลั่นแกล้งให้บีมหลงเหลือเวลาทานมื้อกลางวันให้น้อยที่สุด

“รับทราบ ?” เมื่อบีมยังคงนั่งเงียบเป็นหมาซื่อบื้อ นายท่านจึงเริ่มถามย้ำ  ซ้ำยังเลิกคิ้วข้างหนึ่งด้วยท่วงท่าน่ามอง

“รับทราบครับนายท่าน” สิ้นคำกล่าวนั้นเกลียวเชือกสีรัตติกาลก็แต่งแต้มอยู่บนผิวกายของบีมอย่างชำนาญ เนื่องจากนายท่านผ่านการฝึกฝนตามคอร์สต่าง ๆ เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเข้าใจสรีระทางร่างกายของบีมทุกสัดส่วน ความเจ็บปวดจึงไม่อาจกล้ำกราย เพราะสัมผัสนุ่มลื่นของตัวเชือกก็ไม่ต่างกับความเอาใจใส่ของนายท่านที่บรรจงถักทอจนทั่วร่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนอ่อนไหวอันโดดเด่น ความวาบหวามจึงเข้ามาทักทายอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นนายท่านก็ทำแค่เพียงส่งอาภรณ์คืนกลับมา ก่อนจะผละจากไปด้วยสัมผัสแผ่วหวิวบริเวณศีรษะ คล้ายกับมอบคำชื่นชมให้แก่ผู้เป็นทาส



“หลังเลิกงานหมดโปรโมชั่นนะครับ” ทันทีที่บีมเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เหมาะสมกับการเป็นดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้ออิสระ คุณนัทที่กำลังเปิดฝากล่องอาหารพร้อมรินน้ำดื่มใส่แก้วเตรียมไว้ให้ก็เอื้อนเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่หากไม่สังเกตคงไม่รู้

“เหลือเวลาทานมื้อกลางวันมากกว่าที่คิดอีกนะครับ” บีมกล่าวพลางก้าวเดินอย่างกระมิดกระเมี้ยน เพราะความหวามไหวยังคงติดตรึงอยู่ในใจ เนื่องจากการถูกพันธนาการถือเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้บีมรับรู้ได้ว่าตนกำลังถูกควบคุม

“ศุกรนี้จะมีงานมันช์นะครับ” หลังจากนั่งทานราวีโอลีได้สักพัก คุณนัทก็เริ่มเปิดประเด็นใหม่

“มันคืองานอะไรเหรอครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะคำว่า ‘Munch’ ในความคิดของบีมมันแปลว่าเคี้ยว จึงไม่อาจตีความได้ว่างานมันช์สำหรับ BDSM จะออกมาในรูปแบบไหน

“เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อให้กลุ่มคนที่มีรสนิยมแบบ BDSM ได้มาพบปะกันครับ ส่วนใหญ่งานจะจัดที่ร้านอาหาร ผับ หรือไม่ก็บาร์ที่มีบรรยากาศสบาย ๆ และยังเป็นงานที่อาจจะทำให้ได้พบกับคู่ของตัวเอง หรือเพื่อนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน ที่สำคัญงานนี้จะทำให้คุณมีโอกาสได้รับการพิจารณาจากผู้จัดปาร์ตี้ว่าคุณมีความประพฤติที่เหมาะสมหรือเปล่า เรียกง่าย ๆ ว่าผู้จัดปาร์ตี้จะทำความรู้จักกับคุณก่อนจะเข้าร่วมปาร์ตี้ครับ เพราะงานที่ผมอยากพาคุณไปเป็นงานเพลย์ปาร์ตี้แบบปิด” คุณนัทตอบคำถามได้อย่างครอบคลุม อาจเพราะอีกฝ่ายเคยไปร่วมงานมาหลายครั้งแล้ว

“คุณจะพาผมไป ?” บีมย้อนถามเป็นการหยั่งเชิง

“แน่นอนสิครับ” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอื้อนเอ่ยด้วยท่าทีแสนสบาย ราวกับหน้าที่สารถีประจำตัวของเจ้าของห้องเสื้อคือเรื่องที่เขาเต็มใจ


ทันทีที่มื้อกลางวันผ่านพ้นไป บีมก็ง่วนอยู่กับการสเก็ตช์ภาพอย่างขะมักขะเม่น ร่างกายจึงเริ่มต้องการของหวาน พอลุกขึ้นยืนกลับนึกได้ว่าตนเองถูกพันธนาการไว้ ความคิดจึงเริ่มเตลิดเพราะการเดินไปซื้อเครื่องดื่มเพื่อการผ่อนคลายในครั้งนี้ ดูจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากกว่าครั้งไหน

เนื่องจากเสื้อเชิ้ตที่บีมสวมใส่คือเสื้อสีขาวบริสุทธิ์ แต่ทว่าเกลียวเชือกอันนุ่มลื่นกลับถูกย้อมด้วยสีดำ คนรอบข้างจึงสามารถคาดคะเนความหน้าไม่อายของบีมได้ แต่กระนั้นบีมก็ไม่คิดลังเลที่จะเดินออกจากเซฟโซนของตัวเอง

“แม่..” บีมอุทานด้วยความแผ่วเบา ทันทีที่เห็นผู้เป็นแม่ยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่ในมุมสำหรับผู้ชาย ใจของบีมจึงล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะเสื้อเชิ้ตตัวที่ท่านให้ความสนใจ เป็นแบบเดียวกับที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นคอลเลกชันใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะวางขาย

ลมหายใจของบีมจึงเริ่มติดขัด เพราะดูเหมือนแม่จะมองหาพนักงานขายราวกับต้องการจะสอบถาม บีมจึงรีบย่อตัวลงเพื่อใช้ราวแขวนเป็นที่ซ่อนกาย ขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างกลับบีบเข้าหากันอย่างกังวลใจ เพราะบีมไม่แน่ใจว่าแม่อยากจะทราบชื่อเสียงเรียงนามของผู้ออกแบบ หรือตั้งใจจะซื้อไปให้บีมสวมใส่ เนื่องจากมันก็มีความเป็นไปได้ว่า เสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายอยู่ในตู้ แม่อาจจะแค่มองเลยผ่านจึงไม่ได้จดจำเอกลักษณ์ของมัน

ไม่นานน้องบีพนักงานขายก็เดินเข้าไปหา จากนั้นจึงผละจากไปและกลับมาพร้อมกับสมุดรวบรวมคอลเลกชันสำหรับผู้ชาย เวลานี้ลมหายใจของบีมจึงคล้ายกับหยุดการทำงานไปนานแล้ว เพราะแม่บรรจงเปิดสมุดเล่มนั้นอย่างละเมียดละไม คล้ายกับต้องการเก็บรายละเอียดเพื่อพิจารณา


“ลูกค้าคนเมื่อครู่ซื้ออะไรไปเหรอน้องบี” ทันทีที่แม่ตกลงปลงใจซื้อเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ของบีมจนเสร็จสิ้น บีมก็รีบเดินออกจากที่ซ่อนเพื่อสอบถามพนักงานขายด้วยความรีบร้อน แต่ทว่าเกลียวเชือกที่พันธนาการร่างกายกลับสำแดงฤทธิ์ ความหวามไหวจึงแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กายสีหน้าของบีมจึงไม่สู้ดีนัก อีกทั้งเม็ดเหงื่อยังผุดผาด ราวกับอยากจะประกาศศักดาให้ทุกฝ่ายทราบว่า บีมเป็นคนหน้าไม่อายอย่างที่นายท่านเคยปรามาส

“เสื้อเชิ้ตแบบผ้าคอตตอนค่ะ” สิ้นคำตอบของน้องบี เจ้าของห้องเสื้อจึงได้แต่พยักหน้ารับ ขณะที่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวลจนเต็มเปี่ยม เพราะการที่แม่เปิดสมุดภาพที่รวบรวมคอลเลกชันทั้งหมดสำหรับผู้ชาย ดูมีอะไรมากกว่าการซื้อเสื้อเชิ้ตธรรมดาสักหนึ่งตัว

“คุณบีมไม่สบายหรือเปล่าคะ ให้หนูไปซื้อยาดีไหมคะ” น้องบีเอ่ยถามด้วยความใส่ใจ บีมจึงรีบโบกมือพร้อมส่ายหัว ก่อนจะพยายามเดินให้เป็นปกติกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง แต่ทว่าอารมณ์วาบหวามกลับเล่นงานจนบีมไม่เป็นอันทำอะไร เพราะในหัวเริ่มเตลิดไกลด้วยความตื่นเต้นและกังวลว่าน้องบีจะมองเห็นเกลียวเชือกอันโดดเด่น ความรู้สึกในส่วนลึกจึงยิ่งพลุ่งพล่าน ฝ่ามืออันสั่นเทาจึงสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏรูปของตนเองในท่วงท่าสุดเซ็กซี่ ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งให้กับนายท่าน เพื่อร้องขอให้ตนเองปลดปล่อย แต่ทว่ากลับไม่ได้รับอนุญาต

บีมจึงได้แต่นั่งนับเวลาแต่ละวินาทีด้วยความกระวนกระวาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าบีมจะไม่ชอบที่ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นคุณนัทถึงได้ทำตัวเป็นนายท่านผู้แสนเฉียบขาด เพราะการเพลย์ล้วนขึ้นอยู่กับความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งคุณนัทถือเป็นดอมที่มีความเอาใจใส่ เพราะอีกฝ่ายมักจะคอยสังเกตว่าบีมรับการเพลย์ในแต่ละครั้งได้มากแค่ไหน แต่ขณะเดียวกันคุณนัทก็มีความเข้มงวดตามแบบฉบับของชายผู้ชื่นชอบการสอนสั่ง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยวาจาแสบทรวงที่ชวนให้อารมณ์ปั่นป่วน

ฉะนั้นบีมจึงกล้ามอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับคุณนัท และยอมรับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างมีความสุข แม้ว่าบีมจะชื่นชอบการถูกตีแรง ๆ จนฝากฝังร่องรอยสีแดงสดของความบอบช้ำ ขณะที่คุณนัทกลับรู้สึกว่าการตบตีจนถึงขั้นนั้นไม่ใช่เรื่องถูกต้อง จึงคิดอยากจะลดระดับความรุนแรง บีมก็เข้าใจดี เพราะคนที่มีรสนิยมแบบ BDSM ค่อนข้างหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องชอบความรุนแรงเสมอไป จึงเห็นได้ชัดว่าบีมกับคุณนัทไม่ชอบการเพลย์ที่ทำให้เกิดอาการเลือดตกยางออกรวมไปถึงอุจาระและปัสสาวะ แต่ขณะเดียวกันการเพลย์ในลักษณะนี้ก็อาจจะเป็นที่หลงใหลของใครอีกหลายคน เพราะเรื่องของรสนิยมก็ไม่ต่างกับการเลือกกินอาหารที่บางคนไม่ชอบเผ็ดหรือบางคนก็ชอบเปรี้ยว


เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูกระจก บีมจึงวางมือจากการทำงาน เพราะการมาถึงของคุณนัทถือเป็นเวลาเลิกงานที่พอเหมาะ และมันก็ทำให้บีมมีเวลาทำกิจกรรมส่วนตัวที่บ้าน โดยไม่ต้องรบกวนช่วงเวลาการพักผ่อนอันแสนมีค่า

“นายดูสิ ตอนนี้นายกำลังถูกครอบงำด้วยความต้องการจนน่าหลงใหลมากแค่ไหน ถ้าหากผมได้เห็นภาพตรงหน้านี้คนเดียวคงเสียดายแย่” นายท่านเอื้อนเอ่ยขณะปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายของบีม ทันทีที่เดินมายังกระจกเงาที่แอบซ่อนตัวอยู่ตรงม้วนผ้าลูกไม้หลากชนิดที่วางเรียงรายเพื่อกางกั้นอาณาเขตส่วนตัวกับบริเวณสโตร์

“เด็กดี.. ผมขอเก็บภาพนายเข้าคลังสะสมได้หรือเปล่า” นายท่านประคองใบหน้าของฝ่ายซับให้เชิดขึ้น เมื่อบีมเอาแต่หลบสายตาด้วยความเก้อเขิน จากนั้นดวงตาคมกริบจึงกวาดมองเกลียวเชือกที่ถูกถักทอเป็นรูปสามเหลี่ยม ตั้งแต่แผงอกไปจนถึงส่วนอ่อนไหวอันโดดเด่น ชายหนุ่มผู้เป็นฝ่ายควบคุมจึงอดจะทักทายความคับแน่นด้วยการตบตีเพียงเบา ๆ ไม่ได้

“อ๊ะ..ค..ครับ” บีมหลุดเสียงครวญครางด้วยความวาบหวามพร้อมกับสะดุ้งจนสุดตัว ขณะที่ผู้เป็นนายกลับใช้แววตาแห่งความสนุกสนานจ้องมองปฏิกิริยาของบีมผ่านกระจกเงา

“ตรงนี้ของนายดูเหมือนจะรอไม่ไหวแล้วนะ แต่ยังไงก็ต้องรอให้ผมเก็บภาพก่อน อย่าเพิ่งปลดปล่อยล่ะ” นายท่านกระซิบเสียงแผ่วซ้ำยังเล็มเลียใบหูด้วยสัมผัสชวนสยิว ขนอ่อนของบีมจึงลุกชันอย่างไม่ทันตั้งตัว ลมหายใจเริ่มติดขัดอย่างทุกข์ทรมาน แต่กระนั้นก็เป็นความทรมานที่แสนสุขสม เพราะบีมชื่นชอบช่วงเวลาแห่งการเล้าโลมมากที่สุด ซึ่งเจ้านายก็ทราบเป็นอย่างดี ฝ่ามืออุ่นร้อนจึงปรนเปรอช่วงล่างด้วยความเมตตา

“ถ่ายดี ๆ อย่าให้ภาพสั่น” แต่ดูเหมือนความใจดีของนายท่านคงไม่คู่ควรกับทาสอย่างบีม อีกฝ่ายจึงเอื้อนเอ่ยเช่นนั้นพลางส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ แต่ทว่าคำสั่งอันเรียบง่ายช่างดำเนินการได้ยากเย็น เพราะฝ่ามืออุ่นร้อนกำลังซุกซนอย่างไม่อาจห้ามปราม

“อึก..อ๊า..” บีมเปล่งเสียงด้วยความหวามไหว ขณะที่การเก็บภาพสะท้อนบนกระจกเงาก็เป็นไปตามคำเตือนของผู้เป็นนาย เพราะรูปที่ควรจะชัดแจ้งกลับสั่นไหวไปตามความรู้สึกของผู้ถ่าย

“เด็กดี ถ้านายไม่ตั้งใจถ่าย พนักงานของนายก็อาจจะเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่ผมอยากจะแบ่งปันจนช่วยไลฟ์สดลงโซเชียล ทีนี้นายคงได้กลายเป็นดาวเด่นเพียงข้ามคืน” นายท่านกระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า พร้อมเป่าลมบริเวณข้างใบหูจนเนื้อตัวของบีมสั่นพร่า ขณะที่ช่วงล่างกำลังฉ่ำเยิ้มจากคำพูดปลุกปั่นจนใกล้จะปลดปล่อยเต็มที แต่ทว่าก็ไม่อาจทำได้ถ้ายังทำภารกิจไม่สำเร็จ

“เก่งมาก แต่คนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นและท้าทายอย่างนาย รีบเสร็จตอนนี้จะถึงใจเหรอ ?” เมื่อภาพถ่ายฝีมือของบีมเสร็จสมบูรณ์ พันธนาการอันแสนคุ้นเคยก็ถูกปลดเปลื้องอย่างนุ่มนวลทีละขั้นตอน จนหลงเหลือเพียงปมเชือกที่คล้องเกี่ยวบริเวณลำคอ แต่ทว่าในจังหวะที่บีมกำลังจะปลดปล่อย เจ้านายกลับกระตุกเชือกสีดำสนิทที่ยังคงอ้อมผ่านช่องทางด้านหลัง

“อ๊า” บีมได้แต่ร้องเสียงหลงพร้อมเขย่งปลายเท้าด้วยความเสียวซ่าน เมื่อเกลียวเชือกเสียดสีบริเวณช่องทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ความอ่อนไหวจึงล้นปริ่มและพร่างพรมลงสู่เบื้องล่าง

“อะไรกัน.. เสร็จเร็วแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลย หรือว่าอันที่จริงนายอยากโดนพนักงานในความดูแลแอบมาไลฟ์สดเวลาที่เราเพลย์กัน เลยวางแผนทิ้งหลักฐานตรงมุมลับตาคนแบบนี้” นายท่านเอ่ยถามพลางใช้เท้าเตะเรียวขาจนทรุดลงตรงความน่าอายกองหนึ่ง

“ม..ไม่ใช่นะครับ” บีมรีบส่ายหัวปฏิเสธทันควัน

“ปากตอบว่าไม่ใช่ แต่ตรงนี้ของนายกลับแสดงออกตรงกันข้ามเลยนะ” นายท่านกล่าวพลางสอดปลายเท้าเข้ามายังกลางหว่างขา ก่อนจะออกแรงสัมผัสเพียงเบา ๆ แต่กระนั้นมันกลับทำให้ส่วนอ่อนไหวพร่างพรมมากกว่าเดิม บีมจึงได้แต่เม้มปากแน่น ขณะพยายามอดกลั้นไม่ให้ตนเองปลดปล่อย ซึ่งมันก็ยากเต็มที

“แต่เอาล่ะ ผมจะลองเชื่อนายดูสักครั้ง เพราะฉะนั้นเลียรองเท้าผมให้สะอาด” นายท่านกล่าวพลางยกปลายเท้าให้อยู่ในระดับสายตาของคนเบื้องล่าง

“ครับนายท่าน” บีมรับปากอย่างรวดเร็วพลางก้มหน้าเล็มเลียของเหลวสีขาวขุ่นบนรองเท้าหนังสีดำมันปราบของเจ้านาย ก่อนจะค่อย ๆ นั่งคุดคู้โอ้อวดช่องทางด้านหลังให้กับใครสักคนที่อาจจะเข้ามาเยือนห้องทำงาน เพราะเวลานี้นายท่านกำลังวางปลายเท้าลงบนพื้นอย่างมั่นคง

“ร..เรียบร้อยแล้วครับ” บีมเงยหน้ามองอีกฝ่ายพลางเม้มริมฝีปากราวกับรอคอยคำสั่ง ขณะนึกถึงรสชาติอันฝืดเฝื่อนที่คงจะผสมฝุ่นละอองตามรายทาง แต่กระนั้นบีมก็ไม่นึกรังเกียจ เพราะการได้ทำความสะอาดรองเท้าของเจ้านาย เกิดจากความเมตตาอันใหญ่หลวง

“ข้างหน้านายด้วย” นายท่านกล่าวพลางพยักพเยิดบอกตำแหน่ง ก่อนจะเดินอ้อมไปยังด้านหลังของทาสผู้แสนเชื่อฟัง พร้อมกระตุกรั้งเกลียวเชือกอย่างหยอกเย้า ส่งผลให้ความหยาบกระด้างเสียดสีช่องทางด้านหลังด้วยความคุ้นชิน

“อะ..อ๊า” บีมได้แต่ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดสภาพ เพราะไม่อาจทานทนต่อการกระตุ้นเร้าได้อีกต่อไป

“ชอบใช่ไหมล่ะ ?” นายท่านเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ พลางกระตุกเกลียวเชือกราวกับค้นพบของเล่นชิ้นใหม่

“อะ..อา..ผ..ผม..อื้อ” บีมได้แต่บิดเร้าไปมาพลางพูดไม่ได้ศัพท์ แต่ทว่าท่วงท่าอันถูกครอบงำด้วยกามารมย์ กลับทำให้ผู้เป็นดอมรู้สึกสุขสมความคับแน่นจึงเริ่มทวีคูณจนโดดเด่น

“ผมอะไร พูดให้ดัง ๆ” นายท่านลดตัวลงมากระซิบข้างใบหู พลางลูบไล้เรือนผมราวกับเอ็นดูนักหนา แต่ทว่าฝ่ามือกลับกระทำการปลุกปั่นด้วยเกลียวเชือกไม่หยุดหย่อน

“ผ..ผม..ส..เสียว” บีมเอื้อนเอ่ยพลางหอบหายใจถี่กระชั้นพร้อมบิดเร้ากายด้วยความหวามไหว ช่วงล่างจึงฉ่ำเยิ้มก่อนจะพุ่งทะยานอย่างไร้ขอบเขต แต่กระนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ เพราะบีมสั่งสมความต้องการมานานแล้ว

“งั้นเหรอ..” นายท่านอุทานด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ ขณะที่มุมปากกลับแสยะยิ้มจนบีมรู้สึกหวั่นเกรงอย่างบอกไม่ถูก แววตาสั่นระริกจึงเสหลบอย่างพ่ายแพ้

“คลานตามผมมาแล้วก็ทำความสะอาดพื้นให้เกลี้ยง” นายท่านลุกขึ้นยืนพลางสั่งการด้วยความเฉียบขาด จากนั้นจึงลากรั้งเกลียวเชือกที่คล้องเกี่ยวทาสในอาณัติราวกับนักโทษ

“อ๊ะ..อ๊า..” บีมได้แต่หลับตาพริ้ม พลางดิ้นพล่านด้วยความทรมาน แต่กระนั้นก็ไม่กล้าปลดปล่อยเพราะหวาดกลัวว่าจะยิ่งเลอะเทอะ และเจ้านายจะไม่พอใจ

“ทำไมยังไม่คลานตามผมมาอีก!” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด พลางละทิ้งเกลียวเชือกอย่างไม่แยแส เพื่อมุ่งตรงไปยังห้องน้ำอันแสนคับแคบ บีมจึงได้แต่ก้มหน้าคลานตามอีกฝ่ายอย่างลนลาน เมื่อภาพลักษณ์ของนายท่านกำลังสร้างความเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่กระนั้นก็ไม่หลงลืมที่จะใช้เรือนร่างทำความสะอาดพื้นตามคำสั่ง

“นอนลง” เมื่อเดินเข้ามายังห้องน้ำอันเล็กแคบ นายท่านก็เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบบนโถสุขภัณฑ์ด้วยท่วงท่าอันสูงส่ง บีมที่ล้มตัวลงนอนอยู่ตรงแทบเท้าจึงยิ่งรู้สึกต่ำต้อยราวกับเป็นเศษฝุ่นใต้ฝ่าเท้าของอีกฝ่าย แต่กระนั้นบีมก็ยินยอมที่จะเป็นฝุ่นละอองดวงเล็ก ๆ ที่ได้รับความเหลียวแลจากนายท่าน

“ตอนนี้ผมอนุญาตให้นายเสร็จ รู้ไหมเพราะอะไร” นายท่านกล่าวพลางโน้มตัวลงตั้งศอกทั้งสองข้างบนหน้าขา เพื่อให้จ้องมองฝ่ายซับที่กำลังหอบหายใจด้วยความกระสันได้ถนัดตา

“พ..เพราะอะไรครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัยพลางกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว อาจเพราะบีมยังคงอดกลั้นต่อการปลดปล่อย แต่ทว่าปลายเท้าของเจ้านายกลับค่อย ๆ แยกเรียวขาของบีมจนอ้ากว้าง ความคับแน่นอันโดดเด่นจึงอวดโฉมสู่สายตาพราวระยับของผู้เป็นนาย

“เพราะนายมันน่าสงสารจนผมรู้สึกเห็นใจ ขอบคุณความเมตตาของผมสิ” นายท่านกล่าวพลางใช้รองเท้าปรนเปรอความอ่อนไหวให้พุ่งทะยานสู่ฝั่งฝันด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น

“ข..ขอบ..อา..คุณครับ..อ๊า” บีมบิดเร้ากายด้วยความสุขสมก่อนจะเปล่งเสียงด้วยความหวามไหว แต่ทว่าในความรู้สึกของผู้เป็นดอมกลับไพเราะอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันกระตุ้นเร้าให้นัทเอื้อมแตะฝั่งฝันอย่างรวดเร็ว ขณะที่บีมได้แต่นอนหอบหายใจด้วยความอ่อนล้า นัทจึงเป็นฝ่ายรั้งกายของคนรักเข้าสู่อ้อมกอด เพื่อทำหน้าที่อาฟเตอร์แคร์ในความเงียบงัน

“ผมขอดูรูปที่ถ่ายเมื่อสักครู่หน่อยสิครับ” บีมกล่าวพลางแบมือไปทางด้านข้าง ฝ่ายเจ้าของโทรศัพท์ก็ไม่คิดอิดออด เวลานี้บีมจึงได้แต่มองจ้อง ‘รูปคู่’ รูปแรก

“ทำไมรูปคู่รูปแรกถึงกลายเป็นรูปแบบนี้ไปซะได้” สิ้นการทอดถอนใจ บีมจึงเอื้อนเอ่ยด้วยความขบขัน

“ถ้าอย่างนั้นผมชดเชยด้วยการอนุญาตให้คุณถ่ายติดแผ่นหลังของผมในระหว่างที่เรากำลังเดินกลับที่พักด้วยกันดีไหมครับ เราสองคนจะได้ตั้งเป็นวอลโฟนเครื่องที่ใช้ติดต่องานหรือธุระส่วนตัวคู่กัน” ทันทีที่คุณนัทยื่นข้อเสนอที่คู่รักทั่วไปนิยมทำ บีมก็ได้แต่ยกยิ้มด้วยความถูกใจ เพราะบีมก็อยากจะมีรูปคู่กับคนรักสักรูป และจากการวิเคราะห์มุมมองภาพ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายต้องการให้ถ่ายเซลฟี่รูปหน้าของตัวเองโดยติดแผ่นหลังของใครอีกคน

เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่คุณแม่ยังคงพักอยู่ที่นี่ บีมมักจะเดินกลับเพนท์เฮ้าส์ทางฝั่งซ้ายของทางเชื่อมที่มุ่งตรงสู่ที่พัก ส่วนคุณนัทมักจะเดินอยู่ทางฝั่งขวาในเส้นทางเดียวกัน ดังนั้นรูปคู่ในครั้งนี้จึงไม่มีอะไรชวนให้ผิดสังเกต

เพราะมันก็ไม่ต่างกับรูปที่บังเอิญถ่ายติดบุคคลแปลกหน้า

--------------------------✁


[1] ราวีโอลี (ravioli) คือพาสต้าชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแป้งแผ่นบางประกบกัน ห่อไส้ข้างในแบบเดียวกับเกี๊ยวของประเทศจีน ในส่วนของไส้จะเป็น เนื้อ ไก่ ปลา หรือเนยก็ได้ แต่ต้นตำหรับจะใช้เนยรีคอตตาขูดผสมกับผักโขมหรือผักกาด และอาจจะผสมมันบด เห็ด ฟักทอง เกาลัด หรืออาร์ทิโชกก็ได้
https://imgur.com/3FHus0h

บทความที่เกี่ยวข้อง

- งานมันช์ http://bit.ly/345zlqG

ตอนแรกว่าจะไม่จัดเต็ม แต่แก้ไปแก้มาก็จัดเต็มอีกแล้ว 555 ส่วนคุณแม่นั้นนน กำลังจับผิดจริงหรือไม่โปรดติดตามจ้า จริง ๆ ก่อนลงตอนนี้เราคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายตลบ ว่าบีมควรจะเพลย์ในระหว่างที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกแม่พบเห็นดีมั้ย แต่พอเราลองปรึกษาคนที่เคยให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อมูลก็เลยตัดสินใจไม่แก้อะไร เพราะการที่บีมชื่นชอบที่จะเพลย์ด้วยวิธีต่าง ๆ ในที่สาธารณะและชื่นชอบความตื่นเต้น เวลาแบบนี้ยิ่งถือว่าเป็นการท้าทายค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรจนสุดโต่ง เพราะทั้งสองคนยังคงเพลย์อยู่ภายใต้เซฟโซนของบีม เราถือว่ามีความระมัดระวังที่สูงมาก ส่วนฉากเพลย์ต่าง ๆ เราพยายามจะเขียนความรู้สึกของฝ่ายซับออกไปให้มากที่สุด อย่างเช่นการเลียรองเท้าหรือการพันธนาการด้วยเชือก นั่นก็คือความรู้สึกที่เหมือนกับฝ่ายซับได้รับความรัก ความเมตตาน่ะค่ะ ในความคิดของเราเหตุผลตรงนี้อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้การเพลย์ในรูปแบบ BDSM ดูน่าหลงใหล เพราะมันมีความรู้สึกต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากความใคร่เข้ามาเกี่ยวข้อง
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 16 (update 09/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 10-12-2019 00:55:10
คุณนัทเจนเทิลแมนมากจริงๆ ทับจัยย 555 รอจับตาดูคุณแม่เลยค่ะตอนนี้ ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 17 (update 11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 11-12-2019 00:25:53
ตอน 17


บีมทราบดีว่าตนเองเป็นคนจริงจังกับการทำงาน อาจเพราะเป้าหมายไม่ใช่เพียงความสำเร็จ แต่ยังเป็นการได้รับการยอมรับจากครอบครัว ดังนั้นหากขั้นตอนไหนที่สามารถลงมือกระทำนอกเหนือเวลางานได้ บีมมักจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

แต่ในค่ำคืนนี้ดูเหมือนว่าความตั้งใจเดิมจะถูกลดทอนไป เพราะแม่บอกว่าเสาร์นี้จะกลับบ้านแล้ว และยังซื้อเสื้อเชิ้ตแบรนด์โปรดมาให้ลูกชายเพียงหนึ่งเดียว เจ้าของห้องหมายเลข 303 จึงได้แต่นั่งกอดเสื้อที่แม่มอบให้ท่ามกลางความมืดสลัวในห้องนอน

เนื่องจากบีมไม่เคยคาดคิดว่าการที่แม่มาเยือนยังห้องเสื้ออิสระพร้อมร้องขอสมุดคอลเลกชันสำหรับผู้ชาย แท้จริงมันเกิดจากความตั้งใจที่จะปล่อยวางความยึดมั่นของตัวเอง เพราะการที่แม่มอบเสื้อเชิ้ตไร้ลวดลาย เท่ากับแม่ที่เคยคัดค้านจนหัวชนฝา ยอมรับความชื่นชอบของบีมได้ ริมฝีปากของบีมจึงวาดเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

‘อารมณ์ดีอะไรครับ’ คุณนัทเอ่ยถามหลังจากบีมกดตอบรับวีดิโอคอล ขณะโยนสมุดสเก็ตช์ลงบนเตียงนอน แล้วเดินไปเปิดไฟเพื่อให้แสงสว่าง พร้อมผิวปากราวกับมีความสุขหนักหนา

“เสื้อที่แม่ผมไปซื้อที่ร้านเมื่อวันก่อน สรุปท่านเอามาให้ผมก่อนจะกลับบ้าน” บีมบอกเล่าให้อีกฝ่ายรับรู้ ราวกับต้องการจะแชร์ทุกช่วงเวลาให้แก่กัน

‘ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องฉลองให้คุณแล้ว’ คุณนัทกล่าวพร้อมเดินออกจากห้องนอน โดยวางโทรศัพท์ไว้ที่ขอบโซฟาพลางหยิบหมอนมาวางตั้ง เพื่อให้วิถีของภาพที่มองเห็นคือแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ที่อยู่ติดริมหน้าต่าง

“คุณจะเล่นเปียโนให้ผมฟัง ?” บีมเอ่ยถามพร้อมวางมือจากการเปิดสมุดสเก็ตช์หุ่นแฟชั่น แล้วนอนเท้าคางมองไปยังหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขณะที่คุณนัทไม่ได้ตอบคำถามเป็นคำพูด แต่กลับวาดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มโดยที่ไม่ต้องคอยสังเกตก็เห็นได้ชัด บีมจึงกดอัดวีดิโอคอลโดยอัตโนมัติ เพราะท่วงท่าของคุณนัทในเวลานี้คล้ายกับเจ้าชายในเทพนิยาย

จากนั้นเจ้าของห้องเสื้อก็เริ่มขีดเส้นตรง ทันทีที่ปลายนิ้วอันพลิ้วไหวของคนในหน้าจอสี่เหลี่ยมพร่างพรมลงบนแป้นคีย์บอร์ด เสียงเพลงในท่วงทำนองอบอุ่นจึงส่งตรงมายังผู้รับอย่างชัดแจ้ง จากนั้นบีมจึงแบ่งเส้นตรงที่ลากไว้ให้ได้สิบส่วนเท่า ๆ กัน โดยส่วนที่หนึ่งแบ่งออกเป็นสามส่วนย่อยเพื่อวาดใบหน้า

ซึ่งบีมมักจะสละช่วงเวลาของการทำงาน เพื่อปรายตามองภาพของคุณนัทเป็นระยะ โดยไม่ต้องนึกเสียดายที่ไม่อาจมองให้เต็มตาจนกระทั่งจบเพลง เพราะบีมอัดวีดิโอคอลในช่วงนี้เอาไว้แล้ว บีมจึงหันมาให้ความสนใจกับส่วนลำตัวและเรียวขาของแบบวาดไปจนถึงช่วงแขนและหน้าอก ขณะที่เพลงบรรเลงของคุณนัทดูเหมือนจะเล่นไปถึงสองสามเพลง เนื่องจากเวลานี้บีมกำลังใช้ปากกาสีดำตัดเส้นแบบวาดก่อนจะทำการลงสีให้ดูมีมิติ

‘ได้เวลานอนแล้วครับ’ ทันทีที่เสียงเพลงเงียบสนิทก็ตามมาด้วยคำพูดอันแสนห่วงใย เพราะเวลานี้สี่ทุ่มแล้ว ซึ่งคนที่มีปัญหาในเรื่องของการนอนหลับ ควรจะรีบพักผ่อนแต่เนิ่น ๆ บีมจึงเก็บอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการดีไซน์เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดไฟเพื่อให้แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านกระจกบานใหญ่มีได้โอกาสเปล่งประกาย

จากนั้นบีมจึงเดินไปยังตู้เก็บอุปกรณ์ลับเฉพาะ เพื่อนำกุญแจมือพันธนาการตนเองเหมือนทุกค่ำคืน แม้ว่าช่วงนี้อาการเดินละเมอจะห่างหายไปบ้างแล้ว แต่บีมก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะจนถึงตอนนี้บีมยังไม่แน่ใจว่าแม่จะรับได้กับรสนิยมดังกล่าว

“คุณนัทคิดว่าถ้าหากผมกลับมานอนละเมอแบบแต่ก่อนโดยที่ยังสวมกุญแจมืออยู่แบบนี้ จูเลียตจะออกอาการต่อต้าน หรือว่ายอมล่าถอยกลับไปนอนเหรอครับ ?” บีมเริ่มตั้งคำถามด้วยความสงสัย

‘เป็นไปได้ทั้งสองอย่างมั้งครับ แต่ยังไงวิธีนี้ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เพราะผมคิดวิธีแก้ปัญหาได้จากหัวข้อข่าวหนึ่งที่อ่านเจอในอินเตอร์เน็ต’ คุณนัทเอ่ยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะคนเราไม่สามารถคาดคะเนอะไรได้อย่างแม่นยำเสมอไป
“ข่าวอะไรเหรอครับ” บีมย้อนถามด้วยความสนใจ

‘ข่าวของคุณปู่ชาวออสเตรเลียที่ป่วยเป็นโรคนอนละเมอขั้นรุนแรงจนเตะต่อยและบีบคอภรรยา แถมยังทำร้ายตัวเองขณะหลับครับ คุณปู่เลยแก้ปัญหาด้วยการเอาเข็มขัดมัดตั้งแต่ช่วงอกและช่วงเอวติดกับเตียง’ เรื่องราวที่คุณนัทเล่าให้ฟังดูน่ากลัวกว่าพฤติกรรมของบีมเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นอาการเดินละเมอไปใส่เดรสสำหรับผู้หญิงก็ยังนับว่าเสี่ยง เพราะเวลานี้บีมไม่ได้อยู่ที่เพนท์เฮ้าส์เพียงลำพัง

‘คุยเพลินเลยครับ รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็นคุณยังต้องไปงานมันช์อีกนะครับ’ คุณนัทเอื้อนเอ่ยขณะล้มตัวลงนอนหลังจากปิดไฟจนมีเพียงแสงจันทร์เล็ดลอดผ่าน พอให้มองเห็นเค้าโครงหน้าอันเลือนราง

“ครับ ฝันดีนะ”

‘เช่นกันครับ’


เช้าวันนี้บีมยังต้องแสร้งทำตัวเหมือนพนักงานออฟฟิศด้วยการออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อปักหลักอยู่ที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากสถานที่ทำงาน ซึ่งบีมได้กล่าวอ้างกับแม่ว่าวันนี้อาจจะกลับดึก เพราะที่ทำงานมีเลี้ยงส่งพนักงาน

ถ้าหากแม่กลับไปยังบ้านเกิดแล้ว บีมวางแผนจะแบ่งเวลาไปหาสถานที่สำหรับจัดตั้งออฟฟิศประจำห้องเสื้ออิสระ เนื่องจากการจัดระเบียบการทำงานอย่างคุณนัทจะต้องมีสถานที่ที่เอื้ออำนวยมากกว่านี้

‘ส่งการบ้านครับ’ ทันทีที่เสียงข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น บีมจึงวางมือจากการสเก็ตช์เสื้อผ้าสำหรับคอลเลกชันในปีหน้า

‘หนทางอันกว้างใหญ่ Spring/Summer ปี 2019 คอลเลกชันนี้คุณเคยใส่ตอนเดินละเมอมาหาผมครั้งแรก สไตล์ของเสื้อผ้าให้ความรู้สึกหลากหลายและยังมีความกล้าที่จะเปิดเผยรูปร่างมากขึ้น คล้ายกับคุณค้นพบรสนิยมของตัวเองอย่างแท้จริง’

การวิเคราะห์ของคุณนัทไม่ถือว่าคลาดเคลื่อนมากนัก เพราะในช่วงปี 2018 คือช่วงเวลาก่อนวางขายคอลเลกชันดังกล่าว และยังเป็นปีแรกที่บีมก้าวเข้าสู่ความหลงใหลของการเพลย์ อีกทั้งกิจการยังไปได้ดีกว่าที่คิด เสื้อผ้าจึงเริ่มมีแบบสายเดี่ยวหรือเกาะอก โดยที่ไม่ต้องอาศัยความซีทรูของเนื้อผ้าบดบัง มิหนำซ้ำสินค้าสำหรับคอลเลกชันนี้ยังมีบราและรองเท้าสำหรับผู้หญิงเป็นเซ็ตแรก

‘ผมในเวลานั้นเลยหลงระเริงอยู่ท่ามกลางอิสระจอมปลอมเพียงชั่วคราว ชื่อของคอลเลกชันนี้เลยสอดคล้องกับความรู้สึกที่เป็นอิสระไร้ขอบเขต เหมือนกับท้องฟ้าที่ต่อให้นกตัวน้อยโผบินไปไกลแค่ไหนก็ยังไม่เคยพบเจอกับเส้นขอบฟ้า ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่ามีอยู่จริง’ บีมขยายความรู้สึกของตัวเองผ่านการเปรียบเปรย

‘ลึก ๆ ในใจของคุณตอนนั้น ผมเดาว่าคงจะแอบภาวนาไม่ให้พบเจอกับเส้นขอบฟ้า ทุกย่างก้าวที่เปี่ยมไปด้วยความเปิดเผย จึงแอบแฝงความหวาดกลัวทับถมอยู่ในใจจนกลายเป็นม่านหมอกสีดำ’ สิ้นการส่งการบ้าน บีมกลับรู้สึกอบอุ่นมากขึ้นทุกขณะที่ได้อ่านข้อความของคุณนัท เนื่องจากบีมไม่เคยคาดคิดว่าวันหนึ่งจะมีใครสักคนที่เข้าใจเราจนถึงแก่นแท้ เพราะแม้แต่บีมในตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ความอึดอัดเคร่งเครียดจึงแสดงออกมาเป็นการนอนละเมอที่ยังไม่ร้ายแรงนัก เนื่องจากเส้นขอบฟ้าที่บีมหวาดกลัวก็ไม่ต่างกับการที่ความลับถูกบุคคลในครอบครัวค้นพบ จากนั้นอิสระอันไร้ขอบเขตก็จะถูกทำลาย

‘บีม..’ แต่แล้วความเงียบสงบก็อยู่กับคนทั้งคู่ได้ไม่นาน เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนส่งข้อความกลับมาก่อน

‘ครับ ?’ บีมพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ทว่าริมฝีปากกลับคลี่เป็นรอยยิ้มจาง อาจเพราะนาน ๆ ครั้ง ถึงจะถูกคุณนัทเรียกขานด้วยชื่อเสียงเรียงนามอันคุ้นเคย

‘ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน คุณคือคนที่เก่งมากในสายตาผม’ สิ้นข้อความนั้น ริมฝีปากที่เคยวาดเป็นรอยยิ้มกลับเพิ่มระดับความน่ามองมากยิ่งขึ้น เพราะหัวใจของผู้รับสารกำลังเบ่งบานราวกับกลีบดอกเดซี่บนเสื้อผ้าของแบบวาด


กระทั่งช่วงเวลาแห่งการรอคอยมาเยือน นายท่านจึงสั่งให้บีมเปลี่ยนวอลโฟนเป็นรูปที่กำลังยืนอิงแอบอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่บ้านสวน ซ้ำยังสวมใส่พวงหางฟูฟ่อง หันมองมายังช่างภาพด้วยสีหน้าเร้าอารมณ์ตามคำสั่ง

“สวมปลอกคอซะ” หลังจากเข้ามานั่งในรถได้สักพัก นายท่านก็โยนปลอกคอที่มีลักษณะเหมือนเครื่องประดับลงบนหน้าตัก เพื่อส่งสัญญาณเริ่มกิจกรรมตามข้อตกลงที่ไม่ต่างกับการวิเคราะห์ทางจิตวิทยา

“เด็กดี นายชอบเลขสาม สอง หรือหนึ่ง” นายท่านเอ่ยถามพลางใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าของบีมด้วยความแผ่วเบา จากนั้นตัวรถก็เคลื่อนห่างจากลานจอดของห้างสรรพสินค้า เพื่อมุ่งตรงไปยังงานมันช์ ซึ่งการแต่งตัวสำหรับไปร่วมงานดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องมีอะไรพิเศษ เพราะงานแบบนี้ คุณนัทบอกว่าไม่เหมาะที่จะเปิดเปลือยรสนิยมขนาดนั้น เนื่องจากตัวงานมักจะถูกจัดในสถานที่ของชาววนิลา อีกทั้งผู้ที่มีรสนิยมแบบเดียวกันก็อาจจะไม่สะดวกใจที่จะเปิดเผย   

“ว่าไง ?” ฝ่ายดอมยังคงถามย้ำ ขณะที่บีมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นการพนัน เพราะการตัดสินใจในครั้งนี้แทบไม่ต่างกับการเสี่ยงโชค แต่ก็นับได้ว่าจูงใจให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น เนื่องจากการเลือกหมายเลขตามที่เจ้านายต้องการ คาดเดาได้เลยว่าคงเป็นการเลือกระดับความสั่นไหวของไวเบรเตอร์ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวของบีม และมันคงไม่ใช่การไล่ระดับตามหลักสากลอย่างแน่นอน 

“สองครับ” ทันทีที่คำตอบหลุดรอดออกจากริมฝีปาก แววตาของฝ่ายซับก็เหลือบมองสารถีด้วยความลุ้นระทึก เพราะการคืนกำไรของคุณนัทอยู่ในหัวข้อของการถึงฝั่งฝันในที่สาธารณะผสมรวมกับการถูกกระตุ้นด้วยไวเบรเตอร์

“รู้อะไรไหม นายเสี่ยงดวงได้ปรานีกับตัวเองมาก” นายท่านเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะอมยิ้มตรงมุมปาก

“ห..หมายความว่า..ย..อื้อ” บีมเอ่ยถามยังไม่ทันจบประโยคไวเบรเตอร์ก็เริ่มทำงาน ส่งผลให้สุ้มเสียงขาดหายไม่ได้ศัพท์

“หมายความว่าข้อสอง ระดับของไวเบรเตอร์จะอยู่ที่ปานกลาง เพียงแต่นายจะได้รับอนุญาตให้ปลดปล่อยก็ต่อเมื่อ พวกเราไปถึงร้านอาหาร” ระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง นายท่านก็เฉลยคำตอบอย่างเชื่องช้าด้วยการกระซิบชิดริมหู คล้ายกับเป็นกังวลว่าบีมจะได้ยินไม่ชัดเจน แต่ทว่าลมหายใจอุ่นร้อนที่จงใจเป่ารดกลับแสดงอานุภาพอย่างแรงกล้า เพราะมันค่อย ๆ ทำให้ร่างกายของบีมเริ่มรู้สึกตื่นตัว

บวกกับฝ่ามือที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมตัวยาวจากผ้าลูกไม้ประเภท KNIT LACE ที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวลราวกับไหมพรม กำลังลากไล้บริเวณหน้าขาเนียนนุ่มอย่างเพลิดเพลิน และบางครั้งก็ล่วงล้ำเข้าสู่ภายใต้ร่มผ้าอันแสนสั้น เนื่องจากก่อนออกเดินทางบีมเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้นตามคำสั่ง ซึ่งกางเกงตัวที่ว่านี้นายท่านเป็นคนสุ่มเลือกมาจากหน้าร้าน พร้อมจ่ายเงินอย่างไม่เอารัดเอาเปรียบ

“แล้วถ้า..อา..ผมเลือก..หนึ่งกับสามล่ะครับ” บีมยังคงตั้งคำถามด้วยความสนใจ ขณะที่สองฝ่ามือกำลังกอบกุมสายเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่น เพราะความวาบหวามจากฝ่ามืออุ่นร้อนคู่นั้น กำลังทักทายตัวตนแสนอ่อนไหวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งของเล่นชิ้นสำคัญก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“แน่นอนว่าทั้งสองข้อต้องเป็นในระดับสูงสุดจนกระทั่งจบงานมันช์” สิ้นคำตอบบีมก็เข้าใจได้ทันทีว่า คุณนัทจงใจเมตตาปรานีกันมากแล้ว เพราะถ้าหากจำไม่ผิด งานมันช์ห้ามแสดงความเป็น BDSM จนเกินไป ดังนั้นอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจึงไม่ค่อยเหมาะสมกับงานนี้

“เด็กดี ถ้าหากนายดื้อรู้ไหมว่าต้องเจอกับอะไร” เพียงแค่นายท่านเปิดปากถาม บีมก็นึกอยากจะโต้เถียง เพราะนับตั้งแต่เริ่มกิจกรรมสะสมแต้ม บีมก็ไม่เคยคิดจะดื้อดึงกับอีกฝ่าย มีแต่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นฝ่ามืออันแสนซุกซนที่ควรจะประคองพวงมาลัยรถเพื่อความปลอดภัย คงไม่ลากไล้วนเวียนบริเวณช่วงล่างเนิ่นนานขนาดนี้

“อะ..อา” บีมจงใจเปล่งเสียงพลางขยับกายเข้าหาฝ่ามือของเจ้านายด้วยความซาบซ่าน ขณะที่โสตประสาทกำลังรับฟังอย่างตั้งใจ

“คำตอบจะถูกปรับเปลี่ยนตามใจผม” บีมได้แต่หอบหายใจอย่างอดกลั้น เนื่องจากบทลงโทษของการ ‘ดื้อดึง’ เริ่มกระจ่างชัดมากขึ้นทุกที เพราะระดับของไวเบรเตอร์กำลังถูกเร่งเร้าจนถึงขีดสุด ความคับแน่นจึงอวดโฉมผ่านฝ่ามืออุ่นร้อนที่กำลังทำหน้าที่ไม่ต่างกับการตรวจตราผลลัพธ์ของบทลงโทษ

“กระตุ้นง่ายจังเลยนะ” นายท่านเอื้อนเอ่ยด้วยความเย้ยหยันพลางยกยิ้มกรุ้มกริ่มตรงบริเวณมุมปาก ขณะหมุนพวงมาลัยด้วยฝ่ามือเดียว แต่กลับกลายเป็นท่วงท่าที่สมบูรณ์แบบในความรู้สึกของฝ่ายซับ

“ผมไม่ชอบคนใจร้อน..” ถ้อยคำอันแสนเรียบนิ่งดังเข้าสู่โสตประสาทของบีมอย่างชัดแจ้ง แต่กระนั้นฝ่ามืออันมากอำนาจกลับผลักไสไวเบรเตอร์เข้าหาความนุ่มนวลอันแสนอ่อนไหวให้มากขึ้น ส่งผลให้บีมได้แต่เกร็งตัวด้วยความเสียวซ่านพร้อมจิกทึ้งเบาะหนังอย่างระบายอารมณ์

“นายอยากรู้ไหมว่าผมชอบอะไร” นายท่านเอ่ยถามพลางลากไล้ฝ่ามือปัดผ่านความคับแน่นอันโดดเด่น

“อ๊า..น..นายท่าน..ช..ชอบอะไรครับ” บีมเอ่ยถามเสียงกระเส่าพลางกระเด้งตัวเหนือเบาะรถ เพราะเจ้านายยังคงปรับระดับของการสั่นไหวตามแต่ความพึงพอใจ อาการเสียวซ่านจึงทำให้บีมไม่อาจนิ่งเฉย

“ผมชอบเวลาที่เห็นนายอยากจะปลดปล่อย โดยที่รถคันข้าง ๆ กำลังจ้องมองนายอยู่ เพราะมันทำให้ผมอยากจะรู้ว่า นายจะทำยังไงไม่ให้พวกเขาสงสัยว่ากำลังทำตัวหน้าไม่อายกลางท้องถนน” สิ้นคำพูดของนายท่านบีมก็หันไปมองยังหน้าต่างกระจกที่ผ่านการติดฟิล์มกรองแสง เพียงแต่ภายนอกไม่อาจมองลอดเข้ามายังด้านใน

แต่กระนั้นภาพตรงหน้ากลับเสริมสร้างจินตนาการต่อกิจกรรมในครั้งนี้ เนื่องจากบีมสามารถมองเห็นบรรยากาศนอกรถได้อย่างชัดเจน ซึ่งบุคคลแปลกหน้าที่นายท่านกำลังพูดถึงยังคงหันมองมาทางตัวรถ ความรู้สึกของบีมจึงยิ่งพลุ่งพล่าน

“ถอดกางเกง” จู่ ๆ นายท่านก็สั่งการด้วยถ้อยคำที่น่าตกใจ เพียงแต่ลึก ๆ บีมกลับชื่นชอบความเผด็จการนี้ แต่ก็ยังทำทียึกยักไม่เอาไหน เพราะใจหนึ่งเริ่มจะสับสนว่ากระจกรถของนายท่านติดฟิล์มกรองแสงแบบหนาทึบอย่างที่เข้าใจจริงหรือเปล่า

“อ๊า” บีมบิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่าน ซ้ำยังเปล่งเสียงร้องด้วยความรัญจวน เพราะเวลานี้นายท่านกำลังผลักไสความหวามไหวให้บีมได้สัมผัสจนเกินควร

“ถ้าเป็นเด็กไม่ดีก็ต้องเจอแบบนี้” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยคล้ายกับย้ำเตือนบทลงโทษด้วยความเคร่งครัด บีมจึงไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องอาภรณ์เบื้องล่างจนหมดสิ้น จากนั้นไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็สัมผัสผิวกายจนขนอ่อนลุกชัน เพราะเสื้อคลุมตัวยาวไม่อาจให้ความอบอุ่นอะไรได้

“น่าเสียดาย” นายท่านเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เมื่อสัญญาณจราจรปรับเปลี่ยนมาเป็นสีเขียว ตัวรถจึงต้องเคลื่อนออกไปยังท้องถนนอันกว้างใหญ่ที่คงจะไม่มีใครทันเห็นพฤติกรรมอันแสนน่าอายของตุ๊กตาหน้ารถ

การทดลองจึงต้องจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าฝ่ามืออันซุกซนกลับคอยผลักไสของเล่นชิ้นสำคัญให้สัมผัสกับความอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายด้วยความลึกซึ้ง บีมจึงได้แต่ร้องครวญครางไม่หยุดหย่อน เพราะเวลานี้ความสุขกำลังจุกอกเกินจะรับไหว แต่กระนั้นบีมก็ยังจดจำได้ดีว่า นายท่านเคยพูดแบบอ้อม ๆ ว่าไม่อนุญาตให้ปลดปล่อย แต่กระนั้นบีมก็ยังอยากลองดี

“ให้ผม..อา..ป..ปลดปล่อยเถอะนะครับ” บีมร้องขอด้วยความหวามไหว ขณะโอบกอดเรียวแขนอันแข็งแกร่งที่ยังคงปรนเปรอความสุขสมไม่ขาดสาย

“เดี๋ยวรถผมเลอะ” นายท่านยังคงห้ามปรามด้วยความเฉียบขาด บีมจึงได้แต่บิดเร้ากายอย่างทุกข์ทรมาน ศีรษะจึงเอนพิงบานหน้าต่างด้วยความรัญจวน พร้อมอดกลั้นสุ้มเสียงชวนหลงใหลจนสุดความสามารถ ราวกับมันจะช่วยให้ความกระสันหดหายไป

“นายนี่มันน่าเอ็นดูจังเลยนะ” นายท่านเอื้อนเอ่ยพลางเลี้ยวรถเข้ามายังร้านอาหารสุดหรูที่แต่ก่อนเคยเป็นวัง แต่ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารแบบบ้านและสวนอันแสนอบอุ่น เหมาะแก่การพบปะสังสรรค์

“ปลดปล่อยความต้องการของนายซะ แต่อย่าให้เลอะรถของผมล่ะ ไม่อย่างนั้นนายได้เจอดีแน่” นายท่านสั่งการพลางหันมองด้านหลังเพื่อถอยรถเข้าสู่ซองจอด บีมจึงได้แต่ละล้าละลังเพราะฝ่ามือของนายท่านยังคงกอบกุมส่วนน่าอายของบีมไว้ แต่กระนั้นในอกกลับรู้สึกซาบซึ้งที่อีกฝ่ายลดตัวลงมาสัมผัสความสุขสมด้วยความเต็มใจ

“มัวแต่ซาบซึ้งใจที่ผมเมตตาอยู่หรือไง แต่ถ้าภายใน 5 นาทีนี้ นายยังไม่จัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผมจะไม่อนุญาตให้นายเสร็จจนกว่าจะจบงานมันช์” นายท่านละมืออีกข้างออกจากพวงมาลัยรถทันทีที่ดับเครื่องยนต์ พลางรั้งศีรษะของบีมเข้าไปหาพร้อมกระซิบเสียงลอดไรฟัน หัวใจของบีมจึงเต้นระรัวด้วยความเก้อเขินที่ถูกอีกฝ่ายค้นพบความรู้สึก ก่อนจะเกิดความตื่นตระหนกเมื่อนายท่านลดกระจกลงจนสุด ราวกับจะโอ้อวดสุ้มเสียงหน้าไม่อายของบีมให้ทุกคนรับรู้

“อ๊ะ..ต..แต่ผม..” บีมเอื้อนเอ่ยพลางมองไปยังรอบบริเวณด้วยความเล่นแง่ เพราะบีมอยากจะถูกทรมานให้มากกว่านี้

“ดื้อด้าน แต่ก็ดี.. ผมจะได้ถือโอกาสทดสอบหัวข้อที่เราคุยค้างกันไว้” นายท่านเอื้อนเอ่ยพลางยึดครองเสื้อคลุมผ้าลูกไม้ตัวยาวอย่างเผด็จการ ส่งผลให้ช่วงล่างเปลือยเปล่าชัดแจ้ง บีมจึงได้แต่เม้มริมฝีปากพลางกวาดตามองออกไปยังนอกตัวรถด้วยความลุ้นระทึกอย่างแท้จริง เพราะเวลานี้เริ่มคราคร่ำไปด้วยผู้คน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การรับประทานอาหาร

“นั่งยอง ๆ แล้วจับราวมือนั่นไว้” นายท่านยังคงออกคำสั่งอันแสนโจ่งแจ้ง บีมจึงเริ่มใจเต้นรัวราวกับกลองเพล เมื่อจินตนาการไปถึงท่วงท่าอันแสนหน้าอายที่ไม่รู้ว่าจะโอ้อวดสู่สายตาของใครบ้าง

“อย่าดื้อ” นายท่านเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมล็อกใบหน้าของฝ่ายซับให้มองสบสายตาอันแสนร้อนแรงและเกรี้ยวกราด บีมจึงรีบเสหลบเพราะแววตาคู่นั้นคล้ายกับจะกรีดลึกลงสู่หัวใจของทาสผู้แสนดื้อดึง

“อ๊ะ..อึก” แต่แล้วนายท่านก็ผลักไสไวเบรเตอร์ให้บีมได้สัมผัสถึงความร้ายกาจอย่างหนักหน่วง บีมจึงได้แต่ลนลานทำตามคำสั่งด้วยความจำนน พร้อมกับเม้มริมฝีปากอย่างสุดความสามารถ เพราะบีมกำลังหวาดกลัวว่าสุ้มเสียงจะลอยล่องไปตามสายลม

ขณะที่นายท่านก็ช่วยจัดแจงไม่ให้ส่วนเปลือยเปล่าส่องสะท้อนกับแสงสว่างของดวงไฟประจำร้าน ดังนั้นมุมมองจากภายนอกคงเป็นเพียงเงาร่างอันแสนเลือนราง อีกทั้งบริเวณที่นายท่านเลือกจอดยังเป็นมุมลับตา เพราะฝั่งที่บีมนั่งจะติดกับรั้วต้นไม้ ส่วนฝั่งของนายท่านกลับมีแต่ความว่างเปล่า 

“อ้าขาให้กว้าง ๆ” นายท่านไม่ได้เอ่ยเพียงแค่นั้น แต่กลับจัดแจงท่าทางของบีมด้วยความเต็มใจ ซ้ำยังลูบไล้ด้วยความเชื่องช้า ส่งผลให้ลมหายใจเริ่มติดขัด หน้าท้องจึงเริ่มหดเกร็ง ขณะที่ช่องทางด้านหลังกำลังตอดรัดของเล่นชิ้นสำคัญราวกับหวงแหน บีมจึงได้แต่หลับตาพริ้มด้วยความเสียวกระสันและยังคงหวงแหนสุ้มเสียงของตัวเอง ขณะที่ฝ่ายควบคุมได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ความรู้สึกในส่วนลึกจึงยิ่งปั่นป่วนราวกับลมพายุ

“นายดูสิ ร้านนี้คนเยอะแค่ไหน” นายท่านเอื้อนเอ่ยด้วยถ้อยคำอันแสนธรรมดา แต่ทว่าฝ่ามือซุกซนกลับชักพาความอ่อนไหวของบีมด้วยจังหวะหนักแน่น ทั่วสรรพางค์กายจึงถูกโจมตีด้วยความชาวาบ ฝ่ามือที่กำลังจับยึดราวรถจึงบีบเข้าหากันเพื่อระบายอารมณ์

“อ๊า..อึก” แต่สุดท้ายความอดทนก็พังทลาย บีมเลยได้แต่บิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่าน ซ้ำยังเปล่งสุ้มเสียงครวญครางด้วยความเหนียมอาย เพราะบีมกำลังหวาดกลัวว่าผู้คนในลานจอดรถจะรับรู้ว่าคนสองคนกำลังทำกิจกรรมอะไรอยู่ แต่ขณะเดียวกันสถานการณ์ดังกล่าวกลับเร่งเร้าให้บีมรู้สึกตื่นตัวราวกับอะดรีนาลีนหลั่งไหล

“นอกจากผมจะชอบทำการทดลองแล้ว ผมยังชอบให้นายเปล่งเสียงเพราะ ๆ ให้ผมฟัง และยังชอบให้นายทำสีหน้าเหมือนกับซาบซึ้งในความใจดีของผมให้มาก ๆ” นายท่านกล่าวพลางใช้ฝ่ามือข้างที่ว่างปัดปอยผมของบีมอย่างนุ่มนวล ก่อนจะละมายังลำคอระหงที่มีปลอกคอเป็นจี้ลูกหัวใจสวมทับอยู่ จากนั้นจึงล็อกวิถีของการมองเห็นเพื่อให้บีมจ้องมองไปยังกลุ่มเป้าหมาย

“นายดูผู้ชายกลุ่มนั้นสิ พวกเขาเป็นดอมเหมือนกับผม ถ้าหากพวกเขาเห็นนายในสภาพน่าสมเพชขนาดนี้ คงอยากจะเฝ้าดูปฏิกิริยาของนายเวลาที่โดนคนอื่นจับได้ว่ากำลังเรื่องอย่างว่าในที่สาธารณะ” นายท่านกล่าวพลางลูบไล้ส่วนอ่อนไหวของบีมด้วยความสิเน่หาพร้อมกับเป่าลมร้อนตรงบริเวณข้างใบหูด้วยความหยอกเย้า แต่มันกลับทำให้บีมหดคอด้วยความหวามไหว

“ต..แต่..ผมอยากให้มีแค่..นายท่าน..ที่ได้เห็นผมในเวลาแบบนี้” บีมเอื้อนเอ่ยเสียงกระเส่าพลางหอบหายใจถี่กระชั้น ราวกับใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มที แต่เพราะโดนนายท่านกลั่นแกล้งไม่ให้ปลดปล่อยชั่วขณะ ความอึดอัดจึงถาโถมเข้ามาไม่ยั้ง แต่ก็ไม่อาจร้องครวญครางได้ตามใจหมาย เพราะคำพูดของนายท่านกำลังทำให้บีมหลงเชื่อสนิทใจ แววตาของบีมจึงเฝ้ามองคนกลุ่มนั้นด้วยความลุ้นระทึก

“เอาสิ ผมรอดูอยู่ โชว์ความร้อนแรงของนายออกมาให้เต็มที่” นายท่านเริ่มใช้คำพูดกระตุ้นความกล้าให้กับฝ่ายซับอย่างชาญฉลาด ซึ่งมันทำให้บีมหลงลืมแม้กระทั่งสถานที่และสถานการณ์ที่เคยสนใจ จึงแอ่นกายเคล้าคลอฝ่ามืออุ่นร้อนด้วยความพลิ้วไหว

“อ๊ะ..อา..นายท่านชอบผม..อื้อ..ที่เป็นอย่างนี้หรือเปล่าครับ” บีมเอ่ยถามพลางเชิดหน้าควงสะโพกด้วยความร้อนแรง จนฝ่ายควบคุมเริ่มจินตนาการไปถึงช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไหวเอนอยู่บนร่างอย่างอิสระเสรี ความสุขจึงพลันล้นอกอย่างยากจะควบคุม

“ถึงผมจะไม่ชอบคนใจร้อน แต่ลีลาของนายกลับทำให้ผมอยากสัมผัสความสุขของนายเร็ว ๆ” นายท่านกล่าวซ้ำยังลากไล้เล็มเลียไปทั่วใบหน้าของบีม ราวกับลืมเลือนเงื่อนไข 5 นาทีไปนานแล้ว อีกทั้งฝ่ามืออุ่นร้อนยังคงบีบนวดความคับแน่นอย่างไม่ปรานี ขณะที่ไวเบรเตอร์ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ความเสียวซ่านจึงทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวินาที

“อื้อ..อ๊า..ความสุขของผม..อา..” บีมครวญครางได้เพียงแค่นั้นก็เอื้อมแตะฝั่งฝันอย่างรวดเร็ว หยาดหยดอุ่นร้อนจึงพร่างพรมลงบนฝ่ามือของนายท่านจนถ้วนทั่ว

“ทำความสะอาดซะ” นายท่านสั่งการพลางยื่นฝ่ามืออันเปรอะเปื้อนจดจ่อมายังริมฝีปากที่กำลังหอบหายใจด้วยความอ่อนล้า แต่กระนั้นเรียวลิ้นเล็กก็ยังเต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่าน จึงค่อย ๆ ไล้เลียด้วยความนุ่มนวล ซ้ำยังใช้แววตายั่วเย้าเฝ้ามองผู้เป็นนายด้วยความเปิดเผย ส่งผลให้ชายหนุ่มผู้แสนโปรดปรานการควบคุมเอื้อมแตะฝั่งฝันในเวลาอันรวดเร็ว

-อ่านต่อด้านล่าง-
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 17 (update 11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 11-12-2019 00:26:12
จากนั้นบีมก็ใช้เวลาสวมกางเกงขาสั้นเพียงลวก ๆ เพราะตั้งใจจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ซึ่งบีมจัดเตรียมกางเกงสแลคสีดำเข้าคู่กับเสื้อเชิ้ตตกแต่งผ้าลูกไม้เนื้อดีใส่กระเป๋าสะพายเอาไว้แล้ว

“ห้องน้ำอยู่ทางนั้นครับ” คุณนัทกล่าวพลางยีศีรษะของบีมเพียงเบา ๆ แค่นั้นบีมก็รับรู้ได้แล้วว่า การกระทำดังกล่าวคือการอาฟเตอร์แคร์จากนายท่าน บีมจึงยกยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะก้าวเดินไปยังห้องน้ำส่วนตัวที่มีอยู่เพียงสองห้อง

ฝ่ายชายหนุ่มมาดนักธุรกิจหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ยืนพิงเคาน์เตอร์ล้างมือระหว่างรอคนรัก จากนั้นจึงพากันเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ในส่วนเอาท์ดอร์ ใกล้กับลานน้ำพุที่มีฝูงหงส์แหวกว่ายอย่างเอื่อยเฉื่อย โดยมีแสงไฟสีเหลืองนวลโอบล้อมบริเวณดังกล่าว ขลับให้บรรยากาศดูอบอุ่นมากขึ้นอีกเท่าตัว

“ท่านผู้บริหารมาถึงแล้ว” ทันทีที่คุณนัทปรากฏตัว เสียงต้อนรับจากกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็ดังระงมอย่างเป็นกันเอง อาจเพราะคุณนัทค่อนข้างคุ้นเคยกับแม่งานในครั้งนี้ก็เป็นได้

“เอิกเกริกมาก” ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสนใจเอื้อนเอ่ยด้วยความเก้อเขิน ขณะเลื่อนเก้าอี้พลางส่งสัญญาณให้บีมนั่ง เพียงแค่นี้ทุกคนก็ทราบแล้วว่าบีมคือซับในความดูแลของคุณนัท

“ดูแลดีจริง” ชายหนุ่มที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณนัทเอ่ยแซว

“คนสำคัญครับ” คุณนัทวางฝ่ามือลงบนลาดไหล่ของบีมพลางกล่าวราวกับเต็มใจนำเสนอ บีมจึงได้แต่หน้าแดงซ่านก่อนจะผงกหัวทักทายบุคคลแปลกหน้าที่กำลังมองมาด้วยความสนใจ จากนั้นคุณนัทก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวด้านข้างและเริ่มแนะนำสามคนจากสิบกว่าคนให้บีมรู้จัก ซึ่งก็ไม่ได้ผิดไปจากที่บีมคิด เพราะทั้งสามคนคือหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานพบปะสังสรรค์เกี่ยวกับ BDSM

อีกทั้งคุณปลื้ม คุณบอย และคุณนัน ยังเคยเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับคุณนัทในระยะเริ่มต้น เพราะการเป็นสวิทช์บางทีก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และตัวบุคคล จึงทำให้คู่เพลย์ของคุณนัทค่อนข้างหลากหลาย แต่ว่าหลังจากที่ค้นพบตัวตนที่แท้จริง คุณนัทก็เลือกที่จะรับฝ่ายซับมาดูแลทีละคน


กระทั่งทุกฝ่ายต่างรู้จักกันและกันอย่างผิวเผิน อาหารก็ถูกนำออกมาเสิร์ฟจนละลานตา เสียงพูดคุยอันแสนสนุกสนานที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับรสนิยมส่วนตัวก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บางครั้งบีมยังเผลอหัวเราะไปกับมุกตลกเหล่านั้น จนกระทั่งวงสนทนาเริ่มห่างไกลจากบริเวณที่บีมนั่งอยู่ ความสนใจจึงถูกสับเปลี่ยน

“นักดนตรีที่นี่ร้องเพลงเพราะมากเลยนะครับ” บีมเป็นฝ่ายเปิดประเด็นกับ ‘เพื่อนใหม่’ ที่นั่งอยู่ทางขวามือ เพราะเมื่อครู่ได้แต่เลื่อนจานอาหารให้กันด้วยรอยยิ้ม

“นั่นสิครับ ดูเหมือนเขาจะถนัดร้องเพลงสากล” ชายหนุ่มตัวเล็กหน้าหวานตามแบบฉบับพิมพ์นิยมตอบรับด้วยความสนใจ คาดเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายคงจะหมายตานักดนตรีคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่กระนั้นบีมก็ไม่คิดระราบระล้วง

“ผมบีมนะครับ” บีมเริ่มต้นแนะนำตัวกับอีกฝ่าย เมื่อไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนาอย่างไร เพราะเวลานี้คุณนัทกำลังพูดคุยกับพวกพี่ปลื้มอย่างสนุกสนาน แต่ทว่าการดูแลเอาใจใส่กลับไม่เคยขาดตกบกพร่อง ซึ่งบีมคาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก เนื่องจากจุดประสงค์ของงานในวันนี้คือการทำความรู้จัก คุณนัทจึงอยากให้บีมทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ บ้าง

“ผมอั้นครับ เปิดร้านอาหารอยู่แถว ๆ เจริญกรุง ถ้าคุณบีมว่างก็แวะมาได้ตลอดเลยนะครับ” ชายหนุ่มผู้มีอัธยาศัยดีตามแบบฉบับเจ้าของร้านอาหารเริ่มแนะนำตัวพลางยื่นนามบัตรส่งมาให้

“ผมเองก็เปิดห้องเสื้อเล็ก ๆ อยู่เหมือนกันครับ ถ้าหากคุณอั้นสนใจเสื้อผ้าจากแบรนด์อิสระ ผมจะลดให้เป็นพิเศษเลยครับ” บีมกล่าวพลางหยิบนามบัตรที่มักจะพกติดตัวยื่นให้กับเพื่อนใหม่

“แบรนด์นี้เริ่มติดตลาดแล้วนะครับ น้องสาวผมยังชอบ ไม่น่าจะใช่ห้องเสื้อเล็ก ๆ แล้วมั้งครับ” คุณอั้นสับหยอกจนทำให้บีมเริ่มแย้มยิ้มด้วยความถ่อมตัว

“ร้านของคุณอั้นก็ติดอันดับยอดนิยมเหมือนกันนะครับผมจำได้” สิ้นคำพูดนั้น ทั้งสองฝ่ายที่เพิ่งจะรู้จักกันก็ได้แต่ไหวไหล่ เพราะไม่มีคำพูดอื่นใดจะคัดค้าน

“ก็เพราะความติดอันดับนี่แหละครับ ช่วงนี้ผมเลยเครียด เพราะวงดนตรีขาประจำจะงดรับงานจากผมแล้ว” เจ้าของร้านอาหารถอนหายใจพลางเอื้อนเอ่ยอย่างมืดมน

“คุณก็เลยอยากจะดึงตัวนักดนตรีคนนั้นมาที่ร้านของคุณ ?” บีมเริ่มคาดเดาตามอุปนิสัย ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ยกยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมพยักหน้าอย่างไม่คิดปิดบัง

“ผมว่าเขาเป็นดอม แล้วก็คงจะเป็นหนึ่งในแขกรับเชิญของงานนี้” บีมกล่าวพลางมองไปยังชายหนุ่มมาดเซอร์ตามสไตล์นักดนตรี แต่ทว่าท่วงท่าของเขากลับให้ความรู้สึกร้อนแรงและทรงอำนาจ

“หลังร้านมีนกยูงสีขาว เราไปดูด้วยกันดีไหมครับ” แต่แล้วบทสนทนาระหว่างบีมกับคุณอั้นก็ถูกปัดตกโดยคุณนัท ซึ่งฝ่ายนั้นแม้ว่าจะทำเป็นสอบถามความคิดเห็น แต่ก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

บีมจึงได้แต่มองคนรักด้วยความงุนงง จนกระทั่งสายตาปะทะกับเพื่อนใหม่ ทักษะการอ่านปากจึงถูกหยิบออกมาใช้ เลยพอจะคาดเดาอาการของชายหนุ่มมาดนักธุรกิจผู้นี้ได้ ริมฝีปากของบีมจึงค่อย ๆ คลี่เป็นรอยยิ้มอันเจิดจ้าแข่งกับแสงไฟสีเหลืองนวลของทางร้าน

กระทั่งทั้งคู่ปลีกตัวออกมาจากวงล้อมของผู้คน รอบกายก็ถูกโอบอุ้มด้วยความเงียบสงัดของธรรมชาติ บีมจึงก้าวเดินถอยหลังพร้อมชี้ปลายนิ้วไปยังชายหนุ่มมาดนักธุรกิจพลางเอื้อนเอ่ยแกมหยอกเย้าว่า..

“คุณนัทหึงที่ผมเอาแต่จ้องมองนักดนตรีคนนั้นเหรอครับ ?”

--------------------------✁

บทความที่เกี่ยวข้อง

- ปู่ออสซี่มัดตัวเองกับเตียง กันนอนละเมอเตะต่อย-บีบคอเมีย http://bit.ly/2PAaHZM


วันนี้มาอัพช้ามากกก พรุ่งนี้เราอาจจะไม่ได้อัพนะคะ แต่ถ้าแก้ทันแบบไม่ดึกมากจนเกินก็จะมาอัพจ้า สำหรับตอนนี้เรื่องคุณแม่กำลังราบรื่น~ ส่วนงานมันช์เราไม่ได้ใส่รายละเอียดมาก แค่พอให้รู้ว่ามันเป็นการนัดทานข้าวเพื่อทำความรู้จักคนในแวดวงเดียวกัน ซึ่งถ้าใครคลิกกันเราว่างานนี้อาจจะเพิ่มโอกาสดี ๆ ให้กันมากทีเดียว ส่วนตอนหน้ากลับเข้าสู่เนื้อเรื่องอีกรอบจ้า

ปล. ตอนแรกว่าฉากเพลย์ไม่เยอะ แต่เขียนไปเขียนมามันก็เยอะนะเนี่ย แต่มันเป็นรสนิยมที่แบบมาควบคู่กับชีวิตประจำวันของคู่นี้แถมยังช่วยให้บีมผ่อนคลายจะเขียนแบบไม่ถี่ก็คงไม่ได้ ใครมีฉากไหนอยากนำเสนอ เมนต์บอกได้เลยนะคะ อิอิ เริ่มหมดมุก แต่มันยังเหลืออีกสัก 2-3 ซีนที่จะต้องเขียนได้เลยมั้ง เพราะช่วงหลังเนื้อเรื่องน่าจะเด่นกว่าแล้ว
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 18 (update 12/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 11-12-2019 20:38:44
ตอน 18

บีมเพิ่งจะรู้ก็ตอนนี้ ว่า ‘ความรัก’ มันทำให้คนละเมอเพ้อพกได้อย่างไร้ขีดจำกัด เพราะเวลานี้บีมกำลังนอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงนอน เมื่อนึกถึงรสจูบอันแสนหนักแน่นและนุ่มนวลที่น่าหลงใหลมากกว่านกยูงสีขาวกำลังลำแพนหาง

ซึ่งฝ่ายเริ่มก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบีมที่ทำใจกล้าหน้าด้าน เพราะชายหนุ่มมาดนักธุรกิจแกล้งทำเป็นไขสือ ราวกับอาการหึงหวงจะสั่นคลอนความทรงอำนาจที่สั่งสมไว้ บีมเลยต้องหลอมละลายท่าทางแสนน่าเอ็นดูนั้น แต่ทว่าผู้ทรงอำนาจก็ยังคงเป็นผู้ทรงอำนาจอยู่วันยังค่ำ ริมฝีปากของบีมจึงถูกลิ้มชิมจนบวมเจ่อ

“บีม แม่ไปก่อนนะลูก” แต่แล้วเสียงเคาะประตูและคำล่ำลาของแม่ก็ดับมโนภาพในวันวานจนหมดสิ้น บีมจึงลุกออกจากเตียง

“เดี๋ยวบีมเดินไปส่งที่รถครับ” บีมกล่าวพร้อมมุ่งหน้าไปยังบริเวณห้องนั่งเล่นเพื่อช่วยแม่ถือของไปยังลานจอดรถ
   

กระทั่งแม่เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ บีมก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังแอบแฝงความอึดอัดอยู่บ้าง แต่ก็นับได้ว่าบีมเริ่มปัดเป่าความขุ่นมัวเหล่านั้น นับตั้งแต่แม่เริ่มก้าวเข้าสู่โลกทั้งใบของบีม

“ดูเหมือนรถแม่จะเสีย รอซ่อมก็ไม่ได้ เพราะพ่อเพิ่งโทรมาบอกว่าตกบันได แถมงานของผู้ใหญ่บ้านก็ยังล้นมืออีก” หลังจากเสียเวลาสตาร์ทรถอยู่นาน พอสบโอกาสเจรจากับลูกชายเมื่อวางสายจากทางไกล สีหน้าเป็นกังวลของแม่ก็เริ่มเด่นชัด

“เดี๋ยวบีมไปส่ง.. อ่า แม่รอบีมเก็บเสื้อผ้าก่อนนะครับ” บีมเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว เพียงแต่เดิมทีตั้งใจจะไปส่งแม่ที่ท่ารถ แต่เพราะบีมเป็นห่วงพ่อ แถมบันไดบ้านก็ยังยกสูง หากตกลงมาคงถึงขั้นแข้งขาหัก บีมจึงคิดอยากจะกลับไปยังบ้านเกิด

“บีมไปส่งแม่ที่ท่ารถก็พอ อยู่ทางนี้จะได้ประสานงานกับอู่ซ่อมรถให้แม่ด้วย ถ้าหากรถซ่อมเสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวแม่ขึ้นมาเอาเอง” แม่รีบเปิดประตูลงจากรถพลางคัดค้านอย่างไม่เห็นด้วย

“แต่..” บีมเอื้อนเอ่ยได้เพียงแค่นั้นก็จนคำพูด เพราะแม่กำลังใช้สายตาห้ามปรามอย่างจริงจัง ซึ่งสายตาคู่นี้เป็นสายตาที่บีมคุ้นเคยมาตลอด

“ลางานกะทันหันแบบนี้ แม่กลัวว่าบีมจะมีปัญหากับบริษัท อีกอย่างพ่อเราขาหักคงต้องใช้เวลารักษาอีกนาน ยังไงแม่ก็รับมือได้” แม่กอบกุมฝ่ามือของบีมไว้พลางตบหลังมือเพียงเบา ๆ ราวกับส่งมอบความเชื่อมั่นเพื่อที่บีมจะได้สบายใจ บีมเลยได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำยอม เพราะลองแม่ออกปากแบบนี้ คงไม่ยินยอมให้บีมทำอะไรนอกลู่นอกทาง

“ถ้าอย่างนั้นบีมขึ้นไปเอากุญแจรถก่อนนะครับ”


บรรยากาศภายในรถยังคงเต็มไปด้วยความเงียบสงัด จนกระทั่งมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้ารถออกมาจากในซอย ส่งผลให้ตัวรถของบีมเสียหลักเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะทำให้ข้าวของกระจุยกระจาย เนื่องจากบีมมักจะวางกระเป๋าสตางค์ คีย์การ์ด และโทรศัพท์ไว้ตรงคอนโซลกลางสำหรับเท้าแขน

“ขับรถประสาอะไร..!” แม่สบถอย่างใส่อารมณ์ ขณะมองมาทางบีมราวกับต้องการจะตรวจตราว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บหรือไม่ กระทั่งสายตาหลุดเลื่อนออกจากสารถี สุ้มเสียงของแม่ก็เริ่มขาดหาย บีมจึงมองตามวิถีสายตาของผู้เป็นแม่ เลยทันมองเห็นเสี้ยวหนึ่งของหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่ว่าอย่างไรก็จดจำได้ เพราะวอลโฟนดังกล่าวคือภาพเปิดเปลือยแสนอนาจารของตัวเอง บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าตนเองกังวลเกี่ยวกับพ่อจนเผลอหยิบโทรศัพท์ผิดเครื่อง และที่ซวยไปกว่านั้นคือหน้าจอดันสว่างวาบขึ้นมาเอง

“บีม..” ทันทีที่แม่เอื้อนเอ่ย หัวใจของบีมก็ลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม ฝ่ามือพลันกอบกุมพวงมาลัยด้วยความแนบแน่น เนื้อตัวคล้ายกับออกอาการชาวาบเพราะความเคร่งเครียด

“ต่อไปเราต้องขับรถระวังหน่อยนะ เพราะถึงเราไม่ประมาท แต่เขาก็เป็นฝ่ายประมาท แม่ล่ะใจหายใจคว่ำ” แม่กล่าวพร้อมส่งยิ้มเป็นกังวลมาให้ บีมจึงมองจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของแม่ สลับกับวิถีจราจรอย่างครุ่นคิด เพราะบีมกำลังสงสัยว่าแม่มองเห็นวอลโฟนรูปนั้นหรือเปล่า แต่ทว่าแม่กลับไม่เผยพิรุธใด ๆ ออกมา

บีมจึงต้องทนอยู่กับความคิดมาก แม้ว่าเวลานี้แม่จะอยู่ในระหว่างการนั่งรถทัวร์กลับบ้านแล้วก็ตาม


ยิ่งความไม่กระจ่างติดอยู่ในใจมากเท่าไหร่ เจ้าของห้องเสื้ออิสระก็ยิ่งทำงานผิดพลาดมากเท่านั้น คอลเลกชันสำหรับปีหน้าจึงเกิดปัญหาล่าช้าอย่างไม่ทันคาดคิด บวกกับความห่วงหาที่มีให้กับผู้เป็นพ่อ ทำเอาบีมแทบจะสติแตก แต่ก็ไม่กล้าโทรไปสอบถามพวกท่าน

“คุณครับ” ท้ายที่สุดความคิดอันวุ่นวายก็ถูกช่างซ่อมรถทำลายลง

“ครับ ว่าไงครับ” หลังจากเรียกสติกลับคืนมาได้ บีมจึงเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น

“รถปกตินะครับ ผมเช็คดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีตรงไหนเสียเลยครับ” สิ้นคำยืนยันจากช่างซ่อม บีมก็ได้แต่นิ่งคิดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องออกอุบายแบบนี้ บีมเลยตัดสินใจพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเอง พบว่ารถก็ปกติดีตามที่ช่างยืนยัน เมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลานั้น บีมจึงเริ่มเอะใจเพราะแม่ไม่แม้แต่จะลงมาตรวจเช็คเครื่องยนต์ตามหลักที่ควรจะทำ อีกทั้งไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากบีม ซึ่งบีมก็พลาดตรงทีไม่ทันสังเกต เวลานี้หัวใจจึงหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก

“เป็นอะไรครับ ?” หลังจากบีมยืนเคว้งคว้างอยู่ที่ลานจอดรถประจำเพนท์เฮ้าส์อยู่เนิ่นนาน คุณนัทที่ลงมาดูช่างซ่อมเป็นเพื่อนจึงเอ่ยถามด้วยความใส่ใจ

“ผมแค่ไม่เข้าใจว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงต้องหลอกผมว่ารถเสีย” บีมกล่าวขณะที่ใบหน้ายังคงเคร่งเครียด หัวคิ้วจึงผูกติดกันอย่างไม่ต้องสงสัย

“คุณบอกผมว่าพ่อของคุณเพิ่งจะตกบันไดขาหัก บางทีแม่ของคุณอาจจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูกก็เลยลนลานหรือเปล่าครับ” คุณนัทแสดงความคิดเห็น ซึ่งบีมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า วินาทีที่แม่พบว่ารถสตาร์ทไม่ติดเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แม่กำลังคุยโทรศัพท์

“อาจเป็นไปได้มั้งครับ แต่เรื่องวอลโฟนผมก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี” บีมเอ่ยด้วยความกลุ้มใจพลางยกมือปิดบังใบหน้า

“คุณบอกผมว่าหน้าจอตะแคงมาทางคนขับ อีกทั้งแม่ของคุณก็ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านอะไร ผมคิดว่าท่านน่าจะไม่ทันเห็น เพราะจากที่คุณเคยเล่าเรื่องสมัยมัธยมให้ผมฟัง ท่านดูเป็นคนเข้มงวด ถ้าหากพบเห็นว่าคุณทำอะไรนอกลู่นอกทางน่าจะตักเตือนทันที” คุณนัทรั้งฝ่ามือของบีมพร้อมประคองใบหน้า ทำให้แววตาไม่สามารถหันมองสิ่งอื่นใด นอกจากใบหน้าคมคายของอีกฝ่าย ซ้ำยังบังคับโสตประสาทการรับรู้ให้เกิดการคิดวิเคราะห์จนเริ่มคล้อยตาม

“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ผมพาคุณไปพักผ่อนที่บ้านสวนดีไหมครับ คุณจะได้ปล่อยวางจากความเคร่งเครียดชั่วคราว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องหมายเลข 005 เอ่ยถามพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ บีมจึงคิดคำนวณความเป็นไปได้อย่างเร่งด่วน เพราะเวลานี้งานของบีมกำลังเกิดปัญหาในขั้นตอนของการดีไซน์ ดังนั้นหากได้ทำงานท่ามกลางความเงียบสงบของบ้านสวน ไอเดียดี ๆ อาจจะเกิดขึ้นไม่ยาก

“ก็ได้ครับ”


บีมกึ่งหลับกึ่งตื่นมาตลอดทาง เพราะการเดินทางในวันนี้ค่อนข้างกะทันหันจึงทำให้กว่าจะออกจากกรุงเทพไปยังสมุทรสาครก็ดึกมากแล้ว บวกกับบีมเป็นห่วงคุณนัทเลยคอยอยู่เป็นเพื่อนคุย แม้ว่าตาจะปรือจนสัปหงกไปหลายรอบแล้วก็ตาม

แต่ด้วยความที่ระยะห่างของทั้งสองพื้นที่ไม่ไกลกันมากนัก บีมจึงมาถึงสวนมะพร้าวไม่เกินเที่ยงคืน ซึ่งบรรยากาศโดยรอบยังคงเงียบสงัดไม่แปรเปลี่ยน แต่กระนั้นบีมกลับรู้สึกว่ามันเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่ง ความกังวลใจที่เคยมีจึงพลันห่างหายเพียงชั่วคราว

“คุณนัท!” บีมร้องเสียงหลงทันทีที่ปลายเท้าเหยียบย่างลงบนอาณาบริเวณของบ้านสวน แต่ทว่าข้อมือของบีมกลับถูกชักจูงโดยเจ้าของบ้านที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง สองเท้าจึงออกวิ่งไปยังโรงเรือนแห่งหนึ่ง ขณะที่ชายหนุ่มจู่ ๆ ก็ทำตัวเป็นเด็กแล้วหันมาห้ามปรามไม่ให้ส่งเสียงดัง มิหนำซ้ำปลายนิ้วชี้ยังแนบชิดริมฝีปากประกอบใจความที่ต้องการจะสื่อ

“ทำอะไรครับ ?” บีมกระซิบถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นคุณนัทลากเรือลำหนึ่งออกมาจากโรงเรือนด้วยความระมัดระวัง

“พาคุณไปคลายเครียด” คุณนัทขยับเข้ามากระซิบชิดริมหู จากนั้นก็นำลำเรือลงสู่คูน้ำ เพียงแต่เรือลำดังกล่าวกลับมีรูปร่างแปลกตา เพราะด้านหลังมีท่อพีวีซีทรงสูงยื่นออกมาสี่ท่อ อีกทั้งยังมีเครื่องยนต์ราวกับเป็นแรงผลักดันน้ำ ซ้ำยังมีพวงมาลัยให้บังคับทิศทางตามใจหมาย บีมจึงคาดคะเนด้วยตัวเองว่า เรือลำนี้คงจะเป็นเรือรดน้ำที่เกษตรนิยมใช้


ทันทีที่เครื่องยนต์เปล่งเสียง ตัวเรือก็เริ่มขับเคลื่อน จากนั้นละอองน้ำจึงซ่านกระเซ็นไปทั่วบริเวณ แต่ทว่าความมืดมิดกลับไม่เป็นอุปสรรค เพราะแสงจันทร์เบื้องบนกำลังสาดส่องลงมายังคูน้ำเบื้องล่าง ลอดผ่านกิ่งก้านสาขาของมะพร้าวต้นใหญ่

“ใครเค้ารดน้ำต้นไม้ตอนห้าทุ่มกันครับ” บีมที่นั่งอยู่บนกระดานไม้อันเป็นที่นั่งแสนประหยัดบนลำเรือเอ่ยแย้ง แม้ว่าริมฝีปากจะกำลังวาดเป็นรอยยิ้มก็ตามที แต่กระนั้นฝ่ามือกลับให้ความร่วมมือกับเจ้าของความคิดอย่างเต็มที่ การประคับประคองลำเรือจึงกลายเป็นหน้าที่ของคนสองคน

“แล้วคุณชอบหรือเปล่าครับ ?” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านสวนเอ่ยถาม

“...” บีมไม่ได้ตอบคำถามโต้ง ๆ แต่กลับจ้องมองนัยน์ตาสีนิลของคนข้างกายพลางเม้มริมฝีปากอย่างสุดความสามารถ ขณะที่ฝ่ามือกลับค่อย ๆ ลดระยะห่างของพวงมาลัย จนกระทั่งซ้อนทับลงบนฝ่ามือของคุณนัท

“ขอบคุณนะครับ” บีมเอ่ยเพียงสั้น ๆ โดยไม่ต้องขยายความ แต่ก็มั่นใจว่าคุณนัทจะเข้าใจความนัยของคำคำนี้ พร้อมเอนศีรษะพิงลาดไหล่อันกว้างขวางด้วยความผ่อนคลาย


ทว่าทันทีที่บีมเงยหน้าสำรวจรอบกายอีกครั้ง ปรายหางตากลับฉายภาพของหญิงสาวในชุดไทยสีทองอร่าม เส้นผมของเธอดูเหมือนจะยาวสยาย ขนแขนของบีมจึงลุกชันอย่างไม่ต้องพิจารณาให้มากความ เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะพบเจอหญิงสาวในลักษณะนี้ที่สวนมะพร้าวอันเงียบสงัด

“คุณนัท” บีมเอ่ยเรียกอีกฝ่ายพลางขยับกายแนบชิดพร้อมปรายตามองไปยังทิศทางดังกล่าวไม่ลดละ ราวกับหวาดกลัวว่าภาพที่เห็นจะสลายหายไป อีกทั้งบรรยากาศก็ช่างเป็นใจ เพราะทันทีที่บีมเปิดปากพูด เสียงหมาหอนก็ดังระงมไปทั่วสวนมะพร้าว ซึ่งบีมไม่เคยเห็นสุนัขในไร่ของคุณนัทสักตัว

“เมื่อครู่.. ผมเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทย” บีมกระซิบกระซาบพลางบดเบียดเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้น เพราะเวลานี้บีมเริ่มจะขนลุกขนชันจริง ๆ แล้ว

“หืม ?” แต่ทว่าเจ้าของบ้านสวนกลับส่งเสียงในเชิงงุนงงตอบกลับมา

“คุณไม่เห็น ?” บีมเอ่ยถามพลางกวาดสายตามองรอบบริเวณด้วยอาการหน้าถอดสี เพราะบีมเป็นโรคกลัวผีขึ้นสมอง   

“ไม่เห็นครับ” สิ้นคำตอบอันแสนสั้น กลับเขย่าหัวใจของบีมอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามืออันสั่นเทาจึงควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงด้วยความเร่งด่วน จากนั้นไฟฉายสีขาวก็ส่องสว่างอยู่รอบกาย


เวลานี้แม้แต่เสียงเครื่องยนต์อันสม่ำเสมอของลำเรือก็ไม่อาจลดทอนความหวาดผวาของบีมได้ เพราะยิ่งรอบกายโอบล้อมด้วยความมืดมิด ขนแขนก็พร้อมที่จะลุกชัน เนื่องจากรัศมีของแสงสว่างไม่อาจสาดส่องทั่วแปลงปลูกมะพร้าวหลายร้อยไร่ บีมจึงบอกให้คุณนัทพากลับฝั่ง แต่ใครจะรู้ว่าที่มุมหัวโค้งจะมีหญิงสาวชุดไทยสีเขียวมะนาวยืนรออยู่ เจ้าของห้องเสื้อจึงแหกปากลั่นด้วยความเสียขวัญ

ฝ่ามือของคุณนัทจึงปิดกลั้นเสียงร้องอย่างสุดความสามารถ ดวงตาของบีมจึงได้แต่กระพริบปริบ ๆ ขณะมองไปยัง ‘หุ่นไล่ขโมย’ ตรงหน้า

“คุณนัท!” กระทั่งได้สติบีมจึงดึงฝ่ามือของคุณนัทออกจากริมฝีปาก พลางเอ่ยเรียกแกมดุ ขณะที่ฝ่ามือก็ฟาดไปยังลำตัวของคนขี้แกล้งไม่ยั้ง

“คุณ! เดี๋ยวเรือล่ม ขวัญเอยขวัญมา ผมผิดไปแล้วครับ” ชายหนุ่มมาดทะเล้นอาศัยทีเผลอรั้งตัวบีมเข้ามายังอ้อมกอด ซ้ำยังใช้ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้เรือนผม ขณะที่ริมฝีปากกลับแต้มจูบทั่วใบหน้าของฝ่ายถูกแกล้งต่อหน้าต่อตาหุ่นไล่ขโมยสุดสยอง บีมจึงได้แต่ทำเป็นปัดป้อง แม้ว่าหัวใจจะเริ่มอ่อนข้อตั้งแต่ที่ได้รับรอยยิ้มในเชิงสารภาพผิด

“ดีกันนะครับ” นัทยื่นนิ้วก้อยออกไปตรงหน้าคนรัก พร้อมกระดิกไปมาราวกับเร่งรัดคำตอบ ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างต้องประคองพวงมาลัยอย่างระมัดระวัง ลาดไหล่กว้างขวางจึงคอยกระแซะคนใกล้ตัวเป็นระยะ

“นะครับ ที่รัก..” สิ้นคำออดอ้อนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของชายหนุ่มมาดนักธุรกิจ บีมก็ได้แต่แย้มยิ้มพร้อมหันหน้ามองออกไปนอกลำเรือ โดยปราศจากความหวาดระแวงเรื่องผีสางเป็นปลิดทิ้ง

“นะ” บีมหลุดหัวเราะในลำคอเพียงเบา ๆ ก่อนจะทำหน้าเก๊กขรึมอย่างสุดความสามารถ เพราะบีมอยากเห็นด้านที่น่าเอ็นดูของอดีตชายหน้าเดียวอย่างคุณนัทนาน ๆ เนื่องจากตัวตนแบบนี้มักจะแสดงออกแค่ที่บ้านสวน คงเพราะที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำอันมากมาย ผู้ชายคนนี้ถึงได้กล้าปล่อยวางมาดนิ่ง ๆ จนหมดสิ้น

แต่ทว่าบรรยากาศอันอบอวนไปด้วยการง้องอนระหว่างคนรัก กลับจบลงที่การไล่ล่าหัวขโมยกลุ่มหนึ่ง คุณนัทจึงกระโจนขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว บีมเลยรีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปยังโรงเรือนอย่างกระชั้นชิด

“คุณนัทระวัง!” บีมแผดเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อหนึ่งในโจรชั่วกลับชักมีดคมกริบออกมาจากที่ซ่อน


--------------------------✁

เรือรดน้ำต้นไม้เป็นแบบนี้ค่ะ จินตนาการให้มันกว้างกว่านี้เข้าไว้ จะได้นั่งสองคนได้ 555
https://imgur.com/shGsVVz

วันนี้มาอัพเร็วหน่อย เพราะเป็นช่วงเดินเรื่องไม่ต้องแก้อะไรเยอะ 555 ส่วนคุณแม่คืออะไรยังไง เห็นหรือไม่เห็นนนนน น้องบีมเครียดแย้ว และใช่ค่ะความหวานถูกดับด้วยโจรปล้นสวน T[]T

ตอนหน้าจะเกี่ยวกับการแสดงมัดเชือกชิบาริค่ะ มันคือศิลปะอย่างหนึ่งได้เหมือนกัน แล้วก็อยากจะบอกว่าอีก 3 ตอนจะหมดสต๊อกแล้วค่ะ~ หลังจากนั้นเรายังไม่แน่ใจว่าจะลงได้ถี่แค่ไหน ขอดูความเร็วในการเขียนของตัวเองก่อนน้า

ปล. ถ้าหากเป็นไปได้รบกวนช่วยติดแท็กรีวิวให้เราหน่อยน้า คนอื่นจะได้เห็นนิยายของเราเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้ทวิตนิยายของเรามันเป็นอะไรไม่รู้ค่ะ ทวิตเกี่ยวกับเรื่องนี้ทีไรมันไม่ขึ้นในแท็กใด ๆ เลย เราคิดว่าถ้าไม่ฟอลเราไว้ก็น่าจะไม่เห็น หาทางแก้ก็ไม่ได้ T[]T
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 18 (update 12/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 11-12-2019 20:49:22
โธ่ววว โจรจะมาทำไมตอนนี้ 55555
ขอให้คุณนัทปลอดภัยเด้อออ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 18 (update 12/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-12-2019 21:53:27
แม่ต้องรุ้อะไรแน่ๆอ่ะ เครียดเรื่องแม่ต้องมาเครียดเรื่องโจรต่ออีกอย่าเจ็บตัวเลยนะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 19 (update 12/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 12-12-2019 21:21:50
ตอน 19


แม้การเล่นบทตำรวจจับโจรอย่างกะทันหันจะผ่านพ้นไปหลายวันแล้ว แต่ภาพที่คุณนัทพลาดท่าเสียทีถูกหนึ่งในโจรกลุ่มนั้นลอบทำร้ายด้วยความฉิวเฉียดก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่แปรเปลี่ยน จนบางครั้งบีมนึกโทษตัวเองที่ออกตัววิ่งช้าจนเกินไปเลยทำให้กว่าจะถึงตัวของอีกฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บไปแล้ว

เวลานี้บีมจึงนั่งทำแพทเทิร์นไปถอนหายใจไป ซึ่งการทำแพทเทิร์นเสื้อผ้าในแต่ละครั้ง บีมจะเลือกใช้แพทเทิร์นแบบสำเร็จรูปแทนแพทเทิร์นแบบรายบุคคล เพราะการตัดเย็บเสื้อผ้าทีละมาก ๆ ต้องใช้ไซส์ที่เป็นมาตรฐานใกล้เคียงกัน เจ้าของห้องเสื้ออิสระจึงเลือกอ้างอิงไซส์ตามหลักสากล 

“แผลเป็นยังไงบ้างครับ ?” ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน บีมจึงเงยหน้ามองไปยังต้นเสียง พบว่าเด็กส่งอาหารประจำตัวกำลังนำมื้อกลางวันมาให้ จึงถือโอกาสถามไถ่เกี่ยวกับบาดแผล แม้ว่าบีมจะเป็นคนทำความสะอาดให้ก็ตามที
“ดีขึ้นแล้วครับ ไม่ค่อยเจ็บแล้ว” คุณนัทเอ่ยตอบพลางส่งยิ้มในเชิงบอกกล่าวว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะการที่คุณนัทหลบหลีกคมมีดจนทำให้วิถีการแทงกลับกลายเป็นฉิวเฉียดก็นับว่าบีมปกป้องคนรักได้ดีแล้ว

“อาทิตย์หน้าจะมีการโชว์มัดเชือกชิบาริ  ผมซื้อบัตรมาสองใบ ไปดูด้วยกันนะครับ” คุณนัทเชื้อเชิญพลางเลื่อนกระดาษแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้าส่งมาให้ บีมจึงรับมาพิจารณาด้วยความสนใจ เพราะบีมไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีการแสดงโชว์ในลักษณะนี้ ซึ่งศิลปินที่มาแสดงโชว์คงเป็นชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในแวดวงดังกล่าว

“อื้ม” บีมตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด เพราะเดิมทีบีมก็รู้สึกสนใจศาสตร์นี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งทั้งชีวิตบีมเคยรับมือแต่การมัดแบบ ‘Decorative Bondage’ หรือการมัดเพื่อความสวยงาม เช่น มัดเป็นเครื่องแต่งกาย บรา หรือ กางเกงชั้นใน กับ ‘Floor Bondage’ หรือการมัดบนพื้น แต่การมัดแบบ ‘Suspension Bondage’ หรือการมัดแบบแขวนลอยเหนือพื้นโดยมีเชือกรองรับบีมยังไม่เคยสัมผัส แม้ว่ามันจะอยู่ในขอบเขตที่เคยตกลงกับคุณนัทก็ตามที


จากนั้นมื้อกลางวันระหว่างคนทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยความเงียบงัน เพราะความสนใจของบีมถูกแบ่งปันไปยังโทรศัพท์ส่วนตัวไม่ขาดสาย เนื่องจากนับตั้งแต่แม่กลับไปยังบ้านเกิดก็ขาดการติดต่อจนเกือบจะครบอาทิตย์ บีมจึงกลับมาเดินละเมออีกครั้ง เพราะการที่แม่เงียบหายไปแบบนั้น มันทำให้บีมใจคอไม่ดี ช่วงนี้คุณนัทเลยพยายามเอาใจใส่เป็นพิเศษ ซึ่งการซื้อบัตรเข้าร่วมการแสดงชิบาริก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้น

“รีบกินเถอะครับจะบ่ายโมงแล้ว” ทันทีที่ฝ่ามือของคุณนัทกอบกุมหลังมือของบีมที่กำลังสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ครั้งแล้วครั้งเล่า บีมก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ริมฝีปากที่ไม่เคยแย้มยิ้มจึงพลันเปล่งประกายเป็นครั้งแรก แต่ยังคงให้ความรู้สึกไร้ซึ่งความสดใส

แต่ทว่ารอยยิ้มดังกล่าวกลับทำให้นัทโล่งใจขึ้นมาบ้าง


กระทั่งวันงานดำเนินมาถึง ผู้ชมที่มีบัตรผ่านทางจึงมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น ทั้งคู่เลือกนั่งตรงส่วนกลางเวทีที่มีการสร้างฉากจำลองราวกับจะนำพาผู้ชมก้าวเข้าสู่ยุคเมจิ จากนั้นแสงไฟก็เริ่มริบหรี่เป็นสัญญาณเริ่มการแสดง

บนเวทีปรากฏชายผู้หนึ่งในชุดยูกาตะ กำลังนั่งดีดเครื่องดนตรีพื้นบ้านอย่าง ‘บิวะ’ ด้วยความเชื่องช้า จากนั้นตรงกลางเวทีก็ถูกร่างของชายวัยกลางคนที่กำลังควบคุมหญิงสาวในชุดยูกาตะสีบานเย็นให้ทรุดตัวลงนั่ง โดยที่ข้อมือของเธอถูกพันธนาการไพล่หลังด้วยเชือกสีแดงสด ขณะที่เกลียวเชือกอันทอดยาวก็ผูกคล้องไว้กับโครงเหล็กทรงสูง

ไม่นานผ้าเช็ดหน้าผืนบางก็ถูกใช้ต่างบอลแก๊กและยังใช้ผ้าอีกผืนบดบังเครื่องหน้าไปกว่าครึ่งของนางแบบ จากนั้นศิลปินผู้เชี่ยวชาญก็ปลดเปลื้องชุดยูกาตะชั้นนอกของผู้ถูกพันธนาการด้วยความอ้อยอิ่ง แต่ทว่ากลับดูหนักแน่นอยู่ในที

บีมจึงเริ่มเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อศิลปินท่านนั้นกำลังลากไล้ฝ่ามือเข้าไปยังตัวเสื้อสีขาวของนางแบบ ราวกับจะปลุกเร้าอารมณ์ของการแสดงให้น่าตื่นเต้น จากนั้นเชือกสีแดงเพลิงก็พันรอบกายของหญิงสาวตั้งแต่ทรวงอกจนมาถึงบั้นเอว ก่อนจะผลักไสร่างอรชรให้เอนเอียงไปยังด้านข้าง เพื่อเปิดเผยความงดงามทางด้านศิลปะของศาสตร์การมัดเชือกชิบาริ

ขณะที่บีมกลับรู้สึกอยากลิ้มลองรสชาติของการถูกพันธนาการด้วยวิธีดังกล่าว เพราะเวลานี้เรือนร่างขาวผ่องสะท้อนแสงไฟสีเหลืองนวลกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศด้วยเชือกเส้นยาวที่ไม่ได้พันธนาการเพียงแค่ช่วงบน เพราะเรียวขาเล็กยังถูกแต่งแต้มด้วยเกลียวเชือกอันน่าหลงใหลจนถึงปลายเท้า

จากนั้นเรือนผมที่เคยปักปิ่นก็เริ่มยาวสยายจนถึงเบื้องล่าง เนื่องจากวิถีของการลอยล่องกลางอากาศ กำลังแปรเปลี่ยนเป็นห้อยหัวลงสู่พื้นเวที จากนั้นเรือนผมก็ถูกรวบตึงด้วยเชือกสีแดงเส้นยาวอย่างไม่ปรานี

แต่ทว่าร่างกายของนางแบบกลับถูกปลดปล่อยให้แนบลงกับพื้น โดยที่เรียวขายังคงถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา เกลียวเชือกที่เคยพันรัดช่วงบนจึงถูกศิลปินผู้มีชื่อเสียงบรรจงปลดเปลื้องด้วยความแช่มช้า แต่กระนั้นก็ยังให้ความรู้สึกเร่าร้อน อาจเพราะสีหน้าของนางแบบกำลังเคลิบเคลิ้มราวกับลอยล่องสู่สรวงสวรรค์

จินตนาการของบีมจึงเริ่มเตลิด เพราะบีมอยากถูกคุณนัทพันธนาการแบบนั้นบ้าง อีกทั้งยังอยากถูกคุณนัทส่งมอบน้ำตาเทียนอันร้อนระอุลงบนเรียวขาไม่ต่างกับการแสดงดังกล่าว เพียงแต่ทันทีที่หญิงสาวผิวขาวราวกับหยกถูกศิลปินผู้มีชื่อเสียงฟาดสะโพกเร้าอารมณ์อย่างไม่ปรานี ความต้องการของบีมก็ยิ่งเด่นชัด

กระทั่งการแสดงสิ้นสุดลง ทั้งคู่จึงอยู่ทักทายบุคคลที่มีรสนิยมแบบเดียวกันที่รู้จักผ่านงานมันช์ครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนัทก็พาบีมไปทานมื้อเย็นที่ค่อนไปทางดึก เพราะการแสดงโชว์ในวันนี้ค่อนข้างกระชั้นชิดกับเวลาเลิกงานของบีมพอสมควร

ครั้นอิ่มท้องสารถีผู้เอาใจใส่ก็พาบีมไปเดินย่อยอาหารที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับเขตพื้นที่ที่มีการแสดงโชว์ ทั้งคู่จึงก้าวเดินอยู่บนสะพานไม้อันทอดยาวลงสู่หนองน้ำที่มีเป็ดยักษ์ลอยล่องอยู่ในนั้น ขณะที่ตัวสะพานจะมีจุดเด่นอยู่ตรงเสาชิงช้า

“ผมอยากไปลงเรียนศาสตร์การมัดเชือกอีกสักคอร์ส” คุณนัทเป็นฝ่ายเกริ่นนำพร้อมกอบกุมฝ่ามือของบีมไว้ ขณะที่สองขายังคงก้าวเดินอย่างเอื่อยเฉื่อย

“แต่จากที่ผมรู้สึกได้ ดูเหมือนคุณจะเคยเรียนมาหลายคอร์สแล้วนะครับ” บีมแสดงความคิดเห็นพลางปัดปอยผมที่ลู่ไปตามสายลมเย็นฉ่ำในยามค่ำคืน

“เพราะคุณเป็นคนสำคัญ ผมเลยอยากเรียนให้ชำนาญกว่านี้” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจบอกกล่าวอย่างไม่คิดปิดบัง ซ้ำยังมองจ้องมายังนัยน์ตาของบีมด้วยความลึกซึ้ง หัวใจของบีมจึงรู้สึกอบอุ่น เนื่องจากอีกฝ่ายกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยเป็นส่วนสำคัญ

“คุณคงไม่รู้..” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเปิดประเด็นก่อนจะเงียบเสียงไปพักใหญ่ จากนั้นปลายเท้าก็หยุดการก้าวเดิน โดยที่ทั้งคู่หันหน้าเข้าหาเป็ดยักษ์สีเหลืองอร่ามที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางหนองน้ำล้อมรอบด้วยกอบัวหลากสี

“ยิ่งความสัมพันธ์ของเราลึกซึ้งมากเท่าไหร่ ผมกลับยิ่งเป็นกังวลมากเท่านั้น ความรู้สึกไม่ต่างกับตอนที่ผมเริ่มเพลย์ในฐานะดอมเป็นครั้งแรก” บีมจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคุณนัทแน่นิ่ง พบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายแสดงความเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ที่ผ่านมาการเพลย์ระหว่างเราก็ราบรื่นดีนะครับ เพราะผมเชื่อใจคุณและคุณก็รับรู้มันได้ เราสองคนเลยต่างก็มีความสุข” บีมเอื้อนเอ่ยอย่างหนักแน่นพร้อมเอนพิงช่วงตัวของอีกฝ่ายในเชิงออดอ้อน

“สำหรับผมคุณทำได้ดีแล้วนะ แต่ถ้าหากคุณอยากจะเรียนอีกสักคอร์ส ผมก็พร้อมจะไปกับคุณด้วย เพราะผมก็อยากให้คุณพันธนาการผมเหมือนกับโชว์ในวันนี้ อีกอย่างผมยังไม่เคยลองเพลย์แบบมัดแขวนเลยสักครั้ง แต่หลังจากที่ดูโชว์จบ ผมกลับเฝ้ารอให้คุณพันธนาการผม และยังคิดแหกกฏของตัวเองที่เคยบอกว่าไม่ชอบการมัดแบบห้อยหัว” บีมบอกกล่าวความต้องการอย่างชัดแจ้งพร้อมส่งยิ้มให้คนรักเพียงเล็กน้อย และมันก็ทำให้ชายหนุ่มหน้าเดียวเริ่มเสียอาการจนต้องวาดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม

“คุณอยากให้ผมโรลเพลย์ แบบไหนดีครับ หรือคุณชอบการเพลย์แบบปกติที่ไม่ต้องสวมบทบาท” คุณนัทเอ่ยถามความคิดเห็น อาจเพราะที่ผ่านมาบีมได้เรียนรู้การเพลย์จากคุณนัททั้งสองรูปแบบ

“อันที่จริงผมก็ชอบทั้งสองแบบนะครับ แต่การโรลเพลย์ดูเหมือนจะกระตุ้นอารมณ์ได้ดีกว่า เพราะมันคือการละทิ้งตัวตนของเราไป” บีมเอ่ยตอบตามความรู้สึก เนื่องจากคุณนัทมักจะแสดงด้านที่อ่อนโยนขณะเพลย์แบบปกติอยู่บ่อยครั้ง

“มีอะไรที่คุณอยากลองนอกเหนือจากที่เคยบอกผมหรือเปล่าครับ” คุณนัทสอบถามอย่างเอาใจใส่

“อันที่จริงผมคิดว่าการแสดงชุดที่สองก็น่าสนใจอยู่นะครับ เพียงแต่ผมยังใจไม่กล้าพอ” บีมกล่าวพลางทำหน้ามู่ทู่ เพราะการแสดงชุดที่ว่าเกี่ยวกับการ ‘เบลด เพลย์’ หรือการใช้ของมีคมทุกชนิดกระตุ้นความรู้สึกทางร่างกายและจิตใจ 

“เท่าที่ผมรู้มาการเบลดเพลย์ไม่จำเป็นต้องสร้างบาดแผลเสมอไป อีกทั้งคมมีดยังขึ้นอยู่กับรูปแบบและวัตถุประสงค์ของการใช้งานด้วยครับ อย่างเช่น เป้าหมายคือการกระตุ้นประสาทสัมผัสโดยที่ไม่สร้างความเจ็บปวดก็จะเล่นกับความรู้สึกของคมมีดและความเยียบเย็นของโลหะที่ลากไปตามร่างกาย ดังนั้นมีดที่ใช้ก็ควรจะเป็นมีดที่ไม่มีความคม”

“แต่ถ้าต้องการให้ร่างกายเกิดร่องรอยจากการเพลย์ โดยมีเลือดซึมออกมาบ้างก็ต้องใช้มีดปลายแหลมที่มีความคมครับ หรือถ้าหากคุณสนใจที่จะสร้างบาดแผลโดยให้มีเลือดไหล อย่างเช่น การเลาะผิวหนังเพื่อสร้างลวดลาย ก่อนเพลย์คงต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสักคอร์สจะได้สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง เพราะมีดที่ใช้จะเป็นมีดสำหรับการผ่าตัดครับ บอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยชอบแบบที่อีกฝ่ายต้องเลือดตกยางออกสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณอยากลองผมก็ไม่ห้าม” จากคำอธิบายของคุณนัททำให้บีมเริ่มมองภาพออกมากขึ้น เพราะเวลาที่นึกถึงมีดก็มักจะมาพร้อมกับเลือดเสมอ

“ผมเองก็ไม่อยากให้ผิวเป็นแผลถาวรสักเท่าไหร่ ถ้าหากเพลย์แบบใช้มีดที่ไม่มีความคมน่าจะพอรับได้” บีมใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ก่อนจะเอื้อนเอ่ยอย่างจริงจัง เพราะการเบลดเพลย์มันดูน่าตื่นเต้น แต่ในใจลึก ๆ บีมก็ยังหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน

“การเพลย์แบบนี้ถึงมันจะเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ แต่ก็ถือว่าอันตรายมากครับ ถ้าหากเราคิดจะเพลย์กันจริง ๆ ผมอยากให้รอปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีกว่า เราสองคนจะได้เชื่อใจกันและกัน โดยที่ไม่มีความหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยอยู่ในส่วนลึก เพราะไม่อยากนั้นมันอาจจะเกิดความผิดพลาด” สิ้นคำพูดดังกล่าวบีมจึงพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
 

“ครั้งต่อไปคุณอยากลองเพลย์ในบทบาทไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” คุณนัทยังคงเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่ ขณะก้าวเดินกลับไปยังลานจอดรถ สองแขนของคนสองคนจึงแกว่งไกวราวกับเด็ก

“ตอนเด็ก ๆ ผมเคยเรียนบัลเล่ต์กับพี่แก้วตอนช่วงปิดเทอมใหญ่ เพราะครอบครัวนั้นไม่ใช่คนในพื้นที่ครับ ที่นั่นคงเป็นบ้านพักตากอากาศหรือไม่ก็บ้านของคุณย่านี่แหละครับ ผมก็เริ่มจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่างานแต่งงานของพี่แก้วจะจัดขึ้นที่นั่น ไม่แน่ผมอาจจะจำเรื่องราวของเพื่อนเล่นสมัยเด็กผิดก็ได้ แต่ผมยังจำได้แม่นว่าช่วงนั้นเท้าของผมยับเยินจนมั่นใจได้เลยว่า ถ้าหากคุณนัทมาเห็นจะต้องตกใจมากแน่ ๆ ตอนนั้นผมเลยใส่ถุงเท้าตลอดเวลาที่อยู่ในบ้าน แต่เพราะท่าเดินของผมไม่ค่อยปกติ พ่อกับแม่ก็เลยจับได้”

“พอท่านรู้ว่าผมสนใจการเต้นแบบนี้ ท่านก็สั่งห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะการเต้นบัลเล่ต์ในสายตาของพ่อกับแม่ไม่เหมาะกับผู้ชาย พอมาลองคิดดูแล้ว รสนิยมเกี่ยวกับการชอบใส่เดรสของผู้หญิงน่าจะมีจุดเริ่มต้นมาจากตรงนี้มากกว่า”

“หืม ?” คุณนัทย้อนถามในลำคอด้วยความสงสัย

“เพราะผมเคยลองใส่ชุดบัลเล่ต์ของพี่แก้วครับ ผมเลยรู้สึกชอบความพลิ้วไหวของกระโปรงตอนที่ใช้ปลายเท้าหมุนตัว จากนั้นผมก็เริ่มให้ความสนใจกับเพศเดียวกันโดยไม่รู้ตัว พอคิด ๆ ดูแล้ว สาเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ไม่พอใจ เรื่องที่ผมอยากจะเป็นดีไซเนอร์ก็คงเริ่มมาจากจุดนี้” บีมเอื้อนเอ่ยพลางถอนใจ

“แต่ก็เหลือเชื่อนะครับ พ่อกับแม่ผิดใจกับบ้านนั้นมาตั้งนาน สุดท้ายกลับยอมไปร่วมงานแต่งของพี่แก้ว” บีมบอกเล่าด้วยความไม่เข้าใจ เพราะปมขัดแย้งในอดีตหนักหนาจนถึงขั้นห้ามไม่ให้เพื่อนต่างวัยไปมาหาสู่กัน

“คงเพราะพ่อของคุณคือผู้ใหญ่บ้านด้วยมั้งครับ” คุณนัทแสดงความคิดเห็น ซึ่งบีมก็ค่อนข้างเห็นด้วย

“เอาเป็นว่าเพลย์ครั้งหน้าตกลงตามนี้นะครับ” คุณนัทเอ่ยถามราวกับต้องการเปลี่ยนเรื่อง คงเพราะจับสังเกตได้ว่าเรื่องในอดีตมักจะทำให้บีมซึมเซาไปชั่วขณะ

“ครับ” บีมจึงได้แต่ตอบรับพร้อมส่งรอยยิ้มเพียงบาง ๆ กลับไป แม้ว่าในใจจะยังเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายให้ต้องขบคิด


--------------------------✁   


[1] ชิบาริ (Shibari) คือศาสตร์แห่งการมัดเชือก เพื่อตอบสนองรสนิยมทางเพศแบบ BDSM มีการวางบทบาทของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในจุดประสงค์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโชว์แนวศิลปะและการบำบัด ในอดีตนับตั้งแต่สมัยเอโดะ เรียกกันว่า ‘คินบาคุ’ เพียงแต่เหล่าซามุไรจะนำเชือกมาใช้ในการมัดอาชญากรหรือเชลยเพื่อไม่ให้หลบหนี

[2] บิวะ (Biwa) เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด มีลักษณะคล้ายลูกแพร์ญี่ปุ่น ปกติจะมี 4-5 สาย ส่วนคอมีขนาดสั้นและเล็ก ใช้แท่งไม้ที่เรียกว่าบัตจิ (batchi) เป็นเครื่องมือในการบรรเลงเหมือนกับคันชักของไวโอลิน https://imgur.com/YuFyz5g

[3] โรลเพลย์ (role play) คือ การแสดงไปตามบทบาทสมมติ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือแม้แต่สถานที่ก็ช่วยให้เกิดความสมจริง


บทความที่เกี่ยวข้อง

- Blade/Knife Play (เบลด/ไนฟ์ เพลย์)

http://bit.ly/36rD43f/ http://bit.ly/38vQc9x / http://bit.ly/2YMHLSH

- Bondage : การพันธนาการ http://bit.ly/2qh872w


ใครอยากรู้ข้อมูลอย่างละเอียดลองไปอ่านกันดูนะคะ เพราะในนิยายเราไม่ได้ใส่ทั้งหมดลงไป เพียงแต่พูดถึงคร่าว ๆ ให้รู้ว่ามันมีรูปแบบไหนบ้าง เพราะขึ้นชื่อว่าใช้ของมีคมเพลย์ ในหัวเราจะคิดทันทีว่ามันต้องมีเลือดแน่ ๆ แต่จริง ๆ มันมีแบบไม่มีแผลด้วยค่ะ เป็นกิมมิคที่อยากให้เปิดโลกไปด้วยกัน แต่ถ้าในอนาคตมีเขียนก็อาจจะใส่ข้อมูลลงไปมากกว่านี้นิดนึง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเขียนการเบลดเพลย์มั้ย 555

ส่วนตอนหน้าอาจจะยังไม่มาในเร็ววันนี้ค่ะ เพราะเราแก้ใหม่แบบโละของเก่าทิ้งเกือบทั้งหมด เหลือแค่ใจความสำคัญของซีนนิดหน่อย อีกอย่างมันค่อนข้างเป็นซีนใหญ่น่าจะแก้นาน แหะๆ ส่วนปมของน้องบีมนั้นนนนน โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล. อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า แงง เขียนไปเขียนมารู้สึกว่าฉากเพลย์เริ่มเยอะ กลัวคนอ่านจะเบื่อด้วยค่ะ เพราะเราอ่านเองรู้สึกมันเฉย ๆ แล้วก็แอบเอะใจกับตัวเองด้วยว่าเนื้อเรื่องมันวนอยู่กับที่มั้ย แต่จริง ๆ เรากำลังเปิดปมน้องบีมไปเรื่อย ๆ อยู่ ถ้าถึงจุดนึงน่าจะมองกันออก สงสัยเราคงตรวจ ๆ แก้ ๆ จนเอียนเอง T[]T
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 19 (update 12/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-12-2019 14:59:40
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 19 (update 12/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-12-2019 16:02:23
รอค่ะรอ ชอบอ่านลุ้นตามไปด้วยยังกะจะเพลย์เอง
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 20-21 (update 18/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 18-12-2019 20:35:28
ตอน 20

ช่วงนี้หน้าที่การงานของบีมเริ่มจะเข้าที่แล้ว เพราะบีมเลือกใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการออกแบบแพทเทิร์นเสื้อผ้า แทนที่จะใช้การวาดแพทเทิร์นลงในกระดาษทำแพทเทิร์น เนื่องจากวิธีหลังนักออกแบบจะต้องวัดและกำหนดขนาดองค์ประกอบในแต่ละส่วนของเสื้อผ้าด้วยตนเอง ซึ่งวิธีแรกจะมีโปรแกรมคอยคำนวณให้
 
ด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยมั่นคง บีมจึงยอมเลือกใช้วิธีสำหรับมือใหม่ โดยโปรแกรมที่บีมเลือกใช้คือ ‘CAD Pattern Design’ ส่งผลให้ขั้นตอนของการทำงานลุล่วงมาจนถึงการสร้างตัวอย่างแรก ซึ่งในขั้นตอนนี้บีมไม่อาจหอบหิ้วกลับมาทำที่ห้อง เพราะการตัดเย็บไม่ค่อยสะดวกขนไปขนมา

บวกกับบีมเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับศาสตร์การมัดเชือกแบบชิบาริอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าโชคดีมาก เพราะในช่วงนี้มีการเปิดครอส์อยู่พอดี ส่งผลให้เวลาว่าง ๆ โรปท็อป อย่างคุณนัท มักจะใช้ร่างกายของบีมเป็นแหล่งฝึกฝน และยังช่วยให้บีมได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น
 
ความโดดเดี่ยวอ้างว้างกังวลใจเลยแสดงออกมาโดยที่คุณนัทรับรู้ทุกอย่าง อีกฝ่ายจึงคอยปลอบโยนด้วยคำเรียบง่าย ว่า ‘คุณยังมีผมอยู่’ ส่งผลให้บีมถึงกับร้องไห้น้ำตานองหน้า เพราะความอ่อนแอที่พยายามกักเก็บกำลังถูกปลดปล่อย เพื่อที่ใครบางคนจะได้คอยดูแล


“แม่โทรมาครับ” บีมบอกกล่าวผู้เป็นเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบพลางใช้ฝ่ามือปิดลำโพง ขณะที่ใบหน้ากำลังเบิกบานจนเปล่งประกาย

กระทั่งคุณนัทยกยิ้มให้ บีมจึงลุกออกจากโต๊ะอาหาร มุ่งตรงไปยังระเบียงอันกว้างขวางด้านนอก ส่วนคุณนัทก็ทำหน้าที่พ่อครัวคอยเก็บล้างเหมือนทุกวัน

“ครับแม่” บีมเอื้อนเอ่ยพลางเกาะราวระเบียงที่มีกระจกใสกั้นอาณาเขตอันตราย แต่กระนั้นก็ไม่ได้รบกวนการชื่นชมทัศนียภาพในเมืองที่ยังคงคึกคักแต่อย่างใด
 
‘รถเป็นยังไงบ้างบีม โทษทีนะ พอดีแม่วุ่น ๆ ช่วยพ่อเคลียร์งานน่ะ’ น้ำเสียงของแม่ฟังดูเหนื่อยล้ามาก ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริง เพราะหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านจะต้องคอยดูแลความสงบสุขของผู้คนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังต้องคอยสร้างความสมานฉันท์ และยังต้องคอยรับฟังเรื่องราวร้องทุกข์ จึงอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของบีมไม่อาจไม่ญาติดีกับครอบครัวของพี่แก้ว เนื่องจากมันอาจจะกระทบถึงภาพลักษณ์อันดีงามที่สั่งสมมานานหลายปี 

“รถไม่ได้เสียครับแม่” บีมเอ่ยตอบอย่างกำปั้นทุบดิน นัยหนึ่งเพื่อลอบสังเกตปฏิกิริยาของผู้เป็นแม่

‘แม่คงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก โทษทีนะบีม เราเลยพลอยวุ่นวายไปด้วย’ แม่ยังคงเอื้อนเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ แต่กระนั้นน้ำเสียงของแม่กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เพราะทุกวันแม่ต้องคอยต้อนรับเหล่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ไร้ความเกรงใจ ซึ่งบีมยังจดจำได้ดีว่า บุคคลเหล่านั้นมักจะมาอาศัยข้าวปลาอาหารของที่บ้าน พอกินเสร็จก็ไม่ยอมเก็บล้าง บีมกับแม่เลยต้องคอยรับภาระอยู่ตลอด

ดังนั้นเรื่องราวอันเล็กน้อยเหล่านี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์ไร้ซึ่งความเกรงใจ และชีวิตของบีมก็ไม่อาจกลายเป็นของบีมได้ เพราะพ่อกับแม่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่ายให้กับลูกบ้าน และยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซ้ำยังต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการสร้างถนนที่ส่งผลกระทบต่อการสัญจรของชาวบ้าน หรือแม้กระทั่งการไปประชุมเพื่อเตรียมรับมือกับอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ และยังรวมไปถึงการไล่ช้างป่าที่เข้ามาบุกรุกที่ดินทำกินของชาวบ้านก็ล้วนแต่เป็นหน้าที่ของพ่อ

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พ่อมีโอกาสได้พบปะผู้คนมากมาย เรื่องที่บีมชอบใส่กระโปรงบัลเล่ต์ของพี่แก้วเลยแพร่สะพัดไปถึงหูพ่อ เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นมักจะใช้ความห่วงใยเป็นสิ่งบังหน้า เพียงเพราะบีมทำตัวผิดจากบรรทัดฐานทางสังคม และยังกลายเป็นตัวตลกให้พวกเขาขบขัน เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นมักจะยึดติดในสิ่งที่ตัวเองรับรู้ว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องหรือมันคือสิ่งที่ดีงาม

ซึ่งทุกสิ่งที่บีมเป็นมักจะถูกตัดสินในทางตรงข้าม เพียงเพราะคำว่า ‘สิ่งที่ดีและสิ่งที่ควร’ ในสายตาของพ่อกับแม่ มักจะตรงกับผู้คนในหมู่บ้าน อาจเพราะสภาพแวดล้อมหลอมรวมให้ขนบความคิดดำเนินมาอย่างนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะคำว่า ‘ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน’ บีมก็ไม่ค่อยแน่ใจ

“แม่จะลงมาเอารถเมื่อไหร่ครับ” บีมพยายามปัดเป่าความคิดอันฟุ้งซ่าน พร้อมเอ่ยถามผู้เป็นแม่อย่างจริงจัง

‘ปลายเดือนนี้พี่แก้วที่อยู่ข้างบ้านเราจะแต่งงานแล้ว เธอเลยอยากให้บีมมาตัดชุดแต่งงานให้ ถ้ายังไงบีมขับรถกลับมาให้แม่ก็ได้’ สิ้นคำพูดของแม่ ฝ่ามือที่เคยประคองโทรศัพท์จึงกอบกุมเอาไว้แน่น ริมฝีปากพลันเม้มสนิท ขณะที่กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าว

“แม่.. รู้เรื่องร้านของบีมตั้งแต่ตอนไหนเหรอครับ” บีมเอ่ยถามเสียงสั่น ขณะที่ในใจกำลังเต้นรัวราวกับตีกลอง

‘ก็ตั้งแต่ที่ยัยภาลูกป้าแช่มกลับมาที่บ้านเมื่อช่วงต้นเดือนน่ะ’ สิ้นคำพูดของแม่ สมองของบีมก็เริ่มประมวลผล จนกระทั่งทราบว่าคนที่ชื่อภาคือพนักงานบัญชีที่ทำให้บีมมีโอกาสใช้เป็นข้ออ้างในการเลือกเรียนคณะนี้ ปัจจุบันคงดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชี

“แม่ก็เลยขึ้นมาหาบีมเหรอครับ ?” ผู้เป็นลูกเอ่ยถามอย่างต้องการความแน่ใจ ขณะที่ในใจก็เริ่มหวาดหวั่น เพราะดูเหมือนโลกจะกลมเกินไป  เนื่องจากการที่พี่ภาทราบว่าบีมไม่ได้ทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าของคุณนัท เท่ากับว่าเธอคือผู้จัดการฝ่ายบัญชีของที่นั่นอย่างไม่ต้องสงสัย

‘อืม เห็นบีมมีชีวิตที่ดีแม่ก็เบาใจ อีกอย่างแม่รู้สึกว่าบีมดูมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้ามาก’ แม่เอื้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกับท่านกำลังอมยิ้ม

“ทำไมแม่ถึงรู้สึกอย่างนั้นเหรอครับ” บีมยังคงตั้งคำถาม เพราะอยากจะแน่ใจว่าสิ่งที่กำลังสัมผัสไม่ใช่ความฝัน

‘ตอนที่เราไปเดินซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน แม่เห็นบีมคอยสำรวจเสื้อผ้าแต่ละแบบอย่างตั้งใจ บางส่วนที่สำคัญจนกลัวว่าจะหลงลืมก็พิมพ์ใส่โทรศัพท์ ยิ่งบีมบอกว่าเสื้อเชิ้ตทั้งหมดในตู้ บีมเป็นคนออกแบบเอง แม่ก็ยิ่งรู้สึกว่าความชื่นชอบของบีมไม่ต่างกับการที่แม่ชอบดูลิเก’ คำเปรียบเปรยของแม่อาจฟังดูเรียบง่าย แต่กลับกินใจอย่างบอกไม่ถูก คงเพราะความนัยของมันก็ไม่ต่างกับความชอบของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน

“แต่บีมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยครับ พี่แก้วจะโอเคเหรอ” บีมยังคงตั้งคำถามด้วยความกังวล เพราะครอบครัวของพี่แก้วจะบอกว่าไฮโซก็ย่อมได้ ดังนั้นชุดแต่งงานที่สวมใส่เพียงครั้งหนึ่งในชีวิตจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของห้องเสื้ออิสระก็ยังเหลือเชื่อ

‘พอแม่บอกว่าบีมเปิดห้องเสื้ออิสระ แก้วก็รีบตกลงเลยนะ เพราะเธอบอกกับแม่ว่าช่วงนี้เสื้อผ้าของห้องเสื้อเริ่มติดตลาดแล้ว อีกอย่างแก้วอยากจะสนับสนุนบีมด้วย’ บีมได้แต่อมยิ้มโดยไม่คิดถามไถ่ว่าทำไมแม่ถึงเดาออกว่าห้องเสื้ออิสระอยู่ในความดูแลของบีม เพราะมันก็เป็นไปได้ว่าพี่ภาอาจจะรับหน้าที่เป็นนักสืบ แม่ถึงได้เจาะจงมาซื้อชุดไปงานแต่งของพี่แก้ว และยังร้องขอคอลเลกชันเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายมาเปิดดู   

“แม่ไม่โกรธบีมเหรอครับ ?” เจ้าของห้องเสื้อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแห้งผาก   

‘ถ้าเป็นแต่ก่อนแม่คงโกรธ แต่ว่าตอนนี้กิจการมันไปได้ดีแล้ว แม่ไม่มีความจำเป็นจะต้องคัดค้านหรือว่าโกรธเคือง มีแต่จะยินดีกับความสำเร็จของบีม เพียงแต่ในอดีตพ่อกับแม่แค่เป็นห่วง กลัวว่าอาชีพนี้จะทำให้บีมลำบาก เพราะแถวบ้านของเราอาชีพช่างตัดเสื้อเพียงพอแค่ใช้จ่ายไปวัน ๆ เทียบกันแล้ว งานข้าราชการมีความมั่นคงกว่ามาก และหัวอกของพ่อกับแม่ก็ย่อมหวังให้บีมได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด’ สิ้นคำพูดของแม่ บีมก็ได้แต่เม้มปากแน่นเมื่อกำลังอดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลริน เพราะกว่าแม่จะเข้าใจและยอมรับได้ เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน

“แล้วพ่อเห็นด้วยกับแม่หรือเปล่าครับ” บีมยังคงเอ่ยถามอย่างต้องการความมั่นใจ เพราะถึงอย่างไรคนที่บีมแคร์ก็คือพ่อกับแม่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะถูกขวางกั้นด้วยความไม่เข้าใจจนเกิดความอึดอัดระหว่างกัน

‘รายนั้นคุยโวทั้งวัน’    คำอธิบายเพียงสั้น ๆ ของแม่ ทำเอาบีมหลุดหัวเราะทั้งน้ำตา

“ถ้าบีมเคลียร์งานเสร็จแล้วจะรีบลงไปหานะครับ ส่วนชุดแต่งงานของพี่แก้ว บีมจะเร่งทำให้สุดฝีมือ รับรองว่าจะไม่ทำให้เสียชื่อของผู้ใหญ่หนุ่ยกับแม่นุ้ยแน่นอนครับ” บีมเอื้อนเอ่ยเป็นมั่นเป็นเหมาะ พร้อมวางแผนเกี่ยวกับการรับมือต่อภาระงานที่เริ่มล้นหลาม จากนั้นจึงวางสายด้วยสีหน้าเบิกบาน


“ดูเหมือนเรื่องราวจะคลี่คลายลงแล้วนะครับ” คุณนัทที่กำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนกำแพงหินสำหรับกักกั้นพื้นที่สีเขียวบริเวณด้านหลัง เอื้อนเอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม คงเพราะเจ้าตัวนั่งฟังบีมคุยโทรศัพท์มาเนิ่นนานแล้ว

“ครับ” บีมตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใส เพราะไม่ต้องกังวลว่าพ่อกับแม่จะต่อต้านรสนิยมในการสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงอีกต่อไป เนื่องจากบีมมั่นใจแล้วว่าเหตุผลคงจะมีค่ามากพอให้พ่อกับแม่รับฟัง ส่วนเรื่องรูปอันแสนน่าอายนั่นก็คงเป็นอย่างที่คุณนัทบอก เพราะด้วยนิสัยของแม่ถ้าหากเห็นอะไรไม่ถูกไม่ควร แม่จะรีบตักเตือนไม่ให้บีมออกนอกลู่นอกทางทันที บีมจึงเริ่มมั่นใจว่าแม่คงไม่ทันเห็นภาพนั้นจริง ๆ

“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องฉลองด้วยการเพลย์แล้วล่ะครับ” คุณนัทเยื้องย่างเข้ามาหาบีมด้วยท่วงท่าอันสูงส่ง ราวกับแผ่ซ่านบารมีของผู้เป็นดอมอย่างแรงกล้า จากนั้นสุ้มเสียงทุ้มนุ่มจึงกระซิบความปรารถนาเพียงแผ่ว ร่างกายของบีมเลยปลิวไปตามแรงฉุดรั้งของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ


คุณนัทในสถานะดอมมักจะทำการบ้านอย่างละเอียด เพราะตั้งแต่พูดถึงเรื่องการเต้นบัลเล่ต์ในวันนั้น ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจจึงแอบไปซื้อชุดบัลเล่ต์สำหรับผู้หญิงที่มีเนื้อผ้าบางเบาไล่เฉดสีอย่างสวยงาม อีกทั้งยังหาซื้อถุงน่องและรองเท้าสำหรับนักบัลเล่ต์จนครบเซ็ต

ส่วนบีมกำลังวอร์มร่างกายให้ครบ 30 นาที เพราะการเต้นบัลเล่ต์มีความเกี่ยวข้องกับการยืดหยุ่นทางร่างกาย ซึ่งบีมไม่ได้ฝึกมาสิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นเนื้อตัวที่เคยถูกพี่แก้วดัดจนอ่อนช้อยอาจไม่เป็นเหมือนวันวาน

ซึ่งคุณนัทเคยมาสอบถามว่า การโรลเพลย์ในลักษณะนี้ควรจะเริ่มอย่างไร บีมจึงแนะนำเกี่ยวกับการดัดตัวให้อีกฝ่ายไปศึกษา เนื่องจากวิธีดังกล่าวถือเป็นสิ่งสำคัญของการเต้นบัลเล่ต์ คุณนัทจึงลองทดสอบการยืดหยุ่นของร่างกายด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้คาดคะเนขีดจำกัดว่าทำได้มากแค่ไหน



“นายบอกว่าเคยเรียนบัลเล่ต์มา ถ้าอย่างนั้นผมขอดูหน่อยว่านายเต้นท่าไหนได้บ้าง” ทันทีที่บีมก้าวเดินออกมาจากห้องแต่งตัวที่อยู่ติดห้องนอน คุณนัทในมาดนายท่านก็ยืนกอดอกพิงพนักเก้าอี้ริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่

บีมจึงเลือกใช้ท่า ‘Attitude’ ในการทดสอบเป็นอันดับแรก โดยใช้ขาข้างหนึ่งรับน้ำหนักตัว ขณะที่ขาอีกข้างยกขึ้นและงอเข่าแต่พองาม เพียงแต่ขาข้างที่งอเข่านี้จะอยู่ตรงด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลังก็ได้ ทว่าบีมกลับไม่อาจยืนบนปลายเท้าได้สำเร็จจึงตัดสินใจวาบราบลงกับพื้น

“ผมว่านายคงต้องเริ่มดัดตัวใหม่ เพราะขาและแขนยังไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะเดินเข้ามาหาบีม จากนั้นจึงใช้ไม้เรียวประคองท่อนขา เพื่อจัดระเบียบท่าทางให้งดงาม แม้ว่าอันที่จริงเนื้อตัวของอีกฝ่ายจะอ่อนช้อยน่ามองก็ตามที

“หลังจากนี้ถ้าหากผมทำอะไรที่มันเกินขีดจำกัด คุณต้องตะโกนเซฟเวิร์ดออกมาดัง ๆ นะครับ” คุณนัทกระซิบเพียงแผ่วราวกับถูกผู้กำกับสั่งคัท เพราะต้องการย้ำเตือนให้บีมจดจำ จากนั้นร่างสูงในเชิ้ตขาวสะอาดก็เดินนำออกไปยังนอกระเบียง เพราะบริเวณนั้นมีราวเหล็กเหมาะสำหรับจับยึด

“ผมว่านายควรจะเริ่มจากการฉีกขากับกำแพง” นายท่านยืนพิจารณาเพียงครู่จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้า เพื่อให้บีมเริ่มยืดตัวด้วยวิธีเบสิค ขณะถือไม้เรียวคุมเชิงอย่างเคร่งครัด บีมเลยตั้งท่าจะนั่งหันหน้าเข้ากำแพง

“เดี๋ยว.. หันหน้ามาทางผมจะได้ช่วยยันให้” จู่ ๆ นายท่านก็คิดเปลี่ยนใจ พลางใช้ไม้เรียวยาวดันร่างของบีมให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสม และกดลาดไหล่เพื่อสั่งการให้บีมนั่งลง คนสองคนจึงประจันหน้ากันแน่นิ่ง สองมือพลันเกาะเกี่ยวฝ่ามือของกันและกันไว้ เพื่อที่นายท่านในมาดอาจารย์ผู้ฝึกสอนจะได้ใช้ปลายเท้าค้ำยันเรียวขาของลูกศิษย์ให้อ้ากว้าง

ขณะที่ดวงตาสีนิลก็คอยลอบมองปฏิกิริยาของฝ่ายซับเพื่อระมัดระวังความปลอดภัย ส่งผลให้บีมรู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะสายตาคู่นั้นฉายแววโลมเลียเรือนร่างผอมเพรียวอย่างเปิดเผย เพราะการสวมใส่ชุดบัลเล่ต์จะยิ่งขลับเน้นทรวดทรงให้น่ามอง อีกทั้งส่วนอ่อนไหวก็ยังขึ้นรูปด้วยความชัดแจ้ง

“คิดจะเรียนบัลเล่ต์ อย่างน้อยก็ต้องรู้จักอดทนและหมั่นฝึกฝน” นายท่านเอ่ยแกมดุ ซ้ำยังตวัดนัยน์ตาคมกริบมายังใบหน้าของลูกศิษย์ในความดูแล บีมจึงได้แต่เม้มปากแน่น ราวกับต้องการเก็บกลั้นเสียงร้อง

ขณะที่เรียวขายังคงถูกนายท่านค้ำยันอย่างต่อเนื่อง รัศมีของการอ้ากว้างจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า ฝ่ามือของบีมจึงกอบกุมฝ่ามือของอีกฝ่ายด้วยความกริ่งเกรงว่าจะถูกดุด่าว่ากล่าว เสริมสร้างความรู้สึกราวกับราชสีห์กำลังขย้ำเหยื่อให้กับฝ่ายดอมได้เป็นอย่างดี

“ก่อนหน้านี้นายคงจะละทิ้งมันอย่างไม่ใยดีเลยสินะ ถึงได้ตัวแข็งทื่อขนาดนี้” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ขณะที่สายตายังคงฉายแววดุดันอย่างเต็มที่ จากนั้นจึงปลดปล่อยให้บีมเป็นอิสระ แล้วไปนั่งไขว้ขาอยู่บนกำแพงพร้อมถือไม้เรียวคุมเชิงอย่างเคร่งครัด บีมจึงได้แต่เฝ้ารอคำสั่งด้วยความจดจ่อ

“หันหน้ามาหาผม” บุรุษผู้เคร่งขรึมกล่าวด้วยสุ้มเสียงทรงอำนาจ แต่ทว่าบีมกลับรับรู้ถึงรังสีอันตรายที่ไม่ควรลองดี นักเรียนผู้ว่านอนสอนง่ายจึงรีบหันหน้าเข้าหาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างรวดเร็ว

“แยกขากับกำแพง” นายท่านสั่งการราวกับเป็นถ้อยคำแสนธรรมดา เพียงแต่พื้นที่ในการฝึกฝนกลับมีเพียงบริเวณหน้าขาของอีกฝ่าย บีมจึงทำเป็นละล้าละลังเพื่อกระตุ้นความรู้สึกกระหายอยากต่อการควบคุม

“อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ” ชายหนุ่มผู้แสนดุดันกล่าวพลางใช้ไม้เรียวบอกตำแหน่ง บีมจึงรีบลนลานนั่งแยกขาชิดกำแพง ขณะก้มหน้าจนแทบชิดอก เพราะวิถีของสายตามันช่างล่อแหลม เนื่องจากความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายกำลังโดดเด่นในระยะประชิด แต่กระนั้นในอกกลับชื่นชอบเป็นพิเศษ จนบีมแทบอยากจะใช้ใบหน้าคลอเคลียให้นายท่านพึงพอใจ

“เงยหน้า” สุ้มเสียงทรงพลังสั่งการเพียงสั้น ๆ บีมจึงรีบเงยหน้าด้วยความเกรงกลัว เนื่องจากภาพลักษณ์ของคุณนัทในยามนี้ ดูน่ายำเกรงอย่างบอกไม่ถูก ความคิดฟุ้งซ่านไม่สมกับเป็นนักเรียนที่ดีจึงหดหายไป

“ขยับเข้ามาสิ นั่งแบบนั้นขานายจะชิดกำแพงได้ยังไง” นายท่านไม่พูดเปล่า แต่ยังใช้ไม้เรียวดันสะโพกในเชิงบอกกล่าว ส่งผลให้ใบหน้าของบีมสัมผัสกับส่วนนั้นอย่างไม่ตั้งใจ บีมจึงรีบก้มหน้าชิดอกและยังพยายามขยับเรือนร่างออกห่างอย่างไว้ตัว แต่ขณะเดียวกันสถานการณ์นั้นกลับยิ่งปลุกเร้าความกระสันได้ไม่ยาก

“เหยาะแหยะ” นายท่านว่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ทำเอาบีมรีบก้มหน้าชิดอกยิ่งกว่าเดิม ส่งผลให้ผู้เป็นดอมยิ้มกริ่มตรงมุมปากด้วยความสุขใจที่ได้เห็นท่าทีดังกล่าว

“เห็นทีถ้าหากผมไม่ลงโทษ นายก็คงทำตัวไม่ได้เรื่องไปเรื่อย ๆ” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางวาดขาข้ามผ่านช่วงตัวของฝ่ายซับเพื่อเข้าไปข้างในครู่หนึ่ง บีมจึงได้แต่เฝ้ามองประตูระเบียงด้วยความจดจ่อว่าอีกฝ่ายจะกลับมาพร้อมกับสิ่งใด

“ผมไม่ชอบคนเหยาะแหยะ” นายท่านกล่าวพลางเดินกลับมาหาบีมด้วยความเชื่องช้า ส่งผลให้ทุกย่างก้าวสร้างความลุ้นระทึกอย่างมากล้น เพราะบีมห่างหายจากการถูกลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวมานานแล้ว

“เพราะฉะนั้นลูกศิษย์ของผมก็ต้องห้ามมีพฤติกรรมแบบนั้น คลานมารับโทษซะ” นายท่านกล่าวพร้อมกับใช้ไม้หวายบอกตำแหน่ง บีมจึงรีบหมอบคลานเข้าไปหานายท่านด้วยความสำนึกผิด ใบหน้าจึงแนบชิดกับฝ่าเท้าของอีกฝ่ายด้วยความจำนน ขณะที่สะโพกกลมสวยกำลังลอยเด่นอยู่กลางอากาศ

“รวบกระโปรงขึ้น” ทันทีที่ได้รับคำสั่งบีมก็เร่งปฏิบัติตามด้วยความเคร่งครัด พร้อมแนบใบหน้าลงบนพื้นอันเย็นเฉียบ เพราะเวลานี้นายท่านกำลังเดินวนเวียนรอบตัวราวกับจงใจจะสร้างความกดดัน

“อย่าให้ผมเห็นพฤติกรรมแบบนี้อีก” สิ้นคำพูดนั้นเรียวไม้อันแข็งกร้าวก็สะบัดลงบนสะโพกเนียนนุ่ม ส่งผลให้บีมสะดุ้งจนสุดตัว แววตาไหวระริกจึงเหลือบมองปลายเท้าของนายท่านที่ยังคงก้าวเดินรอบลำตัวไม่แปรเปลี่ยน วิถีของอุปกรณ์ทำโทษจึงลากไล้วนเวียนสร้างความระทึกขวัญ

“อ๊า” สิ้นเสียงตวัดจากปลายไม้ ความเจ็บปวดก็มาเยือนอย่างรวดเร็ว สุ้มเสียงจึงไม่อาจเก็บกลั้นตามใจหมาย แต่ทว่าแววตาแห่งความสุขสมกลับเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับการสอนสั่งด้วยความเข้มงวด

“ท่าทีนิ่งเงียบของนายมันแปลว่านายคิดอยากจะลองดีกับผมใช่หรือเปล่า ?” ชายผู้ชื่นชอบการควบคุมเอ่ยถาม พลางทิ้งตัวลงนั่งบนแผ่นหลังของบีมไม่เต็มตัวนัก พร้อมกระชากเรือนผมจนหน้าหงาย แววตาของทั้งคู่จึงสบประสานกันเนิ่นนาน

“ป..เปล่าครับ” บีมส่ายหน้าปฏิเสธ ขณะที่แววตาฉายความตื่นตระหนกอย่างเปิดเผย อาจเพราะพลังแห่งการควบคุม เสริมสร้างความเชื่อมั่นของซีนดังกล่าว บีมจึงยินยอมพร้อมใจที่จะตกอยู่ภายใต้อำนาจอันสวยงามนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงถูกปล่อยวางจนหมดสิ้น

“ต่อไปถ้าหากผมถามหรือพูดอะไร นายต้องมีปฏิกิริยาตอบรับ ไม่อย่างนั้นผมจะถือว่านายพยศ” นายท่านวาดขาออกจากลำตัวของบีม ก่อนจะใช้ไม้หวายฟาดก้นจนเจ็บแสบ

“อ๊า รับทราบครับนายท่าน” บีมละล่ำละลักตอบด้วยความกริ่งเกรงพร้อมจิกปลายเล็บลงบนพื้นกระเบื้องเพื่อระบายความเจ็บปวดอันแสนสุขสม แต่กระนั้นก็สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นนายอย่างเหลือล้น เพราะท่าทีที่อีกฝ่ายหวาดกลัวและยอมจำนน มันเพิ่มพูนความสนุกสนานและความสุขสมได้อย่างเหลือเชื่อ

“ยกตัวขึ้น แอ่นหลังเยอะ ๆ” แต่แล้วนายท่านก็เริ่มสอนสั่งอย่างเป็นทางการ บีมจึงต้องอยู่ในท่าคลานสี่ขาราวกับหมาตัวใหญ่ ส่งผลให้ช่วงสะโพกโดดเด่นกว่าทุกส่วนบนร่างกาย ขณะที่นายท่านกำลังนั่งอยู่บนแผ่นหลัง เพียงแต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงมามากนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการดัดตัว แต่กระนั้นมันกลับกระตุ้นเตือนได้เป็นอย่างดีว่าบีมคือทาสผู้แสนต่ำต้อย

“ร่างกายของนายดูเคยมือดีนะ” ชายหนุ่มผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงเอื้อนเอ่ย แต่ยังลูบไล้สะโพกกลมกลึงด้วยสัมผัสชวนวาบหวาม ส่งผลให้ผีเสื้อนับร้อยบินว่อนไปทั่วสรรพางค์กาย บีมจึงเผลอเปล่งเสียงครวญครางด้วยความซาบซ่าน เมื่ออีกฝ่ายจงใจใช้ปลายนิ้วสัมผัสบริเวณอ่อนไหวทุกซอกทุกมุม

“ห..หมายความ..อึก..ว่ายังไง..ครับ” บีมเอ่ยถามเสียงกระเส่าราวกับไม่เข้าใจคำพูดนั้น แต่ทว่าร่างกายกลับแสดงออกในทิศทางตรงกันข้าม

“ก็หมายความว่าคนอกตัญญูอย่างนาย มีร่างกายที่แสนกตัญญูยังไงล่ะ” สิ้นคำกล่าวของนายท่าน สมองของบีมก็เริ่มประมวลผล เพราะดูท่าแล้วซีนที่เล่นกันในวันนี้ คงจะมีความลึกซึ้งมากกว่าที่คิด เมื่อนายท่านสวมบทบาทเป็นครูสอนบัลเล่ต์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของฝ่ายซับ

“ดูสิ มันไม่เคยลืมผมเลยนะ” นายท่านเชื้อเชิญให้บีมเฝ้ามองปฏิกิริยาของตัวเองด้วยการกดรั้งศีรษะของบีมให้มองลอดหว่างขาได้ง่าย ๆ บีมเลยมองเห็นเรียวเท้าอันงดงามของนายท่านสะกิดยอดอกข้างหนึ่งจนเริ่มชูชัน และยังมองเห็นความอ่อนไหวที่ค่อย ๆ คับแน่นทุกขณะ ใบหน้าจึงพลันแดงซ่านอย่างรวดเร็ว

“อะ..อา..” แต่แล้วความเขินอายก็ถูกกลบทับด้วยม่านราคะ บีมจึงหลับตาพริ้มด้วยความหวามไหว พร้อมส่ายสะโพกไปมาด้วยความรัญจวน ซ้ำยังแอ่นหลังโดยอัตโนมัติ เพื่อที่ปลายเท้าของนายท่านจะได้สัมผัสยอดอกอันแสนโดดเด่นให้มากขึ้น

“เห็นความจริงหรือยังล่ะ ?” นายท่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ ขณะที่ช่วงล่างก็เริ่มเสียดสีแผ่นหลังของบีมด้วยความนุ่มนวล ราวกับต้องการตอกย้ำให้บีมนึกถึงช่วงเวลาน่าอายที่ได้เคล้าคลอความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย

ส่วนฝ่ามืออันซุกซนกลับสัมผัสลากไล้ไปยังเรียวขาภายใต้ถุงน่องสีขาวขุ่น แล้ววกกลับมายังช่องทางด้านหลังด้วยความหลงใหล ก่อนจะลากผ่านตะเข็บแต่ละเส้นที่เชื่อมผ่านกลางหว่างขาด้วยจังหวะปลุกเร้า

“อ๊ะ..อ๊า..นายท่าน” บีมได้แต่บิดเร้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน ขณะที่ชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจกลับผละกายออกห่างจากแผ่นหลังอันแสนอ่อนช้อย เพื่อยืนเฝ้ามองท่าทีของอีกฝ่ายให้เต็มตา

“คนอย่างนายมันน่าโมโหนัก กล้าดียังไงถึงได้ลืมผม” แต่แล้วสุ้มเสียงดุดันก็ดังแหวกอากาศ ร่างกายที่กำลังลอยล่องราวกับปุยนุ่นจึงถูกกระชากลงสู่พื้นดินอย่างไม่ปรานี เพราะเวลานี้นายท่านกำลังเยียบย่ำใบหน้าของบีมจนแทบหลอมรวมไปกับพื้นกระเบื้องอันเย็นฉ่ำ ปลุกเร้าความรู้สึกต่ำต้อยจนโหมกระพือเป็นการใหญ่

จากนั้นความรู้สึกผิดอันมากล้นก็ตรงเข้ามาเล่นงานอย่างไม่ปรานี และมันก็สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นนาย ความเจ็บปวดจึงถูกปรนเปรอให้ได้ลิ้มลองไม่รู้เบื่อ โดยที่เสียงขวับแหวกอากาศก็ทำหน้าที่เร่งเร้าอารมณ์ของทั้งคู่ให้พุ่งทะลุสู่ปรอทแห่งความสุข

“อ๊ะ..อ๊า..ผ..ผมผิดไป..อ๊า..แล้ว..อึก” บีมบิดเร้ากายอย่างมีอารมณ์ร่วม เมื่อเรียวไม้กระทบลงบนสะโพกเนียนนุ่มจนถุงน่องเริ่มมีรอยขีดข่วน แววตาแห่งความสะใจของผู้เป็นนายจึงฉายชัดจนเต็มสูบ อะดรีนาลีนหลั่งไหลด้วยความตื่นตัว

“ต..ต่อ..ไป..อ๊ะ..ผมไม่..กล้า..อื้อ..ลืมอีกแล้วครับ..อ๊า” บีมเอ่ยเสียงกระเส่าพร้อมพยายามระงับสุ้มเสียงแห่งความหวามไหว แต่ดูเหมือนนายท่านจะไม่ค่อยประทับใจ เสียงขวับแหวกอากาศจึงดังระงมอย่างต่อเนื่อง เดาได้เลยว่าสะโพกของบีมคงจะแดงก่ำเพราะความชากำลังมาเยือน แต่มันก็ช่วยปลุกเร้าความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม บีมจึงต้องเปล่งเสียงร้องครวญครางสลับกับขอความเชื่อใจจากอีกฝ่ายจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์

“คำพูดของนาย เชื่อถือได้มากแค่ไหน” นายท่านโยนไม้หวายทิ้งอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมพาร่างกายสูงส่งคร่อมทับเรือนร่างของบีมไว้ ขณะที่ใบหน้ากลับเคลื่อนเข้ามาแนบชิด บีมจึงได้ยินคำถามอย่างชัดเจน และยังมองเห็นแววตาเคืองขุ่นอย่างชัดแจ้ง จากนั้นชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธจึงละทิ้งเรือนร่างเย้ายวนอย่างไม่ใยดี

“ให้โอกาสผมนะครับ นายท่านจะทำยังไงกับผมก็ได้ ขอแค่ให้โอกาสผมได้แก้ตัว” บีมรีบคลานสี่ขาเข้าไปหาอีกฝ่าย พร้อมโอบกอดเรียวขาแข็งแกร่งด้วยความแน่นหนา เพราะนายท่านเอาแต่สะบัดหนี บีมจึงแนบใบหน้าเคล้าคลอเพื่อหวังจะขอความเห็นใจ พร้อมเงยหน้าส่งสายตายอมจำนนไม่ต่างจากลูกหมาที่กำลังจะถูกเจ้าของทอดทิ้ง ผู้เป็นดอมจึงได้แต่มองแววตาคู่นั้นด้วยความแน่นิ่ง แต่ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกราวกับอสูรร้ายที่อยากจะฉีกกระชากอาภรณ์ของอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี แล้วกระแทกกระทั้นความต้องการทั้งหมดระบายใส่ร่างนั้น

กระทั่งหวนคืนสู่ความเป็นจริง ดวงตาอันน่าหลงใหลของร่างข้างใต้ก็ไม่อาจส่งผลอื่นใด ริมฝีปากร้อนแรงของผู้ควบคุมจึงแสยะยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ แต่ทว่ากลับทำให้บีมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่า อีกไม่นานบีมก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์เย้ายวนที่ไม่ต่างกับโรปบันนี่บนเวทีนั้น

--------------------------✁


[1] โรปท็อป (Rope Top) คือ ผู้ที่ทำการมัด
[2] โรปบันนี่ (Rope Bunny) คือ คำแสลงที่ใช้เรียกผู้ถูกมัดด้วยเชือก ส่วนคำปกติที่ใช้กันจะเรียกว่า โรป บอทท็อม (Rope Bottom)


บทความที่เกี่ยวข้อง

- [HOW TO] เพิ่มความยืดหยุ่นแบบบัลเล่ต์พื้นฐาน http://bit.ly/34yVON4


ท่า Attitude
https://imgur.com/ZbwAOWw
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 20-21 (update 18/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 18-12-2019 20:39:52
ตอน 21

หลังจากนายท่านพาบีมเข้ามายังห้องนอนอันกว้างขวางที่มีเพียงแสงจันทร์เล็ดลอดผ่าน บีมก็ได้แต่นั่งในท่าเบญจางคประดิษฐ์ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม พลางลอบมองผู้เป็นนายแกะมัดเกลียวเชือกที่มีการผูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ ทว่าเรือนร่างแสนสุภาพทรงอำนาจกลับอาบไล้แสงจันทร์จนน่าหลงใหล ร่างกายที่เคยถูกกลั่นแกล้งจนแทบปลดปล่อยจึงมีปฏิกิริยาอย่างไม่ต้องพยายาม

“ตกลงนายเลือกได้หรือยังว่าอยากจะฝึกท่าไหนให้ชำนาญ” ผู้เป็นดอมเอ่ยถามราวกับขอความคิดเห็น แต่อันที่จริงมันคือคำสั่งให้ปฏิบัติตาม หากถามว่าทำไมบีมถึงมองอีกฝ่ายในสถานะ ‘ดอม’ แทน ‘โรปท็อป’ คงเป็นเพราะศาสตร์การมัดเชือกชิบาริในเวลานี้คือส่วนหนึ่งของการเพลย์

ดังนั้นผู้ที่ทำการมัดจึงมีสถานะเป็นดอม แต่ถ้าหากสถานการณ์ใดที่มีเชือกเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยไม่ได้อยู่ภายใต้คราบของการเพลย์ อีกฝ่ายย่อมถูกเรียกขานว่าโรปท็อปหรือริงเกอร์

“ท่า arabesque ครับ” บีมเอื้อนเอ่ยตามที่เคยตกลงกัน ซึ่งมันก็พอดีกับช่วงเวลาที่เจ้านายสาวเกลียวเชือกขนาด 8 เมตรจนเสร็จสิ้น ซึ่งเชือกที่นายท่านเลือกใช้จะเป็นเชือกปอกระเจา เพราะเหมาะกับการมัดทั้งบนพื้นและแบบแขวน อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูง เพียงแต่ผิวหยาบเล็กน้อย แต่กระนั้นนายท่านก็มักจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่ผ่านกระบวนการอันเหมาะสม สัมผัสของตัวเชือกจึงไม่ระคายผิว

“เริ่มเลยสิ ยืนเฉยอยู่ทำไม” นายท่านกล่าวพลางเลิกคิ้ว จากนั้นจึงปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เพื่อใช้โซ่เหล็กยึดเหนี่ยวห่วงสำหรับมัดแขวน หรือที่เรียกกันว่า ‘ริงก์’ ไว้กับโครงสร้างอันแข็งแกร่งที่แอบซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดานอันเรียบหรู ซึ่งบีมคาดเดาเอาเองว่า คุณนัทคงจะจ้างช่างมาต่อเติมตอนย้ายมาอยู่ที่ห้องของบีม หลังจากทราบว่าบีมเป็นโรคเดินละเมอ เพราะก่อนหน้านั้นบีมไม่เคยเห็นมันอยู่ในห้องนี้

“นายอย่าคิดว่าผมให้โอกาสแล้วจะดื้อดึงยังไงก็ได้นะ” นายท่านเอื้อนเอ่ยพลางก้าวขาลงจากเก้าอี้ บีมจึงรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ขาข้างหนึ่งรองรับน้ำหนักตัว ส่วนขาอีกข้างยกไปทางด้านหลังเป็นเส้นตรง พร้อมพอยน์เท้าเพื่อความสวยงาม ขณะที่แขนข้างหนึ่งวาดขึ้นเหนือศีรษะ ส่วนอีกข้างหนึ่งวาดออกทางด้านข้าง ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้ผู้เป็นดอมจ้องมองด้วยความหลงใหล เพราะเรือนร่างแสนอ่อนช้อยให้ความรู้สึกสง่างามราวกับหงส์ขาว นัทจึงไม่ค่อยแปลกใจที่บีมฝึกเต้นลีลาศได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากอีกฝ่ายมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ แต่กระนั้นผู้เป็นนายก็จำต้องข่มอารมณ์แห่งความชื่นชมไว้ในส่วนลึก เพื่อสวมบทบาทครูสอนบัลเล่ต์ผู้แสนเข้มงวด

“นายเคยสังเกตตัวเองบ้างไหม ทำไมฝึกกี่ปีถึงไม่เคยคืบหน้า” สิ้นคำถามจากนายท่าน หงส์ขาวที่ถูกย้อมทับด้วยสีดำก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่และยังก้มหน้าจนเกือบจะชิดอก ผู้เป็นนายจึงลอบฉายแววขบขันต่อท่าทีอันแสนหวาดกลัวจนหัวหด ส่งผลให้การประชิดตัวของผู้ทรงอำนาจ เร่งเร้าให้บีมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ แต่ก็ยอมก้าวเดินตามแรงฉุดรั้งแต่โดยดี เพราะจิตใจกำลังจมจ่อมอยู่กับถ้อยคำติเตียน

“ตอบสิ” นายท่านถามย้ำพร้อมใช้ฝ่ามืออันแข็งแกร่งลากไล้ไปตามช่วงแขนของฝ่ายซับ ก่อนจะรวบตั้งตรงและแนบชิดบริเวณศีรษะ ความรู้สึกวาบหวามจึงถูกกระตุ้นอย่างเป็นทางการ แต่แล้วกุญแจมือหนังก็ถูกนำออกมาใช้เพื่อจำกัดอิสรภาพ ส่งผลให้เกลียวเชือกสีน้ำตาลพันธนาการร่างเพรียวไว้กับริงก์ทรงกลมได้อย่างแน่นหนา

“ม..ไม่ทราบครับ” บีมเอ่ยตอบเสียงสั่นเมื่อนัยน์ตาร้อนแรงกำลังทอดมองด้วยความคาดคั้น ขณะที่ฝ่ามือร้อนระอุกำลังลูบไล้ทรวดทรวงที่มีส่วนโค้งเว้าอย่างชัดแจ้ง ทำให้บีมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง แผ่นอกกระเพื่อมไหวด้วยความถี่รัว    กระทั่งชายกระโปรงถูกเลิกรั้งจนเปิดเผยเนื้อหนังภายใต้ถุงน่องสีขาวขุ่น ใจของบีมก็คล้ายกับหล่นวูบไปตามสัดส่วนที่ถูกสัมผัส จากนั้นแววตาเป็นประกายก็ปรากฏเมื่อกุญแจมือหนังเพิ่มสัดส่วนของการจำกัดอิสรภาพบริเวณปลายเท้า ท่วงท่าของบีมในเวลานี้จึงคล้ายกับท่าอะราเบสก์ แต่ทว่าการถูกพันธนาการกลับทำให้รู้สึกอับอาย เพราะมันก็ไม่ต่างกับการเปิดเปลือยส่วนเร้นลับให้อีกฝ่ายเฝ้ามอง

“นายอย่าแสดงท่าทีใสซื่อไปหน่อยเลย ใครเห็นก็รู้ว่าสมองของนายคิดแต่เรื่องอย่างว่า เวลาที่ผมช่วยจัดแจงท่าทางให้เหมาะสม ตรงนี้ถึงได้ชอบแสดงอาการขึ้นมาทันที” นายท่านเอื้อนเอ่ยวาจาแสนร้ายกาจพลางกลั้วหัวเราะเพียงเล็กน้อย ขณะที่ฝ่ามือซุกซนกำลังลูบไล้เรียวขาด้วยความเชื่องช้า พร้อมลดระดับลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งสัมผัสกับความคับแน่นผ่านชุดบัลเล่ต์อันเรียบลื่น

“อะ..อา..อือ” บีมได้แต่บิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่าน เพราะฝ่ามือของนายท่านกำลังแสดงความใจกว้างต่อการทักทายส่วนนั้นผ่านถุงน่องสีขาวอันบางเบาที่ไม่ต่างกับการสัมผัสผิวเนื้อนวลเนียน ซ้ำยังนวดคลึงราวกับนวดแป้งทำขนม ความรู้สึกเสียวกระสันจึงซูบฉีดไปทั่วสรรพางค์กายอย่างรวดเร็ว อาจเพราะบีมถูกพันธนาการจนไร้ทางสู้ สัญชาตญาณของผู้ถูกกระทำเลยค่อย ๆ ตื่นตัวด้วยความสุขสม

“ครวญครางขนาดนี้ แสดงว่านายเริ่มจะมองเห็นความไม่เอาไหนของตัวเองแล้วสินะ” นายท่านกล่าวด้วยความพึงพอใจ เพียงแต่ในวินาทีถัดมากลับทำให้บีมสะดุ้งเฮือกจนสุดตัว เมื่อฝ่ามือหนาฟาดลงบนสะโพกกลมกลึงไม่ยั้งเรี่ยวแรง

“อ๊า” บีมเปล่งเสียงร้องด้วยความสุขสม เพราะรับรู้ได้ว่ายิ่งร้องครวญครางมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสร้างความพึงพอใจให้กับนายท่านมากเท่านั้น

“ถึงผมจะช่วยมัดนายให้อยู่ในท่วงท่าที่เหมาะสม แต่นายก็ควรจะพอยน์เท้าเพื่อความสวยงามด้วยไม่ใช่เหรอ ?” นายท่านกล่าวพลางฟาดเรียวขาอีกข้างเป็นการสั่งสอน จากนั้นจึงใช้เกลียวเชือกสีน้ำตาลเข้มผูกคล้องต้นขาของบีมไว้กับริงก์ด้านบน เพื่อที่การพันธนาการจะได้แน่นหนาและมีความปลอดภัยมากขึ้น ท่าทางของบีมจึงไม่ต่างกับนักบัลเล่ต์ผู้งามสง่า

“คิดดูสิ ผมปรานีนายมากแค่ไหน” นายท่านยังคงเอื้อนเอ่ยขณะลากสัมผัสไปตามเรียวขา บีมจึงได้แต่เชิดหน้าซึมซับการปลุกเร้าที่ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน สุ้มเสียงแห่งความสุขสมจึงถูกปลดปล่อยออกมาเป็นระยะ เสริมสร้างความคับแน่นชื้นแฉะให้กับผู้เป็นนายอย่างไม่ต้องปรนเปรอด้วยสัมผัส

“ข..ขอบ..อื้อ..คุณครับ” บีมเอ่ยเสียงกระเส่าพลางไล้เลียริมฝีปากอันแห้งผาก ขณะบิดเร้ากายด้วยความหวามไหว เมื่อฝ่ามือคู่นั้นกำลังเคลื่อนมาทักทายยอดอกชูชันที่โผล่พ้นเนื้อผ้าเสริมสร้างความรู้สึกแสนอับอาย

“เมื่อก่อนเท้าของนายมักจะเต็มไปด้วยบาดแผล” นายท่านกล่าวพลางละฝ่ามือข้างนั้นไปตามทรวดทรงของเรือนร่างงดงาม โดยอ้อมผ่านส่วนไวสัมผัสและช่องทางด้านหลังด้วยความจงใจ ก่อนจะบรรจงถอดรองเท้าสำหรับเต้นบัลเล่ต์ออกด้วยความแผ่วเบา

“แต่เวลานี้เท้าของนายกลับนุ่มนวลชวนสัมผัส..” นายท่านยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้า แต่ทว่าฝ่ามือกลับฉีกกระชากถุงน่องสีขาวอย่างไม่คิดเสียดาย ส่งผลให้ปลายลิ้นร้อนเล็มไล้เรียวเท้าของฝ่ายซับด้วยความหลงใหล กระแสไฟฟ้าอันไร้ที่มาจึงมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ขณะที่ช่วงล่างพาลชุ่มฉ่ำด้วยความรัญจวน

“อ๊ะ..อ๊า..” บีมดิ้นพล่านด้วยความซาบซ่าน อาจเพราะปลายเท้าคือจุดศูนย์รวมของประสาทสัมผัส และมันก็เสริมสร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นนาย เนื่องจากการดิ้นรนก็ไม่ต่างกับการปลุกเร้าความสุขสมให้งอกเงย

“ร่านเหมือนร่างกายของนายไม่มีผิด” เรือนร่างทรงอำนาจเคลื่อนเข้ามากระซิบชิดริมหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ส่งผลให้ถ้อยคำดังกล่าวเร่งเร้าความต้องการของบีมจนถึงขีดสุด หยาดหยดแห่งความสุขสมพร่างพรมด้วยความเปิดเผย

“นายกำลังทำให้ผมเสียใจที่มีลูกศิษย์ไม่ตั้งใจเรียน ดูสิผมทุ่มเทช่วยเหลือให้นายกลายเป็นหงส์ขาวแสนบริสุทธิ์ขนาดไหน แต่สุดท้ายนายก็เป็นได้แค่หงส์ดำที่คิดแต่เรื่องลามก” นายท่านกล่าวพลางผูกคล้องเกลียวเชือกไว้กับช่วงเอวของบีมพร้อมลอดผ่านเนื้อผ้าอันบางเบาเบื้องล่าง ก่อนจะเดินวนรอบเรือนร่างแสนเย้ายวนที่กำลังห้อยโหนอยู่กลางอากาศ ส่งผลให้ลำตัวของบีมหมุนคว้างราวกับเต้นระบำ

“อ๊า..ผ..ผม..อื้อ” บีมได้แต่ร้องครวญครางอย่างเสียวกระสัน เมื่อเกลียวเชือกบดเบียดช่องทางด้านหลังด้วยความแนบชิด

“เวลาที่นายกำลังหมุนตัวควรมองไปยังจุดพักสายตาไม่ใช่เหรอ ?” นายท่านย้ำเตือนด้วยความหวังดี แต่กระนั้นการกระทำกลับตรงกันข้าม เพราะเกลียวเชือกยังคงเสียดสีส่วนล่างที่มีเพียงถุงน่องบางเบาขวางกั้นอย่างต่อเนื่อง

“อ๊ะ..ผม..” บีมอุทานได้เพียงแค่นั้น เพราะความเสียวซ่านกำลังชักพาให้สายตาไม่อาจมองไปยังบริเวณดังกล่าว แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้บีมเวียนหัว เนื่องจากการหมุนตัวไม่ได้รวดเร็วเหมือนกับการแสดงบนเวทีของนักบัลเล่ต์มืออาชีพ

“ดูเหมือนผมคงต้องสนองความคิดแบบนั้นของนายสักหน่อย เผื่อจะตั้งใจเรียนมากขึ้น” กระทั่งอ้อมแขนของนายท่านโอบอุ้มเนื้อตัวของบีมไว้ สุ้มเสียงสุดแสนใจดีที่เอื้อนเอ่ยก็ทำให้บีมเฝ้ามองคนตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง แต่กระนั้นในอกกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะบีมชื่นชอบการเล้าโลมยิ่งกว่าสิ่งใด อีกทั้งช่วงที่แม่มาอยู่ด้วย บีมแทบไม่ได้เพลย์อย่างเต็มรูปแบบ ร่างกายจึงถูกกระตุ้นได้อย่างง่ายดาย   

“นายคงจะชอบอะไรแบบนี้สินะ เพราะแววตาของนายมันปิดไม่เคยมิด” นายท่านเอื้อนเอ่ยพลางปลดรั้งพันธนาการตรงบริเวณข้อมือจนหลงเหลือเพียงกุญแจมือบุนุ่ม บีมเลยต้องพยายามใช้ปลายเท้าอันแสนอิสระพยุงน้ำหนักตัวไม่ให้เสียหลัก แต่กระนั้นก็ยากเต็มที นายท่านจึงสละเรือนร่างอันน่าหลงใหลให้เป็นแหล่งพักพิง จากนั้นเกลียวเชือกที่เคยพันรัดตรงช่วงต้นขาก็พลันห่างหายและทิ้งร่องรอยแห่งศิลปะอันน่าหลงใหลที่แอบซ่อนตัวอยู่ภายใต้ถุงน่องสีขาวขุ่น

ทว่าบีมได้แต่อุทานด้วยความตกใจ เมื่อถูกอีกฝ่ายรวบตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมห้อยศีรษะลงกับพื้น ก่อนจะพันธนาการข้อเท้าทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน ส่งผลให้ชายกระโปรงพลิ้วไหวเผยอขึ้นจนหมดสิ้น ขณะที่แผ่นหลังของบีมกำลังนอนราบไปกับพื้นพรม เหตุเพราะการลดระดับความผาดโผน จากนั้นวิถีสายตาของร่างอันไร้อิสระจึงทอดมองเรือนร่างสูงโปร่งของผู้เป็นนายด้วยความจดจ่อ คล้ายกับเฝ้ารอการสอนสั่งอันแสนหฤหรรษ์ในลำดับต่อไป

“นายยังคงมีรสนิยมที่น่าสนใจไม่เคยเปลี่ยนเลยสินะ” นายท่านเอื้อนเอ่ยอย่างมีนัยยะ หลังจากจุดเทียนสีขาวสะอาดแท่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะริมกระจก โดยมีดวงตาแสนงดงามของฝ่ายซับจ้องมองเปลวเทียนเหลืองอร่ามที่กำลังเปล่งประกายท่ามกลางแสงจันทร์ด้วยความหลงใหล เพราะบีมอยากจะลิ้มลองการ ‘แว็กซ์เพลย์’ มาสักพักแล้ว

ซึ่งนายท่านเลือกใช้แท่งเทียนจากไขมันของต้นศรีทองที่สั่งตรงมาจากญี่ปุ่น เพราะมันมีจุดหลอมเหลวเพียง 51 องศาเลยไม่ร้อนเกินไป อีกทั้งยังไม่มีเขม่าควันหรือคราบสีดำจากน้ำตาเทียนให้รำคาญใจ หากถามว่าทำไมถึงไม่เลือกใช้เทียนไหว้พระ เทียนวันเกิด หรือเทียนเจลที่มันหาง่ายกว่า คงเป็นเพราะเทียนเหล่านี้มีจุดหลอมเหลวสูง จึงส่งผลให้น้ำตาเทียนมีอุณหภูมิสูงตามไปด้วย ดังนั้นอาจเกิดอันตรายระหว่างการเพลย์ก็เป็นได้

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทียนจากไขมันถั่วเหลือง พาราฟิน รวมถึงไขผึ้งในการเพลย์ได้เหมือนกัน แต่โดยส่วนตัวคุณนัทบอกว่าเทียนพาราฟินไม่ค่อยเหมาะต่อการเพลย์ เพราะมันกลั่นจากน้ำมันดิบ แถมยังปล่อยควันเยอะและยังปล่อยสารเคมี ส่วนเทียนไขผึ้งที่สกัดได้จากรังผึ้งจะไม่มีน้ำตาเทียนจึงต้องผสมกับเทียนพาราฟิน ดังนั้นเทียนญี่ปุ่นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณนัท แต่กระนั้นก็หาซื้อยาก จึงไม่แปลกที่เทียนจากไขมันถั่วเหลืองจะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมันหาซื้อง่ายและไม่มีเขม่าควันให้รำคาญใจ

“หลับตาแล้วเอามือวางไว้เหนือศีรษะ” สิ้นถ้อยคำนั้นดวงตาพราวระยับของบีมก็จำต้องปิดสนิทอย่างว่าง่าย โสตประสาททางการได้ยินจึงเริ่มทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเวลานี้บีมกำลังได้ยินเสียงฝีเท้าของนายท่านเคลื่อนผ่านด้วยความเชื่องช้า แต่ทว่ากลับหนักแน่นจนบีมเริ่มรู้สึกกริ่งเกรง

“อ๊า” ทันทีที่น้ำตาเทียนตกกระทบลงสู่เรียวขาภายใต้ถุงน่องสีขาวขุ่น เรือนร่างงดงามไร้หนทางหลบหนีจึงออกอาการดิ้นพล่านอย่างทุกข์ทรมาน แต่ทว่าในอกล้วนเต็มไปด้วยความเสียวกระสัน อีกทั้งการหลับตายังนำพาให้เกิดอาการตื่นเต้นโดยง่าย

“เวลาที่นายดีดดิ้นอย่างไร้หนทางหลีกหนี ช่างน่าเอ็นดูจังเลยนะ” สุ้มเสียงทุ้มนุ่มของนายท่านคล้ายกับปัดเป่าความอุ่นร้อนจากน้ำตาเทียนได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นสัมผัสดุจปุยนุ่นจากฝ่ามือหนาที่กำลังลากไล้ไปตามทิศทางที่น้ำตาเทียนร่วงโรยกลับอบอุ่นยิ่งกว่า

“อ๊ะ..อ๊า” แต่สุดท้ายความอบอุ่นเหล่านั้นกลับเป็นเพียงภาพฝัน เมื่อน้ำตาเทียนกรุ่นไออุ่นกำลังแต่งแต้มลงบนผิวกายของนักบัลเล่ต์ผู้แสนอ่อนหัด พร่างพรมตั้งแต่บริเวณหน้าท้องแบนราบไปจนถึงยอดอกชูชัน บีมจึงได้แต่ดิ้นพล่านด้วยความหวามไหว

“นายคงชอบอะไรแบบนี้จริง ๆ สินะ” นายท่านทรุดตัวลงนั่งยองพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ พลางใช้ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล้ไปตามทิศทางของการโปรยปราย ส่งผลให้ร่างเพรียวบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน ซ้ำยังแอ่นกายเข้าหาสัมผัสชวนฝัน ส่งผลให้เสียงหอบหายใจของบีมดังระงมจนทั่วห้องตามการกระเพื่อมไหวของแผ่นอก ทำเอาชายหนุ่มผู้หลงใหลต่อการควบคุม จ้องมองภาพนั้นด้วยความเผลอไผล

“อา..นายท่าน” ขณะที่บีมได้แต่เอื้อนเอ่ยราวกับต้องการวอนขอความหฤหรรษ์ เรือนร่างเย้ายวนจึงพลิ้วไหวไปตามจังหวะของการปรนเปรอที่ไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง

“พอเป็นเรื่องแบบนี้ลูกศิษย์แสนร่านของผมดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเลยนะ” สิ้นถ้อยคำอันแสนร้ายกาจความรู้สึกเสียวกระสันก็พลันพุ่งพรวดออกมาจากทุกอณุความรู้สึก ผสมปนเปไปกับความซาบซ่านของน้ำตาเทียนอันน่าหลงใหล

แต่ทว่าเรือนกายของบีมกลับถูกพลิกคว่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว เนื่องจากมองไม่เห็นสิ่งใด ร่างเพรียวผู้ไร้อิสระจึงสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นร้องครวญคราง เมื่อน้ำตาเทียนบรรจงพร่างพรมลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นจากชุดบัลเล่ต์ตัวบางจนถ้วนทั่ว

“หมดเวลาพักอันแสนหฤหรรษ์ของนายแล้ว” นายท่านกล่าวพลางปลดปล่อยให้บีมเป็นอิสระ แต่ทว่าเนื้อตัวของบีมกลับสั่นเทาด้วยความหวามไหว ในอกพลันกรีดร้องด้วยความบ้าคลั่ง เพราะต้องการให้คนตรงหน้าฉีกกระชากร่างกายให้สาสม

“ลูกศิษย์แสนอ่อนหัดอย่างนายคงยังจำท่า A grand jeté ได้อยู่นะ” นายท่านเอ่ยถามพลางปลดตะขอที่เกี่ยวรั้งกุญแจมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน หงส์ขาวผู้ถูกย้อมทับด้วยสีดำจึงได้รับอิสรภาพเพียงชั่วคราว

“จ..จำได้ครับ” บีมเอ่ยตอบเสียงกระเส่าพลางยืนกระมิดกระเมี้ยนเมื่อต้องการปลดปล่อย แต่พอโดนสายตาดุดันจ้องมองด้วยความเฉียบขาด ใบหน้าวาบหวามเลยได้แต่ก้มหน้าชิดอกอย่างสงบเสงี่ยม

“ด้วยความใจกว้างของผมแล้ว ต่อให้นายทำได้ดีหรือไม่ดี ผมก็ต้องช่วยนายฝึกแกรนด์เจทพร้อมกับเล่นสนุกตามที่นายปรารถนา” นายท่านกระซิบชิดริมหูซ้ำยังเป่าลมยั่วเย้าให้ใจสั่น ก่อนจะเดินถือแท่งเทียนไปวางทิ้งไว้ยังโต๊ะริมกระจกและเฝ้ามองบีมด้วยนัยน์ตาสุดร้อนแรงตรงปลายเตียง

“ถ้าหากนายมัวแต่ยืนนิ่งอยู่แบบนี้ ผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ ทีนี้ต่อให้นายมานั่งอ้อนวอนตรงแทบเท้าก็ไม่ได้ผล” นายท่านกล่าวพลางเอนตัวไปทางด้านหลังด้วยท่วงท่าที่แสนผ่อนคลาย ขณะนั่งไขว้ขาพร้อมเหลือบตามองมายังบริเวณปลายเท้าประกอบคำพูด ส่งผลให้บีมรู้สึกว่าท่วงท่าดังกล่าวของอีกฝ่าย เสริมสร้างภาพลักษณ์สุดเซ็กซี่แต่ก็แสนสุภาพอย่าบอกใคร

บีมจึงไม่รอช้าที่จะพอยน์เท้าซ้ายแล้วก้าวเดินออกไปข้างหน้าประมาณสองก้าว พร้อมย่อตัวลงเพื่อเตรียมกระโดดฉีกขากลางอากาศ ขณะที่เรียวแขนทั้งสองข้างค่อย ๆ วาดขึ้นเหนือศีรษะด้วยท่วงท่าสง่างามดุจหงส์ขาวแสนบริสุทธิ์ ส่งผลให้ผู้เป็นนายหลงใหลต่อภาพลักษณ์ดังกล่าว โดยไม่อาจแยกแยะได้ว่ามันเป็นเพราะมนต์เสน่ห์ของอีกฝ่าย หรือเป็นเพราะแสงจันทร์ที่ตกกระทบร่างนั้นจนทำให้ทุกการกระทำล้วนน่ามอง

“คลานเข้ามารับรางวัลจากผมสิ” นายท่านกล่าวพลางยื่นมือออกมาราวกับต้องการให้บีมส่งมอบอิสรภาพของตัวเองคืนกลับไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นของรางวัลที่แสนดีงาม เพราะการถูกพันธนาการจนไร้สิ้นหนทางหลีกหนี มันทำให้อะดรีนาลีนหลั่งไหลอย่างบอกไม่ถูก

“ลูกศิษย์ของผมพอมีเรื่องลามกเข้ามาเกี่ยวข้องก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริง ๆ” นายท่านกล่าวพลางเกี่ยวรั้งตะขอกักกั้นอิสรภาพ จากนั้นจึงลูบไล้เรือนผมของบีมคล้ายกับลูบศีรษะของสุนัขแสนเชื่องพร้อมโอบประคองให้ลุกขึ้นยืน 

“นายกำลังจะได้รับรางวัลชุดใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่คิดขอบคุณผมอีกหรือไง” นายท่านเอ่ยแกมดุ ขณะใช้เกลียวเชือกพันรัดข้อมือของบีมไว้กับราวเหล็กที่เชื่อมต่อกับเสาเตียงทั้งสี่ด้าน คล้ายกับคาดคะเนเอาไว้แล้วว่าระดับของเชือกควรจะอยู่ตรงจุดไหนถึงจะเหมาะแก่การมอบรางวัล

“ขอบคุณครับ” บีมกล่าวเสียงแผ่วพลางปีนขึ้นไปยังเตียงนอนตามสายตาสั่งการของนายท่าน จากนั้นช่วงเอวได้รูปและเนื้อผ้าอันเรียบลื่นบริเวณช่วงล่างก็ถูกพันรัดด้วยเกลียวเชือกเพื่อให้สะดวกต่อการพยุงตัวกลางอากาศและง่ายต่อการส่งมอบของรางวัล

“ช่างเป็นลูกศิษย์ที่ว่านอนสอนง่ายดีจริง ๆ ผมชอบ” นายท่านเอ่ยชื่นชมจนบีมเก้อเขิน แต่กระนั้นก็ไม่อาจแสดงออกได้นานนัก เพราะอีกฝ่ายค่อย ๆ ประคองเรียวขาให้ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ ก่อนจะใช้เกลียวเชือกเส้นใหม่พันธนาการข้อเท้าของบีมไว้กับเสาเตียงทรงสูง

“การจะทำท่าแกรนด์เจทให้สวยงามและโดดเด่นได้จะต้องมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง” นายท่านอธิบายพลางจำกัดอิสรภาพของบีมอย่างเต็มรูปแบบ เรียวขาทั้งสองข้างจึงลอยละล่องราวกับหงส์ขาวที่กำลังแหวกว่ายอยู่เหนือผิวน้ำ

“ดูท่าทางของนายในตอนนี้สิ..” สิ้นคำชักชวนจากนายท่าน บีมจึงเอี้ยวตัวมองไปยังด้านหลังอย่างไม่เข้าใจนัก

“อ๊า” แต่ทว่ากลับถูกสอนสั่งด้วยแส่พู่ตรงบริเวณเรียวขา บีมจึงต้องพยายามออกท่าทางราวกับกำลังโบยบินอยู่กลางอากาศเหมือนกับท่วงท่าของแกรนด์เจท เพราะอีกฝ่ายเพียงแค่พันธนาการข้อเท้าของบีมไว้ เพื่อให้บีมพยายามฝึกฝนด้วยตัวเอง

“เหมือนกับหงส์ขาวบนเวทีเลยนะว่าไหม ?” นายท่านเอื้อนเอ่ยขณะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนตรงหน้าฝ่ายซับ พร้อมส่งคมมีดที่มีลักษณะโค้งงอให้บีมลองใช้ต่างกระจก หัวใจของบีมพลันเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก ดวงตากลมสวยจึงเฝ้ามองภาพสะท้อนของตนเองไม่วางตา ก่อนจะฉายแววเขินอายจนปิดไม่มิด เนื่องจากเวลานี้บีมกำลังถูกพันธนาการด้วยการอ้าขาเปิดโชว์ส่วนกลางลำตัวที่มีเพียงชายกระโปรงบางเบาปกปิดด้วยความหมิ่นเหม่

“หากผมกำจัดชิ้นส่วนที่มันรกหูรกตาออกไป..” บีมเฝ้ามองอีกฝ่ายที่กำลังพลิกคมมีดไปมาด้วยความลนลานจึงพยายามดีดดิ้นอย่างบ้าคลั่ง ราวกับไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายเล่นสนุกตามอำเภอใจ แต่ทว่าในอกกลับรู้สึกตื่นเต้นและสุขสมกับรสชาติอันแสนหฤหรรษ์

“กลัวสินะ” นายท่านกล่าวเพียงแค่นั้นแล้วก็ผละตัวออกห่างจากเตียงนอนหลังกว้าง เพราะเดิมทีเคยตกลงกันไว้ว่าจะลองทดสอบความรู้สึกของการเบลดเพลย์แบบไม่จริงจังนัก เพื่อที่จะได้สังเกตความต้องการของตนเองก่อนจะเริ่มเพลย์แบบจริงจังในโอกาสถัดไป

“ด้วยความเอาใจใส่ของผมแล้ว ย่อมรู้ดีว่าลูกศิษย์ของผมชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ” นายท่านเริ่มเอื้อนเอ่ยอีกครั้งจากนั้นเงาร่างที่กำลังส่องสะท้อนกำแพงบริเวณเบื้องหน้าก็ขยับเข้ามาใกล้ ซึ่งมันทำให้บีมมองเห็นดิลโด้แท่งใหญ่ในมือของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

“อ๊ะ” แต่แล้วบีมก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อนายท่านฉีกกระชากถุงน่องสีขาวขุ่นตรงบริเวณช่วงล่างอย่างไม่ปรานี ส่งผลให้ผิวเนื้อขาวนวลที่อาบไล้แสงจันทร์เพียงบางเบาปรากฏสู่สายตา

“เห็นของรางวัลของนายหรือยัง ชอบหรือเปล่าล่ะ” นายท่านเหยียบย่างขึ้นมายังเตียงนอนหลังกว้างพร้อมส่งมอบดิลโด้ให้บีมได้สัมผัสด้วยความใกล้ชิด ริมฝีปากได้รูปจึงค่อย ๆ กลืนกินความโอ่อ่าที่มีผิวสัมผัสราวกับหนามกุหลาบจนน้ำลายหยดย้อย ขณะที่ปลายเท้าของนายท่านกลับเคล้าคลอเย้าหยอกส่วนอ่อนไหวของคนเบื้องล่างที่กำลังลอยล่องอยู่กลางอากาศด้วยความเพลิดเพลิน

“อืออ” บีมได้แต่ร้องครวญครางในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ขณะบิดเร้ากายจนแนวซี่โครงอันเป็นระเบียบเปิดเผยสู่สายตาของฝ่ายดอมอย่างน่าหลงใหล

“อดใจไม่ไหวแล้วสินะ” นายท่านเอื้อนเอ่ยพลางก้มหน้ามองบีมด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ ส่งผลให้ช่วงล่างเร่งเร้าปฏิกิริยามากกว่าเดิม

“ใช่หรือเปล่า ?” นายท่านเอ่ยถามพลางกระซิบชิดริมหูพร้อมกับเปิดโอกาสให้บีมได้มอบคำตอบที่แสนน่าฟัง ซ้ำยังชโลมเจลหล่อลื่นอย่างเอาใจใส่ จนบีมจ้องมองภาพนั้นไม่วางตา ส่งผลให้เรียวลิ้นเล็กเผลอไล้เลียริมฝีปากด้วยความหื่นกระหาย

-อ่านต่อด้านล่าง-
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 20-21 (update 18/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 18-12-2019 20:40:13
“ต้องอย่างนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกศิษย์ที่แสนร่านของผม” นายท่านเอื้อนเอ่ยพลางส่งมอบดิลโด้แท่งนั้นทักทายช่องทางด้านหลังด้วยความนุ่มนวล ขณะที่ริมฝีปากกลับเอาแต่เฝ้าปรนเปรอยอดอกชูชันผ่านเนื้อผ้าอันเรียบลื่น

“อ..อ๊า” บีมเชิดหน้าพลางร้องครวญครางด้วยความหวามไหว เมื่อความหฤหรรษ์เข้ามาทักทายอย่างเต็มรูปแบบ เรียวขาจึงพลันเกร็งตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ผมเลือกแบบที่มีการปรับระดับการสั่นเพื่อนายเลยนะ” นายท่านยังคงบอกกล่าวสรรพคุณของรางวัลด้วยความใจเย็น ซ้ำยังขบกัดยอดอกอันโดดเด่นด้วยความเพลิดเพลิน

“อื้อ..อ๊า..” บีมในเวลานี้ไม่มีสติมากพอที่จะตั้งใจฟังเรื่องราวที่ท่านนายบอกกล่าว เพราะสมองกำลังขาวโพลนคล้ายกับปลิดปลิวไปตามสายลม ขณะที่ร่างกายกลับดิ้นพล่านด้วยความกระสัน แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีไปไหนได้ ความรู้สึกจึงถูกกระตุ้นเร้าเป็นทบทวี

“ดูเหมือนเสียงของนายจะดังเกินไปแล้ว ผมคงต้องหาอะไรปิดปากสักหน่อย” นายท่านกล่าวพลางลุกขึ้นยืน ส่งผลให้ใบหน้าของบีมสัมผัสกับส่วนแข็งแกร่ง ความรู้สึกในส่วนลึกจึงถูกปั่นป่วนด้วยความบ้าคลั่ง ความเสียวซ่านจึงมาเยือนอย่างถาโถม

“อือออ” บีมได้แต่ร้องครวญครางในลำคอ เมื่อความคับแน่นของอีกฝ่ายเข้ามาทักทายอย่างไม่ทันตั้งตัว ซ้ำยังกระแทกกระทั้นราวกับต้องการสั่งสอนที่เมื่อครู่บีมส่งเสียงดังจนเกินไป ซึ่งบีมรู้ดีว่ามันเป็นแค่เพียงข้ออ้าง แต่กระนั้นในอกกลับรู้สึกเต็มใจนอบรับการสอนสั่งในครั้งนี้ กระทั่งเรี่ยวแรงดังกล่าวเริ่มเกินขีดจำกัด อีกฝ่ายจึงถอนตัวกลับมา ซ้ำยังลูบไล้เรือนผมของบีมด้วยความแผ่วเบา

“จูบมันเสียหน่อยสิ” นายท่านยังคงสั่งการซ้ำยังลูบไล้เรือนผมของบีมเล่นไม่หยุด ทำเอาบีมรีบจูบซับส่วนนั้นด้วยความรักใคร่

“ชอบมันใช่ไหม ?” นายท่านเอ่ยถามพลางเชยปลายคางของบีมให้มองสบกัน แววตาของบีมจึงไหวระริกด้วยความเก้อเขิน แต่กระนั้นกลับเอื้อนเอ่ยออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “ชอบครับ”

“ชอบมากแค่ไหน ?” เป็นอีกครั้งที่คำถามของนายท่านชักชวนให้บีมหน้าร้อนเห่อ ก่อนจะถูกแววตาทรงเสน่ห์แผดเผาจนเผอเรอตอบคำถามโดยไม่รู้ตัวว่า “ชอบมาก”

“ชอบมากจนถึงขนาดอยากให้มันทำหน้าที่มอบรางวัลแทนดิลโด้เลยหรือเปล่า ?” นายท่านเอ่ยถามพลางใช้ปลายนิ้วโป้งลูบไล้ริมฝีปากของบีมด้วยความแผ่วเบา ก่อนออกแรงกดย้ำความอวบอิ่มด้วยความเพลิดเพลิน บีมจึงเผลอพยักหน้าด้วยความลุ่มหลง

“ส่งเสียงให้ผมชื่นใจหน่อยสิว่าอยากหรือเปล่า” ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบการควบคุมเร่งเร้าพร้อมกับลุกออกจากเตียง บีมจึงมองตามร่างนั้นจนเหลียวหลัง

“อยา..อ๊า” บีมเอื้อนเอ่ยยังไม่ทันจบประโยค อุปกรณ์หรรษาก็ถูกดึงรั้งออกจากร่างกาย ส่งผลให้เรือนร่างงดงามกระตุกเกร็งด้วยความเสียวซ่าน

“อย่าเพิ่งใจร้อนรีบปลดปล่อยเสียก่อนล่ะ” สิ้นคำพูดนั้นสุ้มเสียงของนายท่านก็พลันเงียบหาย บีมจึงพยายามเงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ ก่อนจะเริ่มรู้สึกตื่นตัวเมื่อสังเกตเห็นเงาร่างซ้อนทับกัน และตามมาด้วยเสียงฉีกขาดจากซองพลาสติก

“อ๊า” แต่แล้วความเงียบสงบก็ดำเนินต่อไปได้ไม่นาน เมื่อความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเข้ามาทักทายด้วยความรวดเร็วและรุนแรง อาจเพราะนายท่านเฝ้าอดทนมาตั้งแต่เริ่มซีน เรี่ยวแรงจึงโหมกระหน่ำราวกับพายุ ร่างกายของบีมจึงไหวเอนไปมาราวกับถูกไกวชิงช้า

“อา..อ๊า..” บีมกรีดร้องด้วยความสุดกลั้น เพราะวันนี้นายท่านร้อนแรงและดุดันมากกว่าครั้งไหน แต่ทว่าบีมกลับชื่นชอบภาพลักษณ์นี้อย่างไม่ต้องพิจารณา เพียงแต่ความเสียวซ่านกลับนำพาให้บีมเกร็งร่างเป็นระยะโดยไม่รู้ตัว

“อา..บีม..ผมอยากจูบคุณ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยราวกับหลุดออกจากม่านมายาแห่งการเพลย์ไปเรียบร้อยแล้ว บีมจึงไม่รอช้าที่ส่งมอบบทจูบพัลวันให้อีกฝ่ายสมใจ ขณะที่เรือนร่างยังคงไหวเอนด้วยความเกร็งค้าง เพราะเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้นยังไม่เคยเบาลง

ฝ่ามือของบีมจึงกอบกุมเกลียวเชือกด้วยความหวามไหว คล้ายกับต้องการระบายความเสียวซ่านทดแทนการร่ำร้องด้วยความสุขสม จนกระทั่งผละริมฝีปากออกจากกัน จังหวะเร่งเร้าคล้ายกับโหมกระพืออย่างไม่ปรานี เรียวขาสวยของบีมจึงพลันชาเหน็บ

“แดง! แดง!” บีมรีบร้องตะโกนจนสุดเสียง ส่งผลให้คุณนัทรีบหยุดกิจกรรมดังกล่าวด้วยความตื่นตระหนก

“คุณเป็นตะคริวเหรอครับ ตรงไหน ?” สีหน้าของคุณนัทฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ลืมจะลูบศีรษะปลอบขวัญผู้บาดเจ็บ

“ขาข้างนี้ครับ” สิ้นคำตอบคุณนัทก็รีบปลดปล่อยพันธนาการออกจนหมดพลางโอบกอดบีมไว้ ก่อนจะจัดท่าทางให้บีมนอนพักอย่างสบายตัวพร้อมออกแรงนวดอย่างเอาใจใส่

“ดีขึ้นหรือยังครับ” คุณนัทเอ่ยถามพลางบีบนวดตรงบริเวณที่บีมชี้นำ ขณะที่บีมกลับส่ายหน้าเพียงเล็กน้อย โดยที่ลมหายใจยังคงถี่กระชั้นด้วยความต้องการอย่างไม่ลดละ เพราะเมื่อครู่บีมใกล้จะแตะฝั่งฝันในไม่ช้า ความอึดอัดแสนทรมานจึงผสมปนเปอย่างบอกไม่ถูก

“คุณกลัวหรือเปล่า ?” คุณนัทเอ่ยถามพลางสอดฝ่ามืออบอุ่นไปตามเรือนผมของบีมด้วยความแผ่วเบา ราวกับต้องการอาฟเตอร์แคร์อย่างเอาใจใส่   

“ไม่กลัวครับ เพราะผมเชื่อใจคุณ” บีมขยับกายซุกซบแผงอกของอีกฝ่ายราวกับต้องการใช้ภาษากายปลอบขวัญ เมื่อคุณนัทกำลังจะก้าวเข้าสู่สถานการณ์ ‘ดอมดรอป’ อย่างเต็มรูปแบบ

“ผมมีความสุขมาก เพราะมันคือการเพลย์ที่ดีที่สุดในชีวิตของผม” บีมยังคงบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมจุมพิตปลายคางของคนขวัญเสียเพียงแผ่ว ส่งผลให้คุณนัทผละกายออกห่างเพียงเล็กน้อย เพื่อมอบรอยยิ้มสดใสกลับมาให้ จากนั้นทั้งคู่ก็ยังคงอิงแอบแนบชิดกันอยู่อย่างนั้น

“คุณนัท” บีมเอื้อนเอ่ยพลางเหลือบตามองคนตรงหน้าเพียงครู่

“ครับ ?” ฝ่ายชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ตรงนี้ยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยครับ เรามาทำกันต่อเถอะนะ บีมก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยเหมือนกัน” บีมจงใจใช้น้ำเสียงออดอ้อน ซ้ำยังลากไล้ฝ่ามืออันซุกซนไปตามแผงอกของคนรักก่อนจะจบลงที่ความคับแน่นอันแสนอ่อนไหว จากนั้นจึงพลิกตัวโก้งโค้งอย่างเชิญชวน

ชายหนุ่มคนรักจึงไม่รอช้าที่จะแนบกายเข้ามาชิดใกล้ พร้อมผสานฝ่ามือไว้ด้วยกัน ขณะที่เรี่ยวแรงเร่งเร้ากลับนำพาให้ร่างกายของบีมสั่นคลอน ไม่ต่างกับตอนที่กำลังลอยล่องอยู่บนเกลียวเชือก บีมจึงเปล่งเสียงครวญหวานอย่างพึงพอใจ สลับกับแลกรสจูบครั้งแล้วครั้งเล่า

“คุณนัท..” เมื่อผละริมฝีปากออกจากกัน บีมจึงร้องเรียกด้วยความอย่างลำบาก เพราะต้องคอยอดกลั้นไม่ให้สุ้มเสียงครวญครางเล็ดลอด

“ครับ” ฝ่ายชายหนุ่มด้านบนแม้จะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่ทว่าสะโพกแข็งแกร่งกลับบรรจงกระแทกกระทั้นด้วยความร้อนแรง ทำเอาบีมกอบกำผ้าปูที่นอนจนยุ่งเหยิง

“บีม..อ..อ๊ะ..อยาก..อื้อ..ออนท็อป” กว่าเรือนร่างแสนร้อนแรงจะเอื้อนเอ่ยจบประโยค ความพยายามทั้งหมดที่สั่งสมมาก็พังทลาย แต่กระนั้นความปรารถนากลับถูกส่งมอบภายในชั่วพริบตา

“บีมจะขย่มแรง ๆ” บีมคล้องลำคอของอีกฝ่ายไว้ พลางกระซิบเพียงแผ่วตรงข้างใบหู ซ้ำยังเล็มไล้ด้วยความเย้าหยอก

“คุณนัทระวังจะขาดใจได้นะครับ” สุ้มเสียงปลุกเร้าอย่างแสนอวดดี ทำเอานัทอดใจไม่อยู่ จึงต้องฝากฝังความแดงก่ำไว้บนสะโพกกลมกลึงเสียจนเพลิดเพลิน เพราะ ‘เจ้าตัวดี’ ในค่ำคืนนี้ช่างน่ามันเขี้ยว

“อวดดี” ชายหนุ่มเอื้อนเอ่ยหลังจากชื่นชมความน่ารักของอีกฝ่ายจนสาแก่ใจ ฝ่ามืออบอุ่นจึงรั้งศีรษะของบีมเข้ามาประกบจูบ จากนั้นจังหวะร้อนแรงที่บีมชักพาก็เริ่มดำเนินต่อไปด้วยความบ้าคลั่ง ไม่นานความสุขก็เริ่มพร่างพรมราวกับหยาดหิมะในฤดูหนาว ทั้งคู่เลยต้องโอบกอดกันเพื่อควานหาไออุ่น ความเงียบสงัดจึงโอบล้อมทุกสรรพสิ่งจนหลงเหลือเพียงเสียงหัวใจและลมหายใจในจังหวะเดียวกัน

“บีม” สุ้มเสียงทุ้มนุ่มของคุณนัทดังอยู่ข้างใบหู บีมจึงเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างหลังพร้อมเลิกคิ้วในเชิงสอบถาม

“หลับตาหน่อยสิครับ” คุณนัทบอกกล่าวพร้อมยกยิ้มหวานในเชิงร้องขอ

“ทำไมครับ” ยิ่งอีกฝ่ายแสดงท่าทีแปลก ๆ มากเท่าไหร่ บีมกลับยิ่งไม่ยอมทำตามมากเท่านั้น

“ที่รัก..” สิ้นคำเรียกขานด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน บีมจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นใด นอกจากยอมทำตามคำร้องขออย่างว่าง่าย เพราะบีมแพ้ลูกอ้อนแบบนี้ อีกฝ่ายถึงได้จดจำเอามาใช้อย่างเป็นต่อ จากนั้นบีมจึงเงี่ยหูฟังพบว่าคุณนัทกำลังรื้อค้นอะไรบางอย่างตรงโต๊ะข้างเตียง

กระทั่งวัตถุเย็นเฉียบสัมผัสบริเวณข้อมือในเวลาต่อมา บีมจึงลืมตาขึ้นด้วยความสนใจ พบว่าที่มาของสัมผัสแปลกประหลาดคือกำไลเงินเกลี้ยงเกลาอันหนึ่งที่สลักวันที่และช่วงเวลาเอาไว้อย่างชัดแจ้ง มิหนำซ้ำยังถูกหัวใจดวงหนึ่งแบ่งแยกถ้อยคำสำคัญออกจากกัน

บีมจึงก้มหน้าพิจารณาอย่างเอาใจใส่ โดยอาศัยแสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่อำนวยความสะดวก พบว่าภายในหัวใจมีการสลักตัวอักษร N และ B ซึ่งเป็นตัวอักษรแรกของชื่อเสียงเรียงนามของทั้งคู่ไว้

“ใส่ให้ผมด้วยสิครับ” คุณนัทส่งกำไลข้อมืออีกชิ้นที่มีการสลักตัวอักษรแบบเดียวกัน พร้อมใช้เรียวแขนข้างที่ว่างโอบกอดเรือนร่างเปลือยเปล่าของบีมไว้ เพราะก่อนหน้านี้บีมบ่นว่าไม่อยากเป็นนักบัลเล่ต์แล้ว แต่อยากเป็นเจ้าของห้องเสื้ออิสระผู้แสนขี้เกียจ

“ที่จริงผมอยากให้แหวนคุณมากกว่า แต่ว่าความสัมพันธ์ของเรายังไม่ผ่านการยอมรับจากพ่อกับแม่ของคุณ ผมเลยเลือกเป็นกำไลข้อมือที่ไม่ค่อยสะดุดตามากนัก คุณจะได้ไม่ต้องคอยกังวล” คุณนัทบอกกล่าวอย่างเอาใจใส่ บีมจึงกลั้นยิ้มจนแก้มปริ ขณะที่สายตายังคงสำรวจวันที่และเวลาอย่างใช้ความคิด ไม่นานก็จดจำได้ว่ามันคือช่วงเวลาที่ทั้งคู่ตกลงคบหากันอย่างจริงจังที่บ้านสวน

“ขอบคุณนะครับ ผมชอบมันมาก” บีมคว้าข้อมือของอีกฝ่ายที่สวมกำไลแบบเดียวกันพลางไถลตัวลงจากแผงอกแกร่งเพียงเล็กน้อย พร้อมเฝ้ามองกำไลเงินจากข้อมือของตนเองและคนรักด้วยแววตาสดใส เพราะในอกกำลังรู้สึกอบอุ่นที่มีโอกาสได้สัมผัสความรักดี ๆ ที่เข้ามาทักทายโดยไม่ทันตั้งตัว

ฝ่ายชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของไอเดียจึงลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ เพราะเวลานี้แววตาของเจ้าของห้องเสื้ออิสระกำลังเปล่งประกายราวกับช่วงเวลาที่ได้ออกแบบคอลเลกชันเสื้อผ้า อีกทั้งรอยยิ้มยังคงงดงามไม่ต่างจากวันแรกที่ได้พบกัน


--------------------------✁


[1] ริงเกอร์ (Rigger) คือ คำที่ใช้เรียกผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการแขวนของที่มีน้ำหนัก จึงถูกนำมาปรับใช้กับกลุ่มคนที่มีความชื่นชอบการมัด เพียงแต่ในที่นี้จะหมายถึง ผู้ที่ทำการมัด
[2] ดอมดรอป (Dom Drop) คือ การที่ดอมเกิดความรู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า หรือรู้สึกผิดต่อซับที่ตนเองให้ความสำคัญ เพราะสำหรับคนบางคนยิ่งใกล้ชิดก็จะยิ่งรักมากและเกิดเป็นความรู้สึกผิด


บทความที่เกี่ยวข้อง
- Wax Play http://bit.ly/2YZfybm
- ดอมดรอป http://bit.ly/35yOIcI


ท่า arabesque
https://imgur.com/ZY1vApY

พิมพ์คำอธิบายที่นี่
ท่า A grand jeté
https://imgur.com/0enWB7u

มาอัพแล้วจ้า หลังจากหายไปหลายวัน 55 เป็นตอนที่หมดพลังมากจริง ๆ และใช่ค่ะปิดท้ายด้วยความหวานเหมือนเคย อิอิ คู่นี้ก็จะหวาน ๆ แบบนี้แหละ เพราะชีวิตน้องบีมเครียดมามากพอแล้ว ถึงเวลามีความสุขก็อยากให้มีความสุขอย่างเต็มที่ สำหรับตอนนี้แอบแทรกข้อมูลไว้นิดหน่อย เพราะเราว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่อยู่นะ เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะคิดว่าใช้เทียนแบบไหนมาเพลย์ก็ได้ แต่ไม่จ้ มันมีรายละเอียดที่มากกว่านั้น

ปล. มีคนแอบมากระซิบถามว่าการเพลย์โดยที่ไม่มีอะไรกัน ทำไมถึงทำให้น้องบีมไปถึงฝั่งฝันได้ เราเลยคิดว่าเราควรจะต้อง talk สักหน่อย เพราะอาจจะมีบางคนที่สงสัยแต่ไม่กล้าถาม เราขอพูดแบบเปรียบเทียบตามที่เราเข้าใจแล้วกันค่ะ คนอ่านที่ไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อนจะได้เข้าใจแนวเขียนแบบนี้มากขึ้น คือการเพลย์แบบ BDSM ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูด สายตา การสวมบทบาท รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์มันคือการเล้าโลมนะ เมื่อเทียบกับชาววนิลาก็จะออกแนวกอดจูบลูบคลำค่ะ พอมีความสุขมากก็จะทำให้ตอบโจทย์โดยไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์

จริง ๆ เท่าที่เรารู้มาคนที่เค้ามีรสนิยมแบบ BDSM มักจะบอกว่าหนังเรื่องมิสเตอร์เกรย์ไม่ใช่ BDSM ค่ะ และยังทำให้คนทั่วไปเข้าใจรสนิยมนี้แบบผิด ๆ เราเองก็คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะ เพราะเท่าที่ดูช่วงแรก ๆ ตัวนางเอกไม่ได้มีความสุขกับการกระทำของพระเอก แต่ที่ยินยอมมันเกิดจากความรักล้วน ๆ ซึ่งคนที่รสนิยมแบบ BDSM การเพลย์จะต้องเกิดจากความยินยอมทั้งสองฝ่ายและมันต้องมีความสุขด้วยกันทั้งคู่ค่ะ ก็อย่างที่เราเขียนในนิยายคือมีการตกลงกัน แต่เรามองว่าฝ่ายซับก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองว่ายอมรับการเพลย์ในรูปแบบไหนได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนฝ่ายดอมก็ต้องเอาใจใส่ฝ่ายซับด้วย ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในข้อตกลง แต่พอถึงเวลาจริง ๆ มันอาจจะรับไม่ไหวก็มีค่ะ ดังนั้นการพูดคุยถึงสำคัญมาก อีกอย่างคือในหนังปูพรมมาว่าพระเอกมีรสนิยมแบบนี้เพราะถูกทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องของรสนิยมนะเราเคยอ่านบทความมา เค้าบอกว่าความสุขที่ได้จากการเพลย์ก็เหมือนกับการที่คนทั่วไปไปท่องเที่ยวน่ะค่ะ ถ้ามองแล้ววัดจากหนังอาจจะทำให้ไม่เข้าใจก็เป็นได้ เพราะตัวหนังแอบขายซีนรุนแรงที่ออกไปทางหลงใหลคลั่งไคล้อยู่นะ แต่ไม่ใช่มีความสุขแบบที่เป็นส่วนลึกจากข้างใน อีกอย่างในหนังเหมือนจะไม่มีการอาฟเตอร์แคร์ด้วย มันเลยทำให้ยิ่งรู้สึกว่านางเอกไม่มีความสุข ไม่เข้าใจรสนิยมแบบนี้ ออกแนวต่อต้านเลยแหละ ส่วนพระเอกก็ไม่ค่อยมีมุมที่คอยเอาใจใส่ฝ่ายซับอย่างที่ควรจะเป็นด้วยค่ะ แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าการเปย์ของแพง ๆ ให้จะหมายรวมอยู่ในการดูแลเอาใจใส่หรือเปล่า แฮร่ ถ้าใครเห็นต่างมาวิเคราะห์กันได้นะ หรือถ้าใครรู้มากกว่านี้ก็มาพูดคุยกันได้ค่ะ เพราะเราเองก็รู้เท่าที่อ่านมาจากบทความต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 20-21 (update 18/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-12-2019 22:39:53
 :pighaun: แล้วก็มาหวานตบท้าย อีกหน่อยคงได้แลกแหวนแม่พ่อเริ่มยอมรับแล้วนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 20-21 (update 18/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-12-2019 23:03:36
ไม่มากไม่น้อยไปค่ะ มีสลับไปมาบ้าง
ใช้ชีวิตปกติธรรมดา และมีเวลาส่วนตัว ก็เป็นอะไรที่เรียลดีค่ะ

บีมมีความซับซ้อนกับเรื่องที่เจอมา บวกกับสะสมมานาน
นัทช่วยบีมได้เยอะมากเลยค่ะ มีโมเมนท์หวาน มีให้อบอุ่น

เอ็นดูความตกใจหุ่นไล่ ดีที่ไม่กระโดดหนีซะก่อน
คิดว่าแม่รู้แล้วค่ะ แต่อาจจะรอเวลาอีกนิด
ให้ต่างคนต่างปรับตัวปรับใจกันก่อน

รออ่านตอนต่อไปนะคะ ลุ้นว่าจะมาแนวไหน
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 22 (update 25/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 25-12-2019 20:49:22
ตอน 22


หลังจากแม่บอกกำหนดงานแต่งของพี่แก้วแล้ว บีมก็เร่งตัดตัวอย่างแรกประจำคอลเลกชันปี 2021 แบบหามรุ่งหามค่ำ โดยมีคุณนัทคอยอำนวยความสะดวกหลังห้างปิดเวลาทำการ

เดิมทีคุณนัทไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำงานในรูปแบบนี้ แต่เพราะอาการเดินละเมอเริ่มห่างหาย อีกทั้งชุดแต่งงานของพี่แก้วยังมีความสำคัญต่อบีมมาก ซึ่งคุณนัทเข้าใจเหตุผลในส่วนนี้ ข้อห้ามต่าง ๆ ที่เคยปฏิบัติจึงได้รับข้อยกเว้นเพียงชั่วคราว 

“แม่” บีมรีบเอื้อนเอ่ยทันทีที่อีกฝ่ายรับสายพร้อมส่งยิ้มให้กับบาร์เทนเดอร์ที่กำลังทำหน้าที่เสิร์ฟค็อกเทลให้กับแขกผู้มีเกียรติ ตรงริมสระว่ายน้ำซึ่งอยู่ติดกับเคาน์เตอร์บาร์

‘โทรมาหลายสายเชียว มีอะไรหรือเปล่าบีม ?’ แม่เอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะบีมโทรหาตั้งแต่หกโมงเย็นจนนี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว

“บีมขอเบอร์ติดต่อของพี่แก้วหน่อยสิครับจะได้คุยเรื่องชุดแต่งงาน” บีมบอกกล่าววัตถุประสงค์ พลางจิบ ‘Whiskey Sour’ รสชาติละมุนลิ้นอึกหนึ่ง ส่งผลให้ฟองสีขาวบริสุทธิ์แต่งแต้มบริเวณเหนือริมฝีปาก ราวกับหนวดสีดอกเลาของชายชรา คุณนัทจึงวางมือจากการผสมค็อกเทลสำหรับตนเอง ปัดเป่าคราบไข่ขาวที่ถูกตีจนขึ้นฟอง

‘แม่ว่าบีมกลับมาวัดตัวให้แก้วเองเลยดีกว่าไหม เพราะตอนนี้แก้วไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพแล้ว’ สิ้นข้อเสนอของแม่ บีมเลยนิ่งคิดไปพักใหญ่ เพราะการกลับไปตัดชุดแต่งงานให้พี่แก้วถึงบ้านเกิดค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากบีมต้องขนอุปกรณ์ตัดเย็บกลับไปด้วย แถมบริเวณบ้านยังไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่ แต่กระนั้นปัญหาใหญ่กลับไม่ได้มีเพียงแค่นั้น

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่บีมอยากทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับชุดแต่งงานว่าพี่แก้วอยากได้สไตล์ไหน มีงบเท่าไหร่ สถานที่และรูปแบบการจัดงานเป็นยังไง” บีมอธิบายให้แม่ฟังอย่างละเอียด เพราะทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสำคัญจะมาทำเป็นเล่น ๆ ไม่ได้ อีกอย่างชุดแต่งงานสามารถขลับเน้นจุดเด่นและจุดด่างพร้อยของผู้สวมใส่ บีมเลยต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ

จนกระทั่งได้เบอร์โทรศัพท์ตามที่ต้องการ บีมจึงพูดคุยกับแม่อีกพักใหญ่เพื่อถามไถ่อาการของพ่อ แล้วก็รีบต่อสายไปหาพี่สาวข้างบ้าน แต่รอแล้วรอเล่าเสียงสัญญาณโทรศัพท์ก็ยังดังระงมไม่ขาดสาย หัวคิ้วของบีมจึงเริ่มขมวดมุ่น

“เธออาจจะเร่งเตรียมงานจนเหนื่อยหรือเปล่าครับ ผมเคยได้ยินมาว่างานแต่งเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เธอเลยนอนตั้งแต่หัวค่ำ ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าคุณลองโทรหาเธออีกครั้งคงยังไม่สายเกินไป” คุณนัทแสดงความคิดเห็นเพื่อให้บีมใจเย็นลง

“เป็นไปได้ครับ แต่ปกติทางร้านต้องใช้เวลาตัดชุดอย่างน้อย 2 เดือนเลยนะครับ นี่เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน ถ้าหากพี่แก้วยังยืนยันให้ผมออกแบบชุดให้ใหม่ คงต้องเร่งทำจนสุดฝีมือ” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะก่อนหน้านี้บีมต้องทุ่มเทให้กับคอลเลกชันใหม่ของทางร้าน เนื่องจากดีไซเนอร์ในทีมต่างก็งานล้นมือกันหมด ดังนั้นถ้าหากบีมหยุดก้าวเดิน แผนงานก็จะรวนเหมือนกับช่วงที่บีมเป็นกังวลเรื่องแม่ ส่วนทีมที่รับผิดชอบเกี่ยวกับชุดแต่งงาน ตอนนี้กำลังเร่งตัดชุดให้กับลูกค้าที่มาจองคิวไว้เลยไม่อาจแทรกคิวได้

“ทำไมถึงทำหน้าหงอยอย่างนั้นล่ะครับ” คุณนัทเอ่ยถามเมื่อบีมวางเรียวแขนลงบนเคาน์เตอร์บาร์ริมสระพร้อมแนบใบหน้าด้วยความห่อเหี่ยว

“ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่น่ารับปากแม่ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าชุดแต่งงานของพี่แก้วมันเป็นของร้อน เพราะเวลาที่เหลืออยู่มันน้อยมากเลยนะครับ แต่ว่าตอนนั้นผมดีใจมากในหัวมันเลยยุ่งเหยิงไปหมด อีกอย่างผมเองก็พลาดที่ไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของพี่แก้วให้เร็วกว่านี้” บีมบอกเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่าในอกกลับหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากบีมกำลังเป็นกังวลว่าจะทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง

“สำหรับผม..” คุณนัทเอื้อนเอ่ยพร้อมลูบไล้เรือนผมที่ไม่ได้เปียกปอนด้วยความแผ่วเบา เพราะบีมเพียงแค่อยากสวมใส่ชุดว่ายน้ำสำหรับผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในคอลเลกชันหน้าร้อนประจำปี 2019 เซ็ตเดียวกับบราตัวแรกของห้องเสื้ออิสระ

“คุณเก่งที่สุด” ทว่าบาร์เทนเดอร์หนุ่มยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยจบประโยค คนรู้ใจกลับเป็นฝ่ายพูดออกมาเสียก่อน ดวงตาของทั้งคู่จึงประสานกันเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังกังวานไปทั่วระเบียงด้านนอก

“วันนี้คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะครับว่าผมใส่ชุดว่ายน้ำเป็นยังไง” หลังจากความมั่นใจเริ่มมาเยือน บีมก็รีบแหวกว่ายไปยังขอบสระ พร้อมยืนหมุนตัวตรงบริเวณที่แสงไฟสีเหลืองนวลอาบไล้ผิวกายอันขาวผ่อง

“อืม..” คุณนัทยืนกอดอกพลางใช้สายตาทรงเสน่ห์จ้องมองเรือนร่างภายใต้ชุดว่ายน้ำสีขาวแบบทูพีช ที่มีลักษณะเป็นเกาะอกห่มคลุมด้วยเสื้อแขนกุดจากผ้าลูกไม้ประเภท GUIPURE LACE ซึ่งมีโบว์ผูกคล้องอยู่ตรงกึ่งกลางอก รับกันดีกับกางเกงว่ายน้ำสีขาวเอวสูง ทำให้ไม่ดูเปิดเผยเนื้อหนังจนเกินไป

“พอผมไม่ได้อยู่ในช่วงเพลย์หรือกำลังเดินละเมอ คุณนัทเลยคอมเมนต์ผลงานของห้องเสื้ออิสระไม่ถูกเหรอครับ ?” บีมว่ายกลับมาหาอีกฝ่ายตรงบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมนำพาเรือนร่างไปให้พิจารณาอย่างใกล้ชิด เพราะเคาน์เตอร์บาร์ไม่ได้ยกสูง แต่กลับอยู่ในระดับเดียวกันกับขอบสระ บีมจึงนอนทอดกายอยู่บนนั้นได้ไม่ยาก

“ตรงกันข้ามเลยครับ เพราะไม่ว่าเวลาไหน ผมก็สามารถคอมเมนต์ให้คุณได้” คุณนัทกระซิบชิดริมหูด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่าฝ่ามือกลับเริ่มซุกซน ขณะที่บีมได้แต่ยิ้มรับคำตอบ พร้อมจิบค็อกเทลฝีมือคนรักด้วยท่าทีสุดนิ่งเฉยต่อสัมผัสดังกล่าว

“เพียงแต่ผมอยากบอกกับคุณใกล้ ๆ คุณจะได้รู้ตัวว่าคุณน่ารักมาก” สิ้นคำชมเชยจากคุณนัท บีมก็ได้แต่หน้าแดงซ่าน แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมผละกายออกห่างจากสัมผัสนุ่มนวลตรงบริเวณข้างแก้ม

“แต่พอคุณขึ้นมานอนทอดกายอยู่บนนี้ ผมกลับรู้สึกว่าคุณในชุดว่ายน้ำแบบน่ารัก ดูอวดดีจนผมอยากจะกำราบเสียให้เข็ด” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่ทว่ากลับทรงเสน่ห์เสียจนบีมเริ่มรู้สึกตื่นตัว ขณะที่ข้างแก้มยังคงถูกชายหนุ่มผู้หลงใหลต่อการควบคุมกัดเล่นเสียจนเพลิดเพลิน

“กำราบเลยสิครับ ยังไงผมก็ตกอยู่ในกำมือของคุณแล้ว” บีมเอื้อนเอ่ยพลางเหลือบมองไปยังนัยน์ตาสีนิลพราวระยับ ก่อนจะหยุดนิ่งลงที่ข้อมือทั้งสองข้างซึ่งถูกพันธนาการด้วยฝ่ามือใหญ่

“ถ้าหากนายถูกมัดมือไพล่หลังแบบนี้ นายยังจะทำตัวเรียกร้องความสนใจได้หรือเปล่า” นายท่านเอ่ยถามพลางประคองให้บีมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนเคาน์เตอร์บาร์ โดยหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำที่มีเงาสะท้อนของดวงไฟสีขาวสว่าง ราวกับดวงดาวส่องประกายอย่างกระจัดกระจายบนท้องฟ้า ก่อนจะอาศัยทีเผลอกระชากเรือนผมนุ่มจนแทบหงายหลัง แต่กระนั้นเรือนกายแสนกำยำกลับรองรับเรือนร่างของบีมไว้ ขณะที่ข้อมือทั้งสองข้างพลันถูกกักกันอิสรภาพเพียงหลวม ๆ

“นายท่านอย่ามัวแต่สงสัยอยู่เลย.. รอดูสิครับ” บีมเอื้อนเอ่ยพลางจ้องมองแววตาร้อนแรงของอีกฝ่ายด้วยความยั่วเย้า เพราะวันนี้บีมอยากจะเป็นเจ้าของห้องเสื้อที่ชื่นชอบการเรียกร้องความสนใจโดยไม่สนวิธีการ

“ได้สิ แต่การเรียกร้องความสนใจของนายในครั้งนี้ ควรต้องมีสักขีพยานสักหน่อย คนอย่างนายน่าจะชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว คงไม่คิดปฏิเสธหรอกใช่ไหม” นายท่านเอ่ยถามพลางดึงรั้งเส้นผมนุ่มให้หนักมือขึ้น แต่กระนั้นเรือนกายกลับโอบรับร่างเพรียวด้วยความเอาใจใส่ ราวกับหวาดกลัวว่าบีมจะเผลอหงายหลังลงไปจริง ๆ

“ผมจะรอนะครับ” บีมกระซิบเสียงแผ่วพลางส่งยิ้มหวานละมุนจนชายหนุ่มอีกคนเผลอจ้องมองรอยยิ้มนั้นด้วยความหลงใหล ก่อนจะผละตัวเข้าไปหยิบอุปกรณ์บางอย่าง เพราะการเพลย์ในครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว บีมจึงรีบเดินไปนั่งคุกเข่าเฝ้ารออีกฝ่ายตรงปากประตูทางเชื่อม ระหว่างภายในห้องและระเบียงด้านนอก ราวกับต้องการเรียกร้องความสนใจให้สมบทบาท

“ระริกระรี้จังเลยนะ” พอนายท่านเดินออกมายังระเบียงริมสระก็เอ่ยปรามาสอย่างรวดเร็ว บีมจึงฉีกยิ้มกว้างพลางไหวไหล่ด้วยท่าทีแสนอวดดี

“ลุกขึ้น” กระทั่งนายท่านออกคำสั่ง บีมจึงรีบลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว แต่กระนั้นสีหน้ากลับเต็มไปด้วยความสุขอันมากล้น ขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 กำลังใช้เทปลูกไม้คล้องผูกข้อมืออย่างไม่แน่นหนานัก คล้ายกับบอกกล่าวเป็นนัย ๆ ว่า บีมควรจะสวมบทของทาสผู้แสนดื้อดึงให้เต็มที่ เพราะเจ้านายก็จะสวมบทบาทคนใจแข็งจนสุดทาง

“ถ้าหากผมสั่งให้นายว่ายน้ำโดยที่ห้ามโผล่หน้ามาให้เห็น นายยังจะเรียกร้องความสนใจจากผมได้หรือเปล่า ?” นายท่านเอ่ยถามพลางฉุดรั้งบีมมายืนตรงริมขอบสระ พร้อมบังคับให้จ้องมองไปยังเงาร่างที่ซ้อนทับกัน

ภาพสะท้อนที่ได้เห็นจึงคล้ายกับทั้งคู่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดาราน้อยใหญ่ บีมจึงไม่รอช้าที่จะลงไปเอื้อมเก็บดวงดาวเหล่านั้นที่แอบซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผืนน้ำใสสะอาด

ทว่าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องหมายเลข 005 กลับยืนนิ่งอยู่ตรงริมขอบสระ โดยที่สายตากำลังจ้องมองเรือนกายพลิ้วไหวของฝ่ายซับที่กำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางสระมรกต แม้ว่าข้อมือจะถูกพันธนาการไขว้หลังไว้เพียงหลวม ๆ แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่ย่อท้อต่อการไขว่คว้าอิสระ เรียวขาจึงเคลื่อนไหวราวกับหางปลาบนพื้นผิวน้ำ ส่งผลให้ทุกท่วงท่าดูน่ามองอย่างไม่ต้องพยายาม

ผู้เป็นนายจึงทรุดตัวลงนั่งตรงริมขอบสระ ราวกับตนกำลังเฝ้ามองนางเงือกในจินตนาการแหวกว่ายหยอกล้อคลื่นลมตรงริมชายหาด จากนั้นโทรศัพท์เรียบหรูก็ถูกนำออกมาใช้งาน เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ได้คิดอยากจะเก็บภาพเหล่านี้ด้วยการถ่ายรูป แอปพลิเคชันหนึ่งจึงถูกเลือกสรรในเวลาต่อมา

“ทำอะไรอยู่ครับ” กระทั่งความเงียบงันโอบล้อมคนทั้งคู่เนิ่นนานจนเกินไป บีมจึงเป็นฝ่ายว่ายกลับมาหาพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“วาดรูปครับ” คุณนัทเอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ แต่กลับได้ใจความพร้อมรอยยิ้ม

“คุณนัทมีด้านที่เกินความคาดหมายเพิ่มขึ้นอีกแล้วนะครับ” บีมกล่าวด้วยความชื่นชมพร้อมทั้งปลดรั้งพันธนาการด้วยตนเอง เพราะคุณนัทไม่ได้พันผูกอย่างแน่นหนา สองมือจึงเกาะขอบสระพลางชะเง้อมองด้วยความสนใจ

“จริง ๆ แล้วการวาดรูปมันคือพรสวรรค์อย่างเดียวที่ผมมีเลยครับ ถ้าหากเทียบกับเรื่องราวในชีวิตของคุณคงจะเป็นการออกแบบเสื้อผ้า” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยตอบพลางลดระดับโทรศัพท์มือถือลงบนหน้าขา บีมจึงมองเห็นการร่างภาพจากจินตนาการอย่างชัดแจ้ง ซึ่งภาพดังกล่าวคือภาพของนางเงือกที่กำลังหยอกล้อเกลียวคลื่นท่ามกลางท้องทะเลสีฟ้าคราม

“เหมือนจูเลียตเลยครับ” บีมแสดงความคิดเห็นอย่างนึกเข้าข้างตัวเอง

“เพราะผมตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นครับ” คุณนัทส่งยิ้มก่อนจะเฉลยคำตอบเพียงเบา ๆ แต่ทว่าบีมกลับรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของอีกฝ่ายผ่านทางสายตามุ่งมั่น บีมจึงย่อตัวลงสู่ผืนน้ำ เพื่อที่จะได้มองเห็นแววตาอันน่าหลงใหลได้ชัดเจนขึ้น

ซึ่งบีมเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่าทำไมคุณนัทถึงชอบนั่งจ้องตอนที่บีมกำลังตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยความสนใจ คงเป็นเพราะเวลาที่คนคนหนึ่งมีความมุ่งมั่น มันเต็มไปด้วยเสน่ห์มากมายขนาดนี้

“ที่จริงผมถูกคุณย่าเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ บ้านสวนเลยเป็นถิ่นของผม พอเริ่มเดินได้ใคร ๆ ก็ตั้งฉายาให้ผมว่าไอ้ตัวแสบ เพราะทุกที่ที่ผมไป มักจะมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่เป็นอันทำงาน คุณย่าเคยบอกว่าพอผมเริ่มเดินคล่อง ผมนี่วิ่งปร๋อจนตกเกือบจะตกคูน้ำ คุณปู่เลยตั้งมั่นว่าจะสอนผมว่ายน้ำให้เร็วที่สุด”

“พอโตจนเข้าโรงเรียน ผมก็เริ่มค้นพบว่าตัวเองชอบวิชาศิลปะมากที่สุด เพียงแต่ตอนนั้นผมคิดว่ามันคงจะเป็นเพราะผมทำได้ดีที่สุด แต่เปล่าเลยความชอบของผมมันมาจากใจล้วน ๆ พอใกล้จะเข้ามหาวิทยาลัยผมก็เริ่มถูกคุณพ่อปลูกฝังเกี่ยวกับงานบริหาร ศิลปะกับตัวผมเลยค่อย ๆ ห่างไกลกันเรื่อย ๆ แต่ผมไม่ได้อาลัยอาวรณ์นะครับ คงเป็นเพราะผมสนุกกับการเรียนรู้เรื่องราวที่พ่อพยายามหยิบยื่น” หลังจากความเงียบเริ่มกลายเป็นจุดเด่นมากจนเกินไป คุณนัทจึงเป็นฝ่ายบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้บีมฟัง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้บีมไม่เคยรับรู้มาก่อน

“คุณคือคนแรกที่ทำให้ผมคิดอยากจะกลับมาวาดรูปอีกครั้ง” สิ้นคำกล่าวนั้นจิตรกรฝีมือดีก็เงยหน้ามองบีมด้วยรอยยิ้ม บีมจึงเผลอยิ้มตามไปด้วย เพราะคำพูดนั้นนับว่ามีอิทธิพลต่อจิตใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับมันยกระดับความสำคัญที่คุณนัทมีให้

“คุณนัทก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมมีความสุข ถึงแม้ว่าเวลานั้นเราสองคนจะไม่ได้พูดอะไรกันเลยก็ตาม แต่ผมกลับมีความสุขแค่เพราะคุณสนใจในสิ่งที่ผมชอบ” บีมบอกเล่าความรู้สึกที่เคยกักเก็บ ตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้รู้จักกัน เพราะบีมยังคงจดจำความน่าประทับใจของอีกฝ่ายตอนที่มานั่งรอบีมเลิกงานได้ เนื่องจากคุณนัทมักจะคอยเฝ้ามองรวมถึงถามไถ่เกี่ยวกับประเภทของผ้าลูกไม้และการตัดเย็บด้วยความสนใจ มิหนำซ้ำการค้นหาตัวตนของบีมผ่านชิ้นงานที่บรรจงสรรสร้างทำให้บีมรู้สึกหลงรักอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ผมดีใจนะครับ..” สิ้นคำพูดของชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 บีมจึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“ที่ได้เป็นอีกหนึ่งความสุขของคุณ และยังเป็นคนแรกที่ได้เห็นคุณในมุมมองที่หลากหลาย” ชายหนุ่มมาดจิตรกรเอื้อนเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพราะในใจกำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกยากจะบอกกล่าว เนื่องจากคนรักของเขามีเพียงการตัดเย็บเสื้อผ้าเท่านั้นที่เป็นความสุขอันยากจะลืมเลือน

ดังนั้นการก้าวเข้ามาเป็นอีกหนึ่งความสุขของบีม จึงทำให้นัทรู้สึกประสบความสำเร็จยิ่งกว่าได้รับการยอมรับทางด้านบริหาร อาจเพราะการเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจมีตำรามากมายให้เลือกสรร แต่การเรียนรู้เกี่ยวกับความรักมันไม่มีกฏเกณฑ์และตำราที่แน่นอน อีกทั้งการได้เห็นคนรักในมุมมองที่แสนจริงจัง สุภาพเรียบร้อย หรือแม้กระทั่งร้อนแรงจนเปรี้ยวเข็ดฟัน ยิ่งทำให้นัทรู้สึกประสบความสำเร็จ เพราะบีมกักขังตัวตนที่แท้จริงไว้ภายใต้ม่านหมอกของอดีตมาเนิ่นนานแล้ว

“ผมตั้งใจขัดคำสั่งขนาดนี้ นายท่านยังไม่คิดจะสั่งสอนผมอีกเหรอครับ” หลังจากความเงียบเริ่มโรยตัวอีกครั้ง บีมจึงยืดตัวขึ้นสู่เบื้องบน ขณะใช้สองมือค้ำยันเรือนร่างตรงบริเวณขอบสระ พลางกระซิบบอกผู้เป็นนายด้วยความยั่วเย้า เมื่อเห็นว่านายท่านกำลังสวมบทบาทจิตรกรหนุ่มผู้แสนเย่อหยิ่งที่มีเพียงภาพวาดจากฝีมือของตนเองเท่านั้นที่เรียกร้องความสนใจได้สำเร็จ

“ผมเป็นทาสที่ดีนะครับ..” บีมกล่าวพลางเหลือบมองชายหนุ่มด้านข้าง ขณะผูกคล้องเทปลูกไม้ไว้กับลำคอระหงอย่างไม่แน่นหนานัก ก่อนจะลอบยิ้มตรงบริเวณมุมปาก เมื่อเห็นนายท่านละความสนใจออกจากกิจกรรมของตนเอง

“รู้ตัวว่าทำผิดก็ควรจะสำนึกผิดให้มาก” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงทุกที คล้ายกับการกระทำดังกล่าวยิ่งเร่งเร้าความสนใจจากอีกฝ่ายได้มากขึ้น ซ้ำยังผูกคล้องปลายเทปลูกไม้อีกด้านหนึ่งไว้กับปากกาสไตลัส แววตาของชายหนุ่มผู้แสนเย่อหยิ่งจึงแปรเปลี่ยนเป็นลึกล้ำสุดจะคาดเดา

บีมจึงรีบดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำ ราวกับหวาดกลัวแววตาพราวระยับคู่นั้นเสียเต็มประดา แต่กระนั้นก็ไม่อาจไปได้ไกล เพราะนายท่านกำลังจำกัดความยาวของเทปลูกไม้ให้สั้นลง ส่งผลให้ลำคอระหงถูกดึงรั้งเพียงเบา ๆ พอให้รับรู้ถึงการเรียกร้องความสนใจที่ประสบความสำเร็จ

จากนั้นเรียวขาอันแข็งแกร่งก็สัมผัสกับผิวน้ำในเวลาต่อมา คล้ายกับเปิดโอกาสให้ฝ่ายซับเรียกร้องความสนใจให้เต็มที่ บีมจึงเริ่มแหวกว่ายไปรอบ ๆ เรียวขาคู่นั้น ก่อนจะแสดงเจตนาในส่วนลึกผ่านผิวสัมผัสที่โฉบเฉี่ยวกัน

กระทั่งนายท่านเปิดโอกาสให้สัมผัสฝ่ามืออันแสนอบอุ่น บีมจึงรีบพุ่งตัวขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมเล็มไล้เรียวนิ้วของอีกฝ่ายด้วยความเพลิดเพลิน ขณะที่สายตาก็คอยลอบสังเกตสีหน้าของเจ้านายเป็นระยะ

“นายมีความสามารถเท่านี้เองเหรอ ?” นายท่านเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วในเชิงสบประมาท บีมจึงไม่รอช้าที่จะดำดิ่งลงสู่ผืนน้ำอีกครั้ง พร้อมปลดเปลื้องปราการเบื้องล่างออกด้วยท่วงท่าสุดพลิ้วไหว ราวกับนางเงือกกำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ ก่อนจะใช้ริมฝีปากคาบกางเกงว่ายน้ำที่ตนเองออกแบบขึ้นสู่ผิวน้ำ

“ให้ผม ?” นายท่านเอ่ยถามพลางปรายตามองริมฝีปากของบีมด้วยความสนใจ เพราะรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจจากนายท่านกำลังปิดไม่มิด บีมจึงรีบพยักหน้าระรัวด้วยความกระตือรือร้น ทว่าในอกกลับลำพองใจไม่น้อยที่เวลานี้นายท่านเก็บโทรศัพท์มือถือและปากกาอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้ว

“วางมันตรงนี้สิ” เมื่อทราบเจตนาของฝ่ายซับอย่างแน่ชัดแล้ว นายท่านก็เริ่มสั่งการพลางใช้ฝ่ามือแตะสัมผัสตรงบริเวณหน้าตักที่ค่อนข้างโดดเด่น บีมจึงขยับเข้ามาชิดใกล้ พร้อมปล่อยวางสมบัติชิ้นดังกล่าวด้วยความอ้อยอิ่ง เพราะริมฝีปากของบีมไม่ได้อยู่เฉย แต่กลับจงใจฝากสัมผัสบางเบาด้วยความแนบเนียน แต่ในท้ายที่สุดก็ถูกจับได้ นายท่านจึงสอนสั่งด้วยการสอดแทรกเรียวขาลากไล้ไต่ระดับความสูงจนน่าใจหาย

“ด้านบนไม่ถอดออกเหรอ ?” สิ้นคำถามแสนกรุ้มกริ่มที่มาพร้อมกับสัมผัสปลุกเร้าตรงบริเวณเบื้องล่าง ปลายทางอีกด้านหนึ่งของเทปลูกไม้ก็ถูกปลดปล่อย บีมเลยไม่รอช้าที่จะปฏิบัติตามด้วยความเอาใจ โครงหน้างดงามพลันเชิดขึ้นพร้อมหลับตาพริ้ม ขณะที่เสื้อลูกไม้อันเป็นปราการชั้นแรก ค่อย ๆ หลุดเลื่อนออกจากช่วงตัวขึ้นสู่เรียวแขนและจบลงที่ฝ่ามืออันซีดเซียว จากนั้นบีมจึงค่อยแหวกว่ายไปยังมุมหนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับเทปลูกไม้ เพื่อส่งมอบอิสรภาพคืนสู่นายท่าน

“วางลงบนมือผม” สุ้มเสียงทุ้มนุ่มสั่งการขณะที่ฝ่ามือหนากำลังหยอกเย้าราวกับนึกสนุก ฝ่ายซับผู้ไม่สนวิธีในการเรียกร้องความสนใจ จึงค่อย ๆ ปีนป่ายเข้าหาชายหนุ่มผู้สั่งการจนแผ่นหลังแสนกำยำแนบสนิทกับพื้นกระเบื้องเย็นฉ่ำ   

“เงือกอย่างนาย ไม่ควรเชื่อใจมนุษย์” ทันทีที่นายท่านเอื้อนเอ่ยจบประโยค เรือนร่างของบีมก็สัมผัสกับความแห้งเหือดของพื้นกระเบื้อง ขณะที่นายท่านกำลังพันรัดเทปลูกไม้ไว้ทั่วเรือนร่างจนไม่อาจขยับเขยื้อน ซ้ำยังถูกอุ้มพาดบ่าจนสะโพกกลมกลึงอวดโฉมอยู่บนลาดไหล่

“ในนิทานปรัมปราเคยบอกเอาไว้ว่า เงือกอย่างพวกนายมีความฝันอยากจะเป็นมนุษย์” ชายผู้แสนเจ้าเล่ห์เอื้อนเอ่ยพลางลูบไล้สะโพกเนียนสวยด้วยความเสน่หา

“ไม่จริง! อ๊า!” ฝ่ายซับพยายามดีดดิ้นจนสุดความสามารถ ซ้ำยังตะโกนก้องอย่างไม่ยอมรับข้อกล่าวหา สะโพกนุ่มจึงถูกฟาดอย่างไม่ใยดี

“มนุษย์ที่แสนใจดีอย่างผมเลยไม่อาจนิ่งนอนใจ” คำพูดดังกล่าวของนายท่าน คล้ายกับบอกกลาย ๆ ว่า ตนเองเป็นเพียงข้อยกเว้นอันแสนน้อยนิด

“โกหก! อ๊า!” บีมโต้เถียงอย่างเด็ดเดี่ยว พลางดิ้นรนหาทางหนีรอด สะโพกสวยพลันถูกลงโทษอย่างต่อเนื่อง ก่อนเรือนร่างอันไร้อิสระจะถูกโยนลงบนโต๊ะตัวยาวตรงบริเวณกลางแจ้งอย่างไม่ปรานี ความเจ็บปวดทำให้บีมเผลอเม้มปากแน่นอยู่ครู่หนึ่ง

“ขอโทษครับ” คุณนัทกระซิบเสียงแผ่วพลางจุมพิตริมฝีปากของบีมด้วยความรู้สึกผิด ซ้ำยังลูบไล้ตรงบริเวณที่คาดว่าบีมจะได้รับบาดเจ็บเป็นการปลอบโยน

“ผมลืมตัวไปหน่อย” สิ้นถ้อยคำดังกล่าว ริมฝีปากของบีมจึงวาดเป็นรอยยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ เพราะบีมไม่ได้เจ็บปวดจนถึงขนาดที่เจ้าตัวเป็นกังวล

“เพลย์ต่อเถอะครับ” บีมเป็นฝ่ายเชื้อเชิญ เมื่อคนรักยังคงจ้องหน้ากันในระยะประชิด

“ถ้าหากผมจะเริ่มเบลดเพลย์ตั้งแต่ตอนนี้ คุณไว้ใจผมหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยถาม พลางจุมพิตข้างแก้มคนรักด้วยความนุ่มนวล

“ตามที่เราเคยตกลงกัน ถ้าหากไม่มีบาดแผลผมโอเค เพราะผมยินดีจะฝากชีวิตไว้ที่คุณ” ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว หัวใจของชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 ก็พลันเต้นระรัวด้วยความอิ่มเอม เพราะอีกฝ่ายไม่ได้หมายความเพียงแค่ช่วงเวลาแห่งการเพลย์ แต่ยังหมายรวมไปถึงความปลอดภัยในระหว่างห้วงแห่งนิทราที่อาจจะส่งผลต่อความสูญเสีย

“รอผมครู่หนึ่งนะครับ” คุณนัทแย้มยิ้มพลางประทับจุมพิตลงบนหน้าผากก่อนจะผละกายเข้าไปยังด้านใน ขณะที่บีมพยายามจะไม่หวั่นไหวต่อการกระทำดังกล่าว เพื่อที่จะได้เข้าสู่บทบาทแห่งการเพลย์ได้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นแววตาของบีมก็เฝ้าจดจ้องบริเวณหน้าต่างกระจกด้วยความจดจ่อ กระทั่งมองเห็นร่างสูงเคลื่อนผ่านจากด้านใน ความตื่นเต้นก็ยิ่งตีตื้น ส่งผลให้ทุกย่างก้าวของนายท่านดูน่ายำเกรงอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้โต๊ะตัวยาวมากเท่าไหร่ บีมก็ยิ่งสังเกตรายละเอียดได้มากเท่านั้น

“เงือกอย่างนายอยู่บนบกได้ไม่นานนัก ถ้าหากกินยาที่ผมคิดค้น ปัญหานั้นย่อมหายห่วง” นายท่านอธิบายด้วยท่าทีแสนเรียบเฉย พลางวางมีดเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะเหนือบริเวณศีรษะของฝ่ายซับ ตามด้วย Pin Wheel หรือที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า ‘ลูกกลิ้งหนาม’ ก่อนจะจุดเทียนหอมกลิ่นกุหลาบด้วยท่าทีแสนใจเย็น ราวกับต้องการสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติกชวนวาบหวาม และไม่ลืมตระเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไว้ใกล้มือ


-อ่านต่อด้านล่าง-
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 22 (update 25/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 25-12-2019 20:49:57
ขณะที่แววตาของบีมพลันจับจ้องไปยังเรือนร่างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวอันเป็นภาพลักษณ์ที่แสนคุ้นชินอย่างต่อเนื่อง พบว่าอีกฝ่ายนำค็อกเทลที่หมดความสนใจไปนานแล้วมาใช้ประโยชน์ เพียงแต่ท่วงท่าที่คุณนัทหยิบจับแก้วกระเบื้องในเวลานี้ให้ความรู้สึกเย้าหยวนยิ่งกว่าคราใด จนบีมเผลอครุ่นคิดไปเองว่าเทียนหอมที่วางตั้งเหนือบริเวณศีรษะกำลังเสริมสร้างความปรารถนาต่อการครอบครองจนโหมกระพือ

“เห็นหรือยังว่าผมพูดจริงทำจริงแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าเงือกอย่างนายจะเชื่อใจมนุษย์ได้ทุกคน” นายท่านเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีพลางราดรดเครื่องดื่มเย็นฉ่ำลงบนเรือนร่างของอีกฝ่ายที่ถูกพันธนาการอยู่บนโต๊ะตัวยาว ตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงแผ่นอก ซึ่งมันทำให้บีมสะดุ้งเฮือก เมื่อเกล็ดน้ำแข็งเย็นฉ่ำที่อีกฝ่ายจงใจตักมาเพิ่มตกกระทบลงบนหน้าท้องแบนราบ

“นายยังไม่ไว้ใจผม” กระทั่งแววตาสบผสานกันเป็นเวลาเนิ่นนาน นายท่านจึงเอื้อนเอ่ยด้วยความจริงจัง ก่อนจะยกแก้วค็อกเทลจดริมฝีปาก ส่งผลให้ลูกกระเดือกขยับไหวเพียงเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้บีมเผลอเลียริมฝีปากอย่างไม่อาจอดกลั้น

จากนั้นเครื่องดื่มรสชาติละมุนลิ้นก็ถูกแบ่งปันให้ได้ลิ้มลอง แต่ทว่าเรียวลิ้นของอีกฝ่ายกลับไล่กวาดต้อนเรียวลิ้นของฝ่ายซับอย่างหื่นกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนากลับลากไล้เกล็ดน้ำแข็งก้อนใหญ่ไปตามความงดงามของเรือนร่างอันขาวผ่อง

บีมจึงบิดเร้ากายด้วยความหวามไหว แต่ทว่าก็ไม่อาจเปล่งเสียง เมื่อริมฝีปากยังคงถูกช่วงชิงความหอมหวานอย่างตะกละตะกลาม สมองพลันขาวโพลนราวกับฤทธิ์ยาที่อีกฝ่ายอวดอ้างแสดงผล ขณะที่แผ่นอกยังคงกระเพื่อมไหวด้วยความถี่กระชั้น

“ได้เวลาผ่าตัดให้นายแล้ว” นายท่านถอนริมฝีปากพลางกระซิบชิดริมหู ส่งผลให้บีมที่ยังคงหอบหายใจเหลือบมองด้วยความหวาดระแวง เพราะเวลาแห่งการรอคอยกำลังมาถึง น้ำลายอึกแล้วอึกเล่าจึงถูกกลืนกินราวกับหิวกระหาย ขณะที่นัยน์ตากลมสวยกลับฉายภาพคมมีดที่มีความเหมาะสมต่อการเพลย์ไม่วางตา เพราะมันกำลังถูกอาบไล้ด้วยเปลวเพลิงสีเหลืองนวลจนร้อนระอุ ความรู้สึกหวาดกลัวพลันเกาะกินหัวใจอย่างไม่อาจห้าม แต่กระนั้นความเชื่อใจกลับมีมากกว่า

“ถ้าหากนายขยับตัว ผมไม่รับประกันความปลอดภัยของนายหรอกนะ” สิ้นคำขู่อันน่าหวาดหวั่น เงือกน้อยในกำมือพลันหลับตาแน่น ซ้ำยังเกร็งร่างจนแทบจะหยุดหายใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงคมมีดอันร้อนระอุที่ค่อย ๆ บรรจงเชือดเฉือนเกาะอกตัวจิ๋วที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้เทปลูกไม้เส้นยาว

“เห็นหรือยังว่าผมทะนุถนอมนายแค่ไหน” นายท่านกล่าวพลางกระตุกยิ้มตรงมุมปาก ก่อนจะดึงรั้งชุดว่ายน้ำที่ขาดวิ้น ออกจากเรือนร่างของบีมอย่างรวดเร็ว พร้อมพันผูกตรงบริเวณดวงตาเพื่อจำกัดวิถีแห่งการมองเห็น ขณะที่ริมฝีปากของนายท่านเผลอฝากความอบอุ่นไว้ตรงข้างแก้มราวกับจงใจแต่ก็ไม่จงใจ

“อ๊ะ” บีมสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ สัมผัสแผ่วเบากลับตรงเข้ามาทักทาย ซึ่งบีมเริ่มแยกไม่ออกว่าอะไรกำลังลากไล้ลงบนเรือนร่าง แต่พอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้จึงพอจะทราบว่า ปลายนิ้วของอีกฝ่ายกำลังส่งสัญญาณให้บีมเตรียมตัว

“อย่าขยับแบบเมื่อครู่ล่ะ ผมไม่อยากให้ผิวสวย ๆ ของนายเป็นแผลหรอกนะ” สิ้นคำเตือนดังกล่าวบีมจึงเม้มปากแน่น พร้อมเกร็งร่างโดยอัตโนมัติ ลมหายใจพลันเงียบสนิท เพราะบีมกำลังตื่นเต้น จนกระทั่งเทปลูกไม้เส้นที่หนึ่งตรงบริเวณแผ่นอกขาดสะบั้น ความโล่งใจคล้ายกับค่อย ๆ ถูกปลดรั้งด้วยความปรานี เนื่องจากบีมรับรู้ได้ว่านายท่านพยายามจะผลักดันคมมีดออกห่างจากเรือนกายเพื่อความปลอดภัย แต่กระนั้นก็ไม่อาจดับความรู้สึกตื่นเต้นที่กำลังพัฒนาเป็นความซาบซ่านในส่วนลึก

“นายไม่คิดว่ากลิ่นหอมของกุหลาบมันน่าสนใจหรือไง” นายท่านเริ่มชี้นำเมื่อเห็นสถานการณ์กำลังตึงเครียด ฝ่ามืออบอุ่นจึงลูบไล้บริเวณข้างแก้ม ราวกับจะปลอบโยนเงือกน้อยที่กำลังขวัญเสีย

“เก่งมาก” สิ้นคำชื่นชมจากนายท่าน บีมก็รับรู้ได้ทันทีว่าพันธนาการทั้งหมดกำลังถูกปลดรั้งด้วยความรวดเร็ว ซ้ำยังไม่ทำให้เกิดบาดแผลแม้แต่เซ็นเดียว แต่กระนั้นความตื่นเต้นกลับหลอมรวมจนกลายเป็นความโหยหารสสัมผัสแห่งกามารมณ์

“เอาล่ะ ผมจะเริ่มศัลยกรรมขาให้นายก่อน” ทันทีที่ความเยียบเย็นของลูกกลิ้งหนามลากไล้ลงบนแผ่นอก ราวกับนายท่านต้องการจะบอกกล่าวให้บีมรับรู้ว่าอุปกรณ์ใดกำลังถูกใช้งาน ส่งผลให้บีมบิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่าน เพราะสัมผัสจากโลหะไม่ได้สร้างความรู้สึกหวาดกลัว แต่กลับกระตุ้นให้เกิดความตื่นเต้นไม่แพ้คมมีดอันแสนอุ่นร้อน

“รู้สึกยังไง ?” นายท่านเอ่ยถามเมื่อเปลี่ยนมาใช้ปลายหนามแหลมคมกลิ้งเร็วๆ ลงบนหน้าท้อง แต่ทว่าแผ่วเบาราวกับหยอกเย้าอยู่ในที

“จักจี้ครับ” บีมเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมาพร้อมย่นคอเพียงเล็กน้อย ขณะที่ขนอ่อนพลันลุกชันอย่างไม่อาจห้าม

“แล้วตอนนี้ล่ะ ?” ทันทีที่เพิ่มน้ำหนักส่งผ่านปลายหนามอันแหลมคม นายท่านก็ยังคงเอ่ยถามไม่แปรเปลี่ยน ซึ่งบีมทราบดีว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการตรวจเช็คให้แน่ใจว่าควรจะต้องลงน้ำหนักมือระดับใดถึงจะเหมาะสม เพราะลูกกลิ้งชนิดนี้มีความแตกต่างจากลูกกลิ้งสำหรับกลิ้งผ้าที่มีแต่ความทื่อ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้ว่าก่อนหน้านี้คุณนัทอาจจะเคยทดลองกับตัวเองแล้วก็ตาม

“ไม่เจ็บครับ” บีมเอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำ ส่งผลให้น้ำหนักมือเริ่มเพิ่มมากขึ้น จนคาดว่าผิวกายอาจจะเป็นรอยบุ๋ม แต่กระนั้นมนต์สเน่ห์ของอุปกรณ์ดังกล่าวกลับถูกขับกล่อมพร้อม ๆ กับสัมผัสชวนสยิวที่อีกฝ่ายพยายามเสริมสร้าง อารมณ์วาบวามจึงพลันก่อตัวจนความคับแน่นขึ้นรูปครั้งแล้วครั้งเล่า

“อ๊ะ” บีมอุทานออกมาด้วยความแผ่วเบา เมื่อความเคลิบเคลิ้มกำลังโอบล้อมความรู้สึกให้โบยบินไปตามสัมผัสที่กำลังลดระดับของการลากไล้ จนกระทั่งหนามแหลมคมกดย้ำลงบนความอ่อนไหวที่กำลังตื่นตัว

“เชื่อผมหรือยังว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลย” นายท่านเอ่ยถามพลางกลิ้งโลหะเย็นเฉียบไปตามความยาวของส่วนนั้น

“ช..เชื่อ..อ๊า..อื้อ” บีมเชิดหน้าพลางหอบหายใจถี่รัว พร้อมบิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่านจนสุดแรง เมื่อเหล็กแหลมคมกำลังเคลื่อนผ่านราวกับจะบดขยี้ให้ขาดใจ

“ดูขาของนายสิ” กระทั่งนายท่านเย้าหยอกจนสาแก่ใจ ลูกกลิ้งเย็นเฉียบก็ลากผ่านเรียวขาของเงือกตัวน้อยด้วยความแผ่วเบา แต่ทว่ารวดเร็วจนเสริมสร้างความรู้สึกจักจี้ผสมปนเปไปกับความเสียวกระสันอันถึงใจ จากนั้นวิถีแห่งการมองเห็นก็ถูกส่งมอบมายังฝ่ายซับ ขณะที่ฝ่ามือยังคงลากไล้เรียวขานั้นด้วยความชื่นชม

“ขยับดูสิ” สิ้นคำแนะนำนายท่านก็ละมือออกจากลูกกลิ้งเหล็ก พร้อมชี้นำให้บีมขยับขาเล่นให้คุ้นชิน แต่กระนั้นฝ่ามืออันแสนซุกซนกลับค่อย ๆ ลากไล้ไต่ระดับขึ้นสู่ต้นขาอวบอัดพร้อมนวดเฟ้นด้วยความมันเขี้ยว

“พอนายเป็นมนุษย์แล้ว สิ่งสำคัญต่อมาก็คือการสืบพันธุ์” สุ้มเสียงชวนหลงใหลเอื้อนเอ่ยตรงข้างใบหู ก่อนจะช้อนอุ้มเรือนร่างที่ยังเดินไม่เป็นของนายเงือกเข้าสู่อ้อมกอด และวางพาดลงบนพนักพิงโซฟาราวกับเป็นเตียงผ่าตัด ส่งผลให้สะโพกกลมกลึงอวดโฉมด้วยความโดดเด่น ซ้ำยังเปิดเผยบริเวณช่องทางเร้นลับที่จะต้องทำการผ่าตัดอย่างชัดเจน

“นายกำลังตื่นเต้น” นายท่านเดินไปหยิบลูกกลิ้งหนามที่โต๊ะ พลางกล่าวเพียงสั้น ๆ พร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว ขณะสอดขาข้างหนึ่งเข้ามายังกึ่งกลางลำตัว ใบหน้าของนายท่านจึงพอดีกับแนวสะโพกเปล่งปลั่ง ฝ่ามือข้างที่ว่างพลันลูบไล้ต้นขาของบีมด้วยความเพลินมือ

“อ๊า” ทันทีที่ความแหลมคมสัมผัสส่วนเร้นลับด้วยความแผ่วเบา อาการเสียวซ่านจากทุกอณูความรู้สึกก็พลันเล่นงานอย่างไม่ปรานี ขนอ่อนจึงลุกชันจนเนื้อตัวบิดเร้าจนแทบผิดรูป ก่อนจะดิ้นพล่านอย่างไม่อาจควบคุม ซ้ำยังหวิวไหวในช่องท้องอย่างบอกไม่ถูก เมื่อฝ่ามือซุกซนอีกข้างกำลังนวดเฟ้นความอ่อนไหวคับแน่นด้วยจังหวะหนักหน่วง

“กลัวหรือไง ?” อีกฝ่ายแสร้งถามไปอย่างนั้น เพราะไม่นานริมฝีปากคู่ดังกล่าวก็เล็มไล้แนวสะโพกสวยด้วยความเพลิดเพลิน ซ้ำยังขบกัดจนบีมมั่นใจว่าจะต้องขึ้นรอยอย่างแน่นอน

“อ๊ะ..อื้อ..” บีมได้แต่ร้องครวญครางพลางทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ขณะที่ฝ่ามือกำลังจิกรั้งโซฟาตัวสวยอย่างระบายอารมณ์ ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากด้วยความหวามไหว ขณะที่สะโพกกำลังบิดเร้าด้วยความรัญจวนใจ

“อื้อ หมายความว่ายังไง ?” นายท่านผู้แสนอารมณ์ดียังคงหยอกเอินไม่เลิกรา ซ้ำยังกลิ้งส่วนนั้นไม่ขาดมือ ราวกับจินตนาการว่ามันคือการศัลยกรรมอันทันสมัย

“ส..เสียว..อ๊า” บีมเอ่ยตอบเสียงกระเส่าพร้อมส่ายสะโพกกลมมนด้วยความหวิวไหว

“แบบนี้ผมก็ไม่ต้องทำแผลให้น่ะสิ” อีกฝ่ายเอ่ยถามพลางจงใจใช้ปลายนิ้วลูบไล้ช่องทางด้านหลังด้วยสัมผัสชวนใจสั่น คล้ายกับต้องการยั่วยวนให้บีมคลุ้มคลั่ง

“ทำครับ” บีมรีบละล่ำละลักตอบอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังพยายามเปิดเผยส่วนเร้นลับให้อีกฝ่ายเชยชม แต่ทว่ามันกลับเป็นการเชิญชวนอันแสนใจกล้า นายท่านจึงไม่รอช้าที่จะลดตัวลงไปลากไล้ปลายลิ้นฝากฝังความฉ่ำชื้นให้บีมคุ้นชิน ขณะที่ฝ่ามือพลันไต่ระดับจากความคับแน่นเรื่อยมาจนถึงบริเวณหน้าท้องแบนราบ

“อ๊า..” บีมได้แต่ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อยอดอกถูกบดขยี้ด้วยความเร่าร้อน ขณะที่เรียวลิ้นกำลังบรรเลงบทเพลงแห่งความล้ำลึกจนภายในของบีมเริ่มปั่นป่วนด้วยเพลิงราคะ สะโพกกลมจึงพลันบิดเร้าจนอีกฝ่ายต้องกำราบด้วยการฝากฝังรอยแดงจ้ำไว้เป็นที่ระลึก

“บีม.. นับวันคุณยิ่งร้อนแรง รู้ตัวหรือเปล่าครับ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยพลางจุมพิตทุกสัดส่วนราวกับหวาดกลัวว่าบีมจะไม่เชื่อคำพูด

“พอเห็นคุณเป็นแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่าใจของผมมันคิดอกุศลต่อคุณยังไงบ้าง” คุณนัทยังคงชวนคุย ขณะที่ใบหน้ากำลังสอดแทรกเข้ามาตรงกลางหว่างขาซ้ำยังเล็มไล้ความอ่อนไหวราวกับเอ็นดูนักหนา

“คิด..ยังไงครับ” บีมเอ่ยถามพลางพยายามควานหาช่องทางที่สามารถเฝ้ามองท่าทีของอีกฝ่ายได้ ซึ่งมันทำให้เลือดลมสูบฉีดยิ่งกว่าเดิม เพราะท่วงท่าดังกล่าวช่างเร่งเร้าความเก้อเขินได้เป็นอย่างดี เมื่ออีกฝ่ายกำลังกลืนกินส่วนนั้นอย่างไม่นึกรังเกียจจนความเสียวซ่านพวยพุ่งไปทั่วสรรพางค์กาย

“คิดแต่จะทำให้คุณสิ้นฤทธิ์ใต้ร่างของผมให้เร็วที่สุด” ทันทีที่บีมถอยร่นช่วงตัวจนสามารถปรับเปลี่ยนท่วงท่ามานั่งคร่อมบริเวณหน้าตักของชายหนุ่มผู้แสนสุภาพได้ คำตอบอันแสนจาบจ้วงก็พลันเปิดเผยให้ได้ยิน

“แล้วทำไมตอนนี้ถึงยังไม่รีบจัดการอีกล่ะครับ” บีมเอ่ยถามพลางควานหาเจลหล่อลื่นจากกางเกงสเลคของอีกฝ่าย ขณะที่นัยน์ตากลับไม่เคยผละห่างจากแววตาของราชสีห์หนุ่มที่กำลังคิดอยากจะกลืนกินเหยื่อด้วยความหิวกระหาย แต่ทว่าบีมกลับไม่คล้อยตามรวดเร็วขนาดนั้น จึงเริ่มปรนเปรอตัวเองอย่างไม่คิดเหนียมอาย ส่งผลให้ชายหนุ่มตรงหน้าลอบเลียริมฝีปากราวกับความอดทนใกล้จะหมดลง แต่กระนั้นก็ยังเพลิดเพลินกับลีลาเย้ายวนของอีกฝ่ายอยู่มาก ดวงตาร้อนแรงราวกับจะแผดเผาเรือนร่างของบีมให้สิ้นซากจึงได้แต่ฉายชัดอย่างไม่คิดปิดบัง

“ผมพร้อมแล้วนะ” กระทั่งการสอดใส่นำร่องดำเนินไปด้วยความราบรื่น บีมจึงโน้มตัวเข้าหาคนรักพร้อมกระซิบเสียงแผ่ว ซ้ำยังฝากจุมพิตไว้ตรงข้างแก้มด้วยความออดอ้อน บีมจึงถูกพลิกตัวนอนลงบนโซฟา ขณะที่เรียวขาถูกแยกกว้างด้วยท่วงท่าชวนเก้อเขิน

“ผมก็พร้อมแล้วเหมือนกันครับ” สิ้นคำพูดนั้นความคับแน่นพลันสอดสัมผัสอย่างน่าลุ่มหลง เรือนกายไหวเอนราวกับถูกพายุโหมกระหน่ำ ความซาบซ่านแล่นริ้วไม่ต่างกับสุ้มเสียงที่กำลังขับขาน

“อยากให้ผมรุนแรงกับคุณมากกว่านี้อีกเหรอครับ หืม ?” คุณนัทเอ่ยถามทันทีที่บีมใช้เรียวขาโอบรอบช่วงเอวด้วยความแนบแน่น พร้อมกับจุมพิตตรงบริเวณข้างขมับด้วยความรักใคร่

“อ๊ะ..อื้อ” บีมเอ่ยตอบพลางหอบหายใจพร้อมกับพยักหน้ารัวอย่างไม่คิดปิดบัง ส่งผลให้เรี่ยวแรงอันมากล้นของอีกฝ่ายสอดรับกันด้วยความหนักหน่วง และยิ่งซึมลึกไปมากกว่านั้น เมื่อเรียวขาของบีมทั้งสองข้างถูกสับเปลี่ยนมาวางพาดบนลาดไหล่ของคุณนัท เรี่ยวแรงอันมากมายจึงถูกส่งผ่านจังหวะเร้าร้อนจนลึกล้ำ ส่งผลให้ความหวามไหวพลันล้นปริ่มในเวลาอันรวดเร็ว หยาดหยดแห่งความสุขสมพร่างพรมด้วยความอบอุ่น จากนั้นคนทั้งคู่ต่างก็โอบกอดกันและกันภายใต้ผืนฟ้าสีดำที่ประดับด้วยกากเพชรเม็ดงามจนเต็มผืน ก่อนจะมองจ้องนัยน์ตากันและกันแน่นิ่ง บีมเลยเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวเป็นคนแรก ปอยผมชื้นเหงื่อของชายหนุ่มมาดนักธุรกิจจึงถูกจัดแต่งจนเข้าที่เข้าทาง

“ขอบคุณนะครับที่เชื่อมั่นในตัวผม” นัทเอื้อนเอ่ยราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด

“ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด” สิ้นคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า หัวใจของบีมกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ ริมฝีปากพลันแย้มยิ้มด้วยความขอบคุณ เพราะบีมทราบดีว่าอีกฝ่ายเน้นย้ำถึงความปลอดภัยจากอาการเดินละเมอที่อาจจะมีความเคร่งเครียดเป็นตัวนำร่อง

“ถ้าหากเสร็จจากงานแต่งของพี่แก้วแล้ว แต่อาการเดินละเมอของผมยังไม่ดีขึ้น คุณนัทพาผมไปหาหมอด้วยนะครับ” บีมตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว เพราะอาการดังกล่าวไม่ได้ทรมานเพียงแค่บีม แต่มันกลับทำให้คุณนัทเป็นกังวลจนนอนหลับไม่สนิท แม้ว่าช่วงนี้บีมจะไม่ได้เดินละเมอแล้วก็ตาม

“ตกลงครับ” สิ้นคำพูดนั้นรอยยิ้มอันสดใสของคุณนัทก็ฉายอยู่บนนัยน์ตาของบีมอย่างชัดเจน 


กระทั่งวันรุ่งขึ้นบีมก็ยังติดต่อพี่แก้วไม่ได้ การทำงานจึงเริ่มยากขึ้น สุดท้ายบีมเลยตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากแม่ จนได้รายละเอียดเบื้องต้นผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ การตระเตรียมอุปกรณ์จึงเริ่มง่ายขึ้น แต่เพื่อตัดปัญหาเกี่ยวกับการติดต่ออันล่าช้า บีมจึงวางแผนเดินทางกลับบ้านอย่างกะทันหัน

“คุณอยากได้อาหารทะเลเพิ่มอีกหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถาม ขณะที่บีมกำลังยืนตรวจตราข้าวของอยู่ตรงหลังรถ ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินเข้าออกตลาดสด

“ผมว่าน่าจะพอแล้วนะครับ” บีมแสดงความคิดเห็นพลางคำนวณปริมาณอาหารที่ตั้งใจจะหอบหิ้วกลับไปด้วย เนื่องจากจังหวัดที่บีมอยู่หาซื้ออาหารทะเลยากมาก หรือถ้ามีก็แพงมากเช่นกัน เพราะแถวนั้นไม่ได้ใกล้ชายทะเลแต่อย่างใด

ดังนั้นเด็กบ้านนอกอย่างบีมจึงไม่เคยเอาเท้าจุ่มน้ำเหมือนกับในละครที่พี่มีนเคยเล่น หรือแม้แต่การดำน้ำดูฉลามวาฬของคุณนัท บีมก็ไม่เคยนึกฝันว่ามันจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ

“ของแห้งล่ะครับ ?” คุณนัทยังคงเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น เพราะอีกฝ่ายเป็นคนขัดอาสาที่จะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งบีมคัดค้านจนหัวชนฝา แต่สุดท้ายก็ต้องยินยอม เนื่องจากคุณนัทเอาเรื่องของหุ้นส่วนชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้อง บีมเลยทำข้อตกลงจนกลายเป็นหารกันคนละครึ่ง 

เพราะทุกวันนี้บีมประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้าไปได้มาก อีกทั้งค่าเพนท์เฮ้าส์ที่ยังต้องผ่อนจ่ายก็ได้รับข้อยกเว้น เพียงเพราะบีมไปขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยดูแลเรื่องการเงินที่ต้องเบิกจ่ายของกิจการห้องเสื้อในระหว่างที่บีมไม่อยู่ เนื่องจากบีมไม่แน่ใจว่าเครือข่ายที่บีมใช้จะมีสัญญาณโทรศัพท์ที่สะดวกสบายหรือไม่ เพราะแต่ละพื้นที่ก็จะมีเครือข่ายที่โดดเด่นแตกต่างกัน อีกทั้งการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองก็ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่บีมกับคุณนัทจะได้พูดคุยเกี่ยวกับการสร้างครอบครัวของเราให้เติบโตไปด้วยกัน เพราะระยะเวลาที่คบหากันมันก็เหมาะสมแล้ว ดังนั้นสิ่งใดที่อีกฝ่ายสามารถมีส่วนร่วมในชีวิตได้ บีมก็พร้อมที่จะยิมยอมให้มันเป็นอย่างนั้น เพียงแต่ช่วงแรกอาจจะทำใจให้คุ้นชินได้ยากหน่อย

เนื่องจากส่วนใหญ่คุณนัทเหมือนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะการลดค่าเช่าพื้นที่ห้างและการซื้อขายเพนท์เฮ้าส์ทำให้คุณนัทขาดรายได้ แต่คุณนัทกลับบอกให้บีมลองคิดอีกแง่ว่า ต่อให้บีมยังจ่ายเงินครบทุกบาททุกสตางค์ เม็ดเงินมันก็ไหลกลับเข้าสู่กระเป๋าของเราสองคนอยู่ดี คุณนัทเลยอยากให้บีมเอาเงินในส่วนนั้นไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นโดยที่ไม่ต้องพะวงเกี่ยวกับเรื่องนี้ บีมถึงค่อยสะดวกใจมากขึ้น แต่กระนั้นบีมกับคุณนัทก็มักจะต่อรองเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจนต้องหารครึ่งเสมอไป ซึ่งบางครั้งมันทำให้บรรยากาศขุ่นมัวไปพักใหญ่

“พอแล้วล่ะครับ” บีมกล่าวพลางเดินเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ชายหนุ่มสารถีจึงยอมรามือ

“ผมคิดว่าเราควรจะมีเงินกองกลางนะครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งต่อรองให้เสียอารมณ์” บีมแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจัง ขณะที่คุณนัทกำลังขับรถด้วยความตั้งใจ

“ก็ดีครับ” คุณนัทเอ่ยตอบอย่างเห็นด้วย พร้อมส่งยิ้มอบอุ่นกลับมาให้เหมือนทุกครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ทำให้หัวใจของบีมอบอุ่นมากกว่าที่ผ่านมา หรือเป็นเพราะอนุภาพของการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริง เนื่องจากบีมไม่เคยคิดฝัน เพราะไม่เคยคาดคิดว่าจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตน

“ถ้าหากประเทศของเราเอื้ออำนวยทางด้านกฎหมายมากกว่านี้ ผมคงจะทำให้คุณมองเห็นภาพที่อยู่ไกลเกินเอื้อมได้ชัดเจนขึ้น” คุณนัทกล่าวพร้อมใช้ฝ่ามือที่แสนอบอุ่นลูบไล้ศีรษะของบีมเล่นเมื่อรถกำลังติดไฟแดง

“แต่การวางแผนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทำให้ผมเริ่มมองเห็นภาพรวมของครอบครัวเราได้ชัดเจนขึ้นนะครับ เพียงแต่ผมแค่ยังไม่ชิน อีกอย่างมันดูหลักลอยเกินไป ผมเลยเผลอฉุกคิดขึ้นมาว่า บางทีมันอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่พ่อกับแม่ยากจะทำใจยอมรับเมื่อลูกชายตกลงปลงใจกับเพศเดียวกัน เพราะมันไม่มีอะไรมารับประกันได้เลยว่า ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นอะไรขึ้นมา ผลประโยชน์ยังจะเป็นของอีกคนที่ร่วมสร้างมาด้วยกันหรือเปล่า” บีมวิเคราะห์โดยยึดตามหลักความคิดของพ่อกับแม่ เพราะนอกจากวัฒนธรรมจะเป็นตัวปิดกั้นต่อการยอมรับก็ยังมีปัจจัยอีกมากมายให้ฝ่าฟัน จึงไม่แปลกที่การยอมรับจะต้องถูกผลักดันด้วยความสำเร็จ ซึ่งบีมมองว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่

“ผมจะพยายามทำให้คุณรู้สึกมั่นคงด้วยสองมือของเราให้ได้ แม้ว่าตอนนี้สิ่งที่ผมมีจะเป็นกิจการของครอบครัว แต่ผมก็มีประสบการณ์มากพอที่จะบริหารอะไรสักอย่างที่เราอยากจะลงทุนร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของเราให้มั่นคงมากกว่านี้ พ่อกับแม่ของคุณกับผมจะได้สบายใจและยอมรับในความรักของเราได้อย่างสนิทใจ” คุณนัทกล่าวพร้อมขับเคลื่อนตัวรถออกไปตามสัญญาณจราจร ขณะที่บีมเริ่มเอนพิงลาดไหล่ของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มจนเต็มแก้ม

“ผมอยากมีออฟฟิศเอาไว้รองรับพนักงานจะได้ปรับเปลี่ยนเวลาการทำงานใหม่ แถมพื้นที่ของช็อปจะได้กว้างขึ้นด้วย ถ้าหากเป็นไปได้เราสองคนน่าจะซื้อที่ดินหรืออาคารสักแห่งเปิดให้คนเช่าควบคู่กันไป เพียงแต่ทำเลดี ๆ ในกรุงเทพออกจะหายากสักหน่อย” บีมแสดงความคิดเห็นโดยไม่ลืมบอกกล่าวแพลนของตัวเองให้อีกฝ่ายรับรู้

“เอาไว้ผมจะลองให้นายหน้าช่วยหาให้แล้วกันครับ หลังจากนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเปิดให้เช่าหรือจะเปิดเป็นกิจการอย่างอื่นด้วย” คุณนัทกล่าวพลางยกยิ้มพร้อมถือโอกาสเคลื่อนใบหน้าเข้ามาชิดใกล้ เมื่อการจราจรกำลังติดขัด เนื่องจากฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ แต่ทว่าคนสองคนภายในรถติดฟิล์มกรองแสงกลับแลกรสจูบกันอย่างนุ่มนวล อาจเพราะพวกเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และหยาดฝนโปรยกระหน่ำก็ยังไม่ดังเท่าความรู้สึกในส่วนลึกของหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

--------------------------✁
   

[1] ปากกาสไตลัส (Stylus Pen) คือ ปากกาที่ใช้แทนนิ้วมือในการจดหรือวาดรูปลงบนจอสมาร์ทโฟน


บทความที่เกี่ยวข้อง

- ลูกกลิ้งหนาม http://bit.ly/2PVcPwL

มาต่อแล้วจ้า ต่อไปเราจะอัพเรื่องนี้ทุกวันพุธนะคะ แต่ถ้าอาทิตย์ไหนเขียนไม่ทันกำหนดเราจะแจ้งผ่านทางทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊กค่ะ ตอนหน้าตามน้องบีมกลับบ้านกันค่ะ สำหรับตอนนี้เราไม่ได้ตั้งใจจะเขียนฉากเพลย์ แต่เพราะเสียดายโลเคชั่นก็เลยตัดสินใจเขียน 555 แล้วก็แอบสอดแทรกเกี่ยวกับมุมมองของการใช้ชีวิตร่วมกันของเพศทางเลือกไปด้วย เพราะเรามองว่ามันไม่ง่ายเลยนะที่จะร่วมสร้างอะไรไปด้วยกันทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักประกันอะไรสักอย่าง ถ้าอย่างชายหญิงพอหย่ากันมันฟ้องหย่าเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องสินสมรสได้ แต่ของชายชายมันไม่มีเลย แต่ในส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นข้อพิสูจน์รักแท้ให้ครอบครัวได้เห็นแหละ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 22 (update 25/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-12-2019 22:41:34
ตอนนี้หวานกันจังเลยนะ แต่ว่าชุดแต่งงานนี่มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ กลับบ้านไปจะเจออะไรน้ออออ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 22 (update 25/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 26-12-2019 02:55:46
ฝั่งพี่แก้วดูมีอะไรร แต่คุณนัทดีมากจริงๆ เจนเทิลแมนมาก ดีมากกกก 555
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 23 (update 01/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 01-01-2020 20:36:09
ตอน 23


ก่อนออกเดินทางบีมสละเวลาพักผ่อนส่วนตัวในการอัดวีดิโอสำหรับพรีเซนต์คอลเลกชันใหม่กับฝ่ายขาย พร้อมมอบอำนาจการตัดสินใจให้แก่พีระ ซึ่งบีมตั้งใจว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้ตามความเหมาะสม อีกทั้งยังแนะนำให้ทีมดีไซเนอร์ทุกภาคส่วนรับรู้ว่าการเบิกจ่ายเกี่ยวกับห้องเสื้ออิสระในช่วงที่บีมไม่อยู่ จะต้องผ่านการอนุมัติจากคุณนัทที่เป็น ‘เพื่อนสนิท’ ของเจ้าของห้องเสื้อ

เนื่องจากหมู่บ้านที่บีมอาศัยจะต้องขับรถข้ามผ่านภูเขาหลายลูกอีกทั้งผู้คนในระแวกนั้นมักจะปลูกยางพารา ข้าวโพด และมันสำปะหลัง จึงไม่ค่อยมีแหล่งท่องเที่ยวมากนัก ผู้คนต่างถิ่นเลยไม่ค่อยสัญจร ส่งผลให้เครือข่ายโทรศัพท์ที่ใช้งานได้ดีมีเพียงบางเจ้าเท่านั้น ซึ่งบีมไม่แน่ใจว่าทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน จึงต้องวางแผนรับมืออย่างละเอียดรอบคอบ

“ขนอะไรมาเสียเยอะแยะเลยบีม” พอได้ยินเสียงรถขับเคลื่อนเข้ามายังตัวบ้าน แม่ก็ออกมายืนรอด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม จนกระทั่งดับเครื่องและเปิดหลังรถ แม่จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะหลังรถของแม่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้มากมาย แถมยังลุกลามมาจนถึงพื้นที่บริเวณเบาะหลังอีกต่างหาก

“อาหารทะเลแล้วก็อุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้าครับ” บีมกล่าวพลางช่วยแม่ขนอาหารทะเลเข้าไปยังห้องครัวที่อยู่ตรงใต้ถุนบ้านเป็นอันดับแรก

“แล้วพ่อล่ะครับ” บีมเอ่ยถามเมื่อมองไปยังรอบ ๆ บริเวณกลับพบเพียงความเงียบเหงา ทั้ง ๆ ที่ปกติพ่อและกลุ่มผู้ช่วยมักจะมานั่งพูดคุยตรงบริเวณใต้ถุนบ้าน โดยมีแม่คอยทำอาหารเตรียมไว้ให้ และด้วยความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เหล่าภรรยาของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจึงมักจะไปมาหาสู่กับครอบครัวของบีมอยู่บ่อย ๆ

“ออกไปไล่ช้างป่าที่ไร่ข้าวโพดของน้าแช่มน่ะ” แม่ตอบพลางยกยิ้ม บีมจึงพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ เพราะที่นี่ไม่มีกรมอุทยานคอยดูแล ผู้ใหญ่บ้านจึงต้องรับบทหนัก

“เอ้อ แม่พาบีมไปดูห้องใหม่ดีกว่า” แต่แล้วแม่ก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางรุนหลังให้บีมเดินออกจากห้องครัว ก่อนจะขึ้นไปยังบันไดชั้นสองของตัวบ้าน เพื่อร้องเรียกกลุ่มเพื่อนสนิทให้มาช่วยเตรียมอาหาร ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นภาพชินตา เพราะอะไร ๆ ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“สวัสดีครับ” ทันทีที่เหล่าเพื่อนสนิทของแม่เดินลงมาจากด้านบน บีมก็รีบยกมือไหว้พลางส่งยิ้มการค้าอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เพราะกำลังวางตัวไม่ถูก

“วันนี้มีอาหารทะเล เจ้าบีมซื้อมาเสียเยอะแยะเลย ยังไงฝากเรียกคนอื่น ๆมากินข้าวเย็นด้วยกันทีนะ เดี๋ยวฉันพาเจ้าบีมไปดูห้องใหม่ก่อน แล้วจะรีบกลับมาช่วย” แม่บอกกับเพื่อนสนิทด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นก็รีบรุนหลังให้บีมเดินตรงไปยังหนองน้ำแห่งหนึ่งที่ขวางกั้นระหว่างตัวบ้านของบีมกับพี่แก้วไว้ ซึ่งบีมยังจดจำได้ดีว่าสมัยก่อนมีสะพานไม้ข้ามฟากด้วย แต่หลังจากที่พ่อรู้เรื่องที่บีมแอบใส่ชุดบัลเล่ต์สำหรับผู้หญิงสะพานดังกล่าวก็ถูกรื้อถอน

“แม่ยังต้องคอยรับภาระจนเกินควรเหมือนแต่ก่อนอยู่หรือเปล่าครับ” บีมเอ่ยถามถึงสิ่งที่ยังค้างคาใจและถือเป็นอคติอย่างหนึ่งที่ทำให้บีมมองกลุ่มคนเหล่านั้นในแง่ลบ เพราะนอกจากจะมาอาศัยบ้านของคนอื่นกินแล้ว ยังมาทำเป็นหวังดีแต่กลับสร้างปัญหาไม่รู้จบ

“บีมกลัวแม่จะเหนื่อยเหรอ?” ทันทีที่แม่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม บีมก็เม้มปากแน่นพลางพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี

“ที่จริงก็ไม่ได้เหนื่อยมากนักหรอก แล้วแม่ก็เต็มใจทำเอง เพราะว่าหลาย ๆ อย่างเรายังต้องพึ่งพาพวกเขาอยู่ บีมเองก็น่าจะรู้ว่าเมื่อก่อนราคายางพาราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมบ้านเรายังมีทั้งสวนยางแล้วก็ไร่ข้าวโพด อีกทั้งแรงงานก็หายากมาก ถ้าหากแม่ไม่คอยถนอมน้ำใจพวกเขาไว้ เราอาจจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเหมือนกับเจ้าอื่นก็ได้นะบีม เพราะตลาดแรงงานแถวบ้านเรา แก่งแย่งกันยิ่งกว่าอะไรดี” พอได้ฟังเหตุผลของแม่ บีมกลับรู้สึกว่ามุมมองของตัวเองเล็กแคบมาก อาจเพราะตอนนั้นบีมยังเด็กเลยไม่เข้าใจปัญหาในส่วนนี้ เพราะแม่ไม่เคยคะยั้นคะยอให้บีมตื่นไปกรีดยางเหมือนกับเด็กบ้านอื่น บวกกับเคยถูกกลุ่มคนเหล่านี้หยอกล้อด้วยความสนุกสนาน แถมยังสร้างปัญหาให้กับความฝันและตัวตนของบีมอย่างมากมาย อคติจึงไม่อาจลบล้างออกจากใจได้ง่าย ๆ

แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่แม่พูดในวันนี้กลับทำให้มุมมองของบีมเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง อาจเพราะบีมเติบโตมากพอที่จะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น บีมจึงเริ่มมองเห็นว่าทำไมพ่อกับแม่และคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน ถึงได้มีมุมมองว่าอาชีพรับราชการเต็มไปด้วยความมั่นคง เพราะจุดเริ่มต้นน่าจะมาจากการที่ราคายางตกต่ำ จนทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวประสบความยากลำบาก และยังส่งผลให้การกู้หนี้ยืมสินเป็นไปได้ยาก เพราะไม่มีหลักประกันที่แน่นอน แต่ถ้าหากครอบครัวไหนมีลูกหลานรับราชการก็จะได้รับการอนุมัติที่ง่ายกว่า

“แม่ทำไม..?” บีมเอ่ยได้เพียงแค่นั้น เพราะภาพที่เห็นมันอยู่เหนือความคาดหมายของบีมมาก เนื่องจากตอนแรกบีมเอาแต่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับแม่ จนลืมเลือนจุดประสงค์แท้จริงที่แม่พาเดินออกมาจากเขตบ้านใหญ่

“พ่อกับแม่กลัวว่าบีมจะอึดอัดก็เลยระดมคนมาสร้างบ้านริมน้ำให้ใหม่” แม่กล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะที่บีมกำลังทอดมองบ้านไม้สีขาวขนาดเล็กด้วยแววตาเป็นประกาย เพราะทันทีที่มองลอดผ่านประตูกระจกเข้าไป บีมก็เห็นจักรเย็บผ้าและหุ่นโชว์ตั้งตระหง่านอยู่ในนั้น

ภาพลักษณ์ของช่างตัดเสื้อในความคิดของพ่อกับแม่ถึงค่อยชัดเจนมากขึ้น เพราะในเขตชนบทแบบนี้ ส่วนมากจะมีแค่การสั่งแก้เสื้อผ้าตามความต้องการของผู้สวมใส่ หรือไม่ก็จ้างปักชื่อบนชุดนักเรียน นาน ๆ ครั้งถึงจะมีลูกค้ามาสั่งตัดเสื้อตามแบบที่ต้องการ ดังนั้นอาชีพดีไซเนอร์ที่บีมใฝ่ฝัน ในสายตาของพ่อกับแม่จึงไม่ต่างกับธุรกิจสวนยางที่มีความไม่แน่นอน

เพียงแต่ตอนนี้มุมมองของพ่อกับแม่ที่มีต่ออาชีพดีไซเนอร์คงจะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะแม่เคยไปเห็นห้องเสื้อของบีมว่ามันแตกต่างจากสิ่งที่แม่คิดยังไงบ้าง แม่จึงไม่ออกปากคัดค้านเหมือนแต่ก่อน แถมยังช่วยพูดกับพ่อจนเข้าใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงผลักดันแห่งการยอมรับเกิดจากการที่ธุรกิจกำลังไปได้ดี

แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจยังไงก็มีความไม่แน่นอน บีมเลยคิดว่ารายได้ในแต่ละเดือนควรจะอยู่ในความรับรู้ของพวกท่าน เพราะอย่างน้อยพวกท่านก็จะได้เบาใจว่าเม็ดเงินเหล่านั้น เพียงพอให้บีมและพ่อกับแม่จับจ่ายใช้สอยอย่างสบาย

“ไม่เห็นต้องลำบากเลยครับ” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงทุกที เพราะขอบตากำลังร้อนผ่าวด้วยความดีใจ

“ไม่ลำบากสักนิดเลยบีม เพราะมันคือสิ่งที่พ่อกับแม่ควรจะทำให้บีมตั้งนานแล้ว” ยิ่งแม่อธิบายน้ำตาของบีมก็ยิ่งล้นปริ่ม เพราะสำหรับบีมการที่พ่อกับแม่ไม่ห้ามปรามเหมือนแต่ก่อน ซ้ำยังมองหาโอกาสให้บีมได้แสดงฝีมือ เพื่อที่คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านจะได้รับรู้ว่าลูกชายของผู้ใหญ่หนุ่ยมีความสามารถมากแค่ไหน นับว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว เพียงแต่ภาพตรงหน้าทำให้บีมตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก

“อ้าว สองแม่ลูกทำไมมายืนกอดกันกลมแบบนั้น” ทันทีที่ได้ยินเสียงพ่อ บีมก็รีบผละออกจากอ้อมกอดของแม่ พร้อมเช็ดน้ำตาป้อย ๆ จนพ่อที่ยังเดินไม่สะดวก ต้องฝืนก้าวเดินเข้ามาโยกศีรษะของลูกชายเพียงหนึ่งเดียวด้วยความเอ็นดู แต่ไม่รู้ทำไมบีมถึงได้กลายเป็นคนอ่อนแอขนาดนี้ น้ำตาอุ่น ๆ เลยพาลไหลไม่ยอมหยุด ผลสุดท้ายพ่อจึงเป็นฝ่ายโอบกอดทั้งบีมและแม่อย่างแนบแน่น

บีมเลยได้แต่ยกยิ้มทั้งน้ำตาพลางเหลือบมองไปยังบึงบัวแดงอันแสนคุ้นเคยด้วยความเหม่อลอย เพราะภาพของดวงตะวันตกดินกำลังอาบไล้บึงบัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างบ้านจนผืนน้ำระยิบระยับจับตา ซ้ำยังทอประกายลงมายังคนสามคนที่กำลังโอบกอดกัน ส่งผลให้บีมรู้สึกอบอุ่นจนแทบแยกไม่ออกว่ามันเป็นไออุ่นจากดวงตะวันยามเย็น หรือว่าเป็นความรักจากพ่อกับแม่กันแน่


กระทั่งดวงตะวันถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์สีเหลืองนวล มื้อเย็นในช่วงหัวค่ำจึงถูกแม่นำมาส่งให้ถึงบ้าน เพราะบีมมัวแต่ยุ่งอยู่กับการขนย้ายข้าวของออกจากรถด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากบีมคัดเลือกผ้าลูกไม้หลากประเภทมาให้พี่แก้วเลือกสรร แม้ว่าอีกฝ่ายจะให้อิสระทางความคิดก็ตามที

“คุณนัทเห็นห้องใหม่ของผมหรือยังครับ ด้านหน้าเป็นห้องตัดเสื้อ ส่วนด้านหลังเป็นห้องนอน” ทันทีที่คนรักวีดิโอคอลมาหา บีมจึงควานหาหูฟังมาใส่อย่างรวดเร็ว พร้อมบอกกล่าวด้วยความตื่นเต้น ขณะทานมื้อเย็นที่ค่อนไปทางมืดค่ำบนโต๊ะไม้ในห้องตัดเสื้อเพียงลำพัง

‘เห็นตั้งแต่เลิกงานแล้วครับ ผมส่งไลน์หาคุณแล้ว แต่คุณยังไม่ได้อ่าน’ สิ้นคำพูดจากบุคคลปลายสาย บีมจึงเปิดแอปพลิเคชันดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะมือของบีมเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของอาหารทะเล

“โทษทีนะครับ พอดีผมกำลังจัดห้องอยู่เลยไม่ทันเห็น ทำให้คุณเป็นห่วงอีกแล้ว” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะรู้ตัวดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงที่ต้องเดินทางไกล

‘แค่ผมเห็นคุณส่งรูปห้องใหม่มาอวด ผมก็สบายใจแล้วครับ เพราะมันแปลว่าคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว’ พอได้ยินอีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยแบบนั้น บีมจึงอมยิ้มด้วยความสบายใจ

“เดี๋ยวผมไปล้างมือก่อนนะครับ คุณอย่าเพิ่งวางสาย” บีมเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปยังห้องนอนที่มีห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่แอบซ่อนอยู่

“บีมกินเสร็จแล้วใช่ไหมลูก แม่เอาจานไปล้างเลยนะ” ทันทีที่ได้ยินเสียงแม่บีมจึงรีบสะบัดไล่หยดน้ำจนกระจายเต็มกระจก พร้อมวิ่งออกไปยังห้องตัดเสื้อด้วยความรวดเร็ว เพราะบีมกลัวแม่จะเห็นว่ากำลังวีดิโอคอลกับผู้ชาย

“ขอบคุณนะครับ น้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อยมาก” บีมเอ่ยชมพร้อมลากเสียงเน้นความอร่อย จนแม่ถึงกับตีก้นด้วยความมันเขี้ยว บีมจึงหัวเราะด้วยความสดใส จากนั้นบีมก็ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของแม่จนลับสายตา โดยที่ห้วงหนึ่งในความคิดเกิดข้อซักถามอย่างไม่ทันตั้งตัว ว่าท่าทางเย้าหยอกอย่างใกล้ชิดระหว่างบีมกับแม่ห่างหายไปนานแค่ไหน เพราะบีมจดจำความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้เลย สถานการณ์เมื่อครู่จึงทำให้บีมเอาแต่ยืนยิ้มจนถึงดวงตา


“คุณนัทครับ ผมต้องเริ่มทำงานแล้ว” กระทั่งบีมเดินกลับมายังโต๊ะสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า สายตาจึงเหลือบมองไปยังนาฬิกาเรือนหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชั้นวางของ พบว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่ม บีมจึงเริ่มส่งเสียงเศร้าสร้อยที่ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายเหงาหงอยเพียงลำพัง

‘ไม่เป็นไรครับ ให้ผมนั่งมองคุณตัดเสื้อผ่านหน้าจอโทรศัพท์แทนก็ได้ แต่ก่อนอื่นผมขอเวลาจากคุณสัก 5 นาทีได้ไหมครับ’ สิ้นคำขอจากคุณนัทบีมจึงพยักหน้าตอบรับ โดยไม่สนเงื่อนไขว่าอีกฝ่ายต้องการให้ทำอะไร

‘ผมเตรียมของขวัญไว้ในถุงรองเท้า’ ทันทีที่คุณนัทเอื้อนเอ่ยบีมจึงรีบเดินไปยังห้องนอน พร้อมหยิบถุงดังกล่าวขึ้นมาวางไว้บนเตียง

“ผมตั้งใจจะเปิดดูหลังจากที่จัดห้องเสร็จ แต่ก็ลืมสนิทเลยครับ” บีมกล่าวพลางวางโทรศัพท์ไว้บนเตียง จากนั้นจึงหยิบกล่องรองเท้าออกมาด้วยความสนใจ กระทั่งเปิดฝาออกจึงมองเห็นโมบายจากกะลามะพร้าว เพียงแต่มันถูกย้อมด้วยสีฟ้าครามของน้ำทะเล ขณะที่ด้านในของกะลาทรงกลม ปรากฏรูปวาดของนางเงือกหยอกเย้าคลื่นลมด้วยความเพลิดเพลิน และที่ขาดไม่ได้คือพวงกระดิ่งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เพื่อที่เวลาบีมเผลอเดินละเมอแล้วเปิดประตูออกไปนอกบ้าน หรือแม้แต่ระเบียงบ้านจะได้ส่งสัญญาณเตือนภัยให้คุณนัทรับรู้ถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น และส่งข่าวให้พ่อกับแม่ช่วยเหลือได้ทันการณ์ เพราะก่อนจะออกเดินทางบีมให้เบอร์โทรศัพท์ของพวกท่านไปแล้ว

“นางเงือกกับจิตรกร” บีมเอ่ยกับตัวเองเพียงเบา ๆ เมื่อเห็นว่ายังมีโมบายอีกหนึ่งอันซุกซ่อนอยู่ เพียงแต่รูปด้านในของกะลาทรงกลมกลับเป็นชายผู้หนึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับการวาดรูปบางอย่างในท้องทะเล โดยที่บีมไม่ต้องใช้ตรรกะเชื่อมโยงอะไรมากก็เข้าใจเรื่องราวที่ผูกร้อยเข้าด้วยกันได้ไม่ยาก

“สวยจังครับ” บีมกล่าวพร้อมยกยิ้ม ขณะเดินถือโทรศัพท์พลางมองหาทำเลที่ควรนำโมบายไปแขวน ซึ่งท้ายที่สุดบีมก็ตัดสินใจแขวนไว้ยังประตูกระจกที่สามารถมองเห็นบึงบัวแดงได้อย่างชัดเจน เพราะในห้องนอนไม่มีหน้าต่าง เนื่องจากประตูระเบียงสามารถใช้ทดแทนกันได้

“คุณนัทคิดว่าผมควรจะเลือกแขวนโมบายไว้ที่หน้าประตูบ้านดีไหมครับ” บีมเอ่ยถามความคิดเห็น เพราะในห้องตัดเสื้อมีหน้าต่างกระจกถึงสองบาน และยังมีประตูกระจกบานใหญ่อีกหนึ่งบาน ซึ่งโมบายที่คุณนัททำมาให้ ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

‘ผมคิดว่าคุณน่าจะเลื่อนโต๊ะทำงานไว้ตรงริมหน้าต่างดีไหมครับ เวลาที่คุณเหนื่อยล้าจะได้นั่งมองบรรยากาศด้านนอกได้สะดวก แต่ถ้าหากอยากจะพักสายตาจากการทำงานเพียงชั่วคราว ผมคิดว่าคุณควรจะใส่กุญแจมือคล้องไว้กับขาโต๊ะทุกครั้ง เรื่องยุ่งยากจะได้ไม่ตามมา ส่วนโมบายผมคิดว่าถ้าหากคุณอยู่ในห้องนอนก็ควรจะย้ายมาแขวนไว้ตรงหน้าประตูที่เชื่อมกับห้องตัดเสื้อ แต่ถ้าคุณกำลังทำงานควรแขวนไว้ที่ประตูหน้าบ้านจะเหมาะสมกว่า’

“แบบนั้นก็ดีครับ ผมขอย้ายโต๊ะแป๊บนึงนะ” บีมกล่าวพลางจัดแจงห้องทำงานของตัวเองใหม่ จากนั้นจึงเหลือบมองไปยังบริเวณบ้านของพี่แก้วที่ยังคงปิดไฟจนมืดสนิทเลยตัดสินใจใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทรหาพี่สาวข้างบ้าน เผื่อว่าจะได้นัดมาวัดตัวเพื่อความแน่นอน คุณนัทจึงถือโอกาสไปเล่นเปียโนระหว่างรอ บีมจึงอาศัยช่วงเวลานี้เปิดลำโพงเพื่อหวังจะให้เสียงดนตรีบรรเลงเสริมสร้างบรรยากาศแห่งการเริ่มต้นที่แสนผ่อนคลาย

“พี่แก้ว ตอนนี้บีมอยู่ที่บ้านแล้วนะครับ ถ้าเกิดยังไม่ดึกเกินไป บีมอยากขอเวลาให้พี่แก้วมาลองวัดตัวเพื่อความแน่นอนอีกครั้งน่ะครับ” เมื่อหญิงสาวรับสายบีมจึงรีบระรัวคำพูดอย่างรวดเร็ว เพราะบีมอยากจะเห็นรูปร่างที่แท้จริงของอีกฝ่าย เนื่องจากก่อนหน้านี้พี่แก้วเลือกชุดเจ้าสาวทรงเชทที่ไม่เน้นรูปร่างมากนัก บวกกับพี่แก้วเป็นคนตัวสูง บีมจึงคาดคะเนว่าอีกฝ่ายน่าเหมาะกับชุดที่เน้นการทิ้งตัวของเนื้อผ้ามากที่สุด

‘ได้สิบีม ตอนนี้พี่กินข้าวอยู่ที่บ้านของบีมนี่แหละ เดี๋ยวพี่ชวนป้านุ้ยเดินไปหาที่บ้านเลยแล้วกัน' หลังจากตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะ ความสงสัยเกี่ยวกับบ้านข้าง ๆ ก็เป็นอันหดหาย เพราะบีมกำลังนึกลังเลว่าจะเปิดลำโพงโทรศัพท์ต่อไปดีหรือเปล่า

“เดี๋ยวพี่แก้วกับแม่จะเข้ามาวัดตัวนะครับ ผมเปิดลำโพงอยู่นะ” แม้ว่าชายหนุ่มปลายสายจะกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งเสียงดนตรี แต่บีมก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะได้ยินถ้อยคำที่ตนเองบอกกล่าว เพราะวันนี้คุณนัทไม่ได้ตั้งโทรศัพท์ไกลนัก เสียงเพลงจึงสะดุดลงเพียงชั่วคราว ซึ่งมันก็พอดีกับช่วงเวลาที่พี่แก้วกับแม่เดินทางมาถึง บีมจึงคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความแนบเนียน

“สวัสดีครับพี่แก้ว” ทันทีที่ประตูบ้านถูกเปิดออกโดยผู้มาเยือน เสียงเพลงบรรเลงจากคุณนัทก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระดิ่งจากโมบายกะลามะพร้าว

“โตเป็นหนุ่มแล้วนะเรา” พี่แก้วทักทายด้วยรอยยิ้มเพียงแค่นั้น บทสนทนาก็เงียบลง อาจเพราะทั้งสองฝ่ายไม่ได้พบเจอกันนานแล้ว เวลานี้จึงไม่ต่างกับบุคคลแปลกหน้า แม้ว่าตอนเด็กจะสนิทสนมกันมากก็ตาม

“ผมขออนุญาตวัดตัวเลยนะครับ” บีมกล่าวพลางเดินไปหยิบสายวัดจากชั้นวางของสีขาวเข้ากันดีกับตัวบ้าน ขณะที่แม่เดินไปนั่งยังโต๊ะทำงาน บีมจึงเหลือบมองด้วยความหวั่นใจเพียงครู่ แต่พอเห็นแม่ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงเพลงมากนัก บีมจึงเริ่มผ่อนคลายและทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่การวัดตัว

จนกระทั่งการวัดตัวเสร็จสิ้น บีมเลยให้คำแนะนำเกี่ยวกับรูปทรงของชุดแต่งงานกับพี่แก้ว เพราะเอาเข้าจริงพี่แก้วไม่ใช่คนขาใหญ่อย่างที่คิด แต่ออกจะสะโพกผาย จึงเหมาะกับชุดแต่งงานทรงเอไลน์มากกว่า ซึ่งพี่แก้วก็รับฟังความคิดเห็นเป็นอย่างดี บีมจึงเสนอแบบที่สเก็ตช์เผื่อไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าพี่แก้วชื่นชอบชุดแบบใหม่มาก

บีมจึงเริ่มชักชวนให้พี่แก้วเลือกสรรผ้าลูกไม้แต่ละประเภทที่ตั้งใจขนมาจากกรุงเทพอย่างทะนุถนอม แต่สุดท้ายพี่แก้วก็ตกลงปลงใจเลือกผ้าลูกไม้ประเภท EMBROIDERED LACE ตามที่บีมหมายตา เพียงแต่การตกแต่งชุดจะต้องทำอย่างประณีต เพราะผ้าลูกไม้ประเภทนี้จะต้องปักลูกปัดเม็ดเล็ก ๆ ลงไปด้วยถึงจะสวย งานหนักจึงตกอยู่ที่บีมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพื่อเนรมิตให้พี่แก้วเป็นเจ้าสาวที่สง่างามที่สุด บีมก็เต็มใจทุ่มเทจนสุดฝีมือ

จากนั้นความเป็นส่วนตัวก็ถูกสร้างขึ้น เมื่อทั้งบ้านหลงเหลือเพียงแค่บีมกับเสียงเปียโนบรรเลงบทเพลงหนึ่ง บีมจึงหงายหน้าจอโทรศัพท์และวางตั้งไว้ในจุดที่สามารถมองเห็นสีหน้าท่าทางที่แสนสง่างามของคนรักได้อย่างชัดเจน แต่กระนั้นก็ไม่กินพื้นที่ต่อการตัดเย็บชุดเจ้าสาวของพี่แก้วจนเกินไป

“เพราะจังครับ” ทันทีที่บทเพลงดังกล่าวจบลง บีมจึงเอ่ยชมบุคคลปลายสายจนทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มแกมเก้อเขิน พร้อมเปิดสมุดโน้ตเพื่อบรรเลงบทเพลงต่อไป โดยที่บีมกำลังทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับการสร้างแพทเทิร์นบนหุ่นแบบมูลาจ พร้อมใช้ปากกาเมจิกขีดเส้นโครงสร้างพื้นฐานของตัวแบบ เพราะวิธีนี้เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้เสื้อผ้ามีความเป็นธรรมชาติและน่าสวมใส่ อีกทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกต่อการตัดเย็บที่มีความซับซ้อน เสียงเพลงบรรเลงจากคุณนัทจึงคอยอยู่เป็นเพื่อนในระหว่างทำงานด้วยความอบอุ่น

--------------------------✁

บทความที่เกี่ยวข้อง
- ชุดเจ้าสาวทรงไหนนะ ? ที่เหมาะกับรูปร่างของคุณ http://bit.ly/39tVZg5

บีมกลับบ้านแล้ว สำหรับตอนนี้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านของบีมไว้เยอะเลย คิดว่าคนอ่านน่าจะพอเข้าใจเหตุผลของพ่อกับแม่ของบีมบ้างแล้ว เพราะเท่าที่เราทราบมาเจ้าของสวนยางกับลูกจ้างจะอยู่กันแบบครอบครัวเลยค่ะ อารมณ์แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เลยจะเห็นได้ว่ามุมมองของบีมตอนเด็กกับตอนโตมีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะ และมันก็ส่งผลถึงสภาพแวดล้อมด้วยเหมือนกันค่ะ
ส่วนคุณนัทก็ยังคงทำตัวเป็นคนรักที่ดีต่อไป
Happy New Year คนอ่านทุกคนเลยนะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่มีความสุขมาก ๆ น้า~
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 23 (update 01/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-01-2020 22:26:10
พ่อแม่ดีก็เบาใจ ตอนแรกแอบกังวลเกี่ยวกัยแก้วว่าแอบแปลกๆแต่ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 23 (update 01/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-01-2020 12:34:48
ช่วงนี้ชีวิตบีมดีมากเลยค่ะ พ่อแม่เข้าใจ มีนัทคอยอยู่เคียงข้าง
เอ็นดูบีมที่ความคิดเปลี่ยนไปบ้างแล้ว และค่อยๆ เติบโต

ขอให้การกลับบ้านครั้งนี้ ลบเลือนความทรงจำไม่ดีในอดีตนะคะ

หวังว่าแก้วคงไม่มีอะไรแอบแฝงนะ เพราะบีมโทรหาหลายรอบ
พึ่งมารับตอนใช้อีกเบอร์ และกลับมาถึงบ้าน

สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้เป็นปีที่ดีและมีความสุขในทุกวันค่ะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 24 (update 08/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 08-01-2020 21:43:17
ตอน 24


หลังจากกลับมาอยู่ในเขตชนบท เสียงนกร้องถือเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดี เวลานี้บีมจึงพยายามยืดเส้นยืดสายให้สาแก่ใจ แต่ทว่ากลับไม่อาจทำได้ เพราะข้อมือข้างหนึ่งถูกกุญแจมือพันธนาการไว้กับขาโต๊ะ
 
ด้วยความงัวเงียและไม่ค่อยคุ้นชินกับแสงสว่างยามเช้า บีมจึงหรี่ตาควานหาลูกกุญแจท่ามกลางอุปกรณ์ตัดเย็บอันระเกะระกะ เนื่องจากหลายวันมานี้สถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนมากที่สุดคือโต๊ะทำงาน เพราะบีมมีเวลาไม่มากแล้ว ซึ่งการนอนหลับไม่ได้เกิดจากความเต็มใจแต่อย่างใด

“ทำไมบ้านนั้นถึงได้ดูเงียบเหงานัก หรือพี่แก้วจะอยู่ที่บ้านของว่าที่สามี” กระทั่งสายตากลับคืนสู่สภาพปกติ บีมจึงมองออกไปยังนอกหน้าต่างพร้อมวิจารณ์สถานการณ์ของบ้านตรงข้ามด้วยความแปลกใจ เพราะบีมลองสังเกตมาหลายวันแล้ว ไม่ว่าจะตอนเช้าหรือตอนกลางคืน บ้านของพี่แก้วก็ยังคงเงียบสงัดราวกับไม่มีผู้พักอาศัย

“บีมแม่เอามื้อเช้าวางไว้ที่ระเบียงนะลูก” เมื่อได้ยินเสียงแม่ที่เพิ่งจะกลับมาจากการกรีดยาง เจ้าของห้องเสื้อจึงชะโงกหน้าออกไปยังนอกหน้าต่างพร้อมร้องตะโกนในเชิงรับรู้ จากนั้นบีมจึงรีบไปล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อเตรียมทานมื้อเช้าริมระเบียงเหมือนทุกวัน


กระทั่งได้เวลาลิ้มรสแกงอ่อมไก่ที่แม่เตรียมให้ บีมจึงถ่ายรูปบรรยากาศริมบึงส่งไปให้ท่านประธานอิจฉาเล่น เพราะเวลานี้วิวทิวทัศน์ที่บีมได้สัมผัสคือธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยนกกระยางสีขาวกำลังโบยบินหาอาหารท่ามกลางดงบัวแดงอันละลานตา

“วันนี้ไม่มีประชุมเหรอครับ” บีมตัดสินใจส่งข้อความเสียงทันทีที่อีกฝ่ายเปิดอ่าน

‘กำลังจะประชุมครับ’ เมื่ออีกฝ่ายพิมพ์ตอบกลับมาแค่นั้น บีมก็ไม่คิดจะรบกวนเวลาอันแสนวุ่นวายอีกต่อไป มื้อเช้าจึงพร่องลงอย่างรวดเร็ว

ไม่นานแม่ก็ตามมาเก็บจานชามถึงที่ คงเพราะเห็นว่าบีมยังไม่แอบไปเก็บล้างที่ห้องครัวเหมือนทุกวัน โดยอ้อมมาทางด้านหลังของตัวบ้านที่เต็มไปด้วยสวนยางพาราสูงตระหง่าน เพราะตรงส่วนของระเบียงชมบัวจะมีบันไดประมาณสองสามขั้นเชื่อมกับทางเดินของห้องครัวบ้านใหญ่

หลังจากนั้นบีมจึงใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก เพราะช่วงเวลาที่ยาวนานกำลังจะถูกจับจองโดยชุดแต่งงานของพี่แก้ว ส่วนวันพรุ่งนี้บีมมีแพลนจะร่วมพรีเซนต์คอลเลกชันใหม่กับฝ่ายขาย เนื่องจากเครือข่ายที่ใช้ได้ดียังคงเป็นแบรนด์เดิม

ซึ่งบีมใช้เวลาทุ่มเทอยู่กับการทำงานจนแสงอาทิตย์เริ่มอาบไล้เข้ามายังห้องตัดเสื้อจึงต้องย้ายหุ่นโชว์ไปไว้มุมอื่น จากนั้นเก้าอี้พลันถูกลากมายังฝั่งที่มีการใช้ผ้าลูกไม้ต่างผ้าม่าน แสงแดดจึงไม่อาจสาดส่องได้อย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันเสียงเพลงบรรเลงจากฝีมือของคุณนัทที่เคยอัดไว้ยังคงดังระงมสลับกับเสียงของจักรเย็บผ้าที่ใช้ในการประกอบชิ้นส่วนของชุดวิวาห์ไม่แปรเปลี่ยน นับเป็นบรรยากาศที่แสนคุ้นเคย ต่างกันแค่มื้อกลางวันไม่ใช่คุณนัทที่ทำหน้าที่เป็นไลน์แมน

“ช่วงนี้ประชุมบ่อยเลยนะครับ กำลังจะเปิดสาขาใหม่หรือเปล่า” บีมเอ่ยถามคนปลายสายในระหว่างทานมื้อกลางวันตรงบริเวณปากประตูระเบียงชมบึง เนื่องจากช่วงเวลาเที่ยงวันแบบนี้ แสงแดดแรงกล้าเกินกว่าจะไปนั่งกินบนโต๊ะไม้สักตัวใหญ่ที่ไม่ค่อยสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย เจ้าของห้องเสื้อจึงต้องทนนั่งกินกับพื้น เพราะไม่อยากให้กลิ่นอาหารไปติดตามเสื้อผ้า ขณะใส่หูฟังไร้สายที่เพิ่งจะค้นเจอในกระเป๋า

‘ใช่ครับ วางแผนจะเปิดแถวภาคอีสานกับภาคใต้เพิ่มอีกแห่ง’ จากคำตอบของคุณนัททำให้บีมนึกถึงช่วงเวลาที่ขับผ่านบริเวณตัวเมือง 

“ถ้าหากผมจำไม่ผิด สาขาแถวบ้านผมกำลังจะเปิดให้บริการอาทิตย์หน้า” บีมยังคงชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ขณะนั่งกินตำข้าวปุ้น กุ้งสดฝีมือแม่อย่างเอร็ดอร่อย

‘ครับ คุณมีน กุลนิษฐ์ แล้วก็คุณเจมส์ อชิระก็ไปร่วมงานเปิดตัวด้วย คุณรู้จักหรือเปล่า’ คุณนัทเอ่ยถามราวกับเป็นผู้คร่ำหวอดแห่งวงการบันเทิง แต่เปล่าเลยเจ้าตัวไม่เคยสนใจเลยสักนิด ถ้าหากไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน

“รู้สิครับ เพราะพี่มีนเป็นทั้งเพื่อนแล้วก็พี่สาวที่ดีที่สุดสำหรับผม ต่อให้เรามีเวลาให้กันมากน้อยแค่ไหน แต่พอเจอกันช่องว่างก็ไม่เคยเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเธอเป็นคนเดียวที่ผมไว้วางใจมาตลอด จนกระทั่งมีคุณก้าวเข้ามาความไว้วางใจของผมเลยถูกแบ่งออกเป็นสอง” บีมกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาปลายสายหลุดหัวเราะด้วยความเก้อเขิน

“ส่วนคุณเจมส์ เป็นดอมคนแรกของผม” บีมบอกกล่าวโดยไม่คิดปิดบัง เพราะการเพลย์สำหรับบีมคือวิธีการคลายเครียดอย่างหนึ่ง 

‘ถ้าอย่างนั้นผมยิ่งต้องรีบเคลียร์ตารางงานให้ว่าง จะได้ไปขอบคุณที่เขาประกาศสละโสดจนทำให้คุณต้องมาหาดอมคนใหม่’ สิ้นคำกล่าวจากบุคคลปลายสาย บีมก็ได้แต่กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม

“คุณนัทพูดจริงหรือพูดเล่นครับเนี่ย” กระทั่งเผลอหัวเราะออกมาครู่หนึ่ง บีมจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

‘จริงครึ่งหนึ่งไม่จริงครึ่งหนึ่งครับ เพราะผมต้องไปดูงานอยู่แล้ว จูเลียตอย่างคุณจะแอบมาหาโรมิโออย่างผมได้หรือเปล่าครับ’ คุณนัทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนบีมสามารถจินตนาการสีหน้าและแววตาของอีกฝ่ายได้

“คุณทำให้ผมคิดถึงขนาดนี้ ถ้าหากผมละทิ้งโอกาสนี้ไปคงจะเสียดายแย่” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกเก้อเขินกับคำพูดของตัวเอง

‘ผมต้องไปทำงานแล้วล่ะครับ สักสองทุ่มผมจะโทรไปหาใหม่ ส่วนเรื่องร้านคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมจะช่วยดูให้’ คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งเร่งรีบ บีมจึงได้แต่เอ่ยขอบคุณเป็นการปิดท้าย ซึ่งมันก็พอดีกับจังหวะที่แม่เดินกลับมารับถาดเหล็กไปเก็บล้าง ซึ่งมื้อนี้บีมยังไม่ทันแย่งหน้าที่ล้างจานเหมือนทุกวัน เพราะมัวแต่คุยกับคุณนัทจนเลยเวลา และแม่ก็ไม่ยอมให้บีมเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ คงเพราะเข้าใจว่าการตัดชุดแต่งงานต้องใช้เวลา

“ตอนเย็นแม่ไม่ต้องยกมาให้บีมนะครับ บีมจะไปนั่งร่วมวงด้วย” ทันทีที่ได้ยินบีมเอื้อนเอ่ยออกไปแบบนั้น แม่ที่กำลังเดินทิ้งห่างจากบันไดระเบียงชมบึงไปกว่าครึ่งก็หันกลับมามองด้วยความแปลกใจ

“พอดีบีมมีอะไรอยากจะให้พ่อกับแม่ดู” ผู้เป็นลูกบอกกล่าวด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม เพราะวันนี้บีมได้รับสเตทเม้นท์เกี่ยวกับรายได้ของห้องเสื้ออิสระจากทางธนาคารแล้ว

“ได้สิ เดี๋ยวแม่จองที่ไว้ให้” สิ้นคำตอบรับของแม่ สมองของบีมก็คล้ายกับจะหยุดโฟกัสอยู่ที่ช่วงเวลานั้น เพราะบีมยังจดจำรอยยิ้มและท่าทางกระตือรือร้นได้


กระทั่งการปักลวดลายลงบนตัวเสื้อโดยใช้วิธีซ่อนด้ายเสร็จสิ้น บีมก็ยืนบิดขี้เกียจอยู่หลายที เพราะร่างกายเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เริ่มกลึงผ้าลูกไม้ที่จะต้องอาศัยความพิถีพิถัน

“หกโมงเย็นแล้วเหรอ” บีมอุทานอย่างไม่อยากเชื่อว่าเวลาจะผันผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมเดินตรงไปยังห้องนอน เพื่อใช้เส้นทางบริเวณระเบียงริมบึงที่เชื่อมกับเขตบ้านใหญ่จึงสวนทางกับแม่ที่มาตามไปกินข้าว

“บีมทำให้ทุกคนต้องรอหรือเปล่าครับ” เจ้าของห้องเสื้อเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ เพราะถ้าหากตัวเสื้อยังไม่เสร็จสิ้น ป่านนี้บีมอาจจะยังง่วนอยู่กับการตัดเย็บจนหลงลืมเรื่องราวที่เคยพูดกับแม่ตั้งแต่ช่วงบ่าย

“ไม่หรอก ปกติพ่อกับแม่ก็กินมื้อเย็นกันประมาณนี้”  แม่เอ่ยตอบพลางยกยิ้ม บีมจึงเริ่มสบายใจมากขึ้น

“วันนี้ที่บ้านเราดูคึกคักเป็นพิเศษเลยนะครับ” บีมเปรยขึ้นด้วยความอึดอัด แต่เพราะลั่นวาจาไปแล้วจึงต้องเดินหน้าอย่างกล้าหาญ

“เพราะวันนี้ไร่ของเราเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวโพดไปบ้างแล้ว แม่กับพวกน้าพินเลยต้องทำมื้อเย็นเลี้ยงพวกเขาเยอะหน่อย ฤดูเก็บเกี่ยวคราวหน้าจะได้ไม่ต้องควานหาแรงงานให้เสียเวลา” บีมพยักหน้ารับฟังโดยไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไร แต่ในหัวกำลังคิดวิเคราะห์อย่างละเอียด

“แม่หมายถึงบ้านเราจ้างแรงงานชั่วคราวด้วยใช่ไหมครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะจากคำพูดของแม่ ทำให้บีมคาดเดาว่ากลุ่มคนที่มาสร้างความแตกแยกให้กับครอบครัว อาจไม่ใช่เหล่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคนงานกว่าสามสิบชีวิตที่มารับหน้าที่กรีดยาง แต่กลับเป็นแรงงานชั่วคราวที่มาช่วยเก็บเกี่ยวข้าวโพดเสียมากกว่า

“ใช่จ้ะ” ทันทีที่แม่เฉลยคำตอบ บีมก็เดินเข้าไปยังใต้ถุนบ้านที่มีการจัดแบ่งอาหารเป็นกลุ่ม ๆ ราวกับโต๊ะจีนมื้อใหญ่ โดยบีมนั่งร่วมวงกับพ่อแม่รวมถึงเหล่าผู้ใหญ่บ้านและภรรยาที่อาจจะพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของพวกท่าน เพราะบีมคุ้นหน้าคุ้นตามากที่สุด แถมพวกเขายังเดินขึ้นเดินลงบนชั้นสองของตัวบ้านอยู่บ่อยครั้ง และยังคอยเอาใจใส่ความรู้สึกของบีมราวเป็นลูกหลานของตัวเอง ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ยังคงเป็นเหมือนวันวานไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ในอดีตดวงตาของบีมยังถูกบดบังด้วยอคติของการเหมารวม

“ว่าแต่บีมมีอะไรจะบอกพ่อกับแม่ล่ะ” จนกระทั่งพ่อเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา บีมถึงได้เงยหน้าจากมื้ออาหารแสนอบอุ่นที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินมากนัก เพราะเดิมทีบีมไม่ชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่ บวกกับยังไม่สนิทใจต่อพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้

“พอดีบีมเพิ่งได้รับสเตทเม้นท์เกี่ยวกับรายรับของห้องเสื้ออิสระก็เลยอยากจะเอามาให้พ่อกับแม่ดู จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าบีมจะลำบาก” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพลางเกาท้ายทอยแก้เก้อ เพราะบรรยากาศรอบกายที่ดูวุ่นวายกลับเงียบสนิท คล้ายกับทุกคนให้ความสนใจคำพูดของบีมยิ่งกว่ามื้ออาหารในครั้งนี้

“โห รายได้เยอะขนาดนี้เชียว” หลังจากแม่หยิบโทรศัพท์ของบีมไปดูแล้วส่งต่อให้พ่อ กลุ่มคนที่บีมเคยปรามาสว่าไร้ซึ่งความเกรงใจกลับไม่คิดละลาบละล้วง ผิดกับผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่บีมคาดว่าน่าจะเป็นแรงงานชั่วคราว เพราะทันทีที่ได้ยินพ่ออุทานก็รีบเข้ามารุมล้อมด้วยความสนใจ

“ทำไมรายได้มันแตกต่างกับยายผมที่เป็นช่างตัดเสื้อขนาดนั้นล่ะลุงผู้ใหญ่” ชายหนุ่มที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับบีมกล่าวด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ หลังจากถือวิสาสะลอบมองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่กระนั้นบีมก็ไม่ได้รู้สึกขวางหูขวางตาอะไร เพราะวิธีนี้ถือเป็นการป่าวประกาศที่ค่อนข้างได้ผล นับว่าไม่เสียแรงที่บีมก้าวเดินออกมาจากเซฟโซนของตัวเอง

“ก็ห้องเสื้อของเจ้าบีมมันอยู่ในห้างหรู ๆ ไม่ได้รับตัดแก้ตามแบบที่ลูกค้ารายเล็ก ๆ อย่างยายเอ็งต้องการนี่หว่า” แม่เอ่ยตอบอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งมันทำให้บีมถูกความสุขอัดแน่นจนเต็มอก

“ร้านของเจ้าบีมนี่นะ หรูหราไฮโซสุด ๆ แถมยังออกแบบเป็นคอลเลกชันตามฤดูกาลเหมือนพวกฝรั่งด้วย” บีมเหลือบมองแม่ที่กำลังขยายความเรื่องห้องเสื้ออิสระอย่างออกรส รอยยิ้มจึงประดับตรงมุมปาก ขณะที่สองข้างแก้มยังคงเต็มไปด้วยปลาส้มแบบแผ่นและข้าวเหนียวปั้นก้อนหนึ่ง

“ลูกชายผู้ใหญ่หนุ่ยเก่งจริง ๆ เลยนะ” บีมได้แต่ยิ้มรับอย่างไม่ค่อยคุ้นชิน เมื่อถูกคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เคยเห็นหน้าค่าตามาบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเป็นเรื่องราวเอ่ยชม

“ใช่ ๆ แบบนี้ผู้ใหญ่หนุ่ยกับเจ๊นุ้ยคงสบายไปทั้งชาติ ไหนจะมีธุรกิจของลูกชาย แล้วยังมีสวนยางพารากับข้าวโพดอีกตั้งหลายไร่ พวกฉันคงได้แต่พึ่งใบบุญแล้ว” เหล่าคนงานในความดูแลของพ่อกับแม่เอื้อนเอ่ยด้วยความจริงใจ หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะมองเป็นการประจบประแจงก็ย่อมได้ เพียงแต่ยิ่งอยู่นานบีมกลับยิ่งมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเองมากขึ้น จึงแอบกระซิบถามแม่ว่าคนกลุ่มไหนเป็นแรงงานชั่วคราว เนื่องจากมีคนคนหนึ่งที่บีมจดจำใบหน้าและคำพูดของมันได้

จนกระทั่งอาหารมื้อค่ำอันแสนคึกคักจบลง ผู้คนที่เคยมารวมตัวกันจนละลานตาจึงเริ่มทยอยกลับบ้าน บีมกับแม่และเหล่าภรรยาของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกสี่คนจึงทยอยขนย้ายจานชามไปยังด้านหลังบริเวณห้องครัวเพื่อทำการเก็บล้าง เพียงแต่คราวนี้แม่ไม่ยอมให้บีมช่วยเหลือเหมือนแต่ก่อน อาจเพราะบีมยังมีงานที่ต้องทำอีกมากเลยไม่อยากให้เสียเวลา

บีมจึงอดจะโต้แย้งไม่ได้ เพราะจานชามในวันนี้กองพะเนินจนบีมยังตกใจ ซึ่งถ้าหากบีมไม่ช่วยแม่เก็บล้าง แล้วใครจะมาคอยช่วย ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับทำให้บีมเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ ซึ่งก็คือตอนนั้นบีมยังเด็กแม่เลยอยากให้ช่วยทำงานบ้าน ส่วนวันนี้พวกน้า ๆ จะคอยช่วยแม่เก็บล้างเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งท่าทีแสนเป็นกันเองของพ่อกับแม่ ทำให้บีมรับรู้ได้ว่าพวกท่านให้ความสำคัญกับเพื่อนกลุ่มนี้และเหล่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน

เพียงแต่จุดเริ่มที่ทำให้มุมมองดี ๆ เริ่มห่างหาย กลับมาจากแรงงานชั่วคราวเพียงไม่กี่รายที่มาช่วยเก็บเกี่ยวข้าวโพดตามฤดูกาล แถมยังชอบทำตัวสอดรู้สอดเห็นพร้อมกับเอาความหวังดีมาบังหน้า บีมในตอนนั้นที่ยังเป็นเด็กและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจทางการเกษตรของครอบครัว จึงไม่อาจแยกแยะได้ว่าเหล่าคนงานที่คอยเดินเข้าเดินออกภายในตัวบ้าน ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองกลุ่ม เพราะจำนวนคนมันเยอะมาก และส่วนใหญ่บีมก็มักจะหลบเลี่ยงความอึดอัดด้วยการแอบไปนั่งกินข้าวเพียงลำพังตรงสะพานไม้ข้ามฟากจนเป็นเหตุให้ได้รู้จักกับพี่แก้ว

ทว่าการกลับมาของบีมในคราวนี้ ทำให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ อีกมากมาย เพราะทุกครั้งที่บีมแอบมาล้างจานหลังห้องครัว บีมไม่เคยได้ยินเสียงนินทาเล็ดลอดออกมาจากใต้ถุนบ้านอย่างที่เคยได้ยิน การเหมารวมจึงไม่อาจเกิดขึ้นอีกต่อไป

“ถ้าอย่างนั้นบีมกลับไปทำงานต่อนะครับ” บีมบอกลาแม่พร้อมกับคนอื่น ๆ ในครัว โดยเลือกใช้เส้นทางที่เชื่อมกับระเบียงริมบึง แต่ท้ายที่สุดกลับเปลี่ยนใจเดินอ้อมไปทางข้างบ้าน เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามค่ำคืนครู่หนึ่ง เพราะยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่กว่าคุณนัทจะโทรหา

“ถ้าชีวิตในเมืองกรุงมันร่ำรวยขนาดนั้น แล้วจะกลับมาอยู่บ้านนอกทำไมจริงไหมป้า” ปลายเท้าที่กำลังเหยียบย่ำลงบนพื้นดินพลันหยุดนิ่ง เมื่อโสตประสาทแห่งการรับรู้ได้ยินถ้อยคำบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวกับตัวเอง บีมจึงอาศัยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ริมบึงหลบซ่อนกายจากแรงงานชั่วคราวกลุ่มนั้นที่กำลังจะเดินออกจากเขตรั้วบ้าน

“คงจะโดนผู้ชายหลอก แต่ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ล่ะสิ” หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเริ่มแสดงความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง

“เป็นไปได้ที่สุดเลยป้าแดง พวกตุ๊ดมันก็แบบนี้ยิ่งมีเงินมากก็ยิ่งใช้มาก พ่อกับแม่เลยต้องทำงานงก ๆ อยู่ที่บ้านนอก” สิ้นคำพูดของไอ้พวกปากสว่าง บีมจึงได้แต่ยืนกำหมัดแน่น เพราะคำพูดคำจาเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยความเหยียดหยามจนแสลงหู ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงเลยสักอย่าง แถมเงินที่พวกมันได้รับส่วนหนึ่งอาจจะมาจากน้ำพักน้ำแรงของบีมก็ได้ เพราะบีมโอนเงินให้พ่อกับแม่ไม่เคยขาด

กระทั่งคุณนัทโทรมาหา บีมจึงหลุดออกจากภวังค์และก้าวเดินเข้าสู่ตัวบ้านอย่างรวดเร็ว

“ตรงเวลาจังครับ” บีมเปิดประเด็นพลางนั่งลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานพร้อมนำผ้าลูกไม้ที่กำลังบดบังทัศนวิสัยออก พบว่าบ้านของพี่แก้วยังคงเงียบเชียบเหมือนอย่างเคย ข้อสันนิษฐานที่ว่าหญิงสาวคงจะย้ายไปอยู่ที่ไหนสักแห่งในหมู่บ้านจึงเป็นไปได้มากที่สุด เพราะเท่าที่บีมเคยสอบถามแม่ เจ้าบ่าวเป็นลูกหลานของคนในหมู่บ้าน เพียงแต่บีมไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนก็เลยไม่เคยได้ยินชื่อ

‘กลัวคุณคิดถึงผมไงครับ’ ทันทีที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแสนหวาน บีมก็ได้แต่กลั้วหัวเราะด้วยความชอบใจ เพราะช่วงหลังพอได้ยินมาก ๆ เข้า บีมก็เริ่มจะด้านชามากกว่าจะเขินอาย

“วันนี้ผมไปนั่งล้อมวงกินข้าวกับคนอื่น ๆ มาด้วยครับ” พอบทสนทนาเริ่มจะหมดลง บีมจึงเป็นฝ่ายบอกเล่าขึ้นมาบ้าง

‘อึดอัดหรือเปล่าครับ’ คุณนัทเอ่ยถามอย่างรู้ใจ

“ตอนแรกก็อึดอัดนะครับ แต่พอเริ่มเปิดใจกับมุมมองบางอย่าง ความอึดอัดเลยค่อย ๆ เบาบาง เพราะที่จริงสภาพแวดล้อมรอบตัวมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่เป็นผมที่เหมารวมไปเอง” บีมเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มพลางตั้งข้อศอกมองไปยังบึงบัวอันมืดสนิท

“การกลับมาบ้านครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นกว่าแต่ก่อน ถึงได้เริ่มเข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ต้องคอยอกเอาใจคนอื่นขนาดนั้น เพราะที่จริงแรงงานในแถบนี้หายากมากเลยครับ บวกกับราคายางพาราค่อนข้างตกต่ำ พ่อกับแม่เลยต้องคอยดูแลพวกเขาให้ดีจะได้อยู่ช่วยกันนาน ๆ ส่วนกลุ่มคนที่น่ารังเกียจในสายตาผม กลับเป็นแรงงานชั่วคราวที่มาช่วยเก็บเกี่ยวข้าวโพดไปเสียได้” บีมบอกเล่าด้วยความเหม่อลอย เพราะในใจเผลอนึกไปถึงบทสนทนาลับหลังเหล่านั้น

‘ผมเคยได้ยินมาว่ารายได้จากสวนยางจะต้องแบ่งให้คนงานเกือบครึ่ง ๆ เลยนะครับ’ สิ้นคำบอกเล่าจากคนรัก บีมจึงหวนคิดขึ้นมาได้ว่าครอบครัวของบีมถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของแรงงานกว่าสามสิบชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย

ซึ่งถ้าหากบีมทราบรายละเอียดในส่วนนี้ก่อน บีมก็อาจจะแยกแยะดีชั่วได้นานแล้ว เพราะบีมเชื่อว่าพวกน้าพินและคนอื่น ๆ คงไม่กล้าทุบหม้อข้าวของตัวเองด้วยการสร้างความแตกแยกให้กับครอบครัวของนายจ้าง ต่างกับแรงงานชั่วคราวที่ไม่ได้มีความสนิทสนมมากนัก นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดโดยไม่ต้องเกรงใจ 

“วันนี้ผมเอารายได้ไปให้พ่อกับแม่ดูด้วยครับ คุณรู้ไหมว่าพวกท่านแสดงออกยังไง” แต่แล้วบีมก็ถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะยังมีอีกเรื่องที่น่ายินดีรอคอยอยู่

‘พวกท่านคงจะชื่นชมคุณไม่หยุด หรือไม่ก็คงจะพูดถึงเรื่องของคุณด้วยสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ’ คุณนัทเอื้อนเอ่ยราวกับเป็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมสถานการณ์เสียอย่างนั้น

“รู้ได้ยังไงครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

‘ฟังจากน้ำเสียงดีใจของคุณ ผมก็รู้คำตอบแล้วครับ’ พอได้รับคำอธิบายบีมก็หัวเราะด้วยความสดใส เพราะบีมยังจดจำช่วงเวลาที่แม่พยายามจะบอกเล่าความแตกต่างระหว่างห้องเสื้ออิสระและร้านตัดเสื้อของใครสักคนที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบได้

“สถานการณ์ของผมกำลังไปได้ดีขนาดนี้ คุณนัทไม่คิดว่าเราสองคนควรจะฉลองกันสักหน่อยเหรอครับ” บีมเอื้อนเอ่ยอย่างมีนัยยะ อาจเพราะภาพรวมในชีวิตกำลังพบเจอแต่เรื่องที่น่ายินดี ถ้อยคำนินทาเมื่อครู่จึงไม่อาจทำให้อารมณ์ขุ่นมัวได้ตลอดรอดฝั่ง

‘เพราะผมรู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องที่น่ายินดีแบบนี้ไงครับ ผมถึงได้เตรียมของขวัญไว้ให้คุณล่วงหน้า’ คุณนัทกล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ

‘คุณพร้อมที่จะรับของขวัญจากผมหรือยังล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็รีบถอดเสื้อลูกไม้ที่แสนรกตาออกซะ แล้วคลานเข้าไปในห้องนอน ผมจะได้เลือกของขวัญให้คนรักที่แสนเชื่องอย่างคุณได้เร็ว ๆ’ เมื่อชายหนุ่มในมาดของนายท่านสั่งการราวกับตาเห็นจนเสร็จสิ้นก็รีบวางสาย เพื่อวีดิโอคอลไปยังโทรศัพท์อีกเครื่องที่มักจะทำแต่เรื่องสุ่มเสี่ยง

‘เมื่อกลางวันคุณบอกว่าคิดถึงผม เพราะฉะนั้นผมจะให้โอกาสคุณได้แสดงความคิดถึงอย่างเต็มที่ ก่อนอื่นคุณควรจะเขียนความคิดถึงที่มีให้ผมลงบนกระดาษ ผมจะได้มองเห็นความคิดถึงของคุณได้ชัด ๆ’ นายท่านสั่งการด้วยท่าทีที่แสนผ่อนคลาย ขณะจิบแอลกอฮอล์บริเวณเคาน์เตอร์บาร์อันเงียบสงบ


‘ที่รัก.. คุณควรจะเขียนตัวบรรจงสักหน่อย เพราะไม่อย่างนั้นผมอาจจะมองความคิดถึงของคุณเป็นเรื่องชุ่ย ๆ’ กระทั่งบีมเริ่มเขียนถ้อยคำที่อีกฝ่ายสั่งการด้วยความรวดเร็ว ลายมือจึงออกมาในลักษณะไก่เขี่ย บีมเลยต้องฉีกกระดาษทำแพทเทิร์นอีกส่วนหนึ่ง เพื่อเขียนคำคำเดิมลงไป เพียงแต่ต้องใช้เวลามากหน่อย เพราะตอนนี้ภายในห้องตัดเสื้อไม่ได้เปิดไฟสักดวง

‘เขียนเสร็จแล้วคุณก็คาบไว้’ กระทั่งบีมยื่นกระดาษแผ่นดังกล่าวเข้าไปใกล้หน้าจอสี่เหลี่ยมที่กำลังวางตั้งอยู่ตรงแท่นวางโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน คนในจอสี่เหลี่ยมก็เริ่มสั่งการ

‘เปิดไฟด้วยสิ ผมจะได้เห็นคุณให้ชัดกว่านี้’ ผู้เป็นดอมสั่งการอีกระลอก บีมจึงคาบกระดาษแทนความ ‘คิดถึง’ เดินไปเปิดไฟจนสว่างจ้า ก่อนจะกลับมายืนตรงหน้าจอสี่เหลี่ยมเพื่อรอฟังคำสั่งถัดไปอย่างชื่นมื่น

‘แก้ผ้าเสียเลยสิ ผมจะได้รู้ว่าร่างกายของคุณมันคิดถึงผมด้วยหรือเปล่า’ สิ้นคำสั่งจากนายท่านหัวใจของบีมก็เริ่มเต้นระรัว เพราะเวลานี้แรงงานกรีดยางยังทยอยกลับบ้านไม่หมด คาดว่าอาจจะกำลังดื่มแอลกอฮอล์กันอยู่ เนื่องจากบีมได้ยินสุ้มเสียงของพ่อและคนอื่น ๆ เล็ดลอดเข้ามายังตัวบ้าน

‘ที่รัก.. คุณทำตัวลีลาแบบนี้ ดูไม่สมกับความคิดถึงที่บรรจงเขียนให้ผมเลยนะ แบบนี้จะไม่ใช่ผมคิดได้ยังไงว่าคุณแอบไปทำตัวร่าน ๆ ลับหลังผม’ นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันคล้ายกับกำลังหึงหวงจนเลือดขึ้นหน้า พลางเคาะปลายนิ้วลงบนเคาน์เตอร์บาร์เพื่อเป็นการกดดัน ขณะที่ความสุขของบีมกำลังตีตื้น เมื่อถ้อยคำหยามเหยียดถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากของชายคนรัก

‘ถ้าไม่ใช่ก็ถอดซะ ไม่เห็นต้องเหนียมอายอะไรเลยนี่’ ทันทีที่บีมส่ายหัวจนเส้นผมกระจุยกระจาย นายท่านก็เริ่มเร่งเร้าขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมจิบแอลกอฮอล์ด้วยความสำเริงสำราญ คล้ายกับวันนี้อีกฝ่ายเพียงแค่อยากควบคุมให้บีมต้องเผชิญกับเรื่องที่น่าอับอายจนสาแก่ใจ

‘เดี๋ยวก่อน ผมเปลี่ยนใจแล้ว เรามาเล่นเป่ายิงฉุบกันดีกว่าที่รัก ถ้าหากคุณชนะก็ไม่ต้องถอด แต่ถ้าหากคุณแพ้ต้องถอดออกทีละชิ้น เพียงแต่คุณจะมีโอกาสเสี่ยงโชคแค่ 3 ครั้ง’ นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความสุนทรีย์ ซ้ำยังใช้แววตาฉ่ำเยิ้มมองมาอย่างเปิดเผย บีมจึงเริ่มรู้สึกสนใจต่อเงื่อนไขดังกล่าว เพราะมันมีช่องโหว่ที่อาจจะทำให้บีมไม่ต้องเปิดเปลือยล่อนจ้อนอย่างที่คิด นับว่าเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างท้าทายอย่างบอกไม่ถูก

-อ่านต่อด้านล่าง-
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 24 (update 08/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 08-01-2020 21:46:57
‘ที่รัก.. คุณนี่มันขี้อ่อยจังเลยนะ ทำเป็นออกค้อนหลังจากที่ผมออกกระดาษแบบนี้ได้ยังไง’ ทันทีที่รู้ผลแพ้ชนะในรอบแรก อีกฝ่ายก็รีบปรามาสอย่างรวดเร็ว

“ถ้าไม่มีหลักฐาน ไม่ควรปรักปรำกันนะครับ” บีมรั้งกระดาษออกจากริมฝีปากพร้อมวางลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ แต่ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความอภิรมย์

‘ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบถอดกางเกงขาสั้นออกเสียสิ ผมจะได้รีบหาหลักฐาน’ ชายหนุ่มจากเมืองกรุงเอ่ยท้าทาย ซ้ำยังยักคิ้วอย่างเป็นต่อ บีมจึงไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องปราการชิ้นแรกออกจากร่างด้วยความอ้อยอิ่ง

‘หึ เห็นได้ชัด คุณกำลังเรียกร้องความสนใจจากผม’ ทันทีที่รู้ผลแพ้ชนะในรอบที่สอง ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความมั่นใจพลันขบขันต่อลูกเล่นแสนแพรวพราวของบีมอีกหน

“ผมจะถอดแล้วนะครับ จับตาหาหลักฐานให้ดี ๆ นะครับนายท่าน” บีมกล่าวพลางจับชายเสื้อลูกไม้ที่ไม่ได้มีความเปิดเผยเนื้อหนังอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมทำเป็นเล่นหูเล่นตาใส่บุคคลในหน้าจอสี่เหลี่ยมด้วยความเย้าหยอก

‘ที่รัก.. คุณมัวแต่ลีลาจนผมอยากจะฟาดก้นสั่งสอนสักที’ นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับรำคาญเต็มที แต่ทว่านัยน์ตาสีนิลกลับพราวระยับแข่งกับแสงไฟบนยอดตึกด้านหลัง

“ผมดื้อขนาดนี้ คุณยังอยากจะฟาดผมแค่ทีเดียวเองเหรอครับ แย่จัง.. ขนาดตัวผมยังรู้สึกว่าคุณควรจะลงโทษให้ก้นลายไปเลย” บีมยังคงต่อล้อต่อเถียง ซ้ำยังหันหลังโชว์สะโพกกลมสวยภายใต้อันเดอร์แวร์สีขาวสะอาดตา พร้อมปลดเปลื้องอาภรณ์เบื้องบนออกจากเรือนกายด้วยความเชื่องช้า ก่อนจะหันหน้ามาให้อีกฝ่ายเชยชมยอดอกสวยอย่างกระจ่างชัด

กระทั่งผลของการเสี่ยงทายในครั้งสุดท้ายเริ่มปรากฏ ริมฝีปากของบีมจึงวาดเป็นรอยยิ้ม พร้อมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้บุคคลในหน้าจอสี่เหลี่ยม ก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสนเสียดายว่า “น่าเสียดายจังครับ ตานี้คุณแพ้ผมแล้ว”

‘จริงอยู่ว่าผมแพ้ แต่คุณก็ขัดคำสั่งผมไม่ใช่เหรอ.. ใครอนุญาตให้คุณเลิกคาบกระดาษความในใจไม่ทราบ ผมว่าคุณรีบเปลื้องผ้าเสียเถอะ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำอีกเลย’ นายท่านเอื้อนเอ่ยด้วยสีหน้าของคนเหนือกว่า ซ้ำยังใช้สายตาออกคำสั่ง บีมจึงต้องเปิดเปลือยเรือนร่างทุกซอกทุกมุมอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะบีมสุดแสนจะเต็มใจทำตามกฏกติกา

‘ดีมาก พาผมไปเลือกของขวัญให้คุณได้แล้วที่รัก’ สิ้นคำสั่งของนายท่าน บีมจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องโปรดและคลานสี่ขาไปยังห้องนอนอันเงียบสงัดที่มีเพียงแสงจันทร์เล็ดลอดผ่านจากประตูระเบียงกระจก

‘วางผมไว้ตรงข้างตู้เสื้อผ้าสิ ส่วนคุณก็คลานกลับไปคาบกระดาษความในใจเข้ามาด้วย’ เมื่อได้รับคำสั่งบีมจึงรีบคลานกลับไปยังโต๊ะทำงานด้วยความว่าง่าย สะโพกกลมมนจึงลอยเด่นอยู่ท่ามกลางห้องหับอันเงียบสงัด ก่อนจะแสดงตัวอย่างชัดแจ้งเมื่อดวงไฟสีขาวสว่างอาบไล้ผิวกาย เพียงแต่ชายหนุ่มภายในหน้าจอสี่เหลี่ยมไม่อาจมองเห็นภาพที่แสนงดงามดังกล่าว เนื่องจากวิถีของมุมกล้องไม่ได้ครอบคลุมไปถึงบริเวณโต๊ะทำงาน

‘ที่รัก.. คุณคลานได้เซ็กซี่มาก ดูสะโพกของคุณสิ มันส่ายไปส่ายมาจนผมอยากจะฝากรอยมือไว้จริง ๆ’ ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำแสนจาบจ้วง ความรู้สึกของบีมก็คล้ายกับถูกปลดแอก ยอดอกพลันแข็งขืน ขณะที่ช่วงล่างกลับเริ่มแตกตื่น

‘นี่เราเพิ่งจะห่างกันแค่อาทิตย์กว่าเองนะ ร่างกายของคุณ หัวใจของคุณก็เอาแต่คิดถึงผมขนาดนี้เชียวเหรอ’ สุ้มเสียงจากวีดิโอคอลยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยิ่งชัดแจ้งเมื่อบีมเริ่มคลานเข้ามายังห้องนอน ขณะที่ถ้อยคำแห่งความพึงพอใจของนายท่านกลับทำให้บีมเม้มริมฝีปากด้วยความหวามไหว แผ่นกระดาษจึงเริ่มเปียกยุ่ยจนเสียรูปทรง

‘ดูสิ เด็กน้อยของคุณเริ่มจะออกอาการซะแล้วน่ะ แต่จะทำยังไงดีล่ะ ผมเตรียมของขวัญไว้ให้คุณเล่นตั้งเยอะแยะเลย’ กระทั่งบีมวางกระดาษชุ่มน้ำลงบนพื้นตรงหน้าโทรศัพท์เครื่องหรู นายท่านก็เอื้อนเอ่ยด้วยถ้อยคำแสนสุภาพ แต่ทว่าแววตากลับจาบจ้วงต่อ ‘เด็กน้อย’ จนบีมเก้อเขิน ซ้ำยังทำเป็นพูดจาเล่นลิ้น เพื่อบอกกล่าวเป็นนัย ๆ ว่าตนเองไม่อยากจะเสียเวลา ‘เลือกของขวัญ’ ไปมากกว่านี้

“เปิดของขวัญก่อนก็ได้ครับ” บีมกล่าวพลางแอบซ่อนใบหน้าด้วยความเอียงอาย แต่กระนั้นช่วงล่างกลับไม่ยอมหลบเลี่ยงต่อวิถีแห่งการมองเห็น ราวกับตั้งใจจะโอ้อวดเสียด้วยซ้ำ มุมปากของผู้เป็นนายจึงอดจะกระตุกยิ้มด้วยความถูกใจไม่ได้

‘หยิบกล่องที่ผมเคยบอกไม่ให้คุณเปิดจนกว่าผมจะสั่งออกมาสิ’ เมื่อได้รับภารกิจใหม่ บีมจึงไม่รอช้าที่จะเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกล่องไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ซ้ำยังมีแม่กุญแจคล้องผูกอย่างแน่นหนา

“กุญแจล่ะครับ” บีมเอ่ยถามหลังจากที่นำกล่องไม้ออกมาวางบนกระดาษบอกความในใจ

‘อยู่ตรงฝากล่องรองเท้าที่ผมใส่โมบายมาให้คุณ’ สิ้นคำตอบบีมก็รีบคลานไปหยิบกล่องดังกล่าวพร้อมเปิดฝาด้วยความสงสัย เพราะบีมจดจำได้ว่าภายในกล่องนั้นไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่อีกแล้ว

‘ข้าง ๆ น่ะ ผมเอาสก๊อตเทปแปะไว้’ จนกระทั่งค้นหากุญแจดอกสำคัญพบ บีมก็ไม่รอช้าที่จะเปิดกล่องของขวัญที่อีกฝ่ายเตรียมให้ด้วยความตื่นเต้น เพราะบีมทราบเป็นอย่างดีว่า ‘สิ่งของ’ ที่อยู่ข้างในไม่ใช่ของขวัญประเภทเดียวกับโมบายแฮนด์เมค

‘ชอบหรือเปล่า ?’ ทันทีที่ของขวัญแสนล้ำค่าปรากฏสู่สายตา นายท่านก็เอ่ยถามด้วยความเอาใจใส่ ขณะที่บีมได้แต่พิจารณาว่ามันมีอะไรบ้าง

“ชอบครับ” แต่แล้วบีมก็เงยหน้าตอบพร้อมยกยิ้มอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังจ้องมองของขวัญชิ้นสำคัญด้วยแววตาเป็นประกาย ส่งผลให้รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของผู้ให้อย่างไม่อาจหลบเลี่ยง

‘ใส่สร้อยที่ผมสั่งทำให้คุณก่อนสิ’ ทันทีที่นายท่านเอื้อนเอ่ย บีมจึงเอื้อมไปหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงด้วยความสนใจ ก่อนจะเทบางอย่างที่อยู่ในนั้นลงบนฝ่ามือ พบว่ามันคือสร้อยที่ออกจะประหลาดสักหน่อย เพราะตัวสร้อยไม่ได้มีไว้เพียงประดับลำคอ แต่ยังเผื่อเหลือมาถึงบั้นเอว

‘รีบใส่สิ ผมอยากรู้ว่ามันเหมาะกับคุณหรือเปล่า’ สิ้นคำสั่งบีมจึงลุกขึ้นยืนจนคนในจอสี่เหลี่ยมมองเห็นแค่เพียงปลายเท้า

กระทั่งเสร็จสิ้นบีมจึงเอื้อมหยิบโทรศัพท์เครื่องหรู เพื่ออำนวยความสะดวกให้อีกฝ่ายพิจารณา ซึ่งแววตาของผู้ให้ก็ลากไล้จาบจ้วงตั้งแต่บริเวณบั้นเอวที่มีสร้อยทองเชื่อมกับเพชรเม็ดงามตรงบริเวณกลางอกไปจนถึงเส้นสายตรงบริเวณลำคอ และหยุดลงที่จี้รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวอันเป็นสร้อยคอแบบสั้นที่อยู่ด้านในสุด

‘คิดไม่ผิดจริง ๆ  มันเหมาะกับคุณมาก วันที่เรานัดเจอกันคุณอย่าลืมใส่มาด้วยล่ะ เวลาที่ผมสั่งให้คุณถอดเสื้อจะได้ยิ่งดูน่าสนใจ’ ผู้เป็นเจ้าของสร้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ ขณะที่สีหน้าและแววตาไม่อาจปิดมิด ส่งผลให้บีมยิ่งรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองมีเสน่ห์มากกว่าทุกวัน ความเพลิดเพลินอันแสนผ่อนคลายจึงดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติ

‘คุณรีบหยิบของที่น่าสนใจ อย่างเช่น ไวเบรเตอร์กับบัตต์ปลั๊กออกมาสิที่รัก’ ทันทีที่การพิจารณาความงดงามของตัวสร้อยผ่านพ้นไป นายท่านก็สั่งการอย่างต่อเนื่อง บีมจึงหยิบบัตต์ปลั๊กที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ออกมาวางบนเตียงนอน ตามด้วยไวเบรเตอร์แบบเรียวยาวขนาดเล็กอีกหนึ่งอัน และจบลงที่ไวรเบรเตอร์ขนาดปกติอีกหนึ่งอัน

‘ใส่ความคิดถึงของผมลงไปในก้นอันแสนตะกละของคุณสิ’ กระทั่งบีมเงยหน้ามองจอสี่เหลี่ยมผืนผ้า อีกฝ่ายจึงสั่งการขึ้นมาอีกครั้ง

“ครับ นายท่าน” สิ้นคำตอบรับด้วยความยินดี บีมก็รีบเคลื่อนย้ายนายท่านมาวางบนพื้น ก่อนจะหยิบเจลหล่อลื่นออกมาใช้งานจนบัตต์ปลั๊กชุ่มโชก จากนั้นบีมจึงโอ้อวดสะโพกเปลือยเปล่าให้กับผู้เป็นนาย พลางผลักดันบัตต์ปลั๊กเข้าไปยังช่องทางด้านหลังด้วยความใจเย็นจนสำเร็จ

‘จูบความคิดถึงของผมสักหน่อยสิ’ นายท่านเริ่มสั่งการอย่างต่อเนื่อง เมื่อบีมกำลังจะนำพาความคิดถึงอีกหนึ่งอันเข้าไปทักทายยังความอ่อนนุ่ม บีมจึงต้องล้มตัวนอนราบลงกับพื้นพร้อมจุมพิตไวเบรเตอร์เรียวยาวที่มีขนาดเล็กสุดให้บุคคลปลายสายดูเป็นขวัญตา จากนั้นจึงกลับมานั่งโก้งโค้งเพื่อเตรียมสอดใส่ความคิดถึงที่เพิ่มจำนวน

“อา..นายท่าน..เห็นหรือเปล่าครับ..ผ..ผมตอบรับความคิดถึงของนายท่านแล้ว” บีมเอ่ยถามพลางเอี้ยวตัวมองคนรักด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม เมื่ออารมณ์แห่งความต้องการค่อย ๆ แสดงอำนาจอย่างต่อเนื่อง

‘เห็นสิ มันน่ารักมาก’ สิ้นคำชื่นชมความหวามไหวพลันแล่นริ้วจนเต็มอก ก่อนจะเคลื่อนผ่านไปยังส่วนไวสัมผัส จนบีมเผลอชักพาความคับแน่นด้วยความเพลิดเพลิน

‘ที่รักยังเหลือความคิดถึงจากผมอีกหนึ่งอัน อย่าเพิ่งสนใจเด็กน้อยแสนตะกละของคุณสิ’ สิ้นถ้อยคำนั้นบีมก็รีบผละมือออกจากส่วนอ่อนไหว ขณะพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ก็ช่างยากเย็น

‘เลียมันด้วยความคิดถึงแล้วบอกรักผมสักหน่อยสิ’ ทันทีที่ไวเบรเตอร์อันสุดท้ายปรากฏอยู่ในมือ นายท่านก็เริ่มสั่งการเหมือนทุกครั้ง บีมจึงไล้เลียด้วยความช่ำชอง ก่อนจะเอื้อนเอ่ยว่า “ผมรักคุณ” ด้วยสีหน้าราวกับถูกความต้องการครอบงำอย่างเต็มรูปแบบ ความคับแน่นของบุคคลปลายสายจึงถูกเร่งเร้าปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว

‘ใส่มันให้ผมดูหน่อยสิที่รัก’ กระทั่งได้รับคำอนุญาตให้ดำเนินการในขั้นตอนถัดไป บีมจึงนั่งโก้งโค้ง พร้อมกับพยายามสอดใส่ความคิดถึงที่ชโลมด้วยเจลหล่อลื่นจนชุ่มโชก

“ผม..ใส่ไม่ได้” บีมบอกกล่าวด้วยความเป็นกังวล

‘ใจเย็น ๆ สิที่รัก คุณต้องทำได้แน่ ๆ’ ทันทีที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ย บีมจึงพยายามส่งมอบความคิดถึงของนายท่านเข้าสู่ความอ่อนนุ่มอีกครั้ง แต่ทว่าขนาดของมันกลับใหญ่เกินกว่าจะหาช่องทางเติมเต็ม

“ผมทำไม่ได้” บีมยังคงส่ายหน้าพร้อมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ราวกับว่ามันเริ่มจะคับแน่นจนเกินไป ซึ่งบีมก็ทราบดีว่าความคิดถึงยังสามารถสอดใส่เข้าไปได้ เพียงแต่บีมยังอยากจะออดอ้อนคนรักก็เท่านั้น

‘แต่มันคือความคิดถึงจากผมนะ คุณปฏิเสธได้ลงคอเชียวเหรอ’ สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย บีมก็รีบส่ายหน้าระรัวแม้ว่าผู้เป็นนายจะมองไม่เห็น

“ผม..จะพยายาม” บีมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหวิวไหวพลางดึงรั้งความคิดถึงอันที่สองออก ก่อนจะสอดใส่ความคิดถึงลำดับที่สามเข้าไปอย่างเชื่องช้า พลางหอบหายใจถี่ด้วยความหวามไหว

“อา..นายท่าน..เห็นความตั้งใจของผมหรือเปล่าครับ” บีมเอ่ยถามพลางเชิดหน้าด้วยความซาบซ่าน ขณะที่สะโพกกลมสวยกลับอวดโฉมอยู่ตรงหน้ากล้องไม่แปรเปลี่ยน ต่างกันแค่เวลานี้บีมกำลังพยายามส่งความคิดถึงชิ้นสุดท้ายเข้าไปยังตัวตนอย่างตั้งใจ

‘เห็นสิ ก้นของคุณมันตะกละอย่างที่ผมคิดจริงๆ ด้วยที่รัก’ กระทั่งความคิดถึงเข้ามาทักทายจนคับแน่น บีมก็ทิ้งตัวนอนราบลงกับพื้นด้วยความผ่อนคลาย ขณะที่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความสุขจากม่านราคะอย่างเต็มรูปแบบ

‘รีบไปหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องแล้วสั่งให้พวกมันทำงานสิที่รัก’ ทันทีที่ได้รับคำสั่ง บีมจึงต้องก้าวเดินด้วยความกระมิดกระเมี้ยนไปยังโต๊ะทำงาน จากนั้นแข้งขาก็คล้ายกับไร้เรี่ยวแรงอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะความเสียวซ่านที่กำลังทำงานเริ่มเข้ามาทักทายจนเกินควร

“อ๊ะ..พวกมัน..” กระทั่งนำพาตัวเองกลับมาหานายท่านตรงบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้าได้สำเร็จ บีมจึงรีบออดอ้อนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ทว่าสีหน้ากลับเต็มไปด้วยความหวามไหวแสนรัญจวนใจ

‘พวกมันทำไมเหรอ ?’ นายท่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนเอ็นดู

“พวกมัน..อ๊า..คิดถึงผม..อื้อ..มาก” บีมร้องครวญครางพลางหลับตาปริ้มด้วยความสุขสม ก่อนจะลืมตามองอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้ม ราวกับอยากจะถูกกระทำย่ำยีเสียเดี๋ยวนี้

‘อันที่จริงผมยังมีความคิดถึงส่งไปให้เด็กน้อยของคุณอีกนะ อยากได้หรือเปล่าที่รัก’ สิ้นคำถามบีมจึงรีบพยักหน้าด้วยความหวามไหว ขณะบิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่าน

‘ถ้าอย่างนั้นก็รีบใส่ความคิดถึงอีกชิ้นหนึ่งให้กับเด็กน้อยของคุณสิ’ ทันทีที่ได้รับคำสั่ง บีมก็รีบคลานเข้าไปหากล่องไม้อันเต็มไปด้วยของขวัญอีกมากมายที่ดูเหมือนว่านายท่านอยากจะใช้มันให้หมดในคืนนี้

‘คุณใส่เป็นหรือเปล่าที่รัก’ ทันทีที่บีมหยิบกระบอกสูญญากาศมาไว้ในครอบครอง นายท่านก็เอ่ยถามด้วยความเอาใจใส่ บีมจึงพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว พร้อมหอบหายใจจนแผ่นอกกระเพื่อมไหว

‘นอนหันหน้ามาทางผมแล้วรีบใส่มันให้ผมดูสิ’ ผู้เป็นดอมยังคงสั่งการไม่หยุดหย่อน ขณะที่แววตากลับฉายความเอ็นดูอย่างเหลือล้น อาจเพราะการควบคุมให้อีกฝ่ายตกอยู่ม่านกามารมณ์ ถือเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มพึงพอใจยิ่งกว่าการถูกปรนเปรอด้วยความช่ำชอง เพราะนัทหลงใหลช่วงเวลาที่คนรักกำลังตกอยู่ในสภาพอันไร้ยางอายมากที่สุด และจะยิ่งคลั่งไคล้มากขึ้นถ้าหากภาพอันแสนสวยงามเหล่านั้นเกิดจากฝีมือของเขาเอง

“ส..ใส่..อ๊า..แล้ว” บีมเอ่ยเสียงกระเส่า พลางจ้องมองอีกฝ่ายราวกับรอรับคำชมเชย

‘คุณเก่งมากเลยที่รัก ถ้าอย่างนั้นคุณลองเสี่ยงทายสักหน่อยสิว่าผมคิดถึงเด็กน้อยที่แสนตะกละของคุณมากแค่ไหน’ กระทั่งนายท่านเปิดโอกาสให้ทายทัก บีมจึงบีบลูกยางเพื่ออัดลมแห่งความคิดถึงอย่างต่อเนื่องจนความคับแน่นเริ่มขยับขยาย

ทว่าบีมกลับได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนกำลังเดินมาตามเส้นทางที่เชื่อมกับตัวบ้าน บีมจึงรีบลนลานหยิบโทรศัพท์พร้อมเก็บกล่องของขวัญไว้ในตู้เสื้อผ้า ซ้ำยังคอยโผล่หน้าออกไปสังเกตการณ์โดยใช้ประตูตู้เสื้อผ้าเป็นเกาะกำบัง พร้อมกับเม้มริมฝีปากแนบแน่น เมื่อความตื่นเต้นและสถานการณ์สุ่มเสี่ยงกำลังทำให้พลังแห่งการเพลย์ล้นหลามไปด้วยมนต์เสน่ห์แสนเย้ายวน 

จากนั้นบีมจึงตัดสินใจเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำ เมื่อเงาร่างของหญิงวัยกลางคนทอดตัวลงมายังระเบียงไม้ที่มีแสงจันทร์เล็ดลอดผ่านมาถึงด้านใน

“บีม” ทันทีที่แม่เอื้อนเอ่ย ลมหายใจของบีมก็เริ่มทำหน้าที่ด้วยความบกพร่อง ฝ่ามือพลันเย็นเฉียบเมื่อเหงื่อไหลซึม

“แม่เอานมมาให้..” เสียงของแม่ดูเหมือนจะอยู่ในห้องตัดเสื้อ แต่ทว่าจุดประสงค์ของแม่กลับทำให้บีมนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่ช่วงที่แม่พาพี่แก้วมาวัดตัว นมอุ่นก็มักจะถูกนำมาเสิร์ฟทุกค่ำคืน เพราะแม่อาศัยช่วงเวลาดังกล่าวพูดคุยและเฝ้ามองบีมในมาดของช่างตัดเสื้อ

“แปลกจริง นอนแล้วเหรอ” ดูเหมือนแม่จะเดินกลับมายังห้องนอนด้วยความสงสัย หัวใจของบีมจึงยิ่งดิ้นพล่าน แต่ทว่าความหวามไหวกลับทวีคูณ บีมจึงได้แต่เม้มปากแน่น เพราะหวาดกลัวว่าจะเผลอเปล่งเสียงแปลก ๆ ออกไป สีหน้าแห่งความเสียวซ่านจึงเปล่งประกายอย่างงดงามท่ามกลางความมืดที่มีเพียงผู้เป็นดอมที่ได้เห็น แถมแข้งขาก็ยังสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม เนื่องจากบีมไม่อาจทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นไม้เรียบเนียนได้อย่างสะดวกใจ เมื่อความคิดถึงของชายคนรักยังคงอัดแน่นเสียขนาดนั้น

'ออกไปบอกแม่ของคุณสิว่าไม่ต้องเก็บนมกลับไป’ สิ้นคำสั่งบีมได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ พลางหายใจหอบถี่มากขึ้นทุกขณะ เมื่อจินตนาการไปถึงเรือนร่างของตัวเองที่กำลังแต่งแต้มไปด้วยของเล่นสุดหรรษา

“ผม..ไม่กล้า” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วราวกับขนนกพลางส่ายหน้าด้วยความหวามไหวและหวั่นกลัว แต่กระนั้นหัวใจกลับรู้สึกวูบวาบเสียจนปฏิเสธไม่ได้ว่าบีมชื่นชอบการลิ้มรสความรู้สึกของการตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มากแค่ไหน

‘หน้าไม่อาย’ จึงเป็นคำเดียวที่บีมใช้ปรามาสตัวเองได้

‘ที่รักของผมปกติใจกล้าจะตายไป ขนาดอยู่ที่ลานจอดรถในร้านอาหาร คุณยังแสดงความสามารถตั้งเยอะแยะ น่าเอ็นดูจังเลยนะ.. ให้รองเท้าของผมปลุกความใจกล้าของคุณสักหน่อยดีหรือเปล่า’ สุ้มเสียงของนายท่านในเวลานี้แผ่วเบาราวกับกระซิบกระซาบ เพราะบีมเป็นฝ่ายลดโวลุ่มด้วยตัวเอง จากนั้นบีมจึงขยับตัวเพียงเล็กน้อย เพื่อให้สะดวกต่อการปลอบโยนที่แสนเมตตา เนื่องจากบีมรู้ดีว่าคุณนัทไม่เคยทำอะไรที่เกินลิมิต ดังนั้นคำสั่งดังกล่าวก็เป็นเพียงการกระตุ้นอารมณ์วาบหวามให้พุ่งสูง

‘ใช้ลิ้นเล็ก ๆ แสนช่ำชองของคุณเลียมันสิที่รัก เลียให้เหมือนกับตอนที่คุณอยากจะปรนนิบัติผมน่ะ’ สิ้นคำสั่งอันแสนเรียบง่าย บีมจึงโอ้อวดปลายลิ้นให้บุคคลในหน้าจอสี่เหลี่ยมได้เห็น ก่อนจะเล็มไล้รองเท้าหนังที่นายท่านนำมาให้ด้วยความคิดถึง สลับกับร้องครวญครางในลำคอด้วยความระมัดระวัง เพราะแม่ยังคงอยู่ในห้องตัดเสื้อ

‘จูบมันสักหน่อยสิ’ หลังจากได้รับคำสั่งบีมก็รีบชักพาริมฝีปากเข้าไปจุมพิตบริเวณด้านในของรองเท้าอย่างไม่นึกรังเกียจ ซ้ำยังแนบใบหน้าลงบนรองเท้าหนังคู่นั้นด้วยความหลงใหล แววตาฉ่ำเยิ้มพลันเปล่งประกายเสียจนผู้เป็นดอมนึกอิจฉาโดเรม่อนที่มีประตูวิเศษเปิดว๊าบดังใจหมาย

‘ผมคิดว่าคุณควรจะออกไปดื่มนมที่แม่ของคุณเตรียมมาให้สักหน่อยนะที่รัก’ กระทั่งเสียงฝีเท้าของแม่เคลื่อนผ่านบริเวณห้องนอนและตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตูระเบียงผ่านพ้นไปสักพักใหญ่ นายท่านก็เริ่มสั่งการที่แสนผาดโผนขึ้นมาอีกครั้ง บีมเลยค่อย ๆ แง้มประตูตู้เสื้อผ้าพร้อมโผล่หน้าออกไปสังเกตการณ์ จนกระทั่งความเงียบสงัดเข้ามาทักทาย บีมจึงพานายท่านออกมาจากที่ซ่อนตัวด้วยความรู้สึกโล่งอก

‘รีบคลานเข้าไปสิที่รัก’ ชายหนุ่มจากเมืองกรุงเริ่มสั่งการขึ้นมาอีกครั้ง บีมจึงต้องรีบคืบคลานเข้าไปยังห้องทำงานที่บัดนี้ไม่ได้สว่างไสวเหมือนวินาทีแรก พร้อมเปล่งเสียงครวญครางด้วยความซาบซ่านอย่างเต็มรูปแบบ

‘เทลงบนพื้นสิที่รัก’ กระทั่งคุณนัทสั่งการด้วยสุ้มเสียงทรงอำนาจ บีมจึงหลุดออกจากภวังค์เพียงชั่วคราว เนื่องจากข้าวของที่อยู่บนโต๊ะทำงานคล้ายกับถูกรื้อค้นจนสับเปลี่ยนตำแหน่งอย่างเห็นได้ชัด

‘ที่รักคุณกำลังดื้อดึงกับผมอีกแล้วนะ’ เมื่อฝ่ายดอมเล็งเห็นคนในอาณัติยังทำเป็นหูทวนลมจึงเริ่มกดเสียงต่ำลงอีกครั้ง

“ขอโทษครับ” สิ้นการแสดงความรู้สึกผิด บีมจึงรีบเทนมสดอุ่น ๆ ลงบนพื้นในระยะที่แสงจันทร์เล็ดลอดผ่าน จากนั้นจึงหยิบแท่นวางโทรศัพท์ลงมายังพื้นเบื้องล่าง เพื่อที่นายท่านจะได้มองเห็นท่าทางแสนเชื่องได้อย่างชัดแจ้ง

‘สภาพมอมแมมของคุณในตอนนี้ ทำให้ผมนึกถึงคลิปที่ลูกแมวกำลังดื่มนมพร้อมกับแม่ของมันเลย เพราะตัวแม่มันตะกละ จนทำให้ใบหน้าของตัวลูกเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำนม ต่างกันแค่พอเป็นคุณ ผมกลับนึกถึงภาพที่ความสุขของผมกำลังรินรดอยู่บนใบหน้าของคุณด้วยความภาคภูมิใจ’ นายท่านเอื้อนเอ่ยด้วยความเอ็นดู แต่ทว่าวาจากลับสร้างภาพแห่งจินตนาการให้เตลิดเปิดเปิง บีมจึงยิ่งเร่งเร้าจังหวะของการตวัดลิ้นเล็มไล้นมอุ่นร้อนด้วยความเอาใจ ขณะที่ความความคิดถึงจากนายท่านยังคงทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้บางครั้งบีมไม่อาจทรงตัวได้อย่างมั่นคง ใบหน้าของบีมจึงคลุกเคล้านมสดอุ่น ๆ ด้วยความหวามไหว

‘รีบดื่มให้หมดสิ ผมยังมีความคิดถึงอีกกระบุงใหญ่ให้คุณได้ลิ้มลองนะที่รัก’

“ค..อ๊า..ครับ” บีมเอ่ยตอบรับอย่างกระตือรือร้นพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ทว่าความหวิวไหวทั้งสรรพางค์กายกลับเป็นอุปสรรค จนสุดท้ายสะโพกกลมสวยก็จำต้องโยกย้ายด้วยความเสียวซ่าน เพราะมันถูกปลุกเร้าเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว

‘เก่งมาก เอาความคิดถึงของผมออกสิ’ กระทั่งบีมดื่มนมของแม่จนหมดนายท่านก็สั่งการเป็นลำดับต่อมาด้วยความใจเย็น

‘เล่นกับเด็กน้อยของคุณพร้อมกับคลานไปหยิบดิลโด้ที่ผมเพิ่งสั่งมาให้คุณโดยเฉพาะสิที่รัก แต่คุณห้ามปลดปล่อยก่อนที่ผมจะอนุญาตล่ะ’ สิ้นคำสั่งนั้นบีมจึงหยอกล้อความคับแน่นที่วันนี้อ่อนไหวยิ่งกว่าวันไหน ๆ เพราะทันทีที่สัมผัส บีมก็แทบจะปลดปล่อยความสุขสมออกมาจนหมดสิ้น

‘ชอบหรือเปล่า’ กระทั่งของเล่นสุดหรรษาปรากฏสู่สายตา นายท่านก็เอ่ยถามอย่างเอาใจใส่

“ช..ชอบครับ” บีมเอ่ยตอบเสียงแผ่ว เพราะขนาดของมันใหญ่เกินกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่ารูปลักษณ์ของมันคล้ายกับส่วนแข็งแกร่งของอาชาวัยเจริญพันธุ์ แถมยังมีสายยางลำเลียงอะไรบางอย่างพ่วงมาด้วย บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์หรรษาชนิดนี้ มาพร้อมกับออฟชั่นเสริมที่น่าสนใจ

‘อันที่จริงผมไม่น่าถามคุณเลยที่รัก เพราะก้นที่แสนตะกละของคุณ มันบอกผมตั้งแต่แรกแล้ว’ นายท่านยังคงเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ขณะที่แอลกอฮอล์ก็พร่องลงไปมาก

‘หยิบความคิดถึงที่มากล้นของผม ไปตั้งไว้ตรงหน้าประตูบ้านของคุณ แล้วขย่มมันด้วยความเร่าร้อนสักหน่อยสิ’ สิ้นคำสั่งนั้นบีมก็รีบนำพาอุปกรณ์ดังกล่าวไปวางตั้งตรงบริเวณที่แสงจันทร์เล็ดลอดผ่าน พร้อมนำโทรศัพท์วางลงบนแท่นวางอย่างไม่รีบร้อน คล้ายกับต้องการถ่วงเวลาให้ผู้เป็นนายรู้สึกอยากจะสั่งสอนอีกสักที

‘ให้ผมได้เห็นความคิดถึงของตัวเองตอนที่กำลังทักทายคุณอย่างเต็มรูปแบบจะดีกว่านะที่รัก’ ทันทีที่นายท่านเอื้อนเอ่ยแบบนั้น บีมจึงรีบเคลื่อนย้ายมุมกล้องเสียใหม่ จากนั้นจึงเริ่มฉีดเจลหล่อลื่นลำเลียงไปตามสายยาง จนกระทั่งดิลโด้แท่งนั้นปลดปล่อยของเหลวออกมาจนชื้นแฉะ นัยน์ตาวาววับของบีมจึงเปล่งประกายด้วยความสนใจ

‘ผมอดใจไม่ไหวแล้วล่ะที่รัก คุณอย่าลีลาอีกเลย’ เมื่อผู้เป็นดอมเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างนั้น บีมจึงไม่รอช้าที่จะนำพาความอ่อนนุ่มเข้าไปทักทายความคิดถึงอันมากล้นของอีกฝ่าย

“อา..มัน..แน่นมาก” กระทั่งบีมคล่อย ๆ กลืนกินความคิดถึงชิ้นดังกล่าวด้วยความตะกละตะกลาม สุ้มเสียงแห่งความหวามไหวพลันเปล่งประกายอย่างไม่อาจหักห้าม ขณะที่ใบหน้ากำลังเชิดตรงด้วยความเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก

‘ถึงมันจะคับแน่นมาก แต่ก้นขี้ตะกละของคุณมันกลืนกินจนหมดแล้วนะ’ สิ้นถ้อยคำของคนรัก บีมจึงเริ่มไหวเอนราวกับกำลังนั่งควบอยู่บนหลังอาชาที่กำลังพุ่งทยานออกไปข้างหน้าด้วยความสง่าผ่าเผย

‘คุณเซ็กซี่เป็นบ้าเลยที่รัก’ ยิ่งได้รับคำชมบีมกลับยิ่งเพิ่มเรี่ยวแรงมากขึ้น สุ้มเสียงพลันเปล่งประกายด้วยความไพเราะ ขณะที่เสี้ยวหน้ายังคงเต็มไปด้วยความหวามไหว เพราะบีมไม่อาจอดกลั้นความต้องการไม่ให้ปลดปล่อย

‘ให้ตายเถอะ ผมเห็นความสุขของคุณพุ่งทยานอย่างน่าไม่อายเลยนะนั่น’ เมื่อได้ยินสุ้มเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแซว บีมก็พลันเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก เพราะเมื่อครู่มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริง ๆ และหลักฐานก็ยังปรากฏอยู่บนประตูกระจกอย่างชัดแจ้ง

‘ครางดัง ๆ สิ คุณก็รู้ว่าผมชอบฟังเสียงร่าน ๆ ของคุณแค่ไหน’ สิ้นถ้อยคำอันแสนหยาบโลน ร่างกายของบีมก็พลันร้อนระอุอย่างบอกไม่ถูก ช่วงล่างจึงเริ่มควบขี่ด้วยความเชี่ยวชาญ

“อ๊ะ..อ๊า..ผมกำลังจะ..อื้อ..ปลดปล่อยอีกแล้ว” ทันทีที่บีมเอื้อนเอ่ยออกมาแบบนั้น ฝ่ามือก็พลันสูบฉีดสารหล่อลื่นไม่ยั้ง จนกระทั่งมันปลดปล่อยเข้ามายังความอ่อนนุ่มจนเต็มเปี่ยม บีมจึงอาศัยจังหวะที่กำลังจะปลดปล่อยอวดโฉมความตะกละตะกลามของตัวเองให้อีกฝ่ายดูเป็นขวัญตา ซึ่งมันก็สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นนายอย่างเหลือล้น

‘ที่รักความคิดถึงของผมทำให้ก้นที่แสนตะกละของคุณคลั่งไคล้จนแทบบ้าเลยให้ตายสิ แล้วแบบนี้ตัวตนของผมยังจะมีความหมายอยู่อีกเหรอ’ บีมได้แต่หอบหายใจ ขณะฟังถ้อยคำแสนลามกที่เต็มไปด้วยความสุขสมของอีกฝ่าย

“มีสิครับ เพราะผมชอบสัมผัสจากคุณมากที่สุด”



--------------------------✁

[1] ข้าวปุ้น คือ ขนมจีนในภาษาอีสาน

แวะมาเพิ่มแผนที่บ้านของบีมตามที่มีคนรีเควชมาค่ะ
https://imgur.com/ay8cJdd


มาต่อแล้วจ้า ตอนนี้อาจจะลงลึกเรื่องปมอีกหน่อย

และตามมาด้วยการเพลย์ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นซีนสุดท้ายก่อนปิดเรื่องหรือเปล่า 555

เพราะจากที่วางแผนไว้ไป ๆ มา ๆ มันเหมาะกับการแก้ปมอย่างเดียวแล้ว
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 24 (update 08/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-01-2020 23:02:41
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 24 (update 08/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-01-2020 18:13:27
แย่แล้วๆ เปลี่ยนสถานที่และห่างกันหลายวัน ยิ่งคึกมากจ้า
แม่ก็มาได้จังหวะมากเลย อย่าพาหลอนหลายรอบนะคะ 5555

บีมโชคดีที่พ่อแม่เข้าใจ และมีนัทคอยสนับสนุนเสมอ
บีมได้เปิดโลกและเข้าใจมุมมองอื่นเยอะขึ้น
ความคิดก็บวกมากขึ้น เอ็นดูน้อง

แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีค่ะ เหมือนงานแก้วหรือบ้านแก้ว มีเงื่อนงำ

หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 25 (update 15/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 15-01-2020 20:10:28
ตอน 25

เช้าวันนี้บีมตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบ แต่กระนั้นก็ยังไม่ทรมานไปกว่าอาการบาดเจ็บตรงบริเวณข้อมือ บีมจึงนิ่วหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะปลดปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้จูเลียตกลับมาคลั่งไคล้เดรสลูกไม้อีกครั้ง คงเป็นเพราะแม่ต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะทำงาน

ความกังวลใจจึงกลับกลายเป็นม่านหมอกอันหนาทึบ เนื่องจากหัวข้อที่เคยปัดตกกำลังถูกนำมาประกอบการพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะมันก็เป็นไปได้ว่าแม่อาจจะเห็นรูปแสนอนาจารนั่น เพียงแต่ยังระบุไม่ได้ว่าบุคคลในภาพเป็นใคร โทรศัพท์จึงตกอยู่ในความสนใจของแม่ เพราะทุกครั้งที่แม่เอานมมาให้ก็จะอยู่คุยเล่นกับบีมครู่หนึ่ง เพียงแต่ตำแหน่งที่แม่ปักหลักมักจะอยู่ไม่ไกลจากโทรศัพท์มากนัก หรือบางทีแม่อาจจะกำลังสงสัยว่าบีมเอาแต่คุยโทรศัพท์กับใคร ซึ่งถ้าหากเป็นเพราะอย่างหลังจริงบีมจะยิ่งสบายใจมาก

เนื่องจากบีมครุ่นคิดเป็นอย่างดีแล้วว่าจะไม่ปิดบังตัวตนที่แท้จริง แต่จะให้เดินดุ่ม ๆ ไปบอกพ่อกับแม่ว่า บีมยังชื่นชอบผู้ชายด้วยกันเหมือนอย่างเคย แถมยังพัฒนาจนถึงขั้นคบหาดูใจกับนักธุรกิจท่านหนึ่งก็ออกจะขวานผ่าซากเกินไปหน่อย บีมจึงค่อย ๆ ชักนำคุณนัทก้าวเข้าสู่การรับรู้ของแม่ทีละนิด เพื่อที่พวกท่านจะได้มองเห็นความเอาใจใส่และความพึ่งพาได้ของอีกฝ่าย

แต่แล้วบีมก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะทุกความกังวลล้วนเกิดจากการคาดเดาทั้งสิ้น บีมจึงตัดสินลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน โดยไม่ลืมเช็คข้อความจากคนรักเหมือนอย่างเคย เพราะบีมเชื่อว่าท่าทีต่อต้านการพันธนาการ คงจะอยู่ในความรับรู้ของคุณนัท ซึ่งก็เดาไม่ผิดไปจากความจริงนัก บีมเลยเผลอยกยิ้มจนเต็มแก้มเมื่อได้อ่านข้อความดังกล่าวที่มีใจความว่า..

‘อย่าลืมทายานะครับ ผมเป็นห่วงคุณนะ’


กระทั่งจัดการตัวเองเรียบร้อย บีมก็เดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่เพื่อค้นหาอุปกรณ์ทำแผล ซึ่งบ้านไม้ยกสูงในเวลานี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบเหงา เพราะแม่ออกไปกรีดยางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ส่วนพ่อคงจะออกไปปฏิบัติงานที่ไหนสักแห่ง

“นี่แม่นุ้ย อย่าหาว่าฉันจุ้นจ้านเลยนะ ทำไมไม่ให้ลูกชายมาช่วยกรีดยางล่ะ เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้านแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย” สิ้นเสียงของหญิงวัยกลางคนที่ชื่อป้าแดง จังหวะการก้าวเดินลงจากบันไดก็มีอันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะพาตัวเองกลับไปแอบซ่อนตัวอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน แม้ว่าเจ้าของบทสนทนาจะกำลังพูดคุยอยู่ในส่วนของห้องครัวระหว่างเติมน้ำใส่กระติกเก็บความเย็นขนาดใหญ่ก็ตามที

“เจ้าบีมกลับมาพักผ่อนที่บ้านทั้งที คงไม่เหมาะมั้งป้าแดง” คำตอบของแม่ทำเอาบีมยิ่งขมวดคิ้วหนัก เพราะจุดประสงค์ของการกลับมาก็เห็น ๆ กันอยู่ แต่ทำไมทุกคนถึงได้ทำราวกับว่างานแต่งของพี่แก้วไม่มีอยู่จริง

“พักผ่อนจนเกือบจะครึ่งเดือนขนาดนี้ คงไม่ใช่แล้วมั้งแม่นุ้ย พูดก็พูดเถอะ หลานคนเล็กของฉันไปทำงานที่กรุงเทพจะลาแต่ละทีก็แสนลำบาก” ป้าแดงเริ่มชี้แนะอย่างคนรู้มาก แต่บีมกลับขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียด เพราะอะไรบางอย่างกำลังร้องตะโกนอยู่ในใจว่า งานแต่งงานของพี่แก้วต้องมีความลับอะไรสักอย่างเพียงแต่บีมยังคาดเดาไม่ออก

“เจ้าบีมมันเป็นเจ้าของห้องเสื้อนี่ป้า จะหยุดจะลาตอนไหนก็ไม่ใช่ปัญหา” สิ้นคำพูดของแม่ ริมฝีปากของบีมก็เริ่มคลายยิ้ม แต่กระนั้นในอกกลับร้อนรุ่มด้วยความไม่สบายใจ

“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่แม่นุ้ยลองคิดดูนะ ถ้ากิจการกำลังไปได้ดีจริง ๆ จะกลับมานั่งแกล่วอยู่ที่บ้านทำไม สู้ฉวยโอกาสทำเงินไม่ดีกว่าเหรอ ดูอย่างหลานคนโตของฉันสิ ไปได้ผัวดีที่กรุงเทพ เปิดโรงแรมเสียใหญ่โต ต้องคอยบริหารอยู่ตลอด จะกลับบ้านแต่ละทีมีแต่จะห่วงหน้าพะวงหลัง” ฟังไปฟังมาบีมกลับรู้สึกว่าป้าแดงกำลังโอ้อวดบรรดาหลาน ๆ ของตัวเองเสียอย่างนั้น แต่ทว่าหัวข้อสนทนาดังกล่าวกลับสอดคล้องต่อคำนินทาของแรงงานชั่วคราวกลุ่มนั้นที่แปลความหมายได้ไม่ต่างกับบีมกลับมาเกาะพ่อแม่กิน

“ร้านของเจ้าบีมหรูหราขนาดนั้น ถ้าหากจะเลิกกิจการง่าย ๆ นะป้า ขาดทุนตายชัก มันสร้างของมันมากับมือ ฉันเชื่อว่ามันคงไม่ปล่อยให้พังลงกับตาหรอก ต่อให้อยู่ที่ไหนคนมันอยากจะพัฒนามันก็พัฒนาได้ทั้งนั้นแหละป้า อีกอย่างเทคโนโลยีมันไปไกลแล้ว วันก่อนฉันยังเห็นเจ้าบีมวีดิโอคอลคุยกับพวกพนักงานของห้องเสื้ออยู่เลย” แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจในต้นประโยคใส่ป้าแดง ถือเป็นสัญญาณอันดีที่อาชีพดีไซเนอร์ได้รับการยอมรับจากครอบครัวอย่างแท้จริง

แต่พอนำทุกเรื่องราวมาผนวกกัน บีมกลับไม่สบายใจเลยสักนิด เพราะบ้านหลังข้าง ๆ ยังเต็มไปด้วยความน่าสงสัย ที่บีมไม่อาจหาคำตอบได้อย่างแน่ชัด ว่าพี่แก้วอาศัยอยู่ที่บ้านของสามีจริงหรือเปล่า และบีมก็ไม่รู้ว่าจะออกไปค้นหาความจริงได้อย่างไร


กระทั่งพวกท่านกำลังจะกลับไปที่สวนยาง บีมจึงรีบวิ่งลงจากบันไดชั้นสองของตัวบ้าน

“แม่” ทันทีที่บีมเอื้อนเอ่ย แม่ดูจะตกใจไม่น้อย แต่กระนั้นก็ใช้เวลาปรับตัวเพียงไม่นาน

“ว่าไงบีม” แม่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะที่สองมือไม่ได้ห่างจากการขนย้ายกระติกใบโตขึ้นสู่รถพ่วงข้าง

“บีมขอยืมกล่องปฐมพยาบาลหน่อยนะครับ พอดีเป็นแผล” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพลางยกกล่องยาสามัญประจำบ้านให้ผู้เป็นแม่เห็น บาดแผลจึงปรากฏอย่างชัดแจ้ง

“ทำไมข้อมือถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะบีม” แม่ถลาเข้ามาถามด้วยความห่วงใย ขณะที่แววตาเป็นกังวลอย่างปิดไม่มิด

“พอดีบีมต้องเร่งตัดชุดแต่งงานให้พี่แก้วเลยทำให้เหนื่อยจนนอนละเมอฟาดหัวเตียงมั้งครับ” บีมบอกกล่าวความจริงเพียงกึ่งหนึ่ง พร้อมช้อนสายตามองผู้เป็นแม่และป้าแดงที่อยู่ไม่ไกลนัก

“งั้นก็รีบไปทำแผลเถอะ” แต่แล้วแม่ก็เริ่มรุนหลังให้บีมเดินกลับไปยังบ้านหลังเล็กเพื่อนั่งทำแผล ซึ่งบีมก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ขณะที่จังหวะการก้าวเดินยังคงเชื่องช้าคล้ายกับเฝ้ารอเบาะแสชิ้นต่อไป

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม นอกเสียจากเสียงเครื่องยนต์ขับเคลื่อนตรงไปยังสวนยาพาราอันกว้างใหญ่


ซึ่งการทำงานของบีมในวันนี้ ล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรคกว่าที่คิด เพราะข้อมือได้รับบาดเจ็บและสมองก็เต็มไปด้วยความกังวล แต่กระนั้นเวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณนัท บีมจำเป็นต้องปรับสีหน้าให้ร่าเริงเข้าไว้ เพราะบีมไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามจะปกปิดก็ยิ่งปิดไม่มิด เวลานี้ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจจึงบรรเลงบทเพลงอันแสนผ่อนคลายให้บีมฟังระหว่างตัดเย็บกระโปรงจากเนื้อผ้าทูลที่ใช้เป็นซับในตั้งแต่เช้าจดค่ำ

จากนั้นผ้าลูกไม้ก็ถูกนำมาตัดเย็บเป็นกระโปรงชั้นนอกเป็นลำดับต่อไป เพียงแต่ในวินาทีนี้ สมองของบีมคล้ายกับเริ่มปลอดโปร่ง เพราะได้รับการปัดเป่าความไม่สบายใจออกเพียงชั่วคราว การตัดเย็บจึงคืบหน้าไปมากโข เวลาเที่ยงคืนแบบนี้จึงทำให้บีมนำชิ้นส่วนท่อนบนและล่างสวมทับลงบนหุ่นโชว์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนพิจารณาอยู่นานสองนาน จึงก้มลงจัดชายกระโปรงด้วยความประณีต

‘ดูเหมือนใกล้จะเสร็จแล้วนะครับ’ ทันทีที่คุณนัทเอื้อนเอ่ย บีมจึงหันกลับไปมองหน้าจอโทรศัพท์ที่วางตั้งไว้บนโต๊ะทำงานพร้อมทั้งสะบัดข้อมือไปมาอยู่หลายครั้ง

“ยังเหลือเก็บรายละเอียดอีกเยอะเลยครับ” บีมกล่าวพลางเดินกลับมานั่งพักที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่าง

‘ข้อมือดูบวม ๆ นะครับ น่าจะเคล็ดแล้วก็ได้แผลด้วย’ อีกฝ่ายเอ่ยอย่างใส่ใจ ซ้ำยังไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด

“เทียบกับแผลที่เคยถูกคุณตีแล้ว ครั้งนี้ยังเจ็บน้อยกว่าเยอะ” บีมกล่าวพลางตั้งศอกพร้อมแนบปลายคางลงบนหลังฝ่ามือ ระหว่างกำลังพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยความผ่อนคลาย

‘คุณก็ช่างสรรหาคำพูดมาทำให้ผมสบายใจจริง ๆ เลย’ คุณนัทกล่าวพลางกลั้วหัวเราะจนหัวคิ้วเริ่มคลายตัวออกมาบ้าง

“ผมพูดจริง ๆ นะครับ” บีมแย้งเสียงอ่อนพร้อมยกยิ้มเพียงเล็กน้อย ขณะที่แววตากำลังปรือปรอย เพราะหลายวันมานี้ได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง

“จะตีหนึ่งแล้ว คุณรีบไปนอนดีกว่าครับ ผมว่าจะเก็บรายละเอียดอีกนิดก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน” บีมเสนอความคิดเห็นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มจะหาวหวอดแล้ว

‘เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ก่อนนอนอย่าลืมใส่กุญแจมือด้วยนะ’ สิ้นถ้อยคำห่วงใย บีมจึงพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน จากนั้นก็เริ่มตัดแต่งชายกระโปรงอย่างตั้งใจ พร้อมกับพยายามกลั้นหาวจนน้ำตาไหลจึงต้องคอยสะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุนเป็นระยะ เพราะมันอาจจะทำให้การเล็มชายกระโปรงเกิดข้อผิดพลาด


กระทั่งไก่ขันเป็นสัญญาณบอกถึงเช้าวันใหม่ เจ้าของห้องเสื้อแบรนด์อิสระจึงละมือออกจากชุดแต่งงานของพี่สาวข้างบ้าน สองเท้าพลันเหยียบย่ำอย่างเชื่องช้า ขณะที่แผ่นหลังกลับตั้งตรงราวกับหุ่นยนต์ ส่วนนัยน์ตาสุขใสกลับเต็มไปด้วยหลุมดำอันวูบโหวง คล้ายกับเจ้าตัวยังคงหลงใหลอยู่ในห้วงนิทรา

“เสื้อลูกไม้” สุ้มเสียงราบเรียบเอื้อนเอ่ย พลางมองซ้ายขวาด้วยความตื่นตระหนก คล้ายกับไม่เห็นตู้เสื้อผ้าอันแสนคุ้นเคย ส่งผลให้ชายหนุ่มในหน้าจอสี่เหลี่ยมพลันตื่นจากนิทราอย่างรวดเร็ว เพราะตั้งแต่ทราบว่าคนรักมีอาการเดินละเมอก็ไม่เคยมีค่ำคืนใดหลับใหลได้อย่างสนิทใจ

‘บีม!’ ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจตะโกนลั่นด้วยความร้อนรน แต่ทว่าสุ้มเสียงนั้นดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงใครอีกคน

‘ที่รักรับสายสิ’ ชายหนุ่มเมืองกรุงได้แต่เดินวนไปวนมาในห้องอย่างนั่งไม่ติดที่ เมื่อเสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายกำลังแผดลั่น แต่ทว่าผู้เป็นเจ้าของกลับไม่ให้ความสนใจ

จนกระทั่งปลายเท้าของคนรักหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชุดแต่งงานที่ยังไม่เสร็จสิ้น ความร้อนรนก็เริ่มเบาบาง อาจเพราะนัทยังจดจำได้ดีว่าทันทีที่ได้รับคำชื่นชม อีกฝ่ายก็จะหวนกลับสู่ห้วงแห่งนิทราที่ควรเป็น

นัทจึงเฝ้ามองคนรักในคราบของจูเลียตด้วยความเงียบสงบ โดยที่แววตาคมกริบไม่ขยับเขยื้อนไปจากเรือนร่างเปลือยเปล่าที่กำลังสวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบเปิดโชว์แผ่นหลังอย่างตั้งใจ เพราะเนื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ถูกดีไซน์ราวกับปีกบางใสของผีเสื้อ ส่วนช่วงลำตัวมีการเลือกใช้เนื้อผ้าซับในและกระดุมทรงกลมเป็นการปกปิดแผ่นหลังเนียนสวยเพียงเสี้ยวหนึ่ง โดยที่ชิ้นส่วนของตัวเสื้อและกระโปรงยังไม่ได้เย็บติดกัน

‘คุณ..’ แต่ทว่านัทยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยจนจบประโยค บีมในมาดของจูเลียตก็พยายามจะเดินออกจากตัวบ้าน ซ้ำยังปลดล็อกกลอนประตูได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความตึงเครียดจึงเริ่มเร่งเร้าให้ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เพราะดูเหมือนว่าภาพฝันของอีกฝ่ายกำลังสั่งการให้เดินไปถามความคิดเห็นจากใครสักคน

ซึ่งจุดหมายปลายทางของร่างเพรียวก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่กลับเป็นชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบีมถึงได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าประตูห้องหมายเลข 005 เพราะอันที่จริงบีมอาจจะต้องการสอบถามความคิดเห็นจากบุคคลสำคัญ แต่เมื่อไม่พบบุคคลที่ต้องการ ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจจึงกลายเป็นหนูทดลองแห่งความมั่นใจ

ไม่นานข้อมือที่ยังคงบาดเจ็บก็สะบัดลงบนประตูไม้บานหนึ่งเป็นจังหวะเรียบง่าย แต่ทว่ากลับไม่มีผู้ใดเปิดประตูออกมาต้อนรับ จูเลียตคนงามในชุดวิวาห์จึงยืนนิ่งเพียงครู่ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยถ้อยคำแสนคุ้นชินว่า “สวยไหม ?”

จากนั้นจึงเดินลงจากบันไดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม คล้ายกับได้รับคำชื่นชมจนพึงพอใจ ชายกระโปรงยาวกรุยกรายจึงกอบโกยเศษใบไม้ตั้งแต่บริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่มาจนถึงบ้านหลังเล็กสีขาวอย่างปลอดภัย ส่งผลให้หัวใจของคนไกลเริ่มจะกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูบ้าน

‘ขอโทษครับ ผมโทรผิด’ ชายหนุ่มกล่าวกับมารดาของอีกฝ่ายเพียงแค่นั้นแล้วก็รีบวางสาย เพราะนึกลังเลอยู่นานว่าควรจะขอความช่วยเหลือจากพวกท่านดีหรือเปล่า เพราะอีกใจหนึ่งยังนึกกังวลว่าอาการเดินละเมอจะสร้างปมขัดแย้งที่มากขึ้น เนื่องจากคนรักกำลังทำในสิ่งต้องห้าม แต่กระนั้นใจก็ร้อนรนเกินกว่าจะนิ่งเฉย ท้ายที่สุดจึงต้องยอมโทรหาบุคคลใกล้ชิด เพียงแต่ฝ่ายนั้นกว่าจะรับสายก็เสียเวลาอยู่นาน คงเพราะเป็นช่วงเวลาของการกรีดยาง จึงประจวบเหมาะกับจังหวะที่คนรักเดินกลับเข้ามาในตัวบ้าน ซ้ำยังมุ่งตรงไปยังเตียงนอน นัทจึงต้องยุติความตั้งใจเดิม เพราะบีมเคยย้ำเตือนเอาไว้ว่า เบอร์โทรฉุกเฉินให้โทรได้เฉพาะตอนที่เกิดเหตุอันยากจะควบคุม เนื่องจากเจ้าตัวยังเป็นกังวลว่าพ่อกับแม่จะรับไม่ได้ที่ลูกชายยังชอบสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง

และถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะกลับคืนสู่ความสงบสุขแล้ว นัทก็ไม่อาจหลับใหลได้อีกต่อไป สองมือพลันยกขึ้นบดบังใบหน้าอย่างคิดไม่ตก เพราะตนเองไม่สามารถปลีกตัวไปเฝ้าระวังให้อีกฝ่ายได้ เนื่องจากภาระงานหลาย ๆ อย่างยังเคลียร์ไม่สำเร็จ แต่เรื่องความปลอดภัยของบีมก็สำคัญ นัทจึงคล้ายกับมืดแปดด้าน น้ำตาแห่งความกังวลจึงไหลรินอย่างไม่อาจห้าม

จนกระทั่งเริ่มคิดไอเดียดี ๆ ออก จิตใจถึงค่อยสงบลง


--------------------------✁


มาอัพแว้ววว เอาจริงๆ หลายตอนมานี้มีคนเดาพฤติกรรมของคุณแม่ถูกด้วยว่าไม่น่าไว้ใจ!
คุณแม่คิดจะทำอะไรกันแน่ ลองเดากันดูจ้า
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 25 (update 15/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-01-2020 23:09:04
เดาแม่ไม่ถูกเลยอ่ะ แต่งานแต่งคงไม่มีแน่ๆใช่มะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 25 (update 15/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-01-2020 17:29:30
ยังไงดีล่ะ สงสารบีมอะ กลับมาคิดมากอีกแล้ว
ขนาดถึงขั้นละเมอตอนเช้า ทั้งที่ยังไม่ได้นอน
เหมือนดับกลางอากาศไปเฉยน่ะ

นัทก็เครียดตามไปอีก ลุ้นว่านัทจะช่วยบีมยังไง

แม่ต้องการอะไรน้า เดายากจังเลยค่ะ
อยากรู้ว่าลูกยังเป็นเหมือนเดิมไหม
อยากรู้ว่าลูกชอบผู้ชายไหม
อยากแยกบีมออกจากนัทหรอ

แล้วชาวบ้านนี่ ปากก็เก็บไว้พูดเรื่องดีๆ บ้างก็ได้ค่ะ


หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 26 (update 22/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 22-01-2020 20:17:35
ตอน 26

การตื่นขึ้นมาพบกับอาการสุ่มเสี่ยงทำให้บีมรู้สึกเคร่งเครียด แต่ก็โชคดีที่คุณนัทช่วยปัดเป่าความไม่สบายใจเหล่านั้น ด้วยการนำเสนอวิธีการเฝ้าระวังอันรัดกุม บีมจึงต้องขับรถเข้าสู่ตัวเมืองเพื่อไปเลือกซื้อกล้องวงจรปิด ซึ่งคุณนัทก็ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี เพราะอีกฝ่ายเร่งค้นหาทางออกตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มจะสงบลง

“พี่แก้ว!” บีมลดกระจกลงเมื่อขากลับสายตาสบกับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังเดินออกจากสวนยางพารา แต่ทว่าสุ้มเสียงของบีมกลับไม่อาจร้องเรียกความสนใจจากเธอได้ เพราะเวลานี้พี่สาวข้างบ้านและคนงานคนอื่น ๆ กำลังย่ำเท้ามุ่งตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ทางฝั่งตรงกันข้าม

“พี่แก้ว!” บีมร้องเรียกสาวเจ้าอีกครั้งพร้อมทั้งบีบแตรเพียงอึดใจ ไม่นานเธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นตระหนก

“มีอะไรหรือเปล่าบีม” กระทั่งข้ามถนนมายังฝั่งสวนยางพาราได้ พี่สาวข้างบ้านก็รีบส่งยิ้มให้พลางเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

“ตอนนี้ชุดแต่งงานเหลือแค่เก็บรายละเอียดแล้วครับ บีมเลยอยากให้พี่แก้วมาลองฟิตติ้งดูก่อน ถ้าหากมีส่วนไหนที่ต้องแก้จะได้แก้ทัน” เจ้าของห้องเสื้อรีบชี้แจงอย่างเป็นการเป็นงาน พร้อมกับพิจารณาพี่สาวข้างบ้านด้วยความคลางแคลงใจ เพราะบีมมั่นใจว่าตัวเองร้องเรียกจนสุดเสียง เป็นไปไม่ได้ที่พี่แก้วจะไม่ได้ยิน นอกเสียจากเธอได้ยิน แต่ชื่อเสียงเรียงนามที่เอื้อนเอ่ยไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ

“พรุ่งนี้พี่ค่อยไปลองนะบีม วันนี้ไม่สะดวกเท่าไหร่” ว่าที่เจ้าสาวเอื้อนเอ่ยพลางแย้มยิ้มด้วยความเกรงใจ

“ไม่มีปัญหาครับ ว่าแต่พี่แก้วไม่กลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้วเหรอ” เมื่อหมดธุระที่นำมาเป็นข้ออ้าง บีมเลยถือโอกาสถามไถ่เรื่องราวที่ยังค้างคาใจ

“อ้อ.. พี่ย้ายมาอยู่เรือนหอก่อน จะได้ช่วยครอบครัวของแฟนกรีดยางด้วย” พี่แก้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะที่แววตากลับดูเลิ่กลั่ก

“แบบนี้พี่แก้วก็ไม่ได้กลับไปอยู่ที่กรุงเทพแล้วสิครับ” บีมยังคงตะล่อมถามอย่างใจเย็น เพราะยิ่งได้พูดคุยกลับยิ่งรู้สึกว่าพี่แก้วที่บีมเคยรู้จักแตกต่างกับพี่แก้วคนปัจจุบันราวกับเป็นคนละคน

“อื้อ” หญิงสาวส่งเสียงตอบในลำคอ พลางพยักหน้าอย่างแข็งขัน

“แล้วแบบนี้ไม่กระทบกับโรงเรียนสอนเต้นเหรอครับ” บีมเริ่มปล่อยหมัดฮุกอย่างเต็มรูปแบบ เพราะสิ่งที่ถามไถ่เกิดจากการประติดประต่อเรื่องราวจากความฝันในวัยเด็กของพี่สาวข้างบ้าน แต่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็สุดจะคาดเดา

“โรงเรียนสอนเต้น ? อ้อ.. ไม่กระทบหรอกจ้ะ” สิ้นคำถามสีหน้าของพี่แก้วก็คล้ายกับจะงุนงงและตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แต่แล้วเธอก็คิดหาคำตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราสองคนจะทำตามความฝันของตัวเองจนสำเร็จ บีมยังจำช่วงเวลาที่พวกเราบอกเล่าความฝันตรงสะพานไม้ข้ามฟากได้อยู่เลย” บีมโป้ปดออกไปเล็กน้อย เพราะถ้าหากหญิงสาวคนนี้คือพี่แก้วตัวจริง จะต้องทราบว่าเราสองคนไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับความฝันอย่างจริงจัง แต่ที่บีมทราบเป็นเพราะเคยถามไถ่ด้วยความสงสัยว่าทำไมพี่แก้วถึงได้ชอบคะยั้นคะยอให้ไปเรียนบัลเล่ต์

“นั่นสินะ เพราะเหตุการณ์เหมือนเพิ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เอง ถ้าตอนนี้ยังมีสะพานข้ามฟากอยู่ก็คงจะดีเนอะ” สิ้นคำกล่าวของหญิงสาว บีมก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แต่ทว่าในอกกลับได้รับคำตอบอย่างกระจ่างชัดว่า ‘พี่แก้ว’ ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่พี่สาวข้างบ้านในวันวาน บีมจึงเริ่มเข้าใจความรู้สึกที่ไม่ค่อยสนิทสนมและยากจะเข้าหาในวินาทีแรกได้อย่างชัดเจน

ดังนั้นงานแต่งที่แม่กล่าวอ้างก็อาจจะไม่มีอยู่จริง


กระทั่งเริ่มตกแต่งรายละเอียดของกระโปรงทรงเอไลน์ด้วยการเย็บมืออย่างประณีตได้สักพัก เสียงเครื่องยนต์ก็ดังระงมจนทั่วบ้าน บีมจึงวางมือจากภาระงานออกไปต้อนรับช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของผู้คนที่มารวมตัวกันตรงบริเวณใต้ถุนบ้านในเวลาพักเที่ยง

ซึ่งบีมไม่ได้เอามาใส่ใจ เพราะต้องรีบนำทางไปยังบริเวณที่ต้องการติดตั้งตามที่คุณนัทแนะนำ แต่ก็นับว่าโชคดีที่พ่อกับแม่ช่วยเดินเรื่องเพื่อขอติดตั้งสัญญาณไวไฟ เพราะตอนที่ประชุมงานผ่านทางอินเตอร์สัญญาณรบกวนค่อนข้างมาก ไม่อย่างนั้นบีมอาจจะรับงานกลับมาดูแลเองค่อนข้างลำบาก

“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้ครับ” หลังจากช่างเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้สักพัก บีมก็ขันอาสานำน้ำมาเสิร์ฟเลยต้องเดินย่ำเท้าตรงไปยังบ้านใหญ่

“อันที่จริงพวกฉันก็ไม่ได้รังเกียจตุ๊ดหรือกระเทยหรอกนะ แต่ดูพฤติกรรมของลูกเธอสิแม่นุ้ย หลงใหลคลั่งไคล้ผู้ชายขนาดไหน ระวังเถอะลูกเธอจะถูกหลอกจนหมดตัว ยิ่งพ่อแม่ห้ามปรามอะไรไม่เคยฟังอยู่ด้วย” หญิงวัยกลางคนเอื้อนเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า แถมยังตัดสินการกระทำของผู้อื่นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด

“เจ้าบีมมันออกไปซื้อกล้องวงจรปิดน่ะป้า ช่างพวกนั้นก็แค่มาติดตั้งให้” แม่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คล้ายกับพยายามกดข่มอารมณ์แห่งความไม่พึงพอใจ และยังทราบถึงตัวตนของลูกชายเป็นอย่างดี บีมจึงขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเคร่งเครียด

“นี่แม่นุ้ยเธอจะแน่ใจได้ยังไง อย่าลืมสิลูกชายเธอควงผู้ชายเป็นว่าเล่นที่กรุงเทพเชียวนะ เธอเองก็เห็นมากับตาว่าหลานฉันไม่ได้ใส่ความ” สิ้นคำพูดของหญิงวัยกลางคน บรรยากาศรอบกายก็คล้ายกับจะเงียบสงัด และบีมก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะก้าวเดิน

“ใช่ ป้านุ้ยไม่น่าใจอ่อนเลย ถ้าส่งไอ้บีมไปรักษาตั้งแต่ตอนนั้นนะ ป่านนี้ก็หายวิปริตผิดธรรมชาติไปแล้ว” สิ้นคำพูดของไอ้โต้ง บีมก็ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น พร้อมกับพยายามสูดลมหายใจจนสุดปอด เพราะถ้าหากบีมวู่วามใช้แต่อารมณ์ คนที่จะเดือดร้อนก็เห็นจะหนีไม่พ้นตัวเอง

“ธรรมชาติของเอ็งหรือของเจ้าบีมกันแน่วะไอ้โต้ง จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” น้าพิมกล่าวพลางใช้มะเหงกเขกหัวไอ้โต้งไม่เบานัก ซึ่งมันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทัศนคติเกี่ยวกับเพศทางเลือกล้วนขึ้นอยู่กับตัวบุคคล 

บีมจึงเดินเข้าไปในครัวอย่างเงียบเชียบเพื่อเทน้ำแข็งใส่กระติก ก่อนจะไปตักน้ำฝนจากในตุ่ม แล้วเดินกลับไปยังบ้านสีขาวหลังเล็กด้วยท่าทีราวกับหุ่นยนต์ โดยไม่มีแม้แต่สุ้มเสียงน่ารำคาญใจจากบริเวณใต้ถุนบ้านให้ได้ยินอีกเลย เพราะบีมกำลังร่วงหล่นไปในหลุมดำแห่งความไม่สบายใจ


กระทั่งกล้องวงจรปิดถูกติดตั้งจนครบถ้วน บีมก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงราวกับหมดอาลัยตายอยาก เพราะการกระทำของแม่ดูเหมือนจะตั้งใจเอาเรื่องงานแต่งของพี่แก้วมาบังหน้าเพื่อที่จะแยกบีมออกจากคุณนัท

ซึ่งบีมไม่อยากกระโตกกระตาก และยังมืดแปดต้านอย่างบอกไม่ถูก ในใจจึงเฝ้าแต่นับวันรอให้คุณนัทเดินทางมาร่วมงานเปิดห้างสรรพสินค้าโดยเร็ว ม่านหมอกอันน่าอึดอัดจะได้ถูกปัดเป่าในทิศทางที่เหมาะสม เพราะบีมไม่อยากใช้วิธีแข็งข้อ และยังหวาดกลัวว่าอะไร ๆ จะยิ่งบานปลาย

“ไม่เปิดไฟล่ะบีม” แม่เอ่ยถามพลางเปิดสวิตช์จนทั้งห้องสว่างโล่ บีมจึงหยีตาเล็กน้อย เพราะอยู่กับความมืดมาเนิ่นนาน

“แม่เอามื้อเย็นมาให้ วางอยู่บนโต๊ะไม้ข้างนอกแน่ะ” แม่กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะเดินออกไปยังนอกระเบียงบ้าน คาดว่าคงจะกำลังจุดยากันยุงเตรียมไว้ให้ บีมจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปยืนพิงกรอบประตู ขณะที่ริมฝีปากพลันขยับขึ้นลงคล้ายกับอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก

จนกระทั่งแม่ผละห่างจากระเบียงริมบึงด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม บีมจึงหยุดยืนอยู่ตรงขั้นบันได ขณะที่สายตาได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังของแม่ที่กำลังเดินตรงไปยังห้องครัวของบ้านหลังใหญ่ที่เชื่อมกับบริเวณใต้ถุนบ้านที่ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายกำลังทานมื้อเย็นกันอย่างคึกคัก

จากนั้นบีมจึงกลับมานั่งทานมื้อเย็นที่ให้ความรู้สึกยากจะกลืนกินจนเสร็จสิ้น เพียงแต่ช่วงเวลานี้ยังเป็นเวลาพักผ่อนของคุณนัท บีมเลยไม่ต้องรีบร้อนอะไรมาก สองเท้าจึงก้าวเดินไปยังห้องครัวเพื่อนำจานชามไปเก็บล้างเหมือนทุกวัน

“จ๊ะเอ๋!” บีมสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ใครบางคนก็ตรงเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง ซ้ำยังกระเส้าเย้าแหย่อย่างสนิทสนม บีมจึงเผลอถองศอกใส่อีกฝ่ายไม่ยั้งเรี่ยวแรงด้วยความตกใจ

“โหย! รุนแรงจังวะ” ไอ้จาหนึ่งในแก๊งค์ที่เคยหมายหัวร้องโอดโอยอย่างมีน้ำโหพลางกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด

“ก็ไม่ชอบ!” บีมบอกกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะเร่งทำความสะอาดจานชามให้เร็วขึ้น

“อย่าทำฟอร์มไปหน่อยเลยน่า พวกตุ๊ดอย่างมึงชอบอะไรแบบนี้จะตาย ดูอย่างไอ้สินหลานป้าสำอางสิ กระดี้กระด้าฉิบหายเวลาโดนกูกอด” ไอ้จาพูดพลางกระหยิ่มยิ้มย่อง

“น้องมันอาจจะชอบมึงก็ได้ ถึงได้ยอมให้มึงลวนลาม” บีมตอบโต้อย่างไม่สบอารมณ์และยังบอกเป็นนัย ๆ ว่าไม่ใช่เพศทางเลือกทุกคนจะมีความสุขกับการถูกผู้ชายโอบกอดโดยไม่ยินยอม

“มึงอย่าพูดให้กูขนลุกสิวะ” ไอ้จากล่าวพลางลูบข้างแขนของตัวเองอยู่หลายครั้ง

“สงสารน้องมันนะที่ชอบคนอย่างมึง” บีมกล่าวพลางผลักอีกฝ่ายออกห่าง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวด้วยความรวดเร็ว เพราะไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้นานนัก

“หึงกูเหรอว้า เดินส่ายตูดใส่อารมณ์เชียวน้า” บีมได้แต่ส่ายหัวพร้อมทั้งมองบนด้วยความเหนื่อยใจกับคำพูดแสนไร้สาระ เพราะคนอย่างไอ้จาไม่เคยอยู่ในสายตาเลยสักนิด แถมบีมยังทราบดีว่าไอ้จาชอบหยอกล้อแบบนี้ก็เพื่อความบันเทิงส่วนตัว เพียงแต่มันเป็นการล้อเล่นที่บีมไม่โอเค


กระทั่งกลับเข้าสู่เซฟโซนของตัวเองได้ คุณนัทก็วีดิโอคอลมาหาเหมือนทุกวัน ม่านหมอกในจิตใจจึงค่อย ๆ ถูกปัดเป่าโดยไม่รู้ตัว

‘ทำไมวันนี้คุณดูไม่สดใสเลยครับ’ คุณนัทเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง คงเพราะเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ผ่านทางแอปพลิเคชันของกล้องวงจรปิดมาบ้างแล้ว

“พอดีมีเรื่องรบกวนจิตใจนิดหน่อยครับ แต่ว่ามันก็เป็นแค่การคาดเดาของผมเอง” บีมระบายความในใจ ขณะนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง

‘เล่าให้ผมฟังได้นะ’ สิ้นข้อเสนอบีมก็นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ เพราะลำพังแค่อาการเดินละเมอไปสวมใส่ชุดแต่งงานออกจากบ้านก็น่าเป็นห่วงจะแย่ ขืนบอกว่าพ่อกับแม่ดูเหมือนจะมีเจตนาไม่ดี คุณนัทคงได้กระวนกระวายหนักกว่าเดิม

“เอาไว้ถ้าหากผมแน่ใจมากกว่านี้ ผมจะรีบขอคำปรึกษาจากคุณ” บีมเอื้อนเอ่ยอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ แต่กระนั้นก็ไม่ได้คิดปิดบัง เพียงแต่อยากจะรอเวลาในการตกตะกอนความคิดอีกสักหน่อย

‘แผลที่แขนเป็นยังไงบ้างครับ’ หลังจากคุณนัทพยักหน้ารับฟังอย่างแข็งขันก็ถามไถ่ถึงอาการเจ็บปวดด้วยความห่วงใย

“ดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึงครับ” บีมตอบกลับพลางยกยิ้มให้กับคนในจอสี่เหลี่ยม

‘เดี๋ยวผมเอากุญแจมือหนังไปให้ คุณจะได้ไม่เจ็บตัวอีก’ คุณนัทเริ่มวางแผนอย่างรัดกุม บีมจึงได้แต่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะเดิมทีบีมก็ครุ่นคิดอยู่เหมือนกันว่าจูเลียตที่กำลังนอนละเมอจะเอาตัวรอดจากการถูกพันธนาการได้อย่างไร เพียงแต่บีมไม่ทันคาดคิดว่าจูเลียตในตอนนั้นจะทุ่มเทเรี่ยวแรงขัดขืนจนสุดตัว

‘ว่าแต่การตัดเย็บคืบหน้าไปเยอะแล้วเหรอครับ วันนี้ถึงได้มานอนอู้งาน’ คุณนัทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า เพราะบีมไม่เคยมีพฤติกรรมเกเรมาก่อน

“ยังหรอกครับ พอดีผมรู้สึกล้า ๆ เลยอยากจะพักสักหน่อย” บีมกล่าวพลางยกยิ้มในความมืด เพราะในใจกำลังซีดเซียวเป็นอย่างมาก

‘ถ้าอย่างนั้นผมเล่นเปียโนกล่อมคุณดีไหมครับ แล้วก็ค่อยปลุกคุณก่อนที่จะเริ่มเดินละเมอสักครึ่งชั่วโมง พอดีผมไปเจอทางออกแบบใหม่มาเลยอยากจะลองเอามาใช้กับคุณว่าจะได้ผลหรือเปล่า’ คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ทำให้บีมรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยมากขึ้น บีมจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่าย

บานประตูและหน้าต่างจึงถูกลงกลอนอย่างแน่นหนา จากนั้นเสียงเพลงบรรเลงจึงค่อย ๆ ลอยล่องออกมาจากโทรศัพท์เครื่องเก่ง ขณะที่ดวงตาก็ค่อย ๆ ปิดสนิทจนมองเห็นแพขนตาเรียงตัวสวย เพียงแต่ความเหนื่อยล้าสะสมทำให้บีมก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราอย่างรวดเร็ว

‘ที่รัก..’ กระทั่งเวลาผ่านพ้นไป ชายหนุ่มในจอสี่เหลี่ยมจึงร้องเรียกคนรักด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ

“อื้อออ” บีมได้แต่พลิกตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ซ้ำยังนำหมอนใบโตมาแนบหู ราวกับมันจะช่วยลดทอนสุ้มเสียงอันรบกวนได้ นัทจึงไม่รอช้าที่จะกระหน่ำโทรเข้าอีกเครื่อง เสียงโทรศัพท์จึงแผดลั่นจนเจ้าของห้องเสื้อไม่อาจซุกตัวอยู่บนเตียงนอนได้อีกต่อไป

‘ลืมตามองผมได้แล้วครับคนขี้เซา’ สิ้นคำกล่าวอันแสนอ่อนหวาน ทำเอาบีมที่กำลังง่วงงุนถึงกับหน้าร้อนเห่อ แต่กระนั้นดวงตากลมสวยก็ไม่วายจะปฏิบัติตามความต้องการของอีกฝ่ายแต่โดยดี รอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของคุณนัทจึงฉายชัดอยู่ในความมืด


--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง

- ทำไมเราถึง "นอนละเมอ?" ควรปลุกให้ตื่นหรือไม่ ? https://www.sanook.com/health/10801/


มาต่อแล้วค่า เฉลยปมออกมาแล้ว อิอิ มีคนเดาถูกมาตั้งแต่แรกเลย
แต่เหตุผลของแม่จะยังเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกชายเป็นเกย์อยู่หรือเปล่าต้องติดตามกันต่อไป~
ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านชอบนินทาอันนี้มันจะต่างกับสังคมเมืองอยู่มาก เพราะถ้าเป็นสังคมเมืองจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกัน
แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดจะค่อนข้างถึงกันหมด เราเลยพยายามจะเขียนทั้งคนที่ดีและไม่ดี เพราะของแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลด้วย ส่วนวิธีการรับมือกับอาการเดินละเมอที่เราเขียนไปในตอนนี้ เราว่ามันต้องอาศัยความเอาใจใส่มาก ๆ เพราะคนทำจะต้องรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะหลับลึกภายในเวลาเท่าไหร่ จากนั้นถึงค่อยปลุกให้ตื่น 
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 26 (update 22/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 24-01-2020 02:56:25
นัทน่ารัก 
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 26 (update 22/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-01-2020 22:07:21
แม่พาเครียดอีกละ ดีนะที่มีคุณนัทคอยปลอยใจ เมื่อไหร่เค้าจะเจอกัน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 27 (update 29/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 29-01-2020 19:59:42
ตอน 27

หลังจากการฟิตติ้งชุดแต่งงานครั้งสุดท้ายผ่านพ้นไป การประดับลวดลายอันแสนประณีตก็ดำเนินต่อไปอย่างเชื่องช้า เพราะบีมยังมองไม่เห็นความจำเป็นอื่นใดที่จะต้องอดตาหลับขับตานอนให้เสียสุขภาพ แต่กระนั้นบีมก็นึกอยากรู้ว่าแม่จะเดินเกมอย่างไรต่อไป บีมจึงคิดวางแผนอยู่หลายตลบว่าควรจะอาศัยจังหวะนี้พูดคุยกันอย่างเปิดอกดีหรือไม่ อีกอย่างงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าในเขตตัวเมืองก็ทิ้งช่วงห่างจากกำหนดงานแต่งของพี่แก้วไม่กี่วัน
 
“คุณนัทจะเริ่มเดินทางเมื่อไหร่ครับ” บีมเอ่ยถามเพื่อคำนวณแผนการ ขณะละเลียดมื้อเช้าตรงระเบียงริมบึง ในตำแหน่งที่มองเห็นนกอีแจวสีน้ำตาลปนขาว หางโค้งยาวอย่างเป็นเอกลักษณ์กำลังก้าวเดินอยู่บนใบบัว

‘ผมว่าจะเดินทางล่วงหน้าสักหนึ่งวันครับ จะได้รีบเอากุญแจมือหนังไปให้คุณ’ ปลายสายเอื้อนเอ่ยขณะเปิดเอกสารเป็นระยะ คาดว่าคงไม่มีกิจกรรมเร่งด่วน วันนี้จึงทำงานไปด้วยพูดคุยไปด้วยอย่างผ่อนคลาย

“ผมอยากแนะนำให้คนที่บ้านรู้จักกับคุณ” ทันทีที่บีมพูดถึงประเด็นสำคัญ เสียงวางปากกาก็ดังมาตามสาย บ่งบอกได้ว่าคุณนัททั้งตกใจและจริงจังกับหัวข้อที่ได้รับฟัง

“แม่ของผมดูเหมือนจะรู้เรื่องของเราแล้ว ชุดแต่งงานของพี่แก้วเลยเป็นเหมือนฉากบังหน้า เพื่อที่จะแยกผมออกห่างจากคุณ” บีมกล่าวด้วยความหวั่นใจ แต่ทว่าน้ำเสียงกลับราบเรียบอย่างบอกไม่ถูก

‘สาเหตุที่คุณกลับมาเดินละเมอเป็นเพราะเรื่องนี้เหรอครับ’ สุ้มเสียงของคุณนัทแผ่วเบาราวกับจะลอยหายไปในอากาศ คงเพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายคิดว่าการอดหลับอดนอนคือสาเหตุหลัก

“แต่มันอาจจะไม่จริงก็ได้ครับ เพราะทุกอย่างผมแค่คาดเดาและปะติดปะต่อเอาเอง” บีมแก้ตัวอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้สบายใจนัก เนื่องจากมันไม่มีเหตุผลอื่นใดที่แม่จะเลือกใช้งานแต่งของพี่แก้วมาบังหน้า แถมยังแอบจัดหาคนมาสวมรอยเป็นพี่แก้ว ด้วยความมั่นใจว่าบีมกับพี่แก้วไม่เคยพบเจอกันมานานแล้ว บวกกับวัยเด็กและวัยสาวอาจจะมีความแตกต่างกันอย่างก้าวกระโดด ช่องโหว่จึงกว้างใหญ่กว่าที่คาดคิด

“ตั้งแต่กลับมาที่บ้านเกิด ผมก็เริ่มเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเราไปบ้างแล้ว เพราะผมตั้งใจจะบอกความจริงกับพวกท่านก่อนจะกลับกรุงเทพ แต่ไหน ๆ คุณก็จะมาเปิดห้างสรรพสินค้าอยู่แล้ว ผมเลยอยากให้คุณแวะมาตรวจดูกล้องวงจรปิด พ่อกับแม่จะได้รู้ว่าผมเป็นโรคเดินละเมอ แต่ก็ยังมีคุณคอยให้ความช่วยเหลือ พวกท่านจะได้วางใจว่าผมสามารถฝากชีวิตไว้กับคุณได้” บีมอธิบายเป็นฉาก ๆ ขณะใช้ปลายนิ้วชี้เกลี่ยหยดน้ำตรงบริเวณข้างแก้ว

‘ถ้าหากคุณพร้อมที่จะบอกความจริงกับพวกท่าน ผมก็พร้อมที่จะสนับสนุนความตั้งใจของคุณ อีกอย่างผมจะได้สบายใจเกี่ยวกับอาการเดินละเมอของคุณด้วย’ คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและจริงจัง บีมจึงมีความมั่นใจมากขึ้น

ส่งผลให้การประดับลวดลายของชุดแต่งงานคล้ายกับเป็นกิจกรรมฆ่าเวลา ขณะเดียวกันอาการเดินละเมอก็เริ่มดีขึ้น เพราะคุณนัทมักจะปลุกให้บีมตื่นหลังจากที่หลับลึกไปสองชั่วโมง แต่ปัญหามักอยู่ตรงที่กว่าบีมจะหลับได้อีกครั้งก็แสนลำบาก


กระทั่งคุณนัทโทรมาสอบถามเส้นทางที่มุ่งตรงสู่อาณาบริเวณของผู้ใหญ่หนุ่ยในเวลาสามโมงเย็น บีมจึงวางมือจากการเนรมิตผ้าคลุมผมสำหรับเจ้าสาวเพื่อออกไปรอรับอีกฝ่าย

“ไปไหนน่ะบีม” แม่ตะโกนถามจากบริเวณใต้ถุนบ้าน ระหว่างเตรียมทำอาหารให้กับเหล่าคนงาน และพ่อที่กำลังนั่งจับกลุ่มปรึกษาภาระงานกับผู้ช่วย   “ออกไปรอรับเพื่อนครับ กลัวว่าจะขับรถเลยบ้าน พอดีบีมให้มาช่วยดูกล้องวงจรปิดว่ามุมที่เซ็ตไว้มันครอบคลุมความปลอดภัยมากแค่ไหน” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม โดยจงใจละทิ้งข้อความอันน่าสงสัย ก่อนจะออกมายืนรอตรงบริเวณหน้าบ้าน พลางเตะก้อนหินสลับกับเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบ จากนั้นจึงเบือนหน้าไปยังบริเวณใต้ถุนบ้าน พบว่าแม่กำลังไปรวมกลุ่มกับพ่อและบรรดาผู้ช่วย คาดว่าประเด็นร้อนคงจะหนีไม่พ้นคำพูดของลูกชายเพียงหนึ่งเดียว

ครั้นรถยนต์คันคุ้นตาปรากฏอยู่ตรงหน้า บีมจึงรีบโบกมือให้อีกฝ่ายขับเคลื่อนเข้ามายังตัวบ้าน โดยที่ทุกการกระทำตกอยู่ในความสนใจจากผู้คนรอบข้าง บีมจึงรอให้คุณนัทเปิดประตูออกมาทักทาย พร้อมหยิบของชิ้นสำคัญที่แอบซ่อนตัวอยู่ในถุงกระดาษส่งมาให้

“สวัสดีครับ” บีมเดินนำคุณนัทเข้าไปยังใต้ถุนบ้าน ขณะที่อีกฝ่ายกำลังไหว้ทักทายผู้คนในบริเวณนั้นอย่างคนมากอัธยาศัย

“นี่คุณนัทครับ เป็นเพื่อนของบีมแล้วก็เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่บีมไปเช่าพื้นที่ขาย” บีมแนะนำให้ผู้หลักผู้ใหญ่รู้จักกับชายหนุ่มมาดนักธุรกิจ โดยจงใจให้ทางครอบครัวรับรู้ถึงสถานะที่เกื้อหนุนกัน และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อสนับสนุนสถานะที่แท้จริงให้พวกท่านทราบอย่างเป็นทางการ เพราะคงไม่มีผู้บริหารที่ไหนเข้ามาคลุกคลีกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดขนาดนี้

“ถ้าหากเสร็จธุระแล้ว อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนนะนัท” หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเบื้องต้นแล้ว พ่อก็ชักชวนให้คุณนัทมาร่วมทานมื้อเย็น ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบรับด้วยความยินดี จากนั้นบีมจึงพาคุณนัทเดินไปยังบ้านสีขาวหลังเล็กตรงริมสระบัว

“บ้านของคุณน่าอยู่มากเลยครับ ถ้าหากพ่อกับแม่แล้วก็คุณย่าของผมมาเห็นเข้า คงจะชอบมากแน่ ๆ” คุณนัทกล่าวพลางกวาดตามองไปยังบึงบัวแดงที่กำลังอาบไล้แสงแดดในยามเย็น

“นั่นสิครับ เดี๋ยวผมเอาของไปเก็บในบ้านก่อนดีกว่า” บีมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะเอ่ยขอตัว นัทจึงเริ่มสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด เพราะไม่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์มานานแล้ว

“เรื่องกล้องวงจรปิด..” สิ้นถ้อยคำจากหญิงวัยกลางคน นัทจึงหันกลับมาทางด้านหลัง พบว่าเป็นคุณแม่ของคนรัก ชายหนุ่มจึงยิ่งระมัดระวังกิริยามารยาทมากขึ้น

“เจ้าบีมบอกกับน้าว่าเพื่อความปลอดภัย มันหมายความว่ายังไงเหรอนัท ปกติแถวบ้านเราไม่มีขโมยนะ” คุณแม่เอ่ยถามด้วยความสงสัย คงเพราะสภาพแวดล้อมที่ท่านอยู่ มีลักษณะเหมือนกับน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่ต่างกับบรรยากาศของบ้านสวนมากนัก

“บีมเป็นโรคเดินละเมอครับ ฟังดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย แต่ที่จริงมันอันตรายมากเลยครับ เพราะตอนที่บีมกำลังเดินละเมอจะไม่รู้ตัวแล้วก็จดจำอะไรไม่ได้ ผมถึงได้แนะนำให้เขาติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้จะได้ช่วยกันเฝ้าระวัง” นัทอธิบายพร้อมแย้มยิ้มอย่างใจเย็นเพราะกลัวว่าท่านจะตั้งรับไม่ทัน

“ไม่เห็นบีมบอกน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันน่าตีนัก” คุณแม่เอ่ยแกมดุไปถึงคนที่เข้าไปเก็บของอย่างไม่จริงจังนัก

“บีมคงกลัวว่าคุณน้ากับคุณลุงจะไม่สบายใจครับเลยไม่กล้าบอก” นัทให้เหตุผลอย่างระมัดระวัง เพราะสาเหตุที่แท้จริงยังไม่อาจบอกกล่าวในตอนนี้ได้

“เราสองคนดูสนิทกันดีนะ” ทันทีที่คนอายุมากกว่าเปรยขึ้น นัทก็ได้แต่แย้มยิ้ม เพราะไม่รู้จะตอบกลับว่าอย่างไร

“เอ้อ! เดี๋ยวน้าขอตัวกลับไปทำกับข้าวก่อนดีกว่า ตามสบายนะ” พอลูกชายเพียงหนึ่งเดียวเดินออกมาจากตัวบ้าน คุณแม่ก็ขอตัวไปเตรียมมื้อเย็น โดยไร้ซึ่งพฤติกรรมที่ส่อไปในทางที่บีมเป็นกังวล คาดว่าท่านคงกำลังทบทวนเจตนารมณ์ของตัวเองใหม่ เพราะมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับลูกชายที่เพิ่งจะทราบ

“หวังว่าผมคงจะไม่เดินเกมผิด” บีมเอื้อนเอ่ยขณะมองไปยังใต้ถุนบ้านแน่นิ่ง

“ผมเคยได้ยินมาว่าที่วัดป่าภูก้อนสวยมากเลยนะครับ หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ เราสองคนไปไหว้พระขอพรกันดีไหม คุณจะได้สบายใจขึ้นด้วย” เมื่อเห็นคนรักเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นัทจึงเสนอความคิดเห็น ซึ่งบีมก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด เพราะตั้งแต่กลับมายังบ้านเกิดก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน และวัดแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก


กระทั่งมื้อเย็นพรั่งพร้อมในเวลาอันรวดเร็วกว่าปกติ บีมจึงพาแขกคนสำคัญไปร่วมวงที่ใต้ถุนบ้าน ซึ่งเวลานี้เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา เพราะยังเป็นเดือนแห่งการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร

“เรื่องกล้องวงจรปิดมีตรงไหนที่ควรจะติดตั้งเพิ่มอีกหรือเปล่านัท” แม่เป็นฝ่ายเอ่ยถาม ระหว่างที่พวกน้าพินกำลังเดินลำเลียงอาหารไปตามวงล้อมที่ตอนนี้เริ่มจะประเดิมด้วยเครื่องดื่มมึนเมา

“เท่าที่ดูก็ไม่มีแล้วนะครับ เพราะตัวกล้องที่ผมแนะนำเป็นแบบที่สามารถปรับทิศทางผ่านทางแอปพลิเคชั่นได้” คุณนัทกล่าวพลางเอื้อมมือไปรับแก้วเบียร์จากพ่อด้วยความนอบน้อม

“แล้วถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ นัทจะช่วยเจ้าบีมยังไง” ชายผู้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง ซึ่งบีมไม่แน่ใจว่าพ่อต้องการจะทดสอบไหวพริบหรือว่าเพราะอะไรกันแน่

“ก่อนหน้านี้ผมเตรียมโมบายมาให้บีมแขวนครับ จะได้เป็นสัญญาณเตือนว่าบีมกำลังเดินละเมอออกจากบ้าน แล้วบีมก็ให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณลุงกับคุณน้าไว้ในกรณีฉุกเฉิน แต่ถ้าจะให้ดีผมอยากให้ลงแอปพลิเคชันของกล้องวงจรปิดไว้ด้วยครับ จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย” ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสนใจเอ่ยตอบ พลางกวาดตามองมื้อเย็นอันแสนแปลกตาด้วยความสนใจ จากนั้นจึงเริ่มดาวน์โหลดแอปพลิเคชันให้กับคนอายุมากกว่า พร้อมทั้งสอนวิธีการใช้งานอย่างคล่องแคล่ว


“คุณทานเผ็ดได้ น่าจะไม่มีปัญหา” หลังจากบทสนทนาถูกเมนูอาหารเรียกร้องความสนใจไปจนหมด บีมเลยถือโอกาสพูดคุยกับคนรักเป็นประโยคแรก

“ปลาส้มทอดฝีมือน้าพินโอเคมากเลยครับ คุณลองชิมดูสิ” บีมเริ่มโฆษณาชวนเชื่อพร้อมบรรจงแกะปลาทอดให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจใส่ โดยที่แม่ครัวก็ได้แต่นั่งยิ้มจนแก้มปริ

“นัทเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าตั้งแต่อายุยังน้อยเลยนะ เก่งจริง ๆ” พ่อเริ่มเปิดประเด็นเกี่ยวกับแขกคนสำคัญอีกครั้ง นัยหนึ่งอาจเพราะต้องการขัดจังหวะ หรืออีกนัยหนึ่งอาจต้องการใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายมากขึ้น แต่กระนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด บีมก็แอบกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความเป็นสุข

“คงเพราะเป็นกิจการของที่บ้านด้วยครับ ผมเลยมีโอกาสได้แสดงฝีมือ” คุณนัทก็ยังคงเป็นชายหนุ่มผู้แสนถ่อมตนเหมือนอย่างเคย เพียงแต่บีมทราบเป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายใช้ความสามารถเข้าสู้ จนกระทั่งได้รับการยอมรับโดยไม่มีข้อแม้

“เพนท์เฮ้าส์ที่ผมอยู่ก็เป็นของคุณนัทด้วยครับ” บีมถือโอกาสสำทับไปอีกเรื่อง จะได้ปกปิดช่องโหว่ที่อาจจะทำให้พ่อกับแม่และพวกช่างยุแยงเกิดความคิดในแง่ร้าย เพราะถ้าหากคุณนัทเต็มไปด้วยความเพียบพร้อม ทุกคนก็จะได้ไม่ต้องกังวลว่าบีมจะถูกปอกลอกจนหมดตัว ซึ่งคุณนัทก็ได้แต่ยิ้มรับด้วยความนอบน้อม

“ว่าไปแล้วระบบการรักษาความปลอดภัยของที่นั่นดีมากเลยนะพ่อ” แม่เริ่มขยายความจากประสบการณ์ของตัวเอง เพราะพ่อยังไม่เคยเดินทางไปกรุงเทพ เนื่องจากต้องคอยจัดการภาระงานของผู้ใหญ่บ้าน ซ้ำยังเห็นได้ชัดว่าตอนนี้พ่อกับแม่เริ่มจะมีทัศนคติที่ดีต่อคุณนัท นับได้ว่าบีมเดินเกมมาถูกทางแล้ว

“ผมได้ยินมาว่าคุณลุงกับคุณน้ามีไร่ข้าวโพดด้วย ถ้าหากทางห้างของผมอยากจะขอทำธุรกิจร่วมด้วยจะได้หรือเปล่าครับ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยอย่างชาญฉลาด เพราะถ้าหากบีมคาดเดาไม่ผิด อีกฝ่ายคงต้องการผูกมัดเราสองครอบครัวไว้กับผลประโยชน์ส่วนหนึ่ง เจตนาเดิมที่พ่อกับแม่เคยวางแผนจะได้ผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากกว่าเดิม

“ราคาเดิมที่ลุงเคยได้ก็โอเคอยู่นะ” สิ้นคำตอบของพ่อ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่บีมเคยคาดการณ์ไม่ได้ผิดไปจากความจริง เพราะคงไม่มีชาวสวนคนไหนกล้าปฏิเสธทางเลือกที่จะนำพาเงินทองมาก่ายกองอยู่ตรงหน้า

“ผมสามารถให้ราคามากกว่าเจ้าเดิมถึงสองเท่าเลยครับ” ทันทีที่คุณนัทเริ่มแสดงความใจปล้ำ แววตาของทุกคนในบริเวณนี้ก็เริ่มเต็มไปด้วยความแพรวพราว เพราะมันหมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น

“พอดีทางห้างของเรากำลังจะเปิดสาขาในแถบนี้อีกเยอะเลยครับ การจัดหาผลผลิตมาวางขายก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งไร่ของคุณลุงอยู่ในเขตภูมิภาคอีสานก็ยิ่งง่ายต่อการขนส่ง อีกอย่างทางเราเชื่อว่าข้าวโพดจากไร่ของคุณลุงต้องได้มาตราฐานแน่ ๆ ครับ” บีมหันไปมองคนรักอย่างเหลือเชื่อ แต่กระนั้นก็หวั่นใจว่าพ่อจะผิดสังเกตและคุณนัทจะดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะบีมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจทางการเกษตรของครอบครัวแต่อย่างใด ดังนั้นคำพูดของคุณนัทอาจจะเรียกได้ว่าไม่ค่อยมีมูลความจริงสักเท่าไหร่

“นัทยังไม่เคยมาลงพื้นที่และเจ้าบีมก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน แล้วนัทจะมั่นใจได้ยังไงว่าผลผลิตของเราได้มาตราฐานตามที่ห้างต้องการ” พ่อเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว ซึ่งแววตาของพ่อคล้ายกับต้องการประเมินความสามารถของคุณนัทไปในตัว

“ก่อนหน้านี้ผมได้รับข้อเสนอผ่านพ่อค้าคนกลางมาครับ ราคาที่คุณลุงเคยได้รับอาจจะถูกกดลงจากที่ผมเสนอให้ อีกอย่างผมกำลังดำเนินโครงการรับซื้อสินค้าผ่านเกษตรกรโดยตรงอยู่ครับ” คุณนัทให้เหตุผลอย่างเป็นต่อ ซึ่งข้อเสนอนี้ครอบครัวของบีมจะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางอีกต่อไป ประมุขของบ้านจึงเริ่มคล้อยตามอย่างเห็นได้ชัด มื้อเย็นจึงกลับกลายเป็นการเจรจาธุรกิจอันแสนเรียบง่ายอย่างไม่ทันคาดคิด

กระทั่งการรับประทานอาหารจบลงด้วยดี บีมจึงขอพ่อกับแม่เดินทางไปยังวัดป่าภูก้อนตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร อาจเพราะการชื่นชมวัดในเวลาที่ท้องฟ้ากำลังจะมืดมิด ถือเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุด

“ผมล่ะเหลือเชื่อกับคุณจริง ๆ” บีมกล่าวพลางกลั้วหัวเราะ ระหว่างนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับชายหนุ่มผู้มีหัวการค้าจนเต็มเปี่ยม

“ถึงแม้เจตนาของผมจะต้องการลดความสุ่มเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ของเรา แต่ที่จริงผมกำลังเร่งดำเนินโครงการนี้อยู่นะครับ การตกลงในครั้งนี้ผมถือว่ามีแต่ได้กับได้ทั้งสองฝ่าย” คุณนัทกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะขับรถด้วยความระมัดระวัง เพราะเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว

“เท่าที่ผมสังเกต ดูเหมือนพ่อกับแม่จะชื่นชมคุณอยู่นะครับ” บีมกล่าวพลางยกยิ้มเล็กน้อย แม้ว่าการเจรจาธุรกิจจะยังไม่เรียบร้อยดีนัก เพราะพ่อต้องการเวลาพูดคุยกับพ่อค้าคนกลางอีกสักหน่อย ซึ่งบีมคาดเดาเอาเองว่าพ่ออาจจะอ่านเกมของคุณนัทออก จึงขอเวลากลับไปตั้งหลัก แต่ถึงอย่างนั้นบีมก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี

“ว่าแต่คุณนัทเคยสังเกตไหมครับ ทำไมเพลงลูกทุ่งสมัยก่อนหรือไม่ก็ละครเกี่ยวกับคนต่างจังหวัด ถึงได้ชอบนำเสนอในทำนองที่คนกรุงเทพชอบมาหลอกคนบ้านนอกให้ช้ำรัก” บีมเริ่มเปิดประเด็นใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเรื่องราวที่แม่เคยเล่าทำให้บีมฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“นั่นสิครับ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะสำหรับผมไม่ว่าจะคนกรุงหรือคนต่างจังหวัดก็มีโอกาสโดนหลอกและไปหลอกคนอื่นได้ทั้งนั้น” ชายหนุ่มสารถีแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจัง เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับสันดานของแต่ละคนมากกว่า

“แม่เคยบอกกับผมว่า สมัยก่อนจะมีแม่สื่อมาคอยจัดหาคนบ้านนอกไปแต่งงานกับคนกรุงเทพ แต่บางคนก็โดนหลอกไปเป็นเมียน้อย หรือบางคนก็ถูกข่มเหงสารพัด แล้วก็มีการกว้านซื้อที่ดินกันเยอะ” บีมบอกเล่าด้วยความหดหู่ เพราะกำลังคาดเดาความสัมพันธ์แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอย่างละเอียด จนกระทั่งพบว่าครอบครัวของเหล่าคนงานรวมไปถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาจจะเคยถูกนายหน้ากว้านซื้อที่ดินไปจนหมด ถึงต้องมาคอยรับจ้างใช้แรงงานอยู่แบบนี้

“แต่สมัยนี้คงไม่มีแล้วล่ะครับ เพราะวันก่อนผมยังได้ยินป้าแดงโอ้อวดหลานเขยที่มีฐานะร่ำรวยอยู่เลย อีกอย่างพ่อกับแม่และคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็ไม่เคยห้ามปรามให้ลูกหลานเข้าไปเรียนที่กรุงเทพด้วย” บีมปิดท้ายด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่ทว่าในใจก็ยังเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย

เนื่องจากพฤติกรรมแรกเริ่มของพ่อกับแม่ เกิดจากความต้องการหลอกล่อให้ลูกชายกลับบ้าน ซึ่งบีมคิดว่าเหตุผลที่ดูเป็นไปได้มากที่สุดอาจจะเกิดจากรูปภาพอันแสนอนาจารนั่นที่เป็นแรงผลักดันให้พ่อกับแม่คิดอยากจะพาตัวบีมกลับบ้าน เพราะดูเหมือนพวกท่านจะทราบดีว่าบีมใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพยังไง

ดังนั้นตัวตนของบีมอาจจะไม่ได้มีผลเกี่ยวกับการตัดสินใจมากไปกว่า ‘รสนิยม’ อันยากจะเข้าใจ

“ผมเชื่อว่าวันหนึ่ง พวกท่านจะต้องยอมรับความเป็นคุณและไว้วางใจในความสัมพันธ์ของเรา โดยที่ไม่สนความคิดเห็นของคนอื่น เพราะไม่อย่างนั้นพวกท่านคงไม่ยอมนำข้อเสนอของผมไปไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน และคงไม่เลือกที่จะเดินเข้ามาพูดคุยกับผมเกี่ยวกับกล้องวงจรปิด ทั้ง ๆ ที่พวกท่านจะเลือกถามเอาจากคุณก็ได้” พอคุณนัทเริ่มชี้หนทางสว่าง บีมก็เริ่มสบายใจมากขึ้น เพราะพฤติกรรมของพ่อกับแม่ในตอนนี้ ดูเหมือนจะเริ่มเปิดใจให้กับความสัมพันธ์แบบชายรักชายบ้างแล้ว ดังนั้นสาเหตุที่น่าเป็นกังวลอาจจะไม่หนักหนาเหมือนวินาทีแรก สองแขนจึงยกรองบริเวณศีรษะพร้อมทั้งฮัมเพลงไปตามท่วงทำนองที่คลื่นวิทยุเปิดไว้อย่างสบายใจ


กระทั่งตัวรถขับเคลื่อนเข้ามายังลานจอดที่มีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นประปราย บีมก็อดโล่งใจไม่ได้ เพราะถึงแม้หมู่บ้านจะอยู่ไม่ไกลจากตัววัดมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่าหวั่นใจ เนื่องจากบางวันประตูพระวิหารก็จะปิดทำการเร็วกว่าปกติ

“ดูเหมือนที่นี่เริ่มจะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นแล้วนะครับ เจริญกว่าแต่ก่อนเยอะเลย” บีมเอื้อนเอ่ยพลางเดินตรงไปยังทางขึ้นพระวิหาร พร้อมถอดรองเท้าอย่างรู้งาน

“คงเพราะตอนนี้วัดป่าภูก้อนเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอุดรด้วยมั้งครับ” ชายหนุ่มต่างถิ่นสำทับอย่างคนที่ชอบใช้เวลาพักผ่อนไปกับการท่องเที่ยว จากนั้นไม่นานปลายสายตาก็สบกับสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ สมัยรัตนโกสินทร์อันวิจิตรงดงามที่เน้นไปในโทนสบายตา สองเท้าของผู้มาเยือนจึงเหยียบย่างลงบนพื้นกระเบื้องด้วยความเชื่องช้า ก่อนจะหยุดยืนอยู่ในจุดชมวิวที่ใช้ชื่นชมกระไอหมอกยามเช้า เพราะวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่าสงวนอันกว้างใหญ่

ขณะเดียวกันสีฟ้าสลับขาวของตัวพระวิหารอันโอ่อ่าและพระมหาเจดีย์กลับดูกลมกลืนกับสีฟ้าครามของแผ่นฟ้าอันกว้างใหญ่ ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในยุคประวัติศาสตร์ ขณะที่แสงไฟสีเหลืองนวลกำลังส่องประกายหยอกล้อกับสีทองเหลืองอร่ามตรงบริเวณหน้าจั่วอย่างงดงาม

จนกระทั่งปลายเท้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้ประตูพระวิหารที่มีการสลักลวดลายแบบนูนต่ำ สิ่งแรกที่บีมมองเห็นจึงเป็นพระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ตระการตา

“พ่อเคยบอกกับผมว่า ถ้าหากส่องไฟขึ้นไปบนเพดาน ลวดลายของกระเบื้องจะปรากฏลงบนองค์พระ” บีมทรุดตัวลงนั่งพร้อมเอื้อนเอ่ยให้อีกฝ่ายทราบถึงความลับอันแสนตระการตาที่ไม่ได้หาดูได้ง่าย ๆ เพราะปกติประตูพระวิหารจะปิดสี่โมงเย็น ตอนที่บีมเดินทางมาถึงก็เลยโล่งใจเอามาก ๆ  แต่ทว่าบีมก็ไม่ได้เลอะเลือนจนถึงกับมองข้ามความผิดปกติเหล่านี้ และในใจก็ทราบดีว่าคงจะมีใครบางคนที่ไม่ค่อยประสงค์ออกนามคอยอำนวยความสะดวก

“จริงเหรอครับ ?” ชายหนุ่มต่างถิ่นเอ่ยถามด้วยความเหลือเชื่อ ขณะที่บีมกำลังกราบไหว้องค์พระด้วยความศรัทธา ก่อนจะหลับตาท่องบทสวดมนต์พร้อมทั้งอธิษฐานขอพรตามความตั้งใจอันแน่วแน่ ชายหนุ่มต่างถิ่นจึงเริ่มปฏิบัติตาม ความเงียบสงบอันแสนอุ่นใจจึงโอบล้อมคนทั้งคู่ไว้ โดยที่บีมเป็นฝ่ายหันกลับไปจ้องมองคนรักเป็นคนแรก

“คุณอธิษฐานอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถาม หลังจากค้นพบว่าตนเองถูกลอบมองอยู่นานแล้ว

“ผมขอให้คนที่ผมรักมีสุขภาพแข็งแรง แล้วก็ขอให้ความรักของเรามีแต่ความราบรื่น” บีมเอื้อนเอ่ยอย่างไม่คิดปิดบัง ขณะมองไปยังคนรักที่กำลังใช้แสงแฟลชจากโทรศัพท์ฉายไปยังเพดานอันตระการตา ความวิจิตรงดงามของแผ่นกระเบื้องจึงส่องประกายลงบนพระพุทธรูปนอนสีขาวบริสุทธิ์ จนมองเห็นลวดลายราวกับดอกไม้ไล่ระดับตามจังหวะการเคลื่อนตัวของลำแสง ท่ามกลางความมืดสลัวของแสงเทียนสีเหลืองนวล   

“ส่วนผมขอให้ทุกสิ่งที่คุณปรารถนาประสบความสำเร็จ และขอให้คุณปราศจากภยันอันตราย” คุณนัทกล่าวพลางแย้มยิ้มอันแสนอบอุ่น แต่ทว่าดวงหน้าหล่อเหลากลับอาบไล้ไปด้วยลวดลายจากกระเบื้องบนเพดานพระวิหาร เพราะเวลานี้อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งตระการตาในวินาทีแรก ลำแสงจึงพลันหักเหจากตำแหน่งเดิม

“ผมขอโทษนะครับที่ดีแต่ทำให้คุณหวาดกลัว และยังเป็นกังวลจนนอนไม่หลับ แล้วก็ต้องขอโทษที่อาการของผมทำให้คุณไม่กล้าปล่อยวางให้ผมอยู่คนเดียวจนมันกระทบกับหน้าที่การงานของคุณ” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนที่ขอบตาจะร้อนผ่าวเมื่อคิดไปถึงช่วงเวลาที่คุณนัทไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากเฝ้ามองบีมที่กำลังตกอยู่ในอาการเดินละเมอผ่านหน้าจอโทรศัพท์

“คุณไม่เห็นต้องขอโทษผมเลยบีม เราสองคนรักกันไม่ใช่เหรอครับ เพราะฉะนั้นการดูแลกันคือเรื่องที่ผมสมควรทำ” เมื่อได้ฟังถ้อยคำที่แสนรื่นหู บีมจึงพยักหน้าระรัวพร้อมใช้ปลายนิ้วปัดป่ายหยาดน้ำตาที่กำลังขลังคลอให้หมดไป

“เรากลับกันเถอะครับ” สิ้นถ้อยคำชักชวนคนสองคนจึงก้าวเดินเคียงข้างกันท่ามกลางความเงียบสงบเหมือนอย่างเคย ต่างกันแค่เวลานี้หลังฝ่ามือของทั้งคู่กำลังหยอกล้อกันไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากระยะห่างระหว่างกันมีเพียงสายลมลอดผ่าน แต่กระนั้นความอุ่นใจกลับอบอวนไปทั่วอณูความรู้สึก


-อ่านต่อด้านล่าง-
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 27 (update 29/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 29-01-2020 19:59:58
จนกระทั่งตัวรถขับเคลื่อนออกจากรั้วบริเวณวัด บีมจึงเอนซบลาดไหล่ของอีกฝ่าย ซ้ำยังดอมดมราวกับคิดถึงกลิ่นไออันแสนคุ้นเคย

“ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมทั้งกลัวแล้วก็สับสน ความคิดของผมมันเลยยุ่งเหยิงไปหมด” บีมเปรยขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ไม่น่าอึดอัดระหว่างกัน ขณะที่ปลายจมูกยังคงเคล้าคลอคนรักไม่ห่าง ชายหนุ่มสารถีที่สองมือจำเป็นจะต้องประคองพวงมาลัยรถอย่างระมัดระวัง เพราะเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว ในใจคิดอยากจะคว้าฝ่ามือที่เคยโดดเดี่ยวมากอบกุมไว้ แต่ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

“แต่พอได้เห็นหน้าคุณ เหมือนกับผมได้รับความเข้มแข็งกลับมากระบุงใหญ่” สุ้มเสียงของบีมแม้ว่าจะแผ่วเบาราวกับปุยนุ่น แต่ทว่านัทกลับรับรู้ได้ถึงความดีใจอันเต็มเปี่ยม ที่ส่งผ่านมาทางอ้อมกอดอันหละหลวม

“ผมคิดถึงคุณ เวลาที่ไม่มีอ้อมกอดของคุณ มันทำให้ผมรู้สึกโดดเดี่ยวและหวาดกลัวว่าจะเป็นอันตรายจากการเดินละเมอ คงเพราะผมเคยชินกับการมีคุณคอยดูแลในทุกช่วงชีวิตไปแล้ว” กระทั่งตัวรถขับเคลื่อนเข้ามายังเขตหมู่บ้าน ความมืดมิดก็ยังคงเป็นสิ่งคุ้นเคย เพราะระหว่างทางไม่มีเสาไฟฟ้าคอยให้แสงสว่าง คุณนัทจึงอาศัยจังหวะนี้จุมพิตลงบนหลังฝ่ามือของบีมจนไออุ่นแผ่ซ่านไปถึงขั้วหัวใจ ส่งผลให้สีหน้าของตุ๊กตาหน้ารถเต็มไปด้วยความเก้อเขินท่ามกลางม่านราตรีอันเงียบเหงา

“แถวนี้เป็นไร่ข้าวโพดของครอบครัวผมหมดเลยครับ ถัดไปก็เป็นสวนยางพารา” บีมเริ่มหาตัวช่วยในการลบล้างบรรยากาศแสนเก้อเขิน พลางชี้ชวนให้อีกฝ่ายมองดูที่ดินของพ่อกับแม่ที่ทอดตัวลึกลงไปอีกหลายไร่

“ขนาดคงพอ ๆ กับสวนมะพร้าวของบ้านผมเลยมั้งครับ” คุณนัทแสดงความคิดเห็นอย่างคล้อยตาม บรรยากาศแสนเงอะงะจึงหดหายไป

“เทียบกันแล้วคุณชอบบรรยากาศแบบไหนมากกว่ากันเหรอครับ” สิ้นคำถาม บีมก็ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่

“ผมชอบบรรยากาศแบบสวนมะพร้าวของบ้านคุณมากกว่านะ เพราะมันดูร่มรื่นแล้วก็สบายตากว่า แถมยังมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า” บีมให้คำตอบด้วยความสัตย์จริง เพราะที่บ้านสวนของคุณนัทเต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ แถมการดำเนินชีวิตก็ยังเต็มไปด้วยความเรียบง่ายและไม่ค่อยวุ่นวาย อีกทั้งยังมีวัตถุดิบลงครัวที่คุณย่าสรรหามาปลูกตั้งมากมาย ซึ่งบีมยังจดจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดคุณย่าทำกล้วยเชื่อมที่เป็นผลผลิตจากสวนมาให้กิน เรียกได้ว่าอร่อยเหาะกว่าเจ้าไหน ๆ 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยกความดีความชอบให้คุณนัทที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจรลอบทำร้าย คุณย่าก็เลยคอยเอาอกเอาใจ ส่วนเจ้าตัวก็ถือโอกาสออดอ้อนด้วยท่าทีที่น่าเอ็นดู

“ถ้าอย่างนั้นหลังจากกลับกรุงเทพ ผมจะพาคุณไปเที่ยวที่บ้านสวนอีก เราสองคนจะได้หาเรื่องสนุก ๆ ทำด้วยกัน แล้วเราก็จะได้กินขนมอร่อย ๆ จากคุณย่า” คุณนัทเริ่มวางแผนอย่างรวดเร็ว คงเพราะไม่ได้กลับไปที่บ้านสวนพักใหญ่ เนื่องจากต้องคอยเคลียร์งานเพื่อเตรียมเดินทาง

“แต่ถ้าหากวันไหนต้องทำงานสวนจนเหนื่อย เราก็พาพวกท่านไปกินก๋วยเตี๋ยวชามละ 25 บาทเหมือนวันนั้น” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เพราะบรรยากาศที่เคยสัมผัสยังคงประทับแน่นอยู่ในใจ ซึ่งบีมสามารถลั่นวาจาได้เลยว่า บ้านสวนของคุณนัทก็เป็นเหมือนเซฟโซนอีกแห่งหนึ่งสำหรับบีม 

“แต่คราวนี้คุณคงต้องเตรียมเดรสคอลเลกชันใหม่ไปเยอะ ๆ เพราะคุณย่าของผมท่านความจำดีมาก” พอคุณนัทพูดมาถึงประเด็นนี้ บีมก็รีบพยักหน้าพร้อมกลั้วหัวเราะอย่างเห็นด้วย เพราะการไปเยือนที่บ้านสวนเมื่อครั้งล่าสุด บีมถูกคุณย่าหยอกล้อว่าทำไมที่ร้านถึงได้มีคอลเลกชันเสื้อผ้าน้อยจัง


ทันทีที่ตัวรถเข้ามาจอดเทียบท่าตรงหน้าบ้าน ใกล้บริเวณริมรั้วที่มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าบดบัง บีมก็เดินลงมาจากตัวรถด้วยความอ้อยอิ่ง เพราะยังอยากใช้เวลาร่วมกับคนรักให้นานกว่านี้ แต่เนื่องจากคุณนัทหวั่นเกรงว่าจะเป็นการเร่งเร้าพ่อกับแม่มากไป แถมพรุ่งนี้ยังต้องรีบไปตรวจดูความเรียบร้อยก่อนห้างจะเปิด ชายหนุ่มจึงต้องขับรถกลับเข้าสู่ตัวเมืองเพียงลำพัง โดยที่บีมให้คำมั่นสัญญาว่าพรุ่งนี้จะตามไปให้กำลังใจและจะแนะนำให้คุณนัทได้รู้จักกับพี่มีนอย่างเป็นทางการ

ซึ่งแพลนในส่วนนี้ได้มีการนัดแนะกับพี่มีนแล้ว จึงส่งผลให้ดาราสาวแทบอยากจะเร่งวันเร่งคืน เพราะอยากเห็นคนรักของบีมใจจะขาด

“ขับรถดี ๆ นะครับ” บีมเอื้อนเอ่ยพลางใช้ปลายนิ้วโป้งลูบไล้ข้างแก้มของคนรักด้วยความห่วงใย ซ้ำยังชะโงกหน้าข้ามผ่านบานกระจกที่ลดระดับไปกว่าครึ่ง เพื่อสังเกตความอ่อนล้าในแววตาอย่างจริงจัง เพราะวันนี้อีกฝ่ายเพิ่งจะเดินทางมาถึง แต่ก็ยังหาเรื่องให้ตัวเองเหนื่อยล้า เพียงเพราะรู้ว่าบีมกำลังไม่สบายใจ

“สัญญาว่าผมจะไม่หลับในให้คุณเป็นห่วง” คุณนัทจุมพิตลงบนหลังฝ่ามือของบีม พลางใช้อีกมือชูสามนิ้วในระดับหางคิ้ว จากนั้นบานกระจกที่เคยขวางกั้นก็ถูกลดระดับลงจนสุดทาง

“แฟนใครเนี่ยอยู่ในโอวาทจัง” บีมเอ่ยแซวพลางบิดปลายคางของอีกฝ่ายด้วยความหยอกเย้า คุณนัทจึงกลั้วหัวเราะอย่างชอบใจ จากนั้นแววตาของทั้งคู่ก็มองสบกันแน่นิ่งและไม่นานริมฝีปากต่างก็ดึงดูดกันและกัน รสสัมผัสจึงเต็มไปด้วยความโหยหา ขณะที่หัวใจกลับเต้นกระหน่ำด้วยความลุ่มหลง ก่อนจะเร่งร้อนลิ้มชิมความหอมหวานอันลึกซึ้งอย่างไม่มีใครยอมใคร

“ถึงโรงแรมแล้วผมจะโทรมารายงานตัวนะครับ” ทันทีที่ริมฝีปากผละห่างออกจากกัน คุณนัทก็เอื้อนเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งฝากฝังจุมพิตตรงบริเวณข้างแก้มของบีมฟอดใหญ่

“ส่งมาแค่ข้อความก็พอครับ แล้วคุณก็รีบเข้านอนด้วย ส่วนผมสัญญาว่าจะไม่เผลอหลับจนลืมใส่กุญแจมืออีก” บีมผละตัวออกมายังด้านนอกพลางค้อมหลังให้อยู่ในระดับเดียวกันกับคนรัก พร้อมทั้งชูสามนิ้วประกอบคำพูด

“ฝันดีนะที่รัก” กระทั่งได้รับคำมั่นสัญญาอันพึงพอใจ ชายหนุ่มต่างถิ่นจึงพยักหน้ารับคำพร้อมทั้งเอื้อนเอ่ยเป็นประโยคสุดท้าย โดยที่บีมก็ได้แต่เฝ้ามองดวงไฟสีแดงสดตรงบริเวณท้ายรถที่ค่อย ๆ เคลื่อนหายไปจากสายตา


--------------------------✁


มาต่อแล้วจ้า ตอนแรกคาดว่าเรื่องนี้จะจบภายใน 30 ตอน แต่เราเขียนรายละเอียดบางส่วนเยอะไปหน่อย น่าจะขยายตอนจบออกไปอีกนะคะ แต่คิดว่าน่าจะไม่เกิน 35 และยังมีฉากเพลย์เหลืออยู่อีก ช่วงครึ่งหลังจะเห็นได้ว่าเราค่อนข้างเน้นไปในประเด็นทางสังคมเยอะหน่อย ต้องบอกก่อนว่าแต่ละประเด็นเราเอามาจากที่เคยได้ยินหรือที่เคยอ่านผ่านตา อย่างเรื่องที่มีคนคิดว่าการเป็นเกย์คืออาการทางจิต เราก็เอามาจากความคิดของคนสมัยนี้นี่แหละค่ะ เพียงแต่มันเป็นส่วนน้อย และการนินทากันของชาวบ้านก็จะออกแนวไม่อยากเห็นใครดีกว่าตัวเองหรือลูกหลานของตัวเอง รวมไปถึงการล้อเลียนเพศทางเลือกในทางตลกขบขัน ก็ยังมีให้เห็นอยู่ แต่อาจจะไม่เด่นชัดมากนัก

ส่วนเรื่องปมครอบครัวของน้องบีมก็มาคอยเอาใจช่วยกันต่อไปจ้า เพราะตอนนี้คุณนัทและน้องบีมเริ่มแก้เกมกันบ้างแล้ว


อันนี้เป็นบรรยากาศของวัดป่าภูก้อนค่ะ แต่ช่วงเวลาที่จะทำให้มองเห็นภาพสะท้อนของลวดลายบนเพดานวัดเราไม่แน่ใจว่าคนทั่วไปจะสามารถเข้าดูได้หรือเปล่า เพราะเท่าที่หาข้อมูลเหมือนว่าประตูพระวิหารจะเปิดตอนฟ้าสว่างแล้ว แต่การจะเห็นภาพสะท้อนได้เราคิดว่าภายในพระวิหารก็ต้องมืดด้วย แล้วแสงสว่างจากข้างนอกก็น่าจะต้องรำไรหน่อยๆ

ปล. วิธีที่เราใช้ในนิยาย เราคาดเดาจากคลิปนี้นะ มันอาจจะใช้ไม่ได้จริง แต่อยากใส่ฉากนี้เข้ามาเพราะมันดูสวยดี 55 https://youtu.be/DGlKqVFaeZQ

https://imgur.com/rEph34Q
https://imgur.com/e94adx0
https://imgur.com/mGStgx8

Cr : https://www.junjaonews.com/archives/42553
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 27 (update 29/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-01-2020 21:40:23
ลุ้นไปอีก เปิดตัวแล้วพ่อกับแม่จะรับได้มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 28 (update 05/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 05-02-2020 20:32:05
ตอน 28


เที่ยงนี้บีมเลือกเจรจาท่ามกลางวงล้อมขนาดใหญ่ตรงบริเวณใต้ถุนบ้าน เพราะมันคือช่วงเวลาอันเหมาะเจาะ เนื่องจากพ่อจะกลับมากินข้าวด้วย ซึ่งบีมเอาดาราสาวอย่างพี่มีนมากล่าวอ้าง เพื่อที่จะได้กลับบ้านในเวลามืดค่ำ

ส่งผลให้ผู้คนบริเวณนั้นแตกตื่นกันยกใหญ่ เพราะไม่ทันคาดคิดว่าบีมจะรู้จักกับผู้ที่มีชื่อเสียง ภารกิจล่าลายเซ็นจึงถูกฝากฝัง ซึ่งบีมเกรงใจพี่มีนมาก แต่กระนั้นก็ต้องรีบโทรไปขอความช่วยเหลือ พ่อกับแม่เลยถือโอกาสฝากข้าวโพดสดไปให้พี่มีนกระสอบใหญ่ บีมถึงกับนั่งกุมขมับเพราะกลัวว่ามันจะกลายเป็นภาระให้กับดาราสาว แต่เพราะไม่อาจขัดเจตนารมณ์ของพ่อกับแม่ที่ต้องการจะตอบแทนได้ ข้าวโพดกระสอบนั้นจึงถูกนำขึ้นท้ายรถ

“ผมมาถึงแล้วนะครับ กำลังเดินไปหาพี่มีนที่ซุ้มแต่งตัวหลังเวที” บีมเอื้อนเอ่ยพลางเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบนสุด เพราะสถานที่จัดงานเป็นระเบียงกระจกสี่ด้าน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่เป็ดยักษ์สีเหลืองลอยน้ำ จึงทำให้ห้างสรรพสินค้าในเครือของคุณนัทตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติ ไม่ต่างกับสาขาทางใต้ที่อยู่ติดชายทะเล

‘ผมก็อยู่แถวนั้นเหมือนกันครับ ได้คุยกับเพื่อนของคุณบ้างแล้ว แต่ผมยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการตามที่คุณขอไว้’ คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยระดับเสียงที่ดังกว่าปกติ เพราะสุ้มเสียงรบกวนในบริเวณนั้นมีมากจนเกินไป

“รอจบงานก่อนแล้วกันครับ” บีมพูดไปก็อมยิ้มไป เพราะกำลังนึกสนุกที่ได้แกล้งเพื่อนรักต่างวัย

‘ได้ครับ ผมเห็นคุณแล้ว วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักมาก’ สิ้นคำพูดของคนรัก บีมก็ได้แต่ย่นจมูกใส่เป้าหมาย ก่อนจะผลุบหายไปยังซุ้มรับรองของพี่มีนที่หันหน้าเข้าหาหนองน้ำขนาดใหญ่

“ผมวางสายก่อนนะครับ” บีมกล่าวพลางวางกระเป๋าที่บรรจุเรื่องย่อละครหลายสิบเล่มลงบนโต๊ะรับรองทางฝั่งห้องแต่งตัวของนักแสดงหญิงที่มีการนำฉากมากั้นความเป็นส่วนตัว พร้อมกับเดินตรงไปยังกระจกบานใหญ่สำหรับช่างแต่งหน้า เพื่อสำรวจการแต่งตัวในวันนี้ เพราะบีมกำลังสงสัยว่าเสื้อลูกไม้สีขาวตัวบางแสนโคร่งมันน่ารักตรงไหน ที่สำคัญเสื้อตัวนี้ยังยับเยินราวกับผ่านสมรภูมิรบก็ไม่ปาน เนื่องจากบีมนำมาสับเปลี่ยนที่ลานจอดรถ

“ตั้งแต่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน ส่องกระจกนานขึ้นนะเรา” ทันทีที่เพื่อนต่างวัยเอ่ยแซว บีมก็รีบหยุดการกระทำดังกล่าว เพื่อเปลี่ยนมาหยิบเรื่องย่อละครวางกองลงตรงหน้าสาวสวย

“เซ็นเลย” บีมทำเป็นวางมาดเข้ม แต่ทว่าใบหน้ากลับร้อนผ่าว เรียวนิ้วจึงยกขึ้นถูปลายจมูกแก้เก้อ

“โห คนนี้ท่าจะเด็ด แซวแค่นี้ถึงกับอายม้วน” พี่มีนยังคงหยอกเย้าไม่หยุด ขณะที่ฝ่ามือก็บรรจงเปิดเรื่องย่อละคร เพื่อมอบหมายลายเซ็นอันล้ำค่าให้กับแฟนคลับด้วยปากกาเมจิสีทองอร่าม

“ผมยังไม่มีเวลาดูละครเรื่องใหม่ของพี่มีนเลย” บีมเปิดประเด็นพร้อมกับพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนโต๊ะตัวใหญ่สำหรับแต่งหน้า ขณะมองดูเพื่อนต่างวัยบรรจงลากปากกาเมจิลงบนเนื้อกระดาษ

“ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ” หญิงสาวเอื้อนเอ่ยพลางยกยิ้ม แต่ทว่าบีมกลับไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะปกติจะเป็นคนให้คอมเมนต์เกี่ยวกับฝีมือการแสดงอยู่เสมอ แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่พี่มีนก็ยินดีรับฟังความคิดเห็นมาตั้งแต่สมัยเรียน

“แล้วไปถ่ายละครในป่าเป็นยังไงบ้าง ?” บีมเอ่ยถามพลางแกว่งขาไปมาราวกับเด็ก เพราะเวลานี้บีมกำลังเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง

“ยุงกัดดิ แพ้ด้วย” พอได้ทีพี่มีนก็รีบฟ้องยกใหญ่ ซ้ำยังยื่นแขนมาให้ดูเป็นขวัญตา

“ทายาหรือยัง ไหนบอกไม่ชอบงานลุย ๆ ไง” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมย้ำเตือนด้วยความห่วงใย

“ทาแล้ว แต่ที่เริ่มรับบทลุย ๆ เพราะพี่รู้สึกว่าตัวเองควรจะพลิกบทบาทได้แล้ว จะได้พัฒนาฝีมือด้วย” บีมหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อสุ้มเสียงของเพื่อนต่างวัยค่อย ๆ เบาลง

“มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอีกแน่ ๆ พระเอกเป็นใครนะ” บีมแกล้งเอื้อนเอ่ยด้วยความครุ่นคิด

“เดี๋ยวเถอะ! ยอกย้อน! แล้วไหนแฟนเราที่ว่าจะพามาแนะนำล่ะ” พี่มีนแกล้งข่มขู่ แต่ทว่าใบหน้ากลับแดงซ่าน บีมจึงตั้งใจว่าถ้าหากมีเวลาจะลองไปเสิร์ชข่าวบันเทิงอ่านสักหน่อย

“เห้อ~ ไปซื้อชานมไข่มุกกินดีกว่า” บีมแกล้งถอนหายใจพร้อมก้าวเดินอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังทันได้ยินพี่มีนบ่นอุบว่าบีมไม่กินของแบบนี้ ซึ่งก็จริงเพราะบีมตั้งใจจะซื้อมาเลี้ยงอีกฝ่าย


กระทั่งได้ชานมไข่มุกไว้ในกำมือ บีมก็รีบเดินขึ้นบันไดเลื่อน เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้ขึ้นมาเพียงลำพัง เพราะบังเอิญเจอกับพี่เจมส์เข้าพอดี

“บีมดูสดใสขึ้นนะ” ดาราหนุ่มภายใต้แว่นกันแดดสีชาเอ่ยทัก บีมจึงได้แต่ยิ้มรับ เพราะรู้ตัวดีว่ามันเป็นแบบนั้น

“พี่เจมส์ล่ะครับสบายดีไหม” บีมย้อนถามขึ้นมาบ้าง

“ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะนับวันความพยายามที่จะปรับตัวเข้าหากันก็กล้ำกลืนเต็มทน พี่เลยคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับวนิลลาสักเท่าไหร่” เมื่อได้ยินพี่เจมส์เปิดประเด็น บีมก็รับรู้ได้ทันทีว่า ‘รสนิยม’ แบบ BDSM ทำให้อีกฝ่ายเจอปัญหาใหญ่

“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมดีไหมบีม ?” พี่เจมส์เอ่ยถามด้วยถ้อยคำง่าย ๆ คงเพราะเลิกศรัทธากับความรักครั้งเก่าแล้ว ซึ่งบีมเข้าใจดีว่ารสชาติของการมีเซ็กส์หากไม่ได้รับการเติมเต็มก็นับเป็นปัญหา บีมถึงได้ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตน

“พี่เลิกกับเขาแล้วล่ะ” เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว บีมก็รีบหันรีหันขวาง เพราะกลัวคนอื่นจะมาได้ยินแล้วอีกฝ่ายจะตกที่นั่งลำบาก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ค่อยแคร์สักเท่าไหร่

“แต่ผมมีแฟนแล้วครับ เราเจอกันเพราะการนัดเพลย์” บีมบอกกล่าวอย่างจริงจัง ขณะเดินเข้าไปในซุ้มแต่งตัวที่จัดเตรียมไว้

“พรหมลิขิตแบบนี้เล่นเอาพี่อิจฉาเลย” พี่เจมส์เอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ บีมเลยได้แต่ยิ้มแก้มปริ ขณะที่หัวใจก็พลันรู้สึกจักจี้กับคำว่า ‘พรมหมลิขิต’ จึงทำให้การนั่งรอเพื่อนต่างวัยแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นไปอย่างไม่น่าเบื่อ


จนกระทั่งได้รูปคู่หลากหลายมุมไว้เป็นหลักฐานให้พ่อกับแม่ดู บีมก็ขอแยกตัวไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งตลอดทางบีมรับรู้ได้ว่ามีใครคนหนึ่งคอยสะกดรอยตาม แต่ก็ยังชะล่าใจจนถูกลากเข้าห้องน้ำสำหรับแม่และเด็กอย่างรวดเร็ว

หัวใจของบีมจึงเต้นรัวอย่างแรงกล้า ขณะที่ลำคอกำลังถูกมือหนาล็อกติดกำแพงด้วยสัมผัสที่ไม่รุนแรงมากนัก ส่วนช่วงล่างพลันถูกเรียวขาภายใต้กางเกงสแล็คสีดำเข้าชุดกับสูทแบรนด์หรูแทรกแซงอย่างรวดเร็ว

“หัวร่อต่อกระซิกอะไรกันครับ ดูมีความสุขจัง” สิ้นคำถามจากคุณนัทในมาดนายท่าน บีมก็มองสบแววตาของอีกฝ่ายแน่นิ่ง เพื่อสำรวจความไม่พึงพอใจอย่างเป็นกังวล เพราะบีมยังจดจำได้ดีว่าคุณนัทเป็นคนขี้หึง

“พี่เจมส์บอกว่าความรักของเราคือพรมหมลิขิตที่น่าอิจฉา” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วหวิว พลางตอบรับจุมพิตจากอีกฝ่ายด้วยความยินดี ฝ่ามือจึงกอบกุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดภายใต้เสื้อสูทด้วยความหวามไหว

“คุณก็เลยออกอาการเก้อเขินขนาดนั้น ?” นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามพลางจับยึดข้อมือของบีมไว้เหนือศีรษะด้วยฝ่ามือเดียว ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างกำลังผลักดันให้บีมเชิดหน้ารอรับความหวามไหวจากริมฝีปากคู่นั้น ก่อนจะใช้เป็นหมอนรองศีรษะเพื่อที่บีมจะได้ไม่บาดเจ็บ

“ค..ครับ” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยความติดขัด เมื่อลมหายใจกำลังพบเจออุปสรรคจากเรียวลิ้นร้อนที่กำลังหยอกเย้าลูกกระเดือกอันโดดเด่น จนผิวกายชุ่มโชกไปด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของ

“แต่ผมหึงคุณไปแล้ว จะรับผิดชอบยังไง ?” คุณนัทเอ่ยถามราวกับเป็นใบเบิกทางแห่งการเพลย์ ซ้ำยังมอบรสสัมผัสแสนรัญจวนไม่ขาดสาย ความรู้สึกของบีมจึงยิ่งปั่นป่วน

“ผมบอกพ่อกับแม่แล้วว่าจะกลับดึก” บีมเอ่ยตอบด้วยสุ้มเสียงหวิวไหว พลางหอบหายใจเพียงเล็กน้อย ขณะลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะคุณนัทยังคงให้ความสนใจกับลูกบอลลูกนั้นไม่แปรเปลี่ยน

“หลังจากผมแนะนำให้คุณรู้จักกับพี่มีนอย่างเป็นทางการแล้ว” บีมยังคงตั้งหน้าตั้งตาตอบคำถามอย่างว่าง่าย แต่ทว่าดวงตาเรียวสวยกลับหลับพริ้มด้วยความเคลิบเคลิ้ม บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าบีมชื่นชอบการปลุกเร้าในรูปแบบนี้

“คุณจะลงโทษที่ผมทำให้คุณหึงนานแค่ไหนก็ได้ หรือจะสั่งให้ผมทำตัวไร้ยางอายมากกว่าที่ผ่านมาก็ไม่ขัด แต่อย่าเก็บเอาไปใส่ใจจนคิดมากเลยนะครับ” กว่าจะบอกเจตจำนงจนจบประโยคก็ใช้เวลาอยู่เนิ่นนาน แต่เพราะคนฟังตั้งใจที่จะรับฟัง บีมจึงพร้อมใจพลีกายให้อีกฝ่ายควบคุมอย่างไม่มีข้อแม้

“หึ จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดีนะที่รัก” กระทั่งอีกฝ่ายผละออกจากกัน บีมก็หอบหายใจ ซ้ำยังยืนตัวสั่นด้วยความต้องการ ขณะที่หัวใจกลับยินดีปรีดาในคำพูดนั้น เพราะมันแปลว่าบีมอาจจะพบเจอประสบการณ์แปลกใหม่มากกว่าที่เคย

“อารมณ์ของคุณจุดติดง่ายมากเลยที่รัก คิดถึงผมมากเลยเหรอ ?” คุณนัทเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู ซ้ำยังรั้งบีมเข้าสู่อ้อมกอดพร้อมลูบแผ่นหลังราวกับต้องการปลอบโยนจิตใจที่กำลังร้อนรุ่ม

“ครับ” บีมยอมรับอย่างไม่คิดปิดบัง ขณะยกสองแขนโอบรอบลำตัวของอีกฝ่ายอย่างที่นึกอยากทำตั้งแต่ได้พบหน้ากัน

“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกันที่รัก” สิ้นถ้อยคำที่อยากได้ยิน บีมก็ได้แต่อมยิ้มกับตัวเองเพียงลำพัง ก่อนจะโอบรัดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น จนได้ยินเสียงหัวใจที่มันเต้นรัวเป็นจังหวะเดียวกัน ขณะที่คุณนัทก็จุมพิตลงบนเรือนผมด้วยความนุ่มนวล

“ใกล้ได้เวลาเริ่มงานแล้ว ผมว่าเรากลับไปที่หน้าเวทีกันดีกว่า” กระทั่งคุณนัทย้ำเตือน บีมถึงได้ยอมผละกายออกห่างจากอ้อมกอดที่แสนคิดถึงเป็นคนสุดท้าย จากนั้นจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยที่อีกฝ่ายจะยืนรออยู่ข้างนอกเพื่อที่จะได้เข้างานพร้อมกัน


กระทั่งอีเว้นท์เปิดห้างสรรพสินค้าดำเนินไปได้ครู่หนึ่ง พื้นที่โดยรอบก็ถูกจับจองโดยเหล่าแฟนคลับของดาราคู่ขวัญ คุณนัทจึงพาบีมเดินลัดเลาะเข้าไปยังอาณาบริเวณของแขกผู้มีเกียรติ ก่อนจะปล่อยให้บีมนั่งเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง เพราะบนเวทีในช่วงเวลานี้เป็นของเหล่าผู้บริหารระดับสูง

จากนั้นไม่นานดาวเด่นที่แท้จริงก็ปรากฏ เสียงเชียร์จึงดังระงมจากรอบทิศทาง บีมเลยอดจะภูมิใจกับความสำเร็จของเพื่อนรักต่างวัยไม่ได้ เพราะดูท่าแล้วกระแสตอบรับของละครเรื่องใหม่กำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางกว่าที่คิด บีมจึงไม่แปลกใจนักที่เหล่าคนงานมีความกระตือรือร้นที่จะไปหยิบเรื่องย่อละครหลังข่าวจากที่บ้าน เพื่อฝากให้บีมเอามาให้พี่มีนเซ็น มิหนำซ้ำยังกำชับขอรูปเซลฟี่ของดาราสาวจากงานในวันนี้อีกต่างหาก

“พอได้ดูการแสดงชุดมณีเมขลาแล้ว ทำให้ผมนึกถึงสมัยเรียนมหาลัยเลยครับ” บีมเปิดประเด็นขณะหลบสายตาอันเฉียบแหลมจากคนบนเวทีอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ยังทันเห็นริมฝีปากของหญิงสาวคลี่เป็นรอยยิ้ม ทั้ง ๆ ที่บทบาทของการแสดงกำลังอยู่ในช่วงหลอกล่อรามสูรด้วยดวงแก้วอันแวววับ จนเกิดฟ้าแลบแปลบปลาบด้วยเทคนิคตระการตา คงเพราะเธอทราบแล้วว่าใครคือคนรักของเพื่อนสนิทต่างวัย

“เดาว่าคุณคงจะเคยแสดงในงานประกวดดาวเดือน” คุณนัทเริ่มทำนายทายทักด้วยความสนใจ บีมจึงพยักหน้าตอบรับอย่างไม่คิดปิดบัง

“ใช่ครับ” บีมยืนยันคำตอบขณะโฟกัสสายตาไปที่พี่มีนในคราบของนางเมขลาและพี่เจมส์ในคราบของรามสูร จึงไม่ทันเห็นว่าเวลานี้ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจหาได้สนใจการแสดงบนเวทีแต่อย่างใด เพราะคนที่เขาอยากจะเฝ้ามองให้นานที่สุดกลับอยู่ใกล้เพียงแค่นี้

“คุณดูจะชอบเกี่ยวกับการเต้นหรือไม่ก็การร่ายรำมากนะครับ” ชายหนุ่มเจ้าของห้างสรรพสินค้าเอื้อนเอ่ยด้วยความเอาใจใส่ พร้อมกับจดจ้องด้วยความลึกล้ำมากกว่าเดิม เมื่อคนรักกำลังแย้มยิ้มด้วยแววตาอันเป็นประกาย คงเพราะกำลังนึกถึงช่วงเวลาในอดีตอันเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นแห่งมิตรภาพ

“แต่ก็ไม่ได้ชอบจนถึงขั้นต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะ ๆ หรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะมันคือการแสดงพิเศษที่ส่งผลต่อคะแนนเก็บของวิชาพละ ให้ตายผมก็ไม่คิดจะทำ” บีมบอกกล่าวถึงความเป็นตัวเอง พลางหันมายกยิ้มให้กับคนข้างกาย

“โอกาสหน้า ถ้าหากผมพาคุณไปที่งานเพลย์ปาร์ตี้ คุณคิดอยากจะเป็นจุดสนใจหรือว่าอยากจะเป็นผู้ชมมากกว่ากันเหรอครับ” เมื่อได้ยินคนรักเอื้อนเอ่ยออกมาแบบนั้น ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจก็อดจะถามไถ่ด้วยความเอาใจใส่ไม่ได้ เพราะลักษณะของงานแทบไม่ต่างกับการร่ายรำบทเวที

“คุณก็รู้ ถ้าหากเกี่ยวกับการเพลย์..” บีมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปชิดใกล้คนรักพร้อมกับเอื้อนเอ่ยด้วยถ้อยคำกระซิบซาบ

“ผมเป็นพวกชอบโชว์และยังหน้าไม่อายสิ้นดี” สิ้นคำกล่าวนั้นคุณนัทก็หัวเราะในลำคอราวกับถูกอกถูกใจนักหนา ขณะที่บีมกำลังยิ้มค้างทันทีที่ได้เห็นคนรู้จักแถวหมู่บ้านมองมาด้วยความสนใจ บีมจึงรีบผละกายออกห่างจากคุณนัท

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ?” คุณนัทเอ่ยถามด้วยความสงสัย คงเพราะจับสังเกตได้ว่าการเปิดประเด็นยั่วเย้าเมื่อสักครู่กำลังจบลงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“ผมเห็นไอ้โต้ง..” บีมเอื้อนเอ่ยอย่างเป็นกังวล

“เขาเป็นใครเหรอครับ ?” นัทเอ่ยถามด้วยความเอาใจใส่พร้อมกับจูงมือคนรักเดินไปยังซุ้มรับรองของเหล่านักแสดง

“มันเป็นพวกเดียวกับแรงงานชั่วคราวที่มาช่วยบ้านผมเก็บเกี่ยวข้าวโพด แล้วก็เป็นคนที่ชอบล้อเลียนตัวตนของผมเหมือนกับเรื่องตลก แถมมันยังคิดว่าสิ่งที่ผมเป็นคือโรคที่ต้องรักษา” บีมเริ่มระบายความรู้สึกทันทีที่ถูกโอบล้อมด้วยความเป็นส่วนตัว แต่ยิ่งพูดน้ำเสียงกลับยิ่งแผ่วเบา เพราะทุกถ้อยคำที่แอบได้ยินในวันนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในใจ อีกทั้งเรื่องราวที่แม่เคยบังคับลากถูก็ยังตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา ซึ่งบีมยอมรับว่าในใจยังคงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นจึงต้องคอยกลบทับด้วยความเริงร่า เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับทะเลที่คลื่นลมกำลังเงียบสงบ

“พวกเขาจะคิดยังไงก็ปล่อยให้คิดไปดีไหมครับ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้สึกของคนในครอบครัว ถ้าหากพ่อกับแม่ของคุณคิดว่าการเป็นเกย์หรือการชอบผู้ชายด้วยกันคืออาการเจ็บป่วยเหมือนที่ผ่านมา พวกท่านจะยอมปล่อยให้คุณใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณชอบผู้ชายได้นานขนาดนี้เลยเหรอครับ เพราะถ้าหากเป็นผมคงจะรีบลากตัวกลับทันทีที่รู้ความจริง และผมก็เชื่อว่าพวกท่านน่าจะทราบถึงตัวตนของคุณมานานแล้วว่ามันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแต่พวกท่านอาจจะยังทำใจยอมรับไม่ได้ถึงได้ทำเป็นไม่รู้ต่อหน้าคุณ”

“แต่วิธีที่พวกท่านเลือกใช้ ทำให้ผมรู้สึกว่าความพยายามและความทุ่มเทของผมไม่มีค่าเลย” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่แววตากำลังไหวระริกด้วยความผิดหวังและเสียใจ ที่พ่อกับแม่คิดถึงแต่ผลลัพธ์ในมุมมองที่พวกท่านต้องการจนไม่สนวิธีการ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกใช้งานแต่งของพี่แก้วมาเป็นข้อกล่าวอ้าง ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันครอบครัวของพี่แก้วย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ แถมยังหาใครสักคนมาสวมรอยเป็นเพื่อนต่างวัยของลูกชายเพียงหนึ่งเดียว โดยไม่คิดถึงผลกระทบต่อความรู้สึกของบีมเลยสักนิด

“ที่รัก.. ผมอยากให้คุณคิดเสียว่ามันคือโอกาสอันดีที่จะทำให้พวกท่านมองเห็นว่าความรักของพวกเรามั่นคงมากแค่ไหน และยังทำให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองว่าสามารถดูแลคุณที่มีอาการเดินละเมอได้ดี ดังนั้นคุณเองก็ต้องคอยเป็นทัพเสริมให้กับผม เพราะทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีถ้าหากเราสองคนร่วมมือกัน” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความจริงจัง ซ้ำยังประคองสองข้างแก้มของบีมด้วยความนุ่มนวล เพื่อที่บีมจะได้จ้องมองแววตาอันอบอุ่นได้อย่างชัดเจน ความมั่นใจและความกังวลจะได้ถูกปัดเป่าจนหมดสิ้น

“พอได้ฟังคุณพูดแบบนี้ ผมกลับยิ่งมั่นใจว่ารูปอนาจารนั่นคือสาเหตุหลัก เพราะผมไม่เคยพาใครมาเพลย์ที่ห้องและไม่เคยพลาดพลั้งเหมือนวันนั้น แต่การที่รถของแม่สตาร์ทไม่ติดก็เหมือนกับแม่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ผมเลยไขว้เขวและหวาดกลัวว่าความเงียบสงบในตอนนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มของพายุลูกใหญ่” บีมเอื้อนเอ่ยพลางถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก และยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิว่าตัวเองค่อนข้างมองโลกในแง่ร้าย อาจเพราะบีมไม่อยากให้คนดี ๆ อย่างคุณนัทหลุดมือไป บวกกับนิสัยใจคอของแม่ก็ดูสุขุมแตกต่างจากวันวาน บีมจึงรับมือไม่ค่อยถูก

“เราสองคนก็ทำตัวให้เหมือนกับนักกีฬาโต้คลื่นสิครับ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยพลางแย้มยิ้ม บีมจึงเลิกคิ้วข้างหนึ่งด้วยความสงสัย

“เรื่องรูปเราอาจจะบอกความจริงกับพวกท่านไม่ได้ เพราะมันจะยิ่งทำให้พวกท่านเป็นห่วง และหวาดกลัวว่าผมจะเพลย์กับคุณรุนแรงจนเกินไป ถ้าหากพวกท่านสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณอาจจะต้องโกหกว่าในตอนนั้นท่านกำลังตาฝาด ระหว่างนี้เราสองคนก็เตรียมถ่ายรูปในมุมมองที่คล้าย ๆ กันไว้เป็นข้อแก้ตัว” คำแนะนำของคุณนัทยังคงเป็นทางออกที่ดีเสมอ เพราะบีมเข้าใจดีว่าพ่อกับแม่คงไม่มีทางเข้าใจรสนิยมแบบ BDSM ได้ง่าย ๆ เพราะประเทศไทยยังไม่เปิดรับมากมายขนาดนั้น

แถมบุคลากรทางการแพทย์บางคนก็ยังคิดว่ารสนิยมแบบนี้ คืออาการเจ็บป่วยทางจิตเวชและยังเป็นความวิปริตทางเพศ ซ้ำยังมีสื่อแขนงต่าง ๆ คอยนำเสนอด้วยความผิวเผิน จนสร้างภาพจำให้กับคนทั่วไปแบบผิด ๆ เพียงเพราะมันไม่เคยถูกนำเสนอด้วยขอบเขตของคำว่า ‘รสนิยม’ ที่ขับเคลื่อนไปด้วย ‘ความปลอดภัย’ แต่กลับถูกนำเสนอด้วยความรุนแรงเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้กว่าจะเกิดความเข้าใจก็ต้องผ่านการค้นคว้าอย่างจริงจัง

แต่ทว่าจะมีชาววนิลาสักกี่คนที่คิดจะทำแบบนั้น และมันก็ใช่ว่าการอ่านข้อมูลจะทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ บีมจึงมองเห็นปัญหาได้อย่างชัดเจน ว่าถ้าหากพ่อกับแม่ทราบถึงรสนิยมในส่วนนี้ คงจะต้องร้องขอให้บีมและคุณนัททำอะไรที่อยู่ในขอบเขตที่พวกท่านรับได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันคงจะไม่ใช่ขั้นที่สามารถเติมเต็มความรู้สึกของบีมกับคุณนัท หรือบางทีมันอาจจะเลวร้ายจนถึงขั้นสะบั้นความสัมพันธ์ต่อกัน จึงไม่แปลกที่พ่อกับแม่เลือกที่จะหลอกล่อให้บีมกลับมาเป็นช่างตัดเสื้อประจำสตูดิโอในบ้านสีขาวหลังเล็ก

“เพราะฉะนั้นความปลอดภัยของคุณคือกระดานโต้คลื่นอันมั่นคง และผมเชื่อว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหน ไม่ไว้วางใจคนที่ลูกของเราสามารถพึ่งพาได้ ผมคิดว่าการเปิดเกมของคุณมาถูกทางแล้ว เหลือแค่คนที่เล่นเกมอย่างผมจะต้องคอยจับมือของคุณฝ่าด่านเหล่านั้นไปด้วยกัน” คุณนัทเอื้อนเอ่ยพลางเลื่อนมากอบกุมฝ่ามือของบีมไว้พร้อมกับจุมพิตเพียงแผ่ว

“แล้วเราจะผ่านด่านนี้ยังไงดีครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความผ่อนคลายมากขึ้นพลางเดินไปยังโต๊ะแต่งหน้าของพี่มีน เพื่อตรวจดูว่าอีกฝ่ายมอบลายเซ็นให้กับเหล่าแฟนคลับครบหรือไม่

“พรุ่งนี้ผมจะไปดูที่ดินที่หนองคาย ระหว่างนี้ผมจะคอยดูแลคุณเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่ทุกการกระทำของคุณ จะตกอยู่ภายใต้สายตาของพ่อกับแม่ เพราะผมลงแอปพลิเคชันของกล้องวงจรปิดเอาไว้ ดังนั้นพวกท่านจะเห็นทั้งความไว้วางใจและความสุขของคุณที่เกิดขึ้นเพราะผมอย่างชัดเจน หลังจากนั้นผมจะกลับมาขอสิทธิ์ในการดูแลคุณในสถานะคนรักก่อนจะกลับกรุงเทพตามแพลนที่คุณวางไว้” คุณนัทก้าวเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง พลางจุมพิตเรือนผมของบีมด้วยความรักใคร่ ใบหน้าของบีมจึงร้อนผ่าวและแดงก่ำอย่างเปิดเผย

“แล้วถ้าหากไม่สำเร็จล่ะครับ ?” หลังจากบีมเริ่มปรับความรู้สึกให้คุ้นชินแล้วจึงเอ่ยถามเป็นการเผื่อใจ และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อคิดหาวิธีรับมือ

“ผมก็คงต้องเลือกบริหารงานด้วยวิธีเดียวกับคุณ เพราะก่อนจะเดินทางมาที่นี่ ผมก็คิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ ทุกอย่างมันเลยไม่ฉุกละหุกมากนัก และพ่อของผมก็เต็มใจให้ความช่วยเหลือ” คุณนัทพลิกตัวของบีมให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน พลางใช้วงแขนกางกั้นอาณาเขตทำให้บีมตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของอีกฝ่ายอย่างไม่มีข้อแม้

“ที่รัก.. ระหว่างที่ผมต้องเดินทางไปหนองคาย คุณอย่าคิดมาก อย่าเป็นกังวลเรื่องของเราจนเกินไป เชื่อมั่นในตัวผมเหมือนที่เคยเป็นมาก็พอครับ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความเว้าวอน คงเพราะลึก ๆ กำลังหวาดกลัวว่าบีมจะเก็บไปคิดมากจนทำให้จูเลียตออกมาเดินอาละวาดเหมือนที่ผ่านมา

“คุณเป็นเหมือนพรวิเศษจากเบื้องบน เพราะแค่ผมแบ่งปันความคิดหรือเรื่องราวให้คุณฟัง ในใจของผมก็เหมือนกับถูกปัดเป่าด้วยวิธีที่ถูกต้อง และถ้าหากผมไม่ได้รู้จักกับคุณ ผมก็คงไม่รู้ว่าตัวเองเดินละเมอออกไปข้างนอก ซึ่งถ้าหากความจริงเปิดเผยผมก็คงต้องอยู่กับความหวาดระแวงชั่วชีวิต เพราะอาการเดินละเมอของผมมันน่ากลัวมาก แต่คุณก็ยังพยายามหาวิธีช่วยเหลือผมในเบื้องต้น และยังทำให้ผมกล้าที่จะไปหาหมอ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ”

“ขอโทษนะที่วันนั้นผมเผลอหลับไปกลางอากาศ จนทำให้หัวใจของคุณเกิดบาดแผลโดยไม่ตั้งใจ” บีมซุกตัวเข้าสู่อ้อมกอดของอีกฝ่ายพลางโอบรัดด้วยความแนบแน่น พร้อมกับเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“หลังจากนี้ผมจะใช้ความสุขกับความกล้าหาญรักษาแผลใจของคุณ และสัญญาว่าจะไม่ทำให้จูเลียตมีโอกาสออกมาเดินเล่นอีก เพราะผมจะไม่โหมงานหนักจนปล่อยให้ตัวเองหลับกลางอากาศเหมือนวันนั้น และจะไม่คิดมากเพราะเรื่องของเรา” บีมเงยหน้าสบตาคนรักพลางขยับเข้าไปจุมพิตริมฝีปากอันคุ้นเคยด้วยความแผ่วเบา แต่ทว่ากลับดูดดื่มโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแอมไอจากดาราสาวพร้อมกับจังหวะเคาะฉากกั้นประมาณสองสามที

ทั้งคู่จึงต้องผละออกจากกันด้วยความเก้อเขิน



--------------------------✁


สำหรับตอนนี้มีประเด็นที่เราตั้งใจจะเขียนเกี่ยวกับ BDSM ในมุมมองจากชาววนิลลาอยู่บ้าง เพราะถึงแม้ปัจจุบันรสนิยมแบบ BDSM จะเป็นที่รู้จักมากขึ้น และมีเพจคอยให้ความรู้อย่างถูกต้อง แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจ เรื่องของเรื่องเราเคยอ่านเจอในทวิตว่าเค้ามองรสนิยมแบบนี้เป็นเรื่องผิดปกติทางจิต ส่วนหนึ่งเราคิดว่าเป็นเพราะบรรทัดฐานของสังคมด้วยแหละ ถึงทำให้ยากที่จะมองว่ามันคือรสนิยม และด้วยความมือบอนก็เสิร์ชไปเจอเพจเกี่ยวกับหมอที่มีการวิจารณ์หนังเรื่อง Fifty shade of grey ว่ามันคือความวิตถาร เราเลยอยากใส่ข้อมูลตรงนี้เข้าไปในนิยายของเรา เพราะส่วนหนึ่งเราคิดว่าสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นละคร นิยาย หรือแม้แต่ข่าว ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มวนิลลามันออกมาในรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง ความเข้าใจเลยผิดไปจากความเป็นจริงมาก ที่เห็นได้ชัด ๆ เลยคือ พอพูดถึงนิยายแบบ BDSM กลับกลายเป็นหานิยายที่เป็น BDSM จริงๆ ยากมาก เพราะส่วนใหญ่มันมักจะพ่วงมากับความรุนแรงและการข่มขืน ความเข้าใจของคนทั่วไปมันเลยถูกปลูกฝัง 

ทีนี้มันก็จะเข้ากับประเด็นที่บีมคาดเดาว่าแม่หลอกให้กลับบ้านเพราะรูปอนาจาร ถ้าตีความจากมุมมองของผู้ใหญ่เราคิดว่าการหลอกกลับบ้านคือการปกป้องลูก แม้ว่าวิธีการที่ใช้จะเต็มไปด้วยช่องโหว่ก็ตาม แต่ผลลัพธ์ถ้ามันคือการทำให้ลูกกลับบ้านได้ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายนะ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างบีมกับพี่แก้ว เราอยากให้นึกถึงเพื่อนสมัยมอต้นที่เคยสนิทกัน แต่พอโตขึ้นกลับกลายเป็นคนแปลกหน้า เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แถมบางคนก็เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ แล้วบีมก็สนิทกับพี่แก้วแค่คนเดียว แม่ถึงเลือกหยิบเอาคนที่ไม่มีตัวตนมาใช้งาน เพราะไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว อีกอย่างมุมมองดี ๆ เกี่ยวกับบ้านเกิดของตัวเอง บีมก็เพิ่งจะมองเห็นหลังจากกลับมาอยู่ที่นี่ด้วย คนอ่านอาจจะลืมไปว่าบีมในตอนนั้นรู้สึกโดดเดี่ยว ถูกมองเป็นตัวตลก แล้วยังถูกบังคับให้อยู่ในกรอบ ปัจจุบันบีมเลยกลายเป็นคนเก็บกดจนคิดมากด้วย เพื่อนคนเดียวที่ดีกับบีมจริงๆ ก็คือพี่แก้วเพียงแต่เธอจะมาเล่นด้วยทุกปิดเทอม (คาดว่าตรงนี้เราเขียนให้ความคิดของบีมสวิงตามเรื่องราวที่แม่บอกด้วยก็เลยทำให้กลายเป็นเนื้อหาที่อาจจะไม่สำคัญ)

แฮร่ อธิบายซะยืดยาวพอดีมีคนถามเข้ามาในเพจ เราเลยถือโอกาสพูดในหน้านิยายด้วย เผื่อจะมีคนสงสัยเหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 28 (update 05/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-02-2020 01:07:40
พ่อพระเอกอบอุ่นเหลือเกินหาได้ทีทไหน
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 29 (update 12/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 12-02-2020 19:48:56
ตอน 29


ทันทีที่งานอีเว้นท์ผ่านพ้นไป พี่มีนก็เลือกใช้สิทธิ์ความเป็นคนกันเองอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการไปรับประทานอาหารตามร้านหรู ดูจะเอิกเกริกเกินไปหน่อยและไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่ จึงตกลงกันว่าจะเปิดปาร์ตี้ขนาดย่อมที่โรงแรม เพราะคุณนัทกับพี่มีนก็พักอยู่ที่เดียวกัน

“ฝากขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยนะบีม พี่ล่ะเกรงใจ” พี่มีนกล่าวขณะที่บีมกำลังเปิดกระโปรงหลังรถ เพื่อที่คุณนัทจะได้ช่วยหอบหิ้วกระสอบใบโตไปไว้ที่รถของดาราสาว โดยมีผู้จัดการส่วนตัวคอยจัดแจงพื้นที่ด้วยความรีบร้อน

“อันที่จริงบีมไม่อยากให้พี่มีนขนย้ายลำบากหรอก แต่จะขัดพ่อกับแม่ก็กระไรอยู่ อีกอย่างของตอบแทนแค่นี้ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ” บีมเอื้อนเอ่ยขณะประคองกระสอบใบโตจนมือแดงก่ำ เพราะน้ำหนักของมันไม่ใช่เล่น ๆ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวถึงกองถ่ายพี่ค่อยให้พวกผู้ชายมาช่วยยกเอาก็ได้ เพราะถึงยังไงพี่ก็คงกินคนเดียวไม่หมดอยู่แล้ว อีกอย่างการที่พี่ช่วยบีมเกี่ยวกับห้องเสื้อ พี่ถือว่าเรายื่นหมูยื่นแมว ไม่มีอะไรติดค้างกันนะ เพราะบีมก็ช่วยพี่เรื่องเรียนตั้งเยอะ” สิ้นคำพูดของเพื่อนสนิทต่างวัย บีมก็ได้แต่ยกยิ้ม เพราะพี่มีนยังคงเป็นเพื่อนและพี่สาวที่ดีที่สุดเสมอ

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กว่าบีมจะตั้งตัวได้ก็นานอยู่นะ พี่มีนก็คิดเสียว่าข้าวโพดกระสอบนี้เป็นของพ่อกับแม่สิจะได้ไม่เกี่ยวกับบีม” กระทั่งเดินโซเซมาจนถึงที่หมาย ทั้งบีมและคุณนัทก็ช่วยกันยกใส่หลังรถ จากนั้นบีมจึงปัดฝ่ามือของตัวเองเพียงเบา ๆ พร้อมกับเอื้อนเอ่ยอย่างเป็นกันเอง

“จ้า พี่จะถือซะว่าได้ของกินเล่นในกองเพิ่มก็แล้วกัน ว่าแต่หกโมงเย็นเจอกันที่ห้องของคุณนัทเลยเนอะ” พี่มีนยิ้มแฉ่งพร้อมกับล็อกรถเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนจะเริ่มนัดแนะช่วงเวลาอย่างจริงจัง

“ไม่มีปัญหาครับ แล้วพี่มีนอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” บีมเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่ ขณะมุ่งหน้าไปยังอาคารสีส้มอิฐสไตล์โมร็อคคัน

“ก่อนหน้านี้พี่อยู่แต่ในป่ามาตั้งนาน อยากกินพิซซ่าอ่ะ” พี่มีนแอบกระซิบกระซาบพลางเหลือบมองไปยังชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่เดินตามหลังด้วยความเกรงใจ

“ถ้าอย่างนั้นพี่มีนก็เลือกหน้าที่อยากกินได้เลย เดี๋ยวบีมสั่งเองเวลารับของจะได้ไม่วุ่นวาย” บีมเอ่ยเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะอยากตามใจเพื่อนสนิทต่างวัยที่ไม่ได้เจอหน้ากันสักพักใหญ่ เนื่องจากอีกฝ่ายต้องไปเก็บตัวถ่ายละครเรื่องใหม่ในพื้นที่อับสัญญาณ และยังต้องบุกป่าฝ่าดงเพื่อให้ฉากของละครเรื่องนั้นเต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ

แต่กระนั้นมิตรภาพระหว่างกันกลับไม่ได้ห่างเหิน อาจเพราะก่อนที่พี่มีนจะมีชื่อเสียง พวกเราต่างแบ่งปันเรื่องราวมากมายให้แก่กัน ไม่ว่าจะเป็นการที่พี่มีนถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฝีมือการแสดงจนขาดความมั่นใจก็ได้บีมคอยเติมเชื้อเพลิงให้อีกฝ่ายฮึดสู้ พี่มีนถึงได้เชื่อมั่นในความคิดเห็นของบีมมาก บึมจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ยังไม่ว่างดูละครของอีกฝ่าย

หรือแม้แต่เรื่องรสนิยมแสนพิเศษ บีมก็ได้พี่มีนคอยให้ความช่วยเหลือด้วยความเข้าใจ มิหนำซ้ำช่วงเวลาที่พี่มีนเริ่มเป็นยอมรับในวงการบันเทิงก็ยังไม่ลืมเพื่อนสนิทต่างวัยคนนี้ จนทำให้บีมสามารถลืมตาอ้าปากในสถานะเจ้าของห้องเสื้อได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ซึ่งบีมสามารถเอื้อนเอ่ยได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ถ้าหากไม่ได้รับกำลังใจจากพี่มีนก็คงจะไม่มี ‘ห้องเสื้ออิสระ’ และในทางกลับกันถ้าหากพี่มีนไม่ได้รับกำลังใจจากบีมก็คงจะไม่มี ‘มีน กุลนิษฐ์’ ในวันนี้

“คุณนัทจะโอเคหรือเปล่า” พี่มีนย้อนถามด้วยความเกรงใจ

“รายนั้นไม่ค่อยเรื่องมากหรอกครับ พี่มีนสบายใจได้ พรุ่งนี้พี่ต้องกลับกาญจนบุรีแล้ว มีโอกาสได้กินของที่อยากกินก็รีบตามใจปากเถอะ ส่วนพวกผมถ้าหากอยากกินอย่างอื่นค่อยไปหากินวันหลังเอาก็ได้” บีมเอื้อนเอ่ยอย่างมีเหตุผล เพื่อที่เพื่อนสนิทจะได้วางใจ

“ใช่ครับคุณมีน เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง อย่าเกรงใจเลยครับ คนสำคัญของบีมก็เหมือนคนสำคัญของผม” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยสำทับอย่างคนใจกว้าง ส่งผลให้หญิงสาวผู้เป็นแขกคนสำคัญเริ่มสบายใจขึ้น อีกทั้งยังปล่อยวางความรู้สึกห่วงใยที่มีต่อเพื่อนรักต่างวัยได้อย่างสนิทใจ

“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวเจอกันนะบีม พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับเราเยอะแยะเลย” พี่มีนรั้งลาดไหล่ของบีมเข้ามาแนบชิด ก่อนจะรีบเดินนำหน้าด้วยท่าทีสดใส คงเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ดาราสาวใกล้จะได้แช่น้ำอุ่นอย่างที่ใจต้องการ

“แล้วเจอกันครับ” บีมยกยิ้มพลางโบกมือตอบด้วยสีหน้าร่าเริง ก่อนจะทำหน้าเหวอด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกคนรักฉุดรั้งให้เดินกลับไปยังลานจอดรถ

“ผมเพิ่งจะคิดได้ว่าเราควรใช้โลเกชั่นของที่นี่เพื่อเอาตัวรอด อีกอย่างผมเตรียมเดรสลูกไม้มาให้คุณด้วย เพราะตอนที่ผมจองห้องพักของโรงแรมนี้ ผมคิดว่าคุณคงจะมีความสุข ถ้าหากได้สวมเสื้อผ้าจากแบรนด์ของตัวเอง โดยที่มีผมคอยถ่ายรูปในทุกอิริยาบถของคุณ ท่ามกลางบรรยากาศในแถบตะวันออกกลาง” คุณนัทให้คำอธิบายพร้อมกับเปิดล็อกรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นถุงกระดาษแบรนด์หรูก็ถูกส่งต่อมายังผู้ที่ต้องสวมใส่

“แต่..” บีมเอื้อนเอ่ยยังไม่ทันจบประโยคก็เงียบไป เพราะใจหนึ่งยังเป็นกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ของภาพถ่าย แต่อีกใจหนึ่งก็เปิดรับข้อเสนอของคนรักด้วยความเข้าใจ เนื่องจากบีมทราบดีว่า เหตุผลแรกที่คุณนัทนำเสนอคงไม่เพียงพอที่จะทำให้แม่ปล่อยวางได้ง่าย ๆ เนื่องจากบีมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเผลอแสดงสีหน้าออกไปยังไงบ้าง อีกอย่างภาพนั้นมันคือภาพอนาจาร หากแม่เห็นมันอย่างที่คาดการณ์ ข้อกล่าวอ้างที่ว่าตาฝาดคงไม่อาจทำให้บีมรอดพ้น ดังนั้นการเบี่ยงประเด็นด้วย ‘รสนิยม’ อีกอย่างหนึ่งจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“คุณยังไม่คิดจะบอกพวกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอครับ ?” ชายคนรักเอ่ยถามด้วยความเอาใจใส่

“ครับ เพราะผมยังไม่รู้ว่าจะพูดออกไปยังไงดี ที่สำคัญผมกลัวผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง” บีมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เนื่องจาก ‘ความลับ’ อันเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับครอบครัวมีมากจนเกินไป แต่ละประเด็นที่เคยคาดเดาว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจจึงเต็มไปด้วยความกังวล

“แต่ถ้าหากเทียบกันแล้ว ผมกลัวว่าพวกท่านจะรู้เกี่ยวกับรสนิยมแบบ BDSM ของผมมากกว่า” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเพียงบาง ๆ เมื่อคิดไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้ว เรียวเท้าจึงก้าวเดินตรงไปยังตัวโรงแรมสีส้มอิฐด้วยความมั่นคง เนื่องจากบีมไม่อยากให้รสนิยมส่วนตัว ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์จนขาดสะบั้น และไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง เพราะบีมเข้าใจดีว่าความน่าหลงใหลของมัน คงจะถูกมองเป็นเรื่องแปลกประหลาด และอาจจะเลยเถิดจนถึงขั้นเหมารวมว่าบีมมีความผิดปกติทางจิต ชีวิตคงจะยุ่งยากและวุ่นวายมาก


กระทั่งพาตัวเองเดินเรียบเส้นทางในร่มที่อยู่ไม่ไกลจากลานกว้างหน้าโรงแรม บีมก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศสไตล์โมร็อคคันทีละนิด เพราะสิ่งแรกที่โดดเด่นในระยะสายตาคือตะเกียงที่ประดับตกแต่งอยู่บนฝ้าเพดาน รวมไปถึงกำแพงอันโออ่าที่มีการออกแบบคล้ายกับบีมกำลังเดินรอดอุโมงค์ที่มีรูปทรงของสิ่งก่อสร้างอันมีชื่อเสียงอย่างทัชมาฮาล

แต่พอก้าวเข้ามายังด้านในของตัวโรงแรม บีมกลับถูกความหรูหรากระแทกตาเข้าอย่างจัง เพราะแม้แต่ผ้าม่านอันโอ่โถงก็เลือกใช้สีน้ำตาลแกมทอง แถมเฟอร์นิเจอร์ก็ล้วนแต่แสดงถึงความเป็นอาหรับราตรีอย่างเต็มรูปแบบ เพียงแต่เน้นใช้สีแดงตัดกับพื้นและเพดานสีขาวขุ่น โดยมีระเบียงสีดำสนิทบ่งบอกถึงจำนวนห้องพักอันมากมาย

มิหนำซ้ำด้านบนของน้ำพุตรงใจกลางลานล็อบบี้ ยังมีแชนเดอเลียร์สีดำอันหรูหราที่เวลากลางคืนคงจะเปล่งแสงสว่างอย่างโดดเด่น บีมจึงเข้าใจความรู้สึกของคนรักในระหว่างจองห้องพักเป็นอย่างดี เพราะการตกแต่งของที่นี่เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

“ห้องน้ำอยู่ทางนั้นครับ” ทันทีที่ได้ยินเสียงของคุณนัท บีมก็หยุดการหันรีหันขวางด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปยังห้องน้ำอันเงียบสงบที่การตกแต่งยังคงเน้นไปในโทนหรูหราสไตล์อาหรับ อ่างล้างมือจึงเลือกใช้สีทองเหลืองอร่ามเป็นตัวขับเน้น

“รอสักครู่นะครับ” บีมเอื้อนเอ่ยก่อนจะพาตัวเองไปแอบซ่อนตัวยังห้องน้ำด้านในสุด จากนั้นจึงเปิดถุงกระดาษใบโต พบว่าชุดที่คุณนัทเตรียมให้ค่อนข้างพิเศษและเข้ากับสไตล์อาหรับอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายเตรียมผ้าลูกไม้แบบ CHANTILLY LACE ผืนใหญ่ไว้ให้บีมคลุมผม

ส่วนเดรสตัวสวยเป็นแบบแขนกุดสีตุ่นที่มีการประดับลวดลายด้วยผ้าลูกไม้ชนิดเดียวกัน ตั้งแต่บริเวณลำคอไปจนถึงชายกระโปรง เพียงแต่ไม่ได้กลืนกินเนื้อผ้าสีตุ่นจนหมองหม่น เดรสชุดนี้จึงเหมาะกับสาวน่ารักและเรียบร้อย

“คุณซื้อวิกมาให้ผมใหม่เหรอ ?” บีมเอ่ยถามทันทีที่การแต่งตัวเสร็จสิ้น พร้อมกับเดินมายืนหันหลังให้อีกฝ่ายรูดซิปบริเวณแผ่นหลัง

“ใช่ครับ สีน้ำตาลแดงน่าจะเหมาะกับคุณ” คุณนัทกล่าวพลางฉุดรั้งให้บีมหันมาเผชิญหน้ากัน เพราะเจ้าตัวจะเริ่มทำหน้าที่เป็นช่างทำผมด้วยความตั้งใจ บีมจึงยืนเป็นตุ๊กตาให้อีกฝ่ายเล่นด้วยความเพลิดเพลิน เนื่องจากแววตาแห่งความมุ่งมั่นของคนรักกำลังทำให้บีมรู้สึกหลงใหล

“เวลาที่เห็นผมแต่งตัวแบบนี้ โดยที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การเพลย์ คุณนัทรู้สึกยังไงเหรอครับ คือผมหมายถึงเดี๋ยวผมก็แต่งเป็นผู้ชาย เดี๋ยวก็แต่งเป็นผู้หญิง” บีมเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ เพราะคุณนัทไม่เคยเอื้อนเอ่ยถึงประเด็นนี้ มีแต่จะส่งเสริมด้วยความเข้าใจ

“อืม.. ถ้าหากคำถามของคุณหมายถึงผมรู้สึกแปลก ๆ หรือเปล่า ก็ไม่นะครับ คงเพราะลึก ๆ ผมชอบให้พาร์ทเนอร์แต่งครอสเพลย์อยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งตัวแบบนี้ในชีวิตจริงของคุณ ผมโอเคนะ เพราะมันทำให้ผมได้เห็นว่าความคิดอันสร้างสรรค์ของคุณ แถมเวลาที่คุณแต่งตัวเหมือนผู้หญิงยังมีด้านที่สวยหวานและสวยเซ็กซี่ แต่เวลาที่คุณแต่งตัวตามเพศสภาพก็ดูน่ารักและเซ็กซี่ได้เหมือนกัน ผมเลยถือเป็นกำไรชีวิตที่ได้เห็นคุณในรูปลักษณ์ต่าง ๆ เพราะสำหรับผมมันดีทั้งหมดเลยครับ” ทันทีที่ได้ฟังคำตอบริมฝีปากของบีมก็คลี่เป็นรอยยิ้ม แม้ว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่บีมคาดเดาได้ตั้งแต่แรก เพราะการกระทำของอีกฝ่ายมันตอบคำถามได้ทั้งหมด เพียงแต่บีมอยากจะได้ยินจากปากก็เท่านั้น

“อย่างวันนี้คุณดูเหมือนสาวเรียบร้อย ลูกคุณหนูพันล้านที่ต้องมีบอดี้การ์ดคอยอารักขา” คุณนัทเอื้อนเอ่ยพลางขยับเข้ามายืนซ้อนหลัง พร้อมกับนำผ้าคลุมวางลงบนวิกผมสีน้ำตาลแดงด้วยความนุ่มนวล ขณะที่แววตากำลังชี้ชวนให้บีมมองตัวเองในกระจกเงา จึงส่งผลให้พวงแก้มเริ่มแดงก่ำ

“เพียงแต่บอดี้การ์ดประจำตัวอย่างผม กลับหลงใหลคุณหนูอย่างคุณหมดหัวใจ” สุ้มเสียงทุ้มนุ่มยังคงชักจูงให้บีมเคลิบเคลิ้มไม่แปรเปลี่ยน แต่ทว่าถ้อยคำราวกับสวมบทบาทดูไม่ต่างจากการบอกรัก พวงแก้มอันแดงซ่านจึงทวีความแดงก่ำไปกันใหญ่ คงเพราะความเก้อเขินจากบีมไม่ได้หาดูได้ง่าย ๆ พอสบโอกาสเหมาะคุณนัทจึงมักจะไขว่คว้าอย่างรวดเร็ว

แต่กระนั้นบีมก็ยังรู้จักเอาตัวรอด จึงรีบผละกายออกห่างจากความใกล้ชิดและห้องน้ำอันเงียบสงบแต่แสนอันตรายต่ออัตราการเต้นของหัวใจ


“คุณคิดว่ามุมไหนคล้ายกับภาพนั้นมากที่สุดเหรอครับ” เมื่อคุณนัทเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกล้อง DSLR ตัวคุ้นเคย บีมจึงเอ่ยถามหลังจากที่ยืนมองความหรูหราตรงหน้าอย่างคิดไม่ตก เพราะมุมภาพนั้นดูเหมือนจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งท่ามกลางแสงจันทร์อันมืดสลัว

“อืม.. ผมว่าตรงตะเกียงอาราดินก็เหมาะอยู่นะครับ อีกอย่างผมว่าเราควรจะถ่ายเก็บ ไว้หลาย ๆ รูป แล้วค่อยมาคัดดูอีกที” คุณนัทกล่าวพลางชี้ไปยังมุมถ่ายภาพด้านหลังที่ดูเหมือนจะเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่

“คุณว่าผมควรจะทำหน้าเหมือนคนเดินละเมอด้วยดีไหม เผื่อจะได้ใช้เป็นเหตุผลสนับสนุน” หลังจากบีมโพสต์ท่าถ่ายรูปด้วยความร่าเริงก็เริ่มเกิดไอเดียที่น่าสนใจ เพราะอย่างน้อยบีมก็จะได้อธิบายความชอบของตัวเองง่ายขึ้น

“เอาตามที่คุณครีเอทเลยที่รัก” ทันทีที่คุณนัทส่งมอบอิสระทางความคิด บีมก็เริ่มหลงลืมจุดประสงค์หลักไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกทีพี่มีนก็ทักแชทมาหาตามที่ตกลงกันไว้ บีมจึงรีบโทรสั่งมื้อเย็นตรงบริเวณโซฟาใกล้ลานน้ำตกกลางล็อบบี้ ส่วนคุณนัทคงจะถูกความสวยงามของสถานที่ดึงดูดเข้าจนเต็มเปา ถึงได้หายตัวไปพร้อมกับกล้องถ่ายรูปคู่ใจอย่างไร้ร่องรอย

จนกระทั่งเสร็จสิ้นธุระของปากท้อง บีมก็เริ่มกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย จึงสังเกตเห็นว่าคนรักกำลังยืนเล็งโฟกัสมาที่บีมจากระเบียงชั้นสอง ริมฝีปากของบีมจึงคลี่เป็นรอยยิ้ม เพราะไม่ได้ตั้งใจจะส่งยิ้มให้กับเลนส์กล้อง เมื่อคนหลังกล้องสามารถดึงดูดความสนใจได้มากกว่า


หลังจากได้รับมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว บีมก็เหลือเวลาจัดเตรียมสถานที่ตรงระเบียงด้านนอกห้องสวีทที่คุณนัทจับจองครู่หนึ่ง จึงทันเห็นได้ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บีมเลยถือโอกาสนั่งชันเข่าบนโซฟาตัวยาวติดกำแพงสีส้มอิฐที่มีการมุงหลังคาและประดับด้วยโคมไฟสไตล์อาราเบียนทุกช่วงเสา พลางเท้าคางมองไปยังลำแสงสีส้มที่ระบายอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่คุณนัทก็รับหน้าที่ในส่วนนั้นแทน แล้วจึงมานั่งดูรูปถ่ายด้วยความตั้งใจ เพราะแม้แต่เสียงกดกริ่งหน้าประตูห้องพักอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ยิน บีมเลยต้องเดินออกไปต้อนรับผู้มาเยือน โดยที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายแต่อย่างใด

“บีม ?” ทันทีที่ประตูบานใหญ่เปิดกว้าง ดาราสาวก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ บีมจึงพยักหน้าตอบรับ

“เฮ้ย! น่ารักอ่ะ เหมือนตุ๊กตาเลย ทำไมตอนที่เราเจอกันไม่แต่งตัวแบบนี้เนี่ย” พอก้าวเข้ามาในห้องของคุณนัทได้ พี่มีนก็รีบหันไปปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดเข้ามากอดบีมจนเต็มรัก เล่นเอาบีมเกือบจะเสียหลัก

“ตอนนั้นมัน..” บีมกล่าวพลางลูบต้นคอด้วยความเก้อเขิน

“ยากจะเปิดเผยความชอบในส่วนนี้” บีมได้แต่อ้อมแอ้มให้คำอธิบาย เพราะก็อย่างที่ทราบกันดี ว่าพี่มีนรับรู้ถึงรสนิยมแบบ BDSM ของบีมจนหมดไส้หมดพุงแล้ว แถมช่วงหนึ่งยังอาสาสวมบทบาทของดอมได้ไม่เลว ดังนั้นพี่มีนก็เลยคาดไม่ถึง ว่าบีมจะมีอีกหนึ่งรสนิยมที่ไม่เคยรับรู้

“โหย ลุคนี้กินขาดมาก เชอะ อิจฉาคนหน้าสวย” พี่มีนแกล้งบึนปากด้วยท่าทีแสนงอน ก่อนจะบิดแก้มบีมเสียยกใหญ่ บีมจึงแกล้งตีมือของหญิงสาวเพียงเบา ๆ พร้อมกับร้องโอดโอยราวกับเจ็บปวดเสียเต็มประดา จนกระทั่งได้รับอิสระ บีมจึงรีบวิ่งออกไปยังระเบียงด้านนอก ส่งผลให้คนรักมองมาด้วยความไม่เข้าใจ

“เชิญตามสบายนะครับคุณมีน” เมื่อพี่มีนวิ่งเข้ามาสมทบ คุณนัทก็เอื้อนเอ่ยในฐานะเจ้าบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านใน คาดว่ารูมเซอร์วิสกำลังนำไวน์รสชาติดีมาเสิร์ฟตามที่ร้องขอ จากนั้นไม่นานโคมไฟสไตล์อาหรับอันมากมายบนกำแพงสีส้มอิฐตรงมุมขวามือติดกับบริเวณห้องน้ำที่มีอ่างจากุชชี่ก็ส่องแสงสว่างอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะตามมาด้วยการปรากฏตัวของคุณนัท

“ว่าไปแล้วชีวิตของพี่ตอนนี้อยู่ในจุดที่ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้สัมผัส ปรับตัวยากอยู่เหมือนกัน” กระทั่งเจ้าของห้องพักก้าวเดินเข้าไปในส่วนนั่งเล่นในร่ม สองเพื่อนสนิทจึงพากันจับกลุ่มพูดคุยตรงบริเวณแนวกำแพงสีส้มอิฐที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอก โดยมีกำแพงอันเต็มไปด้วยดวงโคมไฟหลากหลายรูปแบบเป็นฉากหลัง

“อึดอัดเหรอครับ ?” บีมย้อนถามด้วยความห่วงใย

“ไม่เชิงหรอก คงเป็นเพราะพี่ยังไม่ชินมากกว่า” บีมพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะละครเรื่องล่าสุดถือเป็นเรื่องที่พลิกชีวิต จนทำให้พี่มีนดังเป็นพลุแตกอย่างทุกวันนี้

“เอ้อ แฟนเราคนนี้ พี่ให้สิบผ่านเลย รู้ป่ะห้องพักของพี่ก็เป็นห้องสวีทเหมือนกัน ทีแรกพี่ก็งง ๆ อยู่ เพราะปกติเอนเจนซี่ไม่ได้ทุ่มทุนขนาดนี้ แต่พอรู้ว่าบีมคบกับคุณนัท พี่เลยเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงอยากจะเทคแคร์พี่ให้ดี เพราะรู้ว่าพี่กับบีมสนิทกัน แต่ก็แปลกที่แม้แต่เจมส์ก็ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอีกเหมือนกัน” พี่มีนเอื้อนเอ่ยพลางท้าวคางลงบนแนวกำแพงสีส้มอิฐ ขณะส่งเสียงกระซิบเพื่อป้องกันเจ้าของห้องล่วงรู้

“คงเพราะคุณนัทรู้ว่าพี่เจมส์เคยเป็นพาร์ทเนอร์ของบีมมั้งครับ” ทันทีที่ได้รับคำตอบ ดาราสาวก็เริ่มแสดงความฉงนสงสัย

“จริงดิ เขาไม่หึงบีมกับเจมส์เหรอ ?” พี่มีนเอ่ยถามพลางบุ้ยใบ้ไปยังชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่กำลังรินไวน์แดงใส่แก้วทรงสูง ก่อนจะยกจิบด้วยความสุนทรีย์

“คุณนัทเป็นคนขี้หึงนะครับ แต่ที่เป็นอย่างนี้คงเพราะเขาไว้ใจผม อีกอย่างผมมีโอกาสได้รู้จักกับเขาก็เพราะพี่เจมส์ไปคบหากับคุณกันต์” บีมเอื้อนเอ่ยพลางอมยิ้มขณะมองคนที่กำลังตกเป็นเป้าหมายโดยไม่รู้ตัว

“แปลก..” ทันทีที่พี่มีนอุทานออกมาแบบนั้น บีมก็หันกลับมาให้ความสนใจต่อคนข้างกาย ก่อนจะย้อนถามว่า “แปลกยังไงครับ ?”

“เจมส์ในตอนนั้นก็ดูแลบีมเป็นอย่างดี แถมทั้งสองคนยังเข้ากันได้ดีมาก จนพี่หลงคิดไปแล้วว่าเพื่อนรักจะมีแฟนเป็นดาราดัง แต่ทำไมความสัมพันธ์ถึงได้หยุดอยู่แค่สถานะของคู่เพลย์ล่ะ” พี่มีนเอื้อนเอ่ยด้วยความสงสัยตามแบบฉบับของชาววนิลลา คงเพราะความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มันเข้าใจยาก อีกทั้งก่อนหน้านั้นบีมยังสมบทบาทของที่ปรึกษาทางด้านความรักให้กับพี่เจมส์ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นบีมยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้อย่างจริงจัง

“คงเพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกด้วยมั้งครับ แถมความสัมพันธ์แบบ BDSM มันมีเส้นแบ่งความรู้สึกที่ค่อนข้างชัดเจนด้วย ระหว่างผมกับพี่เจมส์เลยคบหากันในสถานะเพื่อน ทุกเรื่องที่เราพูดคุยและปฏิบัติต่อกันเลยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับการเพลย์ กับคุณนัทแรก ๆ ความสัมพันธ์ก็เดินไปในสถานะเดียวกับพี่เจมส์นะครับ แต่เพราะการเอาใจใส่ของอีกฝ่ายมันถูกจุดด้วย ความรู้สึกของเราก็เลยคลิกกัน” ยิ่งพูดถึงประเด็นแห่งความประทับใจที่คนรักมีให้ บีมก็ยิ่งคลี่ยิ้มด้วยความสดใส แต่ดูเหมือนพี่มีนยังไม่ค่อยเข้าใจจึงเอ่ยถามด้วยความสนใจว่า “ยังไงเหรอ ?”

“หลังจากเพลย์ไปได้สักพัก คุณนัทก็แวะมาหาบีมที่ห้องเสื้อครับ แล้วก็อยู่รอจนเลิกงาน เพราะเขาบอกว่าชอบดูบีมตัดเสื้อ แถมยังให้ความสนใจเกี่ยวกับผ้าลูกไม้ที่มองดูอย่างผิวเผินก็เหมือน ๆ กันหมด บีมเลยรู้สึกว่าเขาเป็นคนช่างเอาใจใส่แล้วยังช่างสังเกต แต่พอได้รู้จักกันจริง ๆ คุณนัทยังมีอีกหลายด้านที่น่าทึ่งและยังเป็นคนที่อบอุ่นมาก ๆ ด้วย” ทันทีที่พี่มีนได้ฟังเหตุผล สีหน้าของหญิงสาวก็คล้ายกับเคลิ้มฝัน คงเพราะคนแบบคุณนัทเหมือนกับถอดแบบออกมาจากอุดมคติ

“ได้ยินแบบนี้พี่ก็ยิ่งเบาใจ เพราะพี่ไม่ค่อยมีเวลาเอาใจใส่บีมเหมือนแต่ก่อนแล้ว ขนาดจะโทรติดต่อกันทียังลำบาก โชคดีที่วันนั้นพักกองพี่เลยหนีเข้าตัวเมือง ไม่อย่างนั้นบีมคงจะติดต่อหาพี่ไม่ได้” พี่มีนยกยิ้มกว้างก่อนจะเดินควงแขนบีม ตรงไปยังมุมรับรองในร่ม มื้อเย็นและเสียงพูดคุยแห่งการทำความรู้จักอันสนิทสนมจึงดำเนินต่อไปด้วยความราบรื่น


“ได้เจอบีมครั้งนี้ พี่รู้สึกว่าบีมสดใสขึ้นและยังให้ความสนใจกับอย่างอื่นเป็นแล้ว” หลังจากบีมเลิกละเลียดแป้งพิซซ่าที่ยังกินไปได้ไม่ถึงครึ่ง เพราะก่อนการเพลย์บีมไม่อยากทานอะไรที่มันหนักท้อง จึงหันมาดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์แดงเป็นส่วนใหญ่

“คุณนัทเป็นคนสอนครับ พอเริ่มคุ้นชินการดื่มไวน์ก็เลยกลายเป็นเรื่องสนุก เพราะบีมจะชอบมองดูขาของไวน์ที่ไหลอยู่ตามขอบแก้ว และชอบสังเกตกลิ่นบูเก้ว่ามันคือกลิ่นอะไร” บีมอธิบายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันไปสบตากับคนคอเดียวกัน เพราะตอนนี้พี่มีนกำลังนั่งมองตาแป๋วด้วยความไม่เข้าใจ

“ฟังดูยากจะเข้าใจ เออนี่ พี่จะโชว์คิวบู๊ให้ดู” ว่าแล้วดาราสาวก็รีบวางพิซซ่าชิ้นที่เหลือลงบนฝากล่อง ก่อนจะออกมายืนตรงบริเวณกลางแจ้ง จากนั้นก็เริ่มตั้งการ์ดและออกท่าทางอย่างทะมัดทะแมง ขณะที่บีมได้จับจ้องเพื่อนสนิทต่างวัยด้วยความแน่วแน่ เพราะบีมกำลังพิจารณาท่วงท่าของอีกฝ่ายอย่างละเอียด แม้ว่าจะไม่มีความรู้ในด้านนี้

“เป็นไง ?” พี่มีนหอบหายใจพลางเดินกลับมานั่งที่เดิม ก่อนจะขอความคิดเห็น

“บีมไม่ค่อยมีความรู้ในด้านนี้เท่าไหร่ แต่การออกหมัดและการเตะของพี่มีน ดูแข็งแรงแล้วก็ทะมัดทะแมงอยู่นะ แถมการเคลื่อนไหวก็ดูคล่องตัว บีมว่าโอเคเลยแหละ” บีมเอ่ยพลางพยักหน้าสนับสนุน ส่งผลให้ดาราสาวยกยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

“เห้อ! ค่อยโล่งอกหน่อย” สาวสวยเพียงหนึ่งเดียวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นเรื่องเล่าในกองถ่ายก็ถูกถ่ายทอดสู่เพื่อนสนิทต่างวัยจนน้ำไหลไฟดับ รู้ตัวอีกทีเวลาก็ดำเนินมาจนถึงทุ่มครึ่งแล้ว พี่มีนจึงขอตัวกลับไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืด สองเพื่อนสนิทจึงโอบกอดกันแนบแน่นครู่หนึ่ง จากนั้นความเงียบสงัดก็ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ เพราะเจ้าของห้องกำลังเก็บกวาดระเบียงด้านนอกให้เรียบร้อย


แต่เพราะการเพลย์หลังจากกินแป้งพิซซ่าซึ่งเป็นอาหารหนักไม่ค่อยจะเหมาะนัก บีมกับคุณนัทเลยตกลงกันว่าจะเดินย่อยอาหารตรงบริเวณระเบียงด้านนอกที่มีการออกแบบด้วยความเรียบง่าย เพราะตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยรูปภาพในสไตล์อาหรับราตรีสักครึ่งชั่วโมง จากนั้นถึงค่อยมาอาบน้ำ เพราะบีมอยากกลับถึงบ้านในเวลาเที่ยงคืน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าคนงานมากนัก

“เพลย์สำหรับวันนี้ผมอยากจะลองใช้แท่งซาวน์ดิ้งดู คุณติดขัดหรือเปล่าครับ” คุณนัทเอ่ยถามหลังจากก้าวเดินไปจนสุดเส้นทาง ทั้งคู่จึงจับจองพื้นที่ตรงระเบียงกรงเหล็กในระดับเดียวกับแชนเดอร์เลียอันใหญ่ เพื่อเฝ้ามองความคึกคักตรงบริเวณล็อบบี้ด้านล่าง เนื่องจากแสงไฟจากดวงโคมหลากหลายมุมกำลังส่องประกายตัดกับโซฟาสีแดงกำมะหยี่และไม้ดอกที่เน้นไปในโทนแดงร้อน

“ผมยังไม่เคยลอง แต่ก็น่าสนใจอยู่นะครับ” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะการซาวน์ดิ้งถือเป็นการเพลย์ที่ค่อนข้างอันตรายและยังต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากการสอดใส่ท่อปัสสาวะหากรุนแรงหรือลึกเกินไปก็จะทำให้เกิดบาดแผล นับว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นอุปกรณ์และขั้นตอนจะต้องคำนึงถึงความสะอาดมากที่สุด

“ระหว่างเพลย์ผมจะใส่ถุงมือยางเพื่อป้องกันการปนเปื้อน และก่อนที่จะเพลย์ ผมจะทำการฆ่าเชื้ออีกครั้ง คุณจะได้มั่นใจ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง ขณะที่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ คงเพราะอีกฝ่ายอยากให้บีมไว้วางใจ

“ที่รัก.. คืนนี้คุณช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผมด้วยนะครับ” บีมโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างใบหูของชายหนุ่มมาดนักธุรกิจด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า แต่ทว่าคำตอบกลับเป็นการส่งมอบความเชื่อใจให้อีกฝ่ายอย่างเหลือล้น

เพียงแต่สรรพนามที่บีมเลือกใช้กำลังทำให้คุณนัทหน้าแดงซ่าน อีกทั้งใบหูก็ยังแดงก่ำด้วยความเก้อเขิน


--------------------------✁


ยังไม่ถึงฉากเพลย์นะคะ 555 พอดีเราอยากใส่ความสัมพันธ์ของบีมกับพี่มีนให้ทุกคนได้เห็นอีกสักหน่อย เพราะตัวละครตัวนี้ถือว่าเป็นคนสำคัญในปัจจุบันของบีมเหมือนกัน รายละเอียดเกี่ยวกับการซาวน์ดิ้งไว้เราจะลงอ้างอิงในตอนหน้าอีกทีจ้า

ปล. ตอนนี้เป็นเวอร์ชั่นที่เรายังไม่ได้ตรวจทานรอบไฟนอลก่อนลงนะคะ เพราะช่วงนี้เรามีปัญหาเรื่องสุขภาพค่ะ เรานอนไม่ได้มาหลายคืนแล้ว หลับตาแล้วจะวูบเหมือนเรากำลังจะตายไปเลย หายใจไม่ออก มือชา เท้าชา เราเลยไปหาหมอ สรุปหมอบอกว่าเราเป็นโรควิตกกังวล เราเลยอยากปล่อยวางเรื่องนิยายเอาไว้ก่อน เพราะหมอบอกว่ามันก็มีส่วนเกี่ยวข้อง คือมันต้องใช้ฟีลลิ่งในการเขียนเยอะมาก ถ้าหากอาการเราดีขึ้น นอนหลับได้บ้างแล้ว เราจะกลับมาเขียนต่อให้จบค่ะ แต่พล็อตบางส่วนที่เหลือเราอาจจะต้องปรับใหม่ เพื่อเซฟความรู้สึกตัวเองตอนเขียนค่ะ และถ้าหากเป็นไปได้เราก็อยากจะเขียนให้จบภายในเดือนนี้นะ (แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทันมั้ย) ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้ค้างคา
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 29 (update 12/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-02-2020 18:16:13
ไม่เป็นไรเลยค่ะ รักษาตัวเองให้หายดี และพร้อมอีกครั้งค่อยกลับมาเจอกันอีกค่ะ
ส่งกำลังใจให้นะคะ ยิ่งช่วงนี้ อะไรหลายอย่างก็ดูไม่รื่นเริงด้วย

บีมมีนคือเป็นไปด้วยดีมากค่ะ ขอบคุณมีนที่ทำให้บีมเดินต่อมาได้ขนาดนี้
ต่างคนต่างใส่ใจกันและกัน เข้าใจกันในเวลาที่พอดี

ว้าวว คุณนัทไม่ธรรมดาค่ะ วางแผนมาดี พร้อมเป็นแรงใจที่ดีให้บีมด้วย
เป็นคนที่อบอุ่นแบบไม่ต้องพยายาม การใช้คำพูดบอกกล่าวกัน ไม่เร่งรัด
ไม่ทำให้บีมกังวลเพิ่ม มีแต่ช่วยให้ผ่อนคลาย

บีมเป็นคนน่ารักนะ โดยเนื้อแท้แล้ว เสียดายความสุขที่ไม่เติมเต็มมานาน
เอ็นดูความเป็นบีมมากค่ะ พยายามได้ดี และพยายามมากแล้ว

พ่อแม่จะเข้าใจมันยาก แต่ค่อยๆ ปรับกันไปนะคะ อนาคตมีอะไรรออีกเยอะ
ดีกว่ามาคอยกีดกันความสุข และพากันทุกข์ไม่จบสิ้นเนาะ

เรื่องงานแต่งแก้วก็เหมือนกัน พอถึงวันจริงๆ แม่จะทำตัวกันยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 29 (update 12/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-02-2020 14:09:07
รักษาสุขภาพด้วยนะไรท์รออ่านนิยายดีๆอยู่จ้า
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 30 (update 09/09/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 09-09-2021 19:31:27
ตอน 30

   
คุณหนูจูเลียตอย่างบีมได้แต่ส่งยิ้มหวานให้กับชายคนรักที่ยังคงยืนเงียบงันผิดวิสัย เรียวนิ้วสวยจึงขมวดปลายวิกผมสีน้ำตาลแดงด้วยท่าทีเหนียมอาย ก่อนจะหันหลังก้าวเดินอย่างร่าเริงล้อไปกับแสงไฟระยิบระยับจากแชนเดอร์เลียเรือนงาม


เป็นเหตุให้ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจล่วงรู้ว่า..


ควรต้องรีบสวมบทบอดี้การ์ดคู่ใจของคุณหนูผู้แสนบริสุทธิ์ในอุดมคติ

“ก่อนหน้านี้คุณหนูอนุญาตให้บอดี้การ์ดอย่างผม ไขว่คว้าหัวใจของคุณหนูมาครอบครองได้..” กระทั่งประตูห้องพักอันเคยคุ้นใกล้จะปิดสนิท ฝ่ามือใหญ่ของผู้เป็นดอมก็ขวางกั้นไว้ ซ้ำยังเอื้อนเอ่ยถ้อยคำชวนหวั่นไหว

“อ..อ้อ” หลังจากคุณหนูคนสวยนึกถึงบทสนทนาเมื่อตอนเย็น ตรงบริเวณห้องน้ำของโรงแรมได้ ก็เอาแต่อ้อมแอ้มตอบในลำคอด้วยความเก้อเขิน

“หากผมอยากจะเด็ดดอกฟ้าอย่างคุณหนูมาดอมดมแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน คุณหนูจะอนุญาตหรือเปล่าครับ” สุ้มเสียงแหบพร่าดังมาพร้อมกรงขังเนื้อมนุษย์ ความใกล้ชิดส่งผลให้ลมหายใจเล่นงานหัวใจดวงน้อยจนอ่อนยวบ แววตาใสซื่อจึงได้แต่เสหลบดวงตาคมของบอดี้การ์ดหนุ่มด้วยความเงอะงะ

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจปฏิเสธดวงตาอันน่าดึงดูดได้อย่างใจนึก ความเผลอไผลชวนหลงใหลส่งผลให้ริมฝีปากอวบอิ่มของคุณหนูในโอวาทเอื้อนเอ่ยด้วยจิตใจล่องลอย

“อื้อ---” ยังไม่ทันที่บีมจะพูดอะไรมากกว่านั้น ริมฝีปากของนายท่านก็บดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างเอาแต่ใจ ซ้ำยังล็อกฝ่ามือทั้งสองข้างไว้กับประตูบานใหญ่ ก่อนจะสร้างความเคลิบเคลิ้มเสียจน ซับอย่างบีมไม่อาจต้านทานความต้องการในส่วนลึก
ไฟราคะพลันลามไล้ทั่วเรือนกายของคนสองคนที่กำลังพัวพันกันไม่ห่าง


   
กระทั่งเสียงรองเท้าของใครสักคนดังกึกก้องไปทั่วทางเดิน บอดี้การ์ดหนุ่มจึงผละตัวออกห่างอย่างสุภาพ ขณะที่บีมกำลังหอบหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย


เพราะรสจูบร้อนแรงกำลังแผดเผาลมหายใจอย่างไม่ปรานี


“แต่ถึงคุณหนูจะอนุญาต ผมก็ยังอยากแน่ใจ ว่าคุณหนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ” สิ้นถ้อยคำชวนหัวใจหยุดเต้นที่มาพร้อมกับบรรดาทีมงานในวงการบันเทิงและเบลบอยกำลังเดินผ่านหน้าห้อง


สติของบีมกระเจิดกระเจิงไปไกลแล้ว

เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินและได้เห็นอะไรบ้าง

แต่กระนั้นความตื่นเต้นร้อนรนผสมปนเปจนยากจะอธิบาย เมื่อบีมโปรดปรานสถานการณ์แบบนี้ยิ่งกว่าอะไร

เพียงแต่สถานที่ดันสุ่มเสี่ยงพบเจอคนรู้จักมากเกินไป

อีกทั้งการเพลย์ในครั้งนี้ ยังเป็นการเพลย์อย่างเต็มรูปแบบในรอบหลายเดือน ทำให้ความสุขไร้รูปร่างโจนจ้วงทั่วสรรพางค์กาย
รู้ตัวอีกทีความเย็นเฉียบของหนังสัตว์ชั้นดีก็ทาบทับบนลำคอ

“คุณหนูคงจะทราบดีใช่ไหมครับ ก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบที่ผมต้องการได้ ต้องทำอย่างไรบ้าง” นายท่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนใจดี



แต่ทว่าการกระทำกลับนำพาให้บีมตื่นเต้นกว่าที่เคย เพราะสายจูงสัตว์ที่คล้องเกี่ยวปลอกคอกำลังผูกมัดมือจับของประตูบานหรู

“รีบแสดงความเป็นผู้ใหญ่เข้านะครับ ส่วนผมจะไปคุยธุระกับคุณพ่อของคุณหนูก่อน เดี๋ยวท่านจะรอนาน” รอยยิ้มของนายท่านในเวลานี้คล้ายกับเคลือบยาพิษ เพราะบีมทราบแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการให้ทำอะไร ถึงได้จำกัดให้พื้นที่เล็กแคบราวกับล่ามโซ่สุนัขตัวหนึ่งก็ไม่ปาน

“คุณอยากให้ผมค่อย ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ด้วยการช่วยตัวเองให้คนอื่นเห็น.. จริงเหรอครับ ?” ทันทีที่บอดี้การ์ดประจำตัวเดินอ้อมผ่าน เพื่อก้าวออกจากห้องด้วยความเร่งรีบ บีมก็รีบคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้ พลางย้อนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับหวาดกลัวในคำตอบ

ทว่าในอกกลับลิงโลดเสียเต็มประดา

เพราะสถานการณ์กำลังพลิกผันให้ตนคุมเกมชั่วคราว

“แน่นอนว่าผมไม่ได้ใจดีขนาดนั้น” นายท่านแย้มยิ้มด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะดันร่างของบีมให้นั่งในท่าเบญจางคประดิษฐ์

“แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็เป็นพวกชอบแบ่งปันอยู่บ้าง” บอดี้การ์ดหนุ่มผู้มีสถานะพลิกกลับคุมเกม เชยปลายคางของบีมด้วยความแผ่วเบา ซ้ำยังแย้มยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดนอกจากโทรศัพท์ในมือ

คล้ายกับบอกเป็นนัยว่า..

คุณหนูรีบเติบโตเสียเถอะ อย่ามัวแต่โอ้เอ้อยู่เลย



เมื่อคิดได้แบบนั้นบีมก็ลุกขึ้นยืนด้วยความมั่นใจ แต่พอดีกับจังหวะก้าวเดินอันสม่ำเสมอของเบลบอย ทำเอาใจของบีมสั่นรัวด้วยความตื่นเต้น เพราะบริเวณลำคอในเวลานี้กำลังคล้องผูกสายจูงอย่างเปิดเผย

ส่งผลให้ดวงตาแสนอวดดี เสหลบบุคคลแปลกหน้าด้วยความเอียงอาย

แต่ขณะเดียวกันก็ดูพาวน์ทูพรีเซ็นต์ต่อสิ่งที่ผู้เป็นดอมมอบให้

เพียงแต่เบลบอยคนนั้นเหมือนยังมีภารกิจเร่งด่วน เขาเลยไม่สนใจบีมในมาดของคุณหนูจูเลียตที่กำลังถูกบอดี้การ์ดควบคุมราวกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย

ม่านสายตาจึงค่อย ๆ ปรากฏภาพของเบลบอยคนนั้น หยุดยืนอยู่ตรงหน้านายท่านตัวดี พร้อมพูดคุยอะไรบางอย่างด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนจะโค้งตัวลาด้วยความนอบน้อม

บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่า..

ชั้นสวีทกำลังถูกปิดโซนโดยคุณนัท จนกลายเป็นอีกหนึ่งเซฟเวิร์ดอันแสนรัดกุม



แต่กระนั้นความเงียบเชียบรอบกายกลับส่งผลให้จังหวะการก้าวเดินของนายท่านยังคงคีพลุคบอดี้การ์ดมือหนึ่งอย่างไม่บกพร่อง ก่อนจะหยุดยืนตรงระเบียงฝั่งตรงข้าม

คล้ายกับจะเฝ้ามองการเติบโตของคุณหนูในอาณัติจากตรงนั้น

บีมเลยไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องเดรสลูกไม้แขนกุดสีตุ่นด้วยความทุลักทุเล เพราะซิปที่ใช้เป็นแบบลดความโดดเด่นทำให้ไม่โชว์ฟันซิป แต่กลับคงทนต่อการดึงรั้งต่ำมาก!
 
มันเลยกินเนื้อผ้าจนน่าหงุดหงิด!

มิหนำซ้ำนายท่านยังทำเป็นคุยโทรศัพท์ แต่กลับส่ายหน้าแล้วหันหลังให้!

คล้ายกับการเติบโตของบีม ไม่มีอะไรน่าสนใจแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว ส่งผลให้ความเสียหน้าเล่นเอาบีมลนลานจนมือสั่น หัวใจพลันเต้นรัวราวกับระลอกคลื่น

แต่สมองไม่เคยหยุดทำงานอย่างที่ควรเป็น

ปลายนิ้วเรียวจึงออกแรงกระชากตัวซิปจนเกิดบาดแผล แต่บีมก็หาได้สนใจไม่ ซ้ำยังใช้ปลายลิ้นปลอบประโลมความรู้สึกเจ็บแสบด้วยความยั่วยวน ราวกับสิ่งที่ตนเองเล็มไล้คือไอศกรีมรสเลิศที่กำลังถูกความร้อนหลอมละลาย

รู้ตัวอีกทีนายท่านก็เฝ้ามองจากระเบียงฝั่งตรงข้ามด้วยสายตายากจะอธิบาย ส่งผลให้เลือดลมสูบฉีดอย่างลำพองใจ ฝ่ามืออันซุกซนของคุณหนูจูเลียตจึงค่อย ๆ สะกิดเนื้อผ้าสีตุ่นให้หลุดเลื่อนออกจากเรือนร่าง จนมองเห็นส่วนโค้งเว้าผ่านร่องรอยระยิบระยับจากสร้อยทองรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่อีกฝ่ายสั่งให้สวมใส่เมื่อพบหน้ากัน

ลมหายใจของบีมพลันติดขัดอย่างไม่อาจห้าม เมื่อเดรสตัวสวยร่วงหล่นอยู่บนข้อเท้า ผ้าคลุมผมจึงถูกนำมาบดบังส่วนอ่อนไหวอย่างหมิ่นเหม่ คล้ายกับเรียกร้องให้บอดี้การ์ดตรงหน้ารีบเข้ามากระทำชำเราจนต้องร้องขอชีวิต
แต่อีกนัยหนึ่งก็เหมือนกับเขินอายจนลนลาน


กระทั่งนายท่านเก็บโทรศัพท์เครื่องสำคัญใส่กระเป๋ากางเกง บีมจึงเปิดเผยส่วนน่าเอ็นดูที่ค่อย ๆ ออกอาการประท้วง จนต้องคอยปลอบประโลมด้วยการชักนำอย่างเผ็ดร้อน

ริมฝีปากพลันอดกลั้นสุ้มเสียงให้สมกับตำแหน่งคุณหนูผู้แสนเรียบร้อย พลางเชิดหน้ามองผู้เป็นนายด้วยสายตาเว้าวอนโดยไม่รู้ตัว

ทุกจังหวะย่างก้าวของบอดี้การ์ดหนุ่ม คล้ายกับเหยียบย่ำลงบนเรือนกายจนไอร้อนพวยพุ่งทุกสัดส่วน บีมจึงอดใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งที่เปรอะเปื้อนหยาดหยดแห่งความสุขสันต์ลูบไล้ไปตามแผ่นอกเปลือยเปล่าเรื่อยไปจนถึงเม็ดทับทิมสีหวานไม่ได้

“อา..อึก” บีมผู้หลงระเริงอยู่ในกามารมณ์ถึงกับอดกลั้นเสียงไม่อยู่ เมื่อสัมผัสวาบหวิวกำลังถูกปรนเปรอตามการย่างก้าวของผู้เป็นนาย ส่งผลให้เรียวขาสั่นระริกจนแทบยืนไม่อยู่

เพราะอีกไม่นานคุณนัทในมาดของบอดี้การ์ดก็จะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เพียงแต่บีมยังคงเป็นคุณหนูผู้แสนเรียบร้อยอย่างสุดความพยายาม จนต้องนำผ้าลูกไม้คลุมผมพันรัดส่วนต้องห้าม

พร้อมถอยหลังเข้าไปแอบซ่อนหลังกำแพง

“คุณหนูดูช่ำชองดีนะครับ แสดงว่าก่อนที่ผมเข้ามาทำงานที่นี่ คุณหนูคงฝึกฝนไว้ยั่วยวนบอดี้การ์ดประจำตัวแทบทุกวัน” ทันทีที่นายท่านเข้ามาเห็นสภาพนั่งยองอ้ากว้างอย่างเปิดเผย ดวงตาคมกริบที่ไม่แพ้ริมฝีปากก็เล่นงานทันที

“ม..ไม่ใช่นะ” บีมปฏิเสธพอเป็นพิธี เพราะฝ่ามือและความสนใจทั้งหมดถูกควบคุมด้วยความกระหายอยากในรสชาติของการร่วมรัก

ซึ่งคุณนัทก็คงทราบดี เพราะส่วนแข็งแกร่งของอีกฝ่ายกำลังชูชันอย่างเห็นได้ชัด

“คำพูดก็เหมือนลมปากนั่นแหละครับ คุณหนูคงต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าการฝึกเรื่องอย่างว่าก่อนมาเจอผม ไม่ได้ทำเพื่อยั่วยวนใคร” นายท่านเอื้อนเอ่ยพลางคว้าสายจูงมาถือไว้ ก่อนจะปิดประตูสร้างความเป็นส่วนตัว
 
เมื่อพื้นที่สาธารณะหมดความน่าสนใจไปนานแล้ว


“อ..อื้อ..พ..พิสูจน์” บีมพยักหน้ารัวจนเส้นผมสีน้ำตาลแดงละไปตามใบหน้า

“เมื่อก่อนผมเคยเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่ง แต่มันตายไปแล้ว..” บอดี้การ์ดแสนเจ้าเล่ห์ลดตัวลงมาหาคุณหนูในอุดมคติ พร้อมกระซิบตรงข้างใบหู แต่ทว่าหัวเข่าข้างหนึ่งกลับเย้าหยอกความไม่ประสีประสา จนร่างกายของบีมคล้ายกับเต็มไปด้วยสายฟ้าฟาดกระหน่ำ ก่อนจะซ่านเซ็นใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“หึ” พอเกิดเหตุการณ์น่าเอ็นดู นายท่านก็หลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่อาจมองเห็นสีหน้าและแววตาได้

“ถ้าหากคุณหนูยอมละทิ้งศักดิ์ศรีแล้วปลอมเป็นหมาตัวนั้น ผมอาจจะหายข้องใจก็ได้นะครับ” กระทั่งบอกเจตนารมณ์จนหมดเปลือก เจ้าของ ‘หมา’ ที่ว่าก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งคล้ายกับสอบถามความยินยอม
ทั้ง ๆ ที่สายจูงกำลังทำหน้าที่ฉุดรั้งบีมให้เข้าใกล้เตียงนอนสไตล์อาราเบียน

“สวมมันซะคุณหนู” ชายหนุ่มมาดเข้มโยนหน้ากากสุนัขทำจากยางลาเท็กซ์หนานุ่มสีดำชั้นดี ครอบคลุมตั้งแต่ใบหน้าจนถึงลำคอเหลือเพียงดวงตาลงบนหน้าขาของบีมที่กำลังนั่งจ๋องอยู่บนพื้นข้างเตียง

“ผมจะพาหมาของผมไปเดินเล่นนอกระเบียง ทีนี้มันอยากจะฉี่หรืออึเรี่ยราดแค่ไหน ผมก็ไม่ห้าม” บอดี้การ์ดหนุ่มยังคงอธิบายซีนคร่าว ๆ เพียงไม่กี่ประโยค

แต่บีมก็คาดเดาได้เลยว่า..

การเดินเล่นครั้งนี้อาจถูกสั่งให้ฉีกแข้งขาฉี่ ราวกับสุนัขจรจัดก็ไม่ปาน

“ถ้าคุณหนูทำใจลดตัวลงมาเล่นเป็นหมาของผมไม่ได้ก็ถอดปลอกคอที่ผมใส่ให้ออกซะ” ชายในชุดเสื้อเชิ้ตนั่งลงบนเตียงหลังกว้างที่เต็มไปด้วยแสงไฟสลัวจากดวงโคม ราวกับจุดตะเกียงในกระโจมท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างไกล

ฝ่ายบีมได้แต่จ้องมองหน้ากากสุนัขในมือด้วยแววตาหวั่นไหว

“แต่ถ้าหากคุณหนูไม่อยากให้ผมใช้ปลอกคอแสดงความเป็นเจ้าของ..” นายท่านขยับเข้ามาลูบไล้ปลอกคอสีดำพลางใช้นิ้วชี้กวัดแกว่งจี้รูปหัวใจเพียงเบา ๆ

“คุณหมายถึง.. การเพลย์แบบ ‘Golden shower & Brown Shower’[1]” สิ้นคำถามชายหนุ่มมาดบอดี้การ์ดก็ยักไหล่เพียงเล็กน้อย สร้างความกำกวมเป็นอย่างดี

บีมจึงเริ่มจินตนาการว่า บีมอาจจะต้องรับบทเป็นหมาจรจัดที่ไม่ต่างกับกระโถนตามพื้นที่สาธารณะ ให้เจ้าของผู้สูงศักดิ์ปัสสาวะใส่ปากยามเดินเล่น หรืออาจจะอุจจาระลงบนร่างของหมาจรจัดเพื่อสร้างอาณาเขตความเป็นเจ้าของ

“ผมคิดว่าตัวเองน่าจะไม่โอเคกับการสวมบทเป็นหมาจรจัด” บีมสวมหน้ากากสุนัขจนมองเห็นเพียงดวงตา ส่งผลให้สุ้มเสียงที่กำลังเปล่งวาจาฟังยากกว่าปกติ เพราะตัวหน้ากากมีเพียงรูเล็ก ๆ ตรงข้างแก้มไว้เพื่อหายใจ ส่วนปลายจมูกชนกับเบาะนุ่มอย่างพอดิบพอดี

“คุณแค่ทำท่าทางก็พอครับ เพราะผมก็ยังเพลย์ไปไม่ถึงขั้นนั้น” คุณนัทแย้มยิ้มด้วยความยินดี

เพราะถึงอย่างไรการเพลย์อันแปลกใหม่นี้

ยังคงอยู่ในขอบเขตที่ทั้งคู่ไม่อาจทำได้



กระทั่งบีมตกลงปลงใจแน่แล้ว ฝ่ายเจ้าของก็พาสุนัขพันธุ์ล็อตไวเลอร์สีดำปราดเปรียวก้าวเดินออกจากบริเวณของห้องนอน ก่อนจะเลยผ่านบริเวณห้องรับแขกที่มีเคาน์เตอร์เหล็กดัดเป็นลวดลายแบบโมร็อคคันพร้อมวางตั้งเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวให้กับบรรดาแขกผู้เข้าพัก

“บีม! ถ้ามึงไม่ฉี่ไปทั่ว กูจะให้ขนมกิน” หลังจากเจ้าของหมาอย่างคุณนัทหยิบขนมขบเคี้ยวเป็นกอบกำ หันมาดุล็อตไวเลอร์แสนเชื่องอย่างบีมที่กำลังนั่งจ๋องอยู่บนพื้นข้างเคาน์เตอร์ก็ได้แต่ทำหูลู่หางตก เพราะบีมกำลังตั้งท่าจะสวมบทบาทเป็นหมาจรจัดอย่างเต็มตัว ขาข้างหนึ่งเลยค่อย ๆ ลดระดับความสูงด้วยความประหม่าและยังสร้างความอับอายอย่างเหลือจะกล่าว

“ตามมานี่ไอ้บีม!” นายท่านโน้มตัวลงมาตีก้นบีมไม่เบานัก คล้ายกับส่งสัญญาณให้หมาตัวโปรดรีบพุ่งทยานออกไปนอกระเบียง บีมจึงรีบวิ่งสี่ขาด้วยความร่าเริงราวกับกระหายบรรยากาศอันเย็นฉ่ำ จนนายท่านต้องพยายามดึงรั้งไว้

เล่นเอาความสุขของบีมพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง

เพราะ ‘หมา’ ตัวนี้เป็นหมาตัวโปรดของนายท่าน


“เอาไป” กระทั่งนายท่านนั่งบนโซฟาตรงระเบียงด้านนอก คุกกี้ผสมน้ำผึ้งกับงาอันขึ้นชื่อของโมร็อคโคก็วางลงบนฝ่ามือ คล้ายกับจะให้บีมเล็มเลียได้สะดวก

“ดื้อ มึงจะเอาแต่ห่วงเล่นหรือไงบีม” เจ้าของหมาที่ชื่อบีมลั่นวาจาด้วยความดุดัน ทำเอาบีมตกใจจนกระตุกสายจูงหลุดออกจากฝ่ามือของนายท่าน พลางคลานสี่ขาเข้าไปหลบหลังน้ำพุสไตล์โมร็อคคันที่กำลังไหลเอื่อยจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง

“โฮ่ง!” บีมเห่าเสียงดังลั่น เพื่อประท้วงนายท่านพลางส่ายหน้าเพียงเบา ๆ ก่อนจะเผยตัวออกมานอนกลิ้งอยู่บนพื้น
ราวกับโกลเด้นตัวโตกำลังนอนอ้าขาผึ่งพุง

“อะไรของมึงวะไอ้บีม” เจ้าของหมาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ หมาอย่างบีมเลยได้แต่ใช้ฝ่ามือลูบหน้ากากใบใหญ่พร้อมกลิ้งไปมาราวกับจะเถือกไถจนกว่าจะหลุดออกจากใบหน้า

“งั้นมึงคลานสักรอบ แล้วหาที่ดี ๆ สักที่ฉี่ให้เรียบร้อย กูจะได้ถอดตระกร้อครอบปากให้ แล้วค่อยเอามึงเข้านอน” นายท่านเตะก้นของบีมไม่เบานัก แต่มันกลับกระตุ้นให้บีมรีบคลานสี่ขา ขณะที่สายตาก็เอาแต่สอดส่ายหามุมเหมาะ ๆ ที่จะใช้ยั่วอารมณ์ผู้เป็นนาย

ท้ายที่สุดบีมก็เลือกห้องอาบน้ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นเทียนหอมฉุย เสริมสร้างความวาบหวามอยู่ในที จนเสี้ยวหนึ่งบีมเผลอคิดไปว่า หากตนเองยกขาฉี่อย่างหมาจรจัดบนกำแพงจนของเสียไหลรินไปตามพื้น

นายท่านจะรู้สึกรังเกียจ..

หรือมองว่ามันชวนให้มีอารมณ์มากกว่ากัน

“หึ” จนกระทั่งนายท่านหลุดหัวเราะในลำคอเพียงเบา ๆ ขณะยืนพิงอ่างล้างหน้าอย่างสบายอารมณ์ พร้อมเฝ้ามองสุนัขตัวโปรดที่กำลังยกแข้งขาด้วยท่าทีเหนียมอาย เล่นเอาลมหายใจและส่วนอ่อนไหวเกิดปฏิกิริยาอย่างไม่คาดคิด

เพียงแค่ได้มองเห็นเรียวขาสวยเอื้อมแตะกำแพงปูนสีส้มอิฐ พร้อมหยาดหยดสีขาวใสที่เกิดจากการดื่มน้ำในปริมาณมาก รินรดมุมกำแพงที่เต็มไปด้วยแสงสะท้อนจากเปลวเทียนจนทำให้ภาพสุดเซ็กซี่ถูกครอบงำไปด้วยม่านมายาอันน่าหลงใหล

รู้ตัวอีกทีความอุ่นร้อนของอะไรบางอย่างก็สัมผัสบริเวณแทบเท้าของผู้เป็นดอมจนค่อย ๆ ครอบครองพื้นที่ใต้ฝ่าเท้าอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่บีมได้แต่ลอบมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกยากจะบอกกล่าว

เพราะมันทั้งสุขสมและก็หวั่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก

บีมจึงเอาแต่ก้มหน้าชิดปลายคาง



“คุณไม่ต้องเป็นหมาแล้วล่ะ..” สิ้นคำพูดของนายท่าน หัวใจของบีมพลันหยุดเต้น แววตาสั่นระริกด้วยความกังวลและสับสน
 
“เป็นคุณหนูร่าน ๆ ให้ผมดีกว่าเยอะ” กระทั่งนายท่านขยับเข้ามาใกล้ชิดอย่างไม่นึกรังเกลียดของเสียในกายของซับคนโปรด ซ้ำยังถอดหน้ากากสุนัขพันธุ์ดุออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะถอดกางเกงสแล็กส์พร้อมชักนำความเป็นชายให้อีกฝ่ายปลุกเร้าอย่างไม่อาจควบคุม

“อึก..อื้อ..” คุณหนูแสนร่านได้แต่กลืนกินไอศกรีมรสเลิศอย่างตะกรุมตะกราม จนทำให้สุ้มเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ดวงตาเรียวสวยกลับฉายแววตื่นเต้นและสุขสม เมื่อผู้เป็นดอมถึงกับเสียหลักเรียกร้องรสสัมผัสแห่งการเสพสม

“อ่า..ค..คุณหนู..ร่านกว่านี้อีกสิ” สิ้นคำกระตุ้นเตือนฝ่ามือหนาก็ขยุ้มกลุ่มผมของบีมด้วยความเสียวซ่าน ซ้ำยังร้องซี๊ดไม่ขาดปาก เล่นเอาบีมที่กำลังคุมเกมแทบสำลักเพราะความคับแน่น ถึงกับบดเบียดช่วงขาเพื่อบรรเทาความกระสันของตัวเอง

“ดูดให้แน่น..อา..กว่านี้สิ” นายท่านยังคงควบคุมจนความคับแน่นเข้ามาทักทายจนบีมสุดจะกลั้น แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีไปตั้งหลักได้ เมื่อผู้เป็นนายกำลังใช้สองมือโอบประคองใบหน้าของบีมให้แนบชิดกับส่วนนั้น

ขณะที่ฝ่าเท้าอันเปียกชื้นกลับปรนเปรอช่วงล่างของฝ่ายซับราวกับเป็นการแลกเปลี่ยน ส่งผลให้สองเสียงร้องผสานราวกับท่วงทำนองของดนตรีคลาสสิก

เบาบ้าง ดังบ้าง ตามแต่จังหวะการรุกราน จนกลายเป็นโน้ตดนตรีบนบรรทัดห้าเส้นอันมีชีวิตชีวา ก่อนจะเงียบหายราวกับวาทยากรใช้ไม้บาตองสั่งให้นักดนตรีหยุดการประสานเสียง

ส่งผลให้ความสุขสันต์รินรดใบหน้าและเส้นผมของบีมอย่างไม่ทันตั้งตัว

ทว่ากลับเสริมสร้างความรู้สึกอิ่มเอมเกินคาด

จนบีมในมาดของคุณหนูร้อนร่าน อดจะเล็มเลียหยาดหยดขาวละมุนด้วยความตะกรุมตะกรามไม่ได้



--------------------------✁


[1] Golden shower & Brown Shower คือ การที่ดอมและซับนำปัสสาวะและอุจจาระเข้ามามีบทบาทในการเพลย์ โดยดอมจะสั่งให้ฝ่ายซับดื่มหรืออาบสิ่งเหล่านั้น นับเป็นการด้อยค่าความเป็นมนุษย์และต้องการทำให้อับอาย



สวัสดีค่าทุกคนนนนน เรากลับมาแล้วจ้าาาาาา ฮือออ กว่าอะไรหลาย ๆ อย่างจะดีขึ้นก็ใช้เวลานานเลยปีกว่าแน่ะ ตอนนี้ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าตัวเองเขียนได้ดีเท่ากับที่เคยเขียนไว้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยมันก็น่าพอใจสำหรับเราพอสมควร ตอนต่อไปอาจจะมาอัพสักอาทิตย์หน้าประมาณวันจันทร์หรืออาจจะเร็วกว่านั้นงับ ต้องดูตารางการติ่งและเวลาทำงานก่อน 5555 

ยังไงก็คอมเมนต์เข้ามาเยอะ ๆ เลยน๊า เราจะได้มีกำลังใจเขียนต่อไปค่ะ! และเราอยากรู้ว่าการเขียนของเราตอนนี้เป็นยังไงบ้างค่ะ

ทั้งนี้ต้องขอบคุณแอดมินเพจ Thailand BDSM : Let's Play and Learn มาก ๆ เลยค่ะที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำดี ๆ สำหรับการเขียนฉากเพลย์ในบางช่วง >.<
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 31 (update 13/09/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 13-09-2021 16:09:59
ตอน 31

หลังจากเหตุการณ์สุดเร่าร้อนยกแรกผ่านพ้นไป บีมก็ล้างเนื้อตัวก่อนจะมานอนซบอกของคุณนัท ขณะแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุซซี่ด้วยกัน ท่ามกลางกลิ่นหอมจากเทียนหอมที่คุณนัทเตรียมมา   

“คุณชอบเทียนหอมกลิ่น Fresh Air หรือเปล่าครับ” คุณนัทเอ่ยถามขณะวางปลายคางลงบนศีรษะของบีม ส่วนฝ่ามือทั้งสองข้างกำลังโอบรัดรอบเอวไม่ห่าง

“ชอบครับ สดชื่นแล้วก็ผ่อนคลายดี” บีมเอ่ยตอบพลางขยับตัวให้ได้องศาเหมาะเจาะจะได้จุมพิตริมฝีปากคนรักสักหนึ่งที
ก่อนจะจมอยู่กับความเงียบงันพักใหญ่

“คิดอะไรอยู่ครับ ?” คุณนัทกระซิบถามด้วยความสงสัย เพราะเวลานี้ความรู้สึกของบีมกำลังเตลิดไกล เพียงเพราะฝ่ายดอมปลดปล่อยน้ำรักจนซ่านเซ็นเต็มใบหน้า บีมจึงอดจินตนาการไม่ได้ว่า..

ถ้าหากอีกฝ่ายปล่อยให้ของเหลวแสนน่าหลงใหลราดรดไปทั่วสรรพางค์กาย ก่อนจะดื่มกินราวกับอาหารเลิศรส

มันจะน่าตื่นตาตื่นใจจนบีม ‘เสร็จสม’ โดยไม่ต้องปลอบประโลมเลยหรือเปล่า



“ผมกำลังคิดว่าหลังจากใช้แท่งซาวน์ดิ้งจะต่อด้วย Cum play เลยดีหรือเปล่า” บีมขยับตัวเพียงนิดเพื่อจดจ้องแววตาคู่คมของคนรักด้วยความแน่วแน่ ราวกับการพูดคุยผ่านสายตา จะช่วยบอกเล่าความรู้สึกทั้งหมดได้

“คุณอยากเล่นกับน้ำรักของผม ?” คุณนัทเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

“อ..อื้อ” ขณะที่บีมได้แต่ถูปลายจมูกพลางตอบรับในลำคอด้วยความเก้อเขิน เมื่อบีมเพิ่งจะค้นพบเฟติชแบบใหม่ เพราะที่ผ่านมาบีมชอบที่จะถูกปรนเปรอและโดนสั่งห้ามไม่ให้ปลดปล่อยเสียมากกว่า

นายท่านคนดีจึงไม่ค่อยเรียกร้องให้บีมทำออรัลบ่อยนัก

“ถ้าหากเราคุยกันเร็วกว่านี้ การเพลย์ของเราคงจะสมบูรณ์แบบมาก” คุณนัทแสดงความคิดเห็น ซึ่งบีมก็เห็นด้วย เพียงแต่มันก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะที่ผ่านมาบีมไม่เคยถูกดอมคนไหนทำให้เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรัก
 
มีแต่จะถูกสั่งให้กลืนกินอย่างตะกละตะกรามเสียมากกว่า
 
“ผมเพิ่งจะค้นพบรสนิยมใหม่ของตัวเองเมื่อครู่นี้เองครับ เพราะดอมคนเก่าชอบให้ผมทำออรัลแล้วกลืนกินมันมากกว่า พอเปลี่ยนมาเป็นคุณผมก็เลยเคยชินแบบนั้น แถมคุณยังไม่ค่อยเพลย์ในแบบที่ผมต้องทำออรัลมากเท่าไร ผมเลยเข้าใจว่าคุณน่าจะใส่ใจกับการเล่นสนุกไปตามบทบาทและการเล้าโลมมากกว่า”

“ก็จริงของคุณ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มซาวน์ดิ้งกันเลยสิครับจะได้มีเวลาทำอย่างอื่น” คุณนัทรวบตัวบีมให้ลุกจากอ่างอาบน้ำพร้อมกระซิบข้างใบหูจนลมร้อนรินรด เล่นเอาบีมขนลุกชันด้วยความรวดเร็ว

“คนไข้มาตรวจภายในแบบนี้ คงต้องสวมเสื้อคลุมก่อนนะครับ” กระทั่งปลายเท้าของบีมแตะพื้นได้ คุณนัทก็ส่งเสื้อคลุมที่ทางโรงแรมแขวนเตรียมไว้ให้

“รอหมอเรียกชื่อตรงห้องรับแขกก่อนนะครับ” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่กำลังกลายร่างเป็นคุณหมอแสนใจดีกระซิบเสียงแผ่วพร้อมรุนหลังให้บีมก้าวเดินออกจากห้องน้ำ

เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เตรียมพร้อมสำหรับการเพลย์อันแสนสุ่มเสี่ยง



บีมได้แต่นั่งรอนายแพทย์จำเป็นที่กำลังเดินไปมาอยู่ตรงบริเวณห้องนอน เพราะกำลังว้าวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ต้องนำมาใช้ และยังต้องสวมถุงมือยางเพื่อป้องกันการปนเปื้อน

แต่ทว่ากลับเร่งเร้าให้ธีมการแพทย์ดูสมจริงยิ่งขึ้น

“คุณธาวินเชิญที่ห้องตรวจได้เลยครับ” สิ้นคำเชิญบีมก็รีบกระเด้งตัวออกจากโซฟาตัวนุ่มอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในใจกำลังสั่นรัวด้วยความตื่นเต้น
 
จนกระทั่งเดินเข้าไปยังเคาน์เตอร์แบบบิวท์อินสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งที่มีแท่งซาวน์ดิ้งแบบสแตนเลสสตีลหลายขนาดวางเรียงรายอยู่ บีมก็ได้แต่หันรีหันขวางเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

“ขึ้นไปนั่งข้างบนเลยครับ” ดอมในมาดของคุณหมอผู้แสนใจดีบอกกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางหยิบเอกสารบางอย่างมาเปิดอ่านตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จนทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายและช่วงล่างของบีมอยู่ในระดับสายตาที่เหมาะสม

“จากประวัติการรักษา คุณธาวินมีอาการอุดตันทางระบบท่อปัสสาวะ” สิ้นคำพูดของคุณหมอจำเป็น บีมได้แต่นั่งนิ่งราวกับถูกสาป เพราะลึก ๆ ก็รู้สึกหวาดกลัว แต่อีกใจก็ดึงดันอยากจะลองเพลย์ตามข้อเสนอของคุณนัท

“คุณธาวินยังไม่เคยทำซาวน์ดิ้งมาก่อน วันนี้หมอจะใช้ขนาดเล็กที่สุด พอเริ่มคุ้นชินแล้วพวกเราค่อยขยับไปตามแพลนการรักษานะครับ” คุณหมอจำเป็นสวมแว่นสายตาราวกับเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมไล้ฝ่ามือไปตามอุปกรณ์จำเป็นที่มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียบหรือแบบลูกคลื่นก็มีเต็มไปหมด

“ทำใจให้สบายนะครับ ไม่มีอะไรน่ากังวลเลย” ผู้เป็นดอมยังคงปลอบโยนด้วยความอบอุ่น เล่นเอาหัวใจของบีมซึมซับความอบอุ่นนั้นจนลึกสุดใจ ก่อนจะต้องใจสั่นเมื่อฝ่ามือใหญ่แยกเรียวขาของคนป่วยจำเป็นให้อ้ากว้าง ส่งผลให้สายคล้องเอวค่อย ๆ คลายตัวออกอย่างรู้งาน

“เจลเย็น ๆ ช่วยได้เยอะเลยครับ” ฝ่ายดอมยังคงเอื้อนเอ่ยราวกับต้องการให้ซับอย่างบีมค่อย ๆ ผ่อนคลาย โดยที่ฝ่ามือหนึ่งก็ลูบไล้ต้นขาของบีมด้วยความแผ่วเบา เสริมสร้างความกระสันได้ไม่ยาก แต่กระนั้นบีมก็จำต้องกลั้นไว้

“อา..” แต่จนแล้วจนรอดบีมก็อดจะเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ เมื่อความเย็นจากเจลหล่อลื่นกำลังครอบครองส่วนที่ต้องได้รับการรักษาจนเหนียวเหนอะ

“อ๊า..” กระทั่งปลายนิ้วของคุณหมอจำเป็นแตะต้องเครื่องเพศบริเวณส่วนปลาย ร่างกายพลันสั่นสะท้านด้วยความอ่อนไหว เพราะบีมเคยคุ้นกับการปลุกเร้าจากนายท่านจนแทบจะเข้าขั้นหลงใหลมัวเมา

“ถ้าหากคุณธาวินเจ็บก็บอกผมนะครับ เพราะอันที่จริงการทำซาวน์ดิ้งไม่เจ็บนะ ถ้าหากทำถูกวิธี” สิ้นคำพูดของดอมผู้ทรงเสน่ห์ บีมก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้ แต่สมองกลับโผบินไกลเกินกว่าจะเรียกคืน เมื่อนายท่านใช้ปลายนิ้วที่สวมถุงมือสำหรับผ่าตัด ลูบไล้ส่วนปลายของความอ่อนไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งยังจงใจกดย้ำช่องทางเล็ก ๆ ไม่ขาด ส่งผลให้บีมหวามไหวไปทั่วสรรพางค์กาย

“หมอกำลังจะสวนท่อปัสสาวะให้คุณธาวินแล้วนะครับ” แววตาล่องลอยของบีมคล้ายกับถูกดึงรั้งให้กลับมาจดจ่อที่ขั้นตอนการรักษาอย่างลุ่มหลง เมื่อความเย็นของสแตนเลสสตีลค่อย ๆ รุกล้ำเข้ามายังช่องทางเล็กแคบ เล่นเอาบีมรู้สึกมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก

“ผ่อนคลายอีกสักหน่อยนะครับคุณธาวิน” ดอมอย่างคุณนัทยังคงปลอบขวัญไม่หยุดปาก พร้อมใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งค่อย ๆ นวดเฟ้นส่วนขยายจนออกอาการ แต่กระนั้นการสอดใส่แท่งซาวน์ดิ้ง ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเชื่องช้า เพราะไม่อาจทำด้วยความรีบร้อน

“อ๊ะ..อื้อ..คุณหมอ..” บีมเชิดหน้าเอนหลังพิงกระจกบานใหญ่พลางครวญครางด้วยความกระสัน เมื่อความเย็นค่อย ๆ กลืนกินความอุ่นร้อนภายในร่างกาย ก่อนจะถูกดันออกราวกับต่อต้านสิ่งแปลกปลอม

“เจ็บเหรอครับ” คุณหมอจำเป็นเอ่ยถาม แม้ว่าปฏิกิริยาดังกล่าวจะเป็นเรื่องปกติของการสอดใส่แท่งซาวน์ดิ้ง

“อ๊ะ..ป..เปล่าครับ” บีมส่ายหน้าตอบอย่างลนลาน พลางจิกปลายเล็บลงบนเคาน์เตอร์แต่งหน้าลายหินอ่อน เมื่อคุณหมอจำเป็นเริ่มกดแท่งซาวน์ดิ้งให้จมลึกและปล่อยให้มันดันออกอย่างเป็นธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนอะไรบางอย่างกำลังปะทุจากภายใน
 
“รู้สึกอย่างไรต้องบอกหมอให้หมดนะครับ” ทันทีที่ฝ่ายดอมย้ำเตือน บีมก็ได้แต่เม้มปากแน่น
เพราะการเพลย์ในรูปแบบนี้..

มันโคตรจะเสียวซ่านจนไม่อาจหาอะไรมาเทียบได้

“ม..มัน..จะ...” ทว่าบีมยังพูดไม่ทันจบคุณหมอผู้แสนใจดีก็ถอดถอนความเรียบลื่นอันเรียวเล็กออก เล่นเอาบีมรู้สึกค้างคากระวนกระวายจนแทบคลั่ง

“จะ.. อะไรเหรอครับ ?” คุณหมอจำเป็นจี้ถามไม่หยุด คล้ายกับอยากได้คำตอบแต่ก็ไม่อยากได้คำตอบเสียทีเดียว

“ลองเปลี่ยนเป็นแบบลูกคลื่นบ้างนะครับ” นายท่านยกยิ้มอ่อนโยนแต่ทว่าแอบแฝงความสุขสมในส่วนลึก

เพราะการปรนเปรอให้ฝ่ายซับกระหายอยาก..

คือสิ่งที่นายท่านโปรดปราน

“มันอาจจะเสียวกว่าแบบเรียบ ๆ ก็ได้.. ว่าไหมครับคุณธาวิน” คุณหมอจำเป็นเอื้อนเอ่ยอย่างรู้ใจ เมื่อหันมาเห็นน้ำรักสีขาวขุ่นกำลังไหลรินราวกับไอศกรีมละลายในหน้าร้อน

“อ๊ะ..ผ..ผม..” บีมได้แต่ครวญครางไม่ได้ศัพท์ เมื่อลูกคลื่นกำลังโหมกระหน่ำอย่างเอื่อยเฉื่อยภายในความเวิ้งว้างอันขุ่นข้น

“คุณธาวินอยากจะปลดปล่อยเหรอครับ” คุณหมอจำเป็นยังคงตั้งคำถามที่ก็รู้ดีอยู่แล้ว จนบีมแทบอยากกระชากอีกฝ่ายเข้ามาจูบให้แนบแน่น พร้อมบดขยี้กลีบปากให้บวมเจ่อจะได้ลดทอนความกระหายอยากไปได้บ้าง

“ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะมีอารมณ์ระหว่างการรักษา” แต่แล้วช่องท้องของบีมก็วูบโหวงจนน่าใจหาย เมื่อนายท่านในมาดคุณหมอกำลังชักพาแท่งซาวน์ดิ้งออกห่างจากความอ่อนไหว

“เอาเป็นว่าผมให้เวลาคุณไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่าครับ” สิ้นคำพูดนั้นนายท่านก็รีบเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เดินออกจากห้องนอนอย่างไม่สนใจใยดีซับอย่างบีมที่กำลังค้างคา

จนในใจสุมทรวงด้วยความกระหายอยากต่อการเอาชนะ



บีมในชุดคลุมรุ่ยร่ายรีบก้าวตามผู้เป็นดอมด้วยความรวดเร็ว เพราะบีมทั้งอึดอัดและอยากปลดปล่อยให้อีกฝ่ายเห็น จึงต้องคอยตามตื้อด้วยความดื้อดึง

“ดูเหมือนส่วนนั้นของคุณหมอก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างจากผมนะครับ” บีมทำใจเย็นด้วยการยืนพิงขอบประตูห้องน้ำสีส้มอิฐ พร้อมมองไปยังแผ่นหลังกว้างของดอมผู้เคร่งครัดในกฏระเบียบของการรักษา

“ไม่อยากให้ผมช่วยจริง ๆ เหรอครับคุณหมอ” บีมเอ่ยถามพลางนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ที่สะท้อนอยู่บนกระจกเงาตรงบริเวณอ่างล้างมือ ก่อนจะอ้าขาอย่างเชื่องช้าพร้อมดึงทึ้งเสื้อคลุมจนร่วงหล่นออกจากผิวกาย

“อ๊ะ..อ๊า..ดูผลพวงของการรักษาสิครับ..คุณหมอ..” บีมยังคงเอื้อนเอ่ยอย่างปากดี ขณะรูดรั้งความแข็งขืนด้วยจังหวะเผ็ดร้อน จนของเหลวไหลย้อยไปตามรูปทรงของอะไรบางอย่างที่ยังคงได้รับความสนใจ

“มันทำให้ผม..อื้อ..ง..เงี่ยนขนาดนี้เลย..อ๊า” ท้ายที่สุดบีมก็ไขว่คว้าความสุขสมมาครอบครองได้

“ที่รักผมคงถนอมคุณไม่ได้แล้ว” สิ้นคำพูดนั้นชายหนุ่มมาดนักธุรกิจก็ กลายร่างเป็นเสือโหย คว้าตัวบีมอุ้มพาดบ่าพร้อมตีสะโพกเนียนสวยเป็นการสั่งสอนด้วยความเอ็นดู

“ยั่วเก่งขนาดนี้ ผมเอาคุณไม่หยุดขึ้นมาจะแย่นะ” ทันทีที่บีมถูกโยนละลิ่วลงบนเตียงนอน ตามด้วยการทาบทับของชายคนรักที่กำลังเล่นเกมตาต่อตาฟันต่อฟัน

“ก็ดีสิครับ ยิ่งกลับดึก คนแถวบ้านผมก็ยิ่งหลับสนิท..” บีมยักคิ้วท้าทายพร้อมกระตุกริมฝีปากยกยิ้มข้างเดียวอย่างยั่วเย้า ทำเอาคุณนัทจับพลิกคว่ำในทีเดียว ซ้ำยังล็อกฝ่ามือทั้งสองข้างไม่ให้เกะกะ ขณะที่สะโพกอันล่อตากำลังฉายภาพกลีบดอกไม้ที่พยายามจะแย้มบานร้องเรียกภุมรินให้มาดอมดม

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ขัดศรัทธานะที่รัก” สิ้นประโยคนั้นเรียวลิ้นร้อนก็เล็มไล้หยอกเย้ากลีบบุปผาให้ผลิบานตามใจนึก

“อ๊า..ท..ที่รัก..ช..ช้าหน่อย” บีมได้แต่ร่ำร้องขอชีวิตเมื่อคุณนัทผู้แสนอ่อนโยนกำลังทำหน้าที่ภุมรินผสมเกสรอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังซอกซอนหาน้ำหวานเลิศรสจากความอุ่นร้อนที่กำลังเต้นตุบ ๆ

“บังเอิญผมต้องรีบทำเวลา เพราะคืนนี้ผมต้องเดินทางไปหนองคายนะครับ คุณลืมแล้วเหรอ” ทันทีที่ได้ยินข้ออ้างของชายคนรัก บีมก็ถึงกับพูดไม่ออก เพราะอีกฝ่ายมีแพลนจะเดินทางจริง เพียงแต่กว่าจะเดินทางก็ตีหนึ่งครึ่ง

เอาอะไรมารีบทำเวลา ?

“นี่มันเพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่ง คุณนัท! คุณมันบ้าไปแล้ว” บีมโต้ตอบเสียงกระเซ่า แต่กระนั้นก็ไม่ได้จริงจังนัก เพราะความถึงพริกถึงขิงในวันนี้ ทำให้ห้วงอารมณ์ในส่วนลึกลอยล่องไปทั่วเรือนกาย

“ถ้าผมบ้า คุณก็คงบ้าไม่ต่างกัน เพราะคุณน่ะ.. โคตรชอบเลยไม่ใช่เหรอ” คุณนัทยังคงกระซิบข้างใบหู ขณะที่ปลายนิ้วเปล่าเปลือยกำลังชักนำความกระสันต์ให้ทวีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

“อีกอย่างการ Cum play มันต้องใช้เวลาสะสมพลังงานไม่ใช่เหรอที่รัก ไม่อย่างนั้นผมจะแตกบนตัวคุณได้อย่างไร” คุณนัทพลิกร่างของบีมให้นอนหงายพลางขยับกายเข้ามากระซิบราวกับต้องการให้รู้กันสองคน แม้ว่าภายในห้องจะมีเพียงแค่เรา
ส่งผลให้ร่างกายเสียดสีกันอย่างหวามไหว

“ตรงนี้ของคุณ.. พร้อมหรือยังนะ” คุณนัทใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งจับยึดเรียวแขนของบีมไว้เหนือศีรษะ ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างกำลังทำหน้าที่ชะโลมเจลหล่อลื่นด้วยความเบามือ จนบีมอดขยับกายสอดรับความหอมหวานนั้นไม่ได้

“อ๊ะ..ผม..พร้อมแล้ว..” บีมเอ่ยตอบเสียงดังฟังชัดพลางขยับเรียวขาโอบรอบเอวของคุณนัทไว้ จนอีกฝ่ายคล้ายตกอยู่ในกรงขังก็ไม่ปาน

แต่กระนั้นเสือโหยก็ยังเป็นเสือโหยอยู่วันยังค่ำ

“อ๊า” ทันทีที่ความแข็งแกร่งสอดใส่เข้ามาจนสุดปลายทาง ร่างกายของบีมก็สะเทือนไปตามแรงส่งคล้ายกับเรือลำน้อยถูกพายุโหมกระหน่ำ

แถมยังไม่ใช่พายุธรรมดา!

“ลึกพอไหมที่รัก..” คุณนัทกระซิบข้างใบหูพลางขบกัดเล่นด้วยความเพลิดเพลิน แต่กระนั้นช่วงล่างก็ยังกระแทกกระทั้นราวกับไม่อาจควบคุมใด ๆ ได้ เพราะเรื่องแบบนี้ ห่างหายกันไปนานแล้ว

“ม..ไม่!” บีมโอบรอบลำคอของคนรักพร้อมตอบด้วยความดื้อรั้น แม้ว่าเวลานี้ภายในกายจะกำลังปั่นป่วนจนยากจะรับมือ

“เผ็ดร้อนเสียจริง” คุณนัทหลุดหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจุมพิตข้างขมับอันชื้นเหงื่อ

“อ๊ะ..อ๊า..ก็ผมเฝ้าแต่นับวันรอ..อื้อ..จะได้เอากับคุณให้จุใจ..อ๊า” กระทั่งบีมโต้ตอบด้วยความปากดีสมใจ ความสุขสมก็พร่างพรมลงบนเนื้อตัวของคุณนัท ขณะที่อีกฝ่ายก็เร่งเครื่องราวกับควบม้าในสนามแข่ง ก่อนจะถอดถอนส่วนสำคัญจนของเหลวสีขาวขุ่นกลาดเกลื่อนไปทั่วเรือนกายอันงดงามของคนรัก

“สภาพของคุณตอนนี้ทำเอาผมอยากถ่ายรูปเก็บไว้ แต่อีกใจก็กลัวคนอื่นจะได้เห็นความสวยงามจนน่าขย้ำของคุณ” คุณนัทเอื้อนเอ่ยพลางขยับกายเข้ามาใกล้ริมฝีปากของบีมคล้ายกับจะให้ทำความสะอาดส่วนแข็งแกร่งจนเกลี้ยงซ้ำยังลูบไล้ความรักอันเปี่ยมล้นไปทั่วเรือนกายของบีม ก่อนจะส่งให้บีมลิ้มลองจนหลงใหลมัวเมา

กว่าการเพลย์จะดำเนินมาจนถึงจุดจบได้

ก็เล่นเอาทั้งสองได้แต่ตระกองกอดกันราวกับไม่อยากแยกห่าง



เพียงแต่เวลาแห่งความสุขมักจะหมดลงอย่างรวดเร็ว บีมกับคุณนัทจึงต้องเดินทางออกจากโรงแรมสไตล์โมร็อคคันในเวลาเดียวกัน เพราะคุณนัทเป็นห่วงอีกทั้งยังอยากประวิงเวลาไว้ให้นานที่สุด

“ออกเดินทางได้แล้วครับ” กระทั่งมาถึงหน้าประตูบ้านของผู้ใหญ่หนุ่ย บีมก็ดับเครื่องยนต์ก่อนจะเดินไปหาคุณนัทที่ขับรถตามหลัง เพื่อเตือนให้อีกฝ่ายรีบทำตามแพลนที่วางไว้

“ที่รักผมเตรียมก้านน้ำมันหอมมาให้ แต่ดันลืมให้คุณเสียได้ หวังว่ามันจะช่วยให้คุณคลายความตึงเครียดระหว่างที่ผมไปทำงานได้บ้างนะ” คุณนัทส่งถุงกระดาษแบรนด์ดังผ่านทางหน้าต่างรถ ฝ่ายบีมก็ได้แต่รับมาพร้อมรอยยิ้ม

“มะรืนนี้เจอกันนะครับ” บีมเอื้อนเอ่ยพลางส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มเมื่อใจยังคงอยากอยู่ใกล้ ๆ คนรักที่เต็มไปด้วยไออุ่นของความปลอดภัย

“แล้วเจอกันครับที่รัก..” สิ้นคำลาบีมก็เป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปจุมพิตคนรักด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งเตาะแตะไปยังรถของตัวเอง เพื่อขับเข้าไปยังอาณาบริเวณบ้านของผู้ใหญ่หนุ่ย

เพียงแต่บีมไม่ทันคาดคิดว่า..

แม่จะนั่งรออยู่ตรงใต้ถุนบ้าน!


--------------------------✁


วันนี้มาลงเร็วหน่อย เพราะติดภารกิจติ่งจ้า 5555 ตอนต่อไปอาจจะนานหน่อยนะคะ หมดสต๊อกแล้ว ขอเวลาปั่นก่อนน รอสักอาทิตย์นู้นนนนเลย ฉากเพลย์อาจจะยังไม่ดีมากนัก แต่ถ้ามีโอกาสได้แก้ในรวมเล่มจะมาแก้ให้แซ่บขึ้นให้ได้เลย T_T

ปล. ถ้าเป็นไปได้อยากให้ย้อนไปอ่านตอน 30 อีกรอบเพราะจริงๆ แล้วสถานการณ์มันต่อกัน แต่เราลงห่างกันเพราะว่านุกลัวหมดสต๊อก 555
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 31 (update 13/09/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-09-2021 21:54:39
ชั้นหลงรักคู่นี้  :jul1:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 32 (update 28/09/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 28-09-2021 19:51:42
ตอน 32

หลังจากดับเครื่องยนต์บีมใช้เวลาสงบใจอยู่พักใหญ่ เพราะการเหยียบย่ำในเขตรั้วบ้านตอนตีหนึ่งครึ่ง ควรเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสม
ส่งผลให้หัวใจของคนมีชนักติดหลัง ค่อย ๆ ถูกแร่ออกเป็นชิ้น ๆ ไม่ต่างกับดอกเดซี่ที่กำลังถูกหญิงสาวทำนายทายรัก เพราะบีมไม่แน่ใจว่าแม่แค่มานั่งรอด้วยความห่วงใย หรือมีคนมารายงานเรื่องบีมกับคุณนัท
“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” บีมทำเป็นใจดีสู้เสือเดินไปนั่งข้าง ๆ แม่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้าน
“แม่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ แล้วก็เป็นห่วงบีมด้วยเลยมานั่งคอย” หญิงวัยกลางคนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้หัวใจคนฟังเกิดความปั่นป่วน
“บีมแค่ไปสังสรรค์กับเพื่อนเองครับ ไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วงเลย” บีมคว้าฝ่ามือของแม่มากอบกุมไว้ พลางลูบหลังมือที่ไม่ได้เรียบเนียนเพียงเบา ๆ
ขณะที่สมองยังคงพร่าเบลอเพราะการตีตนไปก่อนไข้

“บีม..” หลังจากแม่ใช้น้ำเสียงเรียบนิ่งเปิดบทสนทนา หัวใจของบีมคล้ายถูกม่านหมอกของความหวาดกลัวกัดกินทีละนิด
“ครับ”  บีมยังคงแย้มยิ้ม ทว่าสีหน้าและน้ำเสียงไม่ได้สัมพันธ์กันแต่อย่างใด
“วันนี้.. บีมกับนัททำอะไรประเจิดประเจ้อเกินไปหรือเปล่า” สิ้นคำพูดของแม่ บีมก็นั่งตัวแข็งทื่ออย่างคนทำอะไรไม่ถูก เพราะคำพูดนั้นค่อนข้างกำกวมจนบีมกลัวว่าการเพลย์ที่โรงแรมในวันนี้ จะถูกถ่ายทอดออกไปโดยผู้ไม่ประสงค์ดีอย่างไอ้โต้ง
“แม่..หมายความว่าอย่างไรครับ” บีมพยายามทำหน้าซื่อตาใส แต่ทว่าในอกกลับดิ้นพล่านราวกับคนกำลังจมน้ำ
“แม่รู้ว่าบีมไม่ชอบให้ใครมานินทาลับหลัง แต่ทำไมครั้งนี้บีมถึงไปกอดจูบกับนัทกลางงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าล่ะ”
“แม่! งานนี้มันสำคัญกับคุณนัทมาก บีมจะไปทำลายภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือของคุณนัทกลางงานแบบนั้นได้อย่างไร อีกอย่างบีมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร แม่เองก็น่าจะเชื่อใจบีมมากกว่าคำพูดของคนอื่น” บีมขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียดขณะแก้ตัวโดยที่ไม่แน่ใจว่าจะฟังขึ้นหรือเปล่า แต่บีมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กอดจูบกับคุณนัทต่อหน้าสาธารณะชนในงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าแน่นอน
“แล้วรูปนี้ล่ะ บีมจะแก้ตัวว่าเป็นมุมกล้องเหรอ ?” ทันทีที่แม่หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปบางอย่างให้บีมดู เสียงของจิ้งหรีดเรไรก็พากันขับขานจนบีมรู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก เพราะภาพที่เห็นมันคือมุมกล้องที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรคนในรูปก็กำลังจูบกันท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้า
“บีมแค่กระซิบคุยกับคุณนัท ไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย แม่ถามบีมแบบนี้เหมือนแม่ปักใจเชื่อไปแล้วว่าบีมไร้วิจารณญาณ” บีมพูดด้วยความร้อนรนทั้งยังใส่อารมณ์ด้วยความโมโหที่ไอ้โต้งมาสร้างปัญหาให้ไม่ต่างจากวันวาน
“ก็ถ้าบีมมีวิจารณญาณมากพอ บีมจะถ่ายรูปแบบนั้นตั้งบนหน้าจอโทรศัพท์เหรอ!” แม่แผดเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวดที่เห็นบีมทำตัวเหลวไหล เล่นเอาบีมถึงกับเงียบเป็นเป่าสาก เพราะไม่อาจหาคำไหนมาอธิบาย
“แม่ก็ว่าแต่บีม แล้วที่แม่หลอกใช้ความฝันของบีมกับงานแต่งของพี่แก้วตัวปลอมล่ะ เรียกว่ามีวิจารณญาณที่ดีแล้วเหรอ” บีมลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหและร้อนรน เพราะสิ่งที่แม่พูดไม่เกินจากความจริงเลยสักนิด
เพียงแต่มันคือรสนิยมที่บีมไม่อาจอธิบายให้แม่เข้าใจ
เรื่องของพี่แก้วจึงถูกนำออกมาสะสางแทนที่จะถูกแม่ไล่ต้อนอยู่ฝ่ายเดียว

“บีม!!!” แม่ตะโกนจนเสียงดังลั่นด้วยเพราะถูกวาจาแทงใจดำ
“แม่รู้ไหม บีมคาดหวังกับงานนี้มาก เพราะบีมอยากให้ทุกคนเห็นความสามารถของบีม พ่อกับแม่จะได้ภูมิใจในตัวบีม ตอนอยู่ที่กรุงเทพบีมต้องอดหลับอดนอนเพื่อเคลียร์งานเก่า เพราะถ้าบีมวางมือก็จะกระทบกับส่วนงานของคนอื่น พอมาอยู่ที่นี่บีมก็ต้องอดหลับอดนอน เพราะกลัวจะทำชุดให้พี่แก้วไม่ทัน”
“แต่แม่กลับใช้ความฝันและความเชื่อใจของบีมเป็นเครื่องมือ จนใจของบีมมันพังยับเยินไปหมดแล้ว!” บีมร้องตะโกนพร้อมทุบอกของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งน้ำตาอาบหน้า
เพราะทุกอย่างที่เคยสดใส มันสลายหายไปกับตา!

“พี่แก้วที่แม่หามา ทำงานได้ดีเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นบีมคงไม่ถูกคนอื่นดูถูกว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จจริง เลยต้องกลับมาเกาะพ่อแม่กินเพราะถูกผู้ชายหลอกจนหมดตัว” ยิ่งพูดน้ำตาของบีมก็ยิ่งไหล เพราะคำพูดเหล่านั้นล้วนเป็นหินก้อนใหญ่คอยถ่วงใจจนเต็มไปด้วยความขมขื่น
เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
บีมก็เป็นได้เพียงหัวข้อสนทนาที่เอาไว้พูดคุยอย่างสนุกสนานของคนบางกลุ่ม

“แผนการของแม่แยบยลดีนะครับ แค่อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างบีมกับพี่แก้วสมัยเด็กและช่องว่างของการไม่ได้พบเจอกันมานานเท่านั้นเอง” บีมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันขึ้นเรื่อย ๆ
“แถมพ่อกับแม่ยังใจดีสร้างบ้านริมน้ำให้บีมใช้สำหรับตัดเสื้อโดยเฉพาะ เพื่อหลอกให้บีมอยู่ที่นี่.. น่าดีใจเป็นบ้า!” บีมยังคงประชดประชัน ขณะหัวเราะทั้งน้ำตาพร้อมยิ้มเย้ยหยันให้ตัวเอง
“ถ้าหากบีมไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนั้น แม่จะสร้างเรื่องหลอกบีมเพื่ออะไร?” แม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับสะเทือนใจเมื่อบีมเริ่มขุดคุ้ยแผนการออกมาจนหมดเปลือก
“แม่เคยถามบีมเกี่ยวกับรูปนั่นสักคำไหม! ไม่เลย! แล้วบีมจะอธิบายได้อย่างไรว่ารูปนั่นเป็นแค่เรฟเฟอเร้นท์ในการทำงานของบีม!” เจ้าของห้องเสื้ออิสระตะโกนออกไปอย่างสุดกลั้น
“บีมคิดว่าแม่โง่นักเหรอ! ถึงมาโกหกแบบนี้!” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังพร้อมใส่อารมณ์ไม่ต่างกัน
“แม่! ถ้าบีมโกหก บีมจะกล้าเอาภาพถ่ายเซ็ตนั้นให้แม่ดูไหม ?” บีมพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น พร้อมหยิบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้ทำงานยัดใส่มือแม่ โดยไม่ลืมเปิดไฟล์ PDF สำหรับพรีเซ็นต์งานที่เพิ่งจะทำขึ้นหลังจากสุขสมไปกับการเพลย์อันแสนหนักหน่วง
เพราะบีมกับคุณนัทคิดเห็นตรงกันว่า..
ข้ออ้างที่เคยคิดไว้ อาจไม่มีน้ำหนักมากพอ

ไฟล์ดังกล่าวจึงมีทั้งรูปของบีมที่ถ่ายกันวันนี้และภาพแนวโน้มของตลาดแฟชั่นในคอลเลกชันต่อไป แน่นอนว่าต้องไม่ลืมการพรีเซ็นต์บราเซียร์และอันเดอร์แวร์จากผ้าลูกไม้ในรูปแบบเซ็กซี่ แถมโชคยังเข้าข้างสุด ๆ เพราะคุณนัทบังเอิญเจอภาพถ่ายของนางแบบที่โพสต์ท่าทางคล้ายคลึงกับภาพอนาจารนั่นบนอินเทอร์เน็ต
“เรื่องนี้แม่..” หญิงวัยกลางคนพูดได้เพียงแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไปคล้ายกับน้ำท่วมปาก ขณะที่แววตาแสดงออกถึงความสับสนและรู้สึกผิดอย่างไม่อาจปิดบัง 
“แล้วการที่บีมคบกับคุณนัทมันผิดมากเหรอครับ แม่ถึงอยากลบตัวตนของบีมด้วยการขังบีมไว้ที่นี่ ทำไมครับ.. ความรักของเรามันแปลกแยกนักเหรอ บีมไม่เข้าใจเลย แทนที่แม่จะมีความสุขและสบายใจที่บีมมีคนดูแล แม่กลับอายที่ชีวิตของบีมเป็นแบบนี้!” เมื่อสบโอกาสบีมก็เริ่มหว่านแหไปที่ประเด็นอื่น
แม่จะได้ไม่มีเวลาพิจารณาช่องโหว่ของการเอาตัวรอด
“บีม! แม่ไม่เคยอายที่บีมชอบผู้ชายเลย! แม่แค่ไม่อยากเห็นบีมถูกย่ำยีจนต้องทำตัวไร้ศักดิ์ศรีเหมือนที่ห้องน้ำกลางห้างวันนี้!” สิ้นคำพูดของแม่คล้ายกับมีเสียงระฆังดังก้องอยู่ในหัว เมื่อกระจ่างแล้วว่าภาพอนาจารเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่ทำให้แม่เลือกใช้แผนการนี้ เพราะมันยังไม่เท่ากับการที่แม่ทราบถ้อยคำหยอกเย้าในสถานะดอมกับซับที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบจากไอ้โต้ง
ส่งผลให้เวลานี้แม่เลือกที่จะแตกหักกับบีมก่อนจะบานปลาย
“เลิกกับนัทเถอะนะบีม” แม่เดินเข้ามากุมมือของบีมไว้ พลางอ้อนวอนด้วยนัยน์ตาเจ็บปวด
“บีมอยากเป็นอะไร อยากแต่งตัวแบบไหน พ่อกับแม่รับได้ทั้งนั้น แต่ขออย่างเดียวเลิกยุ่งกับนัทเถอะนะ” แม่จ้องมองบีมด้วยแววตาไหวระริกระคนสับสน เพราะใจหนึ่งแม่คงทราบดีว่าคุณนัทดูแลบีมได้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นบีมอาจจะเดินละเมอจนเกิดอุบัติเหตุไปนานแล้ว
“รับปากแม่สิบีม!” แม่กระชับฝ่ามือของบีมแน่น ราวกับหวาดกลัวว่าบีมจะสะบัดออก
“คำขอของแม่ บีมทำให้ไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณนัทดีเกินกว่าบีมจะปล่อยให้หลุดมือไป” บีมสะบัดมือของแม่ออกอย่างแรง พร้อมยืนยันเสียงแข็งแต่ก็เผยความอ่อนล้าออกมาอย่างปิดไม่มิด สมองพลันรวนเรจนน่าอึดอัด เมื่อสิ่งที่น่ากลัวที่สุดกำลังเกิดขึ้น
“บีมบอกว่าเขาดีมาก แม้ว่าเขาจะสั่งให้บีมทำอะไรที่เป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีของตัวเอง บีมก็เต็มใจทำอย่างนั้นเหรอ ?” แม่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจซ้ำยังทำสีหน้าเจ็บปวดที่ลูกชายเพียงหนึ่งเดียวมีพฤติกรรมแบบนี้ หัวอกของคนเป็นแม่คล้ายกับจะขาดรอนเสียให้ได้
“คุณนัทไม่เคยสั่งให้บีมทำอะไรแบบนั้นเลยครับ!” บีมตอบได้เพียงแค่นั้น เพราะไม่อาจอธิบายให้แม่เข้าใจได้มากกว่านี้ เมื่อทุกถ้อยคำมันอาจส่งผลให้ชีวิตคู่ระหว่างบีมกับคุณนัทเกิดความแตกหัก
เพียงเพราะพ่อกับแม่เป็นกังวลต่อพฤติกรรมระหว่างการเพลย์
ถ้าหากเรื่องราวดำเนินไปจนถึงขั้นนั้น ความสุขที่เคยมีก็คงขาดหาย หลงเหลือเพียงแต่ความอึดอัดใจไว้ให้ดูต่างหน้า
“บีมทำไมถึงต้องแก้ตัวแทนเขาแบบนั้นด้วย ไม่แม่เข้าใจเลยจริง ๆ” หญิงวัยกลางคนเริ่มทำสีหน้ายับย่น เพราะลูกชายเพียงหนึ่งเดียวยังคงมีแต่ท่าทีดื้อดึงจนยากจะทำใจให้ยอมรับได้
“เพราะเขาไม่เคยไม่ให้เกียรติบีมเลย บีมถึงได้กล้าพูดต่อหน้าแม่!” บีมเม้มริมฝีปากแน่นพลางเน้นย้ำทุกคำตอบ ราวกับจะสร้างความหนักแน่นต่อข้ออ้างของตัวเอง คำพูดจากปากของไอ้โต้งจะได้ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือ
“แล้วเขาก็ไม่เคยโกหกบีม! ไม่เคยเชื่อคำพูดของคนอื่นและไม่เคยแคร์ใครมากกว่าบีมเหมือนที่พ่อกับแม่ทำ!”

เพี๊ยะ!

เมื่อลูกชายเพียงหนึ่งเดียวถูกฟาดจนหน้าหัน หญิงวัยกลางคนได้แต่มองพวงแก้มบอบช้ำของลูกชายด้วยความตกใจอยู่พักใหญ่
ก่อนจะทุ่มเถียงกันไม่เลิกรา

“ใช่! แม่มันไม่ดี บีมอยากเป็นช่างตัดเสื้อ แม่ก็ยังเป็นนางมารร้าย แต่บีมรู้ไหม ถึงแม่จะรู้ทั้งรู้ว่าบีมกำลังทำอะไร แต่แม่ก็ไม่เคยคิดจะตัดสายอินเตอร์เน็ตสักครั้ง แล้วก็ไม่เคยคิดจะบอกพ่อเลยว่าบีมกำลังจะออกนอกลู่นอกทาง” แม่เอื้อนเอ่ยพลางตบอกตัวเองขณะที่น้ำตากำลังไหลรินไม่ขาดสาย เมื่อย้อนคิดไปถึงวันวานอันเข้มงวด
“แล้วทำไมตอนนั้นแม่ถึงต้องตีบีมด้วย ทำไมแม่ถึงต้องทำเหมือนต่อต้านความชอบของบีมด้วย! ทำไมแม่ถึงต้องหาว่าบีมเป็นบ้าเพียงเพราะบีมชอบแต่งหญิง! ทำไมล่ะแม่! ทำไม!” บีมก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองพลางหลับตาแน่นิ่ง แต่กระนั้นหยดน้ำตาก็ยังคงรินไหล ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยจึงเต็มไปด้วยความสั่นเครือและแรงอารมณ์
“เพราะบีมไม่เชื่อฟังแม่ไง! นึกอยากทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ พ่อเราคาดหวังให้มารับราชการมากขนาดนั้น คิดอยากจะเปลี่ยนใจก็ทำอย่างปุบปับได้เหรอ!” สิ้นคำพูดของแม่ บีมก็ได้แต่เม้มปากแน่น เพราะมันคือความจริงทุกอย่าง
เพียงแต่ตอนนั้นบีมเข้าใจว่า..
แม่พยายามจะเกลี้ยกล่อมก็เลยยิ่งดื้อแพ่ง

“จะทำอะไรคิดถึงความรู้สึกของพ่อบ้างไม่ได้เหรอบีม” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าและสั่นเครืออยู่ในที
“แล้วพ่อกับแม่เคยคิดถึงความรู้สึกของบีมไหม! ไม่เลย! ไม่เคยมีวันนั้น! ความรู้สึกของบีมถึงได้พังยับเยินแบบนี้!!” หลังจากตะโกนลั่นด้วยความปวดใจ บีมก็เดินลิ่ว ๆ ไปยังบ้านไม้สีขาวริมบึง พร้อมกระชากประตูกระจกให้เปิดออกและปิดลงอย่างรุนแรง ส่งผลให้โมบายจากกะลามะพร้าวรูปนางเงือกที่คุณนัทมอบให้หล่นลงกับพื้นจนเกิดรอยแตกร้าว
ไม่ต่างกับใจของบีมที่กำลังเป็นแผล
 
บีมที่กำลังสะอื้นจนตัวโยนรีบล็อกประตูปิดกั้นความจริงจากแม่ ก่อนจะก้มหยิบโมบายเงือกน้อยเข้ามากอดพร้อมทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง เพราะสิ่งที่แม่พูดมาก็มีส่วนถูก ตรงที่บีมไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของพ่อ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับคำแก้ตัวของแม่ที่ฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นสักนิด
เพราะการสนับสนุนของแม่ ไม่ใช่การสนับสนุนอย่างแท้จริง..
แต่เป็นคำแก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดจากการกระทำในอดีต

“เมื่อไหร่คุณจะกลับมา.. ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” บีมลูบไล้ภาพวาดนางเงือกด้วยฝ่ามืออันสั่นเทา พร้อมเอื้อนเอ่ยถึงคนไกลด้วยความรู้สึกคะนึงหาความปลอดภัย จนน้ำตากลอกกลิ้งเป็นประกายราวกับเกลียวคลื่นอยู่ในโมบายกะลามะพร้าว
“แม่เอาแต่บอกให้ผมนึกถึงความรู้สึกของพ่อกับแม่ แต่ไม่เคยมีใครนึกถึงความรู้สึกของผมเลย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นอกจากการตัดชุดแต่งงานและการพูดคุยกับคุณแล้ว ผมไม่เคยมีความสุขเลย” บีมชันเข่าพลางก้มหน้าซบเรียวแขนของตัวเองพร้อมปล่อยให้น้ำตาไหลริน แต่ท้ายที่สุดบีมก็อดจะสะอื้นจนตัวโยนไม่ได้ เพราะเรื่องราวในวันวานไม่เคยลบเรือนไปจากความทรงจำของบีมเลย
ในใจจึงมีเพียงความรู้สึกอยากจะส่งข้อความหาคนรักว่า..
‘ที่รัก.. ผมต้องการคุณ ไม่ต้องไปทำงานแล้วได้ไหม’
แต่บีมก็รู้ดีว่าไม่อาจทำได้ เพราะการกระทำของบีม ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของคุณนัท
บีมเลยได้แต่จมอยู่กับความหดหู่และมืดมน ท่ามกลางห้องตัดเสื้ออันหนาวเหน็บ


--------------------------✁


สวัสดีค่า มาลงช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เพราะเค้าเพิ่งตื่น ฮือ สำหรับตอนนี้เราไม่แน่ใจว่าเขียนออกมาได้พอดีมั้ยหรือว่าน้ำหนักยังน้อยไปหรือเปล่า คือเราชั่งใจอยู่หลายวันเลยค่ะ ปรึกษาคนโน้นคนนี้บ้าง จนเริ่มมาลงตัวตอนได้มาคุยกับเพื่อนนักขียนคนนึงที่บอกว่า ถ้าพี่เขียนมุ่งประเด็นไปทางชุมชนของคนบ้านนอกมันได้แล้วนะพี่ เพราะตัวละครแม่คือคนที่ไม่ยอมรับผิดและไม่เคยขอโทษลูกเลย พอถูจี้ใจดำก็จะหาข้ออ้างที่คิดว่าตัวเองถูกมาปกปิดความรู้สึกแย่ของตัวเอง ส่วนบีมถึงแม้จะเป็นการโกหกแต่มันคือเรื่องของรสนิยมส่วนตัวที่ไม่สามารถบอกให้ใครเข้าใจได้ และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายจึงต้องโกหกแม่แบบนี้ เราคาดว่าเหลืออีก 2 ตอนก็น่าจะปิดเรื่องได้ค่ะ (ถ้าไม่เขียนตอนต่อไปมันมืออ่านะ 555)
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 32 (update 28/09/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-09-2021 12:40:27
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 33 (update 19/10/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 19-10-2021 20:34:06
ตอน 33

TW : การฆ่าตัวตาย

แววตาเหม่อลอยของบีมกวาดมองข้าวของภายในห้องตัดเสื้ออันเปรียบเสมือนกรงขังอยู่เนิ่นนาน ราวกับต้องการตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองที่ไม่ต่างกับลูกโป่งอัดแก๊สใบใหญ่
เพียงแต่แก๊สเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยมลพิษทางความรู้สึก เพราะบีมถูกบีบอัดด้วยความต้องการที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของพ่อกับแม่ บวกกับหน้าตาทางสังคมที่พวกท่านอยากให้บีมแบกรับ มันเลยทำให้แก๊สพิษค่อย ๆ ซึมลงสู่ขั้วหัวใจจนด้านชา
ลูกโป่งใบที่ชื่อ ‘บีม’ จึงระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ
โดยไม่อาจประกอบเป็นรูปร่างได้ดังเดิม

เพราะ ‘ความสำเร็จ’ คือปัจจัยหลักของการเกิดมลพิษ จนอนุมานเส้นทางแห่งความฝันอันงดงาม กลายเป็นทางเดินโรยด้วยกลีบกุหลาบทอดยาว ที่แอบซ่อนหนามแหลมไว้อย่างมิดชิด
เรียวเท้าที่กำลังเหยียบย่ำจึงเต็มไปด้วยบาดแผลจากคำหลอกลวง เมื่อการตัดเสื้อที่บีมภูมิใจนำเสนอ เป็นเพียงข้ออ้างที่พ่อกับแม่นำมาใช้
ชายหนุ่มบนเส้นทางกลีบกุหลาบ หยุดการก้าวเดินด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง จนต้องนั่งคู้ตัวเป็นก้อนกลม เพื่อปกป้องไม่ให้ตัวเองเจ็บปวด แต่ไม่ว่าจะป้องกันอย่างไรความเจ็บปวดก็ไม่เคยหายไป เพราะเขาถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมอันเล็กแคบของทุ่งกุหลาบสีชมพูสดใส
ทุกการขยับตัวจึงไม่ต่างจากการถูกทำร้ายและไม่อาจกลายเป็นคนที่เข้มแข็งอย่างใจหวัง เมื่อบีมผู้เรียนรู้ความเจ็บปวดถูกคำหลอกลวงในฝันหล่นทับจนสะบักสะบอม 

บีมได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่า หากชีวิตนี้ไม่สามารถประสบความสำเร็จในฐานะ ‘เจ้าของห้องเสื้ออิสระ’ จะมีวันที่พ่อกับแม่มองเห็นคุณค่าของความพยายามหรือเปล่า
“หึ” บีมแค่นหัวเราะทั้งน้ำตา เมื่อคำตอบมันแน่ชัดอยู่แล้วว่าไม่มีทาง! เพราะพ่อกับแม่มองเห็นแต่ความมั่นคงและหน้าตาทางสังคมของตัวเอง
การชื่นชมความสำเร็จของบีมต่อหน้าเหล่าคนงาน จึงเป็นเพียงการโอ้อวดทองเส้นโตก็เท่านั้น เพียงแต่ทองเส้นนี้ดันหม่นหมองเกินไป พ่อกับแม่เลยต้องขจัดคราบสกปรกเสียใหม่ด้วยการขัดถูเพียงเบา ๆ แต่กลับใช้น้ำยาไม่ถูกชนิด ทองคำเส้นงามจึงไม่อาจเปล่งประกายได้ดังเดิม
ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากคำพูดลอยลมของแม่ที่สื่อถึงการยอมรับตัวตนของบีมได้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะถ้าแม่เข้าใจจริง
แม่คงไม่บังคับให้บีมต้องเลือกระหว่าง..
‘ความฝัน’ กับ ‘คุณนัท’

หากถามว่าบีมเกลียดชุดแต่งงานของพี่แก้วตัวปลอมไหม ตอบได้เลยว่าเกลียดมาก เพราะมันทำให้บีมย้อนคิดถึงช่วงเวลาอันยาวนานของการตัดเย็บและจิตวิญญาณทั้งหมดของผู้รังสรรค์
เรี่ยวแรงแห่งความอยากทำลายล้างพลันปะทุขึ้น
แต่ก็ต้องมอดไหม้ให้กับความหลงใหลที่มีต่อการตัดเสื้อ
สองเท้าพลันถูกความงดงามดึงดูดอย่างรวดเร็ว จนบีมต้องเดินเข้าไปใกล้ชุดแต่งงานสุดหรูกลางห้องตัดเสื้อ ก่อนจะจดจ้องผลงานของตัวเองอยู่เนิ่นนานถึงค่อยเดินไปข้างหลังหุ่นมูลาจ เพื่อปลดชุดแต่งงานอันเลอค่า สวมทับบนลำตัวอย่างประณีตจะได้ไม่เกิดความเสียหาย
จากนั้นผู้ดีไซน์ก็เดินไปหยิบเวลคลุมหน้าเจ้าสาวแบบ ‘Mantilla’ ที่มีความยาวเป็นพิเศษมาสวมใส่ ทำให้ชุดแต่งงานอันหรูหราเต็มไปด้วยความงดงามอย่างที่เคยวาดไว้
แต่ทว่าบีมยังไม่พอใจนัก จึงจัดแต่งเวลเสียใหม่ ให้กลายเป็นผ้าคาดผมแบบผูกข้างปล่อยชายละไปตามพื้นอยู่นานสองนาน กว่าจะได้รูปลักษณ์ที่ตนเองพอใจ เพียงแต่ผ้าคาดผมที่ควรจะคาดบริเวณท้ายทอยกลับกลายเป็นผูกปมวนรอบลำคอ
เพื่อแสดงออกถึงการแอบซ่อนความรู้สึกมืดมน
ผ่านคอลเลกชันที่ไม่มีวันใช้งาน..

“หึ” บีมหลุดหัวเราะออกมาเพียงเบา ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นราวกับคนอ่อนแรง หยดน้ำตาไหลริน ริมฝีปากเปล่งเสียงหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน ฝ่ามือทุบพื้นกระเบื้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ความเจ็บปวดยังคงไม่จางหาย
“เกลียด! เกลียด! เกลียด! เกลียด!” เจ้าของห้องเสื้ออิสระเงยหน้าพลางร้องตะโกนอย่างเจ็บปวด เมื่อเสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายตนเองทางอ้อม ฝ่ามือทั้งสองข้างจึงดึงทึ้งผ้าลูกไม้ชั้นดีที่ตั้งใจหอบหิ้วมาจากกรุงเทพอย่างไม่คิดเสียดาย
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้..” บีมทิ้งตัวนอนขดอยู่บนพื้นอย่างอ่อนล้าพลางเอื้อนเอ่ยด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ริมฝีปากสั่นเครืออย่างคนต้องการบีบบังคับให้ตัวเองเข้มแข็ง แววตาพลันเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
เมื่อความโดดเดี่ยวทำให้เกิดภัยหนาวแพร่กระจายไปทั่วเรือนกาย

“คุณนัท..”

จนกระทั่งจุดรวมสายตาอยู่ที่โมบายกะลามะพร้าวรูปเงือกน้อยท่ามกลางท้องทะเล ชายหนุ่มผู้โดดเดี่ยวก็รีบคลานเข้าไปใกล้ของสิ่งนั้น ก่อนจะลูบไล้ด้วยความทะนุถนอมและมองหาเก้าอี้เพื่อนำมันกลับสู่ตำแหน่งเดิม
โดยมีความรุ่มร่ามของชุดแต่งงานเป็นอุปสรรค
ส่งผลให้ร่างเพรียวสะดุดชายกระโปรงที่สวมใส่จนเกือบพลัดตกจากเก้าอี้!

ฝ่ายชายหนุ่มผู้เดินทางไกลจนมาถึงที่พักอย่างปลอดภัย ล้มตัวลงนอนก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดแอปพลิเคชันกล้องวงจรปิด เพราะตลอดการเดินทางไม่สามารถเปิดดูได้อย่างใจนึก เมื่อสัญญาณโทรศัพท์ไม่เอื้ออำนวย
ซ้ำในอกยังร้อนวูบอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับมีอะไรบางอย่างย้ำเตือนว่าใครอีกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย นัทจึงเฝ้ามองหน้าจอโทรศัพท์แน่วแน่
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อภาพที่เห็น คือภาพของคนรักที่กำลังดิ้นทุรนทุรายจากการใช้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว แขวนคอกับตะปูตัวที่ใช้แขวนโมบายที่ตนเองมอบให้
นัทจึงไม่รอช้าที่จะโทรขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมหยิบกุญแจรถวิ่งออกจากห้องพักอย่างไม่รั้งรอแต่อย่างใด ขณะที่ดวงตากำลังแดงก่ำจนแทบจะเห็นเส้นเลือด แต่สมองยังคงสั่งการให้โทรหาพ่อกับแม่ของคนรักด้วยความยากลำบาก เพราะฝ่ามือกำลังสั่นเทา
อีกทั้งความหวาดกลัวยังกัดกินหัวใจดวงโตอย่างไม่ปรานี

“รับสิ!” นัทวิ่งลงบันไดหนีไฟพลางตะโกนลั่นอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อลิฟต์ก็ไม่เป็นใจ แถมทางรอดของคนรักที่น่าจะรวดเร็วที่สุดกลับไม่ยอมรับสาย
“ทำไมเป็นอย่างนี้วะ!!!” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจแทบไม่เหลือภาพลักษณ์ที่เคยมีอีกต่อไป เมื่อสิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นจริง
โดยที่เขาไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้..
“พ่อครับ..” กระทั่งปลายสายมีการตอบรับ นัทก็รีบรัวคำพูดใส่อีกฝ่ายจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
“นั่นใครน่ะ ?” ผู้ใหญ่หนุ่ยขมวดคิ้วพลางหรี่ตามองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีแต่แสงแยงตา
“บีมกำลังจะฆ่าตัวตายครับพ่อ!” นัทตะโกนลั่นด้วยความร้อนใจ ขณะวิ่งลงบันไดทีละสองสามขั้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อใจกำลังปลิดปลิวไปถึงบ้านคนรัก
แต่ทว่าขากลับวิ่งวนอยู่ตรงบันไดหนีไฟของโรงแรมชั้นบนสุด
“ว..ว่าไงนะ!” ฝ่ายปลายสายทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนอย่างไม่สงวนท่าที
“บีมกำลังจะฆ่าตัวตายครับ ช่วยบีมด้วย” นัทพูดด้วยความอ่อนล้าและอึดอัดใจที่ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้ เลยยิ่งเพิ่มความเร็วในการวิ่งของตัวเองมากขึ้น จนมาถึงรถยนต์ส่วนตัวอย่างปลอดภัย
ชายหนุ่มพยายามตั้งสติให้มากที่สุด ก่อนจะสตาร์ตรถและขับออกไปจนได้ยินเสียงล้อรถบดถนนเป็นจังหวะลากยาว ขณะที่ฝ่ามือก็พยายามจะเปิดภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดเพื่อดูความเป็นไปของสถานการณ์อันตราย
แต่กลับทำให้หัวใจของนัทคล้ายถูกบีบจากมือที่มองไม่เห็น เพราะสีหน้าของบีมเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ปลายเท้าจึงเหยียบคันเร่งด้วยความร้อนใจ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าการเดินทางของตนเองในครั้งนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
เมื่อระยะเวลาในการเดินทางคืออุปสรรคอันใหญ่หลวง

“ที่รัก.. ผมกำลังจะไปหาคุณ” ชายหนุ่มพูดกับคนรักด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ต่างจากในใจที่กำลังว้าวุ่น เพราะบีมพยายามจะดึงรั้งผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้หลงเหลือหนทางในการหายใจ
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช
ริมฝากคู่สวยจึงค่อย ๆ ซีดเซียว ขณะที่ใบหน้ากลับหมองคล้ำจนยิ่งมองยิ่งปวดใจ นัทจึงเหยียบคันเร่งจนสุด โดยที่สายตาคอยชำเลืองมองสถานการณ์อันตรายสลับกับเส้นทางตรงหน้า
รู้ตัวอีกทีแสงไฟดวงใหญ่ก็สาดเข้ามาโครมใหญ่
ส่งผลให้นัทไม่อาจบังคับทิศทางให้มั่นคง ตัวรถจึงส่ายไปมาราวกับงูเลื้อย ก่อนจะหัวใจหายวาบ..
เมื่อตัวรถเคลื่อนผ่านหน้ารถบรรทุกเข้าอย่างจัง!

--------------------------✁

สวัสดีค่าทุกคน จริง ๆ เราเขียนเสร็จหลายวันแล้ว แต่เรายังไม่ค่อยมั่นใจกับซีนฆ่าตัวตายเท่าไหร่ แต่ไป ๆ มา ๆ เราคิดว่าเขียนแบบไม่ละเอียดน่าจะดีกว่า ซึ่งอันที่จริงก่อนจะเขียนซีนนี้เราตัดสินใจยากมาก ปรึกษาน้องที่เป็นพยาบาลก็แล้วเพื่อนในด้อมที่เป็นพยาบาลก็แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าเป็นบทที่เขียนยากอยู่ดี ทำให้เขียนไม่ออกอยู่หลายวันเลยค่ะ แล้วอีกอย่างคือเราต้องนึกถึงผลกระทบในอนาคตด้วยว่าการกระทำนั้นจะส่งผลต่อการ bdsm และการใช้ชีวิตของบีมหรือเปล่า เพราะถ้ามันส่งผลกระทบ เส้นเรื่องที่วางไว้เกี่ยวกับรสนิยม bdsm ก็จะเสียไป เพราะด้วยความเป็นคุณนัทหากการกระทำนั้นจะทำให้บีมเสี่ยงอันตราย เขาคงไม่ทำแน่ ต่อให้บีมอยากจะเล่นซีนที่ผาดโผนหรืออะไรก็ตาม ความสุขระหว่างทั้งสองคนจะต้องหายไปแน่ๆ มันเลยทำให้เราต้องตัดสินใจให้ดี 

เอาล่ะ เราไม่มีอะไรจะขอมาก นอกจากอยากอ่านความคิดเห็นของทุกคนว่าซีนนี้เป็นยังไงบ้าง เราทำได้ดีมั้ย ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อการเขียนในตอนต่อไปมาก ๆ เลยค่ะ ส่วนมุมมองด้านของพ่อกับแม่นั้น โปรดติดตามตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 33 (update 19/10/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-10-2021 17:44:36
 :pig4:
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 34 (update 21/10/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 21-10-2021 18:50:33
ตอน 34

ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจผู้ผ่านสถานการณ์เฉียดตายมาหมาด ๆ ได้แต่กำพวงมาลัยรถแน่น พลางหอบหายใจจนตัวโยน เมื่อเขาหักหลบจากวิถีอันตรายเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เรียวขาพลันจิกเกร็งจนเป็นตะคริวโดยไม่รู้ตัว เพราะต้องเหยียบเบรกสุดแรง
กระทั่งสติแจ่มชัดนัทก็หักหลบเข้าข้างทางพร้อมใช้ฝ่ามือสั่นเทาลูบใบหน้าและสูดลมหายใจเข้าก่อนจะปล่อยออก เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงกว่านี้
พอรู้ตัวอีกทีสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ตัดขาดสถานการณ์จากอีกฝั่งไปแล้ว
ความร้อนใจทำเอานัทแทบอยากขับรถยนต์คู่ใจพุ่งทะยานไปถึงบ้านของคนรักให้เร็วที่สุด แต่เหตุการณ์เสี่ยงตายเมื่อครู่ก็เตือนสติของนัทได้เป็นอย่างดี เขาจึงขับรถด้วยสมาธิทั้งหมดที่มี
แต่แล้วเสียงเรียกเข้าจากปลายสายก็ดึงความสนใจทั้งหมดไป
นัทจึงรีบตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง

“บีมเป็นอย่างไรบ้างครับพ่อ” นัทเอ่ยถามทันทีที่กดรับสาย
“ปลอดภัยแล้ว..” ผู้ใหญ่หนุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มแต่ก็ยังมีความโล่งใจผสมอยู่ในน้ำเสียง
“โชคดีที่ผ้าขาดก่อน” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายกับใจกำลังแตกสลาย ทำเอานัทไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาปลอบใจ เพราะตนก็ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
“...”
“รีบมานะ เจ้าบีมมันไม่กล้าอยู่คนเดียว” ผู้ใหญ่หนุ่ยกำชับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“ครับ” นัทรับปากอย่างหนักแน่น
“แต่ไม่ต้องรีบมาจนเกิดอุบัติเหตุล่ะ” สิ้นคำเตือน คนเป็นผู้ใหญ่กว่าก็วางสายไป นัทจึงเริ่มรวบรวมสมาธิ เพื่อขับรถไปหาคนรักอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่สงบลง..

วันทั้งวันระหว่างบีมกับคุณนัทมีแต่ความนิ่งเงียบมอบให้กัน แต่กระนั้นก็เป็นความนิ่งเงียบที่บีมรู้สึกปลอดภัย
เพราะการมีคนรักอยู่ข้าง ๆ ทำให้บีมมั่นใจว่า..
จะไม่เกิดเหตุการณ์เดินละเมอไปฆ่าตัวตายอีก
“คุณคงตกใจแย่” บีมหันมองคนขับรถที่กำลังพาตัวเองออกจากโรงพยาบาลประจำจังหวัด หลังจากเอ็กซเรย์กระดูกต้นคอและเข้ารับการรักษาโรคทางจิตเวชแล้ว
“...” คุณนัทได้แต่ยิ้มมุมปาก คงเพราะไม่รู้จะพูดถึงความลับของช่างตัดเสื้อคนนี้อย่างไร เมื่อบีมมีอาการซึมเศร้ามาตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงขั้นคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่อาจทำใจยอมรับความกดดันที่พ่อกับแม่หยิบยื่น
แถมยังมารู้อีกว่าบีมไม่ได้ดรอปเรียนเอกดีไซน์เพียงเพราะเหตุผลเกี่ยวกับเงิน แต่มันเป็นเพราะบีมได้รับผลกระทบจากโรคซึมเศร้าจนไม่สามารถเรียนต่อได้
การตัดเสื้อให้กองถ่ายจึงเป็นเพียงก้าวแรกของการหาเงินเลี้ยงชีพ
เพียงแต่ช่วงชีวิตในตอนนั้น ไม่ง่ายเลย เพราะแม้แต่การตัดเสื้อบีมก็ทำออกมาได้ไม่ดี จนทำให้พี่แก้วโดนลูกหลงจากผู้จัดการกองถ่ายไปด้วย บีมเลยได้แต่กลับไปตั้งใจเรียนวิชาของคณะบัญชีให้จบ แต่ก็ทำเกรดได้ไม่ดีนัก โชคดีที่ตอนสมัครงานฝ่ายบุคคลยังให้โอกาส และยังมีพี่แก้วกับการเพลย์คอยเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจ
“ผมอ่อนแอใช่ไหม ?” บีมเอ่ยถามแม้จะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากได้รับคำชมที่พอจะทำให้ยิ้มได้ในเวลาแบบนี้
“ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ คุณยอดเยี่ยมมากเลยที่รัก” คุณนัทแย้มยิ้มด้วยความจริงใจซ้ำยังพูดด้วยความแน่วแน่
ราวกับรู้ดีว่าบีมกำลังต้องการคำพูดปลอบใจเป็นที่พึ่ง
“ผมไม่อยากกลับบ้านเลย” บีมถอนหายใจเมื่อตัวรถเคลื่อนผ่านป้ายบอกทางที่มุ่งสู่บรรยากาศอันเวิ้งว้าง
“แต่ไม่กลับก็ไม่ได้ คุณยังไม่ได้นอนพักเลย..” บีมพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป เมื่อสายตาทอดมองบรรยากาศข้างทางด้วยจิตใจเลื่อนลอย พลันนึกถึงวินาทีแรกที่ตื่นขึ้นมาพบว่า..
บริเวณลำคอกำลังถูกเวลที่ทำจากผ้าลูกไม้ประดับด้วยลูกปัดเม็ดงามพันรัดจนหายใจไม่ออก ขาทั้งสองข้างลอยอยู่กลางอากาศ เนื้อตัวชาวาบจนส่งผลให้บีมรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองค่อย ๆ เต้นเบาลงเรื่อย ๆ ทำให้ไม่ว่าจะดีดดิ้นด้วยเรี่ยวแรงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากสถานการณ์น่ากลัวได้
เพราะเมื่อคืนเป็นวันที่บีมได้รับรู้ว่า..
การถูก ‘ความตาย’ กลืนกิน มันน่ากลัวกว่าที่คิด

กระทั่งตัวรถขับเคลื่อนเข้ามายังอาณาบริเวณบ้านของผู้ใหญ่หนุ่ย บีมก็เริ่มทำตัวไม่ถูก แต่กระนั้นก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมวันนี้บรรยากาศภายในบ้านถึงดูเงียบงันนัก เพราะปกติเหล่าคนงานและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ตรงใต้ถุนบ้านในยามเย็น
“วันนี้พ่อกับแม่ของคุณลางานน่ะ” นัทไขข้อข้องใจ เพราะตั้งแต่รอดตายมาได้บีมก็เอาแต่ร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว ซ้ำยังไม่ยอมให้พ่อกับแม่เข้าใกล้
พอนัทมาถึงบีมก็รีบพุ่งเข้ามากอดพร้อมปล่อยโฮจนร่างกายอ่อนล้า แต่นัทก็จำต้องฝืนใจตัวเองเพื่อพาบีมไปตรวจร่างกาย
ครอบครัวของอีกฝ่ายจะได้ไม่เป็นห่วงและนัทก็จะได้เบาใจ

“ผม.. เข้าจากหลังบ้านได้ไหม” บีมลงจากรถพร้อมมองตรงไปยังประตูกระจกสีขาวริมบึงที่มีหญิงชายวัยกลางคนยืนอยู่ ด้วยดวงตาคลอวาวน้ำ ก่อนจะหันไปถามนัทอย่างขอความคิดเห็น
แต่กระนั้นความเงียบสงบก็นำพาถ้อยคำของบีมไปหาพ่อกับแม่
“ผมแค่ไม่อยากนึกถึงเรื่องเมื่อคืน..” บีมเดินนำคนรักไปยังทางเดินเชื่อมระหว่างครัวใหญ่กับบ้านริมบึง โดยไม่ลืมชี้แจงความรู้สึกของตัวเองให้ทุกคนทราบ
“อื้ม ผมจะเดินไปกับคุณ” นัทคลี่ยิ้มให้กับคนรักก่อนจะโค้งทักทายผู้เป็นเจ้าของบ้านตัวจริงด้วยความนอบน้อม จนกระทั่งได้รับสัญญาณจากผู้ใหญ่หนุ่ย นัทถึงเดินไปจับมือบีม ก่อนจะพาเดินเข้าบ้านทางระเบียงริมบึงที่กำลังเปล่งประกายระยิบระยับจากแสงตะวัน
“ผมไม่รู้จะทำตัวอย่างไรกับพ่อแม่ดี..” บีมเท้าแขนตรงระเบียงริมบึงพลางมองนกอีแจวเดินย่ำอยู่บนใบบัว
“ผมโกรธ แต่ไม่ได้เกลียด ผมเสียใจ แต่ก็เข้าใจความห่วงใยของพวกท่าน” บีมหันหน้ามาหาคุณนัทพร้อมเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วหวิว ราวกับกลัวว่าบุคคลในหัวข้อสนทนาจะได้ยิน
“...”
“ผมสับสน.. ผมไม่รู้ว่าจะทำให้แก้วที่แตกร้าวกลับมาผสานกันอย่างไร ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรต้องรู้สึกอย่างไร ต้องพูดอย่างไร เพราะการพูดคุยของพวกเรา น้อยครั้งนักที่จะไม่ทะเลาะกัน” บีมลูบใบหน้าของตัวเองไม่เบานักราวกับเรียกสติ จนกระทั่งแววตาสบกับดวงตาคมกริบที่กำลังสั่นระริก ริมฝีปากของบีมก็เริ่มสั่นเทา
“ถ้าเราไม่ประชดประชันใส่กัน พูดกันด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์แบบที่คุณหมอบอก มันจะได้ผลใช่ไหมครับ” บีมเดินเข้าไปกอดช่วงเอวของคุณนัทพร้อมซุกใบหน้าเข้าหาความอบอุ่นที่ปลอดภัย ฝ่ามือทั้งสองข้างจึงขยุ้มเนื้อผ้าของอีกฝ่ายจนยับย่น
“มันต้องได้ผลแน่ ๆ ครับ” นัทได้แต่ปลอบคนรักด้วยหัวใจหนักอึ้ง เพราะเขาก็จนปัญญาจะให้คำปรึกษา มีก็แต่การอยู่เคียงข้างอีกฝ่ายเท่านั้นที่สามารถทำได้
“แต่ผมกลัวการเริ่มต้น..” บีมพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้เมื่อน้ำตากำลังไหลอย่างเงียบ ๆ
“คุณเลยต้องกินยาตามที่คุณหมอแนะนำก่อนเริ่มต้นไงครับ ระหว่างนี้ผมจะคอยกรุยทางไว้ให้คุณและพวกท่านดีไหมที่รัก” คุณนัทเอ่ยถามพลางลูบแผ่นหลังของบีมราวกับตุ๊กตามาสคอตผู้คอยปลอบโยนเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้โยเยในสวนสนุก
“กรุยทางอย่างไรเหรอครับ ?” บีมเอ่ยถามเหมือนเด็กจำไม
“ทำความเข้าใจกับความคิดและการกระทำของพวกท่านไงครับ” นัทเอ่ยตอบก่อนจะเปลี่ยนอิริยาบถเป็นการขยับตัวไปมาราวกับคุณย่ากำลังร้องเพลงโยกเยกเอยเพื่อกล่อมให้นัทในวัยทารกเลิกร้องไห้จะได้รีบเข้านอน
“ที่รักคุณจะเป็นสายสืบให้ผมเหรอ..?” บีมเอ่ยถามพลางอมยิ้ม แม้ว่าในใจลึก ๆ จะไม่ค่อยมั่นใจต่อวิธีนี้นัก
“อื้ม ผมจะสืบให้คุณทุกอย่างเลย”

--------------------------✁


สำหรับตอนนี้มาลงเร็วผิดปกติ 555 เพราะหมดช่วงยากลำบากแล้ว และมันใกล้จะจบแล้วจ้า ฮืออ ตอนหน้าเคลียร์ปมจริงๆ จ๊ะ

ใครยังไม่ได้อ่านมาอ่านโลด ชวนเพื่อนชวนพี่น้องชวนทุกคนมาอ่านกันเลยจ้า ไม่ค้างคาแบบที่ผ่านมาแน่นอน ฮรึก

ปล. เราไม่ได้ลงเรื่องการรักษาอะไรมากนัก เพราะเดิมทีนิยายเรื่องนี้ต้องการนำเสนอปัญหาในครอบครัวและรสนิยม bdsm ค่ะ เลยจะมีการรับรู้เกี่ยวกับการรักษาบ้างผ่านตัวละครหลัก แต่จะเกี่ยวกับการเคลียร์ปมเท่านั้นจ้า ซึ่งก็คือตอนต่อไป แฮร่ พอดีเขียนแล้วมันลงล็อกให้นัทปลอบบีมพอดี เราเลยขอตัดฉากตรงนี้ 
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 34 (update 21/10/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-10-2021 13:12:20
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 34 (update 21/10/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-10-2021 20:02:50
 ใจแป้วไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 35 (update 27/10/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 27-10-2021 20:59:25
ตอน 35

หลังจากให้คำมั่นสัญญากับคนรัก นัทโอนงานเกี่ยวกับที่ดินทั้งหมดให้เลขาที่มาด้วยกันรับผิดชอบ ส่วนคุณพ่อจะช่วยบริหารงานห้างสรรพสินค้าให้ชั่วคราว ระยะนี้นัทจึงใช้เวลาอยู่กับบีมที่บ้านไม้ริมบึงอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นคนป่วยอย่างบีมก็ยังกังวลใจ
นัทจึงต้องคอยพูดให้อีกฝ่ายสบายใจว่าเจ้าตัวไม่ใช่ภาระ
“ฝากคุณย่ากับคุณแม่คุยเป็นเพื่อนบีมก่อนนะครับ ผมจะไปเอาอาหารเช้า” นัทพูดกับบุคคลปลายสายที่มักจะวีดิโอคอลมาคุยเล่นกับบีม หลังจากทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้บีมคลายความว้าวุ่นใจไปได้บ้าง
“เชิญเถอะจ้ะ” คุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความสนใจ หลานชายผู้ตกกระป๋องเลยได้แต่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จอสี่เหลี่ยม ก่อนจะทำปากจู๋คล้ายส่งจูบทางไกลถึงค่อยลุกออกจากเตียงตามคำไล่ของบุพการี
จนกระทั่งบทสนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องจิปาถะ นัทจึงวางใจเดินไปยังห้องครัวผ่านเส้นทางเชื่อมกับบ้านใหญ่

เสียงร่ำไห้ของหญิงวัยกลางคนปานจะขาดใจยังเป็นเสียงที่นัทคุ้นเคย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง บีมเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้านหลังเล็ก อาหารแต่ละมื้อนัทจึงรับหน้าที่นำมาให้
ความห่างเหินระหว่างครอบครัวกลายเงามืดอันน่ากลัว
ซึ่งนัทยังหาจังหวะทำตัวเป็นสายสืบให้คนรักไม่ได้
“พ่อ..แม่เกือบทำให้บีมต้องตาย..แม่ทำให้ลูก..เกือบตาย..” นัทได้แต่ยืนนิ่ง เพราะเป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องทนฟังเสียงปวดร้าวของผู้ให้กำเนิดคนรัก
“เรื่องร้าย ๆ มันผ่านไปแล้วแม่ ตอนนี้ลูกของเราปลอดภัยแล้ว” ผู้ใหญ่หนุ่ยได้แต่ลูบหลังภรรยาด้วยความหนักใจ แต่ก็ไม่วายปลอบโยนไม่ขาดปาก
“บีมคงเกลียดแม่แล้วพ่อ..” แม่นุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนนัทพลอยสะเทือนใจไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำให้นัทลดอคติในใจได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรการกระทำของอีกฝ่ายก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บีมต้องเจ็บทั้งตัวและใจ
“ถ้าแม่อยากให้พ่อช่วยหาทางออก แม่ต้องบอกให้พ่อเข้าใจก่อน ว่าทำไมแม่ถึงต้องหลอกเจ้าบีมเรื่องงานแต่งของแม่แก้ว” ผู้ใหญ่หนุ่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ภรรยากลับเอาแต่นั่งน้ำตานองไร้คำตอบ
ราวกับต้องการปกปิดเรื่องรูปอนาจารไว้ไม่ให้บานปลาย

“แม่เป็นห่วงที่บีมต้องอยู่กรุงเทพคนเดียว” หลังจากความเงียบโรยตัวหญิงวัยกลางคนก็ให้คำตอบที่ผ่านกระบวนการคิดเป็นอย่างดีแล้ว
“แม่พูดเหมือนเจ้าบีมเพิ่งย้ายไปอยู่ที่นั่นหมาด ๆ เราเลยต้องแอบตามไปเฝ้าดูเหมือนแต่ก่อน พ่อว่าลูกของเราโตแล้วนะแม่ แถมพ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงขั้นนี้ เพราะพ่อไม่สามารถดื่มกินความฝันจนลืมมองความเป็นจริงว่าเรากำลังจะอดตายได้” ผู้ใหญ่หนุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความภูมิใจ แต่ก็สะท้อนความอิจฉาอยู่ในที
“แม่เข้าใจผิด คิดว่าบีมละเมอทำเรื่องสุ่มเสี่ยงกว่าตอนอยู่ในวัยต่อต้าน.. แม่เลยไม่ไว้ใจให้ลูกอยู่คนเดียว” คำพูดของหญิงวัยกลางคนทำให้นัทยิ่งเจ็บแปลบ เพราะอาการเดินละเมอของคนรักเกิดจากโรคซึมเศร้าที่กัดกินความรู้สึกเป็นเวลาหลายปีกว่าที่คิด
“แม่น่าจะบอกพ่อก่อน” ผู้ใหญ่หนุ่ยถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก
“แม่ไม่อยากให้พ่อคิดมาก เพราะตอนนั้นพ่อก็บาดเจ็บจนทำงานไม่ได้” หญิงวัยกลางคนพูดพลางหลบตาสามีเป็นระยะ ทำให้ผู้ใหญ่หนุ่ยได้แต่ทอดถอนใจ
“แม่ก็รู้ว่าเรื่องของเจ้าบีมมันละเอียดอ่อนมานานแล้ว ตั้งแต่ทะเลาะกันหลังรื้อสะพานครั้งนั้น พ่อก็รู้แล้วว่าเราสอนลูกด้วยอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเกินไป เราสองคนถึงได้พยายามกอบโกยเศษซากแห่งความผิดพลาดขึ้นใหม่ด้วยการส่งเสริมให้ลูกเรียนบัญชีตามที่ต้องการ”
“แต่บีมไม่เคยอยากเรียนบัญชีเลยนะครับ” นัทโพล่งออกมาด้วยความพลั้งเผลอ เพราะรู้ดีว่าบีมต้องการสิ่งใด
“ใช่ มันเป็นอีกหนึ่งความผิดพลาดที่พ่อตัดสินใจ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พ่อก็จะทำเป็นเข้าใจว่าบีมอยากเป็นช่างตัดเสื้อเพราะอาการเดินละเมอ”
“...”
“เพราะพ่อไม่อยากให้บีมเจ็บปวดเวลาที่ความฝันพังทลาย เพียงเพราะรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่บีมใฝ่ฝันต้องมาพร้อมกับต้นทุนชีวิตสูงกว่าที่เป็นอยู่ เพราะสำหรับครอบครัวของเราแล้ว ประเทศนี้ไม่เหมาะให้คนทำตามความฝันนอกจากอยู่กับความเป็นจริงและทำตัวเป็นเครื่องจักรเพื่อความอยู่รอด”
ทันทีที่ได้ฟังเหตุผลของผู้ใหญ่หนุ่ย นัทก็รับรู้ได้ว่าต้นทุนชีวิตของแต่ละคนสำคัญต่ออนาคตมากจริง ๆ เพราะนัทก็นับได้ว่าเป็นบุคคลที่มีต้นทุนชีวิตดีจนไม่ต้องขวนขวาย แต่ถึงอย่างนั้นมุมมองของนัทก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมนัก เพราะการทำอะไรก็แล้วแต่ ย่อมต้องถูกการยอมรับตามกลไกทางสังคมที่เรายืนอยู่ ถึงจะเรียกว่าไขว่คว้าผลสำเร็จไว้ในกำมือได้
“นัทคงไม่เข้าใจว่าโลกใบนี้โหดร้ายกว่าที่คิด เพราะนัทไม่ต้องเผชิญหน้ากับความอดอยาก พ่อกับแม่ถึงเลือกที่จะปกป้องบีมไว้ในโลกความเป็นจริง”
“แม้ว่ามันจะทำให้บีมต้องเจ็บปวดและเข้าใจเจตนารมณ์ของพ่อกับแม่ผิดเหรอครับ ?” นัทย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ โดยที่คำถามนี้มีแต่ความเงียบงันเป็นคำตอบ
เพราะคนอาบน้ำร้อนมาก่อนไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า..
ลึก ๆ ในใจยังมีความรู้สึกอื่นแอบแฝง

ด้วยความเข้าใจที่แตกต่างกันทำให้ต้องยกโขยงไปหาคุณหมอ หลังจากครบสองอาทิตย์ตามการนัดหมาย ซึ่งครั้งนี้บีมกับคุณหมอได้พูดคุยกันก่อนแล้ว ว่าจะมีการพูดคุยกับผู้ปกครองเพื่อทำความเข้าใจและหาตรงกลางระหว่างกัน
“คืนนี้นอนห้องเดิมดีไหมบีม แม่จะทำความสะอาดให้” ทันทีที่ลงจากรถ แม่ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถาม บีมจึงหยุดก้าวเดินพักใหญ่
“ถ้าแม่ว่างก็รบกวนด้วยครับ” บีมมองไปรอบ ๆ ก่อนจะตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อสังเกตได้ว่าช่วงนี้ไม่มีบุคคลภายนอกเดินเข้าออกบริเวณบ้านเลย
“ว่างสิ ๆ ช่วงนี้แม่กับพ่อลาหยุด” หญิงวัยกลางคนตอบรับอย่างกระตือรือร้นก่อนจะกระทุ้งสีข้างสามีให้ช่วยกันหาวิธีสมานบาดแผลตามคำแนะนำของคุณหมอ
“ขอบคุณครับ” บีมตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินนำไปยังบ้านไม้ริมบึง นัทเลยต้องรีบเดินตามต้อย ๆ เพื่อคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

“ผมกลัวจัง” เมื่อเข้ามาในห้องบีมก็ทิ้งตัวนอนพลางมองคนรักพร้อมบอกความในใจอย่างไม่คิดปิดบัง
“กลัวอะไรครับ” คุณนัทนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ พลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่รู้สิครับ” ถึงแม้บีมจะตอบอย่างนั้น แต่นัทก็เข้าใจดีว่าคนรักกำลังหวาดกลัวผลลัพธ์ของความพยายาม
เพราะต่างฝ่ายต่างไม่อาจคาดเดาได้ว่า..
เหตุผลตามมุมมองของตัวเองจะสร้างเรื่องแบบที่แล้วมาหรือเปล่า
“บางทีการพูดคุยครั้งนี้อาจเหมือนตอนที่คุณเพิ่งเข้าใจว่า แม่ของคุณต้องคอยเอาอกเอาใจคนอื่นเป็นเพราะท่านต้องการรักษาแรงงานคนไว้ ผลลัพธ์ที่มันคาดเดาได้ยากอาจเป็นเหมือนตอนที่คุณกล้าที่จะเอาเม็ดเงินจากน้ำพักน้ำแรงของคุณให้พวกท่านดู เพื่อให้ท่านยอมรับความสามารถของคุณ”
“แต่ผมก็ทำไม่สำเร็จนี่ครับ..” บีมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะการทะเลาะกันครั้งล่าสุดทำให้ทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องลอยลม
“ที่รัก.. ในมุมมองของผม คุณทำสำเร็จนะ” นัทจ้องดวงตาของคนรักด้วยความจริงจัง
“…”
“คุณยังจำเรื่องเล่าจากห้องครัววันนั้นได้หรือเปล่าครับ” ทันที่ได้ยินคำถามบีมก็พยักหน้าตอบ เพราะคุณนัทมาเล่าให้ฟังว่าที่จริงแล้วพ่อกับแม่ยอมรับความสามารถของบีมจากใจจริง แต่เพราะรูปอนาจารทำให้แม่เลือกจะแก้ปัญหาด้วยความรนราน
“เรื่องเล่าในวันนั้นทำให้พวกเราเข้าใจความคิดของพวกท่านไม่หมด วันนี้อาจเป็นวันที่ทุกคนปรับความเข้าใจกันและหาช่องว่างที่ดีสำหรับทุกฝ่ายก็ได้นะ” นัทพูดด้วยรอยยิ้มพลางล้มตัวลงนอน ก่อนจะเกลี่ยปอยผมของบีมด้วยความทะนุถนอม
“ไหนดูซิ วันนี้คุณหมอเปลี่ยนยาให้คุณหรือเปล่า” แต่แล้วคุณนัทก็ชวนบีมคุยเรื่องอื่น ราวกับไม่อยากให้บีมคิดมาก บีมเลยต้องลุกขึ้นมาหยิบยาให้อีกฝ่ายดู
“ยาเดิมน่ะครับ คุณหมอบอกว่ามันได้ผล เพียงแต่ช่วงแรกอาจจะมีเอฟเฟคมากหน่อย ถ้าร่างกายเริ่มปรับตัวได้ก็ไม่มีปัญหา” บีมอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าอาการอยากอาเจียนตลอดวันไม่ใช่เรื่องอันตราย
“แต่อาการง่วงซึมดูท่าน่าจะเป็นปัญหาต่อการตัดเสื้อ เพราะในหัวของผมคิดอะไรไม่ออกเลยครับ”
“เดี๋ยวมันก็ต้องดีขึ้น เหมือนตอนที่คุณกินยาช่วยนอนหลับจนทำให้อาการเดินละเมอของคุณหายไปไงครับ”
“อื้ม”

ความง่วงเหงาหาวนอนทำให้บีมรู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาว บีมจึงรีบอาบน้ำกินข้าวเพราะต้องกินยาตามหมอสั่ง
“ที่รัก.. พร้อมไปนอนบ้านใหญ่หรือยังครับ” ทันทีที่ล็อกประตูกระจกตรงระเบียงริมบึง คุณนัทก็เอ่ยถามด้วยความห่วงใยพร้อมยื่นมือมาตรงหน้า
“พร้อมแล้วครับ” บีมตอบด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนวางฝ่ามือลงบนมือของอีกฝ่ายเพื่อซึมซับไออุ่นระหว่างกัน
“ห้องนอนสมัยเด็กของคุณเป็นอย่างไรนะ จะมีแต่ผ้าลูกไม้หรือเปล่า” นัทเอ่ยถามพลางเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้านอันเงียบเหงา คงเพราะเจ้าของบ้านตัวจริงพากันเก็บตัวอยู่ในห้อง
“ถ้าไม่ถูกพ่อกับแม่ทิ้งไปเสียก่อนก็น่าจะเป็นแบบนั้นครับ” บีมยังคงตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะพาคุณนัทเดินผ่านห้องโถงที่เหล่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและภรรยา ชอบมานั่งรวมตัวตอนช่วงหัวค่ำเพื่อรอดูละครหลังข่าว จนมาถึงประตูห้องริมสุดของระเบียงทางเดิน
บีมกลั้นหายใจครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปยังโลกใบเดิม ฝ่ามือคลำหาสวิตช์ไฟเพื่อให้แสงสว่าง ทันทีที่ทุกอย่างกระจ่างชัดทำเอาบีมรู้สึกหายใจไม่ออก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในห้องยังคงเหมือนเดิม
“ห้องของคุณดูอบอุ่นจังครับ” นัทกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง โดยเริ่มจากผ้าม่านลูกไม้ที่กำลังพลิ้วไหวไปตามแรงลมจากหน้าต่าง ปลอกหมอน ผ้าคลุมโต๊ะเขียนหนังสือ แจกันดอกพุดซ้อน ผ้าคลุมเตียง ต้นไม้ขนาดเล็กที่เจริญงอกงามบนหลังตู้ไม้สไตล์วินเทจ พอมาอยู่รวมกันทำให้ห้องของบีมดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
“ตอนกลางคืนผมมักจะแอบจุดเทียนและนั่งถักผ้าลูกไม้ตรงโต๊ะตัวนี้” บีมบอกเล่าด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงความทรงจำที่ยังคงงดงามในหัวใจ ก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือปลายเตียง
“ผ้าคลุมโต๊ะตัวนี้ ผมทอด้วยกระสวยด้ายเส้นเล็ก ๆ จนออกมาเป็น Bobbin Lace ผืนใหญ่ ทำยากมาก ๆ เลยครับ เพราะต้องใช้กระสวยตั้งหลายอัน ส่วนผ้าม่านผมใช้เข็มถักจนออกมาเป็น Needle Lace เพราะเทคนิคการทำลูกไม้มันแตกต่างกันครับ ชื่อเรียกของผ้าลูกไม้ก็เลยแตกต่างกันด้วย”
“แล้วผ้าคลุมเตียงล่ะครับ คุณใช้เทคนิคแบบไหน เนื้อผ้าดูนุ่มดีจัง” คุณนัทเอนตัวเท้าแขนไปข้างหลังขณะนั่งอยู่ตรงปลายเตียง
“ใช้วิธีการถักแบบนิตติ้งครับ” บีมตอบพลางเดินเข้ามาก้มมองใต้เตียง ก่อนจะลากกล่องไม้ใบหนึ่งออกมา
“กล่องแห่งความลับของผมเองครับ” บีมไขข้อข้องใจให้กับคนรัก ก่อนจะเปิดมันด้วยหัวใจเต้นระรัว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่ถูกทิ้งไป
“ผมนึกว่าแม่ทิ้งกล่องใบนี้ ตั้งแต่วันที่บังคับให้ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก ตอนนั้นผมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนค่อย ๆ บ่มเพาะความบาดหมางระหว่างกัน เพราะผมเข้าใจว่าแม่พยายามทำสงครามกับผม”
“...”
“ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วแม่คอยสนับสนุนผมอย่างเงียบ ๆ แต่วันที่เราทะเลาะกันอย่างรุนแรง ผมเข้าใจว่าแม่แก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ”
“...”
“พอมองย้อนกลับไปแล้ว เป็นผมต่างหากที่กำลังทำสงครามประสาทใส่พ่อกับแม่ เพราะยิ่งพวกท่านอยากให้ผมเดินในทิศทางที่วาดหวังมากเท่าไร ผมก็ยิ่งเดินออกนอกเส้นทางมากเท่านั้น พวกเราเลยกระทบกระทั่งกันใหญ่โตจนยากจะแก้ไข”
“แต่หัวใจของผมก็ยังเจ็บอยู่ดี เพราะวิธีการแสดงออกของพวกท่านเต็มไปแรงอารมณ์ไม่ต่างกัน..” บีมพูดไปก็ขุดค้นความทรงจำจากกล่องไม้เงียบ ๆ จนกระทั่งมองเห็นก้นกล่องที่มีจดหมายวางอยู่
“...”
“นี่มัน..” บีมอุทานอย่างเหลือเชื่อ เพราะข้อความในจดหมายมีคำ ‘ขอโทษ’ ตัวโต ๆ ลงท้ายด้วยชื่อของพ่อกับแม่และวันที่ที่เขียน เล่นเอาฝ่ามือของบีมสั่น เพราะไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะเอ่ยคำนี้
“ท่านเพิ่งเขียนวันนี้..” คุณนัทย้ายมานั่งข้าง ๆ พลางอ่านจดหมายเงียบ ๆ ก่อนจะหันมาตอกย้ำความจริง ส่งผลให้หยดน้ำตาแวววาวได้แต่คลออยู่ในหน่วยตาของบีมตอนที่กำลังพยักหน้าให้คุณนัท

ทันทีที่ไฟดับจนมองไม่เห็นสิ่งอื่นใด บีมได้แต่อุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรนรานหาไม้ขีดเพื่อใช้เทียนให้แสงสว่าง
แต่เพราะบุคคลที่สามและสี่เดินเข้ามาในห้องอันมืดมิด บีมเลยได้แต่นั่งนิ่งตามเดิม
“พ่อขอโทษนะบีมที่พ่อคิดว่าสิ่งที่พ่อเลือก มันคือเส้นทางที่ถูกต้องจนฝากความคาดหวังทั้งหมดไว้ที่บีม โดยไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่พ่อคิดว่าดี มันดีสำหรับบีมจริงหรือเปล่า เพราะกว่าจะรู้มันก็เกือบสายเกินแก้”
“...”
“พ่ออยากให้บีมรับราชการไม่ใช่เพราะพ่ออยากให้มีคนนับหน้าถือตาเหมือนตอนนี้ แต่เพราะมันเป็นอาชีพที่ทำให้พ่อรู้สึกมั่นคงพอที่บีมจะเลี้ยงดูตัวเองได้ บีมก็รู้ว่าพ่อคงอยู่กับบีมทั้งชีวิตไม่ได้ พ่อก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าบีมจะต้องเจอกับความผิดหวังที่ไม่อาจทำตามความฝันของตัวเองได้ เพราะพ่อไม่มีปัญญาแม้แต่จะหาเงินมาซับพอร์ตชีวิตของบีมให้ดี จนบีมไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปากท้องของตัวเอง”
“พ่อเลยคิดว่าถ้าหากบีมรับราชการ อย่างน้อยช่วงเวลาที่บีมต้องสู้กับโลกใบนี้เพียงลำพังก็ยังมีเงินบำนาญให้ใช้ทุกเดือน ป่วยก็ยังใช้สิทธิ์ข้าราชการไปหาหมอได้ พ่อก็เลยทำลายความฝันของบีม โดยที่พ่อลืมไปว่าบีมสามารถทำมันเป็นงานอดิเรกอย่างที่แม่เคยบอกได้”
“บีมพ่อกับแม่ไม่เคยรังเกียจที่บีมชอบเต้นบัลเล่ต์ หรือว่าชอบแต่งหญิงเลย แต่ที่พ่อแสดงออกไป พ่อยอมรับว่าตั้งตัวไม่ทันและลึก ๆ ในใจก็ต้องการเวลายอมรับในสิ่งที่บีมเป็นให้ได้ แต่สิ่งที่พ่อกลัวที่สุดคือคำพูดของคนอื่นเวลาที่เขาพูดถึงบีม มันทำให้พ่อไม่อยากให้บีมมาได้ยิน พ่อกับแม่เลยเลือกที่จะขังบีมไว้ในห้องตอนปิดเทอม และรื้อสะพานไม้ข้ามฟากที่เป็นทางเชื่อมมิตรภาพระหว่างบีมกับแม่แก้ว”
“...”
“แต่ที่พ่อกับแม่ต้องขังบีมไว้ ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นเพราะบีมเดินละเมอออกมาข้างนอกแล้วยังแต่งชุดเดรสที่ตัวเองตัด”
“พ่อกับแม่เลยเข้าใจผิดคิดว่าบีมกำลังต่อต้าน..” ยิ่งผู้ใหญ่หนุ่ยพูดมาถึงตรงนี้ เสียงสะอื้นของแม่นุ้ยก็ดังกลบทุกสิ่งอย่าง
เพราะแม่ตีบีมจนขาลาย
บีมเลยเข้าใจผิด คิดว่าพ่อกับแม่ไม่อาจยอมรับตัวตนของบีมได้
“แม่ขอโทษบีม.. แม่ขอโทษ..” หญิงวัยกลางคนร้องบอกด้วยความทรมานพลางคลานเข่าเข้ามากอดบีมไว้
ส่วนบีมได้แต่นั่งนิ่งให้แม่กอดเงียบ ๆ ท่ามกลางหยดน้ำตาที่กำลังไหลริน
“บีมอย่าเกลียดแม่นะ” แม่พูดพลางเขย่าตัวบีมไปมาพร้อมกอดบีมแน่นกว่าเดิม
“บีมไม่เคยเกลียดพ่อกับแม่ บีมแค่เจ็บปวดกับสิ่งที่พวกเราต่างทำร้ายกัน แทนที่จะพูดคุยกันดี ๆ เพราะบีมก็มีความลับที่ปกปิดพ่อกับแม่ไว้”
“...”
“บีมตั้งใจสอบคณะที่พ่อต้องการไม่ได้ บีมจะได้ไปเรียนบัญชีภาคพิเศษ เพราะอย่างน้อยพ่อกับแม่ก็ยอมรับอาชีพนี้มากกว่าความฝันของบีม พอบีมเริ่มเก็บเงินได้บีมก็เริ่มสมัครเรียนดีไซน์”
“แล้วบีมก็ย้ายออกมาอยู่หอนอกจะได้ทำอะไรได้สะดวก เพราะบีมรู้ว่าถ้าหากอยู่หอในพ่อกับแม่ยังมีรูมเมทคอยเป็นสายให้”
“แม่ให้โอ๊ตช่วยดูแลบีม เพราะแม่รู้ว่าบีมไม่สบาย กลัวว่าบีมจะเป็นอันตราย พอรู้ว่าบีมออกไปอยู่หอนอก เราเลยใช้แต่อารมณ์ปะทะใส่กัน เพราะแม่กลัวว่าบีมอยู่คนเดียวแล้วจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน” แม่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาปนสะอื้น
“แล้วทำไมพ่อกับแม่ถึงยอมลงให้บีมก่อนล่ะครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าบีมมีอาการเดินละเมอก็ไม่น่าจะปล่อยให้บีมใช้ชีวิตอย่างอิสระแบบที่ผ่านมา
“เพราะแม่กลัวว่าบีมจะยิ่งเตลิดก็เลยแอบตามดูแลอยู่ห่าง ๆ” สิ้นคำพูดของแม่ทำให้บีมคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้
“พี่มีนรู้จักกับแม่เหรอครับ” บีมเอ่ยถามอย่างไม่ลังเล
“บีมอย่าโกรธแม่นะ คือแม่รู้จักกับเธอโดยบังเอิญเลยไหว้วานให้เธอช่วยดูแล เพราะเธออยู่ห้องข้าง ๆ บีม แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมคณะของบีมด้วย” แม่พูดด้วยความร้อนรน แต่บีมยังคงเงียบงัน เพราะเรื่องของพี่มีนอยู่เหนือความคาดหมายมาก และมันก็เป็นไปได้ว่าพ่อกับแม่อาจทราบเรื่องราวของบีมเป็นอย่างดี
“ที่แม่บอกว่าจะพาบีมไปโรงพยาบาลบ้า เป็นเพราะบีมเดินละเมอตั้งแต่อยู่ที่บ้านเหรอครับ” หลังจากเงียบไปนาน บีมก็อดตั้งคำถามไม่ได้ เพราะบีมยังจดจำบาดแผลจากการถูกลากถูลูถูกังได้เป็นอย่างดี
เมื่อมันประทับอยู่ในใจของบีมทุกขณะจิต
จนบีมหวาดกลัวการไปหาหมอ
“ตอนนั้นแม่เป็นห่วงบีม แม่มันปากไม่ดี แถมยังเข้าใจเกี่ยวกับโรคจิตเวชไม่ดีพอ แม่ขอโทษนะบีม ขอโทษที่ทำร้ายบีมมาตลอด แม่ขอโทษ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพลางโอบกอดบีมด้วยความแนบแน่น ราวกับกลัวว่าบีมจะโกรธหรือหนีหายไปอย่างวันนั้น
“บีมเข้าใจทุกอย่างครับ” บีมเอ่ยตอบพลางลูบแผ่นหลังของแม่ด้วยความปลอบโยน จนกระทั่งพ่อเข้ามาโอบกอดพวกเราไว้
บีมเลยได้แต่ซุกหน้าอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นที่ใฝ่หา
ขณะที่หยดน้ำกำลังไหลรินด้วยความรู้สึกดีใจและเจ็บปวดอยู่ในที


--------------------------✁


กว่าจะเขียนตอนนี้ได้ ลากเลือดมากเลยค่ะ เหมือนว่าในสมองเรามันมีประเด็นลอยเต็มไปหมด แต่หยิบออกมาเขียนเป็นเรื่องราวไม่ได้ ฮือ ต่อไปจะไม่เขียนปมครอบครัวที่มัดแน่นแบบนี้แล้ว นุเครียดดด มันยากกก สำหรับตอนนี้ก็ได้เข้าใจความคิดและความรู้สึกของพ่อกับแม่มากขึ้นแล้ว ซึ่งมันคือประเด็นปัญหาที่จะว่ายังไงดี เราพบเจอกับตัวเอง เพราะความฝันของเราคือการเขียนนิยาย แต่มันไม่สามารถทำเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อกับแม่ได้ เราเลยอยากเล่นประเด็นนี้ผ่านครอบครัวของน้องบีม เพราะพ่อแม่ของน้องบีมไม่มีต้นทุนชีวิตมากพอที่จะส่งเสริมความฝันของลูกได้ ความอยู่รอดและความเป็นจริงคือสิ่งที่ทุกคนต้องโฟกัสเป็นหลักค่ะ พูดแล้วก็น่าเศร้าค่ะ เพราะการจะทำตามความฝันได้เหมือนบีมมันไม่ง่ายเลยและโอกาสก็ไม่ได้มีเพื่อปลาตัวเล็ก ๆ ในหนองน้ำใหญ่ด้วยค่ะ โอกาสจะเฉิดฉายมันเลยกลายเป็นแล้วแต่บุญแต่กรรม T__T

ปล. ขอเลื่อนตอนจบไปอีก 1 ตอนนะคะ อยากปิดท้ายอย่างสวยงามด้วยฉากเพลย์ให้สมกับแนวนิยายหน่อยค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 35 (update 27/10/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-10-2021 22:18:28
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 36 (update 10/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 10-11-2021 19:18:01
ตอน 36

ใครต่อใครต่างบอกกันว่า ฟ้าหลังฝนมักแจ่มใสเสมอ แต่สำหรับบีมและครอบครัวคงไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อปัญหาเรื่องหนึ่งจบเรื่องต่อไปก็ตามมา
เพราะพวกเราไม่อาจหนีพ้น ‘ความมั่นคงของชีวิตคู่’ ไปได้
ซึ่งความมั่นคงที่ว่า..
ไม่มีอยู่จริงในประเทศนี้เลย
“บีม.. กับนัทมั่นใจแล้วใช่ไหม” แม่เรียกบีมเข้ามาถามในห้องนอนของท่าน ราวกับต้องการพูดคุยเป็นการส่วนตัว หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลาหลายวัน
ขณะที่บีมได้แต่นั่งเงียบงันบนพื้นไม้ขัดเงา เพราะยังวางตัวไม่ถูก
“คือแม่หมายถึงชีวิตคู่ของบีมกับนัทหลังจากนี้ มั่นใจแล้วใช่ไหม กฎหมายไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราสร้างอนาคตร่วมกันได้ จัดการทรัพย์สินร่วมกันก็ไม่ได้ เซ็นยินยอมการรักษาพยาบาลยามเกิดเหตุฉุกเฉินก็ไม่ได้ แม้กระทั่งจัดการพิธีศพยังทำไม่ได้เลย”
“...”
“ที่แม่พูดไม่ใช่ว่าแม่แช่งชักหักกระดูกหรอกนะ แต่แม่จำเป็นต้องพูดให้บีมรู้ว่าต้องเจอกับอะไร เพราะชีวิตคู่ของบีมกับนัทไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าทุกอย่างจะไม่เลื่อนลอย”
คำพูดของแม่บ่งบอกได้ดีว่า แม่ใช้เวลาอันเงียบสงบหลังจากเปิดอกคุยกันให้เป็นประโยชน์ ด้วยการหาข้อมูลเกี่ยวกับ LGBTQ+ จนกระทั่งพบว่าสวัสดิการต่าง ๆ ที่ควรเสริมสร้างความมั่นคงต่อชีวิตคู่ไม่มีเลยสักอย่าง
ความกังวลของพ่อกับแม่จึงยิ่งท่วมท้น
คล้ายกับปัญหาไม่มีวันมอดดับ
“คบหากันไป สถานะของบีมในทางกฎหมายก็เป็นได้แค่คนอื่น ไม่ใช่คู่ชีวิตอย่างที่ควรเป็น” สิ้นคำเตือนอันหวังดีของแม่ บีมได้แต่นั่งเงียบงันบนพื้นไม้ขัดเงา เพราะความเลื่อนลอยเหล่านี้คือสิ่งที่บีมเคยกังวล
และยังเห็นได้ชัดเมื่อบีมประสบอุบัติเหตุจากการเดินละเมอจนเกือบถึงแก่ชีวิต เพราะถ้าหากบีมเป็นอะไรไปจริง ๆ คุณนัทคงกลายเป็นเพียง ‘คนอื่น’ ในทางกฎหมาย แต่ความจริงแล้วคุณนัทคือบุคคลสำคัญในการดูแลความเป็นอยู่ของบีม
โดยจะมีผลต่อเนื่องไปอีกว่า ทรัพย์สินระหว่างบีมกับคุณนัทจะจัดการกันอย่างไร เพราะก่อนกลับบ้านบีมดำเนินการให้คุณนัทเป็นผู้ถือหุ้นคนสำคัญของห้องเสื้ออิสระ จึงมีสิทธิ์จัดการเงินทองและบริหารงานภายในเทียบเท่ากับบีม
ไหนจะยังมีแพลนการซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านและหาพื้นที่ประกอบธุรกิจร่วมกันโดยให้เจ้าบ้านเป็นชื่อบีมอีก หากดำเนินการสำเร็จ และผ้าลูกไม้ในวันนั้นไม่ได้ฉีกขาด..
ผลประโยชน์ในส่วนนี้..
ยังจะอยู่ในมือของคุณนัทหรือเปล่า.. ไม่มีทางรู้เลย..
“บีมทราบครับ” เจ้าของห้องเสื้ออิสระได้แต่เอ่ยเสียงแผ่วพลางก้มหน้าไม่ยอมสบตาผู้เป็นแม่ ในใจสั่นระรัวด้วยความกังวล เพราะความห่วงใยของแม่กำลังแสดงออกอย่างชัดเจน
“บีม.. เงยหน้ามองแม่สิ”
“...” ทันทีที่ได้ยินเสียงถอนหายใจและคำพูดจาของแม่ บีมก็รีบเงยหน้าอย่างเชื่อฟัง
“แม่เรียนรู้ที่จะห่วงใยโดยที่ไม่ต้องทำร้ายบีมทางอ้อมแล้ว แม่ไม่ขอให้บีมเลิกกับนัทหรอก เพราะพ่อกับแม่เข้าใจแล้วว่า นัทคือคนที่บีมไม่สามารถปล่อยมือได้ ในมุมมองของพ่อกับแม่ก็เห็นว่าจริงตามนั้น แต่แม่อดเป็นกังวลกับอนาคตอันไม่แน่นอนของความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ไม่ได้”
“แม่ครับ.. เดิมทีบีมไม่ได้คาดคิดว่าจะมีโอกาสใช้ชีวิตคู่อย่างทุกวันนี้ แต่พอได้ลองแล้ว รสชาติและสีสันของมันเหมือนลูกกวาดในเวลาที่เรามีความสุข ส่วนเวลาที่เราเป็นทุกข์บีมรู้สึกว่ามันคือแรงผลักดันที่ทำให้บีมมองเห็นความสุขตรงปลายเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม”
“...”
“ถึงมันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกในทางกฎหมาย แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจนะครับ แล้วมันทำให้บีมอยากวางแผนครอบครัวของเราอย่างจริงจังขึ้นมา” บีมเปรยแพลนในอนาคตให้แม่ทราบอย่างไม่คิดปิดบัง
“แล้วครอบครัวของคุณนัท ดีกับบีมหรือเปล่า ?” แม่เอ่ยถามพลางยิ้มละไมกับคำตอบที่บีมกลั่นกรองออกมาจากหัวใจ
แต่ขณะเดียวกันก็ฉายแววกังวลอยู่ในที
“พวกท่านดีกับบีมมากครับ หลังจากเกิดเรื่องพวกท่านคอยพูดคุยเป็นเพื่อนบีม คอยให้กำลังใจเวลาที่บีมต้องกินยาแล้วเจอเอฟเฟคอันมหาศาล แถมยังเฝ้ารอวันที่บีมจะได้ใส่เดรสกระโปรงบานเต้นลีลาศใต้ต้นปีบอีกครั้ง” บีมพูดไปยิ้มไปบ่งบอกได้ดีว่ากำลังใจจาก ‘บ้านสวน’ ทำให้บีมหลงลืมความน่ากลัวของสิ่งที่ตนเคยเผชิญ
“ยิ่งพูดก็ยิ่งคิดถึงบ้านสวนของพวกท่านครับ”
“ได้ยินแบบนี้พ่อกับแม่ก็หมดห่วง” แม่เอื้อมมือมาลูบศีรษะของบีมด้วยความเอ็นดูพร้อมยิ้มด้วยความโล่งใจ บีมเลยพลอยยิ้มตามไปด้วย เมื่อได้รับไออุ่นที่ให้ความรู้สึกละมุนละไมกว่าที่เคยสัมผัส
“ก่อนกลับกรุงเทพ บีมกับนัทอยากให้พ่อกับแม่จัดงานแต่งอย่างเป็นทางการแบบที่รู้กันแค่ในครอบครัวของเราไหม อย่างน้อยจะได้เป็นหลักประกันให้นัทรักษาสัญญาว่าจะดูแลบีมในฐานะคู่ชีวิตต่อหน้าพ่อกับแม่”
“แม่จะจัดงานแต่งให้บีมจริง ๆ เหรอครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความเหลือเชื่อ รอยยิ้มพลันฉีกกว้าง ขณะที่ในอกเต้นตุบ ๆ ราวกับจะระเบิดออกมา
เพราะคำถามของแม่..
ไม่ต่างจากเส้นไหมอันเหนียวแน่น ถูกตัดด้วยสองมือของบุพการี ส่งผลให้ความโล่งใจ ดีใจ ผสมปนเปจนบีมทำตัวไม่ถูก
“วันนั้นบีมใส่ชุดเจ้าสาวให้พ่อกับแม่ดูด้วยนะ” แม่รั้งฝ่ามือของบีมทั้งสองข้างวางลงบนตัก พร้อมกระชับแน่นอย่างต้องการคำตอบ
“ชุดของพี่แก้วเหรอครับ” บีมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะลึก ๆ ในใจ บีมยังเกลียดชุดนั้นมาก แต่ก็ไม่อาจฉีกทึ้งด้วยความบ้าคลั่งอย่างใจคิด
มันจึงถูกจัดวางอย่างโดดเด่นอยู่บนหุ่นมูลาจตามเดิม
“แต่ถ้าบีมไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรนะลูก แม่เข้าใจว่าชุดแต่งงานชุดนั้นสร้างบาดแผลในใจของบีมจนบอบช้ำ” แม่พูดด้วยสีหน้าไม่ดีนัก คงเพราะปฎิกิริยาของบีมที่มีต่อคำขอของแม่และคนบ้านสวนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ลองดูก็ได้ครับ เพราะถึงอย่างไรบีมก็รักเสื้อผ้าทุกตัวที่บีมออกแบบ ยิ่งได้ใส่ในวันสำคัญ บีมอาจจะลดอคติที่มีต่อมันได้ง่ายขึ้น” บีมครุ่นคิดอยู่นาน จนกระทั่งตัดสินใจแน่วแน่ เพราะบางทีการตัดสินใจในครั้งนี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บีมกล้าที่จะรักผลงานของตัวเอง และไม่รู้สึกเสียดายเวลาในการตัดเย็บ
“แม่ขอโทษนะบีม แต่หลังจากนี้มันจะไม่ใช่ชุดแต่งงานอันไร้ค่าในสายตาของแม่อีกต่อไป เพราะมันจะเป็นชุดที่บีมต้องสวมใส่ในวันสำคัญของตัวเอง”
สิ้นคำพูดของแม่ทำให้บีมพอจะทราบความนัยที่แอบซ่อนภายใต้การจัดงานแต่งอันเหนือความคาดหมาย คงเพราะแม่ทราบดีว่าการกระทำของตัวเองส่งผลกระทบต่อสิ่งใดบ้าง แม่จึงอยากลบล้างความรู้สึกแย่ ๆ ด้วยงานสำคัญที่บีมไม่กล้าคิดฝัน

เมื่อหมดเรื่องคุยบีมก็ขอตัวกลับบ้านริมบึง เพราะมีความเป็นเอกเทศมากกว่า บีมจึงเดินลงจากชั้นสองของบ้านใหญ่ ย่ำผ่านเส้นทางอันเงียบเหงา
พบว่าคุณนัทกำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ตรงระเบียงริมบึง
“เป็นอย่างไรบ้างครับ” พออีกฝ่ายได้ยินเสียงพื้นไม้สะเทือนเลือนลั่นตามจังหวะการก้าวเดินก็รีบยิงคำถามใส่ด้วยความเป็นห่วง
“เหมือนผมจะหาจุดเริ่มต้นของการปลอดล็อกความรู้สึกแย่ ๆ ในอดีตเจอมั้งครับ” บีมเดินเข้าไปยืนเคียงข้างคนรักพร้อมวางมือลงบนระเบียงไม้ ขณะที่สายตาก็ทอดมองออกไปยังบึงบัวแดงที่มีนกอีแจวเดินเล่นอยู่บนใบบัว
“คุณหมายถึง.. ?” คุณนัทเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมทำคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว
“ผมควรจะเปลี่ยนมาสวมแหวนตรงนิ้วนางข้างซ้ายพร้อมชุดแต่งงานที่ผมตัดเองได้สักที” บีมชายตามองคนรักพลางชูฝ่ามือข้างซ้ายให้อีกฝ่ายเห็นพร้อมขยับนิ้วไปมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณ..” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความตะกุกตะกัก บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังดีใจมาก
“ยอมรับความสัมพันธ์ของเราแล้ว!” แต่แล้วสองเสียงระหว่างคู่รักก็สะท้อนออกมาในเวลาเดียวกัน ทำเอาใบหน้าที่มีรอยยิ้มยิ่งเบิกบานไปกันใหญ่
บริเวณบึงบัวแดงจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงตะโกนด้วยความดีใจ โดยที่ฝ่ายหนึ่งโอบอุ้มอีกฝ่ายหมุนไปรอบ ๆ ทิศทางอย่างร่าเริง

ขึ้นชื่อว่า ‘งานแต่ง’ ต่อให้จัดแบบรู้กันในครอบครัวก็ยังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งบีมและคุณนัทต่างก็อยากมีส่วนร่วมกันทั้งนั้น เพียงแต่เงื่อนไขในการจัดงาน บีมตกลงกับคุณนัทไว้แล้ว ว่าเราจะจัดกันก่อนกลับกรุงเทพ ไม่ได้เน้นความหรูหราอะไรมากมาย
เพราะงานแต่งสำหรับเราถือเป็นงานสำคัญทางจิตใจที่เป็นรูปธรรม ว่าเรากำลังจะใช้ชีวิตคู่กันอย่างจริงจัง โดยมีผู้ใหญ่รับรู้
แต่ไม่มีการจดทะเบียนสมรสอย่างที่เราใฝ่ฝัน
เราจึงตกลงกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายว่า ถ้าหากประเทศนี้อนุมัติให้สมรสเท่าเทียมผ่านเมื่อไร พวกเราจะจัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่ตามที่ผู้ใหญ่ทางฝ่ายของคุณนัทร้องขอ เพราะงานสำคัญทางรูปธรรมนี้สามารถสร้างคอนเนกชันทางการค้าให้กับเครือคิมหันต์กรุ๊ปได้อย่างมากมาย
“ที่รักคุณขับดี ๆ สิ จะชนต้นไม้แล้ว” บีมตีลาดไหล่ของคุณนัทด้วยความตกใจ เมื่อมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของแม่กำลังวิ่งเป๋ไปเป๋มา
“ผมพยายามแล้วนะ” คุณนัทโต้เถียงกลับมา บีมจึงได้แต่ยิ้มขำ เพราะเข้าใจดีว่าการขับขี่จักรยานยนต์ท่ามกลางสวนยางพาราเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า ‘หินมาก’ เมื่อเส้นทางแสนจะขรุขระ ยามขึ้นเนินแสนจะยากเย็น แต่ยามลงเนินกลับประคองยาก
“ใกล้ถึงแล้วครับ” บีมที่นั่งอยู่ในรถพ่วงข้างชี้ไปยังทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกหญ้าสีชมพูแสนเบาบาง จนไม่อาจต้านทานสายลมได้ มันจึงปลิดปลิวมาเกาะตามเสื้อผ้าหน้าผม
แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคนสองคนเท่าไร เพราะพวกเขามีเป้าหมายที่จะนำดอกหญ้าเหล่านี้ไปประดับภายในบ้านริมบึง ตรงบริเวณประตูกระจกที่เคยเกิดเหตุอันตราย โดยคุณนัทเสนอให้ทำแบล็คดรอปปิดไว้ เพราะบีมยังไม่แน่ใจว่าที่ตรงนั้นจะส่งผลต่อความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหรือเปล่า
ผ้าม่านจากผ้าลูกไม้จึงถูกนำออกมารังสรรค์พร้อมประดับไฟระยิบระยับท่ามกลางดอกหญ้าแพมพัสสีขาวฟูฟ่องที่ถูกจัดเข้าช่อกับดอกไม้ประดิษฐ์จากไส้มันสำปะหลังสีขาวนวลฝีมือแม่ที่ค่อนข้างทำยาก บีมกับคุณนัทเลยตัดสินใจออกตามหาดอกหญ้ามาเพิ่ม แม่จะได้ไม่เหนื่อยอีกทั้งงบประมาณในการจัดงานจะได้ไม่ต้องใช้เกินความจำเป็น
“ที่รัก..” ขณะที่บีมกำลังตั้งหน้าตั้งตาดึงกิ่งก้านของดอกหญ้าช่อบาง คุณนัทก็เอ่ยเรียก บีมจึงหันไปมองตามเสียง
“ฟู่ววว” เสียงเป่าปากดังพร้อมกับดอกหญ้าสีชมพูบนฝ่ามือใหญ่ปลิวว่อนใส่ใบหน้าของบีมเข้าอย่างจัง
“คนบ้า!” บีมอดสบถใส่คนรักไม่ได้ ขณะที่สองขาพลันวิ่งไล่อดีตชายหนุ่มมาดนักธุรกิจอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งไล่ตามทันช่อดอกหญ้าทั้งหมดในมือก็ฟาดเพียะลงบนแผ่นหลังของคนรักอย่างไม่เบามือ
ดอกหญ้าอันบางเบาจึงฟุ้งกระจายรอบตัวคนทั้งคู่..
ไม่ต่างจากความรักที่แสดงออกผ่านรอยยิ้มแห่งความสุขและเสียงหัวเราะ

กระทั่งยามเช้าของวันที่รอคอยมาถึง บีมอดตื่นเต้นไม่ได้ ยิ่งเฝ้ามองบรรยากาศสุดโรแมนติกบริเวณห้องตัดเสื้อ หัวใจของบีมก็ยิ่งเต้นรัว ฝ่ามือพลันเปิดปิดสวิตช์หลอดไฟดวงเล็กที่พ่อทำไว้
แสงสว่างสีเหลืองนวลจากหลอดไฟ LED สุดคลาสสิกก็สว่างวาบตามกำแพงและเพดานห้องจนถึงแบล็คดรอปที่มีตัวอักษร N & B จากซังข้าวโพดพันรัดด้วยหญ้าดอกชมพูที่ลงทุนไปเก็บมา
“ผมมีเรื่องน่าสนใจให้คุณพิจารณาตอนเข้าหอ” บีมสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนรักที่เดินไปทางบ้านใหญ่ พุ่งเข้ามาโอบกอดพลางกระซิบเสียงแผ่ว
“ลูกเต๋าเสี่ยงทาย ?” บีมแบมือรับของสำคัญที่อีกฝ่ายยื่นให้ก่อนจะเงยหน้ามองว่าที่เจ้าบ่าวด้วยความสนใจและพลิกลูกเต๋าเพื่ออ่านข้อความ
“KISS”
“TOUCH”
“SUCK”
“มีอีกลูกหนึ่งครับ” คุณนัทกระซิบเสียงแผ่วพลางวางลูกเต๋าอีกอันลงบนฝ่ามือของบีม
“HAND”
“THIGH”
“ชักน่าสนใจแล้วสิครับ” บีมคลี่ยิ้มพลางยืดปลายเท้ากระซิบริมหูของนายท่านผู้สรรหาเรื่องสนุกมาให้เชยชม
“แต่ก่อนเพลย์.. ห้ามลืมกล้องวงจรปิดนะครับนายท่าน” บีมผละตัวออกห่างก่อนจะขยับปากไร้เสียง
เมื่ออีกฝ่ายหันมาให้ความสนใจ

ด้วยความที่มีเวลาเหลือเฟือ บีมจึงใช้เวลาหลังมื้อเช้าไปกับการออกแบบ ‘Garter’ หรือสายรัดต้นขาสำหรับเจ้าสาว เพื่อที่เวลาเพลย์จะได้ช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ให้ตนเองมากขึ้น
ส่วนคุณนัทหายไปทำคะแนนกับพ่อแม่ของบีมอย่างวางใจ
เพราะบีมไม่มีอาการหวาดกลัวบรรยากาศในห้องตัดเสื้อเหมือนช่วงแรก
“ที่รักรีบแต่งตัวเร็ว วันนี้มีแขกมาร่วมงานด้วยนะ” กระทั่งบีมวางมือจากเครื่องประดับมาให้ความสนใจกับชุดแต่งงานที่เคยเป็นหนามตำใจ เสียงกระหืดกระหอบจากคุณนัทก็เรียกความสนใจจากบีมได้เป็นอย่างดี
“ใครครับ ?” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่คาดคิดว่าพ่อกับแม่จะเชิญใครมาร่วมงาน
“พวกคุณลุงที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาน่ะครับ” คุณนัทเฉลยพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อนำชุดเจ้าบ่าวสไตล์คันทรีรัสติกที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาว เนคไท กางเกงสีครีม และเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเข้ม
“แล้วพิธีการ ?” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกตั้งใจว่าจะสวมแหวนต่อหน้าพ่อกับแม่เท่านั้น
“ตามเดิมครับสวมแหวนแล้วก็เข้าหอ” คุณนัทตอบด้วยท่าทางทะเล้น ๆ เหมือนตอนอยู่ที่บ้านสวน
“ไม่มีกินเลี้ยง ?” บีมเอ่ยถามทีเล่นทีจริง ขณะปลดเสื้อผ้าที่เคยสวมใส่โดยไม่มีความเก้อเขิน จนกระทั่งชุดแต่งงานทรงเอไลน์แบบเกาะอกประดับอยู่บนเรือนร่าง
“ไม่มีครับ เพราะคุณแม่เปลี่ยนใจทำขนมมงคลไปแจกจ่ายให้คนงานแทน” คำตอบของคุณนัททำเอาบีมทำสีหน้าไม่ถูก
เพราะบีมไม่คิดเลยว่า..
แม่จะเล่นใหญ่ขนาดนี้

กระทั่งกำหนดการใกล้มาเยือน คุณนัทจึงวีดิโอคอลหาครอบครัวที่บ้านสวน บีมเลยทักทายพวกท่านเล็กน้อย เพราะวันนี้เป็นวันเดียวที่บีมได้เห็นคุณพ่อของคนรักมาร่วมเฟรมด้วย
“หลานย่าคนหนึ่งหล่อ คนหนึ่งแซ่บไม่เบา” คุณย่าออกปากล้อเลียนเมื่อสังเกตเห็นว่าชุดแต่งงานของบีมวันนี้ แม้จะเป็นเกาะอกที่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ก็มีความเซ็กซี่อยู่ในที เพราะการตัดเย็บเน้นการใช้เสน่ห์ของผ้าลูกไม้ให้เป็นประโยชน์จนกลายเป็นว่า..
ท่ามกลางกลีบดอกไม้สีขาวสะอาดตา
กลับมีเกสรสีชมพูซ่อนเร้นได้อย่างแนบเนียน
“ย่าชอบไหม นัทชอบนะ” พอสมโอกาสคุณนัทก็โอบไหล่บีมอย่างแสดงความเป็นเจ้าของพร้อมยื่นหน้าเข้าไปถามญาติผู้ใหญ่เพียงเบา ๆ
“ชอบสิ บีมใส่อะไรก็สวย” พอได้ยินคำชมจากปากคุณย่า บีมก็ได้แต่ยิ้มหน้าบานจนต้องคว้าเวลมาปกปิดใบหน้า
“แขกมาแล้วเริ่มเลยดีกว่าบีม” คุณแม่กับคุณพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับบรรดาแขกผู้มีเกียรติ บีมเลยได้แต่จัดแต่งผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างลวก ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้สง่าราศีของคนสำคัญประจำงานลดลงเลย
“คุณใส่มันได้แน่นะ” คุณนัทกระซิบเพียงแผ่ว เพื่อย้ำถามความมั่นใจ เพราะการสวมเวลสำหรับบีมไม่ต่างจากการหวนกลับไปยังคืนฝันร้าย
“น่าจะได้ครับ” บีมกระซิบตอบอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ก็ไม่มีเวลาแก้ไขอะไรแล้ว เพราะลุงช่วยกำลังรับหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินงาน ส่วนแม่และคุณนัทเดินไปยังส่วนจัดงานเรียบร้อยแล้ว
หัวใจของบีมเต้นระรัวจนไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวลที่สวมใส่
หรือพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายกันแน่
“คงจะตื่นเต้นมากสินะ ตอนพ่อกำลังเข้าพิธีแต่งงานกับแม่ พ่อก็ตื่นเต้นจนเหงื่อออกมือเหมือนกัน” ผู้ใหญ่หนุ่ยกล่าวพลางกระชับฝ่ามือของบีมให้แน่นขึ้นพร้อมส่งยิ้มให้กับลูกชายเพียงหนึ่งเดียวในชุดเจ้าสาว
“แล้วพ่อทำอย่างไรครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะตอนนี้บีมต้องการที่พึ่งกว่าที่คิด เพราะในอกกำลังปั่นป่วนไปด้วยความสุขเหลือประมาณ
“สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วก้าวเดินออกไป โดยที่สายตามองหาแต่แม่ของเราคนเดียว” คุณพ่อพูดพลางส่งสัญญาณให้บีมเกาะแขน เดินเข้าไปยังงานแต่งสไตล์คันทรีที่มีแต่แสงสีเหลืองนวลชวนอบอุ่น ส่งผลให้บีมที่อยู่แต่ในห้องนอนอันมืดมิดได้แต่หรี่ตามองบรรยากาศงานแต่งของตัวเองอย่างช้า ๆ จนกระทั่งสบกับใบหน้าของเจ้าบ่าว รอยยิ้มจึงเข้ามาแทนที่ความสั่นระริกของหัวใจ
“ลำดับต่อไปเชิญเจ้าบ่าวสวมแหวนให้กันครับ” สิ้นคำของลุงช่วยแม่ก็เดินถือพานใส่แหวนที่ประดับด้วยดอกไม้ประดิษฐ์จากไส้มันสำปะหลัง
“วันนี้ผมเปลี่ยนจากสวมกำไลเป็นสวมแหวนให้คุณแล้วนะ” คุณนัทกล่าวพลางเอื้อมไปหยิบแหวนเงินเกลี้ยงที่ภายในสลักตัวอักษร N & B ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายด้วยรอยยิ้ม ขณะที่บีมได้แต่ยืนเก้กังด้วยความเก้อเขิน
“ขอบคุณนัทสิบีม” แม่กระซิบบอกเมื่อบีมยังคงไม่รู้ประสา
“ขอบคุณครับ” บีมก้มหน้าพลางพูดราวกับเสียงกระซิบ จากนั้นก็หันไปหยิบแหวนเงินวงที่ใหญ่กว่าข้อนิ้วของตนเองสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งจนสามารถหลอมละลายตัวตนของบีมได้ทุกเมื่อ
“ขอบคุณนะที่รัก” กระทั่งได้ยินถ้อยคำหวานหู ชวนเรียกร้องเสียงโห่แซวจากบรรดาแขกผู้มีเกียรติ บีมก็ยิ่งหน้าแดงไปกันใหญ่
“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!” ยิ่งเสียงตะโกนเชียร์อันโจ่งแจ้งดังขึ้นเท่าไร บีมก็ยิ่งเลิ่กลั่กมากเท่านั้น เพราะบีมไม่เคยจูบคุณนัทต่อหน้าพ่อกับแม่
และไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ทำแบบนั้นด้วย
“เจ้าบ่าวว่าอย่างไรครับ” ลุงช่วยเร่งรัดคุณนัทให้รีบตัดสินใจ บีมจึงเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างต้องการทำใจกับความเขินอาย
“ก็ต้องตามใจผู้มาร่วมงานสิครับ” คุณนัทหัวเราะด้วยความเก้อเขิน แต่ก็ยังเชยปลายคางของบีมให้อยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนโฟกัสทางสายตาพร่าเลือน
จากนั้นกลีบปากนุ่มหยุ่นของคุณนัทก็สัมผัสกับริมฝีปากของบีมอย่างแผ่วเบา ราวกับต้องการละเลียดของหวานแสนถูกใจอย่างทะนุถนอม เล่นเอาหัวใจของบีมเต้นระรัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ รอบกายพลันเงียบสงัดคล้ายกับที่ตรงนี้มีเพียงคนสองคนที่กำลังแลกเปลี่ยนความหวานฉ่ำจนเกิดเสียงบดเบียดชวนเก้อเขิน
จนกระทั่งบีมได้สติก็รีบผละออกจากอ้อมกอดของคนรักที่ไม่รู้ว่ากักขังตนเองไว้ตั้งแต่เมื่อไร
“ลำดับต่อไปเชิญผู้ใหญ่หนุ่ยและคุณนุ้ยให้คำสอนสั่งแก่คู่บ่าวสาวด้วยครับ” สิ้นการดำเนินงานของลุงช่วยพ่อกับแม่ก็มายืนอยู่ตรงหน้า ส่วนบีมที่ตอนนี้พวงแก้มกำลังร้อนผ่าวได้แต่ก้มหน้าด้วยความวางตัวไม่ถูก
“ชีวิตคู่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ไม่ง่ายทั้งนั้น แค่ความรักไม่ช่วยให้เส้นทางอันสวยงามคงอยู่ได้ตลอดไป แต่เป็นความเข้าใจและการให้อภัยกันที่จะทำให้ความรักยังคงเติบโตอยู่ในใจ” คุณพ่อคว้าฝ่ามือของเราไปกอบกุมไว้ ขณะเอื้อนเอ่ยข้อคิดเตือนใจในวันมงคล พร้อมลูบฝ่ามือของเราเพียงแผ่ว ราวกับต้องการให้กำลังใจ เพราะท่านคงทราบดีว่าประเทศนี้ ไม่มีสิทธิประโยชน์อันเท่าเทียมอย่างคู่ชีวิตชายหญิง แถมอัตลักษณ์ของคอมมูนิตี้อย่างเรา ๆ ยังถูกนายทุนกลืนกินอย่างตะกลุมตะกลาม แต่ไม่มีส่วนช่วยให้สังคมเปิดกว้างอย่างจริงใจ
“นัท.. แม่ฝากดูแลบีมอย่างที่เคยทำมาตลอดนะลูก เพียงแต่การฝากคราวนี้แม่คงต้องใช้คำว่าตราบชั่วชีวิต เพราะแม่ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่า คนเราไม่ได้อยู่ยงคงกะพัน อีกอย่างบีมกับนัทใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพ คงมีแต่ต้องคอยดูแลกันและกันมากขึ้น ทั้งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องถูกความสูญเสียกลืนกิน”
“แม่มีอะไรอยากพูดอีกหลายอย่างเลย แต่แม่ก็เคยพูดกับบีมไปบ้างแล้ว ว่าแม่เป็นห่วงเรื่องที่บีมกับนัทต้องเผชิญกับความไม่เท่าเทียมของชีวิตคู่ เพราะฉะนั้นต้องดูแลกันดี ๆ นะลูก เราสองคนคงไม่อยากทุกข์ใจที่ไม่อาจเซ็นเอกสารต่าง ๆ ทางการแพทย์ในยามฉุกเฉินได้ใช่ไหม ลำพังพ่อกับแม่และญาติ ๆ ยังอยู่คงไม่เป็นไร แต่ถ้าหาก..” แม่พูดไปก็น้ำตาไหลอาบแก้มจนบีมต้องเอื้อมไปเช็ดให้ทั้งที่ฝ่ามือสั่นเทาและน้ำตากำลังไหลพรากเพราะบีมรู้ดีว่า เวลาหลังจากนี้คือความจริงที่ต้องเผชิญ ซึ่งบีมก็ไม่รู้ว่าสิทธิประโยชน์ในเรื่องที่น่ากลัวนี้จะถูกอนุมัติเมื่อไร
เพราะอนาคตเมื่อเราเติบโตจนต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังด้วยกัน
มันคงน่าเศร้ามากหากไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่มีสิทธิ์ในการจัดการหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้..

 
--------------------------✁


ตอนแรกตั้งใจจะเขียนตอนนี้ให้เป็นตอนจบ แต่ว่าเหตุการณ์ที่อยากใส่มันเยอะเกินไป ก็เลยต้องยกการเพลย์ไปไว้อีกตอน และมันจะเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ของเรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายแล้ว แต่ความลับของช่างตัดเสื้อก็ยังคงต้องเป็นความรับต่อไป เพราะมันคือรสนิยมที่พ่อกับแม่ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตของบีมก็เรียกได้ว่าปลดล็อกทุกอย่างแล้ว เพราะพ่อกับแม่ยอมรับความเป็นบีมได้ทั้งหมด พิธีแต่งงานเราพยายามจะทำให้เป็นแบบเรียบง่าย ไม่เน้นอะไรมาก เพราะในมุมมองของทั้งคู่มันเป็นแค่การประกาศการใช้ชีวิตร่วมกันให้คนอื่นทราบ แต่มุมมองของพ่อกับแม่มันเป็นการฝากฝังบีมไว้ในความดูแลของนัทอย่างเป็นทางการ ด้วยความที่ตัวละครในเรื่องมีความเป็นผู้ใหญ่และค่อนข้างคิดถึงอนาคตอย่างจริงจัง เราเลยใส่ประเด็นเกี่ยวกับสมรสเท่าเทียมลงไปด้วย เพราะบีมเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว ดังนั้นปัญหาการเซ็นเอกสารยินยอมการรักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่คิดไม่ได้เลยค่ะ เพราะทั้งสองคนใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพ ส่วนครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด และอย่างที่แม่บีมบอกค่ะว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีพ่อกับแม่หรือญาติ ๆ แล้ว จะทำยังไง นั่นล่ะค่ะคือปัญหาที่น่ากังวล T^T

ตอนหน้าเจอกันกับฉากเพลย์ค่ะ แอบกระซิบว่าเรากำลังเตรียมรวมเล่มนะคะ จ้างวาดปก ของแถมต่าง ๆ ไปแล้ว เหลือแค่เขียนให้จบเท่านั้น!
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 36 (update 10/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-11-2021 12:26:57
 :pig4:
 :L1:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 22-11-2021 18:46:42
ตอน 37

พอเสียน้ำตาจนหอมปากหอมคอแล้ว ทางฝั่งบ้านสวนก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบออกปากรับขวัญบีมด้วยความอบอุ่น
เพียงแต่มันเป็นความอบอุ่นที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งบีมถึงกับตาโตราวไข่ห่าน เพราะค่าสินสอดที่คุณย่าออกปากยกให้ง่าย ๆ คือเพนต์เฮาส์สุดหรูที่บีมกับคุณนัทอาศัยอยู่ และยังมีหุ้นของห้างสรรพสินค้าในเครือคิมหันต์กรุ๊ป จนบีมกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองรองจากคุณนัทที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในการครอบครองบริษัทและธุรกิจในเครือโดยชอบธรรม
“มันมากเกินไปนะคะคุณ” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นภรรยาของผู้ใหญ่บ้านกล่าวเสียงสั่นกับบุคคลในโทรศัพท์ที่ตนเองถือไว้
ขณะที่ใจยังคงบีบแน่นอย่างไม่หายตื่นตระหนก
“ไม่มากไปหรอกค่ะ เพราะถึงอย่างไรเพนต์เฮาส์ที่นั่นก็เป็นกรรมสิทธิ์ในอนาคตของเจ้านัทอยู่แล้ว เราเพียงแค่เปลี่ยนสถานะของมันนิดหน่อยเท่านั้น” คุณย่าอธิบายด้วยรอยยิ้ม คล้ายกับไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร
“แต่ว่า..” คุณแม่ยังคงตั้งท่าคัดค้าน แต่ก็จนปัญญาจะออกปากพูด เพราะสิ่งที่ได้รับในวันนี้ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ของบีมดูเป็นรูปธรรมมากขึ้น
“ไอ้แสบบันทึกวีดิโอไว้ เพนต์เฮ้าส์ย่านกลางกรุง ย่าให้เป็นของขวัญแต่งงาน ส่วนหุ้น 40% ย่าให้เจ้าบีมเป็นค่าสินสอด อนาคตจะถูกตัดแบ่งเป็นสินสมรสก็แล้วแต่จะตกลงกัน” คุณย่าให้คำแนะนำ คุณนัทจึงรับโทรศัพท์มาจากคุณแม่ของบีม ก่อนจะบันทึกวีดิโอเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในเชิงสัญลักษณ์ว่า..
บีมกับคุณนัทแต่งงานและอยู่กินกันในสถานะ ‘คู่ชีวิต’ นับแต่นี้
ซึ่งการกระทำของคุณย่าทำให้บีมปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยอย่างที่เคยหวาดกลัว เพราะพวกท่านต่างพยายามเสริมสร้างความมั่นคงที่กฎหมายไม่อาจมอบให้ด้วยหัวใจอันแสนบริสุทธิ์
“ฉันขอบคุณแทนเจ้าบีมจริง ๆ ค่ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวพลางยกมือไหว้ปลก ๆ ใส่หน้าจอโทรศัพท์ พลางหันไปส่งสัญญาณให้ผู้เป็นสามีทำตาม
“บีม” แม่รีบเตือนสติบีมที่ยังคงยืนบื้อด้วยความตื้นตันที่คุณย่าเมตตาตนเองถึงขนาดนี้
“ขอบคุณครับ” บีมเอื้อนเอ่ยเสียงสั่นพลางยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่จากบ้านสวนไม่หยุด เพราะบีมไม่รู้จะแสดงความขอบคุณอย่างไรให้เท่ากับสิ่งที่ได้รับ
“นัทก็ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูบีมมาก ๆ เลยครับ ถ้ามีเวลาผมจะพาบีมกลับไปหาทุกคนที่บ้านสวน” คุณนัทกล่าวกับคนในครอบครัวด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยินดีเกินกว่าจะบรรยาย
“รีบ ๆ มาหาย่าล่ะ ถ้ามาช้า.. ย่าจะใช้แรงงานให้หนักเลย” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่นก่อนจะวางสายไปด้วยความปิติ

จากนั้นแขกผู้มีเกียรติทุกคนก็พากันทยอยกลับบ้าน บีมกับคุณนัทจึงเดินออกไปส่งตรงระเบียงริมบึง ก่อนที่บีมจะถูกแม่กอดด้วยความรักใคร่ตามด้วยคุณพ่อที่โอบกอดสองแม่ลูกไว้ด้วยกัน
“วันนี้แม่มีความสุขมากจริง ๆ” แม่สะอื้นบอกด้วยความยินดี
“พ่อก็มีความสุขมากที่ได้เห็นบีมมีคนรักคอยดูแล” ผู้ใหญ่หนุ่ยกล่าวพลางลูบหลังสองแม่ลูก ขณะมองมายังชายหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะส่งยิ้มให้
ราวกับพร้อมจะต้อนรับเข้าสู่คำว่า ‘ครอบครัวเดียวกัน’
“แม่ต้องขอบคุณนัทด้วยนะลูกที่ทำให้ครอบครัวของเราอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากนี้เรามาพูดคุยกันด้วยความเข้าใจนะลูก หากมีปัญหาหรือติดขัดตรงไหนขอให้บอกโดยไม่ต้องเกรงใจ” คุณแม่กล่าวพลาวผละตัวออกจากอ้อมกอด ก่อนจะเดินเข้าไปจับมือคุณนัทราวกับต้อนรับอีกฝ่ายเป็นสมาชิกในบ้านอย่างอบอุ่น
“ครับคุณพ่อคุณแม่” คุณนัทกล่าวพลางก้มหัวให้กับคนอายุมากกว่าด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนเรื่องผลผลิตที่เราเคยคุยกัน พ่อตกลงตามนั้นนะ” ผู้ใหญ่หนุ่ยกล่าวปิดท้าย ก่อนจะไปเตรียมแจกจ่ายขนมมงคลให้กับเหล่าคนงานตามความตั้งใจของผู้เป็นภรรยา
“ไม่มีปัญหาครับ อย่างไรเราก็ครอบครัวเดียวกัน”
“ปากหวานจริงเชียว” คุณแม่เอ่ยชมคุณนัทจนบีมได้แต่หรี่ตามองทั้งสามคนที่เข้าขากันเป็นอย่างดี

กระทั่งยืนส่งพวกท่านไปจนลับสายตา บีมก็ปิดประตูระเบียงแล้วเดินนำมายังห้องตัดเสื้ออันเต็มไปด้วยความอบอุ่นของแสงไฟจากหลอด LED สุดคลาสสิค
“คุณไปตกลงทำการค้ามาแล้วเหรอครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง แผนการที่เคยเตรียมไว้ดันกลับตาลปัตรไปหมด
“ครับ เพิ่งคุยกันเมื่อเช้านี้เอง” คุณนัทตอบพลางเอนพิงขอบโต๊ะข้างหน้าต่างที่มองเห็นบึงบัวแดงในยามค่ำคืนรำไร ขณะที่บีมกำลังเดินสำรวจอักษร N & B ด้วยความอิ่มใจ ฝ่ามือจึงลูบไล้ถ้อยคำนั้นจนหญ้าดอกชมพูปลิวว่อนไปทั่วห้อง
“ถ้าเราสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันจะดีแค่ไหนนะ” บีมเอ่ยด้วยความใจลอย เพราะงานในวันนี้ทำให้บีมได้สัมผัสกับความสุขและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“คงจะเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะพ่อกับแม่ของผมคงเชิญบรรดาบอร์ดบริหารและเครือข่ายทางธุรกิจมากันเยอะแน่ ๆ ส่วนคุณคงจะสวยเหมือนนางฟ้าที่ผมไม่กล้าอาจเอื้อม” นัทบอกเล่าจินตนาการที่มองเห็นเป็นฉาก ๆ ได้ไม่ยากเย็น พร้อมหยอดคำหวานใส่คนรักจนพวงแก้มของแดงปลั่ง
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” บีมเอ่ยถามพลางก้าวเดินเข้ามาคล้องลำคอของคุณนัทไว้หลวม ๆ แต่ก็แฝงความเย้ายวนชวนสัมผัสค่ำคืนแห่งการเข้าหออยู่ในที
“ใช่สิครับ เพราะคุณในชุดแต่งงานให้ความรู้สึกราวกับหงส์ขาว” คุณนัทเอ่ยชม จากนั้นก็อาศัยทีเผลออุ้มบีมขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานที่มีโมบายกะลามะพร้าวรูปนางเงือกซึ่งได้รับการซ่อมแซมเป็นอย่างดีแขวนไว้ตรงริมหน้าต่าง
“ถ้าอย่างนั้นหงส์ขาวอย่างผม คงต้องลดตัวลงมาหาคุณเสียหน่อย” บีมกล่าวอย่างไว้เชิง ก่อนจะทอยลูกเต๋าที่ยังวางอยู่ตรงนั้นด้วยความใจเย็น
จนกระทั่งก้อนสี่เหลี่ยมลูกเล็กหยุดอยู่กับที่ บีมจึงแย้มยิ้มหวานละมุนให้กับผู้สรรหาความสนุกที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“KISS กับ HAND” บีมเอ่ยเสียงแผ่วพลางยื่นมือที่สวมแหวนแต่งงานกลมเกลี้ยงให้กับนายท่านที่วันนี้ลดความเคร่งขรึมเป็นพิเศษ จากนั้นคุณนัทก็พรมจูบบนหลังฝ่ามือของบีมด้วยสัมผัสอบอุ่น ซ้ำยังลอบมองบีมด้วยสายตาแสนเจ้าชู้ จนบีมที่กำลังวางท่าเป็นหงส์ขาวถึงกับอายม้วน เมื่อนายท่านให้ความเอ็นดูในรูปแบบที่ไม่ใช่การโรลเพลย์
“ตาผมแล้วที่รัก” คุณนัทกล่าวพลางทอยลูกเต๋าทีละลูกจนมันค่อย ๆ กลิ้งช้าลง ส่งผลให้แววตาแสนเจ้าเล่ห์ฉายแววอย่างเต็มที่ เมื่อคำว่า ‘THIGH’ ปรากฏสู่สายตา
“ผมจะเริ่มทอยอีกลูกแล้วนะที่รัก” คุณนัทกล่าวพลางยกยิ้มมุมปาก ขณะที่บีมได้แต่เฝ้ามองลูกเต๋ากลิ้งหลุน ๆ อยู่บนโต๊ะทำงานด้วยความตื่นเต้น
“TOUCH” กระทั่งคำตอบพลันกระจ่างแจ้ง ลมหายใจของบีมก็เริ่มติดขัด ใบหน้าพลันร้อนวูบเมื่อคุณนัททรุดตัวนั่งตรงกลางหว่างขา ก่อนจะดันเรียวขาข้างหนึ่งของบีมให้สูงขึ้นจะได้สัมผัสขาอ่อนได้อย่างง่ายดาย
“คุณทำเครื่องประดับเพิ่มเหรอที่รัก” คุณนัทเอ่ยถามพลางลูบไล้ต้นขาของบีมด้วยความแผ่วเบา สร้างความหวิวไหวในอกให้บีมอย่างเหลือเชื่อ
“ครับ เพิ่งทำเมื่อเช้า” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยความไม่เป็นธรรมชาติ พลางเท้าแขนลงบนโต๊ะตัวใหญ่ที่รองรับร่างไว้ ก่อนจะเผลอกำมือแน่น เมื่อคุณนัทยังคงขยับสายรัดถุงน่องที่ทำจากผ้าลูกไม้ประดับลายผีเสื้อ เข้ากันดีกับการออกแบบเสื้อผ้าตรงบริเวณแผ่นหลังที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับรูปทรงของปีกผีเสื้อ ในขณะที่ลวดลายของเนื้อผ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ช่องามรับกันดีกับการดีไซน์ชุดทรงเอไลน์
“พอมันอยู่บนขาของคุณ ผมรู้สึกว่ามันขับให้คุณดูเซ็กซี่จนผมไม่อาจละสายตาได้” คุณนัทกล่าวชมแต่ทว่าสายตากลับไม่ได้จับจ้องเพียงสิ่งที่กำลังพูดถึง เพราะจิตใจของผู้พูดกำลังถูกความวับแวมของอันเดอร์แวร์จากผ้าลูกไม้ที่ปกปิดส่วนอ่อนไหวที่สุดของเจ้าของร่างดึงดูดไว้
“พอดีเลย งานแต่งของเราวันนี้ไม่มีการโยนช่อดอกไม้..” คุณนัทพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่าสายตากลับให้ความรู้สึกกรุ้มกริ่มเกินจะทนไหว
“เรามาโยนสายรัดขาตามประเพณีดั้งเดิมของชาวเม็กซิกันดีไหมที่รัก พิธีจะได้สมบูรณ์” สิ้นคำถามลมหายใจของบีมก็เริ่มติดขัด เมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนกำลังนวดคลึงผิวเนื้อของบีมด้วยความเพลิดเพลิน
“ม..ไม่มีใครรอรับมันสักหน่อย” บีมทำเป็นโต้เถียง แต่ก็ต้องตกใจจนเสียงสั่นพร้อมกระถดตัวราวกับถูกคลื่นยักษ์โหมใส่ เมื่อคุณนัทยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้หว่างขาเสียจนภาพที่เห็นให้ความรู้สึกล่อแหลม
อะดรีนาลีนพลันหลั่งไหลราวกับเขื่อนแตก
ร่างกายร้อนผ่าวไม่ต่างจากเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระพือ เมื่อริมฝีปากของคุณนัทประทับลงบนต้นขาของบีมพร้อมด้วยลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังปัดเป่าให้ไฟรักโหมกระหน่ำ
“มีสิที่รัก” คุณนัทตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าขณะปลายลิ้นเล็มไล้ความผ่องใสของคนในความดูแลอย่างละเมียดละไม
“ค..ใคร” บีมเอ่ยถามพลางมองซ้ายขวาด้วยความตื่นตระหนก แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเพียงการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์อันแสนหฤหรรษ์ในแบบที่บีมชอบ แต่บีมก็ยังอดร้อนรนไปกับคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้
“คนในกล้องวงจรปิดไงที่รัก” สิ้นคำพูดอันแสนมีอิทธิพลต่อหัวใจ แววตาของบีมพลันคลอวาวน้ำซ้ำยังสั่นระริกด้วยความหวั่นไหว
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคนรักชักปลั๊กกล้องวงจรปิดออกแล้วก็ตาม
“พวกเขากำลังรอรับสายรัดขาจากผม เพื่อต่อคิวเป็นเจ้าบ่าวคนถัดไป เหมือนที่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ให้สาวโสดไงครับ” คุณนัทเงยหน้ามองบีมด้วยแววตาสุดร้อนแรง จนบีมต้องเป็นฝ่ายหลบตา โดยที่คำพูดอื่นใดก็ไม่อาจเข้าหัว เมื่อริมฝีปากนุ่มกำลังขบเม้มผ้าลูกไม้ด้วยความหมิ่นเหม่ ทำให้กลีบปากสัมผัสกับต้นขาของบีมด้วยความตั้งใจ ความชื้นแฉะพลันตีตราทุกตารางนิ้ว
ว่าหงส์ขาวตรงหน้านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของนายท่าน
“อ๊ะ” บีมยกมือปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อสุ้มเสียงสุดกระสันหลุดรอดออกจากริมฝีปาก ส่งผลให้เวลคลุมผมที่ไม่ได้ติดกิ๊ฟอย่างแน่นหนาแทบจะหลุดเลื่อนออกจากศีรษะ ขณะที่รองเท้าส้นสูงประดับผ้าลูกไม้ร่วงหล่นอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะเวลานี้ผิวแก้มของนายท่านกำลังบดเบียดความอ่อนไหวกลางกายอย่างแนบเนียน
“เรายังทำพิธีโยนสายรัดขาไม่สำเร็จเลยที่รัก คุณอยากเข้าหอแล้วเหรอ” คุณนัทกระเซ้าเย้าหยอกด้วยความอารมณ์ดี ขณะที่บีมได้แต่ย่นจมูกใส่
“เจ้าบ่าวอย่างคุณมันเจ้าเล่ห์ ตามประเพณีของเขาไม่ฉวยโอกาสแบบคุณหรอก” บีมโต้เถียงด้วยความปากดี ก่อนจะบ่นอุบอยู่ในลำคอ แต่กระนั้นคนถูกต่อว่าก็ยังได้ยิน
“คุณเองก็คาดหวังให้ซีนแบบนี้เกิดขึ้นสินะ” คุณนัทกล่าวอย่างผู้ใหญ่ไล่ตามความคิดเด็กในความดูแลทัน
“ป..เปล่า” บีมแก้ตัวอย่างคนมีพิรุธ ก่อนจะต้องปิดปากฉับเมื่อเรียวลิ้นร้อนไล้วนบริเวณผิวเนื้อตรงขาอ่อนด้านใน
ซึ่งเป็นจุดปราบเซียนที่มีเพียงคุณนัทล่วงรู้
“คุณโกหก” คุณนัทยังคงโต้เถียงไม่เลิกรา ขณะที่เรียวลิ้นร้อนก็ทำหน้าเอารัดเอาเปรียบอย่างเต็มที่
“ห..ไหนคุณบอกว่า.. อื้อ.. มีคนรอรับมัน..อา..อยู่ไง” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยความยากลำบาก เมื่อความกระสันกำลังบุกรุกร่างกายจนไม่อาจกลายเป็นของตัวเองได้ เพราะมันแทบจะเป็นไปตามความปรารถนาของคนรักทั้งสิ้น
“นั่นสินะ” คุณนัทรับคำก่อนจะช้อนตามองบีมที่กำลังหน้าร้อนผ่าวทั้งยังไม่อาจปรับสีหน้าไม่ให้บิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่านได้ แววตาของนายท่านจึงฉายความพึงพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนความคับแน่นเริ่มประกาศศักดิ์ดาอย่างไม่ทันรู้ตัว
“อืม..อย่าซนสิที่รัก” คุณนัทต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก เมื่อขาอีกข้างของบีมกำลังล้อเล่นกับส่วนอ่อนไหวของนายท่านอย่างลำพองใจ จนส่งผลให้ผู้คุมเกมเริ่มกระสับกระส่าย
“ผมไม่ได้ซนสักหน่อย” บีมปฏิเสธหน้าตาย ซ้ำยังใช้ปลายเท้าบดคลึงราวกับมันคือแป้งขนมปังที่ต้องการความเอาใจใส่
“อวดดี!” คุณนัทต่อว่าพลางใช้คมเขี้ยวฝังลงบนเรียวขาอันขาวผ่องอย่างต้องการสั่งสอน เล่นเอาหัวใจของบีมเต้นรัวยิ่งกว่าเคย ก่อนจะเริ่มหายใจทั่วท้องเมื่อสายรัดถุงน่องหลุดรอดออกจากเรียวขาได้สักที
“ทอยลูกเต๋าต่อสิครับ” คุณนัทเอ่ยเตือนพลางคว้าผ้าลูกไม้บนริมฝีปากเหวี่ยงไปยังกล้องวงจรปิด คล้ายโยนให้กับผู้โชคดีที่จะได้เข้าพิธีวิวาห์เป็นลำดับต่อไป
“BLOW” บีมเอื้อนเอ่ยพลางทอยลูกเต๋าอีกอันอย่างไม่รีบร้อน
“EARS” กระทั่งการเสี่ยงทายจบลง บีมก็ดึงเนคไทสีน้ำตาลอ่อนของคนรักออกจากเสื้อกั๊กสีน้ำตาลสไตล์คันทรี ก่อนจะดึงรั้งให้อีกฝ่ายยืนขึ้นจนเต็มความสูง พลางใช้แววตาพราวระยับจ้องมองคนรักด้วยท่าทีเหนือกว่า
“เรา.. จะทำอะไรกันต่อดีล่ะครับ” บีมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมเป่าลมร้อนตรงข้างใบหูคนรักอย่างยั่วเย้า ก่อนจะผลักลูกเต๋าชิดกำแพง เพื่อบ่งบอกว่าการเสี่ยงทายเริ่มไม่สนุกแล้ว เพราะบีมต้องการให้อีกฝ่ายเติมเต็มบางสิ่งระหว่างเข้าหอ
“คุณอยากเข้าหอเพื่อเตรียมตัวเป็นแม่กระต่ายเซ็กส์จัด หรือว่าคุณอยากกลายเป็นต้นคริสต์มาสให้ผมประดับของเล่นดีล่ะครับ” คุณนัทเอ่ยถามพร้อมรั้งเอวของบีมเข้ามาชิดใกล้จนส่วนกลางกายสัมผัสกัน
“ถ้าผมอยากเป็นทั้งสองอย่างล่ะครับ” บีมเอ่ยถามอย่างมีลูกล่อลูกชน
“คุณก็แค่ทำตัวว่านอนสอนง่ายสักหน่อย” คุณนัทแนะนำขณะที่ฝ่ามือซุกซนเริ่มปลดกระดุมด้านหลังของชุดเจ้าสาวอย่างเบามือ แต่กระนั้นก็ไม่มีทีท่าจะปลดเปลื้องมันออกจากร่าง
“แค่ยืนนิ่ง ๆ ตรงนี้ก็ถือว่าผมว่านอนสอนง่ายแล้วเหรอครับ” บีมเอ่ยถามอย่างเรียกร้องความสนใจ เมื่อเวลานี้บีมถูกทิ้งไว้กับความว่างเปล่าในห้องตัดเสื้อ ส่วนคุณนัทคาดว่าคงจะไปหยิบอุปกรณ์บางอย่างจากในกระเป๋ามาใช้งาน
“ใช่สิที่รัก คุณยืนรอผมอยู่ตรงนั้นแหละ” สิ้นเสียงตอบรับบีมได้แต่ยืนนิ่งอย่างเชื่อฟัง พร้อมสำรวจสภาพร่างกายของตนเอง พบว่าทรงผมยุ่งเหยิงเกินบรรยาย คงเพราะบีมเผลอเท้าแขนลงบนเวลคลุมผมจนมันดึงรั้งกัน บีมเลยจัดแต่งเสียใหม่ เผื่อว่านายท่านคิดอยากจะถอดชุดอันรุ่มร่าม บีมจะได้เหลือเครื่องประดับอันสวยงามจากผ้าลูกไม้ไว้ให้นายท่านเชยชม
“เลือกสิ” คุณนัทเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนจะยื่นเครื่องประดับที่บีมรู้จักเป็นอย่างดีมาเลือกสรร เพียงแต่ ‘Nipple Clamps’ อันละลานตาของคุณนัทให้ความรู้สึกหรูหราราวกับเครื่องประดับชั้นเลิศจากแบรนด์ดัง
“มีแต่แบบสวย ๆ ทั้งนั้น ผมเลือกไม่ถูกเลยครับ” บีมกล่าวพลางหยิบคลิปหนีบที่มีลักษณะคล้ายต่างหูห้อยระย้า เพียงแต่มันเป็นอุปกรณ์ที่สร้างความเจ็บปวดและความอับอาย ประดับด้วยเพชรเม็ดงามตามรูปทรงกลมสีทองที่บรรจุกระดิ่งลูกเล็กกลิ้งไปมาก็เท่านั้น ส่วนอีกแบบเป็นทองคำรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ตรงกลางประดับด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่ ทำให้น้ำหนักของมันไม่ต่างจากอันแรกมากนัก ส่วนอันสุดท้ายเป็นเพียงห่วงคล้องประดับด้วยจี้เพชรสีราวปีกแมลงทับ
“หรือจะให้ผมเลือกดีล่ะ” นายท่านเอ่ยถามอย่างขอความคิดเห็น
“เชิญครับ” บีมตอบรับด้วยความยินดี พลางยืนอกผายไหล่ผึ่งอย่างน่ามันเขี้ยว คุณนัทจึงอดคาดโทษไม่ได้
“คุณดูระริกระรี้ดีนะ” คุณนัทกล่าวพลางหยิบคลิปหนีบที่เป็นจี้แบบกระพรวนแมวสีทองชูขึ้นในระดับสายตา ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงในระดับอก ราวกับต้องการวัดความสวยงามของต้นคริสต์มาสมีชีวิตอย่างละเอียด
“ผมเปล่าเสียหน่อย” บีมปฏิเสธ แต่ก็ยังยืนยืดอกที่มองเห็นเกสรสีชมพูภายใต้ผ้าลูกไม้ไม่หยุด
“จี้รูปพระจันทร์ดูเหมาะกับภาพลักษณ์ของหงส์ขาวในวันนี้นะ” นายท่านเอาเครื่องประดับอีกชิ้นเทียบลงบนเนินอกของบีมอย่างต่อเนื่อง
“...” ฝ่ายบีมได้แต่อมยิ้มอย่างไม่มีความคิดจะถ่อมตัวเลยสักนิด
“แต่จี้เพชรปีกแมลงทับก็ดูสวยงามโดดเด่น” คุณนัทไม่พูดเปล่าแต่กลับนำจี้เพชรปีกแมลงทับเคล้าคลอยอดอกสีชมพูอย่างแนบเนียน จนบีมเริ่มเกร็งตัวขึ้นมา
“ตัดสินใจยากจริง ๆ” นายท่านกล่าวพลางส่ายหัว แต่มือยังคงไม่ผละห่างจากเกสรดอกไม้ราวกับเป็นหมู่ภมรที่เฝ้าดอมดมความหอมหวานอันเย้ายวน เล่นเอาขนแขนของบีมลุกชันด้วยความหวิวไหว ปลายเท้าพลันจิกพื้นกระเบื้องอย่างไม่อาจสงวนท่าที
“อ๊ะ” ท้ายที่สุดบีมก็ไม่อาจสะกดกลั้นเสียงอันน่าอับอายได้ เมื่อยอดอกกำลังเต่งตึงจนขึ้นรูปอย่างเห็นได้ชัด นายท่านจึงใช้คลิปหนีบราวกระพรวนแมวประดับบนยอดอกข้างซ้าย
“ชอบไหม” กระทั่งแรงโน้มถ่วงเริ่มทำพิษ นายท่านก็ยังใจเย็น เอ่ยถามอย่างขอความคิดเห็น ซ้ำยังยืนกอดอกมองศิลปะชั้นเลิศของตนเองด้วยความภูมิใจ
“ช..ชอบ” บีมหอบหายใจพลางตอบรับด้วยน้ำเสียงระทดระทวย เมื่อไอร้อนจากเรือนกายพลันลามไล้จนยากจะควบคุม
“ชอบแค่ไหนล่ะ” นายท่านเอ่ยถามพร้อมใช้ปลายนิ้วเกี่ยวกระพรวนแมวสุดหรูหราเล่น จนได้ยินเสียงกรุ้งกริ้งราวกับสัตว์เลี้ยงตัวเชื่องกำลังเคลื่อนไหว บีมจึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เมื่อภาพในจินตนาการเสริมสร้างความกระหายในเพศรสได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ..ช..อื้อ..ชอบ..มาก” บีมครวญครางเสียงกระเส่า เมื่อนายท่านยังคงเกี่ยวรั้งกระพรวนแสนหรูหราไม่หยุดหย่อน
“มากแค่ไหนกัน” นายท่านยังคงตั้งคำถามที่บีมต้องใช้เวลารวบรวมสติที่กำลังเตลิดไกลให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียว
“ท..ท้องฟ้า..ม..มหาสมุทร” บีมแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างไม่อาจทานทน เมื่อเครื่องประดับรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวถูกส่งมอบพร้อมกับความเสียวกระสัน จนยอดอกบวมเปล่ง ความต้องการอันไร้รูปร่างพลันโจนจ้วงราวกับอยากพุ่งทะยานออกไปอย่างไร้ทิศทาง แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะบีมรู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา
“ขนาดนั้นเชียว” นายท่านอุทานด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะช้อนเรือนกายของบีมไว้ในอ้อมกอด แรงสั่นไหวอันรวดเร็วส่งผลให้กระพรวนเสียงใสและไข่มุกเม็ดงามขยับไหวจนดังก้องไปทั่วบริเวณ

-อ่านต่อด้านล่าง-
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 22-11-2021 18:47:33
“แต่รสนิยมการมีเซ็กส์ของคุณ มันเหมือนกระต่ายตัวเมียที่พอถึงฤดูผสมพันธุ์ก็เอาไม่เลือกแม้กระทั่งตัวเมียด้วยกันนี่นะ อะไรที่คิดว่าสุดยอดแล้ว มันอาจจะยังไม่ถึงขนาดนั้นก็ได้ คุณว่าไหมล่ะ” คุณนัทกระซิบข้างใบหูพลางโอบอุ้มบีมตรงไปยังเตียงนอนอันคุ้นเคย ก่อนจะทิ้งตัวลงบนความนุ่มนั้นอย่างพร้อมเพรียง พร้อมจดจ้องใบหน้าของบีมราวกับจะสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดเมื่อสักครู่
“แล้วคุณมีอะไรมานำเสนอล่ะที่รัก” บีมเอ่ยถามพลางหอบหายใจจนเสียงดังลั่น เมื่อความต้องการยังคงคุกรุ่น
“ผสมพันธุ์แล้วออกลูกคอกละห้าถึงสิบตัวเหมือนกระต่ายไงที่รัก” คุณนัทกล่าวพลางจุมพิตบนหน้าผากของบีมอย่างแผ่วเบา
แต่ทว่าริมฝีปากกลับเอ่ยถ้อยคำอันแสบทรวง จนบีมรู้สึกเหมือนตัวเองแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระต่ายตัวเมียเข้าให้แล้ว เพราะแววตาของบีมไม่เคยหลุดเลื่อนออกจากคนรักเลยสักนิด ซ้ำร้ายความคับแน่นยังเสียดสีอันเดอร์แวร์แสนพอดีตัว จนบีมชักหวาดกลัวว่ามันจะฉีกขาดเข้าให้
“ลอง Splorch  สักหน่อยไหม ผมว่าคุณน่าจะชอบสุด ๆ ไปเลยล่ะ” คุณนัทกล่าวพลางโชว์ของเล่นหน้าตาแสนธรรมดา เพียงแต่ที่ส่วนปลายของมันมีช่องว่างขนาดเท่าไข่ไก่สำหรับปลดปล่อยอะไรบางอย่าง
“ลุกมาหาผมสิ” นายท่านสั่งขณะแปะของเล่นชิ้นใหม่บนกำแพง บีมจึงเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย จนสังเกตเห็นว่าตามท่อนลำของเจ้าของเล่นชิ้นนี้มีความพองลมจนมองออกว่าภายในบรรจุอะไรบางอย่างที่มีขนาดเท่าไข่ไก่
“จัดการเลยสิ ผมชะโลมเจลหล่อลื่นให้คุณแล้ว” คุณนัทสั่งพร้อมดันร่างของบีมให้แนบชิดกำแพง ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาบดจูบอย่างเร่าร้อนจนแผ่นอกเสียดสีเครื่องประดับชิ้นงามอย่าง ‘Nipple Clamps’ จนเสียงกระพรวนดังเป็นจังหวะก่อนจะเงียบหายไป เมื่อเครื่องประดับชิ้นงามถูกบดขยี้จนแทบจะหลอมรวมไปกับร่างกายของบีมเข้าให้แล้ว ความเจ็บปวดแล่นพล่านอย่างไม่อาจห้ามปราม แต่กระนั้นบีมก็ไม่ได้ผลักไส แต่กลับใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งคล้องลำคอของอีกฝ่าย พร้อมบดขยี้ริมฝีปากของนายท่านราวกับอดอยากปากแห้งมานาน
รสสัมผัสอันแนบแน่นพลันดังก้องไปทั่วห้อง ผ้าคลุมผมอันงดงามถูกดึงรั้งด้วยความรำคาญใจ ขณะที่อันเดอร์แวร์จากผ้าลูกไม้ชั้นดีค่อย ๆ หลุดเลื่อนออกจากเรียวขาสวย จากนั้นช่องทางด้านหลังก็พยายามถูไถความใหญ่โตจากของเล่นชิ้นสำคัญราวกับเฟ้นหาองศาอันแสนสุขสม
“วันนี้คุณร้อนแรงเป็นบ้า” คุณนัทที่ผมยุ่งเหยิงไม่แพ้กันเอื้อนเอ่ยพลางรั้งเรียวขาข้างหนึ่งของบีมแนบลำตัว คล้ายกับอำนวยความสะดวกให้บีมหาจุดอันเหมาะสมสำหรับตัวเองง่ายขึ้น
“คุณ..อืม..ก็ร้อนแรง..อา..จนผมแทบ..อ๊ะ..หลอมละลาย..อ๊า..คาอกคุณ” บีมครวญครางเสียงกระเส่า เมื่อความคับแน่นจากของเล่นเข้ามาทักทายความร้อนรุ่มจนเต็มรัก เพราะคนที่รู้จักร่างกายของบีมเป็นอย่างดีจัดแจงท่าทางจนได้ที่
“ชอบผมในเวลาแบบนี้ มากกว่าท้องฟ้าและมหาสมุทรหรือเปล่า” คุณนัทยังคงเอ่ยถามพลางกอบกุมส่วนอ่อนไหวเข้าด้วยกัน จนบีมได้แต่หอบหายใจตัวโยน ซ้ำยังเสียวซ่านเกินบรรยาย เมื่อความเหนียวเหนอะของอะไรบางอย่างถูกส่งเข้ามายังตัวตนของบีมจนอึดอัด แต่กระนั้นความร้อนรุ่มก็ค่อย ๆ หลอมละลายจนทำให้เจ้าก้อนประหลาดดูนุ่มนิ่มราวกับเยลลี่
“ช..ชอบ..มากกว่า” บีมเอ่ยเสียงกระเส่าพลางบดจูบบนริมฝีปากของคนรักอย่างต้องการระบายความอึดอัด ซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“เบ่งมันออกมาเหมือนสัตว์กำลังคลอดลูกสิที่รัก” สุ้มเสียงทรงอำนาจดังขึ้นทันทีที่ผละกายออกจากกัน
ขณะที่บีมได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะเบี่ยงตาหลบคนรักด้วยความกระดากอาย เมื่อช่องทางด้านหลังที่ถูกเติมเต็ม ค่อย ๆ หลุดเลื่อนออกจากของเล่นชิ้นโปรดตามการชักนำ
“เร็วสิ” กระทั่งถูกเร่งรัด บีมได้แต่หลับตาพร้อมสูดลมหายใจจนสุดปอด ก่อนจะนั่งยองราวกับควบม้าตามคำแนะนำของนายท่านที่คอยจัดแจงชายกระโปรงให้เป็นที่เป็นทาง
“คลอดลูกของเราออกมาสิที่รัก” คุณนัทกระซิบชิดใบหูพลางจุมพิตด้วยความอ่อนโยน แต่กระนั้นบีมก็ยังเขินอายเกินกว่าจะซาบซึ้งในความอบอุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้
“ผมอยากเห็นลูกของเรานะ” ทันทีที่คนรักพยายามตะล่อมให้เคลิบเคลิ้มบีมก็เริ่มจับเสื้อกั๊กสีน้ำตาลของอีกฝ่ายไว้เป็นหลักยึด ก่อนจะเบ่งก้อนกลมที่ฝังอยู่ในเรือนกายออกด้วยการถ่างขานั่งยองในระดับเข่าจนไม่หลงเหลือมาดหงส์ขาวแสนงามสง่า
“อ..อื้ออออออ” บีมส่งเสียงในลำคอพลางออกแรงผลักดันสิ่งแปลกปลอมในกายจนความเหนียวหนืดเริ่มเคลื่อนไหว
“ออกแรงอีกสิที่รัก” คุณนัทยังคงใช้ถ้อยคำกระตุ้นราวกับสูตินารีแพทย์
“อ๊ะ..อ๊าาาาาาา” บีมสูดลมหายใจเข้าจนสุดก่อนจะปลดปล่อยออกมาพร้อมแรงผลักดันอันมหาศาล ไม่นานนักก้อนกลมอันนุ่มหยุ่นก็ร่วงลงพื้น ก่อนจะกลิ้งกลอกราวกับมีชีวิตอยู่ตรงกลางหว่างของบีม
“นั่งกกมันเหมือนแม่ไก่สิที่รัก” กระทั่งนายท่านสอนสั่งให้บีมเลี้ยง ‘ลูก’ หน้าตาประหลาดพร้อมกับดันตัวให้นั่งลง ใบหน้าของบีมก็ลอยเด่นอยู่ในระดับสุ่มเสี่ยง แต่กระนั้นบีมก็ไม่ได้หน้าแดงเพราะองศานั้น แต่บีมกำลังหน้าแดงเมื่อได้เห็นคนรักค่อย ๆ รูดซิปกางเกงสีน้ำตาลอ่อนด้วยความเชื่องช้าจนมองเห็นความอัดอั้นของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ปลอบประโลมผมหน่อยสิที่รัก” คุณนัทร้องขอพลางเชยปลายคางของบีมให้มองสบกัน บีมจึงพยักหน้าด้วยความศิโรราบ ก่อนจะนำความอ่อนไหวอันรุ่มร้อนออกมาทักทายด้วยความใจเย็น ซ้ำยังลูบไล้เพียงแผ่วด้วยความทะนุถนอมสลับกับเงยหน้ามองคนรัก
“อึก..อืม..ด..ดีมากที่รัก เน้นย้ำมัน อื้อ..” คุณนัทครวญครางไม่เป็นภาษา เมื่อบีมบีบเคล้นความเป็นชายจนมันเริ่มแข็งตัว ซ้ำยังมองเห็นเส้นเลือดอันแข็งแกร่งที่กำลังหล่อเลี้ยงร่างกายของคนตรงหน้า บีมจึงยิ่งบีบเคล้นให้หนักมือขึ้น
“ชอบให้ผมเล่นแบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ” บีมเอ่ยถามพลางจุมพิตลงบนความคับแน่นเพียงเบา ๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือปลอบประโลมให้มันหยุดตื่นตระหนก
“ชอบสิ แต่ถ้าคุณใช้ปากจัดการมันสักหน่อยคงจะดี” สิ้นคำชี้แนะบีมก็ไม่รอช้าที่จะพรมจูบความอุ่นร้อนจนถึงส่วนปลาย ก่อนจะหยอกเย้าก้อนกลมอันนุ่มนิ่มด้วยความเพลิดเพลิน จนหยาดหยดแห่งความสุขสมของบีมรินรดลงบน ‘ก้อนประหลาด’ ที่ตัวเองนั่งกกอยู่ แต่กระนั้นบีมก็ไม่ได้สนใจ เพราะบีมกำลังดื่มด่ำความสนุกสนานอันหอมหวานอย่างตะกลุมตะกลาม
“อืม..กลืนกินตัวตนของผมมากกว่านี้สิ” นายท่านออกคำสั่งพลางรั้งศีรษะของบีมให้ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น จนบีมต้องห่อปากซ้ำยังเกร็งตัวด้วยความอึดอัด เพราะความคับแน่นกำลังทักทายโพรงปากอันผ่านประสบการณ์น้อยนิด
“อ่า..อย่างนั้นล่ะ..อื้อ” คุณนัทกล่าวชมจนบีมได้แต่ครอบครองมันไว้อย่างหวงแหน จนกระทั่งคนรักเริ่มกระแทกกระทั้นกายเข้ามาจนเต็มรัก บีมถึงได้ผลักต้นขาของอีกฝ่ายเป็นการตักเตือน
“เรารีบเข้าหอกันเถอะที่รัก ผมต้องการคุณจะแย่แล้ว” จนกระทั่งความหวามไหวแล่นพล่านไปทั่วร่าง คุณนัทจึงออกปากอย่างสุดทนพร้อมโอบอุ้มคนรักทุ่มลงเตียงและกักขังร่างกายของบีมไว้ภายใต้กรงขังเนื้อมนุษย์
“รีบใส่ถุงยางสิที่รัก” บีมออกปากอย่างไม่คิดเหนียมอาย พร้อมอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายลุกไปหยิบเครื่องป้องกัน เพื่อปลดเปลื้องอาภรณ์อันงดงามออกจากเรือนกายจนเหลือเพียงเวลคลุมผมที่มันแทบปกปิดอะไรไม่ได้
“ผมพร้อมแล้วที่รัก” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความรีบร้อน พร้อมสอดประสานฝ่ามือไว้ด้วยกัน จนความเย็นจากแหวนกลมเกลี้ยงอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ขณะที่เรียวขาของบีมถูกจับขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง
“ผมก็พร้อมแล้ว” บีมเอื้อนเอ่ยพลางขยับใบหน้าเข้าหาคนรักเพื่อดูดดื่มความหอมหวานของการเข้าหออย่างเป็นทางการ เรียวลิ้นพลันกวาดต้อนทุกซอกมุมราวกับต้องการแลกเปลี่ยนรสสัมผัสของกันและกัน
“อึก..อื้อ” บีมได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ เมื่อคนรักสอดแทรกตัวตนเข้ามาแทนที่สิ่งแปลกปลอมที่เคยซ่อนเร้น ก่อนจะกระแทกกระทั้นกายจนสุดอย่างเป็นจังหวะอันแสนหนักหนา เล่นเอาบีมเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว เรียวเท้าและฝ่ามือพลันจิกเกร็งอย่างไม่อาจต้านทาน
ขณะที่ริมฝีปากกลับตักตวงความหอมหวานอย่างตะกละตะกลาม
“อ๊า..ที่รัก” กระทั่งริมฝีปากผละออกจากกัน เมื่ออากาศเริ่มหดหาย บีมก็ร้องครวญครางด้วยความสุขสม
“ที่รัก.. ผมรักคุณ” คุณนัทกระซิบเสียงแผ่วพลางจุมพิตพวงแก้มชื้นเหงื่อของบีมราวกับปลอบประโลม เพียงแต่บีมในเวลานี้ไม่อาจฟังถ้อยคำรักให้ซาบซึ้งกินใจได้อย่างใจนึก เพราะสมองของบีมกำลังขาวโพลน ราวกับถูกคุณนัทชักพาให้โลดแล่นอยู่บนปุยเมฆที่อยู่ท่ามกลางสายฟ้าอันบ้าระห่ำ
“อ๊ะ..อ๊าาาาา.. ผมไม่ไหวแล้ว..อื้อ” บีมโอบกอดคนรักด้วยความแนบแน่นขณะกระตุกกายเพียงเบา ๆ เมื่อกำลังเอื้อมแตะฝั่งฝัน
“อื้อ..คุณ..รอผมด้วย..อา..” คุณนัทยังคงตั้งหน้าตั้งตาตอกย้ำทุกความรู้สึกภายในร่างกายของบีมอย่างหนักแน่น ราวกับการบอกรักไม่ได้มีเพียงภาษาพูด แต่ยังมีภาษากายให้แสดงออก
จนกระทั่งมองเห็นฝั่งฝันอยู่รำไร การควบขี่จึงค่อย ๆ หยุดลงพร้อมกับหยาดเหงื่ออันเหนียวเหนอะ จากนั้นเสียงหอบหายใจอันถี่กระชั้นก็ดังก้องไปทั่วห้อง บ่งบอกได้ดีว่า การเข้าหอเป็นไปอย่างชื่นมื่น

“ที่รัก.. คุณอยากมีลูกเหรอครับ” หลังทำความสะอาดร่างกายแล้ว บีมก็เอ่ยถามขณะขยับเข้าไปใกล้แผ่นอกอันแสนอบอุ่น พร้อมตลบผ้าห่มมาคลุมตัวไว้
“ถ้าอนาคตเราสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ ผมก็อยากมีเจ้าตัวเล็กคอยวิ่งเล่นอยู่ในบ้านสักคนสองคน คนพี่ช่วยดูแลคนน้อง เราจะได้มีเวลาส่วนตัวกับรสนิยมของเราด้วย”
“ถ้าเรามีวันนั้นได้จริง ๆ ผมอยากให้เราพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตเล็ก ๆ ให้มากพอ เพราะผมไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องรู้สึกอ้างว้างเหมือนผม แล้วผมก็อยากเป็นพ่อของเขาร่วมกับคุณ” บีมกระชับอ้อมกอดพลางสูดดมกลิ่นกายของคนรักด้วยความอุ่นใจ
“แต่ในตอนนี้เราไม่สามารถเนรมิตมันได้ เพราะฉะนั้นผมมีแค่คุณก็พอแล้ว” คุณนัทเอื้อนเอ่ยอย่างเอาใจ ซ้ำยังจุมพิตศีรษะของบีมฟอดใหญ่
ส่วนบีมได้แต่อมยิ้มให้กับถ้อยคำแสนหวานจนแทบปิดไม่มิด
“สำหรับผมในตอนนี้ แค่มีคุณก็พอแล้วเหมือนกัน” บีมกล่าวพลางผละตัวออกห่างเพื่อกินยาช่วยนอนหลับตามคำแนะนำของคุณหมอ
ก่อนจะกลับมาซุกซบอ้อมอกอุ่นที่มีเพียงบีมได้ครอบครอง
จากนั้นลมหายใจอันแผ่วเบาของทั้งคู่พลันสอดผสานเป็นหนึ่ง ราวกับค่ำคืนนี้มีแต่ความสุขและความอบอุ่นโอบล้อมรอบกาย
ยามหลับจึงยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
   

-------------- The End ------------✁


[1] Splorch คือ เซ็กส์ทอยที่มีลักษณะเหมือนดิลโด้ แต่มันสามารถวางไข่ในตัวคนได้ ซึ่งไข่จะทำมาจากเจลาตินผสมกับน้ำในสัดส่วนที่พอดี



ในที่สุดเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้วค่ะ ฮือ ใช้เวลานานกว่าปกติเลย เพราะก่อนหน้านี้เราป่วยด้วย เป็นงานเขียนที่ไม่ถนัดด้วยก็เลยต้องใช้เวลากับแต่ละซีนเยอะหน่อย แพลนรวมเล่มของเราคิดว่าน่าจะเดือนเมษายนปีหน้านะคะ เพราะว่าเราไปคอมมิชคอมมิคไว้ 1 ซีน ประมาณ 20 หน้า ตอนแรกว่าจะทำเป็นของแถมแต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงเราเลยตัดสินใจว่าจะเปิดให้คนที่สนใจซื้อแทน แต่ในเล่มคอมมิคก็จะมีบทบรรยายที่เราเขียนให้นักวาดจัดเรียงเหตุการณ์ออกมาเป็นคอมมิคด้วยค่ะ ดังนั้นบทบรรยายเราอาจจะมีอะไรเขียนเพิ่มเติมไปอีก (ต้องดูที่หน้างานหลังจากเขียนตอนพิเศษในเล่มก่อนค่ะ) ส่วนตอนพิเศษในเล่มเรายังเหลือการเพลย์ปาร์ตี้ที่บีมยังไม่เคยเข้าร่วมและการใช้ชีวิตร่วมกันตามแพลนที่วางไว้ ซึ่งก็คือการซื้อบ้านสร้างครอบครัวด้วยสองมือของตัวเองประมาณนี้ค่ะ และด้วยความที่สมรสเท่าเทียมยังไม่ผ่านสักที เราน่าจะเล่นประเด็นนี้ต่อไปในตอนพิเศษค่ะ ส่วนการเพลย์จะมีมั้ย เดี๋ยวเราดูควาเหมาะสมตอนเขียนจริงอีกที เพราะว่าในคอมมิคก็เป็นซีนเพลย์ไปแล้ว ปาร์ตี้เพลย์อีก ถี่มากคนเขียนก็คิดไม่ออก 555

ปล. สำหรับเรื่องนี้เราคิดว่าจะขอติดเหรียญสำหรับตอนที่มีซีนเพลย์นะคะ โดยจะเริ่มติดตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-11-2021 19:01:04
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-12-2021 12:18:02
 ในที่สุดก็มีได้ปลดลอคความรุ้สึกกับพ่อแม่ จากนี้คงมีเรื่องดีๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 04-12-2021 14:27:31
 :z13: